You are on page 1of 423

บทนำ� คว�มต�ย ~ และก�รถือกำ�เนิดใหม่

ชีวิตธรรมดาๆ ที่ไม่ได้มีเรื่องราวอะไรเป็นพิเศษ
หลังจบจากมหาวิทยาลัยก็เข้าท�างานในบริษัทรับเหมาก่อสร้าง
ที่อย่างน้อยก็ถูกเรียกว่าบริษัทใหญ่ ปัจจุบันอายุได้ 37 ปี อาศัยอยู่คน-
เดียว และไม่มีแฟน
แถมพ่อแม่กไ็ ด้พชี่ ายทีอ่ ายุหา่ งกันคอยดูแล ดังนัน้ ผมจึงใช้ชวี ติ
คนโสดได้อย่างสบายอารมณ์ตามใจอยาก
ผมไม่ได้ตวั เตีย้ หน้าตาก็ไม่ได้เลวร้าย แต่ดนั เนือ้ ไม่หอม ผมเคย
พยายามตัง้ อกตัง้ ใจหาแฟนอยูเ่ หมือนกัน แต่ผมล้มเลิกความตัง้ ใจไปโดย
สิน้ เชิงตอนทีถ่ กู หักอกครัง้ ที่ 3 ก็นะ พออายุปนู นีแ้ ล้วเนีย่ บอกตามตรง
เลยว่าเรือ่ งแฟนเป็นอะไรยังไงพวกนัน้ น่ะมันยุง่ ยากน่าร�าคาญสุดๆ ไปเลย
ถึงความที่งานยุ่งจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แต่แม้ไม่มีแฟน ผมก็
ไม่ได้เดือดร้อนอะไร
...ผมไม่ได้ก�าลังแก้ตัวนะ?
แต่ถ้าถามว่าท�าไมผมถึงคิดเรื่องพวกนั้นขึ้นมาละก็--------
“ขอโทษที่ให้รอนะครับ รุ่นพี่!”
ชายหนุ่มท่าทางร่าเริงสดใสเดินมุ่งมาทางผมด้วยรอยยิ้ม โดยมี
สาวงามคนหนึ่งเคียงข้างมาด้วย หมอนั่นคือทามุระ รุ่นน้องของผม ส่วน
เธอคือคุณซาวาตาริ สาวแผนกประชาสัมพันธ์ผขู้ นึ้ ชือ่ ลือชาว่าเป็นมาดอนน่า
ของบริษัท
ใช่แล้ว วันนีผ้ มถูกเจ้าพวกนีไ้ หว้วานให้มาเป็นทีป่ รึกษาเนือ่ งใน
โอกาสที่ทั้งคู่จะแต่งงานกัน มันกลายเป็นสาเหตุที่ท�าให้ผมเผลอคิดว่า
ท�าไมตัวผมถึงเนื้อไม่หอมเอาเสียเลย และได้แต่จมอยู่ในห้วงความคิด
เรื่อยเปื่อยในขณะที่ยืนพิงเสาไฟฟ้าข้างทางข้ามแยกอันเป็นจุดนัดพบ
บทนำ� คว�มต�ย ~ และถือกำ�เนิดใหม่ 7
หลังกลับจากท�างาน
“ไง แล้วเรื่องที่ว่าอยากปรึกษาน่ะเรื่องอะไรเรอะ?”
ผมส่งสายตาทักทายคุณซาวาตาริพลางถาม
“ซาวาตาริ มิโฮะ ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ดิฉันเคยเห็นคุณเป็น
ประจ�า แต่เพิ่งจะได้คุยกับคุณครั้งนี้เป็นครั้งแรก เล่นเอาเกร็งๆ ยังไงไม่รู้
เหมือนกันค่ะ”
คนที่เกร็งน่ะมันตูต่างหาก!
เดิมทีผมเองก็คุยกับผู้หญิงไม่เก่งอยู่แล้ว
ช่วยเข้าใจกันหน่อยสิเฟ้ย... ผมบ่นในใจ
ที่ส�าคัญ หัวข้อที่จะปรึกษาน่ะ มันไม่ใช่หัวข้อที่ควรจะเอามา
ปรึกษาคนทีไ่ ม่วา่ จะดูอย่างไรก็ไม่นา่ มีดวงเรือ่ งความรักอย่างผมเลยสักนิด
นี่คงแค่อยากหาเรื่องพาสาวมาอวดผมนั่นแหละ ไม่ผิดแน่ๆ
“ยินดีที่ได้รู้จัก มิคามิ ซาโตรุ ครับ ไม่ต้องเกร็งหรอกครับ ที่
บริษทั คุณซาวาตาริดงั จะตายไป ถึงไม่แนะน�าตัวผมก็รจู้ กั ครับ ผมกับทามุระ
บังเอิญเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน แล้วตอนเจอกันที่งานฝึกอบรมก็ดัน
พบว่านิสัยเข้ากันได้ เลยคบเป็นเพื่อนกันหลังจากนั้นน่ะครับ”
“ที่ว่าดังเนี่ยเรื่องอะไรคะ! มีใครปล่อยข่าวลือแปลกๆ ออกมา
หรือคะ?”
“ครับ อย่างเช่นว่าคุณแอบคบชูก้ บั หัวหน้าแผนกคิฮาระ หรือไปเดท
กับคาเมยามะคุง อะไรท�านองนั้น”
ผมเริ่มเผลอแหย่เธอเล่น ตัวผมเองคิดว่ามันเป็นเพียงมุกตลก
เบาๆ แต่มันกลับท�าให้คุณซาวาตาริน�้าตาเล็ดขณะที่ใบหน้าเองก็แดงก�่า
น่ารักดีแฮะแบบนี้
มุกตลกของผมขาดซึ่งความละเอียดอ่อนแถมยังไร้เซนส์ จึงถูก
คนอื่ น บอกว่ า ห้ า มเล่ น มุ ก โดยเด็ ด ขาดอยู ่ บ ่ อ ยๆ แต่ ผ มก็ ช อบเผลอ
หลุดปากออกไปอยู่ดี
8
ครั้งนี้ก็พลาดอีกแล้วหรือนี่ ผมนี่มันนิสัยเสียจริงๆ
ระหว่างนั้นทามุระก็ตบไหล่ของคุณซาวาตาริพลางปลอบประ-
โลมเธอ
หน็อย เจ้าทามุระ! สถานการณ์แบบนี้เนี่ย คือสถานการณ์ที่
ควรจะตะโกนว่าระเบิดตายไปซะเหอะไอ้พวกมีความสุขทั้งหลาย! สินะ
“พอแค่นนั้ เถอะครับรุน่ พี!่ มิโฮะก็เหมือนกัน รุน่ พีเ่ ขาแกล้งแหย่
เล่นเท่านั้นเอง”
ทามุระซึ่งหัวเราะพลางปลอบประโลมหญิงสาว เป็นรุ่นน้องที่มี
ความสามารถ
เป็นคนสดใสร่าเริง จริงใจ จนจะเกลียดก็เกลียดไม่ลง
ทามุระยังเพิ่งอายุได้ 28 ซึ่งเรียกว่าห่างจากผมไม่น้อยเลย แต่
ก็ไม่ทราบว่าท�าไมจึงถูกชะตากับผมนัก ช่วยไม่ได้แฮะ อวยพรมันอย่าง
ตรงไปตรงมาก็แล้วกัน...
“โทษทีนะ ผมมันคนนิสัยเสียน่ะ เอาละ จะคุยกันที่นี่มันก็ยังไง
อยู่ เปลี่ยนที่ไปหาอะไรกินกันพลางคุยพลางก็แล้วกัน”
มัวอิจฉาไปก็ไม่ได้อะไร ขณะที่ผมคิดอย่างนั้นและเอ่ยชวนทั้ง
สองคนนั่นเอง
“““กรี๊ด---------”””
เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นพร้อมกับความปั่นป่วน
อะไรน่ะ? เกิดอะไรขึ้น!?
“หลีกไป! เดี๋ยวก็ฆ่าซะหรอก!!”
เมื่อผมหันไปทางเสียงนั้น ก็เห็นชายคนหนึ่งก�าลังวิ่งใกล้เข้ามา
พร้อมกับกระเป๋าและมีดท�าครัวในมือ
เสียงกรีดร้องที่ได้ยิน ชายที่ก�าลังมุ่งตรงเข้ามา ในมือถือมีด-
ท�าครัว... มีดท�าครัว? สุดปลายของคมมีดนั้นคือ...
“ทามุร้า--------”
บทนำ� คว�มต�ย ~ และถือกำ�เนิดใหม่ 9
วินาทีที่ผมผลักทามุระให้กระเด็นออกไป ความเจ็บปวดราวกับ
ถูกไฟเผาก็แล่นขึ้นบนแผ่นหลังของผม ส่งผลให้ร่างของผมทรุดฮวบลง
ในสภาพหมอบคุดคู้พลางอดทนต่อความเจ็บปวดที่หลัง
ผมไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แถมแม้จะอยากขยับตัวแต่ก็ขยับ
ไม่ได้อีกต่างหาก
“อย่ามาเกะกะนะเฟ้ย--------”
ผมจ้องมองชายที่ตะเบ็งเสียงพลางวิ่งหนีหายไป แล้วจึงตรวจดู
ว่าทามุระกับคุณซาวาตาริปลอดภัยหรือเปล่า
ทางด้านทามุระนั้นก�าลังร้องตะโกนแบบจับความไม่ได้พลางวิ่ง
ใกล้เข้ามา
ส่วนคุณซาวาตาริดจู ะตกตะลึงกับเหตุการณ์ทเี่ กิดขึน้ จนท�าอะไร
ไม่ถูก แต่ท่าทางจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร โล่งอกไปที
ว่าแต่หลังเรานี่มันร้อนจังแฮะ ยิ่งกว่าความเจ็บปวดหรืออะไร
ทั้งปวง ด้านหลังมันร้อนเหลือเกิน
นี่มันอะไรกันแน่เนี่ย? จะร้อนไปแล้วนะ... ขอทีเถอะน่า

《ยื น ยั น เสร็ จ สิ้ น คุ ณ ได้ รั บ สกิ ล 『ต้ า นทานความร้ อ น 』


...เรียบร้อยแล้ว》

หรือว่า... เราถูกแทง?
ถูกแทงตายเนี่ยนะ ล้อเล่นน่า...

《ยื น ยั น เสร็ จ สิ้ น คุ ณ ได้ รั บ สกิ ล 『ต้ า นทานการแทง 』...


