You are on page 1of 24

แผนการจัดการเรียนรูที่ 1

รายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6


Unit 1 Smart Housing เวลา 4 ชั่วโมง

1. มาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัด
มาตรฐาน ต 1.1 ม.6/1 ปฏิบัติตามคําแนะนําในคูมือการใชงานตางๆ คําชี้แจง คําอธิบาย และคําบรรยายที่ฟง
และอาน
มาตรฐาน ต 1.1 ม.6/2 อานออกเสียงขอความ ขาว ประกาศ โฆษณา บทรอยกรอง และบทละครสั้น (skit)
ถูกตองตามหลักการอาน
มาตรฐาน ต 1.1 ม.6/3 อธิบายและเขียนประโยคและขอความใหสัมพันธกับสื่อที่ไมใชความเรียงรูปแบบตางๆ
ที่อาน รวมทั้งระบุและเขียนสื่อที่ไมใชความเรียงรูปแบบตางๆ ใหสัมพันธกับประโยค
และขอความที่ฟงหรืออาน
มาตรฐาน ต 1.1 ม.6/4 จับใจความสําคัญ วิเคราะหความ สรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเห็นจากการฟง
และอานเรื่องที่เปนสารคดี และบันเทิงคดี พรอมทั้งใหเหตุผลและยกตัวอยางประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2 ม.6/4 พูดและเขียนเพื่อขอและใหขอมูล บรรยาย อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดงความคิดเห็น
เกี่ยวกับเรื่อง/ประเด็น/ขาว/เหตุการณที่ฟงและอานอยางเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.2 ม.6/5 พูดและเขียนบรรยายความรูสึกและแสดงความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับเรื่องตางๆ
กิจกรรม ประสบการณ และขาว/เหตุการณอยางมีเหตุผล
มาตรฐาน ต 1.3 ม.6/1 พูดและเขียนนําเสนอขอมูลเกี่ยวกับตนเอง ประสบการณ ขาว/เหตุการณ เรื่องและ
ประเด็นตางๆ ที่อยูในความสนใจของสังคม
มาตรฐาน ต 1.3 ม.6/2 พูดและเขียนสรุปใจความสําคัญ แกนสาระที่ไดจากการวิเคราะหเรื่อง กิจกรรม ขาว
เหตุการณ และสถานการณตามความสนใจ
มาตรฐาน ต 2.1 ม.6/1 เลือกใชภาษา น้ําเสียง และกิริยาทาทางเหมาะกับระดับของบุคคล โอกาส และสถานที่
ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจาของภาษา
มาตรฐาน ต 2.1 ม.6/2 อธิบาย/อภิปรายวิถีชีวิต ความคิด ความเชื่อ และที่มาของขนบธรรมเนียมและประเพณี
ของเจาของภาษา
มาตรฐาน ต 2.2 ม.6/1 อธิบาย/เปรียบเทียบความแตกตางระหวางโครงสรางประโยค ขอความ สํานวน คําพังเพย
สุภาษิต และบทกลอนของภาษาตางประเทศและภาษาไทย
มาตรฐาน ต 2.2 ม.6/2 วิเคราะห/อภิปรายความเหมือนและความแตกตางระหวางวิถีชีวิต ความเชื่อ และ
วัฒนธรรมของเจาของภาษากับของไทย และนําไปใชอยางมีเหตุผล
มาตรฐาน ต 4.1 ม.6/1 ใชภาษาสื่อสารในสถานการณจริง/สถานการณจาํ ลอง ที่เกิดขึ้นในหองเรียน สถานศึกษา
ชุมชน และสังคม
2. เปาหมายการเรียนรู/ความเขาใจที่คงทน (Learning Outcomes / Enduring Understanding)
2.1 พูดถาม - ตอบเกี่ยวกับบานและละแวกบานของตนเองได
2.2 เขียนจดหมายแบบไมเปนทางการเพื่อใหขอมูลสวนตัวเกี่ยวกับบานหลังใหมและละแวกบานได

3. สิ่งที่ตองรูและปฏิบัติได (Important to know and to do)


3.1 ออกเสียง สะกด บอกความหมายของคําศัพท/วลีเกี่ยวกับที่อยูอาศัยและสิ่งตางๆ ในละแวกบาน
และนําไปใชไดถูกตอง
3.2 อภิปราย/แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบานในอนาคตและสิ่งตางๆ ภายในบานได
3.3 อานบทความเกี่ยวกับบานอัจฉริยะแลวจับใจความสําคัญ สรุปรายละเอียด ตอบคําถาม และจับคู
หัวเรื่องที่กําหนดใหสัมพันธกับยอหนาในบทความได
3.4 เลือกความหมายของคําศัพทที่ถูกตองตามบริบท (context) ในบทอานได
3.5 จับคูกริยาวลี (phrasal verb) กับความหมาย และนํากริยาวลีดังกลาวไปเติมลงในประโยคไดถูกตอง
3.6 เลือกวงกลมคําศัพทที่เหมาะสมกับประโยคได
3.7 ศึกษาตัวอยางและหลักการใช Simple Present, Present Continuous, Present Perfect และ
Present Perfect Continuous แลวตอบคําถาม สรุปหลักการใช เลือกรูปกริยา และใชในประโยคได
ถูกตอง
3.8 ฟงบทสนทนาในสถานการณตางๆ แลวตอบคําถามไดถูกตอง
3.9 เรียงลําดับขอความและสวนตางๆ ในจดหมายไดถูกตอง

4. สิ่งที่ควรคาแกการเรียนรู (Worth being familiar with)


บาน/ที่อยูอาศัย ละแวกบาน และลักษณะของบานอัจฉริยะ (smart house)

5. คําถามสําคัญ (Essential Questions)


5.1 What kind of house are you living in now?
a. How do you like it? Why?
b. Is it a smart house? Why?
5.2 How can you make your house more ”intelligent”?
5.3 Let’s suppose you have just moved into a smart house not far from your own house.
You want to write to tell your friend about it. How do you think you will organize your letter?
a. How will you greet him/her?
b. What general comments will you make - asking how he/she is, saying why you write to
him/her?
c. What would you like to say about the house - the size, the rooms, the smart facilities,
the surroundings, etc.? What do you think of it?
d. What would you like to say about the area, the neighborhood and the people? What do
you think of everything?
e. When do you think you will write to him/her again?
f. How will you close your letter?

6. สิ่งที่นักเรียนตองไดรับการพัฒนา
6.1 ทักษะกระบวนการ
- กระบวนการกลุม
- กระบวนการคิด
6.2 คุณลักษณะอันพึงประสงค
- ซื่อสัตยสุจริต
- มีวินัย
- ใฝเรียนรู
- มุงมั่นในการทํางาน
6.3 สมรรถนะสําคัญของผูเรียน
- ความสามารถในการสื่อสาร (Communication Capacity)
- ความสามารถในการคิด (Thinking Capacity)
- ความสามารถในการใชทักษะชีวิต (Capacity for Applying Life Skills)
- ความสามารถในการใชเทคโนโลยี (Capacity for Technological Application)

7. ผลงานที่ไดจากการเรียนรูแ ละปฏิบัติ
7.1 การพูดสนทนาถาม - ตอบเกี่ยวกับบานและละแวกบานของตนเอง
7.2 ผลงานเขียนจดหมายแบบไมเปนทางการเพื่อใหขอมูลสวนตัวเกี่ยวกับบานหลังใหมและละแวกบาน

8. การวัดและประเมินผล (Evaluation)

