Professional Documents
Culture Documents
File 68519
File 68519
กริยาประสมแบบรวมนามในภาษาไทย1
Verb–noun Compounds words in Thai
ชนิกา พรหมมาศ (Chanika Prommas)2
บทคัดย่อ
บทความนีม้ วี ตั ถุประสงค์เพือ่ วิเคราะห์โครงสร้าง วากยสัมพันธ์ และอรรถสัมพันธ์
ของคำ�กริยาประสมแบบรวมนามในภาษาไทยตามแนวทฤษฎีไวยากรณ์หน้าที่นิยม
แบบลักษณ์ภาษา ข้อมูลรวบรวมจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542
พจนานุกรมคำ�ใหม่ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน เล่ม 1 เล่ม 2 เล่ม 3 และคำ�พูดที่ประสบ
ในชีวิตประจำ�วัน โดยพิจารณา คำ�อนุพจน์/ลูกคำ� (ที่พิมพ์ด้วยตัวหนา) ของคำ�ตั้ง/แม่
คำ�ทีเ่ ป็นคำ�กริยา (ก) เนือ่ งจากคำ�อนุพจน์ คือ คำ�ตัง้ ทีเ่ กิดร่วมกับคำ�อืน่ ผลการศึกษา
ปรากฏคำ�กริยาประสมแบบรวมนามภาษาไทย จำ�นวน 1,541 คำ� ปรากฏรูปแบบของ
คำ�กริยาประสมแบบรวมนาม 8 รูปแบบ คือ กริยาวลี-นามวลี นามวลี-กริยาวลี กริยา
วลี-กริยาวลี กริยาวลี-บุพบทวลี นามวลี-กริยาวลี-นามวลี กริยาวลี-ประโยค คำ�เชือ่ ม-
ประโยค และปฏิเสธ-สัมพันธกริยา-นามวลี ซึ่งแต่ละรูปแบบมีวากยสัมพันธ์ของคำ�
สมาชิกอยู่ 16 ลักษณะ คือ กริยาหลัก-กรรมตรง ปฏิเสธ-กริยาหลัก-กรรมตรง กริยา
หลัก-วิเศษณ์ ประธาน-กริยาหลัก ประธาน-กริยาหลัก-กริยาวิเศษณ์ ประธาน-กริยา
วิเศษณ์-กริยาหลัก กรรมตรง-กริยาหลัก กรรมตรง-กริยาหลัก-กริยาวิเศษณ์ กริยาเรียง
กริยาหลัก-กริยาวิเศษณ์ กริยาแบบกึ่งมีไวยากรณ์-กริยาแบบกึ่งมีไวยากรณ์ กริยา
หลัก-กรรมอ้อม ประธาน-กริยาหลัก-กรรมตรง กริยาหลัก-กริยาอนุประโยคเติมเต็ม
คำ�เชื่อม-ประโยค และปฏิเสธ-สัมพันธกริยา-ภาคแสดงนาม ส่วนอรรถสัมพันธ์จะ
ปรากฏ 30 ลักษณะ คือ กริยา-ผู้ทรงสภาพ กริยา-ผู้ประสบ กริยาเหตุการณ์-สถานที่
กริยากระทำ�-เครื่องมือ ปฏิเสธ-กริยาสภาพการณ์-ผู้ทรงสภาพ กริยา-เวลา ผู้ทรง
สภาพ-กริยา ผูก้ ระทำ�-กริยา ผูแ้ สดงสภาพ-กริยา-ลักษณะ ผูท้ รงสภาพ-ลักษณะ-กริยา
1
บทความนีเ้ ป็นส่วนหนึง่ ของวิทยานิพนธ์ เรือ่ ง กริยาประสมแบบรวมนามในภาษาไทย โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.อัญชลี
วงศ์วัฒนา เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา
2
นิสติ ระดับปริญญาเอก สาขาวิชาภาษาศาสตร์ ภาควิชาภาษาศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลก
65000, อีเมล : baifern99@hotmail.com
32 วารสารมนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
ปีที่ 12 ฉบับที่ 1 (มกราคม–มิถุนายน 2560)
Abstract
The purpose of this study is to analyze the structures, syntax and semantic
of Noun-incorporation Compound Verbs Thai according to the Functional-
Typological Approach. The Information for the study is gathered from word which
appeared in Thai Dictionary (Royal Society Version B.E. 2542), New Words Thai
Dictionary (Royal Society Volume 1, 2 and 3) and daily life conversation by
considering in the derivative words (presented with bold letters) of the main verb
in the sentences. The study found 1,541 noun-incorporation compound verbs
in Thai which can be divided into 8 types of noun-incorporation compound verbs
namely; verb phrases-noun phrases, noun phrases-verb phrases, verb phrases-
