Professional Documents
Culture Documents
ผลการให้น้ำ ขมิ้นชัน ssss
ผลการให้น้ำ ขมิ้นชัน ssss
บทคัดยอ
เทคโนโลยีของการใหน้ําชลประทาน มีความจําเปนอยางมากสําหรับความสําเร็จในการผลิต
ขมิ้นชันเปนการคาในประเทศไทย อยางไรก็ตามการตอบสนองของผลผลิตขมิ้นชันตอการใหน้ําชลประทานใน
ปจจุบันยังไมมคี วามแนนอนมากนัก ดังนั้นจุดประสงคของการทดลองในครั้งนี้เพื่อตองการทราบวาผลของการ
ใหน้ําชลประทานที่มีตอการเจริญเติบโตและผลผลิตของขมิ้นชัน ทําการศึกษาในสภาพไรที่คณะเทคโนโลยีการ
เกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกลาเจาคุณทหารลาดกระบัง ระหวางเดือนพฤษภาคมถึงเดือนธันวาคม 2545
วางแผนการทดลองแบบ split-plot โดยจัดวางสิ่งทดลองแบบ randomized complete block มีจํานวน 3 ซ้ํา
Main plot ไดแกความถี่ของการใหน้ํา 5 แบบคือใหน้ําทุก 7,10,15,20 และ 30 วัน สวน Subplot คือการให
น้ําในปริมาณทีแ่ ตกตางกัน 2 ระดับคือ ปริมาณน้ําที่ใหเทียบเทากับปริมาณน้ําฝนที่ 20 และ 30 มม. ตามลําดับ
ผลการทดลองนี้ไมพบความสัมพันธระหวางความถี่ของการใหน้ําและปริมาณน้ํา การใหน้ําชลประทานมีผลตอ
การเจริญเติบโตและผลผลิตของขมิ้นชัน การใหน้ําในปริมาณและความถี่ที่นอยลงจะทําใหคาอุณหภูมิใบของ
ขมิ้นชันมีคาเพิม่ ขึ้น แตอัตราการคายน้ําและ Total conductance ของปากใบมีมาคาลดลงขมิ้นชันที่ปลูกใน
แปลงที่ไดระดับน้ําที่ระดับความถี่มากที่สุดคือทุก 7 วัน และในปริมาณที่มากกวาคือ 30 มม. ขมิน้ ชันจะมี
ความสูง, ดัชนีพื้นที่ใบ,น้ําหนักใบ ตนและเหงาแหง, อัตราการเจริญเติบโตและผลผลิตเหงาแหงมีคามากที่สุด
ในขณะที่ขมิ้นชันไดรับน้ําในระดับความถี่ที่นอ ยที่สุดคือทุก 30 วัน และในปริมาณที่นอยกวาคือ 20 มม. ขมิ้นชัน
มีคาดังกลาวต่ําที่สุด
ABSTRACT
Irrigation technologies are necessary for the successful commercial production of turmeric in
Thailand. However, the yield response of turmeric to irrigation, presently, remains inconsistant. Thus,
the objective of this research was to document the effects of water irrigation on growth and yield of
Turmeric. Field study was coducted at Faculty of Agricultural Technology, King Mongkut,s Institute of
Technology Ladkrabang during May to December, 2002. The experimental design was a randomized
complete block with a split-plot arrangement of treatments and three replicates were used. Five
irrigation frequencies (i.e., every 7,10,15,20 and 30 days) were considered as main-plot and two
different water amounts (i.e., 20 mm and 30 mm of water equivalent to rainfall) were considered as
subplot. The results showed that there were no singificant interactions between water frequencies
and amounts. Growth and yield of Turmeric were affected by irrigation. Lower water amount and less
frequent irrigation increased leaf temperature but transpiration rate and total conductance of stomata
were reduced. Turmeric grown under the highest irrigation frequency (every 7 days) and the higher
water amount (30 mm) gave the highest plant height, leaf area index, leaf, stem and rhizome dry
weight, crop growth rate and rhizome dry weight yield where as the least irrigation frequency (every
30 days) and the lower water amount (20 mm) gave the lowest.
