Professional Documents
Culture Documents
Mathm2 2
Mathm2 2
คณิตศาสตร์
เล่ม ๒
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่
๒
ตามมาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวชีว้ ดั
กลุม่ สาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
คู่มือครู
รายวิชาพื้นฐาน
คณิตศาสตร์
ชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ ๒ เล่ม ๒
ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
จัดทำ�โดย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คำ�นำ�
(ศาสตราจารย์ชก
ู จิ ลิมปิจ�ำ นงค์)
ผู้อำ�นวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
กระทรวงศึกษาธิการ
คำ�ชี้แจง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
กระทรวงศึกษาธิการ
คำ�แนะนำ�การใช้คู่มือครู
1. เป็นส่วนที่ประกอบด้วยชื่อบทเรียน พร้อมทั้งหัวข้อย่อยของบทเรียนและจำ�นวนชั่วโมงที่
แนะนำ�ให้ใช้ในการจัดการเรียนการสอนโดยประมาณ เพือ
่ ให้ครูสามารถนำ�ไปประกอบการวางแผน
ชื่อบทเรียน
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้รายภาค และเพื่อให้เวลาเรียนสอดคล้องกับโครงสร้างเวลาเรียนของ
รายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
คู่มือครูนี้ จึงกำ�หนดจำ�นวนชั่วโมงเรียนที่แนะนำ�ให้ใช้ในการจัดการเรียนการสอนของทุกหัวข้อไว้
รวม 60 ชั่วโมง/ภาคเรียน
2. เป็นสาระและมาตรฐานการเรียนรูต
้ ามทีป
่ รากฏอยูใ่ นตัวชีว้ ด
ั และสาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
สาระและมาตรฐาน
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
การเรียนรู้
ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เพื่อให้ครูได้ตรวจสอบความสอดคล้องและครอบคลุมกับหลักสูตร
สถานศึกษา
3. เป็นตัวชี้วัดตามที่ปรากฏอยู่ในตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้
ตัวชี้วัด คณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน
้ พืน
้ ฐาน พุทธศักราช
2551 เพื่อให้ครูได้คำ�นึงถึงว่าจะต้องจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้นักเรียนได้เรียนรู้ตามตัวชี้วัด และ
วัดและประเมินผลตามตัวชี้วัด
4. เป็นจุดประสงค์ตามทีป
่ รากฏอยูใ่ นหนังสือเรียนรายวิชาพืน
้ ฐานคณิตศาสตร์ ชัน
้ มัธยมศึกษา
จุดประสงค์ ปีที่ 2 เล่ม 2 ของแต่ละบทเรียน เพื่อให้ครูได้ตระหนักถึงความรู้ที่นักเรียนพึงมีหลังสิ้นสุดการเรียน
ของบทเรียน
การสอน รวมทั้ง นำ�ไปใช้ในการวัดและประเมินผลของครู
6. เป็นทักษะและกระบวนการทีน
่ ก
ั เรียนควรจะได้รบ
ั จากการเรียนในแต่ละหัวข้อเป็นอย่างน้อย
ทักษะและ
กระบวนการทาง พร้อมทั้งตัวอย่างของคำ�ถามหรือปัญหาที่คาดหวังว่าสามารถกระตุ้นให้เกิดทักษะและกระบวนการ
คณิตศาสตร์ คณิตศาสตร์ได้ โดยรายละเอียดในการจัดการเรียนการสอนที่ช่วยส่งเสริมทักษะและกระบวนการ
ทางคณิตศาสตร์จะแทรกอยู่ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ทั้งนี้ การพัฒนาทักษะ
และกระบวนการทางคณิตศาสตร์ให้กบ
ั นักเรียนจะเกิดขึน
้ ได้มากหรือน้อยนัน
้ ขึน
้ อยูก
่ บ
ั กระบวนการ
จัดการเรียนการสอนของครูเป็นสำ�คัญ
7. เป็นส่วนที่ต้องการสะท้อนให้ครูเห็นภาพความต่อเนื่องและเชื่อมโยงของความรู้ทั้งสาม
พัฒนาการ
ลักษณะ ได้แก่
ของความรู้
ความรู้พื้นฐานที่จำ�เป็น เป็นหัวข้อความรู้ที่นักเรียนจะต้องมีก่อนการเรียนในแต่ละบท ซึ่ง
ครูอาจเริ่มต้นจากการใช้แบบทดสอบออนไลน์ เพื่อตรวจสอบและประเมินความรู้เดิมของผู้เรียน
แล้วทบทวนหรือจัดกิจกรรมให้กับนักเรียนในกรณีที่นักเรียนขาดความรู้ในส่วนนี้ ทั้งนี้เพื่อกระตุ้น
ให้เกิดความเชื่อมโยงของประสบการณ์เดิมจนเกิดเป็นองค์ความรู้ที่เป็นพื้นฐาน เพื่อพัฒนาเป็น
ความรู้ที่สำ�คัญในบทเรียนต่อไป
ความรู้ที่สำ�คัญในบทเรียน เป็นความคิดรวบยอดต่าง ๆ ของบทเรียนในภาพรวม เพื่อให้
ครูได้ทราบเกี่ยวกับความรู้ที่เป็นแนวคิดหลักของเนื้อหาที่นักเรียนจำ�เป็นต้องรู้หลังจากเรียนจบ
บทเรียนนั้น ๆ
ความรู้ในอนาคต เป็นหัวข้อความรู้ที่นักเรียนจะได้ศึกษาต่อไปในอนาคต ซึ่งชี้นำ�ให้ครู
ได้เห็นว่าความรู้ที่เกิดขึ้นจากแต่ละบทเรียนนั้นมีความสำ�คัญสำ�หรับการพัฒนาความรู้ในหัวข้ออื่น
ใดบ้าง ในระดับชั้นเดียวกันหรือระดับชั้นที่สูงขึ้น
8. เป็นลำ�ดับของแนวทางการจัดกิจกรรมทีค
่ วรเกิดขึน
้ ในแต่ละบทเรียน ทัง้ นีล้ �ำ ดับของแนวทาง
ลำ�ดับการจัด
กิจกรรมการเรียนรู้ การจัดกิจกรรมจะสอดคล้องกับลำ�ดับของหัวข้อและกิจกรรมต่าง ๆ ที่ปรากฏในหนังสือเรียน
ของบทเรียน
9.
ข้อเสนอแนะ เป็นหัวข้อภายใต้หัวข้อย่อยของบทเรียนประกอบด้วยหัวข้อ ดังนี้
ในการจัดกิจกรรม 1) ชื่อหัวข้อย่อย เป็นหัวข้อย่อยพร้อมทั้งจำ�นวนชั่วโมงที่แนะนำ�ให้ใช้ในการกิจกรรม
การเรียนรู้ การเรียนรู้โดยประมาณ เพื่อให้ครูสามารถนำ�ไปประกอบการวางแผนการจัดการเรียนการสอน
รายคาบ ทั้งนี้ ครูอาจยืดหยุ่นได้ตามที่เห็นสมควร
2) จุดประสงค์ เป็นจุดประสงค์รายหัวข้อย่อยของบทเรียน โดยระบุไว้เพื่อให้ครูคำ�นึงถึง
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ให้นักเรียนได้มีความรู้และความสามารถตรงตามจุดประสงค์ที่วางไว้
จุดประสงค์ในส่วนนี้เป็นจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมที่สามารถสะท้อนกลับไปยังจุดประสงค์ของ
บทเรียนและตัวชี้วัด ทั้งนี้ ครูอาจปรับเปลี่ยนจุดประสงค์นี้ได้ตามที่เห็นสมควร แต่จะต้องเป็น
จุดประสงค์ที่สะท้อนความสามารถของนักเรียนว่าผ่านจุดประสงค์ของบทเรียนและตัวชี้วัดได้
นอกจากนี้ ครูควรประเมินผลให้ตรงตามจุดประสงค์โดยใช้วิธีการที่หลากหลาย เช่น
การตอบคำ�ถามในชั้นเรียน การทำ�แบบฝึกหัด การทำ�ใบกิจกรรม ชิ้นงาน หรือการทดสอบย่อย
โดยถ้าจุดประสงค์ใดที่ครูเห็นว่านักเรียนส่วนใหญ่ยังไม่ผ่าน ในชั่วโมงต่อไปครูควรนำ�บทเรียนนั้น
มาสอนซ่อมเสริมใหม่
3) ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เป็นตัวอย่างเนื้อหาที่นักเรียนมักเข้าใจคลาดเคลื่อน หรือ
เข้าใจผิด เพื่อให้ครูได้ทราบและป้องกันไม่ให้นักเรียนเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
4) สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เป็นสื่อที่แนะนำ�ให้
ครูใช้สำ�หรับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อให้ครูได้จัดเตรียมสื่อหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ล่วงหน้า ทั้งนี้
สื่อดังกล่าว เป็นสื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ตามข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
5) ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เป็นจุดเน้นหรือแนวทางในการจัดกิจกรรม
การเรียนรู้ที่สำ�คัญอย่างเป็นลำ�ดับขั้นตอนในแต่ละหัวข้อย่อย ซึ่งครูควรศึกษาและทำ�ความเข้าใจ
ควบคูไ่ ปกับหนังสือเรียน เพือ
่ จะได้เตรียมการจัดกิจกรรมการเรียนรูใ้ ห้สอดคล้องกับจุดประสงค์และ
เหมาะสมกับศักยภาพของนักเรียน
6) กิจกรรมและเฉลยกิจกรรม เป็นกิจกรรมที่ปรากฏอยู่ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน
คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 2 โดยขยายขั้นตอนการทำ�กิจกรรมที่อยู่ในหนังสือเรียน
รวมทั้งมีตัวอย่างหรือใบกิจกรรม เพื่อให้ครูสามารถนำ�ไปใช้ประกอบการจัดกิจกรรมในชั้นเรียนได้
อย่างมีประสิทธิภาพ
7) กิจกรรมเสนอแนะ เป็นกิจกรรมทีแ่ นะนำ�ให้ครูน�ำ ไปใช้กบ
ั นักเรียนในการจัดกิจกรรม
การเรียนรู้ ซึ่งมีอยู่หลายลักษณะ ทั้งกิจกรรมเพื่อนำ�เข้าสู่เนื้อหา กิจกรรมเสริมเนื้อหาในบทเรียน
เพื่ อ ให้ เ ข้ า ใจเนื้ อ หาในบทเรี ย นนั้ น ๆ ได้ ม ากขึ้ น โดยแต่ ล ะกิ จ กรรมจะสอดแทรกทั ก ษะและ
กระบวนการทางคณิตศาสตร์ให้นักเรียนได้พัฒนาทักษะและกระบวนการอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้
ครูอาจพิจารณาปรับเปลี่ยนการจัดกิจกรรมให้เหมาะสมกับเวลาและศักยภาพของนักเรียน
8) เฉลยชวนคิ ด เป็ น การอธิ บ ายแนวคิ ด และคำ � ตอบของกรอบชวนคิ ด ที่ ป รากฏอยู่
ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 2 เพื่อให้ครูใช้เป็นแนวทาง
ในการอภิปรายร่วมกันกับนักเรียนถึงแนวคิดในการแก้ปัญหานั้น ๆ
9) เฉลยมุ ม เทคโนโลยี เป็ น การอธิ บ ายแนวคิ ด และคำ � ตอบของกรอบมุ ม เทคโนโลยี
ที่ปรากฏอยู่ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 2 เพื่อให้ครูใช้
เป็นแนวทางในการอภิปรายร่วมกันกับนักเรียนถึงแนวคิดในการแก้ปัญหานั้น ๆ
10) เฉลยแบบฝึ ก หั ด เป็ น คำ � ตอบของแบบฝึ ก หั ด ในหนั ง สื อ เรี ย นรายวิ ช าพื้ น ฐาน
คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 2 เพื่อให้ครูได้ใช้เป็นแนวทางในการตรวจแบบฝึกหัดของ
นักเรียน ซึ่งในบางข้อจะมีแนวคิดไว้ เพื่อเป็นแนวทางหนึ่งในการหาคำ�ตอบ และในบางข้ออาจมี
หลายคำ�ตอบ แต่ให้ไว้เพียงตัวอย่างคำ�ตอบที่ถูกต้องและเป็นไปได้ ทั้งนี้ เพราะแบบฝึกหัดดังกล่าว
ได้ ส อดแทรกปั ญ หาที่ เ ปิ ด โอกาสให้ นั ก เรี ย นได้ คิ ด อย่ า งหลากหลาย และฝึ ก การให้ เ หตุ ผ ล
ซึง่ คำ�อธิบายของนักเรียนอาจแตกต่างจากทีเ่ ฉลยไว้ ดังนัน
้ ในการตรวจแบบฝึกหัดครูควรพิจารณา
อย่างรอบคอบ และยอมรับคำ�ตอบที่เห็นว่ามีความถูกต้องและเป็นไปได้ที่แตกต่างไปจากที่เฉลย
ไว้นี้
สำ � หรั บ แบบฝึ ก หั ด ในหนั ง สื อ เรี ย น ครู ค วรเลื อ กให้ นั ก เรี ย นได้ ฝึ ก ฝนตามความรู้
ความสามารถ ซึง่ ในหลายแบบฝึกหัด ครูอาจใช้เพือ
่ การตรวจสอบความเข้าใจในชัน
้ เรียน โดยอาจใช้
การถาม–ตอบร่วมกันในชั้นเรียน สำ�หรับแบบฝึกหัดที่เป็นข้อท้าทายนั้น จะมีความยากและ
ซับซ้อนมากขึน
้ ซึง่ นักเรียนทัว่ ไปอาจยังไม่สามารถทำ�ได้ ดังนัน
้ ครูควรพิจารณาความเหมาะสมของ
การใช้งานกับระดับความรู้ความสามารถของนักเรียนในชั้นเรียน และไม่ควรนำ�แบบฝึกหัดที่มี
ความยากในระดับนี้ไปสร้างแบบทดสอบเพื่อวัดและประเมินผลกับนักเรียนโดยทั่วไป
10. เป็นคำ�ตอบ หรือแนวคิดในการทำ�กิจกรรมท้ายบท เพื่อเป็นแนวทางให้ครูใช้อภิปราย
เฉลยกิจกรรม ร่วมกับนักเรียน และโดยบางกิจกรรมที่มีลักษณะเป็นปัญหาปลายเปิดจะมีตัวอย่างแนวคิดหรือ
ท้ายบท
คำ�ตอบที่ถูกต้องและเป็นไปได้ให้ไว้
สำ�หรับแบบฝึกหัดท้ายบทในหนังสือเรียนนี้ มีไว้เพือ
่ ให้นก
ั เรียนได้ฝก
ึ ทำ�โจทย์แบบบูรณาการ
ความรู ้ โดยไม่จ�ำ แนกความรูท
้ ใี่ ช้ในการแก้ปญ
ั หาตามหัวข้อย่อย ซึง่ ครูควรเลือกให้นก
ั เรียนได้ฝก
ึ ฝน
ตามระดับความรู้ความสามารถ
เนือ
่ งจากสถานศึกษาสามารถปรับเกลีย่ จำ�นวนชัว่ โมงเรียนของรายวิชาพืน
้ ฐานได้เอง ดังนัน
้ สถานศึกษาแต่ละแห่งอาจ
กำ�หนดจำ�นวนชั่วโมงเรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาตร์ไม่เท่ากัน สำ�หรับหนังสือชุดนี้ จะแนะนำ�จำ�นวนชั่วโมงเรียงที่อิงตาม
โครงสร้างหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 คือ 60 ชั่วโมง/ภาคเรียน เป็นหลัก ทั้งนี้ สถานศึกษา
สามารถปรับจำ�นวนชั่วโมงนี้ ให้สอดคล้องกับบริบทของตนเองได้ตามความเหมาะสม
หน่วยการเรียนรู้ จำ�นวนชั่วโมงที่แนะนำ�
สถิติ (2) 12
ความเท่ากันทุกประการ 14
เส้นขนาน 11
การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 14
การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง 9
สารบัญ บทที่ 1–3
1
บทที่ 1 สถิติ (2) 13
1.1 แผนภาพจุด 18
1.2 แผนภาพต้น–ใบ 23
1.3 ฮิสโทแกรม 29
10
9
1.4 ค่ากลางของข้อมูล 35
8
0
30 35 40 45 50 55
สถิติ (2)
2
บทที่ 2 ความเท่ากันทุกประการ 75
2.1 ความเท่ากันทุกประการของรูปเรขาคณิต 80
2.2 ความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยม 86
2.3 รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่สัมพันธ์กันแบบ ด้าน–มุม–ด้าน 91
2.4 รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่สัมพันธ์กันแบบ มุม–ด้าน–มุม 105
2.5 รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่สัมพันธ์กันแบบ ด้าน–ด้าน–ด้าน 111
2.6 รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่สัมพันธ์กันแบบ มุม–มุม–ด้าน 117
2.7 รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่สัมพันธ์กันแบบ ฉาก–ด้าน–ด้าน 123
ความเท่ากันทุกประการ
2.8 การนำ�ไปใช้ 131
3
บทที่ 3 เส้นขนาน 177
3.1 เส้นขนานและมุมภายใน 181
3.2 เส้นขนานและมุมแย้ง 193
3.3 เส้นขนานและมุมภายนอกกับมุมภายใน 210
3.4 เส้นขนานและรูปสามเหลี่ยม 223
เส้นขนาน
สารบัญ บทที่ 4–5
4
บทที่ 4 การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 259
4.1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการให้เหตุผลทางเรขาคณิต 263
4.2 การสร้างและการให้เหตุผลเกี่ยวกับการสร้าง 284
4.3 การให้เหตุผลเกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยมและรูปสี่เหลี่ยม 308
การให้เหตุผลทางเรขาคณิต
5
บทที่ 5 การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง 399
5.1 การแยกตัวประกอบของพหุนามโดยใช้สมบัติการแจกแจง 404
5.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองตัวแปรเดียว 410
5.3 การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองที่เป็นกำ�ลังสองสมบูรณ์ 419
5.4 การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองที่เป็นผลต่างของกำ�ลังสอง 428
การแยกตัวประกอบ
ของพหุนามดีกรีสอง
กิจกรรมคณิตศาสตร์เชิงสะเต็ม 453
ความรู้เพิ่มเติมสำ�หรับครู 459
ปกิณกคดี 469
บรรณานุกรม 472
คณะผู้จัดทำ� 473
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 1 | สถิติ (2) 13
1
บทที่ สถิติ (2)
ในบทสถิติ (2) นี้ ประกอบด้วยหัวข้อย่อย ดังต่อไปนี้
10
4
1.3 ฮิสโทแกรม 3 ชั่วโมง
3
2
1.4 ค่ากลางของข้อมูล 4 ชั่วโมง
1
0
30 35 40 45 50 55
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้
สาระ สถิติและความน่าจะเป็น
มาตรฐาน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถิติ และใช้ความรู้ทางสถิติในการแก้ปัญหา
ตัวชี้วัด
เข้าใจและใช้ความรูท
้ างสถิตใิ นการนำ�เสนอข้อมูลและวิเคราะห์ขอ
้ มูลจากแผนภาพจุด แผนภาพต้น–ใบ ฮิสโทแกรม และ
ค่ากลางของข้อมูล และแปลความหมายผลลัพธ์ รวมทั้งนำ�สถิติไปใช้ในชีวิตจริงโดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม
จุดประสงค์ของบทเรียน
นักเรียนสามารถ
1. วิเคราะห์และนำ�เสนอข้อมูลด้วยแผนภาพจุด แผนภาพต้น–ใบ และฮิสโทแกรมโดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม
รวมทั้งอ่านและแปลความหมายข้อมูลที่นำ�เสนอด้วยรูปแบบเหล่านี้
2. หาและเปรียบเทียบค่ากลางของข้อมูล (ค่าเฉลี่ยเลขคณิต มัธยฐาน และฐานนิยม) โดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม
รวมทั้งแปลความหมายผลลัพธ์และเลือกใช้ค่ากลางของข้อมูล
3. ใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ คาดคะเน และสรุปผล ได้อย่างเหมาะสม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
14 บทที่ 1 | สถิติ (2) คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
การเชื่อมโยงระหว่างตัวชี้วัดกับจุดประสงค์ของบทเรียน
เนื่องจากตัวชี้วัดกล่าวถึงการเข้าใจและใช้ความรู้ทางสถิติในการนำ�เสนอข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลจากแผนภาพจุด
แผนภาพต้น–ใบ ฮิสโทแกรม และค่ากลางของข้อมูล และแปลความหมายผลลัพธ์ รวมทัง้ นำ�สถิตไิ ปใช้ในชีวต
ิ จริงโดยใช้เทคโนโลยี
ที่เหมาะสม ดังนั้น เพื่อให้การเรียนรู้ในเรื่องสถิติของนักเรียนสอดคล้องกับตัวชี้วัด ครูควรจัดประสบการณ์ให้นักเรียนสร้าง
องค์ความรู้ทางสถิติและใช้ความรู้นี้ในการแก้ปัญหาทางสถิติ ซึ่งสะท้อนได้จากการที่นักเรียนสามารถนำ�เสนอข้อมูลที่กำ�หนดให้
ในรูปแผนภาพจุด แผนภาพต้น–ใบ และฮิสโทแกรม โดยเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม สามารถหาค่ากลางของข้อมูลโดยใช้
เทคโนโลยีทเี่ หมาะสม เปรียบเทียบลักษณะสำ�คัญของค่ากลางของข้อมูลและเลือกใช้คา่ กลางได้อย่างเหมาะสม ตลอดจนสามารถ
อ่านวิเคราะห์ และแปลความหมายผลลัพธ์ให้สอดคล้องกับบริบทของข้อมูลเหล่านัน
้ ทัง้ ผลลัพธ์ทไ่ี ด้จากการนำ�เสนอในรูปแบบ
ต่าง ๆ และผลลัพธ์ที่เกิดจากการจัดกระทำ�ข้อมูลจนเกิดเป็นค่ากลางของข้อมูล ตลอดจนความสามารถในการใช้ความรู้ทางสถิติ
ที่เกิดขึ้นในการตัดสินใจ คาดคะเน และสรุปผลในสถานการณ์ต่าง ๆ
stem–and– mean
dot plot leaf plot histogram median
mode
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 1 | สถิติ (2) 15
ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์
1.1 แผนภาพจุด
1.1 แผนภาพจุด มุมเทคโนโลยี 1.2
- แบบฝ�กหัด แผนภาพ
1.1 : 1–2 ต�น–ใบ
1.2
อื่น ๆ อื่น ๆ กิจกรรมอวบอ�วน
แผนภาพต�น–ใบ
- - ผอมเพรียว โฉบเฉีย่ ว
แบบฝ�กหัด 1.2 : 6
หุน
� ดี, แบบฝ�กหัด
1.2 : 1–2, 5
1.4 ค�ากลาง
ของข�อมูล 1.4 ค�ากลางของ
1.3 ฮิสโทแกรม
แบบฝ�กหัด 1.4 : 2 1.3 ฮิสโทแกรม ข�อมูล
- แบบฝ�กหัด
ชวนคิด 1.2
1.3 : 1–3
การสื่อสารและ
การแก�ป�ญหา การสื่อความหมาย
ทางคณิตศาสตร�
ทักษะและ
กระบวนการ
1.1 แผนภาพจุด
แบบฝ�กหัด การคิด ทางคณิตศาสตร� การเชื่อมโยง 1.1 แผนภาพจุด 1.2
1.1 : 5 สร�างสรรค� - แผนภาพ
อื่น ๆ 1.2 แผนภาพ ต�น–ใบ
- ต�น–ใบ อื่น ๆ กิจกรรมอวบอ�วน
- - ผอมเพรียว โฉบเฉีย่ ว
หุน
� ดี, แบบฝ�กหัด
การให�เหตุผล
1.2 : 4–6
1.4 ค�ากลางของ 1.3 ฮิสโทแกรม
ข�อมูล แบบฝ�กหัด
- 1.3 : 3 1.4 ค�ากลางของ 1.3 ฮิสโทแกรม
ข�อมูล แบบฝ�กหัด
- 1.3 : 2–3
1.1 แผนภาพจุด
แบบฝ�กหัด
1.1 : 4–5 1.2
อื่น ๆ แผนภาพ
แบบฝ�กหัด ต�น–ใบ
ท�ายบท : 1–4 แบบฝ�กหัด
1.2 : 3–4
1.4
1.3
ค�ากลางของข�อมูล
ฮิสโทแกรม
ชวนคิด 1.3,
แบบฝ�กหัด
แบบฝ�กหัด
1.3 : 4
1.4 ข : 7
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
16 บทที่ 1 | สถิติ (2) คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
พัฒนาการของความรู้
ความรูพื้นฐาน ✤ ความหมายของสถิติและกระบวนการทางสถิติ
ที่จำเปน ✤ ข้อมูลเชิงคุณภาพและข้อมูลเชิงปริมาณ
✤ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำ�นวนจริง
ความรูในอนาคต ✤ การกระจายของข้อมูล
✤ แผนภาพกล่อง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 1 | สถิติ (2) 17
ลำ�ดับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของบทเรียน
แนะนำ�ความหมายของแผนภาพจุด
นำ�เสนอข้อมูลด้วยแผนภาพจุด
อ่าน วิเคราะห์และแปลความหมายแผนภาพจุด
แนะนำ�ความหมายของแผนภาพต้น–ใบ
นำ�เสนอข้อมูลด้วยแผนภาพต้น–ใบ
อ่าน วิเคราะห์และแปลความหมายแผนภาพต้น–ใบ
แนะนำ�ความหมายของฮิสโทแกรม
นำ�เสนอข้อมูลด้วยฮิสโทแกรม
อ่าน วิเคราะห์และแปลความหมายฮิสโทแกรม
เปรียบเทียบลักษณะสำ�คัญของค่ากลางของข้อมูล
และเลือกใช้ค่ากลางของข้อมูลได้อย่างเหมาะสม
สรุปบทเรียน ทำ�กิจกรรมท้ายบทเพื่อเติมเต็มความรู้ที่ได้รับจากบทเรียน
และพัฒนาทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ด้วยแบบฝึกหัดท้ายบท
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
18 บทที่ 1 | สถิติ (2) คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
-
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
-
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องแผนภาพจุด ซึ่งเป็นรูปแบบของการนำ�เสนอข้อมูลเชิงปริมาณแบบหนึ่งที่แสดงข้อมูลทุกตัวด้วยจุด
บนตำ�แหน่งเหนือเส้นในแนวนอนที่แบ่งสเกลออกเป็นช่วง ช่วงละเท่า ๆ กัน แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อาจทำ�ได้ดังนี้
1. ครูทบทวนการนำ�เสนอข้อมูลที่นักเรียนเคยเรียนมา แล้วแนะนำ�ความหมายและประโยชน์ของแผนภาพจุด
จากนัน
้ ยกตัวอย่างข้อมูลเชิงปริมาณ เช่น คะแนนสอบระหว่างภาคเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียน เพือ
่ นำ�เสนอ
ด้วยแผนภาพจุด
2. ครูแนะนำ�ขั้นตอนเพื่อให้นักเรียนนำ�เสนอข้อมูลโดยใช้แผนภาพจุด จากนั้นตั้งคำ�ถามเกี่ยวกับแผนภาพจุดนั้น
เพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนในเรื่องการอ่าน วิเคราะห์และแปลความหมายของข้อมูล และชี้ให้นักเรียน
เห็นว่าการนำ�เสนอข้อมูลด้วยแผนภาพจุดนัน
้ ช่วยให้สามารถเห็นลักษณะสำ�คัญของข้อมูลได้งา่ ยกว่าการพิจารณา
ข้อมูลโดยตรง
3. ครูใช้มม
ุ เทคโนโลยี ในหนังสือเรียน หน้า 14 เพือ
่ แนะนำ�ให้นก
ั เรียนรูจ้ ก
ั การใช้เทคโนโลยีชว่ ยในการนำ�เสนอข้อมูล
เกี่ยวกับอุณหภูมิสูงสุดในเดือนเมษายน พ.ศ. 2560 แล้วให้นักเรียนฝึกนำ�เสนอข้อมูลเกี่ยวกับอุณหภูมิต่ำ�สุด
ด้วยเทคโนโลยี จากนั้นอภิปรายร่วมกันเพื่อเปรียบเทียบลักษณะของข้อมูลทั้งสองแบบที่เกิดขึ้น
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 1 | สถิติ (2) 19
เฉลยมุมเทคโนโลยี
มุมเทคโนโลยี หน้า 14
เขียนแผนภาพจุดแสดงอุณหภูมิตํ่าสุดในเดือนเมษายน พ.ศ. 2560 โดยใช้ซอฟต์แวร์ GeoGebra ได้ดังนี้
ipst.me/10055
●
●
● ●
● ●
● ●
● ● ●
● ● ●
● ● ●
● ● ● ●
● ● ● ●
● ● ● ● ●
24 25 26 27 28
แผนภาพจุดแสดงอุณหภูมิต่ำ�สุดในเดือนเมษายนแตกต่างจากแผนภาพจุดแสดงอุณหภูมิสูงสุดในเดือนเมษายนในหลาย
ลักษณะ เช่น แผนภาพจุดแสดงอุณหภูมิต่ำ�สุดแสดงให้เห็นว่าอุณหภูมิต่ำ�สุดในเดือนเมษายนอยู่ที่ 24 องศาเซลเซียส ข้อมูล
อุณหภูมิต่ำ�สุดในเดือนเมษายนส่วนมากอยู่ที่ 27 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิต่ำ�สุดที่เก็บรวบรวมได้จะกระจุกตัวอยู่ในช่วง
26–28 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นข้อมูลส่วนใหญ่ที่อยู่ทางด้านขวาของแผนภาพจุด ในขณะที่อุณหภูมิสูงสุดในเดือนเมษายน
กระจุกตัวอยู่ในช่วง 33–35 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นข้อมูลส่วนใหญ่ที่อยู่ในช่วงกลางของแผนภาพ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
20 บทที่ 1 | สถิติ (2) คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 1.1
1. 1) เขียนแผนภาพจุดแสดงคะแนนสอบปลายภาคเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้น ม.2 ห้องหนึ่งได้ดังนี้
●
● ●
● ● ● ● ● ● ●
● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ●
14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42
● ●
● ● ● ● ● ● ● ● ● ●
● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ●
144 146 148 150 152 154 156 158 160 162 164 166 168 170 172 174 176
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 1 | สถิติ (2) 21
4. จากแผนภาพจุดแสดงจำ�นวนชั่วโมงในการนอนเมื่อวันรุ่งขึ้นต้องไปโรงเรียนและจำ�นวนชั่วโมงในการนอนเมื่อวันรุ่งขึ้น
เป็นวันหยุด ตอบคำ�ถามแต่ละข้อได้ดังนี้
1) พิสัยของจํานวนชั่วโมงที่นักเรียนใช้ในการนอนเมื่อวันรุ่งขึ้นต้องไปโรงเรียน
เท่ากับ 11 – 7.5 = 3.5 ชั่วโมง
พิสัยของจํานวนชั่วโมงที่นักเรียนใช้ในการนอนเมื่อวันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุด
เท่ากับ 13 – 8.9 = 4.1 ชั่วโมง
2) จํานวนชั่วโมงในการนอนของนักเรียนส่วนใหญ่เมื่อวันรุ่งขึ้นต้องไปโรงเรียน เท่ากับ 10 ชั่วโมง
จํานวนชั่วโมงในการนอนของนักเรียนส่วนใหญ่เมื่อวันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุด เท่ากับ 11 ชั่วโมง
3) แผนภาพจุดของจำ�นวนชัว่ โมงในการนอนทัง้ สองแบบมีการกระจายแตกต่างกัน กล่าวคือ แผนภาพจุดของจํานวน
ชัว่ โมงทีน
่ ก
ั เรียนใช้ในการนอนเมือ
่ วันรุง่ ขึน
้ เป็นวันหยุดมีลก
ั ษณะค่อนข้างสมมาตร ขณะทีแ่ ผนภาพจุดของจาํ นวน
ชัว่ โมงทีน
่ ก
ั เรียนใช้ในการนอนเมือ
่ วันรุง่ ขึน
้ ต้องไปโรงเรียน ข้อมูลส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยูท
่ างด้านขวาของข้อมูล
ทั้งหมด
4) จากข้อมูลจำ�นวนชั่วโมงการนอนทั้งสองแบบของนักเรียนสามารถสรุปได้ว่า ในกรณีที่วันรุ่งขึ้นต้องไปโรงเรียน
นักเรียนส่วนใหญ่มีจำ�นวนชั่วโมงในการนอนอยู่ในช่วง 9–10 ชั่วโมง ในขณะที่ถ้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุด นักเรียน
ส่วนใหญ่มีจำ�นวนชั่วโมงในการนอนอยู่ในช่วง 11–12 ชั่วโมง ซึ่งจะเห็นว่าจำ�นวนชั่วโมงในการนอนเมื่อวันรุ่งขึ้น
เป็นวันหยุด มากกว่าจำ�นวนชั่วโมงในการนอนเมื่อวันรุ่งขึ้นต้องไปโรงเรียน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
22 บทที่ 1 | สถิติ (2) คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
●
●
●
●
●
●
●
●
●
● ● ●
● ● ●
● ● ● ● ●
● ● ● ● ●
● ● ● ● ●
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 1 | สถิติ (2) 23
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
-
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1. เครื่องชั่งน้ำ�หนัก
2. เครื่องวัดส่วนสูง
3. เครื่องคิดเลข
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนีเ้ ป็นเรือ่ งแผนภาพต้น–ใบ ซึง่ เป็นรูปแบบหนึง่ ของการนำ�เสนอข้อมูลเชิงปริมาณ ทีม่ กี ารแบ่งตัวเลขทีแ่ สดงข้อมูล
ออกเป็นส่วนลำ�ต้นและส่วนใบ แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อาจทำ�ได้ดังนี้
1. ครูทบทวนการนำ�เสนอข้อมูลที่นักเรียนเคยเรียนมา แล้วแนะนำ�ความหมายและประโยชน์ของแผนภาพต้น–ใบ
จากนั้นยกตัวอย่างข้อมูลเชิงปริมาณ เช่น น้ำ�หนักของนักเรียน เพื่อนำ�เสนอด้วยแผนภาพต้น–ใบ
2. ครูแนะนำ�ขั้นตอนเพื่อให้นักเรียนนำ�เสนอข้อมูลโดยใช้แผนภาพต้น–ใบ แล้วอภิปรายร่วมกับนักเรียนเกี่ยวกับ
ข้อสังเกตในหนังสือเรียน หน้า 21
3. ครูยกตัวอย่างข้อมูลที่เป็นทศนิยม แล้วอภิปรายร่วมกันกับนักเรียนเกี่ยวกับการนำ�เสนอข้อมูลนี้ด้วยแผนภาพ
ต้น–ใบ และอภิปรายเกีย่ วกับการเขียนตัวเลขในส่วนลำ�ต้นและส่วนใบเมือ
่ ไม่ปรากฏข้อมูลในส่วนใบ จากข้อสังเกต
ในหนังสือเรียน หน้า 22 แล้วชีป
้ ระเด็นให้นก
ั เรียนเห็นว่าแผนภาพต้น–ใบ นิยมใช้น�ำ เสนอข้อมูลทีเ่ ป็นจำ�นวนเต็ม
บวกและศูนย์
4. ครูยกตัวอย่างแผนภาพต้น–ใบ แล้วตัง้ คำ�ถามเกีย
่ วกับแผนภาพต้น–ใบนัน
้ เพือ
่ ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน
ในเรือ
่ งการอ่าน วิเคราะห์และแปลความหมายของข้อมูล และชีใ้ ห้นก
ั เรียนเห็นว่าการนำ�เสนอข้อมูลด้วยแผนภาพ
ต้น–ใบนั้น ช่วยให้สามารถเห็นลักษณะสำ�คัญของข้อมูลได้ง่ายกว่าการพิจารณาข้อมูลโดยตรง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
24 บทที่ 1 | สถิติ (2) คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 1 | สถิติ (2) 25
สื่อ/อุปกรณ์
1. เครื่องชั่งน้ำ�หนัก
2. เครื่องวัดส่วนสูง
3. เครื่องคิดเลข
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรรม
1. ครูให้นักเรียนแต่ละคนชั่งน้ำ�หนักและวัดส่วนสูงของตนเอง แล้วจดบันทึก
2. ครูให้นักเรียนแต่ละคน เขียนน้ำ�หนักและความสูงของตนเองไว้บนกระดานหน้าชั้นเรียน
3. ครู แ บ่ ง นั ก เรี ย นออกเป็ น กลุ่ ม กลุ่ ม ละ 4–5 คน ให้ แ ต่ ล ะกลุ่ ม คำ � นวณหาค่ า BMI ของนั ก เรี ย นทุ ก คน โดยใช้
เครื่องคิดเลข แล้วเขียนแผนภาพต้น–ใบ แสดงค่า BMI น้ำ�หนัก และความสูง
4. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันตอบคำ�ถามท้ายกิจกรรม แล้วอภิปรายคำ�ตอบร่วมกันทั้งชั้นเรียน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
26 บทที่ 1 | สถิติ (2) คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 1.2
1. จากคะแนนสอบวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนห้องหนึ่งจำ�นวน 45 คน ตอบคำ�ถามแต่ละข้อได้ดังนี้
1) เขียนแผนภาพต้น–ใบ แสดงคะแนนสอบวิชาคณิตศาสตร์ได้ดังนี้
3 0 0 0 1 1 1 2 2 2 3 3 6 6 7 7 7 7 8 8 8
4 2 2 4 7 8 8
5 1 1 1 2 2 3 3 5 5 6 6 7 8 8 8 9 9 9
6 0
สัญลักษณ์ 4|2 หมายถึง 42
2) พิสัยของคะแนนสอบของนักเรียนห้องนี้เท่ากับ 60 – 30 = 30 คะแนน
3) คะแนนสอบที่นักเรียนได้เท่ากันมากที่สุด คือ 37 คะแนน
4) นักเรียนส่วนใหญ่ได้คะแนนอยู่ในช่วง 30–39 คะแนน
5)
เมื่อกําหนดให้เกณฑ์ในการผ่านอยู่ที่ 40 คะแนนขึ้นไป จะมีนักเรียนผ่านเกณฑ์ 25 คน คิดเป็น
25
— × 100 ≈ 55.56 เปอร์เซ็นต์
45
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
28 บทที่ 1 | สถิติ (2) คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
2) ลั ก ษณะการกระจายของข้ อ มู ล ทั้ ง สองชุ ด ต่ า งกั น โดยข้ อ มู ล แต่ ล ะชุ ด มี ก ารกระจุ ก ตั ว ของข้ อ มู ล อยู่ ใ นช่ ว งที่
แตกต่างกัน กล่าวคือ ข้อมูลที่แสดงอัตราการเต้นของหัวใจขณะออกกำ�ลังกายไปแล้ว 5 นาที กระจุกตัวอยู่ในช่วง
110–130 ครั้ง/นาที ขณะที่อัตราการเต้นของหัวใจก่อนออกกำ�ลังกายกระจุกตัวอยู่ในช่วง 70–90 ครั้ง/นาที
3) จากข้อมูลข้างต้นสามารถสรุปข้อมูล ดังตัวอย่างต่อไปนี้
✤ อัตราการเต้นของหัวใจสูงขึ้นขณะออกกำ�ลังกายไปแล้ว 5 นาที
✤ จากกลุ่มตัวอย่างจำ�นวน 30 คน ขณะออกกำ�ลังกายไปแล้ว 5 นาที คนส่วนใหญ่จะมีอัตราการเต้นของหัวใจ
อยู่ในช่วง 110–119 ครั้ง/นาที
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 1 | สถิติ (2) 29
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
-
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
-
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องฮิสโทแกรม ซึ่งเป็นการนำ�เสนอข้อมูลเชิงปริมาณที่เหมาะกับข้อมูลที่มีจำ�นวนมาก ๆ การนำ�เสนอ
ด้วยแผนภาพจุด และแผนภาพต้น–ใบ จึงอาจทำ�ได้ไม่สะดวก แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อาจทำ�ได้ดังนี้
1. ครูทบทวนการนำ�เสนอข้อมูลเชิงปริมาณที่นักเรียนได้เรียนมา แล้วชี้ให้เห็นข้อจำ�กัดที่เกิดขึ้นเมื่อข้อมูลมีจำ�นวน
มาก ๆ จากนั้นแนะนำ�ให้นักเรียนได้รู้จักการนำ�เสนอข้อมูลด้วยฮิสโทแกรม และเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่าง
กับแผนภูมิแท่ง
2. ครูแนะนำ�หลักการสร้างฮิสโทแกรม และใช้ตัวอย่างข้อมูล ในหนังสือเรียน หน้า 31 เพื่อให้นักเรียนฝึกสร้าง
ฮิสโทแกรม รวมทั้งอ่าน วิเคราะห์และแปลความหมายของข้อมูล จากนั้นใช้มุมคณิต ในหนังสือเรียน หน้า 33
อภิปรายร่วมกับนักเรียนเกี่ยวกับการเขียนฮิสโทแกรมของข้อมูลเชิงปริมาณที่ไม่ต่อเนื่อง
3. ครู ใ ช้ ข้ อ มู ล ที่ นำ � เสนอในรู ป ตารางแจกแจงความถี่ อภิ ป รายร่ ว มกั บ นั ก เรี ย นถึ ง การนำ � เสนอข้ อ มู ล ดั ง กล่ า ว
ด้วยฮิสโทแกรม แล้วให้นักเรียนอ่าน วิเคราะห์ แปลความหมาย รวมถึงสังเกตลักษณะการกระจายของข้อมูล
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
30 บทที่ 1 | สถิติ (2) คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 1.3
1. จากการสํารวจจํานวนพี่น้องในครอบครัวของนักเรียนแต่ละคนในห้อง จํานวน 32 คน ตอบคำ�ถามแต่ละข้อได้ดังนี้
1) สร้างฮิสโทแกรม แสดงจํานวนพี่น้องในครอบครัวของนักเรียนแต่ละคนในห้องได้ดังนี้
จำนวนนักเรียน
10
0 จำนวนพี่น�องในครอบครัว
1 2 3 4
2) จากฮิสโทแกรมสามารถสร้างข้อสรุปได้ดังตัวอย่างต่อไปนี้
✤ นักเรียนส่วนใหญ่มีจำ�นวนพี่น้องในครอบครัว 2 คน
✤ มีนักเรียน 9 คน ที่เป็นลูกคนเดียวในครอบครัวหรือไม่มีพี่น้อง
✤ มีนักเรียนเพียงห้าคนที่มีจำ�นวนพี่น้องในครอบครัว 4 คน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 1 | สถิติ (2) 31
น�้ำหนักของกาแฟโดยเฉลี่ยที่แต่ละคนบริโภค ความถี่
(กิโลกรัมต่อปี)
ตั้งแต่ 0.7 แต่น้อยกว่า 2.2 5
ตั้งแต่ 2.2 แต่น้อยกว่า 3.7 12
ตั้งแต่ 3.7 แต่น้อยกว่า 5.2 5
ตั้งแต่ 5.2 แต่น้อยกว่า 6.7 5
ตั้งแต่ 6.7 แต่น้อยกว่า 8.2 2
ตั้งแต่ 8.2 แต่น้อยกว่า 9.7 1
ความถี่
12
11
10
9
8
7
6
5
4
3
2
1
0 น้ำหนักของกาแฟ
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
32 บทที่ 1 | สถิติ (2) คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
3) จากฮิสโทแกรม อาจสร้างข้อสรุปได้ดังนี้
✤ น้�ำ หนักของกาแฟโดยเฉลีย่ ต่อปีทป
ี่ ระชาชนในประเทศต่าง ๆ ส่วนใหญ่บริโภคอยูใ่ นช่วงตัง้ แต่ 2.2 แต่นอ
้ ยกว่า
3.7 กิโลกรัม
✤ ประเทศทีป
่ ระชาชนดืม
่ กาแฟโดยเฉลีย
่ ต่อปีในช่วงตัง้ แต่ 0.7 แต่นอ
้ ยกว่า 2.2 กิโลกรัม ตัง้ แต่ 3.7 แต่นอ
้ ยกว่า
5.2 กิโลกรัม และตั้งแต่ 5.2 แต่น้อยกว่า 6.7 กิโลกรัม มีจำ�นวนไม่แตกต่างกัน
✤ มีเพียงประเทศเดียวที่ประชาชนดื่มกาแฟโดยเฉลี่ยต่อปีในช่วงตั้งแต่ 8.2 แต่น้อยกว่า 9.7 กิโลกรัม
3. จากการสํารวจของ General Social Survey ในปี ค.ศ. 2016 เกี่ยวกับจํานวนชั่วโมงเฉลี่ยในแต่ละวันที่ใช้ในการดูทีวี
ของชาวอเมริกัน โดยมีผู้ตอบแบบสํารวจทั้งหมด 1,883 คน ตอบคำ�ถามได้ดังนี้
1) สร้างฮิสโทแกรม แสดงจํานวนชั่วโมงเฉลี่ยในแต่ละวันที่ใช้ในการดูทีวีของชาวอเมริกัน โดยให้แกนตั้งแสดง
เปอร์เซ็นต์ของจํานวนคนตามตาราง ได้ดังนี้
ตารางแสดงความสัมพันธ์ระหว่างจำ�นวนชั่วโมงเฉลี่ยในแต่ละวันที่ใช้ในการดูทีวีกับเปอร์เซ็นต์ของจำ�นวนคน
จำ�นวนชั่วโมงเฉลี่ยในแต่ละวัน เปอร์เซ็นต์ของจำ�นวนคน
0 8.60
1 19.65
2 25.81
3 15.77
4 11.74
5 6.00
6 4.89
7 1.17
8 2.44
9 0.32
10 1.22
11 0.05
12 1.33
13 0.05
14 0.05
15 0.80
16 0.85
17 0
18 0.05
19 0
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 1 | สถิติ (2) 33
จำ�นวนชั่วโมงเฉลี่ยในแต่ละวัน เปอร์เซ็นต์ของจำ�นวนคน
20 0.27
21 0
22 0
23 0
24 0.27
ฮิสโทแกรมแสดงจำนวนชั่วโมงเฉลี่ยที่ใช�ในการดูทีวี
28
27
26
25
24
23
22
21
20
เปอร�เซ็นต�ของจำนวนคน
19
18
17
16
15
14
13
12
11
10
9
8
7
6
5
4
3
2
1
0
0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24
เวลาที่ใช�ในการดูทีวี (ชั่วโมงต�อวัน)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
34 บทที่ 1 | สถิติ (2) คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
4. จากข้อมูลของร้านอาหารที่ชื่นชอบแห่งหนึ่ง สามารถตอบคำ�ถามได้ดังนี้
1) ช่วงเวลาที่ร้านแห่งนี้เปิดให้บริการคือ 10:00–22:00 น.
2) ตัวอย่างคำ�ตอบ จากข้อมูลของร้านอาหารแห่งนี้ หากต้องการไปรับประทานอาหารทีร่ า้ นนีใ้ นวันเสาร์หรือวันอาทิตย์
ควรเลือกช่วงเวลาที่มีลูกค้าน้อยเมื่อเทียบกับช่วงอื่น ๆ นั่นคือ
ในวันเสาร์ควรหลีกเลี่ยงช่วงเวลา 12:00–15:00 น. และ 17:00–21:00 น.
และในวันอาทิตย์ควรหลีกเลี่ยงช่วงเวลา 11:00–14:00 น. และ 16:00–20:00 น.
3) จำ�นวนลูกค้าที่เข้ามารับประทานอาหารที่ร้านแห่งนี้ในวันเสาร์และวันอาทิตย์มีลักษณะไม่แตกต่างกันมากนัก
เมื่อพิจารณาจากการกระจายของข้อมูลมีลักษณะคล้ายกัน กล่าวคือ มีลักษณะสมมาตรสองช่วง ได้แก่ ช่วงเวลา
ประมาณ 10:00–15:00 น. และประมาณ 15:00–22:00 น. โดยในแต่ละช่วงนั้นจะมีจำ�นวนลูกค้าค่อย ๆ
เพิ่มขึ้นจนมีจำ�นวนมากในช่วงกลางของแต่ละช่วงแล้วค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ
10
6
ความถี่
2 4 6 8 10 2
1
50 55
0 40 45
30 35
การทำงาน
จำนวนชั่วโมงใน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 1 | สถิติ (2) 35
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
-
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ใบกิจกรรมเสนอแนะ 1.4 : ค่าใดที่คู่ควร
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องค่ากลางของข้อมูล ซึ่งกล่าวถึงค่าเฉลี่ยเลขคณิต มัธยฐาน และฐานนิยม เพื่อใช้เป็นตัวแทนของข้อมูล
แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อาจทำ�ได้ดังนี้
1. ครูอภิปรายกับนักเรียนเกีย่ วกับสถานการณ์ความสูงของนักเรียนชัน
้ ม.2 ในโรงเรียน ในหนังสือเรียน หน้า 38 หรือ
ให้นก
ั เรียนเก็บรวบรวมข้อมูลเกีย
่ วกับความสูงของนักเรียนในห้อง แล้วอภิปรายซักถามนักเรียนว่าควรใช้ขอ
้ มูลใด
จึงจะเป็นตัวแทนที่เหมาะสมของข้อมูลทั้งหมดที่กำ�หนดให้ เพื่อให้นักเรียนรู้จักคำ�ว่า “ค่ากลางของข้อมูล”
2. ครูแนะนำ�ความหมายของค่าเฉลี่ยเลขคณิต จากนั้นยกตัวอย่างข้อมูล เพื่อให้นักเรียนฝึกหาค่าเฉลี่ยเลขคณิต
แล้วอาจใช้ชวนคิด 1.1 ในหนังสือเรียน หน้า 41 อภิปรายร่วมกับนักเรียนเกีย่ วกับค่าเฉลีย่ เลขคณิตทีเ่ กิดจากข้อมูล
สองชุด โดยแต่ละชุดมีจ�ำ นวนข้อมูลไม่เท่ากัน และอาจใช้ชวนคิด 1.2 ในหนังสือเรียน หน้า 43 เพือ
่ ตรวจสอบความ
เข้าใจการหาค่าเฉลี่ยเลขคณิต
3. ครูให้นักเรียนทำ� “กิจกรรม : แต้มลูกเต๋า” ในหนังสือเรียน หน้า 44 เพื่อฝึกการหาค่าเฉลี่ยของจำ�นวนครั้ง
ในการทอดลูกเต๋า แล้วทำ�ให้ลูกเต๋าขึ้นหน้าต่าง ๆ ครบหมดทุกหน้า แล้วอาจใช้ชวนคิด 1.3 ในหนังสือเรียน
หน้า 45 เพื่อตรวจสอบความเข้าใจเรื่องการหาค่าเฉลี่ยเลขคณิตและการใช้ข้อมูลดังกล่าว ในสถานการณ์ปัญหา
ที่จะต้องใช้การตัดสินใจ
4. ครูใช้ชุดข้อมูลที่มีค่าของข้อมูลแตกต่างกันมาก ดังตัวอย่างข้อมูลในหนังสือเรียน หน้า 46 ซึ่งส่งผลให้ค่าเฉลี่ย
เลขคณิต ไม่เป็นค่ากลางที่เหมาะสม แล้วแนะนำ�ให้นักเรียนรู้จักความหมายของมัธยฐาน จากนั้นอภิปรายร่วมกัน
กับนักเรียนถึงวิธีการหามัธยฐาน ทั้งในกรณีที่จำ�นวนข้อมูลเป็นจำ�นวนคี่และจำ�นวนคู่
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
36 บทที่ 1 | สถิติ (2) คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 1 | สถิติ (2) 37
กิจกรรม : แต้มลูกเต๋า
กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ฝึกให้นักเรียนคาดการณ์ผลลัพธ์ของการออกหน้าลูกเต๋า ผ่านการทดลอง แล้วเชื่อมโยงกับ
ค่าเฉลีย
่ เลขคณิต เพือ
่ ให้เห็นประโยชน์ของค่าเฉลีย
่ เลขคณิตกับโอกาสของเหตุการณ์ทจี่ ะเกิดขึน
้ ซึง่ ในทีน
่ ค
ี้ อ
ื จำ�นวนครัง้ ทีล
่ ก
ู เต๋า
จะขึ้นหน้าครบทุกหน้า โดยมีสื่อ/อุปกรณ์ และขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม ดังนี้
สื่อ/อุปกรณ์
1. ลูกเต๋า 1 ลูก
2. ตารางบันทึกผล
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4–5 คน ทดลองทอดลูกเต๋าหนึ่งลูกซ้ำ� ๆ กัน บันทึกหน้าต่าง ๆ ที่ขึ้นจนกระทั่ง
แต่ละหน้าขึน
้ อย่างน้อยหนึง่ ครัง้ จึงหยุดทอดในรอบนัน
้ ให้นกั เรียนทำ�การทดลองเช่นนี ้ จนครบ 10 รอบ โดยให้นกั เรียน
บันทึกผลแต่ละรอบลงในตาราง
2. ครูให้นก
ั เรียนหาค่าเฉลีย
่ เลขคณิตของจำ�นวนครัง้ ทีท
่ อดลูกเต๋าในแต่ละรอบ ค่ากลางทีไ่ ด้จะเป็นค่าเฉลีย
่ โดยประมาณ
ของจำ�นวนครั้งที่จะต้องทอดลูกเต๋าลูกหนึ่งให้ขึ้นหน้าต่าง ๆ ครบทุกหน้าอย่างน้อยหน้าละครั้ง
เฉลยกิจกรรม : แต้มลูกเต๋า
ให้นักเรียนทำ�กิจกรรมตามที่กำ�หนด เพื่อหาค่าเฉลี่ยเลขคณิตของจำ�นวนครั้งที่ทอดลูกเต๋าในแต่ละรอบ ซึ่งคำ�ตอบของ
ปัญหาที่ได้ของนักเรียนแต่ละกลุ่มอาจแตกต่างกัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
38 บทที่ 1 | สถิติ (2) คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
สื่อ/อุปกรณ์
ใบกิจกรรมเสนอแนะ 1.4 : ค่าใดที่คู่ควร
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูแจกใบกิจกรรมเสนอแนะ 1.4 : ค่าใดที่คู่ควร โดยให้นักเรียนทำ�กิจกรรมเป็นรายบุคคล
2. หลังจากนัน
้ ให้นก
ั เรียนจับคูก
่ บ
ั เพือ
่ น ช่วยกันหาคำ�ตอบในแต่ละสถานการณ์ พร้อมทัง้ เหตุผลทีน
่ ก
ั เรียนเลือกใช้คา่ กลาง
นั้น ๆ หากนักเรียนมีคำ�ตอบไม่ตรงกัน ให้วิพากษ์และตัดสินใจเลือกค่ากลางเพื่อเป็นคำ�ตอบของคู่ตนเอง
3. ครูน�ำ อภิปรายหน้าชัน
้ เรียน โดยยกสถานการณ์ทล
ี ะสถานการณ์ แล้วสุม
่ คูข
่ องนักเรียนเพือ
่ อธิบายคำ�ตอบ ถ้ามีค�ำ ตอบ
ที่แตกต่างกัน ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเหตุผลที่เกิดขึ้น เพื่อหาข้อสรุป
4. ทำ�ตามขั้นตอนที่ 3 จนครบทุกสถานการณ์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 1 | สถิติ (2) 39
ให้นก
ั เรียนระบุคา่ กลางของข้อมูลทีเ่ หมาะสมเพือ
่ เป็นตัวแทนของข้อมูลในสถานการณ์ทก
ี่ �ำ หนด พร้อมทัง้ ให้เหตุผล
ประกอบ
ในชั้นเรียน
ของเพื่อน
1. ขนา ดเสื้อโปโล 2. ปริมาณการนำ�เข้านมผงข
รอยขีด าดมันเนยของประ
เทศต่าง ๆ
ขนาดเสื้อ ∣∣∣∣
S ∣∣∣∣ ∣∣∣
M ∣∣∣∣ ∣∣∣∣
∣∣∣∣ ∣∣∣∣
L ∣∣
XL
3. ผู้ที่เข้าชมสวนสัตว์แห่งหนึ่งจำ�แนก
ตามจังหวัด โดยวิเคราะห์จากป้าย
ทะเบียนรถ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
40 บทที่ 1 | สถิติ (2) คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
6.
