Professional Documents
Culture Documents
แผนการสอน งานเชื่อม gas
แผนการสอน งานเชื่อม gas
หน่ วยที่ 5
งานเชื่อมแก๊ส
2
(ด้ านความรู้ )
1. อธิบายวิธีการเชื่อมแก๊สได้อย่างถูกต้อง
(ด้ านทักษะ)
2. จาแนกชนิดของเปลวไฟในการเชื่อมแก๊สได้อย่างถูกต้อง
3. เลือกใช้เครื่ องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมแก๊สได้อย่างถูกต้อง
4. ปฏิบตั ิงานเชื่อมแก๊สออกซิ เจน-อะเซทิลีนได้อย่างถูกต้อง
(ด้ านคุณธรรม จริ ยธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียงและคุณลักษณะ3D)
5. ใช้วธิ ีปฏิบตั ิงานเชื่อมแก๊สออกซิ เจน-อะเซทิลีนได้ถูกต้องด้วยความปลอดภัยลดค่าใช้จ่ายและคุม้ ค่า
กับการทางานในระยะยาวตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและคุณลักษณะ3D
การบูรณาการกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และคุณลักษณะ 3D
• หลักความพอประมาณ
1. จาแนกวิธีและขั้นตอนการเชื่อมแก๊สได้อย่างถูกต้อง
2. กาหนดเครื่ องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมแก๊สให้เหมาะสมกับลักษณะงาน
• หลักความมีเหตุผล
1. ใช้วธิ ีการปฏิบตั ิงานเชื่อมแก๊ส ถูกต้องเหมาะสมกับลักษณะงาน
2. มีหลักการเลือกเทคนิคการเชื่อมแก๊ส ในระบบงานอุตสาหกรรมเหมาะสมกับลักษณะงาน
3. สามารถเลือกใช้วธิ ีการปฏิบตั ิงานเชื่อมแก๊สถูกต้องตามลาดับขั้นตอนการปฏิบตั ิงานเชื่อม
4. กล้าแสดงความคิดอย่างมีเหตุผลในการตอบคาถาม
• หลักความมีภูมิคุ้มกัน
1. มีทกั ษะในการปฏิบตั ิ งานเชื่อมแก๊สตรงตามตาแหน่งท่าเชื่อมอย่างถูกต้องและมีประสิ ทธิภาพ
2. ได้รับความรู ้ที่ถูกต้องในการเลือกเทคนิคการเชื่อมแก๊ส
3. สามารถนาไปใช้ในการปฏิบตั ิ งานเชื่อมแก๊สในการประกอบอาชีพ
4. มีความรอบคอบในการเลือกใช้เทคนิคการเชื่อมในการนาไปใช้งานเชื่อมต่าง ๆได้เป็ นอย่างดี
5. แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดว้ ยตนเอง
แผนการสอน/การเรียนรู้ ภาคทฤษฎี หน่ วยที่ 5
ชื่อวิชา งานเชื่อมและโลหะแผ่นเบื้องต้น สอนสั ปดาห์ ที่ 11-13
ชื่อหน่ วย งานเชื่อมแก๊ส คาบรวม 4
ชื่อเรื่อง. งานเชื่อมแก๊ส จานวนคาบ 4
การตัดสินใจและการดาเนินกิจกรรมต่ างๆให้ อยู่ในระดับพอเพียงหรือตามปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียงนั้น ต้ องอาศัยทั้งความรู้และคุณธรรมเป็ นพืน้ ฐาน ดังนี้
• เงือ่ นไขความรู้
1. มีความรู้ความเข้าใจในการปฏิบตั ิ งานเชื่อมแก๊สออกซิ เจน-อะเซทิลีนด้วยความรอบครอบและ
ปลอดภัย (ความสนใจใฝ่ รู้ ความรอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง )
2. มีความรู้ ความเข้าใจในหลักการเชื่อมแก๊ส ออกซิเจน-อะเซทิลีน
3. เลือกใช้วธิ ีการปฏิบตั ิ งานเชื่อมแก๊สออกซิ เจน-อะเซทิลีนด้วยความละเอียดรอบคอบและปลอดภัย
• เงือ่ นไขคุณธรรม
1. ใช้วธิ ีปฏิบตั ิ งานเชื่อมแก๊สออกซิ เจน-อะเซทิลีนที่ถูกต้องและปลอดภัยเหมาะสมกับงาน
2. เลือกใช้ชนิดของอุปกรณ์ใน งานเชื่อมแก๊สออกซิ เจน-อะเซทิลีนด้วยความปลอดภัยง่ายต่อการ
ปฏิบตั ิงานอย่างคุม้ ค่า ประหยัดเวลา (ความประหยัด)
3. ใช้หลักความปลอดภัยตรงตามมาตรฐานสากล (ความซื่อสัตย์ สุ จริ ต)
แผนการสอน/การเรียนรู้ ภาคทฤษฎี หน่ วยที่ 5
ชื่อวิชา งานเชื่อมและโลหะแผ่ นเบือ้ งต้ น สอนสั ปดาห์ ที่ 11-13
ชื่อหน่ วย งานเชื่อมแก๊ส คาบรวม 4
เนือ้ หาเนือ้ หาสาระการสอน/การเรียนรู้
• ด้านความรู้ / บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง
1. การเชื่อมด้ วยแก๊สต่ าง ๆ ( Others Fuel Gas )
(จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 1)
1.1 การเชื่อมแก๊ส
แก๊สเชื้อเพลิงที่รวมตัวกับออกวิเจนแล้วให้ความร้อนสู งนั้นมีหลายชนิด ทั้งนี้ข้ ึนอยูก่ บั ผูใ้ ช้จะพิจารณา
เลือกใช้ให้เหมาะสมกับลักษณะของงาน ซึ่ งอุณหภูมิแตกต่างกัน ดังแสดงในตารางที่ 5-1
ลักษณะของแก๊สอะเซทิลนี
แก๊สอะเซทิลีนเป็ นสารประกอบไฮโดรคาร์ บอน มีลกั ษณะทางเคมี คือ C2H2 เป็ นแก๊สติดไฟ เมื่อ
