Professional Documents
Culture Documents
วิชาความรู้เเละลักษณะการเป็นข้าราชการที่ดี
วิชาความรู้เเละลักษณะการเป็นข้าราชการที่ดี
1. ข้ อใดเป็ นหลักการในการบริ หารราชการตาม พรบ. ระเบียบบริ หารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ ไขเพิ่มเติม
ค. เพื่อกระจายอานาจตัดสินใจ ง. ข้ อ ก. และ ข.
จ. ข้ อ ก. , และ ค. ถูก
ก. ความยุติธรรม ข. ความเสมอภาค
ค. ความเท่าเทียมกัน ง. ความมีประสิทธิภาพ
จ. ถูกทุกข้ อ
3. การจัดระเบียบบริ หารราชการแผ่นดินมีรูปแบบใด
จ. ก และ ข
ก. ภารกิจที่รับผิดชอบ ข. ประสิทธิภาพของส่วนราชการ
จ. ถูกทุกข้ อ
ก. กระทรวง ข. ทบวง
ค. ส่วนราชการที่ชื่อเรี ยกอย่างอื่นมีฐานะเป็ นกรม แต่ไม่ได้ สงั กัดกระทรวงหรื อทบวง
7. โดยทัว่ ไปการจัดการจัดตัง้ การรวม การโอน กระทรวง ทบวง กรม จะต้ องตราเป็ นกฎหมายในลาดับใด
ก. พระราชบัญญัติ ข. พระราชกาหนด
ค. พระราชกฤษฎีกา ง. กฎกระทรวง
จ. ระเบียบกระทรวง
8. ข้ อใดผิด
ค. สานักงบประมาณ ง. ข้ อ ก. ข. และ ค.
จ. ข้ อ ข. และ ค.
ก. พระราชบัญญัติ ข. พระราชกฤษฎีกา
ค. พระราชกาหนด ง. กฎกระทรวง
จ. ระเบียบกระทรวง
11. กรณีที่กรมส่งเสริ มการปกครองท้ องถิ่น หมดความจาเป็ น หากต้ องการที่จะยุบกรมดังกล่าว จะต้ องตราเป็ นกฎหมาย
ใด
ก. พระราชบัญญัติๆ ข. พระราชกฤษฎีกา
ค. พระราชกาหนด ง. กฎกระทรวง
จ. ระเบียบกระทรวง
ก. พระราชบัญญัติ ข. พระราชกฤษฎีกา
ค. พระราชกาหนด ง. กฎกระทรวง
จ. ระเบียบกระทรวง
13. ข้ อใดกล่าวผิดเกี่ยวกับการยุบเลิกกรม
จ. ข้ อ ข. และ ค.
ค. สานักงานพัฒนาระบบราชการ ง. สานักงบประมาณ
จ. ข้ อ ก. และ ข.
ก. นายกรัฐมนตรี ข. ปลัดสานักนายกรัฐมนตรี
จ. ข้ อ ก. ข. และ ค. ถูก
ก. ม. 8 11 ข้ อ ข. ม. 11 ข้ อ
ค. ม.10 10 ข้ อ ง. ม.11 9 ข้ อ
จ. ม.11 11 ข้ อ
ค. สัง่ ให้ ราชการส่วนท้ องถิ่นรายงานการปฏิบตั ิราชการ ง. สัง่ สอบสวนข้ อเท็จจริ งเกี่ยวกับการปฏิบตั ิราชการ
ของราชการส่วนท้ องถิ่น จ. ค. และ ง. กล่าวผิด
ก. ราชการส่วนกลาง ข. ราชการส่วนภูมิภาค
จ. ยับยังได้
้ ทงั ้ ก. ข. และ ค.
ก. ไม่สามารถยับยังเป็
้ นอิสระของราชการส่วนท้ องถิ่นตามหลักการปกครองตนเอง
ข. ยับยังได้
้ หากราชการส่วนท้ องถิ่นกระทาการก่อให้ เกิดความเสียหายต่อท้ องถิ่น
ง. ข้ อ ข. และ ค.
จ. ข้ อ ก. และ ค.
21. ข้ อใดมิได้ เป็ นอานาจการบังคับของนายกรัฐมนตรี
ก. มีอานาจบังคับบัญชาปลัดกระทรวงมหาดไทย
ข. มีอานาจบังคับบัญชาปลัดสานักนายกรัฐมนตรี
ง. ข้ อ ก. และ ค. ถูก
จ. ไม่มีข้อถูก
22.ข้ อใดผิด
ค. แต่งตังรองอธิ
้ บดีกรมส่งเสริ มการปกครองท้ องถิ่น ไปดารงตาแหน่งอธิบดีกรมการปกครอง โดยให้ รับเงินเดือน
จากกรมการปกครอง
ง. แต่งตังอธิ
้ บดีกรมทางหลวงชนบทไปดารงตาแหน่งอธิบดีกรมการปกครองโดยอนุมตั ิคณะรัฐมนตรี
จ. ไม่มีข้อใดผิด
23. ระเบียบปฏิบตั ิราชการที่นายกรัฐมนตรี ได้ วางขึ ้น เพื่อการบริ หารราชการแผ่นดินเป็ นไปโดยรวดร็ วและมีป ระสิทธิภาพ
ตามระเบียบบริ หารราชการแผ่นดินกาหนดให้ มีผลใช้ บงั คับเมื่อใด
ก. ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ ว
ง. มีผลบังคับตามที่ระบุไว้ ในระเบียบ
จ. ข้ อ ก ข และ ค
ก. ราชการทางการเมือง ข. ราชการของรัฐสภา
จ. ถูกทุกข้ อ
ก. เลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ข. รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ค. ผู้ช่วยเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ง. ข้ อ ข. และ ค.
จ. ไม่มีข้อใดถูก
27. ข้ อใดมิใช่อานาจของปลัดสานักนายกรัฐมนตรี
ก. รับผิดชอบควบคุมราชการประจาในสานักนายกรัฐมนตรี
ข. รับผิดชอบกาหนดแนวทางและแผนปฏิบตั ิราชการของสานักนายกรัฐมนตรี
ก. ผู้ช่วยเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข. ผู้ช่วยปลัดสานักนายกรัฐมนตรี
ค. ผู้ช่วยเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ง. ผู้ช่วยปลัดกระทรวง
จ. ข้ อ ข. และ ง.
ก. สานักนายกรัฐมนตรี ข. สานักงานปลัดกระทรวง
ค. สานักงานเลขานุการรัฐมนตรี ง. ข้ อ ก. และ ข.
จ. ข้ อ ก. และ ค.
30. การจัดตังส
้ านักนโยบายและแผน เป็ นส่วนราชการภายในกระทรวง จะสามารถกระทาได้ โดยวิธีใด
ก. ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี ข. ผู้ช่วยปลัดสานักนายกรัฐมนตรี
จ. ข้ อ ค. และ ง.
32. การกาหนดในส่วนราชการระดับกรมตังแต่
้ สองกรมขึ ้นไป อยู่ภายใต้ กลุ่มภารกิจเดียวกัน สามารถกระทาได้ โดย
อาศัยกฎหมายใด
ก. พระราชกฤษฎีกา ข. ระเบียบกระทรวง
ก. รองปลัดกระทรวง ข. อธิบดี
ค. ผู้ช่วยปลัดกระทรวง ง. ข้ อ ก. และ ข.
จ. ถูกทุกข้ อ
ก. รัฐมนตรี ข. ปลัดกระทรวง
ก. รัฐมนตรี ข. ปลัดกระทรวง
จ. ข้ อ ข. ค. และ ง.
36. ตาม พ.ร.บ. ระเบียบบริ หารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 หากกระทรวงใดมิได้ จดั ให้ มีกลุม่ ภารกิจ และ
ปริ มาณงานมาก จะสามารถมีรองปลัดกระทรวงได้ กี่คน
ก. 1 คน ข. 2 คน
ค. 3 คน ง. 4 คน
จ. ไม่มีข้อถูก
ก. ด้ านกิจการความมัน่ คงภายใน
ง. ด้ านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง
จ. ข้ อ ข. และ ง
ง. ทุ ก กลุ่ม ภารกิ จ ปฏิ บัติ ร าชการขึ น้ ตรงต่ อ รั ฐ มนตรี เ ว้ นแต่ ด้ านกิ จ การความมั่น คงภายในขึ น้ ตรงต่ อ
ปลัดกระทรวง
จ. ผิดทุกข้ อ
ก. สานักนายกรัฐมนตรี
ข. สานักงานปลัดกระทรวง
ค. กรม
ง. ข้ อ ก. และ ข.
จ. ต้ องมีหมดทังข้
้ อ ก. และ ค.
ก. ราชการทางเมือง
ข. ราชการทัว่ ไปของกระทรวง
ง. ข้ อ ก. และ ข.
จ. ข้ อ ก. และ ค.
ก. ราชการทางเมือง
ข. ราชการทัว่ ไปของกระทรวง
ง. เร่งรัดการปฏิบตั ิราชการของส่วนราชการในกระทรวง
จ. ก และ ง
ก. สานักงานเลขานุการกรม
ข. กอง
ค. ส่วนราชการที่มีฐานะเทียบกอง
ง. ข้ อ ก. และ ข.
จ. ถูกทุกข้ อ
44. กรณี ที่ มี ก ฎหมายอื่ น ก าหนดหน้ าที่ ข องอธิ บ ดี ไ ว้ เป็ นการเฉพาะ กา รใช้ อ านาจและการปฏิ บัติ ห น้ าที่ ต าม
กฎหมายดังกล่าว อธิบดีจะต้ องคานึงถึง...
