Professional Documents
Culture Documents
2. ความหมายการบริหารทรัพยากรมนุษย์
นักวิชาการได้ให้ความหมายเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรมนุษย์ในมุมมองอย่างกว้าง และมุมมองเฉพาะ ดังนี้
• ความหมายมุมกว้าง
การจัดการทรัพยากรมนุษย์ อาจจะพิจารณาได้ใน 2 มิติ คือ ประการแรก การจัดการทรัพยากรมนุษย์ ในฐานะที่เป็น
งานที่มีน้าที่ด้านงานสนับสนุนขององค์การ ซึ่งให้ความช่วยเหลือด้านการจัดการทรัพยากรมนุษย์ของพนักงานทั้งหมดหรือ
ผู้ปฏิบัติงานขององค์การโดยตรง และอีกมิติหนึ่งคือ การจัดการทรัพยากรมนุษย์ ในฐานะที่เป็นงานหรือภารกิจของ
ผู้บริหารทุกคน ซึ่งสามารถพิจารณาภารกิจหรือ หน้าที่หลักที่สำคัญ ใน 4 ด้าน คือ 1. การจัดบุคคลเข้าทำงานคน
(Staffing) 2. การฝึ กอบรมและพั ฒนา (Training and Development) 3. การ จู ง ใจ ( Motivation) และ 4.
การธำรงรักษา (Maintenance)
• ความหมายมุมเฉพาะ
ศุภชัย ยาวะประภาษ นำเสนอกรอบการมองการบริหารงานบุคคลภาครัฐ ซึ่งพิจารณาว่า การบริหารงานบุคคล
ภาครัฐมีความซับซ้อนในตัวเองสูง และมีสายใยเชื่อมโยงกับมิติอื่น ๆ ของการบริหารภาครัฐโดยรวม และได้นำเสนอ
ให้มองการบริหารงานบุคคลภาครัฐ ใน 3 มิติ ซึ่งเกี่ยวพันและมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกั น คือ 1) ปัจจัยสภาพแวดล้อมของ
3
1. บุคลากรหรือทรัพยากรมนุษย์ที่ปฏิบัติงานในองค์การภาครัฐมีชนิดและลักษณะที่ความหลากหลายมาก
2. บุคลากรหรือทรัพยากรมนุษย์ในองค์การภาครัฐมีขนาดหรือปริมาณมากที่สุด เมื่ อเปรียบเทียบกับองค์การในภาคส่วน
อื่นของสังคม
3. สถานภาพ และบทบาทของทรัพยากรมนุษย์ภาครัฐ รวมทั้งการดำเนินงานบริหารทรัพยากรมนุษย์ในองค์การภาครัฐ
เน้นตามหลักนิติธรรม
4. การบริหารงานบุคคลภาครัฐ อ้างอิงหรือเน้นหลักการตามระบบคุณธรรม อันประกอบด้วยหลักการสำคั ญ 4 ประการ
คื อ หลั กความสามารถ(Competency) หลั กความเป็นธรรม (Equity) หลั กความมั ่น คงในอาชีพ (Security of
Tenure) และหลักความเป็นกลางทางการเมือง (Political Neutrality)
5. การบริหาร งานบุคคลภาครัฐไม่อาจหลีกเลี่ยงจากอิทธิพลและการแทรกแซงจากระบบการเมืองการปกครอง
6. การบริหาร งานบุคคลภาครัฐได้รับอิทธิพลจากค่านิยม ทัศนคติ ระบบความเชื่อ และวัฒนธรรมของสังคม ในการ
บริหารทรัพยากรมนุษย์ภาครัฐ
3) ระบบตำแหน่ง
ระบบตำแหน่ง หมายถึง แนวคิดพื้นฐานที่เป็นหลักและแนวทางในการกำหนดตำแหน่ง รวมทั้งเป็นหลักและ
วิธีการบริหารทรัพยากรมนุษย์ตามระบบตำแหน่งนั้น ๆ ทั้งกรณีที่มาหรือข้อพิจารณาในการกำหนดให้มีตำแหน่ง การ
กำหนดเงื่อนไขของตำแหน่ง และการบริหารตำแหน่ง แนวคิดเกี่ยวกับระบบตำแหน่งมีแนวคิดหลักๆ 3 แนวคิด คือ
1) แนวคิดการกำหนดตำแหน่งบนพื้นฐานที่ยึดคนเป็นหลัก (Rank in Person) -แนวคิดดังกล่าวเป็น
พื้นฐานของระบบและวิธีการกำหนดตำแหน่งของ “ระบบชั้นยศ” ( Rank System ) ซึ่งเป็นระบบและวิธีการกำหนด
ตำแหน่งและการบริหารงานบุคคลในกรณีของข้าราชการทหาร และข้าราชการตำรวจ รวมทั้ง “ระบบวิทยฐานะ”
(Academic Rank System) ซึ่งเป็นระบบและวิธีการกำหนดตำแหน่งและการจัดการทรัพยากรมนุษย์ของข้าราชการพล
เรือนในมหาวิทยาลัยในสายผู้สอน
2) แนวคิดการกำหนดตำแหน่งบนพื้นฐานที่ยึดงานเป็นหลัก (Rank in Job) - เป็นพื้นฐานของระบบและ
วิธีการกำหนดตำแหน่ง ตาม“ระบบจำแนกตำแหน่ง” (Position Classification System ) หรือที่เรียกกันว่าระบบ P.C.
