Professional Documents
Culture Documents
เรื่อง ประสิทธิภาพการสกัดน้ำมันหอมระเหย
โดย
โรงเรียนนวมินทราชูทิศ กรุงเทพมหานคร
เรื่อง ประสิทธิภาพการสกัดน้ำมันหอมระเหย
โดย
ครูที่ปรึกษา
อาจารย์ชัชวาล มโนวงศ์
อาจารย์ณัฐพงศ์ จิตรบรรจง
รายงานวิชานี้เป็ นส่วนหนึ่งของรายวิชา การศึกษาค้นคว้า
และสร้างองค์ความรู้ I30202
โรงเรียนนวมินทราชูทิศ กรุงเทพมหานคร
บทคัดย่อ
โครงงานเคมี เรื่อง ประสิทธิภาพการสกัดน้ำมันหอมระเหย
วัตถุประสงค์ของการทำโครงงาน คือ เพื่อศึกษาวิธีการสกัดน้ำมัน
หอมระเหยของดอกการเวกด้วยการกลั่นด้วยน้ำร้อนและด้วยตัวทำ
ละลายเอทานอล และเพื่อเปรียบเทียบสีและประสิทธิภาพกลิ่นของ
น้ำมันหอมระเหยของดอกการเวกจากการสกัดด้วยการกลั่นด้วยน้ำ
ร้อน และการสกัดด้วยตัวท้าละลายเอทานอล เพื่อให้ได้สีที่สวยงาน
และกลิ่นที่สามารถนำมาใช้งานได้จริงและมีประสิทธิภาพ เพราะ
กลิ่นของน้ำมันหอมระเหยนอกจากจะช่วยในเรื่องของการดับกลิ่น
ได้แล้ว ยังช่วยให้ผู้ที่ได้รับกลิ่นมีความรู้สึกผ่อนคลาย โดยสำรวจ
ความพงพอใจจากกลุ่มตัวอย่างนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 5/2
จำนวน 5 คน
ข
กิตติกรรมประกาศ
ในการทำโครงงาน รายวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ประสิทธิภาพ
การสกัดน้ำมันหอมระเหย เป็ นโครงงานที่จัดทำขึ้นเพื่อศึกษาวิธีการ
สกัดน้ำมันหอมระเหยด้วยการกลั่นด้วยน้ำร้อนและด้วยตัวทำ
ละลายเอทานอลและนำมาเปรียบเทียบสีและประสิทธิภาพเพื่อหา
ว่าการสกัดน้ำมันหอมระเหยด้วยวิธีใด จะทำให้ได้น้ำมันหอมสีที่
สวยงานและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งผู้ที่ต้องการศึกษาสามารถ
ศึกษาจากโครงงานที่คณะผู้จัดทำได้จัดทำขึ้นได้
การจัดทำโครงงานในครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ได้รับความ
อนุเคราะห์และการสนับสนุนด้วยดีจาก อาจารย์ชัชวาล มโนวงศ์
และอาจารย์ณัฐพงศ์ จิตรบรรจง ครูที่ปรึกษาที่ได้ให้คำแนะนำต่างๆ
ในการทำโครงงานเคมีให้ถูกต้องตามหลักการ และขอขอบใจ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 5/2 โรงเรียนนวมินทราชูทิศ
ค
กรุงเทพมหานครที่ได้ให้ความร่วมมือและช่วยเหลือให้โครงงาน
สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
สุดท้ายนี้ขออุทิศความดีที่มีในการศึกษาโครงงานนี้ให้กับ คุณ
พ่อ คุณแม่ ครอบครัวของคณะผู้จัดทำ และขอขอบคุณเพื่อน
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 5/2 โรงเรียนนวมินทราชูทิศ
กรุงเทพมหานครทุกคน ที่ให้ความช่วยเหลือและให้กำลังใจมาโดย
ตลอด
คณะผู้จัดทำ
สารบัญ
ง
บทคัดย่อ........................................................................................................................................ ก
กิตติกรรมประกาศ........................................................................................................................ ข
