Professional Documents
Culture Documents
บทที 5
ผลิตภัณฑ์ นมชนิดเหลว
ผลิตภัณฑ์ นมชนิดเหลว (fluid milk products) ได้ แก่ ผลิตภัณฑ์ นมที4 จําหน่ายใน
ท้ อ งตลาดในสภาพของเหลวหรื อ นมพร้ อมดื4 ม ซึ4 ง มี ห ลายชนิ ด ดัง นัน? การศึก ษาผลิ ต ภัณ ฑ์ น ม
ชนิ ด เหลวจึง ต้ องมี ก ารเรี ยนรู้ การจํ าแนกประเภท วิ ธี การผลิ ต สมบัติ และมาตรฐานตลอดจน
การเสื4อมเสียและการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์นมชนิดเหลว
การจําแนกประเภทผลิตภัณฑ์ นมชนิดเหลว
นมสด
กระทรวงสาธารณสุข (2547) จํ า แนกประเภทของนมสดตามปริ ม าณมัน เนยไว้
3 ประเภท และกําหนดความหมายไว้ ดงั นี ?
1. นมสดชนิดเต็มมันเนย มีเนื ?อนมไม่รวมมันเนยไม่น้อยกว่าร้ อยละ 8.25 ของนํ ?าหนัก
และมันเนยไม่น้อยกว่าร้ อยละ 3.2 ของนํ ?าหนัก
2. นมสดชนิดพร่ องมันเนย มีเนื ?อนมไม่รวมมันเนยไม่น้อยกว่าร้ อยละ 8.5 ของนํ ?าหนัก
และมันเนยมากกว่าร้ อยละ 0.1 ของนํ ?าหนัก แต่ไม่ถึงร้ อยละ 3.2 ของนํ ?าหนัก
3. นมสดชนิดขาดมันเนย มีเนื ?อนมไม่รวมมันเนยไม่น้อยกว่าร้ อยละ 8.8 ของนํ ?าหนัก
และมันเนยไม่เกินร้ อยละ 0.1 ของนํ ?าหนัก
นมคืนรู ป
นมคืนรู ป หมายถึงผลิตภัณฑ์ที4ได้ จากการนําองค์ประกอบของนํ ?านมสดมาผสมกันให้ มี
ลักษณะเช่นเดียวกับนํ ?านมสดและอาจเติมนํ ?านมสดหรื อวัตถุอื4นใดที4เป็ นองค์ประกอบของนํ ?านม
นมคืนรู ปสามารถจําแนกตามปริ มาณมันเนยได้ เช่นเดียวกันนมสด คือ นมคืนรู ปชนิดเต็มมันเนย
นมคืนรูปชนิดพร่องมันเนยและนมคืนรูปชนิดขาดมันเนย (กระทรวงสาธารณสุข, 2547) นอกจากนี ?
นมคืนรูปยังสามารถจําแนกตามชนิดของส่วนผสมได้ 2 แบบ (อภิญญา เจริ ญกูล, 2553, หน้ า 83)
ดังนี ?
1. Reconstituted milk เป็ นผลิตภัณฑ์ที4ผลิตได้ จากการนํานมผงเต็มมันเนย (full fat
milk powder หรื อ whole milk powder) มาละลายนํ ?าแล้ วผ่านขันตอนการฆ่
? าเชื ?อและบรรจุ
2. Recombined milk เป็ นผลิตภัณฑ์ที4ผลิตโดยนํานมผงขาดมันเนย ไขมันนม นํ ?าและ
ส่วนผสมอื4น ๆ มาผสมรวมกันใหม่แล้ วจึงผ่านขันตอนการฆ่
? าเชื ?อและบรรจุ
วิธีการผลิตผลิตภัณฑ์ นมชนิดเหลว
ผลิ ตภัณ ฑ์ นมชนิ ดเหลวแต่ล ะชนิ ดมี กระบวนการผลิ ตคล้ ายคลึง กัน ปั จ จุบนั นิ ยมใช้
การผลิตแบบต่อเนื4อง (continuous process) มากกว่าการผลิตแบบกะ (batch process) (บุญศรี
จงเสรี จิตต์, 2553, หน้ า 53) อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็ นการผลิตแบบใดจะมีกระบวนการผลิต
2. การแยกฝุ่ นและสิงสกปรกออกจากนํา* นม
การแยกฝุ่ นและสิ4งสกปรกออกจากนํ ?านมทําได้ 2 วิธี คือ การกรองและการหมุนเหวี4ยง
(บุญศรี จงเสรี จิตต์, 2553, หน้ า 54)
2.1 การกรอง (filtration)
กรองด้ วยผ้ ากรอง สํ าลี หรื อใยสังเคราะห์ วิธีนีม? ี ประสิทธิ ภ าพตํ4า แต่นิยมใช้ ใ น
โรงงานแปรรูปนม เนื4องจากประหยัดค่าใช้ จา่ ย
2.2 การหมุนเหวียง (centrifuge)
การหมุนเหวี4ยงเป็ นการแยกสิ4งสกปรกโดยใช้ เครื4 องเหวี4ยง (clarifier หรื อ high-
speed centrifuge) สามารถแยกฝุ่ นละออง เม็ดเลือดขาว เซลล์จากเต้ านมโค แบคทีเรี ยบางชนิด
ตลอดจนสิ4งเจือปนต่าง ๆ ในนํ ?านมดิบ
4. การปรั บมาตรฐานไขมันนม
อภิญญา เจริ ญกูล (2553, หน้ า 54-55); Walstra, Wouters, & Geurts (2006, pp.
