You are on page 1of 12

ยุคฟื้ นฟูและยุคปฏิรูป

ยุคฟื้ นฟู

 หมายถึงยุค Renaissance แปลว่า การเกิดใหม่


 เมื่อยุโรปเข้าสู่ ยคุ มืด ทําให้ความเจริ ญรุ่ งเรื องอย่างมากของกรี กและ
โรมันต้องดับลง
 ในที่สุด คนยุโรปก็สามารถหาทางออกได้อีกครั้ง
 คนยุโรปที่มีความรู ้จะไปรวมตัวกันที่เมืองฟลอเรนซ์ ซึ่ งเป็ นเมืองที่ให้
อิสระแก่คนในการคิด การเขียนและการกระทําต่าง ๆ
 ทําให้เกิดความก้าวหน้าในศาสตร์ท้ งั หลาย กฎหมายธรรมชาติที่ถูก
ศาสนาคริ สต์กลืนไปในยุคมืดกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งหนึ่ง
Hugo Grotius
 เป็ นนักปราชญ์คนสําคัญชาวดัทช์ที่นาํ เอากฎหมายธรรมชาติไปพัฒนา
กฎหมายของยุโรปในยุคกลาง
 ชาวยุโรปในยุคนี้ได้เดินทางไปพบกับดินแดนแห่งใหม่ พบกับความมัง่
คัง่ ในแผ่นดินใหม่ และเกิดการรบพุง่ ฆ่าฟันกันเพื่อแก่งแย่งผลประโยชน์
 เป็ นผูเ้ บิกทางให้แก่ความคิดกฎหมายธรรมชาติสมัยใหม่
 ได้ร้ื อฟื้ นเอาความคิดที่เชื่อในธรรมชาติฝ่ายสู งของมนุษย์ คือความรู ้จกั
ผิดชอบชัว่ ดีตามความคิดทางปรัชญาในสมัยกรี กกลับมาอีกครั้ง
 โกรเชียสได้รับเอาแนวความคิดเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์มาจาก
อริ สโตเติ้ล
 เชื่อว่ามนุษย์น้ นั มีธรรมชาติเป็ นสิ่ งที่ตอ้ งการอยูร่ ่ วมกันเป็ นสังคม
 เน้นเรื่ องเหตุผลและสติปัญญาของมนุษย์
 นําเอาหลักของกฎหมายธรรมชาติ มาใช้สร้างเป็ นรากฐานของกฎหมาย
ระหว่างประเทศ หลักในการเคารพสิ ทธิในทรัพย์สินของผูอ้ ื่น หลักการ
ชดใช้ค่าเสี ยหาย หลักเสรี ภาพในทะเลหลวง
 ถือเป็ นบิดาของกฎหมายระหว่างประเทศ
 โกรเชียส ได้วางรากฐานความชอบธรรมในการปกครองไว้บนหลัก
สัญญาประชาคม (Social Contract) โดยอธิบายว่า

 รัฐนั้นเกิดจากการที่อิสระชนทั้งหลายได้มาเข้ากันเป็ นสมาคมอัน
บริ บูรณ์ที่อิสระชนเหล่านั้นจะได้อยูร่ ่ วมกันเพื่อการใช้สิทธิท้ งั หลายของ
ตนและเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของคนเหล่านั้น
ยุคปฏิรูป

 ยุคปฏิรูปของยุโรปนั้นมีมากมายหลากหลาย โดยอาศัยพฤติกรรมและ
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในชาติต่าง ๆ
 ศาสนาคริ สต์มีนิกายโปรเตสแตนท์เกิดขึ้น
 เกิดการปฏิวตั ิ ในอังกฤษอันมีพ้นื ฐานมาจากแมกนา คาร์ตา เพื่อเรี ยกร้อง
สิ ทธิของพลเมืองจนมีสภาผูแ้ ทนราษฎรและสภาขุนนาง
 สหรัฐอเมริ กา ถูกอังกฤษขูดรี ดภาษี ทําให้เกิดผูน้ าํ ทางความคิดเพื่อทํา
สงครามเรี ยกร้องเอกราช
 ฝรั่งเศสเกิดการปฏิวตั ิใหญ่ในปี ค.ศ.1789 ในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16
โดยมีผนู ้ าํ ทางความคิด อาทิ มองเตสกิเออร์ วอลแตร์ รู สโซ เป็ นต้น
 ฝรั่งเศสก็สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมจาก Feudalism แบบเข้มข้น
สู่ ลกั ษณะการยอมรับในสิ ทธิของคนมากขึ้น
 เกิด ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิ ทธิของความเป็ นคนและพลเมือง
 เกิดประมวลกฎหมายแพ่ง ซึ่ งมีที่มาของกฎหมายธรรมชาติใน ค.ศ.1804
เป็ นฉบับแรกของโลก และมีอิทธิพลไปทัว่ โลก
มองเตสกิเออร์ 1689-1755

 เติบโตในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ในครอบครัวขุนนางฝรั่งเศส
 เขียนหนังสื อ L’esprit des lois หรื อ The Spirit of
the Laws
 หลักประกันแห่งเสรี ภาพนั้น ไม่ได้อยูท่ ี่การปกครองแบบประชาธิปไตย
แต่อยูท่ ี่รูปแบบรัฐบาลที่มีอาํ นาจจํากัด
 ใครก็ตามที่มีอาํ นาจย่อมมีแนวโน้มที่จะใช้อาํ นาจไปในทางที่มิชอบได้
เสมอ ดังนั้น เพื่อเป็ นการป้องกัน จึงต้องมีการถ่วงดุลอํานาจ
 ในลักษณะที่ให้ผถู ้ ืออํานาจคนหนึ่ง ถ่วงหรื อยับยั้งการใช้อาํ นาจเกิน
ขอบเขตของผูถ้ ืออํานาจคนอื่นได้
 โดยใช้วธิ ีการแบ่งแยกองค์กรผูใ้ ช้อาํ นาจและถ่วงดุลอํานาจ
(Checks and Balances) ระหว่างผูถ้ ืออํานาจด้วยกันให้อยู่
ในระดับพอเหมาะ
 ใช้หลักการแบ่งแยกอํานาจ Seperation of Power คือ นิติ
บัญญัติ บริ หาร ตุลาการ
Thomas Hobbes 1588-1679
 นักปราชญ์ชาวอังกฤษที่พยายามให้คาํ อธิบายความชอบธรรมของการ
ปกครองจากธรรมชาติของมนุษย์
 อํานาจอธิปไตยของรัฐเกิดขึ้นจากการที่ราษฎรมาเข้าทําสัญญากันตั้งขึ้น
ไว้ และเหตุน้ ี ประชาชนจึงต้องเชื่อฟังกฎหมายของรัฐ ตามทฤษฎีสญ ั ญา
สวามิภกั ดิ์
 มนุษย์มีธรรมชาติที่เห็นแก่ตวั เลว หยาบช้าและโหดร้าย ทุกคนอยูใ่ น
ภาวะที่เกลียด กลัว และไม่ไว้ใจซึ่ งกันและกัน ทําสงครามเข่นฆ่ากัน
ตลอดเวลา
 ไม่มีหลักความผิด-ถูก ชัว่ -ดี ไม่มีศีลธรรม ไม่มีกฎหมาย ทุกคนมีสิทธิ
เหนือทุกสิ่ ง
 การมีชีวติ อยูใ่ นสภาวะธรรมชาติน้ นั เป็ นทุกข์เสี ยยิง่ กว่าการยอมสละ
ประโยชน์ตามธรรมชาติของตน แล้วมาร่ วมทําสัญญาเข้ากันเป็ นสังคม
เพื่ออยูร่ ่ วมกันอย่างสันติ
 ดังนั้น มนุษย์จึงเข้าทําสัญญาประชาคม ยอมสละสิ ทธิท้ งั ปวงอันตนมีอยู่
ตามธรรมชาติ ยกให้แก่ผหู ้ นึ่งเป็ นผูป้ กครอง
 ให้ผปู ้ กครองมีอาํ นาจเด็ดขาดสําหรับคอยควบคุม ดูแลและบังคับ
ตลอดจนลงโทษคนทั้งปวงเพื่อรักษาความสงบอย่างเต็มที่ ภายใต้สงั คม
ที่สงบสุ ข ไม่ตอ้ งระแวงภัยต่อสู ้ เข่นฆ่ากันเหมือนอยูใ่ นภาวะสงคราม
 มนุษย์จึงสามารถมีชีวติ ตามที่มนุษย์ปรารถนา คือสามารถอยูร่ อด มีกินมี
ใช้ มีทรัพย์สินตามที่จาํ เป็ น สามารถแสวงหาความสุ ขสบายได้
 ราษฎรย่อมทําสัญญายอมโอนสิ ทธิและอํานาจทั้งปวงของตนที่มีอยูต่ าม
ธรรมชาติให้แก่รัฐาธิปัตย์ ยอมให้รัฐาธิปัตย์มีอาํ นาจเด็ดขาด

You might also like