Key word : Irrigation, Growth, Yield, Turmeric
E-mail : kdsomyot@kmitl.ac.th
ภาควิชาเทคโนโลยีการผลิตพืช คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกลาเจาคุณทหารลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร 10520
Department of Plant Production Technology , Faculty of Agricultural Technology,
King Mongkut,s Institute of Technology Ladkrabang. Bangkok 10520
คํานํา
ขมิน้ ชัน (Curcuma longa L.) จัดเปนพืชสมุนไพรที่มีความสําคัญพืชหนึ่งของประเทศไทย ประโยชน
ของขมิ้นชัน สวนใหญนํามาใชในการรักษาโรค ซึ่งไดแก เปนยาลดกรดในกระเพาะอาหาร ขับลม และแกปวด
ทองไดดี เปนตน นอกจากนี้ยังนํามาใชประโยชนเปนสียอมผา เครื่องสําอางและอื่น ๆ อีกมากมาย (สํานักงาน
ขอมูลสมุนไพร, 2543) การปลูกขมิ้นชันของเกษตรกรสวนใหญมีการปลูกโดยอาศัยน้ําฝนเปนหลัก บางครั้งฝน
ตกมีการแพรกระจายไมสม่ําเสมอ และปริมาณน้ําฝนที่ตกลงมาในปริมาณนอย จึงไมเพียงพอตอการ
เจริญเติบโตของขมิ้นชันได ถึงแมวาขมิ้นชันจะเปนพืชที่มคี วามสามารถในการทดแลงไดดีก็ตามแตเมื่อไดรับน้ํา
ในปริมาณที่ไมเพียงพอตอการเจริญเติบโตก็อาจมีผลทําใหการเจริญเติบโตทางลําตนลดลง และมีผลตอเนื่องไป
จนถึงผลผลิตเหงาใหมีคาลดลงได สมยศ (2544) พบวา พืชเมื่อไดรับน้ําในปริมาณนอยลงซึ่งไมเพียงพอตอการ
เจริญเติบโต พืชจะแสดงอาการขาดน้ําสังเกตเห็นไดอยางชัดเจน การเจริญเติบโตทางลําตนลดลง ขอบใบแหง
และมวน ลําตนผอม มีการแตกกอนอย และมีผลตอผลผลิตหัวมีคาลดลง ซึ่งในพืชชนิดอื่น เชน เผือกหอมก็ใหผล
เชนเดียวกัน (ศักดิ์สิริ, 2548) จากการสํารวจในแปลงปลูกขมิ้นชันของเกษตรกรในหลายพื้นที่นั้น คณะ
ผูทําการวิจัยพบวาขมิ้นชันในแปลงปลูกมักมีการขาดน้ําอยูเสมอ และมีผลกระทบตอผลผลิตลดลงอยางมาก ซึ่ง
วิธีการหนึ่งที่เปนไปไดก็คือ การใหน้ําแกขมิ้นชันอยางเพียงพอตลอดฤดูปลูกและไมใหขมิ้นชันเกิดการขาดน้ําขึ้น
ก็จะเปนแนวทางหนึ่งในการเพิ่มผลผลิตขมิ้นชันได อยางไรก็ตามการใหน้ําแกขมิน้ ชันในปริมาณและระดับ
ความถี่มากนอยเทาไรจึงจะเหมาะสม จากการตรวจเอกสารพบวายังไมเคยมีการศึกษากันมากอน ดังนั้นจึงได
ทําการศึกษาในครั้งนี้ขึ้น การศึกษาในครั้งนี้จะเปนประโยชนแกเกษตรกรผูปลูกขมิ้นชันเปนอยางมาก เพราะ
เกษตรกรจะไดทราบวาควรใหน้ําแกขมิ้นชันในระดับความถีแ่ ละปริมาณเทาใด ขมิ้นชันจึงจะมีการเจริญเติบโตที่
ดีและใหผลผลิตสูงสุดซึ่งจะเปนการเพิ่มรายไดใหแกเกษตรกรผูปลูกขมิ้นชันไดในอนาคต
อุปกรณและวิธีการ
ทําการทดลองที่แปลงทดลองของคณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกลาเจาคุณ
ทหารลาดกระบัง ระหวางเดือนพฤษภาคมถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2545 โดยวางแผนแบบ Split plot in
randomized complete block design มีจํานวน 3 ซ้ํา Main plot ไดแกความถี่ของการใหน้ํา 5 แบบคือ
