Professional Documents
Culture Documents
เสียง PDF
เสียง PDF
เสียงและการได้ยนิ
Step ความรู้ที่ 1 : การเกิดคลืน่ เสียงและการเคลือ่ นทีข่ องคลืน่ เสียง
1.1) การเกิดคลื่นเสียง
1.3) คลื่นเสียงจัดเป็นคลื่นตามยาว
สมการอัตราเร็วของเสียงในตัวกลางต่างๆ อธิบายสมการ
ในของแข็ง v อัตราเร็วของเสียงในของแข็ง (m/s)
𝑌
𝑣=√ Y มอดูลัสความยืดหยุ่นของวัตถุ (N/m2)
𝜌
ความหนาแน่นของวัตถุ (kg/ m3)
ในของของไหล v อัตราเร็วของเสียงในของไหล (m/s)
𝐵 B มอดูลัสความยืดหยุ่นของของไหล(N/m2)
𝑣=√
𝜌 (B มาจากค่าว่า Bulk’s Modulus)
ความหนาแน่นของของไหล (kg/ m3)
ในแก๊ส(จ่า !!) เมื่อ คือ ค่าคงตัวส่าหรับแก๊ส
𝛾𝑃
𝑣=√
𝜌 (เป็นค่าเฉพาะตัวของแก๊แต่ละชนิดหนึ่ง)
𝛾𝑅𝑇
𝑣=√
𝑀
อัตราเร็วเสียงในแก๊สอุดมคติ
อัตราเร็วที่เปลี่ยนไปจากอุณหภูมิเปลี่ยนเทียบ กับ vt T
จากสมการที่ 5
v0 T0
อัตราเร็วเดิม จะได้
vt 273 t
v2 T 331 273
2
v1 T1
1
vt t 2
1
331 273
จากหลักคณิตศาสตร์ x มีค่าน้อย ;
1
x
จะได้ 1 x 2 1
2
vt t
1
331 2 273
331t
vt 331
2 273
vt 331 0.6t
Ex1. คลื่นเสียงไม่สามารถเคลื่อนที่ผ่านบริเวณใด
Ex3. อัตราเร็วของเสียงในอากาศนิ่งขึ้นอยู่กับข้อใด
1. ความถี่ของการสั่นของแหล่งก่าเนิด 2. อุณหภูมิ
3. ความเร็วของแหล่งก่าเนิด 4. ความเข้มของเสียง
2. 340 m/s
3. 347 m/s
4. 352 m/s
(ตอบ 3.7m)
การบ้านชุดที่ 1
(ตอบ 0.5 m)
(ตอบ 0.5 m)
ความถีข่ องเสียงไซเรนส์ = จ่านวนรู x ความถีใ่ นการหมุน
สมบัตขิ องเสียง
เสียงมีสมบัติเช่นเดียวกับคลื่นทั่ว ๆ ไป คือ มีสมบัติการสะท้อน การหักเห การแทรกสอด และการเลี้ยวแบน
กฎการสะท้อน
1. มุมตกกระทบ ( 1 )=มุมสะท้อน ( 2 )
2. รังสีตกกระทบ ,รังสีสะท้อน และ เส้นแนวฉาก
ต้องอยู่ในระนาบเดียวกัน
ข้อควรจ่า !!
1. คลื่นเสียงสะท้อนได้ก็ต่อเมื่อสิ่งกีดขวางมีขนาดมากกว่าหรือเท่ากับ 𝝀
2. v , f , มีค่าคงที่เสมอ
TRICK !! การแก้โจทย์
1. เขียนรูปทางเดินเสียงซะก่อน
2. ค่านวณทางเดินเสียงจากสูตร 𝑆 แทน ระยะทางที่เสียงเคลื่อนที่
𝑣 แทน อัตราเร็วเสียง
𝑡 แทน เวลาที่เสียงใช้ในการ
เคลื่อนที่
3.1) เสียงก้อง (echo)
เสียงก้อง (echo) คือ การได้ยินเสียงสะท้อนต่อเนื่องกันหลายครั้งถึงแม้ว่าแหล่งก่าเนิดเสียงจะหยุดแล้วก็ตาม
เสียงก้องเกิดจาก เสียงที่สะท้อนใช้เวลาเดินทาง
เวลาของเสี ยงสะท้อน(𝑡2) มาสู่หูมากกว่าเสียงที่เข้าหูโดยตรง 0.1 วินาที
𝑡1 t 2 – t 1 ≥ 0.1
2. 857.5
3. 1,324.0
4. 1,685.0
(ตอบ 17 m)
(ตอบ 17.75 m)
2. 10
3. 15
4. 20
4. โรงงานผลิตผลไม้กระป๋องแห่งหนึ่งต้องการคัดขนาดของผลไม้ในขณะก่าลังไหลผ่านมาตามรางน้่าโดยอาศัยการ
สะท้อนของเสียงจากเครื่องโซนาร์ โดยต้องการแยกผลไม้ที่มีขนาดใหญ่กว่าและเล็กกว่า 7.5 เซนติเมตร ออก
