Professional Documents
Culture Documents
8574พล ร ต สุรพงศ์เจริญวัฒน
8574พล ร ต สุรพงศ์เจริญวัฒน
Abstract
One Belt One Road (OBOR). It is the main development strategy that
China has initiated in recent years. The announcement was made by President Jin
Ping in 2013 to increase the connection between China and other countries. On the
route between China and Europe and the Asian countries OBOR initiated. The real
purpose is to Seek support and facilitate Development of infrastructure for energy,
๒
trade and communications. Including all other countries in the path OBOR. Even if it
is presented as a new strategy. Obviously, the OBOR is a continuation of China's
ongoing development strategy. It aims to drive links and trade routes in the region.
Enhance the role of Chinese companies in the international arena. And increase
China's access to the world market. In other words China's Going Out Strategy for
China's Foreign Investment Which continues for more than a decade.
บทนา
นับตั้งแต่ครั้งแรกที่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนได้เริ่มเอ่ยถึงคาว่า “Silk Road” หรือ
เส้นทางสายไหม เมื่อเดือนกันยายน ๒๕๕๖ มาจนถึงวันนี้กาลเวลาได้พิสูจน์แล้วว่า ผู้นาจีนยังไม่ลดละ
ความพยายามที่จะปลุกฟื้นคืนชีพเส้นทางสายไหมเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ทั่วโลก
โดยเฉพาะการยอมควักกระเป๋าตั้งกองทุน Silk Road Fund สูงถึง ๔๐,๐๐๐ ล้านดอลลาร์ เพื่อโชว์
ความจริงใจในการสร้างความร่ วมมือกับประเทศต่างๆ ตามแนวเส้นทางสายไหมในประวัติศาสตร์ที่
ครอบคลุมเกือบทั้งโลก ไม่เฉพาะในภูมิภาคเอเชีย คาว่า One Belt, One Road หรือ อีไต้อีลู่ (Yi Dai,
Yi Lu) ในภาษาจีนกลาง ก็เป็นอีกแนวคิดที่ผู้นาจีนหยิบยกขึ้นมากล่าวบ่อยๆ เช่นกัน ซึ่งคาว่า Belt
ในที่นี้ก็คือ Silk Road Economic Belt ที่ผู้นาจีนเอ่ยขึ้นครั้งแรกในระหว่างการเยือนเพื่อนบ้านใน
เอเชียกลางเมื่อกันยายน ๒๕๕๖ และคาว่า Road ก็คือ Maritime Silk Road ที่ผู้นาจีนกล่าวถึงในอีก
เดือนถัดมา ช่วงระหว่างการเยือนเพื่อนบ้านในอาเซียน ทั้งหมดนี้เป็นเสมือน “คัมภีร์” สาคัญที่ผู้นา
ของจีนจะต้องนาไปหยิบยกเผยแพร่เพื่อหาแนวร่วมในระหว่างการเดินทางเยือนประเทศต่างๆ และ
สะท้อนถึงความมุมานะที่จะปลุกคืนชีพเส้นทางสายไหมในศตวรรษที่ ๒๑ เพื่อใช้เป็นยุทธศาสตร์
สาคัญในการขยายบทบาทและแสวงหาผลประโยชน์ของจีนโดยการเชื่อมโยงกับภูมิภาคต่างๆ โดย
ประเทศไทยเองสามารถตั้ง ข้อสังเกตจากการริเริ่มโครงการ เส้นทางสายไหม และ One Belt One