ใหน้ําแกขมิ้นชันทุก 7,10,15,20 และ 30 วัน สวน Sub plot ไดแกปริมาณน้ําที่ใหแกขมิ้นชัน 2 ระดับความถี่
คือปริมาณน้ําที่เทียบเทากับปริมาณน้ําฝนเทากับ 20 และ 30 มิลลิเมตร ทําการทดลองโดยปลูกขมิ้นชันลงใน
แปลงยอยขนาด 2x3 เมตร จํานวน 30 แปลงยอย โดยใชทอนพันธุขมิ้นชันที่มีอายุ 11-12 เดือน ทอนพันธที่
นํามาปลูกไดจากแงงของขมิ้นชันที่มีความยาว 10 เซนติเมตร ใชระยะปลูก 20x20 เซนติเมตร หลังจากปลูกใน
ชวงแรกจะมีการใหน้ําแกขมิ้นชันอยางสม่ําเสมอทุก 2 วัน โดยควบคุมการใหน้ําในปริมาณที่จํากัดครั้งละ 10
มิ ล ลิ เ มตร เมื่ อ ขมิ้ น ชั น อายุ 30 วั น จึ ง เริ่ ม ให น้ํ า ตามระดั บ ความถี่ แ ละปริ ม าณน้ํ า ที่ กํ า หนดไว ใ นสิ่ ง ทดลอง
จนกระทั่งเก็บเกี่ยว การใหน้ําจะใหในชวงเวลาเชาที่มีลมสงบโดยใชบัวรดน้ํา สําหรับการดูแลรักษาหลังจากปลูก
ขมิ้นชันจะมีการกําจัดวัชพืชทุกเดือนจนกระทั่งขมิ้นชันเจริญเติบโตคลุมพื้นที่จึงหยุดกําจัดวัชพืช สวนการใส
ปุยจะใสปุยคอกอัตรา 2-3 ตันตอไร เมื่อขมิ้นชันมีอายุได 2 เดือน และเมื่อขมิ้นชันมีอายุ 4 เดือนจะใสปุย
สูตร 15-15-15 อัตรา 50 กิโลกรัมตอไร สวนโรคแมลงที่มีการระบาดในแปลงปลูกขมิ้นชันทําการปองกันแมลง
กัดกินใบโดยฉีดพนยาเซพวิน อัตรา 20 ซีซีตอน้ํา 20 ลิตร และโรคใบจุดฉีดพนยาเบนเลทอัตรา 20 กรัมตอน้ํา
20 ลิตรฉีดพนทุก 2 สัปดาหในชวงที่มีการระบาดมาก
การเก็บขอมูล ทําการตรวจวัดอุณหภูมิใบ อัตราการคายน้ําจากใบและคา Total conductance โดยใช
เครื่องมือ Steady state porometer รุน LI- 1600 ทําโดยสุมวัดใบขมิ้นชันที่มีการขยายตัวเต็มที่จํานวน 3 ใบ แลว
จึงนํามาหาคาเฉลี่ย ซึ่งทําการตรวจวัดเวลาประมาณ 14.00 – 16.00 น. เมื่อขมิ้นชันมีอายุ 90 และ 180 วัน
ตามลําดับ สวนการเจริญเติบโตทางลําตน ไดเก็บตัวอยางของขมิ้นชันที่อายุ 90,120,150 และ 180 วัน หลังปลูก
ตามลําดับ เพื่อนํามาหาคาอัตราการเจริญเติบโตทางลําตนของขมิ้นชัน โดยนําขมิ้นชันทั้งตนมาอบในตูอบที่
อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส เปนเวลานาน 72 ชั่วโมง หรือจนน้ําหนักแหงคงที่แลวจึงนําน้ําหนักแหงไปคํานวณหา
คาของอัตราการเจริญเติบโต ตามวิธีการของ Hunt (1978) สวนความสูง ดัชนีพื้นที่ใบ น้ําหนักใบ ตนและเหงา
แหง รวมทั้งผลผลิตเหงาแหงทําการตรวจวัดครั้งเดียวในชวงเก็บเกี่ยวโดยทําการสุมเก็บขมิน้ ชันจํานวน 1 หลุมตอ
แปลงยอย วัดความสูงของลําตน ดัชนีพื้นที่ใบ สวนน้ําหนักใบ ตนและเหงาแหง นําเขาตูอบเพื่อหาน้ําหนักแหง
ตามลําดับ สําหรับผลผลิตเหงาแหงทําการตรวจวัดโดยเก็บเกี่ยวผลผลิตเหงาของขมิ้นชันในพื้นที่ 1 ตรม.
หลังจากนั้นนํามาเขาตูอบและนํามาชั่งเพื่อหาน้ําหนักแหง
Table 1 Leaf temperature, transpiration rate and total conductance of Turmeric at 90 and 180 DAP as
affected by irrigation frequencies and water amounts.
