หน่วยการเรียนรู้ที่ 6

Viruses
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 11-12 ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4
เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Health and Welfare เวลา 8 ชั่วโมง

สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
หน่วยการเรียนรู้นี้มุ่งพัฒนาทักษะการอ่านวิเคราะห์ : การอนุมาน โดยใช้บทอ่านที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการรู้
วิทยาศาสตร์ และสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ทักษะการคิดที่ได้รับการพัฒนาควบคู่กับทักษะการอ่านเชิงวิพากษ์
ได้แก่ ทักษะการคิด : การสรุปอ้างอิง การสรุปย่อ การสรุปลงความเห็น การวิเคราะห์ นักเรียนต้องวิเคราะห์ข้อมูลในบท
อ่านเพื่อตอบคำถาม และบรรจุข้อมูลลงในแผนผังความคิด

มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
สาระที่ 1 : ภาษาเพื่อการสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 ม.4-6/4

สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์
ความสามารถในการสื่อสาร การคิด ใฝ่ เรียนรู้: ค้นคว้าความรู้จากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ
ทักษะ/กระบวนการ
ทักษะเฉพาะวิชา ทักษะการคิด
การฟัง : - การสรุปอ้างอิง
การพูด : - การสรุปย่อ
การอ่านเชิงวิเคราะห์ : การอนุมาน การจับใจความสำคัญ - การสรุปลงความเห็น
การเขียน : - การวิเคราะห์
ความเข้าใจที่ยั่งยืน
นักเรียนเข้าใจว่าผู้เขียนไม่ได้ให้ข้อมูลทั้งหมดในข้อเขียน ผู้อ่านจำเป็ นต้องเติมโดยภูมิหลังของตน
ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น
วิทยาศาสตร์; สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
84
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 11
หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 Viruses : Passage 1 Ebola Virus ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4
เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Health and Welfare เวลา 5 ชั่วโมง

เป้ าหมายการเรียนรู้/หลักฐานการเรียนรู้/การวัดผลและประเมินผล
มาตรฐานการเรียนรู้ สิ่งที่ต้องรู้และปฏิบัติได้
และตัวชี้วัด
ต 1.1 ม.4-6/4 จับใจความสำคัญ
วิเคราะห์ความ ตีความ
สรุปความจากการอ่าน
เรื่องที่เป็นสารคดี
ผลงาน/ชิ้นงาน การวัดผลและประเมินผล
- คำตอบที่ได้จากการทำ ประเมินผลจากจำนวนคำ
กิจกรรม Reading Skill ตอบที่ถูกต้องในการ
Questions และ ทำกิจกรรม Reading Skill
Comprehension Questions Questions และ
ในหนังสือเรียน หน้า 57-58 Comprehension
- คำตอบที่ได้จากการทำ Questions และใช้เกณฑ์
กิจกรรมใน Worksheet 1 ผ่านร้อยละ 60
- Graphic Organizer
ในหนังสือเรียน หน้า 59 ที่
บรรจุข้อมูลลงไปแล้ว

ความรู้
- คำศัพท์และสำนวนภาษา
- consider (v.):
- victim (n.):
- rash (n.):
- internal (adj.):
- bleed (v.):
- cure (n.):
- transmit (v.):
- fluid (n.):
- remote (adj.):
- goggles (n. pl.):
- protective (adj.):
- symptom (n.):
- nausea (n.):
- vomit (v.):
- infect (v.):
- speculate (v.):
to think about something (คำนึงถึง, นำมาพิจารณา)
somebody or something harmed or adversely affected (ผู้ที่ตกเป็ นเหยื่อ)
a reddish itchy patch on the skin (ผื่น, ผื่นคัน)
located inside (ภายใน)
to lost blood (เลือดออก, เสียเลือด)
the healing of a disease (การรักษา)
to pass from one to another (แพร่เชื้อหรือเชื้อโรค)
a liquid (ของเหลว)
far away (ไกลความเจริญ)
protective eyeglasses (แว่นตาที่ใช้สวมป้ องกันดวงตาจากสารเคมี ฯลฯ)
providing or intending to provide protection (ที่ใช้ปกป้ องหรือคุ้มครอง)
an indication of illness felt by a patient (อาการของโรคหรือความเจ็บป่ วย)
a feeling that one is going to vomit, sick to one’s stomach (อาการคลื่นไส้)
to expel (food, liquid from the stomach) through the mouth (อาเจียน)
to give somebody a sickness or a disease (ทำให้ติดโรคหรือติดเชื้อ)
to consider possibilities (คาดคะเน, คาดเดา, พิจารณาความเป็ นไปได้)
 85

