Professional Documents
Culture Documents
ดร.อาทิตา ชูตระกูล
จิตสำนึกคุณภาพ
จิตสำนึก (Conscientiousness) หรือ ความตระหนัก (Awareness)
หมายถึง การตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นและตัดสินใจเลือกสนองตอบต่อสิ่งนั้น
ในทางที่ถูกต้อง ตามกฎระเบียบ กฎหมาย กฎระเบียบของสังคม จารีต
ประเพณี
คุณภาพ (Quality) หมายถึง สินค้า หรือบริการ ที่เป็นไปตามมาตรฐาน
จิตสำนึกคุณภาพ (Quality Awareness)
หมายถึง การที่ผู้ปฏิบัติงานมีการรับรู้ถึงผลกระทบที่ได้
จากการปฏิบัติงาน หรือมีสติรู้ว่าขณะปฏิบัติงานนั้น ต้อง
ให้ความสำคัญกับคุณภาพอยู่ตลอดเวลาเพื่อทำให้สินค้า
หรือบริการที่ได้มีคุณภาพ หรือได้มาตรฐานตรงตามที่
กำหนดเอาไว้
องค์ประกอบสำคัญของจิตสำนึกคุณภาพ
ประกอบด้วยองค์ประกอบที่สำคัญ 4 ส่วน
ผู้บริหารระดับสูง
(Top Management)
สภาพแวดล้อม
ในการทำงาน
(Working Environment)
องค์ประกอบสำคัญของจิตสำนึกคุณภาพ
องค์ประกอบที่ 1 ผู้บริหารระดับสูง (Top Management)
คือผู้ที่กำหนดทิศทางการดำเนินงานให้กับทุกคนในองค์กร
องค์ประกอบที่ 2 หัวหน้างาน (Supervisor)
ผู้ที่มีหน้าที่สำคัญในการนำแผนงานต่างๆ ไปถ่ายทอดให้กับพนักงานระดับ
ปฏิบัติการได้ทราบ และนำไปปฏิบัติ
องค์ประกอบที่ 3 พนักงานผู้ปฏิบัติงาน (Operation)
คือ ผู้ที่หยิบ จับ หรือสัมผัสกับงานโดยตรง เพื่อแปรรูปวัตถุดิบให้กลายเป็น
สินค้า ถือได้ว่า พนักงานคือผู้กำหนดคุณภาพสินค้า หรือบริการตัวจริง
องค์ประกอบที่ 4 สภาพแวดล้อมในการทำงาน (Working Environment)
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท หนึ่งคือ สิ่งแวดล้อมที่สัมผัสได้ เช่น สภาพ
แวดล้อม
ที่เหมาะสม ไม่อึดอัด คับแคบ ทำงานได้สะดวก
สองคือ สิ่งแวดล้อมด้านความรู้สึก โดยควรสร้างบรรยากาศในการทำงาน
เป็นทีม ซึ่งทุกคน ทุกแผนก ยินดี และพร้อมที่จะให้คำปรึกษา
การลดปัญหาความผิดพลาด และกระตุ้นให้เกิดการสร้างจิตสำนึก
• ไม่ควรมอบหมายให้พนักงานปฏิบัติมากกว่าสองอย่างในเวลาเดียวกัน หรือถ้าไม่สามารถหลีก
เลี่ยงได้ ควรจัดพนักงานเพิ่มเพื่อช่วยเหลือ
• ควรกระตุ้นให้พนักงานปฏิบัติด้วยความตั้งใจ และใส่ใจในคุณภาพตลอดเวลา เช่นการประชุม
แจ้งข้อมูล การเข้าไปเฝ้ าดูการปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิด การติดตามผลการปฏิบัติงานอย่างเป็น
ระยะ เป็นต้น
• ควรทำป้ าย สัญลักษณ์ หรือเครื่องหมายเตือน หรืออุปกรณ์เพื่อป้ องกันความผิดพลาดเผอเรอ
• ควรจัดงานเหมาะสมกับคน ไม่มากเกินกำลังความสามารถ
• จัดทำคู่มือการปฏิบัติงาน และฝึกอบรมให้กับพนักงานปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง และเฝ้ าติดตาม
