You are on page 1of 23

Journal of Humanities and Social Sciences, Thaksin University 31

Vol. 12 No. 1 (January-June 2017)

กริยาประสมแบบรวมนามในภาษาไทย1
Verb–noun Compounds words in Thai
ชนิกา พรหมมาศ (Chanika Prommas)2

บทคัดย่อ
บทความนีม้ วี ตั ถุประสงค์เพือ่ วิเคราะห์โครงสร้าง วากยสัมพันธ์ และอรรถสัมพันธ์
ของคำ�กริยาประสมแบบรวมนามในภาษาไทยตามแนวทฤษฎีไวยากรณ์หน้าที่นิยม
แบบลักษณ์ภาษา ข้อมูลรวบรวมจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542
พจนานุกรมคำ�ใหม่ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน เล่ม 1 เล่ม 2 เล่ม 3 และคำ�พูดที่ประสบ
ในชีวิตประจำ�วัน โดยพิจารณา คำ�อนุพจน์/ลูกคำ� (ที่พิมพ์ด้วยตัวหนา) ของคำ�ตั้ง/แม่
คำ�ทีเ่ ป็นคำ�กริยา (ก) เนือ่ งจากคำ�อนุพจน์ คือ คำ�ตัง้ ทีเ่ กิดร่วมกับคำ�อืน่ ผลการศึกษา
ปรากฏคำ�กริยาประสมแบบรวมนามภาษาไทย จำ�นวน 1,541 คำ� ปรากฏรูปแบบของ
คำ�กริยาประสมแบบรวมนาม 8 รูปแบบ คือ กริยาวลี-นามวลี นามวลี-กริยาวลี กริยา
วลี-กริยาวลี กริยาวลี-บุพบทวลี นามวลี-กริยาวลี-นามวลี กริยาวลี-ประโยค คำ�เชือ่ ม-
ประโยค และปฏิเสธ-สัมพันธกริยา-นามวลี ซึ่งแต่ละรูปแบบมีวากยสัมพันธ์ของคำ�
สมาชิกอยู่ 16 ลักษณะ คือ กริยาหลัก-กรรมตรง ปฏิเสธ-กริยาหลัก-กรรมตรง กริยา
หลัก-วิเศษณ์ ประธาน-กริยาหลัก ประธาน-กริยาหลัก-กริยาวิเศษณ์ ประธาน-กริยา
วิเศษณ์-กริยาหลัก กรรมตรง-กริยาหลัก กรรมตรง-กริยาหลัก-กริยาวิเศษณ์ กริยาเรียง
กริยาหลัก-กริยาวิเศษณ์ กริยาแบบกึ่งมีไวยากรณ์-กริยาแบบกึ่งมีไวยากรณ์ กริยา
หลัก-กรรมอ้อม ประธาน-กริยาหลัก-กรรมตรง กริยาหลัก-กริยาอนุประโยคเติมเต็ม
คำ�เชื่อม-ประโยค และปฏิเสธ-สัมพันธกริยา-ภาคแสดงนาม ส่วนอรรถสัมพันธ์จะ
ปรากฏ 30 ลักษณะ คือ กริยา-ผู้ทรงสภาพ กริยา-ผู้ประสบ กริยาเหตุการณ์-สถานที่
กริยากระทำ�-เครื่องมือ ปฏิเสธ-กริยาสภาพการณ์-ผู้ทรงสภาพ กริยา-เวลา ผู้ทรง
สภาพ-กริยา ผูก้ ระทำ�-กริยา ผูแ้ สดงสภาพ-กริยา-ลักษณะ ผูท้ รงสภาพ-ลักษณะ-กริยา

1
บทความนีเ้ ป็นส่วนหนึง่ ของวิทยานิพนธ์ เรือ่ ง กริยาประสมแบบรวมนามในภาษาไทย โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.อัญชลี
วงศ์วัฒนา เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา
2
นิสติ ระดับปริญญาเอก สาขาวิชาภาษาศาสตร์ ภาควิชาภาษาศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลก
65000, อีเมล : baifern99@hotmail.com
32 วารสารมนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
ปีที่ 12 ฉบับที่ 1 (มกราคม–มิถุนายน 2560)

ผูเ้ ปลีย่ นสภาพ-กริยา ผูเ้ ปลีย่ นสภาพ-กริยา-ลักษณะ กริยาเรียงร่วมแสดงความ กริยา


ทิศทาง-กริยากระทำ� กริยาลักษณะ-กริยากระทำ� กริยากระทำ�-เจตนา กริยากระทำ�-
ความประสงค์ กริยากระทำ�-กริยาผล กริยา-ทีม่ า กริยา-ตำ�แหน่ง กริยา-ทีห่ มาย กริยา
ประสมที่หน่วยสมาชิกมีความหมายคล้ายกัน กริยา-กรรมอ้อมสถานที่ของเหตุการณ์
กริยา-กรรมอ้อมเครือ่ งมือ/วิธกี าร/วัสดุทใี่ ช้ในเหตุการณ์ กริยา-กรรมอ้อมผูท้ รงสภาพ
ของเหตุการณ์ ผูก้ ระทำ�-กริยา-ผูถ้ กู กระทำ� กริยา-กริยาบ่งกระทำ�เชิงสำ�เร็จ กริยา-กริยา
บ่งกระทำ�เชิงพยายาม คำ�เชื่อมบอกเวลา-เหตุการณ์ และปฏิเสธ-สัมพันธกริยา-ผู้ทรง
สภาพ

คำ�สำ�คัญ : คำ�กริยาประสมแบบรวมนาม, ไวยากรณ์หน้าทีน่ ยิ มเชิงแบบลักษณ์ภาษา,


โครงสร้าง, วากยสัมพันธ์, อรรถสัมพันธ์

Abstract
The purpose of this study is to analyze the structures, syntax and semantic
of Noun-incorporation Compound Verbs Thai according to the Functional-
Typological Approach. The Information for the study is gathered from word which
appeared in Thai Dictionary (Royal Society Version B.E. 2542), New Words Thai
Dictionary (Royal Society Volume 1, 2 and 3) and daily life conversation by
considering in the derivative words (presented with bold letters) of the main verb
in the sentences. The study found 1,541 noun-incorporation compound verbs
in Thai which can be divided into 8 types of noun-incorporation compound verbs
namely; verb phrases-noun phrases, noun phrases-verb phrases, verb phrases-
verb phrases, verb phrases-prepositional phrases, noun phrases-verb phrases-noun
phrases, negative-relation of participle to verbs-noun phrases, conjunctions-
sentences and verb phrases-sentences. The study also found 16 syntax’s
patterns of noun-incorporation compound verbs which are main verb-direct
object, negative-main verb-direct object, main verb-adverb, subject-main verb,
subject-main verb- adverb, subject-adverb-main verb, direct object-main verb,
Journal of Humanities and Social Sciences, Thaksin University 33
Vol. 12 No. 1 (January-June 2017)

direct object-main verb-adverb, serial verb, main verb-adverb, semi-syntactic


verb-semi-syntactic verb, main verb-indirect object, subject-main verb-direct
object, main verb-sub ordinate verb, conjunction-sentences, negative-copular
verb-noun. Finally, there are 30 semantic patterns for noun-incorporation
compound verbs which are verb-patient, verb-experiencer, event verb-location,
action verb-instrument, negative-stative verb- patient, verb-time, patient-verb,
agent-verb, patient of state-verb-manner, patient-manner-verb, patient of change-
verb, patient of change-verb-manner, co-coding serial verb, direction verb-active
verb, verb-manner-active verb, action verb-intention, action verb-purpose, action
verb-result verb, verb-source, verb-position, verb-destination, compound verb
with similar meaning morpheme, verb–indirect place object, verb–indirect tool
object, verb–indirect patient object, agent-verb-patient, verb–manipulating verb
in succeeding, verb–manipulating verb in trying aspect, preposition of time-
situation-event and negative-copular verb- patient.

Keywords : Noun-incorporation Compound Verbs, Functional-typological


Approach, Structures, Syntax and Semantic

บทนำ�
การประสมคำ� (word compounding) เป็นวิธีสำ�คัญในการสร้างคำ�ใหม่ในภาษา
ตระกูลคำ�โดด เช่น ภาษาไทย จีน เวียดนาม ฯลฯ โดยทั่วไปเมื่อกล่าวถึงคำ�ว่า คำ�
ประสม (word compound) จะหมายถึงคำ�ที่สร้างจากการนำ�เอาคำ�เดิมที่มีอยู่แล้วใน
ภาษาสองคำ�หรือมากกว่า มาประกอบเข้าด้วยกัน เพือ่ สร้างคำ�ใหม่ทมี่ คี วามหมายใหม่
เฉพาะคำ� คำ�ประสมมีความแตกต่างจากประโยค เนื่องจากคำ�ประสมมีความหมายที่
จำ�เพาะเสมือนเป็นคำ�เดียว(idiosyncratic meaning) ไม่ใช่เป็นผลรวมของความหมาย
จากหลายคำ�ที่นำ�มาเรียงกัน(straight forword/compositional meaning) ดังเช่นความ
หมายที่ได้จากวลีหรือประโยค (อัญชลี สิงห์น้อย, 2548 : 1)
คำ�ประสมจำ�แนกตามหน้าที่ได้หลายประเภท ที่สำ�คัญคือ คำ�นามและคำ�กริยา
34 วารสารมนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
ปีที่ 12 ฉบับที่ 1 (มกราคม–มิถุนายน 2560)

ซึ่งคำ�ประสมที่ทำ�หน้าที่เป็นกริยาในประโยคภาษาไทยนั้นก็มีอยู่เป็นจำ�นวนมาก โดย
ปรากฏทั้งโครงสร้างที่เป็น กริยา-กริยา กริยา-นาม และนาม-กริยา โครงสร้างที่เป็น
กริยาและกริยา เช่น กันสาด กินขาด ไขควง แช่อิ่ม ต้มยำ� ผัดเผ็ด ห่อหมก เหลือเชื่อ
ฯลฯ โครงสร้างที่เป็นนามและกริยา เช่น ปากเสีย ท้องร่วง หูเบา อาบน้ำ� ตากแดด
เล่นตัว กลุ้มใจ หายใจ กลับคำ� กินใจ ขัดจังหวะ มอมเหล้า ฯลฯ จากคำ�กริยาประสม
ที่มีโครงสร้างเป็นนามและกริยา ดังยกตัวอย่างมาข้างต้นนี้มีกระบวนการทางภาษาที่
เกิดขึ้นเรียกว่า การรวมนาม (Noun Incorporation) (Mithum, 1984) ซึ่งมีโครงสร้างที่
หลากหลาย และเมื่อรวมกันแล้วก็จะกลายเป็นคำ�ประสมที่จัดอยู่ในหมวดคำ�กริยา
(predicative element) ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของเพียรศิริ วงศ์วิภานนท์ และคณะ
(2528) ได้ศึกษาวิเคราะห์วากยสัมพันธ์ อรรถสัมพันธ์ และลักษณะทางความหมาย
ของคำ�กริยาประสมที่เกิดจากการรวมนาม (งานวิจัยของเพียรศิริ เรียกว่า “การกลืน
นาม” โดยศึกษาข้อมูลคำ�ประสมที่มีการกลืนนามจากความรู้ของผู้พูดภาษา 4 คน
จำ�นวน 644 คำ� พบว่าในด้านวากยสัมพันธ์ของคำ�กริยาประสมที่เกิดจากการรวมนั้น
นามที่ถูกกลืนนั้นส่วนใหญ่จะอยู่ในตำ�แหน่งกรรมมากกว่าตำ�แหน่งประธาน และเมื่อ
กลืนคำ�แล้ว คำ�กริยาที่เกิดใหม่ส่วนใหญ่จะเป็นกริยาอกรรม
ผู้เขียนเห็นว่าในปัจจุบัน คำ�กริยาประสมแบบรวมนามในภาษาไทยน่าจะมี
จำ�นวนเพิ่มมากขึ้น อันจะส่งผลให้มีโครงสร้างวากยสัมพันธ์และอรรถสัมพันธ์ที่เพิ่ม
เติมและมีความหลากหลายมากยิง่ ขึน้ กว่าแต่กอ่ นทีไ่ ด้มกี ารศึกษาวิเคราะห์ในประเด็น
ดังกล่าว ดังนั้นผู้เขียนจึงสนใจศึกษาโครงสร้าง วากยสัมพันธ์ และอรรถสัมพันธ์ของ
คำ�กริยาประสมแบบรวมนามในภาษาไทย ตามแนวทฤษฎีไวยากรณ์หน้าที่นิยมแบบ
ลักษณ์ภาษา (Functional-Typological Approach) นำ�โดย Talmy Givón เป็นการศึกษา
ภาษาทีค่ วบคูไ่ ปกับปริบท (context) โดยเน้นในเรือ่ งหน้าทีแ่ ละการใช้ภาษาแสดงความ
สัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างและหน้าทีข่ องภาษาว่าจะต้องมีควบคูก่ นั ไป ด้วยการอธิบาย
แบบเปรียบเทียบข้ามภาษา (cross-linguistics) และอาศัยแนวคิดของกระบวนการ
กลายเป็นคำ�ไวยากรณ์ (grammaticalization) และการไล่เหลือ่ มของหมวดหมูไ่ วยากรณ์
เป็นสำ�คัญ โดย ไวยากรณ์หน้าที่เป็นไวยากรณ์ที่อธิบายธรรมชาติของภาษาในฐานะ
ที่ภาษาเป็นเครื่องมือในการสื่อสารของมนุษย์ เป็นภาษาที่บุคคลในชุมชนใช้พูดและ
สือ่ สารเข้าใจร่วมกันได้ อีกทัง้ ยังเป็นไวยากรณ์ทใี่ ห้ความสำ�คัญกับการศึกษาภาษาเชิง
พุทธิปัญญา (cognitive linguistics) โดยเน้นการศึกษาภาษาในเรื่องของระบบคิดที่
Journal of Humanities and Social Sciences, Thaksin University 35
Vol. 12 No. 1 (January-June 2017)