222-223) กล่าวว่าการปรับมาตรฐานไขมันนม หมายถึง การปรับระดับของไขมันนมให้ ได้ ปริ มาณ
ไขมั น ที4 กํ า หนดไว้ ในมาตรฐานของผลิ ต ภั ณ ฑ์ น มชนิ ด เหลวแต่ ล ะประเภทในประกาศ
กระทรวงสาธารณสุและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ของแต่ละโรงงาน ในกรณี ที4ปริ มาณไขมันนมใน
นํ ?านมดิบสูงกว่ามาตรฐานจําเป็ นต้ องแยกเอาไขมันนมออกบางส่วน แต่ถ้าปริ มาณไขมันที4กําหนด
ในมาตรฐานสูง กว่านํ า? นมดิบที4 เ ข้ ามาในโรงงานจะต้ องมี การเติม ครี ม หรื อแยกเอาหางนมออก
เพื4อให้ ได้ ปริ มาณไขมันตามมาตรฐานกําหนด
ตัวอย่างที4 5.1 โรงงานต้ องการผลิตนํ ?านมให้ มีปริ มาณไขมันร้ อยละ 3.5 จํานวน 100 กิโลกรัม
จากครี มที4มีไขมันร้ อยละ 30 และหางนมที4มีไขมันร้ อยละ 0.5 ต้ องการทราบว่า
จะต้ องใช้ ครี มและหางนมปริ มาณเท่าไร
3.5
นํ ?านมที4มีไขมันร้ อยละ 3.5 จํานวน 100 กิโลกรัม ต้ องใช้ ครี ม 3x100 = 10 กิโลกรัม
30
นํ ?านมที4มีไขมันร้ อยละ 3.5 จํานวน 30 กิโลกรัม ต้ องใช้ หางนม 27 กิโลกรัม
นํ ?านมที4มีไขมันร้ อยละ 3.5 จํานวน 100 กิโลกรัม ต้ องใช้ หางนม 27x100 = 90 กิโลกรัม
30
ดังนันในการผลิ
? ตนํ ?านมที4มีปริ มาณไขมันร้ อยละ 3.5 จํานวน 100 กิโลกรัม จะต้ องใช้
ครี มที4มีไขมันร้ อยละ 30.5 จํานวน 10 กิ โลกรัม และหางนมที4มีไขมันร้ อยละ 0.5 จํานวน 90
กิโลกรัม
5. การปั นแยกครี ม
Walstra, Wouters, & Geurts (2006, pp. 273-274) กล่าวว่าการปั4 นแยกครี มมี
วัตถุประสงค์เพื4อการแยกครี มออกจากหางนม เพื4อปรับมาตรฐานไขมันนมและทําให้ ได้ ผลิตภัณฑ์
ที4มีปริ มาณไขมันตามที4ต้องการ ดังนันจึ ? งมีขนตอนนี
ั? ?ในโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นมทุกชนิด
การเกิดชันครี
? มลอยขึ ?นสูผ่ ิวหน้ าของนํ ?านมตามธรรมชาติซงึ4 เกิดขึ ?นเมื4อตังนํ
? ?านมทิ ?งไว้ เป็ น
เวลานานและการปั4 นแยกครี มออกจากนํ ?านมด้ วยเครื4 องปั4 นแยกครี มมีความแตกต่างกันมากในด้ าน
ความเร็ ว ที4 ใ ช้ ใ นการแยกครี ม และความสมบูร ณ์ ข องการแยกครี ม เนื4 องจากการใช้ เ ครื4 อ งปั4 น
แยกครี มมีการทําให้ เกิดกระบวนการไหลอย่างต่อเนื4อง มีกระบวนการหมุนเหวี4ยงด้ วยความเร็ วสูง
ประกอบกับระยะทางที4จํากัดทําให้ เม็ดไขมันเกิดการเคลื4อนที4อย่างรวดเร็ ว หลังจากนันครี ? มจะถูก
ส่งผ่านทางช่องแคบ ๆ ภายในระยะเวลาสัน?
