Professional Documents
Culture Documents
The Significance of "Cori Spezzati"
The Significance of "Cori Spezzati"
เพราะเหตุผ ลนี้ เมือ ่ ารเน ้นย้ำคุณ ลัก ษณะบางอย่า งทีไ่ ม่เ หมาะสม ซ งึ่
่ เวลาผ่า นไป จะนำไปสูก
ของการให ้พืน
้ ทีเ่ ขียนน ้อยใน text-book และในตัว ประวัต ศ
ิ าสตร์ สำหรับ the polychoral music of
ึ ษาอย่างละเอียดหลายๆช น
the sixteenth and seventeenth centuries, เปรียบเทียบกับการศก ิ้ สำหรับ
พัฒนาของ harmony made polyphonic devices มีความสำคัญน ้อยลงใน secular music มากกว่า ที่
spezzati นัน
้ ก็มค
ี วามสำคัญกับการพัฒนาของดนตรีตามโบสถ์ มากกว่าข ้อแตกต่างใน Palestrina.
ไม่ม ใี ครทราบว่า ทีไ่ หนที่ cori spezzati – choirs divided by space – ถูกสร ้างข น
ึ้ หลัก การ
ของการแสดงทีต
่ ้องอยูแ ่ ต่างๆ เป็ นส งิ่ ทีทำ
่ ยกกัน บังคับให ้มีการแบ่งระยะห่างของกลุม ่ กันในสมัย
โบราณอย่างแน่นอน แต่ความสำคัญของมันสำหรับนักประวัตศ
ิ าสตร์นัน
้ เริม
่ ต ้นในไม่กป
ี่ ี สด
ุ ท ้ายของ
1475 ได ้ม ก
ี ารแสดง double-choir music. The confraternity (ภารดรภาพ) of the Most Blessed
choirs from very early in the sixteenth century; ในขณะทีt่ he Order of the Crosachieri at Bergamo
ิ ทีถ
ยอมรับ สมาช ก ู แยกออกไปเป็ นอย่า งน ้อย ด ้วย salmi spezzati. ส งิ่ เหล่า นีจ
่ ก ้ ะทำ ให ้เห็น ว่า
เหตุการณ์โอกาสต่างทีม
่ เี กียรตินัน ื เป็ นส งิ่ จำเป็ น และเราก็ต ้องหาว่า
้ การมี วงดนตรีขนาดใหญ่ถอ
นักประพันธ์รน
ุ่ แรกๆของงานประพันธ์เหล่านีน
้ ัน
้ ไม่คอ ื่ เส ย
่ ยมีช อ ี ง จริง อยูท
่ เี่ ราไม่ควรทีจ
่ ะ
ประ วัต ศ
ิ าสตร ม
์ ากกว า่ ม ค
ี วาม สำ ค ญ
ั กบ
ั intrinsic. แม ้จะ เป็ นอย า่ ง นัน
้ เพลงข องพวกเ ข า
ไม่ใ ช p่ olyphonic; มัน แทบจะเป็ นไปไม่ไ ด ้เลยถ ้าเราพิจ ารณา modal; มัน บรรยายคำเป็ นพยางค์ๆ
แทนท จ
ี่ ะด ถ
ู งึ the extended melismas of the Netherlands style. In its diatonic choral structure,
้ เหนือสงิ่ อืน
ในยุคนัน ่ ใด แทนทีจ ั เจน) flow of continuously moving music
่ ะมีlong limpid(ความชด
with phrases interlocking effortlessly with one another, here the phrases can be short, cut off
จากการเริม
่ ต ้นเล็กๆของการพัฒ นาการประพัน ธ์ อุป สรรคแรกของประพเณีนัน
้ ก็ค อ
ื การ
ทำให ้นักประพันธ์ทม
ี่ ช ื่ เสย
ี อ ี งรรับการประพันธ์ในลักษณะนัน
้ และแสดงให ้เห็นถึงความเป็ นไปได ้
ของมัน โดยอุปสรรคก็ถก
ู ทำลายเมือ
่ Willaert ได ้ตีพม
ิ พ์his famous psalm settings for double choir
ในช ว่ งกลางศตวรรษนัน
้ อก
ี ด ้านหนึง่ โดย Santacroce, Willaert’s psalms ดูจ ะเคร่ง ครัด กับ กฎ
ก่อนๆนัน
้ จะหายไป ในทางอืน
่ คือ Willaert แสดงให ้เห็นว่าเขาเข ้าใจหลักการเขียน double-choir.