ซึ่งเคยใช้เป็นระบบและวิธีการกำหนดตำแหน่งและการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของข้าราชการพลเรือนสามัญ
3) แนวคิดและวิธีการกำหนดตำแหน่ง ตามแนวคิดพื้นฐานที่ “ยึดคน” และ “ยึดงาน” เป็นหลักประกอบ
กัน ในกรณีของระบบตำแหน่ง “แบบแท่ง ” หรือ ระบบบอร์ดแบนดิ้ง ( Broadbanding Levels) -จำแนก
ตำแหน่งงานต่าง ๆ ทั้งหมดออกเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ตามลักษณะงานที่ปฏิบัติเป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่มตำแหน่งที่
ปฏิบัติงานที่เป็นลักษณะงานทั่วไป กลุ่มตำแหน่งที่ปฏิบัติงานที่เป็นลักษณะวิชาการ กลุ่มตำแหน่งที่ปฏิบัติงานที่เป็น
ลักษณะอำนวยการ และกลุ่มตำแหน่งที่ปฏิบัติงานที่เป็นลักษณะงานบริหาร ซึ่งแบ่งกลุ่มตำแหน่งออกเป็น
1) กลุ่มตำแหน่งประเภททั่วไป จำแนกได้เป็น 4 ระดับ คือ (ก) ระดับปฏิบัติงาน (ข) ระดับชำนาญงาน
(ค) ระดับอาวุโส และ (ง) ระดับทักษะพิเศษ
2) กลุ่มตำแหน่งประเภทวิชาการ จำแนกได้เป็น 5 ระดับ คือ (ก) ระดับปฏิบัติการ งาน (ข) ระดับ
ชำนาญการ (ค) ระดับชำนาญการพิเศษ และ (ง) ระดับ เชี่ยวชาญ (จ) ระดับทรงคุณวุฒิ
3) กลุ่มตำแหน่งประเภทอำนวยการ จำแนกได้เป็น 2 ระดับ คือ (ก) ระดับต้น (ข) ระดับสูง
4) กลุ่มตำแหน่งประเภทบริหาร จำแนกได้เป็น 2 ระดับ คือ (ก) ระดับต้น (ข) ระดับสูง
ในการศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการวางแผนทรัพยากรมนุษย์ สามารถพิจารณาได้ตามแผนภาพกระบวนการ
วางแผนทรัพยากรมนุษย์ 6 ขั้น ได้แก่
1. การศึกษาอุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply)ทรัพยากรมนุษย์
2. การคาดการณ์แนวโน้มและปัญหาด้านทรัพยากรมนุษย์
3. การศึกษาและเสนอแนะนโยบายด้านทรัพยากรมนุษย์
4. การจัดทำรายละเอียดแผนทรัพยากรมนุษย์
5. การดำเนินการตามแผนทรัพยากรมนุษย์
6. การติดตามและประเมินผลแผนทรัพยากรมนุษย์
สรุปปัญหาและสาเหตุของปัญหาในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ภาครัฐทั้งในเชิงการจัดการและในทาง
ปฏิบัติที่สำคัญได้รวม 6 ประการ ดังนี้
1. ปัญหานโยบายการรวมอำนาจหรือกระจายอำนาจการจัดการภาครัฐ
2. ปัญหาเกี่ยวกับหลักการจัดการภาครัฐตามแนวคิดการจัดการภาครัฐแนวใหม่
3. ปัญหาการยอมรับในหลักการจัดการทรัพยากรมนุษย์ตามระบบคุณธรรม
4. ปัญหาการประยุกต์ใช้เทคนิคสมัยใหม่ในการจัดการทรัพยากรมนุษย์
5. ปัญหาการปรับตัวขององค์การและบุคลากรภาครัฐให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี
6. ปัญหาขาดการวางแผนทรัพยากรมนุษย์ภาครัฐที่สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป
หลักการบริหารจัดการที่ดี แนวทางปฏิบัติในการบริหารทรัพยากรมนุษย์
1.หลักการตอบสนอง (Responsiveness) 1.มีการกำหนดข้อตกลงในการให้บริการ (Service Level
