Professional Documents
Culture Documents
√
𝑥+7 , 𝑥>2
3.กําหนดให้ f(x) =
|𝑥 − 2𝑥 − 3| , 𝑥≤2
𝑓(2 + ∆𝑥) − 𝑓(2)
3.1 จงหา lim −
→ ∆𝑥
4. จงหาอนุพันธ์ของฟงก์ชน
ั ต่อไปนี
𝜋
4.1) 𝑦 = 5𝑥− + 7 arcsin − 𝜋sec (𝑥)
3
√
4.2) 𝑦 = 𝑥 arccos 𝑥+4
log (𝑥 + 1)
4.3) 𝑦 =
sin (3𝑥 + 1)
𝑥
4.4) 𝑦 = 𝑒 − tan
2
√
+ 1
4.5) 𝑦 = 6 +
ln (𝑥)
5. จงหาสมการเส้นสัมผัสกราฟทีมีความชันเท่ากับ 4 ของเส้นโค้ง 𝑦 = 4𝑥 + 5
CalculusA for Engineering 1 midterm shortcut |4
1
7. กําหนดให้ 𝑦 = √ + 𝑥 จงเติมคําตอบทีถูกต้องลงในช่องว่างต่อไปนี
2𝑥 + 1
7.1 𝑓 (𝑥) =
7.2 𝑓 (𝑥) =
7.3 𝑓 ( ) (𝑥) =
7.4 𝑓 ( ) (𝑥) =
𝑑𝑦
8. กําหนดให้ 𝑥 + 3𝑥𝑦 + 1 = 𝑒( + )
จงหา ที 𝑥 = 0, 𝑦 = 0
𝑑𝑥
( )
𝑥 cos (𝑥)
9. จงหาอนุพันธ์ของฟงก์ชน
ั 𝑦= โดยใช้สมบัติของลอการิทึมธรรมชาติ
(𝑥 + 1)
CalculusA for Engineering 1 midterm shortcut |5
ถ้า 𝑓 เปนฟงก์ชน
ั เพิมบนช่วง (−∞, 0) ∪ (3,7) ∪ (7, ∞) และ 𝑓 เปนฟงก์ชน
ั ลดบนช่วง (0,3)
11.1 จงแสดงวิธห
ี าจุดวิกฤตทังหมดของ 𝑔(𝑥)
จงใช้ดิฟเฟอเรนเชียลหาค่าประมาณของ
13.1 ค่าผิดพลาดในการคํานวณปริมาตรของลูกบาศก์นี
13.2 ค่าผิดพลาดร้อยละในการคํานวณปริมาตรของลูกบาศก์นี
16. จงหาลิมิตต่อไปนี(เติมเฉพาะคําตอบ)
−𝑥
16.1 lim + =
→− 𝑥 + 1
𝑥
16.2 lim =
→ 𝑥 +1
𝑥
16.3 lim =
→− 𝑥+1
17. จงหาลิมิตต่อไปนีโดยใช้กฎของโลปตาล
𝑥 +𝑒
17.1 lim =
→ 2𝑥 + 𝑒
17.2 lim−(1 + 𝑥) =
→
จบแบบฝกหัดชุดที 1
CalculusA for Engineering 1 midterm shortcut |1
แบบฝกหัดกลางภาค ชุดที 1
1. กําหนดจุด 𝑃 = (0,1,0), 𝑄 = (1,2,0), 𝑅 = (1,1,1)
𝑟⃑(𝑡)
𝑂(0,0,0)
1.2 จงหาโพรเจคชันเวกเตอร์ของ 𝑃𝑄 บนเส้นตรง 𝐿
จากข้อ 1.1 และ 1.2 จะเห็นได้วา่ เวกเตอร์ 𝑣⃑𝑡 นันมีทิศทางเดียวกับเวกเตอร์ 𝑃𝑟𝑜𝑗 𝑃𝑄 ดังนัน 𝑃𝑟𝑜𝑗 𝑃𝑄 = 𝑣⃑𝑡
1 1
, 0, = 〈1,0,1〉𝑡
2 2
เรามาพิจารณาส่วนนีกันตามความหมายของเวกเตอร์ทขนานกั
ี น ดังนัน สัมประสิทธิทีอยู่ด้านหน้าของเวกเตอร์ คือ
