Professional Documents
Culture Documents
ดร.สมบุญ สหสิทธิวัฒน์ ห้องปฏิบัติการฟิสิกส์โพลิเมอร์ หน่วยวิจัยโพลิเมอร์ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ e-mail: somboons@mtec.or.th
ดร.สมบุญ สหสิทธิวัฒน์ ห้องปฏิบัติการฟิสิกส์โพลิเมอร์ หน่วยวิจัยโพลิเมอร์ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ e-mail: somboons@mtec.or.th
สมบุญ สหสิทธิวัฒน์
ห้องปฏิบัติการฟิสิกส์ โพลิเมอร์ หน่วยวิจัยโพลิเมอร์
ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ
e-mail: somboons@mtec.or.th
มีฉัน... จึงมีเธอ :
มอเตอร์ไฟฟ้าสำ�หรับรถยนต์ไฟฟ้า
รถยนต์คือรถซึ่งเป็นพาหนะที่เคลื่อนที่ ได้ แท้ จ ริ ง แล้ ว รถยนต์ ที่ มี เ ครื่ อ งยนต์ เ ป็ น
ด้วยเครื่องยนต์ โดยไม่ตอ้ งอาศัยแรงงานจากคนหรือ มอเตอร์ไฟฟ้าถูกประดิษฐ์ขนึ้ มาก่อนเครื่องยนต์แบบ
สัตว์ ทีผ่ า่ นมามนุษย์ได้ประดิษฐ์รถยนต์ที่ใช้หม้อไอน้�ำ เผาไฟไหม้ภายใน โดยรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกที่ใช้งาน
มอเตอร์ ไฟฟ้า และเครื่องยนต์แบบเผาไหม้ภายใน ได้จริงสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1884 โดยทอมัส พาร์เกอร์
(internal combustion engine) โดยเครื่องยนต์เผา (Thomas Parker) (ตรงกับสมัยพระบาทสมเด็จพระ
ไหม้ภายในทั้งชนิดที่ ใช้การจุดระเบิดด้วยหัวเทียน จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ตัวอย่างของรถยนต์ ไฟฟ้า
(เครื่องยนต์เบนซิน) และชนิดที่ใช้การจุดระเบิดด้วย ที่ ส ร้ า งโดยบริ ษั ท ของพาร์ เ กอร์ แ สดงในภาพที่ 1
ความร้อนจากแรงอัด (เครื่องยนต์ดีเซล) ได้รบั ความ อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อจำ�กัดด้านเทคโนโลยีมอเตอร์
นิยมเป็นอย่างสูง เนื่องจากมีขนาดเครื่องยนต์ที่ไม่ ไฟฟ้าที่ยังไม่มีประสิทธิภาพมาก (แรงบิดลดลงเมื่อ
ใหญ่เมื่อเทียบกับแรงม้าหรือกำ�ลังของเครื่องยนต์ ความเร็วรอบสูงขึ้น ในมอเตอร์กระแสตรง หรือ
ตลอดจนการใช้น้ำ�มันเป็นแหล่งเชื้อเพลิงที่เติมได้ ความเร็วรอบคงที่ในมอเตอร์กระแสสลับในยุคเริ่ม
สะดวกเมื่อพร่องไป
28 M T E C
1
รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เผาไหม้ภายในประดิษฐ์ โดย คาร์ล เบนซ์ (Karl Benz) ในปี ค.ศ. 1886
M T E C 29
อย่างไรก็ตาม มอเตอร์ไฟฟ้าที่มีหลัก
การทำ�งานเหมือนมอเตอร์ ไฟฟ้าปัจจุบันที่เรา