verb phrases, verb phrases-prepositional phrases, noun phrases-verb phrases-noun
phrases, negative-relation of participle to verbs-noun phrases, conjunctions-
sentences and verb phrases-sentences. The study also found 16 syntax’s
patterns of noun-incorporation compound verbs which are main verb-direct
object, negative-main verb-direct object, main verb-adverb, subject-main verb,
subject-main verb- adverb, subject-adverb-main verb, direct object-main verb,
Journal of Humanities and Social Sciences, Thaksin University 33
Vol. 12 No. 1 (January-June 2017)
บทนำ�
การประสมคำ� (word compounding) เป็นวิธีสำ�คัญในการสร้างคำ�ใหม่ในภาษา
ตระกูลคำ�โดด เช่น ภาษาไทย จีน เวียดนาม ฯลฯ โดยทั่วไปเมื่อกล่าวถึงคำ�ว่า คำ�
ประสม (word compound) จะหมายถึงคำ�ที่สร้างจากการนำ�เอาคำ�เดิมที่มีอยู่แล้วใน
ภาษาสองคำ�หรือมากกว่า มาประกอบเข้าด้วยกัน เพือ่ สร้างคำ�ใหม่ทมี่ คี วามหมายใหม่
เฉพาะคำ� คำ�ประสมมีความแตกต่างจากประโยค เนื่องจากคำ�ประสมมีความหมายที่
จำ�เพาะเสมือนเป็นคำ�เดียว(idiosyncratic meaning) ไม่ใช่เป็นผลรวมของความหมาย
จากหลายคำ�ที่นำ�มาเรียงกัน(straight forword/compositional meaning) ดังเช่นความ
หมายที่ได้จากวลีหรือประโยค (อัญชลี สิงห์น้อย, 2548 : 1)
คำ�ประสมจำ�แนกตามหน้าที่ได้หลายประเภท ที่สำ�คัญคือ คำ�นามและคำ�กริยา
34 วารสารมนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
ปีที่ 12 ฉบับที่ 1 (มกราคม–มิถุนายน 2560)
ซึ่งคำ�ประสมที่ทำ�หน้าที่เป็นกริยาในประโยคภาษาไทยนั้นก็มีอยู่เป็นจำ�นวนมาก โดย
ปรากฏทั้งโครงสร้างที่เป็น กริยา-กริยา กริยา-นาม และนาม-กริยา โครงสร้างที่เป็น
กริยาและกริยา เช่น กันสาด กินขาด ไขควง แช่อิ่ม ต้มยำ� ผัดเผ็ด ห่อหมก เหลือเชื่อ
ฯลฯ โครงสร้างที่เป็นนามและกริยา เช่น ปากเสีย ท้องร่วง หูเบา อาบน้ำ� ตากแดด
เล่นตัว กลุ้มใจ หายใจ กลับคำ� กินใจ ขัดจังหวะ มอมเหล้า ฯลฯ จากคำ�กริยาประสม
ที่มีโครงสร้างเป็นนามและกริยา ดังยกตัวอย่างมาข้างต้นนี้มีกระบวนการทางภาษาที่
เกิดขึ้นเรียกว่า การรวมนาม (Noun Incorporation) (Mithum, 1984) ซึ่งมีโครงสร้างที่
หลากหลาย และเมื่อรวมกันแล้วก็จะกลายเป็นคำ�ประสมที่จัดอยู่ในหมวดคำ�กริยา
(predicative element) ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของเพียรศิริ วงศ์วิภานนท์ และคณะ
(2528) ได้ศึกษาวิเคราะห์วากยสัมพันธ์ อรรถสัมพันธ์ และลักษณะทางความหมาย
ของคำ�กริยาประสมที่เกิดจากการรวมนาม (งานวิจัยของเพียรศิริ เรียกว่า “การกลืน
นาม” โดยศึกษาข้อมูลคำ�ประสมที่มีการกลืนนามจากความรู้ของผู้พูดภาษา 4 คน
จำ�นวน 644 คำ� พบว่าในด้านวากยสัมพันธ์ของคำ�กริยาประสมที่เกิดจากการรวมนั้น
นามที่ถูกกลืนนั้นส่วนใหญ่จะอยู่ในตำ�แหน่งกรรมมากกว่าตำ�แหน่งประธาน และเมื่อ
กลืนคำ�แล้ว คำ�กริยาที่เกิดใหม่ส่วนใหญ่จะเป็นกริยาอกรรม
ผู้เขียนเห็นว่าในปัจจุบัน คำ�กริยาประสมแบบรวมนามในภาษาไทยน่าจะมี
จำ�นวนเพิ่มมากขึ้น อันจะส่งผลให้มีโครงสร้างวากยสัมพันธ์และอรรถสัมพันธ์ที่เพิ่ม
เติมและมีความหลากหลายมากยิง่ ขึน้ กว่าแต่กอ่ นทีไ่ ด้มกี ารศึกษาวิเคราะห์ในประเด็น
ดังกล่าว ดังนั้นผู้เขียนจึงสนใจศึกษาโครงสร้าง วากยสัมพันธ์ และอรรถสัมพันธ์ของ
