Professional Documents
Culture Documents
The Process of Creating A Work of Art
The Process of Creating A Work of Art
บทคัดย่อ
โครงการวิจัยเรื่อง กระบวนการสร้างงานศิลปะจากการบูรณาการการรับรู้ความรู้สึกของนักเรียนที่มีความ
บกพร่องทางสติปัญญา กลุ่มโรงเรียนปัญญานุกูล ภาคตะวันออก เกิดจากแนวความคิดในการสร้างงานศิลปะ
ร่วมกับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา โดยนำหลักการทำกิจกรรมของศิลปะบำบัด (Art Therapy)
มาใช้ประยุกต์ใช้กับศาสตร์ด้านการบูรณาการรับความรู้สึก (Sensory Integration) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อ
ค้นหากระบวนการสร้างงานศิลปะที่เกิดจากการบูรณาการการรับรู้ความรู้สึก (Sensory Integration) ของ
นักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา เพื่อสร้างต้นแบบกิจกรรมทางศิลปะในการจัดการเรียนการสอนศิลปะ
สำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา และเพื่อค้นหาแนวทางการประยุกต์ผลงานศิลปะของนักเรียน
ที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างรายได้แก่นักเรียนและชุมชน ในการวิจัยครั้งนี้
ได้ใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ ด้วยการลงพื้นท่ีเป็นอาสาสมัครเพื่อเก็บข้อมูลภาคสนาม ดำเนินการวิเคราะห์ข้อ
มูลเพ่ือค้นหากระบวนการสร้างกิจกรรมศิลปะ จากนั้นได้ดำเนินการออกแบบและผลิตผลงานร่วมกับนักเรียนที่
มีความบกพร่องทางสติปัญญา ซึ่งเป็นนักเรียนจากระดับประถมศึกษาตอนปลาย (ป.4-6) และระดับชั้น
มัธยมศึกษาตอนต้น (ม.1-3) จากกลุ่มโรงเรียนปัญญานุกูลในภาคตะวันออก ในระหว่างกระบวนการได้มีการ
เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสังเกตแบบมีส่วนร่วม การสัมภาษณ์เชิงลึกกับครูและนักกิจกรรมบำบัด โดยผลการวิจัยได้
ค้นพบต้นแบบของกระบวนการสร้างงานศิลปะที่นำไปสู่การค้นพบศักยภาพและความสามารถเฉพาะตัวของ
นักเรียนแต่ละคน
1. บทนำ
โครงการวิจัย “กระบวนการสร้างงานศิลปะจากการบูรณาการการรับรู้ความรู้สึกของนักเรียนที่มี
ความบกพร่องทางสติปัญญา กลุ่มโรงเรียนปัญญานุกูล ภาคตะวันออก” ได้เริ่มต้นจากการตั้งคำถามที่ว่า
กิจกรรมการเรียนการสอนศิลปะในห้องเรียนการศึกษาพิเศษนั้น หากนำแนวทางของศิลปะบำบัด (Art
Therapy) และการบูรณาการรับความรู้สึก (Sensory Integration) มาใช้ร่วมกันในกระบวนการสร้างสรรค์ผล
งานศิลปะของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา น่าจะทำให้กิจกรรมศิลปะในชั้นเรียนนั้นกลายเป็น
เครื่องมือสำคัญที่จะนำไปสู่พัฒนาการด้านต่างๆ ของนักเรียนได้มากยิ่งขึ้น เนื่องจาก “ศิลปะ” เป็นหนึ่งใน
ศาสตร์ที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างความสมดุลทั้งร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณของมนุษย์ กระบวนการ
