You are on page 1of 48

1

บทที่ 1

บทนำ

ที่มาและความสำคัญ
ปั จจุบันภาพตามนิตยสาร วารสาร หรือในระบบอินเทอร์เน็ต
มีมากมายและหลากหลาย แต่การนำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
ของความเป็ นนักเรียนยังไม่หลากหลาย ส่วนใหญ่ดูเพื่อความ
เพลิดเพลิน ใช้ประดับตกแต่งห้อง บางภาพมีความสวยงามและเป็ นที่
ต้องการของกลุ่มวัยรุ่นแต่นำมาใช้ประโยชน์ได้ไม่มาก เพราะความ
จำกัดคือภาพนัน
้ อยู่บนกระดาษ ถ้าหากอยู่บนผ้าก็จะสามารถประดับ
ตกแต่งเสื้อผ้าได้
ในธุรกิจอุตสาหกรรมสิ่งทอทัง้ ขนาดใหญ่ ขนาดกลาง
และขนาดเล็ก รวมถึงผู้ผลิตเสื้อรายย่อย มีการแข่งขันกันสูง การนำ
เทคโนโลยีและเครื่องจักรอันทันสมัยมาใช้ในกระบวนการผลิตสินค้า
และบริการ เพื่อลดต้นทุนและเวลาในการผลิต กระบวนการทาง
อุตสาหกรรมนัน
้ มีความจำ
เป็ นอย่างยิ่ง  โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีระดับดิจิตอลในระบบ
เครื่องพิมพ์แนวราบได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและนำมาใช้กันอย่าง
แพร่หลายในธุรกิจสิ่งพิมพ์กระดาษ หรือพิมพ์สกรีนรูปถ่ายต่างๆ เพื่อ
ความรวดเร็วและประสิทธิภาพในด้านการพิมพ์เพื่อลดระยะเวลาใน
การผลิต จึงทำให้สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางการค้า และ
ตอบสนองความพึงพอใจให้มีขน
ึ ้ กับลูกค้าได้มากที่สุด เครื่องปริ๊น
สกรีนเสื้อ พิมพ์เสื้อยืด และการพิมพ์สกรีนวัสดุแนวราบ ใน
2

ประเทศไทยในอดีตยังไม่เป็ นที่ร้จ
ู ักกันอย่างแพร่หลายลงสู่ผผ
ู้ ลิตขนาด
กลางและขนาดย่อม มีผู้ผลิตในระดับอุตสาหกรรมเท่านัน
้ ที่นำ
เทคโนโลยีมาใช้ในการผลิตสิ่งพิมพ์สิ่งทอพานิชย์ เพื่อการจำหน่ายทัง้
ในประเทศและในต่างประเทศ โดยส่วนใหญ่ผู้ผลิตรายย่อยเพียงนำ
เทคโนโลยีการสกรีนภาพลงเสื้อหรือสิ่งทอหรือวัสดุที่ต้องการ
(http://www.wanthip.net/store/)
จากที่กล่าวมาไม่มีข้อมูลเปิ ดเผยถึงกระบวนการปริน
้ สกรีนเสื้อ
สูตรน้ำยาต่างๆ หรือเทคนิคอย่างง่ายในการสกรีนเสื้อสำหรับผู้บริโภค
ระดับย่อย คณะผู้จัดทำโครงงานจึงคิดว่าหากสามารถลอกภาพที่เรา
ต้องการที่อยู่บนกระดาษลงบนผ้าขาวได้เองโดยที่ไม่ต้องใช้ระบบปริ๊น
สกรีนเสื้อ พิมพ์เสื้อยืด หรือการสกรีนเสื้ออย่างระบบธุรกิจ ก็จะ
สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการเรียนการสอนได้มาก โดยเฉพาะวิชา
ศิลปะซึ่งเดิมจะระบายสีภาพบนกระดาษ แต่ถ้าระบายสีภาพลงบนผ้า
ก็จะได้ฝึกทักษะทางศิลปะได้มากขึน
้ รวมทัง้ ได้ภาพสวยๆตกแต่งลง
บนเสื้อตัวโปรด ดังนัน
้ ผู้จัดทำโครงงานจึงได้ร่วมกันทำโครงงานเรื่อง
“น้ำยาลอกภาพอย่างง่าย”

วัตถุประสงค์ของโครงงาน
1. เพื่อทดลองหาอัตราส่วนที่เหมาะสมในการทำน้ำยาลอก
ภาพ
2. เพื่อทำน้ำยาลอกภาพอย่างง่าย

สมมติฐานของของโครงงาน
น้ำมันสน ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาว เมื่อผสมกันในอัตราส่วนที่
เหมาะสมสามารถ ลอกภาพจากกระดาษลงบนผ้าได้
3

ตัวแปรที่เกี่ยวข้อง
1. ตัวแปรต้น คือ อัตราส่วนระหว่างน้ำมันสนกับ
ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาว
2. ตัวแปรตาม คือ น้ำยาลอกภาพที่สามารถลอกภาพได้ดี
3. ตัวแปรควบคุม คือ ชนิดของผ้าขาว แหล่งที่มาของ
ภาพ

ขอบเขตของการศึกษา
1. ภาพ ได้จากการพิมพ์มาจากคอมพิวเตอร์โดยใช้เครื่องปริน

แบบอิงค์เจทและเครื่องปริน
้ แบบเลเซอร์
2. ผ้าที่ใช้ ใช้ผ้าสีขาวเท่านัน
้ เพราะผ้าสีขาวทำให้เห็นภาพเด่น
ชัดกว่าสีอ่ น
ื ๆ
3. ในการทดลองมุ่งศึกษาเฉพาะอัตราส่วนระหว่างน้ำมันสน
กับผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาวชนิดอ่อนโยน

นิยามศัพท์เฉพาะ
น้ำยาลอกภาพอย่างง่าย หมายถึง น้ำยาที่เกิดจากการผสม
กันระหว่างน้ำมันสนกับผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาวในอัตราส่วนที่เหมาะสม
และสามารถลอกภาพจากกระดาษลงบนผ้าได้
อัตราส่วนที่เหมาะสม หมายถึง อัตราส่วนของน้ำมันสนกับ
ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาว ที่ใช้ลอกภาพจากระดาษลงบนผ้าแล้วได้ภาพที่
ชัดเขน
น้ำมันสน หมายถึง น้ำมันระเหยง่ายที่ได้จากการกลั่นยางสน
การกลั่นยางสนจะแยกได้เป็ นชันสนและน้ำมันสน
4

ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาว หมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติในการ


ขจัดคราบเปื้ อนและฟอกผ้าขาว  และยังมีฤทธิใ์ นการฆ่าเชื้อได้ด้วย 
ภาพจากเครื่องปริน
้ เลเซอร์ หมายถึง รูปภาพที่ได้จากการ
สั่งพิมพ์โดยเครื่องปริน
้ ที่ใช้หมึกแบบผง
ภาพจากเครื่องปริน
้ อิงค์เจท หมายถึง รูปภาพที่ได้จากการ
สั่งพิมพ์โดยเครื่องปริน
้ ที่ใช้หมึกแบบน้ำหมึก ซึ่งมีส่วนผสมหลักคือน้ำ
ประโยชน์ของโครงงาน
1. ได้อัตราส่วนที่เหมาะสมในการทำน้ำยาลอกภาพอย่าง่าย
2. ได้น้ำยาลอกภาพอย่างง่าย
3. นักเรียนที่ทำโครงงานได้ใช้ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์ที่เรียนมาปฏิบัติจริง รู้จักการทำงานเป็ นทีม ใช้
เวลาว่างให้เกิดประโยชน์

บทที่ 2
5

เอกสารที่เกี่ยวข้อง

จากการทำโครงงานเรื่อง “น้ำยาลอกภาพอย่างง่าย ” ซึ่งจุดมุ่ง


หมายเพื่อทดลองหาอัตราส่วนที่เหมาะสมในการทำน้ำยาลอกภาพ
และเพื่อทำน้ำยาลอกภาพอย่างง่าย คณะผู้ทำโครงงานได้ศึกษา
เอกสารที่เกี่ยวข้องดังนี ้
1. น้ำมันสน
2. ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาว        
3. ประโยชน์อ่ น
ื ๆ ของผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาว
4. วิธีป้องกันผ้าสีตก
5. ประเภทของหมึกปริน

6. การลอกภาพ

1. น้ำมันสน (Turpentine)

