You are on page 1of 542

ชื่อ : เจ้าสาวแก้ขัด (หนังสือหมด)

รหัสหนังสือ : ISBN 978-611-5000-05-0


ชื่อผู้แต่ง : เพลงใบไม้
ราคาปกติ : 250
ราคาสมาชิก : 213

เรื่องย่อ

เมื่อจู่ ๆ พี่สาวถูกบังคับให้แต่งงานกับมหาเศรษฐีจอมโหด น้องสาวแสนดีจึง


อดรนทนไม่ได้ ปฏิบัติการช่วยเหลือด้วยการกุเรื่องโกหกจึงเกิดขึ้น

แต่การณ์กลับกลายเป็นว่า...ที่สุดน้องสาวคนดีต้องเข้าพิธีวิวาห์เสียเอง

จาก ‘สาวจอมวางแผน’ กลายเป็น ‘เจ้าสาวแก้ขัด’


จาก ‘ผู้หญิงธรรมดา ๆ’ กลายเป็น ‘ภรรยาของมหาเศรษฐี’
จาก ‘ชีวิตที่เคยเรียบง่าย’ กลายเป็น ‘ชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย’
ทว่าที่สุดแล้ว ‘เรื่องร้าย ๆ’ จะกลายเป็น ‘เรื่องรัก ๆ’ ได้หรือไม่
ตอนที่ 1

รถมอเตอร์ไซค์รับจ้างพาหญิงสาวหน้าตาสวยน่ารัก รูปร่างระหงกลมกลึง ผิว


ขาวอมชมพู
เนียนสวย ผมยาวสลวยรวบไว้ด้านหลังอย่างเรียบร้อย แต่งกายในชุด
กระโปรงสีดําทรงสอบตรงยาวเลยเข่าเล็กน้อย ผ่าข้างสองข้างแต่ไม่สูงนัก สวมสูทสี
ดําปิดทับเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมรองเท้าหุ้มส้นสีดําแบบน่ารักมาหยุด
อยู่หน้าบ้านไม้ทาสีขาวสองชั้นหลังกะทัดรัด รอบบ้านปลูกไม้ดอกไม้ใบ
มากมาย ดูแล้วร่มรื่นน่าอยู่ หลังจาก
จ่ายเงินให้คนขี่มอเตอร์ไซค์หญิงสาวก็เดินผ่านประตูรั้วไม้เข้ามาในบ้าน
ดวงตากลมโตคู่สวยฉายแววแปลกใจเมื่อ
เห็นหญิงสูงวัยอายุราว ๆ ห้าสิบห้าเดินตรงเข้ามาหา
‚คุณรุ้ง เกิดเรื่องใหญ่กับคุณฝนแล้วละค่ะ ‛ หญิงสูงวัยรายงานอย่างร้อนรน
‚เกิดอะไรขึ้นกับพี่ฝน ป้าน้อย‛ หญิงสาวถามอย่างร้อนรนเช่นเดียวกัน
‚คุณท่านนะสิคะ ให้คนมาตามคุณฝนขึ้นไปพบบนตึกใหญ่ พอกลับมา คุณ
ฝนก็เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้อง
ป้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คุณฝนไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนนะคะ‛ เสียงนั้นบอก
ชัดถึงความเป็นห่วง
‚ป้าน้อยไม่ต้องห่วง เดี๋ยวรุ้งจัดการเอง รับรองคุณฝนคนดีของป้าน้อยต้อง
ยอมบอกแน่ ๆ‛ พูดจบก็เดิน
ตัวปลิวไปทันที ป้าน้อยมองตามร่างระหงพลางถอนใจยาว
ป้าน้อยอยู่บ้านนี้มานาน ติดตามรับใช้กุลชาตั้งแต่ยังเป็นอาจารย์สาวสวย
จากมหาวิทยาลัยของรัฐที่มีชื่อ
เสียง จนแต่งงานกับปพน อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ แล้วผันตัวเองไปเป็น
นักการเมืองจนได้ดํารง
ตําแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีอยู่สมัยหนึ่ง จากนั้นก็มาจับธุรกิจก่อสร้างจนขยาย
กิจการใหญ่โตโดยอาศัยสายสัมพันธ์
อันดีกับนักการเมือง แต่เมื่อกาลเวลาเปลี่ยน ใจคนก็เปลี่ยน พอกุลชาคลอด
บุตรสาวคนแรก คือสายฝน
ปพนก็เปรยว่าอยากได้ลูกชายไว้สืบสกุล จากนั้นก็ไม่ค่อยกลับบ้าน กุลชาก็
ไม่ได้ใส่ใจนัก
คิดว่ายุ่งอยู่กับงาน สองปีต่อมาหลังจากคลอดสายรุ้ง ปพนก็พาผู้หญิงรูปร่าง
ดี มีเสน่ห์ยั่วยวน ชื่อบงกช กับบุตรชายวัยเจ็ดขวบและบุตรสาวอายุน้อยกว่าสาย
ฝนราวหนึ่งปี มาแนะนําให้รู้จักว่าเป็นคุณผู้หญิงอีกคนของบ้าน ป้าน้อยยังจําได้
วันนั้นกุลชายืนนิ่งและถามเสียงเรียบว่า
‘คุณจะให้พักที่ไหน จะได้ให้เด็กจัดให้ ’
‘บงกชเขาไม่ต้องการอะไรมากหรอก เขารู้ว่าเขามาทีหลัง ตามแต่กุลจะจัดให้ ’
ปพนพูดเอาใจ
ผู้เป็นภรรยาหลวง
‘ดิฉันไม่ขออะไรมากหรอกค่ะ แค่มีที่ให้ลูก ๆ อยู่อย่างสบายก็พอ ดิฉันรู้ดีว่า
ไม่ควรขอคุณพน
เข้ามาอยู่ในบ้านใหญ่ แต่ดิฉันอยากให้ลูกอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาค่ะ นึกว่า
สงสารเด็ก ๆ เถอะนะคะ หรือไม่ก็
เห็นแก่ทายาทของคุณพน’ น้ําเสียงคุณผู้หญิงอีกคนฟังดูเจียมเนื้อเจียมตัว
แต่คําพูดนี่สิ ช่างบาดลึกเข้าไป
ในจิตใจคนเป็นภรรยาหลวงยิ่งนัก ปพนเป็นคนจีน จึงค่อนข้างเห็น
ความสําคัญของการมีบุตรชายไว้สืบสกุล
ในขณะที่กุลชามีให้ไม่ได้
‘ถ้าอย่างนั้นอยู่เสียบนตึกใหญ่ก็แล้วกัน ห้องหับพอมี กว้างพอต้อนรับคุณ
ผู้หญิงอีกคนของบ้านได้
เดี๋ยวจะให้เด็กจัดห้องให้’ กุลชาพูดจบก็เดินจากไป จึงไม่เห็นแววสะใจของบงกชผู้
มาใหม่
นับจากวันนั้นเป็นต้นมา กุลชาก็ไม่เคยมีความสุขอีกเลย เธอทุ่มเทเวลา
ทั้งหมดที่มีเลี้ยงดูอบรม
บุตรสาวทั้งสอง และด้วยความที่ไม่ใส่ใจปพน จึงทําให้เขาใกล้ชิดกับบงกช
มากขึ้น ซึ่งบงกชเองก็ช่างเอาอก
เอาใจ แถมยังสอนลูก ๆ ให้ประจบเอาใจปพน ที่สุดก็ค่อย ๆ ลิดรอนอํานาจ
จากกุลชา เช่นพาคนของตน
เ ข้ามา แล้วไล่คนเก่าออกไปบ้าง กุลชาที่เงียบมานานจึงทนไม่ไหว ขอย้าย
ตัวเองไปอยู่เรือนหลังเล็ก และ
ปลีกตัวออกจากสังคม ปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นแสดงตัวเป็นคุณผู้หญิงของ
บ้านแทน จนป้าน้อยทนไม่ได้ ต้องถามให้หายข้องใจว่า
‘ทําไมถึงยอม’
คําตอบที่ได้คือ
‘ของไม่มีค่า แย่งไปก็เปล่าประโยชน์ เมื่อก่อนเขายังมีค่าสําหรับเรา แต่ตอนนี้
เขาไร้ค่าสําหรับเราเสียแล้ว
ใครอยากได้ก็ยกให้ อีกอย่าง ฉันไม่อยากให้เด็ก ๆ มาเห็นพฤติกรรมที่ไม่ดี
ของผู้ใหญ่ สู้แยกตัวมาดีกว่า ลูกสองคน
ฉันมีปัญญาเลี้ยง’ กุลชาตอบด้วยน้ําเสียงเด็ดเดี่ยว
ป้าน้อยคิดมาถึงตรงนี้น้ําตาก็พานจะไหล เวลาผ่านไป เมื่อสายฝนอายุย่าง
ยี่สิบสาม สายรุ้งย่างยี่สิบเอ็ด
คุณผู้หญิงก็ป่วยเป็นโรคไต เหตุเพราะทํางานหนักหาเงินเลี้ยงลูกจึงไม่ค่อยได้
พัก แต่ละเดือนต้องใช้เงินในการฟอกไต
เงินที่เก็บอยู่จึงร่อยหรอลง แต่ยังดีที่ทั้งสายฝนและสายรุ้งช่วยกันหาเงินส่ง
เสียตัวเองจนเรียนจบ มีงานทํา
แต่คุณหนูทั้งสองทํางานได้ไม่นานก็ต้องลาออกเพราะความสวยเป็นเหตุ ไป
เจอเจ้านายชีกอเข้า สายฝนนั้นสุขุม
เยือกเย็น อ่อนหวาน รอบคอบ ดูเป็นคนหัวอ่อน แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้อ่อนแอ
อย่างที่เห็น หญิงสาวใจเด็ดพอควร ในขณะที่
สายรุ้งค่อนข้างตรง กล้าพูด กล้าทํา แต่ก็ซ่อนความอ่อนหวานอยู่ในตัว รวม
ๆ แล้วฉลาดช่างคิดทั้งคู่ และที่น่ายกย่อง
คือเป็นลูกกตัญํู ทั้งสองเคยคิดจะสละไตให้มารดาข้างหนึ่ง แต่กุลชาไม่
ยอมรับ บอกว่าอนาคตของบุตรสาวยังอีกยาวไกล
สู้ปล่อยไปตามกรรมดีกว่า หากโชคดีอาจมีคนบริจาคไตให้ก็ได้ สายฝนกับ
สายรุ้งจึงล้มเลิกความตั้งใจ แต่พยายาม
ดูแลเอาใจใส่มารดาแทน สิ่งเหล่านี้ไม่มีในตัวลูกสาวของบงกช เพราะวัน ๆ
เอาแต่แต่งตัวอวดรวยอวดสวย ถึงวันนี้ก็คงยัง
ไม่มีใครรู้จักลูกสาวของปพนที่เกิดกับคุณผู้หญิงตัวจริง เพราะทุกคนรู้แต่ว่ามี
ลูกชายกับลูกสาวอย่างละหนึ่งคนเท่านั้น
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทําให้ร่างบอบบางที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียงหันไปมอง แต่ยัง
เงียบอยู่ จนกระทั่งได้ยินเสียง
ตามมา
‚พี่ฝน เปิดหน่อย รุ้งเอง‛
เจ้าตัวจึงเดินไปเปิดประตู
‚วันนี้ทําไมกลับเร็วนัก เพิ่งทํางานได้สองอาทิตย์ไม่ใช่หรือ ‛ เสียงพี่สาวถาม
น้องสาวเดินมานั่งบนเตียง
‚ลาออกแล้ว เจ้านายขี้หลี อยู่ไปก็เปลืองตัว เงินดี ก็ไม่สน หาใหม่ได้ ‛ เสียง
น้องสาวบอกอย่างไม่สนใจ
‚รุ้ง ถามจริง ๆ เถอะ ตั้งแต่จบมาเปลี่ยนงานมากี่ที่แล้ว ‛ พี่สาวถามด้วยความ
เป็นห่วง
‚สองสามที่ สาเหตุเดียวกันหมด คือมนุษย์ผู้ชาย ถ้าไม่ใช่เกย์ ก็เห็นผู้หญิง
เป็นของหวาน คอยจ้องจะหยิบเข้า
ปากเคี้ยวกินตลอดเวลา สงสัยยุคนี้คงมีแต่พวกหื่น ๆ มาเกิดแน่ ไอ้ที่รับเรา
เพราะความสามารถจริง ๆ น่ะ ไม่มีหรอก
ถ้าเส้นไม่ใหญ่ขนาดเป็นลูกสาวเจ้าของกิจการก็อย่าหวังจะได้งาน คิดแล้ว
อยากประกาศให้สังคมรู้ว่าฉันนี่แหละ
ลูกเมียแต่งของคุณปพน คนพวกนั้นจะได้ไม่มานั่งชูคอเห่าอยู่ได้ ‛ สายรุ้งบ่น
อย่างเจ็บใจ สายฝนรู้ดี ใช่ เธอเอง
ก็เคยคิดเหมือนกัน หากยอมอ่อนข้อให้ผู้เป็นบิดาสักนิดคงสบายไปนานแล้ว
แต่ด้วยทิฐิและความชิงชัง จึงทําให้ไม่คิดที่จะทํา ความชิงชังรังเกียจลูกชายลูกสาว
ของผู้หญิงคนนั้นไม่เคยเปลี่ยน แต่...ตอนนี้กลับต้อง...สายฝนถอนใจอย่างหนัก
ก่อนพูดว่า
‚รุ้ง ถ้าพี่ต้องแต่งงานกับคุณตนุภัทร นักธุรกิจลึกลับจอมโหดแต่ร่ํารวย
มหาศาลเพื่อช่วยแม่ รุ้งจะว่ายังไง‛
สายรุ้งตกใจ จ้องหน้าพี่สาวอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
‚พี่ฝนอย่าบอกนะว่านี่คือเรื่องที่คนบนตึกใหญ่เรียกไปพบ ทําไมต้องยอม
แล้วแม่รู้หรือยัง‛ น้องสาวถาม
อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ปกติแม้พี่สาวจะดูอ่อนโยน แต่ไม่ได้อ่อนแอจนยอมให้ใครบง
การได้
‚แม่ยังไม่รู้ พี่กําลังคิดอยู่ อย่างน้อยแต่งกับเศรษฐีก็ดี จะได้มีเงินมารักษาแม่
ได้ ไม่ต้องไปอาศัยคุณพ่อ‛
เสียงหวานเอ่ยเหมือนประชดผู้เป็นบิดามากกว่า สายรุ้งรู้ดี แม้พี่สาวจะหมดความ
เคารพผู้เป็นบิดาไปนานแล้ว
แต่ยังตัดไม่ขาด อย่างน้อยตอนเด็ก ๆ เขาก็ยังเคยดูแลทําหน้าที่พ่ออยู่บ้าง ผิดกับ
เธอที่ไม่เคยมีคําว่าพ่อ
เอ่ยออกจากปาก เพราะคนคนนั้นไม่เคยทําหน้าที่พ่อ และมีแต่ทําให้แม่เจ็บช้ํา
‚ต้องมีอะไรมากกว่านั้น พี่ฝนบอกรุ้งมาดีกว่า ‛
‚ก็ไม่มีอะไรมากหรอก เพียงแค่ตอนอยู่อเมริกาลูกชายคนโปรดทายาท
นักการเมืองในอนาคตไปก่อหนี้ไว้จนต้องไปพึ่งเศรษฐีจอมโหดนั่น แล้วไม่มีเงินจะ
จ่าย และไม่กล้าบอกพ่อ กลัวจะไม่เป็นลูกคนโปรด จนคุณตนุภัทรส่งทนาย
มาบอก เรื่องเลยปิดไม่อยู่ ก็เลยคิดจะเอาน้องสาวขัดดอก แต่เป็นน้องสาวคนนี้
แทน แล้วรุ้งคิดว่าพี่จะเป็นน้องสาวที่
แสนดียอมเอาตัวเข้าแลกกับพี่ชายนอกสังกัดหรือ ถ้าคุณพ่อไม่ขู่ว่าจะตัดเงิน
ช่วยเหลือค่ารักษา
แม่ที่ต้องฟอกไตทุกอาทิตย์ พี่ไม่มีวันยอมหรอก นี่แหละคุณพ่อที่รักลูก...แต่
ไม่ใช่ลูกสาวคนนี้‛
สายฝนประชดมากกว่าจะน้อยใจ เพราะไม่มีความรู้สึกโหยหาแบบนั้นอีก
แล้ว อ้อมกอดอันอบอุ่นของบิดา
อาจเป็นสิ่งที่ลูกทุกคนใฝ่หา แต่สําหรับเธอ ไม่เคยมีความรู้สึกนี้มานานแล้ว
‚ทําไมไม่ให้ลูกสาวคนโปรดไปขัดดอกแทนล่ะ ได้แต่งกับมหาเศรษฐี คงสมใจ
คุณบงกชอยู่หรอก‛ สายรุ้งประชด
‚ก็ลูกสาวคนโปรดเกิดกลัว อ้างว่าสวยไม่ได้สเปกนักธุรกิจจอมโหดนั่น ทั้งที่
ไม่เคยเห็นหน้าเห็นตา‛
‚ทําไมผู้ชายคนนั้นไม่เอาเงินไปใช้หนี้แทนลูกชายคนโปรดล่ะ ‛ สายรุ้งไม่เคย
เรียกปพนว่าพ่อ
‚เหตุผลง่ายนิดเดียว ถ้าทําอย่างนั้นก็เท่ากับเป็นการประจานว่าลูกชาย
ตัวเองไม่ดี เล่นหนักตอนอยู่อเมริกา
คิดดูสิ คุณพ่อกําลังจะเล่นการเมือง ขืนโอนเงินเข้าบัญชีใครสุ่มสี่สุ่มห้าแล้ว
ถูกตรวจสอบย้อนหลัง ทายาทนักการ
เมืองก็พลอยซวยไปด้วย อีกอย่าง ทางโน้นไม่ได้ต้องการเงิน เพราะรวยอยู่
แล้ว แต่ต้องการหาผู้หญิงไปแต่งงาน
ด้วย ไม่รู้ว่าเพราะอะไร นักธุรกิจลึกลับคนนี้ใช้ชีวิตบินไปมาหลายประเทศ
อยู่ไม่เป็นที่ อยู่ดี ๆ อยากแต่งงาน
สงสัยคุณศุภานันคงกลัวเลยส่งต่อให้พี่ เป็นไงเรื่องนี้ น่าขําหรือน่าร้องไห้ดี
ล่ะ‛ สายฝนถามเสียงขื่น
‚รุ้งจะไปตึกใหญ่ถามให้รู้เรื่อง‛ น้องสาวทําท่าจะไปบู๊ที่ตึกใหญ่ แต่พี่สาวรีบ
ฉุดไว้ก่อน
‚ไม่ต้อง รุ้ง พี่คิดดีแล้ว ทุกวันนี้ลําพังรายได้จากการทําขนมส่งตามร้านกับ
รับจ้างสอนพวกเด็ก ๆ
มันไม่พอช่วยรักษาแม่ ค่าล้างไตแม่แต่ละครั้งไม่ใช่น้อย ๆ ถ้าคุณพ่อไม่ช่วย
มีหวัง...พี่ตั้งเงื่อนไขไว้ว่า
ถ้าพี่ยอม ก็ห้ามทิ้งแม่ ต้องรักษาแม่จนถึงที่สุด ‛ คราวนี้น้ําเสียงของพี่สาวเด็ด
เดี่ยวจริงจัง
‚ไม่ พี่ฝน ผู้ชายคนนั้นต้องรับผิดชอบในฐานะสามีอยู่แล้ว ตัวเองออกจะ
ร่ํารวย ไม่มีเงินรักษาภรรยา ถ้าคนอื่น
รู้คงถูกประณามแน่ พี่ฝนไม่ต้องสนใจหรอก ใครเป็นคนก่อเรื่องก็ให้
รับผิดชอบเองสิ‛ น้องสาวค้านเสียงแข็ง
‚รุ้งคิดว่าที่ผ่านมาคุณพ่อสนใจ นักหรือกับคํานินทา แค่เอาเงินยัดก็หมดเรื่อง
แต่กับคุณตนุภัทรมันไม่เหมือนกัน
อยากได้อะไรต้องได้ นี่แหละที่คุณพ่อกลัว ได้ข่าวว่าตอนนี้อยู่เมืองไทย
เตรียมตัวแต่งงาน พี่ต้องแต่ง ไม่มีทางเลี่ยง
เพียงแต่จะพูดให้แม่เข้าใจได้อย่างไร รุ้ง พี่ขอร้อง อย่าให้แม่รู้เรื่องนี้นะ‛ เสียง
พี่สาววิงวอน
‚พี่ฝนจะบอกแม่ว่าอย่างไร บอกว่าพี่กับนายนั่นรักกันอย่างสุดซึ้งงั้นหรือ
เป็นไปไม่ได้หรอก‛
‚ใช่ ใครจะไปรักผู้ชายที่ไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยรู้จัก แต่ช่วยพี่คิดก่อนว่าจะ
บอกแม่ว่ายังไงดี‛
‚เรื่องแม่ปล่อยไว้ก่อน รุ้งถามจริง ๆ เถอะ พี่ฝนอยากแต่งมั้ย ‛
‚ไม่แต่งได้ก็ดี แต่เป็นไปไม่ได้ รุ้งก็รู้ เงื่อนไขเรื่องแม่เป็นประเด็นสําคัญ ตอนนี้
เราต้องอาศัยเงินคุณพ่อ เราสองคนยังไม่เก่งพอที่จะมีรายได้มารักษาแม่ พี่เองก็ขี้
เกียจหางานแล้วด้วย ไม่อยากเจอนายจ้างหื่น ๆ อีก ลําพังงานอิสระที่ทําก็พอเลี้ยง
ตัวได้ แต่จะให้มากพอที่จะรักษาแม่คงยาก วิธีนี้ดีที่สุดแล้ว อีกอย่าง ถ้าทําให้นาย
นั่นหลงได้ คงสบายละชาตินี้ ‛ น้ําเสียงประชดขื่น ๆ ของสายฝนทําให้สายรุ้งได้คิด
จริงสิ ตอนนี้พวกเธอมีทางเลือกไม่มากนัก แต่ถ้านายคนนั้นยอมถอนตัวล่ะ ได้ข่าว
ว่ามาอยู่เมืองไทย คงไม่ยากหรอกที่จะขอพบ
สายรุ้งนึกออกแล้วว่าจะช่วยพี่สาวอย่างไร ถ้าสําเร็จก็เท่ากับได้แก้เผ็ดคนพวกนั้น
ด้วย
‚พี่ฝน รุ้งขอกลับห้องก่อนนะ‛ ว่าจบเจ้าตัวก็รีบร้อนออกไป
สายฝนมองตามร่างระหงของน้องสาวที่เดินจากไปแล้วถอนใจเมื่อนึกถึงเรื่อง
ที่ขึ้นบนตึกใหญ่ ดีนะที่ไม่ได้เล่าให้ฟังหมด
ไม่อย่างนั้นน้องสาวคงบุกไปอาละวาดสองแม่ลูกนั่นแน่ ๆ ปกติสายรุ้งก็น่ารัก ร่าเริง
แต่นิสัยไม่ยอมคนนี่สิที่น่ากลัว
อีกอย่าง พวกที่ตึกใหญ่คงไม่มีวันยอมแน่ สายตาชิงชังของบงกช ผู้หญิงเจ้ามารยา
คนนั้น เธอกับสายรุ้งเกลียดนัก อีกทั้งลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของบิดาที่เธอไม่เคย
นับญาติด้วย กับลูกสาวที่ทําตัวเป็นคุณหนู วัน ๆ เอาแต่แต่งตัวและเที่ยวเตร่ ซึ่ง
มองเธอเหมือนจะเยาะในที เธอไม่เคยสนใจ คนพวกนี้ หากไม่ใช่เพราะบิดาสั่งให้
มา จ้างให้ก็ไม่มาเหยียบตึกนี้
‘ยอมมาแล้วหรือคุณหนูผู้สูงส่ง ต้องให้เชิญถึงยอมมาหาคุณพ่อได้ ’ คําพูด
แดกดันกับสายตาชิงชังที่บงกช
มีให้กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วสําหรับสายฝน บงกชนึกอิจฉาทุกครั้งที่เห็นลูกสาว
สองคนของกุลชา
อิจฉาหน้าตากับรูปร่างที่ดูมีเสน่ห์ชวนให้ผู้พบเห็นอดเอ็นดูไม่ได้ ผิดกับลูกสาวของ
เธอที่แม้จะพยายามเชิดชู
ให้เป็นคุณหนูสูงส่งของบ้าน แต่ก็ยังสู้ไม่ได้อยู่ดี เธอพยายามทําทีเป็นเยาะเย้ยถาก
ถางตลอดเวลาเพื่อจะข่ม
เด็กสาวทั้งสองเมื่อมีโอกาส และบางครั้งก็ยืมมือปพนเล่นงานแทน เธอรู้ดีว่าที่สามี
ยอมยกย่องเธอเพราะท่าทีที่
อ่อนน้อมถ่อมตน ทําตัวเป็นช้างเท้าหลัง ซึ่งเป็นสิ่งที่ปพนพอใจเพราะเคยเป็นคน
ใหญ่คนโต ยึดติดกับเกียรติยศ
ชื่อเสียง ผิดกับภรรยาหลวงที่มีการศึกษาสูง เป็นถึงอาจารย์มหาวิทยาลัย ทุกครั้งที่
อยู่ใกล้ดูจะไม่ยิ่งใหญ่เท่าไร
และที่สําคัญ ไม่ช่างเอาใจเหมือนเธอ
‘คุณพ่อมีอะไรกับฝนหรือคะ’ สายฝนถามด้วยน้ําเสียงราบเรียบ
‘นี่แกจะยืนคุยกับพ่อใช่มั้ย ยายฝน นั่งลงข้างตาวัศก็ได้ ’ บิดาพูดอย่างไม่
พอใจ สายตาที่มองมายังบุตรสาว
คนโตนั้นบอกว่าทั้งรักทั้งชัง น้ําเสียงกับท่าทางที่หมางเมินทําให้ปพนรู้สึกเจ็บปวด
ไม่เคยเลยสักครั้งที่ลูก ๆ
ของกุลชาจะยอมออดอ้อนเอาอกเอาใจผู้เป็นบิดาสักนิด ‘กุล...เธอช่างสอนลูกได้ดี
มาก หยิ่งยโสเหมือนเธอไม่มีผิด
ไม่เคยยอมลงให้ฉันสักนิด ’ ปพนคิดด้วยความเจ็บใจ แม้ลึก ๆ จะยอมรับว่าตัวเอง
ผิดอยู่บ้าง แต่ก็เป็นธรรมดา
ของผู้ชายที่ประสบความสําเร็จและมีพร้อมทุกอย่างอย่างเขา อีกอย่าง เขาไม่ได้
ทอดทิ้ง ยังเลี้ยงดูเหมือนเดิม กุลชาน่า
จะเข้าใจ แต่เธอกลับไม่เข้าใจ และยอมรับไม่ได้ ไม่รู้จักทําตัวให้น่ารักเหมือนบงกช
กับลูก สายฝนยังดีหน่อย แต่
สายรุ้งนี่สิ แทบจะไม่เคยคิดว่าเขาเป็นบิดาเลย เขาคิดอย่างผู้ชายเห็นแก่ตัวทั่วไป
จึงได้แต่โทษฝ่ายหญิง ไม่เคยคิด
ว่าตัวเองผิดสักครั้งทั้งที่ผิดเต็มประตู สายฝนเดินไปนั่งบนเก้าอี้ข้าง ๆ ชายหนุ่มอายุ
ราว ๆ ยี่สิบเก้า
แก่กว่าเธอเกือบห้าปี ใบหน้าคล้ายผู้หญิงที่แย่งบิดาไปจากมารดาของเธอ ดนุวัศ
ทําทีว่ารําคาญเธอ เธอเองก็รู้สึกไม่
ต่างที่ต้องมานับญาติกับคนพวกนี้
‘คุณพ่อดูสิคะ คุณฝนทําท่ารังเกียจพี่วัศ นั่งเสียห่างเชียว’ เสียงน้องสาวต่าง
มารดาดังขึ้น
‘นันเงียบก่อน พ่อมีเรื่องจะพูดคุยกับพี่เขา ฝน พ่ออยากให้ฝนแต่งงานกับคุณ
ตนุภัทร นักธุรกิจหนุ่มที่ใคร ๆ
ก็อยากได้มาเป็นทองแผ่นเดียวกัน ’ ปพนพูดตรง ๆ สายฝนนิ่งมองหน้าผู้เป็นบิดา
อย่างไม่เข้าใจ
‘รีบ ๆ คว้าเสียนะ คุณฝน คุณพ่ออุตส่าห์รักและเป็นห่วงลูกสาวคนโปรด’
บงกชแขวะด้วยความหมั่นไส้
‘บงกช ถ้าอยากให้ฉันช่วย ก็เงียบเสีย ว่าไง ฝน จะแต่งหรือไม่ ’ เสียงบิดา
คาดคั้น
‘ไม่ค่ะ ไม่มีเหตุผล ฝนไม่รู้จักนักธุรกิจคนนั้น ทําไมต้องแต่ง ’ เธอตอบอย่าง
เด็ดเดี่ยว
‘ต๊าย ! ดูสิคะ คุณพน เรารึอุตส่าห์หวังดี ราชรถมาเกยแล้วยังไม่รับอีก ’ บงกช
จงใจแดกดัน
‘ถ้าเป็นราชรถมาเกยจริง ๆ คุณบงกชน่าจะยกให้คุณนันนะคะ ไม่ต้องใจดียก
ให้ฝนก็ได้‛ เสียงหวานสวนกลับทันที
‘คุณพนดูลูกสาวคุณ ช่างยอกย้อนนัก ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ มีแม่เป็นถึงครู
บาอาจารย์ แต่กลับไม่ได้อบรมสั่งสอน
ลูกสาวให้รู้จักมีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่ ’
เมื่อมารดาถูกล่วงเกิน สายฝนจึงไม่ทน ลุกขึ้นทําท่าจะเดินจากไป
‘เดี๋ยวก่อน ยายฝน ยังไปไหนไม่ได้ ที่น้าบงกชพูดก็ถูก แกต้องแต่ง ถ้ายัง
อยากให้ฉันออกค่ารักษา
พยาบาลแม่แกต่อไป’ คําพูดของบิดาช่างทําร้ายจิตใจเธออย่างแรง แม้ไม่หวังความ
รักจากบิดา แต่ก็นึกไม่ถึงว่า
บิดาจะเป็นได้ถึงเพียงนี้ เอามารดามาขู่ ความรู้สึกน้อยใจประดังเข้ามา แต่กลับไม่
แสดงความอ่อนแอให้เห็น
‘ฝนต้องการเหตุผล’ เธอเอ่ยด้วยเสียงเรียบที่สุด แต่คนตอบกลับเป็นบงกช
‘เหตุผลหรือ ก็เพื่อช่วยให้ทายาทคนเดียวของตระกูลพ้นผิด เข้าใจมั้ยคะ คุณ
ฝน’
สายฝนจําได้ว่าตอนนั้นเธอแทบอยากจะเดินหนีไปให้ไกล ๆ หากไม่นึกถึง
มารดา ที่สุดเธอก็จําต้องยอมไปก่อน แล้วค่อยหาทางแก้ทีหลัง เธอรู้ดีว่าหากผู้ชาย
คนนั้นไม่มีฉายาว่านักธุรกิจจอมโหด ผู้หญิงที่อยู่ใกล้ต้องมีอันเป็นไปแทบทุกราย
โดยไม่มีสาเหตุละก็ ป่านนี้บงกชคงรีบประแคนลูกสาวให้แล้ว แล้วจะทําอย่างไร
เงินรักษามารดาก็ต้องการ
แต่ไม่อยากแต่งงาน ชายลึกลับที่มีแต่ข่าวลือมากมาย อยู่ไม่เป็นที่ ไม่เคยมีใครรู้ว่า
หน้าตา และนิสัยแท้จริง
เป็นอย่างไร คิดแล้วก็ถอนใจแล้วบอกกับตัวเองว่า ‘ช่างเถอะ ไว้ถึงเวลาค่อยคิด ไป
ดูแม่ก่อนดีกว่า’

สายรุ้งแต่งภาพพี่สาวในคอมพิวเตอร์จนดูน่าเกลียด เป็นหญิงสาวเชย ๆ สวม


แว่นหนาเตอะ มีไฝที่มุมปาก ใบหน้ามีสิวหลายเม็ด จากนั้นก็โทรหารุ่นพี่ที่เป็น
นักข่าวสายเศรษฐกิจจนได้ที่อยู่ของนักธุรกิจลึกลับนามว่าตนุภัทร แล้วในวันรุ่งขึ้น
เธอก็มาปรากฏตัวที่สํานักงานใหญ่ของบริษัทผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์แห่งหนึ่งที่
เขามีหุ้นอยู่ด้วย และใช้ความสวยให้เป็นประโยชน์จนกระทั่งพาตัวมายืนอยู่หน้า
ห้องประธานใหญ่ได้ เลขาฯ หน้าห้องมองเธอหัวจดเท้าก่อนถามขึ้นว่า
‚มาหาใครคะ‛
‚มาพบคุณตนุภัทรค่ะ‛ คําตอบของสายรุ้งยิ่งทําให้เลขาฯ สาวจ้องมองเธอ
อย่างสํารวจตรวจตรามากกว่าเก่า
‚ท่านไม่ว่างให้ใครพบหรอกค่ะ เดี๋ยวท่านจะไปแล้ว ถ้าไม่ได้นัดก็อย่า
เสียเวลาเลย‛ เลขาฯ ท่านประธานรีบบอกปัด
เหมือนกลัวเธอจะมาทํามิดีมิร้ายคนในห้อง สายรุ้งยิ้ม ช่างเป็นรอยยิ้มที่สดใสนัก
‚ดิฉันรับรองค่ะ คุณตนุภัทรต้องให้พบแน่ ดิฉันเป็นคนที่เขาจะแต่งงานด้วย
ถ้าคุณเป็นเลขาฯ ท่านประธานจริง
ก็น่าจะรู้ว่าคุณตนุภัทรกําลังจะแต่งงานกับใคร‛
คําพูดของสายรุ้งทําให้เลขาฯ สาวพูดไม่ออก รีบโทรบอกคนในห้องทันที ไม่
นานนักเธอก็นําสายรุ้งเข้ามาในห้องแล้วรีบออกไป ตรงหน้าสายรุ้งคือชายหนุ่มร่าง
สูงใหญ่ที่กําลังสนใจเอกสารบนโต๊ะทํางานตัวหรูมากกว่าอย่างอื่น
‘ผู้ชายคนนี้ความรู้สึกช้าจัง มีคนเข้ามาในห้องยังไม่รู้อีก ’ เธอค่อนในใจ คิด
หาทางทําให้อีกฝ่ายรู้ตัว
แต่เหมือนเจ้าของห้องจะรู้จึงละสายตาจากเอกสารในมือและเงยหน้าขึ้น ใบหน้า
นั้นยิ้มพลางจ้องมองเธอ
ตาไม่กะพริบ สายรุ้งตะลึง นึกไม่ถึงว่าจะได้พบชายหนุ่มที่หน้าตาดีและหนุ่มอยู่
มาก ทีแรกคิดว่าจะอายุมาก
เสียอีก อายุคงราวสามสิบต้น ๆ หน้าตาชวนให้สาวหลงได้ไม่ยาก ทําไมถึงได้ฉายา
จอมโหด แปลก !
‘บ้าจริง มัวแต่หลงรูปอยู่ได้ หน้าตาดีก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นคนดีนี่ ’
‚ขอโทษค่ะ คุณยิ้มอะไร หน้าฉันมีอะไรผิดปกติหรือ ถึงยิ้มอยู่ได้ ‛ นิสัยของ
สายรุ้งคือไม่ชอบให้ใครจ้องมองเธอ
แบบสํารวจตรวจตรา แม้สายตาของนายคนนี้จะไม่แสดงอาการหื่นให้เห็นก็ตาม
เธอจึงถามไปตรง ๆ
‚ผมยิ้มก็เรื่องของผม ผมมีสิทธิ์ ส่วนคุณ สาวน้อยที่มาหาผม อยากให้ผมช่วย
อะไรถึงได้ลงทุนหลอกว่าเป็น
เจ้าสาวของผม‛ เอ่ยจบก็ลุกขึ้นพาร่างสูงใหญ่เดินมาหา สายรุ้งรีบถอยไปสองก้าว
เขาหัวเราะแล้วพูดต่อว่า
‚ไม่ต้องกลัวว่าผมจะจับคุณฆ่าหมกหรอก ผมไม่โหดอย่างที่คุณคิด สาว
น้อย‛
สายรุ้งเริ่มไม่ชอบคําว่าสาวน้อยที่เขาเรียก มันฟังดูเหมือนเธอเป็นเด็ก
กะโปโลอย่างไรก็ไม่รู้
‚นี่คุณ เลิกเรียกฉันว่าสาวน้อยได้แล้ว ฉันบรรลุนิติภาวะมาหลายปีแล้ว ‛
น้ําเสียงเธอเริ่มขุ่นและรีบ
บอกสถานะให้อีกฝ่ายรู้ ตนุภัทรยิ่งขําใหญ่
‚งั้นหรือ ขอโทษที่เข้าใจผิด ยกโทษให้ผมด้วยคุณผู้หญิง ‛ เขายังคงล้อเลียน
เธอต่อ สายรุ้งเริ่มหงุดหงิด
กับท่าทางของผู้ชายคนนี้ แต่ต้องข่มอารมณ์ไว้ ไม่อย่างนั้นธุระที่ตั้งใจมาจะเสีย
‚ฉันไม่มีเวลาว่างจะเล่นกับคุณนักหรอก ฉันขอแนะนําตัวว่าฉันชื่อ สายรุ้ง
เจริญพัฒนาทรัพย์ น้องสาวของ
ผู้หญิงที่คุณจะแต่งด้วย‛ เธอรีบแนะนําตัวด้วยเสียงราบเรียบเพื่อให้อีกฝ่ายเชื่อถือ
เขายิ้มให้กับท่าทีของเธอ
‚ครับผม รู้แล้วครับว่าที่น้องเมียในอนาคต มีอะไรกับพี่เขยคนนี้ ‛ คําพูดกวน
ๆ ยิ่งยั่วอารมณ์ของเธอหนักเข้าไปอีก
‚คุณ ฉันยังไม่ได้นับญาติกับคุณนะ ที่ฉันมาวันนี้ เพราะฉันจะบอกคุณว่า ถ้า
คุณอยากได้เจ้าสาวหน้าตาสะสวยละก็
ต้องไม่ใช่พี่สาวฉัน เพราะเกรงว่าคุณจะได้แต่งกับผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุด และเชยที่สุดก็
ว่าได้ นี่คือรูปพี่สาวฉัน นางสาว
สายฝน ดูเสีย เผื่อจะเปลี่ยนใจ‛ เธอยื่นรูปสายฝนที่ถูกดัดแปลงให้ขี้เหร่ให้เขาดู เขา
รับมาดูโดยไม่ใส่ใจนัก
ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองอีกที
‚ผมเพิ่งรู้ว่ามีน้องสาวขี้อิจฉา ขัดขวางโอกาสของพี่สาวด้วยนะเนี่ย ผมจะ
บอกให้นะ คนอย่างผม...นายตนุภัทร บอกว่า
จะแต่งก็ต้องแต่ง หรือคุณจะเป็นเจ้าสาวของผมแทน‛ โดยที่เธอไม่ทันระวังตัว
ใบหน้าคมเข้มก็ยื่นเข้ามาถามจนเกือบชิดแก้มเนียน จมูกทําเสียงคล้ายสูดกลิ่น
หอมไปในตัว สายรุ้งรีบถอยห่าง จ้องหน้านักฉวยโอกาสอย่างเอาเรื่อง
‘ตาบ้า หื่นที่สุด แค่พบหน้าก็ออกลายแล้ว คอยดู...ถ้าไม่ทําเพื่อพี่ฝน นาย
เดือดร้อนแน่’
‚ใครบอกว่าฉันอิจฉาพี่สาว ฉันเพียงแต่มาเสนอสิ่งที่ดีกว่าให้คุณต่างหาก
เพราะฉันไม่อยากให้พี่สาวฉันต้องถูก
คุณทําร้าย ฉันบอกคุณตรง ๆ ก็ได้ พี่สาวฉันนะ นอกจากจะขี้เหร่แล้ว ยังสติไม่ดีอีก
ด้วย ความจริงคุณปพนมีลูกสาวอีกคนที่ทั้งสวยทั้งมีเสน่ห์ ชื่อศุภานัน ดูแล้ว
เหมาะสมกับคุณมาก นี่ค่ะรูป ฉันเอามาให้คุณพิจารณา‛
เธอรีบยื่นรูปศุภานันให้ดู เขารับมาอย่างไม่ใส่ใจ และจ้องมองเธอด้วยแววตา
ที่อ่านไม่ออก สายรุ้งเห็นท่า
ไม่ดีจึงรีบเอ่ยว่า
‚ฉันเสร็จธุระแล้ว ขอตัวก่อนค่ะ‛ พูดจบก็รีบเผ่น แต่กลับถูกมือใหญ่แข็งแรง
ยึดไว้ เธอพยายามบิดให้พ้นจาก
การเกาะกุม แต่ไม่ได้ผล
‚เดี๋ยว...คิดว่าที่นี่เป็นอะไร นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป ใจกล้าเหลือเกินนะ
สาวน้อย อาจหาญมาหา
นายตนุภัทรถึงที่ หมดเวลาล้อเล่นแล้วสาวน้อย คิดจะหยอกคนอย่างผมเล่นต้อง
เจอแบบนี้‛ น้ําเสียงคราวนี้ฟัง
ดูน่ากลัว มือใหญ่ออกแรงดึงร่างระหงเข้าไปกอด ใบหน้าคมเข้มก้มลงชิดแก้มนวล
เนียน สายรุ้งรีบก้มหน้าหนี
คิดหรือว่าคนอย่างฉันจะยอมให้ผู้ชายหื่น ๆ อย่างนายมาลวนลามได้ รู้จักสายรุ้ง
น้อยไปแล้ว ‚นี่แน่ะ‛
เธอรีบกระทืบส้นรองเท้าลงบนฝ่าเท้าใหญ่ทันที ตามด้วยยกเข่ากระแทกกลางเป้า
อีกฝ่ายเจ็บจนจุก จึงต้องปล่อย
สายรุ้งรีบฉวยจังหวะเผ่นออกนอกห้องและรีบลงลิฟต์หนี คนในห้องแม้จะจุกแทบ
แย่ แต่ใบหน้า
กลับยิ้ม นัยน์ตาเป็นประกาย
‚สวย น่ารัก ร้าย ตรงตามสเป๊กที่ต้องการ อยากรู้นัก เธอจะขัดขวางการ
แต่งงานที่จะมีขึ้นได้อย่างไร‛
เขาเอ่ยเบา ๆ ก่อนเดินจากห้องไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย
ตอนที่ 2

เสียงเด็กร้องจ้าดังเข้าหูของแม่บ้านวัยหกสิบจนต้องรีบผละจากงานที่ทําแล้ว
พาร่างค่อนข้างสมบูรณ์เดิน
กึ่งวิ่งมาหา ร่างเล็กกลมป้อมของเด็กน้อยวัยเกือบสองขวบนอนอยู่หน้าบันไดหิน
อ่อนกําลังแผดเสียงร้อง
อย่างเจ็บปวดและตกใจกลัว ไปถึงก็รีบอุ้มเด็กน้อยเข้ามากอด มืออวบอูมลูบหลัง
เด็กน้อยไปมา
‚โอ๋ ๆ อย่าร้องนะ คุณข้าวโอ๊ต คนดี คนเก่งของป้าบุญ ไหนขอป้าดูหน่อยซิ
เจ็บตรงไหน‛ หญิงชราพยายาม
ปลอบ มองสํารวจไปทั่วร่างกลมป้อม กลัวเด็กน้อยจะได้รับบาดเจ็บ เมื่อไม่พบว่ามี
อะไรก็คลายกังวล สักพัก
เด็กน้อยก็หยุด เอามือจับที่หัวพลางร้องเบา ๆ หญิงชราเห็นแล้วก็อดยิ้มให้กับความ
น่ารักของเด็กชาย
ตัวน้อยในอ้อมกอดไม่ได้ ดวงตาไร้เดียงสานั้นยังมีครับน้ําตาเกาะอยู่
‚เจ็บหรือ เดี๋ยวป้าบุญเป่าให้นะ โอมเพี้ยง ! หาย ไม่เจ็บแล้วค่ะ คุณข้าวโอ๊ด
คนเก่งของป้าบุญ‛
เด็กน้อยฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันเต็มปากเหมือนจะหายเจ็บแล้วจริง ๆ ป้าบุญ
มองหน้าเด็กชายตัวน้อยผิวขาวแก้มอิ่มใสแล้ว
อดฟัดพวงแก้มใสนั้นไม่ได้ เด็กกําลังซน อยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็น แต่พอนึกอะไร
ขึ้นมาได้ก็รีบตะโกนเรียก
เด็กรับใช้ที่คอยเฝ้าดูแลเด็กน้อยมาซักถาม
‚เปรี้ยว ! มานี่เดี๋ยวนี้ !‛ สิ้นเสียง เด็กสาววัยสิบเจ็ดผิวสีน้ําผึ้ง สวมเสื้อยืดสี
เทากับกางยีนส์ก็ รีบวิ่งเข้ามา
‚ป้ามีอะไร เรียกเสียตกอกตกใจหมด‛ เด็กสาวนามว่าเปรี้ยวบ่น
‚ทําไมไม่ดูคุณข้าวโอ๊ตให้ดีฮึ ปล่อยให้ปีนขึ้นบันไดจนตกลงมา ดีนะที่ไม่ได้
เป็นอะไร ตกมาแค่ขั้นเดียว
แล้วคุณดาไปไหน ทําไมไม่อยู่กับคุณข้าวโอ๊ต ‛ ป้าบุญถามเป็นชุด
‚ป้าเล่นถามเป็นชุด ฉันจะตอบอะไรก่อนดีล่ะ ‛ เปรี้ยวย้อนให้อย่างซื่อ ๆ
‚ชะ ! นังเปรี้ยว เอ็งมันชักจะเอาใหญ่แล้ว หัดย้อนข้า ‛ น้ําเสียงป้าบุญเริ่มไม่
พอใจ
‚ใครจะกล้าย้อนป้าจ๊ะ บอกก็ได้ อย่าไปหวังอะไรจากคุณดาเลย สนใจคุณ
ข้าวโอ๊ตก็ตอนคุณเมธอยู่บ้าน
เท่านั้นแหละ ฉันละไม่เข้าใจจริง ๆ ตั้งใจมาเลี้ยงหลานหรือจะมาจับผู้ชายกันแน่
ขยันทํานมหกอยู่เรื่อย ดีที่เป็นคุณเมธ
ถ้าเป็นคนอื่นละก็ เสร็จไปนานแล้ว อีกอย่างนะป้า เอาคุณข้าวโอ๊ตมาอ้างมากกว่า
ไม่ได้รักชอบเท่าไหร่หรอก ดีที่คุณเมธไม่เล่นด้วย ไม่อย่างนั้นคุณข้าวโอ๊ตตายแน่ ‛
เปรี้ยววิจารณ์น้าสาวของเด็กชายตัวน้อยตามจริง
‚นังเปรี้ยว ! เดี๋ยวเถอะ นินทาเรื่องของเจ้านาย แต่ก็จริงของเอ็ง อยู่ที่นี่สบาย
จะตายไป ไม่ต้องทํางาน แถม
ทําตัวเป็นคุณนายของบ้านได้ด้วย ข้ากลัวเหมือนกัน ถ้าวันหนึ่งเกิดคุณเมธพลาด
ท่าขึ้นมา ยุ่งแน่ คิดแล้วอยาก
ให้มีใครสักคนมาเป็นกันชนบ้าง ข้าอยากได้คุณผู้หญิงที่ดูดีกว่านี้ เหมาะสมกับคุณ
เมธมากกว่าผู้หญิงแบบนี้
ยังดีที่คุณเมธไปต่างประเทศบ่อย ๆ ไม่อย่างนั้นละก็ เอ็งคงได้ดาวยั่วมาเป็นคุณ
ผู้หญิงแน่ พี่สาวออกจะเรียบร้อย
ดูเป็นผู้ดี แต่น้องสาวน่ะอย่างกับพวกผู้หญิง...ไม่ไหว‛ ที่สุดป้าบุญก็อดปรับทุกข์
ไม่ได้
แกอยู่รับใช้บ้านนี้มานาน เป็นคนเก่าคนแก่ที่เจ้าของบ้านรักเหมือนญาติ อายุ
แกก็มากแล้ว จะอยู่ดูแล
คุณหนูตัวน้อยไปได้นานแค่ไหน จะหวังพึ่งพนิดา น้าสาวของคุณข้าวโอ๊ตก็คงยาก
เพราะดูเหมือนจุดประสงค์
ที่พาตัวเข้ามาอยู่ในบ้านนี้ก็เพื่อจับเจ้าของบ้านให้อยู่เท่านั้นเอง อ้างว่าจะมาดูแล
หลานกําพร้าที่บิดามารดาเสียชีวิตด้วย
อุบัติเหตุทางรถยนต์ วรเมธผู้เป็นอาแท้ ๆ เพียงคนเดียวจําเป็นต้องรับภาระเลี้ยงดู
หลานชายตัวน้อยที่อายุได้
ประมาณสามเดือนเพราะรับปากพี่ชายไว้ แต่วรเมธก็ไม่ค่อยมีเวลามากนักเพราะ
ธุรกิจรัดตัว ทั้งกิจการ
ส่วนตัว เวลานี้ก็เพิ่มส่วนของพี่ชายเข้าไปอีก ยิ่งหาเวลาว่างยาก บิดามารดาของวร
เมธแบ่งมรดกให้ลูกชายสองคนเท่า ๆ กัน
แต่คนเป็นน้องขยายกิจการไปได้ไกลกว่า ไม่ว่าจะเป็นพืชผลทางการเกษตร
ผลิตภัณฑ์แปรรูปทางการเกษตร
จากที่เพียงไม่กี่ผืน และโรงงานเล็ก ๆ ที่ได้จากบิดาจนกลายเป็นบริษัทใหญ่โตส่ง
ขายทั้งในและนอกประเทศ
ส่วนพี่ชายได้สวนส้มทางเหนือ ไร่ข้าวโพด บริษัทท่องเที่ยว และรีสอร์ตสวยซึ่งเป็น
แหล่งท่องเที่ยว ด้วยเหตุนี้
จึงทําให้สาว ๆ อยากรู้จักและพาตัวมาใกล้ชิด วรเมธ เจริญปัญญา ผู้มีทั้งรูปสมบัติ
และทรัพย์สมบัติ แต่ก็ไม่เคย
สนใจใครเป็นพิเศษ และไม่เคยมีใครจับอยู่ รายคุณพนิดาคงเป็นข้อยกเว้น บังเอิญ
โชคช่วย...พี่สาวเสียชีวิต จึง
เอาเด็กมาอ้างและถือโอกาสอยู่ถาวร ใหม่ ๆ ก็ทําตัวเรียบร้อยดี แต่อยู่ไปสักพักลาย
ก็เริ่มออก แกคิดแล้วก็ถอนใจ
‚ป้าถอนใจทําไม กลัวคุณเมธถูกปล้ําหรือ ไม่แน่นะ ก่อนคุณเมธไป
ต่างประเทศน่ะ พอเห็นฉันกล่อม
คุณข้าวโอ๊ตหลับแล้วก็ไล่ฉัน บอกว่าง่วงก็ไปนอน เธอจะดูหลานเอง ตอนแรกฉันก็
งงนะป้าแต่พอเห็นชุดนอน
เธอแล้ว เข้าใจเลย ชุดนอนอะไรมันจะแนบเนื้อขนาดนั้น ยังไม่พอนะป้า โนบราด้วย
แถมเป็นกระโปรงสั้นอีก
ดูเธอจะใจกว้างน่าดู ไม่อายเลย โชคดีเป็นของคุณเมธที่คืนนั้นไม่ได้เข้ามาดูคุณ
ข้าวโอ๊ต ไม่อย่างนั้นนะ บรื๋อ !
ไม่อยากคิด สงสัยป้าจะได้คุณผู้หญิงสมใจแน่ ฉันมองแล้วยังแอบกลืนน้ําลายเลย‛
เปรี้ยวทําท่าประกอบ
ป้าบุญตีเผียะเข้าให้
‚นังเปรี้ยว เป็นสาวเป็นนางทะลึ่งใหญ่แล้ว ข้าบอกเสียก่อนนะ ห้ามพูดจา
ทะลึ่งให้คุณข้าวโอ๊ตได้ยิน
เด็กกําลังเรียนรู้และหัดพูด‛
ป้าบุญพูดจบก็มีเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาในบ้าน ตามมาด้วยสาวสวยในชุด
กางเกงสีขาวแนบกระชับช่วงขาเรียวกับ
สวมเสื้อยืดสายเดี่ยวสีเขียวอ่อนคอลึกจนเห็นร่องอกอวบอิ่ม ความจริงชุดนี้มีเสื้อ
ตัวนอกสีขาวคลุมอีกที
แต่หญิงสาวผู้นี้ไม่คิดจะใส่ เพราะมั่นใจในรูปร่างอันเย้ายวนของตน ทรงผมนั้นล่ะ
ก็หยิกยาวทันสมัยและถูกกัดเป็นสีน้ําตาล
ทอง เธอเดินถือถุงกระดาษจากห้างดังมาสองสามถุง ไม่บอกก็รู้ คงไม่พ้นพวก
เสื้อผ้าเครื่องสําอาง
‚ป้าเห็นอย่างที่ฉันเห็นมั้ย นางแบบกลับมาแล้ว ลงทุนไปทําผมใหม่ หวังจะ
ยั่วคุณเมธอีกแน่ ฉันชักกลัว
แทนคุณเมธแล้วสิ คืนนี้กลับมาจะรอดมั้ยเนี่ย ‛ เปรี้ยววิจารณ์ตามระเบียบ
‚ถ้าอย่างนั้นเอ็งก็คิดหาทางช่วยกันคุณข้าวโอ๊ตออกห่างจากคุณดาสิ จะได้
ไม่ตกเป็นเหยื่อของคุณดา‛
เปรี้ยวเห็นด้วย ทุกครั้งที่วรเมธอยู่บ้าน ดูคุณข้าวโอ๊ตจะเป็นที่โปรดปรานของ
น้าสาวเป็นพิเศษ แต่พอลับหลังวรเมธ
ก็ทําท่ารําคาญและโยนให้เด็กในบ้านดูแลแทน โชคดีที่คุณข้าวโอ๊ตไม่ติดน้าสาว แต่
ติดป้าบุญกับตัวเองมากกว่า
เด็กน้อยคงรู้ว่าใครรักแกจริง ที่เปรี้ยวไม่เข้าใจก็คือวรเมธนั้นฉลาดมาก แต่ทําไมดู
ไม่ออก แต่เปรี้ยวก็ไม่มีเวลาคิดนานนัก
เพราะหญิงสาวที่ถูกนินทาเดินเข้ามในบ้าน พอเห็นเปรี้ยวก็สั่งทันที
‚เปรี้ยว ช่วยไปเอาน้ําส้มคั้นให้ฉันแก้วสิ หิวน้ํา เร็วนะอย่าช้า ได้ยินมั้ย ‛ สั่ง
จบก็เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้รับแขก
‚แน่ะ เอาน้ํานางเอกด้วยป้า ฉันไปก่อนนะ ไม่ทันใจนางแมวยั่วสวาทแล้วจะ
เดือดร้อน‛ เปรี้ยวปากคอเราะ
ร้ายไม่เบา ป้าบุญส่ายหน้าอย่างระอา
เย็นวันนั้นก่อนที่วรเมธจะกลับถึงบ้าน พนิดาเดินเข้าไปในห้องเด็ก
‚คุณข้าวโอ๊ตแต่งตัวหล่อ ๆ ต้อนรับคุณอานะครับ เวลาคุณอากลับมาเรียก
คุณอาดัง ๆ นะครับ‛ ยามอยู่กับเด็กเปรี้ยว
จะพูดจาไพเราะ เด็กสาวถูกฝึกจากศูนย์รับเลี้ยงเด็กและมีบริการจัดหาพี่เลี้ยงเด็ก
ด้วย วรเมธไปนําตัวมาช่วย
ป้าบุญเลี้ยงเด็กชายนพวิท หรือข้าวโอ๊ต เพราะอยากให้เด็กได้รับการเลี้ยงดูที่
ถูกต้องตามวัย จะให้พึ่งป้าบุญหรือ
แกก็ให้ได้แค่ความรักความเอาใจใส่และประสบการณ์ของคนโบราณแต่เรื่อง
โภชนาการเห็นทีจะยาก ดังนั้น
เด็กสาวจึงมาอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะผู้ช่วยป้าบุญ อยู่มาได้ครึ่งปีเด็กสาวก็สมัคร
ใจอยู่บ้านนี้ถาวร โดยลาออกจากศูนย์
ไม่อยากให้ทางศูนย์หักค่าหัวคิวทุกเดือนอีกต่อไป รายได้แปดพัน แต่รับจริงหกพัน
เท่านั้น เรื่องทําท่าจะไปได้ดีถ้าพนิดาที่อ้างตัวว่าเป็นน้าสาวไม่ตัดสินใจลาออกจาก
งานกะทันหันโดยอ้างว่าอยากมาดูแลหลานชายกําพร้า
หลังพี่สาวเสียชีวิตก็เทียวไปเทียวมาทําทีเป็นห่วงหลาน สุดท้ายก็พาตัวมาอยู่ด้วย
ใหม่ ๆ ก็ทําที
เป็นสนใจหลานชายดี แต่อยู่ไป ๆ ทุกคนในบ้านจึงรู้ว่าได้นายใหม่เพิ่มอีกคน
พนิดามองหน้าหลานชายตัวน้อยที่ฉีกยิ้มกว้างเล่นกับเปรี้ยวแล้วให้นึก
หมั่นไส้
‘เด็กบ้า ทีเราให้ยิ้มก็ไม่ยิ้ม ทําหน้าแตกอยู่เรื่อย ถ้าไม่คิดจะใช้แกช่วยจับคุณเมธให้
อยู่ละก็ อย่าหวังว่า
ฉันจะพิศวาสแก ฉันเกลียดเด็กจะตายไป’ แม้จะหมั่นไส้แต่กลับยิ้มหวานเข้าไปหา
‚ว่าไงจ๊ะ ข้าวโอ๊ตคนเก่งของน้า มามะ มาให้น้าหอมเสียดี ๆ‛
เปรี้ยวได้ยินแล้วอยากอาเจียนเต็มที
‘คืนนี้คุณข้าวโอ๊ตเดือดร้อนแน่ ’
‚คุณดาจะมาดูคุณข้าวโอ๊ตแทนหรือคะ งั้นเปรี้ยวขอตัวไปช่วยป้าบุญ
ทําอาหารให้คุณข้าวโอ๊ตทานก่อนนะคะ‛
เปรี้ยวรีบออกตัว พนิดายิ้มอย่างพอใจ เธอรู้ว่าวรเมธกําลังจะมา ต้องทําให้เขาเห็น
ว่าเธอดูแลเอาใจใส่หลานชาย
เป็นอย่างดี เพราะวรเมธรักหลานกําพร้าคนนี้มาก
‚เออดี รีบไปทําแล้วยกมา ฉันจะป้อนเอง มาข้าวโอ๊ต มาหาน้า เราไปรอรับ
คุณอากัน‛ เธอกวักมือเรียกหลานชายตัวน้อยให้หา แต่เด็กน้อยกลับเมิน เธอจึงนึก
ฉุน ‘เด็กบ้า ! เดี๋ยวเถอะ ให้มาไม่มา’
‚คุณข้าวโอ๊ต ไปหาคุณน้าคนสวยนะ เชื่อพี่เปรี้ยวนะครับ คนเก่ง ‛ เปรี้ยวพูด
จบเด็กชายจึงยอมเดินไปหา
พอร่างกลมป้อมเดินเข้าเข้าประชิดตัวพนิดาเท่านั้น เธอก็แทบล้มเพราะเด็กชายข้าว
โอ๊ตนั้นตัวใหญ่เกินเด็กทั่วไป
‘เด็กบ้า ! หนักชะมัด’
เปรี้ยวเห็นแล้วแอบยิ้ม พลางเอ่ยในใจว่า ‘สมน้ําหน้า’ ก่อนจะเดินจากไป
อย่างรวดเร็ว

ราวห้าโมงกว่า ๆ รถของวรเมธก็แล่นเข้ามาในบ้าน ร่างสูงใหญ่ของเขามา


พร้อมกล่องรถเด็กเล่นคันใหญ่
พอเข้ามาในตัวบ้านก็เห็นพนิดาวิ่งป้อนข้าวหลานชายตัวน้อยที่วิ่งหนีอย่าง
สนุกสนาน แต่พอเห็นเขาก็
ฉีกยิ้มกว้างเห็นฟันขาวเต็มปาก แล้วเปล่งเสียงออกมาดัง ๆ ว่า ‚อา...อา...‛ พลาง
เดินเตาะแตะเข้าหาทันที เสียงพนิดาร้องลั่นอย่างตกใจ
‚อุ๊ย ! ระวังค่ะ ข้าวโอ๊ต เดี๋ยวล้ม ‛ เธอรีบวิ่งเข้าไปหาทําทีเป็นห่วงเด็ก แต่
แทนที่เด็กจะล้ม กลายเป็นเธอที่
เซถลาเข้าหาอกกว้างของวรเมธแทน เพราะเด็กน้อยวิ่งเข้าหากล่องรถเด็กเล่นที่วาง
อยู่ข้างร่างสูงใหญ่ที่คุกเข่า
ลงเตรียมจะรับเด็ก พอร่างเย้ายวนของพนิดาซบลงบนอกกว้างจนล้มลงไปทั้งคู่ วร
เมธจึงรู้ว่าพนิดาไม่ได้สวม
บรา แม้เสื้อที่ใส่จะดูมิดชิดก็ตาม เหมือนเธอจงใจเบียดกายที่หอมกรุ่นจากน้ําหอม
กลิ่นเร้าอารมณ์เข้าหาเขา
ทําให้เขารีบดันตัวเธอออกห่าง
‚ไม่เป็นไรใช่มั้ย คุณดา‛ เขาถามอย่างสุภาพ ก่อนจะดึงตัวเธอลุกขึ้นยืน
พนิดาหน้าเสียเล็กน้อย
‘ผู้ชายบ้า ยั่วเท่าไหร่ก็ไม่ได้ผลสักที ‘ เธอจําได้ เธอเคยแกล้งทําเป็นหลับพร้อม
หลานชายตัวน้อย จงใจให้
กระดุมหน้าของชุดนอนกระโปรงยาวหลุดไปสองเม็ดจนเห็นอกอวบอิ่มในท่าตะแคง
กอดเด็กและปล่อยให้
ชายกระโปรงร่นขึ้นมาถึงขาอ่อน คืนนั้นวรเมธเข้ามาในห้องเด็ก เพื่อจูบราตรีสวัสดิ์
หลานชายตัวน้อย และก็รีบออกไปทันทีโดยไม่มองเธอด้วยซ้ํา เธอลุกขึ้นมานั่งอย่าง
หัวเสียและพลางบ่นเขาออกมาดัง ๆ
‚เป็นพวกตายด้านหรือไงนะ ยั่วเท่าไหร่ก็ยั่วไม่ขึ้น ‛ จากนั้นเธอก็พยายามอีก
หลายครั้ง แต่ไม่เคยสําเร็จ
เขายังคงทําเป็นไม่รู้ไม่เห็นว่าเธอมีรูปร่างงดงามแค่ไหน ครั้งนี้ก็เช่นกัน แม้จะ
หงุดหงิดอย่างไรเธอก็ยัง
แกล้งทําเป็นเขินและหน้าแดงได้
‚คือ...เอ่อ...ดาไม่เป็นไรค่ะ‛
วรเมธมองท่าทางนั้นแล้วเฉยเสีย ก่อนจะเอ่ยอะไรออกมา หลานชายตัวน้อย
ก็มากระตุกขากางเกงของเขาและส่งเสียงว่า ‚อุ้ม...อุ้ม...‛ วรเมธยิ้มและย่อตัวลง
อุ้มหลานชายตัวน้อยขึ้นมา
‚ไงข้าวโอ๊ต คิดถึงอาละสิ หรือจะประจบเอาของเล่น ทําน้าดาล้มขอโทษน้า
ดาหรือยัง‛
เด็กน้อยหันไปยิ้มให้พนิดาแล้วพูดว่า ‚โทด...โทด..‛ พนิดาฝืนยิ้มพลางยื่นมือ
ไปหยิกพวงแก้มยุ้ยนั้นเบา ๆ ทั้ง ๆ ที่
ใจจริงอยากจะหยิกให้เนื้อเขียวไปเลย
‚นี่แน่ะ ! ร้ายนักนะเรา พ่อตัวดีของน้าดา‛
‚คุณดาคงเหนื่อยแล้ว ผมว่าให้เปรี้ยวหรือป้าบุญมาป้อนต่อดีกว่า ‛ วรเมธพูด
เหมือนเกรงใจหรือต้องการไล่
เธอกันแน่ ไม่มีใครรู้ ที่รู้ ๆ คือป้าบุญกับเปรี้ยวเดินถือขวดน้ําเด็กเข้ามาทันเห็นฉาก
สําคัญ สะใจที่มีคนหน้าแตก
‚คุณเมธอย่าตามใจคุณข้าวโอ๊ตมากนักนะ ดูสิ ซื้อของเล่นให้อีกแล้ว จะเต็ม
บ้านอยู่แล้วนะคะ‛ ป้าบุญบ่น
‚ไม่เป็นไรป้า เห็นแกเล่นแล้วมีความสุขก็พอ ว่าแต่...ป้าทําอะไรให้ผมกินบ้าง
ล่ะ คิดถึงอาหารไทย
หิวน้ําด้วย ลงจากเครื่องก็รีบมาเลย‛ พอได้ยินวรเมธบ่นว่าหิวเท่านั้น พนิดาก็รีบ
เดินไปในครัวหยิบน้ําส้มคั้นเย็น ๆ มาให้
‚นี่ค่ะ คุณเมธ น้ําส้มคั้นอย่างดี ดาเพิ่งไปซื้อมา เห็นว่าคุณเมธชอบ‛ พนิดา
ยื่นให้ วรเมธรับตามมารยาท
‚ขอบคุณครับ ทีหลังคุณดาไม่ต้องลําบากก็ได้ ที่นี่มีคนคอยทําให้อยู่แล้ว ‛ วร
เมธพูดอย่างเกรงใจ หรือ
ต้องการบอกเธอว่าไม่ต้องมาปรนนิบัติเขากันแน่ ไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ ๆ หลานชายตัว
น้อยแย่งไปดื่มแทน
พนิดาฉุนจัด ‘เด็กบ้า ฉันไม่ได้ให้แกนะ’ ป้าบุญกับเปรี้ยวลอบยิ้มอย่างพอใจ
เพราะพนิดาห้ามทุกคนแตะต้อง
ของที่เธอซื้อมา อ้างว่าจัดไว้ให้วรเมธและตัวเอง
‚อ้าว ! แล้วกัน ข้าวโอ๊ตหิวน้ําก็ไม่บอก ม่ายหวาย‛ วรเมธหยอกหลานชาย
อย่างชอบใจ มีเพียงคนเดียวใน
ที่นั้นที่ดูไม่พอใจแต่ต้องสงวนท่าที
‚ดาขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ รบกับเจ้าตัวเล็กจนเหนื่อย‛ เธอรีบออกตัว
แล้วเดินจากไป
ป้าบุญกับเปรี้ยวหันมามองหน้ากัน เหมือนกับจะบอกว่าตอแหล แต่ไม่ได้พูด สักพัก
ป้าบุญก็หันไปพูดกับวรเมธ
‚คุณเมธคะ ป้ามีเรื่องอยากคุยกับคุณเมธเป็นการส่วนตัวค่ะ ‛
วรเมธมองดูสีหน้ากังวลของหญิงชราแล้วพยักหน้าเบา ๆ ก่อนส่งหลานชาย
ตัวน้อยให้เปรี้ยว
‚เปรี้ยว ช่วยดูคุณข้าวโอ๊ตที ป้า ผมขอตัวไปอาบน้ําสักครู่ ป้าไปคอยผมที่
ห้องสมุดก่อน‛ พูดจบจบร่างสูงใหญ่
ก็เดินขึ้นชั้นบน
‚ป้าจะคุยอะไรกับคุณเมธหรือ‛ เด็กสาวซัก
‚ยังบอกไม่ได้ ไม่นานจะรู้เอง‛ ป้าบุญไม่ตอบและเดินจากไปทันที
‚คุณข้าวโอ๊ต วันนี้ป้าบุญของเรามาแปลก ทําเป็นขรึม งง‛ เด็กสาวบ่นกับเด็ก
น้อย
‚โงน‛ เด็กน้อยเลียนเสียงตาม เปรี้ยวหัวเราะ เด็กกําลังหัดพูด ก่อนจะป้อน
ข้าวเด็กน้อยต่อหลังจาก
ถูกคนแย่งทําหน้าที่เพื่อเอาหน้าเมื่อครู่

‚คุณเมธคะ ป้าอยากได้แม่บ้านสักคนมาช่วยป้าดูแลบ้านนี้กับคุณข้าวโอ๊ต
เอาที่พอมีความรู้หน่อย ป้าน่ะแก่
แล้ว สังขารชักไม่ไหว‛ ป้าบุญบอกจุดประสงค์ทันทีเมื่ออยู่ตามลําพังกับนายหนุ่มที่
แกเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก วรเมธยิ้ม
พอจะเดาจุดประสงค์ของป้าบุญออก ความจริงเขาก็อยากหาคนมาช่วยเหมือนกัน
ให้พนิดาช่วยอาจแย่กว่าเดิม
‚ไม่เห็นต้องหาเลย ให้คุณดาทําแทนก็ได้นี่ ‛ เขาแกล้งหยั่งเชิงหญิงชรา
‚ว้าย ! ไม่ไหวหรอกค่ะ ป้าไม่อยากพูด ‛ ป้าบุญหลงกลเขาจนได้ วรเมธ
หัวเราะเบา ๆ
‚ผมล้อป้าเล่น เอาเป็นว่าผมจะจัดการให้ หรือป้าจะหาเอง‛
‚ป้าขอหาเองก่อนดีกว่าค่ะ ความจริงป้าเป็นห่วงคุณเมธมากกว่า ‛
‚ห่วงผม ? ผมสิน่าจะห่วงป้า แต่ผมก็ไม่มีเวลา ช่วงนี้งานรัดตัวทั้งของตัวเอง
และของข้าวโอ๊ต เพื่อพี่โต
ผมต้องทําให้ดีที่สุด ‛ เขาพูดด้วยน้ําเสียงจริงจัง ป้าบุญรู้ดีว่าวรเมธเป็นคนมุ่งมั่น
ซื่อตรง รับปากอะไร
ใครไว้ก็ทําเต็มที่ คงเป็นห่วงพี่ชายจะตายไม่เป็นสุข จึงพยายามรักษาและช่วย
ขยายกิจการของพี่ชายที่ทิ้งไว้
ให้ลูกชายกําพร้า ถ้าเป็นคนอื่นคงฮุบไปแล้ว
‚ป้าเข้าใจค่ะ แต่สุขภาพก็สําคัญนะคะ พักบ้างเถอะค่ะ หรือไม่ก็หาผู้หญิงสัก
คนมาช่วยดูแลปรนนิบัติก็ยังดี ‛
ที่สุดป้าบุญก็บ่นเรื่องเดิม คือกลัวเขาจะขึ้นคาน คงเห็นเขายุ่งอยู่แต่กับงานจนอายุ
จะใกล้สามสิบห้าแล้วยังไม่มีแฟน
เป็นตัวเป็นตน จึงเป็นห่วง ความจริงผู้หญิงที่ชอบเขาก็มีเยอะ แต่เขายังไม่เจอที่
ถูกใจต่างหาก อีกอย่าง ตอนนี้
ยิ่งลําบากเพราะมีหลานชายที่ต้องดูแล้วด้วย หากผู้หญิงคนนั้นเข้ากับหลานชาย
ไม่ได้ จะยิ่งแย่ไปกันใหญ่ อยู่อย่างนี้
ก็ดีแล้ว ไม่อยากยุ่งยากในชีวิต ถ้าเจอคนถูกใจเมื่อไรจะไม่ลังเลเลย

สายฝนเดินกลับมาจากตึกใหญ่ด้วยใบหน้าเครียด ร้องหาน้องสาวตัวดีที่ไม่รู้
ว่าไปอยู่เสียที่ไหน
‚รุ้ง ๆ อยู่ไหน‛ เธอมองไปรอบ ๆ สวน สักพักก็เห็นสายรุ้งกําลังปลูกต้นไม้จัด
แต่งสวนอยู่ จึงเดินเข้าไปหา
อย่างน้อยเรือนหลังเล็กนี้ก็กว้างพอ มีสวนเล็ก ๆ กับห้องครัว และห้องนอนสามห้อง
กับห้องให้ป้าน้อยกับเด็ก
รับใช้อีกคนอยู่ ทุกคนพยายามจัดแต่งทําความสะอาดให้ดูน่าอยู่เสมอ พอสายรุ้ง
เห็นพี่สาวเดินมาก็ยิ้ม
‚พี่ฝน มาช่วยกันหน่อย รุ้งไปเจเจมา เลยได้ต้นไม้มาหลายต้น กําลังหาคน
ช่วยอยู่ พี่ฝนช่วยดูทีว่าจะปลูกต้น
โมกไว้ตรงไหนดี ต้นมะลิซ้อนที่แม่ชอบ อ่างบัวนี่อีก ‛
‚รุ้ง ตั้งเยอะตั้งแยะ ขนมายังไงเนี่ย อย่าบอกว่าเหมารถแท็กซี่มานะ เปลือง
แย่‛
‚เปล่า พอดีหลอกหนุ่มมาได้คนหนึ่ง เลยใช้ให้มารับมาส่ง ฆ่าเวลาระหว่างรอ
เรียกสัมภาษณ์งาน
อยากให้แม่สดชื่น‛ สายรุ้งพูดเหมือนไม่เดือดร้อนนักกับเรื่องนี้ เพราะเธอมีความคิด
ว่า ไหน ๆ ก็มีรูปเป็นทรัพย์
อยู่แล้ว ก็ใช้มันให้เกิดประโยชน์ อีกอย่าง ผู้ชายพวกนั้นก็ไม่เดือดร้อนด้วยเพราะพ่อ
แม่รวย
‚ทําแบบนี้น่ะไม่ดีรู้มั้ย เดี๋ยวคนบนตึกรู้เข้าจะถูกเรียกไปว่าอีก ‛ พี่สาวเตือน
ด้วยความเป็นห่วง ทุกวันนี้
คนพวกนั้นจ้องจะหาเรื่องเธอสองคนพี่น้องอยู่แล้ว โดยเฉพาะบงกชยิ่งชอบพูดใน
ทํานองว่าพวกเธอชอบยั่วผู้ชาย
ทําให้เสื่อมเสียถึงบิดา ทีกับลูกสาวตัวเองอะไรก็ดีไปหมด
‚อยากว่าก็ว่าไป รุ้งไม่สน‛ สายรุ้งไม่เคยสนใจ อยู่แล้ว
‚แต่เรื่องนี้รุ้งต้องสน วางมือจากต้นไม้ก่อน แล้วตามพี่มา‛ สายฝนพูดอย่าง
จริงจัง สายรุ้งจึงเดินไปล้างมือแล้ว
ตามพี่สาวขึ้นห้อง
‚พี่ฝนมีอะไร ทําไมทําหน้าแบกโลกไว้ทั้งใบ เรื่องแต่งงานเงียบไปแล้วไม่ใช่
หรือ‛ สายรุ้งถามอย่างไม่เข้าใจ
เพราะหลังจากเธอไปพบนักธุรกิจหื่นนั่นแล้ว ก็ดูเหมือนเรื่องจะเงียบไปได้สองสาม
วัน จนทุกคนคิดว่าจะไม่มีการแต่งงาน
เกิดขึ้น แต่วันนี้ใบหน้าสวยน่ารักของพี่สาวกลับเครียด
‚พี่ไม่รู้ว่าใครไปทําอะไรไว้ คุณตนุภัทรถึงเร่งกําหนดวันแต่งงานให้เร็วขึ้น
บอกด้วยว่าลูกสาวคุณปพนสวยถูกใจ
คงหาไม่ได้แล้วในชาตินี้ หลงรักทันทีที่เห็นหน้า พรุ่งนี้จะให้คนส่งชุดเจ้าสาวมาให้
พี่สาบานได้ว่าไม่เคยรู้ด้วยซ้ํา
ว่านายตนุภัทรหน้าตาเป็นอย่างไร และอยู่ที่ไหนด้วย‛ สายฝนพูดจบก็จ้องหน้า
สายรุ้ง ใบหน้าสวยสดใสน่ารักของ
สายรุ้งแดงขึ้นเล็กน้อย แต่ต่อมาก็แปรเปลี่ยนเป็นฉุนจัด
‘ตาเศรษฐีหื่น แสบจริง ๆ แล้วจะบอกพี่ฝนได้ยังไงว่าเราก่อเรื่องเอง ขืนให้พี่
ฝนแต่งกับคนหื่น ๆ แบบนั้น ต่อให้
หน้าตาหล่อลากดินแค่ไหน พี่ฝนก็รับไม่ได้แน่ ’
‚พี่ฝนทําไมจ้องหน้ารุ้งอย่างนั้น รุ้งไม่ได้ทําอะไรสักหน่อย‛ สายรุ้งเอ่ยเสียง
อ่อย
‚ถ้าไม่ใช่รุ้งแล้วใครกัน วันนั้นพี่ศักดิ์โทรมาหารุ้งบอกว่ามีธุระด่วน พอดีรุ้งไม่
อยู่ พี่ศักดิ์เลยเล่าให้ฟัง พี่บอกแล้วว่า
เราไม่มีทางเลี่ยงหรอก อีกอย่าง รุ้งลืมเรื่องแม่แล้วหรือ แม่ต้องใช้เงิน ระหว่างรอคน
บริจาคไตเพื่อผ่าตัดเปลี่ยนไต
ทุกอย่างใช้เงินทั้งนั้นนะ‛ สายฝนถอนใจเบา ๆ สายรุ้งเริ่มรู้สึกตัวว่าพลาดไป จริงสิ
ทําไมเธอไม่นึกถึงแม่นะ
มัวแต่คิดหาทางช่วยพี่สาว
‚พี่ฝน รุ้งขอโทษ พี่ศักดิ์นะพี่ศักดิ์ บอกว่ารักกันจริง พอเจอพี่ฝนก็อย่างนี้ทุก
ที‛ แม้สายรุ้งแม้จะสํานึกผิด แต่ก็อดต่อว่า
รุ่นพี่ตัวดีไม่ได้ เธอรู้ว่ารุ่นพี่คนนี้แอบชอบสายฝนอยู่แต่ไม่กล้า ดีนะที่พี่สาวไม่มีใจ
ด้วย ขืนชอบพี่ศักดิ์ละก็ ตายแน่
เสียดายพี่สาวคนสวย เพราะพี่ศักดิ์คนนี้ อะไร ๆ ก็ดีหมด เสียอย่างเดียวตัวเล็กไป
หน่อย และเวลาอยู่ต่อหน้าสายฝนจะ
ดูประหม่า เงอะงะ ป้้า ๆ เป๋อ ๆ ชอบกล
‚ไม่ต้องไปโทษพี่ศักดิ์ พี่ห่วงรุ้งมากกว่า รุ้งไม่รู้หรือว่าคุณตนุภัทรน่ะน่ากลัว
แค่ไหน ในวงการธุรกิจ ถ้าใคร
คิดไม่ซื่อกับเขา คนคนนั้นต้องเดือดร้อนเป็นสองเท่า ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ หน้าตา
ท่าทางคงทั้งดุทั้งน่ากลัว
เฮ้อ ! คิดแล้วยังไม่รู้จะทําอย่างไรดีเลย ทีแรกคิดจะเลื่อนเวลาออกไปเรื่อย ๆ แล้ว
ค่อยหาทางแก้ แต่ตอนนี้รุ้งทําเสีย
แผนหมดแล้ว‛ สายฝนกลุ้มใจเพราะหาทางออกไม่เจอ
‚พี่ฝน รุ้งจะรับผิดชอบเอง พี่ไม่อยากแต่งก็ไม่ต้องแต่ง ขอเวลารุ้งหาทางออก
ก่อน รับรองต้องมีทาง ไม่มีอะไรที่
ทําไม่ได้หรอกถ้าเราตั้งใจ อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้ให้แม่รู้ รุ้งจะพยายามหาทางไม่ให้คน
บนตึกมาโทษ
เราได้ จะได้ไม่เอาเรื่องค่ารักษาแม่มาเป็นเงื่อนไขบังคับลูกสาว ถ้าแม่ลูกสาวคน
โปรดเห็นหน้าว่าที่เจ้าบ่าว
ของพี่ฝนละก็ อาจจะขอเป็นเจ้าสาวแทนก็ได้นะ‛ สายรุ้งไม่เคยยอมแพ้อะไรง่าย ๆ
อยู่แล้ว
‚หมายความว่ารุ้งได้พบคุณตนุภัทรมาแล้วใช่ไหม ถึงได้รู้ว่าหน้าตาดีมาก ‛
เสียงสายฝนคาดคั้น
‚ไม่รู้ เดาเอาเฉย ๆ เอาเป็นว่ารุ้งจะหาทางเองก็แล้วกัน ‛ สายรุ้งรีบบอกปัด
‚ไม่ต้องแล้ว อีกสามวันพี่ก็ต้องแต่งงานแล้ว เลื่อนจากสามเดือนเป็นสามวัน ‛
พี่สาวบอกอย่างสิ้นหวัง
‚สามวัน ! เร็วไป‛ สายรุ้งอุทาน
‚อะไรเร็วไปลูก บอกแม่ซิรุ้ง เป็นสาวเป็นนางอุทานเสียลั่นบ้าน‛ กุลชาเดิน
เข้ามาในห้องโดยที่ทั้งคู่
ไม่รู้ตัว สองพี่น้องหันมามองหน้ากัน พลางภาวนาอย่าให้มารดารู้เรื่องเลย
‚นั่งก่อนค่ะแม่‛ สายฝนกับสายรุ้งรีบเข้าไปประคองร่างผอมบางของมารดา
ไปนั่งที่ลงบนเตียง กุลชามองดู
บุตรสาวสองคนด้วยสายตาชื่นชม สิ่งเดียวที่ช่วยหล่อเลี้ยงชีวิตของเธอคือบุตรสาว
ที่น่ารักทั้งสองคน ความจริงเธอ
ไม่อยากใช้เงินสามีนัก แต่เธอรู้ดีว่าหากอยากอยู่กับลูกไปนาน ๆ ก็จําต้องลดทิฐิลง
บ้าง เธอไม่เคยทําตัวให้เขาคนคน
นั้นเห็นว่าเธออ่อนแอ ขี้โรค ดังนั้นเธอจึงพยายามดูแลสุขภาพกายสุขภาพใจ ขอ
เพียงมีกําลังใจดีและอย่า
ยอมแพ้ สักวันโรคร้ายต้องหาย เธอยังคงทําขนมส่งขายโดยมีสายฝนช่วยเป็นกําลัง
หลัก สายรุ้งช่วยบ้างบางครั้ง
แต่ฝีมือสู้สายฝนไม่ได้ และพยายามออกกําลังกายเล็ก ๆ น้อย ๆ สองสามวันมานี้ดู
ท่าทางบุตรสาวจะมีเรื่องไม่
สบายใจ ปกติมีเรื่องอะไรจะมาเล่าให้ฟัง แต่คราวนี้กลับปิดเงียบ เธอมองหน้าสาย
ฝนก่อนมองหน้าสายรุ้ง
สักพักสายฝนก็เป็นฝ่ายตอบ
‚เปล่าค่ะแม่ เรากําลังปรึกษากันว่า จะทําอย่างไรถ้ามีคนเอาหนังสือมาให้
แปล ตกลงไว้ว่าให้เวลาสามเดือน
ต่อมาขอเลื่อนเป็นสามวัน แล้วเราจะแปลทันมั้ย ยิ่งเวลากระชั้น ยิ่งคิดอะไรไม่ออก‛
สายฝนนึกขอโทษมารดาในใจที่ต้องโกหก ‘ขอโทษค่ะแม่ ถ้าแม่รู้ แม่ต้องไปหาคุณ
พ่อ แล้วเรื่องจะไปกันใหญ่ และอาจร้ายแรงกว่าที่เป็นอยู่ ’ ทั้งสายฝนกับสายรุ้งต่างรู้
ดีว่ามารดาไม่ยอมแน่ถ้ารู้ และเมื่อนั้นต้องเกิดเรื่องที่ไม่พึงประสงค์แน่
‚ถ้าอย่างนั้น ทําไมเราไม่คิดว่า ตราบใดที่ยังมีเวลา เราก็ยังมีโอกาส ความ
จริงเวลาสามเดือนกับสามวัน ถ้า
คิดให้ดีก็ไม่ต่างกัน ถ้าเราไม่ลงมือทํา ต่อให้มีเวลาสามเดือนก็ไม่ทันอยู่ดี แต่ถ้าเรา
ลงมือทันที ไม่แน่สามวันก็อาจจะ
เสร็จ ขอเพียงแต่คิดและลงมือทําทันที ก็ไม่มีคําว่าสายนะลูก เรื่องบางเรื่องเรา
อาจจะยังไม่ได้คําตอบจนกว่าเรา
จะลงมือทําเสียก่อน คําตอบทุกอย่างก็อยู่ในเนื้องานนั่นแหละลูก ‛ กุลชาถือโอกาส
สอน คิดว่าเป็นงานพิเศษ
ที่เด็กสาวทั้งสองช่วยกันทํามาตั้งแต่สมัยเรียน แต่คําสอนนั้นกลับทําให้บุตรสาวทั้ง
สองได้คิด
‚จริงค่ะ แม่พูดถูก ตกลงเวลาสามวันก็ยังทําอะไรได้ตั้งเยอะถ้าคิดจะทํา
ขอบคุณค่ะแม่‛
พูดจบสายรุ้งก็กอดร่างผอมบางของมารดา แล้วยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มทีหนึ่ง
‚ดู๊ ! รุ้งโตแล้วนะ ยังทําตัวเหมือนเด็กอีก เอาละ ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว แม่ไปละ
ยังต้องไปจัดขนมใส่ถุงอีก‛
กุลชาทําท่าจะลุก แต่สายฝนรีบห้าม
‚เดี๋ยวฝนทําเองดีกว่าค่ะแม่ แม่ไปพักก่อนดีกว่า เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ‛
‚ดีเหมือนกัน แม่ของีบสักพัก หวังว่าแม่ตื่นขึ้นมาคงเสร็จนะ‛ พูดจบกุลชาก็
ลุกขึ้น สายฝนกับสายรุ้ง
ขยับตัวทําท่าจะช่วยประคอง เธอจึงโบกมือห้าม
‚ไม่ต้อง เห็นแม่เป็นยายแก่อายุเจ็ดสิบแปดสิบไปได้ แม่ป่วยก็จริงนะ แต่
ไม่ได้อ่อนแอถึงขั้นต้องให้ช่วยนะลูก ‛
พูดจบร่างบอบบางของมารดาก็เดินออกจากห้องไปด้วยท่าทางปกติ ไม่เหมือนคน
ป่วยสักนิด สองพี่น้องมองหน้ากัน
ต่างรู้ดีว่ามารดาเป็นคนเข้มแข็งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ พวกเธอ
จึงภูมิใจที่มีมารดาอย่างกุลชา
ที่เป็นตัวอย่างที่ดีของลูกเสมอ แม้ป่วยก็ยังพร่ําบอกเสมอว่า กายป่วยได้ แต่ใจอย่า
ป่วยก็พอ ถ้าใจป่วยด้วยกาย
จะทรุดเอา ต่อให้ไม่ป่วยก็ป่วยอยู่ดี

ป้าน้อยเดินถือซองจดหมายมาด้วยใบหน้ายิ้มอย่างมีความสุขหลังจากบุรุษ
ไปรษณีย์ไปแล้ว มันเป็น
จดหมายด่วนจากเพื่อนรัก สายรุ้งเห็นเข้าจึงอดแหย่ไม่ได้
‚ป้าน้อย สงสัยกิ๊กส่งจดหมายมาหาแน่ ‛
‚คุณรุ้ง เดี๋ยวเถอะ พูดจาก้าวร้าวคนแก่ กิ๊กน่ะมันชู้นะคะ ผิดศีล คนสมัยนี้
ทําไมนิยมมีชู้นัก เวรกรรมจริง ๆ‛
ป้าน้อยต่อว่าเป็นชุด แกยังรับไม่ได้กับพฤติกรรมของคนในสังคมสมัยนี้ที่มั่วกันโดย
ไม่เกรงกลัวบาป
ขอเพียงสบตากันแล้วพอใจก็พอ ไม่สนใจว่าลูกเขาเมียใคร
‚สาธุเจ้าค่ะ‛ สายรุ้งแกล้งยั่วต่อ
‚คุณรุ้งนะคุณรุ้ง ถ้าคุณผู้หญิงรู้เข้า โดนแน่ ๆ‛ ผู้สูงวัยกว่าดุด้วยความ
หมั่นไส้แกมเอ็นดู
‚เอาละ รุ้งไม่ยั่วแล้ว ว่าแต่ป้าน้อยยังใช้จดหมายอยู่อีกเหรอ สมัยนี้กดมือถือ
เดี๋ยวเดียวก็เมาท์ได้แล้วค่ะ ‛
‚ค่ะ มือถือกดปุ๊บก็คุยได้ แต่เงินก็หายปั๊บไปด้วย เพื่อนป้าไม่นิยม เสียดาย
เงินค่ะ‛
‚รุ้งไม่เคยเห็นป้าน้อยพูดถึงเพื่อนคนไหนนอกจากคนที่ว่าเป็นแม่บ้านอยู่บ้าน
เจ้านายหน้าตาดีและเก่ง
ชื่อเมธเมิดอะไรนั่นแหละ‛ ที่สายรุ้งรู้เพราะป้าน้อยมักจะวานให้ช่วยอ่านให้ฟังเสมอ
และชอบเล่ารื่องราวของ
เพื่อนคนนี้ให้เธอกับพี่สาวฟังบ่อย ๆ ทํานองว่าเป็นเพื่อนซี้มาตั้งแต่สมัยยังเด็ก
‚ก็คนนั้นแหละค่ะ ชื่อบุญ ปกติไม่เคยส่งจดหมายด่วนนี่นา คราวนี้ด่วน
สายตาป้าก็ไม่ค่อยดี คงมีเรื่องสําคัญ
อยากให้ช่วย คุณรุ้งช่วยป้าอ่านหน่อยนะคะ วันนี้คุณฝนไม่ว่าง วุ่นกับพวกเด็ก ๆ
ที่มาติวเตรียมตัวสอบ‛
‚ได้จ้ะ เพื่อป้าน้อยคนดี รุ้งยินดีบริการ มา รุ้งจะเปิดอ่านให้ฟัง ‛
ป้าน้อยยื่นจดหมายด่วนให้ พอสายรุ้งเปิดออกอ่าน ก็รู้ว่าเพื่อนป้าน้อยอยาก
ได้แม่บ้านที่มีการศึกษา อายุไม่มาก ราว ๆ ยี่สิบสี่ถึงยี่สิบหก เพื่อมาช่วยบริหารงาน
บ้านและดูหลานชายตัวน้อยของเจ้าของบ้าน เจ้านายให้เงินดี ที่สําคัญหน้าตาต้อง
ดูดีหน่อย กิริยามารยาทดี หูตาไม่เพรวพราว ต้องการด่วนด้วย ไม่อยากได้พวกที่มา
จากบริษัทจัดหางานหรือจากศูนย์ เพราะไม่รู้หัวนอนปลายเท้า สู้ให้เพื่อนรักแนะนํา
ดีกว่า อย่างน้อยก็รู้ว่าเป็นใคร สายรุ้งอ่านแล้วเกิดความคิดบางอย่างทันที เธอยิ้ม
หวาน
ประจบป้าน้อย
‚ป้าน้อยจ๋า ป้าน้อยจะหาใครให้ล่ะจ๊ะ ‛
‚คุณรุ้งทําเสียงอ่อนเสียงหวานอย่างนี้ หมายความว่ามีคนจะแนะนําให้ป้า
หรือคะ ดีค่ะ ป้าจะได้ไม่หนักใจ
เพื่อนรักอุตส่าห์ไว้ใจ ป้าจะทําให้ผิดหวังไม่ได้ ‛ ดูป้าน้อยภูมิใจน่าดู
‚ก็คุณสมบัติที่เพื่อนป้าน้อยว่ามานี่ พี่สาวรุ้งไง รุ้งคิดว่างานนี้เหมาะกับพี่ฝน ‛
‚ไม่ได้นะ คุณรุ้ง จะให้คุณฝนไปทํางานแบบนั้นได้ยังไง ป้าไม่ยอม คุณฝนน่ะ
เป็นคุณหนูของบ้านนี้นะคะ‛
ป้าน้อย รีบปฏิเสธ
‚แต่รุ้งคิดว่าพี่ฝนยอม เพราะเงินดี อีกอย่าง มีเส้นอย่างเพื่อนป้าน้อยทั้งที มี
หรือจะลําบาก จริงมั้ย ง่ายนิดเดียว
ป้าน้อยแค่แอบกระซิบว่าคุณหนูของฉันมาฝึกงาน ให้ช่วยดูแลให้ดี แค่นี้ก็เรียบร้อย
พี่ฝนก็ไม่ลําบากด้วย‛
‚ทําไมคุณฝนต้องไปทํางานอย่างนั้นด้วยคะ ป้าอยากรู้ ‛ ป้าน้อยเริ่มสงสัย
‚เหตุผลน่ะหรือ ป้าน้อยก็เห็นพี่ฝนถูกเรียกตัวไปตึกใหญ่สองครั้ง พี่ฝนถูก
บังคับให้แต่งงานกับเศรษฐีหน้าเลือดจอมโหด
แทนลูกสาวคนโปรด พี่ฝนต้องหนีไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยสักพัก จนกว่าตาเศรษฐีนั่น
จะเลิกตอแย ห้ามบอกให้แม่รู้นะ‛
สายรุ้งบอกตามตรงแต่ไม่ทั้งหมด
‚โถ ! คุณฝนของป้า คุณท่านนะคุณท่าน ทําไมถึงได้ลําเอียงนัก แต่ป้าก็ยังไม่
อยากส่งคุณฝนไปทํางานเป็น
แม่บ้านอยู่ดี น่าจะมีที่ไปที่ดีกว่านี้ ‛ ป้าน้อยลังเล
‚ป้าน้อยคิดว่ามีที่ไหนอีกล่ะ เราแทบไม่มีญาติเหลือเลย อีกอย่าง เพื่อนป้า
น้อยก็บอกว่าเงินดี ต้องการคนมี
ความรู้หน่อย คงไม่ใช่แม่บ้านธรรมดาแน่ หรือว่าป้าน้อยไม่ไว้ใจเพื่อน‛ สายรุ้ง
แกล้งถาม
‚เปล่าค่ะ เพื่อนป้าไว้ใจได้ คนรุ่นป้าไม่ปลิ้นปล้อนเหมือนคนสมัยนี้หรอกค่ะ
แต่คุณฝนจะยอมหรือคะ
แล้วจะบอกคุณผู้หญิงยังไง ป้าเป็นห่วง‛ ป้าน้อยกังวล
‚รุ้งรับรองค่ะ พี่ฝนยินดีแน่ เรื่องแม่ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรุ้งเอง เอาเป็นว่า
ป้าน้อยตอบไปเลยว่าหาคนได้แล้ว
อีกสามวันให้ส่งคนมารับ รุ้งว่าป้าน้อยโทรคุยจะดีกว่า ว่าแต่...ป้าน้อยมีเบอร์หรือ
เปล่า‛
‚มีสิคะ ที่ไม่อยากใช้เพราะเกรงใจเจ้าของบ้าน เขียนจดหมายน่ะดีกว่า ทําให้
ไม่ลืมตัวหนังสือด้วย‛
‚ถ้างั้นรุ้งต้องรบกวนป้าน้อยแล้วละ รุ้งขอไปบอกให้พี่ฝนเตรียมตัวก่อน‛
สายรุ้งเดินจากมาด้วยรอยยิ้ม
‘เศรษฐีหื่นหน้าแตกแน่ถ้าวันแต่งงานหาเจ้าสาวแต่งด้วยไม่ได้ อยากรู้นักว่าคนบน
ตึกจะทําอย่างไรต่อ ถ้าตาหื่นนั่นเอา
เรื่องหาว่าหลอกลวง คราวนี้ว่าที่ทายาทนักการเมืองดังดับแน่ ’ สายรุ้งรู้สึกสะใจกับ
เรื่องที่กําลังจะเกิดขึ้น
แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ ในเธอไม่รู้ว่าอนาคตอันใกล้นี้ทั้งเธอและพี่สาวจะมีชีวิตที่
เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทีเดียว
ตอนที่ 3

สายฝนวุ่นกับการจัดคุกกี้ข้าวโอ๊ตใส่ถุงแล้วผูกริบบิ้นสีสวย เตรียมให้คนที่
โรงแรมมารับ ถ้าเป็น
คนอื่นคงให้ไปส่งเอง แต่เธอโชคดีที่บังเอิญหลานชายเจ้าของโรงแรมเป็นนักเรียน
ตัวน้อยที่เธอสอนพิเศษให้
โรงแรมจึงส่งรถมารับเอง สายรุ้งตามมาช่วย แต่ก่อนช่วยก็หยิบมาชิมชิ้นหนึ่งก่อน
สายฝนมองหน้าน้องสาว
แล้วยิ้ม
‚หิวละสิ ถึงได้หยิบคุกกี้ข้าวโอ๊ตกิน ไม่ชอบไม่ใช่หรือ ‛ ดวงตาคู่งามของสาย
ฝนมองใบหน้าสดใสของน้องสาว
คนสวยที่กําลังเคี้ยวคุกกี้ตุ้ย ๆ
‚ไม่หิวหรอก พี่ฝน แต่บางทีเราก็ต้องหัดชอบสิ่งที่ไม่ชอบบ้าง เพื่อความแปลก
ใหม่ของชีวิต รุ้งน่ะนับถือพี่ฝน
จริง ๆ ขนาดมีปัญหาแก้ไม่ตกยังทําใจเย็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ ‛
‚แล้วจะมาฟุมฟายทําไมในเมื่อยังคิดไม่ออก นั่งกลุ้มไปก็ไม่มีประโยชน์ เวลา
เป็นของมีค่า ไม่แน่พี่อาจจะคิด
ออกระหว่างแพ็กขนมก็ได้ ไหนรุ้งบอกว่าจะคิดหาวิธีให้ไง คิดออกหรือยัง ‛
สายรุ้งมองใบหน้าสวยใสของพี่สาวอย่างรู้ทัน รู้ดีว่าพี่สาวกําลังกลุ้มมากกว่า
จึงพยายามไม่ให้ตัวเองอยู่ว่าง ๆ เป็นใครก็ทําใจไม่ได้หรอก ที่อยู่ดี ๆ ต้องแต่งงาน
เพื่อรักษาชื่อเสียงของคนที่ตัวเองเกลียดนัก ถ้ามีทางเลือก พี่สาวคงไม่ทํา
‚พี่ฝนไม่ต้องกลุ้มหรอก รุ้งหาทางออกได้แล้ว รับรองงานนี้สนุกแน่ ‛ สายรุ้งดู
จะมีความสุขมาก
‚พี่ไม่เห็นว่าจะมีอะไรน่าสนุกสักนิด ‛ สายฝนยังคงกลุ้ม
‚จะไม่สนุกได้ยังไง ถ้าเจ้าบ่าวหาเจ้าสาวมาแต่งด้วยไม่ได้ในวันงาน เพราะ
เจ้าสาวหนีไปแล้ว‛
‚รุ้ง อย่าบอกนะว่าจะให้พี่หนี ทําอย่างนั้นจะแย่หนักขึ้นไปอีก คุณพ่อเอาตาย
แน่ แล้วแม่จะทําอย่างไร‛
สายฝนห่วงมารดา เธอรู้ดีว่าที่บิดาห่วงที่สุดคือหน้าตาและลูกชายหัวแก้วหัว
แหวนผู้สืบสกุลเพียงคนเดียว
เมื่อนั้นค่ารักษามารดาก็จะถูกตัดไปด้วย
‚ไม่ต้องห่วง รุ้งมีวิธี พี่ฝนฟังดี ๆ นะ บังเอิญเพื่อนป้าน้อยคนดีของเรา ชื่อป้า
บุญ เป็นคนเก่าแก่ตระกูลอะไร
ก็ไม่รู้ มีเจ้านายชื่อนายวรเมธ เกิดอยากได้แม่บ้านที่มีความรู้ กิริยามารยาทดูดี
หน้าตาดีหน่อยไปประดับบารมี
ตามภาษาคนมีเงิน ให้เงินเดือนดี รับรองความปลอดภัยล้านเปอร์เซ็นต์ แกเล่าว่า
ขนาดมีนางแมวยั่วสวาท
ในบ้าน เจ้านายยังไม่สนเลย งานนี้รุ้งสมัครให้พี่ฝนเรียบร้อยแล้ว พี่ฝนจะได้เก็บเงิน
มารักษาแม่ ไม่ต้อง
เจอเจ้านายหื่น ที่สําคัญคือไม่ต้องแต่งงานด้วย ถึงวันนั้น...รุ้งจะบอกเจ้าบ่าวพี่ฝน
ว่าพี่ฝนเกิดสติฟั่นเฟือน
หนีหายไปไหนไม่รู้ หาตัวไม่พบ รับรองสนุก ได้เห็นพวกบนตึกใหญ่เต้นโดยที่ทํา
อะไรพวกเราไม่ได้เพราะพี่ฝน
ไม่ได้เบี้ยว แต่เกิดเครียดจัดจนเสียสติเพราะกลัวว่าที่เจ้าบ่าวจอมโหด ถ้าผู้ชายคน
นั้นยังมีความเป็นพ่ออยู่บ้าง
คงห่วงพี่ฝนบ้างหรอกนะ‛ อย่างไรเสียสายรุ้งก็ยังเจ็บแค้นผู้เป็นบิดาอยู่ดี ขณะที่
ดวงตาคู่สวยของสายฝนโตขึ้น
เป็นเท่าตัวอย่างคิดไม่ถึง
‚รุ้ง คิดได้ยังไงเนี่ย ทําพี่งงไปหมดแล้ว มันเร็วมาก รุ้งแน่ใจได้ยังไงว่าคุณตนุ
ภัทรจะไม่โกรธจนทําอะไรร้าย ๆ‛
สายฝนยังไม่มั่นใจว่าแผนจะได้ผล
‚เชื่อรุ้งเถอะ เศรษฐีโหดนั่นไม่กล้าอาละวาดในงานหรอก แขกผู้ใหญ่ทั้งนั้น
แถมยังจะถูกมองในแง่ลบอีกด้วย
เพราะแม้แต่เจ้าสาวยังกลัวจนเสียสติหนีไป คิดดูสิ จะว่าทางเราเบี้ยวก็ไม่ได้ แต่พี่
ฝนต้องทนหลบซ่อนตัวเป็น
แม่บ้านสักพัก รอให้เรื่องซาลงก่อนค่อยกลับมา คนไทยลืมง่ายจะตายไป‛ สายรุ้ง
พูดอย่างมั่นใจ
‚แต่พี่ว่าออกจะโหดไปหน่อยนะ อยู่ดี ๆ ให้พี่เป็นคนเสียสติ ถ้าบังเอิญมีคน
รู้จักเข้ามิแย่หรือ คิดหรือว่าแม่จะ
ไม่กลุ้ม ยังไม่บอกเรื่องนี้กับแม่เลยนะ พี่ไม่รู้ว่าแม่จะคิดยังไงเลยถ้ารู้ ‛ สายฝนเป็น
ห่วงมารดามากกว่าจึงลังแล
‚เรื่องแม่ยังไม่ต้องให้รู้ แม่ไม่ค่อยสนใจความเป็นไปในสังคมอยู่แล้ว ไว้พี่ฝน
หนีไปแล้วรุ้งค่อยบอก ไม่ต้องห่วง
แม่หรอก พี่ฝน เราติดต่อทางมือถือก็ได้นี่ รับรองแม่หายห่วงถ้ารู้ว่าพี่ฝนปลอดภัย ‛
สายรุ้งดูมั่นใจ
‚รุง้ ...แล้วบ้านนั้นอยู่ที่ไหน พี่ต้องไปวันไหน‛
‚เช้ามืดวันแต่งจะมีคนมารับพี่ฝนไปบ้านนั้น ป้าน้อยจะเขียนจดหมายฝากฝัง
ไปอีกที หลังจากฝากฝังทาง
โทรศัพท์ไปแล้ว ไม่ต้องห่วงนะ พี่ฝน เราจากกันชั่วคราวเท่านั้น แต่ยังอยู่ใน
กรุงเทพฯ ไม่ไปไหนไกลหรอก‛
‚เห็นทีนี่คงเป็นวิธีที่ดีที่สุด เฮ้อ ! นึกไม่ถึงว่าชีวิตจะเล่นตลกกับเรา รุ้ง ถ้าพี่ไป
แล้ว อย่าลืมดูแม่ดี ๆ ละ‛
‚ไม่ต้องห่วง ไว้ให้เรื่องผ่านไปก่อน รุ้งจะเล่าให้แม่ฟังให้หมด แม่จะได้สบาย
ใจ‛
ทั้งสายรุ้งและสายฝนไม่รู้ว่าสิ่งที่พยายามปิดกลับปิดไม่อยู่ เพราะมารดาก็ล่วงรู้ใน
เวลาต่อมาจนได้

วันรุ่งขึ้น ศุภานันกับมารดามาหากุลชาที่เรือนหลังเล็ก หญิงสาวมองบริเวณ


บ้านด้วยความหมั่นไส้
‘บ้านหรือก็ออกจะโทรม อุตริจัดแต่งเสียสวยงามสดชื่น หาต้นไม้ดอกไม้มาประดับ
ไว้เต็มไปหมด ไม่เห็นเข้ากันเลย
คุณแม่นะคุณแม่ ไม่รู้จะมาเหยียบทําไมให้เสียเกียรติ แล้วดูแม่ใหญ่สิ ทําตัวเหมือน
คนใช้ก็ไม่ปาน นี่หรือคนที่เคย
เป็นอาจารย์ที่มีเกียรติ สวมใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ ไม่คิดจะรักษาหน้าคุณพ่อบ้างเลย’
หญิงสาวกําลังดูถูกกุลชา
ผู้อยู่ในชุดทํางานบ้าน เพราะเธอกําลังวุ่นกับการทําขนมในเตา โดยมีป้าน้อยกับ
เด็กสาวอีกคนเป็นผู้ช่วย
ไม่มีลักษณะของคนป่วยสักนิด สายรุ้งออกไปสัมภาษณ์งาน สายฝนไปบอกลาบิดา
มารดาเด็ก ๆ ที่เธอสอนพิเศษให้
‚คุณกุล ป่วยแล้วยังต้องทรมานสังขารมานั่งทําขนมอีกหรือคะ โถ ! น่า
สงสารจริง ๆ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ลูกสาว
คุณกุลกําลังจะช่วยให้คุณกุลสบายแล้วละค่ะ กชเอาชุดเจ้าสาวมาให้คุณฝน
เจ้าบ่าวมหาเศรษฐีให้คนส่งมาให้ค่ะ ‛
บงกชเป็นฝ่ายทําลายความเงียบขึ้น เธอรู้ว่าสายฝนกับสายรุ้งพยายามปกปิดไม่ให้
มารดารู้ เธอต้องการให้
กุลชาอาการทรุด อยากให้ผู้เป็นภรรยาเอกตายเสีย เพื่อจะได้อ้างสิทธิ์การเป็น
ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของปพนได้เต็มที่ ทุกวันนี้แม้ปพนจะพาออกงานและ
ยกย่องจนคนในสังคมส่วนใหญ่เข้าใจว่าเป็นภรรยาที่ถูกต้องนั้น จริง ๆ แล้วไม่ใช่
ปพนยังคงไม่ได้หย่าจากภรรยาตามกฎหมายอยู่ดี ที่น่าเจ็บใจคือ พอเอ่ยเรื่องให้
หย่าขาดจากภรรยาหลวงทีไร ปพนก็ทําเป็นเลี่ยงทุกที ‘ไม่รู้ว่าจะอาลัยอาวรณ์กันไป
ทําไม หน้าตาหรือก็หาความงามไม่เจอแล้ว ไม่เหมือนเมื่อก่อนเป็นอาจารย์ที่สวย
ทีเดียว’ บงกชคิดด้วยใจริษยาที่มีมาแต่แรก เธอไม่เคยยอมรับความจริงว่ากุลชาใน
วัยห้าสิบแม้จะล้มป่วย แต่ใบหน้านั้นยังคงเค้าความงามอยู่ และยังดูมีสง่าในที แม้
สภาพความเป็นอยู่จะไม่ดีก็ตาม ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยทําได้
‘ยังหยิ่งเหมือนเดิม ไร้ความรู้สึกเหมือนเดิม กุลชาผู้สูงส่ง โทรมจะแย่อยู่แล้ว
ยังจะหยิ่งอีก ถ้าไม่เกรงใจ
คุณพนละก็ คนอย่างบงกชไม่ยอมให้หรอก’
บงกชรู้สึกหงุดหงิดมากกับท่าทีของกุลชาที่ดูไม่สะดุ้งสะเทือนกับสิ่งที่ได้ยิน
‚ขอบคุณที่บอก และขอบคุณหวังดี เรื่องแค่นี้ถึงกับทําให้คุณผู้หญิงของบ้าน
ยอมลดตัวมาเยือนถึงที่นี่ ขอบคุณที่ให้
เกียรติ คุณบงกช‛ น้ําเสียงราบเรียบนั้นทําให้บงกชแทบกรี๊ด แต่เพียรระงับไว้ให้เป็น
ปกติ
‚แม่ใหญ่พูดอย่างนี้ได้ยังไง คุณแม่อุตส่าห์มาแสดงความยินดีด้วย ไม่นึกเลย
ว่าแม่ใหญ่จะไม่รู้ เป็นครูบาอาจารย์เสียเปล่า เรื่องแค่นี้ก็ดูไม่ออก‛ คําพูดของศุ
ภานันช่างสะใจบงกชยิ่งนัก แต่กุลชายังคงเฉย
ป้าน้อยเห็นแล้วทนไม่ไหว จึงเดินเข้าไปหาร่างเย้ายวนของศุภานันและต่อว่าอย่าง
เหลืออด
‚คุณนัน พูดจาหัดระวังปากระวังคํา รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่บ้าง เดี๋ยวเขาจะหาว่า
พ่อแม่ไม่สั่งสอน‛
‚แก...นังคนใช้ บังอาจมาว่าฉัน ขอตบสั่งสอนทีเถอะ‛ ศุภานันเงื้อมือทําท่า
จะตบป้าน้อยให้หายแค้น
‚กล้าก็ตบสิ คุณนัน อีแก่คนนี้อดทนกับพวกคุณมานานแล้ว ‛ ป้าน้อยเลือด
ขึ้นหน้าเหมือนกัน
‚แกกล้าหรือ นังน้อย ถ้าแกทําอะไรคุณนันละก็ อย่าหาว่าฉันร้ายนะ หรือว่ามี
นายให้ท้ายถึงกําเริบ
ให้มันรู้บ้างสิว่าทุกวันนี้อยู่ได้เพราะใคร กราบขอโทษคุณนันเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นอย่า
หาว่าฉันไม่เตือน ระวังจะไม่มี
ที่ซุกหัวนอนทั้งนายทั้งบ่าว‛ บงกชขู่เสียงแข็ง กุลชายังคงเฉยยืนจ้องมองทุกคนด้วย
ใบหน้าเรียบเฉย
ป้าน้อยก็นิ่ง แกกําลังกลัวว่าจะนําความเดือดร้อนมาให้คุณผู้หญิงกับคุณหนูทั้ง
สองถ้าปพนรู้เข้า แม่ลูกคู่นี้
ถนัดใส่ไฟอยู่แล้ว ‘ครั้งนี้ถือว่าทําเพื่อคุณผู้หญิงกับคุณหนูทั้งสอง’ ขณะที่ป้าน้อย
ทําท่าจะก้มลงกราบศุภานันที่
มองอย่างสะใจอยู่นั้น สายฝนซึ่งไม่รู้ว่ากลับมาตั้งแต่เมื่อไร แต่คงนานพอจะได้ยิน
เรื่องราวทั้งหมดก็ร้องห้ามขึ้น
‚ไม่ต้อง ป้าน้อย ไม่จําเป็นต้องกราบให้เสียมือ ‛ ปกติสายฝนจะเงียบเฉยเสีย
ส่วนใหญ่ แต่ไม่ได้หมายความว่า
เธอจะยอมให้ใครมารังแกง่าย ๆ อาจเป็นเพราะไม่อยากมีเรื่องมากกว่า จึงทนใจ
เย็นและเฉยเสีย ครั้งนี้สองแม่ลูกจงใจ
มาระรานมารดากับคนในบ้าน เธอจึงไม่คิดจะทนอีกต่อไป
‚อ้อ ! มีคุณฝนให้ท้ายนี่เอง คนใช้บ้านนี้ถึงได้กําเริบกับเจ้านาย เห็นทีคุณกุล
ต้องหัดสั่งสอนลูกสาวหน่อยนะ
ปล่อยไว้นานจะเสียชื่ออาจารย์กุลชาหมด‛ บงกชจงใจพูดจาหาเรื่องต่อ สายฝน
จ้องหน้าบงกชแล้วยิ้ม
‚หรือคะ คุณบงกช ถ้าคิดว่าตัวเองสูงส่งนัก ทําไมถึงลดตัวลงมามีเรื่องกับคน
ใช้ล่ะคะ สงสัยจะมาจากที่
เดียวกัน สันดานเดิมเลยออก ไม่ต้องไปแนะนําคุณแม่ของฝนหรอกค่ะ ท่านสอนฝน
มาดีทุกอย่าง อย่างน้อยก็ไม่เคย
สอนให้พูดจาหาเรื่องผู้ใหญ่ เพราะเป็นกิริยาของคนที่ขาดการอบรม ขาดสมบัติผู้ดี
ไม่อย่างนั้นเขาจะรู้
กําพืดหมดว่าเป็นใครมาจากไหน‛
บงกชกับศุภานันแทบเต้น
‘ร้ายนักนะ นังฝน’
‚แกด่าฉันหรือ นังฝน‛ ศุภานันลืมตัวเพราะสายฝนไปพูดจี้ใจดําเข้า จึงเดิน
ปราดเข้าไปหายกมือทําท่าจะตบ
สายฝนยิ้ม
‚คุณนันคะ อย่านะคะ เดี๋ยวภาพลักษณ์คุณหนูไฮโซผู้สูงส่งนิสัยดีจะหายไป
นะคะ คุณบงกชช่วยเตือน
คุณหนูของบ้านหน่อยเถอะค่ะ ‛ สายฝนยั่วอย่างใจเย็น บงกชโกรธจนตัวสั่น เดินรี่
เข้าหาหมายจะทําร้าย แต่
กุลชาที่เงียบมานานจึงขัดขึ้น
‚หยุดนะ ! บงกช เธอกลับไปได้แล้ว แล้วพาลูกสาวของเธอกลับไปด้วย ที่นี่ไม่
ต้อนรับพวกเธอ ไปได้แล้ว
ไม่อย่างนั้นฉันจะไปพูดกับคุณปพนเอง‛ กุลชาพูดจบก็เดินเข้าบ้านไปอย่างไม่
แยแส บงกชรีบจูงมือ
ศุภานันไปจากบริเวณนั้นทันที ศุภานันไม่เข้าใจและไม่พอใจมารดาอย่างมาก
‚คุณแม่...ทําไมต้องกลัวยายแก่นั่นด้วย‛
‚นัน แม่ไม่ได้กลัว แต่เราจะทําให้คุณพ่อไม่พอใจไม่ได้ พี่ชายนันก็ก่อเรื่องจน
ต้องไปพึ่งนังฝน ขืนเราให้
คุณพ่อรู้ว่าเราไปหาเรื่องเมียในทะเบียนละก็ ท่านเอาตายแน่ นันไม่รู้หรอกว่าคุณ
พ่อยังรักและเกรงใจพวกมันอยู่
นังพวกนั้นมันฉลาด พยายามทําตัวให้น่าสงสาร อีกอย่าง ถ้านังกุลชาเกิดลุกขึ้นมา
อ้างสิทธิ์ เราจะยุ่งนะลูก
แม่ถึงต้องทน ไว้ค่อยคิดหาทางกําจัดมันทีหลัง นังกุลชามันป่วย คงอยู่ได้อีกไม่นาน
หรอก‛

‚แต่นันยังไม่หายแค้น ต้องเอาคืนให้ได้ ‛
‚ใจเย็น ๆ ลูก ไว้ค่อย ๆ คิด เวลานี้เราต้องยอม เกิดนังฝนไม่ยอมแต่งขึ้นมา พี่
ของนันจะแย่ มาคิดอีกที
เราไม่ต้องทําอะไรพวกมันก็ได้ นังฝนแต่งกับนักธุรกิจจอมโหด รับรองตายทั้งเป็น
แน่ ทั้งลึกลับทั้งโหด สงสัยหน้าตา
คงน่าเกลียดน่ากลัว สาว ๆ จึงเผ่นหนีแทบทุกราย เราแค่ขยันไปเล่าให้แม่มันฟัง
บ่อย ๆ รับรองต้องประสาทกินแน่ ‛
‚จริงด้วยค่ะแม่ นึกแล้วอยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็ว ๆ อยากเห็นหน้าเจ้าบ่าวซาตาน
ของนังฝนจัง กําจัดนังฝนได้
ก็เหลือแค่นังรุ้ง นังนี่มันร้ายกว่าพี่มันอีก แต่นันรู้ว่ามันห่วงแม่มัน ไว้พ้นวันพรุ่งนี้ไป
ก่อน นันจะจัดการเอง เอาคืน
ให้แสบ‛ ศุภานันยังจําได้ดี เธอเคยเดินไปเรือนเล็กหวังจะแกล้งสองพี่น้อง เจอ
สายรุ้งก็ถูกแกล้งกลับ บางทีก็เปียก
ปอนกลับมาเพราะสายรุ้งกําลังรดน้ําต้นไม้ หนุ่ม ๆ ที่มาติดพันเธอ ถ้าบังเอิญมา
เจอสายรุ้งเข้าจะถูกแกล้งจนเผ่นกลับ
แทบไม่ทัน หรือไม่ก็ไปติดพันสายรุ้งแทน คิดแล้วน่าเจ็บใจ สายฝนยังดีหน่อยไม่ยุ่ง
กับเธอนัก แต่วันนี้
สายฝนแสดงให้เห็นความร้ายกาจไม่แพ้น้องสาว ‘ทําอวดเก่ง...ไว้คุณพ่อกลับมา
ก่อนเถอะ พวกแกจะรู้ว่าเป็นไง’
ศุภานันยังคิดเอาคืนโดยยืมมือบิดา เธอรู้ว่าบิดาชอบคนออดอ้อนเอาใจ มันทําให้
ท่าน
ดูดีและใช้ได้ผลทุกครั้ง ขอเพียงเธอแกล้งทําเป็นน่าสงสาร บอกว่าเธอกับมารดาถูก
พวกที่เรือนหลังเล็กรังแกมา
รับรองบิดาต้องนั่งไม่ติดแน่ เธอกับพี่ชายเป็นลูกรักอยู่แล้ว บิดาถือว่าเธอกับพี่ชาย
เป็นตัวนําโชค ตั้งแต่เกิดมา
บิดาหยิบจับอะไรดูคล่องไปหมด ทําให้กิจการรุดหน้าไปไกล จึงเป็นเหตุให้บิดา
ยอมพาเข้ามาอยู่ใน
บ้านใหญ่ทั้งที่เกรงใจภรรยาหลวงอยู่มาก
สายรุ้งกลับเข้าบ้านหลังจากสองแม่ลูกจากไปไม่นาน พอเห็นป้าน้อยทําหน้า
เครียดจึงถามขึ้น
‚เกิดอะไรขึ้น ป้าน้อย ทําไมหน้าตาเคร่งเครียดจัง ‛
ป้าน้อยจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง
‚เรื่องก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะ คุณรุ้ง คุณฝนอยู่ในห้องคุณผู้หญิง ไม่รู้ว่าเป็น
อย่างไรบ้างคุณรุ้งรีบเข้าไปเถอะค่ะ
ป้ากลัวคุณผู้หญิงดุว่าคุณฝนจนคุณ...‛ ยังไม่ทันที่ป้าน้อยจะพูดจบ ร่างระหงของ
สายรุ้งก็หายเข้าห้องไปแล้ว
‚ฝนขอโทษค่ะที่ปิดแม่‛ สายฝนนั่งพับเพียบอยู่กับพื้น ใบหน้างามซบอยู่บน
ตักของมารดาที่นั่งนิ่งบนเตียง
กุลชาอาจไม่โกรธเรื่องที่บงกชกับลูกสาวมาหาเรื่อง แต่โกรธเรื่องที่บุตรสาวปกปิด
ความจริง
‚รุ้งเองก็ผิดด้วยค่ะแม่ที่ช่วยกันปิด ความจริงพวกเรากะจะบอกแม่วันนี้น่ะค่ะ
แต่นึกไม่ถึงว่า...‛
สายรุ้งเอ่ยขึ้นหลังจากนั่งลงกับพื้น ซบหน้ากับตักอีกข้างของมารดา กุลชายังคงนิ่ง
สักพักน้ําตาก็
เอ่อคลอดวงตาแต่ไม่ถึงกับไหลออกมา มือเล็กบางเอื้อมไปลูบหัวบุตรสาวทั้งสอง
‚ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น แม่เข้าใจ แม่เชื่อว่าลูกของแม่มีเหตุผลเสมอ แต่ที่แม่
เสียใจก็คือ แม่ไม่สามารถช่วยลูก
ของแม่ได้ต่างหาก เพราะแม่ไม่ดีเอง ถ้าไม่ป่วยก็คง...‛ เสียงกุลชาหายไปในลําคอ
บุตรสาวทั้งสองมองหน้ามารดาอยู่ครู่หนึ่งน้ําตาก็พานจะไหลตาม ต้องรีบสะกด
กลั้นไว้
‚แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ รุ้งวางแผนกับพี่ฝนแล้ว จะไม่มีการแต่งงานเกิดขึ้น
แน่นอน คนพวกนั้นต้องรับผิดชอบ
ในสิ่งที่ตัวเองก่อ‛ สายรุ้งตัดสินใจบอกแผนให้มารดาฟัง กุลชาฟังแล้วนิ่ง ลึก ๆ แล้ว
ยังอดเป็นห่วงสามีไม่ได้
สักพักก็ตัดใจ ไม่มีประโยชน์จะไปห่วงใยคนคนนั้น ที่ควรจะห่วงคือลูกสาวสองคน
มากกว่า ไม่รู้ว่าจะโดนหาง
เลขอีกหรือไม่
‚แล้วฝนเตรียมตัวหรือยังลูก ไว้ใจได้หรือเปล่า แม่เป็นห่วงนะ‛
‚ไม่ต้องห่วงค่ะ ป้าน้อยรับรอง เราต้องปิดเป็นความลับ แต่สองแม่ลูกนั่นคง
ไม่เลิกราแน่ ป่านนี้คงรีบแจ้น
ไปฟ้องคนบนตึกใหญ่แล้ว‛ สายรุ้งคาดการณ์ไม่ผิด ทันทีที่เธอพูดจบ ป้าน้อยก็เคาะ
ประตูแล้วเดินหน้าซีดเข้ามาหา
‚คุณท่านมาหาค่ะ ท่าทางโกรธมาก รออยู่ในห้องรับแขกค่ะ ‛ ป้าน้อยรีบบอก
ให้ทราบ
‚มาก็ดีแล้ว อยากรู้เหมือนกัน จะมาหาเรื่องอะไรอีก สองแม่ลูกนั่นมาด้วย
หรือเปล่า ป้าน้อย‛
สายรุ้งอยากออกไปบู๊เต็มที
‚ไม่ได้มาด้วยค่ะ คุณรุ้ง‛
‚เสียดายที่ไม่มา ถ้างั้นเราออกไปถามผู้ชายคนนั้นกันดีว่าต้องการอะไรจาก
พวกเราอีก ไป พี่ฝน‛
สายรุ้งรีบชวนสายฝน ทั้งคู่ทําท่าจะลุก แต่เสียงมารดาทัดทานไว้ก่อน
‚ไม่ต้อง แม่จะไปพบเอง‛ กุลชาพูดด้วยน้ําเสียงราบเรียบและเดินออกไปพบ
ปพนในห้องรับแขกที่
ไม่กว้างนัก ร่างสูงใหญ่ของปพนที่เคยสง่าดูท้วมขึ้นและมีพุงเล็กน้อย ใบหน้าแม้จะ
แก่ตามวัยแต่ก็ดูดีสมวัย
สายตาที่ทอดมองร่างบอบบางของกุลชานั้นมีแววตัดพ้อในที
กุลชาแม้จะป่วยด้วยโรคไต แต่ใจไม่ได้ป่วยด้วย ดังนั้นจึงยังเข้มแข็ง สง่าอยู่
ในที แม้ใบหน้าจะซูบซีดก็ตาม
แตกต่างจากบงกชที่ยังคงความสาวไม่ยอมแก่ ทั้งนี้เพราะเงินทองที่เขาให้นั่นเอง
แม้บงกชจะเทียบไม่ได้กับ
กุลชา ไม่ว่าจะเป็นความรู้หรือหน้าตา แต่บงกชก็ให้ในสิ่งที่กุลชาไม่เคยให้เขา คือ
บุตรชายไว้สืบสกุล และความอ่อน
หวาน ช่างเอาใจ รู้ใจว่าผู้ชายต้องการอะไร เขาเหมือนผู้นําที่สูงส่งเมื่ออยู่กับบงกช
และลูก ความผิดพลาดเดียว
ที่เขาทําไว้กับกุลชาก็คือยอมพาบงกชเข้าบ้าน ยอมทําตามใจบงกชทุกอย่าง จนกุล
ชาทนไม่ได้ ขอแยกตัวมา แต่เธอ
ก็ไม่เคยยอมลงให้เขาแม้แต่น้อย ลูกสาวสองคนก็เช่นเดียวกัน ไม่เคยพูดจา
อ่อนหวานกับผู้เป็นบิดาเช่นเขา
‚กุล ที่สุดก็ยอมออกมาพบผมแล้วสินะ‛ เสียงราบเรียบบอกอาการประชดดัง
ขึ้น
‚คุณมาด้วยตัวเอง คงสําคัญไม่ใช่น้อย ไม่ออกมาก็กระไรอยู่ค่ะ คุณปพน‛
น้ําเสียงกุลชาบอกให้
รู้ว่าระหว่างเขากับเธอคงไม่มีอะไรดีไปกว่านี้
‚ใช่ ผมอยากรู้ว่าคุณสอนลูกกับคนในบ้านยังไง ถึงได้ปล่อยให้คนใช้ด่าว่าลูก
สาวเจ้าของบ้าน ปล่อยให้
ยายฝนก้าวร้าวบงกชด้วย‛
‚แล้วทําไมคุณไม่ถามเมียกับลูกคุณว่ามาทําอะไรที่บ้านนี้ คุณกลับไปเถอะ
แค่คุณให้ยายฝนแต่งงานเพื่อ
ช่วยรักษาชื่อเสียงของคุณกับลูกก็นับว่าเกินพอแล้ว ถ้าอยากรู้ความจริงก็ไปถาม
คนข้างตัวคุณเอง ฉันไม่มีอะไรจะพูด
มากกว่านี้ อย่าเสียเวลาเลย คุณปพน‛ พูดจบกุลชาก็เดินจากไป เพราะสําหรับเธอ
แล้ว ความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่อเขา
ได้ถูกฝังกลบไปจากใจนานแล้ว ปพนจ้องมองร่างบอบบางที่เดินเข้าไปในบ้านด้วย
แววตาเจ็บปวด
นี่เขาทําผิดอีกแล้วสินะ ช่างเถอะ ไหน ๆ เรื่องก็ล่วงเลยมาถึงป่านนี้แล้ว เขาทําดี
ที่สุดแล้ว ปพนถอนใจก่อนเดินจากไป

ค่ําคืนก่อนวันแต่งงานของสายฝน มีรถเบนซ์สีดําคันหนึ่งมาจอดหน้าประตูไม้
สูง ๆ ทางเข้าเรือนหลังเล็ก
สายฝนกําลังจัดของใส่กระเป๋าเดินทางใบเล็ก กุลชาสวดมนต์อยู่ สายรุ้งบังเอิญเห็น
เข้าจึงเดินออกไปดู
พอเดินมาถึงประตูก็พบคนที่ไม่คิดว่าจะได้พบ เธอทําท่าจะเดินหนี แต่เสียงเศรษฐี
หื่นขัดขึ้นก่อน
‚คุณน้องเมียครับ ไม่คิดจะเปิดประตูต้อนรับว่าที่พี่เขยหน่อยหรือ พี่เขยมีของ
มาฝากนะครับ‛
ตนุภัทรยิ้มอวดฟันขาวสวยเต็มที่ สายตาคมเข้มจ้องมองสายรุ้งตาไม่กะพริบ
‚พี่เขยใครมิทราบ ฉันไม่เคยมีญาติข้าง ๆ คู ๆ อย่างคุณ ไปได้แล้วคนแปลก
หน้า‛ พูดจบเธอก็เดินหนีเข้าบ้าน
แต่ยังไม่ทันจะถึงตัวบ้าน ร่างสูงใหญ่ของตนุภัทรก็มายืนตรงหน้า สายรุ้งงงว่าเขา
เข้ามาได้อย่างไร
‚คุณน้องเมียที่รักครับ ตะลึงในความหล่อของพี่เขยถึงขนาดจ้องตาไม่กะพริบ
เลยหรือครับ‛ เหมือนเขาจงใจ
ยั่วเธอให้โกรธ สายรุ้งเริ่มหงุดหงิดกับท่าทีของเขา แต่พยายามระงับไว้ ยิ่งเธอแสดง
อารมณ์โกรธก็ยิ่งเสียเปรียบผู้ชายคนนี้
‚ตาบ้า ! ใครตะลึง ถ้าไม่รีบออกไปจากบ้านฉันละก็ ฉันจะแจ้งความข้อหาบุก
รุก‛ เธอขู่ทันที
‚ผมว่าคุณไม่กล้าหรอก‛ เขาท้าพลางยิ้ม
‚ทําไมฉันจะไม่กล้า ลองมั้ยล่ะ ‛ สายรุ้งขู่อย่างไม่กลัวงเกรง
‚ก็ลองสิ ผมรับรองว่าทั้งคุณปพน แม่คุณ รวมถึงพี่สาวคุณ ได้แห่กันมาแน่
คิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าผมบอกว่า
คุณเป็นคนชวนผมเข้ามาเอง‛
อารมณ์สายรุ้งเริ่มปุด ๆ เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอใครกวนอารมณ์ได้เท่า
นายคนนี้เลย
เธอพยายามสะกดอารมณ์โกรธไว้เต็มที่ ขืนแสดงความโกรธออกมาจะยิ่งเข้าทาง
นายคนนี้
‚คุณว่างจัดหรือไง ถึงได้เที่ยวป่วนชาวบ้านเล่น ฉันไม่ว่างนักหรอกนะ มีอะไร
ว่ามา‛ คราวนี้เธอเอ่ย
ด้วยน้ําเสียงจริงจังแทน
‚ความจริงก็ไม่ว่างหรอก เพียงแต่นึกอะไรขึ้นมาได้ ผมฝากนี่ไปให้พี่สาวคุณ
ด้วย บอกว่าพรุ่งนี้ผมจะมารับ
ไปแต่งงานด้วย อย่าเบี้ยวก็แล้วกัน เข้าใจมั้ยน้องเมียที่รัก ‛ พูดจบก็ยื่นกล่องสีแดง
ให้ใบหนึ่ง
‚ฉันไม่คิดจะมีพี่เขยอย่างคุณ แล้วเลิกเรียกฉันว่าน้องเมียที่รักด้วย เพราะฉัน
ไม่คิดจะเป็นที่รักของใคร‛
สายรุ้งปฏิเสธอย่างไร้ไมตรี
‚ถ้างั้นก็เป็นที่รักของพี่เขยคนนี้ก็แล้วกันนะ น้องเมียจ๋า ‛ พูดจบ ด้วยความไว
ใบหน้าคมเข้มก็ยื่นไปสูดกลิ่น
หอมจากแก้มเนียนใส ก่อนจะรีบเดินผิวปากจากไป สายรุ้งแทบจะวิ่งตามไปเอาคืน
ด้วยความเจ็บใจ
ที่เผลอให้เศรษฐีหื่นฉวยโอกาส
‘อย่าให้เจอหน้าอีกครั้งนะ จะเล่นให้แสบเลย เจ็บใจนัก ไม่น่าเสียทีไอ้เศรษฐี
หื่นนี่เลย พรุ่งนี้นายจะรู้ว่าการหน้าแหก
หมอไม่รับเย็บมันเป็นยังไง คนบ้านนั้นคงรีบประเคนคุณนันให้หรอก ถ้าเห็นเศรษฐี
โหดตัวจริง’
สายฝนกําลังเก็บเสื้อผ้าและของใช้จําเป็นใส่กระเป๋าเดินทางใบเล็กพอเห็น
น้องสาวเดินถือกล่องกํามะหยี่
สีแดงเข้ามาก็ทําหน้าสงสัย
‚กล่องอะไรหรือ รุ้ง‛
‚อยากรู้ รุ้งจะเปิดให้ดู ว่าที่เจ้าบ่าวเศรษฐีหื่น เอ๊ย ! เศรษฐีโหดฝากให้ กลัว
เจ้าสาวไม่มีเครื่องประดับมั้ง‛
สายรุ้งพูดจบก็เปิดกล่องดู พอเปิดออกเท่านั้น ประกายเพชรก็ส่องกระทบดวงตาคู่
สวยทันที ในกล่องนั้นมีทั้งสร้อยคอ
สร้อยข้อมือ และตุ้มหูเพชร ครบชุด
‚สวยนะ รุ้ง น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้ใช้ เพราะไม่ได้เป็นเจ้าสาว ความจริง
คุณตนุภัทรก็รู้จักเอาใจผู้หญิง
เหมือนกันนะ ดูสิ ทั้งชุดเจ้าสาวสุดหรู ยังเครื่องเพชรอีก แต่รู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่นี่ ‛
คําพูดของสายฝนทําให้สายรุ้ง
เริ่มคิด จริงสิ นายนั่นพูดเหมือนรู้ว่าเราจะเบี้ยว แล้วรู้ได้ไงว่าบ้านเราอยู่นี่ ไม่ใช่ที่
ตึกใหญ่ ร้ายนักนะ
สงสัยแอบสืบมาหมดแล้ว สายรุ้งเข่าอ่อนทันทีที่คิดได้ จึงทรุดตัวลงนั่งบนเตียง
‚รุ้งเป็นอะไรไป ทําไมหน้าซีดจัง ไม่สบายหรือเปล่า ‛ สายฝนถามอย่างห่วงใย
‚เปล่า ไม่มีอะไรหรอก พี่ฝน ว่าแต่พี่ฝนเก็บของเสร็จหรือยัง ‛ สายรุ้งรีบเบน
ความสนใจของพี่สาวทันที
‚เสร็จแล้ว พรุ่งนี้เช้าพอคนมารับก็ไปได้เลย รุ้ง พี่ไปแล้วฝากดูแม่ด้วยนะ และ
อย่าลืมโทรหาพี่บ่อย ๆ
พี่จะพยายามโทรมาคุย แต่คงไม่สะดวก เพราะกลัวถูกจับได้ เอาเป็นว่ารุ้งโทรหาพี่
ก็แล้วกัน‛ สายฝนพูดอย่างจริงจัง
และเป็นห่วง สายรุ้งมองพี่สาวแล้วใจหายเหมือนกัน เคยอยู่ด้วยกัน มีอะไรก็
ช่วยเหลือกัน อยู่ดี ๆ ต้องมาแยก
จากกัน ยิ่งคิดยิ่งใจหาย จึงโผเข้ากอดร่างบอบบางอรชรของพี่สาวไว้แน่น สายฝนก็
รู้สึกไม่ต่างกัน
‚พี่ฝนไปอยู่บ้านอื่นระวังตัวให้ดีนะ ถ้าไม่ดีก็เผ่นก่อน ไม่ต้องทน ไม่ต้องห่วง
ทางนี้ รุ้งจะดูแลแม่เอง‛
‚ขอบใจ ไม่ต้องห่วง พี่จะดูแลตัวเองให้ดี ห่วงแต่แม่ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้พบ
หน้ากันอีก พี่จะไปลาแม่ รุ้งไป
หาแม่ด้วยกันนะ พรุ่งนี้คงไม่มีเวลา เพราะรถมารับแต่เช้า ‛ สองพี่น้องจึงเดนไๆปที่
ห้องมารดา
‚แม่คะ ฝนมาลาแม่ค่ะ ฝนสัญญาว่าจะไปไม่นาน แล้วจะรีบกลับมาอยู่กับ
แม่ มาดูแลแม่ เราจะได้อยู่พร้อมหน้า
พร้อมตากันอีกครั้ง แม่รักษาตัวให้ดีนะคะ‛ สายฝนกราบลงกับตักของมารดา กุล
ชาดึงตัวสายฝนมากอดไว้แนบอก
มือบอบบางลูบผมยาวสลวยของสายฝนเบา ๆ ให้พรบุตรสาวด้วยความรักจากใจผู้
เป็นมารดา
‚แม่ขอให้ฝนของแม่โชคดี ได้เจอแต่คนดี ๆ อย่าได้มีคนเกลียด มีแต่คนรัก
และเอ็นดู แม่จะรอวันที่ลูกสาวแม่
กลับมาหาแล้วได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีก แม่ให้สัญญาว่าแม่จะรักษาตัวให้ดี
ไม่ต้องห่วงแม่นะลูก‛
‚ขอบคุณค่ะแม่ ฝนได้พรจากแม่ก็โชคดีแล้วละค่ะ ถือเป็นเกราะคุ้มภัย ช่วงที่
ฝนไม่อยู่ รุ้งจะดูแลแม่แทนฝน‛
สายฝนเชื่อว่าคงไม่มีพรใดศักดิ์สิทธิ์เท่าพรที่มารดามีให้บุตร
‚แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ รุ้งรับรองว่าจะติดต่อกับพี่ฝนตลอด พี่ฝนไม่ได้ไปไหน
ไกลค่ะ แค่หนีไปซ่อนตัวเฉย ๆ‛
‚จ้า แม่นักวางแผน แม่จะคอยดูว่าพรุ่งนี้ระเบิดจะลงที่ตึกใหญ่มั้ย แล้วรุ้งของ
แม่จะถูกหางระเบิดหรือ
รับไปเต็ม ๆ‛ กุลชาประชดกึ่งเอ็นดู หากในใจนั้นกลับกังวลและเป็นห่วงสายฝน
‚ถูกหางเลขก็ไม่แปลก ชินแล้ว แต่รุ้งจะไม่อยู่รอรับระเบิดหรอกค่ะแม่ ‛
‚แม่รู้ว่ารุ้งเก่ง แต่เพลา ๆ ความเก่งบ้างก็ดีนะ เอาละ แม่ขอตัวนอนก่อน ฝน
ด้วย ลูกรีบไปนอนเสีย พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า ‛
‚ค่ะแม่ แล้วฝนจะโทรหาแม่บ่อย ๆ นะคะ ฝนขอกราบลาแม่อีกครั้งค่ะ ‛ พูด
จบสายฝนก็กราบลงบนตักมารดา
อีกครั้ง สายรุ้งก็กราบเช่นเดียวกัน ก่อนจะออกจากห้องของมารดา กุลชามอง
บุตรสาวทั้งคู่แล้วรู้สึกใจหาย
ตอนที่ 4

‚รถมารับแล้ว ป้าน้อย ฝากดูแลแม่ด้วยนะ ให้ท่านพักผ่อนให้มาก


อย่าหักโหม ค่าใช้จ่ายในบ้านฝนจะโอนเข้า
บัญชีให้ รุ้งอย่าปล่อยแม่ทําขนมจนเหนื่อยล่ะ รุ้งกับป้าน้อยช่วยกันนะ ดูแล
แม่ให้ดี‛ สายฝนห่วงมารดา
‚พี่ฝนอย่าห่วงเลย ถึงเรื่องทําขนมรุ้งจะสู้พี่ฝนไม่ได้ แต่ก็ไม่ถึงกับแย่
คนซื้อคงไม่ว่าหรอกถ้ารสชาติจะเปลี่ยนไปบ้าง
แต่เรื่องสอนหนังสือ รุ้งไม่แพ้พี่ฝนนะ ระหว่างรองาน รุ้งจะไปเทคโอเวอร์
นักเรียนพี่ฝนมาสอนพิเศษแทน และ
รับงานแปลด้วย รับรองรายได้ไม่ตก‛ สายรุ้งบอกให้พี่สาวสบายใจ
‚จ้ะแม่คนเก่ง รักษาตัวด้วย ป้าน้อย ฝนไปก่อนนะคะ‛ สายฝนหันไป
ลาป้าน้อย
‚คุณฝนไม่ต้องห่วงนะคะ ป้าฝากฝังเพื่อนป้าให้ช่วยดูแลคุณฝนเป็น
อย่างดี คุณฝนสบายใจได้ค่ะ‛
ป้าน้อยพูดให้สายฝนสบายใจ การต้องไปอยู่กับคนแปลกหน้า เป็นใครก็
อดกังวลและหวาดหวั่นไม่ได้
‚ฝนกราบขอบคุณป้าน้อยค่ะ‛ สายฝนยกมือไหว้ป้าน้อย
‚อุ๊ย ! คุณฝนอย่าทําอย่างนี้นะคะ ป้าเป็นบ่าว คุณฝนไหว้ป้าทําไม ไม่
เอาค่ะ‛ ป้าน้อยรีบห้ามขณะที่น้ําตาพานจะไหล
‚สําหรับรุ้งกับพี่ฝน ป้าน้อยเป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งนะจ๊ะ อย่า
คิดมาก‛ สายรุ้งพูดให้ป้าน้อย
ไม่เก้อเขินและหายเศร้า สายฝนยิ้มก่อนเอ่ยลาเป็นครั้งสุดท้าย
‚รุ้งระวังตัวด้วยนะ พี่ไปละ‛ สายฝนกอดน้องสาวก่อนก้าวขึ้นรถไป
สายรุ้งมองดูรถที่แล่นออกไปช้า ๆ แล้วน้ําตา
ก็เอ่อคลอดวงตาคู่สวยโดยไม่รู้ตัว รู้สึกใจหายชอบกล
‚ขอให้พี่ฝนโชคดี‛
‚คุณภัทรครับ จะให้ตามรถคันนั้นไปมั้ยครับ ‛ ชายร่างใหญ่ในชุดสีดําที่
ทําหน้าที่ขับรถหันมาถามตนุภัทร
ในรถเบนซ์สีดําที่จอดซุ่มอยู่ เขายิ้ม เป็นไปตามคาด สายรุ้งวางแผนให้
พี่สาวหนี ‘ร้ายจริง ๆ งั้นเรามาดูกันว่าใครร้ายกว่ากัน
คิดยุให้เจ้าสาวหนีหรือ อย่ามาโวยก็แล้วกัน ’
‚นายชมขับตามไปเงียบ ๆ อย่าให้รู้ตัว แล้วกลับมารายงานว่าคุณสาย
ฝนไปอยู่ที่ไหน ส่วนฉันจะลงหน้า
ปากซอย ขอไปทําธุระบางอย่างก่อนไปรับเจ้าสาว‛ เขาสั่งจบนายชมก็จอด
รถใกล้ ๆ รถเบนซ์สีบรอนซ์เงินที่จอด
อยู่ข้างทาง ตนุภัทรเดินไปขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว

ขณะที่สายรุ้งกําลังเร่งแปลเอกสารบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เสร็จทัน
ส่งบริษัทก่อนจ้าบ่าวของสายฝนจะมารับตอนบ่าย
เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น พอเปิดประตูก็เห็นป้าน้อยยืนทําหน้าตื่น
ตระหนกอยู่หน้าห้อง
‚คุณรุ้ง แย่แล้วค่ะ ทางตึกใหญ่ส่งคนมาบอกให้คุณฝนเตรียมตัว สิบ
โมงเช้าเจ้าบ่าวคุณฝนจะมารับ ‛
‚อะไรมันจะรวดเร็วปานนั้น ไหนบอกว่าตอนบ่าย นี่มันเพิ่งจะเจ็ดโมง
เช้าเอง จะรีบอะไรนักหนา ตาบ้า !‛
สายรุ้งโวยออกมาทันที ป้าน้อยงง แทนที่สายรุ้งจะกลุ้ม กลับพูดเหมือน
แค้นใครเสียมากกว่า
‚คุณรุ้งพูดเหมือนรู้จักเจ้าบ่าวคุณฝนนะคะ‛
‚เออ ! เปล่า ไม่รู้จักหรอก รุ้งแค่บ่นเท่านั้นเอง ป้าน้อยให้เด็กไปบอก
คนที่ตึกใหญ่ที่ว่าไม่เกินสิบโมงพี่ฝนจะไปถึง ‛
พูดจบสายรุ้งก็ยิ้ม แผนต่อไปก็แค่รอเวลาให้นายหื่นนั่นมา จากนั้นก็แกล้ง
วิ่งหน้าตื่นไปบอกว่าพี่สาวสติแตก
หนีไปแล้ว ยังหาตัวไม่เจอ แค่นี้ก็จบ

ใกล้สิบโมงเช้า สายรุ้งวิ่งทําหน้าตื่นมาที่ตึกใหญ่ซึ่งเธอไม่อยากจะมา
เหยียบนัก มาถึงก็เห็นปพนแต่งกาย
เต็มยศด้วยเสื้อราชปะแตนประยุกต์ตัดเย็บจากผ้าไหมอย่างดีสีน้ําเงิน สวม
กางเกงผ้าไหมสีดํา บงกชสวมถุงสําเร็จกับเสื้อแขนกระบอกตัดเย็บจากผ้า
ไหมสีเขียว สวมเครื่องประดับเพชรและพลอยเข้าชุดกัน ศุภานันใส่ชุด
แส็กสายเดี่ยวสีขาว
เน้นรูปร่างเย้ายวนและโชว์ขาอ่อน ดีหน่อยที่มีผ้าคลุมไหล่ปิด แต่ก็ยังเห็น
ร่องอกอยู่ดี และสวมสร้อยคอเพชร
แวววาวจับตา ส่วนดนุวัศใส่สูทสีเทา สายตาทุกคู่จ้องมองสายรุ้งอย่างตําหนิ
เพราะเธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว
แขนสั้นตัวยาวเลยสะโพกกับกางเกงสามส่วน
‚คุณรุ้ง ถ้าไม่มีชุดจะใส่ไปงานก็ไม่ต้องไปก็ได้ ทําขายหน้าคุณพ่อ
หมด‛ ศุภานันต่อว่าพลางมองด้วยสายตาดูถูก
‚ยายรุ้ง นันพูดถูก อะไรกัน วันแต่งงานพี่สาวทั้งที ทําไมแกไม่คิดจะ
แต่งตัวให้เหมาะกับงาน เดี๋ยวคนในงาน
จะหาว่าฉันไม่ดูแลเอาใจใส่แก ถึงแกจะไม่ชอบฉัน ก็หัดไว้หน้าฉันบ้าง
ยังไงฉันก็เป็นพ่อแก‛ ปพนต่อว่า
อย่างไม่สบอารมณ์นัก ดวงตาคู่สวยของสายรุ้งตวัดมองบิดาแวบหนึ่งก่อน
พูดขึ้นว่า
‚คงไม่ต้องไปหรอกค่ะ พี่ฝนเครียดจัด สติแตก หนีไปแล้ว รุ้งแค่จะมา
บอกให้ทราบ เชิญพวกคุณไปหา
เจ้าสาวให้คุณตนุภัทรเอง และรุ้งขอตัวไปตามหาพี่ฝนก่อน‛ สายรุ้งพูดจบ
ปพนก็ถึงกับเครียดและโกรธจัด
จึงตวาดออกไปดัง ๆ ว่า
‚หยุดนะ ! แกยังไปไหนไม่ได้ จนกว่าจะพูดความจริงออกมา ยายฝน
หนีไปไหน คิดหรือว่าจะหลอกฉันได้ ‛
คําพูดของบิดายิ่งเพิ่มความชิงชังให้สายรุ้ง แค่นี้ก็พิสูจน์ให้เห็นถึงน้ําใจของ
ผู้เป็นบิดาแล้ว แทนที่จะห่วงลูก กลับ
คิดเอาผิด สายรุ้งจ้องมองปพนด้วยแววตาผิดหวังระคนเสียใจ แต่สักพักก็
จางหายไป ซึ่งไม่เคยรักและห่วงใยใน
ตัวเธอกับพี่สาว แต่กลับยอมทําเพื่อลูกชาย ลูกสาวของผู้หญิงที่แย่งทุก
อย่างไปจากมารดาของเธอ คนคนนี้ไม่สมควร
จะให้เรียกว่าพ่อด้วยซ้ํา
‚รุ้งไม่คิดจะเอาเรื่องนี้มาล้อเล่นหรอกค่ะ ลูกคุณหายไปทั้งคนคุณยัง
ไม่ห่วง ก็สมควรแล้วที่พี่ฝนหนีไป เชิญคุณไป
แก้ตัวกับคุณตนุภัทรเองเถอะ หรือให้ลูกสาวคนโปรดช่วยก็ได้นะคะ รุ้งไป
ละ‛ สายรุ้งพูดอย่างสะใจและทําท่าจะเดิน
จากไป แต่ร่างสูงใหญ่ของตนุภัทรสวมซึ่งเสื้อโปโลสีขาวกับกางเกงสีดําดู
แล้วราบเรียบธรรมดาแต่กลับดูดีมีเสน่ห์
ได้อย่างไม่น่าเชื่อ มาพร้อมกับผู้ติดตามสองสามคนเดินเข้ามาขวางไว้ก่อน
‚ผมจะยังไม่ให้ใครไปไหนทั้งนั้น วันนี้ผมมารับเจ้าสาว ผมต้องได้
เจ้าสาวไปปรากฏตัวในงาน ว่าไง คุณปพน
ไหนล่ะเจ้าสาวผม คุณสายฝน‛ แม้รูปร่างหน้าตาจะดูชวนฝัน แต่น้ําเสียง
กลับดุดัน นัยน์ตาคมเข้มจ้องหน้าดนุวัศ
อย่างเอาเรื่อง ทุกคนรู้สึกหวั่น ๆ ยกเว้นศุภานันที่กําลังตกตะลึงในความ
หล่อของตนุภัทร
‚คือ...คุณตนุภัทร ผมว่าคุณใจเย็น ๆ ก่อนครับ เรามาค่อย ๆ พูดจา
กัน...‛ ดนุวัศพยายามทําใจดีสู้เสือ เขารู้ว่าผู้ชาย
ตรงหน้าร้ายและน่ากลัวแค่ไหน จึงไม่บอกให้น้องสาวรู้ว่าหน้าตาเป็น
อย่างไร เพราะกลัวน้องสาวหลง เขาไม่อยากทําร้าย
น้องสาวตัวเอง จึงยุให้บิดาส่งสายฝนไปแต่งงานแทน เพื่อรับเคราะห์แทน
น้องสาวของเขา
‚นั่นสิคะ คุณตนุภัทร รับรองค่ะ เราหาเจ้าสาวให้คุณได้แน่ค่ะ เชิญนั่ง
ก่อนดีกว่านะคะ‛ บงกชเข้าช่วยอีกแรง
‚ไม่จําเป็น ผมขอถามอีกคําเดียว ไหนล่ะ ลูกสาวคุณปพน นางสาว
สายฝน เจ้าสาวผม‛ น้ําเสียงราบเรียบ
ถามย้ํา บงกชมองหน้าปพนเพื่อขอความช่วยเหลือ ขณะที่ศุภานันยังคง
ตะลึงในความหล่อของตนุภัทร
‘คนอะไร ทั้งหล่อ ทั้งเท่ ดูแมน ๆ ยิ่งดุยิ่งแมน โอ๊ย ! สเป๊ก รู้อย่างนี้ไม่
ส่งให้นังฝนหรอก’
สายรุ้งรู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก อยากรู้นักว่าคนพวกนี้จะทําอย่างไร
ต่อ เธอรู้ว่าตนุภัทรต้องไม่ยอมแน่
‚คุณตนุภัทร ผมขอบอกตรง ๆ คือยายฝนหนีไปแล้ว เราเพิ่งรู้เมื่อครู่นี้
เอง เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คุณเลื่อนการแต่งงาน
ออกไปก่อน ไว้ผมพบตัวลูกสาวแล้ว ผมจะพาไปส่งให้ถึงที่เลย‛ ปพนพยา
ยามให้อีกฝ่ายเย็นลง
‚คุณพูดง่ายดีนะ คุณปพน ผมเตรียมงานแต่งงานไว้แล้ว แขกของผม
กําลังเดินทางมาร่วมงาน จู่ ๆ คุณก็ให้ผม
ประกาศว่างานนี้มีแต่เจ้าบ่าว เพราะเจ้าสาวหนีไปแล้ว ผมไม่คิดจะทําอย่าง
นั้น สิ่งที่ผมลั่นวาจาไปแล้ว
ต้องเป็นไปตามนั้น ไม่เปลี่ยนแปลง วันนี้ผมต้องมีเจ้าสาวไปปรากฏตัวใน
งาน‛
‚แล้วคุณจะให้ผมทํายังไง ในเมื่อยายฝนหนีไปแล้ว เธอกลัวคุณ ‛ ปพน
พูดออกมาอย่างหงุดหงิดเมื่อ
ไม่มีทางออกให้กับเรื่องที่เกิดขึ้น นึกแล้วก็ให้แค้นสายฝนนัก ก่อเรื่องให้เขา
เดือดร้อนจนได้ แทนที่เขาจะโกรธแค้น
ตัวต้นเรื่องกลับโทษสายฝน
‚แล้วคุณมีลูกสาวกี่คนล่ะ ยังไงเสียวันนี้ผมต้องมีเจ้าสาวไปแก้ขัดใน
งาน‛ คําถามของตนุภัทรทําให้ศุภานัน
ลอบยิ้มพลางเดินเข้าไปหาบิดา คุกเข่าลงกับพื้น จับมือบิดาไว้ ทําหน้าเศร้า
จุดประสงค์ก็เพื่อแสดงให้ตนุภัทรเห็นว่า
เธอเป็นลูกตัญญู
‚คุณพ่อขา นันขอทําหน้าที่นี้เองค่ะ คุณพ่อจะได้ไม่เดือดร้อน นันก็ลูก
สาวคุณพ่อคนหนึ่งนะคะ‛
สายรุ้งเห็นแล้วอยากจะเดินหนีไปทันที เพราะหมั่นไส้สุด ๆ
‘น่าจะเข้าวงการนะ สร้างภาพน่าดู เชอะ ! นันขอทําหน้าที่นี้เองค่ะ
อยากให้แมวมองมาเห็นจัง เผื่อจะได้เป็น
นางเอกไฮโซเลือดกตัญญู ตาหื่นนี่คงชอบมั้ง ทั้งอวบทั้งอึ๋ม กอดแล้วอุ่นดี
ดูต่อไปดีกว่าว่าแม่นี่จะเล่นบทอะไรต่อ ’
สายรุ้งแอบยิ้มเยาะ คนอื่นไม่ทันสังเกตเพราะกําลังชื่นชมกับบทนางเอก
ของศุภานัน ยกเว้นสายตา
คมเข้มของตนุภัทรที่มองแล้วยิ้มขัน
‚ยายนัน อย่าเลยลูก พ่อไม่ยอมหรอก ยังไงยายฝนก็ต้องรับผิดชอบ‛
ปพนห่วงลูกสาวคนโปรด สายรุ้ง
ได้ยินแล้วก็ให้นึกน้อยใจนัก ไม่เคยมีสักครั้งที่ผู้ชายคนนี้จะห่วงใยเธอกับ
พี่สาว มีแต่ต่อว่า ทว่าเธอชินเสียแล้ว
ตนุภัทรยังคงนิ่งเฉย แต่เขาเห็นแววผิดหวังน้อยใจ และชิงชังในดวงตาคู่
สวยของสายรุ้ง
ที่มองมายังบิดา คิ้วเข้มของเขาเลิกขึ้นอย่างสนใจ
‚นั่นสิ นัน พี่ว่าอย่าเลย นันเสียสละมามากแล้ว คนที่ควรเสียสละและ
รับผิดชอบควรจะเป็น...‛ ดนุวัศปรายตา
ไปยังสายรุ้งที่ยืนนิ่งไม่สนใจและยักไหล่ใส่เขาเหมือนจะบอกว่าอย่า
หวัง ‘ทําเป็นยโสนะ นังรุ้ง เดี๋ยวแกก็รู้ ’
‚ไม่ค่ะ พี่วัศ นันก็ลูกคุณพ่อ เมื่อคุณพ่อเดือดร้อน ทําไมนันจะช่วย
ไม่ได้‛ ศุภานันนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนหัน
มาทางตนุภัทรแล้วแสร้งทําเสียงเศร้าพูดกับเขาว่า
‚คุณตนุภัทรคะ ถ้าคุณไม่รังเกียจ ดิฉันจะเป็นเจ้าสาวแทนคุณฝนให้ ‛
บงกชรู้สึกพอใจกับคําพูดแสแสร้งของ
บุตรสาว เธอเองก็อยากให้ลูกสาวแต่งงานกับเศรษฐีมีระดับเหมือนกัน
สาเหตุที่ไม่ยกศุภานันให้แต่แรกเพราะข่าวลือเกี่ยวกับตนุภัทรนักธุรกิจ
ลึกลับล้วนแล้วแต่น่ากลัวทั้งสิ้น ถามบุตรชายก็ไม่ได้คําตอบ บอกแต่ว่าน่า
กลัว
จึงคิดส่งลูกภรรยาหลวงไปรับชะตากรรมแทน แต่พอเห็นตัวจริงวันนี้แล้ว
เริ่มไม่แน่ใจ
‘นันทําได้ดีมากลูก ตาแหลม ผู้ชายตรงหน้าถึงจะโหด แต่หน้าตากับ
ฐานะไม่ควรมองข้าม ถ้ารู้ว่าดูดีน่า
เกรงขามอย่างนี้ละก็ เสนอยายนันไปนานแล้ว ดีนะที่นังฝนมันหนีไป’
สายรู้งพอจะเดาอะไรได้แล้วจึงแอบย่องออกไป แต่เสียงตนุภัทรดังขัด
ขึ้นก่อน
‚เดี๋ยว ! คุณอย่าเพิ่งไป‛
สายรุ้งหันมาจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง
‘นายหื่น มีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉัน ’
‚ยายรุ้ง แกจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นฉันเอาเรื่องแม่แกแน่ ‛
ปพนขู่เพราะรู้ว่าจุดอ่อนของ
สายรุ้งคืออะไร เธอหยุดมองหน้าบิดาอย่างคิดไม่ถึง ผู้ชายหน้ามืดปล่อยให้
ความหลงเข้าครอบงําจนลําเอียง
เธอไม่ใช่สายฝนที่ยังมีความรู้สึกผูกพันอยุ่บ้าง ใจของเธอมีแต่ความเกลียด
ชิงชังผู้ชายสูงวัยตรงหน้า แม้จะพยายาม
ไม่เกลียดชิงชังก็ตาม เพราะมารดาพยายามพูดให้เธออภัยผู้เป็นบิดา คํา
สอนของมารดายังก้องในหู
‘ถึงยังไงเลือดในตัวรุ้งครึ่งหนึ่งก็เป็นของเขา ต่อให้รุ้งเกลียดเขาแค่
ไหน ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ เพราะ
เขาแม่ถึงได้รุ้งมา ได้ลูกสาวที่น่ารักมาอีกคน จําไว้นะลูก จะโกรธจะเกลียด
ใครก็ได้ แต่อย่าโกรธเกลียดผู้ให้กําเนิด
แม่มีสิทธิ์ไม่ชอบหรือเกลียดเขา แต่สําหรับลูก แม่ไม่อยากให้ลูกมี
ความรู้สึกเช่นนั้น มันเจ็บปวดและทรมาน
ที่ต้องแบกความรู้สึกเกลียดผู้ให้กําเนิด เพราะบุญคุณเขาที่ทําให้รุ้งเกิดมาก็
ทดแทนไม่หมดแล้ว’
สายรุ้งแค้นใจนักที่ต้องเกิดเป็นลูกของผู้ชายคนนี้ในขณะที่แสนจะ
ภูมิใจที่ได้เกิดเป็นลูกของมารดาที่มีชื่อว่ากุลชา
‚รุ้งไม่เห็นความจําเป็นที่จะต้องอยู่ ทุกอย่างลงตัวแล้วนี่คะ คุณตนุ
ภัทรก็ได้เจ้าสาวแทนพี่ฝนแล้วนี่
รุ้งอยู่ไปก็เกะกะเปล่า ๆ‛ สายรุ้งพยายามทําน้ําเสียงให้เป็นปกติที่สุด
‚คุณรุ้ง อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะ คุณท่านอยากให้อยู่ช่วยลูกนัน
เตรียมตัวเป็นเจ้าสาว ยังไงก็พี่น้องกัน
ช่วย ๆ กันหน่อยนะคะ‛ บงกชพยายามแสดงน้ําใจ สายรุ้งจ้องหน้าหญิงเจ้า
มารยาอย่างรู้ทัน
‘คิดจะกดเราให้ดูต่ํากว่าลูกสาวตัวเอง ทําให้นายหื่นนั่นเห็นว่าลูกสาว
ตัวเองสูงส่งแค่ไหนละสิ
ฝันเกินไปแล้ว คุณบงกช’
‚รู้สึกเป็นเกียรติจังนะคะ คุณบงกช อย่าเลยค่ะ รุ้งมันคนซุ่มซ่าม เดี๋ยว
จะทําแผนคุณนันเสียหมด แหม ! ถ้ารู้
ว่าคุณนันกตัญญูอย่างนี้ละก็ พี่สาวรุ้งไม่ต้องหนีออกจากบ้าน ทําไมคุณนัน
ไม่บอกก่อนลjะคะ นี่รุ้งยังไม่รู้เลยว่า
จะไปตามพี่ฝนได้ที่ไหน ชักเป็นห่วงแล้วสิ รุ้งขอตัวก่อนนะคะ‛ สายรุ้งแกล้ง
ทําเสียงและท่าทางซื่อ ๆ
ศุภานัน มารดา และดนุวัศจ้องมองสายรุ้งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
ปพนโกรธแทบกระอักแต่ไม่กล้าแสดงอาการมากนักเพราะมีคนอื่นอยู่
ด้วย
ตนุภัทรเห็นแล้วยิ้มก่อนบอกความต้องการของตัวเองออกมา

