Professional Documents
Culture Documents
ทางการเกษตร
1
ประวัติความเปนมาของการถนอมและแปรรูปอาหาร
5
ประวัติความเปนมาของการถนอมและแปรรูปอาหาร (ตอ)
ชาวจี น โบราณ ค น พบว า การวางผลไม ไ ว ใ กล ต ะเกี ย ง
น้ํ ามั น ก าด จะทํ าใหผ ลไม สุ กและมี กลิ่ น รสมากขึ้ น เมื่ อ ประมาณ
1,500 ปมาแลว ชาวโรมันรูจักการถนอมอาหารโดยใชหิมะหอกุง
และเนื้อสัตว ตอมาไดคนพบการรมควันเนื้อสัตว การหมักเครื่องดื่ม
แอลกอฮอล การทํ า เนยแข็ ง โดยใช เ อนไซม เ รนนิ น (rennin
enzyme) จากกระเพาะสัตวมาทําใหน้ํานมตกตะกอน จับตัวเปน
กอน แตมนุษยสมัยนั้นยังไมเขาใจการเกิดการบูดเสียของอาหารและ
โรคอาหารเปนพิษ
6
ประวัติความเปนมาของการถนอมและแปรรูปอาหาร (ตอ)
ยุคเริ่มตนของความกาวหนาในการถนอมและแปรรูปอาหาร
พอครัวชาวฝรั่งเศสพบวิธีการถนอมอาหาร โดยการบรรจุอาหารใน
ขวดดวยจุกคอรกแลวตมในน้ําเดือดตามเวลาที่กําหนด ซึ่งพัฒนา
ตอมาเปนการบรรจุกระปองในปจจุบันที่เรียกวา รีทอรต (retort)
ในชวงเวลาเดียวกัน มีการสรางตูเย็นที่สามารถควบคุมอุณหภูมิได
ดีกวาการใชน้ําแข็งและมีการพัฒนาตูแชแข็งขึ้น โดยใชเนื้อสัตวเปน
อาหารประเภทแรก ส ว นผั ก ก็ มี ค วามพยายามที่ จ ะแช แ ข็ ง แต
ผลิ ต ภั ณ ฑ ที่ ไ ด มี ลั ก ษณะและรสชาติ ไ ม ดี จนกระทั่ ง Clarence
Birdseye ค น พบว า การลวกผั ก ก อ นที่ จ ะแช แ ข็ ง ก็ จ ะทํ า ให ไ ด
ผลิตภัณฑที่มีคุณภาพดี 7
ประวัติความเปนมาของการถนอมและแปรรูปอาหาร (ตอ)
ป ค.ศ. 943 มีรายงานประเทศฝรั่งเศสวา ไดเกิดโรคอาหารเปน
พิษ ซึ่งมีชื่อวา โรคเออรกอด (ergot poisoning) ทําใหมีผูเสียชีวิต
40,000 คน แตในขณะนั้นยังไมทราบวาโรคนีเ้ ปนสารพิษจากเชื้อรา
ป ค.ศ. 1156 มีรายงานการเกิดโรคอาหารเปนพิษจากเนื้อสัตว
เปนครั้งแรก
ป ค.ศ. 1658 เอ .เครียเซอร ( A. Kircher) ไดเปนบุคคลแรกที่
กลาววา จุลินทรียเปนสาเหตุที่เนาเสีย แตขอสันนิษฐานของเขาก็ยัง
ไมเปนที่ยอมรับ เพราะอธิบายยังไมละเอียดพอ
8
ประวัติความเปนมาของการถนอมและแปรรูปอาหาร (ตอ)
ป ค.ศ.1765 สปาลแลนซานี (Spallanzany) ไดทดลองตม
เนื้อเปนเวลา 1 ชั่วโมง แลวเก็บไวในภาชนะปด ทําใหเก็บเนื้อได
หลายวั น แต ก ารอธิ บ ายมุ ง ไปที่ ก ารขาดออกซิ เ จน ซึ่ ง ทํ า ให
กระบวนการสันดาปหยุดชะงัก อาหารจึงไมเนาเสีย
ป ค.ศ. 1837 ชวาน (schwann) ไดแสดงการตมเนื้อในที่มี
อากาศ โดยทําทอใหอากาศผานไปยังหมอตมเนื้อ ปรากฏวาเนื้อตมก็
สามารถเก็บไวไดนานหลายวันเชนกัน จึงทําใหเกิดการเขาใจวาการ
เนาเสียของอาหารไมไดเกิดจากออกซิเจนอยางเดียว นาจะมีสาเหตุ
มาจากสิ่งอื่นดวย
9
ประวัติความเปนมาของการถนอมและแปรรูปอาหาร (ตอ)
ในศตวรรษที่ 18 นิโคลาส แอปเปรต (Nicolas Appert)
เปนผูประสบความสําเร็จในการเก็บเนื้อสัตวไวในขวดที่ปดสนิท และ
ไดรับการยกยองว าเปน “บิดาของการผลิตอาหารกระปอ ง” ซึ่ ง
ตอมาไดมีผูลอกเลียนแบบเก็บอาหารไวในขวดแบบตาง ๆ และใน
กระปองโลหะที่ทําดวยแผนเหล็กเคลือบดีบุก โดยยังไมทราบเหตุผล
ที่ทําใหเก็บอาหารไวไดโดยไมเสื่อมเสีย
10
ประวัติความเปนมาของการถนอมและแปรรูปอาหาร (ตอ)
ยุคปจจุบัน
มีการศึกษาและคนควาการแปรรูปอาหารดวยวิธีการใหม ๆ
