Professional Documents
Culture Documents
สาขาภาษาและ วรรณกรรม
สาขาภาษาและ วรรณกรรม
ภูมิปัญญาทางภาษา
สาระสําคัญ
ภูมิปัญญาทางภาษาเป็ นผลงานด้านภาษาไทย ทัง้ ภาษาถิ่น ภาษา
โบราณ ภาษาพูด และการใช้ภาษา ตลอดจนวรรณกรรมทุกประเภทที่แสดง
ถึงเอกลักษณ์ วิถีชีวิตและความเป็ นไทยที่มีคุณค่ายิ่ง
๑. ความหมายของภูมิปัญญาและภูมิปัญญาทางภาษา
๑.๑ ความหมายของภูมิปัญญา
จากการประชุมเชิงปฏิบัติการสังเคราะห์และการถ่ายทอดภูมิปัญญา
ไทยเพื่อการศึกษา ภูมิปัญญา หมายถึง ภูมิรู้ ปฏิภาณ ความเฉลียวฉลาด
ไหวพริบ ความคิด ได้กล่าวไว้ว่าภูมิปัญญาไทยทางด้านภาษามีอยู่ด้วยกัน
๑๐ สาขา คือ
๑. ภูมิปัญญาไทยในการต้อนรับเชื้อเชิญ
๒. ภูมิปัญญาไทยในการเจริญไมตรี
๓. ภูมิปัญญาไทยในประเพณีสบ
ื มานาน
๔. ภูมิปัญญาไทยในการจารกฎหมายบ้านเมือง
๕. ภูมิปัญญาไทยในเรื่องสดับภาษาธรรม
๖. ภูมิปัญญาไทยในวรรณกรรมท้องถิ่น
๗. ภูมิปัญญาไทยในวรรณศิลป์ ไพจิตร
2
๘. ภูมิปัญญาไทยในภาษิตภาษาสื่อสาร
๙. ภูมิปัญญาไทยในเพลงพื้นบ้าน
๑๐. ภูมิปัญญาไทยในการใช้คําราชาศัพท์
ภูมิปัญญาทางภาษา หมายถึงความสามารถทางภาษา ปฏิญาณทางภาษา
หรือภูมิร้ท
ู างภาษาที่
๑.๒ ความหมายของภูมิปัญญาทางภาษา
แสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ด้วยภาษาโบราณ ภาษาถิ่น ภาษา
ไทยปั จจุบัน รวมทัง้ การใช้ภาษาในวรรณคดีและวรรณกรรมทุกประเภท
๒. ลักษณะภูมิปัญญาทางภาษาของไทย
๒.๑ ภูมิปัญญาไทยในการต้อนรับเชื้อเชิญ
วัฒนธรรมไทย จัดลักษณะภาษาของการต้อนรับ เชื้อเชิญไว้ ๓
ลักษณะ ได้แก่
๒.๑.๑ การเอื้อเฟื้ อเผื่อแผ่ แบ่งปั นด้วยไมตรีและความเต็มใจ เช่น
- เลีย
้ งดูปูเสื่อ
- ต้อนรับขับสู้
- ก้นถึงฟาก ปากถึงน้ํา
- เป็ นธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับอย่างดี
เลิศ ให้เพลินเพลิดกายา กว่าจะกลับ
๒.๑.๒ การพูดจาที่แสดงความอ่อนหวาน ทักทายด้วยความเต็มใจ เช่น
3
- มาหาใครครับ เชิญนั่งก่อนซิคะ
- ตามสบายเลยนะ อย่าได้เกรงใจ
- เชิญรับประทานอาหารด้วยกันก่อนนะคะ
- คอยสักครู่ เดี๋ยวจะไปตามให้นะครับ
๒.๑.๓ แสดงความเอื้ออาทร ห่วงใยและทําพิธีต้อนรับ อันเป็ นกิจกรรมความ
เชื่อของคนใน ท้องถิ่น เช่น พิธีบายศรีสู่ขวัญ เชิญชวนด้วยภาษาอันไพเราะ
- บายดีร้อ
ื (ภาคใต้)
๒.๒ ภูมิปัญญาไทยในการเจริญไมตรี
จากเรื่องสมเด็จพระปิ ยมหาราชทรงรักษาเอกราชของชาติไว้ได้อย่างไร
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จไปเยือนต่างประเทศ
เพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศมหาอํานาจต่าง ๆ ทําให้ไทยผ่านพ้นภัย
พิบัติ จากการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตกได้
ตัวอย่าง คําประพันธ์ภูมิปัญญาไทยในการเจริญไมตรี
จึงหลายประเทศทัง้ ใกล้ไกล
พระเสด็จเยือนไป หลากแคว้น
หวังผลเพื่อผูกไม ตรีต่อ
เกลื่อนกลบลบเรื่องแค้น ขุ่นน้ํ าใจเคย
หรือแม้แต่ภาษาในวรรณคดีเช่นสุภาษิตพระร่วง ก็มุ่งสอนให้คนไท
ยมีนํ า้ ใจไมตรีต่อกัน ใช้วาจาสุภาพ อ่อนหวาน ไพเราะ ไม่นิยมความขัดแย้ง
เช่น
- ปลูกไมตรีอย่ารู้ร้าง สร้างกุศลอย่ารู้โรย
- ปลูกอื่นใดปลูกไมตรีดีกว่าพาล
5
อวยพรปี ใหม่
ในวารดิถีขน
ึ ้ ปี ใหม่ ขออวยพรให้ท่านนัน
้ สุขศรี นิราศนิทุกข์ สุขภาพ
แข็งแรงดี ทรัพย์ทวีปราศจากโรคมีโชคชัย แม้นคิดหวังสิ่งใดที่บรรเจิด ขอให้
เกิดตามที่คิดจิตแจ่มใส ทัง้ งานดี เงินดี ตลอดไป อวยพรให้สุขอย่างนีท
้ งั ้ ปี
เอย
6
๒.๔ ประเพณีไทยในการจารกฎหมายบ้านเมือง
ประเพณีการบวช มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้บุตรชายได้ศึกษาพระธรรมวินัย
นอกจากนีย
้ ังมีประเพณีอ่ น
ื ๆ ที่เกี่ยวข้องกับชุมชนและศาสนา เช่น
ประเพณีสงกรานต์ กฎหมายเป็ นเครื่องมือในการดูแลบ้านเมืองให้สงบ
7
ส่วนในสมัยอยุธยานัน
้ ถือว่าพระบรมราชโองการของกษัตริย์เป็ นกฎหมาย
สูงสุด และนับถือกันว่า พระมหากษัตริย์เป็ นสมมุติเทพ มีอํานาจเหนือผู้ใด
ใช้การปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราช ในสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาท
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้ าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ได้กํา
หนดกฎหมายตราสามดวงขึน
้ คือ ตราราชสีห์ คชสีห์ และบัวแก้ว ครัน
้ ถึง
สมัยรัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีการปฏิรูป
การปกครองครัง้ ยิ่งใหญ่ คือออกกฎหมายเลิกทาส ให้สิทธิเสรีแก่ประชาชน
8
๒.๕ ภูมิปัญญาไทยในเรื่องสดับภาษาธรรม
๒.๖ ภูมิปัญญาไทยในวรรณกรรมท้องถิ่น
วรรณกรรม หมายถึง การเขียน การแต่งหนังสือ บทประพันธ์ และกวีนิพนธ์
9
๒.๖.๑ ภูมิปัญญาไทยในนิทานท้องถิ่น
แต่เค้าโครงเรื่องเหมือนกัน เช่น เรื่องปลาบู่ทอง, นางสิบสอง, โสนน้อยเรือน
งาม, ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่,
ตาม่องล่าย, พญากงพญาพาน, ไกรทอง เป็ นต้น นิทานเหล่านีม
้ ักให้คติสอน
ใจชีแ
้ นะให้ทําความดี
สอดแทรกความคิด คุณธรรมและความเชื่อต่าง ๆ
เพลงนกเอีย
้ ง
นกเอีย
้ งเอย มาเลีย
้ งควายเฒ่า
ควายกินข้าว นกเอีย
้ งหัวโต
หัวโตโต กิโลห้าบาท
หัวขาดขาด กิโลบาทเดียว
เพลงโยกเยกเอย
โยกเยกเอย น้ําท่วมเมฆ
กระต่ายลอยคอ หมาหางงอ
กอดคอโยกเยก
------------------------------------
๒.๖.๒.๓ เพลงประกอบการละเล่นของเด็ก เด็ก ๆ มักรวมกลุ่มกันเล่นโดย
หาวัสดุในท้องถิ่นตามพื้นบ้าน เช่นม้าก้านกล้วย หมากเก็บ มอญซ่อนผ้า แม่
งู รีรีข้าวสาร จ้ําจี ้ เพลงเล่นเหล่านีจ
้ ะปลูกฝั งความสามัคคีมีนา้ํ ใจ ช่วยให้
รู้จักการแบ่งปั น
รอคอยและความมีสมาธิ เช่น
เพลงมอญซ่อนผ้า
มอญซ่อนผ้าตุ๊กตาอยู่ข้างหลัง ไว้โน่นไว้นี ้ ฉันจะตีก้นเธอ
12
เพลงจ้ําจี ้
จ้ําจีม
้ ะเขือเปราะ กระเทาะหน้าแว่น พายเรืออกแอ่น กระแท่นต้นกุ่ม
สาว ๆ หนุ่ม ๆ อาบน้ําท่าไหน อาบน้ํ าท่าวัด เอากระจกที่ไหนส่อง เอาแป้ ง
ที่ไหนผัด
เยี่ยม ๆ มอง ๆ นกขุนทองร้องวู้
เพลงแม่งู
พ่องู แม่งูเอ๋ย กินน้ําบ่อไหน
แม่งู กินน้ําบ่อโศก โยกไปก็โยกมา
พ่องู แม่งูเอ๋ย กินน้ําบ่อไหน
แม่งู กินน้ําบ่อหิน บินไปก็บินมา
พ่องู แม่งูเอ๋ย กินน้ําบ่อไหน
แม่งู กินน้ําบ่อทราย ย้ายไปก็ย้ายมา
พ่องู แม่งูเอ๋ย กินน้ําบ่อไหน กินหัวหรือกินหาง
แม่งู กินกลางตลอดตัว (แม่พาลูกงูวิ่งหนี)
(พ่องูพยายามใช้มือตีไล่จับลูกงูมาเป็ นฝ่ ายของตนเอง)
13
๒.๖.๓ ภูมิปัญญาไทยในปริศนาคําทาย
ให้คิด ทดสอบความรู้ ภูมิปัญญา มักใช้คําคล้องจอง มีทงั ้ ปริศนาคํา ปริศนา
ภาพ และปริศนาท่าทาง เช่น ปริศนาคําทายเป็ นวรรณกรรมท้องถิ่นที่ผูก
เรื่อง ไว้เป็ นเงื่อนไขสําหรับการเล่น
- อะไรเอ่ย ชื่ออยู่ในครัวตัวอยู่ในป่ า (กระต่ายขูดมะพร้าว)
- อะไรเอ่ย ต้นเท่าขาใบวาเดียว (ต้นกล้วย)
- อะไรเอ่ย เมื่อมีแสงชอบเดินตาม ถามเท่าไรก็ไม่พูด (เงา)
- อะไรเอ่ย เมื่อเด็กชอบห่มผ้า เติบโตมากลับเอาผ้าคลุมหัว (มะเขือ)
- อะไรเอ่ย มีหนวดรุ่มร่าม พ่นน้ํ าสีดําป้ องกันตัว มีอยู่ทั่วไปในทะเล
(ปลาหมึก)
- อะไรเอ่ย มี ก สอง ก ใช้ทอเป็ นเสื่อ (กก)
- อะไรเอ่ย แม่เฝ้ าบ้าน ลูกโปรดปรานการออกไปเที่ยว (ลูกกุญแจ)
14
๒.๗.๑ วรรณกรรม
ที่ได้รับการยกย่อง ว่าแต่งดี ซึ่งจะมีการคัดเลือกและยกย่องผลงานของ
กวี เพื่อรับรางวัล กวีบัวหลวง,
เป็ นการส่งเสริมให้มีนักเขียนรุ่นใหม่ ๆ และปลูกฝั งเยาวชนให้มาสนใจด้าน
การอ่านและงานประพันธ์ให้มากขึน
้
๒.๗.๒ วรรณศิลป์
กระทบใจผู้อ่าน เกิดอารมณ์ร่วม และคล้อยตาม ทัง้ ด้านสํานวน ภาพ
เสียง และการเล่นคํา ผู้อ่านจะได้ความประทับใจและอรรถรสด้าน
วรรณศิลป์ ของกวีนิพนธ์ เช่น
๒.๗.๒.๑ ความสามารถในการเรียบเรียงถ้อยคําให้เกิดเสียงเสนาะ
- มีการเล่นคําเล่นความหมายเพื่อให้เกิดเสียงที่ไพเราะ เช่น
ไม่เมาเหล้าแล้วเรายังเมารัก สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน
15
ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป แต่เมาใจนีป
้ ระจําทุกค่ําคืน (“นิราศ
ภูเขาทอง” สุนทรภู่)
จะว่าโศกโศกอะไรที่ในโลก ไม่เท่าโศกใจหนักเพราะรักสมร
จะว่าหนักหนักอะไรดินดอน ถึงสังขรก็ไม่หนักเหมือนรักกัน (“นิราศเดือน”
นายมี)
๒.๗.๒.๒ การใช้คําให้ผู้อ่านเห็นภาพเด่นชัด
ดูผิวซินวลละอองอ่อน มะลิซ้อนดูดําไปหมดสิน
้
สองเนตรงามกว่ามฤคิน นางนีเ้ ป็ นปิ่ นโลกา
๒.๗.๒.๓ การใช้คําให้เกิดภาพในจิต
กวีจะไม่กล่าวคําตรงๆ แต่จะใช้โวหารให้ผู้อ่านคิดตีความ ใช้จินตนาการให้
เกิดอรรถรส เช่น
๒.๗.๒.๔ การใช้คําที่กระทบอารมณ์ซ่อนเร้นสะเทือนใจ
ลูกก็แลดูแม่แม่ดูลูก ต่างพันผูกแทบว่าเลือดตาไหล
สะอื้นร่ําอําลาด้วยอาลัย แล้วแข็งใจจากนางตามทางมา (ขุนช้างขุนแผน)
๒.๗.๒.๖ ปลูกจิตสํานึกที่ดีงามตามสมัย
