Professional Documents
Culture Documents
377 วรรณกรรมการแสดงของไทย
ระบำ
ดาวดึงส์
กลุ่มที่ 2
น.ส.นันทพร จารุจันทร์ 6306611135
น.ส.โชติรส เลือกถือ 6306680601
ที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=8gTDF2zYc_A&list
-ปี่ พาทย์ทำเพลงเหาะ-รัว-
-ร้องเพลงตะเขิ่ง-
ดาวดึงส์เทวโลกมโหฬาร เป็นที่อยู่สำราญฤทัยหรรษ์
สารพัดงามจริงทุกสิ่งอัน สารพันอุดมสมใจปอง
บทประกอบ เทพบุตรผุดพรรณโฉมยง
นางอัปสรงอนสงวนนวลละออง
งามทรงอาภรณ์ไม่มีหมอง
งามทรงเครื่องทองและเพชรนิล
การแสดง
-ร้องเพลงเจ้าเซ็น-
บทประกอบ
เทียมด้วยสินธพเทพบุตร ทั้งสี่บริสุทธิ์ดั่งสีสังข์
มาตลีอาจขี่ขับประดัง ให้รีบรุดสุดกำลังดังลมพา
มายาคติเกี่ยวกับสังคมในส่วนของความเชื่อเกี่ยวกับอำนาจและผู้มีอำนาจรวมถึงความสำคัญของสถานะ
***ดังที่พระอินทร์ร้อนอาสน์ต้องลงมาช่วยเจ้าเงาะไม่ให้ถูกประหาร โดนท้าตีคลีพนันเอาเมืองกับท้าวสามนต์
ประวัติความเป็นมา
ระบำดาวดึงส์ เป็นระบำมาตรฐานชุดหนึ่ง
อยู่ในละครดึกดำบรรพ์ เรื่องสังข์ทอง ตอนตีคลี
เกิดขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระนิพนธ์บทร้องโดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
ประดิษฐ์ท่ารำและการแปรแถวโดยหม่อมเข็ม กุญชร ณ อยุธยา
ระบำชุดนี้สร้างสรรค์รูปแบบท่ารำขึ้นใหม่ แตกต่างจากท่ารำแบบเดิม คือ ไม่เน้นการ
ตีความหมายตามบทร้อง แต่ใช้กระบวนท่ารำที่สอดคล้องกับจังหวะและทำนองเพลง
ต่อมาการแสดงชุดนี้ได้นำมาจัดเป็นชุดเอกเทศ จึงนำออก
ด้วยเพลงเหาะ และรำตามเนื้อร้องในเพลงตะเขิ่ง เพลงเจ้าเซ็น
แล้วจบท้ายด้วยเพลงรัว นับเป็นระบำชุดหนึ่งที่ได้ปรับปรุงทาง
ดนตรี และทางรำให้ได้กะทัดรัด
ในฉากมีพระอินทร์กับพระมเหสีประทับอยู่บนแท่น พระวิษณุกรรม
และพระมาตุลี นั่งอยู่ชั้นลดสองข้าง พวกคนธรรพ์ประจำเครื่อง
ดนตรีอยู่ด้านหน้า เหล่าเทวดานางฟ้าเข้านั่งเฝ้าสองข้าง
เริ่มเปิดฉากเหล่าเทวดานางฟ้าก็จับระบำถวาย
รูปแบบและลักษณะการแสดง
เป็นการรำของเหล่าเทวดานางฟ้า
ลักษณะท่ารำที่สำคัญ คือ ท่ารำจะไม่มีความหมายตรงกับเนื้อร้อง แต่จะเป็นท่ารำที่มีความ
สอดคล้องกลมกลืนกันตลอดทั้งเพลง
ข้อสังเกตอีกประการหนึ่ง คือ ท่ารำบางท่าได้ปรับปรุงเลียนแบบท่าเต้นในพิธีแขกเจ้าเซ็น
ได้แก่ การใช้ท่ารำยกมือขึ้นประสานไขว้กันไว้ที่อก และขยับฝ่ามือตบอกเบา ๆ ตามจังหวะ
พร้อมการเคลื่อนเท้าไปด้วย โดยเลียนแบบมาจากการเต้นทุบอกในพิธีเต้นเซ็นของชน
นับถือลัทธิศาสนาอิสลาม และปรับท่าทางให้ดูนุ่มนวลอ่อนช้อยไปตามหลักนาฏศิลป์ไทย
ดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดง
ใช้วงปี่ พาทย์ดึกดำบรรพ์ ซึ่งสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรง
ปรับปรุงแตกต่างจากวงปี่ พาทย์เครื่องคู่และเครื่องใหญ่ คือ ลดเครื่องดนตรีบางชิ้น
ให้มีเสียงทุ้มนุ่มนวล
แปลว่า “เทพบุตรผุดพร
รณโฉมยง
ทอง งามทรงอาภร