เชน การฉายรังสี การใชเทคโนโลยีชีวภาพ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีการ
พัฒนาผลิตภัณฑอาหารใหมีความสะดวกในการบริโภคมากขึ้น เชน
อาหารประเภทพรอมปรุง อาหารสําเร็จรูป เปนตน
11
การแปรรูปอาหาร
หมายถึง กระบวนการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงรูปรางและ
รสชาติของอาหารใหมีลักษณะแปลกใหมแตกตางไปจากเดิม เพื่อ
ชวยเพิ่มมูลคาและคุณภาพ สามารถเก็บไวรับประทานไดเปนระยะ
เวลานาน และสามารถนําไปใชประโยชนไดมากยิ่งขึ้น โดยการนํา
อาหารที่ไดจากพืชและสัตวในสภาพสด ไปเปลี่ยนสภาพหรือแปรรูป
เปนอาหารชนิดตาง ๆ โดยใชวิธีการทางเทคโนโลยี
12
การแปรรูปอาหาร (ตอ)
เพื่อใหผลิตภัณฑอาหารนั้นสามารถเก็บถนอมไวไดยาวนาน
ปลอดภัยจากเชื้อโรค มีรูปแบบบรรจุภัณฑ หลากหลาย สวยงาม
กะทัดรัดใชงาย เชน การใชเทคโนโลยีพื้นบานแปรรูปสตรอเบอรี่เปน
แยมสตรอเบอรี่ การผลิตปลาสม ปลารา น้ําปลา เกลือ กลวยตาก
ขาวเกรียบ เปนตน
13
การถนอมอาหาร
หมายถึง การเก็บรักษาอาหารที่ไดจากพืชและสัตวในสภาพ
สด สําหรับใชประโยชนในโอกาสตอไป โดยเลือกวิธีการถนอมอาหาร
ใหเหมาะสมกับลักษณะใหคงสภาพของอาหาร เชน การตากแหง
และการรมควันใชกับอาหารประเภทเนื้อสัตว การใชความรอนกับ
อาหารประเภทเครื่องดื่มและอาหารกระปอง การเชื่อมและการแช
อิ่มใชกับอาหารประเภทผักและผลไม เปนตน สามารถรับประทาน
ไดนาน หรือดัดแปลงใหมีสี กลิ่น รส แตกตางไปจากเดิม เพื่อให
อาหารดู นารับประทาน
14
การแปรรูปอาหาร
(Food Processing)
15
การทําแหง (drying)
เปนการทําใหปริมาณน้ําในอาหารถูกกําจัดออกไป น้ําสวนที่ถู ก
กําจัดออกไปคือน้ําอิสระ สวนน้ําที่เหลืออยูภายหลังจากการทําแหงจะ
เปนน้ําที่ถูกตรึงอยู จุลินทรียไมสามารถนําน้ําสวนนี้มาใชประโยชนได
จึงเปนการชวยใหเกิดการเสื่อมเสียชาลง ผลิตภัณฑที่นิยมถนอมโดย
การทําแหง ไดแก เนื้อตากแหง หมูแผน ไสกรอก กุนเชียง เปนตน การ
ทําแหงสามารถแบงตามหลักการใหความรอนได 3 วิธี ไดแก การทํา
แหงดวยแสงอาทิตย การใชลมรอน และการทําใหแหงโดยการใชความ
เย็น
16
17
การหมักเกลือ
การหมักเกลือ (salting) หรืออาจเรียกอีกอยางวา การ
เคียวร (curing)
เปนการปองกันหรือ ยับยั้งและลดการเจริญของแบคทีเรีย
ที่ทําใหเกิดการเนาเสีย
ตัวอยางอาหาร ไดแก ปลารา ปลาสม น้ําปลา แฮม เบคอน
เนื้อเค็ม ปลาเค็ม เปนตน
18
การใชความรอน
จัดแบงไดเปน 2 ระดับ เปนการใชความรอนในระดับต่ํากวาจุด
เดือด และการใชความรอนสูงกวาจุดเดือด
การใชความรอนในระดับต่ํากวาจุดเดือด เปนการใชความรอน
เพื่อการทําลายจุลินทรียบางสวนในอาหาร โดยเฉพาะจุลินทรียที่
กอใหเกิดโรค เรียกการใชความรอนในระดับนี้วา การพาสเจอ
ไรเซชัน (pasteurization) โดยทั่วไปมักใหความรอนจนกระทั่ง
อุณหภูมิภายในผลิตภัณฑสูงถึง 65-75 C 15 นาที หลังจากผลิต
เสร็จตองเก็บไวในตูเย็น
19
การใชความรอนสูงกวาจุดเดือด (sterilization) เปนการใช
ความรอนในระดับสูงกวาจุดเดือดจึงสามารถ ทําลายจุลินทรีย
ทั้งหมดในผลิตภัณฑอาหารได วิธีนี้นิยมใชในการผลิตผลิตภัณฑ
กระปองเปนสวนใหญ ซึ่งจะไดผลิตภัณฑที่มีความคงตัวโดยไม
ตองเก็บรักษาในตูเย็น
20
การใชความเย็น