เผาไหม้รวมตัวกับออกซิ เจนแล้วให้เปลวไฟที่มีความร้อนสู ง การผลิตแก๊สอะเซทิลีนลาได้โดยการนา
แคลเซี ยมคาร์ ไบด์รวมกับน้ า ทาให้เกิดปฏิกิริยาขึ้น โดยคาร์ บอนที่อยูใ่ นแคลเซี ยมคาร์ ไบด์กบั ไฮโดรเจนที่อยู่
ในน้ าจะรวมตัวกันเป็ นแก๊สอะเซทิลีน (C2H2) ดังสมการเคมี
CaC2 + 2H2O C2H2 + Ca(OH) 2
แคลเซียมคาร์ไบด์ + นา อะเซทิลีน + แคลเซียมไฮดรอกไซด์
ส่ วนแคลเซี ยมคาร์ ไบด์ผลิตได้จากการนาหิ นปูน (Calcium Oxide) ไปเผารวมกับถ่านโค้ก (Coke)
ในเตาไฟฟ้ า (Electric Arc Furnaces) เมื่อหลอมละลายและเย็นตัวลงเป็ นก้อนแข็ง ซึ่ งก้อนแข็งคล้ายหิ นสี เทาที่เห็น
อยูน่ ้ นั คือ แคลเซี ยมคาร์ ไบด์ นัน่ เอง ดังสมการเคมีน้ ี
CaO + 3C CaC2 + CO
แคลเซียมออกไซด์ + ถ่านโค้ก แคลเซี ยมคาร์ ไบด์ + คาร์บอนมอนอกไซด์
การเก็บรักษาก้อนแคลเซี ยมคาร์ ไบด์น้ นั ต้องเก็บรักษาไว้ในที่มิดชิดไม่ให้อากาศหรื อความชื้นเข้าทา
ปฏิกิริยากับก้อนแคลเซี ยมคาร์ ไบด์จะระเหยเป็ นแก๊สลอยไปในอากาศได้
คุณสมบัติของแก๊ สอะเซทิลนี
2.1 ติดไฟได้ และเมื่อตัวกับออกซิ เจนในอัตราส่ วนที่ เหมาะสมแล้วจะติดเปลวไฟที่มีความร้อนสู ง
ประมาณ 5,500 – 6,000 F๐
2.2 เบากว่าอากาศ
2.3 ไม่มีสี
2.4 มีกลิ่นรุ นแรงคล้ายกลิ่นกระเทียม
2.5 สามารถละลายในของเหลวได้
2.6 ไม่สามารถควบคุมได้เมื่อมีความดันเกิน 30 ปอนด์/ตารางนิ้ว (30 Psi หรื อเท่ากับ 2.1 kg/cm2)
หรื อที่อุณหภูมิที่สูงกว่า1435๐ F(780๐ C) และถ้าความดันหรื ออุณหภูมิสูงถึงจุดวิกฤตก็จะระเบิดได้
2.7 เป็ นสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ซึ่งประกอบด้วยคาร์บอน 92.3 % และไอโดรเจน 7.7 %
โดยน้ าหนัก
แผนการสอน/การเรียนรู้ ภาคทฤษฎี หน่ วยที่ 5
ชื่อวิชา งานเชื่อมและโลหะแผ่ นเบือ้ งต้ น สอนสั ปดาห์ ที่ 11-13
ชื่อเรื่อง งานเชื่อมแก๊ส คาบรวม 4
การผลิตแก๊สอะเซทิลนี
การผลิตแก๊สอะเซทีลีน ด้วยเครื่ องกาเนิดแก๊สอะเซทิลีน (Acetylene Generators) ซึ่ งสามารถแบ่งเป็ น
2 ประเภทได้ดงั นี้ คือ
1. แบบเติมแคลเซี ยมคาร์ ไบด์ลงน้ า (Carbide to Water)
2. แบบเติมลงแคลเซียมคาร์ไบด์ (Water to Carbide)
กลไกควบคุมลิน้ ปิ ดเปิ ด
ถุงบรรจุคาร์ ไบต์
ถังบรรจุแก๊ ส
ระดับนา้
แก๊สออก
ถังบรรจุนา้
แก๊สออกซิเจน
ออกซิ เจนเป็ นแก๊สชนิดหนึ่ง มีสัญลักษณ์ทางเคมีวา่ O2 เป็ นแก๊สที่มีความสาคัญมากต่อการดารงชีวติ ของ
พืชและสัตว์ เป็ นแก๊สที่ช่วยให้ไฟติดแต่ไม่ติดไฟ ช่วยให้แก๊สอะเซทิลีนติดไฟ และเมื่อมีส่วนผสมที่สมบูรณ์แล้ว
จะทาให้เกิดความร้อนสู งสุ ดสามารถทาให้โลหะหลอมละลายได้
อากาศที่เราใช้หายใจในทุกวันนี้มีออกซิ เจนผสมอยูป่ ระมาณ 21 % โดยปริ มาตร มีในโตรเจน
ประมาณ 78 % อีก 1% นั้นเป็ นธาตุคาร์ บอนไดออกไซด์ โฮโดรเจนและอื่น ๆ แต่แก๊สในโตรเจนเป็ นแก๊สที่ไม่ช่วย
ในการเผาไหม้ แก๊สออกซิ เจนที่รวมตัวกับอะเซทิลีนและให้ความร้อนสู งนั้นต้องเป็ นออกซิ เจนบริ สุทธิ์
คุณสมบัติของแก๊ สออกซิเจน
1. ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ในสภาพเป็ นแก๊ส แต่ในสภาพของเหลวจะมีสีน้ าทะเลอ่อน
2. เป็ นได้ท้ งั 3 สถานะ คือ ก๊าซ ของเหลว และของแข็ง
3. มีอยูป่ ระมาณ 21 % โดยประมาตรในบรรยากาศ
4. มีสถานะเป็ นของเหลวที่อุณหภูมิ –183๐C และกลายเป็ นของแข็งที่อุณหภูมิ -218๐C
นอกจากออกซิ เจนในอากาศแล้ว ยังมีออกวิเจนในน้ า ซึ่ งมีสัญลักษณ์ทางเคมี H2O ซึ่งประกอบด้วย
ธาตุ 2 ธาตุ คือ ออกซิ เจนและไฮโดรเจน ดังนั้นวิธีการผลิตออกซิ เจนจึงมีอยูด่ ว้ ยกัน 2 วิธี คือ
1. การผลิตออกซิเจนจากอากาศ
2. การผลิตออกซิ เจนจากน้ า
การผลิตออกซิเจนจากอากาศ
การผลิตวิธีน้ ีจะนาอากาศไปเก็บไว้ในถังเก็บ และขัดสิ่ งสกปรกออกก่อน จากนั้นลดอุณหภูมิให้ต่าลงจน
ถึงอุณหภูมิ -200๐C และเพิม่ ความดันให้มากขึ้นด้วยอุณหภูมิและความดันระดับนี้ทาให้อากาศกลายสภาพจากแก๊ส
เป็ นของเหลว เรี ยกว่า “ อากาศเหลว ” อากาศเหลวที่ได้น้ ีมีท้ งั ออกซิ เจนและไนโตรเจน แต่มีจุดเดือดที่แตกต่างกัน
