You are on page 1of 10

ใบงานที่ 6

เรื่อง การยอยอาหารของคน
1. ใหนักเรียนเขียนทางเดินอาหารของคนใหถูกตอง

ปาก คอหอย (pharynx) หลอด อาหาร กระเพาะ อาหาร

ตอมน้ําลาย(salivary gland)
ตับออน (pancreas)
ทวารหนัก (anus) ไ ให ไ เ ก
บ ( Liver )

2. เรามาศึกษารายละเอียดของการยอยอาหารในแตละสวนของทางเดินอาหารคนกันจา
2.1. ปาก (mouth) มีสวนประกอบ ดังนี้
ง ใ น เ ยว
2.1.1.ริมฝปาก (lip)…………………………………………………………………………………………………………………….…………..
อาหาร บด

ง บใ ใน ง แ ม อ ระห าง
อา หา ไป
กระ น
2.1.2.ชองแกม (buccal cavity)..............................................................................................................................
2.1.3.โพรงปาก (oral cavity)…………………………………………………..………………………………………………………………
บ รสชา วย อย ุ
อาหาร

ใ าน อยในปาก เค อน
2.1.4.ลิ้นไก (uvala)…………………………………………………………………………………………………………………………………
อาหาร การ หลอดอาหาร

ป าง อง ปาก เ น
2.1.5.เพดาน (hard palate)…………………………………………………………………………………………………………………….
คง าน
,
ทาง ของ อาหาร

ใ าน อยในปาก เค อน
2.1.6.เพดานออน (soft palate)……………………………………………………………………………………………………………….
อาหาร การ หลอดอาหาร

ง น เ ยว บรสชา

2.1.7.ลิ้น (tongue)………………………………………………………………………………………………………………………………….
อาหาร บด
, ค กเค า อาหาร บ ลาย
อาหาร
,

2.1.8. ฟน (teeth) มี 2 ชุด คือ ฟนน้ํานม และ ฟนแท ฟนมี 4 ประเภท 1. ฟนตัด/ฟนหนา (incisor) ทําหนาที่
ด และ ก
.................................
อาหาร ด และ ก
2. ฟนฉีก/ฟนเขี้ยว (canine) ทําหนาที่...................................... อาหาร3. ฟนบด/ฟนกรามหนา
(premolar) 4. ฟนบด/ฟนกรามหลัง (molar) ทั้ง 3 และ 4 ฟนทําหนาทีห่ ลัก คือ .............................................. บด เคย ว อาหาร

วย กษา ป าง โครงส าง ใบ ห า ง วยใน


นอกจากนี้ยังทําหนาที่อื่น ๆ ไดดวย เชน ..................................................................................................................
และ ขอ และ

การ ออก เ ยง กษร บาง เ ยง านไร น เ น ส


……………………………………………………………………………………………………………………………….……………………………..
ว ออก ซ

าง ใ น ใ ขากรรไกร
2.1.9.ตอมน้ําลาย (salivary gland) ตอมน้ําลายพบได 3 ตําแหนง คือ .................................................................
กก
, ,

ส าง เอนไซ
ทําหนาที่หลัก คือ…………………………………………………นอกจากนี Amylase วย ค กเค า
้ยังทําหนาที่อื่น ๆ ไดดวย เชน..............................
อาหาร อาหาร เ ยก น อน ม เ อใ สะดวกใน ก น
………………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………….
ใ และ การ

ขอควรจํานะจะ การยอยอาหารในปากมีการยอยทั้งเชิงกลและเชิงเคมี โดย


เ ยว ใ อาหาร
บด เ ก
1. ฟน จะทําหนาที่......................................................................................................เปนการยอยเชิ
ขนาด ลง ง........................
กล

2. ตอมน้ําลาย จะทําหนาที่สรางเอนไซมที่มีชื่อวา...............................หรื
Amylase ผ ต ลาย
อ.............................ออกมายอยสารอาหาร
แ ง ไกลโคเจน เ ก ท น

ประเภท........................................ไดแก....................................................เปนการยอยเชิ
และ
ง......................ดังสมการ
เค ม

อะไมเลส อะไมเลส
แปงและไกลโคเจน เด็กซทริน น้ําตาลโมเลกุลคู
(amylase) (amylase)
(Polysaccharide) (Dextrin) (Disaccharide) :
HO HO
2 (oligosaccharide) 2 มอลโทส (Maltose)
ลำ
ลำ
ส่
ตั
ฟั
บั
พุ
รั
ฟั
ทำ
ย่
ช่
ย่
ที่ผ่
รู
ที่สู่
ช่
ทำ
ผ่
ย่
ที่ผ่
ส่
ที่สู่
ฟั
รั
รู
รั
ช่
ม้
ฉี
ตั
ฉี
ตั
นำ
กั
ช่
ยั
ที่
ตั
อั
พั
ผ่
หู
ข้
ลิ้
ช่
ทำ
อ่
ทำ
มี
ทํ้
ริ
ซ์
ป็
สี
ช่
คี้
คี้
พื่
สี
ปี
คี้
ด็
ล็
ล็
ห้
ห้
ส้
ก้
ส้
ห้
ห้
ห้
ห้
ร้
ยู่
ห้
ลื
ลิ
ต้
ลุ
ห้
น้
ต้
ป้
ลุ
ลื่
ลื่
ร่
ร่
คั
ว่
ญ่
นุ่
ติ
ชื้
ติ
ร้
ม์
ล้
ล้
2.2. คอหอย (pharynx) เปนทางผานของอาหารจะเกี่ยวของกับกระบวนการกลืน (swallowing/deglutition) ซึ่ง
อน น นไ
ควบคุมโดยสมองสวน medulla oblongata การกลืนมีขั้นตอนดังนี้.....................................................................
อน อาหาร จะ เพดาน และ

ด เ นทาง แ ว ก อง เ ยง
หลอดลม นไป ดก อง เ ยง พ อม บ ด ก อง เ ยง เ อ อง นไ ใ
……………………………………………………………………….……………………………………………………………………………………..
จะ ยก หา ฝา อาหาร ตก ลง

