Professional Documents
Culture Documents
1 .ตัวอย่างหญ้าสด
2. ตัวอย่างหญ้าแห้ง
การสุ่มตัวอย่างมีหลายวิธี วิธีที่เหมาะสมคือการใช้แท่งสุ่มตัวอย่างที่มีความยาว ประมาณ 18 นิว้
เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว ปลายหยักด้านโคนจะมีที่ต่อกับเครื่องสว่านหมุน เพื่อเจาะในก้อนหญ้า
ได้สะดวก จะสุ่มเจาะโดยแทงตามขวางชองฟ่อนๆละ 1-2 จุด ในกรณีไม่มีหลาวสุ่มตัวอย่างสามารถสุ่ม
ตัวอย่างได้โดย แกะฟ่อนตัวอย่างออกและสุ่มโดยใช้มือสุ่มจากฟ่อนโดยตรงระวังการร่วงของใบ
3. ตัวอย่างวัตถุดิบอาหารสัตว์
น้าตัวอย่างมาผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วท้าการสุ่มตัวอย่างโดยวิธีแบ่ง 4 โดยน้าตัวอย่างมา
ผสมให้เข้ากันแล้วแบงออกเป็น 4 ส่วนเท่าๆกัน น้าตัวอย่างที่อยู่ตรงข้ามกันมารวมกัน 2 ส่วน ท้าการแยก
ออกไป ส่วนที่เหลือ 2 ส่วนน้ามารวมกัน และเก็บใส่ภาชนะ ปิดผนึกเพื่อกันความชื้น เขียนรายละเอียด
ตัวอย่าง และส่งเพื่อการวิเคราะห์ ประมาณ 500 กรัม
2
การวิเคราะห์อาหารสัตว์แบบประมาณ
( Proximate Analysis of Feeds)
การวิเคราะห์ทางเคมีในอาหารสัตว์โดยทั่วไปวิธีที่ได้รับความนิยมคือวิธีแบบประมาณ (Proximate
analysis) วิธีการนี้ได้รับการพัฒนาโดย Henneberg and Stohmann ในปีค.ศ. 1865 ณ สถานีวิจัย
Weende ประเทศเยอรมันนี (Lloyd et al.,1978) หรือเรียกอีกอย่างว่า Weende System เพื่อเป็นเกียรติแก่
สถานที่ที่ท้าการวิจัย
วิธีการวิเคราะห์แบบประมาณ จะแยกองค์ประกอบของอาหารสัตว์เป็น 6 กลุ่มใหญ่ๆ คือ (1)น้้า
หรือ ความชื้น (moistur) (2) เถ้า (ash) (3)ไขมันหยาบ (crude fat) (4)โปรตีนหยาบ(crude protein)
(5) เยื่อใยหยาบ (crude fiber) (6) แป้งและน้้าตาล(nitrogen free extract)
1. การวิเคราะห์ความชื้น (Moisture)
การวิเคราะห์หาความชื้น เป็นวิธีการวิเคราะห์ที่ต้องท้าในห้องปฏิบัติการอาหารสัตว์ เนื่องจาก
องค์ประกอบทางเคมีอื่นๆค่าที่รายงานบนพื้นฐานร้อยละวัตถุแห้ง (% dry matter basis,DM) ปริมาณ
ความชื้นที่มีอยู่ในอาหารสัตว์หรือวัตถุดิบอาหารสัตว์มีความส้าคัญมากเพราะตัวอย่างที่มีความชื้นสูงก็มี
โอกาสที่จะเสียหรือเป็นเชื้อราจะเกิดได้ง่าย นอกจากนั้นยังใช้ค่าความชื้นไปค้านวณปริมาณการให้
อาหารสัตว์ในการประกอบสูตรอาหารสัตว์
วิธีการวิเคราะห์หาความชื้น ที่นิยมกันมากคือ การน้าตัวอย่างไปอบที่อุณหภูมิ 105 องศาเซล
เชียส 16-18 ชั่วโมง หรือ 135 องศาเซลเชียส 2 ชั่วโมง น้้าจะระเหยกลายเป็นไอออกจากอาหารสัตว์ ส่วนที่
เหลือ เรียกว่าวัตถุแห้ง (dry matter)