สร้างงานศิลปะรูปแบบต่างๆ สามารถใช้เป็นแนวทางในการเสริมสร้างพัฒนาและช่วยบรรเทาปัญหาทางด้าน
อารมณ์ จิตใจ พฤติกรรม และดึงศักยภาพที่มีอยู่มาใช้ได้เต็มที่ การทำงานศิลปะสามารถช่วยเพิ่มองค์ประกอบ
ต่างๆ ของความคิดสร้างสรรค์ ทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ความคิดริเริ่ม (Originality) ความคิดคล่องแคล่ว (Fluency)
ความยืดหยุ่น (Flexibility) และความละเอียดลออ (Elaboration) อีกทั้ง “ศิลปะ” ได้ช่วยในด้านการสื่อสาร
และการเรียนรู้ของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา
จากประเด็นดังกล่าวข้างต้น ได้จุดประกายแนวคิดในการออกแบบกระบวนการสร้างงานศิลปะจาก
การบูรณาการการรับรู้ความรู้สึกของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา กลุ่มโรงเรียนปัญญานุกูล โดยนำ
กระบวนการของศิลปะบำบัด (Art Therapy) และการบูรณาการรับความรู้สึก (Sensory Integration) มาใช้
ร่วมกัน มีวัตถุประสงค์เพื่อค้นหากระบวนการสร้างงานศิลปะที่เกิดจากการบูรณาการการรับรู้ความรู้สึก
(Sensory Integration) ของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา เพื่อสร้างต้นแบบของกิจกรรมทางศิลปะ
ที่ช่วยจุดประกายแนวคิดใหม่ในการจัดการเรียนการสอนศิลปะสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา
และเพื่อค้นหาแนวทางการประยุกต์ผลงานศิลปะของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาให้เป็นผลิตภัณฑ์
ที่สามารถสร้างรายได้แก่นักเรียนและชุมชน
ดังนั้น โครงการวิจัยนี้ จึงเป็นการค้นหาแนวทางและรูปแบบการสร้างกิจกรรมทางศิลปะสำหรับ
นักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาในรูปแบบใหม่ที่ผสมผสานศาสตร์และศิลป์ ภายใต้กรอบความคิดการ
วิจัย (Conceptual Framework) ใน 3 ประเด็น คือ ศิลปะบำบัด (Art Therapy) สำหรับเด็กที่มีความ
บกพร่องทางสติปัญญา การบูรณาการการรับรู้ความรู้สึก (Sensory Integration) ของเด็กที่มีความบกพร่อง
ทางสติปัญญา และกิจกรรมการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะตามแนวทางของศิลปะกระบวนการ (Process Art)
\
แผนภาพที่ 1 กรอบความคิดของการวิจัย (Conceptual Framework)
2. วิธีการดำเนินงานวิจัย
3. การออกแบบกระบวนการสร้างงานศิลปะจากการบูรณาการการรับรู้ความรู้สึก
3.2 การจัดกิจกรรมศิลปะ
ดำเนินไปตามหลักการศิลปะบำบัดใน 4 ขั้นตอน คือ Established Rapport Stage,
Exploration Stage, Experiencing Stage และ Empowerment Stage โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
3.2.1. Established Rapport Stage
การสร้างความสัมพันธ์กับนักเรียน เพื่อทำความรู้จักและสร้างความสัมพันธ์กับนักเรียน
โดยจัดกิจกรรมในรูปแบบ Scribbles ใช้วิธีการวาดแบบปกติเพื่อการสื่อสารตามศักยภาพของตนเองอย่าง