ง. ก และ ค
จ. ข้ อ ก ข และ ค
45. กระทรวงใดมีเหตุพิเศษ ต้ องการแบ่งท้ องที่ออกเป็ นเขต และให้ มีหวั หน้ าส่วนราชการประจาเขต สามารถทาได้ โดย
อาศัยกฎหมายใด
ก. พระราชบัญญัติ
ข. ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี
ค. พระราชกฤษฎีกา
ง. กฎกระทรวง
จ. มติคณะรัฐมนตรี
46. การที่กรมใด จะต้ องแบ่งท้ องที่ออกเป็ นเขตและให้ มีหวั หน้ าส่วนราชการประจาเขต มีวตั ถุประสงค์ในการแบ่งอย่างใด
ก. เพื่อปฏิบตั ิทางการเงิน
ข. เพื่อปฏิบตั ิงานวิชาการ
ค. เพื่อปฏิบตั ิงานตรวจสอบ
ง. เพื่อปฏิบตั ิงานการวิจยั
จ. ข้ อ ข. และ ค.
47. การแบ่งท้ องที่ออกเป็ นเขตเพื่อให้ มีหวั หน้ าส่วนราชการประจาเขตปฏิบตั ิงานทางวิชาการไม่บงั คับใช้ แก่สว่ นราชการ
ใดต่อไปนี ้
ก. กระทรวงต่างประเทศ
ข. สานักงานตารวจแห่งชาติ
ค. สานักงานอัยการสูงสุด
ง. ข้ อ ข. และ ค.
จ. ถูกทุกข้ อ
48. การที่กระทรวง ทบวง กรมใด จะกาหนดให้ มีผ้ ตู รวจราชการของกระทรวง ทบวง กรม ต้ องพิจารณาจากสิง่ ใด
ก. ลักษณะงานที่มีการตรวจสอบ
ข. สภาพและประมาณของงาน
ค. ภารกิจที่รับผิดชอบ
ง. ข้ อ ข. และ ค.
จ. ถูกทุกข้ อ
ง. ข้ อ ก. และ ค. ถูก
จ. ถูกทุกข้ อ
ง. ข้ อ ข. และ ค. ไม่ถกู ต้ อง
จ. ข้ อ ก, ข และ ค. ไม่ถกู ต้ อง
ก. นายกรัฐมนตรี
ค. ปลัดสานักนายกรัฐมนตรี
ง. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
จ. ก และ ค
52. ข้ อใดกล่าวผิดเกี่ยวกับกสนมอบอานาจ(ยกเลิกแล้ ว)
จ. ข้ อ ก. และ ง.
จ. ไม่มีข้อผิด
ก. สามารถมอบอานาจได้ ทนั ที
จ. ผิดทุกข้ อ
ข. กาหนดหลักเกณฑ์มอบอานาจไว้ ในพระราชกฤษฎีกา
ง. ข้ อ ข. และ ค. ถูก
จ. ก ข และ ค
ข. กรณีนายกรัฐมนตรี ไม่อาจปฏิบตั ิราชการได้ ให้ คณะรัฐมนตรี มอบอานาจให้ รัฐมนตรี คนใดคนหนึง่ เป็ นผู้รักษา
ราชการแทน
จ. ข้ อ ค. และ ง.
59. กรณีที่ปลัดกระทรวงไม่อาจปฏิบตั ิราชการแทนได้ และไม่มีรองปลัดกระทรวงหรื อมีแต่ไม่อาจปฏิบตั ิราชการได้ ข้ อใด
กล่าวถูกต้ องเกี่ยวกับการรักษาราชการแทนปลัดกระทรวง
ค. ให้ ปลัดกระทรวงแต่งตังข้
้ าราชการในกระทรวงซึ่งดารงตาแหน่งไม่ต่ากว่าอธิ บดีหรื อเทียบเท่าเป็ นผู้รักษา
ราชการแทน
ก. ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี ผ้ มู ีความอาวุโส
จ. ข้ อ ข. และ ง.
61. ในกรณีที่ไม่มีผ้ ดู ารงตาแหน่งรองปลัดกระทรวง หรื อมี แต่ไม่อาจปฏิบตั ิราชการได้ ใครจะเป็ นผู้รักษาราชการ แทน
ข้ อใดกล่าวถูกต้ อง
ก. พระราชบัญญัติระเบียบบริ หารราชการแผ่นดินมิได้ บญ
ั ญัติกรณีดงั กล่าวนี ้ไว้
ข. ปลัดกระทรวงจะแต่งตังข้
้ าราชการในกระทรวงซึ่งดารงตาแหน่งไม่ต่ากว่าอธิ บดีหรื อเทียบเท่าเป็ นผู้รักษา
ราชการแทน
ค. ปลัดกระทรวงแต่งตังข้
้ าราชการในกระทรวงซึ่งดารงตาแหน่งไม่ต่ากว่าผู้นวยการกองหรื อเทียบเท่าเป็ น
ผู้รักษาราชการแทน
ง. รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงจะแต่งตังข้
้ าราชการในกระทรวงซึง่ ดารงตาแหน่งไม่ต่ากว่าอธิบดีหรื อเทียบเท่าเป็ น
ผู้รักษาราชการแทน
ก. กรณีที่มีรองอธิบดีหลายคนให้ ปลัดกระทรวงแต่งตังรองอธิ
้ บดีคนใดคนหนึง่ เป็ นผู้รักษาราชการแทน
ง. ข้ อ ก. และ ข.
จ. ข้ อ ข. และ ค. ผิด
63. การรักษาราชการแทนตาม พ.ร.บ. ระเบียบบริ หารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ไม่ใช้ บงั คับแก่สว่ นราชการใด
ก. กระทรวงศึกษาธิการ
ข. กระทรวงการคลัง
ค. สานักงานตารวจแห่งชาติ
ง. กระทรวงกลาโหม
จ. ค และ ง
ก. เลขานุการกรมการปกครองออกคาสัง่ แต่งตังหั
้ วหน้ าฝ่ ายคนใดคนหนึง่ เป็ นผู้รักษาราชการแทน
ข. อธิบดีออกคาสัง่ แต่งตังหั
้ วหน้ าฝ่ ายคนใดคนหนึง่ เป็ นผู้รักษาราชการแทน
ค. อธิบดีออกคาสัง่ แต่งตังข้
้ าราชการในกรมคนใดคนหนึ่งซึ่งดารงตาแหน่งไม่ต่ากว่าหัวหน้ ากองหรื อเทียบเท่า
เป็ นผู้รักษาราชการแทน
ง. ข้ อ ข. และ ค. ถูก
จ. ผิดทุกข้ อ
ค. กรณีที่มีกฎหมายอื่นแต่งตังให้
้ ผ้ ดู ารงตาแหน่งเป็ นกรรมการหรื อให้ มีอานาจหน้ าที่อย่างใด ผู้รักษาราชการ
แทนย่อมมีอานาจหน้ าที่เป็ นกรรมการหรื อมีอานาจหน้ าที่เช่นเดียวกับผู้ดารงตาแหน่งนัน้
จ. ข้ อ ก. ถึง ค. ถูก
66. "หัวหน้ าคณะผู้แทน" ตาม พ.ร.บ. ระเบียบบริ หารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) 2545
โดยทัว่ ไปเป็ นข้ าราชการสังกัดส่วนราชการใด
ก. สานักนายกรัฐมนตรี
ข. กระทรวงการต่างประเทศ
ค. กระทรวงกลาโหม
จ. กระทรวงพาณิชย์
67. กรณี ที่ปลัดกระทรวงมหาดไทย จะมอบอานาจเรื่ องใดเรื่ องหนึ่งให้ หัวหน้ าคณะผู้แทนในการบริ หารราชการใน
ต่างประเทศ ตาม พ.ร.บ. ระเบียบบริ หารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 จะต้ อง
ทาอย่างไร
จ. ไม่มีข้อใดถูก
ก. จังหวัด อาเภอ
จ. ไม่มีข้อใดถูก
69. จังหวัดสุรินทร์ มีพื ้นที่ 10,000 ตารางเมตร หากต้ องการจะแบ่งเขตพื ้นที่ ของบางอาเภอจานวน 1,000 ตารางเมตร
ให้ เป็ นของจังหวัดบุรีรัมย์ จะต้ องทาอย่างไร
ข. ตราเป็ นพระราชกฤษฎีกา
ค. ตราเป็ นพระราชกาหนด
ง. ตราเป็ นพระราชบัญญัติ
จ. ออกเป็ นกฎกระทรวง
70. หน่วยงานใดสามารถยื่นคาขอจัดตังงบประมาณได้
้ ตามกฎหมายว่าด้ วยวิธีการและงบประมาณ
ก. จังหวัด
ข. กลุม่ จังหวัด
ค. อาเภอ
ง. ก และ ข
จ. ถูกทุกข้ อ
ก. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในจังหวัด
ข. สภาจังหวัด
ค. คณะกรรมการจังหวัด
ง. คณะกรรมการธรรมภิบาลจังหวัด
จ. ค และ ง
ก. 6 ข้ อ
ข. 7 ข้ อ
ค. 8 ข้ อ
ง. 9 ข้ อ
จ. 5 ข้ อ
73. ข้ อใดกล่าวผิดเกี่ยวกับคณะกรรมการจังหวัด
ค. ผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นสมควรจะแต่งตังให้
้ หวั หน้ าส่วนราชการประจาจังหวัดซึ่งปฏิบตั ิหน้ าที่ในราชการส่วน
ภูมิภาคคนหนึง่ หรื อหลายคนเป็ นกรมการจังหวัดเพิ่มขึ ้นเฉพาะการปฏิบตั ิหน้ าที่ด้านใดด้ านหนึง่ ก็ได้
จ. ข และ ง กล่าวผิด
ก. ให้ ความเห็นชอบในการจัดทาแผนพัฒนาจังหวัด
ง. ถูกเฉพาะข้ อ ข. และ ค.