FACT FILE
- ไวรัสอีโบลา (Ebola Virus)
ไวรัสอีโบลาเป็ นไวรัสที่มีอัตราการแพร่ระบาดสูงและเร็ว แหล่งกำเนิดนั้นยังไม่มีคำตอบแน่ชัดจน
ปัจจุบัน
โรคระบาดจากจากเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้สร้างความหวาดกลัว และถูกกล่าวขวัญมากที่สุดเพราะยังไม่มีหนทาง
หรือวัคซีนในการรักษาให้หายขาด ยิ่งกว่านั้น โรคระบาดนี้สามารถแพร่กระจายโดยการสัมผัสเลือด สารคัดหลั่ง
อวัยวะ หรือน้ำจากร่างกายผู้ติดเชื้อ งานศพผู้ติดเชื้อ ผู้ดูแลลิงชิมแปนซีหรือกอริลลาที่ป่ วย และเจ้าหน้าที่
สาธารณสุขที่รักษาผู้ป่ วยจากโรคนี้ และเชื่อกันว่าเชื้อไวรัสชนิดนี้เป็นชนิดซูโนติก (Zoonoticvirus) ที่ติดต่อ
จากสัตว์มาสู่คน สำหรับอาการของผู้ป่ วยที่ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้นั้น ผู้ป่ วยจะอ่อนเพลีย ไข้ขึ้นสูงเฉียบพลัน ปวด
กล้ามเนื้อ เจ็บคอ ปวดศีรษะ ท้องเสีย อาเจียน ผื่นขึ้น ตับหยุดการทำงาน บางรายมีเลือดออกทั้งภายใน
และภายนอก และมีเม็ดเลือดขาวในปริมาณที่ต่ำ ในกรณีของประเทศไทยนั้นยังไม่มีรายงานผู้ป่ วยเนื่องจาก
กิจกรรมการเรียน
รู้ ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้
กิจกรรมก่อนอ่าน
1. แจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้
- ครูบอกนักเรียนว่าในบทเรียนนี้นักเรียนจะได้ฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์: การอนุมาน (Inference) หรือการสรุปอ้างอิง
2. พัฒนาทักษะ: การคิด-การสรุปอ้างอิง หรือการอนุมาน
- ครูอ่านออกเสียงข้อความบรรยายในหัวข้อ Inference ในหนังสือเรียน หน้า 55 และสรุปให้นักเรียนทราบว่า Inference
คือการเดาที่อาศัยหลักฐาน (Evidence-based Guess) เป็นการสรุปสิ่งที่ไม่ได้กล่าวไว้ โดยอาศัยสิ่งที่กล่าวไว้
การอนุมานในขณะที่อ่านก็เหมือนการอนุมานในชีวิตประจำวัน เช่น เห็นเพื่อนเดินหน้าเศร้าออกมาจากห้องสอบ
ก็อนุมานได้ว่าทำข้อสอบไม่ได้ การอนุมานในขณะที่อ่านจะต้องตั้งใจมองหาหลักฐานจนสรุปออกมาได้ โดยที่ไม่ได้
ระบุเป็ นลายลักษณ์อักษรในข้อความที่อ่าน หลักฐานที่ใช้อนุมานในการอ่านมีแต่คำเท่านั้น ไม่ใช่เหตุการณ์จริง
การแสดงออก หรืออากัปกิริยา
เพื่อให้ได้ความหมายจากสิ่งที่อ่าน ผู้อ่านจะต้องอนุมานหลายประเภท เช่น อนุมานใจความสำคัญ เชื่อมโยง
รายละเอียดสนับสนุนกับใจความสำคัญ ฯลฯ
- ครูให้นักเรียนจับคู่กันอ่านบทอ่านสั้น ๆ ในกรอบ ในหนังสือเรียน หน้า 55 และตอบคำถามที่อยู่เหนือบทอ่าน
- ครูและนักเรียนทำความเข้าใจบทอ่านด้วยกัน สิ่งที่เกิดขึ้นคือ
- คาดหวังกับ Internet companies มากเกินไป
(อนุมาน: คนทุ่มเงินซื้อหุ้นของบริษัทเหล่านี้ โดยหวังว่าหุ้นจะดีขึ้น)
- Internet companies เหล่านี้ไม่ทำกำไร
- นักลงทุนหวังเป็ นอย่างมากว่าวันหนึ่งจะมีกำไร
(อนุมาน: ไม่ยอมขายหุ้นเพราะคิดว่าวันหนึ่งหุ้นคงขึ้น)
- ราคาหุ้นตกลงอย่างรวดเร็ว
(อนุมาน: เงินจำนวนหนึ่งของนักลงทุนก็หายไป เพราะตอนซื้อหุ้นราคาหุ้นสูงกว่านี้)
86

- ครูบอกนักเรียนว่านักเรียนที่เลือกตัวเลือก a. เป็นผู้ที่ตอบได้ถูกต้อง ครูชี้ให้เห็นว่าคำตอบนี้ไม่ได้ระบุไว้ตรง ๆ ใน

บทอ่าน นักเรียนจะต้องอนุมานจากข้อมูลต่าง ๆ ที่มีอยู่ในบทอ่านนี้
- ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมเสริมทักษะ/ประสบการณ์ทางภาษา
3. จุดประสงค์ในการอ่าน
- ครูให้นักเรียนอ่านบทอ่านเรื่อง Ebola Virus ในหนังสือเรียน หน้า 56-57 เพื่อหา Topic Sentence ของแต่ละย่อหน้า
กิจกรรมระหว่างอ่าน
1. ใช้ทักษะการคิด-การสรุปย่อ เพื่อระบุใจความสำคัญ
- ครูแบ่งนักเรียนเป็ นกลุ่ม กลุ่มละ 8 คน แต่ละกลุ่มประกอบด้วยนักเรียน 4 คู่ คู่ที่ 1 อ่านบทอ่านเรื่อง Ebola Virus
ย่อหน้าที่ 1 คู่ที่ 2 อ่านย่อหน้าที่ 2 คู่ที่ 3 อ่านย่อหน้าที่ 3 และคู่ที่ 4 อ่านย่อหน้าที่ 4 แล้วขีดเส้นใต้ Topic Sentence
ที่แสดงใจความสำคัญในย่อหน้าที่คู่ของตนได้รับมอบหมายให้อ่าน แล้วเปรียบเทียบคำตอบกับนักเรียนคู่อื่นในกลุ่ม
อื่นที่อ่านย่อหน้าเดียวกันกับตน
- นักเรียนแต่ละคู่เข้ารวมในกลุ่มของตน คู่ที่ 1 อ่านออกเสียงคนละครึ่งย่อหน้า นักเรียนอื่น ๆ ในกลุ่มอ่านในใจตาม
แล้วบอกว่าประโยคใดคือ Topic Sentence คู่ที่ 2 คู่ที่ 3 และคู่ที่ 4 ทำเช่นเดียวกันกับคู่ที่ 1
- ครูให้นักเรียนร่วมชั้นเฉลยคำตอบร่วมกัน
คำตอบที่เสนอแนะ
Topic Sentence
ย่อหน้าที่ 1 The Ebola virus is considered the deadliest virus on the planet. (ประโยคที่ 1)
ย่อหน้าที่ 2 ..the worst thing about Ebola is that it is transmitted very easily. (ประโยคที่ 1)
ย่อหน้าที่ 3 Internal bleeding is caused by a protein inside the Ebola virus. (ประโยคที่ 1)
ย่อหน้าที่ 4 ..Scientists are not sure of the exact origins of the Ebola virus. (ประโยคที่3)
- ครูเปิ ดซีดี Track 11 ย่อหน้าที่ 1 ในหนังสือเรียน หน้า 56 ให้นักเรียนฟังและอ่านในใจตาม ครูชี้ให้นักเรียนเห็น
ความเชื่อมโยงของ Main Idea และ Supporting Details โดยเขียนแผนผังความคิดบนกระดานดังนี้

