Professional Documents
Culture Documents
ผลการวิจัย
งานวิจัยในครั้งนี้กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ คือ นักศึกษาเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัย
หัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติจำนวน 100 คน มีรายละเอียด 4 ส่วน ดังนี้
ส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของนักศึกษาเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยหัวเฉียว
เฉลิมพระเกียรติ
4.1 ลักษณะทางประชากรศาสตร์
4.1.1 เพศ
กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็ นเพศหญิง จำนวน 85 คน คิดเป็ นร้อย
ละ 85.0 และเพศชาย จำนวน 15 คิดเป็ นร้อยละ 15.0 ดังแสดงใน
ตารางที่ 4.1
4.1.2 อายุ
กลุ่มตัวอย่างมีอายุเฉลี่ยเท่ากับ 23.1 ± 1.76 ปี ส่วนใหญ่มีอายุ
20 ปี โดยอายุน้อยที่สุด คือ 18 ปี และอายุมากที่สุดคือ 29 ปี ดังที่แสดง
ไว้ในตารางที่ 4.1 พบว่า
อันดับที่ 1 กลุ่มตัวอย่างที่มีอายุ 20 ปี มีจำนวน 29 คน คิดเป็ นร้อย
ละ 29.0 อันดับที่ 2 กลุ่ม ตัวอย่างที่มีอายุ 19 ปี มีจำนวน 20 คน คิดเป็ น
ร้อยละ 20.0 อันดับที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่มีอายุ 21 ปี มี จำนวน 17 คน
คิดเป็ นร้อยละ 17.0 อันดับที่ 4 กลุ่มตัวอย่างที่มีอายุ 22 มีจำนวน 14 คน
คิด เป็ นร้อยละ 14.0
อันดับที่ 5 กลุ่มตัวอย่างที่มีอายุ 23 ปี มีจำนวน 5 คน คิดเป็ นร้อยละ 5.0
และ อันดับที่ 6 กลุ่มตัวอย่างที่มีอายุ 18 และ 27 ปี มีจำนวน 4 คน คิด
เป็ นร้อยละ 4.0 อันดับที่ 7 กลุ่มตัวอย่างที่มีอายุ 24 ปี มีจำนวน 3 คน
คิดเป็ นร้อยละ 3.0 อันดับที่ 8 กลุ่มตัวอย่างที่มีอายุ 26 ปี มีจำนวน 2 คน
คิดเป็ นร้อยละ 2.0 อันดับที่ 9 กลุ่มตัวอย่างที่มีอายุ 25 และ 29 ปี มี
จำนวน 1 คน คิดเป็ นร้อยละ 1.0
4.1.3 ระดับกาศึกษา
กลุ่มตัวอย่างที่มากที่สุดคือนักศึกษาขั้นปี ที่ 2 คิดเป็ นร้อยละ
53.0 รองลงมา คือ ชั้นปี ที่ 1 คิดเป็ น ร้อยละ 18.0 ชั้นปี ที่ 3 คิดเป็ นร้อย
ละ 12.0 ชั้นปี ที่ 4 คิดเป็ นร้อยละ 7.0 ชั้นปี ที่ 6 คิดเป็ นร้อยละ 6.0 และ
ชั้นปี ที่ 5 คิดเป็ นร้อยละ 4.0 ดังแสดงในตารางที่ 4.2
4.1.4 รายรับเฉลี่ยต่อเดือน
กลุ่มตัวอย่างมีรายรับเฉลี่ยต่อเดือนมากที่สุด คือ มากกว่า
เท่ากับ 5,000 - 10,000 บาท คิดเป็ นร้อยละ 47.0 รองลงมา คือ
มากกว่า 10,000 บาท คิดเป็ นร้อยละ 30.0 และน้อยกว่าเท่ากับ 5,000
บาท คิดเป็ นร้อยละ 23.0 ดังที่แสดงไว้ในตารางที่ 4.3
4.1.5 โรคประจำตัว
กลุ่มตัวอย่างที่ไม่มีโรคประจำตัว คิดเป็ นร้อยละ 79.0 และมี
โรคประจำตัว คิดเป็ นร้อยละ 21.0 ดังที่แสดงไว้ ตารางที่ 4.4
4.2.2 การรับประทานยาพาราเซตามอลเมื่อมีอาการป่ วย
กลุ่มตัวอย่างที่ส่วนมากรับประทานยาพาราเซตามอลไม่ทุกครั้ง
เมื่อมีอาการป่ วย คิดเป็ นร้อยละ 63.0 และรับประทานยาพาราเซตามอล
ทุกครั้งเมื่อมีอาการป่ วย คิดเป็ นร้อยละ 37.0 ดังที่แสดงไว้ในตารางที่ 4.6
4.2.3 การเลือกใช้ยี่ห้อยาพาราเซตามอลในการรับประทาน