หลักการทํางานของเครื4 องปั4 นแยกครี มแบบกึ4งเปิ ด (semiopen separator หรื อ half
separator) ในภาพที4 5.1 คือ นํ ?านมจะไหลเข้ าเครื4 องปั4 นแยกครี มบริ เวณแกนกลางด้ านบนของ
เครื4 องและไหลลงไปในถ้ วย (bowl) ซึ4งหมุนรอบตัวเอง ไหลทะลุผ่านถ้ วยเข้ าไปยังจานรู ปกรวยซึ4ง
วางเรี ยงซ้ อนกันและไหลไปตามช่องว่างระหว่างจานรู ปกรวย จากนันแรงปั ? 4 นเหวี4 ยงจะทําให้ เม็ด
ไขมันเข้ าไปในช่องว่างของจานรูปกรวยซึง4 อยู่ตํ4ากว่า จากนันจะเคลื
? 4อนตัวสูงขึ ?นและถูกแยกออกมา
เป็ นครี ม ส่ว นหางนมซึ4ง ประกอบด้ วยหางนมและเม็ ดไขมันขนาดเล็ กซึ4ง หลุดรอดออกมาจาก
การแยกและถูกหมุนเหวี4ยงออกไปคนละช่องกับครี ม ทังครี ? มและหางนมมีการเคลื4อนที4ขึ ?นและแยก
ออกจากกันโดยจานครี มก่อนที4จะถูกปล่อยออกจากเครื4 องปั4 นแยกครี ม
feed
cream discharge
skim milk discharge
skim milk centripetal pump
cream centripetal pump
cream disc
bowl
shaft
6. การโฮโมจีไนซ์
เนื4 อ งจากนํ า? นมเป็ นของเหลวที4 มี ลั ก ษณะอิ มั ล ชั น แบบนํ า? มั น ในนํ า? (oil-in-water
emulsion) ประกอบด้ วยเม็ดไขมันกระจายอยู่ในส่วนของนํ ?านม เม็ดไขมันในนํ า? นมดิบมี ขนาด
ประมาณ 1-15 ไมครอน ซึง4 ความถ่วงจําเพาะของไขมันนม (0.86-0.87) มีคา่ ตํ4ากว่านํ ?านม (1.037)
จึงทํ าให้ เ ม็ดไขมันเคลื4 อนตัวขึน? มาด้ านบนของนํ า? นมมี ลักษณะเป็ นชัน? เรี ยกว่าชัน? ครี ม (cream
line) ทําให้ นํ ?านมไม่เป็ นเนื ?อเดียวกัน ดังนันจึ
? งต้ องผ่านกรรมวิธีการทําให้ เป็ นเนื ?อเดียวกันที4เรี ยกว่า
การโฮโมจีไนซ์ (อภิญญา เจริ ญกูล, 2553, หน้ า 56)
การโฮโมจีไนซ์ หมายถึง การที4ไขมันในนํ ?านมถูกทําให้ มีขนาดเล็กลงจนมีขนาดเดียวกัน
ทังหมด
? ซึ4งการลดขนาดของไขมันนี ?อาจทําให้ เล็กลงถึง 10 เท่า มีผลทําให้ ไขมันในนํ ?านมไม่มีการ
7. การให้ ความร้ อน
การให้ ความร้ อนแก่ นํา? นมดิบมี วัตถุประสงค์ สําคัญ เพื4 อทํ าให้ เ กิ ดความปลอดภัยแก่
ผู้ บ ริ โ ภค เนื4 อ งจากความร้ อนทํ า ลายแบคที เ รี ย ก่ อ โรค (pathogenic bacteria) ได้ แ ก่
มี เครื4 องกวนที4 หมุนด้ วยมอเตอร์ วิธี นีเ? หมาะสํ าหรั บการพาสเจอไรส์ นํา? นมปริ มาณไม่มาก ถ้ ามี
ปริ มาณนํ ?านมมากขึ ?น อาจต้ องใช้ ถงั หลายใบหรื อต้ องรอทําให้ เสียเวลา นอกจากนี ?ยังไม่สามารถนํา
พลังงานหมุนเวียนกลับมาใช้ ได้
อีกวิธีหนึ4งคือ in-bottle pasteurization เป็ นวิธีการบรรจุในขวดแก้ ว
ปิ ดสนิทก่อนนําไปพาสเจอไรส์
อุณหภูมิที4ใช้ เป็ นแบบ low temperature-long time (LTLT) คือ 62.5-
65.6 องศาเซลเซียส เป็ นเวลาไม่น้อยกว่า 30 นาที แล้ วทําให้ เย็นทันทีที4อณ ุ หภูมิตํ4ากว่า 10 องศา
เซลเซียส หรื อตํ4ากว่า 5-6 องศาเซลเซียส
2. การพาสเจอไรส์ระบบต่อเนื4อง (continuous pasteurization) เป็ นที4