Major Details Minor Details

victim have
* very high fever,
Main Idea * rash
Ebola virus, * internal bleeding the body and its organ are
the deadliest bleeding from within
virus on the no known cure
planet
victims have great 2 nurses died while
pain until they die trying to help the patients
within 10 days

- ครูบอกนักเรียนให้สังเกตความเชื่อมโยงระหว่างประเด็นหลักและรายละเอียดหลักที่สนับสนุน และความเชื่อมโยงระหว่าง
รายละเอียดหลักและรายละเอียดรอง
 87

- ครูเปิ ดซีดีบันทึกเสียง Track 11 ย่อหน้าที่ 2 ในหนังสือเรียน หน้า 56 ให้นักเรียนฟังและอ่านในใจตาม ครูเขียน

แผนผังความคิดบนกระดาน แสดงความเชื่อมโยงระหว่าง Main Idea และ Supporting Details ดังนี้

Main Idea Ebola is transmitted very easily.

Major Details Those who touch the victim’s Doctors and nurses without
blood or body fluids can get the protective clothing often die
virus. when they try to help Ebola
victims.

- ครูเปิ ดซีดีบันทึกเสียง Track 11 ย่อหน้าที่ 3 ในหนังสือเรียน หน้า 56 ให้นักเรียนฟังและอ่านในใจตามครูเขียน

แผนผังความคิดบนกระดาน แสดงความเชื่อมโยงระหว่าง Main Idea และ Supporting Details ในย่อหน้าดังนี้

cause effect
Protein inside the Internal bleeding
Main Idea
Ebola virus

cause effect

Protein attacks and The body starts

Supporting destroys cells within to bleed.
Details the body.

cause/effect

Cells break down.

- ครูอธิบายว่าข้อความในย่อหน้าที่ 3 มีความสัมพันธ์กันในเชิงเหตุผล ครูอ่านออกเสียงประโยคแรกของย่อหน้านี้ Internal

bleeding is caused by a protein inside the Ebola virus.และบอกนักเรียนว่าประโยคนี้คือ Topic Sentence ซึ่ง
เป็ น Main Idea ของย่อหน้านี้ และชี้ให้นักเรียนดูแผนผังความคิดบนกระดานซึ่งแสดงความสัมพันธ์เชิงเหตุผลของ
ประโยคนี้ ส่วนรายละเอียดที่สนับสนุน Main Idea ก็เชื่อมโยงกันเชิงเหตุผลเช่นกัน ดังที่ได้แสดงไว้บนแผนผังความคิด
- ครูเปิ ดซีดีบันทึกเสียง Track 11 ย่อหน้าที่ 4 ในหนังสือเรียน หน้า 56-57 ให้นักเรียนฟังและอ่านในใจตาม ครูเขียน
แผนผังความคิดบนกระดาน แสดงความเชื่อมโยงระหว่าง Main Idea และ Supporting Details ดังนี้
88

Main Idea Scientists are not sure of the exact origins of the Ebola virus.

Major Details It is speculated that the virus is The inflection does not
transmitted from inflected animals to involve animals.
people.

Minor Details Case found in Case found in Case found in

African villages the Philippines Virginia, USA

- ครูชี้ให้นักเรียนเห็นว่ารายละเอียดหลักทั้งสอง 2 ซึ่งแตกต่างกัน เชื่อมไปสู่ใจความหลักที่ว่า “นักวิทยาศาสตร์ไม่อาจ

บอกได้ว่าต้นต่อจริง ๆ ของ Ebola virus คืออะไร” ส่วนรายละเอียดรองก็คือตัวอย่าง case ของการติดเชื้อ Ebola
virus ในที่ต่าง ๆ 2 ที่คาดว่าติดเชื้อจากสัตว์ คือ ลิง ในกรณีของแอฟริกา หมู ในกรณีของฟิ ลิปปิ นส์ แต่ในกรณีของ
สหรัฐอเมริกาไม่ปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ
2. ตรวจสอบความเข้าใจ
- ครูให้นักเรียนอ่านบทอ่านเรื่อง Ebola Virus ในหนังสือเรียน หน้า 56-57 ซ้ำอีกครั้งหนึ่ง แล้วทำกิจกรรม Reading
Skill Questions ในหนังสือเรียน หน้า 57 และทำกิจกรรม Comprehension Questions ในหนังสือเรียน หน้า 58
ในการตอบคำถามบางข้อ นักเรียนต้องใช้ทักษะการคิด-การวิเคราะห์ และการสรุปลงความเห็น
กิจกรรมหลังอ่าน
1. ประเมินผลความเข้าในบทอ่าน
- ครูให้นักเรียนช่วยกันบอกคำตอบของคำถาม Reading Skill Questions และ Comprehension Questions (ดูเฉลย
คำตอบท้ายเล่ม)
- ครูประเมินผลความเข้าใจจากคำตอบที่ถูกต้อง และใช้เกณฑ์ผ่านร้อยละ 60 (ดูเฉลยคำตอบท้ายเล่ม)
2. ทำกิจกรรม Summary
- ครูให้นักเรียนทำกิจกรรม Summary ในหนังสือเรียน หน้า 58 ให้เลือกคำที่กำหนดให้มาเติมลงในช่องว่าง เพื่อให้ได้
สรุปย่อเรื่อง Ebola Virus ที่สมบูรณ์
- ครูให้นักเรียนอ่านออกเสียงประโยคในย่อหน้าสรุปคนละประโยค และให้นักเรียนคนอื่น ๆ ตรวจสอบความถูกต้อง
แล้วนักเรียนตรวจงานของตนเอง (ดูเฉลยคำตอบท้ายเล่ม)
3. พัฒนาทักษะการคิด-การวิเคราะห์ และการสรุปลงความเห็น
- ครูชี้นำนักเรียนให้ทำกิจกรรม Graphic Organizer ในหนังสือเรียน หน้า 59 ครูให้นักเรียนดูโครงแผนผังความคิดใน
หนังสือเรียน บอกนักเรียนว่าจะต้องใช้ทักษะการคิด-การวิเคราะห์ เพื่อหาข้อมูลที่เป็ น Facts หรือข้อเท็จจริง และใช้
ทักษะการคิด-การระบุเพื่อหาข้อมูลเป็ น Clues หรือเงื่อนงำในประโยคเพื่อใช้ข้อมูลทั้ง 2 ประโยคดังกล่าวเป็ นทาง
นำไปสู่ Inference หรือการสรุปลงความเห็น
- ครูลอกแผนผังความคิดจากหนังสือเรียน หน้า 59 ลงบนกระดาน ครูชี้ที่หัวข้อแรกคือ First Case of Ebola และ
ให้นักเรียนทั้งชั้นช่วยกันหาข้อมูลที่เป็ น Facts ซึ่งจะพบใน 2 ประโยคสุดท้ายของย่อหน้า จากนั้นก็หาข้อมูลที่เป็ น
 89