อิสระ และได้ปรับเทคนิคเป็นการวาดภาพในระนาบแนวตั้ง (Drawing on Vertical Surfaces) และการนอน
วาด (Drawing Underneath & Upside Down) เพื่อให้นักเรียนฝึกการควบคุมกล้ามเนื้อข้อมือ หัวไหล่
และการสัมผัสพื้นผิวที่หลากหลาย ซึ่งผลงานจากกิจกรรม Scribble สามารถนำมาวิเคราะห์พัฒนาการของ
นักเรียนตามทฤษฎีของวิคเตอร์ โลเวนเฟล ได้ดังตัวอย่างต่อไปนี้
ตารางที่ 2 การวิเคราะห์พัฒนาการจากภาพวาดตามทฤษฎีของ วิคเตอร์ โลเวนเฟล
ระดับพัฒนาการของนักเรียน ลักษณะผลงาน
ขั้นร่างเค้าโครง (Pre-schematic
Stage) ร่างเค้าโครงของคน สัตว์ สิ่งของ จากต้นแบบของสิ่งต่างๆ รอบ
ตัวได้ แม้จะเป็นคนละคนกันหรือคนละตัวกัน แต่จะวาดให้มีรูป
ร่างหน้าตาเหมือนกัน และขนาดใกล้เคียงกัน การวาดรูปคนเป็น
แบบ Tadpole Figures ประกอบด้วยหัวกลมๆ อาจมีตา จมูก
ปาก หรือมีขา 2 ขาต่อจากหัว มีแขนต่อออกมาจากหัวเช่นกัน
การวาดรูปบ้าน มักจะแทนด้วยสี่เหลี่ยม ระบายสีจะเป็นการ
ระบายอย่างอิสระไม่มีกฎกติกา เลือกใช้สีอย่างอิสระตามความ
\ คิดตน
ขั้นแสดงเค้าโครง (Schematic
Stage) แสดงภาพได้ชัดเจนตามความเป็นจริง และเชื่อมโยงสิ่งแวดล้อม
ให้สัมพันธ์กัน มีการวาดรูปให้เป็นสัญลักษณ์สากลของสิ่งต่างๆ
เช่น คนมีหัวกลมๆ มีตัว มีผม มีแขน มีขา ต้นไม้ ลำต้นสีน้ำตาล
และด้านบนเป็นพุ่มใบสีเขียว หรือรูปบ้านจะใช้รูปสี่เหลี่ยมเป็นตัว
บ้าน ส่วนหลังคาจะเป็นสามเหลี่ยม วาดรูปในมุมสูงหรือมุมมอง
ของนก (Bird’s Eye View) มี ก ารแสดงเรื่ อ งราวจาก
ประสบการณ์ที่เคยเรียนรู้มา เช่น ภาพเศรษฐกิจพอเพียง มีการ
\ เขียนข้อความเพื่อเล่าเรื่องที่ต้องการสื่อ
ขั้ น แสดงเค้ า โครง (Schematic
Stage) แสดงภาพได้ ชั ด เจนขึ้ น ตามความเป็ น จริ ง และเชื่ อ มโยงสิ่ ง
แวดล้อมให้สัมพันธ์กันได้ มีการวาดรูปคนเป็นแบบสัญลักษณ์
ของหุ่นยนต์ในเกม มีลำตัว แขน ขา หัว เป็นเหลี่ยม วาดรูปให้ทุก
อย่างตั้งอยู่บนเส้น (Baseline) การใช้สีมีลักษณะเลียนแบบเกม
มีความพยายามวาดรูปในมุมสูงหรือมุมมองของนก (Bird’s Eye
View) แบบแผนผัง (Plan) เน้นบางองค์ประกอบ (Emphasized
Elements) อาจมีความหมายอะไรบางอย่างที่สำคัญหรือเป็นสิ่ง
\ พิเศษสำหรับเด็ก
ระดับพัฒนาการของนักเรียน ลักษณะผลงาน
ขั้นแสดงเค้าโครง (Schematic
Stage) แสดงภาพได้ชัดเจนตามความเป็นจริงและเชื่อมโยงสิ่งแวดล้อมให้
สัมพันธ์กันมากขึ้น วาดรูปปราสาท แต่จะวาดเฉพาะกำแพงของ
ปราสาท มีการเน้นบางองค์ประกอบ (Emphasized Elements)
หรือละเลยรายละเอียดบางอย่าง (Omission) โดยภาพอาจมี
ความหมายอะไรบางอย่างที่สำคัญหรือเป็นสิ่งพิเศษ วาดทุกอย่าง
ให้ตั้งอยู่บนเส้น (Baseline) เป็น 2 มิติ ไม่แสดงความลึกหรือ
ความหนา การใช้สีอย่างอิสระ มีการเปรียบเทียบภาพของตนเอง
\ กับภาพวาดของเพื่อนๆ มีความวิตกกังวลที่จะต้องแสดงภาพให้
เพื่อนดู
ขั้นเสมือนจริง (The Pseudo-
