Professional Documents
Culture Documents
สุด
สุด
วันนี้อุณหภูมิตอนเที่ยงตรงอยู่ค่อนไปทางสองฤดูหลัง ขณะรีบเร่งลงจาก
รถเมล์ คลื่นความร้อนระอุฉาบบนถนนจนสัมผัสได้ ถ้ามีใครเผลอทำไข่ตก
แตกคงได้กินไข่ดาวภายในสามนาที ทว่าทันทีที่เขาผลักประตูบานกระจก
ของตึกสำนักงานขนาดใหญ่ ไอเย็นเฉียบกลับปะทะผิวกาย เปลี่ยน
อุณหภูมิแบบทะเลทรายซาฮาร่า ให้กลายเป็ นขั้วโลกใต้ได้อย่างน่า
อัศจรรย์
"สวัสดีครับ ไม่ทราบติดต่อธุระอะไรครับ"
กระทั่งพนักงานรักษาความปลอดภัยยังสวมเครื่องแบบสีกรมท่าแขนยาว
ติดกระดุมถึงคอ คล้ายอากาศร้อนด้านนอกไม่มีสิทธิกร่ำกรายเข้ามาหาก
ไม่ได้รับการอนุญาต
และอาจรวมถึงตัวเขาเอง...
อนุรักษ์รู้สึกได้ว่า ดวงตาของรปภ.วัยเกินสี่สิบกำลังสำรวจอย่างระแวด
ระวังปนความสงสัย ไล่ตั้งแต่ผมสีดำยาวระคอยุ่งเหยิงไม่เป็ นทรง ใบหน้า
ชื้นเหงื่อเม็ดโต รูปร่างผอมสูงของผู้ชายอายุยี่สิบเอ็ด และโลโก้ประจำซู
เปอร์มาร์เก็ตดังบนเสื้อยูนิฟอร์มพนักงานแคชเชียร์
เมื่อเทียบกับหนุ่มออฟฟิ ศใส่เชิ้ตเรียบกริบ กางเกงแสล็กกลีบโค้ง รองเท้า
หนังมันปลาบที่เดินสวนผ่านเข้าไป สภาพปอนๆ ของเขาคงกระเด้งโดด
ออกมาจนเห็นได้ชัด
เข้าใจดีว่าตนเองกำลังอยู่ผิดที่ผิดทาง แต่ไม่ใช่เวลามาพะวง
...เพราะตอนนี้เขากำลังอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน!
"ขอโทษครับ ห้องน้ำไปทางไหนครับ"
โพล่งออกไปทั้งอย่างนั้น ลุงยามชะงักขมวดคิ้วตึงเล็กน้อย คงนึกด่าอยู่ใน
ใจว่า นี่มันสำนักงานหรูหราใหญ่โต ไม่ใช่ปั๊ มน้ำมันจะได้มีส้วมสาธารณะ
ไว้ให้ใครเข้าออกก็ได้ แต่พอสังเกตเห็นมือที่พยายามปิ ดเป้ ากางเกง
ประกอบกับสีหน้าร้อนรนของเขา สายตาอีกฝ่ ายก็เปลี่ยนเป็ นเห็นใจปน
เวทนา แปลความหมายออกมาได้ว่า
"เดินเลยลิฟต์ไปทางซ้ายมือครับ"
อนุรักษ์รีบบอกขอบคุณ แม้ใจจริงอยากจะหยุดยืนอธิบายเป็ นเรียงความ
สองหน้ากระดาษเหลือเกินว่า ลุงครับเข้าใจผมผิดแล้ว!
...ต้องขอเล่าย้อนความกลับไปเมื่อห้านาทีก่อน
"แม่ๆ กางเกงในโผล่!"
ทีแรกอนุรักษ์ไม่แน่ใจว่าคำพูดนั้นหมายถึงตัวเอง กระทั่งนิ้วเล็กๆ ชี้มายัง
เป้ ากางเกงแสล็กสีดำ ซึ่งอยู่ตรงสายตาของเด็กน้อยพอดี
"ปะ..เปล่า ผมไม่ได้..."
ความจริงเขาเพิ่งถอยมันมาเมื่ออาทิตย์ก่อนนี่เอง ป้ าคนขายโฆษณาใหญ่
โตว่าเนื้อผ้าจากเกาหลี ใส่นิ่มสบาย ซักแล้วไม่มีหด เขาลังเลอยู่นาน หาก
มาใจอ่อนยวบ เพราะโดนคุณป้ าปากหวานชมว่าหล่อๆ อย่างเขาใส่ขึ้น
แถมลดราคาให้ด้วย
สุดท้ายคนหน้ามืดหลงคารมเลยตกเป็ นเหยื่อโดนเอาคืนเสียเจ็บแสบ!
อนุรักษ์รีบเร่งสาวเท้าไปยังห้องน้ำด้วยท่าทางมือกุมเป้ าเลียนแบบไมเคิล
แจ็กสัน ยิ่งเห็นสีหน้าแปลกๆ ของกลุ่มพนักงานหญิงหน้าตาน่ารักสามสี่
คนซึ่งเดินสวนมาก็ยิ่งอยากให้ธรณีสูบตัวเองหายลงไปกับพื้น ระยะทางที่
ลุงรปภ.บอกดูจะไกลเป็ นกิโลในความรู้สึก
และแล้วในที่สุดเขาก็มาถึงเส้นชัย
คนรีบร้อนผลักบานประตูแปะรูปสัญลักษณ์ผู้ชายเข้าไป ห้องน้ำในบริษัท
นี้สะอาดเรียบร้อย ตกแต่งด้วยสุขภัณฑ์หรูสีขาวตัดกับพื้นกระเบื้องสีดำ
คลาสสิกประหนึ่งห้องน้ำในโรงแรมไฮโซ มีคนใช้บริการบริเวณโถ
ปั สสาวะสองคน กำลังล้างมืออยู่อีกหนึ่ง
อนุรักษ์เผ่นเข้าห้องแรกสุดอย่างไม่สนใจจะเดินเฉียดใกล้โถ ปิ ดประตู
ลงกลอนดังปั ง ท่ามกลางสายตางงๆ ของคนอื่น ซึ่งคงสรุปออกมาเหมือน
กันว่า ผู้ชายคนนี้คงถูกข้าศึกบุกทะลวงจู่โจมประชิดใกล้แตกพ่าย
แต่โดนกล่าวหาว่ารีบวิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำเพราะเหตุนั้น ยังดีกว่าโดนใส่
ความว่าเป็ นไอ้โรคจิตชอบโชว์
เขาลงมือถอดกางเกงเนื้อผ้าเกาหลีตัวต้นเหตุ สำรวจดูซิปซึ่งปริรอยแตก
พยายามรูดขึ้นหรือรูดลง แงะหัวซิปค่อยๆ ใส่กลับให้เป็ นปกติทีละด้าน
หากทั้งดึง กระชาก กระทุ้ง จนปวดนิ้ว ซิปก็ไม่ได้ประสานสามัคคี ยังคง
แยกทางราวกับโกรธกันแต่ชาติปางก่อน
...ซวยอะไรกันหนักกันหนา!
ขยี้ผมตัวเองด้วยความหัวเสีย ก่อนนั่งบนชักโครกอย่างหมดแรง
ภายในห้องน้ำหรูเหลือเขาเพียงคนเดียว...
กลับมานั่งพิจารณาของในมืออีกครั้ง สมาร์ทโฟนแบรนด์ดัง ไม่ใช่รุ่นใหม่
ล่าสุด น่าจะปล่อยออกมาเกือบสองปี แล้ว มองปราดเดียวก็รู้ว่าผู้ใช้ค่อน
ข้างรักษาของ ตัวเคสและเครื่องไม่มีร่องรอยการขีดข่วน เทียบกับ
โทรศัพท์ของเขาซึ่งตกยุคไปสามชาติเศษ สภาพยับเยินทนทึกชนิดปาหัว
หมาไม่แตก ช่างต่างกันราวฟ้ ากับนรก
หากแม้จะมีเทคโนโลยีไฮเทคราคาหลายหมื่นอยู่ตรงหน้า คนโลโซกลับไม่
ได้ตื่นเต้นอะไรมากนัก อานิสงค์จากการมี 'ไอ้ทัต' เพื่อนสนิทเปิ ดร้านรับ
ซ่อมขายโทรศัพท์ เขาโดนมันเรียกใช้ให้ไปเฝ้ าร้านบ่อยๆ จึงมีบุญจับโทร
ศัพท์เทพๆ ทุกรุ่น และใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ จนคล่องแคล่ว
สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ โดยปกติแล้ว ผู้ใช้มักตั้งรหัสล็อกหน้าจอเอาไว้
ขืนไม่รู้รหัสกดเดาสุ่มมั่วๆ หน้าจอจะล็อกอัตโนมัติ ทำให้ไม่สามารถงาน
ใช้ได้อีกจนกว่าเวลาผ่านไปสามสิบนาที
นิ้วดันไปไวกว่าความคิด รู้ตัวอีกทีเขาก็เผลอกดลงไปตรงปุ่มโฮม
ในยุคสมัยนี้ สมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียวก็สามารถบ่งบอกบุคลิกและตัว
ตนของเจ้าของ เราเก็บข้อมูลทุกอย่างลงไปในโทรศัพท์เครื่องเล็กๆ
ราวกับมันเป็ นไดอารี่ แถมเป็ นไดอารี่ที่พร้อมจะประกาศความลับให้ชาว
บ้านรู้อย่างง่ายดาย
แต่เดี๋ยวก่อน...เขาทำไปด้วยความหวังดีอยากจะช่วยตามหาเจ้าของ
โทรศัพท์ต่างหาก ไม่ได้คิดอยากล้วงข้อมูลความลับอะไรเลยสักนิด
สาบานก็ได้เอ้า!
อนุรักษ์ชูสามนิ้วตามสัญลักษณ์ลูกเสือสามัญแสดงความซื่อสัตย์ในใจ
ขณะที่นิ้วในความจริงเลื่อนสไลด์หน้าจอ ลุ้นกับภาพการเปลี่ยนแปลงที่
ปรากฏ
...ไม่ได้ล็อกไว้
ถ้ากดดูอัลบั้มรูปส่วนตัวก็อาจเห็นภาพเจ้าของเครื่องถ่ายเก็บเอาไว้ แต่เขา
ยั้งมือไม่ให้ทำ เห็นแบบนี้เขาก็มีจรรยาบรรณของคนที่มีเพื่อนเป็ นช่าง
ซ่อมโทรศัพท์เหมือนกัน และไม่ลืมจุดประสงค์หลักว่าตนเองต้องการ
อะไร
'NAMTAN'
"สะ..."
ยังไม่ทันที่เขาจะทักทายสวัสดี เสียงหวานแหลมเล็กก็สวนเข้ามาทันควัน
"บอกแล้วไงคะว่าไม่ต้องโทรหาน้ำตาลอีก!"
อนุรักษ์รีบยกเครื่องมือสื่อสารออกห่างหู ขมวดคิ้วงง
...อยู่ๆ ก็ถูกโมโหใส่ อย่าบอกนะว่าคุณเจ้าของเครื่องดันเพิ่งทะเลาะกับ
แฟนมา
"แต่..."
"หยุด! ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น"
อนุรักษ์พยายามกดโทรออกเบอร์เดิมอีกครั้ง คราวนี้ตั้งใจชิงอธิบายก่อน
จะโดนแย่งพูด หากมีเพียงเสียงบริการฝากหมายเลขตอบรับ สงสัยคุณ
น้ำตาลเป็ นประเภทขู่จริง ทำจริง จัดการบล็อกเบอร์อดีตแฟนไปเรียบร้อย
แล้ว
นึกสงสัยว่าตัวเองไปสร้างความร้าวฉานเพิ่มรึเปล่า ถึงก่อนหน้านี้มันจะปริ
แตกอยู่แล้วก็ตาม ไอ้เขาไม่ได้ร่วมยินดีเป็ นพยานในการเลิกกันของคน
สองคนหรอกนะ แถมข้อมูลที่ได้มาเหมือนจะไม่มีประโยชน์เพิ่ม
'คุณชาย'
'LEO'
"ตกลงจะมาใช่ไหม จะได้บอกคนอื่น"
"เปล่าครับ คือ...ผมไม่ใช่เจ้าของเครื่อง"
ในที่สุดก็บอกออกไปได้เสียที เสียงพากย์พระเอกเงียบไปคล้ายชะงัก
เปลี่ยนเป็ นคำถามงงๆ
"อ้าว แล้วนั่นใครอ่ะครับ"
"ผมบังเอิญเก็บโทรศัพท์เครื่องนี้ได้จากในห้องน้ำครับ เลยอยากเอาไปคืน
เจ้าของ คุณช่วยติดต่อบอกเขาได้ไหมครับ"
"เดี๋ยวจะบอกให้ล่ะกัน แค่นี้นะ"
พี่พระเอกพูดรัวเร็วคล้ายพากย์หนังตอนกำลังรีบวิ่งไปช่วยนางเอก แล้ว
สายก็ตัดไปทั้งอย่างนั้น...
บอกตามตรง อนุรักษ์ชักจะเริ่มหงุดหงิดหน่อยๆ แล้ว
อุตส่าห์โทรไปตั้งสองสายยังช่วยตามหาเจ้าของมือไม่ได้อีก อยากจะ
แกล้งทำเป็ นลืมวางมือถือทิ้งไว้ตรงที่เก่า รอให้ป้ าแม่บ้านหรือใครสักคน
มาเก็บไปแทน ก็ไอ้เขาไม่ได้ว่างขนาดมานั่งอยู่ในห้องน้ำกดจิ้มโทรศัพท์ทั้ง
วัน นี่ละมือจากการซ่อมซิปกางเกงมาช่วยก็บุญเท่าไรแล้ว
อนุรักษ์สไลด์ดูสมาร์ทโฟนสีดำเรียบหรูอีกครั้ง เขาไม่เลือกกดไปเบอร์โทร
ล่าสุด หากเปลี่ยนเป็ นกดสารบัญรายชื่อที่เม็มไว้แทนเพื่อมองหาใครคน
หนึ่ง
'DAD'
"แกดูจะรู้ตัวช้าไปนะว่าเรื่องที่พ่อแกพูดไว้เป็ นความจริง"
"งั้นหรอกหรือ ผมต้องขอโทษด้วยที่ลูกชายไม่ได้เรื่องของผมไปสร้างความ
ลำบากให้คุณ"
"ไม่ใช่เรื่องแค่นี้! โทรศัพท์ของตัวเองยังไม่มีความรับผิดชอบรักษาไว้ได้
แล้วต่อไปจะจัดการเรื่องใหญ่ๆ ได้ยังไง!"
กระนั้นจะโทษโชคชะตาอย่างเดียวก็คงไม่ถูก
อนุรักษ์ถอนหายใจ วางสมาร์ทโฟนสีดำไว้บนแท่นวางของเหนือชักโครก
ให้กลืนไปเป็ นส่วนหนึ่งในห้องน้ำเหมือนเดิม ตอนนี้เขาชักอยากเห็นหน้า
ของ 'คุณชาย' ขึ้นมาจริงๆ ซะแล้ว ติดตรงที่ว่าเขาต้องสะสางปั ญหาของ
ตัวเองก่อน
กางเกงแสล็กยังคงวางพาดอยู่กับขา ต่อให้พยายามไป ลำพังเขาคงไม่มี
ทางซ่อมซิปที่แตกได้ แต่ถ้าลองดึงกางเกงให้เอวสูงขึ้นมาหน่อย ปลาย
เสื้ออาจยาวพอจะปิ ดตรงเป้ า แล้วค่อยไปซื้อเข็มกลัดจากร้านสะดวกซื้อ
แถวนี้มาติดเอาทีหลัง
อนุรักษ์จึงจัดการลุกขึ้นสวมกางเกงให้เรียบร้อยอีกครั้ง แต่เพียงแค่สอดขา
เข้าไปหนึ่งขา เสียงบรรเลงเปี ยโน Cannon In D จากอุปกรณ์แสนไฮเทค
หนึ่งเดียวในห้องน้ำก็ดังลั่น
...มีสายเข้า
เขารีบเอี้ยวตัวเอื้อมไปหยิบสมาร์ทโฟน ขณะกางเกงคาตัวค้างครึ่งๆ
กลางๆ สภาพคงอุบาทว์น่าดู แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจ เพราะไม่แน่ว่าคนโทร
มาอาจเป็ นคนเดียวกับที่กำลังพยายามตามหา
"ฮัลโหล"
...เสียงหวานเล็กติดโทนแหลมของคุณน้ำตาล เสียงทุ้มนุ่มรื่นของเพื่อนชื่อ
ลีโอ หรือเสียงเต็มเปี่ ยมด้วยอำนาจของผู้เป็ นพ่อ
เป็ นเสียงราบเรียบแทรกผ่านอากาศคล้ายมากระซิบอยู่ข้างหู
"...ของของผมขอคืนด้วยครับ"
...สวัสดีครับ คุณชาย
...สวัสดีครับ คุณชาย
อนุรักษ์ไม่แน่ใจว่าตัวเองควรทักแบบนั้นออกไปดีไหม อารมณ์ตื่นเต้นดีใจ
หลังเจอเจ้าของโทรศัพท์ซึ่งเฝ้ าเพียรตามหามานาน ส่งผลให้เขาเงอะงะ
ทำอะไรไม่ถูก
“เออ...คือว่า...”
ถ้อยคำดูถูกปนการกล่าวหา ทำให้ความรู้สึกยินดีทั้งหมดสลายฉับพลัน
"ห้องน้ำที่ไหน"
"คุณไม่ใช่พนักงานในบริษัทนี้หรอกหรือ"
"เปล่า"
"แล้วคุณเข้ามาใช้ห้องน้ำในตึกนี้ได้ยังไง"
"ขอพี่รปภ.เข้ามา"
"แล้วทำไมโทรศัพท์ของผมถึงได้ไปอยู่ในห้องน้ำ"
"มันปวดฉี่เลยงอกขาเดินมาเข้าห้องน้ำเองมั้ง!"
กวนตีนออกไปอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ชายหนุ่มหมดความอดทนแล้ว โดนยิง
คำถามเหมือนตัวเองเป็ นนักโทษข้อหาอุกฉกรรจ์ ทั้งๆ ที่เขาเป็ นพลเมืองดี
ช่วยเหลือคนอื่นแท้ๆ ตอนเสียสละที่นั่งให้เด็กบนรถเมล์ก็ด้วย ทำไมใครๆ
ถึงชอบมองเขาในแง่ร้ายกันนัก
อาจเพราะความหงุดหงิดโมโหสามารถส่งผ่านไปตามสัญญาณ 3G จนคู่
สนทนาสัมผัสได้ จึงเลิกซักไซ้ แต่ยังคงออกคำสั่งด้วยเสียงราบเรียบ
"งั้นคุณช่วยเอาโทรศัพท์ฝากไว้ที่แผนกประชาสัมพันธ์ให้ผมทีก็แล้วกัน"
"ได้ครับ คุณชาย”
จงใจเน้นย้ำคำสุดท้าย รู้แล้วว่าทำไมถึงถูกเรียกแบบนั้น เพราะเจ้าตัวนิสัย
แย่ขนาดหนัก คนอุตส่าห์ช่วยเก็บโทรศัพท์ให้ คำขอบคุณสักคำก็ไม่มี
แถมยังใช้เขาเหมือนเป็ นลูกน้อง วางตัวเหนือหัวคนอื่นขนาดนี้ มิน่าใคร
ต่อใครถึงโยนตำแหน่ง ‘คุณชาย’ ให้
...ทว่าอยู่ๆ ปลายสายก็เอ่ยแทรกขึ้นมา
"คุณรู้ชื่อผมได้ยังไง"
อ้าว...ตกลงนั่นชื่อจริงเหรอ
อนุรักษ์นึกชมว่าช่างตั้งชื่อได้เหมาะสมกับนิสัย แต่ควรจะเพิ่มคำต่อท้าย
เป็ น ‘คุณชายช่างซัก’ ก็เล่นซักเขาประหนึ่งตำรวจสอบสวนผู้ร้าย รู้สึก
เหมือนตัวเองถูกจับใส่กุญแจมือ เอาไฟส่องหน้า จนต้องยอมเปิ ดปาก
สารภาพ
"คุณดูข้อมูลในโทรศัพท์ของผม?"
น้ำเสียงโมโนโทนมาตลอดกลับเข้มขึ้นอย่างมีนัยยะ และอนุรักษ์ก็เดา
สาเหตุได้ว่าเพราะอะไร
"ผมแค่ดูรายชื่อคนโทรเข้าออก ไม่เสียมารยาทเปิ ดดูอย่างอื่นหรอก หรือ
ว่าคุณมีคลิปลับอะไรซ่อนไว้ กลัวผมเอาไปปล่อยรึไง"
คนที่มัวแต่คิดเรื่องใต้สะดือนึกเยาะ หากสิ่งที่ได้ยินกลับผิดไปไกล
"ATM ส่งคุณมาใช่ไหม"
ตัวย่อภาษาอังกฤษส่งผลให้คิ้วขมวดกันอย่างมึนงง
...ตู้ ATM เกี่ยวอะไรด้วย ธนาคารจะส่งเขามาทำไม คุณชายนี่ชักเพี้ยนไป
กันใหญ่แล้ว
"หมายความว่าไง ก็บอกแล้วว่าผมแค่บังเอิญเก็บโทรศัพท์ได้ในห้องน้ำ"
"คุณอาจโกหกก็ได้"
...เฮ้ย แบบนี้มันชักเกินไป กล้ามาล้ำเส้นหยามศักดิ์ศรี ไม่คิดจะขอบคุณ
ยังหาว่าโกหกอีก พูดความจริงหลายรอบแล้วไม่ฟั งก็เปล่าประโยชน์จะ
อธิบาย
"ผมว่าเราคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว เดี๋ยวผมจะฝากโทรศัพท์ไว้ที่ประชาสัมพันธ์
คุณมาเอาคืนไปเองแล้วกัน”
ตัดบทเตรียมวางสายทำสิ่งที่ควรทำตั้งแต่แรก คิดเสียว่าฟาดเคราะห์
ทำคุณบูชาโทษ ไม่แน่ช่วงนี้ดาวศุกร์ในราศีเขาคงโคจรในช่วงขาลง เลย
ทำให้ชะตาชีวิตดิ่งลงเหว แต่เคราะห์เขาคงหนัก เจ้ากรรมนายเวรจึงยังไม่
เลิกจ้องตามล้างตามผลาญด้วยการออกคำสั่งอีกรอบ
"ไม่ต้องหรอก คุณมาคืนให้ผมด้วยตัวเองดีกว่า"
...ตกลงไอ้คุณชายมันคิดว่าเขาเป็ นทาสในเรือนเบี้ยรึไง!
ปั ง!
“ไปถึงแล้วสินะ”
"คุณนี่มัน...!"
ยังไม่ทันครบประโยคก็ต้องสะดุ้งอีกรอบ เมื่อประตูถูกกระแทกปั งๆ!
ลุงยามสวมวิญญาณมือปราบขู่ซ้ำ โดยไม่ตระหนักเลยว่าห้องน้ำเล็กเท่ารู
หนูจะให้มุดหนีไปทางไหน แต่ปฏิบัติการณ์สายฟ้ าแลบก็ยังดำเนินต่อ
รวดเร็ว เสียงลากเก้าอี้ครืดคราดดังจากหลังประตูทันที อนุรักษ์
ตาเหลือก ก้มลงมองสภาพตัวเองกางเกงใส่คาไว้ครึ่งๆ กลางๆ พยายาม
ตะโกนร้องห้าม
“เดี๋ยวอย่าเพิ่งเข้ามา!”
เขารีบดึงขากางเกงอีกข้างขึ้นมาใส่ อารามร้อนรน สมาร์ทโฟนซึ่งหนีบ
แนบไว้กับหูพอขยับเปลี่ยนท่าก็ดันเผลอหลุดร่วง
“เฮ้ย!”
โทรศัพท์ราคาหลายหมื่นลอยค้างอยู่กลางอากาศ ก่อนวัตถุนั้นจะค่อยๆ
ร่วงหล่นตามแรงโน้มถ่วงช้าๆ ลงไปในชักโครกสีขาวกลางน้ำบ่อน้อยอย่าง
เหมาะเจาะ เกิดเสียงดังจ๋อม พร้อมกับเสียงหนึ่งในหัวของเขาสะท้อนก้อง
...ฉิบหาย
"หยุด! อย่าขยับ"
ในที่สุดมือปราบก็โผล่หน้ามาจากเหนือประตูพร้อมคำสั่ง อนุรักษ์รีบ
ยกมือกุมเป้ ากางเกงอัตโนมัติ จนคนเห็นเหตุการณ์ต้องย้ำ
“ยกมือขึ้น”
“ยกไม่ได้”
“หรือว่าซ่อนของไว้ตรงนั้น”
ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจที่ไอ้รักษ์น้อยลูกชายเขาไซต์ใหญ่ชวนเข้าใจผิด แต่
โดนข้อกล่าวหาพิลึกนี้ทำเอาต้องรีบส่ายหน้าพรืด
"ไม่ใช่! ซิปกางเกงผมมันแตก"
“แล้วโทรศัพท์อยู่ที่ไหน”
คนถูกถามอึกอัก สุดท้ายก็ยอมเบี่ยงกายหลบให้คนที่อยู่เหนือบานประตู
กวาดมองทั่วห้องน้ำ ก่อนจะหยุดลงเมื่อพบวัตถุผิดปกติตรงชักโครก
สายตาสองคู่สบมองกัน
ทุกอย่างนิ่งเงียบ
มีเพียงเสียงสัญญาณวิทยุดังแทรก
ลุงยามทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ขณะกดวอล์กกี้ตอบกลับ
“เจอครับ แต่ว่า...”
...อนุรักษ์คล้ายจะได้ยินเสียงคุณชายลอยมาจากน้ำเบาๆ
ลิฟต์เปิ ดออกที่ชั้นสิบห้า
แต่ดีหน่อยตรงที่ศาลตัดสินแห่งนี้ตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์น ให้ความรู้สึก
โปร่งโล่งสบาย อาจเพราะมีโต๊ะทำงานตั้งอยู่น้อย แม้จะถูกแบ่งสัดส่วน
แยกชัดเจน หากก็ได้รับการจัดสรรพื้นที่กว้างขวาง มีทั้งมุมโซฟาพร้อมทีวี
มุมโต๊ะพูล มุมบาร์กาแฟ แตกต่างจากออฟฟิ ศอื่นที่วางโต๊ะเรียงติดกันเป็ น
พรืดจนอึดอัด
แม้มองภาพรวมคะเนอายุอยู่ที่ยี่สิบปลายๆ แต่ความจริงชายคนนี้คงอายุ
มากกว่านั้น เดาจากบารมีและตำแหน่งงานที่น่าจะสูง เพราะลุงยามเริ่ม
ต้นรายงานด้วยท่าทางนอบน้อม
"พอผมได้รับแจ้งจากคุณชาย ก็รีบบุกไปที่ห้องน้ำทันทีเลยครับ ในนั้นมี
ห้องล็อกประตูอยู่ห้องเดียว ผมเลยเอาเก้าอี้มาปี นขึ้นไป และก็เห็นไอ้
หนุ่มคนนี้กำลังจะซ่อนโทรศัพท์ของคุณชายใน..."
สายตามองไปยังเป้ ากางเกงของคนที่เอามือบังไว้โดยไม่ต้องแปลความ
หมาย
“แต่ผมจับได้ก่อน มันเลยคิดจะเอาโทรศัพท์ทิ้งลงชักโครกทำลายหลัก
ฐาน โชคดีที่ยังไม่ทันกดน้ำ ไม่งั้นป่ านนี้โทรศัพท์ของคุณชายได้ลงไปอยู่ใน
บ่อเกรอะแล้วล่ะครับ”
คำแนะนำจากนักโทษหนึ่งเดียว เรียกให้ทุกคนในห้องหันไปมอง
ที่ผ่านมาได้ยินแค่เสียงเรียบๆ ของคุณชายทางโทรศัพท์มาตลอด พอ
เผชิญหน้ากันตัวต่อตัวจึงอดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้ ยิ่งถูกจ้องมองโดยคนรูป
ร่างหน้าตาสมบูรณ์พร้อมราวกับติดสินบนพระเจ้ามาเกิดก็ยิ่งเผลอเกร็ง
ตอบตะกุกตะกัก
"เออ...คือแบบว่า..."
ในเมื่อคุณชายอยากเล่นแบบนี้ใช่ไหม...ได้ เดี๋ยวไอ้รักษ์จัดให้!
"ตอนนี้ คุณน้ำตาลทิ้งคุณไปหาโรเบิร์ตเพื่อนร่วมงานของคุณที่นิวยอร์ก
เขาสองคนคบซ้อนกันนานแล้ว และคุณน้ำตาลก็ไม่อยากคุยกับคุณอีก
เลยจัดการบล็อกเบอร์คุณไปเรียบร้อย ...ส่วนคุณลีโอ อยากให้คุณไปเที่ยว
ด้วยกัน เขาบอกว่าคุณนึกไปเองว่างานมันกร่อยไม่สนุก ทั้งที่นานๆ เพื่อน
จะมารวมตัวกันครบ ...และสุดท้าย พ่อของคุณเห็นว่าคุณไม่มีความรับผิด
ชอบ ต่อไปคงจัดการงานใหญ่ๆ ไม่ได้ และคุณควรจะฟั งคำที่ท่านเตือน
ตั้งแต่แรก"
ข้อมูลถูกเก็บมาวิเคราะห์เรียบเรียง ปิ ดท้ายด้วยการประเมินผล
"อ้าว...มีแขกอยู่ก่อนแล้วเหรอครับ"
น้ำเสียงทุ้มกังวานเอ่ยทักเมื่อเห็นอนุรักษ์ยืนอยู่ข้างๆ เขาเองก็เตรียมรอ
ฟั งคุณชายอธิบายเรื่องราว แล้วให้พยานยืนยันคนร้าย ทว่าคุณชายไม่
แม้แต่จะพูดถึง ซ้ำยังโกหกหน้าตาเฉย
"แค่คนช่วยหาแหล่งข้อมูลของกลุ่มตลาดเฉพาะน่ะครับ"
"กลุ่มตลาดเฉพาะ?"