ส�วนสูงเป�นเซนติเมตรของสมาชิกในทีมบาสเกตบอลโรงเรียน
208
210
200 189 192 195 193 190
190 179
180 168 173
170 161
160 156
150
140
130
120
110
100
90
80
70
60
50
40
30
20
10
0
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 1 | สถิติ (2) 41
สถานการณ์ 1 สถานการณ์ 2
ค่ากลางที่ใช้ คือ ค่ากลางที่ใช้ คือ
เหตุผล เหตุผล
สถานการณ์ 3 สถานการณ์ 4
ค่ากลางที่ใช้ คือ ค่ากลางที่ใช้ คือ
เหตุผล เหตุผล
สถานการณ์ 5 สถานการณ์ 6
ค่ากลางที่ใช้ คือ ค่ากลางที่ใช้ คือ
เหตุผล เหตุผล
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
42 บทที่ 1 | สถิติ (2) คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
สถานการณ์ 1 สถานการณ์ 2
ค่ากลางที่ใช้ คือ ฐานนิยม ค่ากลางที่ใช้ คือ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต
เหตุผล เนื่องจากขนาดเสื้อ S, M, L, XL แต่ละข้อมูลเป็น เหตุผล เนื่องจากปริมาณนมผงขาดมันเนยเป็นข้อมูล
ข้อมูลเชิงคุณภาพที่อธิบายลักษณะต่าง ๆ ของเสื้อโปโล เชิงปริมาณที่ไม่แตกต่างกันจนผิดปกติ ซึ่งในการศึกษา
นั่นคือ ความยาวรอบอก ความยาวของตัวเสื้อ เป็นต้น ปริมาณนมผงขาดมันเนยที่นำ�เข้าทั้งที่เป็นรายประเทศ
ซึ่งในการศึกษาว่าเพื่อนในห้องส่วนใหญ่สวมเสื้อขนาดใด ในระยะเวลา 5 ปี หรือเป็นรายปี ดังนัน
้ ค่ากลางของข้อมูล
การคำ�นวณค่าเฉลีย
่ และมัธยฐานจึงไม่สามารถนำ�มาใช้ได้ ที่เหมาะสมคือค่าเฉลี่ยเลขคณิต
ดังนั้น ค่ากลางของข้อมูลที่เหมาะสมคือฐานนิยม
สถานการณ์ 3 สถานการณ์ 4
ค่ากลางที่ใช้ คือ ฐานนิยม ค่ากลางที่ใช้ คือ ฐานนิยม
เหตุผล เนื่องจากสถานการณ์นี้เป็นการศึกษาผู้เข้าชม เหตุผล เนื่องจากเบอร์รองเท้า แต่ละข้อมูลเป็นข้อมูล
สวนสัตว์จ�ำ แนกตามจังหวัดโดยรวบรวมและวิเคราะห์จาก เชิงคุณภาพที่อธิบายลักษณะของเท้า เช่น ความยาว
ป้ายทะเบียนรถ เห็นได้ชัดว่าชื่อจังหวัดเป็นข้อมูลเชิง ของเท้า ซึ่งการศึกษาจำ�นวนรองเท้าแต่ละเบอร์ที่ขายได้
คุณภาพที่ไม่สามารถคำ�นวณได้ ดังนั้น ค่ากลางของข้อมูล ใน 1 สัปดาห์นั้น การคำ�นวณค่าเฉลี่ยและมัธยฐานจึงไม่
ที่เหมาะสมคือฐานนิยม สามารถนำ�มาใช้ได้ ดังนั้น ค่ากลางของข้อมูลที่เหมาะสม
คือฐานนิยม
สถานการณ์ 5 สถานการณ์ 6
ค่ากลางที่ใช้ คือ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ค่ากลางที่ใช้ คือ มัธยฐาน
เหตุผล ในการพิจารณาแนวของจำ�นวนข้อสอบจำ�แนกตาม เหตุผล เนือ
่ งจากความสูงของสมาชิกในทีมมีความแตกต่าง
เนือ้ หา เราอาจพิจารณาจำ�นวนของข้อสอบในแต่ละเนือ้ หา กันค่อนข้างมาก ซึง่ อาจส่งผลต่อค่าเฉลีย่ เลขคณิต และไม่มี
จากค่าเฉลีย่ ของจำ�นวนทัง้ ห้าปียอ
้ นหลัง เพือ
่ คะเนจำ�นวน สมาชิกคนใดที่มีความสูงเท่ากันเลย ทำ�ให้ได้ว่าการ
ข้อสอบในแต่ละเนือ
้ หาในปีถด
ั ไป ดังนัน
้ ค่ากลางของข้อมูล พิจารณาข้อมูลทีอ
่ ยูต
่ �ำ แหน่งตรงกลางจึงมีความเหมาะสม
ที่ใช้คือค่าเฉลี่ยเลขคณิต ดังนั้น ค่ากลางของข้อมูลที่เหมาะสมคือมัธยฐาน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 1 | สถิติ (2) 43
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 1.1
แนวคิด
พิจารณาสถานการณ์ที่กำ�หนดให้ พบว่า น้ำ�หนักเฉลี่ยของนักเรียนห้องนี้ ไม่เท่ากับ 55 + 45 กิโลกรัม
ipst.me/10057
2
เนื่องจาก จำ�นวนของนักเรียนชายและจำ�นวนของนักเรียนหญิงไม่เท่ากัน
ดังนั้น การจะหาน้ำ�หนักเฉลี่ยของนักเรียนห้องนี้จึงต้องหาผลรวมของน้ำ�หนักของนักเรียนชาย 15 คน และ
ผลรวมของน้�ำ หนักของนักเรียนหญิง 25 คน แล้วนำ�มารวมกัน จากนัน ้ เฉลีย่ โดยการหารด้วยจำ�นวนนักเรียนทัง้ ห้อง
นั่นคือ น้ำ�หนักเฉลี่ยของนักเรียนห้องนี้เท่ากับ (15 × 55) + (25 × 45) = 48.75 กิโลกรัม
15 + 25
ชวนคิด 1.2
แนวคิด
ipst.me/10058
ให้ดิลกได้ผลการเรียนเฉลี่ยในภาคเรียนที่ 2 ของชั้น ม.3 เท่ากับ x
ดังนั้น ผลการเรียนเฉลี่ยทั้งหกภาคเรียน เท่ากับ
(15.0 × 3.20) + (15.0 × 4.00) + (14.5 × 3.50) + (16.5 × 3.00) + (16.0 × 3.65) + (15.0 × x)
15.0 + 15.0 + 14.5 + 16.5 + 16.0 + 15.0
แต่ต้องการให้ได้ผลการเรียนเฉลี่ย เป็น 3.50 จะได้
(15.0 × 3.20) + (15.0 × 4.00) + (14.5 × 3.50) + (16.5 × 3.00) + (16.0 × 3.65) + (15.0 × x) = 3.50
15.0 + 15.0 + 14.5 + 16.5 + 16.0 + 15.0
ดังนั้น x เท่ากับ 3.69
ชวนคิด 1.3
แนวคิด
ipst.me/10060
จากผลการแข่งขันวิ่งในงานกีฬาสีแห่งนี้ พิจารณาค่าเฉลี่ยของเวลาที่ใช้ในการวิ่งของแต่ละทีม ได้ดังนี้
ทีมสีเขียว ใช้เวลาในการวิ่งโดยเฉลี่ย เท่ากับ 13 + 15 + 16 = 44 ≈ 14.67 วินาที
3 3
ทีมสีม่วง ใช้เวลาในการวิ่งโดยเฉลี่ย เท่ากับ 14 + 14 + 15 = 43 ≈ 14.33 วินาที
3 3
ทีมสีเหลือง ใช้เวลาในการวิ่งโดยเฉลี่ย เท่ากับ 14 + 14 + 16 = 44 ≈ 14.67 วินาที
3 3
ทีมสีแดง ใช้เวลาในการวิ่งโดยเฉลี่ย เท่ากับ 15 + 15 + 16 = 46 ≈ 15.33 วินาที
3 3
ถ้าพิจารณาตามเกณฑ์แพ้–ชนะเป็นทีม จากทีมที่ใช้เวลาวิ่งโดยเฉลี่ยน้อยที่สุด จะพบว่า ทีมที่ใช้เวลาวิ่ง
โดยเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ ทีมสีม่วง ดังนั้น ทีมที่ชนะเลิศ คือ ทีมสีม่วง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
44 บทที่ 1 | สถิติ (2) คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
เฉลยมุมเทคโนโลยี
มุมเทคโนโลยี หน้า 48
จากมุมเทคโนโลยี จะได้ตัวอย่างของชุดข้อมูลที่มีค่าเฉลี่ยและมัธยฐานเท่ากับ 20 ดังนี้
ipst.me/9141
ข้อมูลชุดที่ 1 16 17 17 19 20 20 22 22 23 24
ข้อมูลชุดที่ 2 1 2 3 4 4 36 36 37 38 39
ข้อมูลชุดที่ 3 11 13 15 17 19 21 23 25 27 29
ข้อมูลแต่ละชุดแตกต่างกัน กล่าวคือ ข้อมูลชุดที่ 1 มีการกระจายของข้อมูลน้อย ข้อมูลแต่ละตัวเข้าใกล้คา่ เฉลีย่
และมัธยฐาน ข้อมูลชุดที่ 2 มีการกระจายออกเป็นสองช่วงซึ่งแต่ละช่วงอยู่ห่างจากค่าเฉลี่ยและมัธยฐานค่อนข้างมาก
และข้อมูลชุดที่ 3 มีการกระจายสม่ำ�เสมอ เนื่องจากเมื่อเรียงข้อมูลแล้วข้อมูลที่อยู่ติดกันจะเพิ่มขึ้นทีละเท่า ๆ กัน
มีขอ
้ มูลชุดอืน
่ ๆ ทีแ่ ตกต่างไปจากข้อมูลทัง้ สามชุดดังกล่าวทีม
่ ค
ี า่ เฉลีย
่ และมัธยฐานเท่ากับ 20 แต่ลก
ั ษณะของ
การกระจายของข้อมูลไม่แตกต่างกัน
จากกิจกรรมนีส้ งิ่ ทีค
่ รูอาจชักชวนให้นก
ั เรียนร่วมกันอภิปรายว่าหากมีการเพิม
่ ข้อมูลทีม
่ ค
ี วามแตกต่างจากข้อมูล
เดิมมาก ๆ หรือข้อมูลทีม
่ ค
ี า่ ผิดปกติ ข้อมูลนัน
้ จะส่งผลต่อค่าเฉลีย่ เลขคณิต แต่อาจไม่สง่ ผลต่อมัธยฐานของข้อมูลชุดนี้
ซึ่งในการวิเคราะห์ข้อมูลหรือการพิจารณาเลือกค่ากลางของข้อมูล หากนักเรียนพบข้อมูลที่มีค่าผิดปกติ ค่ากลาง
ที่เหมาะสมสำ�หรับการใช้เป็นตัวแทนของข้อมูลชุดนั้น ๆ คือ มัธยฐาน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 1 | สถิติ (2) 45
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 1.4 ก
1. ค่าเฉลี่ยเลขคณิตของข้อมูลในแต่ละข้อเป็นดังต่อไปนี้
1) ค่าเฉลี่ยของข้อมูลชุดนี้ คือ 3 + 2 + 5 + 8 + 14 + 14 + 5 + 3 + 17
9
≈ 7.89
2) ค่าเฉลี่ยของข้อมูลชุดนี้ คือ 2.8 + 2.1 + 5.7 + 2.1 + 3.3 + 2.8 + 2.8 + 3.2 + 2.1 + 5.1
10
= 3.20
3) ค่าเฉลี่ยของข้อมูลชุดนี้ คือ 72 + 86 + 90 + 65 + 72 + 68
6
= 75.50
2. ตอบคำ�ถามแต่ละข้อดังต่อไปนี้
1) เนื่องจากค่าเฉลี่ยของจำ�นวน 4 จำ�นวน เท่ากับ 25 จะได้ ผลรวมของจำ�นวนทั้งสี่จำ�นวนนี้เท่ากับ 4(25) = 100
ดังนัน
้ ชุดของจำ�นวน 4 จำ�นวนทีม
่ ผ
ี ลรวมเป็น 100 โดยทีแ่ ต่ละจำ�นวนไม่เท่ากับ 25 มีได้หลากหลาย โดยพิจารณา
ข้อมูลที่มีการกระจายในลักษณะสมมาตร เช่น
✤ 23, 24, 26, 27
✤ 22, 24, 26, 28
✤ 10, 20, 30, 40
2) เนื่องจากค่าเฉลี่ยของจำ�นวน 4 จำ�นวนเท่ากับ 32 จะได้ ผลรวมของจำ�นวนทั้งสี่จำ�นวนนี้เท่ากับ 4(32) = 128
เนื่องจากผลต่างระหว่างจำ�นวนที่มากที่สุดและจำ�นวนที่น้อยที่สุด เท่ากับ 21
ดังนั้น ชุดของจำ�นวน 4 จำ�นวนที่มีพิสัยเท่ากับ 21 และมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 32 มีได้หลากหลาย เช่น
✤ 20, 32, 35, 41
✤ 23, 25, 36, 44
✤ 25, 28, 29, 46
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
46 บทที่ 1 | สถิติ (2) คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
3. จากข้อมูลจำ�นวนชั่วโมงที่เครื่องจักรเสีย ตอบคำ�ถามได้ดังนี้
1) เครื่องจักรเสียทั้งหมด 15 ครั้ง
2) จํานวนชั่วโมงที่น้อยที่สุดที่เครื่องจักรไม่สามารถผลิตสินค้าได้ คือ 1 ชั่วโมง
3) จํานวนชั่วโมงที่มากที่สุดที่เครื่องจักรไม่สามารถผลิตสินค้าได้ คือ 40 ชั่วโมง
4)
ค่าเฉลี่ยของจํานวนชั่วโมงที่เครื่องจักรไม่สามารถผลิตสินค้าได้ หาได้จาก
2 + 5 + 1 + 2 + 14 + 10 + 11 + 18 + 14 + 28 + 26 + 23 + 31 + 38 + 40 ≈ 17.53 ชั่วโมง
15
ดังนั้น ค่าเฉลี่ยของจํานวนชั่วโมงที่เครื่องจักรไม่สามารถผลิตสินค้าได้ ประมาณ 17.53 ชั่วโมง
4. จากข้อมูลค่าเฉลี่ยของคะแนนสอบของนักเรียน ตอบคำ�ถามได้ดังนี้
1) คะแนนรวมของคะแนนสอบของนักเรียนทั้งสิบคน เท่ากับ 10(51) = 510 คะแนน
2) ถ้าค่าเฉลี่ยของคะแนนสอบของนักเรียนชายเป็น 49 คะแนน
ดังนั้น คะแนนรวมของคะแนนสอบของนักเรียนชายทั้งหกคน เท่ากับ 6(49) = 294 คะแนน
จากคะแนนรวมของทั้งสิบคนเป็น 510 คะแนน
จะได้ว่า คะแนนรวมของคะแนนสอบของนักเรียนหญิง เท่ากับ 510 – 294 = 216 คะแนน
ดังนั้น ค่าเฉลี่ยของคะแนนสอบของนักเรียนหญิงเป็น 216 = 54 คะแนน
4
6. แนวคิด
ผลการเรียน จำ�นวน ผลคูณระหว่างผลการเรียนเฉลี่ย
เฉลี่ย หน่วยกิต กับจำ�นวนหน่วยกิต
ม.1 ภาคเรียนที่ 1 3.20 15.0 3.2 × 15 = 48.00
ภาคเรียนที่ 2 4.00 15.0 4 × 15 = 60.00
ม.2 ภาคเรียนที่ 1 3.50 14.5 3.5 × 14.5 = 50.75
ภาคเรียนที่ 2 3.00 16.5 3 × 16.5 = 49.50
ม.3 ภาคเรียนที่ 1 3.65 16.0 3.65 × 16 = 58.40
รวม 77 266.65
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
48 บทที่ 1 | สถิติ (2) คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
2. คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น
1) 23, 24, 26, 27
10, 20, 30, 40
3, 22, 28, 30
2) 20, 32, 32, 41
21, 24, 40, 42
25, 28, 36, 46
3) 103, 104, 105, 119, 119
105, 105, 105, 117, 118
103, 105, 105, 118, 119
4) 10, 10, 10, 10, 60
5, 7, 10, 23, 55
9.5, 9.5, 10, 11.5, 59.5
3. ฐานนิยมของแต่ละข้อเป็นดังต่อไปนี้
1) ฐานนิยมของข้อมูล พิจารณาจากข้อมูลที่มีความถี่สูงสุด
เมื่อนำ�ข้อมูลมาแจกแจงจะได้ดังตาราง
ข้อมูล 4 5 7 8 10 11
ความถี่ 2 1 3 2 1 1
ข้อมูล 11 15 17 18 21
ความถี่ 4 3 1 2 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 1 | สถิติ (2) 49
5. จากข้อมูลผลรวมของแต้มจากการโยนลูกเต๋าสองลูก
1) หาค่าเฉลี่ยเลขคณิต
เนื่องจากข้อมูลข้างต้น มีผลรวมของแต้มที่ซ้ำ�กัน ดังนั้น เราอาจหาค่าเฉลี่ยเลขคณิตได้จากตาราง ดังนี้
ผลรวมของแต้มที่ปรากฏ 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 รวม
ความถี่ 4 6 6 12 13 20 16 10 6 4 3 100
ผลรวมของแต้ม 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12
ความถี่ 4 6 6 12 13 20 16 10 6 4 3
6. จากชุดของข้อมูลแต่ละข้อที่กำ�หนดให้ พิจารณาค่ากลางที่เหมาะสมดังนี้
1) เนื่องจากมีข้อมูลหนึ่งคือ 8,923 ที่เป็นค่าผิดปกติ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อค่าเฉลี่ย และไม่มีข้อมูลใดที่ซำ้�กัน
ทำ�ให้ได้ว่าไม่มีฐานนิยม ดังนั้น ค่ากลางที่เหมาะสม คือ มัธยฐาน
2) เนื่องจากเห็นได้ชัดว่าข้อมูลส่วนใหญ่คือ 2 ดังนั้น ค่ากลางที่เหมาะสม คือ ฐานนิยม
3) เนื่องจากมีข้อมูลหนึ่งคือ 200 ที่เป็นค่าผิดปกติ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อค่าเฉลี่ย และเห็นได้ชัดว่าข้อมูลส่วนใหญ่
คือ 18 ดังนั้น ค่ากลางที่เหมาะสม คือ ฐานนิยม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
50 บทที่ 1 | สถิติ (2) คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
4) เนื่องจากไม่มีข้อมูลใดที่ซ้ำ�กันทำ�ให้ได้ว่าไม่มีฐานนิยม
พิจารณาค่าเฉลี่ยของข้อมูลชุดนี้
1 + 2 + 3 + 4 + 5 + 16 + 19 + 28 + 29 + 30 = 13.7
10
พิจารณามัธยฐาน จะได้ว่าข้อมูลคู่ที่อยู่ตรงกลาง คือ 5 และ 16
จะได้ว่า มัธยฐาน เท่ากับ 5 + 16 = 10.5
2
ซึ่งจะพบว่า 13.7 เป็นตัวแทนของข้อมูลได้ดีกว่า 10.5
ดังนั้น ค่ากลางที่เหมาะสม คือ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต
7. จากข้อมูลรายได้ต่อเดือนของพนักงานในบริษัทผลิตสื่อสิ่งพิมพ์แห่งหนึ่ง ได้ตารางดังนี้
จำ�นวนพนักงาน (คน) 1 3 10 12 16 8
ค่าเฉลี่ยเลขคณิต หาได้ดังนี้
1) ✤
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 1 | สถิติ (2) 51
สื่อ/อุปกรณ์
1. เครื่องคิดเลข
2. ซอฟต์แวร์สำ�หรับการนำ�เสนอข้อมูลทางสถิติ
3. กระดาษปรู๊ฟ
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4–5 คน ให้แต่ละกลุ่มช่วยกันตั้งคำ�ถามทางสถิติที่นักเรียนสนใจ โดยครูอาจ
ช่วยแนะนำ�ประเด็นให้นักเรียนในแต่ละกลุ่มได้ เช่น ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียน สิ่งแวดล้อมในโรงเรียน
ความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ข่าวที่กำ�ลังได้รับความสนใจ ทั้งนี้คำ�ถามที่ได้จะต้องมีการใช้ข้อมูลเชิงปริมาณ
เพื่อตอบคำ�ถามด้วย
2. ครูให้แต่ละกลุ่มนำ�เสนอคำ�ถามทางสถิติ แล้วให้นักเรียนช่วยกันอภิปรายลักษณะและความเหมาะสมของคำ�ถาม
แล้วให้แต่ละกลุ่มนำ�ข้อเสนอที่ได้มาปรับคำ�ถามทางสถิติของกลุ่ม
3. ครูแจกกระดาษปรู๊ฟให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม กลุ่มละ 1 แผ่น เพื่อเขียนคำ�ถามทางสถิติที่ได้ปรับปรุงแล้ว
4. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกแบบวิธีการและวางแผนในการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อตอบคำ�ถามทางสถิตินั้น หลังจาก
นั้นนำ�เสนอวิธีการและแผนดังกล่าว
ในระหว่างการนำ�เสนอ ครูให้นก
ั เรียนช่วยกันให้ขอ
้ เสนอแนะเกีย่ วกับวิธก
ี ารและแผนในการเก็บรวบรวมข้อมูล
ของแต่ ล ะกลุ่ ม แล้ ว ให้ แ ต่ ล ะกลุ่ ม เขี ย นวิ ธี ก ารและแผนในการเก็ บ รวบรวมข้ อ มู ล ที่ ไ ด้ จ ากข้ อ เสนอแนะลงใน
กระดาษปรู๊ฟ
5. ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเก็บรวบรวมข้อมูลตามแผนที่ตั้งไว้ โดยอาจให้นักเรียนหาเวลาที่เหมาะสมเอง
6. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำ�เสนอข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้ พร้อมทั้งแนวทางและรูปแบบในการนำ�เสนอข้อมูลเหล่านี้
โดยให้ มี ก ารนำ � เสนอข้ อ มู ล ด้ ว ยแผนภาพจุ ด แผนภาพต้ น –ใบ ฮิ ส โทแกรม ตลอดจนการหาค่ า กลางของข้ อ มู ล
รวมอยู่ด้วย
7. ครูให้นกั เรียนร่วมกันอภิปรายเพือ่ เสนอแนะแนวทางและรูปแบบในการนำ�เสนอข้อมูลของกลุม
่ อืน
่ ๆ จากนัน
้ ให้นกั เรียน
แต่ละกลุ่มเขียนข้อสรุปเกี่ยวกับแนวทางและรูปแบบในการนำ�เสนอข้อมูลของกลุ่มของตนเองลงในกระดาษปรู๊ฟ
8. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มลงมือนำ�เสนอข้อมูลตามแนวทางและรูปแบบที่กำ�หนดไว้ โดยใช้ซอฟต์แวร์ที่เหมาะสม
แล้วคัดลอกผลการนำ�เสนอข้อมูลที่ได้ลงในกระดาษปรู๊ฟ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
52 บทที่ 1 | สถิติ (2) คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
9. ครูให้นก
ั เรียนแต่ละกลุม
่ ช่วยกันอ่าน วิเคราะห์และแปลความหมายข้อมูลทีไ่ ด้จากการนำ�เสนอ แล้วเขียนข้อสรุปลงใน
กระดาษปรู๊ฟเพื่อนำ�เสนอ
10. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำ�เสนอผลการศึกษาทางสถิติที่ได้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 1 | สถิติ (2) 53
เฉลยแบบฝึกหัดท้ายบท
1. จากการสำ�รวจปริมาณน้ำ�ตาล (กรัม) ในเครื่องดื่มชาเขียว เขียนแจกแจงข้อมูลได้ดังนี้
0 0 0 0 28 30.5 31.5 31.5 33.5 54.5
ตอบคำ�ถามแต่ละข้อได้ดังนี้
1) เขียนแผนภาพต้น–ใบ แสดงปริมาณน้ำ�ตาล (กรัม) ได้ดังนี้
0 0 0 0 0
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28 0
29
30 5
31 5 5
32
33 5
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
54 บทที่ 1 | สถิติ (2) คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54 5
สัญลักษณ์ 28|0 แทน ปริมาณน้ำ�ตาล 28.0 กรัม
0 10 20 30 40 50 60
ปริมาณน้ำตาล (กรัม)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 1 | สถิติ (2) 55
3) ✤ หาค่าเฉลี่ยเลขคณิตของปริมาณน้ำ�ตาล
0 + 0 + 0 + 0 + 28 + 30.5 + 31.5 + 31.5 + 33.5 + 54.5 = 20.95
10
ดังนั้น ค่าเฉลี่ยเลขคณิตของปริมาณน้ำ�ตาล เท่ากับ 20.95 กรัม
✤ หามัธยฐานของปริมาณน้ำ�ตาล
เนื่องจากข้อมูลมี 10 จำ�นวน ดังนั้น มัธยฐานจะหาได้จากค่าเฉลี่ยของข้อมูลในตำ�แหน่งที่ 5 และ 6
ดังนั้น มัธยฐาน เท่ากับ 28 + 30.5 = 29.25 กรัม
2
✤ ฐานนิยมของปริมาณน้ำ�ตาล คือ ข้อมูลที่มีความถี่มากที่สุด นั่นคือ 0 กรัม
4) ค่ากลางที่ควรเป็นตัวแทนของข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณน้ำ�ตาลที่สำ�รวจได้ คือ มัธยฐาน
2. จากแผนภาพต้น–ใบแสดงคะแนนสอบของนักเรียนห้องหนึ่ง ตอบคำ�ถามแต่ละข้อได้ดังนี้
1) พิสัยของคะแนนสอบ คือ 94 – 55 = 39 คะแนน
2) เขียนแผนภาพจุดแสดงคะแนนสอบได้ดังนี้
● ●
● ● ● ● ● ● ● ● ● ●
● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ●
54 56 58 60 62 64 66 68 70 72 74 76 78 80 82 84 86 88 90 92 94
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
56 บทที่ 1 | สถิติ (2) คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
3) สร้างฮิสโทแกรมด้วยซอฟต์แวร์เพื่อแสดงคะแนนสอบได้ดังนี้
12
11
10
0
52 54 56 58 60 62 64 66 68 70 72 74 76 78 80 82 84 86 88 90 92 94 96
62.8 70.6 78.4 86.2
4)
ค่าเฉลี่ยของคะแนนสอบ
✤
55 + 57 + 57 + … + 91 + 92 + 94 = 3,027 ≈ 75.68
40 40
ดังนั้น ค่าเฉลี่ยของคะแนนสอบ ประมาณ 75.68 คะแนน
✤ มัธยฐานของคะแนนสอบ
เนื่องจากข้อมูลมี 40 จำ�นวน ดังนั้น มัธยฐานจะหาได้จากค่าเฉลี่ยของข้อมูลในตำ�แหน่งที่ 20 และ 21
ดังนั้น มัธยฐาน เท่ากับ 76 + 77 = 153 = 76.5 คะแนน
2 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 1 | สถิติ (2) 57
✤ ฐานนิยมของคะแนนสอบ
ฐานนิยมของคะแนนสอบ คือ ข้อมูลที่มีความถี่มากที่สุด นั่นคือ 80 และ 91 แต่ตามข้อตกลงในชั้นนี้จะไม่
พิจารณาหาฐานนิยม กรณีที่ข้อมูลมีความถี่สูงสุดมากกว่า 1 ข้อมูล
5) ค่ากลางที่เหมาะสมที่จะเป็นตัวแทนของคะแนนสอบ คือ ค่าเฉลี่ย เพราะข้อมูลที่มีเป็นข้อมูลเชิงปริมาณและมี
ลักษณะของการกระจายค่อนข้างสมมาตร ไม่มีข้อมูลที่มีค่าผิดปกติมาก ๆ หรือ น้อย ๆ ที่ส่งผลต่อค่าเฉลี่ย
3. จากฮิสโทแกรมของข้อมูลทั้งสามกลุ่ม ตอบคำ�ถามได้ดังนี้
1) เนื่องจากรูป 3 ข้อมูลมีลักษณะการกระจายที่ค่อนข้างสมมาตร จึงคาดการณ์ว่าข้อมูลชุดนี้อาจมีค่าเฉลี่ยเลขคณิต
และมัธยฐานเท่ากันหรือใกล้เคียงกัน
2) เนื่องจากรูป 1 ข้อมูลมีลักษณะการกระจายไม่สมมาตร โดยข้อมูลที่มีความถี่มากส่วนใหญ่จะอยู่ทางด้านซ้าย
จึงคาดการณ์ได้ว่า มัธยฐานและค่าเฉลี่ยเลขคณิตน่าจะแตกต่างกัน โดยค่าเฉลี่ยเลขคณิตจะมีค่ามากกว่ามัธยฐาน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
58 บทที่ 1 | สถิติ (2) คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
ปริมาณก๊าซ
คาร์บอนไดออกไซด์ จํานวนประชากร ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ลำ�ดับที่ ประเทศ (คน) ต่อจํานวนประชากร
(เมตริกตัน)
-5
1 ซาอุดีอาระเบีย 634 32,275,678 1.96 x 10
-5
2 สหรัฐอเมริกา 5,312 322,179,605 1.65 x 10
-5
3 แคนาดา 563 36,289,822 1.55 x 10
-5
4 เกาหลีใต้ 595 50,791,919 1.17 x 10
-5
5 รัสเซีย 1,635 143,964,513 1.14 x 10
-6
6 เยอรมนี 802 81,914,672 9.79 x 10
-6
7 ญี่ปุ่น 1,209 127,748,513 9.46 x 10
-6
8 อิหร่าน 656 80,277,428 8.17 x 10
-6
9 จีน 10,151 1,403,500,365 7.23 x 10
-6
10 อินเดีย 2,431 1,324,171,354 1.84 x 10
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 1 | สถิติ (2) 59
ตัวอย่างแบบทดสอบท้ายบท
1. ในการสอบสัมภาษณ์เพื่อรับคนงานเข้าทำ�งานของบริษัทแห่งหนึ่ง ผู้สมัครต้องเข้ารับการประเมิน 5 ด้าน แต่ละด้าน
มีคะแนนเต็ม 60 คะแนน โดยบริษัทตั้งเกณฑ์การผ่านการสัมภาษณ์คือ ต้องมีคะแนนเฉลี่ยของคะแนนรวมทุกด้านเกิน
60% ถ้ามนัสเข้าสัมภาษณ์กับบริษัทนี้แล้วได้คะแนน 4 ด้านแรกเป็น 25, 40, 30 และ 35 คะแนน เขาต้องทำ�คะแนน
ด้านสุดท้ายให้ได้คะแนนเท่าใดจึงผ่านการสัมภาษณ์ (1 คะแนน)
ก. 36 คะแนน
ข. มากกว่า 36 คะแนน
ค. มากกว่า 49 คะแนน
ง. มากกว่า 50 คะแนน
6. ถ้าข้อมูลชุดหนึ่งมีค่าเฉลี่ยเลขคณิตเท่ากับ 10 พิจารณาข้อความต่อไปนี้
1) เมื่อบวกข้อมูลในชุดนี้ทุกข้อมูลด้วย 2 ค่าเฉลี่ยเลขคณิตค่าใหม่ของข้อมูลชุดนี้คือ 12
2) เมื่อคูณข้อมูลในชุดนี้ทุกข้อมูลด้วย 2 ค่าเฉลี่ยเลขคณิตค่าใหม่ของข้อมูลชุดนี้คือ 20
ข้อใดสรุปได้ถูกต้อง (1 คะแนน)
ก. ข้อ 1) เป็นจริงเพียงข้อเดียว
ข. ข้อ 2) เป็นจริงเพียงข้อเดียว
ค. ข้อ 1) และข้อ 2) เป็นจริง
ง. ข้อ 1) และข้อ 2) ไม่เป็นจริง
7. มัธยฐานของข้อมูลชุดนี้เท่ากับเท่าใด (1 คะแนน)
ก. 170 เซนติเมตร
ข. 170.5 เซนติเมตร
ค. 171 เซนติเมตร
ง. 172.5 เซนติเมตร
8. ค่าเฉลี่ยคณิตของข้อมูลชุดนี้เท่ากับเท่าใด (1 คะแนน)
ก. 5.71 เซนติเมตร
ข. 9 เซนติเมตร
ค. 171 เซนติเมตร
ง. 171.05 เซนติเมตร
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 1 | สถิติ (2) 61
9. ฐานนิยมของข้อมูลชุดนี้เท่ากับเท่าใด (1 คะแนน)
ก. 170 เซนติเมตร
ข. 170.5 เซนติเมตร
ค. 171 เซนติเมตร
ง. 172.5 เซนติเมตร
วันเสาร์
‹ ›
9:00 น. 12:00 น. 15:00 น. 18:00 น. 21:00 น.
โดยปกติลูกค้าจะใช้บริการอยู่ในร้านประมาณ 1–2 ชั่วโมง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
62 บทที่ 1 | สถิติ (2) คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
13. จากแผนภาพจุดต่อไปนี้
●
● ● ●
● ● ● ● ●
● ● ● ● ●
10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20
พิจารณาข้อความต่อไปนี้
1) การกระจายของข้อมูลชุดนี้มีลักษณะสมมาตร
2) ค่าเฉลี่ยเลขคณิตมีค่ามากกว่ามัธยฐานและฐานนิยม
ข้อใดสรุปได้ถูกต้อง (1 คะแนน)
ก. ข้อ 1) เป็นจริงเพียงข้อเดียว
ข. ข้อ 2) เป็นจริงเพียงข้อเดียว
ค. ข้อ 1) และข้อ 2) เป็นจริง
ง. ข้อ 1) และข้อ 2) ไม่เป็นจริง
ต้น ใบ
1
2 4 6 7
3 4 5 5 6 6 6 7
4
5 3 4 4 5
สัญลักษณ์ 3|4 หมายถึง 34 แต้ม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 1 | สถิติ (2) 63
0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0
1 0 0 5 5 5 5
2 0 5 5
3 0 5
สัญลักษณ์ 1|0 หมายถึง 10 นาที
0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0
1 0 0 5 5
2 0 5
3 0
สัญลักษณ์ 1|0 หมายถึง 10 นาที
ข้อสรุปใดต่อไปนี้สรุปได้สมเหตุสมผล (1 คะแนน)
ก. มัธยฐานและฐานนิยมของข้อมูลเวลาทีใ่ ช้ในการรับประทานอาหารเช้าของนักเรียนชายและนักเรียนหญิงแตกต่างกัน
ในขณะที่ค่าเฉลี่ยเลขคณิตไม่แตกต่างกัน
ข. เปอร์เซ็นต์ของนักเรียนชายทีไ่ ม่รบ
ั ประทานอาหารเช้ามากกว่าเปอร์เซ็นต์ของนักเรียนหญิงทีไ่ ม่รบ
ั ประทานอาหารเช้า
ไม่ถึง 10%
ค. การกระจายของข้อมูลเวลาทีใ่ ช้ในการรับประทานอาหารเช้าของนักเรียนชายและนักเรียนหญิงมีลกั ษณะแตกต่างกัน
ง. ควรมีการแนะนำ�ให้นก
ั เรียนทราบผลดีและผลเสียของการไม่รบ
ั ประทานอาหารเช้า เพราะนักเรียนส่วนใหญ่ไม่รบ
ั
ประทานอาหารเช้า
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
64 บทที่ 1 | สถิติ (2) คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
เฉลยตัวอย่างแบบทดสอบท้ายบท
1. ในการสอบสัมภาษณ์เพื่อรับคนงานเข้าทำ�งานของบริษัทแห่งหนึ่ง ผู้สมัครต้องเข้ารับการประเมิน 5 ด้าน แต่ละด้าน
มีคะแนนเต็ม 60 คะแนน โดยบริษัทตั้งเกณฑ์การผ่านการสัมภาษณ์คือ ต้องมีคะแนนเฉลี่ยของคะแนนรวมทุกด้านเกิน
60% ถ้ามนัสเข้าสัมภาษณ์กับบริษัทนี้แล้วได้คะแนน 4 ด้านแรกเป็น 25, 40, 30 และ 35 คะแนน เขาต้องทำ�คะแนน
ด้านสุดท้ายให้ได้คะแนนเท่าใดจึงผ่านการสัมภาษณ์ (1 คะแนน)
ก. 36 คะแนน
ข. มากกว่า 36 คะแนน
ค. มากกว่า 49 คะแนน
ง. มากกว่า 50 คะแนน
แนวคิด
เนื่องจากคะแนนเต็มจากการประเมินทั้งห้าด้าน เท่ากับ 5 × 60 = 300 คะแนน
60% ของคะแนนรวม คิดเป็น 60 × 300 = 180 คะแนน
100
ถ้าจะผ่านการสัมภาษณ์ต้องได้คะแนนเฉลี่ยของคะแนนรวมทุกด้านเกิน 60% หรือได้คะแนนรวมเกิน 60%
ดังนั้น มนัสต้องได้คะแนนรวมเกิน 180 คะแนน
เนื่องจากมนัสได้คะแนน 4 ด้านแรกรวมทั้งสิ้น 25 + 40 + 30 + 35 = 130 คะแนน
ดังนั้น เขาจะต้องทำ�คะแนนจากการสัมภาษณ์ด้านสุดท้ายให้ได้มากกว่า 180 – 130 = 50 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 1 | สถิติ (2) 65
✤ หามัธยฐาน
เรียงความสูงจากน้อยไปหามาก จะได้
148, 150, 150, 150, 152, 152, 158, 160
ตำ�แหน่งตรงกลางของข้อมูลชุดนี้อยู่ระหว่าง 150 และ 152
ดังนั้น มัธยฐาน เท่ากับ 150 + 152 = 302 = 151 เซนติเมตร
2 2
✤ หาฐานนิยม
ฐานนิยมคือข้อมูลที่มีความถี่สูงสุด นั่นคือ 150
ดังนั้น ฐานนิยม เท่ากับ 150 เซนติเมตร
ดังนั้น สรุปได้ว่า ฐานนิยมมีค่าน้อยกว่ามัธยฐาน และมัธยฐานมีค่าน้อยกว่าค่าเฉลี่ยเลขคณิต
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
66 บทที่ 1 | สถิติ (2) คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 1 | สถิติ (2) 67
6. ถ้าข้อมูลชุดหนึ่งมีค่าเฉลี่ยเลขคณิตเท่ากับ 10 พิจารณาข้อความต่อไปนี้
1) เมื่อข้อมูลในชุดนี้ทุกข้อมูลถูกบวกด้วย 2 ค่าเฉลี่ยเลขคณิตค่าใหม่ของข้อมูลชุดนี้คือ 12
2) เมื่อข้อมูลในชุดนี้ทุกข้อมูลถูกคูณด้วย 2 ค่าเฉลี่ยเลขคณิตค่าใหม่ของข้อมูลชุดนี้คือ 20
ข้อใดสรุปได้ถูกต้อง (1 คะแนน)
ก. ข้อ 1) เป็นจริงเพียงข้อเดียว
ข. ข้อ 2) เป็นจริงเพียงข้อเดียว
ค. ข้อ 1) และข้อ 2) เป็นจริง
ง. ข้อ 1) และข้อ 2) ไม่เป็นจริง
แนวคิด
สมมุติข้อมูลชุดหนึ่งเป็น x1, x2, x3, x4
จากค่าเฉลี่ยเลขคณิต เท่ากับ 10
x1 + x2 + x3 + x4
จะได้ = 10
4
หรือ x1 + x2 + x3 + x4 = 40 1
ข้อมูลในชุดนี้ทุกข้อมูลเมื่อบวกด้วย 2
จะได้ (x1 + 2) + (x2 + 2) + (x3 + 2) + (x4 + 2) = 40 + 2 + 2 + 2 +2
หาค่าเฉลี่ยเลขคณิต
(x1 + 2) + (x2 + 2) + (x3 + 2) + (x4 + 2) 48
= = 12
4 4
ดังนั้น ข้อ 1) เป็นจริง
จากสมการ 1 ข้อมูลในชุดนี้ทุกข้อมูลเมื่อคูณด้วย 2
จะได้ (x1 × 2) + (x2 × 2) + (x3 × 2) + (x4 × 2) = 40 × 2
หาค่าเฉลี่ยเลขคณิต
(x1 × 2) + (x2 × 2) + (x3 × 2) + (x4 × 2) 80
= = 20
4 4
ดังนั้น ข้อ 2) เป็นจริง
เพราะฉะนั้นข้อสรุป ค. ถูกต้อง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
68 บทที่ 1 | สถิติ (2) คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
7. มัธยฐานของข้อมูลชุดนี้เท่ากับเท่าใด (1 คะแนน)
ก. 170 เซนติเมตร
ข. 170.5 เซนติเมตร
ค. 171 เซนติเมตร
ง. 172.5 เซนติเมตร
แนวคิด
หาจำ�นวนนักเรียนทั้งห้อง
5 + 5 + 7 + 9 + 8 + 4 + 2 = 40
มัธยฐานหาได้จากค่าเฉลี่ยของข้อมูลที่อยู่ตำ�แหน่งที่ 20 และ 21 ซึ่งมีค่า 171 เท่ากัน
ดังนั้น มัธยฐานของข้อมูลชุดนี้เท่ากับ 171 เซนติเมตร
8. ค่าเฉลี่ยคณิตของข้อมูลชุดนี้เท่ากับข้อใด (1 คะแนน)
ก. 5.71 เซนติเมตร
ข. 9 เซนติเมตร
ค. 171 เซนติเมตร
ง. 171.05 เซนติเมตร
แนวคิด
หาค่าเฉลี่ยเลขคณิต
(5 × 165) + (5 × 168) + (7 × 170) + (9 × 171) + (8 × 174) + (4 × 175) + (2 × 178) = 171.05
40
ดังนั้น ค่าเฉลี่ยคณิตของข้อมูลชุดนี้เท่ากับ 171.05 เซนติเมตร
9. ฐานนิยมของข้อมูลชุดนี้เท่ากับข้อใด (1 คะแนน)
ก. 170 เซนติเมตร
ข. 170.5 เซนติเมตร
ค. 171 เซนติเมตร
ง. 172.5 เซนติเมตร
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 1 | สถิติ (2) 69
แนวคิด
ข้อมูลที่มีความถี่สูงสุดคือ 171
ดังนั้น ฐานนิยมของข้อมูลชุดนี้เท่ากับ 171 เซนติเมตร
สำ�หรับข้อ 1–9
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นักเรียนสามารถหาและเปรียบเทียบค่ากลางของข้อมูล (ค่าเฉลี่ยเลขคณิต มัธยฐาน และฐานนิยม) โดยใช้
เทคโนโลยีที่เหมาะสม รวมทั้งแปลความหมายผลลัพธ์และเลือกใช้ค่ากลางของข้อมูล
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็มข้อละ 1 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้ข้อละ 1 คะแนน
ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
วันเสาร์
‹ ›
9:00 น. 12:00 น. 15:00 น. 18:00 น. 21:00 น.
โดยปกติลูกค้าจะใช้บริการอยู่ในร้านประมาณ 1–2 ชั่วโมง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
70 บทที่ 1 | สถิติ (2) คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
สำ�หรับข้อ 10–11
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 1 นักเรียนสามารถวิเคราะห์และนำ�เสนอข้อมูลด้วยแผนภาพจุด แผนภาพต้น–ใบ และฮิสโทแกรมโดยใช้
เทคโนโลยีที่เหมาะสม รวมทั้งอ่านและแปลความหมายข้อมูลที่นำ�เสนอด้วยรูปแบบเหล่านี้
ข้อ 3 นักเรียนสามารถใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ คาดคะเน และสรุปผล ได้อย่างเหมาะสม
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็มข้อละ 1 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้ข้อละ 1 คะแนน
ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นักเรียนสามารถหาและเปรียบเทียบค่ากลางของข้อมูล (ค่าเฉลี่ยเลขคณิต มัธยฐาน และฐานนิยม) โดยใช้
เทคโนโลยีที่เหมาะสม รวมทั้งแปลความหมายผลลัพธ์และเลือกใช้ค่ากลางของข้อมูล
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 1 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 1 | สถิติ (2) 71
13. จากแผนภาพจุดต่อไปนี้
● ● ●
● ● ● ● ●
● ● ● ● ●
10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20
พิจารณาข้อความต่อไปนี้
1) การกระจายของข้อมูลชุดนี้มีลักษณะสมมาตร
2) ค่าเฉลี่ยเลขคณิตมีค่ามากกว่ามัธยฐานและฐานนิยม
ข้อใดสรุปได้ถูกต้อง (1 คะแนน)
ก. ข้อ 1) เป็นจริงเพียงข้อเดียว
ข. ข้อ 2) เป็นจริงเพียงข้อเดียว
ค. ข้อ 1) และข้อ 2) เป็นจริง
ง. ข้อ 1) และข้อ 2) ไม่เป็นจริง
แนวคิด
พิจารณาข้อความ 1)
เนื่องจาก ข้อมูลที่มีความถี่ของข้อมูลสูงสุดคือ 15 ซึ่งเป็นข้อมูลที่อยู่ตรงกลาง และความถี่ของข้อมูลที่ถัดมาทางด้าน
ซ้ายและขวาของข้อมูลที่อยู่ตรงกลางเท่ากัน และความถี่ของข้อมูลที่มีค่าน้อยที่สุดและข้อมูลที่มีค่ามากที่สุดเท่ากัน จะได้
ว่าการกระจายของข้อมูลมีลักษณะสมมาตร
ดังนั้น ข้อความ 1) เป็นจริง
พิจารณาข้อความ 2)
✤ หาค่าเฉลี่ยเลขคณิต
10 + 10 + 12 + 12 + 12 + 15 + 15 + 15 + 15 + 15 + 15 + 18 + 18 + 18 + 20 + 20 = 15
16
จะได้ว่า ค่าเฉลี่ยเลขคณิต เท่ากับ 15
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
72 บทที่ 1 | สถิติ (2) คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
✤ หามัธยฐาน
ข้อมูลที่อยู่ตำ�แหน่งตรงกลาง คือ 15
จะได้ว่า มัธยฐาน เท่ากับ 15
✤ หาฐานนิยม
ข้อมูลที่มีความถี่สูงสุด คือ 15
จะได้ว่า ฐานนิยม เท่ากับ 15
ดังนั้น ค่าเฉลี่ยเลขคณิต มัธยฐานและฐานนิยม มีค่าเท่ากัน
ดังนั้น ข้อความ 2) ไม่เป็นจริง
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 1 นักเรียนสามารถวิเคราะห์และนำ�เสนอข้อมูลด้วยแผนภาพจุด แผนภาพต้น–ใบ และฮิสโทแกรมโดยใช้
เทคโนโลยีที่เหมาะสม รวมทั้งอ่านและแปลความหมายข้อมูลที่นำ�เสนอด้วยรูปแบบเหล่านี้
ข้อ 2 นักเรียนสามารถหาและเปรียบเทียบค่ากลางของข้อมูล (ค่าเฉลี่ยเลขคณิต มัธยฐาน และฐานนิยม) โดยใช้
เทคโนโลยีที่เหมาะสม รวมทั้งแปลความหมายผลลัพธ์และเลือกใช้ค่ากลางของข้อมูล
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 1 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
ต้น ใบ
1
2 4 6 7
3 4 5 5 6 6 6 7
4
5 3 4 4 5
สัญลักษณ์ 3|4 หมายถึง 34 แต้ม
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 1 นักเรียนสามารถวิเคราะห์และนำ�เสนอข้อมูลด้วยแผนภาพจุด แผนภาพต้น–ใบ และฮิสโทแกรมโดยใช้
เทคโนโลยีที่เหมาะสม รวมทั้งอ่านและแปลความหมายข้อมูลที่นำ�เสนอด้วยรูปแบบเหล่านี้
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 3 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้ข้อละ 1 คะแนน
ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ข้อละ 0 คะแนน
0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0
1 0 0 5 5 5 5
2 0 5 5
3 0 5
สัญลักษณ์ 1|0 หมายถึง 10 นาที
0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0
1 0 0 5 5
2 0 5
3 0
สัญลักษณ์ 1|0 หมายถึง 10 นาที
ข้อสรุปใดต่อไปนี้สรุปได้สมเหตุสมผล (1 คะแนน)
ก. มัธยฐานและฐานนิยมของข้อมูลเวลาทีใ่ ช้ในการรับประทานอาหารเช้าของนักเรียนชายและนักเรียนหญิงแตกต่างกัน
ในขณะที่ค่าเฉลี่ยเลขคณิตไม่แตกต่างกัน
ข. เปอร์เซ็นต์ของนักเรียนชายทีไ่ ม่รบ
ั ประทานอาหารเช้ามากกว่าเปอร์เซ็นต์ของนักเรียนหญิงทีไ่ ม่รบ
ั ประทานอาหารเช้า
ไม่ถึง 10%
ค. การกระจายของข้อมูลเวลาทีใ่ ช้ในการรับประทานอาหารเช้าของนักเรียนชายและนักเรียนหญิงมีลกั ษณะแตกต่างกัน
ง. ควรมีการแนะนำ�ให้นก
ั เรียนทราบผลดีและผลเสียของการไม่รบ
ั ประทานอาหารเช้า เพราะนักเรียนส่วนใหญ่ไม่รบ
ั
ประทานอาหารเช้า
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
74 บทที่ 1 | สถิติ (2) คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
แนวคิด
✤ ค่ากลางของข้อมูลเวลา (นาที) ที่ใช้ในการรับประทานอาหารเช้านักเรียนหญิงและนักเรียนชายเป็นดังนี้
จะเห็นว่า มัธยฐานกับฐานนิยมของข้อมูลเวลาที่ใช้ในการรับประทานอาหารเช้าของนักเรียนหญิงและนักเรียนชาย
ไม่แตกต่างกัน แต่ค่าเฉลี่ยของข้อมูลแตกต่างกัน
15 × 100 ≈ 58%
✤ นักเรียนหญิงที่ไม่รับประทานอาหารเช้า คิดเป็น —
26
17 × 100 ≈ 71%
นักเรียนชายที่ไม่รับประทานอาหารเช้า คิดเป็น —
24
ดังนั้น เปอร์เซ็นต์ของนักเรียนชายที่ไม่รับประทานอาหารเช้ามีมากกว่าเปอร์เซ็นต์ของนักเรียน
หญิงที่ไม่รับประทานอาหารเช้าประมาณ 13%
✤ ลักษณะการกระจายของข้อมูลเวลาทีใ่ ช้ในการรับประทานอาหารเช้าของนักเรียนชายและนักเรียนหญิงไม่แตกต่างกัน
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 1 นักเรียนสามารถวิเคราะห์และนำ�เสนอข้อมูลด้วยแผนภาพจุด แผนภาพต้น–ใบ และฮิสโทแกรมโดยใช้
เทคโนโลยีที่เหมาะสม รวมทั้งอ่านและแปลความหมายข้อมูลที่นำ�เสนอด้วยรูปแบบเหล่านี้
ข้อ 2 นักเรียนสามารถหาและเปรียบเทียบค่ากลางของข้อมูล (ค่าเฉลี่ยเลขคณิต มัธยฐาน และฐานนิยม) โดยใช้
เทคโนโลยีที่เหมาะสม รวมทั้งแปลความหมายผลลัพธ์และเลือกใช้ค่ากลางของข้อมูล
ข้อ 3 นักเรียนสามารถใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ คาดคะเน และสรุปผล ได้อย่างเหมาะสม
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 1 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 75
2
บทที่ ความเท่ากันทุกประการ
ในบทความเท่ากันทุกประการนี้ ประกอบด้วยหัวข้อย่อย ดังต่อไปนี้
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้
สาระที่ 2 การวัดและเรขาคณิต
มาตรฐาน ค 2.2 เข้าใจและวิเคราะห์รูปเรขาคณิต สมบัติของรูปเรขาคณิต ความสัมพันธ์ระหว่างรูปเรขาคณิต
และทฤษฎีบททางเรขาคณิต และนำ�ไปใช้
ตัวชี้วัด
เข้าใจและใช้สมบัติของรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์และปัญหาในชีวิตจริง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
76 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
จุดประสงค์ของบทเรียน
นักเรียนสามารถ
1. บอกสมบัติของความเท่ากันทุกประการของรูปเรขาคณิต
2. บอกได้วา่ รูปสามเหลีย่ มสองรูปทีส
่ ม
ั พันธ์กน
ั แบบ ด้าน–มุม–ด้าน, มุม–ด้าน–มุม, ด้าน–ด้าน–ด้าน, มุม–มุม–ด้าน
และ ฉาก–ด้าน–ด้าน เท่ากันทุกประการ
3. นำ�สมบัตข
ิ องความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลีย่ มสองรูปทีส่ ม
ั พันธ์กน
ั แบบต่าง ๆ ไปใช้อา้ งอิงในการให้เหตุผล
และการแก้ปัญหา
ความเชื่อมโยงระหว่างตัวชี้วัดกับจุดประสงค์ของบทเรียน
เนือ่ งจากตัวชีว้ ด
ั นี้ กล่าวถึงความเข้าใจและการใช้สมบัตข
ิ องรูปสามเหลีย่ มทีเ่ ท่ากันทุกประการในการแก้ปญ
ั หาคณิตศาสตร์
และปัญหาในชีวิตจริง ดังนั้น เพื่อให้การเรียนรู้ของนักเรียนในเรื่องความเท่ากันทุกประการสอดคล้องกับตัวชี้วัด ครูควรจัด
ประสบการณ์ให้นักเรียนสามารถ
1. เข้าใจและใช้สมบัติของความเท่ากันทุกประการของรูปเรขาคณิตต่าง ๆ เพื่อนำ�ไปสู่ความเท่ากันทุกประการของ
รูปสามเหลี่ยม ซึ่งสะท้อนได้จากการที่นักเรียนสามารถบอกได้ว่า ด้านคู่ใดยาวเท่ากัน มุมคู่ใดมีขนาดเท่ากัน
เพื่ อ สรุ ป เกี่ ย วกั บ ความเท่ า กั น ทุ ก ประการของรู ป สามเหลี่ ย มสองรู ป ที่ มี ค วามสั ม พั น ธ์ แ บบ ด้ า น–มุ ม –ด้ า น,
มุม–ด้าน–มุม, ด้าน–ด้าน–ด้าน, มุม–มุม–ด้าน หรือ ฉาก–ด้าน–ด้าน
2. เข้าใจและใช้สมบัติของรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์และปัญหาในชีวิตจริง
ซึ่งสะท้อนได้จากการที่นักเรียนสามารถให้เหตุผลและแก้โจทย์ปัญหาต่าง ๆ โดยนำ�สมบัติของความเท่ากัน
ทุกประการของรูปสามเหลี่ยมไปใช้อ้างอิงได้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 77
ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์
อื่น ๆ
แบบฝ�กหัดท�ายบท :
6–8
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
78 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
พัฒนาการของความรู้
ความรูพื้นฐาน ✤ การสร้างทางเรขาคณิต
รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ
ที่จำเปน ✤
✤ ทฤษฎีบทพีทาโกรัส
✤ มุมที่เกิดจากเส้นตัดตัดเส้นขนาน
✤ การแปลงทางเรขาคณิต
✤ เส้นขนาน
ความรูในอนาคต ✤ การให้เหตุผลทางเรขาคณิต
✤ ความคล้าย
✤ พื้นที่ผิวและปริมาตร
✤ วงกลม
✤ อัตราส่วนตรีโกณมิติ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 79
ลำ�ดับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของบทเรียน
ทบทวนความรู้เรื่องเส้นขนาน การเคลื่อนที่รูปเรขาคณิตโดยใช้การแปลงทางเรขาคณิต
แนะนำ�บทนิยามของความเท่ากันทุกประการของรูปเรขาคณิตบนระนาบ
พร้อมทั้งสมบัติของความเท่ากันทุกประการของรูปเรขาคณิต
แนะนำ�ความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยม โดยพิจารณาจากด้านคู่ที่สมนัยกันและมุมคู่ที่สมนัยกัน
สรุปบทเรียน ทำ�กิจกรรมท้ายบทเพื่อเติมเต็มความรู้ที่ได้รับจากบทเรียน
และพัฒนาทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ด้วยแบบฝึกหัดท้ายบท
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
80 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
-
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
กระดาษลอกลาย
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับบทนิยามและสมบัติต่าง ๆ ของความเท่ากันทุกประการของรูปเรขาคณิต เพื่อใช้เป็นพื้นฐาน
ในการให้เหตุผลทางเรขาคณิต แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อาจทำ�ได้ดังนี้
1. ครูให้นักเรียนยกตัวอย่างสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ว่าสิ่งใดมีลักษณะเป็นรูปเรขาคณิตสองมิติบ้าง และสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น
มีสงิ่ ใดบ้างทีม
่ ข
ี นาดและรูปร่างเหมือนกัน จากนัน
้ ครูทบทวนเรือ
่ งการแปลงทางเรขาคณิตเกีย่ วกับการเลือ
่ นขนาน
การสะท้อน และการหมุน ซึง่ เป็นตัวอย่างของการเคลือ่ นทีร่ ป
ู เรขาคณิตบนระนาบทีข
่ นาดและรูปร่างไม่เปลีย่ นแปลง
เพื่อนำ�เข้าสู่บทนิยามของความเท่ากันทุกประการของรูปเรขาคณิตบนระนาบ พร้อมทั้งแนะนำ�สัญลักษณ์ ≅ ที่ใช้
แสดงว่า รูปเรขาคณิตสองรูปเท่ากันทุกประการ
2. ครูอาจแนะนำ�ให้นกั เรียนใช้กระดาษลอกลาย ลอกรูปหนึง่ แล้วนำ�ไปทับอีกรูปหนึง่ ซึง่ เป็นวิธห
ี นึง่ ทีใ่ ช้ในการตรวจสอบ
ความเท่ากันทุกประการของรูปเรขาคณิต นอกจากนี้ ครูอาจเสริมความเข้าใจเกีย่ วกับความเท่ากันทุกประการของ
รูปเรขาคณิต โดยใช้ตัวอย่างที่มีอยู่ในชีวิตจริง เช่น รูปที่ได้จากการถ่ายเอกสาร รูปเรขาคณิตสองรูปในแต่ละข้าง
ของแกนสมมาตรของรูปสมมาตรบนเส้น ซึง่ สามารถตรวจสอบความเท่ากันทุกประการได้โดยการพับรูปตามแนว
แกนสมมาตร ดังรูป
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 81
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
82 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 2.1
การสะท้อน
ipst.me/10061
ชวนคิด 2.2
1.
ipst.me/10062
2. 1) 2) 3)
ชวนคิด 2.3
รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีฐานยาวเท่ากันและส่วนสูงเท่ากัน ไม่จำ�เป็นต้องเท่ากันทุกประการ เช่น
ipst.me/10063
a a
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 83
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 2.1
การอธิบายในกรณีที่ไม่จริง อาจยกตัวอย่างค้านเพียง 1 ตัวอย่าง ก็เพียงพอที่จะสรุปว่าไม่จริง ซึ่งคำ�ตอบอาจมีได้
หลากหลาย
1. เป็นจริง เพราะความเท่ากันทุกประการมีสมบัติถ่ายทอด
2. เป็นจริง เพราะความเท่ากันทุกประการมีสมบัติสมมาตร
3. เป็นจริง
เนือ
่ งจาก รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสสองรูปที่มีความยาวรอบรูปเท่ากัน จะมีความยาวของด้านแต่ละด้านเท่ากัน และมีมุม
ทุกมุมเป็นมุมฉาก ทำ�ให้รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสทั้งสองรูปมีรูปร่างเหมือนกันและมีขนาดเท่ากัน
นั่นคือ รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสสองรูปที่มีความยาวรอบรูปเท่ากัน จะเท่ากันทุกประการ
4. ไม่เป็นจริง เช่น
4 3
6 8
จะเห็นว่า รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าทั้งสองรูปมีพื้นที่เท่ากัน คือ 24 ตารางหน่วย
แต่รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าทั้งสองรูปมีรูปร่างไม่เหมือนกันและมีขนาดไม่เท่ากัน
นั่นคือ รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสองรูปที่มีพื้นที่เท่ากัน ไม่จำ�เป็นต้องเท่ากันทุกประการ
5. เป็นจริง
เนื่องจาก รูปสีเ่ หลีย่ มจัตรุ สั สองรูปทีม
่ พ
ี น
ื้ ทีเ่ ท่ากัน จะมีความยาวของด้านแต่ละด้านเท่ากัน และมีมม
ุ ทุกมุมเป็นมุมฉาก
ทำ�ให้รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสทั้งสองรูปมีรูปร่างเหมือนกันและมีขนาดเท่ากัน
นั่นคือ รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสสองรูปที่มีพื้นที่เท่ากัน จะเท่ากันทุกประการ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
84 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
6. ไม่เป็นจริง เช่น
4 4
5 5
7. ไม่เป็นจริง เช่น
C
H
B D G I
A E F J
จะเห็นว่า รูปห้าเหลี่ยมด้านเท่าทั้งสองรูปมีความยาวรอบรูปเท่ากัน
แต่รูปห้าเหลี่ยมทั้งสองรูปมีรูปร่างไม่เหมือนกัน ทำ�ให้ทับกันไม่สนิท
นั่นคือ รูปห้าเหลี่ยมด้านเท่าสองรูปที่มีความยาวรอบรูปเท่ากัน ไม่จำ�เป็นต้องเท่ากันทุกประการ
8. เป็นจริง
เนื่องจาก ในการสร้างรูปหกเหลีย่ มด้านเท่ามุมเท่ารูปแรกอาจใช้จด
ุ บนเส้นรอบวงจุดหนึง่ เป็นจุดศูนย์กลางของวงกลม
และใช้วงเวียนรัศมียาวเท่ากับรัศมีของวงกลม เขียนส่วนโค้งตัดเส้นรอบวงของวงกลมครั้งที่ 1 และใช้
จุดตัดที่ได้เป็นจุดศูนย์กลางของวงกลม รัศมียาวเท่าเดิมเขียนส่วนโค้งตัดเส้นรอบวงของวงกลมครั้งที่ 2
ทำ�เช่นนี้ไปจนครบรอบ เมื่อลากส่วนของเส้นตรงเชื่อมจุดตัดทั้งหก ตามลำ�ดับ จะได้รูปหกเหลี่ยมด้านเท่า
มุมเท่าที่มุมภายในแต่ละมุมมีขนาด 120 องศา ในทำ�นองเดียวกัน เมื่อสร้างรูปหกเหลี่ยมด้านเท่ามุมเท่า
อีกรูปหนึ่ง โดยใช้รัศมีของวงกลมเดียวกัน ก็จะได้รูปหกเหลี่ยมด้านเท่ามุมเท่าอีกรูปหนึ่ง ที่มุมภายในแต่
ละมุมมีขนาด 120 องศา เท่ากัน ดังรูป
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 85
9. ไม่เป็นจริง เช่น
รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส และรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ที่มีด้านยาวเท่ากัน ดังรูป
10. เป็นจริง
เนื่องจาก วงกลมสองวงที่มีเส้นรอบวงยาวเท่ากัน จะมีรัศมียาวเท่ากัน*
จะได้ วงกลมทั้งสองมีรูปร่างเหมือนกันและมีขนาดเท่ากัน
นั่นคือ วงกลมสองวงที่มีเส้นรอบวงยาวเท่ากัน จะเท่ากันทุกประการ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
86 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
นักเรียนเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีมุมเท่ากัน 3 คู่ เป็นรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1. กระดาษลอกลาย
2. ซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad หรือซอฟต์แวร์เรขาคณิตพลวัตอื่น ๆ
3. อุปกรณ์ของกิจกรรมเสนอแนะ 2.2 : รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่เท่ากันทุกประการ
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนีเ้ ป็นเรือ
่ งของการตรวจสอบว่า รูปสามเหลีย่ มสองรูปเท่ากันทุกประการหรือไม่ โดยมีจด
ุ ประสงค์ให้นก
ั เรียนบอก
ได้ว่ามีเงื่อนไขอย่างไร รูปสามเหลี่ยมสองรูปจึงจะเท่ากันทุกประการ แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อาจทำ�ได้ดังนี้
1. ครูทบทวนบทนิยามของความเท่ากันทุกประการของรูปเรขาคณิตให้นักเรียน เพื่อนำ�มาใช้สำ�รวจสมบัติของ
ความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยม โดยให้นักเรียนใช้กระดาษลอกลายลอกรูปสามเหลี่ยมรูปหนึ่งไปทับ
รูปสามเหลี่ยมอีกรูปหนึ่ง หรือครูอาจใช้ซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad หรือซอฟต์แวร์เรขาคณิต
พลวัตอื่น ๆ ในการจัดกิจกรรม
2. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับสมบัติของความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยมว่า ถ้าต้องการ
ตรวจสอบความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลีย่ มสองรูป ในเบือ
้ งต้น จะต้องตรวจสอบความเท่ากันของด้านคูท
่ ่ี
สมนัยกัน 3 คู่ ว่าแต่ละคู่ยาวเท่ากันหรือไม่ และมุมคู่ที่สมนัยกัน 3 คู่ ว่าแต่ละคู่มีขนาดเท่ากันหรือไม่
3. ครูย�้ำ เกีย
่ วกับการเขียนสัญลักษณ์แสดงรูปสามเหลีย
่ มสองรูปทีเ่ ท่ากันทุกประการ ซึง่ นิยมเขียนตัวอักษรเรียงตาม
ลำ�ดับของมุมคู่ที่สมนัยกันและด้านคู่ที่สมนัยกัน เช่น
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 87
C F
A B D E
จะเห็นว่า เราอาจเขียนได้ว่า ∆ABC ≅ ∆DEF หรือ ∆BCA ≅ ∆EFD หรือ ∆CAB ≅ ∆FDE หรือ
∆ACB ≅ ∆DFE หรือ ∆BAC ≅ ∆EDF หรือ ∆CBA ≅ ∆FED ก็ได้
4. ครูอาจใช้ “กิจกรรมเสนอแนะ 2.2 : รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่เท่ากันทุกประการ” ในคู่มือครู หน้า 88 เพื่อเสริม
ความเข้าใจเกี่ยวกับความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยม
5. ครูให้นก
ั เรียนฝึกทักษะเพิม
่ เติมเพือ
่ ตรวจสอบความเข้าใจเกีย่ วกับมุมคูท
่ สี่ มนัยและด้านคูท
่ สี่ มนัยของรูปสามเหลีย่ ม
ที่เท่ากันทุกประการสองรูปโดยใช้แบบฝึกหัด 2.2 ซึ่งในการทำ�แบบฝึกหัดข้อ 2 ในหนังสือเรียน หน้า 76 ครูอาจ
แนะให้นักเรียนเขียนด้านคู่ที่สมนัยกันยาวเท่ากันและมุมคู่ที่สมนัยกันที่มีขนาดเท่ากัน โดยไม่ต้องเขียนรูปก่อน
เพื่อเป็นการฝึกการนึกภาพในจินตนาการ ถ้าทำ�ไม่ได้จึงให้เขียนรูป เช่น
เมื่อกำ�หนดให้ ∆EAT ≅ ∆FAT
และมุมคู่ที่สมนัยกัน คือ EÂT = FÂT, AT̂E = AT̂F และ TÊA = TF̂A ซึ่งสามารถเขียนแสดงตัวอย่างของ
รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่เท่ากันทุกประการได้ดังนี้
E F
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
88 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
สื่อ/อุปกรณ์
กระดาษสีที่ตัดเป็นรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่เท่ากันทุกประการที่มีลักษณะต่าง ๆ จำ�นวนกลุ่มละ 4 คู่ ซึ่งครูควรมอบหมาย
ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเตรียมมาล่วงหน้า ดังตัวอย่างต่อไปนี้
รูปสามเหลี่ยมมุมแหลม รูปสามเหลี่ยมมุมฉาก
รูปสามเหลี่ยมมุมป้าน รูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 2–3 คน
2. ครูให้นักเรียนนำ�กระดาษสีรูปสามเหลี่ยมแต่ละคู่มาซ้อนทับกัน แล้วให้นักเรียนสังเกตว่ารูปสามเหลี่ยมแต่ละคู่
จะทับกันได้สนิท ซึ่งแสดงว่ารูปสามเหลี่ยมแต่ละคู่เท่ากันทุกประการ
3. ครู สุ่ ม ให้ ตั ว แทนนั ก เรี ย นใช้ ก ระดาษสี รู ป สามเหลี่ ย มแต่ ล ะคู่ ม าประกอบกั น โดยอาจให้ มี บ างส่ ว นซ้ อ นทั บ กั น
แล้วนำ�เสนอหน้าชั้นเรียน ดังตัวอย่าง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 89
✤ การประกอบกันโดยให้มีด้านคู่ที่สมนัยกันบางคู่ร่วมกัน
✤ การประกอบกันโดยให้มีมุมคู่ที่สมนัยกันบางคู่ร่วมกัน
A A A
C B D C B B D
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
90 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 2.4
ด้านคู่ที่ยาวเท่ากัน คือ BL กับ HO , LA กับ OR , AC กับ RS , CK กับ SE , KB กับ EH
ipst.me/10064
และมุมคู่ที่มีขนาดเท่ากัน คือ B̂ กับ Ĥ , L̂ กับ Ô , Â กับ R̂ , Ĉ กับ Ŝ , K̂ กับ Ê
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 2.2
1. 1) ด้านคู่ที่สมนัยกัน คือ AB กับ XY , BC กับ YZ , AC กับ XZ
มุมคู่ที่สมนัยกัน คือ Â กับ X̂ , B̂ กับ Ŷ , Ĉ กับ Ẑ
2) ด้านคู่ที่สมนัยกัน คือ PR กับ PR , PQ กับ PS , QR กับ SR
มุมคู่ที่สมนัยกัน คือ PQ̂R กับ PŜR , QP̂R กับ SP̂R , PR̂Q กับ PR̂S
3) ด้านคู่ที่สมนัยกัน คือ MP กับ NP , MO กับ NO , OP กับ OP
มุมคู่ที่สมนัยกัน คือ MÔP กับ NÔP , MP̂O กับ NP̂O , OM̂P กับ ON̂P
4) ด้านคู่ที่สมนัยกัน คือ AO กับ BO , OX กับ OY , AX กับ BY
มุมคู่ที่สมนัยกัน คือ AÔX กับ BÔY , OÂX กับ OB̂Y , AX̂O กับ BŶO
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 91
2.3 รูปสามเหลีย
่ มสองรูปทีส
่ ม
ั พันธ์กน
ั แบบ ด้าน–มุม–ด้าน (2 ชัว่ โมง)
จุดประสงค์
นักเรียนสามารถ
1. บอกได้ว่ารูปสามเหลี่ยมสองรูปที่สัมพันธ์กันแบบ ด้าน–มุม–ด้าน เท่ากันทุกประการ
2. นำ�สมบัติของความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่สัมพันธ์กันแบบ ด้าน–มุม–ด้าน ไปใช้อ้างอิง
ในการให้เหตุผล
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
นักเรียนอาจเข้าใจคลาดเคลือ
่ นว่า รูปสามเหลีย
่ มสองรูปทีม
่ ด
ี า้ นยาวเท่ากันสองคู่ และมีมม
ุ ทีม
่ ข
ี นาดเท่ากันหนึง่ คู่ จะเป็น
มุมคู่ใดก็ได้ เป็นรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1. อุปกรณ์ของกิจกรรม : สำ�รวจ ด้าน–มุม–ด้าน
2. ไฟล์สื่อสำ�เร็จรูปที่สร้างจากซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad ในมุมเทคโนโลยีของกิจกรรม : สำ�รวจ
ด้าน–มุม–ด้าน
3. อุปกรณ์ของกิจกรรมเสนอแนะ 2.3 : ร่วมด้วยช่วยกันให้เหตุผล
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องของการตรวจสอบว่า รูปสามเหลี่ยมสองรูปเท่ากันทุกประการหรือไม่ โดยการตรวจสอบเพียงด้านคู่ที่
สมนัยกันบางด้าน และมุมคู่ที่สมนัยกันบางมุมของรูปสามเหลี่ยมทั้งสองรูปนั้น ซึ่งด้านและมุมดังกล่าวต้องสอดคล้องกับเงื่อนไข
ทีก
่ �ำ หนด ทัง้ นี้ นักเรียนจะได้ฝก
ึ การให้เหตุผลอย่างมีแบบแผน อันเป็นทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ทส
ี่ �ำ คัญอย่างหนึง่
นอกจากนั้น ครูควรให้นักเรียนได้นำ�ความรู้นี้ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ด้วย แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
อาจทำ�ได้ดังนี้
1. ครูสนทนากับนักเรียนว่า วิธีการตรวจสอบความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยมสองรูป ในเบื้องต้นนั้น
เราต้องตรวจสอบการเท่ากันของความยาวของด้านทีส
่ มนัยกัน 3 คู่ และการเท่ากันของขนาดของมุมคูท
่ ส
ี่ มนัยกัน
อีก 3 คู่ แต่ในหัวข้อต่อไปจากนี้ นักเรียนจะได้เห็นว่าเราสามารถตรวจสอบการเท่ากันของความยาวของด้านหรือ
ขนาดของมุมเพียง 3 คู่ ตามเงื่อนไขที่กำ�หนด ก็เพียงพอที่จะสรุปว่ารูปสามเหลี่ยมสองรูปนั้นเท่ากันทุกประการ
2. ครูแนะนำ�ความสัมพันธ์กน
ั ของรูปสามเหลีย่ มสองรูปแบบ ด้าน–มุม–ด้าน โดยใช้ “กิจกรรม : สำ�รวจ ด้าน–มุม–ด้าน”
ในหนังสือเรียน หน้า 78 ด้วยการให้นก
ั เรียนสำ�รวจว่ารูปสามเหลีย่ มสองรูปเท่ากันทุกประการหรือไม่ จากการลงมือ
ปฏิบต
ั ด
ิ ว้ ยการวัดความยาวของด้านและขนาดของมุมทีเ่ หลือ หรือใช้กระดาษลอกลายลอกรูปไปทับกัน เพือ่ เชือ่ มโยง
สู่กรณีทั่วไปที่ว่า “รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่สัมพันธ์กันแบบ ด้าน–มุม–ด้าน จะเท่ากันทุกประการ”
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
92 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
A B D E
ความรู้เพิ่มเติมสำ�หรับครู
การจัดการเรียนรู้เกี่ยวกับการให้เหตุผลแบบนิรนัย
ในหัวข้อนีน
้ กั เรียนจะฝึกการให้เหตุผลแบบนิรนัยด้วยการพิสจู น์อย่างเป็นแบบแผน ครูอาจแนะนำ�นักเรียนให้ด�ำ เนินการดังนี้
1. อ่านและทำ�ความเข้าใจโจทย์ปัญหา ด้วยการพิจารณาว่าโจทย์กำ�หนดอะไรให้บ้างและโจทย์ต้องการให้พิสูจน์
อะไรโดยนำ�มาเขียนแสดงใน “กำ�หนดให้” และ “ต้องการพิสูจน์ว่า” ตามลำ�ดับ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 93
การวิเคราะห์ย้อนกลับ การเขียนแสดงการพิสูจน์
ข้อสรุปตามที่ระบุใน “กำ�หนดให้”
“ต้องการพิสูจน์ว่า”
อธิบายให้เหตุผล
วิเคราะห์ “เหตุ” ที่ทำ�ให้เกิด “ผล”
บทนิยาม/สมบัติ
บทนิยาม/สมบัติ
ข้อสรุปตามที่ระบุใน
“กำ�หนดให้” “ต้องการพิสูจน์ว่า”
ตัวอย่างเช่น
จากรูปกำ�หนดให้ BC = AD, AB̂C = BÂD
A B
จงพิสูจน์ว่า
1. ∆ABC ≅ ∆BAD
2. AC = BD
3. BÂC = AB̂D
C D
A B A B
จากรูปที่กำ�หนดให้
สามารถแยกพิจารณาเป็น
รูปสามเหลี่ยมสองรูป ดังนี้
C D
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
94 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
BC = AD
AB̂C = BÂD กำ�หนดให้
AB เป็นด้านร่วม
∆ABC ≅ ∆BAD
AC = BD ต้องการพิสูจน์ว่า
BÂC = AB̂D
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 95
D C
2
O
1
A B
การจัดการเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องเรขาคณิต ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
ในการเรียนการสอนเกี่ยวกับเรื่องเรขาคณิตนั้น โจทย์ที่เกี่ยวกับเรขาคณิตในหนังสือเรียนชุดนี้จะมีคำ�ถามอยู่
4 ลักษณะ คือ
1. ให้สร้าง เช่น ตัวอย่างในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน คณิตศาสตร์ ม.1 เล่ม 1 หน้า 85
2. ให้หาค่าของสิ่งต่าง ๆ เช่น แบบฝึกหัดที่ 2.3 ข้อ 5 ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน คณิตศาสตร์ ม.2
เล่ม 2 หน้า 84 แบบทดสอบ ข้อ 4 ในคู่มือครู หน้า 163
3. ให้แสดงเหตุผล เช่น แบบฝึกหัดที่ 2.3 ข้อ 1 ในหนังสือเรียนรายวิชาพืน
้ ฐาน คณิตศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หน้า 84
4. ให้พส
ิ จู น์ เช่น หัวข้อ 2.3 ตัวอย่างที่ 1–2 ในหนังสือเรียนรายวิชาพืน
้ ฐาน คณิตศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หน้า 81
ถ้าเป็นโจทย์ในลักษณะที่ 1 (ให้สร้าง) ให้เขียนเฉพาะวิธีทำ� แต่รูปต้องมีร่องรอยการสร้างให้เห็นอย่างชัดเจน
ถ้าเป็นโจทย์ในลักษณะที่ 2 (ให้หาค่าของสิ่งต่าง ๆ) ให้เขียนวิธีทำ�และเหตุผลที่จำ�เป็น โจทย์ลักษณะนี้ต้องการให้
นักเรียนสามารถหาค่าของสิ่งต่าง ๆ ได้เท่านั้น ไม่เน้นการให้เหตุผลทุกขั้นตอนตามแบบที่ปรากฏในหนังสือเรียน เพราะ
คำ�อธิบายที่ให้ไว้ในหนังสือเรียนมีไว้เพื่อให้นักเรียนเห็นถึงที่มาที่ไปของการหาค่าดังกล่าว
ี �ำ และเหตุผลประกอบ โดยไม่จ�ำ เป็นต้องเขียน กำ�หนดให้
ถ้าเป็นโจทย์ในลักษณะที่ 3 (ให้แสดงเหตุผล) ให้เขียนวิธท
และต้องการพิสูจน์ว่า
ถ้าเป็นโจทย์ในลักษณะที่ 4 (ให้พิสูจน์) จะต้องเขียนให้ครบตามรูปแบบ คือ กำ�หนดให้ ต้องการพิสูจน์ว่า และ
พิสูจน์ ตามแบบที่ปรากฏในหนังสือเรียน
ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นนี้ จะมีโจทย์ทั้งสี่ลักษณะ โดยไม่ประสงค์ที่จะให้นักเรียนส่วนใหญ่เขียนการพิสูจน์
แต่จะเน้นการให้เหตุผลและนำ�ไปใช้ได้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
96 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
สื่อ/อุปกรณ์
1. อุปกรณ์ของกิจกรรม : สำ�รวจ ด้าน–มุม–ด้าน ในหนังสือเรียน หน้า 78
2. ไฟล์สื่อสำ�เร็จรูปที่สร้างจากซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad ในมุมเทคโนโลยีของกิจกรรม : สำ�รวจ
ด้าน–มุม–ด้าน
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. จาก “กิจกรรม : สำ�รวจ ด้าน–มุม–ด้าน” ในหนังสือเรียน หน้า 78 ครูให้นักเรียนสังเกตรูปที่กำ�หนดให้ ว่ามีด้านใดบ้าง
ที่ยาวเท่ากัน และมุมใดบ้างที่มีขนาดเท่ากัน
2. ครูให้นักเรียนวัดความยาวของด้าน และวัดขนาดของมุมที่เหลือ หรือใช้กระดาษลอกลาย ลอกรูปแล้วนำ�ไปทับกัน
3. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย และสรุปว่ารูปทั้งสองที่กำ�หนดให้ในแต่ละข้อ เท่ากันทุกประการหรือไม่ เพราะเหตุใด
4. ครูให้นักเรียนสังเกตสิ่งที่โจทย์กำ�หนดให้อีกครั้ง เพื่อสรุปว่า มุมที่โจทย์กำ�หนดให้มีขนาดเท่ากันนั้น เป็นมุมที่อยู่ใน
ระหว่างด้านคู่ที่กำ�หนดให้ที่ยาวเท่ากัน
5. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลที่ได้จากการสำ�รวจ ซึ่งเป็นไปตามสมบัติที่ว่า “ถ้ารูปสามเหลี่ยมสองรูปมีความสัมพันธ์
กันแบบ ด้าน–มุม–ด้าน (ด.ม.ด.) กล่าวคือ มีด้านยาวเท่ากันสองคู่ และมุมในระหว่างด้านคู่ที่ยาวเท่ากันมีขนาด
เท่ากัน แล้วรูปสามเหลี่ยมสองรูปนั้นเท่ากันทุกประการ”
6. ในการทำ�กิจกรรมนี้ ครูอาจใช้ไฟล์สอ
ื่ สำ�เร็จรูปทีส่ ร้างจากซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad ในมุมเทคโนโลยี
ของ “กิจกรรม : สำ�รวจ ด้าน–มุม–ด้าน” ในหนังสือเรียน หน้า 79 เพื่อให้นักเรียนใช้สำ�รวจ และสร้างข้อสรุปจากการ
สำ�รวจ ได้เช่นเดียวกัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 97
สื่อ/อุปกรณ์
1. กระดาษ A4
2. โจทย์ตัวอย่างหรือโจทย์แบบฝึกหัดการพิสูจน์รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่เท่ากันทุกประการแบบ ด.ม.ด.