คำ�กริยาประสมแบบรวมนามในภาษาไทย ตามแนวทฤษฎีไวยากรณ์หน้าที่นิยมแบบ
ลักษณ์ภาษา (Functional-Typological Approach) นำ�โดย Talmy Givón เป็นการศึกษา
ภาษาทีค่ วบคูไ่ ปกับปริบท (context) โดยเน้นในเรือ่ งหน้าทีแ่ ละการใช้ภาษาแสดงความ
สัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างและหน้าทีข่ องภาษาว่าจะต้องมีควบคูก่ นั ไป ด้วยการอธิบาย
แบบเปรียบเทียบข้ามภาษา (cross-linguistics) และอาศัยแนวคิดของกระบวนการ
กลายเป็นคำ�ไวยากรณ์ (grammaticalization) และการไล่เหลือ่ มของหมวดหมูไ่ วยากรณ์
เป็นสำ�คัญ โดย ไวยากรณ์หน้าที่เป็นไวยากรณ์ที่อธิบายธรรมชาติของภาษาในฐานะ
ที่ภาษาเป็นเครื่องมือในการสื่อสารของมนุษย์ เป็นภาษาที่บุคคลในชุมชนใช้พูดและ
สือ่ สารเข้าใจร่วมกันได้ อีกทัง้ ยังเป็นไวยากรณ์ทใี่ ห้ความสำ�คัญกับการศึกษาภาษาเชิง
พุทธิปัญญา (cognitive linguistics) โดยเน้นการศึกษาภาษาในเรื่องของระบบคิดที่
Journal of Humanities and Social Sciences, Thaksin University 35
Vol. 12 No. 1 (January-June 2017)
โครงสร้างและวากยสัมพันธ์ของคำ�กริยาประสมแบบรวมนาม
การวิเคราะห์รูปแบบและวากยสัมพันธ์ของคำ�กริยาประสม จะพบว่าคำ�กริยา
ประสมแบบรวมนามนั้นมี 2 ชนิด คือ กริยาอกรรมและกริยาสกรรม
1. กริยาอกรรม (intransitive verbs)
กริยาอกรรมเป็นกริยาที่มีใจความครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่ต้องมีกรรมตามหลัง
เช่น ข้อสอบออกไม่ตรงกับที่ดูมา เลยต้องดำ�น้ำ� (ดำ�น้ำ� หมายถึง เดาสุ่มไปอย่าง
ผิด ๆ ถูก ๆ) ขาไปมีผู้โดยสารเต็มคัน แต่ขากลับต้องตีรถเปล่ากลับมา (ตีรถ หมายถึง
ขับรถไปหรือหรือเช่ารถไปไกล ๆ) ช่วงนีเ้ ขาร้อนเงิน หยิบยืมใครเขาก็ไม่ให้ จึงต้องเอา
เครือ่ งทองเก่าของตระกูลออกขาย (ร้อนเงิน หมายถึง มีความจำ�เป็นอย่างยิง่ ทีจ่ ะต้อง
ใช้เงินโดยเร่งด่วน)
2. กริยาสกรรม (transitive vearbs)
กริยาสกรรมเป็นกริยาที่มีใจความไม่ครบสมบูรณ์ในตัว จะต้องมีคำ�ที่เป็นกรรม
ตามหลัง จึงจะทำ�ให้ใจความนั้นครบบริบูรณ์ เช่น คอนโดของเราตอบโจทย์ลูกค้าที่
เป็นคนหนุ่มสาวได้ทุกประการ (มีหรือทำ�ได้ตามที่คาดว่าผู้บริโภคต้องการ) รุ่นพี่สอน
มวยรุ่นน้อง (สอนมวย หมายถึง สอนกลเม็ดหรืออุบายให้ผู้อ่อนประสบการณ์กว่า)
สามีของเธอไม่ทำ�งาน ได้แต่เกาะชายกระโปรงภรรยา (เกาะชายกระโปรง หมายถึง
อาศัยผู้หญิงหาเลี้ยง)
การรวบรวมคำ�กริยาประสมแบบรวมนามภาษาไทย 1,541 คำ� ปรากฏรูปแบบ
ของคำ�กริยาประสมแบบรวมนาม 8 รูปแบบ กริยาวลี-นามวลี นามวลี-กริยาวลี กริยา
วลี-กริยาวลี กริยาวลี-บุพบทวลี นามวลี-กริยาวลี-นามวลี กริยาวลี-ประโยค คำ�เชือ่ ม-
สอนกลเม็ดหรื ออุบายให้ผูอ้ ่อนประสบการณ์กว่า) สามีของเธอไม่ทางาน ได้แต่เกาะชายกระโปรง
36 วารสารมนุ ษยศาสตร์สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
ภรรยา (เกาะชายกระโปรง
ปีที่ 12 ฉบับที่ 1 (มกราคม–มิถหมายถึ ง อาศัยผูห้ ญิงหาเลี้ยง)
ุนายน 2560)
กริ ยาวลี
กริ ยาหลัก กรรมตรง
กอด เก้ าอี ้
จากวากยสั
มจากวากยสั พันธ์แบบกริ มพันยธ์าหลัก-กรรมตรง
แบบกริ ยาหลัก-กรรมตรง ที่กล่าวไปนั ที่กล่้ นาวไปนั
สามารถแสดงอรรถสั
้น สามารถแสดงอรรถ มพันธ์ได้ 4
ปแบบ ดังนี้ สัมพันธ์ได้ 4 รูปแบบ ดังนี้
1.1.1 อรรถสัมพั1.1.1 นธ์แอรรถสั