ณ์ไม่มีหมอง
นางอัปสรงอน
สงวนนวลละอ
งามทรงเครื่อ อง
งทองและเพช
รนิล”
การใช้คำคล้องจอง การใช้คำสื่อผัสสะ
ก่อให้เกิดจินตภาพผ่านการมองเห็นทางตา
เล่นเสียงสัมผัสสระ
เช่น
"สมเด็จพระอัมรินทร์ปิ่ นมงกุฎ ทรงวชิราวุธธนูศิลป์
“อันอินทรปราสาททั้งสาม ทรงงามสูงเงื้อมกลางเวหา”
รักษาเทวสีมาเป็นอาจิณ อสุรินทร์อรีไม่บีฑา"
หรือ “ช่อฟ้าช้อยเฟื้ อยเฉี่อยชด”
หรือ “แอกงอนอ่อนสลวยชวยชด
เล่นเสียงสัมผัสพยัญชนะ
เครือขดช่อตั้งบัลลังก์ลอย”
“ใบระกาแกมแก้วประกอบกันD G E หรือ “ดุมพราววาววับประดับพลอย
ช่อฟ้าช้อยเฟื้ อยเฉื่อยชด”
แปรกแก้วกาบช้อยสะบัดบัง”
หรือ “รายรูปสิงห์อัดหยัดยัน”
การใช้ภาพพจน์
อุปมา
“เทียมด้วยสินธพเทพบุตร ทั้งสี่บริสุทธิ์ดั่งสีสังข์
มาตลีอาจขี่ขับประดัง ให้รีบรุดสุดกำลังดังลมพา”
ตำแหน่งแรก เปรียบสินธพเทพบุตรทั้งสี่ที่มีสีกายขาวบริสุทธิ์เหมือนกับสีขาวผ่องของหอยสังข์
โดยใช้คำเปรียบว่า “ดั่ง”
ตำแหน่งที่สอง เปรียบการเทียมม้าของมาตลีหรือมาตุลี สารถีของพระอินทร์ผู้เทียมม้าสินธพ
เทพบุตรทั้งสี่ไปด้วยความเร็วเหมือนกับลมพาไป โดยใช้คำเปรียบว่า “ดัง”
ความสอดคล้องของ
เนื้อหากับฉันทลักษณ์
เนื้อร้องพรรณนาถึงความงดงามความโอฬารของสวรรค์ชั้น
ดาวดึงส์ และความมโหฬารตระการตาในทิพย์สมบัติของพระอินทร์
ตลอดจนความงดงามของเหล่าเทวดานางฟ้าในสรวงสวรรค์
เพลงตะเขิ่ง บรรยายถึงความงามของเหล่านางฟ้าและเทวดาบนสวรรค์ดาวดึงส์
และเป็นเพลงที่แต่งขึ้นมาโดยเฉพาะ
02
เพลงที่แต่งขึ้นเพื่อใช้ขับร้องประกอบการแสดงละครหรือโขนเรื่องสังข์
ทอง ตอนตีคลี โดยเฉพาะ ใช้บรรเลงเมื่อต้องการบรรยายถึงความ
งดงามอลังการในวิมานที่ประทับของพระอินทร์
เจ้าเซ็น ที่บรรยายถึงความงดงามอลังการในวิมานที่ประทับของพระอินทร์
และเป็นเพลงที่แต่งขึ้นมาประกอบการแสดงโดยเฉพาะ เช่นเดียวกับ
เพลงตะเขิ่ง
03
ชื่อเพลงไทยประเภทเพลงหน้าพาทย์ หมายถึง เพลงประเภทที่ใช้
บรรเลงในการแสดงกิริยาอาการเคลื่อนไหวของตัวโขนละคร หรือ
สำหรับอัญเชิญเทพเจ้า ฤๅษี หรือบูรพาจารย์ ให้มาร่วมชุมนุมในพิธี
ไหว้ครูหรือพิธีมงคลต่าง ๆ (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน,
2554) ซึ่งจะไม่มีการขับร้อง โดยเพลงจะใช้บรรเลงเมื่อการ
เพลงรัว
เปลี่ยนแปลงสิ่งใดสิ่งหนึ่งในการแสดงโขนละคร และใช้บรรเลงต่อ
ท้ายเพลงหน้าพาทย์ที่แสดงผลสำเร็จของพิธีการหรือพิธีกรรมนั้น ๆ
มีความสำคัญ คือ ใช้บรรเลงประกอบกิริยาแสดงอิทธิฤทธิ์ของตัว
ละครสูงศักดิ์
04
อารมณ์เพลงจะมีลักษณะตื่นเต้น เร้าอารมณ์
มีความสอดคล้องกับบทประพันธ์ เนื่องจากมีการบรรเลงเพลงรัวใน
ขณะที่การแสดงใกล้จะจบลงหลังจากที่ได้บรรยายถึงความงดงาม
ของทิพย์สมบัติต่าง ๆ ของ พระอินทร์สำเร็จแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเหล่า
บริวาร เทพบุตร นางฟ้า ปราสาทราชวัง หรือราชรถ เป็นต้น
ขอบคุณค่ะ
กลุ่ม 2 ปังปุรีเย้ !