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูใช้โจทย์ตัวอย่างการพิสูจน์เกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่เท่ากันทุกประการแบบ ด.ม.ด. โดยอาจนำ�ตัวอย่างที่ 1
ในหนังสือเรียน หน้า 81 มาใช้ในการทำ�กิจกรรม ดังนี้
A
∆AOC ≅ ∆BOD
AO = BO CO = DO
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
98 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
5. ครูให้นักเรียนที่ถือกระดาษหน้าชั้นเรียนยืนสลับที่กันใหม่จากสิ่งที่กำ�หนดให้หรือสิ่งที่ทราบจากความรู้เดิม ไปสู่สิ่งที่
ต้องการพิสูจน์ ผลจะเป็นดังนี้
6. ครูให้นก
ั เรียนทีถ
่ อ
ื กระดาษหน้าชัน
้ เรียนแต่ละคนบอกเหตุผลของการเท่ากันหรือการเท่ากันทุกประการ ของความยาว
ของด้าน หรือขนาดของมุม หรือรูปสามเหลี่ยมที่แต่ละคนเขียนและถือแสดงไว้ตามลำ�ดับ
7. ครูสรุปขั้นตอนการวิเคราะห์ย้อนกลับจากผลไปสู่เหตุ ดังนี้
คำ�ตอบ/การเขียนแสดง
คำ�ถามของครู คำ�ตอบบนกระดาษ A4
ต้องการพิสูจน์ว่า
จากโจทย์ สิ่งที่ต้องการพิสูจน์คืออะไร ∆AOC ≅ ∆BOD
รูปสามเหลี่ยมทั้งสองรูปน่าจะมีความสัมพันธ์กันแบบใด ด.ม.ด.
ด้านคู่ที่หนึ่งที่ยาวเท่ากันคือด้านคู่ใด AO = BO
กำ�หนดให้/ ด้านคู่ที่สองที่ยาวเท่ากันคือด้านคู่ใด CO = DO
สิ่งที่ทราบ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 99
ข้อความที่นักเรียนจัดเรียงลำ�ดับ เหตุผลที่นักเรียนควรบอกได้
AO = BO (กำ�หนดให้)
CO = DO (กำ�หนดให้)
9. ครูให้นักเรียนเปรียบเทียบการเขียนแสดงการพิสูจน์ในหนังสือเรียนกับกิจกรรมที่ทำ�
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 2.5
โดยทั่วไปจะไม่เท่ากันทุกประการ แต่มีบางกรณีที่เท่ากันทุกประการ เช่น ถ้ามุมที่มีขนาดเท่ากันเป็นมุมฉาก
ipst.me/10065
① ②
จากทฤษฎีบทพีทาโกรัส จะหาได้ว่าด้านที่เหลือยาวเท่ากันด้วย
จะได้ ∆① ≅ ∆②
ชวนคิด 2.6
รูปสามเหลี่ยม ABO เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว เพราะจากการพิสูจน์ ∆AOD ≅ ∆BOC
ipst.me/10066
จะได้ AO = BO
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
100 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 2.3
1. แนวคิด N E
W S
∆WSN และ ∆ENS เท่ากันทุกประการ เพราะมีความสัมพันธ์แบบ ด้าน–มุม–ด้าน (WS = EN, WŜN = EN̂S,
SN = NS)
2. N M
K L
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 101
3. E
A
O
C
D
B
4. P
S Q
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
102 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
5. แนวคิด A B
C D
พิจารณา ∆ABC และ ∆BAD
BC = AD (กำ�หนดให้)
AB̂C = BÂD (กำ�หนดให้)
AB = BA (AB เป็นด้านร่วม)
ดังนั้น ∆ABC ≅ ∆BAD (ด.ม.ด.)
จะได้ BÂ C = AB̂ D (มุมคูท
่ ส่ี มนัยกันของรูปสามเหลีย่ มทีเ่ ท่ากันทุกประการ
จะมีขนาดเท่ากัน)
เนื่องจาก BÂ C = 110° (กำ�หนดให้)
ดังนั้น AB̂ D = 110° (สมบัติของการเท่ากัน)
6. แนวคิด 1 A
P R I L
พิจารณา ∆APR และ ∆ALI
AR = AI (กำ�หนดให้)
AR̂I = AÎR (กำ�หนดให้)
เนื่องจาก AR̂ P + AR̂ I = AÎL + AÎR = 180° (ขนาดของมุมตรง)
จะได้ AR̂ P = AÎL (สมบัติของการเท่ากัน)
PR = LI (กำ�หนดให้)
ดังนั้น ∆APR ≅ ∆ALI (ด.ม.ด.)
จะได้ AP = AL (ด้านคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากัน
ทุกประการ จะยาวเท่ากัน)
เนื่องจาก AP = 12 เซนติเมตร (กำ�หนดให้)
ดังนั้น AL = 12 เซนติเมตร (สมบัติของการเท่ากัน)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 103
แนวคิด 2 A
P R I L
7. แนวคิด จากโจทย์อาจเขียนภาพได้ดังนี้
D C
A B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
104 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
8. แนวคิด
C
36 36 86
A 40° 40° E
B
36
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 105
2.4 รูปสามเหลีย
่ มสองรูปทีส
่ ม
ั พันธ์กน
ั แบบ มุม–ด้าน–มุม (2 ชัว่ โมง)
จุดประสงค์
นักเรียนสามารถ
1. บอกได้ว่ารูปสามเหลี่ยมสองรูปที่สัมพันธ์กันแบบ มุม–ด้าน–มุม เท่ากันทุกประการ
2. นำ�สมบัติของความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่สัมพันธ์กันแบบ มุม–ด้าน–มุม ไปใช้อ้างอิง
ในการให้เหตุผล
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
-
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1. อุปกรณ์ของกิจกรรม : สำ�รวจ มุม–ด้าน–มุม
2. ไฟล์สื่อสำ�เร็จรูปที่สร้างจากซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad ในมุมเทคโนโลยีของกิจกรรม : สำ�รวจ
มุม–ด้าน–มุม
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนีเ้ ป็นเรือ่ งของการตรวจสอบว่า รูปสามเหลีย่ มสองรูปเท่ากันทุกประการหรือไม่ โดยการตรวจสอบเพียงด้านคูท ่ ส่ี มนัย
กันบางด้าน และมุมคูท ่ ส่ี มนัยกันบางมุมของรูปสามเหลีย่ มทัง้ สองรูปนัน ้ ซึง่ ด้านและมุมดังกล่าวต้องสอดคล้องกับเงือ ่ นไขทีก่ �ำ หนด
ทัง้ นี้ นักเรียนจะได้ฝกึ การให้เหตุผลอย่างมีแบบแผน อันเป็นทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ทส่ี �ำ คัญอย่างหนึง่ นอกจากนัน ้
ครูควรให้นก ั เรียนได้น�ำ ความรูน ้ ไ้ี ปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ด้วย แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรูอ ้ าจทำ�ได้ดงั นี้
1. ครูแนะนำ�ความสัมพันธ์กน ั ของรูปสามเหลีย่ มสองรูปแบบ มุม–ด้าน–มุม โดยใช้ “กิจกรรม : สำ�รวจ มุม–ด้าน–มุม”
ในหนังสือเรียน หน้า 86 ด้วยการให้นักเรียนสำ�รวจว่ารูปสามเหลี่ยมสองรูปเท่ากันทุกประการหรือไม่ จากการ
ลงมือปฏิบัติด้วยการวัดความยาวของด้านและขนาดของมุมที่เหลือ หรือใช้กระดาษลอกลายลอกรูปไปทับกัน
เพื่อเชื่อมโยงสู่กรณีทั่วไปที่ว่า “รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่สัมพันธ์กันแบบ มุม–ด้าน–มุม จะเท่ากันทุกประการ”
2. ครู ค วรให้ นั ก เรี ย นช่ ว ยกั น สั ง เกตว่ า สิ่ ง ที่ เ ป็ น เงื่ อ นไขของด้ า นและมุ ม ที่ กำ � หนดให้ นั้ น เป็ น อย่ า งไร เพื่ อ ให้ ไ ด้
ข้อสรุปว่า “รูปสามเหลี่ยมทั้งสองรูปดังกล่าวนี้ มีมุมที่มีขนาดเท่ากันสองคู่ และด้านซึ่งเป็นแขนร่วมของมุม
ทั้งสองยาวเท่ากัน จึงจะเป็นเงื่อนไขที่เพียงพอที่จะสรุปว่ารูปสามเหลี่ยมสองรูปนั้นเท่ากันทุกประการ” ซึ่งใน
กิจกรรมนี้ ครูอาจใช้ไฟล์สอ ื่ สำ�เร็จรูปทีส
่ ร้างจากซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad ทีส ่ ามารถดาวน์โหลด
ได้จากมุมเทคโนโลยี ในหนังสือเรียน หน้า 87 ให้นักเรียนสำ�รวจ เพื่อค้นพบข้อสรุปได้เช่นเดียวกัน
จากนัน ้ ครูแนะนำ�นักเรียนว่า รูปสามเหลีย่ มสองรูปทีส่ ม ั พันธ์กนั แบบ มุม–ด้าน–มุม สามารถเขียนย่อ ๆ ว่า ม.ด.ม.
3. ครูอาจแนะนำ�ว่า ในกรณีที่รูปที่ต้องการพิจารณามีบางส่วนซ้อนกัน ทำ�ให้ดูยากว่าด้านใดยาวเท่ากันบ้าง หรือมุม
คู่ใดมีขนาดเท่ากันบ้าง อาจสร้างรูปใหม่ โดยแยกรูปเดิมออกเป็นสองรูปที่ไม่มีส่วนใดซ้อนกัน เช่น ข้อ 2 และ
ข้อ 4 ในแบบฝึกหัด 2.4 ในหนังสือเรียน หน้า 90
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
106 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
สื่อ/อุปกรณ์
1. อุปกรณ์ของกิจกรรม : สำ�รวจ มุม–ด้าน–มุม ในหนังสือเรียน หน้า 86
2. ไฟล์สื่อสำ�เร็จรูปที่สร้างจากซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad ในมุมเทคโนโลยีของกิจกรรม : สำ�รวจ
มุม–ด้าน–มุม
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. จาก “กิจกรรม : สำ�รวจ มุม–ด้าน–มุม” ในหนังสือเรียน หน้า 86 ครูให้นักเรียนสังเกตรูปที่กำ�หนดให้ ว่ามีด้านใดบ้าง
เป็นด้านที่ยาวเท่ากัน และมุมใดบ้างเป็นมุมที่มีขนาดเท่ากัน
2. ครูให้นักเรียนวัดความยาวของด้าน และวัดขนาดของมุมที่เหลือ หรือใช้กระดาษลอกลาย ลอกรูปแล้วนำ�ไปทับกัน
3. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย และสรุปว่ารูปทั้งสองที่กำ�หนดให้ในแต่ละข้อ เท่ากันทุกประการหรือไม่ เพราะเหตุใด
4. ครูให้นักเรียนสังเกตสิ่งที่โจทย์กำ�หนดให้อีกครั้ง เพื่อสรุปว่า ด้านที่โจทย์กำ�หนดให้ยาวเท่ากันนั้น เป็นด้านที่เป็น
แขนร่วมของมุมทั้งสองที่กำ�หนดให้
5. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลที่ได้จากการสำ�รวจ ซึ่งเป็นไปตามสมบัติที่ว่า ถ้ารูปสามเหลี่ยมสองรูปมีความสัมพันธ์
กันแบบ มุม–ด้าน–มุม (ม.ด.ม.) กล่าวคือ มีมุมที่มีขนาดเท่ากันสองคู่ และด้านซึ่งเป็นแขนร่วมของมุมทั้งสองยาว
เท่ากัน แล้วรูปสามเหลี่ยมสองรูปนั้นเท่ากันทุกประการ
6. ในการทำ�กิจกรรมนี้ ครูอาจใช้ไฟล์สอ
ื่ สำ�เร็จรูปทีส่ ร้างจากซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad ในมุมเทคโนโลยี
ของ “กิจกรรม : สำ�รวจ มุม–ด้าน–มุม” ในหนังสือเรียน หน้า 87 เพื่อให้นักเรียนใช้สำ�รวจ และสร้างข้อสรุปจากการ
สำ�รวจ ได้เช่นเดียวกัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 107
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 2.7
จากตัวอย่างที่ 1 จะได้ ∆MAX ≅ ∆CAN (ม.ด.ม.)
ipst.me/10067
ดังนั้น MX = CN
X N
M C
จากรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก AMX
ถ้ากำ�หนดให้ AX = 8 หน่วย และ MA = 17 หน่วย
2 2 2
จะได้ MX = 17 – 8
= 225
ดังนั้น MX = 15 หน่วย
นั่นคือ CN = 15 หน่วย
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 2.4
1. แนวคิด
F
B
A
E D
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
108 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
T C T C
R P A I R A P I
รูปเดิม รูปใหม่
3.
A
D E S K
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 109
D C D C
A B A B A B
รูปเดิม รูปใหม่
แนวคิด 1
พิจารณา ΔABD และ ΔBAC
AD̂B = BĈA (กำ�หนดให้)
DB = CA (กำ�หนดให้)
AB̂D = BÂC (กำ�หนดให้)
ดังนั้น ΔABD ≅ ΔBAC (ม.ด.ม.)
จะได้ DÂB = CB̂A (มุมคูท
่ ส่ี มนัยกันของรูปสามเหลีย่ มทีเ่ ท่ากันทุกประการ จะมีขนาดเท่ากัน)
เนื่องจาก DÂB = 68° (กำ�หนดให้)
ดังนั้น CB̂A = 68° (สมบัติของการเท่ากัน)
แนวคิด 2 (ไม่ได้ใช้ความรู้เรื่องความเท่ากันทุกประการ)
DÂB + AD̂B + AB̂D = 180° (ขนาดของมุมภายในทัง้ สามมุมของรูปสามเหลีย่ มรวมกันเท่ากับ 180°)
CB̂A + BĈA + BÂC = 180° (ขนาดของมุมภายในทัง้ สามมุมของรูปสามเหลีย่ มรวมกันเท่ากับ 180°)
จะได้ DÂB + AD̂B + AB̂D = CB̂A + BĈA + BÂC (สมบัติของการเท่ากัน)
AD̂B = BĈA (กำ�หนดให้)
AB̂D = BÂC (กำ�หนดให้)
จะได้ DÂB = CB̂A (สมบัติของการเท่ากัน)
เนื่องจาก DÂB = 68° (กำ�หนดให้)
ดังนั้น CB̂A = 68° (สมบัติของการเท่ากัน)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
110 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
5. แนวคิด
C
30 ซม. B
50° 50°
O
A 30 ซม.
D
ให้ตำ�แหน่ง A, B, C, D และ O แทนตำ�แหน่งบนใบพัด ดังรูป
พิจารณา ΔAOC และ ΔBOD
OÂC = OB̂D = 50° (กำ�หนดให้)
AO = BO = 30 ซม. (กำ�หนดให้)
AÔC = BÔD (ถ้าเส้นตรงสองเส้นตัดกัน แล้วมุมตรงข้ามมีขนาดเท่ากัน)
ดังนั้น ΔAOC ≅ ΔBOD (ม.ด.ม.)
แสดงว่าแบบใบพัดทั้งสองข้างมีขนาดเท่ากัน
นั่นคือ ความคิดของเจ้าของร้านค้าถูกต้อง
6. แนวคิด จากโจทย์อาจเขียนภาพได้ดังนี้
D F C
E
5
A B
พิจารณา ΔADF และ ΔABE
DÂF = BÂE (กำ�หนดให้)
AD = AB (ด้านของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ยาวเท่ากัน)
AD̂F = AB̂E = 90° (มุมของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีขนาดเท่ากัน)
ดังนั้น ΔADF ≅ ΔABE (ม.ด.ม.)
จะได้ DF = BE (ด้านคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ
จะยาวเท่ากัน)
เนื่องจาก ΔADF เป็นรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก
2 2 2
จะได้ว่า DF = AF – AD
2 2
DF = 5 – 16
2
DF = 9
ดังนั้น DF = 3 หน่วย
นั่นคือ BE = 3 หน่วย (สมบัติของการเท่ากัน)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 111
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
-
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1. อุปกรณ์ของกิจกรรม : สำ�รวจ ด้าน–ด้าน–ด้าน ในหนังสือเรียน หน้า 91
2. ไฟล์ส่อ
ื สำ�เร็จรูปที่สร้างจากซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad ในมุมเทคโนโลยีของกิจกรรม : สำ�รวจ
ด้าน–ด้าน–ด้าน
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องของการตรวจสอบว่า รูปสามเหลี่ยมสองรูปเท่ากันทุกประการหรือไม่ โดยการตรวจสอบเพียงด้านคู่ที่
สมนัยกันทั้งสามคู่ ทั้งนี้ นักเรียนจะได้ฝึกการให้เหตุผลอย่างมีแบบแผน อันเป็นทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ที่สำ�คัญ
อย่างหนึ่ง นอกจากนั้น ครูควรให้นักเรียนได้นำ�ความรู้นี้ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ด้วย แนวทางการจัดกิจกรรม
การเรียนรู้อาจทำ�ได้ดังนี้
1. ครูแนะนำ�ความสัมพันธ์กน
ั ของรูปสามเหลีย่ มสองรูปแบบ ด้าน–ด้าน–ด้าน โดยใช้ “กิจกรรม : สำ�รวจ ด้าน–ด้าน–
ด้าน” ในหนังสือเรียน หน้า 91 ด้วยการให้นักเรียนสำ�รวจว่ารูปสามเหลี่ยมสองรูปเท่ากันทุกประการหรือไม่ จาก
การลงมือปฏิบัติด้วยการวัดขนาดของมุมทั้งสาม หรือใช้กระดาษลอกลายลอกรูปไปทับกัน เพื่อเชื่อมโยงสู่กรณี
ทั่วไปที่ว่า “รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่สัมพันธ์กันแบบ ด้าน–ด้าน–ด้าน จะเท่ากันทุกประการ”
2. ครูควรให้นักเรียนช่วยกันสังเกตว่า สิ่งที่เป็นเงื่อนไขของด้านที่กำ�หนดให้นั้นเป็นอย่างไร เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า
“รูปสามเหลีย่ มทัง้ สองรูปดังกล่าวนี้ มีดา้ นทีย่ าวเท่ากันสามคู่ จึงจะเป็นเงือ
่ นไขทีเ่ พียงพอทีจ่ ะสรุปว่ารูปสามเหลีย่ ม
สองรูปนัน
้ เท่ากันทุกประการ” ซึง่ ในกิจกรรมนี้ ครูอาจใช้ไฟล์สอ
ื่ สำ�เร็จรูปทีส่ ร้างจากซอฟต์แวร์ The Geometer’s
Sketchpad ที่สามารถดาวน์โหลดได้จากมุมเทคโนโลยีในหนังสือเรียน หน้า 92 ให้นักเรียนสำ�รวจ เพื่อค้นพบ
ข้อสรุปได้เช่นเดียวกัน
จากนั้น ครูแนะนำ�นักเรียนว่า รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่สัมพันธ์กันแบบ ด้าน–ด้าน–ด้าน สามารถเขียน
ย่อ ๆ ว่า ด.ด.ด.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
112 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
สื่อ/อุปกรณ์
1. อุปกรณ์ของกิจกรรม : สำ�รวจ ด้าน–ด้าน–ด้าน ในหนังสือเรียน หน้า 91
2. ไฟล์สื่อสำ�เร็จรูปที่สร้างจากซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad ในมุมเทคโนโลยีของกิจกรรม : สำ�รวจ
ด้าน–ด้าน–ด้าน
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. จาก “กิจกรรม : สำ�รวจ ด้าน–ด้าน–ด้าน” ในหนังสือเรียน หน้า 91 ให้นก
ั เรียนวัดขนาดของมุมทัง้ หมด หรือใช้กระดาษ
ลอกลาย ลอกรูปแล้วนำ�ไปทับกัน แล้วร่วมกันอภิปราย และสรุปว่ารูปทัง้ สองทีก่ �ำ หนดให้ในแต่ละข้อ เท่ากันทุกประการ
หรือไม่ เพราะเหตุใด
2. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลทีไ่ ด้จากการสำ�รวจ ซึง่ เป็นไปตามสมบัตท
ิ ว่ี า่ ถ้ารูปสามเหลีย่ มสองรูปมีความสัมพันธ์กน
ั
แบบ ด้าน–ด้าน–ด้าน (ด.ด.ด.) กล่าวคือ มีด้านยาวเท่ากันทั้งสามคู่ แล้วรูปสามเหลี่ยมสองรูปนั้นเท่ากันทุกประการ
3. ในการทำ�กิจกรรมนี้ ครูอาจใช้ไฟล์สอ
ื่ สำ�เร็จรูปทีส่ ร้างจากซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad ในมุมเทคโนโลยี
ของ “กิจกรรม : สำ�รวจ ด้าน–ด้าน–ด้าน” ในหนังสือเรียน หน้า 92 เพื่อให้นักเรียนใช้สำ�รวจ และสร้างข้อสรุปจาก
การสำ�รวจ ได้เช่นเดียวกัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 113
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 2.8
รูปสามเหลีย่ มสองรูปทีม
่ ข
ี นาดของมุมเท่ากันสามคู่ โดยทัว่ ไปจะไม่เท่ากันทุกประการ เพราะความยาวของด้าน
ipst.me/10068
ของรูปสามเหลี่ยมทั้งสองรูป อาจยาวไม่เท่ากัน ดังรูป
C
F
A B D E
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 2.5
1.
A D
B C
กำ�หนดให้ AB = CD และ DA = BC
ต้องการพิสูจน์ว่า เส้นทแยงมุม BD แบ่งรูปสี่เหลี่ยม ABCD ออกเป็นรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่เท่ากันทุกประการ
พิสูจน์ พิจารณา ∆ABD และ ∆CDB
AB = CD (กำ�หนดให้)
DA = BC (กำ�หนดให้)
BD = DB (BD เป็นด้านร่วม)
ดังนั้น ∆ABD ≅ ∆CDB (ด.ด.ด.)
นั่นคือ เส้นทแยงมุม BD แบ่งรูปสี่เหลี่ยม ABCD ออกเป็นรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่เท่ากันทุกประการ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
114 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
2. C D C D
A B A B A B
กำ�หนดให้ AC = BD และ BC = AD
ต้องการพิสูจน์ว่า AĈB = BD̂A
พิสูจน์ พิจารณา ∆ABC และ ∆BAD
AC = BD (กำ�หนดให้)
BC = AD (กำ�หนดให้)
AB = BA (AB เป็นด้านร่วม)
ดังนั้น ∆ABC ≅ ∆BAD (ด.ด.ด.)
จะได้ AĈB = BD̂A (มุมคูท
่ ส่ี มนัยกันของรูปสามเหลีย่ มทีเ่ ท่ากันทุกประการ จะมีขนาดเท่ากัน)
3. A
B C
กำ�หนดให้ AB = AC และ BD = CD
ต้องการพิสูจน์ว่า AD แบ่งครึ่ง BÂC
พิสูจน์ พิจารณา ∆ABD และ ∆ACD
AB = AC (กำ�หนดให้)
BD = CD (กำ�หนดให้)
AD = AD (AD เป็นด้านร่วม)
ดังนั้น ∆ABD ≅ ∆ACD (ด.ด.ด.)
จะได้ BÂD = CÂD (มุมคูท
่ ส่ี มนัยกันของรูปสามเหลีย่ มทีเ่ ท่ากันทุกประการ จะมีขนาดเท่ากัน)
นั่นคือ AD แบ่งครึ่ง BÂC (BÂD = CÂD)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 115
4. แนวคิด
C
T
M
5. แนวคิด
S R
P Q
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
116 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
6. แนวคิด
h1
C แนวต�นไม� D
h2
นั่นคือ h1 = h2
ดังนั้น ระยะจากจุด A ถึงแนวของ CD จะเท่ากับระยะจากจุด B ถึงแนวของ CD
นั่นคือ ตำ�แหน่งที่วางโต๊ะนั่งเล่นทั้งสองอยู่ห่างจากแนวต้นไม้เท่ากัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 117
2.6 รูปสามเหลีย
่ มสองรูปทีส
่ ม
ั พันธ์กน
ั แบบ มุม–มุม–ด้าน (1 ชัว่ โมง)
จุดประสงค์
นักเรียนสามารถ
1. บอกได้ว่ารูปสามเหลี่ยมสองรูปที่สัมพันธ์กันแบบ มุม–มุม–ด้าน เท่ากันทุกประการ
2. นำ�สมบัติของความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่สัมพันธ์กันแบบ มุม–มุม–ด้าน ไปใช้อ้างอิง
ในการให้เหตุผล
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
นักเรียนอาจเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีมุมที่มีขนาดเท่ากันสองคู่ และมีด้านยาวเท่ากันหนึ่งคู่ จะเป็น
ด้านคู่ใดก็ได้ เป็นรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
อุปกรณ์ของกิจกรรม : สำ�รวจ มุม–มุม–ด้าน
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องของการตรวจสอบว่า รูปสามเหลี่ยมสองรูปเท่ากันทุกประการหรือไม่ โดยการตรวจสอบเพียงด้านคู่ที่
สมนัยกันบางด้าน และมุมคู่ที่สมนัยกันบางมุมของรูปสามเหลี่ยมทั้งสองรูปนั้น ซึ่งด้านและมุมดังกล่าวต้องสอดคล้องกับเงื่อนไข
ทีก
่ �ำ หนด ทัง้ นี้ นักเรียนจะได้ฝก
ึ การให้เหตุผลอย่างมีแบบแผน อันเป็นทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ทส
ี่ �ำ คัญอย่างหนึง่
นอกจากนั้น ครูควรให้นักเรียนได้นำ�ความรู้นี้ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ด้วย แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
อาจทำ�ได้ดังนี้
1. ครูแนะนำ�ความสัมพันธ์กน
ั ของรูปสามเหลีย่ มสองรูปแบบ มุม–มุม–ด้าน โดยใช้ “กิจกรรม : สำ�รวจ มุม–มุม–ด้าน”
ในหนังสือเรียน หน้า 99 ด้วยการให้นักเรียนสำ�รวจว่ารูปสามเหลี่ยมสองรูปเท่ากันทุกประการหรือไม่ จากการ
ลงมือปฏิบัติด้วยการวัดความยาวของด้านและขนาดของมุมที่เหลือ หรือใช้กระดาษลอกลายลอกรูปไปทับกัน
เพื่อเชื่อมโยงสู่กรณีทั่วไปที่ว่า “รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่สัมพันธ์กันแบบ มุม–มุม–ด้าน จะเท่ากันทุกประการ”
2. ครู ค วรให้ นั ก เรี ย นช่ ว ยกั น สั ง เกตว่ า สิ่ ง ที่ เ ป็ น เงื่ อ นไขของด้ า นและมุ ม ที่ กำ � หนดให้ นั้ น เป็ น อย่ า งไร เพื่ อ ให้ ไ ด้
ข้อสรุปว่า “รูปสามเหลี่ยมทั้งสองรูปดังกล่าวนี้ มีมุมที่มีขนาดเท่ากันสองคู่ และด้านคู่ที่อยู่ตรงข้ามกับมุมคู่ที่มี
ขนาดเท่ากัน ยาวเท่ากันหนึง่ คู่ จึงจะเป็นเงือ
่ นไขทีเ่ พียงพอทีจ่ ะสรุปว่ารูปสามเหลีย่ มสองรูปนัน
้ เท่ากันทุกประการ”
จากนั้น ครูแนะนำ�นักเรียนว่า รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่สัมพันธ์กันแบบ มุม–มุม–ด้าน สามารถเขียนย่อ ๆ
ว่า ม.ม.ด.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
118 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
สื่อ/อุปกรณ์
อุปกรณ์ของกิจกรรม : สำ�รวจ มุม–มุม–ด้าน ในหนังสือเรียน หน้า 99
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. จาก “กิจกรรม : สำ�รวจ มุม–มุม–ด้าน” ในหนังสือเรียน หน้า 99 ครูให้นักเรียนสังเกตรูปที่กำ�หนดให้ ว่ามีด้านใดบ้าง
ที่ยาวเท่ากัน และมุมใดบ้างที่มีขนาดเท่ากัน
2. ครูให้นักเรียนวัดความยาวของด้านและวัดขนาดของมุมที่เหลือ
3. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย และสรุปว่ารูปทั้งสองที่กำ�หนดให้ในแต่ละข้อ เท่ากันทุกประการหรือไม่ เพราะเหตุใด
4. ครูให้นักเรียนสังเกตสิ่งที่โจทย์กำ�หนดให้อีกครั้ง เพื่อสรุปว่าด้านที่โจทย์กำ�หนดให้ยาวเท่ากันนั้น เป็นด้านคู่ที่อยู่
ตรงข้ามกับมุมคู่ที่มีขนาดเท่ากัน มุมใดมุมหนึ่ง
5. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลที่ได้จากการสำ�รวจ ซึ่งเป็นไปตามสมบัติที่ว่า ถ้ารูปสามเหลี่ยมสองรูปมีความสัมพันธ์
กันแบบ มุม–มุม–ด้าน (ม.ม.ด.) กล่าวคือ มีมม
ุ ทีม
่ ข
ี นาดเท่ากันสองคู่ และด้านคูท
่ อ
ี่ ยูต
่ รงข้ามกับมุมคูท
่ ม
ี่ ข
ี นาดเท่ากัน
ยาวเท่ากันหนึ่งคู่ แล้วรูปสามเหลี่ยมสองรูปนั้นเท่ากันทุกประการ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 119
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 2.9
รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีมุมที่มีขนาดเท่ากันสองคู่ และมีด้านยาวเท่ากันหนึ่งคู่ อาจจะไม่เท่ากันทุกประการ
ipst.me/10069
เพราะด้านที่ยาวเท่ากันนั้น ไม่ได้อยู่ตรงข้ามกับมุมที่มีขนาดเท่ากัน เช่น
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 2.6
1.
H
F I G
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
120 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
2.
A
B C
3. แนวคิด
A C
B D
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 121
4.
P
S T
Q R
5. 1)
B A
C D
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
122 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
2) แนวคิด
( 18x + 9)°
B A
(2x – 214)°
C D x°
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 123
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
-
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1. อุปกรณ์ของกิจกรรม : สำ�รวจ ฉาก–ด้าน–ด้าน
2. ไฟล์สื่อสำ�เร็จรูปที่สร้างจากซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad ในมุมเทคโนโลยีของกิจกรรม : สำ�รวจ
ฉาก–ด้าน–ด้าน
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องของการตรวจสอบว่า รูปสามเหลี่ยมมุมฉากสองรูปเท่ากันทุกประการหรือไม่ โดยการตรวจสอบเพียง
ความยาวของด้านตรงข้ามมุมฉาก และความยาวของด้านอื่นอีกหนึ่งคู่ ทั้งนี้ นักเรียนจะได้ฝึกการให้เหตุผลอย่างมีแบบแผน
อันเป็นทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ที่สำ�คัญอย่างหนึ่ง นอกจากนั้น ครูควรให้นักเรียนได้น�ำ ความรู้นี้ไปประยุกต์ใช้
ในสถานการณ์ต่าง ๆ ด้วย แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อาจทำ�ได้ดังนี้
1. ครูแนะนำ�ความสัมพันธ์กน
ั ของรูปสามเหลีย่ มสองรูปแบบ ฉาก–ด้าน–ด้าน โดยใช้ “กิจกรรม : สำ�รวจ ฉาก–ด้าน–ด้าน”
ในหนังสือเรียน หน้า 104 ด้วยการให้นักเรียนสำ�รวจว่ารูปสามเหลี่ยมมุมฉากสองรูปเท่ากันทุกประการหรือไม่
จากการลงมือปฏิบต
ั ด
ิ ว้ ยการวัดความยาวของด้านและขนาดของมุมทีเ่ หลือ หรือใช้กระดาษลอกลายลอกรูปไปทับกัน
เพือ่ เชือ่ มโยงสูก่ รณีทว่ั ไปทีว่ า่ “รูปสามเหลีย่ มมุมฉากสองรูปทีส่ ม
ั พันธ์กน
ั แบบ ฉาก–ด้าน–ด้าน จะเท่ากันทุกประการ”
2. ครูควรให้นก
ั เรียนช่วยกันสังเกตว่า สิง่ ทีเ่ ป็นเงือ
่ นไขของด้านและมุมทีก
่ �ำ หนดให้นน
้ั เป็นอย่างไร เพือ
่ ให้ได้ขอ
้ สรุปว่า
“รูปสามเหลี่ยมมุมฉากทั้งสองรูปดังกล่าวนี้ มีด้านตรงข้ามมุมฉากยาวเท่ากัน และมีด้านอื่นอีกหนึ่งคู่ยาวเท่ากัน
จึงจะเป็นเงื่อนไขที่เพียงพอที่จะสรุปว่ารูปสามเหลี่ยมมุมฉากสองรูปนั้นเท่ากันทุกประการ” ซึ่งในกิจกรรมนี้
ครูอาจใช้ไฟล์สื่อสำ�เร็จรูปที่สร้างจากซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad ที่สามารถดาวน์โหลดได้จาก
มุมเทคโนโลยีในหนังสือเรียน หน้า 105 ให้นักเรียนสำ�รวจ เพื่อค้นพบข้อสรุปได้เช่นเดียวกัน
จากนัน
้ ครูแนะนำ�นักเรียนว่า รูปสามเหลีย่ มสองรูปทีส่ ม
ั พันธ์กน
ั แบบ ฉาก–ด้าน–ด้าน สามารถเขียนย่อ ๆ ว่า ฉ.ด.ด.
3. ในบางครั้งโจทย์อาจกำ�หนดข้อมูลมาให้มากกว่าที่จำ�เป็นต้องใช้ ดังแบบฝึกหัด 2.7 ข้อ 2 ในหนังสือเรียน
หน้า 108 เพื่อฝึกให้นักเรียนตัดสินใจเลือกใช้ข้อมูลที่จำ�เป็นต่อการแก้ปัญหา
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
124 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
สื่อ/อุปกรณ์
1. อุปกรณ์ของกิจกรรม : สำ�รวจ ฉาก–ด้าน–ด้าน ในหนังสือเรียน หน้า 104
2. ไฟล์สื่อสำ�เร็จรูปที่สร้างจากซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad ในมุมเทคโนโลยีของกิจกรรม : สำ�รวจ
ฉาก–ด้าน–ด้าน
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. จาก “กิจกรรม : สำ�รวจ ฉาก–ด้าน–ด้าน” ในหนังสือเรียน หน้า 104 ครูให้นก
ั เรียนสังเกตรูปทีก
่ �ำ หนดให้ ว่ามีดา้ นใดบ้าง
ที่ยาวเท่ากัน และมุมใดบ้างที่มีขนาดเท่ากัน
2. ครูให้นักเรียนวัดความยาวของด้าน และวัดขนาดของมุมที่เหลือ
3. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย และสรุปว่ารูปทั้งสองที่กำ�หนดให้ในแต่ละข้อ เท่ากันทุกประการหรือไม่ เพราะเหตุใด
4. ครูให้นักเรียนสังเกตสิ่งที่โจทย์กำ�หนดให้อีกครั้ง เพื่อสรุปว่า ด้านอื่นที่โจทย์กำ�หนดให้ยาวเท่ากันอีกหนึ่งคู่นั้น
เป็นด้านคู่ที่สมนัยกัน
5. ครู แ ละนั ก เรี ย นร่ ว มกั น สรุ ป ผลที่ ไ ด้ จ ากการสำ � รวจ ซึ่ ง เป็ น ไปตามสมบั ติ ที่ ว่ า ถ้ า รู ป สามเหลี่ ย มมุ ม ฉากสองรู ป
มีความสัมพันธ์กันแบบ ฉาก–ด้าน–ด้าน (ฉ.ด.ด.) กล่าวคือ มีด้านตรงข้ามมุมฉากยาวเท่ากัน และมีด้านอื่นอีกหนึ่งคู่
ยาวเท่ากัน แล้วรูปสามเหลี่ยมสองรูปนั้นเท่ากันทุกประการ
6. ในการทำ�กิจกรรมนี้ ครูอาจใช้ไฟล์สอ
ื่ สำ�เร็จรูปทีส่ ร้างจากซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad ในมุมเทคโนโลยี
ของ “กิจกรรม : สำ�รวจ ฉาก–ด้าน–ด้าน” ในหนังสือเรียน หน้า 105 เพื่อให้นักเรียนใช้สำ�รวจ และสร้างข้อสรุปจาก
การสำ�รวจ ได้เช่นเดียวกัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 125
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 2.10
ได้ โดยใช้ทฤษฎีบทพีทาโกรัสแสดงว่า ความยาวของ XY และ AB
ipst.me/10070 X A
เท่ากัน แล้วแสดงว่า ∆XYO และ ∆ABO เท่ากันทุกประการแบบ
O
ด.ม.ด. โดยมุมระหว่างด้านคู่ที่ยาวเท่ากันคือ X̂ กับ Â แต่ไม่สามารถ
ใช้มุม Ô ของแต่ละรูปสามเหลี่ยมได้ เพราะไม่ได้เกิดจากเส้นตรง
สองเส้นตัดกัน
Y B
ชวนคิด 2.11
วิธก
ี ารตรวจสอบว่า ขอบของกรอบรูปเป็นรูปสีเ่ หลีย
่ มมุมฉาก โดยการวัดความยาวของเส้นทแยงมุมให้เท่ากัน
ipst.me/10071
เป็นวิธีที่ใช้ได้ ดังการพิสูจน์ต่อไปนี้
A B A B
D C D C
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 2.7
1.
D E C
A F B
M
2.
O N Q
พิสูจน์
พิจารณา ΔMON และ ΔOQP
MÔN = 90° (กำ�หนดให้ MO ⏊ OQ)
MÔN = OQ̂P = 90° (กำ�หนดให้ และสมบัติของการเท่ากัน)
MO = OQ (กำ�หนดให้)
MN = OP (กำ�หนดให้)
ดังนั้น ΔMON ≅ ΔOQP (ฉ.ด.ด.)
3.
A
O
T
F
S
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
128 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
4.
D
A B E
5. แนวคิด
A A
1 2
E O F
B D B D
34 56
C C
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 129
6.
C C
B
D A B D A
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
130 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
7. แนวคิด
D
สัน
สัน เชือก
C
O
สัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 131
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
-
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ใบกิจกรรมเสนอแนะ 2.8 : ทำ�ได้หรือไม่
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องของการสำ�รวจสมบัติของรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว เพื่อนำ�ความรู้ที่ได้ไปช่วยในการให้เหตุผล รวมถึงนำ�
ความรู้ที่ได้ศึกษามาจากหัวข้อก่อนหน้านี้เกี่ยวกับสมบัติของความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยม ไปช่วยในการให้เหตุผล
และแก้ปัญหาด้วยเช่นกัน แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อาจทำ�ได้ดังนี้
1. ครูยกตัวอย่างรูปสามเหลีย
่ มหน้าจัว่ ทีอ
่ ยูใ่ นสิง่ แวดล้อมรอบตัว เพือ
่ นำ�เข้าสูบ
่ ทนิยามของรูปสามเหลีย
่ มหน้าจัว่ บน
ระนาบ ที่กล่าวว่า “รูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว คือ รูปสามเหลี่ยมที่มีด้านสองด้านยาวเท่ากัน” ในการยกตัวอย่าง
จากสิ่งรอบตัวควรให้นักเรียนได้เห็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วในมุมมองที่หลากหลาย เช่น การจัดวางรูปสามเหลี่ยม
หน้าจั่วในหนังสือเรียน หน้า 110
2. ครูให้นักเรียนทำ� “กิจกรรม : สำ�รวจรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว” ในหนังสือเรียน หน้า 111 เพื่อสำ�รวจ ค้นหา
และสรุปสมบัติของรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วด้วยตนเอง ซึ่งนักเรียนอาจใช้ความรู้เกี่ยวกับสมบัติของความเท่ากัน
ทุกประการของรูปสามเหลี่ยมมาใช้ในการอธิบายได้
นอกจากนี้ครูอาจแนะนำ�ให้นักเรียนแยกแยะระหว่างบทนิยามกับสมบัติของรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว เช่น
“มุมที่ฐานของรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วมีขนาดเท่ากัน” เป็นสมบัติไม่ใช่บทนิยาม แต่อย่างไรก็ตามนักเรียนสามารถ
นำ�ทั้งบทนิยามและสมบัติของรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วไปใช้อ้างอิงในการให้เหตุผลและการแก้ปัญหาได้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
132 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 133
สื่อ/อุปกรณ์
ใบกิจกรรมเสนอแนะ 2.8 : ทำ�ได้หรือไม่
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ให้นก
ั เรียนแบ่งกลุม
่ กลุม
่ ละ 3–4 คน แล้วทำ�กิจกรรมในใบกิจกรรมเสนอแนะ 2.8 : ทำ�ได้หรือไม่ ในคูม
่ อ
ื ครู หน้า 134
2. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มมานำ�เสนอข้อสรุปที่ได้หน้าชั้นเรียน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
134 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
ปัญหาที่ 1
ซ่อมผนังห้อง
ริมผนังห้องแห่งหนึ่งเว้าแหว่งหลุดหายไปเป็นรูปสามเหลี่ยม ดังรูป
ถ้าวัดความยาวของด้านสองด้านของช่องรูปสามเหลี่ยม และมุมใน
ระหว่างด้านสองด้านนี้ จะได้ข้อมูลที่เพียงพอสำ�หรับนำ�ไปใช้เพื่อตัด
แผ่ น ไม้ รู ป สามเหลี่ ย มที่ ส ามารถนำ � มาซ่ อ มผนั ง ที่ เ ว้ า แหว่ ง ได้ พ อดี
หรือไม่ เพราะเหตุใด
ปัญหาที่ 2
สร้างโครงหลังคา
ช่างก่อสร้างได้สร้างแบบของโครงหลังคาชุดหนึ่งไว้ แล้วสร้างโครง
หลังคาชุดอืน
่ ๆ ด้วยการวัดความยาวของท่อเหล็กสามชิน
้ และตำ�แหน่ง
บนท่อที่จะนำ�ท่อเหล็กมาประกอบกันเป็นโครงรูปสามเหลี่ยมเท่านั้น
โดยไม่ วั ด ขนาดของมุ ม เลย โครงหลั ง คาที่ ส ร้ า งได้ แ ต่ ล ะชุ ด เท่ า กั น
ทุกประการกับแบบของโครงหลังคาหรือไม่ เพราะเหตุใด
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 135
ปัญหาที่ 2
เท่ากันทุกประการ
เพราะ โครงหลังคารูปสามเหลี่ยมที่สร้างได้แต่ละชุดเท่ากันทุกประการกับแบบของโครงหลังคา เนื่องจาก
มีความสัมพันธ์กันแบบ ด้าน–ด้าน–ด้าน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
136 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
กิจกรรม : สำ�รวจรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว
กิจกรรมนี้ เป็นกิจกรรมที่ต้องการให้นักเรียนได้สำ�รวจ ค้นหา และสรุปสมบัติของรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วด้วยตนเอง
ซึ่งนักเรียนต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับสมบัติของความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยมที่ได้ศึกษามาในหัวข้อก่อนหน้านี้มาใช้ใน
การอธิบายให้เหตุผล โดยมีขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม ดังนี้
สื่อ/อุปกรณ์
-
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3–4 คน แล้วทำ� “กิจกรรม : สำ�รวจรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว” ในหนังสือเรียน หน้า 111
โดยตอบคำ�ถามในกิจกรรมที่ 1–3 ให้เรียบร้อย
2. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม เขียนสรุปสิ่งที่ได้ค้นพบจากการทำ�กิจกรรมที่ 1–3
3. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มมานำ�เสนอข้อสรุปที่ได้หน้าชั้นเรียน
เฉลยกิจกรรม : สำ�รวจรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว
กิจกรรมที่ 1
1. เท่ากันทุกประการ เพราะ มีความสัมพันธ์แบบ ด.ม.ด.
2. เท่ากัน เพราะ มุมคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ จะมีขนาดเท่ากัน
3. เท่ากัน เพราะ ด้านคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ จะยาวเท่ากัน
4. เท่ากัน เพราะ มุมคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ จะมีขนาดเท่ากัน
5. เท่ากัน
6. 180° เพราะ AD̂B + AD̂C = BD̂C ซึ่งเป็นมุมตรง และมุมตรงมีขนาด 180°
7. AD̂B = 90°
เนื่องจาก AD̂B + AD̂C = 180° และ AD̂B = AD̂C (จากข้อ 4)
จะได้ 2(AD̂B) = 180° (สมบัติของการเท่ากัน)
ดังนั้น AD̂B = 90° (สมบัติของการเท่ากัน)
8. AD ตั้งฉากกับ BC เพราะ AD̂B มีขนาด 90°
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 137
กิจกรรมที่ 2
1. ΔABD ≅ ΔACD เพราะ มีความสัมพันธ์แบบ ด.ด.ด.
2. เท่ากัน เพราะ มุมคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ จะมีขนาดเท่ากัน
3. AD ตั้งฉากกับ BC เพราะ
แนวคิด 1 ΔABC เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว และ BÂD = CÂD
จะได้ AD แบ่งครึ่ง BÂC ที่เป็นมุมยอด ทำ�ให้ AD ตั้งฉากกับ BC (จากข้อ 8 ของกิจกรรมที่ 1)
แนวคิด 2 เนื่องจาก ΔABD ≅ ΔACD
จะได้ AD̂B = AD̂C (มุมคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ
จะมีขนาดเท่ากัน)
แต่ AD̂B + AD̂C = 180° (ขนาดของมุมตรง)
จะได้ 2(AD̂B) = 180° (สมบัติของการเท่ากัน)
ดังนั้น AD̂B = 90° (สมบัติของการเท่ากัน)
นั่นคือ AD ตั้งฉากกับ BC
กิจกรรมที่ 3
1. ΔABD ≅ ΔACD เพราะ มีความสัมพันธ์แบบ ฉ.ด.ด.
2. เท่ากัน เพราะ มุมคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ จะมีขนาดเท่ากัน
3. AD แบ่งครึ่ง BC เพราะ
เนื่องจาก ΔABD ≅ ΔACD
จะได้ BD = CD (ด้านคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ
จะยาวเท่ากัน)
นั่นคือ AD แบ่งครึ่ง BC
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
138 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
กิจกรรม : โย้ได้หรือไม่
กิจกรรมนี้ เป็นกิจกรรมที่เชื่อมโยงความรู้กับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว โดยให้นักเรียนสำ�รวจ ค้นหา เพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับ
โครงสร้างที่ประกอบเป็นรูปเรขาคณิตชนิดต่าง ๆ โดยมีสื่อ/อุปกรณ์ และขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม ดังนี้
สื่อ/อุปกรณ์
อุปกรณ์ของกิจกรรม : โย้ได้หรือไม่ ในหนังสือเรียน หน้า 119
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ให้นักเรียนทำ�ตามขั้นตอนการทำ�กิจกรรมของ “กิจกรรม : โย้ได้หรือไม่” ในหนังสือเรียน หน้า 119 พร้อมตอบคำ�ถาม
ข้อ 3 และข้อ 4
2. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มมานำ�เสนอผลที่ได้จากการทำ�กิจกรรม
เฉลยกิจกรรม : โย้ได้หรือไม่
3. โครงรูปสามเหลี่ยม โย้ไม่ได้ แต่โครงรูปสี่เหลี่ยม โย้ได้
4. การคาดการณ์ว่า รูปหลายเหลี่ยมอื่น ๆ สามารถโย้ได้หรือไม่ อาจมีคำ�ตอบได้หลายคำ�ตอบ
ตัวอย่างคำ�ตอบ
✤ รูปหลายเหลี่ยมอื่น ๆ สามารถโย้ได้
✤ รูปห้าเหลี่ยม สามารถโย้ได้
✤ รูปหกเหลี่ยม สามารถโย้ได้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 139
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 2.12
เส้นตรงทั้งสามเป็นเส้นที่อยู่ในแนวเดียวกัน
ipst.me/10072
ชวนคิด 2.13
ipst.me/10073
กำ�หนดให้ PR = LI แล้วใช้สมบัติของรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว ARI และขนาดของมุมตรง ทำ�ให้ AR̂P = AÎ L
ชวนคิด 2.14
ช่างสำ�รวจใช้ความสัมพันธ์แบบ ม.ด.ม. ดังรูป
ipst.me/10074
ชวนคิด 2.15
ถ้าเชือก 2 เส้น ที่กำ�หนดให้ มีความยาวไม่เท่ากัน สามารถใช้ความรู้เรื่องรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ
ipst.me/10075
หาความกว้างของสิ่งของที่นักเรียนเลือกมาได้ เช่น
B
C
A
D
ชวนคิด 2.16
เนื่องจาก ในเวลา 60 นาที เข็มยาวของนาฬิกาหมุนไปจากเดิม 1 รอบ ด้วยมุม 360 องศา
ipst.me/10076
แสดงว่า ในเวลา 1 นาที เข็มยาวหมุนไปด้วยมุม 6 องศา
และ ในเวลา 60 นาที เข็มสั้นของนาฬิกาจะหมุนไปจากเดิม 5 ช่องนาที เท่ากับ 30 องศา
เมื่อเวลา 11:50 น. เข็มยาวของนาฬิกาหมุนไป 50 นาที ด้วยมุม 300 องศา
เข็มสั้นของนาฬิกาจะหมุนจากตัวเลข 11 ไป —– 30 × 300 = 25 องศา
360
ดังนั้น เข็มยาว(ซึ่งอยู่ที่ตัวเลข 10) และเข็มสั้นของนาฬิกาทำ�มุมที่มีขนาด 30 + 25 = 55 องศา
หรือ
เมื่อเวลา 12:10 น. เข็มยาวของนาฬิกาหมุนไป 10 นาที ด้วยมุม 60 องศา
เข็มสั้นของนาฬิกาจะหมุนจากตัวเลข 12 ไป —– 30 × 60 = 5 องศา
360
ดังนั้น เข็มยาว(ซึ่งอยู่ที่ตัวเลข 2) และเข็มสั้นของนาฬิกาทำ�มุมที่มีขนาด 60 – 5 = 55 องศา
นั่นคือ เข็มยาวและเข็มสั้นของนาฬิกา ณ เวลาทั้งสองทำ�มุมที่มีขนาด 55 องศา เท่ากัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 141
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 2.8
1. แนวคิด
กรณีที่ 1 ให้ด้านประกอบมุมยอดแต่ละด้านยาว 10 เซนติเมตร
10 10
x x
10
ให้ด้านประกอบมุมยอดแต่ละด้านยาว x เซนติเมตร
เนื่องจาก รูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว มีความยาวรอบรูป 36 เซนติเมตร
จะได้ x + x + 10 = 36
2x = 26
x = 13
ดังนั้น ความยาวของด้านที่เหลือแต่ละด้านเท่ากับ 13 เซนติเมตร
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
142 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
2. แนวคิด
กรณีที่ 1 ให้มุมที่ฐานของรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วมีขนาด 52 องศา
x°
52° 52°
ให้มุมยอดของรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วมีขนาด x องศา
เนื่องจาก ขนาดของมุมภายในทั้งสามมุมของรูปสามเหลี่ยมรวมกันเท่ากับ 180 องศา
จะได้ x + 52 + 52 = 180
x = 76
ดังนั้น ขนาดของมุมที่เหลืออีกสองมุมเท่ากับ 76 และ 52 องศา
52°
x° x°
ให้มุมที่ฐานของรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วแต่ละมุมมีขนาด x องศา
เนื่องจาก ขนาดของมุมภายในทั้งสามมุมของรูปสามเหลี่ยมรวมกันเท่ากับ 180 องศา
จะได้ x + x + 52 = 180
2x = 128
x = 64
ดังนั้น ขนาดของมุมที่เหลือแต่ละมุมเท่ากับ 64 องศา
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 143
3. แนวคิด
เนื่องจาก มี ส มบั ติ ป ระการหนึ่ ง ของรู ป สามเหลี่ ย มที่ ว่ า “ผลบวกของความยาวของด้ า นสองด้ า นใด ๆ ของ
รูปสามเหลี่ยมมากกว่าความยาวของด้านที่เหลือ”
ดังนั้น ความยาวของด้ า นทั้ ง สามของรู ป สามเหลี่ ย มหน้ า จั่ ว ที่ เ ป็ น จำ � นวนเต็ ม หน่ ว ย และมี ค วามยาวรอบรู ป
16 หน่วย มีได้ 3 รูป ดังนี้
4. แนวคิด
A
B E
C D
F G
1) เท่ากัน
เนื่องจาก AC = AD (กำ�หนดให้)
จะได้ ∆ACD เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว (บทนิยามของรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว)
ดังนั้น AĈD = AD̂C (มุมที่ฐานของรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วมีขนาดเท่ากัน)
AĈD = FĈB และ AD̂C = GD̂E (ถ้าเส้นตรงสองเส้นตัดกัน แล้วมุมตรงข้ามมีขนาดเท่ากัน)
นั่นคือ FĈB = GD̂E (สมบัติของการเท่ากัน)
2) เท่ากัน
เนื่องจาก BĈA + AĈD = ED̂A + AD̂C = 180° (ขนาดของมุมตรง)
และ AĈD = AD̂C (มุมที่ฐานของรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วมีขนาดเท่ากัน)
ดังนั้น BĈA = ED̂A (สมบัติของการเท่ากัน)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
144 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
5. A
B C
6. A
D B
C
กำ�หนดให้ AB̂D = CB̂D และ BD ⏊ AC
ต้องการพิสูจน์ว่า ∆ABC เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว
พิสูจน์ พิจารณา ∆ABD และ ∆CBD
AB̂D = CB̂D (กำ�หนดให้)
BD = BD (BD เป็นด้านร่วม)
AD̂B = CD̂B = 90° (BD ⏊ AC)
ดังนั้น ∆ABD ≅ ∆CBD (ม.ด.ม.)
จะได้ AB = CB (ด้านคูท
่ สี่ มนัยกันของรูปสามเหลีย่ มทีเ่ ท่ากันทุกประการ
จะยาวเท่ากัน)
นั่นคือ ∆ABC เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว (บทนิยามของรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 145
7. C
A B
E
8. C
A B
O
กำ�หนดให้ AB ยาวพอสมควร
ต้องการสร้าง CD แบ่งครึ่ง AB ที่จุด O
วิธีสร้าง 1. ใช้จุด A และจุด B เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมียาวพอสมควร เขียนส่วนโค้งให้ตัดกันที่จุด C และ
จุด D ตามลำ�ดับ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
146 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
A B
O
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 147
D B
O
C
ให้ AC และ BD ตัดกันที่จุด O
พิจารณา ∆AOD และ ∆AOB
AO = AO (AO เป็นด้านร่วม)
AÔD = AÔB = 90° (กำ�หนดให้)
DO = BO (กำ�หนดให้)
ดังนั้น ∆AOD ≅ ∆AOB (ด.ม.ด.)
จะได้ AD = AB (ด้านคูท
่ สี่ มนัยกันของรูปสามเหลีย่ มทีเ่ ท่ากันทุกประการ
จะยาวเท่ากัน)
ในทำ�นองเดียวกัน ∆COD ≅ ∆COB จะได้ CD = CB
เนื่องจาก AD = AB และ CD = CB
จะได้ ABCD เป็นรูปสี่เหลี่ยมรูปว่าว
P S R
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
148 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 149
กิจกรรมท้ายบท : หาได้เท่าไร
กิจกรรมนี้ เน้นให้นักเรียนได้นำ�ความรู้เกี่ยวกับความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยมไปใช้ในการหาความกว้างของ
สิ่งต่าง ๆ รอบตัว ซึ่งความกว้างของสิ่งของเหล่านั้น ไม่สามารถวัดได้โดยตรง โดยมีสื่อ/อุปกรณ์ และขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
ดังนี้
สื่อ/อุปกรณ์
อุปกรณ์ในกิจกรรมท้ายบท : หาได้เท่าไร ในหนังสือเรียน หน้า 123
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ให้นักเรียนทำ�ตามขั้นตอนของ “กิจกรรมท้ายบท : หาได้เท่าไร” ในหนังสือเรียน หน้า 123
2. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำ�เสนอว่ากลุ่มของตนเอง เลือกที่จะวัดความกว้างของอะไร และมีวิธีคิดอย่างไร
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
150 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
เฉลยกิจกรรมท้ายบท : หาได้เท่าไร
3. ตัวอย่างคำ�ตอบ
ถ้าต้องการหาความยาวของเส้นผ่านศูนย์กลางของฐานของหินที่มีรูปร่างใกล้เคียงกับทรงกระบอกที่ล้อมรอบต้นไม้
แต่มีต้นไม้ขวางแนวที่จะวัดโดยตรง
ให้ A และ B แทน ตำ�แหน่งปลายทั้งสองด้านของสิ่งที่ต้องการหาความกว้าง
หาความกว้างของสิ่งที่เลือก ตามแนวคิด ดังนี้
1) ใช้ความรู้เกี่ยวกับสมบัติของรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน โดยใช้เชือก 2 เส้น ที่ยาวเท่ากัน
1.1) ให้เพื่อน 2 คน นำ�ปลายเชือกไปวาง ที่ตำ�แหน่ง A และ B แล้วจับไว้
1.2) ให้เพื่อนอีก 2 คน จับปลายเชือกที่เหลือที่ตำ�แหน่ง C และ D แล้วดึงเชือกให้ตึงและขนานกัน พร้อมทั้ง
ขนานกับแนวพื้นดินด้วย เมื่อมองจากด้านบน จะได้ดังรูป
D
เชือก
B
เชือก
A
2) ใช้ความรู้เกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ (รายละเอียดอยู่ในข้อ 4)
4. ใช้ความรู้เกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการช่วยในการหาความกว้างของสิ่งที่เลือกได้ตามแนวคิด ดังนี้
ถ้าต้องการหาความยาวของเส้นผ่านศูนย์กลางของฐานของหินทีม
่ รี ป
ู ร่างใกล้เคียงกับทรงกระบอกทีล่ อ
้ มรอบต้นไม้
แต่มีต้นไม้ขวางแนวที่จะวัดโดยตรง สามารถทำ�ได้ดังนี้
1) ให้ A และ B แทน ตำ�แหน่งปลายทั้งสองด้านของสิ่งที่ต้องการหาความกว้าง
2) หาจุดกึ่งกลางของเชือกที่ยาว 5 เมตร ทั้งสองเส้น แล้วทำ�เครื่องหมายกำ�กับไว้
3) ให้เพื่อน 2 คน นำ�ปลายเชือกไปวาง ที่ตำ�แหน่ง A และ B และจับไว้
4) ให้เพือ
่ นอีก 2 คน จับปลายเชือกทีต
่ �ำ แหน่ง C และ D แล้วดึงเชือกให้ตงึ และขนานกับแนวพืน
้ ดิน โดยให้เชือก
ซ้อนกัน ณ จุดที่ทำ�เครื่องหมายไว้ ให้จุดนั้นคือจุด O เมื่อมองจากด้านบน จะได้ดังรูป
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
152 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
เฉลยแบบฝึกหัดท้ายบท
1. แนวคิด รูปสามเหลี่ยม ABC ที่สร้าง จะเท่ากันทุกประการกับรูปสามเหลี่ยม DEF ที่กำ�หนดให้
เพราะมีความสัมพันธ์แบบ ด้าน–มุม–ด้าน ดังนี้
E B
5 ซม.
3 ซม. 3 ซม.
D 4 ซม. F A C
2. แนวคิด A
B D E C
AB = AC (ด้านประกอบมุมยอดของรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วยาวเท่ากัน)
ดังนั้น ΔABD ≅ ΔACE (ม.ม.ด.)
จะได้ BD = CE (ด้านคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ
จะยาวเท่ากัน)
BD = 10 หน่วย (กำ�หนดให้)
ดังนั้น CE = 10 หน่วย (สมบัติของการเท่ากัน)
3.
P
A
N O
E
Q M R
B
D C
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
154 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
P
A
N O
E
Q M R
B
D C
4. แนวคิด
D
E C
A M B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 155
5. 1)
A B B
F
D C
E F
H G D C H G
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
156 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
D B
H F
2) แนวคิด
B D B
1 1
D 1 C H
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 157
A
6.
B D C
7. แนวคิด D C
3 4
1 2
A B
8. A
F E
B D C
9. แนวคิด B Bʹ
C Cʹ
A
A
ให้ A แทนตำ�แหน่งจุดหมุนของเข็มนาฬิกาทั้งสอง
B แทนตำ�แหน่งจุดปลายของเข็มสั้นของนาฬิกา เมื่อเวลา 11:50 น.
C แทนตำ�แหน่งจุดปลายของเข็มยาวของนาฬิกา เมื่อเวลา 11:50 น.
Bʹ แทนตำ�แหน่งจุดปลายของเข็มสั้นของนาฬิกา เมื่อเวลา 12:10 น.
Cʹ แทนตำ�แหน่งจุดปลายของเข็มยาวของนาฬิกา เมื่อเวลา 12:10 น.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 159
10. แนวคิด
วิธีที่ 1 ใช้การพิสูจน์
B Bʹ
A Aʹ
C Cʹ
ให A แทนตำ�แหน่งจุดหมุนของเข็มนาฬิกาทั้งสอง
B แทนตำ�แหน่งจุดปลายของเข็มสั้นของนาฬิกา เมื่อเวลา 11:36 น.
C แทนตำ�แหน่งจุดปลายของเข็มยาวของนาฬิกา เมื่อเวลา 11:36 น.
Bʹ แทนตำ�แหน่งจุดปลายของเข็มสั้นของนาฬิกา เมื่อเวลา 12:24 น.
Cʹ แทนตำ�แหน่งจุดปลายของเข็มยาวของนาฬิกา เมื่อเวลา 12:24 น.
พิจารณา ΔABC และ ΔABʹCʹ
AB = ABʹ (เข็มสั้นของนาฬิกา ยาวเท่ากัน)
AC = ACʹ (เข็มยาวของนาฬิกา ยาวเท่ากัน)
BC = BʹCʹ (กำ�หนดให้)
ดังนั้น ΔABC ≅ ΔABʹCʹ (ด.ด.ด.)
จะได้ BÂC = BʹÂCʹ (มุมคูท
่ ส่ี มนัยกันของรูปสามเหลีย่ มทีเ่ ท่ากันทุกประการ จะมีขนาดเท่ากัน)
นั่นคือ เข็มยาวและเข็มสั้นของนาฬิกา ณ เวลาทั้งสองทำ�มุมที่มีขนาดเท่ากัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
160 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
วิธีที่ 2 ใช้การคำ�นวณหาขนาดของมุม
(ข้อนี้จะเฉลยโดยใช้แนวคิดต่างจากที่เฉลยในชวนคิด 2.16 เพื่อให้เห็นว่าแต่ละข้อมีวิธีทำ�ได้หลากหลาย)
เมื่อเวลา 11:36 น.
เข็มยาวของนาฬิกาหมุนไปจากตัวเลข 12 ด้วยมุม 36 × 6 = 216 องศา
แสดงว่า เหลืออีก 360 – 216 = 144 องศา เข็มยาวจะไปอยู่ตำ�แหน่งตัวเลข 12 อีกครั้งหนึ่ง
เข็มสั้นของนาฬิกาจะหมุนไปจากตัวเลข 11 ด้วยมุม 36 × 0.5 = 18 องศา
แสดงว่า เหลืออีก 30 – 18 = 12 องศา เข็มสั้นจะไปอยู่ตำ�แหน่งตัวเลข 12 อีกครั้งหนึ่ง
ดังนั้น เข็มยาวและเข็มสั้นของนาฬิกาทำ�มุมที่มีขนาด 144 – 12 = 132 องศา
เมื่อเวลา 12:24 น.
เข็มยาวของนาฬิกาหมุนไปจากตัวเลข 12 ด้วยมุม 24 × 6 = 144 องศา
เข็มสั้นของนาฬิกาจะหมุนไปจากตัวเลข 12 ด้วยมุม 24 × 0.5 = 12 องศา
ดังนั้น เข็มยาวและเข็มสั้นของนาฬิกาทำ�มุมที่มีขนาด 144 – 12 = 132 องศา
นั่นคือ เข็มยาวและเข็มสั้นของนาฬิกา ณ เวลาทั้งสองทำ�มุมที่มีขนาด 132 องศา เท่ากัน
M
A
B N
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 161
2) คำ�ตอบขึ้นอยู่กับเหตุผล และสามารถคำ�นวณหาความยาวของเชือกที่ใช้ได้ดังนี้
แนวคิด
M
80
B 60 N
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
162 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
ตัวอย่างแบบทดสอบท้ายบท
1. จากข้อความต่อไปนี้ จงเติมคำ�ลงในช่องว่าง
จะสรุปได้ว่า ∆ ≅ ∆ (1 คะแนน)
2. รูปสามเหลีย่ มทีก
่ �ำ หนดให้ในแต่ละข้อต่อไปนีเ้ ท่ากันทุกประการหรือไม่ ถ้าเท่ากันทุกประการให้บอกว่าเท่ากันทุกประการ
ด้วยความสัมพันธ์แบบใด (4 คะแนน)
1) 2)
B F A Q
80°
6 ซม. 40°
25
R
°
C
7 ซม. 7 ซม.
80°
40°
40° 6 ซม.
A 5 ซม. C E 5 ซม. D B P
3) AC ตัดกับ BD ที่จุด O 4)
C C
B
P
35°
O 6 ซม.
D
35° 65°
A R Q
A 80° 6 ซม.
B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 163
D
3. ABCD เป็นรูปสีเ่ หลีย่ มผืนผ้า มี BE และ DF ตัง้ ฉากกับ AC
ที่จุด E และ F ตามลำ�ดับ
A E จงหาว่า รูปสามเหลีย่ มคูท
่ เ่ี ท่ากันทุกประการมีทง้ั หมดกีค่ ู่ อะไรบ้าง
C
F พร้ อ มระบุ ค วามสั ม พั น ธ์ ที่ ทำ � ให้ รู ป สามเหลี่ ย มคู่ นั้ น เท่ า กั น
ทุกประการ (4 คะแนน)
B
30°
A
70° 80°
30°
B R 6 ซม. Q
5. C
30° Z 5 ซม. Y
5 ซม.
(5x)°
X
A B
จากรูป ΔABC ≅ ΔXYZ มี AB̂C = 90° , AĈB = 30° และ YX̂Z = (5x)°
จงหาค่า x (2 คะแนน)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
164 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
6. B C
D
E A (2x + 10)°
(3x – 20)°
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 165
7. กำ � หนดให้ ABCD เป็ น รู ป สี่ เ หลี่ ย มผื น ผ้ า X และ Y เป็ น จุ ด กึ่ ง กลางของด้ า น BC และ AD ตามลำ � ดั บ
จงแสดงว่า AX = CY (5 คะแนน)
D C
Y X
A B
M N
A B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
166 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
D C
A M B
A B C D E
F G H I J
ถ้านักเรียนและเพื่อน ๆ ต้องการหาความกว้างของคลอง โดยอาศัยแนวของเสาไฟฟ้า จะมีวิธีหาได้อย่างไร จงอธิบาย
(5 คะแนน)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 167
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
168 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
เฉลยตัวอย่างแบบทดสอบท้ายบท
1. จากข้อความต่อไปนี้ จงเติมคำ�ลงในช่องว่าง
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรีียน
ข้อ 1 นักเรียนสามารถบอกสมบัติของความเท่ากันทุกประการของรูปเรขาคณิต
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 1 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
2. รูปสามเหลีย่ มทีก
่ �ำ หนดให้ในแต่ละข้อต่อไปนีเ้ ท่ากันทุกประการหรือไม่ ถ้าเท่ากันทุกประการให้บอกว่าเท่ากันทุกประการ
ด้วยความสัมพันธ์แบบใด (4 คะแนน)
1) 2)
B F A Q
80°
6 ซม. 40°
25
R
°
C
7 ซม. 7 ซม.
80°
40° 6 ซม.
40°
A 5 ซม. C E 5 ซม. D B P
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 169
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นั ก เรี ย นสามารถบอกได้ ว่ า รู ป สามเหลี่ ย มสองรู ป ที่ สั ม พั น ธ์ กั น แบบ ด้ า น–มุ ม –ด้ า น, มุ ม –ด้ า น–มุ ม ,
ด้าน–ด้าน–ด้าน, มุม–มุม–ด้าน และ ฉาก–ด้าน–ด้าน เท่ากันทุกประการ
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 4 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้ข้อละ 1 คะแนน
ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
3.
D ABCD เป็นรูปสีเ่ หลีย่ มผืนผ้า มี BE และ DF ตัง้ ฉากกับ AC
ที่จุด E และ F ตามลำ�ดับ
จงหาว่า รูปสามเหลีย่ มคูท
่ เ่ี ท่ากันทุกประการมีทง้ั หมดกีค่ ู่ อะไรบ้าง
A E
C
F พร้ อ มระบุ ค วามสั ม พั น ธ์ ที่ ทำ � ให้ รู ป สามเหลี่ ย มคู่ นั้ น เท่ า กั น
ทุกประการ (4 คะแนน)
แนวคิด
3 คู่ เหตุผลมีได้หลากหลาย เช่น
1) ∆ABC ≅ ∆CDA เพราะมีความสัมพันธ์แบบ ด้าน–ด้าน–ด้าน (AB = CD, CB = AD, AC = CA)
หรือ มีความสัมพันธ์แบบ ด้าน–มุม–ด้าน (AB = CD, AB̂C = CD̂A, BC = DA)
2) ∆ABE ≅ ∆CDF เพราะมีความสัมพันธ์แบบ มุม–มุม–ด้าน (AÊB = CF̂D, BÂE = DĈF, AB = CD)
หรือ มีความสัมพันธ์แบบ ฉาก–ด้าน–ด้าน (AÊB = CF̂D = 90°, * BE = DF, AB = CD)
3) ∆CBE ≅ ∆ADF เพราะมีความสัมพันธ์แบบ มุม–มุม–ด้าน (BÊC = DF̂A, BĈE = DÂF, BC = DA)
หรือ มีความสัมพันธ์แบบ ฉาก–ด้าน–ด้าน (BÊC = DF̂A, = 90°, * BE = DF, BC = DA)
* หมายเหตุ : ถ้านักเรียนตอบประเด็นนี้ ควรให้อธิบายเพิ่มเติม
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นั ก เรี ย นสามารถบอกได้ ว่ า รู ป สามเหลี่ ย มสองรู ป ที่ สั ม พั น ธ์ กั น แบบ ด้ า น–มุ ม –ด้ า น, มุ ม –ด้ า น–มุ ม ,
ด้าน–ด้าน–ด้านม มุม–มุม–ด้าน และ ฉาก–ด้าน–ด้าน เท่ากันทุกประการ
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 4 คะแนน โดยแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ดังนี้
ตอบถูกว่ามี 3 คู่ ได้ 1 คะแนน
ตอบได้ว่ารูปสามเหลี่ยมคู่ใดที่เท่ากันทุกประการ พร้อมระบุความสัมพันธ์ได้ถูกต้อง ได้คู่ละ 1 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
170 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
30°
A
70° 80°
30°
B R 6 ซม. Q
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 3 นักเรียนสามารถนำ�สมบัติของความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่สัมพันธ์กันแบบต่าง ๆ
ไปใช้อ้างอิงในการให้เหตุผลและการแก้ปัญหา
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 2 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้คำ�ตอบละ 1 คะแนน
ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
5. C
30° Z 5 ซม. Y
5 ซม.