วิธีการวัด เครื่องมือวัด เกณฑการวัด


สิ่งที่ตองการวัดและประเมิน
และประเมิน และประเมิน และประเมิน
ความรูและทักษะดานคําศัพท
สิ่งที่ตองรูและปฏิบัติได
3.1 ออกเสียง สะกด บอกความหมายของ ตรวจสอบอยาง กิจกรรม A, D, ปฏิบัติไดใน
คําศัพท/วลีเกี่ยวกับที่อยูอาศัยและสิ่งตางๆ ไมเปนทางการ E, F, G ระดับดี-ดีมาก
ในละแวกบาน และนําไปใชไดถูกตอง
วิธีการวัด เครื่องมือวัด เกณฑการวัด
สิ่งที่ตองการวัดและประเมิน
และประเมิน และประเมิน และประเมิน
ความรูและทักษะดานคําศัพท (ตอ)
สิ่งที่ตองรูและปฏิบัติได
3.2 อภิปราย/แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบานใน การใหโจทยหรือ กิจกรรม A ปฏิบัติไดใน
อนาคตและสิ่งตางๆ ภายในบานได ประเด็นปญหาที่ ระดับดี-ดีมาก
ใหนักเรียนขบคิด
3.4 เลือกความหมายของคําศัพทที่ถูกตองตาม ตรวจสอบอยาง กิจกรรม D ปฏิบัติไดใน
บริบท (context) ในบทอานได ไมเปนทางการ ระดับดี-ดีมาก
3.5 จับคูกริยาวลี (phrasal verb) กับความหมาย - สังเกต/พูดคุย - กิจกรรม E - ปฏิบัติไดใน
และนํากริยาวลีดังกลาวไปเติมลงในประโยค ระดับดี-ดีมาก
ไดถูกตอง - ทดสอบยอย - กิจกรรม F - ตอบถูก 8 ขอ
จาก 10 ขอ
3.6 เลือกวงกลมคําศัพทที่เหมาะสมกับประโยคได ทดสอบยอย กิจกรรม G ตอบถูก 8 ขอ
จาก 10 ขอ
ความสามารถและทักษะการอาน
สิ่งที่ตองรูและปฏิบัติได
3.3 อานบทความเกี่ยวกับบานอัจฉริยะแลว ตรวจสอบอยาง กิจกรรม B, C ปฏิบัติไดใน
จับใจความสําคัญ สรุปรายละเอียด ตอบ ไมเปนทางการ ระดับดี-ดีมาก
คําถาม และจับคูหัวเรื่องที่กําหนดใหสัมพันธ
กับยอหนาในบทความได

ความรูและทักษะทางไวยากรณ
สิ่งที่ตองรูและปฏิบัติได
3.7 ศึกษาตัวอยางและหลักการใช Simple - ตรวจสอบอยาง - กรอบ Grammar - ปฏิบัติไดใน
Present, Present Continuous, Present ไมเปนทางการ Link ระดับดี-ดีมาก
Perfect และ Present Perfect Continuous - ทดสอบยอย - กิจกรรม H - ตอบถูก 8 ขอ
แลวตอบคําถาม สรุปหลักการใช เลือกรูป จาก 10 ขอ
กริยา และใชในประโยคไดถูกตอง - กิจกรรม I - ตอบถูก 7 ขอ
จาก 9 ขอ
ความสามารถและทักษะการฟง
สิ่งที่ตองรูและปฏิบัติได
3.8 ฟงบทสนทนาในสถานการณตางๆ แลวตอบ ทดสอบยอย กิจกรรม J ตอบถูก 5 ขอ
คําถามไดถูกตอง จาก 6 ขอ
วิธีการวัด เครื่องมือวัด เกณฑการวัด
สิ่งที่ตองการวัดและประเมิน
และประเมิน และประเมิน และประเมิน
ความสามารถและทักษะการเขียน
สิ่งที่ตองรูและปฏิบัติได
3.9 เรียงลําดับขอความและสวนตางๆ ในจดหมาย สังเกต/พูดคุย กิจกรรม L ปฏิบัติไดใน
ไดถูกตอง ระดับดี-ดีมาก
สิ่งที่นักเรียนไดรับการพัฒนา สังเกต สอบถาม แบบบันทึกผล แสดงออกถึงการ
- เจตคติตอการเรียนรู และบันทึกขณะ การจัดการเรียนรู พัฒนาในระดับ
- ทักษะกระบวนการ นักเรียนปฏิบัติ ดี-ดีมาก
- คุณลักษณะอันพึงประสงค กิจกรรมการ
- สมรรถนะสําคัญของผูเรียน เรียนรู การ
นําเสนอทั้งการ
พูดและการเขียน
เปาหมายการเรียนรู
ความสามารถและทักษะการพูด
- พูดถาม - ตอบเกี่ยวกับบานและละแวกบานของ ลงมือปฏิบัติ/ - กิจกรรม K - ปฏิบัติไดใน
ตนเองได โครงงาน ระดับดี-ดีมาก
- แบบประเมิน - คะแนนเมื่อ
การพูด เทียบกับเกณฑ
ความสามารถและทักษะการเขียน
- เขียนจดหมายแบบไมเปนทางการเพื่อใหขอมูล ลงมือปฏิบัติ/ - กิจกรรม M - ปฏิบัติไดใน
สวนตัวเกี่ยวกับบานหลังใหมและละแวกบานได โครงงาน ระดับดี-ดีมาก
- แบบประเมิน - คะแนนเมื่อ
การเขียน เทียบกับเกณฑ

9. สาระการเรียนรู
9.1 คําศัพท (Vocabulary)
- afford (v) have enough money to pay for (มีเงินพอซื้อ, มีกําลังซื้อ)
- architect (n) a person who designs buildings (สถาปนิก)
- blink (v) shut your eyes and very quickly open them again (กะพริบตา)
- break down (phrv) stop working properly (เสีย)
- call in (phrv) to visit a person or place while you are on your way to somewhere
else (แวะเยี่ยม)
- carry out (phrv) to follow instructions/to do something (ทํา/ปฏิบัติ ตามคําสั่ง, คําแนะนํา,
แผนการ ฯลฯ)
- close-circuit (adj) operating within a limited area such as a building (วงจรปด เชน กลอง
หรือโทรทัศนวงจรปด)
- comfortable (adj) making you feel physically relaxed, for example because the building
is warm and has nice furniture (ใหความรูสึกสบาย, อยางสบาย)
- conventional (adj) traditional/normal (แบบเดิมๆ, แบบทั่วๆ ไป)
- economic (adj) relating to trade, industry and money (เกี่ยวกับเศรษฐกิจหรือ
เศรษฐศาสตร)
- economical (adj) using less money, time etc and without wasting any (ประหยัด)
- far-sighted (adj) able to foresee the future and make good decisions (มองการณไกล,
มีวิสัยทัศน)
- get away with (phrv) to do something wrong and not be punished for it (หนีการลงโทษ)
- go off (phrv) start working, making a loud noise (if an alarm, etc. goes off, it
makes a sudden loud noise) (สัญญาณเตือน ฯลฯ ดังขึ้น)
- go up (phrv) increase in number or value (เพิ่มขึ้น)
- improve (v) make something better/get better ปรับปรุง, ทําใหดีขึ้น)
- intelligent (adj) smart, clever, able to respond properly to different situations (ฉลาด,
อัจฉริยะ)
- landlord (n) a person or company that owns a house, room, an area of land
etc. that people can rent (ชายเจาของบาน, หอง, ที่ดิน ฯลฯ ใหเชา
หากเปนหญิงใชคําวา landlady)
- material (s) (n) the substances that you need for a particular activity such as
building a house (วัสดุ, วัตถุ)
- mortgage (n) a legal agreement in which you borrow money from a bank or similar
organization in order to buy a house, etc. and pay back the money
by making monthly payments over a period of years (การจํานอง)
- neighbor (n) a person who lives next to you or near you (เพื่อนบาน)
- neighborhood (n) the area around you or the area near a particular place (ละแวก
บาน, ยาน ฯลฯ)
- overdraft (n) the amount of money that you owe to a bank when you have spent
more money than you had in your account (เงินเบิกเกินบัญชี)
- pull down (phrv) to destroy a building, especially because it is very old or dangerous
(รื้อ, ทําลาย)
- renovate (v) to repair and paint an old building, furniture, etc. so that it is in good
condition again (ซอมแซม/ทาสี อาคาร เครื่องเรือนเกา ฯลฯ ใหอยูใน
สภาพดีอีกครั้งหนึ่ง)
- routine (adj) common, usual, everyday (เปนกิจวัตร, ประจํา)
- similar (adj) having features that are the same as another’s (คลาย, คลายคลึง)
- solution (n) a way of dealing with a problem or difficult situation so that the
difficulty is removed (ทางแกไขปญหา, ทางออก)
- sophisticated (adj) advanced or complex (ขั้นสูง, ซับซอน)
- sort out (phrv) to organize or tidy something (จัดการใหเรียบรอย, จัดระเบียบ)
- suburb (n) an area where people live which is outside the center of a town or
city (ชานเมือง)
- work out (phrv) to calculate something (คํานวณ)
9.2 การออกเสียง (Pronunciation)
- การออกเสียง -s ที่เติมทายคํานามและคํากริยา สามารถออกเสียงเปน /s/, /z/, /ɪz/ ได โดยมี
กฎการออกเสียงดังนี้
1) -s ออกเสียงเปน /s/ เมื่อ -s ตามหลังคํานามหรือคํากริยาที่ลงทายดวยพยัญชนะเสียงไมกอง
ทุกเสียง ไดแกเสียง /p/, /t/, /k/, /tʃ/, /f/, /θ/, /s/, /ʃ/, /h/ (ยกเวนเสียง /s/, /ʃ/
และ /tʃ/)
2) -s ออกเสียงเปน /z/ เมื่อ -s ตามหลังคํานามหรือคํากริยาที่ลงทายดวยพยัญชนะเสียงกอง
ทุกเสียง ไดแกเสียง /b/, /d/, /g/, /dʒ/, /m/, /n/, /ŋ/, /v/, /ð/, /z/, /ʒ/, /l/,
/w/, /r/, /j/ (ยกเวนเสียง /z/, /ʒ/ และ /dʒ/) รวมทั้งเสียงสระ
3) -s ออกเสียงเปน /ɪz/ เมื่อ -s หรือ -es ตามหลังคํานามหรือคํากริยาที่ลงทายดวยเสียง /s/,
/ʃ/, /tʃ/, /z/, /ʒ/ และ /dʒ/
- ฝกการออกเสียง /s/, /z/, /ɪz/
/s/ /z/ /ɪz/
markets kitchens houses
weeks builders offices
tapes materials villages
stuffs things places
months years watches
photographs says finishes
writes times messages
- ตารางแสดงสัทอักษร (phonetic symbols) สําหรับหนวยเสียงพยัญชนะ
Voiced Consonants Voiceless Consonants

