You are on page 1of 189

การต้อนรับลู กค้าเป็ นสิ่ งแรกที่ พนักงานนวดแผน

ไทยจะสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า ดังนั้นพนักงานจึง
ควรศึกษารู ปแบบของภาษาอังกฤษในการต้อนรับและใช้
ภาษาอย่างถูกต้องเหมาะสมในทุกขณะ

1. การทักทายในช่ วงเวลาต่ าง ๆ

ทักทายลูกค้าตอนเช้า Good morning. (กุด ม้อร์ นิ่ง.)


ทักทายลูกค้าหลังเที่ยง Good afternoon. (กุด อ้าฟเทอร์นูน.)
ทักทายลูกค้าตอนเย็น Good evening. (กุด อี๊ฟวนิ่ง.)

2. การใช้ คาลงท้ ายกับลูกค้ าทีเ่ ป็ นผู้ชายและผู้หญิง

ในการต้อนรับ พูดคุย ซักถามและให้คาแนะนาแก่ลูกค้าจะต้องใช้คา


ลงท้ายที่เหมาะสม เช่น sir, miss, madam (มาดาม) หรื อ ma’am (แมม) การ
พูดโดยไม่มีคาลงท้ายเหล่านี้จะดูไม่สุภาพ
1
sir (เสอร์ ) สาหรับลูกค้าเป็ นชาย
miss (มิส) สาหรับลูกค้าหญิงสาว
madam/ma’am (มาดาม/แมม) สาหรับลูกค้าผูห้ ญิงที่เป็ นผูใ้ หญ่
gentlemen (เจ็นเทิ่ลเม็น) ส าหรั บ ลู ก ค้า ชายมากกว่ า หนึ่ ง
คน
ladies (เลดีส) สาหรับลูกค้าผูห้ ญิงมากกว่าหนึ่ ง
คน

ตัวอย่าง
Good morning, sir. (กุด ม้อร์ นิ่ง, เสอร์ .)
สวัสดีค่ะ
Please come in, sir. (พลี้ส คัมมิน, เสอร์ .)
เชิญเข้ามาซิคะ
May I help you, madam ? (เมย์ ไอ เฮ้ลพ์ ยู,้ มาดาม?)
ดิฉนั จะช่วยอะไรคุณได้บา้ งคะ ?

3. การเรียกความสนใจ

พนักงานสามารถเรี ยกความสนใจจากลูกค้าให้ฟังตนพูดด้วยการ
กล่าวว่า Excuse me.

2
ตัวอย่าง
Excuse me, sir... (อิกซคิ้วซ มี, เสอร์ ...)
ขอโทษครับ
Excuse me, miss... (อิกซคิ้วซมี, มิส... )
ขอโทษครับ
Excuse me, ma’am/madam … (อิกซคิ้วซ มี, แมม/ มาดาม...)
ขอโทษครับ

4. การขานรับการเรียกของลูกค้ า

การขานรับการเรี ยกของลูกค้าจะใช้วา่
Yes, sir. (เยส, เสอร์ )
Yes, madam. (เยส, มาดาม)
ครับ / ค่ะ

5. การนาเสนอบริการต่ าง ๆ

ธุ รกิ จนวดแผนไทยจัดเป็ นธุ รกิ จบริ ก าร ดัง นั้นพนักงานนวดควร


สามารถแนะน าถึ ง สิ น ค้า และบริ ก ารของร้ า นได้ เช่ น การนวดแผนไทย
(Traditional Thai massage) การนวดน้ ามัน (oil massage) การนวดหน้า

3
(facial massage) การนวดคอและหลัง (neck and back massage)
อบสมุนไพร (herbal sauna) เป็ นต้น

 Would you like a body massage, sir ?


(วุด ยู ไล้ค อะ บ๊อดิ มัสซ้าจ, เสอร์ ?)
คุณต้องการจะนวดตัวไหมคะ ?
 What kind of massage would you like ?
(ว็อท ไคนด์ ออฟ มัสซ้าจ วูด้ ยู ไล้ค ?)
คุณต้องการนวดแบบไหน ?
 What kind of service do you have here?
(ว็อท ไคนด์ ออฟ เซอร์วสิ ดู ยู แฮฟ เฮียร์ ?)
ที่นี่คุณมีบริ การอะไร?
 We have foot massage reflexology, back massage and whole body
massage, sir.
(วี แฮฟว ฟุด มัสซ้าจ ริ เฟล็กโซโลจี้ แบค มัสซ้าจ แอนด์ โฮล บ๊อดิ
มัสซ้าจ, เสอร์ .)
เรามีนวดเท้า นวดหลัง และนวดตัว
 Which would you like, sir ?
(วิช วุด ยู ไล้ค, เสอร์ ?)
คุณต้องการแบบไหน ?

4
 What kind of service are you interested in?
(ว็อท ไคนด์ ออฟ เซอร์วสิ อาร์ ยู อินเทอร์เร๊ สติด อิน?)
คุณสนใจบริ การแบบไหน?
 Would you like to try a one hour foot massage?
(วูด๊ ยู ไล๊ค ทู ไทร อะ วัน อาวร์ ฟุ๊ ต มัสซ้าจ?)
คุณต้องการที่จะลองนวดเท้าหนึ่งชัว่ โมงไหม?
 What are your massage hours?
(ว๊อท อาร์ ยัวร์ มัสซ้าจ อาวร์ ?)
เวลาบริ การนวดที่ร้านของคุณคือกี่โมง?
 Massage hours are from 9 a.m. to 9 p.m.
(มัสซ้าจ อาวร์ อาร์ ฟรอม ไนน์ เอเอ็ม ทู ไนน์ พีเอ็ม.)
เวลาบริ การนวดเริ่ ม 9 โมงเช้าถึง 3 ทุ่ม.

5
ภาษาอังกฤษมีวลีที่จะทาให้การพูดสุ ภาพขึ้น
ในขณะเดี ยวกันก็ มีคาศัพ ท์บางคาหรื อวลี บางวลี ใ น
ภาษาอังกฤษที่ดูเหมือนจะใช้ได้ แต่กลับไม่สุภาพใน
ความรู้สึกของเจ้าของภาษา ผูใ้ ช้ภาษาอังกฤษสามารถ
สัง เกตและระวัง ในการนาไปใช้ เพื่ อให้ก ารสื่ อสาร
ดาเนินไปอย่างราบรื่ น วลีสุภาพและวลีที่ไม่สุภาพปรากฎดังนี้

1. Polite Phrases (วลีสุภาพ)

1.1 การตอบรับอย่ างสุ ภาพ


การตอบรับด้วยคาว่า yes เพียงคาเดียวจะฟังดูห้วน ควรใช้คาว่า of
course หรื อ certainly เมื่อจะตอบรับ

6
ตัวอย่าง 1
ลูกค้า: Do you accept American Express credit cards ?
(ดูยเู อ็กเซ็พท์ อเมริ กนั เอ็กซเพรส เครดิต ค้าร์ด ?)
คุณรับบัตรอเมริ กนั เอ็กซ์เพรสหรื อเปล่าคะ
พนักงาน: Certainly, madam.
(เซ้อร์ ทึนลี่, มาดาม)
รับครับ
ตัวอย่าง 2
ลูกค้า: Can I have a brochure ?
(แคน ไอ แฮฟว์ อะ โบรชัวร์ ?)
ขอโบรชัวร์ผมสักชุดหนึ่ง
พนักงาน: Yes, of course, sir.
(เยส, ออฟ คอร์ส, เสอร์ .)
ได้ครับ

1.2 การตอบปฏิเสธอย่ างสุ ภาพ


การตอบปฏิเสธด้วยคาว่า no คาเดียว จะห้วนและดูไม่สุภาพ ควร
ใช้คาว่า I’m sorry. (ไอม ซ้อรี่ ), I’m afraid …. (ไอม อะเฟรด...) เพื่อขออภัย
เมื่อจะต้องตอบปฏิเสธ

7
ตัวอย่าง 1
ลูกค้า: Can I have coffee instead of herb tea ?
(แคน ไอ แฮฟว์ ค็อฟฟี่ อินสเต็ด อ็อฟ เฮิ้ร์บ ที้?)
ฉันขอกาแฟแทนชาสมุนไพรได้ไหม?
พนักงาน: I’m sorry, madam. We have only herb tea. It’s
good for health.
(ไอม ซ้อรี่ , มาดาม. วี แฮ้ฟว โอ๊นลิ่ เฮิ้ร์บ ที. อิทส
กู๊ด ฟอร์ เฮ้ลธ์)
ขอโทษค่ ะ เรามี แ ต่ ช าสมุ นไพรเท่ า นั้น มันดี ต่ อ
สุ ขภาพนะคะ
ตัวอย่าง 2
ลูกค้า: Do you have any decaffeinated coffee ?
(ดู ยู แฮฟ เอ้นนี่ ดีแคเฟอีเนทิด ค็อฟฟี้ ?)
คุณมีกาแฟสกัดคาเฟอีนบ้างไหม
พนักงาน: I’m afraid not.
(ไอม อะเฟรด น้อท.)
ฉันเกรงว่าจะไม่มีค่ะ

1.3 การสั่ งหรือขอร้ อง


การใช้คาว่า Please ซึ่ งมีความหมายว่า “ได้โปรด” “กรุ ณา” เมื่อ
ถามหรื อเมื่อบอกให้กระทาเป็ นการแสดงความสุ ภาพต่อผูฟ้ ัง
8
 May I have your name, please ?
(เมย์ ไอ แฮ้ฟว์ ยัวร์ เนม, พลี้ส.)
ขอทราบชื่อของคุณครับ
 Please follow me, sir.
(พลีส ฟ้ อลโลว์ มี, เสอร์ .)
กรุ ณาตามผมมาครับ
 Please take off your shoes.
(พลีส เท้ค ออฟ ยัวร์ ชูส์.)
กรุ ณาถอดรองเท้าค่ะ

1.4 การให้ สิ่งของ


เมื่อคุณยืน่ สิ่ งของให้ลูกค้า ให้พดู ว่า
Here you are. (เฮียร์ ยู อาร์ .) นี่ค่ะ

ตัวอย่าง 1
ลูกค้า: Could I see the cream, please ?
(คุด ไอ ซี เดอะ ครี ม, พลี้ส ?)
ขอดูครี มได้ไหม ?
พนักงาน: Here you are, madam.
(เฮียร์ ยู อาร์ , มาดาม)
นี่ค่ะ
9
ตัวอย่าง 2
ลูกค้า: Could I borrow a pen from you ?
(คุด ไอ บ๊อโรว อะ เพ็น ฟร็ อม ยู้ ?)
ผมขอยืมปากกาได้ไหมครับ
พนักงาน: Certainly. Here you are, sir.
(เซ้อร์ ทึนลิ่, เฮียร์ ยู อาร์ .)
ได้ครับ นี่ครับปากกา

แต่ถา้ เป็ นสิ่ งที่ไม่ได้เอ่ยถึงมาก่อน ให้เอ่ยชื่อของสิ่ งนั้นด้วย เช่น

 Here’s your tea, miss.


(เฮียรส์ ยัวร์ ที, มีส.)
น้ าชาของคุณครับ
 Here’s your bill, madam.
(เฮียรส์ ยัวร์ บิ้ล, มาดาม.)
บิลของคุณค่ะ

1.5 การเรียกคิว
ในกรณี ที่มีลูกค้ารอคิวอยูห่ ลายคน พนักงานนวดแผนไทยสามารถ
เรี ยกหรื อถามว่าใครเป็ นคนต่อไปได้ ดังนี้

10
 Who’s next, please ?
(ฮูส เน็กซท์, พลี้ส ?)
ใครเป็ นคนต่อไปคะ
 I believe you’re next, miss.
(ไอ บิล้ ีฟ ยัวร์ เน็กซท์, มีส)
ผมคิดว่าคุณเป็ นคนต่อไป

1.6 การกล่าวตอบรับคาชม
เมื่อพนักงานได้รับคาชมเชยควรจะต้องกล่าวขอบคุณแทนการ
นิ่งเฉย

ตัวอย่าง 1
ลูกค้า: Your English is very good.
(ยัวร์ อิ๊งลิช อิส เว้รี่ กูด้ .)
ภาษาอังกฤษของคุณดีมาก
พนักงาน: Thank you, sir.
(แธ้งคยู, เสอร์ .)
ขอบคุณครับ

11
ตัวอย่าง 2
ลูกค้า: You’ve done a very good job.
(ยูฟ้ ว์ ดัน อะ เว้รี่ กูด้ จ๊อบ.)
คุณนวดได้ดีมาก
พนักงาน: Thank you, ma’am.
(แธ้งค์ ยู, มาดาม.)
ขอบคุณค่ะ

2. Impolite Phrases (วลีไม่ สุภาพ)

ในภาษาอังกฤษ คาบางคาชาวต่างประเทศถือว่าเป็ นคาไม่สุภาพ ซึ่ ง


บางครั้งอาจเป็ นคาที่เราไม่คาดคิดว่าจะเป็ นคาไม่สุภาพได้ เช่น
You ! ยู คานี้ไม่ได้เหมือนการเรี ยกภาษาไทยว่า “คุณ ๆ” การใช้
you ลอย ๆ จะไม่สุภาพ
Hey ! (เฮ้) เฮ้ย
Hey you ! (เฮ้ ยู) เฮ้ย ๆ แกน่ะ
What ? (ว็อท) อะไรนะ
What do you want ? (ว็อท ดู ยู ว้อนท์) คุณต้องการอะไร
Look here ! (ลุค้ เฮียร์ ) ดูนี่ซะ
Wait ! (เว้ท) คอยเดี๋ยว
Wait here ! (เว้ท เฮียร์ ) รอตรงนี้
12
Don’t do that. (ด๊นท์ ดู แด็ท) อย่าทาอย่างนั้นนะ
I can’t help you. (ไอ ค้านท์ (แค้นท์) ช่วยไม่ได้นะ
เฮ้ลพ ยู)
I’m busy ! (ไอม บิ๊ซี่) ฉันไม่วา่ ง
Shut up ! (ชัท อัพ๊ ) หุบปาก
Hurry up ! (เฮ้อริ่ อัพ) เร็ วซิ
Be quick ! (บี ควิก) เร็ วหน่อย
Sign here. (ไซน์ เฮียร์ ) เซ็นตรงนี้

13
1. คาถามเกีย่ วกับความรู้ทางภาษาของคุณ

ลู ก ค้ า ชาวต่ า งชาติ อ าจสอบถามพนั ก งานนวดแผนไทยว่ า “พู ด


ภาษาอังกฤษได้หรื อไม่” ด้วยประโยคต่อไปนี้

 Do you speak English?


(ดู ยู สปิ๊ ค อิ๊งลิช.)
คุณพูดภาษาอังกฤษได้ไหม

14
 Can you speak English?
(แคน ยู สปิ๊ ค อิ๊งลิช.)
คุณสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ไหม

2. การกล่าวตอบ

พนั ก งานสามารถบอกกล่ า วออกตั ว กั บ ลู ก ค้ า ว่ า ตนเองพู ด


ภาษาอังกฤษได้เล็กน้อย

 I speak a little English.


(ไอ สปิ๊ ค อะ ลิทเทิ่ล อิ๊งลิช.)
ดิฉนั พูดภาษาอังกฤษได้เล็กน้อยค่ะ
 I don’t speak much English.
(ไอ ด๊นท์ สปิ๊ ค มัช อิ๊งลิช.)
ผมพูดภาษาอังกฤษไม่ได้มากครับ
 Yes, but not very well.
(เยส, บัท น้อท เวริ่ เวล.)
ได้ค่ะ แต่ไม่ดีมากนัก

15
3. คาพูดเวลาทีย่ งั ไม่ เข้ าใจ

ในระหว่างการสนทนา ถ้าพนักงานฟั งไม่ถนัด อาจกล่าวขอโทษและ


ขอให้ลูกค้าพูดใหม่ ในภาษาอังกฤษแบบอังกฤษ จะพูดว่า Pardon? หรื อ
Sorry? แต่ในภาษาอังกฤษแบบอเมริ กนั จะใช้คาว่า Pardon me? หรื อ Excuse
me? หากพูดว่า What? แปลว่า “อะไร” จะรู ้สึกไม่สุภาพ

Pardon? (พ้าร์ ดึน)


Sorry? (ซ้อรี้ )
Pardon me? (พ้าร์ ดึน มี้)
Excuse me? (อิกซคิ้วซ์ มี)
ขอโทษ (คุณพูดว่าอะไรนะคะ)

เมื่อพนักงานไม่เข้าใจว่าลู กค้าต้องการอะไรพนักงานสามารถพูด
ดังนี้
 Could you say that again please?
(คูด๊ ยู เซ แดท อะเกน พลีส?)
กรุ ณาพูดอีกครั้งค่ะ

16
 Pardon me, sir, I didn’t quite understand what you said.
(พ้าร์ ดึน มี, เสอร์ , ไอ ดิดดึนท์ ไคว้ท์ อัน๊ เดอร์ สแตนด์ ว็อท
ยู เซด.)
ขอโทษครับ ผมไม่เข้าใจในสิ่ งที่คุณพูดครับ
 I’m sorry, miss, but I didn’t catch that.
(ไอม ซ้อร์รี่, มิส, บัท ไอ ดิดดึนท์ แค็ทช แด๊ท)
ขอโทษค่ะ ดิฉนั ฟังไม่ทนั
 Could you repeat that, please ?
(คูด้ ยู รี พ้ ที แด็ท, พลี้ส ?)
กรุ ณาพูดซ้ าได้ไหมคะ
 Could you speak slowly, please ?
(คูด้ ยู สปี๊ ค สโล้วลี่, พลี้ส ?)
กรุ ณาพูดช้า ๆ
 Could you spell that, please ?
(คูด้ ยู สเปล แด็ท, พลี้ส ?)
กรุ ณาสะกดได้ไหมคะ

17
ชาวตะวันตกมักกล่าวคาขอบคุณติดปาก แม้จะเป็ นการให้ หรื อการ
อานวยความสะดวกช่ ว ยเหลื อเพี ย งเล็ ก น้อ ย ดัง นั้น เขาอาจคาดหวัง ค า
ขอบคุณ และถ้าเราไม่ได้ตอบขอบคุณ เขาอาจรู ้สึกว่าเราขาดมารยาท

1. การกล่าวคาขอบคุณ

การกล่าวคาขอบคุณที่ใช้บ่อย มี 3 รู ป คือ

Thanks. (แธ้งคซ์.) ขอบคุณ


Thank you. (แธ้งค์ย.ู ) ขอบคุณ
Thank you very much. (แธ้งค์ยู เวรี่ มชั .) ขอบคุณมาก

นอกจากนั้น อาจมีประโยคต่อไปนี้ แทนที่คาขอบคุณหรื ออยูต่ ่อจาก


คาขอบคุณ เช่น

18
 That is very kind of you.
(แดท์ซ เวรี่ ไคนด์ ออฟ ยู.)
คุณช่างใจดีจริ ง
 That is very thoughtful of you.
(แดท์ซ เวรี่ ท้อทฟุล ออฟ ยู.)
คุณช่างอุตส่ าห์นึกถึง

2. การกล่าวตอบคาขอบคุณ

เมื่ อมี การกล่ าวขอบคุ ณ ก็จะมี คากล่ าวตอบ คนไทยกล่ าวตอบคา


ขอบคุณว่า “ไม่เป็ นไร” ในภาษาอังกฤษแบบอังกฤษ ชาวอังกฤษกล่าวตอบ
ดังนี้
That’s all right. (แด้ทส์ ออล ไร้ท.์ )
That’s okay. (แด้ทส์ โอ เคย์.)
Don’t mention it. (ด๊อนท์ เมนชัน่ อิท.)

ในภาษาอังกฤษแบบอเมริ กนั คือ


You’re welcome. (ยัวร์ เวลคัม.)
You’re most welcome. (ยัวร์ โมสท์ เวลคัม.)
ทั้งหมดมีความหมายว่า ไม่เป็ นไร ยินดีทาให้

19
3. การขอบคุณเมือ่ ได้ รับเงินรางวัล

เมื่อพนักงานได้เงินรางวัลหรื อสิ นน้ าใจ พนักงานควรกล่าวขอบคุณ


ดังนี้
Thank you, ma’am. (แธ้งค์ย,ู มาดาม.)
Thank you very much, sir. (แธ้งค์ยู เว้รี่ มัช, เสอร์ .)

ตัวอย่าง 1
ลูกค้า: Here is a tip for your good service.
(เฮียร์ อิส อะ ทิพ ฟอร์ ยัวร์ กู๊ด เซ้อร์ วสิ .)
นี่คือทิปสาหรับการบริ การที่ดีของคุณ
พนักงาน: Thank you very much, sir.
(แธ้งค์ยู เว้รี่ มัช, เสอร์ .)
ขอบคุณมากครับ
ตัวอย่ าง 2
ลูกค้า: Please keep the change.
(พลี้ส คี้พ เดอะ เช้นจ์.)
ไม่ตอ้ งทอน
พนักงาน: Thank you, ma’am.
(แธ้งค์ย,ู แมม.)
ขอบคุณค่ะ
20
4. การขอบคุณเมือ่ ต้ องการรับหรือปฏิเสธการบริการ

เมื่อมีผเู้ สนอให้บริ การ ผูร้ ับ บริ การจะกล่ าว ขอบคุ ณเพื่อตอบรับ


ดังนี้
Thank you. (แธ้งค์ย.ู )
Thanks. (แธ้งคส์.)