ก น าน
…………………………………………………………………………………………………………….………………………………………………..
ไปใน แ ว
ก Peristalsis าน หลอดอาหาร
หลอดลม
ก อาหาร จะ คอ หอย จะ

…………………………………………………………………………………………………………….………………………………………………..
ลองคิดดู
เ น วน ม ส บ งไ าน ด เ อโรค
1. เหตุใดเราจึงติดเชื้อที่คอหอยไดงาย...................................................................................................................
บ เวณ เพราะ คอหอย อาหาร การ

2. ถาเราหายใจดวยกลืนอาหารดวยจะเกิดอะไรขึ้น………………….…………………………….…………..……………………..
เ ด ด
น เ นหายใจ เ ด
การ ทาง
ด น ุ การ ก
หลอดลม
,

2.3. หลอดอาหาร (esophagus) เปนทอยาวตอจากคอหอยถึงกระเพาะอาหารและมีหูรูด หลอดอาหารจะมีการหด


เพ อ ส ส
ตัวและคลายตัวของกลามเนื้อเปนชวงๆ เรียกวา กระบวนการ...............................................................................

อย เ งกล
จัดเปนการยอยเชิง...............................ทํ าใหอาหารเคลื่อนตัวลงไปยังกระเพาะอาหารได
ลองคิดดู
1. นักเรียนสามารถตีลังกา กลืนอาหารที่เปนกอนแข็งลงไปยังกระเพาะอาหารไดหรือไม เพราะเหตุใด
ไ เ น อาหาร การ เค อนไหว ก ามเ อ ..........................................
.............................................................................................................................
เพราะ ระบบ ทาง ของ เรา ของ เ ยก า Peristalsis
ง หลอด อาหาร จะ บ วเ น แบบ Peristalsis wave โดยไ อา ย แรงโ ม วง
.......................................................................................................................................................................
2. โรคกรดไหลยอนเกี่ยวของกับหลอดอาหารอยางไร……………………………………………………………………………… อาหาร และ า อย อย แ ว งอ ใน กระเพาะ ใ

.............................................................................................................................
กระเพาะ บ อย ลง การ บ ว ของ หลอด อาหาร อย ไป วยลง ..........................................
2.4. กระเพาะอาหาร (stomach)
2.4.1. ลักษณะทั่วไป กระเพาะอาหารมีลักษณะคลายถุง อยูในชองทองดานซาย ใตกะบังลม มีความจุ 0.5-2
ลิตร มีผนังหนาแข็งแรงมาก แบงออกเปน 3 สวน คือ 1. ....................................เปนสวนที
Cardiac ่ตอจากหลอด
อาหาร มีกลามเนื้อหูรูดชื่อ....................................................
cardiacsphincter musde 2.....................................เปนสวนมี
Fundus ขนาดใหญ
ที่สุดเรียกวา “บอดี้” (body) มีเซลลผลิตสารและเอนไซมตาง ๆ ที่นี่จะเกิดการยอยและดูดซึมสารบาง
ประเภท 3. ……………………………………..….……..
Pylorus เปนสวนทายของกระเพาะอาหารที่ตอกับลําไสเล็ก มีหูรูด
ชื่อ............................................................ทํ
pyloricsphincter musde าหนาที่สงอาหารสูลําไสเล็กเปนระยะ ๆ
2.4.2.ที่กระเพาะอาหารมีกิจกรรมที่เกี่ยวกับการยอยอาหารอะไรบาง มาดูกันคะ
1. กิจกรรมการสรางเอนไซมและสารสําหรับยอยอาหาร ที่ผนังกระเพาะสวน Fundus จะมีการสรางสารโดย
เซลลหลายชนิด ไดแก 1. ......................................
Gcell
ทําหนาที่สรางฮอรโมนแกสตริน (gastrin hormone)
เพื่อกระตุนใหเซลลอื่น ๆ เกิดการสรางและหลั่งสาร 2. ................................................
Cell
m UCUS
ทําหนาที่สรางและ
หลั่งเมือก ปองกันไมใหเซลลกระเพาะถูกยอย 3. .....................................................
pariental cell สรางและหลั่งกรดเกลือ
หรือกรดไฮโดรคลอริก (HCl) สําหรับเปลี่ยนเอนไซมใหอยูในรูปที่ทํางานได 4. ……………………..………………… chief cell

ทํ า หนาที่ ส รางและหลั่ ง เอนไซมสํ า หรั บ ยอยอาหาร ชื่ อ เพปซิ โ นเจน (pepsinogen), โปรเรนนิ น
(prorennin), ลิเพส (lipase)
****กลุมของเอนไซมสําหรับยอยอาหารที่สรางจากกระเพาะอาหาร จะเรียกวา....................................................
gastric juice
ลิ้
อ่
ดั
ก้
ปิ
ปิ
ตำขึ้
รู
ปิ
กั
ป้
ที่ถู
ผ่
ผ่
ถู
ที่สั
ส่
ที่ยั
กั
กำ
ผ่
กั้
อุ
สำ
กั้
อุ
ลั
ย่
มี
ที่
ตั
บี
ซึ่
ว่
ที่ย่
ย่
นํ้
คั่
ทำ
ด้
ก็น้
ตำ
บี
ตำน้
บี
ป็
สี
พื่
ชื้
สี
ดิ
ดิ
กิ
สี
กิ
ชิ
ป็
รี
ดิ
ม่
ม่
ห้
ล้
ห้
ล้
ม่
ริ
ล่
ล่
ล้
ด้
ริ
ล่
ซิ
ร้
ยู่
ลื
ล้
จั
ลื่
ลั
ศั
ผั
กั
ก่
น้
นื้
ถ่
รูหรือไม
1. เพปซิโนเจน (pepsinogen) ยังทํางานไมได ตองถูกกรด HCl เปลี่ยนใหอยูในรูปที่ทํางานไดเสียกอน
เอนไซ เบน น
จะไดสารใหมมีชื่อวา....................................................................
2. โปรเรนนิน (prorennin) ยังทํางานไมไดเชนกัน ตองถูกกรด HCl เปลี่ยนใหอยูในรูปที่ทํางานไดเสียกอน
เอนไซ
จะไดสารใหมมีชื่อวา....................................................................
เวน น

