Professional Documents
Culture Documents
การอ่านและพิจารณาวรรณคดี บทละครพูดคำฉันท์
เรื่อง มัทนะพาธา ภาคสวรรค์
โดย
นาย ก้องภพ มูลอัต ชัน
้ มัธยมการศึกษาปี ที่ เลขที่ ๕
๕/๔
อาจาร์พนมศักดิ ์ มนูญปรัชญาภรณ์
ภาคเรียนที่ ๒ ปี การศึกษา ๒๕๖๒
โรงเรียนสาธิตนานาชาติมหาวิทยาลัยมหิดล
คำนำ
คณะผู้จัดทํา
๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๓
สารบัญ
หน้า
๑. การอ่านและพิจารณาเนื้อหาและกลวิธีในวรรณคดีและ
วรรณกรรม
๑.๒. โครงเรื่อง ๑
๑.๓. ตัวละคร ๑
๑.๔. ฉากท้องเรื่อง ๓
๑.๕. บทเจรจาหรือรำพึงรำพัน ๔
๑.๖. แก่นเรื่อง ๕
๒. การอ่านและพิจรณาการใช้ภาษาในวรรณคดีและ
วรรณกรรม
๒.๑. การสรรคำ ๖
๒.๒. การเรียบเรียงคำ ๑๒
๒.๓. การใช้โวหาร ๑๓
๓. การอ่านและพิจารณาประโยชน์หรือคุณค่าในวรรณคดีและ
วรรณกรรม
๓.๑. คุณค่าด้านอารมณ์ ๑๔
๓.๒. คุณค่าด้านคุณธรรม ๑๔
๓.๓. คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๑๖
บรรณานุกรม ๑๙
๑. การอ่านและพิจารนาเนื้อหาและกลวิธีในวรรณคดีและวรรณกรรม
๑.๑ เนื้อเรื่อง หรือ เนื้อเรื่องย่อ
๑.๒ โครงเรื่อง
หญิงงามบนสวรรค์ได้ปฏิเสธที่จะรับรักเทพบุตรคนหนึ่ง ด้วยความ
โกรธเทพบุตรคนนัน
้ จึงสาปนางให้กลายเป็ นดอกกุหลาบ และคำสาปนีจ
้ ะ
คลายต่อเมื่อนางมีความรัก
๑.๓ ตัวละคร
ตัวละครหลักใน บทละครพูดคำฉันท์ เรื่อง มัทนะพาธา ประกอบไป
ด้วย เทพบุตรสุเทษณ์ เทพธิดามัทนา และวิทยาธรมายาวิน
เทพบุตรสุเทษณ์
มะทะนาชะเจ้าเล่ห์ ชิชิช่างจํานรรจา,
ตะละคําอุวาทา ฤกระบิดกระบวนความ.
ดนุถามเจ้าก็ไซร้ บมิตอบณคําถาม,
วนิดาพยายาม กะละเลนสํานวนหวน.
ก็และเจ้ามิเต็มจิต จะสดับดนูชวน,
ผิวะใหอนงค์นวล ชนะหล่อนทะนงใจ.
