Professional Documents
Culture Documents
รายงานตลาดถุงยางในสหรัฐอเมริกา
รายงานตลาดถุงยางในสหรัฐอเมริกา
สินค้าถุงยางอนามัย: HS 401410
1. สถานการณ์ตลาดถุงยางอนามัยในสหรัฐอเมริกา
การรณรงค์การใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคเอดส์ (AIDS) และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD -
Sexually Transmitted Diseases) ทาให้ความต้องการใช้ถุงยางอนามัยเพิ่มขึ้นอย่างมากทั้งในประเทศไทยและ
ต่างประเทศทั่วโลก ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกถุงยางอนามัยมากที่สุดในโลกต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน
โดยสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกหลักถุงยางอนามัยของไทย
สหรัฐฯ มีอัตราจานวนผู้ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์สูงที่สุดในโลก และมากกว่าทวีปอื่นๆ ประมาณ 50 – 100
เท่าตัว โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (Center for Disease Control and Infection – CDC) พบว่า
ชาวอเมริกันติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์เฉลี่ยปีละ 19.7 ล้านคน
ความต้องการสินค้าถุงยางอนามัยสหรัฐฯ มีมูลค่ารวม 1,366.86 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2559 คาดการณ์
ว่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 อยู่ที่ 1,680.22 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2565 เนื่องจากชาวอเมริกันต้องการ
ทีจ่ ะป้องกันโรคเอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงชาวอเมริกันมีการวางแผนครอบครัวมากยิ่งขึ้น และมี
ความต้องการที่จะควบคุมจานวนสมาชิกในครัวเรือน
อุตสาหกรรมการผลิตถุงยางอนามัยในสหรัฐฯ ทยอยปิดตัวลงตั้งแต่ปี 2552 หลังจากองค์กรเพื่อการพัฒนา
ระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) หยุดการสั่งซื้อถุงยางจากผู้ผลิตรายใหญ่ในสหรัฐฯ โดยสหรัฐฯ หันไปนาเข้า
ถุงยางอนามัยจากต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศในเอเชีย เนื่องจากต้นทุนการผลิต ราคาวัตถุดิบและค่าแรงในการ
ผลิตถูกกว่า รวมทั้งผู้บริโภคมีทางเลือกอื่นในการคุมกาเนิด เช่น การทาหมัน การใช้ยาเม็ด การใส่ห่วง เป็นต้น
ถุงยางอนามัยที่ได้รับความนิยมในประเทศสหรัฐฯ (Key Players) คือ
- แบรนด์ TROJAN ผลิตโดยบริษัท Church & Dwight Co, Inc. เป็นผู้นาตลาดมียอดขายอันดับ 1
- แบรนด์ LIFESTYLES ผลิตโดยบริษัท Ansell Healthcare LLC มียอดขายเป็นอันดับ 2 ในสหรัฐฯ
- แบรนด์ Durex ผลิตโดยบริษัท Reckitt Benckiser Group มียอดขายเป็นอันดับ 3 ในสหรัฐฯ
- นอกจากนี้ ผู้ที่มีอาการแพ้ถุงยางธรรมชาติ ถุงยางที่ผลิตจากโพลียูริเทน หรือชนิดที่ผลิตจากลาไส้ของสัตว์
แทน ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นตามลาดับ โดยถุงยางชนิดนี้จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ แต่ไม่สามารถ
ป้องกันโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ได้
ปัจจุบันชาวสหรัฐฯ ใช้ถุงยางอนามัยชายร้อยละ 98 และถุงยางอนามัยสาหรับผู้หญิงร้อยละ 2 โดยผู้ผลิต
ได้ออกแบบถุงยางอนามัยให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น เช่น
สหรัฐฯ นาเข้าสินค้าถุงยางอนามัย ในปี 2560 ม.ค. – มิ.ย. มูลค่า 13.190 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อย
ละ 31 จากช่วงเวลาเดียวกันปี 2559
สหรัฐฯ นาเข้าสินค้าถุงยางอนามัย จากไทยในปี 2559 ม.ค. – มิ.ย. มูลค่า 4.151 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ลดลงร้อยละ 37.94 จากช่วงเดียวกันปี 2559
สำนักงำนส่งเสริมกำรค้ำในต่ำงประเทศ ณ เมืองไมอำมี ประเทศสหรัฐอเมริกำ Page 4
กราฟแสดงสัดส่วนการนาเข้าถุงยางอนามัยปี 2560 (ม.ค.- มิ.ย.)