อุปกรณ์
1. เครื่องชั่งชนิดทศนิยม 4 ต้าแหน่ง
2. ถ้วยอบตัวอย่างพร้อมฝาปิด (weighing bottle) ที่ท้าด้วยโลหะไม่เป็นสนิมหรือ แก้วพร้อมมีฝา
ปิดสนิท ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ≥ 50 มิลลิเมตร ลึก≤ 40 มิลลิเมตร
3. ตู้อบ ชนิด Forced-air drying oven
4. โถดูดความชื้น หรือ ตู้ดูดความชื้น (desiccator)
วิธีการ
1. น้าถ้วยอบตัวอย่างพร้อมฝา ที่ล้างสะอาดและแห้งอบในตู้อบที่อุณหภูมิ 135 0C นาน 2ชั่วโมง
น้าออกใส่ในโถดูดความชื้นและทิ้งให้เย็น ไม่เกิน 2 ชั่วโมง แล้วน้ามาชั่งบันทึกน้้าหนัก
2. ชั่งตัวอย่างอาหารที่บดละเอียดขนาด 1 มิลลิเมตร ประมาณ 2 กรัม ใส่ลงในถ้วยอบ บันทึก
น้้าหนัก ปิดฝาถัวย แล้วเขย่าเล็กน้อยให้ตัวอย่างกระจายเต็มพื้นที่สม่้าเสมอ น้าไปอบที่
อุณหภูมิ 135 0C นาน 2 ชั่วโมงหรือจนน้้าหนักคงที่ โดยให้มีระยะห่าง 1 ถ้วย ต่อความจุ
ของตู้ 1 ลิตร ขณะที่อบต้องเปิดฝาถ้วย
3
2. การวิเคราะห์หาปริมาณเถ้า (Ash)
เถ้า (Ash) คือ ส่วนของสารอนินทรีย์ (inorganic) ในอาหารสัตว์ ซึ่งได้แก่แร่ธาตุต่าง ๆ เมื่อน้า
ตัวอย่างไปเผาที่อุณหภูมิ 550-600 องศาเชลเซียส นาน 2 ชั่วโมง ส่วนที่เป็นสารอินทรีย์จะถูกเผาไหม้หมด
ไป เหลืออยู่ แต่ส่วนของสารอนินทรีย์ ค่าของเถ้าที่หาได้สามารถบอกถึงคุณภาพของอาหารสัตว์ ถ้าค่า
ของเถ้าสูงมากกว่าปกติอาจมีการปลอมปนของทราย เป็นต้น
อุปกรณ์
1. เครื่องชั่งชนิดทศนิยม 4 ต้าแหน่ง
2. เตาไฟฟ้า
3. เตาเผา (muffle furnace)
4. ถ้วยส้าหรับเผาเถ้า (porcelain dish)
5. โถดูดความชื้น (dessicator)
วิธีการ
1. น้าถ้วยเปล่าอบที่อุณหภูมิ 100 0C นาน 1 ชั่วโมง เอาออกใส่ในโถดูดความชื้นปล่อยให้เย็น
แล้วชั่งน้้าหนัก
2. ชั่งตัวอย่างใส่ลงในถ้วยที่ทราบน้้าหนักแล้วประมาณ 2 กรัม น้าไปท้าการเผาบนเตาไฟฟ้า จน
หมดควัน
3. น้าตัวอย่างที่เผาไล่ควัน แล้วไปเผาต่อในเตาเผา (Muffer furnace) อุณหภูมิ 600 0C นาน
2 ชั่วโมง แล้วปิดสวิทช์เตาเผา เปิดฝาเตาออกรอจนอุณหภูมิภายในเตาลดเหลือประมาณ
100 0C เพื่อป้องกันมิให้ถ้วยสัมผัสอากาศเย็นกะทันหัน ซึ่งอาจท้าให้ถ้วยแตกได้
4. น้าถ้วยออกมาใส่ในโถดูดความชื้น ปล่อยให้เย็นแล้วชั่งน้้าหนัก
การคานวณ
อุปกรณ์
1. เครื่องชั่งชนิดทศนิยม 4 ต้าแหน่ง
2. เครื่องย่อย (Block digestor)
3. หลอดย่อย (Digestion tube)
4. Exhaust manifold และ Aspirator
5. Tube stand
6. ชุดเครื่องกลั่น (Distilling unit)
7. ชุดไตเตรท
8. ตู้ดูดควัน (Fume hood)
สารเคมี
1. กรดซัลฟุริกเข้มข้น 95 – 98% ( H2SO4 conc., AR grade)