(5x)°
X
A B
จากรูป ΔABC ≅ ΔXYZ มี AB̂C = 90° , AĈB = 30° และ YX̂Z = (5x)°
จงหาค่า x (2 คะแนน)
BÂC = 60°
ดังนั้น YX̂Z = 60° (สมบัติของการเท่ากัน)
จะได้ 5x = 60 (กำ�หนดให้ YX̂Z = (5x)° )
ดังนั้น x = 12 (สมบัติของการเท่ากัน)
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 3 นักเรียนสามารถนำ�สมบัติของความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่สัมพันธ์กันแบบต่าง ๆ
ไปใช้อ้างอิงในการให้เหตุผลและการแก้ปัญหา
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 2 คะแนน
หาค่า x ถูกต้อง ได้ 2 คะแนน
ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
6.
B C
D
E A (2x + 10)°
(3x – 20)°
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
172 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 3 นักเรียนสามารถนำ�สมบัติของความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่สัมพันธ์กันแบบต่าง ๆ
ไปใช้อ้างอิงในการให้เหตุผลและการแก้ปัญหา
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 2 คะแนน
หาค่า x ถูกต้อง ได้ 2 คะแนน
ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
Y X
A B
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 3 นักเรียนสามารถนำ�สมบัติของความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่สัมพันธ์กันแบบต่าง ๆ
ไปใช้อ้างอิงในการให้เหตุผลและการแก้ปัญหา
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 5 คะแนน โดยแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ดังนี้
✤ บอกได้ว่า AB = CD และบอกเหตุผลถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ บอกได้ว่า AB̂X = CD̂Y และบอกเหตุผลถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ บอกได้ว่า BX = DY และบอกเหตุผลถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ บอกได้ว่า ∆ABX ≅ ∆CDY และบอกเหตุผลถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ บอกได้ว่า AX = CY และบอกเหตุผลถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 173
M N
A B
แนวคิด พิจารณา ∆ABD และ ∆CDB
AB = CD (ด้านตรงข้ามของรูปสี่เหลี่ยมด้านขนานยาวเท่ากัน)
AD = CB (ด้านตรงข้ามของรูปสี่เหลี่ยมด้านขนานยาวเท่ากัน)
BD = DB (BD เป็นด้านร่วม)
ดังนั้น ∆ABD ≅ ∆CDB (ด.ด.ด.)
จะได้ AD̂B = CB̂D (มุมคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ
จะมีขนาดเท่ากัน)
พิจารณา ∆BMD และ ∆DNB
BD̂M = DB̂N (เป็นมุมคู่เดียวกับ AD̂B และ CB̂D ตามลำ�ดับ ซึ่งมีขนาดเท่ากัน)
BD = DB (BD เป็นด้านร่วม)
MB̂D = ND̂B (กำ�หนดให้)
ดังนั้น ∆BMD ≅ ∆DNB (ม.ด.ม.)
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 3 นักเรียนสามารถนำ�สมบัติของความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่สัมพันธ์กันแบบต่าง ๆ
ไปใช้อ้างอิงในการให้เหตุผลและการแก้ปัญหา
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 9 คะแนน โดยแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ดังนี้
✤ บอกได้ว่า AB = CD และบอกเหตุผลถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ บอกได้ว่า AD = CB และบอกเหตุผลถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ บอกได้ว่า BD = DB และบอกเหตุผลถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ บอกได้ว่า ∆ABD ≅ ∆CDB และบอกเหตุผลถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ บอกได้ว่า AD̂B = CB̂D และบอกเหตุผลถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ บอกได้ว่า BD̂M = DB̂N และบอกเหตุผลถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ บอกได้ว่า BD = DB และบอกเหตุผลถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ บอกได้ว่า MB̂D = ND̂B และบอกเหตุผลถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ บอกได้ว่า ∆BMD ≅ ∆DNB และบอกเหตุผลถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
174 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
A M B
A M B
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 3 นักเรียนสามารถนำ�สมบัติของความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่สัมพันธ์กันแบบต่าง ๆ
ไปใช้อ้างอิงในการให้เหตุผลและการแก้ปัญหา
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 6 คะแนน โดยแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ดังนี้
✤ บอกได้ว่า AD̂M = BĈM และบอกเหตุผลถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ บอกได้ว่า AM̂D = BM̂C และบอกเหตุผลถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ บอกได้ว่า AM = BM และบอกเหตุผลถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ บอกได้ว่า ∆AMD ≅ ∆BMC และบอกเหตุผลถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ บอกได้ว่า AD = BC และบอกเหตุผลถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ สรุปได้ว่า ABCD เป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมูหน้าจั่ว และบอกเหตุผลถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ 175
A B C D E
F G H I J
A B C D E
F G H I J
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
176 บทที่ 2 | ความเท่ากันทุกประการ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 3 นักเรียนสามารถนำ�สมบัติของความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่สัมพันธ์กันแบบต่าง ๆ
ไปใช้อ้างอิงในการให้เหตุผลและการแก้ปัญหา
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 5 คะแนน โดยแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ดังนี้
✤ วาดรูปหรืออธิบายเพื่อให้ได้แนวคิดว่ารูปสามเหลี่ยมใดเท่ากันทุกประการ ได้ 1 คะแนน
✤ ให้เหตุผลได้ว่ารูปสามเหลี่ยมคู่นั้นเท่ากันทุกประการ ได้ 3 คะแนน
✤ หาความกว้างของคลองได้ ได้ 1 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 177
3
บทที่ เส้นขนาน
ในบทเส้นขนานนี้ ประกอบด้วยหัวข้อย่อย ดังต่อไปนี้
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้
สาระ การวัดและเรขาคณิต
มาตรฐาน ค 2.2 เข้าใจและวิเคราะห์รูปเรขาคณิต สมบัติของรูปเรขาคณิต ความสัมพันธ์ระหว่างรูปเรขาคณิต
และทฤษฎีบททางเรขาคณิต และนำ�ไปใช้
ตัวชี้วัด
นำ�ความรู้เกี่ยวกับสมบัติของเส้นขนานและรูปสามเหลี่ยมไปใช้ในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์
จุดประสงค์ของบทเรียน
นักเรียนสามารถใช้สมบัติของเส้นขนานและรูปสามเหลี่ยมในการให้เหตุผลและแก้ปัญหาคณิตศาสตร์
ความเชื่อมโยงระหว่างตัวชี้วัดกับจุดประสงค์ของบทเรียน
เนื่องจากตัวชี้วัดกล่าวถึงการนำ�ความรู้เกี่ยวกับสมบัติของเส้นขนานและรูปสามเหลี่ยมไปใช้ในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์
และเนื้อหาในบทนี้ก็กล่าวถึงสมบัติของเส้นขนานและรูปสามเหลี่ยม ดังนั้น เพื่อให้การเรียนรู้ของนักเรียนในเรื่องเส้นขนาน
สอดคล้องกับตัวชี้วัด ครูควรจัดประสบการณ์ให้นักเรียนสามารถเข้าใจและใช้สมบัติของเส้นขนานและรูปสามเหลี่ยมใน
การให้เหตุผลและแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ ซึ่งสะท้อนได้จากการที่นักเรียนสามารถระบุมุมภายใน มุมแย้ง และมุมภายนอก
ซึ่งเป็นมุมที่เกิดจากเส้นตัดตัดเส้นขนาน มีความเข้าใจเกี่ยวกับสมบัติของเส้นขนาน นำ�สมบัติดังกล่าวไปใช้ในการให้เหตุผล
เกีย่ วกับขนาดของมุมภายในของรูปสามเหลีย่ ม ตลอดจนนำ�ไปใช้ในการให้เหตุผลอย่างต่อเนือ
่ งเกีย่ วกับเงือ
่ นไขของความเท่ากัน
ทุกประการของรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่สัมพันธ์กันแบบ มุม–มุม–ด้าน และนำ�ไปใช้แก้ปัญหาคณิตศาสตร์ได้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
178 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์
3.1 เส�นขนานและ
มุมภายใน 3.1 เส�นขนานและ
3.2 มุมภายใน 3.2
-
เส�นขนาน แบบฝ�กหัด เส�นขนาน
และมุมแย�ง และมุมแย�ง
อื่น ๆ อื่น ๆ 3.1 : 5
- แบบฝ�กหัด แบบฝ�กหัด
กิจกรรมท�ายบท
ท�ายบท : 13 3.2ก : 6–8
แบบฝ�กหัด 3.2ข :
3.4 3.3 เส�นขนานและ 3–4
เส�นขนานและ มุมภายนอกกับ 3.4
รูปสามเหลี่ยม เส�นขนานและ 3.3
มุมภายใน รูปสามเหลี่ยม เส�นขนานและ
- ชวนคิด แบบฝ�กหัด มุมภายนอกกับ
3.3 3.4 : 8–9 มุมภายใน
-
การสื่อสารและ
การแก�ป�ญหา การสื่อความหมาย
ทางคณิตศาสตร�
ทักษะและ
3.1 เส�นขนานและ
กระบวนการ
มุมภายใน 3.2 การคิด ทางคณิตศาสตร� การเชื่อมโยง 3.1 เส�นขนานและ
- เส�นขนาน สร�างสรรค� มุมภายใน
และมุมแย�ง - 3.2
อื่น ๆ แบบฝ�กหัด อื่น ๆ
- เส�นขนาน
3.2 : 5 แบบฝ�กหัด และมุมแย�ง
ท�ายบท แบบฝ�กหัด
3.4 3.3 การให�เหตุผล 14–15 3.2ข : 3–4
เส�นขนานและ เส�นขนานและ
มุมภายนอกกับ 3.4 3.3
รูปสามเหลีย
่ ม เส�นขนานและ เส�นขนานและ
- มุมภายใน
รูปสามเหลีย
่ ม มุมภายนอกกับ
ชวนคิด - มุมภายใน
3.3
-
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 179
พัฒนาการของความรู้
ความรูในอนาคต ✤ การให้เหตุผลทางเรขาคณิต
✤ วงกลม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
180 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
ลำ�ดับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของบทเรียน
ยกตัวอย่างสิ่งที่มีลักษณะของเส้นขนานในชีวิตประจำ�วัน
ทบทวนบทนิยามของเส้นขนาน และระยะห่างระหว่างเส้นขนาน
แนะนำ�มุมภายนอกและมุมภายในที่อยู่ตรงข้ามบนข้างเดียวกันของเส้นตัด
ทำ�กิจกรรมสำ�รวจ เพื่อสร้างข้อความคาดการณ์ซึ่งนำ�ไปสู่ทฤษฎีบทเกี่ยวกับเส้นขนานและ
มุมภายนอกกับมุมภายในที่อยู่ตรงข้ามบนข้างเดียวกันของเส้นตัด
อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทกลับ เพื่อเชื่อมโยงทฤษฎีบทและบทกลับไปเป็นทฤษฎีบทเดียวกัน
สรุปบทเรียน ทำ�กิจกรรมท้ายบทเพื่อเติมเต็มความรู้ที่ได้รับจากบทเรียน
และพัฒนาทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ด้วยแบบฝึกหัดท้ายบท
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 181
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
นักเรียนอาจเข้าใจผิดว่า ผลรวมของขนาดของมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัดเท่ากับ 180 องศา เสมอ
โดยไม่ได้พิจารณาว่า เส้นตัดนั้นต้องตัดเส้นตรงที่ขนานกัน จึงจะทำ�ให้ผลรวมของขนาดของมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกันของ
เส้นตัดเท่ากับ 180 องศา
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1. อุปกรณ์ของกิจกรรม : สำ�รวจผลรวมของขนาดของมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัด
2. ซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad (GSP)
3. อุปกรณ์ของกิจกรรมเสนอแนะ 3.1 : ภาพลวงตา
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับเส้นขนานและมุมภายใน มุ่งเน้นการทบทวนบทนิยามของเส้นขนาน ระยะห่างระหว่าง
เส้นขนาน และเพิม
่ เติมความรูเ้ กีย่ วกับสมบัตข
ิ องเส้นขนานทีเ่ กีย่ วกับมุมภายใน และนำ�สมบัตน
ิ ไี้ ปใช้เป็นพืน
้ ฐานในการให้เหตุผล
ทางเรขาคณิตต่อไป แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อาจทำ�ได้ดังนี้
1. ครูและนักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างสิ่งต่าง ๆ ในสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่มีลักษณะของเส้นขนานบนระนาบเดียวกัน
เพื่อนำ�เข้าสู่บทนิยามของการขนานกันของเส้นตรง จากนั้นครูควรชี้แจงให้นักเรียนเห็นว่า บทนิยามดังกล่าวนี้
สามารถนำ�ไปใช้กบ
ั การขนานกันของส่วนของเส้นตรงและรังสี เมือ
่ ส่วนของเส้นตรงและรังสีนน
ั้ เป็นส่วนหนึง่ ของ
เส้นตรงที่ขนานกันหรืออยู่บนเส้นตรงที่ขนานกัน
2. ครูอาจทบทวนและทำ�ความเข้าใจเพิ่มเติมกับนักเรียนเกี่ยวกับระยะห่างระหว่างเส้นขนานในประเด็นต่อไปนี้
1) ระยะห่างระหว่างจุดจุดหนึ่งกับเส้นตรง จะหมายถึง ความยาวของส่วนของเส้นตรงที่ลากจากจุดนั้นไปตั้งฉาก
กับเส้นตรง ดังรูป
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
182 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
A Q B
� �
จากรูป PQ ตั้งฉากกับ AB จะได้ PQ คือระยะห่างระหว่างจุด P กับ AB
2) เมื่อกล่าวถึงระยะห่างระหว่างเส้นขนานที่กล่าวว่า “ระยะห่างระหว่างเส้นขนานเท่ากันเสมอ” ในการ
ตรวจสอบการเท่ากันของระยะห่างของเส้นขนานนี้ ในทางปฏิบัติ จะวัดระยะห่างจากจุดที่แตกต่างกัน
อย่างน้อยสองจุดบนเส้นตรงเส้นหนึ่งไปยังเส้นตรงอีกเส้นหนึ่งก็เพียงพอแล้ว ทั้งนี้เนื่องจากมีเส้นตรงเพียง
เส้นเดียวเท่านั้นที่ลากผ่านจุดสองจุดที่กำ�หนดให้ได้
3. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกีย่ วกับการตรวจสอบว่าเส้นตรงคูใ่ ดขนานกัน ถ้าใช้บทนิยามของเส้นขนานโดยตรง
หรือพิจารณาจากระยะห่างระหว่างเส้นตรงทั้งสองเส้นนั้นอาจไม่สะดวก ในทางคณิตศาสตร์ยังมีวิธีการอื่น ๆ อีก
ที่จะตรวจสอบ โดยพิจารณาจากขนาดของมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัด ขนาดของมุมแย้ง หรือ
ขนาดของมุมภายนอกและมุมภายในที่อยู่ตรงข้ามบนข้างเดียวกันของเส้นตัด
4. ครูให้นักเรียนพิจารณารูปเส้นตัดตัดเส้นตรงสองเส้น ในหนังสือเรียน หน้า 134 เพื่อให้นักเรียนได้รู้จักว่า มุมใด
บ้างทีเ่ ป็นมุมภายในบนข้างเดียวกันของเส้นตัด จากนัน
้ ครูควรใช้ “กิจกรรม : สำ�รวจผลรวมของขนาดของมุมภายใน
ทีอ
่ ยูบ
่ นข้างเดียวกันของเส้นตัด” ในหนังสือเรียน หน้า 134–136 ให้นก
ั เรียนได้ลงมือปฏิบต
ั ก
ิ จิ กรรม โดยนักเรียน
ต้องเขียนเส้นตัดและระบุว่ามุมคู่ใดบ้างที่เป็นมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัด พร้อมทั้งวัดขนาดของ
มุมเหล่านั้น จากนั้นให้นักเรียนสังเกตผลที่ได้จากกิจกรรมข้อ 1 และข้อ 2 แล้วสร้างข้อความคาดการณ์โดยใช้
ภาษาของตนเอง ซึ่ ง ครู ค วรยกตั ว อย่ า งที่ ห ลากหลายโดยอาจดาวน์ โ หลดไฟล์ GSP จากมุ ม เทคโนโลยี
ในหนังสือเรียน หน้า 134 เพื่อแสดงตัวอย่างให้นักเรียนสังเกตเพิ่มเติม แล้วร่วมกันอภิปรายเพื่อสรุปว่าข้อความ
คาดการณ์ที่ได้นั้น สอดคล้องกับสมบัติของเส้นขนานที่ว่า “ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วขนาด
ของมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัดรวมกันเท่ากับ 180 องศา”
ในการทำ� “กิจกรรม : สำ�รวจผลรวมของขนาดของมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัด” ข้างต้นนี้
ครูสามารถให้นักเรียนทำ�กิจกรรมโดยผ่านซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad แทนการทำ�กิจกรรม
ลงในหนังสือเรียน เนื่องจากช่วยให้ประหยัดเวลาในการทำ�กิจกรรม และสามารถปรับเปลี่ยนลักษณะของเส้นตรง
หรือมุมได้หลากหลาย โดยครูดาวน์โหลดไฟล์ GSP จากมุมเทคโนโลยี ในหนังสือเรียน หน้า 134 แล้วให้นก
ั เรียน
� �
สังเกตผลที่ได้จากการทำ�กิจกรรม โดยปรับเปลี่ยน AB หรือ CD หรือเส้นตัด XY ทำ�ให้ข้อความคาดการณ์ที่
สร้างมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 183
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
184 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
กิจกรรม : สำ�รวจผลรวมของขนาดของมุมภายใน
ที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัด
กิจกรรมนี้ เป็นกิจกรรมที่ต้องการให้นักเรียนสำ�รวจผลรวมของขนาดของมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัด โดย
นักเรียนต้องเขียนเส้นตัด ระบุและวัดขนาดของมุมภายในทีอ
่ ยูบ
่ นข้างเดียวกันของเส้นตัด เพือ
่ สังเกตและสร้างข้อความคาดการณ์
เกีย
่ วกับผลรวมของขนาดของมุมภายในทีอ
่ ยูบ
่ นข้างเดียวกันของเส้นตัด โดยมีสอ
ื่ /อุปกรณ์ และขัน
้ ตอนการดำ�เนินกิจกรรม ดังนี้
สื่อ/อุปกรณ์
1. ไม้บรรทัด
2. โพรแทรกเตอร์
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
� �
1. ครูทบทวนมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัด โดยครูอาจเขียนรูปเส้นตัด XY ตัด AB และ CD โดยให้
� �
จุด M และจุด N เป็นจุดตัดบน AB และ CD ตามลำ�ดับ และให้นักเรียนช่วยกันตอบว่า มุมคู่ใดบ้างที่เป็นมุมภายใน
ที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัด
2. ครูให้นักเรียนทำ�กิจกรรมข้อ 1 และข้อ 2 ในหนังสือเรียน หน้า 135–136 โดยให้นักเรียนเขียนเส้นตัด XY ให้เอียง
ทำ�มุมในแนวใดก็ได้ตามใจชอบ จากนั้นให้นักเรียนระบุว่า มุมคู่ใดเป็นมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัด
วัดขนาดของมุมเหล่านี้ และเติมลงในตารางให้สมบูรณ์
3. ครูให้นก
ั เรียนสังเกตตารางทีไ่ ด้ในข้อ 1 และข้อ 2 แล้วสร้างข้อความคาดการณ์เกีย่ วกับผลรวมของขนาดของมุมภายใน
ทีอ
่ ยูบ
่ นข้างเดียวกันของเส้นตัดกับการขนานกันของเส้นตรงคูน
่ น
ั้ เมือ
่ กำ�หนดเส้นตรงคูห
่ นึง่ มาให้ ด้วยภาษาของตนเอง
4. ครูให้นักเรียนนำ�เสนอข้อความคาดการณ์ที่ได้ จากนั้นครูอาจยกตัวอย่างเพิ่มเติมจากกิจกรรมที่นักเรียนทำ�ลงใน
หนังสือเรียนหลาย ๆ ตัวอย่าง เพื่อให้นักเรียนเห็นจริงว่า ไม่ว่าเส้นตัด XY จะเอียงทำ�มุมในแนวใด ผลที่ได้ยังคง
เหมือนเดิม หรือครูอาจดาวน์โหลดไฟล์ GSP จากมุมเทคโนโลยี ในหนังสือเรียน หน้า 134 เพื่อแสดงตัวอย่างหรือ
ให้นักเรียนได้สำ�รวจเพิ่มเติม เพื่อสรุปว่าข้อความคาดการณ์ที่ได้สอดคล้องกับสมบัติของเส้นขนานที่ว่า “ถ้าเส้นตรง
สองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วขนาดของมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัดรวมกันเท่ากับ 180 องศา”
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 185
เฉลยกิจกรรม : สำ�รวจผลรวมของขนาดของมุมภายใน
ที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัด
� � � �
1. ในแต่ละข้อกำ�หนดให้ AB และ CD ไม่ขนานกัน ให้นักเรียนเขียนเส้นตัด XY ตัด AB และ CD โดยให้จุด M
� �
และจุด N เป็นจุดตัดบน AB และ CD ตามลำ�ดับ จากนั้นให้ระบุว่า มุมคู่ใดบ้างที่เป็นมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกัน
ของเส้นตัด XY พร้อมทั้งวัดขนาดของมุมเหล่านั้น แล้วเติมลงในตารางให้สมบูรณ์
1) ตัวอย่าง
ผลรวมของ
B ขนาดของ
X ขนาด
ชื่อมุม ของมุม มุมภายในที่อยู่
M บนข้างเดียวกัน
A
ของเส้นตัด XY
AM̂N 88°
C N D คู่ที่ 1 163°
Y CN̂M 75°
BM̂N 92°
คู่ที่ 2 197°
DN̂M 105°
2) ตัวอย่าง
A
ผลรวมของ
ขนาด มุมขนาดของ
ชื่อมุม ของมุ ม บนข้ภายในที
X ่อยู่
M างเดียวกัน
C B
ของเส้นตัด XY
AM̂N 69°
N คู่ที่ 1 170°
CN̂M 101°
Y
BM̂N 111°
D คู่ที่ 2 190°
DN̂M 79°
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
186 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
� � � �
2. ในแต่ละข้อกำ�หนดให้ AB และ CD ขนานกัน ให้นักเรียนเขียนเส้นตัด XY ตัด AB และ CD โดยให้จุด M และ
� �
จุด N เป็นจุดตัดบน AB และ CD ตามลำ�ดับ จากนั้นให้ระบุว่า มุมคู่ใดบ้างที่เป็นมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกันของ
เส้นตัด XY พร้อมทั้งวัดขนาดของมุมเหล่านั้น แล้วเติมลงในตารางให้สมบูรณ์
1) ตัวอย่าง
ผลรวมของ
X ขนาดของ
ขนาด
A M B ชื่อมุม ของมุม มุมภายในที่อยู่
บนข้างเดียวกัน
ของเส้นตัด XY
AM̂N 51°
C N D คู่ที่ 1 180°
Y CN̂M 129°
BM̂N 129°
คู่ที่ 2 180°
DN̂M 51°
2) ตัวอย่าง
ผลรวมของ
B
ขนาดของ
X ขนาด
M ชื่อมุม ของมุม มุมภายในที่อยู่
A บนข้างเดียวกัน
ของเส้นตัด XY
AM̂N 95°
D คู่ที่ 1 180°
N CN̂M 85°
Y
C
BM̂N 85°
คู่ที่ 2 180°
DN̂M 95°
สื่อ/อุปกรณ์
1. ไม้บรรทัด
2. โพรแทรกเตอร์
3. ใบกิจกรรมเสนอแนะ 3.1 : ภาพลวงตา
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูนำ�เสนอภาพลวงตาในใบกิจกรรมเสนอแนะ 3.1 : ภาพลวงตา ในคู่มือครู หน้า 188 และร่วมสนทนากับ
นักเรียนว่า ภาพที่เห็นมีลักษณะอย่างไร
2. ครูให้นักเรียนอภิปรายร่วมกันว่า นักเรียนเชื่อในสิ่งที่เห็นหรือไม่ เพราะเหตุใด
3. ครูให้นก
ั เรียนนำ�เสนอแนวคิดสนับสนุนคำ�ตอบของตนเองหน้าชัน
้ เรียน จากนัน
้ ครูสรุปแนวคิดของนักเรียนทีน
่ �ำ เสนอ
และเน้นย้ำ�ว่า ภาพที่เห็นอาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ดังนั้นการตัดสินจากสิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นอยู่จริง จึงควรมี
หลักการในการตัดสินหรือสรุป
4. ครูกับนักเรียนอาจอภิปรายเพิ่มเติม เพื่อให้นักเรียนเชื่อมโยงได้ว่า การวัดระยะห่างระหว่างเส้นตรงคู่หนึ่ง ต้องสร้าง
เส้นจากจุดบนเส้นตรงเส้นหนึ่งไปตั้งฉากกับเส้นตรงอีกเส้นหนึ่ง ถ้าระยะห่างที่วัดจากจุดสองจุดที่แตกต่างกันบน
เส้นตรงเส้นหนึง่ เท่ากัน และจุดทัง้ สองนัน
้ อยูบ
่ นด้านเดียวกันของเส้นตรงอีกเส้นหนึง่ แล้วจึงจะสรุปได้วา่ เส้นตรงคูน
่ น
ั้
ขนานกัน
A E X B
C F Y D
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
188 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
ให้นักเรียนพิจารณาภาพต่อไปนี้
ภาพที่ 1 ภาพที่ 2
ภาพที่ 3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 189
ภาพที่ 1 ภาพที่ 2
ภาพที่ 3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
190 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 3.1
เมื่อกำ�หนดเส้นตรงสองเส้นที่ไม่ขนานกันให้ และมีเส้นตัดตัดเส้นตรงสองเส้นนั้น ไม่ว่าเส้นตัดจะเอียงทำ�มุม
ipst.me/10077
ไปในแนวใดก็ตาม
1. ผลรวมของขนาดของมุมภายในทีอ
่ ยูบ
่ นข้างซ้ายของเส้นตัด จะเท่ากัน เนือ
่ งจาก เมือ
่ เราต่อเส้นทัง้ สอง
ในแนวของเส้นเดิม เส้นตรงทัง้ สองเส้นจะตัดกันและเกิดเป็นรูปสามเหลีย่ ม ซึง่ ไม่วา่ เส้นตัดจะเอียงทำ�มุมไป
แนวใดก็ตาม ขนาดของมุมทีจ่ ด
ุ ตัด P หรือจุดยอด (NP̂M) ของรูปสามเหลีย่ มทีเ่ กิดขึน
้ จะเท่าเดิม ดังรูป
X B X B
M
M
C P C P
N D N D
A Y A Y
X B
C P
N D
A Y
ชวนคิด 3.2
ขนานกัน เพราะว่ารูปสี่เหลี่ยมมุมฉากมีมุมทุกมุมเป็นมุมฉาก ทำ�ให้ขนาดของมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกัน
่ องรูปสีเ่ หลีย่ มมุมฉาก รวมกันได้ 180° จึงได้วา่ ด้านทีอ
ipst.me/10078
ของเส้นตัดทีต
่ ด
ั ด้านทีอ
่ ยูต
่ รงข้ามแต่ละคูข ่ ยูต
่ รงข้ามกัน
ขนานกันทุกคู่
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 191
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 3.1
� �
1. 1) AB และ CD ขนานกัน เพราะว่า ขนาดของมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัดรวมกันเท่ากับ
117 + 63 = 180 องศา
� �
2) AB และ CD ไม่ขนานกัน เพราะว่า ขนาดของมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัดรวมกันเท่ากับ
134 + 47 = 181 องศา ซึ่งไม่เท่ากับ 180 องศา
� �
3) AB และ CD ไม่ขนานกัน เพราะว่า DŶX = 180 – 91 = 89 องศา ทำ�ให้ขนาดของมุมภายในที่อยู่บน
ข้างเดียวกันของเส้นตัดรวมกันเท่ากับ 90 + 89 = 179 องศา ซึ่งไม่เท่ากับ 180 องศา
� �
4) จากรูปที่กำ�หนดให้ ข้อมูลไม่เพียงพอที่จะตอบได้ว่า AB และ CD ขนานกันหรือไม่
3. แนวคิด
A B
x° y°
60°
C D
� �
เนื่องจาก AB // CD
จะได้ x + 90 = 180 (ขนาดของมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัดที่ตัด
เส้นขนานรวมกันเท่ากับ 180°)
ดังนั้น x = 90 (สมบัติของการเท่ากัน)
และ y + 60 = 180 (ขนาดของมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัดที่ตัด
เส้นขนานรวมกันเท่ากับ 180°)
ดังนั้น y = 120 (สมบัติของการเท่ากัน)
นั่นคือ 2x – y = 2(90) – 120 = 60
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
192 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
4. แนวคิด
D C
53° 71°
A B
5. แนวคิด
A
P K L
M
N
B
� � � � �
กำ�หนดให้ PL // MN มี AB เป็นเส้นตัด ตัด PL และ MN ที่จุด K และ M ตามลำ�ดับ
ต้องการพิสูจน์ว่า BM̂N = AK̂P
� � �
พิสูจน์ เนื่องจาก PL // MN มี AB เป็นเส้นตัด (กำ�หนดให้)
จะได้ MK̂L + KM̂N = 180° (ขนาดของมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัด
ที่ตัดเส้นขนานรวมกันเท่ากับ 180°)
เนื่องจาก BM̂N + KM̂N = 180° (ขนาดของมุมตรง)
จะได้ BM̂N + KM̂N = MK̂L + KM̂N (สมบัติของการเท่ากัน)
ดังนั้น BM̂N = MK̂L (สมบัติของการเท่ากัน)
เนื่องจาก MK̂L = AK̂P (ถ้าเส้นตรงสองเส้นตัดกัน แล้วมุมตรงข้ามมีขนาด
เท่ากัน)
ดังนั้น BM̂N = AK̂P (สมบัติของการเท่ากัน)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 193
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
นักเรียนอาจเข้าใจผิดว่า มุมที่เป็นมุมแย้งกันมีขนาดเท่ากันเสมอ แต่ที่ถูกต้องคือ มุมแย้งเกิดจากเส้นตรงเส้นหนึ่งตัดเส้น
ตรงคู่หนึ่ง ซึ่งเส้นตรงคู่นั้นอาจขนานกันหรือไม่ขนานกันก็ได้ ดังนั้นเมื่อกล่าวถึงมุมแย้งทั่ว ๆ ไป จะสรุปว่ามีขนาดเท่ากันไม่ได้
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1. อุปกรณ์ของกิจกรรม : สำ�รวจมุมแย้ง
2. ซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad (GSP)
3. ใบกิจกรรมเสนอแนะ 3.2 : อยู่ตรงไหนบ้าง
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนีเ้ ป็นเรือ
่ งเกีย่ วกับเส้นขนานและมุมแย้ง มุง่ เน้นให้นก
ั เรียนตรวจสอบการขนานกันของเส้นตรงสองเส้นได้โดยใช้
มุมแย้ง โดยผ่านการให้เหตุผลและการใช้ความรู้เกี่ยวกับเส้นขนานและขนาดของมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัด
นอกจากนี้นักเรียนยังได้เห็นการพิสูจน์สมบัติของเส้นขนานและมุมแย้ง ซึ่งสามารถนำ�สมบัตินี้ไปใช้เป็นพื้นฐานในการให้เหตุผล
ทางเรขาคณิตต่อไป แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อาจทำ�ได้ดังนี้
1. ครูควรให้นักเรียนพิจารณารูปเส้นตัดตัดเส้นตรงสองเส้น ในหนังสือเรียน หน้า 143 เพื่อให้นักเรียนได้รู้จักว่า
มุมคู่ใดที่เป็นมุมแย้งกัน และครูควรทำ�ความเข้าใจกับนักเรียนเพิ่มเติมว่า มุมแย้งที่เกิดจากเส้นตรงเส้นหนึ่งตัด
เส้นตรงคู่หนึ่ง อาจเกิดจากเส้นตรงที่ขนานกันหรือไม่ขนานกันก็ได้
2. ครูควรใช้ “กิจกรรม : สำ�รวจมุมแย้ง” ในหนังสือเรียน หน้า 143–144 ให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรม
โดยนักเรียนต้องเขียนเส้นตัดและระบุว่ามุมคู่ใดบ้างที่เป็นมุมแย้งกัน พร้อมทั้งวัดขนาดของมุมเหล่านั้น จากนั้น
ครูเน้นให้นักเรียนสังเกตผลที่ได้จากกิจกรรมข้อ 1 และข้อ 2 แล้วสร้างข้อความคาดการณ์โดยใช้ภาษาของตนเอง
ซึ่งครูอาจยกตัวอย่างที่หลากหลายโดยดาวน์โหลดไฟล์ GSP จากมุมเทคโนโลยี ในหนังสือเรียน หน้า 143 เพื่อ
แสดงให้นักเรียนสังเกตเพิ่มเติม จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อสรุปว่าข้อความคาดการณ์ที่ได้
สอดคล้องกับสมบัติของเส้นขนานที่ว่า “ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมแย้งมีขนาดเท่ากัน”
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
194 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 195
ความรู้เพิ่มเติมสำ�หรับครู
ดังนัน
้ สมบัตต
ิ า่ ง ๆ ของเส้นขนานทีเ่ กีย่ วกับมุมแย้งภายใน จึงยังคงเป็นจริงสำ�หรับมุมแย้งภายนอกด้วย หนังสือ
หลายเล่มเมื่อกล่าวถึงสมบัติต่าง ๆ ของเส้นขนานเกี่ยวกับมุมแย้ง จึงไม่ระบุว่าเป็นมุมแย้งภายในหรือมุมแย้งภายนอก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
196 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
กิจกรรม : สำ�รวจมุมแย้ง
กิจกรรมนี้ เป็นกิจกรรมที่ต้องการให้นักเรียนสำ�รวจมุมแย้ง โดยนักเรียนต้องเขียนเส้นตัด ระบุและวัดขนาดของมุมแย้ง
เพื่อสังเกตและสร้างข้อความคาดการณ์เกี่ยวกับขนาดของมุมแย้ง โดยมีสื่อ/อุปกรณ์ และขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม ดังนี้
สื่อ/อุปกรณ์
1. ไม้บรรทัด
2. โพรแทรกเตอร์
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
� � �
1. ครูทบทวนมุมแย้ง โดยครูอาจเขียนรูปเส้นตัด XY ตัด AB และ CD โดยให้จุด M และจุด N เป็นจุดตัดบน AB
�
และ CD ตามลำ�ดับ และให้นักเรียนช่วยกันตอบว่า มุมคู่ใดบ้างที่เป็นมุมแย้งกัน
2. ครูให้นักเรียนทำ�กิจกรรมข้อ 1 และข้อ 2 ในหนังสือเรียน หน้า 143–144 โดยให้นักเรียนเขียนเส้นตัด XY ให้เอียง
ทำ�มุมในแนวใดก็ได้ตามใจชอบ จากนั้นให้นักเรียนระบุว่า มุมคู่ใดบ้างที่เป็นมุมแย้งกัน วัดขนาดของมุมเหล่านี้ และ
เติมลงในตารางให้สมบูรณ์
3. ครู ใ ห้ นั ก เรี ย นสั ง เกตตารางที่ ไ ด้ ใ นข้ อ 1 และข้ อ 2 แล้ ว สร้ า งข้ อ ความคาดการณ์ เ กี่ ย วกั บ ขนาดของมุ ม แย้ ง กั บ
การขนานกันของเส้นตรงคู่นั้น เมื่อกำ�หนดเส้นตรงคู่หนึ่งมาให้ ด้วยภาษาของตนเอง
4. ครูให้นักเรียนนำ�เสนอข้อความคาดการณ์ที่ได้ จากนั้นครูอาจยกตัวอย่างเพิ่มเติมจากกิจกรรมที่นักเรียนทำ�ลงใน
หนังสือเรียนหลาย ๆ ตัวอย่าง เพื่อให้นักเรียนเห็นจริงว่า ไม่ว่าเส้นตัด XY จะเอียงทำ�มุมในแนวใด ผลที่ได้ยังคง
เหมือนเดิม หรือครูอาจดาวน์โหลดไฟล์ GSP จากมุมเทคโนโลยี ในหนังสือเรียน หน้า 143 เพื่อแสดงตัวอย่างหรือ
ให้นักเรียนได้สำ�รวจเพิ่มเติม เพื่อสรุปว่าข้อความคาดการณ์ที่ได้สอดคล้องกับสมบัติของเส้นขนานที่ว่า “ถ้าเส้นตรง
สองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมแย้งมีขนาดเท่ากัน”
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 197
เฉลยกิจกรรม : สำ�รวจมุมแย้ง
� � � �
1. ในแต่ละข้อกำ�หนดให้ AB และ CD ไม่ขนานกัน ให้นักเรียนเขียนเส้นตัด XY ตัด AB และ CD โดยให้ จุด M
� �
และจุด N เป็นจุดตัดบน AB และ CD ตามลำ�ดับ จากนั้นให้ระบุว่า มุมคู่ใดบ้างที่เป็นมุมแย้งกัน พร้อมทั้งวัดขนาด
ของมุมเหล่านั้น แล้วเติมลงในตารางให้สมบูรณ์
1) ตัวอย่าง
B ชื่อมุม ขนาดของมุม
X
M AM̂N 88°
A คู่ที่ 1
DN̂M 105°
BM̂N 92°
C N D คู่ที่ 2
Y CN̂M 75°
2) ตัวอย่าง
A
ชื่อมุม ขนาดของมุม
X
M AM̂N 69°
คู่ที่ 1
C B
DN̂M 79°
BM̂N 111°
N คู่ที่ 2
Y CN̂M 101°
� � � �
2. ในแต่ละข้อกำ�หนดให้ AB และ CD ขนานกัน ให้นักเรียนเขียนเส้นตัด XY ตัด AB และ CD โดยให้ จุด M
� �
และจุด N เป็นจุดตัดบน AB และ CD ตามลำ�ดับ จากนั้นให้ระบุว่า มุมคู่ใดบ้างที่เป็นมุมแย้งกัน พร้อมทั้งวัดขนาดของ
มุมเหล่านั้น แล้วเติมลงในตารางให้สมบูรณ์
1) ตัวอย่าง
X
ชื่อมุม ขนาดของมุม
A M B
AM̂N 51°
คู่ที่ 1
DN̂M 51°
BM̂N 129°
C N D คู่ที่ 2
Y CN̂M 129°
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
198 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
2) ตัวอย่าง
B
ชื่อมุม ขนาดของมุม
X
M
A AM̂N 95°
คู่ที่ 1
DN̂M 95°
D BM̂N 85°
N คู่ที่ 2
CN̂M 85°
C Y
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 199
สื่อ/อุปกรณ์
ใบกิจกรรมเสนอแนะ 3.2 : อยู่ตรงไหนบ้าง
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูทบทวนสมบัติของเส้นขนาน สมบัติของรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน สมบัติเกี่ยวกับขนาดของมุมภายในรูปสามเหลี่ยม
ความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยม ที่นักเรียนเคยเรียนมาแล้ว เพื่อใช้ในการให้เหตุผลประกอบการทำ�
กิจกรรม
2. ครูให้นักเรียนค้นหารูปสี่เหลี่ยมด้านขนานโดยทำ�ใบกิจกรรมเสนอแนะ 3.2 : อยู่ตรงไหนบ้าง ในคู่มือครู หน้า 200
และอภิปรายร่วมกันว่า รูปสีเ่ หลีย่ มด้านขนานซ่อนอยูต
่ รงไหน และมีแนวคิดในการค้นหารูปสีเ่ หลีย่ มด้านขนานอย่างไร
3. ครูให้นักเรียนนำ�เสนอคำ�ตอบและแนวคิดสนับสนุนคำ�ตอบของตนเองหน้าชั้นเรียน จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกัน
อภิปรายเพื่อสรุปแนวคิดในการได้มาซึ่งคำ�ตอบ
4. สำ�หรับ “กิจกรรมเสนอแนะ 3.2 : อยู่ตรงไหนบ้าง” ไม่ต้องการให้นักเรียนระบุได้ว่า รูปสี่เหลี่ยมด้านขนานที่ซ่อนอยู่
ในรู ป นี้ มี ทั้ ง หมดกี่ รู ป หรื อ ระบุ ไ ด้ ด้ ว ยการวั ด ครู ค วรให้ นั ก เรี ย นอภิ ป รายถึ ง เหตุ ผ ลที่ ไ ด้ ม าซึ่ ง คำ � ตอบ ทั้ ง นี้
นักเรียนสามารถระบุชื่อของรูปสี่เหลี่ยมด้านขนานได้หลายรูป ขึ้นอยู่กับพื้นฐานความรู้ที่นักเรียนมี ครูควรพิจารณา
ความสมเหตุสมผลของคำ�ตอบและแนวคิดที่นักเรียนนำ�เสนออย่างถี่ถ้วน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
200 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
D F C
35°
H
55°
A B
E
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 201
35°
H
55°
A B
E
จากรู ป กำ � หนดให้ ABCD เป็ น รู ป สี่ เ หลี่ ย มผื น ผ้ า ให้ นั ก เรี ย นหาว่ า มี รู ป สี่ เ หลี่ ย มด้ า นขนานซ่ อ นอยู่
ตรงไหนบ้าง พร้อมทั้งบอกเหตุผลในการระบุว่ารูปนั้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน
2) ■EBFD เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน
จาก ∆ADE จะได้ 90 + 35 + DÊA = 180 (ขนาดของมุมภายในทั้งสามมุมของรูปสามเหลี่ยมรวมกัน
เท่ากับ 180°)
ดังนั้น DÊA = 55° (สมบัติของการเท่ากัน)
เนื่องจาก 55 + DÊB = 180 (ขนาดของมุมตรง)
จะได้ DÊB = 125° (สมบัติของการเท่ากัน)
เนื่องจาก DÊB + FB̂E = 125 + 55 = 180° (สมบัติของการเท่ากัน)
จะได้ว่า DE // FB (ถ้าเส้นตรงเส้นหนึ่งตัดเส้นตรงคู่หนึ่ง ทำ�ให้ขนาดของ
มุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัดรวมกัน
เท่ากับ 180° แล้วเส้นตรงคู่นั้นขนานกัน)
เนื่องจาก EB // DF (EB เป็นส่วนหนึ่งของ AB และ DF เป็นส่วนหนึ่งของ DC
ซึ่ง AB // DC)
ดังนั้น ■EBFD เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน (มีด้านตรงข้ามขนานกันสองคู่)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
202 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
3) ■AECF เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน
เนื่องจาก CB̂F = 90 – 55 = 35° (มุมภายในแต่ละมุมของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีขนาด 90°
และกำ�หนดให้ EB̂F = 55°)
พิจารณา ∆EAD และ ∆FCB
AD̂E = CB̂F = 35° (สมบัติของการเท่ากัน)
AD = CB (ด้านตรงข้ามของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวเท่ากัน)
DÂE = BĈF = 90° (มุมภายในแต่ละมุมของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีขนาด 90°)
ดังนั้น ∆EAD ≅ ∆FCB (ม.ด.ม.)
จะได้ AE = CF (ด้านคูท
่ สี่ มนัยกันของรูปสามเหลีย่ มทีเ่ ท่ากันทุกประการ
จะยาวเท่ากัน)
AB = CD (ด้านตรงข้ามของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวเท่ากัน)
จะได้ AE + EB = CF + FD (สมบัติของการเท่ากัน)
ดังนั้น EB = FD (AE = CF จากการพิสูจน์ข้างต้น และสมบัติของ
การเท่ากัน)
พิจารณา ∆AFD และ ∆CEB
FD = EB (จากการพิสูจน์ข้างต้น)
FD̂A = EB̂C (มุมภายในแต่ละมุมของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีขนาด 90°)
AD = CB (ด้านตรงข้ามของ รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวเท่ากัน)
ดังนั้น ∆AFD ≅ ∆CEB (ด.ม.ด.)
จะได้ AF = CE (ด้านคูท
่ สี่ มนัยกันของรูปสามเหลีย่ มทีเ่ ท่ากันทุกประการ
จะยาวเท่ากัน)
จะได้ว่า ■AECF เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน (มีด้านตรงข้ามยาวเท่ากันสองคู่)
4) ■GEHF เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน
เนื่องจาก GE // FH (จากข้อ 2) พิสูจน์แล้วว่า ■EBFD เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน และ
GE เป็นส่วนหนึ่งของ DE FH เป็นส่วนหนึ่งของ FB ซึ่ง DE // FB)
และ GF // EH (จากข้อ 3) พิสูจน์แล้วว่า ■AECF เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน และ
GF เป็นส่วนหนึ่งของ AF EH เป็นส่วนหนึ่งของ EC ซึ่ง AF // EC)
ดังนั้น ■GEHF เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน (มีด้านตรงข้ามขนานกันสองคู่)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 203
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 3.2 ก
1. แนวคิด M
B A
N F
� �
MÂB = AB̂N เพราะว่า BN // MF และมี AB เป็นเส้นตัด ทำ�ให้มุมแย้งมีขนาดเท่ากัน
2. แนวคิด B
E
M
Y A K
N
� � �
MÊA = EÂK ( EM // KY และมี BN เป็นเส้นตัด ทำ�ให้มุมแย้งมีขนาดเท่ากัน)
� �
EÂK = YÂN ( BN ตัดกับ KY ทำ�ให้มุมตรงข้ามมีขนาดเท่ากัน)
จะได้ MÊA = YÂN (สมบัติของการเท่ากัน)
ดังนั้น MÊA = EÂK = YÂN (สมบัติของการเท่ากัน)
3. แนวคิด D
E
A
54° O
C B
4. แนวคิด
A
D
76°
E
55°
B
C
5. แนวคิด
B A
115°
C 105°
F
E D
� � � �
ลาก CF ให้ขนานกับ BA จะได้ CF ขนานกับ DE ด้วย (สมบัติถ่ายทอดของการขนาน)
เนื่องจาก BĈF + 115 = 180 (ขนาดของมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัดที่ตัดเส้นขนาน
รวมกันเท่ากับ 180°)
ดังนั้น BĈF = 65° (สมบัติของการเท่ากัน)
เนื่องจาก BĈF + FĈD = 105° (กำ�หนดให้)
จะได้ 65 + FĈD = 105 (สมบัติของการเท่ากัน)
FĈD = 40° (สมบัติของการเท่ากัน)
เนื่องจาก FĈD = CD̂E (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมแย้งมีขนาดเท่ากัน)
นั่นคือ CD̂E = 40° (สมบัติของการเท่ากัน)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 205
6. แนวคิด
A
B
C
D
กำ�หนดให้ AB // CD และ BC // DE
ต้องการพิสูจน์ว่า AB̂C = CD̂E
พิสูจน์ เนื่องจาก AB // CD (กำ�หนดให้)
จะได้ AB̂C = BĈD (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมแย้งมีขนาดเท่ากัน)
เนื่องจาก BC // DE (กำ�หนดให้)
จะได้ BĈD = CD̂E (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมแย้งมีขนาดเท่ากัน)
ดังนั้น AB̂C = CD̂E (สมบัติของการเท่ากัน)
7. แนวคิด
P R
A C
B
Q S
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
206 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
8. แนวคิด
D C
A B
E
แบบฝึกหัด 3.2 ข
1.
1) A
E
B C
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 207
2) A B
D
C N
M
3)
S R
110° 100°
110° 100°
P Q
� � �
เนื่องจาก SR และ PQ มี SP เป็นเส้นตัด ทำ�ให้มุมแย้งมีขนาดเท่ากัน คือ 110°
� �
ดังนั้น SR // PQ
� � �
หรือเนื่องจาก SR และ PQ มี RQ เป็นเส้นตัด ทำ�ให้มุมแย้งมีขนาดเท่ากัน คือ 100°
� �
ดังนั้น SR // PQ
4) E
40° D
C 30°
40° B
ไม่มีส่วนของเส้นตรงคู่ใดขนานกัน เพราะไม่มีมุมแย้งคู่ใดมีขนาดเท่ากัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
208 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
2. แนวคิด
E
A B
38° °
y° 82
38° x°
C D
F
3. แนวคิด
C B
A D
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 209
4. แนวคิด
C
5
1 3 2 4
A D
B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
210 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
-
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1. อุปกรณ์ของกิจกรรม : สำ�รวจมุมภายนอกและมุมภายใน
2. ซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad (GSP)
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนีเ้ ป็นเรือ
่ งเกีย่ วกับเส้นขนานและมุมภายนอกกับมุมภายใน มุง่ เน้นให้นก
ั เรียนตรวจสอบการขนานกันของเส้นตรง
สองเส้นได้ โดยใช้มุมภายนอกและมุมภายในที่อยู่ตรงข้ามบนข้างเดียวกันของเส้นตัด ผ่านการให้เหตุผลและการใช้ความรู้
เกี่ยวกับเส้นขนาน ขนาดของมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัด หรือขนาดของมุมแย้ง นอกจากนี้นักเรียนยังได้เห็น
การพิสจู น์สมบัตข
ิ องเส้นขนานและมุมภายนอกกับมุมภายใน ซึง่ สามารถนำ�สมบัตน
ิ ไี้ ปใช้เป็นพืน
้ ฐานในการให้เหตุผลทางเรขาคณิต
ต่อไป แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อาจทำ�ได้ดังนี้
1. ครูควรให้นักเรียนพิจารณารูปเส้นตัดตัดเส้นตรงสองเส้น ในหนังสือเรียน หน้า 153 เพื่อให้นักเรียนได้รู้จักว่า
มุมคู่ใดบ้างที่เป็นมุมภายนอกและมุมภายในที่อยู่ตรงข้ามบนข้างเดียวกันของเส้นตัด
2. ครูใช้ “กิจกรรม : สำ�รวจมุมภายนอกและมุมภายใน” ในหนังสือเรียน หน้า 153–155 ให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติ
กิจกรรม โดยนักเรียนต้องเขียนเส้นตัดและระบุว่ามุมคู่ใดบ้างที่เป็นมุมภายนอกและมุมภายในที่อยู่ตรงข้ามบน
ข้างเดียวกันของเส้นตัด พร้อมทั้งวัดขนาดของมุมเหล่านั้น จากนั้นครูเน้นให้นักเรียนสังเกตผลที่ได้จากกิจกรรม
ข้อ 1 และข้อ 2 แล้วสร้างข้อความคาดการณ์โดยใช้ภาษาของตนเอง ซึ่งครูอาจยกตัวอย่างที่หลากหลาย
โดยดาวน์โหลดไฟล์ GSP จากมุมเทคโนโลยี ในหนังสือเรียน หน้า 153 เพื่อแสดงให้นักเรียนสังเกตเพิ่มเติม
จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อสรุปว่าข้อความคาดการณ์ที่ได้สอดคล้องกับสมบัติของเส้นขนานที่ว่า
“ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมภายนอกและมุมภายในที่อยู่ตรงข้ามบนข้างเดียวกันของ
เส้นตัดมีขนาดเท่ากัน”
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 211
E
A 1 2 B
3 4
5 6
C 7 8 D
� � �
กำ�หนดให้ AB // CD มี EF เป็นเส้นตัด
ต้องการพิสูจน์ว่า 1̂ = 5̂ , 2̂ = 6̂ , 7̂ = 3̂ และ 8̂ = 4̂
� �
พิสูจน์ เนื่องจาก AB // CD (กำ�หนดให้)
จะได้ 5̂ + 3̂ = 180° (ขนาดของมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัดที่ตัดเส้นขนาน
รวมกันเท่ากับ 180°)
เนื่องจาก 1̂ + 3̂ = 180° (ขนาดของมุมตรง)
จะได้ 1̂ + 3̂ = 5̂ + 3̂ (สมบัติของการเท่ากัน)
ดังนั้น 1̂ = 5̂ (สมบัติของการเท่ากัน)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
212 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
X
A B
M
C N D
Y
� � �
กำ�หนดให้ XY ตัด AB และ CD ที่จุด M และ N ตามลำ�ดับ ทำ�ให้ AM̂X = CN̂M
� �
ต้องการพิสูจน์ว่า AB // CD
พิสูจน์ เนื่องจาก AM̂X = BM̂N (ถ้าเส้นตรงสองเส้นตัดกัน แล้วมุมตรงข้ามมีขนาดเท่ากัน)
และ AM̂X = CN̂M (กำ�หนดให้)
จะได้ BM̂N = CN̂M (สมบัติของการเท่ากัน)
เนื่องจาก BM̂N และ CN̂M เป็นมุมแย้งที่มีขนาดเท่ากัน
� �
ดังนั้น AB // CD (ถ้าเส้นตรงเส้นหนึ่งตัดเส้นตรงคู่หนึ่ง ทำ�ให้มุมแย้ง
มีขนาดเท่ากัน แล้วเส้นตรงคู่นั้นขนานกัน)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 213
กิจกรรม : สำ�รวจมุมภายนอกและมุมภายใน
กิจกรรมนี้ เป็นกิจกรรมที่ต้องการให้นักเรียนสำ�รวจมุมภายนอกและมุมภายในที่อยู่ตรงข้ามบนข้างเดียวกันของเส้นตัด
โดยนักเรียนต้องเขียนเส้นตัด ระบุและวัดขนาดของมุมภายนอกและมุมภายใน เพื่อสังเกตและสร้างข้อความคาดการณ์เกี่ยวกับ
ขนาดของมุมภายนอกและมุมภายในที่อยู่ตรงข้ามบนข้างเดียวกันของเส้นตัด โดยมีสื่อ/อุปกรณ์ และขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
ดังนี้
สื่อ/อุปกรณ์
1. ไม้บรรทัด
2. โพรแทรกเตอร์
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
�
1. ครูทบทวนมุมภายนอกและมุมภายในที่อยู่ตรงข้ามบนข้างเดียวกันของเส้นตัด โดยครูอาจเขียนเส้นตัด XY ตัด AB
� � �
และ CD โดยให้จุด M และจุด N เป็นจุดตัดบน AB และ CD ตามลำ�ดับ และให้นักเรียนช่วยกันตอบว่า
มุมคู่ใดบ้างที่เป็นมุมภายนอกและมุมภายในที่อยู่ตรงข้ามบนข้างเดียวกันของเส้นตัด
2. ครูให้นักเรียนทำ�กิจกรรมข้อ 1 และข้อ 2 ในหนังสือเรียน หน้า 153–155 โดยให้นักเรียนเขียนเส้นตัด XY ให้เอียง
ทำ�มุมในแนวใดก็ได้ตามใจชอบ จากนั้นให้นักเรียนระบุว่า มุมคู่ใดบ้างที่เป็นมุมภายนอกและมุมภายในที่อยู่ตรงข้าม
บนข้างเดียวกันของเส้นตัด วัดขนาดของมุมเหล่านี้ และเติมลงในตารางให้สมบูรณ์
3. ครูให้นักเรียนสังเกตตารางที่ได้ในข้อ 1 และข้อ 2 แล้วสร้างข้อความคาดการณ์เกี่ยวกับขนาดของมุมภายนอกและ
มุมภายในที่อยู่ตรงข้ามบนข้างเดียวกันของเส้นตัดกับการขนานกันของเส้นตรงคู่นั้น เมื่อกำ�หนดเส้นตรงคู่หนึ่งมาให้
ด้วยภาษาของตนเอง
4. ครูให้นักเรียนนำ�เสนอข้อความคาดการณ์ที่ได้ จากนั้นครูอาจยกตัวอย่างเพิ่มเติมจากกิจกรรมที่นักเรียนทำ�ลงใน
หนังสือเรียนหลาย ๆ ตัวอย่าง เพื่อให้นักเรียนเห็นจริงว่า ไม่ว่าเส้นตัด XY จะเอียงทำ�มุมในแนวใด ผลที่ได้ยังคง
เหมือนเดิม หรือครูอาจดาวน์โหลดไฟล์ GSP จากมุมเทคโนโลยี ในหนังสือเรียน หน้า 153 เพื่อแสดงตัวอย่างหรือ
ให้นักเรียนได้สำ�รวจเพิ่มเติม เพื่อสรุปว่าข้อความคาดการณ์ที่ได้สอดคล้องกับสมบัติของเส้นขนานที่ว่า “ถ้าเส้นตรง
สองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมภายนอกและมุมภายในทีอ
่ ยูต
่ รงข้ามบนข้างเดียวกันของเส้นตัดมีขนาดเท่ากัน”
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
214 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
เฉลยกิจกรรม : สำ�รวจมุมภายนอกและมุมภายใน
� � � �
1. ในแต่ละข้อกำ�หนดให้ AB และ CD ไม่ขนานกัน ให้นักเรียนเขียนเส้นตัด XY ตัด AB และ CD โดยให้ จุด M และ
� �
จุด N เป็นจุดตัดบน AB และ CD ตามลำ�ดับ จากนัน
้ ให้ระบุวา่ มุมคูใ่ ดบ้างทีเ่ ป็นมุมภายนอกและมุมภายในทีอ
่ ยูต
่ รงข้าม
บนข้างเดียวกันของเส้นตัด พร้อมทั้งวัดขนาดของมุมเหล่านั้น แล้วเติมลงในตารางให้สมบูรณ์
1) ตัวอย่าง
มุม ชื่อมุม ขนาดของมุม
มุมภายนอก AM̂X 92°
คู่ที่ 1
X
B มุมภายใน CN̂M 75°
มุมภายนอก BM̂X 88°
A M คู่ที่ 2
มุมภายใน DN̂M 105°
มุมภายนอก CN̂Y 105°
C N D คู่ที่ 3
Y มุมภายใน AM̂N 88°
มุมภายนอก DN̂Y 75°
คู่ที่ 4
มุมภายใน BM̂N 92°
2) ตัวอย่าง
มุม ชื่อมุม ขนาดของมุม
A มุมภายนอก AM̂X 111°
คู่ที่ 1
X มุมภายใน CN̂M 101°
M
มุมภายนอก BM̂X 69°
C B คู่ที่ 2
มุมภายใน DN̂M 79°
N มุมภายนอก CN̂Y 79°
Y คู่ที่ 3
มุมภายใน AM̂N 69°
D
มุมภายนอก DN̂Y 101°
คู่ที่ 4
มุมภายใน BM̂N 111°
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 215
� � � �
2. ในแต่ละข้อกำ�หนดให้ AB และ CD ขนานกัน ให้นักเรียนเขียนเส้นตัด XY ตัด AB และ CD โดยให้ จุด M และจุด N
� �
เป็นจุดตัดบน AB และ CD ตามลำ�ดับ จากนั้นให้ระบุว่า มุมคู่ใดบ้างที่เป็นมุมภายนอกและมุมภายในที่อยู่ตรงข้าม
บนข้างเดียวกันของเส้นตัด พร้อมทั้งวัดขนาดของมุมเหล่านั้น แล้วเติมลงในตารางให้สมบูรณ์
1) ตัวอย่าง
มุม ชื่อมุม ขนาดของมุม
มุมภายนอก AM̂X 129°
คู่ที่ 1
มุมภายใน CN̂M 129°
X
A M B มุมภายนอก BM̂X 51°
คู่ที่ 2
มุมภายใน DN̂M 51°
มุมภายนอก CN̂Y 51°
C N D คู่ที่ 3
มุมภายใน AM̂N 51°
Y
มุมภายนอก DN̂Y 129°
คู่ที่ 4
มุมภายใน BM̂N 129°
2) ตัวอย่าง
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 3.3
แนวคิดในการหาคำ�ตอบข้อนี้มีได้หลากหลาย นักเรียนอาจจะใช้สมบัติของเส้นขนานเกี่ยวกับมุมภายในที่อยู่
ipst.me/10079 บนข้างเดียวกันของเส้นตัด มุมแย้ง มุมภายนอกและมุมภายในที่อยู่ตรงข้ามบนข้างเดียวกันของเส้นตัด หรือ
ขนาดของมุมภายนอกของรูปสามเหลี่ยม ประกอบการหาคำ�ตอบ
A B
X Y
t°
15°
P Q
a° u°
M N
b°
v°
E F
c°
w°
d°
C 75° D
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 3.3 ก
1. แนวคิด
P R
A B
Q S
� �
เนื่องจาก PQ // RS และมี AB เป็นเส้นตัด ทำ�ให้มุมภายนอกและมุมภายในที่อยู่ตรงข้ามบนข้างเดียวกันของ
เส้นตัดมีขนาดเท่ากัน
จะได้ AP̂Q = AR̂S และ BR̂S = BP̂Q
2. แนวคิด
Q
M N
S
T
K L
P
� � �
เนื่องจาก MN // KL และมี PQ เป็นเส้นตัด ทำ�ให้มุมภายนอกและมุมภายในที่อยู่ตรงข้ามบนข้างเดียวกันของ
เส้นตัดมีขนาดเท่ากัน
จะได้ NŜT = LT̂P
� � �
เนื่องจาก MN // KL และมี PQ เป็นเส้นตัด ทำ�ให้มุมแย้งมีขนาดเท่ากัน
จะได้ NŜT = ST̂K
� �
เนื่องจาก MN ตัดกับ PQ ทำ�ให้มุมตรงข้ามมีขนาดเท่ากัน
จะได้ NŜT = QŜM
ดังนั้น NŜT = LT̂P = ST̂K = QŜM
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
218 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
3. แนวคิด
D F
66°
118°
A B
X Y
C E
4. แนวคิด
F
A 52°
B
E 104° H
C D
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 219
5. แนวคิด
D C
133°
E A B
6. แนวคิด
D C
(x + 48)°
A B
(2x – 17)°
E
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
220 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
แบบฝึกหัด 3.3 ข
1.
1) D C
E A B
F
� �
เนื่องจาก DF และ BC มี BE เป็นเส้นตัด แล้วทำ�ให้ EÂD และ AB̂C ซึ่งเป็นมุมภายนอกและมุมภายใน
ที่อยู่ตรงข้ามบนข้างเดียวกันของเส้นตัด มีขนาดเท่ากัน
�
ดังนั้น DF // BC
2) A
B C
N
3) D
44°
B F
44°
46°
P Q
A C E
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 221
4) N Q
96° F
50°
84° E
130° D
A B C
P R
M
2. แนวคิด
Y A M
Q R
� �
เนื่องจาก YM // QR (กำ�หนดให้)
จะได้ PÂM = PQ̂R (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมภายนอกและมุมภายใน
ที่อยู่ตรงข้ามบนข้างเดียวกันของเส้นตัด มีขนาดเท่ากัน)
เนื่องจาก XŶM = PQ̂R (กำ�หนดให้)
จะได้ PÂM = XŶM (สมบัติของการเท่ากัน)
� �
ดังนั้น YX // QP (ถ้าเส้นตรงเส้นหนึง่ ตัดเส้นตรงคูห
่ นึง่ ทำ�ให้มม
ุ ภายนอกและมุมภายในทีอ
่ ยู่
ตรงข้ามบนข้างเดียวกันของเส้นตัดมีขนาดเท่ากัน แล้วเส้นตรงคูน
่ น
้ั ขนานกัน)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
222 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
3. แนวคิด
E
B
A D C F
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 223
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
-
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad (GSP)
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับเส้นขนานและรูปสามเหลี่ยม มุ่งเน้นให้นักเรียนนำ�ความรู้เกี่ยวกับสมบัติของเส้นขนานมาใช้
ในการพิสูจน์ทฤษฎีบทอื่น ๆ ซึ่งจะเน้นการให้เหตุผลเกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยม แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อาจทำ�ได้ดังนี้
1. ครูทบทวนเรื่องผลบวกของขนาดของมุมภายในของรูปสามเหลี่ยม โดยอาจจัดกิจกรรมให้นักเรียนสังเกตผลจาก
การลงมือปฏิบัติ เช่น
1) ครูอาจให้นักเรียนเขียนรูปสามเหลี่ยมในลักษณะต่าง ๆ กลุ่มละ 3–4 รูป จากนั้นวัดขนาดของมุมภายใน
ทั้งสามมุมของรูปสามเหลี่ยมแต่ละรูป และหาผลบวกของขนาดของมุมภายในทั้งสามมุมของรูปสามเหลี่ยม
2) ครูอาจให้นักเรียนตัดหรือพับมุมทั้งสามมุมของกระดาษรูปสามเหลี่ยม เพื่อแสดงผลบวกของขนาดของ
มุมภายในทั้งสามมุมของรูปสามเหลี่ยม ดังรูป
3
1 3 2
1 2
สมบัติของเส้นขนานเกี่ยวกับมุมแย้ง
สมบัติเกี่ยวกับผลบวกของขนาดของ
มุมภายในของรูปสามเหลี่ยม
สมบัติเกี่ยวกับขนาดของมุมภายนอกและ สมบัติเกี่ยวกับความเท่ากันทุกประการของ
มุมภายในของรูปสามเหลี่ยม รูปสามเหลี่ยมแบบ ม.ม.ด.
ทำ�ให้ได้ว่าความสัมพันธ์แบบ ม.ด.ม.
