You are on page 1of 23

รายงาน

โดย

สถาบันการเรียนรู้
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลูา
ธนบุรี
2

้ ใ่ี ชูปัญหาเป็ นฐาน (Problem-based Learning


การจัดการเรียนรูท
: PBL)
ความหมาย
บาเรลล์ (Barell. 1998) กล่าวว่า การเรียนรูท ้ ใ่ี ชูปัญหาเป็ นฐาน
เป็ นกระบวนการของการสำารวจเพื่อที่จะตอบคำาถามสิ่งที่อยากรู้อยากเห็น
ขูอสงสัยและความไม่มั่นใจเกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติในชีวต ิ จริงทีม ่ ี
ความซับซูอน ปั ญหาทีใ่ ชูในกระบวนการเรียนรูจ้ ะเป็ นปั ญหาทีไ่ ม่ชด ั เจนมี
ความยากหรือมีขอ ู สงสัยมาก สามารถตอบคำาถามไดูหลายคำาตอบ
วัลลี สัตยาศัย (2547) ไดูใหูความหมายว่า การจัดการเรียนรูท ้ ใ่ี ชู
ปั ญหาเป็ นฐานเป็ น
วิธก ี ารเรียนรูท้ เ่ี ริม
่ ตูนดูวยการใชูปัญหาเป็ นตัวกระตูน ้ ใหูผเู้ รียนไปศึกษา
คูนควูา แสวงหาความรูด ้ วู ยวิธก ี ารต่างๆ จากแหล่งวิทยากรทีห ่ ลากหลาย
เพื่อนำ ามาใชูในการแกูปัญหาโดยทีม ่ ไิ ดูมก
ี ารศึกษา หรือเตรียมตัวล่วงหนู า
เกีย่ วกับปั ญหาดังกล่าวมาก่อน
ทิศนา แขมมณี (2548) ไดูใหูคำานิ ยามว่า เป็ นการจัดสภาพการณ์
ของการเรียนการสอนทีใ่ ชูปัญหาเป็ นเครื่องมือในการช่วยใหูผเู้ รียนเกิดการ
เรียนรูต ้ ามเปู าหมาย โดยผูส ้ อนอาจนำ าผูเ้ รียนไปเผชิญสถานการณ์ปัญหา
จริงหรือผูส ้ อนอาจจัดสภาพการณ์ใหูผเู้ รียนเผชิญปั ญหา และฝึ กกระบวนการ
วิเคราะห์ปัญหาและแกูปัญหาร่วมกันเป็ นกล่ม ้ ซึ่งจะช่วยใหูผเู้ รียนเกิดความ
เขูาใจในปั ญหานั น ้ อย่างชัดเจน ไดูเห็นทางเลือกและวิธก ี ารทีห ่ ลากหลายใน
การแกูปัญหานัน ้ รวมทัง้ ช่วยใหูผเู้ รียนเกิดความใฝ่ รู้ เกิดทักษะ
กระบวนการคิด และกระบวนการแกูปัญหาต่างๆ
นอกจากนีย ้ งั ไดูมผ ี ใู้ หูนิยามการจัดการเรียนทีใ่ ชูปัญหาเป็ นฐานหลาย
ท่าน โดยสร้ปการจัดการ เรียนรู้ท่ีใชูปัญหาเป็ นฐาน คือ การจัดการเรียน
การสอนที่มีปัญหา (Problem) หรือสถานการณ์ (scenario) ทีเ่ กีย ่ วกับ
ชีวต ิ ประจำาวันเป็ นจ้ดเริม ่ ตูนของกระบวนการเรียนรูแ ้ ละเป็ นตัวกระตูน ้ ใหูผู้
เรียนคิดไตร่ตรอง พยายามแสวงหาความรูจ้ ากแหล่งวิทยาการทีห ่ ลากหลาย
มาเป็ นเหต้ผลประกอบในการแกูปัญหา โดยส่งเสริมใหูผเู้ รียนพัฒนาทักษะ
การทำางานเป็ นทีม คิดเป็ น แกูปัญหาเป็ น และเกิดการเรียนรูต ้ ลอดชีวต ิ
3

บทบาทของผูส
้ อนและผูเ้ รียนในการเรียนรูท
้ ใ่ี ชูปัญหาเป็ นฐาน(Problem-
based Learning:PBL)
บทบาทของผูส ้ อน ในการจัดการเรียนรูท ้ ใ่ี ชูปัญหาเป็นฐานนัน ้ ผูส ้ อนจะ
ตูองออกแบบการเรียนรู้ ดูวยการเลือกเนื้ อหาสาระความรู้ ทักษะทีต ่ อ ู งการ
ใหูผเู้ รียนไดูรบ ั รวมถึงการคัดเลือกกิจกรรมทีส ่ ามารถส่งเสริมการเรียนรู้
โดยการชีน ้ ำ าตนเอง และคอยอำานวยความสะดวกและกระตูน ้ ใหูผเู้ รียนเกิด
การเรียนรู้ โดยทีค ่ ร้จะไม่ถา่ ยทอดโดยตรง แต่จะใชูคำาถามใหูผเู้ รียนคิดและ
เปิ ดโอกาสใหูผเู้ รียนไดูคด ิ ใหูมากทีส ่ ด
้ เพื่อส่งเสริมใหูผู้เรียนสรูางองค์
ความรู้ไดูดูวยตนเอง รวมถึงการด้แลความกูาวหนู าทางการเรียนรู้ของผู้
เรียนท้กคน ส่วนบทบาททีส ่ ำาคัญอีกดูานก็คอ ื ผูป ้ ระเมินผลซึ่งตูองรวมถึง
การประเมินผลปั ญหาทีใ่ ชูในการเรียนรู้ ประเมินผลทัง้ ในดูานทักษะและ
ดูานความรู้ และการประเมินตนเอง ซึ่งการประเมินผลจะดำาเนิ นขึน ้ ตัง้ แต่
การสรูางปั ญหาจนเสร็จสิน ้ การเรียนรูใ้ นแต่ละเรื่อง
บทบาทของผูเ้ รียน จะเปลีย ่ นไปจากการศึกษาระบบเดิมทีค ่ อยเป็ น
ผูร้ บ
ั ความรูจ้ ากผูส้ อนมาเป็ นผูม ้ ส
ี ว่ นร่วมในการออกแบบการเรียนรู้ บอกถึง
ความสนใจ ความถนัด และแลกเปลีย ่ นประสบการณ์ตา่ งๆ ทีม ่ รี ว่ มกับ
เพื่อนและผูส ้ อน เพื่อแสดงความคิดเห็นในการคัดเลือกกิจกรรมการเรียนรู้
และการสรูางปั ญหา อีกทัง้ ผู้เรียนตูองเป็ นผู้สรูางองค์ความรู้ดูวยตนเอง
จากปั ญหาที่ไดูรับ โดยผู้เรียนจะเป็ นผู้ กำาหนดทิศทางการเรียนรู้ ของ
ตนเองตามขั ้นตอนการเรียนรู้ โดยใชูปัญหาเป็ นฐาน นอกจากนี้ ผู้ เรียนยัง
มีบทบาทสำาคัญในการเป็ นผูป ้ ระเมินตนเองและปั ญหาทีพ ่ บร่วมกับผูส ้ อน
การประเมินตนเองเพื่อใหูทราบถึงความกูาวหนู าในการเรียนรูแ ้ ละหา
แนวทางในการปรับปร้งการทำางาน

