Professional Documents
Culture Documents
เนื้อหา
1. พันธะโลหะ
2. พันธะไอออนิก
3. พันธะโคเวเลนด์
การเกิดพันธะ
พันธะเกิดได้โดย
1. ให้อิเล็กตรอนแก่ธาตุอื่น
2. รับอิเล็กตรอนจากธาตุอื่น
3. ใช้อิเล็กตรอนร่วมกัน
พันธะเคมีเกิดจาก แรงดึงดูดระหว่างอิเล็กตรอนกับโปรตอนในนิวเคลียส เมื่ออะตอมเคลือ่ นทีเ่ ข้าใกล้กนั จะเกิดแรงดึงดูด
ระหว่างนิวเคลียสของอะตอมหนึง่ กับอิเล็กตรอนของอีกอะตอมหนึง่
1. อะตอมอยูห ่ า่ งกันจะมีพลังงานค่าหนึง่ ซึง่ มีพลังงานสูง
แบบจาลองแสดงอิเล็กตรอนในก้อนโลหะ
2. สมบัติของพันธะโลหะ
1. จุดเดือด จุดหลอมเหลวสูงมาก เพราะเป็ นแรงดึงดูดระหว่างประจุทางไฟฟ้า ซึง่ ยึดกันเหนียวแน่นมาก
2. นา้ ไฟฟ้าได้ดีมากและนาได้ทกุ ทิศทาง เพราะมีอเิ ล็กตรอนอิสระเคลือ่ นที่ได้ เมื่ออุณหภูมิสงู ขึน้ การนาไฟฟ้า จะ
ลดลง และไม่นาไฟฟ้าถ้าอยูใ่ นภาวะแก๊ส
3. โลหะตีให้เป็ นแผ่นบาง ๆ ได้ เนื่องจากผลึกในอนุภาคเล็ก ๆ เหล่านีเ้ ลือ่ นไถลโดยไม่หลุดออกจากกัน เพราะกลุม ่
เวเลนซ์อิเล็กตรอนทาหน้าที่ยดึ อนุภาคไว้
ภาพ แสดงการเลื่อนไถลของอะตอมโลหะ เมื่อถูกแรงกระทา
4. โลหะสะท้อนแสงได้ เพราะกลุม่ อิเล็กตรอนที่เคลือ่ นที่ได้อย่างอิสระ เมื่อกระทบแสงจะรับและคายคลืน่ แสงออก ทาให้
ผิวของโลหะสะท้อนแสงได้
5. เขียนสูตรโมเลกุลไม่ได้ เขียนได้เฉพาะสูตรอย่างง่าย
6. เรียกหน่วยที่เล็กที่สดุ ของโลหะว่า “อะตอม”
2. พันธะไอออนิก
1. การเกิดพันธะไอออนิก
เกิดระหว่างโลหะกับอโลหะ ยกเว้น Be กับ B โดย
โลหะจ่ายอิเล็กตรอนออกไปกลายเป็ นประจุบวก
อโลหะรับอิเล็กตรอนเข้ามากลายเป็ นประจุลบ
ประจุบวกและประจุลบที่เกิดขึน้ จะส่งแรงดึงดูดกัน เรียกว่า พันธะไอออนิก
3.3 สารประกอบที่เกิดจากธาตุโลหะอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากโลหะหมู่ I, II, III รวมกับอนุมลู เดีย่ วและอนุมลู กลุม่ เนื่องจาก
ธาตุ Transition มีเลข Oxidation หลายค่า ค่าที่จะนามาคูณไขว้ในสูตร จะเป็ นเลขโรมันบอกไว้ในชื่อนัน้ ๆ อยู่ เช่น
คอปเปอร์ (II) ซัลเฟต → CuSO₄ ไอร์ออน (III) คลอไรด์ → …………………
นิกเกิล (III) ออกไซด์ → ………………… ไอร์ออน (II) ไนเตรต → …………………
แมงกานีส (IV) ออกไซด์ → ………………… เลด (II) ไอโอไดด์ → …………………
แบบฝึ กหัด
1. จงเขียนสูตรสารประกอบต่อไปนี ้
แอมโมเนียมซัลไฟด์ ................................... ไอร์ออน (III) ซัลเฟต ...................................