เป็นความสัมพันธ์แบบ ม.ม.ด. ด้วย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 225
A T B
1
15° 2
a° 3
b° 4
5
S
c°
d°
C 75° D
R
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
226 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 3.4
ผลบวกของขนาดของมุมภายในของรูป n เหลี่ยม เท่ากับ (n – 2) × 180 องศา
ipst.me/10080
ชวนคิด 3.5
นักเรียนสามารถใช้ขนาดของมุมตรง ขนาดของมุมตรงข้าม สมบัติเกี่ยวกับผลบวกของขนาดของมุมภายใน
ipst.me/10081
ของรูปสามเหลี่ยมและรูปห้าเหลี่ยม สมบัติเกี่ยวกับขนาดของมุมภายนอกและมุมภายในของรูปสามเหลี่ยม
หรือสมบัติอื่น ๆ มาช่วยในการหาคำ�ตอบได้
22°
64°
86° 36°
26° 72°
26° 72°
68°
72°
112° ° 118°
68
46°
50°
62°
44°
40°
จากรูปจะได้ m = 26 n = 50 p = 86
q = 22 r = 36 s = 72
t = 118 u = 44
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 227
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 3.4
1. แนวคิด
A E
68°
64° x°
B C
2. แนวคิด
E F
46°
128°
A B C D
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
228 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
3. แนวคิด
B
A
x°
106° D
y°
C E
พิจารณา ∆CDE
จะได้ 106 = y + 90 (ขนาดของมุมภายนอกของรูปสามเหลีย่ มเท่ากับผลบวกของ
ขนาดของมุมภายในทีไ่ ม่ใช่มม
ุ ประชิดของมุมภายนอกนัน
้ )
ดังนั้น y = 16 (สมบัติของการเท่ากัน)
จะได้ AĈD = 90 – y = 90 – 16 = 74° (สมบัติของการเท่ากัน)
จะได้ x = 74 (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมแย้ง
มีขนาดเท่ากัน)
ดังนั้น x + √y = 74 + √16 = 78
4. แนวคิด
C
120° y°
B
x°
E
100°
D
°
A 130
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 229
พิจารณา ∆ADE
จะได้ x = 100 + 50 = 150 (ขนาดของมุมภายนอกของรูปสามเหลี่ยมเท่ากับผลบวกของ
ขนาดของมุมภายในที่ไม่ใช่มุมประชิดของมุมภายนอกนั้น)
5. แนวคิด A
D
E
x° y° 54° C
B
48°
G
F
เนื่องจาก DG // AC และมี EC เป็นเส้นตัด (กำ�หนดให้)
จะได้ x = 54 (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด
แล้วมุมภายนอกและมุมภายในที่อยู่ตรงข้ามบน
ข้างเดียวกันของเส้นตัดมีขนาดเท่ากัน)
เนื่องจาก AB̂D = FB̂G = 48° (ถ้าเส้นตรงสองเส้นตัดกัน แล้วมุมตรงข้ามมีขนาดเท่ากัน)
และ 54 + 48 + y = 180 (ขนาดของมุมตรง)
จะได้ y = 78 (สมบัติของการเท่ากัน)
2 2
ดังนั้น (x – y) = (54 – 78) = 576
6. แนวคิด E
44°
X C 4 6 D Y
3 5
A 1 2
B
7. แนวคิด
Q
D
120° A
E C
P 32°
28°
B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 231
8. แนวคิด
E A F
1 2
3 4
B C
9. แนวคิด
D
G
B 1 2 5
A E
4 3 F
H
C
� �
กำ�หนดให้ CG // DH, AB = EF และ BC = FD
ต้องการพิสูจน์ว่า AC // DE
พิสูจน์ พิจารณา ∆ABC และ ∆EFD
เนื่องจาก AB = EF (กำ�หนดให้)
� �
และ CG // DH (กำ�หนดให้)
จะได้ 1̂ = 2̂ (ถ้ า เส้ น ตรงสองเส้ น ขนานกั น และมี เ ส้ น ตั ด แล้ ว มุ ม ภายนอกและ
มุมภายในที่อยู่ตรงข้ามบนข้างเดียวกันของเส้นตัดมีขนาดเท่ากัน)
เนื่องจาก 1̂ = 3̂ (ถ้าเส้นตรงสองเส้นตัดกัน แล้วมุมตรงข้ามมีขนาดเท่ากัน)
จะได้ 2̂ = 3̂ (สมบัติของการเท่ากัน)
เนื่องจาก BC = FD (กำ�หนดให้)
ดังนั้น ∆ABC ≅ ∆EFD (ด.ม.ด.)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
232 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
จะได้ 4̂ = 5̂ (มุมคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ
จะมีขนาดเท่ากัน)
ดังนั้น AC // DE (ถ้าเส้นตรงเส้นหนึ่งตัดเส้นตรงคู่หนึ่งทำ�ให้มุมแย้งมีขนาดเท่ากัน
แล้วเส้นตรงคู่นั้นขนานกัน)
10. แนวคิด
F ขั้นที่ 3 I
77°
282° ขั้นที่ 2 E
D
ขั้นที่ 1
B C
77°
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
234 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
กิจกรรมท้ายบท : เผยมุมให้ชัด
กิจกรรมนี้ เป็นกิจกรรมที่เน้นให้นักเรียนได้ใช้สมบัติต่าง ๆ ที่ได้เรียนมาแล้ว มาให้เหตุผลเพื่อหาขนาดของมุมทั้งหมดใน
รูปที่กำ�หนดให้ ครูอาจให้นักเรียนทำ�กิจกรรมนี้นอกเวลาเรียน โดยมีขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม ดังนี้
สื่อ/อุปกรณ์
-
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูให้นักเรียนแต่ละคนทำ� “กิจกรรมท้ายบท : เผยมุมให้ชัด” ในหนังสือเรียน หน้า 172
2. ครูให้นักเรียนช่วยกันเฉลยขนาดของมุมแต่ละมุม พร้อมทั้งให้นักเรียนนำ�เสนอเหตุผลสนับสนุนคำ�ตอบของตนเอง
ซึ่งเหตุผลของนักเรียนอาจแตกต่างกัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 235
เฉลยกิจกรรมท้ายบท : เผยมุมให้ชัด
A B
69° 89° 91° 111° 69° 89° 91° 111° 69°
21°
118°
97°
83° 84° 96°
62° 118°
62° 96° 84° 84° 96°
118° 118° 62° 96° 84° 62° 118°
83°
118° 62°
97°
22°
108° 94°
93°
72° 72° 108°
72° 86°
86° 72° 87°
72° 108°
87° 86° 72°
10° 86° 94° 62°
83° 84° 96 °
96° 22° 118° 118°
62° 62° 96° 84° 84°
118° 96°
62° 62° 83°
84° 97°
62°
22° 21°
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
236 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
เฉลยแบบฝึกหัดท้ายบท
1. แนวคิด
B
A
22°
a°
x°
P
Q b°
85°
C
D
� � � �
ลาก PQ ให้ขนานกับ AB จะได้ PQ // CD ด้วย (สมบัติถ่ายทอดของการขนาน)
� � � �
เนื่องจาก AB // PQ และ PQ // CD (จากการสร้าง)
จะได้ a = 22 และ b = 85 (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมแย้งมีขนาดเท่ากัน)
ดังนั้น x = a + b = 22 + 85 = 107
2. แนวคิด
D
Q
26°
30° A x°
E
P C
(y – 12) °
B
F
พิจารณา ∆PQE
จะได้ AP̂Q = 30 + 26 = 56° (ขนาดของมุมภายนอกของรูปสามเหลี่ยมเท่ากับผลบวกของ
ขนาดของมุมภายในที่ไม่ใช่มุมประชิดของมุมภายนอกนั้น)
� � �
เนื่องจาก PQ // BD และมี EC เป็นเส้นตัด (กำ�หนดให้)
จะได้ CÂD = AP̂Q (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมภายนอกและ
มุมภายในทีอ่ ยูต
่ รงข้ามบนข้างเดียวกันของเส้นตัดมีขนาดเท่ากัน)
ดังนั้น x = 56 (สมบัติของการเท่ากัน)
� � �
เนื่องจาก EC // BF และมี BD เป็นเส้นตัด (กำ�หนดให้)
จะได้ x = y – 12 (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมภายนอกและ
มุมภายในทีอ่ ยูต
่ รงข้ามบนข้างเดียวกันของเส้นตัดมีขนาดเท่ากัน)
56 = y – 12 (สมบัติของการเท่ากัน)
ดังนั้น y = 68 (สมบัติของการเท่ากัน)
นั่นคือ 2y – x = 2(68) – 56 = 4
5 5
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 237
3. แนวคิด
A B
120°
(2x + y)° D
C
(2x – y)°
140° F
E
� �
เนื่องจาก AB // CD และมี AC เป็นเส้นตัด (กำ�หนดให้)
จะได้ (2x + y) + 120 = 180 (ขนาดของมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัด
ที่ตัดเส้นขนานรวมกันเท่ากับ 180°)
� �
เนื่องจาก CD // EF และมี CE เป็นเส้นตัด (กำ�หนดให้)
จะได้ (2x – y) + 140 = 180 (ขนาดของมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัด
ที่ตัดเส้นขนานรวมกันเท่ากับ 180°)
ดังนั้น (2x + y) + 120 = (2x – y) + 140 (สมบัติของการเท่ากัน)
y = 10 (สมบัติของการเท่ากัน)
จาก (2x + y) + 120 = 180
จะได้ (2x + 10) + 120 = 180
x = 25
4. แนวคิด
D C E
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
238 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
5. แนวคิด
D C
100°
(5x + y)° (2x + y)°
(5x – y)°
A B
6. แนวคิด
H
48° E
A n° B
(5y – 8)°
(2x + 2y)° 32°
C F G D
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 239
7. แนวคิด E
1 2 3 G B
A F 6 5 4
8. แนวคิด
B D
1 2 3 4
A E
C
พิจารณา ∆ABC และ ∆CDE
เนื่องจาก AB // CD และมี AE เป็นเส้นตัด (กำ�หนดให้)
จะได้ 1̂ = 3̂ (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมภายนอกและ
มุมภายในทีอ่ ยูต
่ รงข้ามบนข้างเดียวกันของเส้นตัดมีขนาดเท่ากัน)
เนื่องจาก AC = CE (จุด C เป็นจุดกึ่งกลางของ AE)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
240 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
9. แนวคิด A
1
E
3
2 4
B
C D
เนื่องจาก ∆ABC เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว (กำ�หนดให้)
จะได้ 1̂ = 2̂ (มุมที่ฐานของรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วมีขนาดเท่ากัน)
� �
เนื่องจาก CE // BA มี AC และ BD เป็นเส้นตัด (กำ�หนดให้)
จะได้ 1̂ = 3̂ (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมแย้งมีขนาด
เท่ากัน)
และ 4̂ = 2̂ (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมภายนอกและ
มุมภายในทีอ่ ยูต
่ รงข้ามบนข้างเดียวกันของเส้นตัดมีขนาดเท่ากัน)
ดังนั้น 3̂ = 4̂ (สมบัติของการเท่ากัน)
�
นั่นคือ CE แบ่งครึ่ง AĈD
10. แนวคิด A
E
C
B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 241
11. แนวคิด
A 4
1 C
3
6
2
5
B
13. แนวคิด A
7 8
5 9 10 6
E D
3 G F 4
B 1 2 C
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
242 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
ต้องการพิสูจน์ว่า AE = AD
พิสูจน์ เนื่องจาก ∆ABC เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว (กำ�หนดให้)
จะได้ 1̂ = 2̂ (มุมที่ฐานของรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วมีขนาด
เท่ากัน)
เนื่องจาก BC // ED มี AB และ AC เป็นเส้นตัด (กำ�หนดให้)
จะได้ 1̂ = 3̂ และ 2̂ = 4̂ (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด
แล้วมุมแย้งมีขนาดเท่ากัน)
ดังนั้น 3̂ = 4̂ (สมบัติของการเท่ากัน)
เนื่องจาก 3̂ + 5̂ = 180° และ 4̂ + 6̂ = 180° (ขนาดของมุมตรง)
จะได้ 3̂ + 5̂ = 4̂ + 6̂ (สมบัติของการเท่ากัน)
ดังนั้น 5̂ = 6̂ (สมบัติของการเท่ากัน)
เนื่องจาก 3̂ ˆ
= 9̂ และ 4̂ = 10 (ถ้าเส้นตรงสองเส้นตัดกัน แล้วมุมตรงข้าม
มีขนาดเท่ากัน)
จะได้ 9̂ = 10ˆ (สมบัติของการเท่ากัน)
ดังนั้น AG = AF (∆AGF เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว เนื่องจาก
ˆ
9̂ = 10 )
เนื่องจาก 7̂ = 8̂ (กำ�หนดให้)
จะได้ ∆AEG ≅ ∆ADF (ม.ด.ม.)
ดังนั้น AE = AD (ด้านคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากัน
ทุกประการจะยาวเท่ากัน)
14. แนวคิด
F E D
1 3
2 4
A B C
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 243
15. แนวคิด
B D F N
X Y กระจก
T
108°
A 68° a° M กระจก
C P E G
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
244 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
16. แนวคิด
D
C
E
1 2 B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 245
ตัวอย่างแบบทดสอบท้ายบท
1. กำ�หนดให้ AB // CD และ CD // EF โดยมีระยะห่างระหว่าง AB และ EF เท่ากับ 20 เซนติเมตร และมีระยะห่าง
ระหว่าง CD และ EF เท่ากับ 15 เซนติเมตร จงหาระยะห่างระหว่าง AB และ CD (2 คะแนน)
ตอบ
2. ให้นักเรียนพิจารณารูปและข้อความต่อไปนี้
A C B ให้ AB // XZ และ AE // CD
(1) BĈY = EX̂Y
(2) CÂX = XŶC
X Z
Y
(3) CB̂Z = YẐD
(4) BĈD = CD̂E
E D
3. ให้นักเรียนพิจารณารูปและข้อความต่อไปนี้
D ให้ AD // GB และ DC // EF
3 (1) 2̂ = 7̂
(2) 5̂ = 8̂
A 1 E 2 C B (3) 3̂ = 8̂
7 6 4
(4) 3̂ = 5̂
5
F (5) 1̂ = 4̂
8
G
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
246 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
B � �
4. จากรูป กำ�หนดให้ AB // QE, PQ̂R = 27° และ
PR̂Q = 58° จงหาค่า a (1 คะแนน)
A a°
E
ตอบ
P
Q 27° 58° R
y° E
D
� �
6. A จากรูป กำ�หนดให้ DE // BC, BÂD = 74° และ
74° AB̂C = 41° จงหาค่า x (1 คะแนน)
x° E
D ตอบ
41°
B C
C
7. จากรูป กำ�หนดให้ AB // EF จงหาค่าของ a + b
a°
(1 คะแนน)
ตอบ
36° b°
A B
D
68°
E
F
8. P Q จากรูป กำ�หนดให้ PQ // RS, RS // MN และ TR // MQ
55°
R U จงหาค่าของ x + y + z (2 คะแนน)
S
x° y°
ตอบ
z°
T M N
Z
9. จากรูป กำ�หนดให้ ∆XYZ มี XY = XZ และ W เป็นจุด
W
อยู่บนด้าน XZ โดยที่ WZ = ZY ถ้า YŴZ = 52°
52°
แล้วค่าของ b – a เท่ากับเท่าไร (2 คะแนน)
X b° a° Y
ตอบ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 247
� � � �
10. จากรูป กำ�หนดให้ PA // QB และ QC // RD
C D
A B จงหาค่าของ √a + √b (2 คะแนน)
ตอบ
40°
40° a° b°
M N
P Q R
E
12. จากรูป กำ�หนดให้ AB // CD, CF // ED และ CE = CD
จงหาค่าของ p, q และ r (3 คะแนน)
p° q°
C D ตอบ p =
q =
A 56
° 85° B r =
r°
� � �
13. A B จากรูป กำ�หนดให้ AB // DF และ AC // DE
150°
จงหาค่าของ a และ b (2 คะแนน)
C 80°
ตอบ a =
b =
a°
D
b° F
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
248 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
14. กำ�หนดให้ AC // DE, BÂC = 114° และ AB̂C = 38° จงหาขนาดของ CD̂E พร้อมแสดงเหตุผล (3 คะแนน)
A B
A B
C F D
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 249
16. ถ้าหมุนรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า AOB รอบจุด O ด้วยมุม 60° ทวนเข็มนาฬิกา โดยหมุนต่อเนื่องไป 5 ครั้ง จะได้
รูปหกเหลี่ยมด้านเท่ามุมเท่า ABCDEF ดังรูป
E D
F C
O
A B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
250 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
เฉลยตัวอย่างแบบทดสอบท้ายบท
1. กำ�หนดให้ AB // CD และ CD // EF โดยมีระยะห่างระหว่าง AB และ EF เท่ากับ 20 เซนติเมตร และมีระยะห่าง
ระหว่าง CD และ EF เท่ากับ 15 เซนติเมตร จงหาระยะห่างระหว่าง AB และ CD (2 คะแนน)
ตอบ 5 เซนติเมตร, 35 เซนติเมตร
แนวคิด
A E C
A C E
5 ซม. 20 ซม.
15 ซม.
15 ซม.
B D F
B F D
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
นักเรียนสามารถใช้สมบัติของเส้นขนานและรูปสามเหลี่ยมในการให้เหตุผลและแก้ปัญหาคณิตศาสตร์
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 2 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้คำ�ตอบละ 1 คะแนน
ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้คำ�ตอบละ 0 คะแนน
2. ให้นักเรียนพิจารณารูปและข้อความต่อไปนี้
A C B ให้ AB // XZ และ AE // CD
(1) BĈY = EX̂Y
X Z (2) CÂX = XŶC
Y
(3) CB̂Z = YẐD
E D (4) BĈD = CD̂E
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 251
3. ให้นักเรียนพิจารณารูปและข้อความต่อไปนี้
D ให้ AD // GB และ DC // EF
3 (1) 2̂ = 7̂
(2) 5̂ = 8̂
A 1 E 2 C B
7 6 4 (3) 3̂ = 8̂
5 (4) 3̂ = 5̂
F (5) 1̂ = 4̂
8
G
จากข้อความข้างต้น ข้อความใดเป็นจริง (1 คะแนน)
ก. (1) และ (2) ข. (3) และ (4)
ค. (3) และ (5) ง. (4) และ (5)
� �
4. B จากรูป กำ�หนดให้ AB // QE, PQ̂R = 27° และ
PR̂Q = 58° จงหาค่า a (1 คะแนน)
A a° ตอบ 85
E
P
Q 27° 58° R
y° E
D
� �
6. A จากรูป กำ�หนดให้ DE // BC, BÂD = 74° และ
74°
E
AB̂C = 41° จงหาค่า x (1 คะแนน)
x°
D ตอบ 115
41°
B C
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
252 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
68°
E
F
สำ�หรับข้อ 2–7
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
นักเรียนสามารถใช้สมบัติของเส้นขนานและรูปสามเหลี่ยมในการให้เหตุผลและแก้ปัญหาคณิตศาสตร์
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม ข้อละ 1 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
R U จงหาค่าของ x + y + z (2 คะแนน)
S
x° y°
ตอบ 250
z°
T M N
Z
9. จากรูป กำ�หนดให้ ∆XYZ มี XY = XZ และ W เป็นจุด
อยู่บนด้าน XZ โดยที่ WZ = ZY ถ้า YŴZ = 52°
W 52° แล้วค่าของ b – a เท่ากับเท่าไร (2 คะแนน)
ตอบ 4
X b° a° Y
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 253
� � � �
10. จากรูป กำ�หนดให้ PA // QB และ QC // RD
C D
A B จงหาค่าของ √a + √b (2 คะแนน)
40°
ตอบ 20
40° a° b°
M N
P Q R
� �
แนวคิด เนื่องจาก PA // QB
จะได้ MP̂A และ PQ̂B เป็นมุมภายนอกและมุมภายในทีอ
่ ยูต
่ รงข้ามบนข้างเดียวกันของเส้นตัดทีต
่ ด
ั เส้นขนาน
ดังนั้น PQ̂B = 40°
เนื่องจาก PQ̂R เป็นมุมตรง จะได้ PQ̂B + BQ̂C + CQ̂R = 180°
40 + 40 + a = 180
ดังนั้น a = 100
� �
เนื่องจาก QC // RD
จะได้ DR̂N และ CQ̂R เป็นมุมภายนอกและมุมภายในทีอ
่ ยูต
่ รงข้ามบนข้างเดียวกันของเส้นตัดทีต
่ ด
ั เส้นขนาน
ดังนั้น b = a = 100
นั่นคือ √a + √b = √100 + √100 = 20
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
254 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
สำ�หรับข้อ 8–11
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
นักเรียนสามารถใช้สมบัติของเส้นขนานและรูปสามเหลี่ยมในการให้เหตุผลและแก้ปัญหาคณิตศาสตร์
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม ข้อละ 2 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้ 2 คะแนน
ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
E
12. จากรูป กำ�หนดให้ AB // CD, CF // ED และ CE = CD
p° q°
จงหาค่าของ p, q และ r (3 คะแนน)
C D
ตอบ p = 56
q = 62
° 85° B
A 56 r = 23
r°
F
แนวคิด เนื่องจาก AB // CD จะได้ EĈD และ CÂB เป็นมุมภายนอกและมุมภายในที่อยู่ตรงข้ามบนข้างเดียวกัน
ของเส้นตัดที่ตัดเส้นขนาน
ดังนั้น EĈD = CÂB นั่นคือ p = 56
เนื่องจาก ∆ECD เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว
จะได้ ED̂C = (180 – 56) ÷ 2 = 62° ดังนั้น q = 62
เนื่องจาก CF // ED, ED̂C และ DĈF เป็นมุมแย้งกัน จะได้ DĈF = 62°
และเนื่องจาก CD̂B และ AB̂D เป็นมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัดที่ตัดเส้นขนาน
จะได้ CD̂B = 180 – 85 = 95°
พิจารณา ∆CDF จะได้ 62 + 95 + r = 180 ดังนั้น r = 23
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 255
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
นักเรียนสามารถใช้สมบัติของเส้นขนานและรูปสามเหลี่ยมในการให้เหตุผลและแก้ปัญหาคณิตศาสตร์
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 3 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้คำ�ตอบละ 1 คะแนน
ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้คำ�ตอบละ 0 คะแนน
� � �
13. A B จากรูป กำ�หนดให้ AB // DF และ AC // DE
150°
จงหาค่าของ a และ b (2 คะแนน)
C 80°
ตอบ a = 130
b = 150
a°
D
b° F
� � � �
แนวคิด ลาก CG // DF ดังนั้น CG // AB ด้วย
A B เนื่องจาก BÂC และ AĈG เป็นมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกัน
150° ของเส้นตัดที่ตัดเส้นขนาน
30°
C
50° G
จะได้ AĈG = 180 – 150 = 30°
ดังนั้น GĈD = 80 – 30 = 50°
D a° เนือ
่ งจาก GĈD และ CD̂F เป็นมุมภายในทีอ
่ ยูบ
่ นข้างเดียวกัน
b° F
ของเส้นตัดที่ตัดเส้นขนาน
E
จะได้ CD̂F = 180 – 50 = 130° ดังนั้น a = 130
�
เนื่องจาก AC // DE, AĈD และ CD̂E เป็นมุมแย้งกัน จะได้ CD̂E = 80°
เนื่องจาก มุมรอบจุด D มีขนาด 360° จะได้ว่า 80 + 130 + b = 360
ดังนั้น b = 150
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
นักเรียนสามารถใช้สมบัติของเส้นขนานและรูปสามเหลี่ยมในการให้เหตุผลและแก้ปัญหาคณิตศาสตร์
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 2 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้คำ�ตอบละ 1 คะแนน
ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้คำ�ตอบละ 0 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
256 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
14. กำ�หนดให้ AC // DE, BÂC = 114° และ AB̂C = 38° จงหาขนาดของ CD̂E พร้อมแสดงเหตุผล (3 คะแนน)
E
A B
แนวคิด
เนื่องจาก BÂC = 114° และ AB̂C = 38° (กำ�หนดให้)
E พิจารณา ∆ABC
เนื่องจาก AĈ B + 114 + 38 = 180° (ขนาดของมุมภายในทั้งสามมุมของ
C
รูปสามเหลี่ยมรวมกันเท่ากับ 180° )
จะได้ AĈB = 28° (สมบัติของการเท่ากัน)
เนื่องจาก AC // DE และมี CD เป็นเส้นตัด
D
ดังนั้น CD̂E = 28° (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด
114° 38°
B
แล้วมุมแย้งมีขนาดเท่ากัน)
A
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
นักเรียนสามารถใช้สมบัติของเส้นขนานและรูปสามเหลี่ยมในการให้เหตุผลและแก้ปัญหาคณิตศาสตร์
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 3 คะแนน โดยมีเกณฑ์การให้คะแนนดังนี้
✤ เขียนแสดงเหตุผลสมบูรณ์และหาคำ�ตอบได้ถูกต้อง ได้ 3 คะแนน
✤ เขียนแสดงเหตุผลได้บางส่วน และได้คำ�ตอบถูกต้อง ได้ 2 คะแนน
หรือเขียนแสดงเหตุผลสมบูรณ์ แต่หาคำ�ตอบไม่ถูกต้อง
✤ ไม่เขียนแสดงเหตุผล แต่ได้คำ�ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
หรือเขียนแสดงเหตุผลได้บางส่วน แต่หาคำ�ตอบไม่ถูกต้อง
✤ ไม่เขียนแสดงเหตุผล และได้คำ�ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 3 | เส้นขนาน 257
A B
C F D
แนวคิด
พิจารณา ∆ABE และ ∆DFE
เนื่องจาก AB // CD และมี BF เป็นเส้นตัด (กำ�หนดให้)
จะได้ AB̂E = DF̂E (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมแย้งมีขนาดเท่ากัน)
AÊB = DÊF (ถ้าเส้นตรงสองเส้นตัดกัน แล้วมุมตรงข้ามมีขนาดเท่ากัน)
และ BE = FE (กำ�หนดให้)
ดังนั้น ∆ABE ≅ ∆DFE (ม.ด.ม.)
จะได้ AB = DF (ด้านคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ จะยาว
เท่ากัน)
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
นักเรียนสามารถใช้สมบัติของเส้นขนานและรูปสามเหลี่ยมในการให้เหตุผลและแก้ปัญหาคณิตศาสตร์
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 3 คะแนน โดยมีเกณฑ์การให้คะแนนดังนี้
✤ เขียนแสดงเหตุผลถูกต้องและสมบูรณ์ ได้ 3 คะแนน
✤ เขียนแสดงเหตุผลถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ ได้ 2 คะแนน
✤ เขียนแสดงเหตุผลถูกต้องเพียงเล็กน้อย ได้ 1 คะแนน
✤ ไม่เขียนแสดงเหตุผล หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
258 บทที่ 3 | เส้นขนาน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
16. ถ้าหมุนรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า AOB รอบจุด O ด้วยมุม 60° ทวนเข็มนาฬิกา โดยหมุนต่อเนื่องไป 5 ครั้ง จะได้
รูปหกเหลี่ยมด้านเท่ามุมเท่า ABCDEF ดังรูป
E D
F C
O
A B
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
นักเรียนสามารถใช้สมบัติของเส้นขนานและรูปสามเหลี่ยมในการให้เหตุผลและแก้ปัญหาคณิตศาสตร์
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 3 คะแนน โดยมีเกณฑ์การให้คะแนนดังนี้
✤ เขียนแสดงเหตุผลสมบูรณ์และหาคำ�ตอบได้ถูกต้อง ได้ 3 คะแนน
✤ เขียนแสดงเหตุผลได้บางส่วน และได้คำ�ตอบถูกต้อง ได้ 2 คะแนน
หรือเขียนแสดงเหตุผลสมบูรณ์ แต่หาคำ�ตอบไม่ถูกต้อง
✤ ไม่เขียนแสดงเหตุผล แต่ได้คำ�ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
หรือเขียนแสดงเหตุผลได้บางส่วน แต่หาคำ�ตอบไม่ถูกต้อง
✤ ไม่เขียนแสดงเหตุผล และได้คำ�ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 259
4
บทที่ การให้เหตุผลทางเรขาคณิต
ในบทการให้เหตุผลทางเรขาคณิตนี้ ประกอบด้วยหัวข้อย่อย ดังต่อไปนี้
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้
สาระ การวัดและเรขาคณิต
มาตรฐาน ค 2.2 เข้าใจและวิเคราะห์รูปเรขาคณิต สมบัติของรูปเรขาคณิต ความสัมพันธ์ระหว่างรูปเรขาคณิต และ
ทฤษฎีบททางเรขาคณิต และนำ�ไปใช้ได้
ตัวชี้วัด
ใช้ความรู้ทางเรขาคณิตและเครื่องมือ เช่น วงเวียนและสันตรง รวมทั้งซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad หรือ
ซอฟต์แวร์เรขาคณิตพลวัตอื่น ๆ เพื่อสร้างรูปเรขาคณิต ตลอดจนนำ�ความรู้เกี่ยวกับการสร้างนี้ไปประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหา
ในชีวิตจริง
จุดประสงค์ของบทเรียน
นักเรียนสามารถ
1. สร้างรูปตามที่กำ�หนดและให้เหตุผลเกี่ยวกับการสร้าง
2. นำ�สมบัติหรือทฤษฎีบทเกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยมและรูปสี่เหลี่ยมมาใช้ในการให้เหตุผล และนำ�ไปใช้ในชีวิตจริง
ความเชื่อมโยงระหว่างตัวชี้วัดกับจุดประสงค์ของบทเรียน
เนื่ อ งจากตั ว ชี้ วั ด กล่ า วถึ ง การใช้ ค วามรู้ ท างเรขาคณิ ต และเครื่ อ งมื อ เช่ น วงเวี ย นและสั น ตรง รวมทั้ ง ซอฟต์ แ วร์
The Geometer’s Sketchpad หรือซอฟต์แวร์เรขาคณิตพลวัตอื่น ๆ เพื่อสร้างรูปเรขาคณิต ตลอดจนนำ�ความรู้เกี่ยวกับ
การสร้างนี้ไปประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาในชีวิตจริง ดังนั้น เพื่อให้การเรียนรู้ของนักเรียนในเรื่องการให้เหตุผลทางเรขาคณิต
สอดคล้องกับตัวชี้วัด ครูควรจัดประสบการณ์ให้นักเรียนสามารถ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
260 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
1. ใช้ความรูท
้ างเรขาคณิตและเครือ่ งมือ เช่น วงเวียนและสันตรง รวมทัง้ ซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad หรือ
ซอฟต์แวร์เรขาคณิตพลวัตอืน
่ ๆ เพือ่ สร้างรูปเรขาคณิต ซึง่ สะท้อนได้จากการทีน
่ กั เรียนสามารถสร้างรูปตามทีก่ �ำ หนด
โดยใช้การสร้างพืน
้ ฐานทางเรขาคณิต 6 ข้อ การใช้บทนิยามต่าง ๆ ทีเ่ กีย่ วข้อง และให้เหตุผลเกีย่ วกับการสร้าง
2. นำ�ความรูเ้ กีย่ วกับการสร้างนีไ้ ปประยุกต์ใช้ในการแก้ปญ
ั หาในชีวต
ิ จริง ซึง่ สะท้อนได้จากการทีน
่ ก
ั เรียนสามารถนำ�
สมบัติหรือทฤษฎีบทเกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยมและรูปสี่เหลี่ยมมาใช้ในการให้เหตุผล และนำ�ไปใช้ในชีวิตจริง
ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์
4.1 4.2
ความรู�พื้นฐาน การสร�างและ 4.1 4.2
เกี่ยวกับการให� การให�เหตุผล ความรู�พื้นฐาน การสร�างและ
เหตุผลทางเรขาคณิต เกี่ยวกับการสร�าง เกี่ยวกับการให� การให�เหตุผล
แบบฝ�กหัด 4.1 : แบบฝ�กหัด 4.2 : เหตุผลทางเรขาคณิต เกี่ยวกับการสร�าง
9, 11 4–5 ชวนคิด 4.3 -
4.3 4.3
การให�เหตุผลเกี่ยวกับ อื่น ๆ
อื่น ๆ การให�เหตุผลเกี่ยวกับ -
รูปสามเหลี่ยมและ แบบฝ�กหัดท�ายบท : รูปสามเหลี่ยมและ
รูปสี่เหลี่ยม 17–19 รูปสี่เหลี่ยม
แบบฝ�กหัด ชวนคิด 4.6
4.3 ก : 9
การสื่อสารและ
การแก�ป�ญหา การสื่อความหมาย
ทางคณิตศาสตร�
ทักษะและ
4.1 4.2 กระบวนการ
4.1 4.2
ความรู�พื้นฐาน การสร�างและ การคิด ทางคณิตศาสตร� การเชื่อมโยง ความรู�พื้นฐาน การสร�างและ
เกี่ยวกับการให� การให�เหตุผล สร�างสรรค�
เกี่ยวกับการให� การให�เหตุผล
เหตุผลทางเรขาคณิต เกี่ยวกับการสร�าง
ชวนคิด 4.1 ชวนคิด 4.4, เหตุผลทางเรขาคณิต เกี่ยวกับการสร�าง
4.5 - -
การให�เหตุผล 4.3
4.3 อื่น ๆ การให�เหตุผลเกี่ยวกับ อื่น ๆ
การให�เหตุผลเกี่ยวกับ - รูปสามเหลี่ยมและ แบบฝ�กหัดท�ายบท : 21
รูปสามเหลี่ยมและ รูปสี่เหลี่ยม
รูปสี่เหลี่ยม ชวนคิด 4.7
ชวนคิด 4.6 แบบฝ�กหัด
4.3 ข :
4.2 8–10
4.1 การสร�างและ
ความรู�พื้นฐาน การให�เหตุผล
เกี่ยวกับการให� เกี่ยวกับการสร�าง
เหตุผลทางเรขาคณิต แบบฝ�กหัด 4.2 : 2–3
แบบฝ�กหัด 4.1 : กิจกรรม :
12–13 สำรวจพื้นที่รูปสามเหลี่ยม
4.3
การให�เหตุผลเกี่ยวกับ
รูปสามเหลี่ยมและ อื่น ๆ
รูปสี่เหลี่ยม แบบฝ�กหัดท�ายบท : 20
กิจกรรม : สำรวจรูป
สี่เหลี่ยมที่แนบ
ในรูปสี่เหลี่ยม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 261
พัฒนาการของความรู้
ความรูพื้นฐาน 1. ความรูพ
้ น
้ื ฐานและสมบัตข
ิ องรูปเรขาคณิตสองมิติ 2. การสร้างพืน
้ ฐานทางเรขาคณิต
ที่จำเปน 3. ทฤษฎีบทพีทาโกรัส 4. การแปลงทางเรขาคณิต
5. ความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลีย่ ม 6. เส้นขนาน
ความรูในอนาคต 1. ความคล้าย
2. วงกลม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
262 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
ภาพรวมของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
แนะนำ�และอภิปรายถึงคำ�ศัพท์ที่ใช้ในคณิตศาสตร์เพื่อสื่อความหมาย
เช่น คำ�อนิยาม บทนิยาม สัจพจน์ ทฤษฎีบท
ยกตัวอย่างและอภิปรายการพิสูจน์ข้อความทางคณิตศาสตร์ที่เป็นประโยคมีเงื่อนไข แบ่งเป็น
การพิสูจน์ว่าข้อความเป็นจริง และการพิสูจน์ว่าข้อความไม่เป็นจริงโดยยกตัวอย่างค้าน
ทบทวนทฤษฎีบทเบื้องต้นทางเรขาคณิตเพื่อนำ�ไปใช้อ้างอิงในการให้เหตุผล
อภิปรายเกี่ยวกับการสร้างพื้นฐานทางเรขาคณิตโดยเน้นการให้เหตุผล
และการใช้ความรู้เรื่องความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยม
อภิปรายและยกตัวอย่างการพิสูจน์สมบัติที่สำ�คัญบางประการของรูปสามเหลี่ยมและรูปสี่เหลี่ยม
พร้อมทั้งอภิปรายการนำ�ไปใช้ในชีวิตจริง
สรุปบทเรียนเรื่องการให้เหตุผลทางเรขาคณิต
ฝึกแก้ปัญหาโดยการทำ�กิจกรรมท้ายบท และแบบฝึกหัดท้ายบท
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 263
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
นักเรียนอาจเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า ถ้าประโยคมีเงื่อนไขใดเป็นจริง แล้วบทกลับของประโยคนั้นต้องเป็นจริงด้วย
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1. ใบกิจกรรมเสนอแนะ 4.1 : คาดการณ์ได้หรือไม่
2. ซอฟต์แวร์ The Geometer's Sketchpad (GSP)
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการให้เหตุผลทางเรขาคณิต ครูควรใช้การยกตัวอย่าง การอภิปรายและให้
นักเรียนทำ�กิจกรรมเพื่อให้เข้าใจความหมายของข้อความคาดการณ์ และสามารถให้เหตุผลทางเรขาคณิตได้ แนวทางการจัด
กิจกรรมการเรียนรู้อาจทำ�ได้ดังนี้
1. ครูนำ�นักเรียนสนทนาเกี่ยวกับการสร้างข้อความคาดการณ์ โดยครูอาจยกตัวอย่างสถานการณ์การสร้างข้อความ
คาดการณ์ที่ใช้ในชีวิต เช่น นักเรียน ก สังเกตรายการอาหารกลางวันที่ขายในร้าน A พบว่าทุกวันพฤหัสบดีร้าน A
ขายไข่พะโล้ จึงคาดการณ์ว่า ทุก ๆ วันพฤหัสบดีร้าน A จะมีไข่พะโล้ขาย จากนั้นครูเปิดโอกาสให้นักเรียน
ยกตัวอย่างเชื่อมโยงประสบการณ์ที่เคยพบและสามารถสร้างข้อความคาดการณ์ได้ แล้วครูอาจยกสถานการณ์
การสังเกตจำ�นวนที่เรียงลำ�ดับกันของข้าวปั้น ในหนังสือเรียน หน้า 182 เพื่อหาแบบรูปของจำ�นวน ครูอาจใช้
ชวนคิด 4.1 เพื่อสร้างข้อความคาดการณ์เกี่ยวกับรูปเรขาคณิตของข้าวหอม ในหนังสือเรียน หน้า 182 ร่วมกับ
ซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad และชวนคิด 4.3 ในหนังสือเรียน หน้า 197 ในการทดลองสร้าง
ส่ ว นของเส้ น ตรงเพื่ อ แบ่ ง พื้ น ที่ พ ร้ อ มคาดการณ์ คำ � ตอบที่ เ กิ ด ขึ้ น และให้ เ หตุ ผ ลแสดงแนวคิ ด ของคำ � ตอบนั้ น
ครูอาจใช้ “กิจกรรมเสนอแนะ 4.1 : คาดการณ์ได้หรือไม่” ในคูม
่ อ
ื ครู หน้า 266 เพือ
่ ให้นก
ั เรียนได้ฝก
ึ สร้างข้อความ
คาดการณ์เกี่ยวกับจำ�นวนและรูปเรขาคณิตเพิ่มเติม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
264 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 265
กิจกรรม : ทำ�ได้ไหม
กิจกรรมนี้ เป็นกิจกรรมทีม
่ งุ่ เน้นให้นก
ั เรียนเขียนประโยคมีเงือ
่ นไขและบทกลับของประโยคมีเงือ
่ นไข รวมทัง้ เขียนประโยค
ที่อยู่ในรูป “ก็ต่อเมื่อ” ให้เป็นประโยคมีเงื่อนไข 2 ประโยค โดยมีขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม ดังนี้
สื่อ/อุปกรณ์
-
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูให้นักเรียนทำ� “กิจกรรม : ทำ�ได้ไหม”
2. ครูและนักเรียนช่วยกันเฉลยและอภิปรายคำ�ตอบ
เฉลยกิจกรรม : ทำ�ได้ไหม
1. 1) ถ้ารูปสามเหลี่ยมรูปหนึ่งเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า แล้วรูปสามเหลี่ยมนั้นมีส่วนสูงทั้งสามเส้นยาวเท่ากัน
2) ถ้าเส้นทแยงมุมทัง้ สองเส้นของ ABCD ตัดกันเป็นมุมฉากและแบ่งครึง่ ซึง่ กันและกัน แล้ว ABCD เป็นรูปสีเ่ หลีย่ ม
ที่มีด้านทั้งสี่ยาวเท่ากัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
266 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
สื่อ/อุปกรณ์
ใบกิจกรรมเสนอแนะ 4.1 : คาดการณ์ได้หรือไม่
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูให้นักเรียนทำ�ใบกิจกรรมเสนอแนะ 4.1 : คาดการณ์ได้หรือไม่
2. ครูและนักเรียนช่วยกันเฉลยและอภิปรายคำ�ตอบ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 267
… -5 -3 -1 1 3 5 …
… [2 × (-3)] + 1 [2 × (-2)] + 1 [2 × (-1)] + 1 [2 × 0] + 1 [2 × 1] + 1 [2 × 2] + 1 …
จงเขียนข้อความคาดการณ์ของแบบรูปแสดงจำ�นวนคี่ต่อไปนี้ให้สมบูรณ์
“จำ�นวนคี่ คือ จำ�นวนที่เขียนได้ในรูป เมื่อ k แทนจำ�นวนเต็มจำ�นวนหนึ่ง”
A C
E D
ให้นก
ั เรียนเขียนรูปหลายเหลีย่ มต่าง ๆ และลากเส้นทแยงมุมตามตัวอย่างข้างต้น แล้วเติมจำ�นวนในตาราง ให้สมบูรณ์
จำ�นวนด้านของ 3 4 5 6 … 20 … n
รูปหลายเหลี่ยม
จำ�นวน 2 … …
เส้นทแยงมุม
จำ�นวน
รูปสามเหลี่ยม 3 … …
ที่เกิดจากการลาก
เส้นทแยงมุม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
268 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
3. จงพิ จ ารณาหาแบบรู ป เพื่ อ แสดงจำ � นวนรู ป สี่ เ หลี่ ย มจั ตุ รั ส ที่ แ รเงาและพื้ น ที่ ทั้ ง หมดของรู ป ที่ กำ � หนดให้ ต่ อ ไปนี้
และเขียนจำ�นวนที่ได้ในช่องว่างของตารางข้างล่างนี้
รูปที่ 1 2 3 4
รูปที่ 1 2 3 4 … 10 … n
จำ�นวนรูป 1 3 5 7 … …
ที่แรเงา
พื้นที่ทั้งหมด 1 4 9 16 … …
(ตารางหน่วย)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 269
จำ�นวนด้านของ 3 4 5 6 … 20 … n
รูปหลายเหลี่ยม
จำ�นวนเส้นทแยงมุม 0 1 2 3 … 17 … n–3
จำ�นวนรูปสามเหลี่ยม
ที่เกิดจากการลาก 1 2 3 4 … 18 … n–2
เส้นทแยงมุม
3.
รูปที่ 1 2 3 4 … 10 … n
จำ�นวนรูป 1 3 5 7 … 19 … 2n – 1
ที่แรเงา
พื้นที่ทั้งหมด 1 4 9 16 … 100 … n
2
(ตารางหน่วย)
4. ตัวอย่างคำ�ตอบ
คำ�ตอบที่ 1
D C D C
D C
A B
A B A B
คำ�ตอบที่ 2
C D C D
A B A B
คำ�ตอบที่ 3
C D C D
A B A B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 271
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 4.1
แนวคิดและตัวอย่างคำ�ตอบ
ipst.me/10082
นั ก เรี ย นควรจะสร้ า งข้ อ ความคาดการณ์ อ ย่ า งใดอย่ า งหนึ่ ง หรื อ หลายอย่ า งเกี่ ย วกั บ จุ ด ยอดของ
รูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วทั้งหลายที่ข้าวหอมสร้างบนฐาน AB เดียวกันได้ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
A B
✤ จุดยอดของรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วทั้งหลายที่มีฐานเดียวกัน จะอยู่บนเส้นตรงเดียวกัน
✤ จุดยอดของรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วทั้งหลายที่มีฐานเดียวกัน จะอยู่บนเส้นตรงที่แบ่งครึ่งและตั้งฉากกับฐาน
✤ จุดยอดแต่ละจุดของรูปสามเหลีย่ มหน้าจัว่ ทัง้ หลายทีม
่ ฐี านเดียวกัน จะอยูห
่ า่ งจากจุดปลายของฐานเท่ากัน
เป็นคู่ ๆ
✤ ส่วนของเส้นตรงที่เชื่อมจุดยอดแต่ละจุดของรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วทั้งหลายที่มีฐานเดียวกัน กับจุดปลาย
ของฐาน จะทำ�ให้เกิดมุมที่ฐานที่มีขนาดเท่ากัน เป็นคู่ ๆ
✤ ถ้าลากเส้นตรงผ่านจุดยอดทุกจุดของรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วทั้งหลายที่มีฐานเดียวกัน เส้นนี้จะตั้งฉากกับ
ฐานและทำ�ให้เกิดรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่เท่ากันทุกประการแบบ ฉ.ด.ด. เป็นคู่ ๆ
✤ ถ้าลากเส้นตรงผ่านจุดยอดทุกจุดของรูปสามเหลีย
่ มหน้าจัว่ ทัง้ หลายทีม
่ ฐี านเดียวกัน เส้นนีจ้ ะแบ่งครึง่ ฐาน
และทำ�ให้เกิดรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่เท่ากันทุกประการแบบ ด.ด.ด. เป็นคู่ ๆ
✤ จุดยอดแต่ละจุดของรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วทั้งหลายที่มีฐานเดียวกันที่อยู่ข้างใดข้างหนึ่งของฐาน จะมีภาพ
สะท้อนเป็นจุดยอดของรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วที่อยู่อีกข้างหนึ่งของฐาน เป็นคู่ ๆ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
272 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
ชวนคิด 4.2
แนวคิ
ipst.me/10083
ด
บทกลับของประโยคมีเงื่อนไข คือ “ถ้ามะเหมี่ยวอยู่ในประเทศไทย แล้วมะเหมี่ยวอยู่ที่จังหวัดสงขลา”
จะเห็นว่าประโยคนี้ไม่เป็นจริงเสมอไป เพราะมีหลายจังหวัดในประเทศไทย มะเหมี่ยวอาจอยู่ท่ีจังหวัดอื่น
นอกจากจังหวัดสงขลาก็ได้
ชวนคิด 4.3
แนวคิด
ipst.me/10084
ถ้าสร้างส่วนของเส้นตรง 4 เส้น แบ่งพืน
้ ทีข
่ องวงกลมหนึง่ วง จะแบ่งได้มากทีส
่ ด
ุ 11 ชิน
้ โดยมีตวั อย่าง
การแบ่ง ดังรูป
ถ้าจะสร้างข้อความคาดการณ์เพื่อหาจำ�นวนชิ้นที่แบ่งได้มากที่สุด จะต้องหาแบบรูปของจำ�นวนชิ้น
ที่แบ่งได้ในแต่ละครั้ง ดังนี้
จำ�นวนชิ้นที่แบ่งได้
แบ่งครั้งที่ จำ�นวนส่วนของเส้นตรง
จำ�นวนรวม เขียนในรูปผลบวก
1 1 2 1+1
2 2 4 1+1+2
3 3 7 1+1+2+3
4 4 11 1+1+2+3+4
5 5 16 1+1+2+3+4+5
6 6 22 1+1+2+3+4+5+6
. . . .
. . . .
. . . .
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 273
จากแบบรูปข้างต้น จะสร้างข้อความคาดการณ์ได้ว่า
ถ้าสร้างส่วนของเส้นตรง n เส้น จะแบ่งพื้นที่ของวงกลมหนึ่งวงได้มากที่สุด
1 + 1 + 2 + 3 + 4 + 5 + 6 + … + n ชิ้น หรือ 1 + (1 + 2 + 3 + 4 + 5 + 6 + … + n) ชิ้น
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 4.1
ข้อเสนอแนะ ครูควรสอนให้นักเรียนได้ฝึกการวิเคราะห์สิ่งที่โจทย์กำ�หนดให้และเงื่อนไขต่าง ๆ แล้วเขียนสัญลักษณ์แทน
มุมที่มีขนาดเท่ากัน ด้านที่มีความยาวเท่ากัน หรือเติมชื่อมุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขที่กำ�หนดให้ในรูป
เพิม
่ เติม ทัง้ นีค
้ วรกำ�หนดชือ
่ มุมเป็นตัวเลขเพือ
่ ความสะดวกในการเรียกชือ
่ และนำ�ไปใช้ในการแสดงแนวคิด
หรือการพิสูจน์
1. แนวคิด
1 4 3
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
274 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
2. 1) แนวคิด A
3
2
4 5
1 B C
เนื่องจาก 1̂ = 3̂ (กำ�หนดให้)
1̂ = 4̂ (ถ้าเส้นตรงสองเส้นตัดกัน แล้วมุมตรงข้ามมีขนาดเท่ากัน)
ดังนั้น 3̂ = 4̂ (สมบัติของการเท่ากัน)
เนื่องจาก 3̂ = 5̂ (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมแย้งมีขนาดเท่ากัน)
ดังนั้น 3̂ = 4̂ = 5̂ (สมบัติของการเท่ากัน)
เนื่องจาก 2̂ ≠ 3̂ (กำ�หนดให้)
จะได้ 2̂ ≠ 4̂ และ 2̂ ≠ 5̂
ดังนั้น รูปสามเหลี่ยม ABC เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว (มีมุมที่มีขนาดเท่ากันสองมุม)
2) แนวคิด
A
3
2
4 5
1 B C
เนื่องจาก 1̂ = 3̂ (กำ�หนดให้)
1̂ = 4̂ (ถ้าเส้นตรงสองเส้นตัดกัน แล้วมุมตรงข้ามมีขนาดเท่ากัน)
ดังนั้น 3̂ = 4̂ (สมบัติของการเท่ากัน)
เนื่องจาก 3̂ = 5̂ (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมแย้งมีขนาดเท่ากัน)
และ 2̂ = 3̂ (กำ�หนดให้)
จะได้ 2̂ = 4̂ = 5̂ (สมบัติของการเท่ากัน)
ดังนั้น รูปสามเหลี่ยม ABC เป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า (มีมุมที่มีขนาดเท่ากันสามมุม)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 275
3. แนวคิด 1
X
A 1 E B
3
C F 2 D
เนื่องจาก 1̂ = 2̂ (กำ�หนดให้)
2̂ = 3̂ (ถ้าเส้นตรงสองเส้นตัดกัน แล้วมุมตรงข้ามมีขนาดเท่ากัน)
จะได้ 1̂ = 3̂ (สมบัติของการเท่ากัน)
� �
ดังนั้น AB // CD (ถ้าเส้นตรงเส้นหนึ่งตัดเส้นตรงคู่หนึ่ง ทำ�ให้มุมภายนอกและ
มุมภายในที่อยู่ตรงข้ามบนข้างเดียวกันของเส้นตัดมีขนาด
เท่ากัน แล้วเส้นตรงคู่นั้นขนานกัน)
แนวคิด 2
X
A 1 E B
4
3
C F 2 D
เนื่องจาก 1̂ = 2̂ (กำ�หนดให้)
1̂ = 4̂ และ 2̂ = 3̂ (ถ้าเส้นตรงสองเส้นตัดกัน แล้วมุมตรงข้ามมีขนาดเท่ากัน)
จะได้ 4̂ = 3̂ (สมบัติของการเท่ากัน)
� �
ดังนั้น AB // CD (ถ้าเส้นตรงเส้นหนึ่งตัดเส้นตรงคู่หนึ่ง ทำ�ให้มุมแย้งมีขนาด
เท่ากัน แล้วเส้นตรงคู่นั้นขนานกัน)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
276 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
4. แนวคิด
A B
2
E 1
4 3
C D
� �
กำ�หนดให้ AB // CD และ DE พบ BC ที่จุด E
ต้องการพิสูจน์ว่า BÊD = AB̂E + ED̂C หรือ 1̂ = 2̂ + 3̂
พิสูจน์
เนื่องจาก 2̂ = 4̂ (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมแย้งมี
ขนาดเท่ากัน)
1̂ = 4̂ + 3̂ (ขนาดของมุมภายนอกของรูปสามเหลี่ยมเท่ากับผลบวกของ
ขนาดของมุมภายในที่ไม่ใช่มุมประชิดของมุมภายนอกนั้น)
ดังนั้น 1̂ = 2̂ + 3̂ (สมบัติของการเท่ากัน โดยแทน 4̂ ด้วย 2̂ )
หรือ BÊD = AB̂E + ED̂C (สมบัติของการเท่ากัน)
5. แนวคิด
L
A M B
3 2
N
C 4 D
1 O
E F
P
� � � �
กำ�หนดให้ AB // CD และ CD // EF
� � � �
LP ตัด AB, CD และ EF ที่จุด M, N และ O ตามลำ�ดับ
ต้องการพิสูจน์ว่า 1) EÔN = BM̂N หรือ 1̂ = 2̂
2) AM̂N + EÔN = 180° หรือ 3̂ + 1̂ = 180°
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 277
พิสูจน์ 1)
เนื่องจาก 1̂ = 4̂ (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมแย้งมีขนาด
เท่ากัน)
และ 4̂ = 2̂ (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมภายนอก
และมุมภายในทีอ
่ ยูต
่ รงข้ามบนข้างเดียวกันของเส้นตัดมีขนาด
เท่ากัน)
ดังนั้น 1̂ = 2̂ (สมบัติของการเท่ากัน)
หรือ EÔN = BM̂N (สมบัติของการเท่ากัน)
พิสูจน์ 2)
เนื่องจาก 3̂ + 2̂ = 180° (ขนาดของมุมตรง)
และ 1̂ = 2̂ (จากการพิสูจน์ 1) )
ดังนั้น 3̂ + 1̂ = 180° (สมบัติของการเท่ากัน โดยแทน 2̂ ด้วย 1̂ )
หรือ AM̂N + EÔN = 180° (สมบัติของการเท่ากัน)
6. แนวคิด เขียนสัญลักษณ์แทนสิ่งที่โจทย์กำ�หนดและสิ่งที่ทราบว่าเท่ากันในรูปประกอบการให้เหตุผลได้ดังนี้
S T Q
50°
50°
P 60°
V U
R
เนื่องจาก TŴQ = 50° (กำ�หนดให้)
STUV เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า (กำ�หนดให้)
จะได้ SV // TU (ด้านตรงข้ามของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนานกัน)
ดังนั้น SP̂W = TŴQ = 50° (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด
แล้วมุมภายนอกและมุมภายในที่อยู่ตรงข้าม
บนข้างเดียวกันของเส้นตัดมีขนาดเท่ากัน)
เนื่องจาก ΔPQR เป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า (กำ�หนดให้)
จะได้ WP̂U = 60° (มุมภายในแต่ละมุมของรูปสามเหลีย่ มด้านเท่ามีขนาด 60 องศา)
เนื่องจาก SP̂W + WP̂U + UP̂V = 180° (ขนาดของมุมตรง)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
278 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
7. แนวคิด
กระจกเงาราบ
B
ป�ายตกแต�ง ภาพสะท�อน
120°
C
15°
A D
E
เนื่องจากรูปต้นแบบและภาพที่ได้จากการสะท้อนเท่ากันทุกประการ
BĈD = 120° (กำ�หนดให้)
จะได้ BĈA = 120° (มุมคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่
เท่ากันทุกประการ จะมีขนาดเท่ากัน)
เนื่องจาก CÂB + AB̂C + BĈA = 180° (ขนาดของมุมภายในทั้งสามมุมของ
รูปสามเหลี่ยมรวมกันเท่ากับ 180 องศา)
จะได้ 15 + AB̂C + 120 = 180 (สมบัติของการเท่ากัน โดยแทน CÂB
ด้วย 15 และ แทน BĈA ด้วย 120 )
ดังนั้น AB̂C = 45° (สมบัติของการเท่ากัน)
เนื่องจาก AB̂C = DB̂C = 45° (มุมคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่
เท่ากันทุกประการ จะมีขนาดเท่ากัน)
และ AB̂D = AB̂C + DB̂C (สมบัติของการเท่ากัน)
ดังนั้น AB̂D = 45 + 45 = 90° (สมบัติของการเท่ากัน โดยแทน AB̂C
และ DB̂C ด้วย 45)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 279
8. แนวคิด
A
x°
F B
4
5 3
1 2
75° z°
E C
y° D
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
280 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
9. แนวคิด
Q R
b°
1
T
c°
85° 40°
a° 2
P S
10. แนวคิด
A C
100°
E D m
2 140°
1
B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 281
11. แนวคิด 1
F G D
1 20°
2
C
70°
m
E A B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
282 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
แนวคิด 2
F D
20°
1
P C 2 Q
3
70°
m
E A B
�
ลาก PQ ผ่านจุด C ให้ขนานกับส่วนของเส้นตรง
�
จะได้ PQ // m (สมบัติของการขนาน)
ดังนั้น 1̂ = 20° และ 2̂ + 3̂ = 70° (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมแย้ง
มีขนาดเท่ากัน)
เนื่องจาก AĈD = 1̂ + (2̂ + 3̂ )
จะได้ AĈ D = 20 + 70 = 90° (สมบั ติ ข องการเท่ า กั น โดยแทน 1̂ ด้ ว ย 20 และ
แทน 2̂ + 3̂ ด้วย 70)
12. แนวคิด
A
G
4
D
E
2
1 3
B F C
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 283
� �
ให้ BD แบ่งครึ่ง AB̂C และมีจุด E เป็นจุดใด ๆ จุดหนึ่งบน BD
� �
ให้ EG ⊥ BA ที่จุด G และ ให้ EF ⊥ BC ที่จุด F
พิจารณา ΔBEF และ ΔBEG
�
เนื่องจาก 1̂ = 2̂ (กำ�หนดให้ BD แบ่งครึ่ง AB̂C)
� �
3̂ = 4̂ = 90° (จากการสร้าง EG ⊥ BA ที่จุด G และ EF ⊥ BC ที่จุด F)
BE = BE (BE เป็นด้านร่วม)
ดังนั้น ΔBEF ≅ ΔBEG (ม.ม.ด.)
จะได้ EF = EG (ด้านคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ
จะยาวเท่ากัน)
นั่นคือ จุดใด ๆ ที่อยู่บนเส้นแบ่งครึ่งมุมมุมหนึ่ง ย่อมอยู่ห่างจากแขนทั้งสองข้างของมุมนั้นเป็นระยะเท่ากัน
A C
E G
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
284 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
-
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ซอฟต์แวร์ The Geometer's Sketchpad (GSP)
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างและการให้เหตุผลเกี่ยวกับการสร้าง จึงมุ่งเน้นให้นักเรียนสามารถให้เหตุผลเกี่ยวกับ
การสร้างพื้นฐานทางเรขาคณิต 6 ข้อได้ โดยอาศัยความรู้เรื่องความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยม รวมถึงการสร้าง
รูปเรขาคณิตต่าง ๆ เช่น รูปสามเหลี่ยมและรูปสี่เหลี่ยม ที่มีเงื่อนไขตามที่โจทย์กำ�หนด แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อาจ
ทำ�ได้ดังนี้
1. ครูทบทวนความรู้ที่จำ�เป็นสำ�หรับเรื่องนี้ เช่น การสร้างพื้นฐานทางเรขาคณิต 6 ข้อ (โดยใช้เครื่องมือพื้นฐาน
คือ วงเวียนและสันตรง) ความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยม เส้นขนาน สมบัติของรูปเรขาคณิต เพื่อให้
นักเรียนมีความแม่นยำ�ในเรื่องเหล่านี้ และนำ�มาใช้ในการให้เหตุผลได้
2. ครูนำ�เสนอและร่วมกันอภิปรายการสร้างพื้นฐานทางเรขาคณิต 6 ข้อ เรียงตามลำ�ดับ โดยครูอาจดาวน์โหลดไฟล์
GSP เพื่ อ สอนหรื อ แนะนำ � ให้ นั ก เรี ย นนำ � ไปศึ ก ษาขั้ น ตอนการสร้ า งพื้ น ฐานทางเรขาคณิ ต ข้ อ ที่ 1–6 ได้ ที่
มุมเทคโนโลยี ในหนังสือเรียน หน้า 198 โดยมีแนวทางการให้เหตุผลของการสร้างพื้นฐานแต่ละข้อ ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 285
การสร้างข้อที่ 2 การแบ่งครึ่งส่วนของเส้นตรงที่กำ�หนดให้
ลาก AP, PB, AQ และ QB
∆APQ ≅ ∆BPQ (มีความสัมพันธ์แบบ ด.ด.ด. )
P
เพราะ AP = BP (จากการสร้าง ใช้รัศมียาวเท่ากัน)
1 2
AQ = BQ (จากการสร้าง ใช้รัศมียาวเท่ากัน)
PQ = PQ (PQ เป็นด้านร่วม)
C จะได้ 1̂ = 2̂ (มุมคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่
A B
เท่ากันทุกประการ จะมีขนาดเท่ากัน)
∆APC ≅ ∆BPC (มีความสัมพันธ์แบบ ด.ม.ด.)
เพราะ AP = BP (จากการสร้าง ใช้รัศมียาวเท่ากัน)
Q
1̂ = 2̂ (จากการพิสูจน์ข้างต้น)
PC = PC (PC เป็นด้านร่วม)
จะได้ AC = BC (ด้านคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยม
ที่เท่ากันทุกประการ จะยาวเท่ากัน)
ดังนั้น จุด C แบ่งครึ่ง AB
การสร้างข้อที่ 3 การสร้างมุมให้มีขนาดเท่ากับขนาดของมุมที่กำ�หนดให้
A
ลาก DE และ MN
D
∆DBE ≅ ∆MYN (มีความสัมพันธ์แบบ ด.ด.ด.)
เพราะ BE = YN (จากการสร้าง ใช้รัศมียาวเท่ากัน)
BD = YM (จากการสร้าง ใช้รัศมียาวเท่ากัน)
ED = NM (จากการสร้าง ใช้รัศมียาวเท่ากัน)
B E C
จะได้ B̂ = Ŷ (มุมคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยม
X ที่เท่ากันทุกประการ จะมีขนาดเท่ากัน)
M
หรือ Ŷ = B̂ (สมบัติของการเท่ากัน)
ดังนั้น XŶZ = AB̂C (สมบัติของการเท่ากัน)
Y N Z
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
286 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
การสร้างข้อที่ 4 การแบ่งครึ่งมุมที่กำ�หนดให้
ลาก MD และ ND
A
∆BMD ≅ ∆BND (มีความสัมพันธ์แบบ ด.ด.ด.)
เพราะ BM = BN (รัศมีของวงกลมเดียวกัน)
D
M
MD = ND (จากการสร้าง ใช้รัศมียาวเท่ากัน)
BD = BD (BD เป็นด้านร่วม)
จะได้ MB̂D = NB̂D (มุมคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยม
B N C ที่เท่ากันทุกประการ จะมีขนาดเท่ากัน)
ดังนั้น AB̂D = CB̂D (สมบัติของการเท่ากัน)
การสร้างข้อที่ 5 การสร้างเส้นตั้งฉากจากจุดภายนอกมายังเส้นตรงที่กำ�หนดให้
ลาก MP, MQ, NP และ NQ
P ∆MPQ ≅ ∆NPQ (มีความสัมพันธ์แบบ ด.ด.ด.)
1 2 เพราะ MP = NP (รัศมีของวงกลมเดียวกัน)
MQ = NQ (จากการสร้าง ใช้รัศมียาวเท่ากัน)
PQ = PQ (PQ เป็นด้านร่วม)
M 3 4 N จะได้ 1̂ = 2̂ (มุมคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยม
B
A C B ที่เท่ากันทุกประการ จะมีขนาดเท่ากัน)
∆MPC ≅ ∆NPC (มีความสัมพันธ์แบบ ด.ม.ด.)
Q เพราะ MP = NP (รัศมีของวงกลมเดียวกัน)
1̂ = 2̂ (จากการพิสูจน์ข้างต้น)
PC = PC (PC เป็นด้านร่วม)
จะได้ 3̂ = 4̂ (มุมคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยม
ที่เท่ากันทุกประการ จะมีขนาดเท่ากัน)
เนื่องจาก 3̂ + 4̂ = 180° (ขนาดของมุมตรง)
ทำ�ให้ได้ 3̂ = 4̂ = 90° (สมบัติของการเท่ากัน)
ดังนั้น AĈP = BĈP = 90° (สมบัติของการเท่ากัน)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 287
การสร้างข้อที่ 6 การสร้างเส้นตั้งฉากที่จุดจุดหนึ่งที่อยู่บนเส้นตรงที่กำ�หนดให้
ลาก MX และ NX
X
∆MXP ≅ ∆NXP (มีความสัมพันธ์แบบ ด.ด.ด.)
เพราะ MP = NP (รัศมีของวงกลมเดียวกัน)
MX = NX (จากการสร้าง ใช้รัศมียาวเท่ากัน)
M 1 2 N XP = XP (XP เป็นด้านร่วม)
A P B จะได้ 1̂ = 2̂ (มุมคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยม
ที่เท่ากันทุกประการ จะมีขนาดเท่ากัน)
เนื่องจาก 1̂ + 2̂ = 180° (ขนาดของมุมตรง)
ทำ�ให้ได้ 1̂ = 2̂ = 90° (สมบัติของการเท่ากัน)
ดังนั้น AP̂X = BP̂X = 90° (สมบัติของการเท่ากัน)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
288 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
กิจกรรม : สำ�รวจพื้นที่รูปสามเหลี่ยม
กิจกรรมนี้ เป็นกิจกรรมที่มุ่งเน้นให้นักเรียนฝึกการสร้างข้อความคาดการณ์เกี่ยวกับพื้นที่ของรูปสามเหลี่ยม โดยมีสื่อ/
อุปกรณ์ และขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรมดังนี้
สื่อ/อุปกรณ์
ซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad (GSP)
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูให้นักเรียนจับคู่กันทำ� “กิจกรรม : สำ�รวจพื้นที่รูปสามเหลี่ยม” ในหนังสือเรียน หน้า 211
2. ครูให้นักเรียนสร้างรูปตามเงื่อนไขที่กำ�หนดให้ โดยใช้ซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad และบันทึกสิ่งที่
นักเรียนสำ�รวจและค้นพบ
3. ครูอภิปรายกับนักเรียนถึงแนวทางในการสร้างข้อความคาดการณ์เกีย่ วกับพืน
้ ทีข
่ องรูปสามเหลีย่ มตามเงือ
่ นไขทีก
่ �ำ หนด
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 289
เฉลยกิจกรรม : สำ�รวจพื้นที่รูปสามเหลี่ยม
AB = 6.39 ซม. AB พื้นที่ ΔABC พื้นที่ ΔADB พื้นที่ ΔAEB พื้นที่ ΔAFB
2 2 2 2
พื้นที่ ΔABC = 15.47 ซม.
2 7.87 ซม. 19.89 ซม. 19.89 ซม. 19.89 ซม. 19.89 ซม.
2 2 2 2
2 8.74 ซม. 22.10 ซม. 22.10 ซม. 22.10 ซม. 22.10 ซม.
พื้นที่ ΔADB = 15.47 ซม. 2 2 2 2
2 4.41 ซม. 11.13 ซม. 11.13 ซม. 11.13 ซม. 11.13 ซม.
พื้นที่ ΔAEB = 15.47 ซม. 2 2 2 2
2 5.81 ซม. 14.45 ซม. 14.45 ซม. 14.45 ซม. 14.45 ซม.
พื้นที่ ΔAFB = 15.47 ซม. 2 2 2 2
6.39 ซม. 15.47 ซม. 15.47 ซม. 15.47 ซม. 15.47 ซม.