Leaf temperature Transpiration rate Total conductance
° -2 -1
Treatments ( C) (m mol m s ) (m mol m-2s-1)
90 DAP 180 DAP 90 DAP 180 DAP 90 DAP 180 DAP
Irrigation frequencies Every 7 days 29.22 29.80 0.22 0.22 5.10 5.21
Every 10 days 29.33 30.90 0.21 0.22 4.98 4.90
Every 15 days 30.00 31.35 0.19 0.19 4.30 5.35
Every 20 days 30.62 32.00 0.17 0.18 4.18 4.16
Every 30 days 31.50 33.36 0.16 0.15 3.66 3.99
Water amounts 20 mm 31.13 33.34 0.16 0.15 3.54 3.70
30 mm 29.14 29.63 0.22 0.23 5.34 5.78
LSD (0.05)(Irrigation frequencies) 0.56 1.12 0.03 0.02 0.36 0.24
LSD (0.05)(Water amounts) 0.16 0.70 0.01 0.02 0.07 0.08
C.V. (%)(Irrigation frequencies) 12.47 13.31 7.31 17.38 17.35 17.76
C.V. (%)(Water amounts) 11.44 12.98 14.34 16.91 16.79 14.29
DAP = Days after planting
อุณหภูมิใบของขมิ้นชัน (Table 1) ที่อายุ 90 และ 180 วัน พบวามีความแตกตางกันในทางสถิติ
ขมิ้นชันที่ไดรับน้ําในระดับความถี่ที่ลดลงจะมีผลทําใหอุณหภูมิใบมีคาเพิม่ มากขึ้น อุณหภูมิของใบมีคาสูงที่สุด
เมื่อขมิ้นชันไดรบั น้ําทุก 30 วัน และขมิ้นชันที่ไดรับน้ําทุก 7 วัน มีอุณหภูมิใบต่าํ สุด สวนปริมาณน้ําที่ขมิ้นชัน
ไดรับแตกตางกันพบวา ขมิ้นชันที่ไดรับน้ําในปริมาณนอย (20 มม.) มีอณ ุ หภูมิใบสูงกวาขมิ้นชันที่ไดรับน้ําใน
ปริมาณมาก (30 มม.) แตกตางกัน
อัตราการคายน้ําจากใบ (Table 1) ที่อายุ 90 และ 180 วัน พบวามีความแตกตางกันในทางสถิติ
โดยขมิ้นชันที่ไดรับน้ําในระดับความถีม่ ากจะมีอัตราการคายน้ําจากใบมากกวาขมิ้นชันทีไ่ ดรับน้ําในระดับความถี่
ที่ลดลง อัตราการคายน้ําจากใบของขมิ้นชันที่ไดรับน้ําที่ระดับความถีม่ ากที่สุดคือทุก 7 วัน มีอัตราการคายน้ํา
สูงสุดและขมิ้นชันที่ไดรับน้ําในปริมาณความถี่นอยที่สุด มีอัตราการคายน้ําต่ําสุด สวนขมิ้นชันที่ไดรับน้ําใน
ปริมาณที่แตกตางกัน พบวาขมิ้นชันไดรับน้ําในปริมาณมาก คือ 30 มม. มีอัตราการคายน้ํา มากกวาขมิ้นชันที่
ไดรับน้ําในปริมาณนอยคือ 20 มม. แตกตางกัน
คา Total conductance (Table 1) ของขมิ้นชันที่อายุ 90 และ 180 วัน พบวามีความแตกตางกันในทาง
สถิติ โดยขมิ้นชันที่ไดรับน้ําในระดับความถีท่ ี่นอยครั้งจะมีคา Total conductance มากกวาขมิ้นชันทีไ่ ดรับน้ําใน
ระดับความถี่ทนี่ านครั้งแตกตางกันอยางเดนชัด สวนการใหน้ําในปริมาณที่แตกตางกัน ขมิ้นชันที่ไดรับน้ําใน
ปริมาณมากคือ 30 มม. มีคา Total conductance มากกวาขมิ้นชันที่ไดรับน้ําในปริมาณนอยคือ 20 มม.
Table 2 Plant height, leaf area index (LAI), stem, leaf and rhizome dry weight of turmeric at harvest as
affected by irrigation frequencies and water amounts.
Treatments Plant height LAI Leaf DW Stem DW Rhizome DW
(cm) (g/hill) (g/hill) (g/hill)
Irrigation frequencies Every 7 days 70.62 2.87 7.35 4.31 4.02