จากจุดเดือดที่แตกต่างกันนี้ทาให้สามารถแยกไนโตรเจนออกจากออกซิ เจนได้ โดยการเพิ่มอุณหภูมิให้สูงขึ้น และ
ลดความดันลงที่อุณหภูมิ –19507 ๐C แก๊สไนโตรเจนที่เป็ นของเหลวอยูจ่ ะกลายเป็ นแก๊สระเหยขึ้นมาและนยาไป
จัดเก็บ
ฉะนั้น อากาศเหลวที่เหลืออยูก่ ็จะมีเพียงแก๊สออกซิ เจนเหลวเท่านั้น เมื่อลดความดันลงในขณะเดียวกัน
ก็เพิ่มอุณหภูมิอีกประมาณ –182.6 ๐C ออกซิ เจนเหลวก็กลายเป็ นแก๊สระเหยขึ้นมาเมื่อนาไปจัดเก็บจะมีความ
บริ สุทธิ์ ถึง 99 %
แผนการสอน/การเรียนรู้ ภาคทฤษฎี หน่ วยที่ 5
ชื่อวิชา งานเชื่อมและโลหะแผ่ นเบือ้ งต้ น สอนสั ปดาห์ ที่ 11-13
ชื่อหน่ วย งานเชื่อมแก๊ส คาบรวม 4
การผลิตออกซิเจนจากนา้
ในน้ าก็จะมีออกซิ เจนเช่นกัน สิ่ งมีชีวติ เช่น ปลา เต่า ปู ฯลฯ อาศัยออกซิ เจนจากน้ าในการดารงชีวติ
ถ้าออกซิ เจนในน้ ามีนอ้ ย เช่น น้ าเน่า น้ าเสี ย สิ่ งมีชีวติ ในน้ าก็ตายหมด น้ าเป็ นสารประกอบชนิดหนึ่ง
ประกอบด้วยธาตุ 2 ธาตุ คือ ออกซิเจน และไฮโดรเจน มีสัญลักษณ์ทางเคมีเรี ยกว่า H2O นัน่ คือ ประกอบด้วย
ไฮโดรเจนจานวน 2 ส่ วน และออกซิ เจนจานวน 1 ส่ วน
ในการแยกออกวิเจนออกจากน้ าสามารถกราทาได้โดยกรรมวิธีแยกน้ าด้วยไฟฟ้ า โดยใช้ไฟฟ้ า
กระแสตรง ซึ่ งการแยกออกซิ เจนออกจากน้ า นักศึกษาอาจเคยเห็นและได้ปฏิบตั ิมาบ้างแล้วในห้องทดลอง
ของการเรี ยนวิชาวิทยาศาสตร์ สาหรับน้ าที่นามาใช้ในการแยกจะเติมโซเดียมคลอไรด์เพื่อให้ไฟฟ้ าไหลผ่าน
ได้สะดวก โดยจะมีสายไฟต่อจากขั้วบวกของเครื่ องกาเนิดไฟฟ้ ากระแสตรง นาไปจุ่มน้ าไว้ท้ งั สองขั้ว
นาขวดสองใบใส่ น้ าให้เต็ม นาไปคว่าไว้ที่ข้ วั บวกและขั้วลบ เมื่ อสับสวิตช์กระแสไฟจะไหลผ่าน
จากขั้วบวกผ่านไปยังขั้วลบ และเมื่อกระแสไฟไหลผ่านน้ าก็จะเริ่ มทาปฏิกิริยาเกิดฟองอากาศผุดขึ้นที่ปลาย
ขั้วบวกและขั้วลบซึ่ งขวดน้ าครอบอยู่ ฟองอากาศจะเข้าไปแทนที่น้ าในขวดจนเต็มในขณะที่ขวดหนึ่งมีแก๊ส
อยูเ่ ต็มแต่อีกขวดหนึ่งจะมีแก๊สเพียงครึ่ ง ขวด นัน่ แสดงให้เห็นว่า ขวดเต็มนั้น คือ ไฮโดรเจน ส่ วนอีกขวด
หนึ่ง คือ ออกซิเจน ตรงตามสู ตรทางเคมี คือ H2O ประกอบด้วย แก๊สไฮโดรเจน 2 ส่ วน และออกซิ เจน 1 ส่ วน
ดังแสดงในรู ปที่ 5.3
โลหะจุดหลอมละลายต่า โครง
เกลียว
รู ปที่ 5.5 แสดงภาพตัดของเซฟตีป้ ลัก๊
(3) การควบคุมแก๊สอะเซทิลีน
อะเซทิลีน ไม่สามารถรักษาเสถียรภาพไว้ได้หรื อควบคุมไม่ได้ที่ความดันเกินกว่า 30 psig1
(21 kg/cm2)2 หรื อที่อุณหภูมิเกินกว่า 1,435 0F ( 7800C)ถ้าเกินกว่านี้อาจจะระเบิดได้
จากความที่ไม่แน่นอนหรื อการที่ไม่สามารถรักษาเสถียรภาพของแก๊สอะเซทิลีนดังกล่าวข้างต้o
และเพื่อความปลอดภัยให้มาก ควรนาแก๊สอะเซทิลีนไปใช้ที่ความดันไม่เกิน 15 psig ( 1.05 kg/cm2) ดังนั้น ควร
หลีกเลี่ยงการนาถังแก๊สอะเซทิลีนเข้าใกล้จุดไฟฟ้ า อาจทาให้เกิดประกายไฟได้ เช่นบริ เวณคัตเอาด์หรื อรอยต่อ
และบริ เวณที่มีความร้อนสู งกว่าปกติ โดยเฉพาะชุดเชื่อมแก๊สแบบแมนดิโฟลด์ (Mandifold) ท่อแยกหรื อท่อที่
แก๊สอะเซทิลีนไหลผ่านไม่ควรใช้ท่อทองแดง เพราะทองแดงจะรวมตัวกับแก๊สอะเซทิลีนเป็ น Copper
Acetylien ซึ่ งจะทาให้เกิดการระเบิดได้
แผนการสอน/การเรียนรู้ ภาคทฤษฎี หน่ วยที่ 5
ชื่อวิชา งานเชื่อมและโลหะแผ่ นเบือ้ งต้ น สอนสั ปดาห์ ที่ 11-13
ชื่อหน่ วย งานเชื่อมแก๊ส คาบรวม 4
ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่าถังบรรจุแก๊สอะเซทิลีนจะบรรจุแก๊สลงในท่อประมาณ 220-250 psig
(ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) แต่แก๊สอะเซทิลีนนั้นมีความดัน 30 psig ก็เริ่ มจะควบคุมไม่ได้ มีโอกาสเกิดการระเบิดหรื อ
ลุกติดไฟได้ตลอดเวลา ฉะนั้นเพื่อให้สามารถจัดเก็บแก๊สอะเซทิลีนได้มาก จึ งนาสารอะซีโตน ( Acetone ) ใส่ ไว้
ภายในถัง เพื่อใช้ในการดูดซึ มแก๊สอะเซทิลีนและเพื่อรักษาเสถียรภาพของมัน
ดังนั้น ภายในถังจะเต็มไปด้วยวัสดุรูพรุ น เช่น เศษหิ น (Monolithic Filler) หรื อไม้หอม ( Balsa