กระเพาะ เ น
3. ลิเพส (lipase) ไมสามารถทํางานไดในกระเพาะอาหาร เพราะ.................................................................
สภาพ สภาพ ของ
ง กรด

ผังสรุป กิจกรรมการสรางเอนไซมและสารสําหรับยอยอาหาร

chief cell pariental cell

2. กิจกรรมการยอยอาหาร (Digestion) เมื่ออาหารจากหลอดอาหารสงมาถึงกระเพาะ จะเกิดการยอย


– การยอยเชิ งกล (mechanical digestion) โดยการบีบตั ว และคลายตั ว ของกลามเนื้อกระเพาะ
อาหารเปนชวง ๆ เรี ยกวา.........................
อ ส ล ส เปนการคลุก เคลาอาหารทํา ใหอาหารอยูในรู ปของไคม
เพ

(chyme) มีลักษณะขนเหลว (กึ่งเหลว) และยังไลใหอาหารเคลื่อนที่ตอไปยังลําไสเล็กไดอีกดวย


– การยอยเชิงเคมี (chemical digestion) ที่กระเพาะอาหารจะมีสารอาหารเพียงประเภทเดียวที่เกิด
เป ยนแปลง โมเล ล โดยใชเอนไซมตอไปนี้
การยอยเชิงเคมี คือ .........................................................
การ ขนาด

พบ น เ โปร น พบไท สาย น


1. เอนไซม.............................จะยอย...................ใหเปน...........................................
เ ดังสมการ

ลองคิดดู จากสมการ นักเรียนคิดวา โปรตีนถูกยอย


โดยเพปซิน จนเล็กที่สุดแลวหรือไม ถายังไมเล็กที่สุด
อาหารจําเปนจะตองผานการยอยตอไปอีกหรือไม
ไ เพราะ เ พบไท สามารถ อย เ นอะ โนไ
.......................................................................

เรน
2. เอนไซม.......................
น จะยอย..........................
casein ใหเปน..............................โดยมี
paracasein แรธาตุ............. ca
2+

เขารวมทําใหน้ํานมอยูในรูปของ......................
chyme พบไดชวงเปนทารกที่ทานนมแม ดังสมการ
นิ
สู
ตั
ซิ
สั้
ย่
ป็
ป็
ด้
ม่
ริ
ลี่
ด์
มิ
ด์
ซิ
นี
ซิ
ตี
กุ
ม์
ม์
3. กิจกรรมการดูดซึมสารบางอยาง (Absorption) กระเพาะอาหารสามารถดูดซึมสารที่ละลายในลิพิดไดดี
แอลกอฮอ ช ด
ยาบาง ตา น แ ธา ช ด
เชน .................................................................................................................................................................
และ บาง

รูหรือไม นอกจากกระเพาะอาหารจะทําหนาที่ 1.สรางเอนไซมและสารสําหรับยอยอาหาร 2. ยอยโปรตีน 3. ดูดซึม


เ น ก ของ อาหาร และ เ ยง เ า ไ เ ก
สารบางอยาง กระเพาะอาหารยังทําหนาที่อื่น ๆ ไดอีก ไดแก........................................................................................
ลาย แบค เ ย มา บ อาหาร ของ เอนไซ จะ มไ เลส มา บ
........................................................................................................................................................................................
ด ลาย สม ด อาหาร

........................................................................................................................................................................................

2.5. ลําไสเล็ก (small intestine)


2.5.1.ลักษณะทั่วไป เปนทอยาวประมาณ 6-7 เมตร ขดอยูในชองทอง แบงออกเปน 3 สวน คือ
– 1. ...............................ติ
อ น ดกับกระเพาะอาหาร มีหูรูด มีลักษณะเปนรูปตัวยู (U) ยาวประมาณ 25 เซนติเมตร
(สั้นสุดแตมีกิจกรรมเกิดขึ้นมากสุด) ที่ผนังมีตอมสรางเอนไซม รวมทั้งมีชองเปดเพื่อรับสารที่สรางจาก ตับ
ส าง เอนไซ สาร ส าง
รวบรวม จาก อย
ออน และตับ ลําไสเล็กสวนนี้ทําหนาที่ ............................................................................................................
บ อน บ และ อาหาร

เจ

– 2. ................................ยาวประมาณ 2.5 เมตร สวนนี้จะมีการดูดซึมสารอาหารเขาสูรางกายมากที่สุด เรา
จะพบเซลลที่ ทํ า หนาที่ ดู ด ซึ ม ซึ่ ง มี ลั ก ษณะบาง ๆ ยื่ น ออกมาคลายนิ้ ว มื อ จํ า นวนมาก เรี ย กว า
ล ส
...............................ลํ าไสเล็กสวนนี้ยังสรางสาร สรางเอนไซมบางชนิด สรางฮอรโมนตาง ๆ ไดอีกดวย
ไอ เ ย
– 3. .......................................ติ

ดกับลําไสใหญ มีหูรูด ยาวประมาณ 3.5 เมตร ทําหนาดูดซึมสารอาหารบาง
ชนิด ลําไสเล็กสวนนี้ยังสรางสาร สรางเอนไซมบางชนิด สรางฮอรโมนตาง ๆ ไดอีกดวย
2.5.2. ที่ลําไสเล็กมีกิจกรรมที่เกี่ยวกับการยอยอาหารอะไรบาง มาดูกันคะ
1. กิจกรรมการสรางเอนไซมและสารสําหรับยอยอาหาร เมื่ออาหารกึ่งเหลวที่เปนกรดจากกระเพาะอาหาร
เคลื่ อนที่มาสั มผั สกับผนังชั้นในของลําไสเล็ กจะกระตุนใหเซลลของลําไสเล็ กสรางฮอรโมน 2 ชนิด คือ
ฮอ โมน ค น
........................................... และ ...............................................
เอนเทอโรไค น ฮอรโมนนี้จะซึมเขากระแสเลือดแลวจะ
กระตุนใหเกิดการสรางสารและเอนไซม ตอไปนี้
1.1. กระตุนใหลําไสเล็กสวน duodenum สรางเอนไซมชนิดตางๆ เรียกวา ………………………………………….. intestinal juice