บ่มิยอมจะร่วมรัก และสมัครสมรไซร้,
ก็ดะนูจะยอมให้ วนิดานิวาสสวรรค์
เทพธิดามัทนา
เทพธิดามัทนา เป็ นเทพธิดาที่ซ่ อ
ื ตรงต่อใจตัวเอง เป็ นคนไร้เล่ห์ไร้
เหลี่ยม ไม่พูดโกหกและซื่อสัตย์ เมื่อคิดอย่างไรก็จะพูดอย่างนัน
้ แต่ก็ยัง
เป็ นเทพธิดาที่เคารพผู้ที่มียศหรือายุมากกว่าตน ทว่าเพราะนิสัยที่พูดตรง
กับสิง่ ที่คิดจึงนำความทุกข์มาให้ตัวเองดังบทประพันธ์ต่อไปนี ้
อันชายประกาศวะระประทาน ประดิพัทธะแด่หญิง,
หญิงควรจะเปรมกะมะละยิ่ง ผิวะจิตตะตอบรัก;
แต่หากฤดีบอะภิรมย์ จะเฉลยฉะนัน
้ จัก
ตูข้าพระบาทสิสุจริต บมิคิดจะปดใคร,
อันว่าพระองค์กรุณะข้อย ฤก็ควรจะปรีดา,
อีกควรฉลองวรมหา กรุณาธิคณ
ุ ครัน;
ดังนีค
้ ะนึงฤก็ระบม อุระแห่งกระหม่อมฉัน,
ให้ถูกประดุจสุระประสงค์, ผิวะทรงพระโกรธา,
หมฺอมฉันก็โอนศิระณบา- ทะยุคลและกราบกราน
วิทยาธรมายาวิน
วิทยามายาวินเป็ นเทวดาที่มีความสามารถในการใช้มนตร์คถาสะกด
จิต และบังคับการกระทำของคนอื่นได้ ทัง้ ยังมีนส
ิ ัยที่เชื่อฟั งคำสั่งของ
บุคคลที่มีตำแหน่งยศถาบรรดาศักดิส์ งู กว่าตน ในบทประพันธ์ว่ากล่าว
สุเทษณ์ขอให้วิทยาธรมายาวินใช้อาคมเรียกเทพธิดามัทนามาเจรจากับ
เขา แต่ก็ต้องคลายอาคมให้นางเมื่อ เทพบุตรสุเทษณ์ไม่พอใจ เป็ นดังใน
บทประพันธ์ต่อไปนี ้
์ นตร์;
มายาวิน. เทวะ, ที่นาง อาการเป็ นอย่าง นีเ้ พราะฤทธิม
โยคะอันขลัง บังคับได้จน ให้ตอบยุบล ได้ตามต้องการ
แต่จะบังคับ ใครใครให้กลับ มโนวิญญาณ,
ให้ชอบให้ชัง ยืนยังอยู่นาน ย่อมจะเป็ นการ สุดพ้นวิสัย
หากว่าพระองค์ มีพระประสงค์ อยู่เพียงจะให้
นงคราญฉลอง รองพระบาทไซร้ ข้าอาจผูกใจ ไว้ด้วยมนตรา.
มิให้นงรัตน์ ดื้อดึงขึง้ ขัด ซึ่งพระอัชฌา,
บังคับให้ยอม ประนอมเป็ นข้า บาทบริจา ริกาเทวัญ.
สุเทษณ์. อ๊ะ! เราไม่ขอ ได้นางละหนอ โดยวิธีนน
ั้ !
เสียแรงเรารัก สมัครใจครัน อยากให้นางนัน
้ สมัครรักตอบ.
ผูกจิตด้วยมนตร์ แล้วตามใจตน ฝ่ ายเดียวมิชอบ,
เราใฝ่ ละโบม ประโลมใจปลอบ ให้นางนึกชอบ นึกรักจริงใจ.
ฉะนัน
้ ท่านครู คลายเวทมนตร์ดู อย่าช้ารำ่ไร,
้ งได้ สิทธิส์ มดังใจ; รีบคลายมนตรา.
หากเราโชคดี ครัง้ นีค
๑.๔ ฉากท้องเรื่อง
เนื่องจากเรื่องมัทนะพาธาแต่งขึน
้ เพื่อเป็ นบทละคร จึงแต่งเป็ นบท
เจรจาทัง้ เรื่อง โดยผู้แต่งได้ใช้กาพย์ ๓ ชนิด และฉันท์ ๒๑ ชนิดในการ
แต่งบทละคร ฉากแต่ละฉากมีการเลือกใช้บทประพันธ์ที่เหมาะสมกับฉาก
นัน
้ ๆ เช่น การใช้อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ เล่าอดีตของสุเทษณ์กับมัทนา ที่มี
ความเร็วเหมาะกับการเล่าเรื่อง เป็ นต้น ผูแ
้ ต่งสามารถสื่อถึงความรู้สึก
และการกระทำของตัวละครได้เป็ นอย่างดี
มัทนา. หม่อมฉันอยู่ไป
ก็เครื่องแต่ทรงรำคาญ
มัทนา. หม่อมฉันสังเกตเองเห็น.
