Professional Documents
Culture Documents
แรง F ดึงไปในระยะทาง S
P1 1
a
b
P2 c
2
V
V1 V2
รูปที 2.2
แก๊ส แก๊ส
สูญญา-
State 1 แก๊ส
กาศ
Adiabatic
ic
เนืองจากแก๊ สมีการขยายตัว (dV ≠ 0) จึงพบว่า ค่า ∂U จําเป็ นต้ องเท่ากับ ศูนย์ นัน คือ
∂V T
∂U
=0 (2.9)
∂V T
นัน หมายความว่า การเปลีย นแปลงพลังงานภายในนัน ไม่ขึ นอยูก่ บั การเปลีย นแปลงปริ มาตรถ้ าอุณหภูมิในการเปลีย นแปลงนัน
คงที
หมายเหตุ- ทังหมดที
กล่าวมานันเป็
นกรณีสาํ หรับแก๊ สอุดมคติ สําหรับแก๊ สจริ ง (Real gas) นัน การขยายตัวเข้ าสูส่ ญ
ู ญากาศนัน
จะมีการเปลีย นแปลงของอุณหภูมิโดยทีอณ ุ หภูมิจะลดลง เนือ งจากแก๊ สต้ องทํางานต้ านแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลของแก๊ สนัน
ปริ มาณงานทีแก๊ สทําต่อหนึง หน่วยอุณหภูมิจะเท่ากับพจน์แรกในสมการที 2.8
(∂U/∂V)T(∂V/∂T)P
สําหรับ Ideal Gas นันไม่
มีแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุล งานที Ideal Gas ทําจึงเป็ น ศูนย์ ค่าของพจน์นี เท่ากับศูนย์ สําหรับ Real
Gas ค่าของพจน์นี มากกว่าศูนย์ในปริ มาณทีไม่มาก ในขณะทีใ นของเหลวและของแข็ง ซึง มีแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลมาก ค่าของ
พจน์นี จะมีคา่ มาก งานทีต้องทําในการขยายตัวเพิม ปริ มาตรเข้ าสูส่ ญ
ู ญากาศมีคา่ มหาศาล ดังนันจะเห็
นได้ วา่ สสารในสถาณะ
ของเหลวและของแข็ง จะไม่สามารถเพิม ปริ มาตรของตัวมันเองได้
P
1 Reversible Isothermal Path
T1 = T2 = คงที
PV = คงที
Reversible Adiabatic Path
T3 < T1
PVγ = PVγ = คงที
3 2
V
รูปที 2.5
งานทีระบบทํา (w) เท่ากับ ∫PdV คือ พื นทีใต้ กราฟ จะเห็นว่า ระบบทีมีการเปลีย นแปลงแบบ Isothermal ทํางานมากกว่าระบบทีม ี
การเปลีย นแปลงแบบ Adiabatic ในแบบ Adiabatic จะมีอณ ุ หภูมิสดุ ท้ ายทีต ําลง ข้ อแตกต่างนี เกิดจากว่า ในแบบ Isothermal นัน
ความร้ อนได้ ถกู ดูดซับเข้ าสูร่ ะบบเพือให้ ระบบทํางาน อุณหภูมิของระบบจะคงที ไม่มีการเปลียนแปลงของพลังงานภายใน ส่วนใน
๒.๙ ตัวอย่างโจทย์
ข้อ ๑
มีแก๊ สอุดมคติ ๑๐ ลิตร ทีอณ ุ หภูมิ ๒๕ องศาเซลเซียส ความดัน ๑๐ บรรยากาศ เกิดการขยายตัวความดันลดลงเหลือ ๑
บรรยากาศ จงคํานวนงานทีระบบทํา ความร้ อนทีเ ข้ าสูร่ ะบบ พลังงานภายใน และ เอนทัลปี ทีเปลีย นแปลง ถ้ าการเปลีย นแปลงเป็ น
แบบ ก. Reversible Isothermal และ ข. Reversible Adiabatic
จงหา ปริ มาณพลังงานภายในทีเ ปลีย นแปลง ถ้ าระบบมีการเปลีย นแปลงแบบทีมี State ตังต้
นและ State สุดท้ าย เหมือนในข้ อ ข.