Agreement :SLA) ในแต่ละขั้นตอนในการดำเนินงาน เช่น
การให บริการที่สามารถตอบสนองความคาดหวังหรือ
การตกลงร่วมกันว่าในการสรรหาและเลือกสรรบุคลากรใน
ความต องการของผู รับบริการ และผู มีส วนได
ตำแหน่งใหม่ จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกี่วันทำ
ส วนเสี ย ที ่ ม ี ค วามหลากหลายและแตกต าง ได้ ใน
การ เป็นต้น
ระยะเวลาและมาตรฐานการดำเนินงานที่กำหนดไว้
2. มี ก ารทํ า กิ จ กรรม จั ด การความรู ้ ( Knowledge
Management :KM) ในการปฏิบัติงาน เพื่อให้บุคลากรที่
เกี่ยวข้องทำงานให้บริการทดแทนกันได้
2. หลักประสิทธิผล (Effectiveness) 1.มีการกําหนดแผนปฏิบัติงาน (action plan) ที่สอดคล้อง
กับแผนกลยุทธ์ของหน่วยงาน เช่น หากหน่วยงานต้องการ
การมี ผ ลปฏิบั ต ิง านที ่ บรรลุว ัต ถุป ระสงค์ และเป้ าหมาย
บุคลากรที่มีทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เพิ่มขึ้นก็ต้องมีการ
ตามที่หน่วยงานกำหนดไว้ โดยสามารถบรรลุเป้าหมายได้
วางแผนปฏิบัติงานให้สอดคล้องกัน
ตามงบประมาณและทรัพยากรที่ได้รับจัดสรรมา
2. นําแผนที่วางไว้ไปดําเนินการและมีการประเมินผลการ
ดำเนินแผนงาน รวมทั้งปรับปรุงแผนปฏิบัติให้สอดคล้อง
กับเป้าหมายของหน่วยงานอยู่เสมอ
3.หลักประสิทธิภาพ/คุ้มค่า (Efficiency) 1.จัดทําคู มือการปฏิบัติงานตามกระบวนการมาตรฐาน
(Standard operation procedure :SOP)
การบริหารงานตามแนวทางการกํา กับดู แลที ่ดี ซ ึ่ง มี การ
ออกแบบกระบวนการปฏิบัติงานโดยใช การบริหารจัดการ 2.มีการประเมินผลความพึงพอใจของผู ใช บริการทั้ง
ที่เหมาะสม เพื่อให หน วยงานสามารถใช ทรัพยากร ลูกค้าภายในและภายนอกหน่วยงาน และนําผลประเมินมา
และระยะเวลาให เกิดประโยชน์สูงสุด พัฒนาการทำงาน
4.หลักความเสมอภาค (Equity) 1. มีการประกาศนโยบายและออกกฏระเบียบให้กิจกรรม
ต่างๆในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ตั้งแต่ การสรรหาและ
การปฏิบัติและได รับบริการอย างเท าเทียมกันโดย
คั ด เลื อ ก การฝึ ก อบรมพั ฒ นา การประเมิ น ผลการ
ไม มีการแบ งแยกด าน ชายหรือหญิง ถิ่นกําเนิด
ปฏิบัติงาน เป็นไปด้วยความเสมอภาค
เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ ความพิการ สภาพทางกายหรือ
สุขภาพ สถานะ ของบุคคลและอื่น ๆ 2. มีกระบวนการร้องเรียนและให้ความเป็นธรรม หากมี
การปฏิบัติงานภายในหน่วยงานที่ไม่เสมอภาคกัน
12
3.การนำเทคโนโลยีต่างๆมาปรับใช้ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในภาครัฐเพิ่มมากขึ้น
การบริหารทรัพยากรมนุษย์ภาครัฐ จำเป็นต้องมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่สำคัญ ได้แก่ การทำงานในวิถี
ใหม่ด้วยการทำงานจากที่ใดก็ได้ทางระบบออนไลน์ (Work Online from Anywhere) และการใช้การวิเคราะห์ข้ อมูล
มหาศาล (Big- Data Analytic) เพื่อการบริหารทรัพยากรมนุษย์ภาครัฐ