Road ได้ ดังนี้
ประการแรก เส้นทางสายไหมและ One Belt One Road ถูกริเริ่มและผลักดันสู่แวดวง
ระหว่างประเทศ โดยผู้นาระดับสูงสุดของจีน จึงสะท้อนถึงความแน่วแน่ของจีนในการสร้าง “โมเดล
ใหม่” ในการบูรณาการจีนกับภูมิภาคต่างๆ และกลายเป็นเครื่องมือสาคัญทางนโยบายต่างประเทศ
และภายในประเทศของจีน โดยได้รับการตอบรับอย่างกระตือรือร้นจากรัฐบาลมณฑลหลายแห่งของ
จีน
ประการที่สอง จีนมีบทบาทหลักในฐานะเป็นผู้ริเริ่มและเป็นสถาปนิกออกแบบโครงการ
นี้ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการเข้าสู่ภูมิภาคต่างๆ อย่างแนบเนียนไม่โฉ่งฉ่างและดูไม่น่ากลัว ครอบคลุม
๓
ทั้งกลุ่มอาเซียน เอเชียใต้ เอเชียกลาง เชื่อมโยงไปจนถึงตะวันออกกลาง แอฟริกาและยุโรป ไปจนถึง
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน รวมทั้งการเชื่อมโยง ๒ มหาสมุทร คือ มหาสมุทรแปซิฟิกและอินเดีย
ประการสุดท้าย เส้นทางสายไหม นับเป็นอภิมหาโครงการของรัฐบาลจีนที่ไม่ได้มีเฉพาะ
มิติเศรษฐกิจ หากแต่ครอบคลุมหลากหลาย ทั้งการเมือง สังคม วัฒนธรรม และสาคัญเชิงยุทธศาสตร์
ในการเชื่อมโยงภูมิภาคต่างๆ ที่จีนต้องการใช้เพื่อสร้างเครือข่ายแสวงหาแนวร่วมในการคานอานาจกับ
มหาอานาจอื่น โดยเฉพาะสหรัฐฯ
One Belt One Road คืออะไร
One Belt One Road คื อ โครงการภ ายใต้ ยุ ท ธศาสตร์ One Belt One Road
ประกอบด้วย ๒ ส่วนหลัก คือ วงแหวนเศรษฐกิจเส้นทางสายไหมทางบก และเส้นทางสายไหมทาง
ทะเลแห่งศตวรรษที่ ๒๑ โดยวงแหวนเศรษฐกิจเส้นทางสายไหมทางบก มีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมจีน
กับยุโรปผ่านทางเอเชียกลางและเอเชียตะวันตก ส่วนเส้นทางสายไหมทางทะเล จะเชื่อมจีนกับยุโรป
ผ่านเส้นทางเดินเรือที่เชื่อมผ่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ และแอฟริกา นอกจากสองเส้นทาง
การเชื่อมต่อหลักนี้ โครงการ OBOR ยังรวมถึงการพัฒนาโครงข่ายการเชื่อมโยงระหว่างประเทศ และ
เส้นทางเพิ่มเติมที่จะเชื่อมต่อกับ ๒ ระเบียงเศรษฐกิจสาคัญ
ในเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ จีนได้เปิดเผย วิสัยทัศน์และปฏิบัติการในการร่วมสร้างวงแหวน
เศรษฐกิจบนเส้นทางสายไหมและเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ ๒๑ ซึ่งโครงการจะเป็ น
ประโยชน์แก่ทุกประเทศที่เข้ามาร่วมมือ จะสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจจะพัฒนาความร่วมมือใน
ภูมิภาค จะสร้างความเข้มแข็งในการแลกเปลี่ยน และจะส่งเสริมสันติภาพและการพัฒนา วิสัยทัศน์
OBOR ระบุว่า โครงการนี้ จะใช้สวนอุตสาหกรรมทางเศรษฐกิจเป็นฐานความร่วมมือ ส่วนแผนงาน