naturalistic Stage : The Age of วาดภาพเสมือนจริง มีเหตุมีผล มีมิติ และมีความซับซ้อน ใส่ราย
Reasoning) ละเอียดของสีที่เหมือนสิ่งนั้น มีการลงสีที่หลากหลาย มีความ
อิสระในการสร้างสรรค์
\ \
ภาพที่ 2 กิจกรรมระบายสีด้วยฟอง (Painting with Bubbles)
\ \
ภาพที่ 4 การระบายสีด้วยปืนฉีดน้ำ (Squirt Gun Painting)
\ \
ภาพที่ 6 กิจกรรมระบายครามสีธรรมชาติด้วยพู่กัน
\
ภาพที่ 7 การวาดภาพต่อเติมจากภาพพิมพ์ลายนิ้วมือเป็นรูปแมลงต่างๆ ตามจินตนาการ
3.2.2.3 Clay
ผู้วิจัยดำเนินการจัดกิจกรรมปั้นดิน (Pottery Craft) ในรูปแบบต่างๆ ได้แก่ Hand Dish,
Leaf Bowl, Coil Pots, Candle Holders และ Slab Lanterns เพื่อกระตุ้นให้เกิดการรับรู้ของข้อต่อจาก
การออกแรงกด บีบ และกลิ้งดินให้เป็นแผ่น
\ \
ภาพที่ 8 ผลงาน Hand Dish และLeaf Bowl
\ \
ภาพที่ 9 การคลึงดินให้เป็นเส้น
\ \ \ \
ภาพที่ 10 จากภาพวาดสู่ผลงานเซรามิก
3.2.2.4 Crafts
ผู้ วิ จั ย ดำเนิ น การจั ด กิ จ กรรมงานฝี มื อ ในรู ป แบบของการทอผ้ า บนกระดาษแข็ ง
(Weavings with homemade Cardboard Looms) เพื่อส่งเสริมเรื่องกล้ามเนื้อมือ การใช้ข้อต่อนิ้ว การใช้
วัสดุที่มีสัมผัสที่หลากหลาย เพื่อกระตุ้นเรื่องประสาทสัมผัส นอกจากนี้ จะส่งเสริมเรื่องการใช้สายตากับมือ
และการใช้สองมือร่วมกันแต่ต่างหน้าที่กัน โดยมือข้างหนึ่งจับ มืออีกข้างหนึ่งดึง
\ \
ภาพที่ 11 กิจกรรมทอผ้าบนกระดาษแข็ง (Weavings with homemade Cardboard Looms)
จากการทำกิจกรรมในขั้นการค้นหาความสนใจและความสามารถพิเศษของนักเรียน (Exploration
Stage) ผู้วิจัยพบว่า นักเรียนที่มีพัฒนาการการวาดภาพต่ำกว่าอายุ (ตามหลักการขั้นแสดงพัฒนาการตาม
ทฤษฎีของ วิคเตอร์ โลเวนเฟล) ซึ่งมีสาเหตุมาจากความบกพร่องทางสติปัญญาและลักษณะออทิสติก อาจทำ
กิจกรรมศิลปะบางอย่างได้ไม่ดีนัก หรือมีสมาธิจดจ่อทำงานอยู่ได้ไม่นาน แต่ในบางกิจกรรมกลับพบว่า
นักเรียนสามารถทำผลงานได้ออกมาอย่างดี และมีสมาธิจดจ่อตั้งใจทำงานได้ในระยะเวลานาน
3.2.3 Experiencing Stage
ขั้นตอนการทบทวนประสบการณ์ ผู้วิจัยได้คัดเลือกนักเรียนจำนวน 3 คน เข้าร่วมกิจกรรม
ศิลปะในรูปแบบที่นักเรียนแต่ละคนถนัดเพื่อต่อยอดความสามารถของนักเรียน ดังกิจกรรมต่อไปนี้
3.2.3.1 งานเซรามิก ผู้วิจัยพบนักเรียนที่ มีความชื่นชอบและมีความสามารถในการปั้น
เมื่อต่อยอดเป็นกิจกรรมเซรามิกก็สามารถสร้างสรรค์ผลงานออกมาในรูปแบบที่หลากหลาย ได้แก่ ถ้วยกาแฟ
จานรองสบู่ กระถางกระบองเพชร และ จานรองแก้ว โดยสามารถนำสิ่งที่ตนเองชื่นชอบ เช่น แมว ไปเป็นแรง
บันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน
\
ภาพที่ 12 ผลงานเซรามิก
\ \
ภาพที่ 13 ผลงานทอผ้าบนกี่พกพา
นอกจากนี้ ผู้วิจัยได้ต่อยอดการเรียนรู้การเย็บผ้าด้วยจักรอัตโนมัติ พบว่า นักเรียนสามารถ
ใช้มือและสายตาทำงานประสานกันได้เป็นอย่างดี สามารถเย็บต่อผ้าได้ และมีความเข้าใจแยกด้านลวดลายของ