2. สารเร่งปฏิกิริยา [สารผสมระหว่าง copper sulfate (CuSO4.5H2O) กับ potassium sulfate
(K2SO4) ในอัตราส่วน 1 : 9]
3. สารละลายมาตรฐานโซเดียมไฮดรอกไซด์ 0.1 นอร์มอล
4. สารละลายมาตรฐานกรดซัลฟุริก 0.1 นอร์มอล
5. Potassium hydrogen phthalate (C8H5KO4, AR grade)
6. ฟีนอล์ฟธาลีน (Phenolphthalein)
7. สกรีนเมทธิล เรด อินดิเคเตอร์ (Screened methyl red indicator)
8. กรดบอริกความเข้มข้น 4% (w/v)
9. สารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ความเข้มข้น 40% (w/v)
การเตรียมสารละลาย
1.ฟีนอล์ฟธาลีน (Phenolphthalein)
ละลายฟีนอล์ฟธาลีน (AR grade) 5 กรัม ใน 96% ethyl alcohol 400 มิลลิลิตร ปรับปริมาตรด้วย
น้้ากลั่นให้ได้ 500 มิลลิลิตร
2.สารอินดิเคเตอร์ เลือกใช้สกรีนเมทธิลเรดอินดิเคเตอร์ (Screened methyl red indicator,MR)
โดยชั่งเมทธิลเรด (AR grade) 0.2 กรัม และโบรโมครีซอลกรีน (BCG) (AR grade) 0.1 กรัม
ละลายใน 96% ethyl alcohol 100 มิลลิลิตร เก็บในที่เย็นไม่ถูกแสง
3.กรดบอริกความเข้มข้น 4% (w/v)
ละลายกรดบอริก (AR grade) 40 กรัม ด้วยน้้ากลั่นร้อน รอจนสารละลายเย็น ปรับปริมาตรให้ได้
1 ลิตร
4. สารละลายผสมอินดิเคเตอร์ ผสมสารละลายในข้อ 2. ในอัตรา 1 : 3 (MR:BCG)โดยตวง 20
มิลลิลิตร ผสมในสารละลาย 4 %กรดบอริค 1 ลิตร (ข้อ 3)
7
N1V1 = N2V2
N1 = ความเข้มข้นของสารละลายมาตรฐานโซเดียมไฮดรอกไซด์ (นอร์มอล)
N2 = ความเข้มข้นของสารละลายมาตรฐานกรดซัลฟุริกที่ต้องการทราบ (นอร์มอล)
V1 = ปริมาตรของสารละลายมาตรฐาน โซเดียมไฮดรอกไซด์ที่ใช้ไตเตรต (มิลลิลิตร)
V2 = ปริมาตรของสารละลายมาตรฐาน กรดซัลฟุริกที่ใช้ (10 มิลลิลิตร)
วิธีการทา
การย่อยตัวอย่าง
1. ชั่งตัวอย่าง
1.1 ตัวอย่างอาหารประมาณ 0.5 - 1 กรัม ใส่ลงในหลอดส้าหรับย่อย (digestion tube) หรือ
ในกรณีที่เป็นตัวอย่างมีความชื้นสูงจะชั่งลงบนกระดาษกรองที่ปราศจากไนโตรเจน พับ
กระดาษใส่ลงในหลอดย่อยเพื่อท้าเป็น blank
2. เติมสารเร่งปฏิกิริยาประมาณ 5 กรัม หรือ Kjeldahl catalyst tablets 2 เม็ด และเติม
กรดซัลฟุริกเข้มข้นลงไป 13 – 15 มิลลิลิตร ขึ้นกับปริมาณตัวอย่างที่ใช้ปล่อยให้ท้าปฏิกิริยา
จนไม่รุนแรง และเติม H2O2 36 % (v/v) 1 มิลลิลิตร กันตัวอย่างปั๊มติดข้างหลอด
3. ตั้งหลอดย่อยใน stand ปิด heat shield สวม exhaust manifold ลงบนส่วนบนของหลอด
ย่อย
4. ตั้ง stand หลอดย่อยและ exhaust ลงบนเครื่องย่อย ยี่ห้อ Tecator รุ่น 2020 ที่ตั้งอุณหภูมิไว้