จากกัน จงหาความถี่ที่เหมาะสมของคลื่นจากโซนาร์
(ความเร็วของเสียงในน้่า = 1,500 เมตร/วินาที)
1. 1 กิโลเฮิรตซ์
2. 2 กิโลเฮิรตซ์
3. 10 กิโลเฮิรตซ์
4. 20 กิโลเฮิรตซ์
เมื่อคลื่นเสียงเคลื่อนที่จากบริเวณที่มีอุณหภูมิต่าไปสู่บริเวณที่มีอุณหภูมิสูงกว่าจะเกิดมุมหักเห 2 1 เสมอ
ถ้ามุม 1 โตจนกระทั่งท่าให้มุมหักเห 2 เท่ากับ 90๐ พอดี เราจะเรียกมุมตกกระทบที่ท่าให้มุมหักเหเป็นมุม
90๐ ว่า “มุมวิกฤติ (Critical Angle, C )”
ซึ่งน้องจะหาค่าของมุมวิกฤติได้จากกฏการหักเห
แทนมุมหักเห
๐
ด้วย 90
ถ้ามุมตกกระทบมีค่ามากกว่ามุมวิกฤติจะไม่เกิดการหักเหอีกต่อไป จะมีแต่การสะท้อนกลับอย่างเดียวเท่านั้น เรา
เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “การสะท้อนกลับหมด (Total Reflection)”
มุมวิกฤติ และการสะท้อนกลับหมดของเสียง
เกิดเมื่อคลื่นเสียงเคลื่อนที่จาก Tต่่า Tสูง เท่านั้น
ปรากฏการณ์การหักเหของเสียงในธรรมชาติ
1. การมองเห็นฟ้าแลบแต่ไม่ได้ยินเสียงฟ้าร้อง
1. การเกิดฟ้าแลบแล้วไม่ได้ยนิ เสียงฟ้าร้อง เนื่ อ งจากคลื่ น เสี ย งที่ ผ่ า นอากาศร้ อ นได้ เ ร็ ว กว่ า
อากาศเย็น ดังนั้นเมื่อคลื่นเสียงที่ผ่านชั้นของอากาศที่อุณหภูมไิ ม่
เท่ากันจะเกิดการหักเหขึ้น ขณะที่เกิดฟ้าแลบจะมีความดันสูง
มาก ณ จุดที่ฟ้าแลบจึงเป็นแหล่งก่าเนิดเสียงที่มีพลังงานสูงมาก
คลื่นเสียงจะเคลื่อนที่จากอากาศตอนบนที่เย็นกว่า มาสู่อากาศ
บริเวณใกล้พื้นดินที่ร้อนกว่าท่าให้เกิดการหักเหของเสียงฟ้าร้อง
เส้นทางเดินของเสีย งจะค่อยๆ เบนออกจากเส้นปกติไ ปเรื่อยๆ
จนกระทั่งมุมตกกระทบโตกว่ามุมวิกฤติ เสียงจะสะท้อนกลับขึ้น
ไปในตอนบนทั้งหมด นี่จึงเป็นค่าตอบว่า ท่าไมบางครั้งเราเห็น
แลบแต่ไม่ได้ยินเสียงฟ้าร้อง
2. การหักเหของเสียงตอนกลางวัน
ในเวลากลางวันเสียงจะเคลื่อนที่แถวพื้นดินได้เร็ว กว่าแถวระดับสูง ๆ
ขึ้นไปเนื่องจากอากาศบริเวณพื้นดินมีอุณหภูมิสูงกว่าอากาศเบื้องบน ท่าให้เสียง
หักเหขึ้นสู่บรรยากาศเบื้องบนโค้งออกจากผิวโลก
3. การหักเหของเสียงในเวลากลางคืน
ในเวลากลางคืนพื้นดินจะเย็นเร็วกว่าอากาศที่อยู่เหนือพื้นดินขึ้นไป ดังนั้นอากาศ
แถวพื้นดินจะเย็นกว่าแถวเบื้องบน จึงท่าให้เสียงเคลื่อนที่ในระดับสูงได้ดีกว่าใน
ระดับต่่า เสียงจึงเกิดการหักเหลงสู่เบื้องล่าง แนวทางที่เสียงเคลื่อนที่จึงปรากฏ
โค้งลง
3. การหักเหของเสียงที่เกิดจากลม
นอกจากนี้การหักเหของเสียงยังเกี่ยวข้องกับอัตราเร็วของตัวกลาง ด้วย
เช่น ลม ถ้าลมและคลื่นเสียงเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียงกัน คลื่นเสียง
จะเบนโค้งลงแต่ถ้าลม และคลื่นเสียงเคลื่อนที่สวนทางกัน คลื่นเสียงจะ
เบนโค้งขึ้น
Ex4. การที่เกิดฟ้าแลบแล้วไม่ได้ยินเสียงฟ้าร้องเป็นเพราะสมบัติใดของเสียง
ตึ๊ม!!