ผ้ากับด้านหลังได้ นักเรียนสามารถเย็บตามแพทเทิร์นและประกอบเป็นชิ้นงานได้ภายใต้การช่วยเหลือของผู้
วิจัย
\ \ \ \
ภาพที่ 14 ผลงานเย็บผ้าด้วยจักรอัตโนมัติ
\ \ \
\ \ \
ภาพที่ 15 ภาพวาดสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงของโลก
\ \ \ \
ภาพที่ 17 กระเป๋าปักลายจากจินตนาการของนักเรียน
\ \ \ \
\ \ \ \
ภาพที่ 18 กระเป๋าปักลายจากผลงานระบายสีด้วยพู่กัน (Paintbrushes)
\ \ \
ภาพที่ 19 กระเป๋าปักฝากวางจำหน่ายในงานบ้านและสวนแฟร์
- ผลงานเซรามิก ในรูปแบบ Pottery Craft ได้แก่ Hand Dish, Leaf Bowl, Coil
Pots, Candle Holders และ Slab Lanterns นำไปเข้าสู่กระบวนการเผาเคลือบสีเพื่อให้ได้ชิ้นงานที่เสร็จ
สมบูรณ์สามารถใช้งานได้จริง
\ \ \
ภาพที่ 20 ผลงานเซรามิก
\ \
ภาพที่ 21 ปลอกหมอนอิง
- ลายบนเสื้อยืด จากกิจกรรมการระบายสีเทียนบนกระดาษทราย (Crayons and
Sandpaper) ได้นำไปรีดด้วยความร้อนพิมพ์เป็นลวดลายบนเสื้อยืดสีขาว
\ \ \
ภาพที่ 22 ตัวอย่างผลงานเสื้อยืดพิมพ์ลาย
4. บทสรุปและข้อเสนอแนะ
4.1 บทสรุปผลการวิจัย
4.1.1 ผลการสร้างกระบวนการสร้างงานศิลปะที่เกิดจากการบูรณาการการรับรู้ความรู้สึก
(Sensory Integration) ของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา ได้พบกระบวนการต้นแบบของสร้างงาน
ศิลปะตามหลักการของศิลปะบําบัด คือ Established Rapport Stage, Exploration Stage, Experiencing
Stage และ Empowerment Stage ผ่านการทดลองใช้วัสดุอุปกรณ์และเทคนิคที่หลากหลายตามความชอบ
และความเหมาะสมกับนักเรียนแต่ละคน และสอดคล้องกับการบูรณาการการรับรู้ความรู้สึก (Sensory
Integration) ทั้ง 3 ระบบ คือ การทรงตัว (Vestibular Sense) การรับความรู้สึกจากกล้ามเนื้อ เอ็น และข้อ
ต่อ (Proprioceptive Sense) และการรับสัมผัส (Tactile Sense) ซึ่งสามารถสรุปกระบวนการทั้งหมดได้ดัง
แผนภูมิต่อไปนี้
\
แผนภาพที่ 3 แสดงกระบวนการสร้างงานศิลปะ
4.1.2 ผลการสร้างกิจกรรมต้นแบบเพื่อแสดงแนวคิดใหม่ในการจัดการเรียนการสอนศิลปะ
สำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา ได้เป็นกระบวนการต้นแบบของการจัดกิจกรรมศิลปะในอีกรูป
แบบหนึ่ง ที่ทำให้ค้นพบความสนใจและความสามารถพิเศษของนักเรียน โดยสามารถสรุปผลรูปแบบของ
กิจกรรมต้นแบบที่เหมาะสมกับพัฒนาการของนักเรียนตามทฤษฎีของ วิคเตอร์ โลเวนเฟล ดังตารางต่อไปนี้
ตารางที่ 3 สื่อและเทคนิคของกิจกรรมศิลปะที่เหมาะสมกับพัฒนาการและประเภทความพิการ
รูปแบบ สื่อและเทคนิค ลักษณะของนักเรียนที่เหมาะสมกับกิจกรรม
กิจกรรม
ระดับพัฒนาการ ประเภทความพิการ
Paintin • Crayons and • ขั้นร่างเค้าโครง (Pre-schematic • บกพร่องทางสติ
g Sandpaper Stage) ปัญญา
แบบที่ 1 : ระบายสีตาม • ขั้นแสดงเค้าโครง (Schematic • ออทิสติก
โครงร่าง Stage) • ดาวน์ซินโดรม