ที่ 420 0C แล้ว เพื่อความปลอดภัยควรท้าการย่อยภายในตู้ดูดควัน เปิดเครื่องดูดไอกรด
(scruber ) ช่วงเริ่มต้นจะเปิดแรงประมาณ และย่อยเป็นเวลา 5 นาที และลดวาวล์เพื่อลด
อัตราการไหลไอกรดลงประมาณ 3 ท้าการย่อยจนตัวอย่างใส ใช้เวลาประมาณ 30 – 45 นาที
5. ยก stand พร้อมหลอดย่อยตัวอย่างออกปล่อยให้เย็นเพื่อรอน้าไปกลั่น
การกลั่น
1.เปิดเครื่องท้าน้้าเย็น จนได้อุณหภูมิที่ตั้งไว้ 15 องศาเซลเชียส
2. เปิดเครื่องส้าควบแรงดันไฟฟ้า (stabilizer) แล้วเปิดสวิทช์ของเครื่องกลั่น warm เครื่องกลั่น
(Kjeltec รุน่ 1026) ใช้ flask และหลอดย่อยเปล่าใช้โปรแกรม Manual กดน้้าลง 50 มล. และกด
steam กลั่นให้ได้ปริมาตร 100 – 150 มล. เป็นเวลา 5 -7 นาที กด steam เพื่อปิด เช็คไนโตรเจนที่
ติดค้างอยู่ในระบบโดยหยดฟีนอล์ฟธาลีนจะไม่เปลี่ยนสี
3.น้าหลอดและ flask ออกจากเครื่องกลั่น
9
4.ตั้งโปรแกรมเป็น Autor โดยกดปุ่ม ปรับปริมาณน้้า (50 มล.), ด่าง(25 มล.) stroke (2), ช่วงห่าง
ของเวลา delay time (0.2 นาที) และเวลาที่ใช้ในการกลั่น (3.6 -3.7 นาที) หรือกลั่นให้ได้ปริมาตร
150 มล.
5.น้า flask ซึ่งบรรจุกรดบอริกความเข้มข้น 4% ปริมาณ 25 -30 มิลลิลิตร ตั้งไว้บน platform
ของเครื่องกลั่นและยก platform ขึน้ ให้ปลายแท่งแก้วจุ่มอยู่ใต้กรดบอริก
6. ใส่หลอดตัวอย่างที่ผ่านการย่อยแล้ว (ข้อ 4.) เข้ากับเครื่องกลั่น
ปิด safety door เครื่องกลั่นจะเริ่มท้างาน
7. เมื่อกลั่นครบตามเวลาที่ก้าหนด เครื่องจะหยุดท้างาน น้า flask และหลอดย่อยออกจาก
เครื่องกลั่น
8. น้า flask กรดบอริก ที่ดักจับแก๊สแอมโมเนียที่ถูกกลั่นออก ไปไตเตรตหาไนโตรเจนด้วย
สารละลายมาตรฐานกรดซัลฟุริก
การคานวณ
% ไนโตรเจน = 14.01 x (V1 - V2) x N
น้าหนักตัวอย่างเป็นกรัม x 10
14.01= น้้าหนักมวลโมเลกุลของไนโตรเจน
V1 = ปริมาตรของกรดที่ใช้ไตเตรทตัวอย่าง (ml)
V2 = ปริมาตรของกรดที่ใช้ไตเตรท blank (ml)
N = ความเข้มข้นของกรดที่ใช้ไตเตรท (N)
10 = ค่าคงที่ที่แปลงจากหน่วยกรัมเป็น %
%Crude Protein = % ไนโตรเจน x F
F = ค่าคงที่ในการเปลี่ยนค่าไนโตรเจนเป็นโปรตีน
F = 6.25 ส้าหรับตัวอย่างอาหาร อาหารสัตว์ หรือตัวอย่างอื่นๆที่ไม่ระบุเฉพาะ
F= 5.71 ส้าหรับกากถั่วเหลือง
10
อุปกรณ์และสารเคมี
1. เครื่องชั่งชนิดทศนิยม 4 ต้าแหน่ง
2. เครื่องสกัดไขมัน (Extraction unit)
3. Service unit ส้าหรับจ่ายความร้อน
4. เครื่องท้าน้้าเย็น (Cooling)
5. Cellulose thimble, Thimble adapter, Thimble support
6. ถ้วยรองรับ (Extraction cup), Cup holders
7. ตู้อบ (oven)
8. โถดูดความชื้น