สัทอักษร ตัวอยางคํา สัทอักษร ตัวอยางคํา


/b/ book /p/ pen
/d/ day /t/ town
/g/ get /k/ cat
/dʒ/ jam /tʃ/ chin
/m/ man /f/ fan
/n/ now /θ/ thin
/ŋ/ sing /s/ say
/v/ van /ʃ/ she
/ð/ this /h/ hat
/z/ zoo
/ʒ/ vision
/l/ look
/w/ we
/r/ run
/j/ yes

- สัทอักษร (phonetic symbols) ที่ใชในพจนานุกรม Oxford Advanced Learner’s Dictionary และ


Longman Dictionary of Contemporary English จะเหมือนกัน แตอาจมีบางตัวแตกตางจากที่ใช
ใน Webster’s New World Dictionary of the American Language เนื่องจากพจนานุกรมบางเลม
อาจใชสัทอักษรตางไปจากสัทอักษรสากล (IPA phonetic symbols) ซึ่งผูใชสามารถเทียบเสียงอาน
ไดจากคําอธิบาย/คําแนะนําเรื่องการออกเสียงและการใชอักษรแทนเสียงไดในหนาแรกๆ หรือหนา
หลังสุดของพจนานุกรมนั้นๆ
9.3 โครงสรางทางไวยากรณ (Grammar)
- Present Tenses (Simple Present, Present Continuous, Present Perfect และ Present
Perfect Continuous)
9.4 หนาที่ทางภาษา (Functions of the Language)
- Asking and answering questions about your home and neighborhood
- Writing an informal letter giving personal news
9.5 วัฒนธรรม (Culture)
ตั้งแตทศวรรษที่ 1990 เปนตนมา นักออกแบบชาวอังกฤษไดพยายามผนวกเทคโนโลยี
ที่ชาญฉลาดเขากับความใสใจเรื่องสิ่งแวดลอม สรางบานที่อยูอาศัยสะดวกสบายและไมทําลาย
สิ่งแวดลอม บานที่ไดชื่อวา ”บานฉลาด” หรือ ”บานอัจฉริยะ” (intelligent house) หลังแรกสราง
เสร็จในป ค.ศ.1998 ที่เมืองวัตฟอรต (ทางตอนเหนือของกรุงลอนดอน) มีผูคนเขาเยี่ยมชมในชวง
สองปแรกกวา 1,000 คน ทุกวันนี้มีบานอัจฉริยะอยูใน 5 เขตของประเทศอังกฤษ ซึ่งลวนแตมี
ผูอยูอาศัยทั้งสิ้น และบริษัท Interger ซึ่งรับผิดชอบโครงการบานแนวคิดใหมดังกลาวยังคงพยายาม
คนหาวิธีทําใหบาน ”ฉลาด” ยิ่งขึ้นไปอีก ดูขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบานอัจฉริยะไดที่เว็บไซต
www.integerproject.co.uk
9.6 กลวิธีการเรียนรู (Learning Strategies)
- Reading to identify the main idea of each paragraph
- Listening for gist
9.7 ความสัมพันธกับกลุมสาระการเรียนรูอื่น
- กลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยี
- กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม

10. สื่อและแหลงเรียนรู
10.1 หนังสือเรียน BRIDGE Student Book 6 Unit 1
10.2 หนังสือแบบฝกหัด BRIDGE Workbook 6 Unit 1
10.3 ซีดีบันทึกเสียง Audio CD BRIDGE 6 Unit 1
10.4 พจนานุกรมอังกฤษ - อังกฤษ
10.5 เว็บไซต www.integerproject.co.uk

11. การจัดกิจกรรมการเรียนรู
11.1 ขั้นนําเขาสูบทเรียน (Warm up)
- ครูติดภาพบาน 3 แบบบนกระดานดังนี้ 1) บานเรือนไทยโบราณอยูในบรรยากาศธรรมชาติ
2) บานสมัยใหมแบบบานจัดสรร หรูมีระดับ 3) บานแบบที่นักเรียนพบเห็นในทองถิ่น 4) บานใน
อนาคตที่มีระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย แลวบอกใหนักเรียนทั้งชั้นเดินชมและตัดสินใจเลือกบาน
แบบที่ตนเองชอบโดยยืนอยูหนาภาพบานนั้น
- จากนั้นใหนักเรียนพูดแสดงความคิดเห็นที่มีตอบานแบบที่ตนเองชอบใหเพื่อนๆ ฟง เมื่อนักเรียน
พูดแสดงความคิดเห็นเสร็จแลว ครูแจงใหนักเรียนทั้งชั้นทราบวา นักเรียนจะไดเรียนรูเรื่องบาน
ในอนาคตจากหนวยการเรียนรูนี้
Classroom Language:
T: Look at four houses on the board.
Now I would like you to make a decision what kind of house you like.
Stand in front of your favorite house.
Please tell me why you like this kind of house.
Learning Link
ครูแจงจุดประสงคการเรียนรูโดยใหนักเรียนทุกคนอานกรอบ Learning Link หนา 5 เพื่อให
ทราบวานักเรียนตองรูและปฏิบัติอะไรไดบางใน Unit 1 ดังนี้
- คําและวลีที่ใชในการพูดเกี่ยวกับที่อยูอาศัยและสิ่งตางๆ ในละแวกบาน
- พูดสนทนาถาม-ตอบเกี่ยวกับบานและละแวกบานของตนเอง
- เขียนจดหมายแบบไมเปนทางการเพื่อเลาเรื่องราวเกี่ยวกับตนเอง
- พูดเกี่ยวกับเหตุการณหรือสิ่งตางๆ ในปจจุบันโดยใช Simple Present, Present Continuous,
Present Perfect และ Present Perfect Continuous
A Discuss these questions with a friend.
- ใหนักเรียนทุกคนอานคําถามในกิจกรรมขอ A และทําความเขาใจรวมกันถึงประเด็นใน
การอภิปราย แลวใหจับคูกับเพื่อนผลัดกันอภิปรายคําถามเหลานั้น กอนเริม่ กิจกรรม ครูชี้แจงให
นักเรียนทั้งชั้นฟงวา การอภิปรายครั้งนี้ไมมีคาํ ตอบที่ถูกหรือผิด จุดประสงคของกิจกรรมนี้ก็
เพื่อกระตุนใหนักเรียนไดฝกพูดอภิปรายและทําความเขาใจเกี่ยวกับหัวขอหลักของหนวย
การเรียนรูนี้ รวมทั้งสงเสริมใหนักเรียนไดฝกคิดหรือจินตนาการเทาที่จะเปนไปไดเกี่ยวกับ
บานในอนาคต ตลอดจนถึงวัสดุที่ใชในการกอสรางบาน ระบบใหความอบอุนหรือ
ระบบปรับอากาศภายในบาน เฟอรนิเจอร และเทคโนโลยีตางๆ ที่ใชภายในบาน เปนตน
- ครูถามนักเรียนทั้งชั้นวา อุปกรณหรือเครื่องใชไฟฟาเชน TV, lights, computers, kettles,
CD player, ovens และ burglar alarms นักเรียนคิดวาอุปกรณใดสามารถควบคุมไดอัตโนมัติ
และอุปกรณใดไมสามารถควบคุมไดอัตโนมัติ ใหนักเรียนพูดอภิปรายพรอมทั้งใหเหตุผล
ประกอบ ครูอาจใหนักเรียนแตละคนเขียนแสดงความคิดเห็นของตนเองลงในกระดาษ
แลวแลกเปลี่ยนกันอานกับเพื่อนๆ ในชั้นเรียน หรือครูอาจจะทํากิจกรรมนี้เปนกิจกรรมกลุม
ทั้งชั้นเรียนก็ได กรณีที่นักเรียนมีความคิดเห็นนอย ครูอาจชวยแนะนําใหนักเรียนคิดเกี่ยวกับ
การจัดการขยะหรือสิ่งที่ใชอยางสูญเปลา/สิ้นเปลืองภายในหองตางๆ ของบานเพิ่มเติม
ตัวอยางเชน หองครัว (เศษหอสิ่งของตางๆ, เศษอาหาร, กระปอง, กลอง, น้ํา) หองนอน
(กระดาษ, หอลูกอม, กระปองเครื่องดื่ม, ความรอน, แสงไฟ) เปนตน
Classroom Language:
T: What will the houses of the future look like? Are they like the houses we live in now?
What things will be there in this kind of house? (TV, lights, computers, kettles, CD
players, ovens, burglar alarm etc.)
In this house, we won’t do anything but we just press the switches then everything
is done automatically.
Think of the ways to reduce the waste in our houses.
11.2 ขั้นนําเสนอความรู (Presentation)
Reading Link
B Read the article to find out what an intelligent house can do for the family that lives
in it.
- ใหนักเรียนทุกคนสํารวจบทอาน อานชื่อเรื่อง ดูภาพ แลวครูนําการสนทนา
Classroom Language:
T: What is this article mainly about? (intelligent house)
Do you know what intelligent house is like?
- จากนั้นใหนักเรียนอานยอหนาที่ 1 แลวครูอธิบายวิธีการเขียนบทนํา (introduction) และองค
ประกอบของเรียงความ (essay) หรือบทความ (article) วามีองคประกอบหลัก 3 สวนดังนี้คือ