้ ใ่ี ชูปัญหาเป็ นฐาน (Problem-based


กระบวนการจัดการเรียนรูท
Learning : PBL) ในการจัดการเรียนรูท
้ ใ่ี ชูปัญหาเป็ นฐานนั น
้ จะเนู นใหูผู้
เรียนทำางานเป็ นกล่ม้ โดยแต่ละกล่ม ้ มีประมาณ 5 – 8 คน โดยจะเริม ่
ตูนกระบวนการจัดการเรียนรูท ้ ใ่ี ชูปัญหาเป็ นฐานซึ่งทางมหาวิทยาลัยไดูมี
การจัดใน 2 ร้ปแบบ คือผูส ้ อนเป็ นผูต ้ งั ้ ปั ญหาใหูผเู้ รียนส่วนอีกร้ปแบบคือ
ผูเ้ รียนเลือกปั ญหาทีต
่ นเองสนใจ

1. การเตรียมการ
4

ก่อนที่จะจัดการเรียนรู้ผู้สอนตูองวิเคราะห์หลักส้ตรเพื่อนำ ามาเขียน
วัตถ้ประสงค์การเรียนรู้ท่ตูี องการใหูผเู้ รียนบรรล้ผล แลูวจผูส ้ อนจึงเลือก
หรือออกแบบปั ญหา (problem) ใหูสอดคลูองกับผูเ้ รียนและวัตถ้ประสงค์
การเรียนรู้ ซึ่งลักษณะโจทย์ปัญหาทีด ่ น
ี ัน้ ตูองมีลกั ษณะดังนี้
• ทูาทายและกระตูน ้ ความสนใจของผูเ้ รียน
• ควรเป็ นเรื่องทีเ่ กิดขึน
้ จริงและเกีย ่ วขูองกับชีวต
ิ ประจำาวัน
• ควรเชื่อมโยงกับพื้นฐานความรูแ ้ ละประสบการณ์เดิมของผูเ้ รียน
• ความยากและจำานวนขูอของปั ญหาทีจ่ ะใหูผเู้ รียนศึกษาตูองมีความ
เหมาะสมกับ
ระยะเวลาทีใ่ หูผเู้ รียน
• ความซับซูอนของปั ญหาตูองมีความเหมาะสม เพราะถูาง่ายเกินไป
ผูเ้ รียนจะไม่เกิด
แรงจ้งใจในการแสวงหาความรูใ้ หม่ แต่ถาู ซับซอนมากไปผูเ้ รียนจะรูส ้ ก

ทูอแทูและเบื่อหน่ าย
• เป็ นขูอคำาถามทีม่ หี ลายทางเลือกและหลายคำาตอบ
• มีประเด็นการเรียนรูค ้ รอบคล้มเนื้ อหาและวัตถ้ประสงค์ทเ่ี รียน
• มีขอ
ู ความ เช่น คำาสำาคัญ (keyword) หรือตัวแนะ (cue) เพื่อใหูผู้
เรียนสามารถไป
คูนควูาเพิม ่ เติมไดู
หลังจากทีผ ่ ส
ู้ อนไดูโจทย์ปัญหาทีเ่ หมาะสมกับผูเ้ รียนแลูวจะตูองตรวจ
สอบด้วา่ ผูเ้ รียนสามารถแสวงหาความรูไ้ ดูจากแหล่งขูอม้ลใดบูางและแต่ละ
วิธก
ี ารมีขอู ม้ลเพียงพอกับการศึกษาของผูเ้ รียนหรือไม่
สำาหรับการจัดการเรียนรู้ท่ีผู้เรียนเป็ นผู้เลือกปั ญหาที่จะศึกษานั ้นผู้
สอนจะเป็ นผู้กำาหนดกรอบหรือหัวขูอใหญ่เพื่อใหูผเู้ รียนไดูบรรล้ตาม
วัตถ้ประสงค์การเรียนรูต ้ ามทีต่ งั ้ ไวู แลูวจึงใหูผเู้ รียนไปศึกษาแลูวเลือก
หัวขูอย่อยทีต ่ อ
ู งการจะศึกษาตามความสนใจของกล่ม ้ เพื่อทำาใหูผเู้ รียนไดู
เกิดแรงจ้งใจและม่ง้ มัน ่ ทีจ่ ะแสวงหาความรูด ้ วู ยตนเอง แลูวจึงเริม ่ ตูนดูวย
การทำาความเขูาใจเกีย ้ บบ PBL และกระบวนการ
่ วกับการจัดการเรียนรูแ
ทำา FILA ก่อนทีจ่ ะเขูาส่ก
้ ารเรียนรูด
้ วู ยการนำ าตนเอง
2. ขัน
้ ตอนการดำาเนิ นการจัดการเรียนรูท
้ ใ่ี ชูปัญหาเป็ นฐาน ดังต่อ
ไปนี้
้ ตอนที่ 1 การเขูาส่้ FILA PROCESS ดูวยวิธข
ขัน ี องลินดา วี (ผู้
เชีย
่ วชาญการจัดการเรียนรูท
้ ใ่ี ชูปัญหาเป็ นฐาน)
5

ขัน
้ ตอนแรกนี้ กล่ม
้ นั กศึกษาจะสำารวจปั ญหาทีผ
่ ส
ู้ อนหรือผูเ้ รียนเป็ น
ผูต
้ งั ้ ขึน
้ แลูวจึงช่วยกันระดมสมองเพื่อวิเคราะห์และรวบรวมขูอม้ลทีม ่ อ
ี ย่้
จากปั ญหาหรือสถานการณ์นำามาเขียนลงในตาราง FILA ทีป ่ ระกอบดูวย
F = Facts คือ ข้อเท็จจริง /ความจริง ที่มีอยู่ทัง้ หมดในโจทย์
ขัน
้ ตอนแรกนี้เป็ นส่วนที่สำาคัญในการระบ้ปัญหา(Identify
Problem) ใหูชัดเจนขึ้น
โดยการหาขูอม้ลที่เป็ นขูอเท็จจริง/ความจริงทัง้ หมดที่มีในโจทย์ ซึ่งผู้เรียน
จะไดูฝึกฝนทักษะในการแยกแยะขูอม้ลระหว่างขูอเท็จจริงกับขูอคิดเห็น
รวมไปถึงการไม่บิดเบือนขูอเท็จจริงโดยการสร้ปขูอม้ลที่คล้มเครือตาม
ความคิดเห็นหรือความเขูาใจของตัวเอง

I = Ideas/Assumptions คือ ข้อคิดเห็น/สมมุติฐาน ที่ผ้่เรียนมี


ตูอโจทย์
จากโจทย์ปัญหาทีไ่ ดูรบ
ั และจากขูอเท็จจริงทีไ่ ดูรวบรวมมา ผู้
เรียนในกล่ม
้ จะตูอง
ช่วยกันแสดงความคิดเห็น และนำ าไปส่ก ้ ารตัง้ สมม้ติฐานที่ใชูไขคำาตอบของ
ปั ญหา หรือใชูสรูางวิธีการแกูปัญหา (Solution) ของโจทย์