ถ า ต อ งการเก็ บ ไว เ พี ย งไม กี่ วั น อาจเก็ บ ไว ที่ อุ ณ หภู มิ ต่ํ า
(cooling) หากตองการเก็บไวเปนเวลานานควรเก็บที่อุณหภูมิ
ต่ํากวาจุดเยือกแข็ง (freezing) การใชความเย็นสามารถแบง
ตามระดับของการใช อุณหภูมิได 2 ระดับ คือ การใชอุณหภูมิ
เหนือจุดเยือกแข็งหรือการแชเย็น และการใชอุณหภูมิต่ํากวา
จุดเยือกแข็งหรือการแชเยือกแข็ง
21
การฉายรังสี
การฉายรังสีเปนการใชพลังงานในรูปของการแผรังสีของไอออน
ที่ถูกทําใหเกิดการแตกตัวเพื่อการถนอมรักษาผลิตภัณฑอาหารโดย
ใช ห ลั ก การให รั ง สี ไ ปทํ า ให ส ว นที่ เ กี่ ย วข อ งกั บ การดํ า รงชี พ ของ
จุลินทรียเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี หรือเนื่องจากการแผรังสีของ
ไอออนจะทําใหพันธะเคมีของโมเลกุลสารประกอบตางๆ ทางชีวเคมี
ภายในเซลลจุลินทรียถูกทําลายไปได จึงเปนผลใหจุลินทรียตายไดใน
ที่สุด รังสีที่ใชมีหลายชนิด ไดแก รังสีแกรมมา รังสีเบตาและรังสี
แคโทด เปนตน
22
การใช้ สารเคมีและสารปฏิชีวนะ
1. สารเคมี
1.1 เกลือ ใชเกลือเพื่อเปนตัวปองกันการเนาเสียจากจุลินทรีย
ของเนื้อที่หมักในหองธรรมดา
1.2 น้ําตาล เพื่อการปรุงแตงรสและชวยใหเกิดสีในผลิตภัณฑ
และยังชวยปองกันการเจริญของจุลินทรียไดเชนเดียวกับเกลือ แต
หากปริ ม าณน้ํ า ตาลที่ ใ ช ต่ํ า มากอาจจะกลายเป น ส ว นช ว ยทํ า ให
จุลินทรียเจริญไดดี
23
การใช้ สารเคมีและสารปฏิชีวนะ (ต่ อ)
1.3 เกลือไนเตรต และเกลือไนไตรต ทําใหผลิตภัณฑเนื้อมีสีแดง
เพิ่มรสชาติและกลิ่นรส มีกลิ่นเฉพาะตัว ยับยั้งการเจริญเติบโตของ
จุลินทรีย
1.4 สารประกอบพวกฟอสเฟต ชวยเพิ่มความสามารถในการอุม
น้ําทําใหเนื้อไมสูญเสียน้ําหนักมากเกินไปขณะไดรับความรอน เนื้อ
จะมีความนุมและชุมน้ํา
24
การใช้ สารเคมีและสารปฏิชีวนะ (ต่ อ)
1.5 สารที่ชวยการรวมตัว เชน กรณีน้ําผสมกับน้ํามัน เพื่อใหผสม
เปนเนื้อเดียวกัน จึงเปนการชวยลดการสูญเสียน้ําหนักขณะทําใหสุก
1.6 เครื่องเทศ (spices) มีน้ํามันหอมระเหย (essential oil) และ
สารอื่น ๆ ที่มีผลตอการยับยั้งการ เจริญของจุลินทรียได
1.7 กรดอินทรีย (organic acid) สวนใหญจะใชในรูปของกรดออน
(weak organic acid) ซึ่งมีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญของ
แบคทีเรีย
25
การใช้ สารเคมีและสารปฏิชีวนะ (ต่ อ)
2. สารปฏิชีวนะ
เปนสารที่มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย
มากกว า การทํ า ลาย การใช ส ารปฏิ ชี ว นะจะมี ช ว งที่ จ ะมี
ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดแตกตางกัน จะชวยยืดอายุการเก็บรักษาที่
แตกตางกันออกไป
26
ตัวอยางสินคาเกษตร
27
ตัวอยางสินคาเกษตร (ตอ)
ลําไยอบแหงเนื้อสีทอง
คุกกี้กลวยตาก
สมแขกแปรรูปอบแหง ทองมวนสมุนไพร
28
ตัวอยางสินคาเกษตร (ตอ)
แครกเกอรขาว ชมพูแกว
ทุเรียนกวน
ไขเค็มใบเตย 29
ตัวอยางอาหารแปรรูปของประเทศไทย
30
ตัวอยางอาหารแปรรูปของประเทศไทย (ตอ)
31
ตัวอยางอาหารแปรรูปของประเทศไทย (ตอ)
32
ตัวอยางอาหารแปรรูปของประเทศไทย (ตอ)
33
Thanks for your attention
34
!"##$%&'()
*+"$,(-
.+/0'1234
343
3
35673
56733
!!"#$#%&'(!)*+
!)*+,-#./0-2
1 3
- 4#./5!+67.8./9
7.8./9 !