คุ้นเคย เป็นผลงานการประดิษฐ์ของไมเคิล
ฟาราเดย์ (Michael Faraday) ใน ค.ศ. 1821
(ตรงกับสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า
นภาลัย) (ภาพที่ 3) โดยมอเตอร์ไฟฟ้าของ
ฟาราเดย์ ทำ � งานได้ ด้ วยอั นตรกิ ริย าระหว่ า ง
สนามแม่เหล็กถาวรกับกระแสไฟฟ้า ซึ่งเป็น
หลักการพื้นฐานของมอเตอร์ ไฟฟ้าในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามมอเตอร์ทงั้ สองรูปแบบทีก่ ล่าวมา
ยั ง ไม่ ถู ก นำ � ไปใช้ ง านจริ ง และถู ก มองว่ า
เป็นของเล่น หรืออุปกรณ์สาธิตเท่านั้น
ภาพที่ 2 เวิร์ลทำ�งานได้เมื่อไฟฟ้าสถิตจำ�นวนมากพอมารวมตัว
ทีป่ ลายแหลมของเข็มโลหะ ก่อให้เกิดการแตกตัวของอากาศบริเวณ การพัฒนามอเตอร์ไฟฟ้าเป็นไปอย่าง
ใกล้เคียงไอออนของอากาศที่แตกตัวที่มีประจุชนิดเดียวกันกับ ต่อเนื่อง มอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้งานได้จริงชนิดแรก
ประจุในเข็มโลหะทำ�ให้เกิดแรงผลัก และมอเตอร์ทำ�งานได้ เป็นมอเตอร์ทที่ �ำ งานด้วยไฟกระแสตรงแบบ
(http://physics.kenyon.edu/EarlyApparatus/Static_Elec- ใช้แปรง (Brushed DC motor) (ภาพที่ 4)
tricity/Electric_Whirl/Electric_Whirl.html)
มีส่วนประกอบหลัก 3 ส่วนคือ
1. สเตเตอร์ (stator) ทำ�จากแม่เหล็กถาวร
เป็นส่วนที่ไม่มีการเคลื่อนที่และอยู่วงนอก
2. โรเตอร์ (rotor) เป็นชิน้ ส่วนทีม่ กี ารหมุน ถูก
ติดตั้งอยู่ด้านใน โดยโรเตอร์ประกอบด้วยขด
ลวดโลหะซึง่ มักทำ�ด้วยทองแดงพันเป็นวงรอบ
แกนเหล็กอ่อน (iron) ตามความยาวมอเตอร์
และเมื่ อ มี ก ารจ่ า ยกระแสไฟเข้ า ไป จะเกิ ด
สนามแม่เหล็กในทิศตั้งฉากกับทิศทางการไหล
ของกระแสไฟ สนามแม่เหล็กที่เกิดขึ้นนี้จะ
ทำ�อันตรกิริยากับสนามแม่เหล็กจากสเตเตอร์
ส่งผลให้ โรเตอร์หมุนได้
3. คอมมิวเทเตอร์ (commutator) เป็นชิ้น
ส่วนทีต่ ดิ กับโรเตอร์ ทำ�จากโลหะแยกเป็นส่วนๆ
ภาพที่ 3 มอเตอร์ไฟฟ้าของฟาราเดย์ ด้านซ้ายเป็นแบตเตอรี่ คั่นด้วยฉนวน ขดลวดของโรเตอร์แต่ละขดจะ
ซึง่ จ่ายกระแสให้กบั มอเตอร์ทางด้านขวา ประกอบด้วยแท่งแม่เหล็ก ต่อเข้ากับชุดของคอมมิวเทเตอร์ เพื่อรับกระแส
ตรงกลางที่อยู่ในอ่างบรรจุปรอท และมีลวดโลหะแขวนให้ปลาย ไฟจากแปรงทีส่ มั ผัสกับคอมมิวเทเตอร์โดยตรง
อีกด้านสัมผัสกับปรอทเพื่อให้ครบวงจรไฟฟ้า อันตรกิริยาระหว่าง หน้าที่ของคอมมิวเทเตอร์คือ จ่ายไฟเข้าไปยัง
