Professional Documents
Culture Documents
การศกึ ษาค้นคว้า
ตอนที่ 2
ึ ษาค้นคว้า
การศก
2
นักเรี ยนคงจะเคยได้ยนิ คำว่า “การเรี ยนรู ้ตลอดชีวิต” บ่อยๆ นัน่ เป็ นเพราะการเรี ยนรู ้
ตลอดชีวิตเป็ นเป้ าหมายในการพัฒนาคุณภาพของคน สำหรับสังคมไทยในอนาคต ดังปรากฏ
ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 ที่ได้ช้ ีให้เห็นความสำคัญของการ
ศึกษาที่นำไปสู่ การเรี ยนรู้ตลอดชีวิต ดังนี้ “การศึกษาเป็ นกระบวนการเรี ยนรู ้เพื่อ
ความเจริ ญงอกงามของบุคคลและสังคม โดยการถ่ายทอดความรู ้ การฝึ กฝน การอบรม
การสื บสานทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ การสร้าง
องค์ความรู ้อนั เกิดจากการจัดสภาพแวดล้อม สังคมการเรี ยนรู ้และปั จจัยเกื้อหนุนให้บุคคล
เรี ยนรู ้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต” จากคำกล่าวข้างต้นชี้ให้เห็นว่าการเรี ยนในระบบโรงเรี ยน
นั้นยังไม่เพียงพอเพราะสิ่ งแวดล้อมและสังคมมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังจะเห็นได้วา่
สังคมมนุษย์ได้กา้ วผ่านสังคมการเกษตร สังคมอุตสาหกรรม เข้าสู่ สงั คมข้อมูลข่าวสาร
(Information Society) หรื อสังคมการเรี ยนรู้ (Learning Society) หรื อสังคมบนพื้นฐานความรู ้
(Knowledge Based Society) ซึ่ งมีกระบวนการเรี ยนรู ้ที่หลากหลายที่เอื้อต่อการเรี ยนรู ้โดย
ไม่จ ำกัดเวลาและสถานที่ โดยเฉพาะอย่างยิง่ สารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศและ
การสื่ อสาร (Information and Communication Technologies - ICT) ได้กลายเป็ นเครื่ องมือ
สำคัญต่อการเรี ยนรู้ ดังนั้นผูท้ ี่จะอยูใ่ นสังคมได้อย่างมัน่ ใจ จึงจำเป็ นต้องมีความรู ้ความ
สามารถในการใช้เครื่ องมืออันจะนำไปสู่ การเรี ยนรู ้ตลอดชีวิตที่มีประสิ ทธิ ภาพ
ดังนั้นการเรี ยนรู้ในระบบโรงเรี ยน จากการได้รับการถ่ายทอดวิชาความรู ้จากครู ผู ้
สอน จึงยังไม่เพียงพอ นักเรี ยนจึงต้องมีการศึกษาค้นคว้า และแสวงหาความรู ้ต่างๆ เพิ่ม
เติมอยูเ่ สมอ และเพื่อให้นกั เรี ยนเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาค้นคว้า
นักเรี ยนจึงควรมีความรู้และความเข้าใจถึงความหมาย จุดมุ่งหมาย กระบวนการและทักษะ
ในการศึกษาค้นคว้าเสี ยก่อน
ึ ษาค้นคว้า
2.1 ความหมายของการศก
ึ ษาค้นคว้า
2.3 กระบวนการศก
การศึกษาอย่างมีประสิ ทธิภาพนั้น กระบวนการศึกษาค้นคว้าอย่างเป็ นระบบมีความ
สำคัญเป็ นอย่างยิง่ นัน่ คือนักเรี ยนจะต้องรู้จกั จัดระบบการเรี ยนของตนเอง โดย
การวางแผนการศึกษา การจัดการเวลาที่ใช้ในการศึกษาเพื่อให้บรรลุเป้ าหมายที่ตอ้ งการ
ด้วยการทำตารางเวลาเรี ยนอย่างละเอียด เพื่อเพิ่มประสิ ทธิ ภาพของการเรี ยน มีการเตรี ยม
ความพร้อมให้กบั ตนเองในด้านต่างๆ รู้จกั วิธีเรี ยนทั้งการเรี ยนในชั้นเรี ยนและการเรี ยน
ด้วยตนเองที่บา้ น และรู้จกั ใช้ประโยชน์จากแหล่งสารสนเทศต่างๆ อีกด้วย
กระบวนการศึกษาค้นคว้าจึงมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้
1. การวางแผนการศึกษา เป็ นสิ่ งสำคัญอย่างยิง่ สำหรับการศึกษา เปรี ยบเสมือน
พิมพ์เขียวของการศึกษา การสร้างบ้านจำเป็ นต้องมีการวางแผนและแบบแปลนหรื อ
พิมพ์เขียวของบ้านฉันท์ใด การศึกษาก็ยอ่ มต้องมีการวางแผนการศึกษาฉันท์น้ นั การ