แคลเซียมฟอสเฟต ................................... โครเมียม (III) ไนเตรต ...................................
คอมเปอร์ (II) ซัลไฟต์ ................................... เลด (IV) ออกไซด์ ...................................
โพแทสเซียมแมงกาเนต ................................... โพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต ...................................
โซเดียมโครเมต ................................... ลิเทียมไดโครเมต ...................................
2. จากธาตุทกี่ าหนดให้ จงเขียนสูตรของสารประกอบที่เกิดขึน้
1. M 2 8 18 6
N 2 8 18 32 184 สูตรสารประกอบ คือ ..........................................
2. A 2 3
B 2 8 6 สูตรสารประกอบ คือ ..........................................
3. B และ C มีเวเลนซ์อเิ ล็กตรอน 3 และ 6 ตามลาดับ สูตรสารประกอบ คือ .......................................................
4. ถ้าสูตรของสารประกอบแคลเซียมโบรเมต เป็ น Ca(BrO₃)₂ สูตรสารประกอบโบรเมตของ ₃₇X
จะเป็ นอย่างไร................................................................................................................
4.สารประกอบไอออนิกแท้ และไออออนิกผสมโคเวเลนต์
สารประกอบไอออนิกแท้ สารประกอบไอออนิกผสมโคเวเลนต์
AI₂O₃ → 2AI³⁺ + 3O²⁻ NaOH → Na⁺ + OH⁻
CaCI₂ → Ca²⁺ + 2CI⁻ CaCO₃ → Ca²⁺ + CO2−3
AIF₃ → AI³⁺ + 3F⁻ Ca₃(PO₄)₂ → 3Ca²⁺ + 2PO3−
4
Na₂O → 2Na⁺ + O²⁻ NH₄CI → NH4+ + CI
5. การละลายน้าของสารประกอบไอออนิก
เกณฑ์การละลายของสาร
1. ไม่ละลายนา้ คือ ละลายได้นอ้ ยกว่า 1 กรัมต่อนา้ 1,000 cm³ ที่ 25°C
2. ละลายได้เล็กน้อย คือ ละลายได้ 1 กรัม – 10 กรัมต่อนา้ 1,000 cm³ ที่ 25°C
3. ละลายได้ดี คือ ละลายได้มากกว่า 10 กรัม ต่อนา้ 1,000 cm³ ที่ 25°C
...... ....
สารประกอบไอออนิ กที่ละลายนา้ ได้
1. สารประกอบของโลหะหมู่ I ทุกตัว เช่น NaCI , Li₂CO₃ , K₂SO₄
2. สารประกอบของแอมโมเนียมไอออนทุกตัว เช่น NH₄CI, (NH₄)₃PO₄
3. สารประกอบของไนเตรตไอออนทุกตัว เช่น Cu(NO₃)₂, AI(NO₃)₃
4. สารประกอบของคลอเรตไอออนทุกตัว เช่น LiCIO₃ , Mg(CIO₃)₂
5. สารประกอบเปอร์คลอเรตไอออนทุกตัว ยกเว้น KCIO₄
6. สารประกอบแอซีเตตไอออนทุกตัว ยกเว้น CH₃COOAg
สารประกอบไอออนิกที่ไม่ละลายนา้
3−
1. สารประกอบของโลหะหมู่ II กับ CO2− 2−
3 , PO4 , SO3 ยกเว้น MgSO₄
2. สารประกอบของอโลหะหมู่ VII กับ Ag⁺ , Hg 2+
2 และ Pb²⁺ เช่น AgCI, PbI₂
3. สารประกอบออกไซต์ ซัลไฟด์ และไอดรอกไซต์ของโลหะทุกชนิด ยกเว้นโลหะหมู่ I และหมู่ II บางตัว เช่น Ca²⁺ ,
Sr²⁺ , Ba²⁺
ตะกอนที่เกิดจากการผสมของสารต่อไปนี ้ คือสารใด
1. BaCi₂ + Na₂CO₃ ตะกอน คือ ................................................................................................