ภาพ 1 น้ำมันสน
น้ำมันสน เป็ นสารซึง่ เกิดจากการสกัดจากต้นสน โดยเป็ น
สารประกอบพวกไฮโดรคาร์บอน น้ำมันสนมักจะได้รับการนำไปใช้ใน
การผสมสีน้ำมัน เรียกว่าเป็ นสิ่งจำเป็ นของช่างทาสี ช่างเขียนภาพ
6

น้ำมันระเหยง่ายที่ได้จากการกลั่นยางสนเขา น้ำมันสนมีลักษณะที่
โปร่งใส เกือบเป็ นของเหลวไม่มีสี หรือมีสีน้ำเล็กน้อย
การใช้งาน ใช้ผสมสีเคลือบเงา สีเคลือบด้าน สีรองพื้น กัน
สนิม สีรองพื้นไม้ กันเชื้อรา และล้างคราบหมึกบางชนิด เป็ นน้ำมันให้
ความเงางาม
ส่วนประกอบ เป็ นสารประกอบพวก อะลิฟาติก
ไฮโดรคาร์บอน
วิธีการเก็บรักษา เป็ นสารไวไฟ ควรเก็บในที่ที่อากาศถ่ายเท
ได้สะดวก ห่างจากความร้อนและเปลวไฟ ปิ ดภาชนะให้สนิทหลังการ
ใช้ทุกครัง้
อันตรายจากการกิน  หากสัตว์กินน้ำมันสนเข้าไปแล้ว อันนี ้
ถือว่าอันตรายมากที่สุด 
ขนาดที่เป็ นพิษต่อสุนัขและแมวคือ 1 - 2.5 มิลลิลิตรต่อน้ำหนักตัวหนึ่ง
กิโลกรัม  ซึ่งมันจะถูกดูดซึมเข้าทางลำไส้ได้ไวมาก และสำหรับแมวแล้ว
ยิ่งอันตรายมาก เพราะอาการพิษจะปรากฏไวและรุนแรงมากกว่าสุนัข
อย่างมากเช่นกัน 
อาการพิษจากน้ำมันสน  เริ่มต้นสัตว์จะมีอาการ  อาเจียน
น้ำลายไหล จากนัน
้ เริ่มมีอาการทรงตัวไม่ได้ เดินปั ด  อ่อนแรงคล้ายคน
เมา เมื่ออาการพิษรุนแรงขึน
้ สัตว์จะเริ่มมีอาการซึม  ไม่ได้สติ ชีพจรเต้น
เบาลง  ปั สสาวะมีสีอมแดง และเกิดปั ญหาไตวายเฉียบพลันตามมา  
อันตรายจากการสัมผัสทางผิวหนัง  การสัมผัสโดนที่ผิวหนัง
หรือเนื้อเยื่ออ่อน อย่างเช่น หนังตาหรือเหงือก เหล่านีจ
้ ะทำให้สัตว์เกิด
ความรู้สึกแสบร้อน  ระคายที่ผิวหนัง  ผิวหนังจะเปลี่ยนสีเป็ นสีแดง  
สัตว์จะมีอาการเลียตัว ทำให้เกิดปั ญหาการกลืนกินเอาน้ำมันสนลงไป
ในทางเดินอาหารตามมาอีก  จึงอาจจะนำไปสู่การเกิดพิษถึง 2 ทาง  
7

หากผิวหนังของสัตว์เลอะน้ำมันสน  ให้ใช้น้ำสะอาดล้างผิวหนังออกให้
ได้มากที่สุดก่อน ล้างจนออกให้หมด  เมื่อสะอาดแล้วจึงใช้แชมพูล้าง
ตัวให้สัตว์อีกครัง้    อาการพิษจากการสูดดมเอากลิ่นน้ำมันสน ต้องรีบ
พาสุนัขหรือแมวออกจากบริเวณดังกล่าวก่อน จากนัน
้ ต้องรีบพาสุนัข
ไปพบสัตวแพทย์เพื่อได้รับการให้ออกซิเจนอย่างเต็มที่  
สัตว์จะได้หายใจขับถ้าสารพิษออกมาได้
การแก้ไขพิษ ในกรณีที่สัตว์กินเข้าไปต้องรีบช่วยเหลือ ใน
ระยะเวลาไม่เกิน 10 -15 นาทีหลังที่กินเข้าไปสัตว์ต้องได้รับการช่วย
เหลือก่อนทันที   ถ้าเห็นสัตว์เลีย
้ งกินเข้าไปแล้วต้องช่วยกันทันทีดี
ที่สุด   การช่วยเหลือต้องระวังมากคือการทำให้สัตว์อาเจียน   เพราะ
ถ้าอาเจียนแล้วเกิดปั ญหาสำลักเอาน้ำมันสนไหลเข้าไปในปอดจะโชค
ร้ายมาก  เพราะน้ำมันสนมันหนืดมันจะติดเข้าไปในปอดทำให้เกิด
อาการปอดอักเสบอย่างรุนแรงตามมาอีก  ดังนัน
้ การช่วยเหลือคือ
การทำให้น้ำมันสนไม่สามารถดูดซึมเข้าไปในร่างกายได้โดยการป้ อน
สารที่ช่วยเจือจางพิษ  เช่น  น้ำนม ไข่ขาว   ถ้าไม่มีก็ต้องใช้น้ำ
สะอาด   และสิ่งที่ขาดไม่ได้ (
http://www.jabchai.com/main.joke.)

2. ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาว        
นอกไปจากผงซักฟอก   หนึ่งในบรรดาผลิตภัณฑ์ทำความ
สะอาดเสื้อผ้า  ที่เหล่าคุณแม่บ้านทัง้ หลายน่าจะคุ้นเคยกันเป็ นอย่างดี
ก็คงจะหนีไม่พ้น “ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาว” หลาย ๆ ท่านคงจะเคยใช้
ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาวร่วมกับผงซักฟอก เพื่อเพิ่มพลังขจัดคราบสกปรก
ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็ นคราบหมึกคราบอาหาร   คราบชากาแฟ  เพื่อให้
เสื้อผ้าขาวสะอาดสดใส  ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาวที่มีขายอยู่ในท้องตลาด
8

ทั่วไปอยู่ในรูปของเหลวบรรจุขวดพลาสติกสวยงาม แต่คุณแม่บ้านเคย
ทราบหรือไม่ว่า   ผลิตภัณฑ์เหล่านี ้   มีสารเคมีชนิดใดเป็ นสารสำคัญ  
ในการออกฤทธิข์ จัดคราบ
ทำความสะอาดเสื้อผ้า และมีความปลอดภัยในการใช้เพียงใด
สารเคมีชนิดหนึ่งที่เป็ นองค์ประกอบสำคัญ    ในผลิตภัณฑ์ซัก
ผ้าขาวที่ผู้ผลิตนิยมใช้คือ “โซเดียมไฮโปคลอไรท์” ซึ่งนอกจะมี
คุณสมบัติในการขจัดคราบเปื้ อนและฟอกผ้าขาว  ยังมีฤทธิใ์ นการฆ่า
เชื้อได้ด้วย  ในบางกรณีจึงมีการนำน้ำยาซักผ้าขาวมาใช้ประโยชน์เป็ น
น้ำยาฆ่าเชื้อสำหรับราดพื้น  อย่างไรก็ตามต้องระวังการใช้กับวัตถุที่
เป็ นโลหะหนัก เช่น เหล็ก ทองแดง และนิคเกิล เป็ นต้น
2.1 โครงสร้างทางเคมีและกลไกการขจัดคราบ
โซเดียมไฮโปคลอไรท์มีโครงสร้างทางเคมีคือ NaOCl ใน
ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาวโซเดียมไฮโปคลอไรท์ จะแตกตัวออกเป็ น Na+
และ ClO-  ซึง่ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงต่อไปเป็ นเกลือ NaOH และ
HClO โซเดียมไฮโปคลอไรท์เป็ นสารออกซิแดนท์ที่รุนแรงเกิดการปลด
ปล่อยแอคทีฟออกซิเจน [O] ที่เป็ นตัวการในการฟอกขาวให้กับเสื้อผ้า
นั่นเอง
      ในผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาวบางชนิดอาจมีส่วนผสมของเกลือ 
NaOH อยู่ในผลิตภัณฑ์ด้วย เพื่อทำให้สารมีความเป็ นด่าง  เพราะใน
บางครัง้   หากน้ำที่ใช้ตามบ้านมีความเป็ นกรดเล็กน้อย จะไปทำ
ปฏิกิริยากับโซเดียมไฮโปคลอไรท์ เกิดเป็ นก๊าซคลอรีนซึ่งมีความเป็ น
พิษและยังลดประสิทธิภาพการทำงานของน้ำยาซักผ้าขาว การเติม
เกลือ NaOH จึงจะช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีความ คงตัวมากขึน