Wood) และผงแอสเบสทอส ( Fne Asbestos) ก่อนอื่นต้องบรรจุสารรู พรุ นเหล่านี้เข้าไปในถังก่อนแล้วบรรจุ
สารอะซี โตนและแก๊สอะเซทิลีนเข้าในท่อภายหลัง สารอะซี โตนจะดูดซึ มอะเซทิลีนได้ 24 เท่าของน้ าหนักของ
ตัวมันเอง จากรู ป 3.6 จะเห็นว่า สารรู พรุ น อะซี โตน และแก๊ สอะเซทิลีนจะอยูร่ วมกันภายในถัง ในขณะเดียวกัน
เมื่อเปิ ดลิ้นนาแก๊สออกใช้งาน แก๊สอะเซทิลีนจะถอนตัวออกมาเป็ นฟองลอยขึ้นไป และถูกนาไปใช้งาน ดัง
แสดงในรู ป 5.6
จากรู ปที่ 5.11 จะมีท้ งั หน่วยความกดันเป็ นปอนด์ต่อตารางนิ้ว ซึ่ งอยูด่ า้ นใน และหน่วยวัดความดันเป็ น
บาร์ หรื อกิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร โดยทัว่ ไปบริ ษทั จะอัดความดันแก๊สอะเซทิลีนมาประมาณ 200-250
ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ส่ วนความดันที่ใช้งานนั้นจะปรับใช้ความดันไม่เกิน 15 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว
หมายเหตุ : เกจวัดความดันต่าของแก๊สอะเซทิลีน จะแบ่งสเกลมีค่าขีดละ 1 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว
1.3 ส่ วนประกอบของมาตรวัดความดัน (Pressure Regulator)
(1) เกจวัดความดัน (Pressure Gage)
ในเกจวัดความดันจะมีท่อบูดง (Bourdon Tube) ทาด้วยโลหะทองเหลืองมีลกั ษณะงอ รู ปร่ างเหมือนตัวซี
(C) ข้างหนึ่งจะต่อเข้ากับท่อแก๊สที่มาจากมาตรวัดความดัน ส่ วนอีกปลายข้างหนึ่งจะต่อเข้ากับก้านโลหะซึ่ งต่อ
เข้ากับเฟื อง และเฟื องนี้จะไปขับเฟื องของเข็มชี้บอกความดัน เมื่อความดันเข้าไปภายในท่อบูดง ท่อก็จะยืด
ตรง แขนต่อกับปลายท่อบูดงก็จะไปดึงแขนเฟื องให้ตน้ เข็ มขึ้นไป เข็มจะชี้บอกความดันบนหน้าปั ด ซึ่ งมีท้ งั
หน่วยเป็ นปอนด์ต่อตารางนิ้วในเกจวัด (psig) หรื อกิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตรในเกจวัด (kg/cm2G) เป็ นที่รู้กนั
อยูแ่ ล้วว่าบนผิวโลกของเรานี้มีความดันบรรยากาศ 14.7 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (psi) 2 หรื อ 1.05 กิโลกรัมต่อตาราง
เซนติเมตร (kg/cm2) ฉะนั้นความดันในการใช้งานต้องมากกว่าความดันบรรยากาศ ดังแสดงในรู ปที่ 5.12
แผนการสอน/การเรียนรู้ ภาคทฤษฎี หน่ วยที่ 5
ชื่อวิชา งานเชื่อมและโลหะแผ่ นเบือ้ งต้ น สอนสั ปดาห์ ที่ 11-13
ชื่อหน่ วย งานเชื่อมแก๊ส คาบรวม 4
โครงของมาตรวัดความดัน โครงของมาตรวัดความดัน
ลูกบอล
สปริง โลหะแผ่นลาง
ทางออกของแก๊ ส ทางออกของแก๊ ส
ทางออกนิรภัยแบบลูกบอล ทางออกนิรภัยแบบจาน
รู ปที่ 5.18 แสดงแผ่ นไดอะแฟรมสปริงกลับคืนดังเดิม เมือ่ คลายสกรู ปรับ ความดันปิ ดลิน้ ไม่ ให้
แก๊สเข้ าห้ อ
ความดันใช้ งาน แต่ จะมีความดันตกค้ างอยู่ในมาตรวัดความดัน
แผนการสอน/การเรียนรู้ ภาคทฤษฎี หน่ วยที่ 5
ชื่อวิชา งานเชื่อมและโลหะแผ่ นเบือ้ งต้ น สอนสั ปดาห์ ที่ 11-13
ชื่อหน่ วย งานเชื่อมแก๊ส คาบรวม 4
ในขณะปฏิบตั ิงานเชื่อม ช่างเชื่อมต้องเปิ ดวาล์วหัวถังแก๊สความดันสู งจะเข้าไปในมาตรวัดความดัน เกจ
วัดความดันสู งจะแสดงความดันที่มีอยูภ่ ายในถัง แล้วผูเ้ ชื่อมทาการปรับความดันใช้งานตามต้องการ ถ้าปรับ
ความดันใช้งาน 10 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ในขณะที่ปิดลิ้นที่กระบอกเชื่อม (Torch) เมื่อเปิ ดแก๊สใช้งานความดัน
ที่เกจวัดความดันจะลดลงเหลือ 9 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว เนื่องจากความดันถูกระบายออกไปทาให้ความดันใช้
งานลดไปจากที่ตอ้ งการจริ ง
เมื่อเป็ นเช่นนี้ขณะปรับความดันใช้งาน ผูเ้ ชื่อมต้องเปิ ดลิ้นที่กระบอกเชื่อม(Torch) ไว้และปรับให้ได้
ความดันตามต้องการ เมื่อทาการเชื่อมจะได้ความดันตามที่กาหนดและคงที่ตลอดถึงแม้วา่ ความดันภายในถังจะ
ลดลงก็ตามแต่ความดันใช้งานจะคงที่เสมอ ทาให้ผปู ้ ฏิบตั ิงานเชื่อมสามารถควบคุมความร้อนและบ่อหลอม
ละลายได้เป็ นอย่างดี ดังแสดงในรู ปที่ 5.19
1
Orifice หมายถึง ช่อง หรื อปาก.