!!""#$%&'()&*+(,-'.$/,&*+-*0$1$!%/"##
"##
!
!%/$23
!%/$2344567$
4567$
หลักเกณฑ์และวิธกี ารทีด2 ใี นการผลิตอาหาร หรือ GMP คือ หลักเกณฑ์วธิ กี ารทีด2 ใี นการ
ผลิตอาหาร ซึ2งเป็ นเกณฑ์หรือข้อกําหนดขันB พืBน ฐานที2จําเป็ นในการผลิตและควบคุม เพื2อให้
ผูผ้ ลิตปฏิบตั ติ ามและทําให้สามารถผลิตอาหารได้อย่างปลอดภัย โดยเน้ นการป้องกันและขจัด
ความเสีย2 งใด ๆ ทีจ2 ะทําให้อาหารเป็ นพิษ เป็ นอันตรายหรือเกิดความไม่ปลอดภัยแก่ผบู้ ริโภค
โดยครอบคลุมปจั จัยทุกด้านทีเ2 กีย2 วข้อง ตังB แต่โครงสร้างอาคารขันB พืBนฐาน ระบบการผลิตที2ดี
กระบวนการผลิตทีม2 คี วามปลอดภัยและมีคณ ุ ภาพได้มาตรฐานทุกขันB ตอน นับตังB แต่เริม2 ต้นวาง
แผนการผลิต ระบบควบคุม บันทึกข้อมูล ตรวจสอบและติดตามผลคุณภาพผลิตภัณฑ์ เพื2อให้ถงึ
มือผูบ้ ริโภคอย่างมันใจ
2
GMP ถือเป็ นระบบประกันคุณภาพพืนB ฐานก่อนทีจ2 ะนําไปสู่ระบบประกันคุณภาพอื2น ๆ
ทีส2 งู กว่าต่อไป เช่น HACCP (Hazards Analysis and Critical Control Points) และ ISO 9000
ตามมาตรฐานสากลของหน่ วยงานมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศทีเ2 รียกว่า คณะกรรมาธิการ
โครงการมาตรฐานอาหาร FAO / WHO (Codex Alimentarius Commission)
ปจั จุบนั สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาของไทยได้นําหลักเกณฑ์ของ GMP มา
บังคับใช้เป็ นกฎหมาย โดยกําหนดไว้ในประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที2 193) พ.ศ. 2543
เรื2อง วิธกี ารผลิต เครือ2 งมือ เครือ2 งใช้ในการผลิต และการเก็บรักษาอาหาร ซึง2 มีผลบังคับใช้ตงั B แต่
วันที2 24 กรกฎาคม 2544 เป็ นต้นมา
ข้อกําหนดตามประกาศฯ (ฉบับที2 193) พ.ศ. 2543 ซึ2งเป็ นเกณฑ์สุขลักษณะทัวไป 2 ได้
ประยุกต์มาจากเกณฑ์ GMP สากลของ Codex โดยคํานึงถึงความพร้อมของผูผ้ ลิตในประเทศ
ไทย ซึ2งมีขอ้ จํากัดด้านความรู้ เงินทุน และเวลา เพื2อให้ผผู้ ลิตทุกระดับ โดยเฉพาะขนาดกลาง
และขนาดเล็ก ซึ2ง มีจํา นวนมากสามารถปรับ ปรุง และปฏิบ ัติได้ตามเกณฑ์ แต่อ ย่า งไรก็ต าม
ข้อกําหนดนีBยงั คงสอดคล้องตามแนวทางของหน่ วยงานมาตรฐานอาหรระหว่างประเทศ เพื2อ
ไม่ให้ขดั กับหลักสากลด้วย สําหรับข้อกําหนด GMP กฎหมายแบ่งออกเป็ น 2 ประเภทคือ
894:;<=>?@ABC6D$
6D$=734$!0'0,&E$
$!0'0,&E$!%/$
!0'0,&E$!%/$$
!%/$$
!
1. สุขลักษณะของสถานที1ตงั 3 และอาคารผลิ ต
!