นิ ย มกั น มากในปั จ จุ บัน ระบบต่ อ เนื4 อ งมี ทั ง? แบบ LTLT คื อ อุ ณ หภู มิ ร ะหว่ า ง 62.8-65.6
องศาเซลเซียส เป็ นเวลาไม่น้อยกว่า 30 นาที หรื อแบบ high temperature-short time (HTST) คือ
อุณหภูมิ 71.7-78.1 องศาเซลเซียส เป็ นเวลาไม่น้อยกว่า 15 วินาที แล้ วทําให้ เย็นทันทีที4อณ ุ หภูมิ
ตํ4ากว่า 10 องศาเซลเซียส หรื อตํ4ากว่า 5-6 องศาเซลเซียส
2.1 อุปกรณ์สําหรับการพาสเจอไรส์นํ ?านมดิบ
2.1.1 เครื4 อ งแลกเปลี4 ย นความร้ อน (heat exchanger)
การแปรรู ปผลิตภัณฑ์ นมชนิดเหลวนิยมใช้ เครื4 องแลกเปลี4 ยนความร้ อนแบบแผ่น (plate heat
exchanger) ทําจากสเตนเลสมีลกั ษณะเป็ นแผ่นสี4เหลี4ยมผืนผ้ า พื ?นผิวมีลกั ษณะเป็ นร่ องหรื อเป็ น
แนวลูกฟูก เพื4อเพิ4มพื ?นที4ผิวสําหรับการถ่ายเทความร้ อน มีหลายแผ่นประกบกัน ระหว่างขอบของ
แผ่นมีประเก็นยางป้องกันการรั4ว โดยนํ ?านมจะผ่านไปในช่องหนึ4ง ความร้ อนซึ4งอาจเป็ นไอนํ ?าหรื อ
นํ ?าร้ อนจะผ่านเข้ าไปในช่องถัดไป นํ า? นมและนํ า? ร้ อนไหลในทิศทางสวนกัน นอกจากนี ?ในชุดของ
แผ่นแลกเปลี4ยนความร้ อนนี ?จะมีชดุ หนึง4 ซึง4 เป็ นชุดที4ทําให้ เย็นอยูถ่ ดั ไป
นอกจากการให้ ความร้ อนโดยเครื4 องแลกเปลี4ยนความร้ อนแบบ
แผ่นแล้ วยังอาจใช้ เครื4 องแลกเปลี4ยนความร้ อนแบบท่อ (shell และ tube heat exchanger) ก็ได้
2.1.2 ถังรักษาระดับนํ ?านม (balance tank) นํ ?านมที4จะส่ง
เข้ าเครื4 องพาสเจอไรส์ จะต้ องมี ความต่อเนื4 อง ถ้ ามี ช่วงที4 ว่างไม่มีนํา? นมเข้ าจะทํ าให้ เกิ ดช่องว่าง
ภายในท่อทําให้ ขาดความสมํ4าเสมอและทําให้ ระบบการพาสเจอไรส์ไม่สมบูรณ์ ภายในถังรักษา
ระดับนํ ?านมมีเครื4 องมือช่วยทําหน้ าที4รักษาระดับซึ4งมีลกั ษณะเป็ นลูกลอยทําหน้ าที4ควบคุมวาล์วปิ ด
เปิ ดให้ นํ ?านมเข้ าในถัง
alkaline phosphatase
disodium phenyl phosphate phenol + sodium phosphate
2,6-dichloroquinone-chloroimide
indophenols (blue)
p-nitrophenylphosphate p-nitrophenol
7.2 กระบวนการสเตอริไลซ์
สเตอริ ไลซ์ หมายความว่า กรรมวิธีฆา่ เชื ?อนํ ?านมโคที4บรรจุในภาชนะที4ปิดสนิทด้ วย
ความร้ อนที4อณ ุ หภูมิไม่ตํ4ากว่า 100 องศาเซลเซียส โดยใช้ เวลาที4เหมาะสม ทังนี ? ?จะต้ องผ่านกรรมวิธี
ทําให้ เป็ นเนื ?อเดียวกัน (กระทรวงสาธารณสุข, 2547) การสเตอริ ไลซ์นํ ?านมดิบมีวตั ถุประสงค์เพื4อ
ทําลายจุลินทรี ย์รวมถึงสปอร์ และเอนไซม์ในนํ ?านมดิบ นอกจากนี ?ยังทําให้ เกิดการเปลี4ยนแปลงทาง
เคมีน้อยระหว่างการเก็บรักษา กลิ4นรสของนํ ?านมยังคงได้ รับการยอมรับจากผู้บริ โภคแต่คณ ุ ค่าทาง
โภชนาการลดลงเล็กน้ อย (Walstra, Wouters, & Geurts, 2006, p. 431-433)
ระบบของการสเตอริไลซ์
การสเตอริ ไ ลซ์ นํา? นมดิบมี 2 ระบบ คื อ ระบบไม่ต่อเนื4 องและระบบ
ต่อเนื4อง ซึง4 อภิญญา เจริ ญกูล (2553, หน้ า 63-64) กล่าวไว้ ดงั นี ?