แผนการสอน/การเรียนรู้ ภาคทฤษฎี หน่ วยที่ 5
ชื่อวิชา งานเชื่อมและโลหะแผ่ นเบือ้ งต้ น สอนสั ปดาห์ ที่ 11-13
ชื่อหน่ วย งานเชื่อมแก๊ส คาบรวม 4
ตารางที่ 5-3 เปรียบเทียบขนาดของรู ทพิ แบบเก่ าและแบบใหม่ เปลีย่ นเป็ นนัมเบอร์ ของดอกสว่ านและ แปลง
เป็ นนิว้ และมิลเิ มตร
หมายเหตุ :
อัตราการไหลของแก๊สอะเซทิลีนต้องไม่เกิน 1 ใน 7 ของอัตราการไหลหมดถังใน 1 ชัว่ โมง
ตัวอย่างเช่น ถังขนาดใหญ่บรรจุได้เป็ นจานวน 275 cuft1 (130 L) ต้องปรับอัตราการไหลใช้งานไม่เกิน 39
cfh 2 (18.40 L/min3)
1
cuft = Cubic foot (ลูกบาศก์)
2
cfh = Cubic foot per hour (คิวบิกฟุตหรื อลูกบาศก์ฟุตต่อชัว่ โมง)
3
L/min = Linthe per minute (ลิตรต่อนาที)
แผนการสอน/การเรียนรู้ ภาคทฤษฎี หน่ วยที่ 5
ชื่อวิชา งานเชื่อมและโลหะแผ่ นเบือ้ งต้ น สอนสั ปดาห์ ที่ 11-13
ชื่อหน่ วย งานเชื่อมแก๊ส คาบรวม 4
5. ชุ ดทาความสะอาดหัวทิพ (Tip Cleaner)
เนื่องจากขณะทาการเชื่อมจะเกิดเม็ดโลหะเล็ก ๆ กระเด็นขึ้นมาจากบ่อหลอมละลายจานวนมาก
ซึ่ งเกิดจากความดันของแก๊สที่พงุ่ ออกมากระทบกับน้ าโลหะ มีบางส่ วนกระเด็นสวนความดันของแก๊สไป
เกาะติดอยูบ่ ริ เวณปากรู และภายในท่อทางเดินของแก๊ส จาเป็ นต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะทาความสะอาดในรู ดังนั้น
อุปกรณ์ทาความสะอาดจึงมีลกั ษณะกลม รอบ ๆ มีฟันคล้ายตะไบกลม มีขนาดใหญ่ถึงขนาดเล็กลดหลัน่ กันไป
วางเรี ยงอยูใ่ นตลับโลหะ ซึ่ งผูใ้ ช้ตอ้ งเลือกใช้ให้เหมาะสมกับขนากของรู หวั ทิพ นัน่ คือ ต้องเลือกทิพคลีนเนอร์
ที่มีขนาดเล็กกว่ารู ของหัวทิพ มิฉะนั้นทิพคลีนเนอร์ จะหักคาอยูใ่ นรู ทิพได้ ดังแสดงในรู ปที่ 5.32
และรู ปที่ 5.33
รู ปที่ 5.32 แสดงชุ ดของ Tip Cleaner รู ปที่ 5.33 แสดงการทาความสะอาดรู ของหัวทิพด้ วย
Tip Cleaner
การเลือกใช้ ทพิ คลีนเนอร์
ในกรณี ทิพคลีนเนอร์หกั คาอยูใ่ นรู ของทิพ สามารถแก้ปัญหาได้โดยการใช้ตะไบแบนเล็ก
ตะไบที่ปลายของทิพรอบ ๆ ทิพคลีนเนอร์ที่หกั นั้น เมื่อเนื้อทองแดงของปลายทิพถูกตะไบลดลง
ไปทิพคลีนเนอร์กจ็ ะโพล่ยนื่ ออกมา จากนั้นจึงใช้คีมจับดึงออกมา ตะไบแต่งปลายของหัวทิพให้
เรี ยบดังเดิมก็สามารถนาไปใช้งานได้ดงั เดิม ดังแสดงในรู ปที่ 5.34
60 = แนวเชื่อมจะรับแรงดึงได้ต่าสุ ด
60 x 1000 = 60,000 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว
ลวดเชื่อมที่มีคุณสมบัติยดึ ตัวสู ง
ลวดเชื่อมแก๊ส
ตารางที่ 3-7 แสดงการเปรียบเทียบขนาดของทิพ และความดันของแก๊สและขนาดของลวดเชื่อมในการเชื่อม
แก๊ส
ความดันแก๊ส
ความหนาของโลหะทีเ่ ชื่อม ขนาดเส้ นผ่ าศูนย์ กลางของลวด
ปอนด์ / ตารางนิว้
ออกซิเจน อะเซทิลนี นิว้ มิลลิเมตร นิว้ มิลลิเมตร
1 1 - - - -
2 2 1/32 0.8 1/16 1.5
3 3 1/16 1.5 1/16 1.5
4 4 3/32 2.4 1/16, 3/32, 1/8 1.5, 2.4, 3.2
5 5 1/8 3.2 3/32 , 1/8 2.4 หรือ 3.2
6 6 3/16 4.8 1/8 3.2
7 7 ¼ 6.4 3/16 4.8
8 8 5/16 7.9 3/16 4.8
9 9 3/8 9.5 ¼ 4.8
4.8 , 6.4
10 10 7/6 11.5 3/16 , 1/4
แผนการสอน/การเรียนรู้ ภาคทฤษฎี หน่ วยที่ 5
ชื่อวิชา งานเชื่อมและโลหะแผ่ นเบือ้ งต้ น สอนสั ปดาห์ ที่ 11-13
ชื่อหน่ วย งานเชื่อมแก๊ส คาบรวม 4
• ด้านทัหษะ / บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง
ชุดเชื่อมแก๊สและขั้นตอนการใช้ ชุดเชื่อมแก๊ส
1. ชุ ดเชื่ อมแก๊ ส แบ่งออกเป็ น 2 ประเภท ดังนี้ (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 3)
1.1 ชุดเชื่อมแก็สประเภทยึดอยูก่ บั ที่ ชุดเชื่อมแก๊สประเภทนี้ส่วนใหญ่แล้วจะอยูใ่ น
อาคารหรื อโรงงาน ตัวท่อออกซิ เจนและอะเซทิลีนจะคล้องด้วยโซ่และยึดติดกับผนัง เพื่อป้ องกันการดึงหรื อ
กระแทกล้มขณะปฏิบตั ิงาน เมื่อจะใช้งานต้องนาชิ้นงานมาเชื่อมในบริ เวณนี้เท่านั้น ไม่สามารถเคลื่อนที่ไป
เชื่อมบริ เวณอื่นได้ ดังแสดงในรู ปที่ 5.40
เปลวเชื่อมแก๊สออกซิเจนและอะเซทิลนี
งานทีจ่ ะเชื่อม การทีส่ ่ ายหัวทิพจะทาให้ บ่อหลอมละลายมีขนาดเล็ แนวเชื่อมทีไ่ ด้ มีความนูนมาก ส่ วนการเชื่อมโดยการส่ ายหัวทิพ จะทาให้ ได้
บ่ อหลอมละลายทีก่ ว้าง และการซึมลึกทีด่ ี เหมาะสาหรับการเชื่อมชิ้นงานทีม่ ีความหนา ซึ่งต้องการให้ เกิดการหลอมละลายตลอดความหนา