ถ้า มี ผูเ้ สนอให้บ ริ ก าร แต่ ผูร้ ั บ ไม่ ต้องการบริ ก าร จะกล่ า วตอบ


ปฏิเสธแล้วตามด้วยคาขอบคุณ ดังนี้
No, thank you. (โน แธ้งค์ย.ู )
No, thanks. (โน แธ้งคส์.)
ไม่ค่ะ/ครับ ขอบคุณ

ตัวอย่าง 1
พนักงาน: Please take a seat.
(พลีส เทค อะ ซี้ ท.)
เชิญนัง่ ค่ะ
ลูกค้า: Thank you./No, thank you.
(แธ้งค์ย)ู /(โน แธ้งค์ย)ู
ขอบคุณ / ไม่ค่ะ ขอบคุณ

21
ตัวอย่าง 2
พนักงาน: Shall I phone the hotel ?
(แชล ไอ โฟน เดอะ โฮเท็ล ?)
ดิฉนั จะโทรศัพท์ไปที่โรงแรมให้ไหม
ลูกค้า: No, thank you, it’s not necessary.
(โน แธ้งค์ยู อิทส์ น้อท เนสเซสแซรี่ )
ไม่ค่ะ ขอบคุณ มันไม่จาเป็ น
ตัวอย่าง 3
พนักงาน: Would you like some more tea?
(วูด้ ยู ไล้ค์ ซัม มอร์ ที้)
คุณต้องการชาเพิ่มอีกไหม
ลูกค้า 1: Thank you. /Thanks. /Yes, please.
(แธ้งค์ย.ู )/(แธ้งคส์.)/ (เยส, พลีส.)
ขอบคุณ
ลูกค้า 2: No, thank you./No, thanks.
(โน แธ้งค์ย.ู )/(โน แธ้งคส์.)
ไม่ค่ะ/ครับ ขอบคุณ

22
ในภาษาอัง กฤษ มี ค ากล่ า วขอโทษอยู่ ห ลาย
รู ปแบบ สามารถแยกประเภทตามระดับ ความรุ นแรง
ของโทษ ดังนี้

1. ขออภัยในเรื่องเล็กน้ อย

ขออภัย ในเรื่ อ งเล็ ก น้อ ย เช่ น ขัด จัง หวะ เดิ น ผ่ า นหน้ า รบกวน
เล็กน้อย จะกล่าวว่า
Excuse me. (อิกซ์คิ้วซ์ มี.)
Excuse me, please. (อิกซ์คิ้วซ์ มี พลีส.)
ขอโทษ ความหมายตามคาศัพท์คือ โปรดให้อภัยฉัน

23
การขออภัย ในเรื่ องเล็ ก น้อย ผูฟ้ ั ง อาจตอบหรื อไม่ ต อบกลับ ก็ ไ ด้
ประโยคตอบคาขออภัย คือ
Of course. (ออฟ คอร์ส.)
Certainly. (เซ้อรทึนลี่.)
ไม่เป็ นไร ความหมายตามคาศัพท์ตอบคาว่า”โปรดให้อภัย
ฉัน” คือ “ได้ แน่นอน”

ชาวอังกฤษมักพูดว่า Sorry. ( ซ้อร์ รี่) หรื อ I’m sorry. ( ไอม ซ้อร์ รี่)
ในเรื่ องเล็กน้อย แต่ชาวอเมริ กนั สามารถใช้ คาว่า Sorry กับเรื่ องที่สาคัญได้

2. ขออภัยในเรื่องทีร่ ุนแรงขึน้

การขออภัยในเรื่ องที่รุนแรงขึ้น เช่น ทาให้ผอู ้ ื่นต้องรอ ทาสิ่ งของหก


เปื้ อนลูกค้า จะกล่าวว่า

 Pardon me.
(พ้าร์ดึน มี.)
ยกโทษให้ฉนั ด้วย

24
 I beg your pardon.
(ไอ เบค ยอร์ พ้าร์ดึน.)
ฉันขอโทษ
 I’m sorry.
(ไอม ซ้อรี่ .)
ฉันขอโทษ, ฉันเสี ยใจ
 I’m very sorry.
(ไอม เวรี่ ซ้อร์รี่.)
ฉันขอโทษ, ฉันเสี ยใจมาก

ถ้าพนักงานกาลังมีธุระติดพัน พนักงานอาจกล่าวแก่ลูกค้าว่า
 I’ll be with you in a moment.
(ไอล บี วิธ ยู อิน อะ โม้เม่นท์.)
ฉันจะทาให้คุณในอีกสักครู่

เมื่อเสร็ จธุ ระแล้ว ก็จะพูดว่า


 I’m sorry to have kept you waiting.
(ไอม ซ้อร์รี่ ทู แฮฟว์ เค็ปท์ ยู เวททิ่ง.)
ขอโทษด้วยค่ะที่ทาให้คุณต้องรอ

25
 I beg your pardon! I must have picked up the wrong bag
by mistake.
(ไอ เบค ยอร์ พ้าร์ ดึน! ไอ มัสท์ แฮฟ พิคท์ อัพ เดอะ รอง
แบ้ค บาย มิสเทค)
ฉันขอโทษ ฉันหยิบกระเป๋ าผิดใบไปโดยไม่ได้ต้ งั ใจ

3. ขออภัยในเรื่องสาคัญ

การขออภัยในเรื่ องสาคัญ หรื อเรื่ องที่เป็ นการเสี ยมารยาทรุ นแรง


เช่ น การผิดนัดหรื อมาสาย ในวัฒนธรรมตะวันตก ก็ถือว่าเป็ นเรื่ องที่สาคัญ
จะกล่าวว่า

 I must apologize for being late.


(ไอ มัสท์ อะโพโลไจส์ ฟอร์ บี๊อิง เลท)
ฉันต้องขอโทษอย่างมากที่มาสาย
 Will you please forgive me for being late ?
(วิว ยู พลีส ฟอร์ กิ๊ฟว์ มี ฟอร์ บี๊อิง เลท ?)
กรุ ณาให้อภัยที่ฉนั มาสายด้วย

26
4. สถานการณ์ ในการขออภัยลูกค้ า

เมื่ อมี ปั ญหาเกิ ดขึ้ น พนักงานจะต้องขออภัย ลู ก ค้า ด้วยคาว่า I’m


sorry. หรื อ Excuse me. และตามด้วยเหตุผล เช่น

 I’m sorry, sir. We have a lot of customers today so there


are not enough therapists.
(ไอม ซ้อร์ รี่, เสอร์ . วี แฮ๊ฟว อะ ล็อท อ็อฟ คัสทอมเมอรส์
ทูเดย์ โซ แดร์ อาร์ น็อท อินฟั เธอราพิสท์ส)
ขอโทษค่ ะ วันนี้ มี เรามี ลู ก ค้ามากค่ะ พนักงานนวดจึ ง ไม่
เพียงพอ
 Excuse me, madam, but I’m afraid there is a problem with
the air-conditioning. Could you move to another room ?
(อิกซ์คิ้วส์มี, มาดาม, บัท ไอม อะเฟร้ด แดร์ อิส อะ
พร็ อบเบล็ม วิธ ดิ แอร์ -คอนดิ๊ชนั นิง. คูด้ ยู มูฟ้ ทู
อะนาเธ่อร์ รู ้ม ?)
ขอโทษค่ะ ดิฉนั เกรงว่าเครื่ องปรับอากาศจะมีปัญหา กรุ ณา
ย้ายไปอีกห้องได้ไหม?

27
 I’m very sorry, madam. There are not any massage beds
available right now.
(ไอม เวริ่ ซ้ อร์ รี่, มาดาม. แดร์ อาร์ น็ อท เอ๊ นนิ มัส ซ้า ช
เบ๊ดส อะเวละเบิ้ล ไร้ท นาว.)
ดิฉนั ขอโทษค่ะ ตอนนี้ไม่มีเตียงนวดเหลือแล้วค่ะ
 Would you please wait in the lobby for about half an
hour ? We’ll call you there.
(วูด้ ยู พลี้ส เว้ท อิน เดอะ ล็อบบิ ฟอร์ อะเบ๊าท์ ฮ้าล์ฟ แอน
อาวเอ๊อร์ ? วีล คอล ยู แดร์ .)
กรุ ณาคอยที่ล็อบบี้ประมาณครึ่ งชัว่ โมงได้ไหมคะ ? เราจะ
ไปเรี ยน คุณให้ทราบ

5. การตอบคาขออภัย

เมื่อลูกค้าขออภัย พนักงานจะตอบว่า “ไม่เป็ นไร” ดังนี้


That’s all right. (แด๊ทส ออล ไร้ท.)
That’s OK. (แด๊ทส โอเค.)
Not at all. (น็อท แอ็ด ทอล.)

28
ตัวอย่าง 1
ลูกค้า: I’m sorry we’re a little late, but the traffic was
terrible.
(ไอม ซ้อร์ ริ่ เวียร์ อะ ลิทเทิ่ล เลท, บัท เดอะ
แทร้ฟฟิ ค วอส เท้ริเบิ้ล)
ขอโทษที่มาช้า รถติดมากจริ ง ๆ
พนักงาน: That’s all right, sir.
(แด๊ทส ออล ไร้ท, เสอร์ )
ไม่เป็ นไรครับ
ตัวอย่าง 2
ลูกค้า: I hope we’re not causing you too much trouble.
(ไอ โฮ้พ เวียร์ น็อท ค้อสซิง ยู ทู ้ มัช ทรับเบิล.)
ฉันหวังว่าเราไม่ได้สร้างปั ญหาให้คุณมากเกินไป
พนักงาน: Not at all, madam.
(น็อท แอ็ด ทอล, มาดาม.)
ไม่เลยค่ะ

29
ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริ ก าร ในศูนย์บริ การสุ ขภาพเหล่านี้ ส่ วนใหญ่จะ
เข้ามาเพื่อรักษาสุ ขภาพ คลายเครี ยด เสริ มความงามหรื อเสริ มสร้างสุ ขภาพ
ดังนั้นการสนทนาระหว่างพนักงานนวดแผนไทย และลูกค้าจึงมักเป็ นเรื่ อง
ของสุ ขภาพ

30
1. พนักงานนวดแผนไทยอาจพูดคุย สอบถามเรื่องสุ ขภาพของ
ลูกค้ า

เช่น
 How do you feel today ?
(ฮาว ดู ยู ฟี ล ทูเดย์ ?)
วันนี้เป็ นอย่างไรบ้างคะ

ลูกค้าอาจใช้คาตอบต่อไปนี้
Fine. (ฟายน์.) ดีครับ
OK. (โอ เค.) ก็ดีครับ
So-so. (โซ โซ.) ก็อย่างนั้นแหละ
Not so bad. (น็อท โซ แบ๊ด.) ก็ไม่เลวนัก
Bad. (แบ๊ด.) แย่, ไม่ค่อยดีนกั
Awful. (อ๊อว์ฟุล.) แย่เลย

สานวนที่บอกอาการ หรื อความรู้สึกที่สืบเนื่องมาจากอาการเจ็บป่ วย


มีดงั นี้
 I don’t feel well.
(ไอ ด๊นท์ ฟี ล เวล.)
รู ้สึกไม่ค่อยดี
31
sick. ฉันรู ้สึกไม่สบาย
ซิค
awful. ฉันรู ้สึกแย่
I feel อ๊อว์ฟุล
ไอ ฟี ล terrible ฉันรู ้สึกแย่มาก
แท้ริเบิล
cold. ฉันรู้สึกหนาว
โคลด์

2. การถาม และบอกถึงอาการเจ็บป่ วย

ได้แก่
 What’s the matter ?
(ว็อทส เดอะ แม็ทเท่อร์ ?)
มีปัญหาอะไรคะ
 Where does it hurt ?
(แวร์ ดัส อิท เฮิ้ร์ท ?)
เจ็บตรงไหนคะ

32
2.1 สานวนที่ บอกอาการเจ็บป่ วยมีอยู่หลายสานวน แต่ที่ใช้กนั
บ่อยๆ คือ
I have .... (ไอ แฮฟว์....)
I have got.... (ไอ แฮฟว์ กั้ท....)
ฉันมีอาการ...

headache (เฮ้ด เอค) ปวดศีรษะ


stiff neck (สติ๊ฟ เน็ค) คอแข็ง
backache (แบ๊ค เอค) ปวดหลัง
back pain (แบ๊ค เพน) ปวดหลัง
pain in my back (เพน อิน มาย แบ๊ค) ปวดหลัง
pain in my leg (เพน อิน มาย เล้ก) ปวดขา
sore leg (ซอร์ เล้ก) เจ็บขา

เช่น
 I have a sore throat.
(ไอ แฮฟว์ อะ ซอร์ โธร้ท.)
ผมมีอาการเจ็บคอ
 I have got a cold.
(ไอ แฮฟว์ กัท๊ อะ โคลด์.)
ผมเป็ นหวัด
33
 I have got a pain in my back.
(ไอ แฮฟว์ กัท๊ อะ เพน อิน มาย แบ๊ค.) หรื อ
I have got back pain.
(ไอ แฮฟว์ กัท๊ แบ๊ค เพน.)
ผมปวดหลัง

2.2 อุณหภูมิร่างกายปกติ คือ 37 องศาเซลเซี ยส หรื อ 98 องศาฟา


เรนไฮท์ ถ้าอุณหภูมิสูงกว่านี้ ถื อว่ามีไข้ สานวนที่บอกว่ามีไข้สูงหรื อเป็ น
ไข้ ในสานวนอังกฤษใช้วา่ to have a temperature เช่น

She has a temperature. (ชี แฮส อะ เท้มเพอะระเฉอะ)

ส่ วนสานวนอเมริ กนั ใช้วา่ to have a fever. (ทู แฮฟว์ อะ ฟี๊ เวอะ)


เช่น
She has a fever. (ชี แฮส อะ ฟี้ เวอะ)

สานวนการตรวจวัดอุณหภูมิ ใช้วา่
to take someone’s temperature (ทู เท้ค ซัมวันส เท้มเพอะระเฉอะ)
หรื อ to check someone’s temperature (ทู เช็ค ซัมวันส เท้มเพอะระเฉอะ)
เช่น

34
 The doctor is going to check your temperature.
(เดอะ ด๊อกเทอะ อิส โก๊อิ่ง ทู เช็ค ยัวร์ เท้มเพอะระเฉอะ.)
แพทย์กาลังจะวัดอุณหภูมิของคุณ
คาว่า The flu หมายถึง ไข้หวัดใหญ่ ต้องมี article “the” นาหน้า
ส่ วนคาว่า a cold หมายถึง หวัดธรรมดา ใช้ article “a” เช่น
 She probably has the flu.
(ชี พร้อบะบลิ แฮส เดอะ ฟลู.)
เธอคงจะเป็ นไข้หวัดใหญ่

3. ในกรณีที่ลูกค้ ามีปัญหาสุ ขภาพ

หากลูกค้ามีปัญหาสุ ขภาพและประสงค์จะนวด พนักงานนวดแผน


ไทยควรแจ้งลูกค้าว่า จะนวดด้วยความระมัดระวัง หรื อปฏิเสธการนวดอย่าง
สุ ภาพ
 I’ll be careful.
(ไอล บี แค้ร์ฟุล.)
ดิฉนั จะค่อย ๆ นวด อย่างระวัง
 Please tell me if it hurts.
(พลี้ส เท็ล มี อิ๊ฟ อิท เฮิร์ทส.)
ถ้าเจ็บบอกนะคะ

35
 Please let me know if it’s too light or too heavy.
(พลีส เล็ท มี โนว์ อิ๊ฟ อิทส์ ทู ้ ไลท์ ออร์ ทูเ้ ฮ้ฟวิ.่ )
กรุ ณาบอกด้วยนะคะว่าเบาไปหรื อหนักเกินไป
 After the massage you should feel better.
(อ๊าฟเทอ เดอะ มัสซ้าจ ยู ชุด้ ฟี ล เบ๊ทเท่อะ.)
หลังจากนวดแล้วคุณน่าจะรู ้สึกดีข้ ึน
 You should get some rest.
(ยู ชุด้ เก๊ท ซัม เร้สท์.)
คุณควรจะต้องพักนะคะ
 You have a high fever. I’m sorry, we cannot give you
a massage.
(ยู แฮฟว์ อะ ฮาย ฟี้ เฝอะ. ไอม ซ้อร์ ริ่, วี แคนนัท กิ๊ ฟว ยู
อะ มัสซ้าช.)
คุ ณมีไข้สูงค่ะ ขอโทษด้วยค่ะ เราไม่สามารถนวดให้คุณ
ได้

36
ก่อนการนวด จะมีการตรวจสภาพความพร้อมของร่ างกายของผูท้ ี่จะ
รับการนวด มีคาศัพท์ สานวนและรู ปประโยคสาหรับสถานการณ์ ดงั กล่าว
ดังต่อไปนี้

1. การแจ้ งให้ ลูกค้ าทราบว่ าจะทาอะไรด้ วยรู ปประโยคต่ อไปนี้

1.1 I am going to ...


I am going to… (ไอ แอม โก๊อิ่ง ทู) ดิฉนั (ผม) จะ...

37
 ...take your blood pressure.
…(เท้ค ยัวร์ บลัด เพร้สเฉอะ)
...วัดความดันโลหิต
 …take your pulse.
...(เท้ค ยัวร์ พั้ลส)
...จับชีพจร
 …listen to your heart.
...(ลิสซึ่น ทู ยัวร์ ฮ้าร์ท)
...ฟังการเต้นของหัวใจ
 …test your reflexes.
…(เทส ยัวร์ ริ เฟล้กซิ่ ส)
...ตรวจการตอบสนองของกล้ามเนื้อ
 Now, I’m going to take your temperature.
(นาว ไอม โกอิ้ง ทู เท้ค ยัวร์ เท็มเพอะเร้เฉอะ).
ตอนนี้ ดิฉนั จะวัดปรอทคุณ

38
1.2 We’ll…
 We’ll check temperature, pulse, respiration, blood
pressure, and weight.
(วีล เช็ค เท้มเพอะเร้เฉอะ, พั้ลส, เร้สพิระชัน่ , บลัด เพรส
เฉอะ, แอนด์ เวท.)
เราจะตรวจ อุณหภูมิ ชี พจร การหายใจ ความดันโลหิ ต
และน้ าหนักตัว
 Then we’ll check your muscle reflexability.
(เด็น วีล เช็ค ยัวร์ มัสซึ่ล รี เฟล็กซะบิ๊ลิที่.)
แล้วเราจะตรวจการตอบสนองของกล้ามเนื้อ

39
2. ในระหว่ างการตรวจ พนักงานนวดจาเป็ นต้ องพูดสื่ อสารให้
ลูกค้ าทราบว่ าจะต้ องปฏิบัติตนอย่ างไร

Could you ........? คูด้ ยู....... ?


กรุ ณา ......
Can you ........please? แคนยู ....... พลีส?

 Could you roll up your sleeve ?


(คูด้ ยู โรล อัพ ยัวร์ สลีฟว์.)
กรุ ณาพับแขนเสื้ อขึ้นค่ะ
 Can you stand on the scale, please?
(แคน ยู สแตน ออน เดอะ สเกล, พลีส)
กรุ ณายืนบนเครื่ องชัง่ น้ าหนักครับ
 You weigh 50 kilos.
(ยู เวจ ฟิ๊ ฟที่ กิโล.)
Your weight is 50 kilos.
(ยัวร์ เวจ อีสท์ ฟิ๊ ฟที่ กิโล.)
It’s 50 kilos.
(อีสท์ ฟี ฟที่ กิโล.)
คุณหนัก 50 กิโลกรัม นะคะ.

40
 I'll put the blood pressure cuff on. Can you roll up your
sleeve, please?
(ไอล พุท เดอะ บลัด เพรเช่ อร์ ออน. แคน ยู โรล อัพ ยัวร์
สลีฟว์.)
ดิ ฉันจะใส่ ที่รัดแขนวัดความดันโลหิ ต กรุ ณาพับแขนเสื้ อ
ขึ้นด้วยค่ะ
 …put this blanket over you.?
…(พุท ดิส แบล๊งเค็ท โอ๊เฝอะ ยู.?)
…ห่มผ้า ?
 …roll up your sleeve.?
...(โรล อัพ ยัวร์ สลีฟว์.?)
...พับแขนเสื้ อขึ้น?
 …undo your jacket.?
…(อันดู ยัวร์ แจ๊คเก็ท.?)
…ถอดเสื้ อแจ็คเก็ตออก?
 …lift up your shirt.?
...(ลิฟท์ อัพ๊ ยัวร์ เชิ้ร์ต.?)
...ยกชายเสื้ อขึ้น?
 …lift up your arm for me ?
…(ลิฟท์ อัพ๊ ยัวร์ อาร์ ม ฟอร์ มี?)
... ยกแขนคุณขึ้น
41
 …take off your clothes. ?
...(เท้ค ออฟ ยัวร์ โคลธส์.?)
…ถอดเสื้ อ ?
 …put this gown on.?
…(พุท ดิส กาวน์ ออน.?)
…ใส่ เสื้ อคลุมตัวนี้ ?
 …put your arm out straight?
…(พุท ยัวร์ อาร์ม เอ้าท์ สเตร็ ท?)
...ยืดแขนออกมา
 …bend your leg ?
…(เบน ยัวร์ เลก?)
…งอขา?
 …bend your arm ?
…(เบน ยัวร์ อาร์ม?)
…งอแขน?
 …lie down on the bed.?
…(ลาย ดาวน์ ออน เดอะ เบ๊ด.?)
…นอนลงบนเตียง ?

42
3. พนักงานนวดแผนไทยอาจสอบถามถึงบริเวณทีเ่ จ็บปวด

 Where does it hurt ?


(แวร์ ดัส อิท เฮิ้ร์ท ?)
เจ็บตรงไหนคะ
 Show me where it hurts ?
(โชว์ มีแวร์ อิท เฮิร้ ์ ทส ?)
กรุ ณาบอกที่เจ็บด้วยค่ะ
 Does it hurt badly ?
(ดัส อิท เฮิร์ท แบ๊ดลิ่ ?)
Does it hurt much?
(ดัส อิท เฮิ้ร์ท มั้ช ?)
เจ็บมากไหมคะ
 Does it hurt when I touch it?
(ดัส อิท เฮิร์ท เว็น ไอ ทัช อิ๊ท?)
เจ็บไหมคะตอนที่ดิฉนั จับ
 Does it hurt when you move it?
(ดัส อิท เฮิร์ท เว็น ยู มูฟ้ อิ๊ท?)
เจ็บไหมคะตอนที่คุณขยับ

43
 Can you move your right arm ?
(แคน ยู มูฟ้ ยัวร์ ไร้ท์ อ๊าร์ม?)
คุณช่วยขยับแขนขวาได้ไหมคะ
 Can you move your left arm ?
(แคน ยู มูฟ้ ยัวร์ เล็ฟท์ อ๊าร์ม?)
คุณช่วยขยับแขนซ้ายได้ไหมคะ

44
ปั ญหาเกี่ ย วกั บ สุ ขภาพ และโรค
ประจาตัวของลู ก ค้า อาจเป็ นอุ ป สรรคต่ อ การ
นวดหรื อเกิ ดปั ญหารุ นแรงทวีข้ ึ นหลังการนวด
ดังนั้นพนักงานนวดแผนไทยที่รอบคอบ ควรได้
ซักถามลูกค้าก่อนการนวด เพื่อจะได้นวดอย่าง
ระมัดระวังและเหมาะสมกับสุ ขภาพของลู กค้า
หรื อปฏิเสธการนวดโดยสุ ภาพ

1. รู ปประโยคคาถาม หรือการบอกเล่า เกีย่ วกับสุ ขภาพทีม่ ผี ลต่ อ


การนวด

 Do you have a heart condition or high blood pressure?


(ดู ยู แฮฟ อะ ฮ้าร์ ท คอนดิ๊ชนั่ ออร์ ฮาย บลัด เพรชเฉอะ?)
คุณเป็ นโรคหัวใจหรื อความดันโลหิตสู งหรื อเปล่าคะ

45
 Do you have any broken bones or artificial joints ?
(ดู ยู แฮฟว์ เอ๊นนี่ โบร๊ กคึ่น โบนส์ ออร์ อ๊าร์ทิฟีเชิ่ล จ๊อยนซ์)
คุณเคยกระดูกหักบ้างไหมครับ หรื อใส่ ขอ้ ต่อเทียม
 Are you pregnant ?
(อาร์ ยู เพร็ กแน้นท์?)
คุณกาลังตั้งครรภ์ไหมคะ
 Thai massage is not recommended for pregnant woman.
(ไท มัสซ้าช อิส นัท เร็ คค็อมเม็นดิด ฟอร์ เพร็ กแน็นท์ วูเ้ มิ่น.)
การนวดไทยไม่แนะนาสาหรับสตรี มีครรภ์
 Do you have any varicose veins ?
(ดู ยู แฮ้ฟ เอ๊นนิ แว้ริโคซ เวนส์?)
คุณมีปัญหาเส้นเลือดขอดไหมคะ
 Have you recently had surgery ?
(แฮ้ฟ ยู รี้ เซ่นลิ่ แฮด เซ้อเจอะริ ?)
คุณเพิ่งผ่าตัดมาเร็ ว ๆ นี้หรื อเปล่าคะ
 We can not give a massage to anyone with a high fever.
(วี แคน นัท กิ๊ฟว อะ มัสซาช ทู เอ๊นนิ่ วัน วิธ อะ ฮาย ฟี้ เฝอะ)
เราไม่สามารถนวดผูท้ ี่มีไข้สูง
 We can not give a massage to anyone with high blood pressure.
(วี แคนนัท กิ๊ฟว์ อะ มัสซ้าช ทู เอ๊นนิ วัน วิธ ฮาย บลัด เพร้ชเฉอะ.)
เราไม่สามารถนวดผูท้ ี่มีความดันโลหิ ตสู ง
46
 We can not give a massage to a pregnant woman.
(วี แคนนัท กิ๊ฟว อะ มัสซ้าช ทู อะ เพร็ กแน็นท์ วูเ้ มิ่น.)
เราไม่สามารถนวดผูท้ ี่มีครรภ์

2. รายชื่อโรคภัยต่ าง ๆ

allergies (อัล๊ เลอะจิส) ภูมิแพ้


asthma (แอ๊สม่ะ ) หอบหืด
arthritis (อาไธร้ซิส) โรคข้อ
cancer (แค้นเสอะ) มะเร็ ง
diabetes (ไดอะบี๊ทีส) เบาหวาน
heart trouble (ฮ้าร์ท ทรับเบิล) ปัญหาหัวใจ
tuberculosis (ทิวเบอคิวโล้ซิซ) วัณโรค
polio (โพ้ลิโอ) โปลิโอ
measles (มี้สสึ่ ลส์) หัด
mumps (มัมพส์) คางทูม

47
3. สานวน Do you have ... ?