**มูลค่ำล้ำนดอลลำร์สหรัฐฯ**
3. ช่องทางการจัดจาหน่าย
บริษัทจาหน่ายถุงยางอนามัย (Commercial Outlet) เช่น Church & Dwight Co., Inc., Ansell
Healthcare LLC. และ Reckitt Benckiser Group เป็นต้น
ร้านค้าทั่วไป (Non-Commercial Outlet) เช่น ร้านจาหน่าย Sex Toy เป็นต้น
ร้านค้าปลีกประเภท Convenient Store/ Supermarket เช่น Walgreens, CVS, Publix และ
Kroger เป็นต้น
ร้านค้าส่ง เช่น Costco/ Sam’s Club/ BJ’s เป็นต้น
ศูนย์การแพทย์ต่างๆ เช่น โรงพยาบาล/ คลีนิค และร้านขายยา เป็นต้น
องค์กรส่งเสริมการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย (Safe Sex) เช่น หอการค้าของชาวรักร่วมเพศ
เป็นต้น
หน่วยงานและองค์กรรัฐบาล เช่น สานักงานเขตของรัฐต่างๆ ในสหรัฐฯ เป็นต้น
องค์กรพัฒนาเอกชน (NGO)
ซื้อผ่านทางออนไลน์ : Home Delivery / Online เช่น Amazon.com และ Condomdepot.com
เป็นต้น
โรงแรม สถานบันเทิง หรือห้องน้าสาธารณะ
5. กฎระเบียบการนาเข้า
5.1 FDA
โรงงานผลิตในต่างประเทศต้องได้รับการตรวจสอบจาก FDA สหรัฐฯ (FDA approved
manufacturer)
ถุงยางอนามัยจัดอยู่ในประเภท Medical Devices
ต้องได้รับมาตรฐาน ASTM Standard
โรงงานต้องได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 10993
ปฏิบัติตามระเบียบฉลากสินค้า (Labeling) ซึ่งต้องแสดงวันหมดอายุของสินค้า ประโยชน์ของ
การใช้งาน และคาเตือนการเกิดอาการแพ้ เป็นต้น
5.2 ภาษีนาเข้า/ GSP
ถุงยางอนามัย (HS 40141000) นาเข้าจากประเทศไทยมายังสหรัฐฯ ไม่เสียภาษีนาเข้า
จุดแข็ง จุดอ่อน
1. ไทยผลิตถุงยางได้มาตรฐาน คุณภาพเป็นที่ 1. ต้นทุนนาเข้าเครื่องจักรทีใ่ ช้ในการผลิตสูง
ยอมรับในระดับสากล 2. ต้นทุนค่าขนส่งและด้าน Logistics มายัง
2. ไทยเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบยางธรรมชาติ ทาให้ สหรัฐฯ สูงกว่าประเทศคู่แข่ง
ต้นทุนในการผลิตต่า 3. ขาดความพร้อมของอุตสาหกรรมสนับสนุน
3. สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกถุงยางอนามัยที่ 4. เทคโนยีในการผลิตอาจด้อยกว่าประเทศคู่แข่ง
สาคัญของไทย คู่แข่งขันศักยภาพเช่น มาเลเซีย
ส่งออกให้กับจีนเป็นหลัก
โอกาส อุปสรรค
1. ตลาดในกลุ่มผู้ใช้สตรี (Female Condom) ยังมี 1. สหรัฐฯ มีมาตรการเข้มงวดอย่างมากในการ
การ เติบโต การตื่นตัวกับการให้ความสาคัญการ ตรวจสอบความปลอดภัยสินค้าถุงยางที่นาเข้า
คุมกาเนิด และมีมาตรฐานสินค้า (Standard) การทดสอบ
2. การรณรงค์ร่วมกับภาครัฐบาลสหรัฐฯ อาจช่วย (Testing) ถุงยางส่งออกสหรัฐต้องได้มาตรฐาน
เพิ่มช่องทางการจาหน่าย การรับรู้ และส่งเสริมการ ขององค์กรอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA)
ใช้ถุงยางอนามัยในหลายหน่วยงาน เช่น โรงพยาบาล 2. การแข่งขันในตลาดรุนแรงขึ้น ผู้บริโภคมี
โรงเรียน และมหาวิทยาลัยมากยิ่งขึ้น ทางเลือกหลากหลายขึ้น
สำนักงำนส่งเสริมกำรค้ำในต่ำงประเทศ ณ เมืองไมอำมี ประเทศสหรัฐอเมริกำ Page 7