9. Petroleum ether จุดเดือด 35-60 0C
วิธีการ
1. ชั่งตัวอย่างที่บดละเอียดขนาด 1 มิลลิเมตร ประมาณ 1-2 กรัม ห่อด้วยกระดาษกรองใส่ลงใน
cellulose thimble
2. น้า thimble ที่มีตัวอย่าง น้าไปอบไล่ความชื้นที่อุณหภูมิ 105 0C 3 ชั่วโมง
3. น้าถ้วยเปล่าอบที่อุณหภูมิ 105 0C นาน 1 ชั่วโมงน้าออกมาปล่อยให้เย็นในโถดูดความชื้น ชั่ง
บันทึกน้้าหนัก
4. ท้าการ warm เครื่องสกัด โดยเปิดสวิทช์เครื่องจ่ายความร้อนซึ่งตั้งอุณหภูมิประมาณ 85-90 0C
นานประมาณ 20 นาที หรือรอจนอุณหภูมิสูงไว้ตามที่ก้าหนด ในขณะเดียวกันท้าการ warm
เครื่องท้าความเย็น ซึ่งตั้งอุณหภูมิไว้ที่ 10 0C น้า thimbleที่มีตัวอย่างติดกับ thimble
adapter
วางลงใน thimble support จากนั้นน้าเข้าในเครื่องสกัดไขมัน พร้อมทั้งเปิดสวิทช์ปั๊มน้้าที่
เครื่องท้าน้้าเย็น
11
เยื่อใยเป็นสารประกอบพวกคาร์โบไฮเดรทชนิดหนึ่ง ที่พบมากในพืชประกอบด้วย
เซลลูโลส เฮมิเซลลูโลส และลิกนิน เป็นส่วนใหญ่
วิธีการ
1. น้าตัวอย่างอาหารที่สกัดไขมันออกถ่ายลงใน beaker ขนาด 600 มิลลิลิตร crucible
2. ตวงสารละลายกรดซัลฟุริก 1.25% ประมาณ 200 มิลลิลิตร น้าเข้าเครื่องย่อยเมื่อสารเดือด
ปรับความร้อนลง ให้อุณหภูมิ (reflux) จับเวลา 30 นาที
3. เมือครบถ่ายตัวอย่างลงใส่ผ้ากรอง ล้างด้วยน้้าร้อน ประมาณ 1 ลิตร แล้วถ่ายตัวอย่างลงใน
บีกเกอร์ตามเดิม
4. ตวงสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ 1.25% ที่อุ่นไว้ประมาณ 200 มิลลิลิตร น้าเข้าเครื่องย่อย
เมื่อสารเดือดปรับความร้อนลง ให้อุณหภูมิ (reflux) จับเวลา 30 นาที
5. เมื่อครบเวลาถ่ายตัวอย่างลงใส่ครูซิเบิ้ล และล้างตัวอย่างด้วยน้้าร้อนจนหมดด่างจะใช้น้าร้อน
ประมาณ 1,500 มิลลิลิตร น้าครูซิเบิ้ลที่มีเยื่อใยไปอบจนแห้งที่อุณหภูมิ 105 องศาเชลเซียส
นาน 16-18 ชั่วโมง จากนั้นน้าครูซิเบิ้ลออกมาใส่โถดูดความชื้น ปล่อยให้เย็นจากนั้นชั่ง
น้้าหนัก จดบันทึก
6. น้าครูซิเบิ้ลที่ชั่งน้้าหนักแล้วเข้าในเตาเผาที่อุณหภูมิ 5500C นาน 2 ชั่วโมง จากนั้นเปิดฝา
เตาเผา รอให้ถ้วยมีอุณหภูมิลดลงประมาณ 150-200 0C แล้วน้าใส่โถดูดความชื้นปล่อยให้
เย็น แล้วชั่งน้้าหนักครูซิเบิ้ล จดบันทึก (โดยส่วนของเยื่อใยคือส่วนที่ถูกเผาหายไป)
การคานวณ
% เยื่อใย = (W2 – W3) x 100
W1
W1 = น้้าหนักตัวอย่าง
W2 = น้้าหนัก crucible + น้้าหนักตัวอย่างหลังการอบ
W3 = น้้าหนัก crucible + น้้าหนักตัวอย่างหลังการเผา
14
การตรวจสอบข้อผิดพลาด จากการวิเคราะห์แบบประมาณ
การวิเคราะห์จะทาตัวอย่างละ 2 ซ้า