จ. ก ข และ ค
--------------------------------------------------
เฉลยพระราชบัญญัติระเบียบบริ หารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และแก้ ไขเพิ่มเติม
1. จ. 30. ง 59. ก
2. ง. 31. จ 60. ข
3. ง 32. จ 61. ค
4. ค 33. ง 62. ข
5. จ 34. ง 63. ง
6. ก 35. จ 64. ค
7. ก 36. ข 65. จ
8. ข 37. จ 66. ข
9. จ 38. ข 67. ง
17. ง 46. ข
18. ค 47. ค
19. จ 48. ข
20. ค 49. ค
21. ค 50. ง
22. ค 51. ก
23. ข 52. ก
24. ง 53. จ
25. ง 54. ง
26. จ 55. ก
27. ค 56. ง
28. ง 57. ง
29. ก 58. ง
แนวข้ อสอบ พระราชกฤษฎีกาว่าด้ วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริ หารกิจการบ้ านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 แก้ ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2
(พ.ศ. 2562)
ค. เพื่อลดขันตอนการปฏิ
้ บตั ิงาน
ง. เพื่อปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการ
ข้ อ 2. แผนปฏิบตั ิราชการของส่วนราชการมีระยะเวลากี่ปีตามกฎหมายใหม่
ก. 1 ปี
ข. 3 ปี
ค. 5 ปี
ง. 7 ปี
ข้ อ 3. แผนปฏิบตั ิราชการตามข้ อ 2. มีห้วงระยะเวลาตามข้ อใด
ข. ประชาชนเป็ นศูนย์กลาง
ง. การบริ หารราชการแบบบูรณาการ
ข้ อ 5. พระราชกฤษฎีกาว่าด้ วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริ หารกิจการบ้ านเมืองที่ดี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 มีผลใช้ บงั คับ
ตังแต่
้ เมื่อใด
ก. ปลัดกระทรวง
ข. รัฐมนตรี
ค. สานักงบประมาณ
ง. คณะรัฐมนตรี
ง. ถูกทุกข้ อ
ก. รัฐมนตรี
ข. คณะรัฐมนตรี
ค. ก.พ.ร.
ง. นายกรัฐมนตรี
ก. ตรวจสอบ
ข. ถ่วงดุล
ค. กากับดูแล
ง. กาหนดนโยบาย
ก. นายกรัฐมนตรี
ข. รัฐมนตรี
ค. เลขาธิการ ก.พ.ร.
ง. ผู้อานวยการสานักงบประมาณ
ก. โดยปกติทาเป็ นคาสัง่
ค. โดยปกติทาเป็ นลายลักษณ์อกั ษร
ก. 7 วัน
ข. 15 วัน
ค. 30 วัน
ง. 60 วัน
ง. ไม่มีข้อใดถูกต้ อง
ง. ข้ อ ก. และ ค. ถูกต้ อง
ก. ประชาชนได้ รับการอานวยความสะดวก
ค. ทังข้
้ อ ก. และ ข.
ง. เกิดประโยชน์สขุ ของประชาชน
ข้ อ 17. พระราชกฤษฎีกาว่าด้ วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริ หารกิจการบ้ านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 มีผลใช้ บงั คับตังแต่
้ เมื่อใด
ก. หน่วยงานในกากับของกระทรวง
ข. รัฐวิสาหกิจที่จดั ตังตามพระราชบั
้ ญญัติ
ค. รัฐวิสาหกิจที่จดั ตังตามพระราชกฤษฎี
้ กา
ง. องค์กรปกครองส่วนท้ องถิ่น
ข้ อ 19. "การกาหนดเป้าหมาย แผนการทางาน ระยะเวลาแล้ ว เสร็ จ งบประมาณ และเผยแพร่ ให้ ทราบทัว่ กัน" ถือเป็ น
หลักเกณฑ์การบริ หารราชการเกี่ยวกับเรื่ องใด
ก. ประโยชน์สดุ
ข. อานวยความสะดวก
ค. ผลสัมฤทธิ์
ง. ประสิทธิภาพ
ก. ปลัดกระทรวง
ค. ผู้ตรวจราชการกระทรวง
ง. ผู้ตรวจราชการกรม
ก. ประโยชน์สขุ ของประชาชน
ข. ไม่มีขนตอนการปฏิ
ั้ บตั ิงานเกินความจาเป็ น
ก. สะดวก
ข. รวดเร็ ว
ค. คุ้มค่า
ง. ไม่มีข้อถูก
ก. ก.พ.ร.
ข. รมต.
ค. ครม.
ง. กพ.
ก. รักษาความมัน่ คงของรัฐ
ข. รักษาความมัน่ คงของเศรษฐกิจ
ค. รักษาผลประโยชน์สว่ นรวมของประชาชน
ง. ถูกทุกข้ อ
ก. ก.พ.ร.
ข. สานักงบประมาณ
ค. รัฐมนตรี
ง. คณะรัฐมนตรี
ข้ อ 26. บทบัญญัติตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้ วยหลัก เกณฑ์ และวิ ธีการบริ หารกิ จการบ้ า นเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 แบ่ง
ออกเป็ นกี่หมวด
ก. 7 หมวด
ข. 8 หมวด
ค. 9 หมวด
ง. 10 หมวด
ง. ถูกทุกข้ อ
ข้ อ 28. กรณี ส่วนราชการที่ได้ รั บการเสนอแนะให้ ด าเนินการแก้ ไข ปรั บปรุ ง หรื อยกเลิก กฎหมาย ไม่เ ห็นด้ วยกับค า
เสนอแนะ จะต้ องเสนอเรื่ องให้ บคุ คลใดพิจารณาวินิจฉัย
ก. คณะกรรมการพัฒนากฎหมาย
ข. คณะกรรมการกฤษฎีกา
ค. คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย
ง. คณะรัฐมนตรี
ข้ อ 29. กรณีสว่ นราชการมิได้ กาหนดระยะเวลาแล้ วเสร็ จของงานใดไว้ หรื อกาหนดไว้ แต่เป็ นระยะเวลาที่ลา่ ช้ าเกินสมควร
กฎหมายให้ อานาจบุคคลสามารถกาหนดเวลาแล้ วเสร็ จให้ สว่ นราชการนันปฏิ้ บตั ิได้
ก. กพ.
ข. กพค.
ค. ก.พ.ร.
ง. ครม.
ข้ อ 30. ส่วนราชการมีหน้ าที่ตอบคาถามหรื อแจ้ งการดาเนินการตามที่ได้ รับการติดต่อสอบถามเป็ นหนังสือจากประชาชน
ภายในกี่วนั
ก. 7 วัน
ข. 15 วัน
ค. 30 วัน
ง. 60 วัน
ก. คุ้มครองสิทธิสว่ นบุคคล
ค. รักษาความมัน่ คงทางเศรษฐกิจ
ง. ถูกทุกข้ อ
ค. บูรณาการการทางาน
ก. การลดขันตอนการปฏิ
้ บตั ิงาน
ข. เกิดผลสัมฤทธิ์ตอ่ ภารกิจของรัฐ
ค. เกิดประโยชน์สขุ ของประชาชน
ง. เกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ
ข้ อ 34. จากข้ อ 33 บุคคลใดมีหน้ าที่ดแู ลให้ ความช่วยเหลือในการจัดทาหลักเกณฑ์ดงั กล่าว
ข. กระทรวงมหาดไทย
ค. ก.พ.ร. ง. ครม.
ก. สานักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน)
ข. สานักงานส่งเสริ มเศรษฐกิจดิจิทลั
ค. สานักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทลั (องค์การมหาชน)
ง. สานักงานคณะกรรมการดิจิทลั เพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เฉลย
ข้ อ 4. ตอบ ค. ดูมาตรา 7
ข้ อ 5. ตอบ ก. พระราชกฤษฎีก าว่าด้ ว ยหลักเกณฑ์ และวิ ธีการบริ หารกิ จการบ้ านเมือ งที่ดี (ฉบับ ที่ 2) พ.ศ. 2562
ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 136/ตอนที่ 56 ก/หน้ า 253/30 เมษายน 2562 โดยมาตรา 2 กาหนดให้ ใช้ บงั คับ
ตังแต่
้ วนั ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็ นต้ นไป
1. วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
2. ก่อนวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
3. วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
4. ไม่มีข้อใดถูก
4. การปฏิบตั ิตามพระราชกฤษฎีกานี ้ จะปฏิบตั ิเมื่อใด และต้ องมีเงื่อนไขอย่างใด ให้ เป็ นไปตามที่ผ้ ใู ดกาหนด
1. เลขาธิการรัฐมนตรี กาหนด 2. เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กาหนด
5. การปฏิบตั ิตามพระราชกฤษฎีกานี ้จะปฏิบตั ิเมื่อใด และต้ องมีเงื่อนไขอย่างใด ให้ เป็ นไปตามที่ผ้ ใู ดเสนอ
3. ถูกทังข้
้ อ 1. และ 2.
4. ไม่มีข้อใดถูก
1. รัฐวิสาหกิจที่จด
ั ตังขึ
้ ้นโดยพระราชบัญญัติ
2. รัฐวิสาหกิจที่จด
ั ตังขึ
้ ้นโดยพระราชกฤษฎีกา
3. รัฐวิสาหกิจที่จด
ั ตังขึ
้ ้นโดยกฎกระทรวง
4. ถูกหมดทัง้ 1. และ 2.
1. พนักงาน 2. ลูกจ้ าง
3. ผู้ปฏิบต
ั ิงานในส่วนราชการ 4. ถูกทุกข้ อ
1. นายกรัฐมนตรี 2. รองนายกรัฐมนตรี
3. คณะรัฐมนตรี 4. ปลัดสานักนายกรัฐมนตรี
1. เกิดประโยชน์สขุ ของประชาชน
2. เกิดผลสัมฤทธิ์ตอ่ ภารกิจของรัฐ
3. มีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ
4. ถูกหมดถูกข้ อ
1. ไม่มีขนตอนการปฏิ
ั้ บตั ิงานเกินความจาเป็ น
2. มีการปรับปรุ งภารกิจของส่วนราชการให้ ทน
ั ต่อสถานการณ์
4. ถูกหมดทุกข้ อ
1. ประชาชนเป็ นมิตรกับส่วนราชการ
4. ถูกหมดทุกข้ อ
1. เพื่อประโยชน์สขุ ของประชาชน
3. เพื่อประโยชน์สขุ ของหน่วยงานราชการ
4. ถูกหมดทุกข้ อ
1. เพื่อประโยชน์สขุ ของประชาชน
4. ถูกหมดทุกข้ อ
3. ถูกทังข้
้ อ 1. และ 2.