เรียบร้อยแล้ว ต่อไป คุณได้รบั สกิล 『ต้านทานการโจมตีทางกายภาพ』
...เรียบร้อยแล้ว》

10
“รุน่ พีค่ รับ เลือด เลือดมันไหล.... เลือดมันไหลไม่ยอมหยุดเลยครับ”
อะไรฟะ คนอะไรขี้โวยวายจริง ทามุระหรอกเรอะ รู้สึกเหมือน
จะได้ยินเสียงแปลกๆ ยังไงไม่รู้แฮะ แต่ถ้าเป็นทามุระก็คงช่วยไม่ได้มั้ง
เลือด? มันต้องไหลแน่อยู่แล้ว ผมเองก็เป็นมนุษย์นี่นา ลองถ้า
ถูกแทง กะอีแค่เลือดมันก็ต้องไหลอยู่แล้ว!
แต่ว่าไอ้เรื่องเจ็บนี่ขอยอมแพ้แฮะ...

《ยืนยันเสร็จสิ้น คุณได้รับสกิล 『ลบล้างความเจ็บปวด』


...เรียบร้อยแล้ว》

เอ่อ... ซวยละ ท่าทางสติสตังของผมเองก็เริม่ จะสับสนอลหม่าน


ไปหมดเพราะความเจ็บกับความลนลานเหมือนกัน
“นะ หนวกหูน่า... ทามุระ มะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรไม่ใช่เหรอ?
ไม่ต้องห่วงหรอก...”
“รุ่นพี่ครับ เลือด เลือดมัน...”
ทามุระท�าหน้าเหมือนก�าลังจะร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยสีหน้า
ซีดเผือดในขณะที่พยายามจะกอดร่างของผม หมดหล่อแล้วไอ้น้อง
ผมพยายามจะหันไปดูท่าทีของคุณซาวาตาริบ้าง แต่ทัศนวิสัย
ของผมมันพร่ามัวเสียจนมองอะไรไม่เห็น
ความรูส้ กึ ร้อนทีด่ า้ นหลังเลือนหายไป แต่คราวนีค้ วามหนาวเย็น
รุนแรงกลับเข้าจู่โจมผมแทน
แย่ แฮะ... เขาว่ามนุษย์เรานี่ถ้าขาดเลือดแล้วจะต้องตายสินะ

《ยืนยันเสร็จสิน
้ จะเริม่ สร้างร่างกายทีไ่ ม่จÓเป็นต้องใช้เลือด...
เรียบร้อยแล้ว》

บทนำ� คว�มต�ย ~ และถือกำ�เนิดใหม่ 11


(เดี๋ยวก่อน นี่นายพูดอะไรของนายมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วเนี่ย? ฟัง
ไม่ค่อยได้ยินเลย...)
ผมพยายามจะเปล่งเสียง แต่เสียงก็ไม่ยอมออกไป ซวยแล้ว นี่
ผมอาจจะตายจริงๆ ก็ได้...
ว่ากันตามจริง ผมเริม่ จะไม่รสู้ กึ ทัง้ ความร้อนทัง้ ความเจ็บปวดแล้ว
ผมหนาว หนาวจนไม่รวู้ า่ ควรจะท�าอย่างไรดี นีม่ นั อะไรกันเนีย่ ...
คราวนี้จะแข็งเพราะความหนาวเรอะ ตัวเราเองนี่ก็ยุ่งยากวุ่นวายชะมัด
เลยแฮะ

《ยืนยันเสร็จสิ้น คุณได้รับสกิล 『ต้านทานความหนาว』


...เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากได้รับสกิล 『ต้านทานความร้อน』 และ
『ต้านทานความหนาว』 สกิลจึงพัฒนากลายเป็นสกิล 『ต้านทานการ
เปลี่ยนแปลงอุณหภูม』ิ 》

ตอนนัน้ เอง เซลล์สมองทีก่ า� ลังจะตายของผมก็นกึ ถึงเรือ่ งส�าคัญ


ขึ้นมาได้ราวกับปิ๊งไอเดียกะทันหัน
ใช่แล้ว! ข้างในฮาร์ดดิสก์ของเครื่องคอมพิวเตอร์!!
“ทามุร้า--------!! สมมุตินะ สมมุติว่าถ้าฉันเกิดตายขึ้นมาจริงๆ
ละก็... ฝากคอมพิวเตอร์ของฉันด้วย เอามันไปใส่อ่างอาบน�้า เปิดเครื่อง
ให้ไฟเดิน ลบข้อมูลทั้งหมดให้เรียบไปเลยนะ...”
ผมเค้นพลังใจเฮือกสุดท้ายเพื่อบอกสิ่งที่ยังคงติดค้างในใจและ
เป็นเรื่องที่ส�าคัญที่สุดกับรุ่นน้อง

《ยืนยันเสร็จสิ้น คุณได้รับสกิลลบข้อมูลด้วยกระแสไฟฟ้า...
เกิดความผิดพลาด ไม่สามารถดÓเนินการได้เนือ่ งจากข้อมูลไม่เพียงพอ
ดÓเนิ น การทดแทน คุ ณ ได้ รั บ สกิ ล 『ต้ า นทานกระแสไฟฟ้ า 』...
12
เรียบร้อยแล้ว พ่วงด้วยสกิล 『ต้านทานอัมพาต』 ...เรียบร้อยแล้ว》

คงเพราะไม่เข้าใจอยู่ชั่วขณะว่าผมบอกอะไร ทามุระจึงมีสีหน้า
ตกใจ
แต่หลังจากนัน้ จึงท�าท่าเหมือนเข้าใจความหมาย ก่อนจะเผยยิม้
เฝื่อน
“ฮะฮะ สมกับเป็นรุ่นพี่จริงๆ นะครับ-------”
หน้าผู้ชายตอนร้องไห้ใครมันจะไปอยากเห็น ถึงจะเป็นแค่ยิ้ม
เฝื่อนๆ แต่ก็ยังดีกว่าหน้าร้องไห้ละนะ
“ผมน่ะ ทีจ่ ริงแล้ว อยากจะอวดเรือ่ งซาวาตาริ กับรุน่ พีน่ ะ่ ครับ...”
ตูก็กะอยู่แล้ว... ให้ตายเถอะ เจ้าบ้านี่
“เชอะ... จริงๆ เลย ฉันไม่ถือสาอะไรทั้งนั้นแหละ เพราะฉะนั้น
ท�าให้เธอมีความสุขให้ได้ล่ะ แล้วก็ฝากคอมฉันด้วย...”
ผมบอกออกไปเท่านั้นด้วยก�าลังเฮือกสุดท้าย

ชีวิตธรรมดาๆ ที่ไม่ได้มีเรื่องราวอะไรเป็นพิเศษ
หลังจบจากมหาวิทยาลัยก็เข้าท�างานในบริษัทรับเหมาก่อสร้าง
ที่อย่างน้อยก็ถูกเรียกว่าบริษัทใหญ่ ปัจจุบันอายุได้ 37 ปี อาศัยอยู่
คนเดียว และไม่มีแฟน
แถมพ่อแม่กไ็ ด้พชี่ ายทีอ่ ายุหา่ งกันคอยดูแล ดังนัน้ ผมจึงใช้ชวี ติ
คนโสดได้อย่างสบายอารมณ์ตามใจอยาก
และด้วยเหตุนี้เอง ผมจึงยังคงบริสุทธิ์สดซิง
ไอ้ลูกชายของผมเองก็คงจะก�าลังร้องไห้อยู่เหมือนกัน... ไม่นึก
เลยว่าจะต้องเดินทางไปภพโน้นทั้งที่ยังไม่มีโอกาสใช้งาน
บทนำ� คว�มต�ย ~ และถือกำ�เนิดใหม่ 13
โทษทีนะที่ท�าให้แกกลายเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้...
ถ้าหากว่าได้กลับมาเกิดใหม่ครั้งหน้าละก็ เรามาจัดเต็มกันเลย
ดีกว่า พ่อจะจีบมันให้เรียบแล้วแดกซะให้เกลีย้ ง... ท�าแบบนัน้ คงไม่ได้สนิ ะ

《 ยื น ยั น เสร็ จ สิ้ น คุ ณ ได้ รั บ ยู นี ค สกิ ล 『 นั ก ล่ า เหยื่ อ 』 ...


เรียบร้อยแล้ว》

แล้วก็ถ้าผู้ชายที่ซิงจนถึงอายุ 30 จะกลายเป็นจอมเวทได้
ซิงจนเกือบ 40 อย่างผมนีค่ งเกือบได้เป็นนักปราชญ์แล้ว... หรือระดับมหา-
ปราชญ์กค็ งไม่ใช่แค่ความฝัน แต่ถา้ ไปถึงขัน้ นัน้ มันก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ

《ยืนยันเสร็จสิ้น คุณได้รับเอ็กซ์ตร้าสกิล 『นักปราชญ์』...


เรียบร้อยแล้ว ต่อไปจะทÓการพัฒนาเอ็กซ์ตร้าสกิล 『นักปราชญ์』
ให้กลายเป็นยูนีคสกิล 『มหาปราชญ์』 ...เรียบร้อยแล้ว》

...เฮ้ย มันอะไรกันตั้งแต่เมื่อกี้แล้วฟะ? 《ยูนีคสกิล 『มหา-


ปราชญ์』》 อะไรกัน หยามกันเรอะ?
ไม่ยูนีคสักนิดเลยเฟ้ย!
ทางนี้น่ะข�าไม่ออกหรอกนะ!
เสียมารยาทชะมัด ให้ตาย...
ผมหลับไปในขณะที่คิดเรื่องพวกนั้นไปด้วย

นี่คือสิ่งที่เรียกว่าความตายงั้นเหรอ.... ไม่เหงาอย่างที่คิดแฮะ

และนั่นก็คือ ค�าพูดสุดท้ายที่ผมนึกถึงในภพนี้

14
มืด
มืดสนิทจนมองไม่เห็นอะไรเลย
ที่นี่ที่ไหน? ว่ากันตามจริงคือนี่มันเกิดอะไรขึ้น
เท่าที่จ�าได้ รู้สึกว่าผมจะโดนล้อเลียนเรื่องเป็นนักปราชญ์
มหาปราชญ์ อะไรประมาณนั้น...