ตามธรรมเนียมการแต่งคําประพันธ์ กวีจะมีบทไหว้ครู บทชมบ้านเมือง
ชมสวน
ชมธรรมชาติ เพื่อปลูกจิตสํานึก ความรัก เคารพ กตัญญู และการอนุรักษ์
ธรรมชาติ
นโมจะข้าไหว้ วรไตรรตนา พ่อแม่แลครูบา ทุกเทวาในราศี (สามัคคีเภทคํา
ฉันท์) (ปฐม ก.กา)
17
๒.๘ ภูมิปัญญาไทยในภาษิตภาษาสื่อสาร
เปรียบเปรยให้คิด รู้จักสังเกตธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และนํามาเปรียบ
เทียบกับการกระทํา ผู้ฟังจะรู้สึกสุภาพ นุ่มนวล ไม่รุนแรง เหมือนคําบอก
กล่าวหรือตําหนิตรง ๆ ถือเป็ นกุศโลบายในการใช้ภาษาที่ลดความรุนแรง
กระทบกระทั่งกันได้ ซึ่งส่วนมากจะเป็ นสํานวน สุภาษิต คําพังเพย ที่ให้คติ
ข้อคิด และแนะทางปฏิบัติ คําสอนที่ดี เช่น
18
- ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม (พุทธภาษิต)
- ไฟในอย่านําออก ไฟนอกอย่านําเข้า (สุภาษิตพระร่วง)
๒.๘.๒ คําพังเพย
คําพังเพย หมายถึง คําที่กล่าวขึน
้ ลอย ๆ กลาง ๆ มีความหมายเป็ นคติให้
ข้อคิด เช่น
19
๒.๘.๓ คําอุปมาอุปไมย
ทําให้เกิดภาพชัดเจนเห็นจริง มีความไพเราะ สละสลวย เช่น ใจดีเหมือน
พระเวสสันดร ,
สวยราวกับนางฟ้ า ,ดําเป็ นตอตะโก , ลูกเป็ นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่
๒.๘.๔ คําคม
คําคม คือ คําพูดที่เรียบเรียงไว้ ให้มีคติข้อคิด เช่น
- มีรักในวัยเรียน เหมือนจุดเทียนกลางสายฝน
- โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า
- รักไม่ยุ่งมุ่งแต่เรียน
๒.๙ ภูมิปัญญาไทยในเพลงพื้นบ้าน
เพลงพื้นบ้าน หมายถึง เพลงที่ชาวบ้านแต่งและขับร้องเฉพาะถิ่น มักจะร้อง
รําในงานเทศกาลต่าง ๆ เพื่อความบันเทิง สนุกสนาน มีประจําทุกภาค เช่น
20
๒.๙.๑ ลักษณะเพลงพื้นบ้าน
การเล่น หรือ เครื่องประกอบจังหวะ ง่าย เช่น ฉิง่ กรับ กลอง เล่นตาม ลาน
วัด ลานบ้าน ท้องน้ํา
๒.๙.๑.๑ เรียบง่ายในการใช้ถ้อยคํา นิยมคําไทยแท้ ฟั งแล้วเข้าใจทันที การ
ร้อง
๒.๙.๑.๒ เน้นความสนุกสนาน รื่นเริงเป็ นหลัก
๒.๙.๑.๓ เพลงพื้นบ้านแต่ละชนิดมีรูปแบบ เนื้อหา การเรียบเรียงคล้ายกัน
มีบทร้องเล่น ไหว้ครู บทเชิงชู้ บทพูดรัก บทจากลา เพลงสงฟาง เพลง
กลองยาว
มาแล้วโหวย มาแล้ววา
มาแต่ของเขา ของเราไม่มา ตะละล้า
ใครมีมะกรูด มาแลกมะนาว
ใครมีลูกสาว มาแลกลูกเขย
เอาวะเอาเหวย ลูกเขยกลองยาว (ฮา)
(นายหยดสาระธรรม)
๒.๑๐ ภูมิปัญญาไทยในการใช้คําราชาศัพท์
คําราชาศัพท์ หมายถึง คําเฉพาะที่ใช้สําหรับพระเจ้าแผ่นดิน และเจ้านาย
ปั จจุบันหมายรวมไปถึงคําที่ใช้กับพระภิกษุ และสุภาพชนทั่วไป
๒.๑๐.๒ ที่มาของคําราชาศัพท์
๒.๑๐.๒.๑ คําราชาศัพท์ที่มาจากภาษาบาลี เช่น โอรส นัดดา อัยกา
๒.๑๐.๒.๒ คําราชาศัพท์ที่มาจากภาษาสันสกฤต เช่น พงศาวดาร
๒.๑๐.๒.๓ คําราชาศัพท์ที่มาจากภาษาเขมร เช่น ตรัส เสด็จพระราชดําเนิน
๒.๑๐.๒.๔ คําไทยแท้ที่เป็ นราชาศัพท์ เช่น
- เติมคําว่า ทรงหน้าคําไทยแท้ เช่น ทรงมีไข้ ทรงมีเงิน ทรงมีเหตุผล ทรงวิ่ง
- เติมคําว่า หลวงท้ายคํา เช่น ลูกหลวง เรือหลวง ข้าหลวง เขื่อนหลวง
- เติมคําว่า พระข้างหน้าคํา เช่น พระอู่ พระเก้าอี ้ พระที่ พระแท่น
- เติมคําว่า ต้นท้ายคํา เช่น ข้างต้น ม้าต้น เรือนต้น
- เติมคําว่า พระที่นั่งท้ายคํา เช่น เรือพระที่นั่ง รถยนต์พระที่นั่ง รถไฟ
พระที่นั่ง
๒.๑๐.๓ วิธีใช้ราชาศัพท์ที่ควรสังเกต
๒.๑๐.๓.๑ การใช้คําว่า “ทรง” มีหลักที่สําคัญ ๓ ประการ คือ
ใช้ “ทรง” นําหน้าคํากริยาสามัญบางคํา ทําให้เป็ นกริยาราชาศัพท์ได้ เช่น
ทรงเล่น ทรงใช้
ใช้ “ทรง” นําหน้าคํานามสามัญบางคํา ทําให้เป็ นกริยาราชาศัพท์ได้ เช่น
ทรงดนตรี ทรงช้าง
ใช้ “ทรง” นําหน้าคํานามราชาศัพท์ ทําให้เป็ นกริยาราชาศัพท์ได้ เช่น ทรง
พระอักษร ทรงพระราชนิพนธ์
ทรงพระดําเนิน
23
อักษรธรรมล้านนา
อักษรธรรมล้านนา
ปี ที่ขน
ึ ้ ทะเบียนยังไม่ได้ขน
ึ ้ ทะเบียนภูมิภาคภาคเหนือจังหวัดน่าน | พะเยา |
ลำปาง | ลำพูน | เชียงราย | เชียงใหม่ | แพร่ | แม่ฮ่องสอน
สาระสำคัญโดยรวม
ความสำคัญ/หลักการเหตุผล
27
ประวัติความเป็ นมา
จากการศึกษาอักษรที่ใช้ในจารึก เอกสารประเภทจารึกที่พบในประเทศไทย
มีรูปแบบอักษรต่างๆ ตามอิทธิพลวัฒนธรรม ที่หลัง่ ไหลเข้ามาสู่ดินแดน
บริเวณแถบนีใ้ นอดีต หรือที่เรียกว่า ดินแดนของประเทศไทย ในปั จจุบันเมื่อ
แบ่งเป็ นกลุ่มประเภทอักษรตามอายุสมัยได้หลายยุคสมัย ที่สำคัญๆ คือ
๑. อักษรปั ลลวะ