L = Learning Issues คือ ประเด็นที่กลูุมต้องการเรียนร้่


เมื่อไดูสมม้ตฐิ านแลูว ผูเ้ รียนตูองสำารวจว่า การจะพิสจ้ น์เพื่อ
ทำาการสร้ปความ
ถ้กตูองของสมม้ติฐานที่ไดูตัง้ ไวูนั้น จะตูองเรียนรู้ในเรื่องอะไรบูาง
A = Action Plans คือ
ขัน้ ตอนนีเ้ ป็ นการทำาแผนการดำาเนินงาน (Action Plans)
ก่อนทีส่ มาชิกในกล่ม ้ แต่ละ
คนจะไปเรียนรู้จริงตามหนู าที่ของตน ซึ่งวิธีการเรียนรู้ของแต่ละกล่้มอาจ
แตกต่างกัน ตัวอย่างวิธีการเรียนรู้ เช่น การสืบคูนขูอม้ล การทำาการ
ทดลอง การสอบถามจากผู้เชี่ยวชาญ เป็ นตูน
6

ในส่วนของรายวิชาทีผ ่ ส
ู้ อนใหูผเู้ รียนทำาโจทย์ปัญหาเดียวกันนั น
้ ผู้
เรียนจะตูองมีการแลกเปลี่ยน
ขูอม้ลระหว่างกล่้มตัง้ แต่การเขียนขูอเท็จจริง/ความจริง (F = Facts)
ขูอคิดเห็น/สมม้ติฐานที่ผู้เรียนมีต่อโจทย์ (I = Ideas/Assumptions)
ประเด็นที่กล่้มตูองการเรียนรู้ (L = Learning Issues) และแผนดำาเนิ น
งานในการแกูโจทย์ (Action Plans) โดยแต่ละกล่้มจะผลัดกันนำ าเสนอ สิ่ง
ที่นำาเสนออาจประกอบไปดูวยคำาตอบต่อโจทย์ปัญหา วิธีการคูนควูาหาคำา
ตอบ แนวคิด/ความคิดเห็นของกล่้มที่มีต่อโจทย์ และประเด็นอื่ นๆ ที่ น่า
สนใจ หลังจากนำ าเสนอแลูว ผู้ สอนและผู้ เรียนกล่้ มอื่ นจะแสดงความคิด
เห็น/ใหูขูอเสนอแนะต่อกล่้มที่นำาเสนอ

ตัวอย่างที่ 1 การทำา FILA Process ผ่านโจทย์ Mosquito Plant &


Dendrobium
7

ผลของการเรียนรู้ผ่านโจทย์ “Mosquito Plant & Dendrobiums” ดูวยวิธี


การ FILA และการนำ าเสนอขูอม้ลของผู้เรียน ดังนี้

ข้อเท็จจริง (Facts) ข้อคิดเห็น/สมมุติฐาน (Ideas/Assumption)


1. ต้นไม้ไล่ยุงถูกย้ายมาบ้านใหม่ท่ี 1. ผลของน้้าและอุณหภูมิ
กรุงเทพฯ 2. ไม่ได้รบ
ั แสงเพียงพอ
2. ซื้ อต้นไม้ไล่ยุงมาแล้ว 3 อาทิตย์ตาย 3. อาจจะต้องการสารอาหาร
8

เมื่อวานนี้ 4. ปั จจัยสิ่งแวดล้อมเนื่ องจากบ้านใหม่


3. รดน้้าทุกวัน ความชื้ น สารเคมี
4. อยู่ใต้หน้าต่างไม่ได้รบ
ั แสงแดด 5. รากถูกท้าลายเมื่อมีการเคลื่อนย้าย
โดยตรงแต่ความสว่างเพียงพอ 6. ช่วงชีวิตของพืชสั้น
5. ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านตอน 3 ทุ่ม 7. แมลง
6. เพื่อนให้กล้วยไม้มาเมื่อ 1 อาทิตย์
ประเด็นที่ต้องการเรียนร้้ (Learning แผนดำาเนิ นงาน (Action plans) ได้มีการ
issues) มอบหมายงานให้หาความรู้เรื่อง การดูแล
1. ต้นไม้ไล่ยุงและกล้วยไม้อยู่ในกลุ่ม ต้นไม้ไล่ยุงและกล้วยไม้ ด้วยค้นคว้าจาก
เดียวกันหรือไม่ อินเตอร์เน็ต/ การถาม/ หนั งสือ/ วีดีโอ/สื่อ
2. ต้นไม้ท้ ังสองชนิ ดมีความต้องการ สิ่งพิมพ์/ การเรียนรู้วิธีการประเมิน และ
ปั จจัยในการเจริญเติบโตเหมือนกันหรือ ศึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ
ไม่
3. อะไรที่ท้าให้เกิดโรคพืช

้ ตอนที่ 2 รวบรวมขูอม้ลดูวยวิธก
ขัน ี ารต่างๆ
หลังจากการทำา FILA Process แลูวสมาชิกในกล่ม
้ จะแยกยูายไป
หาขูอม้ลตามประเด็นทีต ู ง การเรียนรู้ (Learning Issues) ดูวยวิธก
่ อ ี าร
ดำาเนิ นงานในการแกูโจทย์ (Action Plans) ทีว่ างไวู
ขัน้ ตอนที่ 3 สังเคราะห์ขอ ู ม้ลหรือความรูท้ ไ่ี ดูมาใหม่
ขัน
้ ตอนนี้ สมาชิกในกล่ม ้ นำ าขูอม้ลหรือความรูท ้ ร่ี วบรวมมาไดูมา
ทำาการอภิปรายร่วมกัน โดยสมาชิกแต่ละคนจะนำ าขูอม้ลที่ตนรวบรวมมาไดู
นำ าเสนอกับเพื่อนๆ เพื่อช่วยกันพิจารณาและเชื่อมโยงขูอม้ลที่ไดูว่าเพียง
พอที่จะแกูปัญหาหรือไม่ ถูาไม่เพียงพอก็ตูองไปคูนควูาหาขูอม้ลเพิ่มเติม
จนกระทัง่ สามารถแกูปัญหาไดูแลูวจึงนำ ามาสร้ปเป็ นหลักการต่างๆ ที่ไดู
จากการศึกษาปั ญหานี้ ดูวยการเขียนรายงาน
ขัน ้ ตอนที่ 4 นำ าเสนอผลงาน
ผูเ้ รียนตูองรูจ้ ก
ั สะทูอนความคิด โดยการนำ าเสนอผลงานทีไ่ ดูใหูกบ ั
กล่ม้ อื่นๆ เพื่อไดูแลกเปลีย ่ นความรู้กับบ้คคลอื่นๆ และเมื่อผู้เรียนนำ า
9

เสนอผลงานแลูวผู้สอนจะตูองสร้ปภาพรวมของการเรียนรู้ในร้ปแบบแผน
่ วามคิด (Mind Map)
ทีค