Last Name 3
ทำให ้the harmony สามารถให ้ผู ้ฟั งทนได ้แม ้จะฟั งอยูใ่ กล ้กับ one choir than the other. ทางออกของ
เขาคือ การทำให ้both choirs harmonically complete in themselves. การให ้อิสระกับ measure แบบ
นี้ งานดนตรีทอ
ี่ อกมาควรจะน่าพอใจมากกว่า การทีต ี งทัง้ หมด
่ ้องเดาว่าผู ้ฟั งจะสามารถได ้ยินเส ย
ั เจนหรือไม่ และนีก
เท่าๆกันอย่างชด ่ ็เป็ นครัง้ แรกทีค ิ ได ้ว่าความสมดุลเป็ นสงิ่ สำคัญ
่ ด
เพราะความจำเป็ นของ ceremonial compositions ถูก จำกัด อยูใ่ นวงแคบ ซ งึ่ ก็เ กิด จากการทีม
่ ก
ี าร
่ เดียวกัน รวมถึงการทีส
แสดงอยูใ่ นวงแคบเช น ่ ถานทีแ
่ ละโบสถ์ใหญ่ๆก็มักจะมีนักประพันธ์ทเี่ ขียน
บทเพลงตามโอกาสต่างๆเป็ นของตัวเองอยูแ
่ ล ้ว เรากลับเจอหลักฐานของความโด่งดังของ cori
ต ้นปี 1558 โดยเขียน a complete chapter of his ‘Istitutioni armoniche’ to cori spezzati. สามปี กอ
่ น
หน ้านั น
้ ใน ‘L’Antica musica’ ของ Vicentino ก็มบ
ี ทนึงทีเ่ รียกว่า ‘Ordine di comporre à due chori,
รัก ษาความสมบูร ณ์ใ น a harmony of each choir, he suggests the useful of making the bass parts
จากแรงสนับสนุนทีห
่ นั กแน่น มันไม่น่าแปลกใจเลยที่double-choir music กลายเป็ นอะไรที่
การดนตรีนัน
้ ในทัน ที แต่นักประพันธ์อน
ื่ ๆทีอ
่ ยูไ ้
่ กลจากเวนิซ ก็ นำ เอามัน ไปใช เหมื
อนกัน โดยนัก
ประพัน ธ ท
์ สำ
ี่ คัญ ท ส
ี่ ด
ุ ในกลุม
่ ท วี่ า่ นีก
้ ็ค อ
ื Lassus. In his polychoral music there is a change of
Last Name 4
Lassus กลับเปลีย
่ นมันเป็ น quasi-secular words for inspiration. His motets for eight voices ยกย่อง
to give a great brilliance of sound. He uses the tutti ได ้ดี และไม่ได ้สนใจ the essential simplicity
style นัน
้ ในหลายๆด ้านก็ล ้าหลัง . มันไม่มค
ี วามเป็ นห่วงถึงความเป็ นไปได ้กับยักประพันธ์ในศตวรรษ
contrasts of colour, nor any concern for the listener standing nearer to one choir than the other.
ถึงอย่างนัน
้ Lassus ก็ได ้ให ้อะไรบางอย่างกับ cori spezzati ทีจ
่ ะทำให ้มันมีความสำคัญมาก
Gabrieli. เป็ นคนเวนิซ แท ้ๆ ดูเ ขาน่า จะเรียนรู ้the tradition of cori spezzati จาก Willaert โดยตรง;
ื่ มโยงกันอย่างลึก
these motets are liturgical แต่ทางศาสนาในเวนิซ และเมืองข ้างเคียง มีความเช อ
three choirs.