ตอนนั้นเอง ที่สติสัมปชัญญะของผมเริ่มตื่นตัว
ชื่อของผมคือ มิคามิ ซาโตรุ หนุ่มใจดีอายุ 37
ผมปกป้องรุน่ น้องจากเจ้าคนทีด่ เู หมือนอาชญากรไล่ทา� ร้ายคน-
ไม่เลือกระหว่างเดินบนถนนจนถูกแทง
เอาละ ผมจ�าได้ ไม่เป็นไร ดูท่านี่คงยังไม่ใช่เวลาที่ควรจะต้อง
ลนลาน
ว่ากันตามจริง เรือ่ งทีจ่ ะท�าให้คนใจเย็นอย่างผมลนลานได้นะ่ มี
แค่ประมาณเรื่องตอนที่ท�าอึเล็ดตอนสมัยเรียนชั้นประถมเท่านั้นเอง
แต่เมือ่ พยายามจะมองบริเวณรอบข้าง ผมก็รสู้ กึ ตัว ว่าผมลืมตา
ไม่ขึ้น
และพอนึกว่าแย่จังแฮะแล้วพยายามจะเกาศีรษะ... ก็พบว่ามือ
ของผมไม่ยอมตอบสนองตามความคิด ที่ส�าคัญยิ่งไปกว่านั้น ศีรษะของ
ผมอยู่ตรงไหนกันล่ะนี่
ผมเริ่มสับสน
เฮ้ๆ รอเดี๋ยวก่อนนะ
ขอเวลานิด ผมจะสงบสติอารมณ์สกั หน่อย เวลาแบบนีน้ รี่ สู้ กึ ว่า
แค่นับจ�านวนเฉพาะไปเรื่อยๆ ก็พอสินะ?
หนึ่ง สอง สาม โว้ย------- !!
16
ไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนี้ ทีส่ า� คัญ เลขหนึง่ นีม่ นั ไม่นบั เป็นจ�านวนเฉพาะ
ไม่ใช่เรอะ?
ไม่สิไม่สิ เรื่องนั้นจะเป็นอย่างไรก็ช่างมันเหมือนกัน
นี่มันแย่แล้วนะ ไม่ใช่เวลาจะมามัวพูดเรื่องบ้าๆ แบบนั้นแล้ว
อ้าว? เดี๋ยวก่อน อะไรมันเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย!?
หรือว่า... นี่อาจถึงเวลาที่ผมควรจะต้องลนลานแล้ว?
ผมรีบส�ารวจอย่างร้อนรนว่ารู้สึกเจ็บตรงไหนบ้างหรือไม่
ไม่มีความเจ็บปวด แต่สบายตัว
ผมไม่รู้สึกทั้งความหนาวหรือความร้อน ดูเหมือนว่าผมจะก�าลัง
อยู่ในสถานที่ที่ให้ความรู้สึกดีจริงๆ
เรื่องดังกล่าวท�าให้ผมคลายกังวลลงเล็กน้อย
จากนั้นผมจึงลองตรวจสอบแขนขาของตัวเอง อย่าว่าแต่ปลาย
นิ้วเลย ทั้งแขนทั้งขาต่างก็ไม่ส่งปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น...
หมายความว่าไง?
ผมเพียงแค่ถูกแทง ไม่มีทางที่มือหรือเท้าจะหายไปแน่นอน
อยู่แล้วนี่นา เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ว่ากันตามจริง ผมลืมตาไม่ขึ้นด้วยซ�้า
ผมก�าลังอยู่ในสถานที่ซึ่งมืดสนิท มองไม่เห็นอะไรเลย
ความจริงดังกล่าวท�าให้ความกังวลอันรุนแรงอย่างที่ไม่เคยรู้สึก
มาก่อนถาโถมเข้าสู่หัวใจของผม
นี่มัน.... หรือว่าผมจะตกอยู่ในสภาวะไม่ได้สติ?
แต่ในความเป็นจริงผมมีเพียงแค่สติ ทว่าระบบประสาทถูก
ตัดขาดท�าให้เคลื่อนไหวไม่ได้อะไรท�านองนั้น?
เดี๋ยวๆๆ ขอทีเถอะ!
ช่วยลองคิดดูก่อนได้ไหม
ว่ากันว่าถ้ามนุษย์ถกู ปิดกัน้ อยูใ่ นความมืดละก็ อาจจะเป็นบ้าไปได้
บทที่ 1 เพื่อนคนแรก 17
ในชั่วพริบตา ซึ่งตัวผมในเวลานี้อยู่ในสภาวะดังกล่าว ยิ่งไปกว่านั้น ยัง
ไม่สามารถคร่าชีวิตของตัวเองได้อีกด้วย
จะไม่ให้รสู้ กึ สิน้ หวังในสภาพทีท่ า� ได้แค่รอเวลาเป็นบ้าเท่านัน้ ก็
คงจะเป็นไปไม่ได้
ตอนนั้นเอง ที่ผมรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมาสัมผัสร่างเบาๆ
อื้อ? อะไรหว่า...?
ผมมุ่งประสาทรับรู้ทั้งหมดไปยังสัมผัสดังกล่าว
สิ่งที่คล้ายจะเป็นหญ้าสัมผัสอยู่ที่บริเวณใกล้กับด้านข้างหน้า
ท้อง? ของผมราวกับจะลูบไล้
เมือ่ ผมลองรวบรวมสติสัมปชัญญะไปที่บริเวณนั้นดู ผมก็เริม่ จะ
เข้าใจถึงขอบเขตของร่างกายตัวเองได้แม้จะยังเลือนราง โดยนานๆ ครั้ง
ก็สัมผัสได้ว่าส่วนปลายของใบหญ้านั้นทิ่มเข้ากับร่างกาย
ผมรู้สึกยินดีขึ้นมาเล็กน้อย
เพราะถึงแม้วา่ จะยังคงอยูใ่ นความมืดสนิท แต่อย่างน้อยผมก็ยงั
รับรู้ถึงการแตะต้องซึ่งเป็นหนึ่งในประสาทสัมผัสทั้งห้าได้
แต่พอผมเริ่มรู้สึกสนุก และนึกจะมุ่งเข้าไปหาต้นหญ้านั้น------
พรืด
ผมก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของตัวเองเคลื่อนที่ไปในลักษณะเหมือน
คืบคลาน
ขยับได้... งั้นเรอะ!?
ตอนนั้นเอง ที่ผมมั่นใจชัดเจนว่าตัวเองไม่ได้ก�าลังนอนอยู่บน
เตียงของโรงพยาบาล เพราะผมรูส้ กึ ได้วา่ สัมผัสทีร่ บั รูไ้ ด้จากใต้ทอ้ ง? ของ
ตัวเองนั้นมีลักษณะรูปร่างเหมือนกับก้อนหินขรุขระ
อย่างนี้นี่เอง... ถึงผมจะยังไม่เข้าใจอะไรเลย แต่ดูเหมือนว่าผม
จะไม่ได้ก�าลังอยู่ในโรงพยาบาลแฮะ
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสายตาทั้งหูของผมต่างก็ไม่ยอมท�างานอีกด้วย
18
ผมเองก็ไม่รวู้ า่ ศีรษะของตัวเองอยูต่ รงไหน แต่ผมก็เคลือ่ นตัวไป
หาต้นหญ้า โดยมุ่งสติสัมปชัญญะไปยังส่วนที่ก�าลังสัมผัสกับร่างของ
ผมอยู่
หญ้านั้นไม่มีกลิ่นเลยแม้แต่น้อย หรือว่าผมจะไม่มีประสาทรับ
กลิ่นด้วย?
ว่ากันตามจริงคือผมไม่รู้ว่าร่างกายของตัวเองมีรูปร่างอย่างไร
แม้จะไม่อยากยอมรับ แต่ดูเหมือนว่ามันจะมีรูปร่างคล้ายกับ
“มอนสเตอร์” ตัวหนึ่งที่โค้งมนและเด้งดึ๋งไปมา
ความคิดแบบนั้นแวบเข้ามาในสมองของผมตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว
ไม่หรอกๆ ...ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นไปได้ จะอย่างไรก็คงไม่ใช่
แบบนั้นหรอก...
ก่อนอื่น ทิ้งความกังวลนั่นไปซะ
ผมคิดอย่างนั้นแล้วทดลองประสาทสัมผัสสุดท้ายที่ยังไม่ได้
ทดลองในบรรดาประสาทสัมผัสทั้งห้าของมนุษย์
แต่ผมไม่รู้ว่าปากของตัวเองอยู่ตรงไหน แล้วจะเอาไงดีเนี่ย?

《ต้องการใช้ยูนีคสกิล 『นักล่าเหยื่อ』 หรือไม่?


YES/NO》

จู่ๆ ก็มีเสียงดังสะท้อนขึ้นในสมองของผมอย่างกะทันหัน
หา? อะไร ว่าไงนะ? ยูนีคสกิล 『นักล่าเหยื่อ』 ...งั้นเรอะ?
จะว่าไปแล้ว เสียงนี่มันอะไรกันเนี่ย?
ตอนที่คุยกับทามุระอยู่ก็คิดเหมือนกันว่าเหมือนจะได้ยินเสียง
อะไรแปลกๆ ไม่ใช่ว่าเราคิดไปเองหรอกเรอะ?
มีใครอยู่หรือไง? ว่าแต่มันแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้สิ นี่มันให้ความ-
รูส้ กึ เหมือนกับว่า... มีคา� พูดผุดขึน้ ในใจของเรามากกว่ามีใครคนอืน่ อยูด่ ว้ ย
บทที่ 1 เพื่อนคนแรก 19
แฮะ
ผมไม่รู้สึกถึงเจตจ�านงของมนุษย์ จะบอกว่ามันให้ความรู้สึก
ไร้อารมณ์เหมือนเสียงอัตโนมัติจากเครื่องคอมพิวเตอร์ก็คงได้มั้ง

ก่อนอื่น เอาเป็น NO!