1. บทนํา (Introduction/Introductory paragraph) คือ บทเริ่มเรื่องหรือเปดเรื่อง เปนการ


เขียนนําผูอานหรือดึงดูดความสนใจของผูอานไปสูเนื้อเรื่อง การเขียนบทนําอาจขึ้นตนดวย
คําถาม ขอคิด ขาว หรือเหตุการณสําคัญ เพื่อใหผูอานเกิดความสนใจ ควรเขียนใหกระชับ
ตรงประเด็น และสอดคลองกับชื่อเรื่อง หากเปนการเขียนเรียงความ (essay) บทนําจะกลาว
ถึงประเด็นที่จะเขียนแบบกวางๆ กอน และทําประเด็นนั้นใหแคบลงในประโยคตอไป แลวจึง
ไปสูประเด็นหลักที่ผูเขียนตองการนําเสนอ (การเขียนมีลักษณะคลายรูปกรวย คือเริ่มจาก
กวางไปแคบจนถึงแคบที่สุด)

2. เนื้อเรื่อง (Body) คือสาระสําคัญของเรียงความหรือบทความ เนื้อเรื่องอาจจะประกอบดวย


หนึ่งยอหนาหรือหลายยอหนาก็ไดซึ่งตองเกี่ยวเนื่องสัมพันธกัน หากมีหลายยอหนา แตละ
ยอหนาจะมีใจความสําคัญ (main idea) ซึ่งจะนําเสนอประเด็นหลักเพียง 1 ประเด็นเทานั้น
และมีรายละเอียด (supporting details) เพื่อขยาย/สนับสนุนประเด็นดังกลาว โดยทั่วไปใจความ
สําคัญมักอยูตอนตนของยอหนา แตอาจอยูตอนกลางหรือตอนทายของยอหนาก็ไดแลวแตวิธี
การเขียน เนื้อเรื่องในแตละยอหนาจะเปนประเด็นยอยที่สนับสนุนประเด็นหลักที่ผูเขียนตองการ
นําเสนอ ลําดับในยอหนาตองมีระเบียบ เชน จากเหตุไปผล ตามลําดับเวลา หรือตามลําดับ
ความสําคัญ เปนตน

3. บทสรุป (Conclusion) อยูที่ยอหนาสุดทายและมีความสําคัญมากสวนหนึ่ง บทสรุปควร


ประกอบดวยการสรุปประเด็นสําคัญของเรียงความหรือบทความนั้นโดยใชคําพูดที่แตกตาง
จากในเนื้อหา และอาจเขียนใหขอคิด ความคิดเห็นเพิ่มเติม หรือขอเสนอแนะที่เปนประโยชน
ทิ้งทายไวใหผูอานไดคิด และทําใหเรียงความหรือบทความนั้นมีความนาสนใจยิ่งขึ้น

- ครูถามนักเรียนทั้งชั้นวา จากบทนําที่อาน ผูเขียนเรื่องนี้นําเรื่องใดมาเชื่อมโยงสูเนื้อหาของ


บทความ (คําตอบ : การเปรียบเทียบการกระทําของรางกายที่ทํากิจกรรมตางๆ ไดอยาง
อัตโนมัติ ซึ่งนาจะมีบานที่ทํากิจกรรมตางๆ ไดอยางอัตโนมัติเชนกัน)
- ใหนักเรียนอานยอหนาที่ 2 แลวตอบคําถามดังนี้
T: Do architects and designers work on intelligent house? (Yes)
What does intelligent house differentiate from modern houses? (Using sophisticated
technology to control many of the routines jobs)
- จากนั้นครูใหนักเรียนแบงกลุมเปน 4 กลุม และมอบหมายใหนักเรียนแตละกลุมอานยอหนา
ที่ 3, 4, 5 และ 6 ตามลําดับ พรอมทั้งบอกใหนักเรียนหาใจความสําคัญ (main idea) และ
รายละเอียด (supporting details) ของยอหนาที่ไดรับมอบหมาย เมื่อนักเรียนทํากิจกรรมเสร็จแลว
ครูใหนักเรียนแตละกลุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นที่สรุปไดซึ่งกันและกัน
- ขณะที่นักเรียนกําลังทํากิจกรรม ครูติดแผนปายใจความสําคัญที่เตรียมไวตามที่ตางๆ บนผนัง
หองเรียน และเมื่อนักเรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเสร็จแลว ใหนักเรียนแตละกลุมเดินสํารวจ
แผนปายเหลานั้น ปรึกษาหารือกัน และพิจารณาเลือกวาแผนปายใดเปนใจความสําคัญของ
ยอหนาที่ 3, 4, 5 และ 6
- ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายสรุปใจความสําคัญและรายละเอียดของแตละยอหนารวมกัน
อีกครั้งหนึ่ง
- ใหนักเรียนตอบคําถามจากบทอาน ”What can an intelligent house do for the family that
lives in it? (ดูเฉลยคําตอบทายเลม)
C Now read the article again and match these headings with paragraph 1 – 6.
- ใหนักเรียนทุกคนอานบทความในกิจกรรมขอ B อีกครั้งหนึ่ง ในการอานครั้งนี้ นักเรียนจะตอง
ตั้งใจอานยอหนาแตละยอหนาอยางละเอียดถี่ถวน เพื่อจับคูหัวขอเรื่องใหสัมพันธกับแตละ
ยอหนา ครูตรวจสอบวานักเรียนเขาใจเนื้อหาในแตละยอหนาตามขอมูลดานลางนี้หรือไม
1. generally comparing houses to bodies
2. houses beginning to use technology to control jobs
3. the basic principles of intelligent housing
4. what the technology actually does
5. life made easy for families living in intelligent houses
6. possible problems with intelligent housing
- ใหนักเรียนอาสาเฉลยคําตอบพรอมแสดงเหตุผลประกอบ จากนั้นครูตรวจคําตอบพรอมกับ
นักเรียนทั้งชั้น (ดูเฉลยคําตอบทายเลม)
- ครูอาจถามคําถามตอไปนี้เพื่อตรวจสอบความเขาใจของนักเรียนทั้งชั้นอีกครั้งหนึ่ง
Comprehension Link
The Comprehension Link in each unit will provide you with extra questions to ask
your students in order to check general understanding of the reading text. The
questions will always be in the order in which the answers occur in the text.
1. What does your body automatically do every day? (many things that are essential
for everyday life)
2. Are houses now starting to think for themselves? (No, but it seems like it.)
3. What has led to houses becoming less expensive and less difficult to heat? (smart
use of building materials and techniques)
4. What is the positive outcome of reusing washing water? (Intelligent homes use 30%
less water than conventional homes.)
5. Has daily life for families living in intelligent houses become easier? (Yes, because
families don’t have to worry about heating or lighting, and there is less work to do
to keep the house clean.)
6. What three problems are designers currently working on to try to improve intelligent
housing even more? (computer systems breaking down, computer viruses and the
fact that intelligent houses aren’t cheap)