‚เอาละ ผมเสียเวลากับพวกคุณมามากแล้ว ผมไม่อยากเสียเวลาอีก


เอาเป็นว่าผมขอเลือกเจ้าสาวแก้ขัดเองก็แล้วกัน
ผมเลือกคุณสายรุ้ง คุณปพนจะยกให้ผมได้มั้ย‛ คําพูดของเขาทําให้ทุกคน
นิ่งอึ้งอย่างคาดไม่ถึง ศุภานัน
หน้าเสียด้วยผิดหวังอย่างแรง แล้วเดินออกจากห้องด้วยความเจ็บใจ บงกช
จ้องมองสายรุ้งด้วยนัยน์ตาวาวโรจน์อย่างแค้นจัด
ก่อนจะเดินตามลูกสาวไป สายรุ้งยืนนิ่งเหมือนหุ่นอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจ้องมอง
ใบหน้าคมเข้มของอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง
‚ตาบ้า ! ใครจะยอมเป็นเจ้าสาวแก้ขัดให้คุณ ‛ สายรุ้งแว้ดออกไปอย่าง
ลืมตัว เขาเดินมาหาเธอแล้ว
กระซิบข้างหูเบา ๆ ว่า
‚ถ้าคุณปฏิเสธ ผมจะตามไปเอาตัวคุณสายฝนพี่สาวคุณมาเป็นเจ้าสาว
แทน ผมรู้นะว่าพี่สาวคุณ
อยู่ที่ไหน ว่าไงล่ะ สาวน้อยคนเก่ง ยอมหรือไม่ยอม‛
สายรุ้งแค้นนักที่ถูกเขาจับได้
‘โอ๊ย ! เกิดมาไม่เคยเกลียดใครเท่าเศรษฐีหื่นจอมโหดนี้เลย ได้...
อยากได้ฉันเป็นเจ้าสาวนักใช่มั้ย แล้วอย่ามา
โวยทีหลังก็แล้วกัน อยู่ดีไม่ว่าดี มาเล่นกับคนอย่างสายรุ้ง ’ เธอยิ้มหวานให้
เขา ดวงตาคู่สวยจ้องมองเขาเขม็ง
‚ได้ค่ะ ฉันจะเป็นเจ้าสาวแก้ขัดให้คุณ‛ คําตอบกับท่าทีที่เปลี่ยนไป
ของสายรุ้งทําให้ทั้งปพนกับดนุวัศงง
แต่คนที่รู้ว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้นคือตนุภัทร เพราะแววตาของเธอบอกชัด
และก็เป็นจริงตามนั้นเมื่อเธอพูดต่อว่า
‚แต่...ฉันมีข้อแม้ ถ้าคุณรับปาก ฉันยินดีจะเป็นเจ้าสาวของคุณ ‛
‚ยายรุ้ง ยังจะเรื่องมากอีกคุณตนุภัทรยอมเลือกแกก็ดีเท่าไหร่แล้ว ‛
ดนุวัศต่อว่าอย่างหงุดหงิด กลัวว่า
ถ้าเธอไม่ยอมตกลงดี ๆ เขาอาจถูกตนุภัทรเล่นงานได้ ชายหนุ่มคิดถึงแต่
ทางรอดของตัวเองฝ่ายเดียว
‚นั่นสิ ยายรุ้ง ฉันว่าแกอย่าทําให้เรื่องมันยุ่งยากมากขึ้นเลย ดีเท่าไหร่
แล้วที่คุณตนุภัทรเขาเลือกแก‛
ปพนช่วยสําทับ สายรุ้งจ้องมองชายทั้งสองด้วยสายตาที่ว่างเปล่า สําหรับ
เธอ คนทั้งคู่ไม่มีความหมายอะไรเลย แต่คนที่เธอจะต่อรองด้วยคือบุรุษร่าง
สูงใหญ่ตรงหน้าต่างหาก เธอมองตนุภัทรเหมือนต้องการคําตอบมากกว่า
ฝ่ายเขาก็ยิ้มเหมือนจะรู้
‚ตกลง บอกเงื่อนไขมา แต่ถ้าทําได้ก็จะทํา ถ้าทําไม่ได้ คุณก็ต้องแต่ง
กับผมอยู่ดี เพราะอะไรก็ถามคุณปพนกับ
ลูกชายดูเอาเองก็แล้วกัน‛ ดูเหมือนเขายังไม่ยอมเสียเปรียบอะไรง่าย ๆ อยู่
ดี
‚คุณทําได้อยู่แล้ว เรื่องแค่นี้ไม่ยากเกินไปสําหรับผู้มีอิทธิพลอย่างคุณ
หรอก เงื่อนไขของฉันมีอยู่ว่า
หนึ่ง ถ้าฉันแต่งงานกับคุณ ทะเบียนสมรสก็ต้องตามมาในวันเดียวกัน สอง
ฉันต้องการให้แม่ฉันกับคนในปกครอง
ของฉันไปอยู่กับฉันด้วย อยู่ที่นี่ฉันไม่ไว้ใจ เพราะอาจถูกใครบางคนทําร้าย
ได้ เงื่อนไขของฉันมีเท่านี้ พอจะรับปากได้หรือไม่ ‛
เธอมองเขาอย่างท้าทาย
‚ตกลง ผมรับปาก คราวนี้ฟังเงื่อนไขผมบ้างนะ หนึ่ง จดทะเบียนกับ
ผมแล้วห้ามมาฟ้องหย่าทีหลังจนกว่าผมจะ
เป็นฝ่ายขอหย่าเอง สําหรับคุณกุลชากับคนในบ้าน ผมจะให้คนพาไปอยู่ใน
ที่สุขสบายพร้อมการดูแลอย่างดี มีทั้งหมอและ
พยาบาลคอยดูแลตลอดเวลา จนกว่าจะได้ไตที่เหมาะสมและผ่าตัดเปลี่ยน
ได้ ส่วนคุณ คุณต้องอยู่กับผมตลอดเวลา‛
สายรุ้งจ้องมองเขาเหมือนคนกําลังหิวจัดที่พร้อมจะคว้าทุกอย่าง
ตรงหน้าเข้าปาก
‘ร้ายมาก คิดจะแยกแม่จากเราพร้อมขู่ไปในตัว แต่ก็ยังดีกว่าให้แม่อยู่
ในบ้านนี้’
‚ตกลง แต่ถ้าฉันอยากพบแม่ล่ะ‛
‚เมื่อผมเห็นว่าสมควรแก่เวลา คือเหมาะสมทั้งเวลาและสถานที่ ‛
‚คุณ...‛
‚ทําไมครับ‛
‚คนร้ายกาจ คน...‛
‚คุณจะว่าผมเป็นคนดีใช่มั้ยครับ ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้ผมทําเพื่อแม่ยาย
ได้อยู่แล้ว เราไปกันได้แล้ว‛
พูดจบเขาทําท่าจะจูงมือเธอไป แต่เธอยั้งไว้ก่อน
‚เดี๋ยว ! คุณจะให้ฉันไปทั้งอย่างนี้เเลยหรือ อย่างน้อยฉันควรจะมีเวลา
ไปลาแม่ก่อนเพื่อไม่ให้ท่านช็อค‛
‚ไม่ต้องหรอก คุณจะได้พบแม่ในงานแต่งคืนนี้ ‛
สายรุ้งกับทุกคนอึ้งอย่างคาดไม่ถึง
‚หมายความว่าคุณให้คนพาตัวแม่ฉันไปแล้วหรือ คงเตรียมวางแผนไว้
แล้วสินะ‛ เธอถามอย่างเอาเรื่อง
‚ถูกต้อง ไปกันได้แล้ว รถผมรออยู่ คุณมีเวลาเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว
เจ็ดชั่วโมงก่อนงานจะเริ่ม‛
พูดจบเขาจับมือเธอพาเดินไปขึ้นรถเบนซ์คันหรูที่จอดรออยู่ ปพนจึงรีบขัด
ขึ้นก่อน
‚เดี๋ยวก่อน คุณจะพาลูกสาวผมไปเฉย ๆ แบบนี้ไม่ได้นะ‛
‚ทําไมจะไม่ได้ ก็ในเมื่อลูกสาวคุณยอมแล้วนี่ หรือคุณจะขวาง ถ้าคุณ
ขวาง จะไม่มีการแต่งงานเกิดขึ้น ผมจะเอาเรื่อง
ลูกชายคุณ จากนั้นคุณคงรู้นะว่าอะไรจะเกิดขึ้น คุณปพน ให้เลือกเอา
ระหว่างลูกชายกับว่าที่รัฐมนตรีในอนาคต หรือ
ลูกสาวที่คุณไม่ได้ไยดีอะไรนัก‛
วันนี้เองที่ปพนได้รู้ถึงที่มาของคําว่านักธุรกิจลึกลับจอมโหด ที่แท้นาย
ตนุภัทรรู้ทุกเรื่อง คงแอบสืบมาเรียบร้อยแล้ว
‚ตกลง คุณพาลูกสาวผมไปได้ แต่อย่าลืมสัญญา ผมฝากลูกสาวผม
ด้วย ช่วยดูแลแกให้ดีด้วย‛
อย่างน้อยเขาก็ยังแสดงความห่วงใยสายรุ้งออกมาให้เห็นบ้าง แม้จะเป็น
เพียงครั้งแรกและครั้งเดียวที่สายรุ้งรับรู้ได้
‚ไม่ต้องห่วง ผมจะดูแลให้เป็นอย่างดี‛ พูดจบเขาก็พาสายรุ้งขึ้นรถ
แล้วขับออกไปทันที
ด้านสายฝนเมื่อรถพาเธอมาหยุดลงที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่บนเนื้อที่
หลายไร่แถวเมืองนนทบุรีซึ่งเต็มไปด้วยร่มไม้ คนขับก็หันมาพูดกับเธอด้วย
น้ําเสียงเป็นมิตรว่า
‚เชิญครับ โน่น ป้าบุญออกมายืนรอแล้วครับ‛
‚ขอบใจจ้ะ‛ สายฝนเปิดประตูลงจากรถ คนขับช่วยยกกระเป๋าลงมาให้
ป้าบุญพาร่างค่อนข้างท้วมเดินมาหา
พอสายฝนเห็นหญิงสูงวัยก็ยกมือไหว้และยิ้มให้ ‘ยิ้มไว้ก่อนไม่เสียหาย
หรอกลูก’ คําพูดที่มารดาคอยพร่ําสอนตั้งแต่เล็ก
ดังก้องในหู แม้ในชีวิตจริงมารดาจะยิ้มไม่ค่อยออก แต่กลับสอนบุตรสาว
ทั้งสองให้ยิ้มเข้าไว้เมื่อเจอคนแปลกหน้า
การยิ้มอย่างน้อยก็ไม่สร้างศัตรู แต่ก็มีบางคนที่เธอกับสายรุ้งไม่คิดจะยิ้มให้
เพราะคนพวกนั้นไม่เคยเห็นว่าพวกเธอ
เป็นมิตรเลย
‚อย่ามาไหว้ป้าเลยค่ะ คุณฝน แหม ! คุณฝนสวยงามน่ารักกว่าที่ป้าคิด
ไว้เสียอีก เห็นยายน้อยคุยเรื่อย
ว่าคุณหนูของแกสวยและน่ารักทั้งคู่ ทีแรกป้าคิดว่าคงจะไม่เท่าไหร่ แต่พอ
เห็นตัวจริง ยอมรับค่ะ ว่าสวยน่ารักจริง ๆ
มาค่ะ ป้าจะพาไปห้อง ป้าให้เด็กจัดไว้ให้แล้ว ‛ ป้าบุญพูดจาเป็นกันเองจน
สายฝนแปลกใจ
แต่ก็ดี...อย่างน้อยก็ไม่โดดเดี่ยวเหมือนอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้า
‚ป้าน้อยพูดเกินจริงค่ะ ป้าไม่ต้องเกรงใจฝนนะคะ ถือว่าฝนเป็นลูก
เป็นหลาน มีอะไรก็สอนสั่งได้ค่ะ‛
ยิ่งฟังสายฝนพูดป้าบุญก็ยิ่งชอบ
‘เด็กสาวคนนี้ ทั้งสวย ทั้งน่ารัก กิริยามารยาทก็ดี อ่อนน้อมถ่อมตน
ไม่ถือตัว แม้เป็นถึงลูกสาวคนมีเงิน แต่คงเพราะกรรมจึงทําให้ต้องลําบาก ก็
อย่างที่เขาว่ากัน เพชร...อย่างไรก็เป็นเพชร แม้จะอยู่ในตม แสงเพชรยัง
ส่องประกายให้คนเห็นได้ อยากให้คุณเมธมาเห็นเร็ว ๆ เสียดายคืนนี้กลับ
ดึก พรุ่งนี้ก็ต้องรีบบินไปต่างประเทศ กว่าจะได้พบคงอีกสองสามวัน ดีที่คุณ
พนิดาไปเที่ยวกับเพื่อนกว่าจะกลับก็เกือบอาทิตย์ ยังพอมีเวลา ดูแล้ว
เหมาะสมกันมาก’ ป้าบุญยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขณะเดินนําสายฝนเข้าบ้าน และ
เดินเลยไปห้องนอนที่อยู่ติดกับห้องของข้าวโอ๊ต ส่วนห้องติดกับห้องนอน
ใหญ่ของวรเมธถูกพนิดาจับจองไปแล้ว เพราะหวังจะได้ใกล้ชิด แต่กลับไม่
ค่อยมีโอกาส เปรี้ยวซึ่งเดินออกจากห้องเด็กหลังกล่อมข้าวโอ๊ตหลับแล้ว
พอเห็นเข้าก็ทักขึ้น
‚ป้ายิ้มอะไร สงสัยอะไรเข้าสิงแน่ ถึงได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ‛
‚เดี๋ยวเถอะ นังเปรี้ยว มาทะลึ่งกับข้า เอ็งมาก็ดีแล้ว มารู้จักคุณฝนเสีย
สิ เธอจะมาเป็นแม่บ้านดูแลทุกอย่าง
ของบ้านนี้ และช่วยดูแลคุณข้าวโอ๊ตด้วย‛
พอเปรี้ยวได้ยินป้าบุญบอกหน้าที่และตําแหน่งของสายฝนก็รีบยกมือ
ไหว้ มองสายฝนอย่างเป็นมิตร
‚สวัสดีค่ะ คุณฝน‛ เปรี้ยวอยากบอกต่อว่า ‚สวยน่ารัก จัง‛ แต่กลัวถูก
หาว่าทะเล้น สายฝนยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
‚เรียกพี่ฝนก็ได้ ไม่ต้องคุณหรอก พี่เป็นแค่แม่บ้านเฉย ๆ ไม่ต้องยก
ย่องเป็นคุณหรอกจ้ะ‛
เปรี้ยวเริ่มชอบสายฝนแล้วสิ พูดจาก็ดี ไม่ถือตัว ป้าบุญเคยบอก
เปรี้ยวว่าสายฝนเป็นคนมีความรู้ เรียนมาสูง คงจะจริง กิริยาท่าทางคําพูด
เหมือนได้รับการอบรมมาอย่างดี ไม่เหมือนคุณพนิดา นั่นจัดว่าแย่มาก
‚ได้ค่ะ พี่ฝน‛
สายฝนอดคิดถึงน้องสาวไม่ได้เมื่อได้ยินคําพูดของเปรี้ยว ไม่รู้ว่าจะ
เป็นอย่างไรบ้าง
‚นังเปรี้ยว อย่าลามปามนะเอ็ง คุณฝนไม่ใช่พวกเดียวกับเอ็ง ‛ ป้าบุญ
ไม่อยากให้เปรี้ยวทําตัวเสมอสายฝน
‚ไม่เป็นไรป้า เราเป็นลูกจ้างเหมือนกัน ไหนล่ะจ๊ะ ห้องที่จัดให้ฝน‛
สายฝนรีบตัดบท เธอไม่อยากให้ใคร
หมั่นไส้หรือไม่พอใจ สงสัยป้าบุญคงจะเกรงใจเพื่อนรักจึงทําตามคําฝากฝัง
ของป้าน้อยเสียเต็มที่
‚เห็นมั้ยป้า พี่ฝนยังไม่ว่าเลย ป้านั่นแหละคิดมาก‛ เปรี้ยวคงจะสนิท
กับป้าบุญมากจึงกล้าต่อปากต่อคํากับแก
‚เดี๋ยวเถอะ เด็กคนนี้ ลามปามใหญ่แล้ว คุณฝนอย่าไปให้ท้ายมันเชียว
นะ เดี๋ยวมันลาม ถึงห้องแล้วค่ะ
ถูกใจหรือเปล่าคะ‛ ดวงตาคู่สวยของสายฝนมองดูห้องนอนที่ป้าบุญจัดไว้
ให้ ห้องใหญ่พอสมควร มีเตียงขนาด
หกฟุต ใหญ่สําหรับนอนได้สองคน ปูด้วยผ้าปูที่นอนสีครีมลายสวย มีโต๊ะ
กระจกตัวสวยสําหรับแต่งหน้า
ตู้เสื้อผ้าฝังติดผนัง ห้องน้ําในตัว และมีทีวีจอแบนกับเครื่องเสียงครบชุด ดู
แล้วหรูเกินตําแหน่งแม่บ้าน
‚ป้า ทําไมห้องกว้างจัง ฝนว่ามันมากเกินไปนะคะ ฝนขออยู่ห้อง
ธรรมดาก็พอ‛
‚ไม่ได้ค่ะ คุณฝน คุณเมธสั่งไว้ คุณฝนไม่ใช่แม่บ้านธรรมดา ไว้พบคุณ
เมธก่อน คุณฝนจะรู้รายละเอียดค่ะ‛
ป้าบุญแกล้งปดเพราะแกเป็นคนขอร้องวรเมธเอง วรเมธเห็นชอบด้วยและ
ยอมจ้าง แต่ถ้าได้คนแล้วขอพบก่อน
เพื่อตกลงเงื่อนไขและหน้าที่รับผิดชอบเอง เพราะไม่แน่ใจว่าจะได้แม่บ้าน
ประเภทไหน การตกลงจะรับใคร
สักคนเข้ามาทํางานในบ้านต้องดูให้แน่ว่าเป็นคนเช่นไร ไม่อย่างนั้นจะมานั่ง
กลุ้มใจทีหลัง หากถูกใจป้าบุญแต่
ไม่ถูกใจเจ้าของบ้านจะเป็นปัญหาได้
‚ไม่ใหญ่หรอกค่ะ พี่ฝน ห้องคุณดากว้างและหรูหรากว่านี้อีก เปรี้ยวจะ
บอกให้‛ เปรี้ยวทําตัวคุ้นเคยกับ
สายฝนเร็วเกินคาดจนป้าบุญอดค้อนไม่ได้ แกเหมือนน้ําท่วมปาก บอก
ความจริงไม่ได้
‚ใครกันจ๊ะ คุณดา‛ สายฝนถามอย่างสงสัย
‚อยู่ไปคุณจะรู้เองค่ะ เอาเป็นว่าอยู่ห่าง ๆ ไว้ก็ดี คุณฝนมาเหนื่อย ๆ
พักก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวป้าจะให้
คนมาเคาะเรียกก่อนเที่ยง เชิญคุณฝนจัดของและพักตามสบาย ป้าไปละ‛
พูดจบแกกับเด็กเปรี้ยวก็เดิน
จากไป ปล่อยให้สายฝนเก็บข้าวของและทําความคุ้นเคยกับห้องก่อน
ตอนที่ 5

สายฝนเอาเสื้อผ้าแขวนในตู้ และหยิบของใช้ส่วนตัวที่จําเป็นออกมาจัดเข้าที่
พร้อมกับเอกสารปึกใหญ่ที่รับ
มาแปล ขณะที่กําลังแปลเพลินอยู่นั้น เสียงเด็กร้องดังจากห้องข้าง ๆ ทําให้เธอ
ตกใจรีบเปิดประตูวิ่งไปที่ห้องเด็ก
เมื่อไปถึงก็พบเด็กชายวัยเกือบสองขวบหน้าตาน่าเกลียดน่าชัง ผิวขาวใส กําลังส่ง
เสียงร้องจ้า สงสัยตื่นแล้วไม่เห็นใคร
จึงกลัว สายฝนรีบเข้าไปอุ้มมากอดไว้กับอก รู้สึกว่าเด็กจะตัวหนักพอควร เธอ
คุ้นเคยกับเด็กเล็ก ๆ
และเคยเลี้ยงมาบ้าง เพราะบางทีบิดามารดาของนักเรียนตัวน้อยของเธอก็มาฝาก
ไว้ให้ช่วยดูเป็นวันบ้าง บางทีก็สอง
สามชั่วโมงและขอตัวไปทําธุระ เธอกับสายรุ้งจึงต้องทําหน้าที่พี่เลี้ยงจําเป็นไปด้วย
เรียกว่านอกจากจะรับ
สอนพิเศษแล้วยังรับเลี้ยงเด็กให้ฟรีด้วย สายฝนชอบอยู่กับเด็ก ๆ มันทําให้เธอลืม
ทุกข์ได้พอสมควร
‚โอ๋ ๆ คนเก่งอย่าร้องนะ ไม่มีใครทิ้งหนูหรอกจ้ะ ไม่ร้องนะจ๊ะ พี่ฝนอยู่กับหนู
แล้วนะ‛ สายฝนพยายามปลอบพลาง
ลูบหลังเด็กน้อยเบา ๆ พาเดินไปรอบ ๆ เด็กน้อยแม้จะไม่คุ้นหน้าสายฝน แต่ด้วย
ความอ่อนโยนของสายฝนทําให้เด็กชาย
หยุดร้องได้ ดวงตากลมโตไร้เดียงสาจ้องมองใบหน้าสวยใสของสายฝนแล้วยิ้มอวด
ฟันขาว
‚ยิ้มสวยด้วยนะเรา ฟันเต็มปากเลย ชื่ออะไรครับคนเก่ง บอกพี่ฝนหน่อยซิ ‛
สายฝนแกล้งถามเด็กน้อย
‚ชื่อข้าวโอ๊ตครับผม‛ เสียงตอบดังจากด้านหลัง สายฝนตกใจรีบหันไปมอง
แล้วเธอก็พบกับชายร่างสูง
ใหญ่ ผิวไม่ขาวไม่ดํา เครื่องหน้าทุกอย่างเข้มสะดุดตา ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว มีสูทสีดํา
พาดอยู่บนไหล่ สายตาคมเข้มมอง
เธอตาไม่กะพริบ จากนั้นก็มองสํารวจไปทั่วร่าง ก่อนมาหยุดที่ใบหน้าสวยใสน่ารัก
ของเธออีกครั้ง สายฝนไม่ชอบ
ที่ถูกมองสํารวจไปทั่วร่างอย่างนี้ แม้จะไม่ใช่การมองแบบแทะโลมก็ตาม
‘นายยักษ์นี่เป็นใครกัน’ สายฝนสงสัย แต่คนที่ให้คําตอบกลับเป็นเด็กน้อย
‚อา ๆ‛ เด็กน้อยส่งเสียงเรียกออกมาดัง ๆ และทําท่าจะโผเข้าหา วรเมธเดิน
เข้ามาใกล้ สายฝนจึงรู้ว่า
เธอสูงแค่ต้นคอของชายคนนี้เท่านั้น เธอรีบส่งเด็กให้เขาและทําท่าจะเดินไปเลี่ยง
ไป แต่เสียงวรเมธห้ามขึ้นก่อน
‚เดี๋ยวคุณ อย่าเพิ่งไป คุณเป็นใคร มาทําอะไรในห้องหลานชายผม‛
ก่อนที่สายฝนจะตอบป้าบุญก็เดินเข้ามา
‚คุณเมธ ทําไมกลับมาแต่วันคะ ไหนบอกจะกลับดึกแล้วบินไปเซี่ยงไฮ้แต่
เช้า‛ ป้าบุญถามอย่างสงสัย
‚คือผมลืมเอกสารสําคัญ เลยกลับมาเอา ไม่ต้องไปเซี่ยงไฮ้แล้ว ทางโน้น
เปลี่ยนใจ อยากมาเที่ยวบ้านเราแทน‛
คําตอบของเขาทําให้ป้าบุญยิ้มออก
‚ดีเลยค่ะ ป้าอยากให้รู้จักกับคุณสายฝน แม่บ้านที่ป้าหามา คุณฝนคะ ป้าขอ
แนะนําเจ้านายตัวจริง คุณวรเมธ
เจ้านายป้า และเป็นคนรับคุณฝนเข้าทํางาน‛ ป้าบุญถือโอกาสแนะนํา วรเมธมอง
หน้าสายฝนอีกครั้งด้วยสายตา
ที่อ่านไม่ออก ก่อนหันไปพูดกับเจ้าตัวน้อยในอ้อมกอดว่า
‚นายข้าวโอ๊ตไปหาป้าบุญก่อน อามีเรื่องอยากคุยกับแม่บ้านคนใหม่ ‛
ป้าบุญรีบอ้าแขนรับคุณข้าวโอ๊ตของแกทันที เด็กน้อยโผเข้าหาอย่างคุ้นเคย
แล้วพากันเดินออกจากห้องไป วรเมธจึงหันมาพูดกับสายฝน
‚เชิญตามผมมา คุณสายฝน‛ พูดจบก็เดินนําเธอเข้าไปในห้องสมุดที่เป็นห้อง
ทํางานในตัว
‚เชิญนั่ง‛
สายฝนนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทํางานตามคําสั่งเจ้านายตัวจริงที่พาตัวไปนั่ง
เรียบร้อยแล้ว
‚ดิฉันพร้อมแล้วที่จะให้สัมภาษณ์ เชิญค่ะ ‛ เธอรีบบอกเพราะอยากออกจาก
ห้องนี้เร็ว ๆ รู้สึกอึดอัดที่ถูกสายตา
คมเข้มจ้องมองแล้วยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากซึ่งบอกความหมายได้หลายอย่าง หรือว่า
หน้าตาเธอดูแปลกประหลาด
ถึงได้จ้องเอา ๆ
‚ป้าบุญคงยังไม่ได้บอกคุณสินะว่าหน้าที่มีอะไรบ้าง‛ เขาถามเสียงเรียบ
‚บอกคร่าว ๆ ค่ะ‛
‚ดี ถ้างั้นผมจะบอกให้หมด เงินเดือนที่ผมจ้างคุณค่อนข้างแพง คือสองหมื่น
บาทต่อเดือน ซึ่งแพงกว่าแม่บ้าน
ทั่วไป เพราะตําแหน่งแม่บ้านที่ผมจ้างต้องทําหน้าที่ดังต่อไปนี้ หนึ่ง ดูแลอาหารและ
เรื่องส่วนตัวของผมทุกเรื่อง
ช่วยผมทํางานถ้าวันไหนผมหอบงานมาทําที่บ้าน สอง ช่วยดูแลข้าวโอ๊ตหลานผม
ตอนผมไม่อยู่บ้าน สาม ช่วยดู
แลความเรียบร้อยของบ้านหลังนี้ สี่ ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้าน ห้า ผมยังคิดไม่
ออก‛
สายฝนได้ยินหน้าที่แม่บ้านที่เขาบอกแล้วก็เริ่มไม่พอใจ ก็ป้าบุญไม่ได้บอกว่า
ต้องมาดูแลเจ้านายด้วยนี่ บอกแค่ดูแลความเรียบร้อยของบ้าน นี่มันเหมือนเอา
ตําแหน่งแม่บ้านกับเลขาฯ ส่วนตัวควบรวมกัน พ่วงด้วยตําแหน่งพี่เลี้ยงเด็กอีกหนึ่ง
ตําแหน่ง มันจะกินแรงลูกจ้างมากไปแล้วนะ
‚แต่ดิฉันว่า ถ้าคุณอยากได้เลขาฯ ส่วนตัวไว้ใช้งานในบ้าน ควรจ้างเลขาฯ
ต่างหาก ไม่ใช่แม่บ้านค่ะ ‛
‚ไม่อย่างนั้นผมจะระบุหรือว่าต้องมีการศึกษาสูงพอควร หรือว่าคุณเกี่ยงว่า
เงินน้อยไป ผมขึ้นให้อีกห้าพัน
เป็นสองหมื่นห้า หรือคุณจะขอเป็นสามหมื่น ถ้าถึงสามหมื่น ผมจะแถมหน้าที่ให้อีก
หน้าที่หนึ่งคือ...‛
‘ตั้งแต่เรียนจบก็สัมภาษณ์งานมาหลายที่ และออกจากงานนับครั้งไม่ถ้วน
แต่ก็ยังไม่เคยเจอนายจ้างที่ทั้งเคี่ยว
ทั้งประหลาดอย่างนี้มาก่อน ไหนป้าบุญบอกว่าใจดีไง นี่ให้ดูแลเรื่องส่วนตัวทุกเรื่อง
แล้วไอ้ทุกเรื่องที่ว่ามันเรื่องอะไร
บ้างล่ะ ถ้าให้เพิ่มเงินก็มีหน้าที่เพิ่ม แต่ยังคิดไม่ออก ฮึ ! คิดแบบพ่อค้าหน้าเลือดน่ะ
สิ เพื่อความไม่ประมาท
ต้องถามให้กระจ่าง ไม่อย่างนั้นถูกโมแมหน้าที่เพิ่มเติมแน่ ’
‚ดิฉันอยากทราบรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของคุณทุกเรื่องค่ะ ช่วย
ชี้แจงให้กระจ่างหน่อย‛
‚ก็ไม่มีอะไรมาก เริ่มจากชีวิตประจําวัน เสื้อผ้า ที่หลับที่นอน อาหารการกิน
อะไรทํานองนั้น‛ ดูเขาไม่ซีเรียส
‚นั่นมันไม่ใช่หน้าที่แม่บ้านนะคะ มันน่าจะเป็นหน้าที่...‛ เธอหยุดไปเฉย ๆ
เขาจึงยิ้มพลางเอ่ย
‚ผมยังโสด ไม่มีเมีย จึงจําเป็นต้องอาศัยแม่บ้านอย่างคุณทําแทน รับรองว่า
ผมไม่กัดคุณหรอก ไว้ใจได้‛
‘อย่างกับฉันจะยอมให้คุณกัดง่าย ๆ นี่ ตาบ้า จะโสดไม่โสดทําไมต้องป่าว
ประกาศให้คนรู้ด้วย อยากรู้ตายละ’
สายฝนต่อว่าในใจ ก่อนพูดว่า
‚ได้ค่ะ แค่นี้ใช่มั้ยคะ ดิฉันขอตัวก่อนค่ะ ‛ เธอทําท่าจะลุก แต่เสียงของเขาดัง
ขัดขึ้นก่อน
‚เดี๋ยว ! อย่าเพิ่งไป ผมยังมีเรื่องจะถามคุณอีก ถ้าไม่เป็นการละลาบละล้วง
จนเกินไป‛ คราวนี้ดูเหมือนเขาจะ
มีมารยาทและสุภาพจนเธอตามไม่ทัน
‘ตกลงจะเอายังไงกับเราแน่ ถามเปรี้ยวดีกว่าว่าเจ้านายอารมณ์คงเส้นคงวา
หรือเปล่า หรือเป็น
พวกคุ้มดีคุ้มร้าย’
‚ถ้าตอบได้ ดิฉันก็ยินดีค่ะ ‛
‚คุณอย่าหาว่าผมดูถูกเลยนะ ดูจากหน้าตากับกิริยามารยาทของคุณ ทั้ง
คําพูดคําจา ผมว่าคุณต้องมาจาก
ครอบครัวที่ดีพอควรทีเดียว ทําไมถึงสมัครมาทํางานตามบ้านอย่างนี้ ‛
สายฝนเข้าใจว่าทําไมเขาถึงสงสัย เพราะทั้งเธอและสายรุ้งเวลาไปสมัครงาน
พอคนเห็นนามสกุลเป็นต้องถามว่าเป็นอะไรกับปพน เธอกับสายรุ้งจึงเลือกสมัคร
งานแต่กับบริษัทเล็ก ๆ แต่ก็ไม่วายมีคนสงสัย และข้ออ้างที่หยิบยกมาก็คือปพน
เมตตาให้ใช้นามสกุล แต่ไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะถือเป็นลูกหลานคนในบ้าน เวลาไป
สมัครงานที่ไหนเขาจะได้เรียกสัมภาษณ์เร็วขึ้น และกําลังจะเปลี่ยนกลับไปใช้
นามสกุลของตัวเอง เพราะเกรงใจท่าน และคนส่วนใหญ่ก็เชื่อตามนั้น ยกเว้นบาง
คน
ที่บังเอิญรู้จักมารดา แต่สําหรับตําแหน่งแม่บ้านเธอใช้นามสกุลป้าน้อยแทน เพราะ
อาศัยบารมีป้าบุญ เธอจึง
ไม่จําเป็นต้องยื่นประวัติกับหลักฐานในการสมัครแต่อย่างไร
‚ดิฉันเรียนตามตรงก็ได้ค่ะ แม่ดิฉันเป็นครู เวลาไปสมัครงานที่ไหนก็แพ้
เด็กเส้นค่ะ ที่รับก็เพราะหวังอย่าง
อื่นแทนที่จะให้ทํางานจริง ๆ ดิฉันจึงมาทํางานที่นี่เพราะบังเอิญรู้จักกับป้าบุญเป็น
การส่วนตัวค่ะ‛
เธอบอกตามตรงแต่ไม่ทั้งหมด วรเมธพยักหน้าพลางคิดในใจ ‘ก็น่าอยู่หรอก
หน้าตากับรูปร่างชวนให้หลงเสน่ห์ได้ง่าย ๆ
โดยไม่ต้องทําอะไรเลย’
‚ฟังดูน่าเห็นใจ เอาเป็นว่าผมเชื่อตามที่คุณบอก ผมขอตัวไปทํางานก่อน ถ้า
คุณยังไม่พร้อมจะเริ่มงานวันนี้ก็เริ่ม
พรุ่งนี้ก็ได้ ปกติผมตื่นนอนตอนหกโมงเช้า พอตื่นมาผมต้องดื่มน้ําหนึ่งขวดเสมอ
ฉะนั้นคุณต้องเอามาให้ผม
ก่อนนอนทุกคืน หรือไม่ก็เอามาให้ตอนเช้า ผมไม่ชอบดื่มกาแฟ ผมทานอาหารเช้า
ทุกวัน อย่างอื่นไว้จะบอก
ทีหลัง วันนี้แค่นี้ก่อน‛ เขาบอกให้เธอทราบเพื่อที่เธอจะได้ปฏิบัติถูก
‚ไม่เป็นไรค่ะ เริ่มวันนี้เลยก็ได้ คุณชอบทานอาหารแบบไหนคะ ดิฉันจะได้
เตรียมถูก‛ สายฝนไม่อยากถูก
หาว่าอู้งานหรือขี้เกียจจึงขอเริ่มทําหน้าที่เลย โดยเริ่มจากอาหารการกินของเจ้านาย
เป็นอันดับแรก
‚ผมเป็นคนกินง่าย เอาเป็นว่าคุณทําอะไรมาผมก็กินได้ทั้งนั้น ‛ ดูเหมือนเขา
จะไม่เรื่องมากเท่าไร
‚งั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ‛ พูดจบก็ทําท่าจะลุก
‚เดี๋ยวก่อน ผมลืมขอร้องคุณเรื่องหนึ่ง ไหน ๆ เราจะอยู่ร่วมบ้านเดียวกันแล้ว
ผมอยากให้คุณแทนตัวว่า ‘ฝน’
มากกว่า ‘ดิฉัน’ ฟังดูไม่ห่างเหินและเป็นทางการเกินไป เพราะนับจากนี้เป็นต้นไป
ผมถือว่าคุณเป็นส่วนหนึ่ง
ของครอบครัวผม คุณฝน‛
‚ค่ะ คุณเมธ ฝนขอตัวก่อนค่ะ ‛ สายฝนยิ้มหวานให้ก่อนไป วรเมธส่ายหน้ายิ้ม
ๆ ‘ร้ายจริง ๆ ผู้หญิงคนนี้ ’
แต่ถูกใจเขามาก ทันทีที่ได้ยินเสียงหวานปลอบหลานชายตัวน้อยเขาก็สะดุด และ
พอสายตาได้พบกับใบหน้า
สวยใสน่ารักกับร่างงดงามเต็มไปด้วยเสน่ห์ชวนมองก็ทําให้ตะลึงไปชั่วขณะ อยาก
เห็นหน้าตลอดเวลา
จึงมอบหน้าที่เพิ่มให้อีกหน้าที่หนึ่งคือคอยรับใช้เขาเป็นการส่วนตัว เขารู้ เธอออกจะ
ไม่พอใจ แต่ก็จําต้องรับ
เห็นทีเขาจะประมาทป้าบุญเกินไป หวังว่าคงพอสู้รบปรบมือกับพนิดาได้
ไม่อย่างนั้นสักวันเขาคงต้องหลวมตัว
ตกหลุมที่พนิดาขุดไว้แน่ เธอขยันยั่วเหลือเกิน และเขาก็ไม่ใช่ก้อนหินเสียด้วยสิ
เย็นวันนั้นคนในบ้านถูกเรียกมารวมตัวกันในห้องรับแขก ต่างคนต่างสงสัยว่า
เกิดอะไรขึ้น ปกติวรเมธไม่เคยมาวุ่นวายเรื่องของคนในบ้าน ส่วนมากจะเป็นป้าบุญ
แต่วันนี้กลับเรียกประชุม พอทุกคนนั่งลงพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว วรเมธจึงเริ่ม
‚ขอบใจทุกคนที่มาพร้อมหน้าพร้อมตากัน ที่เรียกทุกคนมาก็เพราะอยากจะ
แนะนําคุณแม่บ้านคนใหม่ให้รู้จัก ชื่อ
คุณสายฝน ต่อไปคุณสายฝนจะทําหน้าที่ดูแลทุกอย่างในบ้าน ทั้งเรื่องความ
เรียบร้อยในบ้าน อาหารการกินของ
คุณข้าวโอ๊ต เงินเดือนของทุกคน รวมถึงหน้าที่ต่าง ๆ ที่ผมเห็นสมควรจะให้ทําเพิ่ม
ใครมีปัญหาอะไรปรึกษา
คุณสายฝนได้ อํานาจสิทธิ์ขาดอยู่ที่คุณสายฝน มีอะไรบอกคุณสายฝนได้เลย เธอ
จะเป็นคนบอกผมเอง
เอาละ ผมขอตัวก่อน ที่เหลือคุณสายฝนจะบอกต่อเอง คุณฝน ผมฝากด้วย ขอตัว
ไปทํางานต่อ‛
วรเมธพูดจบก็พาร่างสูงใหญ่ไปจากห้องทันที สายฝนงงเพราะตั้งรับไม่ทัน
‘ตาบ้า ! เอาอีกแล้ว ชอบทําอะไรไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัวเลย อยู่ดี ๆ ก็โยนมาให้เฉย
เลย ไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า ’
แม้จะไม่พอใจแต่สายฝนก็ไม่ได้แสดงออก เธอยิ้มนําเป็นอันดับแรกตามที่มารดา
สอนก่อนมองดูทุกคนเพื่อจะดู
ปฏิกิริยาของแต่ละคนว่าคิดอย่างไร ส่วนมากคนเรามักแสดงความรู้สึกออกทางสี
หน้าและแววตา ที่เธอเห็นคือ
บางคนยิ้ม บางคนมองอย่างชื่นชม บางคนเฉย ๆ บางคนชักสีหน้า แต่มีคนหนึ่งดู
ท่าทางไม่เป็นมิตร อายุใกล้
เคียงกับเธอ หน้าตากับสายตาเอาเรื่องทีเดียว
‘สงสัยผู้หญิงคนนี้คงมีแบ็กดี ’ สายฝนคิด
‚พวกเอ็งทุกคนได้ยินที่คุณเมธท่านบอกแล้วใช่มั้ย ต่อไปนี้ต้องเชื่อฟังคุณฝน
นะ‛
ป้าบุญช่วยย้ําอีกทีก่อนที่สายฝนจะเอ่ยอะไรออกมา
‚แหม ! ป้าบุญเล่นออกหน้าแทน มีหรือพวกเราจะไม่เชื่อฟังคุณแม่บ้านคน
ใหม่ จริงมั้ย‛
หญิงวัยกลางคนค่อนข้างเจ้าเนื้อพูดคล้ายประชดป้าบุญ แต่น้ําเสียงกับแววตาบอก
ว่าล้อเล่นมากกว่า
‚เอ็งไม่ต้องมาล้อข้าหรอก นังแหวน ต่อไปเอ็งคงสบายแล้ว เพราะคุณฝนจะ
ช่วยดูแลเรื่องกับข้าวกับปลาที่
ไม่ได้เรื่องของเอ็ง‛ ป้าบุญรีบอวดสรรพคุณแม่ครัวให้สายฝนรู้ สายฝนจึงได้รู้ว่าแม่
ครัวชื่อแหวนทําอาหาร
ไม่ถูกปากคนในบ้าน แม่ครัวทําท่าจะขยับปากแก้ตัว แต่สายฝนชิงพูดขึ้นก่อน
‚ฝนขอพูดอะไรบ้างจะได้มั้ย ป้าบุญ พี่แหวน‛
ทุกคนจึงหันไปสนใจสายฝนแทน สายฝนยิ้มแล้วพูดต่อ
‚ฝนอยากให้ทุกคนคิดว่าฝนเป็นลูกหลานหรือพี่น้อง ถือเป็นสมาชิกใหม่ของ
บ้าน มีอะไรที่อยากแนะนําก็บอก
ได้เลยไม่ต้องเกรงใจ ฝนยอมรับว่าฝนยังใหม่สําหรับที่นี่ อาจทําอะไรไม่ถูกไปบ้าง
อยากให้ทุกคนช่วยบอกด้วย
ถ้าทําผิด‛ คําพูดถ่อมตัวและฝากเนื้อฝากตัวด้วยน้ําเสียงหวาน ๆ นั้นทําให้ทุกคน
เริ่มชอบสายฝน ยกเว้นหญิงสาว
ที่มองสายฝนด้วยสายตาไม่เป็นมิตรมาตั้งแต่ต้น
‚คุณฝนอย่าถ่อมตัวไปเลยครับ คุณเมธเรียกพวกเรามาแนะนําคุณฝนให้รู้จัก
แสดงว่าคุณฝนต้องเป็นคนสําคัญ
ไม่อย่างนั้นท่านไม่แนะนําด้วยตัวเองหรอกครับ ให้ป้าบุญจัดการเอง บางทีท่านยัง
ไม่รู้ด้วยซ้ําว่ามีสมาชิกใหม่
มาอยู่ในบ้าน วัน ๆ เอาแต่ทํางาน‛ เสียงชายวัยห้าสิบกว่า ๆ ท่าทางจะเป็นคนสวน
หรือไม่ก็คนรถพูดขึ้น จึงทําให้
สายฝนรู้เพิ่มอีกเรื่องหนึ่งว่าเจ้าของบ้านไม่เคยมายุ่งเรื่องคนในบ้านสักเท่าไร แล้ว
ทําไมต้องมาวุ่นวายกับเธอด้วย
แต่ที่รู้ ๆ คือส่วนใหญ่เห็นด้วย ยกเว้นหญิงสาววัยไล่เลี่ยกับเธอที่เริ่มแสดงฤทธิ์
‚ลุงเหวียง ไม่ทันไรก็เข้าข้างแม่บ้านคนใหม่แล้ว คุณเมธแค่ทําหน้าที่เจ้านาย
ที่ดีเท่านั้นเอง ลุงก็ทําเป็นยกย่อง
คิดว่าเป็นคุณผู้หญิงของบ้านหรือไง มันก็ขี้ข้าเหมือนกัน ไว้คุณดากลับมาก่อนเถอะ
จะรู้‛
พูดจบเจ้าหล่อนก็ลุกเดินจากไปทันที ทุกคนในที่นั้นส่ายหน้าอย่างระอา
‚คุณฝนอย่าไปถือสานังต้อมเลยนะคะ มันก็อย่างนี้ละค่ะ ถือว่ามีคุณดาให้
ท้ายเลยได้ใจ นี่ดีนะที่นังพริก
ไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นคุณฝนต้องเหนื่อยรบกับมันอีกคน สองคนนี้ถือหางคุณดาค่ะ ‛ ป้า
บุญถือโอกาสบอก
ให้ทราบ สายฝนเริ่มหนักใจ เพิ่งรับงานวันแรกก็ต้องรับมือกับคนของผู้หญิงที่ใคร ๆ
เรียกกันว่าคุณดาที่ยังไม่เห็นตัวแล้วหรือ หน้าตา นิสัยใจคอเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ ตอน
แรกคิดว่าจะเป็นงานสบาย ๆ เห็นทีจะไม่สบายอย่างที่คิดเสียแล้ว
ตนุภัทรพาสายรุ้งมาที่บ้านหลังใหญ่บนเนื้อที่ไม่ต่ํากว่าห้าไร่ซึ่งมีต้นไม้ขึ้นเต็ม
ไปหมด
บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ชานเมืองห่างจากกรุงเทพฯ พอสมควร แต่พอรถแล่นผ่านประตู
เท่านั้น สายรุ้งก็เห็นแสงไฟประดับตาม
ต้นไม้ใหญ่ตลอดแนวจนถึงหน้าตึกใหญ่สีขาวที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ พอรถจอด ตนุ
ภัทรก็ลงจากรถแล้วโค้งตัวพลาง
ผายมือทําท่าเชื้อเชิญเหมือนล้อเลียนเสียมากกว่า
‚เชิญครับผม เจ้าหญิงแห่งวงการ เชิญมาแต่งหน้าแต่งตัวรับบทเจ้าสาวของ
เจ้าชายสุดหล่อได้แล้วครับ
อย่าช้านะครับ มีเวลาให้แปลงโฉมไม่ถึงชั่วโมง รีบ ๆ หน่อย ห้ามเกินเวลานะจ๊ะ
เดี๋ยวแขกคอยหง่าว‛
แม้น้ําเสียงกับท่าทางจะดูเหมือนเล่น แต่ความหมายนี่สิขู่ชัด ๆ สายฝนจ้องมอง
ใบหน้าคนพูดอย่างเอาเรื่อง
‚ฉันไม่ใช่เจ้าหญิง คงใช้เวลาไม่มากหรอก เจ้าสาวแก้ขัดน่ะ ไม่ต้องพิถีพิถัน
มากนักก็ได้‛ เธอสวนกลับทันที
เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
‚ดุจริงแฮะ คนเป็นเจ้าสาวก็อยากสวยที่สุดสําหรับเจ้าบ่าว แต่คุณนี่คงเป็น
หนึ่งในร้อยมั้งที่ไม่อยากสวย
เอาน่าคุณ ถือว่าช่วยรักษาหน้าผมหน่อย นายตนุภัทรแต่งงานทั้งทีกลับได้เจ้าสาว
หน้าบูด อายเขาแย่‛
ดูเหมือนเขาจะจงใจยั่วเธอไม่เลิก
‚ก็หลีกไปสิ มัวยืนจ้ออยู่อย่างนี้ เมื่อไหร่ฉันจะได้ไปแต่งตัวแต่งหน้า หรือคุณ
อยากได้เจ้าสาวหน้าบูด ‛
เขาจึงรีบถอยให้สายรุ้งลงจากรถ จากนั้นจึงพาเธอไปยังห้องแต่งตัวและทิ้ง
เธอไว้ตรงนั้นกับช่างแต่งหน้าและผู้ช่วยอีกสองสามคน สายรุ้งที่เคยทําอะไรด้วย
ตัวเองพอมีคนมาดูแลจึงรู้สึกอึดอัดชอบกล ช่างแต่งหน้าเห็นหน้าเธอแล้วต่าง
พากันชมว่าสวยสดใสน่ารัก ไม่ต้องแต่งมากก็ได้ รูปร่างก็ดี จนกระทั่งเวลาผ่านไป
ไม่ถึงชั่วโมง สายรุ้งก็สวย
เหมาะกับคําว่าเจ้าสาวผู้น่ารักสดใสของช่าง ชุดเจ้าสาวสีขาวเกาะอกเห็นเนินอก
อวบอิ่มแนบไปตามลําตัว
ท่อนล่างเป็นผ้าบางพลิ้วสีขาวทบกันหลายชั้นบานยาว เวลาเดินเหมือนจะช่วยให้
ตัวพลิ้วไปตามความอ่อนนุ่ม
ของผ้า มือเรียวงามสวมถุงมือสีขาว ผมยาวสลวยถูกเกล้าสูงปล่อยบางส่วนให้ตก
ลงมาแล้วดัดให้หยิกเล็กน้อย
มีดอกไม้สีขาวดอกเล็ก ๆ แต่ทําจากเพชรจริง ๆ แซม และใบหน้าสวยกระจ่างด้วย
ตุ้มหูเพชร
‚สวยน่ารักจริง ๆ แต่ดูเหมือนขาดอะไรสักอย่าง‛ ช่างเริ่มกังวลเหมือนชุด
เจ้าสาวยังสวยไม่ถูกใจ
‚คุณคะ ถ้าฉันจะบอกว่ารู้สึกเย็น ๆ ที่ไหล่ คุณพอจะมีอะไรช่วยได้มั้ย ‛
สายรุ้งบ่นเพราะเธอไม่ชอบชุดเจ้าสาว
เกาะอกนี้เอาเสียเลย ดูจงใจเน้นอกจนเกินไป ช่วงล่างแม้จะไม่รัดรูป แต่ผ้าก็ยังพลิ้ว
ไปตามตัว เวลาเดินก็
รู้สึกรําคาญเหมือนเดินแหวกม่านไม่รู้กี่ชั้น
‚มี พวกคุณออกไปได้แล้ว‛ ตนุภัทรตอบแทน แล้วไล่ช่างกับลูกมือออกไปจน
หมด เขาเปลี่ยนชุดเป็นสูทสีขาว
ดูแล้วชวนฝัน ในมือถือกล่องสีแดงกับเสื้อคลุมตัวสั้นบางเบาสีขาวยาวแค่เอว
นัยน์ตาคมเข้มจ้องมอง
ร่างระหงกลมกลึงของสายรุ้งอย่างชื่นชมก่อนยื่นเสื้อให้ สายรุ้งรีบรับมาใส่ทันทีแล้ว
ก็พบว่ามันเข้ากันพอดี
‚ค่อยยังชั่วหน่อย ฉันเสร็จแล้ว ไปได้หรือยัง ‛ เธอถามทันที
‚ยัง‛ เขาตอบสั้น ๆ เธอมองหน้าเขาอย่างสงสัย ใบหน้าคมเข้มก้มลงมา เธอ
รีบถอยห่างทันที ใบหน้าเริ่ม
เปลี่ยนสี ก่อนบ่นออกมาเบา ๆ
‛บ้าจัง‛
เขาหัวเราะเบา ๆ
‚ไม่บ้าหรอก สวยดีออก เป็นเจ้าสาวของผมจะกระจอกไม่ได้ หันหลังมาผม
จะสวมสร้อยให้ อย่างน้อยก็ช่วย
อวดความร่ํารวยของผม‛
สายรุ้งไม่อยากทําตาม แต่รู้ดีว่าไม่มีประโยชน์ จึงหันหลังให้เขาสวมสร้อย
เพชร
เขาจ้องมองลําคอระหงงดงาม ใกล้จนได้กลิ่นกายหอมกรุ่นจึงแอบสูดเข้าเต็ม
ปอดโดยที่เจ้าของร่างไม่รู้ตัว
‚เสร็จหรือยัง ทําไมนานจัง ‛
‚เรียบร้อย‛ เขาบอกก่อนที่มือแข็งแรงจะจับบ่าเล็กบอบบางให้หันมา สายตา
คมเข้มจ้องมองใบหน้า
สวยสดใสน่ารักตรงหน้าก่อนจะค่อย ๆ ก้มหน้าลงไปใกล้และสัมผัสริมฝีปากนุ่มนิ่ม
สวยงามได้รูปอย่างดูดดื่มจน
เจ้าของมึน ทําตัวไม่ถูกอยู่พักหนึ่งก่อนจะใช้ส้นรองเท้าเหยียบลงบนฝ่าเท้าเต็มแรง
คนฉวยโอกาสต้องรีบปล่อย
‚นี่แน่ะ ! หื่นนัก หื่นไม่เลือกที่ไม่เลือกเวลา‛ สายรุ้งต่อว่า ทว่าใบหน้ากลับ
แดงก่ํา ตั้งแต่เจอพวกหื่น ๆ มา อย่างมาก
แค่ถูกขโมยหอมแก้ม ยังไม่เคยมีใครเข้าถึงตัวมากขนาดนี้ เมื่อครู่กําลังสงสัยว่าเขา
จ้องหน้าเธอทําไม แต่นึกไม่ถึง
จะถูกฉวยโอกาส
‚หื่นตรงไหน คิดว่าชอบเสียอีก เห็นไม่ขัดขืนแต่แรก‛ เขายิ้มยั่วก่อนเดินไป
หยิบทิชชู่มาเช็ดลิปติกออกจากปาก
แม้จะรู้สึกเจ็บเท้าก็ตาม แรงบดของส้นเท้าไม่เบาเลย สงสัยจะเป็นเจ้าบ่าวขาเป๋ก็
งานนี้แหละ แต่ก็คุ้ม ใครใช้ให้
อยากน่ารักและหวานนัก
‚ชอบแย่เลย คน...‛ สายรุ้งกัดฟันพูด
‚คนสวยจ๋า อย่าดุนักนะจ๊ะ ไม่อย่างนั้นระวังจะได้อายนะ ผมขอเตือนนะ
ห้ามทําอะไรให้ผมขายหน้า
เวลาอยู่ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติ ผมจะเอาคืนแบบเมื่อครู่นี้อีก แต่งงานแล้วหนีไม่
พ้นหรอก หัดไว้ จะได้ชิน‛
ดูเขาจะอารมณ์ดีที่ได้ยั่วเธอ
‚เชิญไปชินกับคนอื่นเถอะ‛ เธอไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ
‚ผมไม่เถียงกับคุณแล้ว ออกไปข้างนอกกัน ผมจะพาไปพบกับใครคนหนึ่ง
รับรองคุณจะต้องปลื้มผมน่าดู
ถ้าเห็นหน้า‛ ที่สุดเขาก็ตัดสินใจยุติสงครามวาจาและจับข้อมือเรียวเล็กเดินไปยัง
ห้องห้องหนึ่ง พอเข้ามาในห้อง
ก็พบว่าเป็นห้องรับรองที่ตกแต่งได้สวยที่สุด มีมุมรับแขกในห้องด้วย มันถูกประดับ
ด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ลายสวยปูด้วย
เบาะผ้าไหมที่ใหสัมผัสนุ่มนิ่ม และที่ตรงนั้นมีสตรีสูงวัยซึ่งแต่งกายด้วยชุดผ้าไหมสี
เขียวอ่อนนั่งอยู่
พอสายรุ้งเห็นเท่านั้นก็รีบเดินเข้าไปหาและกอดไว้ทั้งตัว แล้วน้ําตาก็ซึมออกมา
‚แม่ขา แม่ของรุ้งจริง ๆ ด้วย แม่มาอยู่นี่ได้ยังไงคะ‛ สายรุ้งถามมารดา เพราะ
คิดว่าจะไม่ได้พบหน้ากันอีกแล้ว กุลชา
กอดบุตรสาวไว้แนบอก พลางลูบเบา ๆ ไปทั่วแผ่นหลังบอบบางของบุตรสาว
สายตาจ้องมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ด้วยความขอบคุณ ตนุภัทรยิ้มตอบ
เล็กน้อย
‚รุ้ง วันสําคัญของลูกทั้งที แม่จะไม่มาได้อย่างไร ดูสิ เป็นเจ้าสาวทั้งทีมา
ร้องไห้ หมดสวยกันพอดี ‛
กุลชาดันร่างบุตรสาวออกและใช้มือผอมบางค่อย ๆ เช็ดน้ําตาให้ สายรุ้งยิ้มให้
มารดา
‚วันสําคัญไหน ๆ ก็ไม่เท่ากับรุ้งได้พบหน้าแม่ รุ้งงงค่ะ ‛
‚ต้องถามคุณตนุภัทร เขาให้คนไปเชิญแม่มาบอกว่าจะพาไปอยู่บ้านใหม่ ไม่
ต้องเอาอะไรไปมาก มันรวดเร็ว
มาก แม่ปล่อยให้ป้าน้อยของลูกเก็บของแทน จากนั้นแม่ก็ถูกพามาอยู่ที่นี่ และก็ได้
พบกับรุ้ง แม่คิดไม่ถึงว่ารุ้ง
จะเจอคนดี ๆ อย่างคุณตนุภัทร แม่ขอให้รุ้งของแม่มีความสุขในชีวิตแต่งงาน
นะลูก‛ กุลชาอวยพรจากใจ แต่
สายรุ้งกลับค้านในใจ
‘คนร้ายกาจ ไม่รู้ว่าไปหลอกอะไรแม่ แม่ถึงได้เชื่อ ดูจะชื่นชมด้วยซ้ํา แม่ขา
แม่คงอวยพรผิดแล้วละค่ะ รุ้งคง
ถูกนายคนนี้อัดเละแน่ เอะอะอะไรก็ขู่ คนชอบวางอํานาจอย่างนี้หรือจะเป็นคนดี รุ้ง
คงตายก่อนได้อยู่กับแม่’
‚ขอบคุณค่ะแม่‛ สายรุ้งกราบลงกับตักมารดาเพื่อให้มารดาสบายใจ
‚ผมให้สัญญาครับ ผมจะดูแลลูกสาวของอาจารย์เป็นอย่างดี ไม่ต้องห่วงนะ
ครับ‛ ตนุภัทรเข้ามานั่งข้าง ๆ
สายรุ้งตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ แต่ที่สายรุ้งได้ยินคือน้ําเสียงจริงจังและเคารพมารดาออย่าง
ไรชอบกล แต่เธอคิดว่า
เขาแค่แสดงละครให้มารดาตายใจเท่านั้นเอง
‚ขอบใจ คุณตนุภัทร‛ กุลชากล่าวตอบเหมือนเชื่อใจเขา และหันไปพูดกับ
สายรุ้งต่อ
‚จวนได้เวลาแล้ว แม่คงไปร่วมงานไม่ได้ รุ้งไปเถอะ รอไว้แม่หายดี เราจะได้
พบกันอีก ไปเถอะลูก‛
‚แม่รักษาตัวให้ดีด้วยนะคะ ไว้รุ้งจะโทรหาแม่บ่อย ๆ รุ้งขอตัวก่อนค่ะ ‛ สายรุ้ง
กราบแทบเท้ามารดาอีกครั้ง
ก่อนเดินตามร่างสูงใหญ่ออกไป กุลชามองตามทั้งคู่ออกไปแล้วลอบถอนใจ
ไม่รู้จะมีโอกาสอยู่ถึงพบหน้า
บุตรสาวทั้งสองอีกหรือไม่ หวังว่าโชคชะตาคงไม่โหดร้ายกับเธอนัก

ภายในบริเวณงานประดับประดาด้วยซุ้มอาหารนานาชาติรสเลิศ แต่ละซุ้ม
ทําด้วยไม้ดัดแซม
ดอกไม้สีขาวสีแดงทําเป็นรูปหัวใจ แสงไฟสว่างไสวเคล้าดนตรีเบา ๆ ไม่มี
นักข่าวสักคน แขกที่มาในงานมี
ทั้งคนไทยและต่างชาติ แต่ละคนดูดี แต่งตัวหรู สักพักเจ้าบ่าวก็จูงเจ้าสาวคน
สวยออกมาด้วยใบหน้าระรื่น
หากเจ้าสาวกลับไม่ยิ้ม ใบหน้าเฉยเมย ทันทีที่ทุกคนเห็นบ่าวสาวออกมาต่าง
ก็ปรบมือกันใหญ่ ตนุภัทรเดินจูง
มือสายรุ้งพาเดินไปทักทายเพื่อนฝูงและคนสนิททั้งไทยและต่างชาติมากมาย
สายรุ้งแม้จะไม่พอใจที่ถูกบังคับ
ให้เป็นเจ้าสาว แต่เธอก็ช่วยรักษาหน้าเขาพอควร ดังนั้นพอเขาแนะนําใครให้
รู้จัก เธอก็พูดคุยตามมารยาทได้
เป็นอย่างดีจนเขาแปลกใจ เพราะสายรุ้งพูดได้หลายภาษา ทั้งอังกฤษ จีน
ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น ทําให้เขาพอใจมาก
เขาพาเธอเดินทักทายไปตามซุ้มต่าง ๆ จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ซุ้มซุ้มหนึ่งที่ดู
ครึกครื้นเป็นพิเศษ กลุ่มเพื่อนสนิท
ของเจ้าบ่าวนั่นเอง
‚เฮ้ย ! ภัทร ไปหาเจ้าสาวที่ไหนมาวะ สวย น่ารัก สดใส ช่วยหาให้ซักคนสิ ‛
เสียงเพื่อนคนหนึ่งแซวขึ้น
‚นั่นสิ รู้งี้ไม่รีบแต่งก็ดี รอไปอีกหน่อยเผื่อจะได้เจอคนสวยน่ารักอย่างคุณรุ้ง ‛
พอพูดจบเท่านั้น ก็ถูกหญิงสาวที่มาด้วยกันก็บิดหูอย่างแรง
‚นี่แน่ะ ! อยู่ต่อหน้าต่อตายังคิดหาใหม่ ‛
คนอื่นเห็นแล้วหัวเราะขํา
‚นายระวังไว้นะโว้ย ภัทร เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน ดูเมียฉันเป็นตัวอย่าง ตอน
แต่งใหม่ ๆ ก็น่ารักดี ตอนนี้ดุ
อย่างกับเสือ พูดอะไรผิดหูหน่อยก็ลงไม้ลงมือ ‛ เพื่อนคนเดิมรีบเตือนเพื่อนต่อ
ตนุภัทรยิ้มก่อนพูดว่า
‚ฉันไม่เหมือนนายหรอก ยิ่งดุยิ่งชอบ‛
สายรุ้งถลึงตาใส่เขา
‘มันน่าซัดสักเปรี้ยง ปากดีนัก ’
‚พูดอย่างนี้สงสัยคืนนี้นายได้นอนหน้าห้องหอแน่ ท่าทางเจ้าสาวของนาย
อยากเอาคืน‛
เพื่อนคนหนึ่งยั่ว ตนุภัทรยิ้ม แต่ทันใดนั้นก็หุบยิ้ม กลายเป็นเครียดจัดทันที
เมื่อเห็นแขกที่เดินเข้ามาในงาน
ตอนที่ 6

หญิงสาวร่างสูงระหง หุ่นเซ็กซี่ ผมสีน้ําตาลไหม้ยาวสลวย นัยน์ตาสีฟ้า ผิว


ขาวอมชมพู ท่วงท่างดงามราวกับนางพญา แต่งกายเย้ายวนเดินเข้ามาในงาน
พร้อมกับชายหนุ่มผมสีดํา หน้าตาบอกว่าเป็นลูกครึ่ง รูปร่างเหมือนนายแบบฝรั่ง
ทั้งคู่ยิ้มมากขึ้นเมื่อใกล้เข้ามา เพื่อน ๆ ของตนุภัทรต่างพากันถอยห่างเมื่อเห็นคน
ทั้งคู่ใกล้เข้ามาเหมือนไม่อยากยุ่งเสียมากกว่า คิ้วเรียวสวยของสายรุ้งขมวดเข้าหา
กันก่อนแหงนหน้ามองเจ้าบ่าวที่ทําหน้าเครียด
‘นายโหดนี่ก็มีอารมณ์เครียดกับเขาเป็นด้วยแฮะ ยายฝรั่งนี่สวยเซ็กซี่น่าดู โชว์
อึ๋มอีกคนแล้ว สงสัยคิดว่า
กําลังเดินประกวดนางงาม น่าสนุกดี มีอะไรให้ตื่นเต้นอีกแล้ว ’
‚Hi ! my dear แต่งงานก็ไม่บอก ใจดําจังนะคะ ถ้าโดมินิกไม่บอก โซเฟียคง
โง่ไปอีกนาน‛
เจตนาสาวสวยต้องการยั่วหรือก่อกวนก็ไม่รู้ได้
‚โซเฟีย ไหนคุณบอกว่าคุ้นเคยกับคุณภัทรชนิดสนิทแนบแน่น เรื่องใหญ่อย่าง
นี้กลับไม่รู้ หลอกกันเล่นหรือเปล่า ‛
ชายหนุ่มลูกครึ่งพูดไทยคล่องพอ ๆ กับสาวสวยรวยเสน่ห์นามว่าโซเฟีย สายรุ้งเริ่ม
สงสัยว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่
เจ้าบ่าวจอมโหดจ้องมองคนทั้งคู่เหมือนเป็นศัตรูก็ไม่ปาน ขณะที่โดมินิกจ้องมอง
เธอด้วยสายตาหยาบคายชอบกล
สายรุ้งชักเหม็นหน้าผู้ชายคนนี้โดยไม่มีสาเหตุ รวมถึงโซเฟียด้วย ทั้งที่เพิ่งเห็นหน้า
นี่คงเป็นศัตรูกันมาแต่ชาติปางไหน
ถึงได้ไม่ชอบหน้าตั้งแต่แรกพบ ความรู้สึกบอกเธอว่าโซเฟียร้ายมากและไม่ชอบเธอ
เช่นกัน
‚ผมคิดว่าไม่จําเป็นต้องบอก พวกคุณก็มาอยู่ดี รู้ข่าวไวดีจริงนะ โซเฟีย ขอ
บอกก่อนนะ ถ้าคิดจะมา
ก่อกวนงานสําคัญของผม ระวังจะไม่ได้กลับออกไปอย่างสวยงาม‛ ตนุภัทรพูดด้วย
น้ําเสียงเยือกเย็น
โซเฟียยิ้มหวานพลางพาร่างอันเย้ายวนเดินเข้าไปใกล้
‚จุ๊ ๆ ดุจังเลยนะคะที่รัก เมื่อก่อนคุณไม่เห็นเย็นชาและโหดอย่างนี้เลยนะคะ
ระวังหน่อยนะคะ คุณสายรุ้ง
ภัทรดุอย่างนี้ ฉันชักเป็นห่วงแทนแล้วสิ หวังว่าจะมีชีวิตรอดพ้นคืนนี้นะคะ ‛
ตนุภัทรจ้องโซเฟียด้วยแววตาที่วาวโรจน์ แต่ใบหน้ากลับเรียบเฉย
‚ดูสิ โซเฟีย คุณทําเอาเจ้าสาวคนสวยของคุณภัทรกลัวจนตัวสั่นแล้ว ไม่ต้อง
กลัวนะครับ คุณสายรุ้ง โซเฟียคงหึง
เลยแกล้งขู่ให้คุณกลัวแล้วหนีจากไป เหมือน...‛ โดมินิกจงใจพูดค้างไว้แค่นั้น หาก
เป็นคนอื่นคงขวัญกระเจิง
เมื่อมาเจอกับคนร้ายกาจสองคนนี้ แต่ไม่ใช่สายรุ้ง เธอรู้ว่าทั้งคู่คงไม่ได้หวังดีกับ
เจ้าบ่าวของเธอสักเท่าไร
เบื้องหลังทั้งสามคนต้องมีเรื่องไม่กินเส้นกันแน่ ๆ
‘เอาเถอะ จะช่วยรักษาหน้าจอมโหดอย่างนายให้ อย่างน้อยนายก็แสดง
ความเคารพและให้เกียรติแม่ฉัน ’
คิดได้ดังนั้นสายรุ้งจึงยิ้มหวานให้คนทั้งคู่
‚ขอบคุณนะคะที่หวังดี คุณโซเฟีย คุณโดมินิก แต่ฉันสงสัยว่าพวกคุณจะมา
ผิดงานนะคะ งานนี้เป็นงาน
มงคล แขกที่มาในงานล้วนสรรหาแต่คําพูดที่เป็นมงคลปากมาอวยพรบ่าวสาว
ทั้งนั้น สงสัยพวกคุณจะไม่เคย
เรียนรู้เรื่องมารยาทสากล ยังไม่สายนะคะที่จะไปเรียน จะได้ไม่เผลอพูดอะไรที่ผิด
กาลเทศะแล้วผู้คนจะดูถูกเอา‛
โซเฟียหน้าตึงทันที จ้องมองสายรุ้งอย่างอาฆาต ‘ปากดีนักนะ สงสัยจะไม่
ตายดี’ ตนุภัทรจ้องมองแววตา
โซเฟียแล้วหันมามองเจ้าสาวปากกล้าที่ดูจะไม่สะทกสะท้านแล้วยิ้มเล็กน้อยก่อน
พูดขึ้นว่า
‚คงรู้แล้วสินะ โซเฟีย ว่าทําไมผมเลือกคุณสายรุ้งเป็นเจ้าสาวของผม เราไป
กันเถอะ ต้องไปทักทายแขกอื่น ๆ อีก ‛
พูดจบเขาก็จูงมือเรียวงามของสายรุ้งเดินจากไปทันที ปล่อยให้โซเฟียจ้องมองทั้งคู่
ด้วยความเจ็บใจ
‚เป็นไง โซเฟีย เจ้าสาวนายภัทรร้ายไม่เบา ไม่ง่ายเหมือนรายอื่น คุณจะทํา
ยังไงต่อไป‛ โดมินิกถาม
‚วันนี้ปล่อยไปก่อน ยังไงก็หนีฉันไม่พ้นอยู่แล้ว ไม่ช้าต้องกระเด็นเหมือนคน
อื่น ฉันไม่มีวันยอมให้ผู้ชายคนนี้
มีความสุขหรอก คอยดูก็แล้วกัน ‛
‚ที่คุณจ้องทําลายเขาคงไม่ใช่เพราะเรื่องที่เขาทําร้ายคนที่คุณรักหรอก แต่
เป็นเพราะคุณไม่เคยได้เขามากกว่า
คุณนะ ไม่มีทางทําร้ายเขาได้อีกต่อไป เพราะแม่สาวน้อยคนนั้นน่ะร้ายไม่เบา ‛
‚มันก็ไม่แน่หรอก‛ โซเฟียมั่นใจ
‚ขอให้มันจริงเถอะ ผมกลับละ ยั่วนายนั่นพอหอมปากหอมคอแล้ว คุณจะ
กลับกับผมมั้ย‛
‚กลับก็กลับ‛
แล้วทั้งคู่พากันเดินออกจากงานไป

‚ผมเพิ่งรู้ว่าคุณรักผม เฮ้อ ! ดีใจจัง ‛ ตนุภัทรเอ่ยขึ้นเมื่อพาสายรุ้งเดินห่างคน


ทั้งคู่มา
‚น้อย ๆ หน่อยคุณ ฉันไม่คิดจะรักคุณหรอก เพียงแต่อยากช่วยรักษาหน้าคุณ
เท่านั้นเอง อย่ามั่วนิ่ม ‛
สายรุ้งรีบบอกความจริงเพราะกลัวเขาเข้าใจผิด
‚มั่วไม่มั่วไม่รู้ อย่างน้อยก็รู้ว่าคุณก็ไม่ได้รังเกียจผมนักหรอก‛
‚ไม่รังเกียจ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะชอบ เข้าใจ๊ ‛
‚ไม่เป็นไร อยู่กันไปเรื่อย ๆ ก็ชอบเองแหละ คุณหนีผมไม่พ้นอยู่แล้ว คืนนี้จะ
รอดหรือเปล่ายังไม่รู้เลย‛
เขาแกล้งขู่
‚ฉันคิดว่าคุณไม่ทําหรอก เพราะคุณเป็นสุภาพบุรุษพอ หวังว่าคุณคงไม่อับ
จนหนทางจนต้องปล้ําผู้หญิง
ที่เขาไม่เต็มใจนะ‛ สายรุ้งฉลาดพูดนัก
‚ร้ายจริง ๆ สาวน้อย สงสัยคืนนี้ผมคงต้องทําตัวเป็นเจ้าบ่าวสุภาพบุรุษสินะ ‚
‚เป็นไว้ก็ไม่เสียหายนี่ ฉันไม่พูดเล่นกับคุณแล้ว เมื่อไหร่งานจะเลิกเสียที ‛
สายรุ้งเริ่มบ่น
‚เหนื่อยหรือง่วงครับที่รัก ‛ เขาถามติดจะล้อเลียนพลางจ้องมองหน้าสายรุ้ง
ด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก
‚ทั้งเหนื่อยทั้งง่วง อยากพักจ้ะที่รักจ๋า ‛ สายรุ้งพูดด้วยน้ําเสียงแบบเดียวกัน
‚ถ้าอย่างนั้นก็ไม่จําเป็นต้องทน ไปพักกันได้เลย‛ พูดจบก็พาเธอเดินออกจาก
งาน แต่แทนที่จะขึ้นห้อง กลับ
พาไปขึ้นรถเบนซ์สีเงินคันหรู ซึ่งมีคนขับนั่งประจําที่รออยู่
‚ออกรถได้ นายชม‛
สายรุ้งงงว่าเกิดอะไรขึ้น และเขาจะพาเธอไปไหน
‚คุณจะบ้าหรือยังไง ทิ้งแขกไว้อย่างนี้ได้ยังไง คนอะไรไม่รับผิดชอบเลย หรือ
คิดว่ารวยแล้วทําอะไรก็ได้ ‛
สายรุ้งต่อว่าด้วยความฉุนจัด
‚ใช่ ผมไม่ได้ขอเงินใครนี่ แล้วพวกเขาไม่ใช่ญาติผม ทําไมต้องรับผิดชอบ อีก
อย่าง มีคนทําหน้าที่แทนผม
อยู่แล้ว เห็นคุณบอกว่าเหนื่อย ง่วง อยากพัก ผมก็จัดให้ ยังจะมาว่าอีก หวังดีแท้ ๆ ‛
เขายักไหล่อย่างไม่สนใจ
สักนิด แต่กลับบ่นน้อยใจทั้งที่น้ําเสียงไม่ใช่
‚ทราบค่ะ ท่านเศรษฐีใหญ่ คุณคงอยากให้ฉันขอบคุณในความหวังดีสินะ‛
‚ถ้าทําได้ก็ดี‛
‚คุณ...ฉันไม่รู้จะเรียกคุณว่าอะไรดี คน...‛
‚ก็เรียกว่าที่รักจ๋าไง ‚ เขาทําเสียงกรุ้มกริ่ม ยื่นใบหน้าคมเข้มเข้ามาใกล้ เธอ
รีบขยับตัวหนีพลางเอามือผลักออก
ไปให้พ้นระยะอันตราย
‚ตกลงคุณจะพาฉันไปไหน‛ เมื่อทําอะไรไม่ได้เธอก็เปลี่ยนเรื่องทันที
‚ไปฮันนีมูนบนเกาะสวรรค์มั้ง ‛ เขาตอบเล่น ๆ ยังสนุกกับการยั่วคนข้างตัว
‚ตาบ้า ! เพ้อเจ้ออยู่เรื่อย‛ สายรุ้งลืมตัวแว้ดออกไปดัง ๆ นายชมได้ยินแล้ว
ลอบยิ้ม
‚อ้าว ! พูดความจริงก็ว่าเพ้อเจ้อ ผมว่าคุณหลับดีกว่า ต้องเดินทางอีกไกล
กว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง
คุณหลับเอาแรงเสีย ผมเองก็ง่วงเหมือนกัน อยากซบอกผมนอนก็ได้นะ‛ เขายั่วต่อ
พลางเอามือตบอกตัวเอง
‚ฝันไปเถอะ ฉันขี้เกียจเถียงกับคุณแล้ว ขอนอนก่อน แล้วห้ามฉวยโอกาส
ตอนฉันหลับละ‛
ขู่จบเธอก็พิงเบาะนุ่มนิ่มหลับตาลงทั้งที่ยังไม่ง่วง สมองเริ่มคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ทําไมนายโหดนี่ถึงได้ดูนอบน้อม
เคารพแม่เธอนัก โซเฟียกับโดมินิกมีเรื่องอะไรกับนายโหดนี่ พี่สาวจะเป็นอย่างไร
บ้าง คนบ้านนั้นจะดีกับพี่สาว
หรือไม่ สายรุ้งคิดไปคิดมาบวกกับความเพลียจึงหลับไปจริง และพอหลับหัวก็โอน
แอนไปมาจนคนนั่งข้าง ๆ ต้องดึงตัว
มากอดไว้แนบอก หันไปบอกคนขับร่างยักษ์เบา ๆ ว่า
‚ขับนิ่ม ๆ หน่อย นายชม อย่ากวนการหลับของคุณรุ้ง ‛
นายชมลดความเร็วทันทีและขับอย่างระมัดระวัง บอกตัวเองว่าขืนทําอะไรให้
กระเทือนคนในอ้อมกอดของคุณภัทรละก็ ไม่รอดแน่ ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นอ่อนโยน
และเอาใจใส่ใครเท่านี้ ผ่านมาก็ผ่านไป บางครั้งไม่สนใจ ด้วยซ้ําว่าใครเขาจะคิด
อย่างไร แต่หญิงสาวคนนี้คงเป็นข้อยกเว้น

สายฝนเดินสํารวจไปทั่วบ้านแล้วพบว่าบ้านนี้กว้างใหญ่มาก มีสวนใหญ่ร่ม
รื่นพอควร ปลูกดอกไม้เกือบทุกชนิด
โดยเฉพาะมะลิมีหลายพันธุ์ ส่งกลิ่นหอม เธอชอบกลิ่นของดอกมะลิมาก ยิ่งบาน
เต็มที่ยิ่งชอบ ขณะที่กําลัง
ชื่นชมดงดอกมะลิอยู่นั้น เปรี้ยวก็จูงมือข้าวโอ๊ตเดินเตาะแตะมา พอเห็นข้าวโอ๊ต
สายฝนก็ย่อตัวลงยิ้มหวานให้
พูดทักทายด้วยน้ําเสียงสดใส
‚ว่าไงคะคนเก่ง พี่เปรี้ยวแต่งตัวให้เสียหล่อเชียว จะไปไหนหรือครับ บอกพี่
ฝนได้มั้ยเอ่ย‛
ข้าวโอ๊ตมองหน้าสายฝนแล้วยิ้มให้ เดินเข้าไปหา ยกมือทําท่าจะให้สายฝน
อุ้มแล้วพูดว่า ‚อุ้ม ๆ‛ สายฝนยิ้มพลางส่ายหน้าช้า ๆ แกล้งพูดว่า ‚เรียกพี่ฝนก่อน
ค่ะ แล้วพี่ฝนจะอุ้ม‛
ดวงตากลมโตใสบริสุทธิ์จ้องมองใบหน้าสวยใสน่ารักยิ้ม ๆ ของสายฝนแล้วฉีกยิ้ม
กว้างทําตาหวานใส่ พูดว่า ‚ฝนจ๋า ๆ‛ คําพูดของเด็กน้อยทําเอาทั้งเปรี้ยวและสาย
ฝนงง
‚คุณข้าวโอ๊ตหัดเจ้าชู้แต่เด็กเลย ไม่เห็นเคยเรียกเปรี้ยวจ๋า ๆ เลย พี่เปรี้ยว
น้อยใจแล้วนะ‛ เปรี้ยวแกล้งบ่นน้อยใจ
ข้าวโอ๊ตหันไปหาเปรี้ยวแล้วยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มทีหนึ่ง เปรี้ยวฟัดแรง ๆ ที่พวง
แก้มใสของเด็กชายด้วยความมันเขี้ยว
ข้าวโอ๊ตหัวเราะชอบใจ
‚เปรี้ยว ระวังแก้มคุณข้าวโอ๊ตช้ําหมดนะ เดี๋ยวอาคุณข้าวโอ๊ตเอาเรื่องเปรี้ยว
แล้วใครก็ช่วยไม่ได้นะ‛
สายฝนแกล้งขู่
‚แหม ! พี่ฝนก็...ใคร ๆ ก็หลงคุณข้าวโอ๊ตทั้งนั้น ประจบเก่ง ช่างพูด ช่างจํา
ยกเว้นนางแมวยั่วสวาท‛
‚ใครกัน เปรี้ยว นางแมวยั่วสวาทของเปรี้ยว‛
‚ก็คุณดา น้าสาวของคุณข้าวโอ๊ต ‛ เปรี้ยวหันมองรอบ ๆ ก่อนพูดต่อ ‚เปรี้ยว
จะบอกให้นะ คุณดาร้ายมาก
ไม่มีใครชอบหรอก ยกเว้นพี่ต้อมกับน้าพริก ใคร ๆ ก็ดูออกว่าเอาคุณข้าวโอ๊ตมา
อ้างเพื่อหาโอกาสใกล้ชิดคุณเมธ
พยายามยั่วตั้งหลายครั้งแต่ไม่สําเร็จเพราะคุณเมธฉลาดเอาตัวรอด ไม่พยายาม
อยู่กับคุณดาตามลําพัง
ดีที่เดินทางต่างประเทศบ่อย ๆ ไม่งั้นมีหวังได้เมียโดยไม่จําเป็น แล้วพวกเราจะ
เดือดร้อน ดีนะที่ยังไม่กลับมา ถ้ากลับมาพี่ฝนเดือดร้อนแน่ ‛ เปรี้ยวเล่าเสียสายฝน
เห็นภาพ ไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงที่เอาแต่ยั่วผู้ชายเป็นงานหลักจริง ๆ
ช่างไม่คิดถึงศักดิ์ศรีบ้างเลย ดูแล้วหมดค่า
‚ทําไมพี่ต้องเดือดร้อนล่ะ เปรี้ยว พี่ก็อยู่ส่วนพี่ คุณดาก็อยู่ส่วนคุณดา‛ สาย
ฝนยังไม่เข้าใจเพราะเธอไม่คิด
จะยุ่งอยู่แล้ว เปรี้ยวมองหน้าสายฝนแล้วยิ้ม
‚พี่ฝนไม่รู้ตัวหรือว่าพี่ฝนสวยน่ารักมาก ใครเห็นก็ชอบ เปรี้ยวว่านะ เผลอ ๆ
คุณเมธอาจจะชอบพี่ฝนก็ได้ ดูสิ มา
วันแรกก็เรียกทุกคนมาพบ และให้ความสําคัญมาก คือให้ดูแลเรื่องส่วนตัวด้วย คุณ
ดาเคยคิดจะเข้าไปวุ่นวายยังไงก็ไม่ยอม
อ้างว่าไม่จําเป็น แต่กลับสั่งให้พี่ฝนทําหน้าที่นี้ ‛
สายฝนเริ่มรู้สึกว่าเปรี้ยวจะพูดมากไปแล้ว เป็นไปไม่ได้หรอก ท่าทางบ้างาน
ขนาดนั้น และขณะที่ทั้งสองคนมัวแต่คุยจึงลืมข้าวโอ๊ต มือกลมป้อมกระตุกชายเสื้อ
สายฝนเบา ๆ พลางร้องเรียก
‚อุ้ม ๆ ฝนจ๋า‛
สายฝนรีบอุ้มร่างเล็กกลมสูงใหญ่เกินวัยขึ้นมา
‚อุ้มแล้วจ๊า อุ้มนานไม่ได้นะ พี่ฝนไม่ใช่นักยกน้ําหนักนะจ๊ะ ‛
‚คุณข้าวโอ๊ตหน้าระรื่นเชียวพอพี่ฝนอุ้ม คุณข้าวโอ๊ตชอบพี่ฝนค่ะ เห็นมั้ย พี่
ฝนเสน่ห์แรง ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่รัก
หมด โดยเฉพาะป้าบุญ ดูปลื้มมากกว่าเพื่อน‛ เปรี้ยวพูดจบก็สะดุ้งกับเสียงป้าบุญ
ที่ดังขึ้นข้าง ๆ
‚นินทาอะไรข้า คุณฝนอย่าไปฟังนะคะ คุณฝนคะ ได้เวลาเตรียมอาหารเย็น
ให้คุณเมธทานแล้วค่ะ
วันนี้สงสัยต้องยกไปให้ที่ห้องสมุด ยังวุ่นอยู่กับงานไม่เลิกเลยค่ะ ‛
‚ถ้างั้นเห็นทีฝนจ๋าต้องรีบไปแล้วค่ะ ไว้ว่าง ๆ ฝนจ๋าจะมาหานะจ๊ะคนเก่ง ไหน
หอมแก้มฝนจ๋าหน่อยซิ‛
สายฝนหยอกข้าวโอ๊ตเล่น ปากแดง ๆ บอกความเป็นเด็กสุขภาพดียื่นไปหอมแก้ม
เนียนใสของสายฝนทันที
สงสัยแก้มฝนจ๋าจะหอมเป็นพิเศษ เด็กชายจึงหอมเสียอีกสามสี่ทีติดกัน และการ
กระทํานั้นก็อยู่ในสายตาคมเข้ม
ของคนตัวใหญ่ที่อยากเป็นนายข้าวโอ๊ตแทนก็ว่าได้
‚ไง นายข้าวโอ๊ต เริ่มทําคะแนนเชียวนะเรา มา...มาหาอาก่อน ตัวเราเบาเสีย
เมื่อไหร่กัน เดี๋ยวฝนจ๋าของเราก็ล้มไปเสียก่อน‛ วรเมธหยอกหลานชายเล่น แต่คํา
เรียกสายฝนนี่สิ แม้จะฟังดูเหมือนล้อหลานชายเล่นปกติ แต่มันชวนให้ทุกคนที่
ได้ยินสงสัย สายฝนทําหน้าไม่ถูก ป้าบุญกับเปรี้ยวลอบยิ้ม วรเมธสนใจหลานชาย
มากกว่า เขากางมือออก
ทําท่าจะอุ้ม ข้าวโอ๊ตจึงโผเข้าหาอ้อมกอดแข็งแรงของผู้เป็นอาทันที
‚คุณเมธ วันนี้อยากชมสวนหรือคะ‛ ป้าบุญถาม
‚เปล่า เพียงแต่อยากเดินเล่นคลายเครียด‛ เขาตอบเรื่อย ๆ
‚โธ่ ! ป้านึกว่าอะไร ร้อยวันพันปี ไม่เคยเดินมาที่สวน เห็นหมกมุ่นแต่เรื่องงาน
ตามสบายค่ะ ป้าขอตัวไปสั่ง
นังแหวนให้หาอะไรให้คุณเมธทาน ไปเปรี้ยว ไปด้วยกัน ‛ ป้าบุญขยิบตาให้เปรี้ยว
เพราะอยากเปิดโอกาสให้
เจ้านายหนุ่ม ถ้าสายตาคนแก่ไม่ผิด วรเมธต้องชอบสายฝนแน่ ๆ
‚เดี๋ยวจ้ะป้า ฝนไปเองดีกว่า ฝนอยากรู้เรื่องในครัวจากพี่แหวน‛ สายฝน
หาทางเลี่ยงที่จะต้องอยู่กับชายหนุ่ม
‚อย่าเลยค่ะ ป้าว่าวันนี้คุณฝนพักก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยเริ่ม วันนี้สํารวจตัว
บ้านให้รอบ ๆ ก่อนดีกว่าค่ะ ‛
ป้าบุญไม่ยอมให้เธอไปง่าย ๆ
‚เชื่อป้าบุญเถอะ อย่าไปขัดใจแกเลย เดี๋ยวคุณจะลําบาก อยู่ไม่เป็นสุข ผม
เองบางครั้งยังต้องยอม ถ้าคุณ
อยากทํางานก็ไปเดินเล่นกับผมและนายข้าวโอ๊ตก็แล้วกัน ผมจะพาดูรอบ ๆ บ้าน
จะได้คุยงานกันไปด้วย‛
วรเมธตัดสินใจแทน สายฝนพูดไม่ออก
‚ค่ะ‛ เธอรับคําสั้น ๆ ป้าบุญกับเปรี้ยวแอบยิ้มให้กันและพากันเดินจากมา
‚ป้า ฉันว่าคุณเมธต้องชอบพี่ฝนแน่ ๆ ดูสิ อยู่ดี ๆ ก็ตามพี่ฝนมาถึงในสวน ถ้า
เป็นคุณดานะ ป่านนี้หนีกลับ
ไปทํางานที่บริษัทแล้ว วันนี้พอกลับมาก็ไม่กลับออกไปอีกเลย‛ เปรี้ยวตั้งข้อสังเกต
‚เอ็งนี่มันสู่รู้จริง ๆ เรื่องของเจ้านายท่านจะรักจะชอบใคร ไม่ใช่เรื่องของเอ็ง
แล้วอย่าพูดไปละ เดี๋ยวคุณฝนจะ
เดือดร้อน‛ ป้าบุญรีบปรามแม้ในใจจะคิดอยู่เหมือนกัน แต่ยังไม่อยากให้เรื่องนี้รู้ไป
ถึงหูพนิดา
‚ฉันก็แค่เล่าให้ป้าฟังเท่านั้นเอง หรือป้าไม่อยากให้เป็นจริง สมกันออก พี่
ฝนน่ะทั้งสวยทั้งน่ารัก ถ้าได้มาเป็น
คุณผู้หญิงของบ้านก็ดีสิ คุณข้าวโอ๊ตจะได้โชคดี ฉันกลัวคุณดาจะมาเป็นคุณผู้หญิง
สงสารคุณข้าวโอ๊ต
เธอไม่ได้รักชอบคุณข้าวโอ๊ตหรอก บางทีเผลอตีด้วยซ้ํา ‛ เปรี้ยวรู้เรื่องมากมายจึง
เป็นห่วงเจ้านายตัวน้อย
‚ข้าก็หวังอย่างนั้น ข้าไม่เข้าใจอย่างเดียวว่าทําไมคุณเมธยังยอมให้คุณดาอยู่
ในบ้านนี้ทั้งที่รู้ว่าคุณดาไม่ได้รัก
คุณข้าวโอ๊ตสักเท่าไหร่ ‛
‚นั่นสิ ฉันก็ว่าอย่างนั้น แปลก‛ เปรี้ยวบ่น ป้าบุญก็คิดเช่นเดียวกัน แต่ไม่มี
ใครคิดออก สักวันคงรู้กระมัง ทั้งคู่จึง
ไม่คิดจะใส่ใจอีก ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต คิดไปเปลืองสมองเปล่า เรื่องบาง
เรื่องถ้ายังไม่ถึงเวลา ต่อ
ให้อยากรู้มากแค่ไหนก็หาคําตอบไม่ได้อยู่ดี แต่เมื่อถึงเวลา ต่อให้ไม่อยากรู้ก็ต้องรู้
จนได้

‚เป็นยังไงบ้าง คุณฝน พออยู่ที่นี่ได้มั้ย ‛ วรเมธถามสายฝนขณะพาเดินไปรอบ


ๆ ตัวบ้าน สายฝนมองร่าง
สูงใหญ่ที่อุ้มหลานชายตัวใหญ่เกินวัยแต่กลับดูเล็กไปทันทีเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของผู้
เป็นอา ดูเขารัก
หลานชายมาก เธอยอมรับว่าเด็กคนนี้น่ารักมาก และรู้สึกรักตั้งแต่แรกเห็น
‚ก็พอได้ค่ะ ในเรื่องความสะดวกสบาย ส่วนเรื่องคนยังไม่แน่ใจค่ะ ‛ สายฝน
ตอบตามความรู้สึก
‚ค่อย ๆ เรียนรู้ แล้วคุณจะรู้เองว่าแต่ละคนเป็นอย่างไร‛ เขาพูดให้กําลังใจ
สายฝนยิ้มน้อย ๆ
‚คงงั้นมังคะ แต่ฉันสงสัยว่าทําไมคุณถึงได้จ้างคนมากมายนัก มันดูมากเกิน
ความจําเป็น‛
‚ทําไมคุณไม่แทนตัวว่าฝนกับผม‛ แทนที่เขาจะตอบกลับสนใจเรื่องอื่น สาย
ฝนงง อยู่ดี ๆ ก็อารมณ์บูด
‚ฉันคิดว่าไม่ใช่ประเด็นค่ะ เรื่องคําแทนตัวมันไม่มีผลกับการทํางานของฉันนี่
คะ‛ สายฝนพยายามใจเย็น
‚แต่ผมว่าจําเป็น ถ้าคุณไม่เรียกตัวเองว่าฝน ต่อไปผมจะเรียกคุณว่าฝนจ๋า
จนกว่าคุณจะยอมแทนตัวเองว่า
ฝนกับผม นะฝนจ๋า‛ น้ําเสียงคราวนี้กรุ้มกริ่ม สายฝนหน้าแดงเล็กน้อยอย่างช่วย
ไม่ได้ หากดวงตาคู่สวยกลับ
ตวัดมองคนพูดอย่างเอาเรื่อง กําลังจะพูดสวนออกไปให้เจ็บแสบ แต่เสียงไร้เดียงสา
ของข้าวโอ๊ตพูดขึ้นเสียก่อน
‚ฝนจ๋า ๆ‛
สายฝนจึงยิ้มหวานแทน คุณอาของข้าวโอ๊ตยิ้มอย่างพอใจ หอมแก้ม
หลานชายตัวน้อยอย่างเอ็นดู
‚คุณจะว่าผมไม่ได้นะ ผมเรียกตามนายข้าวโอ๊ต จริงมั้ยครับ เรียกฝนจ๋า
เพราะกว่าคุณฝนอีก‛
เขาเริ่มมั่วนิ่มและแกล้งทําเป็นไร้เดียงสาด้วย ซ้ําร้ายหลานชายตัวน้อยก็ดูจะ
เข้าข้างผู้เป็นอาอย่างสุด ๆ
‚จิง ๆ เพาะ ๆ ฝนจ๋า‛
สายฝนหงุดหงิดกับอาการของเจ้านายที่ร้ายกาจและเจ้าเล่ห์อย่างที่สุด แต่ก็
ทําอะไรไม่ได้
‘โอ๊ย ! เกิดมาไม่เคยเจอผู้ชายร้ายกาจแบบนี้ กวนอารมณ์ที่สุดเลย บทจะยั่ว
ก็ยั่ว บทจะจริงจังก็จริงจัง
เห็นว่าบ้างาน คงเป็นคนซีเรียส ที่ไหนได้ ร้ายกาจที่สุด ยั่วอารมณ์คนเก่งนัก ’
‚คุณเมธคะ คุณสบายดีหรือเปล่าคะ หรือว่าเครียดจัดจนเพี้ยน ถึงได้พูดอะไร
เพ้อเจ้อเหมือนเด็ก‛
เมื่อทําอะไรไม่ได้ สายฝนก็แกล้งทําน้ําเสียงใสซื่อถามด้วยความเป็นห่วง
เขายิ้มพลางคิด
‘ร้ายไม่เบา’
‚เอาละ ผมไม่ล้อคุณเล่นแล้ว แต่ผมอยากเรียกคุณว่าฝนจ๋าจริง ๆ นะ คงไม่
เหมาะแน่ ถ้าคนในบ้านมา
ได้ยินเข้า เดี๋ยวผมจะเสียภาพพจน์หมด ผมแค่ล้อคุณเล่น ผมอยากให้คุณคุ้นเคย
กับผมมากกว่าจะพูดจา
อะไรที่เป็นทางการ อย่าคิดว่าผมเป็นเจ้านาย ให้คิดว่าผมเป็นเพื่อนก็ได้ ผมอยาก
ให้คุณเป็นกันเองกับผมมาก
กว่า จะได้ทํางานอย่างสบายใจ จริงมั้ยครับ ฝนจ๋า ‛ คราวนี้เขาพูดจริงจังแต่ไม่วาย
พ่วงมาอีก สายฝนต้องสะกด
กลั้นอารมณ์ และพยายามเชื่อตามที่เขาบอก
‚เข้าใจค่ะ แต่ขอร้องนะคะ คุณอย่าแกล้งฝนด้วยวิธีนี้ เดี๋ยวจะเสียการ
ปกครอง ฝนไม่ได้ห่วงตัวเองนะคะ แต่
เป็นห่วงภาพพจน์คุณมากกว่า ‛
บางครั้งสายฝนก็ตรงเสียจนไม่มีเลี้ยวเลย วรเมธรู้สึกว่าเธอร้ายไม่เบา
‚ครับผม เอาละ ผมขอตอบคําถามคุณดีกว่า ความจริงคนในบ้านนี้ก็มาก
อย่างที่คุณว่าจริง ๆ คนพวกนี้อยู่
กันมาตั้งแต่สมัยพ่อแม่ก็มี บางคนก็มาจากบ้านพี่ชายผม พอพี่ผมตายเขาก็ขอมา
อยู่ด้วย ผมเองก็ไม่ได้เดือดร้อน
ก็เลยให้อยู่ ถือว่าช่วยคนให้มีงานทํา คนของบ้านนี้จริง ๆ มีแค่ป้าบุญ เปรี้ยว และ
เด็กทําความสะอาดบ้านอีกสองคน
กับคนสวนและหลานชายเท่านั้น นอกนั้นเก็บตกจากบ้านพี่ชายผมที่คุ้นเคยกันดี ‛
‚เข้าใจแล้วค่ะ คนมากมายจนเกินพอ ทําไมคุณถึงต้องจ้างแม่บ้านอีกล่ะคะ‛
‚ตอนนี้ผมยังบอกเหตุผลไม่ได้ เอาเป็นว่าผมดีใจมากที่ได้แม่บ้านอย่างฝนจ๋า
มาอยู่ด้วย‛ เขาไม่วายยั่ว
สายฝนฉุนจัดเมื่ออารมณ์ที่พยายามข่มไว้เริ่มข่มไม่อยู่ ทีแรกก็เชื่อหรอกว่าเขาไม่
ตั้งใจ แต่พอเธอเผลอก็เริ่มอีก
‘ไม่รู้จะยั่วไปถึงไหน ตาบ้า’
‚คุณเมธ...คุณ...‛ สายฝนแหว เกือบจะยกมือซัดเขาให้หายแค้น แต่พอรู้ตัวก็
หยุด เขายิ้มเป็นปริศนา
‚เห็นทีคุณคงเป็นกันเองกับผมได้แล้วสินะ คุณสายฝน‛ คราวนี้เขาเอ่ยเสียง
เรียบ สายฝนถึงรู้ตัว ที่เขาทํา
มาทั้งหมดก็เพราะอยากให้เธอเป็นกันเองกับเขามากขึ้น ‘ผู้ชายคนนี้ร้ายนัก’ เธอ
เข้าใจอย่างนั้น
‚ค่ะ คุณวรเมธ ฝนเห็นทีต้องขอตัวไปดูว่าอาหารเย็นว่าพร้อมหรือยัง แล้ว
อย่าลืมตามไปนะคะเจ้านาย‛
เธอยิ้มหวานยั่วเขาก่อนเดินจากไป วรเมธหัวเราะเบา ๆ
‚ไง นายข้าวโอ๊ต ฝนจ๋าของเราน่ารักมั้ย ‛ เขาหันไปถามหลานชายในอ้อม
กอด
‚ลัก ๆ‛ เด็กน้อยยังพูดอะไรได้ไม่มาก กําลังหัดพูดเป็นคํา ๆ
‚ไม่ไหวเลยเรา ลักแบบนี้มันลักขโมยของนี่ ม่ายไหว ไปกินข้าวดีกว่า เดี๋ยวฝน
จ๋าโกรธ‛
อันที่จริงเขาไม่คิดจะยั่วเธอหรอก แต่อยากรู้ว่าเธอจะทําอย่างไรเมื่อโกรธหรือ
ถูกยั่วแรง ๆ ผลการทดสอบเป็นที่พอใจ อย่างนี้ค่อยหายห่วงหน่อย ไม่ได้อ่อนแอ
บอบบางเหมือนที่เห็นจาก
ภายนอก ค่อยรับมือกับพนิดาได้หน่อยเวลาเขาไม่อยู่ เขายิ้มอย่างพอใจแล้วพาข้าว
โอ๊ตเดินตามไปทันที
เมื่อสองคนอาหลานเดินเข้าตึกไป คนที่แอบดูอยู่ก็เดินออกจากที่ซ่อน
‚คิดไม่ผิดจริง ๆ คุณเมธต้องชอบมัน หน้าตาท่าทางมันฟ้อง หน็อย ! ทําเป็น
เรียบร้อย ลับหลังยั่วจนคุณเมธหลง
อยากมีผัวจนตัวสั่น แล้วอ้างว่ามาทํางาน ต้องรีบบอกคุณดาแล้ว ‛ ต้อมพูดเบา ๆ
ด้วยความหมั่นไส้ เธออยู่
บ้านพี่ชายของวรเมธมาก่อน ชอบประจบพนิดา และคอยเป็นหูเป็นตาให้ คิดว่าถ้า
พนิดาได้เป็นคุณผู้หญิงของบ้าน
เธอจะได้เป็นใหญ่บ้าง

พนิดากําลังสนุกสนานกับการเที่ยวช็อปปิ้งที่ฮ่องกง หลังจากไปเข้าบ่อนที่มา
เก๊าและได้รู้จักกับ
ลูกชายนักการเมืองดังคนหนึ่งชื่อดนุวัศซึ่งมาเที่ยวเหมือนกัน เพื่อน ๆ เตือนเธอให้
ระวังตัว แต่เธอไม่คิดจะสน
มีลูกชายนักการเมืองระดับเศรษฐีดังมาติดพันย่อมทําให้เธอดังได้ ผู้ชายคนนี้ก็ไม่
เลว แม้จะสู้วรเมธไม่ได้
แต่คงช่วยให้เธอหายบื่อหายเหงาได้ อย่างน้อยเขาก็ดีกว่าวรเมธที่ไร้ความรู้สึก
‚ขอบคุณที่มาส่งนะคะคุณวัศ ‛ เธอแสร้งทําเป็นขอบคุณที่เขาช่วยถือของ
ตามมาส่งถึงห้องพักในโรงแรม
พลางส่งสายตาเชิญชวนเล็กน้อย แต่ไม่เอ่ยเป็นคําพูดเพื่อหยั่งเชิงอีกฝ่าย ดนุวัศ
มองสาวสวยหุ่นเย้ายวนอย่างรู้ทัน
‚ผมหิวน้ํา หวังว่าคุณคงไม่รังเกียจที่จะบริการน้ําสักแก้วให้ผมนะครับ ‛ เขา
หยั่งเชิงเธอเหมือนกัน
‚จริงสิ ดาไม่น่าลืมเลยค่ะ เชิญสิคะ‛ เธอเดินนําเขาเข้ามาในห้อง หยิบเบียร์
กระป๋องในตู้เย็นส่งให้เขา
กระป๋องหนึ่ง เขารับมาดื่มและเดินไปนั่งบนโซฟาที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเตียงนัก
‚ขอบคุณครับที่รู้ใจผม ดื่มเป็นเพื่อนผมหน่อยสิครับ ‛ เขาชวนเหมือนรู้ว่าเธอ
ก็เป็นนักดื่มคนหนึ่ง พนิดายิ้ม
‚วันนี้ไม่ค่ะ ดื่มมากเดี๋ยวเมา พรุ่งนี้ลุกไม่ขึ้นก็หมดสนุกสิคะ‛
‚แต่ผมอยากให้คุณเมา ผมชอบผู้หญิงเวลาเมา ดูแล้วมีเสน่ห์ชวนหลงใหล
แต่...สําหรับคุณดา ไม่ต้องเมาก็
มีเสน่ห์ชวนให้ใคร ๆ หลงได้ ‛ เขาเดินเข้าไปใกล้เธอ ส่งสายตาเจ้าชู้ให้ พนิดาแกล้ง
ทําเป็นเขิน
‚คุณวัศเล่นยอต่อหน้าแบบนี้ ดาก็เขินแย่นะสิคะ‛
‚ไม่เป็นไร ผมจะแก้เขินให้‛ พูดจบก็ดึงตัวเธอเข้ามากอด พนิดาแกล้งปัดป้อง
เล็กน้อยพอเป็นพิธีก่อนจะยอมให้
เขาจับต้องและสัมผัสไปทั่วจนกระทั่งอารมณ์กระเจิง สักพักเธอก็รีบผลักเขาออก
ห่างจนดนุวัศงง
‚อย่าค่ะ คุณวัศ มันเร็วไป เชิญกลับไปก่อนค่ะ ‛
‚ทําไมครับ เรากําลังจะมีความสุขด้วยกัน ‛
‚มันไม่ถูกต้องค่ะ เราเพิ่งรู้จักกันนะคะ เชิญค่ะ ‛ เธอเดินไปเปิดประตู ดนุวัศ
ยักไหล่
‚ก็ได้ บางทีอาจเร็วไป ไว้เราคุ้นเคยกันมากกว่านี้...นะคนสวย‛ เขาเดิน
ออกไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด
‘เชอะ เร็วไป ไม่บอกก็รู้ว่าเคยมาแล้ว ทําเสียอารมณ์หมด อย่าให้เจออีกทีนะ พ่อ
จะฟัดให้น่วมเลย ท่าทางมัน
ฟ้องชัด ๆ ว่าอยาก คิดว่าคนอย่างดนุวัศเป็นไก่อ่อนน่ะสิ ถึงดูไม่ออก’
พนิดาปิดประตูแล้วยิ้มพลางคิด
‘เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับคนอย่างเธอ คิดจะหลอกกินฟรี ไม่ง่ายนักหรอก
คุณไม่ใช่
ผู้ชายที่ฉันใฝ่ฝัน แต่เอาไว้แก้ขัดน่ะพอได้ คนที่ฉันใฝ่ฝันคือคุณเมธต่างหาก’ แต่คุณ
เมธก็เป็นผู้ชายบ้า
อะไรก็ไม่รู้ ตายด้านสิ้นดี ยั่วไม่เคยขึ้น ถ้าได้อยู่ในอ้อมกอดแข็งแรงนั้นคงมีความสุข
พิลึก’ ขณะที่เธอกําลังหงุดหงิด
กับวรเมธนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือส่วนตัวก็ดังขึ้น พอรับก็รู้ว่าเป็นต้อมนั่นเอง
‚ฮัลโหล คุณดาคะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ คุณดารีบกลับมาก่อนที่คุณเมธจะ
ตกหลุมแม่บ้านคนใหม่นะคะ‛
‚อะไรนะ ! เป็นใครกัน คุณเมธรับแม่บ้านใหม่ ทําไมฉันไม่รู้ล่ะ ‛ เสียงพนิดา
แว้ดมาตามสาย
‚ต้อมก็ไม่ทราบค่ะ เพิ่งรู้วันนี้เอง ท่าทางคุณเมธจะหลงด้วยค่ะ ‛ ต้อมรีบใส่ไฟ
‚มันจะมากไปแล้ว แกคอยกันไว้นะ ต้อม แล้วฉันจะรีบกลับ แค่นี้นะ‛ พนิดา
วางสายทันที เธอเริ่มหงุดหงิด
ที่ผ่านมาวรเมธไม่เคยสนใจใครเลย อยู่ดี ๆ มาชอบแม่บ้านได้อย่างไรกัน ไม่ได้ เธอ
ยอมไม่ได้ ทุกวันนี้ที่เธอยัง
อยู่ดีมีสุขก็เพราะเงินที่พี่สาวหน้าโง่ให้ไว้ก่อนตาย ตอนที่เธออ้างว่าอยากลาออก
จากงานไปเรียนต่อเมืองนอก แต่พอ
พี่สาวตาย ก็เหมือนหมดที่พึ่ง โชคดีที่ย้ายมาอยู่บ้านวรเมธโดยอ้างว่าจะมาช่วยดู
หลานกําพร้า วรเมธก็ให้เงิน
เธอใช้อย่างสุขสบาย บอกว่าเป็นเงินพี่สาวของเธอ ตอนพี่สาวมีชีวิตอยู่เธอไม่สนใจ
ทํางานประจําเท่าไรนัก
เพราะมีพี่สาวให้ไถ นึกไม่ถึงว่าหลังสิ้นใจแล้วยังใจดีให้เงินเธอใช้อีก แถมช่วยให้
เธอพาตัวมาอยู่ในบ้านของวรเมธได้
เธอชอบเขาตั้งแต่แรกเห็น แต่เขาไม่เคยสนใจเธอ การอยู่บ้านวรเมธนั้นแสนจะ
สบาย ฉวยโอกาสที่วรเมธไปนอกยาว
หนีมาเที่ยวให้สบาย แต่อยู่ดี ๆ เขาก็เปลี่ยนแผน แถมยังมีแม่บ้านมาเพิ่มอีกคน เธอ
ไม่อยากเชื่อว่าวรเมธจะสนใจ
ผู้หญิงง่าย ๆ ขนาดถูกเธอยั่วบ่อย ๆ ยังไม่รู้สึก
‘แม่บ้านที่ว่าหน้าตาเป็นยังไง คิดจะมาแย่งคุณเมธไปจากฉันหรือ อย่าหวัง ’
แล้วเธอก็รีบเก็บของเตรียมบินกลับทันที
ตอนที่ 7

สายรุ้งรู้สึกตัวตื่นในที่ที่ไม่คุ้นเคย เสียงนกร้อง เสียงคลื่นทะเลสาดซัดดังเข้าหู


ดวงตากลมโตคู่สวยจ้องมอง
ไปรอบ ๆ ม่านหน้าต่างสีขาวบางเบาปลิวไปตามลม ดูแล้วเหมือนประดับให้
สวยงามมากกว่าจะทําเป็นม่านจริง ๆ
เธอนอนอยู่บนเตียงนุ่มนิ่มสีขาวกว้างใหญ่ขนาดนอนได้สองหรือสามคน เห็นวิว
ทะเลได้สบาย ๆ พอจะลุกจึงรู้ว่า
ไม่ได้นอนคนเดียว มีคนตัวใหญ่นอนอยู่ข้าง ๆ เธอตกใจรีบสํารวจตัวเอง แล้วถอน
ใจอย่างโล่งอกเมื่อพบว่า
ยังอยู่ในชุดนอนกางเกงกับเสื้อที่ดูมิดชิดพอควร แต่พอคิดอะไรได้ก็หยิบหมอนฟาด
คนที่กําลังนอนหลับส่งเสียงกรน
อยู่ข้าง ๆ อย่างไม่ยั้ง
‚นี่แน่ะ ! ฉวยโอกาสกับฉัน นายหื่น ‛
คนหลับอย่างเป็นสุขรู้สึกตัวเต็มที่ หลบหมอนเป็นพัลวันก่อนจัดการกับแม่
เสือสาวขั้นเด็ดขาด ใบหน้าดุดันท่าทางโกรธจัดขยับตัวเข้าใกล้ สายรุ้งเห็นแล้วรีบ
ขยับถอยหนี
‚อย่านะ ! อย่าเข้ามานะ ! อย่าทําอะไรฉันนะ ! ไม่งั้นฉันโวยลั่นแน่ ‛ สายรุ้ง
ร้องห้ามเสียงหลง ตนุภัทรหัวเราะ
ดัง ๆ เหมือนผู้ร้ายในหนังที่ไล่ต้อนเหยื่อใกล้จนมุม แต่นัยน์ตานี่สิกลับตรงข้าม
เพราะดูจะขํามากกว่า
‚ทีทําร้ายเขาน่ะ ทําได้ทําดี พอเขาจะเอาคืนบ้างทําเป็นกลัว จะบอกอะไรให้
นะสาวน้อย คนอย่างผมไม่เคย
ยอมให้ใครมาทําร้ายง่าย ๆ อยากร้องก็ร้องไปเลย ต่อให้ร้องจนเสียงแหบก็ไม่มีใคร
มาช่วยหรอก‛ เขาแกล้งขู่ ขยับตัว
เข้าใกล้ร่างระหงกลมกลึงที่ขยับถอยหนีไปจนสุดขอบเตียง

‚ฉันไม่คิดจะทําร้ายคุณถึงขั้นบาดเจ็บสาหัสซักหน่อย แค่หมอนเท่านั้นเอง ไม่


เจ็บหรอก คุณเป็นผู้ชาย มา
ทําร้ายผู้หญิงบอบบางอย่างฉัน จะถูกคนว่าเอาได้นา เอาเป็นว่าฉันขอโทษก็แล้ว
กันนะ อย่าโกรธเลยนะคะ
คุณตนุภัทร คนดี๊คนดี ‛ สายรุ้งเริ่มหาทางเอาตัวรอดด้วยพูดจาออดอ้อนผิดนิสัย
เธอไม่เคยเห็นเขาโกรธอย่าง
นี้มาก่อน ใบหน้าบึ้งตึง น้ําเสียงดุดัน เขาคงฆ่าเธอหมกทะเลแน่ถ้ายังไม่รีบทําให้
เขาเย็นลง เธอเริ่มรู้แล้วว่า
ฉายานักธุรกิจโหดเป็นอย่างไร แค่เอาหมอนฟาดหัวก็โกรธจนน่ากลัว เขาเห็น
ท่าทางของเธอจึงลอบยิ้ม
‘ดีแฮะ แม่เสือดุพูดจาออดอ้อนก็เป็นด้วย แต่ฟังแล้วทะแม่ง ๆ หูชอบกล น่า
แกล้งต่อ โอกาสงาม ๆ หายาก ปล่อยไปก็
น่าเสียดาย’ เมื่อคืนเขาพยายามระมัดระวังไม่ให้เธอตื่น อยากให้นอนเต็มที่ พอ
มาถึงรีสอร์ต ก็ให้คนช่วยเปลี่ยน
เสื้อผ้าให้ เธอเพลียจัดจึงไม่รู้สึกตัว เขาเองก็เหนื่อยจากการเดินทางและง่วงจัด จึง
เปลี่ยนชุดแล้วนอนลงข้าง ๆ
พอเช้ากลับถูกทําร้ายร่างกายอย่างไม่มีสาเหตุ มันน่าแกล้งให้เข็ด
‚คิดว่าแค่ขอโทษเรื่องก็แล้วกันไปงั้นสิ มันง่ายไปสําหรับนายตนุภัทร‛ เขา
ตอบเสียงเรียบเย็น
พอสายรุ้งได้ยินดังนั้น จากที่กลัวก็เลยหายกลัว กลายเป็นหงุดหงิดแทน
‚ตกลงคุณจะเอายังไงกับฉันฮึนายโหด‛ เธอแว้ดกลับ ท่าทางออดอ้อนหายไป
ทันที เขาหัวเราะแล้วคว้าตัว
เข้ามากอด
‚ก็เอาอย่างนี้ไง‛ พูดจบแก้มเนียนใสหอมอ่อน ๆ ก็ถูกหอมฟอดใหญ่ สายรุ้ง
ถึงรู้ว่าถูกเขาหลอก กําปั้นน้อย ๆ
ทุบรัวไปทั่วอย่างไม่ยั้ง เขาไม่ปัดป้อง ปล่อยให้เธอทุบจนพอใจ
‚นี่แน่ะ ! คนบ้า หลอกได้หลอกดี มันน่าฆ่าให้ตายเลย‛ เธอต่อว่าอย่างเจ็บใจ
และหยุดทุบเพราะเริ่มเจ็บมือ
‘ตาบ้า เนื้อแข็งอย่างกับหิน ทุบเท่าไหร่ก็ไม่สะเทือน’
เขาหัวเราะเบา ๆ เหมือนขํามากกว่า
‚นี่ละน้า เขาถึงว่าให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว เป็นไง เจ็บมั้ยครับที่รัก ถ้ายัง
ไม่เจ็บทุบอีกก็ได้นะ จะได้
หายแค้น ดีมั้ยเอ่ย‛ เขายั่วต่อ สายรุ้งทําตาปริบ ๆ ทําตัวไม่ถูกไปพักหนึ่งกับท่าทีที่
เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจน
เธอตามไม่ทันก่อนจะรู้ว่าตัวถูกแกล้ง
‚ฉันไม่คิดแค้นใครให้ทุกข์ใจหรอก เอาเป็นว่าเรื่องมันผ่านไปแล้ว ฉันให้อภัย
ก็ได้‛ อยู่ดี ๆ สายรุ้งก็เปลี่ยน
จากแม่เสือดุเป็นคนใจดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทําเอาเขางงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้ม
‘ร้ายจริง ๆ แม่คุณ เอาแบบเกลือจิ้มเกลือเลยนะ’ ขณะที่เขากําลังคิดทําอะไร
ต่อ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
‚คุณภัทรคะ คุณผู้หญิงรอทานอาหารเช้าอยู่ค่ะ ‛
‚ได้ บอกว่าเดี๋ยวจะไป ขอเวลาครึ่งชั่วโมง‛
พอได้ยินสายรุ้งก็จ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง
‚นี่คุณ มีเมียอยู่แล้วยังจับฉันแต่งอีก คิดจะจดทะเบียนซ้อนหรือไง มันจะมาก
ไปแล้ว ฉันไม่คิดจะเป็นน้อย
ใครนะ จําไว้ ฉะนั้นข้อตกลงระหว่างเราถือเป็นโมฆะ‛ น้ําเสียงเฉียบขาดนั้นบอกให้
รู้ว่าเธอจ้องหาทางยกเลิกข้อ
ตกลงอยู่ตลอดเวลา และพร้อมจะชิ่งทุกเมื่อถ้าเขาพลาด

‚คิดจะตีจากตลอดเวลาเลยหรือนี่ ไม่สําเร็จหรอก ถ้าอยากรู้ว่าอะไรเป็นอะไร


ก็รีบไปจัดการกับตัวเองก่อน
เสร็จแล้วเรียกผมได้เลยที่ห้องข้าง ๆ อย่าช้านะ ไม่งั้นจะมาช่วยแต่งตัวให้ ไปละ‛
อยู่ดี ๆ เขาก็เร่งจนเธอปรับตัว
ตามไม่ทันอีกหน
‘มันจะมากไปแล้วนะ อยู่ดี ๆ มาสั่งเอา ๆ เห็นเราเป็นอะไร’
‚เสียใจ เสร็จเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น อย่ามาสั่งเสียให้ยาก ฉันไม่ใช่ลูกจ้างคุณ ‛ เธอ
จ้องหน้าเขาอย่างท้าทาย ตนุภัทรยิ้ม
‚ดี ถ้างั้นต้องใช้มาตรการนั้นเด็ดขาด‛ ว่าแล้วก็อุ้มร่างระหงเดินเข้าห้องน้ํา
หน้าตาเฉย
‚ปล่อยนะตาบ้า ! ปล่อย !‛ สายรุ้งต่อว่าพลางทั้งดิ้นทั้งทุบ เขาหัวเราะเบา ๆ
และโยนทันทีเมื่อถึงห้องน้ํา
สายรุ้งไม่ทันตั้งตัวจึงเกือบคะมําก่อนจะรีบลุกขึ้นและตวาดแว้ดออกไปทันที ‚คนนะ
ไม่ใช่กระเป๋า นึกจะโยนก็โยน‛
‚อ้าว ! ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย ผมอุตส่าห์เชื่อฟัง บอกให้ปล่อยก็ปล่อย ยังจะมา
ว่าอีก ไปดีกว่า ท่าทางคุณจะ
อารมณ์บ่จอย อย่าลืม สิบห้านาทีต้องเสร็จ เสื้อผ้าทุกอย่างอยู่ในตู้ ถ้าไม่เสร็จจะมี
คนมาช่วยแต่งตัวและนําไป
พบคุณผู้หญิงของบ้าน จําไว้นะที่รักจ๋า ‛ พูดจบเขาก็รีบปิดประตูทันที กลัวว่าจะมี
อะไรเขวี้ยงมา แต่เขาคาดผิด
สายรุ้งลอบถอนใจ โล่งอกที่เขาไม่คิดช่วยอาบ คิด ๆ แล้วก็อดแปลกใจกับ
พฤติกรรมของนักธุรกิจลึกลับคนนี้ไม่ได้
มีปริศนาหลายอย่างชวนให้สงสัย บางทีดูน่ากลัวมาก แต่บางทีก็อารมณ์ดี บางทีก็
ดูร้ายนัก สรุปคือเธอเดาอารมณ์
ผู้ชายคนนี้ไม่ถูก แล้วทําไมเขาจึงเคารพนบนอบมารดาของเธอนัก ทว่าเวลาอยู่กับ
เธอมีแต่ขู่และบังคับ แต่ก็ไม่เคย
จะทําร้ายจริง ๆ แปลก !

สายฝนตื่นราวตีห้ากว่า ๆ ตามปกติ อาบน้ําแต่งตัวเสร็จก็ลงมาที่ห้องครัว ทั้ง


บ้านยังไม่มีใครตื่นสักคน
เธอเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อดูว่ามีอะไรพอทําเป็นอาหารเช้าให้เจ้านายเขี้ยวโง้งของเธอ
ได้บ้าง เดี๋ยว
จะหาว่าเธอทําตัวไม่คุ้มเงินเดือนอันแพงลิ่วเกินตําแหน่งแม่บ้านทั่วไป เธอมัวแต่
สนใจสํารวจของในตู้เย็น
จึงไม่รู้ว่าร่างเจ้าเนื้อของแม่ครัวแหวนเดินเข้ามาใกล้
‚ใครน่ะ ! มาทําอะไรในครัวแต่เช้ามืด บอกมานะ ! ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่านัง
แหวนไม่เตือน‛ เสียงแม่ครัวแหวนขู่
ขึ้นดัง ๆ ข้างตัว สายฝนหันมายิ้มให้ แม่ครัวแหวนจึงยิ้มเจื่อน ๆ แปลกใจที่เห็น
แม่บ้านคนสวยในครัวแต่เช้า
‚ฝนเอง พี่แหวน กําลังดูว่ามีอะไรพอจะทําเป็นอาหารเช้าให้คุณเมธทานได้
บ้าง พี่แหวนมาก็ดีแล้ว ช่วยแนะนํา
ฝนหน่อย ปกติคุณเมธทานอะไรเป็นอาหารเช้า ‛ สายฝนขอคําปรึกษา แม่ครัวแหวน
รู้สึกดีว่าอย่างน้อยสายฝนก็ไม่เรียก
แกว่าน้า ฟังแล้วรู้สึกแก่ แต่ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี ‘คิดว่าจะวางอํานาจกับนังแหวนเสียแล้ว
ท่าทางดูอ่อนน้อมดี
แต่จะมาแบบคุณดาอีกคนหรือเปล่า ใหม่ ๆ ก็ดูอ่อนน้อมดี พออยู่ได้สักพักก็
วางมาดนางพญา จิกหัวใช้คน
ในบ้านไปทั่ว ทําอะไรก็ไม่เป็นสักอย่าง เป็นอย่างเดียวคือคอยเอาหน้าตอนคุณเมธ
กลับมา คุณฝนก็คงไม่ต่างกันหรอก
ไม่ได้ ต้องทดสอบดู’
‚คุณเมธทานง่ายค่ะ อะไรก็ทานได้ทั้งนั้น บางทีขนมปังทาเนยกับกาแฟก็ได้
ค่ะ แต่ที่ชอบมากคือโจ๊กค่ะ‛
แม่ครัวแหวนแกล้งสายฝนเพราะไม่ไว้ใจ แกรู้ว่าวรเมธไม่ชอบโจ๊กเอามาก ๆ ใน
สายตาแกนั้นสายฝนสวยน่ารัก
น่าถนอมเกินกว่าจะมาทํางานประเภทนี้ กลัวว่าจะมาแบบเดียวกับพนิดาคือจ้อง
จับผู้ชายรวย ๆ
‚ฝนขอดูก่อนนะว่ามีอะไรในตู้พอจะทําโจ๊กได้บ้าง‛ พูดจบสายฝนก็หันไป
สนใจของในตู้เย็น เธอหยิบหมู
ขิงอ่อน ต้นหอม ไข่เยี่ยวม้า ตับหมู กระเพาะหมู กระดูกหมู ไข่ไก่ออกมาจากตู้เย็น
ก่อนจะหันไปถาม
‚พี่แหวน มีเส้นหมี่มั้ย‛
‚จะเอามาทําอะไรคะ คุณฝน‛
‚โจ๊กก็ต้องมีหมี่กรอบหน่อย แต่ถ้าไม่มีไม่ต้องก็ได้ ‛ คําตอบของสายฝนทําให้
แม่ครัวแหวนเริ่มรู้สึกดีกับสายฝนขึ้นมาบ้าง
ถือว่าสอบผ่านหนึ่งข้อ อย่างน้อยก็ทําอาหารเป็น แกเดินไปหยิบหมี่ขาวเส้นเล็กส่ง
ให้
‚พี่แหวน ฝนวานหน่อยสิ ช่วยต้มข้าวต้มให้ที ฝนขอเคี่ยวน้ําซุปกระดูกหมู
ก่อน‛ พูดจบสายฝนก็ลงมือทําน้ํา
ซุปกระดูกหมูและนําหมูไปปั่นแล้วปั้นเป็นก้อนหมักเครื่องเล็กน้อย ก่อนจะซอยขิง
แม่ครัวแหวนดูสายฝนหยิบจับทําอะไร
ได้คล่องแคล่วก็แปลกใจ สุดท้ายสายฝนก็ลงมือเคี่ยวโจ๊กกับน้ําซุปจนข้นและปรุง
เครื่องจนได้โจ๊กหอมฉุยน่าทาน
เรียกว่าครบเครื่อง สวยงาม ทําเอาแม่ครัวแหวนนิ่งอึ้งไปเลย คิดว่ามืออาชีพมาเอง
พอสายฝนออกจากห้องครัว
แกก็แอบชิมคําหนึ่ง แล้วตามด้วยคําที่สอง
‚ทําอะไรอยู่น่ะ น้าแหวน‛ เสียงเปรี้ยวทัก แม่ครัวแหวนสะดุ้งสุดตัว
‚ชะ ! นังเปรี้ยว เดี๋ยวเถอะ ทําเอาข้าตกอกตกใจหมด ไม่เห็นหรือว่าข้ากําลัง
ชิมโจ๊กอยู่‛
เปรี้ยวเดินเข้าไปใกล้หม้อโจ๊กที่มีมากพอสมควรแล้วสูดกลิ่น
‚หอมจัง อย่าบอกนะว่าฝีมือน้าแหวน เป็นไปไม่ได้หรอก‛ คําพูดของเปรี้ยว
ทําให้แม่ครัวแหวนฉุนจัด
‚นังเปรี้ยว จะมากไปแล้วนะ ทุกวันนี้ไม่ใช่ข้าหรือที่ทําอาหารให้พวกเอ็งกิน
เอ็งห้ามยุ่งกับโจ๊กหม้อนั้นนะ
คุณฝนทําเพื่อขึ้นโต๊ะเป็นอาหารเช้าของคุณเมธ‛
‚หา ! น้าแหวนว่าไงนะ คุณฝนทําโจ๊กให้คุณเมธทาน ตายแน่ ! น้าแหวน
แกล้งพี่ฝนหรือ‛
‚เปล่า‛ แกโกหกหน้าตาเฉย เปรี้ยวคิดว่าต้องรีบไปเตือนสายฝนให้รู้ตัวก็พอดี
ต้อมเดินเข้ามาเสียก่อน
‚จะไปไหน เปรี้ยว คิดจะไปทูลแม่บ้านคนใหม่เหรอ ฉันขอเตือนนะ ถ้ายัง
อยากอยู่ดีมีสุขก็อย่าไปเทิดทูนนังนั่น
ไม่อย่างนั้นคุณดากลับมา...น่าดูแน่ ‛ ต้อมขู่เหมือนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในครัว เปรี้ยว
ยิ้ม
‚ก่อนจะเตือนคนอื่นน่ะ เตือนตัวเองก่อนดีกว่านะ พี่ต้อม ระวังจะไปไม่รอด
ฉันไปละ‛ เปรี้ยวเดินจากไป
อย่างไม่ไยดี ต้อมโกรธมากจึงหันมาเล่นงานแม่ครัวแหวนแทน
‚น้าแหวน ดูมันปากกล้านัก คอยดู ! คุณดากลับมาจะทําให้รู้สํานึก น้าแหวน
ก็เหมือนกันไปพูดดีกับนัง
นั่นทําไม ฉันรับรอง ถ้าคุณดากลับมา นังนั่นกระเด็นแน่ ‛
‚นี่นังต้อม เอ็งไม่ต้องมาขู่ข้า เปรี้ยวพูดถูก ข้าขอเตือนเอ็งนะ ถ้าวัน ๆ เอ็งไม่
คิดจะทําอะไรอย่างคนอื่น
คอยแต่ยุยงคุณดา ทําตัวเป็นทาสรับใช้คุณดา ไม่ช้าหรอก เอ็งจะอยู่บ้านนี้ไม่ได้
ถ้าเอ็งอยากรู้ว่าเพราะอะไร
เช้านี้เอ็งคอยดู ถ้าคุณเมธทานโจ๊กแล้วไม่ว่าอะไร เอ็งคงรู้นะว่าต่อไปจะเป็นยังไง‛
‚น้าแหวนพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง ก็ได้ แล้วฉันจะคอยดู น้าแหวนระวัง
ตัวให้ดีเถอะ คิดแข็งข้อกับคุณดา ไว้คุณดา
กลับมาจะรู้สึก‛ พูดจบต้อมก็เดินออกจากครัวไปอย่างไม่สบอารมณ์ แม่ครัวแหวน
ส่ายหน้าพลางพึมพําออกมาเบา ๆ
‚ช่างไม่เจียมตัวบ้างเลย นังต้อม โง่แล้วยังอวดฉลาด คนอย่างคุณดาไม่เคย
จริงใจกับใครหรอก กับพี่สาวแท้ ๆ
ยังไม่เคยห่วง เห็นมาหาทีไรก็ขอแต่เงิน แล้วอย่างนี้จะมีน้ําใจกับใครได้ ถูกหลอกใช้
แล้วยังไม่รู้ตัวอีก
นังพริกก็อีกคน‛ แม่ครัวแหวนอยู่บ้านพี่ชายของวรเมธมาก่อน และรู้ดีว่าอะไรเป็น
อะไร แกไม่ค่อยอยากเข้าไปยุ่ง
อะไรกับใคร สิ่งที่แกคอยลุ้นขณะนี้คือเรื่องโจ๊กของสายฝนกับความรู้สึกวรเมธ
ต่างหาก

ตนุภัทรมาพบสตรีสูงวัยร่างค่อนข้างท้วมแต่ไม่ถึงกับอ้วนซึ่งกําลังยืนรับลม
ทะเลที่ริมระเบียงไม้หน้าชายหาด
ข้าง ๆ มีโต๊ะไม้สี่เหลี่ยมซึ่งมีผ้าสีขาวปักลายคลุมอยู่ กลางโต๊ะมีอ่างแก้วใบเล็ก
บรรจุน้ําลอยดอกลีลาวดีตั้งอยู่
ไม่ห่างจากโต๊ะนักมีเด็กสาวสองคนยืนคอยรับใช้อยู่ ตนุภัทรเดินเข้าไปใกล้สตรีสูง
วัยและหอมแก้มเบา ๆ
‚คุณป้าคิดถึงคุณลุงหรือครับ ‛ เขาทักขึ้นก่อนประคองร่างท้วมของผู้เป็นป้า
กลับมานั่งที่เก้าอี้
‚มันอดไม่ได้หรอกลูก ทุกครั้งที่เห็นทะเลก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าลุงยังอยู่และกําลัง
มองป้าอยู่ ลุงของภัทรน่ะรัก
ทะเลเป็นชีวิตจิตใจ จะตายยังขอตายในทะเล‛ นัยน์ตาของคนพูดมีแววหม่นหมอง
เขาจับมืออวบอูมของผู้เป็นป้า
มากุมไว้แล้วบีบเบา ๆ
‚ผมรู้ว่าคุณป้าเหงา รอให้ทุกอย่างมันลงตัวก่อน ผมจะมาอยู่กับคุณป้าที่นี่
ไม่ไปไหนอีก ผมขอจัด
การกับปัญหาที่ยังค้างคาอยู่ให้จบก่อน ขอเรียกความเป็นธรรมให้กับ...‛ เสียงเขา
หายไปในลําคอ
‚นี่ภัทรยังไม่เลิกโทษตัวเองอีกหรือ เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของภัทร มัน
เป็นอุบัติเหตุที่คนอื่นจงใจให้เกิด
ไม่เกี่ยวกับภัทร ภัทรไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย เรื่องมันก็ผ่านมานานหลายปี ลืมมันเสีย
เถอะลูก‛ ผู้เป็นป้าพยายามปลอบ
‚ผมหยุด แต่คนพวกนั้นไม่หยุด ผมไม่อยากให้คนบริสุทธิ์ต้องมาเดือดร้อนอีก
ตอนนี้ผมยังไม่แน่ใจว่าพวกมัน
เป็นใครกันแน่ ทําไมถึงได้จ้องเล่นงานทุกคนที่ใกล้ชิดผม ไม่รู้ว่าแค้นอะไรผม
นักหนา‛ เขาบ่นอย่างหงุดหงิด
ที่ผ่านมาผู้หญิงหลายคนที่ทําทีว่าชอบเขามีอันต้องประสบอุบัติเหตุบ้าง หายไป
บ้าง
และถึงขั้นเสียชีวิตมาแล้วคนหนึ่ง หญิงสาวคนนั้นตายเพราะมาพัวพันกับเขา หลง
รักเขา แม้เขาจะปฏิเสธไปแล้ว
ก็ยังไม่เลิกล้มความตั้งใจ และ...ถ้าวันนั้นเขาเชื่อในสิ่งที่หญิงสาวพูด บางทีเธอคง
ไม่ต้องจบชีวิตลง แม้มันจะเป็นอุบัติเหตุ
แต่เขาแน่ใจว่าไม่ใช่ ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ไม่เคยเป็นอะไรเลยคือโซเฟีย เธอไม่ได้
มายุ่งกับเขาเพราะรัก แต่
เพราะแค้นและจ้องทําลายมากกว่า เขาไม่อยากคิดว่าเป็นฝีมือโซเฟีย เพราะเธอ
เพียงแค่ต้องการก่อกวนไม่ให้เขามีความสุข
โซเฟียต้องการเพียงเท่านี้ อะไรก็ได้ที่ทําให้เขาเดือดร้อน เขายังหาตัวไอ้โม่งที่อยู่
เบื้องหลังเรื่องเหล่านี้ไม่เจอ จึงทําให้ใคร ๆ ตั้งฉายาให้เขาว่าเศรษฐีโหดบ้าง นัก
ธุรกิจลึกลับบ้าง น่ากลัวบ้าง ตัวอันตรายสําหรับสาว ๆ บ้าง ที่มาของข่าวเหล่านี้
ส่วนหนึ่งก็หนีไม่พ้นโซเฟีย หรือไม่ก็...อาจเป็นเธอที.่ ..เขาหยุดความคิดไว้แค่นั้น
เมื่อได้ยินคนเป็นป้าพูดต่อ
‚เมื่อรู้อย่างนี้ ภัทรยังจะคิดให้หนูรุ้งมาเสี่ยงกับภัทรอีกหรือลูก ถ้าภัทรรักหนู
รุ้งก็อย่าพามาเสี่ยง ป้าขอร้อง‛
‚คุณป้าไม่ต้องห่วง ผมไม่มีวันให้ใครมาทําร้ายลูกสาวอาจารย์กุลชาได้ อีก
อย่าง ถ้าผมปล่อยให้คนที่ผมรัก
ต้องมีอันเป็นไป ผมก็ไม่สมควรจะเป็นหลานชายของคุณป้าอีกต่อไป สายรุ้งต้องไป
กับผมทุกที่เพราะผมจะเป็นคน
คุ้มครองเธอเอง‛ เขาพูดอย่างมั่นใจและมีจุดประสงค์บางอย่างแฝงอยู่ด้วย
‚ภัทรพูดแบบคนเห็นแก่ตัว เด็กคนนั้นเขาอยู่ของเขาดี ๆ กลับต้องมาเสี่ยงภัย
กับภัทร ป้าไม่เห็นด้วย
ให้อยู่กับป้าที่นี่ดีกว่า รับรองไม่มีใครกล้ามายุ่งกับป้า ‛ ผู้เป็นป้าไม่เห็นด้วย
‚คุณป้าไม่เห็นใจผม ให้อยู่กับคุณป้า ผมคิดถึงแย่เลย‛ เขาโวยทันที หญิงสูง
วัยยิ้มอย่างรู้ทัน นั่นคือคําปฏิเสธ
อย่างนิ่มนวล ทําไมเธอจะไม่รู้ว่าหลานชายเป็นคนที่ตั้งใจจะทําอะไรแล้วไม่เคย
เปลี่ยน
‚ขอให้คิดถึงอย่างที่ว่าจริง ๆ เถอะ ไม่ใช่มีจุดประสงค์แฝง เอาละ ป้าไม่อยาก
ยุ่งแล้ว เมื่อไหร่จะพามาพบป้า
มีหลานสะใภ้ให้ป้าทั้งที ไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า เพิ่งจะให้รู้เมื่อคืน มันน่านัก
แล้วนี่แม่โซเฟียรู้หรือยัง
ถ้ารู้แล้วก็รีบพาไปให้พ้นหน้าป้า บอกตรง ๆ รําคาญ‛ ผู้เป็นป้าแกล้งบ่นอย่างรู้ทัน
‚คุณป้าไม่ต้องห่วง รับรองว่าผมไม่อยู่รอให้โซเฟียตามมารังควานหรอกครับ
พรุ่งนี้ผมจะพาหลานสะใภ้คุณป้า
ไปให้พ้น ๆ ไม่อยู่ให้คุณป้ารําคาญใจ แต่คุณป้าอย่าติดใจจนรั้งตัวไว้ก็แล้วกัน
สักครู่คงมา ผมให้คนไปตามแล้ว ‛
ตนุภัทรพูดจบ สายรุ้งซึ่งอยู่ในชุดกางเกงสีขาวยาวเลยเข่ากับเสื้อแขนสั้นทรงเอตัว
ยาวลายดอกเล็ก ๆ
สีสดเนื้อผ้าบางเบาแต่ไม่โป๊ ผมยาวสลวยรัดด้วยผ้าเช็ดหน้าลายสวยก็เดินหน้าตึง
มา
เขารีบเดินไปหาและจูงมือมาทันที
‚รุ้งจ๊ะ คุณศจี โกศัลยา คุณผู้หญิงเจ้าของรีสอร์ตน้ําฟ้าแห่งนี้ คุณป้าครับ
หลานสะใภ้มาแล้ว เป็นไงครับ สวยน่ารักได้มาตรฐานคุณป้าหรือเปล่า ‛ เขาแนะนํา
โดยไม่มีการบอกกล่าว
ล่วงหน้าให้สายรุ้งรู้ตัว สายรุ้งมองเขาพลางทําปากขมุบขมิบสวดสรรเสริญเขาก่อน
เดินเข้าไปใกล้
ศจีที่ดูเป็นผู้ใหญ่ใจดี และยกมือไหว้อย่างงดงาม ศจีมองด้วยความชื่นชม และยิ้ม
ให้อย่างอบอุ่น
‚ไหนขยับตัวเข้ามาใกล้ ๆ ป้าหน่อย มานั่งเก้าอี้ข้าง ๆ ป้าก็ได้ ป้าอยากเห็น
หน้าชัด ๆ‛ น้ําเสียงอบอุ่นบอก
ความเป็นผู้ใหญ่ใจดี สายรุ้งทําตาม ศจีมองหน้าสวยงามสดใสของสายรุ้งแล้วยิ้ม
อย่างพอใจ
‚หน้าตาน่าเอ็นดูจริง สวยเหมือนคุณกุลชาตอนสาว ๆ แต่น่ารักกว่า ‛
‚คุณป้ารู้จักแม่รุ้งหรือคะ‛ สายรุ้งรีบถามด้วยน้ําเสียงตื่นเต้น
‚เออ ! ก็ไม่เชิงหรอก เพียงแต่รู้ว่าเป็นอาจารย์ที่สวยที่สุดของมหาวิทยาลัย ไม่
มีอะไรมากหรอกลูก‛
ศจีจงใจบอกปัด
‚เอาละ ผมว่าทุกคนคงหิวแล้ว ทานข้าวกันก่อนดีกว่า ให้อาหารลงได้เลย ‛
ตนุภัทรเองก็พยายาม
หันเหความสนใจของสายรุ้งเช่นกัน สายรุ้งขมวดคิ้วเรียวสวยอย่างสงสัย ดูเหมือน
ป้าหลานคู่นี้จะมีเรื่องลับลม
คมในชอบกล ศจีพูดเหมือนรู้จักมารดาของเธอ แต่กลับไม่ยอมบอกอะไร
‘มันเรื่องอะไรกันแน่ ทําไมทุกอย่างที่เกี่ยวกับผู้ชายคนนี้จึงเต็มไปด้วย
เครื่องหมายคําถามนะ ไว้จะโทรปรึกษา
พี่ฝน ยังไม่ได้บอกพี่ฝนให้รู้ เรื่องผิดแผนเพราะนายโหดนี่คนเดียว’ สายรุ้งคิดถึง
พี่สาวกับมารดาจึงทานอาหาร
ไม่ลง มือเรียวสวยจับช้อนคนข้าวต้มปลาในชามไปเรื่อย ๆ เหมือนคนใจลอย สอง
ป้าหลานเห็นแล้วมองหน้ากัน
‚ข้าวต้มปลาไม่ถูกปากหรือลูก ถ้าอย่างนั้นป้าจะให้เขาเปลี่ยนอย่างอื่นให้
หรือหนูอยากทานอะไรเป็นพิเศษก็
บอกป้าได้ไม่ต้องเกรงใจ‛ น้ําเสียงและสีหน้าของศจีเต็มไปด้วยความห่วงใยอาทร
สายรุ้งเห็นแล้วอดคิดถึงมารดา
ไม่ได้ เธอจําได้ว่าในสมัยเด็กเมื่อเธอกับพี่สาวมีเรื่องกับคนบนตึกใหญ่แล้วไม่กล้า
บอกให้มารดาทราบ พอถึงเวลา
อาหารจะทานไม่ค่อยลงนัก มารดาเห็นก็มักถามด้วยน้ําเสียงห่วงใยว่า
‘เป็นอะไรไปลูก ทําไมทานข้าวไม่ลง ไม่สบายหรือเปล่า ไหนแม่ดูซิ ’ มารดาจะ
ขยับตัวมาใกล้ เอามือแตะ
หน้าผาก ‘ตัวไม่ร้อนนี่ลูก หรือว่ากับข้าวไม่อร่อย’
‘เปล่าค่ะแม่ ฝนกับรุ้งกําลังกลุ้มเรื่องการบ้านที่ครูให้มาค่ะ ’ สายฝนมักเป็น
ฝ่ายแก้ตัวได้เสมอ
‘ถ้าอย่างนั้นก็รีบ ๆ ทาน วันนี้แม่ทําของโปรดของฝนกับรุ้งไว้หลายอย่างนะ
ไข่ยัดไส้ฝนชอบ ปลาทอดน้ําปลา
ของโปรดของรุ้ง แม่ตักให้นะ ทานให้อิ่มก่อนแล้วค่อยไปทําการบ้าน อย่าลืมนะลูก
นโปเลียนตรัสไว้ กองทัพเดิน
ด้วยท้อง ทานเยอะ ๆ นะลูกจะได้คิดออก ทําการบ้านส่งครูได้ ’ ด้วยความห่วงใย
ของมารดาที่มีต่อบุตรอันเป็นที่รัก
ทั้งเธอและพี่สาวจึงต้องฝืนทานเพื่อความสบายใจของมารดา กาลเวลาเปลี่ยน ทํา
ให้อะไร ๆ เปลี่ยน เคยอยู่กัน
อย่างอบอุ่นสามคนแม่ลูกก็ต้องมาพลัดพรากจากกันเพราะผู้ชายที่ไม่รับผิดชอบ
ลําเอียงและลุ่มหลงภรรยาน้อยกับลูก
คงมีสักวันที่ผู้ชายคนนั้นต้องเสียใจในการกระทําของตัวเอง แต่จะมีวันนั้นหรือไม่
สายรุ้งไม่แน่ใจ เธอไม่ควรคิด
ร้ายกับผู้ให้กําเนิดด้วยซ้ํา อย่างไรเสียผู้ชายที่ไม่รับผิดชอบคนนั้นก็เป็นผู้ให้กําเนิด
เธอ สายรุ้งคิดมาถึง
ตอนนี้ก็ลอบถอนใจเบา ๆ และก็เกือบสะดุ้งเมื่อเสียงตนุภัทรดังขึ้น
‚รุ้งจ๋า คุณป้าถามทําไมไม่ตอบจ๊ะ ‛ เขาแกล้งยั่วมากกว่าจะเป็นอื่น สายรุ้งหัน
ไปแสยะยิ้มให้คําพูดหวาน
จนเลี่ยนของอีกฝ่ายที่หาความจริงใจไม่ได้เลย
‚คือ...รุ้งกําลังนับว่ามีปลากี่ชิ้นค่ะ เวลาไปทานตามร้านเห็นในรูปมีเนื้อปลา
เต็มไปหมด แต่พอเราสั่งกลับเจอแต่
วิญญาณปลาค่ะ‛ ที่สุดเธอก็หาทางออกได้
‚ป้ารับรองจ้ะ รีสอร์ตของเราไม่เคยเสียชื่อ ทานให้อิ่มนะลูก เสร็จแล้วป้าจะ
ให้หลานชายตัวดีพาเที่ยวชมรอบ
เกาะก่อนจะกลับในวันพรุ่งนี้‛ ศจีบอกตรง ๆ สายรุ้งไม่เข้าใจ หันไปจ้องมองคนตัว
ใหญ่ข้างตัวอย่างเอาเรื่อง
ตนุภัทรยกมือขึ้นทําท่าเหมือนไม่รู้เรื่อง
‚ผมเปล่านะ คุณป้าไล่ต่างหาก ถ้าติดใจไว้วันหลังค่อยมาใหม่ก็ได้ ‛
สายรุ้งฉุนนัก ตั้งแต่โชคชะตานําให้มาพานพบผู้ชายคนนี้ ชีวิตก็ไม่เคย
กําหนดได้เลย
‚อย่าไปโกรธตาภัทรเลย ป้าไล่จริง ๆ พรุ่งนี้จะมีแขกสําคัญของป้ามา บังเอิญ
ว่าแขกของป้าไม่ค่อยกินเส้น
กับตาภัทร ป้าเลยต้องรีบกําจัดไปให้พ้นทางก่อน‛ ศจีช่วยแก้ตัวให้
‚แล้วกัน...คุณป้า พูดอย่างนี้ผมเสียหายหลายล้านนะ ผมอิ่มแล้ว ที่รักจ๋าเรา
ไปเดินเล่นย่อยอาหารกันนะ...นะ‛
อยู่ดี ๆ เขาก็อิ่มเอาดื้อ ๆ แถมลากสายรุ้งให้อิ่มตามไปด้วย เธอไม่คิดจะทําตาม
อยากสวนกลับคนบ้าอํานาจ
ที่ตามใจตัวเองสุด ๆ ไม่สนใจว่าคนอื่นจะเป็นอย่างไร แต่พอเห็นศจีทําท่าเห็นด้วย
เธอก็ตอบสั้น ๆ ว่า ‚ค่ะ‛
แต่พอจะลุก โซเฟียกับโดมินิกก็เดินยิ้มหน้าระรื่นเข้ามาหา ตนุภัทรกับศจีมองหน้า
กัน แล้วคิ้วเข้มของเขาก็ขมวด
เข้าหากัน ขณะที่สายรุ้งพึมพําว่า
‚แขกไม่ได้รับเชิญมาอีกแล้ว‛
สายฝนกําลังจะเดินไปที่ห้องเด็กก็เห็นประตูห้องวรเมธเปิดอยู่ คิดว่าเจ้าของ
คงลืมปิดจึงเดินไปหมายจะปิดประตูให้
แต่พอเดินไปถึงก็เห็นเจ้าของห้องกําลังวุ่นวายกับการติดกระดุมที่ข้อมือทั้งสองข้าง
เธอทําท่าจะเดินเลยไป พอดีเจ้า
ของห้องหันมาพบเข้าจึงรีบเดินเข้ามาหา
‚คุณฝน ถ้าไม่รบกวนจนเกินไป ช่วยติดกระดุมที่ข้อมือให้หน่อย ผมไม่ค่อย
ถนัดนัก ปกติไม่ชอบใส่แขนยาวสักเท่าไหร่
แต่วันนี้จําเป็นต้องดูเรียบร้อยหน่อย‛ เขาพูดพลางยื่นแขนให้เธอทันที สายฝนจึงจํา
ใจขยับตัวเข้าไปใกล้และช่วยเขาติดกระดุม
วรเมธลอบยิ้มแอบสูดความหอมจากร่างบอบบางกลมกลึงที่เพิ่งได้ใกล้ชิดมากก็
วันนี้เอง หน้าที่นี้น่าจะเป็นภรรยา
มากกว่าจะเป็นของแม่บ้าน หากใครมาเห็นเข้าแล้วเอาไปนินทา คนเสียหายคือเธอ
สายฝนคิดพลางเร่งมือติดให้เสร็จเพราะไม่อยากอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้ตามลําพัง ไม่ว่า
กรณีใด ๆ ความรู้สึกบอกเธอว่าเขาน่ากลัวสําหรับเธอ แต่น่ากลัวด้านไหนเธอไม่
แน่ใจ
‚เสร็จแล้วค่ะ อาหารเช้าพร้อมแล้ว เชิญที่โต๊ะค่ะ ฝนขอตัวไปดูข้าวโอ๊ตก่อน‛
เธอรีบบอกและขยับตัวหันหลัง
แต่เขาจับมือไว้ สายฝนหันมาและค่อย ๆ บิดมือให้หลุดจากการเกาะกุม เขาก็
ปล่อยทันทีเหมือนกัน
‚กว่านายข้าวโอ๊ตจะตื่นก็ราว ๆ แปดโมง คุณตามผมไปที่ห้องอาหารดีกว่า ‛
‚มีอะไรหรือคะ‛ เธอถามอย่างสงสัย
‚ผมไม่ชอบทานคนเดียว‛ เขาเดินนําไปห้องอาหารอย่างมั่นใจว่าเธอต้องเดิน
ตามมา
สายฝนค้อนร่างสูงใหญ่ที่เดินอยู่หน้า สงสัยเธอจะเจอเจ้านายเผด็จการพวก
เดียวกับฮิตเล่อร์กระมัง

พอมาถึงห้องอาหาร ก็พบว่าต้อมยืนคอยรับใช้อยู่ วันนี้เธอจงใจอาสาทําหน้าที่นี้


เพราะอยากเห็นสายฝนถูกวรเมธ
ต่อว่าที่ทําโจ๊กให้ทาน เพราะเป็นอาหารที่เขาเกลียดที่สุด สายฝนเห็นต้อมยืนดูเฉย
ๆ ไม่คิดจะตักอาหารให้
เจ้านาย ทั้งยังส่งสายตามาที่เธอย่างท้าทาย สายฝนจึงเฉยเสีย ก่อนจะเปิดฝาชาม
แก้วใบใหญ่ที่ใส่โจ๊กและตักใส่ถ้วยวางลงตรงหน้าวรเมธ
‚นี่ค่ะอาหารเช้า เป็นโจ๊กสูตรพิเศษของฝนเองค่ะ ‛
วรเมธเห็นโจ๊กแล้วคิ้มเข้มของเขาก็ขมวดเข้าหากัน เขาเกลียดโจ๊กอย่างกับ
อะไรดี ตอนเด็ก ๆ เขาเคยเข้าโรงพยาบาลเพราะโจ๊กหลายหน ต้อมเห็นสีหน้าวร
เมธแล้วสะใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ก่อนที่ใครจะพูดอะไรออกมา เสียงของพนิดาที่
ใคร ๆ คิดว่ายังไม่กลับก็ดังแทรกขึ้นมาก่อน
‚ต๊ายแล้ว ! คุณเมธ ใครทําโจ๊กให้คุณเมธทานคะ บอกมาซิ ต้อม ไม่รู้หรือว่า
คุณเมธไม่ถูกกับโจ๊ก‛ พูดจบก็พาร่าง
เย้ายวนเข้ามานั่งข้าง ๆ สายฝนไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แต่รู้ว่าจงใจแต่งตัวอวด
ทรวดทรงมาก ข้างกายมี
กระเป๋าเดินทางหลายใบ เธอเห็นต้อมยิ้มอย่างดีใจ หรือว่านี่คือคุณดาที่ใคร ๆ พูด
ถึงกัน พนิดามองหน้าสายฝน
หัวจดเท้าอย่างสํารวจด้วยสายตาน่ากลัว
‚เธอใช่มั้ยที่ทําโจ๊กให้คุณเมธทาน มีใครบอกหรือเปล่าว่า คุณเมธนะเกลียด
โจ๊ก คุณเมธไม่ต้องฝืนทานนะคะ
ให้แม่ครัวทําอย่างอื่นให้ทานแทนดีกว่าค่ะ ‛
‚ไม่ต้องครับ คุณดากลับมาเหนื่อย ๆ ไปพักดีกว่าผมไม่ซีเรียสหรอก คุณฝน
เธอเพิ่งมาอยู่ใหม่คงไม่รู้‛
วรเมธแก้ตัวแทนสายฝน พนิดามีสีหน้าไม่พอใจ
‚ไม่ได้นะคะ ในเมื่อไม่ชอบจะฝืนทานไปทําไมคะ ดูสิคะ หน้าตาโจ๊กก็ดูแหยะ
ๆ ไม่น่าทานเลยค่ะ ต้อมมา
ยกไปเททิ้งที แล้วไปบอกน้าแหวนให้หาอย่างอื่นให้คุณเมธทานแทน‛ พนิดาทํา
หน้าขยะแขยง
วรเมธนิ่ง อยากรู้ว่าสายฝนจะทําอย่างไรกับสถานการณ์อย่างนี้ ใจจริงนั้นอยาก
ช่วยเต็มที่ แต่อยากทดสอบ
ความสามารถของสายฝนมากกว่า ถ้าเธอจัดการกับเรื่องแค่นี้ไม่ได้เธอก็ไม่อาจจะ
ดํารงตําแหน่งแม่บ้านได้อีกต่อไป
อีกอย่าง เขาเองก็ไม่อยากแตะโจ๊กสักเท่าไร ต้อมรีบขยับจะยกชามโจ๊กไป แต่สาย
ฝนซึ่งนิ่งมานานก็ขัดขึ้นก่อน
‚เดี๋ยว ! ต้อม ยังไม่ต้องยกไป‛ สายฝนเอ่ยด้วยน้ําเสียงราบเรียบ ต้อมเห็น
พนิดาอยู่จึงคิดลองดีไม่ทําตามคําสั่ง
‚เสียใจค่ะ คุณดาสั่งต้อมต้องทําตาม‛
พนิดายิ้มอย่างถูกใจ ส่งสายตาดุ ๆ มองสายฝนอย่างท้าทาย สายฝนยิ้ม
‚ดีเหมือนกันที่บอกกันตรง ๆ คุณเมธคะ ตอนที่คุณประกาศให้ทุกคนในบ้าน
รับรู้ถึงอํานาจหน้าที่และความรับผิด
ชอบของฝนนั้น มีข้อยกเว้นหรือเปล่าคะว่าถ้าคุณดาสั่ง คนในบ้านจะขัดคําสั่งฝนได้
ถ้าได้...ฝนจะจําไว้ค่ะ‛
วรเมธเริ่มเห็นถึงความร้ายกาจของสายฝนแล้ว
‚ผมบอกว่าคุณมีสิทธิ์ตัดสินคนในปกครองได้ทุกคน เพราะฉะนั้นคุณมี
อํานาจและสิทธิ์ขาดแต่เพียงผู้เดียว
ยกเว้นผม เพราะผมไม่เคยจ้างคนมาทําอะไรเล่น ๆ ขอเพียงคุณทําตามหน้าที่อย่าง
ถูกต้อง ผมก็พอใจ‛ วรเมธตอบ
เสียงเรียบ สายฝนยิ้ม พนิดาแทบอยากจะกรี๊ด แต่กลับทําหน้าเฉยรอดูต่อว่าสาย
ฝนจะกล้ากับคนของเธอหรือไม่
‚เข้าใจแล้วใช่มั้ย ต้อม ไปได้แล้ว ไปช่วยพี่แหวนทํากับข้าวให้คนในบ้านทาน
ตรงนี้ฉันจัดการต่อเอง‛ สายฝน
สั่งเสียงเรียบ ต้อมมองพนิดาก่อน พนิดาขยิบตา ต้อมจึงเดินออกไป ในใจนึกโกรธ
แค้นสายฝนพลางคิด
‘ปล่อยไปก่อน ต่อหน้าคุณเมธให้คุณดาจัดการเองดีกว่า ’
จริงอย่างว่า พอต้อมไปแล้วพนิดาก็ทําท่าจะยกชามโจ๊กไปเททิ้ง
‚เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณดา คุณไม่มีสิทธิ์ยกโจ๊กชามนี้ไปทิ้ง เพราะเป็นอาหารเช้า
ของคุณเมธที่ดิฉันเตรียมไว้ให้
ถ้าคุณยกไปทิ้งแล้วคุณเมธจะทานอะไร ดิฉันไม่อยากบกพร่องต่อหน้าที่ คุณเมธคะ
คุณไว้วางใจให้ฝน
ดูแลเรื่องอาหารการกินของคุณ แล้วคุณจะไม่ลองอาหารเช้ามื้อแรกที่ฝนตั้งใจทําให้
คุณทานเลยหรือคะ ลองสักหน่อยนะคะ ถ้าคุณไม่ชอบ ฝนจะไม่ฝืนทําอีก ปล่อยให้
คนอื่นทําหน้าที่แทนดีกว่าค่ะ ‛ สายฝนพูดจาอ่อนหวาน
ก็จริง แต่วรเมธรู้ว่าเธอฉลาดในการบังคับเขา
พนิดาโกรธจัดแต่ทําอะไรไม่ได้มากเมื่ออยู่ต่อหน้าวรเมธ ‘ร้ายนักนะยายคนนี้’
สายฝนแค่อยากให้พนิดารู้ว่าเธอไม่ใช่คนที่พนิดาจะวางอํานาจได้ แต่ที่เธอนึกไม่ถึง
คือ วรเมธกลับร้ายกว่าอีก
‚โจ๊กอย่างไรก็เป็นโจ๊ก ผมไม่ชอบ คุณอย่าพยายามเลย คุณฝน‛
พนิดายิ้มอย่างสะใจเมื่อเห็นสายฝนหน้าเสียไปนิดหนึ่ง ถึงอย่างไรวรเมธก็
เห็นเธอดีกว่าพวกลูกจ้างอยู่ดี
‚จริงด้วยค่ะ คุณเมธ เห็นทีแม่บ้านคนใหม่คงลืมตัว สําคัญตัวผิดคิดว่าคุณ
เมธโปรดเลยเอาใหญ่ ช่างไม่เจียมตัวซะ
บ้างเลยนะคะ ตัวน่ะเป็นแค่ลูกจ้าง อย่าลืมสิ คิดจะมาสั่งนาย คิดว่าเป็นเจ้าของ
บ้านหรือไง‛ พนิดาพูดจบก็
ขยับตัวไปใกล้วรเมธอีกนิด พยายามจะเบียดชิดร่างสูงใหญ่ สายฝนเริ่มหงุดหงิดกับ
คนทั้งคู่
‘จะพลอดรักกันก็ไม่ต้องมาทําประเจิดประเจ้อ ’ เธอนึกอยากแกล้ง ความจริง
ไม่อยากใช้วิธีนี้หรอก แต่ช่วยไม่ได้
แล้วละ เธอเกิดอาการหมั่นไส้พนิดากับวรเมธที่ทําเฉยเมยแถมยังหักหน้าเธออีก
เจ้านายแบบนี้ต้องแกล้ง
สายฝนยิ้มหวานพลางนั่งลงข้าง ๆ วรเมธใช้ช้อนตักโจ๊กที่เขาไม่คิดจะแตะแล้วยื่น
ไปใกล้ปาก
‚ลองสักคํานะคะเจ้านายขา ไม่อย่างนั้นฝนเสียใจแย่เลยค่ะ ‛
วรเมธมองสายฝนด้วยสายตาขํามากกว่า แล้วก็ยิ้มและอ้าปากชิม แต่พอชิม
เท่านั้นแหละถึงรู้ว่า
โจ๊กอร่อย ๆ ก็มี สายฝนเห็นแววตาพนิดาที่แทบอยากฉีกเนื้อเธอเป็นชิ้นแล้วยิ้มยั่ว
‚อร่อยใช่มั้ยคะเจ้านายขา อีกสักคํานะคะ ฝนป้อนให้ ‛
คราวนี้พนิดาแทบกรี๊ดและเดินหนีไปทันที เพราะเธอรู้ว่าวรเมธเองก็ต้องการ
แบบนั้น
‘หลงเสน่ห์แม่นี่เข้าแล้วจริง ๆ ผู้ชายบ้า ของดีไม่ชอบ ชอบของต่ํา ๆ’
พอพนิดาไปแล้ว สายฝนก็ขยับตัวจะลุกทันที แต่เจ้านายขาของเธอกลับไม่
ยอม
‚ฝนจ๋า ป้อนต่ออีกสิจ๊ะ เจ้านายขาเพิ่งรู้ว่าโจ๊กฝีมือฝนจ๋าอร่อยที่สุด ‛ เขา
แกล้งอ้อน สายฝนเริ่มเห็นความยุ่ง
ยากจากอารมณ์ชั่ววูบของเธอที่อยากแกล้งคนเพื่อความสะใจ แล้วจะทําอย่างไร
ต่อดีกับเจ้านายที่แสนร้ายกาจ
ตรงหน้า เธอไม่น่าลืมเลยว่าเขาร้ายไม่เบา แถมเจ้าเล่ห์กว่าเธออีก ขณะที่เธอกําลัง
คิดหาวิธีอยู่นั้น ป้าบุญก็
อุ้มข้าวโอ๊ตเข้าพร้อมกับเปรี้ยว ข้าวโอ๊ตพอเห็นสายฝนก็รีบเรียก ‚ฝนจ๋า ๆ‛ ทันที
และทําท่าจะโผเข้าหา สายฝนยิ้ม
ทันที นึกขอบคุณป้าบุญ ที่มาได้เหมาะ เธอรีบเข้าไปอุ้มข้าวโอ๊ตก่อนจะหันมายิ้ม
หวานให้เจ้านายตัว
ร้ายที่ทําหน้าไม่พอใจเจ้าหลานตัวดีซึ่งมาขัดจังหวะดี ๆ ของอา และพูดให้เจ็บใจ
เล่นว่า
‚ฝนขอตัวพาข้าวโอ๊ตไปเดินเล่นก่อนนะคะ คุณเมธ หวังว่าคงเอ็นจอยกับโจ๊ก
ของฝนนะคะเจ้านาย‛
สายฝนรีบชิ่งทันที ปล่อยให้เจ้านายทานโจ๊กตามลําพังจนหมดชามก่อนไปทํางาน
ท่ามกลางสายตาสองคู่ที่
แอบดูด้วยความรู้สึกที่ต่างกัน
ตอนที่ 8

โซเฟียเดินยิ้มหวานเข้ามาหาตนุภัทร พอถึงก็หอมแก้มเขาหน้าตาเฉย โดยไม่


คิดจะเกรงใจสายรุ้งสักนิด
‚กู๊ดมอร์นิ่งค่ะที่รัก แอบหนีมาฮันนีมูนก็ไม่บอก ใจดําจังนะคะ ไม่คิดจะชวน‛
ท่าทางโซเฟียดูไม่สนใจ
สายตาใครทั้งนั้น อยากทําอะไรก็ทํา ตนุภัทร สายรุ้ง ศจียังคงเฉย รอดูว่าคนทั้งคู่จะ
ทําอะไรต่อ
‚สวัสดีครับ คุณสายรุ้ง คุณใส่ชุดนี้ดูน่ารักมาก สวยเหมือนนางฟ้า ผมเริ่ม
เสียดายแล้วสิที่คนสวย ๆ
น่ารัก ๆ อย่างคุณต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงกับคนโหด ๆ อย่างนายภัทร คิดเปลี่ยนใจยัง
ทันนะครับ‛ โดมินิกเกี้ยว
สายรุ้งต่อหน้าอย่างไม่เกรงใจตนุภัทรและศจี สายรุ้งเริ่มเหม็นขี้หน้านายลูกครึ่งนี่
แล้วสิ สรุปแล้วหญิงชาย
คู่นี้หน้าด้านทั้งคู่ เจ้าของตัวจริงเขานั่งอยู่ยังกล้าจีบอีก แต่ที่แปลกคือทําไมถึงกล้า
พูดจาให้ร้ายเศรษฐีโหด
ต่อหน้าอย่างไม่กลัวเกรง
‚ขอทีเถอะ โซเฟียโดมินิกถ้าอยากมาพัก ก็ไปเช็กอินก่อน ป้าจะไปบอกเด็กให้
เตรียมห้องไว้ให้ พร้อมเมื่อไหร่ก็เข้าพักได้เลย ภัทร หนูรุ้ง ป้าขอตัวก่อน‛ ศจีถือ
โอกาสปลีกตัวทันที
‚คุณมาทําไม โซเฟีย งานการมีไม่คิดจะไปทํา หรืออยากให้ผมรายงาน
พ่อคุณว่าคุณมาทําอะไรที่นี่ ‛
ตนุภัทรเอ่ยในที่สุด เขาไม่ไว้หน้าโซเฟียสักนิด ความเกรงใจก็ไม่มี ที่สายรุ้งแปลกใจ
คือ ทําไมโซเฟียไม่โกรธ
กลับยิ้มด้วยซ้ํา
‚ถามได้มาทําไม ก็คิดถึงภัทรสิคะ คุณพ่อเข้าใจค่ะ คุณรุ้งคงไม่ว่านะคะที่
โซเฟียพูดตรง ๆ โซเฟียชอบภัทร
ค่ะแต่ภัทรไม่ค่อยปลื้มโซเฟียเท่าไหร่‛ โซเฟียจงใจท้าทายสายรุ้ง แม้คําพูดจะ
เหมือนผู้หญิงหน้าด้าน แต่กลับ
ทําเหมือนเป็นเรื่องปกติ แถมยังนั่งบนที่วางแขนเก้าอี้ตัวที่ตนุภัทรนั่งอยู่เหมือนไม่มี
สายรุ้งอยู่ตรงนั้น คงคิดว่านี่คือ
ดินแดนแห่งเสรีภาพ นึกจะทําอะไรก็ทําโดยไม่ต้องคํานึงถึงธรรมเนียมประเพณีอัน
ดีงามในสังคม สายรุ้งมอง
การกระทําของโซเฟียแล้วอายแทน
‘ช่างเสรีจริง ๆ คงคิดว่าเราพิศวาสนายโหดนี่ละสิ คิดผิดแล้วมั้ง หน้าตาก็สวย
ดี ทําไมถึงไม่มียางเสียเลย
ทําตัวให้ผู้ชายดูถูกแท้ ๆ สั่งสอนให้รู้ตัวสักหน่อยดีกว่า ’
‚คุณโซเฟีย ฉันขอเตือนในฐานะลูกผู้หญิงด้วยกัน ถ้าอยากให้ผู้ชายชอบก็
พยายามเก็บ ๆ อาการไว้บ้างนะ
ไม่อย่างนั้นเขาจะหาว่าง่าย กลายเป็นคนไร้ค่า ‛ สายรุ้งปากกล้ามาก นัยน์ตา
โซเฟียดุจมีไฟ แต่หน้ากลับยิ้ม
‚คุณรุ้งคะ ยุคนี้มันยุคไหนแล้วคะ ถ้ามัวแต่เก็บอาการ คนที่เราชอบก็ถูกคน
อื่นคาบไปน่ะสิคะ หมดยุคแล้วค่ะ
ขืนมัวแต่เหนียม ๆ ก็ชวดกันพอดี แหม ! คุณรุ้งดูเป็นสาวยุคใหม่แต่กลับมีความคิด
ที่เช้ยเชย ภัทรคะ โซเฟียนึกไม่ถึง
จริง ๆ ว่าภัทรจะไปคว้าเอาผู้หญิงเชย ๆ ตกยุคมาแต่งงานด้วย แย่จัง ‛ แทนที่จะ
อายโซเฟียกลับพูดเหมือนสิ่งที่ทํานั้น
ถูกต้องแล้ว แต่ทั้งโดมินิกกับตนุภัทรรู้ว่าเธอจงใจแกล้งสายรุ้ง
‚โซเฟีย คุณพูดอย่างนี้ก็ไม่ถูกนะ ผมคิดว่าคุณรุ้งหวังดีกับคุณ ใครจะมี
ความคิดทันสมัยเหมือนคุณล่ะ
คุณรุ้งครับ ผมขอโทษแทนโซเฟียด้วย จริงอยู่ผู้ชายเราชอบผู้หญิงทําตัวง่าย ๆ แต่
ไม่ได้หมายความว่าอยากได้
เป็นแม่ของลูกนะครับ‛ โดมินิกรีบเข้าข้างสายรุ้งทันที ในขณะที่สายรุ้งยังเฉย
สายตาจ้องมองตนุภัทรที่ยังนั่งเฉย
โซเฟียเริ่มไม่พอใจเพื่อนชายที่มาด้วย
‚โดมินิก ไม่ทันไรคุณก็คิดจะจีบคุณรุ้งต่อหน้าภัทรแล้วหรือ ยังไม่เข็ดอีกหรือ
คงอยากให้ผู้หญิงของภัทรต้อง
มาเดือดร้อนเพราะคุณอีกใช่มั้ย ‛ โซเฟียเสียงแข็งต่อว่าอย่างโกรธจัด แต่กลับแอบ
สบตากับโดมินิก
‚จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ผมไม่ต้องการให้คนสวย ๆ น่ารัก ๆ อย่างคุณรุ้งต้องมี
ชะตากรรมอย่างคนอื่น ขอโทษด้วย
นะ ภัทร ที่ต้องพูดความจริง นายอย่าทําให้คนบริสุทธิ์ต้องมีอันเป็นไปเพราะนายอีก
เลย ถ้าเป็นโซเฟีย ฉันไม่สน
หรอกเพราะดวงแข็ง ฉันว่านายน่าจะเหมาะกับโซเฟียมากกว่านะ‛ โดมินิกพูดด้วย
น้ําเสียงจริงจังพลางจ้องมองตนุภัทร
ที่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย เขาจงใจวางเพลิงตนุภัทรเพื่อสร้างความสับสนให้กับ
สายรุ้ง แม้สายรุ้งจะไม่เชื่อในสิ่งที่เขา
พูด รวมถึงท่าทีของโซเฟียด้วย แต่การตอกย้ําซ้ํา ๆ ก็ทําให้ใจหวั่นไหวได้เหมือนกัน
สายรุ้งเริ่มสับสน เธอเองก็อด
สงสัยในข่าวลือเกี่ยวกับตนุภัทรไม่ได้ แม้ลึก ๆ แล้วยังไม่คิดจะปักใจเชื่อนัก เมื่อหา
คําตอบไม่ได้เธอจึงเบื่อจะฟัง
ขณะเดียวกันก็คิดจะช่วยรักษาหน้าตนุภัทรแม้ใจจะเริ่มระแวงแล้วก็ตาม
‚เอาละค่ะ เข้าใจแล้ว คนหนึ่งหวังดี อีกคนอยากได้สามี เชิญตามสบายนะ
คะ อยากทําอะไรก็ทํา อย่างไรเสีย
ฉันก็มั่นใจว่าคุณภัทรเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิต ภัทรคะ ถ้าเคลียร์ตัวเองกับคน
คุ้นเคยเสร็จแล้วตามมานะคะ
รุ้งขอไปเดินเล่นที่ชายหาดก่อนนะคะ‛ พูดจบสายรุ้งก็เดินจากไป ตนุภัทรไม่คิดจะ
ตาม สายตาคมเข้มจ้อง
หน้าแขกไม่ได้รับเชิญสองคนอย่างเย็นยะเยือก
‚เอาละ ที่นี่ไม่มีใครแล้ว เลิกแสดงละครได้แล้ว บอกมา...ทําอย่างนี้ต้องการ
อะไร โซเฟีย โดมินิก‛
‚ดุจังนะคะ ภัทร ไม่ได้ต้องการอะไรเลย พวกเราเพียงแต่เป็นห่วงแม่สาวน้อย
คนนั้นต่างหาก ไม่อยากให้ต้อง
มีอันเป็นไปเพราะคุณอีก‛ โซเฟียดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษที่สร้างความหวาดระแวง
ในใจสายรุ้งได้
‚ใช่ โซเฟียพูดถูก ผู้หญิงที่พัวพันกับนายต้องมีอันเป็นไปทุกคน นายยังคิดจะ
แต่งงานอีก ถ้าปล่อยให้คนสวย ๆ
น่ารัก ๆ ต้องอายุสั้นก็น่าเสียดายนะ โซเฟีย ‛
‚ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ทําไมโซเฟียถึงไม่เป็นไรเลย ทั้งที่ตามผมเหมือนเงาตาม
ตัว‛ เขาจ้องหน้าโซเฟีย
ด้วยสายตาน่ากลัว ก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้ทั้งคู่มองหน้ากัน
‚คุณว่าเขาจะรู้มั้ย‛ โดมินิกถามขึ้น
‚เพิ่งรู้ว่าคุณก็กลัวเป็นด้วย ฉันไม่คิดว่าเขาจะรู้ คนอย่างตนุภัทรไม่เคยยอม
ปล่อยให้คนที่คิดร้ายเขารอดหรอก
ถ้าเขารู้ พวกเราคงไม่ได้อยู่เล่นสงครามประสาทกับเขาแน่ อย่าคิดมาก ว่าแต่คน
เตรียมพร้อมหรือยัง เขาต้องรีบ
ไปจากรีสอร์ตนี้แน่ คราวนี้เราจะพลาดอีกไม่ได้ ‛ โซเฟียกล่าวด้วยน้ําเสียงเยือกเย็น
นัยน์ตาน่ากลัว
‚ไม่ต้องห่วง จะให้เก็บทั้งคู่ก็เสียดายอยู่ อย่างน้อยน่าจะเว้นคุณรุ้งไว้นะ‛ โด
มินิกเสียดายสายรุ้ง
‚ไม่ได้ ! จะปล่อยให้รอดไม่ได้ ต้องเก็บให้หมด เก็บนิสัยเจ้าชู้ไว้บ้างเถอะ
ไม่อย่างนั้นฉากเลิฟซีนของคุณกับ
ดารานักร้องหลายคนจะไปตกอยู่ในมือลูกสาวนักการเมืองดัง คุณศุภานัน เหยื่อ
รายใหม่ของคุณ
ท่าทางแม่คนนั้นน่าฟัดออก และให้ท่าคุณจะตายไป‛ โซเฟียเสียงดังอย่างลืมตัว
‚คุณนี่ร้ายจริง ๆ โซเฟีย คิดหรือว่าผมจะกลัวภาพพวกนั้น ผมไม่สนใจ อยู่
แล้ว ผู้หญิงยุคนี้เขาไม่สนใจ หรอก ยิ่ง
แม่สาวใจแตกนั่นเมื่อไหร่ก็ได้ เพียงแต่ยังไม่อยากมีเรื่องกับนักการเมือง ว่าแต่คุณ
เถอะ โซเฟีย ไม่คิดจะสนผม
บ้างหรือ บางทีเราน่าจะใกล้ชิดกันมากกว่าที่เป็นอยู่ ‛ โดมินิกส่งสายตาท้าทาย
โซเฟียยักไหล่
‚อย่าเลย ฉันยังอยากมีเพื่อนชายร้าย ๆ ไว้ในทีมมากกว่าจะเปลี่ยนเป็นอย่าง
อื่น‛
‚นั่นสิ ผมไม่น่าลืมตัวเลย มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงอย่างคุณ สงสัยชีวิตจะไม่
ยืนยาว นายตนุภัทรคงรู้ทันเลย
ไม่ตกหลุมคุณเสียที แต่ผมไม่รู้ว่านี่คือสาเหตุที่คุณจงเกลียดจงชังเขาหรือเปล่า ‛ โด
มินิกรู้ทันตามเคย
‚เก่งนี่ที่รู้ แต่คุณไม่มีวันเข้าใจจิตใจผู้หญิงหรอก บางทีฉันอาจเกลียดเขา
มากกว่าที่ควรจะเป็นด้วยซ้ํา
เอาละ ฉันไม่อยากเสียเวลากับเรื่องไร้สาระแล้ว ไปเช็กอินได้แล้ว รอคอยข่าวดีจาก
คนของเราอยู่ที่ห้องดีกว่า ‛
โซเฟียพูดเหมือนสิ่งที่กําลังจะเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ
‚คุณนี่โหดจริง ๆ ให้ตายเถอะ ! จะปล่อยให้สองคนนั้นมีความสุขก่อนก็ไม่ได้
เอาละ ผมขี้เกียจยุ่งกับลมเพชร
หึงของผู้หญิงแล้ว ไปดีกว่า‛ โดมินิกต่อว่าอย่างไม่จริงจังนัก แต่โซเฟียรู้ว่าเขาโหด
กว่าเธอหลายเท่านัก เพียงแต่ยังไม่คิดจะลงมือเท่านั้นเอง