บ อน
1.2. กระตุน................................................ใหสรางสารโซเดี ยมไฮโดรเจนคารบอเนต (NaHCO3)
น อน
1.3. กระตุน................................................ใหสรางเอนไซมชนิ ดตางๆ เรียกวา ..............................................
pancreatic juice

1.4. กระตุน................................................ใหสรางน้ ําดี (bile) เก็บไวที่ถุงน้ําดี (gallbladder)
จากขอ 1.1-1.4 นักเรียนจะเห็นวาลําไสเล็กไมไดสรางสารและเอนไซมสําหรับยอยเพียงลําพัง เราจะเห็น
องอา ย
วามีตับและตับออนเปนผูชวยอยูดวย เหตุใดลําไสเล็กจึงตองมีผูชวย...............................................................
เพราะใน อย ด การ

เรามารูจักสารและเอนไซมที่แตละอวัยวะสรางสําหรับใชในการยอยอาหารที่ลําไสเล็กกันนะคะ
ลําไสเล็กสวน duodenum (เราจะเรียนกัน 8 ตัว แตจริง ๆ แลวมีเยอะกวานี้อีกมากมายคะ)
1. เอนไซม.....................................................
enterokinase ทําหนาทีก่ ระตุนเอนไซมอื่นใหทํางานได (ไมไดชวยยอย)
2. เอนไซมซูเครส (sucrase) หรือ อินเวอรเทส (invertase) ทําหนาที่ยอยสารอาหารประเภท.............. คา โบไฮเดรต

3. เอนไซมมอลเทส (moltase) ทําหนาที่ยอยสารอาหารประเภท...........................................................


คา โบไฮเดรต

4. เอนไซมแลกเทส (lactase) ทําหนาที่ยอยสารอาหารประเภท.............................................................


คา โบไฮเดรต
นำวิ
ลำ
ที่พั
สู่ลำ
ทำ
ทำ
กั
ที่ติ
ตู้
กั
ที่ติ
ที่
ตั
ตำ
จู
ย่
วิ
ซี
ตั
ต้
ตั
อ่
ต้
ลิ
ย่
น้ำดี
ป็
ข้
ล็
ลี
ส้
นิ
ร้
ร้
นั
นิ
รี
ดิ
ร่
พิ
นิ
ทิ
ร์
บั
ศั
ร์
ร์
ร์
นั
ลั
อ่
อ่
ลี
มิ
ติ
ที
ตุ
รี
ม์
ม์
ล์
5. เอนไซมอะมิโนเพปทิเดส (aminopeptidase) ทําหนาทีย่ อยสารอาหารประเภท.............................. โปร น

6. เอนไซมไตรเพปทิเดส (tripeptidase) ทําหนาที่ยอยสารอาหารประเภท............................................


โปร น

7. เอนไซมไดเพปทิเดส (dipeptidase) ทําหนาที่ยอยสารอาหารประเภท..............................................


โปร น

ไข น กรดไข น ก
, , ลง
เ ซอ รอ ด
8. เอนไซมลิเพส (lipase) ทําหนาที่ยอยสารอาหารประเภท....................................................................
*** ขอสังเกต 1 ชื่อเอนไซมจะลงทายดวย เ........ส นั่นคือ เอนไซมนั้นยอยอะไรก็จะลงทายดวยพยัญชนะพยางค
สุดทายของสารที่ยอยนั้น เชน เอนไซมชื่อ พัชรเกส จะยอยสารชื่อ พัชรกาญจน
*** ขอสังเกต 2 เอนไซมที่สรางจากลําไสเล็กจะยอยสารอาหารจนกระทั่ง เล็กที่สุดจนดูดซึมได โดยสังเกตจากชื่อ
เอนไซม เชน เอนไซมชื่อซูเครส จะยอยสารชื่อซูโครส ได กลูโคส+ฟรุกโทส เปนตน
ตับออน (pancreas) ทําหนาที่สรางสารและเอนไซม (pancreatic juice) โดยสารและเอนไซมมีทอมา
เปดออกที่ duodenum ของลําไสเล็ก (เราจะเรียนกัน 10 ตัว แตจริง ๆ แลวมีอีกเยอะคะ)
โซเ ยมไฮโดรเจนคา บอเนต (NaHCO3) ไมใชเอนไซมนะคะ แตเปนสารที่ชวยปรับคา
1. สาร.........................................................
pH ของอาหารที่เคลื่อนมาจากกระเพาะอาหารใหเปนกลางหรือเปนเบสออน ๆ อาหารที่มาจาก
กระเพาะเปนกรดหรือเบสคะ…….……….แสดงวาสารนี กรด เบส
้เปนกรดหรือเปนเบสคะนักเรียน....................
คา โบไฮเดรต
2. เอนไซมอะไมเลส (amylase) ทําหนาที่ยอยสารอาหารประเภท.........................................................