2. KCI + Pb(NO₃)₂ ตะกอน คือ ................................................................................................
3. Li₂S + CuSO₄ ตะกอน คือ ................................................................................................
4. AI(NO₃)₃ + KOH ตะกอน คือ ................................................................................................
5. AgNO₃ + K₂Cr₂O₇ ตะกอน คือ ................................................................................................
6. Na₂O + Zn(NO₃)₂ ตะกอน คือ ................................................................................................
6.การเกิดปฏิกิริยาเคมี
การเกิดปฏิกิรยิ าเคมี คือ การได้สารใหม่ที่ทาให้กลับเป็ นสารเดิมไม่ได้
***ข้อสังเกต คือ มีตะกอนเกิดขึน้ มีแก๊ส มีสี เกิดขึน้ ใหม่
ให้ขีดเครือ่ งหมาย หน้าข้อทีเ่ กิดปฏิกิรยิ าเคมี และเครือ่ งหมาย หน้าข้อที่ไม่เกิดปฏิกิรยิ าเคมี
.............1. เผาเศษไม้
.............2. เผาคอปเปอร์ซลั เฟต
.............3. ผสมสารละลายระหว่างโพแทสเซียมคลอไรด์กบั โซเดียมไนเตรต
.............4. ผสมสารละลายระหว่างแคลเซียมคลอไรด์กบั โซเดียมคาร์บอเนต
.............5. ผสมสารละลายระหว่างไอร์ออน (III) ไนเตรตกับโซเดียมคลอไรด์
.............6. ผสมสารละลายระหว่างซิลเวอร์ไนเตรตกับโพแทนเซียมคลอไรด์
.............7. สังกะสีจ่มุ ในกรดซัลฟิ วริก
7. พลังงานในการเกิดพันธะไอออนิก
มีพลังงาน 5 ชนิดด้วยกัน เช่น
ขัน้ ที่ การเปลีย่ นแปลง พลังงาน ชื่อพลังงาน การ
(kJ/mol) เปลี่ยนแปลง
พลังงาน
1 Na(s) → Na(g) 108 พลังงานการระเหิด ดูด
2 Na(g) → Na⁺(g) + e⁻ พลังงานไอออไนเซชัน ดูด
3 CI₂(g) → 2CI(g) พลังงานการสลายพันธะ ดูด
4 CI(g) → e⁻ → CI⁻(g) พลังงานอิเล็กตรอนอัฟฟิ นิตี ้ หรอ คาย
พลังงานสัมพรรคภาพอิเล็กตรอน
5 Na⁺(g) + CI⁻(g) → NaCI(s) พลังงานแลตทิซ หรือพลังงานโครงร่างผลึก คาย
8. พลังงานในการละลาย
มีพลังงานที่เกี่ยวข้อง 2 ขัน้ ตอน ดังนี ้
1. พลังงานโครงร่างผลึก หรือพลังงานแลตทิซ (lattice)
2. พลังงานไฮเดรชัน (Hydration)
ภาพแสดงการละลายของสารประกอบไอออนิก
สมการแสดงการละลาย
NaCI(s) → Na⁺(g)+CI⁻(g) พลังงานโครงร่างผลึก หรือ พลังงานแลตทิซ (ดูด) ∆H₁…………1
Na⁺(g) + CI⁻(g) → Na⁺(aq) + CI⁻(aq) พลังงานไฮเดรชัน (คาย) ∆H₂…………2
รวมสมการ 1 กับ 2 เข้าด้วยกัน
NaCI(s) → Na⁺(aq) + CI⁻(aq) ∆H₃
∆H₁ เป็ นปฏิกริ ยิ าดูดความร้อน ∆H₂ เป็ นปฏิกริ ยิ าคายความร้อน ส่วน ∆H₃ จะเป็ นปฏิกิรยิ าดูดความร้อนหรือคาย
ความร้อนหรืออุณหภูมิปกติก็ได้
การสังเกตว่า ∆H₃ เป็ นปฏิกิรยิ าดูดหรือคายความร้อนให้ดจู ากเครือ่ งหมายดังนี ้
ถ้า ∆H₃ เป็ นค่าบวก แสดงว่า เป็ นปฏิกิรยิ าดูดความร้อน
∆H₃ เป็ นค่าลบ แสดงว่า เป็ นปฏิกิรยิ าคายความร้อน
∆H₃ เป็ น 0 แสดงว่า ไม่เป็ นปฏิกิรยิ าดูดความร้อน และปฏิกิรยิ าคายความร้อน
จากแผนภาพต่อไปนี้
A(s) I A(g) II A⁺(g)
V AB(s) VI A⁺(g)+B⁻(g) VII A⁺(aq) + B⁻(aq)
1
2
B₂(g) III B(g) IV B⁻(g)
พลังงานในการเกิดพันธะ พลังงานในการละลาย
จงบอกชื่อพลังงานแต่ละขัน้ ตอน และบอกว่าเป็ นการดูดหรือคายพลังงาน
I …………………………………………… II …………………………………………… III ……………………………………………
VII ……………………………………………
แนวข้อสอบ
1. พลังงานแลตทิซ คือ .....................................................................................................................................