สายรุ้งเดินย่ําเท้าไปบนผืนทราย สมองคิดเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่


ชะตาพลิกผันจนต้องมาผูกติดกับผู้ชาย
ที่มีประวัติลึกลับ เธอรู้สึกทั้งเหงาทั้งหงุดหงิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น คิดถึงทั้งมารดา
พี่สาว และกังวลไปด้วย
เธอเดินมาเรื่อย ๆ สักพักก็ลงนั่งพิงโคนต้นมะพร้าวบนผืนทรายริมชายหาดห่างไกล
ผู้คนพอสมควร
‚พี่ฝนเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ นายโหดนั่นพาแม่ไปอยู่ที่ไหน แล้วดูแลอย่างที่พูด
หรือเปล่า จะเชื่อใจตาเศรษฐีโหด
นี่ได้แค่ไหนนะ‛ เธอพึมพําเบา ๆ ดวงตาคู่สวยเหม่อมองไปยังท้องทะเลเบื้องหน้า
อย่างครุ่นคิด รู้สึกทั้งเหงา ทั้งวิตก
ไปสารพัด ตนุภัทรเดินตามมาด้วยความเป็นห่วง เขาเกรงว่าสายรุ้งจะได้รับ
อันตรายเพราะรู้สึกชอบกล ที่อยู่ดี ๆ
สองคนนั้นก็ตามมาอย่างรวดเร็วมาก และก็แปลกที่โซเฟียตามหาเขาเจอเกือบทุก
ครั้งที่มีหญิงสาวมาพัวพันกับเขา
‘รู้ได้ยังไงกัน’ เขาคิดพลางตามหาสายรุ้งไปทั่ว สักพักก็พบสายรุ้งนั่งพิงโคนต้น
มะพร้าวอยู่ คิ้วเข้มเลิกขึ้น
อย่างสงสัยกับสิ่งที่เห็นเพราะไม่เคยเห็น สายรุ้งมีท่าทางเหงา วิตก ไม่เหลือมาด
หญิงสาวจอมโวยวาย
แสนร้ายกาจให้เห็น ‘เกิดอะไรขึ้น’ เขาเดินเข้าไปใกล้นั่งลงข้าง ๆ สายรุ้งยังไม่รู้ตัวอีก
‚เป็นอะไรไป หรือว่าเหงา คิดถึงแม่กับพี่สาว‛ เขาถามได้ตรงความรู้สึกของ
เธอมาก สายรุ้งหันมามองหน้าคนถาม
‘น่าไปเป็นหมอดูนะ แม่นอย่างกับจับวาง’ แต่ด้วยนิสัยที่ไม่เคยยอมแพ้ใครมา
ก่อนเธอกลับตอบอีกแบบ
‚ใครบอก...ฉันกําลังคิดว่าทําไมถึงได้โชคร้ายอย่างนี้ที่ต้องมาเจอคุณกับคน
คุ้นเคยของคุณต่างหาก น่าเบื่อที่สุด ‛
‚เบื่อหรือ ถ้างั้นไปทําอะไรใหม่ ๆ แก้เบื่อมั้ย ไหน ๆ ก็แต่งงานกันแล้ว ยัง
ไม่ได้เข้าหอเลยนี่‛ คนพูดนัยน์ตา
พราวระยับ ขยับตัวเข้าใกล้ สายรุ้งรีบผลักร่างสูงใหญ่ที่นั่งข้าง ๆ ออกก่อนลุกขึ้น
แล้วแว้ดไปดัง ๆ
‚ตาบ้า ! นายหื่นกาม ! วัน ๆ สมองคิดเรื่องอื่นเป็นมั้ย ไปเลย ไปหาแม่โซเฟีย
โน่น คงเต็มใจให้แก้เบื่อหรอก‛
เธอทําท่าจะเดินหนีไปแต่กลับถูกนายหื่นกามยึดข้อมือไว้เหมือนอาศัยตัวเธอฉุดให้
ลุกขึ้นแล้วยิ้มให้อย่างประจบ
‚คุณนี่ขี้โมโหน่าดู แหย่หน่อยเดียวก็ลมออกหูแล้ว ผมเริ่มกลัวแล้วสิ อย่า
โกรธเลยนะ เดี๋ยวจะพาไปล่อง
เรือสําราญ เห็นเรือสีขาวนั่นมั้ย จะพาไปชมรอบ ๆ เกาะ รับรองสวย น้ําทะเลที่
ตราดนี่สวยมาก สนใจมั้ย ‛
เขาเริ่มหาทางล่อหลอกเธอให้ออกจากความทุกข์ในใจ สายตาคมเข้มทอดมองไป
รอบ ๆ ขณะที่คิ้วเรียวสวย
ของสายรุ้งเลิกขึ้นอย่างสนใจแกมสงสัย
‚ก็น่าสนหรอก อย่างน้อยเห็นท้องทะเลสวย ๆ ยังดีกว่าเห็นหน้าใครบางคน
ใกล้ตัว‛ ดูท่าการรักษาฟอร์มของ
สายรุ้งคงเป็นนิสัยประจําตัวไปแล้ว เขายิ้มพลางมองไปรอบ ๆ ก่อนรีบจับมือเธอพา
วิ่งไปยังเรือสีขาวที่จอดเทียบ
อยู่ พูดออกมาดัง ๆ ว่า
‚วิ่งให้เร็วสุดแรงเกิดเลยนะ อย่ามองข้างหลัง ‛
สายรุ้งงงกับอาการที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของอีกฝ่ายโดยที่เธอตั้งตัวไม่
ติด มือแข็งแรงจับมือเรียวเล็กพาวิ่งอย่างรวดเร็วตรงไปยังเรือที่จอดอยู่ พอถึงเรือก็
ถูกฉุดขึ้นเรือโดยมือของชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่ในชุดดําสวมแว่นดํา ตามมาด้วย
สามีในนามของเธอ ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก ตนุภัทรก็สั่งการอย่างรวดเร็ว
เช่นกัน
‚รีบออกเรือด่วน‛ สั่งจบเรือก็แล่นออกอย่างรวดเร็ว สายรุ้งจึงเห็นว่ามีกลุ่ม
ชายฉกรรจ์ในชุดนักท่องเที่ยวกําลังวิ่งตามมาสี่ห้าคน เธอเริ่มสับสน ไม่เข้าใจว่าเกิด
อะไรขึ้น นี่ถ้าเธอเป็นโรคหัวใจคงตายก่อนวิ่งถึงเรือแน่
‚นี่คุณ ทําไมต้องวิ่งเหมือนหนีนักฆ่าอย่างนั้นแหละ แล้วจะไปไหนกัน เสื้อผ้า
ของใช้ของฉันยังอยู่ที่รีสอร์ตนะ‛
พอตั้งตัวได้เธอก็ต่อว่าและถามเขามาเป็นชุด เขายังไม่ตอบ ใบหน้าคมเข้มนั้นดุดัน
กระด้างจนน่ากลัว เขาหันไปพูด
กับชายชุดดําที่ดูจากสายตาแล้วมีถึงห้าคนบนเรือ
‚อาวุธเตรียมพร้อมแล้วใช่มั้ย พวกมันส่งเรือไล่ล่ามากี่ลํา ‛
‚ลําเดียวครับ คุณภัทร คิดว่าพอรับมือไหว แต่คุณผู้หญิงนี่...‛ หนึ่งในชายชุด
ดําบอก
‚ไม่ต้องห่วงคุณผู้หญิง ดุพอควร จําไว้ ถ้าไม่จําเป็น ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่อง
ในบริเวณรีสอร์ตของคุณป้าศจี
ไปให้ไกลจากเกาะให้มากที่สุด พยายามล่อพวกมันไปกลางทะเลใกล้เรือสําราญลํา
ใหญ่ที่ลอยลําขน
นักท่องเที่ยวมาหลายร้อยคน ฉันกับคุณรุ้งจะขึ้นไปบนเรือลํานั้น เชื่อว่าพวกมันคง
ไม่กล้า จากนั้นพวกนาย
จัดการต่อได้เลย‛
‚ครับ คุณภัทร ถ้างั้นพวกผมจะไปรอคุณที่กรุงเทพฯ นะครับ เชิญคุณฮันนีมูน
ให้สบายนะครับ‛ ชายคนเดิมตอบ
แต่ยังไม่ทันที่ตนุภัทรจะพูดอะไร สายรุ้งก็เห็นเรือสีขาวอีกลํากําลังแล่นใกล้เข้ามา
บนเรือมีชายฉกรรจ์ในชุดนัก
ท่องเที่ยวประมาณสิบคน เธอรีบร้องออกมาดัง ๆ ว่า
‚นักล่ามาแล้ว เร็วเข้า รีบหนีเร็ว ‛ น้ําเสียงสายรุ้งฟังดูตื่นเต้นมากกว่าจะกลัว
จนชายชุดดําในเรือพากันแปลกใจ ตนุภัทรยิ้มทั้งที่ใบหน้ายังเครียดอยู่
‚เห็นมั้ย คุณผู้หญิงดุพอควร ไม่ต้องแปลกใจไปหรอก ไปจ้ะที่รักจ๋า ไปหาที่
นั่งดูดีกว่า‛ เอ่ยจบก็พาเธอไปนั่งบน
เก้าอี้ตัวยาวบนดาดฟ้า เรือแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว หนีการไล่ล่าของเรืออีกลํา
สายรุ้งจ้องตาไม่กะพริบ
ลุ้นจนนั่งไม่ติด
‚เป็นไงที่รัก ตื่นเต้นยิ่งกว่าหนังเจ้าพ่อที่ดูมั้ย ‛ เขาถามขึ้น ท่าทางดุดันเครียด
จัดหายไปทันที เปลี่ยนเป็นคน
อารมณ์ดีขึ้นมาเฉย ๆ สายรุ้งเริ่มรู้ตัว เขาอาจมองว่าเธอผิดแปลกจากหญิงสาว
ทั่วไป ไม่รู้สึกกลัวหรือวิตก แต่
กลับสนุก โดยนิสัยแล้วเป็นคนไม่ยอมอยู่เฉย ๆ ให้ใครรังแกเล่น แต่ก็ยังรักษาฟอร์ม
ตามเคย
‚ก็งั้น ๆ แหละ ถ้าจะให้ตื่นเต้นก็น่าจะยิงกันให้เห็น โดยเฉพาะยิงเจ้าพ่อให้
ตายไปเลยถึงจะสะใจ‛
‚คุณนี่เป็นเมียที่ใจร้ายน่าดู คิดจะยืมมือคนอื่นฆ่าผัว อย่างนี้ต้องทําโทษหนัก
ๆ‛ พูดจบก็รีบดึงตัวภรรยาใจร้ายมา
กอดไว้และลงโทษไปทั่วใบหน้าสวยงามน่ารักและหยุดที่ริมฝีปากอิ่มนุ่มนิ่มสวยงาม
แรก ๆ สายรุ้งดิ้นแรง ๆ แล้วค่อย ๆ
แปรเปลี่ยนเป็นยินยอม ยกมือขึ้นลูบไปทั่วอกกว้างแล้วค่อย ๆ แกะกระดุมเสื้ออีก
ฝ่าย พอนิ้วเรียวสวย
สัมผัสกับเนื้อก็จิกเล็บอันแหลมคมลงไปในเนื้ออย่างแรงจนฝ่ายที่ระรานต้องรีบ
ปล่อยเพราะฤทธิ์เล็บมือนาง
ที่ทําให้เลือดที่อกออกซิบ ๆ
‚เป็นไงคะ เจ็บมั้ยคะที่รักขา ผลของการบ้ากามไม่เลือกที่ ‛ เธอยั่วอย่างสะใจ
ก่อนไปหาชายฉกรรจ์ในชุดดํา
ตนุภัทรลูบรอยแผลบนหน้าอกแข็งแรงที่ถูกเล็บจิก แล้วรีบติดกระดุมเสื้อปิดบังรอย
เล็บพิฆาต
แม้จะเจ็บเขาก็ยิ้มได้ เธอเกือบทําให้เขาควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ แต่นึกไม่ถึงว่าจะ
กลับแกล้งให้เขาตายใจจนลืมตัว
‘ร้ายกาจจริง ๆ ที่รักจ๋า’ ความจริงคิดแกล้งเฉย ๆ แต่พอมีร่างกลมกลึงนุ่มนิ่มอยู่ใน
อ้อมกอดทําไมอดใจไม่ไหวทุกที
ถ้าหากเธอยินยอมพร้อมใจคงหวานกว่านี้อีก แต่เมื่อไรล่ะจะถึงเวลานั้น
‘เฮ้อ ! กลุ้ม ไม่น่ามาตกหลุมรักแม่สาวแสบแสนน่ารักคนนี้ก่อนเลย ไม่รู้ว่า
ต้องรอหง่าวอีกนานแค่ไหนกว่า
คุณเธอจะมีใจให้’ เขาคิดอย่างปลง ๆ ก่อนเดินตามไป พวกไล่ล่าคงไม่กล้าใช้อาวุธ
ยิงใส่เรือเขาแน่ เพราะใกล้
เรือสําราญเข้าไปทุกที พวกนั้นลงมือได้เร็วมาก เรื่องนี้โดมินิกกับโซเฟียอาจมีส่วน
เกี่ยวข้อง ต้องหาหลักฐาน
กระชากหน้ากากสองคนนี้ให้ได้ แล้วเล่นงานให้แสบ เขาทนมานานแล้ว ไม่คิดจะ
เกรงใจทั้งคู่อีกต่อไป เห็นทีต้อง
สั่งคนสนิทให้เฝ้าติดตามสองคนนี้ทุกฝีก้าว ที่ผ่านมาไม่คิดจะทํา แต่ตอนนี้จําเป็น
ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังสองคนนี้
หรือไม่ก็มีคนร่วมมือด้วยแน่ กว่าเขาจะประสบความสําเร็จกลายเป็นหนึ่งในนัก
ธุรกิจชั้นนําระดับเอเชียได้นั้น
หนทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ตรงข้ามกลับเต็มไปด้วยหนามแหลมคมโรยอยู่
ตลอดทาง เขาเพิกเฉยกับเรื่องที่เกิด
ขึ้นมาตลอดพวกนั้นถึงได้ใจ ต่อไปนี้เขาจะไม่อยู่เฉยอีกแล้ว เขามีผู้ช่วยกับเพื่อนที่
เป็นมืออาชีพคงหาข้อมูลได้
ไม่ยาก เขาเกลียดมากพวกลอบกัด
‘ดี ในเมื่ออยากหลบอยู่หลังฉาก เราก็มาเล่นเกมกัน ดูซิว่าใครจะเจ๋งกว่ากัน
อยากมาแหย่ฉันเอง
ถ้ารู้ว่าเป็นใคร รับรองฉันจะฝากบทเรียนอันเจ็บปวดให้ต้องจดจําไปอีกนาน’
นัยน์ตาเขาแข็งกร้าวน่ากลัว

สายฝนพักสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่เจ้านายแสนร้ายกาจของ
เธอให้คนนํามาให้พร้อมฝากสารไว้ว่า ‘เอาไว้ใช้ ถือเป็นรางวัลสําหรับโจ๊กแสนอร่อย
จากฝนจ๋าเป็นครั้งแรก’ ความจริงเธอเองก็คิดจะซื้อสักเครื่อง มันจําเป็นสําหรับงาน
ของเธอ แต่ก็ดีที่ได้มาเปล่า ๆ แม้ว่าเหตุผลแท้จริงจะเป็นเรื่องงานของเขามากกว่าก็
ตาม เธอรู้...ไม่ช้าต้องมี
คําสั่งมาทางเมล แน่ และก็เป็นจริง
‚ช่วยแปลเอกสารภาษาอังกฤษที่ส่งมานี้ให้ที ‛ มันเป็นสัญญาอะไรสักอย่าง
แต่ยาวมาก หลายหน้าทีเดียว
ทําเอาเธอต้องพักสายตาด้วยการหลับตาลงครู่หนึ่ง แต่พอหลับตาก็อดคิดถึง
มารดากับน้องสาวไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็น
อย่างไรบ้างจึงหยิบมือถือโทรหามารดาทันที
‚ฝนหรือลูก สบายดีหรือเปล่าลูก แม่เป็นห่วง‛ เสียงมารดาเต็มไปด้วยความ
ห่วงใยจนเธอแทบอยาก
แปลงกายเป็นคลื่นไฟฟ้าไปปรากฏต่อหน้าท่าน แต่เป็นไปไม่ได้
‚สบายดีค่ะ แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ มีใครมาระรานหาเรื่องแม่กับรุ้งอีกหรือเปล่า
คะ‛ กุลชาได้ยินเสียงที่
ห่วงใยของลูกรักก็ปลื้มใจและคิดถึงบุตรสาวมากอยากให้มาอยู่ใกล้ ๆ
‚ไม่มีหรอกลูก แม่กับรุ้งไม่ได้อยู่บ้านนั้นแล้ว มีคนใจบุญพาแม่มาอยู่ที่ใหม่
สะดวกสบายทุกอย่าง มีคน
ดูแลอย่างดี ทั้งหมอและพยาบาล ไม่ต้องห่วงนะลูก ‛ กุลชาพยายามพูดให้บุตรสาว
คลายกังวล
‚แม่อยู่ที่ไหนคะ แล้วรุ้งอยู่ด้วยหรือเปล่า เผื่อว่าฝนจะได้ขออนุญาตเจ้านาย
ไปเยี่ยมค่ะ ฝนคิดถึงแม่กับรุ้งค่ะ‛
กุลชานิ่งเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะตอบมาว่า
‚แม่ยังบอกฝนไม่ได้ลูก เอาเป็นว่าแม่กับป้าน้อยอยู่กันอย่างสุขสบาย แม่มี
เรื่องหนึ่งจะบอก คือรุ้งแต่งงานแล้ว
กับคุณตนุภัทรที่มาขอฝนเป็นเจ้าสาว‛ ที่สุดกุลชาก็ตัดสินใจบอก สายฝนนิ่งไปพัก
หนึ่ง เธอไม่อยากจะเชื่อนัก
สายรุ้งไม่ใช่คนที่จะบังคับกันง่าย ๆ ทําไมถึงยอมแต่งงานกับเศรษฐีลึกลับนั่น
‚จริงหรือคะแม่ แล้วรุ้งยอมหรือคะ ได้ยินว่าผู้ชายคนนี้เป็น...‛ เธอไม่กล้าพูด
ต่อกลัวมารดาไม่สบายใจ
‚ไม่ต้องกังวลไปหรอกลูก เป็นความสมัครใจของรุ้งเอง ความจริงก็เหมาะสม
กันดี คุณตนุภัทรเป็นคนดี
มีความคิดดี ข่าวลือก็เป็นเพียงข่าวลือ ตราบใดที่เรายังไม่เห็นกับตาตัวเอง และ
ไม่ได้รู้จักคนคนนั้นด้วย
ตัวเอง ก็อย่าเพิ่งไปด่วนตัดสินว่าคนคนนั้นเป็นอย่างที่คนอื่นเขาบอกมา เพราะมัน
อาจทําให้เราพลาดโอกาส
รู้จักคนเดี ๆ คนหนึ่งได้นะลูก ‛ กุลชาเตือนสติบุตรสาว
‚ขอบคุณค่ะแม่ ฝนกับรุ้งโชคดีที่มีแม่คอยเตือน ฝนขอคุยกับรุ้งหน่อยค่ะแม่ ‛
สายฝนเริ่มอยากรู้เรื่อง
ราวของน้องสาว
‚รุ้งไม่ได้อยู่กับแม่หรอกจ้ะ ตามไปอยู่กับคุณภัทร ถ้าฝนอยากรู้ว่าอยู่ที่ไหน
ลองโทรหาดู แม่ขอตัวก่อน
พยาบาลประจําตัวมาพาแม่ไปเดินเล่นแล้ว ความจริงแม่ก็ไม่ชินนักหรอกกับการที่มี
คนมาคอยดูแล มันทําให้
รู้สึกว่าตัวเองต้องกลายมาเป็นภาระคนอื่น แต่ก็นั่นแหละ แม่คงต้องยอมรับว่า
สังขารเราไม่เหมือนแต่ก่อน
ใครจะไปรู้ว่าอยู่ดี ๆ จะต้องมาเจ็บป่วย ชีวิตนี้หาความแน่นอนไม่ได้เลยนะลูก ‛
สายฝนนิ่งไปนาน เธอรู้ว่ามารดารู้สึกอย่างไร ตั้งแต่เล็กภาพมารดาที่เห็นเป็น
ประจําคือผู้หญิงที่เข้มแข็ง มีเหตุผล
อ่อนนอกแข็งใน ใจเย็น ไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้เห็นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทํา
อะไรด้วยตัวเองมาตลอด
ไม่เคยเรียกร้องความเห็นใจจากใคร แต่ตอนนี้สายฝนรู้สึกว่ามารดาเริ่มท้อกับ
โชคชะตาที่กําลังเผชิญอยู่ โดยเฉพาะ
อาการเจ็บป่วย
‚จริงค่ะ แต่แม่ของฝนมีสิ่งหนึ่งที่ความเจ็บป่วยก็ไม่อาจมาทําร้ายได้ คือจิตใจ
ที่เข้มแข็ง ดีงาม และความรัก
อันยิ่งใหญ่ที่มีให้ลูกไงคะ ฝนกับรุ้งภูมิใจที่ได้เป็นลูกแม่ค่ะ ฝนเชื่อว่าแม่ต้องหาย
และกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม
และเมื่อถึงเวลานั้น เราจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกค่ะแม่ ‛ คําพูดของสายฝน
นําพาความสุขใจ สร้างเสริม
กําลังใจให้กุลชาได้อย่างไม่น่าเชื่อ นับว่าโชคชะตายังไม่โหดร้ายกับเธอนักที่มีลูก
สาวน่ารักและเป็น
เด็กดีเคารพเชื่อฟังเธอถึงสองคน
‚ขอบใจจ้ะที่เป็นกําลังใจให้แม่ พยาบาลเข้ามาแล้ว ไว้ค่อยคุยกันนะลูก ฝน
ระวังตัวด้วย หลีกให้ห่างคนพาล
ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็อย่าไปกลัว นิสัยคนพาลนั้นยิ่งเรากลัวยิ่งได้ใจ เพราะคนที่มีนิสัย
พาลนั้นแท้จริงแล้วเป็นคนขี้ขลาด
หวาดกลัวจึงแสดงออกด้วยการข่มขู่รังแกผู้อื่นเพื่อปิดบังปมด้อยหรือความผิดของ
ตัวเอง ยิ่งคนเกลียดเรา
มากเท่าไร ยิ่งแสดงว่าเรามีดีกว่าเขา แม่อยากเตือนฝนเรื่องนี้ ‛ ไม่รู้ว่าทําไมถึงได้
สอนบุตรสาวเรื่องนี้
แต่ด้วยสายใยแห่งความรักของมารดาที่มีต่อบุตรจึงรู้สึกห่วงโดยไม่มีสาเหตุ สาย
ฝนน้ําตาเกือบซึม
‚แม่ไม่ต้องห่วงฝนนะคะ ฝนอยู่ที่นี่สบายดี ทุกคนดีกับฝนมากค่ะ ‛ แม้ไม่
อยากโกหกมารดาแต่ก็ไม่อยากให้
ท่านเป็นกังวล
‚ได้ยินแบบนี้แม่ก็สบายใจ เอาละ พยาบาลรอแม่นานแล้ว แม่ต้องวางสาย
แล้วลูก ขอให้ลูกสาวของแม่เป็นที่รัก
และเอ็นดูของทุกคน‛ กุลชาให้พรก่อนตัดสัญญาณ สายฝนเองก็หวังเช่นนั้น แต่คง
ยากสําหรับคนบางคน
ยังไม่ทันที่เธอจะได้ทํางานต่อ ก็ได้ยินเสียงร้องดังมาจากห้องเด็ก เธอรีบวิ่งไปดู ไป
ถึงก็เห็นพนิดาจ้องมอง
เธออย่างเอาเรื่อง
‚นี่คุณแม่บ้าน มัวแต่คุยโทรศัพท์กับแฟนหรือไง เสียงข้าวโอ๊ตร้องออกดังลั่น
ทําไมไม่ได้ยิน คุณเมธจ้างมา
ทํางานนะ ไม่ใช่ให้มาคุยโทรศัพท์กับแฟน‛ พนิดาเริ่มหาเรื่องทันที สายฝนนิ่ง เธอ
กําลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
ปกติข้าวโอ๊ตไม่เคยถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว ไม่ป้าบุญก็เปรี้ยวจะอยู่เป็นเพื่อน ท่าทาง
เด็กหมือนตกใจมาก
พนิดารู้ได้อย่างไรว่าเธอกําลังคุยโทรศัพท์ แต่ไม่ใช่กับแฟน เพราะเธอยังไม่เคยมี
แฟน แม้จะมีคนมาชอบพอ
มากมายก็ตาม เธอไม่รู้ว่าพนิดาพูดไปอย่างนั้นเอง และบังเอิญใช่ด้วยแต่ไม่ใช่แฟน
สายฝนมองข้าวโอ๊ตที่ยัง
ร้องไม่หยุดอย่างเป็นห่วง พนิดาแม้จะอยู่ในห้องเด็กแต่ก็ไม่ได้อุ้มขึ้นมาปลอบ สาย
ฝนเริ่มสงสัย สาเหตุที่พนิดา
พาตัวเข้ามาในบ้านนี้ก็เพราะห่วงหลานไม่ใช่หรือ เห็นทีตอนนี้คงไม่ใช่แล้ว คงมี
จุดประสงค์อื่นมากกว่า หรือว่า
คิดจะจับเจ้าของบ้าน ช่างเถอะ เรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับเรา ข้าวโอ๊ตต่างหากที่ต้อง
รีบสนใจ เธอเดินเข้าไปที่
เตียงเด็ก แต่พอจะอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาปลอบก็ถูกพนิดาขวาง
‚ไม่ต้อง ! หลานฉัน ฉันดูแลเองได้ ขืนปล่อยข้าวโอ๊ตให้เธอดู ป่านนี้คงตายไป
นานแล้ว‛ พนิดาจงใจประชด
‚ดิฉันว่าคุณเลิกประชดดิฉันก่อนดีกว่าค่ะ คุณดา รีบ ๆ อุ้มหลานชายคุณ
ขึ้นมาปลอบสิคะ ถ้าคุณห่วงหลานจริง
อย่างปากว่า‛ ตาดุ ๆ ของพนิดาตวัดมองสายฝนอย่างเอาเรื่อง แต่แล้วก็เริ่มรู้ตัว
เธอจะพลาดให้ถูกจับไม่ได้ เวลานี้
ต้องรอจังหวะให้วรเมธมาพบก่อน
‘นังต้อม ทําไมช้าจัง บอกให้รีบมาส่งข่าวถ้าคุณเมธกลับมา’
พนิดาเข้าไปอุ้มหลานชายขึ้นมา แต่พอเข้าใกล้เท่านั้นข้าวโอ๊ตก็ส่งเสียงร้อง
จ้าดัง ๆ อีกครั้ง พนิดาอุ้มร่างกลม
ป้อมของหลานชายขึ้นมาพยายามปลอบ
‚โอ๋ ๆ อย่าร้องนะ น้าดาอยู่นี่แล้ว ‛ ยิ่งปลอบก็ยิ่งร้อง คิ้วเรียวสวยของสายฝน
ขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย ดูแล้วแปลก ๆ เวลาเด็กร้องพอผู้ใหญ่ปลอบจะค่อย ๆ
หยุดแต่นี่กลับร้องดังหนักขึ้นไปอีก เกิดอะไรขึ้น ไม่ได้ จะปล่อยข้าวโอ๊ตร้องไห้ต่อไป
อีกไม่ได้
‚คุณดา ส่งหลานชายคุณให้ดิฉันเถอะค่ะ ท่าทางจะร้องไม่หยุดแล้ว ‛ น้ําเสียง
สายฝนวิงวอนด้วยความเป็น
ห่วงเด็กน้อย ถ้าเป็นเวลาปกติ อย่าหวังว่าเธอจะขอร้องผู้หญิงคนนี้
‚ไม่ต้องมาแกล้งทําเป็นห่วงเด็กหรอก ฉันรู้ เธอน่ะเจ้ามารยา ฉันไม่ใช่คุณเมธ
จะได้หลงเชื่อท่าทางใสซื่อ
ของเธอ กลัวความผิดละสิ ถึงได้รีบอาสา‛ พนิดาถือโอกาสต่อว่าอย่างสะใจ สาย
ฝนไม่มีใจจะสวนกลับ
เธอกําลังกังวลกับอาการของข้าวโอ๊ต ‘เห็นทีต้องรีบทําอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้น
ข้าวโอ๊ตอาจช็อคได้’ เธอคิดจะไป
โทรเรียกวรเมธให้รีบกลับมา แต่พอจะก้าวออกจากห้องเด็ก เธอก็เห็นวรเมธยืนอยู่
หน้าประตูแล้ว ไม่รู้ว่าเขามานาน
หรือยัง พนิดาเห็นแล้วยิ้มทันที
‘วันนี้แกกระเด็นออกจากบ้านแน่ ท่าทางคุณเมธโกรธจัด ขอโทษด้วยนะ ข้าว
โอ๊ต ฉันจําเป็นต้องใช้แกเป็น
เครื่องมือกําจัดแม่นี่ แกต้องทนเจ็บหน่อยนะ’ วรเมธเดินเข้าไปหาพนิดาด้วยใบหน้า
บึ้งตึง
‚คุณดา ขอนายข้าวโอ๊ตให้ผม‛ เขาพูดเสียงเรียบ พนิดารีบส่งหลานชายให้
แล้วแสร้งทําเสียงกังวล
‚คุณเมธคะ ดาตกใจหมดเลย ได้ยินเสียงข้าวโอ๊ตร้องไห้เสียงดัง รีบวิ่งมาหา
อุ้มปลอบแล้วยังไม่หยุดเลย
แม่บ้านของคุณสิคะ มัวแต่คุยโทรศัพท์กับแฟนจนลืมเด็ก ‛
วรเมธไม่สนใจฟัง เขาพยายามปลอบหลานชายตัวน้อยมากกว่า ไม่อยากให้
ร้องนาน กลัวเด็กจะช็อค
‚โอ๋ ๆ เงียบเสียคนเก่งของอาเมธ ไม่ร้องนะ อาอยู่กับข้าวโอ๊ตแล้ว ไม่มีใครทํา
อะไรได้แล้ว ไม่ต้องกลัวนะ‛
มือใหญ่ค่อย ๆ ลูบหลังเด็กน้อยในอ้อมกอดเบา ๆ อย่างปลอบประโลม สักพักข้าว
โอ๊ตก็ค่อย ๆ ลดเสียงร้องลงจน
เปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้นและซบบ่าผู้เป็นอาหลับไปในที่สุด สายฝนลอบถอนใจอย่าง
โล่งอก เมื่อเห็นว่าเด็กน้อย
เงียบแล้ว สายฝนทําท่าจะออกจากห้อง แต่เสียงวรเมธดังขึ้นก่อน
‚เดี๋ยว คุณฝน อย่าเพิ่งไป ผมอยากคุยอะไรกับคุณ คุณดา ผมขอความกรุณา
ช่วยออกไปก่อน ผมมีเรื่อง
จะคุยกับคุณฝนตามลําพัง‛
พนิดาพอได้ยินก็ตอบสั้น ๆ ว่า ‚ค่ะ‛ แล้วออกจากห้องไปพร้อมรอยยิ้มอย่าง
สะใจ
‘แกเสร็จแน่ นังฝน ถูกเฉดหัวออกจากบ้านแน่ ’
ตอนที่ 9

วรเมธค่อย ๆ วางข้าวโอ๊ตลงบนเตียงเด็กและจัดท่านอนให้สบาย หยิบผ้าห่ม


เด็กมาคลุมตัวให้ก่อนจูบเบา ๆ
ที่หน้าผากหลานชายอย่างทะนุถนอม แล้วขยับตัวออกห่าง สายตาทอดมอง
ข้าวโอ๊ตอยู่พักใหญ่ก่อนขยับตัวถอย
ออกจากเตียงเด็ก เปิดประตูกระจกเดินออกไปยืนพิงระเบียงมองฝ่าความมืด
ออกไปด้วยสายตาครุ่นคิด
สายฝนเดินตามออกไป เธอยืนนิ่ง เห็นสิ่งที่เขาปฏิบัติกับหลานชายแล้วรู้ได้
ทันทีว่าเขารักหลานชายมาก
แต่เหตุการณ์เมื่อครู่นี้อาจทําให้เขาคิดหนัก รวมถึงเข้าใจเธอผิดด้วย เห็นที
เธอต้องหาที่อยู่ใหม่แน่
‘แล้วจะไปอยู่ที่ไหน’ คําถามนี้ผุดขึ้นในใจ บ้านก็กลับไม่ได้ สายรุ้งก็แต่งงาน
ไปแล้ว มารดาก็อยู่ในที่ลึกลับ
ถ้าไปหาอาจทําให้ท่านกังวลและเป็นปัญหาได้ เพราะคนใจบุญที่มารดาพูดถึงอาจ
ไม่ต้องการภาระเพิ่ม
ไม่เป็นไร อย่างน้อยเธอยังพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง มีความรู้อยู่กับตัวกลัวอะไร
งานแปลก็มีมาเรื่อย ๆ แม้ผลตอบแทน
จะไม่มาก แต่ก็พอจะประคองตัวให้รอดระหว่างหางานทํา บางทีอาจต้องปรึกษา
กับสายรุ้ง หากไม่มีทางเลือกจริง ๆ
ก็จําเป็นต้องพึ่งสายรุ้ง พึ่งน้องสาวที่รักและผูกพันกันมากยังดีกว่าไปขอ
ความช่วยเหลือคนอื่นที่ไม่รู้ว่าจะจริงใจ
และหวังดีแค่ไหน แต่ก่อนไปต้องเคลียร์ตัวเองให้ได้ เธอจะไม่ยอมเสียชื่อเป็นอัน
ขาด อีกอย่าง ก็อดเป็นห่วง
ข้าวโอ๊ตไม่ได้ ถึงอย่างไรเสียสักวันคุณอาของข้าวโอ๊ตก็ต้องแต่งงาน เมื่อนั้นความ
รักความรู้สึกที่มีต่อหลานชาย
ตัวน้อยอาจเปลี่ยนแปลงได้ คําสอนของมารดาที่เธอกับสายรุ้งจําได้เสมอคือ
‘อะไร ๆ ในชีวิตคนเราก็ไม่แน่หรอกลูก วันนี้เขาดีกับเรา วันข้างหน้าเขาอาจ
ร้ายกับเรา วันนี้เราลําบากวันข้างหน้าเราอาจสุขสบาย ตัวอย่างใกล้ตัวก็มีให้เห็น
แม่ไม่อยากพูดถึง แต่อยากให้ลูกสาวของแม่ดูไว้เป็นบทเรียน แล้วเก็บไว้เตือน
ตัวเองตลอดเวลา จะได้ไม่ทุกข์เวลาชีวิตพลิกผัน ’
สักพักวรเมธก็หันมามองหน้าเธอนิ่งเป็นเวลานานก่อนเอ่ยขึ้นว่า
‚คุณฝน คุณคิดว่าข้าวโอ๊ตน่าสงสารมั้ย ‛ คําถามของเขาทําเอาสายฝนงง คิด
ว่าจะถูกตําหนิเพราะเข้าใจผิด
‚ในแง่ไหนคะ ถ้าหมายถึงความสุขสบายภายนอกก็ไม่น่าสงสาร เพราะมี
มากกว่าเด็กทั่วไปเสียอีก ถ้าหมายถึง
จิตใจก็คงใช่ กําพร้าทั้งพ่อและแม่ คนที่รักแกจริงก็ไม่รู้ว่าจะอยู่คุ้มครองปกป้องได้
นานแค่ไหน คนอื่นต่อให้รักแก
มากแค่ไหนก็คงไม่ผูกพันเท่าความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูกหรอกค่ะ ‛ สายฝนช่างมี
ความคิดลึกซึ้งนัก
‚นั่นสินะ ผมเคยคิดจะเป็นพ่อให้นายข้าวโอ๊ต แต่ความจริงก็คือความจริง
ก่อนพี่ชายกับพี่สะใภ้ผมเสีย ทั้งสองได้
ฝากฝังนายข้าวโอ๊ตให้ผมดูแลเป็นอย่างดี แต่ผมก็มีงานยุ่งตลอด มีภาระมากมาย
จนไม่มีเวลามาดูแลเท่าที่ควร
ปล่อยให้เป็นภาระของป้าบุญซึ่งอายุก็มากแล้ว กับเด็กเปรี้ยว แต่ติดปัญหาที่น้า
สาวของนายข้าวโอ๊ต ซึ่งสองคนนั้น
ไม่สามารถต่อกรได้ ความจริงพนิดาไม่ชอบเด็กสักเท่าไหร่ และนายข้าวโอ๊ตก็ไม่
ชอบพนิดาด้วย ตอนที่ผมกลับมา
ได้ยินเสียงร้องดัง ๆ ของนายข้าวโอ๊ตและเข้ามาได้ยินคุณกับพนิดาพูดคุยกัน ผมก็
พอเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น
นายข้าวโอ๊ตต้องรับเคราะห์แน่นอน คุณตามผมมานี่ ‛
เขาพูดถึงพนิดาเหมือนพูดถึงคนทั่ว ๆ ไป ไม่ได้ยกย่องหรือเกรงใจแต่อย่างไร
ผิดกับตอนที่พนิดาอยู่ดูเขา
จะพูดจาให้เกียรติ สายฝนเริ่มสงสัยว่าเพราะอะไรกัน วรเมธเดินนําสายฝนเข้าไปใน
ห้องอีกครั้ง ไปที่เตียงเด็ก
สายฝนไม่เข้าใจ และแปลกใจมากกับเรื่องที่ได้ยิน
‘เขารู้ทุกอย่าง ทําไมถึงยังปล่อยให้พนิดาอยู่ดูแลหลานชายในบ้านได้อีก ’
สายฝนอดตั้งคําถามในใจไม่ได้
แต่เธอเป็นแค่คนนอกและเป็นลูกจ้างด้วย ไม่สมควรที่จะพาตัวไปยุ่งเรื่องของ
เจ้านาย เธอจึงเลือกที่จะเฉยเสีย
คิดว่าสักวันคงรู้เอง วรเมธเอาผ้าห่มเด็กออก จับหลานชายถอดเสื้อผ้าออก รวมถึง
ผ้าอ้อมเด็กด้วย พอถอด
ผ้าอ้อมออกเท่านั้น รอยจ้ําแดง ๆ เหมือนเนื้อถูกบิดแรง ๆ และจิกด้วยเล็บจนห้อ
เลือดก็ปรากฏให้เห็นหลายจุดที่
ก้นเด็ก เธอคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าพนิดาจะทํากับหลานแท้ ๆ ได้ถึงเพียงนี้ ข้าวโอ๊ตเป็น
เด็กน่ารัก คนที่ทําร้ายเด็กได้
เพียงนี้จิตใจคงไม่ปกตินัก เธอเข้าใจแล้วว่าทําไมเด็กน้อยร้องไห้ไม่หยุด ยิ่งน้าสาว
อุ้มยิ่งร้อง แต่พออยู่ในมืออาก็หยุด
แกคงรู้ว่าปลอดภัยแล้ว เด็กยังพูดไม่ค่อยได้ไม่มีอาวุธอะไรป้องกันตัวได้ดีกว่าเสียง
ร้อง ช่างน่าสงสารจริง ๆ
‚ทําไมถึงใจร้ายนัก ไม่สงสารหลานบ้างเลย‛ เธอเผลอพึมพําออกมา
‚ไม่ผิดหรอก น่าสงสาร พนิดาอันตรายเกินไปสําหรับนายข้าวโอ๊ต ต่อไปนี้ผม
ขอมอบนายข้าวโอ๊ตให้คุณดูแล
และถือเป็นสิทธิ์ขาดของคุณ ห้ามให้คนอื่นเข้ามายุ่งอีกต่อไป รวมถึงพนิดาด้วย‛
เขามอบหน้าที่ใหม่ให้เบ็ดเสร็จก่อนเดินไปหยิบยามาทาก้นหลานชายและใส่
เสื้อผ้าให้เหมือนเดิม ขณะที่
สายฝนยืนนิ่งเตรียมใจรับหน้าที่ใหม่แทบไม่ทัน เรื่องอะไรมาให้เธอรับศึกคนเดียว
เขาต่างหากที่มีอํานาจ
เบ็ดเสร็จ แค่เขาพูดคําเดียวพนิดาก็ไม่เป็นปัญหาแล้ว
‚ฝนยินดีดูแลหลานชายคุณให้ แต่ไม่ขอรับอํานาจสิทธิ์ขาดที่จะกันน้าสาว
ของเด็กให้พ้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่
คุณต้องไปเคลียร์กันเองค่ะ ‛ คําตอบของเธอทําให้ใบหน้าคมเข้มยื่นเข้ามาใกล้
ใบหน้าสวยใสของเธออย่าง
รวดเร็วจนเธอต้องรีบขยับออกห่าง
‚ทําไม หรือว่ากลัวพนิดา‛ เขาถามเสียงเรียบพลางส่งสายตาท้าทาย
‚ไม่ใช่กลัว แต่คุณเมธน่าจะรู้ดีกว่าฝน วิธีง่าย ๆ ที่คุณจะกันคุณพนิดาออก
จากชีวิตหลานชายคุณคือคําพูดเพียง
ไม่กี่ประโยคที่ออกจากปากคุณเท่านั้น ‛ สายฝนตอบเสียงเรียบเช่นกัน ‘จะโกรธก็
โกรธไปสิ เรื่องอะไรจะมาให้เรา
แบกรับปัญหาในครอบครัวของตัวเอง คงลืมไปแล้วมั้งว่าเราเป็นแค่ลูกจ้าง’
‚ถ้าไม่ติดว่า...ผมทําไปนานแล้ว เอาเถอะ สักวันคุณจะเข้าใจว่าทําไม เอา
เป็นว่าตอนนี้รับปากผมนะ...นะฝนจ๋า ‛
สายฝนตั้งรับอารมณ์เจ้านายร่างโตไม่ทันอีกแล้ว เมื่อครู่ดูเครียด ๆ ตอนนี้
กลับทําน้ําเสียงกับท่าทางออดอ้อน
จนเธอรู้สึกหน้าร้อนผ่าวก็ว่าได้
‚บ้าจริงเรา‛ สายฝนเผลออุทานออกไปเบา ๆ วรเมธยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าเขิน
ของเธอ
และแล้วเขาก็ยิ้มไม่ออกเมื่อประโยคต่อมาของสายฝนได้สร้างเงื่อนไขกับความ
ลําบากใจให้เขาแทน
‚ก็ได้ค่ะ ฝนรับปากคุณเมธ แต่ฝนมีข้อแม้ค่ะ คุณเมธพูดกับฝนตามลําพังถึง
อํานาจหน้าที่ใหม่นี้คนอื่นอาจจะไม่
รับรู้ และปัญหาที่จะตามมาคือไม่มีใครเชื่อฝน หาว่าฝนอ้างลอย ๆ ถ้าคุณดาพาตัว
หลานชายคุณไปอีก ฝนก็ช่วย
อะไรไม่ได้ ฝนคิดว่าต้องมีการประกาศให้ทุกคนรับทราบอย่างเป็นทางการ รวมถึง
คุณดาด้วยค่ะ‛
วรเมธนิ่ง หากทําอย่างนั้นก็เท่ากับเป็นการหักหน้าพนิดา และเรื่องก็จะบาน
ปลาย ทีแรกเขาคิดจะค่อย ๆ บีบ
บังคับให้พนิดาหมดอํานาจโดยวิธีละมุนละม่อมและพาตัวออกไปจากบ้านเอง เขา
จะได้ไม่รู้สึกผิดนัก แต่ฝนจ๋า
ของเขานี่สิกลับไม่ยอม ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงนี่ร้ายทุกคน แม้ว่าคนนั้นจะเป็นคนที่เขารักก็
ตาม
‚ได้ ไว้ผมจะเรียกคนมาบอก แต่คงต้องรอผมกลับจากประชุมที่ยุโรปก่อน คง
ราว ๆ สองสาม
อาทิตย์ เพราะคนในบ้านยังมาไม่ครบ ผมจะบอกป้าบุญกับเปรี้ยวไว้ก่อน ระหว่างที่
ผมไม่อยู่ ถ้าเกิดอะไรขึ้น
โทรหาผมได้ที่เบอร์นี้‛ เขาเดินไปเปิดลิ้นชักโต๊ะเล็ก ๆ ใกล้เตียงเด็กและหยิบ
กระดาษขึ้นมาจดเบอร์โทรศัพท์มือถือ
ส่วนตัวแล้วยื่นให้สายฝนพลางบอกว่า
‚ผมต้องเดินทางภายในวันสองวันนี้ พรุ่งนี้รบกวนคุณออกไปช่วยผมหาซื้อ
เสื้อผ้าด้วย คุณจะพานาย
ข้าวโอ๊ตไปก็ได้ ผมยกให้เป็นสิทธิ์ของฝนจ๋าแล้วนะครับ ‛ เขาพูดทิ้งท้ายก่อนไป สาย
ฝนค้อนตามร่างสูงใหญ่
ของเจ้านายแสนร้ายกาจที่เธอเดาความคิดเขาไม่ถูกสักที
‘คนเจ้าเล่ห์ ร้ายกาจที่สุดเลย มันน่า...นัก ’

สายรุ้งตื่นเต้นมากที่ได้ขึ้นมาอยู่บนเรือสําราญลํามหึมาขนาดสองสามชั้น
ภายในเรือมีห้องพักหรูไม่ต่างกับ
โรงแรมไว้รองรับนักท่องเที่ยวหลายห้อง มีแหล่งช็อปปิ้ง ร้านอาหาร โรงหนัง บาร์
ภัตตาคาร แถมยังมีบ่อนสําหรับรองรับพวกนักพนันระดับไฮโซด้วย มีครบเกือบทุก
อย่างเหมือนหลุดเข้ามาในเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่ง ทุกอย่างบนเรือ
ทําให้ตกตะลึงและตื่นเต้นจนลืมเรื่องการถูกตามล่าไปเลย ตนุภัทรเห็นแล้วยิ้ม
‘เหมือนเด็กนั่นแหละ พอเจอของแปลกใหม่ ล่อตาล่อใจก็ลืมทุกอย่าง สงสัย
จะยังไม่โตมั้ง’
‚นี่คุณ เก็บ ๆ อาการไว้บ้างก็ดีนะ เดี๋ยวคนเขาจะหาว่าผมพาเด็กบ้านนอก
เข้ากรุง เสียชื่อผมหมด‛
ดวงตาคู่สวยตวัดค้อนคนตัวใหญ่ที่ส่งเสียงล้อเลียนอยู่ข้างกาย ใบหน้านั้น
บอกว่าไม่พอใจ
‚ใช่ ฉันยอมรับว่าตื่นเต้น คงมีไม่กี่คนหรอกที่มีโอกาสขึ้นเรือลํานี้ คุณเองก็
เถอะ ถ้าขึ้นเป็นครั้งแรกก็ต้องตื่นเต้น
เหมือนกันแหละ จะบอกให้นะ ต่อให้ฉันตื่นเต้นกับสิ่งล่อตาล่อใจตรงหน้าแค่ไหน
ฉันก็ไม่ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ
ครู่หรอก เออ ! ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าตั้งแต่แต่งงานกับคุณนั่นแหละถึงจะถูก ฉัน
ต้องการคําตอบทั้งหมดว่าเกิด
อะไรขึ้นกับคุณ ทําไมต้องลากฉันเข้ามาพัวพันกับเรื่องของคุณด้วย‛ สายรุ้งร้ายกว่า
ที่คิด หลอกไม่ได้เลย
‚รอไว้กลับกรุงเทพฯ แล้วจะบอก ได้เวลาไปลงเรือเล็กขึ้นฝั่งแล้ว บนนี้อยู่นาน
ไม่ได้ ไม่ใช่ที่ปลอดภัยนัก
เพราะหุ้นส่วนใหญ่ของเรือลํานี้เป็นศัตรูทางธุรกิจของผม‛ เขารีบพาเธอลัดเลาะ
เดินลงบันไดมาทางด้านหลังของเรือ
เห็นเรือสีขาวลําเล็กจอดรออยู่แต่ไม่มีคนขับ
‚คุณ...ช้าก่อน คุณทําฉันงงไปหมดแล้วนะ เรือของศัตรูยังกล้าขึ้นอีก ‛ สายรุ้ง
เริ่มบ่นว่า
‚คุณเคยได้ยินคําพูดประโยคหนึ่งมั้ย มิตรของคุณคือศัตรูของคุณ ศัตรูของ
คุณคือมิตรของคุณ ในคนคนเดียวกัน
สามารถเป็นได้ทั้งมิตรและศัตรูเมื่อเวลาและโอกาสหรือสถานะเปลี่ยนไป‛ เขาตอบ
พลางช่วยประคองเธอลง
มาที่เรือ
‚คุณหมายความว่าคุณไม่เคยมีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวรเลยสินะ ช่างน่า
สงสารจริง ๆ แสดงว่าคุณเองก็ไม่เคย
จริงใจกับใครเลยสิ‛ สายรุ้งแกล้งประชดพลางกระโดดลงเรือตามแรงดึงของอีกฝ่าย
‚คงใช่มั้ง แต่สําหรับคุณ รับรองว่าผมจริงใจไม่มีจิงโจ้เด็ดขาด เชื่อได้เลยที่รัก
จ๋า‛ ด้วยความว่องไวแก้มเนียนใส
ของสายรุ้งก็ถูกหอมฟอดใหญ่ก่อนจะไปประจําที่คนขับและขับออกไปทันที สายรุ้ง
นับหนึ่งถึงสิบเพื่อระงับความโกรธ ‘นายหื่นกาม เผลอเป็นถูกรังแก คอยดู จะเอาคืน
ให้เข็ด’ แม้จะไม่พอใจที่ถูกนายหื่นกามฉวยโอกาส แต่
ความสนใจเรื่องการขับเรือมีมากกว่า เธอจึงเดินไปนั่งข้างคนขับร่างใหญ่
‚สนใจอยากเรียนวิธีขับเรือหรือเปล่า ถ้าสนจะสอนให้ รับรองไม่คิดกะตังค์
สอนให้ฟรี ๆ‛
สายรุ้งมองเขาด้วยความทึ่ง เขารู้ทันความคิดเธออีกแล้ว
‚ความจริงถ้าคุณคิดจะสอนก็ไม่เสียหาย แม่เคยบอกว่าจงฉกฉวยทุกนาที
เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เมื่อมีโอกาส
เพราะทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเรานั้นมีอะไรให้เราเรียนรู้ได้ตลอดเวลา‛
เขามองเธอด้วยความทึ่ง คิดว่าจะรักษาฟอร์มตามภาษาคนฟอร็มเยอะ แต่ก็
เปล่า
‚อาจาร์ยกุลชาสมกับเป็นครูที่น่านับถือจริง ๆ ถ้าอยากเรียนไว้วันหลังจะสอน
ให้ แต่วันนี้เวลาและโอกาส
ไม่อํานวย เราต้องรีบกลับกรุงเทพฯ ด่วน‛
‚ก็ได้ค่ะ ถามจริง ๆ ได้มั้ยคะ โซเฟียกับโดมินิกมีความสัมพันธ์อะไรกับคุณ ‚
เป็นครั้งแรกที่สายรุ้งพูดคุย
กับเขาอย่างเป็นกันเอง หรือเพราะความอยากรู้มีมากกว่ากันแน่
‚เรื่องมันยาว ความจริงผมไม่คิดจะปิดบังคุณหรอก แต่ยังไม่ถึงเวลา บอก
ตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ เอาเป็นว่า
สองคนนั้นเคยเป็นเพื่อน แต่เป็นเพื่อนที่ไว้ใจได้ยากที่สุด และก็ยากจะตัดสินว่าจริง
ๆ แล้วเป็นมิตรหรือศัตรู‛
คําตอบของเขากํากวมพอสมควร
‚สาบานนะว่านี่คือคําตอบ ถ้าใช่ ก็เป็นคําตอบที่ชวนให้ปวดหมองที่สุด สรุป
คือคุณยังไม่อยากให้ฉันรู้อยู่ดี
ฉันไม่ถามคุณเรื่องนี้ก็ได้ ขอถามเรื่องอื่นก็แล้วกัน คุณรู้จักแม่ฉันได้ยังไง‛ สายรุ้ง
ค่อย ๆ แซะเข้าไปทีละเรื่อง
ที่เธออยากรู้โดยใช้วิธีชวนคุยธรรมดาที่สุด แต่ตนุภัทรกลับรู้สึกว่านี่คือความร้าย
กาจของสายรุ้ง เธอมีหลายอย่าง
ในตัวให้ศึกษาอยู่เรื่อย ที่ผ่านมา เขารับรู้แต่ว่าเธอเป็นสาวปากกล้า ตรงไปตรงมา
ไม่ยอมคน แต่เวลานี้เขาได้เรียนรู้แล้วว่า
เธอรู้จักวิธีเจรจาสันติภาพในการล้วงความลับของผู้อื่นได้เหมือนกัน อย่างนี้ค่อยสม
กับเขาหน่อย ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้สวย
เฉพาะรูปร่างหน้าตา แต่ปัญญายังสวยอีกด้วย จิตใจก็คงไม่ต่างนัก เพียงแต่เธอคง
ยินยอมมอบดอกไม้ในหัวใจให้
บุคคลที่เธอรักเท่านั้น แต่สําหรับศัตรูคงได้แต่ก้อนอิฐกระมัง แล้วเมื่อไรเขาจะได้
ดอกไม้ในหัวใจเธอบ้าง คิดแล้วกลุ้มจริง ๆ
‚เรื่องนี้คุณต้องไปถามคุณแม่คุณเอง จะได้คําตอบที่ดีกว่า ‛ เขาจงใจยั่ว
อารมณ์เธอ สายรุ้งเริ่มไม่พอใจแล้ว
เพียรแต่ระงับไว้ และเตือนตัวเองว่า
‘การเจรจากําลังไปได้สวย อย่าให้อารมณ์โกรธมาทําลาย ไม่อย่างนั้นเรื่องที่
อยากรู้จะไม่ได้รู้’ เธอยิ้มเล็กน้อยก่อนพูดอย่างอ่อนหวานว่า
‚ตกลงไม่บอกก็ได้ค่ะ ไว้จะโทรไปถามแม่เอง ขอถามอีกเรื่องได้มั้ยคะที่รักขา‛
ตนุภัทรเริ่มกลัวมากขึ้น
‘เอาละสิ ตายแน่ นายตนุภัทร เจอลูกอ้อนอย่างนี้ยากจะรับมือแน่ ๆ อาจ
เผลอใจอ่อนได้’
‚ได้จ้ะที่รักจ๋า อยากรู้อะไรบอกมา‛
‚ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ แต่อยากรู้ทําไมคุณถึงได้ฉายานักธุรกิจลึกลับ
เศรษฐีโหดคะ‛
‚เรื่องมันยาว อย่าไปใส่ใจเลย มันเป็นเพียงลมปากคน ไม่นานก็ลืม เหมือน
คลื่นกระทบฝั่งแล้วหายไป หา
รอยไม่เจอเพราะถูกคลื่นลูกใหม่กลบอยู่เรื่อย ผมว่าแทนที่คุณจะสนใจข่าวลือ
เกี่ยวกับตัวผม สู้สนใจ
ตัวตนที่แท้จริงของผมดีกว่านะที่รักจ๋า ‛
สายรุ้งถอนใจหนัก ๆ
‘ตาบ้า ! รู้ทันทุกทีสิน่า ไล่ไม่จนสักเรื่อง’
‚ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีเรื่องจะถามแล้วเหมือนกัน เป็นไง พอใจมั้ยคะที่รักขา‛
คราวนี้เขารู้ว่าเธอแกล้งประชด
‚พอใจครับผม‛ เขาหัวเราะเบา ๆ และตั้งใจขับเรือต่อขณะที่สายรุ้งนั่งนิ่ง
อย่างพยายามจะสงบสติอารมณ์

ศุภานันเที่ยวและดื่มจัดจนเมากลับบ้านแทบทุกวันหลังจากที่ถูกสายรุ้งแย่ง
ตนุภัทรไป แต่เธอก็ฉลาดพอที่จะไม่
เข้าบ้านทันทีให้บิดาจับได้ว่าเธอประพฤติตัวไม่ดี เธอจะไปพักที่บ้านเพื่อนให้หาย
เมาก่อนจึงค่อยกลับบ้าน
ส่วนบิดานั้นมารดาจะเป็นฝ่ายรับหน้าเอง แต่วันนี้เธอกลับบ้านมาด้วยสีหน้าระรื่น
สวนกับดนุวัศที่กําลังจะ
ออกจากบ้าน เธอรู้ดีว่าพี่ชายกําลังจะไปไหน พี่ชายติดการพนันและเป็นเสือผู้หญิง
ทั้งเธอและพี่ชายต่างแสดงละคร
ต่อหน้าบิดาได้เก่ง ดนุวัศทําตัวเป็นคนเอาการเอางาน ตั้งใจเรียนรู้กิจการของบิดา
ทั้งที่จริง ๆ แล้วปล่อยให้ผู้ช่วย
ทําแทนเกือบทุกเรื่อง เวลาอยากเล่นก็จะอ้างเรื่องธุรกิจบินไปเล่นที่ฮ่องกงบ้าง
มาเลเซียบ้าง บางทีก็เขมร
หรือเช่าเซฟเฮาส์ชวนพรรคพวกมาเล่นเอง บางครั้งก็พาสาว ๆ ไปหาความสุขกัน
โดยที่บิดาไม่รู้เพราะวุ่นอยู่กับ
เรื่องการเมือง แถมยังมีมารดาคอยช่วยปกปิดให้
‚วันนี้อารมณ์ดีนะ ยายนัน หลายวันก่อนเห็นจะเป็นจะตาย ไง ไปเจอคน
ถูกใจคนใหม่เข้าแล้วสิ
พี่ขอเตือนนะ ทําอะไรให้ระวังตัวหน่อย ผู้ชายทุกคนที่เข้ามาตีสนิทกับแก มันอยาก
ฟันแกทั้งนั้นแหละ‛
พี่ชายเตือนด้วยความหวังดี แต่ศุภานันยักไหล่ไม่สนใจ พาร่างอันเย้ายวนไป
นั่งไขว่ห้างบนโซฟา
‚พี่วัศคิดว่านันโง่งั้นสิ ใครที่คิดหลอกกินฟรี ยาก ไม่มีทาง มีแต่ผู้ชายเท่านั้นที่
จะถูกนันใช้เป็นเครื่องมือ
อย่างวันนี้ นันไปเจอนักธุรกิจลูกครึ่งคนดัง หน้าตาดีมาก และไม่งี่เหง้าเหมือนนาย
ตนุภัทรที่มองไม่เห็นค่าของนัน ‛
ศุภานันกําลังอยู่ในอารมณ์สมหวัง เพราะการเข้ามาพัวพันของโดมินิกเหมือนเป็น
การชดเชยความผิดหวังจาก
ตนุภัทร ในความคิดเธอ โดมินิกเทียบตนุภัทรได้ทุกอย่าง เผลอ ๆ อาจเหนือกว่า
ด้วย เธอถูกมารดาสอนให้คบคน
เฉพาะเปลือกที่ห่อหุ้มอยู่ภายนอกเท่านั้น ใครที่แต่งตัวดี บุคลิกดี หน้าตาดี ฐานะ
ทางสังคมบอกว่าดีก็ถือว่าดี
ใช้ได้ เหมาะสมกับเธอ อีกอย่าง เธอเป็นสาวสมัยใหม่ที่ไม่คิดจะเก็บรักษา
พรหมจารีไว้จนวันแต่งงานหรอก
ประสบการณ์เป็นสิ่งจําเป็นสําหรับผู้หญิงยุคนี้ และไม่มีใครเขาถือสาเรื่องนี้กันแล้ว
ด้วย เธอคิดอยู่บ่อย ๆ ว่าสายฝนกับสายรุ้งหลงเชื่อคําสั่งสอนของมารดาจึงหาแฟน
ไม่ได้สักที ผู้ชายทุกคนที่มาติดพันสองสาวสุดท้าย
ก็ตีจาก เธอไม่รู้ความจริงมากกว่าว่าเพราะอะไรจึงคิดตามประสบการณ์ของตัวเอง
โดยมีมารดาคอยส่งเสริม
ความคิดผิด ๆ นี้ให้ บงกชเองก็ไม่ต่างกันนักก่อนจะมาพบกับปพน เพียงแต่รู้จักใช้
มารยาแสร้งทําเป็นหญิงรัก
นวลสงวนตัวได้แนบเนียนกว่าเท่านั้นเอง
‚ถ้าคิดอย่างนั้นก็ตามใจนะ ระวังตัวไว้บ้างก็ดี จะบอกให้นะ ผู้ชายทุกคนที่
คบนันคงไม่คิดจะเก็บนันไว้จน
วันแต่งงานหรอก‛ ดนุวัศเตือนน้องสาวด้วยความเป็นห่วง อย่างไรก็สายเลือด
เดียวกัน ถ้าเป็นสายฝนกับสายรุ้ง
เขาจะสะใจมากที่ถูกผู้ชายหลอกฟัน แต่กลับผิดหวังทุกครั้ง ดูเหมือนน้องสาวต่าง
มารดาจะประพฤติตัว
ได้ดีกว่าน้องสาวของเขา และดูมีค่าในสายตาผู้ชายที่มาติดพันมากกว่า หากมอง
ด้วยความยุติธรรม
‚พี่วัศไม่ต้องห่วงนันหรอกค่ะ นันไม่ถูกหลอกง่าย ๆ หรอก ห่วงตัวเองก่อน
ดีกว่า อย่าเล่นให้มันบ่อยนัก ระวัง
คุณพ่อจะจับได้ คุณพ่อเกลียดการพนันเข้าไส้ ที่ทํางานก็เหมือนกัน หัดไปทํางาน
จริง ๆ บ้าง อย่าปล่อยให้ผู้ช่วย
ทําหมด สักวันจะถูกใช้เป็นเครื่องมือ แล้วจะหาว่านันไม่เตือน‛ แทนที่จะเชื่อฟังคํา
เตือนของพี่ชาย
เธอกลับทําเป็นอวดดีไปสั่งสอนพี่ชายแทน ดนุวัศจึงโกรธนัก
‚เรื่องของพี่เธอไม่ต้องมายุ่ง ระวังตัวเองไว้เถอะ จะท้องหาพ่อไม่ได้เข้าสักวัน ‛
เมื่อน้องสาวจี้ใจดําเขาเข้า
ความห่วงใยที่มีต่อน้องสาวจึงกลายเป็นคําด่าทอ
‚เรื่องของนัน ไม่ต้องมายุ่ง ระวังเรื่องของตัวเองเถอะ ถ้าเกิดมีข่าวฉาวลงหน้า
หนึ่งเพราะถูกจับคาบ่อน
จะเป็นไง นันไปละ‛ ศุภานันพูดจบก็รีบขึ้นห้อง ดนุวัศมีใบหน้าเครียดจัด
‚นังน้องแสบ อย่าให้ป่องขึ้นมาก็แล้วกัน ‛ เขาด่าตามหลังก่อนขับรถออกจาก
บ้านไป หญิงแม่บ้านเห็นแล้ว
ส่ายหน้า ‘นี่ละน้า เขาว่าเชื้อไม่ทิ้งแถว แม่อย่างไรลูกอย่างนั้น ’ แกเป็นคนเดียวที่ยัง
อยู่รับใช้อยู่บนตึกใหญ่นี้ เพราะ
เป็นคนในบ้านของปพนนั่นเอง บงกชจึงไม่กล้าแตะ

ภายในห้างสรรพสินค้าใหญ่หรูหราแหล่งเศรษฐกิจใจกลางเมือง สายรุ้งเดิน
ตามร่างสูงใหญ่ของตนุภัทร
ไปเรื่อย ๆ สีหน้าเธอไม่ค่อยจะพอใจนัก วันนี้ถูกปลุกแต่เช้าทั้งที่ง่วงแสนง่วง เรื่อง
ของเรื่องคือเจ้าของบ้านเกิดอยาก
ออกกําลังกายวิ่งไปรอบ ๆ สวน ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นสวนสาธารณะมากกว่า
สวนหย่อมในบ้าน ปกติแม้เธอไม่ใช่
คนตื่นสาย แต่ถ้าตื่นเช้าประมาณตีห้าแล้วให้ไปออกกําลังกายละก็...ไม่ไหว ตั้งแต่
ชีวิตต้องมาพัวพัน
กับเขา เธอไม่เคยได้นอนซ้ําที่สักครั้ง
‘คนบ้าอะไรก็ไม่รู้บ้านเยอะจัง หรือกลัวถูกลอบสังหาร ถึงได้มีบ้านเยอะนัก
แค่เดินทางย้ายที่นอนเป็นว่าเล่น
ก็เหนื่อยแล้ว ยังต้องมาวิ่งเป็นเพื่อนนายคนนี้อีก ไม่รู้จักเหนื่อยกับเขาบ้างหรือไง
นะ’ เธอค่อนเขาในใจ
ขณะเดินตามเขาไปเรื่อย ๆ ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่แผนกเสื้อผ้าบุรุษ
‚จะซื้อเสื้อผ้าก็ไม่บอก เชิญเลือกตามสบายนะคะ ฉันขอตัวเดินดูอย่างอื่น
ก่อน‛ สายรุ้งขอแยกตัวทันที
‚อยากดูอย่างอื่นก็รอผมซื้อเสื้อผ้าเสร็จแล้วไปด้วยกัน คุณเป็นภรรยาผมต้อง
ช่วยผมเลือกเสื้อผ้าถึงจะถูก
จะเลือกกี่ชุดก็ได้ หรือจะเหมายกแผนกก็ได้ ‛ นอกจากเขาจะห้ามแล้วคําพูดยังกวน
อีก สายรุ้งอยากแก้เผ็ด
สามีเผด็จการ
‘เดี๋ยวก็รู้ อยากกวนดีนัก ’ เธอยิ้มหวานหยดย้อยแล้วเดินดูเสื้อกับกางเกงบุรุษ
ยี่ห้อดังที่
แขวนโชว์อยู่หลายยี่ห้อ สักพักก็บอกพนักงานขายว่า
‚คุณคะ ช่วยเลือกเสื้อกับกางเกงไซซ์เดียวกับคุณผู้ชายคนนี้ให้หน่อยค่ะ มีกี่
ตัวกี่แบบเอามาให้หมด
รวมทั้งสต๊อคที่คุณมีอยู่ด้วยค่ะ อ้อ ! ลืมไปค่ะ ยี่ห้ออื่นด้วยนะคะ ขนาดเดียวกัน ทั้ง
ชุดใส่เล่น ออกกําลังกาย
ไปทํางาน ออกงาน‛
พนักงานขายอ้าปากค้าง คิดว่าหูฝาด หรือไม่สาวสวยน่ารักคนนี้คงจะเพี้ยน
ใครมันจะมีปัญญาซื้อเหมา
หมดสต๊อค หรือจะซื้อไปขาย แต่ไม่น่าใช่ ถ้าจะขายต้องคละไซซ์สิ พอมองหน้า
ผู้ชายที่มาด้วยก็อดตะลึงไม่ได้
ทั้งหล่อทั้งเท่ กําลังกลั้นยิ้มเต็มที่ สงสัยจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ หรือว่าพ่อแง่
แม่งอน ขอดูให้แน่ดีกว่า
ไม่อย่างนั้นวุ่นแน่
‚โทษนะคะ คุณแน่ใจนะคะว่าจะเหมายกไซซ์หมดทุกยี่ห้อ คือ...เอ่อ ! คือว่า
ดิฉันเกรงว่าคุณผู้ชายจะเบื่อ
เสียก่อน เพราะแบบใหม่ ๆ มีออกมาเรื่อย ๆ ดิฉันขอแนะนําว่ารับแค่แบบละตัวสอง
ตัวก็พอค่ะ‛ พนักงานขาย
ฉลาดพอสมควร คงไม่มั่นใจว่าลูกค้าจะมีเงินจ่ายหรือเปล่า พูดตรง ๆ ก็คือมีหวัง
ทะเลาะกับลูกค้าแน่ และผลเสีย
ก็จะตามมาอย่างแน่นอน ตนุภัทรเห็นท่าทีพนักงานขายแล้วเริ่มสงสาร เขาเองก็นึก
ไม่ถึงว่าสายรุ้งจะแกล้งด้วย
วิธีนี้ เขาไม่ได้ห่วงเงิน แต่ห่วงว่าจะใส่อย่างไรหมดต่างหาก
‘ร้ายจริง ๆ ที่รักจ๋า’
‚ที่รักจ๊ะ ผมผิดไปแล้ว โกรธผมงอนผมก็อย่าไปลงกับคนอื่นสิจ๊ะ คนอื่นเขาไม่
รู้เรื่องกับเราด้วย ไม่ควรโดน
หางเลขไปด้วยนะ เอาเป็นว่าผมขอโทษก็แล้วกัน หายโกรธหายงอนนะ...นะ ‛ ตนุ
ภัทรร้ายนัก แกล้งสายรุ้งให้ได้
อาย สายรุ้งมองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง
‚คุณ...‛ เธอพูดได้แค่นั้นแล้วรีบเดินออกจากแผนกเสื้อผ้าบุรุษไปทันที
‚เรื่องเสื้อผ้าเดี๋ยวค่อยว่ากันใหม่ครับ ผมขอตัวไปง้อภรรยาผมก่อน ไว้เธอ
อารมณ์ดีค่อยมาซื้อใหม่ ‛
เขารีบหันไปบอกพนักงานขายก่อนเดินตามสายรุ้งออกไป พนักงานขายรู้สึก
เสียดายถึงกับบ่นออกมาดัง ๆ
‚แหม ! น่าเสียดาย กําลังจะได้เงินก้อนโตแล้วเชียว อดเลย‛ สักพักก็เจอกับ
ชายหญิงอีกคู่หนึ่ง หน้าตาหล่อและ
สวยน่ารัก มาพร้อมเด็กชายอายุราว ๆ สองสามขวบเห็นจะได้กับพี่เลี้ยง เดินตรงมา
หาซื้อเสื้อผ้า พนักงานสาว
นึกขํา ‘วันนี้มันวันอะไรกันนะ เจอแต่คนสวยคนหล่อทั้งนั้น แต่แปลก สาวสวยคนนี้
ทําไมหน้าตาดูคล้าย ๆ กับ
คนเมื่อกี้นะ แต่สวยน่ารักกันคนละแบบ’
‚คุณฝนช่วยผมเลือกสักสี่ห้าชุด เอาที่มันออกงานได้ไม่อายใครก็พอ‛ วรเมธ
บอกสายฝนที่กําลังหยอกข้าวโอ๊ต
เล่นอยู่ เธอไม่ต้องการทําหน้าที่นี้ คนที่ทําหน้าที่นี้น่าจะเป็นแฟนหรือภรรยา
มากกว่าลูกจ้างอย่างเธอ แต่เจ้านาย
แสนร้ายกาจก็ไม่ยอมให้เธอเลี่ยงได้ ขณะที่เปรี้ยวเชียร์เต็มที่ เด็กสาวสบช่องให้ทั้งคู่
อยู่กันตามลําพัง
‚พี่ฝน คุณเมธ เปรี้ยวขอตัวพาคุณข้าวโอ๊ตไปที่แผนกของเล่นเด็กก่อนค่ะ ‛
เปรี้ยวไม่อยากเป็นก้างขวางคอ
‚ระวังอย่างให้คุณข้าวโอ๊ตซนจนซ้ําแผลเดิมล่ะ ไว้เสร็จแล้วฉันกับคุณฝนจะ
ตามไป‛ วรเมธเตือน สายฝนเริ่ม
ไม่พอใจเปรี้ยว ให้มาเป็นตัวกันระหว่างเธอกับวรเมธ เธออุตส่าห์เอาข้าวโอ๊ตมาอ้าง
และลากเอาเปรี้ยวมาด้วย
แต่ช่วยอะไรไม่ได้เลย เมื่อคืนกว่าจะรู้ว่าทั้งป้าบุญและเปรี้ยวถูกต้อมคนของพนิดา
วางยานอนหลับในอาหารทําให้
เผลอหลับยาวไม่รู้ตัวจนเกือบสว่าง เช้านี้เธอหวังว่าพนิดาจะอยู่บ้านและรู้ว่าเธอจะ
ออกมากับวรเมธ เมื่อนั้นแผน
ของเจ้านายเจ้าเล่ห์ก็ไม่สําเร็จ เพราะเธอจะเอาพนิดามาอ้างและให้พนิดาไปแทน
คิดว่าพนิดาคงพอใจ แต่ผิดคาด
พนิดาบังเอิญมีธุระต้องออกจากบ้านแต่เช้า ที่สุดก็เลี่ยงไม่ได้
‚ปกติคุณใส่ไซซ์ไหนคะ จะได้เลือกถูก‛ เธอถามเหมือนพนักงานขายมากกว่า
คนที่คุ้นเคยกัน
‚ผมไม่ค่อยจะใส่ใจนัก บางทีก็หยิบมาทาบตัวดู ตัวไหนคิดว่าพอใส่ได้ก็ไป
ลอง แล้วเอาเลย ผมไม่เคยสังเกตว่า
เสื้อผ้าที่ผมใส่นั้นไซซ์อะไร‛ เขาตอบเหมือนแกล้ง สายฝนเฉยอย่างพยายามอด
กลั้นกับคนตัวใหญ่เจ้าปัญหา
ก่อนเดินไปเลือกเสื้อกับกางเกงเข้าชุดกันสองสามชุดแล้วหยิบมาลองทาบตัวเขาดู
ว่าได้หรือไม่ พนักงานขาย
คนเดิมลอบยิ้ม สงสัยเจอพ่อแง่แม่งอนอีกคู่แล้ว แต่คู่นี้ดูเรียบร้อยไม่ค่อยแสดงออก
มากนัก ฝ่ายชายลอบยิ้ม
ตลอดเวลาที่ฝ่ายหญิงเอาเสื้อทาบตัวเขา
‚ไซซ์นี้คงใช้ได้ค่ะ คุณเมธไปลองที่ห้องลองก่อน จะได้ดูว่าใส่ได้พอดีตัวหรือ
เปล่า‛ สายฝนยื่นเสื้อผ้าที่
เลือกไว้ทั้งหมดให้พนักงานขายเดินนําวรเมธไปยังห้องลองและยืนรออยู่ด้านนอก
ระหว่างที่ยืนรออยู่นั้น เธอทอด
สายตามองไปรอบ ๆ แล้วสายตาก็บังเอิญเห็นศุภานันเดินคล้องแขนมากับชาย
หนุ่มลูกครึ่งกําลังลงบันไดเลื่อนมา เธอรีบเดินหลบเข้าไปในบริเวณห้องลองเสื้อที่วร
เมธกําลังลองอยู่ทันที แล้วยืนรอจนกระทั่งเขาเปิดประตูออกมายิ้มให้เธอ แต่เธอ
กลับหันหน้ามองไปรอบ ๆ เหมือนต้องการดูให้แน่ใจว่าศุภานันมาที่แผนกนี้หรือไม่
พอแน่ใจว่าไม่ ก็ลอบถอนใจอย่างโล่งอก วรเมธมองเห็นท่าทางกระวนกระวายของ
สายฝนแล้วก็ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัยแต่ไม่คิดจะถาม กลับพูดยั่วขึ้นว่า
‚ฝนจ๋า ถึงกับตะลึงในความหล่อของผมเลยหรือ ‛
พอสายฝนได้ยินดังนั้นจึงรู้ตัว
‚ค่ะเจ้านาย หล่อม้ากมาก ชอบใช่มั้ยคะ ชุดที่เลือกให้ ถ้างั้นก็หมดหน้าที่ฝน
แล้ว เชิญเจ้านายจัดการต่อเอง
นะคะ ฝนขอตัวไปหาข้าวโอ๊ตก่อน เสร็จแล้วตามไปนะคะ คุณเมธ‛ สายฝนจงใจยั่ว
กลับ รีบชิ่งก่อนที่จะถูก
เขาลากไปหาซื้อของใช้ส่วนตัวอย่างอื่นต่อ วรเมธยิ้มอย่างรู้ทันก่อนยื่นชุดทั้งหมด
ให้พนักงานขายไปคิดเงิน
ในใจครุ่นคิดถึงท่าทางเมื่อครู่ของสายฝน ใบหน้าสวยใสนั้นบอกว่ามีกังวล ร้อนรน
ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรกันแน่
เห็นทีเบื้องหลังของแม่บ้านที่รักของเขาคงมีอะไรให้น่าค้นหา ไว้กลับจากประชุมที่
ยุโรปก่อนค่อยหาทางสืบหา
เรื่องราวความเป็นมาของฝนจ๋า คงไม่ธรรมดาแน่ ทั้งความรู้ การวางตัว การพูดจา
บอกว่าเป็นคนที่ได้รับ
การอบรมมาดี แม้ว่าเธอจะอ้างว่ามารดาเป็นครูก็ตาม
ตอนที่ 10

สายรุ้งเดินมาเรื่อย ๆ จนผ่านแผนกจิวเวอรี่ คิดจะแกล้งเศรษฐีใหญ่จอมร้าย


กาจโดยเหมาซื้อสร้อยเพชรมาชื่นชม
เล่นสักสองสามเส้น เอาแบบที่แพงจี๊ดจ๊าดไปเลย แต่พอสายตาเหลือบไป
เห็นศุภานันเดินเกาะแขนมากับโดมินิก
ก็รีบหลบออกมา พอหลบออกมาก็บังเอิญเห็นดนุวัศเดินควงคู่มากับหญิง
สาวคนหนึ่ง หน้าตาสวยไม่เลว รูปร่าง
ประเภทเดียวกับศุภานัน คือยั่วน้ําลายเพศตรงข้ามได้สบาย ๆ ยังมีรสนิยม
การแต่งตัวคล้ายกันอีกคือขยันโชว์
เสียจริง คงคิดว่ามีดีให้อวด เธอไม่อยากพบจึงรีบเดินลงบันไดเลื่อนไปอีก
ชั้นหนึ่ง ขณะเดียวกับที่สายฝนกําลังลง
บันไดมาพร้อมเปรี้ยวและวรเมธที่อุ้มข้าวโอ๊ตอยู่ สายฝนไม่เห็นสายรุ้งที่อยู่
ด้านล่างเพราะเธอกําลังคุยกับเปรี้ยว
และถูกร่างสูงใหญ่ของวรเมธบัง โดยมีตนุภัทรที่วิ่งตามลงมาอีกคน สายรุ้งไม่
รู้ว่าคนที่เธออยากพบกําลังลงบันได
เลื่อนตัวเดียวกับเธอ น่าเสียดายที่สองพี่น้องอยู่ใกล้กันแค่เอื้อมกลับไม่ได้พบ
กัน
สายรุ้งเดินดูของในห้างไปเรื่อย ๆ นึกอยากซื้อของบางอย่าง แต่พอนึกได้ว่า
เธอไม่มีเงินมากเพียงนั้นจึงได้แต่
หยุดมองไปเรื่อย ๆ เธอเดินดูกระเป๋าสวย ๆ ตามร้านต่าง ๆ อย่างสนใจ แบบ
สวยถูกใจแต่ราคาแพงเกินความจําเป็น
นึกแล้วเสียดายเงิน แต่ละใบราคาเหยียบหมื่น ต้นทุนจริง ๆ คงไม่เท่าไร พอ
บวกค่าออกแบบและค่ายี่ห้อเข้าไป
ก็ทําให้ราคาสูงขึ้นลิบมาได้ เคยมีบางครั้งที่นึกอยากมีมาถือไว้โก้ ๆ สักใบ แต่
เพราะคําพูดของมารดาที่ว่า
‘คนส่วนใหญ่เสียเงินโดยเปล่าประโยชน์เพราะซื้อของตามอารมณ์ หากหยุด
คิดสักนิดว่าของชิ้นนั้นมีประโยชน์
ใช้สอยอะไร เมื่อนั้นเงินในกระเป๋าจะไม่ถูกละลายไปกับของล่อตาล่อใจที่เห็น
แล้วเกิดกิเลส และมานึก
เสียดายทีหลังว่าเราแทบไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรจากมันเลย ซื้อมาตั้งแพงแต่
ใช้ประโยชน์ได้นิดเดียว แฟชั่นน่ะ
มันมาเร็วและไปเร็วเสมอนะลูก วันนี้เราอาจถูกใจแบบนี้ พรุ่งนี้ก็มีแบบใหม่
มาหลอกล่อเราอีก ถ้าคิดจะตามแฟชั่น
ให้ทัน คงยากเต็มที บางทีกว่าจะรู้ตัวก็เสียเงินไปเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ’
ดังนั้นของใช้ส่วนใหญ่ของเธอกับสายฝนจึงเป็นแบบเรียบ ๆ ดูดี ไม่เว่อร์ ไม่
ล้าสมัยจนเกินไป ราคาปานกลาง
ส่วนพวกที่กําลังอยู่ในกระแส ก็ได้แต่ดูเพื่อไม่ให้ตกยุค สายรุ้งเดินดูกระเป๋าไป
สมองก็คิดตามจนกระทั่งเกือบ
จะชนกับศุภานันและโดมินิก
‚สวัสดีครับ คุณรุ้ง ใจลอยคิดถึงใครครับ ‛ โดมินิกทักเสียงสุภาพผิดปกติ
สายรุ้งหันหน้าไปตามเสียง
และแล้วก็ทําหน้าเซ็ง ๆ อดคิดในใจไม่ได้ว่า
‘ทําไมนะ คนที่อยากพบกลับไม่ได้พบ คนที่ไม่อยากพบกกลับได้พบ เมื่อครู่
พยายามหลบเกือบตาย ต้องมาเจอ
จนได้ ถ้าเปลี่ยนสองคนนี้เป็นพี่ฝนกับแม่คงดีไม่น้อย’ เธอไม่รู้ว่าสายฝนอยู่แค่
ปลายจมูกนี่เองแต่กลับไม่ได้พบ
‚คุณโดมินิกคิดว่าฉันจะคิดถึงใครคะ ถ้าไม่ใช่คุณภัทร‛
‚คุณรุ้งพูดจาไม่อายปากบ้างเลยนะ บอกมาได้คิดถึงผู้ชาย เสียชื่อหมด‛ ศุ
ภานันยังแค้นสายรุ้งไม่หายที่
มาแย่งตนุภัทรไปต่อหน้าต่อตา จึงทําทีเป็นตําหนิข่มสายรุ้ง อยากให้โดมินิกรู้ว่า
สายรุ้งไม่ได้วิเศษอะไร
‚ก็ไม่แปลกนี่ครับ ถ้าภรรยาจะคิดถึงสามี จริงมั้ยจ๊ะที่รักจ๋า ‛ เสียงตนุภัทรดัง
ขึ้นก่อนจะมายืนต่อหน้าคนทั้งคู่
ศุภานันมองตนุภัทรอย่างเสียดายและชิงชังสายรุ้งไปในตัว เธอพยายามคิดว่านัก
ธุรกิจโหดจะร้ายกับสายรุ้ง
แต่ที่เห็นกลับตรงข้าม ดูทั้งรักทั้งหลงน่าดู มีเพียงโดมินิกเท่านั้นที่รู้ว่าตนุภัทรจงใจ
แสดงออกอย่างนั้นเพื่อ
ปกป้องสายรุ้งต่างหาก
‚ผมนึกไม่ถึงว่าคุณนันจะรู้จักภรรยานักธุรกิจลึกลับกับเขาด้วย คุณนันเป็น
อะไรกับคุณสายรุ้งครับ‛
โดมินิกแกล้งถามทั้งที่รู้ เพราะผู้หญิงอย่างศุภานันเข้าประเภทถือดีแต่ไร้สมอง ซึ่ง
ตรงข้ามกับสายรุ้ง
‚เราเป็นพี่น้องต่างมารดากันค่ะ ‛
‚งั้นหรือครับ ผมนึกไม่ถึงจริง ๆ ภัทร ที่สุดเราก็หนีกันไม่พ้นนะเพื่อน‛ โดมินิก
ส่งสายตาท้าทายไปยังตนุภัทร
‚นั่นคุณคิดเองคนเดียว มันไม่เกี่ยวกับผม ไปกันเถอะที่รักจ๋า ‛ ตนุภัทรพูดจบ
ก็จูงมือสายรุ้งเดินเข้าไปใน
ร้านกระเป๋ายี่ห้อดังโดยไม่สนใจคนทั้งคู่ แม้สายรุ้งไม่ชอบใจที่เขาเรียกเธอว่าที่รักจ๋า
ขณะเดียวกันก็
นึกสะใจที่เห็นสีหน้าผิดหวังของศุภานัน
‚นี่คุณ ขออะไรอย่างได้มั้ย‛ สายรุ้งเอ่ยเสียงเรียบขณะที่เดินตามเขาเข้ามาใน
ร้านกระเป๋ายี่ห้อดัง
‚ขออะไรจ๊ะที่รักจ๋า‛ วันนี้เขาดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าไปกินอะไรผิด
สําแดงมาถึงได้ขยันยั่วเธอนัก
และแล้วเธอก็ได้คําตอบเมื่อเห็นร่างเซ็กซี่เย้ายวนของโซเฟียเดินเข้ามาในร้านและ
เดินมาทัก
‚ที่รักคะ หวานกันจริงนะคะ ระวังนะ คุณรุ้ง เวลาที่ภัทรหวานกับใครแบบนี้
อันตรายจะกําลังใกล้เข้ามา โซเฟีย
นึกไม่ถึงว่าภัทรจะเขี่ยคุณรุ้งได้เร็วจัง ‛ สายรุ้งมองหน้าโซเฟียแล้วเริ่มสงสัยว่าตกลง
ผู้หญิงคนนี้ต้องการอะไรกันแน่
ดูพยายามเหลือเกินที่จะสร้างความร้าวฉานระหว่างเธอกับสามีตามกฎหมาย ทํา
ให้เขาดูน่ากลัวจนเกิด
ความหวาดระเวงในใจได้ ถ้าเธอบังเอิญรักชอบเขาขึ้นมาจริง ๆ คงต้องคิดมากแน่
แต่บังเอิญเธอไม่ได้รู้สึกรักชอบเขา
สักเท่าไร แค่เริ่มรู้สึกว่าเขาก็พอใช้ได้เท่านั้น ดังนั้นความพยายามของโซเฟียจึงไม่
เป็นผล
‚ขอบคุณในความหวังดีนะคะ แต่เรื่องความรักระหว่างฉันกับคุณภัทรมัน
ลึกซึ้งเกินกว่าที่คนนอกอย่างคุณ
จะเข้าใจ จริงมั้ยคะ ภัทรขา‛ สายรุ้งแกล้งทําตาหวานซึ้งมองตนุภัทร ยื่นมือไปจับ
แขนเขาอย่างจงใจ
ตนุภัทรยิ้มให้กับดาราเจ้าบทบาทตรงหน้าและมองตอบเช่นเดียวกัน
‚นั่นสิที่รักจ๋า เราไปเลือกกระเป๋ากันดีกว่า คุณอยากได้ใบไหนก็เอาเลย หรือ
จะเหมาทั้งร้านก็ได้นะ‛
ตนุภัทรแสบพอกัน ทําเหมือนไม่สนใจโซเฟีย จนพนักงานในร้านงงแต่ที่แน่ ๆ
คือชวดลูกค้าสาวสวย
ที่เดินออกไปด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับแม้จะพยายามรักษากิริยาให้ดูไม่น่าเกลียด
ก็ตาม

วรเมธพาสายฝนกับหลานชายและเปรี้ยวมาทานข้าวกลางวันในร้านอาหาร
หรูขึ้นชื่อของห้าง พอมาถึงเปรี้ยว
ก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ําและถือโอกาสเดินชมห้างสักพัก เด็กสาวรู้ว่าวรเมธคงชอบ
ส่วนสายฝนอาจไม่พอใจบ้าง แต่
ไม่เป็นปัญหานัก
‚ฝนจ๋า หม่ํา ๆ‛ ข้าวโอ๊ตบอกให้รู้ว่าหิวแล้ว สายฝนยิ้ม
‚หิวไวจังเลย เด็กตะกละ ใจเย็น ๆ ไม่ปล่อยให้อดหรอก เดี๋ยวผอมแย่เลยเรา
เจ้าตัวเล็ก‛
สายฝนล้อเลียนข้าวโอ๊ตซึ่งดูจะไม่ผอมและเล็กเท่าไร วรเมธยิ้ม หันไปสั่งอาหาร
‚ขอข้าวผัดให้เด็ก นอกนั้นอะไรขึ้นชื่อของร้านก็เอามา ขอน้ําผลไม้สดให้คุณ
ผู้หญิงด้วย‛ เขาสั่งโดยไม่อยาก
เสียเวลาคิด เมื่อไม่รู้ว่าร้านนี้อะไรอร่อยก็สั่งของขึ้นชื่อรับรองไม่ผิดหวัง สายฝนงง
เขารู้ได้อย่างไรว่าเธอชอบดื่มน้ํา
ผลไม้สด ระหว่างนั้นข้าวโอ๊ตพยายามเล่นจานช้อนให้วุ่นวายไปหมด ปากก็
บ่น ‚หม่ํา ๆ‛ ตลอดเวลา
‚แล้วกันสิ นายข้าวโอ๊ต หิวก็ต้องใจเย็น ๆ หน่อย สั่งไปแล้ว เดี๋ยวอาหารคง
มา‛ วรเมธบอกหลานชาย
ด้วยน้ําเสียงรักใคร่ บริกรสาวที่ยืนบริการที่โต๊ะยิ้มให้เด็กน้อยอย่างเอ็นดู ข้าวโอ๊
ตยิ้มหวานตอบ
‚แน้ ! หัดเจ้าชู้แต่เล็กเลยนะ ข้าวโอ๊ต ม่ายไหวเลยเรา‛ สายฝนแซวเล่น
‚น่ารักจังนะคะ ลูกชายคุณอายุเท่าไหร่แล้วคะ‛ บริกรสาวถามตามที่เข้าใจ
สายฝนวางหน้าไม่ถูก
ขยับปากจะปฏิเสธ แต่วรเมธยิ้มหน้าบานชิงตอบหน้าตาเฉย
‚เกือบสองขวบแล้วครับ‛
‚หรือคะ คิดว่าสองสามขวบเสียอีก ตัวโตจัง สงสัยหุ่นจะเหมือนคุณพ่อนะคะ
ถึงได้สูงใหญ่‛
‚ครับ จริงมั้ย ฝนจ๋า‛
สายฝนถลึงตาใส่เขาทั้งที่ใบหน้าร้อนผ่าว ‘คน...ร้ายนักมาแกล้งเรา’ คิดจะ
แก้ไขความ
เข้าใจผิดเอาให้เขาหน้าแตก แต่พอดีอาหารมาก่อน จึงต้องป้อนข้าวโอ๊ตแทน วรเมธ
มองสายฝนที่ดูแลเอาใจใส่
ข้าวโอ๊ตแล้วสบายใจ อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องห่วงหลานชายเวลาไปต่างประเทศนาน
ๆ เขามั่นใจว่าสายฝนจะปก
ป้องหลานชายให้เขาได้ วันนี้รู้สึกเหมือนเป็นพ่อแม่ลูกกันจริง ๆ ถ้าเป็นจริงคงดีไม่
น้อย สายตาคมเข้มทอดมอง
ไปทั่วร้านแล้วเขาก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งมองมาที่โต๊ะของเขาโดยมีหญิงสาวอีกคนนั่ง
หันหลังให้ ผู้ชายคนนั้น
มองเขาอยู่สักพักก็ยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก วรเมธมองตอบและยกมือทักทาย กิริยา
ของทั้งคู่ทําให้คนร่วมโต๊ะแปลก
ใจ และยิ่งแปลกใจมากขึ้นเมื่อทั้งคู่ต่างขอตัวไปห้องน้ําพร้อมกัน ทั้งสายฝนและ
สายรุ้งต่างมองตามชายหนุ่มทั้งคู่ไป
แต่พอหันกลับมาก็ตะลึงอย่างนึกไม่ถึง สองพี่น้องยิ้มทันที สายรุ้งเป็นฝ่ายรีบลุกมา
หาพี่สาวด้วยความดีใจสุด ๆ
ก่อนจับมือพี่สาวแล้วพูดด้วยน้ําเสียงตื่นเต้น
‚พี่ฝน พี่ฝนจริง ๆ ด้วย รุ้งดีใจจัง นึกไม่ถึงจะพบพี่ฝนที่นี่ ‛ สายรุ้งพอคลาย
ความตื่นเต้นแล้วจึงสังเกตเห็น
เด็กชายตัวน้อยจ้องมองเธอตาแป๋ว ดวงตาไร้เดียงสานั้นบอกว่าสงสัย
‚เด็กคนนี้เป็นใครน่ะ พี่ฝน‛ สายรุ้งถามแล้วยิ้มหวานให้ข้าวโอ๊ต เด็กน้อยยิ้ม
หวานตอบเช่นกัน
‚ไง รุ้ง น่ารักมั้ยเด็กคนนี้ ‛ สายฝนถามกลับ
‚น่ารักน่าชังจังเลยพ่อหนุ่มน้อย หัดเจ้าชู้แต่เด็กเลยเรา ไหนบอกพี่รุ้งสิว่าชื่อ
อะไรครับ‛ สายรุ้งแกล้ง
หยิกพวงแก้มยุ้ยของข้าวโอ๊ตเบา ๆ เด็กน้อยหัวเราะชอบใจ
‚ยังไม่รู้เรื่องหรอก รุ้ง ชื่อข้าวโอ๊ต อายุยังไม่ถึงสองขวบ นี่แหละหนึ่งในหน้าที่
แม่บ้านของพี่ คือเลี้ยงดู
พ่อหนูน้อยคนนี้‛
‚ดีจัง พี่ฝน ถ้าให้รุ้งเลี้ยงเด็กน่ารักน่าชังแบบนี้รุ้งก็ยอม‛
‚รุ้งเป็นไงบ้าง พี่ได้ข่าวจากแม่ว่ารุ้งแต่งกับคุณตนุภัทร ทําไมล่ะ รุ้ง ‛ สายฝน
ถามด้วยน้ําเสียงเป็นห่วง
‚ไม่ทําไมหรอก พี่ฝน อย่างน้อยก็ดีกว่าอยู่บ้านนั้น อีกอย่าง นายโหดนั่นยอม
ทําตามเงื่อนไขของรุ้ง คือช่วย
ดูแลแม่กับคนของเรา แต่ก็แสบพอควร แยกแม่กับป้าน้อยไปอยู่ที่อื่น ‛ สายรุ้งเล่า
อย่างไม่ซีเรียสนัก
‚แล้วทําไมอยู่ดี ๆ คุณตนุภัทรถึงขอรุ้งแต่งงานและยอมทําตามเงื่อนไขของรุ้ง
ล่ะ หลังจากนั้นเขาทําอะไรรุ้งหรือเปล่า ‛
สายฝนถามเป็นชุด สายตาทอดมองน้องสาวอย่างสงสัยปนห่วงใย สายรุ้งยิ้มและ
หันไปเล่นกับข้าวโอ๊ต
‚พี่ฝนถามเป็นชุด รุ้งจะตอบข้อไหนก่อนดีล่ะ เอาเป็นว่าตอนนี้แม่อยู่อย่างสุข
สบาย ส่วนสามีไม่ตั้งใจของรุ้ง
ก็มีเบื้องหลังมากมายที่รุ้งไม่เข้าใจ ที่แน่ ๆ คือรู้จักแม่มาก่อน แต่ทั้งแม่กับนายนั่น
ไม่ยอมบอก‛ สายฝนมองหน้า
สายรุ้งอย่างไม่เข้าใจ สายรุ้งพูดถึงเศรษฐีโหดอย่างไม่สะทกสะท้าน ดูจะไม่กลัวเอา
เสียเลย เหมือนหมั่นไส้ด้วยซ้ํา
ดูแล้วสายรุ้งไม่น่าจะทุกข์ ดูสนุกด้วยซ้ํา หรือว่า... เป็นไปไม่ได้หรอกที่สายรุ้งจะ
ชอบใครง่าย ๆ สายรุ้งมอง
หน้าพี่สาวแล้วยิ้ม
‚สงสัยพี่ฝนของเราเริ่มสับสนในชีวิตแล้วแน่เยย ข้าวโอ๊ต ขอพี่รุ้งตอบคําถาม
คลายความสับสนของพี่ฝนก่อน
นะครับรูปหล่อ‛ สายรุ้งแกล้งขออนุญาตข้าวโอ๊ต เด็กน้อยยิ้มส่งตาหวานโดยทําตา
ปริบ ๆ ให้สายรุ้งแล้วพูดว่า
‚ยุ้งจ๋า‛ ทั้งสายฝนกับสายรุ้งยิ้มพร้อมกัน
‚สงสัยรุ้งจะมีเสน่ห์มัดใจเด็กนะ เพิ่งรู้จักกันแท้ ๆ ข้าวโอ๊ตทําตาหวานออด
อ้อนใส่แล้ว ฝนจ๋าเริ่มน้อยใจแล้วนะ‛
สายฝนแกล้งทํางอน ข้าวโอ๊ตรีบหันหน้าไปจูบแก้มสายฝนทันทีอย่างเอาใจ
‚ตกลงพ่อหนุ่มน้อยของพี่ฝนจะจีบทั้งพี่ทั้งน้องเลยมั้ง ไม่ดีนา ข้าวโอ๊ต หัด
เจ้าชู้แต่เด็ก สงสัยพ่อเด็กคนนี้คง
เจ้าชู้น่าดู พี่ฝนระวังตัวไว้นะ‛ สายรุ้งคาดการณ์ สายฝนยิ้มก่อนรีบแก้ความเข้าใจ
ผิด
‚ผิดแล้ว รุ้ง เด็กคนนี้น่าสงสารมาก พ่อแม่ตายหมด อยู่กับอา คือเจ้านายพี่
แต่มีน้าสาวตามมาช่วยเลี้ยงด้วย‛
‚พี่ฝน อย่างนี้เนี่ยนะน่าสงสาร พี่ฝนพูดผิดหรือเปล่า บ้านก็รวย แถมยังมีคน
เลี้ยงดูอย่างดีด้วย‛
‚น่าสงสารสิ รุ้ง เพราะน้าสาวของเด็กเอาเด็กมาอ้างเพื่อจีบคุณอาของแก
มากกว่า จะเลี้ยงแกเพื่อเอาหน้า
เท่านั้น แต่พอลับหลังก็ทําร้ายเด็ก น้าสาวของเด็กนะประเภทเดียวกับคุณนันของ
เรานี่แหละ คราวนี้เข้าใจหรือยัง ‛
สายรุ้งพยักหน้า แต่พอคิดอะไรได้ก็รีบถามต่อ
‚แล้วคุณอาของเด็กล่ะ พี่ฝน โสดหรือหน้าตาดี น้าสาวถึงได้ลงทุนขนาดนั้น ‛
สายฝนเริ่มวางหน้าไม่ถูก ก่อนจะตอบด้วยน้ําเสียงปกติว่า
‚ทั้งโสดทั้งหล่อจ้ะ แต่ร้ายและเจ้าเล่ห์ที่สุดเลย‛
‚เอาอีกแล้ว พวกเดียวกับนายโหดนั่นอีกแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ไม่น่าแปลกที่น้า
สาวของเด็กจะชอบ พี่ฝนระวังตัวนะ
เกิดนายนั่นมาชอบพี่ฝนเข้า จะเดือดร้อน‛ สายรุ้งเตือนด้วยความเป็นห่วง สายฝน
เกือบจะตอบไปว่า
‘เตือนช้าไปแล้วจ๊ะ ตอนนี้พี่กําลังเดือดร้อนเพราะนายนั่นอยู่ ’ แต่แล้วเธอกลับ
นิ่งเหมือนถูกสาปเมื่อเห็นพนิดา
เดินมากับดนุวัศ เธอไม่อยากให้พนิดารู้ว่าเธอเป็นใคร
‚พี่ฝนเป็นอะไรไป อยู่ดี ๆ ก็หน้าซีด‛ สายรุ้งถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็น
สายฝนนิ่งไปกะทันหัน
‚รุ้ง นายดนุวัศควงคู่มากับคุณพนิดา น้าสาวของเด็กคนนี้ พี่ไม่อยากให้
ผู้หญิงคนนั้นรู้ว่าพี่เป็นใคร และ
ไม่อยากให้นายดนุวัศรู้ว่าพี่อยู่ที่ไหน ไม่งั้นแย่แน่ พี่ต้องรีบไปก่อน รุ้งช่วยรับหน้าที ‛
สายฝนรีบอุ้มข้าวโอ๊ต
และหยิบกระเป๋ากับของใช้ของเด็กเตรียมขยับออก
‚ได้ พี่ฝน รุ้งจัดการเอง ไว้รุ้งจะโทรไปคุยต่อ พี่ฝนไม่ต้องห่วง นายดนุวัศก็ไม่
กล้าทําอะไรพี่ฝนแน่ แต่ต่อให้รู้
รุ้งก็จัดการได้‛
‚ขอบใจ รุ้ง รักษาตัวด้วย‛ สายฝนพูดจบก็รีบพาข้าวโอ๊ตเดินออกจากร้านไป
และโทรหาวรเมธกับเปรี้ยวทันที

‚นึกไม่ถึงว่าคนที่หายใจเข้าออกเป็นงานอย่างคุณจะมีเวลาพาครอบครัวมา
เที่ยวห้างด้วย‛ ตนุภัทรทักขึ้น
หลังจากทั้งคู่เดินออกจากร้านมุ่งหน้าไปห้องน้ํา วรเมธยิ้มเล็กน้อย
‚ผมเองก็นึกไม่ถึง นักธุรกิจลึกลับอย่างคุณตนุภัทรจะคิดพาสาวมาทานข้าว
เช่นกัน‛ วรเมธสวนกลับ
‚ไม่พบกันนาน คุณยังคงความเฉียบคมเหมือนเดิมนะ คุณวรเมธ นักธุรกิจ
หนุ่มที่ใคร ๆ ก็ขยาด‛ ตนุภัทรพูด
เหมือนคุ้นเคยกับวรเมธดี
‚แต่คงน้อยกว่าคุณมั้ง เอาเป็นว่าผมดีใจที่ได้พบคุณอีกครั้ง ไว้ว่าง ๆ คงมี
เวลาคุยกันนานกว่านี้ คุณตนุภัทร‛
วรเมธรีบเอ่ยลาเมื่อได้ยินเสียงมือถือดังขึ้น
‚เช่นกัน คุณวรเมธ ไว้เวลาเหมาะ ๆ เราคงได้พูดคุยกันอีกที หรืออาจมีสาย
สัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกว่านี้ ผมต้อง
รีบไปเช่นกัน คุณวรเมธ‛ ตนุภัทรเองก็ได้ยินเสียงมือถือดังเช่นเดียวกันจึงรีบเลี่ยงไป
รับ พอรับจึงรู้ว่าเป็นสายรุ้ง
‚รีบมาหน่อยได้มั้ยคะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ ‛ เสียงสายรุ้งร้อนรนมาก เขา
แปลกใจและรีบกลับไปที่ร้านทันที
ขณะที่วรเมธพอรับก็รู้ว่าเป็นสายฝน
‚คุณเมธ ไม่ต้องกลับไปที่ร้านแล้วนะคะ พนิดาอยู่ในร้าน ฝนพาข้าวโอ๊ตกับ
เปรี้ยวมาหาอะไรทานที่
ฟู้ดเซ็นเตอร์แทนค่ะ รีบ ๆ ตามมานะคะเจ้านาย‛
เขาแปลกใจมาก อุตส่าห์หนีพนิดามาได้ ยังมาเจอที่นี่อีก

สายรุ้งนั่งมองอาหารที่วางเต็มโต๊ะไม่รู้จะจัดการอย่างไรดี เพราะแค่เห็นก็อิ่ม
แล้ว จะลุกหนีไปก็ไม่ได้ จึงจําเป็นต้อง
โทรหาตัวช่วย เพราะมีเงินไม่พอจ่ายค่าอาหาร ดีที่ดนุวัศกับพนิดามองไม่เห็นพวก
เธอ สายฝนจึงฉวยจังหวะนั้นหลบออกไป แต่เวลานี้คนที่ต้องรับผิดชอบอาหารที่
สายฝนสั่งคือเธอ ขณะที่กําลังนั่งกลุ้มอยู่ ดนุวัศกับพนิดาก็มายืนตรงหน้าเธอ
‚นึกไม่ถึงจะเจอแกที่นี่ ไง ถูกคุณตนุภัทรทิ้งแล้วละสิ ‛ ดนุวัศประชดสายรุ้ง
และอยากให้เป็นไปตามที่พูด
พนิดามองสาวสวยน่ารักตรงหน้าแล้วรู้สึกคุ้น ๆ ชอบกล เหมือนเคยพบที่ไหนแต่นึก
ไม่ออก
‚ใครคะ คุณวัศ ช่วยแนะนําให้รู้จักหน่อยสิคะ‛ พนิดาอยากรู้จัก
‚น้องสาวต่างมารดาน่ะ คุณดา อวดดีเป็นที่หนึ่ง ชื่อสายรุ้ง ดีนะ พี่สาวไม่มา
ด้วย‛ ยังไม่ทันที่ดนุวัศจะได้เอ่ยชื่อ
สายฝนให้พนิดาสะกิดใจ สายรุ้งรีบขัดขึ้นก่อน
‚คุณวัศ แนะนําเสร็จแล้วก็รีบไปซะ รุ้งไม่คิดจะเชิญร่วมโต๊ะด้วย หรือว่า...
อยากอยู่รอดูให้แน่ใจว่ารุ้งถูกทิ้ง
หรือเปล่า จะอยู่รอก็ได้นะ ถ้าแน่จริง ‛ สายรุ้งส่งสายตาท้าทาย ดนุวัศเริ่มไม่แน่ใจว่า
สายรุ้งพูดจริงหรือแกล้งขู่
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เขาก็ไม่อยากเผชิญหน้ากับตนุภัทร เขาต้องรีบเผ่นให้เร็ว
ที่สุด เขาถึงว่าคนมีชนักติดหลัง
มักไม่กล้าอยู่เผชิญหน้ากับความผิดที่ตนได้ก่อไว้
‚คุณดา ผมว่าเราไปหาร้านอื่นทานกันดีกว่า ร้านนี้เริ่มไม่อร่อยแล้ว ‛ เขารีบ
ชวนพนิดา
‚ทําไมคะ อาหารที่เราสั่งกําลังมา ไม่ทานก็เสียดายนะคะ‛ พนิดาไม่ยอมง่าย
ๆ อยากรู้ว่าเพราะอะไร
‚ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจคุณ แต่ผมจะไปหาร้านอื่นทาน ผมไปละ‛ เขาแกล้งทํา
เป็นไม่พอใจ พนิดารีบพูดว่า
‚ได้ค่ะ เพื่อความสบายใจของคุณวัศ ‛ เธอรีบเกาะแขนประจบ อย่างน้อยยี่ห้อ
ทายาทนักการเมืองดัง
ก็มีเสน่ห์พอจะดึงดูดความสนใจเธอได้พอควร แม้จะไม่น่าสนใจเท่าวรเมธก็ตาม
เธอจึงเดินตามเขาไป
‚เกิดอะไรขึ้นครับผม ถึงสายด่วนหาสามีที่รัก ‛ ตนุภัทรถามขึ้นด้วยน้ําเสียงยั่ว
ๆ สายรุ้งแยกเขี้ยวให้ก่อนชี้
ให้ดูอาหารบนโต๊ะที่เพิ่มขึ้นมากมาย เขาจําได้ว่าก่อนลุกไปมีแค่ไม่กี่อย่าง
‚เข้าใจหรือยังคะว่าทําไม คือฉันไม่มีเงินพอจ่าย และกินไม่หมดด้วยค่ะคุณ
สามีขา‛ สายรุ้งแกล้งพูดเสียง
อ่อนเสียงหวาน แต่สายตานี่สิบอกว่าคนที่ต้องรับผิดชอบคือเขา
‚ไม่ ผมรับผิดชอบเฉพาะรายการที่สั่งก่อนผมไป ที่เหลือคุณภรรยาขา
รับผิดชอบเอง เข้าใจ๊‛ เขาตอบอย่าง
ไม่แยแสพลางยักไหล่เหมือนไม่สนใจ สายรุ้งหงุดหงิดกับท่าทางกวน ๆ ของเขามาก
‚แน่นะที่ไม่คิดจะช่วย แหม ! กําลังคิดจะให้รางวัลความน่ารักสักหน่อย แค่
โทรกริ๊งเดียวก็มา แต่ตอนนี้เปลี่ยน
ใจแล้ว คิดหรือว่าแค่นี้จะไม่มีเงินจ่าย ถึงไม่มีก็พอหาคนมาช่วยจ่ายได้หรอก ว่าแต่
จะทนไหวหรือเปล่าน้า ถ้า...‛
สายรุ้งแกล้งยั่วก่อนชี้มือไปที่โดมินิกที่บังเอิญควงคู่มากับศุภานันนั้นกําลังจะเดิน
เข้ามาในร้าน
‚เก่งนี่ที่หาคนมาช่วยรับผิดชอบแทนผมได้ ไม่เลว ถ้างั้นเราไปกินร้านอื่น
ดีกว่า‛ พูดจบเขาก็จูงมือเธอเดิน
ตรงไปหาโดมินิกกับศุภานัน
‚ขอบใจนะที่มาช่วยมาจ่ายค่าอาหารให้ คุณครับ ค่าอาหารของโต๊ะนั้น
ทั้งหมดเก็บที่คุณคนนี้ครับ บังเอิญ
ผมมีธุระด่วนต้องรีบไป‛ ตนุภัทรพูดจบก็รีบเดินจากไปทันที โดมินิกกับศุภานันยืน
งงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรู้ตัวและ
นึกโมโหไปพร้อม ๆ กัน
‘แสบมาก ฉันจะทวงค่าอาหารมื้อนี้คืนทีหลัง ’
‚คุณจะจ่ายจริง ๆ หรือคะ คุณโดมินิก ‛ ศุภานันถาม
‚ทําไงได้ล่ะ อย่าคิดมากเลย คุณนัน เขาคงรู้ว่าผมรวย แค่นี้ไม่ใช่เรื่องหนัก
หนาอะไรสําหรับผม เชิญครับ
คุณนัน ทาน แล้วเราไปต่อกัน วันนี้ผมมีความสุขที่คุณนันยอมสละเวลาออกมาพบ
ผม เราจะใช้วันนี้ให้คุ้มค่า
อย่าเก็บเรื่องของคนอื่นมาทําลายบรรยากาศระหว่างเราเลยครับ ‛ โดมินิกทําให้ศุ
ภานันเคลิบเคลิ้ม
เขาทั้งยกย่องทั้งเอาใจ เธอหารู้ไม่ว่าโดมินิกกําลังต้อนเหยื่อให้ติดกับต่างหาก
‘คิดว่าจะหลอกยาก ง่ายกว่าที่คิด แค่แกล้งทําเป็นหลงเสน่ห์และยกย่อง
หน่อยก็หลงลมแล้ว คืนนี้ก่อนเถอะ
จะเรียกคืนค่าแหวนเพชรให้คุ้มกับเงินที่ลงทุนไป เห็นว่าเป็นลูกท่านรองนายกหรอก
ถึงยอมลงทุน’

สายฝนกับวรเมธเดินซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ตต่อหลังจากอิ่มกันแล้ว ปล่อย
ให้เปรี้ยวพาข้าวโอ๊ตไปเล่นต่อ
‚คุณต้องการซื้ออะไรคะที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ‛ สายฝนถามขึ้นเมื่อเห็นเขาเอาแต่
เดินถือตะกร้าตามเธอมากกว่าทั้งที่
ก่อนมาเขาเป็นคนชวนเองว่าอยากซื้อของใช้ส่วนตัวแต่กลับเป็นเธอที่ซื้อมากกว่า
‚ผมรอให้คุณซื้อให้เสร็จก่อนค่อยไปช่วยผมเลือก ผมถือคติเลดี้เฟิสต์ ‛ ดูเขา
จะทําตัวเป็นสุภาพบุรุษ
ได้น่าหมั่นไส้ที่สุด สายฝนเกือบเผลอค้อนให้ แต่ดีที่ระงับทัน ไม่อย่างนั้นจะถูก
เข้าใจผิดได้
‚ของฝนเรียบร้อยแล้ว ทีนี้ก็ของคุณเมธค่ะ จะบอกได้หรือยังคะว่าอยากซื้อ
อะไรจะได้ไม่เสียเวลา ฝนไม่อยาก
ให้ข้าวโอ๊ตรอนานค่ะ ‛ เธอหมายความอย่างที่พูดจริง ๆ วรเมธยิ้ม ไม่เข้าใจว่าทําไม
เธอถึงได้พยายามเลี่ยง
ที่จะอยู่ตามลําพังกับเขานัก ผิดกับพนิดาที่พยายามหาทางอยู่ใกล้ชิดตลอดเวลา
แต่เป็นเขาเองที่พยายามเอาตัวออกห่าง
‚ผมเริ่มอิจฉานายข้าวโอ๊ตแล้วสิ ดูคุณห่วงแกมากกว่าผมที่เป็นเจ้านายเสีย
อีก‛ เขาแกล้งบ่นน้อยใจ
‚เจ้านายโตแล้ว ดูแลตัวเองได้แล้ว ไม่จําเป็นต้องห่วง ถ้าเป็นเด็กก็ว่าไป
อย่าง‛ ดูท่าลูกจ้างคนนี้ไม่คิดจะ
ทําให้เจ้านายปลื้มสักเท่าไร
‚ผมไม่น่าจ้างคุณเลยจริง ๆ รู้ทันอยู่เรื่อย เอาละ ไม่พูดเล่นแล้ว ตามผมมา
จะได้ช่วยผมเลือก‛ เขาถือวิสาสะ
จับมือเธอพาเดินไปยังช่องขายสบู่ แป้ง ยาสระผม สายฝนพยายามดึงมือให้หลุด
จากการเกาะกุม แต่มือใหญ่
แข็งแรงกลับจับแน่นไม่ปล่อย
‚สบู่กับยาสระผมของผมหมด คุณช่วยเลือกให้ที ‛ เขาบอก สายฝนเริ่มกังขา
‚เรื่องแค่นี้เลือกเองก็ได้ ไม่เห็นต้องอาศัยตัวช่วยเลยนี่คะ คุณเมธ‛ สายฝน
ย้อนกลับอย่างเกรงใจที่สุด
เพราะถือว่าให้เกียรติในฐานะเจ้านาย ถ้าไม่ใช่ป่านนี้ถูกสวนกลับอย่างแรงแล้ว
‚แต่ผมอยากให้คุณเลือกให้ ผมซื้อเองไม่เคยถูกใจ คุณเลือกให้ผมอาจถูกใจ
ก็ได้‛ สายฝนแทบจะส่ายหน้า
กับข้ออ้างข้าง ๆ คู ๆ ของเจ้านายแสนร้ายกาจ เธอจึงตัดรําคาญ มองดูสบู่ยี่ห้อต่าง
ๆ ที่วางเรียงรายอยู่แล้วเลือกได้
ครีมอาบน้ํายี่ห้อหนึ่งที่คิดว่าเหมาะกับเขาพร้อมชมพูสระผม พอได้ก็หันมาจะถาม
ความเห็นเขา แต่
สายตาบังเอิญเหลือบไปเห็นบงกชเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ตแต่ไกลพร้อม
ผู้ติดตาม เธอรีบวางของที่เลือกใส่ตะกร้า
และเป็นฝ่ายลากเขารีบเดินไปจ่ายเงิน แต่ช้าไปเสียแล้ว บงกชบังเอิญเดินมาทาง
เดียวกัน สายฝนไม่รู้จะ
ทําอย่างไรจึงแกล้งสะดุดและเซไปปะทะอกของวรเมธ ทําเอาเขางง แต่กลับเอามือ
โอบกอดร่างบอบบางอรชรไว้
แนบอกเฉย รู้สึกถึงกลิ่นกายหอมกรุ่นจนไม่อยากปล่อย สายฝนพยายามข่มความ
อาย
แม้ห้างนี้จะเป็นห้างที่คนต่างชาติเดินกันมาก แต่การกระทําแบบนี้มันน่าอายมาก
สําหรับคนไทยที่เดินผ่านไปมา
โชคดีที่บริเวณนั้นมีคนไม่มาก นึกฉุนเจ้านายตัวดีที่ฉวยโอกาสสูดดมกลิ่นกายหอม
ละมุน เธอจํายอม
ให้เอาเปรียบ รอจนได้ยินเสียงดังเข้าหูว่า
‚คุณบงกชคะ สํารวจราคาสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตแล้วจะไปที่ไหนต่อคะ‛
เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น
‚คิดว่าจะไปเดินดูตามตลาดสดต่อค่ะ เรารีบไปดีกว่าค่ะ คือท่านอยากได้
ข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณา
การอนุมัติขึ้นราคาสินค้าค่ะ ดิฉันทําหน้าที่เป็นตัวแทนกลุ่มแม่บ้านค่ะ ‛ เสียงบงกช
ดังเข้าหู แล้วเสียงถามตอบ
ก็ค่อย ๆ จางหายไป เวลานั้นทุกคนกําลังสนใจบงกชกับทีมงามมากกว่าจะมาสนใจ
เธอ สักพักสายฝนก็รีบดันตัว
ออกจากอ้อมกอดแข็งแรงของวรเมธ
‚ขอโทษค่ะ บังเอิญฝนรู้สึกมึน ๆ เล็กน้อย ตอนนี้ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ ‛ เธอรีบแก้
ตัวไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด
วรเมธจ้องมองเธอนิ่งนาน ในใจนึกเสียดาย น่าจะนานกว่านี้หน่อย ถ้าอยู่บ้าน
รับรองไม่ปล่อยง่ายแน่ ๆ
ร่างนุ่มนิ่มหอมละมุน ชวนให้หลงใหลได้สบายสําหรับเพศตรงข้าม แต่เมื่อครู่คง
ไม่ใช่อาการมึนตามที่
อ้างแน่ ต้องมีอะไรสักอย่าง หรือว่าเกี่ยวข้องกับภรรยาท่านรองนายกฯ ปพน หรือไม่
ก็หนึ่งในคณะผู้ติดตาม
ไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุผลใดก็ขอขอบใจ อย่างน้อยเขาก็ได้กอดฝนจ๋าสมใจ เบื้องหลัง
ของฝนจ๋านั้นต้องแอบสืบ
ลับ ๆ ดีกว่า ไม่ให้รู้ตัว ตอนนี้ต้องแกล้งทําเป็นเชื่อไปก่อน
‚คุณแน่ใจนะว่าหายแล้ว ผมว่าไปหาหมอดีกว่า หวังว่าผมคงไม่ใช้งานคุณ
หนักไป‛ ไม่พูดเปล่า ยังทําท่า
จะเข้าไปช่วยประคองด้วยความเป็นห่วงอีกด้วย
‚ไม่ต้องค่ะ ฝนหายดีแล้ว‛ เธอรีบห้ามทันที แต่มีหรือโอกาสมาถึงแล้วเขาจะ
ยอมปล่อย วรเมธโอบเอว
เล็กกลมกลึงไว้ทําท่าเหมือนประคองเธอพาเดินไป
‚คนปากแข็ง เมื่อครู่ก็เกือบล้ม ดีนะที่ผมประคองไว้ ไม่ต้องอายหรอก คนไม่
สบายมัวอายก็ไม่หาย คุณควร
ดีใจถึงจะถูกที่มีเจ้านายอย่างผมอยู่ด้วยนะ‛
สายฝนพยายามระงับอารมณ์ไว้
‘คนร้ายกาจ รู้ว่าเราตกเป็นรองรีบฉวยโอกาสเชียว แล้วอย่าว่ากันนะถ้าฉันจะ
แกล้งเหยียบเท้าเจ็บ ๆ เอาบ้าง’
สายฝนแกล้งก้าวผิดเหยียบลงไปแรง ๆ ที่ฝ่าเท้าเจ้านายแสนร้ายกาจ แต่เขากลับ
ไม่รู้สึก พาเดินไปถึงเคาน์เตอร์
จ่ายเงินก็เห็นเปรี้ยวกับข้าวโอ๊ตจ้องมองแล้วอมยิ้ม วรเมธรีบปล่อยสายฝนทันทีที่
เห็น
‚ฝนจ๋า‛ และมันก็ทําให้ใครบางคนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงหันมองตามเสียง
ใครคนนั้นเป็นหญิงวัยกลางคนที่บังเอิญ
มาหาซื้อของใช้ส่วนตัวให้พนิดาก่อนกลับบ้านตามคําสั่งของพนิดาที่โทรเรียกตัว
กลับมาด่วน ผู้หญิงคนนี้จ้องมอง
สายฝนด้วยแววตาไม่เป็นมิตร
‘แม่นั่นคงเป็นแม่บ้านคนใหม่ที่คุณดากับนังต้อมพูดถึง หน้าตาสวยน่ารัก
อย่างนี้เอง คุณเมธถึงได้หลง
ช่างไม่อายเลย ยั่วผู้ชายในที่สาธารณะ ไว้กลับถึงบ้านก่อนเถอะ ได้เห็นดีกันแน่ ’
ตอนที่ 11

หลังจากอิ่มอาหารเที่ยงแล้วโดมินิกก็พาศุภานันไปดูแฟชั่นโชว์จากนายและ
นางแบบชั้นนําระดับโลกที่มา
เดินโชว์รอบพิเศษของห้องเสื้อดังในปารีส ซึ่งหุ้นส่วนคนสําคัญของโดมินิกจัดขึ้นที่
กรุงเทพฯ ศุภานันตื่นเต้นมาก
และตบท้ายด้วยอาหารมื้อค่ําในห้องอาหารหรูแห่งหนึ่งที่มีดนตรีให้ฟัง บรรยากาศ
โรแมนติกจนเธอเคลิบเคลิ้ม
วันนี้เธอเหมือนเจ้าหญิงก็ไม่ปาน เพราะโดมินิกพยายามปรนเปรอเธอมากมาย
‚คุณนันรู้ตัวมั้ยครับว่าคุณนันสวยมาก ยิ่งอยู่ภายใต้แสงเทียนยิ่งสวย ผมมี
ความสุขมากที่คุณนันยอม
สละเวลามาอยู่ตามลําพังกับผม‛ โดมินิกพยายามยกยอ นัยน์ตาเป็นประกาย
‚แหม ! คุณโดมินิกพูดเกินไปค่ะ นันจะพยายามเชื่อนะคะ ใคร ๆ ก็รู้ว่าคุณนะ
เจ้าชู้จะตายไป นันเริ่มกลัวแล้วสิคะ‛
ศุภานันแกล้งเบรกเขาไว้ทั้งที่ใจพองโตคับอก
‚อย่ากลัวเลยครับ ผมพูดจากใจจริงครับ คนก็พูดกันไป อย่าไปใส่ใจเลยครับ
เรามาดื่มให้กับความสุขของเรา
ทั้งสองคนดีกว่าครับ‛ เขารินไวน์แดงให้เธอแก้วหนึ่ง
‚ได้ค่ะ เพื่อความสุขของเราในวันนี้ ‛ เธอยกแก้วไวน์ขึ้นดื่ม โดมินิกมองหน้าศุ
ภานันและเลยไปถึงหุ่นอัน
เย้ายวนของเธอก่อนยกแก้วไวน์ขึ้นดื่ม ไม่นานนักศุภานันก็รู้สึกร้อนไปทั่วกายก็ว่า
ได้ เธอคิดว่าคงเพราะ
ฤทธิ์ไวน์ที่ดื่มไปหลายแก้ว ว่ากันว่าเมาไวน์มันลึกยิ่งกว่าเหล้า คนเราพอเมาแล้ว
อะไร ๆ ที่เคยกักเก็บไว้
ก็เปิดเผยออกมาหมด
‚คุณโดมินิกคะ ในนี้ร้อนจัง เราไปหาที่เย็น ๆ ดับร้อนกันดีกว่าค่ะ ‛ เธอเอ่ย
ปากชวนอย่างไม่คิดจะอายเพราะ
ความร้อนแรงของฤทธิ์ไวน์ที่เริ่มก่อตัวขึ้น ผู้ชายตรงหน้าก็ถูกอกถูกใจเธอด้วย โด
มินิกมองด้วยความพอใจ
‚ได้ครับผม ร้อนจริง ๆ ด้วย‛ เขาทําตามอย่างง่ายดาย ก่อนเรียกบริกรมา
คิดเงินพลางจ้องมองร่างเย้ายวนที่แสดง
อาการเชิญชวนอย่างไม่มีอาการขัดเขินด้วยดวงตาเป็นประกายปนสมเพช
‘คิดว่าจะแน่ แค่ไวน์ไม่กี่แก้วถึงกับเมาออกอาการไม่สงวนกิริยาของคุณหนู
ไฮโซลูกสาวท่านรองไว้บ้าง
ผิดกับอีกคนซึ่งต่างกันราวฟ้ากับเหว ถ้าคุณรุ้งเป็นอย่างยายคนนี้บ้างจะดีไม่น้อย
ไอ้ภัทรมันมีดีอะไรนักหนา
สาว ๆ ถึงได้พากันหลงนัก ไม่นานหรอก นายจะหายไปจากโลกนี้ อยากไปยุ่งใน
เรื่องที่ไม่ควรยุ่งนัก อยู่ดี ๆ ไม่ชอบ
แต่เลิกคิดเรื่องนี้ก่อนดีกว่า ขอฟัดแม่นี่ให้สะใจก่อนค่อยว่ากัน ’

ดนุวัศพาพนิดามายังคอนโดฯ ของเขาโดยอ้างว่าลืมของสําคัญ พนิดาทําเป็น


เชื่อเพราะรู้ว่าเขามีจุดประสงค์
อะไร เธอไม่คิดจะกลัวด้วย สําหรับเธอเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างหญิงชายถือเป็น
เกม และไม่เคยมีผู้ชายคนไหน
เห็นเธอแล้วไม่หลงใหลยกเว้นผู้ชายไร้ความรู้สึกอย่างวรเมธ นึกแล้วน่าเจ็บใจนัก
เธอใฝ่ฝันเสมอว่าวันหนึ่ง
จะได้อยู่ในอ้อมกอดแข็งแรงของวรเมธ แต่เขาก็ไม่เคยปล่อยให้เธอเฉียดใกล้ ไม่ว่า
พยายามยั่วอย่างไรก็ตาม จน
เธอจะตายเพราะความอึดอัด กับวรเมธเธอต้องพยายามสํารวมกิริยาและยั่วเขา
เหมือนเป็นเหตุบังเอิญที่เธอไม่
รู้ตัว แต่กลับไม่เคยสําเร็จ ‘ผู้ชายบ้าอะไรไม่รู้ ฉลาดเป็นกรด’
‚คุณดา จะดื่มอะไรหน่อยมั้ย ‛ เสียงดนุวัศทําให้เธอรู้สึกตัว
‚ดีค่ะ‛ เธอตอบโดยไม่ลังเล เขาเดินไปหยิบเบียร์กระป๋องมาส่งให้
‚นี่ครับ ผมเลี้ยงคืนเบียร์กระป๋องเพื่อระลึกถึงความหลังที่ฮ่องกง‛ เขาพูด
อย่างมีความหมาย
‚คุณคงคิดว่าดาง่ายใช่มั้ยคะ เจอกันแค่ไม่กี่วันก็ยอมให้คุณเข้าถึงตัวอย่าง
ใกล้ชิด‛ เธอแกล้งประชด
‚คิดมากไปได้คุณ จะแปลกอะไรในเมื่อใจเราตรงกัน จริงมั้ยครับ คุณเป็น
ผู้หญิงที่ผมไม่คิดจะปล่อยให้
หลุดมือไป ผมหลงเสน่ห์คุณตั้งแต่แรกพบ‛ เขาพยายามพูดเอาใจ พนิดายิ้ม
‘เข้าใจยอ บอกมาตรง ๆ ว่าอยากฟันฉันว่างั้นเหอะ คิดว่าคนอย่างพนิดาจะ
ยอมให้ใครหลอกฟันฟรีงั้นสิ คิดง่ายเกินไปแล้ว ’
‚ผู้ชายเวลาอยากได้ผู้หญิงก็พูดได้ทุกเรื่อง ทําให้หญิงหลงเคลิ้มตาม จริงมั้ย
คะ ดึกมากแล้ว ดาคิดว่าดา
ควรกลับดีกว่า เดี๋ยวคนที่บ้านจะสงสัย ‛ เธอทําเป็นลุกเดินไปที่ประตู แต่ดนุวัศเข้า
ประชิดตัวก่อน
เขารีบเผด็จศึกสาวเจ้ามารยา รู้ว่าเธอไม่สนใจ เรื่องแบบนี้เท่าไรนัก ไม่อย่างนั้นคง
ไม่ตามมาถึงนี่หรอก
‚อย่าค่ะ คุณวัศ ปล่อยดาก่อน‛ พนิดาพยายามดิ้นให้หลุดพ้นจากอ้อมกอด
ของเขาและส่ายหน้าหนีการ
ระราน นั่นเป็นเพียงการแสดงของเธอเพื่อให้ดูไม่ง่ายนักในสายตาเขาเท่านั้น แต่
อารมณ์เตลิดไปไกลแล้ว
เพราะดนุวัศเดินหน้าไปเรื่อย ๆ ที่สุดธาตุแท้ของพนิดาก็แสดงออกด้วยการ
สนองตอบอย่างร้อนแรงเช่นเดียวกันจน
ลงเอยไปตามธรรมชาติ สุดท้ายผู้ที่สลบคาอกคือดนุวัศ พนิดายิ้มให้กับใบหน้าที่ซบ
อกนุ่มนิ่มอยู่ก่อนจะค่อย ๆ
ผลักออกแล้วเดินไปเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วกลับขึ้นไปบนเตียง
อีกครั้ง และขยับตัวเข้าไปชิดร่างสูงเพื่อถ่ายรูปเก็บไว้ ภาพนี้แหละจะเป็นหลักฐาน
อย่างดีและเป็นประโยชน์ต่อเธอในอนาคต คิดจะกินฟรีต้องเจอแบบนี้
พนิดายิ้มอย่างพอใจเธอรู้ว่าผู้ชายคนนี้ร้ายไม่เบา เขาคงไม่ยอมเธอง่าย ๆ แต่ถ้าพ่อ
แม่นายคนนี้ก็ไม่แน่
เธอจ้องมองเขานัยน์ตาเป็นประกายก่อนจะลุกไปแต่งตัวและย่องออกจากห้องไป
เพราะใกล้สว่างแล้ว

สายรุ้งเปลี่ยนที่นอนอีกแล้ว คราวนี้เป็นคอนโดฯ หรูใจกลางกรุง ชั้นที่เธออยู่


เป็นชั้นสูงสุดที่นายโหดสามีในนาม
เหมายกชั้น ตกแต่งอย่างดีไม่มีที่ติ ดูแล้วเหมือนวิมานบนอากาศ
‚ไม่เกิดมารวยบ้างให้มันรู้ไป‛ เธอแกล้งบ่นออกมาดัง ๆ ให้คนตัวใหญ่ในห้อง
ที่กําลังจ้องมองข้อมูลที่ปรากฏบน
จอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กด้วยใบหน้าเคร่งเครียดฟัง แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ยิน เธอจึง
เดินเข้าไปใกล้
‚โลกจะแตกหรือไง ถึงได้ทําหน้าอยากแตกตามไปด้วย‛ เธอทักเสียเขา
เสียศูนย์เลย
‚อีกนานกว่าจะแตก แต่ก่อนแตกขอจัดการกับคนทําให้โลกเสียศูนย์ก่อน‛
สายรุ้งรีบถอยห่างทันทีที่เขาพูดจบ แต่ถอยแบบไหนก็ไม่รู้ถึงได้ถูกเขาจับไป
นั่งบนตัก และก้มหน้าลงมาจัดการกับคนทําให้เสียศูนย์โดยที่เธอไม่มีทางโต้ตอบ
ไม่นานใบหน้าคมเข้มก็ขยับออกห่าง แต่จมูกโด่ง ๆ ของเขาถูกบิดอย่างแรงตามมา
ด้วยเสียงแว้ดอย่างไม่พอใจ
‚เอาให้สูญหายไปเลย อยากแกล้งเขาดีนัก คนบ้า จะเบา ๆ หน่อยก็ไม่ได้
แก้มช้ําหมด‛
เขาเกือบขํากับคําบ่นของเธอ คงโกรธถึงไม่รู้ว่าบ่นอะไรออกมา ถ้ารู้จะอาย
ไหมหนอ
‚ตามใจอยากมีสามีจมูกเบี้ยวก็ตามใจ‛ เขาพูดหน้าตาเฉย ดูเขาไม่รู้สึก
สะเทือนสักนิด
‚จมูกคุณจะเบี้ยวก็ไม่เกี่ยวกับฉัน เพราะฉันไม่เคยคิดว่าคุณเป็นสามี ‛ คําพูด
ของสายรุ้งคราวนี้กลับทําให้เขา
สะเทือนได้ ใบหน้าคมเข้มเครียดอย่างเห็นได้ชัดทันที สายตาจ้องมองสายรุ้งอย่าง
ค้นคว้า เธอเริ่มแหยง ๆ
‘ตายแน่ ท่าทางจะโกรธจัดด้วย ไม่น่าเลยเรา ไม่น่าไปยั่วเขาเลย ทําไงดี เกิด
ถูกปล้ําขึ้นมาจริง ๆ คงสู้ไม่ได้แน่ ’
สายรุ้งเริ่มวิตก พยายามหาทางหนีทีไล่ แต่เธอเดาผิด เขาดึงตัวเธอเข้ามากอดแนบ
อก เป็นครั้งแรกที่สายรุ้งรู้สึก
ดีที่อยู่ในอ้อมกอดเขา แต่ก็ยังแปลกอยู่ดี
‚ผมรู้ว่าคุณไม่อยากมีชีวิตที่ต้องเสี่ยงภัยไปตลอด ผมทําคุณเดือดร้อน แต่มัน
จําเป็น อดทนสักนิดได้มั้ยคุณ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง เมื่อถึงเวลาคุณจะ
เข้าใจทุกอย่างเอง มันคงยากที่จะให้คุณมารักชอบผู้ชายที่เพิ่งเห็นหน้ากันไม่กี่วัน
แต่สําหรับผม ไม่เคยมีสักวินาทีหนึ่งที่จะไม่คิดถึงคุณนับจากวันที่พบคุณที่บริษัท
ของผม เป็นไง ซึ้งมั้ยคําพูดหวาน ๆ ของผม‛ สายรุ้งกําลังเคลิ้มกับคําพูดของเขา
อยู่ดี ๆ เขาก็ทําให้เสียอารมณ์จนได้ เธอทุบแรง ๆ เข้าที่อกเขาก่อนดิ้นให้พ้นจาก
อ้อมกอดแข็งแรง
‚คนเจ้าเล่ห์ หลอกเขาให้หลงฟังอยู่ได้ตั้งนาน ทําเขาเสียอารมณ์หมด ไป
ดีกว่า ไม่อยู่ด้วยแล้ว‛ สายรุ้งเดิน
ออกไปดับอารมณ์ที่สวนลอยฟ้าของคอนโดฯ เขารีบเดินตามแล้วสวมกอดจาก
ด้านหลังไว้ไม่ปล่อยแม้เธอจะดิ้น
‚ปล่อยนะ !‛ สายรุ้งแว้ดออกมาดัง ๆ ไม่น่าพลาดมาแต่งกับนายหื่นนี่เลย มี
แต่เปลืองตัว
‚ไม่ปล่อย เอาละ ผมไม่ล้อคุณเล่นแล้ว ฟังผมให้ดีนะ ความจริงผมไม่อยาก
พาคุณมาเสี่ยงกับผมหรอก ชีวิต
ที่ผ่านมาผู้หญิงที่พาตัวมาใกล้ชิดผมต้องเดือดร้อนทุกคน ที่ร้ายแรงที่สุดคือหญิง
สาวคนหนึ่ง เธอเป็นบุตรสาว
ของคนที่ผมนับถือ ผมชอบเธอเหมือนน้องสาว พอผมบอกความจริงไปเธอก็ยังไม่
หมดความพยายาม จนกระทั่งวันหนึ่ง
เธอมาหาผมพร้อมกับความลับบางอย่าง ผมไม่เชื่อ และก็เป็นที่มาของการเสียชีวิต
ด้วยอุบัติเหตุรถยนต์ แต่พ่อ
ของเธอไม่เชื่อ ให้คนไปตรวจดูรถอีกครั้ง ก็พบว่ารถคันนั้นเบรกมีปัญหาทั้งที่เป็นรถ
ใหม่ แต่ตํารวจได้ปิดสํานวน
ไปแล้วว่าเป็นอุบัติเหตุจากการขับรถโดยประมาทจนเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ใหญ่ข้าง
ทาง‛
เขาเล่าได้แค่นี้ก็นิ่งไปนาน คงสะเทือนใจมาก แปลก ผู้ชายร้ายกาจคนนี้ก็มี
อารมณ์แบบนี้ด้วย เธอพลิกตัว
เข้าหาเขา ดวงตากลมโตแหงนมองใบหน้าคมเข้มอย่างค้นคว้า
‚ฉันไม่เข้าใจค่ะ ทําไมคุณยังมายุ่งกับฉันอีก ทั้งที่คุณก็รู้ว่ามันอันตราย‛ ใน
ที่สุดเธอก็อดถามไม่ได้
เขาก้มหน้าลงเล็กน้อยมองใบหน้าสวยงามน่ารักที่ติดตรึงใจเขามาตั้งแต่แรกเห็น
เป็นเวลานาน
‚ผมทนไม่เห็นหน้าคุณไม่ได้ เพราะผู้หญิงที่ชื่อสายรุ้งได้ขโมยหัวใจผมไป
ตั้งแต่แรกมาปรากฏตัวในห้อง
ทํางานของผมเพื่อขอให้ผมยกเลิกการแต่งงานกับพี่สาว‛
คําตอบของเขาทําให้สายรุ้งวางหน้าไม่ถูก บอกไม่ถูกว่าดีใจหรือเสียใจกันแน่
ที่เขาบอกความในใจออกมา ใบหน้าเธอเริ่มเปลี่ยนสี
‘เราเป็นอะไรไป แค่นายคนนี้บอกรักก็รู้สึกอึดอัด วุ่นวายใจแล้ว ทําไม เราไม่
เคยรู้สึกอย่างนี้นี่นา คนบ้า...
ทําอะไรโหด ๆ ร้าย ๆ ออกมายังจะดีกว่ามาพูดซึ้ง ๆ แบบนี้ ร้ายกาจที่สุด ’ เธอกําลัง
สับสนจึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายได้
ก้มหน้าลงต่ําฉวยจังหวะที่เธอกําลังสับสนมอบสัมผัสอันอ่อนโยนและจุมพิตแสน
หวานตราตรึงในหัวใจเป็นเวลานาน ตนุภัทรฉวยจังหวะที่อีกฝ่ายยังไม่รู้ตัวตักตวง
ความหวานให้คุ้มค่า นาน ๆ เธอจะยอมสักครั้ง แต่โอกาสของเขาก็มีไม่นานเพราะ
ถูกเล็บคมข่วนที่อกอีกตามระเบียบจนต้องล่าถอย สายรุ้งรีบวิ่งหนีเข้าข้างใน
ใบหน้านั้นแดงก่ํา
‚บ้าจัง เผลอไปกับนายนี่จนได้‛
ขณะที่เธอเดินเข้าห้องนอนก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของตนุภัทรดังขึ้นติด ๆ
กันจึงเดินไปหยิบคิดจะเอาไปให้เขา
แต่พอหันหน้ามาเขาก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าทําหน้ายิ้ม ๆ เธอรีบก้มหน้ายื่น
โทรศัพท์มือถือให้
‚รีบรับเสียสิ มัวยิ้มอยู่ได้‛ เธอพูดเสียงดังกลบเกลื่อนความอายของตัวเอง
เขารับมาแล้วเดินหนีไปอีกทาง
พอคุยเสร็จใบหน้าสดชื่นมีความสุขก็หายไปทันทีและรีบบอกเธอว่า
‚ไปจากที่นี่ด่วน เราต้องไปมาเลเซียกันคืนนี้ ‛
‚อะไรนะ ! บ้าเหรอ ฉันไม่มีพาสปอร์ตนะ‛ เธอแว้ดอย่างลืมตัว
‚ไม่ต้องห่วง คนของผมเตรียมให้พร้อมแล้ว รอรับที่สนามบินได้เลย‛ พูดจบก็
ช้อนอุ้มตัวเธอออกไปขึ้นลิฟต์
สายรุ้งดิ้นและทุบไม่เลือกที่ เตะได้เป็นเตะ แต่ดูเหมือนร่างสูงใหญ่ไม่สะเทือนสักนิด
ยังคงพาเธอตรงไปขึ้นรถ
และขับไปสนามบินจนได้ ระหว่างทางไปสนามบิน เขามองกระจกส่องหลังตลอด
และรีบเหยียบคันเร่งเต็มที่ แต่ไม่ได้
ไปสนามบิน ย้อนกลับเข้าเมืองแทน สายรุ้งงงแต่ไม่พูดอะไร ขณะเดียวกันก็บอก
สายรุ้งให้ช่วยกดโทรศัพท์มือถือหาใคร
คนหนึ่งให้ด้วย พอติดเขารีบสั่งการทันที
‚คุณธนิต ช่วยส่งคนมาจัดการพวกที่ติดตามผมด่วน ผมต้องรีบไปสนามบิน
ผมเหลือเวลาอีกแค่สองชั่วโมง
เท่านั้นก่อนเครื่องออก รีบด่วน ผมอยู่พระรามเก้าใกล้โรงแรมเรดิสัน ผมจะขับวน
อยู่แถว ๆ นี้ ก่อนคนของคุณจะมา‛
สั่งจบเขาก็ทําตามที่พูด ขับรถปาดไปมาไม่คํานึงถึงมารยาทอีกต่อไป
‚คุณ ฉันยังอยากตายแบบศพสวยนะ ไม่ต้องขับโชว์หรอก ฉันรู้ว่าคุณซิ่งเก่ง
สงสัยตอนเป็นวัยรุ่นเคยเข้าร่วม
แก๊งพวกเด็กแว้นมาก่อนแน่ ‛ สายรุ้งปากจัดตามเคย
‚ถ้าไม่อยากให้เฮียปอมารับก็อย่าพูดมาก นั่งเฉย ๆ เป็นใบ้สักพักจะได้มั้ยที่
รัก‛ สายรุ้งแม้จะไม่พอใจวาจา
อันร้ายกาจของเขาแต่ก็รู้ว่าเรื่องที่เกิดคงไม่ธรรมดาแน่ จึงนั่งลุ้นเงียบ ๆ แต่ในใจ
กลับไม่เงียบตาม
‘ฉันยอมให้ก็ได้ ถือว่ารักษาชีวิตไม่ให้พิการหรือตายแบบศพไม่สวย แต่อย่า
คิดว่าฉันยอมทําตามคําสั่งล่ะ ’
ตนุภัทรมองท่าทางอึดอัดของสายรุ้งแล้วยิ้ม
‘สงสัยคงแทบอกแตกตาย เราใจร้ายไปหรือเปล่านะไปห้ามคนช่างบ่นไม่ให้
พูดนี่ เกิดอกแตกตายก่อน แล้วจะไปหาตัวแทนเมียน่ารักน่าชังแบบนี้ได้ที่ไหน’ เขา
คิดพลางมองกระจกส่องหลัง และแล้วเขาก็พบว่ารถที่ไล่ล่าเขามีอันต้องกระเด็น
แฉลบลงข้างทาง บางคันก็ชนกับคันอื่น เขายิ้ม คนของเขาทํางานได้รวดเร็วทันใจดี
เขารีบหักเลี้ยวขึ้นทางด่วนมุ่งไปสนามบินทันที มีเวลาเหลือเพียงชั่วโมงครึ่งเท่า
นั้นเองก่อนเครื่องจะออก เขาไม่อยากให้ผู้โดยสารคนอื่นประนามว่าเป็นคนทําให้
ล่าช้า
ดังนั้นจึงต้องซิ่งแข่งกับเวลา
โดมินิกถูกเสียงโทรศัพท์มือถือปลุกให้รู้สึกตัวตื่น ข้างกายเขามีร่างเปลือย
อวบอิ่มของศุภานันนอนซบอกอยู่
‚ว่าไงนะ ไอ้ภัทรมันรู้ตัวแล้ว พวกแกปล่อยให้มันหนีรอดไปได้ยังไงกัน ไม่ได้
เรื่อง ถ้ามันขึ้นเครื่องไปถึงมาเลย์ได้
ก็เสร็จกันพอดี ส่งคนไปตามล่ามันต่อที่มาเลย์ ห้ามให้มันพบกับมิสเตอร์อเล็กซ์จํา
ไว้ห้ามพลาดอีก ส่วนทางมิสเตอร์อเล็กซ์ ฉันจะให้คุณโซเฟียจัดการเอง รีบไปได้
แล้ว‛ สั่งจบก็กดปุ่มวางหูทันที
‘ยอมประกาศศึกแล้วสินะ ภัทร หลังจากเงียบมานาน เกมเพิ่งเริ่มต้นเท่า
นั้นเอง’ ใบหน้าหล่อเข้มแปรเปลี่ยน
เป็นโหดเหี้ยมอย่างไม่น่าเชื่อ แต่พอร่างอวบอิ่มที่กอดก่ายอยู่เริ่มขยับความคิดก็
แปรเปลี่ยน นึกไม่ถึงว่าคุณหนูไฮโซ
อย่างศุภานันจะร่านอย่างนี้ เพียงแค่ดื่มไวน์ไม่กี่แก้วก็สูญเสียการควบคุม แสดง
ความอยากออกมา และใจถึง
เสียด้วย อย่างนี้ค่อยคุ้มค่าแหวนเพชรหน่อย มันน่าหาความสุขจากร่างอวบอิ่มอีก
ครั้ง ดังนั้นศุภานันจึงต้อง
รับศึกจากหนุ่มลูกครึ่งผู้มีอารมณ์ร้อนแรงอีกครั้งทั้งที่ยังงัวเงีย แต่สักพักก็รู้สึกตัว
เต็มที่
‚พอเถอะค่ะ คุณโดมินิก แค่นี้นันก็ช้ําจะแย่อยู่แล้ว นันทําตัวเหมือนผู้หญิง
ร่าน ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว
ถ้าคุณพ่อรู้เข้า นันจะทําอย่างไรดี นันกลัวท่านเสียใจ ท่านรักนันมาก เป็นห่วงนัน
ด้วย แต่นันก็พลาดให้คุณจนได้
นัน...นัน…‛ ศุภานันแกล้งทําเป็นเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นและพยายามขัดขืน โด
มินิกเกือบจะยิ้มเยาะ
‘โธ่เอ๊ย ! คิดว่าละครฉากนี้ฉันจะไม่รู้เรอะ คิดจะจับฉันละสิ อย่าหวัง ’ แม้ใจ
จะคิดเยาะ แต่ร่างอวบอิ่ม
นั้นกลับยั่วอารมณ์ชวนให้ลิ้มลองอีก จึงแสร้งพูดเพื่อเอาใจ
‚ผมเสียใจ ผมไม่น่าลืมตัวทํากับคุณนันแบบนี้เลย คุณนันสวยเหลือเกิน จน
ผมอดใจไม่ไหว ผมยินดีรับผิดชอบ
ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ถ้าคุณนันจะกรุณาให้ผมไปพูดกับท่านตรง ๆ‛
นัยน์ตาศุภานันเป็นประกายแต่แกล้งข่มอารมณ์ดีใจไว้ เพราะละครบทนี้ยัง
ไม่จบ
‚อย่าเพิ่งเลยค่ะ ตอนนี้ท่านกําลังวุ่นกับเรื่องราคาสินค้าที่พุ่งขึ้นสูงและปัญหา
ปากท้องของประชาชน
นันไม่อยากให้เรื่องของนันไปทําให้ท่านเครียด ไว้นันรอจังหวะเหมาะ ๆ ค่อยพูด
เรื่องนี้อีกทีค่ะ‛ เธอแสดงให้เขา
เห็นว่าเธอไม่คิดจะจับเขา ถือว่ามันเป็นความผิดพลาดของทั้งสองฝ่าย โดมินิกยิ้ม
นับว่าเธอยังมีสมองอยู่บ้าง
‚แล้วเมื่อไหร่ล่ะครับที่คุณนันพร้อม ผมไม่อยากรอนาน ผมคลั่งคุณนันจะแย่
อยู่แล้ว‛ เขาสาธิตให้ดูจน
ศุภานันเริ่มเตลิดตาม แต่ปากยังพยายามห้าม
‚อย่าค่ะ แค่นี้นันที่ผิดมากแล้ว อย่า...‛ เสียงเธอเงียบหายไป ในที่สุดก็ยอม
ให้เขาเอาเปรียบอีกครั้งอย่างร้อนแรง
เพราะเธอเองก็รู้สึกสนุกกับเกมบนเตียงแบบนี้เช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าหากปพนกับ
บงกชรู้เข้าจะเป็นอย่างไร

สายฝนกําลังทําอาหารเช้าให้เจ้านายเจ้าเล่ห์อยู่กับแม่ครัวแหวน เปรี้ยวก็รีบ
มาบอกว่า
‚พี่ฝน คุณเมธให้ไปพบที่ห้องด่วนค่ะ ท่าทางโกรธมาก‛ ท่าทางเปรี้ยวหวาด ๆ
พิกล
‚เรื่องอะไรเปรี้ยวรู้มั้ย อาหารเช้ายังไม่เสร็จเลย‛ สายฝนยังคงผัดกับข้าวใน
กระทะอยู่ เปรี้ยวสีหน้าไม่ดี
แม่ครัวแหวนพลอยหวาดหวั่น
‚คุณฝนรีบไปเถอะค่ะ พี่แหวนขอเตือน‛ ที่สุดแกก็อดเตือนไม่ได้ สายฝนยิ้ม
ให้กับความห่วงใยของแม่ครัว
‚ได้จ้ะ พี่แหวน ฝากพี่แหวนทําต่อที ฝนขอไปรับหน้าคุณเมธก่อน‛ สายฝน
บอกก่อนเดินไปล้างมือและ
ไปจากห้องครัว เปรี้ยวกับแม่ครัวแหวนมองหน้ากัน
‚น้าแหวนคิดว่าคุณเมธจะทําร้ายพี่ฝนมั้ย ‛ เปรี้ยวรีบถามความเห็นของแม่
ครัวทันที
‚ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เดาใจคุณเมธลําบาก‛ แม่ครัวแหวนตอบตามตรง
‚แต่ข้าว่าคงถูกเฉดหัวออกจากบ้านแหง ๆ‛ เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา
‚คิดว่าใคร นังพริกนี่เอง กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไหนบอกจะกลับสิ้นเดือน รีบ
กลับมาทําไม‛ แม่ครัวแหวนประชด
‚ข้าเป็นห่วงคุณดานี่ ได้ข่าวว่าแม่บ้านคนใหม่ร้ายน่าดู ยั่วผู้ชายเก่งอีก ทํา
เอาคุณเมธหัวปั่น ทีแรกข้าก็
ไม่อยากจะเชื่อ แต่พอเห็นกับตาที่ห้างแล้ว เชื่อเลย โอ๊ย ! ผู้หญิงอะไร ไร้ยางอาย
สิ้นดี กลางฝูงชนก็ไม่เว้น‛
พริกหญิงวัยเดียวกับแม่ครัวแหวนพูดด้วยน้ําเสียงดูถูก
‚น้าพริกรู้ได้ยังไง ไม่รู้อะไรจริงเที่ยวไปพูด ระวังเถอะ คุณเมธรู้เข้าจะเป็นเรื่อง
ใหญ่‛ เปรี้ยวรีบขู่ ใคร ๆ ก็รู้ว่า
ปากพริกเป็นอย่างไร เรื่องอะไรที่รู้ต้องเที่ยวโพนทะนาไปทั่วจนคนรู้ ไม่เคยพูดเรื่อง
ดี ๆ ของคนอื่นด้วย
เขาถึงว่าความดีของคนอื่นเห็นเท่ามด ความชั่วของคนอื่นเห็นเท่าภูเขา ซึ่งก็ไม่
แปลกนักหรอก น้อยคนนักที่เห็น
คนอื่นได้ดีแล้วยินดีไปกับเขาด้วย ส่วนใหญ่มักคิดในแง่ลบมากกว่าว่าทําดีเอาหน้า
บ้าง แสแสร้งบ้าง
เพราะอย่างนี้เองสังคมถึงหาความสุขสงบไม่ได้
‚กลัวทําไม ข้าพูดเรื่องจริง แกคิดหรือว่าคุณเมธจะสนมันจริง ๆ อย่างมากก็
แค่หลอกไว้แก้ขัด คนอย่างคุณเมธ
ไม่ใฝ่ต่ําเอามันมาเป็นเมียออกหน้าออกตาหรอก เป็นได้แค่นางบําเรอ อย่างคุณเมธ
ต้องคุณดาถึงจะคู่ควร
แกนั่นแหละควรระวังตัวไว้บ้าง เดี๋ยวจะไม่มีที่ซุกหัวนอน นังเปรี้ยว‛ พริกพูดขู่กลับ
ทั้งเปรี้ยวและแม่ครัวแหวนสุดทน
แต่ก็ไม่อยากเถียง เพิ่งมาถึงก็แสดงฤทธิ์แล้ว ไว้เจอกับตัวเองดีกว่าจะได้ฉลาดขึ้น
ผู้หญิงอย่างพนิดาต่างหาก
ที่ไม่คู่ควรกับวรเมธ การกระทํามันฟ้องอยู่ ถึงแม้เปรี้ยวกับแม่ครัวแหวนปรามแก
ไม่ได้ แต่มีคนช่วยปรามแทน
‚นังพริก ปากน่ะหัดพูดอะไรที่เป็นมงคลบ้าง อายุก็ไม่น้อยแล้ว คําพูดยังไม่
พัฒนา ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่า
เรื่องของเจ้านายห้ามเอามานินทา ถ้าเอ็งไม่คิดจะเชื่อข้า เอ็งคอยดูว่าสุดท้ายเอ็งจะ
อยู่บ้านนี้ได้มั้ย ข้าว่าเอ็งน่า
จะเปลี่ยนชื่อเป็นพิษมากกว่าพริก มาถึงก็พ่นพิษใส่คุณฝนทั้งที่ไม่เคยพูดคุยกัน ข้า
จะบอกให้นะ คุณฝนน่ะเขา
เป็นหัวหน้าเอ็งโดยตรง จะพูดจาอะไรระวังบ้าง และคุณเมธก็เชื่อคุณฝนมากกว่า
ใครด้วย ไม่เชื่อเอ็งลองถาม
นังแหวนมันดู‛ ป้าบุญนั่นเองที่เป็นคนปราม ใคร ๆ ในบ้านต่างรู้ว่าป้าบุญเป็นคน
ที่วรเมธให้ความเคารพนับถือ
เสมือนญาติผู้ใหญ่ แม้จะเป็นแค่คนเก่าแก่แต่ก็เลี้ยงดูวรเมธมาตั้งแต่เด็ก ทุกคนจึง
เกรงใจพอสมควร จะมีเว้น
ก็แต่คนของพนิดาที่ดูจะไม่ค่อยเคารพยําเกรงนัก
‚ป้าก็ ฉันก็พูดไปตามที่เห็น ผู้หญิงดี ๆ ที่ไหนกันเดินกอดกันกลมกับผู้ชายใน
ที่สาธารณะ‛ พริกยังไม่ยอมเลิก
‚นังพริก ! ถ้าเอ็งยังไม่หยุดพูดจาให้ร้ายคุณฝนอีก ข้าจะไปบอกคุณฝนกับ
คุณเมธเดี๋ยวนี้‛ คราวนี้ป้าบุญ
เหลืออด คนปากกล้าเงียบทันที เพราะรู้ว่าขืนบอกไปว่าผู้ชายคนนั้นคือวรเมธก็จะ
ยิ่งเดือดร้อนไปใหญ่
เป็นการประกาศให้ทุกคนรู้ว่าวรเมธชอบสายฝนจริง ๆ มันจะไม่เป็นผลดีกับพนิดา
แน่นอน
‚ฉันไม่พูดก็ได้ เห็นแก่ป้าบุญหรอกนะ‛ พริกรีบออกตัว
‚ขอบใจที่ยังคิดเกรงใจกันบ้าง กลับมาก็ดีแล้ว รีบไปทํางานได้แล้ว ‛ ป้าบุญ
รีบไล่ พริกรีบไปทันที
‚ยอดไปเลยป้า เล่นเอาน้าพริกหงอได้ ‛ เปรี้ยวรีบยกนิ้วโป้ให้