สะท้อนให้เห็นในโครงสร้างและความหมายในภาษา และเห็นว่าวากยสัมพันธ์ (Syntax)


ไม่เป็นอัตโนมัติ กล่าวคือ ไม่ใช่แกนของภาษาแต่เพียงประการเดียว ไวยากรณ์ภาษา
ยังรวมไปถึงความหมายและหน้าทีใ่ นการใช้ภาษาด้วย โดยมีแนวคิดว่าภาษาธรรมชาติ
หรือการใช้ภาษาที่มีขึ้นสามารถอธิบายได้ทั้งสิ้น
จากข้อมูลคำ�ภาษาไทยทีใ่ ช้ในปัจจุบนั ซึง่ ยังไม่มผี ใู้ ดศึกษามาก่อน ผูเ้ ขียนเชือ่ ว่า
แนวคิดทฤษฎีไวยากรณ์หน้าที่นิยมแบบลักษณ์ภาษา จะเป็นแนวทางการอธิบายให้
เห็นถึงกระบวนการและความสัมพันธ์ของการสร้างคำ�กริยาประสมแบบรวมนามใน
ภาษาไทยในองค์รวมได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

โครงสร้างและวากยสัมพันธ์ของคำ�กริยาประสมแบบรวมนาม
การวิเคราะห์รูปแบบและวากยสัมพันธ์ของคำ�กริยาประสม จะพบว่าคำ�กริยา
ประสมแบบรวมนามนั้นมี 2 ชนิด คือ กริยาอกรรมและกริยาสกรรม
1. กริยาอกรรม (intransitive verbs)
กริยาอกรรมเป็นกริยาที่มีใจความครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่ต้องมีกรรมตามหลัง
เช่น ข้อสอบออกไม่ตรงกับที่ดูมา เลยต้องดำ�น้ำ� (ดำ�น้ำ� หมายถึง เดาสุ่มไปอย่าง
ผิด ๆ ถูก ๆ) ขาไปมีผู้โดยสารเต็มคัน แต่ขากลับต้องตีรถเปล่ากลับมา (ตีรถ หมายถึง
ขับรถไปหรือหรือเช่ารถไปไกล ๆ) ช่วงนีเ้ ขาร้อนเงิน หยิบยืมใครเขาก็ไม่ให้ จึงต้องเอา
เครือ่ งทองเก่าของตระกูลออกขาย (ร้อนเงิน หมายถึง มีความจำ�เป็นอย่างยิง่ ทีจ่ ะต้อง
ใช้เงินโดยเร่งด่วน)
2. กริยาสกรรม (transitive vearbs)
กริยาสกรรมเป็นกริยาที่มีใจความไม่ครบสมบูรณ์ในตัว จะต้องมีคำ�ที่เป็นกรรม
ตามหลัง จึงจะทำ�ให้ใจความนั้นครบบริบูรณ์ เช่น คอนโดของเราตอบโจทย์ลูกค้าที่
เป็นคนหนุ่มสาวได้ทุกประการ (มีหรือทำ�ได้ตามที่คาดว่าผู้บริโภคต้องการ) รุ่นพี่สอน
มวยรุ่นน้อง (สอนมวย หมายถึง สอนกลเม็ดหรืออุบายให้ผู้อ่อนประสบการณ์กว่า)
สามีของเธอไม่ทำ�งาน ได้แต่เกาะชายกระโปรงภรรยา (เกาะชายกระโปรง หมายถึง
อาศัยผู้หญิงหาเลี้ยง)
การรวบรวมคำ�กริยาประสมแบบรวมนามภาษาไทย 1,541 คำ� ปรากฏรูปแบบ
ของคำ�กริยาประสมแบบรวมนาม 8 รูปแบบ กริยาวลี-นามวลี นามวลี-กริยาวลี กริยา
วลี-กริยาวลี กริยาวลี-บุพบทวลี นามวลี-กริยาวลี-นามวลี กริยาวลี-ประโยค คำ�เชือ่ ม-
สอนกลเม็ดหรื ออุบายให้ผูอ้ ่อนประสบการณ์กว่า) สามีของเธอไม่ทางาน ได้แต่เกาะชายกระโปรง
36 วารสารมนุ ษยศาสตร์สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
ภรรยา (เกาะชายกระโปรง
ปีที่ 12 ฉบับที่ 1 (มกราคม–มิถหมายถึ ง อาศัยผูห้ ญิงหาเลี้ยง)
ุนายน 2560)

การรวบรวมคากริ ยาประสมแบบรวมนามภาษาไทย 1,541 คา ปรากฏรู ปแบบของคากริ ยา


ประสมแบบรวมนาม 8 รู ป แบบ กริ ย าวลี -นามวลี นามวลี -กริ ย าวลี กริ ยาวลี -กริ ยาวลี กริ ย าวลี -
บุประโยค และปฏิ
พบทวลี นามวลี -กริเสธ-สั
ยาวลี-มนามวลี
พันธกริกริยยา-นามวลี
าวลี-ประโยค ซึ่งคแต่าเชืล่อะรูม-ประโยค
ปแบบมีคและปฏิ
วามถี่คเสธ-สั
ำ�กริยมาประสม
พันธกริ ยา-
แบบรวมนามแตกต่ า งกั น ดั ง ตารางแสดงความถี ต
่ อ
่ ไปนี ้
นามวลี ซึ่ งแต่ละรู ปแบบมีความถี่คากริ ยาประสมแบบรวมนามแตกต่างกัน ดังตารางแสดงความถี่
ต่อไปนี้
ตารางที่ 1 รูปแบบของคำ�กริยาประสมแบบรวมนาม
ตารางที่ 1 รู ปแบบของคำกริ ยำประสมแบบรวมนำม
รูปแบบของคำกริยำประสมแบบรวมนำม จำนวนคำ ร้ อยละ
กริ ยาวลี-นามวลี 1,290 83.71
นามวลี-กริ ยาวลี 142 9.21
กริ ยาวลี-กริ ยาวลี 75 4.67
กริ ยาวลี-บุพบทวลี 15 0.97
นามวลี-กริ ยาวลี-นามวลี 9 0.58
กริ ยาวลี-ประโยค 4 0.25
คาเชื่อม-ประโยค 3 0.19
ปฏิเสธ-สัมพันธกริ ยา-นามวลี 3 0.19
รวม 1,541 100
โครงสร้ างทั้ง 8 โครงสร้ างของกริ ยาประสมแบบรวมนามดังกล่ าวมี วากยสัมพัน ธ์ และ
มโครงสร้
อรรถสั พันธ์ดงั ต่าองทัไปนี
ง้ 8้ โครงสร้างของกริยาประสมแบบรวมนามดังกล่าวมีวากยสัมพันธ์
1.และอรรถสั
กริ ยาวลี-นามวลี มพันธ์ดังต่อไปนี้
1. กริยาวลี
โครงสร้ างของค -นามวลี
ากริ ยาประสมแบบรวมนามในลักษณะนี้มีหน่วยประกอบเป็ น กริ ยาวลีและ
เช่โครงสร้
นามวลี น เสื้ อผ้าางของคำ
กระชาก-วั �กริย ย(แต่
าประสมแบบรวมนามในลั
งตัวหรื อทาอย่างใดอย่างหนึ่งกเพืษณะนี ่อให้ดูอ้ม่อีหนกว่
น่วายประกอบเป็
วัยมาก) น
กริยาวลีรู ปแแบบกริ
ละนามวลี ยาวลี-เช่นามวลี
น เสื้อจะปรากฏวากยสั
ผ้ากระชาก-วัยม(แต่ พันงธ์ตัไวด้หรื อทำ�คือย่อ ากริงใดอย่
2 แบบ ยาหลักา-กรรมตรง
งหนึ่งเพื่อให้
และ
ปฏิดูเอสธ-กริ
่อนกว่ยาหลั
าวัยกมาก)-ภาคแสดงนาม ดังนี้
รู1.1ปแบบกริ
วากยสัมยพัาวลี นธ์แ-บบกริ
นามวลี ยาหลั จะปรากฏวากยสั
ก-กรรมตรง มพันธ์ได้ 2 แบบ คือ กริยาหลัก-กรรม
ตรง และปฏิ
วากยสัมเสธ-กริ ยาหลัยกาหลั
พันธ์แบบกริ -ภาคแสดงนาม
ก -กรรมตรง จะมี ดังหนีน่้ วยประกอบเป็ นกริ ยาและมีกรรมตรงเรี ยง
ต่อ
กัน เช่น 1.1 วากยสัมพันธ์ยแนกอด-เก้
ผูอ้ านวยการโรงเรี บบกริยาาหลั อี้แน่กน-กรรมตรง
ยืนยัน รอผลสอบทุจริ ต (ยึดตาแหน่ ง ไม่ยอมละ

ตาแหน่ง) วากยสั ม พั น ธ์ แ บบกริ ย าหลั ก -กรรมตรง จะมีหน่วยประกอบเป็นกริยาและมี
กรรมตรงเรี ยงต่อกัานงวากยสั
ทั้งนี้ โครงสร้ เช่น ผูมอ้ พั�ำ นนวยการโรงเรี
ธ์แบบกริ ยาหลัยกนกอด-เก้
-กรรมตรงาของค อีแ้ น่นากริยืยนาประสมแบบรวมนามที
ยันรอผลสอบทุจริต ่
(ยึดตำ�แหน่ง ไม่ยวอมละตำ
ปรากฏในประโยคตั �แหน่ดงงั )แผนภูมิตน้ ไม้ ดังนี้
อย่าง แสดงได้
ทั้งนี้ โครงสร้างวากยสัมพันธ์แบบกริยาหลัก-กรรมตรง ของคำ�กริยาประสม
แบบรวมนามที่ปรากฏในประโยคตัวอย่าง แสดงได้ดังแผนภูมิต้นไม้ ดังนี้
6
Journal of Humanities and Social Sciences, Thaksin University 37
Vol. 12 No. 1 (January-June 2017)

กริ ยาวลี
กริ ยาหลัก กรรมตรง
กอด เก้ าอี ้
จากวากยสั
มจากวากยสั พันธ์แบบกริ มพันยธ์าหลัก-กรรมตรง
แบบกริ ยาหลัก-กรรมตรง ที่กล่าวไปนั ที่กล่้ นาวไปนั
สามารถแสดงอรรถสั
้น สามารถแสดงอรรถ มพันธ์ได้ 4
ปแบบ ดังนี้ สัมพันธ์ได้ 4 รูปแบบ ดังนี้
1.1.1 อรรถสัมพั1.1.1 นธ์แอรรถสั
บบ กริมยพัา-ผู นธ์แท้ บบรงสภาพ กริยา-ผู้ทรงสภาพ
อรรถสัมพันธ์แบบ กริยา-ผู้ทรงสภาพ คือ มีคำ�กริยาเป็นสกรรม
อรรถสั ม พัน ธ์ แ บบ กริ ยา-ผูท้ รงสภาพ คือ มีคากริ ยาเป็ นสกรรมกริ ยา และมีกรรม
กริยา และมีกรรมเป็นผู้ทรงสภาพทั้งที่เป็นสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต โดยผู้ทรงสภาพแบ่ง
ป็ นผูท้ รงสภาพทัได้เป็้ งทีน่เ2ป็ น สิ่ งมีชีวคืิตอและไม่
ประเภท ผู้เปลี่ยมนสภาพีชีวิต โดยผู
(patient ท้ รงสภาพแบ่
of change) งและผู ได้เป็้แนสดงสภาพ
2 ประเภท คือ ผูเ้ ปลี่ยน
(patient
ภาพ (patient ofofstate)
change) ดังนีและผู
้ แ้ สดงสภาพ (patient of state) ดังนี้
1.1.1.1 ผูเ้ ปลี่ยนสภาพ 1.1.1.1 ผู้เปลี่ยนสภาพ
ผู้ทรงสภาพในลักษณะผู้เปลี่ยนสภาพจะมีคำ�กริยาเป็น
ผู ท้ รงสภาพในลั
สกรรมกริยา โดยคำ�กริยานัน้ เป็ กษณะผู
นการกระทำ เ้ ปลี�่ ย(action)
นสภาพจะมี เป็นเหตุคกากริ ารณ์ยทาเป็
มี่ ผี นสกรรมกริ
กู้ ระทำ�สภาพ ยา โดย
ากริ ยานั้นเป็ นการกระท
การณ์ให้เปลีา่ยนแปลงไปสู (action) เป็่อนเหตุ
ีกสภาพการณ์ การณ์ทหี่ มนึีผ่งกู ้ ตามเวลา
ระทาสภาพการณ์ ซึ่งการเปลีใ่ยห้นแปลงอาจเป็
เปลี่ยนแปลงไปสู น ่ อีก
ภาพการณ์ หได้ นึ่ งทตามเวลา
ั้งเปลี่ยนแปลงอย่ างรวดเร็
ซึ่ งการเปลี ว และมีขอบเขตนได้
่ ย นแปลงอาจเป็ หรือทค่้ ังอเปลี
ย ๆ่ ย นแปลงอย่
เปลี่ยนแปลงา งรวดเร็ และไม่มวี และมี
ขอบเขตที่ชัดเจน และมีกรรมเป็นผู้ได้รับผลกระทบของการกระทำ�ที่ระบุด้วยคำ�กริยา
อบเขต หรื อ ค่เช่อนย กิๆนเปลี ่ยนแปลง และไม่มีขอบเขตที่ชดั เจน และมีกรรมเป็ นผูไ้ ด้รับผลกระทบของ
-แห้ว เจาะ-ยาง ตี-รถ กิน-ของเก่า ขีด-เส้นตาย เจาะ-ไข่แดง
ารกระทาที่ระบุ ดว้ ยคากริ ยา เช่น กิน-แห้1.1.1.2 ว เจาะ-ยาง ผู้แสดงสภาพ ตี-รถ กิน-ของเก่า ขีด-เส้นตาย เจาะ-ไข่แดง
1.1.1.2 ผูแ้ สดงสภาพ ผู้ทรงสภาพในลักษณะผู้แสดงสภาพจะมีคำ�กริยาเป็น
สกรรมกริยผูาท้ โดยคำ �กริยานั้นเป็
รงสภาพในลั นได้ 2 แ้ ประเภท
ก ษณะผู สดงสภาพจะมี คือ กริยาสภาพการณ์
ค ากริ ย าเป็ นสกรรมกริ (state) และ ย า โดย
กริยาเหตุการณ์ (event)
ากริ ยานั้นเป็ น
ได้ 2 ประเภท คือ กริ ยาสภาพการณ์1) (state) กริยาสภาพการณ์ และกริ ยาเหตุ การณ์ (event)
-ผู้แสดงสภาพ
1) กริ ยาสภาพการณ์ คำ�กริ-ผูยแาที
้ สดงสภาพ
แ่ สดงสภาพการณ์จะไม่มกี ารเปลีย่ นแปลง
ตามกาลเวลา อาจจะเป็ คากรินเพี
ยาที ยงชั ว่ เวลาหนึง่ ซึง่ อาจสัจน้ ะไม่
่ แสดงสภาพการณ์ หรือมยาว หรือเป็่ยนนแปลงตามกาลเวลา
ี การเปลี การถาวรก็ได้
เช่น เด็กคนนี้แก่-แดด ชอบแต่งเนื้อแต่งตัวเลียนแบบผู้ใหญ่ (ทำ�เป็นผู้ใหญ่เกินอายุ)
าจจะเป็ นเพีย
งชัว่ เวลาหนึ่ ง ซึ่ งอาจสั้นหรื อยาว หรื อเป็ นการถาวรก็ได้ เช่น เด็กคนนี้ แก่-แดด ชอบ
2) กริยาเหตุการณ์-ผู้แสดงสภาพ
ต่งเนื้อแต่งตัว
เลียนแบบผูใ้ หญ่ (ทาเป็ นผูใ้ หญ่เกินคำอายุ �กริ)ยาที่แสดงเหตุการณ์เป็นสภาพการณ์ที่
เปลี่ยนแปลงไปสู่อ2) กริ ยาเหตุกหารณ์
ีกสภาพการณ์ -ผูแ้ สดงสภาพ
นึ่งตามเวลา ซึ่งการเปลี่ยนแปลงอาจเป็นได้ทั้ง
คากริ ยาที่ แสดงเหตุ การณ์ เป็ นสภาพการณ์ ที่เปลี่ ยนแปลงไปสู่ อีก
38 วารสารมนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
ปีที่ 12 ฉบับที่ 1 (มกราคม–มิถุนายน 2560) 7

เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีขอบเขต หรือค่อย ๆ เปลี่ยนแปลง และไม่มีขอบเขต


ที่ชัดเจน เช่น เธอต้องเรียนหนังสือเพื่อให้มีรายได้ และจะได้ไม่จม-ปลัก
อรรถสัมพันธ์1.1.2 ในรู ปอรรถสั
แบบ มกริพันยธ์า-ผู ป้ ระสบ
แบบ กริยา-ผูมี้ปคระสบ ากริ ยาเป็ นสกรรมกริ ยา มีกรรมเป็ นผู ้
ระสบการณ์ ของการกระทาที ่ระบุมดพัว้ นยค
อรรถสั ธ์ในรู ยา เช่กรินยเกีา-ผู่ยวข้
ากริปแบบ ป้ ระสบ าวปี นีมี้คก�ำ ็อกริย่ายลืาเป็
มไปบอก-แขกแต่
นสกรรมกริยา เนิ่ น ๆ
ถ้าบอกจวนใกล้
มีกรรมเป็ เวลามั
นผูม้ นปี จะไม่ ทนั การณ์
ระสบการณ์ (บอกเพื�่อทีนบ้
ของการกระทำ ร่ ะบุาดนให้
ว้ ยคำม�าช่ กริยวายกัเช่นนทเกีางาน) ย่ วข้าวปีนกี้ อ็ ย่า
ลืมไปบอก-แขกแต่เนิน่ ๆ ล่ะ ถ้าบอกจวนใกล้เวลามันจะไม่ทนั การณ์ (บอกเพือ่ นบ้าน
1.1.3 อรรถสัมพันธ์แบบ กริ ยาเหตุการณ์-สถานที่
ให้มาช่วยกันทำ�งาน)
อรรถสัมพันธ์1.1.3 ในรูอรรถสั
ปแบบมกริ พันยธ์าเหตุ
แบบ กริ การณ์
ยาเหตุ -สถานที
การณ์-สถานที่ มีคากริ่ ยาเป็ นกริ ยาเหตุการณ์
ด้วยสถานที ่ของการกระทอรรถสั าหรื อเหตุ
มพันกธ์ารณ์
ในรูปทแบบี่ระบุดกริว้ ยยคาเหตุ
ากริกยารณ์ า เช่-นสถานที เจนี่ต่ ก-ทีมีคำ�่น
กริงั่ ยต้าเป็
องสงสั
นก ย เป็ นเจ๊
จ้องงาบทัริ้ งยงานทั
าเหตุก้ งารณ์
แฟนนางเอก ตามด้วยสถานที
ป. (ตกอยู ่ของการกระทำ
ใ่ นฐานะ ตกอยู �หรือเหตุ การณ์ที่ระบุด้วยคำ�กริยา เช่น
ใ่ นภาวะ)
เจนี่ตก-ที่นั่งต้องสงสัย เป็นเจ๊ม่ายจ้องงาบทั้งงานทั้งแฟนนางเอก ป. (ตกอยู่ในฐานะ
ตกอยู1.1.4 อรรถสัมพันธ์แบบ กริ ยากระทา-เครื่ องมือ
่ในภาวะ)
อรรถสัมพันธ์1.1.4 แบบ อรรถสั
กริ ยา-เครืมพัน่ อธ์งมื อ มีกริคากริ
แบบ ยากระทำ ยาเป็�น-เครื สกรรมกริ
่องมือ ยาที่มีกรรมเป็ น
องมือหรื อ
วิธีการของการกระท อรรถสัาหรืมพัอนเหตุ การณ์
ธ์แบบ กริยทา-เครื
ี่ระบุด่อว้งมืยคอากริ มีคำ�ยกริ
า เช่ น สมั
ยาเป็ ยนี้ฝรั่งยัยงาทีกิน่มี-ตะเกียบ
นสกรรมกริ
กรรมเป็นเครื่องมือหรือวิธีการของการกระทำ�หรือเหตุการณ์ที่ระบุด้วยคำ�กริยา เช่น
(กินอาหารด้ วยตะเกียบ)
สมัยนี้ฝรั่งยังกิน-ตะเกียบเลย (กินอาหารด้วยตะเกียบ)
1.2 วากยสัม1.2 พันวากยสัธ์แบบปฏิ
มพันเสธ-กริ
ธ์แบบปฏิ ยาหลั
เสธ-กริก-กรรมตรง
ยาหลัก-กรรมตรง
วากยสั
มพันวากยสั
ธ์ในรูมปพัแบบ นธ์ในรูปฏิ
ปแบบ เสธ-กริปฏิยเสธ-กริ
าหลักย-กรรมตรง
าหลัก-กรรมตรง จะมี หจะมี น่ วหยประกอบเป็
น่วยประกอบ นปฏิ เสธ
เป็นปฏิ
ด้วยกริ ยาหลั เสธ ตามด้วยกริยาหลัซึ่กงกริ
กและภาคแสดงนาม และภาคแสดงนาม
ยาประสมลักษณะนี ซึ่งกริ้ ยจาประสมลั
ะขาดปฏิเกสธไม่ ษณะนีไ้จด้ะขาด เช่น ข้อเสนอ
ปฏิเสธไม่ได้ เช่น ข้อเสนอผู้น้อยอย่างพวกเรา ผู้บริหารเขาไม่-ให้-ราคาหรอก (ไม่ให้
อยอย่างพวกเรา
ความสำผู�คับ้ ญริ หไม่ารเขาไม่
สนใจ) -ให้-ราคาหรอก (ไม่ให้ความสาคัญ ไม่สนใจ)
ทั้งนี ้ โครงสร้ ทัง้ านีงวากยสั
้ โครงสร้มางวากยสั
พันธ์แบบ มพันปฏิธ์แเบบสธ-กริ ยาหลัยกาหลั
ปฏิเสธ-กริ -กรรมตรง
ก-กรรมตรง ของค ากริ�ยกริาประสมแบบ
ของคำ ยา
นามที่ปรากฏในประโยคตั
ประสมแบบรวมนามที วอย่่ปารากฏในประโยคตั
ง แสดงได้ดงั แผนภู วอย่มางิตแสดงได้
น้ ไม้ ดังดนีัง้ แผนภูมิต้นไม้ ดังนี้
กริ ยาวลี

ปฏิเสธ กริ ยาหลัก กรรม


[นามวลี]
ไม่ ให้ ราคา
จากวากยสัมพัน ธ์ แบบ ปฏิ เสธ-กริ ยาหลัก-กรรมตรง ที่ กล่ าวไปนั้น สามารถแสดง
Journal of Humanities and Social Sciences, Thaksin University 39
Vol. 12 No. 1 (January-June 2017)

จากวากยสัมพันธ์แบบ ปฏิเสธ-กริยาหลัก-กรรมตรง ทีก่ ล่าวไปนัน้ สามารถแสดง


อรรถสัมพันธ์ในรูปแบบ ปฏิเสธ-กริยาสภาพกรณ์-ผูท้ รงสภาพ จะมีหน่วยประกอบเป็น
ปฏิเสธ ตามด้วยกริยาเป็นสภาพการณ์ และมีกรรมเป็นผู้เปลี่ยนสภาพ เช่น ข้อเสนอ 8
ผู้น้อยอย่างพวกเรา ผู้บริหารเขาไม่-ให้-ราคาหรอก (ไม่ให้ความสำ�คัญ ไม่สนใจ)
1.3 วากยสัมพันธ์แบบกริยาหลัก-วิเศษณ์
วากยสัมพันธ์ในรูปแบบกริยาหลัก-วิเศษณ์ จะมีหน่วยประกอบเป็นกริยาและ
มีวเิ ศษณ์เรียงต่อกัน โดยคำ�วิเศษณ์ทปี่ รากฏในรูปแบบนีเ้ ป็นคำ�วิเศษณ์บอกเวลาหรือ
ทั้งนี้ กาลวิ
โครงสร้ างวากยสั
เศษณ์ เช่น พ่อมกัพับนแม่ธ์บแอกว่
บบ ากริตอนนี
ยาหลั้หกลวงปู
-วิเศษณ์
่มาจำ�ของค ากริ ย่ทาประสมแบบรวมนามที
-พรรษาอยู ี่วัดแถวพิษณุโลก ่
รากฏในประโยคตันี่เอง ว(อยู
อย่่ปางระจํแสดงได้
าที่วัด 3ดเดื
งั แผนภู มิตฝน้ น)ไม้ ดังนี้
อนในฤดู
ทั้งนี้ โครงสร้างวากยสัมพันธ์แบบ กริยาหลัก-วิเศษณ์ ของคำ�กริยาประสม
แบบรวมนามที่ปรากฏในประโยคตัวอย่าง แสดงได้ดังแผนภูมิต้นไม้ ดังนี้

กริ ยาวลี
กริ ยาหลัก วิเศษณ์
จา พรรษา
จากวากยสัมพันธ์แบบ กริ ยาหลัก-วิเศษณ์ ที่กล่าวไปนั้น สามารถแสดงอรรถสัมพันธ์ใน
จากวากยสัมพันธ์แบบ กริยาหลัก-วิเศษณ์ ที่กล่าวไปนั้น สามารถแสดงอรรถ
ปแบบ กริ ยา-เวลาสัมพันมีธ์คใากริ
นรูปยแบบ
าเป็ นกริสกรรมกริ
ยา-เวลา มียคาเป็�ำ กรินยาเป็
สภาพการณ์นสกรรมกริและมี
ยาเป็นกสภาพการณ์
รรมบ่งบอกเวลาที ่การกระทา
และมีกรรม
ดขึ้น เช่น จา-พรรษา
บ่งบอกเวลาทีดังตัว่กอย่ างประโยคที
ารกระทำ �เกิดขึ้น ่กเช่ล่นาวไปแล้
จำ�-พรรษา ว ดังตัวอย่างประโยคที่กล่าวไปแล้ว
นามวลี-กริ ย าวลี 2. นามวลี-กริยาวลี
โครงสร้างของคำ�กริยาประสมแบบรวมนามในลักษณะนี้มีหน่วยประกอบเป็น
โครงสร้นามวลี
างของค ากริยยาวลี
และกริ าประสมแบบรวมนามในลั กษณะนี
ยแล้้ มวีห(ใกล้
เช่น ได้ขา่ วว่าคูร่ กั คูน่ เ้ี ตียง-โยกเสี น่วจยประกอบเป็
ะเลิกร้างจากชีนวติ นามวลี
คู)่ และ
ริ ยาวลี เช่น ได้ ข่าวว่จากรู
าคู่รปักแบบนามวลี
คู่น้ ีเตียง-โยกเสี ยแล้จะปรากฏวากยสั
-กริยาวลี ว (ใกล้จะเลิกร้มางจากชี คู่) คือ แบบประธาน-
พันธ์ได้ ว5ิตแบบ
จากรู ปกริแบบนามวลี
ยาหลัก ประธาน-กริ ยาหลัจะปรากฏวากยสั
-กริ ย าวลี ก-กริยาวิเศษณ์ ประธาน-กริ ม พัน ธ์ยไาวิด้ เ5ศษณ์
แบบ -กริคืยาหลั ก กรรม
อ แบบประธาน-
ตรง-กริยาหลัก และกรรมตรง-กริยาหลัก-กริยาวิเศษณ์ กล่าวคือ
ริ ยาหลัก ประธาน-กริ ยาหลัก-กริ ยาวิเศษณ์ ประธาน-กริ ยาวิเศษณ์-กริ ยาหลัก กรรมตรง-กริ ยาหลัก
2.1 วากยสัมพันธ์แบบประธาน-กริยาหลัก
ละกรรมตรง-กริ ยาหลั กวากยสั
-กริ ยาวิ
มพัเศษณ์
นธ์ในรูกล่ าวคือ
ปแบบประธาน-กริ ยาหลัก จะมีหน่วยประกอบเป็นประธาน
2.1 วากยสั
และมีมกพัรินยาแท้
ธ์แบบประธาน-กริ
เรียงต่อกัน เช่น ยเห็าหลั นตักวเล็กอย่างนี้สาย-แข็งชะมัด กินข้าวทีหนึ่งตั้ง 3
ชามแน่
วากยสั มพัะน(กิธ์นใเก่
นรูง ปกิแบบประธาน-กริ
นได้มาก ๆ) ยาหลัก จะมี ห น่ วยประกอบเป็ นประธานและมี
ริ ยาแท้เรี ยงต่อกัน เช่น เห็นตัวเล็กอย่างนี้ สาย-แข็งชะมัด กินข้าวทีหนึ่ งตั้ง 3 ชามแน่ะ (กินเก่ง กิน
วากยสัมพัน ธ์ในรู ปแบบประธาน-กริ ยาหลัก จะมี ห น่ วยประกอบเป็ นประธานและมี
40 วารสารมนุ ษยศาสตร์สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
ท้เรี ยงต่อกัน เช่ปีทนี่ 12 เห็
ฉบับน
ที่ 1ตั(มกราคม–มิ
วเล็กอย่ างนี
ถุนายน ้ สาย-แข็งชะมัด กินข้าวทีหนึ่ งตั้ง 3 ชามแน่ะ (กินเก่ง กิน
2560)