3. สินค้าถุงยางประเภท Polyurethane สาหรับผู้ที่ 3. กลุ่มรักร่วมเพศเริ่มหันไปใช้ยา PrEP แทนการ
แพ้ยาง เริ่มได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ใช้ถุงยางอนามัย เนื่องจากมีความเชื่อว่าสามารถ
4. กาลังซื้อของผู้บริโภคสหรัฐฯ เริ่มฟื้นตัว มีการใช้ ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคเพิ่มมากขึ้น และสินค้า
ถุงยางเป็นสินค้าจาเป็น ไม่ผันผวนตามภาวะ
เศรษฐกิจมากนัก
5. ตลาดถุงยาง Private Label และกลุ่มรักร่วมเพศ
(LGBT) มีโอกาสเติบโตสูง
8. ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ
ประเทศไทยผลิตถุงยางอนามัยทีไ่ ด้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ควรหาทางปรับปรุง
โครงสร้าง และอาจพิจารณาร่วมทุนกับบริษัทสหรัฐฯ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้า และเป็นการ
ถ่ายทอดเทคโนโลยีระหว่างองค์กร
ผู้ประกอบการไทยควรพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อคงความเป็นผู้นาในตลาดของไทย
โดยพัฒนาเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย
มากขึ้น เช่น วัตถุดิบ รูปแบบ สี และกลิ่น
ตลาดผู้ใช้ในกลุ่มวัยรุ่น กลุ่มสตรี (Female Condom) และกลุ่มรักร่วมเพศ (LGBT) ยังมีการเติบโตของ
ตลาดได้อีก
เพิ่มช่องทางการจาหน่ายสินค้าในตลาดส่วน non-profit organization องค์กรที่ไม่แสวงกาไร เช่น
หน่วยงานของรัฐ โรงพยาบาล องค์กรเพื่อสุขภาพและอนามัย
รายชื่องานแสดงสินค้าที่เกี่ยวข้องในสหรัฐฯ
1. Federation of International Medical 3. Medtrade
Equipment Suppliers (FIME) Show Date: March 28 – 29, 2018
Date: August 8 – 10, 2017 Mandalay Bay Convention Center, Las Vegas, NV
Miami Beach Convention Center, Miami, FL http://www.medtrade.com/spring/index.shtml
https://www.fimeshow.com/en/home.html
2. Medical Design & Manufacturing West 4. Medical Design & Manufacturing East
Date: February 6 – 8, 2018 Date: June 12 – 14, 2018
Anaheim Convention Center, Anaheim CA Jacob K. Javits Convention Center, New York, NY
http://mdmwest.mddionline.com/ http://mdmeast.mddionline.com/
บรรณานุกรม
- Globenewswire.com “U.S. Condom Market will reach USD 1,680.22 Million by 2022: Zion Market
Research”
The Stranger “Parents, Now is the time to talk to your gay teen about prep”
Independent News “Chinese group buys condom brand named after James Bond for £462
PR News “2017 SKYN Condoms millennial sex survey revals nearly 50% of respondents sext at least
one a week”
PSFK.com “This startup is trying to create a more sustainable condom”
- Dred.com “Types of contraceptive”
- Verywell.com “Condom Types” by Dawn Stacy, PhD, LMHC
https://www.verywell.com/condom-types-906789
- IBIS World
- Datamyne.com
- World Trade Atlas