‚ชะ ! นังนี่ ลามปาม ไปได้แล้ว เดี๋ยวคุณข้าวโอ๊ตตื่นไม่เจอใครแล้วจะยุ่ง ‛ ป้า


บุญไล่อีกคน
‚จริงสิ เกือบลืม ฉันรีบไปดีกว่า‛ เปรี้ยวรีบไปทันทีเช่นกัน ทว่าไม่ใช่เพราะห่วง
คุณข้าวโอ๊ต แต่อยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
กับสายฝนต่างหาก เด็กสาวไม่เคยเห็นวรเมธดุดันอย่างนี้มากก่อนจึงเป็นห่วงสาย
ฝน
สายฝนมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องวรเมธที่เปิดประตูรออยู่ ไม่เห็นเจ้าของห้อง คิด
ว่าคงเข้าห้องน้ํา เธอจึงเดินเข้า
ไปเก็บห้องที่เห็นรกไปหมดพร้อมส่ายหน้าอย่างระอา
‚สงสัยสุขสบายตั้งแต่เล็กจนโต ถึงไม่รู้จักรับผิดชอบของของตัวเองบ้างเลย
ปล่อยให้เป็นภาระของคนอื่น‛
เธอลืมตัวบ่นออกมาดัง ๆ คนที่แอบอยู่หลังประตูบลอบยิ้ม ‘เพิ่งรู้ตัวนะเนี่ยว่าทําตัว
เป็นภาระให้คนอื่น’
สายฝนเก็บของในห้องเข้าที่เรียบร้อยแล้ว ก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าโต๊ะเล็ก ๆ ข้างเตียง
ใหญ่ ไม่มีเหยือกน้ํากับแก้ว
ตั้งอยู่ ปกติจะให้เด็กสาวที่ชื่อหน่อยยกมาวางไว้ให้ทุกเช้า ทําไมวันนี้ถึงไม่มี เธอหัน
หลังจะไปเอาน้ํา
มาให้ ก็เจอกับร่างสูงใหญ่ของเจ้านายเจ้าเล่ห์ยืนใบหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ตรงหน้า
ประตูห้องปิดเรียบร้อย
เธอเริ่มใจไม่ดี ดูจากชุดนอนที่สวมอยู่แสดงว่าเพิ่งตื่นนอนได้ไม่นาน นี่คงเป็น
สาเหตุที่เธอถูกตามตัวมา
แต่เช้า แล้วเธอเองก็เผลอไปบ่นว่าเขาเข้าด้วย คงไปเพิ่มดีกรีความโกรธเป็นทวีคูณ
แน่
‚ฝนขอโทษค่ะที่ลืมกําชับเด็กให้เอาน้ํามาตั้งไว้ให้ ฝนจะรีบไปเอามาให้ค่ะ ‛
เธอพูดอย่างสํานึกผิดเพื่อให้
อีกฝ่ายบรรเทาความโกรธลงบ้าง และทําท่าจะรีบไปทําตามที่พูด แต่ถูกมือใหญ่
แข็งแรงยึดมือเล็กบางนุ่มนิ่มไว้
สงสัยเขาคงออกแรงมากเกินไปเธอจึงเซเข้าปะทะอกกว้างแข็งแรงของเขาอีกครั้ง
และถูกกอดไว้เสียดิบดีก่อนจะค่อย ๆ
คลายออก อย่างเสียดายเมื่อรู้ตัวว่ายังไม่ถึงเวลา ใบหน้าสายฝนแดงอย่างช่วย
ไม่ได้ นึกไม่ถึงว่าเรื่องที่เกิดขึ้น
ในห้างด้วยความจงใจของเธอจะเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่รู้ว่าเป็นความจงใจของ
เจ้านายเจ้าเล่ห์หรือเป็น
เพราะบังเอิญกันแน่ แล้วทําไมไม่โกรธล่ะ ปกติถ้าเป็นคนอื่นได้เจอดีไปแล้ว สายฝน
ไม่เข้าใจตัวเองนัก
‚สงสัยอาการมึน ๆ ของคุณยังไม่หายดี แค่ผมออกแรงนิดเดียวคุณก็เซแล้ว
เอาอย่างนี้ดีมั้ย เช้านี้ไปหาหมอ
กับผมดีกว่า ผมไม่อยากให้ใครหาว่าทารุณลูกจ้าง‛ วรเมธแกล้งยั่ว สายฝนถึงรู้ ที่
แท้เขาคิดเอาคืนเรื่องที่เธอ
ดึงเขามาเป็นเกราะกําบังที่ห้างนั่นเอง
‚ไม่ต้องค่ะ ฝนหายดีแล้ว ไม่แปลกหรอกค่ะ ใครมาเจอคนแรงมหาศาลอย่าง
คุณฉุดก็ต้องเซอยู่ดี รับรองค่ะ
ว่าคุณยังอยู่ในทําเนียบนายจ้างที่ดีไม่ต้องขึ้นข่าวหน้าหนึ่ง ‛ สายฝนย้อนให้ด้วย
ความหมั่นไส้ ดูเขาเปลี่ยน
อารมณ์ได้ไวมาก เมื่อครู่ยังหน้าบูดอยู่เลย
‚ยิ่งนานวันแม่บ้านผมยิ่งร้ายกาจขึ้น ระวังนะ สักวันผมจะทําโทษจริงจังเสียที
ช่างยอกย้อนดีนัก
รู้มั้ยว่าวิธีการทําโทษของผมเป็นยังไง‛ เขาแกล้งยื่นหน้ามาจนเกือบชิดแก้มเนียนใส
จนเธอผงะเพราะนึกไม่ถึง
‚เลิกแกล้งฝนได้แล้วค่ะ คุณเมธ บอกมาตรง ๆ ดีกว่าค่ะว่าไม่พอใจอะไรคะ‛
สายฝนพยายามตัดบทเพื่อไม่ให้
เข้าตัวมากกว่านี้ เธอรู้ว่าผู้ชายคนนี้ทั้งร้ายทั้งเจ้าเล่ห์และดูสนุกมีความสุขทุกครั้งที่
ได้แกล้งยั่วเธอจนจับไม่ได้
สักทีว่าคิดกับเธออย่างไร เพราะชอบยั่วเธอควบคู่ไปกับงานเสมอจนจับความรู้สึกที่
แท้จริงไม่ค่อยได้ เธอมีความรู้สึก
ว่าเขาชอบเธอแต่การกระทําของเขากลับทําให้เธอไม่กล้าปักใจเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์
ดังนั้นเธอจึงพยายามคิดเรื่องงานก็พอ
มารดาเคยสอนเธอและสายรุ้งเสมอ ท่านรู้ว่าบุตรสาวสองคนหน้าตาดีคงหนีไม่พ้น
เรื่องเพศตรงข้ามและความอิจฉา
ริษยาของเพศเดียวกัน ความสวยงามน่ารักเป็นดาบสองคมสําหรับพวกเธอเสมอ
ทําให้ทํางานไม่ทนจนมารดา
ต้องตักเตือนบ่อย ๆ ว่า
‘ถ้าลูกคิดจะเปลี่ยนงานเพราะหนีเรื่องพวกนี้ ไปที่ใหม่ก็เจออีก จะเปลี่ยนไป
ชั่วชีวิตหรือ ทําไมเราไม่ถามใจ
ตัวเองว่างานที่ทําอยู่เหมาะกับเราหรือไม่ เขาใช้เราได้ตรงกับตําแหน่งที่รับหรือไม่
เรามีโอกาสได้ใช้ความรู้
ความสามารถนั้นกับองค์กรที่เราทําอยู่หรือไม่ ถ้าไม่ก็ลาออกเถอะ แต่ถ้าเขายัง
เล็งเห็นคุณค่าในตัวเราที่มีต่อ
องค์กรลูกก็ควรตัดเรื่องกวนใจพวกนี้ไปเสีย คิดเสียว่าเรามาทํางาน ปล่อยวางเรื่อง
ไร้สาระพวกนี้ไป สักวันก็
เงียบไปเองถ้าเราไม่ไปเต้นตาม ถ้าลูกคิดจะชอบพอใครต้องดูให้แน่ว่าที่เราเข้าใจ
กับเขาเข้าใจนั้นตรงกันหรือไม่
ถ้าตรงกันก็จงกล้าที่จะรักและมั่นใจในอีกฝ่าย มันไม่เสียหายหรอกลูกที่เราจะรัก
ใครสักคนแม้ว่าอนาคตของคนคนนั้น
จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีกว่าหรือแย่กว่าเดิมก็ตาม อย่างน้อยในช่วงเวลาหนึ่งเขาก็ยัง
นําพาความทรงจําดี ๆ
มาให้เรา’
ทุกครั้งที่มารดาเตือนเรื่องนี้ น้ําเสียงของท่านจะเศร้า เจ็บปวด ผิดหวัง ซึ่งเธอ
กับสายรุ้งเข้าใจดีว่าเพราะเหตุใด
มารดาจึงรู้สึกอย่างนั้น เธอกับสายรุ้งนึกยกย่องมารดาอยู่มาก เพราะแม้
ประสบการณ์ชีวิตรักของท่านจะไม่ดีนัก
ท่านกลับไม่เคยปลูกฝังให้บุตรสาวทั้งสองเกลียดชังบิดาหรือสาปส่งเรื่องของความ
รัก แต่คงเป็นเพราะ
เธอกับสายรุ้งไม่มีเวลาคิดเรื่องของหัวใจอย่างคนอื่น อีกทั้งสมองเต็มไปด้วยเรื่อง
การดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดโดย
ไม่ต้องไปงอนง้อผู้เป็นบิดาให้มารดาเจ็บช้ําเล่น หนุ่ม ๆ ที่มาจีบทุกคนจึงล่าถอยไป
เรื่อย ๆ แต่กับเจ้านายเจ้าเล่ห์
อย่างวรเมธ สายฝนไม่แน่ใจว่าเขาคิดอย่างไรกับเธอแน่ เธอไม่เคยเดาความคิด
ผู้ชายคนนี้ออกเลย อย่างเช่นเวลานี้
พอเธอถามไปตรง ๆ ท่าทีเขาก็เปลี่ยนไปเป็นเรียบเฉยเป็นการเป็นงานขึ้นมาทันที
‚ที่ผมเรียกคุณมาก็เพราะผมมีเรื่องจะกําชับคุณสองเรื่อง คือหนึ่ง เรื่องน้ํา
ต่อไปคุณต้องเป็นคนนํามาให้เอง
ผมบอกตรง ๆ ว่าผมไม่คุ้นกับคนอื่นในบ้านนอกจากป้าบุญ แล้วก็คุณ สอง เรื่อง
นายข้าวโอ๊ต อย่าพยายามให้พนิดา
หรือคนของเธอพาไป ผมคงไม่ต้องบอกว่าใครคือคนของพนิดา วันนี้คุณจะได้พบ
กับพริกคนดูแลความสะอาดของ
บ้าน อย่ายอมให้กับผู้หญิงคนนี้เป็นอันขาด และหากมีการกล่าวขวัญถึงคุณกับผม
ในแง่ชู้สาวก็ไม่ต้องตกใจ
เพราะคุณต้องเจอแน่ ๆ อย่าไปใส่ใจ หากจําเป็นต้องใช้อํานาจปรามก็ใช้เสีย มี
อํานาจในมือเอามาใช้ให้เกิด
ประโยชน์กับตัวเอง แต่ห้ามมาใช้กับผมนะ ฝนจ๋า ‛
สายฝนฟังคําสั่งอย่างตั้งใจมาตั้งแต่ต้น เขาพูดจาฟังดูมีหลักการดี เป็นห่วง
ลูกจ้างอย่างเธอ เขาทําให้เธอแปลกใจตรงที่ว่าเขารู้เรื่องคนในบ้านมากมายทั้งที่ไม่
ค่อยมาใส่ใจ แต่พอฟังถึงตอนท้ายนี่สิ มันน่า...นัก
‘เจ้านายบ้า จะเป็นการเป็นงานให้ตลอดไม่ได้หรือไง ชอบทําให้ใจเขวอยู่
เรื่อย’ เธอค่อนเขาในใจ
‚ขอบคุณค่ะ คุณเมธ ที่ช่วยบอกรายละเอียดเพิ่มเติม ฝนมีเรื่องจะขอสักเรื่อง
จะได้หรือไม่คะ‛
‚ได้ครับผม‛ เขาตอบโดยไม่ลังเล
‚คือฝนอยากรู้ว่าเงินเดือนของทุกคนเข้าบัญชีให้หรือจ่ายสดคะ‛
‚จ่ายสด ทุกเดือนผมจะให้คนเอามาให้ป้าบุญจัดการต่อ หรือไม่ก็ให้สมุดเงิน
ฝากค่าใช้จ่ายในบ้านให้แกไป
จัดการเอง เออ ! จริงสิ คุณถามเรื่องนี้ก็ดีแล้ว ไว้ผมจะเอาสมุดบัญชีเกี่ยวกับ
ค่าใช้จ่ายในบ้านมาให้ก่อน
ไปยุโรป จะหักลดเพิ่มค่าใช้จ่ายก็ตามสบาย แต่ห้ามหักค่าใช้จ่ายส่วนตัวของผมนะ
ไม่อย่างนั้นผมจะถือว่า
คุณเป็นลูกจ้างที่ใจร้ายกับนายจ้างที่น่ารักอย่างผม‛ เขาพูดล้อเลียน สายฝนส่าย
หน้า
‘อีกแล้ว วกเข้าจนได้’
‚ขอบคุณค่ะ แค่นี้ใช่มั้ยคะ ฝนขอตัวไปทํางานต่อค่ะ ‛ เธอรีบหาทางเลี่ยงออก
จากห้องด่วนที่สุด เพราะเริ่มไม่แน่ใจ
ในสวัสดิภาพของตัวเอง
‚ยังมีอีกเรื่องที่คุณยังบกพร่องมาก คือไม่รู้ใจเจ้านายอย่างผมแต่กลับรู้ใจ
นายข้าวโอ๊ต บกพร่องมากนะจ๊ะ
ฝนจ๋า‛ วรเมธพูดหน้าตาเฉยและจ้องมองหน้าฝนจ๋าที่ยืนนิ่งเหมือนถูกสาปไป
ชั่วขณะ ก่อนจะสวนกลับว่า
‚เสียใจค่ะ ฝนเป็นแม่บ้านค่ะ ไม่ได้เป็นจิตแพทย์จะได้รู้ใจเจ้านาย‛ สายฝน
รีบเปิดประตูออกไปทันที
โดยมีเสียงเจ้านายผู้ร้ายกาจหัวเราะตามหลัง และบังเอิญพนิดาเดินกลับเข้าห้อง
จึงทันได้เห็นสายฝนเดินออกจาก
ห้องวรเมธพอดี เรื่องร้ายแรงสําหรับสายฝนกําลังจะเกิดขึ้นแล้วในไม่ช้า เพราะ
พนิดาไม่คิดจะปล่อยเรื่องนี้ไว้เฉย ๆ
ตอนที่ 12

เช้านี้สายรุ้งตื่นมาพร้อมกับแสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านม่านหน้าต่างของ
โรงแรมฮิลตันในกัวลาลัมเปอร์ มองไปที่เตียงข้าง ๆ ก็เห็นที่นอนว่างเปล่า จึงหันไป
ดูนาฬิกาที่โต๊ะข้างเตียง
‚ตายแล้ว ! สิบโมงแล้ว‛ เธออุทานออกมาด้วยความตกใจ หลับไม่รู้เรื่องเลย
สายตามองไปรอบ ๆ
เพื่อหาสามีไม่ได้ตั้งใจของเธอ ห้องนี้กว้างและหรูหราทีเดียว มีมุมหนึ่งจัดเป็นห้อง
ทํางาน พอเห็นคนตัวใหญ่
กําลังเคาะคีบอร์ดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กอยู่ก็โล่งอก ‘คิดว่าพามาทิ้งเสียแล้ว ’ พลัน
ท้องก็เริ่มร้อง
‚หิวจัง‛ สายรุ้งเผลออุทานออกมาดัง ๆ อีกครั้ง คนที่กําลังคร่ําเคร่งกับงาน
ตรงหน้าหันมามองแล้วยิ้มให้
เทพธิดาตัวน้อย ผมยาวสลวยกระจายเต็มหลัง ใบหน้าสวยงามสดใสนั้นเหมือนเด็ก
เพิ่งงัวเงียตื่น ในชุดนอน
กางเกงผ้าตัวยาวเสื้อยืดสีขาวแขนสั้น ดูแล้วตลกสิ้นดี ดวงตากลมโตเผลอจ้องมอง
ตอบ พอเห็นรอยยิ้มขัน ๆ ก็
หยิบหมอนใกล้ตัวปาไปทันที อีกฝ่ายรับได้สบาย ๆ
‚คิดทําร้ายร่างกายเหรอ เดี๋ยวเถอะ ฮึ่ม ! พ่อจะฟัดให้น่วมเลย ปล่อยมานาน
แล้ว‛ เขาแกล้งขู่ สายรุ้งรีบกระชับ
ผ้าห่มแน่นกลัวเขาจะทําอย่างที่พูด พอเห็นเขาหัวเราะเบา ๆ ก็ขว้างหมอนไปอีกใบ
‚นี่แน่ะ ! แกล้งเค้า คอยดูนะ หายหิวเมื่อไหร่แม่จะซัดให้น่วมเหมือนกัน ‛
พอได้ยินตนุภัทรก็ส่ายหน้าพลางยิ้มขัน
‘ให้มันได้อย่างนี้สินะแม่คุณทูนหัว ร้ายจริง ๆ’
‚ถ้าหิวก็รีบไปอาบน้ําแต่งตัว จะพาไปหาอะไรอร่อย ๆ กิน ผมให้เวลาสิบห้า
นาที เดี๋ยวจะไม่ทันนัดคนสําคัญ ‛
‚อีกแล้ว สิบห้านาที คุณนี่ถ้าจะชอบเลขสิบห้านะ ฉันไม่ชอบ ขอเป็นสามสิบ
แล้วกันนะ‛ เธอต่อรองก่อนจะ
รีบเดินเข้าห้องน้ําไป ไม่ปล่อยให้เขาได้ปฏิเสธ เขาหันไปสนใจงานต่อพลางคิด
‘มัวแต่ยุ่ง ๆ เรื่องของหัวใจที่ไม่มีท่าว่าจะก้าวหน้าไปไหนเลย ผู้หญิงอะไรไม่รู้
ใจแข็งชะมัด มีสามีหล่อและดีแล้วยังไม่คิดรักอีก ’
‚เฮ้อ ! กลุ้ม ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนถึงจะสมหวังนะ‛ แล้วก็บ่นออกมาดัง
ๆ หวังให้คนในห้องน้ําได้ยิน
แต่โทรศัพท์มือถือกลับดังขึ้น พอรับจึงรู้ว่าเป็นผู้ช่วยคนสนิท
‚ไง คุณธนิต มีความคืบหน้าอะไรมั้ย ‛ เขาถามเป็นการเป็นงานทันที ไม่เหลือ
ครับผู้ชายช่างยั่วขี้เล่นอยู่เลย
‚มีครับ คุณภัทร คุณเดาถูก คนพวกนั้นเป็นคนของคุณโดมินิก มีอีกเรื่องที่จะ
เรียนให้ทราบ ผมได้ข่าว
จากเพื่อนที่เป็นกัปตันบนเครื่องว่าคุณโซเฟียกําลังบินไปมาเลเซีย เห็นว่าจะไป
พักผ่อน‛
ธนิตเป็นผู้ช่วยคนสนิทของตนุภัทร เขาเป็นนักสืบและมือกฎหมายของบริษัท
ที่มีความสามารถในการล้วง
ความลับเก่งมาก ตนุภัทรนิ่งคิดหาเหตุผล โซเฟียมามาเลเซียคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
แน่ แต่อาจเป็นความจงใจ
แต่จุดประสงค์เพื่ออะไรกัน หรือว่ามาก่อกวนเท่านั้น เขาไม่แน่ใจนัก
‚ปล่อยเรื่องโซเฟียไว้ก่อน ผมจัดการเอง คุณคอยตามประกบนายโดมินิกให้ดี
และรายงานให้ผมทราบ
ความคืบหน้าต่อ รีบไปจัดการ‛
ผู้ช่วยคนสนิทวางสายไปแล้ว เขายืนนิ่งมองออกไปนอกหน้าต่างสักพักก่อน
ส่งข้อความบาง
อย่างผ่านทางอินเทอร์เน็ตอย่างเคร่งเครียด สายรุ้งออกจากห้องน้ําโดยแต่งตัว
เรียบร้อย เธอมองร่างสูงใหญ่เคร่งเครียด
อยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กอย่างแปลกใจ นี่คืออีกบุคลิกหนึ่งของนักธุรกิจ
ลึกลับที่เธอเพิ่งรู้ นอกจากความร้ายกาจ
และกวนโมโหได้สุด ๆ จนดูเหมือนไม่จริงจังอะไรกับเขา หรือว่า...นี่คือตัวตนที่
แท้จริงของนายหื่นนี่ จริงสิ มีอีก
หลายเรื่องที่ยังเป็นปริศนา ใครกันที่ตามล่าเขา ทําไมผู้หญิงทุกคนที่อยู่ใกล้เขาต้อง
มีอันเป็นไป ในสมองเธอ
เต็มไปด้วยคําถาม เธอกําลังมีความรู้สึกร่วมกับเขา เป็นกังวลกับเรื่องของเขาโดย
ไม่รู้ตัวหลังจากได้มาใช้ชีวิต
อย่างใกล้ชิดกับเขาเกือบเดือน
‚คิดอะไรคุณ อย่าเครียดนะ ผมยังไม่อยากมีเมียแก่ก่อนวัยอันควร‛ คําพูด
กวน ๆ ของเขาทําให้สายรุ้งรู้สึก
ตัว แต่แทนที่เธอจะแว้ดกลับอย่างเคยกลับยิ้มเล็กน้อย
‚ฉันควรถามคุณมากกว่าว่าทําไมถึงทําหน้าเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบ ถ้าไม่
อยากตายก่อนเวลาอันควร วาง ๆ
บ้างนะ โลกใบนี้ไม่ใช่ของคุณคนเดียว แบกคนเดียวไม่ไหวหรอก ฉันยังไม่อยากเป็น
ม่ายตั้งแต่ยังสาวนะ‛
แม้ฟังดูเหมือนประชดแต่เป็นคําประชดที่คมคายทีเดียว ที่น่าดีใจไปกว่านั้น
คือมีความห่วงใยแฝงอยู่ด้วย
ตนุภัทรยิ้มพลางคิด
‘จริงสิ ลองถามความเห็นเธอดู เผื่อว่าจะคิดออกบ้าง ท่าทางเธอฉลาดออก
เขาถือคติที่ว่า
ถ้าคิดไม่ออกก็ไม่ต้องเสียเวลาคิด ให้คนอื่นมาช่วยคิดแทนบ้าง อาจจะได้มุมมองที่
คิดไม่ถึง’
‚คุณว่าโซเฟียเป็นคนยังไง‛ เขาถามน้ําเสียงจริงจัง สายรุ้งงง
‘มันเกี่ยวกันมั้ยเนี่ย’
‚คุณมาถามฉันทําไม คุณน่าจะรู้ดีกว่าฉันเสียอีก ‛
‚ผมอยากรู้ในมุมมองของผู้หญิงด้วยกัน ผมกําลังคิดไม่ตกเรื่องโซเฟียตามเรา
มามาเลเซีย‛ เขาบอกตรง ๆ
‚ไม่เห็นจะยากเลย ก็ตามมาป่วนคุณเล่นน่ะสิ ผู้หญิงคนนี้ไม่ยอมให้คุณมี
ชีวิตที่สุขสงบมากนักหรอก
ว่าแต่คุณไปทําอะไรให้เธอโกรธล่ะ ถึงได้ตามราวีไม่เลิก อย่าบอกนะว่าเคยไปให้
ความหวังกับเธอ‛
พอแสดงความเห็นจบ แก้มเนียนนุ่มก็ถูกหอมฟอดใหญ่เป็นรางวัลโดยที่
เจ้าของไม่ทันระวังตัว
‚ขอบใจมากเมียจ๋า ฉลาดมาก‛ พูดจบเขาก็หันไปเคาะคีบอร์ดต่อ จึงไม่รู้ว่า
คนฉลาดแทบอยากเอาอะไร
ทุบหัวนักฉวยโอกาส
‘เผลอไม่ได้เชียว เปลืองตัวทุกที’ เธอไม่รู้ว่าตนุภัทรกําลังดีใจที่ไขปริศนาเรื่อง
โซเฟียออก
จากข้อสังเกตของสายรุ้ง เขาลืมนึกไป โดมินิกกับโซเฟียสนิทกัน หากเป็นเรื่อง
ก่อกวนมักจะมาด้วยกันเสมอ
เขาน่าจะรู้ตั้งนานแล้วว่าคนที่คิดทําร้ายเขาคือสองคนนี้ และอาจมีคนที่อยู่
เบื้องหลังสองคนนี้อีก เห็นทีต้องค่อย ๆ
หลอกล่อให้ไอ้โม่งโผล่หัวออกมา เขาคิดว่าพอจะเดาออกว่าเป็นใคร และเรื่องอะไร
สงสัยต้องขอเลื่อนนัด
มิสเตอร์อเล็กซ์ก่อน เขารีบส่งข้อความผ่านเมลไปยังมิสเตอร์อเล็กซ์ สักพักก็มี
ข้อความปรากฏขึ้นบนหน้าจอว่า
‚Ok, see you in Paris, Alex‛ เขาดีดนิ้วดังเป๊าะแล้วยิ้ม มิสเตอร์อเล็กซ์สม
เป็นคนฉลาดจริง ๆ ไม่จําเป็นต้อง
พูดมากก็เข้าใจ ยังมีเวลาอยู่พาคนหน้าง้ําไปเที่ยวกัวลาลัมเปอร์ก่อนจับเครื่องไป
ปารีส
‘ไม่รู้ว่าจะโวยอีกมั้ยถ้าถูกลากไปยุโรปต่อ ความจริงน่าจะดีใจมากกว่า ไม่
เคยเอาใจใครเท่านี้มาก่อน ใจแข็งอยู่ได้ ไม่รู้จักรีบ ๆ รักคนน่ารักอย่างเราสักที น่า
กลุ้มแท้ ๆ’

หนุ่มใหญ่ชาวจีนผู้ซึ่งเกิดในมาเลเซียและโตในสิงคโปร์กําลังนั่งรอใครบางคน
ในร้านอาหารบนบนตึกแฝด
Petronas ในกัวลาลัมเปอร์ใบหน้านั้นเรียบเฉย นัยน์ตาครุ่นคิด หน้าตาจัดว่าคม
เข้มกว่าชาวจีนทั่วไป ผิวออก
คล้ํานิด ๆ สักพักสาวสวยหุ่นเซ็กซี่ก็เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม
‚รอนานมั้ยคะ มิสเตอร์อเล็กซ์ หว่อง ถ้านานก็โปรดให้อภัยโซเฟียด้วยค่ะ ‛
โซเฟียแก้ตัวนัยน์ตาเป็นประกาย
หนุ่มใหญ่ฉีกยิ้มที่มุมปาก มองตอบด้วยสายตาแบบเดียวกัน
‚สําหรับผู้หญิงสวย ๆ ก็คุ้มค่าการรอคอย จะรับอะไรดีครับ เชิญสั่งได้เลย
ร้านนี้อาหารใช้ได้ทีเดียว‛
‚ขอบคุณที่ชมค่ะ ให้เจ้าถิ่นแนะนําดีกว่าค่ะ โซเฟียไม่ค่อยสันทัดเท่าไหร่ ‛
‚ยินดีอย่างยิ่งครับคนสวย‛ เขาหันไปสั่งอาหารขึ้นชื่อของร้าน
‚หวังว่าโซเฟียคงไม่มาขัดขวางงานของคุณหว่องนะคะ‛ โซเฟียรีบออกตัว
‚ไม่หรอกครับ ผมเป็นคนสบาย ๆ อะไรที่ยังไม่ถึงเวลาก็ไม่จําเป็นต้องเร่ง อีก
อย่าง ได้ทานข้าวกับสาวสวย
ลูกสาวคุณฟร็องซัวส์ เจ้าของธุรกิจนําเข้าส่งออกคนดังแห่งฝรั่งเศสนับเป็นเกียรติ
อย่างยิ่ง‛ เขาเข้าใจยกย่อง
‚คุณหว่องยกย่องเกินไปแล้ว คุณไม่สงสัยหรือคะว่าทําไมโซเฟียนัดคุณ
กะทันหัน ทําให้คุณต้องเลื่อนนัด
ใครบางคนเช่นกัน‛ โซเฟียพูดตรงเสียจนอีกฝ่ายอดทึ่งไม่ได้
‘แม่สาวลูกครึ่งนี่ร้ายไม่ใช่ย่อย’
‚คนคุ้นเคยกันพบกันเมื่อไหร่ก็ได้ ผมให้ความสําคัญกับคนไม่คุ้นเคยมากกว่า
แต่ไม่แน่นะครับอาจกลายมา
เป็นคนคุ้นเคยกันในไม่ช้าก็ได้ จริงมั้ยครับคนสวย‛ ผู้ชายคนนี้คารมไม่ใช่เล่น ร้าย
ไม่เบา รู้เท่าทันเธอ เห็นที
การหลอกล่อ มิสเตอร์อเล็กซ์ หว่อง ไม่ให้พบกับตนุภัทรนั้นจะไม่ง่ายอย่างที่คิด
มิสเตอร์หว่องดูสนิทกับตนุภัทรมาก
ต้องให้คนสืบให้แน่ ระหว่างสองคนนี้มีความสัมพันธ์อะไรกันแน่
‚แล้วคุณคิดว่าผู้หญิงสวย ๆ จะยอมคุ้นเคยกับใครง่าย ๆ หรือคะ มิสเตอร์หว่
อง‛ โซเฟียส่งสายตาท้าทาย
‚ก็ไม่แน่ อย่างเช่นเริ่มต้นจากทัวร์ทั่วมาเลเซียสักสองสามวันดีมั้ยครับ ‛ เขา
ชวน
‚น่าสนใจดีค่ะ ว่าแต่คุณหว่องไม่สนใจร่วมธุรกิจกับฟร็องซัวส์กรุ๊ปบ้างหรือคะ
เราจะได้คุ้นเคยกันมากขึ้น ‛
โซเฟียพูดตรงประเด็น แล้วคอยจับท่าทีหนุ่มใหญ่ชาวจีนตรงหน้า ไม่เคยมีใครเดา
ออกว่าสมองเขากําลังคิด
อะไรอยู่ ทุกครั้งที่พบกับตนุภัทร ไม่เคยลงเอยด้วยเรื่องธุรกิจ แต่คนทั้งคู่ก็พบกัน
เรื่อยมา
‚ก็ลองเล่ารายละเอียดให้ผมฟังระหว่างไปทัวร์ก็ได้ ไหน ๆ ผมก็เลิกนัดกับคน
คุ้นเคยแล้ว เพราะผมมักให้ความ
สําคัญกับดอกไม้สวย ๆ ก่อนเสมอ‛
โซเฟียยิ้มให้กับคําพูดอันคมคาย อย่างน้อยแผนขั้นแรกก็สําเร็จ หากเธอทํา
ให้เจ้าของธุรกิจเดินเรือที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์และหุ้นส่วนคนสําคัญของอีกหลาย
บริษัททั่วโลกยอมเซ็นสัญญาร่วมทุนด้วย แผนที่วางไว้จะง่ายขึ้น หนทางราบรื่น
เพราะสินค้าที่ขนในนาม A.L. Lines ย่อมเป็นที่การันตีได้ว่าปลอดภัย ถูกต้อง ถึงที่
หมายรวดเร็ว ไม่เสียหาย โดยมีชื่อเสียงเป็นประกัน และผ่านด่านศุลกากรได้สบาย
‚ดีเหมือนกันค่ะ โซเฟียก็ไม่ชอบอะไรเครียด ๆ เช่นกัน คุยธุรกิจระหว่าง
ท่องเที่ยวจะได้ไม่เครียดค่ะ ‛
โซเฟียดูจะไม่จริงจังนัก แต่อีกฝ่ายรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้เล่ห์กลมากมาย ต้องมีวาระ
ซ่อนเร้นแน่ ๆ
‚ถ้าอย่างนั้นทานข้าวให้อิ่มแล้วเราไปกันเลย‛ เขาชวนเมื่ออาหารมาเสิร์ฟ
บางทีการยอมทําตัวเป็นเหยื่อของสาว
เจ้าเสน่ห์รายนี้ก็ไม่เลว ถ้ารู้ความจริงว่าถูกตลบหลังจะเป็นอย่างไร มิสเตอร์ฟร็อง
ซัวส์เจ้าเล่ห์ไม่เลว ด้านหนึ่งทํา
เป็นคู่ค้าที่ซื่อตรงกับตนุภัทรนักธุรกิจข้ามชาติผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งผู้ซึ่งค่อนข้างเก็บ
ตัว แต่อีกด้านก็กลับตีท้ายครัวเขา

พนิดาเรียกพริกกับต้อมเข้ามาในห้องหลังจากเห็นวรเมธออกไปทํางานแล้ว
‚คุณดาเรียกพวกเรามาทําไมคะ‛ พริกถาม
‚ก็จะบอกให้รู้ว่าระหว่างที่คุณเมธยังไม่ไปยุโรปห้ามปะทะกับนังฝนตรง ๆ นัง
นั่นมันร้ายมาก มารยาเยอะ
ยั่วจนคุณเมธหลงเชื่อทุกอย่าง บอกอะไรเชื่อหมด ฉันจะพูดอะไรก็ผิดไปหมด พวก
แกต้องใจเย็นอดทนรออีก
สองสามวัน รอให้คุณเมธไปก่อนแล้วค่อยจัดการ ไม่อย่างนั้นเราจะเสียเปรียบ‛
พนิดาเตือนคนของเธอ สองคนนี้
ย้ายมาอยู่บ้านของวรเมธหลังจากพี่เขยกับพี่สาวเสียชีวิต และเป็นเธอเองที่ฝากเข้า
มาทํางานในบ้านสมัยพี่เขยยังมีชีวิตอยู่
‚คุณดาไม่ต้องบอกก็รู้ค่ะ หูตาออกเพรวพราว วันก่อนนะคะ เห็นเดินกอดกัน
กลมกับคุณเมธในห้าง ไม่อาย
ผู้คน พริกเห็นแล้วอายแทน ไม่รู้ว่าคุณเมธไปหลงได้ยังไง ผู้หญิงดี ๆ หมาะสมกับ
คุณเมธอย่างคุณดากลับไม่สน‛
พริกพูดจบก็อยากตบปากตัวเองนัก ไม่น่าเผลอพูดอะไรที่ทําให้พนิดาไม่พอใจ แต่
แม้จะไม่พอใจพนิดาก็ยังเก็บ
ความรู้สึกได้ดี ต้อมเห็นแล้วอยากสมน้ําหน้าคนช่างพูดนัก แต่กลับช่วยเสริมอีกแรง
‚จริงอย่างน้าพริกว่าค่ะ นังนั่นมันใช้มารยาสารพัดยั่วยวนคุณเมธให้หลง น้า
พริกยังไม่รู้ เวลาอยู่ตามลําพัง
กับคุณเมธมันออดอ้อนน่าดู เจ้านายคะเจ้านายขาอยู่ตลอดเวลา เห็นแล้วน่าตบสั่ง
สอนนัก คุณดาอยู่เฉย ๆ
ไม่ได้นะคะ‛ ต้อมยุพนิดา เธอเสริมแต่งเกินจริง ใช่ว่าพนิดาจะไม่รู้ว่ากําลังถูกยุ แต่
เธอจะเต้นตามสองคนนี้ไม่ได้
มันยิ่งทําให้แย่ไปใหญ่ กําจัดสายฝนต้องใช้แผนที่แยบยลกว่านี้
‚ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ยอมให้คุณเมธหลุดมือไปได้แน่ ๆ ต้องช่วยกันกําจัดนังฝน
ก่อน วันก่อนเห็นมันออกจากห้อง
คุณเมธ คิดว่าคงเข้าไปปรนเปรอกันจนถึงเช้า แกรู้แล้วใช่มั้ย พริก ว่าจะทําอย่างไร
ต่อ รอให้คุณเมธไปยุโรปก่อน
ค่อยเริ่ม ส่วนแก ต้อม คอยจับตาเฝ้าดูนังนั่นกับพวกต่อไปแล้วมารายงานให้ฉันรู้
ฉันจะทําเป็นไม่รู้เรื่องและ
ออกจากบ้านบ่อย ๆ จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้เรื่องที่นังนั่นถูกโพนทะนาไปทั่วทั้งใน
และนอกบ้าน เอาให้ทั้งคน
ในและคนนอกชิงชังมัน ดูถูกมันจนมันอยู่ไม่ได้ เข้าใจมั้ย ‛ พนิดาถามนัยน์ตาดุ
‚เข้าใจค่ะ คุณดา‛ พริกกับต้อมตอบพร้อมกัน พนิดายิ้ม
‚เข้าใจก็ดีแล้ว ไปได้แล้ว อยู่นานเดี๋ยวคนจะสงสัย ‛ พนิดารีบไล่คนของเธอ
ทั้งสองรีบทําตามเพราะรู้
อารมณ์พนิดาดี พนิดาร้ายไม่ใช่ย่อย เธอรู้ว่าถ้าวรเมธอยู่ การพูดจาให้ร้ายสายฝน
จะไม่เป็นผล ต้องรอให้ไปก่อน
เธอจะทําเป็นไม่รู้เรื่อง ต่อให้วรเมธกลับมาก็เอาผิดเธอไม่ได้ เพราะเธอจะไม่อยู่
บ้าน ความจริงเธอจะไปเที่ยว
ฮ่องกงกับดนุวัศและข้ามไปมาเก๊าเข้าบ่อนเล่นต่อ เธอรู้ ดนุวัศต้องการให้เธอไป
ปรนนิบัติเขานั่นเอง ไม่ง่าย
นักหรอก แม้เธอจะไม่สนใจ เรื่องแบบนี้ก็ตาม และออกจะชอบด้วยซ้ํา ดนุวัศติดใจ
เธอจนยอมจ่ายเงินให้เธอไป
เที่ยวด้วยกัน ดนุวัศก็ไม่เลวนักหรอก อนาคตอาจได้เป็นลูกสะใภ้ท่านรองนายกฯ ก็
ได้ ถ้าไม่ยอม ภาพเด็ดที่เธอ
เก็บไว้จะเป็นตัวผูกมัดเองหากเธอจับวรเมธไม่อยู่ เธอฝันเสมอว่าสักวันจะได้อยู่ใน
อ้อมกอดอันแข็งแรงของวรเมธ
เธอถูกใจเขาตั้งแต่แรกเห็น รวมถึงความมั่งคั่งด้วย ถ้าไม่ต้องแบ่งสมบัติให้ข้าวโอ๊ต
ก็คงจะมากกว่าเดิมอีก
เธอเคยคิดไปไกลว่าหากวรเมธติดบ่วงเสน่ห์เธอเหมือนที่ดนุวัศกําลังเป็นอยู่
เธอจะกําจัดหลานชายเสียเพื่อ
ให้เขาได้ครอบครองมรดกทั้งหมด และเมื่อถึงเวลานั้นเธอจะมีความสุขที่สุด ได้
ครอบครองชายในฝันพร้อมกับความ
ร่ํารวย มีเงินทองให้ใช้ไม่ขาดมือ อยากไปเที่ยวไหนก็ได้ แต่ฝันของเธอจะเป็นจริง
หรือไม่ อนาคตเท่านั้นที่จะบอกได้ แต่ที่แน่ ๆ คือต้องกําจัดก้างชิ้นโตอย่างสายฝน
ก่อน คนของเธอต้องทําสําเร็จแน่ นัยน์ตาพนิดาเป็นประกาย

สายฝนกําลังสอบหน่อยเด็กสาวอายุสิบห้าปีที่ดูแลเรื่องความสะอาดของ
บ้านกับห้องสมุด เธอไม่ต้องการให้
คนอื่นรู้ เพราะจะทําให้เด็กได้อาย การเป็นหัวหน้าที่ดีต้องรู้จักให้เกียรติลูกน้องด้วย
ไม่ควรตําหนิต่อหน้าผู้อื่น
ไม่อย่างนั้นจะทําให้ลูกน้องได้อาย รวมถึงชิงชังหัวหน้าตามมาด้วย เธอนึกถึงคําพูด
ของมารดาเมื่อเห็นสาวใช้
ที่ตึกใหญ่ถูกคุณหนูของบ้านจิกหัวใช้และด่ากราดเพราะไปทําอะไรไม่ถูกใจเข้า มัน
เป็นกิริยาที่ไม่น่าดูเลยใน
สายตาของเธอกับสายรุ้ง
‘คนเราไม่มีใครอยากเกิดมาเป็นลูกจ้างให้เขาโขกสับจิกหัวใช้หรอกลูก แต่ที่
จํายอมก็เพราะเขาไม่มีทางเลือก
หากมีทางเลือกเขาก็ไม่ทนอยู่ เขาก็มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เหมือนเรา หากเราจับ
จุดนี้ถูก ไม่ไปดูถูกเหยียด
หยามเขา ให้เกียรติเขา เราจะได้ความภักดีจากใจจริงเป็นการตอบแทน ต่อให้มีเงิน
ล้นฟ้าก็ไม่อาจซื้อความภักดี
จากใจได้หรอกลูก หากเราทําตรงกันข้าม เราจะได้ความชิงชังแทน ยามใดที่เรา
พลาดเขาจะช่วยซ้ํา‛
เธอนึกขอบคุณมารดาที่พร่ําสอน แต่ทั้งเธอและสายรุ้งคิดว่าชาตินี้คงไม่มี
โอกาสเป็นนายจ้างหรือหัวหน้ากับเขา
หรอก เพราะทํางานไม่เคยพ้นระยะทดลองงานสักที แต่วันนี้เธอได้เป็นหัวหน้า และ
คําสอนของมารดาก็มีประโยชน์
กับเธอมากในวันนี้นี่เอง
‚หน่อย บอกพี่ฝนมาซิ ทําไมถึงไม่เอาน้ําไปให้คุณเมธ‛ สายฝนถามด้วย
น้ําเสียงเป็นกันเอง เด็กสาวมีท่าที
อึดอัด ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี
‚มีอะไร ทําไมบอกพี่ฝนไม่ได้ มีปัญหาอะไร บอกให้พี่รู้ พี่จะได้ช่วยแก้ ‛ สาย
ฝนย้ําอีกครั้ง
‚คือ...คือ...น้าพริกเป็นคนห้ามค่ะ พี่ฝน บอกว่าคุณดาไม่ให้ทําตามคําสั่งพี่
ฝน คุณวรเมธไม่ชอบให้ใคร
ไปวุ่นวายในห้อง หนูเลยไม่กล้าขัด หนูกลัวคุณดา‛ เด็กสาวตอบอย่างหวาด ๆ เด็ก
สาวผู้นี้เพิ่งมาอยู่ได้ไม่ถึงปี
ป้าบุญรับไว้เพราะสงสารที่ต้องหาเงินเลี้ยงแม่ที่อยู่ต่างจังหวัด และเคยถูกพนิดาดุ
บ่อย ๆ เวลาทําอะไรไม่ถูกใจ
‚เอาละ ไม่ต้องกลัวแล้ว ต่อไปให้ทําตามคําสั่งพี่คนเดียว ไม่ต้องไปฟังใคร
ทั้งนั้น มีอะไรพี่รับผิดชอบเอง
ไปทํางานต่อได้แล้ว ถ้ามีใครมาสั่งให้ทําอะไรนอกเหนือจากที่พี่สั่ง ให้มาขออนุญาต
พี่ก่อนถ้าไม่อยากทําให้ ‛
สายฝนมองดูท่าทางเด็กหน่อยแล้วส่ายหน้า เธอรู้ว่าเด็กคนนี้ขี้กลัว จึงต้องตกเป็น
เบี้ยล่างของ
คนอื่น เธอไม่แน่ใจว่าเด็กสาวคนนี้จะกล้ากับพนิดาและคนของเธอหรือไม่ เห็นที
ต้องรับบทหนักอีกแล้วกระมัง
ไม่เข้าใจจริง ๆ ทําไมอยู่ด้วยกันอย่างสงบไม่ได้หรือ แค่ผู้ชายคนเดียวถึงกับเอาเป็น
เอาตาย นึกแล้วก็น่า
โมโหตัวต้นเหตุไม่น้อย ทําไมไม่จัดการให้เรียบร้อย รู้ทั้งรู้ว่าพนิดาไม่หวังดีกับ
หลานชายยังปล่อยอยู่ได้ ทําไม
หรือว่าเขามีเหตุผลที่บอกใครไม่ได้ แต่คิดอีกที นายจ้างเจ้าเล่ห์แสนร้ายกาจมีหรือ
จะกลัวใคร ต้องมีอะไร
มากกว่านั้น จึงคิดจะลองเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามจากป้าบุญ อาจจะได้ข้อมูลบ้าง
ศุภานันอาละวาดกับเด็กรับใช้ที่ทําชุดใหม่ไหม้ ชุดนี้เธอจะใส่ไปงานเลี้ยงวัน
เกิดลูกสาวคุณหญิงท่านหนึ่ง
ซึ่งเป็นเพื่อนกัน ความจริงคืองานอวดความเด่นความดังกันมากกว่าไปอวยพรวัน
เกิด
‚แก นังโง่ รีดชุดฉันไหม้หมด แล้วฉันจะไปหาชุดที่ไหนใส่ล่ะ แกจะใช้คืนฉัน
ยังไง บอกมาซิ‛
คนรับใช้ส่วนตัวนั่งหน้าซีด ใคร ๆ ก็รู้ว่าศุภานันเอาแต่ใจ อารมณ์ร้าย ด่าเก่งเป็นที่
หนึ่ง ไม่เหมือนสายฝนกับสายรุ้ง
ดูเป็นผู้ดีมาก ไม่เคยด่าใครให้ได้ยิน
‚หนูขอโทษค่ะ คุณนัน หนูไม่ได้ตั้งใจ คุณนันเป็นคนสวย ใส่ชุดไหนก็สวยอยู่
แล้ว ชุดใหม่ในตู้เยอะแยะ คุณนัน
เลือกดูใหม่นะคะ‛ แม้เด็กสาวจะกลัว แต่ก็ฉลาดพอที่จะเอาตัวรอดได้ ศุภานันพอ
ได้ยินคําชมก็คลายความโกรธ
ลงได้หน่อยหนึ่ง แต่ยังไม่หายเสียทีเดียว
‚แกไม่ต้องมาพูดดี รีบไปจัดการสิ ถ้าแกทําชุดฉันไหม้เพราะความโง่ของแก
อีกละก็ แกถูกเฉดหัวออกจาก
บ้านแน่ ทําเสียอารมณ์หมด ชุดนี้ฉันตั้งใจใส่ไปงานวันเกิดเพื่อนคืนนี้ด้วย ‛ คําพูด
ของศุภานันแต่ละคํามีแต่ดูถูกคน
ที่ด้อยกว่า เสียงดุด่าของเธอดังไปถึงหูของบงกชที่กําลังเดินมาหาบุตรสาว
‚เอะอะอะไร นัน เสียงดังไปถึงข้างล่าง เดี๋ยวคุณพ่อได้ยินเข้าจะไม่ดีนะลูก ‛
บงกชรีบปราม เธอรู้ดีว่า
ปพนคงไม่ชอบใจนักถ้าได้ยินลูกสาวแสดงกิริยาไม่สมเป็นผู้ดีที่ปพนพยายามให้
เป็น
‚จะไม่ให้นันโมโหได้ยังไงคะ ดูนังนี่มันทําสิ รีดชุดใหม่ของนันไหม้ ชุดนี้จะใส่
ไปงานคืนนี้ด้วยค่ะคุณแม่ ‛
‚พวกนี้มันก็ได้แค่นี้แหละ โมโหไปก็เปล่าประโยชน์ อย่าลืมสิลูก นันต้องระงับ
อารมณ์บ้าง อยากให้คุณพ่อ
รู้หรือไงว่านันแสดงกิริยาไม่สํารวมออกมา คุณพ่อยิ่งภูมิในตัวนันอยู่ด้วย แม่ไม่
อยากให้ท่านดุแม่ว่าอบรมลูกไม่ดี ‛
บงกชเตือนบุตรสาวให้รู้ตัว
‚ไม่ต้องห่วงค่ะคุณแม่ คุณพ่อไม่มีวันรู้หรอก ภาพพจน์นันในสายตาคน
ภายนอกนั้นเป็นคุณหนูไฮโซผู้สูงส่ง
อยู่แล้ว รับรองไม่มีอะไรด่างพร้อย คุณพ่อปลื้มนันเสมอ คุณแม่น่าจะไปเตือนพี่วัศ
มากกว่า ไปหลงผู้หญิงที่ไหน
ก็ไม่รู้ ท่าทางเหมือนผู้หญิงชั้นต่ํา ‛ ศุภานันไม่เคยมองตัวเองสักนิดว่าเธอเองก็ไม่
ต่างกัน บงกชส่ายหน้าแต่
ไม่รู้จะเตือนอย่างไร เพราะเธอเป็นคนปลูกฝังนิสัยพวกนี้ให้ลูกเอง ยังดีที่ลูกทั้งสอง
ฉลาดในการสร้างภาพต่อหน้า
คุณปพนและคนอื่นได้ดีเสมอ แต่การปฏิบัติกับคนในบ้านบงกชไม่ถือเป็นอารมณ์
เพราะคนพวกนั้นไม่กล้าบ่นอยู่แล้ว
‚นันลูกเอาแต่ว่าพี่เขา นันเองก็เถอะ อย่าคิดว่าแม่ไม่รู้นะ พักหลังนันกลับ
บ้านดึก ๆ ดื่น ๆ หรือไม่ก็เช้า เพลา ๆ
การเที่ยวลงบ้าง อย่าลืมสิ คุณพ่อเป็นถึงท่านรองนายกฯ นะ ไปไหนย่อมเป็นที่
สังเกต โดยเฉพาะนายโดมินิก
อะไรนั่นไม่น่าไว้วางใจเท่าไหร่เลย‛ บงกชรู้ไม่ใช่น้อย และเธอก็ดูออกด้วยว่าผู้ชายที่
บุตรสาวคบอยู่ไม่มีความจริงใจ
เธอผ่านเรื่องพวกนี้มาก่อนจึงไม่ยากที่จะมองออก
‚อย่าห่วงเลยค่ะคุณเม่ นันรู้ว่านันกําลังทําอะไรอยู่ โดมินิกรวยมากนะคะ
แถมยังกว้างขวางอีกด้วย
ดีกว่าผัวนังรุ้งตั้งเยอะ‛ ศุภานันกล่าวอย่างมั่นใจ
‚จ้ะ ลูกแม่เก่ง ระวังอย่าให้พลาดก็แล้วกัน อย่าลืมสิ ตอนนี้เราไม่เหมือนแต่
ก่อน จะทําอะไรต้องระวัง
เกิดพลาดท่าไปจะเดือดร้อนกันหมด และจะกระเทือนถึงตําแหน่งคุณพ่อด้วย‛
บงกชห่วงชื่อเสียงมากกว่า
ห่วงบุตรสาว ศุภานันยักไหล่อย่างไม่สนใจ
‚คุณแม่เคยเห็นนันพลาดหรือคะ มีแต่นันเท่านั้นที่เขี่ยผู้ชายพวกนั้นออกไป‛
ศุภานันยังอวดเก่งต่อหน้ามารดา
‚นันไม่เชื่อแม่ก็ตามใจ ลูกเก่งแล้วนี่ ไม่จําเป็นต้องให้แม่ช่วยสอน แต่อย่าให้
คุณพ่อรู้ก็แล้วกันว่านันไปเที่ยวกับ
ผู้ชายจนดึกดื่นทุกคืน ถ้าคุณพ่อรู้ แม่ก็ช่วยอะไรนันไม่ได้ แม่ไปละ‛ บงกชเดินจาก
ไปอย่างเจ็บใจ ลูก ๆ ของ
เธอไม่ได้ดังใจสักคน คิดแล้วอดอิจฉากุลชาไม่ได้ หากคิดอย่างไม่ลําเอียงบอกได้
ตรง ๆ ว่าลูกสาวสองคนของ
กุลชาทําตัวดีกว่าลูก ๆ ของเธอนัก ดูเป็นผู้ดีมากกว่าแม้ภาพที่ออกสู่สายตาคน
ภายนอกนั้นปพนมีภรรยาออกหน้า
ออกตาคือเธอ สักวันถ้าลูก ๆ ของเธอทําเรื่องฉาวขึ้นมาอาจต้องมีการขุดคุ้ย เมื่อนั้น
ความจริงก็จะถูกเปิดเผย นี่คือ
สิ่งที่เธอกลัว เธอไม่มีวันยอม ไม่รู้ว่าสามคนแม่ลูกนั่นไปอยู่ที่ไหน สายรุ้งนั้น
หลังจากแต่งงานกับเศรษฐีนักธุรกิจลึกลับ
ก็หายตัวไป ป่านนี้อาจถูกฆ่าหมกไปแล้วก็ได้ถึงไม่มีข่าวคราว แต่เป็นจริงได้ก็ดี
สายฝนกับกุลชาก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน
เจอตัวเมื่อไรจะกําจัดให้สิ้นซาก เธอจะได้เป็นภรรยาปพนอย่างสบายใจ ไม่ต้อง
กลัวว่าจะถูกขุดคุ้ยและ
ทุกอย่างจะพังทลายหมด ถ้ายังไม่ได้ตําแหน่งคุณหญิง เธอไม่มีวันยอมแน่

หลังพระอาทิตย์ตกดินที่กัวลาลัมเปอร์ ท้องฟ้าเริ่มมืด สายรุ้งกําลังชื่นชมตึก


แฝดPetronas อยู่ที่ลานน้ําพุ
ด้านหน้าตึก ผู้คนต่างพากันมาเดินเล่นและถ่ายรูปบริเวณลานน้ําพุ เพราะเป็นจุดที่
เห็นตึกได้หมด ดูจากสายตา
เหมือนป้อมปราสาทโบราณปลายแหลมสองหลังเชื่อมต่อด้วยสะพาน ทั่วบริเวณ
สว่างไสวด้วยแสงไฟ ดูแล้วสวยงามเสียจนผู้คนอยากถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก
‚ที่จริงตึกนี้เป็นตึกบริษัทน้ํามันของมาเลเซีย เคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก
ต่อมาถูกตึก 101 ของไต้หวันแซง
ต่อมาตึกของไต้หวันก็ถูกตึกที่ดูไบแซง ตอนนี้จีนกําลังจะสร้างตึกที่เซี่ยงไฮ้ให้สูง
กว่า เฮ้อ ! ไม่รู้ว่าทําไม
ชอบสิ้นเปลืองเงินทองเพื่อแข่งกันเป็นที่หนึ่ง ไม่มีใครเป็นหนึ่งได้ตลอดหรอก‛ เขา
บอกรายละเอียดให้รู้
พร้อมวิจารณ์ไปในตัว สําหรับเขามันก็แค่สิ่งปลูกสร้างที่ทําขึ้นเพื่อหลอกล่อนักเที่ยว
มากกว่า
‚ก็ถูกของคุณ แต่สําหรับฉันมันก็ยังน่าทึ่งอยู่ดีที่ได้เห็นของจริง ‛ สายรุ้งพูดจบ
ก็หันไปจ้องหน้าเขา
‚คุณมองหน้าผมแบบนี้ สงสัยอยากให้ผมช่วยถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกส่งไป
อวดพี่สาวที่กรุงเทพฯ มั้ง
ถ้าอยาก เชิญโพสท่าได้เลยครับผม ตากล้องจําเป็นคนนี้ยินดีบริการ‛ เขารีบพูดเอา
ใจ สายรุ้งยิ้มก่อนตอบ
อย่างรักษาฟอร์ม
‚เป็นความคิดที่ไม่เลว ถ้าถ่ายออกมาไม่สวยละก็...น่าดู ฉันจะโพสท่าสวย ๆ
แล้วนะ‛
น่าแปลกที่วันนี้สายรุ้งดูสนุกสนานร่าเริงและขี้เล่น หรือเป็นเพราะเธอได้เที่ยว
สายรุ้งโพสท่าประหลาด ๆ หลายท่า เช่น
ท่าครุ่นคิดขณะยืนมองตึก บางท่าก็ทําเป็นปลื้มตึกมาก
‚คงเป็นภาพที่ประหลาดที่สุด ถ้าเจ้าของตึกเห็นคุณโพสท่าแบบนี้ คงอยาก
ทุบตึกทิ้งแน่ คุณเล่นทําท่าเหมือน
กําลังทุกข์หนักจนอยากปลดทุกข์หน้าตึก ‛ ตนุภัทรอดยั่วไม่ได้
‚คนปากเสีย ไม่เคยคิดอะไรดี ๆ กับเขาเลย หัดมีคําพูดสร้างสรรค์บ้างนะ จะ
ได้มีคนรักบ้าง‛ สายรุ้งว่ากลับเจ็บ ๆ
‚ได้ครับผม คุณทําตัวเป็นแบบฉบับของเมียที่ดีเปี๊ยบ รู้จักตักเตือนคู่ชีวิต
อย่างนี้ผัวรักผัวหลงแย่เลยจ้ะเมียจ๋า ‛
สายรุ้งที่อารมณ์ดีมาตลอดเริ่มไม่ดีแล้ว
‚คุณ...‛ เธอพูดได้แค่นั้นก็เดินเข้าไปในตัวตึกทันทีเพื่อดับอารมณ์ วันนี้เธอไม่
อยากเถียงเขาเพราะรู้ว่าเขา
ก็มีเรื่องเครียด ๆ ในใจแม้จะไม่แสดงออกก็ตาม แต่เขาสิ ไม่ทําตัวชวนให้สงสารสัก
นิด ยั่วเธอตลอด
‘นี่เธอเริ่มสงสารเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ’ สายรุ้งตกใจกับความรู้สึกตัวเอง หรือ
ว่าเธอรักเขาเข้าให้แล้ว เป็นไปไม่ได้
คงเพราะใกล้ชิดกันทุกวันและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดเกือบเดือนทําให้คุ้นเคยกับ
เขาเท่านั้นเอง เหมือนเขาเป็น
ส่วนหนึ่งในชีวิตประจําวัน เป็นความเคยชินมากกว่าจะเป็นอื่น เธอพยายามให้
เหตุผลกับตัวเองจึงไม่ทันสังเกต
ว่ามีเด็กสาววัยทีนเอจคนหนึ่งแต่งตัวเปรี้ยวจัด นุ่งขาสั้นใส่เสื้อสายเดี่ยว
ล้วงกระเป๋ากางเกงเหมือนจับ
อะไรสักอย่างในกระเป๋า กําลังเดินเข้ามาใกล้เธอแล้วรีบเดินหนีไปเมื่อเห็นร่างสูง
ใหญ่ของตนุภัทรเดินเข้ามาหา
‚เดินจงกรมหรือคุณ ถึงได้จ้องมองพื้นตลอด‛ เขาทักทันที
‚เปล่า กําลังคิดหาวิธีกําจัดสามีปากเสียหมกพื้น ‛ เธอสวนกลับทันที
‚อย่าเลย เก็บไว้เถอะ สามีน่ารัก ๆ อย่างนี้หายากนา สงสัยคุณคงโมโหหิว
มากกว่า หรือยากช็อป เชิญตาม
สบาย ไม่ต้องเกรงใจนะเมียจ๋า ต่อให้ของในตึกนี้จะแพงหูดับตับไหม้ สามีน่ารัก ๆ
คนนี้ยินดีจ่ายครับผม‛
ดูเขาจะมีความสุขที่ได้ยั่วเธอเล่น
‚น่ารักตายละ นิสัยอย่างนี้ใครจะไปรักลง เชิญไปหาคนอื่นเป็นเมียจ๋าแทน
ฉันไม่เป็นเมียจ๋าให้ใครแน่
โดยเฉพาะคุณ‛
‚แน่ใจนะที่จะไม่เป็น ถ้างั้นจะทําให้เป็นจริง ๆ เสียที ‛ เขาเดินเข้าไปใกล้แล้ว
โอบเอวเล็กบางกลมกลึงไว้
และก้มหน้าจนเกือบชิดแก้มเนียนนุ่ม เธอรีบยกมือดันใบหน้านั้นออกห่าง
‚อย่าทําอะไรบ้า ๆ นะ นี่เป็นที่สาธารณะ ขืนทําอะไรหื่น ๆ ฉันร้องลั่นแน่ ‛
สายรุ้งรีบขู่ทันที
‚ก่อนจะร้องนะจ๊ะที่รักจ๋า รีบใส่เกียร์หมาวิ่งหนีก่อน มีคนตามล่าเรา ถ้ายัง
อยากมีชีวิตอยู่‛ พูดจบเขาก็จับมือ
เธอเดินกึ่งวิ่งไปที่ลานจอดรถ และรีบขับออกไปอย่างรวดเร็ว โดยที่เธอทําหน้างง ๆ
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก
จนเธอจับต้นชนปลายไม่ถูก รวดเร็วมากจนเธอตั้งตัวไม่ทัน ใครกันนะที่ไล่ล่าเขา
เธอไม่รู้ว่าตนุภัทรกําลังพาเธอ
หนีจากการถูกลอบทําร้าย ในขณะที่อีกพวกก็กําลังเดินเข้าตึกมาคิดจะทําร้ายเขา
เหมือนกัน
ตอนที่ 13

ณ ห้องพักสุดหรูของโรงแรมในเมืองโจโฮ เมืองชายหาดติดสิงคโปร์ของ
มาเลเซีย โซเฟียออกจากห้องน้ํา
เตรียมตัวไปดินเนอร์กับมิสเตอร์หว่อง ณ ภัตตาคารสุดหรูของเมืองนี้ พอเดินมาที่ตู้
เสื้อผ้าโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
‚โซเฟีย คุณทําให้แผนของผมเสียหมด ผมกําลังจะกําจัดนายภัทรได้อยู่แล้ว
คุณก็ส่งคนไปกําจัดคุณรุ้งเพราะ
อารมณ์หึงหวงไม่เข้าท่าของคุณ คนของคุณทําให้มันไหวตัวทัน บ้าฉิบ... ‛ โดมินิ
กว้ากดัง ๆ จนหูเธอแทบชา
‚คุณจะมาว่าฉันไม่ได้นะ คนของคุณทํางานพลาดเองต่างหาก แล้วมาโทษ
ฉัน ถ้าคนของคุณแน่จริง ทําไม
ปล่อยให้ภัทรหนีรอดไปได้ล่ะ ฉันว่าคุณทํางานพลาดแล้วพาลมากกว่า ความจริง
ฉันแค่ส่งคนไปช่วยซ้ํา
พวกสมุนไม่ได้เรื่องของคุณต่างหากทําเสียแผน‛ โซเฟียย้อนเข้าให้
‚เข้าใจอ้างนี่ ผมรู้นะว่าคุณยังตัดใจจากไอ้ภัทรไม่ได้ เลยคิดกําจัดผู้หญิงที่อยู่
ใกล้ชิดมันทุกคน รู้ทั้งรู้ว่ามัน
ไม่มีใจให้ยังหลงอยู่ได้‛ โดมินิกเองก็เบรกแตก จึงพูดสิ่งที่จี้ใจดําโซเฟียทั้งที่ปกติไม่
เคยทํา
‚คุณไม่รู้อะไร อย่ามาพูดดีกว่า คนอย่างฉันไม่เคยให้ความสําคัญกับผู้ชาย
คนไหนทั้งนั้น คุณเองก็เถอะ
มาว่าฉัน ตัวเองก็เสียดายแม่สายรุ้งนั่นเหมือนกัน คุณไม่มีวันได้แม่นั่นหรอก ถ้า
อยากได้คงได้แต่ศพแน่
ฉันไม่คิดจะปล่อยแม่นั่นไว้เหมือนกัน ‛ โซเฟียโต้อย่างไม่ลดละ โดมินิกฉุนกึก คิด
ย้อนกลับให้เจ็บ ๆ แต่พอคิดได้
จึงรีบระงับอารมณ์เสีย เพราะไม่ควรมาทะเลาะกันเอง งานจะเสียหมด
‚ผมว่าเราอย่ามัวมาเถียงกันดีกว่า เราต้องรีบกําจัดไอ้ภัทรให้เร็วที่สุดก่อน
ของจะส่งลงเรือ ทางโน้น
เร่งมาแล้ว คุณปล่อยวางความแค้นส่วนตัวก่อน มาร่วมมือกันกําจัดไอ้ภัทรดีกว่า
หลังจากนั้นคุณจะทําอะไร
ก็เชิญตามสบาย ว่าแต่เรื่องเจรจากับมิสเตอร์หว่องเป็นไงบ้าง‛ เขาถามด้วย
น้ําเสียงปกติ
‚ถูกของคุณ เราไม่ควรมาทะเลาะกันเอง เรื่องมิสเตอร์หว่องไม่ง่ายนัก แต่ฉัน
ก็ทําสําเร็จอย่างหนึ่งคือกัน
ผู้ชายคนนี้ไม่ให้พบกับภัทรได้ รออีกหน่อยคงยอมเซ็นสัญญากับฟร็องซัวส์กรุ๊ปแน่
เชื่อมือฉันได้ ฉันคงอยู่
ที่นี่ได้ไม่นานนัก มิสเตอร์หว่องเกิดติดธุระกะทันหันต้องบินไปดูงานที่อเมริกาวัน
สองวันนี้‛ โซเฟียเริ่มเย็นลง
‚บริหารเสน่ห์ได้ดีนี่ จนเจ้าพ่อแห่งวงการขนส่งข้ามชาติยอมยกเลิกนัดไอ้ภัทร
ได้ หวังว่าคุณคงจับ
นายคนนี้เซ็นสัญญาได้ในวันสองวันนี้นะ ผมขอตัวก่อน ได้เวลาไปบริหารเสน่ห์กับ
ลูกสาวท่านรองนายกฯ แล้ว ‛
‚รับรองในวันสองวันนี้คุณได้เห็นข่าวแน่ ฟร็องซัวส์กรุ๊ปร่วมมือกับ A.L.
LINES แต่ที่ฉันไม่เข้าใจคือทําไมคุณ
ต้องบริหารเสน่ห์กับแม่สาวใจง่ายนั่นอีก หลอกกินฟรีมาแล้วไม่ใช่หรือ ‛
‚คุณนี่ร้ายไม่เบาเหมือนกัน ยุ่งเรื่องของตัวเองดีกว่า อย่ามายุ่งเรื่องของผม
เลย ของอร่อยถ้าได้กินบ่อย ๆ ก็ดี
ไม่ใช่หรือ ยิ่งของอร่อยราคาแพงยิ่งต้องเก็บไว้กินนาน ๆ ไปล่ะเดี๋ยวไม่ทัน ‛ โดมินิ
กวางสายทันที
โซเฟียยักไหล่ก่อนเดินไปเลือกชุดเตรียมไปดินเนอร์กับเป้าหมายเหมือนกัน

พอสายรุ้งพอเห็นร้านอาหารที่ตนุภัทรพามากินก่อนอําลามาเลเซียก็ทําหน้า
เบ้ เป็นร้านอาหารธรรมดาร้านหนึ่ง
ในบรรดาร้านทั้งหลายที่ตั้งอยู่เรียงกันเป็นแถวยาวตลอดแนว มีอาหารจีนหลายร้าน
แซมด้วยอาหารอินเดีย
ทีแรกเธอคิดว่าเขาจะพาไปร้านหรู ๆ แต่ผิดคาด กลับเป็นร้านตึกแถวแทน แต่กลับ
มีผู้คนมากินกันมากมาย และแทนที่เขาจะพาเธอเข้าร้านอาหารจีนที่ดูจะเข้าท่า
ที่สุด กลับเป็นร้านอาหารอินเดียชื่อ Banana leaf ภายในร้านดูสะอาดพอควร แต่
คนขายนี่สิ ตัวดําเมี่ยม อาหารที่โชว์หน้าร้านเต็มไปด้วยเครื่องเทศ หมักด้วยผง
กะหรี่ พริกป่นบ้าง เช่นปลาคลุกผงกะหรี่ หรือพริกป่น ปลาสดตัวไม่ใหญ่มากคลุก
เครื่องเทศดูคล้ายปลาร้าหมัก เห็นแล้วชวนรับประทานพิลึก ตนุภัทรเห็นใบหน้าเธอ
แล้วอดขําไม่ได้
‚ไม่ต้องทําหน้าอย่างนั้นหรอก รับรองกินแล้วจะติดใจ ที่เห็นโชว์ในตู้นั่นน่ะ
เขาไม่ได้ทําให้คุณกินสด ๆ หรอก
เขาเอาไปทอดบ้าง ทําอย่างอื่นบ้าง ไม่ชอบก็ไม่ต้องกิน อยากให้ลอง พาไปกิน
อาหารจีนคุณก็ว่าเบื่อกระเทียม
เลี่ยนอีกต่างหาก พาไปกินก๋วยเตี๋ยวคุณก็ว่าไร้รสชาติ ผมลองมาทุกอย่าง แล้วเลย
ตัดสินใจพามากินอาหาร
อินเดียขนานแท้ของชาวอินเดียที่นี่ ร้านพวกนี้เปิดยันสว่าง มีให้กินตลอดคืน วิธีกิน
มีให้เลือกสองวิธี เดี๋ยวคุณ
ก็รู้ รับรองจะติดใจ หากินไม่ได้อีกแล้ว ‛ เขาบอกพลางเดินนําเธอไปที่โต๊ะ
‚จ้างให้ก็ไม่ติดใจ ถ้าฉันเป็นอะไรไปฉันจะมาหลอกหลอนคุณเป็นคนแรกเลย
คอยดูสิ‛ เธอขู่ทันที แต่พอนั่ง
ลง เด็กหนุ่มผิวดําชาวอินเดียเดินเข้ามายิ้มโชว์ฟันขาวสะอาดให้เธออย่างเป็นมิตร
ความจริงเธอไม่ได้รังเกียจ
เรื่องสีผิวหรอก เพราะมารดาสอนเสมอว่าคนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เธอรังเกียจ
อาหารที่โชว์หน้าร้านต่างหาก
ยิ่งเห็นเขายิ้มขําก็ยิ่งฉุน ‘ตาบ้าขําอะไรนักหนา’
‚เอาน่า อย่าโกรธเลยนะเมียจ๋า ‛ เขายั่วต่อ สายตาคมเข้มมองไปรอบ ๆ เขา
พาเธอมาร้านนี้เพื่อหลบหนีพวกที่
ตามล่าเขาอยู่ รอให้คนของเขาจัดการพวกนักล่าพวกนั้นก่อน แต่สงสัยเขาจะตาย
โดยฝีมือคนหน้าง้ําตรงหน้า
ก่อนแน่ ๆ
‚เลิกเรียกทีได้มั้ย เมียจ๋า เมียเจ๋อ บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ชอบ‛ เธอแว้ดอย่าง
เหลืออด
‚ครับ ๆ ไม่เรียกแล้วครับ แต่เอ...ให้เรียกอะไรดีล่ะ ที่รักจ๋าก็ไม่ชอบ เมียจ๋าก็
ไม่ชอบ เอาอย่างนี้มั้ย เรียกว่า
อีหนูจ๋า อีหนูแสนงอน ดีมั้ยครับผม‛ ใบหน้าคมเข้มทําเป็นคิดหนักแต่คําพูดนี่สิช่าง
ร้ายนัก สายรุ้งคันไม้คันมือ
เต็มทีอยากซัดคนร้ายกาจให้น่วมไปเลย แต่ติดที่มีบุคคลที่สามอยู่ด้วย บริกรนํา
ใบตองขนาดใหญ่พอควรสองใบ
มาปูไว้ตรงหน้าเธอกับเขา เธอเริ่มงง ไม่มีจานชามช้อนส้อมให้เห็น เขาเห็นเธอทํา
หน้างง ๆ ก็ยิ้มให้
‚ร้านนี้เรียกว่า Banana leaf ความหมายก็บอกอยู่แล้วว่าใบตอง ต้องกินข้าว
บนใบตอง ไม่ต้องห่วง
สะอาด ปลอดภัย เดี๋ยวเขาจะเอาอาหารหลายชนิดมาวางลงบนใบ รวมทั้งข้าวด้วย
เหมือนคุณกินข้าวราดเกง
วิธีกินคือกินด้วยมือ คล้ายบ้านเราสมัยโบราณ แต่ผมสั่งช้อนส้อมให้คุณแล้ว ไม่
ต้องห่วง อยากดื่มน้ําผลไม้
อะไรก็ดูตามรูปที่โชว์ข้างกําแพงได้เลย มีทั้งน้ําส้ม ฝรั่ง อีกหลายอย่าง หรือคุณจะ
ลองน้ําน้อยโหน่ง
หรือน้อยหน่ายักษ์ที่รูปร่างคล้ายทุเรียนแต่เนื้อเหมือนน้อยหน่า รสชาติอมเปรี้ยวอม
หวาน บ้านเราไม่ได้ปลูก
มานานแล้ว คุณอาจไม่รู้จัก แต่ที่มาเลย์และอินโดนีเซียยังปลูกกันเกลื่อน‛ นับว่า
เขามีความรู้อยู่ไม่น้อย เธอฟังเพลินจนลืมอารมณ์ขุ่นมัวไป
‚ถ้างั้นฉันลองน้ําน้อยโหน่งก็แล้วกัน คุณอุตส่าห์บรรยายสรรพคุณจนคิดว่า
เจ้าของสวนมาเอง‛ เขาส่ายหน้า
ให้กับความเหลือเกินของเธอก่อนหันไปสั่งบริกร ไม่นานนักน้ําที่สั่งก็มา พอชิม
เท่านั้นก็ทําหน้าบอกไม่ถูก
‚เป็นอะไรไป ไม่อร่อยก็ไม่ต้องกิน เปลี่ยนเป็นน้ําอย่างอื่นแทน แต่ไม่ต่างนัก
หรอก น้ําผลไม้ที่นี่เขาจะเอา
ไปอุ่นก่อนค่อยมาใส่น้ําแข็ง ผิดกับบ้านเราที่คั้นสดแล้วใส่น้ําแข็งเลย‛ เขาบอก
เพิ่มเติม
‚รู้งี้สั่งน้ําเปล่าก็ดี เพราะคุณคนเดียว จะมีอะไรที่แปลกกว่านี้มั้ย ‛ บ่นจบเธอก็
เห็นบริกรนําอาหารมา อาหารทั้ง
หมดใส่ในกระป๋องสเตนเลสขนาดใหญ่และลึกพอควรสี่ห้าใบ แต่ละใบจุอาหาร
แตกต่างกัน มีทัพพีตัก บริกร
หันไปมองหน้าตนุภัทร เขาพยักหน้า บริกรจึงตักอย่างละทัพพีลงในบนใบตอง มีมัน
บดราดด้วยผงกะหรี่ ไก่หมัก
ผงกะหรี่ ไก่ทอด ถั่วฝักยาวผัดกับผงกะหรี่จนเละ ปลาทอดชิ้นเล็ก และข้าว ตาม
ด้วยแกงข้น ๆ สีแดงกับสีเหลือง
ราดอีกที บริกรตักเสร็จก็ไป อีกคนก็ถือปี๊บใส่ข้าวเกรียบมาและตักให้ เป็นข้าว
เกรียบปลาแห้ง ๆ ไม่มัน
สายรุ้งมองอาหารทั้งหมดแล้ว เห็นจะมีแต่ไก่ทอดกับข้าวเกรียบนี่แหละที่ดูจะพอรับ
ได้ นอกนั้นอย่าหวังว่าจะแตะ
‚มาบ้านเขาแล้วก็ลองชิมเป็นประสบการณ์ รับรองรสชาติไม่แย่นักหรอก ถ้า
คุณชิมแล้วไม่ชอบ คุณก็บอก
ให้ร้านรู้ เขาไม่ว่า วิธีบอกคือพับใบตองด้านหนึ่งปิดอาหาร พับออกนอกตัวนะ แต่
ถ้าชอบก็พับเข้าหาตัว ชิมหน่อยนะ
เดี๋ยวต้องเดินทางไกลแล้ว กว่าเครื่องจะออกหิวแย่ ‛ พอเขาบอก เธอถึงรู้ว่าต้องย้าย
ที่นอนอีกแล้ว ให้ตายเถอะ !
จะมีสักครั้งไหมที่เธอไม่ต้องชีพจรลงเท้า คราวนี้จะไปไหนอีก ทําไมต้องหนีอยู่เรื่อย
เมื่อไหร่จะสิ้นสุด อยากรู้นัก
‚ฉันถามจริง ๆ เถอะ เมื่อไหร่คุณจะหยุดอยู่กับที่เสียที ฉันเหนื่อยกับการย้าย
ที่นอนเต็มที ฉันอยากกลับบ้าน
อยากพบแม่กับพี่สาว‛ น้ําเสียงเธอฟังดูเหนื่อยหน่ายท้อแท้ชอบกล เขาแปลกใจอยู่
เหมือนกันที่อยู่ดี ๆ สาว
เฮี้ยวอย่างเธอก็แสดงอาการท้อแท้ให้เห็น เขาเองก็เห็นใจเธอเหมือนกัน อีกไม่นาน
ทุกอย่างจะจบ เขายื่นมือไป
กุมมือเธอไว้พลางบีบเบา ๆ ถ้าไม่คิดว่าอยู่ในร้านอาหาร เขาคงกอดร่างบอบบางไว้
แนบอกแล้ว
‚ผมรู้ ผมเข้าใจ ให้เวลาผมอีกหน่อย ผมให้สัญญา ไม่นานหรอก คุณจะได้
พบแม่กับพี่สาวคุณอีกครั้ง
เชื่อผม แม่คุณอยู่อย่างสุขสบาย ส่วนพี่สาวคุณก็ไม่ต้องห่วงเช่นเดียวกัน คุณน่าจะ
รู้ดีกว่าผมอีกเพราะคุณเป็น
คนวางแผนให้หนีเอง รีบ ๆ ทานเสีย แล้วเราขึ้นเครื่องบินไปฝรั่งเศสกัน อยากไป
เที่ยวมั้ยล่ะที่นั่น‛
สายรุ้งรับรู้ถึงกระแสอบอุ่นจากมือใหญ่ที่กุมอยู่ กําลังฟังคําพูดปลอบ
ประโลมอยู่เพลิน ๆ ก็มีอันให้ไม่
สบอารมณ์อีก เพราะประโยคตอนท้ายนี่แหละ เหมือนแขวะเธออย่างไรชอบกล ถึง
เอาเรื่องฝรั่งเศสมาล่อ ใช่ ใคร ๆ
ก็ฝันอยากไปเที่ยวยุโรปดินแดนแห่งเทพนิยายทั้งนั้น แต่ไม่ใช่ความรู้สึกของเธอใน
เวลานี้ สิ่งที่เธอต้องการคือการได้พบ
หน้ามารดากับพี่สาวต่างหาก เธอเป็นห่วงมารดากับพี่สาว ไม่อยากสุขสบายคน
เดียว เวลานี้สําหรับเธอ
ความรู้สึกที่มีต่อผู้ชายที่ได้ชื่อว่าสามีทางนิตินัยนั้นเริ่มเปลี่ยนไป คือเริ่มคุ้นเคยและ
ยอมรับเขาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตแม้
ตอนแรกจะพยายามมองเป็นคนแปลกหน้าและกันออกให้ห่างจากใจก็ตาม แต่
นับวันเขาจะเข้าใกล้หัวใจเธอทุกที
เธอไม่อยากใช้ชีวิตวัน ๆ อยู่ใกล้เขามากนัก บอกตรง ๆ ว่ากลัวใจตัวเอง เธอยอมรับ
ว่าผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์ไม่น้อย
แม้บ่อยครั้งที่เขาจะยั่วเธอให้โมโหก็ตาม แต่เธอรู้ว่าเขาคอยปกป้องเธอ และที่
สําคัญดีกับมารดาเธออย่าง
มากด้วย แม้เธอจะเคยกล่าวหาว่าเขานําความเดือดร้อนมาให้ และเป็นคนทําให้
เธอต้องมาตกระกําลําบาก
ก็ตาม แต่เวลานี้คงไม่มีอะไรดีไปกว่าเดินตามทางที่ผู้ชายคนนี้กําหนดให้ ‘ก็ด.ี ..
อย่างน้อยก็ได้ไปเที่ยวฝรั่งเศส
น่าสนเหมือนกันแฮะ’ คิดได้ดังนั้นเธอจึงพยายามฝืนทาน สุดท้ายก็ต้องเสีย
มารยาทบอกทางร้านไปว่า
อาหารคุณรสชาติไม่ได้เรื่องก่อนรีบเดินตามเขาไปขึ้นรถไปสนามบิน ‘เฮ้อ ! แต่งกับ
เศรษฐีมันดีอย่างนี้เอง
ไปไหนไม่ต้องแพ็คกระเป๋าให้เหนื่อย มีคนจัดการให้เสร็จ ไม่รู้ว่าจะสุขสบายอย่างนี้
ไปตลอดหรือเปล่านะ ชีวิตคนเรามันไม่แน่ ’

ขณะที่สายรุ้งกําลังขึ้นเครื่องบินไปฝรั่งเศสกับตนุภัทร สายฝนก็กําลังกล่อม
ข้าวโอ๊ตให้นอน เด็กน้อยติด
สายฝนมาก เมื่อก่อนใครใครพาไปนอนก็ได้ แต่พอสายฝนมาอยู่ต้องเป็นเธอตลอด
‚นอนนะคนเก่ง เป็นเด็กต้องนอนมาก ๆ นะจ๊ะรู้มั้ย จะได้ฉลาด ๆ‛ เธอตบก้น
เด็กน้อยเบา ๆ สักพักเด็กน้อยก็
หลับ เธอจึงค่อย ๆ วางร่างกลมป้อมของข้าวโอ๊ตลงกับที่นอนนุ่มนิ่ม แต่พอวาง
เท่านั้นดวงตากลมโตใสบริสุทธิ์
ก็ลืมขึ้น พลางยิ้มหวานให้ สายฝนแกล้งทําหน้าบึ้งตึง ‚เจ้าเล่ห์นี่เรา หลอกฝนจ๋าได้
โกรธแล้ว‛ เด็กน้อยลุกขึ้น
ยื่นมือกลมป้อมกอดสายฝนไว้แล้วพูดว่า ‚ฝนจ๋า ลัก ๆ‛ แล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มฝน
จ๋าของแกด้วย สายฝนยิ้ม
มือเรียวงามกอดตอบ มองใบหน้าใสบริสุทธิ์อย่างรักใคร่
‚ฝนจ๋าก็รักข้าวโอ๊ตจ้ะ‛ สายฝนบอกก่อนฟัดพวงแก้มใสของข้าวโอ๊ตอย่างมัน
เขี้ยว ข้าวโอ๊ตหัวเราะชอบใจ
‚ฝนจ๋า แล้วคุณอานายข้าวโอ๊ตไม่รักบ้างหรือ ‛ เสียงคุณอาของนายข้าวโอ๊ต
ดังขึ้น มีผลให้แก้มเนียนใส
ของฝนจ๋าเปลี่ยนเป็นสีชมพูเข้มก่อนจะหันไปทําท่าจะค้อนก็ไม่เชิง
‚ฝนจ๋าไปก่อนดีกว่าค่ะ มีคนมากล่อมข้าวโอ๊ตนอนแล้ว ฝากด้วยนะคะ คุณ
เมธ‛ สายฝนทําท่าจะเลี่ยง แต่มือ
กลมป้อมของเด็กน้อยจับไว้ ‚ฝนจ๋า...ไม่ไป‛ เธอจึงจําใจอยู่ คุณอาของนายข้าวโอ๊
ตอยากให้รางวัลหลานรัก
เสียเหลือเกินที่ช่างเข้าใจอาจริง ๆ
‚นายข้าวโอ๊ต สําคัญนะเรา โยเยอย่างนี้เดี๋ยวฝนจ๋าก็ไม่อยู่ด้วยหรอก เอาละ
นอนได้แล้ว อาขอตัวไปเปลี่ยน
เสื้อผ้าก่อนแล้วค่อยมาจัดการกับเด็กเกเรอย่างเรา ฝากด้วยนะ ฝนจ๋า ‛ วรเมธลง
ท้ายด้วยน้ําเสียงกรุ้มกริ่มก่อนจะ
รีบเดินออกจากห้องเด็ก สายฝนเอามือลูบแก้มเบา ๆ รู้สึกร้อนผ่าวอีกแล้ว
‚เจ้านายบ้า แกล้งเรา‛ เธอเผลออุทานออกมา ข้าวโอ๊ตพูดตามว่า ‚นายบ้า‛
สายฝนได้ยินก็ตกใจ เธอไม่ควรเผลอ
พูดคําไม่สุภาพให้เด็กในวัยกําลังเรียนรู้ได้ยิน ดีไม่ดีเจ้านายเจ้าเล่ห์ได้ยินเข้าแล้วรู้
ว่ามาจากเธอ คราวนี้แย่แน่
‚ข้าวโอ๊ตคนเก่งของฝนจ๋า ไม่พูดนะจ๊ะคํานี้ ไม่สุภาพ เชื่อฝนจ๋านะจ๊ะคนเก่ง ‛
สายฝนรีบสอน เด็กน้อยยิ้มหวาน
แล้วพยักหน้าเป็นการบอกให้รู้ว่าแกจะไม่ทําตาม แต่จะจริงตามนั้นหรือเปล่านี่สิ
สายฝนยังหวั่น ๆ
‚ฝนจ๋า นอน ๆ‛ สักพักข้าวโอ๊ตก็เอ่ยขึ้นหลังจากจ้องมองฝนจ๋าที่เอาแต่นั่งนิ่ง
สายฝนจึงรู้ตัวแล้วยิ้มให้
เธอยอมรับว่าเด็กคนนี้น่ารักมาก รู้ความหมด แต่พูดยังไม่ค่อยได้เท่านั้นเอง นี่คงจะ
ง่วงจริง ๆ จึงบอก
เด็กน่ารักอย่างนี้ ทําไมพนิดาถึงไม่รัก เธอคิดพลางนอนตะแคงลงข้าง ๆ เด็ก
น้อยและตบก้นเบา ๆ จนเด็กน้อย
เคลิ้มและหลับตาลง สายฝนตบก้นเด็กไปเรื่อย ๆ จนเผลอหลับตาม คงเพราะเธอ
เพลียจากการรีบแปลงานส่ง
บริษัทจนดึก จึงไม่รู้ว่าวรเมธได้เปิดประตูเข้ามาในห้องหลานชายอีกครั้งหลังจาก
อาบน้ําเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ
พอเข้ามาก็เห็นภาพสายฝนนอนกอดหลานชายหลับไปด้วยกัน จึงยิ้มอย่าง
อ่อนโยน
‘น่าจะเป็นแม่ลูกกันนะ ไม่นึกว่านายข้าวโอ๊ตจะมีแม่ที่สวยน่ารักมาก’ เขาอด
คิดอย่างขํา ๆ ไม่ได้ ก่อนเดินเข้า
ไปใกล้พลางจ้องมองใบหน้าสวยใสภายใต้กรอบผมยาวสลวยอยู่พักใหญ่ ดูแล้ว
เหมือนภาพวาดเทพธิดา ใบหน้าคมเข้ม
ก้มลงเพื่อดูให้ชัด ๆ ยิ่งใกล้กลิ่นแก้มสาวก็ยิ่งหอมละมุน ทําให้อดใจไม่ไหวจึงเผลอ
แนบหน้าลงไปสัมผัส
ความเนียนนุ่มของแก้มฝนจ๋าเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ขยับออกห่างอย่างเสียดายเมื่อรู้
ว่าเจ้าของแก้มหอมเนียน
นุ่มเริ่มรู้สึกตัว สายฝนลืมตาแล้วรีบลุกขึ้น
‚ตายจริง เผลอหลับไปได้ยังไงกัน‛ เธออุทานออกมาเบา ๆ ก่อนเอามือลูบ
แก้มเบา ๆ รู้สึกคล้ายถูกสัมผัสไปทั่ว
อย่างไรไม่รู้ ‘ฝันไปมั้ง’ เธอเข้าใจว่าอย่างนั้น และแล้วหูก็แว่วเสียงหัวเราะเบา ๆ
ของเจ้านายเจ้าเล่ห์ เธอหันไปมองก็
เห็นวรเมธยืนกอดอกมองดูเธอพร้อมรอยยิ้มขัน สายฝนเกือบจะถามไปตรง ๆ
ว่า ‘ขําอะไร’ แต่เธอระงับทัน
‚คุณฝน ถ้าคุณเป็นพนักงานบริษัท ไม่ใช่แม่บ้าน คุณถูกตัดเงินเดือนแน่ โทษ
ฐานแอบงีบในเวลางาน‛
เขาพูดล้อเลียน
‚ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง สงสัยว่าคุณเมธคงเป็นเจ้านายที่ขี้ลืมสุด ๆ นี่มันเลย
เวลาเลิกงานไปเกือบสามชั่วโมง
แล้วค่ะเจ้านาย‛ สายฝนแก้ตัวทันที และเป็นข้อแก้ตัวที่เขาเถียงไม่ออกด้วยถ้าว่า
ด้วยข้อกฎหมาย
‚คุณนี่เป็นลูกจ้างที่น่ากลัวมาก เอาละ ผมไม่พูดเล่นแล้ว ผมจะบินไปอังกฤษ
พรุ่งนี้ คุณช่วยผมจัดกระเป๋า
หน่อย เอาทุกอย่างที่คิดว่าจําเป็นสําหรับผมไปด้วย‛ เขาสั่ง สายฝนไม่ค่อยอยาก
ทํางานนี้เท่าไรนัก ใจอยากถาม
ว่า ‘เมื่อก่อนทําไมจัดเองได้ล่ะ ’ แต่ปากกลับตอบว่า
‚ค่ะ ฝนจะจัดให้‛
‚ถ้างั้นไปกันเลย ‚ เอ่ยจบก็จูงมือเธอไปที่ห้องเขา แต่พอเปิดประตูออกมาก็
พบกับพนิดาที่เพิ่งกลับเข้ามาโดยมี
พริกเดินตามมาด้วย พนิดาเห็นแล้วแค้นนัก กับเธอ วรเมธมีแต่ขยับหนี กับแม่นี่
กลับพยายามหาทางชิดใกล้
‚เป็นอะไรคะคุณแม่บ้าน ถึงเดินเองไม่ได้ ต้องให้คุณเมธจูงมือพาเดิน อยาก
ให้คุณเมธถูกเนื้อต้องตัวละสิ ‛
สายฝนหน้าชา เหมือนเธอจ้องจับผู้ชายอย่างเดียว จึงพยายามขยับมือ
เพื่อให้เขาปล่อย แต่วรเมธกุมแน่น
ไม่ปล่อย แม้เธอจะจิกเล็บลงไปในเนื้อเขา แต่เหมือนไม่สะทกสะท้าน พนิดาเห็น
แล้วยิ่งไม่พอใจ ขยิบตาให้พริก
ก่อนเดินเข้าไปหาวรเมธกับสายฝน โดยมีพริกตามเข้าไปด้วย
‚คุณเมธคะ ระดับคุณไม่ควรลดตัวลงมาคลุกคลีกับพวกคนรับใช้เลยนะคะ
เสียเกียรติหมด ต้องให้คนระดับ
เดียวกันช่วยพาไปถึงจะถูก ถ้าแม่บ้านคนใหม่ของคุณไม่สบาย พริก แกรีบไปช่วย
ประคองแม่บ้านคนใหม่เร็วเข้า
อย่าให้มืออันสูงส่งของคุณเมธต้องมาเปื้อนดิน ‛ พนิดนาเจตนาพูดจาดูถูกสายฝน
คิดว่าพริกต้องคอยเสริมแต่
เธอคิดผิด เพราะพริกมีท่าทีลังเลไม่กล้า เพราะยังเกรงวรเมธอยู่ ฝ่ายวรเมธยังคง
วางเฉย เขาอยากรู้ว่าสายฝนจะทําอย่างไร ถ้าสายฝนมาจากครอบครัวที่ดีคงทน
ไม่ได้แน่ที่ถูกพนิดาพูดจาดูถูกว่าเป็นพวกชั้นต่ํา อีกอย่าง เขาอยากเห็นฤทธิ์ฝนจ๋า
ว่าจะเอาคืนพนิดาอย่างไร คงมีอะไรสนุก ๆ ให้ดูแน่ เขายินดีจะเป็นฝ่ายสนับสนุน
ฝนจ๋าด้วยหากมีการร้องขอ จริงดังคาดสายฝนยิ้มให้กับพนิดาก่อนหันมาพูดจา
ฉอเลาะ
ออดอ้อนเขาว่า
‚คุณเมธคะ ฝนอยู่คนละระดับกับคุณหรือคะ ถ้าอย่างนั้นคุณรีบ ๆ ทําให้ฝน
อยู่ระดับเดียวกับคุณหน่อยได้ไหมคะ ชักช้า
คุณดาจะเข้าใจผิดไปใหญ่ แล้วฝนจะถูกเข้าใจผิดอีก หรือว่าคุณดาทนไม่ได้คะที่
เห็นคุณเมธให้ความสนิทสนม
กับฝนมากกว่าเพราะทนความสูงส่งของคุณดาไม่ไหว ถ้าเป็นอย่างนั้นก็แย่เลยนะ
คะ คุณดาคงเหงาแย่ ไม่มี
ใครสูงส่งพอให้คลุกคลีด้วย โธ่ ! น่าสงสารจัง ลด ๆ ความสูงส่งลงมาบ้างก็ได้นะคะ
คุณดา ดูอย่างคุณเมธสิคะ
เป็นนายจ้างที่เป็นกันเองกับลูกจ้าง ไม่เคยคิดว่าตัวเองสูงส่งเลยนะคะ ฝนมี
นายจ้างน่ารักอย่างนี้จะไม่ให้รักได้
ยังไงไหว จริงมั้ยคะเจ้านายขา‛
สายฝนยิ้มหวานให้วรเมธเพราะจงใจจะยั่วอารมณ์พนิดาให้โกรธ วรเมธยิ้ม
ตอบตาเป็นประกายแต่ไม่พูดอะไร
เขาได้เห็นความร้ายกาจของสายฝนแล้ว เธอดึงให้เขาเข้าไปเกี่ยวด้วยจนได้ เขาก็
ยินดีร่วมเล่นเกมยั่วพนิดา
แม้เกมนี้จะเล่นยากเพราะโดดเข้าไปเล่นเต็มตัวไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะไม่เป็นผลดีกับ
ตัวเองและเสียการปกครองได้
เขาจึงเล่นแต่พองามแล้วค่อยเอาคืนจากสายฝนทีหลัง ได้ผล พนิดาโกรธจนตัวสั่น
มือกําแน่น แต่ไม่กล้าทําร้ายสายฝน
เพราะอยู่ต่อหน้าวรเมธ แม้เขาจะไม่พูด แต่ก็พอมองออกว่าเข้าข้างสายฝนอย่างชัด
แจน
‘ฝากไว้ก่อน นังฝน รอให้คุณเมธไปก่อน ฉันจะเอาแกให้แสบ แกฉลาดนัก รู้
ว่าฉันไม่กล้าทําอะไรมาก
เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณเมธ’ พนิดาอาฆาตในใจก่อนเดินเข้าห้องไปอย่างโกรธจัดโดยมี
พริกเดินตามไปด้วย
‚ปล่อยฝนได้แล้วค่ะ คุณเมธ คุณทําให้ฝนเดือดร้อน‛ สายฝนเอ่ยขึ้นพลาง
พยายามบิดมือให้พ้นจากการเกาะกุม
ของวรเมธ หลังจากพนิดาไปแล้ว เธอไม่เหลือมาดสาวช่างยั่วปากกล้าเมื่อครู่อยู่
เลย
‚เดือดร้อนอะไร เมื่อครู่คุณยังบอกว่ารักผมอยู่เลย รักผมก็ต้องอยากอยู่
ใกล้ชิดผมสิ จริงมั้ยจ๊ะ ฝนจ๋า‛
วรเมธเอ่ยด้วยน้ําเสียงกรุ้มกริ่มอย่างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ สายฝนเห็นท่าทางเขาแล้ว
ใจไม่ดี ไม่ควรไปยั่วพนิดาโดย
เอาเขามาเป็นหมากเลย เมื่อครู่ถ้าเธอทําเป็นเฉยเสียไม่คิดแกล้งพนิดาคงไม่
เดือดร้อนถึงตัวเอง
‚ปล่อยเถอะค่ะ คุณเมธ ถ้าฝนทําผิดไป ฝนขอโทษ คุณจับมือฝนอย่างนี้เดี๋ยว
ใครมาเห็นเข้าจะไม่ดีนะคะ‛
เธอพยายามใช้ไม้นวม วรเมธไม่สนใจ กลับโอบเอวพาเธอเดินเข้าไปในห้องสมุด
แทนที่จะเป็นห้องของเขา
‚เอาละ ผมปล่อยก็ได้ แต่ก่อนปล่อยผมขอทําโทษลูกจ้างที่เห็นเจ้านายเป็น
ตัวตลกก่อน‛ โดยไม่ปล่อยให้
เธอได้ทันตั้งตัว แก้มเนียนใสของสายฝนก็ถูกหอมฟอดใหญ่ก่อนจะปล่อยให้เป็น
อิสระพร้อมกับคําพูดว่า
‚ชื่นใจจัง หอมจังแก้มฝนจ๋า มิน่าเล่านายข้าวโอ๊ตถึงชอบหอมบ่อย ๆ น่าลอง
อีกทีว่าหอมจริงหรือเปล่า ‛
สายฝนรีบขยับตัวออกห่างทันทีพร้อมกับแว้ดออกไปว่า
‚เจ้านายหื่นกาม อย่านะ‛
วรเมธขํากิริยาของสายฝน เขาเริ่มชอบผู้หญิงเวลาอายแล้วสิ โดยเฉพาะ
ฝนจ๋าของเขา สายฝนแปลกใจตัวเองที่ไม่โกรธและทําอะไรคนรังแกเธอ ‘บ้าที่สุด
เลย ทําไมถึงไม่โกรธ
ทั้งที่ถูกรังแกนะ สายฝน ต้องโกรธสิถึงจะถูก ’ เธออดถามตัวเองไม่ได้ ดวงตาคู่สวย
จ้องมองวรเมธอย่างค้นคว้า
ก็เห็นเขาเริ่มนิ่งเหมือนเดิม
‚นี่คือบทเรียนที่ผมอยากสอนคุณ ไม่ควรใช้ผู้ชายเป็นเครื่องมือหรือล้อเล่นกับ
ผู้ชาย เพราะคุณอาจเจอ
แบบเมื่อครู่นี้อีก พรุ่งนี้ผมจะบินไปยุโรปแล้ว บอกตรง ๆ ว่าผมเป็นห่วงคุณกับข้าว
โอ๊ต แต่เห็นคุณปะทะกับพนิดา
แล้วหายห่วง แต่อยากเตือนว่าอย่าประมาทผู้หญิงอย่างพนิดา หลังผมไปคุณต้อง
เจอศึกหนักแน่ ถ้ามีอะไร
ด่วนหรือจัดการไม่ได้ โทรเข้ามือถือผมทันทีรับรองผมจะช่วย ไม่อย่างนั้นคุณจะหา
ว่าผมปล่อยให้คุณเคว้ง ‛
เขาบอกสายฝนด้วยน้ําเสียงจริงจัง เธอถึงเข้าใจ ที่แท้เขาจงใจแกล้งเธอ ไม่มีอะไร
มากกว่านั้น
‘ฮึ ! คนร้ายกาจ ที่แท้ก็แกล้งเรา ทําเอาเราใจหายใจคว่ํา ’
‚ขอบคุณค่ะที่ห่วงฝน ทางที่ดีคุณควรจะเชิญคุณดาให้ไปจากบ้านจะดีกว่า
ทุกอย่างจะได้จบ‛
สายฝนอดไม่ได้ที่จะเอาคืน เขายิ้มก่อนตอบว่า
‚ยังไม่ใช่ตอนนี้ ไว้ผมกลับจากยุโรปก่อนแล้วคุณจะรู้ ‛
‚ค่ะ ฝนจะคอยดู คุณเมธมีเรื่องจะบอกฝนแค่นี้ใช่มั้ยคะ งั้นฝนขอตัวก่อนค่ะ ‛
เธอบอกก่อนขยับเท้าเดิน
ไปที่ประตู แต่เสียงของเขาดังห้ามไว้
‚เดี๋ยวก่อนสิ คุณยังไม่ได้ทําเรื่องหนึ่งให้ผมเลยนะ‛
สายฝนงง เขาสั่งอะไรตั้งแต่เมื่อไรกัน
‚เรื่องอะไรคะ คุณเมธ‛
‚เรื่องจัดกระเป๋าให้เจ้านายที่รักสิจ๊ะ ฝนจ๋า ‛
เท่านั้นแหละสายฝนก็รีบเปิดประตูออกไปพร้อมเสียงที่ดังตามมาว่า
‚เชิญเจ้านายจัดเองนะคะ ฝนกลัวจัดไม่ถูกใจค่ะ ‛
พอวรเมธได้ยินก็ยิ้มที่มุมปากพร้อมกับพึมพําออกมาว่า
‚ก็อยากให้ฝนจ๋าจัดให้นี่นา‛ ก่อนจะเดินออกจากห้องสมุดเช่นกัน เรื่องของ
พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที
ก่อนเดินทางขอชื่นใจแก้มเนียนใสของฝนจ๋าอีกสักครั้งก็ยังดี ชักติดใจทั้งหอมทั้งนุ่ม
‘นายข้าวโอ๊ตยังทําได้โดยไม่ต้องขออนุญาตเลย แล้วทําไมฝนจ๋าต้องมาจํากัด
สิทธิ์อานายข้าวโอ๊ตด้วย ลําเอียงจริง ๆ’
ตอนที่ 14

ที่สุดสายรุ้งกับตนุภัทรก็มาถึงสนามบิน Charles De Gaul ในกรุงปารีส เป็น


สนามบินที่ตั้งชื่อตาม
ประธานาธิบดีคนแรกของฝรั่งเศส ยิ่งใหญ่สมกับเป็นสนามบินของมหานครใหญ่
แห่งหนึ่งของโลกในภาคพื้น
ยุโรป สายรุ้งโชคดีที่รู้ภาษาฝรั่งเศสเพราะมารดาหมั่นสอนให้ เธอกับพี่สาวรู้สึกเบื่อ
มากที่ต้องมาเรียนรู้เรื่อง
ภาษาไม่เข้าใจว่าทําไมมารดาต้องพยายามเคี่ยวเข็ญให้เรียนนัก มีอยู่ครั้งหนึ่งเธอ
เกิดทนไม่ไหวจึงถามมารดาตรง ๆ
ว่าทําไมเธอกับพี่สาวถึงไม่ค่อยได้มีเวลาสนุกสนานเหมือนเพื่อน ๆ ไม่มีเวลาไป
เที่ยวเฮฮาตามภาษาวัยรุ่น
เสาร์อาทิตย์ยังต้องมาเรียนภาษาต่างชาติอีก มารดายิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วถามว่า
‘รุ้งอยากสบายตอนนี้แล้วลําบากตลอดไป หรือทนลําบากตอนนี้แล้วสบาย
เมื่อโตล่ะจ๊ะ’
‘ขอเป็นสบายตลอดไปไม่ได้หรือคะแม่’ เธออดต่อรองไม่ได้ แทนที่มารดาจะ
ตอบกลับถามพี่สาวแทน
‘แล้วฝนล่ะลูก อยากสบายตลอดไปมั้ย ’
‘อยากค่ะแม่ แต่คงเป็นไปไม่ได้’ สายฝนมักคิดรอบคอบเสมอ มารดายิ้มอย่าง
พอใจและหันมาพูดกับเธอต่อ
‘รุ้งได้คําตอบแล้วใช่มั้ย ความจริงไม่มีใครอยู่อย่างสุขสบายได้โดยไม่ผ่าน
ความยากลําบากมาก่อน
การกระทําของเราในวันนี้จะมีผลกับเราในอนาคตเสมอนะลูก ใครจะไปรู้ว่าเรา
จะต้องพบเจออะไรบ้างในวันข้างหน้า
บางทีเศรษฐีอาจเป็นยาจกก็ได้ แม่ไม่อยากให้ลูกสาวของแม่โตมาอย่างคนไร้
ความรู้ที่จะนําพาชีวิตให้อยู่รอดได้
ยิ่งเรารู้มากเท่าไหร่เรายิ่งมีขุมทรัพย์มากเท่านั้น และไม่มีใครขโมยของเราไปได้ด้วย
นะลูก เงินทองยังมีวันหมดได้
ถ้าเราไม่รู้จักรักษาไว้ แต่ความรู้ติดตัวเราไม่มีวันหมดไปได้ ถ้าเราไม่ตั้งใจจะทิ้งมัน ’
แม้เธอจะรู้ว่ามารดาหวังดี
แต่ก็อดเถียงในใจไม่ได้ว่า
‘ไม่จริงค่ะ บางคนเกิดมาก็สุขสบายแล้วเพราะมีพ่อแม่รวย’
แต่พอมาคิดอีกทีก็เข้าใจที่เห็นเกิดมาสุขสบายเพราะอาศัยใบบุญของบิดา
มารดาหรือปู่ย่าตายายทําไว้ให้ หากไม่รู้จักรักษาไว้ให้ดี สมบัติที่บิดามารดาหรือ
ปู่ย่าตายายหามาให้ด้วยความยากลําบากก็มีอันต้องสูญสิ้นไปในที่สุด ตัวอย่างก็มี
ให้เห็น
อยู่เรื่อย ๆ ตามข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ คนบางคนเกิดมารวย สุดท้ายก็จนเพราะ
ประมาทในการใช้ชีวิต เธอเพิ่งเห็น
ประโยชน์เมื่อจบมาทํางานก็ว่าได้ เธอลืมตัวเผลอยิ้มเมื่อคิดมาถึงเรื่องนี้ก่อนตอบ
ข้อซักถามของเจ้าหน้าที่ตรวจ
คนเข้าเมืองที่เอาแต่จ้องมองใบหน้าสวยงามน่ารักของเธอ ยิ่งเธอพูดภาษาฝรั่งเศส
ได้ด้วยแล้ว เจ้าหน้าที่หนุ่ม
ยิ่งพอใจและชวนคุยสองสามประโยคก่อนจบลงด้วยรอยยิ้มหวานของเธอโดยไม่รู้
ว่าคนตัวใหญ่ที่มาพร้อมเธอ
มีใบหน้าไม่พอใจตลอดเวลา
‘เที่ยวหว่านเสน่ห์ไปทั่ว ระวังเถอะ เกิดพ่อทนไม่ไหวขึ้นมาจับปล้ําต่อหน้าฝูง
ชนแล้วห้ามโวยนะ น่าแกล้งนัก ’
ตนุภัทรเข่นเขี้ยวในใจพร้อมกับก้าวขายาว ๆ ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่
สนใจว่าคนที่มาด้วยจะตามทัน
หรือไม่ สําหรับเขาไม่แปลก คนยุโรปส่วนมากเดินเร็วอยู่แล้วเพราะชีวิตประจําวัน
ต้องเร่งรีบ แต่สําหรับ
สายรุ้งเพิ่งเดินทางมาเป็นครั้งแรก เธอจึงไม่ชินกับการเดินอย่างเร่งรีบเหมือนผู้คน
ที่นี่ เธอซอยเท้าถี่ยิบจน
เกือบวิ่งเพื่อจะตามให้ทัน แต่ก็ไม่ทันอยู่ดี เธอจึงหยุดไม่คิดจะตามอีก อยากรู้นักว่า
เขาจะรู้ตัว เธอหยุดมอง
ไปรอบ ๆ เห็นผู้คนมากมายเดินไปมาอย่างเร่งรีบ ดูแล้วช่างเป็นชีวิตที่สับสน
พอสมควร ในเมืองใหญ่ที่เต็มไป
ด้วยสิ่งล่อตาล่อใจนักท่องเที่ยว ชีวิตคงหาความสุขสงบยาก ระหว่างที่เธอหยุดยืน
อยู่นั้นมีชายหนุ่มผมทองบ้าง
ดําบ้าง น้ําตาลบ้าง ทําท่าจะเดินเข้ามาหาเธอ แน่นอนล่ะคนสวย ๆ น่ารัก ๆ อย่าง
เธอย่อมเป็นที่สะดุดตาของเพศ
ตรงข้าม พวกเขาคิดว่าเธอหลงทางหรืออาจเป็นไก่หลงก็ได้ พอมีคนอาสามาช่วย
ร่างสูงใหญ่ของตนุภัทรก็เดินกลับ
มาหาเธออย่างรวดเร็วและโอบเอวพาเดินกึ่งลากออกไปจากบริเวณนั้นจนมาหยุด
ยืนอยู่ด้านนอกอาคารเหมือน
รอใครบางคนมารับ
‚คุณทําบ้าอะไร ! อยู่ดี ๆ ก็ลากฉันมา กอดเอวแทบขาด ตาบ้า ทําอะไรไม่
รู้จักบอกกล่าว เกิดฉันเป็นโรคหัวใจ
ตกใจตายไป คุณจะรับผิดชอบไหวมั้ย ‛ สายรุ้งแว้ดทันทีที่เป็นอิสระ ตนุภัทรยื่นหน้า
เข้ามาใกล้ก่อนพูดขึ้นว่า
‚มีแรงแว้ด แสดงว่าไม่ตายง่ายหรอก ผมยังไม่ให้คุณตายง่าย ๆ หรอก เรายัง
ไม่ได้เข้าหอกันเลย ปล่อยให้
ตายไปก็น่าเสียดายจริงมั้ยจ๊ะอีหนูจ๋า ‛ เขายั่วนัยน์ตาพราวระยับ เธออยากจะควัก
ลูกตาเขานัก
‚ตาเฒ่าหื่นคิดแต่เรื่องหื่น ๆ ระวังจะตายเพราะความหื่นไม่รู้ตัว คนอะไรเดี๋ยว
ดีเดี๋ยวร้าย ไม่รู้ว่าฉันทํา
กรรมอะไรไว้ถึงต้องมาเจอคนอย่างคุณ โชคดีนะที่ฉันเป็นคนใจเย็น ไม่อย่างนั้นละ
ก็...น่าดู‛ สายรุ้งสวนกลับ
ใบหน้าแดงก่ํา
‚ก็ทํากรรมร่วมกับตาเฒ่าคนนี้ไง ถึงได้ต้องมาเจอกัน เลิกเขินได้แล้ว โน่น คน
มารับแล้ว จําไว้นะ ห้ามหว่านเสน่ห์
กับผู้ชายผมทองที่เดินเข้ามาหา ถ้าไม่อยากถูกปล้ําจริง ๆ‛ คําพูดของเขายั่ว
อารมณ์สายรุ้งได้สุด ๆ เธอลืมตัวเงื้อ
มือขึ้นทําท่าจะซัดสักเปรี้ยง แต่บังเอิญชายคนที่ว่าเข้ามาถึงก่อน ตนุภัทรรีบโอบ
ไหล่เธอเข้ามาหา
‚ปิแอร์ ขอแนะนําสายรุ้ง ภรรยาฉัน ที่รักจ๋า นี่เพื่อนรักผมเอง ชื่อปิแอร์ ‛
ปิแอร์ทําท่าจะเข้ามาทักทายตามธรรมเนียมชาวฝรั่งเศสคือการโอบกอดหอม
แก้มซ้ายขวา แต่ร่างสูงใหญ่ของตนุภัทรรีบเข้าขวางก่อน
‚เสียใจด้วยเพื่อน ผู้หญิงไทยไม่ยอมให้ชายอื่นแตะต้องตัวถ้าไม่ใช่สามี ‛
ปิแอร์หัวเราะเบา ๆ
‚ลืมไปว่านายหวง ผมขอทําความรู้จักแบบสากลก็แล้วกันครับ สงสัยเพื่อน
ผมจะหวงคุณมาก‛ ปิแอร์ดูจะ
มีอารมณ์ขันพอควร เขายื่นมือทําท่าเชกแฮนด์กับสายรุ้ง เธอยื่นมือไปทําตาม แต่ที่
คาดไม่ถึงคือปิแอร์ยกมือ
เรียวสวยของเธอขึ้นจดปากก่อนปล่อย ตนุภัทรจ้องมองเพื่อนรักชาวต่างชาติตา
ขวาง แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายจงใจ
แกล้งก็ตาม
‚ยินดีที่รู้จักค่ะ เมอซิเออร์ปิแอร์‛ สายรุ้งทักทายตามมารยาท
‚รถนายจอดอยู่ที่ไหน เรารีบไปกันเถอะ‛ ตนุภัทรไม่ต้องการให้เสียเวลา ดูเขา
รีบ ๆ ชอบกล
‚ได้เลยเพื่อน เชิญตามมา‛ ร่างสูงใหญ่ของปิแอร์เดินนําทั้งคู่ไปยังรถเก๋งสีดํา
ที่จอดอยู่และพากันขับออกจาก
สนามบินทันที สายรุ้งแปลกใจ ชายหนุ่มทั้งคู่ดูมีลับลมคมในชอบกล ปิแอร์มอง
กระจกข้างและกระจกหลังตลอดเวลา

หน่อยเด็กทําความสะอาดบนตึกเดินถือถังน้ํากับไม้ถูพื้นจะเอาไปให้สายฝน
ทําความสะอาดห้องวรเมธ
แต่พอเจอพนิดากับพริกยืนขวางอยู่จึงหยุดทันที
‚หน่อย แกจะไปไหน‛ พริกถามทันที
‚เอาถังน้ํากับไม้ถูพื้นไปให้คุณฝนค่ะ ‛ เด็กสาวตอบอย่างระมัดระวัง
‚เดี๋ยวนี้แกเรียกนังนั่นว่าคุณแล้วหรือ จําไว้นะ นังนั่นก็คนใช้เหมือนพวกเรา
บ้านนี้มีเพียงคุณดาคนเดียวที่แก
ควรยกย่อง‛ พริกต่อว่าเด็กสาวทันที พนิดาเห็นท่าทางกลัว ๆ กล้า ๆ ของเด็กสาว
จึงยิ้มอย่างพอใจ
‚พริก ห้องฉันเลอะ ช่วยให้ใครไปจัดการให้หน่อย ฉันไปละ‛ พนิดาแกล้งสั่ง
ก่อนเดินไปขึ้นรถแล้วขับออกไป
‚ได้ยินแล้วใช่มั้ย นังหน่อย รีบไปจัดการสิ ‛ พริกสั่งเด็กสาวเสียงดังทันที
‚แต่...แต่...คุณฝนให้ฉันไปช่วยจ้ะ ‛ เด็กสาวบอกอย่างขลาด ๆ
‚ตามใจแก ถ้าคุณดากลับมาห้องไม่เรียบร้อยคงรู้นะว่าอะไรจะเกิดขึ้น ยังไม่
รีบไปอีก ให้นังฝนมันทําเอง
คงลืมไปแล้วสิว่าเป็นขี้ข้าเหมือนกัน แกก็เหมือนกัน อย่าบังอาจคิดทําตัวเป็นสาวใช้
ส่วนตัวของนังนั่นล่ะ ‛
พริกตวาดเด็กสาวนัยน์ตาวาวโรจน์ เด็กสาวกลัวก็กลัว แต่ไม่รู้จะทําอย่างไรดี
เพราะวรเมธเคยประกาศให้ทุกคน
รับทราบกันแล้วว่าสายฝนเป็นแม่บ้านที่มีอํานาจเด็ดขาดจัดการทุกเรื่องในบ้านได้
ทุกคนต้องทําตาม พริกเห็นท่า
ทางลังเลของเด็กสาวก็ตวาดซ้ําไปว่า
‚มัวยืนเซ่ออยู่ทําไม ยังไม่รีบไปทําความสะอาดห้องคุณดาอีก ‛ เด็กหน่อยรีบ
ทําตาม แต่พอหันหลังก็เห็น
สายฝนยืนกอดอกอยู่ ใบหน้าสวยใสนั้นเรียบเฉยก่อนพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคํา
ว่า

‚หน่อยไปทําตามที่พี่บอก ยกถังไปห้องคุณเมธ ส่วนห้องคุณดา พี่จะให้น้า


พริกจัดการเอง คงรู้ใจกันดี‛
เด็กสาวรีบไปทันที พริกมองหน้าสายฝนอย่างไม่สะทกสะท้าน
‚ฉันไม่เหมือนนังหน่อยที่หล่อนจะมาตีหน้าเซ่อวางมาดสูงส่งสั่งได้ เชอะ ! ขี้
ข้าเหมือนกันมาทําเป็นวางมาด
นางพญา อยากได้คนทําความสะอาดห้องก็ไปทําเองสิ ‛ พริกเอ่ยขึ้นด้วยน้ําเสียง
แข็งกร้าว สายฝนวางหน้าเฉย
‚ถ้าอย่างนั้นห้องคุณดาก็จะไม่มีใครทําความสะอาดให้เหมือนกัน เพราะเด็ก
หน่อยต้องทําความสะอาดห้อง
คุณเมธ ส่วนเด็กอีกคนลากลับบ้าน ไม่ทําก็ตามใจนะ ฉันไปละ‛ พูดจบสายฝนก็
เดินจากไปอย่างไม่สนใจ
ปล่อยให้พริกยืนเจ็บใจเล่น
‘ร้ายนักนังนี่ ให้พ้นคืนนี้ไปก่อนเถอะ รอให้คุณเมธออกจากบ้าน แกได้รู้จักอี
พริกดีแน่’
ป้าบุญบังเอิญผ่านมาเห็นเข้า แกเริ่มเป็นห่วงสายฝน จึงคิดจะบอกวรเมธให้
รีบหาทางป้องกัน ดังนั้นพอได้ยิน
เสียงรถวรเมธแล่นเข้ามาแกจึงรีบตามไปที่ห้อง วันนี้เจ้านายหนุ่มกลับเร็วเพราะ
ต้องเตรียมตัวเดินทาง วรเมธกําลัง
จัดเอกสารและข้อมูลบางส่วนที่จําเป็นเกี่ยวกับการประชุม เสียงเคาะประตูดังขึ้น
เขาคิดว่าอาจเป็นสายฝนเข้ามา
จัดกระเป๋าให้ก็ได้ ใบหน้าเคร่งเครียดยิ้มทันที แต่ก็ต้องหุบยิ้มเมื่อพบว่าเป็นป้าบุญ
‚ป้าบุญเอง มีธุระอะไรกับผมหรือครับ มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า ทําไมสี
หน้าดูเคร่งเครียดนัก มีใครทําให้
ป้าไม่สบายใจบอกผมมา ผมจะจัดการให้ ‛ น้ําเสียงของวรเมธเต็มไปด้วยความ
ห่วงใยคนที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เล็ก
สองมือแข็งแรงประคองร่างท้วมมานั่งที่เตียง เขาลากเก้าอี้มานั่งตรงหน้า ป้าบุญ
จ้องหน้าชายหนุ่มที่เลี้ยงมา
ตั้งแต่เล็กแต่น้อยอย่างรักใคร่
‚คุณเมธคะ ป้าเป็นห่วงคุณฝน กลัวว่าคุณเมธไปแล้วจะรับศึกจากคุณดาไม่
ไหว‛ ป้าบุญบอกตรง ๆ
‚ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง คุณฝนของป้าเก่งออก ผมว่ารับมือคุณดาได้สบาย ๆ‛ วร
เมธกลับไม่มีสีหน้ากังวลให้เห็น
‚นั่นเพราะคุณยังอยู่น่ะสิคะ ลองไม่อยู่สิ คุณดากับคนของเธอต้องเล่นงาน
คุณฝนแน่ คุณฝนน่ะตัวคนเดียว
ไม่มีใคร และก็น่าสงสารมากด้วย‛ ป้าบุญอดเป็นห่วงไม่ได้ วรเมธแปลกใจว่าทําไม
ป้าบุญดูยกย่องสายฝนนัก
ดูเป็นห่วงมากด้วย หรือว่าป้าบุญรู้ประวัติความเป็นมาของสายฝน
‚ผมถามป้าตรง ๆ ป้าอย่าปิดบังผมนะ ถ้าป้าอยากให้ผมช่วยคุณฝนของป้า ‛
คําพูดกับน้ําเสียงของ
วรเมธทําให้ป้าบุญเริ่มไม่สบายใจ เกรงว่าเขาจะรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังของสายฝน
‚คุณ...คุณเมธรู้แล้วหรือคะว่าคุณฝนเป็นใคร‛ แกถามด้วยน้ําเสียงหวาด ๆ
วรเมธซ่อนยิ้มภายใต้สีหน้าเรียบเฉย
‚ผมอยากได้ยินจากปากของป้าเองมากกว่า ป้าพอจะเล่าให้ผมฟังได้หรือยัง ‛
เขารีบสวมรอย
‚ยังไม่ถึงเวลาค่ะ เอาเป็นว่าชาติตระกูลของคุณฝนไม่ได้ด้อยกว่าคุณเมธก็
แล้วกัน บอกแค่นี้คุณเมธคงพอใจ‛
นึกไม่ถึงว่าป้าบุญฉลาดไม่ย่อยที่ไม่หลงกลเขา
‚แล้วป้าอยากให้คุณฝนของป้ามาเป็นคุณผู้หญิงของป้าด้วยหรือเปล่าล่ะ ‛
เขาแกล้งยั่ว
‚เป็นได้ก็ดีค่ะ แต่สําหรับป้ามันไม่สําคัญเท่ากับคุณเมธพอใจหรือเปล่า
ต่างหาก ถ้าพอใจคงหาทางเองได้
ที่สําคัญคุณดายังเป็นปัญหาใหญ่สําหรับบ้านนี้ ถ้าคุณไม่พิสูจน์ให้คุณฝนเห็นว่า
เธอสําคัญที่สุดในหัวใจ
คุณก็อย่าหวังจะได้หัวใจคุณฝนไป รีบ ๆ จัดการเรื่องของคุณดาเสีย ป้าไปละ‛
ป้าบุญพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนพาร่างท้วมของแกออกไป วรเมธมองตามยิ้ม ๆ นี่
เขาประมาทคนแก่อย่าง
ป้าบุญเสียแล้ว เรื่องที่แกพูดก็ถูก ทุกวันนี้ที่พนิดายังยอม ๆ สายฝนก็เพราะเขายัง
อยู่ เห็นทีต้องทําอะไร
สักอย่างก่อนไป เขาคิดพลางจัดเตรียมเอกสารสําคัญใส่กระเป๋า ข้อมูลบางอย่างก็
โหลดเข้าทัมบ์ไดรฟ
กับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กส่วนตัว พอเสร็จก็หันมาจัดการกับของใช้ส่วนตัวและชุดที่
จะนําไป พอถึงเรื่องนี้เขาก็อดคิดถึงฝนจ๋า
ไม่ได้ ตกลงฝนจ๋าไม่ยอมมาช่วยเขาจัดกระเป๋าจริง ๆ หรือนี่ ใจร้ายจริง ๆ เขาจะไป
เกือบสองอาทิตย์ไม่คิดจะ
อาลัยอาวรณ์บ้างเลย อย่างน้อยก็น่าจะมาสอบถามว่าเจ้านายที่รักต้องการให้ช่วย
อะไรบ้าง เมื่อก่อนพนิดา
เคยถือวิสาสะจะเข้ามาช่วยเขาจัดเตรียม แต่ถูกปฏิเสธเพราะกลัวความยุ่งยากที่จะ
ตามมา ผิดกับสายฝนที่เขา
อยากให้มาวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวของเขาทุกเรื่อง แต่ดูเหมือนเธอจะพยายามหลีก
ให้ห่าง ๆ เขาตลอด นี่เขาไม่มี
ส่วนดีพอที่สายฝนจะรักชอบได้บ้างเลยหรือ ถึงได้หลีกหนีเขาตลอดเวลา เขาคิด
พลางรื้อหาเสื้อผ้าให้วุ่นวายไป
หมด สักพักเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เขาตะโกนออกไปดัง ๆ ว่า
‚ใคร‛ ที่ต้องถามเพราะเกรงว่าเป็นพนิดา อย่างน้อยถ้ารู้จะได้เตรียมรับมือทัน
‚ฝนเองค่ะ คุณเมธ‛
พอได้ยินเสียงนี้เขารีบเดินไปเปิดประตูทันที พอเปิดออกมาก็พบสายฝน
กับข้าวโอ๊ต
ยืนอยู่หน้าประตู ข้าวโอ๊ตรีบโผเข้าหาผู้เป็นอาทันที ขณะที่สายฝนเดินเลยไปที่เตียง
กว้างใหญ่ซึ่งเวลานี้เต็ม
ไปด้วยของใช้ส่วนตัวที่ถูกจับโยนไปรวม ๆ ไว้บนเตียงอย่างไม่รู้ว่าจะเริ่มจากอะไร
ก่อนดี

สายรุ้งตื่นเต้นมากที่ได้มาหยุดยืนอยู่หน้าพระราชวังแวร์ซายตรงพระบรม
รูปทรงม้าของพระเจ้าหลุยส์ส์ที่สิบสี่
ดูยิ่งใหญ่อลังการและสวยงามมาก มิน่าเล่านักท่องเที่ยวจากประเทศต่าง ๆ ถึง
ได้มาเยี่ยมชมมากมาย ตนุภัทรกับ
ปิแอร์ให้เธอเที่ยวชมด้านนอกก่อนเข้าชมในวัง เขาพาเธอเดินเลยไปดูสวนของ
พระราชวัง ซึ่งเป็นสวนที่ใหญ่โต
การจัดสวนสวยมาก ดอกไม้ต้นไม้แต่ละกอแต่ละต้นจัดแต่งเป็นระเบียบสวยงาม
แบ่งเป็นชั้น ๆ ทอดยาวลงไปในสวน
ด้านล่าง ที่มีสระน้ํา และน้ําพุกลางสระ ประดับด้วยรูปปั้นเทพเทวดากับสัตว์ในเทพ
นิยายกรีกไว้มากมายทั้งใน
สระและรอบ ๆ สวน รวมถึงรอบตัวพระราชวังด้านนอกด้วย ดูแล้วเหมือนอยู่ในสวน
ของเทพเจ้ากรีกบนสวรรค์ สวยงามจริง ๆ โชคดีที่เป็นฤดูใบไม้ผลิ เธอจึงได้เห็น
ดอกไม้บานสะพรั่งสวยงาม ทุกอย่างดูมีสีสันสดชื่นไปหมด
เธอยากให้พี่สาวมาด้วยจะได้เห็นสิ่งก่อสร้างอันสวยงามอลังการนี้
‚พี่ฝน รุ้งอยากให้พี่ฝนมาเห็นจัง จะได้ดูให้เห็นกับตาว่าสวยเหมือนที่แม่เคย
เล่าให้ฟังหรือเปล่า‛ เธอพูดออกมา
เบา ๆ ขณะเอามือวักน้ําในสระกลางสวนที่มีน้ําพุตรงกลาง ก่อนเดินเข้าไปหาชาย
หนุ่มทั้งสองที่ยืนคุยอย่างออกรส
‚ปิแอร์ ตาเฒ่าฟร็องซัวส์มีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง‛ ตนุภัทรถามขึ้น
‚ยัง แต่คนที่เคลื่อนไหวแทนคือโดมินิกและโซเฟีย มิสเตอร์หว่องใช้แผนหลอก
โซเฟียว่าไปอเมริกาแต่บินมา
ฝรั่งเศสเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้นายพามาดามคนสวยไปเที่ยวหอไอเฟลได้เลย
มิสเตอร์หว่องนัดพบที่ร้านอาหาร
บนหอ ถ้ามาดามนายเห็นคงตื่นเต้นน่าดู แต่ระวังหน่อย ฉันไม่แน่ใจว่ามิสเตอร์หว่
องจะยอมเชื่อและทํา
ตามแผนของนายหรือเปล่า อีกย่าง คนของตาเฒ่าฟร็องซัวส์หูตาเป็นสับปะรด นาย
มาปารีสคงปิดได้ไม่นาน‛
ปิแอร์เตือนเพื่อนรักที่รู้จักกันมากว่าสิบปีตั้งแต่ตนุภัทรมาฝรั่งเศสและไปเรียนต่อที่
อังกฤษ
‚ขอบใจว่ะเพื่อน ไม่ต้องห่วง ฉันมั่นใจว่ามิสเตอร์หว่องต้องเชื่อฉันมากกว่าจะ
หลงเสน่ห์โซเฟีย พบแล้วฉัน
จะบินกลับเมืองไทยทันที ที่นี่ปล่อยให้นายจัดการต่อ ฉันขอไปจัดการกับปลาตัว
ใหญ่ที่เมืองไทยดีกว่า ที่ฉันช่วย
ตํารวจสากลกําจัดคนพวกนี้ก็เพราะทําตามคําขอร้องของลุงนายและเพื่อแก้แค้นให้
ราเชลเท่านั้น ไม่ได้หวัง
อย่างอื่น ถ้าวันนั้นฉันเชื่อราเชลสักนิด ญาติผู้น้องของนายคงไม่เสียชีวิต ฉันยังคิด
ว่าราเชลปั้นเรื่องขึ้นมาเพื่อให้
ฉันโดดเข้าปกป้องโดยมีจุดประสงค์เพื่อหาทางใกล้ชิดฉัน โชคดีที่พ่อของราเชลไม่
เชื่อและรู้เรื่องมาก่อน
ฉันจึงต้องรับงานนี้เพื่อช่วยตํารวจทั้งที่ไม่อยากเข้าไปยุ่ง แต่เพื่อเป็นการชดเชยให้ฟิ
ลิปส์ลุงของนายและราเชล
อย่างน้อยลุงนายก็เคยมีบุญคุณกับฉัน ‛
น้ําเสียงเขาเงียบหายไปเมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ปิแอร์ตบบ่าเพื่อนเบา ๆ
‚อย่าโทษตัวเองเลย นายทําดีที่สุดแล้ว ขอบใจที่ช่วย ลุงฉันจะได้สบายใจ
ก่อนเกษียณเสียทีเพราะได้
แก้แค้นแทนลูกสาว คิดแล้วราเชลช่างโง่นัก ไม่น่ามารักคนอย่างนายเลย อีกอย่าง
ถ้าเธอไม่โกหกจนเป็น
นิสัย นายคงเชื่อและคงไม่เสียชีวิต เฮ้อ ! เลิกรื้อฟื้นอดีตดีกว่า ฉันไม่อยากให้นาย
โทษตัวเองอีก ลุงฉันก็ไม่เคย
โทษนายด้วย แต่โทษพวกนั้น โน่น มาดามคนสวยของนายมาแล้ว ถึงเวลาพาคน
สวยเที่ยวแล้ว ให้ตายสิ ! นึกไม่ถึงว่าบทนักธุรกิจโหดเย็นชาจะมีเมียก็หาได้สวย
น่ารักเสียจนเพื่อนอยากจีบ ถ้าไม่เกรงใจว่าเป็นเมียนาย ฉันจีบ
ไปนานแล้ว ถามจริง ๆ เถอะ มีพี่สาวหรือน้องสาวมั้ยวะ ช่วยแนะนําให้หน่อยได้
ไหม‛ ปิแอร์เริ่มอยากได้แฟน
สวยน่ารักบ้าง
‚มีพี่สาว แต่นายอย่าเสียเวลาเลย คิดว่ามีคนจับจองแล้ว และนายรู้จักดีด้วย
อยู่ในแวดวงธุรกิจข้ามชาติ
ชื่อวรเมธ อย่าไปยุ่งกับนายคนนี้ดีกว่า นายหาคนชาติเดียวกันดีกว่า ‛ ตนุภัทรบอก
ตรง ๆ
‚โอ๊ย ! ทําไมโลกมันกลมอย่างนี้ ต้องมาเจอคู่อริทางธุรกิจอีกแล้ว คิดแล้วยัง
เจ็บใจไม่หายที่ถูกหมอนั่นหลอกได้ ‛
ปิแอร์บ่น ตนุภัทรหัวเราะขําเพราะเพื่อนรักชาวฝรั่งเศสมีธุรกิจโรงแรม แต่มีลุงเป็น
นายตํารวจใหญ่ของฝรั่งเศส
ปิแอร์เคยคิดจะชักชวนวรเมธซึ่งเป็นเพื่อนที่ไม่ค่อยกินเส้นกันนักสมัยเรียนที่อังกฤษ
ด้วยกันมาร่วมลงทุนในธุรกิจ
ท่องเที่ยว แต่ถูกปฏิเสธเพราะวรเมธมีรีสอร์ต ของตัวเอง อยากดึงชาวต่างชาติมา
เที่ยวประเทศไทยมากกว่าจะส่งเสริม
คนไทยเที่ยวนอกประเทศ และเขาก็ประสบความสําเร็จด้วย ทําให้ปิแอร์เสียเวลา
บินไปบินมาระหว่างไทยกับ
ยุโรปหลายเที่ยว หมดค่าใช้จ่ายไปมากมาย
‚ใช่ กลมอย่างที่ว่าจริง ๆ ตอนนี้ขอตัวพามาดามไปเที่ยวก่อน เดี๋ยวแม่งอน
ขึ้นมาเดือดร้อนแน่‛
‚ฉันเองก็ต้องรีบกลับก่อน ไว้จะส่งข่าวให้ทางเมล ฝากลามาดามคนสวย
ด้วย‛ ปิแอร์เอ่ยจบก็เดินจากไป
‚อ้าว ! คุณปิแอร์ไปไหนแล้วล่ะ‛ สายรุ้งถามอย่างสงสัย
‚ไปหาแฟนมั้ง เลิกสนใจหมอนั่นเถอะ สนใจผมดีกว่า ‛ ตนุภัทรรีบห้าม
‚สนใจคุณ ? ไม่เห็นมีอะไรน่าสนสักอย่าง คุณปิแอร์น่าสนใจมากกว่า เพราะ
เขาให้ความรู้เกี่ยวกับ
พระราชวังแวร์ซายได้ดีกว่าคุณ เมื่อกี้ยังอธิบายให้ฉันฟังตั้งเยอะ‛ ที่แท้สายรุ้ง
เสียดายคนนําเที่ยวที่มีความรู้
นี่เอง ตนุภัทรยิ้ม ‘อยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับพระราชวังแวร์ซายก็ไม่บอก ผมนี่แหละ
ตัวรู้ตัวจริง ทําเป็นมองข้ามไปได้ ’
‚เรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องไปให้ความสําคัญกับหมอนั่นเลย มีผมอยู่ทั้งคน อยากรู้
เรื่องอะไรจะบอกให้‛
เขาคุยโวเสียเลย
‚แน่นะ ไหนลองเล่าเป็นตัวอย่างให้ฟังหน่อย ฉันจะได้ตรวจสอบว่าถูกต้อง
ตามที่แม่ฉันเคยเล่าให้ฟังมั้ย ‛
เธอไม่ค่อยจะเชื่อถือเขานัก
‚จะเริ่มแล้วนะ ลูกทัวร์ที่รักตั้งใจฟังไกด์รูปหล่อให้ดี ก่อนจะมาเป็นพระราชวัง
สวยเลิศหรูเต็มไปด้วยศิลปะอัน
งดงามอลังการมีรูปปั้นเทพเจ้าของกรีกมากมายประดับไปทั่วนั้น เมื่อก่อนเป็น
หมู่บ้านที่ทันสมัยที่สุดจนกระทั่ง
พระเจ้าหลุยส์ส์ที่สิบสามได้ทรงสร้างปราสาทขึ้นในปี ค.ศ. 1624 ต่อมาในสมัยพระ
เจ้าหลุยส์ที่สิบสี่ได้ทรงขยับขยาย
สร้างเพิ่มมากมายหลายส่วนจนกลายเป็นพระราชวังอันยิ่งใหญ่เรียกว่าแวร์ซาย
และถือเป็นศูนย์รวมอํานาจการ
ปกครองของปารีสในปี ค.ศ.1682 ทั้งนี้ต้องยกความดีให้กับพระเจ้าหลุยส์ที่สิบสี่
คุณถึงได้มีโอกาสเห็นสิ่งสวยงาม
อย่างนี้ เป็นไงจ๊ะความรู้ผมพอสูสีกับเจ้าถิ่นได้หรือไม่ ‛ เขาขยับเข้าใกล้จนเกือบชิด
แก้มของอีกฝ่าย
‚ไกด์บ้า ! หื่นที่สุด ! ความรู้แค่หางอึ่งทํามาเป็นคุยโว แน่จริงพาเข้าข้างใน
พระราชวังแล้วอธิบายให้ได้ทุกห้องสิ
ถึงจะยอมเชื่อว่าเหนือกว่าเจ้าถิ่น แล้วห้ามคิดทําอะไรหื่น ๆ ด้วยนะ‛ สายรุ้งแว้ดก
ลับทันที เขาหัวเราะเบา ๆ
‚ผมล้อเล่นแค่นี้เอง ทําเป็นจริงจังไปได้ เข้าไปชมข้างในกัน อย่าตื่นเต้น
จนช็อคไปก่อนล่ะ ผมขี้เกียจพาส่ง
โรงพยาบาล‛ ดูเขาจะอารมณ์ดีเสมอที่ได้ยั่วเธอ
‚ก็รีบไปสิ จะได้รู้ว่าช็อคหรือไม่‛ เธอรีบเร่งเพราะอยากเห็นเต็มที
‚ได้ครับผม ไปกันเลยที่รักจ๋า‛ เขาโอบเอวเล็กบางกลมกลึงพาเดินเข้าไป
ด้วยกัน สายรุ้งไม่ค่อยชอบใจนัก
ตั้งแต่เหยียบแผ่นดินฝรั่งเศส ดูเขาจะโอบกอดเธอตลอดเวลา บางครั้งอดใจไม่ไหวก็
หอมแก้มเอาดื้อ ๆ ขณะที่กําลัง
เดินเที่ยวในที่สาธารณะเพราะคนที่นี่ถือเป็นเรื่องปกติ ผิดกับที่เมืองไทยซึ่งถือเป็น
เรื่องไม่ปกติและไม่ควรทํา
แม้สมัยนี้ความคิดคนส่วนใหญ่ในสังคมจะเปลี่ยนไปแล้วก็ตาม ถ้าอยู่ที่นี่นานแก้ม
คงช้ําแน่ แม้เขาจะได้รอยเล็บ
ฝากไว้ทุกครั้ง แต่ก็ไม่เคยเข็ดและไม่เคยสะดุ้งสะเทือนเลยสักที

‚คุณเมธไปกี่วันคะ ไปประชุมอย่างเดียวหรือมีงานเลี้ยงด้วยคะ‛ สายฝน


ถามวรเมธที่นั่งเล่นกับข้าวโอ๊ต
บนพื้นไม้ขัดมัน พอได้ยินก็หันไปมอง ใบหน้าสายฝนบอกว่าไม่ค่อยพอใจนัก
‚สองอาทิตย์ ประชุมกับงานเลี้ยงสี่วัน ที่เหลือเจรจาติดต่องานกับลูกค้า มี
อะไรอยากรู้อีกมั้ยครับผม‛
เขาตอบยั่ว ๆ สายฝนฉุนนิด ๆ น่าจะให้จัดเองนัก ไปแค่สองอาทิตย์ขนเสื้อผ้ากับ
ของใช้ส่วนตัวออกมาเกือบหมดตู้
ความจริงเธอไม่คิดจะมาช่วยจัดให้เพราะไม่อยากอยู่ตามลําพังกับเจ้านายเจ้าเล่ห์
ที่ดูจะร้ายขึ้นทุกวัน แต่คําว่า
หน้าที่ทําให้เธอต้องจําใจมา ดังนั้นเธอจึงพาข้าวโอ๊ตเข้ามาด้วย ไม่อยากให้คนอื่น
เห็นเข้าแล้วเอาไปนินทา
ในทางเสียหาย
‚มีค่ะ ช่วยคัดออกให้เหลือสักเจ็ดชุดก็พอค่ะ อาศัยบริการซักแห้งของโรงแรม
ดีกว่า ไม่ต้องขนไปให้
หนักกระเป๋าเปล่า ๆ‛ เธอตอบเสียงเรียบ
‚ได้ครับผม‛ เขาลุกเดินไปที่เตียงโดยมีข้าวโอ๊ตเดินตามไปด้วย พอไปถึงข้าว
โอ๊ตก็ปีนขึ้นไปบนเตียงใหญ่
นุ่มนิ่มหยิบจับเสื้อผ้าของใช้ของผู้เป็นอาให้วุ่นไปหมด
‚เฮ้ ! แล้วกัน นายข้าวโอ๊ต อย่าเพิ่งยุ่งสิ เสื้อผ้าอายับหมด ยังไม่ต้องช่วยอา
หรอกเจ้าตัวยุ่ง‛ วรเมธรีบห้าม
ดวงตากลมโตใสบริสุทธิ์จ้องมองผู้เป็นอาก่อนยิ้มให้
‚ช่วย ๆ‛ เด็กน้อยบอกผู้เป็นอา สายฝนเห็นแล้วอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นใบหน้าอา
ของข้าวโอ๊ตกึ่งบึ้งกึ่งยิ้ม
กับความหวังดีของหลานชายตัวยุ่งก่อนดึงตัวมากอดพลางยีหัวเล็ก ๆ เล่น
‚ช่วยยุ่งสิเรา ไม่เอาดีกว่า ให้ฝนจ๋าจัดการเองก็แล้วกัน เอาเป็นว่าคุณเห็นว่า
ชุดไหนควรเก็บก็เก็บ ควรเอาไป
ก็เอาไป ดีมั้ย นายข้าวโอ๊ต ‛ เขาโยนหน้าที่ให้เธอหน้าตาเฉยขณะก้มหน้าถาม
หลานชาย ข้าวโอ๊ตก็รับลูกกันดีนัก
‚ดี ๆ ฝนจ๋า‛
สายฝนเกือบส่งค้อนให้ทั้งอาทั้งหลาน ช่างเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยทีเดียว แต่
พอเธอจะหยิบชุด
เข้าเก็บในตู้ ข้าวโอ๊ตก็ช่วยหยิบยื่นให้เธอจนวุ่นวายอีกครั้ง ขณะที่อาของแกนอน
เท้าคางมองเฉย
‚พอแล้ว ข้าวโอ๊ต ไปนั่งข้าง ๆ คุณอานะครับ อยู่เฉย ๆ ไม่งั้นฝนจ๋าไม่รักนะ‛
สายฝนแกล้งทําหน้าดุ ๆ ใส่
เด็กน้อยยิ้มหวานให้แล้วพูดกับฝนจ๋าว่า ‚คับผม‛ น้ําเสียงที่พูดเลียนแบบผู้เป็นอา
ไม่มีผิด สายฝนเลยมีอาการ
เดียวกับอาของข้าวโอ๊ตคือกึ่งบึ้งกึ่งยิ้ม นึกฉุนอาของแกที่เอาแต่ยิ้มขํา
‚คุณเมธ ถ้าคุณไม่อยากตกเครื่อง ช่วยพาหลานชายคุณออกจากห้องดีกว่า
ค่ะ ฝนรับรองจะเสร็จภายในสิบห้า
นาที ไม่อย่างนั้นไม่รับรองว่าจะเสร็จทันหรือไม่ค่ะ ‛ แม้คําพูดสายฝนจะฟังดู
อ่อนหวาน แต่เหมือนสั่งคนเป็น
นายอยู่กลาย ๆ เขาลุกขึ้น อุ้มหลานชายไว้ในอ้อมกอดเดินเข้าไปหาสายฝน
‚ก็ได้ครับผม ข้าวโอ๊ต ฝนจ๋าของเราไม่พอใจแล้ว เราเผ่นดีกว่า อายังไม่อยาก
ตกเครื่อง เอ้า ! ลาฝนจ๋าก่อน‛
เขาพูดจบข้าวโอ๊ตก็ยื่นหน้าไปหอมแก้มฝนจ๋าก่อนส่งยิ้มหวานให้ สายฝนยิ้มตอบ
แล้วหุบยิ้มทันทีเมื่อคุณอาของ
ข้าวโอ๊ตทําอย่างเดียวกับหลานชายบ้างก่อนเดินออกไปพร้อมคําพูดว่า
‚หอมชื่นใจจัง แก้มฝนจ๋าเนี่ย ‛
สายฝนยืนหน้าแดงก่ําและค้อนคุณอาของข้าวโอ๊ตตาคว่ํา
‚คนฉวยโอกาส ร้ายนัก มันน่าปล่อยให้จัดเองเสียเลย‛ สายฝนบ่นดัง ๆ
ต้องการให้คนฉวยโอกาสได้ยิน
แต่จะได้ยินหรือเปล่าก็ไม่รู้ รู้แต่ว่ามีเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีดังเข้าหูมาให้ได้ยิน
เธอไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า
ทําไมถึงยอมให้เขาเอาเปรียบตั้งหลายครั้ง และไม่โกรธด้วย เธอเริ่มกลัวความรู้สึก
ตัวเอง กลัวว่าสุดท้ายจะผิดหวัง
ถ้าเขาเหมือนผู้ชายทั่วไปที่เห็นผู้หญิงสวยเป็นต้องหาทางเอาเปรียบ ถ้าเป็นอย่าง
นั้นจริงทําไมถึงพยายามเลี่ยง
พนิดาล่ะ ทั้งที่ผู้หญิงคนนั้นแทบจะวิ่งเข้าหาตลอดเวลา พอนึกถึงพนิดาเธอก็ถอน
ใจ เห็นทีต้องรับศึกหนักจาก
ผู้หญิงคนนี้หลังวรเมธไปแล้ว สายฝนไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้ว่าพนิดากับคนของเธอรอ
จังหวะที่วรเมธเดินทางไป
ต่างประเทศก่อนแล้วค่อยเล่นงานเธอ ช่างเถอะ เธอได้เตรียมแผนไว้แล้ว หาก
เหลืออดจริง ๆ อาจต้องใช้อํานาจ
อย่างที่ว่าจริง ๆ ก็เจ้านายอนุญาตแล้วนี่นา เธอคิดพลางจัดกระเป๋าไปพลาง
จนกระทั่งเสร็จจึงออกจากห้อง
โดยไม่รู้ว่าต้อมแอบดูตั้งแต่แรกแล้ว
ตอนที่ 15

สายรุ้งยืนอยู่ในสวนดอกไม้หน้าน้ําพุ สวนแห่งนี้เรียกว่า Champs-de-Mars


เมื่อก่อนเป็นสวนของทหาร
ต่อมาถูกปรับปรุงเป็นสวนดอกไม้มีลําน้ําที่เหมือนคลองเล็ก ๆ แบ่งถนนใหญ่
ออกเป็นสองฝากอยู่ถัดจากสวน
ดอกไม้ก่อนถึงหอไอเฟลที่ตั้งเด่นเป็นสง่า เธอถ่ายรูปหอไอเฟลไว้หลายช็อต ท่าทาง
ร่าเริงดูมีชีวิตชีวาของสายรุ้ง
ทําให้คนพาเที่ยวยิ้ม
‚ถ่ายเฉพาะวิวอย่างเดียวไม่ดีหรอก ต้องมีคนอยู่ด้วยสิ ถ่ายคู่กันดีกว่า ตั้งแต่
มาฝรั่งเศสผมยังไม่ได้ถ่ายรูป
คู่กับคุณเลยนะ คุณจองหมดทุกช็อต ผมเสียเปรียบ‛ อยู่ดี ๆ คนพาเที่ยวร่างใหญ่ก็
โวยวายขึ้น
‚เหรอ ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย ฉันถ่ายทีไรคุณก็ว่าไม่สวย ไม่เห็นน่าถ่ายตรงไหน ที
ตอนนี้ทํามาเป็นอยาก‛
สายรุ้งแขวะทันที
‚เอาน่า อย่าบ่นนักเลย ผมขอโทษก็แล้วกันนะเมียจ๋า มาถ่ายรูปคู่กับสามี
หล่อ ๆ หน่อย‛ เขาพูดพลางโอบเอว
พาเธอเดินไปยังจุดที่เขาคิดว่าสวยที่สุด สายรุ้งไม่ค่อยชอบใจนักกับคําว่าเมียจ๋าที่
เขาขยันเรียกนัก จึงไม่คิดจะ
ถ่ายด้วย
‚เชิญถ่ายคนเดียวเถอะ ขยันเรียกเมียจ๋าดีนัก บอกแล้วว่าไม่ชอบ‛
‚ไม่เรียกตอนนี้ต่อไปก็ต้องเรียกอยู่ดี เรียกให้ชินไง เอาละ อย่างอนเลยนะคน
สวย มามะ มาถ่ายรูปสวีต ๆ กัน
นะจ๊ะที่รักจ๋า‛ เขายั่วต่อ สายรุ้งแยกเขี้ยวใส่ บังเอิญมีหญิงชายสูงอายุคู่หนึ่งเห็น
เข้าแล้วยิ้มให้ เขาจึงขอให้
ช่วยถ่ายรูปให้แล้วเดินมาดึงร่างระหงมากอดไว้แนบอก สายรุ้งอายจนบอกไม่ถูก
นึกต่อว่าเขาในใจ
‘ตาบ้า ไม่ต้องแกล้งมาทําเป็นรักกันจี๋จ๋าหรอก หวานเลี่ยนจะแย่ น่าจะไปเป็น
นักแสดงมากกว่า’ แม้จะไม่พอใจ
แต่ก็รู้สึกอบอุ่นเมื่ออยู่ในอ้อมกอดแข็งแรงนี้ เธอไม่รู้ว่าตนุภัทรกําลังบังเธอให้พ้น
จากชายหญิงคู่หนึ่งที่ดูผิด
จากนักท่องเที่ยวทั่วไป และตามเขามาห่าง ๆ เขาหาทางหลีกหนีให้พ้นจากสายตา
ของคนทั้งคู่โดยพยายาม
ปะปนไปกับนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ ทําตัวเหมือนนักท่องเที่ยวจริง ๆ เขารอจนคนทั้ง
คู่เดินห่างไป จึงค่อยคลาย
อ้อมกอดและหันไปบอกหญิงชายสูงอายุว่า
‚Merci beaucoup Monsieur, Madame‛ เขากล่าวขอบคุณทั้งคู่
‚แมรซิโบกู เมอซิเยอร์ มาดาม‛ สายรุ้งกล่าวขอบคุณทั้งคู่พร้อมรอยยิ้ม
เช่นกัน
‚มาดมัวแซลล์สายรุ้งครับ เราไปชมหอไอเฟลได้แล้ว อยากรู้มั้ยว่าหอนี้มี
ประวัติความเป็นมาอย่างไร‛
เขาชวนเธอเดินคุยไปเรื่อย ๆ จะได้ไม่รู้สึกเมื่อยก่อนถึงหอไอเฟลที่ดูเหมือนใกล้แต่
ไม่ใกล้
‚อยากรู้เหมือนกัน ไหนลองบอกสิว่าหอนี้ออกแบบโดยใคร‛ เธอถามลองภูมิ
เธอเองก็รู้ไม่น้อยเหมือนกัน
‚ออกแบบโดยวิศวกรชื่อ Gustave Eiffel เป็นไง ถูกมั้ย‛ เขาย้อนถามกลับ
‚เก่ง แล้วสร้างในปีไหน เนื่องในโอกาสใด‛ ดูเธอจะสนุกกับการตั้งคําถาม
อย่างน้อยก็ช่วยให้ลืม
เรื่องเมื่อยขาไปได้ เพราะระยะทางระหว่างสวนถึงหอไกลไม่ใช่เล่นถ้าเดินด้วยเท้า
‚สร้างเพื่อรองรับงานที่เรียกว่า The World Fair 1889 Industrial Revolution
ปัจจุบันกลายเป็นสัญลักษณ์
ของฝรั่งเศสไปแล้ว คุณถามผมมามากแล้ว คราวนี้ผมถามบ้างนะ ถ้าตอบผิดจะถูก
ทําโทษ หอนี้สูงกี่ฟุต
หนักเท่าไหร่ ใช้เหล็กกี่ชิ้น ‛ เขาถามกลับมาเป็นชุด สายรุ้งยิ้มเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย
ก่อนตอบอย่างมั่นใจว่า
‚ไม่เห็นจะยาก จะบอกให้นะว่าประวัติของที่อื่นฉันอาจไม่รู้ แต่หอไอเฟลฉันรู้
ละเอียดเชียวละ ฟังดี ๆ นะ หอนี้สูง
1,050 ฟุต น้ําหนัก 7,000 ตัน ใช้เหล็กทั้งหมดไม่ต่ํากว่า 15,000 ชิ้นเชื่อมติดกัน
เป็นไงถูกต้องมั้ย‛
‚ถูกต้องแล้วครับ ไม่เสียแรงที่อดหลับอดนอนมาทั้งคืน นั่งอ่านประวัติหอไอ
เฟลเลยนะที่รักจ๋า อย่างนี้ต้องให้
รางวัล‛ โดยไม่รอให้เธออนุญาต แก้มเนียนนุ่มก็ถูกหอมฟอดใหญ่ท่ามกลาง
นักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปมาแล้ว
ยิ้มให้กับความน่ารักน่าเอ็นดูของคนทั้งคู่ สายรุ้งเงื้อกําปั้นเตรียมจะทุบอย่างฉุนจัด
ที่ถูกเขาฉวยโอกาสทําให้
ได้อายและยังรู้ทันเธออีก คนอะไรไม่รู้ร้ายที่สุด แต่เธอทุบได้แต่ลมเพราะเขารีบซอย
เท้าวิ่งหนีไปก่อนทําให้เธอต้อง
วิ่งตาม ตนุภัทรยิ้มอย่างพอใจที่เธอวิ่งตามมา ความจริงเขาพาเธอวิ่งหนีคน
ของฟร็องซัวส์ที่ตามล่าเขา ตาเฒ่า
ฟร็องซัวส์หูตาเป็นสับปะรดจริง ๆ เขาวิ่งหนีหลบไปมาท่ามกลางหมู่นักท่องเที่ยว
คนที่ติดตามเขากับสายรุ้งมา
ก็เลิกสนใจคิดว่าคงเป็นหนุ่มสาวที่มาเที่ยวกัน ใครจะคิดว่านักธุรกิจอย่างเขาจะทํา
อะไรแบบเด็ก ๆ ดังนั้นคนของ
ฟร็องซัวส์จึงหลงทางตามหาเขาไม่เจอ เอาไว้พบกับมิสเตอร์หว่องก่อน เรื่องทุก
อย่างก็จะจบ กับคนอื่นเขาไม่รู้ แต่เขา
รู้ว่ามิสเตอร์หว่องเชื่อเขาเสมอ

วรเมธอุ้มข้าวโอ๊ตเดินมาที่รถเตรียมตัวไปสนามบิน เหมือนทุกครั้งที่เขา
เดินทาง หลานชายจะมาส่งเสมอ
โดยมีป้าบุญตามมาเป็นเพื่อน แต่คืนนี้ป้าบุญขอตัวเข้านอน หน้าที่นี้จึงกลายเป็น
ของสายฝนแทน
‚อาไปก่อนนะ นายข้าวโอ๊ต เป็นเด็กดีนะ เชื่อฟังฝนจ๋านะ ช่วยดูแลฝนจ๋าแทน
อาด้วยนะ‛
เขาพูดกับหลาน แต่สายฝนกลับหน้าแดง
‘เจ้านายบ้า พูดจากํากวมอยู่เรื่อย ใครบอกว่าฉันจะเป็นฝนจ๋าของคุณ ขอให้
ตกเครื่องให้เข็ด’
สายฝนต่อว่าเขาในใจ
‚ดู ๆ ฝนจ๋า‛ ข้าวโอ๊ตพูดเท่าที่แกพูดได้เหมือนรับปากและยื่นหน้าไปหอม
แก้มผู้เป็นอา วรเมธฟัดพวงแก้ม
ใสของหลานชายอยู่พักหนึ่ง ก่อนอุ้มไปให้สายฝน
‚ฝากดูแลนายข้าวโอ๊ตด้วย คุณฝน อย่าลืมว่าถ้ามีอะไรก็โทรหาหรือส่งเมลถึง
ผมได้ทันที รับรองผมจะติดต่อกลับมา
โดยด่วน หัดใช้อํานาจมากําราบพวกแข็งกระด้างบ้าง อย่าใจดี จําไว้ ‛ เขาสั่งสาย
ฝนด้วยน้ําเสียงจริงจัง
‚ขอบคุณค่ะที่เตือน ขอให้เดินทางโดยปลอดภัยค่ะเจ้านาย‛ สายฝนอวยพร
พร้อมรอยยิ้ม
‚แค่นี้เองหรือ แหม ! มันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น นายข้าวโอ๊ต อาไปแล้วนะ
รีบ ๆ เข้านอนเสียนะ ห้ามเกเรกับ
ฝนจ๋านะครับคนเก่ง‛ เขาจบคําพูดด้วยการหอมแก้มหลานชายอีกครั้ง ก่อนจะฉวย
โอกาสหอมแก้มฝนจ๋า
ทีเผลอเป็นการอําลาอีกครั้งและพูดเบา ๆ ว่า
‚แก้มฝนจ๋าฮ้อมหอมนะ นายข้าวโอ๊ต ‛ พูดจบเขาก็รีบเดินจากไปก่อนสายฝน
จะทันทําอะไร เธอรู้สึกว่า
เขาน่ากลัวขึ้นทุกวัน เห็นทีต้องหาที่อยู่ใหม่แล้วกระมัง แต่จะไปอยู่ที่ไหนล่ะ อย่าง
น้อยที่นี่ก็ให้เงินดีและยังได้ทํางาน
ส่วนตัวด้วย รอไว้สะสมเงินได้สักพักค่อยอําลาเจ้านายเจ้าเล่ห์ แต่พอคิดถึงตอนนี้
เธอกลับรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก
เหมือนไม่อยากจากเขาไป สักพักก็กลับเป็นปกติเมื่อนึกถึงแก้มเนียนใสที่ถูกเขาเอา
เปรียบ จึงนึกแช่งเขาด้วยความฉิว
‘เพี้ยง ! ขอให้ตกเครื่อง ไม่ต้องกลับมาอีกเลย จะยึดบ้านมาเป็นของเรา
อยากมอบอํานาจเด็ดขาดให้ดีนัก ’
แช่งจบก็เดินเข้าบ้าน เห็นพริกกับต้อมยืนอยู่ เธอไม่สนใจ เดินผ่านไปเฉย ๆ
‚เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง คุณแม่บ้านใช้วิธีไหนยั่วให้คุณเมธหลง เห็นแล้วอายแทนว่ะ
ต่อหน้าเด็กยังไม่เว้น
เอ็งอย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างเชียวนา นังต้อม ถึงจะอยากก็ยั้ง ๆ ไว้บ้าง คิดเสียว่าเห็น
แก่เด็ก จะได้ไม่จําอะไรที่ไม่ดี‛
เสียงพริกดังไม่น้อย และมันก็ดังเข้าหูสายฝนด้วย เธอหยุดสักพัก
‚จ้ะ น้าพริก ฉันจะจําไว้ แต่ฉันสงสัยนะ น้าพริก ถ้าไม่เอาตัวเข้าแลกอย่าง
คุณแม่บ้าน จะรวยทางลัดได้หรือ
ดูสิ ปรนเปรอจนคุณเมธติดใจ เรียกใช้บ่อย ๆ ทั้งในห้องก่อนไป ยังไม่หนําใจตามลง
มาอําลาถึงรถ ไม่อาย
คุณข้าวโอ๊ตบ้างเลย น่าสงสารคุณข้าวโอ๊ตจริง ๆ‛ ต้อมช่างเข้าคู่กับพริกได้ดี ทั้งคู่
คอยดูว่าสายฝนจะมี
ปฏิกิริยาอย่างไร สายฝนแม้จะโกรธ แต่ข้าวโอ๊ตอยู่ด้วย เธอไม่อยากให้เด็กได้ยิน
อะไรที่ไม่ดีไม่งาม เธอจึงพา
ข้าวโอ๊ตเข้าห้องนอนไป ตั้งใจว่าจะกล่อมให้นอนก่อนแล้วค่อยไปจัดการกับคนปาก
เสียทั้งสองคน
‚น้าพริก หนีขึ้นห้องไปแล้ว คิดว่าจะแน่ ‛ ต้อมพูดอย่างสะใจที่เห็นสายฝนเดิน
หนีไป
‚ไม่มันเลยว่ะ นังต้อม ไว้พรุ่งนี้ก่อนข้าจะเที่ยวโพนทะนาไปทั่ว แกอย่าลืม
ช่วยด้วยละ‛ พริกยังไม่สะใจ
‚ชัวร์ น้าพริก คุณดากลับมาจะได้พอใจผลงานพวกเรา‛ ต้อมสนับสนุน แต่
ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้าย แม่ครัวแหวน
บังเอิญเดินมาได้ยินเข้าจึงรีบพูดเตือนทั้งคู่ว่า
‚ข้าขอเตือนนะ อย่าเล่นกับคุณฝนดีกว่า ถ้าไม่อยากเดือดร้อน จะบอกอะไร
ให้ ถ้าคุณฝนไปจาก
ที่นี่ พวกแกก็เตรียมหาที่อยู่ใหม่ได้เลย คุณเมธไม่ปล่อยไว้แน่ ‛
‚นังแหวน แกไม่ต้องมาทําเป็นพูดดี ข้าจะเตือนแกไว้เหมือนกัน คิดเข้าข้างนัง
นั่นน่ะ ระวังคุณดาไม่พอใจ
คุณเมธไม่ตาต่ําไปเลือกนังนั่นแทนคุณดาหรอก ทางที่ดีแกควรช่วยคุณดากําจัดมัน
จะดีกว่า‛ พริกขู่กลับ
‚ตามใจ ข้าเตือนแล้ว อีกอย่าง ข้าไม่เห็นว่าคุณฝนจะทําอะไรน่าเกลียด มีแต่
คุณเมธที่ไม่สํารวมเองมากกว่า
คิดดูให้ดี ตั้งแต่คุณดามาอยู่ที่นี่ คุณเมธเคยอี๋อ๋อด้วยมั้ย ข้าไปละ ไม่อยากยุ่งเรื่อง
ของเจ้านาย ถ้าฉลาดก็อย่า
ไปยุ่ง ปล่อยให้เจ้านายตัดสินเองดีกว่า แล้วจะหาว่าข้าไม่เตือน‛ แหวนเตือนก่อน
จากไป พริกกับต้อม
มองตามร่างท้วมของแม่ครัวอย่างไม่พอใจ
‚ชะ ! นังแหวน ทํามาเป็นเตือน แกนั่นแหละจะเดือดร้อนถ้าคุณดาได้เป็นคุณ
ผู้หญิงของบ้าน อยากเข้าข้างนัง
นั่นนัก ข้าจะยุให้คุณดาไล่ออกจากบ้าน คุณเมธไม่อยู่แล้ว คนเป็นใหญ่ในบ้านก็หนี
ไม่พ้นคุณดา‛ พริกมั่นใจ
‚น้าพริก ที่น้าแหวนพูดน่ะก็น่าคิดเหมือนกันนะ เกิดคุณเมธหลงนังนั่นจริง ๆ
แล้วไล่คุณดาออกจากบ้าน
เราจะแย่ ไม่น่าไปด่าว่ามันเลย‛ ต้อมเริ่มไม่มั่นใจ
‚แกคิดว่า ผู้หญิงเจ้ามารยาอย่างคุณดาจะจับคุณเมธไม่ได้หรือ ถ้าคุณเมธ
พลาดเมื่อไหร่ รับรองจะติดบ่วงเสน่ห์
คุณดาดิ้นไม่หลุดแน่ ผู้ชายส่วนมากชอบผู้หญิงที่มีประสบการณ์อยู่แล้ว อย่างแม่
นั่นเทียบไม่ติดฝุ่นคุณดาหรอก
ข้ามั่นใจ เราต้องช่วยคุณดา แล้วจะสบาย‛ พริกพูดตามประสบการณ์จากสังคมที่
คลุกคลีมาตั้งแต่เล็ก
‚ขอบใจน้าพริกที่เตือนฉัน น้าแหวนทําเอาฉันเกือบเขว‛ ต้อมคล้อยตาม
เหมือนเดิมเพราะมาจากสังคมเดียว
กัน ความคิดคล้าย ๆ กัน น่าเสียดายที่ทั้งคู่ตัดสินคนจากประสบการณ์และสังคม
รอบข้าง จึงมองไม่ออกว่ายังมี
ผู้ชายอีกหลายคนที่ไม่ได้มองผู้หญิงเพียงแค่สนองความต้องการทางกาย แต่มอง
ลึกเข้าไปถึงจิตใจ
ความคิด นิสัยใจคอว่าเหมาะสมที่จะมาเป็นคู่ชีวิต พร้อมจะเดินเคียงคู่กันตลอดไป
และทําตัวเหมาะสมกับการเป็น
แม่ของลูกในอนาคตหรือไม่ ถ้ารู้...ทั้งคู่คงไม่คิดจะช่วยพนิดา