3. วิธก ี ารประเมินผลการจัดการเรียนรูท ้ ใ่ี ชูปัญหาเป็ นฐาน


เนื่ องจากการจัดการเรียนรูท ้ ใ่ี ชูปัญหาเป็ นฐาน เป็ นวิธก ี ารเรียนการ
สอนทีส ่ ง่ เสริมการเรียนรูท
้ ผ
่ี เู้ รียนเป็ นศ้นย์กลางและพัฒนาความรูค ้ วาม
สามารถ และลักษณะนิ สย ั ดังนั น ้ จึงควรใชูวธ ิ ก
ี ารประเมินการเรียนรูแ ้ นว
ใหม่ทส ่ี อดคลูองกับการจัดประสบการณ์การเรียนรูท ้ เ่ี ปิ ดโอกาสใหูผเู้ รียนไดู
มีเลือก แสดงความรูค ้ วามสามารถ ความรูส ้ ก
ึ ทีผ ่ เู้ รียนมีและปฏิบต ั ไิ ดู ดัง
นั น
้ การประเมินผลดูวยการใชูแบบทดสอบอย่างเดียวจึงขาดความเหมาะสม
และไม่เพียงพอที่จะใชูเป็ นหลักฐาน แต่ตูองมีวิธีการวัดประเมินที่มีความ
หลากหลายสอดคลูองและเหมาะสมกับเนื้ อหาสาระ กระบวนการเรียนรู้
และสามารถดำาเนิ นการควบค่ไ้ ปกับการทำากิจกรรมการเรียนรูข้ องผูเ้ รียนทัง้
การประเมินความกูาวหนู าระหว่างเรียน (formation assessment) และ
้ ส้ดการเรียน (summative assessment) โดยตูองมีวิธี
ประเมินเมื่อสิน
การวางแผนการประเมินดังนี้
1. กำาหนดวัตถ้ประสงค์และเปู าหมายหลักในการประเมิน
ในการกำาหนดวัตถ้ประสงค์ตูองมีความชัดเจน ตัง้ แต่ขัน ้ การวางแผน
การจัดการเรียนรู้
้ บบ PBL
อันเป็ นการระบ้วา่ ผูเ้ รียนสามารถทำาอะไรไดูบาู งจากการเรียนรูแ
ซึง่ วัตถ้ประสงค์ทต ้ ตูองครอบคล้มจ้ดม่้งหมายทางการศึกษาทัง้ 3
่ี งั ้ ขึน
ดูาน คือ พ้ทธิพิสัย (Cognitive Domain) จิตพิสัย (Affective
Domain) และทักษะพิสย
ั (Psychomotor Domain)
2. กำาหนดผูใ้ หูขอ
ู ม้ลสารสนเทศหรือผูป
้ ระเมินทีจ่ ะตอบสนองต่อผู้
เรียน เช่น ผูเ้ รียน
ประเมินตนเอง เพื่อนประเมิน คร้อาจารย์ประเมิน ผูป ้ กครองประเมิน
เป็ นตูน
10

3. กำาหนดวิธก
ี ารประเมิน ดูวยวิธก
ี ารเลือกเครื่องมือในการประเมิน
ทีห
่ ลากหลายและมี
ความเหมาะสม โดยตูองสอดคลูองกับวัตถ้ประสงค์การเรียนรู้
สอดคลูองกับเกณฑ์และพฤติกรรมที่จะประเมิน เช่น

4. วิเคราะห์และสร้ปผล
หลังจากทีป่ ระเมินผลแลูว ผูส
้ อนจะตูองนำ ามาขูอม้ลมาวิเคราะห์และ
สร้ปเพือ
่ ปรับปร้งขูอบกพร่อง ของการจัดการเรียนรูแ ้ ละพัฒนาผูเ้ รียนใน
โอกาสต่อไป

ปัญหาเป็ นหลัก (Problem-


ตัวอย่างการดำาเนิ นงานการจัดการเรียนรูแบบใชู

based Learning)
จากการสำารวจในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลูาธนบ้รี พบว่า
คณาจารย์บางส่วนมีการจัดการเรียนรู้ท่ีใชูปัญหาเป็ นฐานในร้ปแบบที่แตก
ต่างกันไป จึงไดูมีการนำ าเอาขูอม้ลที่ไดูจากการสัมภาษณ์อาจารย์จากทั ้ง 2
คณะ คือ คณะคร้ศาสตร์อ้ตสาหกรรมและเทคโนโลยี คณะ
วิทยาศาสตร์มาเป็ นกรณี ตัวอย่าง
11

1. คณะคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี
คณะคร้ศาสตร์อ้ตสาหกรรมและเทคโนโลยีไดูมก
ี ารจัดการเรียนรู้ท่ีใชู
ปั ญหาเป็ นฐาน (Problem-based Learning) ในหลายวิชาแต่ในการ
สำารวจครัง้ นี้ นำ าเสนอตัวอย่างในวิชา Design Fundamental ซึ่งเป็ นวิชา
้ ปี ท่ี 1
ที่เกี่ยวกับการออกแบบ สำาหรับนั กศึกษาชัน

วิธีการจัดการเรียนการสอน
วิชานี้ไดูนำาร้ปแบบการจัดการเรียนที่ใชูปัญหาเป็ นฐาน มาใชู
ประมาณ 70% โดยอาจารย์ผู้สอนเริ่มตูนดูวยการใหูผู้เรียนไดูประสบ
ปั ญหาที่สำาคัญ ซึ่งคลูายคลึงกับปั ญหาที่ผู้เรียนตูองประสบจริงทางวิชาชีพ
ของตนในอนาคต โดยนำ าปั ญหามาเขียนเป็ นสถานการณ์ (scenario) เมื่อ
ผู้เรียนแต่ละกล่้มไดูรับปั ญหาไปแลูวจะระดมสมองไปศึกษา คูนควูา
หาความรูด ้ ูวยวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็ นการคูนควูาจากหนั งสือ
อินเตอร์เน็ต หาขูอม้ลจากผู้เชี่ยวชาญ ฯลฯ แลูวจึงนำ าขูอม้ลที่ไดูมาปรึกษา
ผู้สอนก่อนที่จะเริ่มลงมือปฏิบัติ ในระหว่างการสรูางสรรค์ผลงานผู้เรียน
จะตูองมาปรึกษาผู้สอนเป็ นระยะเพื่อที่จะรายงานความคืบหนู าหรือมี
ปั ญหาอย่างไรและหาแนวทางแกูไขไดูอย่างไร จนกว่าจะประสบความ
สำาเร็จ

วิธีการประเมินผล
ในการประเมินผลการเรียนในรายวิชานี้จะเป็ นหนู าที่ของผู้สอนซึ่ง
จะประเมินจากผลงานหรือชิน
้ งานไม่ใช่จากการสอบวัดความรู้

ผลที่เกิดขึน ้ กับตัวผู้เรียนเมื่อไดูรับการจัดการเรียนรู้ ที่ใชูปัญหาเป็ นฐาน


เมื่อมีการปรับเปลี่ยนร้ปแบบการจัดการเรียนการสอนในดูานความ
พึงพอใจ พบว่า ผู้เรียนมีความชื่นชอบวิธก ี ารเรียนในลักษณะเช่นนี้
เนื่ องจากการเรียนในร้ปแบบนี้มีโจทย์เป็ นตัวกระตู้นใหูผู้เรียนเกิดความ
ทูาทายอยากแกูปัญหาดูวยการตูองไปศึกษาหาความรู้เพื่อใหูไดูคำาตอบจน
สำาเร็จ แมูว่าแต่ละคนจะตูองแกูไขหลายครัง้ แต่ผู้เรียนก็ยังมีความม่้งมัน ่
พยายามแกูปัญหาใหูไดู
12

นอกจากนี้เมื่อเปรียบเทียบผู้เรียนที่ไดูรับการจัดการเรียนรู้ ที่ใชู
ปั ญหาเป็ นฐาน (Problem-based Learning)กับการจัดการเรียนรู้โดยใชู
คร้เป็ นฐาน (Teacher-based Learning) พบว่า มีความแตกต่างกัน
เนื่ องจากผู้เรียนที่ไดูรับการจัดการเรียนรู้โดยใชูคร้เป็ นฐานนั ้น ผู้เรียนจะ
นั่ งฟั งเฉยๆ แต่ถูาเป็ นการจัดการเรียนรู้ ที่ใชูปัญหาเป็ นฐานนั ้นผู้เรียน
ตูองมีการอภิปราย แสดงความคิดเห็น และตูองมีการทำางานเป็ นทีม