1.1 ที1 ตงั 3 และสิ1 งแวดล้อม จะต้องอยู่ในทีไ2 ม่กอ่ เกิดการปนเปืB อนได้งา่ ย โดยสถานทีต2 งั B
ตัว อาคารและบริเ วณโดยรอบจะต้อ งสะอาด หลีกเลี2ยงสิ2ง แวดล้อมที2มโี อกาสก่อ ให้เ กิด การ
ปนเปืB อนกับอาหาร เช่นแหล่งเพาะพันธุ์สตั ว์ แมลง กองขยะ คอกปศุสตั ว์ บริเวณที2มฝี ่นุ มาก
บริเวณนํB าท่วมถึงหรือนํBาขังแฉะสกปรก และไม่ควรใกล้แหล่งมีพษิ หากหลีกเลีย2 งไม่ได้ ผูผ้ ลิต
จะต้องมีมาตรการป้องกันการปนเปืB อนจากภายนอกเข้าสูบ่ ริเวณผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ
1.2 อาคารผลิ ต มีขนาดเหมาะสม มีการออกแบบและก่อสร้างในลักษณะทีง2 า่ ยแก่
การบํารุงสภาพรักษาความสะอาด และสะดวกในการปฏิบตั งิ านโดย บริเวณผลิต
- ต้องแยกบริเวณผลิตอาหารออกเป็ นสัดส่วน ไม่ปะปนกับทีอ2 ยูอ่ าศัยหรือทีผ2 ลิตยา
เครือ2 งสําอาง และวัตถุมพี ษิ
- จัดให้มพี นBื ทีเ2 พียงพอทีจ2 ะติดตังB เครือ2 งมือและอุปกรณ์ทใ2ี ช้ในการผลิตให้เป็ นไป
ตามลําดับขันตอนการผลิ
B ตและแบ่งแยกพืนB ทีใ2 ห้เป็ นสัดส่วน เพื2อป้องกันการปนเปืB อน
ข้ามจากวัตถุดบิ สูผ่ ลิตภัณฑ์ทผ2ี า่ นการฆ่าเชือB แล้ว
- ไม่มสี งิ2 ของทีไ2 ม่ใช้แล้ว หรือไม่เกีย2 วข้องกับการผลิตอยูใ่ นบริเวณผลิต
- บริเวณเก็บวัตถุดบิ ภาชนะบรรจุ และสารเคมีตอ้ งเป็ นสัดส่วนไม่ปะปนกันมีชนั B หรือยก
พืBนสูงเพื2อจัดวางอย่างเพียงพอ และไม่วางชิดผนัง พืBน ฝาผนัง และเพดาน ต้องทํา
ด้วยวัสดุท2มี ี ความแข็ง แรง ทนทานไม่ชํารุด ผิว เรียบ ไม่ดูดซับนํB า พืBนมีความลาด
เอียงสูท่ างระบายนํBา และมีการระบายนํBาได้ดี ระบบระบายอากาศและแสงสว่าง
- ควรมีการระบายอากาศอย่างเพียงพอ เพื2อลดอันตรายทีอ2 าจเกิดขึนB เนื2องจากความชืนB
หรือฝุน่ ละอองจากการผลิต
- ควรจัดการให้มแี สงสว่างเพียงพอต่อ การปฏิบตั งิ าน การติดตังB หลอดไฟ ควรมีฝา
ครอบใต้หลอดไฟ เพื2อป้องกันไม่ให้เศษแก้วจากหลอดไฟ ตกลงสู่อาหารทีก2 าํ ลังผลิต
หรือขนส่ง การป้องกันสัตว์และแมลง
3. การควบคุมกระบวนการผลิ ต
3.1 วัตถุดิบ ส่วนผสม และภาชนะบรรจุ
- คัดเลือกวัตถุดบิ ทีม2 คี ณ
ุ ภาพดี มีการล้างหรือทําความสะอาดตามความจําเป็ นและเก็บ
รักษาภายใต้สภาวะทีป2 ้ องกันการปนเปืB อนได้
- ควรจัดเก็บอย่างเป็ นระบบ เพือ2 สามารถนําวัตถุดบิ ทีไ2 ด้รบั ก่อนไปใช้ได้ตามลําดับ
ก่อนหลัง
- หากจําเป็ นต้องเก็บวัตถุดบิ ทีเ2 น่าเสียง่ายเป็ นเวลานานเกิน 4 ชั 2วโมง ควรเก็บไว้ในที2
เย็นเพือ2 ป้องกันการเสือ2 มเสีย นํBา นํBาแข็ง และไอนํBาทีส2 มั ผัสกับอาหาร
4. การสุขาภิ บาล
เป็ นเกณฑ์สาํ หรับสิง2 ทีอ2 าํ นวยความสะดวกในการปฏิบตั งิ านทังB หลาย เช่น นํBาใช้ ห้องนํBา
ห้องส้ว ม อ่างล้างมือ การป้องกัน และกําจัดสัตว์และแมลง ระบบกําจัดขยะมูลฝอย และทาง
ระบายนํB าทิBง ซึ2งสิง2 เหล่านีBจะช่วยเสริมให้สุขลักษณะของสถานทีต2 งั B และอาคารผลิต เครื2องมือ