เราเจอเอนไซมตัวนี้มาแลวนะ นักเรียนจําไดมั๊ยวาเราเจอที่ไหนแลวนะคะ.........................................
ม ลาย

ท ป โน เจน
3. เอนไซม......................................................... อยูในรูปที่ทํางานไมไดตองถูกเอนไซมเอนเทอโรไคเนส
เปลี่ยนใหเปนเอนไซมที่ชื่อ ทริปซิน (trypsin) เสียกอน จึงจะยอยสารอาหารประเภท...............ได โปร น

นอกจากนี้เอนไซมทริปซินยังทําหนาทีก่ ระตุนเอนไซมอื่นใหทํางานไดอีกดวย
4. เอนไซมไคโมทริปซิโนเจน (chymotrypsinogen) อยูในรูปที่ทํางานไมได ตองถูกเอนไซมทริปซิน
ไคโม ท ป น
เปลี่ยนใหเปนเอนไซมที่ชื่อ........................................................เสี ยกอน จึงจะยอยสารอาหาร
โปร น
ประเภท..........................................ได
5. เอนไซมโพรคารบอกซีเพปทิเดส (procarboxypeptidase) อยูในรูปที่ทํางานไมได ตองถูกเอนไซม
ทริปซินหรือเอนไซมเอนเทอโรไคเนสเปลี่ยนใหเปนเอนไซมที่ชื่อ.............................................
คา บอก ป เคส
เพ

โปร น
เสียกอน จึงจะยอยสารอาหารประเภท..........................................ได

6. เอนไซมลิเพส (lipase) ทําหนาที่ยอยสารอาหารประเภท...................................................................
วค ค
7. เอนไซมดีออกซีไรโบนิวคลีเอส (deoxyribonuclease) ทําหนาที่ยอย...............................................
กรด

วค ค
8. เอนไซมไรโบนิวคลีเอส (ribonuclease) ทําหนาที่ยอย......................................................................
กรด

วค ค
9. เอนไซมนิวคลีโอทิเดส (nucleotidase) ทําหนาที่ยอย.......................................................................
กรด

วค ค
10. เอนไซมนิวคลีโอซิเดส (nucleosidase) ทําหนาที่ยอย.......................................................................
กรด

*** ขอสังเกต 1 รางกายเรามีการยอยกรดนิวคลีอิก (DNA + RNA) ดวย เทาที่นักเรียนเรียนผานมายังไมเคยเจอ


เนื้อหานี้เลยใชมั๊ยคะ นักเรียนพอจะทํานายไดหรือไมวาทําไมจึงตองมีการยอยกรดนิวคลีอีกดวย...........................
วค ค เ นอง ประกอบ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
เพราะ อาหาร บประทาน
เรา กรด

*** ขอสังเกต 2 เหตุใดเอนไซมที่ทําหนาที่ยอยโปรตีน ที่แหลงสรางทั้งที่เซลลในกระเพาะอาหารและเซลลในตับ


ออนจึงตองสรางใหอยูในรูปที่ยังทํางานไมได แตในลําไสเล็กจึงทํางานไดเลย...........................................................
เพราะ ใน ไ เ ก อย
การ

เ ง เค ดโดย สามารถ ส าง เอนไซ ไ


………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
มาก เอง
ลิ
นำ
ต่
ซิ
ซิ
ซี
ลิ
นิ
นิ
นิ
นิ
นิ
มี
รั
ที่
ลำ
ย่
มี
ที่
ป็
ชิ
ล็
ด้
ส้
พิ
ร้
ทิ
ลี
สุ
ริ
พิ
ริ
มี
ค์
ร์
มั
ร์
ตี
ดี
ตี
ตี
ลี
ตี
ตี
ตี
ลี
ลี
ลี
ลี
อิ
ม์
อิ
อิ
อิ
อิ
มั
ร์

ตับ (liver) ทําหนาที่สราง………………………………… มาเก็บไวที่ถุงน้ําดี (gallbladder) โดยมีทอนํามา


นาค

เปดที่ duodenum ของลําไสเล็ก น้ําดี (bile) ประกอบดวย เกลือน้ําดี (bile salt) ชวยทําใหลิพิดแตก
เพส dipase
ตัวเปนหยดเล็ก ๆ ในรูปอีมัลชัน ชวยใหเอนไซม.........................................ยอยไดงายขึ
, ้นเพราะอาหารมี
ผิว สั มผั ส กับ เอนไซมมากขึ้น (เกลือน้ําดีจะถูกดูดกลั บที่ลํ าไสใหญและสามารถนํากลับมาใชไดใหม)
นอกจากนี้น้ําดียังทําใหอาหารมีสภาพเปนเบสเหมาะที่จะทําใหเอนไซมในลําไสเล็กทํางานไดดี
2. กิจกรรมการยอยอาหาร (Digestion)
2.1. การยอยเชิ งกล (mechanical digestion) โดยการบี บตั ว และคลายตั ว ของกลามเนื้ อ ลํ าไสเล็ ก
อ ส ล ส
อาหารเปนชวง ๆ เรียกวา................................
เพ เปนการคลุกเคลาอาหาร และยังไลใหกากอาหาร
เคลื่อนที่ตอไปยังลําไสใหญไดอีกดวย
2.2. การยอยเชิงเคมี (chemical digestion) ที่ลําไสเล็กจะมีการยอยสารอาหารทุกประเภท รวมทั้งมี
การยอยกรดนิวคลีอิกดวย โดยการทํางานของเอนไซมตอไปนี้
การทํางานของเอนไซมจากลําไสเล็กสวน duodenum
ชื่อเอนไซม/สาร สมการยอยอาหาร/รายละเอียดการทํางาน ยอยอะไร/ไดอะไร เล็กสุดแลวมั๊ย
1. เอนเทอโรไคเนส - กระดาน สาร นใ งาน ไ

(enterokinase)
2. ซูเครส (sucrase) เ น เอนไซ อย อย ตาล ซ ครส ( น ตาลทราย )

ใ เ นก โคส บฟ กโต ส
หรือ อินเวอรเทส
(invertase)
3. มอลเทส อย ตาล มอลโทสใ เ น โคส ก

(moltase)

4. แลกเทส อย ตาล แล ทาสใ เ นก โคส บ กาแล ต ส

(lactase)

5. อะมิโนเพปทิเดส อยโปร นใ เ น อพปไท และ กรด อะ โน

(aminopeptidase)

6. ไตรเพปทิเดส อยโปร นไตร อพปไท


ใ เ นได อพปไท และกรด อะ โน
(tripeptidase)

7. ไดเพปทิเดส อยโปร นไ เ พบ ไท ใ เ น กรด อะ โน

(dipeptidase)