1. จงหามุมตกกระทบที่น้อยที่สุด ซึ่งท่าให้เสียงสะท้อนกลับหมดที่ผิวรอยต่อระหว่างชั้นอากาศที่มี
อุณหภูมิ 8 ๐C กับ 9 ๐C
𝟐𝟖𝟏
(ตอบ 𝛉 = 𝐬𝐢𝐧−𝟏 )
𝟐𝟖𝟐
แหล่งก่า เนิดอาพันธ์ (Coherent Source) เป็นแหล่งก่า เนิดคลื่นที่มีค วามถี่เท่า กัน และคลื่น ที่
ส่งออกมามีเฟสตรงกัน หรือมีความต่างเฟสคงที่
สมการการแทรกสอดของคลืน่ เสียง
กรณีแหล่งก่าเนิดอาพันธ์เฟสตรงกัน กรณีแหล่งก่าเนิดอาพันธ์เฟสตรงข้ามกัน
13m
4m
4. 340 Hz 2m
P
B 3m
1. 2 ครั้ง 2. 3 ครั้ง
3. 4 ครั้ง 4. 5 ครั้ง
(ตอบ 3 ครัง้ )
Note. ถ้าโจทย์ให้ช่องเปิดที่ท่าให้เกิดเสียงชัดเจนที่สุดให้ใช้
ความถีบ่ ตี *
𝒇𝟏 , 𝒇𝟐 เป็นความถี่ของแหล่งก่าเนิดเสียง
𝑓b เป็นความถี่บีตส์(จังหวะเสียงดังหรือเสียง
ค่อยใน 1 วินำที)
ความถีข่ องเสียงทีไ่ ด้ยนิ
f เป็นความถี่ของคลื่นเสียงที่เราได้ยิน
1 k
𝑚 น้อย 𝑓มาก ( เสียงแหลม)
f :
2 m
𝑚 มาก 𝑓น้อย ( เสียงทุ้ม )
พิสจู น์ 2 สมการด้านบีต
จากรูปที่ 3 คลื่นลัพธ์เกิดจาก Y Y Y1 2
( f1 f 2 ) (f f )
2 A sin 2 t cos 2 1 2 t
2 2
( f1 f 2 ) (f f )
หรือ Y 2 A cos 2 2
t sin 2 1 2 t
2
( f1 f 2 )
At sin 2 t
2
( f1 f 2 )
ซึ่งมีความถี่เท่ากับ ได้แก่คลื่นเส้นเต็มดังรูปที่ 3
2
( f1 f 2 )
ความถีข่ องเสียงทีผ่ สู้ งั เกตได้ยนิ ( f )
2
1 2
แทนค่า
ft fb
fb 2 ft
f f
แทนค่า f t จะได้ว่า fb 2 1 2 f1 f 2
2
ดังนั้น จะสรุปได้ว่า
1. ความถี่ของบีตส์ f b f1 f 2
f1 f 2
2. ความถี่ของเสียงที่ได้ยิน f
2
Ex5. หูคนเราจะได้ยินเสียงบีตส์ชัดเจนก็ต่อเมือ่
ก. ความถี่ของคลื่นเสียงทั้งสองจะต้องต่างกันไม่เกิน 7 เฮิร์ตซ์
ข. แอมพลิจูดของคลื่นเสียงทั้งสองจะต้องไม่ต่างกันมาก
ค. ไม่จ่าเป็นต้องเกิดจากแหล่งก่าเนิดเสียงชนิดเดียวกัน
1. ก. และ ข. ถูก 2. ก.และ ค. ถูก 3. ข.และ ค. ถูก 4. ก. ,ข. และ ค
𝑓1 = 375𝐻𝑧
1. คลื่น 2 ขบวน A และ B มีแอมพลิจูดเท่ากัน คลื่นละ 2 เซนติเมตร มีความถี่ 200 และ 204 เฮิรตซ์
ตามล่าดับถ้าคลื่นทั้งสองเข้ารวมกันเป็นคลื่น C ความถี่ของคลื่น C และความถี่บีตส์ของคลื่น C มีค่าเท่าใด ใน
หน่วยของเฮิรตซ์
Step2. เข้าสมการ
𝐿 𝐿
จะให้เสียงครบทุกฮาร์มอนิก
จะให้เสียงเฉพาะฮาร์มอนิกที่
เป็นเลขคีเ่ ท่านัน้
ข้อสังเกต: ข้อสังเกต:
กำรสันพ้องจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมือ กำรสันพ้องจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมือ
ปรับควำมถี(𝑓) ให้เพิมขึ้นเป็น 3 ,5,7… ปรับควำมถี(𝑓) ให้เพิมขึ้นเป็น 2 ,3,4…
เท่ำของควำมถีมูลฐำน เท่ำของควำมถีมูลฐำน
ควำมยำวคลืน(𝝀) จะสั้นลงโดยสั้นลง ควำมยำวคลืน(𝝀) จะสั้นลงโดยสั้นลง