      อย่างไรก็ตามต้องระวังในแง่การใช้ เพราะการที่ผลิตภัณฑ์ซก

ผ้าขาวมีความเป็ นด่างสูงมากขึน
้ จากการเติมเกลือดังกล่าว   ประกอบ
9

กับการมีโซเดียมไฮโปคลอไรท์  จะยิ่งทำให้ผลิตภัณฑ์มีฤทธิก์ ัดกร่อนสูง


ขึน
้ หากหกโดนเสื้อผ้าสวย ๆ โดยตรง อาจทำให้ขาดเป็ นรูได้  จึงต้อง
อ่านฉลากแนะนำการใช้ให้ดีว่าควรต้องเจือจางด้วยน้ำในปริมาณเท่าใด
2.2 การใช้เป็ นน้ำยาซักผ้าขาว
      สารละลายโซเดียมไฮโปคลอไรท์ ที่อยู่ในผลิตภัณฑ์
ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาวมีอยู่ประมาณ 3-6% ขึน
้ อยู่กับบริษัทผู้ผลิตและ
ระยะเวลาการเก็บ เนื่องจากโซเดียมไฮโปคลอไรท์ไม่ค่อยเสถียร เสื่อม
สลายไปตามระยะเวลา โซเดียมไฮโปคลอไรท์ออกฤทธิข์ จัดคราบเปื้ อน
ออกจากเสื้อผ้าได้ดี โดยเฉพาะที่ทำจากผ้าฝ้ าย  นอกจากนีย
้ ังจัดเป็ น
์ ่าเชื้อแบคทีเรียไปด้วยใน
ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาวเพียงชนิดเดียวที่มีฤทธิฆ
ตัวความเป็ นพิษโซเดียมไฮโปคลอไรท์ในผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาว  ไม่เพียง
แต่จะมีความสามารถในการขจัดคราบเปื้ อนบนเสื้อผ้าแล้ว  สารนีย
้ ังมี
ฤทธิก์ ัดกร่อนสูง  เป็ นผลมาจากคุณสมบัติในการเป็ นสารออกซิแดนท์ที่
แรง  ดังนัน
้ จึงต้องระวังการสัมผัสถูกผิวหนัง การกระเด็นเข้าตาหรือ
การสูดดมโดยตรงจากขวดผลิตภัณฑ์
2.3 อาการพิษ
      ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้นว่าสารละลายโซเดียมไฮโปคลอ
ไรท์ที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาว มีฤทธิก์ ัดกร่อน คุณแม่บ้านที่นิยมใช้
ผลิตภัณฑ์นใี ้ นการทำความสะอาดเสื้อผ้า ต้องระวังเป็ นอย่างยิ่ง โดย
เฉพาะควรเก็บให้พ้นมือจากเจ้าตัวเล็กทัง้ หลาย    เพราะหากเผลอรับ
ประทานเข้าไปแล้วจะเกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุที่ปากและลำคอ
ปวดท้องและแผลเปื่ อยตามบริเวณทางเดินอาหาร ในกรณีที่หากเผลอ
เทหกจากขวดรดมือโดยตรง  อาจเกิดการระคายเคืองได้ปานกลางและ
มีผ่ น
ื แดงได้บ้าง  แต่หากกระเด็นเข้าตาแล้วจะเกิดการระคายเคือง
10

อย่างรุนแรง  หากสูดดมโดยตรงจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อ
เมือกของทางเดินหายใจได้ แต่ที่พอจะสบายใจได้ในระดับหนึ่ง 
สำหรับการใช้ผลิตภัณฑ์นค
ี ้ ือ  ยังไม่มีรายงานการก่อมะเร็ง โดยการใช้
ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาวที่มีโซเดียมไฮโปคลอไรท์เป็ นองค์ประกอบ
2.4 ข้อควรระวัง  นอกเหนือไปจากการที่ต้องระวังการสัมผัส
ผลิตภัณฑ์โดยตรงแล้ว    หากในบ้านมีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอื่น ๆ
อยู่ต้องระวังเป็ นอย่างยิ่งที่จะไม่เทสารเหล่านีป
้ นกัน โดยเฉพาะกับ
ผลิตภัณฑ์ที่มีกรดเป็ นองค์ประกอบ  เช่น  น้ำยาล้างห้องน้ำบางชนิด
เพราะกรดจะทำปฏิกิริยากับโซเดียมไฮโปคลอไรท์  เกิดก๊าซคลอรีนใน
ระหว่างการผสมและหากเกิดการสูดดมเข้าไปจะทำให้เกิดพิษระคาย
เคืองต่อทางเดินหายใจ และยังทำให้ประสิทธิภาพในการขจัดคราบ
ของผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาวที่มีการปนเปื้ อนของกรดนัน
้ ลดลง     
นอกจากนี ้ ยังต้องระวังการผสมกับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด
ที่มีแอมโมเนียเป็ นองค์ประกอบ  เช่น  ในน้ำยาเช็ดกระจก   เพราะจะ
ทำให้เกิดกาซคลอรามีน (chloramine) ซึ่งมีความเป็ นพิษเช่นกัน  และ
ไม่ควรนำมาทำความสะอาดเสื้อผ้าที่เปื้ อนปั สสาวะ  เพราะในปั สสาวะ
มีแอมโมเนียอยู่     
**อย่างไรก็ตามก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ทุกครัง้ ควรอ่านฉลากการใช้
ให้เข้าใจ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพื่อป้ องกันอันตรายที่อาจเกิด
ขึน
้ โดยไม่จำเป็ นการปฐมพยาบาล
      2.5 การแก้ไขพิษเมื่อสัมผัสโดยตรงให้ปฏิบัติดังนี ้
      2.5.1 ถ้าสัมผัสถูกผิวหนัง ให้ฉีดล้างผิวหนังด้วยน้ำปริมาณ
มากๆ
11

      2.5.2 ถ้าสัมผัสถูกตา  ให้ฉีดล้างตาทันทีด้วยน้ำปริมาณมาก


อย่างน้อย 15 นาที   พร้อมกระพริบตาถี่ๆขณะทำการล้าง หากมี
อาการรุนแรงให้นำส่งไปพบแพทย์
      2.5.3 ถ้าหายใจเข้าไป  ให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกสู่บริเวณที่
มีอากาศบริสุทธิ ์ หากมีอาการรุนแรงให้นำส่งไปพบแพทย์
      2.5.4 ถ้ากลืนหรือกินเข้าไป  ห้ามไม่ให้สิ่งใดเข้าปากผู้ป่วย
ที่หมดสติ   หากผู้ป่วยยังมีสติอยู่ให้ด่ ม
ื สารละลายโปรตีน  หรือถ้าไม่
สามารถหาได้ก็ให้ด่ ม
ื น้ำปริมาณมากๆ   อย่าให้ผู้ป่วยดื่มน้ำส้ม  เบคกิง
โซดา ยาที่มีฤทธิเ์ ป็ นกรด จากนัน
้ ให้นำส่งไปพบแพทย์
2.6 การเก็บรักษา
      บางครัง้ คุณแม่บ้านบางท่านอาจอยากเปลี่ยนขวดภาชนะ
บรรจุให้สวยงามขึน
้   ก็สามารถทำได้แต่ต้องถ่ายเก็บในภาชนะ
พลาสติกประเภท PVC อย่าถ่ายลงหรือเจือจางผสมน้ำในภาชนะ
ประเภทโลหะหนัก  เช่น  กะละมังโลหะเพราะจะทำปฏิกิริยากันได้ 
นอกจากนีค
้ วรเก็บให้พ้นจากความร้อน แสงแดด เพราะผลิตภัณฑ์จะ
มีอายุการใช้งานและประสิทธิภาพต่ำลง
3. ประโยชน์อ่ น
ื ๆ ของผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาว
ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาว ส่วนใหญ่นำมาใช้ขจัดคราบรอยเปื้ อน
คราบสกปรกต่าง ๆ ที่ติดในใยผ้า แต่น้ำยาซักผ้าขาวมีประโยชน์
มากกว่าที่คิด ด้วยส่วนผสมของ "โซเดียมไฮโปรคลอไรด์" ที่มีอยู่
สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสได้ แถมราคาถูก เพียงนำไปเจือจาง
แล้วนำมาทำความสะอาดบนข้าวของเครื่องใช้ประเภทต่าง ๆ ภายใน
บ้านและสำนักงานก็จะทำให้เป็ นเขตปลอดเชื้อโรค
การใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาวทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรคข้าวของเครื่องใช้
ประเภทต่าง ๆ ทำได้ง่าย ๆ เพียงนำผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาวผสมกับน้ำ
12