2. พลังงานไฮเดรชัน คือ .....................................................................................................................................
3. จงเขียนสมการแสดงพลังงานแลตทิช และพลังงานไฮเดรชันของสารละลาย CuSO₄ พร้อมทัง้ ระบุดว้ ยว่าดูดหรือคาย
ความร้อน
สรุปได้วา่
สาร A เป็ นสารประเภท ....................................................................................................................................
สาร B เป็ นสารประเภท ....................................................................................................................................
9. การละลายกับการตกผลึก
9. สมการไอออนิก และสมการไอออนิกสุทธิ
สมการไอออนิก คือ สมการที่แสดงไอออนบวกและไอออนลบของสารประกอบไอออนในสารละลายทัง้ หมด
สมการไอออนิกสุทธิ คือ สมการที่แสดงเฉพาะไอออนบวกและไอออนลบที่เข้าทาปฏิกิริยากัน
Ex 1. จงเขียนสมการไอออนิกของสารที่เกิดจากการผสมของ AgNo₃ กับ NaCI
ปฏิกิรยิ าเคมี คือ .......................................................................................................................
สมการไอออนิก คือ .......................................................................................................................
สมการไอออนิกสุทธิ คือ .......................................................................................................................
Ex 2. จงเขียนสมการไอออนิกของสารที่เกิดจากการผสมของ BaCI₂ กับ K₃PO₄
ปฏิกิรยิ าเคมี คือ .......................................................................................................................
สมการไอออนิก คือ .......................................................................................................................
สมการไอออนิกสุทธิ คือ .......................................................................................................................
Ex 3. จงเขียนสมการไอออนิกของสารที่เกิดจากการผสมของ MgSO₄ กับ AICI₃
ปฏิกิรยิ าเคมี คือ .......................................................................................................................
สมการไอออนิก คือ .......................................................................................................................
สมการไอออนิกสุทธิ คือ .......................................................................................................................
Ex 4. จงเขียนสมการไอออนิกของสารที่เกิดจากการผสมของ Na₂CO₃ กับ H₂SO₄
ปฏิกิรยิ าเคมี คือ .......................................................................................................................
สมการไอออนิก คือ .......................................................................................................................
สมการไอออนิกสุทธิ คือ .......................................................................................................................