ของงาน โดยมีลกั ษณะการส่ ายหัวทิพดังแสดงในรูปที่ 5.49 และรูปที่ 5.50
แผนการสอน/การเรียนรู้ ภาคทฤษฎี หน่ วยที่ 5
ชื่อวิชา งานเชื่อมและโลหะแผ่ นเบือ้ งต้ น สอนสั ปดาห์ ที่ 11-13
ชื่อหน่ วย งานเชื่อมแก๊ส คาบรวม 4
รู ปที่ 5.53 แสดงการเว้ นรอยต่ อชน การเชื่ อมยึด และการสร้ างรู กุญแจ
อุปกรณ์ การตัดแก๊ส
อุปกรณ์การตัดแก๊สมีชิ้นส่ วนเช่นเดียวกับอุปกรณ์การเชื่อมทุกอย่าง เพียงแต่เปลี่ยนจากหัวเชื่อม (Welding
Tip) มาเป็ นหัวตัด (Cutting Head) เท่านั้น ดังแสดงในรู ปที่ 5.71
รู ปที่ 5.71 แสดงชุ ดการเชื่ อม ซึ่งสามารถเปลีย่ นจากหัวเชื่ อมมาเป็ นหัวตัดได้ อย่ างรวดเร็ว
แผนการสอน/การเรียนรู้ ภาคทฤษฎี หน่ วยที่ 5
ชื่อวิชา งานเชื่อมและโลหะแผ่ นเบือ้ งต้ น สอนสั ปดาห์ ที่ 11-13
ชื่อหน่ วย งานเชื่อมแก๊ส คาบรวม 4
ชิ้นส่ วนที่สาคัญที่สุดของการตัดแก๊สก็คือ หัวตัด (Cutting Head) ซึ่ งมีลกั ษณะและชิ้นส่ วนต่างๆ ดังแสดงในรู ป
ที่ 5.72
เครื่องตัดแก็ส
เครื่ องตัดแก๊ส มีหลักการทางานเหมือนกับการตัดด้วยมือทุกอย่าง เพียงแต่วา่ แทนที่จะใช้การเคลื่อน
ด้วยมือและแขน แต่เครื่ องตัดแก๊สจะเคลื่อนหัวตัดด้วยมอเตอร์ โดยจะเคลื่อนไปตามรางที่ทาไว้ สามารถตัดได้
ทั้งตัดตรงและตัดโค้ง ดังแสดงในรู ปที่ 5.78 และรู ปที่ 5.79
แผนการสอน/การเรียนรู้ ภาคทฤษฎี หน่ วยที่ 5
ชื่อวิชา งานเชื่อมและโลหะแผ่ นเบือ้ งต้ น สอนสั ปดาห์ ที่ 11-13
ชื่อหน่ วย งานเชื่อมแก๊ส คาบรวม 4
หมายเหตุ :
ปริ มาณออกซิ เจนมากกว่าแก๊สอะเซทิลีนหรื อเปลวออกซิ ไดซิ ง ไม่แนะนาให้นาไปใช้ในการอุ่น
ชิ้นงานเนื่องจากจะทาให้เกิดฟองอากาศเมื่อโลหะหลอมละลาย และการที่ใช้เปลวนิวทรัลอุ่นชิ้นงานนั้น เมื่อ
พ่นออกซิ เจนความดังสู งออกมาเปลวไฟที่ได้จะเป็ นเปลวออกซิ ไดซิ งอ่อนๆ
แผนการสอน/การเรียนรู้ ภาคทฤษฎี หน่ วยที่ 5
ชื่อวิชา งานเชื่อมและโลหะแผ่ นเบือ้ งต้ น สอนสั ปดาห์ ที่ 11-13
ชื่อหน่ วย งานเชื่อมแก๊ส คาบรวม 4
มุมเดินและระยะห่ างระหว่ างกรวยไฟกับชิ้นงาน
ในการตัด ผูป้ ฏิบตั ิงานต้องเคลื่อนหัวตัดไปในทิศทางการตัดด้วยความเร็ วสม่าเสมอ และควรถือหัวตัด
เอนเล็กน้อยประมาณ 5-10 องศา หรื อมีมุมเดิน 90-95 องศา นัน่ เอง การเอนหัวตัดนี้จะช่วยให้สามารถตัดโลหะ
แผ่นบางได้ดี ดังแสดงในรู ปที่ 5.82
เทคนิคการตัดตรงโดยให้ รอยตัดบากเฉียง
ในการตัดบากเฉี ยงก็เช่นเดียวกัน ผูป้ ฎิบตั ิงานต้องควบคุมทอร์ ชโดยให้รุพน่ ออกซิ เจนแรงดันสู งเพื่อน
ตัดให้อยูต่ รงแนวตัดที่ขีดไว้ และรู อุ่นชิ้นงานทั้ง 4 รู อยูใ่ นตาแหน่งขนานไปกับแนวตัดข้างละ 2 รู ดังแสดง
ในรู ปที่ 5.88
สแลกและการเกิดสแลก
สแลกเป็ นเศษวัสดุอย่ างหนึ่งทีเ่ กิดจากการตัด สแลกมี 2 ชนิด คือ สแลกอ่อนและสแลกแข็ง
* สแลกอ่อน จะเป็ นลักษณะรู พรุ น เปราะ สามารถเคาะออกได้ง่ายจากกรอยตัด
* สแลกแข็ง เกิดจากเนื้อโลหะที่ไม่เกิดการออกชิเดชัน หรื อออกชิเดชันไม่หมด รวมตัวกับสแลกอ่อน
ทาให้เกิดเป็ นสแลกแข็งที่บริ เวณด้านใต้ของรอยตัด เคาะออกได้ยากจาเป็ นต้องใช้การเจียระไนออก สแลกแข็ง
เกิดจาการตัดที่ไม่ถูกต้องหรื อทิพตัดสกปรก หรื อทาการอุ่นชิ้นงานมากเกิดไป หรื อเดิ นช้าเกินไป หรื อ
ระยะห่างเปลวไปกับชิ้นงานห่างมากเกินไป หรื อความดันของออกชิเจนมากเกินไป
เพื่อให้ได้ชิ้นงานที่มีรอยคัดสะอาด ไห้มีสแลกแกะติด ทาให้ประหยัดเวลาในการเคาะนาสแลกออกผู ้
ปฎิบตั ิงานตัดควรถือให้หวั ตัดเอนเล็กน้อยประมาณ 1-2 องศา สแลกจะถูกเป่ าออกไม่ติดอ ยูใ่ นส่ วนที่เป็ นเศษ
วัสดุ ดังแสดงในรู ปที่ 5.92
การตัดโลหะแผ่นบาง
การตัดโลหะแผ่นบางซึ่ งมีความหนาเกจ 18 จนถึงเกจ 11 จะต้องถือทอร์ชให้หวั ทิพเอนเป็ นมุมแหลม
ให้มากจากผิวหน้าของชิ้นงาน จึงจะทาให้รอยตัดที่เรี ยบและมีสแลกเกาะติดเล็กน้อย ดังแสดงในรู ปที่ 5.94
การตัดวงกลม
การเจาะแผ่นโลหะให้ได้รูขนาดใหญ่จาเป็ นต้องใช้การตัดด้วยแก๊ส เนื่องจากการตัดด้วยวิธีอื่นกระทา
ได้ยาก เสี ยเวลา และค่าใช้จ่ายสู ง การตัดด้วยแก๊สนี้ ก่อนอื่นให้ผปู ้ ฎิบตั ิงานเริ่ มต้นตัดบริ เวณพื้นที่ภายในให้