ดังครัง้ ที่ ความถี่ ฮาร์มอนิก โอเวอร์โทน ดังครัง้ ที่ ความถี่ ฮาร์มอนิก โอเวอร์โทน
3,5 ,7….เท่ำ 2,3 ,4….เท่ำ
f1 1 f1 (ความถี่ มูล - f1 1 f1 (ความถี่ มูล -
1 ฐาน
1 ฐาน
1. 25
2. 24
3. 22
4. 20
1. 2 ครั้ง
2. 3 ครั้ง
3. 4 ครัง้
4. 6 ครัง้
1. 1 บัพ
2. 2 บัพ
3. 3 บัพ
4. 4 บัพ
𝐇𝐚𝐫𝐦𝐨𝐧𝐢𝐜 ที่ 2 1𝜆 = 𝐿
1. 3,000
2. 3,500
3. 4,600
4. 7,000
2. ถ้าหลอดเรโซแนนซ์ที่ใช้ในการทดลองเรื่องเสียงชุดหนึ่งจะให้ความดังสูงสุดสามครั้ง เมื่อเลื่อนต่าแหน่งลูกสูบไปตาม
ความยาวของหลอดเรโซแนนซ์ ถ้าต่าแหน่งสุดท้ายดังเมื่อลูกสูบห่างจากล่าโพงมากที่สุดและห่างจากปลายกระบอกสูบ
100 เซนติเมตร อยากทราบว่าล่าโพงสั่นด้วยความถี่กี่เฮิรตซ์ ก่าหนดให้ความเร็วเสียงในอากาศมีค่าเป็น 348
เมตร/วินาที (435 เฮิรตซ์)
ต่าแหน่งของลูกสูบขณะเกิดเสียงดังเพิม่ ขึน้
ความถี่ (kHz) x2-x1 (m)
x1 (m) x2 (m)
1 0.25 0.42
ความเข้มเสียงน้อย
ความเข้มเสียงมาก
𝐼 10-12 10-11 10-10 10-9 10-8 10-7 10-6 10-5 10-4 10-3 10-2 10-1 100
𝜷
การเปรียบเทียบระดับความเข้มเสียง
การเปรียบเทียบระดับความเข้มเสียง คือ การพิจารณาว่าเสียงหนึ่งจะดังกว่าอีกเสียงหนึ่งกี่เดซิเบล( Δ = 2 - 1)
7–8 90
มากกว่า 8 80
ตารางแสดงระดับความเข้มเสียงจากแหล่งก่าเนิดต่างๆ
พูดคุย ซักถามเพิม่ เติม >> facebook คลายปมฟิสกิ ส์
359 เสียงและการได้ยนิ
การหายใจปกติ 10
ใบไม้กระทบกันเมื่อถูกลมพัด 20 เงียบมาก
การกระซิบแผ่วเบา, เสียงดนตรีที่แผ่วเบา 30
ส่านักงานที่เงียบ 50 เงียบ
การพูดคุยธรรมดา 60 ปานกลาง
เครื่องดูดฝุ่น 75 ดัง
โรงงานทั่วไป, ถนนที่มีการจราจรหนาแน่น 80
ฟ้าผ่าระยะใกล้ 130
รูปแสดงส่วนประกอบของหูแบ่งออกเป็น 3 ส่วนดังรูป
3. หูสว่ นใน (inner ear) ประกอบด้วย 2 ส่วน ส่วนรับเสียง และ ส่วนทรงตัว ส่วนรับเสียงมีลกั ษณะเป็น
ท่อกลวงขดเป็นรูปคล้ายหอยโข่ง เรียกว่า คอเคลีย ภายในท่อนี้มี เซลล์ขน อยู่เป็นจ่านวนมาก ท่าหน้าที่รบั รู้การสัน่ ของคลื่น
เสียงที่ผ่านมาจากหูส่วนกลาง พร้อมกับส่งสัญญาณการรับรู้ผ่านโสตประสาทไปยังสมอง สมองจะท่าหน้าที่แปลสัญญาณที่ได้รับ ท่า
ให้เรารับรู้เกี่ยวกับเสียงที่ได้ยนิ ส่วนทรงตัวมีลักษณะเป็นหลอดครึ่งวงกลม 3 อันวางตั้งฉากกัน ทีป่ ลายหลอดมีเซลล์รับความรู้สกึ
ไวต่อการเปลี่ยนแปลงต่าแหน่งของศีรษะอยู่ภายใน ช่วยท่าให้เราสามารถควบคุมหรือปรับสภาพการทรงตัวได้
1. 17
2. 20
3. 83
4. 90
1. 43.2
ตึ๊ม!!
2. 67.5
3. 90
30m
4. 115.4
40m
1. 10-12 W/m2
2. 10-10 W/m2
3. 10-8 W/m2
4. 10-6 W/m2
การบ้านชุดที่ 8
4
4.