4. ไม่มีข้อใดถูก
4. รี บทาหนังสือปรึ กษาคณะรัฐมนตรี
1. เกิดผลสัมฤทธิ์ตอ่ ภารกิจของรัฐ
2. เกิดประโยชน์สขุ ของประชาชน
3. มีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ
4. เพื่อลดขันตอนการปฏิ
้ บตั ิงาน
1. ระยะเวลาและงบประมาณ 2. ผลสัมฤทธิ์ของภารกิจ
ทางเศรษฐกิจพอเพียง
มีประสิทธิภาพ
4. เพื่อให้ ประชาชนทังในและต่
้ างประเทศสามารถใช้ อานาจตามกฎหมายได้ ครบถ้ วนตาม
4. ถูกทุกข้ อ
1. ส่วนราชการ 2. รมต.
31. คณะรั ฐมนตรี จัด ให้ มีแ ผนการบริ หารราชการแผ่นดิน ตลอดระยะเวลาการบริ หารราชการของคณะรั ฐ มนตรี เมื่อ
คณะรั ฐ มนตรี ไ ด้ แ ถลงนโยบายต่ อ รั ฐ สภาแล้ ว หน่ ว ยงานใดมี ห น้ า ที่ จัด ท าแผนการบริ ห ารราชการแผ่ น ดิ น เสนอ
คณะรัฐมนตรี
1. สานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
2. สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
3. สานักงบประมาณ
4. ถูกทุกข้ อ
1. 30 วันนับแต่วน
ั ที่คณะรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อรัฐสภา
2. 60 วันนับแต่วน
ั ที่คณะรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อรัฐสภา
3. 90 วันวันนับแต่วน
ั ที่คณะรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อรัฐสภา
4. 120 วันนับแต่วน
ั ที่คณะรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อรัฐสภา
33. ผลจากข้ อ 32. เมื่อคณะรัฐมนตรี ให้ ความเห็นชอบในแผนการบริ หารราชการแผ่นดินตามข้ อ 32. แล้ วจักมีผลการใด
แผ่นดินนัน้
1. สานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และสานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
2. สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิ จและสังคมแห่งชาติ
3. สานักงบประมาณ
4. ถูกทุกข้ อ
35. เมื่ อ คณะรั ฐ มนตรี ได้ แ ถลงนโยบายต่อ รั ฐ สภาแล้ ว ส่ว นราชการต้ อ งจัด ทาแผนการบริ หารราชการแผ่ นดิ น เสนอ
คณะรัฐมนตรี พิจารณาภายในกี่วนั
1. วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
2. วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
3. วันที่คณะรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อรัฐสภา
4. ถูกทุกข้ อ
1. 3 ปี 2. 4 ปี 3. 5 ปี 4. 6 ปี
1. สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
2. สานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
4. ไม่มีข้อใดถูก
40. แผนนิติบญ
ั ญัติ ตามข้ อ 39. มีรายละเอียดอะไรบ้ าง
2. มีรายละเอียดเกี่ยวกับกฎหมายที่ต้องมีการแก้ ไขเพิ่มเติม
ส่วนราชการผู้รับผิดชอบและระยะเวลาที่ต้องดาเนินการ
4. ถูกทุกข้ อ
เฉลยแนวข้ อสอบ พระราชกฤษฎีกาว่ าด้ วยหลักเกณฑ์ และวิธีการบริ หารกิจการบ้ านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 แก้ ไข
เพิ่มเติม ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2562)
3. คาตอบ 3 วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
4. คาตอบ 4 คณะรัฐมนตรี กาหนด
31. คาตอบ 4 ทุกข้ อที่กล่าวมาต้ องร่ วมกันจัดทาแผน เสนอคณะรัฐมนตรี (หมวดที่ 3 มาตรา 13)
ก. รัฐสภาและคณะรัฐมนตรี
ข. องค์กรที่ใช้ อานาจตามรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะ
ง. ถูกทุกข้ อ
ก. วิธีปฏิบตั ิราชการทางปกครอง
ข. การปฏิบตั ิราชการทางปกครอง
ค. วิธีการปฏิบตั ิราชการทางปกครอง
ง. ไม่มีข้อถูก
ก. ขันตอนการพิ
้ จารณาทางปกครอง
ข. การพิจารณาทางปกครอง
ค. เตรี ยมการพิจารณาทางการปกครอง
ง. ดาเนินการพิจารณาทางการปกครอง
ก. การขึ ้นทะเบียน
ข. การออกกฎ
ค. การลงโทษ
ง. ไม่มีข้อถูก
ก.ระเบียบ
ข.กฎ
ค.กฎหมาย
ง.ข้ อบังคับ
6. คณะกรรมการที่จด
ั ตังขึ
้ ้นตามกฎหมายที่มีการจัดองค์กรและวิธีพิจารณาสาหรับการวินิจฉัยชี ้ขาดสิทธิและหน้ าที่ตาม
กฎหมายเป็ นความหมายของคณะกรรมการใด
ก. คณะกรรมการวินิจฉัยข้ อพิพาท
7. บุคคลคณะบุคคลหรื อนิติบค
ุ คลซึง่ ใช้ อานาจหรื อได้ รับมอบให้ ใช้ อานาจทางปกครองของรัฐในการดาเนินการอย่างหนึ่ง
อย่างใดตามกฎหมายไม่ว่าจะเป็ นการจัดตังขึ
้ ้นตามระบบราชการ รัฐวิสาหกิ จหรื อกิ จการอื่นของรั ฐหรื อไม่ก็ตามเป็ น
ความหมายของข้ อใด
ก. เจ้ าพนักงาน
ง. ข้ าราชการ
8. ผู้ยื่นคาขอหรื อผู้คด
ั ค้ านคาขอผู้อยู่ในบังคับหรื อจะอยู่ในบังคับของคาสัง่ ทางปกครองและผู้ซึ่งได้ เข้ ามาในกระบวนการ
พิจารณาทางปกครองเนื่องจากสิทธิ์ของผู้นนจะถู
ั ้ กกระทบกระเทือนจากผลของคาสัง่ ทางปกครองเป็ นความหมายของ ข้ อ
ใด
ก. คูพ่ ิพาท
ข. คูก่ รณี
ค. ผู้ต้องคาสัง่ ทางปกครอง
ง. ผู้เสียประโยชน์
9. ผู้ใดรักษาการตามพระราชบัญญัตินี ้
ก. รัฐมนตรี ประจาสานักนายกรัฐมนตรี
ค. นายกรัฐมนตรี
ก. กฎกระทรวงและคาสัง่
ข. กฎกระทรวงและประกาศ
ค. ประกาศและคาสัง่
ง.ไม่มีข้อถูก
ก. นายกรัฐมนตรี
ข. รัฐสภา
ค. คณะรัฐมนตรี
ง. ถูกทุกข้ อ
12. ผู้ใด แต่งตังเลขานุ
้ การและผู้ช่วยเลขานุการ คณะกรรมการวิธีปฏิบตั ิราชการทางปกครอง
ข. เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา
ค. นายกรัฐมนตรี
ง. ไม่มีข้อถูก
ก. สานักงานคณะกรรมการข้ าราชการพลเรื อน
ข. สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ค. สานักงานเลขานุการนายกรัฐมนตรี
ง. สานักงาน คณะรัฐมนตรี
ค. เป็ นเจ้ าหนี ้หรื อลูกหนี ้หรื อเป็ นนายจ้ างของคูก่ รณี
ง.ถูกทุกข้ อ
ก. การพ้ นจากตาแหน่งเช่นว่านันไม่
้ กระทบกระเทือนถึงการณ์ใดที่ผ้ นู นได้
ั ้ ปฏิบตั ิตามอานาจหน้ าที่
ข. การพ้ นจากตาแหน่งเช่นว่านันให้
้ ถือว่าการปฏิบตั ิหน้ าที่ที่แล้ วมาเป็ นการปฏิบตั ิหน้ าที่โดยมิชอบด้ วยกฎหมาย
ก. คณะรัฐมนตรี
ข. รัฐสภา
ค. นายกรัฐมนตรี
ง. ถูกทุกข้ อ
ก. บุคคลธรรมดา
ข. คณะบุคคล
ค.นิติบคุ คล
ง.ถูกทุกข้ อ
18. ผู้ใดไม่สามารถกระทาการในกระบวนการพิจารณาทางปกครองได้
ก. ผู้ซงึ่ ไม่บรรลุนิติภาวะ
ข. นิติบคุ คล
ค. คณะบุคคล
ง. ไม่มีข้อถูก
ง. ไม่มีข้อถูก
20. หากปรากฏว่า ผู้ไ ด้ รับการแต่ง ตัง้ ให้ ก ระทาการแทนผู้ใ ดไม่ทราบข้ อ เท็จ จริ ง ในเรื่ อ งนัน้ เพีย งพอหรื อ มี เ หตุไม่ค วร
ไว้ วางใจในความสามารถของบุคคลดังกล่าวให้ เจ้ าหน้ าที่แจ้ งให้ คกู่ รณีทราบ โดย..........