สายรุ้งวิ่งตามตนุภัทรมาได้สักพักก็หยุดยืนหายใจหอบ เมื่อยขาสุด ๆ เธอยัง


ไม่หายเมื่อยล้าจาก
การเดินเที่ยวชมพระราชวังแวร์ซายอันกว้างใหญ่ เมื่อวานเดินจนขาลาก ทุกอย่าง
ในพระราชวังสวยงามเลิศหรู
เกินบรรยาย เล่นเอาเธอแทบจะเดินดูไม่ไหว พอกลับถึงโรงแรมก็ยึดห้องน้ํานอนแช่
น้ําอุ่น พอสดชื่นหายเมื่อย
หายเหนื่อย ก็ถูกตาเฒ่าหื่นลากไปดูโชว์ที่ลิโด้ ทีแรกก็ไม่พอใจ แต่พอเห็นการแสดง
แล้วก็นึกขอบใจเขาอย่างบอก
ไม่ถูก ฉากแต่ละฉากเลิศหรูอลังการ นักแสดงแต่ละคนล้วนคัดมาแล้วทั้งสิ้นไม่ว่า
จะเป็นรูปร่างหน้าตาที่
ดูคล้าย ๆ กัน ที่สําคัญคือเป็นชายจริงหญิงแท้ บางฉากเลียนแบบหนังฮอลลีวู้ด
เรียกว่าต้นตํารับคาบาเรย์โชว์หรือ
อัลคาซ่าโชว์มาจากที่นี่นี่เองก็ว่าได้ เพียงแต่ที่นี่ชายจริงหญิงแท้ แต่ของไทยเป็น
หญิงเทียม มาวันนี้ก็ต้องวิ่งตามคนตัวสูง
ขายาวไปยังหอไอเฟล แม้จะตื่นเต้น แต่ตอนนี้เริ่มไม่ไหวแล้ว เธอแทบจะทรุดตัวนั่ง
ลงข้างทาง ถ้าไม่เกรงใจ
ผู้คนที่เดินผ่านไปมา ไม่อยากเดินแล้ว อยากให้ใครมาอุ้มไปส่งที่หอมากกว่า และ
แล้วความคิดก็เป็นจริงเมื่อ
ร่างสูงใหญ่ของตนุภัทรเดินย้อนกลับมาหา เขาเห็นอาการหมดสภาพของเธอ แล้วก็
ได้แต่ส่ายหน้าพลางยิ้ม
‚เป็นไง ไหวมั้ย คนอวดเก่ง ไหงหมดสภาพอย่างนี้ล่ะ ‛ เขาทักด้วยความ
สงสารหรือเยาะกันแน่ สายรุ้งสงสัย
‚ใครจะอึดเหมือนคุณล่ะ เมื่อคืนแทนที่จะให้พักกลับลากไปดูโชว์อะไรก็ไม่รู้
แล้วยังพาเดินเที่ยวปารีสยาม
ค่ําคืนอีก วันนี้ก็ปลุกแต่เช้าให้ขึ้นมาเดินเล่นเฉย ฉันไม่เดินแล้ว อีกตั้งไกลกว่าจะถึง
จะนั่งตรงนี้แหละ จนกว่า
จะหายเมื่อยค่อยไปต่อ‛
ตนุภัทรยิ้มขําคนช่างบ่น
‚เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าไม่ชอบ แต่ใครไม่รู้ไม่ละสายตาจากเวที แล้วยังร่ํา ๆ จะไปนั่ง
เรือล่องแม่น้ําแซนอีก ทีวันนี้
ทํามาบ่น เอาเถอะ ถือว่าช่วยคนเอาบุญ ถ้าเมื่อยนักจะให้ขี่หลังไปถึงหอ นี่ก็ใกล้
เที่ยงแล้ว ผมหิว อยากไป
ทานอาหารบนชั้นสูงสุดของหอไอเฟลหรือเปล่า ห้องอาหารหรู ๆ จะได้กลับไปโม้ให้
เพื่อนฟังได้ หรือจะโทรไป
เมาท์ให้พี่สาวฟังยังได้เลยนะ‛ พูดจบเขาก็ย่อตัวลงทําท่าจะให้เธอขี่หลัง แต่เธอ
กลับลังเล ขืนทําแบบนี้คงดัง
น่าดู ผู้คนคงจะมองไปตลอดทางแน่ น่าเสียดายเหมือนกัน ถ้าไม่ติดว่าอยู่
ท่ามกลางฝูงชน เธอจะไม่ลังเลเลย
‚อย่าเลย ฉันกลัวคนมอง คุณไม่อายแต่ฉันอายนะ‛ เธอปฏิเสธ เขามองหน้า
เธอแล้วยิ้มอย่างพอใจที่รู้ว่า
เธอมีความคิดรอบคอบ รู้จักยับยั้งชั่งใจอยู่พอสมควร แม้จะช่างบ่นสักหน่อย แต่
เขากลับเห็นเป็นความน่ารักของ
เธอที่ไม่แสแสร้งทําเป็นคนมารยาทงาม เขาชอบความตรงไปตรงมาแบบตาต่อตา
ฟันต่อฟันของเธอมากกว่า
นี่ก็ใกล้เวลานัดกับมิสเตอร์หว่องแล้ว ขืนรอเธอหายเมื่อยสงสัยอีกนาน
‚ไม่เป็นไรหรอก ถ้ามีคนถาม ผมจะบอกว่าผมแบกน้องสาวร่วมโลก เธอเท้า
แพลงครับ แต่อยากมาชื่นชม
หอไอเฟล เป็นไง ข้ออ้างนี้พอช่วยรักษาหน้าคุณได้มั้ย ถ้าเกรงใจผม คืนนี้ให้รางวัล
ผมงาม ๆ ยอมเข้าหอกับผม
ก็แล้วกันนะ‛ พูดจบเขาก็ร้องโอ๊ยออกมาดัง ๆ เพราะถูกทุบแรง ๆ เข้าที่หลัง
‚นายหื่น สมองคิดแต่เรื่องหื่น ๆ จ้างให้ก็ไม่มีวันยอม ไม่น่ารักสักนิด ไปได้
แล้ว ฉันหายเมื่อยแล้ว‛ สายรุ้งว่า
มาเป็นชุดและเดินนําหน้าเขาไป เขายิ้มและเดินตามมาจนถึงหอไอเฟลก่อนขึ้น
ลิฟต์ไปยังชั้นบนสุด
พอออกจากลิฟต์สายรุ้งก็เห็นวิวของปารีสได้ทั่ว ลมพัดค่อนข้างแรง
นักท่องเที่ยวพากันจับจองพื้นที่
ดูวิวแน่นขนัดไปหมด แต่เธอยังเบียดเข้าไปเกาะราวระเบียงเพื่อชมวิวปารีสจากที่
สูงได้ ตนุภัทรปล่อยให้เธอ
ชื่นชมวิวจนพอใจก่อนพาเธอเข้าไปร้านอาหารและตรงไปที่โต๊ะที่มิสเตอร์หว่องจอง
ไว้ พอมิสเตอร์หว่องเห็นเขา
ก็กวักมือเรียกทันที ตนุภัทรโอบไหล่สายรุ้งพาเดินตรงไปหา
‚ไง ภัทร ยอมแต่งงานกับเขาเสียทีแล้วนะ สวยน่ารักอย่างนี้เองถึงยอมแต่ง
ด้วย คุณผู้หญิง คุณโชคดีมาก ๆ
ที่เศรษฐีนักธุรกิจลึกลับผู้ยิ่งใหญ่ยอมแต่งด้วย แหม ! น่าเสียดายที่ผมรู้จักคุณช้า
ไป คุณ...‛
มิสเตอร์หว่องมองหน้าสายรุ้งอย่างเป็นมิตรและเอ็นดู สายรุ้งแทบไม่เชื่อหู
ตัวเอง เพราะชายชาวจีนผู้นี้พูดไทย
ชัดมาก ตนุภัทรเริ่มเหม็นหน้ามิสเตอร์หว่องขึ้นมาตงิด ๆ
‚ชื่อสายรุ้ง คุณหว่องอย่าให้ความหวังกับเธอเป็นอันขาด ผมขอเตือนด้วย
ความหวังดีในฐานะเพื่อนที่นับถือ
กัน ไม่อย่างนั้นติดหนึบยิ่งกว่าตุ๊กแกอีกจะบอกให้ ‛ ตนุภัทรแกล้งขู่ให้มิสเตอร์หว่อง
กลัว ดูเขาจะคุ้นเคยกับ
มิสเตอร์หว่องมาก
‚ถ้าคุณหมายถึงตัวเองละก็ ฉันไม่เถียงค่ะ คุณหว่องคะ คุณเคยรู้สึกรําคาญ
ใครสักคนมั้ยคะ นั่นแหละค่ะ
ความรู้สึกฉัน‛ สายรุ้งว่าเขาตรง ๆ ต่อหน้าคนที่เพิ่งรู้จักโดยไม่คํานึงถึงหน้าเขา เธอ
ฉลาดพอที่จะรู้ว่าชายคนนี้คุ้นเคยกับตนุภัทรมาก เธอเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่
รู้สึกได้ถึงแววตาอบอุ่นที่มองมาอย่างพี่ชายใหญ่มองน้อง ๆ
ดังนั้นเธอจึงไม่คิดจะรักษามารยาทสากลแต่ประการใด
‚นั่นสิ ผมก็ว่าอย่างนั้น ผมคิดว่าคุณสายรุ้งคงหิวแล้ว เชิญสั่งตามสบาย แต่
อาจไม่ถูกปากคุณก็ได้
เพราะเป็นอาหารฝรั่ง ทานบ่อย ๆ ก็ชินเอง‛ มิสเตอร์หว่องทําหน้าที่เจ้าภาพที่ดี
‚ไม่เป็นไรค่ะ รุ้งทานได้ค่ะ คุณหว่อง ช่วยแนะนําได้มั้ยคะว่าอะไรอร่อย‛
สายรุ้งเป็นกันเองกับมิสเตอร์หว่อง
ได้อย่างรวดเร็วจนตนุภัทรนึกฉุนในใจ
‘แม่คุณจะยั่วไปถึงไหน กับเราไม่เห็นเคยแทนตัวเองว่ารุ้งเลย ขืนยั่วมาก ๆ
กลับถึงเมืองไทยพ่อปล้ําแหลกแน่’
‚น้อย ๆ หน่อยคุณ สามีนั่งอยู่ทั้งคนกลับไม่คิดจะถาม ไปถามคนอื่นทําไม‛
ตนุภัทรรีบขวางทันที
‚ภัทรเก็บอาการหึงหวงไว้ก็ได้นะ เป็นเอามาก ผมคิดกับคุณรุ้งเหมือน
น้องสาว ไว้ใจได้‛
มิสเตอร์หว่องว่าตนุภัทรตรง ๆ อย่างไม่เกรงใจ แปลกที่ตนุภัทรกลับยิ้มแล้วตอบว่า
‚แน่มากที่กล้าเตือนผม พี่ชาย เอาละ เวลาผมมีไม่มาก ระหว่างทานอาหาร
ผมมีของสิ่งหนึ่งจะมอบให้ ‛
พูดจบเขาก็หยิบทัมบ์ไดรฟยื่นให้ มิสเตอร์หว่องรับมาแล้วเลิกคิ้วเป็นคําถาม สายรุ้ง
เองก็อยากรู้
‚ข้อมูลบางอย่างก่อนที่คุณจะตัดสินใจร่วมทุนกับฟร็องซัวส์กรุ๊ป ด้วยความ
ปรารถนาดีจากน้องชายคนนี้ ดูแล้ว
ตัดสินใจเองว่าจะเชื่อผมหรือโซเฟีย ถ้าเชื่อผมก็มีอะไรสนุก ๆ ให้เล่นแก้เซ็ง ตกเบ็ด
ล่อปลาอย่างตาเฒ่าฟร็องซัวส์
และพวก‛ คําพูดของตนุภัทรเป็นปริศนาสําหรับสายรุ้ง แต่ไม่สําหรับมิสเตอร์หว่อง
‚เอาไว้พี่ชายคนนี้จะชั่งใจดูเอง อย่าพูดเรื่องเครียด ๆ ระหว่างมื้ออาหารดีกว่า
จะทําให้ขาดรสชาติ ยิ่งต่อหน้า
สุภาพสตรีสวย ๆ อย่างคุณรุ้ง ยิ่งไม่ควรให้เครียด จริงมั้ยครับ ‛ มิสเตอร์หว่องจงใจ
เบนความสนใจของสายรุ้ง
เมื่อเห็นว่าเธอเริ่มสงสัย สายรุ้งยิ้ม
‚จริงค่ะ มิสเตอร์หว่อง คุณภัทรไม่ค่อยรู้เรื่องกาลเทศะสักเท่าไหร่ ว่าง ๆ ช่วย
อบรมหน่อยนะคะ‛
สายรุ้งดูเข้ากับมิสเตอร์หว่องได้ดีเหลือเกินจนตนุภัทรเริ่มหมั่นไส้
‚คุณหว่อง รู้สึกว่าเมียผมจะเข้ากับคุณได้ดีนะ เอาละ ผมหิวแล้ว ขอกินก่อน
ส่วนใครจะคุยอะไรกันต่อก็เชิญ
ตามสบาย‛ ตนุภัทรประชดก่อนลงมือจัดการอาหารเรียกน้ําย่อยก่อนจานหลัก
มิสเตอร์หว่องยิ้ม แต่ไม่พูดอะไร
สายรุ้งทําเป็นเฉยเสียและลงมือรับประทาน บรรยากาศเงียบผิดปกติ ผู้ชายทั้งคู่
ต่างไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก
สายรุ้งแปลกใจมาก ตกลงความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นอย่างไรกันแน่ บางทีดูเหมือน
สนิทกันจนล้อเล่นได้ บางที
ทําเหมือนคนแปลกหน้า เธอไม่รู้ว่ามิสเตอร์หว่องทําเป็นสนใจอาหารตรงหน้าเพราะ
บังเอิญเห็นอะไรผิดปกติ
ที่โต๊ะด้านหน้า หนุ่มสาวคู่หนึ่งจ้องมองมาที่โต๊ะเขาอย่างสนใจ ขณะที่ตนุภัทรก็เห็น
หนุ่มสาวอีกคู่หนึ่งจ้องมาที่เขา
แต่มิสเตอร์หว่องไม่เห็น แต่ทั้งคู่ก็รู้กัน มีเพียงสายรุ้งที่ไม่รู้ว่าเธอจะต้องรีบเผ่นจาก
ร้านอาหารหรูบนหอไอเฟล
อย่างรวดเร็วในไม่ช้า สักพักตนุภัทรก็จับมือสายรุ้งแล้วพูดว่า
‚ที่รักจ๋า ได้เวลาเผ่นแล้ว พี่ชายฝากด้วยนะ จัดการต่อที ไปละ‛ พูดจบเขาก็
โอบเอวสายรุ้งพาเดินออกจาก
ร้านไปอย่างรวดเร็ว พวกที่ติดตามมาทําท่าจะลุกตาม ก็บังเอิญชนกับพนักงาน
เสิร์ฟที่ยกถาดอาหารมาจนเป็น
เรื่องราวใหญ่โต พนักงานขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ ทําให้ตามตนุภัทรไม่ทัน
ขณะที่มิสเตอร์หว่องนั่ง
ทานอาหารอย่างสบายอารมณ์ก่อนเรียกบริกรมาเก็บเงินและเดินจากไป

สายฝนเดินมาที่ห้องของข้าวโอ๊ต พอเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าพื้นห้องเลอะ
เทอะด้วยฝีมือของเด็กชาย น้ําหกบ้าง
ขนมหล่นบ้าง เธอไม่ชอบให้เด็กทานขนมในห้อง เพราะเหยียบแล้วพื้นเหนียวไป
หมด แต่เปรี้ยวก็อดตามใจเด็กชายไม่ได้
ปกติห้องของข้าวโอ๊ตต้องปัดกวาดเช็ดถูวันละสองครั้ง แต่ทําไมวันนี้ถึงรกนัก เธอ
จึงเดินออกไปเรียกเด็กหน่อยให้มา
ช่วยทําความสะอาด แต่พอเดินลงไปชั้นล่างก็เห็นพริกกับต้อมนั่งดูทีวีใน
ห้องรับแขกอย่างสุขสบาย
พอต้อมกับพริกเห็นเธอเดินมาก็มองด้วยสายตาท้าทาย
‚เฮ้ย ! นังต้อม ระวังไว้นะโว้ย คุณแม่บ้านผู้ดีของเรามาแล้ว ทําตัวนอบน้อม
หน่อย‛
พริกเริ่มกระแหนะกระแหนสายฝน
‚น้าพริกพูดเกินไป ขี้ข้ายังไงก็ขี้ข้า จะเป็นผู้ดีได้ยังไง สันดานมันฟ้อง น้า
พริก‛ ต้อมเสริมทันที
สายฝนยังนิ่งเฉย ยืนกอดอกปล่อยให้ทั้งคู่พล่ามให้พอแล้วค่อยจัดการ มารดาสอน
เสมอ ๆ ว่า
‘หากปล่อยให้อารมณ์ไม่พอใจมีอํานาจเหนือเหตุผล และเก็บเอาคําพูดของ
คนอื่นมาคิดแค้นจนทําลาย
ความสุขสงบในใจนั่นคือคนโง่ที่สุด คนฉลาดต้องรู้จักตัวเองดี ถ้าเราไม่ได้เป็นอย่าง
ที่เขากล่าวหาก็ไม่จําเป็นต้อง
ไปเดือดร้อนกับคําพูดที่ออกจากปากคนโง่ เพราะมีแต่คนโง่เท่านั้นที่ไม่รู้จักตัวเอง
แต่เที่ยวกล่าวหาคนอื่นแทน
ไม่ต่างอะไรกับคนพาล คนฉลาดจะรู้จักใช้ปัญญาจัดการกับคนพวกนี้ หรือไม่ก็หลีก
ให้ห่างอย่าเข้าใกล้‛
‚นั่นสิ ข้าลืมไป คนบางคนต่อให้เสแสร้งทําเป็นสูงส่งแค่ไหนก็เป็นได้แค่ของ
เล่นของคุณเมธเท่านั้น ’
พริกยังคงพ่นพิษต่อไป
‚น้าพริกพูดผิดหรือเปล่า ต้องเรียกว่านางบําเรอชั่วครั้งชั่วคราวต่างหาก คุณ
เมธไม่ตาต่ําเอาขี้ข้ามาเป็นเมีย
ออกหน้าออกตาหรอก ต้องเป็นคุณดาถึงจะคู่ควร ‛ ต้อมยกพนิดามาเปรียบ
‚นังต้อม แกเอาคุณดามาเปรียบได้ยังไงกัน คุณดานั่นน่ะดอกฟ้า ส่วน...‛
พริกส่งสายตาไปทางสายฝน
แล้วพูดต่อ ‚เป็นได้แค่ดอกดิน หัดเข้าใจเสียใหม่ด้วย‛
‚ฉันไม่น่าลืมเลย น้าพริก ก็ฉันเห็นออกจากห้องคุณเมธบ่อย ๆ เลยหลงเข้าใจ
ผิดคิดว่าเป็นคุณผู้หญิง
ที่แท้ก.็ ..นางบําเรอหรือโสเภณีประจําบ้านก็ไม่รู้สินะ‛ ต้อมพูดแรงมาก
‚จริงด้วย นังต้อม‛ พริกสะใจมาก
สายฝนแทบจะทนไม่ไหวแล้วกับคําพูดของทั้งคู่ ยิ่งพูดยิ่งบอกให้รู้ว่ามาจากที่
ใด คําพูดแสนจะหยาบ เกิดมา
เพิ่งเคยได้ยินนอกจากในละครน้ําเน่า เธอไม่คิดจะทนอีก
‚เอาละ ฉันปล่อยให้พวกเธอพล่ามมาพอแล้ว สงสัยจะว่างเกินไป ต่อไปนี้ฉัน
ขอสั่งในฐานะแม่บ้านที่มีอํานาจสิทธิ์
ขาดดูแลบ้านหลังนี้ รวมถึงคนในบ้านนี้ด้วย พริก ไปทําความสะอาดห้องคุณข้าว
โอ๊ตเดี๋ยวนี้ รวมถึงขัดบันไดบ้าน
ให้เรียบร้อย ส่วนต้อม ดูเหมือนเธอจะว่างงานเกินไป ต่อไปนี้ให้ไปช่วยลุงเหวียงทํา
สวน และช่วยพี่แหวนทํา
ความสะอาดครัวทุกครั้ง ไปได้แล้ว ‛ สายฝนสั่งเสียงเรียบ ไม่ให้ความสนิทสนม แต่
พยายามกดให้ดูต่ํา
แต่มิคาดว่าสองคนนี้กลับทําเฉย
‚เสียใจ คนอย่างอีพริกฟังคําสั่งเจ้านายเท่านั้น ไม่ฟังคําสั่งขี้ข้าด้วยกัน ‛ พริก
ลองดี
‚ฉันก็เหมือนกัน น้าพริก มีคุณดาเพียงคนเดียวที่สั่งฉันได้ ‛ ต้อมก็ไม่ต่างกัน
สายฝนแทนที่จะโกรธ
กลับยิ้มเมื่อเห็นเด็กหน่อยเดินมาพอดี
‚หน่อยมาก็ดีแล้ว ช่วยไปตามทุกคนในบ้านมาพร้อมกันที่นี่ด่วน อย่าลืมไป
ตามป้าบุญมาด้วยนะ‛
สายฝนสั่งจบ เด็กหน่อยก็รีบไปทําตาม พริกกับต้อมมองหน้ากัน อยากรู้ว่าสายฝน
จะทําอะไร ทั้งสองคนหาได้
สะทกสะท้านไม่ ไม่นานนักทุกคนก็มารวมตัวกัน รวมถึงป้าบุญด้วย พอสายฝนเห็น
ทุกคนมาแล้วก็ยิ้ม
‚ขอบใจจ้ะทุกคนที่ให้เกียรติฝนด้วยการมากันอย่างพร้อมเพรียง‛
‚ไม่เป็นไรครับ คุณฝน มีอะไรให้พวกเราช่วยก็บอกได้เลยครับ ‛ ลุงเหวียงคน
สวนบอกอย่างเต็มใจ
‚นี่ลุงคงแก่จนเลอะเลือนไปแล้วมั้ง ถึงได้พูดจายกย่องแม่นี่ ไม่ได้วิเศษอะไร
หรอก‛ พริกพูดขึ้นด้วยความหมั่นไส้
‚พริก แกนี่มันจริง ๆ นะ คุณฝนอย่าไปถือสามันเลยครับ ‛ ลุงเหวียงปราม
‚ไม่เป็นไรจ้ะลุง ฝนไม่อยากให้ทุกคนเสียเวลา ที่ฝนเรียกทุกคนมานี่ เพราะ
ฝนคิดว่ายังมีใครบางคนที่ไม่เข้าใจ
ว่าคุณเมธจ้างฝนมาทําอะไร และยังไม่เข้าใจหน้าที่ตัวเองดี มีใครพอจะทวนคําสั่ง
คุณเมธให้ฟังหน่อยได้มั้ยจ๊ะ ‛
สายฝนฉลาดนัก คิดประจานพริกกับต้อมต่อหน้าคนทั้งบ้าน ทั้งยั้งเป็นการ
ตอกย้ําอํานาจที่ตัวเองมีอยู่ด้วย
ทุกคนเงียบกันอยู่พักหนึ่ง สักพักแม่ครัวแหวนก็พูดขึ้นว่า
‚ป้าบุญ ป้าตอบแทนพวกเราก็แล้วกันนะป้านะ‛
ป้าบุญส่งค้อนให้แม่ครัวแหวนทันที แกรู้ว่าแม่ครัวแหวนนึกจะยืมมือแกเพื่อที่
ตัวเองจะได้ไม่เดือดร้อน แม้จะชื่นชอบแม่บ้านคนใหม่ที่ดูเป็นผู้ดีกว่าก็ตาม แต่ต้อม
กับพริกเป็นคนของพนิดา
‚ข้าตอบแทนก็ได้ พวกเอ็งนี่ชอบให้คนแก่อย่างข้าเดือดร้อน ข้าขอย้ําอีกที
คุณฝนคือแม่บ้านที่คุณเมธจ้างมา
ให้ช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยในบ้านนี้ ดูแลคุณข้าวโอ๊ต เรื่องส่วนตัวคุณเมธทุก
เรื่อง มีอํานาจสิทธิ์ขาด
ทุกเรื่องในบ้านนี้ คําสั่งคุณฝนถือเป็นคําสั่งคุณเมธ คุณฝนมีอํานาจรองจากคุณเมธ
ที่ป้าพูดถูกต้องมั้ยคะ คุณฝน‛
ป้าบุญแกล้งถามย้ํากับสายฝน
‚ไม่ผิดหรอกจ้ะ ฝนอยากให้พวกเราอยู่กันอย่างพี่น้องมากกว่า แต่บังเอิญฝน
มีเรื่องที่ตัดสินไม่ได้ ฝนขอ
ความเห็นทุกคนหน่อยค่ะ ถ้าบังเอิญในที่นี้มีบางคนถือโอกาสตอนที่คุณเมธไม่อยู่
นั่งดูทีวี ทําตัวเหมือนเจ้าของบ้าน
มีงานก็ไม่ไปทํา คิดว่าเป็นการกระทําที่สมควรหรือไม่ ‛ สายฝนพูดจบก็หันมามอง
พริกกับต้อมซึ่งจ้องหน้า
สายฝนอย่างโกรธแค้น
‚ไม่สมควรครับ คุณฝน คุณเมธจ้างมาช่วยดูแลบ้าน แต่ไม่รู้อะไรควรไม่ควร
คุณฝนต้องลงโทษ
อย่าให้เป็นเยี่ยงอย่าง อย่าไปเกรงใจครับ ‛ ลุงเหวียงตอบ
‚นี่ลุง มันจะมากไปแล้วนะ มาให้แม่นี่ลงโทษฉัน ไม่มีสิทธิ์ คนที่มีสิทธิ์คือคุณ
ดาคนเดียว‛ พริกไม่ยอมแพ้
‚จริงด้วย น้าพริก ฉันรับใช้คุณดา คนที่มีสิทธิ์สั่งเป็นสั่งตายคือคุณดา‛ ต้อมก็
ไม่ยอม
‚ดีที่ยืนยันกับทุกคนอย่างนี้ แต่บ้านนี้เป็นบ้านคุณเมธ คุณดาเป็นอะไรใน
บ้านนี้ มีส่วนในบ้านนี้หรือไม่ ถ้ามี
ฝนจะไม่ยุ่งกับคนของคุณดา ปล่อยให้เธอจัดการเอง แต่เท่าที่ฝนทราบ คุณเมธไม่
เคยพูดถึงสิทธิ์อะไรในบ้านนี้
ของคุณดาเลย ฉะนั้น เธอสองคนมีหน้าที่ทําตามคําสั่งฉันในฐานะแม่บ้านที่ได้รับ
มอบหมายจากคุณเมธให้ดูแล
ความเรียบร้อยของบ้าน ขอบอกทุกคนว่า ต่อไปนี้พริกมีหน้าที่ทําความสะอาดบ้าน
นี้ทุกห้องยกเว้นห้องคุณเมธ
กับฝน ส่วนต้อม ฝนเห็นว่าว่างเกินไป ฝนจะให้ไปช่วยลุงเหวียงกับพี่แหวน มีใครจะ
ค้านมั้ย‛
ทุกคนอ้าปากค้าง นึกไม่ถึงว่าแม่บ้านคนสวยที่ดูอ่อนหวานเรียบร้อยจะเฉียบ
ขาดได้เพียงนี้ ทําเอาพริกกับต้อมหน้าซีดจนได้ แต่สักพักก็ยิ้มออกเมื่อเห็นพนิดา
เดินเข้ามา ทั้งสองคนรีบเดินเข้าไปหาทันที
‚มันจะมากไปแล้ว มาทํากับคนของฉัน ช่างไม่เจียมบ้างเลยนะคุณแม่บ้าน‛
พนิดาต่อว่าทันที สายฝนยิ้ม
‚ฝนเพิ่งทราบ สองคนนี้เป็นคนของคุณดา ถ้าอย่างนั้นฝนขอถามคุณดานะ
คะว่าคุณดาเป็นเจ้าของบ้านนี้หรือ
เปล่า ถ้าเป็น ถือว่ามีสิทธิ์มีเสียงในบ้านนี้ ฝนจะไม่แตะคนของคุณ แต่ถ้าไม่ใช่ สอง
คนนี้ก็จําเป็นต้องทํางานที่ฝน
มอบหมายให้เพื่อให้คุ้มค่าเงินเดือนที่คุณเมธจ้างมา ไม่ใช่เอาเวลาไปพูดจาป้ายสี
คนอื่นในทางเสีย ๆ หาย ๆ‛
ทุกคนเพิ่งเห็นสายฝนร้ายก็วันนี้แหละ คําพูดของเธอทําเอาพนิดานิ่งเงียบไปพัก
หนึ่งก่อนพูดว่า
‚ถึงอย่างไรสองคนนี้ก็เป็นคนของพี่ชายคุณเมธกับพี่สาวฉัน เธอไม่มีสิทธิ์มา
สั่งหรือลงโทษใด ๆ ทั้งสิ้น จําไว้ ‛
พนิดาพูดด้วยน้ําเสียงเด็ดขาด
‚หรือคะ ถ้างั้นสองคนนี้สมควรไปรับเงินเดือนจากใครดีล่ะ พี่ชายกับพี่สะใภ้
คุณเมธก็ไม่อยู่แล้ว และบ้านนี้ก็
ไม่ใช่บ้านพี่ชายคุณเมธด้วย ถ้าคุณดายังยืนยันคําพูดเดิม ฝนเห็นทีต้องเชิญทั้งสอง
คนกลับไปอยู่บ้านพี่ชาย
คุณเมธแทน ให้ไปรับเงินเดือนที่นั่น ไม่ใช่ที่นี่ เพราะดูไม่เต็มใจจะทํางานที่บ้านนี้
หรือคุณดาจะจ่ายให้คะ‛
สายฝนยั่วพนิดาอย่างใจเย็น หลายคนรู้สึกชอบใจโดยเฉพาะป้าบุญ ‘คุณฝนร้าย
ไม่ใช่เล่น’ พนิดาโกรธจนลืมตัว
‚นังฝน แกเป็นแค่ลูกจ้าง บังอาจมาอวดดีกับฉัน ‛ พนิดาเงื้อมือทําท่าจะตบ
แต่พอนึกได้ก็ลดมือลงหันไปสั่ง
คนของตัวเองว่า ‚พริก ต้อม ตามฉันมา ให้มันรู้ไปว่าใครจะกล้ามาทําอะไรพวกแก
ได้‛
พริกกับต้อมรีบเดินตามไปทันที ทุกคนงงเมื่อเห็นสายฝนยืนนิ่งเฉยและบอก
ทุกคนว่า
‚ฝนมีเรื่องขอร้องทุกคน เวลานี้บ้านนี้ขาดคนไปสองคน เราต้องช่วยกัน
ทํางานที่เหลือ หน่อยกับฝนจะดูแลเรื่อง
ความสะอาดของบ้านเอง ส่วนเปรี้ยวดูแลห้องคุณข้าวโอ๊ต นอกนั้นใครเห็นว่าอะไร
ช่วยได้ก็ช่วยไป หากสองคน
นั้นแตะต้องของอะไรในบ้านนี้ ถ้าฝนไม่เห็น ใครจะเอื้อเฟื้อให้ก็ได้ แต่ถ้าฝนเห็น
สองคนนั้นต้องจ่ายทุกบาททุก
สตางค์เท่าราคาของ เพราะฝนถือว่าสองคนนั้นไม่ใช่คนของบ้านนี้อีกต่อไป หยิบ
ฉวยอะไรในบ้านก็เท่ากับเป็นขโมย
ฝนขอร้องแค่นี้ค่ะ‛ แม้จะฟังดูหวาน ๆ แต่ทุกคนรู้ว่าสายฝนกําลังห้ามพริกกับต้อม
ไม่ให้มีสิทธิ์อะไรในบ้านนี้อีก
ต่อไป พนิดาจะยอมหรือไม่ เห็นทีสายฝนต้องเหนื่อยอีกรอบแน่ ป้าบุญและใคร ๆ รู้
ว่าพนิดาไม่หยุดเพียงแค่นี้
จึงรู้สึกเป็นห่วงสายฝน เพราะในไม่ช้าสายฝนก็พบปัญหาใหญ่ที่เกิดจากพนิดา
หนักหนาสาหัสเกินกว่าที่เธอ
จะรับมือได้คนเดียว แต่โชคดีที่มีตัวช่วยมาทันเวลาโดยที่เธอและพนิดาก็คาดไม่ถึง
ตอนที่ 16

เมื่อสายรุ้งกลับถึงเมืองไทย ตนุภัทรก็พาเธอไปหามารดาที่รีสอร์ตส่วนตัวใน
อําเภอวังน้ําเขียว อากาศดีมาก
พอเห็นหน้ามารดาสายรุ้งก็โผเข้าหา ตนุภัทรเดินเลี่ยงออกมาให้พ้นจากภาพนั้นเสีย
เขาเองก็เคยมีมารดาที่รัก
เขามาก แต่น่าเสียดายที่อายุสั้น ไม่ทันอยู่เห็นความสําเร็จของลูกชาย เขารู้...เธอ
คิดถึงมารดากับพี่สาว
ตลอดเวลา เขาจึงอยากให้เธอมีความสุข ได้อยู่กับมารดาบ้างก่อนกลับกรุงเทพฯ
หวังว่ามิสเตอร์หว่องคงรู้ว่า
จะทําอย่างไรต่อไป รอเพียงเมลตอบกลับมาก็พอ เพราะไม่มีใครอยากมีส่วนร่วมใน
การขนสินค้าผิดกฎหมาย
‘หวังว่าคงไม่โง่นะพี่ชาย’
มิสเตอร์หว่องอยากให้เขาเป็นน้องชายนับจากคืนวันที่ช่วยชีวิตและพามา
รักษาตัวที่ห้องพักในอังกฤษเมื่อ
สิบกว่าปีก่อน สมัยที่เขายังเป็นนักเรียนที่นั่น เรียนไปด้วยทํางานไปด้วย มิสเตอร์หว่
องเกิดถูกชะตากับเขาขณะ
ที่เขาไม่อยากมีพี่ชาย เพราะชินกับการเป็นลูกคนเดียว จนกระทั่งมารดาเสียชีวิต
เมื่อเขาอายุได้สิบหกปีเพราะ
ตามหาบิดา แต่กลับพบกับความจริงอันเจ็บปวดจนต้องล้มเจ็บลง ไม่มีเงินจะหา
หมอรักษา โชคดีที่ได้พบกับคน
ใจบุญอย่าง...เขาหลับตาไล่ภาพในอดีตออกไป ไม่อยากรับรู้ความเจ็บปวดที่ต้อง
สูญเสียมารดา ช่างเถอะ
เรื่องในอดีตผ่านไปแล้ว อดีตที่ให้ทั้งบทเรียนที่ดีและร้าย เขาไม่อยากเปลืองเวลามา
คิดอีก แม้จะแน่ใจว่า
ในไม่ช้าต้องมีคนมาเซ้าซี้ให้เขาเล่า และเป็นคนน่ารักในใจเขาเสมอด้วย เฮ้อ !
ทําไมถึงต้องมาหลงรัก
ผู้หญิงก่อนด้วยนะ คิดแล้วกลุ้ม หรือจะเป็นกรรมที่เขาปฏิเสธไมตรีจากสาวคนใด
กัน จึงทําให้เขาต้องมาทรมาน
กับเรื่องความรักที่เขาไม่มั่นใจนักว่าสุดท้ายจะสมหวังหรือไม่ แต่ถึงจะไม่สมหวังเขา
ก็จะไม่ปล่อยเธอไปเป็นของคน
อื่นเป็นอันขาด จะผูกติดกันอย่างนี้ตลอดไป ให้มันรู้กันไปว่าจะไม่รัก พอคิดถึงเรื่อง
นี้ก็ทําให้เขาคิดถึงโดมินิกและ
โซเฟีย เขากดมือถือหาผู้ช่วยคนสนิททันที
‚คุณธนิต โซเฟียกับโดมินิกมีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง‛
‚กําลังเตรียมเซ็นสัญญากับมิสเตอร์หว่อง ได้ข่าวว่ามิสเตอร์หว่องตัดสินใจ
เซ็นสัญญาผูกขาดการขนสินค้า
ของฟร็องซัวส์กรุ๊ปเจ้าเดียว ส่วนพันธกิจอื่นไม่ขอมีส่วนเกี่ยวข้องบอกว่าไม่ถนัด ‛
ธนิตคนสนิททํางานได้ดีตามคาด
‚ขอบคุณ นึกไม่ถึงมิสเตอร์หว่องจะทุ่มทุนสร้างจริง ๆ เห็นทีต้องโทรไป
ขอบคุณแล้ว คุณช่วยส่งข่าวไปบอก
ปิแอร์ที่ฝรั่งเศสด้วยว่าให้ดําเนินตามแผนขั้นต่อไปได้เลย เตรียมการให้พร้อม พรุ่งนี้
ผมจะเข้าออฟฟิศ ปล่อยข่าว
ไปว่าผมตัดสินใจกลับมาอยู่เมืองไทยเป็นการถาวรแล้ว ‛
ธนิตไม่ซักต่อเพราะแน่ใจว่าเจ้านายต้องมีเหตุผลแน่ คงมีเรื่องช็อคสนั่น
วงการอีกแล้ว อยู่ดี ๆ เศรษฐีนักธุรกิจ
ลึกลับตัดสินใจอยู่เมืองไทยถาวร ที่น่าสนุกคือสองคนนั้นคงทําอะไรไม่สะดวกแน่

สายรุ้งกอดมารดา ยิ้มอย่างมีความสุข กุลชาลูบผมยาวสลวยของบุตรสาว


เล่น โดยมีป้าน้อยนั่งอยู่ข้าง ๆ
‚คุณภัทรพาไปฮันนีมูนสนุกมั้ยลูก เล่าให้แม่ฟังหน่อยซิ ‛ น้ําเสียงกุลชาฟังดู
อบอุ่น เป็นเวลานานแล้วที่
ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดและได้ยินเสียงมารดาเช่นนี้
‚เขาบอกแม่ว่าพารุ้งไปฮันนีมูนหรือคะ‛ สายรุ้งถามเพื่อความแน่ใจ ขณะที่ใน
ใจนึกต่อว่าคนเจ้าเล่ห์
‘ช่างเข้าใจสร้างภาพจริง ๆ พาหนีเกือบเอาชีวิตไม่รอดต่างหากคะแม่ ’
‚เอ้า ! ก็รุ้งเพิ่งแต่งงานกับเขา ไม่เรียกว่าไปฮันนีมูนแล้วจะเรียกว่าอะไรล่ะลูก
แม่เห็นหน้าตารุ้งสดชื่นก็ดีใจ
คุณภัทรเป็นคนดี เชื่อแม่เถอะ ที่สําคัญเป็นคนกตัญํูรู้คุณคน คนที่รู้จักบุญคุณคน
และกตัญํูต่อผู้มีพระคุณ
อย่างน้อยก็เชื่อได้ว่าไม่ใช่คนเลว แต่มีจิตใจดีงามพอสมควร นี่คือสาเหตุที่แม่
ไว้วางใจเขาให้ดูแลปกป้องรุ้ง‛
สายรุ้งแทบไม่อยากเชื่อว่ามารดาจะยกย่องผู้ชายคนนี้ถึงเพียงนี้ ปกติไม่ค่อยยก
ย่องใครให้ได้ยินบ่อยนัก
‘หรือว่าแม่รู้จักเขาดี แล้วทําไมไม่บอกเรา’ สายรุ้งตั้งคําถามในใจขณะที่ดวงตากลม
โตคู่สวยเผลอจ้องมอง
ใบหน้ามารดา กุลชามองตอบยิ้ม ๆ เหมือนจะรู้ว่าบุตรสาวคิดอะไรอยู่
‚รุ้งสงสัยว่าคุณภัทรกับแม่อาจรู้จักกันมาก่อนใช่มั้ย ไว้วันหลังแม่จะเล่าให้ฟัง
พูดเรื่องพี่ฝนของลูกดีกว่า
ไปอยู่บ้านคนอื่นไม่รู้เป็นอย่างไรบ้าง ทุกครั้งที่โทรมาจะบอกว่าสบายดี เจ้านาย
และคนในบ้านดีกับฝนมาก
แต่เพราะอะไรไม่รู้ แม่กลับรู้สึกว่าฝนปิดบังอะไรแม่อยู่ ‛ คุณกุลชาพูดด้วยความเป็น
ห่วงสายฝนและรู้จักนิสัย
ลูกสาวคนโตดีว่าไม่เคยแสดงความรู้สึกทุกข์ร้อนให้ใครเห็น
‚นั่นสิคะ คุณรุ้ง คุณฝนน่ะปากแข็ง ต่อให้มีปัญหาหนักแค่ไหนก็ไม่เคยบ่น
แต่ป้ามั่นใจว่าเพื่อนป้าต้องรัก
และเอ็นดูคุณฝนแน่นอน ลองเพื่อนป้าเอ็นดูใครแล้วรับรองค่ะ ไม่ลําบาก‛ ป้าน้อย
รีบพูดให้กุลชา
กับสายรุ้งสบายใจ
‚แหม ! มีป้าน้อยการันตีเสียอย่าง รุ้งมั่นใจค่ะว่าพี่ฝนไม่เดือดร้อนแน่ แม่
วางใจได้ค่ะ รุ้งยืนยันให้อีกคน คือ
รุ้งเคยพบพี่ฝนครั้งหนึ่งที่ห้าง ท่าทางพี่ฝนดูมีความสุขและยังได้เลี้ยงเด็กน่ารักน่าชัง
คนหนึ่งด้วย เป็นหลานชายเจ้า
ของบ้านค่ะแม่ ติดพี่ฝนแจ เอาอย่างนี้ดีมั้ยคะ เราโทรหาพี่ฝนเลยดีกว่า จะได้รู้ว่า
กําลังทําอะไรอยู่‛
สายรุ้งช่วยยืนยันอีกคนอยากให้มารดาคลายกังวลเรื่องพี่สาว
‚ดีค่ะ ป้าเห็นด้วย ป้าไม่ได้คุยกับคุณฝนมาหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง
จะโทรหา คุณฝนก็บอกว่าไม่ต้อง
ไว้เธอโทรมาหาเอง‛ ป้าน้อยทําท่ากระตือรือร้นนัก
‚อย่าเลย ไว้ฝนโทรมาเองจะเหมาะกว่า รุ้งเล่าเรื่องเที่ยวฝรั่งเศสให้แม่ฟัง
ดีกว่า‛ กุลชาเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่
อยากรบกวนเวลาทํางานของสายฝน ดูจะไม่เหมาะนัก เผลอ ๆ จะถูกนายจ้าง
ตําหนิได้
‚ได้ค่ะ รุ้งมีรูปประกอบการเล่าด้วยนะคะแม่ จะได้เปรียบเทียบว่าสมัยแม่กับ
รุ้งอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง‛
สายรุ้งพูดโดยไม่คิดอะไร แต่คําพูดนั้นกลับไปกระทบจิตใจกุลชาเข้า นั่นสินะ เวลา
เปลี่ยน ใจคนเปลี่ยน
ครั้งหนึ่งเธอเคยมีความสุขกับผู้ชายที่บอกว่ารักเธอที่สุด แต่เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป
คนที่บอกว่ารักเธอที่สุด
กลับนําพาความเจ็บปวดที่สุดมาให้อย่างไม่น่าเชื่อ จะโทษอะไรไม่ได้นอกจากกรรม
ของตัวเอง แต่เธอก็โชคดี
ที่มีบุตรสาวน่ารักถึงสองคนมาชดเชยความบอบช้ําทางจิตใจ กุลชาเริ่มหมดสนุก
และไม่อยากเห็นภาพที่
ตอกย้ําอดีตอันเจ็บปวดอีกต่อไป
‚แม่เปลี่ยนใจแล้วลูก นี่ก็ดึกมากแล้ว แม่อยากพักมากกว่า รอรุ้งมาทั้งวัน ไม่
รู้ว่าจะมาดึกอย่างนี้
แม่ง่วงแล้ว ไว้พรุ่งนี้รุ้งค่อยเล่าให้แม่ฟังก็ได้ รุ้งเองเพิ่งเดินทางมาเหนื่อย ๆ ไปพัก
ก่อนดีกว่า‛
กุลชาทําท่าจะลุกไปห้องนอน ป้าน้อยขยับตัวจะเข้าประคอง แต่สายรุ้งรีบ
ห้าม เธอขอทําหน้าที่นี้เอง
เธอประคองร่างบอบบางของมารดาไปที่เตียง มองใบหน้าซูบซีดของมารดาอย่าง
เป็นกังวล แม้จะดูสดชื่น
แต่อาการป่วยก็ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นนัก ยังไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไรกว่าจะหาไตที่
เหมาะสมได้ แต่ถึงได้แล้วเธอกับ
สายฝนจะมีเงินพอค่าผ่าตัดหรือไม่ จะให้เธอไปขอเงินจากสามีเศรษฐีเจ้าเล่ห์ อย่า
หวังเลย ไม่อยากให้เป็นหนี้
บุญคุณที่ชดใช้ไม่รู้จบ แค่เขาจ้างพยาบาลกับหมอมาดูแลมารดาอย่างใกล้ชิดก็
นับว่าชดใช้ไม่หมดแล้ว ที่สําคัญ
คือเธอไม่อยากผูกติดกับเขานานนัก เพราะไม่แน่ใจว่าเขารักเธอจริงหรือเปล่า จึงไม่
อยากเป็นหนี้บุญคุณเขาเพิ่มอีก
ครั้งแรกถือเป็นค่าตัวเจ้าสาว ไม่เข้าใจว่าทําไมเขาเต็มใจรับเงื่อนไขและดูแลแม่
อย่างดี เธอไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
การกระทําหลายอย่างทําให้อยากเชื่อว่าเขารักเธอ แต่ทําไมถึงไม่แน่ใจก็ไม่รู้ แล้ว
เธอล่ะ...รู้สึกกับเขาอย่างไร
ชอบเขา หรือรักเข้าแล้ว เธอยังให้คําตอบกับตัวเองไม่ได้ หากเป็นอย่างนั้นจริง แล้ว
สุดท้ายมาพบว่าเขาไม่ได้รัก
ชอบเธอสักนิด เรื่องยุ่งยากคงตามมาแน่ เธอควรทํางานหาเงินเก็บเตรียมไว้รองรับ
อนาคตที่ไม่แน่นอน
มารดาก็เป็นบทเรียนอย่างดีอยู่แล้ว และคนอย่างเธอก็หยิ่งพอที่จะไม่ง้อผู้ชายที่ไม่
รักตัวเองด้วย สิ่งที่เธอ
ปรารถนามากที่สุดในเวลานี้คือให้มารดามีชีวิตอยู่กับเธอและพี่สาวไปนาน ๆ แต่จะ
สมหวังหรือไม่เธอไม่กล้า
คาดเดา เรื่องของอนาคตบางครั้งก็โหดร้ายเกินจะคาดเดา ไว้พรุ่งนี้เธอจะพูดกับเขา
เรื่องทํางานเพื่อช่วยพี่สาว
อีกแรง ถ้าคนอื่นรู้เข้าคงขํา อุตส่าห์แต่งงานกับเศรษฐี แต่ต้องมาทํางานหาเงินงก ๆ
แต่ที่สุดหญิงสาวก็บอกกับตัวเองว่า
‘ช่างเถอะ ตอนนี้ขอทําหน้าที่ลูกที่ดีก่อนดีกว่า ’ แล้วจึงอ้อนมารดา
‚แม่คะ คืนนี้รุ้งขอนอนกับแม่นะคะ รุ้งอยากนอนกอดแม่ค่ะ ป้าน้อยอย่าว่า
กันนะ‛ สายรุ้งแกล้งขอร้อง
ป้าน้อย ใจจริงอยากพยาบาลมารดามากกว่า เผื่อจะได้สังเกตอาการท่านไปด้วย
แล้วจึงโทรบอกพี่สาว
‚ได้ค่ะ คุณรุ้ง ป้าไปนอนที่อื่นก็ได้ค่ะ ฝากดูคุณผู้หญิงด้วยนะคะคุณรุ้ง ป้า
ห่วงค่ะ‛ ป้าน้อยรีบฝากฝัง
กุลชาด้วยความเป็นห่วง สายรุ้งยิ้มขํา
‚ไม่ต้องห่วง ป้าน้อย แม่รุ้งเอง รับรองจะดูแลอย่างดี ‛ สายรุ้งรับปากหนักแน่น
‚หวังว่าคืนนี้พยาบาลพิเศษจะทําให้ฉันนอนหลับได้สนิทนะ พี่น้อย‛ กุลชา
ล้อเลียนบุตรสาว รู้สึกมีความสุข
อย่างน้อยคืนนี้ก็ได้อยู่กับลูกทั้งคืน ก่อนจะแยกจากกันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ ตนุภัทร
บอกให้รู้ก่อนพาสายรุ้งมา
ขณะที่สายรุ้งไม่รู้ ถ้ารู้จะอาละวาดมากแค่ไหนก็ไม่รู้
‚แหม ! แม่พูดเสียรุ้งเขิน มาค่ะแม่ รุ้งจะพาไปนอนค่ะ วันนี้ลูกสาวคนนี้จะขอ
ปรนนิบัติเองค่ะแม่‛
สายรุ้งพูดจบก็ประคองร่างบอบบางของมารดาไปที่เตียง กุลชาหลับไปเพราะความ
เพลีย แต่ก็ยังมีรอยยิ้มบนใบหน้า
สายรุ้งจดริมฝีปากนุ่มลงบนหน้าผากมารดาก่อนลุกไปโทรหาสายฝน
บงกชกําลังกลุ้มใจกับพฤติกรรมของบุตรชายและบุตรสาว ปพนอาจจะยังไม่
รู้ แต่เธอรู้เห็นตลอด
ศุภานันทําตัวเป็นข่าวให้คนในสังคมไฮโซเมาท์เล่น ส่วนดนุวัศยังไม่เลิกนิสัยนักเล่น
งานที่บริษัทก็ไม่สนใจทํานัก
อีกทั้งยังติดพันผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ ปกติบงกชไม่สนใจเท่าไรนักกับหญิงสาวที่
บุตรชายควงเล่น แต่รายล่าสุดนี้เห็นที
จะติดใจจนไม่อยากเลิก ที่ร้ายกว่านั้นหญิงสาวคนนี้มีนิสัยชอบการพนันเหมือนกัน
เธอให้คนไปสืบว่าเป็นใคร
มาจากไหน ก็ไม่มีใครรู้ รู้แต่ว่าดนุวัศเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้ทุกครั้งที่ไปเที่ยว
ต่างประเทศด้วยกันจนกลายเป็น
ข่าวซุบซิบอีกข่าว ยิ่งคิดยิ่งให้เจ็บใจนัก ลูกของเธอแต่ละคนไม่ได้ดังใจสักคน ผิด
กับลูกสาวของกุลชาที่เคารพ
เชื่อฟังมารดาตลอด สิ่งที่เธอกลัวไม่ใช่พฤติกรรมของลูก ๆ แต่กลัวว่าปพนจะรู้เข้า
และพาลโกรธจนนํา
ความเดือดร้อนมาให้เธอด้วย เพราะเธอยังเป็นแค่นอกกฎหมายอยู่นั่นเอง สมบัติ
ของปพนไม่ใช่น้อย ๆ ยิ่งเป็น
รองนายกฯ ด้วยแล้ว ธุรกิจที่ดินยิ่งมั่นคงขึ้น เธอไม่ยอมให้สมบัติทั้งหมดตกไปถึง
สายฝนกับสายรุ้งที่เป็นลูก
ตามกฎหมายเด็ดขาด นึก ๆ แล้วก็ให้เจ็บใจคุณปพนนักทําไมถึงไม่ยอมหย่าขาด
จากนังกุลชาเสียที ปล่อยให้
นังนั่นเป็นเมียในทะเบียนอยู่ได้ เธอก้าวมาถึงขั้นนี้แล้วจะถอยหลังกลับไปไม่ได้อีก
แล้ว ที่น่าเจ็บใจไปกว่านั้นทั้ง
กุลชาและลูกสาวหายเงียบไปเฉย ๆ ให้คนพยายามตามสืบเท่าไรก็ไม่เจอ ขณะที่
บงกชกําลังนั่งกลุ้มอยู่ในห้อง
รับแขกหรูเพื่อดักรอลูกชายลูกสาวอยู่นั้น เสียงรถของดนุวัศก็แล่นเข้ามา บงกชนั่ง
นิ่งรอบุตรชายเดินเข้ามา
ดนุวัศเดินผิวปากเข้าบ้านอย่างสดชื่น วันนี้เขาเล่นได้มากและยังได้รับการ
ปรนเปรอจากพนิดาจนพอใจ
เพราะสร้อยเพชรที่ซื้อให้ ผู้หญิงคนนี้เหมือนเสือหิว ทุกครั้งที่เขาให้ของถูกใจ ก็ดูจะ
เต็มใจให้เขาพาไปหาความสุขได้
ทุกที่ ผิดกับตอนรู้จักใหม่ ๆ แต่เขาไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว ตราบใดที่เธอยังให้ความสุข
ทางกายกับเขาได้ถึงใจ
เขายินดีจ่าย รอจนกว่าจะเจอคนที่ถูกใจกว่าแล้วค่อยเขี่ยทิ้ง เงินทองเล็ก ๆ น้อย ๆ
กับเครื่องประดับไม่กี่ชิ้นไม่กระเทือน
เงินในกระเป๋าของเขาอยู่แล้ว เกิดมาเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของท่านรองนายก
ฯ ปพนก็ดีอย่างนี้เอง เขาเดินยิ้มอย่าง
มีความสุขแล้วต้องชะงักทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียบเย็นของมารดา
‚เดี๋ยวก่อน วัศ อย่าเพิ่งขึ้นห้อง มาคุยกับแม่ก่อน‛
เขาทําหน้ารําคาญก่อนเดินเข้าไปหามารดาที่ดูสาวเกินวัยและนั่งลงข้าง ๆ
‚คุณแม่มีอะไรครับ ผมง่วงและเพลียจะแย่อยู่แล้ว ‛ เขาพูดอย่างรําคาญ
‚จ้ะ แม่รู้ว่าวัศน่ะรําคาญแม่ ถ้าเป็นสาว ๆ คงไม่รําคาญสินะ‛ บงกชประชด
ให้
‚ของมันแน่อยู่แล้วครับแม่ มันไม่เหมือนกัน ‛ แทนที่เขาจะปลอบมารดา กลับ
พูดตรง ๆ บงกชรู้สึกไม่พอใจที่ได้
ยินคําพูดนี้หลุดออกจากปากคนเป็นลูก ลูกที่เธอรักและตามใจมาตลอด ทําอะไร
ผิดก็ช่วยปกปิด
‚ใช่สิ แม่มันแก่แล้ว ไหนเลยจะเหมือนแม่พนิดานั่น ‛ บงกชสวนกลับอย่างไม่
ไว้หน้า ดนุวัศสะดุ้งเมื่อเริ่มรู้ตัว
เขาพลาดไป ไม่ควรแสดงท่าทีรําคาญมารดาให้เห็น ถ้าขาดซึ่งมารดาที่คอยช่วยแก้
ข่าวและกําจัดข่าวที่ดัง
ไปถึงหูบิดาแล้ว เขาเดือดร้อนแน่ เขารีบประจบมารดาทันที
‚แม่ครับ อย่าโกรธผมเลยนะ ผมไม่ตั้งใจ ผมขอโทษ‛
‚ไม่ต้องมาทําเป็นประจบ ถ้าแม่ไม่มีประโยชน์ วัศคงไม่คิดจะเหลียวแลแม่
ใช่มั้ย‛ บงกชต่อว่าตรง ๆ
เมื่อดนุวัศเห็นว่ามารดาไม่พอใจหนัก จึงรีบกอดและพูดเอาใจ
‚แม่อย่าคิดมากสิครับ คุณแม่เป็นแม่ผมนะครับ ไม่ใช่คนอื่นที่ผมต้องเอาใจ
เพื่อหวังผลอย่างอื่น‛
แม้จะรู้ว่าลูกชายกําลังเอาตัวรอดมากกว่า แต่ก็อดใจอ่อนไม่ได้ ถึงอย่างไรก็
ลูก เธอจึงใจอ่อนทุกครั้งที่
บุตรชายออดอ้อนจนยอมยื่นมือเข้าไปช่วยเกือบทุกครั้ง
‚ไม่ต้องมาแกล้งประจบแม่ ไม่ต้องกลัวว่าแม่จะให้คุณพ่อรู้เรื่องของวัศ แต่แม่
ขอร้องอย่างหนึ่ง วัศเลิกคบ
ผู้หญิงชื่อพนิดาเสีย แม่สืบประวัติแล้ว ไม่คู่ควรกับวัศเลย‛ บงกชพูดอย่างจริงจัง
ดนุวัศรู้ว่ามารดากลัวจะได้ลูก
สะใภ้ไม่สมฐานะ ระดับเขาต้องเป็นลูกสาวคนมีเงิน มีเกียรติเท่ากัน สักวันเขาก็ต้อง
แต่งกับลูกสาวนักธุรกิจหรือ
นักการเมืองใหญ่สักคน ซึ่งเขาไม่อยากนัก เพราะส่วนมากสวยสู้ผู้หญิงที่เขาคบชั่ว
ครั้งชั่วคราวไม่ได้ แต่เขาไม่
สนใจอยู่แล้ว แต่งงานเพื่อผลประโยชน์จะเอาอะไรนักหนา เขาคิดจะมีอีหนูสวย ๆ
ไว้บริการ ส่วนภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายก็ทําหน้าที่ออกงานสังคม
‚คุณแม่ไม่ต้องห่วง ผมรับรองว่าผู้หญิงคนนี้เป็นของว่างชั่วคราวของผม ไว้
เบื่อเมื่อไหร่ผมจะเขี่ยทิ้งเอง
ถ้าเรื่องมากนักก็ให้เงินสักก้อนก็โอเคแล้ว ‛ ดนุวัศพูดอย่างมั่นใจ บงกชส่ายหน้าช้า
ๆ ก่อนเตือนว่า
‚แม่สังหรณ์ใจว่ามันไม่ง่ายอย่างที่ลูกคิด วัศอย่าประมาทผู้หญิง หากผู้หญิง
คิดจะจับผู้ชายจริง ๆ ไม่มีวันยอม
เป็นแค่เพื่อนนอนชั่วครั้งชั่วคราวเพื่อแลกกับเงินทองเป็นครั้งคราวอย่างที่ลูกคิด
หรอก เท่าที่แม่ทราบ ผู้หญิงคนนี้
ไม่เดือดร้อนเรื่องเงินเท่าไร วัศระวังตัวให้ดีก็แล้วกัน ‛
‚คุณแม่ไม่ต้องห่วง ผมไม่โง่พอให้ผู้หญิงหลอกหรอก ผมอยากให้คุณแม่
เตือนยายนันมากกว่า ไปนิยมชมชอบ
เพลย์บอยขึ้นชื่อ ระวังจะทําเรื่องงามหน้า ‛ เขาเบนความสนใจของมารดาไปเรื่อง
น้องสาวแทน
‚ไม่ต้องห่วง เรื่องของยายนันแม่จัดการแน่ เรื่องของวัศแม่ไม่อยากเตือนแล้ว
แต่จําไว้อย่าง อย่าพามาบ้าน
เป็นอันขาด แม่รับไม่ได้ ไม่อยากจะเสวนาด้วย‛ บงกชสั่งห้ามเสียงเฉียบขาดก่อน
เดินจากไป
ดนุวัศไม่เข้าใจว่าทําไมมารดาถึงเป็นห่วงเรื่องของพนิดานัก กับสาวอื่นไม่เห็น
สนใจ เขาไม่รู้ว่าสมัย
ยังสาวมารดาของเขาก็ใช้วิธีเดียวกันในการหลอกล่อบิดาให้ติดกับ ดังนั้นเธอจึง
มองพนิดาออกโดยไม่ต้องเห็นหน้าด้วยซ้ํา
และก็น่าเสียดายที่เขาประมาทไม่เชื่อบงกช เขาจึงไม่รู้ว่าวิบากกรรมของเขาใกล้เข้า
มาแล้ว

สายฝนนั่งแปลเอกสารเพลิน พลันก็ได้ยินเสียงข้อความเข้าทาง
โทรศัพท์มือถือ เธอกดดูก็พบว่าเป็นข้อความจากวรเมธ
‘ฝนจ๋า เป็นไงบ้าง หวังว่าทุกอย่างคงเรียบร้อยดี ถ้าคนของพนิดาก่อเรื่องก็ไม่ต้อง
เกรงใจ จัดการได้ตามสบาย
นายข้าวโอ๊ตกวนหรือเปล่า ถ้ากวน ผมจะรีบกลับไปจัดการให้ ผมจะพยายามรีบ
เคลียร์เรื่องทางนี้ให้เสร็จ
อยากกลับไปเห็นหน้าฝนจ๋าเร็ว ๆ คิดถึงครับผม คิดถึงเจ้านายที่รักคนนี้บ้างนะ
ราตรีสวัสดิ์ อย่าทํางานจน
ลืมพักผ่อน ด้วยความหวังดีจากเจ้านายที่รัก ’
‚เจ้านายร้ายกาจ เจ้าเล่ห์ละไม่ว่า น่าคิดถึงตายละ ทิ้งปัญหาหนัก ๆ ให้เรา
มาแบกรับ คน...‛ สายฝนต่อว่าราว
กับวรเมธอยู่ด้วย พอเธอจะลงมือทํางานต่อ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เธอคิดว่า
เป็นเจ้านายเจ้าเล่ห์ จึงเผลอกรอก
เสียงหวานลงไปว่า
‚คุณเมธคะ มีอะไรส่งทางเมลได้ค่ะ เลยเวลาทํางานแล้ว ฝนขอนอนก่อนนะ
คะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ‛ พอคนโทร
ได้ยินก็หัวเราะเบา ๆ ก่อนแซวพี่สาวว่า
‚รุ้งเอง พี่ฝน แหม ! พี่สาวเรา ชักจะแปลก ๆ กับเจ้านายแล้วนะ‛
สายฝนเอ๋อไปชั่วขณะ ใบหน้าแดงอย่างช่วยไม่ได้ โชคดีที่สายรุ้งไม่เห็น
‚รุ้ง ทําไมโทรมาดึกนัก หรือว่ายังไม่กลับจากยุโรป อย่าบอกนะว่าโทรจาก
ฝรั่งเศส‛
‚โทรจากวังน้ําเขียว ตอนนี้รุ้งอยู่กับแม่ ไว้พรุ่งนี้รุ้งจะส่งรูปให้พี่ฝนดูทางเมล‛
‚จ้ะ แล้วพี่จะคอย อิจฉาจริง ๆ ที่รุ้งได้ไป เออ ! แม่เป็นไงบ้าง ดีขึ้นบ้างมั้ย ‛
สายฝนห่วงมารดาตามเคย
‚แม่ดีขึ้นมาก เรื่องนี้ต้องขอบคุณสามีจําเป็นของรุ้ง นายคนนี้ก็มีดีเหมือนกัน
แต่รุ้งกลุ้ม พี่ฝน ถ้าเรายังหาไต
มาเปลี่ยนให้แม่ไม่ได้ รุ้งกลัวว่าแม่จะอยู่กับเราได้ไม่นาน‛ พูดถึงมารดาสายรุ้งจึง
ปรับทุกข์กับพี่สาว
‚รุ้งหมายความว่าแม่อาการทรุดหรือ ‛ สายฝนถามอย่างร้อนรน
‚เปล่าหรอก พี่ฝน ท่านดีขึ้นมาก พี่ฝนก็รู้ ถ้าจะให้หายขาดก็ต้องผ่าตัด
เปลี่ยนไต ช่างเถอะ ไม่คุยเรื่องเครียดดีกว่า
รุ้งอยากให้พี่ฝนไปกับรุ้งจังเลย ขาดพี่ฝนไปคนเที่ยวไม่สนุก ‛ สายรุ้งเปลี่ยนเรื่อง
เพราะไม่อยากให้พี่สาวกังวล
‚อ้าว ! เที่ยวกับคุณภัทรไม่สนุกหรือ รุ้ง คุณภัทรเขาดีกับรุ้งหรือเปล่า ‛ สาย
ฝนถามอย่างเป็นห่วง
‚ดีนะดีหรอก แต่กวนอารมณ์สุด ๆ บางทีก็ร้าย ใครอยู่ด้วยไม่ประสาทกินก็
เก่งแล้ว ที่แปลกคือแม่ยกย่อง
นายคนนี้มาก เหมือนรู้จักกันดี พอรุ้งถาม แม่ก็ไม่ยอมบอก‛ สายรุ้งบ่น
‚รุ้ง เรื่องบางเรื่องถึงเวลาก็รู้เอง แล้วนี่รุ้งโทรมานินทาเขาแจ้ว ๆ อย่างนี้คุณ
ภัทรได้ยินเข้าไม่โกรธแย่หรือ‛
สายฝนแกล้งแหย่น้องสาว ฟังดูน้ําเสียงน้องสาวเหมือนกําลังมีความสุขโดยที่เจ้า
ตัวไม่รู้
‚ไม่ได้ยินหรอก พี่ฝน รุ้งนอนกับแม่ แม่ขยับตัวแล้ว รุ้งขอไปดูแม่ก่อนนะ‛
สายรุ้งเจตนากลบเกลื่อนไม่อยาก
ให้พี่สาวซักเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับตนุภัทร สายฝนเองก็เริ่มง่วง
เหมือนกัน จึงเตรียมตัวเข้านอน

พนิดาพยายามหาทางแก้แค้นและกําจัดสายฝนไปให้พ้นทาง แต่ทุกครั้งสาย
ฝนจะดักทางได้หมด คนของเธอ
ต้องมีอันพ่ายไปอย่างน่าเจ็บใจ เธอเพิ่งกลับจากบ่อนไฮโซที่ดนุวัศพาไปเล่นและจบ
ลงด้วยการหาความสุข
ทางกายกับเขาที่เซฟเฮาส์แห่งหนึ่ง พอเดินผ่านห้องเด็กก็ได้ยินเสียงข้าวโอ๊ตหัวเราะ
เอิ๊กอ๊ากกับเสียง
สายฝนดังออกมาให้ได้ยิน สายตาดุ ๆ ของเธอจ้องมองประตูห้องเด็กอย่างแค้นจัด
‘เด็กบ้า ! ไม่รู้จะติดใจอะไรนังนั่นนัก กับฉันทําเป็นรังเกียจ ไอ้หลานเฮงซวย
น้าแท้ ๆ ทําเป็นรังเกียจ’
ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ นึกอยากเอาตัวหลานชายมาสั่งสอนให้เข็ด และแล้วความคิดหนึ่งก็
แวบขึ้นมาในสมอง
‘จริงสินะ ตอนนี้คุณเมธไม่อยู่ เป็นโอกาสดีจะอ้างสิทธิ์ความเป็นน้าเอาตัวไอ้
หลานเวรไป เอาไว้ขู่คุณเมธด้วย
นังนั่นไม่มีสิทธิ์ขวางแน่ เห็นทีต้องลงทุนจ้างใครมาเป็นญาติผู้ใหญ่สักสองสามคน
เพื่อตบตาสายฝน คิดแล้วรีบเดินตามหาพริกกับต้อม แต่หาเท่าไรก็ไม่พบ เธอจึงบ่น
ออกมาดัง ๆ
‚สองคนนี้ก็เหมือนกัน เสียแรงเลี้ยงไว้ ใช้อะไรไม่ได้ดังใจซักอย่าง วัน ๆ เอา
แต่กินกับนอน คิดว่าจะเก่ง จัดการกับ
นังฝนได้ก็เปล่า นี่มัวไปอยู่ที่ไหน งานในบ้านก็ไม่มีให้ทําแล้วนี่ ‛ พนิดาเดินบ่นได้สัก
พัก พริกกับต้อมก็มาปรากฏ
ตัวให้เห็น ตั้งแต่มีเรื่องกับสายฝนทั้งสองก็เหมือนคนแปลกหน้าในบ้าน เพราะทุก
คนต่างพากันเมินหนี
จะหยิบจับอะไรแต่ละทีเขาก็ไม่สนใจ สายฝนอยู่ที่จุดใดทั้งสองจะพยายามไม่ให้เธอ
เห็นหน้า เพราะคนในบ้านบอกว่าสายฝน
เอาจริง ถือว่าทั้งสองไม่ใช่คนในบ้านนี้แล้ว ถ้าพบว่าหยิบฉวยข้าวของในบ้านจะถือ
ว่าเป็นขโมย แต่ก็ไม่วายพ่นพิษ
เที่ยวเอาสายฝนไปโพนทะนาให้เสียชื่อนอกบ้าน เพื่อนบ้านพากันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นหน้า และ
รู้จักสายฝนในนามแม่บ้านคนใหม่ จึงพากันวาดภาพสายฝนไปต่าง ๆ นานาตามคํา
บอกเล่าของพริกกับต้อม
‚คุณดามีอะไรจะใช้พวกเราหรือคะ‛ ต้อมถาม
‚มัวไปอยู่ที่ไหนมา ปล่อยให้ฉันตะโกนจนเสียงแห้ง ‛ พนิดาต่อว่าทันที
‚คุณดาอย่าโกรธสิคะ พวกเราไปปล่อยข่าวให้ร้ายนังฝนค่ะ ทําให้คนแถวนี้
เขาเชื่อสนิท
ว่าบ้านนี้รับผู้หญิงอย่างว่ามาเป็นแม่บ้าน‛ พริกรีบเอาความดีความชอบ
‚ช่างเถอะ เรื่องนี้เอาไว้ก่อน ฉันมีเรื่องจะให้พวกแกทํา พวกแกมีคนรู้จักที่
พอจะมารับสมอ้างเป็นลุงกับป้าของฉัน
บ้างมั้ย เอาที่มันฉลาด ๆ หน่อย อย่าให้มันเซ่อซ่าเหมือนบ้านนอกเข้ากรุงล่ะ ‛
พนิดาพูดเสียงดุ สองคนจ้องหน้า
กันอย่างสงสัย ไม่รู้ว่าพนิดามีแผนอะไร
‚คุณดาจะหามาทําไมคะ‛ ต้อมถาม
‚ฉันจะเอามาเป็นพยานเพื่อเอาตัวข้าวโอ๊ตไปอยู่กับฉันน่ะสิ ‛
ทั้งสองยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่ พนิดาเกลียดเด็กจะตายไป จะเอาเด็กไปเป็น
ภาระทําไม และหนีไม่พ้นที่ทั้งคู่ต้องดูแล
‚จะเอาคุณข้าวโอ๊ตไปให้เป็นภาระคุณดาทําไมคะ ให้อยู่บ้านนี้น่ะดีแล้ว ‛
พริกรีบแย้ง
‚ปัญญาพวกแกก็มีแค่นี้ ถึงได้ถูกนังฝนเล่นงานเอา จะบอกให้เอาบุญ ข้าว
โอ๊ตน่ะตัวเงินตัวทองเชียวละ
มรดกของพี่เขยฉันมีไม่น้อย แล้วใครล่ะที่ควรจะได้ เวลานี้คุณเมธไม่อยู่ ฉันจะใช้
สิทธิ์ความเป็นญาติเอาตัวไป
ต่อให้คุณเมธกลับมาก็ทําอะไรไม่ได้ พวกแกคิดดู คุณเมธน่ะรักข้าวโอ๊ตมากแค่
ไหน ถ้าฉันได้ตัวมา บีบให้ทํา
อะไรก็ต้องยอม แม้กระทั่งจดทะเบียนกับฉัน ทีนี้แหละพวกแกจะได้สบายไปตลอด
ชาติ ที่ผ่านมาฉันมัว
แต่เสียเวลาเล่นบทแม่พระให้คุณเมธเห็น แต่นึกไม่ถึงว่าจะไม่มีตา ฉันเลยต้องใช้วิธี
นี้ คราวนี้เข้าใจหรือยัง
ถ้าเข้าใจก็บอกมา พอจะหาคนให้ฉันได้หรือไม่ จําไว้ว่าฉันต้องการด่วน ยิ่งเร็วยิ่งดี
ต้องก่อนคุณเมธกลับมา ส่วนฉัน
จะไปหาเพื่อนผู้ชายสักสองสามคนมาอ้างเป็นญาติเอาไว้แกล้งนังฝนในเวลา
เดียวกัน จะได้ไม่ฤทธิ์มากนัก ‛
พนิดาบอกแผน ทั้งคู่ยิ้มออก แต่กลัวเหมือนกัน เพราะถ้าถูกจับได้คงไม่พ้น
ตาราง ไม่อยากเสี่ยงกับวรเมธ
‚คุณดาคะ ถ้าคุณเมธกลับมารู้เข้า พวกเราก็แย่นะสิ คุกนะ คุณดา หลอกลวง
ลักพาเด็กน่ะ‛ พริกเตือน
‚คุณดาหาแผนอื่นดีกว่านะคะ พวกเรายังไม่อยากเสี่ยงกับตะราง‛ ต้อมช่วย
เสริมอีกแรง
‚เพิ่งรู้ว่าพวกแกขี้ขลาด คุกที่ไหน ก็ฉันเป็นน้าของเด็ก ฉันเอาตัวเด็กไป
ตํารวจจะมาจับข้อหาอะไรมิทราบ‛
พนิดาย้อนให้ สองคนจึงเข้าใจ
‚จริงสิ ลืมไป เรื่องคนไม่ต้องห่วงค่ะ พริกรู้จักอยู่คู่หนึ่งค่ะ อยู่ข้างบ้านเองพริก
เป็นนักต้มตุ๋น รับรองคุณดา
ไม่ผิดหวัง แต่...เออ...‛ พริกอึกอัดที่จะพูด
‚แกไม่ต้องมาทําเป็นเหนียมหรอก อยากได้เงินค่าเหนื่อยใช่มั้ย เอ้า ! นี่ ฉันให้
แกพันหนึ่ง เป็นค่ารถไปพาตัว
สองคนนั้นมา ให้ไปพบฉันที่บ้านเช่า อย่าพามาที่นี่ แล้วฉันจะซักซ้อมกับสองคน
นั้นเอง ต้องรีบทําก่อนคุณเมธ
กลับมา แกรีบไปเดี๋ยวนี้เลย ส่วนแก นังต้อม คอยเฝ้าดูนังฝนให้ดี อย่าให้คลาด
สายตา‛
ทั้งคู่ก็รีบแยกย้ายไปทําตามที่สั่งพนิดามองตามด้วยดวงตาวาววับ
‘อีกไม่นาน...นังฝน...แกจะได้รู้ว่าไม่ควรมาลองดีกับฉัน คุณเมธ...คุณจะต้อง
ยอมรับฉันทั้งที่ไม่อยากแตะ
ผู้ชายงี่เง่า ฉันไม่ดีตรงไหนถึงได้ทําเป็นรังเกียจ ทีกับนังฝนแทบจะกระโจนเข้าหา
นังนี่มันมีดีอะไร ใคร ๆ ถึง
พากันหลงมันนัก ไม่ว่าเด็กว่าผู้ใหญ่ ’
พนิดายิ่งคิดยิ่งแค้น อยากให้แผนพาตัวข้าวโอ๊ตไปสําเร็จเร็ว ๆ เธอจะได้
สมหวังเสียที ได้ทั้งชายที่หมายปอง
กับสมบัติ และยังกําจัดสายฝนให้พ้นทางได้อีกด้วย
ตอนที่ 17

ศุภานันกลับเข้าบ้านตอนเช้าก็พบมารดายืนดักรออยู่

‚นัน ตามแม่ไปที่ห้อง แม่มีอะไรจะพูดกับนัน ‛ บงกชกล่าวเสียงเรียบ และเมื่อ


เห็นเสื้อผ้าของศุภานันยับยู่ยี่

ก็พอจะรู้ว่าไปทําอะไรมา ศุภานันเดินตามมารดาเข้าไปในห้องอย่างไม่สนใจ นัก

‚คุณแม่มีอะไรกับนันหรือคะ‛ ศุภานันถามทันที

‚มีแน่ พักหลังนี้นันตกเป็นข่าวซุบซิบให้คนเขาเมาท์เล่นจนแม่อาย แม่ขอสั่ง


ห้ามเรื่องเที่ยวกับเรื่องผู้ชาย

ถ้านันยังไม่เชื่อฟังแม่ ไม่ช้าคุณพ่อต้องรู้ แม่ไม่คิดจะช่วยปิดอีกต่อไปแล้ว แม่เคย


สอนนันแล้วใช่มั้ยว่าเป็นผู้หญิงอย่า

ทําตัวง่ายกับผู้ชาย ทําไมไม่ฟังแม่ ‛ บงกชบ่นอย่างเจ็บใจ ศุภานันยักไหล่ ถ้ามารดา


คิดจะสอนจริงคงสอนตั้งแต่

เด็กแล้ว ที่ผ่านมาไม่เคยสอน ไม่เคยห้าม แม้เธอจะทําอะไรผิด มีแต่โทษคนอื่นว่า


ผิด ไม่ใช่ลูกตัวเองผิด สมัยเป็น

วัยรุ่นเคยพาเพื่อนชายมาคุยกันตามลําพังในห้องสองต่อสองก็ไม่เคยห้าม บอกว่าดี
แล้วที่พามาบ้าน อยู่ในสายตา

ของผู้ใหญ่จะได้ไม่เสียหาย เมื่อก่อนไม่เคยห้าม แล้วจะมาห้ามอะไรตอนนี้


‚คุณแม่ไม่ต้องห่วงค่ะ นันฉลาดพอที่จะรู้ว่าขอบเขตของนันมีแค่ไหน รับรอง
ไม่ให้เสียชื่อ พวกที่เมาท์เรื่องนัน

คงอิจฉานันที่คว้าหัวใจนักธุรกิจลูกครึ่งอย่างโดมินิกได้ต่างหาก คุณแม่สบายใจได้
ค่ะ โดมินิกเป็นคนมี

ความรับผิดชอบค่ะ รู้มั้ยคะว่าเขารบเร้านันให้พามาแนะนําให้คุณพ่อคุณแม่รู้จัก
แต่นันห้ามเองค่ะ นันไม่คิด

จะผูกมัดตัวเองเร็วเกินไป‛ ศุภานันพูดด้วยความถือดี คิดว่าตัวเองแน่ บงกชไม่


อยากเชื่อว่าจะได้ยินคําพูดนี้ออก

จากปากลูกสาว ‘นี่ฉันเลี้ยงลูกผิดมาตั้งแต่ต้นสินะ เจ็บใจนัก ทําไมไม่เป็นเหมือนนัง


ฝนนังรุ้ง เด็กสองคนนั้นไม่เคย

ประพฤติตนให้เสื่อมเสีย มีแต่ลูกเราที่ทําตัวเหลวแหลก’ บงกชอดสูใจยิ่งนัก ทั้งที่


เธอแช่งเด็กสาวสองคนนี้ตลอดเวลา แต่ดูเหมือน

ยิ่งแช่งยิ่งได้ดี ขณะที่ลูกของตัวเองกลับเลวลง ๆ

‚นันเชื่อเขางั้นสิ ตามใจ ถ้านันจะเชื่อลมปากผู้ชายเจ้าชู้มากกว่าคําเตือนของ


แม่ ต่อไปนี้แม่จะไม่ยุ่งเรื่อง

ของนันอีกต่อไปแล้ว ปล่อยให้คุณพ่อมาเตือนเอง อย่าพลาดให้ป่องออกมาก็แล้ว


กัน‛ เมื่อทําอะไรไม่ได้ก็เปลี่ยนเป็น

ประชดแทน
‚คุณแม่เคยเห็นนันพลาดหรือคะ ระดับนี้แล้วไม่มีวันพลาดหรอกค่ะ นันไม่ได้
ไร้เดียงสานะคะคุณแม่

จะได้ถูกผู้ชายหลอกได้‛ ศุภานันพูดอย่างมั่นใจ

‚แล้วแม่จะคอยดู แต่แม่ขออย่างหนึ่งนะ ช่วงนี้ทําตัวเป็นเด็กดีหน่อย ถ้าไม่


อยากให้คุณพ่อรู้เข้า‛

‚ได้ค่ะคุณแม่ รับรองคุณพ่อได้เห็นนันเป็นเด็กดีแน่ อีกสองสามวันนันจะไป


สถานเลี้ยงเด็กกําพร้าออกข่าว

สร้างภาพเพื่อกลบข่าวซุบซิบดีมั้ยคะแม่‛ ศุภานันน่ารักตรงที่ไม่ค่อยขัดมารดาสัก
เท่าไร บงกชจึงคลาย

อารมณ์ไม่พอใจลงได้มาก เธอนึกชมบุตรสาวที่เข้าใจหาวิธีกลบข่าวทําให้ภาพพจน์
ตัวเองดีขึ้นในสายตา

ของคนทั่วไป

‚ดี ถ้าอย่างนั้นแม่ไปด้วย จะได้ช่วยอีกแรง คุณพ่อเห็นข่าวเข้าจะได้ปลื้มนัน


ถ้าจะให้ดีช่วยเพลา ๆ การ

เที่ยวกับนายโดมินิกลงเสียบ้าง คุณพ่อไม่ค่อยชอบผู้ชายคนนี้เท่าไหร่ ‛ บงกชอด


เตือนไม่ได้

‚ไม่ต้องห่วงค่ะแม่ ถึงแม่ไม่บอกนันก็ไม่ไปพบเขาแล้วละค่ะ เขาจะได้รู้เสียที


ว่านันไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาคิด
ควงเล่นไปวัน ๆ‛ ศุภานันแกล้งพูดให้มารดาสบายใจเท่านั้นเอง และก็ได้ผล บงกช
ยิ้มออก

‚ดีแล้วลูก นันของแม่มีค่า ใครจะมาทําเล่น ๆ กับนันไม่ได้ ‛ บงกชคล้อยตาม


บุตรสาว ศุภานันแอบยิ้มในใจที่

หลอกมารดาสําเร็จ จริง ๆ แล้วเธอไม่คิดจะปล่อยโดมินิกต่างหาก เพียงแต่ตอนนี้


เธอกําลังงอนที่เขาทําเป็นไม่สนใจ

เธอเท่านั้นเอง

เช้าวันนี้อากาสดี สายฝนจึงชวนข้าวโอ๊ตกับเปรี้ยวและป้าบุญไปเดินเล่นใน
สนาม และถือโอกาสเดินไปสวนสาธารณะ

ที่อยู่ไม่ไกลจากตัวบ้านนักด้วย ข้าวโอ๊ตชอบเดินเล่น ทุกครั้งที่ได้วิ่งเล่นนอกบ้าน


เด็กชายจะดีใจและมีความสุขมาก แต่สําหรับ

สายฝน เธอกลับรู้สึกว่าผู้คนที่เดินผ่านไปมามองเธอแปลก ๆ บ้างก็หยุดซุบซิบกัน


และมองมาที่เธออย่างพิจารณา เกิดอะไรขึ้น เธอไม่รู้จักคนพวกนี้ แล้วทําไมถึง
ทําท่าเหมือนรังเกียจเธอนัก คิดอยากถามเปรี้ยว แต่ก็คิดว่าไม่สมควร ‘ช่างเถอะ
คนพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรา ไม่ควรเอามารกสมอง เกิดเป็นคนไม่เคยมีใครรอด
พ้นจากการนินทาว่าร้าย แล้วจะเอาชีวิตเราไปแขวนบนปลายลิ้นของคนอื่นทําไม ’
หญิงสาวคิดพลางพยายามไม่สนใจ แต่ใช่ว่าเธอจะรู้สึกอยู่คนเดียว แม้แต่ป้าบุญก็
รู้สึก และรู้ด้วยว่าเป็นฝีมือใคร
‚คุณฝนคะ อย่าหาว่าป้าบังอาจเตือนเลยนะคะ คุณฝนทําคุณดารุนแรง
เกินไป ป้ากลัวคุณฝนจะเดือนร้อน

คุณดาน่ะร้ายมาก อย่างวันนี้คุณฝนเห็นผู้คนที่เดินผ่านไปมามองคุณฝนแปลก ๆ
มั้ยคะ นั่นแหละค่ะฝีมือคุณดา

ป้ายังไม่รู้ว่าคุณฝนจะเจออะไรอีก ยิ่งคุณดาเงียบก็ยิ่งร้าย ป้าอยากให้คุณฝนระวัง


ตัวไว้ให้มาก‛

ป้าบุญเตือนด้วยความเป็นห่วง สายฝนยิ้ม

‚ขอบคุณที่เตือนค่ะป้า แต่ที่ฝนทําแบบนั้นก็เพื่อให้สองคนนั้นรู้ว่าอะไรควรไม่
ควร รู้จักหน้าที่ของตัวเอง

ฝนคิดว่าไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่นัก กินเงินเดือนคุณเมธแต่กลับไปรับใช้อีกคน ไม่


คิดจะทําประโยชน์ให้นายจ้าง

ถ้าปล่อยไว้จะมีคนเอาเป็นเยี่ยงอย่างค่ะ ‛ สายฝนไม่ได้พูดพาดพิงถึงพนิดา แต่พูด


ถึงความถูกต้องมากกว่า

ป้าบุญยิ้ม นึกชื่นชมเด็กสาวผู้นี้ ‘ต้องอย่างนี้สิ ถึงจะเหมาะกับคุณเมธ’

‚จริงของคุณฝนค่ะ แต่ป้ายังไม่ไว้ใจคุณดานัก เช้านี้ออกไปแต่เช้า กลัวว่าจะ


ไปคิดทําอะไรร้าย ๆ อีก‛

ป้าบุญยังคงกังวลกับพนิดา สายฝนแปลกใจ ป้าบุญรู้อะไรเกี่ยวกับพนิดาหรือ

‚ป้า อย่าหาว่าฝนละลาบละล้วงเลยนะคะ คือฝนอยากรู้ว่าทําไมคุณเมธถึง


ไม่ให้คุณดาออกไปจากบ้านเสียที
ทั้งที่รู้ว่าไม่ได้รักหลาน‛ สายฝนอยากบอกว่าเกลียดหลานมากกว่า แต่ไม่เหมาะที่
จะพูด

‚ไว้คุณฝนถามคุณเมธเองดีกว่าค่ะ ป้าเป็นคนนอก พูดไปก็ไม่เหมือนเจ้าตัว


บอกหรอกค่ะ‛ ป้าบุญไม่ยอมบอกอยู่ดี

‚ไว้ฝนจะถามคุณเมธเอง นี่ก็สายมากแล้ว เรากลับกันดีกว่าค่ะป้า ‛ สายฝน


ชวนกลับบ้านเพราะไม่อยากให้ข้าวโอ๊ต

ต้องตากแดดนาน ยิ่งสายแดดก็ยิ่งร้อน ดีไม่ดีอาจไม่สบายได้ เธอเดินเข้าไปใกล้ร่าง


กลมป้อมของเด็กน้อย

แล้วย่อตัวลงนั่งยอง ๆ กวักมือเรียกให้มาหา

‚ข้าวโอ๊ตจ๋า แดดเริ่มร้อนแล้ว กลับบ้านดีกว่านะคนเก่งของฝนจ๋า ‛

พอได้ยินเสียงหวาน ๆ ของสายฝนข้าวโอ๊ตก็รีบโผเข้าหาพลางยิ้มจนตาหยี
และหอมแก้มเนียนใสของสายฝนแล้วพูดว่า

‚หอม...หอม...ฝนจ๋า กับ ๆ‛

พอสายฝนได้ยินคําพูดไร้เดียงสาที่เอ่ยออกมาก็รู้สึกว่าแก้มร้อนผ่าว นึกฉุนอา
ของข้าวโอ๊ตที่ทําให้เด็กเลียนแบบคําพูดกับท่าทางได้

‘คนร้ายกาจ ตัวอยู่ไกลยังทําให้เรารู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ได้ ’ เธอต่อว่าเขาในใจ

‚จ้ะ หอม ไหนฝนจ๋าขอหอมแก้มข้าวโอ๊ตหน่อยสิว่าหอมหรือเปล่า ‛ พูดจบ


สายฝนก็ฟัดพวงแก้มยุ้ยนั้นอย่าง
มันเขี้ยว ก่อนจะพาเด็กชายเดินกลับบ้าน ขณะที่กําลังจะถึงบ้านเด็กหน่อยก็วิ่งหน้า
ตื่นมาบอกว่า

‚พี่ฝน...พี่ฝน...แย่แล้วค่ะ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ค...คุณดา‛ เด็กหน่อยพูดเสียง


สั่นด้วยความตระหนก

‚มัวแต่ตกใจอยู่นั่นแหละ บอกมาเร็ว คุณดาทําไม‛ ป้าบุญว่าเข้าให้

‚คือ...คือ...ว่า...เอ่อ...‛ คราวนี้เด็กหน่อยลังเล ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี

‚หน่อย บอกมาเลย ไม่มีใครกัด ไม่ต้องอ้ํา ๆ อึ้ง ๆ‛ เปรี้ยวทนไม่ไหวว่าเข้าให้


อีกคน

‚หน่อยใจเย็น ๆ ค่อย ๆ พูด ค่อย ๆ เล่าให้พี่ฝนฟังนะ‛ สายฝนพูดด้วย


น้ําเสียงปลอบประโลม ท่าทางเด็กหน่อย

กลัว ๆ อย่างไรชอบกล สักพักก็ตัดสินใจรวบรวมความกล้าแล้วเล่าให้ฟัง

‚คุณดาพาใครมาก็ไม่รู้ ผู้ชายตัวใหญ่กับคนแก่อีกสองคน บอกว่าเป็นญาติ


อยากมาเยี่ยมคุณข้าวโอ๊ต

ญาติคุณดามาถึงก็หยิบจับข้าวของในบ้านอย่างไม่เกรงใจ ผู้ชายคนนั้นท่าทาง
เหมือนนักเลงมากกว่าจะเป็น

ญาติค่ะ พี่ฝน คุณดาสั่งให้คนในบ้านเอาน้ํามารับรอง และดูแลอย่างดี แล้วก็บอก


ให้หน่อยรีบมาพาตัวคุณข้าวโอ๊ต

ไปให้คุณลุงกับคุณป้าดูค่ะ‛ พูดจบเด็กหน่อยก็ถอนใจอย่างโล่งอก สายฝนไม่เข้าใจ


ว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่ดี ๆ
ข้าวโอ๊ตก็มีญาติเพิ่ม เธอจึงหันไปถามป้าบุญ

‚ป้าเองก็เพิ่งรู้ค่ะ ไม่มีใครเคยบอก‛

‚ถ้าไม่รู้เราก็ไปดูให้เห็นกับตาดีกว่า ก่อนที่พวกนั้นจะทําอะไรกับบ้าน‛ สาย


ฝนรีบเร่งฝีเท้า

‚อย่าไปเลยค่ะ พี่ฝน หน่อยกลัวว่าจะมีอันตราย ผู้ชายที่เป็นญาติของคุณดา


ดูน่ากลัวชอบกล‛ หน่อยรีบห้าม

‚ไม่เป็นไรหรอก หน่อย บ้านเราเอง คนในบ้านก็ออกเยอะแยะ ให้มันรู้ไปว่า


ใครจะมาทําอะไรเราได้‛

สายฝนไม่กลัว รีบเดินเข้าบ้านทันที ท่ามกลางความหวาดหวั่นของป้าบุญ เปรี้ยว


และเด็กหน่อย

‚คุณดาขา นึกไม่ถึงว่าบ้านนี้จะใหญ่โตขนาดนี้ ข้าวของแต่ละชิ้นก็สวย ดูแพ้ง


แพง ป้าขอได้มั้ยคะ‛ หญิงวัยเดียวกับ

ป้าบุญพูดด้วยความละโมบ เพราะเกิดมาในชีวิตไม่เคยเข้าบ้านเศรษฐี

‚เอาอีกแล้ว ยายดวง โลภอีกแล้ว อย่าลืมสิ คุณดาจ้างเรามาทําอะไร‛ ชาย


วัยเดียวกันรีบห้ามเมื่อเห็นสายตา

ละโมบของภรรยา ทั้งคู่เป็นนักต้มตุ๋นก็ว่าได้ วันนี้อุตส่าห์แต่งตัวดูภูมิฐานบอก


ความเป็นผู้มีอันจะกิน แต่นิสัยโลภยังปิดไม่มิด

พนิดามองอย่างดูถูก
‚อยากได้ก็รอให้งานเสร็จก่อน ฉันจะยกให้หมดเลย ตอนนังนั่นมาอย่าเผลอ
ให้จับได้ล่ะ‛ พนิดากําชับ

‚รับรองได้ คุณดาไม่ต้องห่วง เชื่อใจพวกเราได้ ‛ ลุงรับจ้างยืนยัน

‚ดา ไหนล่ะ แม่สาวแสบที่อยากให้พวกเราจัดการ‛ ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่


แต่งตัวเหมือนพวกทํางานออฟฟิศ

ถามขึ้น

‚ใจเย็น ๆ เดี๋ยวได้เจอแน่ แกอย่าทําให้แผนแตกล่ะ จําไว้ว่าฉันจ้างแกมาใน


ฐานะลูกพี่ลูกน้องของฉัน‛

พนิดาย้ํา กลัวผู้เป็นเพื่อนหลงความสวยของสายฝนจนลืมตัว

‚ไม่ต้องห่วง เธอใจป้้าอย่างนี้ รับรองไม่มีพลาด‛ ญาติปลอมพูดให้เธอมั่นใจ


แต่ส่งสายตาเจ้าชู้ไปที่ต้อม

และจับมือต้อมไว้ขณะยื่นแก้วน้ําให้ ต้อมทําท่าเขินพลางปรายตามองตอบ แต่ไม่มี


ทีท่าว่าจะดึงมือกลับ

‚น้องสาวมือนุ้มนุ่ม ชื่ออะไรจ๊ะ ‛ ถามเหมือนหมาหยอกไก่

‚ต้อม ไปได้แล้ว ไปดูซิว่านังฝนมันมาหรือยัง ‛ พนิดารีบไล่ต้อมเพราะกลัวทํา


เสียแผน

‚ดา เธอไม่น่ามาขัดจังหวะเลย เด็กมันยั่วออก‛


‚ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ขวางแน่ รอให้แผนสําเร็จก่อน‛ พนิดารู้สึกพอใจที่คนใน
บ้านไม่กล้ามายุ่งกับเธอ แค่รอสายฝนกลับมาพร้อมข้าวโอ๊ตเท่านั้น

พอต้อมเดินพ้นห้องรับแขกออกมาก็ถูกลุงเหวียงและแม่ครัวแหวนกับเด็กใน
บ้านอีกสองคนขวางไว้

‚นังต้อม แกบอกมานะ คุณดาพาพวกนั้นมาทําไม มาถึงก็เที่ยวหยิบจับข้าว


ของในบ้าน ข้าไม่เชื่อว่าจะเป็น

ญาติคุณดา คุณผู้หญิงไม่เคยพูดถึงญาติให้ได้ยิน แกบอกมานะว่ามีแผนอะไรกัน ‛


แม่ครัวแหวนคาดคั้น

‚อยากรู้ทําไมไม่ไปถามคุณดาเองล่ะ มาถามอะไรฉัน หลีกไปนะ ฉันจะรีบ


ไป‛

ต้อมผลักร่างท้วมของแม่ครัวแหวนออก แต่เจอกับลุงเหวียงและเด็กหนุ่มอายุราว ๆ
สิบห้า หลานชายของแกขวางไว้

‚ต้อม บอกมาดี ๆ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือนนะ‛ ลุงเหวียงผู้สงบมา


ตลอดตอนนี้สงบไม่ไหวแล้ว

‚ลุงเหวียงกล้าหรือ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าลุงจะกล้าทําอะไรฉัน ‛ ต้อม


จ้องหน้าลุงเหวียงอย่างไม่

กลัวเกรง ลุงเหวียงเงื้อมือขึ้นทําท่าจะตบสักฉาดแต่ยั้งไว้ แกไม่เคยทําร้ายผู้หญิง

‚โธ่ ! คิดว่าจะแน่ ที่แท้ก็ไม่กล้า‛ เสียงพริกแทรกเข้ามาก่อนจะพาตัวมาให้


เห็น
‚นังพริก อย่าท้าข้านะ อย่าคิดว่าเป็นผู้หญิงแล้วข้าจะไม่กล้า ‛ ลุงเหวียงระงับ
อารมณ์ไม่ค่อยอยู่แล้ว

แกอยู่บ้านนี้มานาน ถือเป็นคนเก่าแก่ของที่นี่ก็ว่าได้ ตอนเห็นพนิดาพาคนมา


มากมายและทําตัว

เป็นเจ้าของบ้าน แกกับคนในบ้านก็ไม่พอใจอยู่แล้ว แต่ที่ไม่กล้าเข้าไปยุ่งก็เพราะยัง


ถือว่าพนิดาเป็นน้องสาวของสุดามารดาของข้าวโอ๊

‚แน่จริงลุงก็ทําสิ จะได้รู้ว่าผู้ใหญ่รังแกเด็ก ‛ พริกท้า แม่ครัวแหวนทนไม่ไหว

‚ลุงไม่ต้อง ฉันเอง อย่างแกต้องข้า นังพริก ข้าทนมานานแล้ว ‛ แม่ครัวแหวน


ปราดเข้าไปหมายจะตบสั่งสอนพริก

ต้อมจึงรีบเข้าช่วย ขณะที่เด็กสาวอีกสองคนรีบเข้าช่วยแม่ครัวแหวน ลุงเหวียงกับ


หลานชายยืนดูเฉย ไม่อยากเข้าไปยุ่ง

เรื่องของผู้หญิง วุ่นวายกันอยู่พักหนึ่ง สายฝน ป้าบุญ เปรี้ยว เด็กหน่อย ก็เดินเข้า


บ้านมาพอดี

‚หยุดนะ ! บ้านนี้ไม่ใช่ตลาดสด จะได้ตบตีกันเหมือนแม่ค้า ถ้ายังไม่หยุด ฉัน


จะโทรเรียกตํารวจมา

จับไปโรงพักให้หมด‛ สายฝนห้ามน้ําเสียงเฉียบขาด ทุกคนจึงหยุดชะงัก

‚สองคนนี้อีกแล้ว ถูกไล่ออกจากบ้านนี้แล้วไม่ใช่หรือ ยังอยู่อีก ฉันนับหนึ่งถึง


สาม ถ้าไม่รีบไป ฉันจะแจ้ง

จับข้อหาบุกรุก‛ สายฝนขู่พริกกับต้อม แต่ทั้งคู่ยังยืนเฉย


‚ใครให้สิทธิ์แกมิทราบ นังฝน สองคนนี้เป็นคนของฉัน ฉันให้อยู่ก็ต้องอยู่ ‛
พนิดาเดินออกมาพร้อมคนที่

เธอจ้างมาเมื่อได้ยินเสียงวุ่นวายดังเข้าไปถึงห้องรับแขก เพื่อนชายของพนิดาจ้อง
มองสายฝนตาเป็นมัน

‚เสียใจค่ะ คุณดาไม่มีสิทธิ์ คุณเองก็เป็นแค่คนอาศัยเหมือนกัน คุณเมธมอบ


อํานาจสิทธิ์ขาดในบ้านนี้ให้

ดิฉัน เพราะฉะนั้นดิฉันมีสิทธิ์ไล่ใครออกจากบ้านก็ได้ ‛ สายฝนเสียงแข็งเช่นกัน


พนิดาแม้จะโกรธแต่เพียรระงับ

ไว้ วันนี้เป้าหมายของเธอคือข้าวโอ๊ต เธอจ้องมองหลานชายสักพักก็ขยิบตาให้นัก


ต้มตุ๋นสามีภรรยารีบแสดงตาม

บท สองคนนี้พอเห็นข้าวโอ๊ตก็รีบรี่เข้าหาทันที

‚นี่หรือ ข้าวโอ๊ต มามะ...มาหาป้ามา ขอลุงกับป้าอุ้มหน่อย‛ ป้ารับจ้างทําท่า


ตื่นเต้น แต่ข้าวโอ๊ตจับมือ

เปรี้ยวแน่นไม่ยอมไปหา ส่งเสียงพลางทําท่าไล่ ‚ไป ๆ‛ พนิดาได้ยินแล้วฉุนจัด

‚คุณลุงคุณป้าดูเอาเองเถอะค่ะ คุณเมธปล่อยให้คนอื่นมาเลี้ยงหลานดาจน
เด็กติดนิสัยก้าวร้าว แบบนี้จะ

ให้ดาวางใจปล่อยแกอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ ยิ่งตอนนี้คุณเมธกําลังหลงแม่บ้านคนใหม่
ด้วย อีกหน่อยหลานชาย

ดาคงแย่แน่ ๆ‛ พนิดาแกล้งทําเสียงน่าสงสารฟ้องลุงกับป้ารับจ้าง
‚จริงหรือนี่ ถ้าอย่างนั้นลุงคิดว่า เราต้องรีบพาตัวข้าวโอ๊ตไปอยู่กับเรา บ้านลุง
กับป้าที่ต่างจังหวัดก็ออก

ใหญ่โต เลี้ยงหลานเพิ่มอีกคนได้สบาย พี่สาวเราจะได้ตายตาหลับ เราเองก็


เหมือนกัน เป็นน้าเสียเปล่า ปล่อยให้

หลานมาอยู่ในความดูแลของคนอื่นได้ยังไงกัน ลุงขอตําหนิ พาตัวไปวันนี้เลย ‛ ลุง


รับจ้างแสดงได้สมบทบาท

‚คือ...ดาขอโทษค่ะคุณลุง ดาเองก็นึกไม่ถึงว่าคุณเมธจะเปลี่ยนไปได้อย่างนี้
ตอนแรกก็ดูรักหลานดี พอรับ

แม่บ้านคนใหม่เข้ามาก็เปลี่ยนไป ทอดทิ้งข้าวโอ๊ต ถ้าวิญญาณพี่สุดารู้ ดาไม่รู้จะขอ


โทษพี่สาวคนเดียวของดา

ได้อย่างไร หลานชายคนเดียวก็ไม่สามารถดูแลได้ ดาเสียใจค่ะ ถ้าคุณลุงคุณป้าจะ


กรุณา ดาขอพาตัวแก

ไปเลี้ยงดูที่บ้านคุณลุงคุณป้าสักพัก ก่อนดาจะหาที่อยู่ถาวรได้ค่ะ ‛ พนิดาแกล้งทํา


น้ําเสียงสํานึกผิด

‚เอาละ ๆ ป้าเข้าใจแล้ว บ้านลุงกับป้าก็ใช่ว่าจะเล็ก จะอยู่นานแค่ไหนก็ได้ ไป


กันเสียวันนี้เลย‛ ป้ารับจ้าง

รีบสนับสนุน ระหว่างที่ทุกคนกําลังสนใจเหตุการณ์อยู่นั้น สายฝนก็หันไปกระซิบ


บางอย่างกับป้าบุญก่อนจะเลี่ยงไปโทรหา

วรเมธ สักพักวรเมธก็รับสาย
‚ว่าไง คุณฝน เกิดอะไรขึ้น‛ วรเมธพูดกับเธอเสียงเรียบ ไม่มีทีท่าว่าจะเล่น
เพราะอยู่ต่อหน้าคนอื่น

‚คุณรีบส่งคนมาช่วยฝนหน่อยได้มั้ยคะ คุณดาพาลุงกับป้ามา จะพาตัวข้าว


โอ๊ตไป‛ สายฝนรีบบอก

‚ว่าไงนะ ! กล้ามาก คุณพยายามถ่วงเวลารอให้ตัวช่วยไปถึง รับรองไม่เกิน


ครึ่งชั่วโมงถึงแน่‛ วรเมธ

เผลออุทานออกมา สายฝนจึงรีบไปขวางพนิดาไว้ พอไปถึงก็เห็นป้าบุญกําลังปะทะ


กับพนิดาและป้าของเธอ

‚คุณดาไม่มีสิทธิ์จะพาตัวคุณข้าวโอ๊ตไป ไม่เคยเห็นคุณสุดาพูดถึงญาติที่ไหน
ด้วย‛ ป้าบุญห้ามเสียงเด็ดขาด

‚เป็นแค่ขี้ข้า มีสิทธิ์อะไรมาห้าม แม่ดาไม่ต้องไปฟัง พาตัวข้าวโอ๊ตไปเดี๋ยวนี้ ‛


ป้ารับจ้างสั่ง

‚หยุดนะ ! ใครจะพาตัวข้าวโอ๊ตไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น นอกจากคุณวรเมธจะสั่ง ‛


สายฝนห้ามเสียงเด็ดขาด

และมีผลให้เพื่อนชายของพนิดาเดินเข้าไปหาเธอ จ้องมองเธอด้วยสายตาหยาบ
โลน

‚นี่คนสวย เป็นคนนอกอย่าแส่เรื่องของญาติพี่น้องดีกว่า ปล่อยให้พวกเราพา


ตัวหลานข้าวโอ๊ตไปดีกว่า
ถ้าไม่อยากเจ็บตัว หน้าตาสวย ๆ อย่างนี้ ไม่อยากทําอะไรรุนแรง พี่ไม่อยากให้
น้องสาวเจ็บตัวนะจ๊ะ‛

เพื่อนชายของพนิดาขู่พลางส่งสายตากรุ้มกริ่มและยื่นมือจะไปจับแก้มสายฝน สาย
ฝนรีบปัดออก จ้องมองด้วย

สายตาไม่พอใจ

‚ตราบใดที่ฉันยังอยู่ ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์จะเอาตัวข้าวโอ๊ตไป แขกไม่ได้รับ


เชิญ ฉันถือว่าบุกรุกเข้ามาในบ้าน

คนอื่น มีความผิด ฉันเชื่อว่าข้าวโอ๊ตไม่มีญาติเป็นนักเลงโตแน่ ถ้ายังไม่ไปอีก ฉัน


จะแจ้งตํารวจข้อหาบุกรุก ‛

ไม่น่าเชื่อว่าสายฝนไม่กลัวแม้สักนิด

‚พี่พลเห็นหรือยังคะว่าแม่นี่ร้ายแค่ไหน พี่พลสั่งสอนหน่อยเถอะ จะได้รู้ว่า


อะไรควรไม่ควร‛ พนิดายุ

‚ได้เลย ดา วันนี้พี่จะสอนคุณแม่บ้านคนสวยนี่เอง จําไว้นะ ทางที่ดีส่ง


หลานชายพวกเราคืนให้เราดีกว่า

ถ้าไม่อยากเจ็บตัว ส่วนเธอคนสวย มานี่ พี่จะสอนให้หลาบจํา ‛ พี่ชายรับจ้างของ


พนิดายื่นมือไปจะดึงตัว

สายฝนมากอดและรังแกเล่นท่ามกลางผู้คนในบ้าน แต่ลุงเหวียงและหลานชายรีบ
เข้ามาขวางไว้ก่อน
‚หยุดนะไอ้นักเลงโต คิดจะทําอะไรคุณฝน อย่าหาว่าไอ้แก่นี่ไม่เตือน‛ ลุงเหวี
ยงท้าอย่างไม่กลัวเกรง

ขณะที่สายฝนเริ่มหวาดกลัว แต่ยังไม่แสดงให้รู้ว่ากลัว

‚ลุงเหวียงถอยไป ไม่ต้องกลัว พวกนี้ไม่กล้าทําอะไรเราหรอก คุณดา ถ้าคุณ


ไม่พาญาติของคุณออกไปจากบ้านนี้

อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ เปรี้ยว โทรแจ้ง 191‛ สายฝนทําใจดีสู้เสือ พนิดายิ้มเดิน


เข้ามาหา

‚คิดเรียกตํารวจหรือ ไม่ต้องหรอก โน่น มาโน่นแล้ว ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอต้อง


ขวาง ฉันเลยเรียกตํารวจมาเป็นพยาน

อีกคน‛ พนิดาพูดจบ ตํารวจคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในบ้าน คนของวรเมธมองหน้ากัน


อย่างเกรง ๆ

‚มีอะไรกันหรือครับ เห็นแจ้งว่ามีการลักพาตัวเด็ก ใครครับ ‛ นายตํารวจรีบ


ถามทันที

‚คุณตํารวจคะ ก็แม่คนนี้น่ะสิคะ ไม่ยอมให้พวกเราพาหลานชายไป เป็นคน


นอกคิดขวาง พวกเราเป็นลุงกับป้า

ส่วนแม่หนูนี่เป็นน้าแท้ ๆ ค่ะ ‛ ป้ารับจ้างรีบฟ้องนายตํารวจหนุ่มร่างใหญ่ทันที


นายตํารวจหนุ่มจ้องมองสายฝน

อย่างสนใจก่อนเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
‚คุณตํารวจคะ เด็กคนนี้มีอา ตอนนี้อยู่เมืองนอก อาแกเลี้ยงดูมาตั้งแต่ต้น
ส่วนน้าสาวแกเป็นเพียงผู้อาศัย

ถ้าจะเอาตัวแกไป ควรรอให้อาของเด็กกลับมาก่อนค่ะ ‛ สายฝนแย้งเสียงเรียบ แต่


คําพูดต่อมาของนายตํารวจหนุ่ม

ก็ทําให้เธอรู้ว่าเขาเป็นพวกเดียวกับพนิดา

‚ในเมื่ออาของเด็กไม่ค่อยอยู่บ้าน ให้เด็กอยู่ในการดูแลของน้าสาวก็ถูกแล้วนี่
ครับ‛

‚ได้ยินมั้ยคุณแม่บ้าน คุณตํารวจบอกแล้ว ส่งตัวข้าวโอ๊ตมาเสียดี ๆ‛ พนิดา


รีบสั่ง แต่สายฝนเดินไปจับมือ

น้อย ๆ ของข้าวโอ๊ตไว้แน่น ส่งสายตาดุจ้องมองพนิดาอย่างเอาเรื่องก่อนจะพูดขึ้น


ว่า

‚ต่อให้คุณตํารวจสั่ง ดิฉันก็ไม่มีวันให้ใครพาตัวข้าวโอ๊ตไป ถามเด็กดูสิว่า


อยากอยู่กับใคร ถ้าคุณอยากได้

ก็ไปฟ้องศาลเอาเอง ตํารวจไม่มีสิทธิ์สั่ง ‛

พนิดาแค้นจัดรีบหันไปบอกคนของตัวเอง

‚คุณตํารวจได้ยินมั้ยคะ แม่คนนี้บอกว่าคุณตํารวจไม่มีสิทธิ์ รีบ ๆ จัดการสิคะ


พี่พลด้วย ยืนเซ่ออยู่ได้ ช่วยคุณตํารวจสั่งสอนแม่คนนี้หน่อย‛ ทั้งนายตํารวจและ
เพื่อนชายของพนิดาจ้องมองสายฝนแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนเดินเข้ามาใกล้
ข้าวโอ๊ตเห็นดังนั้นจึงรีบเข้าขวางและยกมือมือทําท่าไล่พลางจ้องมองชายหนุ่มทั้ง
สองอย่างไม่กลัวเกรง ชายหนุ่มทั้งสองชะงัก กลัวว่าถ้าลงมืออาจพลาดโดนเด็กแล้ว
พนิดาจะไม่พอใจ

‚ไป ๆ ไป ๆ‛ ข้าวโอ๊ตตะโกนไล่เหมือนต้องการจะปกป้องสายฝน พนิดาเห็น


ดังนั้นก็เป็นเดือดเป็นแค้น

เพื่อนชายทั้งสองที่จ้างมาก็ทํางานไม่ได้เรื่อง จึงต้องลงมือเอง

‚มัวยืนเซ่ออยู่ได้ จัดการลากตัวนังฝนไปสิ ไม่ต้องสนใจเด็กนี่ ต้อม พริก อุ้ม


คุณข้าวโอ๊ตไป‛

เวลานี้พนิดาไม่กลัวเกรงอะไรแล้ว เธอต้องการเพียงได้ตัวข้าวโอ๊ตไป สายฝนรีบคว้า


ตัวเด็กชายมากอดไว้

พลางนึกภาวนาให้ตัวช่วยมาถึงเร็ว ๆ

‚ถ้าพวกแกกล้าแตะต้องตัวข้าวโอ๊ตหรือฉันละก็ ระวังตัวไว้ให้ดี ฉันไม่ปล่อย


ไว้แน่ ลุงเหวียง...ทุกคน ช่วยกันป้องกันคุณ

ข้าวโอ๊ตอย่าให้ใครมาเอาตัวไปได้ ‛ สายฝนขู่ นัยน์ตาวาววับ คนในบ้านต่าง


เตรียมพร้อมเหมือนกัน

‚โถ ! แม่วีรสตรี ตัวเองยังเอาไม่รอดเลย ยังจะมาปากกล้าอีก ขอตบสั่งสอน


หน่อยเถอะ‛ พนิดาเกิดอาการ

หมั่นไส้จึงรีบปราดเข้าหาหมายจะตบหน้าสายฝนสักฉาด แต่เสียงดุดันดังขึ้นก่อน

‚หยุดนะ พนิดา !‛
ตอนที่ 18

เสียงนั้นพลิกสถานการณ์ของสองฝ่ายได้อย่างไม่น่าเชื่อ ฝ่ายหนึ่งหน้าซีด
เผือดด้วยความตกใจ
ขณะที่อีกฝ่ายยิ้มด้วยความยินดีและรีบเดินเข้าไปหา ข้าวโอ๊ตรีบโผเข้าหาผู้เป็นอา
ทันที
‚คุณเมธ ไหนคุณบอกว่าจะไปสองอาทิตย์ไงคะ ทําไม...‛ สายฝนถามอย่าง
สงสัย
‚ถ้าผมไม่ใช้แผนนี้ผมจะรู้ธาตุแท้ของใครบางคนหรือ ‛ พูดจบวรเมธก็หันไป
จ้องมองพนิดากับคนของเธอด้วย
ใบหน้าดุดัน พนิดาคิดไม่ถึงว่าวรเมธจะใช้แผนนี้หลอกล่อเธอให้ติดกับ แต่เธอไม่คิด
จะถอยอีกแล้ว เธอพร้อมที่จะแลก อย่างไรเสียวันนี้เธอต้องออกจากบ้านหลังนี้
แน่นอน
‚เก่งนี่ คุณเมธ ที่ใช้แผนนี้หลอกให้ดาตายใจได้ แต่ดาไม่สนอยู่แล้ว ไหน ๆ ก็
ไหน ๆ แล้ว มีอะไรก็ว่ามาตรง ๆ
เรื่องจะได้จบ ๆ กันเสียที ดาเองก็เบื่อผู้ชายเย็นชาอย่างคุณเต็มที ไร้รสนิยม ชอบ
เกลือกกลั้วของต่ํา‛
วรเมธจ้องมองพนิดาด้วยสายตาเย็นชาซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่เคยเห็นมาก่อน
‚ผมเพิ่งรู้ว่าคุณเป็นผู้หญิงชั้นสูง พฤติกรรมคุณเป็นอย่างไร ผมไม่ขอพูดถึง
แต่ที่ผมจะบอกคือ จากนี้เป็น
ต้นไปบ้านหลังนี้ไม่ขอต้อนรับคุณอีก รวมทั้งพรรคพวกของคุณด้วย ที่ผ่านมาผม
ยอมให้คุณอยู่บ้านนี้ในฐานะญาติ
เจ้าของบ้าน ให้เกียรติอย่างดี เพราะเห็นแก่พี่สุดาที่ฝากฝังคุณไว้กับผมก่อนตาย
เธอห่วงคุณมาก กลัวว่าน้องสาว
คนเดียวจะไม่มีใครดูแลหลังเธอสิ้นไป แต่คุณไม่เคยทําตัวเป็นน้องสาวที่ดีเลย‛ วร
เมธพูดจบทุกคนจึงเข้าใจ
สาเหตุที่วรเมธให้พนิดาอยู่ในบ้านหลังนี้และปล่อยให้ทําอะไรตามใจชอบ แต่ก็ไม่มี
ใครเอ่ยอะไรออกมา ทุกคนรอดู
ท่าทีของพนิดาว่าจะสํานึกหรือไม่ ฝ่ายพนิดาได้ยินดังนั้นก็ยักไหล่ จ้องมองวรเมธ
อย่างท้าทาย ก่อนจะแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา
‚ช่วยไม่ได้นี่ อยากโง่เอง คุณไม่รู้หรอกว่าดาเกลียดพี่สุดาแค่ไหน สวยก็ไม่
สวย แต่กลับโชคดีกว่าดาในทุกเรื่อง
ถ้าคุณไล่ดาออกจากบ้าน ดาจะเอาข้าวโอ๊ตไปด้วย ดาเองก็มีสิทธิ์ในตัวหลาน ลุง
กับป้าเป็นพยานได้‛
พนิดาที่เคยเกรงกลัววรเมธเปลี่ยนไปอย่างน่ากลัว
‚ยังไม่หมดฤทธิ์อีก เดี๋ยวผมจะทําให้คุณรู้สํานึก ถ้าคุณสองคนเป็นลุงกับป้า
ของพนิดาจริงก็ก้าวออกมา
ยืนยันหน่อย ขอดูบัตรประชาชนด้วย แต่ถ้ารู้ตัวว่าไม่ใช่ก็รีบไปเสียก่อนที่ผมจะให้
ตํารวจมาลากคอไป‛
วรเมธพูดเสียงกร้าว ลุงกับป้ารับจ้างของพนิดาจึงรีบพูดขึ้นว่า
‚พอดีลุงกับป้านึกได้ว่าติดธุระ ขอตัวก่อนนะ หลานดา‛ พูดจบก็รีบเผ่น
พนิดาฉุนจัดแต่ไม่ยอมแพ้
‚ต่อให้ไม่มีลุงกับป้ายืนยัน ฉันก็ยังมีสิทธิ์ในตัวข้าวโอ๊ตอยู่ดี หรือคุณจะเถียง‛
พนิดาพูดเสียงกร้าวเหมือนกัน
เธอหันไปมองเพื่อส่งสัญญาณให้เพื่อนชายสองคนเตรียมตัว ส่วนต้อมกับพริกไม่รู้
ว่าหลบไปตั้งแต่เมื่อไร สองคนนี้ช่างเข้าใจ
เอาตัวรอดจริง ๆ
‚พูดมาได้ ช่างไม่ละอายปากเลยนะ คุณดา‛ ป้าบุญสุดทนจึงต่อว่าออกมา
‚แกเป็นคนนอกอย่ายุ่ง แก่ก็อยู่ส่วนแก่ เอาละ คุณเมธคุณจะว่าไง คุณกับดา
ต่างก็รู้ดีว่าเรามีสิทธิ์ด้วยกัน
ทั้งคู่ ดาปล่อยให้คุณยึดครองข้าวโอ๊ตมานานแล้ว คราวนี้ขอเอาตัวไปบ้าง พี่สาว
หน้าโง่พูดไว้ก่อนตายว่าให้
คุณกับดาช่วยกันดูแลข้าวโอ๊ตต่อหน้าพยานหลายคน ถ้าฟ้องศาล คุณคิดว่าศาล
จะฟังใคร เพียงแค่ดาบอกว่า
คุณมัวแต่ลุ่มหลงผู้หญิง วัน ๆ ไม่มีเวลาให้เด็ก เดินทางบ่อย ปล่อยเด็กให้อยู่ใน
ความดูแลของคนอื่น แค่นี้ศาลก็ตัดสิน
ยกข้าวโอ๊ตให้เป็นกรรมสิทธิ์ของดาแล้ว ‛ พนิดาฉลาดไม่เลวที่รู้เรื่องพวกนี้ด้วย วร
เมธยิ้มเย็น
‚เชิญตามสบาย ผมบอกคุณตรง ๆ ก็ได้ ทุกอย่างที่คุณทํากับข้าวโอ๊ตผม
บันทึกเป็นหลักฐานไว้หมดจากโทรทัศน์วงจรปิดในห้องเด็กที่ผมแอบติดไว้ ฉะนั้น
เชิญคุณขนของออกจากบ้านหลังนี้ไปได้แล้วถ้าไม่อยากเจอข้อหาทําร้ายร่างกาย
เด็กและขึ้นพาดหัวหน้าหนึ่ง ผมให้เวลาคุณครึ่งชั่วโมงเพื่อเก็บของ ที่ผมไม่เรียก
ตํารวจมาลากคอคุณเข้าคุกพร้อมกับพวกของคุณ เพราะผมเห็นแก่พี่สะใภ้ที่แสนดี
ของผม พี่สาวที่แสนประเสริฐที่คุณไม่เคยสํานึกในบุญคุณเลย ไปได้แล้ว !‛
วรเมธจบคําพูดด้วยน้ําเสียงชิงชัง ผิดจากปกติที่มักจะให้เกียรติผู้หญิง
‚คุณเมธกล้าพูดกับดาอย่างนี้ ระวังตัวให้ดี คุณไม่มีวันอยู่เป็นสุขแน่ คิดว่าดา
อยากอยู่บ้านนี้นักหรือ
จะทําอะไรทีก็ต้องคอยรักษามารยาท เกรงใจผู้ชายเย็นชาอย่างคุณ ไปก็ได้ แต่ก่อน
ไปขอจัดการผู้ชายด้านชา
อย่างคุณก่อน พวกแกช่วยชกปากไอ้นักธุรกิจขี้เก๊กให้ฉันที แล้วฉันจะสมนาคุณ
พวกแกอย่างงาม‛
พนิดาเลือดขึ้นหน้าจึงอยากทําอะไรที่สะใจให้หายแค้นก่อนไป ทุกคนทนไม่
ไหวรีบขยับตัว แต่วรเมธเอ่ยห้ามขึ้นก่อน
‚ไม่ต้อง แค่นักเลงหัวไม้ ผมจัดการเองได้ เข้ามาเลยถ้าพวกแกอยากลองดี ‛
พูดจบวรเมธก็ส่งข้าวโอ๊ตให้
สายฝน พับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้น แล้วคนของพนิดาที่กรูกันเข้ามาก็ถูกหมัดสวนกลับไป
ทุกคนไม่มีใครรู้มาก่อนว่าเขามีความสามารถในเรื่องศิลปะป้องกันตัว แถมฝีมือก็
ไม่ธรรมดาเสียด้วย สุดท้ายคนที่ต้องเลือดกบปากก็คือเพื่อนชายของพนิดา
พนิดาเห็นดังนั้นจึงตวาดเสียงดัง
‚หยุด ! ไม่ต้องแล้ว พวกแกไสหัวไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้เลย ไม่ได้เรื่อง
ปล่อยฉันจัดการเอง‛
โดยที่ทุกคนไม่คาดคิด พนิดาเดินเข้าไปตบหน้าวรเมธก่อนจะเดินจากไปอย่าง
รวดเร็วโดยไม่สนใจจะเก็บของด้วยซ้ํา
ทุกคนงง คาดไม่ถึงว่าจะมีผู้หญิงร้ายกาจอย่างนี้ ต่างคนต่างถอนใจอย่างโล่งอกที่
เธอจากไปเสียที แต่พนิดาคงไม่หยุดอยู่แค่นี้ก่อนไปเธอจ้องมองสายฝนอย่างเคียด
แค้น สายฝนเห็นสายตาพนิดาแล้วอดรู้สึกหนาวขึ้นมาไม่ได้ นึกไม่ถึงเหมือนกันว่า
พนิดาจะบ้าดีเดือดและร้ายได้ขนาดนี้ แต่คนที่ดูจะห่วงวรเมธมากที่สุดในเวลานี้
เห็นจะเป็นหลานชายสุดที่รักของเขา เพราะทันทีที่ข้าวโอ๊ตเห็นผู้เป็นอาถูกตบอย่าง
แรงโดยไม่ทันระวังตัวก็รีบร้อง ‚อา ๆ เจ็บ ๆ‛ และทําท่าจะไปหา สายฝนจึงปล่อย
ตัว หลานชายตัวน้อยวิ่งเข้าหาร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นอาทันที
วรเมธรีบอุ้มเด็กชายขึ้นมา พออยู่ในอ้อมกอดของอาแล้ว ข้าวโอ๊ตก็ลูบแก้ม
สากที่ปรากฏรอยนิ้วชัดเจนของผู้เป็นอาและก้มลงจูบเบา ๆ ก่อนพูดว่า ‚หาย ๆ‛
กิริยาของข้าวโอ๊ตเรียกสายตาเอ็นดูจากทุกคน วรเมธยิ้มให้กับความน่าเอ็นดูของ
หลานชาย
‚เห็นทีอาคงหายเจ็บแล้วมั้ง ได้ฝีมือรักษาของข้าวโอ๊ตแล้วนี่ ‛ เขายื่นหน้าไป
ฟัดหลานชายแทน ก่อนจะหันมาบอก
ทุกคนว่า ‚ต่อไปนี้บ้านเราคงสงบสุขเสียที ถ้าคุณดาหรือคนของเธอมาก็ไม่ต้อง
ต้อนรับ ห้ามให้เข้าบ้านไม่ว่ากรณีใด ๆ
ถ้าใครฝ่าฝืน ผมจะถือว่าคุณฝนผิดด้วย ไป นายข้าวโอ๊ต ไปที่ห้องอากัน คุณฝน
เชิญตามไปรับนายข้าวโอ๊ตได้ที่ห้อง
ผมมีเรื่องจะเคลียร์กับคุณด้วย‛ เขาสั่งสายฝนเหมือนเธอเองก็มีความผิดด้วย สาย
ฝนจึงนึกฉุน
‘ร้ายกาจนักนะ พนิดาน่าจะตบให้ฟันหักไปเลย อยู่ดี ๆ ก็สั่งเอา ๆ สั่งแบบนี้
เหมือนเราเองก็มีปัญหากับเขา
ด้วย แทนที่จะเคลียร์เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนค่อยชิ่ง นี่ทําเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยัง
โยนความผิดมาให้เราอีก คน...‛
เธอต่อว่าเขาในใจอย่างฉุนจัดขณะเดินตามเขาไป ทุกคนมองหน้ากันอย่าง
สงสัยเพราะน้ําเสียงวรเมธดูเป็น
การเป็นงานมาก พูดเหมือนสายฝนมีส่วนผิดด้วย ทุกคนเริ่มเป็นห่วงแม่บ้านคน
ใหม่ ต่างคนต่างภาวนาอย่าให้วรเมธไล่สายฝนไปจากบ้าน ยกเว้นป้าบุญที่คิดต่าง
เพราะรู้จักเจ้านายหนุ่มที่เลี้ยงมาเป็นอย่างดี และเข้าใจว่าต้องการแก้ข่าวซุบซิบ
ที่ว่าเขาหลงผู้หญิงมากกว่า
โซเฟียยิ้มอย่างพอใจที่มิสเตอร์หว่องตกหลุมยอมเซ็นสัญญากับฟร็องซัวส์
กรุ๊ป แม้จะไม่ร่วมทุนก็ตาม ลองมี
ข่าวออกมาอย่างนี้ เส้นทางลําเลียงสินค้าคงสะดวกขึ้น แต่รอยยิ้มของเธอก็มีอัน
ต้องอันตรธานไปเมื่อเห็นข่าวตนุภัทร
ให้สัมภาษณ์ถึงการย้ายมาอยู่เมืองไทยเป็นการถาวรเพราะไม่อยากให้ภรรยาไม่
พอใจ และอยากมีชีวิตที่สงบสุขใน
แผ่นดินเกิด นี่เป็นครั้งแรกที่เขายอมทําตัวเป็นข่าวให้ผู้คนรับรู้
‘คิดจะอยู่อย่างสงบสุขหรือ ภัทร ไม่ง่ายไปหน่อยหรือ ไม่มีวัน คุณต้องพราก
จากของรักเหมือนที่ฉันเป็นอยู่
ฉันจะทําให้คุณโดดเดี่ยวเหมือนฉัน ผู้ชายอย่างคุณไม่ควรสมหวัง คุณดูถูกฉัน หา
ว่าเป็นผู้หญิงไร้ยางอาย
ทําให้ฟิลิปส์ตายเพราะความหึงหวง’
แล้วภาพเหตุการณ์ในอดีตก็ผุดขึ้นมาในความทรงจํา
‘ม่ายเอา ม่ายกลับบ้าน ฉันจาอยู่กับภัทร’ โซเฟียพยายามพูดทั้งที่อ้อแอ้เต็มที
ตนุภัทรพยายามประคองตัว
เธอไว้และพามาที่ห้องพักของเขา ชายหนุ่มรู้ว่าเธอกําลังเสียใจที่ถูกเขาปฏิเสธอย่าง
ไม่มีเยื่อใย แต่เขาไม่อยากหลอก ไม่อยากให้ความหวังเธอ ทั้งไม่อยากทําร้าย
จิตใจฟิลิปส์ แต่เขาก็ไม่สามารถปล่อยให้เธอกลับไปในสภาพแบบนี้ จึงโทรไป
บอกฟิลิปส์ให้มารับเธอกลับ
‘ไม่เอาน่า โซเฟีย คุณเมาแล้ว ผมจะไปชงชาร้อน ๆ ให้นะ คุณจะได้ดีขึ้น ’ เขา
พยายามแกะมือโซเฟียที่กอด
เขาออก แต่โซเฟียกลับดึงเขาให้ล้มลงบนโซฟา และพยายามจูบเขา
‘โซเฟียอย่าทําแบบนี้ได้มั้ย คุณโตแล้ว ไม่ใช่เด็ก ๆ เราพูดกันรู้เรื่องแล้วนะ
อย่าทําตัวเป็นผู้หญิงไร้ยางอายสิ ’
ตนุภัทรพยายามพูดให้โซเฟียสํานึก แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเธอจะรู้ตัว ยังคงนัวเนียปล้ําจูบ
เขา ทั้งเขาและเธอไม่รู้ว่าฟิลิปส์
ได้เข้ามาเห็นภาพนั้น และแน่นอนว่าโกรธจัด
‘ไอ้เพื่อนทรยศ หญิงหลายใจ เรียกฉันมาเพื่อให้เห็นภาพบาดตาบาดใจ ชั่วช้า
ที่สุด เชิญสมสู่กันตามสบาย
ฉันขอสาปส่งแกทั้งสองคน เพื่อนโฉด หญิงชั่ว ’ ฟิลิปส์ด่าว่าอย่างโกรธจัดก่อนจะวิ่ง
ออกจากห้องไป โซเฟียหายเมา
เป็นปลิดทิ้งและวิ่งตามออกไป แต่สายไปเสียแล้ว ฟิลิปส์ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุประสานงากับรถเทรลเลอร์ เธอเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และ
โยนความผิดให้ตนุภัทร ในขณะที่ตนุภัทรปิดปากเงียบ ไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
ปล่อยให้โซเฟียปล่อยข่าวอยู่ฝ่ายเดียว เขาไม่พยายามแก้ข่าว แต่ทําท่ารังเกียจ
โซเฟียตลอดเวลา ทําให้เธอแค้นจัด
ดังนั้นเธอจึงกําจัดผู้หญิงทุกคนที่อยู่ใกล้เขา แต่ตนุภัทรไม่เคยแสดงทีท่าว่าชอบพอ
ใครเลย จนกระทั่งแต่งงานกับสายรุ้ง โซฟียรู้ว่าเขารักผู้หญิงคนนี้ จึงคิดกําจัดเสีย
เพราะไม่อยากให้เขาอยู่อย่างเป็นสุข เธอรีบโทรหาคนของเธอทันที
‚หาทางเก็บเมียนายตนุภัทรให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม เสร็จงานแล้ว ฉัน
มีรางวัลให้อย่างงาม รูปเมีย
นายตนุภัทรอยู่ในหนังสือพิมพ์ธุรกิจวันนี้ จําไว้ ห้ามพลาดให้ใครจับได้ด้วย‛ สั่งจบ
เธอก็ตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ
รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมปรากฏบนใบหน้าก่อนจะสะพายกระเป๋าขึ้นรถแล้วขับออกไป
สายรุ้งมองดูบ้านไม้สักทรงไทยหลังใหญ่ซึ่งร่มรื่นด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ทั้งไม้
ใหญ่ที่ให้ร่มเงา ไม้ดอก ไม้ใบ
ทั้งไทยและเทศแล้วอดทึ่งไม่ได้
‚น่าจะเป็นสวนมากกว่าบ้านนะ‛ สายรุ้งออกความเห็น
‚ผมชอบความร่มรื่นของธรรมชาติ เป็นไง ชอบมั้ย ‛ เขาถามขณะพาเธอเดิน
ขึ้นบนตัวเรือนไม้สัก เฟอร์นิเจอร์
ทุกอย่างทําจากไม้ ดูกลมกลืนเข้ากับตัวบ้าน สายรุ้งเห็นแล้วอดคิดไม่ได้ว่าถ้า
มารดา
มาเห็นเข้าคงชอบแน่ สําหรับเธอคงได้แต่ฝันที่จะมีบ้านสวยงามมูลค่ามหาศาล
แบบนี้
‚ชอบเหมือนกัน แต่หน้าตาคุณไม่บอกว่านิยมของไทยเลยนี่ ‛ เธอวิจารณ์จน
ได้
‚เป็นงั้นไป เอาละ ถ้าชอบก็อยู่ให้สบาย ผมต้องรีบเข้าบริษัท คุณทําผม
เสียเวลาอยู่ที่วังน้ําเขียวตั้ง
สองวัน ผิดแผนไปหมด‛ เขาโยนความผิดให้สายรุ้งหน้าตาเฉย
‚ฉันไม่ได้บังคับให้คุณอยู่ด้วยนะ ช่วยไม่ได้ อยากทําตัวเป็นคนดีเรียกคะแนน
นิยมจากแม่ฉันเองนี่ ทําตัวเอง
แท้ ๆ แล้วมาโทษคนอื่น ‛ สายรุ้งสวนกลับด้วยความหมั่นไส้
‚ครับ ผมผิดเอง เอาเถอะ ยอมแพ้ ไม่อยากทะเลาะกับคุณแล้ว ไปหาป้าแสง
ดาวดีกว่า‛
พูดจบเขาก็เดินไปหาผู้หญิงอายุประมาณหกสิบปีเห็นจะได้ รูปร่างค่อนข้าง
ท้วม แต่งกายด้วยผ้าถุงสีน้ําตาล
เสื้อลูกไม้ บอกความเป็นไทย ผมเกล้าเป็นมวยอยู่ด้านหลัง ใบหน้าบอก
ความเป็นผู้ใหญ่ใจดี คุยกันอยู่ครู่หนึ่ง แม่บ้านอาวุโสก็เดินเข้ามาหา สายรุ้งยกมือ
ไหว้ แกรีบห้ามเสียงหลง
‚ไ ไม่ต้องมาไหว้ป้าค่ะคุณผู้หญิง โถ ! หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูจริง ๆ คุณภัทร
เพิ่งบอกให้ป้าทราบ
ว่าจะกลับมาอยู่เมืองไทยถาวรพร้อมกับคุณผู้หญิง ทําเอาคนในบ้านตื่นเต้นกัน
ใหญ่ ดีใจที่ได้คุณผู้หญิงเสียทีค่ะ กลัวอยู่เป็น
โสด ทําให้คุณศจีกลุ้มใจอีก ‛ หญิงแม่บ้านดูช่างพูดเป็นพิเศษ ทําเอาสายรุ้งเขิน
‚รุ้งไม่ใช่คุณผู้หญิงหรอกค่ะ ป้าไม่ต้องเกรงใจ ถือว่าเป็นลูกหลานก็แล้วกัน
นะคะ‛ สายรุ้งรีบฝากเนื้อฝากตัว
เรียกคะแนนนิยม ตนุภัทรยิ้มให้กับความฉลาดของเธอ เข้าใจออดอ้อนคนแก่
‚เห็นทีต่อไปผมคงตกกระป๋องแน่ คุณรุ้งเล่นเรียกคะแนนนิยมแบบนี้ เอาละ
ผมฝากดูแลด้วยนะ แล้วผมจะรีบ
กลับ เวลาผมไม่อยู่ห้ามหนีเที่ยวละ‛ เขาสั่งก่อนรีบเดินลงจากเรือนไป
‘ฉันไม่ใช่นักโทษนะ ถึงจะมากักบริเวณกัน ’ สายรุ้งบ่นในใจ
‚ลองคุณภัทรพูดแบบนี้คงกลับดึกค่ะ คุณรุ้งไม่ต้องรอทานข้าวหรอกค่ะ เวลา
คุณภัทรไปประชุมจะกลับ
ดึกเสมอ เหมือนทุกครั้งที่มาอยู่เมืองไทย พอมาถึงบ้านก็รีบบึ่งไปที่ทํางานเลยค่ะ
คุณรุ้ง‛ หญิงแม่บ้านช่วย
อธิบายให้สายรุ้งเข้าใจมากขึ้น เพราะกลัวว่าคุณผู้หญิงจะไม่เข้าใจและพาลไม่
พอใจตนุภัทร ความจริงป้าแสงดาว
เป็นคนของศจี แต่ถูกส่งมาอยู่กับตนุภัทรเพื่อดูแลความเรียบร้อยของบ้านหลังนี้
‚ถ้าอย่างนั้นรุ้งขอตัวไปทําธุระนอกบ้านหน่อยได้มั้ยคะ แถวนี้มีแท็กซี่ผ่านมั้ย
คะ‛ สายรุ้งรีบถือโอกาส
ชิ่งเช่นกัน หญิงแม่บ้านแปลกใจ ถ้าเป็นผู้หญิงอื่นคงซักต่อแน่ แต่หญิงสาวผู้นี้กลับ
ไม่ ที่น่าขําคือไม่รู้ตัวว่าแต่งงาน
กับเศรษฐี จึงได้ถามหาแท็กซี่
‚คุณรุ้งจะไปไหนหรือคะ ป้าจะไปบอกคนรถเอารถออกให้ ไม่ต้องไปขึ้นแท็กซี่
หรอกค่ะ‛ หญิงแม่บ้านบอก
‚ขอบคุณค่ะป้า คือรุ้งนึกขึ้นได้ว่าของใช้ส่วนตัวหลายอย่างหมดเลยต้องไป
ซื้อ และถือโอกาสไปทําธุระส่วนตัวด้วย
ไม่อยากให้คนรถต้องมาคอย เกรงใจค่ะ ‛ สายรุ้งไม่อยากจะใช้รถของเขาเท่าไรนัก
เพราะกลัวจะไปฟ้องเจ้านาย
‚ไม่ต้องเกรงใจค่ะ คนขับรถมีหน้าที่รอรับเจ้านายอยู่แล้ว ป้าจะไปเรียกให้
คุณรุ้งไปล้างหน้าล้างตา
ก่อนดีกว่าค่ะ เดินทางมาเหนื่อย ๆ จะได้สดชื่นก่อนออกจากบ้าน‛ หญิงแม่บ้าน
บอกสายรุ้งก่อนให้เด็กช่วยยก
กระเป๋าแล้วพาเดินไปที่ห้องซึ่งเป็นห้องนอนใหญ่ มีสิ่งอํานวยความสะดวกครบครัน
พอเห็นห้องนอนแล้ว
เธอก็เริ่มปลง ๆ เห็นทีคงไม่มีวันแยกห้องนอนกับผู้ชายแสนร้ายกาจคนนี้ได้ แต่อย่า
หวังว่าจะทําอะไรเธอได้
‚ห้องจัดได้ถูกใจคุณรุ้งหรือเปล่าคะ คุณภัทรโทรมาบอกว่าจัดแบบไหนถึงจะ
ถูกใจคุณผู้หญิงของบ้านค่ะ
ไม่อย่างนั้นป้าได้กลับไปอยู่กับคุณศจีแน่ ‛ หญิงแม่บ้านบอกให้ทราบ
‚สวยมากค่ะ รุ้งไม่นึกไม่ฝันว่าจะมีโอกาสได้นอนห้องนอนสวยถูกใจอย่างนี้
มาก่อนค่ะ‛ สายรุ้งพูดด้วยใจจริง
‚ป้ารอดตัวแล้วสิคะ ป้าไม่กวนคุณรุ้งแล้วละค่ะ เชิญคุณรุ้งตามสบายนะคะ
ป้าจะไปบอกคนขับรถให้
เตรียมตัว คุณรุ้งพร้อมเมื่อไหร่ ก็ออกไปได้เลยค่ะ ‛
‚ขอบคุณค่ะป้า‛ หญิงแม่บ้านยิ้มก่อนออกจากห้องไป สายรุ้งเดินเข้าห้องน้ํา
ล้างหน้าล้างตาและเปลี่ยนชุด
ก่อนออกจากบ้าน วันนี้เธอตั้งใจจะไปหาซื้อของจําเป็นในห้าง และจะเลยไปรับงาน
ที่บริษัทที่จ้างเธอแปลเอกสาร
จากนั้นว่าจะไปเดินหาซื้อโน้ตบุ๊คถูก ๆ สักเครื่องมาทํางานส่วนตัว ความจริงเธอแค่
บอกตนุภัทรคําเดียว
ก็ได้แล้ว แต่เธอไม่อยากให้เขามองว่าเธอเห็นเขาเป็นขุมทรัพย์ให้เธอขุดได้
ตลอดเวลา เธอมีศักดิ์ศรีและ
มีความสามารถพอที่จะหาเงินเองได้ ทว่าหาไม่รู้ว่าการออกไปครั้งนี้จะนําพาภัย
ร้ายแรงเกือบถึงชีวิตมาสู่ตัวเธอ

ที่ออฟฟิศในเมืองไทย โดมินิกเห็นโซเฟียเดินอารมณ์ดีเข้ามาหาก็แปลกใจ
‚เกิดอะไรขึ้น โซเฟีย ถึงได้ยิ้มหน้าระรื่น หรือว่านายตนุภัทรเกิดพิศวาสคุณ
ขึ้นมา‛ โดมินิกประชด
‚ฉันจะอารมณ์ดีหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกับผู้ชายคนนั้น ที่ฉันยิ้มก็เพราะในที่สุดคน
ฉลาดอย่างมิสเตอร์หว่องก็ติด
บ่วงเสน่ห์ฉันจนได้ต่างหาก ทําให้ของที่ส่งไปยังประเทศที่สามไม่เกิดปัญหายังไงล่ะ
ต่อไปนี้ทางสะดวกแน่ เพราะของ
ที่ขนส่งโดยมีมิสเตอร์หว่องการันตีย่อมผ่านด่านได้สบาย‛ โซเฟียบอก
‚งั้นหรือ ระวังนะ การดีใจล่วงหน้ามักพบกับความผิดหวังเสมอ ระวังเครื่อง
ตรวจจับของท่าเรือ
ให้ดี ผมได้ข่าวว่ากําลังจะมีการติดตั้งเครื่องนี้ที่ด่านศุลกากรเกือบทุกประเทศเพื่อ
สแกนตู้คอนเทนเน่อร์ คิดวางแผน
ป้องกันไว้ก่อนก็ดีนะ โซเฟีย ถ้าพลาดเราจะซวยกันหมดนะ‛ โดมินิกเตือน
‚ไม่ต้องห่วง คุณพ่อจัดการได้แน่ คุณก็รู้ มีคําคําหนึ่งที่กรุยทางได้เสมอ...คือ
คําว่าเงิน มีเงิน
เสียอย่าง ย่อมปิดปากให้เงียบ หรือเปิดปากให้พูดได้เสมอ ที่สําคัญเปลี่ยนผิดให้ถูก
ได้‛ โซเฟียพูดอย่างกระหยิ่ม
‚บางครั้งก็ไม่ได้ผลเสมอไป ถ้าเห็นว่าเรื่องเดือดร้อนจะมาถึงตัว มนุษย์ทุกคน
ย่อมมีสัญชาตญาณในการ
เอาตัวรอดได้เสมอ‛ วันนี้ดูโดมินิกจะแก่ปรัชญาเป็นพิเศษ
‚นี่คุณ เป็นอะไรไปน่ะ ทําไมวันนี้ดูคิดมากจัง อย่าคิดมากเลยนะ ออกไปหา
อะไรกินกันดีกว่า‛ โซเฟียชวน
‚ไม่รู้สิ ผมสังหรณ์ใจยังไงชอบกล ทุกอย่างมันง่ายไป มิสเตอร์หว่องหลอกคุณ
ว่าจะไปอเมริกา แต่กลับแอบไปพบ
นายภัทรที่ฝรั่งเศส หลังจากพบกันแล้วต่างคนต่างก็จากกันไปด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี
นัก นัยว่ามิสเตอร์หว่องเกิดติดใจ
คุณสายรุ้งเข้า กลับมาถึงก็เซ็นสัญญากับฟร็องซัวส์กรุ๊ปเพื่อประชดนายคนนั้น นี่คือ
ข่าววงในที่ได้มา ผมว่ามัน
จงใจเกินไป อีกอย่าง นายนั่นยังตัดสินใจย้ายมาอยู่เมืองไทยอย่างถาวรอีก เรา
ระวังตัวไว้ดีกว่า‛
โดมินิกรอบคอบเสมอ เขาถือคติที่ว่าความประมาทเป็นหนทางสู่ความผิดพลาด
ขณะที่โซเฟียเริ่ม
หงุดหงิดกับเพื่อนชายที่วันนี้ดูจะคิดมากผิดปกติ เรื่องถูกมิสเตอร์หว่องหลอกน่ะ
เธอไม่เอามาเป็นสาระหรอก
เพราะแค่เขาเซ็นสัญญากับฟร็องซัวส์กรุ๊ป ก็เท่ากับเธอทํางานสําเร็จแล้ว
‚เพิ่งรู้ว่าผู้ชายเจ้าชู้ เอาแต่หลอกผู้หญิงไปวัน ๆ อย่างคุณก็คิดมากเป็นกับ
เขาด้วย เลิกคิดได้แล้ว เรื่องมันง่ายนิด
เดียว มันไม่แปลกหรอก คําว่าโมโหหึงทําให้คนยอมทําได้ทุกอย่าง เหมือนอย่างฉัน
ที่เสียฟิลิปส์ไปเพราะ...‛
เสียงโซเฟียขาดหายไป
‚เรื่องนั้นคุณทําตัวคุณเอง ช่วยไม่ได้ ต่อให้คุณโทษนายภัทร ลึก ๆ แล้วคุณ
เองก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร‛
วันนี้ดูโดมินิกจริงจังแทบจะทุกเรื่อง โซเฟียเริ่มไม่พอใจที่ถูกเขาจี้ใจดํา
‚ตกลงคุณเป็นบ้าไปแล้วใช่มั้ย ถึงได้พูดจาไม่เข้าหูตลอด หรือว่ามีสาวคน
ไหนขัดอารมณ์คุณ คงไม่ใช่แม่สาว
ไฮโซสําส่อนลูกสาวท่านรองปพนที่มัวแต่ทํางานจนไม่รู้ว่าลูกสาวน่ะถูกเขาเมาท์
สนุกปากแค่ไหนหรอกนะ‛
คราวนี้โซเฟียพูดจี้ใจดําเขาบ้าง
‚รู้แล้วพูดทําไม ผู้หญิงคนนั้นไม่มีค่าพอให้ผมกังวลหรอก เพียงแต่รําคาญที่
เรื่องมากต่างหาก ถ้าเป็นราย
อื่นได้เจอดีไปนานแล้ว ที่แกล้งทําดีด้วยก็เพราะเกรงใจพ่อที่เป็นนักการเมืองใหญ่
ต่างหาก ไม่อยากมีปัญหากับ
พวกนี้ ถ้าทําดีด้วยก็อาจมีประโยชน์กับเราในวันข้างหน้าได้ ‛ กับโซเฟีย โดมินิกไม่
เคยปิดบัง
‚นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าแค่ผู้หญิงไร้ค่าคนหนึ่งก็สามารถทําให้เพลย์บอยอย่างคุณ
หงุดหงิดได้ สําหรับฉัน แม่คนนั้น
ไม่ค่อยมีสมองสักเท่าไหร่นักหรอก คุณลองทําเย็นชาสักพัก ขี้คร้านจะรีบแจ้นมา
หา‛
โซเฟียแนะนํา เพราะบางทีเรื่องง่าย ๆ คนฉลาดอย่างโดมินิกก็นึกไม่ออก
เหมือนกัน
‚ขอบใจที่บอก ไปกินข้าวได้แล้ว แต่ผมคิดว่าคุณน่าจะมีอะไรมากกว่าการ
ชวนผมออกไปกินข้าวด้วย
กัน หวังว่าคงไม่ใช่เพราะแผนกําจัดเมียนายภัทรสําเร็จแล้วหรอกนะ‛
โซเฟียยิ้มหยันพลางยักไหล่อย่างไม่สนใจ
‚แล้วแต่คุณจะคิด ไม่ช้าก็รู้เอง เราไปกันเถอะ‛ พูดจบเธอก็ควงแขนเขา
ออกไปหน้าตาเฉยไม่สนใจ สายตาคนอื่น

‚คุณเมธมีอะไรจะเคลียร์กับฝนหรือคะ‛ สายฝนถามทันทีที่ตามวรเมธเข้ามา
ในห้อง วรเมธมองหน้าเธอพลางยิ้ม
‚ไม่มีอะไรมากหรอก แค่อยากบอกว่าคิดถึงและเป็นห่วงฝนจ๋าตลอดเวลา
สามสี่วันที่อยู่ยุโรป ก่อนจะรีบกลับมาจัดการกับพนิดาน่ะ ‛
พอได้ยินสายฝนก็ขยับเท้าจะก้าวออกจากห้อง แต่วรเมธรีบก้าวยาว ๆ มา
ขวางหน้าไว้
‚แล้วกันสิ คุณฝน ผมล้อเล่นแค่นี้ก็โกรธด้วย เอ้า ! นายข้าวโอ๊ต ง้อฝนจ๋าของ
เราหน่อย อย่าให้ฝนจ๋าโกรธแล้ว
เราจะอดกินอาหารอร่อย ๆ ฝีมือฝนจ๋ากันนะ แต่เอ...หรือจะไปกินนอกบ้านดี ‛
ข้าวโอ๊ตพอได้ยินอาเจ้าเล่ห์บอกก็รีบโผเข้าหาสายฝนและยื่นหน้าเข้าไปหอม
แก้มเนียนใสของหญิงสาว
‚ลัก ๆ ฝนจ๋า‛
สายฝนแกล้งตีหน้าเฉยและพูดเสียงจริงจัง
‚ไม่รักแล้ว เด็กเจ้าเล่ห์‛ พูดจบก็วางเด็กชายลงกับพื้น
‚ไม่รักเด็กเจ้าเล่ห์ งั้นรักอาเด็กก็แล้วกันนะ...นะ...ฝนจ๋า ‛ วรเมธพูกแทรกขึ้น
ด้วยน้ําเสียงออดอ้อน ใบหน้าสายฝน
เริ่มเปลี่ยนสีจึงพยายามข่มอารมณ์
‚คุณเมธ ถ้าคุณคิดจะล้อฝนเล่น ฝนขอตัวไปทํางานดีกว่า ‛ สายฝนพูดเสียง
เรียบ
‚ไม่เล่นก็ไม่เล่น ความจริงผมแค่อยากบอกว่าขอบคุณที่ช่วยดูแลปกป้องข้าว
โอ๊ตเป็นอย่างดีตลอดมา
เห็นทีบ้านนี้ไม่จําเป็นต้องมีแม่บ้านแล้ว เพราะพนิดาจากไปแล้ว ‛
สายฝนนึกไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบนี้ มันเหมือนถูกเขาหลอกใช้ พอหมด
ประโยชน์ก็เฉดหัวส่ง รู้สึกทั้งผิดหวังและเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก แต่ไม่เข้าใจว่า
ทําไมถึงต้องเจ็บปวดด้วย
‚ไม่ต้องห่วงค่ะ ดิฉันเข้าใจ ดิฉันจะไปจากบ้านนี้ทันที ขอบคุณสําหรับที่พัก
พิงชั่วคราว แค่นี้ใช่มั้ยคะ
ถ้างั้นดิฉันขอตัวไปเก็บของก่อนค่ะ ‛ สายฝนเชิดหน้าพูดด้วยน้ําเสียงเย็นชาแล้ว
ขยับตัวลุกขึ้น วรเมธลอบยิ้ม
ท่าทางถือดีและหยิ่งในศักดิ์ศรีนั้นบอกให้รู้ว่าเธอมาจากครอบครัวที่ให้การอบรมมา
อย่างดีทีเดียว จริงอย่างที่ป้าบุญบอก เธอไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาสักนิด
‚ผมเพิ่งรู้ว่าคุณนี่ก็คิดมากเหมือนกันแฮะ อย่าโกรธเลยนะ ที่ผมว่าไม่
จําเป็นต้องมีแม่บ้านเพราะผมคิดว่า
คุณน่าจะเป็นมากกว่าแม่บ้าน อย่างเช่น...‛ เขาจงใจหยุดไว้เฉย ๆ แล้วจ้องมองเธอ
นิ่งพลางยิ้ม
คําพูดและท่าทางของเขาทําให้สายฝนนึกฉุนที่ถูกเขาหลอกอีกแล้ว
‚คุณเมธ ถ้าคุณยังคิดไม่ออกว่าให้ฝนเป็นอะไร ก็เชิญคิดต่อไปค่ะ แต่อย่าลืม
นะคะเจ้านาย ตําแหน่งใหม่
เงินเดือนต้องมากกว่าเก่าค่ะ เท่ากับเป็นการเลื่อนตําแหน่ง เพราะผลงานเข้าตา
กรรมการ ฝนขอไปเตรียมตัวรับ
ตําแหน่งใหม่นะคะเจ้านาย‛ สายฝนส่งยิ้มหวานให้ก่อนออกจากห้อง ทิ้งให้เจ้านาย
เจ้าเล่ห์นึกเสียดายก่อนหัน
มาพูดกับข้าวโอ๊ตที่มองผู้ใหญ่ทั้งสองพูดจากันอย่างงง ๆ
‚นายข้าวโอ๊ต ส่งสัยตําแหน่งใหม่ของฝนจ๋าค่าตัวคงแพงลิ่วแน่เลย ว่าแต่จะ
ยกตําแหน่งอะไรให้ดีล่ะ
ให้เป็นอาผู้หญิงดีมั้ย‛ เขาก้มหน้าลงถามหลานชาย
‚ดี ๆ‛ ข้าวโอ๊ตตบมือชอบใจ วรเมธยีหัวหลานชายเล่น
‚เรานี่สมเป็นหลานรักของอา รู้ใจอาจริง ๆ ไปเถอะ ไปตกลงเรื่องตําแหน่ง
ใหม่กับฝนจ๋าดีกว่า‛
พูดจบก็จูงมือน้อย ๆ ของหลานชายออกนอกห้องไป

สายรุ้งเดินหาซื้อของใช้ส่วนตัวในห้างสรรพสินค้าใหญ่แห่งหนึ่งโดยไม่รู้ว่าภัย
กําลังจะถึงตัวเพราะบังเอิญ
พบกับโซเฟียและโดมินิก
‚แหม ! ไม่นึกไม่ฝันว่าจะเจอคุณรุ้งที่นี่ วันนี้เอาภัทรไปทิ้งไว้ไหนคะ หรือว่า
ภัทรเริ่มเบื่อคุณแล้ว ต๊าย ! ไม่อยาก
เชื่อนะคะ เพิ่งออกข่าวได้วันสองวันเอง เห็นยังรักกันออกจี๋จ๋า ‛ โซเฟียแกล้งพูดจา
กระทบกระเทียบ
‚ไม่ได้ทิ้งไปไหนหรอกค่ะ เพียงแต่ไม่อยากให้คนอิจฉาความรักของเรา เลย
ต้องแยก ๆ กันบ้าง
กลัวคนอื่นเลี่ยนแล้วจะหมั่นไส้เอาน่ะค่ะ ‛ สายรุ้งยั่วกลับ
‚เป็นไง โซเฟีย หวังว่าคุณคงไม่ใช่หนึ่งในคนที่คิดอิจฉานายภัทรกับคุณรุ้ง
หรอกนะ‛ แทนที่โดมินิกจะช่วยกลับซ้ํา
‚คุณนี่คิดอะไรไม่ได้เรื่อง ที่ถามเพราะหวังดีค่ะ เพราะปกติภัทรทนอยู่กับใคร
ไม่ได้นาน แต่ได้ยินคุณรุ้ง
พูดแบบนี้ก็สบายใจ‛ โซเฟียไม่คิดจะโกรธเพื่อนสักนิด เธอสมควรได้รับรางวัล
นักแสดงยอดเยี่ยมจริง ๆ
‚ขอบคุณค่ะที่เป็นห่วง เพิ่งรู้ว่าคุณโซเฟียมีน้ําใจงาม ขอตัวก่อนดีกว่าค่ะ
เดี๋ยวคนของคุณภัทรมารับ
แล้วหาไม่เจอ เกรงจะเป็นห่วงค่ะ คุณภัทรยิ่งกําชับอยู่ด้วย นี่ถ้าไม่ติดประชุมคง
ตามมาด้วยแล้วละค่ะ บายนะคะ‛
พูดจบสายรุ้งก็เดินจากไปทันที โซเฟียมองตามด้วยนัยน์ตาวาววับและขอตัวไปหา
มุมสงบโทรบอกคนของเธอ
ก่อนกลับมาสมทบกับโดมินิกอย่างอารมณ์ดี ฝ่ายโดมินิกยังคงไม่เข้าใจว่าทําไม
วันนี้โซเฟียจึงดูอารมณ์ดีนัก แต่ก็คร้านที่จะถาม
ตอนที่ 19

บงกชกับศุภานันพาใบหน้าอันสดชื่นกลับเข้าบ้านหลังจากได้ออกรายการทีวี
โปรโมตความดีของตัวเอง
ที่เพียรไปทําบุญสร้างภาพออกข่าวบ่อย ๆ ทว่าใบหน้าอันสดชื่นของทั้งคู่มีอันต้อง
อันตรธานไป
เมื่อพบกับสาวสวยหุ่นเย้ายวนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเดินยิ้มเข้ามาหาและยกมือไหว้
บงกช
‚สวัสดีค่ะคุณแม่ ดา...ลูกสะใภ้คุณแม่มาเยี่ยมค่ะ นี่คงจะเป็นคุณศุภานัน
น้องสาวคนสวยของคุณวัศใช่มั้ยคะ
แหม ! เห็นแต่ในข่าวทีวี ตัวจริงสวยกว่าตั้งเยอะนะคะ‛ พนิดาทักทายทั้งคู่ด้วย
ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
ในขณะที่บงกชกับศุภานันมีสีหน้าไม่พอใจ ทั้งคู่พอจะเดาได้ว่าหญิงสาวผู้นี้เป็นใคร
‚อ๋อ ! นึกว่าใคร ที่แท้ก็นางบําเรอของพี่วัศนี่เอง ใครเชิญให้เข้าบ้านมิทราบ‛
ศุภานันดูถูกด้วยคําพูดและสีหน้า
ในขณะที่บงกชยังคงนิ่งเฉย แต่พนิดาก็ไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวสักนิด
‚คุณแม่คะ ดาไม่อยากจะเชื่อเลยนะคะว่าคุณศุภานันที่ใคร ๆ พากันยกย่อง
ว่ามารยาทดี จิตใจงาม
เหมือนนางฟ้ามาเกิด จะพูดจาดูถูกพี่สะใภ้อย่างนี้ ถ้าคนเขารู้เข้า ดาไม่รู้ว่าเขาจะ
คิดกันยังไง‛
พนิดาพูดด้วยน้ําเสียงจริงจัง ศุภานันทนไม่ไหวจึงระเบิดอารมณ์ออกมา
‚แก...ผู้หญิงหน้าด้าน หาผัวไม่ได้แล้วสิ ถึงมาตู่ว่าเป็นเมียพี่วัศ คนอย่าง
พี่ชายฉันไม่ตาต่ําเอาผู้หญิงอย่างแก
มาเป็นเมียหรอก แล้วนี่ใครปล่อยให้เข้ามา ยังไม่รีบมาลากตัวไปอีก ‛
‚โถ ! น้องนันขา ที่ว่าคนอื่นต่ําน่ะ คําพูดคําจาของน้องนันก็ไม่ต่างกันนะคะ
คุณวัศไม่ได้ตาต่ําหรอกค่ะ
อีกอย่าง ดาก็ไม่ได้มั่วนิ่ม ไม่เชื่อลองดูภาพถ่ายวิดีโอคลิปจากโทรศัพท์มือถือนี่ก่อน
ดีมั้ยคะ จะได้รู้ว่าเรารักกันสุดซึ้งแค่ไหน‛
พนิดายื่นให้ศุภานันดู ศุภานันเห็นแล้วรีบยื่นให้มารดาเพราะทนดูไม่ได้ บงกชวาง
หน้าเฉยพลางยื่นโทรศัพท์มือถือคืนให้พนิดา
‚เข้าใจทํานี่ แต่เธอไม่ใช่รายแรกหรอกที่พยายามจะจับลูกชายฉันด้วยวิธีนี้
ไม่ว่าเธอจะอ้างอย่างไร ฉันแน่ใจ
ว่าลูกชายฉันไม่ตาต่ําเลือกเธอมาเป็นเมีย ถ้าเป็นนางบําเรอชั่วครั้งชั่วคราวก็ไม่แน่ ‛
บงกชร้ายพอควรที่รู้วิธีจัดการ
ผู้หญิงอย่างพนิดา แต่วิธีนี้อาจใช้ไม่ได้ผลกับหญิงสาวตรงหน้าเพราะดูเธอไม่สะทก
สะท้านเอาเสียเลย จริงดังคาดเพราะ
คําพูดต่อมาของพนิดาทําเอาบงกชหน้าเครียดด้วยความแค้นบุตรชายที่ไม่น่า
พลาดท่าให้ผู้หญิงแบบนี้ได้
‚คุณแม่ จะไม่รับดาเป็นสะใภ้ออกหน้าออกตาก็ได้นะคะ ดาเข้าใจค่ะ ออกจะ
กะทันหันไปหน่อย ความจริงดา
ก็ไม่อยากทําแบบนี้หรอกค่ะ แต่คุณวัศเล่นไม่รับผิดชอบ เห็นดาเป็นของเล่นชั่วครั้ง
ชั่วคราว ดาเลยต้อง
มาประกาศตัวหน่อยค่ะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าคุณแม่ยังไม่ยอมรับ ดาให้เวลาอีกสอง
สามวัน แล้วดาจะกลับมาใหม่
ถ้าคุณแม่ยังทําใจไม่ได้อีก ภาพพวกนี้จะถูกแพร่ไปยังสํานักข่าวต่าง ๆ จากนั้นคุณ
แม่คงเดาออกนะคะว่าอะไรจะ
เกิดขึ้น ดาไปละคะ‛ พูดจบพนิดาก็สะพายกระเป๋าเดินจากไป
‚คุณแม่ ฟังมันพูด มันกล้าขู่เรา คุณแม่ต้องเรียกพี่วัศมาถามให้รู้เรื่อง นันไม่
ยอมรับผู้หญิงอย่างนี้
มาเป็นพี่สะใภ้เด็ดขาด ต่ําสิ้นดี พี่วัศนะพี่วัศ ทําไมตาต่ําอย่างนี้ก็ไม่รู้ ‛ ศุภานันระ
บายอารมณ์กับมารดา
‚นัน อย่าเพิ่งพูดอะไรทั้งสิ้น แม่ปวดหัว รอให้พี่เขากลับมาก่อนค่อยว่ากันอีก
ที อย่างไรเสียต้องกันไม่ให้คุณพ่อรู้
ไม่อย่างนั้นพี่เราเดือดร้อนแน่ ‛ บงกชเหนื่อยใจเกินกว่าจะคิดอะไรต่อ
‚คุณแม่ยังห่วงพี่วัศอีก นันจะไม่สนอีกต่อไปแล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้น นันไม่ขอยุ่ง
นันไปละ‛ แทนที่ศุภานันจะ
เห็นใจมารดากลับโกรธและเดินจากไปอย่างไม่สนใจไยดี บงกชกุมขมับพลางทรุด
ตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างอ่อนแรง

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขณะที่สายรุ้งกําลังเดินซื้อของ พอรับก็รู้ว่าเป็นผู้คุม
ส่วนตัวนี่เอง นึกแล้วว่าคนของเขาต้องโทรไปรายงานแน่ ๆ และถ้าไม่ได้รับอนุญาต
จากเขา มีหรือคนของเขาจะยอมขับรถพาเธอมา
‚คุณมีอะไรกับฉันก็ว่ามา ฉันยังซื้อของไม่เสร็จ ความจริงคนของคุณน่าจะ
รายงานด้วยนะว่าฉันมาซื้อของ
ที่ไหน พูดคุยกับใครบ้าง กลับไปฉันจะได้ไม่ต้องรายงานคุณอีก เข้าใจมั้ยคะท่านผู้
คุม‛ สายรุ้งใส่มาเป็นชุด
‚รู้ตัวว่าผิดอย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อย รีบ ๆ ออกมาจากห้างเสีย ไปคนเดียวมัน
อันตราย‛ ตนุภัทรพูดอย่างเป็นห่วง
‚คนอย่างฉันไม่เคยมีศัตรู ไปไหนย่อมต้องปลอดภัย ไม่เหมือนอยู่กับคุณ ต้อง
หนีตลอดเวลา
คุณนั่นแหละตัวอันตราย‛ สายรุ้งย้อนกลับแทนที่จะเชื่อ
‚เอาเถอะ ๆ ผมผิดเอง เอาเป็นว่าซื้อของเสร็จก็รีบ ๆ กลับนะ ผมเป็นห่วง‛
คราวนี้เขาสารภาพตรง ๆ หวังว่า
เธอจะเชื่อเขาบ้าง สายรุ้งเผลอยิ้มเพราะรู้สึกดีที่ได้ยินคําพูดแสดงความห่วงใย
‚ก็ได้ ๆ ฉันจะรีบกลับ คุณจะได้ไม่ต้องห่วงจนเว่อร์ ‛ สายรุ้งแกล้งรับปากแบบ
เสียไม่ได้
‚น่ารักมากที่รักจ๋า แค่นี้ก่อนนะเดี๋ยวเจอกัน ระวังตัวด้วย‛ เขาเตือนอีกครั้ง
ก่อนปิดโทรศัพท์มือถือ สายรุ้งคิดว่าเขา
คงอยู่ในระหว่างพักการประชุม แต่ฟังจากน้ําเสียงแล้วดูเขาร้อนรนเป็นห่วงเธอชอบ
กล สายรุ้งเริ่มคิดหนักและหมดอารมณ์ซื้อของขึ้นมาดื้อ ๆ คิดกลับบ้านตามที่เขา
เตือน เธอจึงตัดสินใจเดินไปที่ลานจอดรถของห้างแทนการซื้อของต่อ คนขับรออยู่ที่
รถ ความจริงเธอจะโทรให้มารับหน้าประตูห้างก็ได้ แต่เธอยังไม่ชินกับการมีใครมา
บริการถึงที่ และไม่อยากทําตัวเป็นคุณนายก็ว่าได้
สายรุ้งหาไม่รู้ว่าทันทีที่เธอเดินเข้ามาในลานจอดรถ ชายคนหนึ่งซึ่งแต่งกาย
คล้ายยามของห้างก็เดินตามเธอมาติด ๆ
หยิงสาวจึงรีบซอยเท้าหนีอย่างรวดเร็ว ชายในชุดยามวิ่งตามพลางหยิบมีดเล่มเล็ก
ออกมาเตรียมปาใส่เธอ สายรุ้งตกใจเมื่อหันไปเห็นเข้า เธอเริ่มเชื่อคําเตือนของตนุ
ภัทรแล้ว ในใจภาวนาขอให้มีใครสักคนหรือรถสักคันแล่นขึ้นมาบนชั้นนี้ เธอจะได้
หนีพ้น แต่ก็ไม่มี ไม่มีแม้แต่คนที่เดินออกจากห้างมาขึ้นรถเพื่อขับออกไป เธอไม่รู้ว่า
เพราะอะไร ทั้งที่เคยพลุกพล่าน แต่ถ้าเธอรู้ว่ามีคนเอากรวยยางไปกั้นทางเข้าลาน
จอดชั้นนี้เธอจะไม่แปลกใจเลย สายรุ้งพยายามตั้งสติระงับความกลัวและวิ่งหลบ
ไปตามรถที่จอดอยู่ไม่มากนัก พลางร้องตะโกนให้คนช่วย พร้อมกับภาวนาให้มีคน
ได้ยินเสียงของเธอ ขณะเดียวกันก็คิดถึงตนุภัทร อยากให้
เขามาช่วยเธอ แต่ทุกอย่างก็เงียบ ฝ่ายที่วิ่งตามก็ร้องตะโกนขู่ไล่หลังว่า
‚ร้องไปก็ไม่มีใครได้ยินหรอกคนสวย ไม่รอดแน่ ชั้นนี้ไม่มีใครขึ้นมาได้อีกแล้ว
ต้องขอบใจไอ้คนขับหน้าโง่
ที่ดันมาจอดรถบนชั้นนี้ ชั้นที่ไม่ค่อยมีใครเขาจอดกัน ยังไงเสียวันนี้ก็ต้องตายแน่
อย่าโทษกันเลยนะ‛
พูดจบก็ปามีดใส่เธอไม่ยั้ง ไม่สนว่าจะถูกเป้าหรือไม่ สายรุ้งพยายามวิ่งซอย
เท้าสุดชีวิตจนมาถึงสุดทาง
เวลานี้เธอจําไม่ได้แล้วว่ารถของเธอจอดอยู่ที่ไหนและคนขับไปไหน ใจเพียงแค่คิด
หนีไปให้พ้น ๆ แม้จะไม่มีความหวัง แต่เธอ
ก็ยังหวังให้มีใครสักคนเดินมาที่รถบ้าง แต่เธอยังตายไม่ได้ เพราะเธอยังไม่ได้ทํา
อะไรอีกมากมาย ที่สําคัญยังไม่ได้เห็น
มารดาเข้ารับการรักษา ที่สุดเธอก็ตัดสินใจวิ่งกลับไปที่ห้างแม้จะต้องสวนกับนักล่า
ก็ตาม เธอหันมาเผชิญหน้ากับมัน
และอาศัยจังหวะที่มันกําลังงงรีบปาถุงหนังสือที่ซื้อมาใส่หน้ามันก่อนจะรีบวิ่งอย่าง
ไม่คิดชีวิตไปที่ประตูห้าง
แต่เธอกลับถูกมีดปักที่ไหล่ซ้าย แม้จะเจ็บแต่เธอก็ไม่หยุดวิ่งและตะโกนขอความ
ช่วยเหลือไปตลอด
‚ใจเด็ดดีแท้คนสวย ถูกมีดปักยังมีแรงวิ่งได้ วันนี้ยังไง ๆ ก็ไม่รอด อย่าวิ่งให้
เหนื่อยเลย‛ มันปามีดไปอีกเล่ม
ถูกที่ขาของเธอ ร่างงามทรุดลงกับพื้นทันที ขณะที่เจ้าของมีดเดินยิ้มเข้ามาใกล้
สายรุ้งก็ขยับตัวถอยหนี ปากก็ร้อง
เรียกคนช่วยไม่หยุดแม้ร่างกายจะเจ็บปวดรวดร้าวจนแทบแตกเป็นเสี่ยง ๆ เลือด
ไหลออกมาเลอะไปทั่วร่าง
‚เอ้า ! มีแรงร้องก็ร้องไปคนสวย แต่ไม่รอดแน่ ‛ มันขู่ขณะค่อย ๆ เดินเข้าหา
เธอช้า ๆ รอคอยเวลาตะครุบเหยื่อ
สายรุ้งหลับตาร้องเรียกคนมาช่วยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหมดสติไป พอนักล่าเห็น
เหยื่อสลบก็เตรียมจะก้มลงไป
อุ้มตัวขึ้นมาหวังจะโยนลงจากตึก แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อมีเสียงตะโกน
ขึ้นว่า
‚หยุดนะ ! แกจะทําอะไรคุณรุ้ง‛ กระบอกปืนซึ่งเล็งไปที่ขาของมันถูกลั่นไก
ทันทีอย่างไม่มีคําว่าปรานีจน
มันทรุด เสียงปืนทําให้ผู้คนที่กําลังเดินมาที่ลานจอดรถและพนักงานของห้าง
รวมถึงยามตัวจริงรีบวิ่งมาดูทันที
รวมทั้งโดมินิกกับโซเฟียด้วย โซเฟียยืนดูอย่างสะใจ แต่พอสายตาเหลือบไปเห็นร่าง
สูงใหญ่ของตนุภัทรออกมาจากรถที่เพิ่งแล่นมาจอดอย่างรวดเร็ว และรีบวิ่งเข้าไป
หาร่างที่ฟุบไม่ได้สติของสายรุ้ง โซเฟียก็รีบดึงโดมินิกออกไปจากบริเวณนั้นทันที
ตนุภัทรประคองสายรุ้งให้นั่งพิงตัวเขาในท่าที่ปลอดภัยและกอดเอาไว้ แต่พอ
สายตา
เหลือบเห็นมีดที่ปักอยู่ที่ไหล่กับขาของสายรุ้ง ใบหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นดุดัน และ
ตะโกนสั่งเจ้าหน้าที่ของห้างออกไปดัง ๆ
‚รีบเรียกรถพยาบาลกับหมอด่วน จําไว้ว่าต้องถึงภายในสิบนาที ไม่อย่างนั้น
ห้างนี้ต้องปิดกิจการแน่ ‛
ยามและพนักงานของห้างรีบทําตามอย่างร้อนรน พวกเขาไม่รู้ว่าชายผู้นี้เป็น
ใคร แต่ทั้งน้ําเสียงและสีหน้าน่ากลัว
มาก เหมือนพร้อมจะเผาผลาญได้ทุกสิ่ง ขณะที่ทุกคนกําลังสับสนอยู่นั้น ยามตัว
ปลอมที่ถูกยิงที่ขาก็ขยับตัวทําท่า
จะคลานหนี แต่คนของตนุภัทรเห็นก่อนจึงรีบไปยืนขวางไว้
‚คิดจะหนีหรือแก อย่าหวัง วันนี้แกไม่ตายดีแน่ แกจะไปไล่ฆ่าใครก็ได้แต่ห้าม
ยุ่งกับภรรยาคุณภัทร พวกคุณยัง
ยืนเฉยอยู่ได้ ยังไม่ไปแจ้งความอีก ไอ้นี่มันเป็นมือปืนรับจ้าง‛ คนของตนุภัทรหันไป
เอาเรื่องพนักงานของห้าง
ที่พากันกลัวหงอ ไม่รู้ว่าชายสองคนนี้เป็นใคร ขณะที่รถพยาบาลพร้อมหมอมาได้
รวดเร็วทันใจ ตนุภัทรเฝ้าดู
การนําตัวสายรุ้งขึ้นรถพยาบาลอย่างใกล้ชิดและกระโดดขึ้นรถตามไปด้วย สายตา
คมเข้มไม่คลาดจาก
ใบหน้าซีดเผือดของเธอ มือใหญ่กุมมือเรียวเล็กไว้ตลอดเวลาไม่ยอมปล่อย เขา
สาบานกับตัวเองว่า
หากสายรุ้งเป็นอะไรไป เขาจะไม่ปล่อยให้พวกนี้ลอยนวลอยู่อีกต่อไป โดยเฉพาะ
โซเฟีย