๓. อักษรมอญโบราณ
๔. อักษรขอมโบราณ
๕. อักษรขอม
๖. อักษรมอญ
๗. อักษรไทยสุโขทัย
๘. อักษรธรรมล้านนา
๙. อักษรไทยล้านนา
๑๐. อักษรไทยอยุธยา
29
๑๑. อักษรธรรมอีสาน
๑๒. อักษรไทยอีสาน
๑๓. อักษรไทยใหญ๋
๑๔. อักษรไทยย่อ
การกระจายตัว
แต่นอกจากในภาคเหนือตอนบนแล้วยังมีกลุ่มคนในบางจังหวัดที่ถูก
กวาดต้อนไปใน ช่วงสงคราม เช่น กลุ่มคนเมืองใน จังหวัดนครปฐม จังหวัด
ราชบุรี และกาญจนบุรี บางแห่งยังคงใช้ส่ อ
ื สารอยู่ ส่วนในต่างประเทศ
ปรากฏว่ามีการใช้ภาษาล้านนาหรืออักษรธรรมล้านนาอยู่บ้างในภูมิภาคนี ้
เช่น เมืองสิบสองปั นนา ในมณฑลยูนนาน ประเทศจีน และในเมืองหลวง
พระบาง ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึง่ ในอดีตมีความ
เชื่อมโยงกับทางล้านนาอยู่ถ้าหากศึกษาในแง่ของประวัติศาสตร์ก็จะเห็นถึง
ความสัมพันธ์กันในฐานะที่ล้านนาเป็ นศูนย์กลางทางการปกครอง
ชื่อที่ปรากฎในท้องถิ่น
ตั๋วเมือง
32
สาขา/ประเภท
วรรณกรรมพื้นบ้านและภาษา
ลักษณะเด่นของแต่ละสำนวน
อักษรไทยที่ปรากฏเป็ นการถ่ายอักษรเท่านัน
้ เสียงจริงของอักษรแสดงไว้ใน
สัทอักษรสากลซึ่งอาจจะออกเสียงต่างไปจากอักษรไทย
ความสัมพันธ์และบทบาทในวิถีชีวิต
ดังนัน
้ วัดในฐานะที่เป็ นศูนย์กลางของชุมชน เป็ นที่พึ่งของชุมชนมาตัง้ แต่ใน
อดีต และเป็ นที่ เก็บรวบรวมเอกสารหลักฐานที่สำคัญๆ ของชุมชน ควรให้
ความสำคัญและแสดงบทบาททัง้ ด้านการอนุรักษ์และถ่ายทอดองค์ความรู้
ด้านภาษาล้านนาสู่เด็กเยาวชน และชุมชนที่อยู่รอบๆ วัดให้เกิดการรักและ
ห่วงแหนมรดก ภูมิปัญญาท้องถิ่นของตนเอง เพื่อให้เกิดการศึกษาค้นคว้า
สืบไป
34
คุณค่า
ภาษาล้านนาเป็ นภาษาท้องถิ่นของชาวล้านนาที่สืบทอดติดต่อกันมาหลาย
ร้อยปี ดังนัน
้ มรดก ภูมิปัญญาต่างๆ ของชาวล้านนาจึงถูกบันทึกไว้ด้วย
ภาษาล้านนา ซึ่งยังคงหลงเหลือและตกทอดมาถึงในยุคปั จจุบันที่ยังคงรอ
คอยการอ่าน การปริวรรตออกสู่ภาษาปั จจุบัน โดยเฉพาะองค์ความรู้ด้าน
ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมประเพณี ความเชื่อ วิถีชีวิต และตำรายาต่างๆ ซึ่ง
ล้วนแต่มีคุณค่าทางวัฒนธรรม
ดังนัน
้ ภาษาล้านนาจึงเป็ นภาษาที่มีคุณค่าอย่างยิ่งของชาวล้านนา ที่บันทึก
เรื่องราวต่างๆ เอาไว้ ซึ่งเรื่องราวต่างๆ ล้วนเป็ นสิ่งที่มีคณ
ุ ค่าทางมรดก
ภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมทัง้ สิน
้
35
การถ่ายทอดและการสืบทอด
สภาพปั จจุบัน
1. สถานการณ์คงอยู่ของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
- เสี่ยงต่อการสูญหายต้องได้รับการส่งเสริมและรักษาอย่างเร่งด่วน
3. รายชื่อผู้สืบทอดหลัก
- พระครูปลัดสุวัฒนจริยคุณ,ดร. ประธานเครือข่ายพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นล้าน
นา, ประธาน ที่ปรึกษาชมรมศาสตร์ล้านนา
36
แนวทางการส่งเสริม
๑.โครงการ กิจกรรมที่มีการดำเนินงานของรายการมรดกภูมิปัญญาทาง
วัฒนธรรม
๑.๑ การศึกษาวิจัย
ปั จจุบันคณาจารย์จากสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ ในภาคเหนือได้ให้ความสนใจ
และเสนอขอทุนวิจัย เพื่อทำการศึกษาและถอดองค์ความรู้จากคัมภีร์ต่างๆ
อย่างต่อเนื่อง โดยในปี งบประมาณ ๒๕๖๐ ทางมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกร
ณราชวิทยาลัย วิทยาเขตพะเยา ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก
สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ เพื่อให้ทำการศึกษาวิจัยปริวรรตคัมภีร์ตำนานฟื้ น
เมืองพะเยา ชื่อโครงการวิจัย : การปริวรรตและ วิเคราะห์รูปแบบการ
ปกครองบ้านเมืองจากคัมภีร์ตำนานเมืองพะเยา ฉบับวัดศรีโคมคำ (The
transliteration and analysis principles of Phayao legend) โดยมี
วัตถุประสงค์ เพื่อปริวรรตและวิเคราะห์รูปแบบและหลักการปกครองบ้าน
เมืองที่ปรากฏในคัมภีร์ตำนานเมืองพะเยา, เพื่อศึกษาวิเคราะห์หลักพุทธ
ธรรมด้านการปกครองบ้านเมืองที่ปรากฏในคัมภีร์ตำนานเมืองพะเยา, และ
เพื่อศึกษาวิเคราะห์รูปแบบและหลักการปกครองบ้านเมืองเชิงบูรณาการ
๑.๓ การสืบสานและการถ่ายทอด
ปั จจุบันการเรียนการสอนภาษาล้านนาพบเห็นน้อยมาก มีเพียงไม่กี่แห่งที่ยัง
เปิ ดสอนอยู่ การเรียนการสอนมีลักษณะเพียงแค่สอนเสริม หรือสอนแก่ผู้ที่
สนใจเฉพาะเท่านัน
้ ไม่มีหลักสูตรจริงจัง ดังนัน
้ ควรมีการทำเป็ นหลักสูตรที่มี