เปล่าในอัตราส่วน 1:100 ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดพื้นผิวเพื่อฆ่าเชื้อโรค แล้วทิง้


ไว้สักพัก จึงเช็ดออกด้วยผ้าชุบน้ำสะอาด และเพื่อความปลอดภัยควร
สวมถุงมือทุกครัง้ ระหว่างการใช้ผลิตภัณฑ์ และไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์กับ
โลหะและวัสดุเคลือบสี ส่วนโต๊ะทำงานเป็ นจุดที่สะสมเชื้อโรคมาก
เนื่องจากสัมผัสบ่อยครัง้ ควรเช็ดทำความสะอาดโต๊ะก่อน จากนัน
้ เจือ
จางน้ำยาซักผ้าขาวกับน้ำในอัตราส่วน 1/2 ฝาต่อน้ำ 1 ลิตร แล้วเช็ด
ทำความสะอาด ใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดซ้ำอีกครัง้ หนึง่ ขณะที่ผ้าเช็ดมือ
ผ้าเช็ดโต๊ะ และผ้าที่ใช้เช็ดภาชนะจานชาม ถังขยะ ตะกร้า กล่อง
พลาสติก ควรนำมาแช่ไว้ในน้ำที่ผสมน้ำยาซักผ้าขาว ในปริมาณน้ำ 1
ลิตร ต่อ 1/2 ฝา ทิง้ ไว้ 30 นาที แล้วนำมาล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครัง้ ตู้
เย็น ตู้กับข้าว ตู้เสื้อผ้า ให้เจือจางน้ำยาซักผ้าขาวกับน้ำในปริมาณ 1/6
ฝาต่อน้ำ 1 ลิตร แล้วนำผ้าที่ต้องการใช้เช็ดทำความสะอาด ชุบน้ำ บิด
ผ้าพอหมาด ๆ นำไปเช็ดทำความสะอาด จากนัน
้ เช็ดด้วยผ้าที่ล้างในน้ำ
สะอาดอีกครัง้ ส่วนพื้นบ้าน พื้นระเบียงหรือเขตอนามัยภายในบ้าน
ควรทำความสะอาดพื้นผิวก่อนด้วยน้ำเปล่า จากนัน
้ ให้เทน้ำยาซักผ้า
ขาวลงผสมกับน้ำในปริมาณ 3 ฝาต่อน้ำ 5 ลิตร หรือ 1/2 ฝาต่อน้ำ 1
ลิตร แล้วเช็ดหรือทำความสะอาดพื้นผิวนัน
้ ๆ ทิง้ ไว้ประมาณ 10 นาที
จากนัน
้ ล้างออกและเช็ดให้แห้ง นอกจากนีเ้ สื้อสะอาด ซึ่งมักมีปัญหา
กลิ่นอับหลายสาเหตุ ทัง้ ซักเสื้อผ้าไม่สะอาด ผ้าแห้งไม่สนิท หรือเกิด
จากเชื้อโรคโดยเฉพาะแบคทีเรีย แก้ไขได้ง่าย ๆ โดยซักผ้าขาวด้วย
น้ำยาซักผ้าขาวกับผงซักฟอก แช่ผ้าไว้ประมาณ 5-15 นาที แล้วซักตาม
ปกติ เท่านีส
้ ิ่งสกปรกและเชื้อโรคที่ฝังอยู่ในใยผ้าก็จะหมดไป
( http://health.kapook.com/view7094.html )

4. วิธีป้องกันผ้าสีตก
13

เสื้อผ้าสีตกเกิดจากสีย้อมผ้าที่ยึดเกาะไม่แน่นบนเส้นใยผ้าหลุด
ออกมาละลายปะปนอยู่ในน้ำขณะซักผ้า ทำให้สีที่หลุดออกมานีเ้ ปื้ อน
เสื้อผ้าอื่นๆ ที่ซักพร้อมกัน ผลที่ได้คือเสื้อผ้าของเราเปื้ อนคราบสีตก 
เพื่อป้ องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับเสื้อผ้าชิน
้ อื่นๆ ควรป้ องกันผ้าสี
ตกดังนี ้
4.1 แช่น้ำเกลือสูตรโบราณ วิธีป้องกันผ้าสีตก ให้นำผ้าที่ซ้อ

มาใหม่แช่น้ำเกลือ 6 ชั่วโมง จากนัน
้ ซักด้วยผงซักฟอก ยี่ห้อใดก็ได้และ
ตากให้แห้ง การซักครัง้ ต่อไปก็จะไม่มีสีตกอีก
4.2 ใช้น้ำยาป้ องกันสีตก ( ไดล่อน Dylon Colour Seal)
โดยแช่เสื้อผ้าด้วย ไดล่อน น้ำยาป้ องกันสีตก (Colour Seal) เพียงครัง้
เดียวเท่านัน
้ เสื้อผ้าก็จะสีไม่ตกอีกต่อไป และยังช่วยให้ผ้าสีทนต่อการ
ซักล้างและไม่ซีดเร็ว
4.3 ผงขจัดคราบสีตก สำหรับผ้าขาว มีคณ
ุ สมบัติในการ
ขจัดคราบสีตกออกจากผ้า
( http://www.vorabhasd.co.th/FCare_CRR.htm )

5. ประเภทของหมึกปริน

5.1 น้ำหมึกอิงค์เจท ( Inkjet)

ภาพ 2 น้ำหมึกอิงค์เจท
14

น้ำหมึกของเครื่องอิงค์เจทที่ใช้กันอยู่โดยทั่วไป เป็ นชนิดที่เรียก


ว่า “Dye-based” ซึง่ มีส่วนผสมหลักคือน้ำ ข้อดีของหมึกพิมพ์
ประเภทนีค
้ ือสามารถใช้งาน และดูแลรักษาได้ง่าย เหมาะกับการใช้งาน
ในระดับทั่วๆ ไป จนถึงอุตสาหกรรมงานพิมพ์ขนาดย่อม นอกจากหมึก
แบบ Dye แล้วยังมีน้ำหมึกอีกประเภทหนึ่งที่เรียกว่า “Pigment Ink”
ซึ่ง มีคุณสมบัติกันน้ำ และทนแดด ทนความร้อนได้ดีกว่า แต่
ปั จจุบันน้ำหมึกประเภทนีย
้ ังไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร เพราะมี
อนุภาคของน้ำหมึกใหญ่ และมีสีสันสดใสสู้หมึกพิมพ์แบบ Dye-based
ไม่ได้
อย่างไรก็ตามผูผ
้ ลิตเครื่องพิมพ์หลายๆ ยี่ห้อ เริ่มมีการนำน้ำ
หมึกทัง้ สองแบบมาประยุกต์ใช้งานร่วมกัน โดยใช้น้ำหมึกแบบ
Pigment มาผลิตเป็ นหมึกดำที่มีคุณสมบัติกันน้ำได้ ส่วนหมึกสีซึ่ง
ประกอบไปด้วย Cyan, Magenta และ Yellow นัน
้ ยังคงเป็ นน้ำหมึก
แบบ Dye-based อยู่ เช่น เครื่องพิมพ์ยี่ห้อ Lexmark เป็ นต้น
5.2 หมึกเลเซอร์ (Laser Master)
Laser Jet เป็ นเครื่องพริน
้ เตอร์ชนิดใช้ผงหมึก (Toner) ที่
ไม่มีส่วนผสมของน้ำ ทำงานร่วมระหว่างพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้ า และ
พลังงานไฟฟ้ าสถิต เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์จะเป็ นเครื่องพิมพ์ที่มีกลไก
การทำงานซับซ้อนที่สุด  เครื่องพิมพ์นอ
ี ้ าศัยเทคโนโลยีไฟฟ้ าสถิตย์ ที่
พบในเครื่องถ่ายเอกสารทั่วไปโดยลำแสงไดโอดเลเซอร์จะฉายไปยัง
กระจกหมุน  เพื่อสะท้อนไปยังลูกกลิง้ ไวแสง  ซึ่งจะปรับตามสัญญาณ
ภาพหรือตัวอักษรที่ได้รับจากคอมพิวเตอร์  และกราดตามแนวยาวของ
ลูกกลิง้ อย่างรวดเร็ว  สารเคลือบบนลูกกลิง้ จะทำปฏิริยากับแสงแล้ว
เปลี่ยนเป็ นประจุไฟฟ้ าสถิตย์  ซึ่งทำให้ผงหมึกเกาะติดกับพื้นที่ที่มี
ประจุไฟฟ้ าเมื่อกระดาษพิมพ์หมุนผ่านลูกกลิง้  
15