คนโง่ฤาบ้าฉันใด?
ก็ บ มิทรงเชื่อเลย,
กลับทรงดำรัสตรัสเฉลย ชวนชักชมเชย
และชิดสนิทเสนหา.
พระองค์ทรงเป็ นเทวา ธิบดีปรา-
กฏเกียรติยศเกรียงไกร,
มีสาวสุรางค์นางใน มากมวลแล้วไซร้
ในพระพิมานมณี,
จะโปรดปรานข้าบาทนี ้ สักกี่ราตรี?
และเมื่อพระเบื่อข้าน้อย,
จะมิต้องนั่งละห้อย นอนโศกเศร้าสร้อย
ชะเง้อชะแง้แลหรือ?
ว่าแม้มิรักจริงใจ,
ก็จะมิยอมพร้อมจิต.
้ อเทพเรืองฤทธิ ์
ดังนีข โปรดข้าน้อยนิด,
ข้าบาทขอบังคมลา.
๑.๖ แก่นเรื่อง
ชื่อเรื่องของบทประพันธ์ ซึ่งก็คือ มัทนะพาธา สามารถแปลได้ว่า
ความเจ็บปวดที่เกิดเพราะความรัก เป็ นแก่นเรื่องหลักของบทประพันธ์
ตัวละครทุกตัวในเรื่องล้วนได้รับความเจ็บปวดเพราะความรักทัง้ นัน
้ เช่น
สุเทษณ์เจ็บปวดจากการรักมัทนา แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ถูกปฏิเสธความ
รัก นางมัทนาก็ถูกลงโทษเพราะการปฏิเสธความรักของสุเทษณ์จน
สุดท้ายนางได้ถูกสาปให้กลายเป็ นดอกไม้
๒. การอ่านและพิจารณาการใช้ภาษาในวรรณคดีผู้แต่งและวรรณคดี
ในการประพันธ์วรรณคดีหรือวรรณกรรมนีน
้ น
ั ้ ผู้เเต่งต้องใช้ความ
สามารถในการเลือกสรรถ้อยคําที่มีความประณีตและเหมาะสมสําหรับบท
นัน
้ ๆเเล้วนํามาจัดเรียงเเละเป็ นการจัดวางให้ถูกที่ฟันเเล้วอ่านเเล้วตรงกับ
สิ่งที่ผู้อ่านต้องการซึ่งได้คิดสรรมาเเละผู้ที่มีฝีมือในขัน
้ สูงนัน
้ สามารถเขียน
ให้ผู้อ่านมีความสนุกสนานไป ตามกับเนื้อเรื่องดังกล่าว
๒.๑ การสรรคำ
การสรรคําคือความคิดเเละอารมณ์ของผู้เเต่งนํามาที่มีต่อเรื่องนัน
้ ซึ่ง
อยู่ในการเลือกคําต่างๆเพื่อให้มีเนื้อหาที่ตรงตามที่ผู้เเต่งกำหนดไว้รวมไป
ถึงลักษณะฐานะของตัวละครในเรื่องอีกด้วย
การเลือกใช้คำที่เข้าใจง่าย และสื่อความหมายได้อย่างชัดเจน
ในพระราชนิพนธ์เรื่องมัทนะพาธาเป็ นบทละครพูดคําฉันท์พระองค์
ทรงเลือกจัดสรรคําด้วยพระเองตัวของเพราะเองสะเป็ นสวนใหญ่เเละพระ
เองทรงคํานิงถึงผู้อ่านหรือผู้ฟงจึกได้เลือกสรรคําที่มาความหมายเข้าใจ
ง่ายใช้ในการทรงพระราชนิพนธ์ฉันท์และกาพย์นอกจากนีย
้ ังได้สามารถ
สื่อความได้อย่างลึกซึง้ และทําให้เกิดความประทับใจแก่ผู้อ่าน ซึง่ กลวิธี
การใช้คําง่ายมีตัวอย่างดังนี ้
บทสนทนาระหว่างสุเทษณ์และมัทนา ซึง่ ใช้คําประพันธ์ประเภทอิน
ทวงสฉันท์ ๑๒ และ วสันตดิลกฉันท์ ๑๔ ส่วนใหญ่ใช้คําง่าย ๆ และมีคํา
ภาษาอื่นที่ใช้เฉพาะในบทประพันธ์ปะปนบ้างเล็กน้อย ความว่า
มีคู่สะมรมาน อภิรมฤเปนไฉน?