ๆ)
ทั้งนี
้ โครงสร้ าทังวากยสัง้ นี้ โครงสร้ มพัางวากยสั
นธ์แบบประธาน-กริ
มพันธ์แบบประธาน-กริยาหลักยาหลั ของค ากริ ย�าประสมแบบรวม
ก ของคำ กริยาประสม
แบบรวมนามที
ปรากฏในประโยคตั วอย่่ปารากฏในประโยคตั
ง แสดงได้ดงั แผนภู วอย่มาิตงน้ แสดงได้
ไม้ ดังนีดัง้ แผนภูมิต้นไม้ ดังนี้
กริ ยาวลี
(ประโยค)
ประธาน กริ ยาหลัก
สาย แข็ง
จากวากยสั ม พั น ธ์ แ บบ ประธาน -กริ ยาหลัก ที่ ก ล่ า วไปนั้ น สามารถแสดง
จากวากยสัมพันธ์แบบ ประธาน-กริยาหลัก ทีก่ ล่าวไปนัน้ สามารถแสดงอรรถ
มพันธ์ได้สั2มพัรู ปนแบบ
ธ์ได้ 2ดัรูงปนีแบบ
้ ดังนี้
2.1.1 อรรถสัมพัน2.1.1
ธ์แบบ ผูท้ รงสภาพ-กริ
อรรถสั มพันธ์แบบ ผูย้ทารงสภาพ-กริยา

อรรถสัมพัน ธ์ แบบ อรรถสัผูท้ มรงสภาพ-กริ
พันธ์แบบ ผู้ทรงสภาพ-กริ
ยา มี คากริยยาาเป็มีคนสกริ
ำ�กริยาเป็ นสกริยาสภาพ และมี
ยาสภาพการณ์
การณ์ และมีกรรมเป็นผู้ทรงสภาพของกริยานั้น ๆ เช่น หนุ่มนักเรียนเทคนิคหาดใหญ่
ป็ นผูท้ รงสภาพของกริ
เข่า-อ่อน เมือ่ ยตำานั �รวจแจ้ น หนุก่มรยานยนต์
้ น ๆ งเช่พบรถจั นักเรี ยนเทคนิ คหาดใหญ่เ3ข่วัาน-อ่(อาการที
ทถี่ กู ขโมยหายไป อน เมื่อตเ่ ข่ารวจแจ้
าหมด งพบ
กําลังทรุดลง โดยปริยายหมายถึงอาการหมดแรง เพราะรูเ้ รือ่ งทีท่ �ำ ให้เสียใจเป็นต้นใน
ทันทีทันใด)
2.1.2 อรรถสัมพันธ์แบบ ผู้กระทำ�–กริยา
อรรถสัมพันธ์แบบ ผูก้ ระทำ�-กริยา มีค�ำ กริยาแสดงการกระทำ� และ
มีประธานที่เปรียบเป็นผู้กระทำ�กริยานั้น ๆ เช่น เขาเขียนหนังสือเป็นไก่-เขี่ยมาก ๆ
เลย (หวัด ยุ่งจนเกือบอ่านไม่ออก)
2.2 วากยสัมพันธ์แบบประธาน-กริยาหลัก-กริยาวิเศษณ์
วากยสั ม พั น ธ์ ใ นรู ป แบบประธาน-กริ ย าหลั ก -กริ ย าวิ เ ศษณ์ จะมี ห น่ ว ย
ประกอบเป็นประธาน กริยาแท้และกริยาวิเศษณ์เรียงต่อกัน โดยมีวิเศษณ์ทำ�หน้าที่
ขยายกริยาแท้ เช่น มีสาวสวยมาในงานเยอะแยะ เขาตา-อยู่-ไม่สุขเลย (ชอบมองไป
เรื่อย ๆ ตาไม่อยู่นิ่ง)
ทั้งนี้ โครงสร้างวากยสัมพันธ์แบบประธาน-กริยาหลัก-กริยาวิเศษณ์ ของคำ�
กริยาประสมแบบรวมนามทีป่ รากฏในประโยคตัวอย่าง แสดงได้ดงั แผนภูมติ น้ ไม้ ดังนี้
ประธาน กริ ยาแท้และกริ ยาวิเศษณ์เรี ยงต่อกัน โดยมีวิเศษณ์ทาหน้าที่ขยายกริ ยาแท้ เช่น มีสาวสว
มาในงานเยอะแยะ เขาตา-อยู-่ ไม่สุขเลย (ชอบมองไปเรื่ อย ๆ ตาไม่อยูน่ ิ่ง) University 41
Journal of Humanities and Social Sciences, Thaksin
Vol. 12 No. 1 (January-June 2017)
ทั้งนี้ โครงสร้ างวากยสั มพัน ธ์ แบบประธาน-กริ ยาหลัก -กริ ยาวิเศษณ์ ของค ากริ ย
ประสมแบบรวมนามที่ปรากฏในประโยคตัวอย่าง แสดงได้ดงั แผนภูมิตน้ ไม้ ดังนี้
กริ ยาวลี
(ประโยค)

ประธาน กริ ยาวลี


กริ ยา กริ ยาวิเศษณ์
ตา อยู่ ไม่สขุ
จากวากยสั
มพันธ์แมบบ
จากวากยสั พันประธาน-กริ
ธ์แบบ ประธาน-กริ ยาหลักย-กริาหลัยกาวิ
-กริเศษณ์ ที่ กล่าทีวไปนั
ยาวิเศษณ์ ้ น สามารถแสด
่กล่าวไปนั ้น
อรรถสัมพันสามารถแสดงอรรถสั
ธ์ในรู ปแบบ ผูแ้ สดงสภาพ-กริ
มพันธ์ในรูปแบบ ยา-ลัผูก้แษณะ จะมีประธานที
สดงสภาพ-กริ ยา-ลักษณะ่เปรี ยจะมี
บเป็ ปนระธานที
ผูแ้ สดงสภาพ
่ ตา
ด้ว ยค ากริ ยเปรี ยบเป็นผู้แสดงสภาพ
าแสดงการกระท าหรื อตามด้
เหตุ กวารณ์ ยคำ�กริและมี
ยาแสดงการกระทำ
ล ัก ษณะ (manner)�หรือเหตุที่กแารณ์ และมี ย ดขอ
สดงรายละเอี
ลักษณะ (manner) ที่แสดงรายละเอียดของเหตุการณ์เพิ่มเติมจากคำ�กริยา
เหตุการณ์เพิ่มเติมจากคากริ ยา
2.3 วากยสัมพันธ์แบบประธาน-กริยาวิเศษณ์-กริยาหลัก
2.3 วากยสั
วากยสัมพัมนพัธ์นแธ์ใบบประธาน-กริ
นรูปแบบประธาน-กริ ยาวิเยศษณ์ -กริ ยกริาหลั
าวิเศษณ์ ก ก จะมีหน่วยประกอบ
ยาหลั
วากยสักริ
เป็นประธาน มพัยนาวิธ์เศษณ์
ในรู ปเรีแบบประธาน-กริ
ยงและกริยาแท้ต่อยกัาวิ เศษณ์วิเกริ
น โดยมี ยาหลั
ศษณ์ ทำ�หน้ก จะมี หน่วยประกอบเป
าที่ขยายกริ ยา
ประธาน กริแท้ ยาวิเช่เศษณ์
น มาแป๊ บเดียว ก้ยนาแท้
เรี ยงและกริ -ไม่ทตัน่อ-ร้กัอนนก็โดยมี
กลับวเสีิเศษณ์
ยแล้วท(ไม่
าหน้นาน)าที่ขยายกริ ยาแท้ เช่น มาแป๊ บเดีย
ทั้งนี้ โครงสร้างวากยสัมพันธ์แบบประธาน-กริยาวิเศษณ์-กริยาหลัก ของคำ�
ก้น-ไม่ทนั -ร้กริอนก็ กลับเสี ยแล้ว (ไม่นาน)
ยาประสมแบบรวมนามที ป่ รากฏในประโยคตัวอย่าง แสดงได้ดงั แผนภูมติ น้ ไม้ ดังนี้
ทั้งนี้ โครงสร้างวากยสัมพันธ์แบบประธาน-กริ ยาวิเศษณ์ -กริ ยาหลัก ของคากริ ย
กริ ยาวลี
ประสมแบบรวมนามที่ปรากฏในประโยคตัว(ประโยค)
อย่าง แสดงได้ดงั แผนภูมิตน้ ไม้ ดังนี้

ประธาน กริ ยาวลี


กริ ยาวิเศษณ์ กริ ยา

ก้ น ไม่ทนั ร้ อน
จากวากยสัมพันธ์แบบ ประธาน-กริ ยาวิเศษณ์ -กริ ยาหลัก ที่ กล่าวไปนั้น สามาร
จากวากยสัมพันธ์แบบ ประธาน-กริยาวิเศษณ์-กริยาหลัก ที่กล่าวไปนั้น
แสดงอรรถสัสามารถแสดงอรรถสั
มพันธ์ในรู ปแบบมผูพัท้ นรงสภาพ-ลั
ธ์ในรูปแบบ กผูษณะ-กริ ยา จะมี
้ทรงสภาพ-ลั ประธานที
กษณะ-กริ ่เปรีปยระธานที
ยา จะมี บเป็ นผู่ ท้ รงสภา
ตามด้วยลักษณะ (manner) และมีคากริ ยาแสดงการกระทาหรื อเหตุการณ์ ที่แสดงรายละเอียดขอ
เหตุการณ์เพิ่มเติมจากคากริ ยา
จากวากยสัมพันธ์แบบ ประธาน-กริ ยาวิเศษณ์ -กริ ยาหลัก ที่ กล่าวไปนั้น สามารถ
สัมพันธ์ใ42นรู ปวารสารมนุ
ปีแบบ
ที่ 12 ฉบับผูที่ท
้ 1 (มกราคม–มิ
รงสภาพ-ลั กษณะ-กริ ยา จะมีประธานที่เปรี ยบเป็ นผูท้ รงสภาพ
ษยศาสตร์สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
ถุนายน 2560)