Clues แล้วสรุปลงความเห็น ครูให้นักเรียนผลัดกันออกมาเขียนข้อมูลลงในแต่ละกรอบในแผนผังความคิดบน

กระดาน แล้วครูช่วยปรับปรุงแก้ไข
ข้อความที่เสนอแนะในแผนผังความคิดเกี่ยวกับ First Case of Ebola มีดังนี้

Facts + Passage Clues = Inference

First Case Two nurses died while trying There is no known cure. Ebola is fatal.
of Ebola to help the patients in the (ย่อหน้าที่1 ประโยคที่ 4)
Congo in 1976.
(ย่อหน้าที่ 1 ประโยคที่ 7-8) Anyone who touches the The nurses might have
victim’s blood or body fluids touched the patients’ blood
can get the virus themselves. or any body fluids like saliva.
(ย่อหน้าที่ 2 ประโยคที่ 2)
When doctors treat patients The nurses might not have
with Ebola, they must were worn protective clothing.
protective clothing, such as a
mask, gloves, gowns and
goggles.
ย่อหน้าที่ 2 ประโยคที่ 5

- ครูชี้ให้นักเรียนดูหัวข้อที่ 2 ในแผนผังความคิดคือ Cause of Ebola และให้นักเรียนช่วยกันหาข้อมูลเกี่ยวกับ Facts

และ Passage Clues ตามลำดับ แล้วเขียนลงในกรอบของแผนผังความคิดบนกระดานก่อนที่สรุปลงความเห็นใน
กรอบ Inference แล้วครูช่วยปรับปรุงแก้ไข
ข้อความที่เสนอแนะในแผนผังความคิดเกี่ยวกับ Cause of Ebola มีดังนี้

Facts + Passage Clues = Inference

Cause Internal bleeding is caused The protein attacks and The protein inside the Ebola
of Ebola by a protein inside the Ebola destroys cells within the virus is fatal.
virus. (ย่อหน้าที่ 3 ประโยคที่ 1) body. (ย่อหน้าที่3 ประโยคที่ 2)

These cells then break down Patients with Ebola virus

and the body starts to bleed. might bleed to death.
(ย่อหน้าที่ 3 ประโยคที่ 3)

Nothing can be done to stop

the bleeding.
(ย่อหน้าที่ 3 ประโยคที่ 4)
90

- ครูชี้ให้นักเรียนดูหัวข้อที่ 3 ในแผนผังความคิด คือ Origins of Ebola และให้นักเรียนช่วยกันหาข้อมูลเกี่ยวกับ Facts

และ Passage Clues ตามลำดับ แล้วเขียนลงในกรอบของแผนผังความคิดบนกระดานก่อนที่จะสรุปลงความเห็น
ในกรอบ Inference แล้วครูช่วยปรับปรุงแก้ไข
- ข้อความที่เสนอแนะในแผนผังความคิดเกี่ยวกับ Origins of Ebola มีดังนี้

Facts + Passage Clues = Inference

Origins of The exact origins of Ebola
Ebola virus are still uncertain.
(ย่อหน้าที่ 4 ประโยคที่ 3)
In many of these villages Inflected monkeys might
(villages in Africa), the transmit the Ebola virus to
villagers hunt monkeys in the African villagers.
jungle for much of their food.
(ย่อหน้าที่ 4 ประโยคที่ 5)

People (in the Philippines) Infected pigs might transmit

were eating pigs and the the Ebola virus to the people
meat was infected with virus. in the Philippines.
(ย่อหน้าที่ 4 ประโยคที่ 7)

One case occurred in the Animals did not transmit the

United Stated in the Reston, Ebola virus to the Virginians.
Virginia.

But this did not involve The Ebola virus must have
hunting wild animals. (ย่อหน้า been transmitted by infected
ที่ 4 ประโยคที่ 9-10) animals and through other
undetermined means.

กิจกรรมเสริมทักษะ/ประสบการณ์ทางภาษา
- นักเรียนทำกิจกรรม Making Inferences/Drawing Conclusions
- ศึกษาแนวคิดคล้ายคลึงของ Inference และ Conclusion ในใบความรู้ที่ 1
- ศึกษาวิธีอนุมาน (How to make an inference or drawing a conclusion)
- ทำกิจกรรมใน Worksheet 1

สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1. หนังสือเรียน Moving Up Critical Reading 1 หน้า 55-59
2. ซีดีบันทึกเสียง
3. เครื่องเล่นซีดี
4. ใบความรู้ที่ 1: Making Inference / Drawing Conclusions
5. Worksheet 1
 91

6. สื่ออิเล็กทรอนิกส์
- http://www.boe.moph.go.th/fact/Ebola.htm

บันทึกผลการจัดการเรียนรู้/ปัญหาหรืออุปสรรค/ข้อเสนอแนะหรือแนวทางการปรับปรุง
.....................................................................................................................................................................
92

Unit 6 : Viruses
ใบความรู้ที่ 1
Making Inferences / Drawing Conclusions
Inference: an idea that is suggested by the facts or details in a passage
Conclusion: a decision about what may happen or about the result an event may have

NOTE: Making an inference and drawing a conclusion are very similar skills. Each requires the reader to fill in
blanks left out by the author. An author may not include information for several reasons: they may think
you already know it, it may not seem important to them, or they may want you to find the result.