เครื2องจักรและอุป กรณ์ ท2ใี ช้ในกระบวนการผลิต และการควบคุมกระบวนการผลิตให้มคี วาม
ปลอดภัยมากยิง2 ขึนB
นํ3าที1 ใช้ภายในโรงงาน
ต้อ งเป็ น นํB า สะอาด มีก ารปรับ คุณภาพนํB า ตามความจํา เป็ น นํB าที2ใ ช้ล้า งพืBน โต๊ ะ หรือ
เครือ2 งมือ ควรมีการฆ่าเชือB โดยการเติมคลอรีน
ต้อ งมีจํ านวนเพีย งพอ มีส บู่เ หลวสํา หรับ ล้า งมือ และนํB า ยาฆ่ า เชืBอ มือ กรณี ท2ีจํา เป็ น
รวมทังB มีอุปกรณ์ ทาํ ให้มอื แห้งอย่างถูกสุขลักษณะ เช่น กระดาษ ทีเ2 ป่าลมร้อน และจัดให้มอี ่าง
ล้างมือในบริเวณผลิตตามความเหมาะสม
ห้องนํ3า ห้องส้วม และอ่างล้างมือหน้ าห้องส้วม
ต้อ งสะอาดถูกสุขลักษณะ มีการติดตังB อ่างล้างมือและสบู่เหลว อุปกรณ์ ทําให้มอื แห้ง
ต้องแยกจากบริเวณทีผ2 ลิต หรือไม่เปิ ดสู่บริเวณผลิตโดยตรง และต้องมีจํานวนเพียงพอสําหรับ
ผูป้ ฏิบตั งิ าน
การป้ องกันและกําจัดสัตว์และแมลง
มีมาตรการป้องกันกําจัดหนู แมลง และสัตว์พาหะอื2น ๆ เช่น การวางกับดักหรือกาวดัก
หนูแมลงสาบ เป็ นต้น นอกจากนีBหากมีการใช้สารฆ่าแมลงในบริเวณผลิต จะต้องคํานึงถึงโอกาส
เสีย2 งทีจ2 ะเกิดการเปืBอนในอาหารด้วย
ระบบกําจัดขยะมูลฝอย
จัดให้มภี าชนะรองรับขยะมูลฝอยที2มฝี าปิ ดในจํานวนที2เพียงพอและเหมาะสม และมี
ระบบกําจัดขยะออกจากสถานทีผ2 ลิตทีไ2 ม่กอ่ ให้เกิดการปนเปืB อนกลับเข้าสูก่ ระบวนการผลิต
ทางระบายนํ3าทิ3 ง
ต้องมีอุปกรณ์ ดกั เศษอาหารอย่างเหมาะสม เพื2อป้องกันการอุดตัน และการปนเปืB อน
กลับเข้าสูก่ ระบวนการผลิตอาหาร หรือดักสัตว์พาหะทีอ2 าจเข้าสูบ่ ริเวณผลิต
5. การบํารุงรักษา และการทําความสะอาด
เกณฑ์ขอ้ นีBจะช่วยให้การทํางานเป็ นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเสริมการป้องกันการ
ปนเปืBอนอันตรายสูอ่ าหาร ซึง2 มีรายละเอียดดังนีB
ตัวอาคารสถานที1 ผลิ ต
ต้อ งทํ า ความสะอาดและรัก ษาให้ อ ยู่ ใ นสภาพที2ส ะอาด ถู ก สุ ข ลัก ษณะสมํ2 า เสมอ
เครือ2 งมือ เครือ2 งจักร และอุปกรณ์ในการผลิต
- ต้องทําความสะอาด ดูแล และเก็บรักษาให้อยู่ในสภาพที2สะอาดทังB ก่อนและหลังการ
ผลิต สําหรับชิBนส่วนของเครื2องมือ เครื2องจักรต่าง ๆ ที2อาจเป็ นแหล่งสะสมจุลนิ ทรีย์
หรือ ก่อ ให้เ กิดการปนเปืB อ นในอาหารหลัง จากการทํา ความสะอาดที2เ หมาะสมและ
เพียงพอแล้ว ควรมีการฆ่าเชือB เครื2องมืออุปกรณ์ทส2ี มั ผัสอาหารก่อนการใช้งานด้วย
- การลําเลียงเครือ2 งมือ เครื2องจักรและอุปกรณ์ทท2ี าํ ความสะอาดและฆ่าเชือB แล้ว ควรทํา
ในสภาพทีป2 ้ องกันการปนเปืB อน
6. บุคลากร
บุคลากรที2เกีย2 วข้องกับการผลิตเป็ นปจั จัยที2สําคัญ อัน จะทําให้การผลิตเป็ นไปอย่า ง
ถูกต้องตามขันB ตอนและวิธปี ฏิบตั งิ าน รวมทังB สามารถป้องกันการปนเปืB อนจากการปฏิบตั งิ าน
และตัว บุ ค ลากรเอง เนื2 องจากร่า งกายเป็ น แหล่ ง สะสมเชืBอโรคและสิ2ง สกปรกต่ า ง ๆ ที2อ าจ