บบ กริมยพัา-ผู นธ์แท้ บบรงสภาพ กริยา-ผู้ทรงสภาพ
อรรถสัมพันธ์แบบ กริยา-ผู้ทรงสภาพ คือ มีคำ�กริยาเป็นสกรรม
อรรถสั ม พัน ธ์ แ บบ กริ ยา-ผูท้ รงสภาพ คือ มีคากริ ยาเป็ นสกรรมกริ ยา และมีกรรม
กริยา และมีกรรมเป็นผู้ทรงสภาพทั้งที่เป็นสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต โดยผู้ทรงสภาพแบ่ง
ป็ นผูท้ รงสภาพทัได้เป็้ งทีน่เ2ป็ น สิ่ งมีชีวคืิตอและไม่
ประเภท ผู้เปลี่ยมนสภาพีชีวิต โดยผู
(patient ท้ รงสภาพแบ่
of change) งและผู ได้เป็้แนสดงสภาพ
2 ประเภท คือ ผูเ้ ปลี่ยน
(patient
ภาพ (patient ofofstate)
change) ดังนีและผู
้ แ้ สดงสภาพ (patient of state) ดังนี้
1.1.1.1 ผูเ้ ปลี่ยนสภาพ 1.1.1.1 ผู้เปลี่ยนสภาพ
ผู้ทรงสภาพในลักษณะผู้เปลี่ยนสภาพจะมีคำ�กริยาเป็น
ผู ท้ รงสภาพในลั
สกรรมกริยา โดยคำ�กริยานัน้ เป็ กษณะผู
นการกระทำ เ้ ปลี�่ ย(action)
นสภาพจะมี เป็นเหตุคกากริ ารณ์ยทาเป็
มี่ ผี นสกรรมกริ
กู้ ระทำ�สภาพ ยา โดย
ากริ ยานั้นเป็ นการกระท
การณ์ให้เปลีา่ยนแปลงไปสู (action) เป็่อนเหตุ
ีกสภาพการณ์ การณ์ทหี่ มนึีผ่งกู ้ ตามเวลา
ระทาสภาพการณ์ ซึ่งการเปลีใ่ยห้นแปลงอาจเป็
เปลี่ยนแปลงไปสู น ่ อีก
ภาพการณ์ หได้ นึ่ งทตามเวลา
ั้งเปลี่ยนแปลงอย่ างรวดเร็
ซึ่ งการเปลี ว และมีขอบเขตนได้
่ ย นแปลงอาจเป็ หรือทค่้ ังอเปลี
ย ๆ่ ย นแปลงอย่
เปลี่ยนแปลงา งรวดเร็ และไม่มวี และมี
ขอบเขตที่ชัดเจน และมีกรรมเป็นผู้ได้รับผลกระทบของการกระทำ�ที่ระบุด้วยคำ�กริยา
อบเขต หรื อ ค่เช่อนย กิๆนเปลี ่ยนแปลง และไม่มีขอบเขตที่ชดั เจน และมีกรรมเป็ นผูไ้ ด้รับผลกระทบของ
-แห้ว เจาะ-ยาง ตี-รถ กิน-ของเก่า ขีด-เส้นตาย เจาะ-ไข่แดง
ารกระทาที่ระบุ ดว้ ยคากริ ยา เช่น กิน-แห้1.1.1.2 ว เจาะ-ยาง ผู้แสดงสภาพ ตี-รถ กิน-ของเก่า ขีด-เส้นตาย เจาะ-ไข่แดง
1.1.1.2 ผูแ้ สดงสภาพ ผู้ทรงสภาพในลักษณะผู้แสดงสภาพจะมีคำ�กริยาเป็น
สกรรมกริยผูาท้ โดยคำ �กริยานั้นเป็
รงสภาพในลั นได้ 2 แ้ ประเภท
ก ษณะผู สดงสภาพจะมี คือ กริยาสภาพการณ์
ค ากริ ย าเป็ นสกรรมกริ (state) และ ย า โดย
กริยาเหตุการณ์ (event)
ากริ ยานั้นเป็ น
ได้ 2 ประเภท คือ กริ ยาสภาพการณ์1) (state) กริยาสภาพการณ์ และกริ ยาเหตุ การณ์ (event)
-ผู้แสดงสภาพ
1) กริ ยาสภาพการณ์ คำ�กริ-ผูยแาที
้ สดงสภาพ
แ่ สดงสภาพการณ์จะไม่มกี ารเปลีย่ นแปลง
ตามกาลเวลา อาจจะเป็ คากรินเพี
ยาที ยงชั ว่ เวลาหนึง่ ซึง่ อาจสัจน้ ะไม่
่ แสดงสภาพการณ์ หรือมยาว หรือเป็่ยนนแปลงตามกาลเวลา
ี การเปลี การถาวรก็ได้
เช่น เด็กคนนี้แก่-แดด ชอบแต่งเนื้อแต่งตัวเลียนแบบผู้ใหญ่ (ทำ�เป็นผู้ใหญ่เกินอายุ)
าจจะเป็ นเพีย
งชัว่ เวลาหนึ่ ง ซึ่ งอาจสั้นหรื อยาว หรื อเป็ นการถาวรก็ได้ เช่น เด็กคนนี้ แก่-แดด ชอบ
2) กริยาเหตุการณ์-ผู้แสดงสภาพ
ต่งเนื้อแต่งตัว
เลียนแบบผูใ้ หญ่ (ทาเป็ นผูใ้ หญ่เกินคำอายุ �กริ)ยาที่แสดงเหตุการณ์เป็นสภาพการณ์ที่
เปลี่ยนแปลงไปสู่อ2) กริ ยาเหตุกหารณ์
ีกสภาพการณ์ -ผูแ้ สดงสภาพ
นึ่งตามเวลา ซึ่งการเปลี่ยนแปลงอาจเป็นได้ทั้ง
คากริ ยาที่ แสดงเหตุ การณ์ เป็ นสภาพการณ์ ที่เปลี่ ยนแปลงไปสู่ อีก
38 วารสารมนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
ปีที่ 12 ฉบับที่ 1 (มกราคม–มิถุนายน 2560) 7
กริ ยาวลี
กริ ยาหลัก วิเศษณ์
จา พรรษา
จากวากยสัมพันธ์แบบ กริ ยาหลัก-วิเศษณ์ ที่กล่าวไปนั้น สามารถแสดงอรรถสัมพันธ์ใน