"ไม่ใช่ครับ! ซิปกางเกงผมมันแตก"
จำไม่ได้แล้วว่าพูดประโยคนี้เป็ นรอบที่เท่าไร เขาใช้ภาษาไทยถูกต้อง
ชัดเจน น่าจะง่ายต่อการเข้าใจ แต่ทำไมใครๆ ถึงได้แปลความหมายไป
คนละทาง เช่นเดียวคุณเฮงซึ่งเอื้อมมือมาตบบ่าปลอบเบาๆ
คุณเฮงเลยละความสนใจจากอนุรักษ์เปลี่ยนเป็ นโหมดทำงานทันที
“ผมเอาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ประชุมไปคราวที่แล้วมาให้ครับ”
ของบางสิ่งถูกหยิบขึ้นมาวางบนโต๊ะ อนุรักษ์อยากยกมือขยี้ตาตัวเองซ้ำๆ
หลายรอบ เพราะกลัวจะมองภาพเพี้ยนไป แต่ให้ตะแคงซ้ายขวาดูยังไง
วัตถุเล็กๆ ก็ยังคงปรากฏชัดเจน ผลิตภัณฑ์ใหม่ท่ามกลางวงล้อมของกลุ่ม
ชายหนุ่มสามคนคือ
...ลิปสติกแท่งสีชมพูแสนสดใสคาวาอี้
‘ไอ้รักษ์เอ้ย...โลกเรามันมีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะ’
อนุรักษ์ปลงโลกตามคำสอนของยาย ขณะมองคุณเฮงกล้ามล้ำถือลิปสติก
สุดหวานแหววพลางพูดเนื้องานต่อ
“คอนเซปต์ลิปมัน Baby Kiss คือ ‘อยากให้คนไทย มีริมฝี ปากสวย และ
กล้าที่จะยิ้มอย่างมั่นใจ’ แต่ผมคิดไม่ถึงว่าคุณชายจะตีความ เรื่องความ
กล้าเกี่ยวกับการแสดงออกทางเพศด้วย น่าสนใจดีนะครับ ผมชักอยาก
เห็นโฆษณาที่คุณทำแล้ว”
ข้อมูลด้านท้ายเบรกความคิดเตลิดเปิ งไปไกลให้ย้อนกลับมาประมวลผล
ทุกอย่างใหม่ ก่อนเขาจะถึงบางอ้อ
อนุรักษ์อยากจะส่งซิกให้คนโกหกแก้ไขความเข้าใจผิดใหม่ แต่นอกจากไม่
สนใจยังเลือกคุยงานต่อด้วยบรรยากาศคร่ำเคร่ง
“เรื่องนั้นขึ้นอยู่กับว่าคุณจะไว้ใจไอเดียของผมมากแค่ไหน”
“ไม่ต้องห่วง ผมให้สิทธิคุณชายใส่ไอเดียเต็มที่อยู่แล้ว แต่หวังว่างานครั้งนี้
คงจะไม่ออกมาเหมือนโฆษณาน้ำยาปรับผ้านุ่มมอร์นิ่งอีกนะครับ”
...น้ำยาปรับผ้านุ่มมอร์นิ่ง
ชื่อสินค้าทำให้อนุรักษ์เผลอนึกภาพโฆษณาที่เขาติดตาและติดใจ
“มอร์นิ่ง ให้กลิ่นหอมโอบกอดคนที่คุณรัก”
เสียงพึมพำของเขาเรียกความสนใจของชายหนุ่มสองคนให้หันมามอง พอ
รู้ตัวว่าดันเผลอพูดแทรกขัดจังหวะ เลยยิ้มเก้อๆ
"เออ...ผมชอบโฆษณานั้นน่ะครับ"
คุณชายยังมีสีหน้าเรียบเฉย ส่วนคุณเฮงส่งยิ้มตอบอย่างอ่อนใจ
“ถ้าเจ้าของผลิตภัณฑ์คิดเหมือนคุณก็คงดี”
อนุรักษ์ไม่ทันได้ตระหนักถึงความจริงข้อนี้ แม้คนดูในฐานะผู้บริโภคอย่าง
เขาจะชอบมากเท่าไร แต่เขาไม่ได้เป็ นคนจ่ายเงินจ้างให้ทำโฆษณา ดังนั้น
ลูกค้าที่เอเจนซี่ต้องแคร์จึงมีเพียงบุคคลเดียว ต่อให้งานอลังการมากแค่
ไหน ตราบใดที่คนจ้างบอกว่าห่วยก็คือจบ
หากคุณชายยังคงยืนกรานแบบไม่คิดจะเสียศักดิ์ศรี
"ผมทำโฆษณาชิ้นนั้นดีที่สุดแล้ว”
แต่เขามั่นใจว่าไม่ใช่เพราะโฆษณาที่ทำให้ยอดขายของมอร์นิ่งแพ้ มันมี
ปั จจัยสำคัญอื่นมากกว่านั้น
"...เพราะออร่าซื้อสองแถมหนึ่งต่างหาก แล้วยังตัดซองเปล่าส่งไปลุ้นโชค
ทองคำได้ด้วย"
คนโฆษณาทั้งคู่หันมาหาเขาทันทีอย่างคาดไม่ถึง
"แต่...ลูกค้าจ้างให้เราทำโฆษณาก็เพื่อกระตุ้นยอดขาย ข้อนั้นสำคัญที่สุด
ไม่ใช่เหรอครับ"
อนุรักษ์แพ้น็อคเมื่อโดนข้อเท็จจริงกระทุ้งเอาจนจุก โซเซกลับไปพักที่มุม
แดงของตัวเอง แถมคุณชายพี่เลี้ยงก็ไม่คิดจะสนใจช่วยพัดวีดูแล ทั้งๆ ที่
เขาออกหน้าว่าอยู่ข้างเดียวกันนะโว้ย!
หลังจากเล่นงานลูกกระจ็อกจนหุบปากเสียสนิท เจ้าตัวก็หันกลับไปหา
หัวหน้าใหญ่ แววตาหมีกริซซี่ล่าเหยื่อวาบขึ้นเพียงแวบเดียว ก่อนเปลี่ยน
กลับเป็ นหมีเท็ดดี้อ่อนโยนเหมือนเดิม
"งั้นวันนี้ผมขอตัวก่อน แล้ววันศุกร์จะนัดเรียกประชุมทีมอีกทีครับ"
คุณเฮงกล่าวทิ้งท้าย แล้วเดินออกไป เหลือแค่ชายหนุ่มสองคนในห้อง
ตามเดิม
เขากำลังเตรียมร่ายมหาเทศน์กัณฑ์ชาติให้สาสมกับความแค้น
"ขอบคุณที่เก็บโทรศัพท์มาคืนผม”
โดยพื้นฐาน อนุรักษ์เป็ นโกรธง่ายหายเร็วอยู่แล้ว พอเจอคำขอบคุณอย่าง
จริงใจ เลยยอมใจอ่อน ทำเป็ นลืมๆ ความบาดหมางก่อนหน้า
“แล้วผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณจะไม่ขโมยโทรศัพท์ไปเลย"
...มันมาอีกแล้ว ไอ้โรคหวาดระแวง
อุตส่าห์แผ่เมตตาระงับความโกรธ คุณชายกลับเหมือนมารมาผจญยั่ว
โมโหให้เขาสติแตก
อ้อ...เกือบลืมคลิปลับของคุณชายไปเสียสนิท
“งั้นผมจะเอาเครื่องของผมแลกกับเครื่องของคุณไว้ก่อน”
โทรศัพท์รุ่นเก่าใช้ปุ่มกดไร้ระบบหน้าจอสัมผัสถูกวางไว้บนโต๊ะ ยิ่งมาเคียง
กันกับสมาร์ทโฟนสุดไฮเทคก็ยิ่งเห็นชัดถึงความแตกต่าง
แต่สำหรับอนุรักษ์ เขาไม่แคร์...
'แม่ซื้อโจ๊กมาให้อยู่ในครัว อย่าลืมกินยา'
แม่คงโทรหาเขาแล้วแต่ไม่ติด เลยส่งข้อความมาให้ โดยไม่รู้เลยว่านั่นจะ
เป็ นข้อความสุดท้าย
“ถ้าซ่อมเสร็จเมื่อไร ผมจะโทรมา”
...เฮ้ย! เขาเข้างานสาย!
พนักงานแคชเชียร์รีบหมุนตัวออกไปนอกห้อง แต่ดันถูกรั้ง
“เดี๋ยว”
...แล้วคุณชายจะให้แม็กมาทำไม
เงยหน้ามองงงๆ กระทั่งคนส่งต้องเฉลยออกมาสองคำ
"กางเกง"
นอกจากจะลืมเวลาทำงานแล้ว ยังลืมว่าซิปตัวเองแตกอีก!
บทที่ 03 : คุ้มค่าทุกนาที
อนุรักษ์ในตำแหน่งพนักงานแคชเชียร์เอ่ยตามหน้าที่ แต่ของซึ่งยื่นมาตรง
หน้าแทนที่จะเป็ นบัตรแข็งสีฟ้ า กลับกลายเป็ นกระดาษเอสี่มีรูปวัดพร้อม
รายละเอียดตัวอักษรเต็มพรืดหนึ่งแผ่น
“อะไร” ขมวดคิ้วถามหนุ่มใส่แว่น ผมสั้นไถข้าง เจ้าของร่างสูงโย่ง ซึ่ง
ไหวไหล่ตอบด้วยน้ำเสียงติดทะเล้น
“แล้วตกลงซ่อมได้มั้ย”
"ซ่อมได้ทุกอย่างจริงเร้ออ...แล้วตอนดึก ๆ ใครวะชอบโทรมาร้องห่ม
ร้องไห้กับกูว่าถูกน้องส้มโอทิ้งเป็ นอาทิตย์ ๆ"
หากแทนทีคำแหย่ของเขาจะทำให้เพื่อนสลด ตรงข้ามไอ้หนุ่มแว่นอินดี้
กลับยิ้มกริ่มพูดลอย ๆ
"เรื่องนั้นมึงไม่ต้องห่วง ตอนนี้กูมีคนช่วยซ่อมแล้ว"
"อะแฮ่ม!"
เขาสะดุ้งหันหลังไปหาเจ้าของเสียงทันควัน ผู้จัดการหญิงวัยเกือบห้าสิบ
หน้าตามีเค้าความใจดีเหมือนคุณครูอนุบาล รวมทั้งวิธีพูดก็เช่นเดียวกับ
กำลังสอนเด็ก ๆ
"ไปซักเรื่องส่วนตัวของลูกค้าแบบนั้นได้ยังไงจ๊ะน้องรักษ์ เกิดลูกค้าคอมเพ
ลน ขึ้นมาคราวนี้โทษไม่ใช่แค่เปลี่ยนกะธรรมดานะคะลูก"
“เครื่องเสร็จแล้ว ไว้มาเอาที่ร้าน”
"ไม่มี!"
เสียงแหลมเล็กกระแทกใส่ห้วน ๆ ไม่รู้ว่าใครเผลอไปเหยียบเท้าคุณเธอ
เอาตอนไหน แต่ผู้หญิงมักอารมณ์อาร์ตตัวแม่เอาแน่เอานอนไม่ได้อยู่แล้ว
อนุรักษ์จึงรีบก้มหน้าก้มต่อหยิบของมาแสกนคิดเงิน
...แค่มองสินค้าก็เดาได้ถึงพฤติกรรมคนซื้อ
เหตุผลที่อนุรักษ์ชอบยืนทำหน้าที่พนักงานแคชเชียร์ ก็เพราะเขาชอบเล่น
เกมส์แก้เซ็งสนุก ๆ นี้ ผู้คนส่วนมากมักไม่รู้ตัวหรอกว่า พวกเขาได้แสดง
ลักษณะนิสัย และการใช้ชีวิตประจำวันผ่านทางสินค้าที่ตัวเองจับจ่ายซื้อ
ของ
...อาศัยอยู่คนเดียว หรืออยู่กับครอบครัว
...รักความสะอาดมาก ๆ หรือเลี้ยงแมวไว้ด้วย
...ชอบทำขนม หรือชอบกินอาหารคลีน
...กลิ่นแชมพูสระผมกับกลิ่นสบู่ประจำตัวเป็ นแบบไหน
พวกเขาต่างบอกเล่าชีวิตที่แตกต่างกันไปผ่านทางสายพานเลื่อนบนเคาท์
เตอร์แคชเชียร์ และอนุรักษ์ก็ชอบเอามาคิดวิเคราะห์เล่น ๆ เป็ นประจำ
อย่างลูกค้าผู้หญิงคนนี้ไม่ต้องเสียเวลาเดานาน ก็รู้ว่าเจ้าตัวกำลังลดน้ำ
หนักคุมอาหารอย่างหนักหน่วง ทั้ง ๆ ที่หุ่นผอมบางจนแทบปลิวอยู่แล้ว
เขาไม่เข้าใจเลยว่าผู้หญิงวัดความสวยกันที่ตรงไหน
แน่นอนความสงสัยพวกนี้ย่อมไม่มีวันหลุดปากถาม อนุรักษ์ยังคงทำหน้าที่
แคชเชียร์อย่างดี นำของลำเลียงใส่ถุง แจ้งยอดรวมสินค้า รับและทอน
เงินแบบไม่มีผิดพลาด เอ่ยขอบคุณ ก่อนเตรียมตัวต้อนรับลูกค้ารายใหม่
ที่มาต่อคิว
ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้ยกมือไหว้ เสียงแหลมเล็กก็ดังทะลวงขึ้นมาอีก
รอบ
"เอาของวางใส่รถเข็นให้ด้วยสิ!"
คนสั่งปรายตาเคลือบมาสคาร่ามองไปยังถุงซูเปอร์สามถุงซึ่งวางอยู่ตรงที่
วางของ ปกติลูกค้าจะยกใส่รถเข็นเอง ไม่ใช่หน้าที่ของพนักงานแคชเชียร์
แต่เพื่อบริการทุกระดับประทับใจ อนุรักษ์จึงส่งยิ้มรับคำอย่างนอบน้อม
"ได้ครับ"
แล้วจัดการนำบรรดาของกินลดน้ำหนักลงรถเข็น ขณะที่เจ้าหล่อนยืด
กอดอกมองแบบไม่คิดจะแตะ เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยก็เดินเข็นรถเชิดหน้า
จากไปโดยไร้คำขอบคุณ ซึ่งเขาเองก็ไม่คิดหวังจะได้ยินอยู่แล้ว
ความจริงผู้ชายอายุเท่าเขา เรี่ยวแรงดีมักถูกเกณฑ์ไปลงสต็อกสินค้า
มากกว่ามาทำหน้าที่แคชเชียร์ เพราะการทำงานตรงนี้ต้องเผชิญหน้ากับ
ลูกค้าโดยตรง และต้องรองรับอารมณ์ลูกค้าทุกสถานการณ์ หากคน
ใจร้อน ไม่รักงานบริการจริง ๆ คงไม่ชอบใจ
ลูกค้าหญิงวัยกลางคนที่ต่อคิวคิดเงินเอ่ยให้กำลังใจ สงสัยคงเข้าใจผิดว่า
เขากำลังเหนื่อยใจกับลูกค้าสาวเจ้าอารมณ์เมื่อกี๊ แต่อนุรักษ์ไม่อยากแก้ไข
อธิบาย เลยรับคำง่าย ๆ
"ขอบคุณครับ"
แล้วหันไปหยิบของแสกนคิดเงินต่อ ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นสินค้าบน
สายพานเลื่อน
...น้ำยาปรับผ้านุ่มมอร์นิ่ง
ใบหน้าเฉยชาของคนในชุดสูทเนี้ยบกริบลอยขึ้นมา คนในมาดคุณชายสม
ชื่อที่ตอนนี้กำลังเก็บของสำคัญของเขาไว้ แม้เขาจะอยากเห็นข้อความ
ของแม่อีกครั้ง แต่ป่ านนี้ไม่รู้คุณชายเอาโทรศัพท์เขาไปตกระกำลำบาก
ที่ไหน
ได้แต่หวังว่าคุณชายคงไม่ทำมือถือตกน้ำไปแล้วหรอกนะ เพราะรุ่นนี้ก็พัง
แล้วพังเลย ต่อให้เทพแบบไอ้ทัตก็คงซ่อมไม่ได้แน่นอน ซึ่งถ้าเป็ นแบบนั้น
จริง ๆ เขาก็คงต้องทำใจ
...ดวงคนมันถึงคราวซวย ต่อให้ทัวร์ทำบุญเก้าสิบเก้าวัดก็คงจะไม่พอ
---------------------------------------------------------------------------------------
----------------
งานกะเช้าของพนักงานแคชเชียร์เลิกในเวลาสี่โมงเย็น แต่กว่าเขาจะเช็ค
เงิน ปิ ดเครื่อง เคลียร์อะไรต่อมีอะไร ก็เลยห้าโมงมาเล็กน้อยถึงได้ฤกษ์
เดินไปหาร้านซ่อมโทรศัพท์ของเพื่อน ซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากซูเปอร์มากนัก
นิ้วกดสไลด์ตรงอัลบั้มรูปภาพโดยพลัน แล้วใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่งก็อัด
แน่นอยู่เต็มเกือบสามร้อยภาพ ...มองคร่าว ๆ อายุของคนในรูปน่าจะพอ
ๆ กับเขาไม่เกินยี่สิบเอ็ดยี่สิบสอง รูปร่างหน้าตาปกติธรรมดาทั่วไป ชนิด
ว่าเดินสวนกันผ่าน ๆ อาจมีลืม หากสิ่งที่ทำให้ติดใจ คือรอยยิ้มกว้างที่
ปรากฏเกือบทุกรูป เป็ นรอยยิ้มสดใสที่ชวนให้คนมองยิ้มตาม
...กระนั้นคนคนนี้ก็ไม่ใช่คุณชาย
"เปล่า ไม่ใช่เจ้าของเครื่อง"
อนุรักษ์แก้ไขความเข้าใจผิด ไอ้ทัตตั้งสมมติฐานขึ้นมาทันควัน
"กิ๊กเหรอ"
นึกถึงคุณน้ำตาลที่เขาดันไปเป็ นพยานการถูกสลัดรักของคุณชายโดย
บังเอิญ ป่ านนี้คุณชายจะหาทางไปง้อคืนดีรึยัง หรือกำลังช้ำใจอยู่ หรือ
จะยังเฉย ๆ ทำตัวบ้างานต่อไป
"ถ้าไม่ใช่เกย์ แล้วจะเก็บรูปผู้ชายไว้เต็มเครื่องทำไมวะ"
ไอ้ทัตยังคงสงสัยไม่เลิก แต่ในเมื่อเขาไม่ใช่เทวดาจะไปประจักษ์แจ้งเห็น
จริงได้ยังไง ถามไปก็คล้ายคำถามโลกแตก ไม่มีใครตอบได้นอกจากเจ้าตัว
"กูก็ไม่รู้เหมือนกัน" ส่ายหน้าจนปั ญญา แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ ไอ้ทัตกลับรู้ลึก
ไปไกลกว่า
"เออเกือบลืมอีกเรื่อง วันนี้วันเกิดเจ้าของเครื่องนะ"
...นี่สกิลความเผือกมันพัฒนาขนาดล้วงข้อมูลไปยันวันเกิดเจ้าของเครื่อง
เลยเหรอ!
คนร้อนตัวรีบหยิบสมาร์ทโฟนจากมือเขาไปพิสูจน์หลักฐาน ด้วยการเปิ ด
ข้อความเข้าแล้วโชว์หน้าจอให้เห็น SMS สุขสันต์วันเกิดจากค่ายโทรศัพท์
พร้อมโปรโมชั่นใช้บริการค่าโทรฟรีหนึ่งวัน ก่อนส่งเครื่องกลับมา พลาง
แนะนำตามประสาช่างซ่อมมีจรรยาบรรณ (อันน้อยนิด)
"คราวหลังก็บอกให้เจ้าของสมัครแอพพวก Find My Phone ด้วยดิ เวลา
หายจะได้หาพิกัดเจอ"
"ขอบใจว่ะ"
"ค่าซ่อมขอแจ็กแดเนี่ยลสักขวดก็พอ"
อนุรักษ์เพิ่งตระหนักว่าเพื่อนกินมีจริงก็วันนี้ แค่ให้ซ่อมโทรศัพท์ตกน้ำมัน
ขูดรีดแพงกว่าซื้อเครื่องใหม่อีก แต่ไอ้ทัตรีบดักคอด้วยปรัชญาเดียวกับที่
เขายึดถือ
"ธุรกิจไม่มีคำว่าเพื่อน"
คนฟั งกำลังจะตอกกลับช่างซ่อมหน้าเลือด พอดีกับลูกค้าใหม่ เป็ นน้องผู้
หญิงในชุดนักเรียนมัธยมต้นเข้าร้านให้ติดฟิ ล์มกันรอย เขาจึงแกล้งคืน
ด้วยการสะกิดบอก
เขาเพิ่งนึกขึ้นได้หลังจากแลกมือถือว่าลืมแถมสายชาร์ตแบตไปให้คุณชาย
ไปด้วย ถึงแม้โทรศัพท์ของเขาจะเป็ นรุ่นทนทาน ชาร์ตไฟหนึ่งครั้งใช้ได้
นานสามวัน และเขาก็เพิ่งจะให้ไอ้ทัตเปลี่ยนแบตใหม่ไปหมาด ๆ เมื่อต้นปี
แต่ใครจะรู้คุณชายอาจจะนึกรำคาญเลยทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ แม้ค่อนข้างมั่นใจ
ว่า คงไม่มีใครโทรเข้ามากวนคุณชายให้วุ่นวาย อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้มี
อาชีพเป็ นครีเอทีฟเอเจนซี่โฆษณา รายนั้นสมาร์ทโฟนพังไปคงทำงาน
ติดต่อธุระกันลำบาก
หากความกังวลใจหมดไป เมื่อสัญญาณโทรติดอย่างง่ายดาย เขารอให้อีก
ฝ่ ายรับ แต่ปลายสายกลับว่างเปล่ากระทั่งตัดไป พอลองอีกครั้ง ผลก็ยัง
เป็ นเช่นเดิม จวบจนรอบที่ห้า
...แม่งว่าแล้วไอ้คุณชายมันเอาโทรศัพท์เขาไปเป็ นลูกเมียน้อยไม่คิดจะดูดำ
ดูดีจริง ๆ ด้วย!
อนุรักษ์กระหน่ำโทรซ้ำอย่างหงุดหงิด เริ่มเข้าใจความรู้สึกที่ผู้หญิงโทรจิก
แฟนย้ำ ๆ เป็ นร้อยสาย แต่เขาตั้งใจว่าคราวนี้ถ้าไม่รับ จะไปหาคุณชายถึง
บริษัท ทว่าก่อนเสี้ยวสัญญาณสุดท้ายจะตัดไป ถ้อยคำที่รอคอยก็ดังขึ้นมา
"สวัสดีครับ"
เป็ นเสียงราบเรียบฟั งคุ้นหูเหมือนเช่นเคย เขารีบบอกธุระของตนเอง
รวดเร็ว
ที่ต้องนัดแนะกับคุณชายก่อน เพราะเขากลัวจะเผชิญหน้ากับพวกพี่
รปภ.ที่มีคดีเก่าติค้างกันอยู่ แม้จะเคลียร์เรื่องเข้าใจผิดกับคุณชายไปแล้วก็
จริง แต่เขาคงถูกขึ้นบัญชีดำแบล็กลิสต์บุคคลอันตรายเรียบร้อย ดังนั้นจึง
ต้องพยายามหาทางป้ องกันตัวเอาไว้ โดยใช้ตำแหน่งคุณชายเป็ นโล่
แต่คุณชายกลับหาทางออกให้เขาง่ายกว่านั้น...
...สิ่งของประจำตัวของใครก็มักจะบ่งบอกลักษณะนิสัยของคนนั้น
..
..
"ผมถึงซูเปอร์แล้ว ไปรอที่หน้าประตู"
ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าคุณชายเป็ นนักโฆษณา เขาคงคิดว่าเจ้าตัวเป็ นทหาร
สังกัดกองพลไหนสักแห่ง ถึงติดนิสัยสั่งได้สั่งจริง ส่วนลูกกระจ๊อกอย่างไอ้
รักษ์น่ะเหรอ เทียบรัศมีคงเป็ นได้แค่ทหารเกณฑ์ ท่านนายพลสั่งอย่างไรก็
ต้องตะเบ๊ะ...รับทราบครับผม!
“ขึ้นมา”
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อเปรียบเทียบการแต่งกายระหว่างฐานะ
แต่มาเพื่อเจรจาธุรกิจ
"อืม เอาวางไว้ตรงคอนโซลนั่นแหละ"
...อะไรวะ ขมวดคิ้วกับคำพูดขอไปที ไหนบอกว่ามีข้อมูลสำคัญมาก
นักหนา ไอ้เขารึสู้อุตส่าห์ทะนุถนอมอย่างดี กลัวจะทำข้อมูลหายไปสัก
ไฟล์แล้วอาจจะโดนคุณชายสั่งฆ่าหมกป่ า แต่พอได้คืน นอกจากคุณชาย
จะไม่สนใจเช็ค ยังทำเหมือนเป็ นของไม่มีค่า ดูแล้วไม่คุ้มกับการเอามือถือ
ของเขาไปเป็ นตัวประกันแลกเลย
อนุรักษ์จำใจวางสมาร์ทโฟนตรงคอนโซลหน้ารถ เตรียมทวงโทรศัพท์ของ
ตัวเองบ้าง ตอนนี้เองที่เขาเพิ่งสังเกตเห็นทางรอบ ๆ ...ทีแรกคิดว่าที่
คุณชายสั่งให้ขึ้นรถเพราะตั้งใจจะวนหาที่จอด แล้วค่อยมาเจรจาแลก
โทรศัพท์กัน แต่คนขับกลับหมุนพวงมาลัยขับออกไปนอกซูเปอร์มุ่งสู่ถนน
ใหญ่ จนผู้โดยสารต้องร้องถามตกใจ
“เดี๋ยวคุณจะพาผมไปไหน”
“ไปกินข้าว”
คำตอบที่ได้ยิน ทำเอาชะงัก ...เออเว้ย...วันนี้มาแปลก นึกยังไงถึงใจดีขึ้น
มา สงสัยคุณชายคงติดนิสัยตามประสานักธุรกิจ เวลาทำงานต้องมีสิน
น้ำใจตอบแทน แต่เขาแค่ต้องการแสดงความรับผิดชอบ ไม่ได้เรียกร้องผล
ประโยชน์สานต่อใด ๆ
“ซ่อมมือถือให้แค่นี้ ไม่ต้องถึงขนาดเลี้ยงข้าวหรอกครับ”
เขารีบบอกปฏิเสธตามประสาพลเมืองดีมีน้ำใจ คุณชายละสายตาจาก
ถนนเป็ นครั้งแรก มองคนนั่งข้าง ๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบประจำตัว
“ใครจะเลี้ยง ผมแค่หิวเฉย ๆ”
เพล้ง!
...รู้สึกหน้าตัวเองร้าวเป็ นเสี่ยง ว่าแล้วปี ศาจนิสัยเสียอย่างคุณชาย อยู่ ๆ
จะเปลี่ยนไปมีวงแหวนเทวดาขึ้นบนหัวทันทีคงเป็ นไม่ได้
"งั้นคุณเอามือถือผมคืนมาก่อน แล้วจะอยากไปกินข้าวที่ไหนก็ไป"
"ผมขับรถอยู่ ถึงร้านแล้วจะคืนให้"
ไม่ต้องเสียเวลาคิดให้เปลืองสมอง คำเฉลยก็ตามมาด้วยการเอื้อมมือดับ
วิทยุของคนขับรถ แม้หน้าตาจะยังนิ่งเฉย ทว่ารังสีมาคุกลับแผ่กระจาย
ออกมาเป็ นหย่อม ๆ คลุ้งไปทั่วรถจนอนุรักษ์ชักเริ่มทำตัวไม่ถูก ปกติถ้า
คุณชายเงียบธรรมดาไม่พ่นอะไรกวนประสาทออกมา เขาพอก็รับมือได้อยู่
แต่จู่ ๆ ตอนนี้ดันองค์ลง เป็ นใครจะไม่รู้สึกอึดอัดบ้าง แถมมองออกไป
นอกหน้าตาสภาพการจราจรด้านนอกก็อึดอัดไม่ต่างจากบรรยากาศด้าน
ใน
“เออ...วันนี้ผมเห็นมีคนซื้อน้ำยาปรับผ้านุ่มของมอร์นิ่งด้วยนะ”
"แล้วคุณทำโฆษณาให้กับสินค้าตัวไหนอีกเหรอครับ”
...โฆษณามอร์นิ่งของคุณชายคือหนึ่งในเรื่องที่เกี่ยวสายตาเขา เขาเลย
อยากรู้ว่าคุณชายจะทำโฆษณาตัวอื่นได้ดึงดูดความสนใจอีกมั้ย
แต่คำตอบของคุณชายกลับปิ ดประตูตาย
“...ก็มีหลายอย่าง”
เคยได้ยินคำพูดที่ว่า 'นิสัยดาราที่แสดงออกเบื้องหน้ากับนิสัยเบื้องหลัง
ต่างกัน'
“รถ”
“คันนี้”
“ปรินท์แอด?"
“พวกโฆษณาลงในนิตยสาร หนังสือพิมพ์”
“แล้วโฆษณาลิปสติกเป็ นแบบไหนเหรอครับ"
“สปอดวิทยุ”
หลุดปากถามออกไปถึงรู้สึกตัวว่าชักละลาบละล้วง คุณชายคงไม่มีทางยก
เรื่องงานมาคุยกับคนนอก แต่ผิดคาด เมื่อคุณชายตอบกลับสั้น ๆ ขณะ
เปิ ดไฟเลี้ยว
“เพิ่งโดนขโมยไป”
ปริศนาเริ่มพันกันอีรุงตุงนัง แต่พนักงานแคชเชียร์ยังไม่ทันได้สวมบทนัก
สืบเชอร์ล็อกโฮมไขคดี รถญี่ปุ่นก็จอดตรงหน้าร้านอาหารในซอยเล็ก ๆ
อนุรักษ์ขมวดคิ้วเลี้ยวมองรอบด้านขณะที่คนขับดับเครื่อง
ร้านอาหารเล็กแต่จัดแต่งค่อนข้างเรียบหรู เหมาะกับลูกค้าใส่ชุดสูทแบบ
คุณชาย ส่วนพนักงานแคชเชียร์อย่างเขาเหมือนคนรับใช้ตามถือของ
...ผู้ชายสองคนต่างสไตล์ มากินข้าวด้วยกันคงเป็ นภาพที่แปลกตา หาก
พนักงานต้อนรับไม่ได้มีสีหน้าสงสัย ยังคงยิ้มแย้มต้อนรับพาเขาสองคนไป
นั่งที่โต๊ะ พร้อมยื่นเมนูให้
“เอาสปาเกตตี้คาโบนาราครับ”
"รับไวน์ทั้งสองท่านนะครับ"
"ผมขอน้ำเปล่าดีกว่าครับ"
TRRRRRR!!