ปนเปืB อนสู่อาหารได้ การปฏิบตั งิ านอย่างไม่ถูกต้องหรือถูกสุขลักษณะอาจเป็ นสาเหตุของการ
ปนเปืB อ นของอันตรายทังB ทางด้า นกายภาพ เคมี และจุ ลิน ทรีย์ท2ีก่อให้เ กิดความเจ็บ ป่ว ยต่อ
ผูบ้ ริโภคได้ ดังนันB บุคลากรควรได้รบั การดูแลรักษาสุขภาพและความสะอาดส่วนบุคคล รวมทังB
การฝึกอบรม เพือ2 พัฒนาจิตสํานึกและความรูใ้ นการปฏิบตั งิ านอย่างถูกต้องและเหมาะสม
สุขภาพ
- ผูป้ ฏิบตั งิ านในบริเวณผลิตต้องมีสุขภาพดี ไม่เป็ นโรคเรืBอน วัณโรคในระยะอันตราย
ติดยาเสพติด พิษสุราเรือB รัง เท้าช้าง และโรคผิวหนังทีน2 ่ารังเกียจ
- ผูม้ อี าการไอ จาม เป็ นไข้ ท้องเสียควรหลีกเลี2ยงจากการปฏิบตั งิ านในส่วนที2สมั ผัส
อาหาร
- กรณีจําเป็ นทีจ2 ะต้องให้พนักงานทีม2 บี าดแผล หรือได้รบั บาดเจ็บปฏิบตั งิ านทีส2 มั ผัส
อาหาร จะต้องปิ ดหรือพัน แผลและสวมถุงมือ เพื2อ ป้องกัน มิให้เกิดการปนเปืB อนลงสู่
อาหาร
สุข ลักษณะผู้ป ฏิ บ ตั ิ ง านที1 ส ัม ผัส กับ อาหาร ควรมีการแต่ง กายและพฤติกรรมที2
เหมาะสม ดังนีB
- สวมเสือB หรือชุดกันเปืB อนทีส2 ะอาดและเหมาะสมต่อการปฏิบตั งิ าน เช่นผูป้ ฏิบตั งิ าน
บริเวณผลิตทีม2 คี วามเปี ยกชืนB ควรสวมผ้ากันเปืB อนพลาสติกทีก2 นั นํBาได้
- มือและเล็บพนักงาน ถือว่าเป็ นส่วนทีส2 มั ผัสอาหารมากทีส2 ดุ ดังนันB พนักงานควรไว้เล็บ
สันB และไม่ทาเล็บ
- การล้างมืออย่างถูกสุขลักษณะเป็ นสิง2 จําเป็ นทีต2 อ้ งปฏิบตั ทิ ุกครังB ก่อนและภายหลังออก
จากห้องนํBา ห้องส้วม เพือ2 ลดการปนเปืB อนจากพนักงานสูอ่ าหาร
- หากสวมถุงมือในการปฏิบตั งิ าน ถุงมือทีใ2 ช้ควรอยูใ่ นสภาพสมบูรณ์ สะอาดและทํา
อันตรายในอาหารและการปองกัน
อันตรายที่มีโอกาสการปนเปอนในอาหารแบงออกเปน
1. อันตรายทางชีวภาพ (Biological Hazard)
2. อันตรายทางเคมี (Chemical Hazard)
3. อันตรายทางกายภาพ (Physical Hazard)
ตารางที่ 1 แสดงประเภทอันตรายทางชีวภาพ
แบคทีเรียกอโรค โปโตซัว (Protozoa) หนอนพยาธิ ไวรัส
(Pathogenic Bacteria) (Helminth)
- Bacillus Cereus - Cryptosporidium - พยาธิไสเดือนตัว - Norwalk virus
- Campylobacter jejuni parvum กลม - ไวรัสตับอักเสบชนิด A
- Clostridium botulinum - Entamoeba histolytica - พยาธิตัวจี๊ด (Hepatitis A)
- Clostridium perfringens - Giardia lamblia - พยาธิทริคิเนลลา - ไวรัสตับอักเสบชนิด E
- Escherichia coli - พยาธิแสมา (Hepatitis E)
- Listeria monocytogenes - พยาธิตัวตืดวัว - Rota virus
- Salmonella - พยาธิตัวตืดหมู
- Shigella - พยาธิใบไมในลําไส
- Staphylococcus aureus - พยาธิใบไมในปอด
- Vibrio cholerae - พยาธิใบไมในตับ
- Vibrio parahaemolyticus
- Vibrio vulnificus
- Yersinia enterocolitica
2
การปองกันอันตรายทางชีวภาพในอาหาร
