Professional Documents
Culture Documents
ถอดเทปครั้งที่ 5 วิชากฎหมายระหว่างประเทศ
อาจารย์จตุรนต์ ถิระวัฒน์
ขอบเขตการใช้บังคับ(สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ระดับ)
วิวัฒนาการของจารีตประเพณีระหว่างประเทศ
แม้จารีตประเพณีระหว่างประเทศจะเป็นกฎเกณฑ์ในสังคมระหว่างประเทศที่เกิดจากบ่อเกิดอันไม่เป็น
ลายลักษณ์อักษร แต่จารีตประเพณีระหว่างประเทศนั้นสำคัญอย่างยิ่ง เพราะแม้จะมีกฎเกณฑ์ที่เป็นลายลักษณ์
อักษรแต่จารีตก็ยังมิได้คลายความสำคัญลงแต่อย่างใด จารีตประเพณีนั้นมีลักษณะที่เป็นพลวัตร(Dynamic
เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา) เกิดทางปฏิบัติไปในทางไหนจารีตประเพณีก็จะค่อยๆเกิดขึ้นตามไปถ้าเข้าเงื่อนไข
ทุกๆวันบุคคลในกฎหมายระหว่างประเทศเกิดการขยับ การเปลี่ยนแปลงอยู ่ต ลอดเวลาตามยุ คสมัย ตาม
เทคโนโลยี แต่นักนิติศาสตร์ก็ตระหนักดีถึงข้อจำกัดของจารีตประเพณี กล่าวคือ เมื่อมิเป็นลายลักษณ์อักษรจึง
มีข้อจำกัดสำคัญคือไม่มีความชัดเจนมากนัก ว่ามีอยู่หรือไม่อย่างไรและมีเนื้อหาที่ชัดแจ้งประการใด เมื่อ
มิได้เป็นลายลักษณ์อักษรเราก็ต้องไปตีความกันในทางปฏิบัติ และผู้ที่จะชี้ว่าจารีตดังกล่าวมีอยู่จริง หรือไม่ก็คือ
ตุลาการศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเท่านั้น ในสายตาของนักกฎหมายระหว่างประเทศรัฐ จะมีความเห็ น
อย่างไรไม่สำคัญ นี่คือข้อจำกัดในแง่ของความไม่ชัดเจน รัฐ แต่ละรัฐมักคิดเข้าข้างตัวเอง ตุลาการจึงจะเป็นผู้
ตรวจสอบและชี้ว่าเป็นหรือไม่
เช่นนี้นานาชาติต่างพิจารณาว่าจะสามารถปรับปรุงแก้ไขข้อจำกัดดังกล่าวให้ดีขึ้นได้อย่างไร จึงได้คิด
กระบวนการที่ชื่อว่า Codification of international law หรือก็คือ การทำประมวลกฎหมายระหว่างประเทศ
แต่การ Codification ในกรณีนี้ไม่เหมือนกับการทำประมวลกฎหมายอย่ างที ่ไทยทำ แต่เป็นการประมวล
กฎเกณฑ์ที่อยู่ในรูปของจารีตประเพณีให้เป็น ลายลัก ษณ์ อัก ษรขึ้นมา โดยรูปแบบก็ คือทำเป็นการยกร่าง
กฎหมายในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจารีตประเพณีนั้นๆ สิ่งที่ไม่ชัดเจนก็ นำมาเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร โดยผู้ที่
รับผิดชอบปรากฎตามมาตรา 12 ของกฎบัตรสหประชาชาติคือ คณะกรรมธิการกฎหมายระหว่างประเทศ
(International law commission หรือ ILC)2 ซึ่งก็จะประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายระหว่าง
ประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กระบวนการยุติ ธรรมระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพวกอาจารย์
3 อาจารย์กล่าวว่านักศึกษาพึงจดเอาไว้ได้เลย เพราะเวลาที่เราศึกษาหรือกล่าวถึงเรื่องสนธิสัญญาจะต้องมีการอ้างหรือกล่าวถึง
อนุสัญญาฉบับนี้อยู่เสมอๆ
4 เหตุผลในข้อแรกเป็นเหตุผลในทางเทคนิค ส่วนเหตุผลข้อที่ 2 เป็นเหตุผลในทางกฎหมายและนโยบาย
By ทอใจ & ทลว
บ่อเกิดที่ 2 ที่มาหรือบ่อเกิดอันเป็นลายลักษณ์อักษร(สนธิสญ
ั ญา)
พัฒนาการ
สัญญาเป็นการทำความตกลงในระหว่ างประเทศที่รัฐทำกันมาช้ านานตั้ง แต่ย ังไม่มีวงการระหว่าง
ประเทศ แม้แต่ประเทศไทยเองก็เคยได้ทำ เก่าแก่ที่สุดเท่าที่พบหลักฐานก็คือสมัยสุโขทัย ทำสัญญาค้าขายกั บ
ประเทศเพื่อนบ้าน สัญญาบางฉบับแม้จะทำมายาวนานแต่กล่าวได้ว่าก็ยังมีผลผูกพันอยู่ ยังไม่ได้ยกเลิกกันไป