1. การสเตอริ ไ ลซ์ ร ะบบไม่ ต่ อ เนื4 อ ง (batch sterilization) เป็ น
การสเตอริ ไลซ์ในหม้ อนึ4งฆ่าเชื ?อ (retort) รู ปทรงกระบอกแบบแนวนอนที4ด้านหนึ4งเป็ นประตูที4ปิด-
เปิ ดได้ สะดวก สเตอริ ไลซ์ที4อณ ุ หภูมิ 110 องศาเซลเซียส เป็ นเวลา 30 นาที หรื อที4อุณหภูมิ 115-
120 องศาเซลเซียส เป็ นเวลา 15-20 นาที แล้ วทําให้ เย็นในนํ ?า
2. การสเตอริ ไ ลซ์ ระบบต่อเนื4 อง (continuous sterilization) เป็ น
การสเตอริ ไลซ์แบบอัตโนมัติระบบสายพาน ที4นิยมใช้ คือ hydrostatic sterilizers โดยมีขนตอนการ ั?
ทํางานดังนี ?
2.1 bring up leg เป็ นส่วนแรกที4ทําหน้ าที4เพิ4มอุณหภูมิของนํ ?านม
ขึ ?นจาก 80-90 องศาเซลเซียส เป็ น 105-118 องศาเซลเซียส
2.2 steam chamber ภาชนะบรรจุนํา? นมเคลื4 อนผ่านเข้ ามาที4
อุณหภูมิ 115-125 องศาเซลเซียส ใช้ เวลาประมาณ 15-30 นาที ภายใต้ ความดัน
2.3 bring down leg เป็ นส่วนที4ทําหน้ าที4ลดอุณหภูมิลงโดยใช้ นํ ?า
ฉีดพ่น (water spraying) หรื อแช่ในอ่างนํ ?าเย็น (cooling bath)
7.3 กระบวนการยู เอช ที
ยู เอช ที หรื อ ultra-high-temperature หมายความว่ า กรรมวิ ธี ฆ่ า เชื อ? ด้ ว ย
ความร้ อนที4อณ ุ หภูมิไม่ตํ4ากว่า 133 องศาเซลเซียส ไม่น้อยกว่า 1 วินาที แล้ วบรรจุในภาชนะและ
ในสภาวะที4ปราศจากเชื ?อ ทังนี ? ?จะต้ องผ่านกรรมวิธีทําให้ เป็ นเนื ?อเดียวกัน (กระทรวงสาธารณสุข,
2547)
ยู เอช ที จัดเป็ นการสเตอริ ไลซ์ เช่นเดียวกับ in-container sterilization แต่มี
คุณภาพดี กว่า คื อมี กลิ4นสุก (cooked flavor) น้ อยกว่าและมี สีดีกว่า โดยยังคงมี คุณค่าทาง
โภชนาการใกล้ เคียงกับนมพาสเจอไรส์ (อภิญญา เจริ ญกูล, 2553, หน้ า 65)
ระบบของยู เอช ที
อภิญญา เจริ ญกูล (2553, หน้ า 65-67) กล่าวว่า การสเตอริ ไลซ์นํ ?านมดิบ
ด้ วยกระบวนการยู เอช ที มี 2 ระบบ คือ การให้ ความร้ อนโดยอ้ อม (indirect heating) และการให้
ความร้ อนโดยตรง (direct heating) ซึง4 มีรายละเอียดดังนี ?