ทางทะเลจะเน้นสร้างเส้นทางการคมนาคมที่ “ราบลื่น มั่นคง และมีประสิทธิภาพ” เชื่อมต่อท่าเรือ
สาคัญที่ตั้งอยู่ตลอดเส้นทางเป้าหมายของโครงการ OBOR ภายใต้กรอบนี้
เป้ า หมายส าคั ญ ของ OBOR คื อ “การประสานนโยบาย” เพื่ อ ความร่ ว มมื อ ทาง
ยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างจีนกับประเทศต่าง ๆ ใน OBOR และนโยบายสนับสนุนเพื่อ
ความร่ ว มมื อ ดั ง กล่ า วและโครงการขนาดใหญ่ การเชื่ อ มโยงระบบสาธารณู ป โภค (Facilities
Connectivity) เป็นอีกเรื่องที่ได้รับการให้ความสาคัญ และรวมถึงการปรับปรุงการเชื่ อมโยงระบบ
โครงสร้ างพื้ น ฐาน การก่ อ สร้ างระเบี ย งการคมนาคมระหว่ างประเทศ และการพั ฒ นาเครือ ข่า ย
โครงสร้างระเบียบเศรษฐกิจที่สาคัญของ OBOR โดยแบ่งเส้นทางได้ดังต่อไปนี้
จีน-มองโกเลีย-รัสเชีย
สะพานเศรษฐกิจรัสเชียใหม่
จีน-เอเชียกลาง-เอเชียตะวันตก
๔
จีน-ปากีสถาน
บังคลาเทศ-จีน-อินเดีย-เมียนมาร์
จีน-คาบสมุทรอินโดจีน
โดยพื้ น ฐานข้ามพรมแดนของโครงการนี้ ยังให้ ความส าคั ญ กั บ การพั ฒ นาโครงสร้าง
พื้น ฐานด้านพลั งงานด้วย โดยเฉพาะท่อส่งก๊าซและน้ามัน สายส่ งไฟฟ้ าข้ามแดน และการพัฒ นา
โครงข่ายไฟฟ้าระดับภูมิภาค อีกจุดเน้นสาคัญของโครงการคือ การยกเลิกสิ่งที่เป็นอุปสรรคของการค้า
การลงทุน และการก่อตั้งเขตการค้าเสรีการค้าวิสัยทัศน์ OBOR เน้นการลงทุนในหลากหลายภาค ทั้ ง
ภาคการเกษตร ป่าไม้ ประมง อุตสาหกรรมพิทักษ์สิ่งแวดล้อม และภาคการท่องเที่ยว และเรียกร้องให้
มี ก ารเพิ่ ม ความร่ ว มมื อ ในการส ารวจและพั ฒ นาพลั งงานถ่ านหิ น น้ ามั น ก๊ าซธรรมชาติ พลั งน้ า
นิ วเคลีย ร์ พลั งงานลม และพลังงานแสงอาทิ ตย์ และเพื่อ ทาให้ โครงการนี้เกิดขึ้ นได้จริง จีน จึงจะ
หาทางทาบันทึกความเข้าใจ แผน และข้อตกลงความร่วมมือทวิภาคีใหม่ กับประเทศในพื้นที่เป้าหมาย
OBOR
การบริหารจัดการของ One Belt One Road (OBOR)
OBOR ไม่ใช่สถาบัน และไม่ได้ดาเนินการด้วยการประสานงานขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง
แต่เป็ น โครงการที่ ขับ เคลื่ อนโดยรัฐ บาล และอยู่ภ ายใต้ การดูแลของ กล่ มุ ผู นาเพื่ อความคืบ หน้ า
โครงการ พั ฒ นาโครงการ OBOR (The Leading Group forAdvanceing the Development of
One Belt One Road) ซึ่งมีสมาชิกรวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล และมีประธานเป็น จาง เกา
ลี่ ผู้ ซึ่งเป็น รองประธานาธิบดีป ระเทศจีน และเป็นสมาชิกคณะกรรมการประจากรมการเมืองของ
พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนด้วย บทบาทที่ชัดเจนของกลุ่มนี้แทบไม่เป็นที่รับรู้เลย แต่การที่
๕
สมาชิกกลุ่มประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูงดังกล่าวก็สะท้อนให้เห็นแล้วว่ากลุ่มนี้มีความสาคัญเพียงไร