 Do you have a migraine ?


(ดู ยู แฮ้ฟอะ ไมเกรน ?)
คุณมีการปวดไมเกรนไหมครับ

a migraine (อะ ไมเกรน) การปวดไมเกรน


a pacemaker (อะ เพ้ซเมเกอร์ ) เ ค รื่ อ ง ก ร ะ ตุ ้ น หั ว ใ จ
parkinson’s disease (พ้าร์ คินซันส ดิสีส) โ ร ค พ า ร์ กิ น สั น
rheumatism (รู มะทิส่ ึ ม) โรครู มาติสซึม
a hip replacement (อะ ฮิพ ริ เพล้ซเม็นท์) กระดู ก สะโพกเที ย ม
lumbago (ลัมเบ๊โก) การปวดหลัง (ส่ วนล่าง)

4. พนักงานนวดแผนไทยอาจมีบางสิ่ งทีจ่ ะแนะนาสิ่ งใดแก่ลูกค้ า

พนักงานไม่ควรใช้คาศัพท์วา่ แนะนาตรง ๆ เช่ น “ฉันแนะนาให้คุณ


ทา....” คือ advise หรื อ recommend แต่ควรพูดให้นิ่มนวลกว่าว่า “คุณควร
จะ ....”
 You should ……
(ยู ชูด้ …)
คุณควรจะ .....
48
 You shouldn’t ……
(ยู ชูด้ ดึ้น…)
คุณไม่ควรจะ .....
 The best thing is to …..
(เดอะ เบ้สท์ ธิง อิส ทู...)
สิ่ งที่ดีที่สุดก็คือ .....
 You should see a doctor.
(ยู ชูด้ ซี อะ ด๊อกเท่อะ)
คุณควรจะไปพบแพทย์.
 You should drink a lot of water.
(ยู ชูด้ ดริ๊ งค อะ ล็อท ออฟ ว้อเท่อะ)
คุณควรดื่มน้ ามาก ๆ
 The best thing is to drink a lot of water.
(เดอะ เบสท์ ธิ ง อิส ทู ดริ๊ งค์ อะ ล็อท ออฟ ว้อเท่อะ)
วิธีที่ดีที่สุดคือดื่มน้ ามาก ๆ

49
ในการนวดเพื่อรักษา พนักงานนวดแผนไทยต้องมีประวัติผูป้ ่ วย
หรื อประวัติลูกค้า เพื่อเป็ นการบันทึกความก้าวหน้าของการรักษา ซึ่ งจะ
เป็ นประโยชน์ต่อผูป้ ่ วย และเป็ นการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาความรู ้ ของ
พนักงานนวดแผนไทยอย่างมีระบบ

1. ศัพท์ สานวนทีใ่ ช้ ในการสอบถามข้ อมูล

ศัพท์สานวนที่ใช้ในการสอบถามข้อมูล ในการกรอกประวัติ
มีดงั นี้
 Can I get your particular medical history, please ?
(แคน ไอ เก๊ท ยัวร์ เพอที้คคิวเล่อะ เม้ดดิค่ ึล ฮี้ซทริ พลี้ส)
ขออนุญาตทาประวัติการรักษาของคุณ

Surname (เซ้อร์เนม) นามสกุล


First name (เฟิ้ ร์สท เนม) ชื่อ
Age (เอจ) อายุ

50
Date of birth (เดท อ็อฟ เบิ๊ร์ธ) วันเกิด
Place of birth (เพล้ซ อ็อฟ เบิ๊ร์ธ) สถานที่เกิด
Nationality (แนชัน่ แน้ลลิที) สัญชาติ
Address (แอ๊ดเดร๊ ซ) ที่อยู่
Serious illnesses (ซี้ เรี ยซ อี๊ลเน็ซซิ ส) การป่ วยรุ นแรง
Allergies (อัล๊ เลอะจีส์) การแพ้
Telephone number (เท้เลอะโฟน หมายเลข
นั้มเบอร์ ) โทรศัพท์
Medical history (เม้ดิเคิล ฮี้ซทริ ) ประวัติ
การรักษา
operations ออเพอะเร้ชนั่ ส์) การผ่าตัด

2. รู ปประโยค ขอ... ขอร้ อง... ทีพ่ บบ่ อย

May I have.....? (เมย์ ไอ แฮ้ฟ.....?)


May I know.....? (เมย์ไอ โน.....?)
ขอทราบ .....

 May I have your name ?


(เมย์ ไอ แฮ้ฟ ยัวร์ เน้ม)
ขอทราบชื่อค่ะ
51
 May I have your address ?
(เมย์ ไอ แฮ้ฟ ยัวร์ แอ็ดเดร๊ ซ)
ขอทราบที่อยูข่ องคุณค่ะ
 May I know your marital status ?
(เมย์ ไอ โนว์ ยัวร์ แม้ริทลั่ สเต๊ทสั่ ?)
ขอทราบสถานภาพการสมรสของคุณค่ะ
 May I know your past illness ?
(เมย์ ไอ โนว์ ยัวร์ พ้าสท์ อิลเน้ส ?)
ดิฉนั ขอทราบประวัติการเจ็บป่ วยของคุณ
 May I know your present ailment ?
(เมย์ ไอ โนว์ ยัวร์ เพร้สเซ่นท์ เอ็ลเม้นท์?)
ดิฉนั ขอทราบอาการเจ็บป่ วยปัจจุบนั ของคุณ

3. เมือ่ ต้ องการตรวจสอบว่ าสะกดชื่อถูกต้ องหรือไม่ ควรจะใช้


สานวนว่ า…

 Is that…..?
(อิส แด้ท…..?)
ใช่.....ไหม ?
เช่น

52
 Is that O-L-A-F ?
(อิส แด้ท โอ-แอล-เอ-เอ๊ฟ ?)
ใช่ โอ-แอล-เอ-เอ๊ฟ ไหม ?

ในกรณี ที่ไม่แน่ ใจว่าชื่ อสะกดอย่างไรอาจจะขอให้ลูกค้าสะกดชื่ อ


โดยใช้สานวน
Could you spell it, please ? (คูด้ ยู สเปล อิท, พลี้ส ?)
Would you spell it, please ? (วูด้ ยู สเปล อิท, พลี้ส ?)
กรุ ณาสะกดชื่อด้วยค่ะ

4. คาถามทีใ่ ช้ ในการสอบถาม

What is ................. ? อะไรคือ....

 What is your telephone number?


(ว็อท อิส ยัวร์ เท้เล่อะโฟน นั้มเบอร์ ?)
หมายเลขโทรศัพท์ของคุณคืออะไรครับ
 What is your country of birth?
(ว็อท อิส ยัวร์ คันทรี่ ย ์ ออฟ เบิร์ธ?)
คุณเกิดที่ไหนคะ

53
 What is your nationality?
(ว็อท อิส ยัวร์ แนชัน่ แน้ลิทิ่ ?)
คุณถือสัญชาติอะไร
 What is your occupation?
(ว็อท อิส ยัวร์ อ็อคคิวเพ้ชนั่ ?)
คุณทาอาชีพอะไร
 What is your major ailment ?
(ว็อท อิส ยัวร์ เม้เจอะ เอ๊ลเม้นท์ ?)
อาการเจ็บป่ วยของคุณคืออะไร

Have you ever had... ? คุณเคยมี... ไหม

 Have you ever had an accident ?


(แฮ้ฟ ยู เอ๊ฟเวอะ แฮด แอน แอ๊คซิเด๊นท์ ?)
คุณเคยประสบอุบตั ิเหตุหรื อไม่
 Have you had any major surgery ?
(แฮ้ฟ ยู แฮด เอ๊นนิ่ เม้เจอะ เซ้อร์ เจอรี้ ?)
คุณเคยผ่าตัดใหญ่บา้ งไหม

54
5. ในกรณีทฟี่ ังไม่ ทนั และต้ องการขอให้ ลูกค้ าพูดซ้า

 I’m sorry. I don’t understand you.


(ไอม ซ้อรี่ ไอ ด๊นท์ อัน๊ เดอร์ สแตนด์ ยู.)
ขอโทษครับ ผมไม่เข้าใจที่คุณพูด

พนักงาน: I’m sorry, miss. I didn’t catch your name.


(ไอม ซ้อรี่ , มิส. ไอ ดิดดึ้นท์ แค็ทช์ ยัวร์ เนม.)
ขอโทษค่ะ ดิฉนั ฟังชื่อคุณไม่ทนั
ลูกค้า: It’s Elodie, Elodie Taylor.
(อิทส์ เอโลดี, เอโลดี เท้เลอร์ )

 Could you say it again, please ?


(คูด้ ยู เซย์ อิท อเกน พลี้ส ?)
กรุ ณาพูดซ้ าอีกครั้งได้ไหมครับ
 I didn’t hear you.
(ไอ ดิดอึ้นท์ เฮียร์ ยู.)
ดิฉนั ไม่ได้ยนิ ที่คุณพูด

55
6. การขอให้ ลูกค้ าช่ วยเขียนให้

 Could you write it down for me?.


(คุด ยู ไร้ท์ อิท ดาวน์ ฟอร์ มี้ ?)
คุณช่วยเขียนให้ผมหน่อยได้ไหมครับ

56
ในการรับบริ การนวด ลูกค้ามักเปลี่ ยนเสื้ อผ้าเพื่อให้สะดวกแก่การ
นวด และเพื่อให้ลูกค้าได้ประโยชน์จากการนวดอย่างเต็มที่

1. การบอกให้ ลูกค้ าเปลีย่ นเสื้อผ้ า

การบอกให้ลูกค้าเปลี่ยนเสื้ อผ้า อาจพูดได้หลายวิธี ดังนี้

 Excuse me. Would you please change into something more


comfortable to get the most benefit from the massage ?
(อิกซ์คิ้วซ มี วูด้ ยู พลีส เช้นจ์ อินทู ซัมธิ ง มอร์ คั้มเฟอะทะเบิล ทู
เก็ท เดอะ โมสท์ เบ๊นนิฟิท ฟรอม เดอะ มัสซ้าช ?)
ขอโทษค่ะ คุ ณควรจะเปลี่ ยนเสื้ อผ้าให้เป็ นเสื้ อผ้าที่ สบายด้วยค่ ะ
เพื่อจะได้ประโยชน์จากการนวดมากที่สุด

57
 Please change your clothes here.
(พลี้ส เช้นจ์ ยัวร์ โคล้ชส์ เฮียร์ .)
กรุ ณาเปลี่ยนเสื้ อผ้าบริ เวณนี้ค่ะ
 Could you take everything off except your undergarments ?
(คูด้ ยู เท้ค เอ๊ฟวรี่ ธิง อ๊อฟ เอ็กเซ้พท์ ยั้วร์ อัน๊ เดอร์ การ์เม้นทส์ ?)
คุณกรุ ณาถอดเสื้ อผ้าออกหมดยกเว้นชุดชั้นใน
 Here’s a towel.
(เฮียร์ส อะ ท้าวเอ็ล.)
ผ้าเช็ดตัวอยูท่ ี่นี่นะคะ
 Could you put this gown on ?
(คูด้ ยู พุท ดิส กาวน์ อ๊อน ?)
คุณกรุ ณาใส่ เสื้ อคลุมตัวนี้ค่ะ

2. คากริยา take ... off (ถอดออก) และ put ... on (สวมใส่ )

คากริ ยา take ... off แปลว่า “ถอดออก” และ put ... on แปลว่า
“สวมใส่ ” จะใช้ในรู ปประโยค ดังนี้

 Take your clothes off, please.


(เทค ยัวร์ โคลธส์ ออฟ, พลี้ส.)
กรุ ณาถอดเสื้ อผ้าค่ะ
58
 You can take your clothes off now.
(ยู แคน เทค ยัวร์ โคลธส์ ออฟ นาว.)
กรุ ณาถอดเสื้ อผ้าค่ะ

หลัง จากนวดแล้ว ผูน้ วดจะบอกให้ลู ก ค้า ใส่ เสื้ อผ้า ด้วยประโยค


ต่อไปนี้
 Put your clothes on, please.
(พุท ยัวร์ โคลธส์ ออน, พลี้ส)
กรุ ณาใส่ / สวมเสื้ อผ้า
 You can put your clothes on now.
(ยู แคน พุท ยัวร์ โคลธส์ ออน นาว)
คุณใส่ เสื้ อผ้าได้แล้วค่ะ

59
3. คาศัพท์ เกีย่ วกับเครื่องแต่ งกาย

dress shirt blouse skirt


เดรส เชิ้ต เบล้าส์ สเกิ๊ร์ต

scarf gloves hat cap


สค้าฟ โกล์ฟ แฮ้ท แค้พ

60
full slip bra underpants pantyhose stockings
ฟุล สลิป บรา อันเดอร์แพ้นท์ แพ้นทิโฮส สต้อกกิ้ง

glasses sun glasses beads bracelet ring


กล๊าสซิส ซัน กล๊าสซิส บีดส์ เบร๊ สเลท ริ ง

61
necklace earrings watch
เน็คเลส เอี๊ยริ งส ว็อท์ช

suit jeans trousers shorts


สู ท ยีนส์ เทร้าเซ่อส์ ช้อทส์

62
vest/
undershirt shirt jacket T-shirt
เวสท์ /
อันเดอร์ เชิ้ร์ต เชิ้ร์ต แจ๊กเก็ต ที-เชิ๊ร์ต

briefs / underpants boxer shorts handbag


บรี ฟส์ / อัน๊ เดอร์แพ้นทส์ บ๊อกเซ่อร์ ช้อตส์ แฮ้นด์แบ๊ก

63
neck tie bow tie belt braces / suspenders
เน็คไท โบว์ ไท เบ้ลท์ เบร๊ สซิ ส / ซัสเพนเดอร์

shoes shoes athletic shoes sandals


ชูส์ ชูส์ แอ๊ดลิติก ชูส์ แซ้นดึล

slippers socks
สลิ้ปเพอส์ ซ็อคส์

64
ในการปฏิบตั ิหน้าที่ของพนักงานนวดแผนไทย พนักงานจาต้อง
พูดบอกให้ลูกค้าปฏิ บตั ิตาม เพื่อให้สะดวกแก่การนวด รู ปประโยคที่ใช้จะ
เป็ นประโยคคาสั่ง และการขอร้องที่สุภาพดังนี้ คือ

65
1. Please + คากริยา

Please... + คากริ ยา
กรุ ณา... + คากริ ยา

 Please lie on this bed.


(พลี้ส ลาย ออน ดิส เบ๊ด.)
กรุ ณานอนบนเตียงนี้
 Please lie on your stomach.
(พลี้ส ลาย ออน ยัวร์ สตอมัค)
กรุ ณานอนคว่า

2. Can you + กริยา ?

Can you ... + กริ ยา ?


ช่วย...+ คากริ ยา + ได้ไหม

 Can you lie on your back ?


(แคน ยู ลาย ออน ยัวร์ แบ๊ค ?)
ช่วยนอนหงายได้ไหมคะ

66
3. คากริยาต่ าง ๆ ทีใ่ ช้ ระหว่ างการนวด

sit up (ซิท อั้พ) ลุกขึ้นนัง่


sit down (ซิท ดาวน์) นัง่ ลง
lie down (ลาย ดาวน์) นอนลง
stand up (สแตนด์ อั้พ) ยืนขึ้น
turn over (เทิร์น โอ๊เฟ่ อะ) พลิกตัว
bend over (เบนด์ โอ๊เฟ่ อะ) ก้มลง
lie on your stomach (ลาย ออน ยัวร์ สทั้มแม็ค) นอนคว่า
lie on your (left, right)side [ลาย ออน ยัวร์ (เล็ฟท์, ไร้ท)์ ไซด์] นอนตะแคง(ซ้าย, ขวา)
bend your arm (เบนด์ ยัวร์ อาร์ม) งอแขน
rotate your neck (โรเทท ยัวร์ เน็ค) หมุนคอ
stretch out your arm (สเตร็ ช เอ๊าท์ ยัวร์ อาร์ม) เหยียดแขน
breathe in (บรี๊ ธ อิน) หายใจเข้า
breathe out (บรี๊ ธ เอ๊าท์) หายใจออก
lie on your back (ลาย ออน ยัวร์ แบ๊ค) นอนหงาย
bend your knees (เบ็นด์ ยัวร์ นีส) งอเข่า
flex your wrist. (เฟล็กซ์ ยัวร์ ริ สท์) พลิกข้อมือ
raise your (left, right) leg. (เร้ส ยัวร์ (เล็ฟท์, ไร้ท)์ เล้ก) ยกขา (ซ้าย, ขวา)
relax. (รี แล็กซ์) ทาตัวให้รู้สึกผ่อนคลาย

67
4. การบอกว่ าจะทาอะไร

พนักงานนวดแผนไทยอาจจะบอกให้ลูกค้าทราบว่าจะทาอะไรกับ
เขา โดยใช้สานวนต่อไปนี้

I’m going to... + กริ ยา


ฉันกาลังจะ... + กริ ยา

 I’m going to pummel your back


(ไอม โก๊อิ้ง ทู พั้มเม็ล ยัวร์ แบ๊ค)
ดิฉนั กาลังจะทุบเบา ๆ ที่หลังคุณนะคะ
 I’m going to knead your hand
(ไอม โก๊อิ้ง ทู นีด ยัวร์ แฮนด์)
ดิฉนั กาลังจะนวดที่มือของคุณ

I’ll…+ กริ ยา
ฉันจะ...+ กริ ยา

 I’ll start now.


(ไอล สต้าท นาว)
ฉันจะเริ่ มนะคะ
68
ที่ มา : Qingshan, Ji. and Jie, Li. 2001.

69
ที่ มา : Qingshan, Ji. and Jie, Li. 2001.

70
ที่ มา : Qingshan, Ji. and Jie, Li. 2001.

71
ที่ มา : Qingshan, Ji. and Jie, Li. 2001.

5. การอธิบายเพิม่ เติมแก่ ลูกค้ าต่ างชาติในสิ่งทีเ่ ขาไม่ คุ้นเคย

การใช้สิ่งใดกับลูกค้าต่างชาติซ่ ึ งเขาไม่คุน้ เคย พนักงานนวดแผน


ไทยควรถามความเห็ นลู ก ค้า ก่ อน เช่ น การใช้ย าหม่ องผสมครี ม นวดเท้า
อาจจะแสบร้ อ นและกลิ่ น ฉุ น เกิ นไปส าหรั บ ชาวต่ า งชาติ บ างคน ดัง นั้น
พนักงานควรสอบถามความต้องการก่อน ดังประโยคตัวอย่างต่อไปนี้

 Would you like some traditional balm with the foot massage
cream ?
(วูด้ ยู ไล้ค์ ซัม ทระดี๊ชะแน็ล บาล์ม วิธ เดอะ ฟุท มัสซาจ ครี้ ม ?)
คุณต้องการใช้ยาหม่องกับครี มนวดเท้าไหม

72
 This balm is a multipurpose medicine for muscle and joint pain,
insects bites, headaches, dizziness and many others.
(ดิส บาร์ม อิส อะ มัลทิเพ้อพัซ เม็ดดิซีน ฟอร์ มัสซึล แอนด์ จ๊ อ ย ท์
เพน, อิ๊นเซ็ค ไบ๊ท,์ เฮ้ดเอค, ดิ๊ซซิเนส แอนด์ เม้นนี อาเธอร์ส)
บาล์มนี้เป็ นยาขี้ผ้ งึ เอนกประสงค์ สาหรับการเจ็บปวดกล้ามเนื้อ
และข้อ แมลงสัตว์กดั ต่อย ปวดศีรษะ วิงเวียนและอื่น ๆ อีก
มากมาย

6. การพูดคุยถึงการปฏิบัติต่าง ๆ ในการนวด

พนักงานนวดแผนไทยอาจพูดคุ ยถึ งการปฏิ บตั ิ ต่าง ๆ ในการนวด


หรื อบอก อาการที่พบเห็นหรื อการวินิจฉัย เช่น

พนักงาน: I’ll start now.Please tell me if it hurts.


(ไอล สต๊าท นาว. พลีส เทล มี อีฟ อิท เฮิร์ท.)
ดิฉนั เริ่ ม (นวด) นะคะกรุ ณาบอกถ้าเจ็บ
Is this the right pressure?
(อิ๊ส ดิ๊ส เดอะ ไร๊ ท์ เพรสเช่อร์ ?)
นี่กดแรงพอดีไหมคะ?