8. ลิเพส เ น เอนไซ อยไข น


(lipase) ใ เ นกรดไข น และ ก เซอ ล
ลิ
มี
ตั
อื่
ทำ
น้ำ
ที่ย่
ที่ย่
วิ้
นำ
ย่
รั
กั
ณ็
นำ
ย่
ย่
ณี
กั
ย่
ย่
ที่ย่
ป็
ป็
ป็
ป็
ป็
ป็
ป็
ป็
ด้
ป็
ด้
ห้
ห้
ห้
ห้
ห้
ห้
ริ
ห้
ปฺ
ห้
ลู
ลู
ลี
มิ
ด์
ด์
มั
มิ
มิ
ด์
มั
ด์
ซิ
ตี
ตี
ตี
ม์
ม์
รั
การทํางานของเอนไซมจากตับออน
ชื่อเอนไซม/สาร สมการยอยอาหาร/รายละเอียดการทํางาน ยอยอะไร/ไดอะไร เล็กสุดแลวมั๊ย
1.โซเดียมไฮโดรเจน e-
-
คารบอเนต (NaHCO3)
2.อะไมเลส เ น เอนไซ อย แ งไกโค เจน
และ เดก ขา นใ เ น ตาล มอลโทส
(amylase)

3. ทริปซิโนเจน เอนไซ ท ป น อยโปร นใ เ น


กรดอะ โน อยโปร น และ พอ
(trypsinogen) 6 พบไท ใ โมเล ล เ กลง จน เ น
ไ เ พบ ไท ห อ กรดอะ โน

4. ไคโมทริปซิโนเจน ไคร มท พ น เ น เอนไซ อยโปร น


โคเนป เด เอนไซ
(chymotrypsinogen) แบบ เอน

ไฮโ ดรไล นธะ ในโมเล


จะ

โปร น
ลของ

5.โพรคารบอกซีเพปทิเดส ไ เอนไซ คา บอก เพบ เคส


ห า เ งป ยา การ สลาย นธะ เพบไท
(procarboxypeptidase) ล ไ
ปลาย ด ห คา บอก กรด แอ โน

สระ ดออก จาก สาย พอ เพบ ไท ขอ โปร น


ค ง ละ า โมเล ล
6. ลิเพส (lipase) เ น เอนไซ อยไข น

ใ เ นกรดไข น และ ก เซอ ล

7. ดีออกซีไรโบนิวคลีเอส ไ เอนไซ ออก ไรโบ วค เอส


ห า ไฮ โ ดรไล กรด วค ค งช ด
(deoxyribonuclease) เ น RNA และ DNA เ น วค โอไท

8. ไรโบนิวคลีเอส ไ เอนไซ ไรโบ วค เอส


ห า ไฮ โ ดรไล กรด วค ค งช ด
(ribonuclease)
เ น RNA และ DNA เ น วค โอไท

9. นิวคลีโอทิเดส วค โอ เคส อ เอนไซ เ งป ยา


การ ไฮโครง ตรง นธะในโมเล ล ของ
(nucleotidase) วค โอไท เ น วค ไซ และ

ออ โท ฟอสเฟต

10. นิวคลีโอซิเดส เอนไซ วค โอ เคส อย วค โอไซ


ไ เ น ตาลเพนโตส และ
(nucleosidase) ไนโต ร ส เบส
ที่ย่
ริ
นำ
ย่
ซิ
ย่
ลิ
มี
ซิ
ที่ย่
นี้
พั
มี
ทิ
ซี
พั
ที่มี
สุ
ซิ
ลิ
ตั
อิ
มิ
ที่ย่
ดี
นิ
ทำ
นิ
ทั้
ที่
นิ
นิ
ทำ
นิ
ทั้
ที่
นิ
นิ
คื
ทิ
ที่
พั
นิ
นิ
นิ
นิ
ย่
ซิ
น้ำ
ป็
ป็
ร่
ล็
ป็
ป็
ร่
ป็
ป็
ป็
ป็
ป็
ด้
ป็
ป็
ป็
ป็
ด้
ด้
จี
ด้
ด้
ด้
ห้
นิ
นิ
ห้
ห้
รื
ริ
ห้
ริ
ป้
ฏิ
รั้
ฏิ
น้
น้
ทิ
มู่
น้
ลี
มิ
ลี
ซ์
นั
ร์
ด์
ด์
ด์
ด์
ซ์
ซ์
มั
มิ
ร์
ด์
มั
ด์
กิ
กิ
ตี
ลี
ตี
ตี
ซ์
ซี
ลี
ลี
ลี
ตี
ลี
ที่
ที่
ลี
ริ
ลี
ลี
ริ
ที่
ลี
ลี
ลี
ตี
อิ
อิ
ม์
กุ
กุ
กุ
ม์
ม์
กุ
ม์
ม์
ม์
ม์
ม์
ม์
ม์
รั
ด์
ด์
ด์
3. กิจกรรมการดูดซึมสารอาหารและสารบางอยาง (Absorption)
3.1. น้ําตาลโมเลกุลเดี่ยว (glucose, fructose และ galactose) กรดอะมิโน แรธาตุและวิตามินที่ละลาย
ในน้ํา (B และ C) จะดูดซึมเขาหลอดเลือดฝอย (capillary) ภายใน villus ของลําไสเล็ก เขาสูตับโดย
ผานหลอดเลื อ ด hepatic portal vein และออกจากตั บ โดย hepatic vein ซึ่ ง จะนํ า เลื อ ดเขาสู
inferior vena cava (IVC) และกลับสูหัวใจหองบนขวา “Hepatic portal vein จึงเปนหลอดเลือดที่
มีการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ําตาลกลูโคสสูงมากที่สุดในรางกาย”
3.2. กรดไขมัน กลี เซอรอล และวิตามินที่ไมละลายน้ํา (A, D, E และ K) จะดูดซึมเขาหลอดน้ําเหลื อ ง
(lacteal) ภายใน villus ของลําไสเล็ก (ดังนั้นจึงไมผาน hepatic portal vein และตับ) ทอน้ําเหลือง
จะเทเขาสู ระบบหมุ น เวี ย นเลื อ ดโดยผานหลอดเลื อ ด subclavian vein บริ เ วณไหล ซึ่ ง ตอกั บ
superior vena cava (SVC) เขาสูหัวใจหองบนขวา
ภาพแสดงลักษณะของเนื้อเยื่อที่ลําไสเล็กที่ใชในการดูดซึม
คําอธิบาย
สารอาหาร อย แ วไ แ กรด อะ โน มโน แ ก คน