How to make an inference or draw a conclusion

 Observe all the facts, arguments, and information given by the author
 Consider what you already know from your own experiences
 When faced with multiple choice answers, determine whether each is true or false based on the
information in the passage

The woman waited nervously in line. When the counter was empty, she carefully unloaded her
items from her cart. Lines creased her forehead as if to show the calculations ringing up in her
head. Finally, the cashier began ringing up the items as the woman clutched her purse.
Inference/conclusion: The woman may not have enough money to cover the cost of her groceries.

 Think about the facts of the passage and what may result from them
 Think about causes and effects

The writer may only provide a list of effects, so you have to figure out the cause.

The child stood on the sidewalk clenching her ice cream cone. Beads of sweat collected on her
little nose as she furiously licked at the ice cream dripping down her hand.
Inference/conclusion: It must be a hot day because her ice cream is melting, and she is sweating.

 Try saying “If ...then”

If the girl is sweating, then it may be warm outside.

Remember
 Most writing suggests more than it says
 By making inferences, you get more from the story
 Conclusions may be missing from the things you read, so you have to draw your own
 93

Unit 6 : Viruses

Worksheet 1
Directions: Read each passage and answer the questions that follow.

Turner almost wished that he hadn’t listened to the radio. He went to the closet and grabbed his
umbrella. He would feel silly carrying it to the bus stop on such a sunny morning.

1. Which probably happened?

a. Turner realized that he had an unnatural fear of falling radio parts.
b. Turner had promised himself to do something silly that morning.
c. Turner had heard a weather forecast that predicted rain.
d. Turner planned to trade his umbrella for a bus ride.

”Larry, as your boss, I must say that it’s been very interesting working with you,” Miss Valdez said.
“However, it seems that our company’s needs and your performance style are not well matched.
Therefore, it makes me very sad to have to ask you to resign your position effective today.”

2. What was Miss Valdez telling Larry?

a. She would feel really bad if he decided to quit.
b. He was being fired.
c. He was getting a raise in pay.
d. She really enjoyed having him in the office.

Bill and Jessica were almost done taking turns choosing players for their teams. It was Jessica’s turn to
choose, and only Kurt was left. Jessica said, “Kurt.”

3. We can infer that

a. Kurt is not a very good player.
b. Jessica was pleased to have Kurt on her team.
c. Kurt was the best player on either team.
d. Jessica was inconsiderate of Kurt’s feelings.
94

Mending
A giant hand inside my chest
Stretches out and takes
My heart within its mighty grasp
And squeezes till it breaks.

A gentle hand inside my chest,

With mending tape and glue,
Patches up my heart until
It’s almost good as new.

I ought to know by now that

Broken hearts will heal again.
But while I wait for glue and tape,
The pain!
The pain!
The pain!

by Judith Viorst

4. The poem is probably about

a. a woman.
b. a man.
c. a broken heart.
d. heart surgery.

5. It can be inferred that the subject of the poem

a. is in a lot of physical pain.
b. enjoys arts and crafts.
c. is a good friend.
d. has had a broken heart before.
เฉลยคำตอบ
1. c
2. b
3. a
4. c
5. d
 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1295
หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 Viruses : Passage 2 Resistance to Antibiotics ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4
เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Health and Welfare เวลา 3 ชั่วโมง

เป้ าหมายการเรียนรู้/หลักฐานการเรียนรู้/การวัดผลและประเมินผล
มาตรฐานการเรียนรู้ สิ่งที่ต้องรู้และปฏิบัติได้
และตัวชี้วัด
ต 1.1 ม.4-6/4 จับใจความสำคัญ
วิเคราะห์ความ ตีความ
สรุปความจาการอ่านเรื่อง
ที่เป็ นสารคดี
ผลงาน/ชิ้นงาน การวัดผลและประเมินผล
- คำตอบที่ได้จากการ ประเมินผลจากจำนวนคำ
ทำกิจกรรม Reading ตอบที่ถูกต้องจากการ
Skill Questions และ ทำกิจกรรม Reading
Comprehension Skill Questions และ
Questions Comprehension
ในหนังสือเรียน Questions และใช้เกณฑ์
หน้า 61-62 ตามลำดับ ผ่านร้อยละ 60
- คำตอบที่ได้จากการทำ
กิจกรรมใน Worksheet 2
- Graphic Organizer
ในหนังสือเรียน หน้า 63
ที่บรรจุข้อมูลลงไปแล้ว

ความรู้
- คำศัพท์และสำนวน
- resistance (n.):
- antibiotic (n.):
- view (v.):
- breakthrough (n.):
- significant (adj.):
- inflection (n.):
- implication (n.):
- adapt (v.):
- superbug (n.):
- expose (v.):
- prescribe (v.):
ability to fight against disease (การต่อต้าน)
a medication that destroys bacteria (ยาปฏิชีวนะ)
to consider or think (พิจารณาว่า, ถือว่า, เห็นว่า)
an advance (การค้นพบที่สำคัญ, ความก้าวหน้าทางวิชาการที่สำคัญ)
important (ที่สำคัญ)
a disease or sickness received by someone or something (โรคหรือความ
เจ็บป่ วยที่เกิดจากการติดเชื้อ)
an indirect suggestion (การบ่งบอกหรือหมายถึงโดยนัย)
to become familiar with a new situation (ปรับตัว)
a type of bacteria that cannot easily be killed by antibiotics (แบคทีเรี ย
ชนิดหนึ่งที่ใช้ยาปฏิชีวนะฆ่าไม่ได้)
to make somebody experience something (ทำให้มีประสบการณ์เกี่ยวกับ
เรื่องใดเรื่องหนึ่ง)
to order the use of a particular medication ((แพทย์) สั่งยา)
96