ข้อความคาดการณ์
รูปสามเหลี่ยมที่มีฐานเดียวกัน และมีจุดยอดอยู่บนเส้นตรงที่ขนานกับฐาน จะมีพื้นที่เท่ากัน
พิสูจน์ข้อความคาดการณ์
X D C E F Y
h2 h1 h4
h3
A B
�
กำ�หนดให้ XY // AB และ ΔABC, ΔADB, ΔAEB, ΔAFB อยู่บนฐาน AB โดยมีจุดยอด
�
C, D, E, F อยู่บน XY
ต้องการพิสูจน์ว่า พื้นที่ของ ΔABC = พื้นที่ของ ΔADB = พื้นที่ของ ΔAEB = พื้นที่ของ ΔAFB
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
290 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
พิสูจน์
1 × AB × h
เนื่องจาก พื้นที่ของ ΔABC = – เมื่อ h1 เป็นความสูงของ ΔABC
2 1
1
พื้นที่ของ ΔADB = – × AB × h2 เมื่อ h2 เป็นความสูงของ ΔADB
2
1 × AB × h
พื้นที่ของ ΔAEB = – เมื่อ h3 เป็นความสูงของ ΔAEB
2 3
1
พื้นที่ของ ΔAFB = – × AB × h4 เมื่อ h4 เป็นความสูงของ ΔAFB
2
�
เนื่องจาก XY // AB (กำ�หนดให้)
� � �
จะได้ XY // AB (AB อยู่บน AB)
และ h1 = h2 = h3 = h4 (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกัน แล้วระยะห่างระหว่างเส้นตรงคู่นั้น
จะเท่ากัน)
นั่นคือ –1 × AB × h1 = –1 × AB × h2 = –1 × AB × h3 = –1 × AB × h4 (สมบัติของการเท่ากัน)
2 2 2 2
ดังนั้น พื้นที่ของ ΔABC = พื้นที่ของ ΔADB = พื้นที่ของ ΔAEB = พื้นที่ของ ΔAFB (สมบัติของการเท่ากัน)
เฉลยคำ�ถามในกิจกรรม
1. รูปสามเหลี่ยมแต่ละรูป มีพื้นที่เท่ากับพื้นที่ของ ∆ABC
เพราะ รูปสามเหลี่ยมแต่ละรูปมีฐาน AB ร่วมกัน และมีความสูงเท่ากัน (ระยะห่างระหว่างจุดยอดกับฐาน AB ของ
รูปสามเหลี่ยมแต่ละรูปเท่ากัน)
�
2. มีหลายรูปนับไม่ถ้วน และรูปสามเหลี่ยมเหล่านั้นมีจุดยอดอยู่บน XY ที่ผ่านจุด C และขนานกับฐาน AB หรือมี
� �
จุดยอดอยู่บนเส้นตรงอีกเส้นหนึ่ง ( PQ) ที่อยู่ใต้ฐาน AB ขนานกับฐาน AB และอยู่ห่างจากฐาน AB เท่ากับที่ XY อยู่
ห่างจากฐาน AB ดังรูป
X C Y
A B
P Q
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 291
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 4.4
แนวคิด คำ�ตอบมีได้หลากหลาย ตัวอย่างคำ�ตอบ เช่น
ipst.me/10085
วิธีที่ 1 แบ่งครึ่งฐาน แล้วลากส่วนของเส้นตรงจากจุดยอดมายังจุดแบ่งครึ่งฐาน
Q D E R
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
292 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
นอกจากจะใช้จุด G เป็น
S T จุดยอดของรูปสามเหลี่ยมที่สร้างแล้ว
G
จะใช้จุดใดจุดหนึ่งบน
�
ST ก็จะได้ผลเช่นเดียวกัน
Q F R
Q D R S
1 PD
จากการแบ่งครึ่ง PD ที่จุด M จะได้ MD = PM = –
2
และจากการแบ่งครึ่ง MD ที่จุด N จะได้ ND = MN = –1 MD = –
1 (–
1 PD) = –
1 PD
2 2 2 4
แล้วลาก NQ และ NS
จะได้ ∆NQS มีพื้นที่เป็นครึ่งหนึ่งของพื้นที่ของ ∆PQR
แนวคิดในการให้เหตุผล
1 × QR × PD
พื้นที่ของ ∆PQR = –
2
1 × QS × ND
พื้นที่ของ ∆NQS = –
2
= – 1 × 2QR × – 1 PD (แทน QS ด้วย 2QR และแทน ND ด้วย –
1 PD)
2 4 4
= – 1×– 1 × QR × PD
2 2
= – 1 × พื้นที่ของ ∆PQR
2
ชวนคิด 4.5
แนวคิด คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น
ipst.me/10086
วิธีที่ 1 สร้ า งรู ป สามเหลี่ ย มให้ มี ค วามยาวของฐานเป็ น สองเท่ า ของความยาวของฐานของรู ป สี่ เ หลี่ ย ม
ด้านขนาน แต่มีความสูงเท่ากับความสูงของรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน
D E C
A F B G
D E M C
A F B G
วิธีที่ 2 สร้างรูปสามเหลีย
่ มให้มค
ี วามยาวของฐานเท่ากับความยาวของฐานของรูปสีเ่ หลีย
่ มด้านขนาน แต่มี
ความสูงเป็นสองเท่าของความสูงของรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน
D E C
A F B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 295
แนวคิดในการให้เหตุผล
พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน ABCD = AB × EF
1 × AB × MF
พื้นที่ของ ∆MAB = –
2
= – 1 × AB × 2EF (แทน MF ด้วย 2EF)
2
= AB × EF
ดังนั้น ∆MAB มีพื้นที่เท่ากับพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน ABCD
�
สร้าง ST ผ่านจุด M ให้ขนานกับ AB
� �
เนื่องจาก จุด M เป็นจุดจุดหนึ่งบน ST ที่ขนานกับ AB และยังมีจุดอื่น ๆ อีกมากมายบน ST ที่อยู่ห่าง
จาก AB เท่ากับ 2EF
ดังนั้น จึงสามารถสร้างรูปสามเหลี่ยมที่มีพื้นที่เท่ากับพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน ABCD เช่นเดียวกับ
∆MAB ได้อีกหลายรูป เช่น ∆NAB เป็นรูปสามเหลี่ยมอีกรูปหนึ่งที่มีพื้นที่เท่ากับพื้นที่ของ
รูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน ABCD ดังรูป
S M N T
D E C
A F B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
296 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 4.2
1. 1) แนวคิด 1
P
a R
X C
b b
Y Z A a B Q
� �
1. สร้าง AQ และบน AQ สร้าง AB ยาว a หน่วย
2. สร้าง PÂQ ให้มีขนาดเท่ากับขนาดของ XŶZ
�
3. สร้าง AR แบ่งครึ่ง PÂQ
�
4. บน AR สร้าง AC ยาว b หน่วย
5. ลาก BC
จะได้ ΔABC เป็นรูปสามเหลี่ยมตามต้องการ
แนวคิด 2
a U
X C
S
b b
Z A a B T
Y
�
1. สร้าง YS แบ่งครึ่ง XŶZ
2. สร้าง UÂT ให้มีขนาดเท่ากับขนาดของ SŶZ
�
3. บน AT สร้าง AB ยาว a หน่วย
�
4. บน AU สร้าง AC ยาว b หน่วย
5. ลาก BC
จะได้ ΔABC เป็นรูปสามเหลี่ยมตามต้องการ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 297
Q
2) แนวคิด Z
C D
A F B X R Y P
�
1. สร้าง DE แบ่งครึ่ง AB ที่จุด F
�
2. สร้าง XP
� 1 AB + AC
3. บน XP สร้าง XR ยาวเท่ากับ AF และสร้าง RY ยาวเท่ากับ AC จะได้ XY = –
2
4. สร้าง XŶQ ให้มีขนาดเท่ากับสองเท่าของขนาดของ AB̂C
�
5. บน YQ สร้าง YZ ยาวเท่ากับ BC
6. ลาก XZ
จะได้ ΔXYZ เป็นรูปสามเหลี่ยมตามต้องการ
3) แนวคิด
X
Y Z S
� � Q
1. สร้าง BP และบน BP สร้าง BA ยาว b หน่วย C
2. สร้าง AB̂Q ให้มีขนาดเท่ากับขนาดของ XŶZ R E
�
3. สร้าง BR แบ่งครึ่ง AB̂Q
� a
4. บน BR สร้าง BE ยาว a หน่วย
� �
5. ลาก AS ให้ผ่านจุด E และตัด BQ ที่จุด C
จะได้ ΔABC เป็นรูปสามเหลี่ยมตามต้องการ P A b B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
298 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
4) แนวคิด
P C
Q R A B X
�
1. สร้าง AX
�
2. บน AX สร้าง AB ยาวเป็นสองเท่าของ QR
3. ใช้จุด A และจุด B เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมีเท่ากับ PR เขียนส่วนโค้งให้ตัดกันที่จุด C
4. ลาก AC และ BC
จะได้ ΔABC เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วตามต้องการ
5) แนวคิด
k°
a b
R
U
S C T
b a
k°
P A V B Q
� �
1. สร้าง PQ และกำ�หนดจุด A บน PQ
� �
2. สร้าง AR ตั้งฉากกับ PQ ที่จุด A
�
3. บน AR สร้าง AS ยาว b หน่วย
� � �
4. สร้าง ST ตั้งฉากกับ AR ที่จุด S ทางด้านเดียวกับ AQ
� �
5. สร้าง UÂQ ให้มีขนาดเท่ากับ k° และ AU ตัด ST ที่จุด C
�
(จะได้จุด C มีระยะห่างจาก PQ เท่ากับ b หน่วย)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 299
�
6. ใช้จุด C เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมีเท่ากับ a หน่วย เขียนส่วนโค้งตัด AQ ที่จุด V
�
7. ใช้จุด V เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมีเท่ากับ VA เขียนส่วนโค้งตัด VQ ที่จุด B
8. ลาก BC
จะได้ ΔABC เป็นรูปสามเหลี่ยมตามต้องการ
2. แนวคิด
V
a
D
b
R U
E
S
P M b N Q
� �
1. สร้าง PQ และกำ�หนดจุด M บน PQ แล้วสร้าง MN ยาว b หน่วย
� � �
2. สร้าง MR ตั้งฉากกับ PQ ที่จุด M และบน MR สร้าง MC ยาว a หน่วย
�
3. ลาก ST ผ่านจุด N และจุด C
� � � � �
4. สร้าง NU ตั้งฉากกับ ST ที่จุด N และสร้าง CV ตั้งฉากกับ ST ที่จุด C ทางด้านเดียวกันของ ST
� �
5. ใช้จุด N และจุด C เป็นจุดศูนย์กลางรัศมีเท่ากับ NC เขียนส่วนโค้งตัด NU ที่จุด E และตัด CV ที่จุด D
ตามลำ�ดับ
6. ลาก DE
จะได้ NCDE เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสตามต้องการ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
300 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
แนวคิดในการให้เหตุผล
เนื่องจาก ΔCMN เป็นรูปสามเหลี่ยมที่มี CM̂N เป็นมุมฉาก MN = b หน่วย และ MC = a หน่วย
(จากการสร้าง)
2 2 2
จะได้ NC = a + b (ทฤษฎีบทพีทาโกรัส)
เนื่องจาก NCDE เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่แต่ละด้านยาวเท่ากับ NC (จากการสร้าง)
2 2 2
ดังนั้น NCDE มีพื้นที่เท่ากับ NC ตารางหน่วย หรือ a + b ตารางหน่วย
2
เนื่องจาก รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส A มีพื้นที่ a ตารางหน่วย (รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส A มีความยาว
ของแต่ละด้าน a หน่วย)
2
และ รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส B มีพื้นที่ b ตารางหน่วย (รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส B มีความยาว
ของแต่ละด้าน b หน่วย)
ดังนั้น รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส NCDE มีพื้นที่เท่ากับ ผลบวกของ
พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส A และพื้นที่ของ
รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส B (สมบัติของการเท่ากัน)
3. แนวคิด 1
1) a B
b
b
a
A C Q P
a
b
� �
1. สร้าง AP และบน AP สร้าง AQ ยาว a + b หน่วย
2. กำ�หนดจุด C บน AQ จะได้ AC ยาวน้อยกว่า a + b หน่วย
(เนือ่ งจาก จะสร้างรูปสามเหลีย่ มได้เมือ่ ผลบวกของความยาวของด้านสองด้านใด ๆ ของรูปสามเหลีย่ มมากกว่า
ความยาวของด้านที่สาม)
3. ใช้จุด A เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมีเท่ากับ a หน่วย และใช้จุด C เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมีเท่ากับ b หน่วย
เขียนส่วนโค้งตัดกันทั้งสองด้านของ AC ที่จุด B และจุด D ตามลำ�ดับ
4. ลาก BA, BC, DA และ DC
จะได้ ABCD เป็นรูปสี่เหลี่ยมรูปว่าวตามต้องการ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 301
2) สร้างได้หลายรูปนับไม่ถ้วน
เพราะ สามารถสร้าง AC ให้ยาวน้อยกว่า a + b หน่วย ได้มากมายนับไม่ถ้วน โดยให้จุดตัด B และ D อยู่
ทางขวาของจุด A เสมอ ดังตัวอย่าง
b B
b
a
A C Q P
a
b
D
B
b
a
A Q P
C
a
b
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
302 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
แนวคิด 2
1)
a B
b
a a
A
C Q P
b b
� �
1. สร้าง AP และบน AP สร้าง AQ ยาว 2a หน่วย
2. กำ�หนดจุด C บน AQ จะได้ AC ยาวน้อยกว่า 2a หน่วย
(เนือ่ งจาก จะสร้างรูปสามเหลีย่ มได้เมือ่ ผลบวกของความยาวของด้านสองด้านใด ๆ ของรูปสามเหลีย่ มมากกว่า
ความยาวของด้านที่สาม)
3. ใช้จุด A และจุด C เป็นจุดศูนย์กลางรัศมีเท่ากับ a หน่วย เขียนส่วนโค้งตัดกันทางด้านใดด้านหนึ่งของ AC
ที่จุด B แล้วลาก BA และ BC
4. ใช้จุด A และจุด C เป็นจุดศูนย์กลางรัศมีเท่ากับ b หน่วย เขียนส่วนโค้งตัดกันอีกด้านหนึ่งของ AC ที่จุด D
แล้วลาก DA และ DC
จะได้ ABCD เป็นรูปสี่เหลี่ยมรูปว่าวตามต้องการ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 303
2) สร้างได้หลายรูปนับไม่ถ้วน
เพราะ สามารถสร้าง AC ให้ยาวน้อยกว่า 2a หน่วย ได้มากมายนับไม่ถ้วน โดยให้จุดตัด B และ D
อยู่ทางขวาของจุด A เสมอ ดังตัวอย่าง
B b
B
a a
a a
A C Q P A C Q P
b b b b
D D
4. แนวคิด 1
R C
S D
P Q A B T
� �
1. สร้าง AT และบน AT สร้าง AB ยาวเท่ากับ PQ
2. ลาก QS
3. ใช้จุด A เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมีเท่ากับ PS และใช้จุด B เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมีเท่ากับ QS
เขียนส่วนโค้งตัดกันที่จุด D
4. ลาก AD
5. ใช้จุด B เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมีเท่ากับ QR และใช้จุด D เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมีเท่ากับ SR
เขียนส่วนโค้งตัดกันที่จุด C
6. ลาก BC และ DC
จะได้ ABCD เป็นรูปสี่เหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการกับ PQRS
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
304 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
แนวคิดในการให้เหตุผล
R C
S D
P Q A B T
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 305
แนวคิด 2
R U C
S D
P Q A B T
� �
1. สร้าง AT และบน AT สร้าง AB ยาวเท่ากับ PQ
2. ที่จุด A สร้าง UÂB ให้มีขนาดเท่ากับขนาดของ SP̂Q
�
3. บน AU สร้าง AD ยาวเท่ากับ PS
4. ใช้จุด B เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมีเท่ากับ QR และใช้จุด D เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมีเท่ากับ SR
เขียนส่วนโค้งตัดกันที่จุด C
5. ลาก BC และ DC
จะได้ ABCD เป็นรูปสี่เหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการกับ PQRS
แนวคิดในการให้เหตุผล
R U C
S D
P Q A B T
ลาก QS และ BD
พิจารณา ΔABD และ ΔPQS
เนื่องจาก AB = PQ, DÂB = SP̂Q และ AD = PS (จากการสร้าง)
ดังนั้น ΔABD ≅ ΔPQS (ด.ม.ด.)
จะได้ BD = QS, AB̂D = PQ̂S และ BD̂A = QŜP (ด้ า นคู่ ที่ ส มนั ย กั น ของรู ป สามเหลี่ ย ม
ที่เท่ากันทุกประการ จะยาวเท่ากัน และ
มุ ม คู่ ที่ ส มนั ย กั น ของรู ป สามเหลี่ ย มที่
เท่ากันทุกประการ จะมีขนาดเท่ากัน)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
306 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
5. แนวคิด
G
3 D
C
E
5
A 8 B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 307
จะได้ AB = AD = 8 (ด้านคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่
เท่ากันทุกประการ จะยาวเท่ากัน)
เนื่องจาก AE = ED (กำ�หนดให้)
ดังนั้น AE = ED = 4 (สมบัติของการเท่ากัน)
เนื่องจาก ΔAEF เป็นรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก (กำ�หนดให้)
2 2 2
จะได้ FE = AF – AE (ทฤษฎีบทพีทาโกรัส)
2 2 2
FE = 5 –4 (สมบัติของการเท่ากัน)
ดังนั้น FE = 3 (สมบัติของการเท่ากัน)
เนื่องจาก FG // AD (กำ�หนดให้)
จะได้ ADGF เป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู (มีด้านตรงข้ามขนานกัน 1 คู่)
ดังนั้น พื้นที่ของ 1 × (8 + 3) × 3 = 16.5 ตารางหน่วย
ADGF = –
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
308 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
-
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1. ใบกิจกรรมเสนอแนะ 4.3 : ให้เหตุผลได้หรือไม่
2. ซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad (GSP)
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการให้เหตุผลเกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยมและรูปสี่เหลี่ยม โดยอาศัยทฤษฎีบทเรื่องความเท่ากัน
ทุกประการของรูปสามเหลีย่ มและเส้นขนานทีไ่ ด้เรียนมาแล้ว ผ่านการถามตอบประกอบการอธิบาย และการทำ�กิจกรรมเชิงสำ�รวจ
แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อาจทำ�ได้ดังนี้
1. ครู ท บทวนทฤษฎี บ ทเกี่ ย วกั บ เงื่ อ นไขที่ ทำ � ให้ ส รุ ป ได้ ว่ า รู ป สามเหลี่ ย มสองรู ป เท่ า กั น ทุ ก ประการ ซึ่ ง ได้ แ ก่
รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีความสัมพันธ์กันแบบ ด.ม.ด., ม.ด.ม., ด.ด.ด., ม.ม.ด. และ ฉ.ด.ด. โดยไม่ต้องแสดง
การพิสูจน์
2. ครูแนะนำ�ทฤษฎีบทซึ่งเป็นสมบัติที่สำ�คัญของรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วที่กล่าวว่า ถ้ารูปสามเหลี่ยมรูปหนึ่งมีด้านยาว
เท่ากันสองด้าน แล้วมุมทีอ
่ ยูต
่ รงข้ามกับด้านคูท
่ ยี่ าวเท่ากัน มีขนาดเท่ากัน ในหนังสือเรียน หน้า 212 และอภิปราย
กับนักเรียนเกี่ยวกับการพิสูจน์ทฤษฎีบทดังกล่าวด้วยการใช้ความสัมพันธ์แบบ ด.ม.ด. ตลอดจนร่วมกันพิจารณา
บทกลับของทฤษฎีบทนี้ ซึ่งจะเห็นว่าเป็นจริงด้วย จากนั้นครูให้นักเรียนใช้คำ�ว่า “ก็ต่อเมื่อ” เพื่อเขียนทฤษฎีบท
ทั้งสองให้เป็นทฤษฎีบทเดียวกัน
3. ครูอภิปรายร่วมกับนักเรียนถึงการพิสจู น์ทฤษฎีบททีใ่ ช้ในการตรวจสอบความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลีย่ ม
มุมฉากสองรูป ที่กล่าวว่า ถ้ารูปสามเหลี่ยมมุมฉากสองรูปมีความสัมพันธ์กันแบบ ฉาก–ด้าน–ด้าน (ฉ.ด.ด.)
กล่าวคือ มีดา้ นตรงข้ามมุมฉากยาวเท่ากัน และมีดา้ นอืน
่ อีกหนึง่ คูย่ าวเท่ากัน แล้วรูปสามเหลีย่ มสองรูปนัน
้ เท่ากัน
ทุกประการ ในหนังสือเรียน หน้า 214 ซึ่งใช้แนวคิดในการพิสูจน์โดยการใช้สมบัติถ่ายทอดของการเท่ากัน
ทุกประการ
4. ครูทบทวนบทนิยามของรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน และทฤษฎีบทที่เกี่ยวข้องดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 309
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
310 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
ความรู้เพิ่มเติมสำ�หรับครู
D C
กิจกรรม : สำ�รวจรูปสี่เหลี่ยมที่แนบในรูปสี่เหลี่ยม
กิจกรรมนี้ เป็นกิจกรรมที่มุ่งเน้นให้นักเรียนฝึกสำ�รวจและสร้างข้อความคาดการณ์เกี่ยวกับลักษณะของรูปสี่เหลี่ยมที่เกิด
จากการลากส่วนของเส้นตรงเชื่อมจุดกึ่งกลางของด้านของรูปสี่เหลี่ยมที่กำ�หนดให้ โดยมีสื่อ/อุปกรณ์ และขั้นตอนการดำ�เนิน
กิจกรรม ดังนี้
สื่อ/อุปกรณ์
ซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad (GSP)
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูให้นักเรียนจับคู่ทำ� “กิจกรรม : สำ�รวจรูปสี่เหลี่ยมที่แนบในรูปสี่เหลี่ยม” ในหนังสือเรียน หน้า 227
2. ครูให้นักเรียนสร้างรูปตามเงื่อนไขที่กำ�หนดให้ โดยใช้ซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad และบันทึกสิ่งที่
นักเรียนสำ�รวจและค้นพบ
3. ครูซก
ั ถามและอภิปรายร่วมกับนักเรียนเกีย่ วกับผลการสำ�รวจและการสร้างข้อความคาดการณ์ถงึ ลักษณะของ PQRS
ที่แนบใน ABCD พร้อมทั้งแนวคิดในการให้เหตุผล
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
312 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
เฉลยกิจกรรม : สำ�รวจรูปสี่เหลี่ยมที่แนบในรูปสี่เหลี่ยม
1. ตัวอย่างการสำ�รวจและข้อความคาดการณ์เกี่ยวกับลักษณะของ PQRS
1) สำ�รวจความยาวของด้านตรงข้ามของ PQRS
S
Q
A
P
B
ลาก AC และ BD
พิจารณา ΔABC
เนื่องจาก จุด P และจุด Q เป็นจุดกึ่งกลางของ AB และ BC ตามลำ�ดับ (กำ�หนดให้)
จะได้ PQ = – AC1 (ส่วนของเส้นตรงที่ลากเชื่อมจุดกึ่งกลางของด้านสองด้านของ
2
รูปสามเหลี่ยมใด ๆ จะยาวเป็นครึ่งหนึ่งของด้านที่สาม)
ในทำ�นองเดียวกัน จาก ΔACD จะได้ SR = – 1 AC
2
ดังนั้น PQ = SR (สมบัติของการเท่ากัน)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 313
2) สำ�รวจมุมตรงข้ามของ PQRS
D 1
4 Q
S 3
2
A
P
ลาก AC, BD, SQ และ RP B
ดังนั้น SR = PQ (สมบัติของการเท่ากัน)
ในทำ�นองเดียวกัน
จะได้ 1 BD
RQ = SP = – (ส่วนของเส้นตรงที่ลากเชื่อมจุดกึ่งกลางของด้านสองด้านของ
2
รูปสามเหลี่ยมใด ๆ จะยาวเป็นครึ่งหนึ่งของด้านที่สาม)
เนื่องจาก SQ = SQ (SQ เป็นด้านร่วม)
ดังนั้น ΔSRQ ≅ ΔQPS (ด.ด.ด.)
จะได้ 1̂ = 2̂ (มุมคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ จะมี
ขนาดเท่ากัน)
พิจารณา ΔRSP และ ΔPQR
จะได้ SR = PQ (จากการพิสูจน์ข้างต้น)
SP = RQ (จากการพิสูจน์ข้างต้น)
และ RP = RP (RP เป็นด้านร่วม)
ดังนั้น ΔRSP ≅ ΔPQR (ด.ด.ด.)
จะได้ 3̂ = 4̂ (มุมคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ
จะมีขนาดเท่ากัน)
3) สำ�รวจความสัมพันธ์ของมุมภายในของ PQRS
AP = 5.55 ซม.
C m∠SPQ = 127.37°
PB = 5.55 ซม. R m∠QRS = 127.37°
BQ = 3.73 ซม. D m∠PQR = 52.63°
QC = 3.73 ซม.
Q m∠RSP = 52.63°
CR = 5.25 ซม. S
m∠SPQ + m∠PQR = 180.00°
RD = 5.25 ซม.
A m∠PQR + m∠QRS = 180.00°
DS = 1.75 ซม. P
SA = 1.75 ซม. B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 315
Q
S
A
P
B
ลาก AC, BD
เนื่องจาก จุด P, Q, R และ S เป็นจุดกึ่งกลางของ AB, BC, CD และ DA ตามลำ�ดับ
(กำ�หนดให้)
ดังนั้น PQ // AC และ SR // AC (ส่วนของเส้นตรงที่ลากเชื่อมจุดกึ่งกลางของด้านสองด้านของ
รูปสามเหลี่ยมใด ๆ จะขนานกับด้านที่สาม)
จะได้ PQ // SR (สมบัติถ่ายทอด)
ในทำ�นองเดียวกัน
SP // DB และ RQ // DB (ส่วนของเส้นตรงที่ลากเชื่อมจุดกึ่งกลางของด้านสองด้านของ
รูปสามเหลี่ยมใด ๆ จะขนานกับด้านที่สาม)
จะได้ SP // RQ (สมบัติถ่ายทอด)
ดังนั้น PQRS เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน (มีด้านตรงข้ามขนานกันสองคู่)
4) สำ�รวจความสัมพันธ์ของเส้นทแยงมุมของ PQRS
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
316 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
S 2
1 Q
M
3
B
P
A
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 317
สื่อ/อุปกรณ์
1. ใบกิจกรรมเสนอแนะ 4.3 : ให้เหตุผลได้หรือไม่
2. ซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad (GSP)
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูแจกใบกิจกรรมเสนอแนะ 4.3 : ให้เหตุผลได้หรือไม่
2. ครู ใ ห้ นั ก เรี ย นสร้ า งรู ป ตามเงื่ อ นไขที่ กำ � หนดโดยใช้ ซ อฟต์ แ วร์ The Geometer’s Sketchpad และสำ � รวจ
ความยาวส่วนของเส้นตรงที่ถูกตัดด้วยเส้นขนาน บันทึกสิ่งที่นักเรียนสำ�รวจและค้นพบ
3. ครูซก
ั ถามและอภิปรายกับนักเรียนเกีย่ วกับแนวคิดในการพิสจู น์ แล้วให้นก
ั เรียนเติมข้อความในช่องว่าง เพือ
่ ให้เหตุผล
ว่า “ถ้าเส้นตรงสามเส้นขนานซึ่งกันและกัน และมีเส้นตรงเส้นหนึ่งตัดทำ�ให้ได้ส่วนตัดบนเส้นนี้ยาวเท่ากัน แล้วเส้น
ที่ขนานกันเหล่านี้จะตัดเส้นตัดอื่น ๆ ออกเป็นส่วน ๆ ได้ยาวเท่ากันด้วย” โดยใช้สมบัติของเส้นขนานและความเท่า
กันทุกประการของรูปสามเหลี่ยม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
318 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
ให้นก
ั เรียนสร้างรูปและเติมข้อความในช่องว่างเพือ
่ พิสจู น์วา่ ถ้าเส้นตรงสามเส้นขนานซึง่ กันและกัน และมีเส้นตรง
เส้นหนึ่งตัดทำ�ให้ได้ส่วนตัดบนเส้นนี้ยาวเท่ากัน แล้วเส้นที่ขนานกันเหล่านี้จะตัดเส้นตัดอื่น ๆ ออกเป็นส่วน ๆ ได้ยาว
เท่ากันด้วย
P R X
A D N
1 1
B 3 E
2
4
C 2 F
M 3
Q Y S
�
กำ�หนดให้ เส้นตรง 1, 2 และ 3 ขนานซึ่งกันและกัน มี PQ เป็นเส้นตัดตัด 1, 2 และ 3
�
ที่จุด A, B และ C ตามลำ�ดับ ทำ�ให้ AB = BC และ RS เป็นเส้นตัดอีกเส้นหนึ่งที่ตัด
เส้นตรง 1, 2 และ 3 ที่จุด D, E และ F ตามลำ�ดับ
ต้องการพิสูจน์ว่า
พิสูจน์
� � �
ลาก XY ผ่านจุด E และให้ขนานกับ PQ โดย XY ตัดเส้นตรง 1
ที่จุด N และตัดเส้นตรง 3
ที่จุด M
เนื่องจาก 1
// 2
� �
และ XY // PQ
จะได้ ABEN เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน
ดังนั้น AB = NE
เนื่องจาก 2
// 3
� �
และ XY // PQ
จะได้ BCME เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน
ดังนั้น BC = EM
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 319
กรณีที่มีเส้นตรงมากกว่าสามเส้นขนานซึ่งกันและกัน จะพิสูจน์ได้ในทำ�นองเดียวกัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
320 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
B 3 E
2
4
C 2 F
M 3
Q Y S
�
กำ�หนดให้ เส้นตรง 1, 2 และ 3 ขนานซึ่งกันและกัน มี PQ เป็นเส้นตัดตัด 1, 2 และ 3
�
ที่จุด A, B และ C ตามลำ�ดับ ทำ�ให้ AB = BC และ RS เป็นเส้นตัดอีกเส้นหนึ่งที่ตัด
เส้นตรง 1, 2 และ 3 ที่จุด D, E และ F ตามลำ�ดับ
ต้องการพิสูจน์ว่า DE = EF
พิสูจน์
� � �
ลาก XY ผ่านจุด E และให้ขนานกับ PQ โดย XY ตัดเส้นตรง 1
ที่จุด N และตัดเส้นตรง 3
ที่จุด M
เนื่องจาก 1
// 2 (กำ�หนดให้ )
� �
และ XY // PQ (จากการสร้าง)
จะได้ ABEN เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน (มีด้านตรงข้ามขนานกันสองคู่)
ดังนั้น AB = NE (ด้านตรงข้ามของรูปสี่เหลี่ยมด้านขนานยาวเท่ากัน)
เนื่องจาก 2
// 3 (กำ�หนดให้)
� �
และ XY // PQ (จากการสร้าง)
จะได้ BCME เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน (มีด้านตรงข้ามขนานกันสองคู่)
ดังนั้น BC = EM (ด้านตรงข้ามของรูปสี่เหลี่ยมด้านขนานยาวเท่ากัน)
พิจารณา ΔDEN และ ΔFEM
เนื่องจาก AB = BC (กำ�หนดให้)
จะได้ NE = EM (สมบัติของการเท่ากัน)
1̂ = 2̂ (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมแย้งมีขนาดเท่ากัน)
3̂ = 4̂ (ถ้าเส้นตรงสองเส้นตัดกัน แล้วมุมตรงข้ามมีขนาดเท่ากัน)
ดังนั้น ΔDEN ≅ ΔFEM (ม.ด.ม.)
จะได้ DE = EF (ด้านคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ จะยาวเท่ากัน)
นั่นคือ ถ้าเส้นตรงสามเส้นขนานซึ่งกันและกัน และมีเส้นตรงเส้นหนึ่งตัดทำ�ให้ได้ส่วนตัดบนเส้นนี้ยาวเท่ากัน แล้ว
เส้นที่ขนานกันเหล่านี้จะตัดเส้นตัดอื่น ๆ ออกเป็นส่วน ๆ ได้ยาวเท่ากันด้วย
กรณีที่มีเส้นตรงมากกว่าสามเส้นขนานซึ่งกันและกัน จะพิสูจน์ได้ในทำ�นองเดียวกัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 321
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 4.6
แนวคิด
C
ipst.me/10537
F
E N
4
D I
3 5
1 2
A G H B
� �
ลาก MN ผ่านจุด G และให้ขนานกับ AC
เนื่องจาก DG // BF และ EH // BF (จากการสร้าง)
จะได้ DG // EH (สมบัติถ่ายทอด)
� �
และ MN // AC (จากการสร้าง)
จะได้ DEIG เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน (มีด้านตรงข้ามขนานกันสองคู่)
ดังนั้น DE = GI (ด้านตรงข้ามของรูปสีเ่ หลีย่ มด้านขนานยาวเท่ากัน)
พิจารณา ΔADG และ ΔGIH
1̂ = 2̂ (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมภายนอก
และมุมภายในทีอ่ ยูต
่ รงข้ามบนข้างเดียวกันของเส้นตัดมีขนาดเท่ากัน)
เนื่องจาก AD = DE (จากการสร้าง)
จะได้ AD = GI (สมบัติของการเท่ากัน)
3̂ = 4̂ (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมภายนอกและ
มุมภายในที่อยู่ตรงข้ามบนข้างเดียวกันของเส้นตัดมีขนาดเท่ากัน)
4̂ = 5̂ (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมภายนอกและ
มุมภายในที่อยู่ตรงข้ามบนข้างเดียวกันของเส้นตัดมีขนาดเท่ากัน)
จะได้ 3̂ = 5̂ (สมบัติของการเท่ากัน)
ดังนั้น ΔADG ≅ ΔGIH (ม.ด.ม.)
จะได้ AG = GH (ด้านคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ
จะยาวเท่ากัน)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
322 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
A I J K L B
ชวนคิด 4.7
แนวคิด
ipst.me/10538
F
C 20 ม.
20 ม. R
P D
B
25 ม. E
25 ม.
A
Q
รูป ข
พิจารณา ΔCPQ และΔCRQ
CP = CR (กำ�หนดให้)
PQ = RQ (กำ�หนดให้)
CQ = CQ (CQ เป็นด้านร่วม)
ดังนั้น ΔCPQ ≅ ΔCRQ (ด.ด.ด.)
จะได้ PĈQ = RĈQ (มุมคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากัน
ทุกประการ จะมีขนาดเท่ากัน)
นั่นคือ QC แบ่งครึ่ง PĈ̂R
เนื่องจาก BĈD และ PĈR เป็นมุมเดียวกัน ดังนั้น QC แบ่งครึ่ง BĈD
�
F เป็นจุดที่อยู่บน QC
ดังนั้น ตำ�แหน่งฝังสมอบกที่นายช่างใหญ่หาได้จึงอยู่ในแนวเส้นแบ่งครึ่ง BĈD
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 323
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 4.3 ก
1. แนวคิด
C
D
4
2
M
1
3
B
A
A A
B C B C
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
324 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
3. แนวคิด
C
2
5
4
30° 3 1
A B D
4. แนวคิด 1
B
x° x°
1 100° 2
A D C
แนวคิด 2
B
x° x°
2 1 100° 3
A D C
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
326 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
5. แนวคิด
B
5
4
A C
E
1) แนวคิด
พิจารณา ∆AEB และ ∆CEB
เนื่องจาก AÊB = CÊB = 90° (เส้นทแยงมุมของรูปสีเ่ หลีย
่ มรูปว่าวตัดกันเป็นมุมฉาก)
BE = BE (BE เป็นด้านร่วม)
และ AB = CB (ด้านประชิดของรูปสี่เหลี่ยมรูปว่าวยาวเท่ากัน)
ดังนั้น ∆AEB ≅ ∆CEB (ฉ.ด.ด.)
จะได้ AE = EC (ด้านคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากัน
ทุกประการ จะยาวเท่ากัน)
เนื่องจาก ∆AEB เป็นรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก
มี AÊB เป็นมุมฉาก AB = 5 เซนติเมตร และ BE = 4 เซนติเมตร
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 327
2 2 2
จะได้ AE = 5 –4 (ทฤษฎีบทพีทาโกรัส)
ดังนั้น AE = 3 เซนติเมตร (สมบัติของการเท่ากัน)
และ AC = 6 เซนติเมตร (สมบัติของการเท่ากัน)
1 × ผลคูณของความยาวของเส้นทแยงมุม
= – จะได้ พื้นที่ของ ABCD
2
1
= – × (AC × BD)
2
1 × (6 × 12)
= –
2
= 36 ตารางเซนติเมตร
2) แนวคิด
เนื่องจาก ∆AED เป็นรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก (AÊD = 90°)
2 2 2
จะได้ AD = AE + ED (ทฤษฎีบทพีทาโกรัส)
2 2
= 3 + 8
ดังนั้น AD = √73 เซนติเมตร
เนื่องจาก AD = CD (ด้านประชิดของรูปสี่เหลี่ยมรูปว่าวยาวเท่ากัน)
จะได้ CD = √73 เซนติเมตร (สมบัติของการเท่ากัน)
32° G
A F B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
328 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
7. แนวคิด
C
24°
42°
42° F
E B D
84°
A
พิจารณา ∆ABC และ ∆ADC
เนื่องจาก CB = CD (กำ�หนดให้)
BĈA = DĈA = 24° (กำ�หนดให้)
CA = CA (CA เป็นด้านร่วม)
ดังนั้น ∆ABC ≅ ∆ADC (ด.ม.ด.)
จะได้ BÂC = DÂC = 42° (มุมคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากัน
ทุกประการ จะมีขนาดเท่ากัน)
จาก ∆ABC จะได้ CB̂A + BÂC + BĈA = 180° (ขนาดของมุมภายในทั้งสามมุมของรูปสามเหลี่ยม
รวมกันเท่ากับ 180 องศา)
จะได้ CB̂A + 42 + 24 = 180 (สมบัติของการเท่ากัน โดยแทน BÂC ด้วย
42 และ BĈA ด้วย 24)
CB̂A = 114° (สมบัติของการเท่ากัน)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 329
8. แนวคิด
F
E
A B
D C
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
330 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
9. แนวคิด
A ลาก DE ⏊ AB ที่จุด E
พิจารณา ∆ADE และ ∆ADC
1 เนื่องจาก 1̂ = 2̂ (กำ�หนดให้ AD แบ่งครึ่ง BÂC)
2
AD = AD (AD เป็นด้านร่วม)
3̂ = 4̂ (จากการสร้างและกำ�หนดให้)
E
3 ดังนั้น ∆ADE ≅ ∆ADC (ม.ม.ด.)
4 จะได้ DE = DC (ด้านคู่ที่สมนัยกันของ
B D C รูปสามเหลี่ยมที่เท่ากัน
ทุกประการ จะยาวเท่ากัน)
พิจารณารูปสามเหลี่ยมมุมฉาก BDE
จะได้ BD > DE (ด้านตรงข้ามมุมฉาก ยาวกว่าด้านประกอบมุมฉาก)
เนื่องจาก DE = DC (จากการพิสูจน์ข้างต้น)
จะได้ BD > DC (สมบัติของการเท่ากัน โดยแทน DE ด้วย DC)
ดังนั้น BD ยาวกว่า DC
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 331
แบบฝึกหัด 4.3 ข
1. แนวคิด
B
D
3
1 2
O
4
C
* อาจให้เหตุผลอย่างอื่นได้อีก เช่น
จะได้ AC = DB และ AC // DB (ส่วนของเส้นตรงที่ปิดหัวท้ายของส่วนของเส้นตรงที่
ขนานกันและยาวเท่ากัน จะขนานกันและยาวเท่ากัน)
นั่นคือ ACBD เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน (มีด้านตรงข้ามกันขนานกันสองคู่)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
332 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
2. แนวคิด C W Y V D
x°
79° 2 1 60°
A X Z B
เนื่องจาก WX // YZ (กำ�หนดให้)
จะได้ 1̂ = 79° (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมภายนอกและ
มุมภายในทีอ่ ยูต
่ รงข้ามบนข้างเดียวกันของเส้นตัด มีขนาดเท่ากัน)
เนื่องจาก XY // ZV (กำ�หนดให้)
จะได้ 2̂ = 60° (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมภายนอกและ
มุมภายในทีอ่ ยูต
่ รงข้ามบนข้างเดียวกันของเส้นตัด มีขนาดเท่ากัน)
เนื่องจาก 1̂ + 2̂ + x = 180 (ขนาดของมุมภายในทั้งสามมุมของรูปสามเหลี่ยมรวมกัน
เท่ากับ 180 องศา)
จะได้ 79 + 60 + x = 180 (สมบัติของการเท่ากัน โดยแทน 1̂ ด้วย 79 และ
แทน 2̂ ด้วย 60)
ดังนั้น x = 41 (สมบัติของการเท่ากัน)
3. แนวคิด C
10 ซม. D
E
9 ซม.
A
8 ซม.
B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 333
4. แนวคิด 1
D F C
4
1
2
3
A E B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
334 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
แนวคิด 2
D F C
9 8 6 4
1
2
3 5 7 10
A E B
5. แนวคิด N 3 ซม. P M
45°
K 3 ซม. O L
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 335
6. แนวคิด
D
C
S
A P B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
336 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
7. 1) แนวคิด
B 4y – 3 C
z
14
E 25
A D
เนื่องจาก ABCD เป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน (กำ�หนดให้)
จะได้ BC = CD (ด้านของรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนยาวเท่ากัน)
นั่นคือ 4y – 3 = 25 (กำ�หนดให้)
ดังนั้น y = 7 (สมบัติของการเท่ากัน)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 337
2 2 2
ดังนั้น z = 25 – 7 (ทฤษฎีบทพีทาโกรัส)
= 576 (สมบัติของการเท่ากัน)
จะได้ z = 24 (สมบัติของการเท่ากัน)
ดังนั้น z – y = 24 – 7 = 17 (สมบัติของการเท่ากัน โดยแทน z ด้วย 24
และแทน y ด้วย 7 )
2) แนวคิด
เนื่องจาก ABCD เป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน (กำ�หนดให้)
BD = 14 หน่วย (กำ�หนดให้)
AC = 2z = 2(24) = 48 หน่วย (สมบัติของการเท่ากัน)
1 × ผลคูณของความยาวของเส้นทแยงมุม
ดังนั้น พื้นที่ของ ABCD = –
2
1 × 14 × 48
= –
2
= 336 ตารางหน่วย
8. แนวคิด
C
B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
338 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
9. แนวคิด
F
E C
A B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 339
10. แนวคิด
พื้นบ�าน
C 18 ซม.
ลูกนอนบันได 24 ซม.
(7 × 18) + 18 = 144 ซม.
7 × 18 = 126 ซม. 18 ซม.
ลูกตั้งบันได
พุกบันได
แม�บันได
พื้นดิน
B 7 × 24 = 168 ซม. A
1) แนวคิด
เนื่องจาก บันไดมี 7 ขั้น แต่ละขั้นสูง 18 เซนติเมตร
และบันไดขั้นบนสุดห่างจากพื้นบ้าน 18 เซนติเมตร
ดังนั้น พื้นบ้านอยู่สูงจากพื้นดิน (7 × 18) + 18 = 144 เซนติเมตร
= 1.44 เมตร
2) แนวคิด 1
เนื่องจาก ΔABC เป็นรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก
2 2 2
ดังนั้น AC = 168 + 126 (ทฤษฎีบทพีทาโกรัส)
= 44,100
จะได้ AC = 210 เซนติเมตร
ดังนั้น ช่างสำ�ราญจะต้องซื้อไม้สำ�หรับทำ�แม่บันไดยาวอย่างน้อย 210 เซนติเมตร หรือ 2.10 เมตร
แนวคิด 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
340 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
กิจกรรมท้ายบท : สร้างรูปสามเหลี่ยมให้มีพื้นที่เท่ากับพื้นที่ของ
รูปสี่เหลี่ยมที่กำ�หนดให้
กิจกรรมนี้ เป็นกิจกรรมที่มุ่งเน้นให้นักเรียนฝึกสร้างรูปตามเงื่อนไขที่กำ�หนดให้ ฝึกสำ�รวจและให้เหตุผลเกี่ยวกับการสร้าง
รูปสามเหลี่ยมให้มีพื้นที่เท่ากับพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมที่กำ�หนดให้ โดยมีสื่อ/อุปกรณ์ และขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรมดังนี้
สื่อ/อุปกรณ์
ซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ให้นก
ั เรียนจับคูท
่ �
ำ “กิจกรรม : สร้างรูปสามเหลีย
่ มให้มพ
ี น
ื้ ทีเ่ ท่ากับพืน
้ ทีข
่ องรูปสีเ่ หลีย
่ มทีก
่ �ำ หนดให้” ในหนังสือเรียน
หน้า 232
2. ครูให้นักเรียนสร้างรูปตามเงื่อนไขที่กำ�หนดให้ โดยใช้ซอฟต์แวร์ The Geometer’s Sketchpad และบันทึกสิ่งที่
นักเรียนสำ�รวจและค้นพบ
3. ครูซักถามและอภิปรายกับนักเรียนเกี่ยวกับผลการสำ�รวจและการให้เหตุผลเกี่ยวกับการสร้างรูปสามเหลี่ยมให้มีพื้นที่
เท่ากับพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมที่กำ�หนดให้ เช่น
✤ พื้นที่ของ ∆DBC เท่ากับพื้นที่ของ ∆DBE เพราะเหตุใด
✤ พื้นที่ของ ∆ADE เท่ากับพื้นที่ของ ABCD เพราะเหตุใด
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 341
เฉลยกิจกรรมท้ายบท : สร้างรูปสามเหลี่ยมให้มีพื้นที่เท่ากับ
พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมที่กำ�หนดให้
แนวการสร้าง
สร้างรูปตามเงื่อนไขของขั้นตอนที่ 1 ข้อ 1) ถึงข้อ 4) ได้ดังนี้
X
D D
C C
A B A B E
Y
5) พื้นที่ของ ∆DBC เท่ากับพื้นที่ของ ∆DBE เพราะ
- มีฐาน DB ร่วมกัน
�
- มีส่วนสูงยาวเท่ากัน เนื่องจาก จุดยอด C และจุดยอด E อยู่บน XY ที่ขนานกับฐาน DB
คำ�ถาม (ในขั้นตอนที่ 2)
แนวคิด
คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น
X
D P D R Q
C
C
A B A B E
Y
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
342 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 343
เฉลยแบบฝึกหัดท้ายบท
w z
1. 1) แนวคิด
D C
y
x
A B
2) แนวคิด z
w
C y
D 2
3
1 x
90° B
A
2. แนวคิด
ตัวอย่างการสร้างที่แตกต่างกัน
8 หน่วย
สามารถสร้างรูปสี่เหลี่ยมรูปว่าวที่แตกต่างจากที่ได้สร้างไว้แล้วได้อีกมากมายไม่จำ�กัด
3. แนวคิด A
D E
B C
A A A
1 1 1
D 3 2 E 2 E D 3
B C B C
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 345
แนวคิด 2
A
D E D E
3 4 3 4
1 2 1 2
B C B C B C
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
346 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
p° q°
a
Z
X
B
p°
(180 – p – q)°
q° q°
M A a C N
แนวการสร้าง
� � �
1. ลาก MN และกำ�หนดจุด A บน MN แล้วสร้าง AC บน MN ยาว a หน่วย
2. ที่จุด C สร้าง MĈX ให้มีขนาดเท่ากับ q°
3. ที่ จุ ด A สร้ า งมุ ม ให้ มี ข นาดเท่ า กั บ 180 – p – q องศา โดยสร้ า ง MÂY ให้ มี ข นาดเท่ า กั บ q°
� �
แล้วสร้าง YÂZ ให้มีขนาดเท่ากับ p° และให้ AZ ตัด CX ที่จุด B ทำ�ให้ได้ BÂC มีขนาด
เท่ากับ 180 – p – q องศา และ AB̂C มีขนาดเท่ากับ 180 – q – (180 – p – q) องศา หรือเท่ากับ p°
จะได้ ΔABC เป็นรูปสามเหลี่ยมตามต้องการ
แนวคิด 2
p° q°
a
X Y
A
a
(180 – p – q)°
p°
(180 – p – q)°
q°
M B C N
Z
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 347
แนวการสร้าง
� �
1. ลาก MN และกำ�หนดจุด C บน MN
2. ที่จุด C สร้าง MĈX ให้มีขนาดเท่ากับ q° แล้วสร้าง XĈY ให้มีขนาดเท่ากับ p° จะได้ NĈY
มีขนาดเท่ากับ 180 – p – q องศา
�
3. บน CX สร้าง CA ยาว a หน่วย
� �
4. ที่จุด A สร้าง CÂZ ให้มีขนาดเท่ากับขนาดของ NĈY โดยให้ AZ ตัด MN ที่จุด B
ทำ�ให้ได้ AB̂C มีขนาดเท่ากับ 180 – q – (180 – p – q) องศา หรือ p°
จะได้ ΔABC เป็นรูปสามเหลี่ยมตามต้องการ
แนวคิด 3
p° q°
a
X
A Y
a
(180 – p – q)°
(180 – p – q)°
q° p°
M B C N
Z
แนวการสร้าง
� �
1. ลาก MN และกำ�หนดจุด C บน MN
2. ที่จุด C สร้าง MĈX ให้มีขนาดเท่ากับ q°
3. สร้าง NĈY ให้มีขนาด p° จะได้ XĈY มีขนาดเท่ากับ 180 – p – q องศา
�
4. บน CX สร้าง CA ยาว a หน่วย
� �
5. ที่จุด A สร้าง CÂZ ให้มีขนาดเท่ากับขนาดของ XĈY โดยให้ AZ ตัด MN ที่จุด B
ทำ�ให้ได้ AB̂C มีขนาดเท่ากับ 180 – q – (180 – p – q) หรือ p°
จะได้ ΔABC เป็นรูปสามเหลี่ยมตามต้องการ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
348 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
a a b
b A c C X
c a b
B
แนวการสร้าง
� �
1. ลาก AX และบน AX สร้าง AC ยาว c หน่วย
2. ใช้จุด A เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมีเท่ากับ a หน่วย เขียนส่วนโค้งทั้งสองด้านของ AC
3. ใช้จุด C เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมีเท่ากับ b หน่วย เขียนส่วนโค้งตัดส่วนโค้งในข้อ 2 ที่จุด B และ
จุด D
4. ลาก AB, BC, CD และ DA
จะได้ ABCD เป็นรูปสี่เหลี่ยมรูปว่าวตามต้องการ
b b
E a G Y
b
c c
H
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 349
แนวการสร้าง
� �
1. ลาก EY และบน EY สร้าง EG ยาว a หน่วย
�
2. ใช้จุด E และจุด G เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมีเท่ากับ b หน่วย เขียนส่วนโค้งตัดกันทางด้านหนึ่งของ EG
ที่จุด F
�
3. ใช้จุด E และจุด G เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมีเท่ากับ c หน่วย เขียนส่วนโค้งตัดกันอีกด้านหนึ่งของ EG
ที่จุด H
4. ลาก EF, FG, GH และ HE
จะได้ EFGH เป็นรูปสี่เหลี่ยมรูปว่าวตามต้องการ
a a
a P b R Z
c c c
แนวการสร้าง
� �
1. ลาก PZ และบน PZ สร้าง PR ยาว b หน่วย
�
2. ใช้จุด P และจุด R เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมีเท่ากับ a หน่วย เขียนส่วนโค้งตัดกันทางด้านหนึ่งของ PR
ที่จุด Q
�
3. ใช้จุด P และจุด R เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมีเท่ากับ c หน่วย เขียนส่วนโค้งตัดกันอีกด้านหนึ่งของ PR
ที่จุด S
4. ลาก PQ, QR, RS และ SP
จะได้ PQRS เป็นรูปสี่เหลี่ยมรูปว่าวตามต้องการ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
350 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
6. แนวคิด
E V
a
T
b S
c D
c
M
R
F
C W
P A b B Q
N
U
แนวการสร้าง
� �
1. ลาก PQ และบน PQ สร้าง AB ยาว b หน่วย
� �
2. ที่จุด A สร้าง AR ให้ตั้งฉากกับ AB และบน AR สร้าง AC ยาว a หน่วย
�
3. ลาก MN ผ่านจุด B และจุด C
� �
4. ที่จุด C สร้าง CS ให้ตั้งฉากกับ BC และบน CS สร้าง CD ยาว c หน่วย
�
5. ลาก TU ผ่านจุด B และจุด D
� �
6. ที่จุด D สร้าง DV ให้ตั้งฉากกับ BD และบน DV สร้าง DE ยาวเท่ากับ BD
� �
7. ที่จุด B สร้าง BW ให้ตั้งฉากกับ BD และบน BW สร้าง BF ยาวเท่ากับ BD
8. ลาก EF
จะได้ BDEF เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสตามต้องการ
แนวคิดในการให้เหตุผล
เนื่องจาก รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส 3 รูปที่กำ�หนดให้ มีความยาวของด้านเท่ากับ a, b และ c หน่วย
(กำ�หนดให้)
2 2 2
จะได้ รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส 3 รูปนี้ จะมีพื้นที่ a , b และ c ตารางหน่วย ตามลำ�ดับ
2
(พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส = ความยาวของด้าน )
2 2 2
ดังนั้น ผลบวกของพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส 3 รูปนี้ เท่ากับ a + b + c ตารางหน่วย
(สมบัติของการเท่ากัน)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 351
1) รูปสี่เหลี่ยมรูปว่าว 2) รูปสี่เหลี่ยมใด ๆ
4 ถ้าสร้างเส้นทแยงมุมให้ตงั้ ฉากกันก่อน แล้วกำ�หนด
จุ ด ยอดบนเส้ น ทแยงมุ ม ที่ ไ ม่ ทำ � ให้ มี ด้ า นตรงข้ า ม
3 ขนานกัน ก็จะได้รูปที่ต้องการ
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
352 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
8. แนวคิด 1
m
C
D
60°
E
A
60°
20°
F
1
G
60°
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 353
m
แนวคิด 2
C
D
60°
E
A
60°
20°
F
1
G
2
3
60°
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
354 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
9. แนวคิด B
G
2
x°
1
F w° 5
3
4 z° y° 6
A E D C
10. แนวคิด
B
n°
m° D
21°
25° C
A
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 355
เนื่องจาก AD = BD = CD (กำ�หนดให้)
จะได้ ΔADC, ΔBDC และ ΔADB เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว (มีด้านยาวเท่ากันสองด้าน)
จาก ΔADC จะได้
DÂC = DĈA = 25° (มุมที่ฐานของรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วมีขนาดเท่ากัน)
เนื่องจาก AD̂C + DÂC + DĈA = 180° (ขนาดของมุ ม ภายในทั้ ง สามมุ ม ของรู ป สามเหลี่ ย ม
รวมกันเท่ากับ 180 องศา)
จะได้ AD̂C + 25 + 25 = 180 (สมบัติของการเท่ากัน โดยแทน DÂC และ DĈA
ด้วย 25)
AD̂C = 130°
(สมบัติของการเท่ากัน)
ในทำ�นองเดียวกัน จาก ΔBDC จะได้ BD̂C = 180 – 21 – 21 = 138°
และจาก ΔADB จะได้ m = 180 – 2n
เนื่องจาก m + AD̂C + BD̂C = 360 (มุมรอบจุดเท่ากับ 360 องศา)
m + 130 + 138 = 360 (สมบัติของการเท่ากัน โดยแทน AD̂C ด้วย 130 และ
BD̂C ด้วย 138)
จะได้ m = 92 (สมบัติของการเท่ากัน)
เนื่องจาก m = 180 – 2n (จากการพิสูจน์ข้างต้น)
จะได้ n = 44 (สมบัติของการเท่ากัน)
ดังนั้น m – n = 92 – 44 = 48 (สมบัติของการเท่ากัน)
11. แนวคิด
O
60°
P z° Q
y°
x° 70°
60° 60°
M R N
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
356 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
เนื่องจาก PQ // MN (กำ�หนดให้)
จะได้ x + y + 60 = 180 (ขนาดของมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัด
ที่ตัดเส้นขนานรวมกันเท่ากับ 180 องศา)
นั่นคือ x + y = 120 (สมบัติของการเท่ากัน)
และ z = 60 (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด
แล้วมุมภายนอกและมุมภายในที่อยู่ตรงข้ามบน
ข้างเดียวกันของเส้นตัดมีขนาดเท่ากัน)
ดังนั้น x + y – z = 120 – 60 = 60 (สมบัติของการเท่ากัน โดยแทน x + y ด้วย 120 และ
แทน z ด้วย 60)
12. แนวคิด
C
16 30
D
B
A E
34
พิจารณา ΔADE
จะได้ 1 (30) = 15
DE // CB และ DE = – (ส่วนของเส้นตรงที่ลากเชื่อมจุดกึ่งกลางของด้าน
2
สองด้านของรูปสามเหลีย่ มใด ๆ จะขนานกับด้านทีส
่ าม
และยาวเป็นครึ่งหนึ่งของด้านที่สาม)
AD̂E = 90° (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด
แล้วมุมภายนอกและมุมภายในที่อยู่ตรงข้าม
บนข้างเดียวกันของเส้นตัดมีขนาดเท่ากัน)
นั่นคือ ΔADE เป็นรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 357
1 × 8 × 15 = 60 ตารางหน่วย
ดังนั้น พื้นที่ของรูปสามเหลี่ยม ADE = –
2
13. 1) แนวคิด
A
F
D
B E C
2) แนวคิด
A
F
10 D
B E C
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
358 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
14. แนวคิด
D C
E F
A B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 359
15. แนวคิด
D C
4 4
A B
16. แนวคิด
M R N
30° 140°
P
Q
30°
L O
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
360 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
17. แนวคิด
D
F
A 55°
2
C
15°
5
1 3 4
B E
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 361
18. แนวคิด
S
60°
Q
U
60°
60°
60° T
60°
R
60°
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
362 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
19. แนวคิด A
D
E
84°
B F C
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 363
และ AD̂E = CÊF และ AÊD = CF̂E (มุ ม คู่ ที่ ส มนั ย กั น ของรู ป สามเหลี่ ย มที่
เท่ากันทุกประการ จะมีขนาดเท่ากัน)
จาก ΔADE จะได้
DÂE + AD̂E = DÊF + CÊF (ขนาดของมุมภายนอกของรูปสามเหลี่ยมเท่ากับ
ผลบวกของขนาดของมุมภายในที่ไม่ใช่มุมประชิด
ของมุมภายนอกนั้น)
จะได้ 48 + CÊF = DÊF + CÊF (สมบัตข
ิ องการเท่ากัน โดยแทน DÂE ด้วย 48 และ
แทน AD̂E ด้วย CÊF)
ดังนั้น DÊF = 48° (สมบัติของการเท่ากัน)
เนื่องจาก ΔDEF เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว (มี ED = EF จากการพิสูจน์ข้างต้น)
จะได้ว่า ED̂F = DF̂E (มุมที่ฐานของรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วมีขนาดเท่ากัน)
เนื่องจาก DÊF + ED̂F + DF̂E = 180° (ขนาดของมุมภายในทั้งสามมุมของรูปสามเหลี่ยม
รวมกันเท่ากับ 180 องศา)
จะได้ 48 + 2(DF̂E) = 180 (สมบัติของการเท่ากัน โดยแทน DÊF ด้วย 48
และ ED̂F ด้วย DF̂E)
ดังนั้น DF̂E = 66° (สมบัติของการเท่ากัน)
20.
C
แท�นยึดแขนกล แท�นยึดแขนกล
B D
A A
E
F F B
C
E
1 2 D
แนวคิด
แขนกลที่เกษรออกแบบสามารถเคลื่อนย้ายแก้วน้ำ�ได้ โดยที่แก้วน้ำ�ตั้งอยู่ในแนวดิ่งตลอดเวลา เพราะแขนกลนี้
มีส่วนประกอบที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน ABEF และ BCDE ซึ่งรูปสี่เหลี่ยมด้านขนานทั้งสองนี้สามารถโยกได้
โดยที่ AF เป็นส่วนที่คงที่และอยู่ในแนวดิ่ง BE และ CD ซึ่งขนานกับ AF จึงอยู่ในแนวดิ่งด้วยเสมอ ฐานวางแก้วน้ำ�
ตั้งฉากกับ CD เสมอ ดังนั้นฐานวางแก้วน้ำ�จึงอยู่ในแนวนอนเสมอ ทำ�ให้แก้วน้ำ�ตั้งอยู่ในแนวดิ่งตลอดเวลา
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
364 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
21. 1) แนวคิด
E D
H
F C
G
A B
0.6
เนื่องจากเส้นทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนตั้งฉากกัน
ดังนั้น ΔABG เป็นรูปสามเหลี่ยมที่มี AÎG เป็นมุมฉาก
H
2 2 2
จะได้ AG = AI + IG (ทฤษฎีบทพีทาโกรัส)
2 2 2
IG = 0.5 – 0.3
F C
ดังนั้น IG = 0.4 เมตร
เนือ
่ งจาก FHCG ประกอบด้วยรูปสามเหลีย่ มมุมฉากขนาดเดียวกับ ΔABG จำ�นวน
G สองรูป
0.5 0.5 ดังนั้น GH = 0.4 + 0.4 = 0.8 เมตร
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 365
ตัวอย่างแบบทดสอบท้ายบท
1. จงสร้างรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว PQR ที่มีฐาน PQ ยาวเท่ากับ AB และมุมยอดมีขนาดเท่ากับ a°
D (6 คะแนน)
a°
A B
A D B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
366 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
N
L
R
E C T
M
A B P Q K
� �
1) ลาก PK และบน PK สร้าง PQ ให้มีความยาวเท่ากับ AB
2) ที่จุด P สร้าง LP̂Q ให้มีขนาดเท่ากับขนาดของ EÂB
�
3) ที่จุด P สร้าง PT บน PL ให้มีความยาวเท่ากับ AE
4) ลาก BE, BD และ QT
5) ที่จุด T สร้างส่วนโค้งรัศมีเท่ากับ ED และที่จุด Q สร้างส่วนโค้งรัศมีเท่ากับ BD ตัดส่วนโค้งแรก ที่จุด S
6) ลาก TS และ QS
7) ที่จุด S สร้าง MŜQ ให้มีขนาดเท่ากับขนาดของ CD̂B และที่จุด Q สร้าง SQ̂N ให้มีขนาดเท่ากับขนาดของ
� �
DB̂C และให้ QN ตัด SM ที่จุด R
จะได้ รูปห้าเหลี่ยม PQRST เท่ากันทุกประการกับรูปห้าเหลี่ยม ABCDE ที่กำ�หนดให้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 367
จากแนวการสร้างข้างต้น จงตอบคำ�ถามต่อไปนี้
1) PQ = AB เพราะ
2) TP̂Q = EÂB เพราะ
3) PT = AE เพราะ
4) ΔPTQ ≅ ΔAEB เพราะมีความสัมพันธ์แบบ
5) QT = BE เพราะ
6) TS = ED เพราะ
7) QS = BD เพราะ
8) ΔQTS ≅ ΔBED เพราะมีความสัมพันธ์แบบ
9) RŜQ = CD̂B เพราะ
10) SQ̂R = DB̂C เพราะ
11) ΔQRS ≅ ΔBCD เพราะมีความสัมพันธ์แบบ
12) SR = DC เพราะ
13) QR = BC เพราะ
14) รูปห้าเหลี่ยม PQRST เท่ากันทุกประการกับรูปห้าเหลี่ยม ABCDE เป็นผลมาจากรูปสามเหลี่ยมที่
เท่ากันทุกประการในข้อ
15) จากรูปห้าเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการในข้อ 14) ทำ�ให้ได้ด้านของรูปห้าเหลี่ยมยาวเท่ากัน คู่
ได้แก่
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
368 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
จากการสร้างข้างต้น จงให้เหตุผลในการตอบคำ�ถามต่อไปนี้
� �
1) AC และ BD ขนานกันหรือไม่ เพราะเหตุใด
5. จงพิ จ ารณาว่ า รู ป สามเหลี่ ย มที่ กำ � หนดให้ ใ นแต่ ล ะข้ อ ต่ อ ไปนี้ เ ป็ น รู ป สามเหลี่ ย มชนิ ด ใด (รู ป สามเหลี่ ย มหน้ า จั่ ว
รูปสามเหลี่ยมมุมฉาก หรือ รูปสามเหลี่ยมด้านเท่า) เพราะเหตุใด (ตอบได้มากกว่า 1 คำ�ตอบ) (9 คะแนน)
1) 2)
C P 2
45°
A B Q R
เพราะ เพราะ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 369
3) 4)
G
C
60°
2
120°
A
S P T 1
เพราะ เพราะ
x°
100°
55°
C D
B
B C D
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
370 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
D
E
7 ซม.
B
C
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 371
9. กำ�หนดให้ ΔPQR เป็นรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก ที่มี PQ̂R เป็นมุมฉาก มี PQ และ PR ยาว 5 และ 13 เซนติเมตร
ตามลำ�ดับ และมีจุด S และจุด T เป็นจุดกึ่งกลางของ PQ และ QR ตามลำ�ดับ จงหา (10 คะแนน)
1) ความยาวรอบรูปของ ΔSQT
2) ความยาวรอบรูปของ ΔPQR เป็นกี่เท่าของความยาวรอบรูปของ ΔSQT
3) พื้นที่ของ ΔSQT
4) พื้นที่ของ ΔPQR เป็นกี่เท่าของพื้นที่ของ ΔSQT
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
372 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
10. จากรูปกำ�หนดให้ AB ขนานกับ CD GH ตั้งฉากกับ EF และ CÊF มีขนาด 55° จงหาขนาดของ GĤB
พร้อมแสดงแนวคิดในการหาคำ�ตอบ (3 คะแนน)
E D
C
G
B
H
A F
� �
11. จากรูปกำ�หนดให้ AB ขนานกับ CD BQ̂R และ RŜP มีขนาด 70° และ 110° ตามลำ�ดับ จงเขียนแสดง
การให้เหตุผลในแต่ละรายการต่อไปนี้ให้สมบูรณ์ เพื่อพิสูจน์ว่า PQRS เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน (10 คะแนน)
E
G
C S
R D
110°
70°
A P
Q B
F
H
� �
กำ�หนดให้ AB ขนานกับ CD BQ̂R และ RŜP มีขนาด 70° และ 110° ตามลำ�ดับ
ต้องการพิสูจน์ว่า PQRS เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 373
พิสูจน์
� �
เนื่องจาก AB // CD ( )
จะได้ PQ // SR ( )
เนื่องจาก BQ̂R = 70° ( )
จะได้ QR̂S = 70° ( )
เนื่องจาก RŜP = 110° ( )
จะได้ QR̂S + RŜP = 70 + 110 ( )
หรือ QR̂S + RŜP = 180° ( )
� �
ดังนั้น EF // GH ( )
จะได้ PS // QR ( )
ดังนั้น PQRS เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน ( )
�
12. จากรูป AD เป็นเส้นแบ่งครึ่ง BÂC จงแสดงการให้เหตุผลเพื่อหาว่า ΔAFG เป็นรูปสามเหลี่ยมชนิดใดโดยเติม
เหตุผลท้ายข้อความที่กำ�หนดให้ในแต่ละข้อความให้ถูกต้อง (7 คะแนน)
C
G
D
E
F
B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
374 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
A D E B
14.
จากรูป กำ�หนดให้ ΔLMN เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว
LO = 9 เซนติเมตร NP = 22 เซนติเมตร
N 22 ซม.
P
จงหาความยาวของ PO พร้อมทั้งแสดงเหตุผล
M
(5 คะแนน)
O
L 9 ซม.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 375
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
376 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
เฉลยตัวอย่างแบบทดสอบท้ายบท
1. จงสร้างรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว PQR ที่มีฐาน PQ ยาวเท่ากับ AB และมุมยอดมีขนาดเท่ากับ a° (6 คะแนน)
D
a°
A B
แนวการสร้าง 1
W V
D
R
C
a°
A B
U
a°
S P Q T
� �
1) ลาก ST และกำ�หนดจุด P บน ST
�
2) ที่จุด P สร้าง PQ บน ST ให้มีความยาวเท่ากับ AB
3) ที่จุด P สร้าง SP̂U ให้มีขนาดเท่ากับ a° จะได้ UP̂T มีขนาดเท่ากับ 180 – a องศา
�
4) สร้าง PV แบ่งครึ่ง UP̂T จะได้ VP̂Q มีขนาดเท่ากับ 180 – a องศา
2
5) ที่จุด Q สร้าง PQ̂W ให้มีขนาดเท่ากับขนาดของ VP̂Q
� �
6) ให้ PV และ QW ตัดกันที่จุด R จะได้ PR̂Q มีขนาดเท่ากับ 180 – 180 – a – 180 – a หรือ a°
2 2
ดังนั้น ΔPQR เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วตามต้องการ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 377
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 1 นักเรียนสามารถสร้างรูปตามที่กำ�หนดและให้เหตุผลเกี่ยวกับการสร้าง
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 6 คะแนน โดยแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ดังนี้
✤ สร้างฐาน PQ ให้มีความยาวเท่ากับ AB ถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ ใช้ขนาดของมุมยอด a° สร้างมุมที่ฐาน PQ ถูกต้อง ได้ 4 คะแนน
✤ สร้างรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว PQR ได้สมบูรณ์ ได้ 1 คะแนน
แนวการสร้าง 2
T
G
D L
C Q
I
N
E
a° F
A K B
J
M
a°
R P S
O H
�
1) ลาก RS และที่จุด R สร้าง TR̂S ให้มีขนาดเท่ากับ a°
�
2) สร้าง RE แบ่งครึ่ง TR̂S
� � �
3) กำ�หนดจุด F บน RE และที่จุด F สร้าง GH ตั้งฉากกับ RE
�
4) สร้าง IJ แบ่งครึ่ง AB ที่จุด K
�
5) ใช้จุด F เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมี KA เขียนส่วนโค้งตัด GH ที่จุด L และจุด M
� � �
6) ที่จุด L สร้าง LN ตั้งฉากกับ GH และตัด RT ที่จุด Q
� � �
7) ที่จุด M สร้าง MO ตั้งฉากกับ GH และตัด RS ที่จุด P
8) ลาก PQ
ดังนั้น ΔPQR เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วตามต้องการ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
378 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 1 นักเรียนสามารถสร้างรูปตามที่กำ�หนดและให้เหตุผลเกี่ยวกับการสร้าง
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 6 คะแนน โดยแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ดังนี้
✤ สร้างมุมยอด PRQ ให้มีขนาดเท่ากับ a° ถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ สร้างฐาน PQ ให้มีความยาวเท่ากับ AB หน่วย ถูกต้อง ได้ 5 คะแนน
A D B
แนวการสร้าง
U Y
C W V S R X
A D B E P Q F
� �
1) ลาก EF และกำ�หนดจุด P บน EF
�
2) ที่จุด P สร้าง PQ บน EF ให้มีความยาวเท่ากับ AB
3) ที่จุด P สร้าง YP̂Q ให้มีขนาดเท่ากับขนาดของ AĈB
� �
4) ที่จุด P สร้าง PU ตั้งฉากกับ EF
�
5) ที่จุด P สร้าง PV บน PU ให้มีความยาวเท่ากับ CD
� � � �
6) ที่จุด V สร้าง WX ตั้งฉากกับ PU และให้ WX ตัด PY ที่จุด S
�
7) ที่จุด S สร้าง SR บน WX ให้มีความยาวเท่ากับ AB แล้วลาก QR
ดังนั้น PQRS เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนานตามต้องการ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 379
แนวคิดในการให้เหตุผล
เนื่องจาก UP̂Q + PV̂X = 180° (จากการสร้างจะได้ UP̂Q = PV̂X = 90°)
� �
ดังนั้น EF // WX (ถ้าเส้นตรงเส้นหนึ่งตัดเส้นตรงคู่หนึ่ง ทำ�ให้ขนาด
ของมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัด
รวมกันได้ 180 องศา แล้วเส้นตรงคู่นั้นขนานกัน)
จะได้ PQ // SR (ส่วนของเส้นตรงที่อยู่บนเส้นตรงที่ขนานกัน จะขนานกัน)
เนื่องจาก PQ = AB (จากการสร้าง)
และ SR = AB (จากการสร้าง)
จะได้ PQ = SR (สมบัติของการเท่ากัน)
ดังนั้น PS // QR (ส่วนของเส้นตรงที่ปิดหัวท้ายของส่วนของเส้นตรงที่ขนานกัน
และยาวเท่ากัน จะขนานกันและยาวเท่ากัน)
จะได้ PQRS เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน (มีด้านตรงข้ามขนานกันสองคู่)
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 1 นักเรียนสามารถสร้างรูปตามที่กำ�หนดและให้เหตุผลเกี่ยวกับการสร้าง
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 14 คะแนน โดยแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ดังนี้
ส่วนที่ 1 การสร้าง 7 คะแนน
✤ สร้างฐานของรูปสี่เหลี่ยมด้านขนานถูกต้อง 1 คะแนน
✤ สร้างมุมที่ฐานของรูปสี่เหลี่ยมด้านขนานถูกต้อง 1 คะแนน
✤ สร้างส่วนสูงถูกต้อง 2 คะแนน
✤ สร้างเส้นขนานกับฐานถูกต้อง 2 คะแนน
✤ สร้างด้านของรูปสี่เหลี่ยมด้านขนานที่เหลือถูกต้อง 1 คะแนน
ส่วนที่ 2 การให้เหตุผล 7 คะแนน (พิจารณาจากแนวการให้เหตุผลข้างต้นรายการละ 1 คะแนน)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
380 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
N
L
R
E C T
M
A B P Q K
� �
1) ลาก PK และบน PK สร้าง PQ ให้มีความยาวเท่ากับ AB
2) ที่จุด P สร้าง LP̂Q ให้มีขนาดเท่ากับขนาดของ EÂB
�
3) ที่จุด P สร้าง PT บน PL ให้มีความยาวเท่ากับ AE
4) ลาก BE, BD และ QT
5) ที่จุด T สร้างส่วนโค้งรัศมีเท่ากับ ED และที่จุด Q สร้างส่วนโค้งรัศมีเท่ากับ BD ตัดส่วนโค้งแรก ที่จุด S
6) ลาก TS และ QS
7) ที่จุด S สร้าง MŜQ ให้มีขนาดเท่ากับขนาดของ CD̂B และที่จุด Q สร้าง SQ̂N ให้มีขนาดเท่ากับขนาดของ
� �
DB̂C และให้ QN ตัด SM ที่จุด R
จะได้ รูปห้าเหลี่ยม PQRST เท่ากันทุกประการกับรูปห้าเหลี่ยม ABCDE ที่กำ�หนดให้
จากแนวการสร้างข้างต้น จงตอบคำ�ถามต่อไปนี้
1) PQ = AB เพราะ จากการสร้าง PQ ให้มีความยาวเท่ากับ AB
2) TP̂Q = EÂB เพราะ จากการสร้าง LP̂Q ให้มีขนาดเท่ากับขนาดของ EÂB และจุด T เป็น
�
จุดบน PL
3) PT = AE เพราะ จากการสร้าง PT ให้มีความยาวเท่ากับ AE
4) ΔPTQ ≅ ΔAEB เพราะมีความสัมพันธ์แบบ ด.ม.ด.