คานวณข้อผิดพลาดระหว่าง 2 ซ้า ดังนี้ (% Error) = ผลต่างระหว่าง 2 ซ้า x 100
ผลวิเคราะห์ที่ได้ค่าน้อย
ผลการวิเคราะห์อยู่ระหว่าง 0-2 % ไม่ควรผิดพลาดเกิน 10 %
ผลการวิเคราะห์อยู่ระหว่าง 2-4% ไม่ควรผิดพลาดเกิน 6 %
ผลการวิเคราะห์อยู่ระหว่าง 4-6 % ไม่ควรผิดพลาดเกิน 5 %
ผลการวิเคราะห์อยู่ระหว่าง 6 % ขึ้นไป ไม่ควรผิดพลาดเกิน 3 %
15
การวิเคราะห์เยื่อใยในอาหารสัตว์
( Detergent analysis )
คาเตือนในความปลอดภัย
1.Acetone เป็นสารระเหยและติดไฟง่าย ไม่ให้ระเหยสะสมอยู่ในพื้นที่ท้างาน ใช้อุปกรณ์ก้าจัดกลิ่น
ไอและหลีกเลี่ยงการสูดดมหรือสัมผัสกับผิว ท้าการระเหย Acetone ในตัวอย่างที่บรรจุในCrucible
ก่อนเข้าตู้อบแห้ง
2. sodium lauryl sulphate เป็นสารระคายเคืองที่เยื่อบุผิว ควรสวมหน้ากากกันฝุ่นและสวมถุงมือ
ในขณะปฏิบัติการเตรียมสารละลาย
วิธีการ
1. น้า crucible ขนาด 50 ml. ไปอบในตู้อบ ที่อุณหภูมิ105 0C นาน 2 ชั่วโมง เอาออกใส่ใน
โถดูดความชื้น (dessicator) ทิ้งให้เย็น แล้วชั่งน้้าหนักบันทึกไว้
2. ชั่งตัวอย่างที่แห้งและบดละเอียด ขนาด 1 มิลลิเมตร 0.5-1.0 กรัม ใส่ใน beaker ปาก
กลมเรียบ ขนาด 600 มิลลิลิตร (ใส่ Na2SO3 0.5 กรัม ในตัวอย่างที่มี cutin) สูง ลงไป
ใน beaker ที่มีตัวอย่างใบเดิม
3. น้าสารละลาย Neutral Detergent Fiber ไปต้มให้ร้อน ประมาณ 5 นาที แล้วตวงใส่ลง
ใน beaker ที่มีตัวอย่างอยู่ 50 มิลลิลิตรโดยใช้กระบอกตวง น้าไปท้าการย่อย หลัง 5 นาที
เขย่า beaker แล้วยกลง ในตัวอย่างที่กรองยากจะเติม 0.1 ml. สารละลายมาตรฐาน α-
18
วิธีคานวณ
1. ในกรณีที่ตัวอย่างนั้นวิเคราะห์หาเฉพาะค่า NDF
%NDF = [ (W1- W2 x 100 ] - % nuetral insoluble ash
W3
เมื่อ W1= น้้าหนัก crucible + น้้าหนักตัวอย่าง
W2= น้้าหนัก crucible
W3= น้้าหนักตัวอย่าง
%NDF insoluble ash คือ % ash ที่ได้จากขั้นตอนการเผาในการวิเคราะห์หา NDF
2. ในกรณีที่ตัวอย่างนั้นวิเคราะห์หาค่า Lignin ด้วย
%NDF = [(W1- W2 x 100] - % Acid insoluble ash
W3
เมื่อ W1= น้้าหนัก crucible + น้้าหนักตัวอย่าง
W2= น้้าหนัก crucible
W3= น้้าหนักตัวอย่าง
%Acid insoluble ash คือ % ash ที่ได้จากขั้นตอนการเผาในการวิเคราะห์หา lignin
%NDS = 100 - (%Moisture) - (%NDF)
19
เอกสารอ้างอิง
Goering, H.K. and P.J. Van Soest. 1970. Forage fiber analysis (apparatus,
reagents, procedures, and some application). Research Service. Handbook number 379
as modified by D.R. Mertens 1992, Personal Communication).