ก.ทางโทรศัพท์
ข.อย่างรวดเร็ ว
ค.ไม่ชกั ช้ ก
ง.ทันที
ข. ผู้กระทาแทนที่ได้ รับการแต่งตังไม่
้ สิ ้นสุดหน้ าที่
ค. ผู้กระทาแทนที่ได้ รับการแต่งตังต้
้ องได้ รับการแต่งตัง้ จาก ทายาท
ก. ทายาท
ข. เจ้ าพนักงาน
ง. ผู้รับมรดกสิทธิ์
ก. ภาษาไทย
ง. ถูกทุกข้ อ
ข. ระเบียบงานสารบรรณ
ค. ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กาหนดในกฎกระทรวง
ง. ถูกทุกข้ อ
ก.3 วัน
ข.5 วัน
ค.7 วัน
ง.15 วัน
ข. ข้ อกฎหมายที่อ้างอิง
ง. พยานหลักฐานในการสนับสนุนคาสัง่
31. การออกคาสัง่ ทางปกครองเป็ นหนังสือในเรื่ องใดหากมิได้ มีกฎหมายหรื อกฎกาหนดระยะเวลาในการออกคาสัง่ ทาง
ปกครองในเรื่ องนันไว้
้ เป็ นประการอื่นให้ เจ้ าหน้ าที่ออกคาสัง่ ทางปกครองให้ แล้ วเสร็ จภายในกี่วนั นับแต่วนั ที่เจ้ าหน้ าที่ได้ รับ
คาขอและเอกสารถูกต้ องครบถ้ วน
ก.15 วัน
ข.30 วัน
ค.45 วัน
ง.60 วัน
ก. ทายาทผู้รับมรดก
ข. ผู้จดั การมรดก
ค. ถูกทัง้ ก.ข.
ง. ไม่มีข้อถูก
33. ในกรณีที่เจ้ าหน้ าที่มีคาสัง่ ทางปกครอง ที่กาหนดให้ ชาระเงินถ้ าถึงกาหนดแล้ วไม่มีการชาระโดยถูกต้ องครบถ้ วนให้
เจ้ าหน้ าที่ผ้ ทู าคาสัง่ ทางปกครองมีหนังสือเตือน ให้ ผ้ นู นช
ั ้ าระภายในระยะเวลาที่กาหนดแต่ไม่น้อยกว่ากี่วนั
ก.5 วัน
ข.7 วัน
ค.9 วัน
ง.15 วัน
34. เมื่อมีคาสัง่ เป็ นหนังสือ เตือน ทางปกครองให้ ไปชาระเงิน ถ้ าไม่ได้ บตั รตามคาเตือนเจ้ าหน้ าที่มีมาตรการบังคับทางการ
ปกครองโดย
ง.ถูกทัง้ ข. เเละ ค.
ก.10 ปี
ข.12 ปี
ค.13 ปี
ง. ไม่มีข้อถูก
ง. ถูกทุกข้ อ
ข. เพิกถอนคาสัง่ บางส่วน
ค. คดีถึงที่สิ ้นสุดแล้ ว
ง.ถูกทุกข้ อ
ก. พนักงานเจ้ าหนี ้
ง. ไม่มีข้อถูก
39. ผูที่อยู่ในขันตอนและวิ
้ ธีการเกี่ยวกับการยึด การอายัดและการขายทอดตลาดทรัพย์สิน อยู่ในบังคับของมาตรการ
บังคับทางปกครองหมายถึง
ก. ลูกหนี ้ของหน่วยงานรัฐ
ค. ผู้ต้องชาระหนี ้ของหน่วยงานรัฐ
ง. ลูกหนี ้ตามคาพิพากษา
ก. เจ้ าพนักงานปกครอง
ง. เจ้ าพนักงานบังคับคดีทางปกครอง
41. สารใดไม่อยู่ในภายใต้ บงั คับ การโต้ แย้ งหรื อ การใช้ สิทธิ์ ทางศาลเกี่ ยวกับการยึดการอายัด และการขายทอดตลาด
ทรัพย์สินโดยผู้อยู่ในบังคับของมาตรการบังคับทางปกครองรวมทังบุ
้ คคลภายนอก ผู้มีสว่ นได้ สว่ นเสียเกี่ยวกับทรัพย์สินที่
ถูกยึดหรื ออายัด
ก. ศาลปกครอง
ข. ศาลแรงงาน
ค. ศาลภาษี อากร
ง. ศาลเยาวชนและครอบครัว
ข. ค่าปรับละเมิดคาสัง่ ปกครอง
ค. ค่าปรับทางปกครอง
ง. ค่าปรับ เพื่อชาระการละเมิดทางปกครอง
ก.ร้ อยละ 10
ข.ร้ อยละ 15
ค.ร้ อยละ 20
ง.ร้ อยละ 25
ก.10,000 บาท
ข.20,000 บาท
ค.30,000บาท
4.50,000บาท
ข. วางหนังสือปิ ดหนังสือนันไว้
้ ในที่ซึ่งเห็นได้ ง่าย ณ สถานที่แห่งนันต่
้ อหน้ าเจ้ าพนักงานตามที่กาหนดไว้ ใ นกฎกระทรวงที่
ไปเป็ นพยานก็ถือว่าได้ รับแจ้ งแล้ ว
เฉลย
1.ง 2.ก 3.ข 4.ข 5.ข 6.ก 7.ค 8.ง 9.ค 10.ข
11.ค 12.ข 13.ข 14.ง 15.ก 16.ค 17.ง 18.ก 19.ก 20.ค
21.ข 12.ค 13.ง 24.ค 25.ง 26.ง 27.ค 28.ง 29.ค 30.ง
31.ข 32.ค 33.ข 34.ง 35.ก 36.ง 37.ง 38.ข 39.ง 40.ค
หน้าที่และความรับผิดชอบในการปฏิบตั ิหน้าที่ราชการ
แนวทางการปฏิบตั ิตนของข้าราชการที่ดี
ข้าราชการ คื อ บุ คคลที่ ป ฏิ บตั ิ หน้าที่ ด้วยความเสี ย สละเป็ นที่ พ่ ึง ของประชาชนและทาคุ ณประโยชน์ ต่ อ
ประเทศชาติ โดยยึดถือความถูกต้อง มีจริ ยธรรมในการปฏิบตั ิหน้าที่ มีความซื่ อสัตย์สุจริ ตไม่กระทาตนเล่น
อกทางหรื อประพฤติตนในทางที่เสื่ อมเสี ยต่อหน้าที่การงาน มุ่งประโยชน์ส่วนรวมเป็ นที่ต้ งั ให้สมเกี ยรติ
ศักดิ์ แห่งจรรยาข้าราชการที่ดี
วันที่ 1 เมษายน ของทุกปี จึงกาหนดให้เป็ นวันข้าราชการพลเรื อน เนื่ องจากข้าราชการเป็ นผูท้ ี่ทางาน ต่าง
พระเนตรพระกรรณพระมหากษัตริ ยใ์ นการบริ หารดู แลประชาชน ดัง นั้น การจะเป็ นข้าราชการที่ ดีน้ ัน
นอกจาก การเป็ นคนดี ตามกฎหมายและสังคมแล้วข้าราชการยังต้องมีวินัยและจรรยาข้าราชการที่ให้ถือ
ปฏิบตั ิ ทั้งนี้ เพื่อ ศักดิ์ศรี และความมีเกียรติของตาแหน่งซึ่ งเป็ นสิ่ งสาคัญที่ถือปฏิบตั ิกนั มาแต่อดีต
ข้าราชการที่ ดีนอกจากจะยึดหลักจรรยาข้าราชการที่ กาหนดไว้ในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพล
เรื อนพ.ศ. 2551 แล้ว ยังควรน้อมนาพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลย
เดช พระราชทานแก่ขา้ ราชการพลเรื อน เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2556 มาใช้ในการปฏิบตั ิหน้าที่ดว้ ยความว่า
“ข้าราชการ ไม่ว่าอยูใ่ นตาแหน่งใด ระดับไหนมีหน้าที่อย่างไร ล้วนแต่มีความสาคัญอยูใ่ นงานของแผ่นดิ น
ทั้งสิ้ นทุกคนทุกฝ่ ายจึงไม่ควรจะถือตัวแบ่งแยกกัน หากต้องยกย่องนับถือให้เกี ยรติกนั สมัครสมาน ร่ วมมือ
ร่ วมคิด กันให้การปฏิบตั ิบริ หารงานของแผ่นดิ นดาเนิ นไปอย่างมีเอกภาพ และได้ผลพึงประสงค์ สมบูรณ์
พร้อมทุกส่ วน
ปั จจุบนั จรรยาข้าราชการเป็ นไปตามพระราชบัญญัติ ระเบียบข้าราชการพลเรื อน พ.ศ. 2551 หมวด 5 การ
รักษาจรรยาข้าราชการ มาตรา 78 กาหนดว่าข้าราชการพลเรื อนสามัญ ต้องรักษาจรรยาข้าราชการตามที่ส่วน
ราชการกาหนดในเรื่ องการยึดมัน่ และยืนหยัดทาในสิ่ งที่ถูกต้อง ความซื่ อสัตย์สุจริ ตและความรับผิดชอบการ
ปฏิบตั ิ หน้าที่ดว้ ยความโปร่ งใส ตรวจสอบได้ปฏิบตั ิหน้าที่โดยไม่เลือกปฏิบตั ิ และมุ่งสัมฤทธิ์ ผลของงาน
มาตรา 4 ในพระราชบัญญัติน้ ี
“เจ้าหน้าที่” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง หรื อผูป้ ฏิบตั ิงานประเภทอื่น ไม่วา่ จะเป็ นการแต่งตั้ง
ในฐานะเป็ นกรรมการหรื อฐานะอื่นใด
“หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรื อส่ วนราชการที่เรี ยกชื่ ออย่างอื่นและมีฐานะเป็ น
กรม ราชการส่ วนภูมิภาค ราชการส่ วนท้องถิ่ น และรัฐวิสาหกิ จที่ต้ งั ขึ้ นโดยพระราชบัญญัติหรื อพระราช
กฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐที่มีพระราชกฤษฎีกากาหนดให้เป็ นหน่วยงานของ
รัฐตามพระราชบัญญัติน้ ีดว้ ย
มาตรา 5 หน่ วยงานของรั ฐต้องรั บผิดต่ อผูเ้ สี ยหายในผลแห่ งละเมิดที่เจ้าหน้าที่ ของตนได้ก ระทาในการ
ปฏิบตั ิหน้าที่ ในกรณี น้ ีผเู ้ สี ยหายอาจฟ้ องหน่วยงานของรัฐดังกล่าวได้โดยตรง แต่จะฟ้ องเจ้าหน้าที่ไม่ได้
ถ้า การละเมิ ดเกิ ดจากเจ้า หน้า ที่ ซ่ ึ ง ไม่ ไ ด้สั ง กัดหน่ ว ยงานของรั ฐ แห่ ง ใดให้ถื อ ว่า กระทรวงการคลัง เป็ น
หน่วยงานของรัฐที่ตอ้ งรับผิดตามวรรคหนึ่ง
มาตรา 6 ถ้าการกระทาละเมิดของเจ้าหน้าที่มิใช่การกระทาในการปฏิ บตั ิหน้าที่ เจ้าหน้าที่ตอ้ งรับผิดในการ
นั้นเป็ นการเฉพาะตัว ในกรณี น้ ีผเู ้ สี ยหายอาจฟ้ องเจ้าหน้าที่ได้โดยตรง แต่จะฟ้ องหน่วยงานของรัฐไม่ได้
มาตรา 7 ในคดีที่ผเู ้ สี ยหายฟ้ องหน่ วยงานของรัฐ ถ้าหน่วยงานของรัฐเห็ นว่าเป็ นเรื่ องที่เจ้าหน้าที่ตอ้ งรับผิด
หรื อต้องร่ วมรับผิด หรื อในคดีที่ผเู ้ สี ยหายฟ้ องเจ้าหน้าที่ถา้ เจ้าหน้าที่เห็นว่าเป็ นเรื่ องที่หน่วยงานของรัฐต้อง
รับผิดหรื อต้องร่ วมรับผิด หน่วยงานของรัฐหรื อเจ้าหน้าที่ดงั กล่าวมีสิทธิ ขอให้ศาลที่พิจารณาคดีน้ นั อยูเ่ รี ยก
เจ้าหน้าที่หรื อหน่วยงานของรัฐ แล้วแต่กรณี เข้ามาเป็ นคู่ความในคดี
ถ้าศาลพิพากษายกฟ้ องเพราะเหตุที่หน่ วยงานของรัฐหรื อเจ้าหน้าที่ที่ถูกฟ้ องมิใช่ ผตู ้ อ้ งรับผิด ให้ขยายอายุ