73
ลูกค้า : Yes, that’s good
(เยส, แด้ทซ์ กู๊ด.)
ค่ะ, นั้นดีแล้ว
Ouch, that’s hurts.
(เอาช์, แด้ทซ์ เฮิร์ท.)
โอ้ย เจ็บ.
พนักงาน: I’m very sorry, sir.
(ไอม เวรี่ ซอร์รี่ เซอร์ .)
ขอโทษจริ ง ๆ ค่ะ.
You have a stiff shoulder.
(ยู แฮ้ฟ อะ สติ๊ฟท์ โช้ลเด้อ.)
คุณมีอาการไหล่ติด
Your muscle seems to be pretty stiff.
(ยัวร์ มัสเซิ ล ซี ม ทู บี พริ ตตี้ สติ๊ฟท์.)
กล้ามเนื้อคุณค่อนข้างเกร็ งพอสมควร
Your shoulder joint has a calcium deposit.
(ยัวร์ โช้ลเดอร์ จ๊อยท์ แฮส อะ แค้ลเซี่ยม
ดิพอ้ สิ ท.)
ข้อต่อหัวไหล่ของคุณมีแนวโน้มว่าจะมี
หินปูนเกาะ

74
พนักงาน: Do you feel any reflex when I press right here ?
Does it go down there ?
(ดู ยู ฟี ล เอ๊นนี ริ เฟล็ก เว็น ไอ เพร๊ ส ไร้ ท์ เฮี้ ยร์
ดัส อิท โก ดาวน์ แด๊ร์)
คุณรู้สึกอาการสะท้อนบ้างไหม เวลาดิฉนั กดที่จุด
นี้มนั แล่นลงไปที่นนั่ ไหม
Do you feel any reflex when I press right here ?
Does it go up here ?
(ดู ยู ฟี ล เอ๊ นนี ริ เฟล็ ก เว็น ไอ เพร๊ ส ไร้ ท์ เฮี้ ย ร์
ดัส อิท โก อัพ๊ เฮี้ยร์ )
คุณรู้สึกอาการสะท้อนบ้างไหม เวลาดิฉนั กดที่จุด
นี้มนั แล่นขึ้นมาที่นี่ไหม
Do you feel discomfort on any part of your
body ?
(ดู ยู ฟี ล ดิ ส ค้อมฟอร์ ท ออน เอ๊ นนี พ้าร์ ท ออฟ
ยัวร์ บอดี้ ?)
คุ ณ รู ้ สึ ก ไม่ ส บายตัว ในส่ ว นใดของร่ า งกายบ้า ง
ไหม
ลูกค้า: Yes, I’ve had a bad headache for weeks.
(เยส ไอฟ แฮด อะ แบ๊ด เฮ้ดเอค ฟอร์ วี้คส์)
ฉันปวดศีรษะมากมาหลายอาทิตย์แล้ว

75
พนักงาน: Which side does it ache ? Left, right or both ?
(วิช ไซ้ด์ ดัส อิท เอค ? เล็ฟท์, ไร้ท์ ออร์ โบ๊ธ ?)
ปวดด้านไหนคะ ? ซ้าย ขวา หรื อทั้ง 2 ข้าง ?
ลูกค้า: I have trouble lifting my left arm.
(ไอ แฮ้ฟ ทรับเบิล้ ลิ้ฟทิ่ง มาย เล็ฟท์ อาร์ ม)
ฉันมีปัญหาการยกแขนซ้าย
I have pain in my neck and shoulder.
(ไอ แฮ้ฟ เพน อิน มาย เน็ค แอนด์ โช้ลเด้อ)
ฉันมีความเจ็บปวดที่คอและหลัง

76
7. ศัพท์ สานวนอืน่ ๆ ทีพ่ นักงานนวดแผนไทยอาจจะได้ ยนิ ลูกค้ า
ปรารภถึงความไม่ สบายของเขา

I have no appetite. (ไอ แฮ้ฟ โน แอ๊พพิไทท์.) ฉันไม่เจริ ญอาหาร


I couldn’t eat a thing. (ไอ คูด้ ดึ้น อี๊ท อะ ธิง.) ฉันทานไม่ลง
I have a slight temperature. (ไอ แฮ้ฟ อะ สไล้ท์ เท้ม เพอะ ฉันมีไข้เล็กน้อย
ระเชอะ.)
I have a high temperature. (ไอ แฮ้ฟ อะ ฮาย เท้มเพอะระ ฉันมีไข้สูง
เฉอะ.)
I have a headache. (ไอ แฮ้ฟ อะ เฮ้ดเอค.) ฉันปวดศีรษะ
I have a migraine. (ไอ แฮ้ฟ อะ ไมเกรน.) ฉันปวดไมเกรน
I feel dizzy. (ไอ ฟี ล ดิ๊ซซี่.) ฉันรู ้สึกวิงเวียน
I suffer from asthma. (ไอ ซัฟเฟอะ ฟรอม แอ๊สธ์มา.) ฉั น ทุ ก ข์ ท รมานกั บ
โรคหื ด
I cough a lot. (ไอ ค็อฟ อะ ล็อท.) ฉันไอมาก
I am allergic to dust, and (ไอ แอม อั๊ล เลอะจิ ค ทู ดั๊ส ท, ฉันแพ้ฝน, ุ่ สัตว์
animals. แอนด์ แอ๊นนิมอลส์.)
I have menstrual pains. (ไอ แฮ้ฟ เม้นส์ทรวล เพนส์) ฉันปวดประจาเดือน
I have to take painkillers (ไอ แฮ้ฟ ทู เท้ค เพ้นคิลเลอร์ส.) ฉันต้องรับประทานยา
บรรเทาปวด
My period is heavy and (มาย พี้ เ รี ย ด อิ ส เฮ็ ฟ วิ แอนด์ ประจาเดือนฉันมามาก
painful. เพ้นฟุล) และปวด

77
การพูดคุ ยเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างการนวด จะทาให้บรรยากาศการ
นวดไม่เงี ยบเหงาจนเกิ นไป อย่างไรก็ดีพนักงานนวดแผนไทยควรสังเกต
ด้วยว่าลูกค้ากาลังต้องการความสงบหรื อไม่ หัวข้อของการสนทนาจะเป็ น
เรื่ องทัว่ ๆ ไป ที่ลูกค้าจะมีความสบายใจที่จะตอบ หัวข้อที่ควรละเว้น คือ
หัว ข้อ ที่ อ าจก่ อ ให้ เกิ ด ความขัดแย้ง หงุ ด หงิ ด เช่ น การเมื อ ง ศาสนา
สงคราม หรื อเรื่ องที่ เป็ นส่ วนตัวเกิ นไป เช่ น อายุ และรายได้ ตัวอย่า ง
คาถามสาหรับการพูดคุย เช่น

ตัวอย่าง 1
พนักงาน: Where are you from ?
(แว้ร์ อาร์ ยู ฟรอม ?)
คุณมาจากที่ไหนคะ
ลูกค้า: I’m from Canada.
(ไอม ฟร็ อม แค้นะดะ.)
ผมมาจากแคนาดา

78
พนักงาน: Whereabouts in Canada ?
(แวร์อเบ๊าท์ส อิน แค้นะดะ ?)
จากที่ไหนในแคนาดา
ลูกค้า: Ottawa.
(อ๊อตทะวะ)
เมืองออตตาวา
พนักงาน: Are you here on business?
(อาร์ ยู เฮียร์ ออน บิ๊สิเน้ส ?)
คุณมาทาธุ รกิจที่นี่หรื อคะ
ลูกค้า: No, my wife and I are here on holiday.
(โน, มาย ไว้ฟ แอนด์ ไอ อาร์ เฮียร์ ออน ฮ้อลิเดย์.)
ไม่ใช่ครับ ภรรยาและผมมาพักผ่อนที่นี่
พนักงาน: Is this your first visit to Thailand ?
(อิส ดิส ยัวร์ เฟิ้ สท์ วิซิท ทู ไทยแล้นด์ ?)
คุณมาเมืองไทยครั้งแรกหรื อเปล่าคะ
ลูกค้า 1: Yes, it is.
(เยส อิท อิส.)
ใช่ครับ
ลูกค้า 2: No, it’s my second time.
(โนว์ อิทส์ มาย เซ็คคัน่ ไทม์.)
ไม่ใช่ครับ ครั้งนี้เป็ นครั้งที่ 2 แล้วครับ

79
พนักงาน: Where are you staying?
(แวร์ อาร์ ยู สเต๊อิ่ง ?)
คุณพักที่ไหนคะ
ลูกค้า: At Dhonburi Lodge in Dhonburi Rajabhat
University.
(แอ็ท ธนบุรีหลอดจ์ อิน ธนบุรีราชภัฏ ยูนิเว้อซิ ทิ่)
ที่ธนบุรีลอดจ์ ในมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
พนักงาน: Do you like it here?
(ดู ยู ไล้ค อิท เฮี้ย ?)
คุณชอบที่นี่ไหม
ลูกค้า: Yes, very much.
(เยส เว้ริ่ มัช)
ชอบมากเลย
พนักงาน: What do you like most about Thailand ?
(ว็อท ดู ยู ไลค์ โมสท์ อเบ๊าท์ ไทยแลนด์ ?)
คุณชอบอะไรมากที่สุดเกี่ยวกับประเทศไทย
ลูกค้า: The people, Thais are friendly.
(เดอะ พี้เพิ่ล, ไทส์ อาร์ เฟร้นลิ่.)
ชอบคน คนไทยเป็ นมิตร

80
พนักงาน: What about Thai food? Do you like it?
(ว็อท อเบ๊าท์ ไท ฟู้ ด ดู ยู ไล้ค อิ๊ท?)
อาหารไทยละคะ คุณชอบไหม
ลูกค้า: Yes, I love spicy food.
(เยส, ไอ เลิฟ สไป๊ ซิ่ ฟู้ ด.)
ชอบซิ ผมชอบอาหารเผ็ด
พนักงาน: How do you like the weather?
(ฮาว ดู ยู ไล้ค์ เดอะ เว้เธ่อะ?)
แล้วอากาศเป็ นอย่างไรบ้างคะ
ลูกค้า: It’s just too hot.
(อิสท์ จัสท์ ทู ้ ฮ็อท.)
ร้อนไปหน่อยครับ

ตัวอย่างชื่อประเทศและสัญชาติของประเทศต่าง ๆ ที่มีนกั ท่องเที่ยว


ที่เข้ามาในประเทศไทย เรี ยงตามลาดับอักษร
Country Nationality
คาอ่ าน คาอ่ าน คาแปล
ประเทศ สัญชาติ
Australia ออสเตรเลีย Australian ออสเตรเลียน ออสเตรเลีย
Austria ออสเตรี ย Austrian ออสเตรี ยน ออสเตรี ย
Canada แค้นะดะ Canadian แคแนเดียน แคนาดา
China ไช้น่ะ Chinese ไช้นีส จีน

81
Country Nationality
คาอ่ าน คาอ่ าน คาแปล
ประเทศ สัญชาติ
Britain บริ เท่น British บริ ทีช สหราชอาณาจักร
อังกฤษ
France ฟร้านซ์ French ฟร้านซ์ ฝรั่งเศส
Germany เย้อรมะนี German เย้อรมัน เยอรมัน
Greece กรี๊ ซ Greek กรี๊ ก กรี ซ
India อิ๊นเดีย Indian อิ๊นเดียน อินเดีย
Indonesia อินโดนีเซีย Indonesian อินโดนีเซียน อินโดนีเซีย
Israel อิ๊สเรล Israeli อิ๊สเรลี อิสราเอล
Italy อิ๊ทะลิ่ Italian อิแทเลี่ยน อิตาลี
Japan จะแพน Japanese จะแพนีส ญี่ปุ่น
Malaysia มะเล้เซีย Malaysian มะเล้เซียน มาเลเซีย
Mexico เม็กซิโก Mexican เม็กซิกนั เม็กซิโก
New Zealand นิวซี้เลิ่น New Zealander นิวซี้เลิ่นเดอร์ นิวซีแลนด์
Norway นอรเวย์ Norwegian นอรเวย์เจียน นอร์เวย์
South Korea เซ้าธ์ โคเรี ย Korean โคเรี ยน เกาหลีใต้
The Soviet เดอะ โซเวียต Russian รัสเซียน รัสเซีย
Union Russia ยูเนี่ยน รัสเซีย
Spain สเปน Spanish สแปนิช สเปน
Sweden สวี้เด็น Swedish สวี้ดิช สวีเดน
Taiwan ไทวัน Taiwanese ไทวันนีส ไต้หวัน
The United เธอะ ยูไน้ทิ่ด American อเมริ กนั อเมริ กา
States สเตท

82
แผนที่จะช่วยให้พนักงานสามารถจินตนาการได้วา่ ลูกค้าที่ใช้บริ การ
นั้นเดิ นทางมาจากดิ นแดนส่ วนใดบนโลก ระยะทางใกล้หรื อไกลมากน้อย
เพียงใด

ออสเตรเลีย Australia อเมริกา America

ที่ มา : Hornby, A.S. 1999.

83
อัฟริกา Africa ยุโรป Europe เอเชีย Asia

ที่ มา : Hornby, A.S. 1999.

84
การบอกตัว เลขเป็ นเรื่ องจ าเป็ นใน
ชี วิตประจาวัน เพราะจะอยู่ในสถานการณ์ ของ
การบอกราคา บอกเลขโทรศัพท์ บอกเวลาใน
การนัดหมาย

1. การบอกเลขจานวนนับ

1 one วัน 10 ten เท็น


2 two ทู 11 eleven อิเละฟึ่ น
3 three ธรี 12 twelve ทเว้ลฟ์
4 four โฟร์ 13 thirteen เธ้อทีน
5 five ไฟ้ ฟ 14 fourteen โฟร์ทีน
6 six ซิ กซ์ 15 fifteen ฟิ ฟทีน
7 seven เซะฟึ่ น 16 sixteen ซิกซ์ทีน
8 eight เอ๊ท 17 seventeen เซะฟึ่ นทีน
9 nine ไนน์ 18 eighteen เอ๊ททีน
85
19 nineteen ไนน์ทีน 30 thirty เธ้อทิ่
20 twenty ทเว้นทิ่ 40 forty ฟอร์ ทิ่
21 twenty-one ทเว้นที วัน 50 fifty ฟิ ฟทิ่
22 twenty-two ทเว้นทิ่ ทู 60 sixty ซิ กซ์ทิ่
23 twenty-three ทเว้นทิ่ ธรี 70 seventy เซะฟึ่ นทิ่
24 twenty-four ทเว้นทิ่ โฟร์ 80 eighty เอ๊ททิ่
25 twenty-five ทเว้นทิ่ ไฟฟ์ 90 ninety ไนน์ทิ่
26 twenty-six ทเว้นทิ่ ซิ กซ์ 100 one hundred วัน ฮั้นเดร็ ด
27 twenty-seven ทเว้นทิ่ เซะฟึ่ น 1,000 one thousand วัน เธ้าซัน่
28 twenty-eight ทเว้นทิ่ เอ๊ท 10,000 ten thousand เท็น เธ้าซัน่
29 twenty-nine ทเว้นทิ่ ไนน์ 100,000 one hundred วัน ฮั้น เดร็ ด
thousand เธ้าซัน่

เมื่ออ่านจานวนเลขหลายหลักให้เพิ่มคาว่า and ก่อนหน้าเลขหลัก


สุ ดท้าย
101 one hundred and one
(วัน ฮั้นเดร็ ด แอนด์ วัน)
110 one hundred and ten
(วัน ฮั้นเดร็ ด แอนด์ เท็น)
175 one hundred and seventy-five
(วัน ฮั้นเดร็ ด แอนด์ เซฟึ่ นทิ่ ไฟฟ์ )
86
234 two hundred and thirty-four
(ทู ฮั้นเดร็ ด แอนด์ เธ้อร์ ทิ่ โฟร์ )
438 four hundred and thirty-eight
(โฟร์ ฮั้นเดร็ ด แอนด์ เธ้อทิ่ เอท)
689 six hundred and eighty-nine
(ซิ กซ์ ฮั้นเดร็ ด แอนด์ เอ๊ททิ่ ไนน์)
1,440 one thousand four hundred and forty
(วัน เธ้าซัน่ โฟร์ ฮั้นเดร็ ด แอนด์ ฟอร์ ทิ่)
2,568 two thousand five hundred and sixty-eight
(ทู เธ้าซัน่ ไฟ้ ฟ ฮั้นเดร็ ด แอนด์ ซิ กซ์ทิ่ เอท)
5,238 five thousand two hundred and thirty-eight
(ไฟฟ์ เธ้าซัน่ ทู ฮั้นเดร็ ด แอนด์ เธ้อทิ่ เอท)
10,750 ten thousand seven hundred and fifty
(เท็น เธ้าซัน่ เซะฟึ่ น ฮั้นเดร็ ด แอนด์ ฟิ ฟทิ)
12,275 twelve thousand two hundred and seventy-five
(ทเว้ลฟ เธ้าซัน่ ทู ฮั้นเดร็ ด แอนด์ เซะฟึ่ นทิ่ ไฟฟ์ )

ลู ก ค้ า อาจต้ อ งการทราบข้ อ มู ล
เกี่ยวกับเวลา และราคาในการบริ การ เช่น

87
ตัวอย่าง 1
ลูกค้า: I’d like a foot massage. How long does it take ?
(ไอด ไลค์ อะ ฟุ้ ท มัสซ้าช. ฮาว ลอง ดัส อิท
เท้ค ?)
ดิฉนั ต้องการจะนวดเท้า จะใช้เวลานานไหมคะ ?
พนักงาน: Fifty minutes.
(ฟิ ฟทิ่ มินิทส)
50 นาทีค่ะ
ตัวอย่าง 2
ลูกค้า: How much does it cost ? หรื อ How much do you
charge ?
(ฮาว มัช ดัส อิท คอสท์ ? ฮาว มัช ดู ยู ชาร์ท ?)
อัตราค่าบริ การเท่าไหร่ ครับ
พนักงาน 1: It’s 500 baht.
(อิทส์ ไฟ้ ฟ์ ฮั้นเดร็ ด บาท)
500 บาทค่ะ
พนักงาน 2: Aroma therapy for 90 minutes is 2,500 baht.
(อโรม่ะ เธ้อราพิ ฟอร์ ไน้น์ทิ่ มินิทส์ อิส ทู เธ้าซั่น
แอนด์ ไฟฟ์ ฮั้นเดร็ ด บาท.)
นวดอโรมา 90 นาที 2,500 บาทค่ะ

88
2. เลขแสดงลาดับที่

ภาษาอังกฤษมีเลขแสดงลาดับที่โดยเฉพาะ เช่น first, second, third,


fourth, fifth, sixth, seventh ส่ วนใหญ่จะเติม -th ท้ายเลขจานวนนับลาดับ
เลขที่ เป็ นจานวนประสมให้ใช้เลขลาดับตามเลขตัวท้าย เช่ น 21st twenty-
first, 42nd forty-second, 53rd fifty-third

first 1st เฟิ้ สท์ sixteenth 16th ซิกซ์ทีนธ์


second 2nd เซะคัน่ seventeenth 17th เซะฟึ่ นทีนธ์
third 3rd เธิ๊ด eighteenth 18th เอ๊ททีนธ์
fourth 4th โฟ้ ร์ธ nineteenth 19th ไนน์ทีนธ์
fifth 5th ฟิ ฟธ์ twentieth 20th ทเว้นทิ่เอ็ธ
sixth 6th ซิกธ์ twenty-first 21st ทเว้นทิ่ เฟิ้ สท์
seventh 7th เซะฟึ่ นธ์ twenty-second 22nd ทเว้นทิ่ เซะคัน่
eighth 8th เอ้ทธ์ thirtieth 30th เธ้อทิ่เอ็ธ
ninth 9th ไนนธ์ fortieth 40th ฟ้ อร์ทิ่เอ็ธ
tenth 10th เท็นธ์ fiftieth 50th ฟิ ฟทิ่เอ็ธ
eleventh 11th อิเละฟึ่ นธ์ sixtieth 60th ซิกซ์ทิ่เอ็ธ
twelfth 12th ทเว้ลธ์ seventieth 70th เซะฟึ่ นทิ่เอ็ธ
thirteenth 13th เธ้อทีนธ์ eightieth 80th เอ๊ททิ่เอ็ธ
fourteenth 14th โฟร์ทีนธ์ ninetieth 90th ไน้นทิเอ็ธ
fifteenth 15th ฟิ ฟทีนธ์ one hundredth 100th วัน ฮั้นเดร็ ดธ์

89
 Is this your first time for Thai traditional massage?
(อิส ดีส ยัวร์ เฟิ ร์ สท์ ไทม์ ฟอร์ ไท เทรดิ๊ชนั่ นัล มัสซาช ?)
นี่เป็ นครั้งแรกของคุณที่นวดแผนไทยใช่ไหมคะ ?
 Please go to the second bed.
(พลีซ โก ทู เดอะ เซ็คคัน่ เบ้ด.)
เชิญที่เตียงที่ 2 ค่ะ
 Aroma therapy is on the third floor.
(อโรม่ะ เธ้อราพิ อิส ออน เดอะ เธิ๊ ด ฟลอร์ )
บริ การนวดอโรมาอยูท่ ี่ช้ นั 3 ค่ะ

90
สังเกตเอกสารบอกราคา เวลา วันที่ และหมายเลขโทรศัพท์ จาก
เอกสารต่อไปนี้

Natural Beauty Clinic


9: 30a.m. - 12:30 p.m. & 1:15p.m. - 4:00p.m.

NB: Prices may change without notice.

91
ความรู ้ เกี่ ยวกับการบอกเวลา จะเป็ นประโยชน์ในการสื่ อสารและ
นัดหมายกับลูกค้า คาศัพท์สานวนเกี่ยวกับการบอกเวลามีดงั นี้

1. การถามและการบอกเวลาโดยทัว่ ไป

เมื่อต้องการถามหรื อพูดถึงเวลา จะใช้ได้หลายสานวน เช่น


 What’s the time now ?
(ว็อทส เดอะ ไทม์ นาว ?)
เวลาเท่าไรแล้วครับ

92
 What time is it, please?
(ว็อท ไทม อิส อิท, พลี้ส)
กี่โมงแล้วครับ
 Can you tell me the time, please ?
(แคน ยู เท็ล มี เดอะ ไทม์, พลี้ส ?)
ช่วยบอกด้วยค่ะ กี่โมงแล้ว
 Have you got the time?
(แฮ้ฟ ยู กัท๊ เดอะ ไทม์ ?)
คุณมีนาฬิกาไหมคะ

จะตอบว่า It’s ………. เช่น


 It’s eight o’clock.
(อิทส เอ้ท โอะคล็อก.)
แปดนาฬิกาครับ

การบอกเวลา บอกได้หลายวิธี เช่น


6.00 : It’s six o’clock / six a.m.
(อิทส์ ซิกซ์ โอะคล็อก / ซิกซ์ เอ เอ็ม)
6.05 : It’s five (minutes) past six / six oh five.
(อิทส์ ไฟ้ ว (มินิทส) พาสท์ ซิกซ์ / ซิกซ์ โอ ไฟ้ ว)
93
6.15 : It’s a quarter past six / six fifteen.
(อิทส์ อะ คว้อเท่อะ พาสท์ ซิ กซ์ / ซิก ฟิ ฟทีน)
6.25 : It’s twenty-five (minutes) past six / six twenty-
five.
(อิทส์ ทเว้นทิ ไฟ้ ฟ์ (มิ นิทส) พาสท์ ซิ กซ์ / ซิ ก ซ์
ทเว้นทิ่ ไฟ้ ฟ์ )
6.30 : It’s half past six/six thirty.
(อิทส์ ฮ้าฟ พ้าสท์ ซิกซ์ / ซิ กซ์ เธ้อทิ่)
6.40 : It’s twenty (minutes) to seven / six forty.
(อิทส์ ทเว้นทิ่ (มินิทส) ทู เซะฟึ่ น / ซิ กซ์ ฟ้ อร์ ทิ่)
6.45 : It’s a quarter to seven/six forty-five.
(อิทส์ อะ คว้อเท่อะ ทู เซะฟึ่ น / ซิ กซ์ ฟ้ อร์ ทิ่ ไฟ้ ฟ์ )
6.56 : It’s four minutes to seven / six fifty-six.
(อิทส์ โฟร์ มินิทส ทู เซะฟึ่ น / ซิกซ์ ฟิ ฟทิ่ ซิ กซ์)

ในการบอกเวลาแบบ 12 ชัว่ โมง อาจใช้ a.m. (ante meridian) หรื อ


p.m. (post meridian) กากับ จะใช้ a.m. วางข้างท้ายในตอนเช้า ตั้งแต่หลัง
เที่ยงคืนไป และจะใช้ p.m. ท้ายเวลาในตอนบ่าย ตั้งแต่หลังเที่ยงวันไป

94
2. การบอกช่ วงเวลาต่ าง ๆ ของวัน

at
at six o’clock (แอ้ท ซิกซ์ โอะคล็อก) ตอนหกโมง
at noon (แอ้ท นูน) ตอนเที่ยง
at night (แอ้ท ไน้ท)์ ตอนกลางคืน
at midnight (แอ้ท มิดไน้ท)์ ตอนเที่ยงคืน

in
in the morning (อิน เดอะ มอร์ นิ่ง) ในตอนเช้า
in the afternoon (อิน ดิ อ้าฟเทอร์นูน) ในตอนบ่าย
in the evening (อิน ดิ อีฟเฟอะนิ่ง) ในตอนค่า

 The banks open at eight thirty or nine in the morning.


