You are on page 1of 2

ฉันชื่อดร. วิลเลียม คาร์เตอร์ สมาชิกของคณะสำรวจแอนตาร์กติกาที่โชคร้ายซึ่ งนำโดยดร.

เอลิซา
เบธ มาร์ชในปี พ.ศ. 2480 ฉันเป็ นผูร้ อดชีวิตเพียงคนเดียวจากการสำรวจครั้งนั้น และตอนนี้ฉนั เขียนเรื่ องราว
นี้ดว้ ยความหวังว่าจะเป็ นประโยชน์ เพื่อเป็ นการเตือนทุกคนที่กล้าเสี่ ยงเข้าไปในถิ่นทุรกันดารน้ำแข็ง
เราออกเดินทางจากเบสแคมป์ ในวันที่อากาศแจ่มใส เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวังกับ
สิ่ งที่รออยูข่ า้ งหน้า ภารกิจของเราคือการสำรวจพื้นที่ห่างไกลของทวีปที่ไม่เคยมีใครไปเยีย่ มชมมาก่อน
สถานที่ที่สญ ั ญาว่าจะมอบขุมทรัพย์แห่งความรู ้ทางวิทยาศาสตร์มากมายมหาศาล
อย่างไรก็ตาม เมื่อเราเดินทางลึกเข้าไปในดินแดนรกร้างที่เยือกแข็ง เราเริ่ มสังเกตเห็นปรากฏการณ์
ที่แปลกประหลาดและไม่สงบ ท้องฟ้ าดูเหมือนจะถูกปกคลุมด้วยความมืดตลอดเวลา ทั้ง ๆ ที่เป็ นเวลาเที่ยง
วัน หิ มะและน้ำแข็งดูเหมือนจะมีรูปร่ างที่แปลกประหลาดและไม่เป็ นธรรมชาติ ราวกับว่ามันมีชีวิตและ
เคลื่อนไหวได้เอง
ในตอนแรก เรามองว่าปรากฏการณ์เหล่านี้เป็ นเพียงกลอุบายของแสง หรื อเป็ นผลมาจากความอ่อน
ล้าและความเหนื่อยล้าของเราเอง แต่เมื่อเราดำดิ่งลึกเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร ความแปลกประหลาดก็ทวีความ
รุ นแรงมากขึ้นเท่านั้นจนกลายเป็ นสิ่ งที่ไม่อาจเพิกเฉยได้
ในที่สุด หลังจากเดินฝ่ าหิมะและน้ำแข็งมาหลายวัน เราก็สะดุดกับบางสิ่ งที่ทา้ ทายเหตุผลและ
ตรรกะทั้งหมด มันเป็ นเมืองโบราณที่ฝังลึกอยูใ่ ต้น ้ำแข็ง มียอดแหลมสู งตระหง่านและโครงสร้างไซโคลเปี ย
ที่แปลกประหลาดซึ่ งดูเหมือนจะปรากฏขึ้นเหนือเราเหมือนภูตผีแห่งอารยธรรมที่ถูกลืมเลือนไปนาน
ขณะที่เราสำรวจเมือง เราเริ่ มค้นพบหลักฐานของอารยธรรมโบราณ อารยธรรมหนึ่งซึ่ งถูกลืมไป
นานแล้วในประวัติศาสตร์ ผนังถูกปกคลุมไปด้วยอักขระและสัญลักษณ์แปลกๆ และอากาศก็หนาทึบด้วย
ความรู ้สึกหวาดกลัวและลางสังหรณ์ที่สมั ผัสได้
ในตอนแรก เราเต็มไปด้วยความพิศวงและทึ่งเมื่อได้เห็นสถานที่โบราณและลึกลับดังกล่าว แต่เมื่อ
เราเจาะลึกเข้าไปในเมืองมากขึ้น เราก็เริ่ มเปิ ดเผยความลับที่น่ากลัวของอารยธรรมที่ถูกลืม
เราได้เรี ยนรู้เกี่ยวกับสิ่ งมีชีวิตโบราณ การบูชาในฐานะเทพเจ้าของชาวเมือง สิ่ งมีชีวิตที่ถูกเนรเทศ
ไปยังอาณาจักรอื่นด้วยความพยายามอย่างยิง่ ยวดที่จะกอบกูอ้ ารยธรรมจากการถูกทำลาย อย่างไรก็ตาม การ
เนรเทศไม่ได้เป็ นไปอย่างถาวร และสิ่ งมีชีวิตในสมัยโบราณก็เริ่ มที่จะปั่ นป่ วนอีกครั้ง
ขณะที่เราวิ่งหนีออกจากเมืองและกลับสู่ อารยธรรม เราตระหนักว่าเราได้สะดุดกับบางสิ่ งที่เกิน
ความเข้าใจของมนุษย์ เราเคยพบสิ่ งมีชีวิตจากดินแดนนอกโลกของเรา สิ่ งมีชีวิตที่ถูกลืมเลือนไปตามกาล
เวลาและถูกฝังอยูใ่ ต้น ้ำแข็งเป็ นเวลานับไม่ถว้ น
และเมื่อเรามองออกไปทัว่ ดินแดนรกร้างอันเยือกแข็งของทวีปแอนตาร์กติกา เราก็รู้วา่ เราได้คน้ พบ
บางสิ่ งที่ควรจะฝังไว้ตลอดไป เราได้ปลุกคนที่ถูกลืมให้ตื่นขึ้น และผลที่ตามมาจะเป็ นไปไม่ได้
เราหนีออกจากเมือง หมดหวังที่จะหนีจากอำนาจอันเลวร้ายที่แผ่ออกมาจากส่ วนลึกของมัน แต่มนั ก็
สายเกินไป. สิ่ งมีชีวิตโบราณถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจากการหลับใหล และพวกมันกำลังมาหาเรา
เราวิง่ ให้เร็ วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่กไ็ ม่มีประโยชน์ สิ่ งมีชีวิตเหล่านี้มีพลังมากเกินกว่าที่มนุษย์
ธรรมดาจะหยุดยั้งได้ สหายของข้าพเจ้าล้มลงทีละคน ถูกกลืนกินโดยพลังที่น่ากลัวของผูท้ ี่ถูกลืม
และตอนนี้ ขณะที่ฉนั เขียนเรื่ องราวนี้ จากที่ปลอดภัยในบ้านของฉันเอง ฉันยังคงรู ้สึกได้ถึงความเย็น
ชาของความกลัวที่เกาะกุมฉันในวันแห่งโชคชะตานั้น ฉันยังคงได้ยนิ เสี ยงกระซิ บของผูท้ ี่ถูกลืม เรี ยกหาฉัน
จากนอกม่านเวลาและอวกาศ
ตอนนี้ฉนั รู้แล้วว่ามีหลายสิ่ งหลายอย่างในโลกนี้ สิ่ งที่เหนือความเข้าใจของมนุษย์ ที่ไม่ควรถูกปลุก
ให้ตื่นจากการหลับใหล ฉันได้เห็นพลังที่น่ากลัวของผูท้ ี่ถูกลืม และฉันรู ้วา่ ผลของความอยากรู ้อยากเห็นและ
ความทะเยอทะยานของเรานั้นมากเกินกว่าที่เราจะทนได้
ดังนั้นจงระวัง

You might also like