i) Isothermal แล้ วค่อย Isometric
ii) Isometric แล้ วค่อย Isothermal
iii) Isothermal แล้ วค่อย Isobaric
iv) Isometric แล้ วค่อย Isobaric
v) Isobaric แล้ วค่อย Isometric
กําหนดให้ cV เท่ากับ 3R/2 คงทีไม่ขึ นอยูก่ บั อุณหภูมิ
วิ ธีทํา
V1 = 10 liter, T1 = 298 K, P1 = 10 atm
จาก PV = nRT --> n = PV/RT = 10x10/(0.08206x298) = 4.09
ก. Reversible Isothermal
∆T = 0 ทําให้ ∆U = 0
∆H = ∆U + ∆ (PV) = 0 + 0 = 0
จากกฏข้ อทีหนึง ∆U = q – w
เมือ ∆U = 0 จะได้ q = w = nRTln(P1/P2) = nRTln(V2/V1)
= 4.09x0.08206x298xln(10/1)
= 230 J
V2 = P1V1/P2 = 10x10/1 = 100 liter
ข. Reversible Adiabatic
P1V1γ = P2V2 γ ; γ = cP/cV
จาก cP-cV = R และ cV = 3R/2 ดังนัน cP = 5R/2 และ cP/cV = 5/3
10x105/3 = 1xV25/3 --> V2 = 39.8 liter
T2 = P2V2/(nR) = 1x39.8/(4.09x0.08206) = 119 K
จาก (2.4); ∆U = ∫ncVdT = ncV∆T = 4.09x1.5x8.314x(119-298) = -9.13 kJ
∆H = ∫ncPdT = ncP∆T = 4.09x2.5x8.314x(119-298) = -15.3 kJ
Adiabatic: q = 0
จากกฏข้ อทีหนึง ∆U = q-w = 0-w
จะได้ วา่ w = -∆U = 9.13 kJ
f c b
1
V
10 39.8 100
i) Isothermal แล้วเป็ น Isometric
∆Ua-->e = 0 ; Isothermal
∆Ue-->c = ∫ncVdT = ncV∆T = 4.09x1.5x8.314x(119-298) = -9.13 kJ
∆Ua-->e = ∆Ua-->e + ∆Ue-->c = -9.1 kJ
ii) Isometric แล้วเป็ น Isothermal
∆Ua-->d = ∫ncVdT = ncV∆T = 4.09x1.5x8.314x(119-298) = -9.13 kJ
∆Ud-->c = 0 ; Isothermal
∆Ua-->c = ∆Ua-->d + ∆Ud-->c = -9.1 kJ
iii) Isothemal แล้วเป็ น Isobaric
∆Ua-->b = 0 ; Isothermal
∆Ub-->c = qp-w
= ∫ncPdT – ∫PdV = ncP∆T - P∆V
= 4.09x2.5x8.314x(119-298)-1(39.8-100)(101.3 J/atm-l)
= -9.1 kJ
∆Ua-->c = ∆Ua-->b + ∆Ub-->c = -9.1 kJ
iv) Isometric แล้วเป็ น Isobaric
∆Ua-->f = q-w = q ; w= ∫PdV = 0 เมือ dV = 0
= ∫ncVdT = ncV∆T = ncV(Tf-Ta)
Tf = PfVf/(nR) = 1x10/(4.09x8.314) = 30 K
∆Ua-->f = 4.09x1.5x8.314x(30-298) = -13.67 kJ
∆Uf-->c = qp-w
= ∫ncPdT – ∫PdV = ncP∆T - P∆V
= 4.09x2.5x8.314x(119-30)-1(39.8-10)(101.3 J/atm-l)
= 4.57 kJ
∆Ua-->c = ∆Ua-->f + ∆Uf-->c = -13.67+4.57 = -9.1 kJ
v) Isobaric แล้ วเป็ น Isometric
จะเห็นได้ วา่ ไม่วา่ กระบวนการจะดําเนินการไปตามเส้ นทางใด จะมีการเปลีย นแปลงของ P และ V อย่างไรก็แล้ วแต่ แต่ถ้า
กระบวนการทังหลายนั
นเริ
มต้ นจากจุดเริ มต้ นเดียวกัน และ สิ นสุดทีจดุ สุดท้ ายเดียวกันแล้ ว ปริมาณการเปลีย นแปลงของ พลังงาน
ภายในจะเท่ากันหมด เนืองจาก พลังงานภายในเป็ น State Function ไม่ขึ นกับเส้ นทางการดําเนินการเปลีย นแปลง
งานทีระบบทําในแต่ละกรณีนนั คือ พื นทีใต้ กราฟของเส้ นทางการเปลีย นแปลง P-V ของแต่ละกรณีนนั และจากกฏข้ อทีหนึง ค่า
ความร้ อนทีถ่ายเท จะเท่ากับ q = ∆U + w = -9.1x103 – พื นทีใต้ กราฟ และปริ มาณการเปลีย นแปลงของเอนทัลปี จะเท่ากับ ∆H
= ∆U + ∆ (PV) = -9.1x103 + ∆ (PV)