Vocabulary Link
D Find these words in the article and circle the correct meaning according to the
context that they have been used.
- กอนทํากิจกรรมขอ D ครูใหนักเรียนทั้งชั้นอานกรอบ Hints ในกิจกรรมขอ D พรอมกัน
- ครูบอกใหนักเรียนยอนกลับไปดูประโยคที่คําศัพทนั้นๆ ปรากฏอยูในกิจกรรมขอ B เพื่อ
พิจารณาความหมายของคําศัพทคํานั้นๆ จากบริบทแวดลอมในบทความ (context) นักเรียน
อาจขีดเสนใตหรือใชปากกาเนนขอความขีดเนนคําศัพทคํานั้นๆ เพื่อใหงายตอการสังเกต
เวลาที่นักเรียนตองการคนหา ครูอธิบายวา บางครั้งความหมายทั้ง 2 ความหมายที่กําหนด
ใหนั้นอาจเปนความหมายที่ถูกตองตามพจนานุกรมแลว นั่นเปนเหตุผลที่นักเรียนจะตองหา
ความหมายที่เหมาะสมตามบริบทแวดลอมในบทความ ครูอาจอธิบายเพิ่มเติมวา ความหมาย
”ผิด” ในที่นี้จึงถือเปนความหมายที่ไมเหมาะสมตามบริบท เชน คําวา afford ความหมายตาม
พจนานุกรมถูกตองทั้งขอ a. และขอ b. แตตามบริบทตองใชความหมายในขอ b. เปนตน
- ใหนักเรียนแตละคนเลือกความหมายของคําศัพทที่ถูกตองตามบริบทในบทความ ครูสุมเรียก
นักเรียนบางคนเฉลยคําตอบพรอมทั้งใหเหตุผลประกอบ (ดูเฉลยคําตอบทายเลม)
E Match the phrasal verbs with their meanings.
- ครูทบทวนความรูของนักเรียนทั้งชั้นโดยถามวา phrasal verbs หรือกริยาวลีคือคําประเภทใด
คําตอบคือคําที่ประกอบดวยสวนที่เปนคํากริยา (verb) และสวนประกอบ (particle) โดยครู
อธิบายวา particle คือคําวิเศษณหรือบุพบทที่ใชกับกริยาเพื่อประกอบเปนกริยาวลี (an adverb
or a preposition that can combine with a verb to make a phrasal verb) คํากริยาวลีที่
นักเรียนพบมักเปนคําที่ประกอบดวยคํากริยาและบุพบท เชน give up (เลิก, ยอมแพ), put off
(เลื่อน), set off (ออกเดินทาง) เปนตน ซึ่งนักเรียนจะเห็นวาเมื่อรวมคํากริยากับบุพบทเขา
ดวยกันแลวความหมายจะเปลี่ยนไปจากเดิม ครูย้ําวากริยาวลีเหลานี้นิยมใชกันมากในภาษา
อังกฤษ ดังนั้นนักเรียนจําเปนตองเรียนรูกริยาวลีตางๆ และพยายามใชในการเขียนและการพูด
ใหบอยที่สุดเทาที่จะทําได หากนักเรียนไมทราบความหมายของกริยาวลีคําใดในกิจกรรมขอ E
ครูควรยกประโยคตัวอยางที่ใชกริยาวลีคํานั้น เพื่อชวยอธิบายใหนักเรียนเขาใจความหมายได
ชัดเจนยิ่งขึ้น ตัวอยางเชน They tore down that old building because it was dangerous.
เปนตน
- ใหนักเรียนแตละคนจับคูกริยาวลีกับความหมายในกิจกรรมขอ E ใหสัมพันธกัน ครูใหนักเรียน
อาสาเฉลยคําตอบและบอกความหมายของกริยาวลีคํานั้นๆ เปนภาษาไทย (ดูเฉลยคําตอบ
ทายเลม)
Teaching Link
ครูตรวจสอบวา นักเรียนแตละคนมีวิธีบันทึกและเรียนรูคําศัพทใหมอยางไร แลวแสดงความ
คิดเห็นเกี่ยวกับขอดีและขอเสียของวิธีการเหลานั้น พรอมทั้งสนับสนุนใหนักเรียนจดบันทึกคําศัพท
ลงในสมุดจดแยกจากสมุดเลมอื่นๆ หรือจดบันทึกลงในสมุดเลมเดียวกับที่นักเรียนจดความรูตางๆ
แตใหแยกสวนคําศัพทออกจากสวนอื่นๆ และย้ําใหนกั เรียนทบทวนหรือฝกฝนการใชคําศัพทอยูเสมอ
นอกจากนั้น ครูอาจใหนักเรียนแตงประโยคโดยใชคําศัพทใหมดวยตนเอง เพื่อชวยใหนักเรียนไดฝก
ใชและจดจําคําศัพทไดดียิ่งขึ้น
ในระดับชั้นนี้นักเรียนควรจะไดรับการสงเสริมใหมีพจนานุกรมภาษาอังกฤษเปนของตนเอง
และพยายามอธิบายความหมายของคําศัพทใหมเปนภาษาอังกฤษดวย
F Now use the phrasal verbs from Task E to complete the sentences below. You will
need to change the form of some of them.
- ใหนักเรียนแตละคนเลือกกริยาวลีในกิจกรรมขอ E มาเติมลงในประโยคในกิจกรรมขอ F ใหได
ใจความสมบูรณ ครูเตือนนักเรียนวา นักเรียนจะตองใชรูปกริยาวลีใหถูกตองตามหลักไวยากรณ
ดวย
- ครูตรวจคําตอบพรอมกับนักเรียนทั้งชั้น (ดูเฉลยคําตอบทายเลม)
G Circle the words that complete the sentences correctly.
- ครูอธิบายวา ในการทํากิจกรรมที่มีลักษณะเดียวกับขอ G นักเรียนจะตองใสใจกับคําศัพทที่
มักใชสันสนไดงายๆ เนื่องจากการสะกดหรือความหมายของคําศัพทนั้นๆ และจําเปนตอง
ศึกษาความหมายของคําศัพททั้ง 2 คําในแตละประโยคเพื่อเลือกคําศัพทที่เหมาะสมและถูกตอง
- ใหนักเรียนแตละคนเลือกวงกลมลอมรอบคําศัพทในกิจกรรมขอ G ที่ทําใหประโยคไดใจความ
สมบูรณ ครูย้ําใหนักเรียนพิจารณาความหมาย (meaning) และชนิดของคํา (parts of speech)
ที่ถูกตองและเหมาะสมกับประโยคแตละประโยค ตัวอยางเชนในขอ 1
Jenny’s new dishwasher is very _______; it doesn’t use as much
electricity as her old one.
ครูถามนักเรียนทั้งชั้นวา คําชนิดใดที่สามารถวางไวหลัง verb to be ได ครูอาจยกตัวอยาง
ประโยคใหนักเรียนพิจารณา เชน
I am very hungry.
Her work is very good.
The automobile industry is very important to this area.
ครูถามนักเรียนวา hungry, good และ important เปนคําชนิดใด (คําตอบ : เปนคําคุณศัพท/
adjective) ครูอธิบายเพิ่มเติมวา คําคุณศัพทคือคําที่ใชขยายคํานามหรือสรรพนาม คือบอกให
ทราบวาคํานามหรือสรรพนามนั้นมีลักษณะ คุณสมบัติ ฯลฯ อยางไร โดยทั่วไปตําแหนงของ
คําคุณศัพทในประโยคจะวางได 2 แบบคือ (1) หนาคํานามที่ขยาย หรือ (2) อยูหลัง verb to be
เมื่อคําคุณศัพทนั้นขยายคํานามหรือสรรพนามที่อยูหนา verb to be
- ครูอธิบายตอไปวา ดังนั้นคําตอบที่นักเรียนควรพิจารณาเลือกคือคําคุณศัพท แตเนื่องจาก
economic และ economical เปนคําคุณศัพททั้งคู จึงตองพิจารณาความหมายเปนลําดับตอไป
นั่นคือ economic มีความหมายวา เกี่ยวกับเศรษฐกิจ และ economical มีความหมายวา
ประหยัด เพราะฉะนั้นคําตอบที่นักเรียนควรเลือกคือ economical เพราะ economical เปน
คําคุณศัพทที่ขยาย Jenny’s new dishwasher วาเปนเครื่องลางจานที่ประหยัดมาก ครูอาจ
อธิบายเพิ่มเติมวา คําวา very ในประโยคทุกประโยคขางตนเปน adverb of degree คือเปน
คํากริยาวิเศษณที่บอกระดับหรือปริมาณความมากนอย คํากริยาวิเศษณประเภทนี้จะทําหนาที่
ขยายคําคุณศัพทหรือคําวิเศษณดวยกันเอง ซึ่งในตัวอยางขางตนจะทําหนาที่ขยายคําคุณศัพท
คือ hungry, good, important และ economical
- ครูตรวจคําตอบพรอมกับนักเรียนทั้งชั้น (ดูเฉลยคําตอบทายเลม)
Grammar Link
- ครูถามนักเรียนทั้งชั้นเกี่ยวกับ Present Tenses แบบตางๆ ที่นักเรียนเคยเรียนมาแลววามีแบบ
ใดบาง (คําตอบ : Simple Present, Present Continuous, Present Perfect และ Present Perfect
Continuous) และบอกใหนักเรียนชวยกันแตงประโยค Present Tenses ที่เปนตัวอยางของแตละ
แบบ ครูเขียนประโยคตัวอยางเหลานั้นบนกระดาน พรอมทั้งสอนทบทวนเกี่ยวกับโครงสรางของ
Present Tenses แตละแบบใหกับนักเรียน
ตารางสรุปการใช Present Tenses