Every 10 days 67.93 2.46 6.30 3.82 3.56
Every 15 days 63.27 2.12 5.43 3.38 3.43
Every 20 days 58.40 1.73 4.40 2.79 2.58
Every 30 days 52.58 1.60 4.10 2.42 2.47
Water amounts 20 mm. 52.62 1.48 3.76 2.08 2.25
30 mm. 72.50 2.84 7.27 4.62 4.17
LSD (0.05)(Irrigation frequencies) 8.53 0.39 2.49 0.31 0.66
LSD (0.05)(Water amounts) 2.21 0.40 1.37 0.76 1.09
C.V. (%)(Irrigation frequencies) 11.14 19.12 18.21 12.10 16.85
C.V. (%)(Water amounts) 12.25 14.74 15.76 14.53 21.72
DW = Dry weight
ความสูงของขมิ้นชัน (Table 2) เมือ่ ไดรับน้ําในระดับความถี่และปริมาณที่แตกตางกันพบวาเมือ่ ใหน้ํา
ในระดับความถี่ทุก 7 วัน ขมิ้นชันมีความสูงมากที่สุดเทากับ 70.62 ซม. และขมิ้นชันจะมีความสูงลดลงเมื่อ
ไดรับน้ําที่ระดับความถี่ทุก 10,15,20 และ 30 วัน โดยมีความสูงลดลงเทากับ 3.81, 10.41, 17.30 และ 25.55
เปอรเซ็นต ตามลําดับ เมือ่ เปรียบเทียบกับขมิ้นชันที่ไดรับน้ําทุก 7 วัน สวนปริมาณน้ําที่ขมิ้นชันไดรับแตกตาง
กันพบวา ขมิน้ ชันที่ไดรับน้ําในปริมาณมากคือ 30 มม. ขมิ้นชันจะมีความสูงมากกวาขมิ้นที่ไดรับน้ําในปริมาณ
นอยกวา คือ 20 มม. เทากับ 27.42 เปอรเซ็นต
ดัชนีพื้นที่ใบและน้ําหนักใบแหงของขมิ้นชัน (Table 2) เมือ่ ไดรับน้ําในระดับความถี่ทบี่ อยครั้ง คือ ทุก 7
วัน ขมิ้นชันมีดชั นีพื้นที่ใบและน้ําหนักแหงมีคามากที่สุด คือมีคาเทากับ 2.87 และ 7.35 กรัมตอหลุมตามลําดับ
และเมื่อความถี่ของการใหน้ําลดลง ดัชนีพื้นที่ใบและน้ําหนักใบแหงมีคาลดลงเปนลําดับ ขมิ้นชันที่ไดรับน้ําใน
ระดับความถี่ทนี่ านครั้งคือทุก 30 วัน ขมิ้นชันมีดัชนีพื้นที่ใบและน้ําหนักใบแหงนอยที่สุดเทากับ 1.60 และ 4.10
กรัมตอหลุมตามลําดับ สวนขมิ้นชันที่ไดรับน้ําในปริมาณทีแ่ ตกตางกัน ขมิ้นชันที่ไดรับน้ําในปริมาณมาก (30
มม.) จะมีคาของดัชนีพื้นที่ใบ และน้ําหนักใบแหงมากกวาขมิ้นชันที่ไดรับน้ําในปริมาณนอย (20 มม.) แตกตาง
กันในทางสถิติ
น้ําหนักตนและเหงาแหงของขมิ้นชัน (Table 2) เมื่อไดรับน้าํ ในระดับความถี่ที่แตกตางกันพบวาขมิ้นชัน
ที่ไดรับน้ําในระดับความถีม่ ากที่สุดคือ ทุก 7 วัน มีคาของน้ําหนักตนและเหงาแหงมากที่สุดเทากับ 4.31 และ
4.02 กรัมตอตนตามลําดับ เมื่อขมิ้นชันไดรับน้ําในระดับความถี่ที่ลดลงคือไดรับน้ําทุก 10, 15 และ 20 วัน
ขมิ้นชันจะมีน้ําหนักตนและเหงาแหงลดลงเปนลําดับ ขมิ้นชันไดรับน้ําในระดับความถี่ที่นอ ยที่สุดคือ ทุก 30 วัน
มีน้ําหนักตนและเหงาแหงนอยที่สุด เทากับ 2.42 และ 2.47 กรัมตอหลุมตามลําดับ สวนปริมาณน้ําที่ขมิ้นชัน
ไดรับแตกตางกันพบวาขมิ้นชันที่ไดรับน้ําในปริมาณมาก คือ 30 มม. จะมีน้ําหนักตนและเหงาแหงมากกวา
ขมิ้นชันที่ไดรับน้ําในปริมาณนอยคือ 20 มม. แตกตางกันในทางสถิติ
Table 3 Crop growth rate (during 90 to 120 DAP and 150 to 180 DAP) and rhizome dry weight at
harvest of Turmeric as affected by irrigation frequencies and water amounts.