3
2. ในการทดลองเรื่องความเข้มของเสียง วัดความเข้มของเสียงที่ต่าแหน่งที่อยู่ห่าง 10 เมตร จากล่าโพงได้
1.2 10- 2 วัตต์ต่อตารางเมตร ความเข้มเสียงที่ต่าแหน่ง 30 เมตร จากล่าโพงจะเป็นเท่าใด
1. 1.1 10- 2 W/m2
2. 0.6 10- 2 W/m2
3. 0.4 10- 2 W/m2
4. 0.13 10- 2 W/m2
3. การแสดงดนตรีในสถานที่แห่งหนึ่ง บริเวณรอบ ๆ สถานที่ได้ติดตั้งวัสดุที่สามารถดูดกลืนเสียงได้อย่างสมบูรณ์
ผู้ชมการแสดงคนหนึ่งอยู่ห่างจากผู้เล่นดนตรีเป็นระยะทาง r ถ้าต้องการให้เสียงที่ได้ยินมีความเข้มเพิ่มขึ้น 2
เท่า ผู้ชมดนตรีนี้จะต้องเปลี่ยนที่นั่งให้อยู่ห่างจากผู้แสดงเป็นระยะเท่าใด
1 1
1. r 2. r
2 2
1 1
3. r 4. r
2 2 4
9. ยิงปืนด้วยอัตรา 5 นัดต่อวินาที ผู้ทอี่ ยู่ห่าง 100 เมตร ได้ยินเสียงปืนมีระดับความเข้มเสียง 100 เดซิเบล ถาม
ว่า ในการยิงปืนแต่ละนัดเกิดก่าลังเสียงโดยเฉลี่ยเท่าไร เมื่อสมมติว่าเสียงเป็นกระจายทุกทิศทางเท่ากัน
ก่าหนดความเข้มเสียงเบาที่สุดที่ได้ยินมีค่า 10 –12วัตต์/เมตร 2
1. 20 วัตต์
2. 40 วัตต์
3. 60 วัตต์
4. 80 วัตต์
1. 1.8 dB
2. 4.0 dB
3. 5.4 dB
4. 6.5 dB
C โด 256 1
D เร 288 9/8
E มี 320 5/4
F ฟา 341 4/3
A ลา 427 5/3
B ที 480 15/8
คู่แปดต่่า 1 ขัน้ C1 D1 E1 F1 G1 A1 B1 C
ความถี่
128 144 160 171 192 214 241 256
คู่แปดกลาง C D E F G A B C'
คู่แปดสูง 1 ขั้น C' D' E' F' G' A' B' C''
ความถี่
512 576 640 682 768 854 960 1024
หมายเหตุ: ถึงแม้เครื่องดนตรี
จะเล่ น โน๊ ต ตั ว เดี ย วกั น แต่ ก็
สามารถแยกได้ว่าเป็นเสียงของ
เครื่องดนตรีชนิดใดเนื่องจาก
คุณภาพเสียง(รูปคลื่นลัพธ์) ที่
ต่างกันนั่นเอง
Step 2. วาดรูป
คุณภาพเสียง
Step 3. โจทย์ถามอะไรตั้งสมการนั้นก่อน ตัวแปรใดยังไม่รู้ให้(.....)ค้างไว้
สังเกตว่ำ 𝝀 ด้ำนหลังจะยำวสูตรจึงเป็น+, 𝝀
ด้ำนหน้ำสั้นสูตรจึงเป็น-
การใช้สมการ
สมการหาความถีท่ ปี่ รากฏต่อผูฟ้ งั
1. ก่าหนดทิศทางก่อน โดยการ ลากเวกเตอร์จากแหล่งก่าเนิด (S)
ไปหาผูฟ้ งั (L) โดยเราจะก่าหนดทิศนีเ้ ป็น + เสมอ
2. ถ้าความเร็วใดมีทิศตามที่ก่าหนดให้แทนค่าเป็น (+)
ถ้าความเร็วใดมีทิศตรงข้ามกับทีก่ ่าหนดให้แทนค่าเป็น (-)
ที่ด้านหลังแหล่งก่าเนิด ที่ด้านหน้าแหล่งก่าเนิด
เมื่ อ แหล่ ง ก่ า เนิ ดเคลื่อ นที่ไ ปเป็น เวลา t วิ น าที จะปล่ อ ยคลื่น เมื่อ แหล่ งก่ า เนิดเคลื่ อนที่ไปเป็ นเวลา t วิน าที จะปล่ อ ยคลื่น
ออกมาได้ทั้งหมด ƒSt ลูก ออกมาได้ทั้งหมด ƒSt ลูก
เนื่ อ งจ าก ค ลื่ น ƒot ลู ก จ ะ เค ลื่ อ นที่ ไ ด้ ร ะย ะทางด้ า นหลั ง เนื่ อ งจากคลื่ น ƒot ลู ก จะเคลื่ อ นที่ ไ ด้ ร ะยะทางด้ า นหน้ า
vt vs t vt vs t
ดังนั้นคลื่น 1 ลูก จะเคลื่อนที่ได้ ดังนั้นคลืน่ 1 ลูกจะเคลือ่ นที่ได้
vt vs t v vs ระยะทางด้านหน้า vt vs t v vs
ระยะทางด้านหลัง fot fo
fo t fo
แต่ระยะทางที่คลื่นเคลื่อนที่ได้ 1 ลูก เรียกว่า ความ
แต่ระยะทางที่คลื่นเคลื่อนที่ได้ 1 ลูก เรียกว่า ความยาวคลื่น ( ) ( )
ยาวคลื่น
v vs
ดังนั้น หน้า v vs
fs ดังนั้น หน้า
fs
เท่ากับ v' = V– VL
จาก v f L . หน้า
v vs
แทนค่า v v L f L
fs
f L v vL
ดังนั้น
f S v v s
ถ้าเป็นกรณีอื่นๆ เพียงแต่เปลี่ยนเครื่องหมายของv0 และ vs เท่านั้นเองครับ
1. แล่นอยู่ด้านหน้าสวนทางกับรถต่ารวจ 2. แล่นอยู่ด้านหลังสวนทางกับรถต่ารวจ
3. แล่นอยู่ด้านหน้าไปทางเดียวกับรถต่ารวจ 4. แล่นอยู่ด้านหลังไปทางเดียวกับรถต่ารวจ
Ex9. ถ้าท่านนั่งอยู่ในรถยนต์ที่ก่าลังเคลื่นที่เป็นรูปวงกลมในทิศทางตามเข็มนาฬิกาด้วยอัตราเร็วคงที่และมีคลื่น
เสียงความถี่เดียวเคลื่อนเข้าหารถยนต์ตามรูป ท่านจะได้ยินเสียงความถี่สูงสุดเมื่อท่านอยูท่ ี่ต่าแหน่งใด
1. ก. 2. ข.