จุดเด่นและจุดดูอยของการจัดการเรียนรู้ ที่ใชูปัญหาเป็ นฐาน


จุดเด่น คือ ผู้เรียนไดูพบเจอปั ญหาที่คลูายกับที่ตูองประสบจริงใน
อนาคตมาเป็ นตัวกระตู้นใหูเกิดการเรียนรู้ ผู้เรียนอยากที่จะศึกษา
คูนควูาหาความรู้จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เรียนในแง่ของ
กระบวนการเรียนรู้
จุดดูอย คือ เนื่ องจากการใชู PBL กับบางรายวิชาที่มีจำานวน
นั กศึกษาลงทะเบียนเยอะก็อาจจะไม่เกิดผลกับตัวผู้เรียนมากนั กเพราะผู้
สอนไม่สามารถด้แลและใหูคำาปรึกษาไดูทัว่ ถึง เนื่ องจากบทบาทของ
อาจารย์ในการจัดการเรียนการสอนแบบ PBL นั ้นไม่ไดูเป็ นเพียงผู้สอนที่
ปู อนความรู้ใหูนักเรียนโดยตรงแต่ตูองเป็ นผู้กระตู้นใหูผู้เรียนคิดใคร่ครวญ
ตรึกตรองจนเกิดการเรียนรู้ เมื่อผู้เรียนไดูคำาตอบมาก็ตูองถามหาเหต้ผล
เพื่อฝึ กใหูผู้เรียนไดูเป็ นคนที่รจู้ ักใชูเหต้ผลเป็ นและด้แลความกูาวหนู าของ
ผู้เรียนอีกดูวย ฉะนั ้นจึงเป็ นงานหนั กสำาหรับตัวผู้สอนในรายวิชาที่มี
นั กศึกษาลงทะเบียนมาก

ปั ญหาและอุปสรรค
เนื่ องจากผู้เรียนส่วนใหญ่ยังติดกับค่านิ ยมการศึกษาในระบบเดิม ที่
เป็ นเพียงผู้รับและจดจำาความรู้ท่ีคร้เป็ นผู้ปูอนขูอม้ลใหูโดยตรงดูวยวิธีการ
บรรยายเป็ นส่วนใหญ่ ฉะนั ้นการที่มีปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการเรียนการ
สอนมาเป็ นแบบ PBL นั กศึกษาตูองมีส่วนร่วมในการเรียนมากขึ้นนั ้น
ผู้เรียนบางคนยังไม่เขูาใจและมีความคิดว่าคร้ทำาไมถึงไม่ปูอนขูอม้ลใหู จน
บางครัง้ ผู้สอนก็ตูองคอยชีน ้ ำ าใหูผู้เรียนคิดวิเคราะห์วา่ การเรียนในลักษณะ
นี้ ผู้เรียนไดูทำากิจกรรมอะไรบูางและมีบทบาทอย่างไร หลังจากนั ้ นก็ใหูผู้
เรียนไตร่ตรองว่าเมื่อทำาแลูวไดูฝึกทักษะหรือกระบวนการใดจากการเรียน
แบบ PBL ซึ่งผู้เรียนก็ไดูเขูาใจถึงประโยชน์ท่ีเกิดขึ้น
13

สิ่งที่ผู้สอนคาดหวังกับผู้เรียนที่ไดูรับการจัดการเรียนรู้ ที่ใชูปัญหาเป็ นฐาน


ในการจัดการเรียนรู้ ที่ใชูปัญหาเป็ นฐานนั ้นผู้สอนมีความคาดหวังว่า
นั กศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนจะไดูประสบการณ์ ฝึ กวิธก ี ารเรียนรู้ ความ
สามารถในการแกูปัญหา ความคิดริเริ่มสรูางสรรค์ ทักษะการสื่อสารและ
ทักษะการทำางานเป็ นทีม แลูวสามารถนำ าทักษะและกระบวนการต่างๆไป
ใชูในชีวิตประจำาวันหรือไปใชูในการประกอบวิชาชีพเมื่อเรียนจบ

2. คณะวิทยาศาสตร์
2.1 ภาควิชาจุลชีววิทยา
ภาควิชาจ้ลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ไดูมีการจัดการเรียน ที่ใชู
ปั ญหาเป็ นฐาน (Problem-based Learning) ในหลายวิชาจึงขอนำ าเสนอ
ตัวอย่าง คือ วิชา GENETIC เป็ นวิชาบังคับของภาควิชาที่นักศึกษาปี 3
ตูองเรียน

วิธีดำาเนิ นการ
เป็ นวิชาที่มีการนำ าเอาการจัดการเรียน ที่ใชูปัญหาเป็ นฐาน
(Problem-based Learning) ไปใชูประมาณ 60% เป็ นการสอนแบบใหู
ผูเ้ รียนวางแผน คิดวิเคราะห์ และอีก 40 % จะเป็ นการเรียนแบบ
Lecture โดยเริ่มแรกผู้สอนหรืออาจารย์เกื้อหน้น (facilitator) จะแจก
เอกสารที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับ PBL ที่ประกอบดูวยความหมาย วิธีการ
ประโยชน์ของการทำา PBL และความแตกต่างระหว่างการจัดการเรียนโดย
ใชูคร้เป็ นฐานกับการจัดการเรียนรู้ ที่ใชูปัญหาเป็ นฐานก่อน แลูวจึงชีแ ้ จง
กำาหนดการและระยะเวลาตลอดทัง้ ภาคเรียน
ในการเรียนผู้สอนจะใหูหวั ขูอการเรียนรู้สัน ้ ๆ หรืออาจเป็ นหัวขูอ
ใหญ่ในบทเรียน แลูวใหูผู้เรียนไปทำาการอ่านหนั งสือทัง้ หัวขูอใหญ่ก่อนที่
14

จะเลือกหัวขูอที่ตนเองสนใจมาตัง้ เป็ นปั ญหา เมื่อท้กคนไดูปัญหาที่ตนเอง


สนใจก็จะทำาการศึกษาคูนควูาอย่างลึกซึ้งมากขึ้นจากหนั งสือ อินเตอร์เน็ต
หรือแหล่งความรู้ต่างๆ จากนั ้ นจึงแบ่งผู้เรียนออกเป็ นกล่้มย่อย แต่ละ
กล่้มจะมีผู้เรียนประมาณ 5-6 คนทำาการประช้มคัดเลือกปั ญหามา 1
หัวขูอจากสมาชิกภายในกล่้ม โดยผู้เรียนแต่ละคนจะตูองอธิบายสิ่งที่ไป
ศึกษาและชักจ้งใหูเพื่อนเกิดความสนใจเลือกหัวขูอของตนเอง เมื่อไดู
ปั ญหาที่สมาชิกในกล่้มลงมติแลูวจึงนำ าไปปรึกษาผู้สอนก่อน แลูวทำาการ
ศึกษาในแต่ละหัวขูอหาขูอเท็จจริง (FACT) แลูวนำ ามาเขียนเป็ น
สถานการณ์ (scenario) แยกเป็ นประเด็น KNL (K: What you
know, N: What you need to know, L: Learning Issues)
โดยเราตูองศึกษาประเด็นที่กล่้มตูองการเรียนรู้ (L) ก่อนสอบกลางภาค
เรียนจะมีการจัดกิจกรรม Show & Share ที่ใหูแต่ละกล่้มนำ าเสนอ
หัวขูอที่สนใจเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ร่วมกัน