Crop growth rate Rhizome dry weight at
2
Treat ments (g/m /day) harvest
90-120 DAP 150-180 DAP (kg/rai)
Irrigation frequencies Every 7 days 0.51 2.14 4430
Every 10 days 0.33 1.60 3622
Every 15 days 0.29 1.45 3188
Every 20 days 0.23 1.21 2762
Every 30 days 0.14 0.83 2495
Water amounts 20 mm. 0.33 1.58 2208
30 mm. 0.27 1.32 4389
LSD (0.05)(Irrigation frequencies) 0.03 0.08 143
LSD (0.05)(Water amounts) 0.03 0.03 138
C.V. (%)(Irrigation frequencies) 14.73 10.68 13.59
C.V. (%)(Water amount) 12.37 8.92 10.38
DAP = Days after planting
อัตราการเจริญเติบโตของขมิ้นชัน (กรัม/ตรม./วัน) ที่อายุ 90-120 วัน และ 150-180 วัน (Table 3)
พบวาอัตราการเจริญเติบโตของขมิ้นชันมีคาเพิ่มขึ้นเมื่อขมิน้ ชันมีอายุเพิม่ ขึ้น ขมิ้นชันที่ไดรับน้ําในระดับความถี่ที่
บอยครั้งคือ ทุก 7 วัน จะมีอตั ราการเจริญเติบโตมากที่สุด สวนขมิ้นชันทีไ่ ดรับน้ําความถี่ที่นอยครั้งคือ ทุก 30 วัน
มีอัตราการเจริญเติบโตต่ําสุด สวนปริมาณน้ําที่ใหแกขมิ้นชันแตกตางกันพบวาขมิ้นชันทีไ่ ดรับน้ําในปริมาณมาก
คือ 30 มม. มีอัตราการเจริญเติบโตมากกวาขมิ้นชันที่ไดรับน้ําในปริมาณนอยคือ 20 มม. แตกตางกัน ทั้ง 2 ชวง
อายุการเจริญเติบโต
ผลผลิตเหงาแหงของขมิ้นชันชวงเก็บเกี่ยว (Table 3) พบวา การใหน้ําทีร่ ะดับความถีบ่ อ ยครั้ง ขมิ้นชัน
จะมีผลผลิตเหงาแหงมากที่สุดโดยเฉพาะขมิ้นชันที่ไดรับน้ําทุก 7 วัน ใหผลผลิตเหงาแหงมากถึง 4,430 กก.ตอไร
ซึ่งมีคามากกวาขมิ้นชันที่ไดรับน้ําในระดับความถี่ลดลงคือใหน้ําทุก 10,15,20 และ 30 วัน มากถึง
18.23,20.90,37.64 และ 43.67 เปอรเซ็นตตามลําดับ สวนขมิ้นชันที่ไดรับน้ําในปริมาณมาก คือ 30 มม. มี
ผลผลิตเหงาแหงเทากับ 4,389 กิโลกรัมตอไร ซึ่งมีคามากกวาขมิ้นชันที่ไดรับน้ําในปริมาณนอย คือ 20 มม. มาก
ถึง 49.7 เปอรเซ็นต
วิจารณและสรุป
จากผลการทดลองนี้ชี้ใหเห็นวา ขมิ้นชันเปนพืชที่มีความตองการน้ํามากตลอดฤดูปลูก โดยเฉพาะ
ขมิ้นชันที่ไดรับน้ําอยางสม่ําเสมอระดับความถี่ที่บอยครั้งและในปริมาณที่มาก ขมิ้นชันจะมีการเจริญเติบโตทาง
ลําตนที่ดี และใหผลผลิตสูงสุด เมื่อเปรียบเทียบกันกับขมิ้นชันที่ไดรับน้ําในระดับความถี่และปริมาณที่ลดลง
ขมิ้นชันจะมีการเจริญเติบโตทางลําตนและการใหผลผลิตก็มีคาลดลงเปนลําดับ สวนขมิ้นชันที่ไดรับน้ําที่ระดับ
ความถี่นอยที่สดุ และปริมาณน้ําที่ไดรับน้ํานอยที่สุดก็มีผลทําใหขมิ้นชันมีการเจริญเติบโตทางลําตน และใหผล
ผลิตนอยที่สุดแตกตางกันในทางสถิติ การที่ขมิ้นชันไดรับน้ําในระดับความถี่และปริมาณที่ลดลงนี้จะมีผลทําให
ขมิ้นชันเกิดการขาดน้ําขึ้นได ซึ่งผลของการขาดน้ํานี้จะมีผลกระทบตอการเจริญเติบโตและผลผลิตของขมิ้นชัน
ใหมีคาลดลงเปนอยางมาก ซึ่ง Ashley (1983) พบวาพืชเมือ่ ไดรับน้ําปริมาณนอยและมีการขาดน้ําเปน
เวลานาน มีผลทําใหความเตงของใบลดลง ปากใบของพืชจะปดเพื่อลดการคายน้ําของพืช จึงทําใหการ
แลกเปลี่ยนกาซคารบอนไดออกไซดระหวางพืชกับอากาศยุติลง กระบวนการสังเคราะหแสงเกิดขึ้นนอย การ
สรางอาหารจึงมีนอย จึงมีผลทําใหการเจริญเติบโตทางลําตนลดลง การสะสมน้ําหนักแหงทางใบ ลําตน และ