Last Name 5
จากนัน ื่ เสย
้ เขาก็ได ้รับช อ ี งโด่งดัง ดังยิง่ กว่า Lassus โดยใชgroups
้ of varying tessitura and with a
ี้ งึ การใชเครื
huge range between the highest and lowest parts. ชถ ้ อ ่ งดนตรีทงั ้ หมด และบางครัง้ เราก็
สอง choirs ถูกจัดไว ้ให ้แสดง a cappella, และเรารู ้ได ้จากงานเขียน of Prartoris ว่าหลุม
่ อืน
่ ๆประกอบ
ด ้วย solo voices accompanied by strings and bass. จากส งิ่ เหล่า นัน
้ Gabrieli ได ้สร ้างบางอย่า ง
ทีL
่ assus ไม่เ คยรู ้ และหากมัน ถูกฝั ง รากอยูใ่ นเทคนิค ต่า งๆของ Willaert มัน ก็ค งจะถูกลืม ไปนาน
ิ้ นี้ โดย
sonorous tutti, we are overwhelmed by continual change. การพัฒนาของอารมณ์ในงานช น
ปกต แ
ิ ล ้วจะผูก ต ด
ิ อยูก
่ บ
ั ความหลากหลายของ phrase-lengths. The long phrases of Lassus and
เหมาะสมกับดนตรีในศตวรรษทีส ิ หกเท่าไหร่เลย
่ บ
ด ้วยข ้อมูลทีอ
่ ยูใ่ นมือของ Andrea Gabrieli เขาได ้พบว่ามันไม่มค
ี วามจำเป็ นทีต ้
่ ้องใช อะไร
ไปมากกว่า simple textures. Homophony เข ้ามามีอำ นาจมาก อาจเป็ นเพราะมัน ทำให ้การแสดง
ทำ ได ้ง่า ยข น
ึ้ เมือ
่ choirs อยูห
่ า่ งจากกัน และแน่น อนว่า เป็ นเพราะ imitative counterpoint จะมี
ิ ธภ
ประส ท ิ าพน ้อยลงเมือ
่ in such a mass of sound. และไม่ม น ่ เป็ นต ้องใช ้
ี ัก ประพัน ธ์ค นไหนทีจำ
สามกลุม
่ . ต่อมามันได ้ถูกเน ้นย้ำโดยจัง หวะเปรียบเทียบทีเ่ คลือ ้ ซ งึ่ อาจจะเกิดจาก
่ นไปอย่างช าๆ
Last Name 6
ได ้รับการตีพม
ิ พ์ใหม่อก
ี หลายครัง้ โดยเฉพาะในโดยสำนั กพิมพ์เยอรมัน มันถูก นำมาเป็ นตัวอย่าง
โดยนัก ประพัน ธ ช
์ าวอ ต
ิ าเล ย
ี่ นและเยอรมัน หลายคน โดยนัก ประพัน ธ ช
์ าวอ ต
ิ าเล ย
ี่ นคนหนึง่
ตัง้ แต่ท ฉ
ี่ ั น ได ้เห็น concerti ทีส
่ วยงามทีส ่ ด
ุ ในเมือ ่ หลายปี ก อ
่ น โดย Andrea and
Giovanni Gabrieli ลุงและหลานชายทีเ่ ป็ นนั กดนตรีและ organists ทีย ่ อดเยีย ึ ชน
่ ม ฉั นรู ้ส ก ื่
ชอบสไตล์การแต่งนัน ้ เป็ นอย่างมาก จึงได ้แต่ง concerti ทีค
่ ล ้ายกันออกมาบ ้างบางที
ตีพ ม ื ทีช
ิ พ์หนัง ส อ ื่ ว่า ‘Primo libro de motetti, accomodati per cantare et far concerti a5, 6, 7, 8,
่ อ
ื่ ของหนังสอ
10 et 12’ in 1589. ชอ ื สะท ้อนให ้เห็นถึงหนังสอ
ื ของ Gabrieli และเนือ ่ กัน
้ หาภายในก็เชน
้
โดยทีใ่ ชการแบ่
งกลุม
่ ของ instruments and voices, รวมถึงเทคนิคอีกหลายๆเทคนิค
โดยทีล
่ ก ิ ย์ของเขาคนหนึง่ รายงานว่า:
ู ศษ
Banchieri ก็ไ ด ้รายงานถ งึ การประพัน ธ o์ f a mass after the Gabirelian manner for Psalm
The first was three violini da braccio and a tenor voice, the second choir four
more viole with the appropriate voices, the third four viole da gamba with other suitable
voices, and the last three trombones and contralto voice.