(เดอะ แบงส์ โอ๊พ่ นึ แอ็ท เอ้ท เธ้อที้ ออร์ ไนน์ อิน เดอะ มอร์ นิ่ง)
ธนาคารเปิ ดเวลาแปดโมงครึ่ งหรื อไม่กเ็ ก้าโมงเช้า

3. การถามและบอกเวลาการบริการ

การถามและบอกเวลาเริ่ มเปิ ดทาการและปิ ดทาการของสถานบริ การ


จะใช้สานวน ดังต่อไปนี้
95
What time does open ?
สถานที่
When does close ?

วิธีตอบจะตอบโดยใช้สานวนต่อไปนี้ คือ

opens (โอ๊พ่ ึนส์)


begins (บีกินส์)
It
starts (สตาร์ทส์) at + เวลา
closes (โค้ลสซีส)
It’s / We’re open (โอ๊พ่ ึน)

 It opens at nine and closes at eight in the evening.


(อิท โอ๊พ่ ึนส์ แอ็ท ไนน์ แอนด์ โค้ลสซีส แอ็ท เอ้ท อิน ดิ อี้ฟนิ่ง.)
เราเปิ ดให้บริ การเก้าโมงเช้า ปิ ดสองทุ่มตรง
 The office closes at 5.30.
(ดิ อ้อฟฟิ ต โคล้ส์ซีส แอ็ท ไฟ้ ฟ์ เธ้อที้.)
สานักงานปิ ดเวลาห้าโมงครึ่ ง

96
 We’re open at 9 am. We close at 7:30 pm. We’re closed on
Sunday.
(เวียร์ โอ๊พ่ ึน แอ็ท ไนน์ เอเอ็ม วี โคล้ส แอ็ท เซะฟึ่ น เธ้อทิ่ พีเอ็ม
เวียร์ โคล้สท์ ออน ซันดิ)
เราเปิ ดให้บริ การ 9 โมงเช้า ปิ ดทุ่มครึ่ งและปิ ดวันอาทิตย์ค่ะ

การบอกระยะเวลาของบริ การว่าเริ่ มจากเวลาใด จนถึงเวลาใดจะใช้


คาบุพบท
จาก คือ from...
ถึง คือ to หรื อ until หรื อ till

to
It opens from + เวลา till + เวลา
untill

 It opens from 10 till midnight.


(อิท โอ๊พ่ ึนส์ ฟรอม เท็น ทิล มิดไนท์.)
เปิ ดตั้งแต่ 10 โมง จนถึงเที่ยงคืน.

97
ตัวอย่าง 1
ลูกค้า: What hours are you open today, please?
(ว้อท อ๊าวส์ อาร์ ยู โอ๊พ่ ึน ทูเดย์, พลีซ)
คุณเปิ ดกี่โมงวันนี้
พนักงาน: We’re open from nine a.m. to three p.m.
(เวียร์ โอ๊พ่ ึน ฟรอม ไนน์ เอเอ็ม ทู ธรี พีเอ็ม.)
เราเปิ ดตั้งแต่ 9 โมงเช้า จนถึงบ่าย 3 โมง.

4. การถามเวลาเกีย่ วกับการนวด

ตัวอย่าง 1
ลูกค้า: I’d like a foot massage. How long does it take ?
(ไอด ไล้ค์ อะ ฟุ้ ท มัสซ้าช. ฮาว ลอง ดัส อิท
เท้ค ?)
ฉันอยากจะนวดเท้า จะใช้เวลานานไหมคะ
พนักงาน: About one hour.
(อะเบ๊าท์ วัน อ๊าว.)
ประมาณหนึ่งชัว่ โมงค่ะ

98
1. การบอกชื่อวันทั้ง 7 วันและเดือน 12 เดือน ในภาษาอังกฤษ

เดือน คาอ่าน คาแปล คาย่อ


January แจ๊นยัวอะริ่ มกราคม Jan.
February เฟบรู อะริ่ กุมภาพันธ์ Feb.
March ม้าร์ช มีนาคม Mar.
April เอ๊พริ ล เมษายน Apr.
May เมย์ พฤษภาคม -
June จูน มิถุนายน -
July จุลาย กรกฏาคม -
August อ๊อกัสท์ สิ งหาคม Aug.
September เส็พเท้มเบอะ กันยายน Sept.
October อ็อกโท้เบอะ ตุลาคม Oct.
November โนเว้มเบอะ พฤศจิกายน Nov.
December ดีเซ้มเบอะ ธันวาคม Dec.

99
วัน คาอ่าน คาแปล คาย่อ
Monday มันดิ วันจันทร์ Mon.
Tuesday ทยูสดิ วันอังคาร Tues.
Wednesday เว้นสดิ วันพุธ Wed.
Thursday เธิ้สดิ วันพฤหัสบดี Thurs.
Friday ไฟรดิ วันศุกร์ Fri.
Saturday แซทเทอะดิ วันเสาร์ Sat
Sunday ซันดิ วันอาทิตย์ Sun.

100
2. การถามวันและเดือน

การถามวันที่ วัน เดือน อาจตั้งคาถามดังนี้

ตัวอย่าง 1
ลูกค้า: What day is today ?
(ว็อท เดย์ อิส ทูเดย์ ?)
วันนี้วนั อะไร
พนักงาน 1: It’s Friday.
(อิทส์ ไฟร้ดิ)
วันศุกร์
พนักงาน 2: Today is Monday.
(ทูเดย์ อิส มันดิ)
วันนี้วนั จันทร์
ตัวอย่าง 2
ลูกค้า: What’s the date ?
(ว็อทส เดอะ เดท?)
วันที่เท่าไร
พนักงาน: It’s the twenty second.
(อิทส เดอะ ทเว้นทิ่ เซ็คคัน่ )
วันที่ 22
101
3. สานวนทีใ่ ช้ กบั วันเดือนและปี

การบอกวันเดือนปี มีวธิ ีการเขียนและพูดได้หลายแบบ เช่น

December 10, 2004 อ่านว่า


December the tenth, two thousand four.
(ดิเซ้มเบอะ เดอะ เท็นธ์ ทู เธ้าซัน่ โฟร์ )

Friday, December 10, 2004 อ่านว่า


Friday, December tenth, two thousand four.
(ไฟร์ ดิ ดิเซ็มเบอะ เท็นธ์ ทู เธ้าซัน่ โฟร์ )

10 December 2004 อ่านว่า


Tenth of December two thousand four.
(เท็นธ์ ออฟ ดิเซ้มเบอะ ทู เธ้าซัน่ โฟร์ )

ควรสังเกตการใช้เครื่ องหมายด้วย สองแบบแรกต้องมีเครื่ องหมาย


comma หลังวันที่ แบบหลังไม่ตอ้ งมีเครื่ องหมายใด ๆ ทั้งสิ้ น หลังปี ค.ศ.
แล้วไม่ตอ้ งมีจุด (period)

102
ถ้าเขียน วันที่ 15 แม้วา่ จะเขียนวันที่เป็ นเลขธรรมดา (1, 2, 3, ...)
แต่เวลาอ่านให้อ่านเป็ นลาดับที่ เช่น first, second, third …. fifteenth เป็ นต้น
ฉะนั้นถ้าจะอ่านเต็มที่ก็ตอ้ งอ่านว่า
 It’s the fifteenth of December.
(อิทส เดอะ ฟิ ฟทีนธ์ อ็อฟ ดิเซ้มเบอะ)
วันที่ 15 ธันวาคม

หรื อถ้าเขียนแบบวางวันที่ไว้ขา้ งหลัง December 15 ก็ตอ้ งอ่านว่า


 It’s December, the fifteenth.
(อิทส ดิเซ้มเบอะ เดอะ ฟิ ฟทีนธ์)
วันที่ 15 ธันวาคม

ถ้าเขียนวัน เดือน ปี เป็ นตัวเลข เช่น


12-15-83, 12/15/83, 12.15.83
อ่านว่า twelve / fifteen / eighty-three

การอ่าน คริสตศักราช
การอ่าน ค.ศ. ให้อ่านเลขทีละคู่ ยกเว้นปี ที่มีเลข 00 จะอ่านเป็ นเลข
หลักพัน ดังตัวอย่างต่อไปนี้
2000 two thousand (ทู เธ้าซัน่ )
2004 two thousand four (ทู เธ้าซัน่ โฟร์ )
103
1900 nineteen hundred (ไนน์ทีน ฮั้นเดร็ ด)
1906 nineteen oh (ออกเสี ยงเหมือนตัว o) six
หรื อ nineteen six (ไนน์ทีน โอ ซิกซ์)
หรื อ (ไนน์ทีน ซิกซ์)
1966 nineteen sixty six (ไนน์ทีน ซิ กซ์ทิ่ ซิ กซ์)

การใช้ คาบุพบท at, in, on กับวัน เวลา

at ใช้ กบั เวลา


at six o’clock (แอ็ท ซิกซ์ โอะคล็อก)
at lunch time (แอ็ท ลั้นซ์ ไทม์)
at midnight (แอ็ท มิดไนท์)
ช่ วงวันหยุดเทศกาล
at the weekend (แอ็ท เดอะ วี้คเคนด์)
at Christmas (แอ็ท คริ สต์มสั )
at Easter (แอ็ท อี๊สเท่อะ)
at Khao pansa (แอ็ท เข้าพรรษา)
at New year (แอ็ท นิว เยียร์ )

104
on ใช้ กับวัน และวันที่
on Tuesday (ออน ทยูส้ ดิ)
on 6 December (ออน เดอะ ซิกซธ์ ออฟ ดิเซ้มเบอะ)
on Friday morning (ออน ไฟร้ดิ มอร์ นิ่ง)
on Easter Monday (ออน อี๊สเทอะ มันดิ)
on Christmas Day (ออน คริ สต์มสั เดย์)
in ใช้ กบั ช่ วงต่ างๆ ของวัน
in the morning (อิน เดอะ มอร์ นิ่ง)
in the afternoon (อิน ดิ อ๊าฟเทอะนูน)
in the evening (อิน ดิ อี๊ฟนิ่ง)
ใช้ กบั เดือน ฤดู ปี
in June (อิน จูน้ )
in winter (อิน วิน้ เทอะ)
in 1998 (อิน ไน้น์ทีนไน้น์ทิ่เอ้ท)
in the 21st century (อิน เดอะ ทเว้นทิ่เฟิ้ สท เซ้นจุริ่)

ตัวอย่าง
 I was born at four o’clock in the morning.
(ไอ วอส บอร์น แอ็ท โฟร์ โอะคล็ก อิน เดอะ มอร์ นิ่ง)
ดิฉนั เกิดเวลา 4 นาฬิกาในตอนเช้า

105
 I was born on Tuesday.
(ไอ วอส บอร์น ออน ทยูส้ ดิ)
ดิฉนั เกิดวันอังคาร
 I was born in February.
(ไอ วอส บอร์น อิน เฟบรู อะริ่ )
ผมเกิดเดือนกุมภาพันธ์
 I was born in 1973.
(ไอ วอส บอร์น อิน ไนน์ทีนเซเว่นทิธรี )
ผมเกิดในปี 1973

ถ้ามีวนั ที่ตามหลังเดือน คาบุพบทที่ใช้เปลี่ยนเป็ น on เช่น

 I was born on February the first.


(ไอ วอส บอร์น ออน เฟบรู อะริ่ เดอะ เฟิ้ สท์)
ดิฉนั เกิดวันที่ 1 กุมภาพันธ์
 He was born at 5 o’clock on August 10, 1990.
(ฮี วอส บอร์ น แอ็ท ไฟ้ ว์ โอะคล็ อก ออน อ๊อกัสท์ เดอะ
เท็นธ์ ไนน์ทีนไนน์ทิ่)
เขาเกิดเวลา 5 นาฬิกาของวันที่ 10 สิ งหาคม 1990

106
คาว่า today (วันนี้ ), tonight (คืนนี้ ), tomorrow (พรุ่ งนี้ ), yesterday
(เมื่อวาน) และ this (... นี้ ), next (...หน้า), last (...ที่แล้ว) วางหน้าวัน, เดือน,
ปี จะไม่มีคาบุพบท เช่น
 last Tuesday
(ล้าสท์ ทยูสดิ)
อังคารที่แล้ว
 next Wednesday
(เน็กซ์ท เว้นสดิ)
พุธหน้า
 last February
(ล้าสท์ เฟบรู อะริ่ )
เดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว
 next March
(เน็กซท์ มาร์ช)
เดือนมีนาคมปี หน้า

107
4. คาบอกเวลาในปัจจุบัน อดีต และอนาคต

Present ปัจจุบัน
today (ทูเดย์) วันนี้
tonight (ทูไน้ท)์ คืนนี้
this week (ดีส วีค) สัปดาห์น้ ี
this month (ดีส มันธ์) เดือนนี้
this year (ดีส เยียร์ ) ปี นี้
Past อดีต
yesterday (เยสเทอะเดย์) เมื่อวานนี้
last night (ล้าสท์ ไน้ท)์ เมื่อคืนนี้
last week (ล้าสท์ วีค) สัปดาห์ที่แล้ว
last month (ล้าสท์ มันธ์) เดือนก่อน
last year (ล้าสท์ เยียร์ ) ปี ก่อน
two days ago (ทู เดย์สโก) สองวันก่อน
three months ago (ธรี มันธ์สโก) สามเดือนก่อน
four years ago (โฟร์ เยียร์สะโก) สี่ ปีก่อน

108
Future อนาคต
soon (ซูน) เร็ วๆ นี้, ในไม่ชา้
tomorrow (ทูมอ้ โร่ ว) พรุ่ งนี้
tomorrow night (ทูมอ้ โร่ ว ไน้ท)์ คืนพรุ่ งนี้
next week (เน็กซ์ท วี้ค) สัปดาห์หน้า
next month (เน็กซ์ท มั้นธ์) เดือนหน้า
next year (เน็กซ์ท เยียร์ ) ปี หน้า
someday (ซัมเดย์) สักวันหนึ่ง
the day after (เดอะ เดย์ อ๊าฟเทอะ มะรื นนี้
tomorrow ทูมอ้ โร่ ว)

109
การนวดแผนไทยเป็ นธุ รกิจบริ การซึ่ งเป็ นที่นิยมทั้งในหมู่ลูกค้าชาว
ไทยและชาวต่างชาติ ดังนั้นพนักงานนวดแผนไทยควรได้รู้จกั ศัพท์สานวน
ในการชาระค่าบริ การ ในสถานการณ์ต่าง ๆ ดังนี้

1. ลูกค้ าเรียกให้ คดิ เงิน ลูกค้ าสามารถบอกให้ คดิ เงินด้ วยรู ปประโยค
ทีห่ ลากหลาย

ลูกค้า 1: Could we have the bill, please?


(คูด้ วี แฮ้ฟ เดอะ บิล, พลีส ?)
ลูกค้า 2: Could I have the bill, please?
(คูด้ ไอ แฮ้ฟ เดอะ บิล, พลีส ?)
ช่วยคิดเงินด้วย

110
ลูกค้า 3: May I have the bill please?
(เมย์ ไอ แฮ้ฟ เดอะ บิล, พลีส ?)
ช่วยคิดเงินด้วย
พนักงาน: Please pay the cashier on your way out.
(พลีส เพย์ เดอะ แค้ชเชียร์ ออน ยัวร์ เวย์ เอ้าท์)
กรุ ณาจ่ายที่แคชเชียร์ ตรงทางออกค่ะ
ลูกค้า: Can I pay now ?
(แคน ไอ เพย์ นาว ?)
ฉันจะชาระเงินตอนนี้ได้ไหม
พนักงาน 1: Certainly, madam. Just a moment, please.
(เซอร์ท่ ึนลี่, มาดาม. จัส อะ โม้เม่นท์, พลีส)
ได้ค่ะ กรุ ณารอสักครู่
พนักงาน 2: Excuse me, madam. Here’s your bill.
(อิกซ์คิ้วส์มี มาดาม. เฮียร์ส์ ยัวร์ บิล.)
ขอโทษค่ะ นี่รายการค่าใช้จ่ายของคุณค่ะ

111
2. พนักงานอาจพบลูกค้ าสอบถามถึงวิธีการชาระเงินดังนี้

ตัวอย่าง 1
ลูกค้า 1: Do you accept credit cards? / Do you take credit
cards?
(ดู ยู แอคเซ้พท์ เครดิ ต ค๊าดส์ ?/ ดู ยู เท้ค เครดิ ต
ค๊าดส์ ?)
คุณรับบัตรเครดิตไหม ?
ลูกค้า 2: Can I pay by Visa card?
(แคน ไอ เพย์ บาย วีซ่า ค้าด?)
ฉันจ่ายด้วยบัตรวีซ่าได้ไหม ?
ลูกค้า 3: Do you accept cheques?
(ดู ยู แอคเซ้พท์ เช็คส์ ?)
คุณรับเช็คไหม ?
พนักงาน: I’m sorry, but we only accept cash, madam.
(ไอม์ ซ้อรี่ , บัท วี โอนลิ่ แอ๊คเซ็พท์ แคช,
มาดาม.)
ขอโทษนะคะ แต่เรารับเฉพาะเงินสดค่ะ

112
ตัวอย่าง 2
ลูกค้า: Do you accept U.S. dollars?
(ดู ยู แอคเซ้พท์ ยู เอส ดอลล่าร์ ส ?)
คุณรับเงินดอลล่าร์ อเมริ กนั ไหม
พนักงาน: I’m sorry sir, we only accept Thai baht.
(ไอม์ ซ้อรี่ เสอร์ , วี โอนลิ่ แอ๊คเซ็พท์ ไทย บาท.)
ขอโทษค่ะ เรารับแต่เงินบาท
ตัวอย่าง 3
ลูกค้า 1: Can I pay with my traveller’s cheques?
(แคน ไอ เพย์ วิท มาย ทระเวลเลอซ์ เช็คส์ ?)
ฉันจ่ายเป็ นเช็คเดินทางได้ไหม ?
ลูกค้า 2: Can I pay with my personal cheques?
(แคน ไอ เพย์ วิท มาย เพอร์ ส้ นั นัล เช็ค?)
ฉันจ่ายเป็ นเช็คส่ วนบุคคลได้ไหม ?
พนักงาน: I’m sorry, we don’t accept personal cheques. It’s
hotel policy.
(ไอม์ ซ้อรี่ , วี ด๊น แอ๊คเซ็พท์ เพอร์ ส้ ันนัล เช็ค.
อิทส์ โฮ เท็ล พอลิซี่)
ขอโทษค่ะ เราไม่รับเช็ คส่ วนบุ คคล เป็ นนโยบาย
ของทาง โรงแรมค่ะ

113
ตัวอย่าง 4
ลูกค้า: Can I put it on my hotel bill?
(แคน ไอ พุท้ อิท ออน มาย โฮเท็ล บิล?)
ฉันจะรวมค่าใช้จ่ายไว้ในใบเสร็ จโรงแรมได้ไหม
พนักงาน 1: Certainly, madam. what’s your room number?
Please sign here, madam.
(เซ้ อ ทึ่ น ลิ่ มาดาม. ว้อ ทส์ ยัว ร์ รู ม นัม เบอร์ ?
พลีส ไซน์ เฮียร์ มาดาม.)
ได้ค่ะ หมายเลขห้องอะไรคะ กรุ ณาเซ็นที่น้ ีดว้ ยค่ะ
พนักงาน 2: No, I’m afraid not. It’s hotel policy.
(โน ไอม์ อะเฟร้ด น้อท, อิทส์ โฮเท็ล พอลิซี่)
ไม่ไ ด้ค่ ะ ดิ ฉันเกรงว่าจะไม่ ได้ เป็ นนโยบายของ
โรงแรมค่ะ

3. การรับบัตรเครดิต

ตัวอย่าง 1
ลูกค้า: Do you take credit cards?
(ดู ยู เท้ค เครดิต ค้าดส์ ?)
คุณรับบัตรเครดิตไหมคะ

114
พนักงาน: Yes, we do, since the amount exceeds 1,000
baht, madam.
(เยส, วี ดู, ซิ้นซ์ ดิ อะเม้าท์ อิกซ์ซ้ ี ดส์
วัน เธ้าซัน่ บาท มาดาม)
รับค่ะ แต่ตอ้ งเป็ นจานวนเงิ นมากกว่า 1,000 บาท
ค่ะ
ตัวอย่าง 2
ลูกค้า: Do you accept credit cards?
(ดู ยู แอคเซ้พท์ เครดิต ค้าดส์ ?)
คุณรับบัตรเครดิตหรื อเปล่า
พนักงาน: Certainly sir.
(เซ้อทึ่นลิ่, เสอร์ )
ได้ค่ะ
พนักงาน 1: What credit card do you have?
(ว้อท เครดิต ค้าด ดู ยู แฮ้ฟ ?)
พนักงาน 2: What card have you got, sir?
(ว้อท ค้าด แฮ้ฟ ยู ก้อท, เสอร์ ?)
พนักงาน 3: What credit card have you got, madam?
(ว้อท เครดิต ค้าดส์ แฮ้ฟ ยู ก้อท, มาดาม?
คุณมีบตั รเครดิตอะไรคะ

115
ตัวอย่าง 3
พนักงาน: May I have your card, please?
(เมย์ ไอ แฮ้ฟ ยัวร์ ค้าดส์, พลีส?)
ดิฉนั ขอรับบัตรค่ะ
ลูกค้า: What credit cards do you accept?
(ว้อท เครดิต ค้าดส์ ดู ยู แอคเซ้พท์?)
คุณรับบัตรเครดิตอะไร
พนักงาน: We accept Diners Club, American Express,
and Visa.
(วี แอคเซ้พท์ ไดเนอส์ คลับ, อเมริ กนั เอ็กซเพรส,
แอนด์ วีซ่า.)
เรารับบัตรไดเนอส์ คลับ, บัตรอเมริ กนั เอ็กซเพรส
และบัตรวีซ่า

116
ตัวอย่าง 4
พนักงาน: May I have your card, please?
(เมย์ ไอ แฮ้ฟ ยัวร์ ค้าดส์, พลีส?)
ดิฉนั ขอรับบัตรค่ะ
ลูกค้า: Here’s the card.
(เฮียส์ เดอะ ค้าด.)
บัตรอยูน่ ี่
พนักงาน 1: Can you sign here, please?
(แคน ยู ไซน์ เฮียร์ , พลีส ?)
กรุ ณาเซ็นตรงนี้ค่ะ
พนักงาน 2: Please sign here, madame.
(พลีส ไซน์ เฮียร์ , มาดาม)
กรุ ณาเซ็นชื่อที่นี่ค่ะ

4. ลูกค้ าอาจซักถามเกีย่ วกับรายการค่ าใช้ จ่ายหรือใบเสร็จในกรณี


ต่ าง ๆ ดังนี้

ตัวอย่าง 1
ลูกค้า 1: Is service included?
(อิส เซอร์วสิ อินคลูด้ ดิด ?)
รวมค่าบริ การหรื อเปล่า ?
117
ลูกค้า 2: Is tax included?
(อิส แทกซ์ อินคลูด้ ดิด ?)
รวมค่าภาษีหรื อเปล่า ?
พนักงาน: Yes, it is, madame.
(เยส, อิท ทีส, มาดาม.)
รวมค่ะ
ลูกค้า 1: What is this for ?
(ว้อท อิส ดีส ฟอร์ ?)
นี่เป็ นค่าอะไร ?
ลูกค้า 2: Can you please explain this to me?
(แคน ยู พลีส อิกซเพลน ดีส ทู มี้ ?)
คุณช่วยอธิ บายนี่หน่อยได้ไหม ?
ตัวอย่าง 2
ลูกค้า: What is this amount for ?
(ว้อท อิส ดีส อะเม้าท์ ฟอร์ ?)
จานวนนี้เป็ นค่าอะไร
พนักงาน: That’s the ten percent service charge, sir
(แดทส์ เดอะ เท็น เพอเซนท์ เซอร์วสิ ช้าร์จ, เสอร์ )
นี่เป็ นค่าบริ การ 10% ครับ

118
5. ลูกค้ าบางคนอาจขอหลักฐานการชาระเงินหรือใบเสร็จรับเงิน
เรียกว่ า receipt ลูกค้ า อาจขอใบเสร็จรับเงินด้ วยประโยค ดังนี้

ลูกค้า 1: May I have a receipt, please?