ษณะ (manner) และมีคากริ ยาแสดงการกระทาหรื อเหตุการณ์ ที่แสดงรายละเอียดของ


มเติมจากคเปรี
ากริยบเป็
ยา นผู้ทรงสภาพ ตามด้วยลักษณะ (manner) และมีคำ�กริยาแสดงการกระทำ�
2.4 วากยสัหรืมพัอเหตุ
นธ์แกบบกรรมตรง-กริ
ารณ์ ที่แสดงรายละเอี ยาหลั ก
ยดของเหตุ การณ์เพิ่มเติมจากคำ�กริยา
วากยสั มพันธ์ใ2.4 นรูวากยสั ปแบบมกรรมตรง-กริ
พันธ์แบบกรรมตรง-กริ
ยาหลักยาหลั
จะมีกหน่ วยประกอบเป็ นกรรมตรง
วากยสัมพันธ์ในรูปแบบ กรรมตรง-กริยาหลัก จะมีหน่วยประกอบเป็นกรรม
ต่อกัน เช่น เม้าท์ “เกรท วริ นทร” แห้วรับประทานเพราะ “อายส์ กมลเนตร” (พลาดจาก
ตรง กริยาแท้เรียงต่อกัน เช่น เม้าท์ “เกรท วรินทร” แห้วรับประทานเพราะ “อายส์
กมลเนตร” (พลาดจากสิ่งที่หวังไว้)
ทั้งนี้
โครงสร้ทัา้งงวากยสั
นี้ โครงสร้มาพังวากยสั
นธ์แบบมพักรรมตรง-กริ ยาหลักยของค
นธ์แบบ กรรมตรง-กริ าหลัก ากริ
ของคำย�าประสมแบบ
กริยาประสม
แบบรวมนามที
รากฏในประโยคตั วอย่า่ปงรากฏในประโยคตั
แสดงได้ดงั แผนภู วอย่
มิตางน้ ไม้
แสดงได้
ดังนีด้ ังแผนภูมิต้นไม้ ดังนี้
กริ ยาวลี
กรรมตรง กริ ยาหลัก
แห้ ว รับประทาน
จากวากยสั
มจากวากยสั พัน ธ์ แ บบมพักรรมตรง-กริ
นธ์แบบ กรรมตรง-กริ ยาหลัยกาหลั ที่ กกล่ทีา่กวไปนั ้ น้นสามารถแสดง
ล่าวไปนั สามารถแสดง
ธ์ในรู ปแบบ อรรถสั ผูเ้ ปลี
มพัน่ยนสภาพ-กริ
ธ์ในรูปแบบ ยผูา้เปลี จะมี คากริ ยาแสดงการกระท
่ยนสภาพ-กริ ยา จะมีคำ�กริยาหรื อเหตุการณ์ �และมี
าแสดงการกระทำ หรือ
รี ยบเป็ นผูเหตุ
เ้ ปลีก่ยารณ์ และมีประธานที่เปรียบเป็นผู้เปลี่ยนสภาพนั้น ๆ
นสภาพนั ้น ๆ
2.5 วากยสัมพันธ์แบบกรรมตรง-กริยาหลัก-กริยาวิเศษณ์
2.5 วากยสั มพันธ์แวากยสั บบกรรมตรง-กริ
มพันธ์ในรูปยแบบ าหลักกรรมตรง-กริ
-กริ ยาวิเศษณ์ยาหลัก-กริยาวิเศษณ์ จะมีหน่วย
วากยสัประกอบเป็
มพันธ์ในรูนปกรรมตรง แบบ กรรมตรง-กริ
กริยาแท้และกริ ยาหลัยาวิกเ-กริ
ศษณ์ยาวิ
เรียเศษณ์
งต่อกันจะมี หน่ววิเยประกอบเป็
โดยมี ศษณ์ทำ�หน้าทีน่
ริ ยาแท้และกริขยายกริ ยาวิยเศษณ์
าแท้ เเช่รี ยนงต่ดาราคนนี ้น้ำ�ตา-สั
อกัน โดยมี วิเศษณ์ ่ง-ได้ทาหน้
ไม่ต้อาทีงเท้ กหลายหน
่ขยายกริ ยาแท้(ร้เช่
องไห้ ได้ทันทีที่ ้
น ดาราคนนี
ต้องการ) 11
้ ไม่ตอ้ งเท้ กหลายหน ทั้งนี(ร้ องไห้ไางวากยสั
้ โครงสร้ ด้ทนั ทีทมี่ตพัอ้ นงการ)
ธ์แบบ กรรมตรง-กริยาหลัก-กริยาวิเศษณ์ ของ
ทั้งนี้ โครงสร้ างวากยสัมพันธ์แบบ่ปกรรมตรง-กริ
คำ�กริยาประสมแบบรวมนามที รากฏในประโยคตั ยาหลั
วอย่กา-กริ ยาวิเศษณ์
ง แสดงได้ ของคมิตากริ
ดังแผนภู ้นไม้ยา
รวมนามทีดั่ปงนีรากฏในประโยคตั
้ วอย่าง แสดงได้ดงั แผนภูมิตน้ ไม้ ดังนี้
กริ ยาวลี
กรรมตรง กริ ยาหลัก กริ ยาวิเศษณ์

น ้าตา สัง่ ได้


จากวากยสัมพันธ์แบบ กรรมตรง-กริ ยาหลัก-กริ ยาวิเศษณ์ ที่ กล่าวไปนั้น สามารถ
ถสัมพันธ์ในรู ปแบบ ผูเ้ ปลี่ยนสภาพ-กริ ยา-ลักษณะ จะมีคากริ ยาแสดงการกระทาหรื อ
จากวากยสัมพันธ์แบบ กรรมตรง-กริ ยาหลัก-กริ ยาวิเศษณ์ ที่ กล่าวไปนั้น สามารถ
Journal of Humanities and Social Sciences, Thaksin University 43
สดงอรรถสัมพันธ์ในรู ปแบบ ผูเ้ ปลี่ยนสภาพ-กริ ยา-ลักษณะ จะมี คากริ ยาแสดงการกระทาหรื อ
Vol. 12 No. 1 (January-June 2017)

ตุการณ์ และมีประธานที่เปรี ยบเป็ นผูเ้ ปลี่ยนสภาพนั้น ๆ


กริ ยาวลี-กริ ย
าวลี จากวากยสัมพันธ์แบบ กรรมตรง-กริยาหลัก-กริยาวิเศษณ์ ที่กล่าวไปนั้น
โครงสร้สามารถแสดงอรรถสั มพันธ์ในรูปแบบ ผู้เปลี่ยนสภาพ-กริ
างของคากริ ยาประสมแบบรวมนามในลั กษณะนี้ มยีหา-ลั น่ วกยประกอบเป็
ษณะ จะมีค�ำ นกริกริ ยา ยาวลี 2
แสดงการกระทำ�หรือเหตุการณ์ และมีประธานที่เปรียบเป็นผู้เปลี่ยนสภาพนั้น ๆ
ด เช่น ปลัดหนุ ่มทาเรื 3. ่ อกริงย้ยาาวลี
ยทาเสี
-กริยยเวลานั
าวลี ง่ -ตบยุงเป็ นปี (ไม่มีงานทา)
คากริ ย าประสมแบบรวมนามในรู
โครงสร้างของคำ�กริยาประสมแบบรวมนามในลัป แบบ กริ ยาวลี -กริ ยกาวลี ษณะนี ที่ ป้มีหรากฏวากยสั
น่วยประกอบเป็ มพันน ธ์ ได้ 3
บบ คือ กริ ยาเรีกริยยงาวลี
กริ ย2าหลั ชุดกเช่-กริ ยาวิดเหนุ
น ปลั ศษณ์่มทำ�และกริเรื่องย้ายยทำ
าแบบกึ
�เสียเวลานั่ งมีไวยากรณ์
่ง-ตบยุงเป็-กริ นปีย(ไม่
าแบบกึ ่ งมี�ไ) วยากรณ์
มีงานทำ
คำ�กริยาประสมแบบรวมนามในรูปแบบ กริยาวลี-กริยาวลี ทีป่ รากฏวากยสัมพันธ์
ะปรากฏรู ปแบบอรรถสั มพันธ์ได้ ดังนี้
ได้ 3 แบบ คือ กริยาเรียง กริยาหลัก-กริยาวิเศษณ์ และกริยาแบบกึง่ มีไวยากรณ์-กริยา
3.1 วากยสั
แบบกึมพั่งมีนไธ์วยากรณ์
แบบกริ ยจะปรากฏรู
าเรี ยง ปแบบอรรถสัมพันธ์ได้ ดังนี้
วากยสั มพัน3.1 ธ์ในรู ปแบบกริ
วากยสั มพันธ์แยบบกริ
าเรี ยงยประกอบด้
าเรียง วยกริ ยาหลัก 2 ชุ ด คื อ มี ภาคแสดงด้วย
รยาสองคา 2 ชุ ด เป็ นกริ วากยสั
ยาแท้มพั/กริ
นธ์ยในรู
าวลีปแบบกริ
ที่เกิ ดเรียยาเรีงต่ยอง กัประกอบด้
นโดยไม่วมยกริ ยาหลั
ีคาเชื ่ อมกเช่2นชุดนางเอกสาวชื
คือ มีภาค ่ อดัง
แสดงด้วยกริยาสองคำ� 2 ชุด เป็นกริยาแท้/กริยาวลีที่เกิดเรียงต่อกันโดยไม่มีคำ�เชื่อม
บเครื่ อง-ชนเอาเรื
เช่น ่ อนางเอกสาวชื
งผูก้ ากับให้่อถดัึงงที่ สดัุ ดบเนืเครื่ อ่องจากผิ ด (ต่่อองผูสู้ก้อำ�ย่กัาบงเต็
ง-ชนเอาเรื ให้ถมึงทีที่ โ่สดยไม่ คานึ งดถึง(ต่ผลร้
ุดเนื่องจากผิ อสู้ ายที่ จะ
ดขึ้นแก่ตน) อย่างเต็มที่โดยไม่คำ�นึงถึงผลร้ายที่จะเกิดขึ้นแก่ตน)
ทั้ง
นี้ โครงสร้ ทั้งนี้า งวากยสั มพัน ธ์มแพับบกริ
โครงสร้างวากยสั ย าเรียยาเรี
นธ์แบบกริ ง ของค ยง ของคำ ากริ�กริ ยาประสมแบบรวมนามที
ยาประสมแบบรวม ่
นามที่ปรากฏในประโยคตัวอย่าง แสดงได้ดังแผนภูมิต้นไม้ ดังนี้
รากฏในประโยคตัวอย่าง แสดงได้ดงั แผนภูมิตน้ ไม้ ดังนี้
กริ ยาเรี ยง
กริ ยาวลี กริ ยาวลี
กริ ยา กรรมตรง กริ ยา
[นามวลี]
ดับ เครื่ อง ชน
จากวากยสั
มพันธ์แบบ กริ ยาเรี ยง ที่กล่าวไปนัน สามารถแสดงอรรถสัมพันธ์ได้ 6 แบบ
จากวากยสัมพันธ์แบบ กริยาเรียง ทีก่ ล่้ าวไปนัน้ สามารถแสดงอรรถสัมพันธ์
งนี้ ได้ 6 แบบ ดังนี้
3.1.1 อรรถสัมพั3.1.1
นธ์แบบ กริ มยาเรี
อรรถสั พันยธ์งร่
แบบ วมแสดงความ
กริยาเรียงร่วมแสดงความ
อรรถสัมพันธ์ในรูปแบบ กริยาเรียงร่วมแสดงความ เป็นการปรากฏ
อรรถสัมพันธ์ในรู ปแบบ กริ ยาเรี ยงร่ วมแสดงความ เป็ นการปรากฏของการกระทา
ของการกระทำ�สองการกระทำ�ในเวลาที่ทับซ้อนกัน โดยมีกริยาคำ�หนึ่งแสดงการกระ
องการกระทาในเวลาที ่ทบั ซ้อนกันางหรื
ทำ�ที่มีความหมายกว้ โดยมี
อไม่กชริัดยเจน
าคาหนึเช่น่ งแสดงการกระท
เอา ใช้ ทำ� ฯลฯาทีซึ่ม่งีคต้วามหมายกว้ างหรื อไม่
องมีกริยาอื่นมา
ดเจน เช่ น เอา ใช้ ทา ฯลฯ ซึ่ งต้องมี กริ ยาอื่ น มาประกอบในการสื่ อสารการกระทาหนึ่ ง ๆ โดย
44 วารสารมนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
ปีที่ 12 ฉบับที่ 1 (มกราคม–มิถุนายน 2560)

ประกอบในการสื่อสารการกระทำ�หนึ่ง ๆ โดยปรากฏในรูปแบบ กริยาพึ่งพา-กริยา


กระทำ� โดยกริยาเรียงร่วมแสดงความนี้จะมีบทบาทเชิงอรรถศาสตร์ปรากฏได้ 2 แบบ
คือ กริยาเรียงแสดงเครื่องมือ และกริยาเรียงแสดงผู้ทรงสภาพ ดังนี้
3.1.1.1 กริยาเรียงแสดงเครื่องมือ
อรรถสัมพันธ์กริยาเรียงร่วมแสดงความในรูปแบบ กริยา
เรียงแสดงเครื่องมือ คือ กริยาเรียงแสดงเครื่องมือเป็นการปรากฏของการกระทำ�สอง
การกระทำ�ในเวลาที่ทับซ้อนกัน โดยมีกริยาคำ�หนึ่ง คือ เอา หรือ ใช้ ซึ่งแสดงเครื่อง
มือในการสร้างความบางอย่าง เช่น เธอน่ะจะทำ�อะไรนับจากนี้ควรหัดใช้หัว-คิดบ้าง
นะ (การใช้สมองคิด)
3.1.1.2 กริยาเรียงแสดงผู้ทรงสภาพ
อรรถสัมพันธ์กริยาเรียงร่วมแสดงความในรูปแบบ กริยา
เรียงแสดงผู้ทรงสภาพ คือ กริยาเรียงแสดงผู้ทรงสภาพเป็นการปรากฏของการกระทำ�
สองการกระทำ�ในเวลาที่ทับซ้อนกัน โดยมีกริยาคำ�หนึ่ง เช่น ทำ� ซึ่งแสดงผู้ทรงสภาพ
ในการสร้างความบางอย่างที่เป็นสาเหตุให้เกิดผลกับกรรมที่ปรากฏตามมาซึ่งแสดง
ด้วยกริยาเหตุการณ์หรือสภาพการณ์ โดยปรากฏในรูปแบบ ทำ�-กริยาเหตุการณ์/สภาพ
การณ์ เช่น ข้าพเจ้าได้ยินเขาพูด แต่แกล้งทำ�หู-ทวนลมเฉยเสีย (ได้ยินแต่ทำ�เป็นไม่
ได้ยิน)
3.1.2 อรรถสัมพันธ์แบบ กริยาทิศทาง-กริยากระทำ�
อรรถสั ม พั น ธ์ ใ นรู ป แบบ กริ ย าทิ ศ ทาง-กริ ย ากระทำ �
เป็นการปรากฏของการกระทำ�สองการกระทำ�ในเวลาทีท่ บั ซ้อนกัน โดยมีกริยาคำ�หนึง่
แสดงการเคลื่อนที่เข้าหาหรือออกจากจุดอ้างอิง (referent point) และมีกริยาอีกคำ�
หนึง่ แสดงการกระทำ�หนึง่ ๆ ทีเ่ ป็นเป้าหมายของคำ�กริยาคำ�แรก โดยปรากฏในรูปแบบ
กริยาทิศทาง-กริยากระทำ� กริยาที่แสดงทิศทาง ได้แก่ ไป มา ขึ้น ลง เข้า ออก ฯลฯ
และมีกริยาอีกคำ�หนึ่งแสดงการกระทำ�หนึ่ง ๆ ที่เป็นเป้าหมายของกริยาคำ�แรก เช่น
เขาไป-ค้าถ่านเสียแล้ว (ตาย)
3.1.3 อรรถสัมพันธ์แบบ กริยาลักษณะ-กริยากระทำ�
อรรถสัมพันธ์ในรูปแบบ กริยาลักษณะ-กริยากระทำ� คือ
กริยาเรียงแสดงลักษณะเป็นการปรากฏของการการทำ�ในเวลาทีท่ บั ซ้อนกัน โดยมีกริยา
คำ�หนึง่ แสดงการกระทำ�และมีกริยาอีกคำ�หนึง่ แสดงลักษณะของการกระทำ�นัน้ ๆ โดย
Journal of Humanities and Social Sciences, Thaksin University 45
Vol. 12 No. 1 (January-June 2017)