Van Soest, P.J.,J.B. Robertson, and B.A. Lewis. 1991. Methods for dietary fiber,
neutral detergent fiber and non-starch polysaccharides in relation to animal nutrition. J.
Dairy Science 74:3583-3597.
Mertens, D.R. 1992. Critical conditions in determining detergent fiber.
Proceedings of NFTA Forage Analysis Workshop. Denver, CO. p C1 – C8.
http://www.foragetesting.org/lab_porcedure/sectionB/4/part4.1.htm
20
วิธีคานวณ
1. ในกรณีที่ตัวอย่างวิเคราะห์เฉพาะค่า ADF
%ADF = [(W1 – W2) x 100] - %Acid Insoluble Ash
W3
W1 = น้้าหนัก crucible + น้้าหนักตัวอย่าง
W2 = น้้าหนัก crucible
W3 = น้้าหนักตัวอย่าง
%Acid insoluble ash คือ % ash ที่ได้จากขั้นตอนการเผาในการวิเคราะห์หา ADF
2. ในกรณีที่ตัวอย่างนั้นวิเคราะห์หาค่า Lignin ด้วย
%ADF = [(W1- W2 x 100] - % Acid insoluble ash
W3
เมื่อ W1= น้้าหนัก crucible + น้้าหนักตัวอย่าง
W2= น้้าหนัก crucible
W3= น้้าหนักตัวอย่าง
%Acid insoluble ash คือ % ash ที่ได้จากขั้นตอนการเผาในการวิเคราะห์หา lignin
2. การคานวณหาปริมาณเยื่อใย Hemicellulose
% Hemicellulose = %NDF - %ADF
เอกสารอ้างอิง
Fiber (Acid Detergent) and Lignin in Animal Feed. (973.18) Official Methods of Analysis. 1990.
Association of Official Analytical Chemists. 15 th Edition.
Fiber (Acid Detergent) and Lignin in Animal Feed. (973.18) Official Methods of Analysis. 2000.
Association of Official Analytical Chemists. 15 th Edition.
Animal feeding stuffs – Determination of acid detergent fiber content (ADF) and lignin ISO 2004.