• ขั้นเสมือนจริง (The Pseudo-
naturalistic Stage : The Age of
Reasoning)
• Crayons and • ขั้นเสมือนจริง (The Pseudo- • บกพร่องทางสติ
Sandpaper naturalistic Stage : The Age of ปัญญา
แบบที่ 2 : วาดและ Reasoning) • ออทิสติก
ระบายสีอย่างอิสระ
• Painting with • ขั้นร่างเค้าโครง (Pre-schematic • บกพร่องทางสติ
Bubbles Stage) ปัญญา
• ขั้นแสดงเค้าโครง (Schematic • ดาวน์ซินโดรม
Stage)
• Squirt Gun Painting • ขั้นร่างเค้าโครง (Pre-schematic • บกพร่องทางสติ
Stage) ปัญญา
• ขั้นแสดงเค้าโครง (Schematic • ออทิสติก
Stage) • ดาวน์ซินโดรม
• Spray Painting • ขั้นร่างเค้าโครง (Pre-schematic • บกพร่องทางสติ
Stage) ปัญญา
• ขั้นแสดงเค้าโครง (Schematic • ออทิสติก
Stage) • ดาวน์ซินโดรม
รูปแบบ สื่อและเทคนิค ลักษณะของนักเรียนที่เหมาะสมกับกิจกรรม
กิจกรรม
ระดับพัฒนาการ ประเภทความพิการ
• Dropper Painting • ขั้นร่างเค้าโครง (Pre-schematic • บกพร่องทางสติ
Stage) ปัญญา
• ขั้นแสดงเค้าโครง (Schematic • ออทิสติก
Stage) • ดาวน์ซินโดรม
• Paintbrushes • ขั้นเสมือนจริง (The Pseudo- • บกพร่องทางสติ
ระบายสีตามโครงร่าง naturalistic Stage : The Age of ปัญญา
Reasoning)
Print • Fingerprints and • ขั้นร่างเค้าโครง (Pre-schematic • บกพร่องทางสติ
Makin Thumbprints Stage) ปัญญา
g • ขั้นแสดงเค้าโครง (Schematic • ออทิสติก
Stage) • ดาวน์ซินโดรม
• Thumbprints and • ขั้นเสมือนจริง (The Pseudo- • บกพร่องทางสติ
Scribbles วาดต่อเติม naturalistic Stage : The Age of ปัญญา
รูปทรงจากรอยพิมพ์นิ้ว Reasoning) • ออทิสติก
มือ
Clay • Hand Dish • ขั้นร่างเค้าโครง (Pre-schematic • บกพร่องทางสติ
Stage) ปัญญา
• ขั้นแสดงเค้าโครง (Schematic • ออทิสติก
Stage) • ดาวน์ซินโดรม
• ขั้นเสมือนจริง (The Pseudo-
naturalistic Stage : The Age of
Reasoning)
• Leaf Bowls • ขั้นร่างเค้าโครง (Pre-schematic • บกพร่องทางสติ
Stage) ปัญญา
• ขั้นแสดงเค้าโครง (Schematic • ออทิสติก
Stage) • ดาวน์ซินโดรม
• ขั้นเสมือนจริง (The Pseudo-
naturalistic Stage : The Age of
Reasoning)
รูปแบบ สื่อและเทคนิค ลักษณะของนักเรียนที่เหมาะสมกับกิจกรรม
กิจกรรม
ระดับพัฒนาการ ประเภทความพิการ
• Coil Pots • ขั้นแสดงเค้าโครง (Schematic • บกพร่องทางสติ
Stage) ปัญญา
• ขั้นเสมือนจริง (The Pseudo-
naturalistic Stage : The Age of
Reasoning)
• Slab Lanterns • ขั้นเสมือนจริง (The Pseudo- • บกพร่องทางสติ
naturalistic Stage : The Age of ปัญญา
Reasoning)
Crafts • Weavings with • ขั้นร่างเค้าโครง (Pre-schematic • บกพร่องทางสติ
homemade Stage) ปัญญา
Cardboard Looms • ขั้นแสดงเค้าโครง (Schematic • ออทิสติก
Stage) • ดาวน์ซินโดรม
• ขั้นเสมือนจริง (The Pseudo-