สายฝนกําลังวุ่นอยู่กับการปรุงเครื่องต้มยําในหม้อ อยู่ดี ๆ ก็เกิดเป็นห่วง


น้องสาวขึ้นมาอย่างบอก
ไม่ถูกจนเธออดแปลกใจไม่ได้ หรือว่าเกิดเรื่องกับสายรุ้ง เธอเป็นกังวลจนหยิบจับ
เครื่องปรุงผิด พอดีแม่ครัวแหวนเห็นเข้าจึงท้วงขึ้น
‚คุณฝนคะ นั่นน่ะมันซอสนะคะ ไม่ใช่น้ําปลา จะใส่หรือคะ‛
‚จริงสิ ลืมไป‛ สายฝนบอกพลางวางขวดซอสลงและหันไปหยิบขวดซีอิ๊วแทน
อย่างใจลอยจนแม่ครัวแหวนต้องทักอีกครั้ง
‚คุณฝนนั่นมันซีอิ๊วค่ะ คุณฝนเป็นอะไรไปคะนี่ ‛ คราวนี้แม่ครัวแหวนถามตรง
ๆ สายฝนจึงรู้ตัว แต่ใจยังไม่สงบ
‚พี่แหวนช่วยทําต่อที ฝนขอตัวก่อน‛ สายฝนบอกแค่นั้นก็เดินออกจากครัวไป
เด็กสาวที่เป็นลูกมือแม่ครัวเอก
จึงแปลกใจที่อยู่ดี ๆ สายฝนก็มีท่าทางใจลอยขึ้นมา
‚น้าแหวน คุณฝนดูใจลอยชอบกลนะ เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือเปล่า ฉันชักเป็น
ห่วง‛ เด็กสาวถาม
‚ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน คงมีเรื่องเป็นกังวลมั้ง อย่าไปยุ่งเลย ไม่ใช่ธุระของเรา‛
แม่ครัวแหวนทําเป็นไม่สนใจทั้งที่ใจก็อดเป็นห่วงอาการของสายฝนไม่ได้
สายฝนออกจากครัวแล้วเดินตรงกลับห้องเพื่อโทรหาสายรุ้ง พอดีสวนกับวร
เมธ แต่เธอกลับเดินผ่านไปโดยไม่สนใจ
ทําเหมือนไม่เห็น จนวรเมธแปลกใจ ตั้งแต่พนิดาจากไป เวลาเจอหน้าเขา สายฝน
พยายามจะไม่อยู่ตามลําพัง
กับเขาถ้าไม่จําเป็น แต่ไม่ใช่ท่าทางเหม่อลอยหรือทําเป็นไม่เห็นเขาแบบนี้ เกิดอะไร
ขึ้นกับเธอ ทําไมจึงได้ดูลอย ๆ ชอบกล
‚คุณฝน ผมตัวเล็กถึงขั้นคุณมองไม่เห็นหรือนี่ ถึงไม่คิดจะทักเจ้านายสักคํา
ระวังจะถูกตัดเงินเดือนนะ‛
เขาแกล้งขู่ทีเล่นทีจริงเจตนาจะหยอกเล่นมากกว่า
‚ฝนขอโทษค่ะ คุณเมธ คุณเมธมีอะไรกับฝนหรือคะ‛ เธอถามตามความเคย
ชิน
‚ผมน่ะไม่มีหรอก แต่คุณน่ะมีแน่ ท่าทางใจลอยชอบกล มีอะไรไม่สบายใจก็
บอกผมได้นะ อย่าเก็บไว้คนเดียว‛
เขาพูดด้วยน้ําเสียงห่วงใยจากใจจริง สายฝน รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก แม้เธอจะ
ไม่แน่ใจว่าแท้จริงแล้ว
เขาห่วงใยเธอเหมือนน้ําเสียงกับท่าทางที่แสดงออกมาหรือไม่
‚ขอบคุณค่ะ คุณเมธ จริง ๆ ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เพียงแต่ฝนคิดอะไรเพลินไป
หน่อยค่ะ‛ คราวนี้เธอเริ่มเป็นปกติ
‚ถ้าคุณเพลินแล้วเหม่อลอยแบบนี้ ผมเริ่มกังวลแล้วสิ ตามผมมาดีกว่า ผมมี
อะไรอยากคุยกับคุณเหมือนกัน ‛
พูดจบวรเมธก็ถือวิสาสะจูงมือเธอพาเดินไปที่ห้องสมุดทันที สายฝนเดินตามแรงจูง
โดยไม่ขัดขืนแต่อย่างไร จากนั้นเขาก็ปิดประตู แล้วจ้องมองหน้าสวยใสของเธออยู่
ครู่หนึ่งเหมือนกําลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง เมื่อถูกเขาจ้องมองอย่างสํารวจตรวจ
ตรา ใบหน้าของหญิงสาวก็เริ่มร้อนผ่าว ใช่ว่าเธอไม่เคยถูกใครจ้องมองแบบนี้ แต่ก็
ไม่เคยรู้สึกเขินแบบนี้มาก่อน แม้การจ้องมองของเขาจะไม่ใช่การจ้องมองแบบ
หยาบโลนก็ตาม
‚หน้าฝนมีอะไรหรือคะ คุณเมธถึงได้จ้องเอา ๆ‛ สายฝนเป็นฝ่ายถามไปตรง ๆ
เพื่อดับอาการเขินของตนเอง
เขาไม่ตอบ แต่ยื่นมือไปจับมือเรียวเล็กมากุมไว้และพูดออกมาด้วยน้ําเสียงจริงจัง
ว่า
‚คุณฝน นับจากครั้งแรกที่ผมเห็นคุณในห้องข้าวโอ๊ต ผมก็เริ่มสะกิดใจ รู้สึก
เหมือนคนที่ผมเฝ้ารอคอยได้มายืน
อยู่ตรงหน้าผมแล้ว แต่ผมยังไม่กล้าด่วนตัดสินใจว่าชอบคุณเต็มร้อย ผมไม่แน่ใจว่า
ผู้หญิงที่ยืนตรงหน้าผมจะดี
พร้อมพอที่จะมาดูแลชีวิตผมกับข้าวโอ๊ตหรือเปล่า แต่ยิ่งนานวัน ความรักความ
จริงใจที่คุณมีให้นายข้าวโอ๊ตกับทุก
คนในบ้าน บวกกับความน่ารักของคุณ มันทําให้ผมแน่ใจว่านี่คือผู้หญิงที่ผม
สามารถมอบหัวใจให้ดูแลได้ตลอดไป
แต่ผมไม่แน่ใจว่าคุณมีคนอื่นอยู่หรือเปล่า คําตอบของคุณอาจทําให้ผมผิดหวัง แต่
ผมก็อยากฟังให้แน่ใจ
ผมเชื่อว่าผู้หญิงอย่างคุณคงไม่มีผู้ชายคนไหนมองข้ามไปได้แน่ คุณไม่จําเป็นต้อง
ตอบเพื่อเอาใจผม เพียงแต่...
ช่วยตอบตามความรู้สึกจากหัวใจที่แท้จริงของคุณเองก็พอ ผมยอมรับความจริงได้
เสมอ แม้ผมจะต้องผิดหวัง
เสียใจ และเจ็บปวดก็ตาม‛
สายฝนรู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้าร้ายมาก สารภาพรักได้ประหลาดที่สุด คงจะไม่
มีใครสารภาพรักกับผู้หญิงบน
พื้นฐานของความจริงและเรียกร้องความเห็นใจไปในตัว หากปฏิเสธก็เท่ากับทําร้าย
จิตใจเขา แต่หากบอกว่าเธอเอง
ก็รู้สึกไม่แตกต่าง เขาก็จะได้ใจ และผลที่ตามมาก็คือความเดือดร้อนจะมาเยือน
อย่างแน่นอน อย่างน้อยก็
ถูกเขาฉวยโอกาสรังแกไปตลอดแน่นอน ที่แล้วมาก็แอบเล่นทีเผลอบ่อย ๆ แล้วนี่จะ
ตอบอย่างไรดี เธอคิดว่า
ยังไม่ถึงเวลาที่จะตอบ เพราะความเจ้าเล่ห์และความเป็นนักฉวยโอกาสของเขา
นั่นเอง อีกอย่าง เธอต้องการ
ดูใจตัวเองอีกสักพักเพื่อให้แน่ใจก่อนว่าคิดกับเขาอย่างที่เขาคิดกับเธอแน่แล้วหรือ
แต่ถ้าไม่ตอบ ก็จะต้องอยู่ต่อไป
อย่างกระอักกระอ่วนใจ เพราะอีกฝ่ายได้สารภาพไปแล้ว นี่เธอควรทําอย่างไรดี
‘คนอะไร ร้ายนัก เอาแต่ความเดือดร้อนมาให้ แล้วจะหาทางออกยังไงดี ’
ขณะที่เธอกําลังคิดหาวิธีอยู่นั้น เขา
ก็คาดคั้นขึ้นอีก
‚คุณฝน คุณยังไม่แน่ใจในตัวผมอีกหรือ คุณคงไม่รู้ว่าที่ผมมอบหน้าที่ให้คุณ
ดูแลเรื่องส่วนตัวของผมทุกเรื่องนั้น
ผมหมายถึงอย่างนั้นจริง ๆ และอยากให้ดูแลไปชั่วชีวิตด้วย ถ้าคุณยังไม่พร้อมที่จะ
ทําหน้าที่นี้ ผมก็จะไม่คาดคั้น
คุณอีกต่อไป ขอเพียงคุณตอบตามความรู้สึกก็พอ‛
สายฝนรู้ว่าตราบใดที่เขายังไม่ได้รับคําตอบ เธอก็ไม่มีทางออกจากห้องนี้ได้
แน่ ขณะที่เธอกําลังคิดหาทางออกอยู่นั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ตามมาด้วยเสียง
ของข้าวโอ๊ต
‚อา ๆ ฝนจ๋า ๆ เปิด ๆ‛
พอได้ยินเท่านั้นสายฝนรีบสะบัดมือจากการเกาะกุมและรีบเดินไปที่ประตู
ก่อนหันมาบอกว่า
‚ถ้าอยากได้คําตอบจากใจจริงคงต้องร้องเพลงรอไปก่อนนะคะเจ้านาย แหม
! งานนี้ต้องบอกว่าข้าวโอ๊ตน่ารัก
จริง ๆ‛ พูดจบก็เปิดประตูออก ข้าวโอ๊ตยืนอยู่ตรงหน้าและโผเข้าหาสายฝนทันที ผู้
เป็นอานึกเกลียดหลานชาย
ตัวดีก็ตอนนี้เอง เขาเริ่มรู้สึกว่าหลานชายแปรพรรคเสียแล้ว แทนที่จะช่วยอากลับ
กีดกัน
สายฝนยิ้มหวานให้ก่อนจูงมือข้าวโอ๊ตออกไปพร้อมถอนใจอย่างโล่งอก
กุลชากําลังจะเข้านอนพลันก็รู้สึกหวิว ๆ ชอบกลและคิดถึงสายรุ้งขึ้นมาเฉย ๆ
ป้าน้อยเห็นจึงรีบเข้าไป
ประคอง
‚เป็นอะไรไปคะคุณผู้หญิง ให้เรียกพยาบาลมั้ยคะ‛ ป้าน้อยห่วง
‚ไม่เป็นไร พี่น้อย แค่ใจมันหวิว ๆ คิดถึงลูก ‛ กุลชาตอบตามตรง
‚คิดถึงคนไหนคะ คุณรุ้งหรือคุณฝนคะ‛
‚ยายรุ้งจ้ะ พี่น้อย อยู่ดี ๆ ก็ห่วงขึ้นมาเฉย ๆ ไม่รู้ว่าไปถึงกรุงเทพฯ แล้วเป็น
ยังไงบ้าง‛
‚คิดถึงก็โทรไปหาสิคะ‛ ป้าน้อยแนะนํา
‚จริงสินะ พี่น้อยช่วยหยิบโทรศัพท์ให้หน่อย‛
ป้าน้อยเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือให้ กุลชารีบกดหาทันที แต่คนที่รับกลับ
เป็นตนุภัทร เขารอสายรุ้งอยู่หน้าห้องผ่าตัดด้วยความกระวนกระวายใจ
‚รุ้งหรือลูก เป็นไง ถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพมั้ย ‛ กุลชาถาม
‚คือ...คุณแม่ครับ รุ้งหลับไปแล้วครับ ไว้พรุ่งนี้ผมจะบอกให้โทรหานะครับ ‛
ตนุภัทรจําใจโกหก ไม่อยากให้
กุลชารู้ เพราะกลัวอาการจะทรุด
‚ถ้าอย่างนั้นแม่ไม่รบกวนคุณภัทรแล้ว ไว้พรุ่งนี้จะโทรไปใหม่ ‛ พูดจบกุลชาก็
ปิดโทรศัพท์มือถือ
ตนุภัทรถอนใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยก็ช่วยให้ผู้สูงวัยไม่ห่วง เขานึกภาวนา
ให้สายรุ้งรอด หมอเข้าไปนาน
แล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะผ่าตัดเสร็จ เขาเดินกลับไปกลับมาหน้าห้องผ่าตัด ยิ่งทอด
เวลานานไป เขายิ่งเครียดและ
กังวล ในใจได้แต่พูดว่า ‘คุณต้องไม่เป็นไรนะที่รักจ๋า ห้ามทิ้งผมไว้คนเดียวนะ’
เวลาผ่านไปอีกพักใหญ่ ประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก หมอและพยาบาลเดิน
ออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก เขาจึงรีบเดินเข้าไปหา
‚หมอ เมียผมเป็นยังไงบ้าง‛ เขาถามทันที
‚หมอช่วยชีวิตไว้ได้แล้ว แต่...‛ เสียงหมอขาดหายไป
‚แต่อะไรหมอ รีบบอกมา‛ เขาลืมตัวถามเสียงดังจนหมอตกใจ หมอชั่งใจอยู่
ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า
‚ขาของคุณสายรุ้งยังต้องรอตรวจให้แน่ใจอีกครั้งหลังจากแผลหายแล้ว
เพราะมีดปักเข้าไปลึกมาก หมอกลัวจะไปถูก
เส้นสําคัญเข้า ซึ่งอาจมีผลให้พิการได้ ‛
ตนุภัทรขบกรามแน่น ในใจนึกถึงโซเฟียเป็นคนแรก
‘โซเฟีย เธอต้องชดใช้ถ้าสายรุ้งเป็นอะไรไป’ นัยน์ตาของเขาวาวโรจน์อย่างน่า
กลัว หมอและพยาบาลพากัน
เดินถอยห่างไป
ตอนที่ 20

‚โซเฟีย ผมขอเตือนในฐานะเพื่อน รีบ ๆ ให้ใครไปเก็บคนของคุณที่ถูกตํารวจ


จับตัวดีกว่า ถ้าไม่อยากให้
เรื่องสาวมาถึงคุณ นายภัทรไม่ปล่อยคุณไว้แน่ ‛ โดมินิกเตือนระหว่างขับรถมาส่ง
โซเฟีย
‚ขอบคุณที่เตือน คิดหรือว่าเขาไม่รู้ว่าฉันอยู่เบื้องหลัง และยังรู้อีกด้วยว่าฉัน
เป็นคนทําร้ายผู้หญิงอีกหลาย
คนที่มาพัวพันกับเขา ที่เขายังไม่คิดจะทําอะไรฉันเพราะอะไรรู้มั้ย คุณในฐานะ
เพื่อนคู่ปรับตลอดกาลของเขา
ช่วยตอบหน่อย‛ โซเฟียไม่สนใจ และไม่กลัวด้วย อย่างหนึ่งที่โดมินิกชื่นชมผู้หญิง
คนนี้คือความกล้า ลองกล้าทํา
ก็ไม่เคยคิดกลัวผลที่จะตามมา แม้ว่าสิ่งที่ทําจะผิดก็ตาม โซเพียมีกฎอยู่ว่า เมื่อ
ตัดสินใจเดินหน้าแล้วย่อมไม่
คิดจะเหลียวหลัง เธอยินดีเผชิญกับอนาคตที่มีทั้งความสมหวังและผิดหวังเสมอ
เธอรู้ว่าเขากับตนุภัทรมีบัญชี
แค้นต่อกันตั้งแต่ตอนที่แย่งกันเสนอผลงานเข้าประมูลในบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง
ของฝรั่งเศส แต่เขาแพ้เพราะ
ผลงานของตนุภัทรดีกว่า คราวนั้นโดมินิกแค้นมาก แค่บริษัทเล็ก ๆ ที่เพิ่งตั้งอาจ
หาญมาเทียบชั้นกับเขา
เรื่องนี้ทําให้เขาเสียหน้ามาก ดังนั้นเขาจึงวางแผนตีสนิทกับลูกสาวของประธาน
บริษัทนั้นจนกระทั่งเขี่ยตนุภัทรออกไป
จากวงโคจรของเขาได้ แต่นึกไม่ถึงว่าตนุภัทรหายไปเพียงพักหนึ่งก็กลับมาพร้อมกับ
งานประมูลติดตั้งโปรแกรม
การควบคุมระบบบริหารจัดการ LOGISTICS แบบครบวงจรในโซนเอเชียให้ห้างดัง
ของยุโรปที่มีสาขาไปทั่วโลก
จากนั้นธุรกิจของตนุภัทรก็ขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ทําให้โดมินิกแค้นมากขึ้น จึง
ยอมร่วมมือกับบิดาของ
เธอทําธุรกิจผิดกฎหมายโดยอาศัยธุรกิจหลักบังหน้า เพราะรายได้ดีกว่า แถมยังมี
แหล่งฟอกเงินเป็นธนาคาร
แห่งหนึ่งในยุโรปที่พวกเศรษฐี นักการเมือง ชอบนํามาฝากกันโดยที่กฎหมายเอาผิด
ไม่ได้
‚เหตุผลง่ายมาก นายภัทรไม่อยากให้มีคนต้องมาสังเวยความแค้นของคุณ
อีก จึงทําเป็นเฉยเสียทุกครั้งที่มี
หญิงสาวมาติดพัน แล้วจู่ ๆ ก็ตีจากไปโดยไม่มีสาเหตุ พูดง่าย ๆ ก็คือเขายังไม่เจอ
คนถูกใจ แต่กับคนที่เขารัก ใครคิด
ไปทําร้ายเข้า คงรู้นะว่าผลมันจะเป็นอย่างไร โซเฟีย แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอก เพราะ
เขาก็จะไม่รอดเหมือนกัน ยิ่งอยู่เฝ้า
เมียที่โรงพยาบาล ยิ่งง่ายต่อการเก็บ ‛ แววเพชฌฆาตปรากฏขึ้นบนใบหน้าเรียบเฉย
ของโดมินิก
‚คุณนี่มันโหดจริง ๆ เข้าใจฉวยโอกาสดีนี่ คิดว่าเขาจะยอมให้คุณลอบทําร้าย
ง่าย ๆ รึ‛ โซเฟียต่อว่า แล้ว
ความคิดหนึ่งก็แล่นเข้าสู่สมองทันที
‘จริงสินะ อยู่โรงพยาบาล น่าจะส่งใครไปกําจัดแม่นั่นให้ตายคาโรงพยาบาล
คราวนี้จะใช้ผู้หญิง
ไม่ใช้ผู้ชายไม่ได้เรื่องพวกนั้นแล้ว ’ โซเฟียคิด
‚คุณเองก็ไม่ต่างหรอก คุณน่าจะรู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงคือกําจัดนายตนุภัทร
ไม่ได้อยู่ที่เมียเขา แต่คุณกลับ
ปล่อยให้ความแค้นส่วนตัวทําเรื่องยุ่งจนได้ ถ้าผมไม่ฉวยจังหวะนี้ คิดหรือว่าจะมี
โอกาสอีก‛ พูดจบก็จอด
รถเพราะถึงหน้าบ้านของโซเฟียพอดี
‚คุณไม่ต้องมาว่าฉัน คุณจะเก็บเขาก็รีบ ๆ เสีย หวังว่าคงสําเร็จนะ ขอบใจ
ที่มาส่ง‛ พูดจบโซเฟียก็เปิดประตูลงจากรถไป โดมินิกมองตามก่อนโทรบอกคนของ
เขาให้ส่งคนไปตามเก็บตนุภัทรที่โรงพยาบาล เขามั่นใจว่า
ตนุภัทรต้องอยู่เฝ้าสายรุ้งแน่ หากจําเป็นก็เก็บสายรุ้งด้วย แม้ใจจะไม่อยากทําคน
สวย ๆ น่ารัก ๆ ก็ตาม

ตนุภัทรมองร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง มือขวามีเข็มน้ําเกลือแทงอยู่และบล็อก
อย่างดีไม่ให้กระเทือน
เวลาเคลื่อนไหว ทั้งหมดนี้เป็นคําสั่งเฉพาะของตนุภัทรที่บอกให้โรงพยาบาลทําให้ดี
ที่สุด คือห้ามคนเจ็บสะเทือน
เป็นอันขาดเมื่อขยับตัว โชคดีที่มีดไม่ได้ถูกเส้นเลือดสําคัญเข้า แต่เขายังเป็นกังวล
เรื่องขา หากขาเรียวสวย
มีอันต้องพิการ คนที่ต้องชดใช้ทั้งหมดคือโซเฟีย เขาจะทําให้ผู้หญิงคนนั้นตายก็
ไม่ได้ อยู่ก็พิการ เขารู้ว่าผู้หญิงอย่างโซเฟียทน
ไม่ได้แน่ ถ้าพิการเธอต้องคิดฆ่าตัวตาย เขาเห็นโซเฟียกับโดมินิกปะปนอยู่ในหมู่คน
ที่ยืนมุงดู โดมินิกคงไม่ใช่
ตัวการ ฉะนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากโซเฟีย
‘โซเฟีย ผมจะไม่ปล่อยให้คุณทําอะไรชั่ว ๆ กับคนอื่นได้อีก รอให้สายรุ้งหาย
ก่อน คุณจะได้รู้ว่าที่แล้วมาผมยอม
อยู่เฉยเพราะไม่อยากไปยุ่งกับความแค้นของผู้หญิงอย่างคุณ แต่คุณมันบ้า กัดไม่
เลือก ขืนปล่อยคุณไว้อาจต้อง
มีคนมาสังเวยอารมณ์รักไม่สมหวังของคุณอีก ผมไม่ปล่อยคุณแน่ ’
เขาตัดสินใจเด็ดขาดที่จะแหวกกฎตัวเองจัดการกับผู้หญิงอย่างโซเฟีย เขาจึง
โทรหาคนของเขาทันที
‚คุณธนิต หาตัวคนขับรถที่พาคุณรุ้งมาที่ห้างพบหรือยัง ‛
‚พบแล้วครับ ผมเพิ่งทราบว่าเป็นคนใหม่ที่ป้าแสงดาวรับไว้เมื่อไม่กี่วันมานี้
เอง ไอ้หมอนี่มันพาคุณรุ้งไปทิ้งไว้ที่ห้าง
แล้วขับรถไปทําธุระใกล้ ๆ ห้างครับ ผมไล่มันออกแล้วครับ ‛ คนสนิทรายงาน
‚แล้วนายชมไปไหน ทําไมไม่มาขับ ‛ เขาถามถึงนายชมคนขับรถที่เป็นบอดี้
การ์ดไปในตัวด้วย
‚มันหนีไปแล้วครับ คนของผมที่แฝงตัวอยู่ในบ้านคุณจับได้ว่ามันเป็นคนส่ง
ข้อมูลของคุณให้คนของ
โซเฟียรู้ครับ ตอนนี้กําลังให้คนตามล่าตัวอยู่ ไม่เกินสามวันพบแน่ คุณจะให้ผมทํา
อย่างไรต่อครับ‛
คําตอบของธนิต ทําให้เขาเข้าใจทันทีว่าทําไมโซเฟียกับโดมินิกจึงรู้ความเคลื่อนไหว
ทุกครั้งของเขา
‚ได้ตัวแล้วพาไปมอบให้ตํารวจ บอกประวัติให้ตํารวจรู้ด้วย จําไว้นะ ผมไม่
ต้องการให้ตํารวจปล่อยมันออกมา
ถ้าออกมาตํารวจต้องเดือดร้อนแน่ ‛ ตนุภัทรมักมีวิธีจัดการกับคนทรยศโดยยืมมือ
กฎหมายเสมอ เขาไม่ต้องการ
ให้มีผลกระทบเกี่ยวกับธุรกิจที่ทําอย่างสุจริต เขาทําธุรกิจอย่างตรงไปตรงมา อะไร
ที่ต้องเสียให้รัฐก็เสีย อะไรที่
ต้องเสียให้คู่ค้าก็เสีย แต่เขาไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบ คนที่คิดเอาเปรียบ จุดจบ
คือคําว่าจ่ายคืนเป็นสองเท่า
และไม่มีคําว่าปรานีอีกต่อไป เขารู้ดีว่าคนที่เป็นบอดี้การ์ดมักมีประวัติที่ไม่ขาว
สะอาดนัก ต้องมีข้อมูลอยู่ใน
แฟ้มอาชญากรรมแน่นอน นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าคนที่เขารับไว้เพราะคิดว่ากลับใจได้
และทํางานด้วยความซื่อตรงตลอด
จะเป็นหนอนบ่อนไส้ได้ คงจะจริงที่ว่าสันดานคนนั้นเปลี่ยนยาก
‚ไม่ต้องห่วงครับ มันจะไม่มีวันได้ออกจากคุกแน่ คุณภัทรจะจัดการอย่างไร
ต่อกับคนที่ทําคุณรุ้งบาดเจ็บ ‛
คนสนิทถามต่อ
‚ส่งคนไปคุ้มกันมันในคุกก่อน เพราะอาจถูกเก็บได้ ส่วนโซเฟีย ถ้าคุณรุ้งเป็น
อะไรไป ผมจะให้เธอชดใช้ก่อนถูกจับ
ยังมีอีกเรื่อง...รีบส่งข้อมูลให้มิสเตอร์ปิแอร์ บอกให้ลงมือได้ ผมไม่รออีกแล้ว ส่วน
คุณหว่อง ผมจะประสานเอง‛
คําสั่งเขาเฉียบขาดและน่ากลัวมาก ธนิตรู้ว่าสาเหตุเพราะโซเฟียไม่ควรไปทํา
ร้ายผู้หญิงที่เจ้านายรักนั่นเอง
ไม่ควรเลยจริง ๆ ไปยุ่งกับหัวใจตนุภัทรเข้า
จบการสนทนากับคนสนิท ร่างสูงใหญ่ก็ขยับเข้าใกล้เตียงคนเจ็บอีกครั้ง มือ
ใหญ่แข็งแรงสัมผัสเบา ๆ ไปทั่วใบหน้าเนียนนุ่มทว่าซูบซีดเพราะเสียเลือด หลังออก
จากห้องผ่าตัดสายรุ้งยังไม่รู้สึกตัวเลย สายตาคมเข้มจ้องมอง
หญิงสาวที่หลับอยู่เนิ่นนานก่อนที่ปากหนาได้รูปจะสัมผัสเบา ๆ ที่หน้าผากเนียน
จากนั้นก็ลากเก้าอี้มานั่งข้าง
เตียงกุมมือเรียวเล็กนุ่มนิ่มข้างซ้ายไว้ สายตาไม่คลาดจากร่างที่ยังไม่ได้สติบนเตียง
‚อย่าเป็นอะไรไปนะที่รักจ๋า ขอเพียงคุณลืมตา รู้สึกตัว จะต่อว่า หรือให้ผมทํา
อะไรก็ได้ ขอเพียงอย่างเดียว
อย่าทิ้งผมไปก็พอ‛ ทว่าก็ไม่มีทีท่าว่าคนเจ็บจะรับรู้ เวลาผ่านไปนานพอสมควรแล้ว
แต่ร่างสูงใหญ่ยังคงนั่งอยู่ในท่าเดิม ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งสิ้น จนกระทั่งเสียง
โทรศัพท์มือถือของสายรุ้งดังขึ้นติด ๆ กัน ร่างสูงใหญ่จึงลุกไปรับ พอรับจึงได้รู้ว่า
เป็นสายฝนนั่นเอง
‚รุ้ง ทําอะไรอยู่ ทําไมถึงรับช้าจัง ‛ เสียงหวานที่ส่งมาตามสัญญาณ
โทรศัพท์มือถือทําให้อีกฝ่ายนิ่ง กําลังชั่งใจ
ว่าจะบอกไปตรง ๆ หรือเลี่ยงดี เขารู้ว่าสองพี่น้องรักกันมาก แต่คิดอีกทีก็ดี
เหมือนกัน ให้ผู้เป็นพี่รับรู้ พอสายรุ้ง
ฟื้นขึ้นมาจะได้มีความสุขและรู้สึกอบอุ่นเมื่ออยู่ใกล้ญาติสนิท
‚คุณฝนครับ ผมตนุภัทร ไม่ใช่สายรุ้งน้องสาวคุณ ตอนนี้น้องสาวคุณนอนที่
โรงพยาบาล เธอได้รับบาดเจ็บ
เพราะถูกคนทําร้ายครับ ‛ เขาตัดสินใจบอกไปตรง ๆ
‚จ...จริง...หรือคะ‛ สายฝนถามกลับด้วยน้ําเสียงตระหนก
‚จริงครับ ผมเสียใจที่ดูแลน้องสาวคุณไม่ดีเท่าที่ควร‛ เขาตอบกลับอย่าง
สํานึกผิด คนโทรนิ่งไปพักใหญ่
ก่อนถามกลับด้วยน้ําเสียงร้อนรน
‚แล้วตอนนี้รุ้งเป็นยังไงบ้าง อยู่ที่โรงพยาบาลไหนคะ‛
พอตนุภัทรเล่าอาการของสายรุ้งพร้อมกับบอกชื่อโรงพยาบาลให้สายฝนรับรู้
เธอก็วางสายทันที และรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
เพื่อไปเยี่ยมน้องสาว แต่บังเอิญวรเมธออกมาเห็นเสียก่อนจึงถาม
‚คุณฝน ค่ํามืดแล้วคุณจะไปไหน‛
ถ้าเป็นเวลาอื่นสายฝนคงเลี่ยงที่จะตอบ เพราะไม่อยากให้เขารู้เรื่องส่วนตัว
แต่เวลานี้ใจเธอร้อนรนด้วยความเป็นห่วงน้องสาว จึงบอกไปตรง ๆ
‚น้องสาวฝนถูกคนลอบทําร้าย ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลค่ะ ‛
พอได้ยินวรเมธก็นิ่ง เป็นครั้งแรกที่สายฝนยอมพูดถึงญาติพี่น้อง แต่เขาจะ
ปล่อยให้เธอไปคนเดียวในเวลากลางค่ํากลางคืนอย่างนี้ไม่ได้ น่าเป็นห่วง และ
อยากถือโอกาสรู้จักญาติพี่น้องของเธอด้วย
‚ถ้าอย่างนั้นคุณรอผมเปลี่ยนเสื้อผ้าครู่หนึ่ง ผมจะพาไปส่ง คุณไปคนเดียว
ผมเป็นห่วง ค่ํามืดแล้ว ‛
สายฝนไม่คิดจะค้านอีกต่อไปจึงพยักหน้า อย่างน้อยไปกับเขาคงปลอดภัย
กว่านั่งแท็กซี่คนเดียวในยาม
ค่ําคืนเช่นนี้ ไม่ช้าเขาก็กลับออกมาและรีบขับรถพาเธอไปโรงพยาบาล

บงกชเดินกลับไปกลับมาในห้องนอน สายตามองไปที่หน้าต่างตลอดเวลา
ท่านรองปพนสามี
ซึ่งกําลังอ่านข่าวเศรษฐกิจอยู่บนเตียงเห็นเข้าจึงวางหนังสือพิมพ์ลงและถามขึ้น
‚เป็นอะไรไปคุณ ท่าทางกระวนกระวายนัก ถ้าเป็นห่วงเจ้าวัศก็เลิกห่วงได้
แล้ว มันเป็นผู้ชาย กลับดึก
ก็ไม่เสียหาย ได้ข่าวว่าหมู่นี้งานยุ่งไม่ใช่หรือ ‛ คําพูดของท่านรองปพนบ่งว่ายังไม่รู้
เรื่องที่บุตรชายก่อไว้ ซึ่งทําให้
บงกชสบายใจได้เปลาะหนึ่ง สองวันนี้เธอยังไม่เห็นหน้าลูกชายตัวดี เธอมีเวลาเพียง
แค่พรุ่งนี้วันเดียวตามที่
พนิดาบอกไว้ ที่กลัวที่สุดคือกลัวเสียชื่อและกลัวสามีรับรู้เท่านั้นเอง
‚แหม ! ลูกทั้งคน กชไม่ห่วงได้ยังไงคะ คุณพน ไม่กลับบ้านมาหลายคืนแล้ว
นะคะ ข่าวคราวก็ไม่ส่ง กชใจไม่
แข็งเท่าคุณพนหรอกค่ะ‛ ทั้งน้ําเสียงกับสีหน้าบงกชแฝงแววกังวลแกมต่อว่าสามีไป
ในตัว แท้จริงแล้วต้องการ
กลบเกลื่อนไม่ให้สามีจับได้มากกว่า เธอรู้ด.ี ..ที่บุตรชายไม่กลับบ้านมาหลายวัน ถ้า
ไม่ได้ไปอยู่ที่บ่อนก็เรื่องพาสาว
เที่ยวมากกว่า
‚มันโตแล้ว ย่อมรู้จักดูแลรักษาตัวเองได้ ตั้งแต่มีเรื่องกับคุณตนุภัทรคราว
ก่อน ความประพฤติเจ้าวัศดีขึ้นมาก
เห็นเอาการเอางานดี คนที่บริษัทชมไม่ขาดปาก เลิกเห็นลูกเป็นเด็กเล็ก ๆ ได้แล้ว
รีบเข้านอนเสีย พรุ่งนี้คุณต้องไป
เยี่ยมคุณหญิงผกาที่ป่วยเข้าโรงพยาบาลไม่ใช่หรือ ถ้าไม่อยากให้นักข่าวเห็นสภาพ
อิดโรยของคุณละก็นะ‛
ท่านรองปพนเตือนด้วยความหวังดี รู้ดีว่าบงกชยอมไม่ได้แน่ถ้าภาพเธอ
ออกไปไม่สวย ผิดกับอีกคนที่ไม่ค่อย
จะใส่ใจเรื่องความงามของตัวเองนัก แต่กลับโชคดีที่เกิดมาสวยโดยไม่ต้องเสริม
แต่ง ไม่รู้ว่าเป็นตายร้าย
ดีอย่างไรหลังจากออกจากบ้านไปพร้อมสายรุ้ง อยู่ที่นี่เขาเลี้ยงดูอย่างดี ป่วยก็ไม่ได้
ทอดทิ้ง ค่ารักษาก็ออกให้ ยังคิดว่าเขาไม่ดีอีก บงกชเองก็เก่ง ทําตัวเป็นผู้ดีได้
แนบเนียนมาก ช่วยเขาสร้างภาพได้ดีมาตลอดตั้งแต่ก้าวเข้าสู่ตําแหน่งรองนายกฯ
ฝ่ายเศรษฐกิจนี่คือความเจนสังคมอย่างหนึ่งของบงกชที่เขายกย่อง บ่อยครั้งที่เขา
คิดจะหย่ากับกุลชา แต่สุดท้ายก็ทํา
ไม่ได้ เพราะสัญญาที่ให้ไว้กับผู้ใหญ่ตอนแต่งงานว่ากุลชาจะเป็นเพียงภรรยาเดียว
ที่อ้างสิทธิ์ตามกฎหมายได้
เขาอาจเป็นคนไม่ดีนัก แต่เรื่องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับผู้ใหญ่เขามักทําตามเสมอ
เขาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับบงกช ดังนั้นทุกครั้งที่บงกชเอ่ยถึงเรื่องนี้เขาจึงเลี่ยงเสีย ถึง
อย่างไรเขาก็ยกย่องบงกชออกหน้าออกตาอยู่แล้ว ในขณะที่กุลชาเองก็ไม่เคยทําตัว
เป็นข่าวให้คนอื่นรู้ ก็นับว่าพอแล้วสําหรับทั้งสองฝ่าย เขามองหน้าบงกชอีกครั้ง
อย่างไม่เข้าใจว่าทําไมคืนนี้จึงได้ห่วงลูกชายนัก พร้อม ๆ กับได้ยินเสียงรถแล่นเข้า
บ้าน
‚คุณพนนอนก่อนนะคะ กชจะไปดูตาวัศเสียหน่อย อยากรู้ว่างานยุ่งมากแค่
ไหนถึงไม่มีเวลากลับบ้าน
เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้างน่ะค่ะ‛
‚เห็นทีปีนี้ผมต้องส่งคุณเข้าชิงตําแหน่งแม่ดีเด่น ลองห่วงลูกอย่างนี้ แต่ผมว่า
ทางที่ดีอย่าไปยุ่งดีกว่า ลูกกลับมา
เหนื่อย ๆ‛ ท่านรองปพนพูดจบก็ล้มตัวลงนอนอย่างไม่อยากยุ่ง

ดนุวัศเข้าบ้านมาด้วยใบหน้าสดชื่น วันนี้เขาได้มากกว่าเสีย ทั้งเรื่องแทงบอล


และการพนันในบ่อน แต่พอพบใบหน้า
เคร่งเครียดของมารดา ความสดชื่นก็หายไปทันที
‚ระรื่นมาเชียวนะลูกฉัน แต่ก่อนจะขึ้นห้องแม่มีเรื่องต้องเคลียร์กับวัศให้รู้
เรื่อง‛ บงกชพูดเสียงเข้ม
‚คุณแม่ ผมเหนียวตัว อยากอาบน้ํา ไว้พรุ่งนี้ค่อยพูดกันดีกว่า ‛ ดนุวัศทํา
น้ําเสียงเหนื่อยหน่ายตามเคย
‚ไม่ได้ ! วัศต้องพูดกับแม่ให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่อยากเดือดร้อน‛ คราวนี้
น้ําเสียงบงกชเด็ดขาด รวมถึงสีหน้าที่
เคร่งเครียดด้วย ดนุวัศเห็นดังนั้นจึงเข้าใจทันทีว่าต้องมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น มิฉะนั้น
มารดาจะไม่เสียงเข้มและเฉียบขาด
อย่างนี้ ทุกครั้งที่โกรธจัดมารดาจะพูดกับเขาแบบนี้เสมอ
‚เกิดอะไรขึ้นหรือครับคุณแม่ มีใครมาก่อกวนหรือครับ ‛ เขาถามตรง ๆ
‚ยังดีที่รู้ว่ามีคนมากวน อยากรู้จะบอกให้ สองวันก่อนแม่พนิดามาที่นี่ มาทวง
สิทธิ์การเป็นลูกสะใภ้แม่
แถมยังขู่ด้วยว่าถ้าภายในสามวันไม่ยินยอม จะแฉบทพิศวาสบนเตียงของวัศให้
สังคมรู้ เป็นไง เรื่องนี้สําคัญพอ
ที่จะพูดคุยกับแม่ได้หรือยัง‛
เขาเหมือนถูกหมัดน็อคทันที นึกไม่ถึงพนิดาจะกล้า
‚แล้วคุณแม่ก็เชื่อ เป็นไปไม่ได้ที่ดาจะกล้า ผมไม่เชื่อ ‛
‚ยายนันก็เห็น แม่พนิดานั่นถ่ายไว้ในโทรศัพท์มือถือ เขาตั้งใจจับแก แม่ขอ
ยื่นคําขาด วัศต้องไปเคลียร์กับแม่นั่น
ให้เรียบร้อย ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม ไม่อย่างนั้นครบกําหนดสามวันถ้าแม่นั่นไปหา
คุณพ่อ ทุกอย่างพังแน่
อยากก่อเรื่องก็แก้เอง แม่เคยเตือนวัศแล้ว อย่าประมาทผู้หญิง ไม่เชื่อเอง ช่วย
ไม่ได้‛ พูดจบบงกชก็ปล่อยให้
บุตรชายนั่งกุมขมับหาทางออกเอาเอง เธออยากรู้ว่าบุตรชายจะมีปัญญาจัดการกับ
ผู้หญิงคนนั้นไหม ถ้าไม่ได้
เธออาจต้องลงมือเอง ให้ยอมรับผู้หญิงต่ํา ๆ แบบนั้นมาเป็นสะใภ้นั้น เธอไม่มีวัน
ยอมแน่

พยาบาลเข้ามาในห้องเพื่อเช็กน้ําเกลือและอาการคนเจ็บ แต่พอเห็นสามีคน
เจ็บนั่งนิ่งในท่าเดิมและ
จ้องมองใบหน้าผู้ที่นอนอยู่ตลอดเวลาก็ค่อย ๆ ล่าถอยออกไป นึกอิจฉาหญิงสาวที่
นอนเจ็บอยู่ เธอจะรู้หรือไม่
ว่ามีผู้ชายที่รักเธอมากเพียงนี้ คงเป็นเสียงเปิดปิดประตูของพยาบาลกระมังที่ทําให้
คนเจ็บเริ่มขยับตัว นิ้วเรียวเล็กในอุ้งมือใหญ่อบอุ่นเริ่มขยับก่อนเอ่ยออกมาด้วย
น้ําเสียงแผ่วเบา
‚ช่วยด้วย‛
ตนุภัทรก้มลงมอบสัมผัสอ่อนโยนบนริมฝีปากอิ่มบางนุ่มนิ่มทว่าซีดจัดใน
เวลานี้ และย้ายไปที่หน้าผาก
มน ก่อนเอ่ยด้วยน้ําเสียงอ่อนโยน
‚ไม่ต้องกลัวนะที่รักจ๋า ผมอยู่กับคุณแล้ว ไม่มีใครกล้าทําอะไรคุณแล้ว ‛
ทั้งหมดทั้งปวงช่วยให้ผู้ที่หลับไหลมาเป็น
เวลานานจากการถูกลอบทําร้ายค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมา ดวงตาคู่งามกวาด
มองไปรอบ ๆ ก่อนจะพบกับ
ใบหน้าคมเข้มที่ดูอิดโรยอยู่ไม่น้อย หากสายตาที่มองมานั้นดูอบอุ่นและปีติยินดี
อย่างบอกไม่ถูก คนเจ็บยิ้มหวาน
ให้เป็นครั้งแรกก่อนจะเอ่ยด้วยน้ําเสียงอ่อนแรงว่า
‚ที่สุดคุณก็มา พักบ้างนะสามีที่ร...‛ คนเจ็บพูดได้แค่นั้นก็ค่อย ๆ ปิดเปลือก
ตาลงด้วยความเพลีย
ตนุภัทรรีบกดปุ่มเรียกหาพยาบาลกับหมอทันที หมอเข้ามาตรวจดูแล้วก็บอกว่า
‚ตอนนี้คุณสายรุ้งปลอดภัยแล้ว แต่ยังเพลียอยู่มาก เพราะเธอเสียเลือดมาก
ไป กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีคงสักสองสาม
ชั่วโมง หรือไม่ก็เช้า คุณภัทรพักก่อนก็ได้ หมอรับรองว่าพรุ่งนี้ภรรยาของคุณจะดีขึ้น
มาก และพูดคุยได้ปกติ เหลือแค่
การตรวจสอบการเคลื่อนไหวของขาซ้าย หมอหวังว่าจะไม่อย่างที่หมอกลัว ‛ หมอ
พอใจกับอาการคนเจ็บ แต่ยัง
ไม่แน่ใจกับอาการบาดเจ็บที่ขา
‚ไม่ว่าจะอย่างไร ผมขอสั่งนะหมอ เมียผมต้องไม่พิการ หมอเตรียมติดต่อ
หมอเก่งที่สุดมาได้เล้ว ไม่ว่าอยู่
ที่ไหนก็ให้พาตัวมา ให้มารักษาขาเมียผม‛ ตนุภัทรลืมตัวสั่งหมอบอกหมอออกไป
ดัง ๆ แต่หมอก็ใจเย็นพอที่
จะเข้าใจความรู้สึกของเขา
‚ไม่ต้องห่วงครับ คุณภัทร หมอรู้จักหมอที่ชํานาญเรื่องนี้โดยเฉพาะ ขอหมอ
รอดูอาการอีกสองสามวัน
จะรู้ได้ก็ต่อเมื่ออาการคุณสายรุ้งดีขึ้นก่อน เธอจะบอกเองครับว่าเดินได้หรือไม่ได้
หมอขอตัวไปดูคนไข้คนอื่นก่อน‛
หมอขอตัวออกไปพร้อมพยาบาลเพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องต่าง ๆ โดยที่เขายังไม่ทันได้เอ่ย
อะไรออกมา พอมองไปที่เตียงคนเจ็บ
เห็นคนเจ็บหลับอย่างเป็นสุขและมีรอยยิ้มระบายไปทั่วใบหน้าซูบซีดนั้น เขาก็ยิ้ม
ตอบก่อนยื่นหน้าเข้าไปใกล้
ริมฝีปากอิ่ม
‚ไม่ต้องห่วงนะ ผมจะไม่ยอมให้คุณพิการเป็นอันขาดที่รักจ๋า ‛ เขาซบหน้าลง
กับเตียง แล้วหลับไปด้วยความ
เพลียเช่นกัน

ระหว่างทางที่วรเมธขับรถพาสายฝนมายังโรงพยาบาลนั้น สายฝนมีสีหน้า
กังวลอย่างเห็นได้ชัด สลับกับ
การลอบถอนใจมาเป็นระยะ ๆ วรเมธเห็นแต่ไม่พูดอะไร เขาเองก็เคยมีพี่ชายที่รัก
กันมากจนไม่คิดว่าพญามัจจุราช
จะมาพรากไปในเวลาอันรวดเร็ว เขาเข้าใจความรู้สึกของสายฝนในเวลานี้ดี มันคง
ไม่ต่างกันนักในยามที่เขาทราบ
ข่าวอุบัติเหตุที่เกิดกับพี่ชายและรีบบึ่งไปโรงพยาบาล ในใจทั้งวิตก ทั้งหวาดกลัว
การสูญเสียอย่างบอกไม่ถูก
ภาวนาอย่าให้พี่ชายเป็นอะไรไป ผิดกันแต่เวลานั้นเขาไม่มีใครสักคนที่เข้าใจ
ความรู้สึกของเขาเท่านั้นเอง แต่เวลานี้สายฝนยังมีเขา เขาพร้อมจะแชร์ความรู้สึก
นั้นกับเธอ แม้เธอจะยังไม่ยอมให้เขาก้าวล่วงเข้าไปในหัวใจ
มากนัก แต่เขารู้ เธอไม่ได้รังเกียจเขา ไม่อย่างนั้นเธอคงลาออกหรือรีบปฏิเสธไป
นานแล้ว เขาได้แต่ลอบ
มองเธอ อยากเอื้อนเอ่ยเหลือเกินว่า
‘ไม่ต้องห่วงนะ คุณยังมีผมยู่ คุณไม่ได้ตัวคนเดียว ผมพร้อมจะยืนเคียงข้าง
คุณเสมอไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น’
‚คุณเมธ คุณอยากรู้ประวัติฝนโดยละเอียดมั้ยคะ‛ จู่ ๆ สายฝนก็ทําลาย
ความเงียบขึ้นด้วยการหันไปถาม
เขาพยักหน้าแทนคําตอบ รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะมันหมายถึงเธอ
ไว้วางใจเขา สายฝนจึงเล่าให้เขาฟัง
โดยละเอียด
‚เรื่องทั้งหมดฟังแล้วก็เหลือเชื่อใช่มั้ยคะ ใครจะไปนึกว่าลูกเมียที่ถูกต้องตาม
กฎหมายของท่านรองปพน
ต้องมาตกระกําลําบาก นี่แหละค่ะ ที่ฝนไม่อยากจะเล่าให้ใครฟัง แม่พยายามทําตัว
ให้หายสาบสูญไปจากสังคม
เพื่อให้ผู้หญิงคนนั้นกับลูกอ้างสิทธิ์ได้เต็มที่ แต่ถ้ารุ้งเป็นอะไรไป ฝน...ไม่กล้าคิดว่า
แม่จะ...‛ เป็นครั้งแรกที่น้ําเสียงของสายฝนเริ่มสั่น เธอห่วงและหวาดกลัวการ
สูญเสียนั่นเอง เขาพารถเข้าจอดข้างทาง ดึงตัวเธอมากอดไว้แนบอก ฝ่ามือใหญ่
แข็งแรงลูบหลังปลอบประโลมเบา ๆ สายฝนที่เคยเข้มแข็งยามนี้กลับอ่อนแออย่าง
เห็นได้ชัด
‚อยากร้องก็ร้องเถอะ คุณฝน การที่เราได้ร้องไห้ระบายความอัดอั้นตันใจบ้าง
มันอาจช่วยให้อะไร ๆ ดีขึ้นได้
ผมเชื่อที่คุณบอกทุกอย่าง ต่อไปนี้คุณจะไม่ต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวอีกแล้ว เพราะ
คุณจะมีผมอยู่เคียงข้างเสมอ‛
สายฝนปล่อยให้น้ําตาไหลตามที่เขาบอก ร้องไห้กับความวิตกกังวลและอัด
อั้นตันใจที่สั่งสมมานาน เวลานี้เธอไม่ใช่
สายฝนที่เข้มแข็งอีกต่อไปแล้ว สักพักเธอก็เงียบ ซบหน้าอยู่กับอกกว้างแข็งแรงที่ให้
ความรู้สึก
อบอุ่นมั่นคงในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก เธอแนบหน้าอยู่อย่างนั้นครู่ใหญ่ก่อนจะพูดว่า
‚คุณรู้มั้ยว่าทําไมฝนถึงไม่คิดจะตอบคุณว่ารู้สึกอย่างไรกับคุณ เพราะฝนกลัว
...กลัวว่าสักวันคุณจะเหมือนพ่อ
กลายเป็นผู้ชายที่ไม่รับผิดชอบ ตัวอย่างแม่เป็นบทเรียนที่ดี ‛
‚ถ้าเป็นวันก่อนผมคงไม่เข้าใจ แต่เวลานี้ผมเข้าใจแล้ว ผมจะไม่สัญญาว่า
อนาคตจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่ผม
มั่นใจอยู่อย่างหนึ่งว่า ตราบใดที่ผมมีคุณอยู่เคียงข้าง ความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณจะไม่
เปลี่ยนแปลง‛ คําพูดของเขาหนักแน่น
จริงจัง แม้จะไม่ได้เอ่ยเป็นคํามั่นสัญญาแต่กลับมั่นคงยิ่งกว่า สายฝนเงยหน้าที่
เปื้อนคราบน้ําตาจ้องมอง
ใบหน้าคมเข้มที่ทอดมองลงมาก่อนที่นิ้วใหญ่จะเช็ดน้ําตาออกให้อย่างเบามือแล้ว
ยิ้มให้อย่างอบอุ่น
‚ขี้แยจังเด็กน้อย ดูสิ เสื้อผมเปียกหมดเลย แล้วจะไปให้กําลังใจน้องสาวได้
ยังไงกัน‛ เขายั่ว
‚ผู้ใหญ่บ้า ไปต่อได้แล้วค่ะ‛ สายฝนทุบเบา ๆ ไปที่อกกว้างก่อนขยับกายออก
ห่าง วรเมธยิ้มให้กับการแก้เขิน
ของเธอก่อนสตาร์ตรถและรีบขับพาเธอไปโรงพยาบาล นึกอยากขอบคุณสายรุ้งที่
ช่วยทําให้เรื่องระหว่างเขากับ
สายฝนคลี่คลายได้ เหลืออย่างเดียวคือเรื่องรักษามารดาของเธอ จากนั้นคงมีชีวิต
ครอบครัวที่มีความสุขกับ
ฝนจ๋าของเขาและนายข้าวโอ๊ตเสียที แต่มันจะด่วนสรุปเร็วไปหน่อยหรือเปล่า
ตอนที่ 21

ที่สุดทั้งคู่ก็มาถึงโรงพยาบาล ระหว่างทางที่เดินไปยังห้องของสายรุ้ง วรเมธ


สังเกตเห็นชายร่างสูงใหญ่หลายคน
แต่งกายเหมือนบุรุษพยาบาลบ้าง คนมาเยี่ยมไข้บ้าง เดินไปมามากมายผิดปกติ
‘ลักษณะท่าทางไม่เหมือนคนมาเยี่ยมไข้หรือบุรุษพยาบาลนัก หรือว่าเป็นคน
ของตนุภัทร เฮ้อ ! ตกลงหมอนี่จะเป็นนักธุรกิจหรือผู้มีอิทธิพลกันแน่ ฝนจ๋าจะรู้หรือ
เปล่านะว่ามีน้องเขยเป็นนักธุรกิจผู้มีอิทธิพล คิดแล้วก็ขํา ไม่นึกไม่ฝันว่าคนอย่าง
นายคนนี้จะมาหลงรักน้องสาของฝนจ๋าได้ ’
แม้เขาจะยังไม่เคยเห็นหน้าสายรุ้ง แต่คิดว่าคงสวยน่ารักไม่แพ้กัน
ไม่อย่างนั้นคงไม่คว้าหัวใจนักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพลอย่างตนุภัทรได้ พอเปิดประตูเข้า
ไปเห็นผู้ที่นอนอยู่บนเตียงก็รู้ว่าคิดไม่ผิด สวยน่ารักกันคนละแบบ ตนุภัทรเองก็เพิ่ง
จะเห็นหน้าสายฝนเป็นครั้งแรก แต่ไม่มีท่าทีแปลกใจนัก ที่แปลกใจคือคนที่ตามมา
ด้วยนี่สิ
‘ไอ้หมอนี่ตามพี่เมียไม่ห่างเลยนะ’
แต่ทั้งคู่ต่างไม่พูดอะไรออกมา ต่างคนต่างสนใจสายฝนมากกว่า
‚คุณภัทร รุ้งเป็นยังไงบ้างคะ รู้สึกตัวหรือยัง ทําไมถึงมีคนจ้องทําร้าย‛ สาย
ฝนถามขณะที่สายตาจ้องจับ
ที่ใบหน้าซูบซีดของน้องสาว
‚คุณฝนไม่ต้องห่วง ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว เหลือแต่รอแผลหาย เพิ่งหลับไป
ก่อนคุณฝนมา‛ ตนุภัทรพูดให้
สายฝนคลายกังวล
‚โธ่ ! รุ้ง ทําไมเคราะห์ร้ายอย่างนี้ รีบหายเร็ว ๆ นะ ‚ สายฝนพูดเบา ๆ ก่อน
ยื่นมือเรียวสวยไปลูบเบา ๆ ตามใบ
หน้าซูบซีดของน้องสาว ดวงตาคู่สวยมีแววห่วงใยกังวล เธอจับมือเรียวเล็กมาบีบ
เบา ๆ คนเจ็บเริ่มขยับตัว
ปากพึมพําเบา ๆ ว่า
‚พี่ฝน...แม่…‛ ก่อนที่เปลือกตาจะเปิดขึ้นอีกครั้งแล้วยิ้มทั้งน้ําตาเมื่อเห็นผู้ที่
ยืนอยู่ข้างเตียงซึ่งก็มีอาการ
ไม่ต่างกัน ก่อนจะแนบหน้าลงไปซบอกน้องสาวพลางกอดไว้เบา ๆ แล้วค่อย ๆ ขยับ
ออกห่าง วรเมธลากเก้าอี้มาให้
เธอนั่งก่อนเดินออกไปนอกห้องพร้อมตนุภัทร ทั้งคู่ต้องการให้พี่น้องอยู่ด้วยกันตาม
ลําพัง
‚พี่ฝน มาได้ยังไง‛ สายรุ้งถามด้วยน้ําเสียงเพลีย ๆ
‚พี่สังหรณ์ใจ อยู่ดี ๆ ก็ห่วงรุ้งขึ้นมาเฉย ๆ เลยโทรหา คุณภัทรรับและบอกพี่
ดูเขารักและเป็นห่วงรุ้งมาก
เห็นแบบนี้แล้วพี่สบายใจ‛ สายฝนบอกด้วยน้ําเสียงอ่อนโยน
‚ใช่ เขาดีกับรุ้งมาก และรุ้งก็รักเขาด้วย แต่อดโมโหเขาไม่ได้ เขาทําให้รุ้งต้อง
เป็นแบบนี้ คอยดูจะแกล้งให้เข็ด‛
แม้จะอ่อนเพลียเพราะเพิ่งรู้สึกตัว แต่สายรุ้งยังอดคิดแกล้งชายที่ตัวเองรักไม่ได้ กับ
พี่สาวเธอคุยได้ทุกเรื่อง
สายฝนยิ้มให้อย่างอ่อนโยนแล้วส่ายหน้าให้กับความเหลือเกินของน้องสาว
‚เรานี่นะ กับคนรักก็ไม่เว้น เอาละ พักผ่อนให้มาก ๆ ไว้พรุ่งนี้เช้าพี่จะมาเยี่ยม
ใหม่นะ รีบหายเร็ว ๆ แล้วอย่า
แกล้งคุณภัทรมากนักนะ เห็นเขาห่วงรุ้งแล้วอดสงสารไม่ได้ ‛
‚รับรองไม่ถึงตายหรอก พี่ฝน รุ้งเหนื่อยและเพลียมาก พี่ฝน ตอนรุ้งไม่ได้สติ
นั้น รุ้งฝันน่ากลัวมาก ฝันว่าตัวเอง
ถูกคนไล่ล่า วิ่งหนีจนเหนื่อยหอบจนเจอคุณภัทร เขายื่นมือมาจับรุ้งแล้วจับไม่อยู่
หันไปอีกทีก็เจอพี่ฝนกับแม่
กําลังเรียกหา รุ้งพยายามตะโกนให้เข้ามาช่วย แต่เหมือนอยู่กันคนละทาง พี่ฝน...
อย่า...บอกแม่นะ‛
สายรุ้งพูดอย่างอ่อนแรง สายฝนพยักหน้า
‚ไม่ต้องห่วง รุ้ง พี่รู้ดี เรื่องนี้จะให้แม่รู้ไม่ได้ รุ้งเหนื่อยก็หลับเสีย พรุ่งนี้พี่จะมา
เยี่ยมใหม่‛
สายรุ้งยิ้มแล้วหลับตาลงอย่างเป็นสุข สายฝนก้มลงไปจูบเปลือกตาน้องสาว
เบา ๆ
‚หลับให้สบายนะน้องสาวคนดี ‛ เธอยืนมองน้องสาวหลับพร้อมรอยยิ้มเป็น
สุข

‚ผมไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเกี่ยวดองกับคุณ ให้ตายเถอะ‛ ตนุภัทรบ่นออกมา


ขณะที่ยืนรออยู่หน้าห้อง
‚ผมก็เหมือนกัน หวังว่าคราวนี้เราคงเจรจาการค้ากันได้แล้วนะ คุณภัทร ถ้า
คุณไม่ยอม ผมคิดว่าพอมีวิธี
ให้คุณยอมลงทุนเปิดธุรกิจท่องเที่ยวกับผม‛ วรเมธยังคงความเป็นนักธุรกิจอยู่ดี ไม่
ยอมเสียเวลาโดยเปล่า
ประโยชน์ และรู้จักฉวยโอกาสด้วย ตนุภัทรรู้ดีว่าทําไมปิแอร์ถึงแค้นหมอนี่นัก
‚กฎของผมมีอยู่ว่า ถ้าผมพอใจก็ทํา ไม่พอใจก็เลิก ต่อให้คุณคิดเข้าทางพี่
ภรรยาผมก็คงยาก คุณฝนไม่ยุ่งแน่
แล้วถ้าเธอรู้ว่าคุณคิดเอาเธอมาต่อรองเรื่องการค้าก็คงเสียใจไม่น้อย‛ ตนุภัทรร้าย
พอควร
‚คุณคิดผิดมั้ง ผมไม่เคยคิดใช้ผู้หญิงที่ผมรักเป็นเครื่องมือ เพราะถึงอย่างไร
คุณก็น่าจะเกรงใจว่าที่สามี
พี่ภรรยาบ้างละ โดยศักดิ์แล้วผมเหนือกว่าคุณแน่นอน‛ วรเมธแสบไม่เบา และครั้ง
นี้ตนุภัทรเสียเปรียบเรื่อง
ฐานะในการนับญาติเพราะอ่อนลําดับชั้นมากกว่า
‚ผมเข้าใจแล้วว่าทําไมปิแอร์ถึงเสียเปรียบคุณ เอาเถอะ เรื่องอนาคตน่ะไม่แน่
หรอก ตอนนี้ที่ผมห่วงคือความปลอด
ภัยของภรรยาผมมากกว่า ผมขอไปดูก่อน‛ พูดจบตนุภัทรก็เดินเข้าห้องโดยมีวรเมธ
ตามเข้ามาด้วย
‚คุณภัทร รุ้งหลับไปอีกแล้วค่ะ บ่นว่าเพลีย ฝากดูแลรุ้งด้วย อย่าให้ถูกทําร้าย
อีก ไม่อย่างนั้นคุณเดือดร้อนแน่
ไว้พรุ่งนี้ฝนจะมาใหม่ค่ะ ขอบคุณมากค่ะที่ดีกับรุ้งและแม่ ไว้รุ้งหายแล้วฝนจะขอไป
เยี่ยมแม่บ้าง
คืนนี้ดึกมากแล้ว ฝนขอตัวกลับก่อนค่ะ ‛
‚ไม่เป็นไรครับ คุณฝน อยากไปหาเมื่อไหร่ก็บอกผม ผมจะให้คนพาไป พวก
คุณควรจะมีความสุขเสียที ‛
ตนุภัทรพูดเหมือนรู้ความเป็นไปในครอบครัวสายฝนดี
‚ผมเองก็ขอลาเช่นกัน ถ้าพรุ่งนี้ผมไม่ติดอะไร ผมจะมาพร้อมคุณฝน บางที
เราอาจได้ร่วมมือกัน‛
พูดจบวรเมธก็เดินตามสายฝนออกไป ตนุภัทรส่ายหน้าช้า ๆ ตกลงเขาหนีหมอนี่ไม่
พ้นหรือนี่ วรเมธเป็น
นักธุรกิจคนเดียวที่เขาไม่อยากให้มาเป็นหุ้นส่วนด้วยเพราะร้ายไม่ใช่เล่น แต่ช่าง
เถอะ เรื่องของอนาคตมันไม่แน่
สิ่งที่ต้องทําด่วนคือติดต่อมิสเตอร์หว่องก่อน เขาเดินไปโต๊ะทํางานและเปิดโน้ตบุ๊ค
ทันที ห้องนี้กว้างใหญ่มาก
จัดแต่งคล้ายห้องพักในโรงแรมมากกว่าจะเป็นห้องคนไข้ตามโรงพยาบาลทั่วไป
เขารีบส่งเมลหามิสเตอร์หว่อง
‚เตรียมจับปลาตัวใหญ่ได้เลย แจ้งประเทศปลายทางให้ทราบ ปิแอร์จะบอก
ตํารวจให้ไปจับเอง ผลงานชิ้นโบ
แดงของตํารวจสากล จับแก๊งค้าอาวุธเถื่อนให้โลกที่สามได้ ทําหน้าที่แค่พลเมืองดีก็
พอ ไม่ต้องเผยตัวนะพี่ชาย‛
เทื่อส่งเมลเรียบร้อยแล้วเขาก็ยิ้มและเดินไปที่เตียง เมื่อเห็นพยาบาลคนเดิม
เข้ามาฉีดยาเข้าสายน้ําเกลือ เขาจึงถามขึ้นว่า
‚คุณพยาบาลต้องฉีดยาเข้าสายน้ําเกลืออีกกี่รอบ และเมื่อไหร่จะหยุด ‛
‚ตั้งแต่พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องแล้วค่ะ หมอไม่ให้เกินกว่านั้น มิฉะนั้นร่างกายคนไข้จะ
รับไม่ไหว เพราะตัว
ยาค่อนข้างแรง หมอจะให้ทานยาแทนค่ะ ‛
‚ขอบคุณครับ‛ เขาพูดแค่นั้นแล้วก็กลับไปทํางานต่อ

ดนุวัศนัดพนิดามาพบที่คอนโดฯ พอเข้ามาถึงพนิดาก็พบกับใบหน้าอันไม่สบ
อารมณ์ของเขา เธอจึงแกล้ง
ทําเป็นไม่เห็นและเดินเข้าไปหา
‚เป็นอะไรไปคะ คุณวัศ หน้ามุ่ยเชียว เล่นเสีย ?‛ พนิดาแกล้งถาม
‚คุณไม่ต้องมาแกล้งตีหน้าซื่อถามหรอก บอกมา ใครใช้ให้ไปที่บ้านผม !‛
ดนุวัศตะคอกถาม พนิดามองหน้า
เขาแล้วยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า
‚ไม่มีใครใช้หรอกค่ะ ดาเพียงแต่อยากแนะนําตัวให้แม่คุณรู้จักเท่านั้นเอง แม่
คุณจะได้ไม่คิดหาลูกสะใภ้
ให้เหนื่อย ทําไมคะ หรือว่าคุณไม่ได้รักชอบดา‛ พนิดาจ้องมองเขานิ่ง ดนุวัศเดินเข้า
มาใกล้ตบแก้มเธอเบา ๆ
‚อย่าโง่ไปหน่อยเลย คุณก็รู้ว่าระหว่างเรามันเป็นแค่เกม อีกอย่าง ผมก็จ่าย
ให้คุณจนเกินคุ้ม ฉะนั้นคุณไม่มีสิทธิ์
เรียกร้องอะไรอีก ผมขอบอกก่อนนะ ถ้ายังอยากอยู่ดีมีสุข อย่าพยายามไปรบกวน
แม่ผม และอย่าทําตัวเป็นข่าวด้วย
ไม่อย่างนั้นคุณได้เจอดีแน่‛
พนิดาฟังแล้วยิ้มเย็น ๆ
‘คิดจะเขี่ยฉันทิ้งเหรอ ไม่ง่ายนักหรอก คนอย่างฉันไม่ยอมให้ใครกินฟรีอยู่
แล้ว’
‚คุณคิดจะไม่รับผิดชอบในสิ่งที่คุณทํากับดาหรือคะ ได้ค่ะ ถ้าจะให้ดาตกลง
ดาขอแค่สิบล้าน แล้วดาจะไม่ยุ่ง
กับแม่คุณ รวมทั้งคุณด้วย‛ พนิดายื่นเงื่อนไข ดนุวัศโกรธจัด จ้องมองเธอด้วย
สายตาดูถูกก่อนหยิบบัตร
เอทีเอ็มยื่นให้
‚เอานี่ ในบัตรนี้มีเงินห้าแสน ถ้าจะเอาก็เอา แต่ถ้าไม่เอา เธอจะไม่ได้อะไร
เลย ผู้หญิงอย่างเธอห้าแสนก็มาก
เกินพอแล้ว ถ้าไม่เอา ก็ช่วยไม่ได้นะ‛ เขาพูดด้วยน้ําเสียงดูถูกพลางยักไหล่อย่างไม่
สนใจ พนิดาแค้นจัดจึงโยนบัตรทิ้ง
‚ดาบอกว่าสิบล้านก็สิบล้าน ถ้าต่ํากว่านั้นคุณก็อยู่ไม่เป็นสุขเหมือนกัน ดาให้
เวลาคุณตัดสินใจวันหนึ่ง
ไม่อย่างนั้นไม่รับรองว่าอะไรจะเกิดขึ้น ‛ พนิดาขู่กลับ ดนุวัศโกรธจัดที่เธอบังอาจ
คิดขู่เขา ร่างสูงเดินเข้าหา
พนิดา นัยน์ตาวาวโรจน์อย่างโกรธจัด แล้วฝ่ามือหนัก ๆ ก็ฟาดที่แก้มเนียนอย่างแรง
จนพนิดาหน้าหัน เลือดกบปากทันที
‚จําไว้ ! อย่าซ่า นี่เป็นบทเรียนที่เธอบังอาจมาข่มขู่ฉัน ไปได้แล้ว ! อย่าให้ฉันรู้
ว่าเธอไปวุ่นวายกับครอบครัวของ
ฉันอีก‛ ดนุวัศลืมตัวแสดงธาตุแท้ออกมา พนิดาจ้องมองอย่างเคียดแค้น ก่อนจะ
เดินออกจากห้องไป พอออกจากห้อง
เธอก็ยิ้มอย่างมีความหมาย เปิดเสียงที่อัดไว้ในโทรศัพท์มือถือ
‘คิดหรือว่าฉันไม่รู้ว่าคุณจะทําอะไรฉัน ทําไมฉันจะไม่รู้ว่าสันดานผู้ชายอย่าง
คุณมันเป็นยังไง ผีพนันไม่มีวันเป็นสุภาพบุรุษได้หรอก อยากทํารุนแรงกับฉัน คอย
ดูก็แล้วกัน อีกไม่กี่วันพวกแกต้องรีบแจ้นมาวิงวอนฉันถ้าไม่อยากเสียชื่อ เมื่อถึง
เวลานั้น แม้แต่ท่านรองนายกฯ ปพนก็ต้องมาขอร้องฉันให้ยอมแต่งกับลูกชายเพื่อ
รักษาตําแหน่งไว้’

ตนุภัทรออกจากห้องน้ําก็เห็นพยาบาลหน้าใหม่เดินถือยากับเข็มฉีดยาเข้ามา
ในห้อง พยาบาลคนนี้หน้าตาดูไม่คุ้น
นัยน์ตาคมเข้มจ้องมองอากัปกิริยาของพยาบาลผู้นี้อย่างสํารวจตรวจตราภายใต้สี
หน้าปกติ พยาบาลสาว
ฉีดยาเข้าสายน้ําเกลือแล้วหันมายิ้มให้คนเฝ้าไข้ตัวใหญ่ ช่างเป็นรอยยิ้มที่แสนจะ
ไม่น่าไว้วางใจในความคิดของเขา
‚เดี๋ยวอาหารเช้าก็มาค่ะ ให้คนไข้ทานยาก่อนอาหารด้วยนะคะ‛ พูดจบก็เดิน
ออกไปจากห้องทันทีโดยไม่
ใส่ใจว่าได้ทิ้งเข็มฉีดยาไว้ ตนุภัทรรีบเดินไปที่สายน้ําเกลือ สายตาจ้องมองแข็มฉีด
ยาที่พยาบาลทิ้งไว้
ครู่หนึ่งก่อนยิ้มเย็น ๆ แล้วถอดสายน้ําเกลือออกเหลือแค่เข็ม จากนั้นจึงโทรบอก
คนของเขาที่แฝงตัวอยู่ด้านนอก
‚ตามพยาบาลที่เพิ่งออกจากห้องไป ถ้าเป็นคนร้ายรวบตัวได้ทันที แล้วพาไป
ส่งให้คุณธนิต‛
สั่งจบเขาก็กดปุ่มเรียกหาพยาบาลทันที ไม่ช้าพยาบาลคนเดิมที่คุ้นหน้าก็เข้ามา พอ
เห็นน้ําเกลือที่ถูกเอาออก
อย่างถูกวิธีก็ทําหน้าไม่เข้าใจ
‚เกิดอะไรขึ้นคะ ใครเอาสายน้ําเกลือออก คนเจ็บยังต้องให้น้ําเกลืออยู่นะคะ
แล้วนี่เข็มอะไรคะ‛
พยาบาลถามก่อนเดินไปหยิบเข็มฉีดยาที่วางไว้บนโต๊ะข้างเตียงคนเจ็บขึ้นมาดู
อย่างสงสัย
‚ผมตอบให้ก็ได้ พยาบาลคนก่อนหน้าคุณมาให้ยาทางสายน้ําเกลือและลืม
เข็มฉีดยาไว้ ส่วนสายน้ําเกลือผม
เอาออกเอง‛ ตนุภัทรตอบด้วยน้ําเสียงเรียบเฉย
‚เป็นไปไม่ได้ ก็ดิฉันยังไม่ออกเวรนี่คะ และคนที่รับผิดชอบคุณสายรุ้งคือดิฉัน
เองค่ะ หรือว่า... แย่แล้ว !
มีคนร้าย‛ พยาบาลสาวเพิ่งจะตกใจและคิดได้
‚ไม่ต้องหรอกคุณพยาบาล ผมให้คนของผมจัดการเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้คุณ
ช่วยไปเอาน้ําเกลือขวดใหม่มาใส่ให้
ภรรยาผมดีกว่า ถ้ายังไม่อยากให้ผมเอาเรื่องกับทางโรงพยาบาลที่สะเพร่าปล่อยให้
คนร้ายเข้ามาได้‛
ตนุภัทรพูดด้วยน้ําเสียงปกติก็จริง แต่ก็มีผลทําให้พยาบาลสาวรีบเดินออกไป
เอาน้ําเกลือขวดใหม่มาใส่ให้ ก่อนรีบ
ออกจากห้องให้เร็วที่สุดแม้หน้าตาคนเฝ้าไข้จะดีมากก็ตาม คงเพราะเสียงพูดคุยกัน
และเสียงเปิดปิดประตู
คนที่หลับอยู่บนเตียงจึงเริ่มขยับตัวก่อนที่เปลือกตาจะค่อย ๆ ลืมขึ้น สิ่งแรกที่เห็น
คือสายตาคมเข้มที่ทอดมอง
ด้วยความเป็นห่วงกับรอยยิ้มบนใบหน้าคมเข้มที่อิดโรย
‚รู้สึกตัวแล้วหรือที่รักจ๋า เป็นยังไงบ้าง หิวมั้ย ถ้าหิวผมจะเร่งให้เขาเอาอาหาร
มาให้‛ เสียงห่วงใยถามขึ้น
สายรุ้งยิ้มบาง ๆ แล้วส่ายหน้าช้า ๆ
‚ยังไม่หิวค่ะ คุณดูแย่จัง สงสัยไม่ได้ส่องกระจกเลยไม่รู้ว่าแย่แค่ไหน‛ อาการ
ดีขึ้นไม่ทันไรเธอก็เริ่มต่อว่าเขา แต่
เป็นการต่อว่าปนความห่วงใย
‚ผมแย่จริงอะ ดีเลย ถ้างั้นรีบ ๆ หายสิ จะได้ช่วยทําให้หายแย่นะที่รักจ๋า แต่ดู
ไปดูมาผมว่าคุณแย่กว่าผมอีก
ทั้งซีด ทั้งเหม็น ผมเช็ดหน้าเช็ดตัวให้ดีกว่านะ‛ เขาแกล้งยั่ว สายรุ้งหน้าง้ําอย่างไม่
พอใจที่ถูกว่า ว่าอะไร
ก็ว่าได้ แต่อย่ามาว่าเหม็น
‚ตัวเองหอมตายละ สงสัยน้ําคงไม่ได้อาบแน่ อยู่ห่าง ๆ ยังได้กลิ่นเลย ยังไม่
รีบไปจัดการกับตัวเองอีก‛
‚ได้ครับผม แต่ก่อนไปขอพิสูจน์ก่อนว่าใครเหม็นกว่า ‛ เขายืนหน้าเข้าไปใกล้
ใบหน้าซูบซีดทําท่าจะพิสูจน์
ว่าใครเหม็นกว่ากัน แต่คนเจ็บรีบร้องห้ามเสียงหลง
‚อย่านะ อย่าหื่นนะ เขาเจ็บอยู่ไม่เห็นหรือไง‛
ตนุภัทรขํา
‚เอาละ ๆ ไม่แกล้งแล้ว ผมไปล้างหน้าล้างตาขจัดความเหม็นก่อนค่อยมาชื่น
ใจคนหอมก็แล้วกันนะ‛
พูดจบก็เดินไปหยิบเสื้อผ้ามาชุดหนึ่งเดินเข้าห้องน้ําไป ตั้งแต่สายรุ้งเข้าโรงพยาบาล
เขายังไม่ได้จัดการกับ
ตัวเองเลย พอเขาเข้าห้องน้ําพยาบาลสองสามคนก็เข้ามาปิดม่านรอบเตียงเพื่อเช็ด
ตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คนเจ็บ จากนั้นก็ออกไป สายรุ้งให้พยาบาลขยับเตียงให้
สูงขึ้นเพื่อที่เธอจะได้นั่งและเปิดรายการทีวีดูแก้เซ็ง พลางคอยดูว่าเมื่อไรคนใน
ห้องน้ําจะออกมา ห้องนี้กว้างมากเหมือนห้องชุดหรูมากกว่าจะเป็นห้องคนไข้ใน
โรงพยาบาล ทั้งส่วนที่กั้นเป็นครัวกับห้องทํางาน เตียงคนไข้ที่เธอนอนอยู่ก็
กว้างขวาง แต่ถ้าเป็นไปได้เธอก็ยังอยากกลับบ้านอยู่ดี
สักพักตนุภัทรก็ออกมาในชุดใหม่ ใบหน้าดูสดชื่นขึ้น เขาเดินยิ้มมาที่เตียง
และถือโอกาส
นั่งลงบนเตียง สายตาคมเข้มจ้องมองสายรุ้งที่เปลี่ยนชุดใหม่เรียบร้อยพลางยิ้ม
‚ที่รักจ๋า หายเหม็นหรือยังจ๊ะ ดูสิ ผมอุตส่าห์อาบน้ําทําความสะอาดทุกซอก
ทุกมุมเชียวนะ กลัวคุณเหม็น
เป็นไง หล่อมั้ย‛ เขาถามยั่ว สายรุ้งย่นจมูกใส่
‚ก็งั้น ๆ แค่ดูดีขึ้นมาหน่อย‛
‚ไม่หน่อยมั้ง ต้องบอกว่าทั้งหล่อทั้งหอมเลยจ้ะที่รักจ๋า ‛
‚หอมแย่เลย หอมจนไม่ได้กลิ่นเลยจ้ะที่รักจ๋า ‛ สายรุ้งประชดกลับพลางมอง
สํารวจไปทั่วร่างสูงอยู่ครู่ใหญ่
ก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะมีน้ําตาเอ่อคลอ เขาค่อย ๆ ดึงตัวเธอเข้ามากอดไว้แนบอก
แล้วลูบหลังปลอบเบา ๆ สายรุ้งซบใบหน้ากับอกกว้าง
‚คุณรู้มั้ยว่าฉันกลัวมาก กลัวจะต้องจากคนที่ฉันรัก กลัวต้องจากแม่ จากพี่
ฝน ฉันเฝ้าภาวนาให้คุณ
มาช่วย แต่ก็สิ้นหวัง ฉันหมดสติไปพร้อม ๆ กับความสิ้นหวัง คิดว่าตายไปแล้ว แต่
ฉันกลับรู้สึกเหมือนมีคุณ
อยู่ใกล้ ๆ ตลอดเวลา แล้วฉันก็เห็นคุณเป็นคนแรกทันทีที่รู้สึกตัว ฉัน... ‛ สายรุ้งพูด
ได้แค่นั้นน้ําตาก็พานจะไหล
เขาค่อย ๆ ดันตัวเธอออก ยื่นหน้าไปจูบซับน้ําตาจนทั่วใบหน้าเนียนแล้วกอดไว้
แนบอกอีกครั้ง
‚ผมไม่มีวันปล่อยให้คุณเป็นอะไรไปเด็ดขาด ผมขอโทษสําหรับเรื่องที่เกิดขึ้น
ผมสัญญาว่าต่อไปจะไม่เกิดเหตุการณ์
แบบนี้อีก‛
‚ฉันไม่ได้โทษคุณ ฉันเองที่ไม่ดี ไม่เชื่อฟังคุณ ที่ฉันต้องเป็นอย่างนี้ก็เพราะฉัน
ทําตัวเองค่ะ ที่ฉันกลัวคือ
กลัวคุณทอดทิ้งฉันไป อย่าทิ้งฉันไปนะคะ‛
ตนุภัทรไม่เข้าใจในท่าทีที่เปลี่ยนไปของสายรุ้ง เกิดอะไรขึ้น อยู่ดี ๆ กลายเป็น
คนมีเหตุผล ไม่โวยวาย เขาดันตัวเธอออก สายตาคมเข้มมองเธออย่างค้นหา
สายรุ้งมองตอบ
‘สงสัยละสิว่าทําไม เดี๋ยวก็รู้ ได้แกล้งคุณนี่มันสนุกดีนะ’
แต่ก่อนที่เธอจะทันเริ่มแผนต่อไป พลันสายตาของเธอก็เห็นชายคนหนึ่งกําลัง
เดินมาใกล้ เธอรีบดึงเขาเข้ามากอดแล้วกระซิบบอก เขากอดตอบและกดตัวเธอลง
บนเตียง แล้วริมฝีปากหนาได้รูปประกบปากบางนุ่มทันที มือสอดเข้าไปใต้แผ่นหลัง
เธอเพื่อหยิบอาวุธชนิดหนึ่งออกมาจากใต้หมอน ชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ ในมือ
ถือปืนอยู่ เสียงเหี้ยมดังขึ้น
‚คุณนี่มันหื่น ๆ จริงนะ คุณตนุภัทร ขนาดเมียเจ็บยังคิดจะปล้ําอีก เชิญไป
ปล้ําต่อในนรกก็แล้วกัน‛ พูดจบก็
เตรียมลั่นไก แต่ตนุภัทรรีบพลิกตัวขึ้นแล้วยิงไปที่มือ เป็นเหตุให้ปืนในมือร่วงทันที
ตนุภัทรรีบบอกสายรุ้งให้หลับตา สายรุ้งทําตามทันที ก่อนจะได้ยินเสียงร้องอย่าง
เจ็บปวดของผู้บุกรุกเพราะถูกฝากไว้อีกสองแผลที่ขา แต่กลับไม่ได้ยินเสียงปืน
เพราะเขาใช้ปืนเก็บเสียง เขาเดินเข้าไปหาพร้อมรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม
‚บอกมา ! ใครใช้แกมาเก็บฉัน‛ เขาตะคอกถาม
‚ฝันไปเถอะว่ากูจะบอก‛ มันยังปากแข็ง ตนุภัทรยิ้มเย็น
‚ไม่บอกแน่นะ ดี ถ้าอย่างนั้นเชิญแกไปสารภาพต่อในคุก ‛ เขาหันไปที่ประตู
และร้องตะโกนขึ้นว่า
‚ยังไม่รีบเข้ามาอีก‛ พูดจบประตูก็เปิดออกพร้อมชายร่างสูงใหญ่ในชุดบุรุษ
พยาบาลสองคนเดินเข้ามา
‚มีอะไรหรือครับ คุณภัทร‛
‚ช่วยเอาตัวไอ้หมอนี่ไปให้ตํารวจสอบหาตัวคนจ้างวานมาฆ่าฉันที จําไว้ ! ทํา
ยังไงก็ได้ให้มันสารภาพ
แต่ห้ามให้มันตาย แกคิดหรือว่าฉันจะไม่รู้ว่าใคร เห็นทีต้องโทรไปแสดงความเสียใจ
กับนายแกสักหน่อยแล้ว‛
เขาเอยด้วยน้ําเสียงเฉียบขาด
‚ได้ครับ คุณภัทร‛ ที่แท้สองคนนี้เป็นคนของตนุภัทรที่ตามมาคุ้มกันเขา แต่
ทั้งคู่ยังลงมือได้ช้ากว่าผู้เป็นนาย
ที่ได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว ปกติตนุภัทรไม่ค่อยลงมือเอง นอกจากจําเป็น แต่ถ้า
เขาลงมือเมื่อไร ผลคือไม่รอด
พอคนของเขาออกไปแล้ว ตนุภัทรก็เดินไปที่เตียงเห็นสายรุ้งนอนหลับตาไม่
ไหวติงก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้
‚ลืมตาได้แล้วจ้ะที่รักจ๋า เรื่องจบแล้ว ปลอดภัยแล้ว ‛ เขากระซิบบอกข้างหู ไม่
เหลือครับผู้ชายโหดเมื่อครู่อยู่เลย สายรุ้งลืมตามองเขาแล้วเริ่มบ่น
‚แน่นะ หวังว่าฉันคงไม่ต้องมารับเคราะห์แทนคุณอีกนะ อยู่ใกล้คุณนี่มัน
อันตรายจริง ๆ‛
‚ไม่มีแล้วจ้ะที่รักจ๋า จะมีก็แต่รอคอยว่าเมื่อไหร่คุณจะหายและกลับบ้านได้
เราจะได้เข้าหอกันเสียที ‛
เขายังมีอารมณ์ยั่วเธออีก ได้ยินดังนั้นสายรุ้งก็ขยับตัวจะลุก แต่พอขยับเท้าก็รู้สึก
เจ็บปวดไปหมด ลองขยับนิ้วเท้าก็รู้ว่าขยับได้ หากคําพูดที่เปล่งออกมากลับ
เป็นอีกแบบหนึ่ง
‚โอ๊ย ! เจ็บ ทําไมขาฉันขยับไม่ได้ คุณภัทร ขาซ้ายฉันขยับไม่ได้ ‛ เธอร้อง
อย่างตกใจ ตนุภัทรหน้าไม่
สู้ดี สิ่งที่เขากลัวได้เกิดขึ้นแล้ว เขาตีแรง ๆ ไปที่ขาเรียวสวย แล้วถามว่า
‚เป็นไง รู้สึกเจ็บมั้ย‛
สายรุ้งเกือบร้องโอ๊ยเพราะความเจ็บ แต่เธอแกล้งส่ายหน้า
‚ไม่รู้สึกค่ะ ตกลงขารุ้งเป็นอะไรไป ไม่นะ...อย่าบอกว่า...ไม่ยอมด้วย‛ เธอ
แกล้งโวยวาย
‚ใจเย็น ๆ ที่รักจ๋า ผมรับรองว่าคุณต้องไม่เป็นอะไร ผมจะตามหมอมาดู
อาการคุณด่วนเลย‛ เขาพยายามปลอบ
แม้ในใจจะเริ่มกลัว หากเป็นอย่างนั้นจริง เธอคงทนไม่ได้แน่ จะทําอย่างไรดี สายรุ้ง
เห็นสีหน้าวิตกก็ลอบยิ้ม
‘สนุกแฮะ ได้แกล้งคนร้ายกาจ ขอแกล้งสักสองสามวันก็แล้วกันนะ’
‚คุณไม่ต้องมาปลอบฉัน ก็มันไม่มีความรู้สึกจะให้คิดว่ายังไง ถ้าฉันพิการ ฉัน
ไม่ยอมด้วย คุณต้อง
รับผิดชอบ ฮือ ๆ เพราะคุณ...คุณคนเดียว‛ เธอเริ่มโวยวายและร้องไห้ออกมา ตนุ
ภัทรรีบคว้าตัวเธอมากอด
‚ไม่ คุณจะต้องไม่เป็นไร ผมสัญญาว่าคุณต้องหาย เดี๋ยวพอหมอมาก็จะรู้ ‛
‚ถ้าฉันกลายเป็นคนพิการ คุณจะยังรับเลี้ยงฉันเหมือนเดิมหรือเปล่า หรือจะ
หย่ากับฉัน‛ สายรุ้งเริ่มคิด
มากและกลัว อารมณ์สับสนไปหมด ตนุภัทรเริ่มเห็นความยุ่งยากที่จะตามมา
มากมาย วิตกจริตเริ่ม
ครอบงําเธอ เขาจะทําอย่างไรดีถึงจะทําให้เธอหายคิดมาก อย่างไรเสียเขาก็ยังคง
รักเธอเหมือนเดิม ไม่มีวัน
ทอดทิ้งแน่ เขาต้องหาหมอมารักษาเธอให้หาย ถ้าไม่หาย โซเฟียก็ต้องมีสภาพแบบ
เดียวกัน เขาไม่ปล่อยไว้แน่
เธอจะต้องเป็นหนักกว่าสายรุ้ง แต่เวลานี้เขาจะปลอบสายรุ้งอย่างไรดี และในขณะ
ที่เขากําลังกลุ้มใจอยู่นั้น
สายฝนกับวรเมธก็เข้ามาพร้อมหมอและพยาบาล
ตอนที่ 22

‚เกิดอะไรขึ้นคะ คุณภัทร ทําไมรุ้งร้องไห้ เป็นอะไรไป‛ สายฝนถามเมื่อเห็น


ใบหน้าสวยน่ารักของ
น้องสาวเต็มไปด้วยน้ําตา ส่วนตนุภัทรมีสีหน้าลําบากใจ
‚คุณฝนมาก็ดีแล้ว ช่วยพูดให้น้องสาวคุณสบายใจหน่อย คือ...เธอเข้าใจว่า
ตัวเองพิการเพราะขาขยับไม่ได้
ไร้ความรู้สึก ผมบอกให้รอหมอมาตรวจให้แน่ใจก่อน บางทีอาจไม่เป็นอย่างที่เธอ
เข้าใจ...ก็ไม่ฟัง‛
ตนุภัทรอธิบายให้ทุกคนฟัง สายฝนมองหน้าสายรุ้งอย่างค้นหา และแล้วเธอก็พบว่า
แววตาคู่สวยของน้องสาว
มีปัญหา เธอนิ่งอยู่ครู่ใหญ่จึงเดินเข้าไปหาน้องสาว
‚รุ้ง ใจเย็น ๆ นะ เชื่อพี่ ให้หมอตรวจก่อนแล้วค่อยว่ากัน อย่าด่วนตัดสินตาม
ความคิดของตัวเอง รุ้งไม่เป็นอะไร
มากหรอก ให้หมอตรวจก่อนนะรุ้งนะ เชื่อพี่ ‛ สายฝนพูดกับสายรุ้งด้วยน้ําเสียง
อ่อนโยน มือเรียวสวย
ลูบผมยาวสลวยของน้องสาวเบา ๆ สายรุ้งพยายามขยิบตาให้พี่สาวรู้ แต่สายฝน
กลับทํา
เป็นมองไม่เห็น หากวรเมธที่จับสังเกตท่าทีของพี่น้องสองสาวกลับเห็น คิ้วเข้มของ
เขาเลิกขึ้นเล็กน้อยก่อนหันไป
มองตนุภัทร เขาเชื่อว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ เพราะคนน้องส่อพิรุธ
บางอย่าง เพียงแต่ตนุภัทรถูกความห่วงใย
เข้าครอบงําจึงละเลยความเฉียบคมที่เคยมีไป
‘ร้ายไม่ใช่เล่นเด็กสาวคนนี้ น่าสนุก...ดูต่อดีกว่า ’
แต่เขาก็ไม่ได้ดูสมใจเพราะคําพูดต่อมาของสายรุ้งนั่นเอง
‚ได้ค่ะ พี่ฝน แต่ระหว่างตรวจรุ้งขอแค่พี่ฝนกับคุณหมออยู่ก็พอ นอกนั้นช่วย
กรุณาออกไปรอข้างนอก รุ้งยัง
ทําใจไม่ได้ถ้า...ทุกคนรู้ว่ารุ้ง...‛ น้ําเสียงของสายรุ้งเริ่มสั่นเหมือนสะอื้นไห้ ดังนั้นทุก
คนจึงรีบออกจากห้องทันที
พอทุกคนออกจากห้องไปแล้ว หมอก็ทําท่าจะเข้ามาตรวจ แต่สายรุ้งชิงพูดขึ้นก่อน
ว่า
‚ไม่ต้องค่ะคุณหมอ ดิฉันไม่พิการหรอกค่ะ เพียงแต่อยากแกล้งสามีเล่นเท่า
นั้นเอง คือ...อยากพิสูจน์
ความจริงใจของเขา คุณหมอเข้าใจใช่ไหมคะ‛ พอได้ยินดังนั้นหมอก็นิ่งอึ้งไปเลย
นึกไม่ถึงว่าหนุ่มสาวสมัยนี้หยอกกัน
แรงขนาดนี้ ในขณะที่สายฝนทนไม่ไหวตีเผียะเข้าที่แขนน้องสาว
‚รุ้งนี่ แกล้งคุณภัทรแบบนี้ระวังเถอะ ถ้เขารู้ความจริงเข้าจะเดือดร้อน‛ สาย
ฝนเตือน
‚ก็...รุ้งสงสัยนี่ว่าเขาจะรักรุ้งจริงหรือเปล่า รุ้งคิดจะแกล้งแค่สองสามวัน
เท่านั้นแหละ ถือว่าเป็นการเอาคืน
ที่ทําให้รุ้งต้องมานอนหยอดน้ําเกลืออยู่อย่างนี้ แถมยังเกือบเอาชีวิตไม่รอด‛ คน
เจ็บแก้ตัวแจ้ว ๆ สายฝนส่าย
หน้าอย่างระอาในความเหลือเกินของน้องสาว หมอเองก็ส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะถาม
คนก่อเรื่องว่า
‚คุณสายรุ้งจะให้หมอออกไปบอกคุณภัทรว่าอะไรดีครับ หมอไม่อยากผิด
จรรยาบรรณแพทย์ มันไม่ดี ทําให้
คนอื่นเป็นทุกข์เพราะความสนุกของเรา‛ หมออดสั่งสอนไม่ได้เพราะนึกเอ็นดู
เหมือนลูกเหมือนหลาน สายรุ้ง
หน้าจืดสนิทเมื่อถูกอบรม และออดอ้อนว่า
‚แล้วแต่คุณหมอค่ะ แต่อย่าให้ดิฉันถูกจับได้ว่าแกล้งเขา ไม่อย่างนั้นดิฉัน
อาจถูกสามีจอมโหดทําให้พิการ
จริงก็เป็นได้ คุณหมอก็รู้นี่คะว่าสามีของดิฉันน่ะโหดแค่ไหน นะคะคุณหมอ‛
‚หมอไม่รับปาก เอาเป็นว่าหมอจะพยายามทําให้ดีที่สุดไม่ให้เสียหายทั้งสอง
ฝ่าย‛ พูดจบหมอก็เดินออกไป
ทิ้งให้พี่น้องอยู่กันตามลําพัง
‚พี่ฝนอย่าบอกคุณภัทรนะ‛ สายรุ้งขอร้องพี่สาวทันที
‚แล้วทําไมตอนทําไม่รู้จักคิด ตอนนี้มากลัว รุ้งโตแล้วนะ เล่นเป็นเด็ก ๆ ไปได้
รุ้งจําที่แม่เคยพร่ําสอนได้
หรือเปล่า แม่บอกว่าอย่าคิดล้อเล่นกับความห่วงใยของคนอื่น ผลที่ได้รับอาจร้าย
เกินคาดก็ได้ รุ้งเล่นเอาความ
ห่วงใยของคุณภัทรมาแกล้ง ถ้าเขาโกรธขึ้นมาแล้วทิ้งรุ้งจริง ๆ รุ้นั่นแหละจะเจ็บ ‛
สายฝนเทศนาเป็นการใหญ่
‚ก็...มันทําไปแล้วนี่ พี่ฝน ปล่อยเลยตามเลยก็แล้วกันนะ รุ้งจะหาทางแก้เอง
รับรองไม่รู้หรอก ถ้าพี่ฝนไม่บอก‛
สายรุ้งยอมรับผิดแต่ไม่ยอมเลิก สายฝนรู้จักนิสัยน้องสาวดีว่าไม่มีวันยอมเสียฟอร์ม
เป็นอันขาด
‚จ้ะ ไม่บอกก็ได้ ท่าทางแบบนี้คงหายดีแล้วมั้ง พี่คงไม่ต้องมาเยี่ยมบ่อย ๆ
แล้ว อีกไม่กี่วันก็ออกจาก
โรงพยาบาลได้ แต่อย่าลืมพักให้มาก ๆ แล้วอย่าแผลงฤทธิ์กับคุณภัทรให้มากนักนะ
พี่สงสาร‛ สายฝนเองก็ไม่อยาก
ตอกย้ําความผิดพลาดของน้องสาว จึงพูดเรื่องอื่นแทน แต่สายรุ้งยังไม่ทันตอบ
เสียงตนุภัทรก็แทรกขึ้นมาก่อน
‚ไม่เป็นไรครับ ผมทนได้ครับคุณฝน รุ้งจ๊ะ หมอบอกว่าไม่ต้องห่วงนะ แค่
ผลข้างเคียงเอง อีกไม่กี่วันขาก็เป็น
ปกติ ผมบอกแล้วว่าอย่าเพิ่งตีโพยตีพายไปก่อนหมอจะวินิจฉัยออกมาก็ไม่เชื่อ ‛ พูด
จบก็ยื่นหน้าไปหอมแก้ม
เนียนนุ่มอวดผู้คนรอบข้างให้สายรุ้งเขินอาย แต่นัยน์ตาคมเข้มนี่สิเป็นประกาย
ประหลาด สายฝนเห็นเข้าก็เริ่ม
ไม่แน่ใจแล้วว่าต่อไปใครจะเอาคืนใครกันแน่ สงสัยหมอคงรักษาจรรยาบรรณสุด
ฤทธิ์กระมังเมื่อเจอกับฤทธิ์ของ
ตนุภัทร ก่อนที่เธอทันจะพูดอะไรต่อ วรเมธก็เดินมาสะกิดมือเธอเบา ๆ
‚คุณฝนช่วยแนะนําให้ผมรู้จักน้องสาวคุณหน่อย ผมมาตั้งนานแล้วยังไม่มี
ใครแนะนําเลย‛
วรเมธกลัวเป็นแขกไม่ได้รับเชิญจึงรีบออกตัว สายฝนยิ้มเล็กน้อยก่อนปรายตาค้อน
เขา
‚รุ้งจ๊ะ พี่ขอแนะนําเจ้านายพี่ คุณวรเมธ‛ สายฝนแนะนําอย่างเป็นทางการ วร
เมธมีสีหน้าผิดหวัง
กับคําแนะนํานั้น
‚ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณวรเมธ ฝากพี่ฝนด้วยนะคะ พี่สาวรุ้งเป็นคนน่ารัก นิสัยดี
ใครเห็นก็อดรักไม่ได้ จริงมั้ยคะ‛
คราวนี้สายรุ้งเหมือนจะแกล้งให้พี่สาวตัวเองเขิน วรเมธยิ้มอย่างชอบใจ
‚จริงครับ เห็นด้วยอย่างยิ่ง คุณรุ้งเองก็งสวยน่ารัก ผมว่าใครอยู่ใกล้ก็อด
เอ็นดูไม่ได้เหมือนกันครับ ‛
ดูเหมือนว่าที่น้องเมียกับพี่เขยจะมีไมตรีที่ดีต่อกันอย่างรวดเร็ว ตนุภัทรมีสีหน้าไม่
พอใจ จ้องมองวรเมธอย่างเอา
เรื่อง
‘หน็อย ! ควงคนพี่อยู่ชัด ๆ บังอาจคิดมีใจเผื่อแผ่คนน้อง เจ้าของเขายืนอยู่ทั้ง
คนเห็นหรือเปล่า’ เขาได้แต่คิด
ไม่กล้าพูดออกไปตามที่คิดแต่พูดเป็นทํานองไล่แทน
‚ที่รักจ๋า ผมว่าคุณควรพักได้แล้ว นี่ก็สายมากแล้ว บางทีเจ้านายคุณฝนต้อง
ไปทํางานแล้ว จริงมั้ยครับ
คุณฝน‛ แทนที่เขาจะถามวรเมธกลับถามสายฝนแทน สายฝนยิ้มอย่างเข้าใจ วร
เมธวางมีสีหน้าไม่พอใจ
‚จริงด้วยค่ะ ฝนลืมไป คุณเมธคะ เรากลับกันเถอะ รุ้ง ไว้พรุ่งนี้พี่จะพาข้าว
โอ๊ตมาเยี่ยมดีมั้ย‛
‚ดีค่ะ พี่ฝน รุ้งคิดถึงแกเหมือนกัน ‛ คําโต้ตอบของพี่น้องทําเอาสองหนุ่มมอง
หน้ากันอย่างงง ๆ หนุ่มหนึ่งงง
ว่าใครคือข้าวโอ๊ต หนุ่มหนึ่งงงว่ารู้จักกันตั้งแต่เมื่อไร
‚พี่ไปละนะ ไปค่ะ คุณเมธ ฝากดูแลรุ้งด้วยนะคะ คุณภัทร ถ้ารุ้งทําอะไรผิดก็
อย่าถือนะคะ คิดเสียว่าเด็กยัง
ไม่โต เลยรักสนุกไปหน่อย จริง ๆ แล้วไม่ได้คิดอะไรหรอกค่ะ ‛ สายฝนพูดเป็นนัย ๆ
‚ไม่ต้องห่วงครับ คุณฝน ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่เด็กซน ๆ คงต้อง
กําราบสักครั้งจะได้เข็ด จริงมั้ยครับ ‛
ตนุภัทรพูดทีเล่นทีจริง หากก็มีผลทําให้คนผิดเริ่มรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ
‚อ๋อ ! ค่ะ‛ สายฝนไม่รู้จะพูดอะไรดีไปกว่านี้ เธอรีบหันไปบอกวรเมธ ‚คุณเมธ
เรากลับกันดีกว่าค่ะ‛
‚ผมไปก่อนนะครับ คุณรุ้ง พรุ่งนี้ถ้าผมว่างจะมาเยี่ยมพร้อมพี่สาวคุณ ‛ เอ่ย
จบก็พากันออกไป
พอเห็นพี่สาวกับนายจ้างออกไปแล้ว สายรุ้งก็หันมาเล่นงานตนุภัทรทันที
‚คุณภัทร ทําไมต้องแกล้งฉันให้ได้อายต่อหน้าผู้คนด้วย‛
‚แกล้งอะไรจ๊ะที่รักจ๋า ไหนบอกมาซิ ‛ เขาถามพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้อย่าง
จงใจ สายรุ้งจะขยับหนีแต่ก็ไม่ถนัด
เพราะตอนนี้ร่างกายยังเกะกะไปด้วยสายน้ําเกลือและยังเจ็บอยู่
‚ก็...ก็...เรื่องอะไรมาจูบเขาอวดคนอื่น ‛ สายรุ้งพูดออกมาในขณะที่ใบหน้า
เขินจัด ตนุภัทรยิ้ม
‚ไม่เห็นแปลกเลย สามีแสดงความรักภรรยา ไม่ได้ไปจูบภรรยาคนอื่นสัก
หน่อย อีกอย่าง ขืนผมไม่แสดงว่ารักคุณ
มากแค่ไหน เดี๋ยวคุณจะคิดมากว่าผมไม่รักและเตรียมทิ้งคุณ ผมบอกให้นะ มันไม่
เคยอยู่ในความคิด ยังไงเสีย
ผมก็ยังรักคุณเหมือนเดิม ถ้าคุณไม่เชื่อผมต้องพิสูจน์อีกที ‛ ใบหน้าคมเข้มทําท่าจะ
ยื่นเข้าใกล้กว่าเดิม สายรุ้งรีบ
ยกมือที่ปราศจากสายน้ําเกลือผลักออกไป และทําท่าจะร้องไห้เหมือนเด็ก ๆ
‚ไปไกล ๆ เลย คนหื่น เห็นเขาพิการแล้วรังแกได้รังแกดี คุณมัน...ใจร้ายนัก...
ฮือ...ฮือ‛
ตนุภัทรขํา
‚เอ้า ! ร้องเสียแล้ว เอาเป็นว่ายกให้ก็แล้วกัน ไว้ออกจากโรงพยาบาลก่อนก็
ได้ แปลกแฮะ ถ้าเป็นคนอื่นมีแต่
ภูมิใจที่สามีแสดงความรักอวดคนอื่น เพิ่งรู้ว่ามีเมียแปลกประหลาดก็วันนี้เอง ‛
แทนที่เขาจะปลอบเหมือนเคย
แต่กลับทําเหมือนแกล้ง สายรุ้งไม่เข้าใจ เริ่มสงสัยว่าหมอไปพูดอะไรกับเขา ทําไม
กลับเข้ามาดูหื่น ๆ ชอบกล
และหื่นไม่เลือกเวลาด้วย ต้องหาทางคาดคั้นกับหมอให้ได้ ไม่อย่างนั้นเสียเปรียบ
คนร้ายกาจแน่

‚คุณเมธคะ บอกฝนได้มั้ยคะ คุณหมอพูดอะไรกับคุณภัทร‛ สายฝนถามวร


เมธขณะเดินออกจากห้องของสายรุ้ง
วรเมธยิ้มให้กับความฉลาดของเธอ
‚เป็นห่วงคุณรุ้งละสิ อย่าห่วงเลย นายคนนั้นคงไม่ทําอะไรรุนแรงกับคุณรุ้ง
หรอก เห็นออกจะรัก อย่างมาก
ก็แค่เอาคืนเล็ก ๆ น้อย ๆ‛ เขาบอกแค่นี้สายฝนก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
‚ถ้างั้น...คุณภัทรก็รู้แล้วสินะว่ารุ้ง...‛ สายฝนถามให้แน่ใจอีกที
‚ครับผม อย่าเป็นห่วงเลย ผมขอบอกในฐานะผู้ชายด้วยกัน นายนั่นไม่ลงมือ
ลงไม้กับคุณรุ้งหรอก คงทําอย่าง
อื่นมากกว่า ไม่ต้องเป็นห่วง‛
‚อย่างอื่นที่ว่ามันคืออะไร บอกให้เคลียร์หน่อยได้มั้ยคะ‛
เอาละสิ เล่นถามตรง ๆ แบบนี้จะตอบอย่างไรดี
‚อย่ารู้เลยคุณ ถ้าอยากรู้ก็รีบ ๆ แต่งกับผมสิ จะได้รู้ ‛ ตอนท้ายเขายื่นหน้ามา
กระซิบใกล้ ๆ แก้มเนียนใส
สายฝนรีบขยับหน้าออกห่าง ใบหน้าแดงรื่อเมื่อเริ่มรู้ความหมาย ใช่ผู้ชายที่อยู่
ตรงหน้าเธอจะไม่ร้าย ก็พอ ๆ กันนั่นแหละ เธอมัวแต่คิดปลง ๆ กับเรื่องของตัวเอง
และน้องสาวจึงไม่รู้ตัวว่าบงกชบังเอิญเห็นเธอตั้งแต่เดินออกจากห้องสายรุ้งมา
กับวรเมธนานแล้ว บงกชเพิ่งเสร็จจากเยี่ยมไข้คุณหญิงผกาซึ่งอยู่ชั้นเดียวกันแต่คน
ละฝั่ง จึงโทรบอกให้คนของเธอขับรถตามทั้งคู่ไปก่อน
ถ้ากําจัดได้ก็กําจัดเสีย ถ้าทําไม่ได้ก็ให้รอพวกที่จะมาสมทบ มาเยี่ยมคุณหญิงผกา
วันนี้นับว่าโชคดีที่ได้พบคน
ที่กําลังตามหาอยู่พอดี
‘ฮึ ! คิดว่าจะไปดี...ที่แท้ก็ไม่ต่างจากเด็กสาวใจแตกทั่วไป เที่ยวควงผู้ชายไป
ทั่ว หวังจะจับให้อยู่มือละสิ ท่าทาง
ระริกระรี้ เจ้าหนุ่มหน้าโง่นั่นคงหลงกลเข้าไปแล้ว นังเด็กนี่ฉลาดไม่ใช่เล่น เข้าใจจับ
ผู้ชายรวย แถมหน้าตาดี ’
บงกชยิ้มอย่างสมหวัง ผู้ติดตามสองสามคนไม่เข้าใจว่าทําไมคุณบงกชจึงดู
อารมณ์ดีเป็นพิเศษหลัง
ออกจากห้องคุณหญิงผกา ทั้งที่ตอนอยู่ในห้องทั้งคู่เหมือนกําลังถกเครียดเรื่องของ
สมาคมสตรีอยู่

พนิดาสืบรู้มาว่าวันนี้บงกชจะมาเยี่ยมคุณหญิงผกาที่โรงพยาบาล เธอจึงพา
ใบหน้าอันบอบช้ําจากการ
กระทําของดนุวัศมาดักรอบงกชที่ชั้นล่างบริเวณประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาล
ขณะเดียวกันก็แอบโทรบอกนักข่าว
ว่าวันนี้จะมีการเปิดเผยถึงว่าที่ลูกสะใภ้ของท่านรองนายกฯ ปพน ทันทีที่คณะของ
บงกชก้าวออกจากลิฟต์ พนิดา
ก็เดินเข้าไปหา แล้วทําเสียงสะอื้นท่ามกลางความมึนงงของผู้คนรอบข้าง รวมถึง
บงกชด้วย แต่เป็นความมึนงง
ที่ต่างกัน ทุกคนต่างสงสัยว่าหญิงสาวหน้าตาจัดว่าดีแต่มุมปากมีรอยช้ํามายืน
น้ําตาซึมต่อหน้าบงกชทําไม
บงกชนึกไม่ถึงว่าพนิดาจะกล้ามาหาเธอถึงที่นี่ เพราะดนุวัศบอกว่าจัดการเรียบร้อย
แล้ว
‚คุณแม่ ดามาขอความเป็นธรรมกับคุณแม่ค่ะ ที่ผ่านมาดาพยายามอยู่อย่าง
สงบแล้วนะคะ แต่นึกไม่ถึง...คุณวัศ...ฮือ ๆ‛ พนิดาแกล้งทําเสียงสะอื้นเรียกร้อง
ความสงสาร บงกชยังคงวางหน้าเฉย ในใจแทบกระอัก
อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายและนักข่าว เธอทําอะไรไม่ถนัดนัก ได้แต่คิดในใจว่า ‘นังนี่
ร้ายนัก’ สักพักเธอก็ทําใจสงบและเดินเข้าไปหาพนิดา จับมือพนิดามากุมไว้แล้วพูด
ด้วยน้ําเสียงอ่อนโยนว่า
‚ใจเย็น ๆ นะหนู ค่อย ๆ เล่า เกิดอะไรขึ้น มีการเข้าใจผิดหรือเปล่า ฉันไม่เคย
เห็นหน้าหนูมาก่อน ลูกชายฉัน
ไม่เคยเอ่ยถึงผู้หญิงคนไหนให้ฉันได้ยิน ถ้าลูกชายฉันทํากับหนูอย่างที่ว่าจริง ฉันจะ
ให้ความเป็นธรรมกับหนูเอง‛
‘นังคุณนายตอแหล คิดหรือว่าฉันไม่ทันแก’ พนิดแกล้งหยิบทิชชู่มาซับน้ําตา
ทิ้ง แสร้งมองบงกชด้วย
สายตาซาบซึ้ง ก่อนพูดด้วยน้ําเสียงน่าสงสารว่า
‚ขอบคุณค่ะคุณแม่ ดา...ดาหมดที่เพิ่งแล้วจริง ๆ คุณวัศโกรธดา ดาไม่ดีเองที่
เอาเรื่องที่ดากําลังท้องไปบอก
คุณวัศกําลังเหนื่อยจากงานเลยตบหน้าดาเข้าค่ะ แล้วบอกให้ดา...ดา...ฮือ ๆ ดา
บอกไม่ได้‛
พนิดาแสบมาก บงกชแทบจะลมจับด้วยความแค้น เพราะนักข่าวไม่รู้ว่ามา
จากไหนบ้างรีบกรูเข้าถามและถ่ายภาพเป็นการใหญ่ บงกชเห็นท่าไม่ดีรีบชิงพูดขึ้น
ว่า
‚เอาละหนู เรื่องนี้ฉันต้องสอบสวนเอาความจริงแน่ หนูไปกับฉันก่อนดีมั้ย ไป
หาลูกชายฉันพร้อมกัน จะ
ได้ยืนยันกันไปเลย ถ้าลูกชายฉันได้หนูแล้วไม่รับผิดชอบ ฉันจะทําให้เขารับผิดชอบ
เอง มาจ้ะหนู ไปกับฉัน‛
บงกชร้ายมากคิดจะพาตัวพนิดาไป หากเป็นคนอื่นที่ไม่มากเล่ห์เจ้ามารยาอย่าง
พนิดาคงหลงกล แต่นี่คือ
พนิดาสาวเจ้ามารยามากเล่ห์ มีหรือจะรู้ไม่เท่าทันเล่ห์ของบงกช ดังนั้นเธอจึงแกล้ง
ทําเป็นหวาดกลัว
‚ไม่ค่ะคุณแม่ ดากลัวคุณวัศ เวลาคุณวัศอารมณ์ดีก็ดีค่ะ แต่ถ้าร้าย...ดา...อีก
อย่าง ตอนนี้คุณวัศห้าม
ให้ดาไปพบค่ะ จนกว่าดาจะ...ดาจะ... ดากลัวต้องเสียลูกไป ดาไม่ต้องการอะไร
มากนอกจากให้คุณวัศรับเลี้ยง
ลูกของดาก็พอ ดารู้ว่าดาไม่คู่ควรเป็นสะใภ้คุณแม่ ดาต้องการแค่ลูกมีคนเลี้ยงดู
หลังดาคลอด จากนั้นดาก็จะไปค่ะ
คุณแม่ช่วยพูดกับคุณวัศแค่นี้ก็พอค่ะ ‛ คําพูดของพนิดายิ่งทําให้นักข่าวอยากถาม
บงกชว่าเกิดอะไรขึ้น
บงกชไม่รู้จะทําอย่างไร เธอยังคิดไม่ออก รู้แต่ว่าตอนนี้ต้องรีบแก้สถานการณ์ก่อน
‚ถ้าอย่างนั้นหนูยิ่งต้องไปกับฉัน ถ้าเด็กในท้องเป็นหลานฉัน จะได้รับการ
เลี้ยงดูเป็นอย่างดี ไปกับฉัน
รับรองลูกชายฉันไม่กล้าทําอะไรหนูแน่ ‛
พนิดานิ่งอย่างตรึกตรอง เธอรู้ว่าลองบงกชพูดอย่างนี้จะเลี่ยงลําบาก แต่ไม่
เป็นไร ตัวช่วยเธอมาแล้ว ทันใดนั้นเองก็มีหญิงชายคู่หนึ่งอายุใกล้เคียงกับบงกชรีบ
เข้ามาหาพนิดา
‚หนูดา ป้าบอกแล้วใช่มั้ย อย่ามาวุ่นวายกับคนพวกนี้อีก ผู้ดีพวกนี้ไม่มีวันรับ
หนูเป็นสะใภ้หรอก กลับ
บ้านเรา หลานคนเดียวลุงกับป้าเลี้ยงได้ จะไปให้มันทําร้ายจิตใจทําไม ไม่ต้องไป ‛
พูดจบชายหญิงทั้งคู่
ก็ลากพนิดาจากไป แล้วเรียกแท็กซี่ พนิดาแสร้งทําเป็นลังเลก่อนจะจํายอมขึ้นรถไป
บรรดาไทยมุงและนักข่าว
รวมถึงผู้ติดตามบงกชเห็นแล้วเริ่มสับสน ต่างคนต่างหันมามองหน้าบงกชเป็น
คําถาม บงกชนิ่ง นึกไม่ถึงว่า
พนิดาจะวางแผนมาอย่างดี เข้าใจสร้างสถานการณ์ เรียกร้องคะแนนสงสาร สังคม
ปัจจุบันชอบนักเรื่องอย่าง
นี้ ยิ่งนักข่าวด้วยแล้วยิ่งชอบใหญ่ เรื่องความวิบัติในครอบครัวคนอื่น ข่าวฉาวของ
นักการเมืองและพวกคนดัง
เพราะมันทําให้ยอดจําหน่ายกับเรตติ้งดี พรุ่งนี้ต้องเป็นข่าวใหญ่แน่ คิดแล้วอยาก
เป็นลมนัก เธอไม่คิดอยู่เป็น
เหยื่อให้พวกนักข่าวต้อนจนจนมุม จึงรีบหนีขึ้นรถที่จอดรออยู่ออกไปทันที
โดมินิกกําลังเครียดกับการตัดสินใจของบิดาโซเฟียและนายทหารนอกสังกัด
จากประเทศที่สามที่เป็นคู่ค้า
ทั้งสองเร่งให้รีบส่งสินค้า เขารู้สึกสังหรณ์ใจชอบกลกับการขนถ่ายสินค้าลงเรือครั้ง
นี้ เพิ่งจะสองสามเที่ยวที่
ส่งสินค้ากับ A.L. LINES ของมิสเตอร์หว่อง เขาไม่ค่อยไว้วางใจนักธุรกิจชาวจีนผู้นี้
นัก
แม้ทางจะสะดวกทุกครั้งที่ส่งสินค้าก็ตาม แต่นั่นก็เป็นเพียงสินค้าทั่วไปที่ถูกต้อง
ตามกฎหมายทุกประการ
หากเที่ยวนี้เป็นสินค้าพิเศษ จึงน่าจะมีการตรวจสอบอีกครั้งก่อนส่ง แต่ลําพังเสียง
เขาคนเดียวคงค้านหุ้นส่วน
อีกสองคนไม่ได้ ขณะที่กําลังกลุ้ม ๆ อยู่นั้นร่างอันเย้ายวนของศุภานันก็เดินยิ้มเข้า
มาในห้องทํางานของเขา
ดี...มีอะไรทําแก้กลุ้มก็ดีเหมือนกัน
‚ที่สุดคุณก็หายงอนผมแล้วสินะ คุณนัน ‛ เขาทักขึ้นก่อน
‚นันไม่ได้งอนนะคะ แค่ช่วงนี้นันต้องออกงานสังคมบ่อยค่ะ เป็นอะไรคะ
ทําไมทําหน้ากลุ้ม หรือไม่พอใจที่
เห็นนัน ถ้างั้นนันกลับก็ได้นะคะ‛ ศุภานันแกล้งทําเป็นงอน เขารีบดึงตัวเธอเข้ามา
กอดแล้วหอมฟอดใหญ่ที่
ซอกคอหอมกรุ่นด้วยน้ําหอมราคาแพง
‚อย่างอนเลยนะครับ คุณทิ้งผมไปนาน ผมคิดถึงคุณจะแย่อยู่แล้ว ‛ ไม่พูด
เปล่า มือไม้อยู่ไม่สุขด้วย
ศุภานันเองก็ไม่เคยอดได้กับเรื่องพวกนี้ เมื่อถูกผู้ชํานาญการรุกรานก็ลืมตัวไม่สนว่า
อยู่ที่ใด เหมาะสมหรือ
ไม่เหมาะสม หากปากยังฝืนพูดด้วยน้ําเสียงปกติ
‚ใครว่านันงอน คุณนั่นแหละไม่รักนันจริง ไม่คิดจะไปหานัน ไหนว่าจะรีบไป
ทําความรู้จักกับพ่อแม่นัน แล้ว
ก็หายหน้าไป‛
‚ใครบอกว่าผมไม่รักคุณ ไม่คิดถึงคุณ ผมคิดถึงจะแย่ ผมเตรียมจะไปหาคุณ
ที่บ้าน สงสัยใจเราจะตรงกัน
คุณเลยมาหาผม‛ แม้เขาจะดูถูกเธอ แต่ก็ไม่วายที่จะหาความสุขจากเรือนร่างเย้า
ยวนนี้ อย่างไรเสียก็ยังดีและสดกว่าผู้หญิงหลายคนที่ผ่านมา
‚นันไม่ได้คิดถึงคุณ นัน...เพียงแต่จะมาบอกว่า...ห...ให้...‛ ศุภานันพูดได้แค่
นั้นปากเย้ายวนก็ถูกปิดด้วยริมฝีปากของเขา และร่างของเธอก็ถูกผลักลงบนพื้น
พรมก่อนที่ทุกอย่างจะเป็นไปตามเกมธรรมชาติต่อไปโดยไม่นําพาต่อ
เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นข้าง ๆ ตัวของทั้งสองฝ่าย

โซเฟียหงุดหงิดกับโดมินิกนัก เธอพยายามติดต่อทางโทรศัพท์มือถือเท่าไรก็
ติดต่อไม่ได้
‚มัวทําอะไรอยู่นะ เรื่องด่วนกลับไม่คิดจะรับ หรือว่ามัวแต่หลงระเริงกับสาว
ไหนบนเตียงอีก‛ โซเฟียเดา
ได้ใกล้เคียงความเป็นจริงมาก เพียงแต่ไม่ใช่เตียงแต่เป็นพื้นต่างหาก เธอคิดจะแจ้ง
ให้เขาระวังตัวเพราะบังเอิญ
ได้ทราบจากคนของเธอที่ไปสังเกตการณ์บนสถานีตํารวจเพื่อหาทางกําจัดคนที่
ทํางานพลาด เห็นคนของ
โดมินิกถูกจับตัวมาด้วย ตนุภัทรเก่งมากที่รู้เท่าทันแผนการทุกอย่าง แต่แม้จะรู้เท่า
ทัน ทว่าก็ทําอะไรเธอไม่ได้
เพราะคนของเธอรู้กฎอยู่แล้ว หากจนหนทางจริง ๆ ก็อย่าได้มีชีวิตอยู่ได้พูดอีก
ต่อไป เช่นเดียวกับโดมินิกที่มีคน
คอยกําจัดพวกที่ทํางานพลาดอยู่แล้ว แต่ทําไมครั้งกลับรู้สึกว่ามันจะไม่เป็นไปดังที่
คิด สังหรณ์ใจว่าตนุภัทรจะ
ไม่ปล่อยให้เธอลอยนวลไปได้แน่ ขณะที่อีกใจก็ค้าน คนอย่างนายคนนั้นไม่เคยคิด
ทําร้ายผู้หญิงอยู่แล้ว เธอคิดผิด
ไปหน่อย เพราะเธอไปยุ่งกับคนที่เขารักต่างหาก ที่แล้วมาเขาไม่ยุ่งเพราะไม่ใช่คนที่
เขารัก เธอเดินกลับไปกลับมาใน
ห้องครู่ใหญ่เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
‚ไง โซเฟีย ทุกอย่างเรียบร้อยดีมั้ยลูก ท่านนายพลจะส่งมอบอาวุธให้ได้
เมื่อไหร่‛ ที่แท้เป็นบิดาของเธอที่โทรมาเอง
‚พร้อมแล้วค่ะพ่อ เหลือแค่นัดวันลงเรือ เรื่องนี้โดมินิกเป็นคนจัดการค่ะ ไว้จะ
ติดต่อมิสเตอร์หว่องให้จัดหา
เรือที่เหมาะสมให้ค่ะ ‛ เธอรายงานถึงแผนส่งอาวุธเถื่อนจากชายแดนไทยลงเรือไป
ยังประเทศที่สามโดยอาศัย
การขนส่งของมิสเตอร์หว่องผู้ไม่มีส่วนร่วมแต่ต้องร่วมโดยไม่รู้ตัว หากเกิดอะไรขึ้นก็
ต้องติดร่างแหไปด้วยอีกคน
‚ดีมากลูก พ่อไม่เคยผิดหวังกับลูกและโดมินิกเลย ดูแลตัวเองด้วย พ่อขอตัว
ก่อน‛ พอบิดาวางสายโซเฟียก็
ลองโทรหาโดมินิกอีกที คราวนี้เขารับด้วยน้ําเสียงเหนื่อยหอบ มองร่างขาวนวลที่
นอนหลับอยู่ข้าง ๆ บนโซฟาตัว
ใหญ่ในห้องทํางานหลังจากเกมบนพื้นอันดุเดือดจบ และมาต่อที่โซฟาต่ออย่างอ่อน
ล้า
‚ว่าไง มีอะไรถึงได้โทรมากวนเวลาพักผ่อน‛ เสียงโดมินิกไม่ค่อยพอใจนัก
‚ไม่คิดจะกวนเท่าไหร่หรอก จะบอกให้รู้ว่าคนของคุณที่ส่งไปเก็บภัทรตอนนี้
อยู่กับตํารวจเรียบร้อยแล้ว
ไม่ได้เรื่องเลย‛ โซเฟียว่ามาตามสาย
‚แค่นี้เอง คิดว่าข่าวใหม่ ผมรู้แล้ว คนของคุณก็เช่นกัน ไว้จบงานนี้ก่อนค่อย
จัดการนายภัทรก็ยังไม่สาย
ผมว่าทางที่ดีคุณรีบกลับฝรั่งเศสดีกว่า นายภัทรไม่ปล่อยคุณแน่ ส่วนเรื่องของผม
ไม่ต้องห่วง ผมมีแผนสํารอง
เตรียมไว้แล้ว จะให้ผมช่วยกําจัดคนของคุณด้วยมั้ย ‛
‚ทําได้ก็ดี ขอบใจ แค่นี้นะ เชิญสนุกกับแม่สาวรักสนุกของคุณต่อเถอะ ไม่
กวนแล้ว‛ พอโซเฟียวางหู ศุภานัน
ก็เริ่มขยับตัวด้วยความเมื่อยล้า โดมินิกมองร่างขาวนวลยั่วอารมณ์แล้วก็ลงมือต่อ
ทันที เขาบอกแล้วต้องจัด
การให้เข็ด เรื่องอื่นไว้ทีหลัง ไม่คิดจะปล่อยเธอไปง่าย ๆ ดูท่าเจ้าหล่อนจะติดใจเสีย
ด้วย

วรเมธขับรถออกจากโรงพยาบาลมาเรื่อย ๆ เริ่มเห็นความไม่ชอบมาพากล
บางอย่าง เมื่อเหลือบตาดูกระจกหลังก็เห็น
รถเก๋งสีดําขับตามมาตลอดตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลจนกระทั่งออกสู่มอเตอร์เวย์
ไปชลบุรี แถมมีมอเตอร์ไซค์
คันหนึ่งขับตามอีก เกิดอะไรขึ้น เขากําลังจะพาสายฝนไปทานอาหารเที่ยงแถว ๆ
ชายทะเลที่บางแสนหรือไม่ก็ศรีราชา เพราะเขาจะไปดูโรงงานของเพื่อนคนหนึ่งแถว
นิคมอมตนครที่ชลบุรี
‘ทําไมรถเก๋งคันนี้ถึงได้ตามมาตลอดนะ ยังมอเตอร์ไซค์คันนี้อีก แปลก ! ลอง
ดูอีกสักพัก ถ้าไม่ชอบมา
พากลค่อยว่ากัน’
เขาไม่อยากคิดว่าเป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่คิดลอบทําร้ายเข้า เพราะเขาไม่เคย
คิดไปเหยียบเส้นใคร จะมีบ้างก็พวกที่
แพ้ทางเขามากกว่า แต่ก็ไม่ถึงกับจะคิดฆ่าเขานี่ เขาไม่เคยประมาทกับชีวิต เขามี
อาวุธปืนถูกกฎหมายไว้ใน
ครอบครอง เขาฝึกจนชํานาญ รวมถึงศิลปะป้องกันตัวด้วย เพราะชอบเป็นการ
ส่วนตัว และมีเพื่อนเป็นครูสอน
ศิลปะป้องกันตัวชาวจีนสมัยเรียนอยู่เมืองนอก
‚คุณฝนช่วยเปิดเก๊ะหน้ารถที แล้วหยิบปืนออกมาให้ผม‛
สายฝนไม่เข้าใจกับท่าทีที่จริงจังของเขา เขาจะยิงใคร เกิดอะไรขึ้น ดวงตา
กลมโตคู่สวยมองหน้าคมเข้มที่ดูจริงจังผิดสังเกตอย่างแปลกใจ
‚มีอะไรหรือคะ คุณเมธ ทําไมต้องหยิบปืนด้วย‛ เสียงหวานถามไปอย่างไม่
เข้าใจ
‚ไว้ใช้ยามจําเป็น ไม่ต้องตกใจนะ มีคนขับตามมาตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล
เดี๋ยวผมจะลองเหยียบหนีก่อน
ถ้าตามมาอีก ก็หมายถึงต้องมีคนตามล่าเราแน่ คุณนั่งดี ๆ ผมจะซิ่งแล้ว ‛ พูดจบ
เขาก็เหยียบคันเร่งเต็มพิกัด
ขับฉวัดเฉวียนปาดหน้ารถสิบล้อบ้าง รถพ่วงบ้าง รถเก๋งกับมอเตอร์ไซค์ก็ยังตามอีก
เขาเริ่มแน่ใจว่าป็น
การตามล่าจริง ๆ ทันใดนั้นเองมอเตอร์ไซค์ที่ขับจี้ตามเขามาก็หยิบปืนยิงตามมา
โชคดีเขาหลบทัน แต่รถเก๋ง
นี่สิพยายามขับจี้และจะยิงล้อรถ เขาหักหลบ สายฝนนั่งหน้าซีดมือเย็นเฉียบ เกิด
มาเพิ่งเจอกับเรื่องแบบนี้
และโดยไม่คิดไม่ฝันข้าง ๆ เธอมีมอเตอร์ไซค์อีกคันที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนยกปืนเล็งมา
ที่เธอ วรเมธบังเอิญเห็นเข้าก่อนจึงรีบตะโกนออกมาดัง ๆ อย่างตกใจ
‚ฝนจ๋า ระวัง !‛
สายฝนรีบก้มหัวหลบ ขณะเดียวกันวรเมธตัดสินใจขับรถเบียดจน
มอเตอร์ไซค์ตกท้อง
ร่องข้างทางทันทีก่อนที่กระสุนจะทันได้ลั่นไก สายฝนเหงื่อซึม แต่ไม่พูดอะไร กลัว
ไปหมด วรเมธเห็นแล้วอดสงสาร
ไม่ได้ อยากดึงตัวเข้ามากอดปลอบประโลม แต่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้คงทํา
ไม่ได้ อย่าว่าแต่เธอเลย แม้แต่
เขายังกลัวเลย เพิ่งเจอเหตุการณ์แบบนี้ครั้งแรก แต่ความที่เขาเป็นคนชอบเสี่ยง จึง
ไม่ปล่อยให้ความกลัวมาครอบงํา
จนกลายเป็นคนอ่อนแอขี้กลัวจนไม่กล้าทําอะไร ธุรกิจของเขาเติบโตมาได้เพราะ
เขากล้าที่จะลุยกับมันอย่างไม่คิดที่จะ
ถอยต่างหาก เวลานี้ถ้ามัวแต่หนี ไม่เป็นผลดีแน่ เรื่องบางเรื่องต้องอาศัยคนใน
เครื่องแบบให้ช่วย
เขาจับพวงมาลัยด้วยมือข้างหนึ่ง อีกมือยื่นไปกุมมือเรียวเล็กไว้และบีบเบา ๆ อย่าง
ปลอบประโลม
‚ไม่ต้องกลัวนะ อยู่กับผม ผมไม่ยอมให้คุณเป็นอะไรไปแน่ คุณช่วยหยิบ
โทรศัพท์มือถือผมแล้วโทรหาคนชื่อสุรพลด่วน‛
เขาให้ความมั่นใจกับเธอ ความหวาดกลัวของสายฝนค่อย ๆ จางหายไป เหลือแต่
ความวิตกกังวลแทน เธอรีบทําตามที่เขาบอก พอติดเขาก็พูดทันที เพราะเขา
ใช้ BLUETOOTH อยู่
‚ไอ้พล ฉันมีเรื่องให้นายช่วย ฉันถูกรถเก๋งคันหนึ่งไล่ล่าอยู่มอเตอร์เวย์ที่จะไป
ชลบุรี ใกล้ ๆ ที่พักริมทาง
เลยแม่น้ําบางปะกงมาหน่อยแล้ว ช่วยบอกส่งตํารวจมาจัดการหน่อย‛
‚ไอ้เมธ เดี๋ยวฉันจะบอกพรรคพวกให้‛ เพื่อนรักที่เป็นตํารวจรีบช่วยเหลือทันที
‚ขอบใจเพื่อน ช่วยบอกให้จับเป็นด้วย อยากรู้ว่าใคร ทําไมต้องคิดฆ่าฉัน ‛ วร
เมธเข้าใจว่าพวกที่ไล่ล่ามี
เป้าหมายที่ตัวเขาไม่ใช่สายฝน หากในเวลาต่อมาไม่ช้าไม่นานพอความจริงเปิดเผย
ก็ทําเอาทั้งเขาและสายฝน
ตกตะลึงอย่างคิดไม่ถึงว่าจิตใจคนจะเลวร้ายได้ถึงเพียงนี้
ตอนที่ 23

บงกชกลับมาบ้านด้วยใบหน้าเคร่งเครียดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่เคยคิดว่า
พนิดาจะร้ายกว่าที่คิด น่าแค้นใจ
ลูกชายตัวดีนัก แล้วจะทําอย่างไรดี โชคยังดีที่ปพนเพิ่งบินไปอเมริกากับท่านายกฯ
กว่าจะกลับก็อีกเกือบอาทิตย์
ถ้ารู้เข้า พังแน่ หากจําเป็นอาจต้องสั่งผู้หญิงคนนั้น ช่างไม่เจียมตัวบ้างเลย คิดมาขู่
คนอย่างบงกช ขณะที่
กําลังคิดเรื่องกําจัดพนิดาอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น พอรับก็รู้ว่าเป็นคนของ
เธอที่สั่งให้ไปเก็บสายฝนนั่นเอง
‚ว่าไง จัดการเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย ‛ เสียงถามเรียบเย็น
‚ยังครับ มีตํารวจมาช่วยไว้ ที่แย่คือคนของผมถูกจับไปด้วย ผมอุตส่าห์ให้
พรรคพวกไปดักอีกทีบนมอเตอร์เวย์
กันพลาด นึกไม่ถึงไอ้หนุ่มนั่นมันจะเก่งช่วยเด็กสาวนั่นไปได้ เบียดเอาคนของผมตก
ไหล่ถนน รถคว่ําเสียชีวิต
ไอ้หนุ่มนั่นเป็นใครผมไม่รู้ แต่ถ้าให้เสี่ยงกับตํารวจแบบนี้ ผมไม่เล่นด้วยนะครับ ‛
บงกชมีสีหน้าโกรธจัด ไอ้พวกขี้ขลาดเอ๊ย เรื่องแค่นี้ทําเป็นกลัว ไม่ได้เรื่อง
‚ก่อนที่แกจะมาโอดครวญเพื่อเรียกร้องค่าตัวเพิ่ม ทางที่ดีรีบ ๆ ส่งคนไปเก็บ
พวกที่ถูกจับเสีย อย่าให้มีปากไว้
พูดอีกต่อไป ไม่อย่างนั้นแกกับฉันพังแน่ จําไว้ !‛ บงกชสั่งเสียงเฉียบขาดก่อนตัด
สัญญาณและเดินมาดับอารมณ์
ที่เก้าอี้ ยกมือกุมขยับ ทําไมมีปัญหามากมายนัก บ่อยครั้งที่เธอใช้พวกนักเลง
เหล่านี้ช่วยกําจัด
ผู้ขัดผลประโยชน์ของเธอและเคลียร์ปัญหาให้ลูกชายตัวดี ทุกครั้งไม่เคยพลาด แต่
ครั้งนี้เธอเริ่มกลัว ไม่รู้ว่า
กําลังเผชิญกับใครเข้า ยิ่งคิดยิ่งให้แค้นใจนัก ทําไมวันนี้ถึงได้โชคร้ายนัก อะไร ๆ ก็
ไม่เข้าข้างเธอเอาเสียเลย
ไหนจะเรื่องที่ลูกชายตัวดีก่อไว้อีก ไหนจะเรื่องพนิดาที่ไปพัวพันด้วย ยังลูกสาวอีก
ไม่รู้ว่าหนีไปเริงร่า
กับใครที่ไหน โทรตามตัวเท่าไรก็ไม่เจอ พอนึกถึงบุตรสาว ร่างเย้ายวนของศุภานันก็
เดินโซเซหมดเรี่ยวหมดแรง
เข้ามาในบ้าน ทําเอาเธอตกใจ ใครทําร้ายบุตรสาวเธอจนเป็นอย่างนี้ แต่พอศุภานัน
เดินเข้ามาใกล้ ๆ
ก็พบว่าใบหน้าบุตรสาวนั้นดูสดชื่นนัก
‚ยายนัน ทําไมกลับเอาป่านนี้ แอบไปหาเพล์บอยนั่นอีกใช่มั้ย ไปทําอะไรกัน
มาถึงได้กลับมาสภาพนี้
บอกแม่มานะ‛ เสียงบงกชถามอย่างหงุดหงิด
‚ไม่ได้ไปไหนหรอกค่ะคุณแม่ นันแค่อยู่ฟิตเนสนานไปหน่อยก็เลยเพลียและ
หมดแรงเท่านั้นเอง‛ ศุภานันปด
‚นันแน่ใจนะว่าออกกําลังกายหนักไปหน่อย อย่าให้แม่รู้นะว่าไปออกกําลัง
กายอย่างอื่นมา แค่เรื่องของพี่เรา
ก็ทําให้แม่ปวดหัวพอแล้ว อย่าให้ต้องมากลุ้มเรื่องของนันอีก ‛ บงกชไม่คิดจะเชื่อลูก
สาวนัก ศุภานัน
ยิ้มเดินเข้าไปกอดมารดา
‚รับรองค่ะ นันไม่มีวันเหมือนพี่วัศแน่ นันขอตัวก่อนนะคะ เพลียชะมัด อยาก
พักค่ะ‛ ศุภานันจูบแก้มารดา
อย่างประจบก่อนเดินหนีขึ้นห้องไป บงกชส่ายหน้าอย่างระอา เป็นอย่างนี้ทุกที ลูก
แต่ละคน ไม่รู้ว่าทํากรรม
อะไรไว้ถึงได้มีลูกแต่ละคนคอยหาแต่เรื่องเดือดร้อนมาให้ ศุภานันยังดีหน่อยไม่
ค่อยมีเรื่องให้เธอกลุ้มนัก แต่จะ
เป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ยังไม่รู้ บางทีอาจร้ายแรงกว่าก็เป็นได้ แต่เรื่องด่วนที่ต้องทํา
คือหาทางรับมือกับข่าวใน
วันพรุ่งนี้ เห็นทีต้องใช้เงินก้อนโตเพื่อห้ามไม่ให้สื่อเสนอข่าวออกไป ไม่อย่างนั้นพัง
แน่

โซเฟียกําลังเดินไปขึ้นรถเพื่อไปหาโดมินิกและเดินทางไปที่ลานโหลดสินค้า
ส่งออกที่ลาดกระบังเพื่อควบคุมการบรรจุสินค้าเข้าตู้ด้วยตนเองก่อนจะขึ้นเรือที่
แหลมฉบังและส่งต่อไปยังประเทศที่สาม มิสเตอร์หว่องอนุญาตเพราะเธออ้างว่า
ต้องการมาดูเพื่อความมั่นใจ ไม่อย่างนั้นจะถูกบิดาตําหนิได้ซึ่งเป็นเรื่องปกติ
สําหรับการทําการค้าต้องมีการตรวจสอบการทํางานของผู้รับเหมาบ้าง มิสเตอร์หว่
องไม่ติดใจส่งสัยอะไร และอํานวยความสะดวกให้ แต่พอใกล้จะถึงรถเธอก็ต้องเร่ง
ฝีเท้าเร็วขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามีคนตามเธอมา ทีแรกคิดว่าอุปาทานไปเอง แต่เธอเริ่มสงสัย
มากขึ้นเมื่อพบว่าลานจอดรถชั้นนี้ไม่มีใครขึ้นมาเลย ทั้งที่ยังมีที่ว่างเหลือ เธอ
ล้วงกระเป๋าเตรียมหยิบกุญแจรถ แต่พอถึงรถก็พบกับร่างสูงใหญ่ของตนุภัทรยืนอยู่
รอยยิ้มเย็นยะเยือกนั้นบอกให้เธอรู้ว่าเขาไม่ปล่อยเธอแน่
‚สวัสดีโซเฟีย ไม่พบกันหลายวันสินะ ‚ ตนุภัทรทักเสียงเรียบ แต่นัยน์ตาน่า
กลัว
‚แล้วไงคะที่รัก คิดถึงก็ไม่เห็นต้องมาดักรอที่ลานจอดรถเลยนี่ ‛ โซเฟียไม่คิด
จะกลัว
‚พบที่อื่นไม่ตื่นเต้นหรอก สู้พบกันที่นี่ไม่ได้ ‛ เสียงเรียบตอบพลางจ้องมองเธอ
นัยน์ตาน่ากลัว
‚มีอะไรว่ามา อยากแก้แค้นฉันงั้นสิ ‛ โซเฟียท้า ตนุภัทรยิ้มเย็น เดินเข้าไปหา
ยื่นมือไปบีบคางเธอ
สายตาคมเข้มจ้องมองเธอเย็นยะเยือก ก่อนพูดขึ้นว่า
‚เปล่า เพียงแต่จะบอกว่าผมให้เวลาคุณสามวัน เตรียมนําพานดอกไม้ไปขอ
ขมาภรรยาผม ไม่อย่างนั้น
ผมไม่รับรองความพิการของคุณ ผมเป็นคนชอบทําอะไรตรงไปตรงมา ไม่ชอบใช้วิธี
หมาลอบกัดอย่าง
พวกคุณ จําไว้ !‛ ตนุภัทรพูดแค่นั้นก็ปล่อย
‚คิดว่าขู่ฉันแล้วฉันจะกลัวงั้นสิ ‛ โซเฟียจ้องหน้าเขาอย่าท้าทาย
‚ก็ลองดู ถ้าภายในสามวันคุณยังไม่ติดต่อมาขอขมาภรรยาผม รับรองได้เลย
ว่าคุณจะไม่มีขาให้เดินอีกต่อไป
คนของคุณทําร้ายขาซ้ายเมียผม ผมใจดีแถมให้คุณอีกข้าง คิดดูให้ดีนะ โซเฟีย ‛ มือ
ใหญ่ตบเบา ๆ ที่แก้มโซเฟีย
พร้อมรอยยิ้มเย็น ๆ ก่อนพาร่างสูงใหญ่ไปขึ้นรถขับออกไป โดยมีรถอีกคันขับตาม
ไปด้วย ใบหน้าโซเฟียเริ่มถอดสี
วันนี้ตนุภัทรเผยความน่ากลัวออกมา โดมินิกพูดถูกว่าเขาไม่ปล่อยเธอแน่ แต่พอคิด
ว่าต้องเอาพานดอกไม้ไปขอขมา
สายรุ้ง ความกลัวก็หายไป แต่เป็นความแค้นมาแทนที่ ทําแบบนี้เท่ากับหยามกันชัด

‘แม้แต่คําขอโทษก็อย่าหวัง ! คิดว่าคนอย่างโซเฟียจะกลัว ฉันก็อยากรู้
เหมือนกันว่าคุณจะทําอะไรฉันได้ ถ้าอีกสองสามวันฉันไม่อยู่เมืองไทยแล้ว ’
หลังเสร็จภารกิจคืนนี้ รอจนเรือออกจากท่า เธอก็บินกลับฝรั่งเศสแล้ว โซเฟีย
ยักไหล่ก่อนเดินขึ้นรถขับไปหาโดมินิกและไปดูสินค้าที่ลานโหลดด้วยกัน เธอไม่รู้ว่า
พอเธอขับรถออกไป ก็มีรถเก๋งสีน้ําเงินเข้มขับตามไปห่าง ๆ

‚คุณภัทรครับ โซเฟียกับโดมินิกมาถึงลาดกระบังแล้วครับ จะให้ทําอย่างไร


ต่อ‛ คนของตนุภัทรที่แฝงตัว
เป็นเจ้าหน้าที่ในลานโหลดที่ลาดกระบังรายงานให้ทราบทางโทรศัพท์มือถือ
‚ประสานกับคนของคุณหว่องที่นั่นแล้วถ่ายวิดีโอเก็บไว้ เสร็จแล้วส่งมาให้ผม
ทันที‛ ตนุภัทรบอกก่อนปิดมือถือ
เขาไม่คิดว่าโซเฟียจะทําตามที่เขาขู่ไว้ ผู้หญิงอย่างโซเฟียร้ายเกินกว่าจะกลัวแค่คํา
ขู่ ระหว่างรอคอยก็เล่น
สงครามประสาทกับเธอไปก่อน เกมนี้เรียกว่ากรรมตามสนอง ก่อนจะถูกจับใน
ข้อหาจ้างวานฆ่า คิดหนีกลับฝรั่งเศสก็หนีไม่พ้น ปิแอร์คงส่งซีดีเบื้องหลังการฆ่ารา
เชลลูกสาวนายตํารวจใหญ่แห่งฝรั่งเศสให้ตํารวจแล้ว ส่วนโดมินิกคงถูกจับที่
เมืองไทยแน่ข้อหาพัวพันการค้าอาวุธ ทั้งหมดต้องรอให้เรือไปถึงสิงคโปร์ก่อน
มิสเตอร์หว่องจะแจ้งให้เปิดตรวจเอง เมื่อถึงเวลานั้นฟร็องซัวส์กรุ๊ปกับโดมินิกต้อง
เข้าไปค้าขายกันในคุกแน่ ระหว่างนี้ต้องพาสายรุ้งไปฝากบ้านนายวรเมธก่อน
เพราะเป็นที่ที่ปลอดภัยกว่าอยู่บ้านเขา พวกนั้นไม่รู้จักวรเมธคงตามตัวไม่เจอแน่

‚โซเฟียเป็นอะไรไป ทําไมทําหน้าเครียด ๆ‛ โดมินิกถามโซเฟียระหว่างขับรถ


ออกจากลาดกระบังหลังจาก
คอยดูแลกํากับการขนย้ายสินค้าที่ลาดกระบังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
‚เปล่า เพียงแค่คําขู่นายตนุภัทรนิดหน่อย‛ โซเฟียบอกอย่างไม่ปิดบัง
‚คงไม่เล็กน้อยมั้ง ลองนายนั่นขู่ผู้หญิงแสดงว่าผู้หญิงคนนี้คงเป็นที่หมายหัว
แน่ ผมเตือนคุณแล้วไม่เชื่อ
อย่าไปยุ่งกับคนที่หมอนั่นรัก แล้วเป็นไง ต้องมานั่งเครียด กลัวงั้นสิ ‛ โดมินิกไม่คิด
ช่วยแต่กลับซ้ํา
‚คุณ ถ้าไม่คิดช่วยก็อย่าซ้ําเติม อีกอย่าง ฉันไม่คิดจะกลัวด้วย อีกสองสามวัน
ฉันก็บินกลับฝรั่งเศสแล้ว
เหลือแต่คุณที่ยังต้องอยู่เมืองไทยต่อเพราะติดงาน ว่าแต่คนอื่น ระวังเรื่องของ
ตัวเองบ้าง คนของคุณที่ถูกจับ
ได้ยังไม่สั่งเก็บอีก ถ้ามันสารภาพระวังจะออกจากเมืองไทยไม่ได้ ‛ โซเฟียเย้ยกลับ
‚คนอย่างผมไม่ทําอะไรพลาดหรอก มันถูกเก็บเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งคนของ
คุณด้วย สบายใจได้ น่าจะ
ขอบคุณผมนะ อย่างน้อยก็ช่วยให้คุณรอดจากคดีจ้างฆ่าได้หนึ่งคดี ‛ โดมินิกมีน้ําใจ
พอควรที่ช่วยเธอ
‚ขอบใจ อย่างนี้ค่อยเหมาะกับคําว่าหุ้นส่วนหน่อย‛ โซเฟียขอบคุณไปอย่าง
นั้นเอง
‚ผมจะดีใจมากถ้าเป็นคําขอบคุณจากใจจริง ผมไปละ‛ โดมินิกรู้ทันอยู่ดี ทั้ง
เธอและเขาทํางานร่วมกันจน
รู้เช่นเห็นไส้เห็นพุงกันว่ามีขดแล้ว มีหรือจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไร เพียงแต่มี
ผลประโยชน์ร่วมกัน
ความเอื้ออาทรก็ยังมีให้แก่กันได้เสมอ
พนิดาดูหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับ แต่ไม่พบข่าวเกี่ยวกับเธอและบงกชเลย
เธอหงุดหงิดมาก บงกช
คงใช้เงินซื้อพวกนักข่าว แต่คิดหรือว่าใช้เงินยัดแล้วจะห้ามข่าวพวกนี้ได้ เธอรู้จัก
บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ดัง
ฉบับหนึ่ง เจ้าชู้พอสมควร เคยแสดงทีท่าว่าชอบพอเธอ หากเธอจะดึงนายคนนั้นมา
ช่วยก็คงไม่ยากนักหรอก อาศัย
เรือนร่างเธอเป็นตัวล่อก็พอแล้ว แถมยังได้ขายข่าวฉาวอีก ยิ่งไม่มีหนังสือพิมพ์ฉบับ
ไหนกล้าลง ยิ่งดียิ่งขายได้
มาก ดังนั้นเธอจึงโทรนัดคนผู้นี้มาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในห้างดัง ระหว่างที่เธอนั่ง
รออยู่สายตาบังเอิญเหลือบ
ไปเห็นสายฝนเดินเข้ามาในร้านนั่งโต๊ะฝั่งตรงข้าม สายฝนไม่เห็นเธอ พลันความคิด
ชั่วร้ายก็แวบเข้ามาในสมอง
เรื่องอะไรเธอต้องเปลืองตัว สู้ส่งผู้หญิงที่วรเมธรักไปสังเวยแทนดีกว่า ยังได้แก้แค้น
ผู้ชายคนนั้นด้วย อยากรู้นัก
ถ้าผู้หญิงที่เขารักถูกคนอื่นย่ํายี จะยังรักอยู่อีกหรือเปล่า ยกย่องดีนัก แต่จะทํา
อย่างไรถึงทําให้สายฝนยอม
ไปกับชายแปลกหน้า ขณะที่เธอกําลังคิดอยู่นั้นเสียงทักคุ้นเคยก็ดังขึ้น
‚คุณดา ดีใจจังครับที่ได้พบคุณอีก‛ พนิดาพอเห็นบริกรชายแต่งกายสุภาพ
เจ้าของเสียงทักก็ยิ้ม
‚นึกว่าใคร ที่แท้นายโหน่งนี่เอง ทําไมถึงมาเป็นบ๋อยได้ล่ะ ‛
นายโหน่งลูกชายคนรับจ้างซักรีดในคอนโดฯ ไม่ค่อยจะเอาถ่าน หาแต่เรื่อง
เดือดร้อนมาให้พ่อแม่ไม่เว้นแต่ละวัน เธอเคยฝากงานให้ทําในผับแห่งหนึ่งที่เธอกับ
เพื่อน ๆ ชอบไปเที่ยวบ่อย ๆ ต่อมาถูกไล่ออกเพราะร่วมมือกับผู้ชายที่มาเที่ยวแอบ
ใส่ยาเสียสาวไว้ในอาหารให้สาว ๆ ที่มาเที่ยวกิน แต่โชคดีที่ทางผับไม่แจ้งความ แค่
ไล่ออกเท่านั้น
‚แม่ผมด่าทุกวัน ผมเลยจําใจมาทํางานที่ร้านนี้ ดีใจมากที่ได้พบคุณดาอีก
คุณดาพอมีงานอื่นที่ดีกว่านี้
แนะนําผมได้มั้ยครับ‛
พนิดายิ้ม เข้าแผนทันที
‚มี แต่นายโหน่งต้องทําอะไรให้ฉันก่อน นายโหน่งเห็นสาวสวยที่นั่งอยู่โต๊ะนั้น
มั้ย เพื่อนฉันที่เป็นนักข่าว
ชอบ แต่แม่คนนี้เล่นตัว ถ้านายโหน่งทําให้เพื่อนฉันสมหวังรับรอง ได้เปลี่ยนงาน
แน่‛
นายโหน่งมองตาม
‚สวยน่ารักอย่างนี้เอง เพื่อนคุณดาถึงได้ติดใจ วิธีก็พอมี แต่ผมไม่อยากทํา
ครับ ถ้าพลาด ผมมีหวังเข้าคุก
ที่นี่เป็นร้านอาหารมีชื่อ ไม่ยอมเสียชื่อแน่ ‛ นายโหน่งไม่กล้าเสี่ยงนัก พนิดาเปิด
กระเป๋าหยิบธนบัตรสีม่วงมา
สองใบยื่นให้
‚ตอนนี้กล้าทําหรือยัง ถ้ายังถือเสียว่าฉันไม่ได้พูด ‛
นายโหน่งรีบหยิบทันที วิธีได้เงินง่าย ๆ มีหรือคนอย่างเขาจะไม่เอา พนิดา
รู้จักคนพวกนี้ด.ี ..เพื่อเงินทําได้ทุกอย่าง
‚แค่นี้ค่อยคุ้มค่าการเสี่ยงหน่อย ผมมียาชนิดหนึ่งเพื่อนเพิ่งให้มาเมื่อเช้านี้เอง
คือผมไปชอบสาวคนหนึ่งแต่เขา
ไม่เล่นด้วย ผมกะจะไว้ใช้เอง...แต่เอามาช่วยคุณดาก่อนดีกว่า รับรองไร้กลิ่น ไร้รส
ไร้สี แต่ถ้าใครกินเข้าไป
ต้องรีบหาสวรรค์วิมานแน่ ว่าแต่คุณดาจะให้ผมลงมือเมื่อไหร่ครับ จะได้กะเวลายา
ออกฤทธิ์ถูก‛ พอเงินมางานก็เดิน
ได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ สันดานคนไม่เคยเปลี่ยน เคยทําชั่วอย่างไรก็ทําอย่างนั้น
พนิดายิ้มอย่างพอใจ กําลัง
จะบอกว่ารอเพื่อนเธอมากก่อน ก็พอดีเห็นชายอายุประมาณสี่สิบสอง ผิวคล้ํา
หน่อย ๆ รูปร่างค่อนข้างท้วมแต่
สูงพอควรเดินยิ้มเข้ามาหาเธอ
‚ลงมือได้เลยเพื่อนฉันมาแล้ว ‛ พนิดาบอก นายโหน่งจึงรีบไปจัดการ
‚ว่าไง คุณดา ผมนึกแล้วคุณต้องโทรหาผม ไม่ต้องแปลกใจหรอก ผมห้าม
จินดาเองให้ระงับข่าวนั้นเสีย
เพราะคุณบงกชจ่ายหนัก ลงไปก็อาจเสี่ยงถูกฟ้องได้ด้วย‛ หนุ่มใหญ่บอก
‚แหม ! เรื่องนั้นดาไม่ติดใจหรอกค่ะ ดาเข้าใจ แต่ดาอยากขอร้องคุณชลิต
ช่วยดาหน่อยได้มั้ยคะ ดาแค้นน่ะค่ะ
ที่ถูกหลอก แล้วคุณชลิตจะให้ดาตอบแทนอย่างไรก็ได้ ดายินดีค่ะ ‛ พนิดาแกล้งทํา
เสียงอ้อนวอนจํายอม
‚จริงนะ คุณดา ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ไปกับผมสิ รับรองผมช่วยเต็มที่ถ้าทําให้ผม
พอใจ‛ หนุ่มใหญ่จ้องมอง
พนิดานัยน์ตาพราวระยับ พนิดายิ้มหวาน ยื่นมือไปลูบมือใหญ่หนาเบา ๆ ก่อนพูด
ว่า
‚ใจเย็น ๆ สิคะ ดามีของขวัญพิเศษให้ค่ะ โน่นค่ะ เห็นมั้ยคะ สาวสวยโต๊ะนั้น
ถูกใจมั้ยคะ เป็นสาวอารมณ์
เปลี่ยวค่ะ บ้าผู้ชาย ชอบมาอ่อยเหยื่อตามร้านอาหาร เห็นท่าทางเรียบร้อยอย่างนั้น
พอผู้ชายถูกตัวรับรอง...
ไม่ยากหรอกค่ะ‛ พอพนิดาบอกหนุ่มใหญ่ก็หันไปมอง พอเห็นหน้าสายฝนเท่านั้นก็
ตะลึงในความสวย
‚คุณดา เป็นของขวัญที่ถูกใจมาก‛ พูดจบทําท่าจะลุกไปหา แต่พนิดายั้งไว้รอ
ให้ยาออกฤทธิ์ก่อน
‚เดี๋ยวค่ะ อย่าเพิ่ง อยู่ดี ๆ เดินเข้าไปรับรองแม่คนนี้ตะเพิดออกมาแน่ ถึงจะ
บ้าผู้ชายแต่ก็ไว้ท่านะคะ
ขอดาเข้าไปทาบทามก่อน รอสักครู่ค่ะ ‛
‚ก็ได้ เพื่อคนสวย ๆ ผมยอม ถ้าถูกใจก็ไม่มีปัญหา รับรองจะให้คนเขียนข่าว
ให้สะใจไปเลย‛
‚รับรองค่ะ คุณชลิตต้องไม่ผิดหวังแน่ ‛ พนิดดาส่งสายตาเป็นประกาย หนุ่ม
ใหญ่มองอย่างรู้ทัน ทําไมจะ
ไม่รู้ว่าพนิดาเป็นผู้หญิงแบบไหน ไว้ฟันสาวสวยนั่นก่อน เธอเองก็ไม่รอด
นักหนังสือพิมพ์อย่างเขาไม่เคยเสีย
เปรียบใครอยู่แล้ว งานนี้ต้องเอาให้คุ้ม ความจริงเขาก็อยากลงข่าวนี้ แต่รอสักพัก
รับเงินมาแล้วต้องแกล้งทําเป็น
เงียบไปพักหนึ่งก่อน ไว้ค่อยตีพิมพ์ข่าวนี้ทีหลัง ใครจะไม่ชอบ ข่าวฉาวแบบนี้ขายดี
จะตายไป

สายฝนรู้สึกว่าบริกรที่นําน้ํามาเสิร์ฟดูท่าทางลุกลี้ลุกลนชอบกล แต่เธอไม่คิด
จะใส่ใจนัก วรเมธบอกให้เธอเข้ามาสั่ง
อาหารก่อน เขายืนคุยโทรศัพท์กับเพื่อนอยู่นอกร้าน หลังอิ่มอาหารกลางวันแล้วจะ
ไปสถานนีตํารวจหาเพื่อน
เขาเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมตามรูปคดี วรเมธคุยโทรศัพท์นานพอควร อาหารที่สั่งจึงมา
เกือบครบแล้ว สักพักเธอก็ยกแก้วน้ําเปล่าขึ้นดื่มก่อน บริกรที่ยืนบริการอยู่ข้าง ๆ
ยิ้มนัยน์ตาเป็นประกาย หันไปหาพนิดา ยกมือบอกใบ้ให้รู้ว่าใกล้เวลาแล้ว สักพัก
พนิดาก็เดินมาหา นายโหน่งรีบหลบไปบริการลูกค้าโต๊ะอื่นทันที พอสายฝนเห็น
พนิดาเดินเข้ามาหาก็มีท่าทีแปลกใจ
ทําไมยังกล้ามาอีก พนิดาเดินยิ้มมาหาเธอ
‚ไง คุณแม่บ้านเจ้าเสน่ห์ วันนี้เอาคุณเมธไปทิ้งไว้ไหน หรือว่าถูกทิ้ง ‛ พนิดา
แกล้งประชด สายตาจดจ้องดู
สายฝนเพื่อสังเกตดูว่ายาออกฤทธิ์หรือยัง ถ้าออกฤทธิ์แล้วเธอจะได้บอกคุณชลิตให้
เข้ามา
‚ไม่ต้องห่วงฉันหรอกค่ะ คุณดา คุณดามีธุระอะไรกับฉันหรือคะ ถึงได้แวะมา
ทักทาย‛
สายฝนพูดด้วยน้ําเสียงปกติ พนิดายิ้ม
‚สําคัญตัวผิดไปหน่อยมั้ง คุณแม่บ้านคนสวย คิดหรือว่าตัวเองสําคัญถึงขั้น
ฉันต้องแวะมาทักทาย
จะบอกให้นะ ที่ฉันแวะมาก็เพื่อจะดูให้ชัด ๆ ว่าผู้หญิงที่ยั่วยวนเก่งอย่างเธอเวลา
เกิดอารมณ์แล้วจะเป็นอย่างไร‛
สายฝนไม่เข้าใจคําพูดและแววตาสะใจที่มองมายังเธอ ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้ว
กระมัง และแล้วเธอเริ่มรู้สึก
ว่าร่างกายเร่าร้อนไปหมด ทําไมร้อนอย่างนี้ ลมหายใจเริ่มขัด เกิดอะไรขึ้นกับเธอ
เธอจ้องหน้าพนิดา
‚คุณทําอะไรฉัน คุณดา‛ เสียงถามเริ่มไม่ปกติ หายใจแรงขึ้น สายฝน
พยายามระงับอารมณ์ไว้
‚สงสัยแอร์ที่นี่จะเย็นไม่พอ เธอร้อนมากใช่มั้ย เดี๋ยวนะ ฉันจะไปหาคนมา
ช่วยดับร้อนให้เธอ‛ พนิดาพูดจบ
ก็รีบเดินไปที่โต๊ะ สายฝนรู้แล้วเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เธอพยายามระงับ แต่อารมณ์พ
ลุ่นพล่านที่เกิดขึ้นภายใน
แต่กลับไม่ยอมดับง่าย ๆ เธอจ้องมองแก้วน้ําสักพักก็จับกระแทกให้แตก ก่อนจะ
หยิบแก้วเศษแก้วมาและทําท่า
จะกดลงไปที่เนื้อบนแขนเรียวสวย เธอต้องการให้เจ็บเพื่อดับอารมณ์พลุ่งพล่านใน
กาย แต่ยังไม่ทันได้ทําเสียง
ของชายคนหนึ่งดังขึ้นก่อน
‚อย่า...คนสวย มา...ผมจะช่วยคุณเอง‛ หนุ่มใหญ่เดินเข้ามาทําท่าจะกอด
เธอ เวลานี้เธอไม่มีแรงต้านแน่
แต่จิตส่วนลึกยังไม่ยอมแพ้ต่ออารมณ์เถื่อนที่ถูกปลุกขึ้นมา เธอรีบผลักร่างหนาออก
และวิ่งออกไป
บังเอิญไปชนกับร่างสูงใหญ่ของวรเมธเข้า พอเห็นเขาเท่านั้นก็รีบพูดว่า
‚คุณเมธรีบพาฝนไปจากที่นี่ ฝนจะไม่ไหวแล้ว ‛ จากนั้นก็กอดเขาแน่น วรเมธ
งงกับกิริยาที่เปลี่ยนไปของ
สายฝน แต่ก็ทําตามที่เธอบอกรีบพาออกจากร้านไป พนิดาทุบโต๊ะอย่างเจ็บใจ
พลาดจนได้ หนุ่มใหญ่หัวเสีย
เดินมาหาพนิดานัยน์ตาวาวโรจน์
‚ไหนคุณบอกว่าผู้หญิงคนนั้นบ้าผู้ชาย ที่แท้ก็ใช้แผนสกปรกทําร้ายผู้หญิงคน
นั้น เกิดเป็นลูกผู้ดีมีตระกูล
ผมมิซวยหรือ คุณจะว่าไง ถึงจะชดเชยให้ผมได้ ‛ หนุ่มใหญ่แกล้งทําเป็นโกรธ ไหน
ๆ เขาก็พลาดจากสาวสวย
นั่นแล้ว พนิดาต้องชดใช้ พนิดาเองก็แค้นอย่างบอกไม่ถูก แต่พอเห็นหน้าผู้ชาย
ตรงหน้าก็รู้ว่าเธอคงหนีไม่พ้นแน่
ที่สําคัญเธอกลัวว่าเขาจะแฉเธอแทน มีทางเดียวคือต้องปิดปากเสียและหลอกใช้
ทําให้ชายคนนี้หลงน่ะไม่ยาเลย
สําหรับเธอไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว ไหน ๆ จะพังก็ให้มันพังพร้อมกันไปเลย คนที่คิด
เอาเปรียบเธอต้องชดใช้คืน
‚เอาเถอะค่ะ ดาผิดเอง ดายินดีชดเชยให้ แต่ดาขออย่างนะคะ อย่าลืมเรื่องที่
ตกลงกันไว้‛
หนุ่มใหญ่ยิ้มนัยน์ตาเจ้าเล่ห์ ดึงมือพนิดามาลูบเบา ๆ
‚อย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อย ไปกันเลย รับรองพรุ่งนี้คุณได้เห็นข่าวแน่ แต่ขึ้นกับ
ความน่ารักของคุณ ‛
‚รับรองค่ะ คุณชลิต‛ พนิดาตอบกลับตาเป็นประกายและพากันออกไป