http://www.foragetesting.org/lab_porcedure/sectionB/4/part4.1.htm
23
สารเคมี
1. Sulfuric acid conc, AR grade
2. Distilled or Deionized water
วิธีการ
1. น้า crucible ที่มีตัวอย่างซึ่งวิเคราะห์หา ADF แล้วมาเติมสารละลาย 72% H2SO4 ที่เย็น
(200C) ลงไป ประมาณครึ่ง crucible จากนั้นน้าไปวางลงในถาดสเตนเลส ใช้แท่งแก้วคนให้
ทั่วเพื่อให้ตัวอย่างแยกจากกันไม่จับกันเป็นก้อน โดยมีน้ากลั่นที่อยู่ในถาดสเตนเลสระดับที่ต่้า
กว่าระดับของแผ่น fritted glass รักษาอุณหภูมิของcrucible ในถาดสเตนเลสที่ 20 0 - 23 0C
2. คอยเติมสารละลาย 72% H2SO4 เมื่อสารละลายใน crucible แห้ง คนเป็นระยะๆ ใช้เวลา
ย่อยนาน 3 ชั่วโมง
3. จากนั้นน้าไป suction เพื่อล้างสารละลายกรดออก แล้วล้างด้วยน้้าร้อน โดยใช้น้าร้อนปริมาณ
1,400 มิลลิลิตร หรือจนหมดกรด จากนั้นใช้ขวดฉีดน้้าร้อน ไล่ตัวอย่างที่ติดอยู่ข้าง crucible
ให้ลงไปใน crucible ให้หมด แล้วฉีดล้าง crucible อีกหนึ่งครั้ง
4. น้า crucible พร้อมตัวอย่างที่ย่อยแล้ว ไปอบในตู้อบแห้ง (hot air oven) ที่อุณหภูมิ 105 องศา
เซลเซียส นาน 8 ชั่วโมง จากนั้นน้าออกใส่โถดูดความชื้น (dessicator) ปล่อยให้เย็น แล้วชั่ง
น้้าหนักและบันทึกไว้
% Cellulose = W1 - W4 x 100
W3
เมื่อ W1 = น้้าหนัก crucible + น้้าหนัก ADF
W4 = น้้าหนัก crucible + น้้าหนักเยื่อใยหลังการอบ
W3 = น้้าหนักตัวอย่าง
25
วิธีวิเคราะห์ Lignin
อุปกรณ์
1. เตาเผา (Muffle furnace)
2. โถดูดความชื้น (Dessicator)
3. เครื่องชั่ง (Balance) ชนิดทศนิยม 4 ต้าแหน่ง
วิธีการ
1. น้า crucible ที่มีตัวอย่างซึ่งวิเคราะห์หา cellulose แล้ว น้าไปเผา (ignite) ในเตาเผา ที่
อุณหภูมิ 500 องศาเซลเซียส นาน 2 ชั่วโมง
2. เอาออกใส่ในโถดูดความชื้น ปล่อยให้เย็น ชั่งน้้าหนักหา lignin
วิธีคานวณ
% Lignin = W4 - W5 x 100
W3
เมื่อ W4 = น้้าหนัก crucible + น้า้ หนักเยื่อใยหลังการอบ
W5 = น้้าหนัก crucible + น้้าหนัก เยื่อใยหลังการเผา (ignite)
W3 = น้้าหนักตัวอย่าง
% เถ้าที่ไม่ละลายในกรด = W5 - W2 x 100
W3
เมื่อ W5 = น้้าหนัก crucible + น้้าหนักเยื่อใยหลังการเผา (ignite)
W2 = น้้าหนัก crucible เปล่า ก่อนน้ามาใช้วิเคราะห์หา ADF
W3 = น้้าหนักตัวอย่าง (sample)
เอกสารอ้างอิง
Fiber (Acid Detergent) and Lignin in Animal Feed. (973.18) Official Methods of Analysis.
1990. Association of Official Analytical Chemists. 15 th Edition.
Fiber (Acid Detergent) and Lignin in Animal Feed. (973.18) Official Methods of Analysis.
2000. Association of Official Analytical Chemists. 15 th Edition.
Animal feeding stuffs – Determination of acid detergent fiber content (ADF) and lignin
ISO 2004.
http://www.foragetesting.org/lab_porcedure/sectionB/4/part4.1.htm
26
ภาคผนวก
1. การเตรียมสารละลายกรดซัลฟุริก ความเข้มข้น 1 N
Sulfuric acid (H2SO4), reagent grade (% assay 100) = 49.04 กรัม
ผลิตภัณฑ์แต่ละบริษัทอาจจะมีค่าแตกต่างกันให้ดูจากฉลากที่ข้างขวดแล้วน้ามาค้านวณ
สมมติถ้า % assay = 95 - 97 ให้คิดค่าเฉลี่ย = 96%
แล้วน้ามาค้านวณปริมาณกรดซัลฟุริกที่ต้องใช้ ดังนี้
กรดซัลฟุริก assay 96% ใช้ปริมาณกรด = 49.04 กรัม
ถ้ากรดซัลฟุริก assay 100% ใช้ปริมาณกรด = 49.04 x100 กรัม
96
จะต้องใช้ sulfuric acid assay 96% = 51.08 กรัม
………………………………......................
29
30
31
32
33
34
35