FACT FILE

- เพนิซิลิน (Penicillin)
ยาเพนิซิลินหรือฟี นอกซิเมทิลเพนิซิลิน (Phenoxymethylpenicillin) ถือว่าเป็ นยาปฏิชีวนะตัวแรก
ของ
โลกที่มีฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรียในร่างกายมนุษย์ ยาชนิดนี้ถูกค้นพบโดย อเล็กซานเดอร์ เฟลมิง (Alexander
Flemming) หลังจากเรียนจบวิชาแพทย์จากวิทยาลัยแพทย์แห่งโรงพยาบาลเซนต์แมรี่ เฟลมิงได้เข้าเป็ น
แพทย์ทหารเสนารักษ์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาเห็นทหารบาดเจ็บหลายนาย และเสียชีวิตเนื่องจาก
แผลเกิดการติดเชื้อ แต่การรักษานั้นทำได้เพียงใช้ยาฆ่าเชื้อซึ่งทำลายได้แค่เชื้อจุลินทรีย์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หลังสงครามจบลง เฟลมิงได้เข้าทำงานเป็ นอาจารย์ที่วิทยาลัยเซนต์แมรี่ เขามีความสนใจการวิจัยและเพาะ
เชื้อแบคทีเรีย เขาทำการทดลองแบคทีเรียที่มีชื่อว่า “สตาฟิ โลคอกคัส” (Staphylococcus) และหาหนทาง
เพื่อทำลาย เนื่องจากผู้ป่ วยที่มีบาดแผลจะเจ็บปวดมากจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ เขาพยายามอยู่นาน
และพบว่าเอนไซม์ในร่างกายคนเรามีฤทธิ์ทำลายแบคทีเรียได้ แต่การสกัดมาใช้นั้นส่งผลกระทบต่อร่างกาย
มาก ต่อมาเขานำอุปกรณ์เพาะเชื้อแบคทีเรียตัวใหม่มาทำการทดลอง เป็ นจานแก้วใส ก้นตื้นและมีฝาปิ ด
เขาทดลองโดยใช้พืชทะเลใส่ลงไปในจานแบคทีเรีย และนำไปเก็บในที่ที่มีอุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียสให้
เสมือนอุณหภูมิร่างกายมนุษย์ อยู่มาวันหนึ่ง ผู้ช่วยของเฟลมิงลืมปิดฝาจาน ทำให้มีราสีเขียวขึ้นเต็มไปหมด
และรอบ ๆ ราที่ขึ้นนั้นไม่มีแบคทีเรียเลย เฟลมิงประหลาดใจและตื่นเต้นมาก เขานำเรื่องนี้ไปปรึกษากับ
นักวิทยาศาสตร์หลายท่าน ทำให้ทราบว่าราชนิดนี้มีชื่อว่า “เพนิซิเลียม” และเขานำมาสกัดเป็นตัวยารักษา
โรคว่า “เพนิซิลิน” อย่างไรก็ตาม เขายังไม่กล้านำไปใช้รักษาคน เพราะยังสกัดออกมาเป็นเพนิซิลินบริสุทธิ์
ไม่สำเร็จ เขานำเรื่องการทดลองนี้ตีพิมพ์ลงวารสาร และมีนักวิทยาศาสตร์ 2 ท่านคือ โฮวาร์ด วอลเทอร์
และเอิร์น โบร์ลเชนได้อ่านวารสาร และสนใจร่วมมือกับเฟลมิงในการสกัดเพนิซิลิน และผลการสกัดเพนิซิลิน
กิจกรรมการเรียน
ก็สำเร็จ จากการค้นพบครั้งนี้ เฟลมิงได้เข้าร่วมรับรางวัลจากสถาบัน และมหาวิทยาลัยในยุโรปและประเทศ
รู้ สหรัฐอเมริกากว่า 30 แห่ง และมีหนึ่งรางวัลที่ยิ่งใหญ่และสำคัญมากคือ “รางวัลโนเบล” ที่ทั้งสามคนได้รับ
กิจกรรมก่อนอ่าน
ร่วมกัน
1. แจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้
- ครูบอกนักเรียนว่าในบทเรียนนี้ นักเรียนจะได้ทบทวนการหาใจความสำคัญในย่อหน้า และได้ฝึกทักษะการอ่านวิเคราะห์:
การอนุมานเพิ่มขึ้น
2. ตั้งจุดประสงค์ในการอ่าน
- ครูให้นักเรียนหา Main Idea ในแต่ละย่อหน้าของบทอ่าน
กิจกรรมระหว่างอ่าน
1. ใช้ทักษะการคิด-การสรุปย่อ เพื่อหา Main Idea ในย่อหน้า
 97

- ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 8 คน ในแต่ละกลุ่มให้จับคู่กันเป็ น 4 คู่ แล้วแบ่งย่อหน้าในบทอ่านเรื่อง Resistance

to Antibiotics ในหนังสือเรียน หน้า 60-61 ให้แต่ละคู่อ่าน 1 ย่อหน้าเพื่อหา Main Idea โดยตั้งคำถามถามตนเอง
2 คำถาม คือ
1) What is this paragraph mainly about?
2) What does the paragraph tell about (คำตอบในข้อ 1)?
- นักเรียนคู่ที่อ่านย่อหน้าที่ 1 ผลัดกันอ่านออกเสียงย่อหน้า ให้นักเรียนในกลุ่มอื่น ๆ อ่านในใจตาม แล้วบอก
Main Idea ของประโยคที่ 1 นักเรียนคู่อื่น ๆ อ่านออกเสียงย่อหน้าที่ตนรับผิดชอบ โดยปฏิบัติเช่นเดียวกับนักเรียนคู่ที่ 1
- ครูให้นักเรียนเฉลยคำตอบร่วมกันในชั้น โดยตั้งคำถามให้นักเรียนตอบดังตัวอย่างต่อไปนี้
T: What is the first paragraph mainly about?
Ss: (Penicillin.)
T: (What does it tell about penicillin?)
Ss: (Penicillin is one type of antibiotics.)
T: What is the second paragraph mainly about?
Ss: (Superbug bacteria.)
T: What does it tell about superbug bacteria?
Ss: (Superbug bacteria cannot be killed by traditional antibiotics like penicillin.)
T: What is the third paragraph mainly about?
Ss: (Patients in a hospital.)
T: What does it tell about patients in a hospital?
Ss: (Patients in a hospital may get viruses from one another.)
T: What is the fourth paragraph mainly about?
Ss: (Bacteria.)
T: What does it tell about bacteria?
Ss: (Bacteria at home become resistant to antibiotics.)
2. การตรวจสอบความเข้าใจ
- ครูเปิดซีดีบันทึกเสียง Track 12 ให้นักเรียนฟังและอ่านในใจบทอ่านเรื่อง Resistance to Antibiotics ในหนังสือเรียน
หน้า 60-61 หยุดซีดีเมื่อจบแต่ละย่อหน้าเพื่อให้นักเรียนถามคำศัพท์ที่ไม่ทราบความหมาย
- ครูให้นักเรียนอ่านบทอ่านนี้ในใจอีกครั้งหนึ่งและทำกิจกรรม Reading Skill Questions ในหนังสือเรียน หน้า 61
และทำกิจกรรม Comprehension Questions ในหนังสือเรียน หน้า 62 ในการตอบบางคำถามนักเรียนจะต้องใช้
ทักษะการคิด-การวิเคราะห์ และการสรุปลงความเห็น
กิจกรรมหลังอ่าน
1. ประเมินผลความเข้าใจ
- ครูแบ่งนักเรียนเป็ นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน ให้ช่วยกันเฉลยคำตอบ และระบุตำแหน่งของข้อมูลในหนังสือเรียนที่เป็ น
ที่มาของคำตอบ

ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างที่เสนอแนะเกี่ยวกับที่มาของคำตอบ
Reading Skill Questions
98

ข้อ 1 จาก 2 ประโยคสุดท้ายในย่อหน้าที่ 1 เกี่ยวกับการใช้ Penicillin ติดต่อกันมา 3 ปี ทำให้สรุปลงความเห็นได้

ว่า ถ้าใช้ Antibiotics ชนิดใดก็ตามซ้ำกันหลายครั้ง “The person’s body might become resistant to the
antibiotics.”
ข้อ 2 จากประโยคที่ 3 และ 4 ในย่อหน้าที่ 3 ทำให้คาดคะเนได้ว่าวิธีที่จะช่วยให้คนไข้ปลอดภัยก็คือ “Spend as
little time in the hospital as possible”
Comprehension Questions
ข้อ 1 คำตอบของคำถามนี้เห็นได้ชัดในประโยคที่ 2 ในย่อหน้าที่ 1
ข้อ 2 ข้อความที่ไม่จริงคือ ตัวเลือก a. ประโยคที่ 3-4 ในย่อหน้าที่ 3 แสดงว่าตัวเลือก b. เป็นความจริง ประโยคที่ 1-
3 ในย่อหน้าที่ 4 แสดงว่าตัวเลือก c. เป็ นความจริงและประโยคที่ 1-2 ในย่อหน้าที่ 2 แสดงว่าตัวเลือก d.
เป็นความจริง
ข้อ 3 คำตอบของคำถามที่พบในประโยคที่ 4 ของย่อหน้าที่ 3
ข้อ 4 คำตอบที่ถูกต้องสรุปได้จาก 3 ประโยคสุดท้ายของย่อหน้าที่ 4
- ครูประเมินผลจากจำนวนคำตอบที่ถูกต้องในการทำกิจกรรม Reading Skill Questions และ Comprehension
Questions โดยใช้เกณฑ์ผ่านร้อยละ 60 (ดูเฉลยคำตอบท้ายเล่ม)
2. ทำกิจกรรม Summary
- ครูให้นักเรียนทำกิจกรรม Summary ในหนังสือเรียน หน้า 62 ให้เลือกคำที่กำหนดให้มาเติมลงในช่องว่าง เพื่อให้ได้
สรุปย่อเรื่อง Resistance to Antibiotics ที่สมบูรณ์
- ครูให้นักเรียนอ่านออกเสียงย่อหน้าที่เติมคำลงในช่องว่างแล้ว และให้นักเรียนอื่น ๆ ในชั้นตรวจสอบความถูกต้อง
แล้วนักเรียนตรวจงานของตนเอง (ดูเฉลยคำตอบท้ายเล่ม)
3. บรรจุข้อมูลลงในแผนผังความคิด
- ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนโดยใช้กลุ่มที่เคยหา Main Idea ในย่อหน้าทั้ง 4 ของเรื่อง Resistance to Antibiotics คู่ใดอ่าน
ย่อหน้าใด ให้หาข้อมูลที่เป็ น Facts และ Passage Clues มาใส่ในกรอบที่ตรงกับหัวข้อทางด้านซ้าย แล้วจึงเขียน
สรุปลงความเห็นในกรอบ Inference
สำหรับคู่ที่อ่านย่อหน้าที่ 1 ให้อ่านย่อหน้านี้ใหม่ และเขียนข้อความลงในกรอบทั้ง 3 โดยใช้คำพูดของตนเอง
- ครูลอกโครง Graphic Organizer จากหนังสือเรียน หน้า 63 ลงบนกระดาน ให้นักเรียนทุกกลุ่มส่งผู้แทนมาเขียนข้อมูล
ลงในแต่ละกรอบ แล้วครูช่วยปรับปรุงแก้ไข แผนผังความคิดจากความร่วมมือของนักเรียนและครูอาจมีลักษณะดังนี้

Facts + Passage clues Inference

Penicillin, discovered in
1943, is one type of
antibiotics.
(ย่อหน้าที่ 1 ประโยคที่ 2-3)
Penicillin
This (penicillin) had
important implications
during World War II ...
(ย่อหน้าที่ 1 ประโยคที่ 5)
But just three years often
the invention of penicillin,
doctors found that some
germs from bacteria could
not be killed with penicillin (
ย่อหน้าที่ 1 ประโยคที่ 6)
Penicillin was used to cure
sick soldiers on the battle
field.
Patients who get used to
penicillin need another type
of antibiotics