เป็ นเศษวัสดุเสี ยก่อน จากนั้นจึงเคลื่อนตัดในลักษณะโค้งเพื่อเดินเข้าหาแนวตัดวงกลมที่ตอ้ งการ การตัดให้
เอียงหัวทิพเล็กน้อย โดยให้เปลวไฟพุง่ ไปยังเศษวัสดุ จะทาให้สแลกไปเกาะติดอยูท่ ี่ เศษวัสดุ เมื่อสิ้ นสุ ดการ
ตัด แผ่นวงกลมภายในจะหลุดตกลงมาได้รอยเจาะรู ขนาดใหญ่ที่มีรอยตัดสะอาดและเรี ยบ
แผนการสอน/การเรียนรู้ ภาคทฤษฎี หน่ วยที่ 5
ชื่อวิชา งานเชื่อมและโลหะแผ่ นเบือ้ งต้ น สอนสั ปดาห์ ที่ 11-13
ชื่อหน่ วย งานเชื่อมแก๊ส คาบรวม 4
ด้ านประชาธิปไตย (Democracy)
1. การทางานร่ วมกันโดยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในชั้นเรี ยน
2. การให้ผฟู ้ ังแสดงความคิดเห็นภายในชั้นเรี ยน
3. การยกมือในการถาม-ตอบคาถาม
ด้ านภูมิคุ้มกันภัยจากยาเสพติด(Drug - Free)
ปลูกฝังให้นกั ศึกษาเอาใจใส่ ในการเรี ยนรู ้ ดูหนังสื ออย่างสม่าเสมอ และฝึ กการคิดวิเคราะห์ ส่งเสริ มให้
ใช้เวลาว่างให้เป็ นประโยชน์ (ส่ งผลทาให้ห่างไกลจากยาเสพติดอย่างแท้จริ ง Drug-Free ด้านภูมิคุม้ กันภัยจาก
ยาเสพติด : 3D
13
ก่อนเรียน
1. จัดเตรี ยมเอกสารประกอบการเรี ยน สื่ อการเรี ยนการสอนตามที่อาจารย์ผสู ้ อนและบทเรี ยนกาหนด
2. ทาแบบทดสอบก่อนเรี ยนเรื่ องความรู ้พ้นื ฐานงานเชื่อมแก๊ส แล้วเปลี่ยนกันตรวจคาตอบ
3. ทาความเข้าใจเกี่ยวกับจุดประสงค์การเรี ยนของหน่วยเรี ยนที่ 5
ขณะเรียน
2. จากการจดบันทึกการบรรยายและตามสื่ อการเรี ยนการสอน
3. จากการถาม – ตอบคาถาม
4. ร่ วมกันสรุ ปเนื้อหา งานเชื่อมแก๊ส
5. การทาใบงาน
หลังเรียน
1. ทาแบบทดสอบหลังเรี ยน
2. ทาแบบฝึ กหัดท้ายบทเรี ยน
ผลงาน/ชิ้นงาน/ความสาเร็จของผู้เรียน
1. ใบงานที่ได้รับมอบหมายของนักเรี ยน
14
--
สื่ อของจริง
_
15
แผนการสอน/การเรียนรู้ ภาคทฤษฎี หน่ วยที่ 5
ชื่อวิชา งานเชื่อมและโลหะแผ่นเบื้องต้น สอนสั ปดาห์ ที่ 11-13
ชื่อหน่ วย งานเชื่อมแก๊ส คาบรวม 4
ชื่อเรื่อง. งานเชื่อมแก๊ส จานวนคาบ 4
แหล่งการเรียนรู้
ในสถานศึกษา
นอกสถานศึกษา
2. กรมพัฒนาฝี มือแรงงาน
การบูรณาการ/ความสัมพันธ์ กบั วิชาอืน่
1. บูรณาการกับวิชางานเชื่อมโลหะ1 และงานเชื่อมโลหะ 2
2. บูรณาการกับวิชางานโลหะแผ่นพื้นฐาน
3. บูรณาการกับวิชางานประกอบชิ้นส่ วนอุตสาหกรรม
4. บูรณาการกับวิชาวิถีธรรมวิถีไทย ด้านการพูด การอ่าน การเขียน และการฝึ กปฏิบตั ิตน
ทางสังคมด้านการเตรี ยมความพร้อม ความรับผิดชอบ และความสนใจใฝ่ รู้
16
ก่อนเรียน.
ตรวจแบบทดสอบก่อนเรี ยน
ขณะเรียน
1. แบบประเมินการทางานเป็ นกลุ่ม
2. สังเกตการทางานกลุ่มในการทางาน
หลังเรียน
1. ตรวจแบบทดสอบหลังเรี ยน
2. ตรวจแบบฝึ กหัดท้ายบทเรี ยน
ผลงาน/ชิ้นงาน/ผลสาเร็จของผู้เรียน
-
17
1. จงบอกคุณสมบัติของแก๊สออกซิ เจนและแก๊สอะเซทิลีน ?
2. จงบอกเครื่ องมือและอุปกรณ์ในการเชื่อมแก๊ส ?
3. เปลวไฟที่ใช้ในงานเชื่อมแก๊ส มีกี่อย่าง อะไรบ้าง ?
20
( เปลวคาร์ บูไรซิง )
( เปลวนิวทรัล )
( เปลวออกซิไดซิง )
No. 8 - - - -
หัวทิพ ลวดเชื่อม วัสดุ จานวน ขนาด
เครื่ องมือและอุปกรณ์ ลาดับขั้นการทางาน
1. ชุดเชื่อมแก๊ส 1. ตรวจสอบการทางานของอุปกรณ์ให้พร้อม
2. แว่นตาเชื่อมแก๊ส 2. เปิ ดวาล์วหัวถังและปรับความดันแก๊สตามขั้นตอน
3. อุปกรณ์จุดเปลวไฟ 3. จุดเปลวไฟด้วยอุปกรณ์จุดเปลวไฟ
4. คีมจับงานร้อน 4. ปรับเปลวคาร์บูไรซิ ง
5. เข็มแยงหัวทิพ 5. ปรับเปลวนิวทรัล
6. ปรับเปลวออกซิ ไดซิ ง
เทคนิควิธีการปฏิบัติงาน
1. จุดเปลวไฟอะเซทิลีนก่อนโดยเปิ ดวาล์วที่ทอร์ ชพอประมาณ สังเกตดูไม่ให้เปลวมีเขม่าไฟ
2. ค่อย ๆ เปิ ดวาล์วออกซิ เจน จนกระทัง่ ได้เปลวที่เกิดขึนครั้งแรก คือ เปลวคาร์บูไรซิง ซึ่งปริ มาณออกซิเจน
น้อยกว่าอะเซทิลีน
3. จากนั้นค่อย ๆ เปิ ดวาล์วออกซิ เจนเพิม่ ขึ้นอีก โดยที่ปริ มาณอะเซทิลีนยังคงที่อยู่ จนกระทัง่ เปลวชั้นที่ 3 หด
สั้นลงเหลือ 2 ชั้น คือชั้นนอกและแกนกลาง นัน่ คือเปลวนิวทรัล แสดงว่าปริ มาณออกซิ เจนและปริ มาณ
อะเซทิลีนมีจานวนที่เท่ากัน
4. เปิ ดวาล์วออกซิ เจนเพิ่มขึ้นอีกให้ปริ มาณของออกซิ เจนมากกว่าปริ มาณของอะเซทิลีน จนกระทัง่ แกนกลาง
ชั้นในหดสั้นลง เกิดเสี ยงดังแรงขึ้น แสดงว่านัน่ คือ เปลวออกซิ ไดซิ ง
มอบงาน : ( ให้นกั ศึกษาฝึ กหัดปรับเปลวไฟตามที่อาจารย์ผสู ้ อนสั่ง.)