วิธีการปฏิบัติงานของพนักงานเป็นระยะอย่างใกล้ชิด
• ต้องบริหารงานด้วยข้อเท็จจริง (Management by Fact) ไม่อาศัยความรู้สึก ลางสังหรณ์เด็ดขาด
• ควรลดสิ่งรบกวนเพื่อป้ องกันการขาดสมาธิของพนักงาน เช่นเสียงดัง การพูดคุย การหยอกล้อ
เล่นกันขณะปฏิบัติงาน
• ควรจัดมาตรฐานการทำงานในแต่ละวันให้ชัดเจน ทั้งด้านคุณภาพ และปริมาณ
• หัวหน้างานควรแสดงความรับผิดชอบต่อผลงานที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติของลูกน้อง
• ควรลงโทษ และให้รางวัลอย่างเหมาะสมกับผลงาน
การเรียนรู้ จุดเริ่มต้นของการสร้างจิตสำนึก
“การเรียนรู้ถือเป็ นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาทั้งตนเอง และหน่วยงาน
ให้เจริญก้าวหน้า ถ้าหากพนักงานในหน่วยงาน หรือองค์กรใด ไร้ซึ่ง
ความรู้ที่จำเป็ นต่อการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องแล้วไซร้ องค์กรนั้นก็ยากที่
จะอยู่รอด” การเรียนรู้แบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ
- การเรียนรู้ด้วยตนเอง
- การเรียนรู้ขององค์กร
การเรียนรู้เพื่อการพัฒนา
การเรียนรู้ขององค์กร
(organization Learning)
การเรียนรู้ของตนเอง
(Self – Learning)
ระดับการเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเอง
ประยุกต์
(Apply)
เรียนรู้
(Learn)
รับรู้
(Perceive)
ระดับที่หนึ่ง รับรู้ (Perceive)
หมายถึง การรับรู้คำสั่ง ขั้นตอน วิธีการทำงาน หรือ
กฎระเบียบต่างๆ แล้วนำมาใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน
ของตน เพื่อทำให้ได้ผลลัพธ์ของงานที่ตรงตามวัตถุประสงค์
และเป้ าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งเหมาะสมกับพนักงานใหม่ หรือ
ผู้เริ่มต้นการทำงาน
ระดับที่สอง เรียนรู้ (Learn)
หมายถึง การเรียนรู้จากสิ่งที่ได้รับรู้ในขั้นตอนแรกว่า
หลังจากที่ได้นำไปปฏิบัตินั้น มีผลเป็นอย่างไร มีปัญหา หรือ
อุปสรรคอะไรหรือไม่ และผลกระทบต่างๆ จากการ
ปฏิบัติงานของตนในด้านต่างๆ นั้นเป็นอย่างไรบ้าง เหมาะ
กับผู้ที่ปฏิบัติงานได้ระยะหนึ่งหรือไม่
ระดับที่สาม ประยุกต์ (Apply)
หมายถึง การนำความรู้ แนวคิด สิ่งที่ตนได้ค้นพบจน
เกิดประสบการณ์ และทักษะมาประยุกต์ให้เกิดสิ่งใหม่วิธีการ
ขั้นตอนใหม่ๆ ที่มีระโยชน์ และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ
ประสิทธิผลในการปฏิบัติงานในด้านต่างๆ เช่น มีคุณภาพดี
ขึ้น ลดเวลาการทำงาน หรือของเสียลดน้อยลง เป็นต้น
เหมาะกับผู้ที่ทำงานมานานจนมีความรู้ความชำนาญ และ
ประสบการณ์มาก
การเรียนรู้ของหน่วยงาน