สุเทษณ์. เช่นนัน
้ ก็เชิญฟั ง ดนุกล่าวสิเนหะพจน์
เจ้างามประเสริฐหมด ก็มิควรฤดีจะดำ
แต่ต้องทํานูลวะจะนะซํา้ ดุจะได้ทำนูล
มา
การเลือกใช้ศพ
ั ท์สูง
ในที่นก
ี ้ ารใช้ศัพท์สูงหมายถึงการใช้คําที่มาจากภาษาอื่นมาใช้เช่น
ภาษาบาลีและภาษาสันสกฤตซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
จะทรงเลือกใช้คําประเภทนีเ้ พราะจะได้ลงตัวกับตัวละครและยัง รวมถึง
การสรรคําที่พระองค์ได้จัดเรียงมาได้อย่างดี เช่น บทที่เกี่ยวกับเทพเจ้า
บทสรรเสริญกษัตริย์ เป็ นต้น
มายาวิน. โอมบังคมพระคเณศะเทวะศิวะบุตร์
ฆ่าพิฆฺนะสิน
้ สุด ประลัย;
อ้างามกายะพระพรายประหนึ่งระวิอุทัย,
ก้องโกญจะนาทให้ สะ
หรรษ์,
เปนเจ้าสิบปะประสิทธิว์ ิวิธะวรรณ
วิทฺยาวิเศษสรร-
พะสอน;
ยามข้ากอบกรณีย์พิธีมะยะบวร,
จงโปรดประทานพร
ประสาท,
โอมนารายะณะเทพเถลิงอุระคุอาสน์
ขี่ขุนสุบรรณ์ราช จรัล,
ถือศังขจักระคะทาธรณิผัน
ปราบยักษะกุมภัณฑ์ มะ
ลาย,
เชี่ยวชาญโยคะวิธีพระพีระอภิปราย
ดลกิจจะทัง้ หลาย
สมิทธิ.์
ยามข้ากอบกรณีย์พิธีมะยะวิจิตร์
จงสมมะโนสิท-
ธิเทอญ.
บทประพันธ์ข้างต้นประกอบด้วยคําที่มาจากภาษาอื่นหลายคํา
ได้แก่ ภาษาบาลีและภาษาเขมรซึ่งคําเหล่านีเ้ มื่ออยู่ในบทประพันธ์ได้จัด
สรรคําเเละเรียงคําอย่างเหมาะสมกับตัวละครเเละเนื้อหาของเรื่องได้ดี
เป็ นอย่างยิ่งก็ทําให้บทประพันธ์เหมือนมีพลังซึ่งเป็ นไปตามสมควรกับบท
บูชาเทพเจ้าผู้มีฤทธิ ์
การใช้คําศัพท์สูงซึ่งส่วนใหญ่เป็ นคําที่มาจากภาษาบาลีและสันสก
ฤตช่วยทําให้การเล่นคําเป็ นเรื่องง่ายเพราะมีคําให้จัดสรรใส่จํานวนมากก
ว่าภาษาอื่นๆก่อให้เกิดความรู้สึกสง่างามมีอํานาจบารมีอันสูงส่งด้วยเหตุนี ้
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเลือกใช้คําชนิดนีใ้ นบทที่
เกี่ยวกับเทพเจ้าและกษัตริย์ จํานวนหลายคํา
การเลือกใช้คำให้เหมาะสมกับประเภทของคำประพันธ์
ในวรรณคดีเรื่องมัทนะพาธาซึ่งเป็ นคําประพันธ์บทละครพูดคําฉันท์
ได้มีการสรรหาเลือกใช้คําบาลีและสันสกฤตเป็ นหลักประกอบกับการใช้
ประเภทคําประพันธ์ต่างซึ่งตรงตามแบบแผ่นเพื่อสื่ออารมณ์ หรือ ความ
รู้สึกอื่นได้อย่างมีคุณภาพ เช่น
ฟั งถอยคําดํารัสมะธุระวอน ดนุนผ
ี ้ ิเอออวย
วันชายประกาศวะระประทาน ประดิพัทธะ
แด่หญิง
หญิงควรจะเปรมกะละมะยิ่ง ผิวะจิตตะตอบรัก