บทสนทนานั้นคล้ายพูดกับเจ้านายหรือคนมีอำนาจมากกว่า แต่คุณชายยัง
คงรักษาน้ำเสียงราบเรียบ ไม่มีความอ้อนน้อมเหมือนเดิม
โชคดีที่คำเตือนของเขาไปกระตุ้นต่อมศีลธรรมของคุณชายได้บ้าง ร่างสูง
จึงผ่อนการดื่มให้น้อยลง พอดีกับสปาเกตตี้มาเสิร์ฟ เขาสองคนก้มหน้า
ทานสปาเก็ตตี้เงียบ ๆ ไร้บทสนทนาใด ๆ เหมือนพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์สัก
อย่าง ...สปาเกตตี้คาโบนาราอร่อย ไม่เลี่ยนครีมมากอย่างที่คิด แต่เจอ
บรรยากาศแบบนี้อาหารรสเลิศแค่ไหนก็ดูชืดไปถนัด
บริกรเก็บจานออกไปหลังทานเสร็จ ก่อนเสริ์ฟของหวาน
“ดับเบิ้ลช็อกโกแล็ตเค้กครับ”
ขนมเค้กถูกวางลงตรงหน้าคุณชาย ซึ่งเลิกคิ้วเพราะตนเองไม่ได้สั่ง แต่
อนุรักษ์กลับชิ่งพูดก่อน
"...สุขสันต์วันเกิดครับ...”
“รู้ได้ยังไง”
“SMS จากค่ายโทรศัพท์ของคุณ ผมไม่ได้แอบดูนะ มันขึ้นมาพอดี"
"คุณอายุเท่าไรครับ"
“สามสิบสอง”
...แก่กว่าสิบเอ็ดปี แต่ไม่รู้ทำไมทั้งหน้าตาและนิสัยของถึงไม่ได้เหมาะกับ
คนอายุสามสิบเลย
“เธอยังเรียนอยู่รึเปล่า”
คู่สนทนายกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอีกครั้ง ไม่คิดจะแตะต้องจานของหวาน
“เออ...ไม่กินเค้กสักหน่อยเหรอครับ หรือไม่ชอบขนม”
อนุรักษ์รู้ว่าตัวเองถือวิสาสะสั่งมาโดยไม่ถามก่อน ผู้ชายอายุเท่านี้อาจไม่
ชอบกินขนมกันแล้ว แต่วันเกิดมันต้องคู่กับเค้กสิ และเขาก็อุตส่าห์เลือก
เป็ นช็อกโกแล็ตที่ดูแล้วไม่น่าจะหวานมากมาให้ หรือเขาควรจะเปลี่ยน
เป็ นพวกชีสเค้กดี
หากคำตอบของคุณชายกลับผิดจากที่คิดไปไกล
“ถ้างั้นลองพูดให้ฉันอยากกินทีสิ”
อนุรักษ์เงยหน้าขึ้นถาม "คุณว่าอะไรนะ?"
“ได้ครับ ผมมีเหตุผลสี่ข้อที่จะทำให้คุณอยากกินเค้ก”
อนุรักษ์ยกนิ้วชี้ขึ้น “หนึ่ง...วันนี้วันเกิดคุณ”
“สาม...แทนที่จะกินเค้กแบบรักษาน้ำใจอย่างคนปกติทั่วไป คุณกลับมา
ท้าผมให้พยายามหาทางโน้มน้าวให้คุณกินเค้กที่อุตส่าห์สั่งมาให้อีก”
“เธอชื่ออะไร”
“รักษ์”
“ฉันจะเก็บเอาไปกินที่บ้าน”
“เดี๋ยวไปถึงบ้าน คุณอาจเอาไปทิ้งก็ได้”
“งั้นตามฉันมาจะได้เห็นกับตา”
“ทำไมผมต้องไปกับคุณด้วย ไหนคุณลองพูดให้ผมอยากไปกับคุณบ้างได้
มั้ยครับ”
อนุรักษ์ใช้เกมเดียวกับที่อีกฝ่ ายเคยเล่น อยากรู้ว่าอย่างคุณชายจะมี
เหตุผลอะไรโน้มน้าวให้ไปได้ง่าย ๆ
แต่หลังจากนั้น...เขาก็ตระหนักได้ว่าตนเองพ่ายแพ้ต่อนักโฆษณามาก
ประสบการณ์หมดรูป ด้วยเหตุผลเพียงข้อเดียวสั้น ๆ
“...เพราะมือถือเธออยู่กับฉัน...”
อนุรักษ์กำลังถูกลักพาตัว!
...ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูก ต้องบอกว่า ‘โทรศัพท์มือถือของเขา’ ถูกลักพาตัว
มากกว่า โดยฝี มือของคนร้ายหน้าหยกที่ข่มขู่เอาของสำคัญเป็ นตัวประกัน
หลอกล่อพาเขามาถึงคอนโดหรู
คุณชายลงจากรถพร้อมหิ้วกล่องเค้กช็อกโกแล็ต (และไม่ลืมหยิบสมาร์ท
โฟนซึ่งถูกวางทิ้งส่งๆ ตรงหน้าคอนโซลรถ) ก่อนใช้บัตรผ่านเฉพาะแตะ
เปิ ดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นสิบเอ็ด ซึ่งทั้งชั้นมีห้องชุดอยู่เพียงหกห้อง แล้วแสกน
นิ้วกดรหัสห้องริมซ้ายสุด เดินนำแขกที่ถูกบังคับมาแบบไม่ตั้งใจ
แต่สำหรับเขา ที่นี่ให้ความรู้สึกเย็นเหยียบคล้ายห้องชุดตัวอย่างมากกว่า
ห้องของคนอยู่อาศัยจริงๆ ยิ่งเมื่อคุณชายถอดรองเท้าหนังแบรนด์อิตาลี
แล้วก้มลงจัดวางเข้าคู่เป็ นระเบียบเรียบร้อย ก็ยิ่งเห็นความแตกต่าง ถ้า
เป็ นเขาพอถึงห้องตัวเองก็สลัดรองเท้าข้างซ้ายขวาไปคนละทางแล้ว
ความเป๊ ะที่ฝั งอยู่ในดีเอ็นเอของคุณชาย ทำให้ชาวบ้านเดินดินต้องรีบงัด
เอาพจนานุกรมสมบัติผู้ดีมาปฏิบัติตามอย่างเกร็งๆ ไปด้วย
“อ้อ เจ้านี้คงถึงเวลาที่ตั้งไว้พอดี”
หุ่นยนต์ดูดฝุ่นทรงกลมแบนสีไทเทเนียมรุ่นใหม่ล่าสุดกำลังเคลื่อน
ทำความสะอาดไปรอบห้อง คุณชายหยิบรีโมทมากดป้ อนคำสั่ง และทันที
ที่เสียงสัญญาณดังปี๊ บเบาๆ หุ่นยนต์ดูดฝุ่นก็ถอยกลับเข้าแท่นชาร์ตแบต
ซึ่งตั้งตรงมุมห้องเองโดยอัตโนมัติ ไม่ชนมุมโต๊ะหรือเก้าอี้ใดๆ ราวกับสัตว์
เลี้ยงแสนเชื่อง
“ว้าว สะดวกดีเหมือนกันนะครับ”
“เมื่อเดือนที่แล้วฉันต้องทำโฆษณาสินค้าตัวนี้เลยซื้อมาทดลองใช้”
นักครีเอทีฟอธิบายเหมือนเห็นการทำความสะอาดเป็ นแค่ของแถมจาก
โปรเจคงาน พลางเปลี่ยนเรื่องเอ่ยเชิญแขก
“เธอไปนั่งรอตรงนั้นก่อน”
เจ้าบ้านชี้ไปยังโซฟาขนาดใหญ่หนังนิ่มสีเบจที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับโทรทัศน์
ติดผนังจอยักษ์ ชวนน่านอนเอกเขนกพักผ่อนสบายๆ ถ้าไม่ใช่เพราะถัดไป
จากโซฟา จะมีโต๊ะทำงานไม้เนื้อเข้มให้บรรยากาศเคร่งขรึม พ่วงด้วยอุปก
รณ์คอมพิวเตอร์แม็คบุ๊ค เครื่องปริ้นเตอร์ กองหนังสือ และแฟ้ มเอกสาร
มากมายวางยึดพื้นที่ จนห้องนั่งเล่นมีสภาพคล้ายห้องทำงานกลายๆ
และคุณชายก็ทำตัวไม่แตกต่างจากพนักงาน
พอตอกบัตรออกจากออฟฟิ ศก็กลับมาตอกบัตรเข้าที่คอนโด ลงมือเปิ ด
เครื่องคอมพิวเตอร์ทันที คล้ายกับลืมไปแล้วว่าเชิญใครอีกคนมาด้วยจุด
ประสงค์อะไร
“...แล้วเค้กล่ะครับ”
มาถึงตรงนี้นักศึกษาก็ยกมือขึ้นถาม...
"งั้นที่ผมอธิบายเรื่องเค้กไปซะยาว แสดงว่าผมโน้มน้าวใจคุณไม่ได้ใช่ไหม
ครับ”
ตอนกินเค้ก คุณชายท้าให้เขาพูดแบบนั้น อาจเพราะต้องการทดสอบเขา
ในฐานะนักโฆษณา ซึ่งเขาดันทำตรงข้ามหลักการทั้งหมด คงไม่แปลกถ้า
จะปรับให้เขาสอบตก
"หมายความว่า..."
อนุรักษ์หลุดพูดได้เพียงแค่นั้น เพราะมัวแต่นิ่งงันมองคุณชายหยิบส้อม
พลาสติกซึ่งอยู่ในกล่องขึ้นมาตัดเค้กดับเบิ้ลช็อกโกแล็ต และยกขึ้นให้เขา
เห็นชัดๆ พร้อมการยอมรับ
"เธอทำให้ฉันอยากกินเค้ก เพราะมันมีสตอรี่น่าสนใจ”
จบประโยค เค้กชิ้นเล็กเนื้อนุ่มก็ถูกส่งเข้าปากต่อหน้าเขาตามข้อตกลง
และไม่หยุดอยู่แค่คำแรก คำที่สอง สาม สี่ตามมาอย่างรวดเร็ว จวบจน
กระทั่งหมดเกลี้ยง ปิ ดท้ายด้วยถ้อยคำสั้นๆ
“อร่อย”
...น่าแปลกที่หัวใจของอนุรักษ์พองโตขึ้นมา แม้คุณชายจะชมเค้ก แต่เขา
รู้สึกดีเหมือนตัวเองได้รับคำชมไปด้วย
จุดเริ่มต้นจากความซวยเพราะซิปกางเกงแตก ดันนำไปสู่ความซวยอื่นๆ
อีกสารพัดเรียงต่อกันเหมือนโดมิโน พอถูกผลักล้มตัวหนึ่งก็กระทบล้มต่อ
เนื่องกันไปเรื่อยๆ เรื่องบ้าบอแบบนี้ ครั้งหนึ่งในชีวิต เขาไม่มีทางลืม
แน่นอน แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่มันควรจะจบลงเสียที
"งั้นผมขอมือถือของผมคืนด้วยครับ"
อนุรักษ์ยื่นมือมาตรงหน้า ซึ่งอีกฝ่ ายก็ยินยอมล้วงกระเป๋ ากางเกงหยิบมา
วางใส่มือให้แต่โดยดี ผิดตรงที่ว่ามันไม่ใช่โทรศัพท์ เป็ นของบางสิ่งซึ่งเขา
เคยเห็นมาแล้ว
...ลิปสติกแท่งสีชมพูสดใสคาวาอี้
“เอามาให้ผมทำไม”
...มันเรื่องบ้าอะไรอีกวะเนี่ย!
อารมณ์เหมือนถูกคนร้ายเรียกร้องค่าไถ่ยื่นเงื่อนไขการต่อรองเรื่อยๆ เรื่อง
ที่ทำท่าจะจบแบบแฮปปี้เอดดิ้งเลยลากยาวออกมาเป็ นไตรภาคไม่รู้จุดสิ้น
สุด จนต้องร้องโวยวายอย่างหมดความอดทน
“พูดอะไรบ้าๆ! ทำไมผมต้องทาด้วย...”
แต่แล้วก็ชะงัก เมื่อฉุกใจนึกขึ้นมาได้ หรือที่คุณชายอธิบายหลักการ
โฆษณาไปมากมายให้เขาฟั งก็เพราะ...
“...อย่าบอกนะว่า คุณคิดโฆษณาลิปสติกไม่ออกเลยจะให้ผมช่วยคิด”
ใบหน้าคมคายยังคงเรียบเฉย เว้นแค่นัยน์ตาซึ่งมักนิ่งเย็นกลับเลี่ยงแสร้ง
มองเอกสารที่หยิบขึ้นมาเปิ ดอ่าน พลางกล่าวอ้าง
“ฉันแค่อยากรวบรวมข้อมูลความเห็นของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์เพิ่ม”
ถ้าไอ้ผลิตภัณฑ์ที่ว่ามันเป็ นประเภทของกินหรือของใช้ในบ้าน เขาก็ยินดี
ทดลอง และเต็มใจแสดงความเห็นให้อยู่แล้ว แต่นี่ดันเป็ นลิปสติกสีชมพู
สุดหวานแหวว ผู้ชายมาดแมนแฮนซั่มที่ไหนมันจะไปยอม!
"เรื่องอะไรผมต้องทำ ถ้าคุณอยากรู้คุณไม่ใช้เองล่ะครับ”
“ฉันทดลองแล้ว”
"..."
อนุรักษ์กระพริบตาปริบ มองลิปสติกในมือ สลับกับดวงหน้าหล่อเหลา
ความรู้สึกตีกันระหว่างอยากหัวเราะกับทึ่งในความทุ่มเทให้งาน
"นี่เป็ นคอนเซปต์ลิปสติกที่ฉันเสนอในที่ประชุมวันนี้"
กระดาษเอสี่พิมพ์ข้อมูลชุดหนึ่งถูกยื่นมาให้ อนุรักษ์กวาดตามองราย
ละเอียดภาษาอังกฤษบ้างไทยบ้าง พร้อมตัวย่อศัพท์เทคนิคทำให้มีบาง
ส่วนที่เขาไม่เข้าใจ กระนั้นก็ยังพอจับใจความคร่าวๆ โดยเฉพาะคีย์เวิร์ด
สำคัญ
'ยิ้มสยาม'
...เหมือนกับโฆษณายาสีฟั นสปาร์กไวท์
“พรุ่งนี้ฉันต้องไปพรีเซนต์งานใหม่ให้บริษัทลูกค้า และต้องอธิบายว่าทำไม
คอนเซปต์เก่าถึงไปเหมือนโฆษณายาสีฟั นที่เพิ่งปล่อยมาได้โดยบังเอิญ"
"แล้วทำไมถึงได้เหมือนกันล่ะครับ"
"ฉันเองก็อยากรู้"
คุณชายพึมพำ บรรยากาศรอบตัวไม่ได้แผ่รังสีหงุดหงิดอึมครึมเหมือนครั้ง
อยู่ในรถ หากฉายแววเหน็ดเหนื่อยและเคร่งเครียดอย่างที่เขาเพิ่งเคยเห็น
เป็ นครั้งแรก
แต่สมัยนี้ผู้ชายหันมาสนใจดูแลหน้าตามากขึ้นไม่ต่างจากผู้หญิง
ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของผู้ชายจึงมีเยอะ รวมทั้งลิปมันด้วย ดังนั้นคง
ไม่ใช่เรื่องน่าเสียหายอะไรถ้าเขาจะลองใช้ เผลอๆ ต่อไปอาจชอบขึ้นมา
ก็ได้ แม้จะแอบตะขิดตะขวงใจกับรูปลักษณ์หวานแหววไปบ้างก็ตาม
พอปลอบตัวเองให้ทำใจได้แล้ว เขาก็หมุนลิปให้เนื้อผลิตภัณฑ์สีชมพูขึ้นมา
แล้วยกขึ้นเตรียมทาริมฝี ปาก ทว่ากลับชะงัก เมื่อเห็นดวงตาของคนตรง
ข้ามมองเขม็ง
“ยะ..อย่าจ้องได้ไหมครับ มันแปลกๆ”
“ฉันต้องเก็บรายละเอียด”
...งั้นอัดวิดิโอไปด้วยเลยดีไหมครับคุณชาย
อยากจะแนะนำออกไป แต่ก็กลัวคนบ้ายุทำจริง เลยกลั้นใจหลับหูหลับตา
ทาๆ ไปให้จบเรื่อง
“รู้สึกยังไง”
เรียวคิ้วบนใบหน้าคมขมวดตึง ส่งเสียงบ่นระอา
คุณชายสวมวิญญาณอาจารย์สอนวิชาหลักการโฆษณาอีกครั้ง ทว่า
นักเรียนหัวขี้เลื้อยอย่างเขาจะไปรู้ลึกซึ้งอะไรกับเครื่องสำอางของผู้หญิง
อย่างวันนี้เขายังถูกลูกค้าสาวเชิดใส่ในซูเปอร์อยู่เลย ทั้งๆ ที่แต่งหน้าสวย
พริ้งเพรา แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้น่ามองเท่ากับการกระทำที่อยู่ข้างใน
“ผู้ชายอย่างผมไม่เข้าใจผู้หญิงหรอกครับ ถึงพวกเธอจะเสียเวลาแต่งหน้า
นานขนาดไหน แต่สำหรับผมหน้าใสๆ ก็ยังสวยกว่าอยู่ดี แล้วผมก็คิดว่าผู้
หญิงมีเสน่ห์ที่ข้างในใจไม่ใช่รูปร่างหน้าตา”
“...นั่นสิทำไมฉันถึงไม่เคยคิดมาก่อน”
คนโฆษณาหลุดพึมพำคล้ายจับไอเดียบางอย่างที่สว่างวาบขึ้นมาได้
กะทันหัน
โพล่งออกไปอย่างตระหนกปนอาการขนลุกวาบ เขาไม่เข้าใจความคิดของ
นักครีเอทีฟเลยสักนิด คำคมเท่ๆ บาดจิตดันไม่เลือก กลับมาเก็ตไอเดีย
อยากเห็นผู้ชายทาลิปสติกสีหวานซะงั้น แค่จินตนาการภาพตามก็สยอง
แล้ว แต่โชคดีที่คุณชายพูดขยายความ
“ไม่ได้ให้ทาโดยตรง แต่จะให้รับรู้ผ่านทางผู้หญิง”
คำอธิบายไม่ได้ช่วยให้ความกระจ่างเพิ่มเติม คนมึนงงยังคงแสดงสีหน้า
สงสัย
“ผ่านยังไงครับ”
...กว่าอนุรักษ์จะเพิ่งนึกขึ้นได้ถึงลักษณะนิสัยการทำงานของคุณชายว่า
ต้อง 'รู้ลึก รู้ละเอียด และทดลองจนเห็นผลจริง' ก็สายเกินไป
เพราะคุณชายยกมือขึ้นเชยปลายคางของเขา ก่อนจะขยับตัวเขามาใกล้
ด้วยส่วนสูงที่ต่างกันเพียงเล็กน้อยจึงไม่จำเป็ นต้องใช้ความพยายามมาก
เพียงแค่คุณชายโน้มตัวลงมา ริมฝี ปากเคลือบลิปมันของเขาก็ถูกประทับ
ด้วยริมฝี ปากอ่อนนุ่มของอีกคน
เขาไม่รู้ว่าตัวเองยืนนิ่งอยู่นานเท่าไร แต่รู้อีกทีก็เมื่อได้ยินเสียงราบเรียบ
ของคุณชายซึ่งกลับไปนั่งพิมพ์งานต่อเปรยถาม
"เธอจะกลับเลยไหม เดี๋ยวฉันออกค่าแท็กซี่ให้ ขอโทษด้วยตอนนี้ฉันต้อง
ทำงานต่อให้เสร็จคงไปส่งเธอไม่ได้"
"ถ้าถึงแล้วโทรหาฉันด้วย"
คุณชายสั่งคล้ายคุณแม่ที่ห่วงลูกกลับบ้าน ก่อนปล่อยให้แขกออกมาจาก
ห้องเอง
อนุรักษ์ลงลิฟต์ เดินขึ้นรถเมล์กลับจนถึงหอ ไขกุญแจเข้าห้องตัวเอง
ตลอดเวลานั้นราวกับสมองถูกเครื่องเล่นกดปุ่มหยุดพอสเอาไว้ กระทั่งมา
นั่งแหมะลงบนเตียงแล้วนั่นแหละ...สติที่กระจัดกระจายจึงเริ่มเข้าทีเข้า
ทางอีกครั้ง
และมีเพียงคนเดียวที่สามารถเป็ นเจ้าของ
...ไอ้คุณชาย!
...ตกลงคุณชายจะเอายังไงกันแน่
อนุรักษ์พยายามทำใจให้เย็นลง ขณะเรียบเรียงคำถาม
"คุณทำอะไรกับโทรศัพท์ผมครับ ทำไมถึงมีอีกซิมหนึ่งอยู่ในเครื่อง"
"ฉันแค่ฝากเอาไว้"
"แต่มือถือผมไม่ใช่ที่รับฝากของของใคร พรุ่งนี้ผมจะเอาไปคืนคุณที่บริษัท"
"พรุ่งนี้ฉันติดประชุม"
"งั้นผมจะฝากไว้ที่ประชาสัมพันธ์ คุณมาเอาคืนไปเองแล้วกันครับ"
สุดท้ายก็ลืมตัวขึ้นเสียงด้วยความโมโห เพราะทนกับการยั่วประสาทไม่
ไหว แต่คุณชายกลับยกเหตุผลไม่คาดฝั น
"เพราะเธอเคยดูแลของสำคัญของฉันได้ดีชิ้นหนึ่งแล้ว"
...เป็ นอีกครั้งที่เดาการกระทำของคุณชายไม่ได้
ใช้เรื่องที่เขารับผิดชอบดูแลสมาร์ทโฟนมาเป็ นข้อตัดสินให้รับฝากของ
สำคัญเอาไว้ ฟั งแล้วเหมือนคำชม แต่เขาไม่จำเป็ นต้องทำซ้ำเพื่อให้ได้รับ
การเยินยออีก กำลังจะทักท้วง ปลายสายดันแทรกเอ่ยรายละเอียด
รวดเร็ว
"ตอนเที่ยงฉันพอมีเวลา เธอบอกคนในบริษัทว่ามาพบฉันก็พอ แล้วอย่า
เอาซิมออกจากเครื่องจนกว่าจะมาคืนฉัน"
สั่งจบก็กดตัดสัญญาณไปทันที และแน่นอนเมื่อเขาโทรกลับไปอีกครั้ง
คุณชายก็ปิ ดเครื่องไปเรียบร้อย หมดโอกาสให้คนโดนบังคับอ้อมๆ ปฏิเสธ
บทที่ 05 : นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต
“สวัสดีครับ ไม่ทราบติดต่อธุระอะไรครับ”
พนักงานรักษาความปลอดภัยวัยสี่สิบค้อมกายสอบถามอย่างสุภาพ
นอบน้อม โดยไม่เฉลียวใจเลยสักนิดว่าบุคคลที่เข้ามาเยือนบริษัท จะเป็ น
คนเดียวกับที่โดนกล่าวหาว่าเป็ นหัวขโมยเมื่ออาทิตย์ก่อน
“ผมเอาของมาให้คุณชายครับ”
อนุรักษ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็ นการเป็ นงาน พยายามทำบุคลิกให้ดูเคร่งขรึม
และน่าเชื่อถือ แม้จะแอบถอนหายใจโล่งอกที่ผ่านด่านแรกมาได้อย่าง
แนบเนียบ
...ก็ไม่ใช่ว่าเขานึกคึกอยากแต่งตัวประชันความเนี้ยบกับคุณชายหรือ
อะไร แต่ขืนเกิดมาด้วยสภาพไอ้หนุ่มซิปเป้ ากางเกงแตก คงได้โดนพี่ยาม
จับโยนออกไปก่อนที่จะบอกธุระของตนเอง สุดท้ายเลยพยายามค้นตู้หา
เสื้อผ้าที่ดูเป็ นทางการ ซึ่งก็หนีไม่พ้นชุดนักศึกษา เมื่อบวกแว่นทรงเหลี่ยม
เลนส์ไร้ค่าสายตา กับการจัดแต่งทรงผมดี ๆ อีกหน่อย เขาก็อัพระดับ
กลายเป็ นเด็กเรียนไม่มีพิษภัย จนพี่รปภ. รีบผายมือนำเขาไปที่
ประชาสัมพันธ์ทันที
พอแจ้งเรื่องขอเข้าพบ สาวประชาสัมพันธ์คนสวยจึงบอกให้รอสักครู่
แล้วดำเนินการติดต่อให้ ใช้เวลาไม่นานคนนัดก็มาหา หากแทนทีจะเป็ น
คุณชาย กลับกลายเป็ นคนอื่นเสียแทน
“สวัสดีค่ะ คุณรักษ์ ดิฉันพิมพิศา เป็ นผู้ช่วยของคุณชายค่ะ”
สาวหมวยกรีดอายไลเนอร์เฉี่ยว ซึ่งอนุรักษ์จำที่เธอเรียกคุณชายได้ว่า
‘บอส’ หล่อนยกมือไหว้ทักทาย จนเขาต้องรีบยกมือไหว้บอกสวัสดีกลับ
เพราะอายุอีกฝ่ ายน่าจะมากกว่าเขาอยู่เกือบห้าหกปี กระนั้นเจ้าตัวก็ยังคง
พูดด้วยประโยคเป็ นทางการ
เอ่ยพร้อมส่งรอยยิ้มผูกมิตร ด้วยความที่เขาทำงานในซุปเปอร์มาร์เก็ตกับ
คนหลากหลายวัย การทำความรู้จักด้วยวิธีเรียกนับพี่นับน้องแบบนี้ ถือ
เป็ นการสร้างความสนิทสนมอย่างรวดเร็ว และก็ไม่ผิดจากที่หวัง เมื่อคู่
สนทนาส่งรอยยิ้มกลับ
“โอเคครับ พี่พิม”
“เปล่าครับพี่ ผมแค่เอาของมาให้คุณชายเฉย ๆ”
หญิงสาวบ่นด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน ทำเอาเขาแอบเห็นใจอยู่เล็ก ๆ
พนักงานคนอื่นเดินสวนออกมาจากลิฟต์ เพื่อแยกย้ายกันไปกินข้าวใน
เวลาพักเที่ยง ส่วนพี่พิมยังต้องอยู่รับรองแขก กระทั่งคุณชายเองก็ติด
ประชุมต่อเนื่องไม่เลิก
“ทำงานโฆษณายุ่งขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
พี่พิมอธิบายศัพท์เฉพาะพร้อมรายละเอียดงานให้คนนอกวงการเข้าใจได้
ง่าย ๆ แต่ขาดตำแหน่งสำคัญไปอีกหนึ่ง
“แล้วคุณชายล่ะครับ”
คนช่างเมาท์รีบแก้ไขความเข้าใจผิด อาจเพราะกลัวถูกกล่าวหาว่านินทา
เจ้านายตัวเอง แต่อนุรักษ์กลับพยักหน้าเข้าใจ
อนุรักษ์นึกแปลกใจกับอีกมุมหนึ่งของคุณชาย ยิ่งรู้จักก็ยิ่งเดาบุคลิกไม่ได้
ขึ้นเรื่อย ๆ ว่าคุณชายเป็ นคนยังไงกันแน่ แต่เรื่องนั้นเก็บไว้คิดทีหลัง
เพราะเขาติดใจกับเรื่องโฆษณาที่มีปั ญหา ...หรือจะเป็ นลิปสติกที่คุณชาย
บอกว่าโดนขโมยไอเดียไป?
อยากจะรู้รายละเอียดมากกว่านี้ แต่ลิฟต์ส่งเสียงถึงชั้นที่ต้องลงพอดี พอ
ประตูเปิ ดออก เขาถึงเห็นว่านี่ไม่ใช่ชั้นออฟฟิ ตสุดโมเดิร์นของคุณชาย แต่
เป็ นชั้นที่จัดตกแต่งอย่างมีระดับคล้ายโรงแรม พื้นที่ถูกกั้นไว้เป็ นห้อง ๆ มี
โต๊ะประดับแจกันดอกไม้ขนาดใหญ่วางตรงหน้าโถงทางเข้า ตัด
บรรยากาศเคร่งขรึมเป็ นทางการ
"เออ...ห้องน้ำไปทางไหนครับ"
...เปล่า...เขาไม่ได้ติดใจห้องน้ำในบริษัทนี้ แต่ที่ต้องวอแวเข้าออกบ่อย ๆ
ก็เพราะเมื่อคืนเขานอนไม่ค่อยหลับ มัวแต่คิดเรื่องซิมโทรศัพท์กับเจ้าของ
ที่ฝากเอาไว้ เช้ามาเลยมีสภาพสะโหลสะเหลเหมือนซอมบี้ กลัวจะรับมื้อ
กับคุณชายไม่ไหว ก่อนมาเขาจึงจัดการซัดกาแฟดำของอาแปะหน้าปาก
ซอยสูตรเข้มข้นพิเศษ จนตาสว่างพร้อมรบ และตอนนี้กาแฟก็กำลังออก
ฤทธิ์
คนที่เพิ่งคุยโทรศัพท์จบบ่นพึมพำลอย ๆ เรียกความสนใจจากอนุรักษ์ให้
หันมอง ...ชายหนุ่มอายุไม่น่าจะห่างจากเขาเท่าไร ไว้หนวดเคราสไตล์
เซอร์ ๆ ดูไม่ค่อยเข้ากับเสื้อเชิ้ตสีขาวแบบพนักงานบริษัท กำลังแสดง
สีหน้ายุ่งยากใจ สงสัยสายที่เพิ่งวางคงทะเลาะกับแฟนมา เลยอึดอัดอยาก
ระบายเต็มที
สถานการณ์ทำนองนี้มีแค่มนุษย์เพศผู้เท่านั้นที่จะรู้ซึ้งถึงความอาร์ตตัวแม่
อนุรักษ์ไหวไหล่ปลอบตามประสาผู้ชายด้วยกัน
“ก็เป็ นธรรมดาของผู้หญิงล่ะครับ ไม่งั้นจะมีคนพูดเหรอว่า...มันผู้ใดเข้าใจ
ผู้หญิง มันผู้นั้นไม่เข้าใจอะไรเลย...”