ใบประเมินผล ใบงานที่ 1 หน่ วยที่ 5
ชื่อวิชา งานเชื่อมและโลหะแผ่ นเบือ้ งต้ น สอนสั ปดาห์ ที่ 11-13
ชื่อหน่ วย งานเชื่อมแก๊ส คาบรวม 4
ระดับคะแนน
3 4 35
รายการตรวจ 5
บันทึกพิเศษ ……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
หมายเหตุการให้ คะแนน :
คะแนนที่ได้ คะแนนเต็ม (35) = ……………...………คะแนน X (100) 10 = …………………
คะแนนที่ได้ในใบงานนี้คือ …………………… คะแนน ( คะแนนรวมเต็ม 10 คะแนน )
รวม 34
บันทึกพิเศษ ……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………
หมายเหตุการให้ คะแนน :
คะแนนที่ได้ คะแนนเต็ม (35) = 34 35 = 0.97 คะแนน X (100) 10 = 9.7
คะแนนที่ได้ในใบงานนี้คือ 9.7 คะแนน ( คะแนนรวมเต็ม 10 คะแนน )
(1 ) (2)
ใบประเมินผล ใบงานที่ 2 หน่ วยที่ 5
ชื่อวิชา งานเชื่อมและโลหะแผ่ นเบือ้ งต้ น สอนสั ปดาห์ ที่ 11-13
ชื่อหน่ วย งานเชื่อมแก๊ส คาบรวม 4
ระดับคะแนน
รายการตรวจ 3 4 5 30
ปานกลาง ค่ อนข้ างดี ดี คะแนนที่ได้
1. ความสม่าเสมอของการซึ มลึก
2. ความเพียงพอของปริ มาณความร้อน
3. ความสวยงามของเกล็ดที่เกิดจากการ
ส่ ายหัวทิพ
4. การเดินเป็ นแนวตรงของบ่อ
หลอมละลาย
5. การควบคุมความร้อนหรื อบ่อหลอม
ละลายในช่วงใกล้สิ้นสุ ด
6. พฤติกรรมขณะปฏิบตั ิงาน
รวม
บันทึกพิเศษ ……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
หมายเหตุการให้ คะแนน :
คะแนนที่ได้ คะแนนเต็ม (30) = …………...…………คะแนน X (100) 10 = …………………
คะแนนที่ได้ในใบงานนี้คือ …………………… คะแนน ( คะแนนรวมเต็ม 10 คะแนน )
แนวเชื่อม
ชิ้นงาน
การส่ ายหัวทิพ
ชิ้นงาน
ลวดเชื่อม หัวทิพ
ภาพด้ านบน
ภาพด้ านข้ าง
No. 8-10 2.6 มม. Mild Steel 1 ชิ้น 64 X 120 X 2 มม.
หัวทิพ ลวดเชื่อม วัสดุ จานวน ขนาด
เครื่องมือและอุปกรณ์ ลาดับขั้นการทางาน
1. ชุดเชื่อมแก๊ส 1. เตรี ยมชิ้นงานให้ได้ขนาดที่กาหนด
2. แว่นตาเชื่อมแก๊ส 2. ทาความสะอาดชิ้นงาน
3. ที่จุดเปลวไฟ 3. ร่ างแนวของการเชื่อมจานวน 3 แนว
4. คีมจับงานร้อน 4. เปิ ดแก๊สตามขั้นตอนและจุดเปลวไฟ
5. เข็มแยงหัวทิพ 5. เชื่อมแนวแรกเริ่ มต้นจากด้านล่าง ขึ้นไปด้านบน
6. แปรงลวด 6. เชื่อมแนวที่ 2 และ 3 จนครบ
7. ลวดเชื่อม 7. ทาความสะอาดแนวเชื่อมด้วยแปลงลวด
8. ชิ้นงาน 8. ส่ งอาจารย์ตรวจงาน
9. เหล็กนาศูนย์หรื อเหล็กขีด
10. ค้อนเหล็ก
เทคนิควิธีการปฏิบัตงิ าน
1. ใช้เปลวนิวทรัล
2. หัวทิพทามุมกับชิ้นงานประมาณ 30 – 60 องศา
3. แรงดึงดูดของโลกทาให้น้ าโลหะย้อยตัวลงมา จึงควรส่ ายหัวทิพแบบครึ่ งวงกลม
4. ขณะเชื่อมควรงอลวดเชื่อมเป็ นมุม 110 องศา เพื่อไม่ให้ร้อนมือขณะเข้าป้ อนลวดเชื่อม
มอบงาน : (ให้นกั ศึกษาปฏิบตั ิงานเชื่อมเดินแนวเติมลวดเชื่อมในท่าตั้งเชื่อมขึ้น จานวน 3 แนว)
ใบประเมินผล ใบงานที่ 4 หน่ วยที่ 5
ชื่อวิชา งานเชื่อมและโลหะแผ่ นเบือ้ งต้ น สอนสั ปดาห์ ที่ 11-13
ชื่อหน่ วย งานเชื่อมแก๊ส คาบรวม 4
3. ให้ความร้อนที่ขอบของรอยต่อ สร้างบ่อหลอมละลายเป็ น
รู ปกุญแจ (Key Hole) เพื่อให้เกิดการซึ มลึกตลอดความหนาของงาน
มอบงาน : (ให้นกั ศึกษาปฏิบตั กิ ารเชื่อมต่อชนท่าราบ )
ใบประเมินผล ใบงานที่ 5 หน่ วยที่ 5
ชื่อวิชา งานเชื่อมและโลหะแผ่ นเบือ้ งต้ น สอนสั ปดาห์ ที่ 11-13
ชื่อหน่ วย งานเชื่อมแก๊ส คาบรวม 4
เชื่อมยึด 3 จุด
อิฐ
1. ง 21. ค
2. ก 22. ก
3. ก 23. ข
4. ค 24. ข
5. ก 25. ก
6. ข 26. ค
7. ข 27. ข
8. ง 28. ง
9. ก 29. ก
10. ก 30. ข
11. ง 31. ง
12. ก 32. ก
13. ก 33. ข
14. ง 34. ค
15. ข 35. ง
16. ก 36. ค
17. ข 37. ข
18. ค 38. ข
19. ง 39. ค
20. ข 40. ก
บันทึกหลังการสอน หน่ วยที่ 5
ชื่อวิชา งานเชื่อมและโลหะแผ่นเบื้องต้น สอนสั ปดาห์ ที่ 11-13
ชื่อหน่ วย งานเชื่อมแก๊ส คาบรวม 4
ชื่อเรื่อง. งานเชื่อมแก๊ส จานวนคาบ 4
1. ผลการสอน
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………..
2. ปัญหาทีพ่ บ
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………..
3. การแก้ไขปัญหา
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………….
4. เรื่องทีน่ าไปสู่ การวิจัยในชั้ นเรียน
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………….