เหงา มีคาลดลงเมื่อเปรียบเทียบกันกับพืชที่ไมขาดน้ํา ซึ่งสอดคลองกับงานทดลองนี้ กลาวคือ ขมิ้นชันเมื่อไดรับ
น้ําในระดับความถี่และปริมาณน้ําที่ลดลงมีผลทําใหอุณหภูมิของใบมีคาเพิ่มมากขึ้น สวนอัตราการคายน้ําจาก
ใบและ Total conductance มีคาลดลง (Table 1) เมื่อเปรียบเทียบกับขมิ้นชันที่ไดรับน้ําในระดับความถี่และ
ปริมาณที่มากและไมมีการขาดน้ํา สิ่งนี้ชี้ใหเห็นวาขมิ้นชันมีการขาดน้ําเกิดขึ้นจึงมีการปรับตัวโดยมีการคายน้ํา
จากใบนอยและปากใบปด สอดคลองกับงานทดลองของ Turk and Hall (1980) ทีพ่ บวาเมือ่ พืชขาดน้ําเปน
เวลานาน พืชจะมีการปรับตัวโดยมีการขยายตัวของใบและการเพิ่มขึ้นของพื้นที่ใบนอยลง เพื่อเปนการลดการ
สูญเสียน้ําออกจากปากใบลดลง ปากใบของพืชจะปด สงผลใหอุณหภูมขิ องใบมีคาสูงขึ้น ซึ่ง นิภา (2531) ได
ทดลองในงาก็ใหผลผลิตทํานองเดียวกัน นอกจากนี้ยังพบไดอีกในพืชชนิดอื่น ๆ อีกหลายชนิด เชน ถั่วพุม
(สมยศ และสมมารถ, 2543) และหญาปกกิ่ง (จุฑามาศ และธีระพนธ, 2547) เปนตน
สวนผลกระทบของการไดรับน้ําในระดับความถี่และปริมาณที่ลดลง ที่มีตอการเจริญเติบโตทางลําตน
และผลผลิตเหงาขมิ้นชันทําใหลดลงนั้น สมยศ และคณะ (2548) รายงานวาพืชเมื่อไดรับน้ําในระดับความถี่และ
ปริมาณที่ลดลงจะมีผลกระทบตอกระบวนการตาง ๆ ของการสังเคราะหแสงลดลง ซึ่งสงผลตอเนื่องไปถึงการ
เจริญเติบโตทางลําตนและการสรางผลผลิตใหมีคาลดลง สอดคลองกับงานทดลองในขมิ้นชันนี้ ที่พบวาเมื่อ
ขมิ้นชันไดรับน้ําในระดับความถี่ที่บอยครั้งคือ ทุก 7 วัน และในปริมาณน้ําที่ไดรับคอนขางมาก คือ 30 มม.
ขมิ้นชันมีการเจริญเติบโตทางลําตน โดยมีความสูง ดัชนีพื้นที่ใบ และน้ําหนักใบแหง น้ําหนักตนแหงและเหงา
แหง (Table 2) อัตราการเจริญเติบโตทางลําตน และผลผลิตเหงาแหง (Table 3) มีคามากที่สุด และเมื่อขมิ้นชัน
ไดรับน้ําในระดับความถี่ที่นานครั้งและในปริมาณที่ลดลงจะมีผลทําใหการเจริญเติบโตทางลําตนและผลผลิต
ลดลงแตกตางกันในทางสถิติอยางเห็นไดชัด ซึ่งสามารถอธิบายไดวาขมิ้นชันเมื่อไดรับน้ําในระดับความถี่และ
ปริมาณน้ําที่ลดลง ขมิ้นชันจะแสดงอาการขาดน้ําเกิดขึ้น ในระยะแรกจะมีผลกระทบตอการเจริญเติบโตเปน
อยางมาก และเมื่อขาดน้ําเปนเวลาที่นานขึ้นก็จะมีผลกระทบตออัตราการสังเคราะหแสงของพืช การสะสม
น้ําหนักแหงทางลําตนและมีผลกระทบตอเนื่องไปจนถึงผลผลิตเหงาแหงมีคาลดลงในที่สุด ซึ่งพืชชนิดอื่น ๆ เมื่อ
ไดรับน้ําในปริมาณนอยและพืชเกิดการขาดน้ําขึ้นก็ใหผลเชนเดียวกัน ไดแก มันฝรั่ง (Hang and Miller, 1986)
และ เผือก (ณัฐวุฒิ, 2546) เปนตน
ดังนั้นในการเพิ่มผลผลิตขมิ้นชันโดยการควบคุมการใหน้ํานี้ แนวทางหนึ่งที่สามารถที่จะนําไปแนะนํา
ใหแกเกษตรกรผูปลูกขมิ้นไดวา ในการปลูกขมิ้นชันที่ดีขมิน้ ชันตองไดรับน้ําอยางสม่ําเสมอและเพียงพอตลอดฤดู
ปลูก โดยควรมีการใหน้ําแกขมิ้นชันในระดับความถี่ทุก 7 วัน และปริมาณน้ําที่ใหเทากับ 30 มม. ขมิ้นชันจะมีการ
เจริญเติบโตที่ดีและใหผลผลิตสูงสุด แตถามีการใหน้ําในระดับความถี่ที่ลดลงและปริมาณน้ําที่ใหนอย จะมีผลทํา
ใหขมิ้นชันเกิดการขาดน้ําขึ้นได ซึ่งการขาดน้ําจะทําใหขมิน้ ชันมีอัตราการเจริญเติบโตทางลําตนนอย การสะสม