cold water
UHT milk
steam
raw milk
นํา* นมไป
เครื องบรรจุ
ไปสู่เครื องบรรจุท ี
ปราศจากจุลินทรี ย์
การทดสอบประสิทธิภาพของการสเตอริไลซ์
วิธีการทดสอบประสิทธิภาพของการสเตอริ ไลซ์ทําได้ โดยเติมแอมโมเนียม
ฟอสเฟต ( ammonium phosphate) 4 กรัม ในนํ ?านมปริ มาตร 20 มิลลิลิตร แอมโมเนียมฟอสเฟต
จะทําให้ โปรตีนเคซีนและโปรตีนเวย์ที4เสียสภาพธรรมชาติ (denatured whey protein) ตกตะกอน
โดยโปรตีนที4 ไม่เสี ยสภาพจะอยู่ในสารละลายส่วนใสที4 กรองออกมา หลังจากนัน? นํ าสารละลาย
ส่วนใสที4กรองได้ ไปให้ ความร้ อน ถ้ ามีตะกอนเกิดขึน? แสดงว่ามี โปรตีนที4ยงั ไม่เสี ยสภาพอยู่ จึงให้
ผลบวก (positive turbidity test) นมสเตอริ ไลซ์ไม่ควรมีโปรตีนเวย์ที4ไม่เสียสภาพเหลืออยู่และ
ควรให้ ผลลบ (negative turbidity test) ในขณะที4นมยู เอช ที ผลที4ได้ อาจเป็ นบวกหรื อลบก็ได้
แต่ มัก ให้ ผ ลบวก โดยอาจได้ ผ ลลบถ้ า มี ก ารให้ ค วามร้ อนที4 สู ง หรื อ นานเกิ น ไป ดัง นัน? จึ ง ควร
ตรวจสอบโดยใช้ วิธีทางจุลชีววิทยา (colony count) (อภิญญา เจริ ญกูล, 2553, หน้ า 69)
8. การบรรจุ
นํ า? นมที4 ผ่ า นการโฮโมจี ไ นซ์ แ ละพาสเจอไรส์ แ ล้ วนํ า มาทํ า ให้ เย็ น ลงที4 อุ ณ หภู มิ 5
องศาเซลเซี ย สหรื อ ตํ4 า กว่ า เพื4 อ รอการบรรจุ ภาชนะที4 ใ ช้ บ รรจุอ าจใช้ วัส ดุแ ตกต่ า งกัน ได้ แ ก่
แผ่ น พลาสติ ก กระดาษหรื อ ขวดแก้ ว โดยทั4ว ไปในประเทศไทยนิ ย มใช้ แ ผ่ น พลาสติ ก ซึ4 ง ผ่ า น
การฆ่ า เชื อ? ด้ วยแสงอั ล ตร้ าไวโอเลตและบรรจุ น มในสภาพปลอดเชื อ? สํ า หรั บ การบรรจุ
นํ ?านมยู เอช ที นิยมใช้ ระบบ Tetra Brik ซึ4งเป็ นระบบการบรรจุนมในสภาพปลอดเชื ?อ (บุญศรี
จงเสรี จิตต์, 2553, หน้ า 56)
การบรรจุในสภาพปลอดเชือ* (aseptic packing)
การบรรจุในสภาพปลอดเชื ?อ หมายถึง การบรรจุนํ ?านมที4ปลอดเชื ?อในบรรจุภณ ั ฑ์
หรื อ ภาชนะบรรจุ ที4 ผ่ า นการฆ่ า เชื อ? ก่ อ นการบรรจุแ ละปิ ดผนึ ก ในสภาพแวดล้ อ มที4 ป ลอดเชื อ?
(อภิญญา เจริ ญกูล, 2553, หน้ า 68)
จากที4 กล่าวข้ างต้ นแล้ วว่าการบรรจุนมยู เอช ที นิยมใช้ ระบบ Tetra Brik ซึ4ง
ระบบนี เ? ป็ นระบบการบรรจุที4พัฒนาขึ ?นในบริ ษัท Tetra Pak ประเทศสวีเดน เมื4อปี ค.ศ. 1952
โดยภาชนะที4 ใ ช้ บรรจุทําด้ วยกระดาษที4 เ คลื อบด้ วยโพลี เ อทิลี น (polyethylene, PE) และ
แผ่ นอลูมิ เ นี ยมซ้ อนกันจํ า นวนเจ็ ดชัน? สามารถป้ องกัน การซึม ผ่า นของอากาศ แสงสว่ า งหรื อ
ความชื ?น เครื4 องบรรจุแบบปลอดเชื ?อ (aseptic packing machine) จะอยู่ภายในห้ องบรรจุซึ4งแยก
ออกมาจากส่วนอื4 นของโรงงาน โดยที4 ขณะที4 เ ครื4 องบรรจุแบบปลอดเชื อ? ทํ างานม้ วนกระดาษที4
เคลือบด้ วยโพลีเอทิลีนและแผ่นอลูมิเนียมจะผ่านไปในสารละลายไฮโดรเจนเปอร์ ออกไซด์ (H2O2)
ความเข้ ม ข้ นร้ อยละ 15-20 หรื ออาจพ่ นไปบนพื น? ผิ วของด้ านที4 จ ะสัม ผัส กับ นํ า? นมทัง? นี เ? พื4 อ
ฆ่าเชื อ? จุลินทรี ย์ หลังจากนัน? กระดาษจะถูกทําให้ แห้ งด้ วยลมร้ อนอุณหภูมิ 125 องศาเซลเซียส
เพื4อระเหยนํ ?าและทําลายจุลินทรี ย์ พร้ อมกับทําให้ แผ่นกระดาษม้ วนงอเป็ นลักษณะคล้ ายท่อ นํ ?านม
ที4 ผ่ า นการสเตอริ ไ ลซ์ แ บบยู เอช ที ที4 อ อกจากถัง หล่ อ เย็ น จะถูก ส่ ง ไปยัง ท่ อ กระดาษ จากนัน?
