Professional Documents
Culture Documents
การบริหารราชการส่วนกลาง
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. จิรวัฒน์ เมธาสุทธิรัตน์
การบริหารราชการส่วนกลางเป็นการบริหารที่มีลักษณะสำคัญมากที่สุดของประเทศไทย กล่าวคือได้
รวบรวมภารกิจส่วนใหญ่รวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลางทั้งในระดับกระทรวงและกรมเป็นหลัก และมีการแบ่งอำนาจ
ในการบริหารราชการไว้ให้กับราชการส่วนภูมิภาคในระดับจังหวัดและอำเภอ โดยที่หากพิจารณาไปที่
โครงสร้างทางอำนาจและในเชิงภารกิจ ขนาดกำลังพลภาครัฐ รายได้และงบประมาณแล้วพบว่าได้รวมศูนย์อยู่
ที่ราชการส่วนกลางค่อนข้างสูง รวมถึงได้มีการกระจายอำนาจให้แก่การบริหารราชการส่วนท้องถิ่น โดยทำการ
ถ่ายโอนพันธกิจ พร้อมกับจัดสรรทรัพยากร เช่น สนับสนุนงบประมาณเพื่อให้ดำเนินงานแทนส่วนกลางและ
ส่วนภูมิภาคให้แก่ประชาชนในท้องถิ่นต่าง ๆ โดยการกระจายอำนาจตัดสินใจ อำนาจทางด้านการบริหารการ
คลัง อำนาจทางด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์เพื่อให้ท้องถิ่นสามารถบริหารงานได้โดยอิสระ และสามารถ
แก้ไขปัญหาและตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามทิศทาง
การกระจายอำนาจนั้น ขึ้นอยู่กับรัฐธรรมนูญไทยแต่ละฉบับ นโยบายพรรคการเมือง และการมีส่วนร่วมของ
ภาคประชาชนในแต่ละยุค
ในการบริหารราชการส่วนกลางเพื่อให้การดำเนินงานประสบความสำเร็จตามเจตนารมณ์ของรัฐ
แนวนโยบายแห่งรัฐ และนโยบายรัฐบาลแต่ละยุคแต่ละสมัย รัฐบาลได้จัดตั้งหน่วยงานภาครัฐ การจัดหา
ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐให้เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ จัดเตรียมงบประมาณ เครื่องมือเครื่องใช้ และ
กำหนดกฎหมาย กฎ ระเบียบและข้อบังคับต่าง ๆ เพื่อให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้เป็นแนวทางในการ
ปฏิบัติงานเพื่อให้บริการสาธารณะแก่ประชาชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ตลอดจนการบังคับการต่าง ๆ ให้
เป็นไปตามกฎหมายตามที่รัฐสภาเป็นผู้กำหนด เพื่อตอบสนองต่อความสำเร็จในการบริหารราชการ
หลักการใช้อำนาจของการบริหารราชการส่วนกลางในการบริหารราชการแผ่นดิน
การบริหารราชการส่วนกลางในการบริหารราชการแผ่นดินมีลักษณะเป็นไปตามพระราชบั ญญัติ
ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งได้กำหนดให้การบริหารราชการของประเทศไทยมี 3 ส่วน
ได้แก่ การบริหารราชการส่วนกลาง ภูมิภาค และท้องถิ่น กล่าวคือ
การบริ ห ารราชการส่ ว นกลาง ในการบริ ห ารราชการจะใช้ “ หลั ก การรวมอำนาจ”
(Centralization) โดยให้ อ ำนาจการบั ง คั บ บั ญ ชาและการวิ น ิ จ ฉั ย สั ่ ง การสู ง สุ ด อยู ่ ใ นส่ ว นกลาง คื อ
กรุงเทพมหานครอันเป็นเมืองหลวงและศูนย์กลางการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐ ในพระราชบัญญัติ
ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ได้กำหนดให้แบ่งส่วนราชการของการบริหารราชการส่วนกลางนั้น
ประกอบด้วย (1) สำนักนายกรัฐมนตรี (2) กระทรวง หรือทบวงซึ่งมีฐานะเทียบเท่ากระทรวง (3) ทบวง ซึ่ง
สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีหรือกระทรวง (4) กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็นกรม ซึ่ง
สังกัดหรือไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง สำนักนายกรัฐมนตรี ส่วนราชการดังกล่าวนี้มี
ฐานะเป็นนิติบุคคล
พัฒนาการการจัดระเบียบบริหารราชการส่วนกลางของไทยในสมัยประชาธิไตย
แนวคิดเกี่ยวกับการจัดองค์การ
การจัดองค์การเป็นการตัดสินใจเลือกวิธีการในการจัดแบ่งกลุ่มของงานหรือกิจกรรมและทรัพยากร
ต่าง ๆ ขององค์การออกเป็นหมวดหมู่อย่างเป็นระเบียบเรียกว่าโครงสร้างองค์การ เพื่อให้การประสานงาน
ระหว่างกลุ่มของงานหรือกิจกรรมและกลุ่มบุคคลต่าง ๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล การจัด
องค์การมีหลักการ รูปแบบ และกระบวนการจัดองค์การที่สามารถนำมาใช้จัดโครงสร้างองค์การเพื่อดำเนินงาน
ได้อย่างมีประสิทธิผล
การจัดองค์การภาครัฐของไทย
การจัดองค์การภาครัฐของไทยภายหลังจากได้ปฏิรูประบบราชการได้ดำเนินการปรับปรุงบทบาท