สารบัญ.......................................................................................................................................... ค
สารบัญตาราง............................................................................................................................... ง
สารบัญรูปภาพ............................................................................................................................. จ
บทที่1............................................................................................................................................. 1
1.1 ที่มาและความสำคัญ...............................................................................................................1
1.2 วัตถุประสงค์..............................................................................................................................1
1.3 ขอบเขตการศึกษา....................................................................................................................2
1.4 สมมติฐาน..................................................................................................................................2
1.5 ตัวแปรที่ศึกษา..........................................................................................................................2
1.6 นิยามเชิงปฏิบัติการ.................................................................................................................2
บทที่ 2........................................................................................................................................... 3
2.1 การเวก.......................................................................................................................................3
2.2 เอทานอล...................................................................................................................................5
2.3 การสกัดน้ำมันหอมระเหยด้วยการกลั่นด้วยน้ำร้อน...........................................................6
2.4 การสกัดน้ำมันหอมระเหยด้วยตัวทำละลาย........................................................................6
บทที่ 3........................................................................................................................................... 7
3.2 ขั้นตอนกำรทดลอง...................................................................................................................8
บทที่ 4......................................................................................................................................... 10
บทที่ 5......................................................................................................................................... 12
5.1 สรุปผล......................................................................................................................................12
5.2 อภิปรายผล..............................................................................................................................12
5.3 ข้อเสนอแนะ............................................................................................................................12
บรรณานุกรม.............................................................................................................................. 13
จ
ภาคผนวก.................................................................................................................................... 14
สารบัญตาราง
ตารางที่ 1 ตารางบันทึกผลกลิ่น หลังจากการทดลอง 1 วัน 10
สารบัญรูปภาพ
ภาพที่ 1 เตรียมดอกกระเวกสะอาดมาหั่นเป็ นชิ้นเล็กๆ15
ภาพที่ 2 ใช้ตะเกียบคนสาร15
ภาพที่ 3 น้ำมันหอมระเหยของดอกกระเวกด้วยการกลั่นด้วยน้ำ
ร้อน16
ภาพที่ 4 น้ำมันหอมระเหยของดอกกระเวกด้วยตัวทำละลายเอทา
นอล16
ช
1
บทที่1
บทนำ
1.1 ที่มาและความสำคัญ
ปั จจุบันนี้น้ำมันหอมระเหยเป็ นที่นิยมมากในบุคคลช่วงอายุ
ของวัยรุ่น หรือ วัยทำงาน เพราะคุณสมบัติที่สำคัญของน้ำมันหอม
ระเหย คือ กลิ่นหอม ที่ช่วยท้าให้รู้สึกผ่อนคลาย ทำให้สดชื่น เพราะ
ในแต่ละวัน ผู้คนต่างเจอเรื่องราวต่างๆที่ท้าให้เครียด น้ำมันหอม
ระเหยจึงเป็ นหนึ่งในตัวเลือกที่ผู้คนมักเลือก เพื่อทำให้ตนเองรู้สึก
ผ่อนคลายจากสิ่งที่เจอมา แต่ในยุคสมัยนี้น้ำมันหอมละเหยของ
แต่ละบริษัทก็มีกระบวนการในการผลิตที่แตกต่างกัน เพื่อให้ได้
น้ำมันหอมระเหยที่มีกลิ่นหอมมากๆบางบริษัทจึงต้องใช้ส่วนผสมที่
จะทำให้น้ำมันหอมระเหยมีกลิ่นที่หอมและทน ซึ่งสิ่งที่จะเกิดตาม
มา คือ ราคาที่ค่อนข้างสูง ซึ่งอาจทำให้หลายๆคนเข้าถึงยาก
คณะผู้จัดทำได้เล็งเห็นถึงปั ญหาของน้ำมันหอมระเหยใน
ปั จจุบัน ซึ่งนั่นก็คือราคาที่ค่อนข้างสูง โดยคณะผู้จัดทำจะสกัด
น้ำมันหอมระเหยจากดอกการเวก เพราะการเวกนั้นออกดอกทั้งปี มี
กลิ่นที่หอมและมีปลูกมาในประเทศไทย แต่ผู้คนไม่นิยมนำมาใช้ให้
เกิดประโยชน์ คณะผู้จัดท้าจึงเลือกดอกการเวกมาสกัดน้ำมันหอม
ระเหย และเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์น้ำมันหอมระเหย ที่ต้นทุนต่ำ
สามารถทำได้ง่าย และมีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก คณะผู้จัดท้าจึงจัดทำ
2
1.2 วัตถุประสงค์
1.2.1 เพื่อศึกษาวิธีการสกัดน้ำมันหอมระเหยของดอกการเวก
ด้วยการกลั่นด้วยน้ำร้อนและด้วยตัวทำละลายเอทานอล