ปรากฏในรูปแบบ กริยาลักษณะ-กริยากระทำ� กริยาลักษณะอาจเป็น ท่าทางของ


ร่างกาย (posture) หรือวิธี/อาการ (way) เช่น ปลัดหนุ่มถูกย้ายไปนั่ง-ตบยุงที่สำ�นัก
นายกรัฐมนตรี (กำ�หนดเวลาสุดท้ายให้)
3.1.4 อรรถสัมพันธ์แบบ กริยากระทำ�-เจตนา
อรรถสัมพันธ์ในรูปแบบ กริยากระทำ�-เจตนา เป็นการ
ปรากฏของการกระทำ�สองการกระทำ�ในเวลาที่ทับซ้อนกัน โดยมีกริยาคำ�หนึ่งแสดง
การกระทำ�หนึ่ง ๆ และมีกริยาอีกคำ�หนึ่งเป็นการตีความหรือเจตนา โดยปรากฏในรูป
แบบ กริยากระทำ�-กริยาความเจตนา เช่น หัวหน้าพรรคและเลขาฯ พรรคจับเข่า-คุย
กันบนชั้นสองของที่ทำ�การพรรค (ปรับความเข้าใจกันอย่างใกล้ชิด)
3.1.5 อรรถสัมพันธ์แบบ กริยากระทำ�-ความประสงค์
อรรถสัมพันธ์ในรูปแบบ กริยากระทำ�-ความประสงค์
เป็นการปรากฏของการกระทำ�สองการกระทำ�ที่เกิดต่อเนื่องอย่างผูกแน่นจนไม่
สามารถแยกเป็นสองประพจน์ได้ โดยมีกริยาคำ�หนึ่งแสดงการกระทำ�หนึ่ง ๆ และมี
กริยาอีกคำ�หนึ่งแสดงความประสงค์ของการกระทำ� นั้น ๆ ซึ่งมักคาดเดาได้ ปรากฏ
ในรูปแบบ กริยากระทำ�-กริยาความประสงค์ เช่น นางเอกสาวชื่อดังดับเครื่อง-ชนเอา
เรือ่ งผูก้ �ำ กับให้ถงึ ทีส่ ดุ เนือ่ งจากผิด (ต่อสูอ้ ย่างเต็มทีโ่ ดยไม่ค�ำ นึงถึงผลร้ายทีจ่ ะเกิดขึน้
แก่ตน)
3.1.6 อรรถสัมพันธ์แบบ กริยากระทำ�-กริยาผล
อรรถสัมพันธ์ในรูปแบบ กริยากระทำ�-กริยาผล เป็นการ
ปรากฏร่วมกันของเหตุการณ์หรือการกระทำ�หนึง่ ทีเ่ ป็นเหตุ ตามมาซึง่ สภาวการณ์หนึง่
ที่เป็นผลต่อเนื่องกันอย่างผูกแน่น จนไม่สามารถแยกจากกันเป็นสองประพจน์ได้ ซึ่ง
กริยาสภาวการณ์นนั้ คาดเดาได้หรือเป็นผลทีจ่ ะเกิดตามมา โดยปรากฏในรูปแบบ กริยา
กระทำ�-กริยาผล เช่น ถ้าเขาเป็นคนเจรจา พวกพนักงานจะถูกกล่อมลิง-หลับ (พูดจน
ผู้ฟังเคลิบเคลิ้มและเห็นคล้อยตาม)
3.2 วากยสัมพันธ์แบบกริยาหลัก-กริยาวิเศษณ์
วากยสัมพันธ์ในรูปแบบกริยาหลัก-กริยาวิเศษณ์ เป็นกริยาเรียงที่เป็นกริยา
หลักและกริยาวิเศษณ์เรียงต่อกัน โดยมีกริยาแท้เป็นกริยาหลัก และกริยาวิเศษณ์ท�ำ
หน้าที่ขยายกริยาหลัก เช่น เขาไม่เคยทำ�งานมาก่อน พอทำ�งานใหญ่ก็เละ-เป็นโจ๊ก
เลย (เละมาก ล้มเหลว)
วากยสัมพันธ์ในรู ปแบบกริ ยาหลัก-กริ ยาวิเศษณ์ เป็ นกริ ยาเรี ยงที่เป็ นกริ ยาหลักและ
46 วารสารมนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
าวิเศษณ์เรี ยงต่ปีอที่ 12กันฉบับโดยมี กริ ยาแท้เป็ นกริ ยาหลัก และกริ ยาวิเศษณ์ทาหน้าที่ขยายกริ ยาหลัก เช่น
ที่ 1 (มกราคม–มิถุนายน 2560)

ไม่เคยทางานมาก่อน พอทางานใหญ่กเ็ ละ-เป็ นโจ๊กเลย (เละมาก ล้มเหลว)


ทั้งนี้ ทัโครงสร้
้งนี้ โครงสร้ างวากยสั
างวากยสั มพัมนพันธ์ธ์แแบบ
บบ กริกริยยาหลั
าหลัก-กริ
-กริยยาวิาวิเเศษณ์
ศษณ์ ของคำ
ของค�กริ
ากริยายาประสม
บรวมนามที ประสมแบบรวมนามที
่ปรากฏในประโยคตั ่ปรากฏในประโยคตั
วอย่าง แสดงได้ดวอย่ าง แสดงได้
งั แผนภู ดังแผนภู
มิตน้ ไม้ ดังนี้ มิต้นไม้ ดังนี้
กริ ยาวลี
กริ ยาหลัก กริ ยาวิเศษณ์

แค้ น ฝังหุน่
จากวากยสั
จากวากยสั มพันมธ์พัแนบบ กริกริ
ธ์แบบ ยาหลั
ยาหลัก-กริ
ก-กริยยาวิาวิเศษณ์
เศษณ์ทีที่กก่ ล่ล่าาวไปนั
วไปนัน้ ้ นสามารถแสดง
สามารถแสดง
ถสัมพันธ์อรรถสั
ได้ 3 แบบ
มพันธ์ดัได้งนี3้ แบบ ดังนี้
3.2.1 อรรถสัม3.2.1 พันธ์อรรถสั
แบบ กริมพัยนา-ที
ธ์แบบ กริยา-ที่มา‘from’
่มา (ablative) (ablative) ‘from’
อรรถสัมพันธ์ในรูปแบบ กริยา-ที่มา จะมีกรรมเป็นที่มาของการก
อรรถสัมพันธ์ในรู ปแบบ กริ ยา-ที่มา จะมีกรรมเป็ นที่ มาของการกระทา โดยมีคา
ระทำ� โดยมีคำ�บุพบท “จาก” นำ�หน้าสถานที่ และไม่มีคำ�บุพบทนำ�หน้าสถานที่ โดย
บท “จาก”มีคนำ�าหน้ าสถานที
นามเป็ ่ และไม่มีค�าบุ
นที่มาของการกระทำ หรืพ บทน
อเหตุ าหน้ทาี่รสถานที
การณ์ ะบุด้วยคำ่ �โดยมี กริยา คเช่านามเป็ นที่ใ่ มน าของการ
น ตอนอยู
ตำ�แหน่งเขาดีแต่ใช้อำ�นาจ พอลง-จากอำ�นาจ ลูกน้องจึงพากันหนีหายไปหมด (หมด
อำ�นาจ พ้นจากตำ�แหน่งที่มีอำ�นาจ)
3.2.2 อรรถสัมพันธ์แบบ กริยา-ตำ�แหน่ง (positional) ‘after’
อรรถสัมพันธ์แบบ กริยา-สถานที่แบบนี้จะมีกรรมเป็นสถานที่ของ
การกระทำ� โดยมีคำ�บุพบท “ตาม บน กลาง เหนือ บน ใน ฯลฯ” นำ�หน้าสถานที่ เช่น
รัฐบาลชุดนี้นั่ง-ในหัวใจเกษตรกรทั้งหลาย (รู้ใจ ทําถูกต้องตรงตามที่ผู้อื่นคิดไว้)
3.2.3 อรรถสัมพันธ์แบบ กริยา-ที่หมาย (destination)
อรรถสัมพันธ์แบบ กริยา-ที่หมาย มีคำ�กริยาเป็นสกรรมกริยาที่มี
กรรมเป็นที่หมายของการกระทำ�หรือเหตุการณ์ที่ระบุด้วยคำ�กริยา เช่น วันนี้คุณพ่อ
เข้า-ครัวเองผู้คนก็ชุลมุนไปทั้งบ้าน (ทำ�กับข้าว)
3.3 วากยสัมพันธ์แบบกริยาแบบกึ่งมีไวยากรณ์-กริยาแบบกึ่งมีไวยากรณ์
วากยสัมพันธ์ในรูปแบบ กริยาแบบกึ่งมีไวยากรณ์-กริยาแบบกึ่งมีไวยากรณ์
เป็นกริยาประสมที่ไม่มีวากยสัมพันธ์ระหว่างหน่วยสมาชิกในรูปแบบของหน่วยหลัก
และหน่วยขยายดังเช่นโครงสร้างของหน่วยกริยาทั่วไป เนื่องจากหน่วยสมาชิกแต่ละ
หน่วยที่มาประสมกัน มีความสำ�คัญทัดเทียมกัน ไม่มีคำ�สมาชิกหนึ่งใดเป็นหลัก หรือ
วากยสัมพันธ์ในรู ปแบบ กริ ยาแบบกึ่ งมีไวยากรณ์ -กริ ยาแบบกึ่ งมีไวยากรณ์ เป็ นกร
Journal of Humanities and Social Sciences, Thaksin University 47
ประสมที่ไม่มีวากยสัมพันธ์ระหว่างหน่วยสมาชิกในรู ปแบบของหน่ Vol. 12 No. 1ว(January-June
ยหลักและหน่ 2017) วยขยายดังเช

โครงสร้างของหน่ วยกริ ยาทัว่ ไป เนื่ องจากหน่ วยสมาชิกแต่ละหน่ วยที่มาประสมกัน มีความสาค


ทัดเทียมกันเป็ไม่นส่มวีคนขยายให้
าสมาชิกเหนึ ห็นอย่่ งใดเป็
างชัดนหลั
เจน กความหมายของคำ
หรื อเป็ นส่ วนขยายให้
�ใหม่ที่ได้เห็มนักจะเป็อย่างชั ดเจน ความหมายข
นความหมาย
คาใหม่ที่ได้ทีม่เป็กั นจะเป็
กลางนความหมายที
(general term)่ เป็หรื นกลาง
อแสดงลั (general
กษณะทีterm)
่เป็นจ่าหรื
กลุอ่มแสดงลั ย ากลุ่มข
กษณะที่ เป็วนจ่
ของความหมายหน่
ความหมายหน่สมาชิวกยสมาชิ ซึง่ มีลกั กษณะบางประการร่ วมกันอยู่ เช่น เธอมั
ซึ่ งมีลกั ษณะบางประการร่ วมกักนถูอยูกแม่่ เช่ตน�ำ หนิเธอมั
เมือ่ กเธอทำ �ปาก-ทำ
ถูกแม่ ตาหนิ� เมื่อเธอท
คอ (จีบปากจีบคอเวลาพูด)
ปาก-ทาคอ (จีบปากจีทับ้งนีคอเวลาพู้ โครงสร้าดงวากยสั
) มพันธ์แบบ กริยาแบบกึ่งมีไวยากรณ์-กริยาแบบกึ่งมี
ทั้งนี้ โครงสร้
ไวยากรณ์ ของคำา�งวากยสั มพันธ์แบบ กริ ยาแบบกึ
กริยาประสมแบบรวมนามที ่ งมีไวยากรณ์
่ปรากฏในประโยคตั วอย่-กริ าแบบกึด่ งังมีไวยากร
างยแสดงได้
แผนภูมิต้นไม้ ดังนี้
ของคากริ ยาประสมแบบรวมนามที ่ปรากฏในประโยคตัวอย่าง แสดงได้ดงั แผนภูมิตน้ ไม้ ดังนี้
กริ ยาวลี
กริ ยาแบบกึง่ มีไวยากรณ์ กริ ยาแบบกึง่ มีไวยากรณ์