วิธีการประเมินผล
การวัดผลและประเมินผลในรายวิชานี้ เป็ นหนู าที่ของผู้สอนทัง้ ใน
ส่วนของกระบวนการและผลงาน ความรู้ และทักษะการทำางานดูานต่างๆ
ซึ่งผู้สอนมีการประเมิน 4 วิธี
1. การประเมินโดยใชูแฟู มสะสมงาน (Portfolio) ที่มีการ
รวบรวมและสรูางเอกสาร หลักฐานเกี่ยวกับผลงานซึ่งแสดงใหูเห็นความ
สามารถ จ้ดเด่น จ้ดดูอย ความสำาเร็จและพัฒนาการของผู้เรียน เป็ นสิ่งที่
บ่งบอกใหูทราบว่าผู้เรียนอย่้ตรงไหน ขัน
้ ไหนและกำาลังพัฒนาไปใน
ทิศทางใด
2. การประเมินจากการตอบขูอคำาถาม ในขณะที่แต่ละกล่้มไป
ปรึกษาผู้สอนก็จะมีการอภิปรายร่วมกันภายในกล่้ม ซึ่งแต่ละคนตูองมี
การนำ าเสนอแนวคิดของตนเองเพื่อผู้สอนจะไดูทราบความคิดของผู้เรียน
แต่ละคน
3. การนำ าเสนอผลงาน ทัง้ ภาคเรียนจะมีการนำ าเสนอผลงาน 2
ครัง้ คือ ก่อนสอบกลางภาคเรียนจะมีกิจกรรมที่เรียกว่า Show & Share
ซึ่งท้กกล่้มจะไดูนำาเสนอหัวขูอหรือประเด็นปั ญหาที่สนใจส่วนการนำ าเสนอ
15

ผลงานแบบ Full Presentation จะเป็ นช่วงสอบปลายภาคเรียนที่ใหูผล


การพิจารณาเป็ นผ่านกับไม่ผา่ น
ในการนำ าเสนอผลงานนั ้น สมาชิกของแต่ละกล่้มจะตูองนำ าเสนอใหู
ผู้ฟังรู้สึก อยากรู้ อยากติดตาม สนใจเนื้ อหา และร่วมอภิปรายกับกล่้ม
4. การประเมินจากการเขียนรายงาน เมื่อทำากิจกรรม Full
Presentation แลูวนั กศึกษาแต่ละคนตูองนำ าขูอม้ลที่รวบรวมตัง้ แต่การหา
้ ดำาเนิ นการ กิจกรรม Show & Share จนกระทัง่
หัวขูอที่ตนสนใจ ขัน
กิจกรรม Full Presentation มาหล่อหลอมเป็ นรายงานที่ถ่ายทอดภาษา
แสดงออกซึ่งความรู้ ความคิดและสิ่งที่ผู้เรียนปฏิบัติเป็ นลายลักษณ์อักษร
ใหูผู้สนใจอ่านแลูวเขูาใจตามความหมายที่ตูองการจะสื่อไดู

ผลที่เกิดขึน
้ กับตัวผู้เรียนเมื่อไดูรับการจัดการเรียนรู้ ที่ใชูปัญหาเป็ นฐาน
เนื่ องวิชา Genetic เป็ นวิชาบังคับที่มีการจัดการเรียนรู้ ที่ใชูปัญหา
เป็ นฐานนั ้น ผู้เรียนจะตูองมีความรับผิดชอบในการเรียนส้ง ตูองพึ่ง
ตนเองในการเรียนรู้ และทำาความเขูาใจเนื้ อหาที่เรียน ฉะนั ้นผลที่ตามมา
จึงมี 2 ดูาน คือ ผลดูานบวกเชิงสรูางสรรค์นั้น ผู้เรียนรู้สก ึ สน้กสนาน
จากการเรียนร้ปแบบใหม่ เพราะถูาเราจะเรียนรู้ส่ิงใดก็ตูองใชูปัญหาเป็ น
ตัวกำาหนด ทางดูานพฤติกรรมของผู้เรียนก็เกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น มี
ความเป็ นผู้ใหญ่มากขึ้น มีความมัน ่ ใจในตนเอง กลูาคิด กลูาแสดงออก
มีทักษะการทำางานเป็ นทีม ส่วนผลดูานลบที่ไม่สรูางสรรค์นั้นจะเกิดใน
ลักษณะที่ผู้เรียนไม่มีความมัน ่ ใจในตนเองว่าสามารถแกูปัญหาไดูหรือคิด
ว่าเนื้ อหาความรู้ท่ีไดูมาไม่ครบถูวน ทัง้ นี้ขึ้นอย่้กับว่าผู้เรียนที่เขูามามีพ้ืน
ฐานอย่างไร มีความสนใจกระบวนการเรียนรู้ท่ีตูองพยายามขวนขวาย
หาความรู้ วิธีการแกูปัญหาหรือยังติดกับค่านิ ยมที่คร้เป็ นผู้ถ่ายทอดความ
รู้ใหูโดยตรง

จุดเด่นและจุดดูอยของการจัดการเรียนรู้ ที่ใชูปัญหาเป็ นฐาน


จุดเด่น คือ การจัดการเรียนการสอนแบบ PBL ฝึ กใหูผู้เรียนคิด
เป็ น ทำาเป็ น แกูปัญหาเป็ น มีความพยายามไม่ย่อทูอต่ออ้ปสรรค กลูาโตู
แยูงและเปิ ดใจยอมรับความคิดเห็นของผู้อ่ ืน
16

จุดดูอย คือ การเรียนร้ปแบบนี้ นั กศึกษาตูองเรียนรู้จากแหล่ง


ความรู้ต่างๆ ดูวยตนเองซึ่งบางครัง้ ขูอม้ลที่ไดูมาอาจไม่ตรงประเด็นกับสิ่ง
ที่จะศึกษาทำาใหูตูองคูนควูาใหม่จึงตูองใชูเวลามากกว่าการที่คร้สอน
โดยตรง นอกจากการเรียนรู้ของผู้เรียนอาจไม่เป็ นระบบ ไม่รู้วา่ สิ่งสำาคัญ
และสิ่งใดไม่สำาคัญทำาใหูผู้เรียนสับสนไดู

ปั ญหาและอุปสรรค
การจัดการเรียนรู้แบบ PBL จะตูองมีทรัพยากรหรือแหล่งความรู้ท่ี
มากมายและหลายร้ปแบบแต่ทรัพยากรบางอย่างยังไม่เหมาะสมกับการ
จัดการเรียนรู้แบบนี้ เช่น หนั งสือหรือตำาราในหูองสม้ดค่อนขูางลูาสมัย
หรือสื่อ E-learning Center ก็ยังไม่เพียงพอที่จะสอนในรายวิชานี้

บทบาทอาจารย์และนั กศึกษาในการจัดการเรียนรู้ ที่ใชูปัญหาเป็ นฐาน


บทบาทของนั กศึกษาที่มีการจัดการเรียนแบบ PBL นั ้น ผู้เรียนจะมี
ความกระตือรือรูน เมื่อพบปั ญหาแลูวอยากที่จะลงมือแกูปัญหา ดูวยการ
ขวนขวายหาขูอม้ลจากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ แลูวนำ าขูอม้ลที่ไดูมา
วิเคราะห์เพื่อรวบรวมประเด็นที่เกี่ยวขูองมาแกูปัญหาจนสำาเร็จไดู
ส่วนบทบาทของอาจารย์ จะตูองปรับบทบาทจากการที่เป็ นฝ่ ายปู อน
ความรู้ใหูมาเป็ นอาจารย์ผู้เกื้อหน้น (facilitator) ที่เรียนรู้ร่วมไปกับผู้
เรียน ตูองมีค้ณสมบัติท่ีไม่แตกต่างจากผู้เรียนมากนั ก เมื่อเด็กไม่
สามารถแกูปัญหาไดูหรือทำาผิดพลาดหูามโทษหรือตำาหนิ ผู้เรียน แต่ตูอง
คอยช่วยเหลือและสรูางแรงจ้งใจไม่ใหูนักศึกษาลูมเลิกการแกูปัญหา