บทประพันธ์ดังกล่าวที่ได้ยกมาเป็ นตัวอย่างนัน
้ ต้องการเน้นอารมณ์
ที่อ่อนหวานผู้แต่งจึงเลือกใช้คํา ประพันธ์ประเภทวสันตดิลกฉันท์ 14 เพื่อ
สื่ออารมณ์โดยได้คํามาจากภาษาสันสกฤต และบาลี
คำที่เล่นเสียงหนักเบา
ลักษณะสําคัญของการเล่นเสียงหนักเบานัน
้ มีอยู่ในแทบทุกภาษาผู้
เเต่งมักเลือกใช้คือการเล่นเสียงหนักเบาและจังหวะเป็ นหลักเพื่อให้การ
ร้อยแก้วเเละร้อยกรองเพื่อประพันธ์ให้ลงตามจังหวะเเละรวมไปถึงการใช้
เสียงหนักเบาเพื่อก่อให้เกิดอารมณ์เเละความรู้สึกนัน
้ ของผู้อ่านรวมไปถึง
ทําให้ผู้อ่านเกิดความสนุกสนานเวลาเพื่อให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังไม่เกิดความ
เบื่อขณะที่ได้รับฟั งหรืออ่านบทความดังกล่าว
ในบทประพันธ์เรื่องมัทนะพาธา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้า
อยู่หัวได้ใช้คําประพันธ์ ประเภท ฉันท์ในตอนที่ต้องการจังหวะเสียงและ
เน้นอารมณ์ และในการประพันธ์ฉันท์ ก็ได้นําคํา ครุ-ลหุ มาใช้ประกอบ
เช่น ดูก่อนสุชาตา มะทะนาวิไลศรี
ยามองค์สุเทษณ์มี วรพจน์ประการใด,
นางจงทํานูลตอบ มะธุรสธตรัสไซร้;
เข้าใจมิเข้าใจ ฤก็ตอบพะจีพลัน
ในบทประพันธ์ข้างต้นเป็ นคําประพันธ์ประเภทอินทรวิเชียร
ฉันท์11 ซึ่งหมายถึงฉันท์ที่มีลีลาอันรุ่งเรืองงดงามประดุจสายฟ้ าอันเป็ น
อาวุธของพระอินทร์ซึ่งบทประพันธ์ประเภทอินทรวิเชียรฉันท์ 11 ได้มี กา
รนําคําครุ-ลหุ มาใช้ ดังนี ้
ดูก่อนสุชาตา มะทะนาวิไลศรี
ยามองค์สุเทษณ์มี วรพจน์ประการใด,
นางจงทํานูลตอบ มะธุรสธตรัสไซร้;
เข้าใจมิเข้าใจ ฤก็ตอบพะจีพลัน
คำพ้องเสียงและคำซ้ำ
งามแก้มแฉล้มฉัน พระอรุณแอร่มละลาน,
งามเกศะดําฃำ กลน้าณทองละหาน,
งามเนตร์พินิศปาน สุมณีมะโนหะรา;
งามทรวงสล้างสอง วรถันสุมนสุมา-
ลีเลิดประเสริฐกว่า วรุบลสุโรชะมาศ;
งามกรประหนึ่งงวง สุระคชสุเรนทะทรง,
นวยนาฏวิลาศวง ดุจะรำระบำระเบง;
รสหวานสิหวานเชอญ นรลิม
้ เพราะเลิดรส;
ยิ่งขัดก็ยิ่งพูน ทุขะท่วมระทมหะทัย
ความไพเราะของคําประพันธ์ตอนนีเ้ กิดขึน
้ จากกลวิธีอีกอย่างหนึ่ง
คือ ทรงใช้ความ ขัดแย้งขอเพราะคําประพันธ์แสงเนื้อเรื่องดึงให้เห็นความ
รักที่มากมายของสุเทษณ์ แต่ผลที่สุเทษณ์ได้รับคือ ความทุกข์ทรมาน
อย่างน่าเห็นใจ
ตะละคําอุวาทา ฤกระบิดกระบวนความ.