ความร้อนจะทำให้ผงหมึกหลอมละลายติดกับกระดาษ)

6. การลอกภาพ
6.1 ไดล่อน ครีมลอกภาพลงผ้า  Dylon Image Maker ถ้า
ต้องการของขวัญ เสื้อผ้า หรือของตกแต่งบ้านที่แปลกไม่ซ้ำใครที่
สามารถทำเองได้ เพียงนำภาพถ่ายเอกสารสี หรือ ขาว-ดำ ที่ชอบไม่ว่า
จะเป็ นภาพของตัวเอง หรือดารา มาทาด้วยไดล่อนครีมลอกภาพลงบน
ผ้า (Dylon Image Maker) แล้วคว่ำลง บนผ้า ปล่อยให้แห้ง ต่อจาก
นัน
้ ก็ทำภาพให้เปี ยก แล้วค่อยๆ ถูกระดาษออก สุดท้ายก็เคลือบภาพ
อีกครัง้ เพียงเท่านีก
้ ็จะได้ภาพตามต้องการร
คุณสมบัติ ใช้สำหรับลอกภาพถ่ายเอกสารสีหรือขาว-ดำ
หรือภาพพิมพ์ลงบนผ้า เช่น เสื้อยืด เสื้อ กางเกงยีนส์ กระเป๋า
ปลอกหมอน ฯลฯ 1 หลอด ใช้ลอกภาพขนาด A4 ได้ 2 ภาพผลิตใน
ประเทศอังกฤษ ปลอดสารพิษ
ข้อแนะนำ ใช้ในที่ที่มีอากาศถ่ายเท เพื่อความสวยงาม ควร
ตกแต่งภาพเพิ่มเติมด้วย ไดล่อนสีเพ้นท์ผ้า 3D ห้ามซักผ้าภายใน 72
ชั่วโมง ซักผ้าในน้ำเย็นหรือเครื่องซักผ้าที่อุณหภูมิ 30°C
และกลับผ้าด้านในออก ห้ามใช้น้ำยาซักแห้งรีดด้านหลังภาพ

วัสดุอุปกรณ์เพิ่มเติม ภาพถ่ายเอกสารสี หรือขาว-ดำ ขวด


หรือลูกกลิง้ กระดาษทิชชู พู่กัน หนังสือหนักๆ
วิธีเลือกรูปภาพ ภาพที่จะนำมาใช้ควรเป็ นภาพถ่ายเอกสารสี
หรือ ขาว-ดำ เพื่อให้ได้ภาพที่มีสส
ี วยสด ถ้าภาพมีตัวหนังสือ ควรถ่าย
เอกสารแบบกลับด้าน (Mirror Image หรือ Reversed Mode)
16

วิธีเลือกผ้า ควรเลือกใช้กับผ้าขาว หรือผ้าสีอ่อน ถ้าใช้กับผ้าสี


เข้ม ควรรองพื้นบริเวณที่จะลอกภาพด้วย ไดล่อน สีเพ้นท์ผ้า สีขาว
(เบอร์ 12) แล้วรีดด้วยเตารีด แล้วจึงนำมาลอกภาพ
วิธีใช้
1. ซักผ้าให้สะอาด และตากให้แห้ง รองใต้ผ้าด้วยกระดาษ
แข็ง หรือพลาสติก เพื่อกันครีมซึมเลอะเทอะ แล้วจัดผ้าให้เรียบ
2. ตัดภาพให้ได้ขนาด และจัดวางตามตำแหน่งที่ต้องการ
บีบครีมลงบนภาพ แล้วใช้แปรงหรือนิว้ ทาครีมหนาๆ ให้ทั่วภาพ
(มองเห็นภาพลางๆ) ค่อยๆ ยกภาพขึน
้ แล้วคว่ำภาพ
ด้านที่ทา ครีมลงบนผ้า กดภาพให้ เรียบติดกับผ้าทุกส่วน ระวังอย่าให้
ภาพย่น
3. นำกระดาษทิชชูมาวางตาม ขอบภาพ แล้วใช้ลูกกลิง้ หรือ
ขวด กลิง้ และกด
เ บาๆ บนภาพเพื่อให้ภาพ เรียบติด กับผ้า โดยเฉพาะขอบภาพ เช็ด
ครีมที่เกินออกมาให้หมด
4. วางทับด้วยหนังสือหนักๆ ประมาณ 1 นาที แล้วนำ
หนังสือออก ปล่อยให้แห้งสนิทประมาณ 4 ชั่วโมง หรือข้ามคืน ใช้
ฟองน้ำ หรือผ้าเปี ยกมาเช็ดบน ภาพให้เปี ยกชุ่ม
ใช้นว
ิ ้ มือ หรือฟองน้ำค่อยๆ ถูกระดาษออกจนหมด โดยเริ่ม จากตรง
กลางภาพ
5. ทำซ้ำขัน
้ ตอนที่ 4 จนขุยกระดาษ ออกจนหมด แล้ว
ปล่อยให้แห้งสนิท
6. ทาครีมบางๆ ให้ทั่วภาพอีกครัง้ เพื่อ เคลือบภาพ แล้ว
ปล่อยให้แห้งข้ามคืน
(http://vorabhasd.co.th/Col_CIM.htm)
17

6.2 น้ำยาลอกรูปมหัศจรรย์

ภาพ 3 น้ำยาลอกรูป
สรรพคุณใช้ลอกรูปที่ต้องการลงบนเสื้อตัว เพียงเตรียมเสื้อ
และรูปภาพที่ถ่าย
เอกสารสีแล้ววางรูปภาพไว้ด้านล่างแล้ววางเสื้อบริเวณที่ทับอยู่บน
รูปภาพป้ ายให้เปี ยกและให้ทั่วจากนัน
้ นำเหรียญ ค่อย ๆ ขูด ลงบริเวณ
ที่โดนน้ำยาแล้วค่อยลอกออก เพียงเท่านีค
้ ุณก็ได้เสื้อตัวใหม่ตาม
ต้องการ (http://bangkok.olxthailand.com/iid-39035605)

6.3 น้ำยาสกรีนภาพ
น้ำยาลอกภาพ จากเอกสาร สี ขาวดำ เพื่อคัดลอกลงเสื้อ ดี
ไซด์ด้วยตัวเอง ใน
สไตล์ของเราเอง ซักไม่ออก ราคาถูกทําง่ายๆ ขายน้ำยากลอกภาพ
หรือน้ำยาสกรีนเสื้อ ราคาขวดละ 20 บาท 15 ซีซี ทําง่ายๆ ด้วยตัวเอง
ก็ได้แบบลายเสื้อตามที่ตนเองชอบ ไม่ลอกไม่หลุด
วิธีทํา นำภาพที่เราออกแบบมาแล้ว กลับภาพ เอาไปถ่าย
เอกสาร สี หรือขาวดำ
แล้วเอาภาพเหล่านัน
้ มาคว่ำลงกับเสื้อหรือผ้าที่เราต้องการให้ลายที่
ออกแบบไว้ลงไปในเสื้อหรือผ้าเรา แล้วเอาพู่กันจุ่มน้ำยา ทาให้ทั่วหลัง
กระดาษที่มีภาพที่เราจะลอกแล้วเอาเหรียญ 10 ขูดทันที่แรงขูดของ
เหรียญก็จะทําให้หมึกซึมเข้าไปในผ้า ก็จะเป็ นลายที่เราต้องการ ไม่ต้อง
18

เสียเวลาไปทําบล๊อคสกรีน (
http://www.thaipromote.com/view1647681.html)
6.4 การลอกภาพจากหนังสือพิมพ์
เป้ าหมายเพื่อลอกภาพจากหนังสือพิมพ์ได้ โดยมีอุปกรณ์
ดังนี ้
1. น้ำมันก๊าด 1 ส่วน
2. ผงซักฟอก ½ ส่วน
3. น้ำ 1 ส่วน
4. แผ่นกระจกหรือแผ่นไม้หนาผิวเรียบ
5. ขวดแยมผลไม้ ขวดกาแฟ
6. กระดาพิมพ์สีขาว
วิธีทำ
1. เทน้ำมันก๊าดลงในบีกเกอร์ เติมน้ำลงไป 1 ส่วน (น้ำ
กับน้ำมันแยกชัน
้ กันอยู่)
2. เติมผลซักฟอกลงไป คนให้เข้ากันจะเป็ นของเหลว
คล้ายนม
3. เลือกภาพที่ต้องการลอก แล้วรองภาพด้วยกระดาษผิว
มัน(กันน้ำยาซึม)
4. นำพู่กันมาจุ่มน้ำยาระบายบนรูปภาพบางๆให้ทั่ว
5. เอากระดาษพิมพ์สีขาวกางบนภาพ ใช้แผ่นกระจกหรือ
แผ่นไม้ผิวเรียบวางทับ แล้วเอามือกดไว้ 2 นาที
6. เอาแผ่นไม้และกระดาษออก จะได้ภาพตามต้องการ
( http://www.thaipromote.com/view1647681.html)
19