จะ ด มเ า ไมโคร ล ส ของ เซล ว ของ ไ เ ก



แ ว เ ยง เ า เ น เ อด ฝอย รวม เ า เ น เ อด เ า บ

ภาพแสดงการดูดซึมผานทางหลอดเลือด
คําอธิบาย
สาร อาหาร อยจน เ ก ดแ ว ก ด มเ า หลอด เ อด ฝอย

ภายใน villus ของ ไ เ ก ทาง หลอด เ อด hepatioportalvein


สาร อาหาร เ า ตน และ ก ด สาร ษออก สาร อาหาร ด

สาร ษ แ ว
ก ง ออก จาก บ ทาง หลอด
เ อด
hepatic vein เ า หลอด เ อด inferior vena cava CIVC )

และ ก บ วใจ อง บน ขวา

ภาพแสดงการดูดซึมผานทางหลอดน้ําเหลือง
คําอธิบาย
ไข น วน มาก อ ประมาณ 2 ใน 3 ไข น งหมด
ของ

และ ตา น ละลายใน ไข น จะ าน เ า ทาง หลอด น เห อง

ไป ง หลอด เห องให Thoracic Duct และ หลอด เ อด

ใ ไหปลา า าน าย Leftsubdavian Vein


กระ ก ,
,

Lettlnnominatevein หลอด เ อด เ อด จาก วน บน


ของ างกาย เ า วใจ อง บน ขวา
ที่ย่
ดู
ถู
ด์
ลั
วิ
สู่
ลำ
บุผิ
ลำ
สู่
ที่ย่
สู่ตั
ที่
ดู
ถู
ลำ
กำ
ถู
สู่
ที่กำ
พิ
พิ
คำ
ส่
ถู
สู่
ห้
สู่หั
คื
ส่
วิ
ทั้
ที่
ผ่
น้ำ
ยั
สู่
ซ้
ด้
ที่นำ
ร่
ส่
ห้
สู่หั
ข้
ล็
ข้
ข้
ข้
ข้
ข้
ข้
ลื
ลื
ลื
ข้
ลื
ข้
ส้
ลื
ลื
ล็
ลื
ลื
ลื
ล็
ตํ้
ส้
ส้
ส้
ลั
ล้
ต้
ล้
ด้
ล้
ล้
ซ็
สุ
จั
จั
ลื
ลื
มิ
มั
มั
มั
ซึ
ดู
ซึ
ญ่
ลี
มิ
ล์
ก่
ร้
2.6. ลําไสใหญ (large intestine) และทวารหนัก (Anus)”
2.6.1.ลักษณะทั่วไป เปนทอยาวเปนกระพุงและเปนปลอง ๆ ยาวประมาณ 1.5 เมตร แบงเปน 4 สวน คือ
1. …………………………………………..
ม ( Caecum )
ตอจากไอเลียมยาวประมาณ 5-8 เซนติเมตร ตรงรอยตอมี หูรูด บริเวณ
นี้มีไสเล็ก ๆ เรียกวา “ไสติ่ง” (Appendix)
2. …………………………………………..
โคลอน ( Colon ) แบงเปน 3 ตอน ตั้งฉากกันเปนสวนที่ยาวที่สุด
3. …………………………………………..
เ ก ม ( Rectum
) หรือเรียกวาไสตรง สิ้ นสุดที่ทวารหนักยาวประมาณ 12-15 ซม. อยู
ดานหลังกระเพาะปสสาวะหรือมดลูก บริเวณนี้มีแนวโนมใหเกิดโรคมะเร็งมากที่สุด
อง ทวารห ก
4. ………………………………………….. ยาวประมาณ 2.5-3.5 ซม. ปลายสุ ดเปดออกนอกรางกายเรี ย กวา
ทวารห ก
“...............................................” ประกอบดวยหูรูด 2 แหง คือ ดานนอกและดานใน หูรูดดานในอยู
เหนืออํานาจจิตใจ หูรูดสวนนอกอยูภายใตอํานาจจิตใจ
2.6.2.ที่ลําไสใหญมีกิจกรรมที่เกี่ยวกับการยอยอาหารอะไรบาง มาดูกันคะ
1. กิจกรรมการสังเคราะหสารโดยจุลินทรีย ในลําไสใหญมีไมโครไบโอม ที่เปนประโยชน เชน แบคทีเรียพวก
E.coli จํานวนมากชวยในการสังเคราะหวิตามินบี 12 วิตามินบี 7 (ไบโอทิน) วิตามินบี9 (กรดโฟลิก) และ
วิตามิน K นอกจากนี้ยังไดแกสมีเทน (CH4) และไฮโดรเจนซัลไฟต (H2S) ออกมาดวย
***ไมโครไบโอมในลําไสใหญบางชนิดเกี่ยวของกับการเกิดมะเร็งลําไสใหญ ลําไสอักเสบเรื้อรัง นอกจากนี้ยัง
เกี่ยวของกับภาวะอวน โรคหัวใจ โรคขออักเสบรูมาตอยด โรคไขมันพอกตับ โรคตับแข็ง และมะเร็งตับ
***ไมโครไบโอม (microbiome) คืออะไร มีประโยชนอะไรบาง..................................................................
microbiome อ
นท ธรรมชา
พบ ใน างกาย ม ษ งใน วห ง
………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………. อง อง คลอด
ระบบ ทาง เ น หายใจ และ
ระบบ ทาง เ นอาหาร

การ ส างสม ล นท
.………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
ประโยช ใน วย อง น นท โรค น