Tenses and structures How to use


1. Simple Present
โครงสราง ประธาน + กริยาชองที่ 1 (1) ใชกับการกระทําที่เกิดขึ้นเปนประจําหรือเปนนิสัย มักมี
(หากประธานเปนเอกพจน หลังคํา adverbs of frequency อยูในประโยค เชน always,
กริยาตองเติม s หากคํากริยาลงทาย usually, often, sometimes, every day/month/year,
ดวย o, s, x, z, ch, sh, ss ใหเติม es once/twice a day/month/year, hardly, seldom, ชื่อวัน
แตหากกริยานั้นลงทายดวย y และ ในสัปดาห + s ฯลฯ เชน
หนา y เปนพยัญชนะ ใหเปลี่ยน y - I never get up early.
เปน i กอนแลวจึงเติม es แตถาหนา - He always studies hard.
y เปนสระใหเติม s เทานั้น) - We usually play football after school.
(2) ใชกับสิ่งที่เปนขอเท็จจริง และสิ่งที่เปนความจริงตาม
ธรรมชาติหรือทฤษฎีซึ่งเปนที่ยอมรับกันทั่วไป เชน
- Large cities are very busy places.
- The sun rises in the east and sets in the west.
- Water freezes at 32 degrees Fahrenheit or
0 degrees Celsius.
- Oil floats on water.
(3) ใชกับตารางเวลาตางๆ (เชน ตารางเวลาเดินรถ, เที่ยวบิน,
ฯลฯ) การบรรยายกีฬา การวิจารณ การเลาเรื่อง เชน
- The plane to Paris takes off at 7.30 pm.
- And now Rooney crosses the half-way line and
passes the ball to Giggs.
(4) คํากริยาบางคําไมนิยมใชใน Present Continuous Tense
(รูป ing) แตจะใชในรูป Simple Present กริยาเหลานี้
มักเปนกริยาที่แสดงสภาวะ (stative verbs) ความรูสึก
อารมณ ประสาทสัมผัส หรือแสดงความเปนเจาของ
(possession) เชน believe, dislike, hate, hear, hope,
know, like, love, need, prefer, see, smell, taste,
understand, want, own, belong to ฯลฯ เชน
- I like this movie.
- Do you hear the dog barking?
- That house belongs to my grandfather.
Tenses and structures How to use
2. Present Continuous
โครงสราง ประธาน + v. to be (is/ (1) ใชกับเหตุการณหรือการกระทําที่กําลังดําเนินอยูในขณะ
am/are) + กริยาชองที่ 1 เติม -ing ที่พูด มักมี adverbs of time เชน now/right now/just
now, at present, at the moment/at this moment,
Look!, Listen! ในประโยค เชน
- At the moment, I am cleaning my room.
- Listen! The telephone is ringing.
- Please don’t make so much noise. I’m reading.
(2) ใชกับเหตุการณที่เกิดขึ้นหรือกระทําในชวงระยะเวลาใด
เวลาหนึ่ง (ในวันนี้, สัปดาหนี้, เดือนนี้ ฯลฯ) เชน
- We are travelling around Asia this month.
(3) ใชในความหมายอนาคต คือใชกับเหตุการณที่ผูพูดได
เตรียม/วางแผนไวหรือมั่นใจวาจะตองเกิดขึ้นในไมชา
หรือในอนาคตอันใกล เชน
- We’re leaving tomorrow.
(4) ใชกับสถานการณหรือการกระทําที่อยูในสภาวะซึ่งกําลัง
เปลี่ยนแปลง/พัฒนา (มักใชกับคํากริยา/วลี become,
get, grow, change, increase, more and more) เชน
- The earth is becoming warmer.
- More and more people are using the Internet.
3. Present Perfect (1) ใชกับเหตุการณหรือการกระทําที่เกิดขึ้นในอดีตแตไมได
โครงสราง ประธาน + has/have + ระบุเวลาแนชัด และสงผลถึงปจจุบัน เชน
กริยาชองที่ 3 (V3) - Someone has broken a window in our classroom.
- “Where’s your key?” ”I don’t know. I’ve lost it.”
(2) ใชกับเหตุการณหรือการกระทําที่เพิ่งสิ้นสุดลงหรือจบลงไป
ไมนานในขณะที่พูด สังเกตจากคําวา already (เรียบรอย
แลว), just (เพิ่งจะ), yet (ยัง) ในประโยค เชน
- The train has just arrived.
(3) ใชกับเหตุการณหรือการกระทําที่เกิดขึ้นในอดีต และยัง
คงดําเนินตอเนื่องมาจนถึงปจจุบัน และอาจจะดําเนิน
ตอไปในอนาคต สังเกตจากคําวา since (ตั้งแต…..),
for (เปนเวลา…), up to now/up to the present/up until
now (จนถึงขณะนี้/จนกระทั่งปจจุบันนี้) ในประโยค เชน
- I’ve lived in this town since 1999.
Tenses and structures How to use
(4) ใชกลาวถึงสิ่งที่เคยทําหรือไมเคยทําในอดีต โดยมี adverb
คือ ever, never ในประโยค เชน
- Have you ever been to Australia?
- I’ve never seen a whale.
(5) ใชกับการเปรียบเทียบขั้นสูงสุด เชน
- This is the most interesting book I’ve ever read (V3).
4. Present Perfect Continuous - หลักการใชคลายกับ Present Perfect Tense คือใชกับการ
โครงสราง ประธาน + has / have + กระทําหรือเหตุการณซึ่งเริ่มในอดีตและไดกระทําตอเนื่อง
been + กริยาชองที่ 1 เติม -ing มาจนถึงปจจุบัน แต Present Perfect Continuous จะเนน
ความตอเนื่องของการกระทําหรือเหตุการณที่ดําเนินติดตอ
กันและคาดวาจะกระทําตอไปในอนาคต มักใชกับคํากริยา
ที่กระทําอยางตอเนื่องไดและมักมี adverb of time ที่เนน
ความตอเนื่องของเวลา (เชน all + เวลา) ในประโยค เชน
- I’ve been waiting for two hours.
- It has been raining all day.