3. พันธะโคเวเลนต์
1. การเกิดพันธะโคเวเลนต์
เกิดจากธาตุเอาเวเลนซ์อิเล็กตรอนมาใช้รว่ มกัน ได้แก่ สารประกอบที่เกิดจากอโลหะกับอโลหะ รวมทัง้ B และ Be หรือ
เกิดจากสารประกอบที่มีคา่ EN และ IE สูง เช่น
เปรียบเทียบพลังงานพันธะได้ดงั นี ้
ความยาวพันธะและพลังงานพันธะ จะเปรียบเทียบกันได้ก็ตอ่ เมื่อเป็ นพันธะที่เกิดจากอะตอมของธาตุคเู่ ดียวกัน ถ้า
เป็ นอะตอมต่างคูก่ นั เทียบกันไม่ได้
2. สมบัติของโมเลกุลโคเวเลนต์
1. จุดเดือด จุดหลอมเหลวต่า เพราะการเดือดทาลายแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล
(จุดเดือดของแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลเป็ นดังนี ้ พันธะไฮโดรเจน > แรงดึงดูดระหว่างขัว้ > แรงลอนดอน)
2. ส่วนใหญ่ไม่นาไฟฟ้า แต่จะนาได้ถา้ มีขวั้ และโมเลกุลนัน้ สามารถแตกตัวเป็ นไอออนได้
3. เขียนสูตรโมเลกุลได้
4. หน่วยเล็กที่สดุ เรียกว่า “โมเลกุล”
3. การอ่านชื่อโมเลกุลโคเวเลนต์
เนื่องจากสารประกอบเหล่านี ้ มีสตู รที่เขียนได้ถกู ต้องหลายแบบ จึงต้องอ่านเลขอะตอมของธาตุแต่ละธาตุดว้ ยภาษากรีก
ดังนี ้ 1= mono , 2= di, 3=tri, 4=tetra, 5=penta, 6=hexa, 7=hepta, 8=octa, 9=nona, 10=deca และลงท้าย
เสียงเป็ นไอด์ (ide) เช่น
P₄O₁₀ …………………………………………….. N₂O ……………………………………………..
4. หลักการเขียนสูตรแสดงพันธะของโมเลกุลโคเวเลนต์
1. สารที่มีจานวนแขนมากที่สดุ สารนัน้ ต้องเป็ นอะตอมกลาง โดยจานวนแขนของสารต่าง ๆ เป็ นดังนี ้
F CI Br I H มี 1 แขน
O S มี 2 แขน
N มี 3 แขน
C Si มี 4 แขน
สาร โครงสร้างลิวอิส
สูตรแบบเส้น สูตรแบบจุด
CS₂
HCN
CH₂ O
PCI₅
BF₃
2. สารประกอบไฮโดรคาร์บอน มีหลักดังนี ้
สาร โครงสร้างลิวอิส
สูตรแบบเส้น สูตรแบบจุด
C₃H₄
C₂H₄
C₅H₁₂
3. กรดออกซี มีหลักในการเขียนดังนี ้ ให้เอา H ต่อกับ O แขนของ O อีกด้านหนึง่ ต่อกับอะตอมกลางส่วน O ที่เหลือจะต่อ
กับอะตอมกลางแบบพันธะคู่ หรือโคออร์ดิเนตก็ได้ ขึน้ อยูก่ บั อะตอมกลางนัน้ กล่าวคือ ถ้าอะตอมกลางยังไม่ครบ 8
ต้องต่อแบบพันธะคู่ แต่ถา้ อะตอมกลางครบ 8 แล้วให้ตอ่ แบบโครออร์ดิเนตโคเวเลนด์
สาร โครงสร้างลิวอิส
สูตรแบบเส้น สูตรแบบจุด
H₂SO₄
HNO₃
H₂CO₃
HCIO₄
H₃PO₄
SO₂
SO₃
PO3−
4
HCO−
4
5. พันธะโคออร์ดเิ นตโคเวเวนต์
ได้แก่ พันธะที่เกิดจากอะตออมใดอะตอมหนึง่ จ่ายอิเล็กตรอนคูไ่ ปให้ธาตุตวั ใดตัวหนึง่ เพื่อให้มีเวเลนซ์อิเล็กตรอน ครบ 8 โดยไม่
รับอิเล็กตรอนจากธาตุตวั นัน้ กลับมา ดังเช่น SO₂
NH4+
S22−
SCN⁻
N₂O
6. รีโซเนนซ์ (Resonance)
รีโซแนนซ์ คือ ปรากฎการณ์ที่สารใดสารหนึง่ เขียนสูตรที่ถกู ต้องได้หลายแบบ เนื่องจากพันธะคูเ่ คลือ่ นที่ได้ เช่น
สารใดเกิดปรากฎการณ์รโี ซแนนซ์ได้สารนัน้ จะเสถียรมาก
