Professional Documents
Culture Documents
พลังงานอิสระและเทอร์โมไดนามิกส์เชิงเคมี
5.1. พลังงานอิสระตามงานที่มีอยู่
เอนทาลปี คือ พลังงานภายในรวมอยู่กับงานที่ใช้ในการสร้างปริมาตรของระบบให้มี
ขึ้นในสิ่งแวดล้อม
H = U + PV
พลังงานอิสระของเฮล์มโฮลทซ์
อุณหภูมิและปริมาตรคงที่
F U − TS
พลังงานอิสระของกิบส์
อุณหภูมิและความดันคงที่
G U − TS + PV
Electrolysis Fuel Cells and Batteries
กระบวนการอิเล็กโตรไลซิสของน้ำ
1
H 2O → H 2 + O2
2
เซลล์เชื้อเพลิง ปฏิกิริยาการเกิดน้ำ
1
H2 + O2 → H 2O
2
Thermodynamics Identities
dU = TdS − PdV + dN
dH = TdS + VdP + dN
dF = − SdT − PdV + dN
dG = − SdT + VdP + dN
5.2. พลังงานอิสระเป็นแรงสู่สมดุล
ระบบโดดเดี่ยว เอนโทรปีมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น การเพิ่มขึ้นของเอนโทรปีจะบ่งชี้ถึงทิศทางการ
เปลี่ยนแปลงเองของระบบ แต่ถ้าระบบไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวระบบสามารแลกเปลี่ยนความร้อนกับ
สิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับเอนโทรปีจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ไม่ใช่เอนโทรปีของระบบแต่เป็นเอนโทร
ปีของระบบรวมกับสิ่งแวดล้อม
Stotal = S + S R
พิจารณาการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
dStotal = dS + dS R
สมการนี้สามารถเขียนอยู่ในพจน์ตัวแปรของระบบ โดยเขียนเอกลักษณ์ทางเทอร์โมไดนามิก
1 P
dS = dU + dV − dN
T T T
ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงเอนโทรปีทั้งหมดเขียนได้เป็น
1 1 1
dStotal = dS − dU = − ( dU − TdS ) = − dF
T T T
ในกรณีความดันคงที่ ระบบจะพยายามทำให้พลังงานอิสระกิบส์มีค่าน้อยที่สุด
ถ้าจำนวนอนุภาคของระบบคงที่ ทิศทางของระบบจะเปลี่ยนแปลงไปโดยมีลักษณะ
1) พลังงานและปริมาตรคงที่ S จะเพิ่ม
2) อุณหภูมิและปริมาตรคงที่ F จะลด
3) อุณหภูมิและความดันคงที่ G จะลด
ถ้าอุณหภูมิและความดันคงที่
G = N
สำหรับระบบที่ประกอบด้วยอนุภาคที่มากกว่า 1 ชนิด
G = N11 + N 2 2 + ... = N
i
i i
P
(T , P ) = (T ) + kT ln
P
5.3. การเปลี่ยนแปลงวัฏภาคของสารบริสุทธิ์
การเปลี่ยนวัฏภาคเป็นการเปลี่ยนสมบัติของสารแบบไม่ต่อเนื่อง คือมีการเปลี่ยนอย่าง
มาก ในขณะที่สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงน้อยมาก ตัวแปรที่มีผลต่อการเปลี่ยน เมื่อเพิ่ม
ความดันและอุณหภูมิจนถึงจุดวิกฤต การเปลี่ยนวัฏภาคจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
Diamond and Graphite
คาร์บอนมี 2 วัฏภาคคือ เพชร และ แกรไฟต์ ที่ความดันบรรยากาศจะเสถียรในวัฏภาค
แกรไฟต์ มีพลังงานอิสระกิบส์ต่ำกว่าเพชร
รูปร่างของเส้นรอยต่อระหว่างวัฏภาคในกราฟระหว่างความดันกับอุณหภูมิ จะมีความสัมพันธ์
กับเอนโทรปีและปริมาตรของวัฏภาคทั้งสอง
Gl = Gg ที่รอยต่อระหว่างเฟส
dP L
=
dT T V
โดย V = Vg − Vl
The van der Waals Model
เป็นแบบจำลองความสัมพันธ์ของของไหลระหว่างวัฏภาคของเหลว-แก๊ส
aN 2
P + (V − Nb ) = NkT
V2
ปริมาตรที่น้อยที่สุดมีค่าเป็น Nb ความดันสามารถมีค่าได้เป็นอนันต์
G = − NkT ln (V − Nb ) +
( NkT )( Nb ) − 2aN 2
+ c (T )
(V − Nb ) V
5.4. การเปลี่ยนแปลงวัฏภาคของสารผสม
Free Energy of a Mixing
ให้โมเลกุลรวมทั้งหมด 1 โมล ผลรวมของพลังงานอิสระทั้งสองเป็น
G = (1 − x ) GA + xGB
Gmixing = RT x ln x + (1 − x ) ln (1 − x )
ค่าศักย์เคมีของสารละลายและตัวทำละลาย
G N kT
A = = 0 = ( T , P ) − B
N A T , P , Nb NA
G N
B = = f (T , P ) + kT ln B
N B T , P , Na NA
B = f (T , P ) + kT ln mB
Osmotic Pressure
ศักย์เคมีของตัวทำละลายในสารละลายจะน้อยกว่าสารละลายบริสุทธิ์ ที่อุณหภูมิและ
ความดันเดียวกัน ซึ่งจะทำให้โมเลกุลของตัวทำละลายไหลเข้าไปในสารละลาย การไหลนี้
เรียกว่าเกิด ออสโมซิส โดยธรรมชาติจะเกิดขึ้นจากสารละลายเจือจางไปยังสารละลาย
เข้มข้น ถ้าต้องการให้หยุดการไหลสามารถทำได้โดยเพิ่มความดันให้ทางด้านสารละลายจน
สอดคล้องเงื่อนไขว่า ศักย์เคมีทั้งสองข้างเท่ากันก็จะหยุดการเกิดออสโมซิส
N B kT nB RT
( P2 − P1 ) = =
V V