- ใหนักเรียนศึกษาหลักไวยากรณในกรอบ Grammar Link หนา 9 และตอบคําถามดวยตนเองหรือ


เปนคู แลวครูตรวจคําตอบพรอมกับนักเรียนทั้งชั้น พรอมทั้งอธิบายใหนักเรียนเขาใจชัดเจนยิ่งขึ้น
ถาจําเปน (ดูเฉลยคําตอบทายเลม) จากนั้นใหนักเรียนทุกคนศึกษาโครงสรางทางไวยากรณและ
ตัวอยางประโยคเพิ่มเติมในหัวขอ Grammar Reference Unit 1 หนา 141-142 แลวซักถามประเด็น
ที่ยังสงสัยกับครู ครูตอบคําถามของนักเรียน และบอกใหนักเรียนแตละคนทํากิจกรรมขอ H ตอไป
11.3 ขั้นฝกปฏิบัติ (Practice)
H Circle the correct form of the verbs.
- กอนทํากิจกรรมขอ H ครูใหนักเรียนฟงประโยค Simple Present Tense, Present Continuous
Tense, Present Perfect Tense และ Present Perfect Continuous Tense ที่ครูพูดทีละ
ประโยค แลวใหนักเรียนบอกวาประโยคที่ครูพูดเปน Present Tense แบบใด
1. Listen! The teacher is talking. (Present Continuous Tense)
2. Children usually love their parents. (Simple Present Tense)
3. My friend has been working all day. (Present Perfect Continuous Tense)
4. He has lived here since June. (Present Perfect Tense)
- ใหนักเรียนเลือกวงกลมลอมรอบรูปกริยาที่ถูกตองในกิจกรรมขอ H ตามกฎการใช Present
Tenses ครูย้ําใหนักเรียนสังเกตคําสําคัญที่บงบอกรูปแบบ Present Tense ของประโยคนั้นๆ
เชน for ten years, recently เปนตน
- ครูตรวจคําตอบพรอมกับนักเรียนทั้งชั้น แลวใหนักเรียนบอกเหตุผลหรือคําสําคัญที่เลือกคําตอบ
นั้น (ดูเฉลยคําตอบทายเลม)
I In each line of this paragraph, there is a word that is not needed. Circle the extra
word. Use your knowledge of the present tenses.
- ครูย้ําเตือนนักเรียนวา วิธีที่ดีที่สุดในการทํากิจกรรมขอ I คือ ใหนักเรียนอานเนื้อหาทั้งหมด
อยางเร็ว แลวยอนกลับไปอานตั้งแตตนใหมอีกครั้งหนึ่ง แตครั้งนี้ใหนักเรียนอานทีละประโยค
(ไมใชทีละบรรทัด) และหาคําที่เปนสวนเกินที่ทําใหประโยคนั้นผิดโครงสรางทางไวยากรณ
ครูชี้ใหเห็นวา กิจกรรมนี้จะทดสอบหลักการใช Present Tenses ที่นักเรียนไดเรียนมา ดังนั้น
นักเรียนจะตองใสใจคํากริยาในประโยคเปนพิเศษ
- ใหนักเรียนทํากิจกรรมขอ I โดยเลือกวงกลมลอมรอบคําที่เปนสวนเกินที่ทําใหประโยคนั้นผิด
หลักการใช Present Tenses จากนั้นครูตรวจคําตอบพรอมกับนักเรียนทั้งชั้น พรอมทั้งบอก
ใหนักเรียนบอกเหตุผลที่เลือกคําตอบนั้น (ดูเฉลยคําตอบทายเลม)
Listening Link
J You will hear people talking in six different situations. For questions 1-6, choose
the best answer a, b, or c.
- กอนทํากิจกรรมขอ J ใหนักเรียนทุกคนอานกรอบ Hints และครูเนนกับนักเรียนวา ในกิจกรรม
ขอ J นี้นักเรียนจะไดฝกฟงการสนทนาเพื่อจับใจความสําคัญ (gist) ดังนั้นนักเรียนจึงไมจําเปน
ที่จะตองเขาใจความหมายของคําศัพททุกคําที่ไดยิน
- ครูอธิบายวา ในกิจกรรมนี้ นักเรียนจะไดฟงการสนทนาของบุคคลตางๆ ในสถานการณที่
แตกตางกัน 6 สถานการณ แลวตอบคําถามเกี่ยวกับสถานการณนั้นๆ ครูแนะใหนักเรียนอาน
สถานการณแตละขอใหเขาใจวา มีใครพูดคุยกัน พูดคุยกันดวยเรื่องอะไร และคําถามตองการ
คําตอบอะไร (พิจารณา question words) โดยครูยกตัวอยางขอที่ 1

You hear a man talking on the phone จากการหาคําสําคัญของสถานการณขอที่ 1


to a friend about his new apartment. จะพบวา ชายคนหนึ่งกําลังพูดคุยกับเพื่อน
How does it compare with his old เรื่องอพารตเมนตใหมของเขา คําถามตองการ
one? ทราบวา เมื่อเปรียบเทียบกับอพารตเมนต
เดิมแลว อพารตเมนตใหมเปนอยางไร

- ใหนักเรียนอานตัวเลือกคําตอบของขอที่ 1 และรวมวิเคราะหตัวเลือกเหลานั้นพรอมครู เพื่อ


ทราบแนวทางในการฟง ดังนี้
a. They are similar. คําตอบนี้ระบุวาอพารตเมนตทั้งสองแหงคลายๆ กัน
b. It is on the same floor. คําตอบนี้ระบุวาอพารตเมนตใหมอยูบนชั้นเดียวอพารตเมนตเดิม
c. It is very different. คําตอบนี้ระบุวาอพารตเมนตใหมแตกตางจากอพาตเมนทเดิมมาก
- เมื่อนักเรียนทุกคนเขาใจตัวอยางการวิเคราะหสถานการณและคําตอบแลว ครูเปดซีดีบันทึก
เสียงครั้งที่ 1 ใหนักเรียนฟง โดยเตือนนักเรียนวา ใหนักเรียนฟงอยางตั้งใจและอยาหยุดฟง
เมื่อคิดวาทราบคําตอบแลว แตควรฟงตอไปจนจบ และควรใหความสําคัญกับการฟงครั้งที่ 2
ซึ่งนักเรียนจะไดตรวจสอบวาคําตอบที่เลือกไวเปนคําตอบที่ถูกตองหรือไม หากจําเปน ครูอาจ
เปดซีดีบันทึกเสียงครั้งที่ 3 และหยุดชวงที่เปนคําตอบเพื่อชวยใหนักเรียนหาคําตอบไดงายขึ้น
(ครูอาจชวยนักเรียนวิเคราะหสถานการณและคําตอบทีละขอกอนฟงได)

คําถาม ตัวชี้แนะ (Hints)


1. How does it compare with his old one? …, it’s a far cry from my last place, …
2. How does she feel about it? …, I’ve seen a lot of changes around here,
I suppose some people would say for the
better, but I can’t say I agree with them.
3. What is he going to do? …, you’ll have pulled down all the internal
walls , …., it’ll give you a fresh start. …, I’d
replace the lot.
4. Who is this person? The apartment upstairs is his too, … As
long as we pay the rent on time, things
seem fine.
5. Where is it located? … a comfortable 35-minute train ride from
the heart of the city – but just a two-minute
drive to shopping centers, movies and all
major banks.
6. What does it describe? … magnificent marble mansions stretched
before him, where, in days long gone, the
richest of the rich had lived.
- เมื่อนักเรียนทํากิจกรรมเสร็จแลว ครูตรวจคําตอบพรอมกับนักเรียนทั้งชั้น พรอมทั้งบอกให
นักเรียนบอกเหตุผลที่เลือกคําตอบนั้น (ดูเฉลยคําตอบและ Audioscripts ทายเลม) ขณะที่เฉลย
คําตอบครูอาจเปดซีดีบันทึกเสียงอีกครั้งหนึ่งและใหนักเรียนฟงชวงที่เปนคําตอบ พรอมทั้ง
อภิปรายคําตอบรวมกันจนเปนที่เขาใจ
Speaking Link
K In pairs, take turns asking each other these questions.
- กอนทํากิจกรรมขอ K ใหนักเรียนทุกคนอานกรอบ Hints พรอมครู จากนั้นใหนักเรียนจับคูกับ
เพื่อนผลัดกันถามและตอบคําถาม โดยนักเรียนคนหนึ่งเปน Student A และนักเรียนอีกคนหนึ่ง
เปน Student B
- ครูใหนักเรียนทั้งชั้นอานคําถามของ Student A และ Student B แลวซักถามนักเรียนวาคําถาม
ทั้งหมดที่อานเปนหัวขอเรื่องใด และขอมูลเกี่ยวกับอะไรบางที่นักเรียนจะตองถามและตอบ
- ครูแนะนําใหนักเรียน พยายามตอบใหมากที่สุดเทาที่จะตอบไดและตอบใหตรงประเด็น ตัวอยาง
เชน คําถาม ”What would you like to change about the area where you live?” นักเรียน
ควรคิดคําตอบเกี่ยวกับ roads (ถนน), sports facilities (สถานที่เลนกีฬา/ออกกําลังกาย),
parks (สวนสาธารณะ), shops (รานคา) เปนตน
- หลังจากที่นักเรียนทํากิจกรรมคูเสร็จแลว ครูเสนอแนะคําตอบของคําถามแตละขอ โดยใช
คําศัพทและหลักไวยากรณที่นักเรียนไดเรียนมาแลวในการตอบ
Classroom Language:
T: What is the topic of these questions? (the place to live in)
What information/details (of the place you want to live in) will you ask? (neighborhood,
facilities, the things you want to change, the area of your place, kind of place, people
who live with)
Writing Link
L Read the question and then put the parts of the letter below into the correct order.
You have just moved to a small village, 20 miles from the nearest town. Write a
letter to your best friend telling him/her about your new home.
- กอนทํากิจกรรมขอ L ครูสอนเรื่องการเขียนจดหมายแบบไมเปนทางการ (informal letter)
โดยแจกใบความรูเรื่องรูปแบบการเขียนจดหมายแบบไมเปนทางการใหกับนักเรียนและอธิบาย
สวนประกอบตางๆ ของจดหมายดังนี้

………………………..
………………………..