บทที่ 3

วัสดุอุปกรณ์ และขัน
้ ตอนการดำเนินการ

วัสดุอุปกรณ์

1. พู่กัน 1 อัน
2. น้ำมันสน 1 ขวด
3. ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาว 1 ขวด
4. ผ้าสีขาว 1 เมตร
5. บีกเกอร์ขนาด 250 ml 1 ใบ
6. บีกเกอร์ขนาด 50 ml 3 ใบ
7. กระบอกฉีดยา 2 อัน
8. กรดาษกาวย่น 1 ม้วน
9. แผ่นกระเบื้องสำหรับรอง
10. ผ้ารองรีด
11. เตารีด
20

ขัน
้ ตอนการดำเนินการ
ขัน
้ เตรียมส่วนผสม
เป็ นขัน
้ ตอนการทดลองหาส่วนผสมที่เหมาะสมที่จะทำน้ำยา
ลอกภาพมีขน
ั ้ ตอนดังนี ้
1. ตวงน้ำมันสนปริมาตร 30 มิลลิลิตร ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาว
10 มิลลิลิตร แล้วเทสารทัง้ สองลงในบีกเกอร์ คนส่วนผสมให้เ ข้า กัน
จะได้น ้ำยาลอกภาพสูต รที่ 1 โดยมีอ ัต ราส่ว นระหว่า งน้ำมัน สน 30
มิลลิลิตร ต่อผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาว 10 มิลลิลิตร หรือ สูตร 3:1
2. ตวงน้ำมันสนปริมาตร 20 มิลลิลิตร ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาว
10 มิลลิลิตร แล้วเทสารทัง้ สองลงในบีกเกอร์ คนส่วนผสมให้เ ข้า กัน
จะได้น ้ำยาลอกภาพสูต รที่ 2 โดยมีอ ัต ราส่ว นระหว่า งน้ำมัน สน 20
มิลลิลิตร ต่อผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาว 10 มิลลิลิตร หรือ สูตร 2:1
3. ตวงน้ำมันสนปริมาตร 10 มิลลิลิตร ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาว
10 มิลลิลิตร แล้วเทสารทัง้ สองลงในบีกเกอร์ คนส่วนผสมให้เ ข้า กัน
จะได้น ้ำยาลอกภาพสูต รที่ 3 โดยมีอ ัต ราส่ว นระหว่า งน้ำมัน สน 10
มิลลิลิตร ต่อผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาว 10 มิลลิลิตร หรือ สูตร 1:1
4. ตวงน้ำมันสนปริมาตร 10 มิลลิลิตร ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาว
20 มิลลิลิตร แล้วเทสารทัง้ สองลงในบีกเกอร์ คนส่วนผสมให้เ ข้า กัน
จะได้น ้ำยาลอกภาพสูต รที่ 4 โดยมีอ ัต ราส่ว นระหว่า งน้ำมัน สน 10
มิลลิลิตร ต่อผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาว 20 มิลลิลิตร หรือ สูตร 1:2

ขัน
้ ทดลอง
21

เป็ นขัน
้ ตอนการนำน้ำยาลอกภาพทัง้ 4 สูตรมาลอกภาพ
เพื่อหาสูตรที่ดีที่สุด ที่จะเป็ นน้ำยาลอกภาพอย่างง่าย โดยมีขน
ั ้ ตอน
ดังนี ้
1. พิมพ์ภาพที่ต้องการจากคอมพิวเตอร์โดยเครื่องปริน
้ แบบ
อิงค์เจทและแบบเลเซอร์ ใช้ภาพขนาด 20x15 เซนติเมตร
2. ตัดผ้าสีขาวขนาด 20x15 เซนติเมตร
3. วางภาพจากข้อ 1 ไว้ข้างล่างผ้าในข้อ 2 โดยหันด้านที่
เป็ นภาพเข้าหาผ้า แล้วใช้กระดาษกาวติดให้ภาพกับผ้าแนบกันได้สนิท
4. ใช้พู่กันจุ่มน้ำยาลอกภาพสูตรที่ 1 แล้วทาลงบนผ้าใน
แนวขึน
้ ลง 2 รอบทิง้ ไว้ 1 นาที
5. ใช้เตารีดไฟร้อนขนาดกลางรีดด้านที่เป็ นกระดาษใช้เวลา
รีด 10 วินาที ปล่อยให้กระดาษและผ้าแห้ง จากนัน
้ จึงดึงภาพออก
จากผ้า
6. ทำซ้ำข้อ 1-5 แต่เปลี่ยนน้ำยาลอกภาพเป็ นสูตรที่ 2,3
และ 4 ตามลำดับ
22

ภาพที่ 4 ตัวอย่างภาพที่ต้องการพิมพ์จากคอมพิวเตอร์เพื่อลอกภาพลง
บนผ้า
23

บทที่ 4

ผลการทดลอง

จากการทำโครงงานเรื่อง “น้ำยาลอกภาพอย่างง่าย ” ซึ่งจุดมุ่ง


หมายเพื่อทดลองหาอัตราส่วนที่เหมาะสมในการทำน้ำยาลอกภาพ
และเพื่อทำน้ำยาลอกภาพอย่างง่าย ผลการทดลองดังนี ้

ผลการทดลอง
จากการลอกภาพโดยใช้น้ำยาลอกภาพจำนวน 4 สูตร ผล
ปรากฏดังตาราง
สูตรที่ 1 สูตร 3:1
สูตรที่ 2 สูตร 2:1
สูตรที่ 3 สูตร 1:1
สูตรที่ 4 สูตร 1:2

1. ลัก ษณะภาพที่ไ ด้จ ากการลอกภาพโดยใช้ภ าพที่พ ิม พ์จ าก


เครื่องปริน
้ อิงค์เจ็ท
ตาราง 1 ลักษณะภาพที่ได้จากการลอกภาพโดยใช้ภาพที่
พิมพ์จากเครื่องปริน
้ อิงค์เจ็ท

สูตรที่ ผลที่ได้
1 (3:1) ภาพแห้งเร็ว ภาพที่ได้สีจางมากและเป็ น
ภาพเบลอๆ
2 (2:1) ภาพแห้งเร็ว ภาพที่ได้บนผ้าสีจาง แต่เข้ม
กว่าสูตรที่ 1 เล็กน้อย
24

3 (1:1) ภาพแห้งช้า ภาพที่ได้บนผ้าชัดเจน สีจาก


ภาพกระจายเล็กน้อย
4 (1:2) ภาพแห้งช้ามาก กระดาษเปื่ อยยุ่ย ภาพไม่
ชัด สีจากภาพกระจายมาก

จากตาราง 1 การลอกภาพโดยใช้น้ำยาลอกภาพทัง้ 4 สูตร


และใช้ภาพที่พิมพ์จากเครื่องปริน
้ อิงค์เจท พบว่าสูตรที่ 1 ภาพที่ได้
แห้งเร็ว ภาพที่ได้สีจางมากและเป็ นภาพเบลอๆ สูตรที่ 2 ภาพที่ได้
แห้งเร็ว ภาพบนผ้าสีจาง แต่เข้มกว่าสูตรที่ 1 เล็กน้อย สูตรที่ 3 ภาพ
แห้งช้า ภาพที่ได้บนผ้าชัดเจน สีจากภาพกระจายเล็กน้อย สูตรที่ 4
ภาพแห้งช้ามาก กระดาษเปื่ อยยุ่ย ภาพไม่ชัด สีจากภาพกระจาย
มาก