สิ่งที่ผู้สอนคาดหวังกับผู้เรียนที่ไดูรับการจัดการเรียนรู้ ที่ใชูปัญหาเป็ นฐาน


ผู้สอนม่้งหวังจะใหูผู้เรียนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปส่้ นั กศึกษาที่มี
ค้ณลักษณะที่พึงประสงค์ คือ คิดเป็ น ทำาเป็ น วิเคราะห์เป็ น ที่พรูอมจะ
กูาวไปส่ก ้ ารทำางานตามสายวิชาชีพในอนาคต
2.2 ภาควิชาฟิ สิกส์
จากการสำารวจมีผส
ู้ อนทีน ี ารจัดการเรียนการสอนแบบ PBL มา
่ ำ าวิธก
่ อนหลายท่าน จึงไดูนำากรณี ตัวอย่างที่มีการจัด PBL ใน
ใชูรายวิชาทีส
17

รายวิชา Principle of Instrumentation and Measurement สำาหรับ


นั กศึกษาปี ท่ี 4 มานำ าเสนอ
วิธีดำาเนิ นการ
การจัดการเรียนการสอนในรายวิชานี้เป็ นการเรียน PBL ที่ตูองทำา
FILA Process เริ่มตูนจากผู้สอนจะอธิบายกระบวนการทำา FILA
(F: Facts, I: Idea, L: Learning Issues, A: Action Plans)
แลูวจึงใหูผู้เรียนแบ่งกล่้มออกเป็ นกล่้มละ 9-10 คน พรูอมทัง้ ตัง้ ชื่อ
กล่้ม หลังจากนั ้นท้กคนร่วมกันระดมสมอง เพื่อหากฎเกณฑ์ในการเรียน
การสอนอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เวลาเขูาหูองเรียน 8.30-8.45 ปิ ด
โทรศัพท์ก่อนเขูาหูองเรียน ไม่นำาเอาอาหารเขูามารับประทานในหูองเรียน
ไม่ส่งเสียงดังรบกวนผู้อ่ ืน เป็ นตูน ในการเรียนผู้สอนจะเป็ นผู้ใหูโจทย์
ปั ญหา และใหูผู้เรียนไดูทำาตาราง FILA เพื่อแลกเปลี่ยนความรูก ้ ัน
ภายในกล่้ม หลังจากนั ้นจึงนำ าความรู้ท่ีกล่้มสร้ปมาแลกเปลี่ยนระหว่าง
กล่้ม ดูวยการนำ าเสนอผลงาน (present)

วิธีการประเมินผล
ในส่วนของการประเมินผลนั ้นในรายวิชานี้เป็ นหนู าที่ของผู้เรียน
แต่ละคนที่จะตูองประเมินเพื่อนหรือสมาชิกภายในกล่้มในดูานการมีสว่ น
ร่วมในการแกูปัญหาโจทย์ ตัง้ แต่การเริ่มการทำา FILA Process การ
ประช้ม ควมรับผิดชอบต่องานท้กงานที่ไดูรับมอบหมาย

ผลที่เกิดขึน
้ กับตัวผู้เรียนเมื่อไดูรับการจัดการเรียนรู้ ที่ใชูปัญหาเป็ นฐาน
ในการเรียนการสอนร้ปแบบใหม่ท่ีผู้เรียนจะเกิดการเรียนรู้ ไดูก็ต่อ
เมื่อมีการฝึ กเรียนรู้ดูวยตนเองจากการไปคูนควูาหาขูอม้ล อีกทั ้งยังไดูฝึก
ทักษะการวิเคราะห์ การคิดอย่างมีระบบ การทำางานเป็ นทีม การกลูา
แสดงออก การตรงต่อเวลา และการมีความรับผิดชอบ

ปั ญหาและอุปสรรค
18

เนื่ องจากเป็ นการเรียนร้ปแบบใหม่ท่ีผู้เรียนตูองเรียนรู้ดูวยตนเอง


ซึ่งในบางครัง้ ยังเรียนรู้ไม่เป็ นระบบ ไม่รู้วา่ สิ่งใดสำาคัญและไม่สำาคัญ ตูอง
ศึกษาขูอม้ลลึกขนาดไหนถึงจะแกูปัญหาไดู และปั ญหาที่เกิดจากการ
ประเมินกระบวนการเรียนรู้ เนื่ องจากผู้เรียนตูองประเมินเพื่อนในกล่้มเชิง
ค้ณภาพทัง้ ในดูานการมีส่วนร่วมในการแกูปัญหาและความรับผิดชอบ
ดูวยวิธีการจัดอันดับพฤติกรรมทางบวกที่ตูองการวัดของสมาชิกจากมาก
ที่ส้ดไปหานู อยที่สด ้ เช่น วัดว่าใครมีความเป็ นผู้นำามากที่ส้ดไปจนนู อย
ที่ส้ด จากการประเมินผลในลักษณะนี้ผู้เรียนโดยส่วนใหญ่ไม่เห็นดูวย
เนื่ องจากไม่กลูาที่ประเมินเพื่อนตามความเป็ นจริง จึงไดูปรับเปลี่ยนวิธีการ
ประเมินมาเป็ นเชิงปริมาณ เช่น ถูาท้กคนมาเขูาร่วมประช้มก็ใหูคะแนน
เท่ากันโดยไม่ไดูจัดอันดับว่าใครทำางานมากหรือนู อย

บทบาทอาจารย์และนั กศึกษาในการจัดการเรียนรู้ ที่ใชูปัญหาเป็ นฐาน


บทบาทของนั กศึกษาที่มีการจัดการเรียนแบบ PBL นั ้น ผู้เรียนจะมี
ความกระตือรือรูน เมื่อพบปั ญหาแลูวอยากที่จะลงมือแกูปัญหา ดูวยการ
ขวนขวายหาขูอม้ลจากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ แลูวนำ าขูอม้ลที่ไดูมา
วิเคราะห์เพื่อรวบรวมประเด็นที่เกี่ยวขูองมาแกูปัญหาจนสำาเร็จไดู
ส่วนบทบาทของอาจารย์ จะตูองปรับบทบาทจากการที่เป็ นฝ่ ายปู อน
ความรู้ใหูมาเป็ นอาจารย์ผู้เกื้อหน้น (facilitator) ที่เรียนรู้ร่วมไปกับผู้
เรียน ตูองมีค้ณสมบัติท่ีไม่แตกต่างจากผู้เรียนมากนั ก เมื่อเด็กไม่
สามารถแกูปัญหาไดูหรือทำาผิดพลาดหูามโทษหรือตำาหนิ ผู้เรียน แต่ตูอง
คอยช่วยเหลือและสรูางแรงจ้งใจไม่ใหูนักศึกษาลูมเลิกการแกูปัญหา

สิ่งที่ผู้สอนคาดหวังกับผู้เรียนที่ไดูรับการจัดการเรียนรู้ ที่ใชูปัญหาเป็ นฐาน


ผู้สอนม่้งหวังจะใหูผู้เรียนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปส่้ นั กศึกษาที่มี
ค้ณลักษณะที่พึงประสงค์ คือ คิดเป็ น ทำาเป็ น วิเคราะห์เป็ น และแกู
ปั ญหาเป็ น พรูอมจะกูาวไปส่ก ้ ารทำางานตามสายวิชาชีพในอนาคต