จากวากยสัมพันธ์แบบ กริยาหลัก-วิเศษณ์ ที่กล่าวไปนั้น สามารถแสดงอรรถ
ปแบบ กริ ยา-เวลาสัมพันมีธ์คใากริ
นรูปยแบบ
าเป็ นกริสกรรมกริ
ยา-เวลา มียคาเป็�ำ กรินยาเป็
สภาพการณ์นสกรรมกริและมี
ยาเป็นกสภาพการณ์
รรมบ่งบอกเวลาที ่การกระทา
และมีกรรม
ดขึ้น เช่น จา-พรรษา
บ่งบอกเวลาทีดังตัว่กอย่ างประโยคที
ารกระทำ �เกิดขึ้น ่กเช่ล่นาวไปแล้
จำ�-พรรษา ว ดังตัวอย่างประโยคที่กล่าวไปแล้ว
นามวลี-กริ ย าวลี 2. นามวลี-กริยาวลี
โครงสร้างของคำ�กริยาประสมแบบรวมนามในลักษณะนี้มีหน่วยประกอบเป็น
โครงสร้นามวลี
างของค ากริยยาวลี
และกริ าประสมแบบรวมนามในลั กษณะนี
ยแล้้ มวีห(ใกล้
เช่น ได้ขา่ วว่าคูร่ กั คูน่ เ้ี ตียง-โยกเสี น่วจยประกอบเป็
ะเลิกร้างจากชีนวติ นามวลี
คู)่ และ
ริ ยาวลี เช่น ได้ ข่าวว่จากรู
าคู่รปักแบบนามวลี
คู่น้ ีเตียง-โยกเสี ยแล้จะปรากฏวากยสั
-กริยาวลี ว (ใกล้จะเลิกร้มางจากชี คู่) คือ แบบประธาน-
พันธ์ได้ ว5ิตแบบ
จากรู ปกริแบบนามวลี
ยาหลัก ประธาน-กริ ยาหลัจะปรากฏวากยสั
-กริ ย าวลี ก-กริยาวิเศษณ์ ประธาน-กริ ม พัน ธ์ยไาวิด้ เ5ศษณ์
แบบ -กริคืยาหลั ก กรรม
อ แบบประธาน-
ตรง-กริยาหลัก และกรรมตรง-กริยาหลัก-กริยาวิเศษณ์ กล่าวคือ
ริ ยาหลัก ประธาน-กริ ยาหลัก-กริ ยาวิเศษณ์ ประธาน-กริ ยาวิเศษณ์-กริ ยาหลัก กรรมตรง-กริ ยาหลัก
2.1 วากยสัมพันธ์แบบประธาน-กริยาหลัก
ละกรรมตรง-กริ ยาหลั กวากยสั
-กริ ยาวิ
มพัเศษณ์
นธ์ในรูกล่ าวคือ
ปแบบประธาน-กริ ยาหลัก จะมีหน่วยประกอบเป็นประธาน
2.1 วากยสั
และมีมกพัรินยาแท้
ธ์แบบประธาน-กริ
เรียงต่อกัน เช่น ยเห็าหลั นตักวเล็กอย่างนี้สาย-แข็งชะมัด กินข้าวทีหนึ่งตั้ง 3
ชามแน่
วากยสั มพัะน(กิธ์นใเก่
นรูง ปกิแบบประธาน-กริ
นได้มาก ๆ) ยาหลัก จะมี ห น่ วยประกอบเป็ นประธานและมี
ริ ยาแท้เรี ยงต่อกัน เช่น เห็นตัวเล็กอย่างนี้ สาย-แข็งชะมัด กินข้าวทีหนึ่ งตั้ง 3 ชามแน่ะ (กินเก่ง กิน
วากยสัมพัน ธ์ในรู ปแบบประธาน-กริ ยาหลัก จะมี ห น่ วยประกอบเป็ นประธานและมี
40 วารสารมนุ ษยศาสตร์สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
ท้เรี ยงต่อกัน เช่ปีทนี่ 12 เห็
ฉบับน
ที่ 1ตั(มกราคม–มิ
วเล็กอย่ างนี
ถุนายน ้ สาย-แข็งชะมัด กินข้าวทีหนึ่ งตั้ง 3 ชามแน่ะ (กินเก่ง กิน
2560)
ๆ)
ทั้งนี
้ โครงสร้ าทังวากยสัง้ นี้ โครงสร้ มพัางวากยสั
นธ์แบบประธาน-กริ
มพันธ์แบบประธาน-กริยาหลักยาหลั ของค ากริ ย�าประสมแบบรวม
ก ของคำ กริยาประสม
แบบรวมนามที
ปรากฏในประโยคตั วอย่่ปารากฏในประโยคตั
ง แสดงได้ดงั แผนภู วอย่มาิตงน้ แสดงได้
ไม้ ดังนีดัง้ แผนภูมิต้นไม้ ดังนี้
กริ ยาวลี
(ประโยค)
ประธาน กริ ยาหลัก
สาย แข็ง
จากวากยสั ม พั น ธ์ แ บบ ประธาน -กริ ยาหลัก ที่ ก ล่ า วไปนั้ น สามารถแสดง
จากวากยสัมพันธ์แบบ ประธาน-กริยาหลัก ทีก่ ล่าวไปนัน้ สามารถแสดงอรรถ
มพันธ์ได้สั2มพัรู ปนแบบ
ธ์ได้ 2ดัรูงปนีแบบ
้ ดังนี้
2.1.1 อรรถสัมพัน2.1.1
ธ์แบบ ผูท้ รงสภาพ-กริ
อรรถสั มพันธ์แบบ ผูย้ทารงสภาพ-กริยา
อรรถสัมพัน ธ์ แบบ อรรถสัผูท้ มรงสภาพ-กริ
พันธ์แบบ ผู้ทรงสภาพ-กริ
ยา มี คากริยยาาเป็มีคนสกริ
ำ�กริยาเป็ นสกริยาสภาพ และมี
ยาสภาพการณ์
การณ์ และมีกรรมเป็นผู้ทรงสภาพของกริยานั้น ๆ เช่น หนุ่มนักเรียนเทคนิคหาดใหญ่
ป็ นผูท้ รงสภาพของกริ
เข่า-อ่อน เมือ่ ยตำานั �รวจแจ้ น หนุก่มรยานยนต์