“แต่ผมว่าก็มีนะ เรื่องที่ผู้หญิงยอมเข้าใจอะไรง่าย ๆ”
“เรื่องอะไร”
เขายกเคสตัวอย่างจากไอ้ทัตเพื่อนสนิท มันเล่นเพ้อถึงน้องส้มโอแทบไม่
เว้นวัน ไม่ว่าน้องจะผิดนัด มาสาย วีนแตกขนาดไหน ไอ้ทัตก็ยังเห็นดีเห็น
งามไปหมด ขนาดโดนน้องส้มโอทิ้งไปมีคนใหม่ มันก็ไม่คิดจะเลิกรักเลิก
หลง ...โชคดีที่ล่าสุดไอ้ทัตได้คนมาดามใจ เขาก็ได้แต่หวังว่า คราวนี้มันจะ
เจอผู้หญิงที่นิสัยน่ารักและไม่คิดจะทำร้ายหัวใจมันอีก
...และอาจเพราะนึกเรื่องนี้ขึ้นมา เขาจึงเผลอคิดถึงคำพูดโฆษณากับ
คุณชาย
“แต่ยังไงผมก็เชื่อว่าความสวยที่แท้จริงอยู่ข้างในใจมากกว่าหน้าตานะ”
คนฟั งเลิกคิ้ว ทำหน้าอี๋ วิจารณ์สั้น ๆ “น้ำเน่าว่ะ”
“เฮ้ย! คลาสสิกจะตาย”
“เธอมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ ฉันบอกให้พิมพาเธอไปรอที่ห้องรับรองไม่ใช่
หรือ”
คุณชายถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ดวงตานั้นเจือแววแปลกใจระคน
ตำหนิ จนอนุรักษ์ต้องรีบแก้ตัว
"ผมแค่เดินออกมาเข้าห้องน้ำเฉย ๆ" เขาตอบพลางเสมองไปยังประตูด้าน
หลัง "แล้วนี่คุณประชุมเสร็จแล้วเหรอครับ”
“ยังไม่เรียบร้อยเท่าไร เธอกลับไปรอในห้องก่อน”
"เดี๋ยวก่อนสิครับคุณดุจดาว"
"ยังไงดิฉันไม่เห็นด้วยที่จะให้ใช้คอนเซปต์นี้"
คุณป้ าร่างอวบในชุดผ้าไหมไทยสีม่วงเข้มตีกระบังลมโป่ ง ทั้งน้ำเสียงและ
กิริยาให้มาดคุณหญิงในละครไทยหลังข่าว เดินหน้าเชิดนำออกมาพร้อม
เลขาสาว โดยมีคุณเฮง ชายร่างใหญ่นักการตลาดตามรั้ง ไม่สนใจมอง
คุณชายหรือตัวเขาที่ยืนหลบอยู่ข้าง ๆ พยายามเกลี่ยกล่อมคนที่กำลัง
หงุดหงิดเต็มความสามารถ
"แต่คอนเซปต์นี้มีข้อดีหลายข้อที่เราอยากให้ทางคุณพิจารณานะครับ"
“นั้นสิครับ ผมว่าไอเดียใหม่ที่เสนอมาก็น่าสนใจดีออกครับ"
เสียงสนับสนุนจากบุคคลที่สามตามมาจากในห้อง แล้วอนุรักษ์ก็นิ่งงันเมื่อ
พบว่า ใครคนนั้นคือผู้ชายที่เขาเพิ่งพบในห้องน้ำ
ในที่สุดอนุรักษ์ก็รู้แล้วว่า เมื่อคืนคุณชายจูบเขาไปทำไม
...ที่แท้คุณชายต้องการดึงเอาประสบการณ์ที่ได้สัมผัสลิปสติกจากริม
ฝี ปาก แล้วเอามาปรับใช้กับการโฆษณาได้ออกมาเป็ นกลยุทธ์สร้างสรรค์
สุด ๆ ถ้าไม่ติดว่าเขาโดนเป็ นหนูทดลองด้วย ก็อยากจะชมอยู่หรอกว่า
คุณพี่ท่านเก่ง แต่ไอเดียสุดครีเอทนี้กลับมีอีกหนึ่งคนที่ไม่เห็นด้วย
"จะให้โฆษณาด้วยเรื่องบัดสีแบบนี้ผ่านทางวิทยุไม่มีทางเด็ดขาดค่ะ!”
คุณทิมพยายามแย้งโดยอาศัยคำพูดเก่าที่อีกฝ่ ายใช้มาโต้กลับเนียน ๆ
กระนั้นคุณดุจดาวก็ยังยืนกรานเสียงแข็ง
“ยังไงดิฉันก็รับไม่ได้! คอนเซปต์ตั้งแต่แรกที่ดิฉันคิดไว้ก็ดีอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่
เพราะไปก็อปปี้งานของคนอื่นมา เลยต้องเสียเวลาคิดกันใหม่”
...ก็อปปี้?
“ต้องขอประทานโทษเป็ นอย่างสูงครับ”
หนุ่มใหญ่ก้มศีรษะ คุณป้ ายังเชิดหน้าคอแข็งไม่เสียเวลาปรายตามอง
ปล่อยให้ผู้บริหารอีกคนรีบไกล่เกลี่ย
“ไม่ต้องขอโทษหรอกครับคุณเฮง มันมีโอกาสที่ไอเดียซ้ำกันได้ครับ”
“แต่ซ้ำกันทุกระเบียดนิ้วแบบนี้ดิฉันเพิ่งเคยเจอ”
“แต่ผมวางใจเอเจนซี่ไทเกอร์"
หนุ่มหน้าหนวดรีบแทรกการปฏิเสธอย่างไม่ใยดีนั้น แล้วหันมาหาคุณชาย
ที่ยืนอยู่ไม่ไกล
"ในเมื่อสองคอนเซปต์ที่คิดมายังใช้ไม่ได้ ผมเลยมีไอเดียคอนเซปต์ใหม่
อยากให้คุณทำ”
“คอนเซปต์อะไรครับ”
...อ้าว...ไหนว่าน้ำเน่าไงวะ!
คุณดุจดาวยังคงคัดค้าน แถมตีได้ตรงจุดตายไม่พลาดเป้ า
“แล้วถ้าเพิ่มเงื่อนไขว่า เงินที่ได้จากการขายลิปสติกส่วนหนึ่งจะนำไป
บริจาคให้เด็กที่มีปั ญหาเป็ นโรคปากแหว่งเพดานโหว่ล่ะครับ แบบนี้อาจ
ช่วยกระตุ้นยอดขายให้ได้มากขึ้น”
“โอโห...แบบนี้ก็ถือว่าวินวินทั้งคู่พอดีเลยนะครับ”
คุณทิมปรบมือชมเปราะ ข้อเสนอที่มีแต่ได้กับได้เริ่มทำให้ไม้แข็งเริ่มโน้ม
เอียง กระนั้นก็ไม่เพียงพอจะล้มลง
“ดิฉันยังไม่ตกลงเรื่องนี้ ต้องกลับไปแจ้งท่านประธานให้พิจารณาก่อน”
“เมื่อกี๊ผมโทรศัพท์คุยกับแม่ ท่านว่าให้คุณดุจดาวตัดสินใจได้เลยครับ
เพราะคุณมีประสบการณ์มาก ผมยังมือใหม่ไม่รู้ประสีประสา ตอนผมสิบ
ขวบ คุณดุจดาวก็เป็ นหนึ่งในบอร์ดบริหารแล้ว ผมยังจำได้เลยนะครับว่า
คุณทั้งสวยทั้งเก่ง ถึงผ่านมายี่สิบปี แล้วก็ยังไม่เปลี่ยนเลยสักนิดครับ"
อนุรักษ์หายใจสะดุดกับคนที่นำคำพูดของเขามาใช้อีกครั้ง
...ผู้หญิงเข้าใจอะไรยาก แต่พอโดนชมว่าสวยก็เข้าใจง่ายทันที
“แน่นอนครับ ทางเราจะทำโฆษณาออกมาอย่างดีที่สุด”
เมื่อข้อเสนอผ่านการอนุมัติ คู่ค้าก็เดินออกไปทางลิฟท์พร้อมเลขาทันที
เหลือแค่หนุ่มหน้าหนวดที่หันกลับมาพูดกับคุณชาย
"แล้วผมจะรอดูงานของคุณนะครับ"
..
..
..
..
หากเรื่องยังไม่จบสุขสมหวังราบรื่นตามที่คิด เพราะทันทีที่แขกลงลิฟต์ไป
หมดแล้ว ชายหนุ่มนักการตลาดผู้สุภาพนอบน้อมกับลูกค้าเมื่อครู่ก็แปร
เปลี่ยนไปเป็ นคนละคน
“คุณรู้มั้ยว่าครั้งนี้ทางเราเสียหายมากเท่าไร”
“ขอโทษด้วยครับ”
“กี่ครั้งแล้วที่ผมได้ยินคำนี้ หรือต้องให้ไทเกอร์ล่มจมไปต่อหน้ารึไงคุณถึง
จะเลิกพูด”
“คุณก็รู้ว่าผมไม่มีทางทำแบบนั้น”
“งูเห่ามันก็แว้งมากัดเจ้าของที่เลี้ยงมันได้เหมือนกัน”
อนุรักษ์คลางแคลงใจกับสิ่งที่ได้ยิน หวนคิดถึงยอดเงินโอนเข้าจำนวน
80,000 บาทในซิมโทรศัพท์ของคุณชายเมื่อวาน ...หรือคุณชายก็อปปี้ไอ
เดียโฆษณาจริง ๆ เพราะอยากให้เอเจนซี่ไทเกอร์มีปั ญหา แต่เท่าที่เห็น
วันนี้คุณชายก็ยังคงพยายามปกป้ องและหาทางช่วยกู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้น
อย่างเต็มที่่
...ตกลงมันยังไงกันแน่?
อาจไม่ใช่เขาคนเดียวที่ไม่เข้าใจ เพราะคุณเฮงเองก็หาคำตอบไม่ได้
“คุณจะเล่นเกมอะไรอยู่ผมไม่รู้หรอกนะ แต่ผมจะไม่ยอมให้มันเกิดอีกเด็ด
ขาด”
“เออ...พักเที่ยงแล้ว ไม่ลงไปทานข้าวเหรอครับ”
"...ดีแล้วที่เป็ นเธอ"
อนุรักษ์รีบหันมองอีกฝ่ ายด้วยความงง
"คุณไม่โกรธเหรอครับ"
"ทำไมฉันต้องโกรธ"
"ก็เหมือนผมไปแย่งงานคุณมา"
"คนอื่น?"
ทว่า...เขาจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเหยื่อตัวนี้ไม่ได้อยู่ในคราบหมาป่ าสวมหนัง
แกะ
"เธอเองก็รู้ว่ามีคนไม่ชอบใจฉันมากขนาดไหน"
"ทำไมเธอไม่รีบบอก! แล้วโอนมาตั้งแต่เมื่อไร"
...เอ้า! ก็เขาไม่ใช่คอลเซ็นเตอร์ต้องโทรแจ้งนี่เว้ย
อนุรักษ์อยากจะเถียง แต่พอเห็นแววตาซีเรียส จึงต้องรีบลนลานล้วง
โทรศัพท์มือถือจากในกระเป๋ ากางเกงขึ้นมาเปิ ดข้อความอ่าน
"มีแจ้งโอนเงินเข้าจากคุณชัยพร เวลาสามทุ่มสี่สิบเจ็ดนาที"
คุณชายรับอุปกรณ์สื่อสารรุ่นเก๋าที่เขาส่งเพื่อให้เช็คตรวจสอบดูอีกที
ความเคร่งเครียดนั้นยังไม่คลายลง
"ซิมนั่น...ฉันสมัครรับข้อความการแจ้งยอดโอนเงินจากธนาคาร มันเป็ น
หลักฐานรับสินบนจากคนในเอเจนซี่ ATM ฉันไม่รู้ว่าเป็ นใคร ...เพราะชื่อ
ที่ใช้เปิ ดบัญชีไม่มีอยู่ในรายชื่อคนในบริษัท แต่ฉันมั่นใจว่าต้องเป็ นคนที่
ทำงานร่วมกับฉัน... เขาเคลื่อนไหวน้อยมาก และใช้แค่บัตรเอทีเอ็มในการ
กดถอนเงินเท่านั้น....ฉันต้องรู้เวลาที่แม่นยำในช่วงถอนและโอนเงินใน
บัญชี เพื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหวของทุกคน แต่ฉันเก็บซิมไว้กับตัวไม่
ได้ โทรศัพท์ฉันเคยถูกขโมยมาแล้วครั้งหนึ่ง และมันก็ไปอยู่ในห้องน้ำ"
จะให้รับฝากไว้ก็ไม่เสียหายหรอก แต่เขากลัวการใช้โทรศัพท์สองซิมจะส่ง
ผลกระทบต่อเครื่องรุ่นดึกดำบรรพ์ของตนเอง แถมเขาไม่ใช่ลูกน้องของ
คุณชาย ถึงจะเห็นใจในสถานการณ์ แต่ไม่มีความจำเป็ นใด ๆ ต้องตกลง
"ผมคงไม่..."
"ฉันมีค่าจ้างให้"
"นี่แค่ครึ่งแรก ...จบงานแล้วฉันจะให้อีกครึ่งที่เหลือ"
ข้อเสนอที่ถูกยื่นมาเปลี่ยนความเห็นใจให้หายวัยกลายเป็ นอาการโกรธ
เคืองทันที
“คุณอย่าดูถูกผมเกินไป เงินซื้อผมไม่ได้”
“แล้วอะไรที่ซื้อเธอได้”
“เสียใจด้วยครับที่ไม่มี”
“คุณจะสร้างสตอรี่ให้ผมสนใจเหรอครับ”
"จะลงมั้ยคะ?"
"ขอโทษด้วยครับ ลงไปก่อนเลยครับ"
“ผมให้เวลาคุณหนึ่งเดือน”
“เธอคิดว่าหลังจากเกิดเรื่องลิปสติก เอเจนซี่จะไว้ใจปล่อยให้ฉันรับงาน
โฆษณาต่อไปได้ง่ายขนาดนั้นเลยหรือ...ฉันขอเวลาสามเดือน”
...และอนุรักษ์ก็สมัครใจเอื้อมมือหยิบซิมบนโต๊ะ มาใส่ไว้ในโทรศัพท์
เหมือนเดิมด้วยตัวเอง
...เพราะเขาเป็ นคนดี
...เพราะเห็นใจในเรื่องราวชีวิตแสนระทมของคุณชาย
...เพราะเหตุผลตรงไปตรงมา ที่ทำให้เขาเริ่มเข้าใจถึงตัวตนของคุณชาย
จริง ๆ เป็ นครั้งแรก
...หรือเพราะคุณชายจะซื้อใจเขาได้สำเร็จ ตั้งแต่ที่เรียกชื่อเขาแล้ว
บทที่ 06 : ทุกหยดซ่า
...ไม่ใช่ว่าอนุรักษ์มีจิตสัมผัสรู้ลึกซึ้งรวดเร็วขนาดนั้น แต่ส่วนหนึ่งเพราะ
คนซื้อเป็ นกลุ่มผู้หญิงสามสี่คนวัยนักศึกษาไล่เลี่ยกับเขา ซึ่งน่าจะเป็ นรูม
เมทกัน เดาจากการที่พอบอกยอดเงินสินค้าทั้งหมด ทุกคนก็นับนิ้วบวก
ลบคูณหารไล่เก็บเงินมารวมให้ลงตัว แล้วส่งแบงค์กับเหรียญเป็ นยอดพอ
ดีเป๊ ะมาให้ แต่ระหว่างที่เขากำลังกดสลิปใบเสร็จ หนึ่งในนั้นกลับเอ่ยรั้ง
ลิปสติกแท่งสีชมพูถูกวางบนสายพานแคชเชียร์ พาให้เพื่อนสาวพูดล้อ
บางคนอาจสงสัยว่ากับไอ้แค่ลิปสติก ทำไมต้องวางแผนคิดคอนเซปต์ใหญ่
โตให้วุ่นวายด้วย อนุรักษ์ก็เคยตั้งคำถามเช่นเดียวกัน หากพอพิจารณา
อย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาถึงเข้าใจ
ลิปมันที่ผลิตออกมาวางจำหน่ายในท้องตลาดนั้นมีหลากหลายแบรนด์
และทุกยี่ห้ออาจให้ผลลัพธ์ในด้านความนุ่มชุ่มชื้นกับริมฝี ปากเหมือน ๆ
กันไปหมด ...เมื่อตัวเลือกมากเช่นนี้ ความต้องการให้ลูกค้าเจาะจงซื้อ
ผลิตภัณฑ์เฉพาะของบริษัทตนเอง จึงจำต้องมีการใส่ 'คอนเซ
ปต์' ...เปรียบไปก็คล้ายการสวมเสื้อผ้าให้กับผลิตภัณฑ์ ยิ่งเสื้อผ้าที่ใส่สวย
เท่าไรก็จะยิ่งช่วยทำให้ Baby Kiss โดดเด่น แตกต่าง เป็ นที่จดจำมากกว่า
ยี่ห้ออื่น
...นี่คือเวทย์มนตร์ของการตลาดและโฆษณา
และวันนี้อนุรักษ์ก็ค้นพบผู้โดนร่ายมนตร์ใส่อีกสี่ราย เมื่อลิปสติกสี่แท่งถูก
วางบนสายพานเลื่อน เขาหยิบของขึ้นมาแสกนบาร์โค้ดเงียบ ๆ ตาม
หน้าที่แคชเชียร์ ตรงข้ามกับความรู้สึกตื่นเต้นดีใจลึก ๆ ข้างใน จนแทบ
กลั้นยิ้มไม่ไหว
ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์หลังเหตุการณ์ในบริษัทเอเจนซี่ไทเกอร์ ถึงตัวเขาจะ
ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไร หากก็ไม่สามารถห้ามความอยากรู้อยากเห็นใน
ชะตากรรมของลิปสติก พอว่าง ๆ เลยมักเผลอเปิ ดวิทยุหมุนหาคลื่นส
ปอดโฆษณาฟั ง แต่กลับไม่มีโฆษณาลิปสติกหลุดเข้าหู พาลให้นึกว่าคอน
เซปต์นี้ล่มไปแล้ว
กระทั่งเมื่อวานที่เขาช่วยจัดเรียงสต็อกสินค้า เขาจึงพบกล่องสินค้าของ
Baby Kiss ที่มีการรีแพ็คเก็ตใหม่ โดยนำสติกเกอร์ข้อความจากคอนเซปต์
นี้ใส่แปะเพิ่ม ซ้ำพี่ตายังบอกให้เขานำป้ ายโฆษณาสั่งทำพิเศษมาติดไว้ตรง
ชั้นวางผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าเห็นชัด ๆ อีก
แม้คุณทิมจะนำคำพูดเขาไปใช้แบบจับพลัดจับผลู แต่พอได้เห็นไอเดียของ
ตัวเองเป็ นรูปร่างก็ทำเอาอดยิ้มปลื้มไม่ได้
...แล้วคนที่ทำโฆษณาบ่อย ๆ จะรู้สึกแบบนี้เหมือนกันมั้ย?
ใบหน้าเฉยชาไม่ยินดียินร้ายของคุณชายแทรกผ่านเข้ามาในความคิด ...ไม่
ต้องเสียเวลาวิเคราะห์ก็รู้ รายนั้นต่อให้โดนชมมากแค่ไหนก็คงหน้าแข็ง
เป็ นรูปปั้น จะให้ส่งยิ้มออกมาน่ะเหรอ รอให้หิมะตกในประเทศไทยคง
ง่ายกว่า ...เสียดายหน้าตาดีขนาดนั้น ถ้าขยันยิ้มสักหน่อยสาว ๆ คงพากัน
เข้าคิวเป็ นทิวแถว ผิดกับเขากว่าจะหาแฟนได้สักคนแสนลำบากยากเย็น
เลยยังครองความโสดจนป่ านนี้ ทั้ง ๆ ที่ อยากตะโกนบอกฟ้ าเหลือเกินว่า
ปึ ก!
เสียงตะกร้าวางของบนเคาท์เตอร์แคชเชียร์หยุดอาการตัดพ้อ อนุรักษ์รีบ
หันไปมุ่งมั่นบริการลูกค้ารายใหม่ พนมมือไหว้อ่อนน้อมตาม
ขนบธรรมเนียมไทย ส่งยิ้มต้อนรับ โดยพยายามใส่หัวใจหล่อ ๆ ลงไปเต็ม
ร้อย
"เจคิงซ์ซูเปอร์ สวัสดีครับ"
ก่อนจะเหลือบมองของภายในตระกร้าสีฟ้ า ซึ่งเต็มไปด้วยผงปรุงรสน้ำซุป
สำเร็จทั้งแบบซองและแบบก้อน เดาจากปริมาณก็เผลอวิเคราะห์ลูกค้า
ตามนิสัย ...ถ้าไม่เปิ ดร้านขายอาหาร ก็ต้องขายก๋วยเตี๋ยวแน่ ๆ แต่คนกิน
คงซดไปผมร่วงไป เพราะพี่ท่านเล่นใส่ชูรสเยอะขนาดนี้ ...เอ้ยย เกือบลืม
วิจารณ์มากไม่ได้ ต้องใจหล่อไว้ก่อน
เขาจึงรีบเปลี่ยนไปถามด้วยความสุภาพ
"ไม่ทราบว่ามีบัตรสมาชิกมั้ยครับ"
"ไม่มีครับ"
น้ำเสียงราบเรียบแสนคุ้นหู อนุรักษ์คิดว่าเป็ นเรื่องบังเอิญ แต่เมื่อเห็นเสื้อ
สูทเนื้อดี ใบหน้าหล่อคม ผมหวีเสยจัดทรงเนี้ยบ และนัยน์ตาเรียวโศกไม่
แสดงความรู้สึก องค์รวมทั้งหมดประกอบออกมาได้เป็ นคนเดียว
"คุณชายมาทำอะไรที่นี่ครับ!"
โพล่งออกไปอย่างตระหนก แววตานิ่งเฉยของคุณชายจึงเริ่มแสดงความ
รู้สึกนิด ๆ แปลความหมายออกมาว่า เขาช่างถามอะไรแสนโง่เง่า
"ซื้อของ"
ปกติเจคิงส์ซูเปอร์มีนโยบายสอนให้พนักงานแคชเชียร์ทำงานเหมือนหุ่น
ยนต์ ...ไม่ใช่ในแง่ไม่ดี แต่หมายถึง ...ไม่ว่าลูกค้าจะหยิบจับซื้ออะไรก็ห้าม
แสดงอาการออกมาให้เห็น เพื่อไม่ให้ลูกค้าเกิดอาการเคอะเขินหรือ
กระอักกระอวนใจ ...ผู้ชายซื้อผ้าอนามัย ...ผู้หญิงซื้อถุงยาง อนุรักษ์ก็ทำ
หน้าที่คิดเงินหยิบใส่ถุงเป็ นเรื่องปกติ แม้จะแอบวิเคราะห์นิสัยคนซื้อเล่น
ๆ แต่เขาไม่เสียมารยาทสอดรู้สอดเห็นจุดประสงค์ในการซื้อของของลูกค้า
"ฉันต้องทำปรินท์แอดผงซุปต้มยำ"
เกือบลืมไป...คนที่จะซื้อของในตระกร้านี้ได้ นอกจากพ่อครัว ก็คงมีแต่
เป็ นนักครีเอทีฟโฆษณาที่ต้อง 'รู้ลึก รู้ละเอียด ทดลองใช้จริง' เท่านั้น
คุณชายจึงลงทุนมาซื้อสินค้าเพื่อทดสอบผลิตภัณฑ์ด้วยตนเอง ซึ่งเขาคงไม่
แปลกใจเท่าไรถ้ามีแค่ผงซุปต้มยำเพียงอย่างเดียว
"ทำโฆษณาผงซุปต้มยำ แล้วซุปก้อนแกงกะหรี่เกี่ยวอะไรด้วยล่ะครับ"
อนุรักษ์หยิบเครื่องปรุงสัญชาติญี่ปุ่นออกมาจากกองผงซุปนับสิบ ทั้งผงซุป
กระดูกหมู ซุปก้อนไก่ ผงปรุงต้มแซ่บ ต้มข่า สารพัดยี่ห้อ แตกต่างกันทุก
รส แต่คุณชายทำให้มันเกี่ยวโยงกันได้ด้วยประเด็นสำคัญ
ถามเพราะรู้ว่าส่วนประกอบของพวกซุปก้อนปรุงสำเร็จล้วนใส่ผงชูรสลง
ไปทั้งนั้น ทานมาก ๆ ก็เป็ นอันตรายกับร่างกายของตัวเอง ถ้าคุณชายห่วง
สุขภาพสักนิดคงเข้าใจ ทว่านอกจากจะไม่สน ยังย้อนความกลับ
"อาหารทุกวันนี้ที่เธอกินก็ใส่ของพวกนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ"
โต้กลับไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด คุณชายขยับปากคล้ายจะตอบอะไรบาง
อย่าง แต่กลายเป็ นเสียงหนึ่งดังขึ้นแทน
"อะแฮ่ม!"
เสียงกระแอมไอจากด้านหลังแบบนี้ พนักงานในเจคิงซ์ซูเปอร์คุ้นเคยเป็ น
อย่างดี โดยเฉพาะอนุรักษ์ที่โดนเดจาวูมาแล้วสองรอบ
"น้องรักษ์ไปแช่งลูกค้าแบบนั้นได้ยังไงคะ พี่เคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าถ้าลูกค้า
คอมเพลนมาจะเกิดอะไรขึ้น"
พี่ตา ผู้จัดการซูเปอร์เอ่ยเตือนด้วยใบหน้านุ่มนวลใจดีของผู้หญิงวัยห้าสิบ
แต่ด้านหลังดันเป็ นภาพลวงตาของคุณครูถือไม้เรียว พร้อมลงโทษเด็ก
เกเรออกนอกลู่นอกทาง พาให้คนแหกกฏเสียวหลังวาบ รีบก้มศีรษะขอ
ขมาต่อผู้มีอุปการคุณทันที
"ต้องขอประทานโทษด้วยครับที่พูดจาลามปามไม่สุภาพ"
อนุรักษ์เห็นมันเพียงแค่เสี้ยววินาทีเมื่อเงยหน้าขึ้นมา แทบไม่แน่ใจจนนึก
ว่าตาฝาดไปเอง หากก็ต้องเลิกสงสัย เพราะถูกพี่ตาเร่ง
"รีบคิดเงินสิจ๊ะน้องรักษ์ อย่าให้ลูกค้ารอนาน"
พนักงานแคชเชียร์จึงกลับไปทำหน้าที่สแกนบาร์โค้ทสินค้าอย่างไว แจ้ง
ยอดบิล พร้อมรับธนบัตรสีเทาจากคุณชาย และทอนเงินโดยไม่มีการผิด
พลาด
"ขอบคุณที่ใช้บริการ โอกาสหน้าเชิญที่เจคิงส์ซูเปอร์ใหม่นะครับ"
พวกเขาสองคนกลับไปอยู่ในสถานะผู้ให้กับผู้ใช้บริการเหมือนเดิม
คุณชายหิ้วถุงซูเปอร์มาร์เก็ตเดินจากไป ส่วนอนุรักษ์ก็ต้องต้อนรับลูกค้า
รายใหม่ที่เข้ามาพอดี
ทว่า...บางสิ่งยังคงติดอยู่ในใจของใครบางคนไม่หาย
สงสัยวันนี้หิมะคงตกในประเทศไทยแน่ ๆ เพราะแม้จะเป็ นช่วงเวลาสั้น ๆ
ที่ใบหน้านิ่งเฉยนั้นแปรเปลี่ยน อนุรักษ์ก็รู้ซึ้งปนความเจ็บใจหน่อย ๆ ว่า...
...เขาไม่อาจงัดเอาความหล่อที่แท้จริงจากข้างใน มาสู้กับรอยยิ้มเดียวของ
คุณชายได้เลย
---------------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------
หิมะไม่ตก แต่ฝนดันตก
อนุรักษ์เลิกงานตอนใกล้ห้าทุ่มในสภาพเอวแทบเคล็ด เพราะโดนพี่ตา
เรียกใช้ให้ไปยกลังสินค้าหนัก ๆ ประเภทผงซักฟอกสูตรห้ากิโล กระสอบ
ข้าวสารหอมมะลิ แกลลอนน้ำยาถูพื้นขนาดสามลิตร มาจัดเรียงเข้าชั้น
ถือเป็ นการทำโทษที่แสดงกิริยาไม่สุภาพต่อหน้าลูกค้า
นึกเคืองตัวต้นเหตุที่ทำให้ต้องมาเจอเรื่องวุ่นวาย แต่จะโทษว่าอากาศ
เปลี่ยนเพราะอิทธิพลของคุณชายก็คงไม่ถูก
"มีข้อความกดถอนเงินจำนวนสามหมื่นบาท เวลาสี่ทุ่มห้าสิบสามครับ"
"งั้นรึ เข้าใจแล้ว"
เพราะไม่เห็นหน้า จึงไม่อาจเดาได้ว่าคุณชายจะกระตือรือร้นกับข่าวนี้รึ
เปล่า ครั้นจะเอ่ยปากถามซ่อกแซกเรื่องคุณชายสืบหาสปายของ ATM ไป
ถึงไหนแล้วก็ไม่กล้า เพราะเพิ่งโดนบทลงโทษฐานสอดรู้สอดเห็นจากพี่ตา
ไปหมาด ๆ ในเมื่อหมดธุระ เขาเลยเลือกขอวางสาย
แต่ยังไม่ทันจะจบประโยค รถแท็กซี่คันหนึ่งก็แล่นโฉบเข้ามาอย่างเร็ว พา
ให้น้ำซึ่งเอ่อท่วมถนนเพราะฝนตกกระเซ็นขึ้นมาถึงขอบฟุตบาท ทำเอา
เขากระโดดหลบเกือบไม่ทัน
"ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน"
ด้วยความที่เสียพ่อแม่ด้วยอุบัติเหตุทำให้เขาอ่อนไหวเป็ นพิเศษกับเรื่อง
การใช้รถใช้ถนน ที่บ่นไปก็หวังว่าคุณชายจะเห็นพ้อง ทว่าอีกฝ่ ายกลับเอ่ย
ในสิ่งที่เขาไม่คาดคิด
"เธออย่าเพิ่งกลับ เดี๋ยวฉันจะไปหา"
"คุณจะมาทำไมครับ" ขมวดคิ้วงง ดึกดื่นใกล้ห้าทุ่มเขาเองก็อยากกลับหอ
ไปนอนพัก แต่คุณชายดันอ้างเหตุผล
"ฉันอยากจะเช็คข้อความ"
"เดี๋ยวผมส่งซ้ำไปให้คุณก็ได้"
ระบบโทรศัพท์ยุคนี้พัฒนาแล้ว จะก็อปปี้ข้อความกดแค่ปุ่มเดียวก็ส่งไปได้
ไม่จำเป็ นต้องเสียเวลามาดูให้เห็นกับตาจากเครื่องของเขา หากใครบาง
คนเลือกเมินทำเรื่องง่ายให้กลายเป็ นยาก
"รออยู่ตรงนั้น"
คุณชายออกคำสั่ง แล้วตัดสายทิ้ง ถือเป็ นการบังคับอ้อม ๆ และอนุรักษ์รู้
ดีว่าเปล่าประโยชน์ที่จะเถียง เขาจึงจำต้องปล่อยให้รถเมล์สายที่รอ ซึ่ง
หยุดจอดเทียบป้ ายเมื่อครู่แล่นผ่านไปต่อหน้า
คุณชายยังใส่สูทเต็มยศเหมือนที่เขาเห็นในซูเปอร์ คล้ายเจ้าตัวยังไม่ได้
กลับบ้าน แน่นอนเขาไม่แปลกใจเลยสักนิด ต่อให้อยู่บริษัทดึก ๆ หรืออยู่
ที่คอนโดคุณชายก็ยังหอบงานไปทำอยู่ดี ทีแรกเขานึกว่าคุณชายจะขับ
ต่อไปเรื่อย ๆ แต่รถวิ่งต่อไปไม่ไกล คุณชายก็เปิ ดไฟเลี้ยวจอดแนบ แล้ว
หันมาหาผู้โดยสาร
"ขอโทรศัพท์ของเธอหน่อย"
อนุรักษ์จึงส่งมือถือเครื่องเก่าโทรมของตัวเองไปให้ คุณชายรับไปเปิ ดอ่าน
ข้อความ แววตาเคร่งเครียดตั้งใจพิจารณาไม่ได้ทิ้งขว้างส่ง ๆ เช่นเดียวกับ
คราวที่แล้ว
เขาไม่ห้ามหรอก ถ้าคุณชายอยากจะจ้องโทรศัพท์ให้ข้อความมันซึมลงไป
ถึงแก่นสมอง แต่จะขอบคุณมากถ้าทำอะไรสักอย่างกับอุณหภูมิในรถ
คุณชายเล่นเปิ ดแอร์เย็นฉ่ำประหนึ่งสืบสายเลือดเดียวกับเอสกิโม คนใส่
สูทสองชั้นอาจไม่หนาว แต่เขาที่มีเพียงเสื้อยูนิฟอร์มแคชเชียร์ซ้ำยังโดน
ฝนมาก่อน นั่งนาน ๆ ก็ชักจะเกิดอาการสั่น ๆ ครั่นจมูก
"ฮัชชิ่ว!"