3. ค. 4. ง.
1. fA < fB = fD < fC
2. fC < fB = fD < fA
3. fD < fA = fC < fB
4. fB < fA = fC < fD
1. 2.
3. 4. ไม่มีค่าตอบที่ถูกต้อง
การบ้านชุดที่ 10
1. ในขณะที่แหล่งก่าเนิดเสียงเคลื่อนที่ในอากาศนิ่ง ข้อความใดต่อไปนี้ถูกต้อง
1. ความยาวคลื่นเสียงที่อยู่ด้านหน้าแหล่งก่าเนิดจะสั้นกว่าความยาวคลื่นสียงที่อยู่ด้านหลัง
2. ความถี่เสียงที่จุดด้านหน้าแหล่งก่าเนิดจะต่่ากว่าความถี่เสียงที่จุดด้านหลังแหล่งก่าเนิด
3. ความเร็วเสียงด้านหน้าแหล่งก่าเนิดจะสูงกว่าความเร็วเสียงด้านหลังแหล่งก่าเนิด
4. ความเร็วเสียงด้านหน้าแหล่งก่าเนิดจะต่่ากว่าความเร็วเสียงด้านหลังแหล่งก่าเนิด
2. รถพยาบาลแล่นด้วยอัตราเร็ว 25 เมตร/วินาที ส่งเสียงไซเรนมีความถี่ 400 เฮิรตซ์ ถ้าอัตราเร็วเสียงในอากาศ
เป็น 350 เมตร/วินาที ความยาวคลื่นเสียงไซเรนด้านหน้ารถพยาบาลเป็นเท่าใด
1. 76 cm
2. 81 cm
3. 87 cm
4. 94 cm
7. รถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งแล่นตามหลังรถยนต์คันหนึ่งไปบนถนนตรง ความเร็วของรถยนต์เป็นสองเท่าของ
มอเตอร์ไซค์ ถ้าคนขี่มอเตอร์ไซค์บีบแตรด้วยความถี่ 500 Hz
1. คนขับรถยนต์ได้ยินเสียงความถี่ต่ากว่า 500 Hz
แต่คนขี่มอเตอร์ไซค์ได้ยินเสียงความถี่ 500 Hz
2. คนขับรถยนต์ได้ยินเสียงความถี่สูงกว่า 500 Hz
แต่คนขี่มอเตอร์ไซค์ได้ยินเสียงความถี่ 500 Hz
3. คนขับรถยนต์ และคนขี่มอเตอร์ไซค์ได้ยินเสียงความถี่เดียวกัน
4. คนขับรถยนต์ ได้ยินเสียงความถี่สูงกว่าคนขี่มอเตอร์ไซค์ได้ยิน
8. ในการหาอัตราเร็วที่เม็ดเลือดวิ่งในเส้นเลือด เขาสามารถท่าได้โดยการส่งคลื่นเสียงอัลตราโซนิกที่มีความถี่หนึ่งเข้าไป
กระทบกับเม็ดเลือด แล้ววัดสมบัติของคลื่นที่สะท้อนออกมา สมบัติใดที่น่าไปค่านวณหาอัตราเร็วของเม็ดเลือดได้
1. ความถี่ของคลื่นที่เปลี่ยนไป
2. เฟสของคลื่นที่เปลี่ยนไป
3. แอมพลิจูดของคลื่นที่เปลี่ยนไป
4. ช่วงเวลาระหว่างคลื่นที่ส่งเข้าไปและสะท้อนออกมา
𝑀 แทน เลขมัค(เลขที่บอกว่าเครื่องบินเร็วกว่าเสียงกี่เท่า)
𝜃 แทน มุมระหว่างหน้าคลื่นกระแทกกับเครื่องบิน
หรือ มุมที่ผู้ฟังเงยมองเครื่องบิน
𝑣𝑠 แทน อัตราเร็วของเครื่องบิน (m/s)
ค่าถาม ค่าตอบ
1.ปรากฏการณ์ดอปเปอร์กับคลื่นกระแทกต่างกันอย่างไร
2.รูปนี้แสดงการเกิดปรากฏการณ์ใด
รูป 1 รูป 2
5.จากรูปเลขมัคมีค่าเท่าไร และจุดที่หน้าคลื่นซ้อนกันมีความดัน
เป็นอย่างไร
1. 6 กิโลเมตร
2. 6.7 กิโลเมตร
3. 9 กิโลเมตร
4. 12 กิโลเมตร
5. 13.5 กิโลเมตร
5
Ex3. เครื่องบินล่าหนึ่งบินด้วยความเร็ว เท่า ของความเร็วเสียงในอากาศ ถ้าความเร็วเสียงในอากาศสม่า่ เสมอผู้ที่อยู่
3
ใต้ทางบินของเครื่องบินนั้นจะเริ่มได้ยินเสียงเมื่อเครื่องบินผ่านแนวดิ่งไปแล้วเป็นมุมเท่าไร