สารประกอบที่เกิดรีโซแนนซ์ได้ ความยาวพันธะและพลังงานในโมเลกุลจะเท่ากันหมด
Ex 1. จงเปรียบเทียบความยาวพันธะและพลังงานพันธะของสารประกอบต่อไปนี ้
1. C กับ O ในสารประกอบ CO₂ , CO2−
3
H₂O …………………… SO₂ …………………… N₂O …………………… CN⁻ …………………… SCN⁻ ……………………
สารประกอบที่เกินออกเตต ได้แก่
PCI₅ …………… SF₆ …………… AsF₅ …………… SF₄ …………… XeF₂ …………… BrF₅ ……………
สารประกอบที่ไม่ครบออกเตต ได้แก่
BeCI₂…………………… BF₃…………………… NO₂…………………… No……………………
แบบฝึ กหัด
1. สารประกอบในข้อใดต่อไปนีไ้ ม่เป็ นไปตามกฎออกเตต OF₂ HCI HCN CO NO SO₃ NH4+ SCI₂ PBr₅ HI
BeH₂ O₃ BCI₃
8. การคานวณพลังงานพันธะ
1. คานวณในรู ปสารประกอบ
คานวณในรูปของสมการเคมี
การสลายพันธะ เป็ นการเปลี่ยนแปลงประเภทดูดความร้อน
การเกิดพันธะ เป็ นการเปลี่ยนแปลงประเภทคายความร้อน
2. การคานวณพลังงานของปฏิกริ ิยาเคมี
Ex 1. ในสมการ A₂ + B₂ → 2AB กาหนดพลังงานพันธะให้ได้ดงั นี ้
A – A =436 ; B – B = 242 ; A – B = 431
จงคานวณความร้อนที่เกิดขึน้ ในปฏิกิรยิ า
9. จานวนพันธะโคเวเลนต์
การคิดจานวนพันธะ
1. ถ้าเป็ นสารประกอบโคเวเลนต์แท้ ๆ จานวนพันธะ = จานวนอโลหะทัง้ หมด -1 เช่น
NH₃ = ……………………….พันธะ H₂SO₄ = ……………………….พันธะ
C₅H₁₂ = ……………………….พันธะ C₄H₉COOH = ……………………….พันธะ
2. ถ้าเป็ นสารประกอบโคเวเลนต์ที่มโี ครงสร้างเป็ นวงกลม 1 วง จานวนพันธะ = จานวนอโลหะทัง้ หมด
S₈ = ……………………….พันธะ C₆H₆ = ……………………….พันธะ
C₆H₅ COOH = ……………………….พันธะ C₆H₅CH₃ = ……………………….พันธะ
3. ถ้าเป็ นสารประกอบไอออนิกผสมโคเวเลนต์ ให้คิดเฉพาะพันธะโคเวเลนต์เท่านัน้ เช่น
NaCIO₃ = ……………………….พันธะ Mg(NO₃)₂ = ……………………….พันธะ
Na₂SO₄ = ……………………….พันธะ Al(NO₃)₃ = ……………………….พันธะ
4. ทาเป็ นสารประกอบของ NH4+ ให้แยกคิดของ NH4+และสารที่มาเป็ นส่วนประกอบของ NH4+เช่น
(NH₄)₂O = ……………………….พันธะ NH₄CI = ……………………….พันธะ
(NH₄)₃PO₄ = ……………………….พันธะ (NH₄)₂SO₄ = ……………………….พันธะ
จงหาจานวนพันธะของสารประกอบต่อไปนี้
CH₃COOH ……………… C₂H₅OH ……………… PH₃ ……………… CI₂O ……………… PCI₅ ………………
2. จงแสดงโครงสร้างพันธะของสารประกอบแต่ละตัว
10. มุมพันธะ
CO₂ …………………… H₂S …………………… HCN …………………… SO₃ …………………… CH₄ ……………………
CIO− + −
3 …………………… BrF2 …………………… BrF₃ …………………… CIF2 …………………… BrF₅ ……………………
11. รู ปร่างพันธะ
โมเลกุลโคเวนต์ มีรูปร่างแตกต่างกัน ขึน้ อยูก่ บั แรงผลักภายในโมเลกุลของอิเล็กตรอนคูร่ ว่ มพันธะ และอิเล็กตรอนคู่
โดดเดี่ยวรอบอะตอมกลาง
NO₂ ………………… OCI₂ ………………… BeCI₂ ………………… HCN ………………… TeH₂ …………………
NO− 2−
3 ………………… CO3 ………………… SO₃ ………………… SO2−
3 ………………… SbH₃ …………………..