…………………

………………, 
………………………………………………………………….
………………………………………………………………….
………………………………………………………………….
………………………………………………………………….
…………………………………………………………………. 
………………………………………………………………….
………………………………………………………………….
………………………………………………………………….

……………..…… 
………………..… 
1. Heading (หัวจดหมาย) ประกอบดวยที่อยูของผูเขียนจดหมาย และวันที่ที่เขียนจดหมาย
2. Salutation (คําขึ้นตน) เปนคําทักทาย (greeting) เพื่อเริ่มตนจดหมาย กรณีจดหมาย
สวนตัวถึงเพื่อน/บุคคลใกลชิด จะใช Dear + ชื่อ/ความสัมพันธระหวางผูเขียนกับผูรับ
จดหมาย เชน Dear Jane, Dear Aunt Lucy เปนตน
3. Body of letter (ตัวจดหมาย) คือ ขอความของจดหมายที่บอกจุดประสงคของจดหมาย
ประกอบดวย 3 สวนคือ
(1) ความนํา(introduction)
(2) เนื้อความ เพื่อบอกวัตถุประสงค (purpose)
(3) สรุป (conclusion) เพื่อสรุปเรื่องหรือความมุงหวังในอนาคต
4. Complimentary Close (คําลงทาย) กรณีจดหมายสวนตัวถึงเพื่อน/บุคคลใกลชิด นิยม
ลงทายดวย Love หรือ With love แตหากเปนจดหมายแบบไมเปนทางการประเภทอื่นๆ
คําลงทายจะมีหลายรูปแบบ และมีท้งั แบบอังกฤษและแบบอเมริกัน
5. Signature (ลายเซ็น) คือการลงชื่อผูเขียนจดหมาย เพื่อแสดงใหทราบวาใครเปนผูเขียน

- ใหนักเรียนทุกคนอานคําสั่งและขอความ A - G ในกิจกรรมขอ L จากนั้นครูถามนักเรียนวา


ขอความทั้งหมดที่อยูในจดหมายสวนตัวฉบับนี้เลาถึงเรื่องใด (คําตอบ: new home) ครูเตือน
ใหนักเรียนอานทุกๆ ขอความอยางตั้งใจขณะเรียงลําดับสวนตางๆ ของจดหมายใหถูกตอง
- ครูตรวจคําตอบพรอมกับนักเรียนทั้งชั้น แลวใหนักเรียนอานจดหมายที่เรียงลําดับถูกตองแลว
พรอมกัน (ดูเฉลยคําตอบทายเลม)
11.4 ขั้นนําไปประยุกตใช (Production)
M Read the hints before you write your own letter, using the letter outline below.
(140 - 160 words)
- ครูใหนักเรียนทุกคนอานกรอบ Hints กอนทํากิจกรรมขอ M
- ใหนักเรียนศึกษาโครงรางจดหมาย (Letter Outline) และสมมุติตนเองเปน Jane กําลังวางแผน
ที่จะเขียนจดหมายเลาเรื่องเกี่ยวกับบานใหมของตนเองใหเพื่อนชื่อ Anna ทราบ กอนเขียน
จดหมาย ครูใหนักเรียนทุกคนชวยกันคิดและอภิปรายเกี่ยวกับรายละเอียดตางๆ ของบานใหม
ที่นักเรียนจะเขียน และครูเขียนความคิดเหลานั้นเปนแผนผังบนกระดาน
ตัวอยางแผนผังความคิดเกี่ยวกับบานใหมของ Jane

location in front of the house

neighborhood Jane’s new house things you want to change

family facilities ……………………….

- จากนั้นใหนักเรียนทํากิจกรรมเปนคู สวมบทบาทเปน Jane ชวยกันปรับหัวขอและใส


รายละเอียดตางๆ ในแตละหัวขอ แลวเขียนเปนจดหมายถึง Anna ตามตัวอยางจดหมายใน
กิจกรรมขอ L และตามขั้นตอนที่แนะนําไวใน Letter Outline ความยาวประมาณ 140 - 160 คํา
ครูย้ําใหนักเรียนใชประโยค Present Tenses ที่ไดเรียนรูในบทนี้ประกอบการเขียนดวย
- เมื่อนักเรียนทํากิจกรรมเสร็จแลว ครูนาํ จดหมายทั้งหมดติดหนาหองเรียน นักเรียนและครู
รวมกันประเมินการเขียนจดหมายแตละฉบับ
- ครูอาจเลือกใหนักเรียนทํากิจกรรมนี้เปนการบานแทนได และสามารถดูหัวขอการเขียนเพิ่ม
เติมจากหัวขอ Composition Titles ทายเลม
11.5 ขั้นสรุป (Wrap up)
- ครูอาจเลือกใชขั้นสรุปวิธีใดวิธีหนึ่งหรือทั้ง 2 วิธีดังนี้
วิธีที่ 1 ครูนําเสนอคําถามสําคัญบนกระดาน นํานักเรียนอานและทําความเขาใจคําถาม
1) นักเรียนชวยกันตอบคําถามจากความเขาใจและความทรงจํา
2) นักเรียนเปดหนังสือเรียนเพื่อศึกษาเพิ่มเติมและตรวจสอบความแมนยําอีกครั้ง
3) ครูชวยเสริม เพิ่มเติม และสรุป
4) นักเรียนบันทึกลงสมุดเปนการบานเพื่อไวอางอิงและทบทวนความรู
วิธีที่ 2 ครูใหนกั เรียนเขียนสรุปสิ่งที่ไดเรียนรูจากสิ่งที่ตองรูและปฏิบัติไดลงสมุด พรอมทั้งเขียน
คําศัพทใหมลงในสมุดจดคําศัพทของตนเอง ครูอาจทบทวนคําศัพทและโครงสรางทางไวยากรณ
ที่นักเรียนเขาใจยังไมชัดเจนกอนเรียนบทตอไป

12. กิจกรรมเสนอแนะ ฃ และขอมูลเพิ่มเติมสําหรับครู


- ใหนักเรียนทํากิจกรรมในหนังสือแบบฝกหัด BRIDGE Workbook 6 Unit 1
- ใหนักเรียนฝกการเขียนเพิ่มเติมโดยเลือกหัวขอจาก Composition Titles ดังนี้
(1) สมมุติวานักเรียนไดมีโอกาสเขาพักในบานของบุคคลที่มีชื่อเสียงทานหนึ่ง ใหนักเรียนเขียนจดหมาย
เลาเรื่องเกี่ยวกับบานหลังนั้นใหเพื่อนของนักเรียนไดอาน (140 - 160 คํา)
(2) สมมุติวานักเรียนเพิ่งจะยายออกจากบานมาอยูที่อพารตเมนตของตนเอง ใหนักเรียนเขียนเลาเรื่อง
เกี่ยวกับบานหลังใหมใหนองชายหรือนองสาวไดอาน (140 - 160 คํา)
- ใหนักเรียนเขียนหรือพูดบรรยายหองที่ทํางานไดโดยอัตโนมัติ/หองอัจฉริยะ ในอุดมคติ เชน หองดู
โทรทัศน หองครัว ฯลฯ โดยใชแนวคิดที่ไดเรียนในบทนี้ประกอบการเขียนหรือการพูดของนักเรียน

13. ความคิดเห็นของผูบริหารสถานศึกษาหรือผูท ี่ไดรับมอบหมาย

……………………………………………………………………………………………………………….……..…
…………………………………………………………………………………………………………………….…..
………………………………………………………………………………………………………………………...
………………………………………………………………………………………………………………………...

ลงชื่อ.………………………………………………
( )
ตําแหนง………………………………………………..

14. บันทึกผลการจัดการเรียนรู/ ปญหาอุปสรรค/ขอเสนอแนะ/แนวทางการปรับปรุง

……………………………………………………………………………………………………………….……..…
…………………………………………………………………………………………………………………….…..
………………………………………………………………………………………………………………………...
………………………………………………………………………………………………………………………...

ลงชื่อ.………………………………………………
( )
ตําแหนง………………………………………………..

You might also like