ไม่เกิดปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ขึ้น ผมนิ่งรออยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็
ไม่รู้สึกถึงเสียงอะไร
ดูท่าว่าจะไม่มีค�าถามที่ 2 แฮะ หรือว่าเราเลือกผิด? นี่เป็นเกม
ที่ถ้าไม่ตอบ YES แล้วจะไปต่อไม่ได้เรอะ?
ผมคิดว่าจะมีคา� ถามเดิมดังขึน้ เรือ่ ยๆ จนกว่าจะเลือกตอบ YES
เหมือนเกม RPG แต่ท่าทางจะไม่ใช่เสียแล้ว
ส่งเสียงทักเพียงเพื่อถามค�าถามแล้วทิ้งกันดื้อๆ แบบนี้นี่ ช่าง
เป็นคนที่ไร้มารยาทจริงๆ
ที่จริงแล้วผมรู้สึกดีใจนิดๆ ด้วยซ�้าที่ได้ยินเสียง
ผมเลยนึกเสียใจกับค�าตอบของตัวเองขึ้นมาเล็กน้อย
แต่เอาเถอะ ช่วยไม่ได้ มาทดลองสัมผัสด้านรสชาติทที่ า� ค้างเอาไว้
เมื่อกี้นี้ดีกว่า
ผมเคลื่อนร่างกายไปหาต้นหญ้าเมื่อครู่นี้
จากนัน้ ก็ตรวจสอบความรูส้ กึ ของส่วนทีส่ มั ผัสถูกต้นหญ้า พร้อม
กับเคลือ่ นขึน้ ไปทับบนต้นหญ้านัน่ ผมใช้รา่ งกายตรวจสอบประสาทสัมผัส
ในลักษณะเหมือนขึ้นไปปกคลุมด้านบนต้นหญ้า สิ่งนี้น่าจะเป็นต้นหญ้า
ไม่ผิดแน่
ทว่าขณะที่ผมก�าลังตรวจสอบสัมผัสของต้นหญ้าดังกล่าว ส่วน
ที่ร่างกายของผมกับต้นหญ้าสัมผัสกันก็เริ่มละลาย ผมลนลานตกใจว่า
ร่างกายของตัวเองหลอมละลายหรือ แต่ดเู หมือนว่าสิ่งที่ละลายจะมีเพียง
แค่ต้นหญ้าเท่านั้น
20
แล้วผมก็ทา� ความเข้าใจได้วา่ องค์ประกอบของต้นหญ้าทีล่ ะลาย
นั้นถูกดูดเข้ามาในร่างกายของตัวเอง
ดูเหมือนว่าผมจะละลายต้นหญ้าแล้วดูดเข้ามาในร่างกายของ
ตัวเอง สรุปแล้วก็คือร่างกายของผมไม่ได้ใช้ปาก แต่ใช้ส่วนที่สัมผัสกลืน
ต้นหญ้าเข้ามา ทั้งนี้ ผมไม่รู้สึกถึงรสชาติเลยแม้แต่น้อย

สรุปแล้ว ดูท่าว่าเรื่องคงจะเป็นแบบนี้
รู้สึกว่าผมจะไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปเสียแล้ว เรื่องนี้คงจะไม่ผิด
แน่นอน
หมายความว่าผมถูกแทงตายจริงๆ อย่างนั้นหรือ?
นั่นไม่ใช่ความสงสัย ผมเกือบจะมั่นใจเรื่องนี้เต็มร้อย และถ้า
เป็นอย่างนั้น ก็ท�าความเข้าใจได้ว่าท�าไมผมจึงมาอยู่ในสถานที่ที่มีหญ้า
ขึ้นเหมือนบริเวณแนวหินผา แทนที่จะเป็นโรงพยาบาล
ทามุระเป็นอย่างไรบ้าง?
คุณซาวาตาริล่ะ?
คอมพิวเตอร์ของผมถูกท�าลายเรียบร้อยดีหรือเปล่า?
ค�าถามผุดขึน้ ไม่มหี ยุด แต่ปา่ นนีแ้ ล้วจะมัวกังวลไปก็คงช่วยไม่ได้
ผมต้องคิดแล้วละว่าต่อจากนี้จะเอาอย่างไร
ในเมื่อสถานการณ์เป็นอย่างที่ว่ามา ก็เท่ากับว่ารูปร่างของผม
ในตอนนี-้ ------
จากสัมผัสเมื่อครู่นี้...
ผมมุ่งสติสัมปชัญญะกลับมาที่ร่างกายของตัวเองใหม่อีกครั้ง
ดึ๋ง ดึ๋ง
ร่างกายของผมขยับเป็นจังหวะ
ผมค่อยๆ ใช้เวลาตรวจสอบขอบเขตร่างกายของตัวเอง ท่ามกลาง
ความมืดมิด
บทที่ 1 เพื่อนคนแรก 21
อะไรกันครับนี่!
ทั้งที่เคยเท่สมชายขนาดนั้น แต่ตัวผมในตอนนี้กลับมีรูปร่างอัน
เรียบลื่นไร้ที่ติอะไรเช่นนี้!
เฮ้ย จะบ้าเรอะ! ใครจะไปรับได้กันล่ะว้อย!!
ขอบเขตของร่างกายเท่าที่สัมผัสได้ ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ท�าให้
ผมนึกถึงเจ้านั่น
ไม่หรอกน่าๆ ก็แบบว่า เนอะ?
ผมไม่ได้เกลียดเจ้านั่นหรอกนะ? อื้อ เคยคิดกระทั่งว่ามันน่ารัก
ดีด้วยซ�้าไป!
แต่ถา้ เกิดถูกถามว่าตัวเองอยากจะกลายเป็นมันหรือเปล่า? คน
90 เปอร์เซ็นต์ คงจะคิดเหมือนกันแน่ๆ
ทว่า ทางเลือกของผมอาจเหลืออยู่เพียงการยอมรับเท่านั้นแล้ว
ก็เป็นได้...
ว่าดูเหมือน “วิญญาณ” ของผม จะมาเกิดใหม่เป็นปิศาจ ที่มี
ชีวิตอยู่ในต่างโลก
ถึงมันจะเป็นเรือ่ งทีป่ กติแล้วไม่ควรเกิดขึน้ ได้ ตามความน่าจะเป็น
ในเชิงดาราศาสตร์เลยก็เถอะ....
แต่ผม ก็ได้มาเกิดใหม่เป็นสไลม์เสียแล้ว

หยับหยับ
หยับหยับหยับ
ตอนนี้ผมก�าลังกินหญ้าอยู่
ถามว่าท�าไมถึงกินเหรอ? ของมันแน่อยู่แล้ว!
ก็ มัน ว่าง น่ะสิ!
22
เวลาน่าจะผ่านไปแล้วหลายวันหลังจากทีผ่ มยอมรับได้วา่ ตัวเอง
เป็นสไลม์แม้ว่าจะไม่อยากก็ตาม ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันผ่านไปแล้วกี่วัน...
เพราะผมไม่อาจสัมผัสถึงกาลเวลาได้เลยเมื่ออยู่ในความมืดมิด
ท่ามกลางวันเวลาดังกล่าว ผมสัมผัสได้ว่าสิ่งที่เรียกว่าร่างกาย
ของสไลม์นั้นมันสะดวกกว่าที่คิด ผมไม่รู้สึกถึงทั้งความหิวหรือความง่วง
หรือก็คือผมไม่จ�าเป็นต้องรับประทานอาหารหรือนอนเลยนั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่รู้เพิ่มขึ้นอีกเรื่องหนึ่งด้วย
นั่นคือแม้จะไม่ชัดเจนนัก แต่ดูเหมือนว่าสถานที่แห่งนี้จะไม่มี
สิ่งมีชีวิตอื่นอยู่เลย ด้วยเหตุนี้ผมจึงไม่รู้สึกว่าจะมีอันตรายมาคุกคามชีวิต
ด้วย.... และได้แต่ใช้ชีวิตว่างๆ ไปวันๆ เท่านั้น
ทั้งนี้ระหว่างเวลาที่ผ่านมา ผมก็ไม่ได้ยินเสียงประหลาดนั่นอีก
เลยด้วย ถ้าเป็นตอนนี้ละก็ จะให้คุยด้วยมันก็ได้หรอกนะ
ด้วยเหตุนี้ ผมก็เลยได้แต่กินหญ้าไปเรื่อยอย่างช่วยไม่ได้
ที่ช่วยไม่ได้ก็เพราะว่าไม่มีอะไรอย่างอื่นที่ผมท�าได้แล้วนั่นเอง
ผมจึงกินไปเรื่อยๆ ท�านองว่าเป็นการฆ่าเวลาเล่น
จนถึงตอนนี้ ผมรู้ได้ด้วยสัมผัสว่าหญ้าที่ถูกซึมซับเข้ามานั้นถูก
แยกส่วน และองค์ประกอบต่างๆ ก็ค่อยๆ ถูกแยกแยะ แล้วเก็บสะสมอยู่
ภายในร่างกายของผม
ถ้าถามว่าเรือ่ งนีม้ คี วามหมายอะไรหรือไม่ มันก็ไม่ได้มคี วามหมาย
อะไรหรอก
ผมแค่กลัวว่าถ้าไม่หาอะไรท�าเลย ตัวเองอาจจะเป็นบ้าไปก็เท่านัน้
ระยะหลังมานี้ ผมจึงดูดซึม แยกองค์ประกอบ และเก็บสะสม
ซึ่งเริ่มเคยชินขึ้นแล้วไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ
แต่มาถึงจุดนี้ ผมจึงพบประเด็นที่น่ามหัศจรรย์ข้อหนึ่ง
นั่นคือที่ผ่านมาผมยังไม่มีการขับถ่ายอะไรออกจากร่างกายเลย
สักครั้งเดียว
24
ถ้าบอกว่าการกระท�าดังกล่าวไม่จา� เป็นส�าหรับสไลม์เรือ่ งมันก็จบ
แค่นนั้ แต่ถา้ อย่างนัน้ แล้ว สิง่ ทีถ่ กู เก็บสะสมไว้ มันจะไปอยูท่ ไี่ หนกันเล่า?
โดยความรู้สึกแล้ว ผมไม่รู้สึกว่ารูปร่างของตัวเองเกิดความ
เปลี่ยนแปลงใดๆ จากตอนแรกด้วย
แล้วมันกลายเป็นอย่างไรกันแน่นะ?

《คÓตอบ ถูกเก็บไว้ในกระเพาะของยูนีคสกิล 『นักล่าเหยื่อ』


ทัง้ นี้ ปริมาณพืน้ ทีท่ มี่ กี ารใช้งานในปัจจุบนั นัน้ ยังไม่ถงึ 1 เปอร์เซ็นต์》

อะไรฟะ? มีค�าตอบกลับมาด้วยยย!!
แต่วา่ ผมใช้สกิลไปตัง้ แต่เมือ่ ไรกันละนี?่ ผมน่าจะตอบไปว่า NO!
นี่นา

《คÓตอบ ยูนีคสกิล 『นักล่าเหยื่อ』 ไม่ได้ถูกใช้งาน แต่มี


การกÓหนดว่าวัตถุที่ซึมซับเข้ามาในร่างกายจะถูกเก็บไว้ในกระเพาะ
โดยอัตโนมัติ ข้อกÓหนดดังกล่าวเปลีย่ นแปลงได้ตามความต้องการ》

ว่าไงนะ? คราวนีต้ อบกลับมาแบบราบรืน่ เลยแฮะ ไม่สิ เรือ่ งนัน้


เอาไว้ก่อน...
แล้วแบบนี้ ถ้าผมใช้สกิลแล้วจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ?