้ น ๆ งเช่พบรถจั นักเรี ยนเทคนิ คหาดใหญ่เ3ข่วัาน-อ่(อาการที
ทถี่ กู ขโมยหายไป อน เมื่อตเ่ ข่ารวจแจ้
าหมด งพบ
กําลังทรุดลง โดยปริยายหมายถึงอาการหมดแรง เพราะรูเ้ รือ่ งทีท่ �ำ ให้เสียใจเป็นต้นใน
ทันทีทันใด)
2.1.2 อรรถสัมพันธ์แบบ ผู้กระทำ�–กริยา
อรรถสัมพันธ์แบบ ผูก้ ระทำ�-กริยา มีค�ำ กริยาแสดงการกระทำ� และ
มีประธานที่เปรียบเป็นผู้กระทำ�กริยานั้น ๆ เช่น เขาเขียนหนังสือเป็นไก่-เขี่ยมาก ๆ
เลย (หวัด ยุ่งจนเกือบอ่านไม่ออก)
2.2 วากยสัมพันธ์แบบประธาน-กริยาหลัก-กริยาวิเศษณ์
วากยสั ม พั น ธ์ ใ นรู ป แบบประธาน-กริ ย าหลั ก -กริ ย าวิ เ ศษณ์ จะมี ห น่ ว ย
ประกอบเป็นประธาน กริยาแท้และกริยาวิเศษณ์เรียงต่อกัน โดยมีวิเศษณ์ทำ�หน้าที่
ขยายกริยาแท้ เช่น มีสาวสวยมาในงานเยอะแยะ เขาตา-อยู่-ไม่สุขเลย (ชอบมองไป
เรื่อย ๆ ตาไม่อยู่นิ่ง)
ทั้งนี้ โครงสร้างวากยสัมพันธ์แบบประธาน-กริยาหลัก-กริยาวิเศษณ์ ของคำ�
กริยาประสมแบบรวมนามทีป่ รากฏในประโยคตัวอย่าง แสดงได้ดงั แผนภูมติ น้ ไม้ ดังนี้
ประธาน กริ ยาแท้และกริ ยาวิเศษณ์เรี ยงต่อกัน โดยมีวิเศษณ์ทาหน้าที่ขยายกริ ยาแท้ เช่น มีสาวสว
มาในงานเยอะแยะ เขาตา-อยู-่ ไม่สุขเลย (ชอบมองไปเรื่ อย ๆ ตาไม่อยูน่ ิ่ง) University 41
Journal of Humanities and Social Sciences, Thaksin
Vol. 12 No. 1 (January-June 2017)
ทั้งนี้ โครงสร้ างวากยสั มพัน ธ์ แบบประธาน-กริ ยาหลัก -กริ ยาวิเศษณ์ ของค ากริ ย
ประสมแบบรวมนามที่ปรากฏในประโยคตัวอย่าง แสดงได้ดงั แผนภูมิตน้ ไม้ ดังนี้
กริ ยาวลี
(ประโยค)
ก้ น ไม่ทนั ร้ อน
จากวากยสัมพันธ์แบบ ประธาน-กริ ยาวิเศษณ์ -กริ ยาหลัก ที่ กล่าวไปนั้น สามาร
จากวากยสัมพันธ์แบบ ประธาน-กริยาวิเศษณ์-กริยาหลัก ที่กล่าวไปนั้น
แสดงอรรถสัสามารถแสดงอรรถสั
มพันธ์ในรู ปแบบมผูพัท้ นรงสภาพ-ลั
ธ์ในรูปแบบ กผูษณะ-กริ ยา จะมี
้ทรงสภาพ-ลั ประธานที
กษณะ-กริ ่เปรีปยระธานที
ยา จะมี บเป็ นผู่ ท้ รงสภา
ตามด้วยลักษณะ (manner) และมีคากริ ยาแสดงการกระทาหรื อเหตุการณ์ ที่แสดงรายละเอียดขอ
เหตุการณ์เพิ่มเติมจากคากริ ยา
จากวากยสัมพันธ์แบบ ประธาน-กริ ยาวิเศษณ์ -กริ ยาหลัก ที่ กล่าวไปนั้น สามารถ
สัมพันธ์ใ42นรู ปวารสารมนุ
ปีแบบ
ที่ 12 ฉบับผูที่ท
้ 1 (มกราคม–มิ
รงสภาพ-ลั กษณะ-กริ ยา จะมีประธานที่เปรี ยบเป็ นผูท้ รงสภาพ
ษยศาสตร์สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
ถุนายน 2560)
แค้ น ฝังหุน่
จากวากยสั
จากวากยสั มพันมธ์พัแนบบ กริกริ
ธ์แบบ ยาหลั
ยาหลัก-กริ
ก-กริยยาวิาวิเศษณ์
เศษณ์ทีที่กก่ ล่ล่าาวไปนั
วไปนัน้ ้ นสามารถแสดง
สามารถแสดง
ถสัมพันธ์อรรถสั
ได้ 3 แบบ
มพันธ์ดัได้งนี3้ แบบ ดังนี้
3.2.1 อรรถสัม3.2.1 พันธ์อรรถสั
แบบ กริมพัยนา-ที
ธ์แบบ กริยา-ที่มา‘from’
่มา (ablative) (ablative) ‘from’
อรรถสัมพันธ์ในรูปแบบ กริยา-ที่มา จะมีกรรมเป็นที่มาของการก
อรรถสัมพันธ์ในรู ปแบบ กริ ยา-ที่มา จะมีกรรมเป็ นที่ มาของการกระทา โดยมีคา
ระทำ� โดยมีคำ�บุพบท “จาก” นำ�หน้าสถานที่ และไม่มีคำ�บุพบทนำ�หน้าสถานที่ โดย
บท “จาก”มีคนำ�าหน้ าสถานที
นามเป็ ่ และไม่มีค�าบุ
นที่มาของการกระทำ หรืพ บทน
อเหตุ าหน้ทาี่รสถานที
การณ์ ะบุด้วยคำ่ �โดยมี กริยา คเช่านามเป็ นที่ใ่ มน าของการ
น ตอนอยู
ตำ�แหน่งเขาดีแต่ใช้อำ�นาจ พอลง-จากอำ�นาจ ลูกน้องจึงพากันหนีหายไปหมด (หมด
อำ�นาจ พ้นจากตำ�แหน่งที่มีอำ�นาจ)