ทาปาก ทาคอ
จากวากยสั
มพันธ์แมบบ
จากวากยสั พันธ์กริแบบ
ยาหลั
กริยกาหลั
-กริกย-กริ
าวิเยศษณ์ ที่กล่ทีาก่ วไปนั
าวิเศษณ์ ล่าวไปนั ้ น สามารถแสดง
น้ สามารถแสดง
อรรถสัมพันอรรถสั
ธ์ คือมกริพันยธ์าประสมที ่หน่วยสมาชิ
คือ กริยาประสมที ่หน่วกยสมาชิ
มีความหมายคล้
กมีความหมายคล้ ายกัน ายกัน
4. กริ ยาวลี- บุพบทวลี4. กริยาวลี-บุพบทวลี 15
โครงสร้างของคำ�กริยาประสมแบบรวมนามในลักษณะนี้มีหน่วยประกอบเป็น
โครงสร้
กริยาวลีางของค
และบุพากริ บทวลียาประสมแบบรวมนามในลั
รูปแบบคำ�กริยาประสมนี้จะมีวกากยสั ษณะนี มพั้ มนีหธ์เน่ป็วนยประกอบเป็
แบบเดียว คือ น กริ ยาว
และบุพบทวลี กริยรูาหลั
ปแบบค
ก-กรรมอ้ากริอยมาประสมนี ้ จะมี
เช่น ถ้าเจอข้ วากยสั
อสอบหิ มพันธ์้ เห็เป็นนแบบเดี
นแบบนี ทีจะจน-ด้ยววยเกล้ คือ ากริแล้ยวาหลั
แน่ ๆก-กรรมอ้อ
เช่น ถ้าเจอข้(ไม่ รู้จะแก้นปัญ
อสอบหิ หาได้้ อเห็ย่านงไร)
แบบนี ทีจะจน-ด้วยเกล้าแล้วแน่ ๆ (ไม่รู้จะแก้ปัญหาได้อย่างไร)
ทั้งนี้ โครงสร้ า งวากยสั ม
ทัง้ นี้ โครงสร้างวากยสัพั น ธ์ แบบกริ
มพันธ์ยแาหลั
บบกริกย-กรรมอ้
าหลัก-กรรมอ้อม ของค
อม ของคำ ากริ �ยกริาประสมแบบรวมนาม
ยาประสมแบบ
ปรากฏในประโยคตัรวมนามที วอย่่ปารากฏในประโยคตั
ง แสดงได้ดงั แผนภู วอย่มางิตน้แสดงได้
ไม้ ดังดนีัง้ แผนภูมิต้นไม้ ดังนี้
กริ ยาวลี
กริ ยาหลัก กรรมอ้ อม
คาบุพบท นามวลี

จน ด้ วย เกล้ า
จากวากยสั มพันธ์แบบ
จากวากยสั มพักริ
นธ์แยบบ
าหลักริก-กรรมอ้ อม ที่กอล่มาทีวไปนั
ยาหลัก-กรรมอ้ ้ น สามารถแสดงอรรถสั
่กล่าวไปนั ้น สามารถแสดงอรรถมพันธ์
้ 3 รู ปแบบ ดังสันีม้ พันธ์ได้ 3 รูปแบบ ดังนี้
4.1.1 อรรถสัมพันธ์แบบ กริ ยา-กรรมอ้อมสถานที่ของเหตุการณ์ (location)
48 วารสารมนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
ปีที่ 12 ฉบับที่ 1 (มกราคม–มิถุนายน 2560)

4.1.1 อรรถสัมพันธ์แบบ กริยา-กรรมอ้อมสถานที่ของเหตุการณ์


(location)
อรรถสัมพันธ์แบบ กริยา-กรรมอ้อมสถานที่ของเหตุการณ์ จะมีคำ�
กริยาเป็นอกรรมกริยาและตามด้วยกรรมอ้อมทีเ่ ป็นสถานที่ เช่น แม้จะต้องปิดกิจการ
แต่นายจ้างยังอยู่สุขสบาย อย่างนี้ล้ม-บนฟูกชัด ๆ (ล้มละลาย แต่เจ้าของกิจการไม่
เดือดร้อน)
4.1.2 อรรถสัมพันธ์แบบ กริยา-กรรมอ้อมเครือ่ งมือ/วิธกี าร/วัสดุที่
ใช้ในเหตุการณ์ (intstrument)
อรรถสัมพันธ์แบบ กริยา-กรรมอ้อมเครื่องมือ/วิธีการ/วัสดุที่ใช้ใน
เหตุการณ์ (intstrument) มาจากคำ�กริยา จะมีคำ�กริยาเป็นอกรรมกริยาและตามด้วย
กรรมอ้อมที่เป็นเครื่องมือ/วิธีการ/วัสดุที่ใช้ในเหตุการณ์ เช่น ถ้าเจอข้อสอบหินแบบนี้
เห็นทีจะจน-ด้วยเกล้าแล้วแน่ ๆ (ไม่รู้จะแก้ปัญหาได้อย่างไร)
4.1.3 อรรถสัมพันธ์แบบ กริยา-กรรมอ้อมผูท้ รงสภาพของเหตุการณ์
(patient)
อรรถสัมพันธ์แบบ กริยา-กรรมอ้อมผู้ทรงสภาพของเหตุการณ์ จะ
มีคำ�กริยาเป็นอกรรมกริยาและตามด้วยกรรมอ้อมที่เป็นผู้ทรงสภาพของเหตุการณ์
เช่น สาวยุคใหม่ อย่าเล่น-กับไฟให้เปลืองตัวเล่น (ลองดีเสี่ยงกับสิ่งที่รู้ว่าจะเป็น
อันตราย)
5. นามวลี-กริยาวลี-นามวลี
โครงสร้างของคำ�กริยาประสมแบบรวมนามในลักษณะนี้มีหน่วยประกอบเป็น
นามวลี กริยาวลี และนามวลี เช่น อยากมีกิ๊กหลายคน แต่ไม่บริหารจัดการให้ดี เลย
รถไฟ-ชน-กัน (พบกันโดยบังเอิญ)
จากรูปแบบนามวลี-กริยาวลี-นามวลี จะปรากฏวากยสัมพันธ์แบบ ประธาน-
กริยาหลัก-กรรมตรง กล่าวคือ วากยสัมพันธ์ในรูปแบบประธาน-กริยาหลัก-กรรมตรง
จะมีหน่วยประกอบเป็นประธาน กริยาแท้และกรรมตรงเรียงต่อกัน เช่น มานะก็ดูแข็ง
แรงดี ทำ�ไมถูกหวัด-เล่น-งานเอาได้ (เป็นหวัด)
ทั้งนี้ โครงสร้างวากยสัมพันธ์แบบ ประธาน-กริยาหลัก-กรรมตรง ของคำ�กริยา
ประสมแบบรวมนามที่ปรากฏในประโยคตัวอย่าง แสดงได้ดังแผนภูมิต้นไม้ ดังนี้
ทั้งนีทั้ ้ งโครงสร้ างวากยสั
นี้ โครงสร้ างวากยสั ธ์Journal
มพันมพั แนบบ of Humanities and Social Sciences, Thaksin University 49
ประธาน-กริ
ธ์แบบ ประธาน-กริ ยาหลั กVol.-กรรมตรง
ยาหลั ก-กรรมตรง ของค ากริากริ
ของค
12 No. 1 (January-June 2017) ยาประสมแบ
ยาประสม
รวมนามที ่ปรากฏในประโยคตั
รวมนามที ่ปรากฏในประโยคตั วอย่วาอย่
ง แสดงได้
าง แสดงได้ดงั แผนภู มิตน้ มไม้
ดงั แผนภู ดังนีดั้ งนี้
ิตน้ ไม้
กริ ยกริ
าวลียาวลี
(ประโยค)
(ประโยค)

ประธาน
ประธาน กริ ยกริ
าวลียาวลี
กริ ยกริ
า ยากรรมตรงกรรมตรง

รถไฟรถไฟ ชน ชน กัน กัน


จากวากยสั
จากวากยสั ม พัมนพัธ์ นแ บบธ์ แ บบ ประธาน-กริ
ประธาน-กริ ย าหลั ย าหลัก -กรรมตรง
ก -กรรมตรง ที่ ก ทีล่ ่ากวไปนั
ล่ า วไปนั ้ น สามารถแสด
้ น สามารถแ
จากวากยสัมพันธ์แบบ ประธาน-กริยาหลัก-กรรมตรง ที่กล่าวไปนั้น สามารถ
อรรถสั
อรรถสั มพันมพัธ์ในนรู ธ์ใปนรูแบบ ปมแบบผูก้ ระทา-กริา-กริ ยา-ผูา-ผู ถ้ ูกกระท า มีประธานที ่ เปรี่ เยปรีบเป็ยบเป็ นผูก้ ระท ากริ ยานั้น
แสดงอรรถสั พันธ์ใผูนรูก้ ระท
ปแบบ ผู้กยระทำ �ถ้ -กริ
ูกกระท
ยา-ผู้ถาูกมีกระทำ
ประธานที � มีประธานที ่เปรียนผู บเป็ก้ ระท
นผู้ ากริ ยาน
ตามด้ วยควากริ
ตามด้ ยคกระทำ ยาแสดงการกระท
ากริ ย�าแสดงการกระท
กริยานั้น ๆ ตามด้ าหรืาหรื อวเหตุ กกริารณ์
ยคำอ�เหตุ และมี
ยกาแสดงการกระทำ
ารณ์ และมีกรรมที �่เหรื
กรรมที ปรีอ่เยปรีบเป็ยกบเป็
เหตุ นารณ์
ผูถ้นูกผูและมี
กระท
ถ้ ูกกระท กากริ
รรมที ยานั
ากริ ่ ย้ นานัๆ้ น ๆ
6. กริ6.ยกริาวลียาวลี
-ประโยค
เปรียบเป็นผู้ถูกกระทำ�กริยานั้น ๆ
-ประโยค

โครงสร้ า6.งของค กริยาวลีากริ-ากริ
ยประโยค
าประสมแบบรวมนามในลักษณะกริ ยาวลียาวลี -ประโยค มีหน่วยประกอ
โครงสร้
โครงสร้างของคำ�ยกริาประสมแบบรวมนามในลั
า งของค ยาประสมแบบรวมนามในลักกษณะกริ ษณะกริ ยาวลี-ประโยค -ประโยค มีหน่มีวยหน่วยประ
เป็ นเป็กริน ยกริาวลี และประโยค
ยประกอบเป็
าวลี และประโยค น กริเช่ นเช่ผมท
ยาวลี างานที
แนละประโยค
ผมท างานที ่ กเช่
รมชลประทาน ผมทำ�งานที่กแต่
่ กนรมชลประทาน ตแต่อนนี
รมชลประทาน ตอนนี ้ กระทรวงขอ-ยืแต่ตอนนี้ ม ตัวม ตั(ขว
้ กระทรวงขอ-ยื
อนุญอนุาตให้ญาตให้ ทู ้ ี่อผยูทู ้ ใ่ ี่อนสั
ผกระทรวงขอ-ยื ยูใ่ งนสั
กัดงหนึ
มกัตัดว่ หนึ
งมาท
(ขออนุ างานในสั
่ งมาท าตให้ผงู้ทกัี่อดงยูอืกั่ใ่น
ญางานในสั ด)อืง่นกั)ดหนึ่งมาทำ�งานในสังกัดอื่น)
นสั
ปแบบกริ
จากรูจากรู จากรูปยแบบกริ
าวลียาวลี ยาวลี-ประโยค
-ประโยค จะปรากฏวากยสัจะปรากฏวากยสั มพันมมพัธ์พัแนนบบกริ
ธ์แบบกริ ยาหลั ยาหลัก-กริ ก-กริ ยาอนุ
ยาอนุ ประโยคเต
ป แบบกริ - ประโยค จะปรากฏวากยสั
ประโยคเติมเต็ม ซึ่งวากยสัมพันธ์ในรูปแบบกริยาหลัก-กริยาอนุประโยคเติมเต็ม จะมี
ธ์ แ บบกริ ย าหลั ก -กริ ยาอนุ ประโยค
เต็มเต็ซึม่ งวากยสั
ซึ่ งวากยสั มพันมพัธ์ในนรู
หน่วยประกอบเป็ ธ์ใปนรูแบบกริ
นปกริแบบกริ ยาหลัาหลั
ยาแท้แยละมี
ก -กริ ยาอนุ
กกริย-กริ
าอนุ ประโยคเติ
ยาอนุ
ประโยคเติประโยคเติ มเต็ม จะมีหาทีน่่เหวสมืยประกอบเป็
มเต็มทีม่ทเต็ำ�มหน้จะมี น่อวนกรรม
ยประกอบเป็ นกรินก ย
แท้แแท้
ละมี กริ ยตรง
และมี กาอนุริ ยาอนุ ประโยคเติ
ประโยคเติ มเต็มมเต็ ที่ทมาหน้
ที่ทาหน้ าที่เสมืาที่เอสมื นกรรมตรง
อนกรรมตรง
ทั้งนีทั ้ ้ งโครงสร้
นี้ โครงสร้ ทั้งนี้ าโครงสร้
งวากยสั
างวากยสั มพันมธ์พัแมนบบกริ
างวากยสั พันธ์แบบกริ
ธ์แบบกริ ยาหลั ยกาหลั
ยาหลั-กริกก-กริ
ย-กริ
าอนุ ประโยคเติ
ยยาอนุ
าอนุ
ปประโยคเติ
ระโยคเติ มเต็มมมเต็เต็ของค
ม ของคำ
ม ของค ากริ�ากริ
ยาประสยาปร
แบบรวมนามที กริ ย าประสมแบบรวมนามที
่ปรากฏในประโยคตั ป
่ รากฏในประโยคตั
วอย่วาอย่
ง แสดงได้ ว
ดงั แผนภู อย่าง แสดงได้
มิตน้ มไม้ ด ง
ั แผนภู ม ต
ิ น
้ ไม้ ดั งนี ้
แบบรวมนามที ่ปรากฏในประโยคตั าง แสดงได้ ดงั แผนภู ิตน้ ดัไม้งนีดั้ งนี้
กริ ยกริ
าวลียาวลี
กริ ยกริ
าประโยคหลั ก ก
ยาประโยคหลั อนุปอนุ
ระโยคเติ มเต็มมเต็ม
ประโยคเติ
ประธาน
ประธานกริ ยกริ
าวลียาวลี
กริ ยกริ
า ยา กรรมตรง
กรรมตรง
ขอ ขอ - - ยืม ยืมตัว ตัว
6.1 6.1
วากยสั มพันมธ์พัแนบบ
วากยสั กริ ยกริ
ธ์แบบ าหลั ก-กริก-กริ
ยาหลั ยาอนุ ประโยคเติ
ยาอนุ มเต็มมเต็ม
ประโยคเติ
จากวากยสัมพันธ์แบบ กริ ยาหลัก-กริ ยาอนุ ประโยคเติมเต็ม ที่กล่าวไปนั้น สามารถแสด
50 วารสารมนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
ปีที่ 12 ฉบับที่ 1 (มกราคม–มิถุนายน 2560)