(เมย์ ไอ แฮ้ฟ อะ รี ซ้ ี ท, พลีส ?)
ลูกค้า 2: Could I have a receipt, please?
(คูด้ ไอ แฮ้ฟ อะ รี ซ้ ี ท, พลีส ?)
ฉันขอใบเสร็ จรับเงินด้วย
พนักงาน 1: Certainly. Just a moment, please.
(เซ้อร์ ท่ ึนลิ่. จัส อะ โม้เม่นท์, พลีส)
ได้ค่ะ สักครู่ นะคะ
พนักงาน 2: Here’s your receipt, sir/ madam.
(เฮียส์ ยัวร์ รี ซ้ ี ท, เสอร์ /มาดาม)
นี่ใบเสร็ จของคุณค่ะ

119
พนักงานนวดแผนไทยอาจนัดหมายลูกค้าให้กลับมาใช้บริ การอีก
เพื่อให้มีการดูแลสุ ขภาพอย่างต่อเนื่ อง ดังนั้นพนักงานจึงจาเป็ นต้องรู ้ ศพั ท์
สานวนโครงสร้ าง ประโยคที่เกี่ ยวกับการนัดหมาย และการตกลงเรื่ องวัน
เวลา ดังนี้

1. ชักชวนให้ มีการนัดครั้งต่ อไป

 Would you like to make an appointment for next time ?


(วูด้ ยู ไล้ค์ ทู เม้ค แอน แอ็พพ้อยทเม็นท์ ฟอร์ เน็กซ์ ไท้ม์ ?)
คุณต้องการนัดสาหรับครั้งหน้าไหมคะ

120
2. ผู้นัดหมายควรถามว่ าวันไหนจะเหมาะสมทีส่ ุ ด โดยอาจใช้
สานวน ต่ อไปนี้

 What day would be most suitable for you ?


(ว็อท เดย์ วูด๊ บี โมสท ซูทเทเบิล้ ฟอร์ ยู?)
คุณสะดวกวัน / เวลาไหน

most suitable
What day วันอะไร
would best for
When เมื่อไหร่
be convenient you ?
What time เวลาอะไร/กี่โมง
good

 When are you free ?


(เว็น อาร์ ยู ฟรี ?)
คุณว่างวันไหน
 What time are you free ?
(ว็อท ไทม อาร์ ยู ฟรี ?)
คุณว่างเวลาไหน

121
ผูน้ ดั หมายอาจระบุวนั ด้วย เช่น ถามว่าวันศุกร์ จะสะดวกไหม ?
Would Friday be possible for you ?
(วูด้ ไฟร้ดิ บี พ้อสซิ เบิ้ล ฟอร์ ยู้ ?)

Would Monday be possible for you ?


วูด้ Tuesday บี พ้อสซิ เบิ้ล ฟอร์ ยู ้ ?
Wednesday all right with you ?
Thursday ออล ไรท์ วิธ ยู้ ?
Friday fine for you ?
Saturday ไฟน์ ฟอร์ ยู้ ?
Sunday

วัน............จะเป็ นไปได้หรื อสะดวกสาหรับคุณไหม

 How about Saturday ?


(ฮาว อะเบ๊าท แซ้ทเทอะดิ ?)
วันเสาร์ได้ไหม
 What about 1 o’clock in the afternoon ?
(ว็อท อะเบ๊าท์ วัน โอะคล็อก อิน ดิ อ๊าฟเทอะนูน ?)
บ่ายโมงได้ไหม

122
3. การตอบรับและตอบปฏิเสธ

สังเกตการตอบรับต่อไปนี้

ตัวอย่าง 1
ลูกค้า 1: Friday is fine.
(ไฟร้ดิ อิส ไฟน์.)
ลูกค้า 2: Friday is all right.
(ไฟร้ดิ อิส ออล ไร้ท.์ )
วันศุกร์ สะดวกค่ะ
พนักงาน: Is 10.30 possible for you ?
(อิส เท็น เธ้อที พ้อสซิ เบิ้ล ฟอร์ ยู้ ?)
คุณสะดวกเวลา 10.30 ไหม ?
ลูกค้า: Yes, that’s fine.
(เยส, แด็ทส์ ไฟน์.)
ได้, ดีค่ะ

123
ตัวอย่าง 2
ลูกค้า: How about Saturday morning ?
(ฮาว อะเบ๊าท์ แซ็ทเธอะดิ ม้อร์ นิ่ง ?)
เสาร์เช้าได้ไหมคะ
พนักงาน: Yes, I can make it on Saturday morning.
(เยส. ไอ แคน เม็ค อิท ออน แซ้ทเทอะดิ ม้อร์ นิ่ง.)
ได้ค่ะ ดิฉนั นัดเช้าวันเสาร์ ได้

ถ้าไม่วา่ งก็อาจตอบปฏิเสธได้ดงั นี้

 I’m sorry. Friday is not possible for me.


(ไอม ซ้อริ่ . ไฟร้ดิ อิส นัท พ้อสซิ เบิ้ล ฟอร์ มี.)
ขอโทษค่ะ วันศุกร์ ไม่ได้ค่ะ
 I’m afraid not. I can’t make it on Friday.
(ไอม อเฟร้ด นัท. ไอ แค้นท์ (ค้านท์) เม้ค อิท ออน ไฟร้ดิ.)
ดิฉนั เกรงว่าวันศุกร์ จะไม่ได้ค่ะ

124
ตัวอย่าง 1
ลูกค้า: What about Tuesday aftenoon ?
(ว็อท อเบ๊าท์ ทยูส้ ดิ อ๊าฟเทอะนูน)
วันอังคารบ่ายได้ไหมคะ
พนักงาน: No, I’m afraid I’m busy then.
(โน, ไอม อะเฟร้ด ไอม บิ๊สซี่ เด็น.)
คงไม่ได้ ดิฉนั ติดงาน

การปฏิเสธทุกครั้ง ควรบอกเหตุผลด้วยว่าไม่วา่ งเพราะเหตุใด เช่น

 I have an appointment with another customer.


(ไอ แฮฟ แอน แอ็ พ พ้อ ยท์เ ม็ น ท์ วิ ธ อะนัธ เธ่ อ ร์ คัซ ทะ
เมอร์ .)
ดิฉนั มีนดั กับลูกค้าอีกท่านไว้แล้ว

ถ้าไม่วา่ งในวันที่เสนอมา ก็ควรเสนอวันที่วา่ ง เช่น

 I’m free on Thursday afternoon.


(ไอม ฟรี ออน เธิ้สดิ อ๊าฟเทอะนูน.)
ดิฉนั ว่างบ่ายวันพฤหัส

125
 Thursday will be fine for me. / Thursday will be all right
for me.
(เธิ้สดิ วิล บี ไฟน์ ฟอร์ มี / เธิ้สดิ วิล บี ออล ไร้ท์ ฟอร์ มี.)
วันพฤหัสสะดวกสาหรับดิฉนั
 Thursday – at 9.00 a.m. will be fine.
(เธิ้สดิ แอ็ท ไนน์ เอ เอ็ม วิล บี ไฟน์).
วันพฤหัสตอนเก้าโมงได้ค่ะ

4. ในกรณีทผี่ ู้นัดไม่ ระบุเวลา ผู้รับนัดอาจถามว่ า

 At what time ?
(แอ๊ท ว็อท ไทม์ ?)
ตอนกี่โมงคะ
 What time would be best for you ?
(ว็อท ไทม์ วูด้ บี เบ๊สท์ ฟอร์ ยู ?)
คุณสะดวกเวลาไหนคะ

126
5. การเปลีย่ นหรือยกเลิกนัด

 I’m very sorry, I have to cancel the appointment on Wednesday


the 15th.
(ไอม เวริ่ ซ้อริ่ , ไอ แฮ้ฟ ทู แค้นซิ่ ล ดิ แอ็พพ้อยเมนท์ ออน เว้นส์ ดิ
เดอะ ฟิ ฟทีน)
ดิฉนั ขอโทษค่ะ ดิฉนั จาเป็ นต้องขอยกเลิกนัดวันพุธที่ 15 ค่ะ

 Could we arrange another time?


(คูด้ วี อะเร้นจ แอะนัธเธอะ ไท้ม์ ?)
เราจะเลื่อนนัดหมายเป็ นเวลาอื่นได้ไหมคะ

127
ตัวอย่าง 1
ลูกค้า: Hello. This is Mrs Deneige. I’m afraid I’ve a
problem with my appointment next week.
(เฮลโล. ดิ ส อิ ส มิ ส ซิ ส เดเนช. ไอม อะเฟร้ ด
ไอฟ อะ พร้ อ บเบล็ ม วิธ มาย แอพพ้อ ยท์เ ม่ น ท์
เน็ซท์ วีก)
ฮัลโล นี่มิสซิ ส เดอเนชพูด ฉันเกรงว่าจะมีปัญหา
เรื่ องวันนัดของฉันในสัปดาห์หน้า
พนักงาน: Sorry madam, did you say Mrs Deneige or Mrs
Benette?
(ซ้อริ่ มาดาม ดิดยู เซย์ มิสซิส เดเนช ออร์ มิสซิส
เบนเนท?)
ขอโทษค่ะ คุ ณพูดว่ามิสซิ ส เดนเนช หรื อ มิสซิ ส
เบนเนท
ลูกค้า: Mrs Deneige. D-E-N-E-I-G-E.
(มิสซิส เดนเนช D-E-N-E-I-G-E.)

128
พนักงาน: Thank you, madam. So you’re cancelling your
appointment on Friday at 10, then.
(แธ้งคิ่ว มาดาม. โซ ยู อาร์ แค้นเซลลิ่ง ยัวร์
แอพพ้อยท์เม่นท์ ออน ไฟรเดย์ แอท เท็น เดน.)
ขอบคุณค่ะ งั้นคุณจะยกเลิกนัดในวันศุกร์ ตอน 10
โมงนะคะ
Would you like to make another appointment
now ?
(วุ ด้ ยู ไลค์ ทู เมค อะนาเธ่ อ ร์ แอพพ้อ ยท์เม่ น ท์
นาว ?)
คุณต้องการจะนัดใหม่เดี๋ยวนี้ไหมคะ ?
ลูกค้า: No. I haven’t got my diary here. I’ll call later.
(โน. ไอ แฮฟึ้ น ก้อท มาย ไดเอริ่ เฮียร์ . ไอ คอล ยู
เล้เท่อร์ .)
ไม่ ฉันไม่มีสมุดบันทึกมาด้วย ฉันจะโทรศัพท์มา
ทีหลัง
พนักงาน: OK, Mrs Deneige. Thank you. Goodbye.
(โอเค, มิสซิส เดเนช แธ้งคิ่ว กู๊ดบาย)
ได้ค่ะ คุณเดเนช ขอบคุณค่ะ สวัสดี

129
ตัวอย่าง 2
ลูกค้า: Good morning. This is Peter Carter. I’ve got an
appointment with you on Tuesday at two.
(กุด้ มอร์ นิ่ง. ดิส อิส พีเทอร์ ค้าร์ เทอร์ . ไอ แฮฟ
ก้อท แอน แอพพ้อยท์เม่นท์ วิธ ยู ออน ทิ้วสเดย์
แอท ทู.)
สวัสดีครับ นี่ พีเทอร์ ค้าร์ เทอร์ ผมมีนดั กับคุ ณวัน
อังคาร บ่ายสองโมง
พนักงาน: Yes, Mr Carter.
(เยส มิสเตอร์ ค้าร์เทอร์ .)
ใช่ค่ะ คุณค้าร์เทอร์
ลูกค้า: Well, unfortunately, I’ve now got a meeting that
afternoon.
(เวล, อันฟอร์ จูเนทลิ่ ไอฟ นาว ก้อท อะ มี้ ททิ่ ง
แดท อ๊าฟเทอนูน.)
แต่โชคไม่ดี ผมมีประชุมบ่ายวันนั้น
Could I change my appointment to Wednesday
afternoon?
(คุ ้ด ไอ เช้น จ์ มาย แอพพ้อ ยท์เม่ น ท์ ทู เว้น สดิ
อ๊าฟเทอนูน?)
ผมจะเปลี่ยนนัดเป็ นวันพุธบ่ายได้ไหมครับ

130
พนักงาน: Well, I’m afraid the afternoon is completely
full up.
(เวล, ไอม อะเฟร้ด ดิ อ้าฟเทอนูน อิส คอมพลี้ทลิ่
ฟุล อัพ.)
แต่ดิฉนั เกรงว่าตอนบ่ายจะเต็มหมด
How about Wednesday morning, at ten?
(ฮาว อะเบ๊าท์ เว้นสดิ ม้อร์ นิ่ง, แอท เท็น ?)
วันพุธ สิ บโมงเช้าได้ไหมคะ
ลูกค้า: Yes, that’s fine. Wednesday morning, at ten,
then.
(เยส, แดทส์ ไฟน์. เว้นสดิ ม้อร์ นิ่ง แอท เทน,
เดน.)
ได้, นัน่ ก็ดี. งั้นวันพุธ สิ บโมงเช้า

131
ปั จ จุ บ ัน การติ ด ต่ อ ทางโทรศัพ ท์
สะดวกรวดเร็ ว และใช้ก ัน อย่า งแพร่ ห ลาย
การโทรศัพท์มีสานวนใช้โดยเฉพาะ หาก
พนัก งานนวดแผนไทยจดจ าส านวนทาง
โทรศั พ ท์ เ หล่ า นั้ นได้ ก็ จ ะสามารถรั บ
โทรศัพท์ของชาวต่างชาติ สื่ อสารให้ขอ้ มูลที่เป็ นประโยชน์กบั การทางานได้
รู ปแบบภาษาเพื่อการสื่ อสารทางโทรศัพท์สามารถจัดกลุ่มตามลาดับขั้นตอน
การสื่ อสารดังนี้

1. การรับโทรศัพท์

 Lamoon Traditional Thai Massage. Good morning.


(ละมุน เทรดี้ชนั่ นัล ไทย มัสซาช กูดม้อร์ นิ่ง)
ละมุนนวดแผนไทย สวัสดีค่ะ

132
 Suan Sukapap Health Club Good morning.
(สวนสุ ขภาพเฮลท์คลับ กูดม้อร์ นิ่ง)
สวนสุ ขภาพเฮ้ลท์คลับ สวัสดีค่ะ

2. การแจ้ งว่ าจะติดต่ อกับใคร

 Could I speak to Mali, please?


(คุด้ ไอ สปี้ ก ทู มะลิ พลีส)
ฉันขอพูดกับมะลิ
 I’d like to speak to Mali, please.
(ไอด์ ไล้ค ทู สปี้ ก ทู มะลิ พลีส)
ฉันขอพูดกับมะลิ
 Hello, is that Miss Mali ?
(เฮลโล, อีส แดท มีส มะลิ ?)
ฮัลโล นัน่ คุณมะลิพดู ใช่ไหม

133
3. ถ้ ามีเครื่องพ่วงต่ อผู้ทโี่ ทรมาจะบอกพนักงานโอปะเรเตอร์ ดังนี้

 Extension 40, please.


(เอ็กเท้นชัน่ โฟ้ ร์ ทิ่ พลีส)
กรุ ณาต่อหมายเลข 40 ด้วย
 Please give me the front desk.
(พลีส กี๊ฟ มี เดอะ ฟร้อน เดสค์)
กรุ ณาต่อฝ่ ายต้อนรับ

4. การแนะนาตนเองทางโทรศัพท์

 This is Weena (speaking).


(ดีส อิส วีณา สปี้ กกิ้ง.)
ี ากาลังพูดอยู่
นี่วณ
 Weena is here.
(วีณา อีส เฮียร์ .)
วีณาพูดอยู่

134
5. การถามชื่อผู้โทรศัพท์ มา

 Who’s calling, please?


(ฮูส คอลลิ่ง พลี้ส ?)
ใครโทรมาคะ
 Who’s speaking, please?
(ฮูส สปี้ กกิ้ง พลี้ส ?)
ใครกาลังพูดคะ
 Could you give me your name, please?
(คูด้ ยู กี๊ฟ มี ยัวร์ เนม พลีส ?)
คุณกรุ ณาให้ชื่อได้ไหมคะ

6. การบอกให้ รอ

 Hold on, please.


(โฮลด์ ออน, พลีส.)
กรุ ณาถือสายรอ
 Hold the line, please.
(โฮลด์ เดอะ ไลน์, พลีส)
กรุ ณาถือสายรอ

135
 One moment please.
(วัน โม้ เม่น พลีส)
สักครู่ ค่ะ

7. ถ้ าผู้ทถี่ ูกถามหาไม่ อยู่ ผู้รับสายจะพูดด้ วยการขอโทษ

เช่น I’m sorry. และบอกเหตุผลด้วยประโยคต่อไปนี้

 I’m sorry she is not in right now


(ไอม ซ้อริ่ ชี อิส น้อท อิน ไร้ท์ นาว)
ขอโทษค่ะ เธอไม่ได้อยูใ่ นนี้ ตอนนี้
 I’m sorry he/she is with a client.
(ไอม ซ้อริ่ ฮี/ชี อิส วิท อะ ไคล้อ้ นั )
ขอโทษค่ะ เขา/เธอ อยูก่ บั ลูกค้า
 …out for lunch.
...(เอ้าท์ ฟอร์ ลันช์)
...ออกไปรับประทานอาหารกลางวัน
 …off sick.
...(อ๊อฟ ซิกค์)
...ลาป่ วย

136
 …on holiday.
...(ออน ฮ้อลิเดย์)
...ลาหยุดพักผ่อน

ผูร้ ับสายอาจเสนอว่า จะโทรกลับไป หรื อ ขอให้ผตู ้ ิดต่อโทรกลับมา


ใหม่ดงั นี้
 Can Miss Pimpa call you back?
(แคน มิส พิมพา คอล ยู แบ้ค ?)
คุณพิมพาจะโทรกลับไปได้ไหม
 Could you call back later?
(คูด้ ยู คอล แบ้ค เลทเท้อร์ ?)
คุณจะโทรกลับมาใหม่ได้ไหม

8. การฝากข้ อความ

 Could you take a message?


(คูด้ ยู เท้ค อะ เม้สเสจ ?)
คุณช่วยรับฝากข้อความไว้ได้ไหม

137
 Could I leave a message?
(คูด้ ไอ ลีฟ อะ เม้สเสจ ?)
Can I leave a message?
(แคน ไอ ลีฟ อะ เม้สเสจ ?)
ฉันจะฝากข้อความไว้ได้ไหม

9. การรับฝากข้ อความ

 Can I take a message?


(แคน ไอ เท้ค อะ เม้สเสจ ?)
ฉันจะรับข้อความไว้ให้ไหม
 Would you like to leave a message?
(วูด้ ยู ไล้ค์ ทู ลีฟ อะ เม้สเสจ ?)
คุณต้องการจะฝากข้อความไว้ไหม
 I’ll give him the message.
(ไอล์ กิฟ ฮิม เดอะ เม้สเสจ)
I’ll give her the message.
(ไอล์ กิฟ เฮอร์ เดอะ เม้สเสจ)
ฉันจะให้ขอ้ ความนี้กบั เขา
หมายเหตุ (him แทนผูช้ าย her แทนผูห้ ญิง)

138
10. ถ้ าฟังไม่ ชัดหรือไม่ เข้ าใจ ควรพูดดังนี้

 I’m sorry, I did not catch that.


(ไอม ซ้อริ่ , ไอ ดิด น้อท แคช แดท.)
ขอโทษค่ะ ฉันไม่เข้าใจ
 Could you speak up please ? It’s a bad line.
(คูด้ ยู สปี้ ก อัพ พลีส? อิทส อะ แบด ไลน์)
ขอโทษ กรุ ณาพูดดังๆ ด้วยค่ะ สายไม่ดี
 Could you speak more slowly, please?
(คูด้ ยู สปี้ ก มอร์ สโลลี่, พลีส ?)
กรุ ณาพูดช้า ๆ

11. ในกรณีทโี่ ทรผิด ผู้รับสายจะตอบว่ า

 I’m sorry. You have the wrong number.


(ไอม ซ้อริ่ . ยู แฮฟ เดอะ รอง นั้มเบอร์ )
ขอโทษ คุณโทรหมายเลขผิด
 I think you’ve got the wrong number.
(ไอ ทิ้งค์ ยูฟ ก้อท เดอะ รอง นั้มเบอร์)
ฉันคิดว่าคุณโทรหมายเลขผิด

139
 I think you’ve got the wrong extension number.
(ไอ ทิง้ ค์ ยูฟ ก้อท เดอะ รอง เอ็กซ์เท้นชัน่ นั้มเบอร์)
ฉันคิดว่าคุณโทรหมายเลขต่อพ่วงผิด

12. การอ่านหมายเลขโทรศัพท์

การอ่านหมายเลขโทรศัพท์ จะอ่านที ละตัว ถ้าในหมายเลขนั้นมี


เลข 0 จะอ่านว่า โอ เช่น
02-511-30-57
(โอ ทู ไฟว์ วัน วัน ทรี โอ ไฟว์ เซเว่น)
ถ้าในหมายเลขนั้นมีเลข 0 หลายตัว เช่นหลักร้อย จะอ่านว่า โอโอ
หรื อ ฮันเดรท
65-40-18-00
(ซิกซ์ ไฟว์ โฟว์ โอ วัน เอ้ท ฮัน เดรท)

140
ลูกค้าชาวต่างประเทศอาจสอบถามพนักงานนวดเกี่ยวกับที่ต่างๆ ใน
ร้าน เช่นห้องเปลี่ยนเสื้ อผ้า ห้องน้ า หรื อนอกร้านออกไป เช่น ถนนหนทาง
ทิศทางที่ จะไป ที่ ต้ งั ของสถานที่ ต่าง ๆ ตลอดจนการใช้บริ การรถแท็กซี่
และรถประจาทาง เป็ นต้น ดังนั้นสานวนภาษาในเรื่ องการถามและบอก
ทิศทางจึงเป็ นหัวข้อที่พนักงานนวดจะมีโอกาสได้ใช้ ในบทนี้ จะกล่าวถึง
ประเด็นต่างๆ คือ การเริ่ มต้นคาถาม การถามตอบเกี่ยวกับสถานที่ การถาม
และบอกทิ ศ ทาง การอธิ บ ายเกี่ ย วกับ ถนนหนทางหรื อ การขึ้ น รถ ลงรถ
ต่อรถ ควรพูดช้า ๆ เพื่อให้ผทู ้ ี่ไม่รู้ทางเข้าใจและปฏิบตั ิตามไปได้

141
1. การเริ่มต้ นคาถาม

ในการเริ่ มต้นการตั้งคาถามสถานที่ต้ งั ต่าง ๆ หรื อ ถนนหนทางนั้น


ผูถ้ ามจะขออภัยที่เข้าไปขัดจังหวะรบกวนถาม ดังนั้นจึงควรขึ้นต้นประโยค
ด้วยคาขออภัยเพื่อความสุ ภาพ การพูดนาด้วยสานวนทั้งหมดต่อไปนี้ เป็ น
คากล่าวขอโทษทั้งสิ้ น
Excuse me. (เอ็กซ์ คิ้วซ์ มี)
Pardon me, but............ (พาร์ด่ ึน มี บัท....)
I beg your pardon, but........... (ไอ เบ๊ค ยัวร์ พาร์ด่ ึน บัท....)
Sorry to trouble you, but........... (ซ้อริ่ ทู ทร้อบเบิล ยู บัท...)