กาพย์
ตัวอย่างกาพย์ - กาพย์ยานี 11
ฉันท์
ฉันท์คือลักษณะถ้อยคํา ที่กวีได้ร้อยกรองขึน
้ ให้เกิดความไพเราะ
โดยกําหนดคณะ ครุ ลหุ และ สัมผัสไว้เป็ นมาตรฐาน ฉันท์ที่ใช้ในการแต่ง
นี ้ มีทงั ้ หมด 21 ชนิด เช่น วิชชุมมาลาฉันท์ 8 อินทรวิเชียรฉันท์ 11 และ
อุปชาติฉันท์ 11 เป็ นต้น
ตัวอย่างฉันท์ - อินทรวิเชียรฉันท์
๒.๓ การใช้โวหาร
ในเรื่องมัทนะพาธามีการใช้โวหารภาพพจน์มากมาย ประกอบไป
ด้วย อุปมา และ อติพจน์ เป็ นต้น
อุปมา
ครานางสนมเปรียบ ประหนึ่งและถ่อยที
วูธยอดฤดีพี่ ประหนึ่งหงส์สพ
ุ รรณ
พรรณ
โดยความหึงส์หนักเพราะรักครัน
้ คะดิประทะทุษะ
พลัน
บทประพันธ์ข้างต้นได้แสดงอุปมาเปรียบเทียบระหว่างนางสนมและ
มัทนาของท้าวชันเสน เเละนําเสนออย่างเห็นได้ชัดว่าความหึงได้พุ่งขึน
้ มา
เหมือนควันที่ลอยมากระทบตา ทําให้ตาระคายเคือง ได้โกรธ แค้นมาก
จนทําในที่สุด สุเทษณ์ จึงได้ทําการสั่งจบชีวิตมัทนาในที่สุด
อติพจน์
อติพจน์คือการกล่าวเกินจริงซึ่งเป็ นความรู้สึกหรือความคิดของผู้
แต่งที่ต้องการที่จะเน้นยํา้ ความหมาย ให้ผู้อ่านรู้สึกว่าหนัก และ จริงจัง
เน้นความรู้สึกให้เด่นชัด และ น่าสนใจ
ตัวอย่างอติพจน์
“ชีพอยู่ก็เหมือนตาย เพราะมิวายระทวยระทม
เรื่องมัทนะพาธานัน
้ เป็ นบทพระราชนิพนธ์ที่ถูกเขียนขึน
้ โดย
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่๖) เป็ นบทละครพูดคำ
ฉันท์ที่มีการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกในเรื่องของความรัก ความโกรธ
และความโศกเศร้าของตัวละครเอกอย่างมัทนา และสุเทษณ์เทพบุตรออก
มาได้เป็ นอย่างดี ทำให้ผู้อ่านมีอารมณ์ร้ส
ู ึกคล้อยตาม และอยากติดตาม
เนื้อเรื่อง ยกตัวอย่างเช่น ตอนสุเทษณ์เทพบุตรสารภาพรักกับนางมัทนา
และขอให้นางมัทนาช่วยรับรักตน
ฟั งถ้อยดํารัสมะธุระวอน ดนุนผ
ี ้ เิ อออวย.