ว่า ณ เวลานัน
้ Palestrinaa and Victoria in Rome ได ้ตีพพ
ิ ์ double-choir motets, while Jacob Handl
่ ล ้ายกันในช ว่ งยีส
of Prague ได ้สร ้างงานทีค ิ ปี สด
่ บ ุ ท ้ายของศตวรรษนัน
้ The Hasslers of Augsburg
่ เดียวกัน
Danzig ก็ได ้ทำเชน
้
การใช ของ cori spezzati in Venice ได ้เจริญ ข น
ึ้ , and Croce, Bassano, Donato, Bell’haver
and of course, Giovanni Gabrieli himself, ได ้สร ้างบทประพันธ์สำ หรับ several choirs. มันเป็ นการ
้
Croce ได ้ขยายหลัก การใช ของมั น ในการประพัน ธ์สำ หรับ parody masses, for example. และยัง
ไม่มm
ี otets ใดทีถ ู จำกัดให ้เป็ นสว่ นหนึง่ ใน the liturgy used on the festivals. แต่ถงึ อย่างไร การทำ
่ ก
แบบนก
ี้ ็สำ ค ญ
ั ตอ
่ Andrea Gabrieli. Croce เป็ นค นห ัว โ บ ร า ณ ม า ก ก ว า่ ค ล ้า ย ก บ
ั Lassus ใ น
เพียงผู ้ริเริม
่ อย่างแท ้จริงคนเดียว โดยใน his ‘Sacrae Symphoniae’ (1597) เราเห็นได ้ถึงการพัฒนา
ั ขึน
ความคมชด ่ งดนตรีตา่ งๆก็เป็ นส งิ่ ทีเ่ ลือกได ้ เพียงแค่ขยายจินตนาการดูเท่านัน
้ และเครือ ้ บาง
ระหว่าง voices ถูกทำลายลง. In many of the motets there is virtually no imitative counterpoint at
all.
้ ส ว่ นใหญ่มค
The texture ในตอนนัน ิ้ โดยทั่วไปคือ rhythms
ี วามเรียบง่ายในงานหลายๆช น
ทอ dialogue ทีc่ hoir follows choirs rapidly. ดังในงานของ Andrea มีการแบ่ง phrase และความยาว
ของ phrases ทีห ั ว่าได ้รับมาจาก องค์ประกอบของ space and the difficulty
่ ลากหลาย โดยเห็นได ้ชด
refrains (บทรับ, ทำนอง) ทีเ่ ราเจอจากงานดนตรีชว่ งศตวรรษทีส ิ หกทัง้ หมด บางทีจะเห็นได ้ว่ามัน
่ บ
ี อีก ในตอนนั น
มีมากกว่าครึง่ ของ a motet เสย ้ ดนตรีทส
ี่ ามรถเต ้นด ้วยได ้ ดูจะเป็ น frequent accent
ยด
ึ ไว ้อย่า งเหนีย วแน่น . By 1610, Monteverdi ก็เ ร ม ั ญาณการตายไปของมัน เขาได ้
ิ่ เห็น ส ญ
polychoral books ทีไ่ ด ้มาตัง้ แต่1587. อีก อย่า ง Viadana’s music ได ้มีก ารยืม เอาหลายส งิ่ หลาย
จาก Giovanni Gabrieli. The extended triple-time sections and the importance of simple diatonic
harmonies are unmistakably those used in the lasted polychoral music, และความจริง หากเราลด a
้
อย่า งท เี่ ราเห็น มา การใช solo voices ก็เ ป็ นส งิ่ ทีไ่ ด ้มาจากพวก Gabrielis; และหากว่า เราม tี he
้
Venetian motets in the ornamented forms ท ใี่ ช โดยนั ก ดนตร ข
ี อง St Mark’s เราก็จ ะเจอว่า the
In Croce’s ‘Sacrae cantilena concertate’, the cori spezzati have become different in build. Groups
volume and the older music for double choir ค่อ นข ้างทีจ ั เจน. The tutti sections are the old
่ ะช ด
้