5) QT = BE เพราะ ด้านคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ จะยาวเท่ากัน
6) TS = ED เพราะ จากการสร้างส่วนโค้งที่จุด T ให้มีรัศมีเท่ากับ ED และตัดส่วนโค้งจาก
จุด Q ที่จุด S
7) QS = BD เพราะ จากการสร้างส่วนโค้งที่จุด Q ให้มีรัศมีเท่ากับ BD และตัดส่วนโค้งจาก
จุด T ที่จุด S
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 381
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 1 นักเรียนสามารถสร้างรูปตามที่กำ�หนดและให้เหตุผลเกี่ยวกับการสร้าง
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 15 คะแนน (ข้อย่อยละ 1 คะแนน)
แต่ละข้อย่อยให้เหตุผลถูกต้องชัดเจน ได้ 1 คะแนน
แต่ละข้อย่อยให้เหตุผลไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
382 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
แนวการสร้าง
C
I
H
G
F
E
B
A
R Q P O
K
L
M
N
D
จากการสร้างข้างต้น จงให้เหตุผลในการตอบคำ�ถามต่อไปนี้
� �
1) AC และ BD ขนานกันหรือไม่ เพราะเหตุใด
ขนานกัน เพราะจากการสร้าง AB̂D ให้มีขนาดเท่ากับขนาดของ BÂC จะได้ว่ามุมทั้งสองเป็นมุมแย้งกันและ
� �
มีขนาดเท่ากัน ทำ�ให้ AC // BD
2) AE และ MN เท่ากันหรือไม่ เพราะเหตุใด
AE = MN เพราะจากการสร้างใช้รัศมียาวเท่ากัน (จากขั้นตอน 4) และ 5) )
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 1 นักเรียนสามารถสร้างรูปตามที่กำ�หนดและให้เหตุผลเกี่ยวกับการสร้าง
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน โดยแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ดังนี้
ส่วนที่ 1 การสร้าง 8 คะแนน
✤ สร้างถูกต้อง ได้ขั้นตอนละ 1 คะแนน
✤ สร้างไม่ถูกต้อง หรือไม่สร้าง ได้ขั้นตอนละ 0 คะแนน
ส่วนที่ 2 การให้เหตุผล 2 คะแนน
✤ ให้เหตุผลถูกต้องชัดเจน ได้ข้อละ 1 คะแนน
✤ ให้เหตุผลไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 383
5. จงพิ จ ารณาว่ า รู ป สามเหลี่ ย มที่ กำ � หนดให้ ใ นแต่ ล ะข้ อ ต่ อ ไปนี้ เ ป็ น รู ป สามเหลี่ ย มชนิ ด ใด (รู ป สามเหลี่ ย มหน้ า จั่ ว
รูปสามเหลี่ยมมุมฉาก หรือ รูปสามเหลี่ยมด้านเท่า) เพราะเหตุใด (ตอบได้มากกว่า 1 คำ�ตอบ) (9 คะแนน)
แนวคิดในการให้เหตุผล
1) C
ΔABC เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว
เพราะ มีด้านยาวเท่ากันสองด้าน
A B
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นักเรียนสามารถนำ�สมบัติหรือทฤษฎีบทเกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยมและรูปสี่เหลี่ยมมาใช้ในการให้เหตุผล
และนำ�ไปใช้ในชีวิตจริง
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 2 คะแนน โดยมีเกณฑ์การให้คะแนน ดังนี้
✤ ตอบได้ว่าเป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว และบอกเหตุผลถูกต้อง ได้ 2 คะแนน
✤ ตอบได้ว่าเป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว แต่ไม่บอกเหตุผลหรือบอกเหตุผลไม่ถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
2)
P 2
45°
2
1 1
R
Q
คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น
คำ�ตอบ 1 ΔPQR เป็นรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก
เพราะ มีมุมมุมหนึ่งเป็นมุมฉาก
คำ�ตอบ 2 ΔPQR เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว
เพราะ มีมุมที่มีขนาดเท่ากันสองมุม
คำ�ตอบ 3 ΔPQR เป็นรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก
เพราะ มีมุมมุมหนึ่งเป็นมุมฉาก และ ΔPQR เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว เพราะมีมุมที่มีขนาด
เท่ากันสองมุม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
384 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
แนวคิด
เนื่องจาก 1
// 2
(กำ�หนดให้)
จะได้ 1̂ = 45° (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมแย้งมีขนาดเท่ากัน)
เนื่องจาก 90 + 1̂ + 2̂ = 180 (ขนาดของมุมภายในทั้งสามมุมของรูปสามเหลี่ยมรวมกัน
เท่ากับ 180 องศา )
จะได้ 90 + 45 + 2̂ = 180 (สมบัติของการเท่ากัน โดยแทน 1̂ ด้วย 45)
ดังนั้น 2̂ = 45° (สมบัติของการเท่ากัน)
จะได้ 1̂ = 2̂ (สมบัติของการเท่ากัน)
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นักเรีียนสามารถนำ�สมบัติหรือทฤษฎีบทเกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยมและรูปสี่เหลี่ยมมาใช้ในการให้เหตุผล
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 3 คะแนน โดยมีเกณฑ์การให้คะแนน ดังนี้
✤ ตอบได้ว่าเป็นรูปสามเหลี่ยมมุมฉากและรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว และบอกเหตุผลถูกต้อง ได้ 3 คะแนน
✤ ตอบได้ว่าเป็นรูปสามเหลี่ยมมุมฉากหรือรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว และบอกเหตุผลถูกต้อง ได้ 2 คะแนน
✤ ตอบได้ว่าเป็นรูปสามเหลี่ยมมุมฉากหรือรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว แต่ไม่บอกเหตุผลหรือ
บอกเหตุผลไม่ถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
3)
G
60°
ΔGSP เป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า
2 1 120° เพราะ มีมุมที่มีขนาดเท่ากันทั้งสามมุม
S P
แนวคิด
เนื่องจาก 1̂ + 120 = 180 (ขนาดของมุมตรง)
จะได้ 1̂ = 60° (สมบัติของการเท่ากัน)
เนื่องจาก 60 + 1̂ + 2̂ = 180 (ขนาดของมุมภายในทั้งสามมุมของรูปสามเหลี่ยมรวมกัน
เท่ากับ 180 องศา )
จะได้ 60 + 60 + 2̂ = 180 (สมบัติของการเท่ากัน โดยแทน 1̂ ด้วย 60)
ดังนั้น 2̂ = 60° (สมบัติของการเท่ากัน)
จะได้ 1̂ = 2̂ = Ĝ (กำ�หนดให้ Ĝ = 60 องศา และสมบัติของการเท่ากัน)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 385
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นักเรีียนสามารถนำ�สมบัติหรือทฤษฎีบทเกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยมและรูปสี่เหลี่ยมมาใช้ในการให้เหตุผล
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 2 คะแนน โดยมีเกณฑ์การให้คะแนน ดังนี้
✤ ตอบได้ว่าเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่าและบอกเหตุผลถูกต้อง ได้ 2 คะแนน
✤ ตอบได้ว่าเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า แต่ไม่บอกเหตุผลหรือบอกเหตุผลไม่ถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
4)
C
1 2
2
ΔCAT เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว
3
A 4 เพราะ มีมุมที่มีขนาดเท่ากันทั้งสองมุม
T 1
แนวคิด
เนื่องจาก 1̂ = 2̂ และ //
1 2
(กำ�หนดให้)
จะได้ 1̂ = 3̂ และ 2̂ = 4̂ (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมแย้ง
มีขนาดเท่ากัน)
ดังนั้น 3̂ = 4̂ (สมบัติของการเท่ากัน)
จากแนวคิดข้างต้น
จะได้ ΔCAT เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว เพราะมีมุมที่มีขนาดเท่ากันสองมุม
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นักเรีียนสามารถนำ�สมบัติหรือทฤษฎีบทเกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยมและรูปสี่เหลี่ยมมาใช้ในการให้เหตุผล
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 2 คะแนน โดยมีเกณฑ์การให้คะแนน ดังนี้
✤ ตอบได้ว่าเป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วและบอกเหตุผลถูกต้อง ได้ 2 คะแนน
✤ ตอบได้ว่าเป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว แต่ไม่บอกเหตุผลหรือบอกเหตุผลไม่ถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
386 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
x°
100°
55°
C D
B
แนวคิด 1
เนื่องจาก x + 55 = 100 (ขนาดของมุมภายนอกของรูปสามเหลี่ยมเท่ากับผลบวกของ
ขนาดของมุมภายในที่ไม่ใช่มุมประชิดของมุมภายนอกนั้น)
ดังนั้น x = 45 (สมบัติของการเท่ากัน)
แนวคิด 2
A
x°
55° y° 100°
C D
B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 387
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นักเรีียนสามารถนำ�สมบัติหรือทฤษฎีบทเกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยมและรูปสี่เหลี่ยมมาใช้ในการให้เหตุผล
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 3 คะแนน โดยมีเกณฑ์การให้คะแนน ดังนี้
✤ หาค่า x ถูกต้อง และแสดงเหตุผลครบถ้วนสมบูรณ์ ได้ 3 คะแนน
✤ หาค่า x ถูกต้อง และแสดงเหตุผลถูกต้องบางส่วน
หรือแสดงเหตุผลถูกต้อง แต่คำ�นวณหาค่า x ไม่ถูกต้อง ได้ 2 คะแนน
✤ หาค่า x ถูกต้อง แต่ไม่แสดงเหตุผลหรือแสดงเหตุผลแต่ไม่ถูกต้อง
หรือแสดงเหตุผลถูกต้องบางส่วน และคำ�นวณหาค่า x ไม่ถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
B C D
แนวคิด 1
A
1 4
2 3 5
B C D
เนื่องจาก AB = BC = CA (กำ�หนดให้)
ดังนั้น ΔABC เป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า (มีด้านยาวเท่ากันสามด้าน)
จะได้ 1̂ = 2̂ = 3̂ = 60° (มุมภายในแต่ละมุมของรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า
มีขนาดเท่ากับ 60 องศา)
เนื่องจาก 1̂ + 4̂ = 90° (กำ�หนดให้)
จะได้ 60 + 4̂ = 90 (สมบัติของการเท่ากัน โดยแทน 1̂ ด้วย 60)
ดังนั้น 4̂ = 30° (สมบัติของการเท่ากัน)
เนื่องจาก 2̂ + 1̂ + 4̂ + 5̂ = 180° (ขนาดของมุมภายในทั้งสามมุมของรูปสามเหลี่ยม
รวมกันเท่ากับ 180 องศา)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
388 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
แนวคิด 2 A
1 4
2 3 6 5
B C D
เนื่องจาก AB = BC = CA (กำ�หนดให้)
ดังนั้น ΔABC เป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า (มีด้านยาวเท่ากันสามด้าน)
จะได้ 1̂ = 2̂ = 3̂ = 60° (มุมภายในแต่ละมุมของรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า
มีขนาดเท่ากับ 60 องศา )
เนื่องจาก 1̂ + 4̂ = 90° (กำ�หนดให้)
จะได้ 60 + 4̂ = 90 (สมบัติของการเท่ากัน โดยแทน 1̂ ด้วย 60)
ดังนั้น 4̂ = 30° (สมบัติของการเท่ากัน)
เนื่องจาก 3̂ + 6̂ = 180° (ขนาดของมุมตรง)
จะได้ 60 + 6̂ = 180 (สมบัติของการเท่ากัน โดยแทน 3̂ ด้วย 60)
ดังนั้น 6̂ = 120° (สมบัติของการเท่ากัน)
เนื่องจาก 4̂ + 5̂ + 6̂ = 180° (ขนาดของมุมภายในทั้งสามมุมของรูปสามเหลี่ยม
รวมกันเท่ากับ 180 องศา)
จะได้ 30 + 5̂ + 120 = 180 (สมบัติของการเท่ากัน โดยแทน 4̂ ด้วย 30 และ
แทน 6̂ ด้วย 120)
ดังนั้น 5̂ = 30° (สมบัติของการเท่ากัน)
นั่นคือ ΔACD เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว (มีมุมที่มีขนาดเท่ากันสองมุม)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 389
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นักเรีียนสามารถนำ�สมบัติหรือทฤษฎีบทเกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยมและรูปสี่เหลี่ยมมาใช้ในการให้เหตุผล
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 5 คะแนน โดยแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ดังนี้
✤ หาขนาดของ 1̂ , 2̂ , 3̂ ถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ หาขนาดของ 4̂ ถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ หาขนาดของ 5̂ ถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ ตอบได้ว่า ΔACD เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว ได้ 1 คะแนน
✤ ให้เหตุผลได้ว่า ΔACD เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วได้ถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
D
E
7 ซม.
B
C
แนวคิด
เนื่องจาก จุด D เป็นจุดกึ่งกลางของ AB (กำ�หนดให้ AD = DB)
และ จุด E เป็นจุดกึ่งกลางของ AC (กำ�หนดให้ AE = EC)
ดังนั้น DE = – 1 BC (ส่วนของเส้นตรงที่ลากเชื่อมจุดกึ่งกลางของด้าน
2
สองด้านของรูปสามเหลี่ยมใด ๆ จะยาวเป็นครึ่งหนึ่ง
ของด้านที่สาม)
เนื่องจาก DE = 7 เซนติเมตร (กำ�หนดให้)
จะได้ BC = 2DE = 14 เซนติเมตร (สมบัติของการเท่ากัน)
ดังนั้น ความยาวของ BC เท่ากับ 14 เซนติเมตร
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นักเรีียนสามารถนำ�สมบัติหรือทฤษฎีบทเกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยมและรูปสี่เหลี่ยมมาใช้ในการให้เหตุผล
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 2 คะแนน โดยแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ดังนี้
✤ หาความยาวของ BC ถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ แสดงเหตุผลถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
390 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
9. กำ�หนดให้ ΔPQR เป็นรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก ที่มี PQ̂R เป็นมุมฉาก มี PQ และ PR ยาว 5 และ 13 เซนติเมตร
ตามลำ�ดับ และมีจุด S และจุด T เป็นจุดกึ่งกลางของ PQ และ QR ตามลำ�ดับ จงหา (10 คะแนน)
1) ความยาวรอบรูปของ ΔSQT
2) ความยาวรอบรูปของ ΔPQR เป็นกี่เท่าของความยาวรอบรูปของ ΔSQT
3) พื้นที่ของ ΔSQT
4) พื้นที่ของ ΔPQR เป็นกี่เท่าของพื้นที่ของ ΔSQT
แนวคิด วาดรูปประกอบการหาคำ�ตอบได้ดังนี้
P
13 ซม.
5 ซม. S
Q T R
พิจารณา ΔPQR
มี PQ̂R เป็นมุมฉาก, PQ = 5 เซนติเมตร QR = 12 เซนติเมตร และ PR = 13 เซนติเมตร
จะได้ ความยาวรอบรูปของ ΔPQR = 5 + 12 + 13 = 30 เซนติเมตร
และ 1 (12)(5) = 30 ตารางเซนติเมตร
พื้นที่ของ ΔPQR = –
2
จากแนวคิดและข้อมูลที่ได้ข้างต้น ตอบคำ�ถามได้ดังนี้
1) ความยาวรอบรูปของ ΔSQT เท่ากับ 15 เซนติเมตร
2) ความยาวรอบรูปของ ΔPQR เป็น 2 เท่าของความยาวรอบรูปของ ΔSQT
(เนื่องจาก ความยาวรอบรูปของ ΔPQR เท่ากับ 30 เซนติเมตร และความยาวรอบรูปของ ΔSQT เท่ากับ
15 เซนติเมตร จะได้ความยาวรอบรูปของ ΔPQR เป็น — 30 = 2 เท่าของความยาวรอบรูปของ ΔSQT)
15
3) พื้นที่ของ ΔSQT เท่ากับ 7.5 ตารางเซนติเมตร
4) พื้นที่ของ ΔPQR เป็น 4 เท่าของพื้นที่ของ ΔSQT
(เนื่องจาก พื้นที่ของ ΔPQR เท่ากับ 30 ตารางเซนติเมตร และ พื้นที่ของ ΔSQT เท่ากับ 7.5
ตารางเซนติเมตร จะได้พื้นที่ของ ΔPQR เป็น — 30 = 4 เท่าของพื้นที่ของ ΔSQT)
7.5
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นักเรีียนสามารถนำ�สมบัติหรือทฤษฎีบทเกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยมและรูปสี่เหลี่ยมมาใช้ในการให้เหตุผล
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน โดยแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ดังนี้
ข้อ 1) คะแนนเต็ม 5 คะแนน
✤ วาดรูปประกอบการหาคำ�ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ หา QR ถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ หา SQ และ QT ถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ หา ST ถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ หาความยาวรอบรูปของ ΔSQT ถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
ข้อ 2) คะแนนเต็ม 2 คะแนน
✤ หาความยาวรอบรูปของ ΔPQR ถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
ข้อ 3) คะแนนเต็ม 1 คะแนน
✤ หาพื้นที่ของ ΔSQT ถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
ข้อ 4) คะแนนเต็ม 2 คะแนน
✤ หาพื้นที่ของ ΔPQR ถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
392 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
10. จากรูปกำ�หนดให้ AB ขนานกับ CD GH ตั้งฉากกับ EF และ CÊF มีขนาด 55° จงหาขนาดของ GĤB
พร้อมแสดงแนวคิดในการหาคำ�ตอบ (3 คะแนน)
E D
C
G D
E
C B
G
H
A F
B
H
แนวคิด เขียนสัญลักษณ์แทนสิ่งที่โจทย์
A กำ�หนดและสิ
F ่งที่ทราบว่าเท่ากันในรูป ประกอบการให้เหตุผลได้ดังนี้
D
E
C 55°
G
B
H
A F
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นักเรีียนสามารถนำ�สมบัติหรือทฤษฎีบทเกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยมและรูปสี่เหลี่ยมมาใช้ในการให้เหตุผล
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 3 คะแนน โดยแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ดังนี้
✤ ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ แสดงแนวคิดถูกต้อง ได้ 2 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 393
� �
11. จากรูปกำ�หนดให้ AB ขนานกับ CD BQ̂R และ RŜP มีขนาด 70° และ 110° ตามลำ�ดับ จงเขียนแสดง
การให้เหตุผลในแต่ละรายการต่อไปนี้ให้สมบูรณ์ เพื่อพิสูจน์ว่า PQRS เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน (10 คะแนน)
E
G
C S
R D
110°
70°
A P Q B
F
H
� �
กำ�หนดให้ AB ขนานกับ CD BQ̂R และ RŜP มีขนาด 70° และ 110° ตามลำ�ดับ
ต้องการพิสูจน์ว่า PQRS เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน
พิสูจน์
� �
เนื่องจาก AB // CD (กำ�หนดให้ )
� �
จะได้ PQ // SR (PQ อยู่บน AB และ SR อยู่บน CD )
เนื่องจาก BQ̂R = 70° (กำ�หนดให้ )
จะได้ QR̂S = 70° (ถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันและมีเส้นตัด แล้วมุมแย้ง
มีขนาดเท่ากัน )
เนื่องจาก RŜP = 110° (กำ�หนดให้ )
จะได้ QR̂S + RŜP = 70 + 110 (สมบัติของการเท่ากัน )
หรือ QR̂S + RŜP = 180° (สมบัติของการเท่ากัน )
� �
ดังนั้น EF // GH (ถ้าเส้นตรงเส้นหนึ่งตัดเส้นตรงคู่หนึ่ง ทำ�ให้ขนาดของ
มุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัดรวมกันเท่ากับ
180 องศา แล้วเส้นตรงคู่นั้นขนานกัน )
� �
จะได้ PS // QR (PS อยู่บน EF และ QR อยู่บน GH )
ดังนั้น PQRS เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน (มีด้านตรงข้ามขนานกันสองคู่ )
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นักเรีียนสามารถนำ�สมบัติหรือทฤษฎีบทเกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยมและรูปสี่เหลี่ยมมาใช้ในการให้เหตุผล
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน
เติมเหตุผลในแต่ละช่องถูกต้อง ได้ช่องละ 1 คะแนน
ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
394 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
�
12. จากรูป AD เป็นเส้นแบ่งครึ่ง BÂC จงแสดงการให้เหตุผลเพื่อหาว่า ΔAFG เป็นรูปสามเหลี่ยมชนิดใดโดยเติม
เหตุผลท้ายข้อความที่กำ�หนดให้ในแต่ละข้อความให้ถูกต้อง (7 คะแนน)
C
G
D
E
F
B
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นักเรีียนสามารถนำ�สมบัติหรือทฤษฎีบทเกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยมและรูปสี่เหลี่ยมมาใช้ในการให้เหตุผล
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 7 คะแนน
เติมเหตุผลในแต่ละช่องถูกต้อง ได้ช่องละ 1 คะแนน
ตอบไม่ถูกต้องหรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
A D E B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 395
1 2
A D E B
แนวคิด 2
C
1 3 5 6 4 2
A D E B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
396 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
จะได้ 3̂ = 4̂ (มุมคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ
จะมีขนาดเท่ากัน)
เนื่องจาก 3̂ + 5̂ = 4̂ + 6̂ = 180° (ขนาดของมุมตรง)
จะได้ 5̂ = 6̂ (สมบัติของการเท่ากัน)
ดังนั้น ΔCDE เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว (มีมุมที่มีขนาดเท่ากันสองมุม)
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นักเรีียนสามารถนำ�สมบัติหรือทฤษฎีบทเกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยมและรูปสี่เหลี่ยมมาใช้ในการให้เหตุผล
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 9 คะแนน
ให้เหตุผลได้ว่า ΔACD ≅ ΔBCE แบบ ด.ม.ด. ถูกต้องชัดเจน ได้ 5 คะแนน
สรุปได้ว่า CD = CE หรือ CD̂E = CÊD และให้เหตุผลถูกต้องชัดเจน ได้ 2 คะแนน
สรุปได้ว่า ΔCDE เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว และให้เหตุผลถูกต้องชัดเจน ได้ 2 คะแนน
14.
N 22 ซม.
P
จากรูป กำ�หนดให้ ΔLMN เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว
M LO = 9 เซนติเมตร NP = 22 เซนติเมตร
จงหาความยาวของ PO พร้อมทั้งแสดงเหตุผล
(5 คะแนน)
O
L 9 ซม.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต 397
แนวคิด 1
22 ซม.
N P
4 7
1
6
M
2
5 8 O
L
9 ซม.
พิจารณา ΔLMN
เนื่องจาก 1̂ + 2̂ + 3̂ = 180° (ขนาดของมุมภายในทั้งสามมุมของรูปสามเหลี่ยม
รวมกันเท่ากับ 180 องศา)
จะได้ 1̂ + 2̂ + 90 = 180 (กำ�หนดให้ 3̂ = 90 องศา)
ดั้งนั้น 1̂ + 2̂ = 90° (สมบัติของการเท่ากัน)
เนื่องจาก NP // LO (ถ้าเส้นตรงเส้นหนึง่ ตัดเส้นตรงคูห
่ นึง่ ทำ�ให้ขนาดของมุมภายใน
ทีอ
่ ยูบ
่ นข้างเดียวกันของเส้นตัดรวมกันเท่ากับ 180 องศา แล้ว
เส้นตรงคู่นั้นขนานกัน)
จะได้ 4̂ + 1̂ + 2̂ + 5̂ = 180° (ขนาดของมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัดที่ตัดเส้น
ขนาน รวมกันเท่ากับ 180 องศา)
ดังนั้น 4̂ + 5̂ = 90° (1̂ + 2̂ = 90 องศา และสมบัติของการเท่ากัน)
พิจารณา ΔNMP
เนื่องจาก 4̂ + 6̂ + 7̂ = 180° (ขนาดของมุมภายในทัง้ สามมุมของรูปสามเหลีย่ ม รวมกันเท่ากับ
180 องศา)
จะได้ 4̂ + 6̂ + 90 = 180 (กำ�หนดให้ 7̂ = 90 องศา)
ดังนั้น 4̂ + 6̂ = 90° (สมบัติของการเท่ากัน)
เนื่องจาก 4̂ + 5̂ = 4̂ + 6̂ (สมบัติของการเท่ากัน)
จะได้ 5̂ = 6̂ (สมบัติของการเท่ากัน)
พิจารณา ΔNMP และ ΔMLO
เนื่องจาก 6̂ = 5̂ (จากการพิสูจน์ข้างต้น)
7̂ = 8̂ = 90° (กำ�หนดให้)
NM = ML (กำ�หนดให้ ΔLMN เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว)
ดังนั้น ΔNMP ≅ ΔMLO (ม.ม.ด.)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
398 บทที่ 4 | การให้เหตุผลทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
จะได้ MP = LO = 9 (ด้านคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ
จะยาวเท่ากัน)
และ NP = MO = 22 (ด้านคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ
จะยาวเท่ากัน)
ดังนั้น PO = PM + MO = 9 + 22 = 31 เซนติเมตร
แนวคิด 2
จาก ΔNMP จะได้ 4̂ + 6̂ + 90 = 180 (ขนาดของมุมภายในทัง้ สามมุมของรูปสามเหลีย่ ม รวมกันเท่ากับ
180 องศา)
ที่จุด M จะได้ 9̂ + 6̂ + 90 = 180 (ขนาดของมุมตรง)
ดังนั้น 4̂ = 9̂ (สมบัติของการเท่ากัน)
พิจารณา ΔNMP และ ΔMLO
NM = ML (กำ�หนดให้ ΔLMN เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว)
7̂ = 8̂ = 90° (กำ�หนดให้)
4̂ = 9̂ (จากการพิสูจน์ข้างต้น)
ดังนั้น ΔNMP ≅ ΔMLO (ม.ม.ด)
จะได้ MP = LO = 9 (ด้านคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ
จะยาวเท่ากัน)
NP = MO = 22 (ด้านคู่ที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ
จะยาวเท่ากัน)
ดังนั้น PO = PM + MO = 9 + 22 = 31 เซนติเมตร
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นักเรีียนสามารถนำ�สมบัติหรือทฤษฎีบทเกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยมและรูปสี่เหลี่ยมมาใช้ในการให้เหตุผล
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 5 คะแนน โดยแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ดังนี้
✤ ตอบถูกต้อง ได้ 2 คะแนน
✤ ให้เหตุผลได้ว่า ΔNMP ≅ ΔMLO แบบ ม.ม.ด. ถูกต้องชัดเจน ได้ 3 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง 399
5
บทที่ การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง
ในบทการแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองนี้ ประกอบด้วย
หัวข้อย่อย ดังต่อไปนี้
5.1 การแยกตัวประกอบของพหุนามโดยใช้
สมบัติการแจกแจง 1 ชั่วโมง
5.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง
ตัวแปรเดียว 3 ชั่วโมง
5.3 การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง
ที่เป็นกำ�ลังสองสมบูรณ์ 3 ชั่วโมง
5.4 การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง
ที่เป็นผลต่างของกำ�ลังสอง 2 ชั่วโมง
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้
สาระ จำ�นวนและพีชคณิต
มาตรฐาน ค 1.2 เข้าใจและวิเคราะห์แบบรูป ความสัมพันธ์ ฟังก์ชัน ลำ�ดับและอนุกรม และนำ�ไปใช้
ตัวชี้วัด
เข้าใจและใช้การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์
จุดประสงค์ของบทเรียน
นักเรียนสามารถ
1. แยกตัวประกอบของพหุนามโดยใช้สมบัติการแจกแจง
2. แยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองตัวแปรเดียว พหุนามดีกรีสองที่เป็นกำ�ลังสองสมบูรณ์ และพหุนามดีกรีสอง
ที่เป็นผลต่างของกำ�ลังสอง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
400 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
ความเชื่อมโยงระหว่างตัวชี้วัดกับจุดประสงค์ของบทเรียน
เนื่องจากตัวชี้วัดกล่าวถึงความเข้าใจและการใช้การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์
ดังนัน
้ เพือ
่ ให้การเรียนรูข
้ องนักเรียนในเรือ
่ งการแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองสอดคล้องกับตัวชีว้ ด
ั ครูควรจัดประสบการณ์
ให้นก
ั เรียนสามารถ เข้าใจหลักการแยกตัวประกอบของพหุนามโดยใช้สมบัตก
ิ ารแจกแจง ซึง่ สะท้อนได้จากการทีน
่ ก
ั เรียนสามารถ
หาตัวประกอบร่วมทีม
่ ด
ี ก
ี รีมากทีส
่ ด
ุ ของพหุนาม และใช้สมบัตก
ิ ารแจกแจงในการแยกตัวประกอบของพหุนามนัน
้ ได้ รวมถึงเข้าใจ
หลักการแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองตัวแปรเดียว ซึง่ สะท้อนได้จากการทีน
่ ก
ั เรียนรูจ้ ก
ั พหุนามดีกรีสองตัวแปรเดียว และ
สามารถแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองนั้นโดยใช้สมบัติการแจกแจง กำ�ลังสองสมบูรณ์ และผลต่างของกำ�ลังสอง รวมทั้ง
สามารถนำ�ความรู้เรื่องการแยกตัวประกอบของพหุนามไปใช้ในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ต่อไป
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง 401
ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์
การสื่อสารและ
การแก�ป�ญหา การสื่อความหมาย
ทางคณิตศาสตร�
ทักษะและ
5.1 การแยกตัวประกอบ
กระบวนการ
5.1 การแยกตัวประกอบ
ของพหุนามโดยใช� การคิด ทางคณิตศาสตร� การเชื่อมโยง ของพหุนามโดยใช� 5.2
สมบัตกิ ารแจกแจง 5.2 สร�างสรรค� สมบัตกิ ารแจกแจง การแยก
การแยก
- - ตัวประกอบ
อื่น ๆ ตัวประกอบ
อื่น ๆ ของพหุนามดีกรี
- ของพหุนามดีกรี
- สองตัวแปรเดียว
สองตัวแปรเดียว
AR มุมคณิต
- การให�เหตุผล
5.4 5.3 หน�า 250
การแยกตัวประกอบ การแยกตัวประกอบ 5.4 5.3
ของพหุนามดีกรีสองทีเ่ ป�น ของพหุนามดีกรีสองทีเ่ ป�น การแยกตัวประกอบ การแยกตัวประกอบของ
ผลต�า� งของกำลังสอง กำลังสองสมบูรณ� ของพหุนามดีกรีสองทีเ่ ป�น พหุนามดีกรีสองทีเ่ ป�น
- - ผลต�า� งของกำลังสอง กำลังสองสมบูรณ�
- -
5.1 การแยกตัวประกอบ
ของพหุนามโดยใช� 5.2
สมบัตกิ ารแจกแจง การแยก
- ตัวประกอบ
อื่น ๆ ของพหุนามดีกรี
สองตัวแปรเดียว
-
ชวนคิด 5.2, 5.4
5.4 5.3
การแยกตัวประกอบ การแยกตัวประกอบของ
ของพหุนามดีกรีสองทีเ่ ป�น พหุนามดีกรีสองทีเ่ ป�น
ผลต�า� งของกำลังสอง กำลังสองสมบูรณ�
ชวนคิด 5.5 -
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
402 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
พัฒนาการของความรู้
ความรูพื้นฐาน
✤ ความรู้เกี่ยวกับเรื่องการแยกตัวประกอบของจำ�นวนนับ
ที่จำเปน ✤ การบวก การลบ การคูณพหุนาม และการหารพหุนามด้วยเอกนาม
✤ การเขียนพหุนามที่กำ�หนดให้ ให้อยู่ในรูปการคูณกันของพหุนามตั้งแต่สอง
พหุนามขึ้นไป โดยที่แต่ละพหุนามหารพหุนามที่กำ�หนดให้ได้ลงตัว เรียกว่า
การแยกตัวประกอบของพหุนาม
✤ การแยกตัวประกอบของพหุนามโดยใช้สมบัติการแจกแจง
ถ้า a, b และ c แทนพหุนามใด ๆ แล้ว
ab + ac = a(b + c) หรือ ba + ca = (b + c)a
เรียก a ว่า ตัวประกอบร่วมของ ab และ ac
หรือตัวประกอบร่วมของ ba และ ca
2
✤ พหุนามดีกรีสองตัวแปรเดียวคือ พหุนามที่เขียนได้ในรูป ax + bx + c
เมื่อ a, b, c เป็นค่าคงตัว ที่ a ≠ 0 และ x เป็นตัวแปร
ความรูที่สำคัญ ✤ การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองในรูป ax + bx + c
2
2. หาจำ�นวนเต็มสองจำ�นวนที่คูณกันแล้วได้พจน์หลัง คือ c
3. นำ�ผลที่ได้ในข้อ 1) และ 2) มาหาพจน์กลางทีละกรณี จนกว่าจะได้พจน์กลาง
เป็น bx ตามที่ต้องการ
✤ การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองที่เป็นกำ�ลังสองสมบูรณ์ ทำ�ได้โดยใช้สูตร ดังนี้
2 2 2
A + 2AB + B = (A + B)
2 2 2
A – 2AB + B = (A – B)
✤ การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองทีเ่ ป็นผลต่างของกำ�ลังสอง ทำ�ได้โดยใช้สต
ู ร
ดังนี้
2 2
A –B = (A + B)(A – B)
✤ การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสูงกว่าสอง
ความรูในอนาคต ✤ สมการกำ�ลังสองตัวแปรเดียว
✤ ฟังก์ชันกำ�ลังสอง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง 403
ภาพรวมของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของบทเรียน
ทบทวนความรู้เรื่องพหุนามและการแยกตัวประกอบของจำ�นวนนับ
อภิปรายเกี่ยวกับการแยกตัวประกอบของพหุนามและเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของ
การคูณพหุนามกับการแยกตัวประกอบของพหุนาม
ทบทวนการคูณกันของเอกนามกับพหุนาม
และอภิปรายเกี่ยวกับการแยกตัวประกอบของพหุนามโดยใช้สมบัติการแจกแจง
แนะนำ�พหุนามดีกรีสองตัวแปรเดียวและอภิปรายเกี่ยวกับการแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง
ในรูป ax2 + bx + c เมื่อ a, b เป็นจำ�นวนเต็ม และ c = 0
2 2
สำ�รวจผลคูณของพหุนามที่อยู่ในรูป (A + B) และ (A – B)
อภิปรายการแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองที่เป็นกำ�ลังสองสมบูรณ์
สำ�รวจผลคูณของพหุนามที่อยู่ในรูป (A + B)(A – B)
อภิปรายการแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองที่เป็นผลต่างของกำ�ลังสอง
สรุปบทเรียน ทำ�กิจกรรมท้ายบทเพื่อเติมเต็มความรู้ที่ได้รับจากบทเรียน
และพัฒนาทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ด้วยแบบฝึกหัดท้ายบท
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
404 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
นักเรียนมักจะผิดพลาดในการใช้สมบัติการแจกแจง เช่น
2x + 6 = 2(x + 6)
หรือ 2(x + 3) = 2x + 3
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
-
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการแยกตัวประกอบของพหุนามโดยใช้สมบัติการแจกแจง โดยก่อนที่จะเรียนรู้หัวข้อนี้
ควรเน้นให้นกั เรียนได้ท�ำ ความเข้าใจเกีย่ วกับการคูณพหุนามและเชือ่ มโยงไปยังการแยกตัวประกอบของพหุนามซึง่ เป็นกระบวนการ
ทำ�ย้อนกลับของการคูณพหุนาม แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อาจทำ�ได้ดังนี้
1. ครูทบทวนสมบัติการแจกแจงของจำ�นวนเต็มและความหมายของตัวประกอบร่วมของจำ�นวนนับ เพราะเป็น
ความรูท
้ เี่ ราจะต้องนำ�มาใช้ในการแยกตัวประกอบของพหุนามในหัวข้อนี
้ สำ�หรับสมบัตกิ ารแจกแจงนัน
้ ควรทบทวน
ให้นักเรียนเห็นทั้งสองลักษณะ ดังนี้
a(b + c) = ab + ac และ (b + c)a = ba + ca
2. ครูแนะนำ�นักเรียนเกี่ยวกับการแยกตัวประกอบของพหุนามโดยใช้สมบัติการแจกแจง และชี้ให้นักเรียนเห็นว่า
การแยกตัวประกอบของพหุนามอาจเขียนได้มากกว่า 1 แบบ ซึ่งต่างจากการแยกตัวประกอบของจำ�นวนนับที่
เขียนได้คำ�ตอบเดียว เช่น
-9x + 3 = 3(-3x + 1) หรือ -9x + 3 = -3(3x – 1)
3. เนือ่ งจากการแยกตัวประกอบของพหุนามนัน
้ เป็นเรือ่ งทีค
่ อ่ นข้างยากสำ�หรับนักเรียนส่วนมาก ดังนัน
้ ในขัน
้ เริม
่ ต้นของ
การหาตัวประกอบร่วมของพหุนาม ครูควรให้นก
ั เรียนพิจารณาและหาตัวประกอบร่วมทีละตัว ดังตัวอย่างต่อไปนี้
จงแยกตัวประกอบของ 8x3y2 + 20x2y3 – 12y4
ขั้นที่ 1 พิจารณาค่าคงตัวซึ่งเป็นสัมประสิทธิ์ของแต่ละพจน์
หา ห.ร.ม. ของสัมประสิทธิ์ของแต่ละพจน์ได้แก่ 8, 20 และ 12
จะได้ ห.ร.ม. เป็น 4
ดังนั้น 4 เป็นตัวประกอบร่วมตัวหนึ่งของพหุนามนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง 405
ครูอาจให้นก
ั เรียนสังเกตว่า ในการพิจารณาตัวประกอบร่วมดังข้างต้น ไม่ได้พจิ ารณาเครือ
่ งหมายระหว่างพจน์
นอกจากนี้ ในการแยกตัวประกอบของพหุนาม โดยทั่วไปจะไม่เขียนแยกตัวประกอบของจำ�นวนเต็มที่เป็น ห.ร.ม.
2 2
ที่ได้ต่อไปอีก เช่น จะไม่เขียน 4y เป็น 2 × 2 × y
4. สำ�หรับชวนคิด 5.1 มีไว้เพือ
่ ให้นก
ั เรียนฝึกการคิดวิเคราะห์แก้ปญ
ั หา และเห็นการประยุกต์ของการแยกตัวประกอบ
ของพหุนาม ในการหาค่ากลของจัตรุ สั กลปรกตินน
ั้ จะต้องนำ�จำ�นวนทัง้ หมดทีอ
่ ยูใ่ นตารางมาบวกกัน แล้วหารด้วย
จำ�นวนแถว (หรือจำ�นวนหลัก) จึงจะได้ค่ากล ดังนั้น ในการหาค่ากลของจัตุรัสกลปรกติ ขนาด n × n ใด ๆ จะ
2 2
ต้องหาผลบวกตั้งแต่ 1 ถึง n แล้วหารด้วย n ซึ่งเป็นจำ�นวนแถว โดยในการหาผลบวกตั้งแต่ 1 ถึง n นั้น จะต้อง
อาศัยความรู้ของการหาผลบวกตั้งแต่ 1 ถึ ง n ซึ่ งเมื่ อ ศึ กษาจากมุ มเทคโนโลยี ในหนั งสื อ เรี ยน หน้ า 247
จะพบว่า ผลบวกตั้งแต่ 1 ถึง n มีค่าเป็น n(n + 1) ซึ่งอยู่ในรูปของการแยกตัวประกอบของพหุนามโดยใช้สมบัติ
2
ของการแจกแจงนั่นเอง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
406 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 5.1
1. แนวคิด เนื่องจาก ค่ากล คือ จำ�นวนที่เป็นผลบวกของจำ�นวนในแต่ละแถว (หรือแต่ละหลัก) ซึ่งมีค่า
ipst.me/10419
เท่ากัน โดยค่ากลนั้นหาได้จากผลรวมของจำ�นวนทั้งหมดหารด้วยจำ�นวนแถว
จัตุรัสกลปรกติ ขนาด 4 × 4 จะมีช่องว่างทั้งหมด 16 ช่อง สำ�หรับเติมเลขโดด 1 ถึง 16
ในการหาผลบวกของจำ�นวนตั้งแต่ 1 ถึง 16 วิธีหนึ่งที่สามารถช่วยให้หาค่าได้ง่ายและรวดเร็ว
คือใช้การจับคู่ให้ได้ผลบวกเท่ากับ 17 ดังแผนภาพต่อไปนี้
1 + 2 + 3 + 4 + 5 + 6 + 7 + 8 + 9 +10 + 11 + 12 + 13 + 14 + 15 + 16
… 17 …
17 อาจคิดได้จาก
16(17) = 136
17
2
⋮
17
จากแผนภาพ จะได้ผลบวกเป็น 17 + 17 + 17 + 17 + 17 + 17 + 17 + 17 = 8 × 17 = 136
เนื่องจากจัตุรัสกลปรกติ ขนาด 4 × 4 มี 4 แถว (หรือ 4 หลัก)
ดังนั้น ค่ากลของจัตุรัสกลปรกติ ขนาด 4 × 4 เท่ากับ 136 = 34
4
2 2
2. แนวคิด จัตุรัสกลปรกติ ขนาด n × n จะมีช่องว่างทั้งหมด n ช่อง สำ�หรับเติมเลขโดด 1 ถึง n
2 2
จากแนวคิดในข้อ 1 จะได้ว่า ผลบวกของจำ�นวนตั้งแต่ 1 ถึง n เท่ากับ (n )(n + 1)
2
2
เนื่องจากจัตุรัสกลปรกติ ขนาด n × n มี n แถว (หรือ n หลัก)
2 2
ดังนั้น ค่ากลของจัตุรัสกลปรกติ ขนาด n × n เท่ากับ (n )(n + 1) ÷ n
2
2 2
= (n )(n + 1)
2n
2
= (n)(n + 1)
2
2
นั่นคือ ค่ากลของจัตุรัสกลปรกติ ขนาด n × n เท่ากับ (n)(n + 1)
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง 407
2
3. แนวคิด จากแนวคิดในข้อ 2 จะได้ว่า ค่ากลของจัตุรัสกลปรกติ ขนาด n × n เท่ากับ (n)(n + 1)
2
2
จะได้ว่า (n)(n + 1) = 369
2
2
(n)(n + 1) = 738
2
(n)(n + 1) = (9)(82)
2
(n)(n + 1) = (9)(81 + 1)
2 2
(n)(n + 1) = (9)(9 + 1)
นั่นคือ n = 9
ดังนั้น ถ้าต้องการสร้างจัตุรัสกลปรกติ ที่มีค่ากลเป็น 369 จะต้องใช้ตารางขนาด 9 × 9
(n)(n2 + 1)
หมายเหตุ : นักเรียนอาจลองหาจำ�นวนที่แทน n ใน แล้วมีค่าเท่ากับ 369 ก็ได้
2
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 5.1
1. 1) 10x + 4 = 2(5x + 2)
2) 7x – 14 = 7(x – 2)
3) -9x + 3 = 3(-3x + 1) หรือ -3(3x – 1)
4) -8 – 12x = 4(-2 – 3x) หรือ -4(2 + 3x)
5) 14y + 26z = 2(7y + 13z)
2
6) x + 13x = x(x + 13)
2
7) 3z – 2z = z(3z – 2)
2
8) 5y – 20y = 5y(y – 4)
9) 12xz – 16z = 4z(3x – 4)
2
10) 33y – 11yz = 11y(3y – z)
2
11) 15x y + 5x = 5x(3xy + 1)
2
12) 6xy – 8xy = 2xy(3 – 4y)
3 2
13) x + x = x(x + 1)
3 2
14) y + 4y = y(y + 4)
2 2
15) 9y z – 6yz = 3yz(3yz – 2)
3 2 2 3 2 2
16) 21x y – 28x y = 7x y (3x – 4y)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
408 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
2 3 3 2 3 2
17) -7x z + 63xz5 = 7xz (-x + 9z ) หรือ -7xz (x – 9z )
4 2 3 3 3 2
18) 24x z + 18x z = 6x z (4x + 3z)
2 3 3 2 3 3 2 2
19) 30x y + 36x y – 6x y = 6x y (5y + 6x – xy)
2 2 3 3 4 2 2 2
20) 24xz – 27x z + 9x z = 3xz (8 – 9xz + 3x z )
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง 409
2 2 2 2
11) แนวคิด ab – cb – 6a + 6c = (ab – cb ) – (6a – 6c)
2
= b (a – c) – 6(a – c)
= (a – c)(b2 – 6)
3 2 3 2
12) แนวคิด 2x – x + 14x – 7 = (2x – x) + (14x – 7)
2 2
= x(2x – 1) + 7(2x – 1)
2
= (2x – 1)(x + 7)
2 3 2 3
13) แนวคิด a – 2b – 5a + 10ab = (a – 2b) – (5a – 10ab)
2 2
= (a – 2b) – 5a(a – 2b)
2
= (a – 2b)(1 – 5a)
3 3 2 2 3 3 2 2
14) แนวคิด x –xz+yz–y = (x – x z) – (y – y z)
3 2
= x (1 – z) – y (1 – z)
3 2
= (1 – z)(x – y )
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
410 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
-
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ซอฟต์แวร์ The Geometer's Sketchpad (GSP)
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองตัวแปรเดียว แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
อาจทำ�ได้ดังนี้
2
1. ครูแนะนำ�พหุนามดีกรีสองตัวแปรเดียวที่เขียนอยู่ในรูป ax + bx + c เมื่อ a, b, c เป็นจำ�นวนเต็ม และ
a ≠ 0 พร้อมทั้งให้ตัวอย่างประกอบ อาจให้นักเรียนบอกค่า a, b และ c ในแต่ละพจน์ เหล่านั้น
2. ครูทบทวนการคูณกันของเอกนามกับพหุนาม จากนั้นครูให้ตัวอย่างการแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง
ในกรณีที่ c = 0 ก่อน เพราะกรณีนี้จะใช้ความรู้ต่อเนื่องจากหัวข้อ 5.1 ซึ่งเป็นการแยกตัวประกอบของ
พหุนามโดยใช้สมบัติการแจกแจงและมีตัวประกอบร่วมเป็นเอกนาม
3. ครูทบทวนการหาผลคูณของพหุนามโดยครูอาจดาวน์โหลดไฟล์ GSP จากมุมเทคโนโลยีในหนังสือเรียนชั้น ม.2
เล่ม 1 บทที่ 6 เรื่องพหุนาม หน้า 288 มาใช้ประกอบการทบทวน จากนั้นครูอภิปรายกับนักเรียนเกี่ยวกับ
2
การแยกตัวประกอบของพหุนามทีเ่ ขียนอยูใ่ นรูป ax + bx + c เมือ
่ a = 1 และ c ≠ 0 ในขัน
้ ตอนต่าง ๆ
ที่ใช้สมบัติของการแจกแจงและมีตัวประกอบร่วมเป็นพหุนาม อาจมีรายละเอียดที่อาจเข้าใจยากสำ�หรับนักเรียน
บางกลุม
่ ครูควรอธิบายให้นก
ั เรียนเห็นแนวคิดแล้วสรุปวิธก
ี ารแยกตัวประกอบโดยให้ขอ
้ สังเกตเกีย่ วกับสัมประสิทธิ์
ของพจน์กลาง (b) ค่าของพจน์หลัง (c) พร้อมยกตัวอย่างประกอบ จนนักเรียนสามารถมองเห็นความสัมพันธ์
แล้วจึงค่อยสรุปเป็นหลักการทั่ว ๆ ไปคือ
2
x + bx + c = (x + m)(x + n) เมื่อ m และ n เป็นจำ�นวนเต็มที่ m + n = b และ mn = c
ครูควรเน้นย้ำ�ให้นักเรียนตรวจสอบคำ�ตอบโดยการหาผลคูณของพหุนามที่เป็นตัวประกอบ ว่าตรงกับ
พหุนามที่กำ�หนดให้หรือไม่
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง 411
2
ครูควรให้ขอ
้ สังเกตกับนักเรียนด้วยว่า ในกรณีท ี่ x + bx + c มี b และ c เป็นจำ�นวนเต็ม ถ้าไม่สามารถ
หาจำ�นวนเต็มสองจำ�นวนที่คูณกันได้ c และบวกกันได้ b ก็แสดงว่าไม่สามารถแยกตัวประกอบของพหุนามนั้น
ให้มีตัวประกอบที่เป็นพหุนามดีกรีหนึ่งและมีสัมประสิทธิ์เป็นจำ�นวนเต็มได้
ในหัวข้อนี้ครูควรให้นักเรียนฝึกการแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองเพิ่มเติม โดยสามารถดาวน์โหลด
ไฟล์ GSP จากมุมเทคโนโลยี ในหนังสือเรียน หน้า 252 เพื่อให้นักเรียนฝึกฝนจนเกิดความคล่องแคล่วใน
การแยกตัวประกอบของพหุนาม ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำ�คัญในการเรียนต่อในหัวข้อถัดไป
4. ครูอาจให้นก
ั เรียนทำ�กิจกรรมโดยใช้สอ
ื่ AR ในมุมคณิต ในหนังสือเรียน หน้า 250 เพือ
่ ให้เห็นการใช้พหุนามแสดง
ความสัมพันธ์ระหว่างความยาวของด้านของรูปสี่เหลี่ยมมุมฉากกับพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมนั้น ซึ่งความสัมพันธ์ที่ได้
เขียนอยู่ในรูปการแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง
การใช้สื่อรูปธรรมนี้ มีเจตนาให้นักเรียนเกิดความคิดรวบยอดและเรียนคณิตศาสตร์อย่างมีความหมาย
ครูไม่ควรยึดติดกับการใช้สื่อรูปธรรมเกินความจำ�เป็น เพราะบางครั้งสื่อเหล่านี้ก็ทำ�ให้เกิดความยุ่งยากได้ สิ่งที่
ครูควรให้นักเรียนทำ�คือ ให้โจทย์ที่เหมาะสมและให้นักเรียนได้ฝึกทักษะอย่างเพียงพอ
5. ครูทบทวนการหาผลคูณของพหุนามโดยครูอาจดาวน์โหลดไฟล์ GSP จากมุมเทคโนโลยีในหนังสือเรียนชั้น ม.2
เล่ม 1 บทที่ 6 เรื่องพหุนาม หน้า 288 จากนั้นครูอภิปรายกับนักเรียนเกี่ยวกับการแยกตัวประกอบของพหุนาม
ดีกรีสองในรูป ax2 + bx + c เมื่อ a, b, c เป็นจำ�นวนเต็มที่ a ≠ 1 และ c ≠ 0 ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา
ในการทำ�ความเข้าใจและการฝึกฝน ในการจัดการเรียนการสอน ครูควรดำ�เนินการอย่างช้า ๆ ให้เวลานักเรียน
ได้คิดคำ�นวณอย่างรอบคอบและตรวจสอบคำ�ตอบให้ถูกต้องทุกครั้ง
ครู ค วรย้ำ � กั บ นั ก เรี ย นเสมอว่ า ก่ อ นแยกตั ว ประกอบของพหุ น ามใด ๆ ควรพิ จ ารณาว่ า สามารถหา
ตัวประกอบร่วมได้หรือไม่ ถ้าได้ควรกระทำ�ก่อน เพราะอาจจะช่วยให้การแยกตัวประกอบขั้นต่อไปทำ�ได้ง่ายขึ้น
ดังตัวอย่างที่ 10 ในหนังสือเรียน หน้า 256 วิธีที่ 1 ในการแยกตัวประกอบของพหุนาม ครูไม่ควรเข้มงวด
2
เกี่ยวกับรูปแบบของคำ�ตอบมากนัก เช่น เมื่อแยกตัวประกอบของ 6x – 10x – 4 อาจเขียนคำ�ตอบเป็น
2
6x – 10x – 4 = (3x + 1)(2x – 4) หรือ (6x + 2)(x – 2) ก็ให้ถือว่าถูกต้อง เพียงแต่ยังไม่เป็นการแยก
ตัวประกอบที่สมบูรณ์เท่านั้น
สำ�หรับตัวอย่างที่ 11 ในหนังสือเรียน หน้า 257 เป็นโจทย์ที่ a เป็นจำ�นวนเต็มลบ ครูอาจแนะนำ�ให้
นักเรียนใช้วิธีทำ� วิธีที่ 2 ซึ่งนำ�ตัวประกอบร่วม -1 ออกมาก่อน จะช่วยทำ�ให้แยกตัวประกอบขั้นต่อไปง่ายขึ้น
และอาจเขียนคำ�ตอบโดยมี -1 อยู่นอกวงเล็บก็ได้เป็น
2 2
-3x + 10x + 8 = -(3x – 10x – 8) = (-1)(3x + 2)(x – 4)
6. ในหัวข้อนีค
้ รูควรให้นก
ั เรียนฝึกการแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองเพิม
่ เติม โดยสามารถดาวน์โหลดไฟล์ GSP
จากมุมเทคโนโลยี ในหนังสือเรียน หน้า 257
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
412 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 5.2
ipst.me/10420
2
x + 0 x – 4 = (x + 2)(x – 2 )
2
x + 1 1 x + 1 8 = (x + 2)(x + 9 )
2
x + 2x – 3 5 = (x + 7 )(x – 5 )
2
x – 6 x + 8 = (x – 2)(x – 4)
ชวนคิด 5.3
1. แนวคิด
2
จาก x + bx + 16 ให้พิจารณา m, n ที่เป็นจำ�นวนเต็ม โดยที่ mn = 16 และ m + n = b
ipst.me/10421
ได้ดังตารางต่อไปนี้
m n mn b=m+n
16 1 16 17
8 2 16 10
4 4 16 8
2 8 16 10
1 16 16 17
-1 -16 16 -17
-2 -8 16 -10
-4 -4 16 -8
-8 -2 16 -10
-16 -1 16 -17
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง 413
2
จากตารางข้างต้น จะได้ว่า จำ�นวนเต็ม b ทั้งหมดที่เป็นไปได้ ที่ทำ�ให้ x + bx + 16 สามารถแยกตัวประกอบออกเป็น
พหุนามดีกรีหนึ่งซึ่งมีสัมประสิทธิ์และค่าคงตัวเป็นจำ�นวนเต็ม คือ 8, 10, 17, -8, -10, -17 รวมทั้งสิ้น 6 จำ�นวน
2. คำ�ตอบมีได้หลากหลาย
แนวคิด พิจารณาตัวอย่างของ m, n ที่เป็นจำ�นวนเต็ม ที่ซึ่ง m + n = -4 และ c เป็นจำ�นวนเต็ม โดยที่ c = mn
ได้ดังตารางต่อไปนี้
m n m+n c = mn
-1 -3 -4 3
0 -4 -4 0
1 -5 -4 -5
2 -6 -4 -12
3 -7 -4 -21
2
ดังนั้น จำ�นวนเต็ม c ที่เป็นตัวอย่างทั้งสิ้น 5 จำ�นวน ที่ทำ�ให้ x – 4x + c สามารถแยกตัวประกอบออกเป็น
พหุนามดีกรีหนึ่งซึ่งมีสัมประสิทธิ์และค่าคงตัวเป็นจำ�นวนเต็ม คือ 3, 0, -5, -12, -21
ชวนคิด 5.4
1. พิจารณาการแยกตัวประกอบของพหุนามกำ�ลังสองที่กำ�หนดให้
ipst.me/10422
2x2 + 9x – 18 = (2x – 3)(x + 6)
4x2 + 25x + 6 = (x + 6)(4x + 1)
12x – 17x – 5
2
= (4x + 1)(3x – 5)
จากความสัมพันธ์ข้างต้น จะได้ว่า
แทน x + 6 แทน 4x + 1
ดังนั้น
• = (2x – 3)( 3x – 5)
2
= 6x – 19x +15
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
414 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
• •
2. 2
= 12x – 69x – 105 1)
• =
2
4x + 4x – 3 2)
• – • =
2
8x – 14 3)
• + • =
2
2x – 5x – 24 4)
แนวคิด พิจารณาการแยกตัวประกอบของพหุนามกำ�ลังสองที่กำ�หนดให้
จาก 1) 12x2 – 69x – 105 = (3)(4x2 – 23x – 35)
= (3)(x – 7)(4x + 5)
พิจารณาความสอดคล้องกับความสัมพันธ์ 3) โดยใช้ตารางดังนี้
× 2x – 1 2x + 3
3 6x – 3 6x + 9
x–7 2x – 15x + 7
2
2x – 11x – 21
2
จากตารางและจากความสัมพันธ์ 3) จะได้ดังนี้
2 2
8x – 14 = (8x + 6x – 5) – (6x + 9)
= (4x + 5)(2x – 1) – 3(2x + 3)
และจะได้ว่า
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง 415
แทน 4x + 5 แทน 2x – 1
• + • =
2
2x – 5x – 24
• + • =
2
2x – 5x – 24
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
416 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 5.2 ก
1. 1) m = 7 n = 12 หรือ m = 12 n = 7
2) m = -13 n = 8 หรือ m = 8 n = -13
3) m = 13 n = -11 หรือ m = -11 n = 13
4) m = -14 n = -9 หรือ m = -9 n = -14
5) m = 6 n = 15 หรือ m = 15 n = 6
6) m = 15 n = -8 หรือ m = -8 n = 15
7) m = -16 n = 8 หรือ m = 8 n = -16
8) m = -6 n = -18 หรือ m = -18 n = -6
9) m = 21 n = -19 หรือ m = -19 n = 21
10) m = -24 n = 13 หรือ m = 13 n = -24
2
2. 1) x – 5x = x(x – 5)
2
2) 3m – 3m = 3m(m – 1)
2
3) -2y + y = y(-2 + y) หรือ -y(2 – y)
2
4) -5x – 10x = 5x(-x – 2) หรือ -5x(x + 2)
2
5) x + 4x + 3x + 12 = (x + 4)(x + 3)
2
6) m – 5m + 2m – 10 = (m – 5)(m + 2)
7) x2 + 9x + 14 = (x + 7)(x + 2)
2
8) n + 15n + 14 = (n + 14)(n + 1)
2
9) y + 10y + 24 = (y + 6)(y + 4)
2
10) x + 7x – 18 = (x + 9)(x – 2)
2
11) x – 9x + 20 = (x – 4)(x – 5)
2
12) a – 8a – 9 = (a + 1)(a – 9)
2
13) b + 9b – 10 = (b + 10)(b – 1)
2
14) x – 10x + 24 = (x – 4)(x – 6)
2
15) x – 14x + 24 = (x – 2)(x – 12)
2
16) a + 11a + 18 = (a + 2)(a + 9)
2
17) 56 + 15a + a = (8 + a)(7 + a)
2
18) m – 13m + 42 = (m – 6)(m – 7)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง 417
แบบฝึกหัด 5.2 ข
2
1. 2x – 2x – 4 = 2(x – 2)(x + 1)
2
2. 2a + 6a + 4 = 2(a + 2)(a + 1)
2
3. 3x – 6x – 9 = 3(x – 3)(x + 1)
2
4. 6y – y – 12 = (2y – 3)(3y + 4)
2
5. 9y – 6y + 1 = (3y – 1)(3y – 1)
2
6. 6a + a – 12 = (3a – 4)(2a + 3)
2
7. 6a + 17a + 12 = (3a + 4)(2a + 3)
2
8. 5x + 14x – 3 = (5x – 1)(x + 3)
2
9. 4x + 16x – 9 = (2x + 9)(2x – 1)
2
10. 9y – 12y – 5 = (3y + 1)(3y – 5)
2
11. 5x + 4x – 1 = (5x – 1)(x + 1)
2
12. 12a – a – 35 = (4a – 7)(3a + 5)
2
13. 16y – 8y + 1 = (4y – 1)(4y – 1)
2
14. 15x + 8x – 7 = (x + 1)(15x – 7)
2
15. 7a + 49a + 84 = 7(a + 3)(a + 4)
2
16. 35m + 18m – 8 = (7m – 2)(5m + 4)
2
17. 4 + 10x – 6x = 2(2 – x)(1 + 3x) หรือ -2(x – 2)(3x + 1)
2
18. 9 – 42y + 49y = (3 – 7y)(3 – 7y)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
418 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
2
19. 35 – 26b + 3b = (7 – b)(5 – 3b)
2
20. 4z – 28z + 49 = (2z – 7)(2z – 7)
2
21. -12a – 20a – 7 = (-6a – 7)(2a + 1) หรือ (6a + 7)(-2a – 1)
2
22. 10 – 19x – 15x = (5 + 3x)(2 – 5x)
2
23. 6b – 38b + 56 = 2(3b – 7)(b – 4)
2
24. 7m + 72m – 55 = (7m – 5)(m + 11)
2
25. 20a + 77a + 18 = (5a + 18)(4a + 1)
2
26. 3x – 40x + 117 = (3x – 13)(x – 9)
2
27. -10x + 81x – 45 = (-2x + 15)(5x – 3) หรือ (2x – 15)(-5x + 3)
2
28. 13y + 69y – 54 = (13y – 9)(y + 6)
29. 4y – 36
2
= 4(y – 3)(y + 3)
30. 9a2 – 64 = (3a – 8)(3a + 8)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง 419
5.3 การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง
ที่เป็นกำ�ลังสองสมบูรณ์ (3 ชั่วโมง)
จุดประสงค์
2 2
นักเรียนสามารถแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองที่เป็นกำ�ลังสองสมบูรณ์และเขียนอยู่ในรูป A + 2AB + B หรือ
2 2
A – 2AB + B เมื่อ A และ B เป็นพหุนาม
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
-
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ซอฟต์แวร์ The Geometer's Sketchpad (GSP)
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำ�ความเข้าใจในการแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองที่เป็นกำ�ลังสองสมบูรณ์
แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อาจทำ�ได้ดังนี้
1. ครูให้นก
ั เรียนทำ� “กิจกรรม : สำ�รวจกำ�ลังสองสมบูรณ์” ในหนังสือเรียน หน้า 260 เพือ
่ ให้นก
ั เรียนสังเกตเห็นรูปแบบ
ของพหุนามที่เป็นกำ�ลังสองสมบูรณ์ นอกจากนี้ ครูอาจให้นก
ั เรียนดาวน์โหลดไฟล์ GSP เพือ
่ ฝึกการคูณพหุนามที่
ได้ผลลัพธ์เป็นกำ�ลังสองสมบูรณ์เพิม
่ เติม ได้ทม
่ี ม
ุ เทคโนโลยี ในหนังสือเรียน หน้า 260
2. ครูอภิปรายกับนักเรียนเกีย่ วกับการแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองทีเ่ ป็นกำ�ลังสองสมบูรณ์ เมือ
่ นักเรียนสังเกต
เห็นรูปแบบของการแยกตัวประกอบแล้ว ต่อจากนัน
้ ครูอาจให้สต
ู รสำ�หรับการนำ�ไปใช้ในการทำ�แบบฝึกหัดเลยก็ได้
นักเรียนจะจำ�สูตรในรูปของตัวแปร หรือจำ�ในรูปข้อความก็ได้ ดังนี้
2 2 2 2 2 2
A + 2AB + B = (A+B) หรือ (หน้า) + 2(หน้า)(หลัง) + (หลัง) = (หน้า + หลัง)
2 2 2 2 2 2
A – 2AB + B = (A – B) หรือ (หน้า) – 2(หน้า)(หลัง) + (หลัง) = (หน้า – หลัง)
3. ครูให้นักเรียนศึกษาแบบจำ�ลองแสดงการแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองที่เป็นกำ�ลังสองสมบูรณ์ในมุมคณิต
ในหนังสือเรียนหน้า 262
4. สำ�หรับหัวข้อนีไ้ ด้แบ่งสาระเป็นสองตอนเพือ
่ ความสะดวกในการจัดการเรียนการสอน
✤ ตัวอย่างที่ 1 ถึงตัวอย่างที่ 4 และแบบฝึกหัด 5.3 ข้อ 1, 2 และ 4 เหมาะสำ�หรับนักเรียนทั่ว ๆ ไป
✤ ตัวอย่างที่ 5 ตัวอย่างที่ 6 และแบบฝึกหัด 5.3 ข้อ 3 เหมาะสำ�หรับนักเรียนที่มีความสามารถ
เป็นพิเศษ
การจัดสาระให้กับนักเรียนให้อยู่ในดุลพินิจของครู
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
420 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง 421
กิจกรรม : สำ�รวจกำ�ลังสองสมบูรณ์
กิ จ กรรมนี้ เ ป็ น กิ จ กรรมที่ ส นั บ สนุ น ให้ นั ก เรี ย นสั ง เกตเห็ น ความสั ม พั น ธ์ ข องพหุ น ามที่ อ ยู่ ใ นรู ป กำ � ลั ง สองสมบู ร ณ์
2 2 2 2 2 2
ทั้งในรูป (A + B) = A + 2AB + B และ (A – B) = A – 2AB + B โดยใช้ความรู้เกี่ยวกับเลขยกกำ�ลังที่มีฐานเป็น
พหุนามและการคูณพหุนาม โดยมีขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม ดังนี้
สื่อ/อุปกรณ์
-
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูให้นักเรียนทำ� “กิจกรรม : สำ�รวจกำ�ลังสองสมบูรณ์” ในหนังสือเรียน หน้า 260 โดยในการทำ�กิจกรรมนี้ครูอาจให้
นักเรียนทำ�กิจกรรมแบบเดี่ยวหรือคู่ก็ได้
2. ครูให้นักเรียนพิจารณาพหุนามในข้อ 1 แล้วให้นักเรียนเติมพหุนามในข้อ 2–5
3. ขณะที่ นั ก เรี ย นทำ � ใบกิ จ กรรม ครู ค วรเดิ น สั ง เกตว่ า นั ก เรี ย นเขี ย นพหุ น ามโจทย์ ใ นรู ป การคู ณ ได้ ถู ก ต้ อ งหรื อ ไม่
และหาผลคูณได้ถกู ต้องหรือไม่ หากพบนักเรียนทีไ่ ม่สามารถเติม 2 ช่องนีไ้ ด้อย่างถูกต้อง ให้ครูชว่ ยเหลือโดยการทบทวน
ความหมายของเลขยกกำ�ลังและการคูณพหุนามโดยใช้สมบัติการแจกแจง
4. ครูให้นักเรียนอภิปรายกับเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพหุนามที่พบจากการทำ�กิจกรรม พร้อมทั้ง
จดบันทึกความสัมพันธ์ดังกล่าวในสมุด
5. ครูให้นักเรียนพิจารณาพหุนามในข้อ 6 แล้วให้นักเรียนเติมพหุนามในข้อ 7–10
6. ครูให้นักเรียนอภิปรายกับเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพหุนามที่พบจากการทำ�กิจกรรม
7. ครูให้นักเรียนตอบคำ�ถามท้ายกิจกรรม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