คุณชายส่งแก้วกาแฟมาให้ด้วยความสงสารหรือรำคาญไม่อาจทราบ แต่
อนุรักษ์ก็รีบรับน้ำใจ
"ขะ..อึก..ขอบคุณ..อึก..ครับ"
วิธีแก้สะอึกที่ได้ผลสำหรับเขาคือการกลั้นหายใจ แล้วดื่มน้ำตามลงไป
เขาจึงเอามือบีบจมูก ก้มลงดูดน้ำผ่านหลอดรวดเดียว แต่ทันทีที่รสชาติ
ผ่านลิ้น... คนดื่มก็แทบจะคายสวนของที่อยู่ในปากออกพรวด! ยังดีที่ยั้งไว้
ได้จึงแค่สำลักไอค่อกแค่ก อาการสะอึกหายไปฉับพลัน ไม่ใช่เพราะการดื่ม
น้ำช่วย แต่เพราะความตกใจ
“นี่อะไรครับเนี่ย!”
อนุรักษ์มองแก้วกาแฟปิ ดฝาครอบทึบสีน้ำตาลในมือ แก้วแนวนี้มักจะใส่
เครื่องดื่มจำพวกมอคค่า ลาเต้ คาปูชิโน่ แต่ของที่อยู่ด้านในไม่ได้ใกล้เคียง
ซ้ำยังสยดสยองเมื่อคุณชายเฉลย
“ถ้าใส่อย่างอื่นก็จะไม่รู้รสแท้จริงของซุปน่ะสิ”
“แต่มันจะไปอร่อยได้ยังไง”
ก็จะมีคนปกติธรรมดาที่ไหนชงน้ำซุปเหมือนชงกาแฟ แล้วพกติดตัวมา
ด้วย แถมยังสั่งให้เขาชิมอีก หรือความจริงที่เรียกเขามา จุดประสงค์ไม่ใช่
เพราะอยากดูข้อความทางโทรศัพท์เพียงอย่างเดียว
“คุณจะใช้ผมเป็ นหนูทดลองอีกแล้วเหรอครับ”
“ฉันแค่อยากได้ข้อมูลจากผู้บริโภคเพิ่ม”
คนโดนคาดคั้นหาข้ออ้างเดิม ๆ ฟั งแล้วก็ต้องถอนหายใจ
"...เล่นอะไรเป็ นเด็ก"
"เอาโทรศัพท์ผมคืนมา"
โวยวายใส่คนที่ชูมือขึ้นสูงเหมือนแกล้ง ...ตอนนี้ใครกันแน่ที่กำลังเล่นเป็ น
เด็ก นึกหงุดหงิดในใจว่า พลาดอีกแล้ว เขาไม่น่าปล่อยมือถือตัวเองไปให้
ผู้ร้ายชอบจับตัวประกันนี่เลย
ตลอดมาพอได้ยินทำนองเสียงนี้ อนุรักษ์จะรู้สึกได้ว่ามวลอากาศรอบกาย
นั้นสั่นไหว นำพาคำพูดทุกพยางค์พุ่งปะทะใส่หู แต่เมื่อคุณชายกระซิบ
ผ่านหูโดยตรงจริง ๆ แล้ว เขาจึงเพิ่งรู้...
...ไม่ใช่แค่อากาศโดยรอบสั่นสะท้อน หากมันคล้ายถูกดูดให้หายวับ
กระทั่งเขาไม่สามารถหายใจ
"พอใจรึยัง"
อนุรักษ์ดึงสติกลับมาอีกครั้งหลังได้ยินคำถาม เขารีบขยับตัวออกห่างมา
นั่งฝั่ งตนเองในท่าปกติ พลางพยกหัวเงอะ ๆ งะ ๆ
"อ่ะ...เออ...ครับ"
"งั้นลองชิมดูอีกที"
คุณชายยื่นแก้วบรรจุน้ำละลายผงปรุงรสต้มยำมาให้ แต่ไม่มีทางที่เขาจะ
รับยาพิษมาดื่มเป็ นครั้งที่สอง
"แต่เธอบอกว่าจะช่วย"
"ผมไม่ได้จะช่วยชิม แต่ผมจะช่วยให้ข้อมูล"
"ข้อมูลแบบไหน"
อนุรักษ์ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะยกยิ้ม
"อย่างคุณชาย ผมจะจัดให้แบบซุปเปอร์สเปเชี่ยลเลยครับ"
...อนุรักษ์เป็ นลูกผู้ชายรักษาคำพูดเสมอ
ในเมื่อสัญญากับคุณชายไว้ว่าจะให้ข้อมูลแบบ 'ซุปเปอร์สเปเชี่ยล' เขาก็
จัดให้ตรงตามตัวอักษร
"นี่อะไร"
คำถามเสียงโมโนโทนจากคนในชุดสูทซึ่งนั่งตรงข้ามเขาเอ่ยขึ้น หลังมอง
ชามร้อน ๆ สองใบบนโต๊ะ
อนุรักษ์อธิบายขณะใช้ช้อนคนน้ำซุปสีเข้มด้วยส่วนประกอบของ พริกแห้ง
เครื่องต้มยำ และขาไก่ขาวอวบที่ใส่เยอะจนเต็มชาม เพราะเขาสั่งมาใน
ราคาพิเศษ 80 บาท แล้วยังสั่งเพิ่มข้าวสวยสองจานแถมให้ด้วย
"เจ้านี้ผมกินประจำตอนเลิกกะดึก เขาเปิ ดขายช่วงห้าทุ่มถึงตีสาม ขอบอก
เลยน้ำซุปเด็ดมาก แล้วไม่รู้เขาต้มตีนไก่ยังไงถึงเปื่ อยสุด ๆ ตอนดูดเนื้อ
เนี่ยนะ หูยย...ไม่ต้องออกแรง แทบละลายในปาก ...คุณลองชิมดูสิ อร่อย
นะ"
จบการบรรยายราวกับเซลล์ชวนชิม อนุรักษ์ก็ไม่รอช้ารีบตักน้ำต้มยำร้อน
ๆ ซัดโฮกเข้าไปหนึ่งคำ ฝนหยุดตกไปแล้ว ทิ้งลมหนาวตอนกลางคืนให้พัด
มาเย็น ๆ พอได้อะไรอุ่นกระเพาะสักหน่อยจึงรู้สึกสบายตัว คล้ายได้ยา
ฟื้ นกำลังที่เหนื่อยล้ามาตลอดทั้งวัน
คุณชายนั่งนิ่งเฉยชากับคำเตือน เพียงแค่ปรายตามองอนุเสาวรีย์กอง
กระดูกไก่ย่อม ๆ บนกระดาษทิชชู่ของเขา แล้วตอบสั้น ๆ
"ฉันกินไม่เป็ น"
ผู้ชายมาดดีใส่สูทเต็มยศมานั่งอยู่ในร้านต้มซุปเปอร์ตอนห้าทุุ่มคงเป็ นภาพ
หายาก ไม่แปลกถ้าจะตกเป็ นเป้ าสายตาใครต่อใคร และบทสนทนาของ
พวกเขาสองคนคงลอยเข้าหูโต๊ะข้าง ๆ จนต้องหันมาร่วมวงคุยด้วย
"น้องชาย ต้มซุปเปอร์ร้านนี้ของดีเลยนะ ลุงลองชิมมาหลายร้านแล้ว
ที่ไหนก็สู้ที่นี่ไม่ได้ มันบ่แซ่บ ต้องกลับมาตายรังทู๊กที!"
คุณลุงผมบางหุ่นอวบในเครื่องแบบคนขับแท็กซี่ สำเนียงเจือเหน่อแบบคน
อีสานพูดเชียร์สนับสนุน อนุรักษ์สังเกตเห็นบนโต๊ะนั้น มีจานข้าวเปล่าว่าง
ๆ กับต้มยำสองชามที่น้ำซุปแทบหมดเกลี้ยงถ้วย บ่งบอกว่าเจ้าตัวคงชอบ
จริง ๆ ตามคำอ้าง
"ของแบบนี้ยังมีคนเอามากินได้ด้วยหรือ"
...อย่าว่าแต่ตีนไก่เลย ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ผู้อยู่บนห่วงโซ่ชั้นบนสุดของอาหาร
ต่อให้เป็ นตีนหมี ม้าน้ำ สมองลิง แมงกระจั๊ว ก็สรรหามากินได้ทั้งนั้น
...ขาไก่ถือเป็ นวัตถุดิบเบสิค ไม่ใช่ของประหลาดพิลึกอะไร ถึงรูปร่างของ
มันจะน่าเกลียดไม่ชวนมอง ความจริงกลับซ่อนความอร่อยไว้อัดแน่น คน
ที่ทานเฉพาะเนื้อปี ก เนื้อน่อง มาตลอดอาจไม่เข้าใจ แต่คุณชายก็ไม่มี
สิทธิมาดูถูกรสนิยมความชอบของคนอื่น
เสียงดังจากหน้าร้านซึ่งวางหม้อต้มขาไก่ร้อน ๆ คนถือกระบวยตักน้ำซุป
คือเด็กหนุ่มอายุไม่น่าเกินสิบแปด ความสูงตามวัยกำลังโตจึงยังอยู่ที่ร้อย
หกสิบ แต่ดวงตาคู่นั้นแกร่งกล้าคมกริบ ไร้ความเกรงกลัว ซ้ำยังฉาบแววดุ
จ้องมองมายังโต๊ะเขาด้วยท่าทางหาเรื่อง
เขาคิดอยู่แล้วว่า สักวันคำพูดแสนกวนประสาทไม่รักษาน้ำใจของคุณชาย
คงได้ไปจุดระเบิดต่อมโมโหของใครเข้า แต่คาดไม่ถึงว่าจะเป็ นในร้านขาย
ต้มซุปเปอร์เจ้าประจำที่ชอบ ขืนมาทะเลาะกันตรงนี้ เขาคงไม่มีโอกาส
เหยียบร้านอีกแน่
"ปลื้ม! ไปพูดแบบนั้นได้ยังไงกันลูก"
หญิงชราร่างผอมบางเดินลงบันไดมาจากด้านหลังร้าน นักเลงโตเมื่อครู่รีบ
วางมาดโหด ๆ ทิ้งลงทันที กลายสถานะเป็ นหลานชายผู้พูดด้วยความเป็ น
ห่วง
"แต่ยายยังไม่ค่อยหาย"
"เรียนช่างศิลป์ งานไม่เยอะหรอกยาย"
"แต่..."
"กลับไปทำหน้าที่ของเราให้เรียบร้อยแล้วค่อยมาช่วยยาย"
ใบหน้าร่วงโรยตามวัยขึ้นเลขหก แต่ดวงตาฉายแววเอื้ออารีอยู่เสมอ
...เหตุผลอีกอย่างที่เขาชอบมากินต้มซุปเปอร์ร้านนี้บ่อย ๆ ก็เพราะความ
ใจดีของคุณยาย ...ชอบตักข้าวเยอะ ๆ บ้าง ...ตักขาไก่แถมให้เป็ นพิเศษ
กับลูกค้าประจำบ้าง และหลายครั้งเขายังเห็นยายแม้นตักต้มซุปเปอร์ใส่
ถุงให้คนไร้บ้านแต่งตัวซ่อมซ่อเอาไปกินฟรี ๆ ด้วย
วันนี้เขาเองก็แปลกใจที่ไม่เห็นหญิงชราอยู่หน้าร้าน แต่ครั้นสังเกตสีหน้า
ค่อนข้างซีดเซียวกว่าปกติ และฟั งจากบทสทนาเมื่อครู่จึงพอเดาสาเหตุได้
ว่าคงเกี่ยวข้องกับสุขภาพ หากยายแม้นก็ยังไม่ยอมละทิ้งหน้าที่บริการ
ลูกค้า เดินตรงมายังโต๊ะของพวกเขา
"ต้องขอโทษด้วยนะที่หลานชายยายพูดไม่ดีแบบนั้น"
"เป็ นยังไงบ้างจ๊ะ"
เพียงลิ้มรสสองคำ คุณชายก็สามารถสวมวิญญาณยอดเชฟมิชลินสามดาว
วิจารณ์ตรงไปตรงมาเป็ นฉาก ๆ ไม่ใช่เจาะจงพูดเอาใจเจ้าของร้าน แต่แค่
นี้ก็ทำให้แม่ครัวยิ้มหน้าบาน
"จริงเหรอจ๊ะ เฮ้อ...ได้ยินแล้วยายก็โล่งใจ สมัยนี้น่ะไม่ค่อยมีใครชอบต้ม
ซุปเปอร์กันเท่าไรแล้ว เด็กรุ่นใหม่ ๆ เขาก็ไปอยู่ที่โน้นกันหมด"
ทว่าวันนี้ลูกค้ารายใหม่ที่เข้ามากลับเป็ นหนึ่งในกลุ่มประเภทนั้น...
เสียงรถมอเตอร์ไซต์ดังกระหึ่มก่อนหยุดลงตรงหน้าร้าน พร้อมกับแก๊งเด็ก
อายุสิบเจ็ดสิบแปดสไตล์แว๊นบอยสี่คนเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะ คุณยายรีบละ
จากพวกเขาไปทำหน้าที่เมื่อได้ยินเสียงตะโกนสั่ง
"เอาต้มซุปเปอร์สี่ชาม แล้วขอเหล้ากับโซดาด้วย"
"ที่นี่ไม่ขายเหล้าจ้ะ"
"งั้นเบียร์ก็ได้"
"เบียร์ก็ไม่มีจ้ะ"
เจ้าของประโยคหยุดอยู่ตรงบันได คงเพราะได้ยินเสียงเอะอะเลยลงมา
กลุ่มเด็กแว๊นหันไปเขม่นมอง ผู้เป็ นยายจึงรีบเข้าไปเอ็ดหลานชายอีกครั้ง
"ปลื้ม! ยายบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้พูดแบบนั้น"
แต่คราวนี้คนฟั งไม่สนใจ เพราะมัวแต่จ้องไปยังนักเลงกลุ่มใหญ่ซึ่งยังคง
เอ่ยวาจาถากถาง
ตะโกนพลางถลกแขนเสื้อเตรียมปรี่เข้าไปตามคำท้า อนุรักษ์ที่อยู่ใกล้ ๆ
ต้องรีบลุกมาดึงไหล่ขวางไว้
"ใจเย็น ๆ ก่อนน้อง"
ถึงเขาจะอยากสั่งสอนไอ้เด็กกลุ่มนั้นเหมือนกัน แต่การใช้กำลังชกต่อย
ไม่ใช่วิธีแก้ปั ญหา ที่สำคัญเขาสังเกตเห็นคนที่เป็ นหัวหน้าแก๊งล้วงกระเป๋ า
กางเกงกำบางสิ่งเอาไว้ ไม่แน่อาจเป็ นอาวุธพวกมีดคัตเตอร์หรือปื นก็ได้
ขืนเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าจะทำให้เรื่องเลวร้ายลงกว่าเดิม แต่คนอารมณ์ร้อน
กลับพยายามขืนตัวออก
"ปล่อยนะโว้ย อย่ามาห้าม!"
สติเริ่มกลับเข้ามาหลังจากถูกแรงอารมณ์พัดพาไป ปลื้มตัดสินใจหันหลัง
ให้แก๊งค์เด็กแว๊นจึงถูกทั้งกลุ่มสบถโห่ไล่
"โธ่เว้ย! แม่งไม่แน่จริงนี่หว่า"
"คนที่ไม่ได้ตั้งใจจะมาทานก็เชิญด้วย"
...อนุรักษ์เพิ่งรู้ข้อดีของการใส่สูทมานั่งกินต้มซุปเปอร์ก็คราวนี้ เพราะมัน
ช่วยขับบารมีคนสวมให้แผ่รังสีมีอำนาจโดยไม่จำเป็ นต้องอ้าปากถามว่า
...รู้ไหมกูลูกใคร? ถ้าที่นี่เป็ นประเทศญี่ปุ่น คุณชายคงให้ภาพลักษณ์คล้าย
ยากูซ่ามาเฟี ย พวกนักเลงกระจอกพอโดนบรรยากาศกดดันจากใบหน้านิ่ง
และนัยน์ตาเยียบเย็นเข้าข่มก็เกรงกันไปหมด
...บรรยากาศในร้านกลับสู่ความสงบอีกครั้ง ลุงคนขับแท็กซี่ลุกขึ้นมานั่ง
เก้าอี้เหมือนเดิมหลังสถานการณ์คลี่คลาย ทำให้ยายแม้นต้องเอ่ยเกรงใจ
"ต้องขอโทษด้วยนะจ๊ะที่ทำให้ตกใจ"
"บ่เป็ นหยังครับ เออ...ว่าแต่แล้วทำไมร้านนี้ถึงไม่ขายเหล้าล่ะครับ"
"...ลูกยายเสียไปเพราะเหล้าน่ะ ยายเลยไม่อยากขายให้ใครดื่ม"
ปลื้มเองก็เบี่ยงสายตาก้มหน้ามองลงพื้น ...กับคนที่เสียพ่อแม่ไปเช่น
เดียวกัน อนุรักษ์เข้าใจความหวั่นไหวในแววตานั้นดี
"ปลื้มบอกยายแล้วว่าจะช่วย ยังไงร้านนี้ก็ต้องอยู่"
"แต่ร้านขายไม่ดี ยายจะเอาเงินมาจากไหน"
"...แล้วถ้าผมมีวิธีทำให้ร้านกลับมาขายดีได้ล่ะครับ"
..
..
"วิธีอะไร"
“แต่เราไม่มีเงินไปปรับตกแต่งร้านหรอกนะ” ปลื้มแย้ง
“ไม่ต้องห่วง ขอแค่ร้อยเดียวก็พอ”
...เงินแค่หนึ่งร้อยบาทเนี่ยนะ? ซื้อสีสักแกลลอนยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แล้ว
จะเอาไปตกแต่งร้านยังไง?
อนุรักษ์ก้มอ่านลายมือภาษาอังกฤษเป็ นระเบียบบนกระดาษ...
1. Post-it
2. Paracetamol
...ดูยังไงก็ไม่น่ามีความเกี่ยวข้องกัน ...คุณชายจะเอาโพสอิทมาทำ
อะไร? ...แล้วยาพาราเอามากินแก้ปวดหัวให้ยายแม้นทำใจเหรอ?
ข้อสงสัยมากมายผุดขึ้นในสมอง แม้จะยังหาคำตอบไม่ได้ แต่เขาก็จัดการ
ซื้อของมาตามคำสั่ง และพอกลับมาถึงร้าน เขาก็เห็นทุกคนกำลังรุม
กระดาษแผ่นหนึ่ง ซึ่งกางอยู่บนโต๊ะว่าง ๆ โดยมีปลื้มกำลังใช้ถ่านสีดำลาก
เส้นตวัดเป็ นครั้งสุดท้าย พร้อมคำชมที่นาน ๆ จะหลุดจากปากคุณชาย
คุณชายชี้ไปยังกำแพงที่มีภาพโปสเตอร์โฆษณาน้ำอัดลมสีซีดจางติดอยู่
ปลื้มจึงปี นเก้าอี้ขึ้นไปใช้เทปกาวแปะทับโปสเตอร์เก่า ๆ กระดาษสีขาว
แผ่นใหญ่จึงคลี่ออกให้เห็นชัด
คุณชายเดินเข้ามาหาคนที่ถือถุงเซเว่น ล้วงเอาโพสอิทและปากกายื่นให้
“ไหนเธอลองเขียนคำตอบให้หน่อย”
อนุรักษ์เริ่มเข้าใจสิ่งที่คุณชายกำลังจะทำ เขาจัดการเขียนข้อความบทโพ
สอิทสีชมพูสดใบแรกสุด
'เพราะต้มซุปเปอร์ร้านนี้อร่อยมาก'
ก่อนดึงโพสอิทแปะลงไปตรงกำแพงใต้กระดาษวาดรูป ลุงคนขับแท็กซี่ผู้
เฝ้ าดูเรื่องอยู่ตั้งแต่ต้น พอเห็นเขาทำก็รีบร้องสนใจ
เขาส่งโพสอิทสีเหลืองไปให้ลุงเขียนขยุกขยิก แล้วแปะลงไปบนกำแพงบ้าง
เขาเคยเห็นในร้านกาแฟแนวที่เด็กวัยรุ่นนิยม มักจะนำโพสอิทมาแปะเพิ่ม
ความสดใสฮิปส์เตอร์ให้กับร้าน บ้างก็เป็ นรูปวาดหัวใจน่ารัก ๆ หรือให้
ลูกค้าเขียนข้อความทิ้งเอาไว้
"แต่แค่นี้มันจะพอช่วยให้ร้านขายดีขึ้นเหรอ"
กระนั้นหลานชายเจ้าของร้านก็ยังอดไม่ได้ที่จะกังวล กลยุทธ์นี้อาจดู
สร้างสรรค์ แต่ไม่รับประกันว่าจะมีลูกค้าเข้าร้านเพิ่มมากขึ้น
"การโพสลงอินเตอร์เน็ต"
อนุรักษ์แทรกเข้ามาระหว่างประโยคนั้น ดวงตาเรียวหันมาสบเขาก่อน
พยักหน้า
"ถูกต้อง"
ไม่ใช่เรื่องยากเย็นที่อนุรักษ์จะเดาได้ ...ในยุคสมัยนี้ถ้าใครอยากจะป่ าว
ประกาศเรื่องใด ๆ เพียงแค่โพสลงในอินเตอร์เน็ต มันก็จะกลายเป็ นโทร
โข่งกระจายเสียงออกไปได้ดังที่สุด เมื่อผู้คนเป็ นล้านใช้ชีวิตอยู่บนโลก
ออนไลน์ การโฆษณาย่อมไม่พลาดช่องทาง อาศัยวิธีต่าง ๆ เพื่อสร้าง
กระแสดึงความสนใจของลูกค้า
"ผมขอซุปเปอร์เพิ่มอีกชามหนึ่งได้ไหมครับ"
คุณชายเอ่ยกับยายแม้นซึ่งรีบกุลีกุจอไปทำให้ ก่อนจะล้วงสมาร์ทโฟนขึ้น
มาส่งให้อนุรักษ์
เขารับโทรศัพท์ซึ่งเป็ นเครื่องเดียวกับที่ตนทำตกน้ำแล้วซ่อมคืนให้คุณชาย
...สมาร์ทโฟนสีดำสนิท ความละเอียดกล้องขนาดแปดล้านพิกเซล ชัดเจน
พอจะเก็บภาพต้มซุปเปอร์ร้อน ๆ ควันฉุยที่คุณยายนำมาเสิร์ฟ เพื่อนำไป
เขียนรีวิว ซึ่งถือเป็ นวิธีเบสิคของการโฆษณา
...การรีวิว คือการแสดงความเห็นต่อร้านค้าหรือสินค้าเพื่อแชร์ให้คนอื่น
รับรู้ เราสามารถวิจารณ์ได้ทั้งข้อดีข้อเสียอย่างตรงไปตรงมา แต่เพื่อการ
โฆษณาแล้ว ส่วนใหญ่มักจะจงใจชม โดยพยายามหลีกเลี่ยงการตำหนิ
ทว่า...อนุรักษ์ตั้งใจเขียนถึงร้านต้มซุปเปอร์จากประสบการณ์จริง ๆ ของ
ตนเองด้วยความเป็ นกลาง เพราะตัวอักษรมีน้ำเสียง ถ้าอวยมากเกินไป
คนอ่านจะจับได้และจะกลายเป็ นผลร้ายต่อร้าน เขาจึงเลือกใช้คำอย่าง
ระมัดระวัง เสร็จแล้วโพสลงเว็บไซต์ที่มีคนเข้ามากที่สุดแต่มีอัตราการแชร์
สูง ก่อนส่งมือถือให้คุณชายตรวจสอบ
ปลื้มเงยหน้าจากสมาร์ทโฟนขึ้นมาชม เมื่อเห็นหัวข้อกระทู้รีวิวที่เขาตั้ง
และใส่รายละเอียดอื่น ๆ พร้อมรูปภาพ หนึ่งในนั้นมีรูปป้ ายคำถามกับ
กระดาษโพสอิทที่เพิ่งนำมาติดสด ๆ ร้อน โดยไม่ลืมบอกสถานที่ตั้งของ
ร้านต้มซุปเปอร์ไว้ชัดเจน
"ที่เหลือก็แค่รอเวลา ขอแค่รักษามาตรฐานรสชาติไว้ได้ก็ไม่มีอะไรน่าห่วง"
"แล้วมันจะได้ผลจริง ๆ เหรอ"
"ถ้าใจร้อน อีกสามวันผมจะกลับเช็คดูมาใหม่ ถ้าถึงตอนนั้นยอดขายเพิ่ม
ขึ้นกว่าเดิม ผมขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหมครับ"
คำถามนี้คุณชายหันไปหายายแม้นที่ยอมรับเงื่อนไข
"อุตส่าห์ช่วยร้านยายตั้งมากขนาดนี้ พ่อหนุ่มจะขออะไรก็บอกยายมา
เถอะจ้ะ"
"...ผมอยากรู้สูตรน้ำซุปต้มยำ"
จริงอยู่ที่อนุรักษ์เป็ นคนพาคุณชายมาหาข้อมูลทำโฆษณาผงน้ำซุปต้มยำ
แต่เขาไม่คิดว่าคุณชายจะกล้ามาขอสูตรกันดื้อ ๆ ไม่แปลกเลยที่จะถูก
โวยวาย
"ทำไมต้องบอก หรือว่าที่ทำมาเป็ นช่วย เพราะคิดจะแอบขโมยสูตรไป
ขาย!"
ปลื้มกลับมาแสดงสีหน้าระแวงอีกครั้ง คุณชายจึงแจกแจงความจริง
ไม่ต้องรอถึงสามวัน ยายแม้นผู้ขึ้นชื่อเรื่องความใจดีคงบอกสูตรพวกเขา
ตั้งแต่วันนี้แล้ว แต่เมื่อยังมีหลานชายยืนอยู่ด้วย ปลื้มจึงออกหน้ารับ
เงื่อนไขแทน
...ทว่าเหมือนจะมีบางอย่างถูกลืม กระทั่งอนุรักษ์เหลือบไปเห็นถุงเซเว่นบ
นโต๊ะ
"แล้วยาพาราซื้อมาทำไมเหรอครับ"
นึกขึ้นได้ถึงของที่ฝากซื้ออีกหนึ่งอย่างตามรายการ คุณชายยังไม่ละมือ
จากการใช้ส้อมร่อนกระดูกขาไก่ ขณะตอบสั้น ๆ
"ให้เธอ"
"ให้ผม?"
"รักษ์...เธอสนใจมาทำงานกับฉันไหม"
บทที่ 08 : ผลิตจากวัตถุดิบหลักจากธรรมชาติ
"ผมกลับแล้วนะครับพี่ สวัสดีครับ"
อนุรักษ์รักษามารยาทตามขนบธรรมเนียมไทยด้วยการไปลามาไหว้ แม้ที่
ผ่านมาเวลาพบคุณชายเขาจะไม่เคยทักทายอีกฝ่ ายดี ๆ ทว่าตอนนี้สถานะ
เปลี่ยน ยังไงลูกน้องก็ต้องเลือกทำตัวสุภาพอ่อนน้อมเอาไว้ก่อน แต่
ท่าทางของเขาดันไปขัดใจผู้บังคับบัญชา
"เรียกฉันเหมือนเดิมก็ได้"
คุณชายเอ่ยเสียงเรียบ ขณะเขาพยายามแย้ง
"งั้นเธอก็ยิ่งต้องทำตามคำสั่งของหัวหน้า"
...ถึงสถานะเปลี่ยน แต่นิสัยชอบออกคำสั่งของคุณชายไม่เคยเปลี่ยน มิ
หนำซ้ำยังมีสิทธิอันชอบธรรมที่เขาต้องปฏิบัติตามอย่างเลี่ยงไม่ได้
"ครับ คุณชาย"
สุดท้ายก็ต้องรับคำแกน ๆ หน้ากากลูกน้องแสนดีถูกถอดออกด้วยความ
เซ็ง ...ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจจะสร้างบรรยากาศเป็ นการเป็ นงานแท้ ๆ กลับล้ม
เหลวตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่ม
อนุรักษ์ถอนหายใจหน่าย นึกย้อนทบทวนตัวเองว่าตัดสินใจถูกหรือผิด
จากคำถามเมื่อครั้งนั้น
...เธอสนใจมาทำงานกับฉันมั้ย?