ท่อกระดาษที4บรรจุนํ ?านมจะถูกปิ ดหัว-ท้ ายและทําให้ เป็ นรูปทรงสี4เหลี4ยม ดังแสดงในภาพที4 5.8-5.9
(บุญศรี จงเสรี จิตต์, 2553, หน้ า 56; อภิญญา เจริ ญกูล, 2553, หน้ า 68-69)
ภาชนะบรรจุผลิตภัณฑ์ นมชนิดเหลว
อภิ ญ ญา เจริ ญ กูล (2553, หน้ า 70-74) กล่ าวถึ ง ภาชนะบรรจุผ ลิ ตภัณ ฑ์
นมพาสเจอไรส์ นมสเตอริ ไลซ์และนมยู เอช ที ไว้ ดงั นี ?
1. นํ ?านมพาสเจอไรส์
1.1 ขวดแก้ วชนิดใช้ ซํ ?า (returnable glass bottle)
1.2 ถุงพลาสติก (plastic pouches หรื อ plastic bag) เป็ น black/white
co-extruded laminate LDPE film ประกอบด้ วย
1.2.1 LDPE (low density polyethylene)
1.2.2 LDPE (white)
1.2.3 LDPE (black)
1.2.4 polyethylene
1.2.5 LDPE หรื อ LLDPE (linear low-density polyethylene)
เครื4 องบรรจุสําหรับบรรจุภณ ั ฑ์ชนิดถุงพลาสติกแสดงดังภาพที4 5.10
product
reel
forming shoulder
propelling rollers
forming tube
long seam unit
Sealing jaws
1 exterior PE
2 paper
3 interior PE
2. นํ ?านมสเตอริ ไลซ์
2.1 ขวดแก้ ว (glass bottle) ชนิด thick-walled narrow-necked bottle
2.2 กระป๋ องแผ่นเหล็กเคลือบดีบกุ (tinplate can) (ภาพที4 5.13)
side seam
3. นํ ?านมยู เอช ที
3.1 กล่องกระดาษ (carton board) เช่น Tetra Brik เป็ น aseptic pack
ของบริ ษัท Tetra Pak จัดเป็ นชนิด form-fill-seal cartons ชนิดของวัสดุ ประกอบด้ วย
3.1.1 exterior PE
3.1.2 bleached paper (printing)
3.1.3 unbleached paper
3.1.4 surlyn หรื อ PE
3.1.5 aluminium foil
3.1.6 surlyn หรื อ internal coating 1
3.1.7 interior PE หรื อ internal coating 2
3.2 ขวดพลาสติก (plastic bottle) ชนิด multiple layer HDPE
สมบัตแิ ละมาตรฐานของนมสดและนมคืนรู ป
กระทรวงสาธารณสุข (2547) กํ าหนดสมบัติและมาตรฐานของนมสดและนมคืนรู ปไว้
ดังนี ?
1. ต้ องปราศจากเชื ?อโรคอันอาจจะติดต่อคนได้ เช่น เชื ?อที4ทําให้ เกิดวัณโรค เชื ?อที4ทําให้
เกิดโรคแท้ งติดต่อ เป็ นต้ น
2. ไม่มีนํ ?านมนํ ?าเหลืองเจือปน
3. มีกลิ4นตามลักษณะเฉพาะของนมสดหรื อนมคืนรูปที4ผา่ นกรรมวิธีฆา่ เชื ?อชนิดนัน?