มาตรฐาน และมีการวัดผลการเรียนการสอนได้ เพื่อใช้ในการสอนแก่เด็ก
เยาวชน และผู้ที่สนใจ โดยในปั จจุบันทางหอวัฒนธรรมนิทัศน์ วัดศรีโคมคำ
ร่วมกับทางโรงเรียน เทศบาล ๕ ได้จัดให้มีการเรียนการสอนแก่เด็กนักเรียน
ระดับชัน
้ ประถมศึกษาปี ที่ ๕ และปี ที่ ๖ ณ หอวัฒนธรรมนิทัศน์ วัดศรีโคม
คำ ทุกวันศุกร์ เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ภาษาล้านนา สามารถอ่านออกเขียนได้
ถูกต้อง นอกจากนีย
้ ังได้มีการบรรยายให้กับนักศึกษา ในสถาบันอุดมศึกษา
38
๑.๔ การพัฒนาต่อยอดมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
ปั จจุบันมีสถาบันทางการศึกษาโดยเฉพาะในระดับอุดมศึกษาในเขตภาค
เหนือ เช่น มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตพะเยา
มหาวิทยาลัยพะเยา และ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็ นต้น ได้ให้ความสนใจใน
การทำวิจัยเพื่อถอดองค์ความรู้ที่อยู่ในคัมภีร์ หรือตำราต่างๆ นำออกมาเผย
แพร่ในรูปของเอกสารทางวิชาการ หรือแม้กระทัง้ การผลิตสมุนไพรจากตำรา
ยาต่างๆ ทัง้ นี ้ เพื่อเป็ นการต่อยอดมรดก ภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
๑.๕ การดำเนินงานด้านอื่นๆ
๒ มาตรการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมอื่นๆ ที่คาดว่า
จะดำเนินการในอนาคต
๒.๑ มาตรการด้านวิชาการ
39
๒.๒ มาตรการด้านการพัฒนาบุคลากรและกำลังคน
๒.๓ มาตรการด้านนโยบาย
๒.๔ มาตรการด้านงบประมาณ
สถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ควรจัดสรรงบประมาณในการศึกษา
วิจัยเอกสารตำราภาษาล้านนา เพื่อเก็บรวบรวมองค์ความรู้ไว้อย่างเป็ น
ระบบ ให้ง่ายต่อการศึกษาค้นคว้าเรื่องราวเกี่ยวกับล้านนา
40
วรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาในล้านนา
41
วรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาในล้านนา
ประวัติพระพุทธศาสนาในล้านนา
พระพุทธศาสนาในพุทธศตวรรษที่ ๑๒ ในรัชสมัยของพระจามเทวี
พระราชธิดาของกษัตริย์มอญในอาณาจักรทวาราวดี เมืองลวปุระ (ลพบุรีใน
ปั จจุบัน) ได้เสด็จมาครองราชย์สมบัตินครหริภุญชัย (ลำพูนปั จจุบัน) ตามคำ
เชื้อเชิญของวาสุเทพฤาษี ที่ออกบวชเป็ นฤาษีแล้วได้จัดสถานที่ในการสร้าง
เมืองขึน
้ มา ขณะที่พระนางเสด็จมาได้ทรงนำพาอารยธรรมแบบทวารวดีขน
ึ้
มาด้วย ในจำนวนนัน
้ มีการนำพาพระพุทธศาสนามีทงั ้ พระพุทธศาสนาแบบ
มหายานและแบบเถรวาท โดยเฉพาะพระพุทธศาสนาแบบหีนยานหรือ
เถรวาทได้นำพระเถระผู้ทรงพระไตรปิ ฎกจำนวน ๕๐๐ รูปมาด้วย พระนาง
จามเทวีได้สร้างวัดไว้ ๔ มุมเมือง ทำให้เมืองนีเ้ ป็ นจตุรปราการของพระพุทธ
ศาสนา พระพุทธศาสนาจึงประดิษฐานรุ่งเรือง ตัง้ แต่สมัยนัน
้ เป็ นต้นมา
พระพุทธศาสนาในสมัยราชวงศ์เม็งราย พญาเม็งรายนัน
้ เป็ นปฐม
กษัตริย์แห่งราชวงศ์เม็งราย (ครองราชย์ พ.ศ.๑๓๓๙-๑๘๕๔) พระพุทธ
ศาสนาในสมัยนัน
้ เป็ นแบบเถรวาทที่รับมาจากมอญศิลปกรรมและปฏิมากร
รมทางพระพุทธศาสนาได้รับอิทธิพลแบบทวารวดี มีการสร้างพระพุทธรูปที่
เรียกว่า สมัยเมืองเชียงแสน
พระพุทธศาสนาในรัชสมัยของพญาติโลกราช หรือพระเจ้าติโลกราช
พระองค์ทรงเป็ นกษัตริย์ลำดับที่ ๙ ครองราชย์ พ.ศ.๑๙๘๔-๒๐๓๐ ทรงเป็ น
โอรสพญาสามฝั่ งแกน ในสมัยของพระองค์ถือว่าเป็ นยุคทองของล้านนา
เพราะบ้านเมืองมีความเจริญสูงสุดทุกด้าน โดยเฉพาะด้านศาสนาทรงจัดให้
มีการสังคายนาพระไตรปิ ฎก ครัง้ ที่ ๘ ของโลก ที่วัดเจ็ดยอด (มหาโพธาราม)
เมื่อพ.ศ.๒๐๒๐ รวมเวลาในการทำสังคายนา ๑ ปี โดยมีพระธรรมทินนิเถระ
44
ประวัติและผลงานพระเถระในล้านา
1. พระโพธิรังสีเถระ
45
ในบรรดานักปราชญ์ชาวล้านนาที่เป็ นพระเถระนัน
้ พระโพธิรังสีเถระ
เป็ นผู้ที่อาวุโสที่สุด เป็ นชาวเชียงใหม่ ผลงานของท่านปรากฏอยู่คู่กับ
วรรณคดีล้านนาเล่มอื่นๆ ที่มีผู้คนอ้างอิงและศึกษาทัง้ ทางศาสนาและ
ประวัติศาสตร์ คือ จามเทวีวงศ์ และ สิหิงคนิทาน
เนื้อเรื่องในจามเทวีวงศ์ ว่าด้วยวงศ์ของพระนางจามเมวีที่ได้ครองเมือง
หริภุญชัยและประวัติพระศาสนาในล้านนา กล่าวถึงการสร้างเมืองหริภุญชัย
ลำปางและการสร้างวัดบรรจุพระธาตุคือ พระบรมธาตุหริภุญชัยในสมัย
ราชวงศ์ของพระนางจามเทวี กล่าวถึงธรรมะของกษัตริย์และความที่ไม่
สมควร อันเป็ นเหตุให้บ้านเมืองเดือดร้อนล่มจม นับว่าพระโพธิรังสีเถระ
สามารถนำเอาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มาสัมพันธ์กับเรื่องราวทางพุทธ
ศาสนาได้เป็ นอย่างดี จึงนับว่าหนังสือ จามเทวีวงศ์ เป็ นหนังสือที่ทรงคุณค่า
เล่มหนึง่ (ลิขิต ลิขิตานนท์, 2523: 103 และประคอง นิมมานเหมินท์,
2517: 42)
2. พระญาณกิตติเถระ
ผลงานของพระญาณกิตติเถระรจนาคัมภีร์อธิบายเรื่องเกี่ยวกับพระ
วินัย และพระอภิธรรมและบาลีไวยากรณ์ อันมีช่ อ
ื ตามลำดับนี ้
47
พระวินัย
พระอภิธรรม
ท่านพุทธทัตต์เถระชาวลังกาได้กล่าวว่า คัมภีร์เหล่านีแ
้ ละคัมภีร์อ่ น
ื ๆ อีก
หลายคัมภีร์จารด้วยอักษรขอม ส่งจากประเทศไทยไปถวายเป็ นบรรณาการ
แก่พระมหาเถรปุรัตคามธัมมลังสิริกาสุมนติสส แห่งปรมานันทวิหาร เมืองก
อลเล ประเทศลังกาโดยผ่านราชทูตไทย
ไวยากรณ์
3. พระสิริมังคลาจารย์
49
พระสิริมังคลาจารย์รจนาผลงานไว้ 4 เรื่องซึ่งอาจจะแบ่งออกเป็ น 2
ประเภทคือ
การอธิบายคัมภีร์ที่มีมาแต่เดิม ผลงานประเภทนีม
้ ีด้วยกัน 3 เรื่อง ดังนี ้
4. จักกวาฬทีปนี ซึ่งเรื่องนีท
้ ่านได้ผูกโครงเรื่องขึน
้ ก่อน โดยแบ่งเรื่องราว
ต่างๆ ที่เกี่ยวกับจักรวาลออกเป็ นตอนๆ จากนัน
้ ก็อธิบายเรื่องราวตอนนัน
้ ๆ
อย่างละเอียดลออ โดยอ้างหลักฐานจากพระไตรปิ ฎกและคัมภีร์ต่างๆ มา
51
์ ่างๆ ในฉกามาวจรเทวโล
-มเหสักขเทวดา กล่าวถึง เทวดาที่สูงศักดิต
นอกจากนีย
้ ังได้พรรณนา หรือวินิจฉัยเบ็ดเตล็ด ประกอบด้วย เรื่องอายุ
อาหาร การคำนวณภูมิเรื่องต้นไม้ เรื่องโลก โลกธาตุ และเรื่องความไม่มีที่สน
ิ้
สุด ตลอดจนคำศัพท์ต่างๆ ก็ได้อธิบายไว้เช่น ขันธโลก ธาตุโลก อายตนโลก
วิบัติภวโลก ฯลฯ
นอกจากนีผ
้ ลงานของพระสิริมังคลาจารย์ยังสะท้อนให้เห็นความสนใจและ
การใฝ่ หาความรู้ด้านพุทธศาสนาและวิชาการแขนงต่างๆ ของชาวล้านนาใน
ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 20-21 มีมากเพียงใด ทัง้ ยังเป็ นความสนใจที่จะใฝ่
หาความรู้นน
ั ้ ๆ อย่างแตกฉานอีกด้วย (อุดม รุ่งเรืองศรี, 2528: 116-117
และ สดุภณ จังกาจิตต์, 2521: 142-155)
ผลงานของพระรัตนปั ญญาเถระมีดังนี ้
5. พระพุทธพุกาม และพระพุทธญานเจ้า
6. พระสุวณ
ั ณรังสีเถระ
พระภิกษุชาวเชียงใหม่รูปนี ้ ต่อมาได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดวิชยาราม
นครเวียงจันทน์ประเทศลาว และได้รับแต่งตัง้ เป็ นพระสังฆราช ท่านได้รจนา
คัมภีร์ 2 เรื่อง คือ คันถาภรณฎีกา ซึง่ เป็ นหนังสืออธิบายคัมภีร์ช่ อ
ื คันถาภ
รณะ ของชาวพม่า อันว่าด้วยหลักเกณฑ์ทางภาษาบาลี รจนาขึน
้ เมื่อ พ.ศ.
2128 หลังจากนัน
้ ท่านได้รจนาเรื่อง ปฐมสัมโพธิกถา ซึ่งต่อมาใน พ.ศ.
2388 สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส ได้ทรงนิพนธ์เรื่อง
56
7. พระพรหมราชปั ญญา
ท่านได้รจนาคัมภีร์ช่ อ
ื รัตนพิมพวงศ์ อันเป็ นตำนานในการสร้างพระแก้ว
มรกต
8. พระอุตตรารามเถระ
ได้รจนาคัมภีร์ช่ อ
ื วิสุทธิมัคคทีปนี อันเป็ นการอธิบายความในวิสุทธิ
มรรคของพระพุทธโฆสาจารย์ แต่ต้นฉบับยังค้นหาไม่พบ (อุดม รุ่งเรืองศรี,
2528: 116)
รายนามของกวีล้านนาที่กล่าวมาแล้วทัง้ หมดนัน
้ เป็ นยุคของวรรณกรรมบาลี
ที่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับพุทธศาสนาและพระไตรปิ ฎกทัง้ สิน
้ และเป็ นช่วงที่กล่าว
ได้ว่าเป็ นยุคทองของวรรณกรรมล้านนาคือรัชกาลของพระเจ้าติโลกราช และ
พระเมืองแก้ว นับเป็ นเวลาภายหลังที่ได้มีการกระทำสังคายนาพระไตรปิ ฎก
ครัง้ ที่ 8 ของโลก ที่วัดเจ็ดยอดเสร็จสิน
้ ลงเมื่อ พ.ศ. 2020 ทำให้มีนักปราชญ์
ทางวรรณกรรมบาลีเกิดขึน
้ มากมาย จนอาจกล่าวได้ว่าล้านนานัน
้ เป็ นผู้นำใน
57
ในช่วงที่เชียงใหม่หรือล้านนาตกเป็ นเมืองขึน
้ ของพม่านัน
้ นับว่าเป็ นช่วงที่
เสื่อมทางด้านการศึกษาหาความรู้และการรจนาคัมภีร์เพราะบ้านเมืองไม่
สงบ จนกระทั่งเชียงใหม่ได้รับการฟื้ นฟูอีกครัง้ หนึง่ ในสมัยราชวงศ์เจ้าเจ็ดตน
จึงปรากฏผลงานของกวีล้านนาอีก ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็ นกวีที่ประจำราช
สำนักเจ้าหลวงผู้ครองเมืองต่างๆ เช่น เชียงใหม่ ลำปาง เป็ นต้น ส่วนมาก
เป็ นวรรณกรรมที่เป็ นไปเพื่อความบันเทิง และกวีก็มักเป็ นฆราวาสที่เคยบวช
เรียนมาก่อน เช่น พระยาพรหมโวหาร เป็ นต้น
9. พระยาโลมาวิสัย
10. พระยาพรหมโวหาร
คัมภีร์มังคลัตถทีปนี
60
พระสิริมังคลาจารย์ได้รจนามังคลัตถทีปนีเมื่อประมาณ พ.ศ.