“allelunia” บทรับ(ทำนอง), triple time, simple texture and all; และหลักการใชของส งิ่ เหล่านีท
้ เี่ กิด
ซ้ำๆในด ้านของ rondo form ก็แทบจะไม่เป็ นการเพิม ้ ้ายๆกันทีเ่ ราเจได ้ใน motet
่ ของหลักการใช คล
ตระกูล Gabrieli. In the solo sections, there is a new style, a loose imitative counterpoint with an
organ giving the harmonic basis. สำหรับ ตอนนี้ polychoral idiom ก็ไม่ได ้เปลีย
่ นไป และ the split
up melody between the voices, ซ งึ่ เป็ นลัก ษณะข อง the early concerto motet ก็น ่า จะเป็ น the
interplay between the solo voices of a Gabrieli motet เพีย งหากว่า two voices were being used
ั เจนมากขึน
แสดงถึงความคิดเดียวกัน ความแตกต่างระหว่าง soloist and tutti ชด ้ . The former sing
voices, which sing the homophonic refrains in a massive style, and an orchestra, ทีบ
่ างทีก ็ค ลอ
rhythms and dance-like rhythms of the canzona francese ได ้เขามาใน the motet. แม ้จะมีส ไตล ์
ใหม่ๆทีค
่ วามอิส ระในการแยกพืน
้ ทีก
่ ันทางระยะทาง. The orchestra sometimes คลอตาม the solo
ม เี พ ย
ี งลัก ษณะหน งึ่ จากงานเหล่า นีท
้ ป
ี่ ระหลาด แทนท จ ื่ ม dialogue of Andrea
ี่ ะเช อ
Gabrieli, the later volume of Croce and the younger Gabrieli have strongly defined sections. The
เล่น another complete section. At a climax ทุก องค์ป ระกอบจะเล่น พร ้อมกัน และอาจจะมีsome
ของตัวเอง – โดยปกติ an introductory symphony, some ritornelli or other short interludes – หรือ
ประพันธ์คนไหนทีส
่ ามารถเทียบกับตระกูล Gebrieli ได ้ และในตอนแรก Schütz เองก็ไม่ไก ้คำนึงถึง
วิธก
ี ารแยกกันของ the choirs. แม ้อย่างนัน
้ cori spezzati ก็ได ้ถูกสร ้างขึน
้ มาเพือ
่ ตายอยูแ
่ ล ้ว และเรา
้ ้ดีใ นศตวรรษทีส
พบว่า cori spezzati ถูกใช ได ิ แปด. cori spezzati ในเวลานัน
่ บ ้ ไม่ได ้เป็ นสายดนตรี
หลักทีส
่ ามารถละทิง้ กลายเป็ น two features ทีถ
่ ก
ู พัฒนาในศตวรรษทีส ิ เจ็ดได ้ หนึง่ ในสองลักษณะ
่ บ
นัน ้
้ คือกลักการใช ของอะไรที
เ่ ราเรียกว่า “tricks”; อีกลัษณะนึง ก็ค อ ้
ื หลักการใช ของ cori spezzati
้
Trick effects ถูก ใช ในการเขี
ย นสำหรับ การแบ่ง choirs in the sixteenth century. เมือ
่ cori
and Donato ผู ้ทีด ู ลดนตร ใี น St Mark’s ได ้แต่ง motets เช งิ ล ้อเล่น with the first choir singing
่ แ
“clamor” which second choir turns into “amor”, and “magnus” becoming “agnus”. มีต วั อย่า งอีก
้
หลายอย่างถึงการใชของ solo voices ทีทำ
่ echoes ให ้จัการได ้ง่าย ทีโ่ ด่งดังทีส
่ ด
ุ ดูจะเป็ น the setting
of “Audi coelum” in Monteverdi’s Vespers, with “gaudio” changing into “audio” and so on.