โรงงานอุตสาหกรรมอาหารตองนําหลักการสุขาภิบาลอาหารไปดําเนินการเพื่อการปองกันอันตรายทาง
ชีวภาพจาก แบคทีเรีย ไวรัส พยาธิและโปรโตซัว ที่กอใหเกิดโรคอาหารเปนพิษดังตอไปนี้
1) การคัดเลือกวัตถุดิบ
2) การทําความสะอาด
3) การเก็บรักษา
4) การแยกอาหารเปนหมวดหมู
5) กระบวนการแปรรูปอาหาร
6) สุขลักษณะสวนบุคคล
7) การกําจัดของเสีย
ตารางที่ 2 แสดงลักษณะอันตรายทางการยภาพและแหลงที่มา
สิ่งที่กออันตราย ลักษณะอันตราย แหลงที่มา
1. เศษแกว บาดอวัยวะ ทําใหโลหิตออก โคมไฟ หลอดไฟ นาฬิกา เทอรมอมิเตอร
อาจตองผาตัดเอาออก ฝากระจกครอบเครื่ อ งดั ก แมลง ฝากระจก
ครอบเกจวัดความดัน ขวดแกว โหล
2. เศษไม เปลือก ทําใหบาดเจ็บ เปนแผล ฝงในอวัยวะ แผนไมรองวัตถุดิบ กลอง ลังไม
3. เศษหิน/ทราย อาจทําใหฟนบิ่นหรือหัก แหลงเพาะปลูก วัตถุดิบ
สําลัก กีดขวางการกลืนอาหาร เศษวัสดุกอสรางอาคาร โรงงาน
4. เศษโลหะ ทําใหบาดเจ็บ ฟนหัก สําลัก เครื่องจักร สายไฟ คนงาน เศษวัสดุกอสร าง
อาจตองผาตัดเอาออก อาคาร สลัก เกลียว ลูกปน สกรู ตะแกรง
ใยโลหะ ลวดเย็บถุงพลาสติก นอต ใบมีด
5. ฉนวน สําลัก กีดขวางการกลืนอาหาร วัสดุกอสรางอาคาร ทอน้ํา
6. แมลง สําลัก แหลงเพาะปลูก โรงงาน ปนเปอนหลังการผลิต
7. กระดูก ทําใหฟนหัก สําลัก กีดขวาง การแปรรูป การชําแหละซากสัตว
การกลืนอาหาร
8. พลาสติก เศษยาง บาดอวัยวะ สําลัก โรงงานสวนบรรจุ คนงาน
การปองกันอันตรายทางกายภาพในอาหาร
อันตรายทางกายภาพมีการแพรกระจายก็ไมสม่ําเสมอ การสุมตัวอยางอาหารเพื่อตรวจสอบอันตรายทาง
กายภาพจึงไมไดผล ดังนั้นผูผลิตอาหารจึงตองเนนการปองกันเปนหลักโดยใชเครื่องมือตรวจจับวัตถุแปลกปลอม
(ตารางที่ 3) โดยตองติดตั้งในตําแหนงที่เหมาะสม มีการซอมบํารุงรักษาเปนประจํา ปรับสภาวะการทํางานของ
เครื่องมือใหใชงานไดจริงตามมาตรฐานการทํางานและมีการตรวจสอบการทํางานของเครื่องมือเหลานั้นเพื่อความ
มั่นใจวาสามารถควบคุมอันตรายทางกายภาพไดจริง รวมทั้งใหพนักงานปฏิบัติตามกฎระเบียบดานสุขลักษณะสวน
บุคคล ฝกอบรมใหคําแนะนําแกพนักงานอยางสม่ําเสมอ
5
ตารางที่ 3 แสดงเครื่องมือสําหรับตรวจจับหรือกําจัดอันตรายทางกายภาพ
เครื่องมือ หนาที่ ขอควรคํานึงในการตรวจสอบแกไข
1. แมเหล็ก แยกโลหะอันตราย - การติดตั้ง
- การซอมบํารุง
2. เครื่องจับโลหะ ตรวจจับวัตถุที่ทําดวยเหล็กเฟอรัส - การติดตั้ง
ที่เปนอันตรายซึ่งมีขนาดใหญกวา 1 - การซอมบารําง
มิลลิเมตร และวัตถุทําดวยเหล็กที่ - การปรับความแมนยํา
ไมใชเฟอรัสซึ่งมีขนาดใหญกวา
2 มิลลิเมตร
3. ตะแกรง (screen) แยกวัตถุแปลกปลอมที่มีขนาดใหญ - ธรรมชาติของวัตถุดิบ
เครื่องรอน เครื่องกรอง(filter) กวารูตะแกรง - ขนาดรูตะแกรง
เครื่องแยกหิน (de-stoner) เชน เศษหิน เศษไม เสี้ยนไม - การซอมบํารุง
4.แผ น รองอาหารในเครื่ อ ง แยกหิ น จากเมล็ ด ถั่ ว ขณะทํ า ให - การติดตั้ง
เขยา (ruffle board) แหงหรือถั่วที่เก็บมาจากไรนา - การซอมบํารุง