ความฟ้ องร้องผูท้ ี่ตอ้ งรับผิดซึ่ งมิได้ถูกเรี ยกเข้ามาในคดีออกไปถึงหกเดือนนับแต่วนั ที่คาพิพากษานั้นถึงที่สุด
มาตรา 8 ในกรณี ที่ ห น่ ว ยงานของรั ฐต้อ งรั บ ผิด ใช้ค่ า สิ น ไหมทดแทนแก่ ผูเ้ สี ย หายเพื่ อ การละเมิ ด ของ
เจ้าหน้าที่ ให้หน่ วยงานของรั ฐมี สิ ทธิ เรี ย กให้เจ้า หน้าที่ ผูท้ าละเมิ ดชดใช้ค่า สิ นไหมทดแทนดังกล่ าวแก่
หน่วยงานของรัฐได้ถา้ เจ้าหน้าที่ได้กระทาการนั้นไปด้วยความจงใจหรื อประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงสิ ทธิ
เรี ยกให้ชดใช้ค่าสิ นไหมทดแทนตามวรรคหนึ่งจะมีได้เพียงใดให้คานึงถึงระดับความร้ายแรงแห่งการกระทา
และความเป็ นธรรมในแต่ละกรณี เป็ นเกณฑ์โดยมิตอ้ งให้ใช้เต็มจานวนของความเสี ยหายก็ได้
ถ้าการละเมิดเกิ ดจากความผิดหรื อความบกพร่ องของหน่ วยงานของรัฐหรื อระบบการดาเนิ นงานส่ วนรวม
ให้หกั ส่ วนแห่งความรับผิดดังกล่าวออกด้วย
ในกรณี ที่การละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่หลายคน มิให้นาหลักเรื่ องลูกหนี้ ร่วมมาใช้บงั คับและเจ้าหน้าที่แต่ละ
คนต้องรับผิดใช้ค่าสิ นไหมทดแทนเฉพาะส่ วนของตนเท่านั้น
มาตรา 9 ถ้าหน่วยงานของรัฐหรื อเจ้าหน้าที่ได้ใช้ค่าสิ นไหมทดแทนแก่ผเู ้ สี ยหาย สิ ทธิ ที่จะเรี ยกให้อีกฝ่ าย
หนึ่ งชดใช้ค่าสิ นไหมทดแทนแก่ตนให้มีกาหนดอายุความหนึ่ งปี นับแต่วนั ที่หน่วยงานของรัฐหรื อเจ้าหน้าที่
ได้ใช้ค่าสิ นไหมทดแทนนั้นแก่ผเู ้ สี ยหาย
มาตรา 10 ในกรณี ที่เจ้าหน้าที่ เป็ นผูก้ ระทาละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐไม่วา่ จะเป็ นหน่ วยงานของรัฐที่ผนู ้ ้ นั
อยูใ่ นสังกัดหรื อไม่ ถ้าเป็ นการกระทาในการปฏิ บตั ิหน้าที่การเรี ยกร้ องค่าสิ นไหมทดแทนจากเจ้าหน้าที่ให้
นาบทบัญญัติม าตรา 8 มาใช้บ งั คับ โดยอนุ โลม แต่ ถ้ามิ ใ ช่ ก ารกระทาในการปฏิ บ ตั ิ หน้า ที่ ให้บ งั คับ ตาม
บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิ ชย์
สิ ทธิ เรี ยกร้องค่าสิ นไหมทดแทนจากเจ้าหน้าที่ท้ งั สองประการตามวรรคหนึ่ ง ให้มีกาหนดอายุความสองปี
นับแต่วนั ที่หน่วยงานของรัฐรู ้ถึงการละเมิดและรู ้ตวั เจ้าหน้าที่ ผูจ้ ะพึงต้องใช้ค่าสิ นไหมทดแทน และกรณี ที่
หน่ วยงานของรัฐเห็ นว่าเจ้าหน้าที่ผนู ้ ้ นั ไม่ตอ้ งรับผิด แต่กระทรวงการคลังตรวจสอบแล้วเห็นว่าต้องรับผิด
ให้สิทธิ เรี ยกร้ องค่าสิ นไหมทดแทนนั้นมีกาหนดอายุความหนึ่ งปี นับแต่วนั ที่หน่ วยงานของรัฐมีคาสั่งตาม
ความเห็นของกระทรวงการคลัง
มาตรา 11 ในกรณี ที่ ผูเ้ สี ย หายเห็ นว่า หน่ วยงานของรั ฐต้องรั บ ผิดตามมาตรา 5 ผูเ้ สี ยหายจะยื่นคาขอต่ อ
หน่ วยงานของรั ฐให้พิ จารณาชดใช้ค่ า สิ นไหมทดแทนสาหรั บ ความเสี ย หายที่ เกิ ดแก่ ตนก็ ไ ด้ ในการนี้
หน่วยงานของรัฐต้องออกใบรับคาขอให้ไว้เป็ นหลักฐานและพิจารณาคาขอนั้นโดยไม่ชกั ช้า เมื่อหน่วยงาน
ของรัฐมีคาสั่งเช่ นใดแล้วหากผูเ้ สี ยหายยังไม่พอใจในผลการวินิจฉัยของหน่ วยงานของรัฐก็ให้มีสิทธิ ร้อง
ทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ตามกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ภายในเก้าสิ บวันนับแต่
วันที่ตนได้รับแจ้งผลการวินิจฉัย
ให้หน่ วยงานของรัฐพิจารณาคาขอที่ได้รับตามวรรคหนึ่ งให้แล้วเสร็ จภายในหนึ่ งร้ อยแปดสิ บวัน หากเรื่ อง
ใดไม่อาจพิจารณาได้ทนั ในกาหนดนั้นจะต้องรายงานปั ญหาและอุปสรรคให้รัฐมนตรี เจ้าสังกัดหรื อกากับ
หรื อควบคุ ม ดู แ ลหน่ วยงานของรั ฐแห่ ง นั้น ทราบและขออนุ ม ตั ิ ข ยายระยะเวลาออกไปได้ แต่ รัฐ มนตรี
ดังกล่าวจะพิจารณาอนุมตั ิให้ขยายระยะเวลาให้อีกได้ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิ บวัน
มาตรา 12 ในกรณี ที่เจ้าหน้าที่ ตอ้ งชดใช้ค่าสิ นไหมทดแทนที่หน่ วยงานของรั ฐได้ใช้ให้แก่ ผูเ้ สี ยหายตาม
มาตรา 8 หรื อในกรณี ที่เจ้าหน้าที่ ตอ้ งใช้ค่า สิ นไหมทดแทนเนื่ องจากเจ้า หน้าที่ ผูน้ ้ นั ได้ก ระทาละเมิ ดต่ อ
หน่วยงานของรัฐตามมาตรา 10 ประกอบกับมาตรา 8 ให้หน่วยงานของรัฐที่เสี ยหายมีอานาจออกคาสั่งเรี ยก
ให้เจ้าหน้าที่ผนู ้ ้ นั ชาระเงินดังกล่าวภายในเวลาที่กาหนด
มาตรา 13 ให้ค ณะรั ฐมนตรี จดั ให้มี ระเบี ย บเพื่ อให้เจ้าหน้าที่ ซ่ ึ งต้องรั บผิดตามมาตรา 8 และมาตรา 10
สามารถผ่อนชาระเงินที่จะต้องรับผิดนั้นได้โดยคานึ งถึ งรายได้ ฐานะ ครอบครัวและความรับผิดชอบ และ
พฤติการณ์แห่งกรณี ประกอบด้วย
มาตรา 14 เมื่อได้มีการจัดตั้งศาลปกครองขึ้นแล้ว สิ ทธิ ร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ตามมาตรา
11 ให้ถือว่าเป็ นสิ ทธิ ฟ้องคดีต่อศาลปกครอง
มาตรา 15 ให้นายกรัฐมนตรี รักษาการตามพระราชบัญญัติน้ ี
ผูร้ ับสนองพระบรมราชโองการ
บรรหาร ศิลปอาชา
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ:-เหตุ ผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คื อ การที่ เจ้าหน้าที่ ดาเนิ นกิ จการต่าง ๆ ของ
หน่ วยงานของรั ฐนั้น หาได้เป็ นไปเพื่ อประโยชน์อนั เป็ นการเฉพาะตัวไม่ การปล่ อยให้ความรั บผิดทาง
ละเมิดของเจ้าหน้าที่ ในกรณี ที่ปฏิบตั ิงานในหน้าที่และเกิดความเสี ยหายแก่เอกชนเป็ นไปตามหลักกฎหมาย
เอกชนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิ ชย์จึงเป็ นการไม่เหมาะสมก่อให้เกิดความเข้าใจผิดว่า เจ้าหน้าที่
จะต้องรับผิดในการกระทาต่าง ๆ เป็ นการเฉพาะตัวเสมอไปเมื่อการที่ทาไปทาให้หน่วยงานของรัฐต้องรับ
ผิดต่อบุคคลภายนอกเพียงใดก็จะมีการฟ้ องไล่เบี้ยเอาจากเจ้าหน้าที่เต็มจานวนนั้น ทั้งที่บางกรณี เกิดขึ้นโดย
ความไม่ต้ งั ใจ หรื อความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยในการปฏิบตั ิหน้าที่ นอกจากนั้น ยังมีการนาหลักเรื่ องลูกหนี้
ร่ วมในระบบกฎหมายแพ่งมาใช้บงั คับ ให้เจ้าหน้าที่ตอ้ งร่ วมรับผิดในการกระทาของเจ้าหน้าที่ผอู้ ื่นด้วย ซึ่ ง
ระบบนั้นมุ่งหมายแต่จะได้เงินครบโดยไม่คานึ งถึงความเป็ นธรรมที่จะมีต่อแต่ละคน กรณี เป็ นการก่อให้เกิด
ความไม่เป็ นธรรมแก่เจ้าหน้าที่และยังเป็ นการบัน่ ทอนกาลังขวัญในการทางานของเจ้าหน้าที่ดว้ ยจนบางครั้ง
กลายเป็ นปั ญ หาในการบริ หารเพราะเจ้า หน้า ที่ ไ ม่ ก ล้า ตัดสิ น ใจดาเนิ นงานเท่ า ที่ ค วร เพราะเกรงความ
รั บผิดชอบที่ จะเกิ ดแก่ ตน อนึ่ ง การให้คุ ณให้โทษแก่ เจ้า หน้าที่ เพื่อควบคุ มการทางานของเจ้าหน้าที่ ยงั มี
วิธีการในการบริ หารงานบุคคล และการดาเนิ นการทางวินยั กากับดูแลอีกส่ วนหนึ่ง อันเป็ นหลักประกันมิให้
เจ้าหน้าที่ทาการใด ๆ โดยไม่รอบคอบอยูแ่ ล้ว ดังนั้น จึงสมควรกาหนดให้เจ้าหน้าที่ตอ้ งรับผิดทางละเมิดใน
การปฏิ บตั ิงานในหน้าที่เฉพาะเมื่อเป็ นการจงใจกระทาเพื่อการเฉพาะตัว หรื อจงใจให้เกิ ดความเสี ยหายหรื
อประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเท่านั้น และให้แบ่งแยกความรับผิดของแต่ละคนมิให้นาหลักลูกหนี้ร่วมมาใช้
บังคับ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเป็ นธรรมและเพิ่มพูนประสิ ทธิ ภาพในการปฏิบตั ิงานของรัฐ จึงจาเป็ นต้องตรา
พระราชบัญญัติ
ประมวลกฎหมายอาญา ความผิดต่อตาแหน่งหน้าที่ราชการ
-------------------------