สเกลาร์ไม่ใช่ทิศทางของเวกเตอร์ ดังนันเราจะพยายามจัดรูปใหม่ได้
1 1 1
〈1,0,1〉 = 𝑡〈1,0,1〉 ∴ 𝑡 = แล้ว 𝑡 ทีเราได้มานีเกียวข้องกับจุด 𝐷 ยังไง นันก็คือ 𝑡 = ทําให้เกิดเวกเตอร์ 𝑃𝐷
2 2 2
1
ดังนันเราจึงระบุวา่ จุด 𝐷 คือจุดอะไรได้ โดยที 𝑃𝐷 = 〈𝑥 − 0, 𝑦 − 1, 𝑧 − 0〉 = 𝑣⃑𝑡 = 〈1,0,1〉
2
1 1 1 1 1 1
∴ 〈𝑥, 𝑦 − 1, 𝑧〉 = , 0, จะได้วา่ 𝑥 = , 𝑦 − 1 = 0 หรือ 𝑦 = 1 , 𝑧 = หรือ 𝐷(𝑥, 𝑦, 𝑧) = , 1,
2 2 2 2 2 2
2. สังเกตทัง 𝑟 (𝑡) และ 𝑟 (𝑡) จะมี 𝑢 เริมทีจุดเดียวกัน คือ 〈1,0,0〉 นันหมายความว่า ทังสองเวกเตอร์ตัดกันนันเอง
CalculusA for Engineering 1 midterm shortcut |2
𝐿
𝐿 𝚤 ⃑̇ 𝚥 ⃑̇ 𝑘⃑ 𝚤 ⃑̇ 𝚥 ⃑̇
𝑛⃑ 𝑛⃑ = 〈1,1,1〉 × 〈1,2,0〉 = 1 1 1 1 1
〈1,2,0〉𝑡 1 2 0 1 2
〈1,1,1〉𝑡
= (0)𝚤̇⃑ + 𝚥 ̇⃑ + 2𝑘⃑ − 𝑘⃑ − 2𝚤̇⃑ − (0)𝚥 ̇⃑ = 〈−2,1,1〉
𝑃 (1,0,0)
จากสมการระนาบ 𝑎(𝑥 − 𝑥 ) + 𝑏(𝑦 − 𝑦 ) + 𝑐(𝑧 − 𝑧 ) = 0
√
x+7 , x>2
3.กําหนดให้ f(x) =
|x − 2x − 3| , x ≤ 2
𝑓(2 + ∆𝑥) − 𝑓(2)
3.1 จงหา lim −
→ ∆𝑥
พิจารณา 2 + ∆𝑥 จะมีความหมายคือ 2 + 0− = 2− ดังนันเราจะใช้ชว่ งที 𝑥 ≤ 2 ในการหาลิมิต
และในช่วง 2− ฟงก์ชน
ั |x − 2x − 3| จะมีรูปร่างเหมือนกับ − (𝑥 − 2𝑥 − 3)
∴ 𝑓(2 + ∆𝑥) = −((2 + ∆𝑥) − 2(2 + ∆𝑥) − 3) = −4 − 4∆𝑥 − (∆𝑥) + 4 + 2∆𝑥 + 3 = −(∆𝑥) − 2∆𝑥 + 3
4. จงหาอนุพันธ์ของฟงก์ชน
ั ต่อไปนี
𝜋
4.1) 𝑦 = 5𝑥− + 7 arcsin − 𝜋sec (𝑥)
3
𝑑𝑦 4 −
=5 − 𝑥 + 0 − 𝜋 sec(𝑥) tan(𝑥) = −4𝑥− − 𝜋 sec(𝑥) tan(𝑥)
𝑑𝑥 5
√
4.2) 𝑦 = 𝑥 arccos 𝑥 + 4
𝑑𝑦 𝑑 √ √ 𝑑
=𝑥 cos− 𝑥+4 + cos− 𝑥+4 (𝑥 )
𝑑𝑥 𝑑𝑥 𝑑𝑥
𝑑𝑦 1 𝑑 √ √
=𝑥 ⎡
⎢− √ 𝑥+4 ⎤
⎥ + 3𝑥 cos− 𝑥+4
𝑑𝑥 1− 𝑥+4 𝑑𝑥
⎣ ⎦
1 𝑥−
𝑑𝑦
= −𝑥 ⎡ 2 ⎤ + 3𝑥 cos− √𝑥 + 4 = − 𝑥
+ 3𝑥 cos−
√
𝑥+4
𝑑𝑥 ⎢ √ ⎥ √
⎣ 1− 𝑥+4 ⎦ 2 1− 𝑥+4
log (𝑥 + 1)
4.3) 𝑦 =
sin (3𝑥 + 1)
𝑑 𝑑
𝑑𝑦 sin(3𝑥 + 1) 𝑑𝑥 (log (𝑥 + 1)) − log (𝑥 + 1) 𝑑𝑥 (sin (3𝑥 + 1))
=
𝑑𝑥 (sin (3𝑥 + 1))
1 1
𝑑𝑦 sin(3𝑥 + 1) 𝑥 + 1 ⋅ ln 4 (2𝑥) − log (𝑥 + 1) [3 cos(3𝑥 + 1)]
=