Traditional antibiotics like
penicillin fail to kill
superbug bacteria.
(ย่อหน้าที่ 2 ประโยคที่ 2)
Superbugs
Patients go to the hospital
for a specific illness, but
then often get another virus
while staying there.
Modern (ย่อหน้าที่ 3 ประโยคที่ 3)
Hospitals
One researcher named
Merri Moken proved that
frequent use of household
cleaners can be bad.
Merri
(ย่อหน้าที่ 4 ประโยคที่ 2)
Moken
4. ทำกิจกรรมเสริมทักษะ/ประสบการณ์ทางภาษา
Medical researchers
believe that bacteria
sometimes change if they
are exposed to the same
antibiotic many times.
(ย่อหน้าที่ 2 ประโยคที่ 3)
Doctors have found that
after maybe 8 or 10 years,
the antibiotic no longer
works effectively to stop the
flu or cough. (ย่อหน้าที่ 2
ประโยคสุดท้าย)
In modern hospitals,
patients might get sick from
a superbug type of bacteria.
(ย่อหน้าที่ 3 ประโยคที่ 1)
Because there are many
sick people in a hospital,
viruses “jump around” from
one patient to another.
(ย่อหน้าที่ 3 ประโยคที่ 4)
The bacteria on her kitchen
counter changed to become
resistant to the household
cleaner.
(ย่อหน้าที่ 4 ประโยคที่ 3)
Even after cleaning the
kitchen, there were still
bacteria on the counter.
(ย่อหน้าที่ 4 ประโยคที่ 4)
99
People should not use the
same antibiotics many
times.
Superbug bacteria is too
strong for penicillin to kill.
Medical researchers need
to research for antibiotics to
kill superbugs.
Hospitals many not be a
safe place for people
without immunity against the
disease.
Avoid going to the hospital if
not necessary
Household cleaners can’t
kill bacteria after frequent
use.
Researches for new types of
cleaners are needed.
100

- ครูให้นักเรียนทำกิจกรรม Making Inferences/Drawing Conclusions ใน Worksheet 2

5. ทบทวนคำศัพท์
- ครูให้นักเรียนทำกิจกรรม Check Your Vocabulary ในหนังสือเรียน หน้า 64
- ครูให้นักเรียนบอกคำตอบ โดยครูอ่านออกเสียงประโยคที่มีคำศัพท์ และให้นักเรียนอ่านออกเสียงข้อความที่เป็ น
ความหมายของคำนั้น (ดูเฉลยคำตอบท้ายเล่ม)
นักเรียนประเมินตนเอง
- นักเรียนทำแบบประเมินตนเอง เพื่อประเมินตนเองเกี่ยวกับเนื้อหาที่ได้เรียนไปแล้ว (ท้ายเล่ม)
กิจกรรมเสริมทักษะ/ประสบการณ์ทางภาษา
- นักเรียนทำกิจกรรม Worksheet 2

สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1. หนังสือเรียน Moving Up Critical Reading 1 หน้า 60-64
2. ซีดีบันทึกเสียง
3. เครื่องเล่นซีดี
4. Worksheet 2
5. สื่ออิเล็กทรอนิกส์
- http://www.youngmea.com/page_bx.php?cid=26&cno=739
- http://siweb.dss.go.th/Scientist/scientist/Alexander%20Flemming.html

บันทึกผลการจัดการเรียนรู้/ปัญหาหรืออุปสรรค/ข้อเสนอแนะหรือแนวทางการปรับปรุง
.....................................................................................................................................................................

Unit 6 : Viruses
 101

Worksheet 2

Directions: Read each passage and answer the questions that follow.

Passage 1
The Army has been interested in homing pigeons for many years. The
idea of training pigeons to return to planes in flight was worked out during
World War I. In recent years, pigeons have been trained for night flying and
for flying over water. It was learned that they would rather fly at night than fly
over water. A large number of pigeons have been trained to carry
messages from ships to shore. Some have even been trained to carry
messages from the shore to ships. Pigeons fly at different altitudes. Army
tests have shown that pigeons fly well even at a height of 35,000 feet. At
this altitude, pilots need heated suits and oxygen masks.

1. The reader can infer that pigeons

 a. are easily trained.
 b. are curious about people.
 c. are expensive to buy.
 d. are subject to disease.

2. Tests conducted by the Army seem to show that pigeons

 a. eat very little during long flights.
 b. prefer to fly in pairs.
 c. fly only during the daytime.
 d. are afraid of water.

3. The first two sentences imply that

 a. the Army has trained many kinds of birds.
 b. pigeons fly faster than hawks and ravens.
 c. the
Passage 2 Army is mainly interested in training pigeons.
 d.Ofpigeons havebasketball
all sports, carried messages duringthat
is one game wartime.
can be traced back to its
beginning. In the winter of 1891-92, Dr. James Naismith, a Y.M.C.A.
instructor,twoinvented
4. Underline thewhich
sentences gamesuggest
of basketball. He did
that pigeons can this to give
survive at veryindoor
low temperatures.
exercise to students between the closing of the football season and the
opening of the baseball season. He nailed peach baskets to the walls at
opposite ends of the gym. He set up teams to play this new game. The
object of the sport was to toss a soccer ball into one basket. Because Dr.
Naismith had eighteen players when he invented the game, the first rule
was: “There shall be nine players on each side.” A short time later, the five-
player rule was adopted. U. S. soldiers played the game in Europe during
World War I. Soon it became a worldwide sport. In most countries today,
102

1. The writer implies that

 a. how most games first came about is unknown.
 b. Dr. Naismith was a great athlete.
 c. football is a popular sport in the United States.
 d. the Y.M.C. A. is a good place to learn games.

2. The reader can infer that

 a. basketball rules are always changing.
 b. basketball is the most popular sport in the U. S.
 c. Naismith wanted basketball to be a winter sport.
 d. several sports have been invented by Y.M.C.A. instructors.

3. From the information provided, we can assume that basketball

 a. is more popular than baseball in Europe.
 b. has changed somewhat over the years.
 c. can be played by any number of people.
 d. is played with a soccer ball in some countries.

4. Underline the sentence which suggests that Dr. Naismith planned the rules for basketball to
suit his needs.

เฉลยคำตอบ
 103

Passage 1
1. a
2. d
3. d
4. Army tests have shown that pigeons fly well even at a height of 35,000 feet. at this altitude, pilots need
heated suits and oxygen masks.

Passage 2
1. a
2. c
3. b
4. Because Dr. Naismith had eighteen players when he invented the game, the first rule was: “There shall
be nine players on each side.”