1.2.2 เพื่อเปรียบเทียบสีและประสิทธิภาพกลิ่นของน้ำมัน
หอมระเหยของดอกการเวกจากการสกัดด้วยการกลั่นด้วยน้ำร้อน
และด้วยตัวทำละลายเอทานอล
1.3 ขอบเขตการศึกษา
วิธีการสกัดน้ำมันหอมระเหยของดอกกระเวทด้วยการกลั่น
ด้วยน้ำร้อน และด้วยตัวท้าละลายเอทานอล
1.4 สมมติฐาน
1.4.1 หลังจากสกัด 1 วัน การสกัดน้ำมันหอมระเหยของดอก
กระเวกด้วยการกลั่นด้วยน้ำร้อนจะได้สีที่ใสและกลิ่นที่ชัดเจนกว่า
สกัดด้วยตัวทำละลายเอทานอล
3
1.5 ตัวแปรที่ศึกษา
ตัวแปรต้น : การสกัดน้ำมันหอมระเหยด้วยการกลั่นด้วยน้ำ
ร้อน และการสกัดน้ำมันหอมระเหยด้วยตัวท้าละลายเอทานอล
ตัวแปรตาม : สีและประสิทธิภาพกลิ่นของน้ำมันหอมระเหย
ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลอง
1.6 นิยามเชิงปฏิบัติการ
1.6.1 น้ำมันหอมระเหย คือ เป็ นน้ำมันที่สกัดได้มาจากพืชเช่น
ส่วนดอก ใบ ผล ลำต้น มีกลิ่นหอมของสารหอมในพืช
บทที่ 2
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวของ
ในการจัดทำโครงงานเคมี เรื่อง ประสิทธิภาพการสกัดน้ำมัน
หอมระเหย คณะผู้จัดทำโครงงานได้ศึกษาเอกสารจากเว็บไซต์ต่างๆ
ที่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้
2.1 การเวก
2.1.1 ลักษณะ
2.1.1.1 ลำต้น
มีอายุมากจะมีลำต้นสีดำ และมีปุ่มนูนสลับกันตามความสูงของ
ลำต้น โดยแตกกิ่งเลื้อยยาวจำนวนมากบริเวณส่วนปลายของต้น กิ่ง
อ่อนหรือยอดอ่อนมีสีเขียว
2.1.1.2 ใบ
2.1.1.3 ดอกการเวก
• วงศ์ : Annonaceae
• ชื่อสามัญ :Ylang-Ylang
ภาคเหนือ สะบันงาเครือ
ภาคใต้ กระดังงาเถา
ภาคตะวันตก หนามควายนอน
2.1.2 ประโยชน์และสรรพคุณการเวก
4.ปลูกเพื่อเป็ นไม้เลื้อยให้ร่มเงาได้อย่างดี
5.ปลูกเพื่อใช้เป็ นแนวรั้วหรือเขตแดนได้
6.ช่วยบำบัดมลพิษทางอากาศ
2.2 เอทานอล
2.2.1 ลักษณะ
2.2.2 ลักษณะเฉพาะ
สูตร : CH3CH2OH
จุดวาบไฟ : 14 องศาเซลเซียส
2.2.3 ประโยชน์ของเอทานอล
2. ใช้ผสมในเชื้อเพลิงเพื่อเพิ่มค่าออกเทน และลดปริมาณเชื้อเพลิง
บางชนิด เช่น น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10 (แอลกอฮอล์ 1 ส่วน น้ำมัน
เบนซิน 9 ส่วน) E20 (แอลกอฮอล์ 2 ส่วน น้ำมันเบนซิน 8 ส่วน)
3. เป็ นส่วนผสมของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆ
5. ใช้สำหรับการทำความสะอาด และฆ่าเชื้อในส่วนผสมของน้ำยา
ฆ่าเชื้อ
2.3 การสกัดน้ำมันหอมระเหยด้วยการกลั่นด้วยน้ำร้อน
การกลั่นด้วยน้ำร้อน (Water distillation & Hydro-
distillation) เป็ นวิธีที่ง่ายที่สุดของการกลั่นน้ำมันหอมระเหย
การกลั่นโดยวิธีนี้ พื้นที่กลั่นต้องจุ่มในน้ำเดือดทั้งหมด อาจพบพิ
ชบางชนิดเบา หรือให้ท่อไอน้ำผ่านการกลั่น น้ำมันหอมระเหยนี้ใช้
กับของที่ติดกันง่ายๆ เช่น ใบไม้บางๆ กลีบดอกไม้อ่อนๆ ข้อควร
ระวัง ในการกลั่นโดยวิธีนี้ คือ พืชจะได้รับความร้อนไม่สม่ำเสมอ
ตรงกลางมักจะได้ความร้อนมากกว่าด้านข้าง จะมีปั ญหาในการไหม้
ของตัวอย่าง กลิ่นไหม้จะปนมากับน้ำมันหอมระเหยและมีสารไม่พึง