ภารกิจที่ภาครัฐจะต้องดำเนินการใหม่แล้ว จึงได้มีการจัดโครงสร้างหน่วยราชการใหม่ให้สอดรับกับบทบาท
ภารกิจของภาครัฐ โดยมีแนวทางในการจัดโครงสร้างส่วนราชการดังนี้
1. จัดโครงสร้างโดยคำนึงถึงนโยบายแห่งรัฐ ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
นโยบายรัฐบาลและความต้องการของประชาชนในลักษณะของการบริห ารที่ยึดวาระแห่งชาติ ( Agenda
Based) แทนการจัดโครงสร้างที่เน้นหน้าที่ของรัฐ (Functional Based) แต่เพียงอย่างเดียว
2. จัดโครงสร้างองค์การให้มีความหลากหลาย เพื่อให้สอดคล้องกับบทบาทภารกิจหลักที่จำเป็นต้อง
ดำเนินการโดยภาครัฐ สอดรับกับประเภทของภารกิจและงาน และสอดคล้องกับการดำเนินงานในส่วนที่ต้อง
เน้นประสิทธิภาพ ความคล่องตัวการดำเนินงานร่วมกับภาคเอกชน องค์การประชาชนและท้องถิ่น ซึ่งอาจจัด
หน่วยงานของรั ฐได้ดังนี้ คือ หน่วยราชการที่รับผิดชอบงานราชการโดยแท้ ที่เรียกว่าหน่วยงานราชการ
(Government Organization) และหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบงานปฏิบัติการที่ยังเป็นภารกิจหลักของ
ภาครัฐที่ยังจำเป็นต้องดำเนินการโดยหน่วยงานราชการ อาจจัดตั้งเป็นหน่วยงานที่มีรูปแบบการบริหารงาน
พิเศษ หน่วยงานของรัฐที่ให้บริการสาธารณะซึ่งเป็นงานของรัฐที่ภาครัฐจำเป็นต้องจัดให้มีหรือส่งเสริมให้มีการ
ให้บริการก็สามารถจัดเป็น องค์การมหาชน (Public Organization) รัฐวิสาหกิจ (State Enterprise) หรือ
องค์ ก ารที ่ จ ั ด ตั ้ ง ในรู ป แบบมู ล นิ ธ ิ (Foundation) และองค์ ก ารพั ฒ นาภาคเอกชน (Non-Government
Organization: NGOs)
3. จัดโครงสร้างองค์การตามแนวราบ เพื่อให้มีสายการบังคับบัญชาสั้นที่สุด เพื่อให้การทำงานและ
การตัดสินใจเป็น ไปอย่างรวดเร็ว คล่องตัว และมีประสิทธิภ าพโดยยังคงยึดหลักความรับผิดชอบในการ
บริหารงานด้วย
4. จัดโครงสร้างองค์การที่มีรูปแบบผสมผสาน ในกรณีที่งานนั้นต้องการองค์ประกอบของความรู้
ความสามารถที่หลากหลายและเน้นความเป็นทีมในการปฏิบัติงาน เพื่อผลักดันงานให้บรรลุผลสำเร็จ หรือกรณี
ที่สามารถใช้เทคโนโลยีการติดต่อที่ทันสมัยก็สามารถจัดองค์การที่มีลักษณะเป็นเครือข่าย
5. ปรับปรุง แก้ไข กฎระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ให้สอดคล้องกับการปรับบทบาทภารกิจ
และโครงสร้างส่วนราชการ
การจัดองค์การระดับกระทรวงและสำนักนายกรัฐมนตรี
การจัดแบ่งส่วนราชการสำหรับการบริหารราชการส่วนกลางในระดับกระทรวงประกอบด้วยสำนัก
นายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวงซึ่งมีฐานะเทียบเท่ากระทรวง ทบวงซึ่งสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีหรือ
กระทรวง และกรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็นกรมซึ่งสังกัดหรือไม่สังกั ดสำนั ก
นายกรัฐ มนตรี กระทรวงหรือทบวง ทั้งนี้การจัดตั้ง เปลี่ยนแปลง ยุบส่ว นราชการดังกล่าวต้องตราเป็น
พระราชบัญญัติ การจัดองค์การในการบริหารราชการส่วนกลางของไทยนั้น พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง
ทบวง กรม พ.ศ. 2545 ได้กำหนดให้มีสำนักนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกระทรวง และ
กระทรวงต่าง ๆ จำนวน 20 กระทรวง
รูปแบบ หน่วยงาน
1) รูปแบบที่ส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อปลัดสำนัก สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
นายกรัฐมนตรี กรมประชาสัมพันธ์ และ
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
2) รูปแบบที่ส่วนราชการที่อยู่ในบังคับบัญชาขึ้น สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ตรงต่อนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
สำนักข่าวกรองแห่งชาติ
สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
สำนั ก งานคณะกรรมการพั ฒ นาระบบราชการ
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
3) รู ป แบบของหน่ ว ยงานในกำกั บ ของสำนั ก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน
นายกรัฐมนตรี
4) รูปแบบที่ส่วนราชการหรือหน่วยงานที่อยู่ ใ น สำนักราชเลขาธิการ
บังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี สำนักพระราชวัง
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงาน
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ราชบัณฑิตยสถาน
สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ
การแบ่งส่วนราชการภายในกรม
สำหรับการแบ่งส่วนราชการภายในกรมนั้น ในกรณีที่เป็นกรมหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและ
มีฐานะเป็นกรม หากประสงค์จะแบ่งส่วนราชการก็ต้องดำเนินการโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงออกเป็น
กฎกระทรวง แบ่งส่วนราชการเพื่อกำหนดให้มีส่วนราชการภายในของกรมนั้น ซึ่งส่วนราชการภายในที่กำหนด
ไว้ในกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการจะต้องมีฐานะเป็นกองหรือส่วนราชการที่มีฐานะเทียบกอง และในกรณีที่
กรมใดมีความจำเป็นจะแบ่งส่วนราชการโดยให้มีส่วนราชการอื่นนอกจากสำนักงานเลขานุการกรมหรือกองก็
ได้ กล่าวคือ อาจกำหนดให้มีส่วนราชการที่มีฐานะสูงกว่ากอง เช่น สำนัก สถาบัน ศูนย์ เป็นต้น
กรมซึ่งสังกัดหรือไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง อาจแบ่งส่วนราชการดังนี้
(1) สำนักงานเลขานุการกรม
(2) กองหรือส่วนราชการที่มีฐานะเทียบกอง เว้นแต่บางกรมเห็นว่าไม่มีความจำเป็นจะไม่แยกส่วน
ราชการตั้งขึ้นเป็นกองก็ได้
กรมใดมีความจำเป็น จะแบ่งส่วนราชการโดยให้มีส่วนราชการอื่นนอกจาก (1) หรือ (2) ก็ได้ (มาตรา
31)
บรรณานุกรม
คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สำนักงาน. (2558). แนวทางและผลการดำเนินการปรับบทบาทภารกิจ
และโครงสร้างส่วนราชการ ปี 2545 สาระสังเขปออนไลน์. สืบค้นเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2558 จาก
http://www.opdc.go.th/special.php?spc_id=4&content_id=164
http://www.opdc.go.th/special.php?spc_id=4&content_id=164
คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ. (2561). ยุทธศาสตร์ชาติ, สืบค้นจาก
https://spm.thaigov.go.th/FILEROOM/spmthaigov/DRAWER015/GENERAL/DATA0000/00
000136.PDF , เข้าถึงเมื่อ 1 สิงหาคม 2564
คำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแถลงต่อรัฐสภา 2562. (2562,
25 กรกฎาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ 136 ตอนที่ 186 ง, หน้า 1-64.
พระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2560. ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ 134 ตอนที่ 79 ก, ลงวันที่
31 กรกฎาคม 2560
พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542,
สืบค้นจาก https://www.phuketcity.go.th/news/detail/4431/data.html, เข้าถึงเมื่อ 20
สิงหาคม 2564
พระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. 2560. ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ 134
ตอนที่ 79 ก, หน้า 13 – 23. ลงวันที่ 31 กรกฎาคม 2560
พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545
พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ 17 )พ.ศ. 2559
พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ 19) พ.ศ. 2562
พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2564
พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545
พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2546
พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2550
พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2553
เพ็ญศรี มีสมนัย. (2559). หน่วยที่ 6 การบริหารราชการส่วนกลาง, ใน เอกสารการสอนชุดวิชา 33201 การ
บริหารราชการไทย. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540. (2540, 11 ตุลาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ 114
ตอนที่ 55 ก, หน้า 1-99.
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550. (2550, 24 สิงหาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ 124
ตอนที่ 47 ก, หน้า 1-127.
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560. (2560, 6 เมษายน). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ 134
วิษณุ เครืองาม (2553) วารสารสถาบันพระปกเกล้า ปีที่ 8, ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2553) หน้า 5-17