วรเมธแปลกใจที่สายฝนกอดเขาแน่นไม่ยอมปล่อย เขารีบพาเธอเข้าลิฟต์ลง
ไปยังลานจอดรถและรีบไปที่รถ
ตลอดทางที่ผ่านมามือบางสวยพยายามลูบไปทั่วแผ่นอกกว้างแข็งแรง เสียงหายใจ
เธอขาดเป็นช่วง ๆ เขาเริ่มรู้
แล้วว่าเธอเป็นอะไร ร้านอาหารนั่นต้องมีปัญหาแน่ เขาเคยได้ยินข่าวพวกยาปลุก
อารมณ์พวกนี้เหมือนกัน
วันนี้มาเจอกับผู้หญิงที่เขารักถึงรู้ว่าอันตรายแค่ไหน ก่อนที่ยาจะออกฤทธิ์เต็มที่
ต้องรีบพาเธอไป
ยังห้องพักที่อยู่ชั้นบนสุดบนตึกที่ทํางานของเขาซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด เขาหันไปมองสาย
ฝนก็พบว่าเธอเริ่มแกะกระดุม
เสื้อแล้ว ใบหน้าสวยส่ายไปมา สติเริ่มไม่อยู่กับตัวแล้ว เขาเหยียบคันเร่งด่วน พอถึง
ที่ทํางานก็ขับรถขึ้นชั้น
บนสุดของอาคารสํานักงาน โชคดีที่ไม่มีใครเห็น รีบอุ้มเธอเข้าห้องทันที สายฝน
กอดเขาแน่น เวลานี้เธอไม่รู้เนื้อ
รู้ตัวอีกต่อไป รู้แต่ว่าต้องพยายามดับอารมณ์เร่าร้อนที่ปั่นป่วนไปทั่วร่างให้ได้
ต้องการใครสักคนมาช่วยดับ
อารมณ์พลุ่งพล่านนี้ เธอพยายามปล้ําจูบวรเมธอย่างไม่อาย ปากก็พร่ําบอกว่า
‚คุณเมธ ฝนรักคุณ ฝนร้อน ช่วยฝนด้วย‛
วรเมธผลักร่างงามนั้นออก แต่พอเห็นมือบางแกะกระดุมเสื้อออกจนเห็นผิว
เนียนสวยขาวอมชมพูและความเอิบอิ่มของวัยสาวเต็มที่ ความอดกลั้นเริ่มจะ
สั่นคลอน เขายอมรับว่าเธอสวยไปทั้งตัว เขาไม่ใช่ก้อนหิน ยิ่งเป็นหญิงที่เขารักด้วย
แล้วยิ่งง่ายต่อการทําตามใจปรารถนา แต่พอคิดถึงผลที่จะตามมาหลังจากนั้นก็
หมดอารมณ์ เขารู้ดีเวลานี้สายฝนขาดสติ ตกเป็นทาสของยาอุบาทว์นั่น ถ้าฤทธิ์ยา
หมดแล้ว เขาไม่กล้าคิดว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ที่สําคัญเขาอยากให้ทุกอย่าง
ถูกต้องตาม
ประเพณีมากกว่าฉวยโอกาสกับเธอ และอาจต้องเสียเธอไปชั่วชีวิต เขาลากเธอเข้า
ห้องน้ํา เปิดฟักบัวรดน้ําใส่
ตัวเธอ หวังดับอารมณ์เธอ
‚รู้มั้ยว่าทําอะไรลงไป ทําตัวเหมือนผู้หญิงร่าน ไร้ยางอาย คุณฝน‛ เขาด่าว่า
เธอแรง ๆ หวังให้เธอรู้สึกตัว
‚ฝนรักคุณ อยากเป็นของคุณ อยากให้คุณมีความสุข คุณไม่อยากมีความสุข
กับฝนหรือคะ‛
สายฝนพูดอย่างไม่อาย นัยน์ตาฉ่ําเยิ้ม ลมหายขัด หากเป็นยามปกติเธอคงไม่มีวัน
พูดแบบนี้แน่ คําพูดนั่นคง
มาจากฤทธิ์ยาที่พุ่งสูงสุดแน่ วรเมธเริ่มหงุดหงิดที่ทําอะไรไม่ได้ ยิ่งเห็นเสื้อผ้าเปียก
น้ําแนบไปตามตัวจนเห็น
ร่างเย้ายวนสวยงามไปทั่วตัว เขายอมรับร่างงามนี้จะสั่นคลอนหัวใจชายทุกคนให้
ต้องมนต์สะกดได้ถ้าได้เห็น ที่ร้าย
กว่านั้นคือเจ้าของร่างงามพยายามโผเข้าหาเขา จะปล้ําเขาให้ได้ ไม่มีทางเลือกแล้ว
สินะ เขาใช้สันมือฟาดลงไป
ที่ท้ายทอยเธอ ร่างงามนั้นทรุดลงกับพื้นทันที
ตอนที่ 24

สายฝนลืมตาขึ้นอย่างยากลําบากเต็มที รู้สึกทั้งเนื้อทั้งตัวโล่ง เหมือนไม่ได้


สวมใส่อะไรเลย มือบางสวยค่อย ๆ
สัมผัสไปทั่วร่าง ไม่กล้าแม้แต่จะมอง กลัวอย่างบอกไม่ถูก แต่พอสัมผัสกับผ้า
ใบหน้าสวยใสจึงกล้าก้มลงมอง
ไปทั่วร่าง ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อพบว่าตัวเองอยู่ในชุดนอน พลันรู้สึกปวดต้น
คออย่างบอกไม่ถูก สายตา
มองไปรอบแล้วแทบร้องกรี๊ดเมื่อพบว่าอยู่ในห้องนอนที่ไม่คุ้น รีบลุกจากเตียงกว้าง
ใหญ่ทันที จึงรับรู้ว่าทั่ว
ร่างนอกจากชุดนอนใหญ่เกินขนาดจนเผยให้เห็นเนินอกอิ่มสวยงามแล้วก็ไม่มีอะไร
อยู่เลย สักพักน้ําตาเริ่มซึม
หรือว่าเธอสูญเสียสิ่งที่หวงแหนมาตลอดชีวิตสาวให้กับ...คนชั่ว...ทําไมโชคร้าย
อย่างนี้ ไม่ทันข้ามวันชีวิต
ก็แปรเปลี่ยนจากสุขเป็นทุกข์ เธอคงไม่มีหน้าไปพบวรเมธอีกต่อไป อยากรู้นักว่า
ชายโฉดที่พร่าความสาวเธอไป
เป็นใคร เธอเริ่มทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น พนิดา...ที่สุดเธอก็ถูกผู้หญิงคนนี้ทําร้าย
จนได้ ผู้หญิงคนนี้ช่างชั่วร้าย
นัก วางยาเธอแล้วให้ผู้ชายคนนั้นมารังแกเธอ แต่ไม่น.ี่ ..เธอหนีมากับวรเมธก่อน
จากนั้นก็ไม่รู้อีกเลยว่าได้ทํา
อะไรไปบ้าง หรือว่าเป็นเขาเองที่พร่าความสาวเธอไป คงเพราะเธอเองที่ตกเป็นทาส
ของยาอุบาทว์นัก คิดแล้ว
น่าละอายนัก จะไปร้องเรียนกับใคร ในเมื่อ...น้ําตาเริ่มซึม แต่ไม่ยอมปล่อยให้หลั่ง
รินออกมา เธอนั่งกอดเข่า
หลังพิงพนักเตียงก้มหน้าลงซบเข่า จมอยู่กับความคิดตัวเอง สับสน ไม่รู้จะจัดการ
กับชีวิตอย่างไรดี จนกระทั่ง
ได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา คิ้วเข้มของร่างสูงใหญ่ขมวดเข้าหากัน ก่อนพาตัวมานั่ง
ลงบนเตียงนุ่มนิ่ม ยื่นมือไปสัมผัสแขนเรียวสวยและเขย่าเบา ๆ
‚ฝนจ๋า เป็นอะไรไป รู้สึกเป็นไงบ้าง‛ เสียงอ่อนโยนถามขึ้น สายฝนเงยหน้าขึ้น
จ้องมองใบหน้าคมเข้มนิ่ง
หากนัยน์ตาคู่สวยมีแววไม่แน่ใจ
‚ฝนจะรู้สึกอย่างไร นอกจากผู้หญิงร่านคนหนึ่งที่ตกเป็นทาสของอารมณ์จน
...‛ สายฝนไม่อาจพูดต่อได้
เธอทั้งเกลียดและชิงชังตัวเองที่มีกิริยาไม่ผิดไปจากผู้หญิงไร้ยางอาย อยากร้องไห้
เต็มที ไม่เข้าใจว่าพอเห็นหน้าเขา
ทําไมถึงอยากร้องนัก วรเมธดึงตัวเธอเข้ามากอด มือใหญ่ลูบหลังอย่างปลอบ
ประโลม
‚นิ่งเสีย เด็กโง่ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น คุณยังเป็นนางสาวสายฝนที่บริสุทธิ์ผุด
ผ่องเหมือนเดิม เพียงแค่
เสียหายภายนอก เอ่อ...นิดหน่อย‛ วรเมธพูดไม่เต็มเสียงนัก จะให้พูดได้อย่างไรว่า
เธอสูญเสียความบริสุทธิ์
ให้เขาทางสายตาแล้วแม้จะไม่ทั้งหมด ร่างงามนี้เขาเห็นเกือบหมดแล้ว เพราะเธอ
เองเป็นคนเปิดเผยให้เขาเห็น
สายฝนพอได้ยินคําพูดของเขาความรู้สึกก็แปรเปลี่ยนทันที ดีใจอย่างบอกไม่ถูก
หมายความว่าเธอยังไม่เสีย
หายอะไร หลงเครียด หลงเศร้าเสียใจอยู่นาน แต่คําพูดตอนท้ายของเขา
หมายความว่าอย่างไร เธอรีบขยับตัว
ออกจากอ้อมกอดแข็งแรงทันที จ้องมองเขานิ่งอย่างเอาเรื่อง
‚คุณเมธ หมายความว่าไง บอกมานะ อะไรคือเสียหายภายนอก‛ เสียงเขียว
ถามขึ้นพลางมองตัวเองอีก
ครั้งแล้วใบหน้าแดงก่ําก็ว่าได้ เมื่อเริ่มนึกได้ ชุดนอนผู้ชาย คงเป็นของเขา เธอไม่ได้
ใส่ชั้นใน นี่เขา...เห็นหมดแล้ว
‚มันบังเอิญเห็น ผมไม่ตั้งใจนะ ถือเสียว่ายกประโยชน์ให้จําเลยก็แล้วกันนะ
ฝนจ๋า อีกอย่าง ตัวคุณเปียก
ไปหมด ผมจําเป็นต้องรีบเปลี่ยนให้ แล้วให้คนเอาเสื้อไปซักแห้งให้ อีกสักพักคงมา
ส่ง‛ เขาปดเล็กน้อย
เรื่องอะไรจะบอกว่าให้เลขาฯ เขามาเปลี่ยนให้
‚คุณ...น่ะ...ฉวยโอกาสตอนฝนขาดสติ ร้ายที่สุดเลย‛ สายฝนต่อว่าอย่าง
เหลืออดเมื่อเห็นใบหน้ากร่อย ๆ
ของเขา หากนัยน์ตานี่สิพราวระยับแล้วจ้องมองเสื้อนอนตัวโคร่งของเขาบนร่างงาม
อย่างอิจฉา สายฝนยังไม่รู้ตัว
‚อย่าโกรธเลยนะ ฝนจ๋า เหตุการณ์มันพาไป ก็ตอนนั้นคุณหื่นเหลือเกิน ราด
น้ํายังไม่หายหื่นอีก ผมเลยต้อง
ทําให้หมดสติ คุณเลยเจ็บตัวเล็กน้อย‛ คําพูดตรง ๆ ของเขายิ่งทําให้สายฝนหน้า
แดงไปกว่าเก่า เริ่มฉุนจัดจน
ต้องแว้ดออกไปดัง ๆ
‚คุณเมธ ! สนุกนักหรือไง ถึงได้ตอกย้ําอยู่ได้ คุณก็รู้ว่าฝนโดนวางยา เพราะ
พนิดาคนเดียว‛
วรเมธรีบดึงตัวเธอเข้ามากอดไว้แนบอกเพราะไม่อยากเห็นภาพล่อตาล่อใจ เธอคง
ไม่รู้ตัว เพิ่งรู้ว่าชุดนอนของเขา
น่ากลัวก็ตอนนี้เอง เห็นทีต้องรีบหาทางแต่งเร็ว ๆ แล้วสิ เริ่มทนไม่ค่อยไหวแล้ว
‚โอ๋ ๆ อย่าโกรธเลยนะ ไม่ล้อแล้ว ว่าแต่...ยังเจ็บท้ายทอยอยู่หรือเปล่า ผม
ออมแรงแล้วนะ ไม่อยากให้คุณเจ็บ ‛
เขาถามอย่างเป็นห่วง
‚เจ็บนิดหน่อยค่ะ แต่ดีกว่าให้เกิดเรื่อง...เอ่อ...ช่างเถอะค่ะ ฝนไม่อยากจํา
แล้ว แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฝนไม่ยอมแน่
เรื่องคุณดา ฝนจะเอาเรื่องผู้หญิงคนนี้ให้ถึงที่สุด ‛ สายฝนพูดอย่างเจ็บแค้น หาก
วันนี้ไม่มีวรเมธ ป่านนี้เธอมิป่นปี้
ไปหมดแล้วหรือ
‚พนิดาไปเกี่ยวอะไรด้วย บอกผมมา เกิดอะไรขึ้นในร้านก่อนคุณจะถูก
วางยา‛ น้ําเสียงเขาฟังดูจริงจังมาก
ใจจดจ่อกับเรื่องราวที่เธอเล่า พอเธอเล่าจบ ใบหน้าเขาเครียดทันที
‘พนิดา...ผมจะไม่ใจดีกับคุณอีกต่อไป หวังว่าวิญญาณพี่สุดาคงเข้าใจนะว่า
น้องสาวพี่เลวเกินจะให้อภัย
อีกต่อไป’
เขาต้องกลับไปจัดการกับร้านอาหารนั่นก่อนลากตัวเด็กเสิร์ฟคนนั้นมาเข้าคุก
รับรองมันต้องซัดทอดพนิดา
แน่ เขาดันตัวเธอออกก่อนพูดต่อว่า
‚ผมจะโทรถามดูว่าเสื้อผ้าคุณเรียบร้อยหรือยัง แล้วเรากลับไปที่ร้านนั้นกัน
ไปลากตัวผู้สมรู้ร่วมคิดก่อน
จัดการพนิดากับชายคนนั้น เชื่อว่าบริกรนั่นต้องรู้แน่ ผมจะเรียกคืนให้คุณเอง‛
สายฝนซาบซึ้งนัก โผเข้าหาเขากอดเขาไว้พลางยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบา ๆ
วรเมธยิ้มและอดล้อเลียนไม่ได้ว่า
‚แหม ! อยากได้แบบหื่น ๆ มากกว่าจะได้มีรสชาติหน่อย แบบนี้จืดชืดไป
หน่อย‛
สายฝนหน้าแดงก่ําทุบเบา ๆ ที่อกกว้างซึ่งให้ความอบอุ่นกับเธออย่างเขินจัด
‚คุณนะ...‛

โซเฟียมาหาโดมินิกที่บ้านด้วยใบหน้าเครียดจัดหวาดผวา โดมินิกแปลกใจ
เกิดอะไรขึ้นกับโซเฟีย ปกติเธอ
ไม่เคยสนใจอะไรทั้งนั้น ทําไมวันนี้ดูหวาดระแวงชอบกล
‚เกิดอะไรขึ้น โซเฟีย ทําไมคุณถึงได้มีท่าทางหวาดกลัวนัก ‛
‚ฉันจะบ้าอยู่แล้วนะ สองวันมานี้ฉันถูกคนเฝ้าตามทุกฝีก้าว แต่พอหันไปมอง
ก็ไม่มีใคร บางทีก็มีโทรศัพท์ลึกลับ
จากผู้หญิงคนหนึ่งขู่ว่าชีวิตแลกชีวิต บางทีก็ผู้ชายโทรมาบอกว่ายังมีความสุขได้อีก
หรือ ทําร้ายคนมาตั้ง
มากมาย ขับรถก็เหมือนมีคนขับตาม แต่พอหันไปมองให้แน่ก็ไม่พบ เดินไปที่ไหน
เหมือนมีคนเดินตาม พอหันไป
มองก็ไม่มี กลับบ้านก็มีโทรศัพท์มาพูดทํานองเดียวกันอีก เอาสายโทรศัพท์ออก ก็
โทรมือถือ ปิดมือถือ มีจดหมาย
มา ไปตามร้านอาหารก็มีคนบอกว่าระวังจะมียาพิษ ฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว ‛ โซเฟีย
เล่าพลางเอามือกุมขมับ
‚คุณเลยประสาทกิน ขยับตัวทําอะไรเหมือนมีใครมาหลอกมาหลอน ฟังนะ
โซเฟีย ผมคิดว่าเป็นฝีมือ
นายตนุภัทรที่กําลังเล่นสงครามประสาทกับคุณ อย่าไปกลัวเลย‛ โดมินิกฉลาดตาม
เคย
‚ฉันไม่อยากเชื่อ เขาไม่ชอบเล่นลับหลัง ชอบเล่นตรง ๆ อีกอย่าง ยังไม่ถึง
กําหนดสามวันที่เขาให้ฉันเลย
หรืออาจใช่ก็ได้ ถ้าใช่ฉันจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาไม่คิดจะเก็บฉันจริง ให้คนแอบ
สะกดตามอยู่เรื่อย‛
‚คุณยังคิดว่าไอ้หมอนั่นเป็นนักกีฬา ทําตามกฎกติกาการเล่นงั้นสิ ไม่โง่ไป
หน่อยรึ‛ น้ําเสียงเยาะในที
‚นี่คุณ ฉันมาขอความช่วยเหลือ ไม่ได้มาให้คุณซ้ําเติม ตกลงคุณจะช่วยฉัน
หรือไม่‛ โซเฟียเสียเข้ม
‚นาน ๆ คุณโซเฟียคนสวยจะยอมขอร้องทั้งที ผมต้องช่วยอยู่แล้ว เอาเป็นว่า
คุณไม่ต้องใส่ใจ เขาส่งคนทําคุณ
ประสาทกิน คุณก็ส่งคนป่วนเมียเขาสิ ส่วนตัวนายตนุภัทรผมจะปิดเกมเอง ระหว่าง
ผมกันเขามันควรจะเกมกัน
ได้แล้ว การที่เขาเผยตัวและขู่คุณมันก็บอกอยู่แล้วว่าเขาไม่อยากเป็นฝ่ายรับอีก
ต่อไป เขาเองก็อยากปิดเกม
เหมือนกัน ผมยินดีแลกให้แตกหัก ‛ นัยน์ตาคนพูดแข็งกร้าว ถึงเวลาแล้วสินะที่ต้อง
แลก เรื่องระหว่างตนุภัทร
กับพวกเขาควรจะเกมกันเสียที ดีเหมือนกัน
‚ที่สุดคุณก็ยอมปะทะจริง ๆ แล้วสินะ ขอบใจที่ให้คําแนะนํา ฉันจะเล่นงาน
เมียเขาให้ประสาทกินไปเลย
ให้มันรู้ไปว่าใครจะประสาทก่อนกัน ฉันจะทําให้เขาเจ็บยิ่งกว่าเดิมอีก คิดมาขู่คน
อย่างโซเฟีย‛ ทั้งน้ําเสียง
กับแววตาโซเฟียผิดจากตอนแรกที่มาหาเขา โดมินิกยิ้มอย่างพอใจ นางเสือร้าย
โซเฟียกลับมาแล้ว
นายเสร็จแน่ แม้เขาจะกร้าว แต่เขากลับสังหรณ์ใจว่าเขาต้องเป็นฝ่ายพ่ายหมดทาง
สู้แน่ ๆ

วรเมธกับสายฝนกลับบ้านหลังจากกลับไปที่ร้านอาหาร สืบหาที่มาของยา
อุบาทว์นั่น ทางร้านก็ยอมให้
ความร่วมมือโดยขอร้องว่าขอเวลาสักวันสองวันหาตัวคนผิดที่แท้จริงให้ได้ เป็น
คํายืนยันผ่านเจ้าของร้านที่รีบบึ่ง
มาทันทีที่วรเมธแสดงตัวว่าเป็นใครและเอาเรื่องกับเด็กเสิร์ฟทุกคนที่มาเสิร์ฟโต๊ะที่
สายฝนนั่ง เขายังไม่ค่อยพอใจ
นัก แต่จํายอมเพราะสายฝนเกิดใจอ่อนและเชื่อใจเจ้าของร้าน เขาจึงสั่งคนของเขา
ให้คอยติดตามพนิดา เขาเชื่อว่า
ต้องเจอผู้ชายที่มีส่วนร่วมในแผนคิดร้ายกับสายฝน เขาไม่คิดจะปล่อยพนิดาไป
ผู้หญิงคนนี้ร้ายเกินไป
แต่พอทั้งคู่เข้ามาในบ้านก็พบกับแขกไม่ได้รับเชิญมารออยู่ในห้องรับแขกเรียบร้อย
แล้ว แถมนายข้าวโอ๊ตก็
ต้อนรับเสียดิบดี หัวเราะร่ากับแขกสาวสวยน่ารักอย่างสายรุ้ง ผิดกับผู้ชายที่นั่งข้าง
เธอ ไม่น่ารักเอาเลย
ในความรู้สึกของวรเมธ
‚รุ้งมาได้ยังไง เกิดอะไรขึ้น แล้วนี่กระเป๋าอะไร อย่าบอกว่าจะย้ายมาอยู่ที่นี่
นะ‛ สายฝนทักอย่างแปลกใจ
เมื่อเห็นน้องสาวมีกระเป๋าเดินทางมาใบหนึ่ง ตนุภัทรยิ้มให้สายฝน แต่ไม่ยิ้มให้คน
ตัวใหญ่ข้างกายเธอ
‚ผมพามาเองครับ คุณฝน ฝากน้องสาวคุณด้วย ผมต้องไปทําธุระสักสอง
สามวันแล้วจะมารับกลับ
หวังว่าคุณฝนคงอนุญาต‛ ตนุภัทรขออนุญาตแม่บ้านแทนเจ้าของบ้านหน้าตาเฉย
‚คุณตนุภัทร บ้านผมไม่ใช่ที่ที่ใครคิดจะมาอยู่ก็มา ถ้าคุณคิดจะฝากภรรยา
คุณไว้บ้านผม คุณต้องรับเงื่อนไข
ผมก่อน ถ้าคุณตกลง ผมยินดีต้อนรับคุณรุ้งและดูแลให้เป็นอย่างดี รับรองปลอดภัย
แต่ถ้าคุณไม่รับปาก ผม
เสียใจที่จะบอกว่าไม่สะดวกต้อนรับ ‛ วรเมธก็ร้ายไม่ใช่เล่น ตนุภัทรรู้ว่าเงื่อนไขของ
นายคนนี้คืออะไร นี่คือคนที่
เขาไม่อยากคบค้าด้วย เขาหมายถึงคบค้าจริง ๆ บีบให้เขาไม่มีทางเลือก แต่ไม่มีที่
ไหนปลอดภัยเท่าที่นี่แล้ว
‚ก็ได้ ผมรับปากคุณ แต่ผมขอดูเงื่อนไขก่อน คุณฝน ฝากดูแลน้องสาวคุณ
ด้วย ผมมีเรื่องด่วนต้องไปทํา
ถ้าเจ้านายคุณไม่อนุญาต คุณลาออกไปทํางานกับผมได้เลย‛ แล้วตนุภัทรรีบชิ่ง
ทันที ปล่อยให้ทุกคนอึ้ง
ไม่นึกว่าเขาจะทําอะไรได้รวดเร็วนัก สายรุ้งเองก็ไม่เข้าใจเพราะเขาไม่คิดจะล่ําลา
เธอสักคํา ออกจากโรงพยาบาล
แทนที่จะพาเธอกลับบ้านกลับพามาทิ้งไว้กับพี่สาวแล้วก็ไป สายฝนเองก็งง ยก
เว้นวรเมธที่รู้ว่าตนุภัทรแสบนัก
บีบเขาให้ต้อนรับสายรุ้งทางอ้อม เขาเพียงคิดจะฉวยจังหวะงาม ๆ นี้บีบบังคับให้
ตนุภัทรยอมร่วมทุนด้วย
แต่นายคนนี้กลับตลบหลังด้วยการขออนุญาตสายฝนแทน หรือว่าเกิดเรื่องร้ายแรง
กับนายคนนี้ถึงได้เอาสายรุ้ง
มาฝากไว้กับเขา
‚คุณเมธ คุณจะอนุญาตให้น้องสาวฝนอยู่ด้วยได้มั้ยคะ‛ สายฝนเองก็น่ารัก
ไม่คิดจะหักหน้าเขาด้วยการขู่
แต่ขออนุญาตแทน หากนัยน์ตาคู่สวยที่จ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่องนี่สิบอกว่าร้ายนัก
ที่ร้ายกว่านั้นเจ้าตัวเล็กที่
พาร่างกลมป้อมมากระตุกขากางเกงเขาพลางจ้องมองคนเป็นอาตาบ้องแบ๊ว
‚อา ๆ ให้ยุ้งจ๋าอยู่ ๆ‛
สายรุ้งแทบกลั้นอารมณ์ขําไม่อยู่เมื่อเห็นหน้าพะอืดพะอมของวรเมธ
‚คุณเมธคะ รุ้งต้องขอโทษด้วยนะคะที่มารบกวน อย่าไปถือสาคุณภัทรเลย
นะคะ รุ้งเป็นคนขอร้องเองค่ะ
อยากอยู่กับพี่ฝนจนกว่าจะหาย และคิดถึงข้าวโอ๊ตด้วยค่ะ ‛ สายรุ้งน่ารักไม่หยอก
เหมือนกัน คนในบ้านพา
กันชื่นชม ไม่นึกว่าสายฝนจะมีน้องสาวที่สวยน่ารักไม่แพ้พี่สาว แถมยังเป็นภรรยา
เศรษฐีอีกด้วย ที่ทุกคนไม่เข้าใจ
คือทําไมสายฝนต้องมาทํางานเป็นแม่บ้านทั้งที่ไม่ได้ยากจนอะไร มีเพียงป้าบุญ
เท่านั้นที่รู้
‚คุณรุ้งเห็นผมใจดําไปได้ ผมยินดีมากกว่า คุณฝนจะได้ดีใจที่ได้ดูแลน้องสาว
เห็นคุณเจ็บอย่างนี้เธอคง
อยากดูแลเองมากกว่า อีกอย่าง นายข้าวโอ๊ตก็ออกจะปลื้มคุณจนผมชักอิจฉาแล้ว
สิ ทําไมไม่มีใครปลื้มผม
แบบนี้บ้าง‛ วรเมธแกล้งทําเป็นน้อยใจพลางปรายตาไปทางสายฝนที่ทําเป็นมองไม่
เห็น แต่กลับมีเจ้าตัวเล็กปลอบ
แทน เพราะนายข้าวโอ๊ตรีบกอดขาเขาซบหน้าลงอย่างประจบ
‚ปื้ม ๆ อา ๆ‛
วรเมธยิ้มแล้วก้มลงอุ้มเด็กช่างประจบขึ้นมาหอมพวงแก้มยุ้ยอย่างรักใคร่
‚ไม่ต้องมาประจบเลยเจ้าตัวยุ่ง ไปกับอาดีกว่า ปล่อยให้ฝนจ๋าอยู่ดูแลยุ้งจ๋า
ของนายไปก่อนนะ‛
เขาพาหลานชายไปที่ห้องด้วยกัน ใจจริงอยากให้พี่น้องได้อยู่ด้วยกัน

บงกชตกใจเมื่อเห็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งเป็นรูประหว่าเธอกับ
พนิดาเผชิญหน้ากัน ข่าวเขียนใน
ทํานองว่าพนิดามาเรียกร้องความเป็นธรรมเพราะถูกดนุวัศหลอก และตั้งคําถาม
กับท่านรองปพนกับเธอว่าจะให้ความเป็นธรรมกับผู้หญิงคนนี้หรือไม่ บงกชโยน
หนังสือพิมพ์ทิ้งอย่างฉุนจัด นักข่าว พวกนี้เชื่อใจไม่ได้ ยัดเงินไปแล้วยังกล้าเขียน
อีก หรือว่าเป็นผู้หญิงคนนั้น ก็ไม่น่าเป็นไปได้ ยิ่งคิดยิ่งกลุ้ม ลูกชายตัวดีของเธอก็
ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน ติดต่อไม่ได้ คงหนี
ไปเล่นบ่อนต่างประเทศแน่ ๆ ปพนโทรมาบอกเธอว่าจะกลับพรุ่งนี้ แล้วจะทํา
อย่างไรดี ความคิดแรกคือต้องโทรเอาเรื่องนักข่าวเสียหน่อย แต่ยังไม่ทันที่เธอจะกด
หาสํานักพิมพ์ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น พนิดานั่นเอง
‚ไงคะคุณแม่ เห็นข่าวแล้วชอบมั้ยคะ คุณแม่ดังจริง ๆ คอยดูรายการทอล์ก
โชว์คืนนี้นะคะ ลูกชายคุณแม่
ได้ดังเรตติ้งพุ่งกระฉุดแน่ ดาให้เวลาคุณแม่ตัดสินใจนะคะว่าจะรับดาเป็นลูกสะใภ้
อย่างเป็นทางการ หรืออยาก
ดังเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ให้ชาวบ้านเมาท์เล่น อย่าลืมคิดถึงตําแหน่งอันสูงส่ง
ของท่านรองด้วยนะคะ โชคดีค่ะ ‛
พนิดาพูดจบก็วางสายทันที บงกชแค้นจัด ใบหน้าเครียด เผลอสบถออกมาดัง ๆ
‚แก...แก...นังหน้าด้าน นัง...‛
‚คุณแม่โมโหใครคะ หน้าเครียดจัง ‛ ศุภานันทักมารดาอย่างอารมณ์ดี
‚ก็...ก็...นางพี่สะใภ้ไม่ได้รับเชิญของนันน่ะสิ ดูข่าวนั่น มันร้ายมาก‛ บงกช
เก็บหนังสือพิมพ์ยื่นให้ดูและเล่าให้ฟัง
‚ต๊าย ! มันกล้ามาก คุณแม่ให้คนไปสั่งสอนเลยค่ะ ไม่ต้องกลัว สั่งให้คนไป
ขุดคุ้ยเรื่องของมัน นันเชื่อว่าคน
อย่างมันต้องมีประวัติไม่ดีเหมือนกัน ยิ่งตอนนี้กําลังเป็นที่สนใจ รับรองสืบหาข้อมูล
ไม่ยาก มันร้ายมาเราก็ร้าย
ตอบได้นี่คะคุณแม่ เรื่องอะไรจะยอมถูกเล่นงานฝ่ายเดียว‛ ศุภานันที่ดูไร้สาระไปวัน
ๆ กลับคิดแผนร้าย ๆ ได้
‚ขอบใจ นัน แหม ! นี่ถ้าไม่ได้ลูกแม่แย่แน่ มันตื้อไปหมด คิดไม่ออก ว่าแต่นัน
เถอะ แม่ว่าเที่ยวให้มันน้อยหน่อย
ได้มั้ย คุณพ่อบอกว่าจะกลับถึงพรุ่งนี้แล้ว ‛ บงกชเตือนไม่อยากให้สามีรู้เห็น ศุ
ภานันยักไหล่
‚ไม่ต้องห่วงค่ะ เช้านี้มีอะไรกินบ้างคะ นันหิวจัง พักนี้ไม่รู้เป็นอะไรหิวบ่อยคะ
เห็นอะไรก็น่ากินไปหมด‛
ศุภานันบ่นก่อนจะเดินไปห้องอาหาร บงกชจ้องมองร่างเย้ายวนของบุตรสาว คิ้ว
ขมวดเข้าหากัน
‘ทําไมยายนันดูอวบขึ้น แล้วก็มีน้ํามีนวลชอบกล’ เธอเริ่มกลัวในสิ่งที่กําลัง
จะเกิด นี่มันเวรกรรมอะไรนัก ความเครียดจากเรื่องลูกชายยังไม่ทันหาย ก็มีเรื่องลูก
สาวมาอีก เธอยึดมือศุภานันไว้
‚เดี๋ยว ! อย่าเพิ่งไป ยายนัน แม่มีอะไรจะถาม‛ เสียงถามเคร่งเครียดทันที
‚มีอะไรคะคุณแม่ นันหิว ขอทานข้าวก่อนได้มั้ย ‛ ศุภานันมองอย่างสงสัย
‚แม่อยากรู้ว่าเมนส์มาตรงหรือเปล่า ‛ เสียงคาดคั้น
‚คุณแม่ก็รู้ นันไม่มาเคยตรง ถามทําไมคะ‛ คําตอบของบุตรสาวทําให้บงกช
ไม่แน่ใจ อาจเข้าใจผิดก็ได้
‚ช่างเถอะ ไม่มีอะไร หิวก็ไปกินเสีย ‛ บงกชตัดบท เธอขอดูให้แน่ใจอีกสักพัก
ไม่ช้าหรอกอาการต้อง
ออกมากกว่านี้ถ้า...เธอไม่กล้าคิดต่อ หวังว่าคงไม่เกิดเรื่องร้าย ๆ กับครอบครัวอีก

ตนุภัทรขับรถออกจากบริษัทหลังการประชุมเครียดในระดับผู้บริหารเกี่ยวกับ
ธุรกิจตัวใหม่ที่เขาคิดจะลงทุน
เขาจงใจยืดเวลาประชุมออกไปเพื่อรอคอยเวลาให้ท้องถนนโล่ง เขาแกล้งขับรถออก
นอกเมืองไปเรื่อย ๆ มุ่งหน้า
ไปอยุธยา แล้วเลี้ยวเข้าทางที่จราจรไม่พลุกพล่านนัก มีรถหลายคัน ทั้งแท็กซี่ รถ
เก๋งสีดํา สิบล้อ กระบะขับตามเขา
มาเป็นระยะ ๆ จนถึงทางเปลี่ยวพวกมันก็ไล่บี้เขาทันที เขาเปลี่ยนจากขับเรื่อย ๆ
มาขับแบบสิงห์นักซิ่ง ปาดซ้าย
ปาดขวาอย่างไม่กลัวตาย พวกที่ตามบางคันก็หลบบางคันก็ชนกันเอง แต่ส่วนใหญ่
ยังขับตามเขามา
‚ดี ตามมาเลย แล้วพวกแกจะรู้ว่ามีใครดักรอพวกแกอยู่ คราวนี้ตัวการใหญ่
ไม่รอดแน่‛ เขาสบถออกมา
อย่างสะใจ รถกระบะที่ขับตามรีบกดโทรศัพท์มือถือหารถเก๋งสีดําที่ไล่จี้รถเบนซ์ของ
ตนุภัทรมาเรื่อย ๆ
‚เฮ้ย ! ลงมือได้แล้ว เก็บมันเลย ยิงไปที่ถังน้ํามันรถ เดี๋ยวข้าจะซ้ําอีกแรง
บอกไอ้ชิดให้รีบขับแซงมัน ปาดหน้ามัน
ให้มันชะลอความเร็วลง พวกข้าจะได้ลงมือถนัดหน่อย เจ้านายสั่งให้เก็บมันให้ได้
คืนนี้‛ ชายฉกรรจ์ในชุดดํา
หยิบปืนออกมาเล็งไปที่รถเบนซ์สีเงินที่ขับซิ่งแบบไม่เสียดายรถ ตนุภัทรมองผ่าน
กระจกหลังก็เห็นรถเก๋งสีดําไล่มา
เกือบชิดรถของเขา ข้างหน้าก็มีรถเก๋งอีกคันขับแซงตลอดไม่ให้เขาซิ่งหนี
‚ร้ายมากพวก มาวัดดวงกันสักตั้ง ‛ เขาหยิบปืนออกมาเปิดกระจกยิงไปที่รถ
เก๋งที่แซงหน้าเขาทันที และรีบหลบ
กระสุนที่ยิงมาจากรถเก๋งข้าง ๆ ที่ตีคู่มากับเขา เวลาเดียวกันก็ใช้มือหักพวงมาลัย
หนี จุดหมายปลายทางข้างหน้า
กําลังใกล้ถึงแล้ว รถที่ไล่ล่าเขาหลายคันเร่งความเร็วตามจี้รถเบนซ์สีเงินที่ไม่รู้ว่า
ทําไมถึงได้แล่นได้เร็วนัก พวกมันเร่งความเร็วให้ทัน และพอเข้าระยะประชิดตัวก็ยิง
ทันที น่าเสียดายที่กระสุนไม่ทะลุกระจกขณะเดียวกันเจ้าของรถยังหันมายิ้มให้อีก
‚เป็นยังไงพวก ผิดหวังมากมั้ย ‛
‚ไอ้เศรษฐีนี่มันกวนนัก ให้มันรู้ไปว่าจะจัดการกับแกไม่ได้ เดี๋ยวรู้ !‛ มันสบถ
พลางยกปืนเล็งไปที่ล้อรถ
คราวนี้ไม่พลาด ยางรถแฟบทันที ไปต่อไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่าพวกมันจะไปได้ ล้อรถของ
พวกมันก็แฟบเหมือนกัน เพราะถูก
เรือใบบนถนนที่โรยไว้มากมาย ที่แท้ยางรถเบนซ์ไม่ได้แฟบเพราะถูกยิง แต่ถูก
เรือใบ แล้วเจ้าของรถก็ลงมา
พวกนักฆ่ารีบเปิดประตูลงมาพร้อมปืนในมือหวังจะยิงให้ดับคาถนน แต่ทันทีที่
ประตูรถเปิด โดยไม่คิดไม่ฝัน คนใน
เครื่องแบบหลายนายยืนยิ้มต้อนรับพวกมันอยู่ ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไร ทุกคนมีอาวุธ
ครบมือ
‚เสร็จแน่พวกแก หลักฐานคาตา ตามหาตัวมานานแล้ว ‛ ก่อนที่พวกมันทันได้
ลงมือก็ถูกคนในเครื่องแบบ
จับล็อคคอและใส่กุญแจมือทันที
‚คุณภัทร ขอบคุณมากที่ยินดีเป็นตัวล่อให้พวกเรา มือปืนรับจ้างแก๊งนี้ทาง
ตํารวจหาตัวมานานแล้ว คราวนี้
ตัวการใหญ่คงดิ้นไม่หลุดแน่ ‛ คนในเครื่องแบบพูดกับตนุภัทร
‚ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีรับใช้รัฐครับสารวัตร เออ ! ผมมีอะไรจะมอบให้
สารวัตร เชื่อว่าอีกวันสองวันตํารวจสากล
คงติดต่อมา ไว้รวบตัวการใหญ่ลูกพี่พวกนี้ครับ ผมฝากดูแลรถผมด้วย ผมขอ
กลับไปพักผ่อนก่อน‛
ตนุภัทรยื่นเอสดีการ์ดให้ตํารวจแล้วเดินไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่จอด
อยู่ข้างทาง ใส่เสื้อแจ๊คเก๊ตหนังสีดํา
กับหมวกกันน็อคแล้วขับซิ่งไปทันที โดยไม่สนใจว่ารถเขาจะเป็นอย่างไร วันนี้เขาทํา
หน้าที่พลเมืองดีแล้ว
อีกสองวันก็ถึงคิวของนาย โดมินิก คงนึกไม่ถึงแน่ที่อยู่ดี ๆ ก็มีตํารวจไปเยือนถึงที่
ส่วนโซเฟีย พอบินไปถึงฝรั่งเศส
คงมีคนคอยต้อนรับที่สนามบิน บัญชีส่วนตัวเขากําลังจะปิดลงในอีกสองวัน เขา
แทบอยากจะกลับไปหาสายรุ้ง
คืนนี้เลย แต่เขายังไม่อยากเสี่ยง ต้องรอจนกว่าโดมินิกและโซเฟียถูกจับก่อนจึงค่อย
ไป

สายรุ้งดูทีวีระหว่างรอพี่สาวอาบน้ํา แล้วมาสะดุดที่รายการหนึ่งเพราะ
เกี่ยวกับดนุวัศลูกชายคนโปรดของผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่เธอไม่เคยเรียกว่าบิดา เธอ
จ้องมองบทสัมภาษณ์ระหว่างแขกรับเชิญที่ถือว่าเป็นเจ้าทุกข์นามว่าพนิดากับ
พิธีกร หน้าผู้หญิงคนนี้เคยเห็นที่ไหนน๊า เธอพยายามนึก สักพักก็ร้องอุทานออกมา
ดัง ๆ
‚ใช่แล้ว ผู้หญิงคนนี้เอง !‛ เสียงอุทานนั้นทําให้สายฝนที่เพิ่งออกจากห้องน้ํา
ต้องรีบเดินมาดู
‚รุ้ง มีอะไร พูดเสียงดังเชียว‛ สายฝนถามอย่างสงสัย
‚พี่ฝนดูสิ รุ้งสะใจจริง ๆ ชุมนุมคนเลว หญิงร้ายชายเลว‛ สายรุ้งชี้ไปที่จอทีวี
สายฝนมองตามแล้วหน้า
เครียดทันที ผู้หญิงชั่ว ๆ อย่างพนิดาอีกแล้ว
‚ผู้หญิงคนนี้ยังมีหน้ามาตีหน้าเศร้าน่าสงสารอีก เลวสิ้นดี ร้ายกาจที่สุด ‛
สายรุ้งงง ไม่เคยได้ยินพี่สาวด่าว่าใครแรง ๆ อย่างนี้มาก่อน มองหน้าพี่สาว
อย่างแปลกใจ
‚พี่ฝน เกลียดผู้หญิงคนนี้นักหรือ ‛
‚ไม่เกลียดหรอก รุ้ง แต่ไม่อยากอยู่ร่วมโลกด้วย พี่รับรองว่าไม่เกินวันพรุ่งนี้
ผู้หญิงคนนี้ต้องถูกแฉเบื้องหลังแน่ ‛
สายรุ้งมีสีหน้าผิดหวังทันที สําหรับเธอ สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดคือการได้
เห็นบงกชกับทุกคนที่ผู้ชายคนนั้นรัก
ถูกสังคมตราหน้าว่าคนลวงโลกและหมดสิ้นทุกอย่าง ทั้งชื่อเสียง การงาน ฐานะ
เธอยังคงแค้นผู้ให้กําเนิดอยู่ดี
‚พี่ฝน ทําไมพูดอย่างนั้น รุ้งกําลังสะใจ ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึงเร็วเกิน
คาด พี่ฝนทํารุ้งหมดสนุกเลย‛
‚ไม่ต้องห่วงหรอกว่าจะไม่ได้สะใจคนบ้านนั้น พี่รับรอง แค่นี้คนพวกนั้นก็ไม่รู้
จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว แต่พี่
ไม่มีวันปล่อยผู้หญิงคนนี้แน่ ‛ ก่อนที่สายรุ้งจะถามต่อว่าเรื่องอะไร ทั้งคู่ก็ต้องตะลึง
เมื่อเห็นฉากเลิฟซีนฉายบนจอ
แต่เป็นภาพนิ่งแม้จะปิดหน้าก็พอรู้ว่าเป็นใคร พนิดาแกล้งบีบน้ําตาพลางเอ่ยว่า
ฝ่ายชายแอบถ่ายไว้ข่มขู่เธอจนเธอทนไม่ไหว
จึงจําเป็นต้องเรียกร้องความเป็นธรรมจากสังคม
‚พี่ฝน ยายคนนี้หน้าด้านจริง กล้าเอาภาพพวกนี้มาประจานตัวเอง สะใจจัง
นายดนุวัศกับยายบงกช ไม่รู้จะ
เป็นยังไงน้อถ้าดูรายการนี้ คนจัดรายการกล้ามาก อาจถูกฟ้องได้นะ‛ สายรุ้งออก
ความเห็น
‚ก็เรื่องของเขา ที่แน่ ๆ พี่อยากดูจุดจบของผู้หญิงคนนี้มากกว่า ‛ สายฝน
อยากถอดหน้ากากของพนิดามากกว่า
ถ้าปล่อยไว้อาจมีคนดี ๆ อีกหลายคนที่ต้องตกเป็นเหยื่อของพนิดา ผิดกับสายรุ้งที่
อยากเห็นความหายนะของ
บงกชกับลูก ๆ เพื่อที่ผู้ชายคนนั้นจะได้รู้สึกผิดหวังและสํานึกบ้าง
บงกชแทบกรี๊ด อยากฆ่าพนิดานักหลังจากดูรายการทอล์กโชว์ดังจบ เวลานี้
จะให้คนไปเก็บพนิดาก็ไม่ได้
ถ้าพนิดาเป็นอะไรไปทุกคนต้องเพ่งเล็งมาที่ครอบครัวเธอแน่
‘นังนี่มันมารร้ายชัด ๆ ตาวัศนะตาวัศ น่าจับมาฆ่าให้ตายนัก เตือนแล้วไม่
เชื่อ ไอ้ลูกโง่ ปล่อยให้ผู้หญิงหลอกได้ ไม่รู้ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน’ เธอพยายามคิดหา
วิธีแก้ไขเรื่องนี้ ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น พอเปิดก็เห็นศุภานันยืนหน้า
ห้อง
‚เกิดอะไรขึ้น นัน‚ บงกชถามออกไปเมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของศุภานัน
‚นันเบื่อรับโทรศัพท์จากเพื่อน ๆ ค่ะ โทรมาถามเรื่องพี่วัศกับยายคนนั้น
จนนันไม่รู้จะตอบยังไงแล้ว
คุณแม่ต้องจัดการให้นันนะคะ ปิดโทรศัพท์มือถือก็โทรมาที่บ้าน นันจะบ้าตายอยู่
แล้ว‛ ศุภานันบ่นอย่างหงุดหงิด
‚นัน แม่เองก็ปวดหัวกับเรื่องนี้ ตามตัวพี่ชายนันก็ไม่พบ แล้วจะให้แม่ทํา
อย่างไร นันเห็นใจแม่บ้างสิ ‛
บงกชเองก็กลุ้มและหงุดหงิดเหมือนกัน ยังไม่ทันที่ศุภานันจะพูดต่อ เสียงโทรศัพท์ที่
ห้องบงกชก็ดังขึ้น รวมถึง
โทรศัพท์มือถือด้วย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นพวกที่เห็นเรื่องหายนะของชาวบ้านเป็น
เรื่องสนุก บงกชจึงปิดโทรศัพท์มือถือและดึงสาย
โทรศัพท์บ้านออก
‚นัน ถ้านันไม่อยากรับก็ปิดโทรศัพท์มือถือ ดึงสายโทรศัพท์ออกก็หมดเรื่อง
นันโตแล้ว เรื่องแค่นี้ทําไมคิดไม่ออก‛
บงกชกําลังหงุดหงิดเลยด่าว่าบุตรสาวให้
‚คุณแม่ ! เรื่องอะไรมาว่านัน ต้องโทษลูกชายคนโปรดของคุณแม่ต่างหากที่
ตาต่ําไปเลือกผู้หญิงหน้าด้าน
ไร้ยางแบบนี้เข้า‛ ศุภานันแผดเสียงอย่างไม่พอใจ เธอไม่เคยเห็นความทุกข์ร้อนของ
บุพการีอยู่แล้ว ยิ่งทําให้
บงกชรู้สึกน้อยใจ ไม่เคยสักหนที่จะห่วงใยบิดามารดา ทําไมเธอถึงได้มีลูกแบบนี้นะ
สู้ลูก ๆ ของกุลชาไม่ได้ รักและ
เป็นห่วงมารดา ดูแลเอาใจใส่ตลอด คิดแล้วน่าอิจฉานัก
‚นัน...เคยคิดเห็นใจแม่บ้างมั้ย นันก็รู้ว่าแม่กลุ้มจะบ้าอยู่แล้ว แทนที่นันจะ
ช่วยหาทางแก้ กลับมารบกวนแม่อีก
คนอื่นถามยังไม่เท่าคุณพ่อถาม‛ บงกชพูดจบสาวใช้ก็นําโทรศัพท์ไร้สายมาให้ บอก
ว่าปพนโทรมาเบอร์กลาง
บงกชเริ่มกลัว ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวอย่างไร
ตอนที่ 25

‚เกิดอะไรขึ้นคุณ เด็กสาวคนนั้นเป็นใคร ตาวัศอยู่ที่ไหน ตามตัวมาพูดกับผม


หน่อย‛ เสียงคนโทร
บอกให้รู้ว่าไม่พอใจหนัก บงกชมองหน้าบุตรสาวไม่รู้จะตอบอย่างไร
‚คือ...เอ่อ...ฉันว่าคุณกลับมาค่อยพูดกันดีมั้ยคะ คุณพน‛ บงกชพยายามทํา
ให้อีกฝ่ายหนึ่งเย็นลง อยู่ด้วยกัน
มานานทําไมจะไม่รู้ว่ายามคุณปพนโกรธจัดเป็นอย่างไร ต่อให้รักและหลงมากแค่
ไหนก็ไม่คิดไว้หน้า จะมีเว้นก็แต่
กุลชา ดูเขาจะเกรงใจเป็นพิเศษ ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ กุลชานั้นไม่มีอะไรเทียบเธอได้ทั้ง
ความสาวความสวย แม้แต่
ความอ่อนหวานช่างเอาใจ จนคิดว่ายึดทุกอย่างของกุลชามาได้แล้ว แต่สุดท้ายกุล
ชากลับโชคดีกว่าเธอ
ทุกอย่าง ลูกสาวหรือก็ทั้งสวยทั้งฉลาดและกตัญํูเคารพเชื่อฟัง ที่น่าเจ็บใจคือป
พนยังไม่เคยลืมกุลชา
จากใจแม้ว่าเธอจะพยายามเอาอกเอาใจเขามากเพียงไรก็ตาม ทําไม...
‚ข่าวดังกระฉ่อนไปทั่วประเทศ คุณยังให้ผมใจเย็นอีกหรือ บอกผมมาไอ้ลูก
ชั่วมันอยู่ไหน‛ ปพนเสียงดัง
กว่าเดิม
‚คุณพน โกรธไปก็ไม่มีประโยชน์ ยังไม่มีใครตามตัวตาวัศพบ หายไปเกือบ
อาทิตย์แล้วค่ะ‛ บงกชตัดสินใจ
บอกความจริงไป ฝ่ายโน้นเงียบไปพักใหญ่ก่อนส่งเสียงหัวเราะมาตามสาย
‚หึ...หึ...หึ...ไอ้ลูกชั่ว สันดานไม่เคยเปลี่ยน บอกใครก็ได้ให้ไปลากตัวมันมา
จากบ่อนเดี๋ยวนี้ ก่อเรื่องขนาดนี้ยัง
มีหน้าหนีไปเข้าบ่อนอีก หลอกผมมาตลอด หลงคิดว่ากลับตัวได้ พรุ่งนี้ถ้าผมกลับ
ถึงบ้านไม่พบตัว ผมตัดมันออก
จากกองมรดกแน่ ‛ ปพนพูดจบก็ตัดสัญญาณทันที บงกชหน้าซีดเกือบล้ม ดีที่ศุ
ภานันรับไว้ทันแล้วพามา
นั่งที่เตียง
‚คุณแม่ใจเย็น ๆ นะคะ นันว่าคุณพ่อโกรธได้ไม่นานหรอกค่ะ ลูกรักเสีย
อย่าง‛ ศุภานันพยายามปลอบ
‚นันยังคิดว่าคุณพ่อจะให้อภัยพี่เราอีกหรือ ท่านโกรธมาก แล้วนี่แม่จะทํา
ยังไงดี พังหมดแล้ว เพราะลูกชั่ว
นั่นคนเดียว‛ ที่สุดบงกชก็อดด่าลูกชายไม่ได้ ศุภานันแม้จะหมั่นไส้พี่ชายแต่ก็อด
เห็นใจไม่ได้ ถ้ากลับมาพบว่า
บิดามารดาโกรธจัดจนอาจถูกตัดออกจากมรดก แต่คิดอีกทีก็เป็นผลดีกับเธอ ต้อง
ทําตัวเป็นเด็กดีสักหน่อย เอาใจ
บิดามารดาให้มากเข้าไว้ รีบทําคะแนนขณะที่พี่ชายพลาด แต่เธอก็ไม่มีโอกาสได้ทํา
คะแนนเมื่อแม่บ้านเดินถือ
นมแคลเซียมสูงมาให้บงกชกับนมสดของเธอแก้วหนึ่ง เพราะเธอมักดื่มเป็นประจํา
ก่อนนอนมาตั้งแต่เด็ก
นี่คือสิ่งเดียวที่บงกชฝึกลูกได้ แต่ทันทีที่ดื่มก็เกิดอาการคลื่นไส้อย่างแรง รีบวิ่งไป
ห้องน้ํา และอาเจียนออกมาจนหมด
บงกชตกใจรีบลุกไปดู ลูบหลังบุตรสาวขึ้นลงเบา ๆ
‚นันไม่สบายหรือเปล่าลูก อยู่ดี ๆ ก็อาเจียน ไปกินอะไรผิดสําแดงมา‛ บงกช
ถามด้วยความเป็นห่วง ถึงอย่างไร
คนเป็นมารดาก็ยังรักลูกเสมอ ศุภานันยังไม่มีแรงตอบ สักพักเธอก็รู้สึกดีขึ้น บงกช
ประคองตัวมานั่งที่เตียง หญิแม่บ้าน
นั่งนิ่งอยู่บนพื้น สงสัยโดนเล่นงานอีกแน่ แกคิดอย่างปลง ๆ ก็จริงดังคาด ศุภานัน
จ้องมองหน้าแกอย่างเอาเรื่อง
‚แกเอานมอะไรมาให้ฉันดื่ม แกคิดแกล้งฉันใช่มั้ย ‛ ศุภานันชี้หน้าด่า
‚ก็...ก็...นมสดยี่ห้อเดิมที่คุณนันดื่มประจํานี่คะ‛ หญิงแม่บ้านตอบตามตรง
บงกชเริ่มรู้แล้วสิ่งที่เธอกําลังกลัว
ได้เกิดขึ้นแล้ว เธอรีบไล่แม่บ้านออกไปก่อนจะฟาดฝ่ามือไปแก้มศุภานันอย่างโกรธ
จัด
‚คุณแม่ตบนันทําไม นันทําอะไรผิด ‛ ศุภานันเอามือลูบแก้ม เธอยังงง ๆ กับ
ท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ของมารดา
‚ยังจะมีหน้ามาถามอีกว่าอะไร นังลูกชั่ว ! รักสนุกจนปล่อยให้ตัวเองท้องได้ ‛
บงกชด่าทออย่างไม่ไว้หน้า
‚คุณแม่อย่ามากล่าวหานันแบบนี้นะ นันไม่มีวันพลาดให้ตัวเองท้องหรอก
คะ‛ ศุภานันยังเถียง ยิ่งทําให้
บงกชฉุนหนักเข้าไปอีก ลืมกิริยามารยาทแบบผู้ดีที่แสร้งทํามานาน
‚แกยังมีหน้ามาเถียงอีก ฉันเป็นแม่แก ทําไมจะไม่รู้ว่าแกกําลังท้อง บอกมา
ว่าใครเป็นพ่อเด็ก‛ คราวนี้ศุภานัน
หน้าถอดสี จริงสิ ตั้งแต่มีความสัมพันธ์กับโดมินิก เขาไม่เคยคิดป้องกัน และเธอก็
ไม่เคยทันได้เตือนเขา เพราะ
เกิดอารมณ์เสียก่อน แต่ไม่เป็นไรหรอก เขาออกจะหลงเธอ
‚คุณแม่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ รับรองนันหาพ่อเด็กได้ เขาออกจะรักหลงนัน
อย่างกับอะไรดี ยิ่งมีลูกด้วย
ยิ่งต้องรีบมาสู่ขอ‛ ศุภานันพูดอย่างมั่นใจ
‚อย่าบอกแม่นะว่าเป็นไอ้หนุ่มลูกครึ่งนักธุรกิจเพลบอยนั่น เวร ! ทําไมฉันถึง
ได้มีลูกโง่อย่างนี้นะ‛ บงกชอยาก
จะเป็นลม นี่มันอะไรกัน ลูก ๆ แต่ละคนทํางามหน้าไม่แพ้กัน แล้วนี่เธอจะยังมีหน้า
อยู่ในสังคมได้อีกหรือ คุณบงกชนักสังคมสงเคราะห์ชื่อดังที่ใคร ๆ ยกย่อง แต่ลูก
ชายกับลูกสาวกลับทําเรื่องงามหน้า ที่ร้ายกว่านั้นถ้าพรุ่งนี้ปพนรู้เข้าอีกเรื่อง เธอไม่
อยากคิด เธอกลัวอย่างบอกไม่ถูก แต่ศุภานันกลับไม่คิดอย่างนั้น
‚คุณแม่วางใจได้ พรุ่งนี้นันจะไปบอกเขา รับรองค่ะ นันจะกู้หน้าคุณแม่
กลับมาได้ คนอื่นไล่จับเขาแทบแย่
เขายังไม่คิดจริงจัง กับนันเขาอ้อนวอนอยากมาสู่ขอนันหลายรอบแล้ว ‛ ศุภานันยัง
มั่นใจ
‚แกยังจะโง่เชื่อมันอีก ฉันจะคอยดู พรุ่งนี้อย่ากลับมาให้ฉันช่วยแก้ปัญหาให้
แกนะ นังลูกโง่ ฉันปวดหัวกับ
เรื่องพี่แกพอแล้วยังต้องปวดหัวกับเรื่องของแกอีก ‛ บงกชยังคงด่าทออย่างแค้นจัด
‚แล้วคุณแม่คอยดู นันจะทําให้คุณแม่เห็น ‛ พูดจบศุภานันก็ลุกเดินจากไป
ทว่าเธอไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะพบกับจุดจบ
ของชีวิตอันสวยหรูที่วาดฝันไว้เพราะความประมาทในการใช้ชีวิตนั่นเอง

สายรุ้งเตรียมตัวเข้านอน สายฝนขอตัวไปดูข้าวโอ๊ตก่อน เผลอ ๆ อาจถูก


เจ้านายเจ้าเล่ห์กักตัวไว้ก็ได้ สายรุ้งจึง
ขี้เกียจรอ แต่พอจะล้มตัวลงนอนเสียงบิดาโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เธอคิดว่าเป็นตนุ
ภัทรจึงรีบรับ แต่พอรับกลับเป็นเสียงผู้หญิง
ที่ไม่คุ้น
‚เป็นไงคะ คุณรุ้งคนสวย สบายดีมั้ยคะ คงจําฉันไม่ได้สิ คืนนี้ระวังตัวให้ดี
คราวที่แล้วรอดได้ คราวนี้โชคไม่
ช่วยแน่ ระวังผู้มาเยือนยามวิกาลนะหึ...หึ...หึ …‛ เสียงนั้นเยือกเย็นน่ากลัวนัก
สายรุ้งไม่กลัวคิดว่าเป็นพวกโรคจิต
‚ว่างจัดหรือไง ถึงได้โทรมาป่วนชาวบ้านเล่น หรือเป็นโรคจิต ไม่มีเงินไปหา
จิตแพทย์ก็บอกมา จะได้ออกให้ ‛
‚จิตแพทย์หรือ...คนสวย...แม้แต่คุณภัทรยังรักษาให้ฉันไม่ได้เลย แล้วเธอเป็น
ใครคิดจะมารักษาฉัน ไม่เชื่อ
ถามเขาดูก็ได้ เขาอยู่ข้าง ๆ ฉันเอง‛ เสียงคนโทรจงใจป่วน สายรุ้งไม่คิดจะสนใจ แต่
พอสะดุดคําว่าคุณภัทรก็เริ่ม
ไม่แน่ใจ หรือเขาเอาเธอมาทิ้งเพื่อไปหาหญิงอื่น
‚ตามสบายเลยเธอ ช่วยบอกเขาด้วยนะ ห้ามกลับมาหาฉันอีก แล้วห้ามโทร
มากวนฉันด้วย ยายโรคจิต ลักขโมย
เขากินแล้วยังมีหน้ามาโพนทะนาอีก แค่นี้นะ ฉันจะนอน‛ สายรุ้งปิดโทรศัพท์มือถือ
ทันที และทําท่าจะล้มตัวลงนอน
เสียงโทรศัพท์ข้างเตียงก็ดังขึ้น เธอจึงจําใจรับ
‚ที่รักจ๋า เป็นยังไงบ้าง ทําไมเปิดโทรศัพท์มือถือล่ะ ‛ เสียงตนุภัทรถามมาตาม
สาย สายรุ้งจ้องมองโทรศัพท์นัยน์ตา
วาวโรจน์ ยังมีหน้าโทรมาถามอีก จึงแว้ดใส่หูโทรศัพท์ทันที
‚คุณอยากรู้ก็ถามผู้หญิงที่อยู่ข้างกายคุณสิ รักษาโรคจิตบกพร่องให้อยู่ไม่ใช่
หรือ‛
ตนุภัทรมึน เกิดอะไรขึ้น เขาอยู่ห้องนอนของเขาแท้ ๆ รู้สึกเหงาคิดถึงคนเคย
ร่วมเตียงจึงโทรมาหา ทําไมถูกกล่าวหาล่ะ ท่าทางโกรธจัดด้วย
‚เดี๋ยว ! อย่าเพิ่งโกรธ ผมงงไปหมดแล้ว อยู่ดี ๆ ก็ใส่ผมไม่ยั้ง รักษาโรคจิต
บกพร่องอะไร อย่าทําผมงงสิที่รักจ๋า ‛
‚ฉันจะไปรู้คุณเรอะ คุณจะไปหาสาวไหนฉันไม่คิดจะยุ่ง แต่ขอร้องอย่าให้โทร
มากวนเวลานอนของฉัน โทรมา
ข่มขู่เหมือนพวกโรคจิต คบเข้าไปได้ยังไง ผู้หญิงแบบนี้ ไม่มีเทสต์เอาเสียเลย‛
สายรุ้งยังคงระบายใส่เขา ตนุภัทรนิ่ง
ใครกันที่โทรไปขู่สายรุ้ง กล้ามาก แถมยังรู้เบอร์โทรศัพท์มือถือด้วย เขาพยายามคิด
ก็คิดไม่ออก และชื่อ
‘โซเฟีย’ ก็ผุดขึ้นมาในสมอง จริงสิ สองวันมานี่โซเฟียถูกคนของเขาเล่นสงคราม
ประสาทจนแทบบ้า แต่พอกลับ
จากบ้านนายโดมินิกกลับเป็นคนเดิม ต้องเป็นโซเฟียแน่ ๆ คิดจะทําให้ผู้หญิงที่เขา
รักประสาทกิน ถ้างั้นก็
ไม่ต้องมีคําว่าปรานีอีกต่อไป
‚ผมรู้แล้ว ใจเย็น ๆ ไม่ต้องสนใจ ถ้าโทรมากวนอีกให้อัดเสียงไว้แล้วมอบให้
นายวรเมธไปเลย ผมรับรอง
พรุ่งนี้จะไม่มีใครโทรมากวนคุณอีก ‛ คํารับรองหนักแน่นทําให้สายรุ้งอารมณ์ดีขึ้น
‚มันเกี่ยวอะไรกับคุณเมธด้วย เรื่องที่คุณก่อเองแท้ ๆ หัดเกรงใจชาวบ้านบ้าง
นะ‛
‚บอกหมอนั่นว่าอยากให้ผมร่วมหุ้นด้วยก็ช่วยทําตามที่บอก แค่นี้ก่อนนะ ผม
จะรีบไปกําจัดคลื่นรบกวนให้คุณ ‛
‚เดี๋ยว ๆ อย่าเพิ่งวางหู ‛ สายรุ้งตะโกนใส่หูโทรศัพท์ก่อนวางหู ‚เป็นอย่างนี้ทุก
ที ชอบทําอะไรไม่บอกกล่าว‛
‚บ่นอะไร รุ้ง ทําไมยังไม่นอนอีก ‛ สายฝนถามน้องสาวขึ้น
‚เปล่าไม่มีอะไร พี่ฝน คนกวนประสาทนะ ว่าแต่พี่ฝนเถอะ กลับมาช้าอย่างนี้
รุ้งเริ่มสงสัยแล้วสิว่าจูบราตรี
สวัสดิ์นายข้าวโอ๊ตหรืออานายข้าวโอ๊ตกันแน่ ‛ สายรุ้งล้อเลียนพี่สาว สายฝนหน้า
แดง เดินไปตีแขนน้องสาวเบา ๆ
อย่างเขินจัด ก่อนก้าวขึ้นมาบนเตียงเตรียมตัวนอน
‚บ้าจัง รุ้ง เอาใหญ่แล้วนะ ไม่สบายรีบ ๆ นอนได้แล้ว จะได้หายเร็ว พี่ไม่
อยากให้คุณภัทรมาว่าได้ ‛
สายฝนดึงผ้าห่มปลายเตียงมาห่มให้น้องสาวก่อน ล้มตัวลงนอนพรุ่งนี้จะปิดบัญชี
กับพนิดาเสียที เธอนึกถึงคํา
พูดของวรเมธก่อนบอกราตรีสวัสดิ์กับเธอเป็นเวลานานจนกว่าเขาจะพอใจและยอม
ปล่อยให้เป็นอิสระ เฮ้อ ! คน
อะไรร้ายขึ้นทุกวัน เป็นอย่างนี้ต่อไปสงสัยแก้มกับปากได้ช้ําหมดแน่ ขณะที่สายฝน
หลับไปกับเรื่องความร้ายกาจ
ของวรเมธ สายรุ้งก็หลับไปพร้อมกับคําถามมากมายเกี่ยวกับตนุภัทร

โดมินิกกําลังหัวเสียเมื่อทราบข่าวว่าคนของเขาถูกตํารวจรวบตัว เขาหลงกล
แผนของตนุภัทรจนได้ เขาเดาได้ว่า
จะเกิดอะไรขึ้นต่อ เขาต้องชิงลงมือก่อน จึงรีบโทรหาโซเฟียทันที
‚โซเฟีย รีบบินไปฝรั่งเศสคืนนี้เลย ผมจะไปพร้อมคุณ ช่วยซื้อตั๋วเผื่อผมด้วย
ผมไม่อยากให้คนอื่นรู้‛
เสียงโดมินิกร้อนรนชอบกล โซเฟียสงสัย
‚เกิดอะไรขึ้น อยู่ดี ๆ ทําไมรีบร้อนนัก แล้วทําไมไม่ใช้เลขาฯ‛
‚เกิดเรื่องแล้ว คนของผมถูกจับหมด ผมไม่อยู่ให้ตํารวจมารวบตัวหรอก ผม
พลาดเองที่ชะล่าใจ ประมาท
หมอนั่น ไม่คิดว่ามันจะลงมือได้เร็วอย่างนี้ ถ้าผมให้เลขาฯ จองจะเป็นปัญหา คุณ
ซื้อให้น่ะดีแล้ว เอาเที่ยวเดียวกับ
คุณ คืนนี้พบกันที่สนามบิน ‛ พูดจบก็วางสายทันที กว่าตํารวจจะง้างปากคนของ
เขาได้คงนานอยู่ พวกนี้
มันเดนตายทั้งนั้น ถ้ากล้าเผยความจริงมีโทษสถานเดียวคือตาย แต่เพื่อความไม่
ประมาท เขาต้องออกนอก
ประเทศไปก่อน รอดูสถานการณ์แล้วค่อยกลับมาเมืองไทยอีกครั้ง
‘นายคงคิดไม่ถึงว่าฉันจะชิงลงมือก่อน ต่อให้จับตัวคนของฉันได้ ก็จะไม่ได้
อะไรจากคนพวกนี้’ เขากําลังคิดเพลิน ๆ อยู่เสียงโทรศัพท์ในห้องก็ดังขึ้น
‚ว่าไง‛
‚เจ้านายคะ คุณศุภานันมาขอพบค่ะ ‛ เสียงเลขาฯ บอก โดมินิกหงุดหงิดทันที
ที่รู้ว่าศุภานันมาหา เพราะเธอ
มาไม่ถูกจังหวะ มาในจังหวะที่เขากําลังเครียด แต่ก็ให้เข้าพบ ศุภานันยิ้มให้แล้วย
เดินเข้ามากอดเขาอย่างประจบ
เขาแกะมือเธอออก เดินไปนั่งบนโซฟา ศุภานันแปลกใจที่เห็นใบหน้าเขาเครียด
แทนที่จะยิ้มอย่างดีใจ
เหมือนทุกครั้งที่พบหน้าเธอ
‚คุณไม่ดีใจหรือคะที่นันมาหา‛ เธอถามด้วยความใคร่รู้
‚พอดีผมยุ่ง มีงานด่วนต้องทํา เลยหงุดหงิดไปหน่อย‛ เขาแกล้งพูดเพื่อนให้
เธอรีบ ๆ ไปเสีย เขายอมรับ
เขาเริ่มเบื่อเธอ ผู้หญิงใจง่าย ใหม่ ๆ ก็ชวนหลงใหลดีหรอก แต่พอบ่อยเข้าก็เริ่มเบื่อ
‚หงุดหงิดหรือคะ นันมีเรื่องทําให้คุณหายหงุดหงิดค่ะ คือเรากําลังจะมีลูก
ด้วยกันค่ะ‛ ศุภานันช่างเขลานัก
ที่ดูคนไม่ออก เธอคิดว่าเขาจะดีใจ แต่ผิดคาด ใบหน้าโดมินิกยิ่งบึ้งตึงไปอีก มอง
เธอด้วยสายตาดูถูก
‚คุณแน่ใจหรือว่าเป็นลูกผม เสียใจ ผมไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ ‛ ใบหน้าสดชื่น
ของศุภานันเปลี่ยนเป็นซีดทันที
‚ค...คุณล้อนันเล่นหรือเปล่าคะ นันไม่เคยยุ่งกับสักใครนอกจากคุณนะ‛
‚ถ้าผมเชื่อว่าเด็กในท้องคุณเป็นลูกผม ผมคงโง่ยิ่งกว่าควาย ผู้หญิงใจง่าย
อย่างคุณมีหรือจะซื่อตรงกับผู้ชาย
คนเดียว เสียใจ ผมไม่เชื่อ คุณไปเสีย ที่ผ่านมาผมจ่ายค่าตัวคุณมากพอแล้ว ถ้าคิด
จะจับผมด้วยวิธีนี้ ไม่ได้
ผลหรอก ไปหาพ่อเด็กที่แท้จริงดีกว่ามายัดให้ผม‛
ศุภานันตกตะลึงอย่างนึกไม่ถึง และแค้นจัดที่ถูกหลอกแถมยังยังพูดจาดู
ถูกเธออีก เธอเงื้อมือขึ้นทําท่าจะตบหน้าเขาแรง ๆ แต่เขาคว้าข้อมือเธอไว้ จ้องมอง
เธอนัยน์ตาน่ากลัว
‚คิดจะตบผมรึ คุณนันผู้สูงส่ง ฝันไปเถอะ‛
‚แก...ไอ้ผู้ชายเฮงซวย สุภาพบุรุษจอมปลอม ฉันจะให้พ่อจัดการกับแก‛ ศุ
ภานันขู่อย่างไม่กลัวเกรง สะบัด
มือให้หลุดจากการเกาะกุม จ้องมองเขาอย่างแค้นจัด
‚กล้าก็ไปบอกเลย ยายโง่ !‛ เขาด่าเธออีก ศุภานันโกรธจัดปราดเข้าหาร่างสูง
ใหญ่อย่างลืมตัวทั้งทุบทั้งข่วน
อย่างแค้นจัด ศุภานันบ้าไปแล้ว โดมินิกแม้ไม่ใช่คนดี แต่ไม่เคยลงไม้ลงมือกับ
ผู้หญิง เขาจึงพยายามหลบ แต่
พอถูกทําร้ายหนัก ๆ เข้าเขาก็โกรธจัด เขาตบเธอจนเลือดกบปาก สองมือแข็งแรง
บีบต้นแขนและเขย่าแรง ๆ จ้องมองเธอด้วยนัยน์ตาวาวโรจน์
‚จําไว้ ! อย่าซ่า ยายบ้า !‛ พูดจบก็ผลักเธอแรง ๆ จนท้องไปกระแทกถูกโต๊ะ
ทํางาน ศุภานันเอามือกุมท้อง
ทรุดตัวลงอย่างเจ็บปวด จังหวะเดียวกับที่ประตูห้องเปิดออก ตํารวจสี่ห้านายเดิน
เข้ามาพร้อมนักข่าว เป็นฝีมือ
ตนุภัทรที่โทรไปบอกเอง
‚คุณตํารวจ มีธุระอะไรกับผม‛ โดมินิกแกล้งทําเป็นไม่รู้เรื่อง
‚คุณถูกจับข้อหาจ้างวานฆ่า หลายคดี นี่ครับหมายจับ ตํารวจรวบรวม
หลักฐานไว้หมดแล้ว ยังมีอีกเรื่องที่
ร้ายแรงกว่า ไว้ไปคุยต่อที่โรงพัก ‛ ตํารวจแจ้งข้อกล่าวหา โดมินิกทําท่าจะหนี แต่
ตํารวจเฝ้าระวังอยู่แล้วจึงรวบตัว
และใส่กุญแจมือ แต่พอจะออกจากห้อง นักข่าวกับทุกคนก็เห็นศุภานันนอนทุรนทุ
รายอย่างเจ็บปวดและมี
เลือดไหลเลอะเต็มขาไปหมด นักข่าวรีบถ่ายภาพไว้ทันที
‚นั่นคุณศุภานันนี่ เธอกําลังตกเลือด รีบ ๆ พาไปโรงพยาบาลก่อน‛ นักข่าว
สาวคนหนึ่งรีบบอก จากนั้นก็มีคน
โทรเรียกรถพยาบาล แต่ที่ทุกคนคิดคือวันนี้ต้องมีข่าวดังช็อคผู้คนแน่ สาวไฮโซ
ภาพพจน์ดี ลูกสาวท่านรองปพน
แท้งลูก พ่อของเด็กถูกจับ หรืออาจไม่ใช่

ปพนกลับมาถึงบ้านก็พบกับทัพนักข่าวยืนรออยู่หน้าบ้าน จึงบอกคนขับให้
ขับเข้าบ้านแล้วปิดประตู
ทันที พอลงจากรถแม่บ้านก็วิ่งหน้าตื่นมาหา
‚คุณท่านคะ ค...คุณบงกช เป็น...เป็นลมค่ะ ‛ เสียงแม่บ้านรายงานเกือบจะ
ติดอ่าง
‚เกิดอะไรขึ้น !‛ ปพนถามเสียงเครียด
‚คือ...คือคุณบงกชพอเห็นข่าวด่วนเรื่องคุณนันก็...ก็...‛ แม่บ้านไม่กล้าพูดต่อ
‚ก็...อะไร บอกมา!‛ ปพนตวาด แม่บ้านหน้าซีดแล้วรีบเล่าให้ฟัง
‚เรื่องคุณนันแท้ง ตอนนี้พักอยู่โรงพยาบาล ถูกทางตํารวจตั้งข้อสงสัยอาจมี
ส่วนร่วมกับคนร้ายที่ถูกตํารวจ
จับด้วยค่ะท่าน‛
ปพนได้ยินก็แทบล้มทั้งยืน ไม่อยากเชื่อ ลูกสาวที่หลงคิดว่าดี น่ารัก เคารพ
เชื่อฟัง กตัญํู
กิริยามารยาทดี จะทําตัวแบบนี้ เป็นไปไม่ได้ เขารีบเดินไปหาบงกชที่ห้องนอน
บงกชนั่งพิงพนักเตียง ใบหน้า
ที่เคยสวยเนียบตลอดเวลาบัดนี้ดูแก่ไปทันตา ไม่ต่างอะไรจากกุลชา แต่ดูจะแย่กว่า
ด้วยซ้ําเพราะความเครียด
ที่ปรากฏทั่วใบหน้า หากเป็นยามปกติปพนคงเป็นห่วง แต่เวลานี้เรื่องราวของลูก
ชายกับลูกสาวได้ทําให้อารมณ์
โกรธพุ่งขึ้นเพราะผิดหวังอย่างแรง ยังกลัวไปถึงฐานะทางการเมืองด้วย ยิ่งเห็นทัพ
นักข่าวอออยู่หน้าบ้านยิ่งทําให้
เครียดจัดเข้าไปอีก
‚เลี้ยงลูกยังไงปล่อยให้สําส่อน ทําแต่เรื่องงามหน้าทั้งนั้น คุณทําให้ผม
ผิดหวังจริง ๆ แล้วนี่ผมจะตอบสังคมว่า
อย่างไร ภาพพจน์ที่ดีงาม ชื่อเสียงผม ถูกลูกชั่วสองคนทําลายหมดแล้ว ผมให้คุณ
ช่วยดูลูก แต่คุณกลับสอนลูก
ได้งามหน้านัก‛ ปพนระบายความโกรธแค้นใส่บงกช ไม่เคยคิดโทษตัวเองแต่โทษ
คนอื่นแทน บงกชมองใบ
หน้าเกรี้ยวกราดของสามีอย่างน้อยใจ เธอทําเพื่อเขามากมาย ช่วยเขาสร้างชื่อเสียง
จนมีวันนี้ แต่พอเกิดเรื่อง
เดือดร้อนกลับไม่เห็นใจ เธอเองก็โกรธแค้นไม่น้อยไปกว่าเขาที่ลูกประพฤติตัวแบบ
นี้
‚คุณพน คุณจะให้กชไปถามคนเป็นพ่อมั้ยคะว่าเลี้ยงลูกยังไงถึงได้ทําเรื่อง
ขายหน้า นําความเดือดร้อนมา
ให้พ่อแม่ คุณเคยเห็นใจกชบ้างมั้ย กชเป็นแม่ เจ็บแค้นกว่าคุณอีกหลายเท่า ‛ บงกช
ย้อนกลับเข้าให้
ปพนนิ่ง นึกไม่ถึงว่าบงกชผู้เคยเคารพเชื่อฟังเขาจะกล้าต่อว่าเขา คิดอีกทีคงกําลัง
เครียดเรื่องลูกชั่วทั้งสองคน
ทํางามหน้าทั้งคู่ ทําให้พ่อแม่ได้อาย ชื่อเสียงทางสังคมที่อุตส่าห์สั่งสมมาถูกทําลาย
ภายในพริบตา และอาจหลุด
จากตําแหน่งทางการเมืองอีก ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจนัก
‚เอาเถอะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโทษกัน ช่วยกันคิดดีกว่าว่าจะตอบปัญหา
นักข่าวยังไง แล้วค่อยจัดการกับไอ้ลูก
ไม่รักดี แล้วนี่มีใครไปลากคอตาวัศกลับมาหรือยัง ‛ ปพนพยายามข่มอารมณ์ ด้วย
วัยที่มากขึ้นและ
ตําแหน่งหน้าที่การงานทําให้ความสุขุมเพิ่มมากขึ้น แม้จะยังระงับความโกรธแค้น
ในใจไม่ได้ก็ตาม แต่ก็เก็บอาการ
ได้พอสมควร บงกชส่ายหน้า
‚ให้คนไปตามตัวแล้วยังไม่มีวี่แววเลย‛ เสียงบงกชเหมือนหมดอาลัยตาย
อยาก สําหรับเธอ ทุกอย่างพังหมดแล้วเพราะลูกไม่รักดี
‚ผมจะให้คนไปตามเอง ต้องลากคอมันมาแก้ปัญหาที่ตัวเองก่อ ช่วยกันคิด
ก่อนดีกว่าว่าจะจัดการกับ
ทัพนักข่าวยังไงดี‛ นักการเมืองอย่างเขาห่วงภาพพจน์มากกว่า แต่เขาก็ไม่มีเวลา
คิดแล้วเพราะดนุวัศเดิน
เข้ามาในบ้านสภาพอิดโรย ผมยุ่งเหยิง ทรุดโทรมมาก พอบงกชเห็นสภาพบุตรชาย
แล้วรีบวิ่งเข้าหา ถึงอย่างไร
เธอก็ยังห่วงลูกอยู่ดี ขณะที่ปพนมองอย่างเฉยเมย ดนุวัศจ้องหน้าบิดา รู้ว่าเวลานี้
คงได้รับแต่ความเกลียดชัง
จากบิดา
‚ตาวัศ บอกแม่มา ทําไมลูกถึงมีสภาพแบบนี้ ‛ บงกชถถามพลางจ้องมอง
ใบหน้าบุตรชาย มือลูบคลําไปทั่ว
ตัวอย่างสํารวจตรวจตรา
‚ผมไม่เป็นไรครับ พวกมันโกงผม หลอกเงินผมจนหมดตัว แถมยังขโมยบัตร
เครดิตผมไปอีก แล้วไล่ผมออกมา
ดีที่เจอคนของคุณพ่อเข้า ผม...‛ ดนุวัศยังไม่สํานึกผิด กลับโทษคนอื่น สาเหตุ
ทั้งหมดเพราะการกระทําของตัวเอง
ทั้งนั้น เขาไม่ได้บอกด้วยซ้ําว่าเขาเองก็คิดโกงทางบ่อนเหมือนกันแต่ถูกจับได้ โชคดี
ที่เป็นลูกนักการเมืองทางบ่อน
จึงไม่คิดจะทําอะไรรุนแรงกลัวมีเรื่อง แค่สั่งสอนพอให้หลาบจํา
‚แกยังมีหน้ามาพูดอีก มันน่าจะให้พวกมันกระทืบให้ตายไปเลย แกเคย
รับปากฉันว่าจะไม่เล่นอีกแล้ว
แต่สันดานไม่เปลี่ยน ถ้าแกตายเสียฉันจะสบายใจมากกว่านี้ หลงคิดว่ากลับใจได้
รอไว้เจ้าหน้าที่การเงินบริษัท
มาก่อน ฉันจะเอาผิดแกอีกเรื่อง อย่าคิดว่าพฤติกรรมของแกจะไม่มีใครรายงานฉัน
นะ คนเก่าคนแก่ที่ทํางานกับฉันมานาน
ภักดีกับบริษัทยังมีอยู่ แต่ตอนนี้แกต้องออกไปตอบพวกนักข่าวเกี่ยวกับนังผู้หญิง
คนนั้น อย่าให้พ่อแม่ต้อง
มาเดือดร้อนเพราะเรื่องระยําตําบอนที่แกทําอีก ‛ น้ําเสียงและท่าทางของปพน
เปลี่ยนไปจนน่ากลัว ดนุวัศเริ่ม
กลัวเกรง เคยทะนงว่าเป็นลูกชายคนโปรด แต่เวลานี้สถานะได้เปลี่ยนไปแล้ว เขา
จําใจเดินตามบิดาออกไป
พบนักข่าว แต่มิคาด พอเดินออกมากลับมีตํารวจมาขอพบบงกช
‚เออ ! ท่านครับ พวกผมขออนุญาตเชิญตัวคุณบงกชไปให้การที่โรงพักหน่อย
ครับ‛ เจ้าหน้าที่ตํารวจไม่กล้า
บอกมากกว่านั้น เพราะยังเกรงใจปพนอยู่ ยิ่งอยู่ต่อหน้านักข่าวด้วยยิ่งไม่สมควรที่
จะพูดต่อ นักข่าวต่าง
พากันสนใจ และบางรายเริ่มถ่ายภาพเก็บไว้ก่อน
‚เรื่องอะไร ไว้วันหลัง ตอนนี้คุณบงกชไม่ค่อยสบาย คงไม่สะดวกไปพบ ไว้
พรุ่งนี้ผมจะให้ไปพบเอง‛
ปพนหาทางออก เริ่มไม่แน่ใจกับเรื่องหลาย ๆ เรื่องที่เกิดกับคนใกล้ตัว
‚ผมต้องขอโทษท่านด้วยที่ต้องเป็นวันนี้ครับ ‛ คราวนี้เป็นนายตํารวจยศนาย
พันพูดเอง ยิ่งทําให้นักข่าว
สงสัยไปใหญ่ ปพนเริ่มรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น หากไม่ใช่เรื่องร้ายแรงคงไม่ต้องอาศัย
ตํารวจยศนายพันมาด้วย
‚ถ้าอย่างนั้นผมยินดีให้ความร่วมมือ คุณประพาสช่วยพาคุณตํารวจไป
ห้องรับแขกก่อน รอผมสักครู่ เดี๋ยวผม
ตามไป ผมขอเคลียร์เรื่องลูกชายก่อน‛ โซญภาพพจน์ภายนอก ปพนคือ
นักการเมืองที่เป็นสุภาพชน เป็นมิตรกับ
นักข่าวและทุกคน ภายใต้สถานการณ์แบบนี้เขายังคงรักษาภาพไว้ได้อย่างไม่น่า
เชื่อ พอตํารวจไปกับเลขาฯ คน
สนิทแล้ว เขาก็หันมาพูดกับนักข่าวต่อ
‚ผมรู้ ข่าวที่เกิดขึ้นกับลูกชายผมคงทําให้คนในสังคมสงสัย อยากรู้ความจริง
ลูกชายผมจะเป็นฝ่ายบอกเล่า
ความจริงเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ให้ฟังเอง ผมขอตัวก่อนครับ ‛ ปพนเอ่ยจบก็ปล่อยให้
ดนุวัศรับหน้านักข่าวเอง
ส่วนตัวเองเดินหนีนักข่าวเข้าบ้านไป
‚พวกคุณบอกผมมา มีเรื่องอะไรกับคุณบงกช‛ ปพนถามพบเจ้าหน้าที่ตํารวจ
ทันทีที่กลับเข้ามาในบ้าน
‚ท่านคงยังไม่รู้ว่าคุณบงกชคือผู้บงการอยู่เบื้องหลังคดีทําร้ายคนมากมาย
เธอจ้างพวกนักเลงไปทําร้ายคน
ที่ไม่ยอมทําตามเธอ ทุกคนไม่กล้าเอาเรื่องเพราะกลัวอิทธิพลท่าน แต่เจ้าทุกข์ราย
ล่าสุดคือคุณสายฝน หญิงสาว
ที่มีนามสกุลเดียวกับท่าน คุณบงกชให้คนไปตามฆ่าเอาชีวิตเธอ โชคดีที่รอดมาได้
เจ้าทุกข์บอกให้มาถามท่านเอง
ว่าจะให้ความเป็นธรรมกับเธอหรือไม่ เธอจะคอยคําตอบ หากท่านขอร้อง เธอจะไม่
เอาเรื่อง‛
ปพนแทบทรุดกับความจริงที่ได้ยิน ทั้งชีวิตเขาถูกผู้หญิงเลว ๆ คนหนึ่ง
หลอกให้ตายใจ หลงคิดว่าบงกชคือ
ผู้ที่มาชดเชยสิ่งที่กุลชาไม่เคยให้เขาได้ แต่แล้ววันนี้...วันที่ความจริงเผยออกมา
บงกชกับลูกกลับทําร้ายเขา
ให้สูญสิ้นทุกอย่าง ทั้งเกียรติยศ ชื่อเสียง สุดท้ายก็ตําแหน่งทางการเมืองที่เขาแลก
มาด้วยความยากลําบาก
ลงทุนไปมากมาย คนในพรรคต้องบีบให้เขาลาออกแน่ มีหลายคนที่หวังตําแหน่งนี้
อยู่ นี่คงเป็นกรรมที่เขาทําไว้
กับกุลชาและลูก ๆ
‚ไปตามคุณบงกชมา‛ ปพนหันไปสั่งแม่บ้านด้วยน้ําเสียงราบเรียบ แม่บ้านยัง
ไม่ทันขยับบงกชก็เข้ามา
‚เกิดอะไรขึ้นคะ คุณพน ตํารวจมาทําอะไรที่บ้าน‛ บงกชยังไม่รู้เรื่อง
‚เธอยังกล้าถามอีก อยากรู้ก็ถามตํารวจเอง พวกคุณทําตามกฎหมายได้เลย
ผิดว่าไปตามผิด ผมขอตัวก่อน‛
ปพนแทบไม่อยากมองหน้าบงกช เดินหนีไปอีกทาง ในใจนั้นทั้งแค้นทั้งผิดหวังจน
บอกไม่ถูก สักพักก็ได้ยินเสียง
บงกชร้องว่าไม่จริง ๆ ปพนหันมามอง แล้วหลับตาลง สีหน้าเจ็บปวดนักกับเรื่องราว
ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ถ้าจะโทษ
คงต้องโทษเขาเองที่หลงใหลในภาพมายาที่บงกชกับลูก ๆ ปั้นแต่งขึ้นมาหลอก
ตลอดเวลา เขาช่างโง่นัก ที่ลูก ๆ
เป็นแบบนี้เพราะเขาเอง หากบงกชทําสําเร็จ...เขาอาจต้องสูญเสียบุตรสาวไป
‘ฝน...ที่ผ่านมาพ่อไม่เคยให้ความเป็นธรรมกับลูก นี่เป็นครั้งแรกที่พ่อจะให้
ความเป็นธรรมกับลูก ...วันที่พ่อสูญเสียทุกอย่าง...พรุ่งนี้ลูกคงเห็นจากข่าวพาดหัว
ตามหน้าหนังสือพิมพ์ กุล คุณคงหัวเราะเยาะผมอยู่ใช่มั้ย ’
ในเวลาเดียวกันพนิดากําลังออกอากาศสดที่สถานีโทรทัศน์อีกช่องหนึ่ง
หลังจากดังข้ามคืนก็มีแต่คนอยาก
เชิญเธอมาสัมภาษณ์ ขณะที่ออนแอร์ไปได้พักหนึ่ง รายการก็มีอันยุติกะทันหัน
เพราะตํารวจนําหมายจับมาจับ
พนิดาข้อหาทําร้ายเด็กและสายฝน
‚คุณตํารวจ ดาไม่มีความผิดนะคะ ดาถูกใส่ความค่ะ คุณตํารวจรังแก
ประชาชนไม่มีทางสู้เพราะ
คําสั่งนักการเมืองใหญ่ใช่มั้ยคะ ดาโง่เองที่คิดเรียกร้องความเป็นธรรมกับคุณบงกช
นักสังคมสงเคราะห์ชื่อดัง ‛
พนิดาแกล้งบีบน้ําตา ทําหน้าเศร้า
‚นั่นสิคะคุณตํารวจ คุณพนิดาน่าสงสารออกค่ะ ‛ ผู้ดําเนินรายการสาวสวย
ช่วยเสริมเพราะเชื่อพนิดามากกว่า
‚ไม่ได้ใส่ความหรอกครับ อยากรู้ เอาซีดีแผ่นนี้ไปเปิดดูครับ อาของเด็กที่ถูก
คุณพนิดาทําร้ายคือคุณวรเมธ
นักธุรกิจที่ใคร ๆ รู้จักดีมาแจ้งจับเอง พร้อมมอบวีซีดีที่เป็นหลักฐาน คุณพนิดาทํา
ร้ายหลานตัวเอง นี่ครับ ‛
ตํารวจยื่นแผ่นวีซีดีให้เจ้าหน้าที่สถานี ซึ่งก็รีบนําไปเปิด พอภาพปรากฏสู่สายตา
ทุกคน ต่างก็ตะลึงอย่างนึกไม่ถึง
สายตาทุกคู่จ้องมาที่พนิดา พนิดารีบแก้ตัวว่า
‚ไม่จริง ดาถูกกลั่นแกล้ง คุณวรเมธคิดปล้ําดาค่ะ แต่ดาไม่ยอม เขาเลยขู่ดา
ค่ะ ดานึกไม่ถึงว่าเขาจะทําจริง ‛
‚หลักฐานคาตาอย่างนี้คุณยังกล้าพูดว่าถูกใส่ความอีกหรือ คุณพนิดา คุณนี่
มันชั่วร้ายจริง ๆ‛ ผู้ดําเนิน
รายการสาวด่าอย่างเหลืออด เจ้าหน้าที่ตํารวจนิ่งเฉยก่อนแจ้งข้อหาอีกกระทง
‚เรื่องทําร้ายเด็กจบแล้ว เรื่องที่คุณอ้างว่าคุณวรเมธคิดปล้ําคุณ ผมอยากให้
คุณเจอเจ้าทุกข์ก่อนดีกว่า
แล้วค่อยกล่าวหา เชิญครับ คุณวรเมธ‛ ทุกคนหันไปมองทันที วรเมธมาพร้อมสาย
ฝน พนิดาหน้าซีด
ทุกคนในที่นั้นไม่รู้ว่าผู้กํากับรายการแอบสั่งให้ตัดเข้ารายการโดยที่ทุกคนไม่รู้ตัว
‚คุณตํารวจ คุณพนิดายังปากแข็งอีกหรือครับ อยากได้พยานชี้ตัวมั้ยครับ ผม
พามาด้วย คุณดา ชู้รักคุณ
สารภาพหมดแล้ว ยังเด็กเสิร์ฟที่วางยาคนรักผมอีก ที่ผ่านมาผมละเว้นคุณเพราะ
เห็นแก่พี่สุดาพี่สาวคุณ แต่
จิตใจคุณมันชั่วร้ายเกินไป เห็นทีคงปล่อยคุณไปไม่ได้แล้ว ถึงผมปล่อย คุณฝนก็ไม่
ยอมแน่‛ วรเมธมองหน้าพนิดา
อย่างเย็นชา สายตาทุกคนจ้องมองเธออย่างรังเกียจ พนิดาไม่เคยรู้สึกกลัวอย่างนี้
มาก่อน
‚คุณดา ยังมีอะไรจะแก้ตัวอีกมั้ยคะ คงนึกไม่ถึงสินะว่าวันนั้นคุณเมธจะอยู่
กับฝนด้วย ไม่อย่างนั้นแผนคุณ
คงสําเร็จไปนานแล้ว โชคดีที่ฟ้ามีตา ไม่เข้าข้างคนผิด คุณทําร้ายคนมามากแล้ว
วันนี้คุณควรรับกรรมที่ก่อ ‛
สายฝนต่อว่า ทุกคนเริ่มสนใจสายฝน สวยน่ารักอย่างนี้เองถึงคว้าหัวใจนักธุรกิจ
หนุ่มไฟแรงอย่างวรเมธได้
พนิดาเห็นว่าจะแพ้จึงทําท่าจะหนี แต่ตํารวจคว้าตัวไว้ก่อน พนิดาทั้งดิ้นทั้งถีบ
เจ้าหน้าที่ตํารวจ ปากก็ด่ากราด
ทุกคนอย่างแค้นจัด
‚เพราะแกคนเดียวนังฝน ทําให้ฉันต้องเป็นแบบนี้ ถ้าแกไม่มาเป็นแม่บ้าน มี
หรือคุณเมธจะหลงแก ทําเป็น
ตีหน้าซื่อ จนใคร ๆ หลงหมด ทุกคนฟังไว้นะ นังนี่มันเอาตัวเข้าแลกจนคุณเมธหลง ‛
วรเมธโกรธจัด
‚ก่อนว่าคนอื่นดูตัวเองก่อน พนิดา ผมไม่อยากพูดถึงพฤติกรรมคุณ ไม่ช้า
นักข่าวต้องขุดคุ้ยแน่ ผมจะบอก
ให้นะ คุณฝนดีและสูงส่งกว่าคุณเยอะ ถ้าคุณอยากอาละวาดเชิญไปอาละวาดต่อ
ในคุก คุณฝน กลับกันเถอะ‛
วรเมธพูดจบก็จูงมือสายฝนออกจากห้องส่งไป โดยไม่สนใจเจ้าของรายการที่วิ่ง
ตามหวังจะเชิญทั้งคู่มา
สัมภาษณ์พิเศษ แต่ตามไม่ทันเสียแล้ว
ตอนที่ 26

โซเฟียเดินกลับไปมาในสนามบินสุวรรณภูมิรอโดมินิกเพื่อจะได้เช็กอินพร้อม
กัน สีหน้ากังวลอย่างบอกไม่ถูก
เธอยังไม่รู้ว่าโดมินิกถูกจับ เพราะเธอไม่สนใจข่าว วันนี้ทั้งวันเธอวุ่นกับการทําธุระ
ต่าง ๆ ให้เสร็จ ทั้งเรื่องขายบ้าน
ถอนเงินออกจากบัญชีและโอนเข้าบัญชีที่ธนาคารประเทศสวิตเซอร์แลนด์ รวมถึง
จัดของและเลิกจ้างแม่บ้าน
ชั่วคราว ทีแรกเธอคิดจะย้อนกลับมาอีกครั้ง แต่สังหรณ์ใจชอบกลจึงรีบเคลียร์ทุก
อย่างให้เรียบร้อย เธอรอโดมินิก
ที่สนามบินเกือบชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มา เธอเริ่มหงุดหงิดเมื่อเคาน์เตอร์เช็กอินใกล้ปิด
รับสําหรับเที่ยวบินที่เธอจะไป
เธอยกมือขึ้นดูนาฬิกาบ่อยครั้ง กดโทรศัพท์มือถือหาก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ
‚เกิดอะไรขึ้น ทําไมยังไม่มาอีก เคาน์เตอร์จะปิดรับอยู่แล้วนะ รออีกสิบนาที
ถ้ายังไม่โผล่หน้ามาให้เห็น
หรือติดต่อมา ก็ตัวใครตัวมันแล้วกัน ‛ โซเฟียพูดจบก็เห็นชายร่างสูงใหญ่สองสาม
คนแต่งตัวสุภาพเดินเข้ามาหาเธอ
มาถึงก็ยื่นบัตรประจําตัวให้ พูดกับเธอว่า
‚คุณโซเฟีย กรุณาไปกับพวกเราด้วย คุณถูกจับข้อหาพยายามจ้างวานฆ่า
ผู้หญิงหลายคน รวมถึงคุณสายรุ้ง
ภรรยาคุณตนุภัทร กับข้อหาค้าอาวุธเถื่อน บริษัทเรือที่บรรทุกสินค้าให้คุณรายงาน
มาให้ทราบจากสิงคโปร์เมื่อ
พบเห็นสิ่งผิดปกติระหว่างผ่านการตรวจ เพราะรายละเอียดสินค้าที่คุณแจ้งทาง
บริษัทเรือกับของจริงไม่ตรงกัน
เจ้าของเรือจึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่เปิดตรวจดู ‛ ตํารวจนอกเครื่องแบบแจ้งข้อกล่าวหา
ไม่อยากให้เกิดการแตกตื่น
ในสนามบิน
‚ไม่จริง ! ฉันถูกใส่ร้ายนะคะคุณตํารวจ เจ้าของบริษัทเรือมาเกี่ยวอะไรด้วย
คุณตํารวจจะยัดข้อหาใครควร
มีหลักฐานมากกว่านี้นะคะ‛ โซเฟียย้อนกลับให้ เธอไม่คิดว่ามิสเตอร์หว่องจะรู้ คน
ของเธอที่ถูกจับก็ถูกเก็บหมด
แล้ว ต้องมีใครเล่นตลกกับเธอแน่
‚คนแจ้งจับคุณและให้ข้อมูลกับตํารวจคาดไว้แล้วว่าคุณจะต้องปฏิเสธ รอ
สักครู่เขาคงติดต่อคุณเอง‛
คราวนี้โซเฟียมีสีหน้าตกใจ จังหวะเดียวกับที่เสียงโทรศัพท์มือถือส่วนตัวก็ดังขึ้น
‚ไง โซเฟีย ผมเคยเตือนคุณแล้วใช่หรือไม่ ห้ามยุ่งกับคนที่ผมรัก และให้มาขอ
ขมาภรรยาผมเสีย คุณก็ไม่ทํา
ยังให้คนโทรไปก่อกวนอีก ภรรยาผมยิ่งขี้ตกใจอยู่ด้วย พอเธอตกใจเลยกลายเป็น
เรื่องใหญ่ ที่แล้วมาผมละเว้น
คุณเพราะเห็นแก่พ่อคุณซึ่งเป็นอดีตหุ้นส่วนที่นิสัยไม่ค่อยดีเท่าไหร่ของผม แต่คุณ
กับพ่อคุณอันตรายเกินกว่าที่จะปล่อย
คุณไม่ต้องกลัวว่าจะเหงานะ เพราะโดมินิกคอยต้อนรับคุณในคุกเรียบร้อยแล้ว อีก
เรื่องที่ผมอยากบอกคุณคือ
พรุ่งนี้จะมีข่าวใหญ่ พ่อของคุณถูกจับกับฟร็องซัวส์กรุ๊ปล้มละลาย และจะมีคนเข้า
เทคโอเวอร์ อยากรู้มั้ยว่าเป็นใคร‛
น้ําเสียงเย็น ๆ ของตนุภัทรพูดผ่านสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ทําให้โซเฟียเงียบไปครู่
หนึ่ง ใบหน้าซีดก่อนถามว่า
‚ใคร‛
‚มิสเตอร์หว่อง...ที่คุณคิดว่าหลงกล เป็นไง โซเฟีย พอใจมั้ยกับคําตอบ‛
โซเฟียได้ยินก็โกรธแค้นจัด
พูดด้วยน้ําเสียงเกรี้ยวกราดใส่โทรศัพท์มือถือ
‚เจ้าเล่ห์นัก ! ชั่วช้าที่สุด !‛
แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะ
‚หึ...หึ...ขอให้มีความสุขนะ โซเฟีย ‛ จากนั้นสัญญาณก็หายไป โซเฟียแค้น
จัด ขว้างโทรศัพท์มือถือทิ้งทันที
‚เชิญครับ คุณโซเฟีย‛ เจ้าหน้าที่ตํารวจนอกเครื่องแบบยังคงสุภาพและเดิน
นําโซเฟียไป โซเฟียไม่มีทางเลือก
วันนี้ ณ เวลานี้ เธอจึงรู้ถึงความร้ายกาจของตนุภัทร เขายอมตกเป็นฝ่ายให้พวกเธอ
ไล่ล่ามาตลอดเพราะไม่
อยากยุ่งนั่นเอง แต่.เพราะความผิดพลาดเพียงประการเดียวของเธอที่ไปยุ่งกับคนที่
เขารักจนเป็นเหตุให้พบกับ
จุดจบเช่นนี้ ความจริงเธอน่าจะรู้ดี เสืออย่างตนุภัทรไม่ใช่เสือไร้เขี้ยวเล็บ ตรงกัน
ข้ามกลับมีกรงเล็บอันแหลมคม
ซ่อนไว้รอเวลาเหมาะสมที่เอาออกมาใช้ วันนี้เธอกับพวกก็ถูกกรงเล็บแหลมคมนั้น
ตะปบเข้าแล้ว แต่ช่างเถอะ
เธอตัดสินใจเดินทางนี้เอง และรู้ชะตากรรมอยู่แล้วว่าสุดท้ายไม่เป็นฝ่ายชนะก็เป็น
ฝ่ายแพ้ เธอยักไหล่เดินตาม
ตํารวจนอกเครื่องแบบไปสองสามนายด้วยใบหน้าที่เชิดหยิ่ง ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
บนโต๊ะอาหารเช้าในบ้านวรเมธ สายรุ้งกําลังสนใจข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์
ข่าวดังข่าวใหญ่เป็นเรื่องพนิดา
กับครอบครัวปพน และเรื่องโซเฟียกับโดมินิกถูกจับโดยฝีมือตนุภัทร เธอเพิ่งเข้าใจ
ว่าที่เขาหายไปก็เพื่อไปสะสาง
บัญชีแค้นระหว่างโดมินิกกับโซเฟีย ไม่มีคนโทรมากวนประสาทเธออีกหลังจาก
อาละวาดใส่เขา แต่ที่น่าสนใจคือ
ข่าวของบงกชกับลูกต่างหาก ผู้ชายคนนั้นยอมให้บงกชถูกจับ ที่แปลกใจคือไม่
สนใจเรื่องราวของศุภานันและ
ดนุวัศที่เป็นลูกรักลูกปลื้ม ข่าวเขียนเป็นนัย ๆ ว่าตัดหางปล่อยวัดลูกเลว อีกทั้งยัง
ลาออกจากตําแหน่งที่แสนจะ
ปลื้มกับมันอีก สายรุ้งแปลกใจมากกับการกระทําของผู้ชายที่เธอไม่เคยยอมรับเป็น
บิดา เธอยังไม่ลืมวันที่ผู้ชายคนนั้นใช้ให้สายฝนชดใช้หนี้แทนลูกชายคนโปรดที่เล่น
เสียในบ่อนจนต้องตกเป็นลูกหนี้ของตนุภัทร แล้วกลายเป็นเธอที่ต้องใช้หนี้แทน
แล้วทําไมเวลานี้กลับไม่คิดจะปกป้องเมียรักและลูกสุดปลื้ม เธอคิดว่าชายคนนั้นคง
จะโทรมาบอกให้สายฝนไม่เอาความกับบงกชหญิงเจ้ามารยานั่นเสียอีก ความคิดนี้
ก็ไม่ต่างจากสายฝนนัก
‚รุ้ง อย่ากินหนังสือพิมพ์แทนอาหารเช้าล่ะ ‛ สายฝนทักน้องสาวที่เอาแต่จ้อง
หนังสือพิมพ์บนโต๊ะนิ่ง
‚พี่ฝน สงสัยโลกจะหมุนกลับ ผู้ชายคนนั้นถึงไม่ปกป้องยายบงกชกับลูก ดูใจ
ร้ายไปหน่อยนะ ที่แปลกคือ
ไม่โทรมาบอกพี่ฝนไม่ให้เอาความกับเมียรักด้วย‛ สายรุ้งยังคงเห็นปพนเป็นคนอื่น
อยู่ดี
‚นั่นสิ พี่เองก็แปลกใจ รุ้งทานข้าวก่อนดีกว่า จะได้ทานยา แล้วค่อยมาสนใจ
ข่าว‛ สายฝนเอ่ยพลางตักข้าวใส่
จานน้องสาว แต่สายรุ้งยังคงสนใจข่าวอื่นอีก
‚พี่ฝนรู้มั้ยว่าพี่ฝนดังใหญ่แล้ว รุ้งดูทีวียังช็อคเลย เห็นพี่ฝน คุณเมธ และน้า
สาวใจยักษ์ของข้าวโอ๊ตสุดหล่อ
ออกทีวี รายการนั้นกล้ามากไม่กลัวถูกฟ้อง แต่คิดอีกทีก็คุ้มนะกับเรตติ้งที่พุ่งกระฉุด
พี่สาวเรากลายเป็นคนดัง
ที่ใคร ๆ อยากรู้จัก เป็นรุ้งหน่อยไม่ได้ จะรับออกทุกช่องเลย แล้วคิดค่าตัวแพง ๆ
เพื่อเอาเงินมารักษาแม่ เผลอ ๆ
อาจได้เป็นดาราด้วย แหม ! โอกาสมาถึงทั้งทีน่าคว้าไว้ พี่ฝนไม่คิดจะเปลี่ยนใจบ้าง
หรือไง‛ สายรุ้งแกล้งยั่วพี่สาว
‚น่าสนนะ ทําไมพี่คิดไม่ออกนะ ดีกว่ามากินเงินเดือนแม่บ้านอีก ‛ สายฝน
แกล้งคล้อยตาม วรเมธซึ่งเดินมา
ที่โต๊ะอาหารได้ยินเข้า รีบโวยทันที
‚ไม่ได้นะครับ คุณฝน แล้วผมจะไปหาแม่บ้านน่ารัก ๆ รู้ใจเจ้านายแบบนี้ได้ที่
ไหน ผมไม่ยอม‛
สายฝนค้อนเขาตาคว่ํา พอมาถึงก็พูดให้ทําหน้าไม่ถูกต่อหน้าผู้คน ทั้ง
น้องสาว เด็กหน่อย ดีนะป้าบุญกับเปรี้ยวไม่อยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นจะอายยิ่งกว่านี้
‚ทุกอย่างขึ้นกับการตัดสินใจของฝนค่ะ สมัยนี้ค่าครองชีพมันแพง อีกอย่าง
วงการมายาหาเงินง่าย
รายได้ดีกว่าเป็นแม่บ้านให้คุณเยอะ คิดแล้วน่าสนเหมือนกัน ‛ สายฝนพูดให้เขาใจ
เสีย
‚คุณรุ้ง สงสัยพี่สาวคุณไม่พอใจตําแหน่งแม่บ้าน ถ้าอย่างนั้นผมมีตําแหน่ง
ใหม่เสนอ รับรองรายได้ดีกว่า
เข้าวงการมายาอีก สนใจมั้ยครับคุณแม่บ้านที่รัก ‛ เขายื่นหน้ามาถามสายตาแพรว
พราว ไม่บอกก็รู้ว่าอะไร
สายฝนเริ่มกลัวเขาแล้วสิ ร้ายขึ้นทุกวัน อยู่ต่อหน้าคนอื่นก็ไม่เว้น
‚ถ้ารายได้ดี งานสบายก็น่าสน‛ สายฝนแกล้งทําเป็นแบ่งรับแบ่งสู้ วรเมธยิ้ม
สายรุ้งเขินแทน ว่าที่พี่เขย
ในอนาคตร้ายไม่ใช่เล่น เธอเริ่มอยากรู้ว่าระหว่างตนุภัทรกับวรเมธใครร้ายกว่ากัน
เรื่องก็จบแล้ว ทําไมเขายังไม่
ติดต่อเธอกลับมาอีก หรือว่า...ไปหลงสาวอื่น
‚มอร์นิ่งทุกคน ผมขอทานข้าวเช้าด้วยคนครับ คุณฝน‛ เสียงตนุภัทรดังขึ้น
พร้อมพาตัวมานั่งข้าง ๆ สายรุ้ง
ที่ทําหน้าเอ๋อ ๆ อยู่ คนอะไรตายยากจัง คิดถึงก็มาทันที
‚เชิญตามสบายนะคะ คุณภัทร หน่อย ช่วยตักข้าวเพิ่มให้คุณภัทรอีกที่จ้ะ ‛
สายฝนเชื้อเชิญอย่างมีน้ํา
ใจ ในขณะที่เจ้าของบ้านมีสีหน้าไม่พอใจนักกับแขกไร้มารยาทที่ไม่เคยขออนุญาต
เจ้าของบ้านทุกครั้งที่มา
‚คิดว่าสาบสูญไปจากโลกนี้เล้วเสียอีก เห็นหายไปนาน‛ สายรุ้งประชด
‚ผมไม่ตายง่าย ๆ หรอก รีบมาเพราะอยากรับคุณกลับ ผมมีข่าวดีจะบอก
ด้วย เป็นข่าวดีของคุณฝนด้วยครับ ‛
ทันทีที่ตนุภัทรบอก ทั้งสายฝนและสายรุ้งหันไปมองเขาพร้อมกัน
‚ข่าวดีอะไรคะ‛ สองพี่น้องถามพร้อมกัน
‚มีคนบริจาคไตที่เข้ากับร่างกายอาจารย์กุลชาได้แล้ว คนที่บริจาคเป็นคนไข้ที่
ประสบอุบัติเหตุไม่มีทางรอด
คุณหมอที่รักษาอาจารย์กุลชาเป็นญาติจึงเป็นธุระช่วยจัดการให้เพื่อเป็นกุศลกับ
คนตาย หมอให้รีบพาอาจารย์
กุลชามาที่โรงพยาบาลและเข้าผ่าตัดก่อนจะครบกําหนดเวลา 24 ชั่วโมงที่เก็บไตไว้
ผลการผ่าตัดผ่านไปด้วยดี
ตอนนี้อาจารย์กุลชาเพิ่งออกจากห้องผ่าตัด ยังไม่รู้สึกตัว หมอบอกว่าไม่เกินเที่ยง
คงรู้สึกตัว‛
สายรุ้งกับสายฝนโผเข้าหากัน กอดกันยิ้มทั้งน้ําตาแห่งความปลื้มปีติ ทุก
คนที่เห็นภาพต่างพลอยยินดีไปด้วย
สักพักสองพี่น้องก็ขยับตัวออกห่าง สายรุ้งยิ้มให้ตนุภัทรและยื่นหน้าเข้าไปหอม
แก้มเขาอย่างลืมตัวลืมอาย
‚ขอบคุณค่ะ คุณภัทร รุ้งไม่ทานข้าวแล้ว ไปหาแม่ดีกว่า ‛ คงเพราะความดีใจ
และซาบซึ้งในความดีของ
เขาทําให้สายรุ้งยอมเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกตัวกับเขา ตนุภัทรยิ้มหน้าบานทันที
รู้อย่างนี้บอกตั้งนานแล้ว
วรเมธเห็นแล้วหมั่นไส้นัก สายฝนเองก็เตรียมขยับตัวจะลุก
‚ฝนด้วยค่ะ ขอไปหาแม่เลยดีกว่า คุณเมธจะไปกับฝนมั้ยคะ‛ สายฝนน่ารัก
ไม่หยอกเหมือนกัน เมื่อมีโอกาส
ได้พบว่าที่แม่ยายในอนาคตอันใกล้ มีหรือจะไม่รีบคว้าไว้ จะได้รีบทําคะแนนนิยม
‚ไปกันเลยครับ‛ วรเมธเดินนําไปที่รถทันที
‚รุ้งไปกับคุณภัทรเถอะ คุณภัทร ขอบคุณมากนะคะ แล้วเจอกันที่
โรงพยาบาลค่ะ ว่าแต่ชื่อโรงพยาบาล
อะไรคะ‛ สายฝนเกือบลืมถาม ตนุภัทรบอกชื่อโรงพยาบาลไป จากนั้นต่างคนต่าง
มุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาล

กุลชายังไม่รู้สึกตัวเพราะฤทธิ์ยาสลบ ร่างผอมบางยังคงหลับสนิท สายตา


มากกว่าสองคู่จ้องมองตา
ไม่กะพริบ สายรุ้งกับสายฝนจับมือบอบบางของมารดาไว้ ป้าน้อยเองก็รอคอย
เช่นกัน ที่สุดวันแห่งความปลื้ม
ปีติก็มาถึง แกแอบเอามือป้ายน้ําตาทิ้ง เวลาผ่านไปครู่ใหญ่เปลือกตาคนไข้ค่อย ๆ
ลืมขึ้น มองไปรอบ ๆ
พอเห็นหน้าบุตรสาวสองคนนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงยิ้มทั้งน้ําตา ก็ยิ้มตอบ มีความสุขที่
รู้สึกตัวขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม
แห่งความปีติของบุตรสาวทั้งสอง ก่อนเอ่ยด้วยน้ําเสียงแผ่วเบา
‚ฝน รุ้ง แม่ดีใจที่เห็นหน้าลูกสาวน่ารักของแม่ทั้งสองคน โตแล้ว ร้องไห้ทําไม
แม่หายแล้ว ยังร้องไห้อีก‛
‚ดีใจคะแม่ ฝนกับรุ้งรอคอยวันนี้มานานแล้วนะคะ ฝนเชื่อนะคะ แม่เป็นคนดี
สักวันความดีจะช่วยให้แม่
หาย แล้วก็เป็นจริง‛ สายฝนพูดด้วยน้ําเสียงและใบหน้าสดชื่น
‚พี่ฝนพูดถูกค่ะแม่ แม่พักรักษาตัวดี ๆ นะคะ ครอบครัวเราจะได้อยู่พร้อม
หน้าพร้อมตากันสักทีค่ะ ‛
พอสายรุ้งพูดแบบนี้ ตนุภัทรกับวรเมธเริ่มสะดุ้ง อย่างนี้พวกเขาก็แย่น่ะสิ
‚ได้ไงจ๊ะ รุ้งแต่งงานแล้วต้องอยู่กับสามี ขอบใจนะ คุณภัทร ที่ช่วยดูแลแม่
แล้วนั่นใครกันลูก‛ กุลชา
ถามถึงวรเมธที่ยืนข้าง ๆ สายฝน
‚เจ้านายฝนค่ะแม่ คนที่ฝนไปเป็นแม่บ้านให้ค่ะ คุณวรเมธค่ะ ‛ สายฝน
แนะนํา แต่วรเมธรู้สึกว่าไม่ถูกต้องนัก
‚พี่ฝนแนะนําผิดไปหน่อยค่ะแม่ เมื่อก่อนเจ้านาย แต่ตอนนี้เป็นมากกว่า
เจ้านายอีกค่ะแม่‛ สายรุ้งน่ารักมาก
ในสายตาวรเมธ สายฝนตีแขนน้องสาวเบา ๆ อย่างรู้สึกเขินชอบกล
‚ตกลงเป็นอะไรกับฝนกันแน่ลูก เจ้านายหรือว่าเป็น...‛ กุลชาเริ่มไม่แน่ใจ
‚ผมขอพูดเองดีกว่าครับ ตอนแรกคุณฝนมาสมัครเป็นแม่บ้านให้ผม ต่อมา
ความดีความน่ารักของคุณฝนเลย
ทําให้ผมอยากได้มาเป็นคู่ชีวิต ผมขออนุญาตเรียนอาจารย์ตรง ๆ ว่าผมอยากสู่ขอ
ลูกสาวอาจารย์มาเป็นคู่ชีวิต
ผมครับ‛ วรเมธรีบฉวยจังหวะสู่ขอสายฝนท่ามกลางความมึนงงของทุกคน ยกเว้น
ตนุภัทรที่รู้ว่าโอกาสมาถึง
แล้วคนอย่างวรเมธไม่เคยปล่อยไปง่าย กุลชาเกือบยิ้ม ยอมรับว่าผู้ชายคนนี้ฉลาด
ไม่ใช่เล่น มองหน้า
บุตรสาวคนโตที่ก้มหน้าหลบด้วยความเขินก็เข้าใจ คงนึกไม่ถึงจะถูกฝ่ายชายจู่โจม
แบบนี้ แต่เรื่องราวของ
ตัวเองนั้นเป็นบทเรียนอย่างดี เธอไม่อยากให้บุตรสาวตัดสินเรื่องชีวิตคู่เพราะความ
รักเพียงอย่างเดียว
‚ฉันตอบคุณไม่ได้หรอก เรื่องชีวิตคู่เป็นเรื่องของคนสองคนที่จะตกลงกัน ฉัน
ไม่อยากให้ตัดสินเพราะความรัก
ความพึงพอใจจากรูปลักษณ์ภายนอก เรื่องพวกนี้พออยู่ด้วยกันไปนาน ๆ มันก็จืด
จาง เมื่อถึงเวลานั้นจะย้อน
กลับไปแก้ตัวใหม่ก็สายเสียแล้ว ความรักทําให้เรามองข้ามอะไรหลาย ๆ อย่าง กว่า
จะรู้ตัวก็สายเกินแก้ ฉันอยาก
อยากให้คุณคิดตรองให้มาก ๆ และให้คิดเลยไปถึงอีกห้าหกปีข้างหน้าว่าความรู้สึก
จะยังคงเหมือนเดิมหรือไม่
เมื่อเราพบว่าหญิงที่เราเคยรักเปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม ‛ แม้จะเพิ่งฟื้นจากการ
ผ่าตัดใหม่ ๆ กุลชายังคงมี
สติคิดรอบคอบ อยากเตือนสติหนุ่มสาว
‚ขอบคุณครับที่ให้ข้อคิดกับผม แต่ผมอยากบอกว่าก่อนที่ผมจะตัดสินใจบอก
คุณฝนจนกระทั่งสู่ขอ
กับอาจารย์ ผมได้ศึกษาคุณฝนมานานพอสมควร รวมถึงความต้องการที่แท้จริง
ของผมด้วย ผมมั่นใจว่าผม
ไม่ได้รักชอบคุณฝนที่รูปร่างหน้าตาภายนอก แต่เพราะความจริงใจ ความดี ความ
ห่วงใย ความฉลาดต่างหาก
ที่ทําให้ผมรัก ผมต้องการคู่ชีวิตมาช่วยผมคิด เป็นเพื่อนและคอยเป็นกําลังใจยาม
ผมมีปัญหาได้ ไม่ใช่ตีจากทันที
ที่ผมตกต่ําหรือล้มเหลว ผมมั่นใจครับที่เลือกคุณฝนเป็นคู่ชีวิต ‛
กุลชายิ้มออกเมื่อได้ยินคํายืนยันหนักแน่นจากวรเมธ
‚ถ้าอย่างนั้น คนเป็นแม่อย่างฉันคงไม่มีอะไรจะแย้ง ที่เหลือก็แล้วแต่การติด
ใจของลูกสาวฉันเอง ฝนจะตอบ
คุณวรเมธว่าอย่างไรลูก ตอบตามความรู้สึกจากใจจริง คิดให้รอบคอบ ชีวิตคู่ไม่ใช่
เรื่องล้อเล่น ไม่ชอบใจก็ทิ้งได้
เหมือนเสื้อผ้า อย่างน้อยความผูกพันทางใจย่อมต้องมี ‛ กุลชาเตือนสติบุตรสาว
สายฝนนิ่งคิดก่อนตอบ
มารดาอย่างไม่อายใครว่า
‚ฝนเข้าใจค่ะแม่ ก่อนตัดสินใจบอกคุณเมธว่ารู้สึกอย่างไร ฝนคิดรอบคอบ
แล้วค่ะ และเขาได้พิสูจน์ว่ารักฝน
ด้วยใจจริง ไม่ใช่แค่ชั่วครู่ชั่วยาม เมื่อสองวันก่อนฝนถูกคนวางยาจนขาดสติ
สูญเสียการควบคุมตัวเองไป
เขายังคงความเป็นสุภาพบุรุษไม่คิดเอาเปรียบฝน ช่วยฝนให้พ้นมาได้ ฝนเต็มใจที่
จะเสี่ยงกับเขาค่ะ‛
‚ถ้าอย่างนั้นแม่ขอแสดงความยินดีด้วยที่ลูกสาวแม่จะมีคนคุ้มครอง เวลานี้
แม่หายห่วงแล้ว ลูกสาวของแม่
ทั้งสองคนมีคนดูแลปกป้องแล้ว ‛ กุลชาเอ่ยอย่างสบายใจด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
‚รุ้งเริ่มน้อยใจแล้วค่ะแม่ กับพี่ฝนแม่เตือนมากจัง กับรุ้งแม่พูดคําเดียวว่าคุณ
ภัทรเป็นคนดี ไม่เห็นบอกให้
รุ้งคิดให้ดีก่อน ทั้งที่น่าเป็นห่วงมากกว่า ‛ สายรุ้งแกล้งโวย
‚เพราะแม่รู้ว่าคุณภัทรเป็นคนดี ไว้ใจได้ ถ้ารุ้งอยากรู้ ไว้ถามกันเองว่าทําไม
ตอนนี้แม่เพลีย อยากนอนต่อ
แล้วค่อยคุยกันใหม่นะลูก‛ พูดจบเปลือกตาคุณกุลชาก็ปิดสนิททันที หลับอย่างเป็น
สุขท่ามกลางบุตรสาวทั้งสอง

ดนุวัศมาเยี่ยมศุภานันที่โรงพยาบาลในสภาพที่อิดโรย หลังจากมีข่าวฉาว
เกิดขึ้น เรื่องราวในครอบครัวเขา
ถูกขุดคุ้ยมากจนถูกตราหน้าว่าเป็นลูกเมียน้อย เมียนอกกฎหมาย สําส่อนแหลว
แหลก ชั่วร้าย พากันวิจารณ์ไป
ต่าง ๆ นานา ศุภานันดูอ่อนเพลียซูบซีดเพราะเสียเลือดมาก ตั้งแต่เกิดเรื่องบิดาไม่
เคยมาเหลียวแลหรือ
มาเยี่ยม รวมทั้งเพื่อนฝูงด้วย คนเราพอตกอับหามิตรแท้ยากเต็มที แต่กลับทําให้พี่
น้องเริ่มเห็นใจกันมากขึ้น
เธอมองพี่ชายแล้วน้ําตาซึม เวลานี้มีเพียงพี่ชายคนเดียวที่แวะมาเยี่ยม
‚พี่วัศ นันดีใจ อย่างน้อยก็ยังมีพี่วัศมาเยี่ยม เกิดเรื่องขึ้นมีแต่คนสมน้ําหน้า
นัน พี่วัศไปเยี่ยมคุณแม่มาหรือยัง ‛
เป็นครั้งแรกที่ศุภานันคิดถึงมารดาด้วยความห่วงใย เวลาอยู่ดีมีสุขไม่เคยคิดถึง
‚พี่ไปมาแล้ว คุณแม่น่าสงสารมาก คุณพ่อคงโกรธพวกเรามากถึงไม่คิดจะ
เหลียวแลอีกต่อไป พี่คิดว่าพี่อาจต้อง
ย้ายออกจากบ้านไปหาที่อยู่ใหม่ คุณพ่อไม่เห็นเราเป็นลูกอีกต่อไป‛ ผ่านเรื่องร้าย ๆ
มาทําให้ดนุวัศได้คิดหลาย
อย่าง เริ่มมองเห็นความผิด ความเลวร้ายของตัวเองและอยากแก้ตัวใหม่
‚พี่วัศพานันไปอยู่ด้วยได้มั้ย คุณพ่อคงไม่ต้อนรับนันอีกต่อไป ตอนนี้เรามีกัน
แค่สองคนพี่น้องจริง ๆ กรรมคง
ตามสนองพวกเรา เมื่อก่อนนันเคยเยาะเย้ยดูถูกนังฝนกับนังรุ้ง แต่เวลานี้พวกเรา
ต่างหากที่ถูกดูถูกเยาะเย้ย
สองคนนั้นคงสะใจที่เห็นสภาพเราแบบนี้ ที่ผ่านมานันโง่นัก หากย้อนเวลากลับไป
ได้ นันอยากทําตัวใหม่ แต่สาย
เสียแล้ว พี่วัศ‛ ศุภานันพูดทั้งน้ําตา ดนุวัศเองก็รู้สึกไม่ต่าง แต่เพราะเขาเป็นผู้ชาย
จึงไม่ยอมเสียน้ําตา หยิบทิชชู่
ไปเช็ดน้ําตาให้น้องสาว
‚นัน ยังไม่สายหรอกที่เราจะเริ่มต้นกันใหม่ ไว้นันหายดีก่อนเราค่อยคิดกันอีก
ทีว่าจะทําอย่างไรต่อ นันพักให้
หายดีก่อนนะ พี่ขอตัวไปทําธุระบางอย่างก่อน ไว้พี่จะมาเยี่ยมใหม่ ‛ ศุภานันทําตาม
เขารู้สึกว่าชีวิตที่ผิดพลาด
ก็ไม่ได้เลวร้ายนัก อย่างน้อยเขายังมีน้องสาว ในอดีตศุภานันไม่เคยทําตัวเป็น
น้องสาวที่ดี มีแต่ดูถูกประชดประชัน
ไม่เคยนับถือเขา แต่เวลานี้ดูเหมือนเธอจะยอมรับเขาเป็นพี่ชาย เขาต้องหาทาง
ช่วยมารดาให้ได้
อย่างน้อยก็ขอให้เป็นโทษสถานเบา เขาจะลองไปปรึกษาทนายดู เวลานี้เขาไม่คิด
พึ่งบิดาอีกต่อไป เพราะท่านคง
ไม่ช่วย บิดาโกรธมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ไม่นึกว่าจะใจดําเพียงนี้ ยิ่งสายเลือดด้วย
แล้วยิ่งตัดไม่ขาด กับสายฝนสายรุ้งแม้ท่านจะแสดงท่าทางหงุดหงิดทุกครั้งที่เจอ
หน้า แต่เขารู้ดีท่านยังรักและผูกพันกับบุตรสาวสองคนนี้มาก สายฝนกับสายรุ้งไม่
เคยรู้ว่าพวกเขากลัวแค่ไหนทุกครั้งที่สองคนนี้มาพบบิดา แต่โชคดีตรงที่ว่าทั้งคู่ต่าง
ไม่เคยยอมลงให้บิดา เว้นเสียแต่จะมีการบังคับเท่านั้น
จึงทําให้ท่านทั้งรักทั้งชังก็ว่าได้ แล้วกับเขาสองพี่น้องล่ะ...บิดาจะตัดขาดได้จริง
ๆ sinv

อาการของกุลชาดีขึ้นเรื่อย ๆ เพราะลูกสาวสองคนอยู่เฝ้าตลอด แล้วยังมี


ลูกเขยและว่าที่ลูกเขยพากันมาเยี่ยมทุกวัน
กุลชารู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่จริง ๆ ก่อนหน้านี้ต้องทนทุกข์มาหลายปี แต่บัดนี้
ลูก ๆ โตแล้วและฉลาดใน
การเลือกคู่ครอง ถึงแม้คู่ของสายรุ้งจะกะทันหันไปหน่อย ไม่มีเวลาศึกษาดูใจ
เหมือนคู่ของสายฝนก็ตาม แต่เธอ
ก็มั่นใจเขยเล็กเป็นคนดี เพราะเธอรู้ประวัติดี ส่วนว่าที่เขยใหญ่ในอนาคตเธอก็เชื่อ
ในสายตาของสายฝนที่เป็น
คนรอบคอบ ลึกซึ้ง คงไม่คว้าคนไม่ดีมาเป็นคู่ชีวิตแน่ เช้านี้หนุ่มสาวทั้งสองคู่ขอ
อนุญาตไปทําธุระสาย ๆ จะกลับมา
เหลือแต่ป้าน้อยคอยเฝ้า แต่พอเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นก่อนประตูจะเปิดพร้อม
ใครคนหนึ่งก้าวเข้ามา คนที่เธอ
ลืมไปนานแล้ว และไม่คิดว่าเขาจะมา ปพนที่เคยยิ่งใหญ่ ทะนงองอาจ บัดนี้ไม่
เหลือมาดนั้นอีกต่อไป เธอเอง
ก็ไม่นึกว่าเขาจะมีวันนี.้ ..วันนี้ที่เธอรอคอย...รอคอยที่เขาจะรู้ว่าเธอเจ็บปวดอย่างไร
กับการกระทําของเขา แต่
เวลานี้ นาทีนี้ เธอกลับเห็นใจเขาอย่างเพื่อนคนหนึ่ง ไม่ใช่เห็นใจเพราะรัก ปพนมา
พร้อมดอกไม้สีขาวช่อใหญ่
ที่เธอชอบ เดินมาที่เตียง ป้าน้อยพาตัวออกไปจากห้องอย่างเงียบ ๆ ให้สามีภรรยา
ปรับความเข้าใจกัน
‚กุล เป็นอย่างไรบ้าง เห็นหมอบอกว่าคุณหายแล้ว ผมดีใจด้วยนะ‛ แม้ยาก
จะเอ่ย แต่ปพนก็พูดออกมา
‚ขอบคุณค่ะ คุณพน ที่มาเยี่ยม ดีขึ้นมากแล้ว ฉันเสียใจด้วยกับเรื่องราวที่เกิด
ขึ้นกับครอบครัวของคุณ‛
น้ําเสียงกุลชาฟังดูห่างเหิน ปพนมีสีหน้าผิดหวังทันที วันนี้เขาตั้งใจจะมาขอแก้ตัว
กับกุลชา อยากชดเชย
ในสิ่งที่ได้ทําไว้กับเธอและลูก ๆ แต่ท่าทางไม่ง่ายอย่างที่คิด
‚เรื่องนั้นช่างเถอะ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษความโง่ของผมเอง ปล่อยให้บงกชกับ
ลูกหลอกได้ ผมมาวันนี้เพื่อ
จะมาขอโทษคุณกับลูก ผมอยากขอโอกาสแก้ตัวอีกครั้ง แต่ผมรู้มันยากเต็มที ‛
ปพนสารภาพตรง ๆ
จ้องมองกุลชาด้วยสายตาวิงวอนหากคําตอบที่ได้รับกลับทําให้เขาผิดหวังหนักขึ้น
‚ขอบคุณค่ะ คุณพน ที่คิดจะชดเชยให้ฉันกับลูก แต่มันสายไปแล้ว ฉันกับลูก
ไม่มีความผูกพันกับคุณมา
นานแล้ว คุณทิ้งฉันกับลูกให้อยู่ตามลําพังมานานเกินไป จนยากที่จะประสานกลับ
ให้เหมือนเดิม เราอยู่ด้วยกัน
มานานจนคิดว่าครอบครัวเรามีเพียงสามคนแม่ลูกเท่านั้น ที่ฉันต้องพูดอย่างนี้
เพราะมันคือความรู้สึกจากใจจริง
ฉันไม่อยากให้คุณมาเสียเวลากับฉันและลูก สู้ปล่อยให้มันเป็นอย่างที่เป็นดีกว่าค่ะ
คุณพน‛
‚คุณยังไม่ยกโทษให้ผมจริง ๆ ผมคงทํากับคุณมากเกินไปจนคุณแค้น ก็
สมควรหรอก ผมไม่โทษคุณ แต่ผม
อยากขอโอกาสให้ผมอีกสักครั้ง เพื่อให้ผมได้มีโอกาสแก้ไขความผิดพลาดในอดีต ‛
ปพนพูดจากใจจริงและ
หวังว่าจะได้ผล เขาอยากมีโอกาสนั้นอีกครั้งจริง ๆ หากสายตาของกุลชากลับบอก
ให้รู้ว่ายากเต็มที
‚คุณพน อย่าพยายามเลย มันยิ่งทําให้เราลําบากใจ ความรู้สึกได้เปลี่ยนไป
แล้ว...กลับไปหาครอบครัว
คุณเถอะ ก่อนที่คุณจะสูญเสียลูกชายกับลูกสาวไป ตอนนี้เด็กสองคนนั้นกําลังขาด
ที่พึ่งและหลักยึด
คุณเป็นพ่อ จะไปโทษบงกชคนเดียวก็ไม่ได้ คุณเองก็มีส่วนผิดที่ปล่อยลูกให้บงกช
เลี้ยงดูอบรม คุณน่าจะรู้ว่า
บงกชเป็นคนอย่างไร เป็นแม่ที่ดีได้หรือไม่ ถ้าจะผิด...คุณในฐานะพ่อก็มีส่วน
ผลักดันให้ลูก ๆ ของคุณเป็นอย่างนี้
ฉันอยากขอร้องคุณในฐานะเพื่อน คุณเป็นพ่อควรทําหน้าที่พ่อให้สมบูรณ์แบบ
ไม่ใช่ทอดทิ้งลูกยามลูกพลาด
ลูกจะเติบโตมาเป็นคนอย่างไร สําคัญที่สุดคือพ่อแม่ ไม่ใช่สังคมรอบข้าง คุณทนได้
หรือคะ ถ้าวันหนึ่งคุณตื่นมา
พร้อมกับข่าวลูกคุณถูกจับหรือเสียชีวิต ยังไม่สายนะคะที่คุณจะเยียวยารักษา
ครอบครัวของคุณไว้ กลับไป
เถอะค่ะ กลับไปทําหน้าที่พ่อที่ดีที่คุณไม่เคยทําเลย ดีกว่าจะมาแก้ตัวกับฉันและลูก
ๆ ฉันเชื่อว่าคุณเป็นพ่อที่ดี
ได้ และคุณจะปั้นแต่งลูก ๆ ของคุณได้ อีกอย่าง บงกชเองก็น่าสงสาร คุณอย่า
ทอดทิ้งเธอเลย เรื่องร้าย ๆ ที่เธอ
ทําก็เกิดขึ้นเพราะเธอกลัวคุณจะไม่รักไม่เมตตาเธอต่างหาก ฉันคิดว่าคุณน่าจะให้
อภัยเธอ อย่าปล่อยให้ครอบครัวเคว้งคว้าง
สุดท้ายคุณอาจไม่เหลืออะไรเลย คุณตัดอะไรก็ได้ แต่คุณตัดสายเลือดและความ
ผูกพันไม่ได้หรอก คุณอยู่กับ
บงกชและลูกมาเกือบสามสิบปีแล้ว ฉันเชื่อว่าคุณทิ้งพวกเขาไม่ลงหรอก เชื่อฉัน
เถอะคะ คุณพน‛
กุลชาวิงวอนจากใจจริง มีเพียงกุลชาเท่านั้นที่เข้าใจและรู้จักเขาดี เขานิ่งคิด
ลําดับเรื่องราวที่เกิด
ขึ้นตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน จริงสินะ อดีตไม่มีวันหวนคืน เจ็บปวดนัก จะโทษใครได้
นอกจากความหลงผิด
ของตัวเอง ยอมทิ้งเพชรแท้ไปหาพลอยสวย ๆ ที่เทียบค่ากันไม่ได้ เขาเลือกชีวิตแบบ
นี้เอง เขาควรจะยอมรับ...
กุลชาพูดถูก เรื่องที่เกิดขึ้น คนที่ผิดหนักคือเขาไม่ใช่บงกชกับลูก ๆ
‚ผมเข้าใจแล้ว แต่ผมอยากขอร้อง อย่าให้ผมต้องตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับ
ยายฝนยายรุ้งเลยนะ
ถึงอย่างไรเด็กสองคนนั้นก็เป็นลูกสาวแท้ ๆ ของผม ผมคงตัดไม่ขาด แม้ที่แล้วมา
ผมจะทอดทิ้งและไม่เคยทําหน้า
ที่พ่อที่คอยปกป้องลูก หวังแต่จะให้ลูกมาเอาใจประจบอย่างลูก ๆ ของบงกช แต่ลึก
ๆ แล้วผมเจ็บปวดทุกครั้งที่
พบลูกสาวสองคนนี้ สายฝนไม่เท่าไหร่ แต่สายรุ้งไม่เคยแม้แต่จะเรียกผมว่าพ่อสัก
คํา ผมรู้ ผมไม่คู่ควรที่จะให้แก
เรียก แต่ผมก็ยังอยากได้ยิน ‛ ปพนพูดจากใจจริง ถึงอย่างไรก็ลูก เขาไม่รู้ว่าคําพูด
ทั้งหมดสายรุ้งและ
สายฝนได้ยินหมดแล้ว รวมถึงตนุภัทรและวรเมธด้วย
‚คุณพน ถึงแม้ความรู้สึกของฉันที่มีต่อคุณได้เปลี่ยนไป แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันสอน
ลูกเสมอคือ อย่าโกรธแค้นชิงชัง
ผู้เป็นพ่อ ฉันเชื่อว่าฝนกับรุ้งไม่เคยเกลียดคุณ ไม่มองคุณเป็นศัตรู แกเป็นเด็กที่มี
เหตุผลพอ แต่จะให้แกไปอยู่
กับคุณคงเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่มีความผูกพันสนิทสนมลึกซึ้งเหมือนลูกของบงกชที่
คุณอยู่ด้วยตลอด ฉันเชื่อว่า
ลูกสาวของฉันไม่มีวันเกลียดผู้ให้กําเนิด ไม่เชื่อคุณลองถามพวกแกดูเอาเอง‛
ปพนหันหน้าไปทันที สายฝนสายรุ้งยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้านิ่งสงบ เหมือน
กําลังใช้ความคิด สายฝนยกมือไหว้เป็นครั้งแรกก่อนพูดขึ้นว่า
‚แม่พูดถูกค่ะคุณพ่อ สําหรับฝนกับรุ้ง มันคือความจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้
และฝนก็เชื่อว่าความจริง
ที่เปลี่ยนไม่ได้อีกอย่างคือคุณพ่อเป็นพ่อของคุณวัศคุณนันมากกว่าเราสองพี่น้อง
ค่ะ‛
ปพนพยักหน้าแล้วหันไปทางสายรุ้งที่ยังคงนิ่งเงียบอยู่
‚แล้วรุ้งล่ะ ไม่คิดจะเรียกพ่อสักคําเลยหรือ คิดอีกที...พ่อคงขอร้องมากเกินไป
ตั้งแต่รุ้งเกิดมา พ่อไม่
เคยแม้แต่จะอุ้มรุ้งสักครั้ง ไม่เคยใส่ใจ พ่อไม่โทษรุ้ง ถ้ารุ้งจะไม่นับถือพ่อคนนี้ ‛
คําพูดกับท่าทางของปพนเปลี่ยนไปจากเดิม ผิดจากทุกครั้งที่พบหน้าสายรุ้ง
ความยิ่งใหญ่ที่เคยมี
หายไปหมด แม้จะไม่ผูกพันสนิทสนม แต่พ่อลูกกันยังไงก็ตัดไม่ขาด สายรุ้งอด
สงสารไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะ
มีมารดาอย่างกุลชาคอยอบรมสั่งสอนบ่มเพาะแต่สิ่งดี ๆ ในจิตใจลูก สายรุ้งคงแค้น
ชิงชังและสะใจผู้ให้กําเนิด
ที่เขามีวันนี้ เธอรู้ดีที่เธอไม่เคยเรียกผู้ชายตรงหน้าว่าพ่อเพราะความน้อยใจมา
ตั้งแต่เล็ก ทุกครั้งที่เธอเห็นผู้ชาย
คนนี้อุ้มหรือจูงมือซื้อของให้ศุภานัน เธออดเปรียบเทียบกับตัวเองไม่ได้ และมี
คําถามในใจตลอดเวลา
‘ผู้ชายคนนี้ใช่พ่อเรามั้ย ทําไมไม่เคยอุ้มเรา ไม่เคยซื้อของให้เรา แม่บอกว่า
เขาเป็นพ่อ ใช่จริง ๆ แต่เวลานี้ชายคนนี้ได้สํานึกในความผิดพลาดที่เคยทําไว้แล้ว
ควรให้อภัย ลืมความน้อยใจ ละทิฐิเสียดีกว่า แม่จะได้สบายใจ’
สายรุ้งทําใจอยู่นานพอควรกว่าจะเอ่ยออกมาว่า
‚รุ้งเข้าใจแล้วค่ะคุณพ่อ ไม่ต้องห่วงค่ะ รุ้งไม่คิดแค้นผู้ให้กําเนิดหรอกค่ะ แต่
รุ้งคิดอย่างพี่ฝน คุณนันคุณวัศ
เขาเป็นลูกพ่อมากกว่าพี่ฝนกับรุ้ง เวลานี้เขารอคุณพ่ออยู่ อย่าทิ้งพวกเขาเลยค่ะ น่า
สงสารออก‛ คําพูดของ
สายรุ้งทําให้ทุกคนแปลกใจมาก ยกเว้นสองหนุ่ม ตั้งแต่เล็กจนโตสายรุ้งดูจะเป็น
ฝ่ายมีเรื่องกับสองพี่น้องนั่นมาก
ที่สุด แต่เวลานี้กลับเห็นใจ ปพนสุขใจมากที่ได้ยิน และเดินเข้าไปใกล้สายรุ้ง ทําท่า
จะกอด แต่กลับเปลี่ยนใจ
มาตบบ่าเบา ๆ แทน
‚ขอบใจลูก แค่นี้ก็มากเกินพอสําหรับพ่อที่ไม่รับผิดชอบคนนี้ พ่อขอตัวไป
เยี่ยมยายนันก่อน‛
ปพนเอ่ยจบทําท่าจะไป สายฝนกับสายรุ้งมองหน้ากันก่อนสายฝนจะพูดว่า
‚ฝากเยี่ยมแทนพวกเราด้วยค่ะพ่อ ไว้ว่าง ๆ แล้วเราจะไปเยี่ยม ‚
‚ขอบใจลูก บ้านพ่อยินดีต้อนรับเสมอ ฝนมีข่าวดีเมื่อไหร่อย่าลืมเชิญพ่อบ้าง
นะ‛ ปพนมองหน้าวรเมธ
ก่อนเดินจากไป ทุกคนรู้ดีนั่นคือการฝืนทําของปพน ในใจคงปวดร้าวมากที่ไม่อาจ
เรียกคืนสิ่งที่สูญเสีย
ให้กลับคืนมาได้ แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วสําหรับทุกคน
อย่างน้อยเขาก็ยังคงเป็นบิดาที่
สายฝนกับสายรุ้งยอมรับ แม้ไม่อาจเรียกคืนความรักความผูกพันทางใจกับกุลชาให้
กลับคืนมาได้ก็ตาม
บทส่งท้าย

ห้องแต่งตัวเจ้าสาววุ่นวายพอสมควรเพราะมีตัวป่วนร่างป้อมน่ารักน่าหยิกใน
ชุดสูทสีขาวผูกหู
กระต่ายสีแดงเที่ยวหยิบเครื่องประดับของเจ้าสาวเล่นไปทั่ว จนน้องสาวของ
เจ้าสาวที่สวยไม่แพ้เจ้าสาวยิ้มขํา
รวมถึงผู้ใหญ่คนอื่น ๆ ด้วย ยกเว้นช่างแต่งหน้าที่ไม่พอใจนัก
‚ฝนจ๋า อาลาย‛ มือเล็ก ๆ กลมป้อมหยิบที่ปัดแก้มมาชูให้สายฝนที่นั่งอยู่หน้า
โต๊ะกระจกให้ช่างแต่งหน้าอยู่ดู
‚ที่ปัดแก้มครับผม‛ สายฝนตอบเด็กชายตัวน้อยที่ไม่ยอมห่างกายเธอตั้งแต่
ช่างมาแต่งหน้าให้ เกาะติด
เจ้าสาวตลอดเวลา แม้แต่เจ้าบ่าวยังไม่ยอมให้เข้าใกล้
‚พี่ฝน รุ้งเริ่มสงสัยแล้วสิว่าใครคือเจ้าบ่าวของพี่ฝนกันแน่ คุณเมธเสร็จแน่คืน
นี้ เจอก้างชิ้นโต‛ สายรุ้งแซว
พี่สาวที่หน้าแดงโดยไม่ต้องอาศัยเครื่องสําอาง
‚รุ้ง พูดจาเหลวไหลใหญ่แล้ว ระวังตัวเองไว้ให้ดีเถอะ คืนนี้ไม่รอดแน่ ‛ สาย
ฝนย้อนเข้าให้ สายรุ้งเริ่มหวั่น
เพราะเธอใช้แผนถ่วงเวลามาเรื่อยเปื่อย ไม่ยอมกลับไปอยู่กับตนุภัทร อ้างว่าอยาก
ดูแลแม่จนกว่าจะหายเป็น
ปกติ กระทั่งถึงวันที่สายฝนแต่งงาน
‘วันนี้หนีไม่รอดแน่ พี่ฝนคงรอดเพราะมีข้าวโอ๊ตเป็นกันชน แต่เรานี่สิ แม่ก็ไม่
ยอมให้ใช้เป็นข้ออ้างแล้วด้วย เสร็จแน่คืนนี้ ยิ่งดูหื่น ๆ ชอบกลด้วยวันนี้ ตายแน่ !
แต่เรื่องอะไรจะยอมง่าย ๆ ต้องเคลียร์เรื่องหนึ่งก่อน’ ขณะที่สายรุ้งกําลังคิดหาทาง
ออก เสียงช่างแต่งหน้าร้องอย่างตกใจเมื่อเจ้าตัวยุ่งเอานิ้วจิ้มหลุมลิปสติกสีต่าง ๆ
แล้วเอาเข้าปาก ทั้งที่ความจริงพยายามจะเลียนแบบการทาปากเท่านั้น
‚ตายแล้ว ! ตาย ๆ เสียหายหมด เด็ก...‛ ช่างแต่งหน้าแหกปากลั่นเกือบจะ
ตวาดข้าวโอ๊ตออกไป ดีที่ยั้งทัน
ไม่อย่างนั้นแย่แน่ แม้ตัวเองจะเป็นช่างแต่งหน้าชื่อดัง แต่เจ้าบ่าวเป็นคนมีชื่อเสียง
และร้ายพอควรจึงไม่กล้าเสี่ยง
‚ข้าวโอ๊ตรูปหล่อครับ ลิปสติกกินไม่ได้นะครับ จวนได้เวลาแล้ว พาฝนจ๋าของ
เราออกไปดีกว่า‛
สายรุ้งรีบบอกก่อนหยิบทิชชู่มาเช็ดคราบลิปสติกให้ สายฝนก็ทําท่าจะลุกเหมือนกัน
‚เดี๋ยวค่ะคุณ ยังแต่งหน้าเจ้าสาวไม่เสร็จเลยนะคะ‛ ช่างแต่งหน้ารีบท้วง สาย
ฝนยิ้มแล้วบอกว่า
‚ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ก็สวยพอแล้ว แต่งมากไป เสียเวลาลบค่ะ ไป ข้าวโอ๊ต ‛
ช่างแต่งหน้างงกับคําตอบของเจ้าสาว ปกติเจ้าสาวส่วนมากอยากให้ดูสวย
ที่สุดในสายตาของเจ้าบ่าว แต่ไม่ใช่เจ้าสาว
คนนี้แน่ ความจริงสายฝนเป็นคนสวยอยู่แล้ว แค่แต่งนิด ๆ หน่อย ๆ ก็พอ

พิธีแต่งงานดําเนินไปด้วยความเรียบร้อย โดยมีตัวยุ่งตัวเล็กเกาะติดเจ้าสาว
ตลอด ไม่ว่าเจ้าสาวจะเดินไปไหน
ก็ตามไปด้วย เป็นงานแต่งงานที่มีคนสงสัยมากที่สุดว่าเด็กชายตัวน้อยที่ตาม
เจ้าสาวตลอดเวลาเป็นใคร ลูกติด
เจ้าสาวหรือเจ้าบ่าว หรือของทั้งคู่ ทั้งยังมีคนคิดจีบน้องเจ้าสาวที่สวยไม่แพ้กัน แต่
พอเจ้าของตัวจริงโผล่มา ต่าง
พากันล่าถอยไม่เป็นท่า ปพนมาอวยพรให้สายฝน แต่ดนุวัศกับศุภานันไม่กล้ามา
เพราะยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับผู้คน
ในสังคม ทั้งคู่เก็บตัวเงียบ ตั้งใจช่วยบิดาพัฒนากิจการให้รุ่งเรือง ทั้งสองพี่น้อง
เปลี่ยนไปเป็นคนละคน แต่สิ่งที่
สองพี่น้องแอบดีใจอยู่ลึก ๆ คือกุลชาเป็นฝ่ายขอหย่ากับปพนเพื่อให้ดนุวัศกับศุ
ภานันไม่ถูกตราหน้าว่าลูก
เมียน้อยอีกต่อไป นี่คือน้ําใจของกุลชาที่ทั้งสองพี่น้องซาบซึ้งมาก รวมถึงบงกชด้วย
บงกชเริ่มสํานึกในสิ่งที่
ทําไว้กับกุลชา อยากขอโทษ แต่ติดที่ต้องโทษจําคุกอยู่ เพราะกุลชา ปพนถึงยอมไป
เยี่ยมและให้อภัยเธอ
ปพนเองก็เรียกชื่อเสียงกลับคืนมาได้ และได้รับการยกย่องว่าเป็นนักการเมืองที่ดี
แม้ภรรยาทําผิดก็ไม่คิดใช้
อิทธิพลเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม รวมถึงยอมลาออกเมื่อเกิดเรื่องฉาว
ในครอบครัวขึ้น ผิดกับบางคน
ต่อให้ผิดมากแค่ไหนก็ยังเกาะเก้าอี้แน่น แต่งานแต่งงานนี้มีสองคนที่กลุ้ม คนแรก
คือเจ้าบ่าวที่ยังหาวิธีกําจัด
ตัวป่วนตัวน้อยสุดแสบไม่ได้ ไม่รู้เป็นอะไรเกิดหวงฝนจ๋าสุด ๆ แล้วคืนนี้จะได้เข้าหอ
ไหมนี่ อีกคนคือสายรุ้งที่ไม่รู้
จะหาทางเลี่ยงการเข้าหอกับเจ้าบ่าวที่แต่งกันมานานหลายเดือนแต่ยังไม่ได้เข้าหอ
สักทีได้อย่างไร
กลับจากงานแต่งของพี่สาว สายรุ้งเงียบมาตลอดทาง จ้องมองตนุภัทรด้วย
สายตาค้นหา ตนุภัทรแปลกใจ
เขาคงไม่ได้เผลอทําอะไรผิดเข้านะ อย่างไรเสียวันนี้ต้องเผด็จศึกให้ได้ ปล่อยให้เป็น
เจ้าสาวแต่ในพิธีมานานแล้ว
หลังอาบน้ําเสร็จ สายรุ้งยังคงนั่งนิ่งที่เตียง จนกระทั่งร่างสูงใหญ่นั่งลงข้าง ๆ ยื่น
หน้าไปถามเกือบชิดแก้มนวล
‚เป็นอะไรไป หรืออยากเป็นเจ้าสาวอีกรอบจ๊ะที่รักจ๋า ‛ เขายั่ว
‚ใครบอก รุ้งกําลังสงสัยต่างหาก คุณกับคุณแม่รู้จักกันได้ยังไง เล่ามาให้
ละเอียด ห้ามปิดบัง‛ สายรุ้ง
จ้องเขาตาเขม็ง เธอเอาจริง เขายิ้ม คิดว่าเรื่องอะไร ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง เขาล้มตัวลง
นอน เอามือประสานกันไว้ที่
ท้ายทอยแทนหมอน หลับตาเฉยเสีย สายรุ้งเห็นแล้วฉุนกึก รีบขยับตัวเข้าไปใกล้
เขย่าร่างสูงใหญ่แรง ๆ
‚บอกมานะ !! ไม่ต้องแกล้งทําเป็นหลับ ยังหลับไม่ได้ ‛ เสียงแว๊ดดังข้างหู
‚ก็ไม่มีอะไรมาก เรื่องมันยาว พรุ่งนี้ค่อยเล่าก็แล้วกัน วันนี้เพลียอยากนอน‛
เขาตอบด้วยน้ําเสียงง่วงจัด
‚ไม่ได้ ! ต้องเล่าเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องนอน‛ สายรุ้งไม่ยอม ตนุภัทร
แอบหรี่ตาข้างหนึ่ง
‚ไม่นอนก็ได้ ทําอย่างอื่นสนุกกว่าอีก อยากให้เล่าขอค่าจ้างก่อนนะ‛
สายรุ้งก็รีบขยับตัวแต่ช้าไปแล้ว มือแข็งแรงดึงตัวเธอลงมาปะทะอกกว้าง
พร้อมพลิกร่างระหงกลมกลืนลงล่าง สายรุ้งดิ้น ขยับปากจะท้วงแต่ถูกปิดเสียก่อน
เขาไม่ปล่อยให้เธอได้พูดอยู่พักใหญ่ จากนั้นก็ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่รู้ว่ามือเรียว
สวยกอดเขาแน่นตั้งแต่เมื่อไร รู้แต่ว่าร่างสูงใหญ่นี้ อ้อมกอดนี้ให้ความอบอุ่นมา
ตลอด ที่สําคัญกลัวหนาวเพราะเขากําจัดเครื่องนุ่งห่มเธอไปหมดแล้ว แต่ยามอยู่ใน
อ้อมกอดนี้กลับอบอุ่นจนร้อนได้อย่างไม่น่าเชื่อ ตนุภัทรอยากปล่อยก๊ากนัก
หลังจากอะไร ๆ ผ่านพ้นไปพอจะขยับกายออกห่างร่างงามกลับไม่ยอมปล่อยแถม
เจ้าตัวยังโวยอีกว่า ‚ไม่เอา หนาว‛ เขาเป็นคนใจดีเลยทําตาม เป็นใครก็ยินดีทํา
ตามทั้งนั้น เมื่อถูกภรรยาน่ารักขอร้อง ...คงไม่รู้ตัวว่าได้ทําอะไรไปบ้าง... ไม่รู้ว่า
พรุ่งนี้เช้าจะมีแรงลุกจากเตียงไหม หรือจะถูกทําร้ายร่างกายแทน หากเจ้าตัวเห็น
ผลงานเขา ช่วยไม่ได้อยากหอมหวานน่ารักน่ากินไปทั้งตัวทําไม แถมยังเป็นฝ่าย
เรียกร้องเอง เพิ่งจะเข้าหอคืนแรกก็กลัวหนาวเสียแล้ว ต่อไปเขาลําบากแน่
‘เฮ้อ ! กลุ้ม อยากรู้จริง ๆ ว่าตื่นขึ้นมาแล้วจะเขินไหมหนอ แม่สาวร้อนแรง’
เขาคิดพลางยื่นหน้าไปสัมผัสแก้มเนียนนุ่มหอมละมุนที่นอนซบอกเขาอย่างเป็นสุข
ก่อนจะหลับตามด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข

หลังพิธีส่งตัวเข้าหอ วรเมธไม่รู้จะจัดการกับเจ้าตัวป่วนตัวน้อยได้อย่างไร
ไม่อย่างนั้นคืนนี้เขาแย่แน่ สายฝน
เริ่มหวั่น ๆ ชอบกล เธอจึงรีบหนีเข้าห้องน้ําก่อน ระหว่างที่เจ้าบ่าวพาข้าวโอ๊ตไป
นอน เพราะเจ้าตัวยุ่งเกิดเพลียและง่วง
พอออกมาไม่เห็นวรเมธอยู่ในห้องก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าหวังจะ
หยิบชุดนอนมาเปลี่ยนแทน
เสื้อคลุมอาบน้ํา พอสายตาเหลือบไปที่เตียงก็พบเขาอาบน้ําเปลี่ยนชุดนอน
เรียบร้อยแล้ว
‚ผมรอคุณตั้งนานคิดว่าจะอาศัยห้องน้ําเป็นที่นอนแล้ว ‛ เขายั่ว
‚คุณเมธ ไหนคุณบอกว่าจะเอาข้าวโอ๊ตไปนอน ทําไมเร็วนักล่ะ แถมยังมีเวลา
อาบน้ําด้วย‛ สายฝนไม่เข้าใจ
ปกติกว่าข้าวโอ๊ตจะหลับสนิทก็นานพอควร เขามองเธอยิ้ม ๆ พลางเดินเข้าไปใกล้
มือแข็งแรงสวมกอดเอวเล็กกลมกลืน
จากด้านหลังยื่นหน้าไปหอมแก้มเนียนใสก่อนวางคางสากลงบนไหล่บอบบาง
กลมกลืน สายฝนเขินจัดพยายาม
แกะมือออก
‚ผมต้องทําเวลาบ้าง คืนเข้าหอ มัวชักช้ามีหวังเจ้าสาวหนีไปนอนก่อนก็แย่สิ ‛
สายฝนตีมือคนพูดแรง ๆ หน้าเริ่มแดง เขินอย่างบอกไม่ถูก ปากก็พึมพําว่า
‚บ้าจัง คิดอะไรก็ไม่รู้‛
วรเมธหัวเราะเบา ๆ ก่อนค่อย ๆ หันร่างงามมาเผชิญหน้า นัยน์ตาสุกใสเป็น
ประกายจ้องมองใบหน้าคมเข้มที่โน้มลงมายิ้มให้นัยน์ตาเป็นประกายเปี่ยมสุข
‚คุณฝน...ผมนึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าผู้หญิงที่ผมจ้างมาเป็นแม่บ้าน เห็นหน้าครั้ง
แรกในห้องข้าวโอ๊ตจะมายึด
ครองพื้นที่ในหัวใจผมจนแน่นไปหมด ผมไม่เคยพบผู้หญิงคนไหนที่ทั้งสวยทั้งน่ารัก
อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ
และฉลาดอย่างคุณมาก่อน ที่สําคัญรักนายข้าวโอ๊ตกับผมด้วย คุณคงไม่รู้ว่าตั้งแต่
พ่อแม่นายข้าวโอ๊ตเสีย
ผมตั้งใจไว้ว่าผมจะไม่รักชอบหรือแต่งงานกับใครจนกว่าจะพบคนที่รักนายข้าวโอ๊ต
ด้วยใจจริงเหมือนผม นับว่า
ผมโชคดีที่บังเอิญมีป้าบุญอุ้มสมชักนําคุณมาเป็นแม่บ้านให้ผม ไม่นึกว่าแม่บ้านที่
ป้าบุญหามาจะทั้งสวยทั้ง
น่ารักไปทั้งตัวอย่างนี้ และวันนี้ ผมก็ได้แม่บ้านที่แสนดีแสนน่ารักคนนี้มาเป็น
เจ้าสาวของผม‛
สายฝนเขินจัด เพราะไม่คิดว่าเขาจะยกย่องเธอเพียงนี้
‚แหม ! คุณเมธ ฝนจะลอยแล้วค่ะ เล่นยอเสียฝนรู้สึกว่าตัวเองเป็นนางฟ้า
เหาะลอยได้ค่ะ‛ สายฝนแกล้งเหย่
‚อ้าว ! ไม่ซึ้งหรือ ผมท่องตั้งหลายรอบกว่าจะพูดได้นะ‛
สายฝนยิ้มหวานเมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของเขา นึกอยากจะปลอบ จึงโน้มคอ
เขาลงมาพลางเขย่งเท้าเพื่อให้ใบหน้าสวยใสสัมผัสใบหน้าสากถึง วรเมธซ่อนยิ้ม
เจ้าเล่ห์ไว้ ทันทีที่ใบหน้าสัมผัสกับผิวเนียนใสหอมกรุ่น สายฝนจึงรู้ว่าถูกหลอก
เพราะเจ้าบ่าวเจ้าเล่ห์ไม่ปล่อยให้ได้ท้วงติงอีกต่อไป ใบหน้าสวยใสเนียนนุ่มกับริม
ฝีปากอิ่มสวยได้รูปถูกระรานอย่างหนักทว่าอ่อนหวานจนเธอ
รู้สึกตัวลอยจริง ๆ ลอยมาถึงเตียงกว้างใหญ่นุ่มนิ่มโดยมีร่างสูงใหญ่แนบชิดไม่ห่าง
ขณะที่สายฝนกําลังเคลิ้ม ๆ
อยู่นั้น เสียงเคาะประตูติดกันหลายทีก็ดังขึ้น เธอจึงรู้สึกตัวรีบขยับตัวออกห่าง แล้ว
รีบจัดเสื้อคลุมอาบน้ําให้เรียบร้อย
วรเมธฉุนจัด ใครบังอาจมาขัดจังหวะเข้าหอกับสายฝน ไม่รู้หรือว่าคืนนี้เป็นคืนเข้า
หอ ห้ามรบกวน
‚ใคร !‛ เขาตะโกนออกไปดัง ๆ สายฝนยิ้มขําเมื่อเห็นท่าทางหงุดหงิดของเขา
ขณะเดียวกันก็ถอน
ใจอย่างโล่งอก รอดตัวแน่คืนนี้ น่าขอบใจคนมากวน ใครกันนะเธอเองก็สงสัย พลัน
ก็มีเสียงตอบมาว่า
‚อา ๆ ฝนจ๋า เปิด‛
สายฝนหัวเราะคิกเมื่อเห็นวรเมธทําหน้ากึ่งบึ้งกึ่งยิ้ม เธอยื่นหน้าไปหอมแก้ม
เขาเบา ๆ
‚ฝนขอตัวก่อนนะคะ ลืมบอกไป ข้าวโอ๊ตต้องให้ฝนเอาเข้านอนค่ะ คืนนี้นอน
กอดหมอนข้างไปก่อนนะคะ
เจ้าบ่าวที่รัก‛ พูดจบเธอก็ลงจากเตียงแล้วไปหยิบชุดนอนมาเปลี่ยนก่อนเดินไปเปิด
ประตู วรเมธนึกเกลียด
หลานชายตัวน้อยขึ้นมาทันที
‘เจ้าหลานแสบ คิดว่าหลับ ที่แท้ก็แกล้ง ไม่รู้หรือว่าวันนี้เป็นวันแต่งงานของ
อารูปหล่อ มันน่าอัดให้น่วมนัก ’
‚ต๊าย ! พี่ฝน ออกมาจริง ๆ ด้วย เปรี้ยวคิดว่า...อิอิอิ ‛ เปรี้ยวแซวสายฝนทันที
ที่ประตูห้องเปิดออกมา
สายตาซอกแซกของเด็กสาวมองสํารวจไปทั่วร่างสายฝน สายฝนตีแขนเด็กสาว
อย่างเขินจัด พอข้าวโอ๊ตเห็นสายฝน
ก็พูดว่า ‚ฝนจ๋า อุ้ม ๆ‛ สายฝนก้มตัวทําตามที่เจ้าตัวยุ่งบอก แต่ถูกมือแข็งแรงกว่า
มาอุ้มเจ้าตัวป่วนแทน
‚มา นายข้าวโอ๊ต อาพาไปนอนดีกว่า ‛ ร่างสูงใหญ่ของวรเมธอุ้มเจ้าตัวป่วน
ไปทันที ท่ามกลางความมึนงง
ของสายฝนกับเปรี้ยว สุดท้ายต่างคนต่างไป สายฝนเข้าห้อง ตัวพิงประตู คิดอะไร
สักพักก็ยิ้ม ก่อนเดินไปหยิบ
รีโมตทีวี คิดจะดูฆ่าเวลา นานกว่าข้าวโอ๊ตจะยอมหลับ แต่ยังไม่ทันได้เปิดทีวี ร่าง
ระหงกลมกลืนก็ถูกอุ้ม
ตัวลอยไปวางไว้ที่เตียง สายฝนรีบลุกขึ้นนั่ง จ้องมองวรเมธอย่างแปลกใจ เขายิ้ม
ขยับตัวเข้ามาใกล้
‚ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าผมทํายังไงเจ้าตัวป่วนถึงได้หลับเร็วนัก ผมรู้ว่านายข้าว
โอ๊ตไม่มีเพื่อนเล่น
เลยบอกว่าถ้าอยากได้น้องเร็ว ๆ ก็รีบหลับเสีย อาจะไปหาน้องมาให้เร็ว ๆ แค่นี้นาย
ข้าวโอ๊ตก็หลับ‛
‚คนเจ้าเล่ห์ หลอกได้แม้กระทั่งเด็ก น้องอะไรจะหาได้เร็วดังใจนึก เสกมาหรือ
คะคุณอา‛ สายฝนไม่ได้เอะใจ
เขายิ้ม ขยับหน้ามาจนชิดแก้มเนียนใสแล้วกระซิบว่า
‚ก็คุณอาจะเร่งผลผลิตเร็ว ๆ ไงครับฝนจ๋า ‛
สายฝนทุบเบา ๆ ที่อกกว้างอย่างเขินจัด พูดเบา ๆ ว่า ‚บ้า...‛ แล้วซ่อน
หน้าเสีย เขาเชยคางมนขึ้นมา สายตาจ้องมองใบหน้าสวยใสบนกรอบผมยาวสลวย
ปัดปอยผมบางส่วนที่ปิดหน้าออก นิ้วไล้เบา ๆ ไปตามผิวเนียนสวยแผ่วเบา ดวงตา
คู่สวย
ทอดมองใบหน้าคมเข้มที่ขยับเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ เปลือกตาบางใสค่อย ๆ ปิดลงเมื่อ
ใบหน้านั้นขยับมาแนบชิด
ผิวเนียนสวยใสถูกสัมผัสแผ่วเบาไปทั่วหนักหน่วงดื่มด่ําหวานซึ้งขึ้นเรื่อย ๆ
ตามลําดับขั้นแห่งอารมณ์เสน่หา
จากก้นบึ้งของหัวใจหนุ่มสาว หาใช่อารมณ์ดิบที่ถูกปลุกเร้าด้วยยาแต่อย่างไร
จนกระทั่งเช้าวันใหม่ สายฝนลืมตา
ขึ้นอย่างยากลําบาก รู้สึกโล่ง ๆ ชอบกล พอสายตาเหลือบไปเห็นคนข้างกายที่นอน
กอดอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน
ใบหน้าสวยใสแดงก่ําเมื่อเห็นสภาพตัวเองกับคิดถึงค่ําคืนที่ผ่านมา อายจนบอกไม่
ถูก...ไม่รู้จะถูกคนที่รังแก
เธอมาทั้งคืนล้อเลียนหรือเปล่า ไม่ได้ต้องรีบเผ่นก่อน พอจะขยับตัวก็ถูกกอดแน่น
‚จะรีบลุกไปไหน ฝนจ๋า‛
สายฝนก้มหน้างุดอ้อมแอ้มไปว่า
‚เช้าแล้ว จะไปหาอะไรให้ข้าวโอ๊ตทาน‛
‚ช่างข้าวโอ๊ต อาข้าวโอ๊ตยังไม่หิว หลานห้ามหิว ผมเพลีย นอนเป็นเพื่อนผม
ก่อน เมื่อคืนสอนการบ้านเด็ก
นานไปหน่อยกว่าเด็กจะเข้าใจ ติวเข้มไปหน่อย เหนื่อยชะมัด ‛ เขาแกล้งยั่ว สายฝน
เขินจัดใบหน้าแดงก่ํา
‚คุณครูปากจัด ร้ายนักแกล้งเด็กแล้วยัง...ครูหื่น ‛ เสียงต่อว่ากลับไม่เขินอาย
แถมมือยังทุบแรง ๆ ไปที่อกคน
พูดด้วย วรเมธยึดมือไว้เพราะกลัวช้ําในตายเสียก่อน มองคนหน้าแดงแล้วแกล้งพูด
ด้วยน้ําเสียงใสซื่อเจ้าเล่ห์
‚หื่นตอนไหน ต้องพิสูจน์ให้รู้ ‛
สายฝนรีบขยับตัวโดยปากร้องห้าม
‚อย่านะคะ...เช้าแล้ว‛
เขาหัวเราะพลางทําท่าจะพลิกร่างงามลงล่าง แต่เสียงเคาะประตูดังขึ้น ตาม
ด้วยเสียงข้าวโอ๊ตร้องตะโกนมาจากหน้าห้องว่า
‚อา ๆ ฝนจ๋า ตื่น ๆ‛ ทั้งคู่มองหน้ากัน วรเมธทําหน้าปลง ๆ หลานตัวแสบ
เอาอีกแล้ว
‚เสียใจด้วยค่ะคุณอา หมดเวลาหื่นแล้ว ข้าวโอ๊ตน่ารักที่สุด ฝนขอตัวไป
อาบน้ําก่อนนะคะ คุณอาหื่น ‛
สายฝนยิ้มก่อนรีบคว้าเสื้อคลุมอาบน้ํามาสวมแล้วลุกจากเตียงไปทันที ทิ้ง
ให้อาหื่นรับหน้าข้าวโอ๊ตไปก่อน