มาตรา ๑๔๗๑ ผูใ้ ดเป็ นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซ้ื อ ทา จัดการหรื อรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์น้ นั เป็ นของตน
หรื อเป็ นของผูอ้ ื่นโดยทุจริ ต หรื อโดยทุจริ ตยอมให้ผอู ้ ื่นเอาทรัพย์น้ นั เสี ย ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่ห้าปี ถึ ง
ยีส่ ิ บปี หรื อจาคุกตลอดชีวติ และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่ แสนบาท
[อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๗ แห่ งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่
๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐]
มาตรา ๑๔๘๒ ผูใ้ ดเป็ นเจ้าพนักงาน ใช้อานาจในตาแหน่ งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรื อจูงใจเพื่อให้บุคคลใด
มอบให้หรื อหามาให้ซ่ ึ งทรัพย์สินหรื อประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรื อผูอ้ ื่น ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่ห้าปี ถึง
ยีส่ ิ บปี หรื อจาคุกตลอดชีวติ และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่ แสนบาท หรื อประหารชีวติ
[อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๗ แห่ งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่
๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐]
มาตรา ๑๔๙๓ ผูใ้ ดเป็ นเจ้าพนักงาน สมาชิ กสภานิ ติบญ ั ญัติแห่ งรั ฐ สมาชิ กสภาจังหวัด หรื อสมาชิ กสภา
เทศบาล เรี ยก รับ หรื อยอมจะรับทรัพย์สิน หรื อประโยชน์อื่นใดสาหรับตนเองหรื อผูอ้ ื่นโดยมิชอบ เพื่อ
กระทาการหรื อไม่กระทาการอย่างใดในตาแหน่งไม่วา่ การนั้นจะชอบหรื อมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษ
จาคุกตั้งแต่หา้ ปี ถึงยีส่ ิ บปี หรื อจาคุกตลอดชีวติ และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่ แสนบาท หรื อประหารชีวติ
[อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๗ แห่ งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่
๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐]
มาตรา ๑๕๐๔ ผูใ้ ดเป็ นเจ้าพนักงาน กระทาการหรื อไม่กระทาการอย่างใดในตาแหน่งโดยเห็นแก่ทรัพย์สิน
หรื อประโยชน์อื่นใด ซึ่ งตนได้เรี ยก รับ หรื อยอมจะรับไว้ก่อนที่ตนได้รับแต่งตั้งเป็ นเจ้าพนักงานในตาแหน่ง
นั้น ต้องระวางโทษจาคุ กตั้งแต่ห้าปี ถึ งยี่สิบปี หรื อจาคุกตลอดชี วิต และปรับตั้งแต่หนึ่ งแสนบาทถึงสี่ แสน
บาท
[อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๗ แห่ งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่
๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐]
มาตรา ๑๕๑๕ ผูใ้ ดเป็ นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซ้ื อ ทา จัดการหรื อรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อานาจในตาแหน่งโดย
ทุจริ ต อันเป็ นการเสี ยหายแก่รัฐ เทศบาล สุ ขาภิบาลหรื อเจ้าของทรัพย์น้ นั ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่ห้าปี ถึง
ยีส่ ิ บปี หรื อจาคุกตลอดชีวติ และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่ แสนบาท
[อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๗ แห่ งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่
๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐]
มาตรา ๑๕๒๖ ผูใ้ ดเป็ นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จดั การหรื อดูแลกิ จการใด เข้ามีส่วนได้เสี ยเพื่อประโยชน์สา
หรับตนเองหรื อผูอ้ ื่น เนื่องด้วยกิจการนั้น ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่หนึ่ งปี ถึงสิ บปี และปรับตั้งแต่สองหมื่น
บาทถึงสองแสนบาท
[อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๗ แห่ งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่
๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐]
มาตรา ๑๕๓๗ ผูใ้ ดเป็ นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จ่ายทรัพย์ จ่ายทรัพย์น้ นั เกินกว่าที่ควรจ่ายเพื่อประโยชน์สาหรับ
ตนเองหรื อผูอ้ ื่น ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่หนึ่งปี ถึงสิ บปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท
[อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๗ แห่ งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่
๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐]
มาตรา ๑๕๔๘ ผูใ้ ดเป็ นเจ้าพนักงาน มี หน้าที่ หรื อแสดงว่าตนมี หน้าที่ เรี ยกเก็บหรื อตรวจสอบภาษี อากร
ค่าธรรมเนี ยม หรื อเงินอื่นใด โดยทุจริ ตเรี ยกเก็บหรื อละเว้นไม่เรี ยกเก็บภาษีอากร ค่าธรรมเนี ยมหรื อเงินนั้น
หรื อกระทาการหรื อไม่กระทาการอย่างใด เพื่อให้ผูม้ ีหน้าที่เสี ยภาษีอากรหรื อค่าธรรมเนี ยมนั้นมิตอ้ งเสี ย
หรื อเสี ยน้อยไปกว่าที่จะต้องเสี ย ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่หา้ ปี ถึงยี่สิบปี หรื อจาคุกตลอดชี วติ และปรับตั้ง
แต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่ แสนบาท
[อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๗ แห่ งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่
๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐]
มาตรา ๑๕๕๙ ผูใ้ ดเป็ นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่กาหนดราคาทรัพย์สินหรื อสิ นค้าใด ๆ เพื่อเรี ยกเก็บภาษีอากร
หรื อค่าธรรมเนี ยมตามกฎหมาย โดยทุจริ ตกาหนดราคาทรั พย์สินหรื อสิ นค้านั้น เพื่อให้ผมู้ ีหน้าที่เสี ยภาษี
อากรหรื อค่าธรรมเนี ยมนั้นมิตอ้ งเสี ยหรื อเสี ยน้อยไปกว่าที่จะต้องเสี ย ต้องระวางโทษจาคุ กตั้งแต่ห้าปี ถึ ง
ยีส่ ิ บปี หรื อจาคุกตลอดชีวติ และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่ แสนบาท
[อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๗ แห่ งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่
๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐]
มาตรา ๑๕๖๑๐ ผูใ้ ดเป็ นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ตรวจสอบบัญชี ตามกฎหมาย โดยทุจริ ต แนะนา หรื อกระทา
การหรื อไม่กระทาการอย่างใด เพื่อให้มีการละเว้นการลงรายการในบัญชี ลง
รายการเท็จในบัญชี แก้ไขบัญชี หรื อซ่ อนเร้น หรื อทาหลักฐานในการลงบัญชีอนั จะเป็ นผลให้การเสี ยภาษี
อากรหรื อค่าธรรมเนียมนั้นมิตอ้ งเสี ย หรื อเสี ยน้อยกว่าที่จะต้องเสี ย ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่หา้ ปี ถึงยีส่ ิ บปี
หรื อจาคุกตลอดชีวติ และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่ แสนบาท
[อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๗ แห่ งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่
๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐]
มาตรา ๑๕๗๑๑ ผูใ้ ดเป็ นเจ้าพนักงาน ปฏิบตั ิหรื อละเว้นการปฏิบตั ิหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสี ยหาย
แก่ผหู ้ นึ่ งผูใ้ ด หรื อปฏิ บตั ิหรื อละเว้นการปฏิบตั ิหน้าที่โดยทุจริ ต ต้องระวางโทษจาคุ กตั้งแต่หนึ่ งปี ถึ งสิ บปี