วางแผนในการศึกษาจะทำให้นกั เรี ยนรู้จุดหมายปลายทางของการศึกษา ว่าจะประสบผลเช่น
ไร
การศึกษาที่มุ่งหวังคุณภาพ จำเป็ นอย่างยิง่ ที่จะต้องมีการวางแผนการศึกษาและมีการปฏิบตั ิ
ตามแผนที่ได้ก ำหนดไว้อย่างเคร่ งครัด จึงจะบรรลุเป้ าหมายที่ต้ งั ไว้ได้
การศึกษาที่ดีตอ้ งเริ่ มต้นด้วยเจตคติที่ดี มีความพยายามมุ่งมัน่ ในการเอาชนะอุปสรรค
ต่างๆ หลีกเลี่ยงสิ่ งที่ไม่เป็ นประโยชน์ต่อการศึกษา สิ่ งเหล่านี้จะช่วยให้นกั เรี ยนเกิด
4
2.4 ึ ษาค้นคว้า
ท ักษะในการศก
การคิด
การคิดเป็ นการทำงานของสมอง สมองของมนุษย์ มี 2 ซี ก คือ ซี กซ้ายและซี กขวา
ทำหน้าที่แตกต่างกัน โดยสมองซี กซ้าย ทำหน้าที่ควบคุมการใช้เหตุผล การคำนวณ ส่ วน
สมองซี กขวา ควบคุมความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์ จิตใจ โดยมีวิธีการคิด ดังนี้
- คิดให้เกิดสมาธิ หรื อการคิดอย่างเป็ นระบบ (Systematic Thinking)
- คิดให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking)
- คิดให้เกิดผลเชิงวิเคราะห์ (Analytical Thinking)
การศึกษาหาความรู้โดยการอ่าน การฟัง การถามและการเขียน หรื อบันทึกหัวข้อ
สำคัญและสรุ ปความต่าง ๆ ไว้เพื่อความเข้าใจ ผูท้ ี่จดบันทึกได้ดีตอ้ งเป็ นผูม้ ีวธิ ี อ่าน โดย
จับใจความ มีวธิ ีฟังที่ดีและใช้วิธีการซักถามที่ดีดว้ ย
การถาม
การซักถามเรื่ องที่สงสัยและต้องการข้อมูลเพิ่มเติม เป็ นการแสวงหาความรู ้ หลัง
จากการอ่านและการฟัง เพื่อช่วยให้เกิดความเข้าใจได้ชดั เจนขึ้น เพื่อให้เกิดความกระจ่าง
และความเข้าใจที่ถูกต้อง การไต่ถามควรคำนึงถึงกาลเทศะ และภาษาที่ใช้ถามด้วย
การเขียนหรือการจดบันทึก
การเขียนหรื อการจดบันทึก เป็ นการบันทึกข้อความเพื่อเตือนความจำเพื่อประโยชน์
ในการนำบันทึกนั้นมาทบทวนในภายหลัง ควรจดเฉพาะใจความสำคัญ เป็ นการจดสรุ ปความ
เพื่อความเข้าใจและป้ องกันการสับสนและการลืม การบันทึกหรื อการเขียน ประกอบด้วย
หัวข้อสำคัญ ข้อความสำคัญ และสรุ ปความ โดยจดเฉพาะใจความสำคัญ
นอกจากทักษะพื้นฐานที่จ ำเป็ นทั้ง 4 ประการข้างต้นแล้ว ยังมีทกั ษะซึ่ งผูเ้ รี ยนควร
ฝึ กฝนเพิ่มเติม คือ
1. ทักษะการวางแผนการศึกษา ซึ่ งได้แก่ การรู ้จกั ตัวเอง การกำหนดเป้ าหมายใน
การศึกษา การวางแผนการใช้เวลาในการศึกษา การจัดสภาพแวดล้อมของการเรี ยนและ
การสร้างนิสยั ในการเรี ยนที่ดี เป็ นต้น
7
สรุป
การเรี ยนรู้ (Learning) หมายถึง กระบวนการในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ที่เกิด
จาก ประสบการณ์ที่แต่ละบุคคลได้รับมา เป็ นพื้นฐานในการดำรงชีวิต กระบวนการเรี ยน
รู ้เป็ นกระบวนการที่มีความต่อเนื่องตั้งแต่เกิดจนกระทัง่ ตาย ในการตัดสิ นใจ แก้ปัญหา และ
หาคำตอบในเรื่ องใดเรื่ องหนึ่ง เราจำเป็ นต้องใช้สารสนเทศที่ทนั สมัย ถูกต้อง สมบูรณ์
ปั จจุบนั เป็ นยุคที่เทคโนโลยีเจริ ญรุ ดหน้าอย่างรวดเร็ วส่ งผลให้สารสนเทศทวีจ ำนวน
มากขึ้น ทำให้เกิดความจำเป็ นในการเลือกสรรสารสนเทศให้ตรงกับความต้องการ ตรงตาม
เวลาที่ตอ้ งการใช้เพื่อให้สารสนเทศนั้นเกิดประโยชน์สูงสุ ด ดังนั้นนักเรี ยนจึงต้องมี
ความเข้าใจ และมีทกั ษะในการค้นคว้า ตลอดจนการเลือกใช้แหล่งการเรี ยนรู ้ รู ้จกั เลือกใช้
เครื่ องมือช่วยค้นต่างๆ สามารถค้นหาสารสนเทศมาใช้ประโยชน์ได้ถูกต้องตรงกับ
ความต้องการ ทันเวลา ตลอดจนประเมินสารสนเทศที่ได้มาว่ามีคุณค่าเพียงใด