กลุ่มตัวอย่างที่ส่วนใหญ่รับประทานยาพาราเซตามอลยี่ห้อไทลิ
นอล คิดเป็ นร้อยละ 82.0 รองลงมา คือ ยี่ห้อพาราแคพ คิดเป็ นร้อยละ
5.0 ยี่ห้อซีมอล คิดเป็ นร้อยละ 4.0 ยี่ห้อพานาดอล คิดเป็ นร้อยละ 4.0 ยี่
ห้อเทมปร้า คิดเป็ นร้อยละ 2.0 ยี่ห้อซาร่า คิดเป็ นร้อยละ 2.0 และ ยี่ห้อซี
บาคามอล คิดเป็ นร้อยละ 1.0 ดังที่แสดงไว้ในตารางที่ 4.7
4.2.4 การรับประทานยาพาราเซตามอลเมื่อมีอาการป่ วย
กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่รับประทานยาพาราเซตามอลเมื่อมีอาการไข้
ตัวร้อน คิดเป็ นร้อยละ 88.0 รองลงมา คือ มีอาการปวดศีรษะ คิดเป็ น
ร้อยละ 83.0 มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ คิดเป็ นร้อยละ 23.0 มีอาการ
ปวดฟั น คิดเป็ นร้อยละ 27.0 มีอาการปวดข้อ คิดเป็ นร้อยละ 4.0 ดังที่
แสดงไว้ในตารางที่ 4.8
ตารางที่ 4.8 จำนวนและร้อยละการรับประทานยาพาราเซตามอลเมื่อ
มีอาการต่อไปนี้
อาการ จำนวน (คน) ร้อยละ
อาการไข้ ตัวร้อน 88 88.0
ปวดศีรษะ 83 83.0
ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ 23 23.0
ปวดฟั น 27 27.0
ปวดข้อ 4 4.0
รวม 100 100.0
4.2.5 ระยะเวลาการรับประทานยาพาราเซตามอลติดต่อกัน
กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่รับประทานยาพาราเซตามอลติดต่อกัน
1-3 วัน คิดเป็ นร้อยละ 90.0 รองลงมา คือ ติดต่อกัน 4-6 วัน คิดเป็ นร้อย
ละ 9.0 ติดต่อกันมากกว่า 1 เดือน คิดเป็ นร้อยละ 1.0 และติดต่อกัน
มากกว่า 1 สัปดาห์ คิดเป็ นร้อยละ 0.0 ดังที่แสดงไว้ในตารางที่ 4.9
4.3.2 ปั จจัยด้านราคา
ปั จจัยด้านราคายาที่มีผลต่อการเลือกใช้ยาพาราเซตามอลของ
นักศึกษาอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเป็ น 3.76 พบว่า อันดับที่ 1 ราคาเมื่อ
เทียบกับประสิทธิภาพยา มีผลมาก มีค่าเฉลี่ยเป็ น 4.10 อันดับที่ 2 ราคา
เมื่อเทียบกับปริมาณยา มีผลมาก (ค่าเฉลี่ย 3.75) อันดับที่ 3 มีราคาระบุ
ชัดเจน มีผลมาก (ค่าเฉลี่ย 3.71) อันดับที่ 4 ราคาเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น มี
ผลมาก (ค่าเฉลี่ย 3.54) ดังที่แสดงไว้ในตารางที่ 4.11
4.3.3 ปั จจัยด้านราคา
ปั จจัยด้านช่องทางการเข้าถึงยาที่มีผลต่อการเลือกใช้ยา
พาราเซตามอลของนักศึกษาอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเป็ น 3.92 พบว่า
อันดับที่ 1 ร้านขายยา มีผลมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเป็ น 4.40 อันดับที่ 2 ร้าน
สะดวกซื้อมีผลมาก (ค่าเฉลี่ย 3.90) อันดับที่ 3 โรงพยาบาล มีผลปาน
กลาง (ค่าเฉลี่ย 3.45) ดังที่แสดงไว้ในตารางที่ 4.12
ส่วนที่4 สถิติเชิงอ้างอิง
เป็ นการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงอ้างอิงเพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่าง
ตัวแปร เพศ โรคประจำตัว รายรับเฉลี่ยต่อเดือน การอ่านส่วนประกอบ
ของยา ก่อนและหลังการใช้ยา การกินยาตามน้ำหนักตัว การกินยาตาม