"ไม่ครับ"
จำได้ว่าตอบปฏิเสธรวดเร็วโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
"ผมมีงานประจำที่ซุปเปอร์อยู่แล้ว และก็ไม่คิดจะลาออกด้วย"
อนุรักษ์ยอมรับว่าเขาไม่ได้เก่งกาจพอจะช่วยงานโฆษณา แถมยังไม่มี
ประสบการณ์ แต่ไอ้หน้าที่ให้ช่วยงานต่าง ๆ ของคุณชายขอบข่ายมัน
กว้าง แบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากจ้างให้เขาไปเป็ นเจเนรัลเบ๊ชัด ๆ
"ถ้าคุณต้องการคนช่วยงานจิปาถะ จ้างเลขาไม่ง่ายกว่าเหรอครับ แล้วอีก
อย่างผมทำงานกะดึก เข้าบ่ายโมงเลิกสี่ทุ่มจะเอาเวลาที่ไปช่วยคุณ"
"เธอค่อยมาช่วยฉันหลังจากนั้นก็ได้ ฉันบอกแล้วว่าจะไม่ให้กระทบงาน
หลักของเธอ"
"แล้วเวลาพักผ่อนของผมล่ะครับ!?"
เขาไม่ใช่เครื่องจักรบ้าพลังหอบเอางานไปทำทุกที่แบบคุณชาย พนักงาน
แคชเชียร์ได้หยุดหนึ่งวันต่อสัปดาห์ถือว่าน้อยแล้ว ขืนหาอะไรใส่หัวเพิ่ม
อีกคงได้ตายพอดี แต่คุณชายแก้ปั ญหาง่าย ๆ ตามสไตล์คนรวย
"ฉันจะมีสวัสดิการให้ตามหลัง เธอจะได้รับเงินเดือนเท่ากับพนักงานใน
ตำแหน่งจริง และมีสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ทุกกรณี"
"คุณก็รู้ว่าเงินซื้อผมไม่ได้"
ข้อเสนอถูกปฏิเสธด้วยการย้ำเตือนคำที่เคยพูดไว้ กระนั้นคุณชายก็ยังเอ่ย
ราวกับมั่นใจว่าเขาจะยอมตกลง
"อะไรทำให้คุณคิดว่าผมจะรับงานนี้?"
"...ตั้งแต่ที่ฉันเห็นเธอคิดเงินเจ้านี่"
ชายในชุดสูทล้วงกระเป๋ าหยิบวัตถุหนึ่งขึ้นมาวางบนโต๊ะ อนุรักษ์หายใจ
สะดุดทันทีที่เห็นมัน
...ไม่ต่างจากตอนนี้ สายตาของคุณชายก็คล้ายจะอ่านทะลุว่าเขาคิดอะไร
...คุณชายรู้ว่าเขาชอบความท้าทาย
...คุณชายรู้ว่าเขาสนุกกับการคิดโฆษณา
...และคุณชายรู้ว่าเขาอยากเห็นเวทย์มนต์ของมันอีกครั้ง
อนุรักษ์ก้มหน้านิ่ง มองต้มซุปเปอร์ในชามที่เขาเพิ่งรีวิวลงอินเตอร์เน็ตไป
ล่าสุด ก่อนจะยอมเปิ ดปากด้วยความพ่ายแพ้
"...จะให้เริ่มงานเมื่อไรครับ"
ยายแม้นคงได้ยินเสียงเขาพูดอยู่หน้าร้าน จึงโผล่หน้าออกมาจากประตู
เลื่อนซึ่งเปิ ดเพียงครึ่งบาน ครั้นเห็นลูกค้าคุ้นตาสองคนก็เปลี่ยนเป็ นคำทัก
ด้วยความยินดี
"อ้าว...พวกหนุ่ม ๆ นี่เอง เข้ามาก่อนเลยจ้ะ ปลื้มกำลังรออยู่พอดี เดี๋ยว
ยายไปตามให้ ...ปลื้ม ปลื้มเอ้ย พวกพี่ ๆ เขามากันแล้ว"
และคำตอบมากมายจากลูกค้าซึ่งแวะเวียนเข้ามา ก็ถูกบอกเล่าอย่างมี
สีสันไม่ต่างกัน
'ต้มซุปเปอร์ร้านนี้เด็ดสุดในสามโลก'
'วันนี้รู้สึกเปรี้ยวตีน เลยอยากโดนตีน'
'พาแฟนมาเดทครับ'
'แฮงค์มาซัดโฮกไปทีกูตื่นเลย'
'ฉลอง! เด็กหงส์ชนะผีแดง!'
"สุดยอดเลยพี่! ผมไม่คิดว่ามันจะได้ผลขนาดนี้"
แล้วคำพูดมากมายก็ทะลักทลาย ประหนึ่งเจ้าตัวอัดอั้นเก็บความดีใจเอา
ไว้ไม่ไหวอีกต่อไป
"พี่รู้ป่ ะ ถัดจากวันนั้นคนก็เข้าร้านโคตรเยอะ เขาบอกว่าตามมาจากใน
เน็ต เมื่อวานผมขายหมดเกลี้ยงตั้งแต่ตีหนึ่ง วันนี้เลยต้องไปซื้อขาไก่เพิ่ม
จากเดิมอีกตั้งสี่กิโล ...เนี่ยผมกำลังต้มน้ำซุปหม้อสองอยู่พอดี พี่อยากรู้
สูตรใช่มั้ย ...มาเลย ๆ เดี๋ยวผมจะบอกให้หมด ไม่มีกั๊กแน่ ๆ"
"พี่ช่วยหยิบข่าตรงนั้นให้ผมหน่อยได้มั้ย"
ปลื้มพยักเพยิดหน้ามาทางคุณชาย ซึ่งยืนอยู่ใกล้โต๊ะมีถุงใส่พวกผักชี ใบ
มะกรูด และเครื่องสมุนไพรอื่น ๆ วางไว้หลายใบ ร่างสูงจึงล้วงไปหยิบ
ของจากถุงด้านขวา แต่อนุรักษ์รีบแย้ง
"ไม่ใช่ครับคุณชาย นั่นมันขิง ข่าอยู่ทางซ้ายครับ"
"ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะ"
แต่พวกเขาไม่ต้องรอถึงหนึ่งชั่วโมง เพราะมีหม้อที่ทำเสร็จไว้เรียบร้อย
ขบวนทัพจึงย้ายไปด้านหน้าร้านจัดการต้มซุปเปอร์ต่อโดยไม่มีการ
ขาดตอน
"เสร็จแล้วครับ ...ต้มซุปเปอร์ขาไก่สูตรยายแม้น"
"แล้วหม้อนั้นล่ะ"
คุณชายชี้ไปยังหม้อสแตเลสตั้งไฟอุ่น ๆ อีกใบซึ่งบรรจุน้ำซุปสีน้าตาลเข้ม
ส่งกลิ่นหอมนวล
"อ๋อ...นั่นสูตรต้มเค็ม วิธีทำก็คล้ายกัน แต่เปลี่ยนจากเครื่องสมุนไพร เป็ น
เครื่องยาจีน แล้วก็เติมซีอิ๋วหวานกับเหล้าจีนลงไปแทน"
ไม่พูดเปล่า เชฟมือทองยังตักต้มซุปเปอร์อีกสูตรใส่ถ้วยให้ลูกค้าลองชิม
ด้วย ซึ่งก็ไม่ผิดหวังกับรสชาติ
"ปลื้ม หม้อนู้นน้ำเริ่มเดือดแล้วนะ"
"เฮ้ย! แย่แล้ว"
สายตาอารีนั้นแฝงความเศร้าเจือไว้ คล้ายกำลังหวนนึกถึงความทรงจำเก่า
ๆ อนุรักษ์เดาว่าอาจเกี่ยวกับลูกของยายแม้นที่จากไป เพราะเขาเองก็
คิดถึงพ่อแม่เสมอว่ายามมีชีวิตอยู่ เขาน่าจะทำดีกับพวกท่านให้มากกว่านี้
ก็อก! ก็อก!
เสียงจากเคาะประตูเหล็ก เรียกความสนใจให้ทุกคนด้านในหันไปมองกลุ่ม
ผู้หญิงวัยนักศึกษาหน้าตาน่ารักสามคนยืนอยู่หน้าร้านด้วยท่าทางลังเล
นาฬิกาแขวนผนังบอกเวลาห้าทุ่มพอดี เจ้าของร้านจึงตระเตรียมทำหน้าที่
อนุรักษ์รีบช่วยคุณยายเลื่อนประตูเหล็กพับอีกข้างที่เหลือต้อนรับลูกค้า
ตามนิสัยพลเมืองดี (และแอบโชว์แมนไปในตัว) แต่กลุ่มสาว ๆ ดันไปให้
ความสนใจกับกำแพงร้านมากกว่า
"นี่ไงแก! ป้ ายที่โพสลงเน็ต"
พวกเธอเลือกนั่งโต๊ะใกล้ ๆ กับโพสอิท หนึ่งในนั้นรีบหยิบกระดาษมาส่ง
ให้สาวผมยาว ตาโต ท่าทางสวยเด่นสุดในกลุ่ม
ทว่าคุณชายยังไม่เลิกมอง ซ้ำยังตั้งคำถามแบบไม่มีที่มาที่ไป
"เธอคิดว่าผงซุปต้มยำทำอาหารได้กี่เมนู"
อนุรักษ์ขมวดคิ้วงงกับท่าทางประหลาดของคุณชาย แต่ก็ยังพูดตอบ
"ถ้าเอาไปดัดแปลงดี ๆ ก็คงได้เยอะอยู่มั้งครับ"
"แล้วเธอคิดว่าสามารถเปรียบช่วงหนึ่งของชีวิตเป็ นรสชาติได้มั้ย"
คุณชายยิงคำถามแปลก ๆ อีกครั้ง หากคราวนี้ไม่อยู่รอฟั ง เจ้าตัวกลับเดิน
ตรงไปหาลูกค้าโต๊ะแรกของร้าน
"ขอโทษนะครับ"
"มีอะไรเหรอคะ"
"ขอผมดูโพสอิทนั่นหน่อยได้มั้ยครับ"
"เธอลองเปรียบสิว่ามันเป็ นรสอะไร"
"อ่ะ...เออ...คงเปรี้ยวมั้งครับ"
"ทำไม?"
"เพราะสถานการณ์นี้จะขมก็ไม่เชิง จะหวานก็ไม่ใช่ ผมคิดว่าความอิจฉา
คงอยู่กึ่งกลางระหว่างรสเปรี้ยวจี๊ดนิด ๆ"
กำแพงผนังร้านเต็มไปด้วยเรื่องราวคล้ายศูนย์รวมสารพัดรสชาติชีวิต เขา
กวาดตาอ่านโพสอิทมากมายอีกครั้ง แล้วจึงค่อย ๆ ดึงออกมาทีละใบ
'ฉลอง! เด็กหงส์ชนะผีแดง!'
'ยายแม้นใจดี ชอบแถมให้เยอะ อิ่มประหยัดไปอีกมื้อ''
'พาแฟนมาเดทครับ'
"คุณชายจะใช้เรื่องพวกนี้โฆษณาผงซุปต้มยำเหรอครับ"
...กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่า ปริ้นแอดอาหารจะไม่มีช่องว่างในการใส่
ความคิดสร้างสรรค์ได้เลย
การผูกเรื่องราวลงไปในผลิตภัณฑ์จะช่วยทำให้คนจดจำ และสร้างน้ำหนัก
ให้โฆษณา อีกทั้งการนำสูตรอาหารใหม่ ๆ มาใส่ ยังช่วยเพิ่มทางเลือกให้
กับผู้บริโภคอีกด้วย
"...ข้อสำคัญคือสูตรอาหารที่เลือกมาต้องทำได้ง่ายและอร่อย"
คุณชายย้ำ ซึ่งอนุรักษ์ก็เห็นด้วยในใจ หนังสือสอนทำอาหารมักจะบอก
ปริมาณสัดส่วนเป็ นช้อนโต๊ะละเอียดถี่ยิบ ถ้าเผยแพร่ปริ้นแอดที่มีสูตรใช้
ผงซุปต้มยำออกไปก็ต้องระบุวิธีทำไม่ให้พลาด
"แล้วจะหาสูตรมาจากไหนครับ"
"นั่นเป็ นงานของเธอ"
"งานของผม?"
"เธอต้องเลือกอาหารมาสี่อย่าง แล้วมาทำให้ฉันทาน"
เหตุผลจี้ตรงประเด็นเล่นเอาแย้งไม่ออก หากเขาก็พยายามควานหาข้อ
อ้าง
"แต่ผม..."
"เธอเป็ นครีเอทีฟของเอเจนซี่ไทเกอร์ มีหน้าที่อะไรจำไม่ได้แล้วหรือ"
...ทำตามคำสั่งของคุณชาย
"ครับ บอส"
บทที่ 09 : เพราะเราใส่ใจ
13.00 น. คือเวลาที่พนักงานแคชเชียร์กะดึกของเจคิงส์ซูเปอร์เริ่มทำงาน
อนุรักษ์รักษากฎระเบียบอย่างเคร่งครัดด้วยการมาตรงเวลาเสมอ (ยกเว้น
ตอนเกิดเรื่องซิปเป้ ากางเกงแตก ซึ่งเป็ นเหตุการณ์เดียวที่เขาเข้างานเข้า
สาย) ทุกครั้งพอเริ่มต้นก้าวเท้าเข้าประตูซูเปอร์ เขาจะพยายามสั่งตัวเอง
ให้กระตือรือร้น ตั้งใจทำหน้าที่ให้คุ้มเงินเดือน
วันนี้ก็เช่นกัน เขาหยุดยืนหน้าสถานที่ทำงานอันคุ้นเคย แต่ด้วยสภาพ
จิตใจห่อเหี่ยว อันเนื่องมาจากเหตุผลสองประการ
หนึ่ง...วันนี้เป็ นวันหยุดของเขา
"เรียบร้อยรึเปล่า"
คุณชายยังคงใส่สูทเนี้ยบสมมาดนักธุรกิจ เพราะต้องไปประชุมบริษัทช่วง
เช้า จึงนัดเขาให้มาเจอกันที่เจคิงส์ซูเปอร์ตอนบ่าย เพื่อรายงานสูตร
อาหารสี่อย่างซึ่งใช้ผงปรุงรสต้มยำ โดยให้เวลาเขาคิด...ครึ่งวันถ้วน!
นึกย้อนไปก็เจ็บใจความพาซื่อของตนเอง
"...จากหัวข้อที่ต้องใช้ผงซุปต้มยำ ผมพยายามคัดเอาเมนูที่สื่อรสชาติออก
มาใกล้เคียงกับอารมณ์ในโพสอิทมากที่สุด
"เดี๋ยวเธอไปซื้อวัตถุดิบตามรายการนี้มาให้ครบแล้วกัน"
เหตุผลหนึ่งที่คุณชายนัดให้เขาเจอที่เจคิงส์ซูเปอร์ ก็เพราะต้องการซื้อของ
แล้วให้เขากลับไปทดลองทำที่คอนโดตนเองเลย อนุรักษ์ผู้รับหน้าที่เป็ นอี
แจ๋วชั่วคราว จึงเดินนำคุณชายผ่านประตูเข้าไปจ่ายตลาดตามระเบียบ
ภายในเจคิงส์ซูเปอร์มีโซนอาหารค่อนข้างใหญ่พอสมควร ประกอบด้วย
แผนกเบเกอรี่ แผนกผักผลไม้ แผนกเนื้อ แผนกอาหารทะเล แผนก
กับข้าวปรุงสำเร็จทำวันต่อวัน แล้วยังมีตู้บรรจุอาหารแช่แข็ง และอื่นๆ
อีกมากมายให้แม่บ้านยุคใหม่เลือกสรรได้ตามความพอใจ โดยไม่ต้องรีบ
ตื่นแต่เช้า ทนเหนื่อย ทนร้อนไปซื้อของในตลาดสด เพราะเราคัดวัตถุดิบ
คุณภาพมาให้เรียบร้อยแล้ว
...กระนั้น อนุรักษ์กลับเข็นรถใส่ของตรงไปยังแผนกอาหารแช่แข็งเป็ น
อันดับแรก
เพียงเท่านี้ภารกิจเลือกวัตถุดิบก็เสร็จสมบูรณ์ โดยใช้เวลาแค่สิบห้านาที
"มีอะไร" คุณชายคงเห็นว่าเขาหยุดเข็นรถเลยหันมาถาม
สินค้าโปรโมชั่นมักมีจำนวนจำกัด ความจริงจะบอกให้เพื่อนพนักงานกั๊ก
เผื่อไว้ก็ได้ แต่วันนี้เขามาในฐานะลูกค้าธรรมดา ไม่อยากใช้สิทธิพิเศษ
อะไร แถมยังเกรงใจเจ้านายตนเองเพราะถือว่าเขายังอยู่ในเวลางาน
อนุรักษ์จึงเตรียมเลื่อนรถเข็นผ่าน แต่คนข้างตัวกลับหยิบแชมพูสามขวด
ใส่แทน
"คุณใช้แชมพูยี่ห้อนี้เหมือนกันเหรอครับ"
คิดไม่ถึงว่าคนมาดเนี้ยบจะมีนิสัยแม่บ้านชอบของแถม
"ฉันซื้อให้เธอเป็ นสวัสดิการพนักงาน"
...เดี๋ยวก่อน สวัสดิการพนักงาน มันคือพวกค่าประกันสังคม ค่ารักษา
พยาบาลทำนองนี้ไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นรู้เลยว่าเอเจนซี่ไทเกอร์จะครอบคลุม
ออกเงินให้กระทั่งค่าแชมพูสระผมของลูกน้องด้วย
"แล้วขาไก่ล่ะ"
คุณชายสังเกตเห็นความผิดปกติในรถเข็น คนซื้อรีบก้มลงตรวจวัตถุดิบ
แล้วก็ต้องสะดุ้ง
"เฮ้ยเกือบลืม! รอแป๊ บนึงนะครับ เดี๋ยวผมไปเอามาให้"
นึกตำหนิความสะเพร่าของตัวเอง ...ต้มซุปเปอร์ขาดขาไก่จะเรียกต้ม
ซุปเปอร์ได้ยังไง เขามัวคิดแค่ว่าเลือกของง่ายๆ จะได้เสร็จเร็วๆ ทำให้
เผอเรอไม่ละเอียดรอบคอบ
อนุรักษ์ทิ้งรถเข็นพุ่งตรงไปยังแผนกขายเนื้อทันที โดยปล่อยให้เจ้านายยืน
เฝ้ า
---------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------
ร่างสูงมองลูกน้องใต้อาณัติที่เร่งสาวเท้าจนแทบจะวิ่งจากไปอย่างรีบร้อน
แล้วถอนหายใจเบาๆ
สำหรับคนทั่วไปปฏิกิริยาเช่นนี้อาจบ่งบอกความระอา แต่สำหรับคนมัก
สวมหน้ากากน้ำแข็งเป็ นประจำแล้ว เขาไม่ได้เหนื่อยหน่ายหรือตำหนิเด็ก
หนุ่มเลย
ตรงข้าม เหตุผลแท้จริงที่ทำให้เผลอระบายความอ่อนใจของตัวเองผ่าน
อากาศ คือแชมพูสามขวดในตะกร้ารถเข็นต่างหาก
...สวัสดิการพนักงาน ข้ออ้างแสนไม่เข้าท่า ทว่าเขาดันเลือกหยิบยกมาพูด
หลังเห็นอีกฝ่ ายจับจ้องขวดแชมพูอยู่อย่างไม่วางตา จนอดรู้สึกเอ็นดูขึ้นมา
อย่างเสียไม่ได้
และไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาคิดเช่นนี้
คราวเมื่อยืนต่อแถวในซูเปอร์ เขาลอบสังเกตพนักงานแคชเชียร์หยิบ
ลิปสติก Baby Kiss สี่แท่งแสกนคิดเงินด้วยท่าทางกระตือรือร้นมากกว่า
ปกติ แล้วพอนักศึกษากลุ่มนั้นลับตาไป ใบหน้าเกลี้ยงเกลาก็เผยรอยยิ้ม
กว้างที่ดูออกว่ากำลังดีใจขนาดไหน
เขาทิ้งความรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นผลจากการโฆษณาไปนานแล้ว เหลือแค่
เพียงว่ามันเป็ นหน้าที่ ซึ่งต้องรับผิดชอบทำให้ดี เขาทำงานราวเครื่องจักร
ประกอบกับบุคลิกที่แทบไม่ปฏิสัมพันธ์ต่อผู้คนรอบข้าง ทุกวันจึงแห้งแล้ง
เหมือนทะเลทรายขาดน้ำ
ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้อนาทรร้อนใจ หากครั้นพบเด็กหนุ่มที่อ่อนกว่าสิบปี
ซ้ำยังเต็มเปี่ ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวาก็คล้ายได้ฝนโปรยพร่างพรมให้ต้น
หญ้าพอชุ่มชื่น
เรียวคิ้วเริ่มขมวดมุ่น เมื่อตระหนักว่าตนชักฟุ้งซ่านเกินขอบเขตอย่างที่เคย
เป็ นปกติ ก่อนจะเหลียวมองรอบกาย ส่งเสียงทักกลุ่มหญิงสายวัยเกือบสี่
สิบซึ่งเข็นรถเดินผ่านมา
“ขอโทษนะครับ”
เหล่าแม่บ้านพากันหยุดชะงัก แทบจะตาพร่ากับเทพบุตรรูป
งามในชุดสูทเสมือนท่านประธานหนุ่มแวะรอชวนเธอไปแล่นรถจากัวร์
ทานมื้อค่ำพร้อมจิบไวน์บนรูฟท็อปบาร์โรงแรมหรู
แม้เด็กรุ่นใหม่จะไฟแรงก็จริง แต่ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถลอกเลียนเสน่ห์
แบบผู้ใหญ่ที่ยิ่งอายุมาก ก็ยิ่งมากประสบการณ์กว่าได้เลย
---------------------------------------------------------------------------------------
-----------------------------------
อนุรักษ์หยุดตรงชั้นวางเนื้อไก่อวบๆ แล้วร้องบอกกับพนักงานหญิงร่าง
ท้วมใส่ผ้ากันเปื้ อนและหมวกคลุมผม
"พี่อ้อย ขอขาไก่ครึ่งกิโลครับ"
เจ้าของชื่อหันมอง พอเห็นว่าเป็ นใครก็ยิ้มกว้าง
"ใครครับแม่แก้วมณี"
"อะแฮ่ม!"
...เสียงที่คุณก็รู้ว่าใคร
คนโม้เงียบกริบเรียบรีบก้มหน้าขยันคีบจัดเรียงไก่ทันควัน ส่วนอนุรักษ์แม้
ไม่อยากหันไปมองแต่ก็ต้องยกมือไหว้พี่ตา ผู้จัดการซูเปอร์ ซึ่งถามเขา
พร้อมรอยยิ้มแฝงความเฮี้ยบ
"น้องรักษ์มาช่วยพี่อ้อยทำโอทีวันหยุดเหรอลูก"
"ปะ...เปล่าครับ ผมแค่มาซื้อขาไก่เฉยๆ"
เขารีบชูถุงหลักฐานประกอบว่าไม่ได้ชวนพี่อ้อยคุยในเวลางาน พอเห็นดัง
นั้นพี่ตาจึงเปลี่ยนท่าทีอ่อนลง
"อ้าวเหรอจ๊ะ...งั้นพี่รบกวนขอแรงน้องรักษ์มาช่วยยกป้ ายสแตนดี้ไปตรง
เวทีได้ไหม พนักงานคนอื่นยุ่งกันหมด นี่งานก็ใกล้จะเริ่มแล้ว พี่ต้องไปดู
ไฟกับเช็คซาวน์เสียงก่อน"
ป้ ายสแตนดี้เพิ่งเอามาลงจึงยังอยู่ด้านหลังโกดังสต็อกสินค้าของซูเปอร์ ซึ่ง
สามารถทะลุจากห้องใกล้ๆ กับแผนกเนื้อสัตว์ได้เลย อนุรักษ์ตั้งใจรีบไป
เอา เพราะชักกังวลที่ปล่อยคุณชายให้รอนาน แล้วเขาก็พบแผ่นบอร์ดตัด
ขนาดเท่าคนจริง ประหนึ่งว่าดาราหญิงมายืนอยู่ตรงหน้า
...แม่แก้วมณี เป็ นผู้หญิงสวยเปรี้ยว หน้าไทยดวงตาเรียวคม หุ่นสะท้าน
บาดใจ ในมือถือขวดครีมทาผิวแบรนด์ยอดนิยม สกรีนข้อความโฆษณา
ประเภทขาวกระจ่างสว่างใส
เขารีบยกสแตนดี้น้ำหนักเบาพอถือคนเดียวไหว กำลังจะเร่งเดินไปยังเวที
หากบางสิ่งที่ดังมาจากบริเวณประตูโกดัง ซึ่งเปิ ดอยู่ติดถนนด้านหลังซู
เปอร์เพื่อให้รถจอดส่งของทำให้สองขาหยุดชะงัก
"แต่คุณเล่นหนักเกินไป ทำแบบนี้ผมจะเสียหายไปด้วย"
อนุรักษ์อยู่ในมุมอับถูกชั้นวางของบังไว้พอดี หากจุดที่เขายืนทำให้เห็นทั้ง
สองคนจากถนนด้านหลังซูเปอร์ได้ชัดเจน รวมทั้งสีหน้าเคร่งเครียดของ
หัวหน้าฝ่ ายดูแลลูกค้าเอเจนซี่ไทเกอร์
"ผมทำแบบนั้น เพราะผมมีเหตุผลของผม"
เขาชักเชื่อที่พี่อ้อยพูดชมว่าแม่แก้วมณีเล่นบทตัวร้ายได้ดี เพราะตอนนี้
ดวงตาคู่สวยและน้ำเสียงหวานแหลมเปลี่ยนเป็ นวาวโรจน์คุกรุ่นด้วยเพลิง
อารมณ์ จนคนแอบมองถึงกับขนลุก
คุณเฮงคล้ายจะโต้ตอบอะไรบางอย่าง แต่สัญญาณเรียกเข้าจากสมาร์ท
โฟนในมือดาราคิวทองดังขัดขึ้น ปลายสายน่าจะโทรมาตาม เพราะหญิง
สาวรีบแยกออกห่างจากคุณเฮงทันทีที่เห็น
"ฉันต้องไปทำงานแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ"
แม่แก้วมณีเดินกลับไปทางด้านหน้าซูเปอร์ ส่วนคุณเฮงถอนหายใจหน่าย
กับผลการเจรจาธุรกิจที่ล้มเหลว เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบ้างเพื่อกดโทร
ออกแล้วรายงาน
อนุรักษ์ไม่รู้บทสนทนาต่อจากนั้น เพราะถูกเสียงบ่นจากพนักงานซูเปอร์
ด้วยกันดึงความสนใจ
"อยู่นี่ครับพี่"
"ขอบคุณนะครับที่ช่วยเฝ้ ารถเข็นให้"
คุณน้าย่างสามสิบปลายๆ เอ่ยพร้อมสายตาวิบวับ
อนุรักษ์ชักงงในสถานการณ์ ...คุณชายเนี่ยนะเปิ ดร้านทำขนม อะไรที่
ทำให้เข้าใจผิดไปได้ขนาดนั้น และเขาก็ร้องอ้อในใจเมื่อเห็นของแปลก
ปลอมที่เพิ่มขึ้นใหม่ในตะกร้ารถเข็น
"นี่เอามาทำไมเหรอครับ"
ยกตราชั่งสีแดงขนาดเล็กสำหรับเบเกอรี่ขึ้นมาถาม หลังกลุ่มแม่บ้านถอน
ตัวออกไป คุณชายตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
"ไว้ชั่งปริมาณของจะได้ทำตามสูตรถูกต้อง"
...นั่นไง คนตรงเผงเป็ นไม้บรรทัดจะมีฟี ลโรแมนติกทำขนมมุ้งมิ้งได้ยังไง
และของที่งอกมาในตะกร้า ยังมีถ้วยตวง ช้อนตวง ให้พร้อมสรรพ ดูท่า
งานนี้จะไม่ง่ายอย่างที่คิด
อนุรักษ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับชะตากรรมตนเอง ก่อนเข็นรถไปจ่าย
เงิน หอบหิ้วถุงใส่ของ แล้วขึ้นรถคุณชายไปแปลงร่างเป็ นพ่อครัวที่คอนโด
ห้องชุดของคุณชายยังคงคอนเซปต์ห้องตัวอย่างสมบูรณ์แบบไว้ไม่เปลี่ยน
กระทั่งการตกแต่งครัวก็คล้ายงัดเอาเฟอร์นิเจอร์บิวอินทั้งหมดมาจากอิ
เกีย
"อย่าบอกนะครับว่าไม่มี"
"ส่วนใหญ่จะทานที่ร้านอาหารเลย"
หลังคุณชายออกจากห้องไป เขาเอาสูตรมากางตรวจเช็ควิธีทำอีกครั้ง
แกะแพ็คกุ้ง ปลาหมึก ปลาแช่แข็ง และหั่นเครื่องสมุนไพรทั้งหลาย ตวง
วัดด้วยเครื่องชั่งที่เพิ่งถอยมาสดๆ ร้อนๆ แยกแบ่งใส่ถ้วยเล็กๆ เอาไว้
คล้ายเวลาออกรายการทำอาหาร ทุกอย่างเตรียมพร้อมขาดแค่ส่วน
ประกอบสำคัญอีกหนึ่ง
เขากวาดตามองหา 'ผงซุปต้มยำ' ที่บริษัทให้คุณชายเอาไว้ ก่อนจะพบลัง
ปริศนาวางอยู่ใกล้ห้องเล็กห้องหนึ่งซึ่งมีประตูเปิ ดแง้มไว้ ยี่ห้อผลิตภัณฑ์
ผงปรุงรสชื่อดังสกรีนข้างกล่อง เดาได้ไม่ยากว่ามีอะไรอยู่ในนั้น โฆษณา
ปริ้นแอดตัวเดียว แต่นักครีเอทีฟที่ต้อง 'รู้ลึก รู้ละเอียด ทดลองใช้จริง' ก็
ยังไม่ทิ้งนิสัยทุ่มเท
...ทั้งน่าปวดหัวและน่าชื่นชมไปด้วยขณะเดียวกัน ไม่รู้ว่าคนในเอเจนซี่ไท
เกอร์จะเห็นความพยายามของคุณชายบ้างไหม
นึกถึงตรงนี้บทสนทนาที่บังเอิญไปได้ยินก็ย้อนกลับมาในความทรงจำอีก
ครั้ง...
ความสัมพันธ์ของคุณเฮงกับแม่แก้วมณีจะเกี่ยวข้องกันยังไงเขาไม่อาจ
ทราบ หากที่แน่ๆ ทั้งสองมีเป้ าหมายเดียวกันคือต้องการทำลายใครสักคน
...หวังว่าคงไม่ใช่คนชอบสร้างศัตรูไว้เยอะอย่างคุณชายหรอกนะ แต่
คุณชายจะกล้าไปมีเรื่องกับดาราหญิงขวัญใจประชาชนได้เลยเหรอ ...หรือ
เขาอาจแค่คิดมากเกินไป?