๒๐๖๐-๒๐๖๗ ในขณะที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดสวนขวัญ ท่านใช้เวลาในการ
ค้นคว้ารจนาจากคัมภีร์ต่างๆ จากหอธรรมที่ท่านได้รวบรวมไว้ จะเห็นได้ว่า
คัมภีร์ของท่านมีการอ้างอิงบอกถึงที่มาอย่างชัดเจน สภาพบรรยากาศในการ
รจนาคัมภีร์ท่านอยู่ที่วัดนีเ้ ป็ นสถานที่สงบสงัด ห่างจากตัวเมืองออกไปซึ่งเดิม
ที่ก่อนที่ท่านจะได้รจนาคัมภีร์ต่างๆ นัน
้ ท่านเป็ นเจ้าอาวาสวัดเจ็ดยอด เป็ นที่
ผู้คนพลุกพล่านมีผค
ู้ นมากมายจึงทำให้ไม่เหมาะสมกับการรจนาคัมภีร์ ท่าน
จึงย้ายไปสร้างวัดสวนขวัญอันเป็ นสถานที่สงบ เพื่อจะได้รจนาคัมภีร์
แรงดลใจ
คัมภีร์มังคลัตถทีปนี ที่พระสิริมังคลาจารย์ได้รจนาขึน
้ ซึ่งท่านนัน
้ มีชีวิต
อยู่ในช่วงประมาณ พุทธศตวรรษที่ ๒๐ ท่านเกิดมาในท่ามกลางในยุคสมัยที่
พระพุทธศาสนาในล้านนามีความเจริญรุ่งเรื่องขีดสุด มีพระสงฆ์ผู้แตกฉานใน
พระไตรปิ ฎกจำนวนมาก พระสิริมังคลาจารย์มีความเสื่อมใส่ในพระพุทธ
ศาสนา และศึกษาพระธรรมวินัยอย่างแตกฉาน ประกอบกับท่านได้ศึกษา
วิชาการในสำนักของพระพุทธวีระซึ่งเป็ นนิกายสิงหลและอยู่ในต่างประเทศ
เมื่อกลับมาอยู่เมืองไทยต้องการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในลักษณะของคัมภีร์
เพื่อให้เข้าถึงผู้ที่ต้องการศึกษาหลักธรรมในพระพุทธศาสนามากที่สุด ซึ่ง
ก่อนที่ท่านจะรจนาคัมภีร์มังคลัตถทีปนีฉบับนี ้ ท่านรจนาคัมภีร์ทางพระพุทธ
ศาสนามาก่อนแล้ว เช่น เวสสันตรทีปนี จักวาฬทีปนีและสังขยาปกาลกฏีกา
เป็ นต้น
61
สิ่งเหล่านีอ
้ าจจะเป็ นแรงดลใจให้ท่านได้รจนาคัมภีร์มังคลัตถทีปนีขน
ึ้
ซึ่งถือว่าเป็ นคัมภีร์ที่มีคุณค่าและก่อประโยชน์ให้กับพระพุทธศาสนานัปการ
๒. บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการรจนาคัมภีร์มังคลัตถทีปนี ของพระสิริมังคลาจาร
ย์ มีอยู่ ๒ ส่วน คือ พระมหากษัตริย์และพระเถระ
ประวัติผู้แต่ง
ทองพุทธศาสนา และยุคทองของวรรณกรรมพุทธศาสนาของอาณาจักรล้าน
นา
เนื้อเรื่องย่อของคัมภีร์มังคลัตถทีปนี
๔ ปฏิรูปเทสวาโส จ การอยู่ในประเทศอันสมควร๑
๕ ปุพเฺ พ จ กตปุญญ
ฺ ตา ความเป็ นผู้มีบุญอันกระทำแล้วในกาลก่อน๑
๘. สิปฺปญฺจ การศึกษาศิลปะศิลปะ๑
๓๔. นิพพ
ฺ านสจฺฉิกิริยา จ การทำนิพพานให้แจ้ง
๓๕.ผุฏฺฐสฺสโลกธมฺเมหิจิตฺตํยสฺสนกมฺปติ จิตของผู้ใดถูกโลกธรรมกระทบแล้ว
ไม่หวั่นไหว
คุณค่าของวรรณกรรม
คุณค่าทางศาสนา
คุณค่าทางวรรณคดี
คัมภีร์มังคลัตถทีปนีถือว่าเป็ นวรรณกรรมหรือวรรณคดีชน
ั ้ ยอดที่พระสิริมัง
คลาจารย์ ได้รจนาขึน
้ ลักษณะการแต่งคัมภีร์ เป็ นแบบร้อยแก้วผสมด้วย
คาถา สำหรับร้อยแก้วนัน
้ เป็ นการอธิบายความหมายของศัพท์ในคาถาหนึ่งๆ
ให้เข้าใจง่าย เช่น อเสวนาติ อภิชนา แปลความว่า คำว่า อเสวนา ได้แก่การ
ไม่คบ เป็ นต้น แล้วอธิบายความหมายของมงคลแต่ละข้ออย่างละเอียด
68
พร้อมยกอุทาหรณ์มีนิทานประกอบ มีนิทานที่ผู้รจนานำมาประกอบได้
เหมาะสมกลมกลืนกับหัวข้อธรรมนัน
้ ๆ คัมภีร์เล่มนีน
้ ับว่าเป็ นวิทยานิพนธ์ชน
ั้
บรมครูถือว่ามีคุณค่าทางวรรณกรรมสูง ซึ่งนักศึกษาที่เรียนรู้ประวัติวรรณคดี
โดยเฉพาะวรรณคดีบาลีจะต้องและเข้าใจ
คุณค่าต่อทางวิถีชีวิต
๓. ทำให้เสียชื่อเสียง
๔. ไม่มีใครนับถือ
69
๕. ทำให้คนเกลียดชัง
๗. ทำลายวงศ์ตระกูลตนเอง
๘. ไปอบายภูมิ
คุณค่าทางภาษา
หลักสูตรในการจัดการศึกษาภาษาบาลีของคณะสงฆ์ไทย ให้พระภิกษุ
สามเณรได้ใช้เรียนขัน
้ เปรียญธรรม๕ และ ๕ ประโยค อีกด้วย ภาษาที่ท่าน
ใช้และลักษณะการแต่งคัมภีร์ เป็ นการอธิบายธรรมะให้เข้าใจง่าย คนอ่านได้
เพลินเพลิดสนุกสนานไปกับเนื้อเรื่องและธรรมแต่ละข้อ นิทานชาดกที่ยกมา
ก็ สอดคล้องกับธรรม คัมภีร์มังคลัตถทีปนี มีคุณค่าทางภาษา นานัปการ จึง
ถือว่าเป็ นแบบอย่างสำหรับการศึกษา การเรียบเรียงข้อมูลและการแต่ง
หนังสือโดยเฉพาะภาษาบาลีได้เป็ นออย่างดี
70
อิทธิพลของคัมภีร์มังคลัตถทีปนี
ด้านเศรษฐกิจ
ด้านการเมืองการปกครอง
ด้านการศึกษา
ด้านสังคม
72
จุดเด่นของคัมภีร์มังคลัตถทีปนี
คัมภีร์มังคลัตถทีปนีมีจุดเด่นในเรื่องลักษณะชองการแต่ง โดยมีการ
แต่งที่เป็ นทัง้ ร้อยแก้วผสมด้วยคาถา และอธิบายความหมายของข้อความใน
มงคลสูตรแต่ละข้ออย่างละเอียด ชัดเจน มีการยกนิทานชาดกมาประกอบ