CH₂O ………………… NCI₃ ………………… BCI₃ ………………… BH₃ ………………… NF₃ …………………
7. จงเปรียบเทียบพันธะของสารประกอบ PCI₅ , N₂O , H₂S , BeCI₂ , BF₃ , SO₂ , CCI₄ , SF₆ , PCI₃ จากมุมโตไปเล็ก
รูปร่างพันธะอย่างละเอียด (เพิ่มเติมเกินหลักสูตร)
A = อะตอมกลาง
X = อะตอมที่อยูร่ อบอะตอมกลาง
E = อิเล็กตรอนคูโ่ ดดเดีย่ ว
2. ถ้านับจานวนพันธะได้ 3 จะมีรูปร่าง ดังนี ้
AX₃
AX₃E
AX₃E₂
AX₄
AX₄E
AX₄E₂
AX₅
AX₅E
5. ถ้านับจานวนพันธะ ได้ 6 จะมีรูปร่าง ดังนี ้
AX₆
12. พันธะโคเวเลนต์ที่มข
ี ั้วและไม่มีขั้ว
• พันธะโคเวเลนต์ที่ไม่มีขวั้
คือ พันธะที่เกิดจากธาตุที่มีคา่ EN เท่ากัน เช่น F₂ , CI₂ , Br₂ , I₂ , H₂ , O₃ , S₈ , P₄
• พันธะโคเวเลนต์ที่มีขวั้
คือ พันธะที่เกิดจากธาตุที่มีคา่ EN ต่างกัน ธาตุใดมีคา่ EN สูงกว่า จะแสดงขัว้ ลบ ถ้า EN ต่างกันมาก สภาพขัว้ จะแรง
มาก เช่น
ประโยชน์ของสภาพขัว้ ของโมเลกุล
1. การนาไฟฟ้า
โมเลกุลมีขวั้ จะนาไฟฟ้าได้ ถ้าแตกตัวเป็ นไอออนได้ ส่วนโมเลกุลไม่มีขวั้ จะไม่นาไฟฟ้า
2. การละลาย
โมเลกุลที่มีสภาพขัว้ เหมือนกันจะละลายด้วยกันได้ดี ส่วนสารที่มขี วั้ ต่างกันจะรวมกันไม่ได้ เพราะแรงยึดเหนี่ยว
ระหว่างสารที่มีขวั้ เหมือนกันจะมีมากกว่าแรงยึดเหนี่ยวระหว่างสารที่มีขวั้ ต่างกัน
14.แรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล
แบ่งเป็ น 2 ประเภท
I. แรงแวนเดอร์วาลส์ (Van Der Waal Forces)
- แรงลอนดอน
- แรงดึงดูดระหว่างขัว้
II. พันธะไฮโดรเจน (Hydrogen Bond)
I. แรงแวนเดอร์วาลส์
เป็ นแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลที่ไม่แข็งแรงนัก แบ่งออกเป็ น
1.1 แรงลอนดอน เป็ นแรงยึดเหนีย่ วระหว่างโมเลกุลไม่มีขวั้ แรงนีจ้ ะมีสภาพขัว้ เกิดขึน้ ชั่วคราวเนื่องจาก
อิเล็กตรอนในอะตอมไม่อยูน่ ิ่ง ความหนาแน่นของอิเล็กตรอนรอบ ๆ นิวเคลียสเปลีย่ นแปลงได้ทาให้ความหนาแน่นของ
อิเล็กตรอนไม่สม่าเสมอ จึงเกิดเป็ นขัว้ ขึน้ และโมเลกุลที่อยูข่ า้ งเคียงถูกเหนี่ยวนาให้เกิดขัว้ ขึน้ เช่นกัน แล้วโมเลกุลเหล่านัน้ ก็จะ
เกิดแรงดึงดูดกัน เรียกว่า “แรงลอนดอน” ดังรูป ตัวอย่าง สารทีย่ ดึ เหนี่ยวระหว่างโมเลกุลเป็ นแรงลอนดอน