4. มีลกั ษณะเหลวเป็ นเนื ?อเดียวกัน
5. ไม่มีสารที4อาจเป็ นพิษ สารเป็ นพิษจากจุลินทรี ย์และสารปนเปื อ? นในปริ มาณที4อาจ
เป็ นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น สารตกค้ างจากยาฆ่าแมลง สารปฏิชีวนะ แอฟลาทอกซิน เป็ นต้ น
6. ไม่มีวตั ถุกนั เสีย
7. ไม่มีวตั ถุที4ให้ ความหวานแทนนํ ?าตาล
ผลิ ต ภัณ ฑ์ น มชนิ ด เหลวจัด เป็ นผลิ ต ภัณ ฑ์ น มพร้ อมดื4 ม ประเภทหนึ4 ง เนื4 อ งจากเป็ น
ผลิตภัณฑ์นมที4ดื4มได้ ทนั ทีเพราะอยูใ่ นสภาพพร้ อมบริ โภค ซึง4 มีทงชนิ
ั ? ดที4เป็ นนมสด นมปรุ งแต่งและ
นมคืนรูป โดยผลิตภัณฑ์นมดังกล่าวต้ องผ่านกระบวนการให้ ความร้ อนแบบพาสเจอไรส์ สเตอริ ไลซ์
หรื อยู เอช ที จากการที4ใช้ กระบวนการให้ ความร้ อนแตกต่างกัน ส่งผลให้ มีลกั ษณะทางจุลชีววิทยา
ลักษณะการเสื4อมเสียและการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์นมมีความแตกต่างกันดังนี ?
ลักษณะทางจุลชีววิทยาของผลิตภัณฑ์ นมชนิดเหลว
ผลิตภัณฑ์ นมชนิดเหลวที4 ผ่านกรรมวิธีการให้ ความร้ อนแตกต่างกันจะมี ลักษณะทาง
จุลชีววิทยาแตกต่างกัน ดังนี ?
นมพาสเจอไรส์
กระบวนการาสเจอไรส์สามารถทําลายเชื ?อราและยีสต์ได้ ทกุ ชนิดรวมทังเชื ? ?อโรคที4
ไม่มีสปอร์ แต่ไม่สามารถทําลายแบคทีเรี ยที4 ทําให้ นมเกิ ดการเน่าเสี ยได้ เช่น Alcaligenes เป็ น
แบคทีเรี ยชนิดทนร้ อน และ Bacillus เป็ นพวกที4สร้ างสปอร์ การตรวจพบ Pseudomonas ซึ4งเป็ น
พวกที4เจริ ญได้ ที4อุณหภูมิตํ4าและโคลิฟอร์ มในนํ ?านมพาสเจอไรส์ แสดงว่ากระบวนการฆ่าเชื ?อของ
ระบบการผลิตบกพร่ องและ/หรื อมี การปนเปื ?อนหลังการฆ่าเชือ? เพราะเป็ นแบคที เรี ยที4 ไม่ทนต่อ
อุณ หภู มิ ก ารพาสเจอไรส์ การที4 พ บจุลิ น ทรี ย์ เ หล่ า นี ป? นเปื ?อ นในนมพาสเจอไรส์ จ ะมี ผ ลทํ า ให้
นมพาสเจอไรส์เสียเร็ วหรื อมีอายุการเก็บสัน? เนื4องจากไม่มีระบบยับยังจุ ? ลินทรี ย์ที4เรี ยกกว่า ระบบ
ลักษณะการเสือมเสียของผลิตภัณฑ์ นมชนิดเหลว
บุญศรี จงเสรี จิตต์ (2553, หน้ า 82-83) กล่าวว่าผลิตภัณฑ์นมชนิดเหลวมีลักษณะ
การเสื4อมเสีย 4 ลักษณะ ดังนี ?
1. การเกิดแก๊ ส จากแบคทีเรี ยที4สร้ างแก๊ ส (gas-forming bacteria) ได้ แก่ E. coli
ซึ4งปนเปื ?อนมาจากลํ าไส้ หรื อทางเดินอาหารของโค การตรวจพบจุลินทรี ย์จํานวนมากในนํ า? นม
แสดงว่านํ ?านมมีการเก็บไว้ ที4อณ ุ หภูมิสงู กว่า 10 องศาเซลเซียส ในกรณีนมพาสเจอไรส์ จุลินทรี ย์จึง
เจริ ญได้ จุลินทรี ย์อีกชนิดหนึง4 ในกลุม่ นี ? คือ Aerobacter aerogenes ซึ4งปนเปื อ? นมาจากฟาง เมล็ด
ธัญพืชและดิน
บทสรุ ป
คําถามท้ ายบท
1. จงบอกความหมายของผลิตภัณฑ์นมชนิดเหลว
2. จงอธิบายกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์นมชนิดเหลว
3. จงอธิบายลักษณะและสาเหตุการเสื4อมเสียของผลิตภัณฑ์นมชนิดเหลว
4. ชนิดของกระบวนการให้ ความร้ อนส่งผลต่อวิธีการเก็บและอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์นม
ชนิดเหลวอย่างไร
เอกสารอ้ างอิง