อนุรักษ์ไล่จินตนาการเพ้อเจ้อของตัวเอง แล้วหันกลับมาตั้งสติกับสิ่งที่ต้อง
ทำต่อ เขาหยิบซองเครื่องปรุงต้มยำมาจำนวนหนึ่ง ก่อนจะจะบังเอิญ
เหลือบเห็นของบางอย่างผ่านรอยแง้มประตู
แม้ตระหนักดีว่าตนเสียมารยาท แต่ก็ห้ามความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้
และในเมื่อตอนนี้เจ้าของห้องไม่อยู่ เขาเลยถือโอกาสแอบผลักบานประตู
เข้าไป
ด้านในเป็ นห้องที่เรียกว่า ‘ห้องเก็บของ’ อย่างแท้จริง เพราะเต็มไปด้วย
ลังกระดาษบรรจุข้าวของสารพัดวางกองเป็ นระเบียบอยู่มากมาย ทั้งหมด
ล้วนติดยี่ห้อแบรนด์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็ นรองเท้า โทรทัศน์ บะหมี่กึ่ง
สำเร็จรูป น้ำยาเช็ดกระจกดูเผินๆ เหมือนอยู่ในคลังโกดังสินค้าซูเปอร์
มาร์เก็ต
'ชาย พรรณสินทรัพย์ไพศาล'
...เจอนามสกุลเข้าไปก็กินขาด ครอบครัวของคุณชายคงมีฐานะร่ำรวยอยู่
ก่อนแล้ว น่าเสียดายที่ความสัมพันธ์กลับเปราะบางไม่แน่นหนาเท่า
ปริมาณทรัพย์สิน
ในภาพ...คุณชายกำลังถือโล่รางวัล ใบหน้าที่ปกติมักนิ่งเฉยกลับส่งยิ้ม
จางๆ ยืนอยู่ข้างใครอีกคนซึ่งอนุรักษ์จำได้ไม่ลืม
...ผู้ชายเจ้าของรอยยิ้มกว้างในสมาร์ทโฟน
เกิดความสงสัยระคนแปลกใจ แต่พอเขาได้ยินเสียงกุกกักจากประตูด้าน
หน้า ก็ต้องรีบเผ่นออกนอกห้องเก็บของ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คุณชายกลับมาพร้อมวัตถุดิบครบทุกอย่าง คราวนี้พ่อครัวจึงได้เวลาแสดง
ฝี มือ
เมนูแรกเริ่มด้วยต้มซุปเปอร์ เพราะต้องอาศัยเวลาต้มทิ้งไว้สักระยะเพื่อ
ทำให้ขาไก่เปื่ อย หลังจากนั้นก็ใช้ไมโครเวฟทำต้มยำปลากระป๋ องแบบ
ง่ายๆ ส่วนกระทะอีกใบ เขาเตรียมผัดต้มยำทะเลแห้ง คุณชายมาช่วยเปิ ด
เครื่องดูดควัน ไม่ให้เมนูเดือดส่งกลิ่นพริกฉุน พอผัดเสร็จก็เตรียมทำซอส
ต้มยำไว้ราดข้าวไข่ข้น
แค่สี่เมนูทำคนเดียวก็หัวหมุนแล้ว ไหนจะยุ่งยากตรงต้องกะปริมาณพอดี
เป๊ ะๆ ไม่ให้พลาดอีก หลังผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเต็ม ในที่สุดจานอาหาร
ทั้งหมดจึงพร้อมเสิร์ฟ
"ต้มซุปเปอร์ ต้มยำทะเลผัดแห้ง ต้มยำปลากระป๋ อง ข้าวไข่ข้นซอสต้มยำ
เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ"
"ลองชิมดูสิครับว่าใช้ได้ไหม"
"เดี๋ยวฉันต้องถ่ายรูปก่อน"
แน่นอนคุณชายไม่ได้งัดเอาสมาร์ทโฟนมาถ่ายรูปโพสลงอินตราแกรม แต่
กลับถือกล้อง DSLR ตัวใหญ่ออกมา แล้วกดชัตเตอร์อย่างคล่องแคล่ว
คงจะเอาไปเป็ นภาพอ้างอิงทำโฆษณาทีหลัง ครั้นได้รูปจนพอใจก็ถึงเวลา
ที่รอคอย
คุณชายตักต้มซุปเปอร์ขึ้นชิมเป็ นอันดับแรก
"เป็ นยังไงบ้างครับ"
"ก็ดี"
คอมเมนต์สั้นๆ ไม่เหมือนคราวที่ชิมต้มซุปเปอร์ยายแม้น อนุรักษ์ใจเสีย
แต่พอเขาตักชิมดูบ้างก็เข้าใจความหมาย
"รสชาติเหมือนขาดอะไรสักอย่าง ไม่กลมกล่อมเหมือนต้มซุปเปอร์ของ
ยายแม้นเลยนะครับ"
"เฮ้อ...คงเหมือนที่ปลื้มว่า ยังไงของเลียนแบบมันก็สู้ของจริงไม่ได้"
อุตส่าห์ลงทุนลงแรงทำตามสูตรก็ยังไม่ได้เรื่อง หรือฝี มือของเขามันห่วย
เอง
"เธอทำอร่อยแล้ว"
"ไม่ต้องฝื นชมหรอกครับ"
"อาหารที่ใส่ใจลงไปมันถึงอร่อย เธอพยายามมากแสดงว่าเธอใส่ใจลงไป
ด้วย"
คุณชายตอบง่ายๆ แล้วจัดการยกช้อนขึ้นตักอาหารทานอีกครั้ง
คนที่ปากหนักเอ่ยอย่างจริงใจเช่นนี้ ความรู้สึกห่อเหี่ยวในคราวแรก คล้าย
ถูกเต็มตื้นขึ้นมาเล็กน้อย เขาเองก็ท้องร้องตั้งแต่ตอนทำ จึงลงมือทานด้วย
ผู้ชายสองคนจัดการสี่จานได้เรียบวุธไม่มีเหลือ อนุรักษ์อาสาล้างจานรวม
ทั้งหม้อกระทะ ส่วนคุณชายหันไปยุ่งอยู่กับคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะทำงาน พอ
เขาออกจากห้องครัวก็ถูกเรียก
"มาดูนี่สิ"
คุณชายถอดเมมกล้องต่อเข้าเครื่อง โหลดเอารูปภาพอาหารที่เพิ่งถ่ายไป
เมื่อครู่ มาจัดวางใส่กราฟฟิ คคู่กับข้อความในโพสอิท พร้อมทั้งเติมราย
ละเอียดของวัตถุดิบและวิธีการปรุง จัดวางตัวอักษร สีสัน สเปซพื้นที่
อย่างเหมาะเจาะ จนเขาต้องชม
"สวยดีนะครับ ถ้าเห็นแบบนี้ในหนังสือผมก็คงหยุดอ่านเหมือนกัน"
คนเข้าโหมดทำงานจริงจังออกคำสั่ง เบ๊กิตติมศักดิ์จึงต้องทำตามอย่างว่า
ง่าย อนุรักษ์เดินไปยังหน้าห้องเก็บของที่ซึ่งมีบางสิ่งหลบซ่อนอยู่หลัง
ประตู และมันไปกระตุ้นต่อมความสงสัยจนทำให้เผลอหลุดปากถาม
"คุณชายมีพี่น้องบ้างรึเปล่าครับ"
"ถามทำไม"
น้ำเสียงราบเรียบนั้นเย็นเยือกกว่าปกติสามระดับ บ่งบอกชัดถึงการไป
แตะถูกในสิ่งที่ไม่ควร
"ฉันมีน้องชายคนหนึ่ง"
"แล้วตอนนี้เขา..."
"เสียไปแล้ว"
อ้าปากจะถามต่อ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ รู้ดีว่าเหตุการณ์แบบนี้ใครๆ ก็ไม่
อยากย้อนความทรงจำนึกถึง เพราะตนเองเคยเจอมาก่อน
"งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ"
"เดี๋ยวฉันจะไปส่ง"
"ผมกลับเองได้ครับ งานคุณเร่งไม่ใช่เหรอ"
อนุรักษ์ปฏิเสธความหวังดี กระนั้นก็ยังคงมีคำสั่งตามมาเหมือนเช่นเคย
"ถ้าถึงหอแล้วโทรมาบอกฉันด้วย"
"ผมยี่สิบเอ็ด ไม่ใช่เด็กแล้วนะครับ นี่เพิ่งบ่ายสามโมงเอง ฟ้ ายังไม่ทันมืด
เลย ไม่ต้องกลัวผีที่ไหนมาหลอกผมหรอก มีแต่ผมที่ไปหลอกเขา"
เขาแกล้งยิงมุก แต่คุณชายไม่ขำ
"...ฉันจะรอโทรศัพท์"
เขากะเวลาตามนั้น แล้วจึงหยิบโทรศัพท์รายงานผู้ปกครอง
"ผมถึงหอแล้วครับ"
"อืม เธอลืมแชมพูไว้"
"ขอบคุณมากครับ ขอโทษด้วยครับที่รบกวน"
"รักษ์..."
"ครับ?"
แล้วสายก็ถูกตัดไปดื้อๆ
อนุรักษ์มองโทรศัพท์ด้วยความมึนงง นึกว่าคุณชายจะรู้เรื่องโกหกที่เขายัง
ไม่ยอมกลับหอ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่
พอเริ่มคุยกับคุณชายบ่อยๆ เขาก็ชักจะจับทางได้ ความจริงแล้วมันมีอะไร
อีกมากมายซ่อนอยู่ภายใต้น้ำเสียงราบเรียบนั่น
...เรื่องที่คุณชายไม่ยอมเล่า
...เรื่องที่เขาไม่กล้าถาม
...น้องชายที่เสียไปของคุณชาย อายุเท่าเขาใช่รึเปล่า
---------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------
บนห้องชุดคอนโด ชายหนุ่มยกลังผงปรุงรสต้มยำเข้าไปไว้ในห้องขนาด
เล็ก ซึ่งมีหลายสิ่งฝั งอยู่ในนั้นรวมทั้งความทรงจำ
โล่รางวัลมากมายที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างความภาคภูมิใจให้กับเขา แต่มาตอน
นี้มันเป็ นได้แค่เพียงเครื่องตอกย้ำความกลวงเปล่า จนเขาต้องเก็บมันลง
ในกล่อง เพราะไม่อาจทำใจเห็นได้
โดยเฉพาะกรอบรูปใบหนึ่ง
รอยยิ้มกว้างของคนยืนเคียงข้างยังคงกระจ่างชัด คล้ายเพิ่งแล่นชัตเตอร์
ขึ้นเมื่อวานทั้งที่ผ่านไปนานถึงสองปี และเหตุการณ์นั้นได้กลายมาเป็ นจุด
เปลี่ยนในชีวิตของเขา
เพราะปกป้ องไม่ได้จึงสูญเสีย
แต่โชคชะตาคงเล่นตลก ส่งใครบางคนมาให้เขาค้นพบว่าตนเองกำลังวน
กลับมาอยู่ที่เก่า
ชายหนุ่มเหลือบเห็นถุงแชมพูที่ใช้เป็ นข้ออ้างสวัสดิการซื้อให้ ไหนจะยัง
คำสั่งต้องโทรรายงานทุกครั้งหลังกลับถึงบ้าน แล้วยังประโยคที่เผลอเรียก
ชื่อรักษ์ค้างไว้ ซึ่งไม่ได้มีอะไรอื่นมากกว่าอยากย้ำให้แน่ใจว่าเจ้าตัวยัง
ปลอดภัย
...ทั้งหมดนี้ยังถือว่าอยู่ในขอบเขตสิทธิของความห่วงใยระหว่างเจ้านายกับ
ลูกน้องรึเปล่า?
กรอบรูปถูกพลิกคว่ำลงในกล่องอีกครั้ง บางทีเขาอาจจะต้องกลับไป
ครุ่นคิดเรื่องนี้ดูให้ดี กระนั้นมีสิ่งหนึ่งที่แน่ใจชัดเจน
...ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม เขาจะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิม
อีก
"เส้นปลาต้มยำพิเศษสองครับ"
ตอนสั่งอาเฮียร้านก๋วยเตี๋ยวไป อนุรักษ์ก็ยังคิดว่าตัวเองพิลึก
ทั้งที่เมื่อวานจัดเมนูต้มยำไปสี่จาน เที่ยงวันต่อมาก็ยังจะอุตส่าห์ร้องหา
...ไม่ใช่เพราะใจเขามัวพะวงกับโฆษณาผงปรุงรส แต่สาเหตุหลักเพราะ
ร้านก๋วยเตี๋ยวในซอยข้างเจคิงส์ซูเปอร์ขึ้นชื่อเรื่องต้มยำอร่อย เขาเลย
ชอบมาใช้บริการเติมพลังก่อนเข้าทำงานประจำ
"ไงมึง"
อนุรักษ์ทักเพื่อนสนิทที่กำลังจดจ่ออยู่กับหนังสือพิมพ์กีฬา แต่เปล่า
หรอก...เขารู้ว่าจริงๆ มันกำลังคร่ำเคร่งอ่านเรื่องย่อละครหลังข่าว ไอ้ที่
ต้องแสร้งทำเป็ นเก๊ก แค่อยากจะรักษามาดเด็กติสท์เจ้าของร้าน 'ทัตเทพ'
ต่างหาก
ไอ้ทัตเคยอ้างว่ามันเอาไว้อ่านเล่นขำๆ แก้เบื่อ แต่ระดับความขำๆ ของมัน
จริงจังพอๆ กับแม่บ้านแฟนพันธุ์แท้ละครไทย หลังจากเขานั่งร่วมโต๊ะ อีก
ฝ่ ายจึงแค่ส่งเสียงทัก โดยไม่ละสายตาจากตัวหนังสือ
แม้พวกเขาจะทำงานที่เดียวกัน หากกลับหาจังหวะคุยกันได้น้อยมาก
เพราะเริ่มงานคนละเวลา ออกคนละเวลา ...เพื่อนคนอื่นอาจท่องราตรี
เข้าผับสังสรรค์ดึกดื่น แต่พวกเขาเปลี่ยนมานัดกินก๋วยเตี๋ยวตอนเที่ยงแทน
ทว่าเนื้อหาที่คุยก็ไม่ต่างจากบทสนทนายามเมื่อเหล้าเข้าปาก ...ถ้าไม่บ่น
เรื่องงาน ก็ต้องระบายเรื่องรัก
อนุรักษ์จึงเอ่ยตรงเข้าประเด็นโดยไม่อ้อมค้อม
"มึงไปเจออะไรมาวะถึงโทรเรียกให้กูมาหาเนี่ย ไหนมึงบอกว่าเจอคนซ่อม
ใจได้แล้วไง หรือโดนทิ้งเขาแล้ว"
"เรื่องอะไร"
ก๋วยเตี๋ยวถูกนำมาเสิร์ฟ พร้อมๆ กับไอ้ทัตวางหนังสือพิมพ์ในมือลง ขยับ
แว่นเปลี่ยนไปถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
"ทำไมมึงถึงคิดว่ากูร้อนเงิน"
"กูนึกว่ามึงไปเป็ นเด็กเสี่ย"
เส้นปลาแทบสำลักออกจากจมูก อนุรักษ์เบิกตาโตกับคำกล่าวหา
"กูเนี่ยนะเป็ นเด็กเสี่ย!"
"ก็เมื่อวานกูเห็นมึงเดินกับเสี่ยที่ใส่สูท"
เสี่ยที่ใส่สูทมาเดินซูเปอร์คงมีเพียงคนเดียว ด้วยมาดและท่าทางผู้ดีเปล่ง
ออร่า ไม่แปลกที่ไอ้ทัตจะเข้าใจผิด แต่อย่างน้อย มันควรมองว่าเขาเป็ น
คนรับใช้ มากกว่าเป็ นคู่ขาไม่ใช่รึไงวะ!
"นั่นเจ้านายกูเอง มึงจำคุณชายที่กูทำมือถือเขาตกน้ำได้ไหม"
อนุรักษ์แก้ไขคำอธิบายใหม่ ทัตพยักหน้า
"ทะแม่งตรงไหน"
...ไม่เลย เขาไม่เคยใช้บริการรับข้อความจากธนาคารจะไปรู้กระบวนการ
สมัครได้ยังไง ตอนนั้นเขามัวแต่โกรธที่คุณชายยัดเยียดซิมมาให้ จึงไม่ทัน
เอะใจอะไร
"กูรู้แค่ว่าเจ้าของบัญชีไม่ใช่คนในเอเจนซี่ไทเกอร์ หรือคุณชายจะมีสายอยู่
ใน ATM ด้วยเหมือนกัน"
"ถ้ามีสายจริง แล้วทำไมเขาต้องฝากซิมไว้กับมึงด้วยล่ะ"
"ก็...ก็กูไม่ค่อยได้เข้าบริษัทไง กูแค่ช่วยงานจิปาถะกับโทรรายงานเวลามี
ข้อความจากธนาคารเข้า คุณชายจะได้เช็คว่าพนักงานอยู่ที่ไหน ทำอะไร"
"แล้วถ้าเกิดข้อความเข้าตอนโทรศัพท์ไม่อยู่กับตัวมึงจะทำยังไง ...อย่าง
ตอนนั้นที่มึงบอกว่ามีคนโอนเงินออกช่วงเกือบห้าทุ่ม คุณชายเขาจะแยก
ร่างเป็ นสตอล์กเกอร์ตามดูลูกน้องทุกคนได้เหรอวะ"
"เออ...คือ เรื่องนั้น...."
"ยิ่งเดี๋ยวนี้มันมีอินเตอร์เน็ตแล้วนะเว้ย ถ้าอยากรู้ประวัติโอนเงินเข้าออกก็
เช็คผ่านแอพธนาคารเอาเองดิ ...ถึงมือถือจะเคยถูกขโมยไป แต่แอพ
ธนาคารมีความปลอดภัยสูง ต้องกรอก Username กับ Password ให้ถูก
ต้อง แล้วถ้าไม่ใช้งาน ระบบก็จะ Log out อัตโนมัติในเวลาสิบห้านาที
ไม่ใช่ว่าใครจะแฮคข้อมูลไปดูได้ง่ายๆ หรอก ...มึงว่าจริงไหม"
...หมดคำค้าน
ทัตหยุดตรงท้ายประโยค มองปฏิกิริยาเพื่อนผู้เอาแต่ก้มหน้าจับจ้องชาม
เส้นปลาต้มยำ คล้ายจะหลบเลี่ยงผลที่ออกมาเป็ นคำตอบเดียว
"คุณชายเขาจงใจเข้าหามึงตั้งแต่แรก"
ภาพเจ้าของรอยยิ้มกว้างนั้นกระจ่างชัดอีกครั้ง
ถ้าคุณชายยังคงเก็บรูปน้องชายที่เสียไปไว้ในสมาร์ทโฟน เหมือนที่เขาเก็บ
ข้อความจากแม่ไว้ในโทรศัพท์ คุณชายก็มีจุดอ่อนไม่ต่างจากเขา
...ยึดติดกับสิ่งของและความทรงจำที่ไม่มีวันคืนกลับมา
ด้วยเหตุผลเดียวกัน อาจทำให้คุณชายนึกสงสารหรือเห็นใจเขา เลย
พยายามสร้างข้ออ้างต่างๆ เพื่อหวังจะหาโอกาสชดเชยแทนน้องชายที่เสีย
ไป
ทว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยรักษาแผลในใจให้กับคุณชายได้จริงๆ น่ะหรือ
เสียงริงโทนโทรศัพท์ดังปลุกอนุรักษ์ที่จมจ่ออยู่กับความคิดของตัวเอง เขา
ลนลานรีบล้วงกระเป๋ ากางเกงหยิบมือถือเก่าโทรมขึ้นมา เบอร์แปลกตาที่
ไม่ได้เม็มรายชื่อไว้ปรากฏบนหน้าจอ ที่สำคัญสายซึ่งโทรเข้าเครื่องไม่ได้
มาจากซิมของเขา
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีครับ...ฮัลโหล...ได้ยินไหม?”
“อะไรมึง?”
“คงโทรมาผิดมั้ง”
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเกิดในเมื่อหมายเลขโทรศัพท์มีเป็ น
หลายล้านเบอร์ อาจมีคนกดผิดโทรเข้าซิมที่คุณชายฝากไว้ก็เป็ นได้
กระนั้น มีสิ่งหนึ่งที่ส่งเข้ามาถูกเบอร์อย่างไม่พลาด
ตี๊ด! ตี๊ด!
เสียงเตือนข้อความดังตามขึ้นมา และเพียงแค่เขาเห็นชื่อผู้ส่งก็ใจหายวาบ
"กูขอไปโทรศัพท์แป็ บ"
"คุณชายครับ มีเงินโอนเข้ามาแปดหมื่นบาทครับ"
"อืม"
"แล้วเรื่องโฆษณาเป็ นยังไงบ้างครับ"
"หมายความยังไงครับ!? หรือว่าเขาไม่ชอบไอเดียที่เสนอไป"
"เปล่า ไอเดียได้รับคำชม แต่บริษัทลูกค้าจะเปลี่ยนไปใช้พรีเซนเตอร์แทน"
"แล้วเอเจนซี่ไทเกอร์ยังได้ทำงานนี้อยู่รึเปล่าครับ"
“...”
"คุณชายครับ?"
"...เราถูกยกเลิก เพราะพรีเซนเตอร์คนนั้นเซ็นสัญญาจ้างกับ ATM ไว้ก่อน
แล้ว"
อนุรักษ์นิ่งงัน เข้าใจความรู้สึกของการถูกศัตรูที่มองไม่เห็นเชือดคอนิ่มๆ
โดยไร้หนทางต่อสู้
"คืนนี้ฉันจะเอาแชมพูไปให้ ไว้เธอค่อยโทรมาอีกทีหลังเลิกงาน"
คุณชายตัดบทแล้ววางสายไป ปล่อยให้สมองเขายังคงชากับความพ่ายแพ้
...โฆษณาผงปรุงรสต้มยำที่อุตส่าห์ทุ่มเทคิดดันถูกปฏิเสธ เขาจะไม่มี
โอกาสเห็นสูตรต้มซุปเปอร์ของยายแม้นตีพิมพ์เผยแพร่ให้คนอื่นอีกแล้ว
"คนนี้ใช่แม่แก้วมณีรึเปล่า"
เขาชี้ไปที่รูปขนาดครึ่งตัวของดาราหุ่นดีในบิกินี่สีดำสุดเซ็กซี่ ไอ้ทัตเลิกคิ้ว
แปลกใจ
"หือ? เด็กไม่ติดละครอย่างมึงรู้จักด้วย"
คนโม้เตรียมล้วงโทรศัพท์ออกมาโชว์ แต่เขาสะดุดใจกับชื่อที่ลอยผ่าน
"ไอ้ทัต เมื่อกี๊มึงเรียกชื่อแม่แก้วมณีว่าอะไรนะ"
...ทั้งเสียงหวานแหลมซึ่งเคยได้ยินผ่านโทรศัพท์ คำพูดโกรธเคืองคล้ายมี
อดีตแย่ๆ ร่วมกันมาก่อน และที่คุณชายบอกว่าการพลาดโฆษณาผงปรุง
รสต้มยำเป็ นความผิดของตนเอง
ไอ้ทัตเองก็เดาสาเหตุที่เขารีบร้อนลุกไปได้เช่นเดียวกัน ซึ่งเขาก็ตอบตาม
ความจริง
"ตัวละครสุดฉลาดก็จะมาช่วย"
"...ต้องได้เวลานางเอกไปปลอบใจ"
แล้วไหงมันออกมาเป็ นหนังรักน้ำเน่ายุงชุมได้วะ!
อนุรักษ์รีบโวยวายเถียง "มึงก็จินตนาการไปเรื่อย อย่างกูอ่ะเป็ นได้แค่
น้องชะ...ไม่ๆ หมายถึงแค่ลูกน้องพระเอกไปช่วยคุณชายตามจับคนร้าย"
ช่วงท้ายรีบแก้ไขคำที่เผลอลืมตัวเรียก แฟนคลับละครหลิ่วตามองเพื่อนฝั่ ง
ตรงข้าม
"กูไม่ได้ยอมโดนหลอกเว้ย! ...กูแค่ยังไม่รู้ความจริง"
ข้ออ้างที่ยกมา ไม่แน่ใจว่าตอบตนเองหรือคนอื่น
เขาเลี่ยงบทสนทนาต่อด้วยการหยิบตะเกียบคีบเส้นปลาต้มยำกินอีกครั้ง
รสชาติของน้ำซุปดูอ่อนกว่าเคย เมื่อเทียบกับความเข้มข้นในปริศนาที่
กำลังเผชิญ
..
..
คุณชาย
อนุรักษ์กดปุ่มโทรออกในรายชื่อนี้ทันทีที่หลังเลิกงาน
คนขับหมุนพวงมาลัยให้รถเคลื่อนไปบนถนนอีกครั้ง ...สี่ทุ่มครึ่งน่าจะเป็ น
เวลาพักผ่อน แต่คุณชายก็ยังอุตส่าห์ขับรถเอาแชมพูมาให้แถมยังจะไปส่ง
เขาอีก ...นึกเกรงใจ แต่ก็ต้องข่มเรื่องมารยาทเอาไว้ เพราะก่อนหน้านี้เขา
ตัดสินใจว่าจะไม่อ้อมค้อมอีกแล้ว
"คุณชายครับ"
เกริ่นเรียกเจ้านายตัวเองที่ยังคงไม่ละสายตาจากถนน หากท่าทีบางอย่าง
ทำให้รู้ว่ากำลังรอฟั งเขาพูด อนุรักษ์สูดลมหายใจลึก เอ่ยสิ่งที่สงสัยมา
ตลอดทั้งวัน
มือซึ่งจับพวงมาลัยขยับเข้าหากันเล็กน้อย พร้อมการตอบตัดบทสั้นๆ
"เธอไม่จำเป็ นต้องรู้"
"แต่ผมเป็ นครีเอทีฟช่วยคิดโฆษณานะครับ ผมมีสิทธิที่จะรู้"
“แล้วสิทธิในการเป็ นหัวหน้าของเธออยู่ที่ฉันรึเปล่า"
"พรีเซนเตอร์โฆษณาคนนั้น...ใช่คุณน้ำตาลแฟนเก่าของคุณรึเปล่าครับ"
คำถามตีแสกหน้าตรงๆ ทำให้ดวงตาเรียวหันมาสบมองเขาเป็ นครั้งแรก
"เธอได้ยินมาจากไหน"
อนุรักษ์จึงเล่าเรื่องที่เมื่อวานบังเอิญเจอคุณน้ำตาลคุยกับคุณเฮงด้วยท่าที
ลับๆ ล่อๆ และปิ ดท้ายด้วยการตั้งข้อสงสัย
"ผมว่าคุณเฮงอาจเป็ นคนทรยศคุณอยู่ก็ได้"
ยอดนักสืบคาดหวังให้คุณชายตื่นเต้นไปกับการค้นพบคนร้ายของเขา ทว่า
เจ้าตัวดันแย้งด้วยท่าทางเคร่งเครียด
"แต่เธอไม่มีหลักฐาน จะกล่าวหาลอยๆ ไม่ได้"
"งั้นคุณหาหลักฐานไปถึงไหนแล้วครับ"
แค่เขาพลาดงานโฆษณาเดียวที่ทุ่มเทแรงใจแรงกายก็เจ็บใจแทบตาย แต่
คุณชายยังเลือกยืนเป็ นเป้ านิ่งให้คนมายิงซ้ำๆ แล้วแล้วยังยึดกับแผนการ
เดิมๆ
“ขอมือถือเธอให้ฉันดูหน่อย”
อนุรักษ์ยกมือถือของตนเองไปให้อย่างว่าง่าย หากเขาก็ยังหวนคิดถึงบท
สนทนาที่ได้คุยกับไอ้ทัต เรื่องช่องโหว่งต่างๆ ที่คุณชายฝากซิมไว้กับเขา
“อาศัยแค่ซิมนั้นเป็ นหลักฐานอย่างเดียวจะพอเหรอครับ ผมว่าเรามาลอง
คิดหาทางอื่นดีไหม เผื่อจะจับสปายได้เร็วขึ้น”
“ไม่ต้อง เธอไม่เข้าใจ”
ใช่...เขาไม่เข้าใจ เพราะคุณชายไม่ยอมบอกอะไรเขาเลย...