น้ําหนักแหงลดลงและการใหผลผลิตเหงาแหงมีคาต่ํา ดังนั้นถาเปนไปไดจึงควรหลีกเลี่ยงที่จะทําใหขมิน้ ชันเกิด
การขาดน้ําขึ้นในแตละชวงอายุการเจริญเติบโต อยางไรก็ตามงานทดลองนี้ยังเปนแคการทดลองแรกเทานั้น
ดังนั้นจึงยังจะตองมีการทดลองเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลการทดลองเพื่อใหเกิดความแนนอนอีกครั้งในอนาคต กอนที่
จะนําวิธีการนี้ไปแนะนําใหเกษตรกรผูปลูกขมิ้นชันไดปฏิบตั ิไดโดยตรง ซึ่งจะเปนแนวทางหนึ่งในการที่จะเพิ่ม
ผลผลิตขมิ้นชันใหมากขึ้นได และเปนการเพิ่มรายไดใหแกเกษตรกรไดมากขึ้นตอไป
เอกสารอางอิง
จุฑามาศ วาสิกรัตน และธีระพนธ ยุพงษฉาย. 2547. ผลของการใหน้ําแตกตางกันที่มีตอการเจริญเติบโตและ
ผลผลิตหญาปกกิ่ง. ปญหาพิเศษปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกลาเจาคุณ
ทหารลาดกระบัง.
ณั ฐ วุ ฒิ จุ ล สงค . 2546. ผลของการขาดน้ํ า ที่ มี ต อ การเจริ ญ เติ บ โตและผลผลิ ต เผื อ กหอมพั น ธุ พื้ น เมื อ ง.
วิทยานิพนธปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกลาเจาคุณทหารลาดกระบัง.
นิภา วีระนันทาเวทย. 2531. การศึกษาความตองการน้ํา การใชน้ําและปริมาณน้ําที่มีตอสรีรวิทยาบางลักษณะ
ของงาพันธุตางๆ. วิทยานิพนธปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยขอนแกน.
ศักดิ์สิริ บางทิพย. 2548. ผลของการขาดน้ําและการใหน้ําที่มีตอการเจริญเติบโตและผลผลิตของเผือกหอมพันธุ
พื้นเมืองในสภาพไร. วิทยานิพนธปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกลาเจา
คุณทหารลาดกระบัง.
สมยศ เดชภิรัตนมงคล. 2544. การตอบสนองของตะไครพันธุพื้นเมือง 2 พันธุตอการขาดน้ํา. วารสารเกษตรพระ
จอมเกลา. 19(2) : 12 - 20.
สมยศ เดชภิรัตนมงคล และสมมารถ อยูสุขยิ่งสถาพร. 2543. ผลของการใหน้ําในระดับแตกตางกันที่มีตอการ
เจริ ญ เติ บ โตและผลผลิ ต ของถั่ ว พุ ม , น. 300 - 308. ใน เอกสารการประชุ ม จัด การวิ ช าการของ
มหาวิ ท ยาลั ย เกษตรศาสตร ครั้ ง ที่ 38 วั น ที่ 1-4 กุ ม ภาพั น ธ 2543. มหาวิ ท ยาลั ย เกษตรศาสตร
กรุงเทพมหานคร.
สมยศ เดชภิรัตนมงคล ธวัชชัย อุบลเกิด และสมมารถ อยูสุขยิ่งสถาพร. 2548. ผลของความถี่ของการใหน้ํา
และปริมาณน้ําที่มีตอการเจริญเติบโตและผลผลิตตะไครพันธุพื้นเมือง, น. 632 – 640. ใน เอกสาร
การประชุ ม วิ ช าการของมหาวิ ท ยาลั ย เกษตรศาสตร ครั้ ง ที่ 43 วั น ที่ 1 - 4 กุ ม ภาพั น ธ 2548.
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร กรุงเทพมหานคร.
สํ า นั ก งานข อ มู ล สมุ น ไพร. 2543. คู มื อ สมุ น ไพรฉบั บ ย อ (1). คณะเภสั ช ศาสตร มหาวิ ท ยาลั ย มหิ ด ล
กรุงเทพมหานคร.
A shley, B. A. 1983. Crop-water relation. John Wiley and Sons Inc, New York.
Hang, A.N. and D.E. Miller. 1986. Yield and physiological responses of potatoes to deficit, high
frequency sprinkler irrigation. Agron. J. 78 : 436-440.
Hunt, R. 1978. Plant growth analysis. Edward Arnold, London, 67 P.
Turk, K.J. and A.E. Hall. 1980. Drought adaptation of cowpea. III. Influence of drought on plant
growth and relation with seed yield. Agron. J.72 : 428-433.