6.1 วากยสัมพันธ์แบบ กริยาหลัก-กริยาอนุประโยคเติมเต็ม


จากวากยสัมพันธ์แบบ กริยาหลัก-กริยาอนุประโยคเติมเต็ม ที่กล่าวไปนั้น
สามารถแสดงอรรถสัมพันธ์แบบ กริยา-กริยาบ่งกระทำ�
กริยาบ่งกระทำ� มีลักษณะอรรถสัมพันธ์ในประโยคหลัก คือ ผู้กระทำ�เป็นผู้
บ่งกระทำ� (manipulator) ซึ่งจัดการให้บุคคลอื่นซึ่งเรียกว่า ผู้ถูกบ่งกระทำ� (mainpulee)
ก่อการกระทำ�หรือพฤติกรรมขึ้นมา โดยผู้กระทำ�ในอนุประโยคเติมเต็มกริยาเป็นสิ่ง
อ้างถึงร่วมกันกับผู้ถูกบ่งกระทำ�ในประโยคหลัก อรรถสัมพันธ์แบบ กริยา-กริยาบ่ง
กระทำ� แบ่งได้เป็น 2 แบบ ดังนี้
6.1.1 อรรถสัมพันธ์แบบ กริยา-กริยาบ่งกระทำ�เชิงสำ�เร็จ
อรรถสัมพันธ์ในรูปแบบ กริยา-กริยาบ่งกระทำ�เชิงสำ�เร็จ จะมีหน่วย
ประกอบเป็นคำ�กริยาแสดงการกระทำ�หรือเหตุการณ์ ตามด้วยกริยาบ่งกระทำ�เชิงสำ�เร็จ
เช่น ทำ� จัดการ บังคับ บีบ ล่อ หลอก จูงใจ ช่วย เสริม ฯลฯ กริยาบ่งกระทำ�เชิงสำ�เร็จ
แสดงนัยว่าความเป็นจริงของประโยคตรงกับความเป็นจริงของอนุพากย์เติมเต็ม เช่น
งานนี้ผมเอาจริงนะ จะเล่น-ขายของแบบเด็ก ๆ ไม่ได้นะ (ลักษณะการกระทำ�ที่ไม่ถูก
หลักเกณฑ์ ไม่จริงไม่จังเหมือนทำ�เล่น ๆ)
6.1.2 อรรถสัมพันธ์แบบ กริยา-กริยาบ่งกระทำ�เชิงพยายาม
อรรถสัมพันธ์ในรูปแบบ กริยา-กริยาบ่งกระทำ�เชิงพยายาม จะมี
หน่วยประกอบเป็นคำ�กริยาแสดงการกระทำ�หรือเหตุการณ์ ตามด้วยกริยาบ่งกระทำ�
เชิงพยายาม เช่น บอก กำ�หนด สั่ง บัญญัติ ใช้ อนุญาต ยอม ขอ ฯลฯ กริยาบ่งกระทำ�
เชิงพยายามไม่ได้แสดงนัยว่าความเป็นจริงของอนุพากย์หลักจำ�เป็นต้องตรงกับความ
เป็นจริงของอนุพากย์เติมเต็มเสมอไป เช่น ผมทำ�งานที่กรมชลประทาน แต่ตอนนี้
กระทรวงขอ-ยืมตัว (ขออนุญาตให้ผู้ที่อยู่ในสังกัดหนึ่งมาทำ�งานในสังกัดอื่น)
7. คำ�เชื่อม-ประโยค
วากยสัมพันธ์ในรูปแบบ คำ�เชื่อม-ประโยค จะมีหน่วยประกอบเป็นคำ�เชื่อม ซึ่ง
ไม่ใช่สงิ่ มีชวี ติ จึงไม่สามารถคุมการกระทำ�ได้ และตามด้วยประโยคทีม่ กี ารละประธาน
เรียงต่อกัน เช่น ตอนนี้รัฐบาลกำ�ลังขา-ขึ้น ทำ�อะไรคนก็ชื่นชมไปหมด (กำ�ลังได้รับ
ความนิยม)
ทั้งนี้ โครงสร้างวากยสัมพันธ์แบบ คำ�เชื่อม-ประโยค ของคำ�กริยาประสมแบบ
รวมนามที่ปรากฏในประโยคตัวอย่าง แสดงได้ดังแผนภูมิต้นไม้ ดังนี้
สิ่ งมีชีวิต จึงไม่สามารถคุมการกระทาได้ และตามด้วยประโยคที่มีการละประธานเรี ยงต่อกัน เ
ตอนนี้รัฐบาลกาลังขา-ขึ้น ทาอะไรคนก็ ชื่นชมไปหมด (กาลังได้รับความนิยม)
Journal of Humanities and Social Sciences, Thaksin University 51
Vol. 12 No. 1 (January-June 2017)
ทั้งนี้ โครงสร้างวากยสัมพันธ์แบบ คาเชื่อม-ประโยค ของคากริ ยาประสมแบบรวมนา
ปรากฏในประโยคตัวอย่าง แสดงได้ดงั แผนภูมิตน้ ไม้ ดังนี้
กริ ยาวลี
คาเชื่อม ประโยค
ประธาน กริ ยาหลัก
(ตอน)

ขา Ø ขึ ้น
จากวากยสัมพันธ์แบบ คาเชื่อม-ประโยค ที่ กล่าวไปนั้น สามารถแสดงอรรถสัมพันธ์แ
จากวากยสัมพันธ์แบบ คำ�เชื่อม-ประโยค ที่กล่าวไปนั้น สามารถแสดงอรรถ
คาเชื่อมบอกเวลา-เหตุ การณ์ โดยจะมีหน่วยประกอบเป็ น คาเชื่อมบอกเวลา ตามด้วยเหตุการณ์
สัมพันธ์แบบ คำ�เชื่อมบอกเวลา-เหตุการณ์ โดยจะมีหน่วยประกอบเป็น คำ�เชื่อมบอก
8. ปฏิเสธ-สัเวลา
มพันตามด้
ธกริวยยเหตุ
า-นามวลี
การณ์ 1
โครงสร้
8.าปฏิ งของค
เสธ-สัากริ
มพัยนาประสมแบบรวมนามในลั
ธกริยา-นามวลี กษณะนี้ มี ห น่ วยประกอบเป็ นปฏิ เ
สัมพันธกริ ยา และภาคแสดงนาม
โครงสร้างของคำ�กริเช่ยาประสมแบบรวมนามในลั
น หนังเรื่ องนี้ไม่เป็ น-สับกปะรดเลย
ษณะนี้มีหน่(ใช้
วยประกอบเป็
ไม่ได้ ไม่ดี)น
ปฏิเสธ สัมพันธกริยา และภาคแสดงนาม เช่น หนังเรื่องนี้ไม่เป็น-สับปะรดเลย (ใช้ไม่
ได้ ไม่ดมี) พันธกริ ยา-นามวลี จะปรากฏวากยสัมพันธ์แบบสัมพันธกริ ยา-ภาคแสดงนามม
รู ปแบบสั
รูปแบบสัมพันธกริยา-นามวลี จะปรากฏวากยสัมพันธ์แบบสัมพันธกริยา-ภาค
มีหน่ วยประกอบเป็ นปฏิ เสธตามด้วยสัมพันธกริ ยาที่ ทาหน้าที่เป็ นกริ ยาหลักและมีภาคแสดงเป็
แสดงนามมักมีหน่วยประกอบเป็นปฏิเสธตามด้วยสัมพันธกริยาที่ทำ�หน้าที่เป็นกริยา
นามวลี หลักและมีภาคแสดงเป็นนามวลี
ทั้งนี ้ โครงสร้ างวากยสั
ทั้งนี้ โครงสร้ มพันมธ์พัแนบบ
างวากยสั ธ์แบบปฏิปฏิเสธ-สั
เสธ-สัม พันนธกริ
ธกริยา-ภาคแสดงนาม
ย า-ภาคแสดงนาม ของคำของค
� ากริ ย
กริยาประสมแบบรวมนามที
ประสมแบบรวมนามที ป่ รากฏในประโยคตั
่ปรากฏในประโยคตั วอย่าง แสดงได้ วอย่ดางงั แผนภู
แสดงได้มดิตงั น้ แผนภู
ไม้ ดัมงติ นีน้ ้ ไม้ ดังนี้
กริ ยาวลี

ปฏิเสธ สัมพันธกริ ยา ภาคแสดง


นามวลี
ไม่ เป็ น การ
จากวากยสัมพันธ์แบบ ปฏิเสธ-สัมพันธกริ ยา-ภาคแสดงนาม ที่กล่าวไปนั้น สามารถแสด
จากวากยสัมพันธ์แบบ ปฏิเสธ-สัมพันธกริยา-ภาคแสดงนาม ที่กล่าวไปนั้น
อรรถสัมพันสามารถแสดงอรรถสั
ธ์แบบ ปฏิ เสธ-สัมมพัพันนธ์ธกริ
แบบยปฏิ
า-ผูเสธ-สั
ท้ รงสภาพ
มพันธกริจะมี
ยา-ผูห น่ วยประกอบเป็
ท้ รงสภาพ นปฏิ เสธ ตามด้ว
จะมีหน่วยประกอบ
สัมพันธกริ ยา และมีหน่วยประกอบเป็ นลักษณะของเหตุการณ์เกิดหรื อผูก้ ระทากระทาการ
52 วารสารมนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
ปีที่ 12 ฉบับที่ 1 (มกราคม–มิถุนายน 2560)

เป็นปฏิเสธ ตามด้วย สัมพันธกริยา และมีหน่วยประกอบเป็นลักษณะของเหตุการณ์


เกิดหรือผู้กระทำ�กระทำ�การ

สรุป
โครงสร้างของคำ�กริยาประสมแบบรวมนามทั่วไปเหมือนโครงสร้างวลีหรือ
ประโยค สอดคล้องกับ อัญชลี สิงห์นอ้ ย (2552) ทีก่ ล่าวว่า คำ�ประสมมีพนื้ ฐานมาจาก
ระบบหรือกฎเกณฑ์เดียวกันกับวลีหรือประโยค จึงอาจกล่าวได้ว่า เมื่อใดก็ตามที่มีคำ�
ประสมเกิ ด ขึ้ น ในภาษา คำ � เหล่ า นั้ น น่ า จะใช้ แ สดงความหลากหลายทั้ ง ในเชิ ง
วากยสัมพันธ์ ความหมายและคำ�ศัพท์ไปในคราวเดียวกัน และอัญชลี สิงห์นอ้ ย (2548)
ได้แสดงให้เห็นว่าคำ�นามประสมในภาษาไทย แม้จะมีความหมายจำ�เพาะเหมือนคำ�
เดี่ยวโดยทั่วไป แต่ก็มีวากยสัมพันธ์ อรรถสัมพันธ์ และผลิตภาวะ (productivity) ที่
หลากหลายได้เช่นเดียวกันกับวลีและประโยค
จากการวิเคราะห์คำ�กริยาประสมแบบรวมนามในงานวิจัยนี้ อาจกล่าวได้ว่า
เป็นข้อมูลในการแสดงองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับไวยากรณ์ไทย ในประเด็นเรื่อง คำ�
กริยาประสมแบบรวมนามในแนวทฤษฎีหน้าที่นิยมที่อธิบายภาษาโดยครอบคลุมรูป
แบบ โครงสร้าง วากยสัมพันธ์ และอรรถสัมพันธ์ที่พิจารณาแยกแยะให้เข้าใจถึง
ธรรมชาติที่แท้จริงของหมวดหมู่คำ�กริยาประสมแบบรวมนามอย่างครอบคลุมและ
ชัดเจน

เอกสารอ้างอิง
เพียรศิริ วงศ์วภิ านนท์ และคณะ. (2528). การประสมคำ�ด้วยวิธกี ลืนนามในภาษาไทย.
ภาษาและวรรณคดีไทย, 2(3), 48-58.
ราชบัณฑิตยสถาน. (2546). พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542.
กรุงเทพฯ : บริษัทนานมีบุ๊คส์พับบลิเคชั่น จำ�กัด.
________. (2550). พจนานุกรมคำ�ใหม่ เล่ม 1 ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. กรุงเทพฯ
: แม็ค.
Journal of Humanities and Social Sciences, Thaksin University 53
Vol. 12 No. 1 (January-June 2017)

________. (2552). พจนานุกรมคำ�ใหม่ เล่ม 2 ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. กรุงเทพฯ


: ยูเนียนอุลตร้าไวโอเร็ต.
________. (2554). พจนานุกรมคำ�ใหม่ เล่ม 3 ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. กรุงเทพฯ
: ยูเนียนอุลตร้าไวโอเร็ต.
อัญชลี สิงห์น้อยชลี สิงห์น้อย. (2551). คำ�กริยาประสมในภาษาไทย หมวดหมู่ที่ปรับ
เปลี่ยนทับซ้อน และสับสน. ภาษาและวัฒนธรรม, 27(2) , 23-40.
อัญชลี สิงห์น้อย วงศ์วัฒนา. (2558). เอกสารคำ�สอนวจีวิภาคและวากยสัมพันธ์
ภาษาศาสตร์ในแนวหน้าที่นิยมแบบลักษณ์ภาษา 209522. พิษณุโลก :
คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร.
_______. (2555). ชุดกริยาในภาษาไทย : กริยาเรียงหรืออื่นใด. วารสารภาษาและ
วัฒนธรรม, 31(2), 36-61.
Givón.Talmy. (1984). Syntax : A Functional Typology Introduction, Vol I.
Amsterdam/ Philadaphia : John Benjamins Publishing Company.
Givón.Talmy. (1990). Syntax : A Functional Typology Instruction, Vol II.
Amsterdam/ Philadaphia : John Benjamins Publishing Company.
Hass, Mary R. (1964). Brief Description of Thai, thai-English Student’s
Dictionary. Standford, Calif : Standford University Press.
Mithum, Marianne.(1984). The evolution of noun incorporation. Language
Vol. 60 No. 4.

You might also like