(Organization Learning)
การเรียนรู้ด้วยตนเอง
(Self – Learn)
การเรียนรู้จากตัวอย่างที่ดี การเรียนรู้จากสิ่งที่ไม่ดี
(Best Practice Learning) (Bad Practice Learning)
เครื่องมือในการสร้างให้เกิดจิตสำนึกคุณภาพ
• เครื่องมือที่ 1 การนำของเสียมาติดบอร์ด เพื่อแสดงผลการปฏิบัติงานของพนักงาน และ
อธิบายถึงปัญหา และสาเหตุที่เกิดขึ้น เพื่อให้พนักงานตระหนัก และให้ความสำคัญ
• เครื่องมือที่ 2 เอาของเสียที่เกิดจาการปฏิบัติงานผิดพลาดของพนักงานมากองรวมกัน
แล้วเรียกพนักงานมาประชุมรวมพร้อมกันแล้วบอกว่า นี่คือ โบนัส และสวัสดิการของ
พวกเรา
• เครื่องมือที่ 3 การแสดงมูลค่าความเสียหายที่เกิดจากพนักงานปฏิบัติงานผิดพลาด มา
แสดงให้พนักงานเห็น เพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนให้พนักงานได้ทราบถึงมูลค่าความเสีย
หายที่เกิดขึ้น อาจแสดงเป็นทุกๆ ชั่วโมง วัน สัปดาห์ หรือเดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความ
เหมาะสม
• เครื่องมือที่ 4 การจูงใจจากเป้ าหมายด้านคุณภาพที่ดีขึ้น เป็นการให้รางวัลกับพนักงาน
ในหน่วยงาน โดยพิจารณาจากผลการปฏิบัติงานที่เกิดขึ้นในด้านคุณภาพ เช่น ถ้าปริมาณ
ของเสียน้อยกว่าเดือนที่แล้ว จะให้เงินรางวัลกับพนักงานทุกคนโดยจะได้คนละ 100
บาท หรอถ้าภายใน สามเดือน ไม่ได้รับการร้องเรียนจากลูกค้าด้านปัญหาคุณภาพ หรือ
ลูกค้าไม่ส่งงานคืน (Customer Return) จะให้เงินกับพนักงานทุกคน เป็นต้น
ตัวอย่างของเสียที่ติดในกระบวนการผลิต
ตัวอย่างของเสียขวดแชมพู
“โบนัสของพวกเราอยู่ในกองของเสีย
กองนี้ เลือกเอาตามใจชอบเลย”
ตารางแสดงปริมาณของเสียประจำเดือน
ความพึงพอใจสูงสุด
ราคาต่ำ
ของลูกค้า
บริการขายดี
ลูกค้าภายใน และลูกค้าภายนอก
ลูกค้าภายในองค์กร ลูกค้าภายนอกองค์กร
ลักษณะการมอง ผลลัพธ์จากการมอง
มองภาพรวมทั่วไป หรือมองภาพกว้างๆ มองภาพรวมกว้างๆ ในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น มอง
กระบวนการทำงานทั้งหมด
มองเฉพาะจุดในใจ หรือมองจุดเดียว ขั้นตอนเดียว รับรู้ขั้นตอนการปฏิบัติงานในจุดนั้นๆ อย่างชัดเจน เช่น
มองเฉพาะขั้นตอนการปฏิบัติงานขั้นตอนใดขั้นตอน
หนึ่ง
มองอย่างพินิจพิเคราะห์ ดูว่ามีสิ่งใดถูกหรือผิด พิจารณาดูว่าสิ่งที่มองนั้น ถูกต้องหรือมีข้อบกพร่อง
ประการใดหรือไม่
มองอย่างเซียน ทราบจุดบกพร่อง หรือสิ่งที่ควรปรับปรุง และให้คำ
แนะนำที่เป็นประโยชน์ สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
2. หู (Ear) เพื่อ การฟังเสียง (Listen) แต่การฟังเสียงนั้นต้องฟัง
อย่างมีวิจารณญาณ คือ ฟังแล้วต้องรู้ว่ามีสิ่งผิดปกติ หรือมีอะไรแปลก
