Professional Documents
Culture Documents
การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ในประเทศไทยยังพบปั ญหาด้าน
กระบวนการการจัดการเรียนรู้ที่ยังไม่บรรลุวัตถุประสงค์ตามหลักสูตรแกน
กลาง ที่เน้นทางด้านกระบวนการคิดและทักษะการแก้ปัญหา จากการรายงาน
ผลการประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล (Programme for
International Student Assessment หรือ PISA) ที่ริเริ่มโดยองค์การเพื่อ
ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic
Co-operation and Development หรือ OECD) มีวัตถุประสงค์เพื่อ
ประเมินคุณภาพของระบบการศึกษาในการเตรียมความพร้อมให้เยาวชนมี
ศักยภาพหรือความสามารถพื้นฐานที่จำเป็ นต่อการดำรงชีวิตในโลกที่มีการ
เปลี่ยนแปลง พบว่านักเรียนไทยมีคะแนนเฉลี่ยทัง้ สามด้าน (การอ่าน
คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์)
การจัดการศึกษาและการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 จึงไม่ใช่กระบวนการ
ถ่ายทอดความรู้ แต่คือการส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้กับผู้คน (สุวิ
ธิดา จรุงเกียรติกุล, 2561) จากการรายงานของภาคีพัฒนาทักษะศตวรรษที่
21 (The Partnership for 21st Century Learning, 2015) พบว่าทักษะที่
สาคัญสาหรับการเรียนรู้และนวัตกรรม ได้แก่ 1) การคิดแบบมีวิจารณญาณ
(Critical thinking) 2) การสร้างความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) 3) การ
สื่อสาร (Communication) 4) การทำงานร่วมกับผู้อ่ น
ื (Collaboration) โดย
ทัง้ 4 ทักษะนีจ
้ ะช่วยพัฒนาต่อยอดให้ทรัพยากรบุคคลมีทักษะในด้านการ
วางแผน การคิดอย่างเป็ นระบบ มีความคิดที่ยืดหยุ่น สามารถควบคุมวินัยใน
ตัวเองได้ เป็ นต้น ซึ่งทักษะดังกล่าวเป็ นทักษะที่จะเป็ นที่ต้องการในการทางาน
ในศตวรรษที่ 21
จากเหตุผลดังกล่าวผู้วิจัยจึงสนใจที่จะใช้กระบวนการจัดการเรียนการ
สอนแบบสะเต็มศึกษา (STEM Education) ในหัวข้อเรื่อง ปั จจัยที่มีผลต่อ
อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี ซึ่งเป็ นอีกรูปแบบการสอนที่มีความเหมาะสมและมี
ประสิทธิภาพเพื่อช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนมีทักษะความคิดสร้างสรรค์แก้ไข
ปั ญหาจากสถานการณ์ต่าง ๆ เป็ นประโยชน์ต่อตัวผู้เรียน รวมถึงสามารถที่จะ
์ างการเรียนของผู้เรียนได้ โดยการวิจัยในครัง้ นีม
ช่วยส่งเสริมผลสัมฤทธิท ้ ีจุด
ประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์ รายวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ
ของนักเรียนชัน
้ มัธยมศึกษาปี ที่ 5 เรื่องปั จจัยที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยา
เคมี ผ่านรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา ให้ผู้เรียนมีความรู้ความ
เข้าใจและพัฒนาสมรรถนะการคิดสร้างสรรค์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึน
้
1.4 ขอบเขตของการวิจัย
1.4.1 ตัวแปรที่ศึกษา
ตัวแปรต้น : การจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา (STEM
Education) เรื่อง ปั จจัยที่มี
ผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
ตัวแปรตาม : สมรรถนะการคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนชัน
้
มัธยมศึกษาปี ที่ 5/1
กําหนดกรอบสมรรถนะของความคิดสร้างสรรค์ 3 ด้าน
การจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา ใช้องค์ประกอบของกระบวนการ
ออกแบบเชิงวิศวกรรม 6 ขัน
้ ตอน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
3.การสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง
) เป็ นการสัมภาษณ์ที่ผู้วิจัยเตรียมคําถามกว้าง ๆ มาล่วงหน้าเพียงไม่กี่
คําถาม ส่วนคําถามที่เหลือจะเกิดขึน
้ ในระหว่างการสนทนากับนักเรียนด้วย
การซักถามและสร้างบรรยากาศในการสัมภาษณ์ให้คล้ายคลึงกับการพูดคุย
ธรรมดาในการวิจัยครัง้ นีผ
้ ู้วิจัยจะทําการสัมภาษณ์นักเรียนเป็ นกลุ่ม (Focus
Group Interview) ที่ทํางานร่วมกันเพื่อให้สมาชิกในกลุ่มได้สนทนา ถกหรือ
อภิปรายร่วมกัน
การเก็บรวบรวมข้อมูล
ในการวิจัยเชิงปฏิบัติการในชัน
้ เรียนครัง้ นีผ
้ ู้วิจัยจะดำเนินการตาม
วงจรปฏิบัติการ 4
ขัน
้ ตอน โดยมีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากการดำเนินการซ้ำ ๆ ตามวงจร
นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์วางแผน อภิปราย
3.5 การวิเคราะห์ข้อมูล
4 2) นำข้อมูลที่ได้จากการเก็บรวบรวมด้วยเครื่องมือที่ใช้ มาทำการวิเคราะห์
ตามกรอบการประเมินสมรรถนะการคิดสร้างสรรค์ผ่านการแก้ปัญหาอย่าง
สร้างสรรค์ตามแนวคิดของการประเมิน PISA 2021 (OECD, 2019) เพื่อ
สืบหาข้อบ่งชีข
้ องสมรรถนะการคิดสร้างสรรค์จากการจัดกิจกรรมการเรียน
รู้สะเต็มศึกษาดังแสดงในตารางที่ 1