มีหลายเรื่องมากมายที่เขาสงสัย แต่ที่ผ่านมาเขาแกล้งทำเป็ นมองไม่เห็น
เพราะคิดว่าถ้าคุณชายอยากจะพูดก็คงพูดออกมาเอง แต่ความอดทนคน
เรามีจำกัด การทำงานร่วมกันต้องอาศัยความเชื่อใจ หากความเชื่อมั่นนั้น
สั่นคลอน
...เขาอยากรู้ว่าคุณชายจะรู้สึกแบบเดียวกับเขาตอนนี้รึเปล่า
คุณชายละสายตาจากโทรศัพท์ขึ้นมามองเขาทันควัน ด้วยท่าทางตกใจ
มากกว่าจะโกรธ
"อะไรนะ!? ทำไมเธอทำแบบนั้น"
"ก็ไม่ต่างจากคุณที่เก็บทุกอย่างเอาไว้คนเดียวหรอกครับ ...ถ้าผมไม่บอก
คุณก็ยังคิดว่าผมเป็ นเด็กดีรีบกลับหอตามคำสั่งคุณใช่ไหมครับ"
"เธอนี่มัน..." ราวกับสรรหาคำมาโต้ตอบไม่ได้คงรู้แล้วว่าโดนจงใจเอาคืน
แต่เขาแสร้งทำเป็ นชี้ไปยังตึกแถวใกล้สี่แยก
"เดี๋ยวรบกวนช่วยจอดรถตรงเซเว่นข้างหน้าด้วยครับ"
คุณชายไม่เอ่ยถามเหตุผล พอไฟเปลี่ยนเป็ นสีเขียวก็จอดรถแนบริม
ฟุตบาทตามคำขอ อนุรักษ์หายเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ ไม่นานก็หิ้วถุงใส่
กระป๋ องเบียร์กลับขึ้นมา ก่อนเปิ ดฝาดื่มอึกๆ โดยไม่คิดจะเกรงใจเจ้าของ
รถที่นั่งข้างๆ อีกต่อไป
"...ตอนพ่อแม่ผมเสีย คุณเชื่อไหมว่าผมไม่ร้องไห้เลย"
ในที่สุดหลังกระดกเบียร์ไปค่อนกระป๋ อง อนุรักษ์ก็เริ่มต้นเล่าเรื่องทั้งหมด
ดังม้วนฟิ ลม์กรอกกลับ
...หลังอุบัติเหตุ ทุกอย่างผ่านพ้นไปรวดเร็ว งานศพถูกจัดขึ้น ญาติๆ รวม
ตัวกัน ป้ ารับเป็ นผู้ปกครองดูแลเขา ทำให้เขาต้องขนข้าวของย้ายไปต่าง
จังหวัด รวมทั้งจัดการเอกสารย้ายโรงเรียน มีเรื่องหลายเรื่องประดัง
ประเดเข้ามาจนแทบไม่มีเวลาเสียใจ
เขาไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟั ง เพื่อนสนิทอย่างไอ้ทัตเขาก็แค่บอกเรื่อง
อุบัติเหตุ แต่ไม่เคยรู้ว่าเขาป่ วยเป็ นโรคซึมเศร้าหวุดหวิดใกล้จะฆ่าตัวตาย
เขาปรึกษาจิตแพทย์และทานยาอยู่เกือบปี อาการจึงดีขึ้นเรื่อยๆ
ยกเว้นเพียงอาการเดียวที่ยังไม่หายขาด ...คือการเก็บโทรศัพท์เครื่อง
สำคัญไว้ไม่ห่างกาย เพื่อเป็ นเครื่องย้ำเตือนความเศร้าที่กลายเป็ นแผลลึก
ในใจ
อนุรักษ์กระดกเบียร์อีกครั้ง ก่อนเฉลยความลับอีกเรื่องให้คนซึ่งนั่งเงียบ
ฟั งเขามาตลอด
"ตอนที่ผมเอาสมาร์ทโฟนคุณไปซ่อม ผมขอโทษที่เสียมารยาทเปิ ดดูอัลบั้ม
รูปของคุณ แต่ทั้งอัลบั้มผมเห็นมีรูปถ่ายแค่คนคนเดียว ...คนนั้นใช่น้อง
ชายคุณรึเปล่าครับ"
คุณชายทอดสายตามองไปยังกระจกหน้า แสงไฟถนนกระทบใบหน้าคม
ซึ่งยังนิ่งเฉย ขณะเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"สองปี ก่อน น้องชายฉันมาหา ฉันควรจะไปส่งเขา แต่ฉันมัวยุ่งอยู่กับ
โฆษณารถ เขาเลยขอกลับเอง ระหว่างทางแท็กซี่คันนั้นประสบอุบัติเหตุ"
"ที่คุณเข้าหาผม เพราะคุณเห็นผมเหมือนน้องชายคุณใช่ไหมครับ"
ตัดสินใจถามสิ่งที่อยากรู้มานาน แต่คุณชายกลับส่ายหน้า
"เธอไม่เหมือนน้องชายฉันเลย น้องฉันเป็ นเด็กซื่อๆ ฉันบอกอะไรก็จะยอม
ทำตาม แต่เธอน่ะมันดื้อ หัวรั้น ชอบเอาชนะ"
อนุรักษ์นั่งเงียบให้คุณชายออกรถไปยังจุดหมายเดิมอีกครั้ง ไม่เกินสิบนาที
ก็มาถึงหอพักโดยสวัสดิภาพ
เขาลงจากรถพร้อมคนขับซึ่งออกมาเปิ ดประตูท้ายหยิบถุงเจคิงส์ซูปเปอร์
ที่มีแชมพูสามขวด รวมทั้งถุงใส่กล่องขนมสีชมพูลายวินเทจรูปดอกไม้น่า
รัก แบบไม่เหมาะกับบุคลิกของผู้ที่ยื่นส่งมาให้
“อะไรน่ะครับ”
“ฉันซื้อมาฝาก”
ก็ใช่ที่เขาสนใจงานโฆษณาและอยากได้ประสบการณ์ แต่การใช้ตำแหน่ง
ครีเอทีฟบังหน้าเจเนรัลเบ๊ก็สร้างความลำบากใจให้ไม่น้อย เกิดโดน
สัมภาษณ์ หรือมีใครถามถึงเนื้องานเบื้องลึกขึ้นมาจะทำยังไง
ชั่วขณะนั้นเอง เขารู้สึกถึงสัมผัสของมือที่ลูบศีรษะเบาๆ
"ตำแหน่งของเธอให้ใครมาแทนที่ไม่ได้...อย่าคิดมาก"
ทว่า...แค่เพียงความหวานของขนมชิ้นเดียว มันกลับสามารถโน้มน้าวให้
เขายอมรับ
ถ้าจะถูกหลอก...ตอนนี้เขาก็จะขอยอมโดนหลอกอยู่ในฐานะ ‘ลูกน้องชื่อ
อนุรักษ์’ เคียงข้างพระเอกต่อไปอีกสักระยะก็แล้วกัน
---------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------
ร่างสูงในชุดสูทก้าวผ่านโถงทางเดินของคอนโดตกแต่งด้วยโคมไฟแชนเดอ
เลียโอ่อ่าหรูหรา ห้องชุดแต่ละห้องถูกวางตำแหน่งไว้ห่างกันค่อนข้างมาก
เหมาะสำหรับผู้อยู่อาศัยที่ชอบความเป็ นปั จเจก เฟอร์นิเจอร์สวยงาม
ราคาแพงจึงมีไว้เพื่อกลบเกลื่อนบรรยากาศเงียบงันไร้ความเป็ นมิตร
“ออกมารับฉันหรือ”
พึมพำกับเครื่องทำความสะอาดเหมือนสัตว์เลี้ยงเฝ้ ารอคอยเจ้าของอย่าง
ซื่อสัตย์ ก่อนจะเดินเข้าไปในครัว เพื่อจัดการทิ้งกระป๋ องเบียร์ลงถังขยะ
แต่เสียงเพลงอิเล็กทรอนิคป็ อบดันดังแทรกขึ้นจากสมาร์ทโฟนสีขาว ซึ่ง
เขาแยกไว้สำหรับติดต่องาน รวมถึงบุคคลสำคัญโดยเฉพาะ ดังนั้นเมื่อเห็น
ชื่อปรากฏบนหน้าจอ เขาจึงรีบวางกระป๋ องเบียร์บนเคาท์เตอร์ครัว กดรับ
พร้อมกรอกเสียงสุภาพ
“ครับท่าน”
“งานชิ้นล่าสุดมีปั ญหาอีกแล้วรึ”
น้ำเสียงทอนไม่เชิงตำหนิ เป็ นการถามไถ่ด้วยความเป็ นห่วงเสียมากกว่า
หากชายหนุ่มรู้ดีว่าข้อผิดพลาดหลักๆ เกิดขึ้นเพราะมีเขาเป็ นต้นเหตุ
“ต้องขอโทษด้วยครับ ผมรับรองว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก”
ไม่ใช่เรื่องยากที่นักครีเอทีฟจะสามารถนำเสนอบริษัทลูกค้าว่าการใช้พรี
เซนเตอร์ก่อให้เกิดผลเสียอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะวิธีจ้างดาราซึ่งเป็ นกระ
แสดังและรับงานโฆษณาหลายชิ้นในเวลาพร้อมๆ กัน
รวมถึงในแง่การลงทุน ค่าตัวผูกสัญญากับดาราซูเปอร์สตาร์ระยะยาวก็ไม่
คุ้มค่าเงินที่สูญเสีย
แต่สาเหตุหลักที่เขายอมถอนตัวง่ายๆ ไม่ใช่เพราะเขาอยากจะไถ่โทษให้
กับผู้หญิงซึ่งตั้งสถานะเอาเองว่าเป็ น ‘แฟน’ ทั้งที่ไม่มีเรื่องเกินเลยใดๆ
เขาเจอน้ำตาลในงานอีเวนท์โฆษณาที่เคยรับทำโปรเจคเมื่อ
สามเดือนก่อน หลังจากนั้นไม่รู้ว่าเธอเอาเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของเขามา
จากไหน แต่น้ำตาลเพียรตามเฝ้ าถึงที่ทำงาน จนทั้งบริษัทลือกันเองว่าเธอ
เป็ นแฟนเขา คำแก้ต่างเปล่าประโยชน์ เมื่อน้ำตาลยิ่งทำให้ข่าวลือหนักข้อ
ด้วยการบินไปนิวยอร์กพร้อมกับเขาซึ่งต้องไปดีลงานโฆษณาสินค้า แต่นั่น
เป็ นเรื่องดีที่ทำให้เธอพบหนุ่มคนใหม่ จนยอมปล่อยมือเลิกรา ทว่าก็ไม่
วายผูกใจเจ็บเอาคืนภายหลัง
...การมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงมักนำไปสู่เรื่องน่าปวดหัว
ด้วยหน้าตาและฐานะ เขาต้องรับมือกับผู้หญิงมากมายที่เข้ามาหาตั้งแต่
สมัยเรียนจวบจนทำงาน แต่เขาไม่เคยคิดอยากจะผูกพันธะใดๆ เพราะ
สบายใจที่ได้ทำงานมากกว่าไปคอยทุ่มเทดูแลเอาใจใคร มีไม่กี่คนที่
สามารถทำให้เขาละจากงานมาได้ ซ้ำล่าสุดยังเป็ นผู้ชายอายุน้อยกว่าเกิน
สิบปี
“เอาเถอะ...อะไรพลาดไปแล้วก็ให้แล้วไป ฉันรู้ว่าช่วงนี้เธอคงเจอเรื่อง
หนักสักหน่อย ฉันก็ไม่อยากสร้างความกดดันให้เธอมาก แต่งานถัดไปมี
คนฝากฝั งมา...หวังว่าเธอคงจะเข้าใจนะ”
‘แล้วคุณจะปล่อยให้เขาทำลายคุณต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้เหรอครับ’
รู้สึกดีที่อีกฝ่ ายเป็ นเดือดเป็ นร้อน หากใจหนึ่งก็อดห่วงไม่ได้
...ตอนเขาแอบซ่อนซิมโทรศัพท์ไว้ในเครื่องก็เช่นเดียวกัน
...เหมือนหมากตานี้ซึ่งเขาเดินเกมถอย แต่ไม่ได้หมายความว่าเขากำลัง
เสียเปรียบ
ชายหนุ่มจ้องมองจดจำตัวเลขเบอร์โทรศัพท์นั้น เรื่องนี้เขาคงไม่อาจรับมือ
ได้เพียงคนเดียวอีกแล้ว
ร่างสูงรีบต่อสายไปยังเบอร์หนึ่ง เอ่ยประโยคขึ้นทันทีหลังได้ยินเสียงกดรับ
“ผมมีเงื่อนไขมาเสนอ คิดว่าเราน่าจะได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ าย...”
..
..
ฝั่ งห้องนอนเล็กเงียบสนิทไปแล้ว ส่วนคนด้านนอกหยิบรีโมทขึ้นมากดให้
หุ่นยนต์ดูดฝุ่นกลับเข้าแท่นชาร์ต มันทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ไม่มีสีหน้า
บึ้งตึง รอยยิ้มแสนกวน หรือท่าทีตอบสนองในประโยคส่งเข้านอน
“ราตรีสวัสดิ์”
ร่างสูงพึมพำกับเครื่องทำความสะอาด เสียงราบเรียบนั้นหลุดออกจาก
ปากอย่างง่ายดาย ทั้งที่เมื่อครู่จำต้องแสร้งเฉไฉไปเรื่องอื่น
...ในบางสถานการณ์กับคนบางคน ถ้อยคำก็ช่างเอ่ยออกมาได้อ้อมค้อม
และยากเย็น
ที่สำคัญเขาเพิ่งตระหนักว่า เขาไม่ได้แค่ปล่อยให้รักษ์เข้ามาในคอนโดส่วน
ตัว แต่ยังปล่อยให้รุกล้ำเข้ามาในใจอีกด้วย
เหลือบดวงตามองแท่นชาร์ตวัตถุทรงกลมอีกครั้ง นึกถึงสัมผัสซึ่งยังไม่
คลายความอุ่น
---------------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------
"แล้วคุณดื่มแค่กาแฟอย่างเดียวไม่ปวดท้องเหรอครับ"
"ฉันชินแล้ว"
ร่างสูงสวมเสื้อยืดสีขาวสกรีนโลโก้แบรนด์ถุงเท้าเช่นเดียวกับเขา ทรงผมที่
ไม่ได้ถูกจัดให้เนี้ยบปรกหน้าผากลงมา ส่งผลให้ใบหน้าดูเด็กกว่าเดิมเล็ก
น้อย แต่ถึงอย่างไรร่างกายของคนอายุสามสิบสองที่มีแค่กาแฟ จะให้วิ่ง
หกกิโลไหวได้ยังไง ถ้าเกิดล้มไปกลางทางก็อย่ามาขอร้องให้เขาช่วยแล้ว
กัน
อนุรักษ์กัดกล้วยไปพลางคิดอย่างหงุดหงิด
พวกเขาสองคนได้ฤกษ์ออกจากคอนโดในช่วงเวลาใกล้ตีห้า อาจเพราะ
เป็ นวันอาทิตย์ ถนนช่วงเช้าจึงไม่ค่อยมีรถให้เห็น แต่พอไปถึงจุดนัดพบ
คนกลับเนื่องแน่นจนแทบหาที่จอดไม่ได้ สมเป็ นงานใหญ่ที่โปรโมทติด
โปสเตอร์หน้าร้านสะดวกซื้อ ทำให้เรียกความสนใจจากลูกค้าได้มาก
คุณชายพาเขาแทรกผ่านคนไปยังจุดลงทะเบียนเพื่อรับป้ ายผ้าเบอร์เลข
โดยแบ่งประเภทเป็ นผู้เข้าร่วมงานมินิมาราธอนห้าร้อยคน และประเภท
ฟั นรันอีกห้าร้อยคน
ครั้นตีห้าครึ่งก็เข้าสู่ช่วงพิธีเปิ ดงาน ตามมาด้วยการออกกำลังแอโรบิคนิด
หน่อย เพื่ออบอุ่นร่างกายให้เตรียมพร้อม อนุรักษ์ยืดแข้งยืดขาไปสองสาม
ท่าเรียกเลือดลม ป้ องกันการบาดเจ็บระหว่างวิ่ง
แล้วสัญญาณรวมตัวนักกีฬาก็เริ่มต้น ครึ่งแรกให้ผู้เข้าร่วมมินิมาราธอน
ออกสตาร์ทก่อน หลังจากนั้นสิบห้านาทีผู้เข้าร่วมวิ่งฟั นรันจึงลงสนาม
ข้อดีของการออกกำลังตอนเช้า คือการได้สูดอากาศเย็นสบายบริสุทธิ์
สดชื่น แสงอาทิตย์เริ่มจับเส้นขอบฟ้ าบนถนนเรียบทางรถไฟเกิดเป็ นภาพ
วิวสวย ช่วยสร้างขวัญและกำลังใจ เขารู้สึกตนเองฟอร์มดีมากกว่าเคย
คราวนี้จะพิสูจน์ให้คนที่ชอบสบประมาทรู้กันชัดๆ ไปเลยว่าเขายิ่งกว่า
โอเค
"...งั้นก็ตามใจ"
อนุรักษ์จึงถือโอกาสวิ่งตามใจตัวเองไปเรื่อยๆ แต่ไม่รู้ทำไมเพียงแค่ผ่าน
ไปอีกกิโลครึ่ง เหงื่อเขาก็เริ่มไหลหยดเป็ นน้ำตก ดวงอาทิตย์พ้นมาเกือบ
ครึ่งดวงแล้ว เมฆที่เคยบังแสงค่อยๆ หายไปจนเหลือแต่ไอร้อน ได้ยินเสียง
ถามจากคนข้างตัวเป็ นระยะ
"ไหวรึเปล่า"
"วะ...ไหวครับ สะ..สบายๆ"
"เฮ้ย! เย็น"
อนุรักษ์สะดุ้งตกใจ คุณชายยกน้ำอีกแก้วให้เขาพร้อมออกคำสั่ง
"เอานี่ จิบแค่สองอึกพอ"
คนเหนื่อยทำตามอย่างว่าง่าย พอได้น้ำชุ่มศีรษะช่วยลดความร้อน
ประกอบกับน้ำที่เติมลงสู่ร่างกายก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนปลาที่ได้ว่ายกลับ
ลงทะเล หายใจสะดวก และฟื้ นคืนพลังอีกครั้ง
"ดีขึ้นใช่ไหม"
"ครับ"
พยักหน้ามองคนถามที่มีเพียงเหงื่อซึมออกมาเล็กน้อย ตรงข้ามกับเขาซึ่ง
หอบปางตาย
"ทะ...ทำไมคุณดูไม่เป็ นอะไรเลย"
...ถ้าคุณพี่จะฟิ ตหุ่นหนักขนาดนั้นแล้วทำไมไม่บอกเขาตั้งแต่แรก!
ปกติอีกฝ่ ายใส่เสื้อสูทตลอด พอสวมเสื้อยืดถึงเห็นว่าต้นแขนมีกล้ามเนื้อ
สวยพอเหมาะ ส่วนหน้าท้องก็คงมีซิกแพ็คเป็ นลอนอยู่แน่ๆ มิน่าเจ้าตัวถึง
คอยพะวงกลัวเขาจะไม่ไหว
หากลองสังเกตคนอื่นๆ จะเด็กประถมหรืออากงต่างก็วิ่งแซงเขาไปข้าง
หน้าอย่างสบายๆ คมมีดคำพูดของคุณชายจู่โจมเสียบแทงใจซ้ำ เขาไม่น่า
ออกตัวแรงโม้มากเลย ใครจะไปนึกว่ามาราธอนมันหนักกว่าที่คิด
"คุณวิ่งนำผมไปก่อนเลยก็ได้ครับ ไว้ค่อยไปเจอกันที่เส้นชัย"
บอกออกไปด้วยความที่ไม่อยากให้เห็นสภาพน่าสมเพชของตนเอง แต่
คุณชายยืนกรานสั้นๆ
"...ฉันจะเข้าพร้อมกับเธอ"
ฟั งดูซาบซึ้ง ถ้าไม่ใช่ประโยคถัดมาปลิดแรงเขาให้เหือดหาย
"เพราะถ้าปล่อยเธอไว้คนเดียว ฉันคงต้องไปตามหาเธอที่รถพยาบาลแทน
มันจะยุ่งยาก"
ยังใช้คำเชือดเฉือนเหมือนเดิมจนต้องประท้วง
"โห อย่าดูถูก นี่ผมยังไม่ได้ใช้พลังแฝงที่ซ่อนไว้เลยนะ"
"พลังแฝงแบบไหน"
"แต่ต้องให้ตกใจก่อนถึงจะมีแรงไม่ใช่เหรอ"
"เออ...ก็น่าจะเป็ นอย่างนั้น"
พูดไปแล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ แล้วตอนนี้เขาจะเอาอะไรมาแกล้งตกใจหลอกตัว
เองให้มีแรงกัน แต่คุณชายดันชะลอฝี เท้าพร้อมเรียกรั้ง
"รักษ์ เธอหยุดก่อน"
ไม่ทันขาดคำ คนแข้งขาอ่อนแรงก็ทรุดฮวบนั่งล้มพับกองกับพื้น
"เห็นไหมฉันบอกแล้ว"
เปล่า...เขาไม่ได้ล้มเพราะหน้ามืด แต่เพราะตกใจที่คนอย่างคุณชายก้มลง
มาผูกเชือกรองเท้าเขาต่างหาก ไม่เพียงแค่นั้นอีกฝ่ ายยังส่งแขนมาให้
"ไปต่อเถอะ เหลืออีกแค่กิโลเดียว"
ใบหน้าคมย้อนแสงอาทิตย์เป็ นเงาลางๆ มันเบลอจนเขาคิดว่าตัวเองตาฝา
ดรึเปล่าที่เห็นริมฝี ปากตรงหน้าคลี่ยิ้ม คล้ายดั่งมนต์สะกดให้เขาเอื้อมไป
จับมือฉุดตัวเองลุกขึ้น แล้วออกวิ่งอีกครั้ง
อนุรักษ์ทำทุกอย่างด้วยความกระปลกกระเปลี้ย ก่อนมานั่งหมดแรงสิ้น
สภาพ พลังงานกล้วยสลายหายไปตั้งแต่สองกิโลเมตรแรกแล้ว ที่เหลือวิ่ง
ด้วยแรงอึด ส่วนกิโลเมตรสุดท้ายวิ่งด้วยแรงกระตุ้นเพราะตกใจ
...มีคนมาดดีระดับคุณชายก้มลงไปผูกเชือกรองเท้าให้เป็ นใครจะไม่ช็อค
บ้าง เขาไม่รู้เหตุผลว่าเป็ นเพราะผีสุภาพบุรุษเข้าสิง หรือเพราะแค่
ต้องการแกล้งเขาที่พูดถึงพลังแฝงออกไปรึเปล่า ซึ่งถ้าคุณชายจงใจแบบ
นั้น ขอบอกว่ามันได้ผลดี แต่ถ้าหากไม่ใช่...
"น้ำ"
น้ำแช่เย็นเจี๊ยบถูกยื่นมาให้จากคู่กรณีในห้วงความคิด คนเหงื่อโทรมหยุด
ฟุ้งซ่าน รีบรับไปเปิ ดฝากระดกอั่กๆ ระหว่างได้ยินเสียงถาม
"ขาเป็ นไงบ้าง"
"แค่ล้าๆ ครับ"
"ให้ฉันดูหน่อย"
การดูของคุณชายคือการใช้นิ้วจิ้มลงไปตรงน่องแรงๆ เล่นเอาคนเจ็บสะดุ้ง
ร้องโอย!
นักโฆษณาสวมวิญญาณสอนลูกศิษย์มือใหม่อีกครั้ง ย้ำท้ายด้วยการขีด
เส้นใต้ใจความหลัก
ถ้อยคำนั้นกระตุ้นสมองให้นึกถึงบางอย่าง เขากวาดตามองไปรอบๆ
"...และเมื่อไรที่ล้า ถ้าได้แปะแผ่นบรรเทาอาการปวดก็คงพร้อมลุกขึ้นลุย
ต่อ ผมคิดว่าจุดนี้ก็ไม่ต่างไปจากชีวิตคนเลยนะครับ"
เขายกข้อเปรียบเทียบ โดยเอาแผ่นปิ ดประคบมาเชื่อมโยงกับ
ประสบการณ์ของตนเอง คุณชายนิ่งคิดตามก่อนนำคำพูดมาเรียบเรียงอีก
ครั้ง
"เธอจะบอกว่า เธอต้องการสร้างภาพลักษณ์ของแผ่นบรรเทาอาการปวด
ให้เป็ นเหมือนตัวช่วยสนับสนุนคนที่พยายามฝ่ าฟั นไปจนถึงเป้ าหมายของ
ตนเองน่ะหรือ"
สมกับเป็ นครีเอทีฟมากประสบการณ์จับคอนเซปต์หลักตีความได้แจ่มแจ้ง
อนุรักษ์รีบพยักหน้า
"แล้วเธอคิดสตอรี่บอร์ดเป็ นแบบไหน"
"สตอรี่บอร์ด?"
"หมายถึงภาพโฆษณาที่เธออยากจะเห็น"
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้ ายามเช้า จินตนาการว่ามันเป็ นคลิปวิดีโอโฆษณา
บนอินเตอร์เน็ต แล้วกดปุ่มเริ่มเล่น
คนทดลองใช้แผ่นประคบแล้วรู้สึกเฉยๆ อาจมองว่าโฆษณาที่พรรณนาดู
เกินจริงไปบ้าง แต่เขายังไม่เคย ผลลัพธ์ที่มีอาจแตกต่างกัน
"แล้วคุณชายเอาแผ่นปิ ดประคบมาด้วยรึเปล่าครับ"
"อ้าว งั้นผมจะเสียเวลามาวิ่งทำไม"
"ฉันเห็นเธอทุ่มเทเลยไม่อยากขัด"
"แบบนี้ก็เหมือนตั้งใจแกล้งกันนี่ครับ ตอนผูกเชือกรองเท้าก็ด้วย คุณแค่
อยากแกล้งให้ผมตกใจเล่นๆ เหมือนกันใช่ไหม"
"เธอคิดอย่างนั้นเหรอ"
"แล้วจะให้ผมคิดยังไง"
"...งั้นก็ตามใจ"
เอ่ยจบก่อนลุกขึ้นเดินห่างออกไป ปล่อยอนุรักษ์ให้มองตามแผ่นหลังของ
ผู้ชายอายุสามสิบสองที่คล้ายกำลังงอน
...ก็เพราะไม่อยากคิดตามใจตัวเองไงถึงได้ถาม
"รักษ์มัวทำอะไรอยู่ กลับได้แล้ว"
...ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เขาจะขอตีความว่า คุณชายทำทั้งหมดเพราะแค่อยาก
แกล้งกวนประสาทเขาตามประสา 'เด็กโข่งขี้เหงา' ไปก่อนก็แล้วกัน
---------------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------
ระหว่างทางไปคอนโด คนขับจึงหมุนพวงมาลัยแวะจอดใกล้ตลาดเช้า
“ไปกินข้าวกันก่อน”
ด้วยเหตุนี้พอพวกเขาหยุดลงตรงหน้าร้านขายโจ๊กเลยยังมีที่นั่งเหลืออยู่
บ้าง
“ใส่ไข่รึเปล่า”
“โจ๊กหมูสองชาม ใส่ไข่ด้วยครับ”
คุณชายหันไปสั่งกับอาเฮียคนขายด้วยท่าทีเป็ นธรรมชาติเหมือนคุ้นเคย
ไม่เกินสามนาที โจ๊กร้อนๆ ก็ถูกนำมาวางบนโต๊ะ ข้าวสีขาวนวล ตัดกับ
สีต้นหอม พริกไทย ขิงซอย และปาท่องโก๋ตัวเล็กเป็ นเครื่องเคียง
อนุรักษ์เจาะไข่ลวกซึ่งยังไม่สุกดีตักคนขึ้นมาชิมพร้อมโจ๊ก รสอุ่นซ่านเต็ม
ไปด้วยความอร่อยช่วยเติมพลังที่หายไปจากการวิ่งมาราธอนได้ชะงัด
ไม่ทันไรก็พบว่าช้อนตัวเองตักโจ๊กด้วยความเร็วหมดไปเกินครึ่งชาม มา
หยุดอีกทีก็ตอนเห็นจานใส่ปาท่องโก๋ตัวเล็กวางไว้ตรงหน้า
“ฉันสั่งมาให้เพิ่ม”
ความที่มัวแต่ก้มหน้าก้มตากิน เลยไม่รู้ตัวว่าผู้นั่งร่วมโต๊ะคอยสังเกตมอง
อยู่ แถมยังตาไวดูออกว่าของโปรดเขาคืออะไร
“ขอบคุณครับ”
“เธอชอบก็ดีแล้ว”
คนถูกถามนิ่งไปเล็กน้อยคล้ายทวนหาคำตอบ แต่คงพบแค่กิจวัตรเดียว
ของตนเอง
“คิดงาน”
ฟั งแล้วละเหี่ยใจแทนหัวหน้าจอมขยัน หากคงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับ
อาชีพครีเอทีฟที่จะมีงานค้างอยู่ในหัวตลอดเวลา ต่อให้ยืน เดิน นั่ง ก็ต้อง
แก้โจทย์โปรเจคของลูกค้าให้ได้ เป็ นงานที่ไม่สิ้นเปลืองแรงกาย แต่ต้องใช้
สมองอย่างหนัก
“เธอล่ะ?” ถึงคราวตนเองถูกย้อนถาม
“เออ...ผมก็คงนอนล่ะมั้งครับ”
หลุดปากออกไปแล้ว เพิ่งรู้ตัวว่ากิจวัตรของเขาช่างสิ้นคิดไร้ประโยชน์
มากกว่าของคุณชายเสียอีก แต่อีกฝ่ ายดันพยักหน้าเห็นด้วย
“ก็เหมาะกับเด็กวัยอย่างเธอดี”
เฮ้ๆ เดี๋ยวก่อน เขาไม่ใช่เด็กอนุบาลที่ต้องพักนอนกลางวันนะ ตอนเรียน
ปั่ นงานโมเดลส่งอาจารย์ก็ยังเคยโต้รุ่งสองคืนติดเหมือนกัน ถึงเขาจะอายุ
ห่างจากคุณชายสิบเอ็ดปี ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องถูกจับมาเป็ นประเด็นเปรียบ
เทียบ ศักดิ์ศรีเขามี คงถึงเวลาต้องเคลียร์กันให้ชัดๆ
“เรื่องไหนบ้างล่ะ”
“เออ...ก็อย่างเช่นเรื่อง...”
เขารีบคว้านหาข้อมูลสนับสนุนกะทันหัน แล้วสายตาก็บังเอิญไปจับตรง
คุณตาคุณยายคู่หนึ่งกำลังนั่งกินโจ๊กอยู่โต๊ะข้างๆ กัน
เขาใช้ตัวอย่างคลาสสิก ซึ่งพิสูจน์หลักฐานได้ชัดเจนที่สุด
แทนที่จะโน้มน้าวคนฟั งได้ กลับยังโดนพูดปรามาส
“แต่เด็กอายุเท่าเธอจะดูแลฉันได้จริงเหรอ”
เสียงดังนั้นเรียกสายตาจากโต๊ะคู่ชายหญิงชราข้างๆ และทำให้อนุรักษ์
ได้สติ
...เป็ นอีกครั้งที่เขาเผลอหลุดปากไปแล้วจึงเพิ่งรู้ตัว หากคราวนี้มันมา
พร้อมกับความรู้สึกบางอย่าง
“อืม ฉันเข้าใจแล้ว”
“เก็บเงินด้วยครับ”
“ฉันออกเอง”
“ไม่ครับ ผมจะหารด้วย”
“ฉันรู้ว่าเธอไม่ใช่เด็ก”
คุณชายคงพอจับอารมณ์เริ่มหงุดหงิดได้จึงเปรยตัดหน้าก่อน
เขาจะทันได้ท้วง ทว่าก็ยังใช้ประโยคโน้มน้าวตามรูปแบบนักโฆษณา
“...แต่คนเป็ นผู้ใหญ่จริงเขาไม่มาคิดเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้หรอกนะ”
นอกจากเหตุผลที่อนุรักษ์เถียงไม่ออก รอยยิ้มมุมปากจากผู้ชายอายุ
สามสิบสอง ก็หยุดสมองเขาให้แล่นตามไปด้วย หลงเหลืออยู่เพียงความ
คิดเดียว
...เขาขอเปลี่ยนใจใหม่ คุณชายแกล้งกวนประสาทเขาไม่ใช่เพราะเป็ น
‘เด็กโข่งขี้เหงา’ แต่เป็ น ‘ผู้ใหญ่แสนเจ้าเล่ห์’ ต่างหาก!
และแน่นอนมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถไขข้อข้องใจได้