เช้าวันเดียวกัน ณ อีกบ้านหนึ่ง สถานการณ์ต่างกัน คนขี้หนาวนอนซบร่างสูง


ใหญ่ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น
ร่างสูงใหญ่ยิ้มเล็กน้อยกอดคนขี้หนาวไว้แน่นกลัวไม่อุ่น สงสัยจะเพลียจัด ร่างนุ่ม
นิ่มเริ่มขยับตัวเพราะรู้สึก
อึดอัด แขนแข็งแรงที่กอดอยู่รีบคลายออกให้อีกฝ่ายรู้สึกสบาย จะได้หลับต่อ มือ
สาก ๆ เผลอลูบผิวเนียนนุ่มไปมา
จึงเป็นเหตุให้สายรุ้งลืมตาขึ้นแล้วรีบลุกขึ้นอย่างตกใจ และรีบล้มตัวลงไปซบบนร่าง
สูงใหญ่เหมือนเดิม
ใบหน้าแดงก่ํา ตนุภัทรนึกเสียดาย ไม่น่ารู้ตัวก่อนเลย อดมองของสวย ๆ งาม ๆ
สายรุ้งมองอย่าเอาเรื่อง
‚ขําอะไร คุณภัทร ‚ สายรุ้งถามเสียงแหลม
‚เปล่า เพียงแต่สงสัยว่าเมียหื่น ๆ ของผมคนเมื่อคืนกับเช้านี้คนเดียวกันรึ
เปล่าน้า‛ เขายั่วเธออย่างสนุก
สายรุ้งเห็นแล้วฉิวจัด กําปั้นน้อย ๆ ทุบรัวไม่ยั้งลงบนแผ่นอกแข็งแรง ‚โอ๊ย ...กลัว
แล้วที่รักจ๋า ไม่ล้อแล้ว‛ เขาโวยลั่น
‚โกหก อย่างคุณน่ะกลัวใครเป็นซัที่ไหน คนบ้า คนร้ายกาจ แกล้งเขามาทั้ง
คืน ใช้ประสบการณ์มากกว่า
หลอกเขาให้หลงใหลไปตามอารมณ์หื่น ๆ ของคุณ ทําเอาเขาเมื่อยไปทั้งตัว แล้วมา
ว่าเขา อย่าอยู่เลยคนร้ายกาจ
หื่นกาม‛
สายรุ้งโวยกลับและยังไม่หยุดทุบ ไม่อายแล้ว ไม่สนใจว่าตัวเองอยู่ในสภาพ
ไหน ตนุภัทรกลัวช้ําในตายจึง
พลิกตัวกดร่างสายรุ้งลงกับฟุกนุ่มนิ่ม เริ่มจู่โจมแบบไม่ให้ข้าศึกตั้งตัวได้จนอ่อน
ปวกเปียกเป็นขี้ผึ้งโดนไฟ ไป ๆ
มา ๆ ไม่รู้ว่าใครหื่นกว่าใครกันแน่ กว่าจะลุกกันได้อีกทีก็เกือบเที่ยง สายรุ้งนั่งนิ่งบน
เตียงไม่กล้าออกไปไหน
อายอย่างบอกไม่ถูก สายรุ้งนะสายรุ้ง แล้วอย่างนี้จะไปโทษเขาได้อย่างไร ต้องโทษ
ตัวเองต่างหาก ทําไมเผลอ
ไปกับเขาได้ ขณะที่อารมณ์ขึ้นสุด ๆ เธอกลับกอดเขาแน่นอย่างลืมตัว กลัวเขาทิ้ง...
กลัวหนาว...บ้าที่สุดเลยเรา...
หลงกลคนเจ้าเล่ห์จนได้
ตนุภัทรออกจากห้องน้ําเห็นเธอยังนั่งนิ่งอยู่บนเตียง เดินเข้ามาใกล้มองร่าง
งามหอมหวานสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย
นัยน์ตาแพรวพราว สายรุ้งมองหน้าเขานิ่ง เธอรักเข้าไปได้ไอย่างไรนะผู้ชายร้ายกาจ
คนนี้
ตนุภัทรเริ่มแหยงเมื่อเห็นท่าทางเงียบขรึมผิดปกติของเธอ แต่ก็นั่งลงบน
เตียงข้าง ๆ สายรุ้ง
‚เป็นอะไรไปที่รักจ๋า อย่าเพิ่งนึกพิศวาสผมเลยนะ หมดแรงแล้วจ้ะ ให้ผมกิน
อะไรก่อนนะ แล้วค่อยต่อ แหม ! มี
เมียหื่นไม่เลิกนี่น่ากลัวเหมือนกันนะ‛
สายรุ้งถลึงตาใส่ ใบหน้าแดงจัด ด่าว่าออกไปตรง ๆ
‚ตาบ้า ลามก หื่นจัด แกล้งเขา นักฉวยโอกาส จอมเอาเปรียบ ขี้โกงสุด ๆ มา
ว่าเขา‛ สายรุ้งด่าว่ามาเป็นชุด
‚กลัวแล้วครับ ผมผิดไปแล้วครับ จะให้ผมทําอะไรไถ่โทษบอกมา‛ เขารีบรับ
ผิดไม่อย่างนั้นสงครามไม่จบแน่
‚ค่อยยังชั่วหน่อย อยากให้ยกโทษให้ก็ได้ ถ้างั้นเล่ามาให้หมดว่าคุณรู้จักแม่
รุ้งได้ยังไง‛ เธอบอกจุดประสงค์
‚เรื่องนี้เอง ไม่มีอะไรมากหรอก ตอนนั้นผมอายุได้สิบหกปี ตามแม่มาจาก
ลําพูนพื่อตามหาพ่อที่กรุงเทพฯ
พ่อได้งานเป็นหัวหน้าวิศกรที่บริษัทข้ามชาติในกรุงเทพฯ สองสามปีแรกก็ส่งเงินมา
ให้เรื่อย ๆ ต่อมาก็ขาดการติดต่อ
เงินที่เคยเก็บอยู่ก็ใกล้หมด แม่จึงตัดสินใจพาผมมาตามหาพ่อที่กรุงเทพฯ ขายบ้าน
ขายทุกอย่าง กะว่าถ้าไม่พบ
ก็จะเลยไปอยู่กับพี่สาวพ่อที่ตราด ใช้เวลาตามหาอยู่เกือบเดือนก็ไปเจอกับเพื่อนพ่อ
ความจริงที่ได้รับคือพ่อถูก
ใส่ความว่าโกงบริษัทโดยหัวหน้าใหญ่ที่เป็นชาวต่างชาติเป็นคนนําหลักฐานให้
ตํารวจ พ่อไม่ยอมรับ บอกความจริง
ไปว่าคนที่โกงการซื้อขายเครื่องจักรของบริษัททุกครั้งคือหัวหน้าใหญ่คนนั้น แต่พ่อ
เขลาเกินไปเพราะพวกมันกิน
กันเป็นทีม ที่สุดพ่อก็ต้องตายในคุก จากนั้นแม่ก็ล้มป่วยลง ไม่มีจิตใจจะทําอะไร
ผมไม่รู้จะทําอย่างไร เงินก็ไม่มี
พอดีเห็นร้านอาหารแห่งหนึ่งเขารับสมัครเด็กเสิร์ฟ ผมไปสมัครและทํางานที่นั่น ผม
ขอเบิกเงินล่วงหน้า
เจ้าของร้านไม่ให้ ผมเกิดความคิดชั่วร้ายเอาเงินที่ลูกค้าจ่ายเก็บไว้เองแล้วทําเป็น
ไม่รู้ไม่ชี้ เจ้าของร้านจับได้จะเอา
ผมเข้าคุก บังเอิญวันนั้นคุณแม่คุณบังเอิญมาพบเข้าพอดี หลายคนอยากให้ผมเข้า
คุก หาว่าเป็นเด็ก
ขี้ขโมย ผมเจ็บปวดกับคํานี้มาก แม่สอนผมเสมอให้เป็นคนดี อย่าไปเอาของที่
เจ้าของเขาไม่อนุญาต แต่ที่ทํา
ไปเพราะจําเป็น ขณะที่ทุกคนกําลังจะจับผมส่งตํารวจ คุณแม่คุณก็เข้ามาขวาง
และบอกว่า ‘เด็กคนนี้อาจไม่ได้ตั้งใจจะโมยก็ได้ บางทีอาจมีความจําเป็น เอาอย่าง
นี้ ทั้งหมดเท่าไหร่ ฉันจะจ่ายให้เอง’ ตอนนั้นผมรู้สึกซาบซึ้งมาก และยิ่งซึ้งมากไป
อีกเมื่อคุณแม่คุณให้ผมพาไปพบแม่ และบังเอิญรู้จักกัน ท่านให้เงินผมไว้พาแม่ไป
รักษา ไปเจรจากับเจ้าของบ้านเช่า จ่ายค่าเช่าให้ล่วงหน้าหลายเดือน แถมยังเป็น
ธุระพาแม่ไปหาหมอ พยายามปลอบใจแม่ แต่อาการแม่หนักกว่าที่คาด ก่อนตาย
แม่ได้วานให้พาผมไปหาพี่สาวพ่อที่ตราด จากนั้นผมก็อยู่ในการเลี้ยงดูของลุงกับ
ป้า บังเอิญท่านไม่มีลูกเลยรักผมเหมือนลูก ส่งเสียให้เรียน ผมไปใช้ชีวิตที่เมืองนอก
เป็นเวลานาน พยายามส่งเสียตัวเองเรียน ไม่อยากใช้เงินคุณลุงคุณป้ามากนัก และ
ตั้งใจจะตั้งตัวที่
เมืองนอกให้ได้ เพื่อจะได้กลับไปแก้แค้นไอ้บริษัทข้ามชาติที่พรากชีวิตพ่อผมไป แต่
กว่าจะประสบความสําเร็จ
ก็เลือดตาแทบกระเด็น โชคดีที่ผมบังเอิญช่วยมิสเตอร์หว่องไว้ เกิดถูกชะตากันจน
นับถือเป็นพี่น้อง มิสเตอร์
หว่องสอนผมหลายอย่างเรื่องการค้าขาย จึงทําให้ผมประสบความสําเร็จ เป็นไง
ชีวิตลูกผู้ชายต้องสู้‛
‚น่าให้โล่ แต่เดี๋ยวก่อน คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นลูกสาวแม่และมีพี่สาวด้วย‛
สายรุ้งถามต่อ
‚ก็ผมแอบสืบหาอยู่นานกว่ารู้ว่าผู้มีพระคุณของผมอยู่ที่ไหน และเป็นยังไง
บ้าง ถ้าพบผมอยากจะแทนคุณ และบังเอิญ
พบนายดนุวัศที่บ่อน เล่นจนหมดตัว วันนั้นผมพาลูกค้าคนหนึ่งไปเข้าบ่อนเพราะ
เขาอยากดู
บังเอิญนายดนุวัศรู้ว่าผมเป็นใครเลยแนะนําตัวและขอยืมเงินผม ผมให้ยืม แต่มีข้อ
แลกเปลี่ยน เรื่องต่อจากนั้นคุณคงรู้นะ
ความจริงตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่าคุณสองพี่น้องหน้าตาเป็นอย่างไร ผมมั่นใจว่าต้อง
หน้าตาดีเพราะคุณแม่
คุณเป็นคนสวยมาก‛
‚นี่หมายความว่าคุณแอบสืบมาหมดแล้วสิ ถึงได้ยื่นเงื่อนไขขอแต่งงานกับลูก
สาวนายปพน คนอะไรร้ายนัก
แล้วทําไมขอพี่ฝน‛ สายรุ้งถามต่ออย่างเอาเรื่อง
‚ก็พ่อคุณส่งรูปคุณฝนมาให้ผมดู ผมเห็นแล้วก็พอใจ คุณฝนหน้าตาสวย
น่ารักมาก ความจริงผมไม่คิดจะ
แต่งจริงหรอก เพียงเอามาเป็นข้ออ้างเพื่อพาคุณแม่คุณออกจากบ้านและช่วยรักษา
ให้‛
‚หมายความว่าคุณรู้ว่ารูปพี่ฝนที่ฉันเอาให้ดูนั้นเป็นการแต่งภาพงั้นสิ
มิน่าเล่าถึงยืนยันจะแต่งเหมือนเดิม
แล้วทําไมต้องบังคับฉันให้แต่งแทนด้วย‛ สายรุ้งถามด้วยน้ําเสียงไม่ค่อยพอใจนัก
‚ก็เพราะ...คุณไปพบผมที่ห้องทํางาน ผมเลยเปลี่ยนใจ จากที่คิดแต่งงานบัง
หน้าเลยแต่งจริง ๆ เสียเลย
ผมชอบ ท่าทางแสบดี ที่สําคัญ...‛ เขาจงใจหยุดไว้เฉย ๆ จ้องมองเธอนัยน์ตาแพรว
พราว
‚สําคัญอะไร...บอกมานะ‛ สายรุ้งเริ่มไม่พอใจ เขายื่นหน้ามากระซิบข้างหู
‚ดูร้อนแรงได้ใจดี แถมยังหื่นอีก เมื่อคืนยังเล่นงานผมเกือบแย่ทั้งที่ไม่ประสา
อะไรเลย ผมชอบ‛
เท่านั้นแหละการทําร้ายร่างกายได้เกิดขึ้นอีกจนได้ สุดท้ายทั้งคู่ต่างเจรจาสงบศึก
เพราะท้องร้อง จึงต้องไปทาน
ข้าวแทน เขาว่ากองทัพเดินด้วยท้องจริง ๆ

สายฝนกับสายรุ้งมาหามารดาที่รีสอร์ตในวังน้ําเขียวพร้อมวรเมธและตนุภัทร
ที่ยังหาทางเจรจาข้อตกลงทาง
ธุรกิจไม่ได้
‚แม่คะ ฝนอยากให้แม่ไปอยู่กับเราค่ะ จะได้ดูแลใกล้ชิด ‛ สายฝนบอก
จุดประสงค์
‚แล้วแม่จะอยู่กับใครดีล่ะลูก บ้านรุ้งหรือบ้านฝน‛ กุลชาตั้งคําถาม มองหน้า
บุตรเขยสองคนต่างคุมเชิง
กันอยู่
‚ก็บ้านละเดือนดีมั้ยคะคุณผู้หญิง ‛ ป้าน้อยเสนอความเห็น
‚รุ้งว่าไม่ดี อยากอยู่ด้วยกันมากกว่าค่ะแม่ เหมือนเมื่อก่อนเราอยู่กันสามคน
แม่ลูกไงคะ‛
สายรุ้งเสนออีกทางเลือก สองหนุ่มสะดุ้งโหยง ได้อย่างไรกัน แล้วพวกเขาล่ะ จะหา
ใครกอดนอน เหงาแย่
‚ถ้างั้นก็ให้คุณแม่ไปอยู่บ้านผมก็ได้ครับ บ้านผมกว้างมีห้องว่างมาก มีคน
คอยดูแลด้วย‛ ตนุภัทรชิงพูดก่อน
‚ผมว่าบ้านผมดีกว่าครับคุณแม่ อีกอย่าง ป้าน้อยจะได้อยู่กับป้าบุญด้วย‛ วร
เมธก็ไม่ยอมน้อยหน้า
กุลชามองหน้าลูกเขยสองคนแล้วส่ายหน้ายิ้ม ๆ รู้ว่าสองหนุ่มนี้คงเจรจาไม่ได้แน่ จึง
ขยิบตาให้สายฝน
กับสายรุ้งหาทางจัดการเอง
‚แม่คะ แม่ชอบที่นี่มากใช่มั้ยคะ ถ้างั้นฝนกับรุ้งย้ายมาอยู่กับแม่ที่นี่ดีกว่าค่ะ ‛
สายฝนเสนอ
‚จริงด้วย พี่ฝน บรรยากาศดี อากาศก็ดี อยู่แล้วสดชื่น ‛ สายรุ้งเห็นชอบด้วย
สองหนุ่มมองหน้ากันแล้ว
พูดพร้อมกันว่า
‚แล้วพวกผมล่ะ‛
สองสาวมองหน้าแล้วยิ้ม
‚จะย้ายมาพร้อมฝนก็ได้ค่ะ‛ สายฝนหันไปชวนวรเมธ
‚คุณภัทร ถ้าคุณจะย้ายมาอยู่ด้วยรุ้งก็ไม่ว่า ‛ สายรุ้งใจดีน่าดู เมื่อเจอเข้ากับ
ไม้นี้ สองหนุ่มจึงต้องยอมเจรจา
สงบศึกแห่งศักดิ์ศรีสักครั้ง
‚ผมว่าเราย้ายไปอยู่ใกล้บ้านคุณเมธก็ได้ ปลูกบ้านต่อจากบ้านคุณเมธ และ
สร้างบ้านให้คุณแม่อยู่ตรงกลาง
ผมจะซื้อที่ต่อจากคุณเมธ เห็นมีที่เหลือเยอะ ดีมั้ยครับ ‛ ตนุภัทรยอมในที่สุด ถือว่า
ยอมให้ตําแหน่งอาวุโสกว่า
ก็แล้วกัน แต่อย่างอื่นอย่าหวัง
‚เรื่องสร้างบ้านให้คุณแม่กับป้าน้อยอยู่ต้องหารครึ่งนะ เดี๋ยวคุณฝนจะหาว่า
ผมใจดํา‛ วรเมธไม่ยอมน้อยหน้า
เหมือนกัน สองพี่น้องลอบยิ้มหากยังไม่พูดอะไร
‚แม่ว่าไม่ต้องลําบากสร้างบ้านให้คนแก่สองคนอยู่หรอก แม่ขอเพียงห้องว่าง
สักสองห้องพอให้แม่กับพี่น้อย
อยู่ก็พอ จะได้ไม่เปลืองเงิน ส่วนเรื่องอื่นตกลงกันเอง‛ กุลชาไม่อยากสิ้นเปลือง
‚ถ้าอย่างนั้นฝนขอเสนอว่าเราเรื้อกําแพงออกแล้วสร้างห้องให้แม่ตรงกลาง
ระหว่างบ้านคุณเมธกับคุณภัทร
ดีมั้ยคะ จะได้เป็นบ้านหลังใหญ่ คุณเมธเห็นด้วยกับฝนมั้ยคะ‛ สายฝนหันไปถาม
เจ้าของบ้าน
‚เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ‛ วรเมธตอบทันที ขืนไม่เห็นด้วยสิ มีหวังคืนนี้ไม่มีคน
ให้กอดนอนแน่
‚ดีจัง คุณภัทรก็ไม่มีปัญหาค่ะ พี่ฝน‛ สายรุ้งตอบแทนตนุภัทรหน้าตาเฉย นี่
มันเข้าระบบภรรยาธิปไตยหรือ
เปล่านะ ไม่คิดจะให้เกียรติเขาเลยจริง ๆ ที่สุดสองหนุ่มก็ตกอยู่ในภาวะจํายอม กับ
เรื่องนี้ยอมได้ แต่เรื่องอื่น
อย่าหวังว่าจะยอมหากมีการร่วมทุน...สองหนุ่มต่างฝ่ายต่างคิด แต่สองสาวพี่น้อง
จะยอมให้เป็นอย่างนั้นหรือ
เปล่าแล้วแต่อนาคต
‚เอาละ แม่ขอบใจลูก ๆ ทุกคนที่ช่วยให้แม่มีความสุข จําไว้นะ ความสุขใน
ครอบครัวจะเกิดได้เมื่อทุกคน
ประสานผลประโยชน์เข้าหากัน ยอมรับฟังความเห็นของสมาชิกในครอบครัว แล้ว
นําเอาความเห็นทั้งหมด
มาประสานให้เข้ากัน เมื่อนั้นครอบครัวจะมีความสุขปรองดองกัน ไม่ใช่ต่างคนต่าง
ยึดความคิดตัวเองเป็นใหญ่
จนไม่ยอมฟังใครเมื่อนั้นจะนํามาซึ่งการทะเลาะกันไม่มีที่สิ้นสุด แม่ดีใจที่แม่มีวันนี้
วันที่ได้อยู่กับลูก ๆ อยู่
พร้อมหน้าพร้อมตากัน แม่คงไม่หวังอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว แม่ดีใจมากที่ลูกสาว
ของแม่เป็นเด็กดี เคารพ
เชื่อฟังแม่ กตัญํู ผลแห่งความดีงามของฝนกับรุ้งช่วยนําพาให้ได้พบเจอแต่คนดี
ๆ ได้สามีดีอย่างคุณภัทรกับ
คุณเมธ เห็นแล้วใช่มั้ยว่าทําดีไว้ สักวันผมแห่งความดีที่ทําจะส่งผล ชักนําแต่สิ่งดี ๆ
คนดี ๆ เข้ามาในชีวิต‛
กุลชาให้ข้อคิดกับทุกคน หนุ่มสาวทั้งสี่คนกราบลงแทบเท้ากุลชา แล้วทุกคน
ต่างคนต่างยิ้มอย่างมีความสุข

จบบริบูรณ์
ตอนพิเศษ 1

สายรุ้งเดินกลับไปมาในบ้านไม้สักทรงไทยของตนุภัทรจนมารดากับป้าน้อย
เวียนหัว
‚คุณรุ้งคะ หยุดเดินแล้วมานั่งก่อนดีกว่าค่ะ ป้าเวียนหัว ‛ ป้าน้อยเอ่ยแนะนํา
สายรุ้งจึงหยุดเดินและนั่งลง
ระหว่างรอบ้านใหม่ที่สร้างต่อจากบ้านวรเมธและห้องมารดาเสร็จ เธอตกลง
กับพี่สาวว่าจะให้มารดาอยู่
บ้านละเดือน นี่ก็เกือบเดือนแล้วยังไม่เห็นการก่อสร้างจะคืบหน้า ไม่เข้าใจว่าทําไม
จึงช้านัก ตนุภัทรเองก็ไม่คิด
จะเร่งด้วย พอนึกถึงเขา ก็ให้หงุดหงิดนัก ตลอดเวลาที่บ้านใหม่เริ่มสร้าง เขาขยัน
บินไปต่างประเทศบ่อยมาก
ไปทีเป็นอาทิตย์ ๆ ครั้งนี้บอกว่าจะไปสักสามสี่วัน แต่นี่เกือบอาทิตย์แล้วยังไม่กลับ
ข่าวคราวก็ไม่แจ้งให้ทราบ
เธออดห่วงไม่ได้ คิดไปสารพัด กลัวจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา โทรถามคนสนิทของเขาก็
ไม่ได้อะไรนอกจาก
‚ท่านยังไม่เสร็จธุระ‛ ธุระอะไรของเขานักหนา
กุลชาเห็นอาการบุตรสาวแล้วได้แต่ส่ายหน้า ตอนเขาอยู่ด้วยก็เอาแต่ขู่ เจ้าแง่
แสนงอน กลับมาก็อ้างว่าจะ
นอนกับแม่ ไม่สนใจ ไม่ดูแล พอไม่อยู่ก็คิดถึงและเป็นห่วง
‚รุ้ง แม่ถามหน่อยเถอะ รุ้งหงุดหงิดอะไร สองสามวันมานี้ก็อารมณ์ไม่ดี รุ้งไม่
เคยเป็นอย่างนี้นี่ลูก‛
น้ําเสียงอันอ่อนโยนของมารดาทําให้อารมณ์หงุดหงิดงุ่นง่านของสายรุ้งสงบลง
พอควร
‚เปล่าค่ะแม่ กลุ้มใจนิดหน่อยค่ะ คุณภัทรทําตัวหายเข้ากลีบเมฆ ข่าวคราวก็
ไม่มี วันนี้ให้คนโทรมา
บอกว่าจะกลับ ป่านนี้ก็ยังไม่มาอีก รุ้งเริ่มเป็นห่วงแล้วสิคะ โทรมือถือก็ไม่มีคนรับ
เครื่องลงตั้งแต่สี่โมงเย็นแล้ว
นะคะ นี่มันปาเข้าไปจะสี่ทุ่มแล้วยังไม่มาเลย‛ สายรุ้งบอกตามตรง เพราะเธอไม่
เคยปิดบังมารดา
‚แปลก ? รุ้งรักคุณภัทรออกอย่างนี้ ทําไมเวลาเขาอยู่ถึงพยายามหลบหน้า
หลบตา ทําเหมือนรังเกียจ
แม่ว่าบางทีเขาอาจจะน้อยใจรุ้ง และหนีไปหาคนที่ไม่รังเกียจเขาก็ได้ ‛ กุลชาเปรย
สายรุ้งมองหน้ามารดา
ไม่เชื่อหูตัวเองว่ามารดาจะพูดในทํานองให้เธอหวาดระแวงสามี ที่เธอหลบหน้าเขา
ไม่อยากให้เข้าใกล้
สาเหตุเพราะ...ใกล้กันได้เสียที่ไหน คนเจ้าเล่ห์ นักฉวยโอกาส ชอบแกล้งให้เธอได้
อายอยู่เรื่อย ใบหน้าเนียนใส
เริ่มเปลี่ยนสี ไม่รู้จะตอบมารดาอย่างไรดี
‚นั่นสิคะ คุณรุ้ง ป้ายังแปลกใจเลย‛ ป้าน้อยถามซ้ําอีกคน
‚ก็...ก็...รุ้งรําคาญท่าทางกับคําพูดไม่เป็นมงคลของเขานี่คะแม่ ‛ สายรุ้งอ้าง
ข้าง ๆ คู ๆ
‚ถ้าอย่างนั้นรุ้งก็น่าจะสบายตาสบายหูที่เขาไม่อยู่ให้รุ้งรําคาญ มานั่งกลุ้ม
หงุดหงิดทําไมล่ะลูก‛
กุลชาแกล้งแหย่
‚จริงด้วยค่ะแม่ รุ้งจะไปกลุ้มทําไม เขาร้ายจะตายไป ไม่มีวันเป็นอะไรอยู่แล้ว
มีแต่จะทําร้ายคนอื่นมากกว่า
แม่น่ารักที่สุดค่ะ‛ สายรุ้งขยับเข้าไปใกล้มารดาและกอดร่างบอบบางของมารดาไว้
พลางยิ้มหน้าเป็น
‚รุ้งก็น่ารักเหมือนกัน ถ้าหัดอ่อนข้อให้คุณภัทรบ้าง ที่แม่เห็น เขาว่าซ้ายรุ้งก็
ว่าขวา ชีวิตคู่น่ะต้องพบกัน
ครึ่งทางนะลูก‛
สายรุ้งอยากเถียง เขาเคยพบกันครึ่งทางที่ไหน มีแต่จะสร้างทางเพิ่มต่างหาก
แต่เพื่อ
ความสบายใจของมารดาเธอจึงยิ้มประจบและพูดจาออดอ้อนว่า
‚ค่ะแม่ รุ้งจะทําตามค่ะ ดึกมากแล้ว แม่ไปนอนเถอะค่ะ รุ้งก็ง่วงเหมือนกัน
อยากนอนแล้วค่ะ คุณภัทรจะ
ถึงกี่โมงกี่ยามรุ้งไม่สนแล้ว ขอให้พาตัวมาให้เห็นหน้าก็พอ ไปค่ะ รุ้งจะพาไปที่ห้อง‛
สายรุ้งประคองมารดาขึ้น
และพาเดินไปส่งที่ห้อง ป้าน้อยเห็นแล้วอดยิ้มให้กับความน่ารักเสมอต้นเสมอปลาย
ของหญิงสาวไม่ได้

สายรุ้งกลับมาที่ห้องก็ตรงไปที่เตียง เธอเริ่มง่วงแล้ว ลืมเสียสนิทว่าพรุ่งนี้ต้อง


ไปสัมภาษณ์งานแต่เช้าด้วย เธอไม่คิด
จะอยู่เป็นแม่บ้านให้ใครเฉย ๆ หรอก เสียดายความรู้ที่เรียนมา อีกอย่าง คนที่จ้าง
เธอไว้ใจได้แน่นอน ไม่มีวันคิดมิดี
มิร้ายกับเธอแน่ เธอเคยแอบไปสมัครงานที่อื่น ทุกที่พอรับเธอเข้าทํางาน สุดท้ายก็
โทรมาปฏิเสธทุกราย
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่รายนี้ไม่มีวันปฏิเสธแน่ สายฝนล้มตัวลงนอนบนเตียง แต่
ทันใดนั้นก็
ถูกกอดไว้ทั้งตัว เธอตกใจคิดว่ามีคนร้าย ขยับปากจะตะโกนก็ถูกปิดปากทันทีจาก
ปากหนาได้รูป เธอทั้งดิ้นทั้งทุบ
อยู่พักใหญ่ จนคนระรานต้องปล่อย หัวเราะขํา
‚อะไรกัน จากไปไม่ถึงเดือน จํารสจูบสามีไม่ได้แล้วหรือเมียจ๋า ‛
พอได้ยินเสียถึงรู้ว่าใคร
‚ใครจะไปจําได้ เห็นหายไปนาน ไหนบอกว่าเครื่องลงตั้งแต่สี่โมง ทําไมมา
เอาป่านนี้ หนีไปอยู่กับใครมา‛
‚แวะไปหาสาวอื่น กว่าจะเสร็จก็ปาไปเกือบสองทุ่ม แวะทานข้าวกับคู่ค้าอีก
ชั่วโมงก่อนตรงดิ่งมาบ้าน
มีเรื่องวุ่นวายทั้งวัน เฮ้อ ! หวังจะให้เมียจ๋าช่วยคลายเครียดให้หน่อย กลับถูกทํา
ร้ายร่างกายแทน‛
สายรุ้งไม่สนใจสิ่งอื่นนอกจากคําว่า ‘สาวอื่น’ จึงจ้องมองเขานัยน์ตาเอาเรื่อง
‚สาวอื่นที่ว่านั่นใคร บอกมา‛ หญิงสาวเอ่ยถามเสียงเขียว
‚หึงเหรอ อย่ากลัวเลย มีเมียสวยน่ารักแถมดุออกอย่างนี้ ใครจะกล้า ต่อให้
สาวอื่นสวยน่ารักแค่ไหน
ก็ไม่กล้าแหยม บอกให้ก็ได้ เป็นลูกสาวคู่ค้า เลยต้องแวะคุยและเซ็นสัญญา ใจน่ะ
ลอยมาหารุ้งนานแล้ว ‛
สายรุ้งจ้องมองเขาแล้วก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา
‚ปากหวานจริง ๆ โกหก ถ้าคิดถึงทําไมไม่รับโทรศัพท์ ‛ เสียงถามเข้มจัด
‚ก็อยากรู้ว่าเมียจะห่วงเรามั้ย คิดว่ารําคาญเสียอีก ชอบไล่ให้ไปไกล ๆ อยู่
เรื่อย ผมก็น้อยใจเป็นนะ‛
เขาแกล้งโวย หากนัยน์ตากลับพราวระยับ
‚ไม่ห่วงหรอก เจ้าเล่ห์อย่างนี้ ทําไมไม่อยู่เซ็นสัญญากับแม่สาวนั่นจนเช้าล่ะ ‛
เธอแกล้งประชด

‚ม่ายด้าย เด็กกําลังกินกําลังนอน ไปทําร้ายได้ยังไง ตัวเล็กออก กอดไม่อุ่น


อย่างเด็กโตแสนงอนคนนี้ ‛
เขาสาธิตด้วยการกอดและหอมแก้มเนียนนุ่มอย่างประจบ แล้วร้องโอ๊ยเพราะถูก
บิดท้องอย่างแรง
‚นี่แน่ะ ! ! หลอกอยู่เรื่อย‛
‚ทําร้ายสามีอีกแล้ว ต้องทําโทษให้เข็ด ‛ แล้วการทําโทษอันร้อนแรงก็เริ่มขึ้น
เมื่อร่างงามหอมหวานถูกระราน
ไปทั่วจนคนถูกทําโทษยอมรับโทษแต่โดยดี สุดท้ายไม่รู้ว่าใครถูกทําโทษกันแน่ แต่
พอคนทําโทษจะขยับออกห่าง
คนถูกทําโทษกลับกอดแน่นไม่ยอมปล่อยและซบหน้าหลับคาอกกว้างแข็งแรง
พึมพําคล้ายละเมอว่า
‚อย่าปล่อยนะ‛
ตนุภัทรยิ้ม ไม่คิดจะปล่อยจริง ๆ น่ารักออกอย่างนี้ มือสากลูบไปทั่วแผ่นหลัง
เนียนนุ่มเปล่าเปลือยเพลิน
จนเผลอหลับไปจนถึงเช้า ร่างระหงงดงามจึงรู้สึกตัวลืมตาขึ้น แต่ก็ยังนอนซบอก
ของร่างสูงใหญ่อยู่ ขยับตัวขึ้นเล็กน้อย
จ้องมองใบหน้าคมเข้มที่ยังหลับสนิทแล้วยิ้ม ความซุกซนเริ่มเข้ามาในความคิด
เมื่อเห็นขนตาหนากับคิ้วเข้ม
จมูกโด่ง ใบหน้าสากที่ระรานผิวเนียนนุ่มจนแดงไปหมด นิ้วเรียวสวยนุ่มนิ่มกรีดไป
ทั่วเปลือกตา คิ้ว ก่อนค่อย ๆ
สัมผัสไปทั่วใบหน้าสากระคายจนมาหยุดที่ริมฝีปากหนาได้รูปที่มีพิษสงร้ายกาจนัก
ทําเอาปากอิ่มบางสวย
ของเธอแทบช้ํา
‚ฝันถึงใครเอ่ย คุณสามีที่รัก ห้ามฝันถึงคนอื่นนะ ไม่อย่างนั้นน่าดู ‛ เสียง
กระซิบขู่เบา ๆ ขณะจดริมฝีปาก
ลงสัมผัสเบา ๆ ที่ริมฝีปากหนาได้รูปของคนที่กําลังนอนอย่างเป็นสุข ก่อนขยับออก
ห่างแล้วพูดว่า
‚ตื่นได้แล้วค่ะที่รักจ๋า รุ้งมีเรื่องจะขออนุญาต ถ้าไม่ตื่นถือว่าอนุญาตนะคะ รุ้ง
จะไปสัมภาษณ์งานค่ะ‛
ยังไม่มีทีท่าว่าร่างสูงใหญ่จะรู้สึกตัว เธอจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าคมเข้มพลาง
กระซิบเบา ๆ ว่า
‚ไม่ตื่นแสดงว่าไม่ค้าน น่ารักมากค่ะ ขอตัวไปก่อนนะคะ‛ แถมท้ายด้วยการ
จูบลาเบา ๆ ไปทั่วแก้มสาก
แต่พอจะขยับออกห่างกลับถูกกอดไว้แน่น เสียงหัวเราะดังขึ้นเบา ๆ
‚หนีไปไหนจ๊ะ เด็กช่างยั่ว มายั่วเขาให้เกิดอารมณ์แล้วคิดตีจาก ไม่ดีมั้ง ‛
‚ผู้ใหญ่เจ้าเล่ห์ หลอกเด็กอย่างนี้ต้องถูกเอาคืน ‛ เธอเงื้อมือ เขารีบจับไว้
‚ทําร้ายลงหรือ สามีน่ารัก ๆ อย่างนี้ ว่าแต่ใครจะรับคุณเข้าทํางาน ผมจําได้
ว่าประกาศไปทั่วแล้วนี่
ห้ามรับเมียนายตนุภัทรเข้าทํางาน ถ้าไม่อยากเดือดร้อน บริษัทไหนยังกล้าอีก ‛ เขา
เผลอพูดความจริงออกมา
สายรุ้งจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง
‚ที่แท้ตัวการอยู่นี่เอง ตัดทางทํามาหากินเขา มิน่าเล่าใคร ๆ ถึงปฏิเสธหมด
อย่าอยู่เลย คนเจ้าเล่ห์
คนร้ายกาจ‛ เธอคว้าหมอนข้างตัวกระหน่ําตีเขาไม่ยั้ง ตนุภัทรหลบแทบไม่ทัน เมื่อ
ครู่ยังเป็นเด็กขี้เล่นอยู่เลย
‚เหนื่อยแล้วเหรอ บอกได้หรือยังว่าใครที่กล้านัดสัมภาษณ์ ‛ เขายังคงถาม
คําถามเดิม
‚ใครก็ช่าง รับรองเขากล้ารับรุ้งเข้าทํางานแน่ ให้รุ้งทํานะคะ รุ้งเบื่อ อยู่บ้าน
เฉย ๆ จบมาไม่ได้ใช้ความรู้ที่
เรียนมาเลย มันหงุดหงิด ถ้าคุณไม่ให้รุ้งทําที่อื่นก็ให้ไปช่วยงานบริษัทคุณก็ได้ ‛
เขางงกับท่าทีของเธอ แทนที่จะอาละวาดอีกกลับออดอ้อนได้น่ารักมาก
ความจริงก็อยากให้ไปช่วยที่บริษัทหรอก แต่กลัวไม่เป็นอันทํางานมากกว่า เจอหน้า
แล้วอดใจไม่ได้สักที กลัวทําเรื่องขายหน้าต่อหน้าพนักงาน เพราะเขาคงให้เธอเป็น
ผู้ช่วยส่วนตัวมากกว่าจะยอมให้ไปช่วยงานแผนกอื่น ‘แต่เอาเถอะ ยอมก็ได้ แต่ใคร
กันนะที่กล้ารับ ไม่เป็นไร แอบสืบก็ได้แล้ว
ค่อยหาทางบีบทีหลัง’ เขาอยากให้เธออยู่บ้านเลี้ยงลูกมากกว่า ต้องรีบมีก่อน ไม่
อยากให้อีกคนแซงหน้า
มันเสียเชิงชายหมด
‚ก็ได้ แต่ต้องบอกก่อนว่าใคร บริษัทอะไร‛ เขาถามเสียงเรียบ
‚ไว้เขารับก่อนแล้วจะบอกค่ะ รุ้งถือค่ะ อะไรที่บอกก่อนจะชวด รุ้งขอตัวไป
อาบน้ําก่อนนะคะที่รักขา‛
สายรุ้งยิ้ม เรื่องอะไรจะบอก ขืนบอกสิ ได้อาละวาดบ้านแตกแน่
‚ไม่บอกไม่ให้ไป นอกจากจะมีข้อแลกเปลี่ยน‛ เขาเริ่มงอแง สายรุ้งเริ่มรู้ว่าคิด
ผิด คนร้ายกาจอย่างไรเสีย
ก็ร้ายกาจวันยังค่ํา คิดว่าจะใจดี เธออุตส่าห์ใช้ลูกออดอ้อนแล้วนะ
‚ข้อแลกเปลี่ยนอะไร‛ เสียงถามเกือบสะบัด เขายิ้ม
‚ก็อาบน้ําให้สามีที่รักขาก่อนสิจ๊ะ ‛
สายรุ้งอึ้ง ใครจะกล้าอาบให้คนร้ายกาจอย่างเขา
‚ไม่ค่ะ อาบให้ใครไม่เป็น โตแล้ว อาบเองสิ ‛ พูดจบก็ขยับตัวจะหยิบเสื้อคลุม
ที่พาดอยู่ข้างเตียงมาสวม
แต่กลับถูกช้อนอุ้มตัวลอยพาเข้าห้องน้ําไป
‚งั้นผมสอนให้เอง คราวหลังจะได้อาบเป็น ‛
‚ว้าย ! ไม่เอา อาบเองได้‛ เธอดิ้น พอถึงประตูห้องน้ําก็ถูกวางลงและปิด
ประตูไล่หลัง พร้อมเสียงตะโกนที่ดังเข้ามาให้ได้ยินว่า
‚เชิญอาบตามสบายนะที่รักจ๋า ขืนอาบด้วยกันไม่รู้จะมีแรงลุกไปไหนหรือ
เปล่า‛
‚ตาบ้า ! ปากเสีย ! คิดอะไรลามก‛ เธอแว้ดออกไปด้วยใบหน้าแดงก่ํา พร้อม
หายใจอย่างโล่งอก

สายฝนกําลังวิ่งไล่จับข้าวโอ๊ตอยู่ในสนามหน้าบ้านอย่างสนุกสนาน โดยมี
เปรี้ยวกับป้าบุญ
นั่งดูอยู่ห่าง ๆ
‚ป้า ดูคุณข้าวโอ๊ตมีความสุขมากเลยนะป้านะ เหมือนมีครบทั้งพ่อทั้งแม่ ‛
เปรี้ยวออกความเห็น
‚คุณข้าวโอ๊ตคงเคยทําบุญร่วมกับคุณฝนคุณเมธ หรือไม่ก็เคยเป็นพ่อแม่ลูก
กันมาก่อนก็ได้ ถ้าเอ็ง
อยากเจอแบบคุณข้าวโอ๊ตก็หมั่นทําบุญ แล้วอธิษฐานเข้านะ‛ ป้าบุญอธิบายเรื่อง
ของบุญกรรม
‚สาธุเจ้าค่ะท่าน‛ เปรี้ยวล้อเลียน ยกมือไหว้ท่วมหัว ป้าบุญตีแขนเด็กสาว
และบ่นว่าอย่างเหลืออด
‚เดี๋ยวเถอะ นังเปรี้ยว ทําเป็นทะเล้นอีก ข้าสอนอะไรดี ๆ ไม่เคยฟังเลย‛
เปรี้ยวคิดจะยั่วต่อก็พอดีเห็นรถ
วรเมธแล่นเข้ามาในบ้าน มีสาวสวยน่ารักอีกคนมาด้วย คือน้องสาวคนสวยของคุณ
ผู้หญิงของบ้านนั่นเอง
ที่แปลกคือ แทนที่วรเมธจะเดินไปหาสายฝนกับข้าวโอ๊ตเหมือนอย่างเคย กลับเดิน
ตรงเข้าบ้านทันที ปล่อยให้
สายรุ้งเป็นฝ่ายเดินไปหาเอง
‚ป้า ฉันว่าคุณเมธต้องงอนคุณฝนแน่ ๆ วัน ๆ เอาแต่สนใจคุณข้าวโอ๊ต
แต่งงานมาได้เดือนหนึ่ง เห็นคุณฝน
นอนห้องเดียวกับคุณเมธแค่ช่วงไปฮันนีมูน พอกลับมาคุณข้าวโอ๊ตยึดหมด สงสัย
ป้าคงหมดโอกาสได้เลี้ยง
น้องคุณข้าวโอ๊ตแน่‛ เปรี้ยวเริ่มคิดซอกแซก
‚เอ็งอย่าสู่รู้เลย เรื่องของเจ้านาย ข้าก็เห็นรักกันดี เลิกพูดได้แล้ว ข้าขอไปเอา
ของฝากคุณรุ้งไปให้แม่น้อยดีกว่า ‛ ป้าบุญลุกไปทิ้งให้เปรี้ยวนั่งคิดอยู่คนเดียว
‚ซาหวัดดีครับ ข้าวโอ๊ตรูปหล่อ เห็นมั้ย อะไรเอ่ย ‛ สายรุ้งยิ้มทักข้าวโอ๊ต ใน
มือชูตุ๊กตาหมีพูห์สีเหลืองตัวใหญ่
ส่งเสียงได้ด้วย พอเห็นข้าวโอ๊ตก็รีบวิ่งเข้าหาทันที สายรุ้งอ้าแขนรับแต่ยังไม่ให้ ข้าว
โอ๊ตจึงยื่นมือจะคว้า
‚ยุ้งจ๋า ขอ ๆ‛
‚ทําไงก่อนครับถ้าอยากได้‛
ข้าวโอ๊ตยิ้มพลางส่งตาหวานให้และยื่นหน้าไปหอมแก้มยุ้งจ๋าหลายที
‚ลัก ๆ ยุ้งจ๋า‛
‚ปากหวานอย่างนี้ ยุ้งจ๋ารักตายเลย ให้แล้วครับผม‛ สายรุ้งยื่นให้ทันที สาย
ฝนส่ายหน้ายิ้ม ๆ
‚รุ้งนะรุ้ง ขาดความรักหรือไง ถึงมาอ้อนกับเด็ก แล้วทําไมมากับคุณเมธได้ ‛
สายฝนแปลกใจ ปกติสายรุ้ง
มีรถส่วนตัวขับ หรือไม่ก็มากับตนุภัทร ถ้าตนุภัทรรู้ สงสัยโวยแน่ เพราะสองหนุ่ม
อย่างไรก็ไม่กินเส้นกัน
‚ไม่ได้ขับมา ใช้บริการแท็กซี่แล้วไปหาพี่เขยแสนดีของรุ้งที่บริษัท ไม่อยากให้
น้องเขยคนดีของพี่ฝนรู้เข้า
เดี๋ยวชวดงานอีก รับรองคราวนี้รุ้งได้ทํางานแน่ ๆ ไม่ต้องจับเจ่าอยู่แต่ในบ้าน น่า
เบื่อออก ไม่มีเด็กให้แก้เซ็ง
แบบพี่ฝนนี่‛ สายรุ้งบ่น
‚รุ้ง ทําไมไม่บอกคุณภัทรตรง ๆ ว่าอยากทํางาน หรือไม่ก็ขอไปทํางานบริษัท
คุณภัทรก็ได้ หรือว่า...อยากได้
ข้าวโอ๊ตไปเลี้ยงแก้เซ็งสักพัก‛ สายฝนแกล้งแหย่ มีแต่คนอยากสบาย ไม่ต้องทํางาน
งก ๆ อยากทําอะไรก็ทํา
แต่น้องสาวกลับบ่นเป็นหมีกินผึ้ง เพราะสบายเกินไป ที่น่าตลกคือตนุภัทรตามราวี
เกือบทุกบริษัทที่สายรุ้ง
ไปสมัคร แต่พออยู่ต่อหน้าสายรุ้งกลับทําเป็นเอาใจ อยากทําอะไรก็ทํา สายรุ้งเองก็
ไม่แสดงออกตรง ๆ ว่ารู้แล้วว่า
ใครเป็นตัวการขัดขวางไม่ให้ได้งาน ครั้งนี้คงเป็นเรื่องใหญ่แน่ หากเจอคนเจ้าเล่ห์
อย่างวรเมธ
‚เคยลองเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามดู รู้มั้ยว่าเขาตอบว่าไง พี่ฝน‛ สายรุ้งเงียบทันที
เมื่อรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรออกมา
ใบหน้าเริ่มเปลี่ยนสีเมื่อนึกถึงคําตอบที่ว่า
‘งานน่ะไม่ต้องทําหรอก ช่วยกันทําการบ้านกับผมดีกว่า จะได้มีอะไรแก้เบื่อ
เร็ว ๆ เช่นลูกเป็นต้น ขืนชักช้า
ปล่อยให้นายวรเมธแซงหน้า เสียเชิงชายหมด’
เธอจําได้ว่าตอนนั้นแทบอยากเอาอะไรยัดปากเขา พูดมาแต่ละอย่างดี ๆ
ทั้งนั้น
‚พี่ไม่ใช่รุ้ง จะได้รู้ แต่...พี่สงสัยว่ารุ้งคงไม่กล้าบอกแน่ หน้าแดงอย่างนี้ ‛ สาย
ฝนช่างยั่วได้เหมือนกัน
สายรุ้งตีแขนพี่สาวเบา ๆ อย่างเขินจัด คําพูดต่อมาก็ทําให้สายฝนหน้าแดงบ้าง
‚คุณภัทรตอบยังไงรุ้งไม่ขอบอก แต่ที่แน่ ๆ เมื่อครู่พี่เขยคนดีของรุ้งเปรยว่าพี่
ฝนไม่อยากหาน้องให้
ข้าวโอ๊ตเร็ว ๆ บอกให้รุ้งช่วยพูดให้หน่อย เดี๋ยวพี่แกเกิดน้อยใจไปหาน้องให้ข้าวโอ๊
ตนอกบ้านแทน พี่ฝนจะแย่‛
‚บ้าจริงรุ้งนี่ ชักเอาใหญ่แล้ว หัดโกหก พี่จะไปถามดูให้รู้เรื่อง ข้าวโอ๊ตครับ
อยู่กับยุ้งจ๋าก่อนนะ
เดี๋ยวฝนจ๋ามานะจ๊ะ‛
พูดจบสายฝนก็หอมแก้มข้าวโอ๊ตแล้วเดินเข้าบ้านไป สายรุ้งยิ้ม ‘พี่ฝนแสบ
เหมือนกันแฮะ คิดชิ่งไปดูแล
สามีมากกว่า คุณเมธไม่เข้ามาหา พี่ฝนร้อนใจแน่ พี่เขยคนนี้ร้ายไม่เบาเหมือนกัน
สงสัยคืนนี้ข้าวโอ๊ตได้นอน
คนเดียวแหง ๆ น่าสงสารจริง ๆ’ ข้าวโอ๊ตมองสายรุ้งตาแป๋ว สายรุ้งย่อตัวลงนั่งยอง
พลางส่งยิ้มหวานให้
‚ข้าวโอ๊ตครับ ไปอยู่บ้านยุ้งจ๋ามั้ย ไปหาคุณยายกัน ‛ สายรุ้งคิดวิธีกันตัวเอง
จากสามีหื่นได้แล้ว
ใช้ข้าวโอ๊ตเป็นกันชนก็ดีเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นไม่ได้ทํางานแน่ เธอยังไม่อยากท้อง
ยังอยากทํางานหา
ประสบการณ์ อุตส่าห์เรียนมาตั้งนาน ไม่ได้ใช้ประโยชน์ เสียดายแย่
‚ไป ๆ‛ ข้าวโอ๊ตใจง่ายจริง ๆ
‚ได้ครับผม ไปเก็บของกัน‛ สายรุ้งหอมแก้มใส่ของข้าวโอ๊ตก่อนจูงมือเข้าบ้าน

สายฝนเข้ามาในห้องไม่พบวรเมธ เธอจึงไปหาที่ห้องสมุด เขาชอบไปทํางาน


ในห้องนั้น พอเปิดประตูเข้า
ไปก็พบว่าเขากําลังเคร่งเครียดอยู่กับเอกสารในมือ กระเป๋าเอกสารวางอยู่ข้างโต๊ะ
ทํางาน บนโต๊ะทํางานก็มีเอกสาร
อีกปึกใหญ่ ลักษณะท่าทางแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็น แต่...ไม่ใช่เครียดแบบนี้
เหมือนไม่สนใจสรรพสิ่งรอบข้าง
นอกจากเอกสารในมือ เธอเดินเข้าไปใกล้แล้วทักขึ้นว่า
‚กระดาษเป็นรูหมดแล้วค่ะ เจ้านายขา‛
วรเมธเงยหน้าขึ้น พอเห็นรอยยิ้มหวานของฝนจ๋า ก็ยิ้มออก
‚ถ้าอย่างนั้นคุณแม่บ้านที่รักช่วยปะให้หน่อย คิดว่าจะไม่สนใจเจ้านายคนนี้
แล้ว เห็นสนใจแต่เด็ก‛
เขายั่วกลับ วางกระดาษลง ดึงร่างบอบบางอรชรของคนช่างยั่วมานั่งลงบนตัก กอด
ไว้หลวม ๆ
สายฝนยิ้มมองหน้าคมเข้มที่เปื้อนยิ้ม ไม่เหลือเค้าความเคร่งเครียดอีกต่อไปแล้ว
ตอบว่า
‚ก็เด็กน่ารักกว่านี่คะเจ้านายขา ไม่เคยเครียดให้ใคร ๆ เป็นกังวล รู้ตัวมั้ยคะ
คุณเมธเจ้าขา‛
‚รู้ตัวครับผม มีแม่บ้านน่ารัก ๆ อยู่ในอ้อมกอดใครจะไปเครียดลง ไหนขอชื่น
ใจให้หายคิดถึงก่อน‛ โดยไม่รอให้
อนุญาต ใบหน้าสวยใสหอมละมุนก็ถูกชื่นใจไปทั่วก่อนจะเลยเถิดไปถึงลําคอระหง
หอมกรุ่น ขณะที่มือเริ่มอยู่ไม่สุข
คนบนตักรีบประท้วงและดันตัวออกห่าง กลัวใครเปิดประตูมาเห็นเข้าแล้วไม่รู้จะ
เอาหน้าไปไว้ที่ไหน
‚เกินชื่นใจแล้วค่ะ คุณเมธ ปล่อยเถอะค่ะ ‛
‚ว้า ! คิดว่าจะใจดี แย่จัง มีเมียหวงตัวนี่ สงสัยอีกนานกว่าน้องนายข้าวโอ๊
ตจะมาเกิด‛ เขาแกล้งทํา
น้ําเสียงผิดหวัง สายฝนหน้าแดงอย่างช่วยไม่ได้ แต่พอคิดถึงคําพูดสายรุ้งก็ยั่วต่อ
ทันที
‚แต่เอ...ฝนได้ข่าวแว่ว ๆ ว่าจะไปหาน้องให้ข้าวโอ๊ตนอกบ้านนี่ ไม่ไปหรือคะ
คุณเมธขา‛
‚ไปม่ายด้ายครับ เดี๋ยวเมียที่บ้านงอน ไม่ยอมมานอนเป็นเพื่อนตลอดไป
หนาวแย่เลย ไม่มีคนกอดให้อุ่น ‛
เขายั่วกลับ สายฝนยิ้ม
‚แล้วกัน หลงดีใจ คิดว่าจะมีตัวช่วยเสียอีก ‛ น้ําเสียงหวาน ๆ รู้สึกผิดหวัง
‚ตกลงไม่คิดจะหึงสามีหล่อและดีคนนี้เลยหรือ ‛ เขาแกล้งถามเสียงหลง
‚หึงทําไมคะ ในเมื่อเราไม่มีเสน่ห์พอจะมัดใจไว้ได้ ควรปล่อยค่ะ ‛ สายฝนทํา
เสียงยอมรับ
‚ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ผมจะพิสูจน์ให้ดูว่ามีหรือไม่ หวังว่าคงไม่หนีไปนอนกับนาย
ข้าวโอ๊ตอีกนะครับ
คุณแม่บ้านจ๋า‛
สายฝนทุบเบา ๆ ที่อกกว้างแก้เขิน พลางขยับตัวลงจากตัก
‚ฝนว่าคุณทํางานต่อให้เสร็จเถอะค่ะ อย่าคิดเรื่องอื่น ไว้ถึงเวลาอาหารค่ําจะ
ให้คนมาเรียก‛
สายฝนรู้ดีว่าเขายังเครียดกับงาน แต่ถูกเธอขัดจังหวะและช่วยผ่อนคลายจากเรื่อง
เครียด ๆ ตรงหน้า เธอรู้ว่า
ตราบใดที่เขายังจัดการกับเรื่องเครียด ๆ ตรงหน้าไม่ได้ เขาไม่มีวันยอมออกจาก
ห้องนี้แน่ จึงไม่อยากขัด
ปล่อยเขาทําต่อให้จบ เขายิ้ม
‚มีแม่บ้านน่ารัก ๆ รู้ใจเจ้านายอย่างนี้รักตายเลย จริงอย่างคุณว่า ผมขอ
ทํางานต่ออีกสักครู่ แล้วค่อยตามไป‛
‚ค่ะ แล้วจะคอย แต่อย่าเครียดมากนักนะคะ ฝนไม่อยากมีสามีหน้าแก่ค่ะ ‛
เธอยั่วก่อนเดินยิ้มออกจาก
ห้อง คนในห้องหัวเราะเบา ๆ เธอช่างเข้าใจผ่อนคลายเขาจริง ๆ สงสัยต้องรีบขจัด
ความเครียดก่อนถูกหา
ว่าแก่จริง ๆ
สายฝนเดินลงมาชั้นล่างก็ไม่เห็นสายรุ้งแล้ว รวมทั้งข้าวโอ๊ตด้วย พอดีเปรี้ยว
เดินเข้ามา เธอจึงถาม
‚เปรี้ยว เห็นคุณรุ้งกับข้าวโอ๊ตมั้ย ‛
‚ย้ายสํามะโนครัวไปอยู่กับคุณรุ้งแล้วค่ะ สามีคุณรุ้งมารับไป คุณรุ้งฝากบอก
ว่ายืมตัวเล่นแก้เซ็งซัก
สองสามวัน ไว้เบื่อเมื่อไหร่จะเอามาคืนค่ะ ‛
‚เปรี้ยวทําไมไม่ห้ามไว้ เดี๋ยวได้บ้านแตกหรอก ข้าวโอ๊ตซนหยอกอยู่เมื่อไหร่
รุ้งยังไม่รู้ฤทธิ์เวลานอน‛
สายฝนตกใจ
‚ไม่หรอกค่ะ เห็นคุณรุ้งบอกว่าคุณยายคิดถึง คุณข้าวโอ๊ตพออยู่กับคุณแม่
คุณฝนก็เชื่อฟังดีค่ะ‛
‚จริงสิ ลืมไป ค่อยยังชั่วหน่อยมีแม่อยู่ด้วย แต่รุ้งจะเอาไปทําไมนะ‛ สายฝน
ไม่เข้าใจ แต่เปรี้ยวกลับคิดออก
‘ก็ช่วยให้คุณข้าวโอ๊ตมีน้องเร็ว ๆ ไงคะ ขืนคุณข้าวโอ๊ตอยู่ คุณเมธได้นอนหนาวแน่ ’
เปรี้ยวคิดซุกซนโดยที่
สายฝนไม่มีทางรู้

ณ บ้านของตนุภัทร พอป้าน้อยเห็นสายรุ้งพาข้าวโอ๊ตมาก็ตกใจ
‚ตายแล้ว ! คุณรุ้ง ไปลักหลานคุณเมธมาทําไมคะ คุณฝนยอมหรือคะ‛ ป้า
น้อยถามเป็นชุด สายรุ้งยิ้ม
‚ยอมไม่ยอมไม่รู้ ไม่เห็นโทรมาโวยวายเลยนี่ ข้าวโอ๊ตอยากมาหาแม่ค่ะ ป้า
น้อย ไปข้าวโอ๊ต ไปหาคุณยายกัน ‛
สายรุ้งจูงมือข้าวโอ๊ตไปหามารดาทันที ตนุภัทรเดินตามเข้าไป ป้าน้อยเริ่มเห็นความ
ยุ่งยากตามมาแล้ว
อยากมีเด็กทําไมไม่มีเอง ต้องมาขโมยหลานชาวบ้านด้วย

บ้านพอขาดเด็กก็ดูเงียบเหงาชอบกล สายฝนยืนนิ่งมองดูท้องฟ้าท่ามกลาง
ความมืดริมระเบียบห้องนอน
อดคิดถึงข้าวโอ๊ตไม่ได้ ทุกคืนเคยกล่อมนอนและหลับไปด้วยกัน ‘คืนนี้จะ
หลับมั้ยน้อ ข้าวโอ๊ต รุ้งนะรุ้ง อยู่ดี
ไม่ว่าดี หาเรื่อง นี่คุณภัทรไม่โกรธแย่หรือ ’ เธอมัวแต่คิดเพลินจึงไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าที่
ก้าวเข้ามา มารู้ตัวเมื่อแก้มเนียนใส
ถูกหอดฟอดใหญ่และถูกกอดไว้ทั้งตัวจากด้านหลัง
‚คิดถึงนายข้าวโอ๊ตละสิ ไม่ต้องห่วงไอ้หลานแสบของผมหรอก รับรองอยู่ดีมี
สุข ห่วงผมดีกว่า นอนหนาว
มาหลายคืนแล้ว คืนนี้มีคนให้กอดหายหนาวเสียที ‛
สายฝนหันมามองหน้าคนพูดแล้วยิ้ม
‚หนาวอะไรกันคะ เห็นเปิดแอร์เสียเย็นฉ่ํา แถมยังไม่ห่มผ้าอีก เชื่อก็โง่แล้วคะ
เจ้านายขา‛
‚ไม่เชื่อแฮะ หลอกยากจังคุณแม่บ้านคนนี้ เปลี่ยนใหม่ก็ได้ คิดถึงฝนจ๋ามาก
ที่สุดเยย‛ เขาเลียนเสียงข้าวโอ๊ต
‚ทําไมข้าวโอ๊ตแก่จัง ม่ายไหว รักไม่ลง ไหนข้าวโอ๊ตลองบอกฝนจ๋าหน่อยสิ
คุณอาจะไปหาน้องให้นอกบ้าน
ข้าวโอ๊ตว่าฝนจ๋าควรบอกเลิกคุณอาเลยดีมั้ย ‛ สายฝนร้ายนัก หยอกกลับได้น่ากลัว
มาก
‚ก็ฝนจ๋าอยากทิ้งคุณอาให้นอนเหงาคนเดียวทามมายครับ ฝนจ๋าผิดมากครับ
ผม รีบ ๆ ชดเชยให้คุณอา
เสียดี ๆ‛ น้ําเสียงข้าวโอ๊ตกรุ้มกริ่ม นัยน์ตาแวววาวชอบกล แต่ใบหน้าฝนจ๋ากลับ
แดงระเรื่อ
‚บ้าจัง ไม่พูดด้วยแล้ว‛ เธอเดินหนีเข้าห้องทันที แต่เดินมาได้ไม่กี่ก้าวก็ถูก
ช้อนอุ้มไปวางบนเตียง สองสายตา
ประสานกันด้วยความรัก ใบหน้าสวยใสค่อย ๆ เปลี่ยนสีเข้มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมือใหญ่
ปัดปอยผมยาวสลวยให้พ้นจาก
หน้าเนียนสวย สายตาคมเข้มจ้องมองไปทั่วร่างงามไม่มีที่ติตั้งแต่หัวจดเท้าภายใต้
ชุดนอนเสื้อปกเชิ้ตสีขาวยาวเลยเข่า
ก่อนหันมาประสานสายตาอีกครั้งแล้วกระซิบว่า
‚มีน้องให้ข้าวโอ๊ตเสียทีนะ ฝนจ๋า นายข้าวโอ๊ตจะได้ไม่แย่งฝนจ๋าของอาเมธ
ไปครองคนเดียว‛
‚ไม่ไปมีกับคนอื่นแล้วหรือคะคุณอา‛ แม้จะเขินอายยังอดยั่วไม่ได้
‚ยั่วดีนักนะ ระวังจะทําจริง ๆ เข้าสักวัน ‛ เขาแกล้งขู่
‚ลองดูก็ได้นี่คะ‛ เธอยิ้มพลางตอบอย่างใจกว้าง
‚แน่ะ ใจกว้างเสียด้วย แต่สงสัยจะกลั้นใจพูดเสียมากกว่า เห็นทีต้องดูว่าพูด
จากใจจริงหรือเปล่า‛
เขาทําตามที่พูด คือคลําหาตําแหน่งของใจที่สวยที่สุด ตามด้วยใบหน้าสากระคาย
ที่แนบลงไปเพื่อให้แน่ใจว่าใช่
โดยมีเสียงร้องว้ายเบา ๆ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเสียงอื่นขณะที่คนค้นหาไม่ยอม
เลิกหาจนกระทั่งเช้าวันใหม่
ร่างสูงใหญ่ลืมตาขึ้นทันทีเมื่อพบว่าร่างหอมกรุ่นที่กอดไว้ทั้งคืนหายไป และถูก
แทนที่ด้วยหมอนข้าง ‘ไม่รู้จะรีบลุกหนี
ไปไหน ยังเช้าอยู่เลย’ แต่พอเหลือบไปดูนาฬิกาที่หัวเตียงก็ตกใจ ‘เก้าโมงแล้วหรือนี่
ฝนจ๋านะฝนจ๋า จะตื่นก็ไม่รู้จัก
บอกกล่าวกันบ้างเลย เจอตัวเมื่อไหร่จะทําโทษให้เข็ด ’ เขานอนนิ่งบนเตียงพักหนึ่งก็
ลุกขึ้นคว้าเสื้อคลุมอาบน้ํา
มาสวม กําลังจะเดินไปเข้าห้องน้ํา เสียงเคาะประตูห้องกับเสียงป้าบุญดังเข้ามาว่า
‚คุณเมธคะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ ‛
ตอนพิเศษ 2

ร่างสูงใหญ่รีบเปิดประตูโผล่หน้าออกมา ถามออกไปว่า
‚เกิดอะไรขึ้น มีใครเป็นอะไร ป้าบุญ‛
‚คุณฝนค่ะ คุณฝนอยู่โรงพยาบาลค่ะ แม่แหวนเพิ่งโทรมา เมื่อเช้าพอเห็นผัก
ในตู้เย็นกับของสดแล้วนึกอย่างไร
ไม่ทราบค่ะ เหมือนไม่ถูกใจเลยชวนแม่แหวนไปตลาดด้วยกัน บอกว่าอยากไปเลือก
เอง พอไปถึงตลาดผ่าน
แผงปลาก็ทําหน้าพะอืดพะอม รีบขอร้านข้าวแกงเข้าไปอาเจียน แล้วออกมาหน้า
ซีดคล้ายจะเป็นลม
แม่แหวนรีบพาส่งโรงพยาบาล ป้าสงสัยว่า..‛ ยังไม่ทันที่ป้าบุญจะพูดอะไรต่อ วร
เมธก็ปิดประตูและ
กลับออกมาอีกทีเมื่อเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว ถามเพียงสั้น ๆ ว่าอยู่โรงพยาบาล
ไหน ป้าบุญบอกจบก็เห็น
เจ้านายหนุ่มรีบขับรถบึ่งออกไปทันที ป้าบุญนิ่งสักพักก็ยิ้ม สงสัยได้เห็นน้องคุณ
ข้าวโอ๊ตแน่ ๆ
‚ยิ้มอะไรป้า เกิดเรื่องกับคุณฝนยังยิ้มอีก ‛ เปรี้ยวทักขึ้น ป้าบุญเกือบสะดุ้ง
‚นังเปรี้ยว เอาอีกแล้ว ทําข้าตกใจหมด เอ็งคอยดูก็แล้วกัน คุณเมธกลับมา
ต้องยิ้มเหมือนกัน‛ ป้าบุญบอก
แค่นั้น แล้วก็ทิ้งให้เปรี้ยวยืนเกาหัวงงอยู่คนเดียว
อีกบ้านหนึ่งก็วุ่นวายไม่แพ้กันเมื่อเจ้าตัวแสบของวรเมธนั่งจ้องหน้าเจ้าของ
ห้องตัวใหญ่นัยน์ตาบ้องแบ๊ว
บนเตียงกว้างใหญ่และยิ้มให้อย่างเป็นมิตรจนเห็นฟันเต็มปาก คนตัวใหญ่กว่ากลับ
ไม่ยิ้มตอบ ใบหน้าเรียบเฉยจ้องมองเด็กชายตัวน้อยอย่างครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ขณะที่
คนพาตัวเด็กชายมากําลังอาบน้ําอยู่ ‘คืนนี้จะนอนกันยังไง สงสัยเขาคงอดกอดร่าง
หอมหวานของที่รักจ๋าแน่ ๆ ต้องตกลงกับเจ้าหนูนี่หน่อยแล้ว ท่าทางจะเป็นเด็กดี ’
ใบหน้าเรียบเฉยยิ้มนําก่อนจะพูดกับเด็กชายตัวน้อยที่ไม่เล็กนักว่า
‚ข้าวโอ๊ต ฟังอาภัทรให้ดี ๆ นะครับ ห้องนี้ไม่ใช่ห้องข้าวโอ๊ต เป็นห้องของอา
ภัทรกับยุ้งจ๋า เป็นห้องนอนของ
ผู้ใหญ่ ข้าวโอ๊ตไปนอนห้องเด็กดีกว่า มีของเล่นเยอะแยะเยย อาให้เขาจัดเตรียมไว้
ให้แล้ว ตกลงมั้ยครับ
ข้าวโอ๊ต เด็กดีของทุกคน‛ ตนุภัทรเรียกแทนตัวเองว่าอาเหมือนวรเมธ ความจริง
ห้องนั้นเขาเตรียมไว้
เป็นห้องเด็ก จัดไปแต่งไปเรื่อย ๆ กะว่าพอมีลูกจะได้มีห้องรองรับทันที ท่าทางเด็ก
คนนี้ฉลาดออก ดูจะพูดรู้เรื่อง
แม้จะมีส่วนคล้ายคู่ปรับของเขาก็ตาม ข้าวโอ๊ตทําหน้างง ๆ ไม่เข้าใจว่าคุณอาตัวโต
คนนี้พูดอะไร แกเคยชิน
กับการนอนกับสายฝน คืนนี้ไม่มีฝนจ๋ากล่อมแกเลยร้องหายุ้งจ๋าแทน เพราะ
ลักษณะท่าทาง คําพูด ความสวยไม่
ต่างกันนัก
‚น่าลัก ยุ้งจ๋าน่าลัก‛ คําตอบที่ออกจากปากไร้เดียงสานั้นบอกให้ตนุภัทรรู้ว่า
ข้าวโอ๊ตไม่เข้าใจที่เขาพูด
‚ให้ตายเถอะ ! นายวรเมธว่าแสบแล้ว หลานชายยังแสบกว่าอีก ‛ เขาลืมตัว
บ่นออกมาด้วยสีหน้ายุ่งยาก
‚อาลายตาย‛ ข้าวโอ๊ตถามพลางจ้องหน้าตนุภัทรนัยน์ตาแป๋ว ตนุภัทรสงสัย
ว่านั่นคือความใสซื่อ
ของเด็กหรือถูกเด็กแกล้งกันแน่ ความจริงเขาควรจะระวังคําพูดบ้างเพราะเด็กกําลัง
หัดพูด หัดจํา คิดแล้วอยาก
บ่นออกมาดัง ๆ ว่าเด็กแสบ เขาเริ่มรู้สึกว่าจนปัญญาที่จะจัดการกับเด็กคนนี้ น่าจะ
โทรไปเรียกตัวอาของเด็กคนนี้
มารับกลับไปนัก ขณะที่เขากําลังกลุ้มใจอยู่นั้น สายรุ้งก็เดินยิ้มตรงมาที่เตียงและ
เตรียมตัวนอน พอเห็นหน้ายุ่งยาก
ลําบากใจของเขาก็หัวเราะขํา
‚เกิดอะไรขึ้นคะ อย่าบอกนะคะว่าแพ้เด็ก ‛ นอกจากจะไม่เห็นใจเขาแล้วยัง
ยั่วอีก
‚แพ้ตรงไหน ผมแค่แสดงน้ําใจกับเด็ก เอาใจนายข้าวโอ๊ตของคุณก็เท่านั้นเอง
ผมถามจริง ๆ เถอะ คุณจะ
ให้ข้าวโอ๊ตนอนบนเตียงนี้หรือ ‛ เขาไม่ยอมรับความจริง ทําตัวเหมือนเด็กทํา
ความผิดแล้วถูกผู้ใหญ่จับได้แต่ไม่
ยอมรับ สายรุ้งนั่งลงบนเตียงข้าง ๆ ข้าวโอ๊ต ยื่นหน้าไปหอมแก้มใสของแก
‚ข้าวโอ๊ตครับ เกเรกับคุณอาภัทรหรือเปล่าครับ บอกยุ้งจ๋ามาซิ ‛
‚ไม่เกเลคับ‛
ตนุภัทรได้ยินคําตอบของข้าวโอ๊ตแล้วเกิดอาการคันไม้คันมืออยากทําร้าย
เด็กก็วันนี้แหละ
เด็กอะไร ทีเขาบอก กลับทําเป็นไม่รู้เรื่อง ทีกับสายรุ้งตอบได้รู้เรื่องแถมยังประจบ
อีก แสบนักเด็กคนนี้
เขาทําท่าฮึ่ม ๆ เอากับเด็ก ก่อนจะประชดขึ้นมาว่า
‚หลงกันเข้าไป เชื่อเข้าไป คําพูดของเด็กสร้างบ้าน‛
สายรุ้งเห็นท่าทางพาลแบบไร้เหตุผล ทําตัวเหมือนเด็กเกเรตัวโตก็ขํา นึก
อยากแกล้งหนักเข้าไปอีก
‚รุ้งเริ่มสงสัยแล้วซิคะว่าข้าวโอ๊ตจะมีเพื่อนเกเรตัวโข่ง ข้าวโอ๊ตครับ อย่าไปคบ
เพื่อนแบบนี้นะครับ
เรานอนกันดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะถูกเด็กโข่งรังแกเอา นอนนะครับ ข้าวโอ๊ตคนดีของ
ยุ้งจ๋า‛ สายรุ้งพูดจบ
ข้าวโอ๊ตก็โผเข้าหาร่างหอมละมุนของยุ้งจ๋าที่หอมไม่แพ้ฝนจ๋า หอมแก้มเนียนหลาย
ทีก่อนล้มตัวลงนอน
‚นอน ๆ ยุ้งจ๋า‛ ท่าทางกับคําพูดร้ายเดียงสาของข้าวโอ๊ตยิ่งทําให้เด็กโข่ง
อยากไปนอนดิ้นตายให้ได้
‚ตกลงคุณจะนอนกอดข้าวโอ๊ตจริง ๆ หรือ แล้วผมล่ะ จะกอดอะไร‛ เมื่อทํา
อะไรไม่ได้ก็ทวงสิทธิ์อันพึงมี
สายรุ้งพยักหน้า ยิ้มหวานให้
‚ถูกต้องแล้วครับ เก่งจัง รู้ได้ไงคะ รุ้งง่วงแล้ว ขอนอนก่อนนะคะ ถ้าคุณยังไม่
ง่วงก็เชิญตามสบายนะคะ‛
พูดจบก็ล้มตัวลงนอนกอดข้าวโอ๊ต ปิดไฟหัวเตียงข้าง ๆ ตนุภัทรจ้องมองสายรุ้งด้วย
สายตาทั้งชังทั้งหมั่นไส้
‘ทํากันได้ลงคอ คืนนี้จะหลับได้ยังไงกัน ดูเจ้าเด็กแสบนี่ นอนยิ้มเสียด้วย สุขจริงนะ
นายวรเมธเข้าใจส่งหลานชาย
ตัวแสบมาป่วนจริง ๆ ที่น่าทําโทษมากที่สุดคือที่รักจ๋ามากกว่า ช่างยั่วนัก เดี๋ยวพ่อ
ทนไม่ไหวขึ้นมาจับปล้ําต่อหน้า
เด็กเสียเลย’ เขาได้แต่ฮึดฮัดก่อนปิดไฟหัวเตียงแล้วล้มตัวลงนอนอย่างปลง ๆ คืนนี้
พักเอาแรงก่อนก็ได้
พรุ่งนี้ค่อยหาทางเอาตัวเด็กแสบไปคืนอาตัวแสบ สายรุ้งเห็นอาการหงุดหงิดกับ
ใบหน้าของตนุภัทรแล้วลอบยิ้มก่อนจะผล็อยหลับไป

มาถึงโรงพยาบาลวรเมธก็ตรงดิ่งไปถามพยาบาลที่หน้าเคาน์เตอร์
ประชาสัมพันธ์ ถามหาคนที่แผนกอายุรเวช
จากนั้นก็รีบเดินไปหาสายฝน สายตากวาดมองผู้คนไปรอบ ๆ เห็นแม่ครัวแหวนนั่ง
ปะปนอยู่กับผู้ที่มาตรวจรักษา
เขาตรงดิ่งเข้าไปทันที
‚คุณฝนอยู่ไหน พี่แหวน‛ เสียงร้อนรนถามทันที
‚อยู่ในห้องตรวจค่ะ‛ แม่ครัวแหวนพูดจบวรเมธก็วิ่งพรวดเข้าไปห้องตรวจโดย
ที่พยาบาลห้ามไม่ทัน
‚หมอ ภรรยาผมเป็นอะไรไปครับ‛ เขายิงคําถามทันที หมอยิ้มให้อย่างใจเย็น
‚เชิญนั่งครับ หมอกําลังให้คําแนะนําภรรยาคุณอยู่พอดี ‛ หมอพูดอย่างใจดี
สายฝนหันไปมองผู้บุกรุกแล้ว
ยิ้มให้
‚คุณเมธ ฝนไม่เป็นไรหรอกค่ะ ดูสิ ทําเอาหมอกับใคร ๆ แตกตื่นกันหมด คุณ
หมอคะ ดิฉันต้องขอโทษแทน
สามีด้วยค่ะ‛ น้ําเสียงสายฝนฟังดูอ่อนโยน
‚ไม่เป็นไรครับ เป็นใครก็ห่วงครับ ถ้ามีภรรยาสวยน่ารักอย่างคุณ คุณสบาย
ใจได้เลยครับ ภรรยาคุณไม่
เป็นอะไร อาการปกติของคนที่กําลังจะเป็นแม่คน‛
วรเมธตัวชา นิ่งแข็งเป็นหินไปครู่หนึ่งก่อนถามย้ําเพื่อความแน่ใจว่า
‚คุณหมอหมายความว่าภรรยาผมท้องหรือครับ ‛
‚ใช่ครับ ประมาณเดือนหนึ่งแล้วครับ ยินดีด้วยนะครับคุณพ่อคนใหม่ ‛
คําตอบของหมอทําให้เขาดีใจ
อย่างบอกไม่ถูก เผลออุทานออกมาว่า
‚ไชโย ! ในที่สุดข้าวโอ๊ตก็มีน้องแล้ว ‛
สายฝนรีบสะกิดแขนเขาเบา ๆ ใบหน้าเขินจัด ยื่นหน้าเข้าไปกระซิบเบา ๆ
‚คุณเมธ ตะโกนออกมาได้ อายเขา‛
วรเมธเพิ่งรู้ตัว หัวใจเต้นแรงทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจเป็นที่สุด หมอยิ้มเพราะมองเป็นเรื่อง
ปกติ คงเพราะพบเจอบ่อย ๆ
‚หมอขอเตือนว่าท้องสามเดือนแรกเป็นระยะที่ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะมี
โอกาสแท้งได้ง่าย ให้หลีกเลี่ยง
การยกของหนัก ทํางานหนัก พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด หมอจะให้ยาบํารุงครรภ์
ไปทาน‛
‚ขอบคุณครับหมอ‛ วรเมธพูดจบก็ประคองสายฝนออกจากห้องตรวจ สาย
ฝนพยายามขืนตัว บอกตัวเองว่า
ความยุ่งยากตามมาแน่ ๆ เจอคุณพ่อบ้าเห่อขนาดหนัก ออกมาเจอแม่ครัวแหวนวร
เมธก็ชิงพูดขึ้นว่า
‚พี่แหวนกลับกับรถที่บ้าน ผมจะพาคุณฝนกลับเอง ฝากรับยาด้วย เอาเงินนี่
ไป‛ เขายื่นเงินให้แม่ครัวแหวน
‚คุณฝนเป็นอะไรคะ คุณเมธ‛ แม่ครัวแหวนยังไม่หายสงสัย
‚กําลังจะมีน้องให้ข้าวโอ๊ต ‛ วรเมธตอบ แม่ครัวแหวนยิ้มอย่างดีใจ
‚แหวนนึกแล้วเชียว อาการแบบนี้ ดีใจจัง แหวนขอตัวไปรับยาก่อน แล้วจะ
ตามกลับไปค่ะ‛ แม่ครัวแหวนรีบ
เดินจากมา อยากโทรบอกข่าวดีให้คนในบ้านรู้ก่อนต่างหาก สายฝนเห็นท่าทางแม่
ครัวแหวนแล้วส่ายหน้าปลง ๆ
นึกถึงชะตากรรมที่จะตามมา ยิ่งเจอคุณพ่อบ้าเห่อด้วยแล้วยิ่งแย่หนัก เขาทํา
เหมือนเธอเป็นคนง่อยเปลี้ย
เสียขาต้องประคองพาเดินไปตลอดจนผู้คนที่เดินผ่านไปมาพากันมองแล้วยิ้ม
‚คุณเมธ ฝนเดินเองได้ค่ะ ไม่ต้องประคอง ดูสิ คนมองใหญ่แล้ว อายเขาน่ะ
ค่ะ‛ สายฝนเริ่มประท้วง
‚ม่ายด้าย หมอยิ่งบอกให้ระวังในช่วงสามเดือนแรก กว่าผมจะได้ลูกคนนี้มา
พยายามแทบแย่
กลัวแพ้ไอ้น้องเขยตัวแสบ เห็นทีต้องโทรไปประกาศให้รู้ก่อนว่าใครแน่กว่าใคร ถ้ารู้
ว่านายข้าวโอ๊ตไม่อยู่ทําให้
น้องกล้ามาเกิด ผมถีบออกจากบ้านนานแล้ว ‛
สายฝนพอได้ยินเหตุผลของเขาแล้วทั้งอายทั้งฉุน ที่แท้...ไม่ได้เห่อ แค่อยาก
อวดชั้นเชิงกันระหว่างชายด้วยกัน มันน่านัก...เธอจิกเล็บเข้าไปที่แขนเขาอย่างแรง
แล้วเดินหนีทันที เขารีบเดินตามอย่างไม่เข้าใจ หรือว่าอารมณ์แปรปรวน พี่ชายของ
เขาเคยพูดให้ฟังบ่อย ๆ ว่าคนท้องหงุดหงิดง่าย พูดอะไรผิดหูหน่อยก็โกรธ เห็นทีจะ
จริง แต่ทําไมเร็วนักล่ะ
‚อะไรกัน อยู่ดี ๆ มาทําร้ายร่างกายผมฮึ ฝนจ๋า ‛ เขายังไม่รู้ตัว
‚มันน่าโดนมากกว่านี้อีก ฝนคิดว่าคุณดีใจที่มีลูก ที่แท้ก็กลัวแพ้คุณภัทร
ปล่อยได้แล้ว ไม่ต้องมาแกล้งทําเป็น
เอาใจแล้ว‛ สายฝนผลักเขาออก เขายิ้ม จริงสิ ไม่น่าเผยความในใจออกไปเลย แต่
เขาก็ดีใจจริง ๆ นี่นา
‚อย่างอนเลยนะ ฝนจ๋า เดี๋ยวลูกออกมาแสนงอนตามแม่นะ ผมขอโทษ ผมดี
ใจจริง ๆ นะ‛ เขาตามงอนง้อ
‚แน่ใจนะคะว่าดีใจ ไม่ใช่อยากแข่งกับคุณภัทรเหรอ‛ สายฝนไม่เชื่อ
‚เออ ! ก็มีส่วนบ้าง แต่เทียบไม่ได้กับการได้เป็นพ่อหรอก จริง ๆ นะ ฝนจ๋า
ผู้ชายทุกคนพอรู้ว่าเมียท้อง
ก็ดีใจกันทั้งนั้น ที่ไม่ดีใจก็มีแต่พวกที่ไม่รักกันจริงหรือแต่งงานกันด้วยความจําใจ
คุณกับผมแต่งงานด้วยความรัก
ความเข้าใจ แล้วผมจะไม่ดีใจได้ยังไงกันที่เราจะมีพยานรักคนแรก หายโกรธนะ...
นะฝนจ๋า รีบกลับบ้านไปบอก
ข่าวดีให้ทุกคนรู้ดีกว่า ‛
‚ก็ได้ค่ะ เห็นแก่เหตุผลที่อุตส่าห์ยกมาอ้างเพื่อเอาตัวรอด เอาเป็นว่าฝนเชื่อก็
แล้วกันว่าคุณดีใจ‛
‚แล้วกันสิ ไม่เชื่อเลยเหรอ ดีละ ไว้กลับบ้านก่อนผมจะจัดงานเลี้ยงฉลองเพื่อ
ประกาศให้ทั่วว่า นักธุรกิจหนุ่ม
ไฟแรง หน้าตาดี มีลูกแล้ว ห้ามสาว ๆ ที่ไหนมาทําตาเล็กตาน้อยอีก เดี๋ยวเมียงอน
หอบลูกในท้องหนี ดีมั้ย ‛
สายฝนค้อนให้ด้วยความหมั่นไส้
‚ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ยว่ายังมีสาว ๆ ชายตามองอยู่อีก แหม ! อยากรู้จักจัง ไม่
เห็นพามาให้รู้จักบ้างเลย จะได้ประกาศ
ยกให้เพราะฝนเบื่อแล้ว สามีหลงตัวเอง‛ สายฝนเบรกอย่างแรง
‚ให้มันได้อย่างนี้สิเมียเรา ผมไม่พูดเล่นแล้ว กลับบ้านดีกว่า หน้าตาคุณยังไม่
ค่อยดี คนท้องควรพักให้มาก ๆ
ต่อไปไม่ต้องทํางานบ้านอะไรอีกแล้วนะ ผมไม่ให้ทํา ‛ คราวนี้น้ําเสียงจริงจังมาก
สายฝนเริ่มกังวล ทุกวันนี้ที่อยู่
บ้านได้อย่างมีความสุขไม่บ่นเบื่อเหมือนสายรุ้งก็เพราะเธอยังทําหน้าที่แม่บ้าน
เหมือนเดิม และมีข้าวโอ๊ตให้เล่นด้วย
แต่ถ้าถูกสั่งห้ามหมดมีหวังเบื่อแย่ เธอรู้ว่าเขาพูดจริงไม่ได้พูดเล่น การค้านไม่ได้ผล
แน่ ต้องใช้วิธีนิ่มนวล
‚งานอื่นไม่ทําก็ได้ค่ะ แต่ขอทํางานปรนนิบัติสามีที่รักกับดูแลข้าวโอ๊ตได้มั้ย
คะ ฝนกลัวถูกสามีทิ้งข้อหา
บกพร่องต่อหน้าที่ภรรยาค่ะ ‛
วรเมธยิ้มกับข้ออ้างฉลาด ๆ ที่เขาไม่กล้าปฏิเสธ
‚เมียน่ารักแบบนี้ ไม่ทําตามคําขอก็เกินไปแล้วครับ จริงมั้ย ฝนจ๋า ‛
‚จริงที่สุดค่ะเจ้านายที่รัก‛
แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน

สิบโมงกว่าแล้ว ตนุภัทรยังไม่ตื่น เพราะเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ ถูก


หลานชายตัวแสบของวรเมธเล่นงานทั้งคืน
เด็กอะไรไม่รู้นอนดิ้นน่าดู ขยันดิ้นไปทั่วเตียง แถมดิ้นทีไรมาทางเขาทุกที ไม่ไปทาง
สายรุ้งเลย ยุ้งจ๋าเลยหลับสบายจนถึงเช้า ส่วนเขากว่าจะหลับได้จริง ๆ ก็เกือบหก
โมงเช้า สายรุ้งเดินเข้ามาในห้องเห็น
ร่างสูงใหญ่หลับสนิท เสียงลมหายใจสม่ําเสมอก็ยิ้มให้ น่าสงสารเหมือนกัน ถูก
ข้าวโอ๊ตกวนทั้งคืน ‘จะปลุกดี
หรือปล่อยให้นอนให้เต็มอิ่มก่อนดีนะ ปลุกดีกว่า ต้องรีบให้ออกจากบ้านก่อนคุณ
เมธจะมารับ เมื่อเช้าโทรมาบอก
ว่าจะมารับข้าวโอ๊ตกลับพร้อมพี่ฝน และเอาสัญญามาให้ เรื่องที่เราแอบทํากับคุณ
เมธจะให้คุณภัทรรู้ไม่ได้เป็น
อันขาด เดี๋ยวแผนแตกหมด’ สายรุ้งนั่งลงบนเตียง ยื่นหน้าเข้าไปสัมผัสเบา ๆ ที่ริม
ฝีปากหนาได้รูป
หวังจะปลุก แต่กลับถูกรัดไว้ทั้งตัว
‚คิดว่าจะใจร้ายไม่มาดูดําดูดีสามีคนนี้เสียแล้ว เห็นหลงแต่เด็ก ‛
สายรุ้งยิ้ม นิ้วเรียวสวยไล้ปากคนช่างค่อนขอด
‚คนอะไรหึงแม้กระทั่งเด็ก จะบอกให้นะคะ รุ้งโทรบอกให้คุณเมธมารับกลับ
วันนี้แล้วค่ะ สงสารใครบางคน
กลัวจะพกหมีแพนด้าไปทํางาน ไม่เหลือมาดนักธุรกิจคนเก่งที่ใคร ๆ ขยาด‛
‚อย่างนี้ค่อยชื่นใจหน่อย รู้มั้ย ผมเกือบน้อยใจจนไปโดดตึกแล้วนะ คิดว่าเมีย
เราไม่สนใจ‛
‚เสียดายจัง รู้งี้ทําเป็นไม่สนใจดีกว่า อยากเห็นคนดังโดดตึก เราจะได้ยึด
มรดกไว้ครอบครองแต่เพียง
ผู้เดียว‛
‚ใจร้ายที่สุด อย่างนี้ต้องเอาคืนบ้างแล้ว ‛ ว่าพลางพลิกร่างสายรุ้งลงข้างล่าง
‚อย่าค่ะ สายแล้ว รีบลุกไปอาบน้ําแล้วไปทํางานดีกว่านะคะที่รักจ๋า ‛ สายรุ้ง
รีบห้ามก่อนที่อะไร ๆ จะยั้งไม่อยู่
เขาหัวเราะขํา
‚ที่รักจ๋า ผมยังไม่ได้คิดอะไรเลย คุณคิดไปถึงไหนน่ะ อย่าคิดลึกสิ ‛ สายรุ้ง
ผลักเขาออกทันทีแล้วรีบลุกขึ้น
‚คนร้ายกาจ เจ้าเล่ห์ที่สุด หลอกได้หลอกดี ระวังเขาเอาคืนบ้างนะ‛ พูดจบ
เธอก็หมุนตัวออกจากห้อง แต่
แทนที่จะออกจากห้องกลับวิ่งพรวดเข้าห้องน้ํา แล้วรีบโก่งคออาเจียน ตนุภัทรตกใจ
รีบลุกแล้วก้าวพรวดตามเข้าไป
ลูบหลังอย่างเป็นห่วง สายรุ้งอาเจียนจนหมดไส้หมดพุงก็ว่าได้ มือแข็งแรงประคอง
ตัวไว้แล้วยื่นแก้วน้ําให้บ้วนปาก
ก่อนอุ้มพามานอนบนเตียง มองใบหน้าขาวซีดที่นอนหมดเรี่ยวหมดแรงแล้วยิ้มให้
‚ไงคนเก่ง ไปกินอะไรผิดสําแดงมา ถึงได้อาเจียนจนท้องไส้แทบจะหลุด
ออกมาด้วย‛ เขาแกล้งแซวแม้ใจ
จะเป็นห่วงและสงสารจับใจก็ตาม สายรุ้งสะดุดคําว่าท้องไส้ นอนนิ่งคิดทบทวน
จริงสินะ สิ่งที่ควรมายังไม่มาเลย
หรือว่า...ใบหน้าเปลี่ยนจากซีดเป็นสีชมพูเข้มก็ว่าได้ ตนุภัทรเห็นแล้วไม่เข้าใจ
‚ที่รักจ๋า อยู่ดี ๆ ทําไมหน้าก็แดง หรือว่าไข้ขึ้น ‛ เขารีบวางมือลงนหน้าผากมน
‘ตัวไม่เห็นร้อนเลย โทรเรียก
หมอดีกว่า’ เขาขยับตัวจะหยิบโทรศัพท์มือถือโทรหาเพื่อน พลันเสียงเคาะประตู
ห้องก็ดังขึ้นตามด้วยเสียงข้าวโอ๊ต
‚ยุ้งจ๋า เปิด ๆ‛
‚ข้าวโอ๊ตนี่ ช่วยเปิดประตูรับแกหน่อยเถอะค่ะ ‛ สายรุ้งขอร้องเขาอย่าง
อ่อนหวานจนเขาแปลกใจ สงสัยจะไม่
สบายจนกลายเป็นสาวหวานไปแล้วกระมัง เขาลุกไปเปิดประตูด้วยสีหน้าไม่ค่อย
พอใจนักที่ต้องปะทะกับเด็กแสบ
หลานของคู่ปรับ พอเปิดก็พบว่าข้าวโอ๊ตยืนยิ้มอยู่พร้อมกุลชาแม่ยาย
‚คุณภัทร แม่ไม่อยากกวนหรอก แต่ข้าวโอ๊ตสิ รบเร้าให้พามาหารุ้งให้ได้ ‛ กุล
ชาออกตัว
‚คือ...รุ้งไม่สบายครับแม่ อยู่ดี ๆ ก็อาเจียนจนหมดไส้หมดพุง ผมกําลังจะโทร
เรียกหมออยู่พอดี‛
‚รุ้งไม่สบาย ? ขอแม่เข้าไปดูหน่อย‛ กุลชารีบก้าวเข้าไปในห้อง สายรุ้งเห็น
มารดาก็ยิ้ม น้ําตาพานจะ
ไหลให้ได้ วินาทีแรกที่รู้ว่ากําลังจะมีลูก เธอก็เข้าใจความรู้สึกของคนที่เป็นแม่ ช่าง
เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่แท้ ๆ ท่าทางของเธอทําให้ตนุภัทรกับกุลชาไม่เข้าใจ ส่วนเจ้า
ตัวเล็กพอเห็นยุ้งจ๋าน้ําตาไหล ก็เดินเข้าไปหอมแก้มแล้วพูดว่า
‚โอ๋ ๆ อย่าย้องนะ ยุ้งจ๋า‛ การแสดงความรักอันไร้เดียงสาของข้าวโอ๊ตทําให้
สายรุ้งยิ้มขํา รวมถึงกุลชาด้วย
‚ขอบใจจ้ะ ข้าวโอ๊ต ได้รับความรักจากข้าวโอ๊ต ยุ้งจ๋าหายแล้วครับ ‛ สายรุ้ง
ยิ้มตอบข้าวโอ๊ต แล้วหันไป
มองหน้ามารดาอีกครั้ง สายตาจ้องมองด้วยความรักอย่างสุดซึ้ง กุลชามองตอบ
ด้วยความเป็นห่วง
‚รุ้ง ร้องไห้ทําไมลูก มีอะไรเล่าให้แม่ฟังซิ ถ้าไม่สะดวกจะเล่าให้คุณภัทรฟัง ‛
กุลชาเช็ดน้ําตาให้ สายรุ้ง
ลุกขึ้นกอดมารดาไว้แน่น พูดว่า ‚แม่คะ รุ้งรักแม่ที่สุดเลย‛ ทุกคนเลยยิ่งงงไปใหม่
กุลชาดันร่างบุตรสาว
ออกห่าง
‚ตกลงรุ้งเป็นอะไรกันแน่ รุ้งทําให้แม่กับคุณภัทรงงไปหมดแล้วนะลูก ‛
‚รุ้งไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นค่ะ รุ้งเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าความรักของแม่ยิ่งใหญ่แค่
ไหน‛ สายรุ้งพูดแค่นั้นก็ซบหน้ากับอกของมารดา กุลชานิ่งแล้วยิ้ม ตีแขนบุตรสาว
เบา ๆ
‚เรื่องน่ายินดีกลับร้องไห้ เด็กไม่โต เป็นแม่คนแล้วนะ‛
ตนุภัทรอึ้ง ตัวชาเมื่อได้ยินที่กุลชาบอก
‚หมายความว่ารุ้งกําลังจะมีลูกให้ผมหรือครับคุณแม่ ‛ เขาไม่รู้ว่าถามออกไป
ได้อย่างไร
‚ไม่ผิดหรอก คุณภัทร รุ้งท้อง มิน่าเล่าเช้านี้พอเห็นพี่น้อยทํามะม่วงน้ําปลา
หวานก็รีบวิ่งเข้าหา แย่งกินหมด
ยังขอให้ปอกอีกลูก เอาที่เปรี้ยวหน่อย‛ พอกุลชายืนยัน เขาก็รู้สึกลอย ๆ ชอบกล ดี
ใจที่สุดในชีวิตก็ว่าได้
เขาจะได้เป็นพ่อแล้ว ลูกเขาจะหน้าตาเป็นอย่างไรนะ เหมือนใคร อยากเข้าไปกอด
คนท้องนัก แต่ติดที่แม่ยาย
ยังอยู่ กุลชาเหมือนจะรู้ใจ จึงลุกขึ้นพลางพูดว่า
‚รุ้งพักก่อนนะ แม่จะไปโทรเรียกหมอแทนคุณภัทร และโทรบอกพี่ฝนของรุ้ง
ด้วย กําลังจะได้เป็นคุณป้าแล้ว
ไปข้าวโอ๊ต ไปกับยาย ไปคุยกับฝนจ๋ากัน ‛ กุลชาจูงมือข้าวโอ๊ตออกไปจากห้องทิ้งให้
สามีภรรยาอยู่ตามลําพัง
พอแม่ยายไปแล้ว ตนุภัทรจึงกอดสายรุ้งไว้แนบอกทันที หอมแก้มเนียนนุ่มติด ๆ กัน
หลายที จนถูกมือเรียวสวยผลัก
ออกกลัวแก้มจะช้ําเสียก่อน
‚นี่คุณ รุ้งท้องนะ อย่าหื่นสิ ‛
‚ก็ผมดีใจนี่ มีเมียน่ารักที่สุด รู้ใจสามีว่าอยากมีลูกไว ๆ เลยรีบมีให้ น่ารักจริง
ๆ ที่รักจ๋า‛ พูดจบก็ทําท่าจะ
หอมแก้มซ้ําอีก แต่สายรุ้งรีบห้ามก่อน
‚อย่านะ เดี๋ยวแก้มช้ํากันพอดี ใครบอกว่ารุ้งอยากรีบมีลูก ยังใช้ชีวิตสาวไม่
คุ้มค่าเลย คุณนั่นแหละร้ายที่สุด
ทําลายชีวิตสาวของรุ้ง แทนที่จะได้ทํางาน สนุกสนานกับชีวิตอิสระกลับต้องมาอุ้ม
ท้องแทน ไม่น่ายอมแต่ง
กับคนร้ายกาจเจ้าเล่ห์หื่นจัดเลยจริง ๆ‛ สายรุ้งบ่นเป็นชุด เขาหัวเราะขํา
‚ตกลงผมผิดคนเดียวสินะ เอาเถอะ ยอมเพื่อคนที่เรารัก ผมดีใจมากเลย อีก
ไม่นานก็จะมีคนเรียกผมว่าพ่อแล้ว
แต่เป็นคุณพ่อขา หรือคุณพ่อครับนี่สิน่าลุ้น คิดอีกทีมีอีกสักสองสามคนดีกว่า
สมบัติมากมายมีคนเดียวบริหาร
ไม่ไหวแน่‛ พูดจบก็ร้องโอ๊ยทันที
‚ตาหื่น คิดเอาแต่ได้ ใครจะยอมมีลูกกับคุณหลาย ๆ คน คนเดียวก็เกิน
พอแล้ว‛ สายรุ้งคนเดิมกลับมาแล้ว
‚ทําไมจะมีอีกไม่ได้ คุณไม่ได้เป็นหมันเสียหน่อย หรืออยากให้ผมไปมีกับคน
อื่นแทน‛ เขาร้ายไม่เบา
‚เชิญตามสบาย ไปแล้วก็อย่าหวนกลับมาหารุ้งอีก จําไว้ ‛ สายรุ้งขู่ทั้งเสียงทั้ง
ตา
‚ดุจังเลยเมียจ๋า สงสัยลูกในท้องคงเป็นลูกสาวแหง ๆ แม่ถึงได้ดุอย่างกับแม่
เสือขี้หึง ไหนดูหน่อยสิว่าใช่
ลูกสาวหรือเปล่า‛ ตนุภัทรวางมือบนหน้าท้องของสายรุ้ง
‚ไม่ต้อง เอามือออกไปห่าง ๆ เลย ปล่อยได้แล้ว รุ้งจะลุกไปเปลี่ยนเสื้อ ‛ เธอ
หมายความว่าอย่างนั้นจริง ๆ
เสื้อเปื้อนครับอาหารตอนอาเจียนอย่างหนัก แต่เขากลับไม่ยอม
‚ผมเปลี่ยนให้เองดีกว่า ไม่ต้องลุก เดี๋ยวจะเป็นลมไป รอผมเดี๋ยวนะ ผมไป
หยิบเสื้อให้‛ เขาทําท่าจะลุกไป
หยิบเสื้อตามที่พูด แต่เธอรั้งไว้เอง
‚ถ้าอย่างนั้นยอมอายหมอ ไม่ต้องเปลี่ยน ขืนให้คุณเปลี่ยน กว่าจะเสร็จคง
อีกนาน‛ พูดแล้วอยากกัดปาก
ตัวเองนัก ใบหน้าแดงก่ํา เขายิ้มอย่างรู้ทัน จริงสิ เขากับเธอสัมผัสต้องกันได้เมื่อไร
กัน เขาหัวเราะล้อเลียน
‚เมื่อไหร่จะเลิกอายนะ ตั้งเดือนกว่าแล้ว ‛
เธอถลึงตาใส่เขา
‚เอาละ ไม่หัวเราะแล้ว ไม่ล้อแล้ว วันนี้เป็นวันดีจริง ๆ หลังจากเมื่อคืนถูกเด็ก
แสบกวนทั้งคืน สงสัยต้องโทร
ไปเยาะคุณอาของเด็กแสบนั่นหน่อย ยังไงเสียเรื่องนี้ก็แพ้ผมวันยังค่ํา ‛
สายรุ้งทุบเข้าให้ที่อกกว้าง
‚คนปากเสีย จะทําให้อายไปถึงไหน คุณเมธออกจะดี ไม่เห็นร้ายอย่างคุณ
เลย แล้วทําไมต้องป่าวประกาศ
ให้เขารู้ด้วย แค่มีลูก ไม่ใช่ เรื่องใหญ่โตอะไร‛
‚ใครบอกไม่ใช่เรื่องใหญ่ ผมยังคิดจะลงโฆษณาจัดงานบอกให้ชาวบ้านรู้ด้วย
นะ สาว ๆ จะได้ไม่มากวนใจ
ผมจะได้มีชีวิตอยู่กับที่รักจ๋าของผมอย่างมีความสุข ปราศจากคลื่นรบกวน‛
‚ที่พูดเนี่ยหมายความว่ามีสาว ๆ มาพัวพันด้วยใช่มั้ย ‛ เสียงถามเริ่มเข้ม หึง
อีกจนได้ เขาหัวเราะขํา
สายรุ้งจึงรู้ว่าถูกหลอกอีกแล้ว
‚ขํานักหรือที่หลอกรุ้งได้ คิดหรือว่าจะหึง ไม่เห็นมีอะไรน่าหึงสักนิด ถ้าไม่อาย
ก็ประกาศลงหนังสือพิมพ์กับ
ลงโฆษณาในทีวีสิ รับรองมีข่าวซุบซิบแน่ นักธุรกิจหนุ่มบ้าเห่อ ไม่เคยมีลูก ถึงกับลง
ประกาศโฆษณากลัวคนอื่น
ไม่รู้‛
‚น่าสนแฮะ จะได้ดัง ผมไม่อายหรอก แต่เกรงว่าคุณจะไม่กล้าออกจากบ้าน
มากกว่า นักข่าวต้องรุม
ขอสัมภาษณ์คุณแน่ ขอเคล็ดลับมัดใจทําให้สามีนักธุรกิจหนุ่มหล่อทั้งรักทั้งหลงจน
ยอมทําอะไรบ้า ๆ‛
สายรุ้งแทบอยากฆ่าหมกคนร้ายกาจตรงหน้าทันที ร้ายนัก ไม่น่ารักเลย ให้
ตายเถอะ เขาเห็นอาการเธอแล้วก็
รีบกอดประจบและพูดต่อว่า
‚ผมล้อเล่น เอาละ นอนพักสักครู่ก่อนนะ ผมขอโทรไปเยาะเย้ยพี่เขยผมก่อน‛
แต่ยังไม่ทันที่จะได้โทร
พี่เขยตัวแสบก็โทรเข้ามาก่อน เขาอยากบ่นออกมาดัง ๆ ว่าช่างอายุยืนจริง ๆ
‚ไง คุณเมธ โทรมาชวนผมร่วมทุนอีกหรือไง‛ เขาดักคอคนโทรทันที
‚เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ยังไงเสียคุณก็ต้องร่วมทุนเปิดบริษัทท่องเที่ยวครบวงจร
กับผมอยู่แล้ว ที่โทรมานี่ก็แค่จะบอกว่า
คุณกําลังจะมีหลานในอีกแปดเดือนข้างหน้านี้ ผมบอกแล้ว ยังไง ๆ เสียผมก็ก้าวล้ํา
กว่าคุณวันยังค่ํา ผมกําลังจะ
ไปประกาศข่าวดีให้คุณแม่กับคุณรุ้งรู้ และรับนายข้าวโอ๊ตกลับด้วย‛
ตนุภัทรฟังแล้วเจ็บใจนัก เขาช้ากว่าเพียงแค่ก้าวเดียว แต่คนอย่างเขาไม่เคย
ยอมแพ้ใครอยู่แล้ว
‚เรื่องแค่นี้เองทําเป็นคุย ผมจะบอกให้ คุณก็จะมีหลานแล้วเหมือนกัน อีก
อย่าง เรื่องร่วมทุนพับเก็บไปได้เลย
ผมไม่อยากมีหุ้นส่วนอย่างคุณ ‛ เขาได้ยินเสียงวรเมธหัวเราะมาตามสาย
‚สงสัยคุณยังไม่รู้อะไรแน่ ๆ เลย ลองถามน้องเมียผมดูก่อนนะ แล้วเจอกัน
เราจะได้คุยรายละเอียดกัน‛
พูดจบวรเมธก็ตัดสัญญาณทันที ตนุภัทรหันมาทางสายรุ้งที่ทําหน้าสงบเสงี่ยมเจียม
ตัวแล้วยิ้มประจบ
‚หมายความว่ายังไง บอกมาซิ ‛ เสียงถามเอาเรื่อง ความยินดีเรื่องลูกหายไป
ทันที
‚ก็...ก็...หมายความว่า รุ้งเซ็นสัญญาร่วมทุนไปเรียบร้อยแล้ว ตามกฎหมาย
สามีภรรยาทํานิติกรรมอะไร
ก็ถือว่าอีกฝ่ายมีส่วนด้วย เพราะหลังจดทะเบียนแล้วถือเป็นคนคนเดียวกัน ใครใช้
ให้คุณไม่อยากให้รุ้งไปทํางานล่ะ
อีกอย่าง รุ้งก็ร่วมทุนกับคนกันเอง ไว้ใจได้ ความรู้ความสามารถเป็นที่ยอมรับของ
สังคมอยู่แล้ว ถือว่าเลยตามเลย
นะคะที่รักขา‛ เสียงอ่อย ๆ อย่างสํานึกผิด ออดอ้อนอีกต่างหาก จริง ๆ เขาเองก็
อยากลองเสี่ยงร่วมทุนกับวรเมธเหมือนกัน แต่อยากแกล้งด้วยการประวิงเวลาไป
ก่อน แต่นี่กลายเป็นถูกคนใกล้ตัวที่ทั้งรักทั้งชัง
ทําเสียแผนหมด มันน่าให้อภัยไหมเนี่ย ต้องลงโทษให้เข็ด
‚ใครบอกว่าเลยตามเลย ผมจะรื้อสัญญาใหม่ ยังไม่เซ็นจนกว่าจะเห็นสัญญา
ดูว่าถูกใจผมมั้ย อย่าคิดว่า
ผมรักแล้วจะทําอะไรก็ได้นะ ขืนก้าวก่ายแบบนี้พ่อซัดไม่เลี้ยงแน่ ‛ น้ําเสียงกับ
ท่าทางยังโกรธจัดอยู่ สายรุ้งไม่
เข้าใจ เรื่องแค่นี้ทําไมต้องโกรธจัด อีกอย่างวรเมธก็ไม่ใช่ใครอื่น ถือเป็นคนใน
ครอบครัวเดียวกัน
‘ทํายังไงให้หายโกรธนะ ไม่อย่างนั้นถูกฆ่าหมกทั้งแม่ทั้งลูกแน่ ลองใช้เสน่ห์
มารยาหญิงดูว่าจะหายโกรธมั้ย ถือว่าทําเพื่อลูกก็แล้วกันนะ ไม่อย่างนั้นลูกอาจมี
สภาพเดียวกับเรา คือพ่อไม่ปลื้ม’ สายรุ้งขยับตัวเข้าไปใกล้ ซบหน้าลงกับอกกว้าง
ซุกหา
ไออุ่น มือเรียวสวยลูบไล้หน้าอกเขาเบา ๆ ต้องการให้คลายอารมณ์โกรธลง
‚รุ้งขอโทษค่ะ รุ้งอยากให้คุณภูมิใจว่าเก่ง ทํางานได้ ได้เรียนงานกับคนเก่ง
อย่างคุณเมธ ย่อมช่วยส่งเสริม
ให้รุ้งเก่ง รุ้งเห็นคุณเหนื่อยเลยอยากช่วยค่ะ ยกโทษให้นะคะที่รักขา‛ เธอยื่นหน้า
เข้าไปหอมแก้มสากทีหนึ่ง แต่
ใบหน้าเขายังคงบึ้งตึงอยู่
‚แล้วทําไมไม่มาขอเรียนกับผม เห็นว่าผมสู้นายคนนั้นไม่ได้งั้นสิ ‛ เสียงยัง
กรุ่น ๆ อยู่
‚ก็...ก็...เรียนได้ที่ไหน คุณกับคุณเมธไม่เหมือนกันในความรู้สึกของรุ้ง ‛
ใบหน้าเริ่มแดง
‚ไม่เหมือนยังไง‛ เสียงเรียบถาม
‚ก็...ก็...ก็อย่างนี้ไงที่รักจ๋า ‛ สายรุ้งจบคําพูดด้วยการยื่นหน้าไปสัมผัสริม
ฝีปากหนาได้รูปและจุมพิตอย่างดื่มด่ํา
อ่อนหวานตามที่เขาเคยสอน รู้สึกทั้งอายทั้งเขินและเกลียดตัวเองนักที่ต้องทําตัว
แบบนี้ ท่องอย่างเดียวเพื่ออนาคต
ที่ดีของเธอและลูก ยอมลงทุนครั้งสําคัญในชีวิตก็แล้วกัน เอาตัวเข้าแลก แต่พอคิด
ได้ว่าเดี๋ยวหมอจะมาตรวจก็รีบ
ขยับกายออกห่าง แต่อีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ แถมยังประท้วงเบา ๆ ว่า
‚อะไรกัน ยังไม่จบเกมเลย เริ่มถอยแล้ว ม่ายไหว คิดว่าจะเก่ง อย่างนี้ต้อง
สอนเพิ่มจะได้ไม่เอาเวลาไปเรียน
เรื่องอื่น เรียนวิชาผูกมัดใจสามีให้หลงเสน่ห์ดีกว่านะที่รักจ๋า ‛
สายรุ้งถึงรู้ว่าถูกแกล้ง ผลักร่างสูงใหญ่ออกอย่างแค้นจัด
‚คนหลอกลวง เจ้าเล่ห์ที่สุด ไม่รู้ละ ถ้าคุณเมธเอาสัญญามาให้เซ็นคุณต้อง
เซ็น ห้ามบิดพลิ้ว ไม่อย่างนั้นโกรธ
แล้วก็จะไม่อยู่ด้วย จะไปอยู่กับพี่ฝน‛ สายรุ้งขู่ จ้องมองเขาอย่างเอาเรื่อง เขายิ้ม
ประจบ
‚จ้ะ ๆ จะรีบเซ็นให้เลย อย่าโกรธเลยนะที่รักจ๋า ‛ เขายอมตกลงโดยไม่มี
เงื่อนไข แต่ใจกลับพูดต่อว่า
‘แต่ขอดูสัญญาก่อนว่าเสียเปรียบหรือไม่ การจะร่วมหุ้นกับใครสักคนต้องรอบคอบ
ไว้ก่อน ใครจะยอมเซ็น
สัญญาง่าย ๆ มันต้องมีเงื่อนไขบ้างละ’
‚ดีมาก แต่...ห้ามตุกติกนะ‛ สายรุ้งไม่โง่ หลอกยาก เขาหัวเราะแหะ ๆ ยังไม่
ทันจะพูดอะไรออกมา
ประตูห้องก็เปิดออก ตามมาด้วยหมอกับกุลชา ป้าน้อย เพื่อตรวจอาการสายรุ้ง
เป็นอันยุติข้อพิพาททั้งปวง
ตอนพิเศษ 3

วรเมธมาถึงบ้านตนุภัทรเกือบเที่ยง แต่เขาไม่ได้มาคนเดียว สายฝนตามมา


ด้วย อยากมาเยี่ยมมารดาและมารับ
ข้าวโอ๊ต พอมาถึงห้องรับแขกก็เห็นข้าวโอ๊ตเล่นอยู่กับกุลชา ป้าน้อย และสายรุ้ง พอ
เด็กน้อยเห็นเธอ
เท่านั้นก็ยิ้มอย่างดีใจ
‚ฝนจ๋า คิดถึง ๆ‛ ร่างใหญ่เกินเด็กสองขวบวิ่งถลาเข้ากอดสายฝน วรเมธรีบ
เข้าไปขวางไว้ก่อนและอุ้มแทน
‚ระวังหน่อย นายข้าวโอ๊ต ฝนจ๋าของเราไม่เหมือนเดิมแล้วนะ มีน้องอยู่ข้างใน
ด้วย‛
ข้าวโอ๊ตทําหน้างง ๆ ดวงตาใสบริสุทธิ์จ้องมองผู้เป็นอาแล้วส่ายหน้าเหมือน
ผู้ใหญ่ สายฝนยิ้ม รวมทั้งผู้ใหญ่ทุกคนในห้องด้วย
‚คุณเมธ ข้าวโอ๊ตยังเด็กเกินจะเข้าใจ ข้าวโอ๊ตจ๋า ไหนบอกว่าคิดถึงฝนจ๋า ไม่
เห็นทําท่าคิดถึงให้ฝนจ๋ารู้เยย
หลอกฝนจ๋านี่ ฝนจ๋าน้อยใจแล้วนะ‛ สายฝนแกล้งทําหน้าน้อยใจ ข้าวโอ๊ตรีบยื่น
หน้าไปหอมแก้มเนียนสวยใส
ของฝนจ๋าติด ๆ กันหลายที จนผู้เป็นอารีบเบรก
‚พอ ๆ นายข้าวโอ๊ต เดี๋ยวแก้มฝนจ๋าช้ําหมด นายข้าวโอ๊ตไม่คิดถึงอาเมธบ้าง
เหรอ อาน้อยใจแล้วนะ‛
ข้าวโอ๊ตเลยสมนาคุณอาตัวใหญ่ขี้ใจน้อยเสียยกใหญ่จนเก้มอาเลอะน้ําลายไปหมด
ขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียง
อาภัทรดังขึ้นด้วยความหมั่นไส้สุด ๆ
‚ช่างรักกันจริงนะอาหลาน สมกันจริง ๆ ทั้งอาทั้งหลาน แสบพอกัน ‛
วรเมธกับข้าวโอ๊ตหันไปมองหน้าตนุภัทรพร้อมกัน แววตาของอาหลาน
เหมือนจะประกาศศึก
‚คุณรุ้งครับ หวังว่าน้องเขยผมคงไม่ระบายอารมณ์แค้นกับเด็กนะครับ ‛ วร
เมธถามสายรุ้ง ไม่พูดกับน้องเขย
ที่ทําหน้าบ่จอยอยู่ สายฝนกับกุลชามองหน้ากันแล้วลอบยิ้ม
‘อีกแล้วสองหนุ่มนี่ เจอกันไม่ได้ ต้องประลองกําลังกันตลอด สายรุ้งเองก็ขํา
แล้วอย่างนี้จะเป็นหุ้นส่วนกันได้ยังไงกัน ’
‚ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครทําอะไรหลานแสบของคุณได้หรอก ทําเอาผมไม่ได้นอน
ทั้งคืน เห็นทีผมต้องคิด
ค่าเสียหายค่าเลี้ยงดูกับคุณแพงหน่อยแล้วละ‛ ตนุภัทรตอบแทนสายรุ้ง วรเมธยิ้ม
เขารู้ดีว่าเพราะอะไร
‘ใช่ว่านายโดนคนเดียวเมื่อไหร่ ขนาดคนเป็นอายังไม่เว้นเลย แค่คืนเดียวทํา
บ่น’
‚ถ้าอย่างนั้นเห็นทีต้องฝากคุณรุ้งเลี้ยงอีกสักสองสามคืน คุณจะได้คุ้นเคยกับ
นายข้าวโอ๊ต เด็กถ้าไม่คุ้นเคย
ก็ยากจะญาติดีด้วย ผมยินดีจ่ายเพื่อให้คุณคุ้นเคยกับแก หลานผมก็เหมือนหลาน
คุณ‛ วรเมธแสบไม่เบา
สายฝน สายรุ้ง กุลชายมองหน้ากันแล้วยิ้มพลางส่ายหน้า อยากบอกว่าพอกันทั้งคู่
‚เสียใจ บ้านผมไม่ใช่สถานรับเลี้ยงเด็ก เชิญพาหลานชายแสนน่ารักของคุณ
กลับไปได้ เด็กควรอยู่กับพ่อแม่
ญาติผู้ใหญ่มากกว่าคนนอก คุณเป็นอาแท้ ๆ กลับคิดผลักไสหลานให้คนอื่นดูแล
เป็นอาที่ไม่รับผิดชอบเอาเสียเลย
แล้วอย่างนี้จะให้ผมเสี่ยงร่วมทุนกับคุณเรอะ‛
สายรุ้งกับทุกคนนึกไม่ถึงว่าตนุภัทรจะร้ายอย่างนี้ ทําอย่างนี้เท่ากับหักหน้า
เธอชัด ๆ ยอมไม่ได้ เธอเดินเข้าไปหาสามีแสนร้ายกาจทันที
‚คุณภัทร ถ้าคุณไม่ร่วมทุนกับคุณเมธ รุ้งร่วมเองก็ได้ จะไปทํางานทุกวัน รุ้ง
ไม่ง้อคุณก็ได้ ลูกจะได้รู้จัก
ความลําบาก คลอดมาจะได้เห็นใจแม่ ‛
ตนุภัทรใจแป้วทันทีเมื่อเจอเข้ากับมาตรการนี้ของภรรยาสุดที่รัก จึงยิ้มเจื่อน
ๆ ก่อนพูดว่า
‚ผมยอมคุณก็ได้ เล่นเอาลูกมาขู่ ใครก็ต้องยอม คุณเมธ เอาเป็นว่าผมยอม
เซ็นร่วมทุนเปิดบริษัทท่องเที่ยว
กับคุณก็ได้ เพื่อเห็นแก่ลูก แต่ผมมีข้อแม้ ห้ามคุณให้งานน้องเมียคุณทํา ทุกอย่าง
ต้องให้ผมรับรู้ สัญญาทุก
ฉบับ รายรับรายจ่าย งบดุลต่าง ๆ ของบริษัท รวมถึงผลกําไรขาดทุน ต้องส่งให้ผมดู
ต่างฝ่ายต่างส่งคนเข้าไปดู
คนละครึ่ง ถ้าคุณรับได้ ผมจะเซ็น ‛ ทุกคนจึงรู้ว่าคนร้ายกาจ อย่างไรก็ร้ายวันยังค่ํา
เวลานี้เหมือนเสือสองตัว
กําลังประลองกําลังกัน วรเมธยิ้ม
‚ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องเข้ามาบริหารด้วยส่วนหนึ่ง ส่วนผมขอเป็นผู้ดูแลผล
ประกอบการของบริษัทเอง‛
นี่แหละที่ตนุภัทรไม่อยากร่วมทุนด้วย คิดจะสบายคนเดียว ให้เขาเป็นฝ่ายเหนื่อย
แล้วตัวเองก็กินส่วนแบ่งรายได้
สบายใจ ไม่ง่ายนักหรอกพี่เขยสุดแสบ
‚ถ้าให้ผมบริหาร ผมคิดค่าบริหารสี่สิบเปอร์เซ็นต์ของรายได้แต่ละปี
นอกเหนือจากหุ้นที่ถือไว้ห้าสิบ
เปอร์เซ็นต์ถ้าคุณยอมรับได้ ผมจะเข้ามาบริหาร‛
กุลชาเห็นว่าขืนปล่อยให้สองหนุ่มเจรจากันต่อ ไม่มีวันหาข้อยุติได้แน่ จึงส่ง
สายตาเป็นเชิงบอกให้บุตรสาวสองคนช่วยจัดการที สายฝนกับสายรุ้งพยักหน้าให้
มารดา แล้วต่างฝ่ายต่างก็เดินเข้าไปเกาะแขนสามี สายฝนบอกใบ้ให้สายรุ้งเป็นคน
พูด
‚ไม่ต้องเกี่ยงกันค่ะ รุ้งกับพี่ฝนขออาสารับตําแหน่งผู้บริหารระดับสูงเอง จะได้
ใช้ความรู้ที่เรียนมาเสียที ‛
สายรุ้งพูดจบ สองหนุ่มมองหน้ากันแล้วอุทานออกมาพร้อมกันว่า
‚ไม่ได้ !‛
‚ทําไมจะไม่ได้คะ คุณเมธ ไม่ใช่งานหนัก คุณไม่ให้ฝนทํางานที่ใช้แรง ฝนก็
ทํางานใช้สมองแทน ลูกในท้อง
จะได้เรียนรู้เรื่องค้าขายตั้งแต่อยู่ในท้องไงคะ ฝนให้สัญญาค่ะ ถ้าไม่ไหวฝนจะบอก
ให้คุณทําแทนเอง ยังไงเสีย
ลูกต้องมาก่อนค่ะ‛ คําพูดของสายฝนทําให้เขาเริ่มกลัว เกรงว่าลูกจะไม่ได้ออกมามี
อาการครบสามสิบสองแน่
ขืนให้เธอบุกเบิกกิจการใหม่ เพราะเธออาจจะเครียดจัดจนส่งผลถึงเด็กในท้อง
‚ได้ ผมอนุญาต แต่ต้องเป็นผู้ช่วยผมเท่านั้น ห้ามบริหารเอง เดี๋ยวบริษัทจะ
ล่มเสียก่อน‛ เขารีบเข้าช่วยทันที
‚ดีเหมือนกันค่ะ ฝนไม่ทําช่วงท้องหรอกค่ะ รอให้คลอดก่อน เป็นไงคะ แบบนี้
พอใจมั้ยคะ คุณเมธ‛
วรเมธจ้องหน้าสายฝนอย่างเอาเรื่องเมื่อรู้ว่าถูกเมียรักหลอกจนได้
สายรุ้งเองก็ร้ายไม่ย่อย เธอยิ้มหวานให้สามีก่อนถามขึ้นว่า
‚คุณภัทร คุณจะให้รุ้งบริหารแทนหรือจะให้รุ้งพักจนกว่าจะคลอดคะ รุ้งน่ะ
อยากไปทําตั้งแต่บริษัท
เริ่มเปิดตัว อย่าทําให้รุ้งผิดหวังนะคะ‛ ท่าทางสายรุ้งอยากทํางานมากกว่าอยู่บ้าน
เลี้ยงลูก เขายอมไม่ได้ เพราะลูกในท้องต้องเครียดตามไปด้วยแน่นอน
‚อย่าเพิ่งไปทําเลยนะ รอให้คลอดก่อน ระหว่างนี้ผมจะเข้าบริหารแทนไป
ก่อน ผมเป็นห่วงลูกในท้อง
ไม่อยากให้ลูกเครียดเพราะแม่บ้างานจ้ะ ‛
‚รอคลอดก่อนก็ได้ค่ะ แต่ให้อยู่บ้านเฉย ๆ จนกว่าจะคลอดก็เหงาแย่สิคะ
นอกจากจะย้ายไปอยู่กับพี่ฝน
ให้รอบ้านเสร็จคงอีกนาน เพราะฉะนั้นรุ้งขอย้ายไปอยู่บ้านคุณเมธกับพี่ฝนก่อน
ดีกว่า‛
ตนุภัทรรู้แล้วว่าภรรยาสุดที่รักร้ายแค่ไหน บีบบังคับเขาทางอ้อมให้รีบสร้าง
บ้านให้เสร็จ โดยเอาลูกมาขู่
‚ไม่ต้องรีบย้ายตอนนี้ ผมจะเร่งงานก่อสร้างให้เสร็จเร็วที่สุด รับรองเราย้ายได้
ภายในสองอาทิตย์
เป็นไงพอใจมั้ย‛
‚พอใจที่สุดเลย แม่คะ พี่ฝน ในที่สุดเราก็จะได้อยู่ใกล้กัน ไม่ต้องขับรถไปมา
หาสู่กันให้เปลืองน้ํามันเล่น ‛
สองหนุ่มจึงรู้ว่าถูกสองสาวหลอกต้มเสียสนิท กุลชายิ้มเมื่อเห็นสีหน้าพะอืดพะอม
ของลูกเขยทั้งสอง
‚เอาละ ในเมื่อทุกอย่างลงตัว แม่ก็สบายใจ ที่เหลือก็แค่ลุ้นว่าจะได้หลานชาย
หรือหลานสาวในอีก
แปดเดือนข้างหน้า คิดแล้วน่าตื่นเต้นดี ‛ น้ําเสียงของกุลชาแช่มชื่นนัก
‚แหม ! ฟังแล้วอดตื่นเต้นไม่ได้ อีกแปดเดือนจะได้เห็นลูกคุณรุ้งคุณฝนแล้ว
บ้านจะได้ครึกครื้น คงมีเสียง
เด็กเจี๊ยวจ๊าววุ่นวายไปหมด ชักอยากให้คุณหนูทั้งสองคลอดเร็ว ๆ แล้วสิคะคุณ
ผู้หญิง‛ ป้าน้อยตื่นเต้นมากกว่าเพื่อน
‚นั่นสิ พี่น้อย เด็กเกิดมาท่ามกลางความรักความอบอุ่นของคนในครอบครัว
จะได้เป็นเด็กอารมณ์ดี
สุขภาพจิตดี ไม่เป็นเด็กมีปัญหาเพราะขาดการเหลียวแลจากผู้ใหญ่ จริงมั้ยลูก ‛ กุล
ชาถามบุตรสาวทั้งสอง
‚จริงค่ะแม่‛ สายฝนสายรุ้งตอบพร้อมกัน สายฝนหันไปถามชายหนุ่มทั้งสอง
ต่อว่า
‚แล้วคุณผู้ชายทั้งสองล่ะคะ เห็นด้วยมั้ยคะ‛ สายฝนถามจบเธอกับสายรุ้งก็
ส่งสายตาเป็นเชิงว่าถ้าไม่ตอบ
ให้มารดาของพวกเธอพอใจละก็...ได้เห็นดีแน่
‚เห็นด้วยครับ คุณผู้หญิงทั้งสองว่าอะไรก็ว่าตามกัน ‛ สองหนุ่มยอมรับก็จริง
แต่ในใจกลับคิดเอาคืนหลังคลอด
ให้เข็ด โทษฐานหลอกลวงสามีสุดที่รัก นับเป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มทั้งสองมีความคิด
ตรงกัน

แปดเดือนต่อมา กุลชา ป้าน้อย ป้าบุญ ข้าวโอ๊ต เปรี้ยว แหวน และทุกคนใน


บ้าน รวมถึงศจี ป้าของ
ตนุภัทร ต่างมาออกันอยู่หน้าห้องคลอดของพี่น้องสองสาว เพราะหมออนุญาตให้
เข้าไปได้เฉพาะบิดาของเด็ก
ต่างคนต่างคอยลุ้นว่าจะเป็นทารกเพศชายหรือเพศหญิง ข้าวโอ๊ตเดินเข้าไปหากุล
ชาแล้วถามว่า
‚จุนยายคับ น้องคอดยังคับ ‛ ข้าวโอ๊ตอายุเกือบสามขวบแล้ว สูงขึ้นกว่าเดิม
พอควร กุลชายิ้มให้อย่างเอ็นดู
‚จวนแล้วจ้ะ ข้าวโอ๊ตอยากได้น้องชายหรือน้องสาวครับ ‛
ข้าวโอ๊ตทําท่าครุ่นคิดแบบผู้ใหญ่แล้วเดินไปเดินมาสักพักก็ตอบว่า
‚น้องชายกับน้องสาวคับผม‛
ทุกคนส่ายหน้าพลางยิ้มให้อย่างเอ็นดู ศจีเดินเข้ามายีหัวเด็กชายตัวน้อย
‚โลภมากจังเลยนะเรา นายข้าวโอ๊ต ‛ แม้จะพูดไปอย่างนั้น แต่ใจก็คิดเหมือน
เด็กชาย และดูเหมือนความฝันทุกคน
จะเป็นจริงเมื่อคุณพ่อหมาด ๆ ทั้งคู่ต่างเปิดประตูห้องคลอดออกมาพร้อมกัน
‚ลูกผมเป็นผู้หญิงครับ น้ําหนักสามโลกว่า ‛ วรเมธพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ
รวมถึงทุกคนในบ้าน
โดยเฉพาะข้าวโอ๊ตรีบวิ่งเข้าหาวรเมธ วรเมธอุ้มหลานชายขึ้นมา
‚อา ไปดูน้อง ๆ‛ ข้าวโอ๊ตรีบบอกผู้เป็นอา
‚ลูกผมผู้ชายครับคุณป้าคุณแม่ น้ําหนักเกือบสามโลครึ่ง ‛ ถึงคราวตนุภัทร
ประกาศความยินดีบ้าง และมี
การข่มกันเล็กน้อย แต่วรเมธไม่สนใจ พูดจบก็ผลุบเข้าไปในห้องพร้อมข้าวโอ๊ตทันที
ทุกคนต่างยิ้มหน้าบานด้วย
ความยินดี โดยเพาะกุลชา ได้ทั้งหลานชายและหลานสาวในเวลาเดียวกัน
‚ฝนกับรุ้งเป็นยังไงบ้างลูก‛ กุลชาถามถึงบุตรสาวทั้งสองก่อน
‚เพลียจัดครับ พอเห็นหน้าลูกก็หลับไปเลย พวกผมให้หมอจัดห้องคู่พิเศษให้
ไปรอที่ห้องก็ได้ครับคุณแม่
อีกสักพักเขาคงพาไปพักที่ห้อง‛ ตนุภัทรตอบแทน ทั้งหมดจึงไปรอที่ห้องแทน
นางพยาบาลเข็นรถเด็กทารกทั้งสองเข้ามาในห้องให้บิดามารดากับญาติได้
ชื่นชม ข้าวโอ๊ตรีบปราด
เข้าไปดูเป็นคนแรก เห็นเด็กทารกตัวแดงหน้ายับยู่ยี่ยังปิดตาอยู่ คิดว่าหลับจึงยื่น
มือไปเขย่าและบอกว่า
‚น้อง ๆ ตื่น ๆ‛ วรเมธกับตนุภัทรห้ามไม่ทัน มีผลให้เด็กร้องจ้า ข้าวโอ๊ตงง ยัง
ไม่ได้ทําอะไรเลย ร้องไห้แล้ว
แล้วก็สังเกตเห็นว่าน้องไม่มีฟัน จึงหันไปบอกสายฝนกับสายรุ้ง
‚แย่แย้ว ฝนจ๋า ยุ้งจ๋า น้องไม่มีฟัน ตัวแดง ไม่สบาย หาหมอ ๆ ช่วย ๆ‛ คําพูด
ไร้เดียงสาของเด็กเรียกเสียง
หัวเราะจากผู้ใหญ่ทุกคน กุลชาต้องรีบอธิบายให้ฟังว่า
‚ข้าวโอ๊ตจ๊ะ น้องยังเล็กอยู่ ฟันยังไม่ขึ้น อีกไม่นานน้องจะมีฟันและขาวแบบ
ข้าวโอ๊ต ข้าวโอ๊ตตอนเล็ก ๆ
ก็เหมือนน้อง‛
‚เหมือนจิง ๆ นะคับจุนยาย‛ สีหน้าข้าวโอ๊ตยังเป็นกังวล
‚จริงครับ ถ้าข้าวโอ๊ตอยากให้น้องหายเร็ว ๆ ข้าวโอ๊ตต้องรักน้องให้มาก ๆ
ดูแลน้องดี ๆ นะครับ น้องจะได้มี
ฟัน ตัวไม่แดง ฝนจ๋ามอบน้องให้ข้าวโอ๊ตดูแลแทนจะได้มั้ยครับ ‛ สายฝนฉลาดมาก
เธอกลัวว่าจะมีการอิจฉา
น้อง และแกล้งน้องตามมา ข้าวโอ๊ตยิ้มรับ
‚ได้คับผม‛ น้ําเสียงรับรองแข็งขัน ทุกคนยิ้ม สายรุ้งขยับปากจะพูดแบบ
เดียวกันแต่ตนุภัทรชิงตัดหน้า
พูดขึ้นก่อน
‚ไม่ต้องหรอก บ้านเรามีคนเยอะแยะ นายข้าวโอ๊ตดูแค่น้องสาวก็พอ ตัวแค่นี้
จะรับภาระหนักได้ยังไงกัน‛
ใจจริงอยากบอกว่า ปล่อยให้วุ่นวายกับลูกนายวรเมธหุ้นส่วนคู่เขยสุดแสบก็พอแล้ว
จะได้ไม่ต้องมาป่วน
ครอบครัวเขา สักพักเด็กทารกทั้งสองก็แผดเสียงร้องขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะลูกชาย
ของตนุภัทรร้อง
เสียงดังกว่าเพื่อน ส่วนลูกสาวของวรเมธร้องเดี๋ยวเดียวก็หยุด เพราะได้ฝีมือการโอ๋
ของพี่ข้าวโอ๊ต
‚โอ๋ ๆ อย่าย้องนะคนเก่ง ‛ ข้าวโอ๊ตเลียนแบบผู้ใหญ่ที่เคยปลอบตัวเอง
‚ข้าวโอ๊ตลําเอียงนี่ ไม่ปลอบน้องชายบ้างเหรอ ยุ้งจ๋าน้อยใจแล้วนะ ข้าวโอ๊ต
รักแต่น้องสาว‛
สายรุ้งแกล้งประท้วง ข้าวโอ๊ตรีบหันไปตบก้นน้องตัวแดงเบา ๆ เหมือนที่ผู้ใหญ่ทํา
กับตัวเอง
‚ลักคับ ๆ อย่าย้องนะ โอ๋ ๆ‛ แต่ไม่รู้ว่าปลอบอย่างไรจึงยิ่งร้องหนักเข้าไปอีก
จนพยาบาลต้องเข้ามาบอกว่า
‚สงสัยเด็กจะหิวค่ะ ให้เด็กกินนมก่อนดีกว่าค่ะ เชิญคุณแม่ให้นมค่ะ ‛ พอ
พยาบาลบอก ทุกคนเป็น
อันรู้หน้าที่ว่าต้องหลบฉาก ม่านถูกปิดเหลือแต่พยาบาลอยู่แนะนําวิธีให้นมลูก
ความจริงคุณพ่อทั้งสองก็อยาก
มีส่วนร่วมแต่ถูกคุณแม่ทั้งสองไล่และยื่นคําขาดว่า ‚ถ้าอยู่ดูจะไม่ให้ลูกดื่มนมแม่ ‛
ฝ่ายข้าวโอ๊ตพอเห็นก็อดสงสัยไม่ได้ เดินเข้าหาวรเมธพลางถาม
‚อา ๆ จะหาแม่ จะกินนมแบบน้อง‛ คําพูดใสซื่อของหลานชายทําเอาวรเมธ
อึ้ง ก่อนดึงตัวหลานชาย
เข้ามากอดแล้วอุ้มเดินไปที่หน้าต่าง ชี้มือขึ้นไปบนฟ้า
‚แม่ข้าวโอ๊ตอยู่บนโน้นไงครับ ท่านดูข้าวโอ๊ตอยู่ ฝากข้าวโอ๊ตไว้กับอาและฝน
จ๋า ข้าวโอ๊ตถามหาแม่
ข้าวโอ๊ตไม่รักอาเมธกับฝนจ๋า ไม่อยากดูแลน้องแล้วหรือครับ อาน้อยใจแล้วนะ‛
เด็กชายรีบหอมแก้มผู้เป็นอาทันที และซบหน้ากับบ่ากว้างพลางพูดว่า
‚ลักคับ ๆ อยู่กับอา กับฝนจ๋า กับน้อง‛ ทุกคนถอนใจอย่างโล่งอกที่เรื่องจบลง
ด้วยดี กลัวเด็กมีปมด้อยเพราะมีน้องมาเปรียบเทียบให้เห็น ทําให้เด็กฉลาดอย่าง
ข้าวโอ๊ตเริ่มอยากมีแม่ ถามหาแม่ แต่ทุกอย่างก็จบลงด้วยดี เพราะมีวรเมธที่รัก
หลานเหมือนลูกก็ว่าได้

วันนี้คนในบ้านต่างรอการกลับมาของสายฝนและสายรุ้งอย่างใจจดใจจ่อ ทุก
คนอยากเห็นสมาชิกใหม่ของ
บ้าน พวกที่ไม่ได้ไปต่างพากันอิจฉาป้าบุญ ป้าน้อย และเปรี้ยวเป็นแถว แต่คนที่ไม่
ยอมกลับบ้านเพราะเห่อ
น้องเต็มที่คือข้าวโอ๊ต แกถือโอกาสนอนอยู่โรงพยาบาลเลย อ้างว่าจะช่วยฝนจ๋า ยุ้ง
จ๋าดูน้อง
‚น้าแหวนว่าคุณข้าวโอ๊ตไปป่วนหรือไปช่วยกันแน่ ‛ เด็กหน่อยถาม
‚สงสัยจะป่วนมากกว่า ต่อไปบ้านเราคงวุ่นวายน่าดู อยากเห็นหน้าลูกคุณ
ฝนว่าหน้าตาเหมือนใคร
เห็นนังเปรี้ยวว่าหน้าตาน่าเกลียดน่าชังน่าดู เหมือนพ่อกับแม่ผสมกัน แต่ผิวกับตา
หนักไปทางแม่ คงจะน่ารัก
ป้าบุญบอกว่าคุณเมธเห่อลูกไม่แพ้คุณข้าวโอ๊ต ลาพักร้อนยาวขออยู่บ้านดูลูก
อาทิตย์หนึ่ง‛ แหวนออกความเห็น
‚แต่ฉันว่าลูกคุณรุ้งก็น่ารักไม่แพ้กันหรอก น้าแหวน ป้าน้อยบอกว่าหน้าตา
เหมือนพ่อกับแม่ แต่ผิวได้พ่อ
มากกว่าแม่ ได้ตาแม่แต่คิ้วพ่อ โตขึ้นคงหล่อไม่แพ้พ่อ ‛ เด็กหน่อยออกความเห็น
‚อยากเห็นเร็ว ๆ เมื่อไหร่จะถึงเสียที ‛ แหวนบ่น เด็กหน่อยรีบชี้มือไปที่ประตู
และบอกอย่างตื่นเต้นว่า
‚มาแล้ว น้าแหวน ลุงเหวียงวิ่งไปเปิดประตูแล้ว ‛ จากนั้นทุกคนในบ้านก็พา
กันวิ่งไปรอที่หน้าบ้านทันที
พอประตูรถทั้งสองคันเปิด คุณพ่อมือใหม่ทั้งสองอุ้มก็ลูกลงมา ต่างคนต่างแย่งกันดู
ทารกน้อยในอ้อมกอดของ
วรเมธและตนุภัทรสลับกันไปมา จนป้าบุญทนไม่ไหว
‚พอได้แล้ว ๆ ให้คุณ ๆ เข้าบ้านก่อนค่อยชื่นชมคุณหนูกัน ‛ เท่านั้นแหละทุก
คนจึงรู้ตัว รีบปล่อยให้
คุณพ่อทั้งสองพาเด็กไปนอนบ้านใครบ้านมัน

ภายในบ้านตนุภัทร ทุกคนดูตื่นเต้นที่ได้เห็นทารกน้อยแรกเกิดหน้าตายับย่น
ผิวแดงในอ้อมกอดของศจี
ที่ย้ายตัวเองมาอยู่กับตนุภัทรชั่วคราว
‚หน้าตาน่าเกลียดน่าชัง เหมือนคุณภัทรมากนะคะ คุณศจี ‛ ป้าแสงดาวออก
ความเห็น
‚แต่ฉันว่าหน้าไปทางแม่มากกว่า ดูดี ๆ สิ ตาเหมือนคุณรุ้งชัด ๆ‛ ป้าน้อยแย้ง
‚เอาละ ๆ จะเหมือนพ่อหรือแม่ก็หลานฉัน โตขึ้นมาขอให้เป็นเด็กดี นิสัยดี ก็
พอแล้ว‛ ศจีรีบยุติสงคราม
ที่กําลังจะปะทะขึ้น ก่อนส่งทารกน้อยให้ผู้เป็นยาย
‚หลานยาย โตขึ้นเป็นเด็กดีอย่างคุณย่าศจีบอกนะลูก ที่สําคัญต้องเป็นผู้ชาย
ที่มีความรับผิดชอบ
ว่าแต่...เราจะตั้งชื่อให้หลานชายเราว่าอะไรดี ชื่อที่คุณภัทรตั้งมาแต่ละชื่อไม่ไหว
ความหมายไม่ค่อยดี
ไม่เป็นมงคลเอาเสียเลย‛ เป็นครั้งแรกที่กุลชาต่อว่าลูกเขยตรง ๆ
‚จริงด้วย คุณกุล คิดเหมือนฉันเลย ภัทรตั้งไปได้ยังไง ชื่อผาดโผนอย่างนี้
เสียงก้องอย่างนี้ นี่ยังไม่รวมถึงชื่อ
ตนุบุตรอีกนะ‛ ศจีช่วยเสริม ผู้เป็นบิดารีบแก้ตัวทันที
‚คุณป้ามาว่าผมไม่ได้นะครับ ผมดูท่าทางเจ้าหนูนี่แล้ว โตขึ้นคงโลดโผนโจน
ทะยานเกินเด็กทั่วไป ผมต้อง
ตั้งชื่อไว้แก้เคล็ดก่อน ผมไม่อยากให้ลูกชายผมเสี่ยงอันตรายครับ แต่รุ้งไม่ชอบ ผม
เลยตั้งตามเสียงร้องเพราะ
ร้องเสียงดัง ก็ถูกว่าอีก สุดท้ายเลยตั้งให้รู้เลยว่าเป็นลูกผม ก็ยังไม่ถูกใจอีก เห็นที
ผมต้องไปหาซื้อหนังสือ
หลักการตั้งชื่อลูกแล้วละ จะได้ให้แม่เจ้าหนูเลือกจนกว่าจะพอใจ‛ เขาโทษสายรุ้ง
เสียเฉย ๆ
‚ไม่ต้องมาใส่ความรุ้งเลย ถ้าลูกโตขึ้นแล้วมีชื่อเพราะสุดบรรยายแบบนี้ คง
ขอไปเกิดใหม่แน่ ชื่ออะไรไม่รู้
ทั้งแย่ทั้งน่าเกลียด ไม่ได้เรื่อง‛ สายรุ้งช่วยรุมอีกคน
‚เอาละ ๆ ไม่ต้องเถียงกัน ไว้ป้าจะตั้งให้เองนะ คุณกุลชาตั้งชื่อหลานสาวไป
แล้ว คนนี้ฉันขอตั้งบ้างนะ‛
ศจีขออนุญาตยายของเด็ก
‚ตามสบายเลยค่ะ คุณศจี‛ กุลชาไม่ซีเรียสกับเรื่องนี้
‚เด็กคนนี้ลักษณะดี คิ้วเข้มได้รูป จมูกมีเงิน แก้มอิ่ม โตแล้วนําความเจริญ
มายังครอบครัวแน่ ภัทร ป้า
ขอตั้งชื่อให้ว่าวริทธิ์ แปลว่ามีความสําเร็จอย่างดี หนูรุ้งว่าไงกับชื่อนี้ ‛ ศจีถามสายรุ้ง
เพราะรู้ว่าหลานชาย
ไม่กล้าค้านแน่ แต่เพื่อความเป็นธรรมต้องให้มารดาของเด็กเห็นชอบด้วย สายรุ้งยิ้ม
‚รุ้งเห็นด้วยค่ะ ดีกว่าชื่อที่คุณภัทรตั้งอีก โชคดีแล้วลูกแม่ที่ได้คุณป้าช่วยชีวิต
ขืนปล่อยให้พ่อไม่ได้เรื่อง
ของหนูตั้งชื่อละแย่แน่‛ สายรุ้งแขวะผู้เป็นบิดาจนได้
‚ดูลูกสาวคุณแม่สิครับ อะไรไม่ดีโยนมาให้ผมหมด‛ ตนุภัทรเริ่มขอความเป็น
ธรรมให้ตัวเอง
‚ครั้งนี้แม่เห็นด้วยกับรุ้งนะ ไปกันเถอะ คุณศจี พาหลานไปห้องเด็กดีกว่า
ปล่อยให้พ่อแม่
เคลียร์กันเอง‛ กุลชาชิ่งหน้าตาเฉย ตามด้วยศจี
‚ที่รักจ๋า ทีหลังหัดไว้หน้าสามีสุดเลิฟบ้างนะ โดยเฉพาะต่อหน้าลูก ‛ เขารีบ
โวยเธอทันทีหลังจากผู้ใหญ่ทั้งสองไปแล้ว
‚อย่างคุณยังมีหน้าให้ไว้อีกเหรอ อยู่โรงพยาบาลฏ้ทําขายหน้าไปหลายรอบ
แล้ว ลูกร้องทีไรก็บอกว่าหิวนม
ทั้งที่เด็กแค่ฉี่เลอะ ไม่สบายตัว พอพยาบาลจะเอาลูกไปไว้ในห้องเด็กก็ไม่ยอม กลัว
ว่าลูกจะถูกเอาไป
เปรียบเทียบกับลูกคนอื่นแล้วตกเป็นรอง ใครมาเยี่ยมก็ต้องอวดลูกก่อนบอกว่า
น่ารักที่สุด พอเขาสนใจ
ลูกคุณเมธมากกว่าคุณก็โวยวาย ขู่ตัดเงินเดือนบ้างละ ไล่ออกบ้างละ อย่างนี้จะไม่
เรียกว่าบ้าแล้วจะเรียกว่าอะไรดี
คุณทําให้รุ้งอายจนบอกไม่ถูก ถ้าลูกพูดได้ก็คงบอกว่าเซ็งพ่อครับ ‛
‚ผมทําอะไรแย่ ๆ ขนาดนั้นเชียว ไม่จริงมั้ง พี่เขยคนดีของคุณทํายิ่งกว่าผม
อีก ทําไมไม่ไปว่าเขาบ้าง
มาโทษผมคนเดียว‛ เขาหาแนวร่วม เรื่องอะไรจะยอมถูกว่าฝ่ายเดียว
‚อย่างน้อยคุณเมธก็ตั้งชื่อลูกได้ไม่น่าเกลียดเท่าคุณ ถามใครก็ได้ ระหว่าง
ธิดาชนกกับตนุบุตร ชื่อไหนเพราะ
กว่ากัน‛ เธอหาเรื่องแขวะเขาอีกจนได้ แม้ว่าสุดท้ายชื่อที่สองหนุ่มตั้งจะไม่ผ่าน
ความเห็นชอบจากทุกคนก็ตาม
‚ตกลงพี่เขยคุณดีที่สุด แต่อย่างน้อยชื่อเล่นลูกผมก็ตั้งได้ถูกใจคุณนะ ชื่อ
เรนน่ะ‛ เขารีบหาความดีความชอบ
‚ยังจะกล้ามาพูดอีก ที่แรกตั้งชื่อว่าเรนโบว์ ลูกรุ้งน่ะผู้ชายนะคะ ไม่ใช่ผู้หญิง
ดีนะที่รุ้งตัดคําว่าโบว์ออกไป
ไม่อย่างนั้นลูกคงสํานึกบุญคุณพ่อน่าดู ‛ ดูเหมือนเขาจะไม่มีความดีความชอบเลย
‚ผมผิดไปแล้วครับ เอาเป็นว่าผมขอแก้ตัวกับลูกคนต่อไป คนนี้ยอมรับว่า
มือใหม่หัดขับจ๊ะที่รักจ๋า‛
เขาว่าพลางยื่นหน้าไปหอมแก้มเนียนหอมของภรรยาที่กําลังไม่สบอารมณ์นัก
‚คุณภัทร ! รุ้งเพิ่งคลอด นี่คิด...อีกแล้ว คนบ้า คนหื่นไม่เลิกรา ไม่ยอม รุ้งจะ
ทํางาน เลิกคิดไปเลย คนหื่น ‛
เขาหัวเราะกับท่าทางตกใจของเธอ
‚ผมแค่ล้อเล่นหน่อยเดียว คุณก็โวยเสียลั่นห้อง ไม่กลัวคนได้ยินหรือ ผมยังไม่
คิดหรอก ขอศึกษาวิธีเลี้ยงลูก
อีกสักปีสองปีแล้วค่อยลงมือปฏิบัติการวางแผนครอบครัวต่อไป‛
สายรุ้งทุบแรง ๆ เข้าให้หลายที
‚นี่แน่ะ ! ! วนเวียนไปมาก็ไม่พ้นเรื่องนี้ ‛
เขากอดร่างอวบเล็กน้อยเพราะเพิ่งคลอดของสายรุ้ง แต่ผิวพรรณกลับเปล่ง
ปลั่งกว่าเดิม สงสัยเหมือนกันว่าจะรออีกสองปีได้หรือไม่ แค่หมอห้ามหลังคลอด
ประมาณหกอาทิตย์ก็แทบมันจุกอกอยู่แล้ว ถ้าสวยน่ารักน้อยลงกว่าเดิมก็ไม่ว่า
หรอก แต่นี่อะไร...นับวันยิ่งดูสวยขึ้น เปล่งปลั่งมากขึ้น เริ่มกลัวแล้วสิว่าโครงการที่
วางไว้จะได้ผลหรือเปล่า สงสัยจะได้ลูกเร็วเกินกําหนดกระมัง
‚คุณฝนคะ คุณหนูน่าเกลียดน่าชังจังเลยนะคะ โตขึ้นคุณเมธคงต้องเตรียมผู้
คุ้มกันไว้หลาย ๆ คนหน่อยนะคะ‛
เสียงแม่ครัวแหวนบอก สายตาชื่นชมทารกน้อยในอ้อมกอดของมารดาในห้องเด็ก
ข้าวโอ๊ตนั่งอยู่ข้าง ๆ
ไม่ยอมห่างจากน้อง รวมถึงป้าบุญและคนอื่น ๆ ในบ้านที่ต่างพากันชื่นชมสมาชิก
ใหม่ของบ้าน
‚เห็นด้วยครับ พี่แหวน งั้นพี่แหวนเตรียมหาคนให้ผมได้เลย‛ เสียงวรเมธ
แทรกเข้ามาหลังจากหายเข้าห้องสมุดไปพัก
ใหญ่เพื่อพิจารณาเรื่องสําคัญที่คนสนิทส่งมาให้
‚เว่อร์ไปแล้วค่ะ คุณเมธ ยังไม่ต้องคิดไกลไปถึงโน่น ‛ สายฝนรีบเบรก ดู
เหมือนสามีจะบ้าเห่อขนาดหนัก ใคร
ชมว่าลูกน่ารัก สวย เป็นอันยิ้มหน้าบานรีบเสริมทันที
‚น้องน่าลัก สวย ๆ ฝนจ๋า ‛ ข้าวโอ๊ตพลอยเป็นตามผู้ใหญ่ไปอีกคน
‚คุณจะว่าผมไม่ได้แล้วนะ นายข้าวโอ๊ตยังเห็นด้วยเลย จริงมั้ย ข้าวฟ่าง‛ วร
เมธถือโอกาสมั่วเสียเลย
พอพูดถึงชื่อเล่นบุตรสาว เขาอดภูมิใจไม่ได้ อย่างน้อยชื่อเล่นบุตรสาวก็ไม่ถูกตัดทิ้ง
เหมือนนายตนุภัทร แม้ชื่อจริง
สายฝนจะขอให้กุลชาตั้งให้ก็ตาม แต่ยังเหลือบางส่วนที่เขาตั้งไว้บ้าง จึงรู้สึกภูมิใจ
กับชื่อกันต์ธิดา ที่แปลว่า
ลูกสาวที่น่ารัก เหมือนเขาได้ตั้งเอง ไม่เหมือนคู่เขยตัวแสบที่ถูกหาว่าไม่ได้เรื่อง
อย่างน้อยเรื่องนี้เขาก็เป็นต่อ
‚ค่ะ ลูกคุณสวยน่ารัก สมชื่อที่ตั้งไว้ พอใจหรือยังคะ คุณเมธ‛ สายฝนระอา
กับคนบ้าเห่อ และดูเหมือน
คุณพ่อทั้งคู่จะไม่ต่างกัน สองหนุ่มนี่ไม่เคยน้อยหน้ากันไม่ว่าเรื่องใด ๆ
‚ลูกพ่อ เห็นมั้ย คราวนี้แม่เขาเห็นด้วยกับพ่อแย้ว ‛ เขายื่นหน้าลงไปหอม
แก้มแดง ๆ ของบุตรสาวตัวน้อยที่อายุ
ไม่ถึงอาทิตย์ซึ่งไม่มีทีท่าว่าจะรู้เรื่องอะไร สายฝนค้อนให้วงใหญ่
‚ใครบอกว่าเห็นด้วย คุณยังไม่รู้ตัวหรือคะว่าก่อวีรกรรมอะไรไว้ที่โรงพยาบาล
จนทุกคนเอือมระอากับ
ความเว่อร์ของคุณ‛ เธอถามเสียงหวานแต่นัยน์ตาเอาเรื่อง
‚ผมทําอะไรเหรอ ไม่เห็นมีนี่ ‛ ใบหน้ากับน้ําเสียงคนพูดใสซื่อน่าดู สายฝน
เหลืออดจึงสาธยายให้ฟัง
‚ถ้าอย่างนั้นจะช่วยเตือนความจําให้ค่ะ ฝนคิดว่าคุณคงไม่เห็นสีหน้า
พะอืดพะอมของพนักงานที่บริษัท
กับคนที่มาเยี่ยม มีอย่างที่ไหน พอใครขออุ้มก็บอกให้ไปล้างมือก่อน พอเขาทําตาม
ก็ไม่ให้อุ้มอีก กลัวลูกจะช้ํา
กลัวเชื้อโรคติดเด็ก ทั้งที่ตัวเองทั้งอุ้มทั้งหอมแก้ม แต่พอคนไปสนใจลูกคุณภัทร คุณ
ก็ทําท่าฮึ่ม ๆ ใส่ ขู่ด้วยสายตา
เหมือนจะบอกว่าถ้ายังอยากทํางานกับผมอย่างอยู่ดีมีสุขก็ให้สนใจลูกผมคนเดียว
ทีนี้คิดออกหรือยังคะ คุณเมธขา‛
‚ผมทําอะไรเลวร้ายอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ แย่จังเลยนะ ไว้ผมจะแก้ตัวใหม่
พอใจหรือยังจ๊ะ ฝนจ๋า‛ ถ้าไม่ติดว่า
อุ้มลูกอยู่ สายฝนคงได้สั่งสอนคนร้ายกาจที่ทําท่าร้ายเดียงสาได้แนบเนียนนักทั้งสี
หน้าและแววตา ป้าบุญเห็นแล้วก็
ยิ้มอย่างเอ็นดูกับการหยอกล้อของสองสามีภรรยา นึกจะพูดอะไรบ้าง แต่เสียงข้าว
โอ๊ตตะโกนขัดขึ้นก่อน
‚จุนยาย หาน้อง‛
‚ร้องดังเชียว เดี๋ยวน้องก็ตื่นกันพอดี นายข้าวโอ๊ต รีบขยับให้คุณยายนั่งเร็ว ‛
วรเมธต่อว่าหลานชายและ
ขยับกายออกห่างให้กุลชานั่งแทนที่ ส่วนป้าน้อยนั่งลงใกล้ ๆ ป้าบุญเพื่อนรัก
‚เป็นยังไงบ้างหลานสาวแม่ ยังไม่ตื่นอีกหรือลูก ‛ กุลชาถาม เพราะทารกน้อย
หลับมาตลอดทางยังไม่มี
ทีท่าว่าจะตื่นเหมือนหลานชายที่เพิ่งหลับไป
‚ยังค่ะ คงอีกสักพัก แม่ช่วยดูแทนฝนทีค่ะ ฝนขอตัวไปห้องก่อน อยากอาบน้ํา
เต็มที‛ สายฝนส่งบุตรสาว
ให้มารดา เธอรู้ว่ากุลชาอยากอุ้มหลาน รวมถึงคนอื่นด้วย และเป็นการดึงวรเมธให้
ออกไปจากห้องเด็ก
ไม่อย่างนั้นคนอื่นคงไม่ได้อุ้มลูกเธอเป็นแน่ เพราะคุณพ่อบ้าเห่อจะคอยระวังโน่นนี่
ตลอดเวลา
‚ไม่ต้องห่วงจ้ะ แม่จะดูให้เอง ไปเถอะ ไปพักก่อน คืนนี้ฝนต้องรบกับยายหนู
นี่อีก ท่าทางจะกวนหนัก
ร้ายเหมือนกันนี่เรา หลานสาวยาย‛ กุลชาพูดอย่างเข้าใจ เพราะลูกสาวสายฝนจะ
ตื่นมาทานนมคืนละ
สามสี่ครั้ง ผิดกับสายรุ้งที่กวนแม่แค่สองครั้งเท่านั้นเอง
‚ผมฝากคุณแม่ด้วยนะครับ ไปครับ คุณฝน เราไปพักกัน ‛ วรเมธประคองสาย
ฝนออกไปจากห้องเด็ก ทุกคน
เห็นแล้วอดเอ็นดูไม่ได้ ตั้งแต่สายฝนท้อง วรเมธก็ดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีจนเกิน
ความจําเป็น คลอดแล้วก็ยังคง
เกินจําเป็นอยู่นั่นเอง ทุกคนอิจฉาสายฝน แต่หารู้ไม่ว่าคนถูกเอาใจใส่นั้นระอาเต็มที
‚คุณเมธ เลิกเอาใจฝนได้แล้วค่ะ ไม่มีเด็กในท้องแล้ว ‛ สายฝนพูดอย่างถนอม
น้ําใจที่สุด คิดว่าบอกแค่นี้
น่าจะรู้ว่าเธอรําคาญ วรเมธมองหน้าภรรยา ยิ่งมองก็ยิ่งชวนให้หลงใหล สายฝน
สวยเปล่งปลั่งมากขึ้นกว่าเดิม
ยิ่งมีลูกยิ่งสวยน่ารักกว่าเดิม แม้รูปร่างจะขยายเพิ่มจากเดิมเล็กน้อยเพราะเพิ่ง
คลอด เขากอดร่างอวบเล็กน้อย
ของสายฝน
‚ผมเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายจ้ะ ฝนจ๋า ผมกลัวคุณงอน ตอนท้องขยันงอน
จนผมกลัว ไม่ให้ผมเทคสนใจ
เมียแล้วจะให้ไปเทคสนใจ ใครครับผม‛ เขายังไม่รู้ตัวอีก
‚ฝนควรปลื้มสินะ แต่ฝนว่าคุณเทคสนใจ จนเว่อร์ ขอร้องได้มั้ยคะ คุณสามี
ขา ลด ๆ ความเว่อร์ลงหน่อย
รับรองฝนจะไม่ว่าสักคํา‛ สายฝนประชดกลาย ๆ
‚ผมเพิ่งรู้ว่าเมียรังเกียจ ผมขอโทษที่ทําให้คุณรําคาญ‛ เขาเสียงเครียดและ
คลายอ้อมกอดทันที
สายฝนแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว วรเมธคนเดิมกลับมาอีกครั้งยาก
จะคาดเดาอารมณ์
เธอเริ่มใจแป้ว และเป็นฝ่ายไปกอดร่างสูงใหญ่แทน
‚ฝนขอโทษค่ะ ฝนไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ความจริงฝนดีใจนะคะที่คุณ
เอาใจใส่ดูแลฝนตลอด
เพียงแต่...‛ สายฝนไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี
‚เพียงแต่รําคาญที่ผมเอาใจใส่คุณมากเกินเหตุ ‛ เขาตอบแทนด้วยน้ําเสียง
เย็นชา หากในตาพราวระยับอย่าง
นึกสนุกกับการเอาคืนภรรยาตัวเอง
‚คือ...เอ่อ...ฝนไม่มีข้อแก้ตัว คุณเมธจะให้ฝนทํายังไงคะถึงจะเข้าใจว่าฝน
รู้สึกยังไง ฝนไม่ได้รังเกียจ
การแสดงออกถึงความรักความเอาใจใส่ที่คุณมีให้ฝนนะคะ‛ เธอพลาดก็เพราะ
คําพูดนี้
‚ก็ทําอย่างนี้ยังไงจ๊ะ ฝนจ๋า ขอชื่นใจให้หายคิดถึงก่อน อยู่โรงพยาบาลจะ
กอดจะจูบก็ไม่ได้‛ ว่าจบก็ทําตาม
ที่พูดเสียยกใหญ่ สงสัยแก้มฝนจ๋าจะช้ําก็คราวนี้เอง แต่พออารมณ์เขาเริ่มเตลิด เธอ
ก็รีบผลักออก และรีบบอกกับเขา
‚ฝนเพิ่งคลอดนะคะ เก็บความหื่นไว้ก่อนค่ะสามีเจ้าเล่ห์ ‛
‚จริงสิ ลืมไป ขอบใจที่เตือน มีเมียสวยน่ารักนี่ทําใจลําบากจริง ๆ ไม่เป็นไร
รอไว้ถึงเวลาก่อนพ่อจะเอาคืน
ให้เข็ด แล้วอย่าโวยนะ‛ คราวนี้สายฝนจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง
‚ไม่โวยหรอกค่ะ เพราะคงไม่มีโอกาส ฝนจะเอาข้าวโอ๊ตมานอนด้วย เอาให้
ใครบางคนมันจุกอกตายไปเลย‛
พูดจบก็เดินเข้าห้องน้ําไป ปล่อยให้วรเมธไปหาทางแก้เอาเอง สงสัยต้องส่งเจ้า
หลานตัวแสบไปอยู่โรงเรียนประจํา
แล้วกระมัง ขืนปล่อยให้ร่วมมือกับฝนจ๋าจริง ๆ มีหวังมันจุกอกอย่างว่าแน่ ๆ กําลัง
คิดจะมีลูกอีกสักคน ไว้เป็นเพื่อนลูกสาว
สุดน่ารักของเขา เรื่องอะไรจะยอมให้โครงการนี้ล้มลง

เวลาผ่านไปปีกว่า หน้าห้องคลอดของโรงพยาบาลชั้นนําแห่งหนึ่ง สองหนุ่มคู่


เขยผู้ไม่ยอมลดราวาศอกให้แก่กันก็
ผลิตทายาทเพิ่มอีกคนละหนึ่งตามโครงการที่ได้วางไว้ เพราะทั้งคู่ไม่อยากให้พี่น้อง
สองสาวไปทํางานนั่นเอง
พอประตูห้องคลอดเปิดออก สองหนุ่มก็ยิ้มหน้าบานออกมาบอกทุกคนว่า
‚ข้าวโอ๊ตได้น้องชายกับน้องสาวอีกแล้วครับ ‛
‚แล้วใครได้ลูกสาวใครได้ลูกชายล่ะพ่อตัวดีทั้งสอง‛ กุลชาถามอย่าง
หมั่นไส้
‚น้องข้าวฟ่างได้น้องชายครับคุณแม่ ‛ วรเมธตอบพลางก้มลงอุ้มลูกสาวตัว
น้อยที่ค่อย ๆ เดินเตาะแตะเข้ามาหาแล้วพูดต่อว่า
‚ไปลูก ไปดูน้องกัน‛ พูดจบก็เดินเข้าห้องคลอด โดยมีข้าวโอ๊ตวิ่งตามเข้าไป
อีกคน
‚ผมคงไม่ต้องบอกแล้วนะครับว่าผมได้ลูกสาว ไปเรน ไปหาน้องกัน ‛ พูดจบก็
อุ้มลูกชายเข้าห้องคลอดไป
เช่นเดียวกัน ปล่อยให้กุลชากับศจีมองหน้ากันแล้วต่างคนต่างก็คิดว่า ไม่ว่าจะ
อย่างไรสองคนนี้ไม่เคยยอมลงให้
กันเลยจริง ๆ เห็นทีสายฝนกับสายรุ้งคงต้องเดือดร้อนไปชั่วชีวิตกระมัง...กับเขยที่
ทั้งร้ายทั้งเจ้าเล่ห์ และกินกัน
ไม่ลงสักครั้ง...คู่นี้

จบภาคพิเศษ

You might also like