่ กัน
เชน
Michael Praetorius, นัก ทฤษฎีแ ละนักประพัน ธ์ช าวเยอรมัน ทีช ื่ ชอบ all kinds of musica
่ น
ว่างของโบสถ์ด ้วยกลุม
่ การแสดงทัง้ หมด. Boys and men soloists ถูกแยกออกจากกัน โดยมีtheir
้ ้ หากนัก ดนตรี
continuo instrument ตามไปด ้วย แม ้กระทั่ง ด ้านนอกของโบสถ์ ก็ส ามารถใช ได
ทัง้ หมดมีม ากพอ แน่น อนว่า พวก military (definition: brisk music suitable for troops marching)
อยูด
่ ้านนอกจะดีทส
ี่ ด
ุ
แค่ความหรูหราของดนตรี ในขณะทีก
่ ารดนตรีของ the Gabrielis, การตัดการองค์ประกอบการแบ่ง
แยกทางระยะทาง จะทำลาย the whole effect, if we do this to one of the monodic works เราแทบ
แท ้จริง โรงเรียนโรมันยังคงเรียน the true polychoral music ต่ออีกเป็ นเวลานาน Soriano, Agostino,
่ เดียวกับนักประพันธ์เจ ้าถิน
Abbatini and Benevoli all used the style. เชน ่ ชาวเยอรมันอย่าง Messaus
ไม่คอ
่ ยมีงานของนั กประพันธ์เหล่านีใ้ ห ้เห็นมากนัก จึงยากทีจ
่ ะดูถงึ สไตล์ของพวกเขาอย่าง
ละเอียด ในสว่ นทีเ่ ราสามารถวิเคราะห์ได ้ กลับกัน กลับให ้general outline ทีช ั เจน. Cori spezzati
่ ด
Last Name 13
กลายมาเป็ นหัวข ้อสนทนาหนึง่ โดยนักประพันธ์มร the stile antico. Benevoli, the most famous of
these polychoral composers, clearly bases his style on the sixteenth century contrapuntal idiom.
้
แม ้จะใช octave ้ essentially
doubling and occasional un-Palestrinian dissonance, เขาไม่ไ ด ้ใช the
harmonic attitude ได ้ครึง่ หนึง่ ของ Venetian composers in seventeenth-century เลย. Mass for 53
มีinstrumental groups and choirs of voices เหมือ นกับ ในแบบของ Giovanni Gabrieli; แต่ม ัน ก็ม ี
และ essentially linear methods of Benevoli ก็ตา่ งจาก the modern orchestra style มาก ถ ้าดูจ ากที่
้
มันใชcontinuo instruments.
ดังนัน
้ cori spezzati ก็เกืดมาเป็ นอะไรทีม
่ าผิดยุคสมัย (anachronism)เหมือนกับรูปแบบดนตรี
อืน ้
่ ๆ มันถูกใช โดย Carissimi in his oratories, by Lotti ใน a cappella church music ทีล
่ ้าสมัยของ
works, เขียนในแบบ contrapuntal idiom ทีเ่ คร่ง มากๆ ซ งึ่ ต่า งจาก choral writing สมัยใหม่ อย่า ง
own cantatas and Passion music; และแม ้เราจะจำ ได ้ว่า cori spezzati ปรากฎอยูใ่ น St. Matthew
มันไม่ยากเลยทีจ
่ ะเข ้าใจนักประพันธ์เหล่านี้ ถึงการเขียนในแบบทีค
่ อ
่ นข ้างล ้าหลัง เพือ
่ สนุก
ไปกับ polychoral music. การถูก ทอดท งิ้ ของ variety in harmony and ความแตกต่า งของจัง หวะ
effects ไม่สามารถทีจ
่ ะทำให ้งานเหล่านีเ้ ป็ นดนตรีทย
ี่ อดเยีย
่ มได ้ ดังทีพ
่ วกเขาทำใน music of the
กว่า สร ้างคนทีป
่ ระสบความสำเร็จ สร ้าง the concerto motet, การมีอยูท
่ ม
ี่ ันคงอละเป็ นอิสระ หาก