เพราะฉะนั้นสนธิสัญญาจึงเป็นทางปฏิบัติซึ่งทำมาช้านานจนกลายเป็นจารีตประเพณี และเกิดการนำไปทำเป็น
กฎเกณฑ์ที่เป็นลายลักษณ์อักษรโดย ILC ดังที่กล่าวไปในย่อหน้าก่อนๆ6
ความหมายหรือนิยาม
ตามอนุสัญญากรุงเวียนนาได้มีการให้ความหมายเอาไว้ในมาตรา 27 ว่า ในการศึกษาอาจารย์จะไม่ได้
สอนไปตามคำนิยามในมาตรา 2 ของอนุสัญญาปี 1969 เนื ่ อ งจากอนุสั ญญาปีด ั งกล่ าวกล่ าวถึง เฉพาะรัฐ
อาจารย์จะอธิบายให้กว้างขึ้นครอบคลุมไปถึงประเด็นขององค์การระหว่างประเทศด้วย
5 (อาจารย์ท่านยกตัวอย่างเพิ่มอีกแต่เป็นการสรุปแล้วจึงขออนุญาตยกลงมาไว้ที่ฟุตโน้ตแทนนะครับ) คดีเหมืองทองอัครา ใน
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและออสเตรเลียคือทั้งสองรัฐได้มีการทำสัญญาเขตการค้าเสรีกัน และกำหนดไว้ว่าทั้งสอง
ฝ่ายจะคุ้มครองนักลงทุนของอีกฝ่าย มีปัญหาให้ใช้การระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการอันเป็นกลไกข้อพิพาททางการศาล
ระหว่างประเทศ ปรากฏว่าวันดีคืนดีมีนักลงทุนมาทำเหมือง แต่ไทยไปชี้ว่าการดำเนินการดังกล่าวนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายเรื่อง
สิ่งแวดล้อม สั่งยกเลิกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 เมื่อเราเป็นองค์อธิปัตย์ในบ้านเราเราสั่งแล้วก็สิ้นสุดเด็ดขาด ทั้งยังมี
ความพิเศษคือเป็นมาตราที่เมื่อใช้แล้วไม่ว่าจะฝ่ายไหน(นิติ บัญญัติ บริหาร ตุลาการ)ไม่ต้องขึ้นศาลไม่มีการตรวจสอบใดๆ จบ
เบ็ดเสร็จในมาตราเดียว ซึ่งแค่ในบ้านเรานะ แต่ในทางระหว่างประเทศไม่จบ ก็เกิดการฟ้องร้องต่ออนุญาโตตุลาการ
6 หน้าที่ 3 + (อาจารย์พูดเสริม)และหลังจากนี้เมื่อ เราได้ศึกษาเกี่ยวกับประเด็นของสนธิสัญญา อาจารย์ผู้สอนย่อ มอ้า งมาตรา
-ไล่ประเด็นคำนิยาม-
ออกคำสั่งให้ไปสำรวจคนละทิศกัน จึงไม่เกิดความขัดแย้ง
11 เท่าที่ฟังมาคิดว่าเป็นประมาน กลุ่มคนในพื้นที่หนึ่งซึ่งกำลังพยายามผลัก ดันพื้นที่ของตัว เองให้มีเอกราช มีอธิปไตย แยกตัว
ออกจากชาติที่อยู่ในปัจจุบัน คงเหมือนๆกับตอนชาติทั้งหลายแยกตัวออกจากโซเวียต
12 ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bbc.com/thai/international-57074660 และ
https://travel.trueid.net/detail/X0QLEl7eLVpD
By ทอใจ & ทลว
เป็นเพียงสัญญาตามกฎหมายสัญญาของประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้นไม่ใช่ในกฎหมายระหว่างประเทศ ถ้าจะเป็นกฎหมาย
ระหว่างประเทศต้องบัญญัติว่า ในการปรับใช้ให้ใช้กฎหมายระหว่างประเทศ หากมีข้อขัดแย้งต้องการระงับข้อพิพาทต้องใช้
องค์กรทางการศาลระหว่างประเทศ ต้องเขียนเช่นนี้จึงจะเป็นสนธิสัญญา
By ทอใจ & ทลว
จากจุดนี้เองทำให้เราจำต้องมีแนวทางการวิเคราะห์ เพราะเอกสารระหว่างประเทศนั้นมีเยอะแยะไป
หมด ชื่อนั้นเป็นสนธิสัญญาไหม มีวิธีการอะไรที่เราจะแยกแยะได้ หัวข้อนี้เราก็จะใช้บทเรียนที่ศาลยุติธรรม
ระหว่างประเทศในคดีปี 1979 ระหว่างกรีกกับตุรกีในคดีไหล่ทวีปในทะเลอีเจี้ยน ในคดีนี้ศาลได้ให้แนวในการ
วินิจฉัยแบ่งแยกเอกสารระหว่างประเทศกับสนธิสัญญา ต้องพิจารณา 3 เรื่องไปพร้อมกัน 1.พิจารณารูปแบบ
ของการทำเอกสารฉบับดังกล่าว 2.พิจารณาตัวบทและเนื้อหาสาระ(Text) 3.พิจารณาสภาวะการณ์แวดล้อมที่
เกิดขึ้นก่อน ระหว่างการทำเอกสารชิ้นดังกล่าว เพื่อหาวัตถุประสงค์อันแท้จริงว่ามีความประสงค์ที่จะทำนิติ
กรรมความตกลงระหว่างประเทศในรูปของสนธิสัญญาหรือไม่(Context)