《คÓตอบ ผลของยูนีคสกิล 『นักล่าเหยื่อ』-------

ล่าเหยื่อ : ทÓการดูดซึมเป้าหมายเข้าไปในร่างกาย ทั้งนี้ใน


กรณีที่เป้าหมายมีสติสัมปชัญญะ อัตราความส�าเร็จจะลดลงอย่าง
ยิ่งยวด เป้าหมายที่หวังผลได้ไม่จÓกัดเพียงแค่สารอินทรีย์หรือสาร-
บทที่ 1 เพื่อนคนแรก 25
อนินทรีย์ แต่รวมถึงสกิลและเวทมนตร์ด้วย

วิเคราะห์ : ทÓการวิเคราะห์และศึกษาเป้าหมายทีด่ ดู ซึมเข้ามา


สร้างสรรค์ไอเท็มทีส่ ร้างได้ กรณีทมี่ วี ตั ถุดบิ อยูพ่ ร้อม จะสร้างตัวคัดลอก
ของเป้าหมายได้ดว้ ย และหากวิเคราะห์โครงสร้างการทÓงานได้สÓเร็จ
จะเรียนรูส้ กิลและเวทมนตร์ของเป้าหมายได้

กระเพาะ : ทÓการบรรจุเป้าหมายของการล่าเหยื่อ และเก็บ


รักษาวัตถุทถี่ กู สร้างขึน้ จากการวิเคราะห์ได้ดว้ ย เมือ่ ทÓการบรรจุลงใน
กระเพาะแล้ว เป้าหมายจะไม่ได้รับผลกระทบเรื่องเวลา

จÓลอง : จÓลองเป้าหมายที่เคยดูดซึม และใช้ความสามารถ


ในระดับเดียวกับเป้าหมายได้ ทั้งนี้ ผู้ใช้จะจÓลองได้เพียงเป้าหมายที่
ทÓการวิเคราะห์ข้อมูลสÓเร็จแล้วเท่านั้น

คัดแยก : เก็บรักษาผลลัพธ์ทมี่ ภี ยั และไม่อาจทÓการวิเคราะห์


ได้ โดยจะทÓการขจัดความเป็นภัย และแปลงกลับเป็นพลังเวท

ทั้งหมดข้างต้น คือความสามารถหลักทั้งห้าอย่าง》

เอ๋? ...เอ๋?
ผมตื่นตะลึงอย่างที่ไม่เคยเป็นมานาน ฟังดูแล้วเป็นความ-
สามารถทีส่ ดุ ยอดแบบบอกไม่ถกู อย่างไรไม่รแู้ ฮะ... รูส้ กึ ว่ามันไม่นา่ จะเป็น
ความสามารถที่ลูกกะจ๊อกอย่างสไลม์ควรมีได้เลยนี่นา
แต่รอเดี๋ยว ก่อนหน้านั้น ไอ้เสียงที่ช่วยตอบค�าถามของผมเนี่ย
มันอะไรกัน? มีใครอยู่แถวนี้หรือไง?
26
《คÓตอบ เป็นผลของยูนีคสกิล 『มหาปราชญ์』 เนื่องจาก
ความสามารถมีความเสถียรแล้ว จึงทÓการตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว》

มหาปราชญ์เหรอ... เราเคยโวยว่าหยามกันเรอะก็จริง แต่มาถึง


ตอนนีน้ ชี่ า่ งเป็นสิง่ ทีพ่ งึ่ พาได้ชะมัด จากนีไ้ ปก็ขอพึง่ พาต่อด้วยแล้วกันนะ
ว่ากันตามจริงคือ ป่านนี้แล้ว จะอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ
ถ้าไอ้ความโดดเดี่ยวที่เคยคาดว่าจะไม่มีที่สิ้นสุดนี่จะได้รับการ
เยียวยาละก็
ไม่แน่ “เสียง” นี่ อาจเป็นจินตนาการที่ผมสร้างขึ้นเองก็ได้
แต่ถึงเป็นอย่างนั้นก็ยังดี
ผมสัมผัสได้อย่างแท้จริงว่าหัวใจของตัวเองผ่อนคลายลง อย่าง
ที่ไม่เคยได้รู้สึกมานาน

ปัจจุบัน เวลาป่านไปแล้วถึง 90 วัน นับตั้งแต่ที่ผมได้เกิดใหม่


เป็นสไลม์
หรือที่ถูกต้องก็คือ 90 วันกับอีก 7 ชั่วโมง 34 นาที 52 วินาที
ท�าไมผมถึงกล้าฟันธงชัดเจนขนาดนีน้ ะ่ เหรอ? นัน่ ก็เพราะได้รบั
ผลการสนับสนุนจากยูนีคสกิล 『มหาปราชญ์』 ไงล่ะ
แหม ไอ้สกิลนี่มันช่างสะดวกดีจริงๆ เป็น 『มหาปราชญ์』
แห่งยามล�าบากเลย เพราะไม่วา่ ผมจะรูส้ กึ สงสัยอะไร สกิลนีก้ จ็ ะช่วยตอบ
ให้หมดเลยทุกอย่าง
จากที่ 『มหาปราชญ์』 บอก เห็นว่ากว่าทีส่ กิลนีจ้ ะเชือ่ มโยงกับ
วิญญาณของผมได้อย่างมั่นคง ก็ต้องกินเวลาถึง 90 วัน แต่มีค�าอธิบาย
บทที่ 1 เพื่อนคนแรก 27
ต่ออีกว่าตามจริงแล้วสกิลจะไม่สามารถให้คา� ตอบในรูปแบบบทสนทนาได้
สกิลจึงปรับปรุงตัวเอง โดยน�าส่วนหนึ่งของสิทธิในการใช้ “วจนะแห่ง
โลก” มาปรับใช้
ก็คอื หากเป็นตามปกติ จะไม่มคี วามสามารถสะดวกสบายอย่าง
การเปล่งค�าตอบให้ดังขึ้นในใจเพื่อตอบข้อสงสัย ส่วน “เสียงแห่งโลก”
นัน้ จะดังสะท้อนให้ได้ยนิ เมือ่ มีการเปลีย่ นแปลงของโลก มีการได้รบั สกิล
หรือการวิวัฒนาการเกิดขึ้น
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ดูเหมือนว่าการได้รับสกิลหรือการวิวัฒนาการจะ
ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปกติ สิ่งที่นานๆ ครั้งจะได้รับมาเมื่อโลกยอมรับใน
การเติบโตของอะไรบางอย่าง ก็คือ 『สกิล』 ส่วนการ 『วิวัฒนาการ』
นั้นยิ่งเป็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่มีทางได้มีส่วนเกี่ยวข้องเลย
ผมไม่เข้าใจความหมายนั่นเลยสักนิด แต่ก็ตัดสินใจตีความเอา
ว่ามันเป็นของมันอย่างนั้นแหละ
และถึง 『มหาปราชญ์』 จะช่วยตอบค�าถามให้ผมได้ แต่ก็เป็น
ไปในรูปแบบของการรอตอบสนองเท่านัน้ ไม่ได้มคี วามรูส้ กึ นึกคิดเป็นของ
ตัวเองแต่อย่างใด
นั่นคือหากผมไม่เป็นฝ่ายเรียกก่อน อีกฝ่ายก็จะไม่ถามอะไรผม
ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่น่าเสียดายทีเดียว
แต่ถึงอย่างไรผมก็ดีใจที่การรับส่งบทสนทนาด�าเนินไปได้แม้ว่า
จะมีฝ่ายส่งค�าพูดอยู่ฝ่ายเดียวก็ตาม
การคุยกับสกิลของตัวเองเนีย่ ถ้าเป็นทีโ่ ลกเดิมก็คงต้องเรียกว่า
เป็นพวกชอบมีจินตนาการพิลึกๆ น่ะนะ...

ด้วยเหตุนี้ ตัวผมที่ได้แต่อยู่ในความมืดและไม่มีอย่างอื่นท�าจึง
ป้อนค�าถามรัวๆ
ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือมั่นใจได้แล้วว่าผมกลายเป็นสไลม์ไปแล้ว
28
แน่นอน
ส่วนเหตุผลทีผ่ มไม่จา� เป็นต้องกินหรือนอนก็เป็นทีป่ ระจักษ์เช่นกัน
สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าสไลม์ของโลกนี้ไม่จ�าเป็นต้องรับประทาน
อาหารหากว่าได้ดดู ซึมแก่นเวทเข้าไป ดังนัน้ ถ้าอยูใ่ นพืน้ ทีท่ ม่ี คี วามเข้มข้น
ของแก่นเวทต�า่ ก็ดเู หมือนว่าจะต้องดูดซึมมอนสเตอร์หรือสัตว์เล็กๆ เพือ่
ชดเชยแก่นเวท
ดังนัน้ สไลม์ซงึ่ อยูใ่ นพืน้ ทีท่ มี่ แี ก่นเวทเจือจางจึงมีความแข็งแกร่ง
และดุรา้ ยมากกว่าซึง่ ถือเป็นเรือ่ งแปลกส�าหรับโลกนี้ เพราะตามปกติแล้ว
ยิง่ เป็นสถานทีท่ มี่ แี ก่นเวทเข้มข้น มอนสเตอร์กจ็ ะมีความแข็งแกร่งมากขึน้
ไปด้วย
สรุปแล้วก็คือสถานที่แห่งนี้มีแก่นเวทเข้มข้นซะจนผมไม่จ�าเป็น
ต้องรับประทานอาหารเลยนั่นเอง
ส่วนเรื่องเกี่ยวกับการนอนหลับนั้น

《คÓตอบ ร่างทัง้ ร่างของสไลม์คอื การรวมตัวเข้าด้วยกันของ


เซลล์ชนิดเดียวกัน แต่ละเซลล์ล้วนเป็นเซลล์สมอง เป็นประสาทรับรู้
และเป็นกล้ามเนื้อ ด้วยเหตุนี้ เซลล์ที่ทÓหน้าที่นึกคิดจึงผลัดเปลี่ยน
กันพักผ่อน และทÓให้ไม่จÓเป็นต้องนอนหลับ》