3.2.2 อรรถสัมพันธ์แบบ กริยา-ตำ�แหน่ง (positional) ‘after’
อรรถสัมพันธ์แบบ กริยา-สถานที่แบบนี้จะมีกรรมเป็นสถานที่ของ
การกระทำ� โดยมีคำ�บุพบท “ตาม บน กลาง เหนือ บน ใน ฯลฯ” นำ�หน้าสถานที่ เช่น
รัฐบาลชุดนี้นั่ง-ในหัวใจเกษตรกรทั้งหลาย (รู้ใจ ทําถูกต้องตรงตามที่ผู้อื่นคิดไว้)
3.2.3 อรรถสัมพันธ์แบบ กริยา-ที่หมาย (destination)
อรรถสัมพันธ์แบบ กริยา-ที่หมาย มีคำ�กริยาเป็นสกรรมกริยาที่มี
กรรมเป็นที่หมายของการกระทำ�หรือเหตุการณ์ที่ระบุด้วยคำ�กริยา เช่น วันนี้คุณพ่อ
เข้า-ครัวเองผู้คนก็ชุลมุนไปทั้งบ้าน (ทำ�กับข้าว)
3.3 วากยสัมพันธ์แบบกริยาแบบกึ่งมีไวยากรณ์-กริยาแบบกึ่งมีไวยากรณ์
วากยสัมพันธ์ในรูปแบบ กริยาแบบกึ่งมีไวยากรณ์-กริยาแบบกึ่งมีไวยากรณ์
เป็นกริยาประสมที่ไม่มีวากยสัมพันธ์ระหว่างหน่วยสมาชิกในรูปแบบของหน่วยหลัก
และหน่วยขยายดังเช่นโครงสร้างของหน่วยกริยาทั่วไป เนื่องจากหน่วยสมาชิกแต่ละ
หน่วยที่มาประสมกัน มีความสำ�คัญทัดเทียมกัน ไม่มีคำ�สมาชิกหนึ่งใดเป็นหลัก หรือ
วากยสัมพันธ์ในรู ปแบบ กริ ยาแบบกึ่ งมีไวยากรณ์ -กริ ยาแบบกึ่ งมีไวยากรณ์ เป็ นกร
Journal of Humanities and Social Sciences, Thaksin University 47
ประสมที่ไม่มีวากยสัมพันธ์ระหว่างหน่วยสมาชิกในรู ปแบบของหน่ Vol. 12 No. 1ว(January-June
ยหลักและหน่ 2017) วยขยายดังเช
ทาปาก ทาคอ
จากวากยสั
มพันธ์แมบบ
จากวากยสั พันธ์กริแบบ
ยาหลั
กริยกาหลั
-กริกย-กริ
าวิเยศษณ์ ที่กล่ทีาก่ วไปนั
าวิเศษณ์ ล่าวไปนั ้ น สามารถแสดง
น้ สามารถแสดง
อรรถสัมพันอรรถสั
ธ์ คือมกริพันยธ์าประสมที ่หน่วยสมาชิ
คือ กริยาประสมที ่หน่วกยสมาชิ
มีความหมายคล้
กมีความหมายคล้ ายกัน ายกัน
4. กริ ยาวลี- บุพบทวลี4. กริยาวลี-บุพบทวลี 15
โครงสร้างของคำ�กริยาประสมแบบรวมนามในลักษณะนี้มีหน่วยประกอบเป็น
โครงสร้
กริยาวลีางของค
และบุพากริ บทวลียาประสมแบบรวมนามในลั
รูปแบบคำ�กริยาประสมนี้จะมีวกากยสั ษณะนี มพั้ มนีหธ์เน่ป็วนยประกอบเป็
แบบเดียว คือ น กริ ยาว
และบุพบทวลี กริยรูาหลั
ปแบบค
ก-กรรมอ้ากริอยมาประสมนี ้ จะมี
เช่น ถ้าเจอข้ วากยสั
อสอบหิ มพันธ์้ เห็เป็นนแบบเดี
นแบบนี ทีจะจน-ด้ยววยเกล้ คือ ากริแล้ยวาหลั
แน่ ๆก-กรรมอ้อ
เช่น ถ้าเจอข้(ไม่ รู้จะแก้นปัญ
อสอบหิ หาได้้ อเห็ย่านงไร)
แบบนี ทีจะจน-ด้วยเกล้าแล้วแน่ ๆ (ไม่รู้จะแก้ปัญหาได้อย่างไร)
ทั้งนี้ โครงสร้ า งวากยสั ม
ทัง้ นี้ โครงสร้างวากยสัพั น ธ์ แบบกริ
มพันธ์ยแาหลั
บบกริกย-กรรมอ้
าหลัก-กรรมอ้อม ของค
อม ของคำ ากริ �ยกริาประสมแบบรวมนาม
ยาประสมแบบ
ปรากฏในประโยคตัรวมนามที วอย่่ปารากฏในประโยคตั
ง แสดงได้ดงั แผนภู วอย่มางิตน้แสดงได้
ไม้ ดังดนีัง้ แผนภูมิต้นไม้ ดังนี้
กริ ยาวลี
กริ ยาหลัก กรรมอ้ อม
คาบุพบท นามวลี
จน ด้ วย เกล้ า
จากวากยสั มพันธ์แบบ
จากวากยสั มพักริ
นธ์แยบบ
าหลักริก-กรรมอ้ อม ที่กอล่มาทีวไปนั
ยาหลัก-กรรมอ้ ้ น สามารถแสดงอรรถสั
่กล่าวไปนั ้น สามารถแสดงอรรถมพันธ์
้ 3 รู ปแบบ ดังสันีม้ พันธ์ได้ 3 รูปแบบ ดังนี้
4.1.1 อรรถสัมพันธ์แบบ กริ ยา-กรรมอ้อมสถานที่ของเหตุการณ์ (location)
48 วารสารมนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
ปีที่ 12 ฉบับที่ 1 (มกราคม–มิถุนายน 2560)
ประธาน
ประธาน กริ ยกริ
าวลียาวลี
กริ ยกริ
า ยากรรมตรงกรรมตรง
ขา Ø ขึ ้น