2. การถามถึงสถานทีท่ จี่ ะไป

หลังจากขอโทษแล้วจึงเข้าสู่ คาถามที่ตอ้ งการถามคือเรื่ องสถานที่ที่


จะไป เช่น
 Can you direct me to.............?
(แคน ยู ไดเร็ ก มี ทู...?)
คุณช่วยบอกทางไป....ให้ฉนั ได้ไหม ?
 Can you tell me how to get to...........?
(แคน ยู เทล มี ฮาว ทู เก้ท ทู..........?)
คุณช่วยบอกทางไป....ให้ฉนั ได้ไหม ?
142
 Could you tell me where............. is?
(คุด้ ยู เทล แวร์ .............. อีส ?)
คุณช่วยบอกที่ต้ งั ..............ให้ฉนั ได้ไหม ?
 I’m looking for........... Can you direct me?
(ไอม ลุค้ คิง ฟอร์ ...... แคน ยู ไดเร็ ก มี๊ ?)
ฉันกาลังหา..... คุณช่วยชี้บอกฉันได้ไหม

gift shop กิ๊ฟท์ ช้อป flower shop ฟลาวเวอร์ ช้อป

143
คาในช่ องว่างคื อสถานที่ ที่ตอ้ งการไป เช่ น Hualampong train
station (สถานีรถไฟหัวลาโพง ) the post office (ไปรษณี ย)์ the National
Gallery (หอศิ ลปแห่ งชาติ ) the National Museum (พิพิธภัณฑสถาน
แห่งชาติ)

The post office


(เดอะ โพสท์ ออฟฟิ ส)

The National Gallery


(เดอะ เนชัน่ แนล แกลเลอรี่ )

The Central World Plaza


(เดอะ เซนทรัล เวิร์ล พลาซ่า)

144
The National Museum
(เดอะ เนชัน่ แนล มิวเซี ยม)

The school
(เดอะ สคูล)

The airport
(ดิ แอร์พอร์ต)

The train station


(เดอะ เทรน สเตชัน่ )

145
3. คาตอบสาหรับคาถามข้างต้ น 2 กรณี

1. ถ้า สามารถตอบได้ก็ จ ะกล่ า วว่า Yes,..... หรื อ Certainly,.....


พร้อมด้วยคาอธิ บายต่อ เช่น

 It’s next to the post office.


(อิทส์ เน็กซ์ ทู เดอะ โพสท์ อ้อฟฟิ ซ.)
มันอยูถ่ ดั จากไปรษณี ย ์
 Keep going along this street until you see the big building
then turn right.
(คี้ พ โกอิ้ง อะลอง ดี ส สตรี ท อันทิล ยู ซี เดอะ บิ ก บิวดิ้ ง
เดน เทิร์น ไรท์)
ไปตามถนนนี้ จนคุณเห็นตึกใหญ่ แล้วเลี้ยวขวา

2. ถ้าไม่ทราบและตอบไม่ได้ ต้องพูดว่า

 I’m sorry. I’m afraid I can’t.


(ไอม ซ้อรี่ ไอม อะเฟร้ด ไอ แค้น.)
ขอโทษ ดิฉนั เกรงว่าจะไม่สามารถให้ขอ้ มูลได้

146
คาถามถึ งถนนหนทาง หรื อสถานที่ที่จะไป ยังมี รูปประโยคอื่นที่
นิ ยมใช้อีก มาก เครื่ องหมายไข่ปลา ... ในประโยคตัวอย่างจะแทนด้วย
สถานที่ เช่น
 Where is.............?
(แวร์ อีส .......?)
.................อยูท่ ี่ไหน
 Which way is..............?
(วิช เวย์ อีส .............?)
.................ไปทางไหน
 How far is...........from here?
(ฮาว ฟาร์ อีส .... ฟรอม เฮียร์ )
.................ไกลจากที่นี่เท่าไร

4. การบอกตาแหน่ งทีต่ ้ัง

การบอกตาแหน่งสถานที่ใดอยูท่ ี่ไหนจาเป็ นต้องรู ้คาศัพท์ที่เกี่ยวกับ


ตาแหน่ง คาศัพท์เหล่านี้ เป็ นบุพบทบอกสถานที่ David Grant และ Robert
Mclarty ( 2001 : 160) ได้อธิ บายบุพบทเหล่านี้ดว้ ยภาพดังนี้

147
ที่ มา: Grant, David. and McLarty, Robert. 2001.

ตัวอย่าง 1
ลูกค้า: Excuse me. Where is the National museum,
please ?
(เอ็กซ์ คิ้วซ์ มี แวร์ อีส เดอะ เนชัน่ นัล มิวเซี่ ยม ?)
ขอโทษค่ะ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอยูท่ ี่ไหน

พนักงาน: It’s opposite Sanamluang, on the left of Pinklao


bridge.
(อิทซ ออพโพซิ ท สนามหลวง ออน เดอะ เลฟท์
ออฟ ปิ่ นเกล้า บริ ดจ์)
พิพิธภัณฑ์สถานแห่ งชาติ อยู่ตรงข้ามสนามหลวง
ทางด้านซ้ายของสะพานปิ่ นเกล้า

148
 There are taxis in front of the building.
(แดร์ อาร์ แท้กซี่ อินฟร้อน ออฟ เดอะ บิวดิ้ง)
มีแท้กซี่ อยูข่ า้ งหน้าตึก

building

It’s on Silom Road (อิทซ์ ออน สี ลม โร้ด) อยูถ่ นนสี ลม


on the corner. (ออน เดอะ คอร์เนอร์ ) อยูต่ รงมุม
on the left side. (ออน เดอะ เลฟท์ ไซด์) อยูท่ างด้านซ้าย
on the right side. (ออน เดอะ ไรท์ ไซด์) อยูท่ างด้านขวา

 The Rattanakosin hotel is on Rachadamnoen avenue near


Sanamluang.
(เดอะ รัตนโกสิ นทร์ โฮเท็ล อีส ออน ราชดาเนิ น แอ้ฟเวอนิ ว เนี ยร์
สนามหลวง)
โรงแรมรัตนโกสิ นทร์ อยูถ่ นนราชดาเนิน ใกล้กบั สนามหลวง
149
 There are souvenirs for sale next to the information counter.
(แดร์ อาร์ ซู เวอเนี ย ร์ ส ฟอร์ เซล เน็ ก ซ์ ทู ดิ อิ นฟอร์ เมชั่น เคาท์
เตอร์)
มีของที่ระลึกจาหน่ายอยูข่ า้ ง ๆ เคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์
 The gift shop is near the stairs.
(เดอะ กิฟท์ ช้อป อีส เนียร์ เดอะ สแตร์ )
ร้านขายของขวัญและของที่ระลึกอยูใ่ กล้กบั บันได

the stairs

 Air-conditioned rooms are upstairs / downstairs.


(แอร์ คอนดิชนั่ รู มส์ อาร์ อัพสแตร์ / ดาวน์สแตร์ )
ห้องปรับอากาศอยูช่ ้ นั บน/ชั้นล่าง

150
 The traditional massage rooms are on the second floor, ladies.
(เดอะ เทร็ ดดิ ชนั่ นัล มาสซาช รู มส์ อาร์ ออน เดอะ เซคคัน่ ฟลอร์
เลดี้ส์)
ห้องนวดแผนโบราณอยูช่ ้ นั สองค่ะ
 The elevator is behind the information counter.
(ดิ เอเลเวเทอร์ อีส บีไฮด์ ดิ อินฟอร์ เมชัน่ เคาท์เตอร์ )
ลิฟท์อยูด่ า้ นหลัง เคาท์เตอร์ ประชาสัมพันธ์

lift เป็ นภาษาอังกฤษของชาวอังกฤษ แต่ elevator เป็ นภาษาอเมริ กนั


มีความหมายเดียวกัน

 Where is the men’s room? / ladies’ room? / rest room?


(แวร์ อีส เดอะ เมนส์ รู ม?) / (เลดี้ส์ รู ม ?) / (เรสท์ รู ม ?)
ห้องน้ าอยูท่ ี่ไหน ?

toilet และ lavatory ใช้เป็ นป้ ายบอกว่าเป็ นห้องน้ า แต่เมื่อพูดจะ


เลี่ ยงไปใช้คาอื่นเช่ นเดี ยวกับที่คนไทยใช้คาว่า ”ห้องน้ า” แทนที่จะเรี ยกว่า
“ห้องส้วม” เพื่อความสุ ภาพ คาศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้แทนคาว่า toilet ได้แก่
men’s room, ladies’ room หรื อ rest room

151
ตัวอย่าง 2
ลูกค้า: Where’s the restroom?
(แวส์ เดอะ เรสรู ม)
ห้องน้ าอยูท่ ี่ไหน
พนักงาน: The restroom is over there on the right, sir.
(เดอะ เรสรู ม อี ส โอเว่อร์ แดร์ ออน เดอะ ไรท์
เสอร์ )
ห้องน้ าอยูต่ รงโน้นทางขวามือค่ะ

5. การบอกทิศทางทีจ่ ะไป

ในการบอกทิศทางที่จะไปจาเป็ นต้องรู้คาศัพท์ที่เป็ นบุพบทบอกการ


เคลื่อนที่ David Grant และ Robert Mclarty (2001 : 160) ได้อธิ บายบุพบท
บอกการเคลื่อนที่ไว้ดว้ ยภาพดังนี้

ที่ มา: Grant, David. and McLarty, Robert. 2001.


152
Akyuz, Anne และ Bazelle-Shahmaei, Bernadette.(2000) ได้อธิ บาย
ทิศทางด้วยภาพอย่างชัดเจนดังนี้

Cross the street. ข้ามถนน


(ครอส เดอะ สตรี ท)

Walk across the street. เดินข้ามถนน


(ว้อล์ก อะครอส เดอะ สตรี ท)
Cross the bridge. ข้ามสะพาน
(ครอส เดอะ บริ จด์ )

Walk across the bridge. เดินข้ามสะพาน


(ว้อล์ก อะครอส เดอะ บริ จด์ )
Turn left at................ (the first corner).
[เทิร์น เลฟท์ แอ็ท... ( เดอะ เฟิ ร์ท คอร์ เนอร์ )]
เลี้ยวซ้ายที่... (มุมถนนแรก)

Turn right on............... (Sukhumvit Road)


[เทิร์น ไรท์ ออน... ( สุ ขมุ วิทโรด )]
เลี้ยวขวาที่... (ถนนสุ ขมุ วิท)

153
Go straight. ตรงไป
(โก สเตร็ ท)

Go straight ahead. ตรงไปข้างหน้า


(โก สเตร็ ท อะเฮด)

Keep going straight. ตรงต่อไป


(คีพ โกอิ่ง สเตร็ ท)

Go straight ahead for............. (200 meters)


[โก สเตร็ ท อะเฮด ฟอร์ .... ( ทู ฮันเดรท มีเท่อร์ )]
ตรงไปข้างหน้า ... ( 200 เมตร)

Go straight until you come to........... (a traffic light)


[โก สเตร็ ท อันทิล ยู คัม ทู ... ( อะ แทร็ ฟฟิ ก ไลท์ )]
ตรงไปจนคุณถึง... (ไฟจราจร)

154
6. คาเชื่อมความเพือ่ ใช้ ในการอธิบายทิศทาง

until (อันทิล) จนถึง


then (เด็น) แล้วก็
after that (อ้าฟเท่อร์ แดท) หลังจากนั้น
when/ until you see... (เวน/ อันทิล ยู ซี ) เมื่อ/ จน คุณ
เห็น...
when/ until you come to... (เวน/ อันทิล ยู คัม ทู) เมื่อ/ จน คุณ
มาถึง...
when/ until you get to... (เวน/ อันทิล ยู เก็ท ทู) เมื่อ/ จน คุณ
มาถึง...
when/ until you reach... (เวน/ อันทิล ยู รี ช) เมื่อ/ จนคุณถึง...

 Which of these streets goes to...............?


(วิช อ้อฟ ดีส สตรี ทส์ โกส ทู................?)
ถนนสายไหนที่จะไปที่...................... ?
 Does this road go to..................?
(ดาส ดีส โรด โก ทู .............?)
ถนนสายนี้ไปที่...................... ไหม ?

155
 Is this the right way to...............?
(อีส ดีส เดอะ ไรท์ เวย์ ทู .............?)
ทางนี้ไปที่........................ถูกต้องแล้วใช่ไหม ?
 Continue driving until you reach the intersection.
(คอนทีนิว ไดร้ฟวิง่ อันทิล ยู รี ช ดิ อินเทอร์ เซคชัน่ )
ขับรถต่อไปเรื่ อย ๆ จนคุณถึงสี่ แยก
 Take this road until you see the Democracy Monument, then turn
right.
(เทค ดีส โรด อันทิล ยู ซี เดอะ ดิ มอ้ คเครซี่ โมนิ วเม่นท์ เดน เทิร์น
ไรท์)
ไปตามถนนนี้ จนกระทัง่ คุณเห็นอนุ สาวรี ยป์ ระชาธิ ปไตย แล้วเลี้ยว
ขวา

156
ตัวอย่าง 1
ลูกค้า: Where is the manager’s office, please ?
(แวร์ อีส เดอะ แมนเนเจ้อส์ ออฟฟิ ส, พลี้ส ?)
ห้องทางานของผูจ้ ดั การอยูท่ ี่ไหน ?
พนักงาน: Go down this corridor on your right. It’s around
the corner on your left, just across from the lifts.
(โก ดาวน์ ดีส คอริ ดอร์ ออน ยัวร์ เล็ฟท์, จัสท์
อะครอส ฟรอม เดอะ ลิฟท์)
ไปตามทางด้า นขวานี้ (ห้องผูจ้ ดั การ) อยู่อีก ด้า น
ของมุ ม ทางซ้า ยมื อ ของคุ ณ อยู่ต รงข้า มกับ ลิ ฟ ท์
พอดี

นอกจากใช้ประโยคดังกล่าวข้างต้นแล้ว อาจใช้แผนที่ในการบอก
ที่ต้ งั และเส้นทาง
 Would you draw me a map ?
(วูด้ ยู ดรอ มี อะ แม้พ ?)
คุณช่วยวาดแผนที่ให้ฉนั ได้ไหม ?
 Let me draw you a map.
(เล็ท มี ดรอ ยู อะ แม้พ)
ฉันจะวาดแผนที่ให้

157
7. การบอกวิธีการเดินทาง

ลูกค้าอาจสอบถามถึ งวิธีการเดิ นทางไปยังที่ต่าง ๆ เช่ น เดิ นไปได้


ไหม หรื อจะต้องไปรถประจาทางสายใดเป็ นต้น รู ปแบบภาษาในการถาม
และบอกวิธีการเดินทางมีดงั นี้

 Can I walk to...........?


(แคน ไอ ว้อค ทู.............?)
ฉันสามารถเดินไปที่.............ได้ไหม ?
 What’s the best way to get to..............?
(ว้อท อีส เดอะ เบส เวย์ ทู เก้ท ทู .............?)
อะไรคือทางที่ดีที่สุดที่จะไป.............. ?

ตัวอย่าง 1
ลูกค้า: Is China town far from here ?
(อิส ไชน่า ทาวน์ ฟาร์ ฟรอม เฮียร์ )
เยาวราชอยูไ่ กลจากที่นี่ไหม ?
พนักงาน: No, it’s only about a kilometre from here.
(โน อิ ท ส์ โอนลิ่ อะเบ้าท์ อะ กิ โลมี เท่ อร์ ฟรอม
เฮียร์ )
ไม่ไกล เพียงประมาณ 1 กิโลเมตรจากที่นี่
158
ตัวอย่าง 2
ลูกค้า: How far is Wat Arun from here?
(ฮาว ฟาร์ อีส วัดอรุ ณ ?)
วัดอรุ ณอยูไ่ กลแค่ไหน ?
พนักงาน 1: It’s about fifteen minutes walk from here.
(อิทส์ อะเบ้าท์ ฟิ ฟทีน มินิทส์ ว้อล์ก ฟรอม เฮียร์ )
ประมาณ 15 นาที โดยการเดินจากที่นี่
พนักงาน 2: It’s about fifteen minutes ride from here.
(อิทส์ อะเบ้าท์ ฟิ ฟทีน มินิทส์ ไรด์ ฟรอม เฮียร์ )
ประมาณ 15 นาที โดยรถจากที่นี่

8. การจราจร

คาศัพท์เกี่ยวกับการจราจรมีดงั นี้
 traffic
(แทร็ ฟฟิ ก)
การจราจร
 traffic light
(แทร็ ฟฟิ ก ไลท์)
ไฟจราจร
traffic light

159
 traffic circle หรื อ circle (ภาษาอเมริ กนั )
(แทร็ ฟฟิ ก เซอร์เคิล) หรื อ (เซอร์เคิล)
วงเวียนจราจร
 roundabout (ภาษาอังกฤษ)
(ราวดะเบ้าท์)
วงเวียนจราจร
 traffic jam
(แทร็ ฟฟิ ก แจม)
จราจรติดขัดคับคัง่
 transportation
(ทรานส์พอร์ เทชัน่ )
การขนส่ ง

traffic jam

160
9. ถนน

คาศัพท์เกี่ยวกับถนนมีที่ใช้ต่างกันอยูห่ ลายคา ได้แก่

road ถนน เส้นทางรถ


avenue ถนนใหญ่ ส ายส าคัญ ของเมื อ ง มี ต้น ไม้ป ระดับ
สวยงาม เช่น ถนนราชดาเนิน
street ถนนในเมือง ถนนสายสาคัญ
main street ถนนสายสาคัญ สายหลัก
side street, ถนนใหญ่ที่แยกจากถนนสายหลัก
back street ถนนสายเล็ก ขนานไปกับถนนใหญ่
alley ถนนเล็ก ๆ
lane ถนนซอย
lane of traffic ช่องทางจราจร เช่น a four lane street หมายถึง
ถนนที่มีรถวิง่ ได้สี่ช่องทางจราจร
highway ถนนนอกเมือง จากเมืองหนึ่ งไปอีกเมืองหนึ่ ง ซึ่ ง
อาจมีลกั ษณะจาเพาะและเรี ยกแตกต่างกันไป
ได้แก่ superhighway, freeway, parkway,
motorway

161
ชาวอังกฤษมักใช้คาบุพบท “in” ทั้งกับ road และ street ส่ วนชาว
อเมริ กนั จะใช้คาบุพบท “on”

10. ทางเท้ า

คาศัพท์ที่มีความหมายว่าทางเท้าคือ

sidewalks (ไซด์วอล์ก)
foot path (ฟุตพาท)
pedestrian lane (พีเดสเทรี ยน เลน)

11. ทางข้ ามถนน

ภาษาอังกฤษใช้ pedestrian crossing (พีเดสเทรี ยน ครอสซิ่ ง) หรื อ


zebra crossing (ซี บร้า ครอสซิ่ ง) ซึ่ งแปลว่าทางม้าลาย ส่ วนภาษาอเมริ กนั ใช้
crosswalk (ครอส วอล์ก)
สะพานลอยสาหรับคนเดินข้ามถนนใช้ pedestrian overpass (พีเดส
เทรี ยน โอเว่อร์ พาส) หรื อ pedestrian flyover (พีเดสเทรี ยน ฟลายโอเว่อร์ )

162
toll way (โทลเวย์)
toll road (โทลโรด)
ถนนที่ตอ้ งเสี ยค่าธรรมเนี ยม
ผ่านทาง

overpass (โอเวอร์พาส)
flyover (ฟลายโอเวอร์ )
สะพานลอย

underpass
(อันเดอร์พาส)
อุโมงค์ลอดใต้ถนน

163
expressway
(เอ็กเพรสเวย์)
ทางด่วน

Junction (จั้งค์ชนั่ ) ทางแยก


Crossroads (ครอสโรด)
สี่ แยก (ภาษาอังกฤษ )
Intersection
(อินเทอร์ เซคชัน่ )
สี่ แยก (ภาษาอเมริ กนั )

bridge
(บริ จด์ )
สะพาน

164
city center
(ซิ ท้ ี เซนเทอร์ )
ใจกลางเมือง

12. การบอกเกีย่ วกับรถประจาทาง

การบอกให้ข้ ึนรถประจาทางสายใดสายหนึ่งจะพูดดังนี้
Take (the) bus number 40.
[เทค (เดอะ) บัส นัมเบ่อร์ โฟร์ ท้ ี]

ถ้าต้องการให้ทราบว่าเป็ นรถประจาทางปรับอากาศจะระบุดงั นี้


 Take the air-conditioned bus number 40.
(เทค ดิ แอร์ คอนดิชนั่ บัส นัมเบ่อร์ โฟร์ ท้ ี)
ขึ้นรถประจาทางปรับอากาศสาย 40
 Does this bus stop at...............?
(ดัส ดีส บัส สต้อบ แอ้ท .............. ?)
รถประจาทางนี้จอดที่...................... ไหม ?

165
 Which bus should I take to get to............?
(วิช บัส ชูด้ ไอ เท้ค ทู เก็ท ทู ........... ?)
รถประจาทางคันไหนที่ฉนั ควรจะขึ้นไปที่............ ?
 How long will it take to get to..............?
(ฮาวลอง วิล อิท เท้ค ทู เก็ท ทู ........... ?)
ใช้เวลานานเท่าไรจึงจะถึง..................... ?
 Where should I get off ?
(แวร์ ชูด้ ไอ เก็ท อ้อฟ ........... ?)
ฉันจะลงรถประจาทางที่ไหน ?

13. คาศัพท์ เกีย่ วกับการเดินทาง

คาศัพท์ที่ใช้บ่อยเมื่อพูดเกี่ยวกับการเดินทางมีดงั นี้
1. “ไป” คือ กริ ยา go
go by bus. (โก บาย บัส) ไปโดยรถประจาทาง
go by taxi. (โก บาย แท้กซี่ ) ไปโดยแท้กซี่
go by train. (โก บาย เทรน) ไปโดยรถไฟ
go by express boat. (โก บาย เอ็กเพรส โบ้ท) ไปโดยเรื อด่วน

166
 Go straight on until you get to Rachadamnoen avenue.
(โก สเตร็ ท ออน อันทิล ยู เก็ท ทู ราชดาเนิน แอ๊ฟเวอนิว)
ตรงไปต่อไปจนคุณไปถึงถนนราชดาเนิน
 Go straight for two blocks.
(โก สเตร็ ท ฟอร์ ทู บล็อก)
ตรงไป 2 ช่วงตึก
 Go upstairs.
(โก อัพสแตร์ )
ขึ้นไปชั้นบน
 Go downstairs.
(โก ดาวน์สแตร์ )
ลงไปชั้นล่าง
 Go up the stairs.
(โก อัพ เดอะ สแตร์ )
ขึ้นบันได
 Go down the stairs.
(โก ดาวน์ เดอะ สแตร์ )
ลงบันได

167
 Go down the stairs and you’ll see the phone box.
(โก ดาวน์ เดอะ สแตร์ แอนด์ ยูล ซี เดอะ โฟน บอกซ์)
ลงบันไดไป และคุณจะเห็นตูโ้ ทรศัพท์

the phone box

2. “เดินไป” คือ กริ ยา walk


“ ข้าม” หรื อ “เดินข้าม” คือ กริ ยา cross
“ ผ่าน” หรื อ “เดินผ่าน” คือ กริ ยา pass

 Walk to the end of Khaosan road.