เขาว่ามาแบบนี้
ความทรงจ�าของผมถูกบันทึกเอาไว้ที่ไหนกันนะ
บางทีถา้ เปรียบเทียบเป็น HDD ของคอมพิวเตอร์แล้วละก็ อาจ
จะอยู่ในสภาวะที่เหมือนกับ RAID1 ก็ได้มั้ง?
ซึ่งพอผมคิดอย่างนั้น ก็มีค�าตอบกลับมาว่า 《ใกล้เคียงกัน》
『มหาปราชญ์』 นี่ร่วมบทสนทนาได้เก่งเกินคาดแฮะ
แล้วก็มาถึงเรื่องผลลัพธ์ของสกิล 『มหาปราชญ์』 ทั้งห้าอย่าง
1RAID : เทคโนโลยีของการเก็บข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่าน/เขียนและลดความเสี่ยงในการ
สูญเสียข้อมูล โดยการใช้ฮาร์ดดิสก์หลายตัวมาท�างานร่วมกันเสมือนเป็นฮาร์ดดิสก์ขนาดใหญ่ตัวเดียว
ที่ผมนึกติดใจ
เร่งความเร็วการคิดค�านวณ : เพิม่ ความเร็วในการรับรูใ้ ห้เร็วกว่า
ปกติ 1,000 เท่า
วิเคราะห์ประเมิน : ด�าเนินการวิเคราะห์และประเมินเป้าหมาย
คิดค�านวณแบบขนาน : แบ่งแยกปรากฏการณ์ที่ต้องการ
วิเคราะห์และด�าเนินการคิดค�านวณต่างหาก แยกจากระบบความคิด
ละการร่ายอาคม : ไม่จ�าเป็นต้องร่ายอาคมในเวลาที่จะใช้
เวทมนตร์
รูแ้ จ้งสรรพสิง่ : ท�าความเข้าใจทุกสิง่ ทุกอย่างของปรากฏการณ์
ที่ไม่ได้ถูกปิดบังไว้ในโลกนี้
ทั้งหมดมีเท่านี้
รู้แจ้งสรรพสิ่งงั้นรึ? แบบนี้ก็แปลว่าผมจะรู้เรื่องทุกอย่างได้โดย
ไม่ต้องล�าบากล�าบนอะไรเลยงั้นสิ!? ผมคิดอย่างนั้น แต่ว่า...
ความจริงแล้ว มันคือความสามารถในการแสดงข้อมูลเกี่ยวกับ
สิ่งที่ผมได้สัมผัสและจ�ากัดเพียงเรื่องที่ผมท�าความเข้าใจได้เท่านั้น
สรุปก็คือผมจ�าเป็นจะต้องรับรู้ถึงเป้าหมายก่อนครั้งหนึ่ง และ
เหมือนว่าความสามารถนี้จะช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมาย
โดยอิงถึงสิ่งที่ผมเข้าใจได้
แล้วต่อไป ละการร่ายอาคม นี่หมายความว่าถ้าผมเรียนรู้
เวทมนตร์ได้ ก็จะใช้ออกมาได้เลยโดยไม่ต้องท่องคาถางั้นเหรอ? หรือว่า
กันตามตรง สรุปว่ามีอยู่จริงๆ สินะ เวทมนตร์น่ะ!!
ค�าตอบนั้นคือ YES
พอได้ยนิ แบบนีผ้ มก็อยากเรียนรูเ้ วทมนตร์ขนึ้ มาอย่างช่วยไม่ได้
ในเมือ่ ไม่มอี ะไรจะเสีย ผมจึงลองตรวจสอบกับ 『มหาปราชญ์』
ดูว่าใช้มันได้หรือไม่ และแน่นอนว่าค�าตอบคือใช้ไม่ได้
ทว่ามาถึงตรงนี้ผมก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมา ว่าผมน�าการวิเคราะห์ของ
30
สกิล 『นักล่าเหยื่อ』 มาลิงก์เข้ากับความสามารถคิดค�านวณแบบขนาน
ของสกิล 『มหาปราชญ์』 ได้หรือไม่?

《คÓตอบ ลิงก์ความสามารถวิเคราะห์ของสกิล 『นักล่าเหยือ่ 』


เข้ากับความสามารถคิดค�านวณแบบขนานของสกิล 『มหาปราชญ์』
ได้ จะทÓการลิงก์หรือไม่? YES/NO》

ของตาย ต้อง YES อยู่แล้วสิ! แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรจะให้


วิเคราะห์ด้วยสิ... เดี๋ยวก่อนนะ?
หญ้าที่ผมกินแก้เซ็ง และเห็นว่าถูกเก็บอยู่ในกระเพาะ ตกลงว่า
มันคืออะไรกันนะ?
เอาเถอะ ไงๆ ก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นให้ท�าอยู่แล้ว ลองให้สกิล
วิเคราะห์ไอ้นั่นดูดีกว่า
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงลงมือทันที
.........
......
...

《สิ้นสุดการวิเคราะห์--------

หญ้าฮิโปคุเตะ : วัตถุดบิ สÓหรับทÓยารักษาบาดแผล งอกงาม


ได้เฉพาะในสถานทีท่ มี่ แี ก่นเวทเข้มข้น หากหลอมรวมของเหลวที่ได้
จากหญ้าเข้ากับแก่นเวทจะกลายเป็นยาฟืน้ ฟู หรือหากบดส่วนใบแล้ว
นÓไปหลอมรวมเข้ า กั บ แก่ น เวทจะกลายเป็ น ยาทาสÓหรั บ สมาน
บาดแผล》

บทที่ 1 เพื่อนคนแรก 31
ว่าไงนะ! วัชพืชทีผ่ มเก็บสะสมแล้วสะสมอีกเพือ่ ฆ่าเวลาเนีย่ นะ...
แบบนี้เขาเรียกว่าเจอส้มหล่นในสถานที่ที่คาดไม่ถึงสินะ
ผมรีบลงมือท�ายาฟื้นฟูกับยาสมานแผลทันที แต่แม้จะบอก
อย่างนัน้ ผมก็ไม่รสู้ กึ ถึงความสมจริงเลยเพราะมันถูกสร้างขึน้ โดยอัตโนมัติ
ภายในร่างกายของผม การวิเคราะห์ใช้เวลาไม่ถึง 1 วินาที แถมไม่ถึง 3
วินาทีก็ท�าออกมาได้ชิ้นหนึ่งแล้ว ดังนั้นหากมีเวลาสัก 5 นาทีก็จะท�าได้
ถึง 100 ชิ้นเลยทีเดียว
ด้านคุณภาพ เนื่องจากไม่มีอะไรให้เปรียบเทียบผมจึงไม่ค่อย
เข้าใจนัก แต่พอทดลองประเมินดู ก็ได้ผลออกมาว่า “คุณภาพสูง”
ก็น่าจะเป็นผลลัพธ์ท่ีพึงพอใจได้ ว่าแต่ทั้งการวิเคราะห์ทั้งการ
สร้างไอเท็มมันเร็วเป็นบ้าเลยแฮะ พอลองสอบถามดูกไ็ ด้ความว่าตามปกติ
แล้วต้องใช้เวลามากกว่านี้ ดูเหมือนว่าการทีล่ งิ ก์ความสามารถคิดค�านวณ
แบบขนานเข้าไปด้วยนั้นจะเป็นทางเลือกที่ถูกจริงๆ
ผมทดลองปลดการลิงก์ออกแล้วสร้างไอเท็มชิน้ หนึง่ ปรากฏว่า
คราวนี้ใช้เวลาถึง 50 นาที
เรียกว่าย่นเวลาลงมาได้จนน่ากลัวเลยละ
ดูท่าว่าผมจะได้สกิลที่เข้าขากันได้ดีมาเสียแล้ว ถึงตัวผมเองจะ
ไม่รู้ตัวมาก่อนเลยก็ตาม...
ในจ�านวนสิง่ ของทีผ่ มดูดซึมเข้ามานัน้ มีหญ้าวัชพืชปะปนอยูด่ ว้ ย
แต่ดเู หมือนว่าต้นหญ้าเกือบทัง้ หมดทีข่ นึ้ ในสถานทีน่ จี้ ะเป็นหญ้าฮิโปคุเตะ
ผมจึงเริม่ ออกล่าอย่างบ้าคลัง่ และพยายามกวาดกินหญ้าทีอ่ ยูใ่ น
พื้นที่นี้ให้หมด เพื่อเตรียมพร้อมไว้ส�าหรับเวลาฉุกเฉิน
และขณะเดียวกัน ภายในกระเพาะก็ผลิตยาฟืน้ ฟูไปพร้อมกันด้วย
เพราะไม่ว่าอย่างไร ผมก็ยังคงอยู่ในความมืดสนิทอยู่ดี ดังนั้น
จึงไม่มีเรื่องอื่นที่ผมท�าได้มากไปกว่านี้...

32
ตัวผมในตอนนั้น ประมาทไปโดยสิ้นเชิง
ด้วยสกิลที่ผมมี ถึงแม้จะเป็นแค่ฝ่ายรอรับอย่างเดียว แต่การที่
อีกฝ่ายช่วยตอบข้อสงสัยให้ผมได้นั้น ท�าให้ผมได้ใจเกินไป
การที่ไม่มีวี่แววว่าจะบังเอิญพบกับสิ่งมีชีวิตอื่นหรือเรื่องที่น่าจะ
เป็นอันตรายต่อชีวิตเลยตลอด 90 วันก็น่าจะมีส่วนเหมือนกัน
อย่างไรก็ตามแต่ ผมก็กระท�าการลงไปโดยประมาท
เอ๋? ผมคิดอย่างนั้นอยู่เพียงเสี้ยววินาที
จูๆ่ ร่างกายของผมก็ดเู หมือนจะเบาขึน้ แต่กด็ เู หมือนจะหนักขึน้ ...
ผมอยู่ในสภาวะที่ไม่มั่นคงอย่างมาก

หรือว่า... ผมจะตกน�้า?

ระหว่าง 90 วันมานี้ ผมไม่รสู้ กึ ว่ามีหยาดน�า้ ตกลงมาบนร่างกาย


เลยแม้แต่ครั้งเดียว หรือสรุปก็คือผมคิดว่าผมอยู่ในที่ร่ม หรือในถ�้าที่ฝน
ตกลงมาไม่ถึง ก็เลยไม่เคยนึกถึงความเป็นไปได้ดังกล่าว
ดูเหมือนว่าผมจะลื่นพลัดตกลงไปในแม่น�้าหรืออะไรสักอย่าง
แต่อยู่ในที่ร่มแบบนี้คงไม่มีแม่น�้า ดังนั้นอาจจะเป็นทะเลสาบใต้ดินในถ�้า
หรืออะไรท�านองนั้นละมั้ง...?
จนกระทั่งถึงเมื่อครู่นี้ ผมค่อยๆ เดินไปท่ามกลางความมืดมิดที่
มองอะไรรอบๆ ไม่เห็นเลยแม้แต่น้อย โดยตรวจสอบเส้นทางให้แน่ใจไป
ทีละก้าว ทีละก้าว
ทัง้ ทีเ่ ป็นอย่างนัน้ แต่หลังจากได้รบั การอธิบายเรือ่ งสกิลไปแล้ว
ผมจึงได้ใจใช้สกิล 『นักล่าเหยือ่ 』 กินหญ้าไม่หยุด และผลก็คอื ผมละเลย
การตรวจสอบบริเวณพื้นไป
ผมนี่เป็นแบบนี้เสมอ เดี๋ยวเดียวก็ได้ใจแล้วก็ท�าอะไรผิดพลาด
อยู่เรื่อย
บทที่ 1 เพื่อนคนแรก 33
อย่างเวลาติดต่อกับคู่ค้า ก็มักจะรับงานด้วยความรู้สึกสบายๆ
โดยตอบรับเสียดิบดีว่า “สบายมาก! ให้เป็นหน้าที่ผมเถอะครับ!” แล้วก็
ต้องเจอกับนรกทีหลังตั้งไม่รู้กี่ครั้ง ผมนึกถึงแววตาแค้นเคืองของบรรดา
รุ่นน้องในเวลานั้นขึ้นมาได้เลย
แล้วอันที่จริง มีไอ้บ้าที่ไหนเขาออกไปวิ่งทั้งที่รอบข้างมืดสนิท
จนมองอะไรไม่เห็นกันบ้าง ผมละอยากจะเทศนาตัวเองจริงๆ เลย ถ้ารอด
ไปได้ละก็มาเทศนากันหน่อยดีกว่า
แต่อย่างไรเสีย ถึงจะเสียใจ ผมก็คงไม่ส�านึกผิดอยู่ดี...
จะว่าไป ผมมีเวลามาคิดเรื่องพวกนี้ด้วยแฮะ
ทั้งที่สภาพของผมในตอนนี้นั้นแม้จะอยากดิ้นพราดตีแขนตีขา
แต่เนื่องจากผมไม่มีมือเท้า ดังนั้นถึงอยากจะลนลานแค่ไหนก็ท�าไม่ได้
อยู่ดี...
จบแล้วสินะ
เป็นชีวิตมนุษย์ เอ๊ย ชีวิตสไลม์ที่แสนสั้นเหลือเกิน
ผมเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมรับความอึดอัดหายใจไม่ออกทีค่ งจะ
มาเยือนในไม่ช้า
.........
......
...
แต่ความอึดอัดก็ไม่มาเยือนเสียที
ท�าไมล่ะ? หรือว่าผมจะไม่ได้ตกน�้า?
กรณีแบบนี้ ก็ต้องใช้ 『มหาปราชญ์』 แห่งยามล�าบากสิ