naturalistic Stage : The Age of
Reasoning)
กระบวนการสร้างงานศิลปะจากการบูรณาการการรับรู้ความรู้สึกของนักเรียนที่มีความบก
พร่องทางสติปัญญา ซึ่งเป็นแนวความคิดในการสร้างนวัตกรรมทางศิลปะที่เกิดจากการบูรณาการความรู้ทาง
วิทยาศาสตร์เข้ากับศาสตร์ทางศิลปะ หากขยายรูปแบบในการจัดกิจกรรมให้นักเรียนเลือกทำได้อย่างหลาก
หลายมากขึ้น จะทำให้ผู้สอนสามารถค้นหาความสนใจ ความถนัดของนักเรียนได้ ส่งผลให้สามารถดึงศักยภาพ
และความสามารถเฉพาะตัวของนักเรียนแต่ละคนออกมาได้ ซึ่งจะช่วยให้ครูผู้สอนสามารถกำหนดทิศทางการ
ฝึกอาชีพของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาได้ต่อไป
4.1.3 ผลการค้นหาแนวทางการประยุกต์ผลงานศิลปะของนักเรียนพบว่า ผลงานจาก
กระบวนการข้างต้น อาจไม่ใช่ผลงานที่ดูสวยงามสมบูรณ์แบบ แต่คุณค่าของผลงานอยู่ที่ความรู้สึกนึกคิด
จินตนาการ สมาธิ และความตั้งใจของนักเรียน เมื่อนำมาต่อยอดด้านการออกแบบให้เกิดมูลค่าในเชิงประโยชน์
ใช้สอยและความงาม ผลงานเหล่านั้นจะสามารถแปรเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบต่างๆ ได้ อาทิ กระเป๋า
ถุงผ้า จานรองแก้ว ถาด แก้วกาแฟ ที่วางสบู่ เครื่องประดับ หรือของตกแต่งบ้าน เช่น หมอนอิง กระถางต้นไม้
โคมไฟ โคมเทียน ฯ โดยผลิตภัณฑ์เหล่านั้นสามารถนำไปจำหน่ายและก่อให้เกิดรายได้แก่นักเรียน ครอบครัว
และโรงเรียน นกจากนี้ การต่อยอดมูลค่าให้กับผลงานของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาจะเป็นส่วน
หนึ่งที่ช่วยเปลี่ยนค่านิยมการซื้อผลงานของผู้พิการเพียงเพราะความสงสาร แต่แนวคิดใหม่นี้ จะทำให้ผู้ซื้อ
ตัดสินใจซื้อสินค้านั้นๆ เพราะอยากได้อยากครอบครองผลิตภัณฑ์ที่มีดีไซน์แปลกใหม่และสวยงามมากกว่า
ความสงสาร
4.2 ข้อเสนอแนะ
การวิจัยเรื่อง “กระบวนการสร้างงานศิลปะจากการบูรณาการการรับรู้ความรู้สึกของนักเรียนที่มี
ความบกพร่องทางสติปัญญา กลุ่มโรงเรียนปัญญานุกูล ภาคตะวันออก” เป็นกระบวนการสร้างนวัตกรรมทาง
ศิลปะที่เกิดจากการรวมแนวคิด การบูรณาการศาสตร์ทางการบูรณาการการรับรู้ความรู้สึกกับหลักการของ
ศิลปะบำบัด ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางต่อยอดการสร้างงานนวัตกรรมศิลปะที่เอื้อให้เกิดคุณค่าทางสุนทรี
ยะและคุณประโยชน์ทางการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์กับเด็กกลุ่มอื่นๆ เช่น กลุ่มเด็กผู้พิการประเภทอื่นๆ
หรือกลุ่มเด็กในชนบท เพื่อให้กลุ่มคนเหล่านั้นได้มีโอกาสเข้าถึงประสบการณ์ทางศิลปะ และในขณะเดียวกัน
ก็ได้รับประโยชน์จากการกระตุ้นประสาทสัมผัสบูรณาการการรับรู้ความรู้สึกด้านต่างๆ ผ่านสื่อและเทคนิคการ
สร้างงานศิลปะในรูปแบบที่หลากหลาย อีกทั้งเป็นการจุดประกายให้ผู้สอนศิลปะในชุมชนได้หันมาทบทวน
คุณค่าทางศิลปะในฐานะที่เป็นเครื่องที่มีส่วนช่วยพัฒนาศักยภาพเด็กในด้านต่างๆ