กว่าที่เคยได้ยินหรือไม่
3. จมูก (Nose) มีไว้เพื่อสูดดม หรือ พิสูจน์กลิ่น (Smell) เช่น กลิ่น
ไหม้ กลิ่นเหม็น หรือกลิ่นผิดปกติ
4. มือ (Hand) มีไว้เพื่อหยิบ จับ ลูบ คลำ ปั้น สัมผัส (Touch) มือนี้มี
ประโยชน์มากมายนับไม่ถ้วน
5. ปาก (Mouth) มีไว้เพื่อ กิน พูด บ่น ร้องเพลง หรือ สื่อสาร
(Communication) และอื่นๆ อีกมากมาย
เครื่องมือที่ 3 ผู้จัดการ 5 Gen หมายความว่า ผู้จัดการควรไปตรวจสอบพื้นที่
การทำงาน (Shop Floor) โดยใช้หลักการของ 5 Gen ซึ่งประกอบไปด้วย
เครื่องมือ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่เหมาะสม และจำเป็นอย่างยิ่งในการสร้างจิตสำนึก
คุณภาพ โดยสามารถอธิบายได้ ดังตาราง
การทำงาน (Working)
= การปฏิบัติงาน (Doing + การตรวจสอบ (Checking)
• ความสำเร็จขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ 4
ประการ คือ คน งาน ระบบ สิ่งแวดล้อม
องค์กรย่อมต้องการความสำเร็จ
1. บรรลุเป้ าหมายที่ตั้งไว้อย่างชัดเจน
2. สมาชิกในองค์กรต้องสร้างความเข้าใจ / ให้ความร่วม
มือ
3. องค์ต้องการการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
สิ่งที่ส่งผลต่อความสำเร็จโดยรวมขององค์กร
•ความมุ่งมั่นของพนักงาน
•ทำงานเพื่อส่วนรวม
•มีความร่วมมือ
•สามารถทำงานเป็ นทีมได้ดี
•ประสานงานกันอย่างเต็มที่
สิ่งที่ทุกคน ควรคำนึง
1. ปรับเปลี่ยนนิสัยที่ให้โทษกับชีวิตตนเอง
2. สร้างแนวคิดใหม่ที่ให้พลังแก่ชีวิต
3. ทุกคนควรทำงานด้วยใจ
4. พร้อมพัฒนา / ปรับปรุงตนเอง
๕ วิธีการทำงานให้ดีขึ้น
5 WAYS TO WORK
•เข้าใจนโยบายขององค์กร
•ทำความรู้จักกับขั้นตอนการทำงาน
•ทำงานให้มากกว่าที่รับผิดชอบอยู่
•ปรับสภาพให้เข้ากับเพื่อนร่วมงาน
•เรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา
ความสามารถในการปฏิบัติงาน
•รู้ตำแหน่งงาน
•รู้หน้าที่งาน และรู้วัตถุประสงค์ของงาน
•มีความรับผิดชอบงาน
•รู้วิธีปฏิบัติงานและเทคนิคต่างๆ
•รู้จักพัฒนางาน และปรับปรุงงาน
•รู้จักพัฒนาตนเอง
ความสามารถในเรื่องคน
•รู้จักศึกษาและวิเคราะห์ตนเอง
•รู้จักศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการของบุคคลอื่น
•รู้จักตอบสนองต่อความต้องการของบุคคลอื่น
•รู้จักและยอมรับในความแตกต่างของบุคคลอื่น
การกระตุ้นจากสิ่งเร้า
หมายถึง สภาพแวดล้อม หรือ สิ่งที่มากระทบ และมีผลต่อการตัดสินใจ เช่น สภาพ
แวดล้อม แรงกดดัน ความเร่งด่วน กฎระเบียบ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับผลลัพธ์ที่จะ
เกิดขึ้น
- คิด ไตร่ตรอง ขั้นตอนนี้จะเป็นการรวบรวมข้อมูลที่จำเป็น และสามารถหาได้ เพื่อ