《คÓตอบ ร่างกายของสไลม์เคลื่อนไหวด้วยแก่นเวทเพียง
อย่างเดียวเท่านั้น เนื่องจากไม่ต้องการออกซิเจน จึงทÓให้ไม่จÓเป็น
ต้องหายใจ และไม่มีการหายใจแต่อย่างใด》
34
จะว่าไปแล้ว... ผมไม่ทันรู้สึกตัวก็จริง แต่ผมไม่ได้หายใจจริงๆ
นั่นละ
อย่างนี้นี่เอง ใช้เวลาตั้ง 90 วันกว่าผมจะฉลาดขึ้นอีกอย่าง! แต่
เฮ้ย จะอย่างไรนีก่ ไ็ ม่ใช่เวลามามัวนึกประทับใจอย่างสบายอารมณ์อยูด่ นี ะ
เพราะดูท่าว่าผมจะตกลงไปในน�้าไม่ผิดแน่แล้ว
ถึ ง แม้ ว ่ า จะไม่ ต าย แต่ ส ถานการณ์ ที่ น ่ า ปวดหั ว ก็ ยั ง คงอยู ่
เหมือนเดิม
เอาไงดีล่ะนี่?
ผมไม่ค่อยเข้าใจด้วยว่าตัวเองก�าลังลอยหรือก�าลังจมกันแน่
มือเท้าก็ไม่มี ดังนั้นก็ไม่น่าจะว่ายน�้าได้
ถ้าจมลงไปถึงข้างล่างแล้ว ผมจะคืบคลานไปใต้น�้าจนกระทั่ง
กลับสู่พื้นดินได้หรือไม่?
หรือว่าจะลอยก็ไม่ลอย จมก็ไม่จม ได้แต่ถูกพัดพาไปเรื่อยๆ
แบบนี้?
อันที่จริงผมรู้สึกเหมือนว่าตัวเองก�าลังอยู่ในเปลมากกว่าก�าลัง
ถูกพัดพา สัมผัสที่เหมือนถูกโอบกอดด้วยแรงแกว่งน้อยๆ นี้ช่างให้ความ
รู้สึกดีเหลือเกิน...
ว่าแต่น�้านี่ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลยแฮะ ดูเหมือนว่าที่นี่จะ
เป็นทะเลสาบมากกว่าแม่นา�้ ผมไม่รู้สึกเลยว่าตัวเองก�าลังถูกพัดไปไหน
มีแต่เดี๋ยวลอยเดี๋ยวจม และไม่มีทีท่าว่าจะจมลงจนถึงก้นด้วย ผมอาจจะ
ต้องอยู่แบบนี้ตลอดไปก็ได้ ซึ่งนั่นเป็นสถานการณ์ที่ไม่โสภาเป็นอย่างยิ่ง
เอาไงดีล่ะทีนี้
วินาทีนั้นเอง เซลล์สมองของผม = ร่างกายของสไลม์ ก็คิด
แผนการที่น่าสะพรึงกลัวขึ้นมาได้!

บทที่ 1 เพื่อนคนแรก 35
แค่ดมื่ น�า้ เข้าไปให้มากๆ แล้วพ่นออกมาเพือ่ เคลือ่ นไหวด้วยแรง
ขับเคลื่อนแบบวอเตอร์เจ็ตก็พอแล้วไม่ใช่เรอะ?

ในเมื่อนึกออกแล้วก็ลงมือเลยดีกว่า เพราะไม่มีอะไรอย่างอื่นที่
ผมท�าได้แล้วด้วย...
ก่อนอื่น ผมดื่มน�้าเข้าไปจนถึงประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของ
กระเพาะของสกิล 『นักล่าเหยื่อ』
จากนั้นในขณะที่ก�าลังบีบอัดปริมาณน�้าอยู่ ผมก็ปล่อยมันออก
มาในอึดใจเดียว
ความรู้สึกได้ปลดปล่อยที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่ธรรมดาเลย

《คุณได้รับสกิล 『ขับเคลื่อนแรงดันน้Ó』》

เสียงดังสะท้อนขึ้นในสมองของผมอย่างกะทันหัน
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมตั้งสติฟังเสียงนั้น มันคงจะเป็น “วจนะแห่ง
โลก” นั่นเอง
เรื่องนั้นไม่มีทางผิดไปได้ เพราะ 『มหาปราชญ์』 ไม่มีทางส่ง
เสียงทักผมก่อน แต่เสียงมันให้ความรู้สึกเหมือนกันเปี๊ยบเลยจริงๆ
ทว่าตัวผมในตอนนี้ไม่ว่างพอที่จะมานั่งวิเคราะห์เรื่องนั้นอย่าง
สบายอารมณ์แม้แต่น้อย
ความรูส้ กึ ถูกกดทับถาโถมเข้าใส่รา่ งกายของผมพร้อมกับแรงดันน�า้
ทีเ่ พิม่ สูงขึน้ แล้วร่างกายก็พงุ่ ไปข้างหน้าอย่างรุนแรงจนชวนให้คดิ ว่าตัวเอง
ก�าลังบินอยู่บนฟ้า เป็นสัมผัสของการเร่งความเร็วอย่างมหาศาล
ว่ากันตามจริง อาจเป็นโชคดีที่ผมมองไม่เห็นอะไรเลยก็ได้
มีเพียงสัมผัสที่ว่าร่างกายก�าลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงใน
ความมืดมิดเท่านั้นที่เข้าจู่โจมผม
36
ผมขอเปลี่ยนค�าพูด ถ้ามองเห็นละก็ความกลัวจากการมองเห็น
คงจะไม่ใช่น้อยๆ ...แต่ถึงมองไม่เห็นก็น่ากลัวสุดๆ ไปเลยเหมือนกัน
ถ้ า ผมเคยมี ป ระสบการณ์ ไ ด้ นั่ ง เจ็ ต โคสเตอร์ ใ นความมื ด ที่
เลเชอร์แลนด์2 อาจจะมีความรู้สึกร่วมบ้างสักเล็กน้อยก็ได้
ประสบการณ์เพียงครัง้ เดียวซึง่ เคยได้สมั ผัส ณ สวนสวรรค์ทถี่ กู
ครอบครองโดยหนูหูกลมกางเกงแดงเมื่อชาติก่อนย้อนกลับคืนขึ้นมา แต่
เรือ่ งของเรือ่ งก็คอื ในกรณีของครัง้ นี้ มันไม่มกี ารรับประกันความปลอดภัย
ใดๆ ทั้งสิ้น
ผมอยากจะต่อยตัวเองทีด่ นั นึกถึงการขับเคลือ่ นแบบวอเตอร์เจ็ต
ขึ้นมาจริงๆ
นึกได้ปบุ๊ ก็ลงมือปับ๊ ? จะบ้าเรอะ! การตรวจสอบความปลอดภัย
มันเป็นพื้นฐานไม่ใช่หรือไง!!
ความกลัวท�าให้ผมรวบรวมความคิดไม่ค่อยได้
สัมผัสทีว่ า่ ตัวเองก�าลังเร่งความเร็วนีจ่ ะด�าเนินไปถึงไหนกันนะ...
ว่าแต่ ผมพ่นน�้าออกมาแรงเอาเรื่องเลยนะเนี่ย
แต่คิดเช่นนั้นไม่ทันไร ร่างของผมก็ดีดตัวอย่างแรง และความ
เจ็บปวดแสนสาหัสก็... ไม่เข้าจู่โจม
เอ๋? ดูเหมือนว่าร่างกายของผมจะไม่ได้รับความเสียหายแฮะ...
หรือไม่อย่างนั้นก็ได้รับความเสียหาย แต่แค่ไม่รู้สึกเจ็บงั้นเหรอ?