ได้แก่ He Ar CH₄ O₂ เป็ นต้น
- โมเลกุลไม่มีขวั้ ในสภาพปกติ
เปรียบเทียบจุดเดือดของสารประกอบไฮโดรด์ของธาตุหมู่ 7
II. พันธะไฮโดรเจน
เป็ นแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลที่สภาพขัว้ ของโมเลกุลสูงมาก เกิดจากธาตุ H และธาตุที่มคี า่ อิเล็กโทรเนกาติวิตี ้ สูงและมี
ขนาดเล็ก ได้แก่ F, O, N สภาพขัว้ ที่สงู มาก เป็ นเพราะผลต่างของค่า EN มีคา่
ตัวอย่างสารที่เกิดมีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลเป็ นพันธะไฮโดรเจน
15. พันธะโคเวเลนต์แบบโครงผลึกร่างตาข่าย
จุดเดือดจุดหลอมเหลวจะสูงมากเพราะเกาะกันแบบโครงร่างตาข่าย การเดือดเป็ นการทาลายพันธะโคเวเลนต์ ซึง่ เป็ น
แรงภายในโมเลกุล ดังเช่น เพชร แกรไฟต์ SiC SiO₂ เป็ นต้น
สรุ ป
1. การนาไฟฟ้ า
พันธะโลหะนาไฟฟ้าได้เพราะมีอิเล็กตรอนอิสระเคลือ่ นที่
พันธะไอออนิกนาไฟฟ้าได้เพราะมีไอออนเคลือ่ นที่
พันธะโคเวเลนต์นาไฟฟ้าได้เพราะโมเลกุลมีขวั้ และแตกตัวเป็ นไอออนได้ เช่น HCI H₂SO₄ CH₃COOH
2. จุดเดือดจุดหลอมเหลว
เรียงลาดับจุดเดือดจุดหลอมเหลวได้ดงั นี ้
พันธะโลหะ > พันธะไอออนิก> พันธะไฮโดรเจน> แรงระหว่างขัว้ > แรงลอนดอน
3. การละลายนา้
พันธะไอออนิกใช้ทอ่ งจา
พันธะโคเวเลนต์ให้ดทู ี่ขวั้ โดยถ้ามีขวั้ เหมือนกันจะละลายกันได้ ขัว้ ต่างกันจะไม่ละลายซึง่ กันและกัน
แบบฝึ กหัด เรื่อง การเปรียบเทียบจุดเดือด จุดหลอมเหลวของสาร
1. ทาไมพันธะโลหะ และพันธะไอออนิกจึงมีจดุ เดือดจุดหลอมเหลวสูงกว่าโมเลกุลโคเวเลนต์
3. การเปรียบเทียบจุดเดือดจุดหลอมเหลวของโมเลกุลโคเวเลนต์ จะพิจารณาอย่างไร
2.H₂O
3.HCI
สาร รูปร่าง สภาพขัว้ ของ สภาพขัว้ ของ แรงยึดเหนี่ยว เปรียบเทียบจุด
พันธะ โมเลกุล ระหว่างโมเลกุล เดือด
4.Br₃
5.SiO₂
6.SiO₂
7.C₂H₄
7. จงเปรียบเทียบจุดเดือดของสารประกอบต่อไปนี ้ จากสูงไปต่า
1. C₂H₆ , H₂O , HCI , HBr , CH₄ ……………………………………………………………
2. F₂ , HF , CaF₂ …………………………………………………………………………………
3. SiO₂ , HF, H₂S , H₂O , CI₂ , Ne …………………………………………………………
4. SiC , CH₃CooH , SiH₄ CH₄ , He ………………………………………………………
5. C₁₀H₂₂ , H₂O , NH₃ , O₂ ………………………………………………………………