ความคิดเห็นของผู้เรียนที่ไดูรับการจัดการเรียนรู้ท่ีใชูปัญหาเป็ นฐาน
(Problem-based Learning)
19

จากการสอบถามความคิดเห็นของกล่ม ้ ตัวอย่างทีไ่ ดูรบ


ั การจัดการเรียนรู้
ทีใ่ ชูปัญหาเป็นฐาน (Problem-based Learning) จำานวน 65 คน โดยใชู
แบบสอบถามทัง้ แบบมาตราส่วนประมาณค่าและแบบขูอคำาถามปลายเปิ ด พบ
ว่า
 นั กศึกษารูอยละ 65 มีความคิดว่าการจัดการเรียนการสอนแบบ

PBL ทำาใหู
บรรยากาศในหูองเรียนมีความสน้กสนานค่อนขูางมาก
 นั กศึกษารูอยละ 65 มีความคิดว่าการจัดการเรียนการสอนแบบ PBL
ทำาใหูรส
ู้ ก

น่ าสนใจมากกว่าการเรียนแบบปกติ
 นั กศึกษารูอยละ 51 แสดงความคิดเห็นว่าโจทย์ปัญหาทีไ่ ดูรบ

โดยส่วนใหญ่มคี วาม
น่ าสนใจและทูาทายใหูอยากหาคำาตอบมาก
 นั กศึกษารูอยละ 91 แสดงความคิดเห็นว่าการจัดการเรียนการ

สอนแบบ PBL
กระตูน
้ ใหูผเู้ รียนสามารถนำ าเอาความรูท
้ ม
่ี อ
ี ย่ม
้ าแกูปัญหาใหม่ไดูมาก
 นั กศึกษารูอยละ 69 แสดงความคิดเห็นว่าการจัดการเรียน
การสอนแบบ PBL ทำา
ใหูไดูฝึกทักษะการทำางานเป็ นทีมค่อนขูางมาก
 นั กศึกษารูอยละ 75 แสดงความคิดเห็นว่าการประเมินผลทีใ่ ชู
มีความเหมาะสมกับ
การจัดการเรียนการสอนแบบ PBL
 นั กศึกษารูอยละ 71 มีความคิดว่าโจทย์ปัญหาเพียงหนึ่ งขูอ สามารถ
ทำาใหูเรียนรู้
ไดูหลากหลาย
ความคิดเห็นของนักศึกษาในเรือ
่ งความพึงพอใจทีไ่ ด้รบ
ั การจัดการเรียนร้ท
่ ใ่ี ช้
ปั ญหาเป็นฐาน พบว่า
นั กศึกษารูอยละ 83 รูส้ ก
ึ พึงพอใจกับร้ปแบบการจัดการเรียน
การสอน PBL เนื่ องจากโจทย์ปัญหานั น
้ เป็ นคำาถามทีท
่ าู ทายเพราะบ้รณา
20

การระหว่างศาสตร์ตา่ งๆ และชีวติ จริงเขูาดูวยกันสามารถกระตู้ นใหูผู้ เรียน


เกิดความสงสัยหรือความตูองการที่ จะแสวงหาความรู้ เพื่ อขจัดความ
สงสัยและร่วมกันคิดหาแนวทางแกูปัญหาจนทำาใหูเกิดการเรียนรู้ อย่างมี
ความหมาย สามารถพัฒนาทักษะกระบวนการต่างๆ อันเป็ นทักษะที่
จำาเป็ นต่อการดำารงชีวิต และเรียนรู้ ตลอดชีวิต
สิ่งที่นักศึกษาได้เรียนร้่จากการจัดการเรียนร้่ท่ีใช้ปัญหาเป็ นฐาน

ปั ญหาและอุปสรรคที่พบในระหว่างการจัดการเรียนรู้ท่ีใชูปัญหาเป็ นฐาน
เนื่ องจากผู้เรียนไม่คู้นเคยกับการจัดการเรียนรู้ท่ีใชูปัญหาเป็ นฐาน
บางครัง้ ไม่ค่อยเขูาใจถึงกระบวนการและขัน ้ ตอนในการเรียนทำาใหูเกิด
ความกดดันจึงตูองใชูเวลาในการปรับตัวมาก นอกจากนี้ขอ ู ม้ลทีห
่ าไดูไม่ตรง
กับทีต ่ อ
ู งการหรือเป็ นภาษาอังกฤษก็ตอ ู งนำ าไปปรึกษาอาจารย์เกื้อหน้นแต่
เนื่ องจากผู้สอนมีเพียงคนเดียวจึงค่อนขูางลำาบากกับการจัดการเรียนการ
สอน
แนวทางในการแกูปัญหาที่ท่านพบในระหว่างการจัดการเรียนรู้ท่ีใชูปัญหา
เป็ นฐาน
หลังจากที่ผู้เรียนประสบปั ญหาในระยะแรกจึงไดูหาแนวแกูไขโดยไดู
มีการวางแผนการทำางานอย่างรอบคอบและรู้จักจัดสรรเวลามากขึ้น
21
22

บรรณานุกรม

กิตติชัย ส้ทธาสิโนบล. โครงงาน : การจัดกระบวนการเรียนรู้สำาหรับ


เด็ก. ราชบ้รี :
ธรรมรักษ์ การพิมพ์ ; 2546.
ชาตรี เกิดธรรม. เทคนิ คการสอนแบบโครงงาน. กร้งเทพมหานคร :
ชมรมเด็ก ; 2547.
ทิศนา แขมมณี . ศาสตร์การสอน : องค์ความรูเ้ พื่อจัดกระบวนการเรียนรู้
ทีม
่ ป
ี ระสิทธิภาพ.
กร้งเทพมหานคร : จ้ฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ; 2548.
บ้ญเชิด ภิญโญอนั นตพงษ์ . เอกสารประกอบการเรียน วิชาวัดผล 401
การวัดประเมินการเรียนรู้
(การวัดประเมินแนวใหม่). กร้งเทพมหานคร : คณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ; 2547.
ลัดดา ภ่เ้ กียรติ. โครงงานเพื่อการเรียนรูห
้ ลักการและแนวทางการจัด
กิจกรรม. กร้งเทพมหานคร :
คณะคร้ศาสตร์ จ้ฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ; 2544.
สำานั กงานเลขาธิการสภาการศึกษา. การเรียนการสอนโดยผูเ้ รียนใชูการ
วิจย
ั เป็ นส่วนหนึ่ งของ
กระบวนการเรียนรู.้ กร้งเทพมหานคร : ค้รส
้ ภาลาดพรูาว ; 2548.
วราภรณ์ ตระก้ลสฤษดิ .์ การเรียนรูแ
้ บบโครงงาน. www.kmutt.ac.th.
23

วัลลี สัตยาศัย. การเรียนรูโ้ ดยใชูปัญหาเป็ นหลักร้ปแบบการเรียนรูโ้ ดยใชูผู้


เรียนเป็ นศ้นย์กลาง.
กร้งเทพมหานคร : บริษัท บุค
้ เน็ท ; 2547.
Barell , John. PBL and Inquiry Approach. Illinois : Skylight
Training and Publishing
Inc; 1998.
Cord , John B. Project-based Learning. New York :
Holt,Rinearth and Winston ;
1999.

You might also like