หรื อปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรื อทั้งจาทั้งปรับ
[อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๗ แห่ งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่
๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐]
มาตรา ๑๕๘ ผูใ้ ดเป็ นเจ้าพนักงาน ทาให้เสี ยหาย ทาลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสี ย หรื อทาให้สูญหายหรื อทาให้ไร้
ประโยชน์ ซึ่ งทรัพย์หรื อเอกสารใดอันเป็ นหน้าที่ของตนที่จะปกครองหรื อรักษาไว้ หรื อยินยอมให้ผูอ้ ื่น
กระทาเช่นนั้น ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่ หมื่นบาท
[อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๔ แห่ งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่
๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐]
มาตรา ๑๕๙ ผูใ้ ดเป็ นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ดูแล รักษาทรัพย์หรื อเอกสารใด กระทาการอันมิชอบด้วยหน้าที่
โดยถอน ทาให้เสี ยหาย ทาลายหรื อทาให้ไร้ประโยชน์ หรื อโดยยินยอมให้ผอู ้ ื่นกระทาเช่ นนั้น ซึ่ งตราหรื อ
เครื่ องหมายอันเจ้าพนักงานได้ประทับหรื อหมายไว้ที่ทรัพย์หรื อเอกสารนั้นในการปฏิบตั ิการตามหน้าที่ เพื่อ
เป็ นหลักฐานในการยึดหรื อรั กษาสิ่ งนั้น ต้องระวางโทษจาคุ กไม่เกิ นห้าปี หรื อปรับไม่เกิ นหนึ่ งแสนบาท
หรื อทั้งจาทั้งปรับ
[อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๔ แห่ งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่
๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐]
มาตรา ๑๖๐ ผูใ้ ดเป็ นเจ้า พนักงาน มีหน้า ที่รักษาหรื อใช้ดวงตราหรื อรอยตราของราชการหรื อของผูอ้ ื่ น
กระทาการอันมิชอบด้วยหน้าที่ โดยใช้ดวงตราหรื อรอยตรานั้น หรื อโดยยินยอมให้ผอู ้ ื่นกระทาเช่ นนั้น ซึ่ ง
อาจทาให้ผอู้ ื่นหรื อประชาชนเสี ยหาย ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี หรื อปรับไม่เกินหนึ่ งแสนบาท หรื อ
ทั้งจาทั้งปรับ
[อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๔ แห่ งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่
๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐]
มาตรา ๑๖๑ ผูใ้ ดเป็ นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทาเอกสาร กรอกข้อความลงในเอกสารหรื อดู แลรักษาเอกสาร
กระทาการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่น้ นั ต้องระวางโทษจาคุ กไม่เกิ นสิ บปี และปรับไม่
เกินสองแสนบาท
[อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๔ แห่ งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่
๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐]
มาตรา ๑๖๒ ผูใ้ ดเป็ นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทาเอกสาร รับเอกสารหรื อกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทา
การดังต่อไปนี้ในการปฏิบตั ิการตามหน้าที่
(๑) รั บรองเป็ นหลักฐานว่า ตนได้กระทาการอย่างใดขึ้ น หรื อว่าการอย่างใดได้กระทาต่อหน้าตนอันเป็ น
ความเท็จ
(๒) รับรองเป็ นหลักฐานว่า ได้มีการแจ้งซึ่ งข้อความอันมิได้มีการแจ้ง
(๓) ละเว้นไม่จดข้อความซึ่ งตนมีหน้าที่ตอ้ งรับจด หรื อจดเปลี่ยนแปลงข้อความเช่นว่านั้น หรื อ
(๔) รับรองเป็ นหลักฐานซึ่ งข้อเท็จจริ งอันเอกสารนั้น มุ่งพิสูจน์ความจริ งอันเป็ นความเท็จ
ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่ หมื่นบาท
[อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๔ แห่ งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่
๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐]
มาตรา ๑๖๓ ผูใ้ ดเป็ นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ในการไปรษณี ย ์ โทรเลขหรื อโทรศัพท์ กระทาการอันมิชอบด้วย
หน้าที่ดงั ต่อไปนี้
(๑) เปิ ด หรื อยอมให้ผอู้ ื่นเปิ ด จดหมายหรื อสิ่ งอื่นที่ส่งทางไปรษณี ยห์ รื อโทรเลข
(๒) ทาให้เสี ย หาย ทาลาย ทาให้สู ญหาย หรื อยอมให้ผูอ้ ื่ นทาให้เสี ย หาย ทาลายหรื อทาให้สู ญหาย ซึ่ ง
จดหมายหรื อสิ่ งอื่นที่ส่งทางไปรษณี ยห์ รื อโทรเลข
(๓) กัก ส่ งให้ผิดทาง หรื อส่ งให้แก่บุคคลซึ่ งรู ้วา่ มิใช่เป็ นผูค้ วรรับซึ่ งจดหมาย หรื อสิ่ งอื่นที่ส่งทางไปรษณี ย ์
หรื อโทรเลข หรื อ
(๔) เปิ ดเผยข้อความที่ส่งทางไปรษณี ย ์ ทางโทรเลขหรื อทางโทรศัพท์
ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี หรื อปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรื อทั้งจาทั้งปรับ
[อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๔ แห่ งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่
๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐]
มาตรา ๑๖๔ ผูใ้ ดเป็ นเจ้าพนักงาน รู้หรื ออาจรู้ความลับในราชการ กระทาโดยประการใด ๆ อันมิชอบด้วย
หน้าที่ ให้ผอู ้ ื่นล่วงรู ้ความลับนั้น ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี หรื อปรับไม่เกินหนึ่ งแสนบาท หรื อทั้งจา
ทั้งปรับ
[อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๔ แห่ งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่
๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐]
มาตรา ๑๖๕ ผูใ้ ดเป็ นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ปฏิบตั ิการให้เป็ นไปตามกฎหมาย หรื อคาสั่ง ซึ่ งได้สั่งเพื่อบังคับ
การให้เป็ นไปตามกฎหมาย ป้ องกันหรื อขัดขวางมิให้การเป็ นไปตามกฎหมายหรื อคาสั่งนั้น ต้องระวางโทษ
จาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรื อปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรื อทั้งจาทั้งปรับ
[อัตราโทษ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๔ แห่ งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่
๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐]
มาตรา ๑๖๖ ผูใ้ ดเป็ นเจ้าพนักงาน ละทิ้งงานหรื อกระทาการอย่างใด ๆ เพื่อให้งานหยุดชะงักหรื อเสี ยหาย
โดยร่ วมกระทาการเช่นนั้นด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี หรื อปรับไม่เกินหนึ่ ง
แสนบาท หรื อทั้งจาทั้งปรับ
ถ้าความผิดนั้นได้กระทาลงเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดิน เพื่อบังคับรัฐบาลหรื อเพื่อข่มขู่
ประชาชน ผูก้ ระทาต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสิ บปี และปรับไม่เกินสองแสนบาทF
ข้อ 1. พระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริ ยธรรม พ.ศ. 2562 มีวตั ถุประสงค์ตามข้อใด
1. กาหนดมาตรฐานทางจริ ยธรรมของสังคมไทย
2. ใช้เป็ นหลักสาคัญในการจัดทาประมวลจริ ยธรรมของหน่วยงานของรัฐ
3. เป็ นกลไกตรวจสอบการรักษามาตรฐานทางจริ ยธรรม
4. ป้ องกันการทุจริ ตและประพฤติมิชอบในวงราชการ
ข้อ 12. การจัดหลัก สู ตรการฝึ กอบรมและเผยแพร่ ค วามเข้า ใจเพื่ อให้เจ้า หน้า ที่ ข องรั ฐมี พ ฤติ ก รรมทาง
จริ ยธรรมเป็ นแบบอย่างที่ดี เป็ นหน้าที่ของผูใ้ ด
1. เจ้าหน้าที่ของรัฐ
2. ผูบ้ งั คับบัญชา
3. หน่วยงานของรัฐ
4. องค์กรกลางบริ หารงานบุคคล