ในสายตาของบรรดารัฐบาลสมาชิก
จี น ก าลั ง อยู่ ร ะหว่ า งการพั ฒ นาแผนงานรายภาคเป็ น การเฉพาะ ทั้ ง ภาคพลั ง งาน
การเกษตร พิทักษ์สิ่งแวดล้อม การศึกษและความร่วมมือทางวัฒนธรรม ภายใต้โครงการนี้ อย่างไรก็
ตาม เอกสารวิสัยทัศน์ OBOR ระบุว่า การพัฒนาของโครงการเป็นกระบวนการที่ยืดหยุ่น แตกต่างกัน
ไปในแต่ละพื้ นที่ และมีจีนทาหน้าที่ประสานประเทศต่าง ๆ ตลอดเส้นทาง OBOR “เพื่อหาข้อสรุป
เรื่องตารางเวลา แผนที่นาทาง และความสอดคล้องกัน ของโครงการพัฒนาระดับชาติและแผนความ
ร่วมมือระดับภูมิภาค” พิจารณาจากธรรมชาติโดยรวมของ OBOR อีกหลายตัวละครดูเหมือนจะเข้า
มามีส่วนในโครงการอนาคตของ OBOR รวมทั้ง หน่วยงานรัฐจีน ที่รับผิดชอบด้านการลงทุนนอก
ประเทศ หน่วยงานระดับชาติหรือรองๆ ลงไปของบรรดาประเทศเจ้าภาพ ผู้บังคับใช้กฎหมาย บริษัท
สัญชาติจีน บริษัทร่วมลงทุนที่ไม่ใช่สัญชาติจีน สถาบันการเงินทั้งของรัฐและเอกชนหลากหลาย และ
อื่นๆการคุ้มครองด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมของ OBOR
รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ประกาศว่า OBOR จะดาเนิ น การ
“หารืออย่างกว้างขวาง” และแบ่งปันผลประโยชน์อย่างโปร่งใสและเปิดกว้าง ทั้งนี้ วิสัยทัศน์ OBOR
ได้ระบุถึงภาระผูกพันแบบกว้างๆ ไว้จานวนหนึ่ง รวมถึงการส่งเสริมโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
และ เรียกร้องให้บริษัทที่ดาเนินการภายใต้ OBOR เข้าไปมีส่วนในเศรษฐกิจการจ้างงานและวิถีชีวิตใน
ระดับท้องถิ่น นอกจากนี้ยังระบุว่า การดาเนินโครงการควรส่งเสริมทิศทาง “สีเขียว” และ “คาร์บอน
ต่า” คานึงถึงผลกระทบในมิติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกอย่างเต็มที่อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก
มีตัวละครจากหลากหลากหลายภาคส่วนเข้ามาเกี่ยวข้องในขั้ นตอนดาเนินโครงการ จึงไม่มีชุดของ
มาตรฐานหรือแนวทางที่ชัดเจนในการประยุกต์การดาเนินการด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม หรือด้านอื่น
ๆ ยิ่งไปกว่านั้น โครงการมีพันธะผูกพันที่จะต้องดาเนินการตามกฎหมายและระเบียบภายในประเทศ
เช่นเดียวกับ พัน ธะต่อนโยบายและ4มาตรการคุ้มครองของบรรดาสถาบันเงินทุนและองค์กรอื่นที่
เกี่ยวข้องในแต่ละโครงการ ตัวอย่างเช่น หาก AIIB ให้การนับสนุนโครงการหนึ่งบนเส้นทาง One Belt
One Road กรอบมาตรการด้ า นสั งคมและสิ่ ง แวดล้ อ มของ AIIB ก็ จ ะถู ก น ามาใช้ เช่ น เดี ย วกั น
ธนาคารเฉพาะด้านของจีนอย่างธนาคารเพื่อการนาเข้าและส่งออกก็จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและ
นโยบายภายในของแต่ล ะท้อ งถิ่น ของโครงการการเงิน ส าหรับ โครงการภายใต้ OBOR โครงการ
ภายใต้ OBOR ต้ อ งการเงิ น หลายพั น ล้ า นดอลลาร์ ในระยะอั น ใกล้ นี้ เงิ น ทุ น เหล่ า นี้ จะมาจาก
หลากหลายแหล่ง ซึ่งหลายแหล่งไม่ใช่แหล่งเงินทุนใหม่ ยกตัวอย่างเช่น ธนาคารเฉพาะกิจของจีน
รวมถึ งธนาคารเพื่ อ การพั ฒ นาจี น ได้ ให้ ก ารสนั บ สนุ น การเงิน กับ หลายโครงการ ซึ่ งปั จจุ บั น เป็ น
โครงการอยู่บนเส้นทาง OBOR มานานกว่าศวรรษแล้ว บรรดาธนาคารพาณิชย์จีนก็มีบทบาทในหลาย
ประเทศตลอดเส้นทาง เช่นเดียวกับกองทุนรวมตราสารทุนและบริษัทด้านการลงทุนของจีนจานวน
๖
มากนั บ แต่ เปิ ด ตัว OBOR องค์ก รเหล่ านี ้ได้มีการตั้ งกองทุน ขึ้นใหม่และรับ เงิน สนับ สนุน เพิ่ มจาก
รัฐบาล หลายกองทุนตั้งขึ้นเพื่อดาเนินการสนับสนุนการเงินเฉพาะแก่โครงการ OBOR ที่รู้จักกันดีก็คือ
กองทุนเส้นทางสายไหม จีนยังได้ประกาศอีกว่า มีแผนจะพิจารณาการขยายโครงการเงินช่วยเหลือ
ต่างประเทศ ที่เน้นสนับสนุนโครงการด้านการคมนาคม พลังงาน และโทรคมนาคมในประเทศตาม
เส้นทาง OBOR
สรุปโครงการ OBOR สะท้อนให้เห็ นถึงการกลับมาให้ความสาคัญกับการส่งเสริมการ
ลงทุน นอกประเทศของจี น โดยเฉพาะในโครงการที่ ขยายการเชื่ อมโยงระดับภูมิภ าค มีการจัดตั้ ง
กองทุน ใหม่ขึ้น มาอีกหลายกองทุน เพื่อสนับสนุนโครงการเป็ นการเฉพาะ และ บรรดาบริษัทและ
สถาบันต่าง ๆ ก็ออกมาสนับสนุนและประกาศแผนเพิ่มการลงทุนและให้กู้แก่โครงการภายใต้ เส้นทาง
นี้ อย่างรวดเร็วหาก OBOR ประสบความสาเร็จในการสร้างโอกาสใหม่สาหรับการลงทุนและระดม
แหล่ งเงิน ทุ น ใหม่ ภาคเอกชนจี น ดูจะได้รับประโยชน์จากสั ญ ญเพื่ อออกแบบ พั ฒ นา และดาเนิ น
โครงการภายใต้นโยบายนี้ โดยเฉพาะกับบรรดารัฐวิสาหกิจจีนที่ได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาลจีนในการ
แสวงโอกาสการลงทุนในกลุ่ม ประเทศ OBOR แต่บริษัทเอกชนจานวนมากก็แสดงการสนับสนุนด้วย
เช่นกัน การเชื่อมต่อที่เพิ่มขึ้นอาจสร้างตลาดใหม่ให้ภาคส่งออกของจีน ขณะเดียวกันก็เป็นการเพิ่ม
การเข้าถึงแหล่ งทรัพยากรธรรมชาติและแหล่ งพลั งงานที่จีน ต้องการอย่างมากด้ว ย นอกจากเพิ่ ม
อิ ท ธิ พ ลให้ จี น ในกิ จ การเศรษฐกิ จ โลกแล้ ว โครงการนี้ ยั ง จะเพิ่ ม โอกาสให้ แ ก่ จี น ในการส่ งออก
เทคโนโลยีและกาลังการผลิตที่เหลือจากความต้องการภายในประเทศอีกด้วยวิสัยทัศน์ OBOR ให้
ความสาคัญกับศักยภาพของการขยายความร่วมมือและการลงทุน เพื่อผลประโยชน์ของจีน และของ
บรรดาประเทศที่ระบบโครงสร้างพื้นฐานยั งอยู่ในระดับด้อยพัฒนา การเพิ่มขึ้นของแหล่งเงินทุนเพื่อ
โครงสร้างพื้นฐานจะได้รับการต้อนรับอย่างดีจากบรรดาประเทศตลอดเส้นทาง OBOR อย่างไรก็ตาม