อันชายประกาศวะระ ประดิพัทธะแด่
ประทาน หญิง,
หญิงควรจะเปรมกะมะ ผิวะจิตตะตอบ
ละยิ่ง รัก;
แต่หากฤดีบอะภิรม จะเฉลยฉะนัน
้
จัก
ตูข้าพระบาทสิสุจริต บมิคิดจะปด
ใคร,
จึ่งหวังและมุ่งมะนะสะ วรเมตตะธร
ใน รมา.
๓.๒ คุณค่าด้านคุณธรรม
ในเรื่องของวรรณคดี และวรรณกรรมไทยทุกเรื่องนัน
้ มักจะมีการ
สอดแทรกคุณธรรม คติสอนใจ และหลักคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนา
เพื่อเป็ นการปลูกฝั งคุณธรรมในเรื่องต่างๆให้แก่ผู้อ่าน เช่นในเรื่องของ
ความกรุณาเมตตา ความพยายามขยันหมั่นเพียร หรือ การทำดีได้ดีทำชั่ว
ได้ชั่ว
บทละครพูด เรื่องมัทนะพาธา มีการสอดแทรกคติสอนใจที่เน้นไป
ในเรื่องของความรัก ซึง่ คำสอนของบทละครพูดนี ้ ได้มีการสอคล้องกับ
พุทธวัจนะของทางพุทธศาสนาที่ได้กล่าวไว้ว่า ‘ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์’
รวมไปถึงการสะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมของผู้หญิงไทย และการครองรัก
ของทัง้ ฝั่ งชายและฝ่ ายหญิง
๓.๓ คุณค่าด้านวรรณศิลป์
คือการเลือกสรรคำที่ไพเราะและเหมาะสมมาใช้เพื่อให้ส่ อ
ื ถึงความ
คิดและอารมณ์ของผู้แต่งและตัวละครในเนื้อเรื่อง รวมไปถึงการพรรณนา
ให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพ และมีอารมณ์คล้อยไปตามเนื้อเรื่อง
การใช้คำให้เหมาะสมกับประเภทของบทประพันธ์
มีการเลือกใช้ถ้อยคำในการแต่งบทพูด บทเจรจาที่มีความสละ
สลวยและคมคาย และเหมาะสมกับเนื้อหา เช่น ตอนมายาวินร่ายมนตร์
ใส่นางมัทนา
มะทะนาชะเจ้าเลห์ ชิชิชางจํานรรจา,....
....................................
ก็และเจ์ามิเต็มจิต จะสดับดนูชวน,
ผิวะใหอนงค์นวล ชนะหล่อนทนงใจ.
บ่มิยอมจะร่วมรัก และสมัครสมรไซร้,
ก็ดะนูจะยอมให้ วนิดานิวาศสวรรค์,....
การใช้คำโดยคำนึงถึงเสียง
มีการเล่นเสียงและสัมผัสคล้องจองเพื่อให้เกิดความไพเราะ
เมื่ออ่าน หรือฟั ง เช่น
งานแก้มแฉล้มฉัน พระอรุณแอร่มละลาน,
งามเนตร์พินศ
ิ ปาน สุมณีมะโนหะรา;
งามทรวงสล้างสอง วรถันสุมนสุมา-
ลีเลิดประเสริฐกว่า วรุบลสะโรชะมาศ;
งามเอวอนงค์ราว สุระศิลปชาญฉลาด
เกลากลึงประหนึ่งวาด วรรูปพิไลยพะวง;
งามกรประหนึ่งงวง สุระคชสุเรนทะทรง,
นวยนาฏวิลาศวง ดุจะรําระบําระเบง;
ซํา้ ไพเราะนํา้ เสียง อรเพียงภิรมย์ประเลง,
การใช้คำครุ ลหุ
มีการใช้กมลฉันท์ซึ่งมีคำครุ ลหุ ยกตัวอย่างเช่น ตอนสุเทษณ์
เทพบุตรโกรธนางมัทนา