2. ลักษณะภาพที่ได้จากการลอกภาพโดยใช้ภาพที่พิมพ์จาก
เครื่องปริน
้ เลเซอร์
25

ตาราง 2 ลักษณะภาพที่ได้จากการลอกภาพโดยใช้ภาพที่
พิมพ์จากเครื่องปริน
้ เลเซอร์

สูตรที่ ผลที่ได้
1 ภาพแห้งเร็ว ภาพที่ได้สีจางมาก
(3:1)
2 ภาพแห้งเร็ว ภาพที่ได้บนผ้าสีจาง แต่เข้ม
(2:1) กว่าสูตรที่ 1 เล็กน้อย
3 ภาพแห้งช้า ภาพที่ได้บนผ้าชัดเจน ภาพคม
(1:1) ชัด
4 ภาพแห้งช้ามาก กระดาษเปื่ อยยุ่ย ภาพไม่
(1:2) ชัด สีจากภาพกระจายเล็กน้อย

จากตาราง 2 การลอกภาพโดยใช้น้ำยาลอกภาพทัง้ 4 สูตร


และใช้ภาพที่พิมพ์จากเครื่องปริน
้ เลเซอร์ พบว่าสูตรที่ 1 ภาพที่ได้แห้ง
เร็ว ภาพที่ได้สีจางมาก สูตรที่ 2 ภาพที่ได้แห้งเร็ว ภาพบนผ้าสีจาง
แต่เข้มกว่าสูตรที่ 1 เล็กน้อย สูตรที่ 3 ภาพแห้งช้า ภาพที่ได้บนผ้า
ชัดเจน ภาพคมชัด สูตรที่ 4 ภาพแห้งช้ามาก กระดาษเปื่ อยยุ่ย ภาพ
ไม่ชัด สีจากภาพกระจายเล็กน้อย
26

3. การเปรียบเทียบภาพที่ได้จากการลอกภาพโดยใช้น้ำยาลอก
ภาพทัง้ 4 สูตรโดยใช้ภาพที่
พิมพ์จากเครื่องปริน
้ ทัง้ สองประเภท เพื่อเปรียบเทียบหาสูตรที่เหมาะ
สมของน้ำลอกภาพอย่างง่าย
ตาราง 3 การเปรียบเทียบภาพที่ได้จากการลอกภาพโดย
ใช้น้ำยาลอกภาพทัง้ 4 สูตรโดยใช้ภาพที่พิมพ์จากเครื่องปริน
้ ทัง้ สอง
ประเภท เพื่อเปรียบเทียบหาสูตรที่เหมาะสมของน้ำลอกภาพอย่างง่าย

ภาพที่พิมพ์จาก ภาพที่พิมพ์จาก
สูตร ข้อสรุป
เครื่องปริน
้ อิงค์เจท เครื่องปริน
้ เลเซอร์
ที่
27

1 ภาพแห้งเร็ว ภาพที่ ภาพแห้งเร็ว ภาพที่ ไม่เหมาะสม


(3:1) ได้สีจางมากและเป็ น ได้สีจางมาก
ภาพเบลอๆ
2 ภาพแห้งเร็ว ภาพที่ ภาพแห้งเร็ว ภาพที่ ไม่เหมาะสม
(2:1) ได้บนผ้า สีจาง แต่ ได้บนผ้า สีจาง
เข้มกว่าสูตรที่ 1 แต่เข้มกว่าสูตรที่ 1
เล็กน้อย เล็กน้อย
3 ภาพแห้งช้า ภาพที่ ภาพแห้งช้า ภาพที่ เหมาะสม
(1:1) ได้บนผ้าชัดเจน สี ได้บนผ้าชัดเจน ภาพ
จากภาพกระจาย คมชัด
เล็กน้อย
4 แห้งช้ามาก แห้งช้ามาก กระดาษ ไม่เหมาะสม
(1:2) กระดาษเปื่ อยยุ่ย เปื่ อยยุ่ย ภาพไม่ชัด
ภาพไม่ชัด สีจาก สีจากภาพกระจาย
ภาพกระจายมาก เล็กน้อย

จากตาราง 3 การลอกภาพโดยน้ำยาลอกภาพทัง้ 4 สูตร พบ


ว่า สูตรที่ 1 (3:1) สูตรที่ 2 (2:1) และสูตรที่ 4 (1:2) ไม่เหมาะสมที่
จะเป็ นน้ำยาลอกภาพอย่างง่าย เพราะภาพที่ได้ไม่ชัดเจนเหมือน
ต้นฉบับ สูตรที่ 3 (1:1) เหมาะสมที่จะเป็ นน้ำยาลอกภาพอย่างง่าย
เพราะภาพที่ได้ชัดเจนเหมือนต้นฉบับ
28

บทที่ 5

สรุปผล อภิปรายผล ประโยชน์ที่ได้รับและข้อเสนอแนะ

จากการทำโครงงานเรื่อง “น้ำยาลอกภาพอย่างง่าย ” ซึ่งจุดมุ่ง


หมายเพื่อทดลองหาอัตราส่วนที่เหมาะสมในการทำน้ำยาลอกภาพ
และเพื่อทำน้ำยาลอกภาพอย่างง่าย ผู้จัดทำสรุปผลการทดลองตาม
ลำดับต่อไปนี ้
1. สรุปผล
2. อภิปรายผล
3. ประโยชน์ที่ได้รับ
29

4. ข้อเสนอแนะ

สรุปผล
จากการทดลองทำน้ำยาลอกภาพ สูตรที่ 1 และสูตรที่ 2 เป็ น
อัตราส่วนที่ไม่เหมาะสมเพราะไม่ได้ภาพตามที่ต้องการ สูตรที่ 4 เป็ น
อัตราส่วนที่ไม่เหมาะสมเพราะทำให้กระดาษขาดและไม่ได้ภาพตามที่
ต้องการ สูตรที่ 3 เป็ นอัตราส่วนที่เหมาะสมเพราะเป็ นสูตรที่ได้ภาพ
ตามที่ต้องการดังนัน
้ อัตราส่วนที่เหมาะสมในการทำน้ำยาลอกภาพ
อย่างง่ายคือ อัตราส่วนของน้ำมันสนต่อผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาว 1:1

อภิปรายผล
1. น้ำยาลอกภาพสูตรที่ 1(3:1) และสูตรที่ 2 (2:1) ภาพที่ได้
จะแห้งเร็ว แต่เป็ นภาพที่เบลอๆไม่ชัดเจน ที่เป็ นเช่นนีเ้ พราะทัง้ สอง
สูตรมีส่วนผสมของน้ำมันสนในปริมาณที่มาก น้ำมันสนระเหยได้เร็ว
ยังไม่ทันได้ซึมไปตามภาพก็แห้งก่อนทำให้ภาพไม่ชัดเจน
2. น้ำยาลอกภาพสูตรที่ 4 (1:2) แห้งช้ามาก กระดาษเปื่ อย
ยุ่ย ภาพไม่ชัด ภาพทีพ
่ ิมพ์จากเครื่องปริน
้ อิงค์เจทสีจากภาพกระจาย
มาก ภาพทีพ
่ ิมพ์จากเครื่องปริน
้ เลเซอร์สีจากภาพกระจายเล็กน้อย
ที่เป็ นเช่นนีเ้ พราะสูตรที่ 4 มีส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาวใน
ปริมาณที่มาก น้ำยาจึงเหนียวข้น ทำให้กระดาษแห้งช้าหมึกจาก
กระดาษจึงแพร่กระจายไปตามเนื้อผ้า

ข้อเสนอแนะ
30

1. ภาพที่ได้จะเป็ นภาพกลับซ้ายไปขวา หรือขวามาซ้าย ไม่


เหมาะที่จะลอกภาพที่มีตัวหนังสือประกอบ
2. ภาพที่ได้จากการลอกภาพด้วยน้ำยาลอกภาพอย่างง่าย
หากต้องการซักทำความสะอาด ควรแช่ด้วยน้ำยาป้ องกันสีตก
(Colour Seal) ก่อนการซักปกติ
3. การลอกภาพลงบนผ้าสีอ่ น
ื สามารถทำได้แต่ภาพจะไม่เด่น
ชัดเนื่องจากสีของผ้าเด่นกว่า หากต้องการลอกภาพลงบนผ้าสีควรเป็ น
ผ้าสีอ่อนๆ
4. ผ้าทุกชนิดสามารถใช้น้ำยาลอกภาพลงบนเนื้อผ้าได้ แต่ผ้า
เนื้อละเอียดจะได้ผลดีกว่าผ้าเนื้อหยาบ

บรรณานุกรม

พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน.สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน เล่ม
14 .กรุงเทพฯ สำนักงานกลาง. 2512.
การลอกภาพจากหนังสือพิมพ์( 25 กรกฎาคม
2560).http://www.thaipromote.com/
View/1647681.html.
ครีมลอกภาพลงผ้า  ( 20 สิงหาคม 2560).
http://vorabhasd.co.th/Col_CIM.htm.
น้ำมันสน (1 กันยายน 2560).
http://www.jabchai.com/main.joke.
น้ำยาลอกรูปมหัศจรรย์( 25 สิงหาคม
2560).http://bangkok.olxthailand.com/iid-39035605.
31