ประกอบกับทักษะ ประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถแนวคิดใหม่ (Idea)
และพิจารณาหาทางเลือกต่างๆ ทั้งหมดที่จะเกิดขึ้น
- เลือกแนวทาง และลงมือปฏิบัติ เป็นการเลือกทางเลือกที่คิดว่าดีถูกต้อง และเหมาะ
สมที่สุด แล้วปฏิบัติตามแผนงานที่วางไว้
- ผลลัพธ์ คือ ผลที่ได้จากการเลือกตัดสินใจ และปฏิบัติตาม ที่ได้ตัดสินใจไว้ ซึ่งมี 2
ทาง คือ สมหวัง หรือ บรรลุเป้ าหมาย กับผิดหวัง หรือ พลาดเป้ าหมาย
กระบวนการตัดสินใจ (Decision Marking Process)
การกระตุ้นจากสิ่งเร้า
ปัญหา ความต้องการ แรงกดดัน
คิด ไตร่ตรอง
รวบรวมข้อมูล ทักษะ ประสบการณ์
ความรู้ ความสามารถ ผนวกความคิดใหม่ (Idea)
เลือกแนวทาง และลงมือปฏิบัติ
เลือกทางเลือกที่คิดว่าดี ถูกต้อง และเหมาะสมที่สุด
ปฏิบัติงานตามแผนงานที่วางไว้
ผลลัพธ์
สมหวัง บรรลุเป้ าหมาย
หรือ ผิดหวัง ไม่บรรลุเป้ าหมาย
เข้าใจ “ สัญญาณไฟจราจรอารมณ์ ”
(Understand the Emotion Traffic Light)
ไฟแดง (Red light)
• หยุดคิด ! หายใจเข้าลึก ๆ (Stop thinking, Inhale deeply)
• มีสติ (Be awared, Mindfulness)
• ดูความคิด….ดูอารมณ์ (Observing thinking, Observing
Feeling)
WE
เรา
Thank you /Ah ha
ขอบคุณ /อะฮา
I was wrong /I am sorry
ฉันผิดเอง /ฉันเสียใจ
You can do it
คุณทำได้แน่
What can I help you ?
ให้ฉันช่วยคุณมั้ย ?
1. แสดงความรู้สึกของตนเองอย่างชัดเจนและเปิ ดเผย
8. บอกอารมณ์อันหลากหลายของตนเองได้
•ประพฤติชอบ ไม่มัวเมากับอบายมุข
•การจัดสรรเวลาให้เหมาะสม
-งานแล้วเสร็จ -มีความพึงพอใจในงาน
-ความมีประสิทธิผล -มีความพึงพอใจในเพื่อนร่วมงาน
-ความมีประสิทธิภาพ -มีความรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า
-มีความรู้สึกว่าตนเองมีโอกาส
ก้าวหน้าในงาน
Organization and Performance Management
Strategic Planning
องค์การ
Strategic Management –
หน่วยงาน Performance Management
พนักงาน
จิตสำนึกคุณภาพกับการรักองค์การ
1.มีเป้าหมายร่วมของกลุ่มเป็ นที่แน่ชัด ทุกคนในทีมเข้าใจชัดแจ้ง และ
เต็มใจที่จะยอมรับ โดยยอมรับเอาตัวเองเข้าผูกพันกับ เป้า
หมายร่วมนั้น ๆ อย่างแท้จริง
2.แต่ละคนในทีมมีความเข้าใจในขอบเขตของฐานะบาทบาท ตลอดจน
อำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบของตำแหน่งที่ตนดำรงอยู่อย่างแน่ชัด
3.แต่ละคนในแต่ละตำแหน่ง จะต้องเข้าใจในความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน
ของงานของตนกับบุคคลอื่น ๆ ในทีม และพร้อมที่จะให้ หรือรับความ
ช่วยเหลือร่วมมือร่วมใจอย่างเต็มที่
4.สมาชิกของทีมจะทำงานแบบยืดหยุ่นโดยมีทัศนคติยึดถือว่าลักษณะ