วย ใน
กระบวนการ อย

.………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………
เผาผลาญ และ บ าย เส มส าง และ
กระ น ม น
โ ใน ก
***.......................................................
พร อ คือ “จุลินทรียที่มีชีวิต ชนิดดี เมื่อรับประทานจุลินรียกลุมนี้จะทําให
สุขภาพดีในภาวะตางๆ โดยเปนจุลินทรียที่มีคุณสมบัติทนตอกรดและดาง สามารถจับที่บริเวณผิวของเยื่อบุ
ลําไสแลวผลิตสารตอตานหรือกําจัดเชื้อจุลินทรียชนิดอื่นๆ ที่เปนโทษสงเสริมจุลินทรียที่เปนประโยชน” พบ
ไดในอาหาร เชน นมเปรี้ยว โยเกิรต กิมจิ มิโสะ ฯลฯ
พ โนโอ ก
***.......................................................คื อ อาหารชนิดหนึ่ง ซึ่งรางกายไมสามารถยอยและดูดซึมไดที่ลําไส
เล็ก อาหารเหลานี้จึงสามารถเขาสูลําไสใหญไดในรูปไมเปลี่ยนแปลง และจะถูกยอยสลายโดยแบคทีเรียโพร
ไบโอติกส ทําใหกระตุนการเจริญเติบโตและการทํางานของแบคทีเรีย พบในผักและผลไมตาง ๆ ที่เปนไฟ
เบอร (พรีไบโอติกสที่พบเห็นในทองตลาดนั้น สวนใหญมักจะพบในรูปแบบผงแปง (Powders) ประกอบไป
ดวยสารประกอบเชิงซอนของคารโบไฮเดรต เชน สารกลุมอินูลินและ ฟรุกโตโอลิโกแซ็กคาไรด)
***สรุปวา พรีไบโอติกสเปนอาหารของโพรไบโอติกส ดังนั้นหากรับประทานอาหารพวก พรีไบโอติกสก็จะ
ชวยสงเสริมฤทธิ์โพรไบโอติกสไดดียิ่งขึ้น***
2. กิจกรรมการดูดกลับสารบริเวณผนังลําไสใหญ จะมีการดูดกลับน้ํา เกลือแร กลูโคส จากกากอาหารเขาสู
กระแสเลือด โดยจะมีการดูดกลับ......................มากที่สุด
นา

“โรคทางเดินอาหารใหนักเรียนศึกษาดวยตนเองนะคะ”
ซ้ำ
ช่
จุ
คื
ร่
ที่
ผิ
ทั้
หูช่
ช่
มี
จุ
ป้
ช่
จุ
ขั
ย่
ช่
อื่
ก่
ภู
ติ
ติ
รี
ง้
ดิ
ร็
ดิ
ลิ
ร้
ลิ
ลิ
นุ
มิ
ริ
ถ่
ดุ
ส์
ตั
ส์
คุ้
กั
ตุ้
นั
ย์
รี
ร้
รี
นั
ย์
รี
ติ
นั
น์
กั
ย์
ย์
รูหรือไม
อาหารอยูในทางเดินอาหารนานเทาไหร
สามารถ บ รสชา
เราจะ ห ง
………………………………………………………………………………………… เ ยวไป นา
ของ อาหาร จาก า

จะ

ก น บ ว าน หลอด อาหารใ
…………………………………………………………………………………………
อาหาร และ เวลา

นา ใน
…………………………………………………………………………………………
ประมาณ 4- 8 การ ลง กระเพาะ อาหาร

และ
อาหาร จะ ใ
…………………………………………………………………………………………
อยใน ประมาณ
กระเพาะ อาหาร เวลา 2- 4 ชม .

จาก น เค อน ไ เ ก
…………………………………………………………………………………………
อาหารจะ

ช ด สาร อาหาร แทบ

…………………………………………………………………………………………
จะ

อย ด ม ใ
และ ประมาณ โมง เวลา 3- 5

และ วน เห อ เ นทาง อไป ง ไ ให


…………………………………………………………………………………………
อาหาร จะ วน

ไ อย แ อาหาร ใ เห อ แ
…………………………………………………………………………………………
จะ การ
ก ด ม จะ อาหาร กาก

งใ
…………………………………………………………………………………………
เวลา เอช ม น .

ก บ าย าน
-
หลาย ทวารห ก
และ ทาง

นักเรียนสังเกตเห็นหรือไมวาในสมการการยอยอาหารเชิงเคมีจะมีน้ําเขารวมในปฏิกิริยาเสมอ
ป ยาไฮโลไอ ส
ปฏิกิริยาที่มีน้ําเขารวมเพื่อสลายสาร เรียกวา..............................................................
H H
– ปฏิกิริยาไฮโดรไลซิส (Hydrolysis) หมายถึง กระบวนการ O O

ยอยสารโมเลกุลใหญใหเปนโมเลกุลเล็ก โดยใชน้ํา O

– เชน การยอยน้ําตาลมอลโทสโดยเอนไซมมอลเทสจะทําให HO
พันธะที่ยึดระหวางโมเลกุลของกลูโคส 2 โมเลกุลแตกออก
โดยอะตอมของออกซิเจนและอะตอมของไฮโดรเจนใน O
H H
O
โมเลกุลของน้ําจะไปจับกับพันธะที่แตกออกมาไดเปนสาร
โมเลกุลใหม ดังภาพ OH OH
รั
ถู
ผ่
ตั
บี
วิ
ย่
สู่
นั้
สู่ลำ
ทุ
ดู
ย่
ถู
ที่นี่
ที่
ส่
ชั่
ลำ
ยั
ต่
นี้
ส่
ย่
มี
ดู
ถู
ซึ่
ขั
ถู
วั
ผ่
ดิ
คี้
ล็
ส้
ม่
ส้
ช้
ช้
ต่
ช้
ห้
ช้
ลื
นิ
ต่
ลั
ฏิ
ลื
ลื
ถ่
ที
ลื่
ซิ
ญ่
ซึ
กิ
ซึ
ที
ริ
ติ
นั

You might also like