น้ำยาสกรีนภาพ( 28 กรกฎาคม 2560).


http://www.thaipromote.com/view1647681.html.
ประโยชน์ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาว ( 3 กรกฎคม 2560).
http:/health.kapook.com/view7094.html.
ประเภทของหมึกปริน
้ ( 25 กรกฎาคม
2560).www.copytexink.com/main/?name.
knowledge&file=readknowledge&id=remanu.
ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาว (3 กันยายน 2560).
http://www.raanpha.com/faqs.
วิธีป้องกันผ้าสีตก( 22 กรกฎาคม 2560).
http://www.vorabhasd.co.th/FCare_CRR.htm.
32

ภาคผนวก
ภาพประกอบการทำโครงงาน
33
34
35

ตัวอย่างภาพที่ได้จากการลอกลงบนเสื้อผ้า
36

ตัวอย่างภาพที่ใช้สำหรับลอกลงบนผ้า

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาวที่ใช้สำหรับลอกภาพ
37

กิตติกรรมประกาศ

ในการจัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง เรื่อง
น้ำยาลอกภาพอย่างง่าย ได้รับความร่วมมือและช่วยเหลือเป็ นอย่างดี
จากคณะครูโรงเรียนชุมชนบ้านห้วยหลัว รวมทัง้ เพื่อนๆที่ช่วยเหลือ
ด้านเอกสารที่เกี่ยวข้อง
ขอขอบพระคุณ ……………………………………………………….ที่
ปรึกษาโครงงานประจำกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ที่ให้ความ
ช่วยเหลือแนะนำและให้คำปรึกษา ขอขอบพระคุณระบบสาระสนเทศ
เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ห้องสมุด ห้องวิทยาศาสตร์ ของ
โรงเรียน………………………. ที่ให้แหล่งศึกษาข้อมูลเกี่ยวข้อง ขอบคุณ
ท่านผู้อำนวยการโรงเรียน……………………………………………. ที่สนับสนุน
งบประมาณ จึงทำให้โครงงานนีส
้ ำเร็จด้วยดี คณะผู้จัดทำโครงงาน
จึงขอขอบพระคุณเป็ นอย่างสูงมา ณ โอกาสนีด
้ ้วย

คณะผู้จัดทำ
38


39

ชื่อโครงงาน น้ำยาลอกภาพอย่างง่าย
ชื่อผู้ทำโครงงาน ……………………………………………………….
……………………………………………………….
……………………………………………………….
ครูที่ปรึกษา ……………………………………………………….
……………………………………………………….

สถานที่ทำโครงงาน
……………………………………………………….

บทคัดย่อ

การทำโครงงานประเภททดลองเรื่องน้ำยาลอกภาพ
อย่างง่าย มีจุดมุ่งหมายของการศึกษา 1)เพื่อทดลองหาอัตราส่วนที่
เหมาะสมในการทำน้ำยาลอกภาพ 2) เพื่อทำน้ำยาลอกภาพอย่างง่าย
น้ำยาลอกภาพซึง่ มีอัตราส่วนระหว่างน้ำมันสนต่อผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาว
ตามสูตรดังนี ้ สูตรที่ 1 ใช้ 3:1, สูตรที่ 2 ใช้ 2:1, สูตรที่ 3 ใช้ 1:1 ,สู
ตรที่ 4 ใช้ 1:2 จากนัน
้ นำน้ำยาลอกภาพทัง้ 4 สูตรไปลอกภาพที่
เตรียมไว้ซึ่งทัง้ ภาพและผ้าขาวตัดให้มีขนาด 20x15 เซนติเมตร ภาพได้
จากการพิมพ์มาจากเครื่องปริน
้ แบบอิงค์เจทและแบบเลเซอร์ ใช้พ ู่กัน
จุ่มน้ำยาลอกภาพแล้วทาลงบนผ้าในแนวขึน
้ ลง 2 รอบทิง้ ไว้ 1 นาที
40

จากนัน
้ ใช้เตารีดไฟร้อนขนาดกลางรีดด้านที่เป็ นกระดาษใช้เวลารีด
10 วินาที ปล่อยให้กระดาษและผ้าแห้ง จากนัน
้ จึงดึงภาพออกจากผ้า
จากการทดลอง พบว่าน้ำยาลอกภาพ สูตรที่ 1 และสูตรที่ 2
เป็ นอัตราส่วนที่ไม่เหมาะสมเพราะไม่ได้ภาพตามที่ต้องการ สูตรที่ 4
เป็ นอัตราส่วนที่ไม่เหมาะสมเพราะทำให้กระดาษขาดและไม่ได้ภาพ
ตามที่ต้องการ สูตรที่ 3 เป็ นอัตราส่วนที่เหมาะสมเพราะเป็ นสูตรที่
ได้ภาพตามที่ต้องการดังนัน
้ อัตราส่วนที่เหมาะสมในการทำน้ำยาลอก
ภาพอย่างง่ายคือ อัตราส่วนของน้ำมันสนต่อผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาว 1:1

สารบัญ

บทที่ เรื่อง หน้



กิตติกรรมประกาศ ............................................... ก
.........................................
41

บทคัดย่อ .............................................................. ข
........................................
สารบัญ ................................................................. ค
........................................
สารบัญตาราง ง
................................................................................
..............
สารบัญภาพ จ
................................................................................
..................
บทที่ บทนำ ..................................................................... 1
1 ........................................
ที่มาและความสำคัญ 1
................................................................................
....
วัตถุประสงค์ของโครง 1
งาน………….............................................................
......
สมมุติฐานของโครงงาน 2
................................................................................
ตัวแปรที่เกี่ยวข้อง 2
………………………………………………………………………
………
ขอบเขตของโครงงาน 2
................................................................................
42

...
นิยามศัพท์เฉพาะ 2
……………………………………………………..….……………
………..
ประโยชน์ของโครงงาน 2
……….......................................................................
...
บทที่ เอกสารที่เกี่ยวข้อง 3
2 ................................................................................
........
น้ำมันสน 3
................................................................................
.......................
ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาว 4
................................................................................
......
วิธีป้องกันผ้าสีตก 7
................................................................................
..........
ประเภทของหมึกปริน
้ 8
................................................................................
..
การลอกภาพ 8
................................................................................
................
43

บทที่ วัสดุอุปกรณ์ และวิธีดำเนินการ 12


3 ...................................................................
วัสดุอุปกรณ์ 12
................................................................................
...................
วิธีดำเนินการ 12
................................................................................
.................
บทที่ ผลการดำเนินการ 14
4 ................................................................................
........
ผลการทดลอง 14
………………………………………………………………………
……..……..
บทที่ สรุปผล อภิปรายผล ประโยชน์ของโครงงาน 17
5 และข้อเสนอแนะ ..............
สรุปผล 17
................................................................................
..........................
อภิปราย ............................................................... 17
........................................
ข้อเสนอแนะ 18
................................................................................
.................
บรรณานุกรม .................................................................... 19
44

...............................................
ภาคผนวก 20
.............................................................................................
...........................

สารบัญตาราง

ตาราง ห
น้า

1 ลักษณะภาพที่ได้จากการลอกภาพโดยใช้ภาพที่พิมพ์ 14
จากเครื่องปริน
้ อิงค์เจ็ท…………....
2 ลักษณะภาพที่ได้จากการลอกภาพโดยใช้ภาพที่พิมพ์ 15
จากเครื่องปริน
้ เลเซอร์……..………
3 การเปรียบเทียบภาพที่ได้จากการลอกภาพโดยใช้น้ำยา
ลอกภาพทัง้ 4 สูตรโดยใช้
ภาพทีพ
่ ิมพ์จากเครื่องปริน
้ ทัง้ สองประเภท เพื่อเปรียบ 16
เทียบหาสูตรที่เหมาะสม
ของน้ำลอกภาพอย่าง
45

ง่าย……………………………………………………………………………
……..
46

สารบัญภาพ

ภาพ ห
น้า

1 น้ำมัน 3
สน………………………………….…………………………………………
…………………………….
2 น้ำหมึกอิงค์ 8
เจท……………………………………………………………………………
……………………
3 น้ำยาลอก 10
รูป……………………………………………………………………………
……………………….
4 ตัวอย่างภาพที่ต้องการพิมพ์จากคอมพิวเตอร์เพื่อลอก 13
ภาพลงบนผ้า……………………….
47
48

You might also like