เพื่อให้โครงการนี้จะสามารถบรรลุพันธะสัญญาที่ว่าจะพัฒ นาแบบ “ได้กันทั้งสองฝ่าย”(WIN-WIN)
นั้น จาเป็นอย่างยิ่งที่การไหลเวียนของการเงินโครงการจะต้องมีความยั่งยืน ไม่ก่อผลกระทบอันตราย
และเกิดประโยชน์อย่างแท้จริงกับกลุ่มเป้าหมายของโครงการนั้น ๆ
สรุป
จาก One Belt One Road ประเทศไทยควรจะเตรีย มความพร้ อ มรั บ มื อ กั บ ความ
เปลี่ยนแปลงทั้ง ๒ มิติ ที่ส่งผลกระทบโดยตรงกับประเทศไทย รวมไปถึงความขัดแย้ง การอพยพ และ
ปัญหาการบริหารจัดการรถไฟ ดังนั้นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือผู้ที่มีความรับผิดชอบในด้านนี้ จึงต้องคิด
ทบทวนพิจารณาโดยละเอียด ตลอดจนคานึงถึงด้าน Soft Infrastructureควบคู่ไปด้วย เช่น กฎหมาย
ระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ ซึ่ง ประเทศไทยเองก็ไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้เท่าที่ควร ซึ่งหากมีการเตรียม
ความพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวฯ ก็ น่าจะได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย ซึ่งเป็นการสร้างความ
เชื่อมโยง การค้า และโอกาสอย่างมหาศาล ที่ได้จากโครงการ OBOR รวมไปถึงเรื่องการถ่ายทอด
เทคโนโลยีของรัฐบาลจีนที่มีต่อประเทศไทยซึ่งส่งผลโดยตรงกับการพัฒนาประเทศไทยในอนาคตได้
อย่างแท้จริง ซึ่งคุณค่าของนโยบาย “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” ของจีน ไม่ได้อยู่ที่เรื่องวัตถุ หรือแค่มี
โครงสร้างพื้นฐาน แต่อยู่ที่การใช้โครงสร้างพื้นฐานเหล่านั้นเชื่อมโยงนักธุรกิจ ประชาชนของแต่ละ
ประเทศเป็นพลังที่แท้จริง และประเทศไทยกาลังเร่งพัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก
(อีอีซี) อย่างเต็มที่ เพื่อเชื่อมกับนโยบาย “One Belt One Road” ของจีนอย่างเป็นเนื้อเดียวกัน
บรรณานุกรม
สธน.ทหาร, ข้อแนะนาและข้อปฏิบัติในการบริหารสัญญาระหว่างประเทศ
สมาคมธุรกิจการส่งออกแห่งประเทศไทย, การสัมมนาทางวิชาการเรื่องการขจัดปัญหาโต้แย้งระหว่าง
ผู้ส่งออกกับประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียวใต้, ๒๕๕๙
http://schillerinstitute.org/strategic/2014/0905-shixiu-1belt_1road.htm
: HKTDC Research (2558)
รายงานของ IDI เรื่อง Making Inroads: Chinese Infrastructure Investment in ASEAN
๑๓
and Beyond การวิจัยและการผลิตเอกสารนี ้ได้รับการสนับสนุนจาก Heinrich-Böll-
Stiftung เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มูลนิธิMcKnight และ มูลนิธPิ lanet Wheeler
พิมพ์โดยได้รับอนุญาตจาก Creative Commons Attribution-NonCommercial-
ShareAlike 4.0 International License