หน้าที่ปฏิบัติจะเป็ นตัวกำหนดรูปแบบ มิใช้รูปแบบเป็ นตัวกำหนดลักษณะ
หน้าที่การงานที่ปฏิบัติ
จิตสำนึกคุณภาพกับการรักองค์การ
5.มีพฤติกรรมการทำงานในระหว่างผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับ
บัญชา เป็ นไปในลักษณะของแบบการทำงานร่วมกับคน มิใช่เป็ น
แบบทำงานบนหัวคนหรือกดหัวคน
6.สมาชิกแต่ละคนในทีมจะต้องรู้จักตัวของตัวเองได้อย่างเพียงพอ
ต่อการที่จะเข้าใจเกี่ยวกับตัวเองได้อย่างแท้จริง
7.นอกจากแต่ละคนจะรู้และเข้าใจตัวเองได้ดีเพียงพอแล้ว จะต้อง
รู้จักและเข้าใจเพื่อนในทีมได้เป็ นอย่างดีเพียงพออีกด้วย
12.การขจัดข้อขัดแย้งภายในทีม จะใช้วิธีการแบบเผชิญหน้าแก้
ปัญหากันด้วยข้อมูลเท็จจริงโดยมุ่งหวังต่อความเข้าใจ และการ
สื่อสารที่ดีระหว่างกันและกัน
13.จะมีการใช้ประโยชน์และประสานประโยชน์ในเรื่อง ขาดความรู้
ความสามารถตลอดจนความแตกต่างของแต่ละคนในทีมให้ได้ผล
ร่วมกันอย่างสูงสุด
14.การตัดสินใจใดๆ ภายในทีมจะอาศัยข้อมูลที่ เป็ นข้อเท็จจริง
แทนข้อมูลที่เป็ นเพียงความรู้สึกนึกคิด และการตัดสินใจนั้นจะกระทำ
กัน ณ แหล่งที่มีข้อมูลที่สุดแทนที่จะยึดถือเอาแหล่งที่มีตำแหน่งสูงๆ
เป็ นจุดศูนย์กลางในการตัดสินใจเท่านั้น
จิตสำนึกคุณภาพกับการรักองค์การ
A S
C D A p
C D A S
C D A p
A S
ดีขึ้น C D
C D
รายการจุดควบคุมแต่ละ
หัวข้อการบริหารนโยบาย ระดับสำหรับการติดตาม หัวข้อการบริหารงานประจำ
Job assignment
อัตราของเสีย (%)
เวลา
รักษาระดับปัจจุบัน ลดระดับของเสีย
ของของเสีย ลงอย่างฮวบฮาบ
ความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารนโยบายกับการบริหารงานประจำวัน
(ตัวอย่าง 1 : การผลิต)
อัตราของเสีย (%)
ปรับปรุงงานประจำ
ลดระดับของเสีย
ลงอย่างฮวบฮาบ
ปรับปรุงงานประจำ
รักษาระดับปัจจุบัน
ของของเสีย เวลา
ผังองค์กรทั่วไป
ประธาน
งานปฏิบัติการ งานสนับสนุน
วางแผนผลิตภัณฑ์ วางแผนธุรกิจ
วิจัย และพัฒนา TQM
ออกแบบและสร้างแบบจำลอง ประกันคุณภาพ
วิศวกรรมการผลิต จัดซื้อ
ผลิต บัญชี
ขาย บริหารทั่วไป
บริการ บุคคล
ผู้จัดการฝ่ ายผลิต - จุดควบคุม
จำนวนการร้องเรียนที่อยู่ในความรับผิดชอบของฝ่ ายผลิต
% Lot Reject
% Defect
จำนวนงาน Rework, Repair, Blending, ฯลฯ
ดัชนีความสามารถกระบวนการ
(Process Capability Index : Cp)
จำนวนครั้งของการออกนอกเส้นควบคุม
ต้นทุน/หน่วย (แรงงาน, วัตถุดิบ, OH)
การสูญเสียจากคุณภาพต่ำ
% การส่งของล่าช้า
ผู้จัดการฝ่ ายตรวจสอบ - จุดควบคุม
จำนวนการร้องเรียนจากการส่งวัตถุดิบผิด
จำนวนของการตรวจสอบผิด
ทักษะของผู้ตรวจ
ข้อมูลการสอบเทียบสำหรับเครื่องมืออุปกรณ์ทดสอบ