ทำให้อ่านแล้วเข้าใจได้ทันที นอกจากนัน
้ ท่านยังได้แสดงหลักฐาน อ้างอิง
หรือเชิงอรรถ แต่ละข้อความที่ท่านอ้างอิง ท่านจะบอกที่มาทุกเรื่อง ว่ามา
จากคัมภีร์เล่มไหน จากพระสูตรอะไร ว่าอย่างไร ทำให้คนอ่านได้รับรู้ และ
เข้าใจความเป็ นมาข้อความนัน
้ ๆ ได้เป็ นอย่างดี
73
การออิบายมงคลสูตรแต่ละข้อของพระสิริมังคลาจารย์ได้พบว่าพระสิ
ริมังคลาจารย์ใช้หลักการที่พระโบราณาจารย์ได้ใช้สืบๆต่อกันมา คือ หลัก ๕
ประการ ได้แก่
รูปแบบของคัมภีร์มังคลัตถทีปนี
74
โครงสร้างและการจัดลำดับของเนื้อหา
มังคลัตถทีปนี ที่ท่านพระสิริมังคลาจารย์ได้รจนาขึน
้ นัน
้ เป็ นการ
อธิบายมงคลแต่ละข้ออย่างละเอียด โดยยกหัวข้อธรรมที่มีในพระไตรปิ ฎก
มาตัง้ เพื่ออธิบาย นำข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้อง มีทงั ้ นิทาน และนิทานชาดก
อธิบายประกอบ ใช้คำง่ายๆที่จะทำให้คนทั่วไปเข้าใจได้ หลักฐานการอ้างอิง
ท่านบอกที่มา ว่ามาจากคัมภีร์ไหน พระสูตรอะไร พร้อมทัง้ ยกข้อความนัน
้
มาด้วย เป็ นลักษณะของการรจนาที่ให้ความสำคัญต่อเนื้อหาสาระมีการเรียง
ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึน
้ ในเรื่องราวของชาดกต่างๆ ทัง้ คาถา และชาดกมี
ความสอดคล้องกัน เป็ นเหตุเป็ นผล
วิธีเขียน และภาษาที่ใช้เขียน
พระสิริมังคลาจารย์มีกลวิธีในการเขียนหรือกลวิธีในการใช้รูปแบบที่
หลากหลาย มีทงั ้ การอ้างอิงที่มา มีการเลือกใช้รูปแบบและลักษณะเนื้อหาให้
มีความเหมาะสมกัน เช่น มงคลข้อที่ ๓ การบูชาผู้ที่ควรบูชา (ปูชา จ ปู
ชนียนํ) คาถากล่าวถึงการบูชาผู้ที่ควรบูชา
นอกจากนัน
้ ท่านยังใช้กลวิธีอ่ น
ื อีกด้วย ดังเช่น มีการใช้กลวิธีการ
ชีแ
้ นะแนวคิดห้ามไม่ให้กระทำสิ่งที่ไม่ดี เช่น มงคลข้อที่ ๑๙ การางดเว้นจาก
บาป (อารตี วิรตี ปาปา) การงดเว้นจากบาป มีการยกนิทานประกอบด้วย
เป็ นต้น
75
การวิเคราะห์เปรียบเทียบมงคลในมังคลัตถทีปนีกับมงคลในพระไตรปิ ฎก
การวิเคราะห์เปรียบเทียบมงคลในมังคลัตถทีปนีกับมงคลในพระ
ไตรปิ ฎก จะมาเปรียบเทียบเฉพาะมงคลข้อที่ ๑ คือ อเสวนา จ พาลานํ (การ
ไม่คบคนพาล) เท่านัน
้ พอเป็ นแนวทางในการศึกษาและค้นคว้าเพิ่มเติมให้
เกิดความรู้อย่างกว้างขวางอีกต่อไป
แปลตามพระไตรปิ ฎกภาไทยใจความว่า
การไม่คบพาล การคบแต่บัณฑิต
เนื้อหาสาระทัง้ หมดนีม
้ ีที่มาในพะไตรปิ ฎก ซึ่งแตกต่างจากที่มาใน
มังคลัตถทีปนี ที่ท่านพระสิริมังคลาจารย์ได้รจนาไว้ ส่วนที่แตกต่างนัน
้ พระสิ
ริมังคลาจารย์ ไม่ได้แปลความหมายหรือแก้ไขข้อความที่มาในพะไตรปิ ฎก
แต่ท่านได้วิเคราะห์เนื้อหาสาระ และเพิ่มเติมในส่วนของนิทานชาดกเข้ามา
เพื่อให้เกิดความเข้าใจในเนื้อหาของคาถาบทนีเ้ พิ่มมากขึน
้
การประยุกต์ใช้คัมภีร์มังคลัตถทีปนี
76
การประยุกต์ใช้คัมภีร์มังคลัตถทีปนี ถือว่ามีความสำคัญต่อสังคมไทย
ในยุคปั จจุบัน การนำเนื้อหาสาระของคัมภีร์มังคลัตถทีปนี มาประยุกต์ใช้จะ
ทำให้เกิดประโยชน์แก่สังคมอย่างมากในทุกๆด้าน ทัง้ ด้านเศรษฐกิจ สังคม
การเมืองการปกครอง ตลอดถึงการศึกษาคัมภีร์มังคลัตถทีปนี จะก่อให้เกิด
ประโยชน์ทงั ้ ในทางตรงและทางอ้อม เพราะรากฐานของการพัฒนาที่ถูกที่
ควรสังคมการเมืองการปกครอง มาจากตัวตนของคน ฉะนัน
้ หากคนได้รับ
การพัฒนาสังคมชุมชนก็มีความเจริญ คือหลักการปฏิบัติในมงคล ถ้าหากทุก
คนนำมงคลทัง้ ๓๘ ประการ มาประพฤติปฏิบัติก็จะเกิดผลดีต่อตนเองและผู้
อื่น เช่นการคบบัณฑิตที่จัดว่าเป็ นมงคล เป็ นความดี และความเจริญ
สรุป
วรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาสมัยล้านนามีอยู่หลายเรื่อง และมีพระ
เถระหลายรูปที่มีความรู้ความสามารถและได้รจนาคัมภีร์เอกสารทาง
พระพุทธศาสนามากมาย วรรณกรรม ที่สำคัญและรู้จักแพร่หลาย คือคัมภีร์
มังคลัตถทีปนี รจนาโดยพระสิริมังคลาจารย์ เมื่อ พ.ศ.๒๐๖๗ นับเป็ น
วรรณกรรมที่มีช่ อ
ื เสียงในการอธิบายความในมงคลสูตรมีเรื่องราวที่ประกอบ
ด้วยเนื้อหาสาระเกี่ยวกับมงคล ๓๘ ประการ ในแต่ละมงคลจะอธิบายคาถา
77
บรรณนุกรม
ตาราเรียนอักษรไทยยวน ฉบับวัดศรีโคมคำ (คัมภีร์ใบลาน)
http://www.lampang108.com
http://learners.in.th
http://www.geocities.com