สนามแม่เหล็กกับกระแสไฟฟ้าทำ�ให้ลวดหมุนวนรอบแม่เหล็ก แต่ละชุดของขดลวด เพื่อควบคุมทิศทางการ
ทิศในการหมุนของลวดขึน้ กับทิศทางการไหลของกระแส โดยเป็นไป ไหลของกระแสไฟในขดลวด ซึ่งส่งผลถึงทิศ
ตามกฎแรงลอเรนทซ์ (Lorentz force) ที่กล่าวว่า เมื่อนำ�วัสดุ
นำ�ไฟฟ้าที่มีกระแสไหลเข้าไปในสนามแม่เหล็ก วัสดุนั้นจะถูก
ในการหมุนของมอเตอร์
แรงกระทำ� (ภาพจาก: Wikipedia)
30 M T E C
เกร็ดความรู้
รถลู น่ า ร์ โรเวอร์ (Lunar
rover) ที่ ส่ ง ไปพร้ อ มกั บ อะพอลโล
เพื่อใช้วง่ิ สำ�รวจบนดวงจันทร์ ขับเคลื่อน
ด้ ว ย ม อ เ ต อ ร์ ไ ฟ ฟ้ า ก ร ะ แ ส ต ร ง
ที่ ติ ด ตั้ ง เข้ า ไปในแต่ ล ะล้ อ เพื่ อ ให้
ขับเคลื่อนได้เป็นอิสระ (all wheel
drive) และใช้ แ บตเตอรี่ ช นิ ด เงิ น -
สั ง กะสี โพแทสเซี ย มไฮดรอกไซด์
ซึ่งเป็นแบบชาร์จไม่ได้
ภาพที่ 5 รถลูนา่ ร์ โรเวอร์ เป็นรถยนต์ไฟฟ้าทีข่ บั เคลื่อนด้วยมอเตอร์กระแสตรง
(http://www.hq.nasa.gov/office/pao/History/alsj/a15/images15.html)
M T E C 31
ร ถ ย น ต์ ไ ฟ ฟ้ า ใ น ยุ ค แ ร ก ใ ช้ ม อ เ ต อ ร์ จากการเคลื่อนที่ของรถยนต์กลับเป็นพลังงานไฟฟ้า
ไฟฟ้ากระแสตรงแบบใช้แปรง ซึ่งมีปัญหาจากแรง กลับเข้าไปยังแบตเตอรี่ได้อีกด้วย
บิดที่ลดลงเมื่อความเร็วรอบสูง จึงทำ�ความเร็วได้ไม่
มอเตอร์กระแสสลับแบ่งคร่าวๆ ได้ ดังนี้
สูงนัก แต่กพ็ อเพียงกับสภาพถนนในยุคนัน้ ที่ไม่เหมาะ
กับการวิ่งที่ความเร็วสูงมาก มอเตอร์ เ หนี่ ย วนำ � (Induction Motor, IM)
มีรากฐานมาจาก “ผลงานขึน้ หิง้ ” ของฟร็องซัว อาราโก
อย่างไรก็ตาม สำ�หรับรถยนต์ ไฟฟ้ายุคใหม่
(Francois Arago) นั กฟิ สิกส์ ช าวฝรั่ งเศส ในปี
นิยมใช้มอเตอร์กระแสสลับ เพราะให้แรงบิดมากแม้
ค.ศ.1824 โดยเขาได้ศึกษาผลการเหนี่ยวนำ�จากจาน
ในความเร็วรอบสูง ให้กำ�ลังมาก และมีโครงสร้าง
โลหะชนิดต่าง ๆ ที่ถูกนำ�มาหมุน ที่มีต่อเข็มแม่เหล็ก
มอเตอร์ทเ่ี อือ้ ต่อการถ่ายเทความร้อนได้ดี จึงเหมาะสม
ที่ถูกวางไว้เหนือจานโลหะโดยไม่สัมผัสกัน ใครสนใจ
กั บ การใช้ ใ นงานลากจู ง หรื อ ขั บ เคลื่ อ นพาหนะ
อ่านเอกสารฉบับเต็มตามไปดาวน์ โหลดได้ที่นี่ครับ
นอกจากนี้ มอเตอร์ ก ระแสสลั บ ยั ง ทำ � หน้ า ที่ เ ป็ น
https://ia600700.us.archive.org/16/items/phil-
เครื่องปั่นไฟในระหว่างการหยุดรถที่กำ�ลังเคลื่อนที่
trans03806447/03806447.pdf
(regenerative breaking) เพื่อแปลงพลังงานกล
32 M T E C