𝑑𝑥 sin (3𝑥 + 1)
𝑥
4.4) 𝑦 = 𝑒 − tan
2
𝑑𝑦 𝑥 𝑑 𝑥 𝑥 𝑥 𝑑 𝑥
=3 𝑒 − tan 𝑒 − tan =3 𝑒 − tan 2𝑒 − sec
𝑑𝑥 2 𝑑𝑥 2 2 2 𝑑𝑥 2
𝑑𝑦 1 𝑥 𝑥
= 3 2𝑒 − sec 𝑒 − tan
𝑑𝑥 2 2 2
√
+ 1
4.5) 𝑦 = 6 +
ln (𝑥)
+ )
𝑦 = 6( + (ln 𝑥)−
𝑑𝑦 + ) 𝑑 𝑑
= 6( ln 6 (3𝑥 + 5) − (ln 𝑥)− (ln 𝑥)
𝑑𝑥 𝑑𝑥 𝑑𝑥
𝑑𝑦 1 1 3 6( + ) ln 6 1
= 6( + )
ln 6 (3𝑥 + 5)− (3) − (ln 𝑥)− = √ −
𝑑𝑥 2 𝑥 2 3𝑥 + 5 𝑥 ln 𝑥
5. จงหาสมการเส้นสัมผัสกราฟทีมีความชันเท่ากับ 4 ของเส้นโค้ง 𝑦 = 4𝑥 + 5
1
อนุพันธ์ของเส้นโค้งจะมีค่าเท่ากับความชัน ณ จุดใดๆของเส้นสัมผัสเส้นโคเงนัน นันคือ 𝑦 = 8𝑥 = 4 ∴ 𝑥 = นําไปแทน
2
1 1
𝑦=4 + 5 = 6 ดังนันจุดทีมีความชันเท่ากับ 4 คือจุด (𝑥, 𝑦) = ,6 จากสมการเส้นสัมผัสกราฟซึงเปนเส้นตรงจะได้
2 2
1
𝑦 = 𝑚𝑥 + 𝑐 หรือ 6 = 4 + 𝑐 จะได้ 𝑐 = 4 ดังนันสมการเส้นสัมผัสนีมีสมการเปน 𝑦 = 4𝑥 + 4
2
CalculusA for Engineering 1 midterm shortcut |4
𝑑𝑦 𝑑𝑦
= 1 − 2𝑡 ดังนัน = 1 − 2(2) = 1 − 4 = −3 เมตร⁄ชัวโมง
𝑑𝑡 𝑑𝑡 =
1
7. กําหนดให้ 𝑦 = √ + 𝑥 จงเติมคําตอบทีถูกต้องลงในช่องว่างต่อไปนี
2𝑥 + 1
𝑦 = (2𝑥 + 1)− ⁄
+𝑥
1
7.1 𝑓 (𝑥) = − (2𝑥 + 1)− (2) + 5𝑥
2
1 3
7.2 𝑓 (𝑥) = (2𝑥 + 1)− (2) + 20𝑥
2 2
1 3 5
7.3 𝑓 ( ) (𝑥) = − (2𝑥 + 1)− (2) + 60𝑥 = −1 ⋅ 3 ⋅ 5(2𝑥 + 1)− + 60𝑥
2 2 2
( )
𝑥 cos (𝑥)
9. จงหาอนุพันธ์ของฟงก์ชน
ั 𝑦= โดยใช้สมบัติของลอการิทึมธรรมชาติ
(𝑥 + 1)
( )
𝑥 cos (𝑥) ( ) ( )
ln 𝑦 = ln = ln 𝑥 cos (𝑥) − ln[(𝑥 + 1) ] = ln 𝑥 + ln(cos 𝑥) − 3 ln(𝑥 + 1)
(𝑥 + 1)
ถ้า 𝑓 เปนฟงก์ชน
ั เพิมบนช่วง (−∞, 0) ∪ (3,7) ∪ (7, ∞) และ 𝑓 เปนฟงก์ชน
ั ลดบนช่วง (0,3)
11.1 จงแสดงวิธห
ี าจุดวิกฤตทังหมดของ 𝑔(𝑥)
1
𝑔 (𝑥) = ⋅ 𝑓 (𝑥) = 0 ∴ จะเห็นว่า 𝑔 (𝑥)จะเท่ากับ 0 เมือ 𝑓 (𝑥) = 0 เพราะ 𝑓(𝑥) > 0 เสมอ แล้วจุดที 𝑓 (𝑥) = 0
𝑓(𝑥)
สังเกตุจากช่วงที 𝑓 เปนฟงก์ชน
ั เพิมบนช่วง (−∞, 0) แล้วเกิดฟงก์ชน
ั ลดในช่วง (0,3)
หมายความว่า ที 𝑥 = 0 กําลังโค้งลง