422 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
เฉลยกิจกรรม : สำ�รวจกำ�ลังสองสมบูรณ์
ข้อ โจทย์ เขียนในรูปการคูณ ผลคูณที่ได้ อาจจัดรูปได้เป็น
2 2 2 2 2
1 (x + 3) (x + 3)(x + 3) x + 3x + 3x + 3 x + 2(3x) + 3
2 2 2 2 2
2 (y + 5) (y + 5)(y + 5) y + 5y + 5y + 5 y + 2(5y) + 5
2 2 2 2 2
3 (3x + 1) (3x + 1)(3x + 1) (3x) + (1)(3x) + (1)(3x) + 1 (3x) + 2(1•3x) + 1
2 2 2 2
4 (5z + 4) (5z + 4)(5z + 4) (5z) + (4)(5z) + (4)(5z) + 4 (5z)2 + 2(4•5z) + 4
2 2 2 2 2
5 (A + B) (A + B)(A + B) A + AB + AB + B A + 2AB + B
2 2 2 2 2
6 (x – 4) (x – 4)(x – 4) x – 4x – 4x + 4 x – 2(4x) + 4
2 2 2 2 2
7 (y – 6) (y – 6)(y – 6) y – 6y – 6y + 6 y – 2(6y) + 6
2 2 2 2 2
8 (9x – 1) (9x – 1)(9x – 1) (9x) – (1)(9x) – (1)(9x) + 1 (9x) – 2(1•9x) + 1
2 2 2 2 2
9 (2x – 7) (2x – 7)(2x – 7) (2x) – (7)(2x) – (7)(2x) + 7 (2x) – 2(7•2x) + 7
2 2 2 2 2
10 (A – B) (A – B)( A – B) A – AB – AB + B A – 2AB + B
เฉลยคำ�ถามท้ายกิจกรรม : สำ�รวจกำ�ลังสองสมบูรณ์
ตัวอย่างคำ�ตอบ
✤ จากกิจกรรมข้างต้น ความสัมพันธ์ที่สังเกตได้ มีดังนี้
2 2 2
1. (A + B) = A + 2AB + B
2 2 2
2. (A – B) = A – 2AB + B
✤ จากกิจกรรมข้างต้น ความสัมพันธ์ที่สังเกตได้ มีดังนี้
2 2
1. ถ้าพหุนามกำ�ลังสองสามารถเขียนได้ในรูป A + 2AB + B แล้วสามารถเขียนแยกตัวประกอบ
2 2 2
ได้เป็น A + 2AB + B = (A + B)(A + B) หรือ (A + B)
2 2
2. ถ้าพหุนามกำ�ลังสองสามารถเขียนได้ในรูป A – 2AB + B แล้วสามารถเขียนแยกตัวประกอบ
2 2 2
ได้เป็น A – 2AB + B = (A – B)(A – B) หรือ (A – B)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง 423
กิจกรรม : ค้นหาเส้นทางกำ�ลังสองสมบูรณ์
กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่เสริมทักษะการแยกตัวประกอบของพหุนามที่อยู่ในรูปผลบวกทั้งหมดยกกำ�ลังสอง
2 2 2 2 2 2
A + 2AB + B = (A + B) และผลต่างทั้งหมดยกกำ�ลังสอง A – 2AB + B = (A – B) โดยขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
ดังนี้
สื่อ/อุปกรณ์
-
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูให้นักเรียนทำ� “กิจกรรม : ค้นหาเส้นทางกำ�ลังสองสมบูรณ์” ในหนังสือเรียน หน้า 265 โดยในการทำ�กิจกรรมนี้
ครูอาจให้นักเรียน ทำ�กิจกรรมแบบเดี่ยวหรือคู่ก็ได้
2. ครูให้นก
ั เรียนช่วยข้าวปุน
้ หาเส้นทางไปเก็บแอปเปิล โดยในขณะทีน
่ ก
ั เรียนทำ�ใบกิจกรรม ครูควรเดินสังเกตว่านักเรียน
มีวิธีการในการพิจารณาว่าพหุนามนั้น ๆ เป็นกำ�ลังสองสมบูรณ์หรือไม่ หากพบนักเรียนที่ไม่สามารถแยกตัวประกอบ
2 2 2 2
ที่อยู่ในรูปผลบวกทั้งหมดยกกำ�ลังสอง A + 2AB + B = (A + B) หรือผลต่างทั้งหมดยกกำ�ลังสอง A – 2AB +
2 2
B = (A – B) ครูอาจช่วยนักเรียน โดยใช้คำ�ถามนำ� ดังนี้
✤ พหุนามที่นักเรียนกำ�ลังพิจารณาอยู่มีพจน์ใดเป็นพจน์หน้า
✤ ลักษณะของพหุนามที่อยู่ในรูปกำ�ลังสองสมบูรณ์เป็นอย่างไร
✤ พจน์หน้าของพหุนามนี้สามารถเขียนอยู่ในรูปกำ�ลังสองได้หรือไม่ ถ้าได้จะเขียนได้อย่างไร
✤ พจน์หลังของพหุนามนี้สามารถเขียนอยู่ในรูปกำ�ลังสองได้หรือไม่ ถ้าได้จะเขียนได้อย่างไร
3. ครูอาจให้นักเรียนตรวจสอบความถูกต้องกับเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
424 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
เฉลยกิจกรรม : ค้นหาเส้นทางกำ�ลังสองสมบูรณ์
2
2 x – 30x + 225 2 2
9x + 15x + 6 2 16x – 44x + 30 x + 14x + 48
= (x – 15)
2 2
2 x – 36x + 324 81x – 36x + 4 2
9x + 42x + 49 2 2 4x + 28x + 45
= (x – 18) = (9x – 2)
2
2 2 x – 42x + 441 2
x – 21x + 110 x + 17x + 72 2 x + 15x + 44
= (x – 21)
2
2 2 121x + 22x + 1 2
x + 20x + 99 25x – 45x + 20 2 2x – 30x + 100
= (11x + 1)
2 2
2 100x + 20x + 1 4x – 12x + 9 2
5x – 12x + 4 2 2 9x – 15x + 6
= (10x + 1) = (2x – 3)
2
2 9(x – 2) – 42(x – 2) + 49 2 2
4x + 22x + 30 2 x – 25x + 156 121x + 88x + 15
= [3(x – 2) – 7]
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง 425
เฉลยคำ�ถามท้ายมุมคณิต
เฉลยคำ�ถามท้ายมุมคณิต หน้า 267
2 2 2 2 2
1. 4x + 4xy + y = (2x + y) 2. m + 44mn + 484n2 = (m + 22n)
ipst.me/10423 2 2 2 2 2 2
3. 100x + 60xy + 9y = (10x + 3y) 4. 81t + 90tk + 25k = (9t + 5k)
2 2 2 2 2 2
5. x – 16xy + 64y = (x – 8y) 6. 9x – 6xy + y = (3x – y)
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 5.3
2 2 2 2
1. 1) x + 12x + 36 = (x + 6) 2) x + 16x + 64 = (x + 8)
2 2 2 2
3) x + 34x + 289 = (x + 17) 4) x + 40x + 400 = (x + 20)
2 2 2 2
5) x + 46x + 529 = (x + 23) 6) x – 10x + 25 = (x – 5)
2 2 2 2
7) x – 28x + 196 = (x – 14) 8) x – 38x + 361 = (x – 19)
2 2 2 2
9) x – 52x + 676 = (x – 26) 10) x – 60x + 900 = (x – 30)
2 2 2 2
2. 1) 9x + 30x + 25 = (3x + 5) 2) 16x + 56x + 49 = (4x + 7)
2 2 2 2
3) 49x + 42x + 9 = (7x + 3) 4) 100x + 220x + 121 = (10x + 11)
2 2 2 2
5) 81x + 360x + 400 = (9x + 20) 6) 4x – 36x + 81 = (2x – 9)
2 2 2 2
7) 49y – 70y + 25 = (7y – 5) 8) 64y – 176y + 121 = (8y – 11)
2 2
9) 81x – 180x + 100 = (9x – 10)
10) แนวคิด 1
2 2
225x – 360x + 144 = 9(25x – 40x + 16)
= 9[(5x) – 2(5x)(4) + 4 ]
2 2
2
= 9(5x – 4)
แนวคิด 2
2 2 2
225x – 360x + 144 = (15x) – 2(15x)(12) + 12
2
= (15x – 12)
= [3(5x – 4)]2
2
= 9(5x – 4)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
426 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
2 2 2
3. 1) (x – 2) + 12(x – 2) + 36 = (x – 2) + 2(x – 2)(6) + 6
= [(x – 2) + 6]2
2
= (x + 4)
2 2 2
2) (2x + 1) + 20(2x + 1) + 100 = (2x + 1) + 2(2x + 1)(10) + 10
= [(2x + 1) + 10]2
2
= (2x + 11)
2 2 2
3) (x + 3) – 16(x + 3) + 64 = (x + 3) – 2(x + 3)(8) + 8
= [(x + 3) – 8]2
2
= (x – 5)
2 2 2
4) (4x – 5) – 26(4x – 5) + 169 = (4x – 5) – 2(4x – 5)(13) + 13
= [(4x – 5) – 13]2
2
= (4x – 18)
= [2(2x – 9)]2
2
= 4(2x – 9)
5) แนวคิด 1
2
36(x + 6) + 108(x + 6) + 81 = [6(x + 6)]2 + 2[6(x + 6)](9) + 92
= [6(x + 6) + 9]2
2
= (6x + 36 + 9)
2
= (6x + 45)
= [3(2x + 15)]2
2
= 9(2x + 15)
แนวคิด 2
36(x + 6) + 108(x + 6) + 81 = 9[4(x + 6) + 12(x + 6) + 9]
2 2
= 9[2(x + 6) + 3]
2
2
= 9(2x + 15)
6)
2
9(x – 1) – 30(x – 1) + 25 = [3(x – 1)]2 – 2[3(x – 1)](5) + 52
= [3(x – 1) – 5]2
2
= (3x – 8)
2 2 2
7) 16x2 + 8x(x + 1) + (x + 1) = (4x) + 2(4x)(x + 1) + (x + 1)
= [4x + (x + 1)]2
2
= (5x + 1)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง 427
2 2 2 2
8) (x – 3) – 12x(x – 3) + 36x = (x – 3) – 2(x – 3)(6x) + (6x)
= [(x – 3) – 6x]2
2
= (x – 3 – 6x)
= (-5x – 3) หรือ [(-1)(5x + 3)] = (5x + 3)
2 2 2
2 2 2 2 2
9) 49x + 14(x – x) + (x – 1) = 49x + 14x(x – 1) + (x – 1)
2 2
= (7x) + 2(7x)(x – 1) + (x – 1)
= [7x + (x – 1)]2
2
= (8x – 1)
2 2 2 2 2
10) (x + 2) – 18(x + 2x) + 81x = (x + 2) – 18x(x + 2) + 81x
2 2
= (x + 2) – 2(x + 2)(9x) + (9x)
= [(x + 2) – 9x]2
2
= (x + 2 – 9x)
2
= (2 – 8x)
= [2(1 – 4x)]2
2
= 4(1 – 4x)
4. 1) 36 2) 54x
3) 20x 4) 81
2 2
5) 4x 6) x
2
7) 81x 8) 30x
9) 150x 10) 49
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
428 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
5.4 การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง
ที่เป็นผลต่างของกำ�ลังสอง (2 ชั่วโมง)
จุดประสงค์
2 2
นักเรียนสามารถแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองที่เป็นผลต่างของกำ�ลังสองซึ่งเขียนอยู่ในรูป A – B เมื่อ A และ
B เป็นพหุนาม
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
-
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ซอฟต์แวร์ The Geometer's Sketchpad (GSP)
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองที่เป็นผลต่างของกำ�ลังสอง แนวทางการจัดกิจกรรม
การเรียนรู้อาจทำ�ได้ดังนี้
1. ครูให้นก
ั เรียนทำ� “กิจกรรม : สำ�รวจผลต่างของกำ�ลังสอง” ในหนังสือเรียน หน้า 268 เพื่อให้นักเรียนสังเกตเห็น
รูปแบบของพหุนามที่เป็นผลต่างของกำ�ลังสอง นอกจากนี้ ครูอาจให้นก
ั เรียนดาวน์โหลดไฟล์ GSP เพือ
่ ฝึกการคูณ
พหุนามทีไ่ ด้ผลลัพธ์เป็นผลต่างของกำ�ลังสองเพิม
่ เติม ได้ทม
่ี ม
ุ เทคโนโลยี ในหนังสือเรียน หน้า 268
2. ครูอภิปรายกับนักเรียนเกี่ยวกับการแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองที่เป็นผลต่างของกำ�ลังสอง เมื่อนักเรียน
2 2
สังเกตเห็นรูปแบบของการแยกตัวประกอบแล้ว ต่อจากนั้นครูอาจให้นักเรียนจำ�สูตร A – B = (A + B)(A – B)
เมื่อ A และ B เป็นพหุนาม หรือจำ�สูตรข้อความย่อ ๆ สำ�หรับนำ�ไปใช้ในการแยกตัวประกอบดังนี้
2 2
(หน้า) – (หลัง) = (หน้า + หลัง)(หน้า – หลัง)
3. ครูให้นก
ั เรียนศึกษาแบบจำ�ลองแสดงการแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองทีเ่ ป็นผลต่างของกำ�ลังสองในมุมคณิต
ในหนังสือเรียน หน้า 270
2 2
4. ในการแยกตัวประกอบของหัวข้อนี้ มีเจตนาให้นก
ั เรียนใช้สต
ู ร A – B = (A + B)(A – B) มากกว่า
2
ใช้วธิ แี ยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองในรูป ax + bx + c เมือ่ a, b, c เป็นจำ�นวนเต็มที
่ a ≠ 0, b = 0
และ c ≠ 0 ตามหัวข้อ 5.2 ที่ผ่านมา เช่น
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง 429
2
การแยกตัวประกอบของพหุนาม 49x – 196 เราสามารถแยกตัวประกอบของพหุนามตามสูตรข้างต้น
ได้ทน
ั ที โดยไม่ได้น�ำ ตัวประกอบร่วมออกมาเป็นตัวคูณก่อน ซึ่งครูควรชี้ให้นักเรียนเห็นเป็นตัวอย่างว่า บางครั้ง
จำ�นวนที่เป็นสัมประสิทธิ์ของแต่ละพจน์ในพหุนามอาจมองเห็นไม่ง่ายนักว่ามีตัวประกอบร่วมหรือไม่ ดังนั้น
การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีรูปแบบเช่นนี้จึงอาจทำ�ตามสูตรได้เลย ดังนี้
2 2 2
49x – 196 = (7x) – 14
2
จะได้ 49x – 196 = (7x + 14)(7x – 14)
= 7(x + 2)(7)(x – 2)
2
ดังนั้น 49x – 196 = 49(x + 2)(x – 2)
แต่ถ้านักเรียนจะหาตัวประกอบร่วมก่อนแล้วแยกตัวประกอบต่อก็จะทำ�ได้ดังนี้
2 2
49x – 196 = 49(x – 4)
2
จะได้ 49x – 196 = 49(x + 2)(x – 2)
5. ครู ค วรอภิ ป รายกั บ นั ก เรี ย นว่ า สำ � หรั บ พหุ น ามบางพหุ น าม อาจจะไม่ ไ ด้ อ ยู่ ใ นรู ป ของผลต่ า งของกำ � ลั ง สอง
อย่างชัดเจน แต่อาจมองเห็นได้ง่ายว่ามีตัวประกอบร่วม ดังนั้น ในการแยกตัวประกอบควรใช้สมบัติการแจกแจง
เพื่อนำ�ตัวประกอบร่วมออกมาก่อน ก่อนที่จะใช้ความรู้เรื่องผลต่างของกำ�ลังสอง
2 2
เช่น 2x – 18 = 2(x – 9)
= 2(x + 3)(x – 3)
6. ในหัวข้อนี้ ครูควรให้นักเรียนฝึกการแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองที่เป็นผลต่างของกำ�ลังสองเพิ่มเติม
โดยสามารถดาวน์โหลดไฟล์ GSP จากมุมเทคโนโลยี หน้า 271
7. สำ�หรับตัวอย่างที่ 6 ต้องการให้นักเรียนเห็นการใช้พหุนามในการแก้โจทย์ปัญหาบางเรื่อง เช่น โจทย์ปัญหา
เกี่ยวกับความยาวและพื้นที่ของรูปเรขาคณิต
8. ครูแนะนำ�ให้นักเรียนใช้ความรู้เกี่ยวกับพหุนามดีกรีสองที่เป็นกำ�ลังสองสมบูรณ์และผลต่างของกำ�ลังสอง มาช่วย
ในการคำ�นวณเกี่ยวกับจำ�นวนนับบางจำ�นวนให้ได้ผลลัพธ์รวดเร็วขึ้น ดังมุมคณิต ในหนังสือเรียน หน้า 274
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
430 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
กิจกรรม : สำ�รวจผลต่างของกำ�ลังสอง
กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่สนับสนุนให้นักเรียนสังเกตเห็นความสัมพันธ์ของพหุนามที่อยู่ในรูปผลต่างของกำ�ลังสองในรูป
2 2 2 2
A – B ซึ่งแยกตัวประกอบได้เป็น A – B = (A + B)(A – B) โดยใช้ความรู้เกี่ยวกับการคูณพหุนามและสมบัติของ
เลขยกกำ�ลัง โดยมีขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรมดังนี้
สื่อ/อุปกรณ์
-
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูแจกใบกิจกรรม : สำ�รวจผลต่างของกำ�ลังสอง ให้นก
ั เรียน โดยในการทำ�กิจกรรมนีค
้ รูอาจให้นก
ั เรียนทำ�กิจกรรมแบบ
เดี่ยวหรือคู่ก็ได้
2. ครูให้นักเรียนพิจารณาพหุนามในข้อ 1 แล้วให้นักเรียนเติมพหุนามในข้อ 2–4
3. ขณะทีน
่ ก
ั เรียนทำ�ใบกิจกรรม ครูควรเดินสังเกตว่านักเรียนหาผลคูณได้ถก
ู ต้องหรือไม่ หากพบนักเรียนทีไ่ ม่สามารถหา
ผลคูณได้อย่างถูกต้อง ให้ครูช่วยเหลือโดยการทบทวนความหมายของเลขยกกำ�ลังและการคูณพหุนามโดยใช้สมบัติ
การแจกแจง
4. ครูให้นักเรียนอภิปรายกับเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพหุนามที่พบจากการทำ�กิจกรรม
5. ครูให้นักเรียนเติมพหุนามในข้อ 5
6. ครูให้นักเรียนตอบคำ�ถามท้ายกิจกรรม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง 431
เฉลยกิจกรรม : สำ�รวจผลต่างของกำ�ลังสอง
ข้อ โจทย์ ผลคูณ พหุนามในรูปผลสำ�เร็จ อาจจัดรูปได้เป็น
2 2 2 2
1 (x + 4)(x – 4) x – 4x + 4x – 16 x – 16 x –4
2 2 2 2
2 (x + 7)(x – 7) x – 7x + 7x – 49 x – 49 x –7
2 2 2
3 (x + 9)(x – 9) x – 9x + 9x – 81 x – 81 x2 – 9
2 2 2 2
4 (3x + 1)(3x – 1) 9x – 3x + 3x – 1 9x – 1 (3x) – 1
2 2 2 2 2 2
5 (A + B)(A – B) A – AB + AB – B A –B A –B
เฉลยคำ�ถามท้ายกิจกรรม : สำ�รวจผลต่างของกำ�ลังสอง
ตัวอย่างคำ�ตอบ
✤ จากกิจกรรมข้างต้น ความสัมพันธ์ที่สังเกตได้ มีดังนี้
2 2
(A + B)(A – B) = A – B
✤ จากกิจกรรมข้างต้น ความสัมพันธ์ที่สังเกตได้ มีดังนี้
2 2
ถ้าพหุนามกำ�ลังสองสามารถเขียนได้ในรูป A – B แล้วสามารถเขียนแยกตัวประกอบได้เป็น
2 2
A – B = (A + B)(A – B)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
432 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
เฉลยคำ�ถามท้ายมุมคณิต
เฉลยคำ�ถามท้ายมุมคณิต หน้า 274
2 2
1. 997 = (1,000 – 3)
ipst.me/10424
2 2
= 1,000 – 2(1,000)(3) + 3
= 994,009
2 2
2. 2,015 = (2,000 + 15)
2 2
= 2,000 + 2(2,000)(15) + 15
= 4,060,225
2 2
3. 1,001 – 999 = (1,001 + 999)(1,001 – 999)
= 4,000
2 2
4. 3,012 – 3,008 = (3,012 + 3,008)(3,012 – 3,008)
= 24,080
2 2
5. 2,004 – 1,996 = (2,004 + 1,996)(2,004 – 1,996)
= 32,000
2 2
6. 2,547 – 453 = (2,547 + 453)(2,547 – 453)
= 6,282,000
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 5.5
แนวคิด แยกตัวประกอบของพหุนามได้ดังนี้
ipst.me/10425
2 2
8x + 10xy – 4x – 5y = (8x + 10xy) – (4x + 5y)
= 2x(4x + 5y) – (4x + 5y)
= (4x + 5y)(2x – 1)
2 2 2
4x – 4x + 1 = (2x) – 2(2x)(1) + 1
2
= (2x – 1)
= (2x – 1)(2x – 1)
2 2 2 2
16x – 25y = (4x) – (5y)
= (4x + 5y)(4x – 5y)
2 2
8x – 10xy – 4x + 5y = (8x – 10xy) – (4x – 5y)
= 2x(4x – 5y) – (4x – 5y)
= (4x – 5y)(2x – 1)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง 433
นำ�พหุนามที่ได้จากการแยกตัวประกอบ มาเติมคำ�ตอบในตารางได้ดังนี้
2x – 1 4x – 5y
2 2 2
4x + 5y 8x + 10xy – 4x – 5y 16x – 25y
2 2
2x – 1 4x – 4x + 1 8x – 10xy – 4x + 5y
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 5.4
2
1. 1) x –1 = (x + 1)(x – 1)
2
2) 16 – x = (4 + x)(4 – x)
2
3) x – 64 = (x + 8)(x – 8)
2
4) x – 144 = (x + 12)(x – 12)
2
5) 225 – x = (15 + x)(15 – x)
2
6) x – 361 = (x + 19)(x – 19)
2
7) x – 625 = (x + 25)(x – 25)
2
8) x – 900 = (x + 30)(x – 30)
2
9) 9x – 1 = (3x + 1)(3x – 1)
2
10) 4x – 49 = (2x + 7)(2x – 7)
2
11) 16x – 169 = (4x + 13)(4x – 13)
2
12) 49x – 81 = (7x + 9)(7x – 9)
2
13) 25x – 121 = (5x + 11)(5x – 11)
2
14) 196x – 100 = 4(7x + 5)(7x – 5)
2
15) 81x – 400 = (9x + 20)(9x – 20)
2
16) 64x – 225 = (8x + 15)(8x – 15)
2
17) 144x – 441 = 9(4x + 7)(4x – 7)
2
18) 1 – 289x = (1 + 17x)(1 – 17x)
2
19) 529x – 625 = (23x + 25)(23x – 25)
2
20) 961 – 900x = (31 + 30x)(31 – 30x)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
434 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
2 2 2
2. 1) (a – 2) – 1 = (a – 2) – 1
= [(a – 2) + 1][(a – 2) – 1]
= (a – 1)(a – 3)
2 2 2
2) 25 – (y + 1) = 5 – (y + 1)
= [5 + (y + 1)][5 – (y – 1)]
= (6 + y)(4 – y)
2
3) (x + 2) – 4 = x(x + 4)
2
4) (x – 3) – 36 = (x + 3)(x – 9)
2
5) 81 – (x + 5) = (14 + x)(4 – x)
2 2
6) x – (2x + 1) = (3x + 1)(-x – 1) หรือ (-1)(3x + 1)(x + 1)
2 2
7) 4x – (x – 2) = (3x – 2)(x + 2)
2 2
8) (2x + 3) – 25x = (7x + 3)(-3x + 3) หรือ (-3)(7x + 3)(x – 1)
2 2
9) (x + 6) – (x + 4) = 4(x + 5)
2 2
10) (x – 8) – (x – 5) = -3(2x – 13)
2 2
11) (3x + 2) – (x – 1) = (4x + 1)(2x + 3)
2 2
12) (4x – 3) – (5x + 2) = (9x – 1)(-x – 5) หรือ (-1)(9x – 1)(x + 5)
2 2
13) 9(x – 7) – 100x = (13x – 21)(-7x – 21) หรือ (-7)(13x – 21)(x + 3)
2 2
14) 144x – (2x – 3) = (14x – 3)(10x + 3)
2 2
15) 25x – 16(x – 5) = (9x – 20)(x + 20)
2 2
16) (5x + 3) – 121x = (16x + 3)(-6x + 3) หรือ (-3)(16x + 3)(2x – 1)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง 435
2
(89 + x)(13 – x) = 625 – x
E
25 1,157 – 76x – x
2
= 625 – x
2
x
B C
D 76x = 532
x = 7
2 2 2
แทน x ด้วย 7 ในสมการ BD = 25 – x
2 2
จะได้ BD2 = 25 – 7
2
BD = 576
BD = 24 เซนติเมตร
เนื่องจาก BC = 2BD
จะได้ BC = 2 × 24 = 48 เซนติเมตร
เนื่องจาก AD = AE + ED
จะได้ AD
= 38 + 7 = 45 เซนติเมตร
ดังนั้น พื้นที่ของ ∆ABC = –1 × BC × AD
2
= –1 × 48 × 45
2
= 1,080 ตารางเซนติเมตร
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
436 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
สื่อ/อุปกรณ์
-
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูให้นักเรียนแต่ละคนทำ� “กิจกรรมท้ายบท : ค่อย ๆ ค้นหา” ในหนังสือเรียน หน้า 277
2. ครูให้นักเรียนช่วยกันเฉลยคำ�ตอบ พร้อมทั้งอธิบายวิธีคิดและการได้มาซึ่งคำ�ตอบ
1. 2. 3. 4. 5. 6. 7.
SUCCESS IS A LADDER THAT CANNOT BE
8. 9. 10. 11. 12. 13. 14.
CLIMBED WITH YOUR HANDS IN YOUR POCKETS
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง 437
เฉลยแบบฝึกหัดท้ายบท
1. 1)
2
9(y – 20y + 100) – 441y
2
= [3(y – 10)]2 – (21y)2
= [3(y – 10) + 21y][3(y – 10) – 21y]
= (3y – 30 + 21y)(3y – 30 – 21y)
= (24y – 30)(-18y – 30)
= 6(4y – 5)(-6)(3y + 5)
= (-36)(4y – 5)(3y + 5)
2 2 2 2
2) (4t – 12t + 9) – (5t + 1) = (2t – 3) – (5t + 1)
= [(2t – 3) + (5t + 1)][(2t – 3) – (5t + 1)]
= (7t – 2)(-3t – 4) หรือ (-1)(7t – 2)(3t + 4)
2 2 2 2
3) (4m – 36m + 81) – (16m + 56m + 49) = (2m – 9) – (4m + 7)
= [(2m – 9) + (4m + 7)][(2m – 9) – (4m + 7)]
= (6m – 2)(-2m – 16)
= 2(3m – 1)(-2)(m + 8)
= (-4)(3m – 1)(m + 8)
4)
2
(n + 3n + 1) – 1
2
= [(n 2
+ 3n + 1) + 1][(n + 3n + 1) – 1]
2
2 2
= (n + 3n + 2)(n + 3n)
= (n + 1)(n + 2)(n)(n + 3) หรือ n(n + 1)(n + 2)(n + 3)
3 2
2. แนวคิด เนื่องจาก 7x + 14x = A(x + 2)
2
จะได้ 7x (x + 2) = A(x + 2)
2
ดังนั้น A = 7x
2
เนื่องจาก B(y + 5) = y + 2y – 15
จะได้ B(y + 5) = (y – 3)(y + 5)
ดังนั้น B = y–3
2
นั่นคือ A + 2B = 7x + 2(y – 3)
2
= 7x + 2y – 6
3. แนวคิด จากการแยกตัวประกอบโดยใช้สูตรผลต่างของกำ�ลังสอง
2 2
จะได้ b –a = (b + a)(b – a)
2 2
เนื่องจาก b –a = 10
จะได้ (b + a)(b – a) = 10
(a + b)(b – a) = 10
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
438 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
เนื่องจาก a+b = 2
จะได้ 2(b – a) = 10
นั่นคือ b–a = 5
ดังนั้น a – b = -5
D = 2,558 – 2,550 – 8
2 2 2
4. แนวคิด เนื่องจาก
2,550
2
จะได้ D = (2,558 – 2,550)(2,558 + 2,550) – 8
2,550
2
= 8(5,108) – 8
2,550
= 8(5,108 – 8)
2,550
= 8(5,100)
2,550
= 8(2)
ดังนั้น D = 16
5. แนวคิด
สวนหิน
สวนหญ�า
2
7. แนวคิด หาค่าของ 20,182,018 – 20,182,008 × 20,182,028 โดยใช้ความรู้เกี่ยวกับการแยกตัวประกอบ
ของพหุนามที่เป็นผลต่างของกำ�ลังสอง
2
จะได้ว่า 20,182,018 – 20,182,008 × 20,182,028
2
= 20,182,018 – (20,182,018 – 10) × (20,182,018 + 10)
2 2 2
= 20,182,018 – (20,182,018 – 10 )
2 2
= 20,182,018 – 20,182,018 + 102
2
= 10
= 100
2
ดังนั้น 20,182,018 – 20,182,008 × 20,182,028 = 100
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
440 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
9. แนวคิด B
37
13 h
D C A
x
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง 441
2 2 2 2
(7x) – x = 37 – 13
2 2
49x – x = (37 + 13)(37 – 13)
2
48x = (50)(24)
2
x = 25
จะได้ x = 5
ดังนั้น AC ยาว 5 หน่วย
10. แนวคิด
260 ซม.
h ห�องเก็บของ ห�องเก็บของ
x
30 ซม.
ก่อนบันไดไม้หัก หลังบันไดไม้หัก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
442 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
b 41
C a B
2 2 2
โดยทฤษฎีบทพีทาโกรัส จะได้ a + b = 41 1
เนื่องจาก ∆ABC มีพื้นที่ 180 ตารางหน่วย จะได้ – 1 ab = 180 หรือ ab = 360 2
2 2 2 2
เนื่องจาก พหุนามที่เป็นกำ�ลังสองสมบูรณ์ อยู่ในรูป a + 2ab + b = (a + b) 3
2 2 2 2 2
จาก 1 และ 2 จะได้ a + 2ab + b = (a + b ) + 2ab = 41 + 2(360) = 2,401
2
จาก 3 จะได้ (a + b) = 2,401
นั่นคือ a + b = 49 (เนื่องจาก a และ b เป็นความยาวด้านของรูปสามเหลี่ยม
ดังนั้น a + b ไม่เป็นจำ�นวนลบ)
ความยาวรอบรูปของ ∆ABC เท่ากับ a + b + 41 = 49 + 41 = 90 หน่วย
12. แนวคิด [( )( )( ) ( )]
หาค่าของ 18 1– —
2
1 1– —
2
1 1– —
3
2
1 … 1– —
4
2
9
1 โดยใช้ความรู้เกี่ยวกับผลต่างของกำ�ลังสอง
2
จะได้ [( )( )( ) ( )]
18 1– — 1 1– —
2
2
1 1– —
3
2
1 … 1– —
4
2
9
1
2
[( )( )( ) ( )]
2 2 2 2
= 18 2 –2 1 3 –2 1 4 –2 1 … 9 –2 1
2 3 4 9
[
= 18 (2 – 1)(2
2
2
+ 1) ∙ (3 – 1)(3 + 1) ∙ (4 – 1)(4 + 1) ∙…∙ (9 – 1)(9 + 1)
3
2
4
2
9
2 ]
[
= 18 (1)(3) ∙ (2)(4) ∙ (3)(5) ∙ (4)(6) ∙ (5)(7) ∙ (6)(8) ∙ (7)(9) ∙ (8)(10)
(2)(2) (3)(3) (4)(4) (5)(5) (6)(6) (7)(7) (8)(8) (9)(9) ]
[ ]
= 18 (1)(10)
(2)(9)
= 10
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง 443
ตัวอย่างแบบทดสอบท้ายบท
2 2
1. ถ้า 4n + 6n = A(2n + 3) และ -5m – 15m = B(m + 3) สำ�หรับทุกค่าของ m และ n เมื่อ m และ n เป็นจำ�นวนจริง
ใด ๆ แล้ว A × B มีค่าเท่าใด (1 คะแนน)
ก. -10
ข. 10
ค. -10mn
ง. 10mn
2
2. ให้ x เป็นจำ�นวนจริงบวกและ x > 4 ถ้ารูปสี่เหลี่ยมมุมฉากรูปหนึ่งมีพื้นที่ x + 3x – 4 ตารางหน่วย พหุนามในข้อใด
ที่แทนความกว้างและความยาวของรูปสี่เหลี่ยมได้ (1 คะแนน)
ก. x – 1, x + 4
ข. x + 4, x + 1
ค. x + 1, x – 4
ง. x – 4, x – 1
2
3. พหุนาม x – 1 + z(x – 1) เท่ากับพหุนามในข้อใด (1 คะแนน)
ก. (x – 1)(x + z – 1)
ข. (x – 1)(x + z + 1)
ค. (x + 1)(x + z + 1)
ง. (x + 1)(x + z – 1)
2
4. กำ�หนดให้ A, B และ C เป็นค่าคงตัว และ As + Bs + C = (6s – 5)(7s + 8) แล้วค่าของ (2A + 2B +10) ÷ C
เป็นเท่าใด (1 คะแนน)
ก. -–3
5
ข. 3
–
5
ค. -3
ง. 3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
444 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
( ) ( )
2 2
2) —55 – —45 = = =
10 10
2 2
3) 26.7 – 23.3 = = =
2 2
4) 533 – 467 = = =
2 2
5) 1,024 – 24 = = =
7. ข้อใดเป็นพหุนามดีกรีสองที่เป็นกำ�ลังสองสมบูรณ์ (1 คะแนน)
2
ก. 9x – 30x + 16
2
ข. 16x + 50x + 25
2
ค. 25x + 80x + 64
2
ง. 100x – 300x + 81
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง 445
2
9. ถ้ารูปสี่เหลี่ยมมุมฉากต่อไปนี้กว้าง x + 5 หน่วย และมีพื้นที่ 4x + 17x – 15 ตารางหน่วย จงหาว่า ด้านยาวของ
รูปสี่เหลี่ยมมุมฉากนี้ยาวกี่หน่วย (1 คะแนน)
x+5
2
10. ถ้ารูปสามเหลี่ยมมุมฉาก มีด้านประกอบมุมฉากด้านหนึ่งยาว x + 3 หน่วย และมีพื้นที่ 2x + 7x + 3 ตารางหน่วย
จงหาว่า ด้านประกอบมุมฉากอีกด้านหนึ่งของรูปสามเหลี่ยมนี้ยาวกี่หน่วย (1 คะแนน)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
446 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
เฉลยตัวอย่างแบบทดสอบท้ายบท
2
1. ถ้า 4n + 6n = A(2n + 3) และ -5m2 – 15m = B(m + 3) สำ�หรับทุกค่าของ m และ n เมื่อ m และ n เป็นจำ�นวนจริง
ใด ๆ แล้ว A × B มีค่าเท่าใด (1 คะแนน)
ก. -10
ข. 10
ค. -10mn
ง. 10mn
2
แนวคิด แยกตัวประกอบของ 4n + 6n โดยใช้สมบัติการแจกแจง
2
จะได้ 4n + 6n = 2n(2n + 3)
2
จากโจทย์ 4n + 6n = A(2n + 3) จะได้ A = 2n
2
แยกตัวประกอบของ -5m – 15m โดยใช้สมบัติการแจกแจง
2
จะได้ -5m – 15m = -5m(m + 3)
2
จากโจทย์ -5m – 15m = B(m + 3) จะได้ B = -5m
ดังนั้น A × B = 2n × (-5m) = -10mn
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 1 นักเรียนสามารถแยกตัวประกอบของพหุนามโดยใช้สมบัติการแจกแจง
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 1 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง 447
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นักเรียนสามารถแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองตัวแปรเดียว พหุนามดีกรีสองที่เป็น
กำ�ลังสองสมบูรณ์ และพหุนามดีกรีสองที่เป็นผลต่างของกำ�ลังสอง
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 1 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
2
3. พหุนาม x – 1 + z(x – 1) เท่ากับพหุนามในข้อใด (1 คะแนน)
ก. (x – 1)(x + z – 1)
ข. (x – 1)(x + z + 1)
ค. (x + 1)(x + z + 1)
ง. (x + 1)(x + z – 1)
2 2
แนวคิด x – 1 + z(x – 1) = (x – 1) + z(x – 1)
= (x + 1)(x – 1) + z(x – 1)
= (x – 1)[(x + 1) + z]
= (x – 1)(x + z + 1)
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 1 นักเรียนสามารถแยกตัวประกอบของพหุนามโดยใช้สมบัติการแจกแจง
ข้อ 2 นักเรียนสามารถแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองตัวแปรเดียว พหุนามดีกรีสองที่เป็น
กำ�ลังสองสมบูรณ์ และพหุนามดีกรีสองที่เป็นผลต่างของกำ�ลังสอง
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 1 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
448 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
4. กำ�หนดให้ A, B และ C เป็นค่าคงตัว และ As2 + Bs + C = (6s – 5)(7s + 8) แล้วค่าของ (2A + 2B +10) ÷ C
เป็นเท่าใด (1 คะแนน)
ก. - – 3
5
ข. – 3
5
ค. -3
ง. 3
2
แนวคิด (6s – 5)(7s + 8) = 42s + 48s – 35s – 40
2
= 42s + 13s – 40
2
จากโจทย์ (6s – 5)(7s + 8) = As + Bs + C
2 2
จะได้ As + Bs + C = 42s + 13s – 40
นั่นคือ A = 42 B = 13 และ C = -40
ดังนั้น (2A + 2B +10) ÷ C = [2(42) + 2(13) +10] ÷ (-40)
= (84 + 26 + 10) ÷ (-40)
= 120 ÷ (-40)
= -3
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นักเรียนสามารถแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองตัวแปรเดียว พหุนามดีกรีสองที่เป็น
กำ�ลังสองสมบูรณ์ และพหุนามดีกรีสองที่เป็นผลต่างของกำ�ลังสอง
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 1 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
(10—55) – (10—45) ( )( ) ( )( )
2 2
2) 55 – —
= — 45 —
55 + —
45 = 10
— 100
—– = 10
10 10 10 10 10 10
2 2
3) 26.7 – 23.3 = (26.7 – 23.3)( 26.7 + 23.3) = (3.4)(50) = 170
2 2
4) 533 – 467 = (533 – 467)(533 + 467) = (66)(1,000) = 66,000
2 2
5) 1,024 – 24 = (1,024 – 24)( 1,024 + 24) = (1,000)(1,048) = 1,048,000
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง 449
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นักเรียนสามารถแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองตัวแปรเดียว พหุนามดีกรีสองที่เป็น
กำ�ลังสองสมบูรณ์ และพหุนามดีกรีสองที่เป็นผลต่างของกำ�ลังสอง
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 5 คะแนน ข้อละ 1 คะแนน โดยแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ดังนี้
✤ เขียนนิพจน์ที่กำ�หนดให้ในรูป (a – b)(a + b) ถูกต้อง ได้ข้อละ 0.5 คะแนน
✤ หาผลลัพธ์ถูกต้อง ได้ข้อละ 0.5 คะแนน
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นักเรียนสามารถแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองตัวแปรเดียว พหุนามดีกรีสองที่เป็น
กำ�ลังสองสมบูรณ์ และพหุนามดีกรีสองที่เป็นผลต่างของกำ�ลังสอง
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 2 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้ข้อละ 1 คะแนน
ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ข้อละ 0 คะแนน
7. ข้อใดเป็นพหุนามดีกรีสองที่เป็นกำ�ลังสองสมบูรณ์ (1 คะแนน)
2
ก. 9x – 30x + 16
2
ข. 16x + 50x + 25
2
ค. 25x + 80x + 64
2
ง. 100x – 300x + 81
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นักเรียนสามารถแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองตัวแปรเดียว พหุนามดีกรีสองที่เป็น
กำ�ลังสองสมบูรณ์ และพหุนามดีกรีสองที่เป็นผลต่างของกำ�ลังสอง
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 1 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
450 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
8. จงเขี ย นตั ว เลื อ กจาก a–m ที่ พ หุ น ามทางขวามื อ เป็ น ผลจากการแยกตั ว ประกอบของพหุ น ามทางซ้ า ยมื อ ที่
กำ�หนดให้ในแต่ละข้อต่อไปนี้ (6 คะแนน)
2 2
b 1) x + 24x + 144 a. (x – 18)
2 2
d 2) 2x – 50 b. (x + 12)
2 2
g 3) 4x + 15x – 25 c. (3x + 8y)
3 2
i 4) x – 5x + 3x – 15 d. 2(x + 5)(x – 5)
2 2
l 5) 9x + 60xy + 64y e. (2x + 5)(2x – 5)
2 2
j 6) 3(x + 3x – 10) + 6(x – x – 30) f. (4x + 5)(x – 5)
g. (4x – 5)(x + 5)
2
h. (x + 3)(x – 5)
2
i. (x – 5)(x + 3)
j. 3(x + 5)(3x – 14)
k. 3(x + 5)(3x – 8)
l. (3x + 16y)(3x + 4y)
m. (4y + 3x)(4y + 12x)
แนวคิด
3 2 3 2
4) x – 5x + 3x – 15 = (x – 5x ) + (3x – 15)
2
= x (x – 5) + 3(x – 5)
2
(x – 5)(x + 3)
2 2
6) 3(x + 3x – 10) + 6(x – x – 30) = 3(x + 5)(x – 2) + 6(x – 6)(x + 5)
= 3(x + 5)[(x – 2) + 2(x – 6)]
= 3(x + 5)(3x – 14)
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 1 นักเรียนสามารถแยกตัวประกอบของพหุนามโดยใช้สมบัติการแจกแจง
ข้อ 2 นักเรียนสามารถแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองตัวแปรเดียว พหุนามดีกรีสองที่เป็น
กำ�ลังสองสมบูรณ์ และพหุนามดีกรีสองที่เป็นผลต่างของกำ�ลังสอง
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 6 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้ข้อละ 1 คะแนน
ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ข้อละ 0 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง 451
2
9. ถ้ารูปสี่เหลี่ยมมุมฉากมีด้านหนึ่งยาว x + 5 หน่วย และมีพื้นที่ 4x + 17x – 15 ตารางหน่วย จงหาว่า อีกด้านหนึ่ง
ของรูปสี่เหลี่ยมมุมฉากนี้ยาวกี่หน่วย (1 คะแนน)
x+5
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 1 นักเรียนสามารถแยกตัวประกอบของพหุนามโดยใช้สมบัติการแจกแจง
ข้อ 2 นักเรียนสามารถแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองตัวแปรเดียว พหุนามดีกรีสองที่เป็น
กำ�ลังสองสมบูรณ์ และพหุนามดีกรีสองที่เป็นผลต่างของกำ�ลังสอง
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 1 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
2
10. ถ้ารูปสามเหลี่ยมมุมฉาก มีด้านประกอบมุมฉากด้านหนึ่งยาว x + 3 หน่วย และมีพื้นที่ 2x + 7x + 3 ตารางหน่วย
จงหาว่า ด้านประกอบมุมฉากอีกด้านหนึ่งของรูปสามเหลี่ยมนี้ยาวกี่หน่วย (1 คะแนน)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
452 บทที่ 5 | การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
แนวคิด 1
1 × ความยาวฐาน × ความสูง
เนื่องจาก พื้นที่ของรูปสามเหลี่ยม = –
2
ดังนั้น
2 1
2x + 7x + 3 = – (x + 3) × ความสูง
2
นั่นคือ 4x + 14x + 6 = (x + 3) × ความสูง
2
1
แนวคิด 2
x+3
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 1 นักเรียนสามารถแยกตัวประกอบของพหุนามโดยใช้สมบัติการแจกแจง
ข้อ 2 นักเรียนสามารถแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองตัวแปรเดียว พหุนามดีกรีสองที่เป็น
กำ�ลังสองสมบูรณ์ และพหุนามดีกรีสองที่เป็นผลต่างของกำ�ลังสอง
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 1 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 453
อุปกรณ์
✤ เชือก (ยาวประมาณ 2 เมตร) 1 เส้นต่อกลุ่ม
✤ กระดาษปรู๊ฟ 1 แผ่นต่อกลุ่ม
✤ คอมพิวเตอร์ 1 เครื่องต่อกลุ่ม
✤ ซอฟต์แวร์เรขาคณิตพลวัต 1 ซอฟต์แวร์
✤ ไม้บรรทัด 1 อัน
✤ ดินสอ 1 แท่ง
✤ ยางลบ 1 อัน
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุม
่ กลุม
่ ละ 4–5 คน แล้วให้นก
ั เรียนอ่านทำ�ความเข้าใจสถานการณ์ แล้วร่วมกันวิเคราะห์
ภารกิจต่าง ๆ ทีต
่ อ
้ งลงมือปฏิบต
ั ใิ นสถานการณ์ทก
ี่ �ำ หนดให้ กล่าวอีกนัยหนึง่ นักเรียนจะต้องร่วมกันค้นหาเป้าหมาย
และเงื่อนไขของสถานการณ์ คือ พิจารณาการเคลื่อนที่ของ Hedgehog บนรูปสามเหลี่ยมใด ๆ เมื่อจะต้อง
เคลื่อนที่จากจุดกึ่งกลางของด้านใดด้านหนึ่งของรูปสามเหลี่ยม แล้วกลิ้งไปในทิศทางขนานกับด้านใดด้านหนึ่งจน
กระทบกับจุดบนอีกด้านหนึง่ ของรูปสามเหลีย่ มนัน
้ จากนัน
้ ออกจากจุดดังกล่าวไปยังด้านทีเ่ หลือโดยเคลือ
่ นทีไ่ ปใน
แนวขนานกับด้านแรกที่โผล่ขึ้นมา โดยจำ�ลองการม้วนตัวของ Hedgehog ดังรูป
2. ครู แ นะนำ � ให้ นั ก เรี ย นสื บ ค้ น ข้ อ มู ล เพื่ อ หาแนวทางในการพิ สู จ น์ แ นวคิ ด ว่ า เพราะเหตุ ใ ดการเคลื่ อ นตั ว ของ
Hedgehog จึงส่งผลให้ Hedgehog กลับลงรูเดิมที่โผล่ขึ้นมาในตอนแรก
3. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำ�เสนอข้อมูลที่ได้จากกิจกรรมในข้อ 2 แล้วนำ�อภิปรายในประเด็นต่าง ๆ ที่สำ�คัญกับ
กลุ่มอื่น ๆ เช่น
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
454 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
ผลจากการสืบค้นข้อมูลของนักเรียน
✤ การอธิบายเหตุผลโดยใช้ความรู้เกี่ยวกับเส้นขนานและความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยม
ทฤษฎีบท
“เส้นตรงทีล่ ากผ่านจุดกึง่ กลางของด้านด้านหนึง่ ของรูปสามเหลีย่ ม และขนานกับอีกด้านหนึง่ ของรูปสามเหลีย่ ม
จะตัดกับด้านที่สามที่จุดกึ่งกลางของด้านที่สามนั้น”
แนวคิดในการพิสูจน์ (แบบที่ 1)
A
X Y
B W C
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 455
✤ การอธิบายเหตุผลโดยใช้ความรู้เกี่ยวกับเส้นขนานและความคล้ายกันของรูปสามเหลี่ยม
แนวคิดในการพิสูจน์ (แบบที่ 2)
A
X Y
B C
ต้องการพิสจ
ู น์วา่ จุด Y เป็นจุดกึ่งกลางของ AC
พิสจ
ู น์ เนื่องจาก ∆AXY ~ ∆ABC (ถ้ารูปสามเหลีย่ มสองรูปมีขนาดของมุมเท่ากัน เป็นคู่ ๆ
สามคู่ แล้วรูปสามเหลี่ยมสองรูปนั้นเป็นรูปสามเหลี่ยม
ที่คล้ายกัน)
จะได้ AX = AY
— — (สมบัติของรูปสามเหลี่ยมคล้าย)
AB AC
เนื่องจาก AX
— = –1 (จุด X เป็นจุดกึ่งกลางของ AB)
AB 2
ดังนั้น AY
— = –21 (สมบัติของการเท่ากัน)
AC
AY = –1AC (สมบัติของการเท่ากัน)
2
นั่นคือ จุด Y เป็นจุดกึ่งกลางของ AC
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
456 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
4. ครู ใ ห้ นั ก เรี ย นแต่ ล ะกลุ่ ม วางแผนและนำ � เสนอแผนการดำ � เนิ น การ โดยครู ค วรอภิ ป รายซั ก ถามเพื่ อ ให้ เ กิ ด
ความชัดเจนในความรู้ที่นักเรียนสืบค้นและรวบรวมมาได้ และความเป็นไปได้ของแผนการดำ�เนินการ เช่น
✤ นักเรียนจะใช้ความรู้ในเรื่องใดบ้าง
✤ นักเรียนจะวางแนวทางในการเขียนอธิบายเหตุผลหรือพิสูจน์อย่างไร
5. ครูให้นักเรียนลงมือปฏิบัติตามแผนที่เตรียมไว้
นักเรียนกลุ่มหนึ่ง อาจลงมือปฏิบัติตามแผนที่เตรียมไว้ ดังนี้
✤ วาดภาพประกอบการพิสูจน์
- สร้างรูปสามเหลี่ยม ABC โดยให้ M เป็นจุดกึ่งกลางของด้าน AB
A
B
C
M P
B
C
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 457
M P
B
Q C
- ต้องการแสดงว่าเมื่อลากส่วนของเส้นตรงผ่านจุด Q ให้ขนานกับด้าน AC
ส่วนของเส้นตรงดังกล่าวจะผ่านจุด M
A
M P
B
Q C
✤ เขียนข้อเท็จจริงที่ได้จากการสังเกต
จุด P เป็นจุดกึ่งกลางของ AC และจุด Q เป็นจุดกึ่งกลางของ BC
✤ วางเป้าหมายของการพิสูจน์
จะแสดงว่า ส่วนของเส้นตรงที่ลากผ่านจุด Q ให้ขนานกับด้าน AC จะผ่านจุด M
A
M P
B
Q C
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
458 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
✤ ร่างลำ�ดับขั้นตอนที่จะเกิดขึ้นในการพิสูจน์
(1) P เป็นจุดกึ่งกลางของ AC
(2) Q เป็นจุดกึ่งกลางของ BC
✤ ลงมือเขียนอธิบายเหตุผล แสดงการพิสูจน์
- เนื่องจากจุด M เป็นจุดกึ่งกลางของด้าน AB เมื่อลาก MP ขนานกับ BC โดยให้ MP ตัดกับ
AC ที่จุด P โดยทฤษฎีบทที่พิสูจน์ข้างต้น จะได้ จุด P เป็นจุดกึ่งกลางของด้าน AC
- เนื่องจากจุด P เป็นจุดกึ่งกลางของด้าน AC เมื่อลาก PQ ขนานกับ AB โดยให้ PQ ตัดกับ
BC ที่จุด Q โดยทฤษฎีบทที่พิสูจน์ข้างต้น จะได้ จุด Q เป็นจุดกึ่งกลางของด้าน BC
- เนื่องจากจุด Q เป็นจุดกึ่งกลางของด้าน BC ดังนั้น จากทฤษฎีบทที่พิสูจน์ข้างต้น เมื่อลาก
ส่วนของเส้นตรงผ่านจุด Q ให้ขนานกับด้าน AC ส่วนของเส้นตรงนั้นจะผ่านจุดกึ่งกลางของด้าน AB
นั่นคือ ส่วนของเส้นตรงดังกล่าวผ่านจุด M
ดั ง นั้ น จากลั ก ษณะการกลิ้ ง ตั ว ของ Hedgehog ที่ เ คลื่ อ นที่ จ ากจุ ด กึ่ ง กลางของด้ า นใดด้ า นหนึ่ ง ของ
รูปสามเหลี่ยม แล้วกลิ้งไปในทิศทางขนานกับด้านใดด้านหนึ่งจนกระทบกับจุดบนอีกด้านหนึ่งของรูปสามเหลี่ยม
นัน
้ จากนัน
้ ออกจากจุดดังกล่าวไปยังด้านทีเ่ หลือโดยเคลือ
่ นทีไ่ ปในแนวขนานกับด้านแรกทีโ่ ผล่ขน
ึ้ มา Hedgehog
จะกลับลงรูเดิมที่โผล่ขึ้นมาตอนแรก
6. ครู ต รวจสอบคำ � ตอบของนั ก เรี ย น ซั ก ถามปั ญ หาที่ เ กิ ด ขึ้ น ระหว่ า งการทำ � งาน และให้ ข้ อ เสนอแนะนั ก เรี ย น
แต่ละกลุ่ม
7. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำ�เสนอผลงานที่ได้ และซักถามความคิดเห็นของนักเรียนกลุ่มอื่น ๆ ที่มีต่อคำ�ตอบของ
กลุ่มที่นำ�เสนอ แล้วอาจให้นักเรียนสำ�รวจและคาดการณ์เพิ่มเติมกรณีที่ Hedgehog โผล่ออกมาจากจุดใด ๆ บน
ด้านของรูปสามเหลี่ยมโดยใช้สื่อ AR ในหนังสือเรียน หน้า 280
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 459
ความรู้เพิ่มเติมสำ�หรับครู
เครื่องคิดเลขกับการสอนสถิติ
การสร้างฮิสโทแกรม
พิจารณาผลการทดสอบวิชาคณิตศาสตร์จำ�นวน 10 ข้อ ของนักเรียนห้องหนึ่ง จำ�นวนข้อที่นักเรียนตอบถูก เป็นดังนี้
5 4 7 8 5 9 10 10 7 9
10 7 5 5 7 4 6 3 8 4
5 3 4 6 8 3 8 6 9 3
เลือกเมนู Statistics
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
460 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
จะปรากฏตารางใส่ข้อมูลดังภาพ
ป้อนข้อมูลทั้งหมดลงในเครื่องคิดเลข
โดยพิมพ์ตัวเลขข้อมูลแล้วตามด้วย l
กด 5l4l7l8l5l
9l10l10l7l
9l10l7l5l5
l7l.....ใส่ข้อมูลไปเรื่อย ๆ จนครบทั้งหมด
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 461
เลือกชนิดของกราฟทางสถิติ
โดยกด u เพื่อเลือกคำ�สั่ง SET
เพื่อไปหน้าถัดไป ให้กด u
(จะเห็น Hist อยู่ที่แท็บแรกตรงกับปุ่ม q)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
462 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
แล้วกด l เพื่อให้เครื่องวาดฮิสโทแกรม
จะได้ฮิสโทแกรมตามต้องการ
กรณีข้อมูลอยู่ในรูปตารางแจกแจงความถี่ที่เป็นช่วง
ตัวอย่างการใช้ตัวเลขที่อยู่ในช่วงเป็นตัวแทน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 463
ใส่ค่าความถี่ของแต่ละช่วงลงใน List2
กด N เพื่อเลื่อนแถบดำ�ลงมาที่ Frequency
แล้วกด w เพื่อเลือก List
เครื่องจะถามว่าความถี่อยู่ใน List ใด
ให้ใส่ 2 แล้วกด l
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
464 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
แล้วเลือก Graph1 กด q
เครื่องจะให้ใส่ค่าเริ่มต้น ความกว้างของกราฟ
แล้วกด l เพื่อให้เครื่องวาดฮิสโทแกรม
จะได้ฮิสโทแกรมตามต้องการ
การหาค่าเฉลี่ยเลขคณิต
ตัวอย่างที่ 1 คะแนนสอบวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียน 10 คน เป็นดังนี้ 5, 7, 10, 6, 5, 4, 4, 8, 5 และ 6
หาค่าเฉลี่ยเลขคณิตของคะแนนสอบของนักเรียน 10 คนนี้
วิธีที่ 1
เข้าเมนู 1: Calculate กด w1
จากนั้นกด a5+7+10+6+5
+4+4+8+5+6
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 465
เลื่อนลงมาใส่จำ�นวนข้อมูล กด R10
แล้วกด = เพื่อให้เครื่องแสดงผลลัพธ์
ค่าเฉลี่ยเลขคณิตของคะแนนสอบของนักเรียนกลุ่มนี้เป็น 6 คะแนน
วิธีที่ 2
เข้าเมนู 6: Statistics กด w6
กด 1 เพื่อเลือก 1: 1-Variable
ใส่คะแนนกด 5=7=10=6=5=
4=4=8=5=6=
กดปุ่ม T
การหามัธยฐาน (Median)
จงหาค่ามัธยฐานของข้อมูลต่อไปนี้
15, 18, 17, 17, 29, 25, 37, 49 และ 62
(ข้อมูลเป็นจำ�นวนคี่)
เลือกเมนู 2: Statistics กด p2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
466 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
จะปรากฏตารางใส่ข้อมูลดังภาพ
ป้อนข้อมูลทั้งหมดลงในเครื่องคิดเลข
โดยพิมพ์ตัวเลขข้อมูลแล้วตามด้วย l
กด 15l18l17l
17l29l25l
37l49l62l
ทำ�การเรียงค่าข้อมูลจากน้อยไปมาก
กด u ไปหาคำ�สั่งอีกหน้าแทบเมนู
จากนั้นให้เลือกเมนู TOOL กด q
จะพบคำ�สั่ง SORTASC กด q
เครื่องจะถามจำ�นวน Lists ที่จะเรียง
กด 1l
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 467
กด 1l
เลื่อน B จะพบว่าข้อมูลจะเรียงจากน้อยไปมากแล้ว
เลื่อน N เพื่อดูว่าข้อมูลที่อยู่ตรงกลาง
ในที่นี้คือตัวที่ 5
ดังนั้นมัธยฐานคือ 25
การหาฐานนิยม (Mode)
จงหาฐานนิยมของข้อมูลต่อไปนี้
5, 7, 4, 8, 7, 11, 7, 4, 10 และ 8
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
468 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
ให้กด N เลื่อนลงด้านล่างสุด
จะได้ว่าฐานนิยม คือ 7
และฐานนิยมของข้อมูลชุดนี้มีตัวเดียว
และมีความถี่เป็น 3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 469
ปกิณกคดี
ในการจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ นอกจากนักเรียนจะได้ศก
ึ ษาสาระต่าง ๆ ตามทีก
่ �ำ หนดไว้ในหลักสูตรและ
ได้นำ�เสนอไว้ในหนังสือเรียน กิจกรรมอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าค่ายคณิตศาสตร์ การแข่งแรลลีคณิตศาสตร์ การแข่งขัน
ทางคณิตศาสตร์ การจัดนิทรรศการ ล้วนเป็นสิ่งสำ�คัญ ที่จะฝึกให้นักเรียนรู้จักคิดและตัดสินใจอย่างมีวิจารณญาณ เพราะ
หัวใจของการเรียนคณิตศาสตร์คอ
ื การให้เหตุผล การทีน
่ ก
ั เรียนมีความสามารถในการให้เหตุผลอย่างสมเหตุสมผล จะทำ�ให้
เป็นพลเมืองทีม
่ ค
ี ณ
ุ ภาพของประเทศชาติ ดังนัน
้ การจัดหาเกม กิจกรรม ตลอดจนปัญหาต่าง ๆ ให้นก
ั เรียนได้ฝก
ึ คิด จึงเป็น
หน้าที่ของครูผู้สอนด้วยเช่นกัน
ปัญหาและเกมทีน
่ �ำ มาเป็นตัวอย่างในทีน
่ ี้ บางปัญหาก็เป็นปัญหาเก่าแก่ทอ
ี่ าจรูจ้ ก
ั กันมาเกินครึง่ ศตวรรษ แต่กต
็ อ
้ ง
ใช้ความคิดทุกครั้งในการให้เหตุผล เพราะไม่อาจอาศัยการท่องจำ�เพียงอย่างเดียวในการตอบ นอกจากนี้การให้นักเรียน
ได้ฝึกอ่านปัญหาที่นำ�เสนอ ก็เป็นการเชื่อมโยงความรู้กับวิชาอื่น ๆ เช่น ภาษาไทย บางปัญหาอาจต้องสืบเสาะโดยการใช้
เทคโนโลยีประกอบด้วย แต่สิ่งที่สำ�คัญกว่าคำ�ตอบที่ได้ก็คือ ทำ�ไมจึงตอบเช่นนั้น
การเฉลยคำ�ตอบของปัญหาเหล่านี้ ไม่ใช่สงิ่ สำ�คัญ เพราะผูต
้ อบสามารถวินจิ ฉัยได้ดว้ ยตนเอง ว่าคำ�ตอบนัน
้ ถูกต้อง
หรือไม่ โดยตรวจสอบว่า คำ�ตอบที่ได้นั้นสอดคล้องกับเงื่อนไขของปัญหาที่กำ�หนดให้หรือไม่ โดยทำ�ในทำ�นองเดียวกับ
การพิจารณาว่า คำ�ตอบที่ได้จากการแก้สมการที่สร้างมาจากโจทย์ปัญหานั้น เป็นคำ�ตอบของโจทย์ปัญหาหรือไม่ ซึ่งจะ
ทำ�ให้ผแู้ ก้ปญ
ั หาสามารถยืนยันได้วา่ คำ�ตอบทีค
่ ด
ิ ได้นน
ั้ ถูกต้อง อีกทัง้ ถ้ามีโอกาสนักเรียนก็ควรจะได้อภิปรายกับผูอ
้ น
ื่ ทีค
่ ด
ิ
แก้ปัญหานี้ด้วย เพื่อจะได้เห็นแนวทางในการแก้ปัญหาแบบอื่น ๆ ที่มีความแปลกใหม่ เพราะปัญหาเหล่านี้มีวิธีการคิดที่
หลากหลาย ซึ่งจะทำ�ให้เกิดประโยชน์กับการใช้ปัญหานั้น ๆ ยิ่งขึ้นไป
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
470 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 471
ส�ำหรับท่านที่สนใจดูตัวอย่างของปัญหาหรือกิจกรรมอื่น ๆ
เพิ่มเติมสามารถดาวน์โหลดได้ที่ http://ipst.me/10087
สถาบันส่งเสริมการสอนวิท
ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โลยี
ิทยาศาสตร์และเทคโน
สถาบันส่งเสริมการสอนว
โลยี
ิทยาศาสตร์และเทคโน
สถาบันส่งเสริมการสอนว
จัตุรัส คำ�
จัตุรัสมหัศจรรย์นั้นมากแบบ
รู้ จริงหรือ ล้วนแต่แยบยลนักมักฉงน
ทั้งอักษรและสระที่ปะปน
หนุ่มนายหนึ่งเดินถึงคลองน�้านองฝั่ง อย่าสับสนเป็นเลขโดดโปรดเข้าใจ
แต่ละตัวแทนแน่แน่แต่ละเลข
ละล้าละลังนั่งปลงตรงตลิ่ง
ด้วยว่ายน�้ามิได้กลัวตายจริง
นาง บาท ราก ใช่ยกเมฆจํานวนนี้นี่เท่าไร
เลยนั่งนิ่งนึกดูอยู่เป็นนาน เก้าจํานวนเมื่อหามาอย่าแปลกใจ
จัตุรัสมหัศจรรย์ไงใช่แน่นอน
เหลือบมองเห็นป้ายปักไว้ให้รู้ว่า
คลองนี้หนาลึกเฉลี่ยไปทุกย่าน สามจํานวนแต่ละแถวทุกแนวนั้น
น
หนึ่งจุดห้าเมตรจ้ะโดยประมาณ ผลรวมพันห้าร้อยสิบห้าลองหาก่อ
หนุ่มพออ่านค่าเฉลี่ยเลิกเสียใจ “ดาม”นั้นค่าสูงสุดแท้มากแน่นอน
คงพ้นเขตน�้าลึกเลยคึกใหญ่
มิใช่จะยากเกินหาจนหน้าเขียว
โดดลงคลองหวังเดินให้เพลินใจ
แต่ท�าไมชายคนนี้นี่ตายเอย ถ้าปวดหัวก็อย่าทนทําคนเดียว
จําไว้เชียวมีเพื่อนคิด ชื่นจิตเอย…
ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สถาบันส่งเสริมการสอนวิท
สถาบันส่งเสริมการสอนวิท
ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เกมนิม
...หนึ่ งเดียว
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ั แล้วมา
าเกมนิมซึง่ นักเรียนรูจ้ ก
กิจกรรมนีม ้ จี ดุ มุง่ หมายให้นก ุ้ เคยกับโครงสร้างของการพิสจู น์ โดยการนำ
ั เรียนได้คน
้ ฐานในการพิสจู น์ทางคณิตศาสตร์ตอ ่ ไป
จู น์ อันจะเป็นพืน
ั เรียนเห็นโครงสร้างและแนวทางในการพิส
เกม ใหญ่ ได้
่ งให้นก
เป็นตัวเดินเรือ
แยกเอาไว้ ����ระสงค์
เลือกไพ่ A K Q J
โดยเลือกใช้ สี่ดอกหน
า อย่าสงสัย
หกจำ�นวนชวน 1. ให้นักเรียนฝึกสังเกต วิเคราะห์และหาข้
2. ให้นักเรียนฝึกการให้เหตุผล
อสรุ ปจากผลการปฏิบัติ
รวมแล้วมี ที่ต้องหยิ
บ สิบหกใบ คิด
เลขโดด.. นะจ๊ะ
ถว สี่แนวตั้ง
แล้วเรียงไพ่ เป็นสี่แ
QKA � ความร����น�าน
แต่ละแถว ต้องมี J
าสิ้นหวัง จ�ำนวนนับ หกจ การให้เหตุผล
ที่พิเศษ มีทุกหน้า อย่ ที่เรียงติด ต่ �ำนวน ล้วนน่
ำคิด
ท�าง่ายจัง อกัน นั้นแปล
แต่ละหลัก เป็นด้วยไซร้ น�ำมำเขียน กไหม
ง ที ว
่ า
่ ได้ ไชโยเอ ย ในวง ลงเลขไป
หากวา งดั พยำยำม ท�ำ
ขอ ให้ ได้ค่ำมำ
จอด + มีสำมแถว เรี
ยงแนวตรง
สำมจ�ำนวน คงมองเห็น
ชมนก ควรเป็น เช่น
นี้หนำ
ผลบวกใน ทุ
กแนวนั้น เท่
เขียนเสร็จแล้ ำกันนำ
ว ลองตรวจตร
ำ ว่ำเท่ำจริง
พิสูจน์ดู อีก
ที ว่ำที่ท�ำ
ช่ำงเลิศล�้ำ เกิ
ส ว ดได้ แปลกใจ
ย ผ จญ หกตัวใด ใส่ ยิ่ง
สอ น+
ส ว อย่ำงนั้น มั่น
ย+ ให้อ้ำงอิง ทุก ใจจริง
ส ว ย สิ่งมำ อย่ำเก็
ม ว ย แต่ละชุด หกจ
บง�ำ
ขอ ย ล �ำนวน ชวนสงส
จะเลือกวำง ัย
อย่ำงไร ไม่ใ
มีกี่แบบ ที่ต ห้ซ�้ำ
่ำงกัน วำนลอง
ไม่ว่ำน�ำ หกต ท�ำ
ัวใด มำใช้วำง
พยัญชนะแทนเลขโดดโปรดลองคิ
ด
ต่างชนิดต่างเลขกันนั้นแน่หนา
ศูนย์ถึงเก้าตัวต่อตัวอย่ามั่วมา โลยี 1
ิทยาศาสตร์และเทคโน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สถาบันส่งเสริมการสอนว
ลองช่วยหาเลขเด็ดนี้ให้ทีเอย
สถาบันส่ง
เสริมการสอ
นวิทยาศาส
ตร์และเทค
โนโลยี
สถาบันส่งเสริมการสอนวิท
ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
472 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
บรรณานุกรม
ราชบัณฑิตยสถาน. (2546). ศัพท์วิทยาศาสตร์ อังกฤษ–ไทย ไทย–อังกฤษ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพฯ:
อรุณการพิมพ์.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 473
คณะผู้จัดทำ�
คณะที่ปรึกษา
ศ. ดร.ชูกิจ ลิมปิจำ�นงค์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ดร.ศรเทพ วรรณรัตน์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คณะผู้จัดทำ�คู่มือครู
ผศ. ดร.ชนิศวรา เลิศอมรพงษ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
นางนงนุช ผลทวี โรงเรียนทับปุดวิทยา จังหวัดพังงา
ดร.วัลลภา บุญวิเศษ โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จังหวัดอุบลราชธานี
นางรุ่งอรุณ โตหนึ่ง โรงเรียนปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
นายเชิดศักดิ์ ภักดีวิโรจน์ โรงเรียน ภ.ป.ร. ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
จังหวัดนครปฐม
นายถนอมเกียรติ งานสกุล โรงเรียนสตรีภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
นางสุปราณี พ่วงพี ข้าราชการบำ�นาญ
นายสมนึก บุญพาไสว สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นางสาวดนิตา ชื่นอารมณ์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นางสาวจันทร์นภา อุตตะมะ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ดร.รณชัย ปานะโปย สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นางสาววรนารถ อยู่สุข สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นางสาวสิริวรรณ จันทร์กูล สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ดร.อลงกต ใหม่ด้วง สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คณะผู้พิจารณาคู่มือครู
ผศ. ดร.ชนิศวรา เลิศอมรพงษ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
นางนงนุช ผลทวี โรงเรียนทับปุดวิทยา จังหวัดพังงา
ดร.วัลลภา บุญวิเศษ โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จังหวัดอุบลราชธานี
นางรุ่งอรุณ โตหนึ่ง โรงเรียนปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
นายเชิดศักดิ์ ภักดีวิโรจน์ โรงเรียน ภ.ป.ร. ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
จังหวัดนครปฐม
นายถนอมเกียรติ งานสกุล โรงเรียนสตรีภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
นางมยุรี สาลีวงศ์ โรงเรียนสตรีสิริเกศ จังหวัดศรีสะเกษ
นางสาวจำ�เริญ เจียวหวาน ข้าราชการบำ�นาญ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
474 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 2
คณะบรรณาธิการ
นายดนัย ยังคง สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นางสุวรรณา คล้ายกระแส สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ดร.รณชัย ปานะโปย สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นางชมัยพร ตั้งตน นักวิชาการอิสระ
คณะทำ�งานฝ่ายเสริมวิชาการ
ฝ่ายนวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นางวนิดา สิงห์น้อย สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ออกแบบรูปเล่ม
บริษัท เธิร์ดอาย 1999 จำ�กัด
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สถาบันส�งเสริมการสอนวิทยาศาสตร�และเทคโนโลยี
กระทรวงศึกษาธิการ