(ว้อล์ก ทู ดิ เอ็น อ้อฟ ข้าวสาร โรด)
เดินไปจนสุ ดถนนข้าวสาร

168
 Walk to the corner and turn right.
(ว้อล์ก ทู เดอะ คอร์ เน่อร์ แอนด์ เทิร์น ไรท์)
เดินไปถึงมุมถนน และเลี้ยวขวา
 Walk over the pedestrian overpass.
(ว้อล์ก โอเว่อร์ เดอะ พีเดสเทรี ยน โอเวอร์พาส)
เดินข้ามสะพานลอยคนข้าม
 Cross the street at the traffic lights.
(คร้อส เดอะ สตรี ท แอ้ท เดอะ เทร็ ฟฟิ ก ไลท์)
ข้ามถนนที่ไฟแดง
 Pass the pharmacy and turn left.
(พาส เดอะ ฟาร์มาซี แอนด์ เทินร์ เล็ฟท์)
ผ่านร้านขายยาแล้วเลี้ยวซ้าย

3. “ขึ้นรถ” ได้แก่ กริ ยา take get และ catch


take a train (เท้ค อะ เทรน) ขึ้นรถไฟ
take a bus (เท้ค อะ บัส) ขึ้นรถประจาทาง
take a taxi (เท้ค อะ แท้กซี่ ) ขึ้นรถแท้กซี่
take a sky train (เท้ค อะ สกายเทรน) ขึ้นรถไฟฟ้ า
take a subway (เท้ค อะ สับเวย์) ขึ้นรถไฟใต้ดิน

169
 Take bus number 149 and get off at the second stop.
(เท้ค บัส นัมเบ่อร์ 149 แอนด์ เก็ท อ๊อฟ แอ็ท เดอะ เซ็คคัน่ สต็อบ)
ขึ้นรถประจาทางหมายเลข 149 และลงที่ป้ายที่สอง
 Can you tell me which bus goes to Hualampong train station ?
From here, you can take bus number 29 or 34.
(แคน ยู เทล มี วิช บัส โกส์ ทู หัวลาโพง เทรน สเตชัน่ ?
ฟรอม เฮียร์ ยู แคน เท้ค บัส นัมเบ่อร์ ทเว้นทิไนน์ ออร์ เธ้อทิ่)
คุณช่วยบอกฉันได้ไหมว่ารถคันไหนไปสถานีรถไฟหัวลาโพง
จากที่นี่ คุณสามารถขึ้นรถหมายเลข 29 หรื อ 34

อาจใช้กริ ยาอื่นในความหมายว่า “ขึ้น” เช่น get ในสานวน get on


หรื อ get in และ catch

ตัวอย่าง
ลูกค้า: Where can I catch the bus ?
(แวร์ แคน ไอ แคทช์ เดอะ บัส ?)
ฉันจะสามารถขึ้นรถประจาทางได้ที่ไหน ?
พนักงาน: You’ll see a bus stop in front of the market.
(ยูล ซี อะ บัส สต็อบ อิน ฟร้อน อ๊อฟ เดอะ
มาร์ เก้ต.)
คุณจะเห็นป้ ายรถประจาทางอยูข่ า้ งหน้าตลาด
170
train Tuk-tuk sky train

4. กริ ยา get ในสานวน “ขึ้นรถ” และ “ลงรถ”


รถประจาทางและ รถไฟ ใช้ get on ในความหมายว่า “ขึ้น”และ get
off ในความหมายว่า “ลง”

 Get on at the bus stop near the pedestrian flyover.


(เก็ท ออน แอ็ท เดอะ บัส สต๊อบ เนี ยร์ เดอะ พีเดสเทรี ยน ฟลายโอ
เว่อร์)
ขึ้นรถที่ป้ายรถประจาทาง ใกล้สะพานลอยคนข้าม
 Get off at the Victory Monument.
(เก็ท อ๊อฟ แอ็ท เดอะ วิกโทรี่ โมนิวเม่น)
ลงรถที่อนุสาวรี ยช์ ยั สมรภูมิ

171
รถยนต์และแท็กซี่ ใช้ get in ในความหมายว่า “ขึ้น”และ get out ใน
ความหมายว่า “ลง”

 Get out of the taxi at the second traffic lights.


(เก็ท เอ้า อ๊อฟ เดอะ แท้กซี่ แอ็ท เดอะ เซ็คคัน่ แทร็ ฟฟิ ก ไล้ท)์
ลงจากแท้กซี่ที่ไฟแดงที่สอง

ตัวอย่ างสถานการณ์ ที่ 1

ลูกค้า: Can you tell me where the post office is?


(แคน ยู เทล มี แวร์ เดอะ โพสท์ อ๊อฟฟิ ส อีส ?)
คุณช่วยบอกได้ไหมว่าไปรษณี ยอ์ ยูท่ ี่ไหน ?

172
พนักงาน: Certainly sir. Turn right outside the building,
walk about 150 meters and you’ll see the post
office. It’s opposite a temple.
(เซ้อร์ทึนลี่ เสอร์ เทิร์น ไร้ท์ เอ้าไซด์ เดอะ
บิวล์ดิ้ง, ว้อล์ก อะเบ้าท์ 150 มีเท่อร์ ส แอนด์
ยูล ซี เดอะ โพสท์ อ๊อฟฟิ ส. อิทซ์ อ๊อพโพซิท
อะ เทมเพิล.)
ได้ครั บ เลี้ ยวขวาที่ นอกตึ ก เดิ นไปประมาณ 50
เมตร และคุ ณจะเห็ นไปรษณี ย ์ อยู่ตรงกันข้ามกับ
วัด
ลูกค้า: Thank you very much.
(แธ้งค์ ยู เว้รี่มชั )
ขอบคุณมาก
พนักงาน: You’re welcome.
(ยัวร์ เวล คัม่ )
ยินดีครับ information counter

173
ตัวอย่ างสถานการณ์ ที่ 2

ลูกค้า: Excuse me, can you direct me to Wat


Rachanadda?
(เอ็กซ์คิ้วซ์ มี, แคน ยู ไดเร็ ก มี ทู วัดราชนัดดา ?)
ขอโทษค่ะ, คุณสามารถบอกทางให้ฉนั ไป
วัดราชนัดดาได้ไหม ?
พนักงาน: Yes, madam. Keep going along this road until
you come to the second intersection with a traffic
lights. Cross the street and keep going straight.
You’ll see the temple on the left.
(เยส, มาดาม. คี้พ โกอิ้ง อะลอง ดีส โรด อันทิล ยู
คัม ทู เดอะ เซ็คคัน่ อินเทอร์ เซ็คชัน่ วิธ อะ
แทร็ ฟฟิ ก ไลท์. ครอส เดอะ สตรี ท แอนด์ คี้พ
โกอิ้ ง สเตร็ ท . ยูล ซี เดอะ เทมเพิ ล ออน เดอะ
เล็ฟท์.)
ได้ค่ ะ ไปตามถนนเส้ นนี้ จนคุ ณไปถึ ง สี่ แยกไฟ
แดงที่สอง. ข้ามถนนและตรงต่อไป. คุณจะเห็นวัด
นี้ทางซ้ายมือ

174
ลูกค้า: Is it far from here ?
(อีส อิท ฟาร์ฟรอม เฮียร์ ?)
(วัด) อยูไ่ กลจากนี้ไหม ?
พนักงาน: No, madam. It’s only about 300 metres.
(โน, มาดาม. อิทส์ โอนลี่ อะเบ้าท์ 300 มีเท่อร์ ส.)
ไม่ค่ะ เพียงประมาณ 300 เมตร
ลูกค้า: Thanks a lot.
(แธ้งค์ สะล้อท)
ขอบคุณมาก
พนักงาน: My pleasure.
(มาย เพลเชอร์ )
ยินดีค่ะ

Wat Rachanadda

175
ตัวอย่ างสถานการณ์ ที่ 3

ลูกค้า: Excuse me. How do I get to the railway station,


please?
(เอ็กซ์คิ้วซ์ มี. ฮาว ดู ไอ เก็ท ทู เดอะ
เรลเวย์ สเตชัน่ ?)
ขอโทษค่ะ, ฉันจะไปสถานีรถไฟได้อย่างไร ?
พนักงาน: Hualampong station ?
(หัวลาโพง สเตชัน่ ?)
สถานีรถไฟหัวลาโพงใช่ไหม ?
ลูกค้า: Yes, that’s right. Is it far from here?
(เยส, แดทซ์ ไร้ท.์ อีส อิท ฟาร์ฟรอม เฮียร์ ?)
ใช่, ถูกต้อง. อยูไ่ กลจากนี้ไหม ?
พนักงาน: No, it takes about 10 minutes by taxi.
(โน, อิท เท้คส์ อะเบ้าท์ เทน มินิทส์ บาย แท้กซี่ .)
ไม่ค่ะ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที โดยแท้กซี่
ลูกค้า: Thank you very much.
(แธ้งค์ ยู เว้รี่มชั )
ขอบคุณมาก

176
พนักงาน: You’re welcome.
(ยัวร์ เวล คัม่ )
ยินดีครับ

ตัวอย่ างสถานการณ์ ที่ 4


ลูกค้า: Could you tell me how to get to Nontaburi by
boat ?
(แคน ยู เทล มี ฮาว ทู เก็ท ทู นนทบุรี บาย โบท ?)
คุณช่วยบอกได้ไหมว่าฉันจะไปนนทบุรีโดยเรื อได้
อย่างไร ?
พนักงาน: Let me see. Oh yes, of course. From here, you’ll
have to take bus number 57 on the other side of
the street. Get off at Siriraj hospital, cross the
street and walk to the pier. There are Bangkok-
Nontaburi express boats.
(เล็ท มี ซี . โอ เยส, อ๊อฟ คอร์ ส. ฟรอม เฮียร์ , ยูล
แฮฟ ทู เท้ค บัส นัมเบ่อร์ ฟิ ฟที้เซเว่น ออน ดิ
อาเธ่อร์ ไซด์ อ๊อฟ เดอะ สตรี ท. เก้ท อ๊อฟ แอ้ท
ศิริราช ฮอสพิทลั , ครอส เดอะ สตรี ท แอนด์
ว้อล์ก ทู เดอะ เพียร์ . แดร์ อาร์ แบงคอก- นนทบุรี
เอ็กซ์เพรส โบ้ทส์)
177
ขอคิดก่อน. อ้อ ได้ค่ะ. จากที่นี่, คุณจะต้องขึ้นรถ
ประจาทางหมายเลข 57 ที่ถนนฝั่งตรงข้าม. ลงรถ
ที่โรงพยาบาลศิริราช, ข้ามถนนแล้วเดินไปท่าเรื อ.
มีเรื อด่วน กรุ งเทพ-นนทบุรี
ลูกค้า: Thank you very much for your information.
(แธ้งค์ ยู เว้รี่มชั ฟอร์ ยัวร์ อินฟอร์ เมชัน่ .)
ขอบคุณมากสาหรับข้อมูลของคุณ
พนักงาน: You’re welcome. Have a nice trip.
(ยัวร์ เวล คัม่ . แฮฟ อะ ไนซ์ ทริ พ.)
ยินดีค่ะ. ขอให้เดินทางด้วยดีค่ะ

178
เมื่อพนักงานนวดแผนไทยนวดเสร็ จเรี ยบร้อยแล้ว จะบอกให้ลูกค้า
ทราบว่าจบสิ้ นขั้นตอนแล้วเชื้อเชิญให้ลูกค้าดื่มน้ าชาสมุนไพรอุ่น ๆ จากนั้น
สามารถพูดคุยเล็กน้อยถึงผลการนวด

179
1. การบอกให้ ลูกค้ าทราบว่ าการนวดจบแล้ว

ตัวอย่าง 1
พนักงาน: The foot massage reflexology is all done, please
have a cup of warm herb tea. I’ll wash my hands.
(เดอะ ฟุ ต มัส ซ้า ช ริ เ ฟล็ ก โซ้ โ ลจี อิ ส ออล ดัน ,
พลี้ส แฮ้ฟว อะ คัพ อ็อฟ วอร์ม เฮิ้ร์บ ที. ไอล วอช
มาย แฮนด์.)
การนวดเท้ากดจุดเสร็ จสิ้ นเรี ยบร้อยแล้วค่ะ กรุ ณา
ดื่ม น้ าสมุนไพรอุ่น ๆ ดิฉนั จะไปล้างมือ
ลูกค้า: Ok, thank you very much, you’ve done
a very good job.
(โอ.เค. แธ็งคยู เว้ริ่ มัช, ยูฟ ดัน อะ เว้ริ่ กู๊ด จ๊อบ.)
ครับ ขอบคุณมาก คุณนวดได้ดีมาก

180
ตัวอย่าง 2
พนักงาน: Ok, I’ve finished. How do you feel ?
(โอ.เค, ไอฟ ฟิ นิชท์. ฮาว ดู ยู ฟี ล ?)
โอเค, นวดเสร็ จแล้วค่ะ คุณรู ้สึกอย่างไร ?
ลูกค้า: I’m feeling good.
(ไอม ฟิ ลลิ่ง โซ กูด๊ .)
ผมรู้สึกสบายดี
พนักงาน: I’m glad you are, please drink this warm herb tea.
(ไอม แกล๊ด ยู อาร์ , พลี้ส ดริ๊ งค์ ดิส วอร์ ม เฮิร์บ ที)
ดิฉนั รู้สึกยินดี (ที่คุณรู้สึกสบายดี) เชิญดื่ม
ชาสมุนไพรอุ่น ๆ
ลูกค้า: Thank you, it tastes very good.
(แธ้งคยู, อิท เท้ส เว้ริ่ กูด๊ .)
ขอบคุณครับ ชารสดีมาก
พนักงาน: You’ll sleep well tonight.
(ยูล สลี้พ เวล ทู ไน้ท.์ )
คุณจะนอนหลับสบายคืนนี้

181
2. ถ้ าลูกค้ าพึงพอใจในบริการ เขาอาจให้ เงินรางวัลพิเศษ พนักงาน
นวดแผนไทยก็จะกล่าวขอบคุณ และนัดหมายในครั้งต่ อไป

ลูกค้า: Here is a tip for your good service.


(เฮียร์ อิส อะ ทิพ ฟอร์ ยัวร์ กู๊ด เซ้อร์วสิ .)
นี่คือทิปสาหรับการบริ การที่ดีของคุณ
พนักงาน: Thank you very much sir (madam).
[แธ้งค ยู เว้ริ่ มัช เสอร์ (มาดาม)].
ขอบคุณมากค่ะ
Would you like to make an appointment for next time ?
(วูด้ ยู ไล้ค์ ทู เม็ค แอน แอ็พพ้อยท์เม้นท์ ฟอร์ เน็กซ์
ไท้ม์ ?)
คุณต้องการจะนัดพบกันคราวหน้าไหมคะ ?
ลูกค้า: Sure, next Friday at 10 in the morning.
(ชัวร์ , เน็กซ์ ไฟร้ดิ แอ็ท เท็น อิน เดอะ ม้อร์ นิ่ง.)
ได้สิ, วันศุกร์หน้า 10 โมงเช้า
พนักงาน: OK, see you next Friday at 10.
(โอ.เค, ซี ยู เน็กซ์ ไฟร้ดิ แอ็ท เท็น.)
ตกลงค่ะ พบกันวันศุกร์หน้า 10 โมง ค่ะ

182
3. การลาจากกันในธรรมเนียมตะวันตก นอกจากจะกล่าวว่ า “แล้ว
พบกันอีก” หรือ “See you ...” ก็จะมีการอวยพรให้ กนั และกัน

พนักงาน 1: See you on the 10th of October.


(ซี ยู ออน เดอะ เท็น อ๊อฟ อ็อกโท้เบอะ.)
พบกันวันที่ 10 ตุลาคมค่ะ
พนักงาน 2: See you next week.
(ซี ยู เน็กซ์ วี้ค.)
พบกันสัปดาห์หน้าค่ะ
พนักงาน 3: Have a good trip back.
(แฮ้ฟ อะ กู๊ด ทริ พ แบ๊ค.)
ขอให้เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ
พนักงาน 4: Have a nice day, sir.
(แฮ้ฟ อะ ไน้ซ์ เดย์ เสอร์ .)
ขอให้คุณมีวนั ที่แจ่มใสค่ะ
ลูกค้า: Thanks, same to you. Goodbye.
(แธ้งค์ส, เซม ทู ยู . กู๊ดบาย.)
ขอบคุณ คุณก็เช่นกันนะครับ

183
4. พนักงานนวดแผนไทยอาจลองกล่าวคาทักทาย คาขอบคุณ หรือ
คาอาลาเป็ นภาษาของลูกค้ า หากทราบทีม่ าของเขา ความสนใจใน
ลูกค้ าสามารถสร้ างความรู้ สึกทีด่ ีแก่ กนั ได้

คากล่าวทักทาย ขอบคุณและอาลาในภาษาอืน่ ๆ

ภาษา คาทักทาย คาขอบคุณ คาอาลา


อังกฤษ good morning (เช้า) thank you Good bye
(กูด มอร์ นิ่ง) (แธ้ง คิ่ว) (กูด้ บาย)
good afternoon
(หลังเที่ยง)
(กูด อ้าฟเทอร์นูน)
ฝรั่งเศส Bonjour Merci Au revoir
(บองชู) (แมคซี่ ) (โอ เรอวัว)
เยอรมัน Guten morgen (เช้า) Vielen Danke Auf Wiederschen
(กูท-เอน มอร์ เก็น) (ฟี ล-เล่น ดังค์) (เอ๊าฟ-วีด- เออ-เซ็น)
Guten tag (กลางวัน)
(กูท-เอน ทาค)
Guten abend (เย็น)
(กูท-เอน อ้าบ-เอ็น)

184
ภาษา คาทักทาย คาขอบคุณ คาอาลา
สวีดิช God morgon (เช้า) Tack så mycket Hej då
(กูด มอร์กอน) (ทัก โซ มิกเก็ต) (เฮ โด)
God eftermiddag
(กลางวัน)
(กูด-เอฟโตมิดด็อก)
God kuäll (เย็น)
(กูด-เควเลอ)
โปรตุเกส Bom dia (เช้า) Obrigado Até logo
(บง ดีอา) (โอบรี กาโด) (อาเต้ ลอโก)
Boa tarde (บ่าย) (ผูช้ ายพูด)
(โบอา ตารดิ) Obrigada
Boa noite (เย็น) (โอบรี กาดา)
(โบอา โนอิติ) (ผูห้ ญิงพูด)
สเปน Buenos dias (เช้า) Gracias Adios
(บูเอโนส ดีอสั ) (กราชีอสั ) (อาดิโอส)
Buenas tardes (บ่าย)
(บูเอนาส ตารเดส)
Buenas noches (เย็น)
(บูเอนาส โนเชส)

185
ภาษา คาทักทาย คาขอบคุณ คาอาลา
อิตาลี Buon giorno Grazie Arrivederci
(บูโอน จิออรโน) (กราชิเอะ) อาริ เวเดรชี
เกาหลี Anyoung ha se yo Gam sa ham ni da Anyoung hi ga se yo
(อันยง ฮา เซ โย) (กัม ซา ฮัม นี ดา) อันยง ฮี กา เซ โย
จีน Ni-hao Xiè-xie Zai-jian
(หนี-ห่าว) (เซี้ ย-เซี้ ย) ไจ้-เจี้ยน
ญี่ปุ่น Ohayoo gozaimasu arigatoo sayoonara
(เช้า) gozaimasu (ซาโยนาระ)
(โอไฮโย โกไซมัส) (อาริ งาโต
Konnichi wa (บ่าย) โกไซมัส)
(คนนิชิ วะ)
Konban wa (เย็น)
(คมบัง วะ)
รัสเซีย Zdrahst vooy the Spahsiba Dasvidan ye
(ซดราฟส์ วุย ดิ) (สปาซิบา้ ) (ดาสวิ ดาเนีย)

186
บรรณานุกรม

กัญ จนา ดี วิ เ ศษ และคณะ. 2545. คู่ มื อ อบรมการนวดเท้ า เพื่ อ สุ ข ภาพ.


โครงการพัฒนาตารามูลนิ ธิการแพทย์แผนไทยพัฒนา. กรุ งเทพฯ :
สามเจริ ญพานิชย์.
จันทิมา ชุ วานนท์. 2548. ภาษาอังกฤษเบื้องต้ นสาหรั บพนักงานนวดแผน
ไทย. ศูนย์ภาษา มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี.
ธนกิ จ ลาภจรั สสุ ริยา. 2548. การกดจุ ดฝ่ าเท้ าบรรเทาโรค. กรุ งเทพฯ :
สานักพิมพ์บา้ นหนังสื อ.
_______________. 2548. การนวดแผนไทย. กรุ งเทพฯ : สานักพิมพ์บา้ น
หนังสื อ.
ทัก ษิ ณ า สวนานนท์ . 2527. มาพู ด ภาษาอั ง กฤษกั น เถอะ. กรุ ง เทพฯ :
สานักพิมพ์โอเดียนสโตร์ .
ณัฏ ฐา ชุ ณหสวัสดิ กุ ล และ บรรจบ ชุ ณหสวัส ดิ กุล . ม.ป.พ. โรคหายด้ วย
ปลายนิว้ . กรุ งเทพฯ : สานักพิมพ์รวมทรรศน์
โปรแกรมวิช าภาษาอังกฤษและโปรแกรมวิชาภาษาอังกฤษธุ รกิ จ. มป.พ.
ส านวนและค าศั พ ท์ ภ าษาอัง กฤษส าหรั บ งานนวดแผนโบราณ.
กรุ งเทพฯ : คณะมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราช
ภัฏธนบุรี.

187
พงศ์ศกั ดิ์ สุ ทธาวสิ นธุ์. และ เกื้ อกูล สมทรัพย์. 2545. เสริ มประสบการณ์
ด้ านภาษาต่ างประเทศ. เอกสารประกอบการอบรมครู นวดไทย รุ่ น
ที่ 4. 23-26 ธันวาคม 2545. กรุ งเทพฯ : สมาคมแพทย์แผนไทยแห่ ง
ประเทศไทย.
ระริ นธร อักษรศรี . 2544. การบริการในโรงแรม. กรุ งเทพฯ : นานมีบุค๊ ส์
ศู น ย์พ ัฒ นาความสามารถในการใช้ภ าษาอัง กฤษ. 2548. มาตรฐาน
ภาษาอังกฤษสาหรั บอาชี พ . กรุ งเทพฯ : สานักงานคณะกรรมการ
อุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ.
Chia, Maneewan. and Chia, Max. 2004. Nuad Thai, Traditional Thai
Massage. Chiangmai : The Knowledge Center.
Grant, David. and McLarty, Robert. 2001. Business Basics. Oxford :
Oxford University Press.
Helgesen, Marc. and Adams, Keith. 1997. Office File, Workplace
English. Hong Kong : Longman Group UK.
Hornby, A.S. 1999. Oxford Advanced Learner’s Dictionary. China :
Oxford University Press.
Liesenborghs, Robert. 1999. At the Restaurant. Bangkok : SE-Education.
Longman. 1991. Longman Active Study Dictionary of English. China :
Longman Group UK.
Mann, Niclaire. and McKenzie, Eleanor. 2002. Step by Step Thai
Massage. Bangkok : Asia Book.
188
Qingshan, Ji. and Jie, Li. 2001. Reflexology, Traditional Chinese
Remedies. Beijing : Foreign Language Press.
Richards, J.C. and Long, M.N. 1985. Break Through 1, New Edition.
Oxford : Oxford University Press.
Utawanit, Kanita. 1995. Communicative English for Hotel Personnel.
Bangkok : Thammasat University Press.
Wang, Sheng. and Wang, Weidong. 1997. Hand Therapy, Traditional
Chinese Remedies. Beijing : Foreign Language Press.

189

You might also like