ประสงค์ติดมาในน้ำมันหอมระเหยได้ วิธีแก้ไข คือ ใช้ไอน้ำ หรือ
อาจใช้ closed steam coil จุ่มในหม้อต้ม แต่การใช้ steam coil
นี้ไม่เหมาะกับดอกไม้บางชนิด เพราะเมื่อกลีบดอกไม้ถูก steam
coil จะหดกลายเป็ น glutinous mass จึงต้องใช้วิธีใส่ลงไปในน้ำ
กลีบดอกไม้จะสามารถหมุนเวียนไปอย่างอสระในการกลั่น เปลือก
9
2.4 การสกัดน้ำมันหอมระเหยด้วยตัวทำละลาย
การสกัดด้วยตัวทำละลาย (sovent extraction) เป็ นวิธีที่ใช้
กันอย่างกว้างขวาง ในอุตสาหกรรม เช่น การสกัดน้ำมันพืชเพื่อใช้
ประกอบอาหาร โดยนำวัตถุดิบมาจากเมล็ดของพืชชนิดต่าง ๆ
ได้แก่ เมล็ดทานตะวัน ถั่วเหลือง ปาล์ม ข้าวโพด เมล็ดบัว และร้า
ข้าว ในการสกัดน้ำมันพืชนิยมใช้เฮกเชนเป็ นตัวทำละลาย หลังการ
สกัดจะได้สารละลายที่มีน้ำมันพืชละลายอยู่ในเฮกเซน จากนั้นนำ
ไปกรองเอากากเมล็ดพืชออก แล้วนำสารละลายไปกลั่นแยกล้าดับ
ส่วนเพื่อแยกเฮกเซนจะได้น้ำมันพืช ซึ่งต้องน้าไป ฟอกสี ดูดกลิ่น
และกำจัดสารอื่นๆ ออกก่อน จึงจะได้น้ำมันพืชสำหรับใช้ปรุง
อาหารทั้งนี้ การสกัดด้วยตัวทำละลาย เป็ นวิธีการแยกสารที่ใช้มาก
ในชีวิตประจำวัน เป็ นการแยกสาร ที่ต้องการออกจากส่วนต่าง ๆ
ของพืชหรือจากของผสมต้องเลือกตัวทำละลายที่เหมาะสมในการ
สกัดสารที่ต้องการ
10
บทที่ 3
วิธีดําเนินการทดลอง
ในการจัดทำโครงงาน เรื่อง ประสิทธิภาพการสกัดน้ำมันหอม
ระเหย มีวิธีดำเนินงานโครงงาน ตามขั้นตอน ดังต่อไปนี้
ดอกการเวก 50 กรัม
ตะเกียบ 1 แท่ง
เตาแก๊ส 1 เครื่อง
หม้อ 1 ใบ
ถ้วยสแตนเลส 1 ใบ
1.2) การสกัดน้ำมันหอมระเหยของดอกกระเวกด้วยตัวทำ
ละลายเอทานอล
ดอกการเวก 50 กรัม
11
น้ำกลั่น 50 มิลลิลิตร
เอทานอล 50 มิลลิลิตร
ตะเกียบ 1 แท่ง
แก้วน้ำสแตนเลส 1 ใบ
3.2 ขั้นตอนกำรทดลอง
ตอนที่ 1 วิธีการสกัดน้ำมันหอมระเหยของดอกการเวกด้วย
การกลั่นด้วยน้ำร้อนและด้วยตัวทำละลายเอทานอล
3.2.1 การสกัดน้ำมันหอมระเหยของดอกการเวกด้วย
การกลั่นด้วยน้ำร้อน
3) นำถ้วยสแตนเลสที่มีน้ำกลั่นขึ้นเตาแก๊สให้ความร้อน
4) เมื่อน้ำเดือดให้นำดอกกระเวกที่เตรียมไว้ใส่ลงในถ้วยสแตน
เลส
6) นำตัวทดลองที่ได้มากรองของเหลวออก
12
8) ทำความสะอาดสถานที่และอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดลอง
ทั้งหมด
3.2.2 การสกัดน้ำมันหอมระเหยของดอกการเวกด้วย
ตัวทำละลายเอทานอล
2) นำดอกการเวกที่หั่นแล้วใส่ในแก้วน้ำสแตนเลส
5) นำตัวทดลองที่ได้มากรองของเหลวออก
7) ทำความสะอาดสถานที่และอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดลอง
ทั้งหมด
ตอนที่ 2 เปรียบเทียบสีและประสิทธิภาพกลิ่นของน้ำมัน
หอมระเหยของดอกการเวกจากการสกัดด้วยการกลั่นด้วยน้ำร้อน
และด้วยตัวทำละลายเอทานอล
13
2) รวบรวมข้อมูลด้วยวิธีการสอบถามโดยตรงกับกลุ่มตัวอย่าง
3) บันทึกผลข้อมูลที่ได้จากกลุ่มตัวอย่าง แล้วนำมาบันทึกลง
ในรูปเล่มรายงานในบทที่ 4
14
บทที่ 4
ผลการทดลอง
จากการศึกษาค้นคว้า และจัดทำโครงงาน เรื่อง ประสิทธิภาพ
การสกัดน้ำมันหอมระเหย มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิธีการสกัด
น้ำมันหอมระเหยของดอกการเวกด้วยการกลั่นด้วยน้ำร้อน และตัว
ทำละลายเอทานอล และเปรียบเทียบสีและประสิทธิภาพกลิ่นของ
น้ำมันหอมระเหยของดอกการเวกจากการสกัดด้วยการกลั่นด้วยน้ำ
ร้อน และด้วยตัวทำละลายเอทานอล
ตารางที่ 1 ตารางบันทึกผลจากการสอบถามวิธีที่ทำให้กลิ่นหอม
ที่สุด จาก 2 วิธี หลังจากการทดลอง 1 วัน ของนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปี ที่ 5/2 จำนวน 5 คน
15
น้ำมันหอมระเหยของดอกการเวกหลังจาก
รายชื่อนักเรียนชั้น ทำการทดลอง 1 วัน
มัธยมศึกษาปี ที่ 5/2 สกัดด้วยการกลั่น สกัดด้วยตัวทำละลาย
ด้วยน้ำร้อน เอทานอล
นายปั ณณธร
กล่อมจิตต์
นาย วุฒิกร -
นาย อชิระ วัฒนกุล
นาย สุเทพ ภูทิพย์
นายศุกลวัฒน์ อุ๊ต
จิ๋ว
ตารางที่ 2 ตารางบันทึกผลจากการสอบถามวิธีที่ทำให้กลิ่นหอม
ที่สุด จาก 2 วิธี หลังจากการทดลอง 3 วัน ของนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปี ที่ 5/2 จำนวน 5 คน
น้ำมันหอมระเหยของดอกการเวกหลังจาก
รายชื่อนักเรียนชั้น ทำการทดลอง 3 วัน
มัธยมศึกษาปี ที่ 5/2 สกัดด้วยการกลั่น สกัดด้วยตัวทำละลาย
ด้วยน้ำร้อน เอทานอล
นายปั ณณธร
กล่อมจิตต์
นาย วุฒิกร -
นาย อชิระ วัฒนกุล
นาย สุเทพ ภูทิพย์
นายศุกลวัฒน์ อุ๊ต
จิ๋ว
ตารางที่ 3 ตารางบันทึกผลจากการสังเกตสีของน้ำมันหอมละเหย
หลังจากการทดลองวันที่ 1 และ 3 จาก 2 วิธี
สีที่ได้
หลังจากวันทดลอง สกัดด้วยการกลั่น สกัดด้วยตัวทำละลาย
ด้วยน้ำร้อน เอทานอล
วันที่ 1 ขาวขุ่น ขาวขุ่น
วันที่ 3 เหลืองขุ่น เหลืองขุ่น
บทที่ 5
5.2 อภิปรายผล
จากผลการทดลองที่คณะผู้จัดทำได้บันทึกผลจากกลุ่มตัวอย่าง
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 5/2 จำนวน 5 คน ผลการทดลองไม่
เป็ นไปตามที่คาดไว้ เนื่องจากพบว่าการสกัดน้ำมันหอมระเหยของ
ดอกการเวกจากการกลั่นด้วยน้ำร้อน หากผ่านไป 1 วัน กลิ่นที่ได้จะ
หอมกว่าและสีใสกว่าน้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากตัวท้าละลายเอทา
นอล และเมื่อผ่านไป 3 วัน กลิ่นที่ได้จากการสกัดด้วยตัวท้าละลาย
เอทานอล จะมีกลิ่นที่หอมมากกว่าน้ำามันหอมระเหยที่สกัดด้วย
การกลั่นด้วยน้ำร้อนแต่สีที่ได้ยังคงเหมือนเดิม จึงสรุปได้ว่าวิธีการ
สกัดและระยะเวลาในการจัดเก็บน้ำมันหอมระเหย มีผลกับกลิ่นที่
ได้จากตัวน้ำมันหอมระเหย แต่สีที่ได้จะไม่มีการเปลื่ยนแปลง
5.3 ข้อเสนอแนะ
1.ควรมีระยะเวลาในการใช้น้ำมันหอมระเหยอย่างชัดเจนเพื่อ
ผลที่แน่นอน
2.ควรใช้อุปกรณ์วิทยาศาสตร์เพื่อได้ผลที่แน่นอน
19
บรรณานุกรม
ทวี อินสุระ. (2561). สรรพคุณและการปลูกกระเวกม, [ออนไลน์].
9 กันยายน 2566.
จาก https://puechkaset.com
จาก https://kaset.today.com
จาก https://sites.google.com
20
21
ภาคผนวก
22
ภาพที่ 2 ใช้ตะเกียบคนสาร
23
ภาพที่ 3 น้ำมันหอมระเหยของดอกกระเวกด้วยการกลั่นด้วยน้ำ
ร้อน
24
ภาพที่ 4 น้ำมันหอมระเหยของดอกกระเวกด้วยตัวทำละลายเอทา
นอล