1. sin – 1(0.8)
2. sin – 1(0.6)
3. cos – 1 (0.8)
4. cos – 1 (0.75)
การบ้านชุดที่ 11
1. การทดลองมีการเคลื่อนปลายดินสอไปทางซ้ายด้วยอัตราเร็วเท่ากับอัตราเร็วของคลื่น
2. การทดลองมีการเคลื่อนปลายดินสอไปทางขวาด้วยอัตราเร็วเท่ากับอัตราเร็วของคลื่น
3. การทดลองมีการเคลื่อนปลายดินสอไปทางซ้ายด้วยอัตราเร็วมากกว่าอัตราเร็วของคลื่น
4. การทดลองมีการเคลื่อนปลายดินสอไปทางขวาด้วยอัตราเร็วมากกว่าอัตราเร็วของคลื่น
60°
6. จงพิจารณาข้อความต่อไปนี้
ก. ความถี่ของเสียงที่ได้ยินเปลี่ยนไปจากเดิม เมื่อผู้ฟังเคลื่อนที่ออกจากต้นก่าเนิดเสียง
ข. คลื่นกระแทกเกิดเมื่อต้นก่าเนิดเสียงเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงมาก แต่ไม่เกินความเร็วเสียง
ค. การเกิดคลื่นด้านหลังของเสาสะพานในน้่าตามชายทะเลหรือในทะเลสาบ แสดงปรากฏการณ์
เลี้ยวเบนของคลื่น
ง. บีตส์ของเสียงเกิดขึ้นเมื่อคลื่นเสียงทั้งสองคลื่นมีความถี่ต่างกันมากกว่า 7 เฮิรตซ์
ข้อความที่ถูกต้อง
1. ก. ข. และ ค.
2. ข. และ ค.
3. ก. และ ค.
4. ค่าตอบเป็นอย่างอื่น
การน่าความรูเ้ รื่องเสียงไปใช้ประโยชน์
นักวิทยาศาสตร์ได้น่าเอาความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ และสมบัติของเสียงมาประยุกต์ใช้ประโยชน์ต่างๆ ในชีวิตประจ่าวั นใน
หลายๆ ด้าน เช่น
1. ด้านสถาปัตยกรรม
2. ด้านการประมง
หลักการ โซนาร์จะปล่อยคลื่นเสียงความถี่สูงลงไปในน้่า
เมื่อคลื่นตกกระทบตัวปลาก็จะสะท้อนกับมายังเครื่องโซนาร์ ท่าให้ท
ราต่าแหน่งของฝูงปลา ในการส่ารวจความลึกของทะเลเพื่อท่าแผนที่
ทางทะเล หรือการค้นหาเรือด่าน้่าในด้านการทหารก็ใช้หลักการนี้
3. ด้านการแพทย์
ในด้านการแพทย์มีการน่าคลื่นเหนือเสียง ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยน
พลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานของคลื่นเสียงด้วยวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมี
ความถี่ในช่วง 1 – 10 เมกะเฮิรตซ์ มาใช้ในการตรวจอวัยวะภายใน
ของคนเรา เพื่อวินิจฉัยสาเหตุของความผิดปกติ เช่น ตรวจการ
ท่างานของลิ้นหัวใจ ตรวจมดลูก ตรวจครรภ์ ตรวจเนื้องอก ตับ
ม้าม และสมอง โดยส่งคลื่นดลของเสียงผ่านผิวหนังเข้าสู่ร่างกาย เมื่อ
ไปกระทบกับเนื้อเยื่อที่มีความหนาแน่นต่างกัน จะเกิดการสะท้อนได้ดี
ต่างกันเครื่องรับคลื่นสะท้อนจะเปลี่ยนคลื่นเสียงเป็นสัญญาณไฟฟ้าซึ่งเมื่อ
ผ่านเครื่องวิเคราะห์สัญญาณแล้วส่งไปยังคอมพิวเตอร์เพื่อประมวลผลคลื่น
สะท้อนจากทิศทางต่าง ๆ เข้าด้วยกันแล้วส่งผลสรุปทีไ่ ด้ออกมาทาง
จอภาพ
4.อุตสาหกรรม
ใช้คลื่นเสียงความถีส่ ูงเชื่อมพลาสตกให้ติดกัน
ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงท่าความสะอาดสิ่งสกปรกให้หลุดออกได้อย่างง่าย
เครื่องล้างชนิดนี้เรียกว่า
หลักการ คลื่นเสียงความถี่สูงจะท่าให้โมเลกุลของสิ่งสกปรกสั่นด้วย
ความถี่สูงและหลุดออก
1. 12 ๐C 2. 13 ๐C 3. 14 ๐C 4. 15 ๐C
5.ล่าโพงอาพันธ์ S1 และ S2 ห่างกัน 6 เมตร ให้เสียงมีความถี่ 680 เฮิรตซ์ เฟสตรงกัน ถ้าเดินจาก P ไปยัง P
เป็นรูปครึ่งวงกลมโดยมี Q เป็นจุดศูนย์กลางรัศมี 40 เมตร และ OP ยาว 120 เมตร จะได้ยินเสียงค่อยลงไปกี่
ครั้ง ก่าหนดอัตราเร็วในอากาศเท่ากับ 340 เมตร/วินาที
𝑃 (ตอบ 8 ครัง้ )
𝑠1
40m
𝜃
6m
𝑠2
𝑃′
(ตอบ 5 m)
8
7. ณ ต่าแหน่งซึ่งอยู่ห่างจากแหล่งก่าเนิดเสียง 10 เมตร มีความเข้มเสียง 2 10 วัตต์/ตารางเมตร ถ้าอีกต่าแหน่ง
หนึ่งห่างจากแหล่งก่าเนิดเสียงเดียวกัน 5 เมตร จะมีความเข้มเสียงเท่าใด
(ตอบ 1,000)
(ตอบ 3.14x10-4 W)
(ตอบ 12.56x10-2 W)
1. 93 dB
2. 83 dB
3. 60 dB
4. 20 dB
15. นักร้องประสานเสียงกลุ่มหนึ่งมี 40 คน จะส่งเสียงมีระดับความเข้มเสียง 60 เดซิเบล ทีจ่ ุดห่างออกไป 40
เมตร อยากทราบว่าถ้ามีนักร้องประสารเสียงอีกกลุ่มหนึ่งมี 60 คน จะให้เสียงมีระดับความเข้มเสียงเท่าใดที่จุด
ห่างออกไป 60 เมตร (ถ้าถือว่านักร้องแต่ละคนให้ก่าลังเสียงออกมาเท่ากัน)
(ตอบ 720 W)
(ตอบ 10 hr)
1. 450 – 19,350 Hz
2. 450 – 19,800 Hz
3. 900 – 18,900 Hz
4. 900 – 19,800 Hz
34. ในการทดลองเรื่องการวัดความยาวคลื่นเสียงถ้าต่าแหน่งลูกสูบใกล้ปากหลอดเรโซแนนซ์มากที่สุดที่ให้เสียงดังมาก
มีระยะห่างจากปากหลอดเรโซแนนซ์ x มีค่าเป็น 20 เซนติเมตร พบว่าความถี่ของสัญญาณเสียงมีค่า 520
เฮิรตซ์ การทดลองนี้จะได้ยินเสียงดังมากอีกครั้ง
1. ลดความถี่ 130 เฮิรตซ์ 2. ลดระยะทาง x เป็น 10 เซนติเมตร
3. เพิ่มความถี่เป็น 1,560 เฮิรตซ์ 4. เพิ่มระยะทาง x เป็น 10 เซนติเมตร
35. ถ้าความเร็วของเสียงในอากาศเท่ากับ 340 เมตร/วินาที ส้อมเสียงจะต้องสั่นด้วยความถี่เท่าใดจึงจะท่าให้เกิดก่า
ทอนได้เมื่อจ่อใกล้ปากกระบอกตวงซึ่งยาว 20 เซนติเมตร (ตอบ 425 Hz)
42. เทอร์โมมิเตอร์อันหนึ่งท่างานโดยใช้หลักการก่าทอนและการที่ความเร็วเสียงเปลี่ยนไปกับอุณหภูมิที่เป็นองศา
เซลเซียสตามความสัมพันธ์ Vt = 331+0.6t เมตรต่อวินาที ถ้าสมมติว่าหลอดก่าทอนมีการขยายตัวเนื่องจาก
อุณหภูมิน้อยมาก และการก่าทอนที่ความถี่ 500 เฮิรตซ์เกิดที่อุณหภูมิ 31.7 C จงหาอุณหภูมิที่เทอร์โมมิเตอร์
นี้วัดได้ขณะเกิดการก่าทอนด้วยความถี่ 600 เฮิรตซ์
1. ความยาวคลื่นด้านหน้าและด้านหลังค้างคาว 2. เสียงจากค้างคาวกระทบก่าแพงด้วยความถี่เท่าใด
3. เสียงสะท้อนจากก่าแพงท่าให้ค้างคาวได้ยิน