ฉลากยาพื้นฐาน กับพฤติกรรมการใช้ยาพาราเซตามอล ซึ่งแบ่งเป็ น การ
เลือกใช้ยี่ห้อยาพาราเซตามอลยี่ห้อไหนบ่อยที่สุด การเลือกรับประทานยา
พาราเซตามอลจำนวนกี่เม็ดต่อครั้ง การใช้ยาพาราเซตามอลติดต่อกันเป็ น
เวลานาน การเลือกใช้ยาในการรักษาบรรเทาอาการปวดไปทั่วทั้งร่างกาย
เป็ นข้อมูลชนิดนามบัญญัติ ส่วนตัวแปรการเลือกรับประทานยา
พาราเซตามอลจำนวนกี่เม็ดต่อครั้ง และตัวแปรการใช้ยาพาราเซตามอล
ติดต่อกันสูงสุดเป็ นเวลานานเท่าใด เป็ นข้อมูลชนิดเรียงลำดับมีความแตก
ต่างกันและสมารถเรียงลำดับได้ ตัวแปรเพศและตัวแปรโรคประจำตัวเป็ น
ข้อมูลชนิดนามบัญญัติ ตัวแปรรายรับเฉลี่ยต่อเดือนเป็ นข้อมูลเรียงลำดับ
และตัวแปรการอ่านส่วนประกอบของยา ก่อนและหลังใช้ยา การกินยา
ตามฉลากยา เป็ นข้อมูลชนิดเรียงลำดับ ที่สามารถเรียงลำดับได้ 5 ระดับ
ได้แก่ น้อยที่สุด น้อย ปานกลาง มากและมากที่สุด มีค่า p-value <
0.05
4.4 ผลลัพธ์จากการวิเคราะห์สถิติเชิงอ้างอิง
4.4.1 ความสัมพันธ์ระหว่างเพศและระยะเวลาการรับ
ประทานยาพาราเซตามอล
ระยะเวลาการรับประทานยาพาราเซตามอลติดต่อกันเป็ นเวลา
1-3 วัน มีค่า p-value เท่ากับ 0.046 คือค่า p-value จากการวิเคราะห์
สถิติค่าอยู่ในช่วงระหว่าง 0 ถึง 0.05 แสดงว่า เพศและระยะเวลาการรับ
ประทานยาพาราเซตามอลติดต่อกันเป็ นเวลา 1-3 วันมีความสัมพันธ์กัน
อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ ระยะเวลาการรับประทานยาพาราเซตามอล
ติดต่อกันเป็ นเวลา 4-6 วัน มีค่า p-value เท่ากับ 0.124 คือค่า p-
value จากการวิเคราะห์สถิติค่าไม่อยู่ในช่วงระหว่าง 0 ถึง 0.05 แสดงว่า
เพศและระยะเวลาการรับประทานยาพาราเซตามอลติดต่อกันเป็ นเวลา
4-6 วันไม่มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ ระยะเวลาการรับ
ประทานยาพาราเซตามอลติดต่อกันเป็ นเวลามากกว่า 1 สัปดาห์ มีค่า p-
value เท่ากับ 0.031 คือค่า p-value จากการวิเคราะห์สถิติค่าอยู่ในช่วง
ระหว่าง 0 ถึง 0.05 แสดงว่า เพศและระยะเวลาการรับประทานยา
พาราเซตามอลติดต่อกันเป็ นเวลามากกว่า 1 สัปดาห์มีความสัมพันธ์กัน
อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ ระยะเวลาการรับประทานยาพาราเซตามอล
ติดต่อกันเป็ นเวลามากกว่า 1 เดือน มีค่า p-value เท่ากับ 0.053 คือค่า
p-value จากการวิเคราะห์สถิติค่าไม่อยู่ในช่วงระหว่าง 0 ถึง 0.05 แสดง
ว่า เพศและระยะเวลาการรับประทานยาพาราเซตามอลติดต่อกันเป็ น
เวลามากกว่า 1 เดือนไม่มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ ดังที่
แสดงไว้ในตารางที่ 4.13
4.4.2 ความสัมพันธ์ระหว่างการเคยรับประทานยา
พาราเซตามอลกับอาการป่ วยเมื่อต้องรับประทานยาพาราเซตามอล
มีค่า p-value เท่ากับ 0.011 คือค่า p-value จากการ
วิเคราะห์สถิติค่าอยู่ในช่วงระหว่าง 0 ถึง 0.05 แสดงว่าการเคยรับ
ประทานยาพาราเซตามอลกับอาการป่ วยเมื่อต้องรับประทานยา
พาราเซตามอลมีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ ดังที่แสดงไว้
ในตารางที่ 4.14