สังเกตุจากช่วงที 𝑓 เปนฟงก์ชน
ั ลดบนช่วง (0,3) แล้วเกิดฟงก์ชน
ั เพิมในช่วง (3,7)
หมายความว่า ที 𝑥 = 3 กําลังโค้งขึน
𝑥=3
1 − 1 (4 − 𝑥)
𝑓 (𝑥) = 𝑥 [5(4 − 𝑥) (−1)] + (4 − 𝑥) 𝑥 = −5𝑥 (4 − 𝑥) + = 0 ทําการแก้สมการ โดยที 𝑥 ≠ 0
3 3 𝑥
∴ (𝑥 − 4) (−16𝑥 + 4) = 0
4 1
ดังนันจุดวิกฤต คือ จุดที 𝑥 = 4, = ,4
16 4
CalculusA for Engineering 1 midterm shortcut |6
1 (4 − 𝑥)
จาก 𝑓 (𝑥) = −5𝑥 (4 − 𝑥) +
3 𝑥
2 −
5 1 ⎡𝑥 5(4 − 𝑥) (−1) − (4 − 𝑥) 3 𝑥 ⎤
𝑓 (𝑥) = −5𝑥 [4(4 − 𝑥) (−1)] + (4 − 𝑥) − 𝑥− + ⎢ ⎥
3 3
⎣ 𝑥 ⎦
5 (4 − 𝑥) 1 2
= 20𝑥 (4 − 𝑥) − + −5𝑥 (4 − 𝑥) − (4 − 𝑥) 𝑥− 𝑥−
3 𝑥 3 3
1 1 15 5 (15⁄4) 1 2
𝑓 = 20 − + −5(1⁄4) ⁄
(15⁄4) − (15⁄4) (1⁄4)− ⁄
(1⁄4)− ⁄
4 4 4 3 (1⁄4) ⁄ 3 3
พจน์นีลบทังก้อนแน่นอน
−
1 15 5 (15⁄4) 15 1 5 15 1 15 1 1
พิจารณา 20 − = 20 − = 20 − 25 <0
4 4 3 (1⁄4) ⁄ 4 4 3 4 4 4 4 4
1 1
∴𝑓 < 0 แน่นอน ดังนัน 𝑥 = เปนจุดสูงสุดสัมพัทธ์
4 4
จงใช้ดิฟเฟอเรนเชียลหาค่าประมาณของ
13.1 ค่าผิดพลาดในการคํานวณปริมาตรของลูกบาศก์นี
ปริมาตรของลฃูกบาศก์เขียนสมการได้เปน 𝑉 = 𝑥 ∴ 𝑑𝑉 = 3𝑥 𝑑𝑥
13.2 ค่าผิดพลาดร้อยละในการคํานวณปริมาตรของลูกบาศก์นี
𝑑𝑉 3𝑥 𝑑𝑥 𝑑𝑥 0.1
× 100 = × 100 = 3 × 100 = 3 × 100 = 5 %
𝑉 𝑥 𝑥 6
16. จงหาลิมิตต่อไปนี(เติมเฉพาะคําตอบ)
−𝑥 1
16.1 lim + = + = +∞
→− 𝑥+1 0
𝑥 1
16.2 lim = lim 𝑥 = 0 =0
→ 𝑥 +1 →
1+ 1 1+0
𝑥
𝑥
16.3 lim = −∞
→− 𝑥+1
17. จงหาลิมิตต่อไปนีโดยใช้กฎของโลปตาล
𝑥 +𝑒 ∞
17.1 lim = โลปตาล
→ 2𝑥 + 𝑒 ∞
2𝑥 + 𝑒 ∞ 2+𝑒 ∞
lim = โลปตาลอีกครัง lim =
→ 2 + 3𝑒 ∞ → 9𝑒 ∞
𝑒𝑥 1 1
∴ lim = lim = =0
𝑥→∞ 27𝑒3𝑥 𝑥→∞ 27𝑒 2𝑥 ∞
1 ln(1 + 𝑥)
สมมติ 𝑦 = (1 + 𝑥) ดังนัน 𝑡𝑎𝑘𝑒 ln จะได้ ln 𝑦 = ln (1 + 𝑥) = ln(1 + 𝑥) =
𝑥 𝑥
ln(1 + 𝑥) 0 1⁄𝑥 1 1
∴ lim− = สามารถใช้โลปตาลได้ lim− = lim− = + = +∞
→ 𝑥 0 → 2𝑥 → 2𝑥 0
ln(1 + 𝑥)
lim− ln 𝑦 = lim− = +∞ ∴ lim−(𝑦) = 𝑒+ = +∞
→ → 𝑥 →
∴ lim−(1 + 𝑥) = +∞
→