จากวากยสัมพันธ์แบบ คาเชื่อม-ประโยค ที่ กล่าวไปนั้น สามารถแสดงอรรถสัมพันธ์แ
จากวากยสัมพันธ์แบบ คำ�เชื่อม-ประโยค ที่กล่าวไปนั้น สามารถแสดงอรรถ
คาเชื่อมบอกเวลา-เหตุ การณ์ โดยจะมีหน่วยประกอบเป็ น คาเชื่อมบอกเวลา ตามด้วยเหตุการณ์
สัมพันธ์แบบ คำ�เชื่อมบอกเวลา-เหตุการณ์ โดยจะมีหน่วยประกอบเป็น คำ�เชื่อมบอก
8. ปฏิเสธ-สัเวลา
มพันตามด้
ธกริวยยเหตุ
า-นามวลี
การณ์ 1
โครงสร้
8.าปฏิ งของค
เสธ-สัากริ
มพัยนาประสมแบบรวมนามในลั
ธกริยา-นามวลี กษณะนี้ มี ห น่ วยประกอบเป็ นปฏิ เ
สัมพันธกริ ยา และภาคแสดงนาม
โครงสร้างของคำ�กริเช่ยาประสมแบบรวมนามในลั
น หนังเรื่ องนี้ไม่เป็ น-สับกปะรดเลย
ษณะนี้มีหน่(ใช้
วยประกอบเป็
ไม่ได้ ไม่ดี)น
ปฏิเสธ สัมพันธกริยา และภาคแสดงนาม เช่น หนังเรื่องนี้ไม่เป็น-สับปะรดเลย (ใช้ไม่
ได้ ไม่ดมี) พันธกริ ยา-นามวลี จะปรากฏวากยสัมพันธ์แบบสัมพันธกริ ยา-ภาคแสดงนามม
รู ปแบบสั
รูปแบบสัมพันธกริยา-นามวลี จะปรากฏวากยสัมพันธ์แบบสัมพันธกริยา-ภาค
มีหน่ วยประกอบเป็ นปฏิ เสธตามด้วยสัมพันธกริ ยาที่ ทาหน้าที่เป็ นกริ ยาหลักและมีภาคแสดงเป็
แสดงนามมักมีหน่วยประกอบเป็นปฏิเสธตามด้วยสัมพันธกริยาที่ทำ�หน้าที่เป็นกริยา
นามวลี หลักและมีภาคแสดงเป็นนามวลี
ทั้งนี ้ โครงสร้ างวากยสั
ทั้งนี้ โครงสร้ มพันมธ์พัแนบบ
างวากยสั ธ์แบบปฏิปฏิเสธ-สั
เสธ-สัม พันนธกริ
ธกริยา-ภาคแสดงนาม
ย า-ภาคแสดงนาม ของคำของค
� ากริ ย
กริยาประสมแบบรวมนามที
ประสมแบบรวมนามที ป่ รากฏในประโยคตั
่ปรากฏในประโยคตั วอย่าง แสดงได้ วอย่ดางงั แผนภู
แสดงได้มดิตงั น้ แผนภู
ไม้ ดัมงติ นีน้ ้ ไม้ ดังนี้
กริ ยาวลี
สรุป
โครงสร้างของคำ�กริยาประสมแบบรวมนามทั่วไปเหมือนโครงสร้างวลีหรือ
ประโยค สอดคล้องกับ อัญชลี สิงห์นอ้ ย (2552) ทีก่ ล่าวว่า คำ�ประสมมีพนื้ ฐานมาจาก
ระบบหรือกฎเกณฑ์เดียวกันกับวลีหรือประโยค จึงอาจกล่าวได้ว่า เมื่อใดก็ตามที่มีคำ�
ประสมเกิ ด ขึ้ น ในภาษา คำ � เหล่ า นั้ น น่ า จะใช้ แ สดงความหลากหลายทั้ ง ในเชิ ง
วากยสัมพันธ์ ความหมายและคำ�ศัพท์ไปในคราวเดียวกัน และอัญชลี สิงห์นอ้ ย (2548)
ได้แสดงให้เห็นว่าคำ�นามประสมในภาษาไทย แม้จะมีความหมายจำ�เพาะเหมือนคำ�
เดี่ยวโดยทั่วไป แต่ก็มีวากยสัมพันธ์ อรรถสัมพันธ์ และผลิตภาวะ (productivity) ที่
หลากหลายได้เช่นเดียวกันกับวลีและประโยค
จากการวิเคราะห์คำ�กริยาประสมแบบรวมนามในงานวิจัยนี้ อาจกล่าวได้ว่า
เป็นข้อมูลในการแสดงองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับไวยากรณ์ไทย ในประเด็นเรื่อง คำ�
กริยาประสมแบบรวมนามในแนวทฤษฎีหน้าที่นิยมที่อธิบายภาษาโดยครอบคลุมรูป
แบบ โครงสร้าง วากยสัมพันธ์ และอรรถสัมพันธ์ที่พิจารณาแยกแยะให้เข้าใจถึง
ธรรมชาติที่แท้จริงของหมวดหมู่คำ�กริยาประสมแบบรวมนามอย่างครอบคลุมและ
ชัดเจน
เอกสารอ้างอิง
เพียรศิริ วงศ์วภิ านนท์ และคณะ. (2528). การประสมคำ�ด้วยวิธกี ลืนนามในภาษาไทย.
ภาษาและวรรณคดีไทย, 2(3), 48-58.
ราชบัณฑิตยสถาน. (2546). พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542.
กรุงเทพฯ : บริษัทนานมีบุ๊คส์พับบลิเคชั่น จำ�กัด.
________. (2550). พจนานุกรมคำ�ใหม่ เล่ม 1 ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. กรุงเทพฯ
: แม็ค.
Journal of Humanities and Social Sciences, Thaksin University 53
Vol. 12 No. 1 (January-June 2017)