《คÓตอบ เนื่องจากคุณได้รับสกิล 『ลบล้างความเจ็บปวด』


แล้ว จึงทÓให้ไม่เกิดความเจ็บปวด ด้วยสกิล 『ต้านทานการโจมตีทาง
กายภาพ』 ส่งผลให้ได้รับความเสียหายน้อยลง อัตราความเสียหายที่
ร่างกายได้รบั คือ 10 เปอร์เซ็นต์ สกิลเฉพาะตัวของมอนสเตอร์ “สไลม์”
『ฟื้นฟูตนเอง』 เริ่มทÓงาน จะสนับสนุนด้วยยูนีคสกิล 『นักล่าเหยื่อ』
หรือไม่? YES/NO》
2เลเชอร์แลนด์ : Tokyo Leisure Land) ศูนย์นันทนาการที่โอไดบะ มีกิจกรรมต่างๆ ให้ท�ามากมาย
เช่นเกมใหม่ล่าสุด เครื่องเล่น โบว์ลิ่ง คาราโอเกะ ฯลฯ
แค่ไม่รู้สึกเจ็บแต่ได้รับบาดเจ็บงั้นเหรอ ก็คงแหงอยู่แล้วสินะ...
ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นเรื่องดีหรือเปล่า แต่ถ้ารับรู้ถึงความ
ผิดปกติได้แม้จะไม่เจ็บปวด ความเจ็บปวดก็อาจจะไม่ใช่สิ่งที่จ�าเป็นแล้ว
กระมัง
แล้วก็ การสนับสนุนด้วยสกิล 『นักล่าเหยือ่ 』 เหรอ? ถึงจะไม่คอ่ ย
เข้าใจเท่าไร แต่ก็ “YES” ก่อนละกัน
วินาทีนั้นเอง ผมรู้สึกเหมือนว่าส่วนหนึ่งของร่างกายเลือนหาย
ไปอย่างไร้ร่องรอย และเมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง ก็สัมผัสได้ว่าร่างกายค่อยๆ
กลับคืนสู่ปริมาตรดั้งเดิมทีละน้อยๆ
รู้สึกว่าสกิลจะกินส่วนที่ได้รับบาดเจ็บเข้าไปทั้งหมด จากนั้นก็
วิเคราะห์และซ่อมแซมแฮะ
เป็นร่างกายที่สะดวกอะไรอย่างนี้เนี่ย... คราวหน้าไว้ทดลองดู
ดีไหมว่าร่างกายต้องลดไปแค่ไหนถึงจะเคลื่อนไหวไม่ได้ ดูเหมือนว่าถึง
ร่างกายจะลดไปสักกีส่ ว่ นก็ไม่มผี ลต่อกิจกรรมของร่างกายเสียด้วยสิ... แต่
ถึงอย่างไรก็มีแต่ลางสังหรณ์ว่าจะกลายเป็นเรื่องอันตรายทั้งนั้น เพราะ
ฉะนั้นลองแค่พอดีๆ ก็แล้วกันนะ
อื้อ ต่อให้เป็นคนอย่างผมก็รู้จักระมัดระวังมากขึ้นเหมือนกัน
ส�าหรับครั้งนี้ ผมมียาฟื้นฟูจ�านวนมหาศาลอยู่ด้วย แต่ก็ยัง
ไม่จ�าเป็นต้องใช้
อย่างไรก็ตาม หากบอกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ของร่างกายได้รบั บาดเจ็บ
ผมก็คิดว่ามันควรจะเป็นแผลสาหัส แต่เรื่องคราวนี้กลับท�าให้พิสูจน์ได้
ชัดเจนแล้วว่ารักษาบาดแผลระดับนี้ได้โดยใช้เวลาแค่ประมาณ 10 นาที
คราวหน้าถ้ามีเรื่องอะไรที่ท�าให้ได้รับบาดเจ็บอีก ก็ลองใช้ยาฟื้นฟูดูบ้าง
ดีกว่า

38
ว่าแต่ ที่นี่มันเป็นสถานที่แบบไหนกันล่ะเนี่ย?
ผมตรวจสอบจนมั่นใจว่าร่างกายกลับคืนสู่สภาวะเดิมแล้ว จึง
ค่อยหันไปสนใจสภาพโดยรอบ
ไม่ มี อ ะไรยื น ยั น ได้ ว ่ า บริ เ วณนี้ จ ะไม่ มี ม อนสเตอร์ อั น ตราย
อาศัยอยู่
ดู เ หมื อ นว่ า ผมจะออกมาพ้ น จากผื น น�้ า แล้ ว และหากจะมี
มอนสเตอร์ที่ไม่สามารถข้ามผืนน�้าได้อาศัยอยู่มันก็ไม่แปลกอะไรด้วย

ผมเริ่มเคลื่อนตัวอย่างระมัดระวัง
ระยะหลังนีผ้ มรูส้ กึ ว่าตัวเองจะตกอยูใ่ นอันตรายทุกครัง้ ทีพ่ ดู ค�า
ว่าระมัดระวัง แต่ผมคงคิดไปเองแน่ๆ
และความคิดเช่นนั้นเองที่อาจเป็นเหตุ...
(ได้ยินรึเปล่า? เจ้าตัวจ้อยเอ๋ย)
ให้มีเสียงบางอย่างดังมาให้ได้ยิน

เจ้าตัวจ้อยงั้นเรอะ? เอาเถอะ ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็คงหมายถึง


ตัวผมนั่นละ...
ว่าแต่มันเหมือนกับว่าจิตใจของผมรับรู้ความนึกคิดของอีกฝ่าย
ได้โดยตรงมากกว่าจะเป็นการได้ยินเสียงแฮะ เพราะผมไม่มีหูก็เลย
ไม่ได้ยินเสียงด้วย
(เฮ้! ได้ยินใช่มั้ย? ตอบสิ!)
ได้ยินเฟ้ย!
แต่ผมไม่มีปากเลยไม่รู้จะตอบอย่างไรนี่นา
ผมจึงทดลองตอบกลับไปในใจว่า “หนวกหูน่า ไอ้โล้น!”
บทที่ 1 เพื่อนคนแรก 39
เอาเถอะ คงไม่เป็นไรหรอก เพราะอย่างไรทางนั้นก็คงไม่ได้ยิน
ว่าแต่แล้วผมจะหาทางตอบเขาอย่างไรดีล่ะนี่...
(...โฮะ โฮะโฮ่------ บังอาจเรียกข้าว่าไอ้โล้นเชียวรึ กล้าหาญดีน!ี่ !
เห็นว่าไม่มีแขกมาเยือนเสียนานก็เลยเกรงใจอยู่บ้าง แต่ดูท่าว่าเจ้าคงจะ
อยากตายสินะ!)
แย่ละ ท่าทางเขาจะได้ยินแฮะ ว่าแต่แค่คิดในใจก็ตอบได้แล้ว
เรอะ! ถ้าบอกกันก่อนก็คงไม่ต้องท�าให้อื่นฝ่ายโมโหแล้วแท้ๆ
แถมผมยังไม่รู้เลยสักนิดด้วยว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
ช่วยไม่ได้แฮะ ยอมแพ้ดีกว่า
กรณีนี้ขอโทษเขาแต่โดยดีเถอะ
(ขออภัยด้วยครับ! ผมไม่ทราบวิธตี อบค�าถามคุณ ก็เลยแค่ลอง
พูดอะไรทีค่ ดิ ออกมาเรือ่ ยเปือ่ ยเท่านัน้ ครับ ต้องขออภัยจริงๆ ครับ! ทัง้ นี้
ตัวผมนั้นอยู่ในสภาพที่ตามองไม่เห็นด้วย ดังนั้นก็เลยไม่เห็นกระทั่ง
รูปร่างของคุณครับ)
เขาจะเข้าใจหรือเปล่าหว่า? แต่กน็ ะ มองไม่เห็นแท้ๆ ว่าอีกฝ่าย
เขาหน้าตาเป็นอย่างไรแล้วไปว่าเขาเป็นเจ้าโล้นได้ไงเล่า แล้วถ้าเขาหัวโล้น
ขึ้นมาจริงๆ ก็แน่ละที่เขาจะโกรธจัด
(หึหึหึ หึฮะฮะ หึฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!)
แต่จู่ๆ อีกฝ่ายก็ระเบิดหัวเราะลั่น
แถมยังใช้การหัวเราะ 3 ระดับตามพื้นฐานเป๊ะอย่างน่าดูชม
นี่หายโกรธแล้วหรือเปล่านะ?
(น่าสนใจ นึกว่าเจ้ากล้าพูดทั้งที่มองเห็นรูปร่างของข้าเสียอีก
ที่แท้เจ้ามองไม่เห็นหรอกรึ โดยพื้นฐานพวกเผ่าพันธุ์สไลม์จะเป็นเพียง
มอนสเตอร์ระดับต�่าที่ไม่มีความคิด ท�าเพียงดูดซึม แยกส่วน และฟื้นฟู
ไปเรือ่ ยๆ เท่านัน้ และยังแทบจะไม่ออกมาจากถิน่ ทีอ่ ยูข่ องตัวเองเลยด้วย)
แถมเริ่มร่ายอะไรออกมาก็ไม่รู้อีก? หรือก�าลังอยู่ในอาการ
40
ประมาณว่ารู้สึกสนใจมากกว่าจะโกรธ... เหรอ?
อย่างไรก็ตามแต่ นีค่ อื เฟิรส์ คอนแทกต์ เป็นการสนทนาครัง้ แรก
ในชีวติ (สไลม์) ของผม ดังนัน้ ผมจึงอยากจะด�าเนินบทสนทนาให้ราบรืน่
อย่างเป็นมิตร
(ข้าก็นกึ สงสัยอยูว่ า่ แล้วท�าไมสไลม์ทเี่ ป็นแบบนัน้ ถึงได้เอาตัวมา
พุง่ ชนข้า แถมเจ้ายังมีความสามารถในการฟืน้ ฟูทเี่ ร็วจนผิดปกติดว้ ย เจ้า
เป็นเนมด์มอนสเตอร์ หรือว่ายูนีคมอนสเตอร์รึ?)
เนมด์? ยูนีค? ไม่เข้าใจความหมายแฮะ
(ขอโทษนะครับ คือผมไม่ค่อยเข้าใจความหมายน่ะครับ ที่จริง
แล้วผมเพิ่งจะมาเกิดที่โลกนี้ได้วันนี้เป็นวันที่ 90 เท่านั้น...)
(อืม ลองถ้าเจ้ามีสติสัมปชัญญะของตัวเอง ก็เท่ากับว่าเจ้าไม่มี
ทางเป็นสไลม์ธรรมดาได้แน่อยู่แล้ว มอนสเตอร์ที่ได้รับการมอบ “ชื่อ”
จะถูกเรียกว่าเนมด์มอนสเตอร์ แต่คงเป็นไปไม่ได้ถ้าเจ้าเพิ่งเกิดได้ 90
วัน ถ้างั้นเจ้าคือยูนีครึ?)
(แล้วยูนีคนี่คือ?)
(ยูนคี มอนสเตอร์หมายถึงมอนสเตอร์ตวั หนึง่ ๆ ทีม่ คี วามสามารถ
ประหลาดราวกับกลายพันธุ์อย่างกะทันหัน ซึ่งนานๆ ครั้งก็จะถือก�าเนิด
ขึน้ ในสถานทีท่ มี่ คี วามเข้มข้นของแก่นเวทสูง... อย่างนีน้ เี่ อง เจ้าถือก�าเนิด
จากกลุ่มก้อนของแก่นเวทที่รั่วไหลออกมาจากร่างของข้าสินะ!)
หืม? แบบว่ามันหมายความว่าไงน่ะเออ?
ลองคิดค�านวณโดยใช้ความรู้จากโลกเดิมทั้งหมดดูดีกว่า
สรุปแล้วก็คอื มีแก่นเวทรัว่ ไหลออกมาจากตัวของลุง (มัง้ ) คนนี้
และท�าให้แก่นเวทในบริเวณรอบๆ นี้มีความเข้มข้นสูง
และมอนสเตอร์ซึ่งถือก�าเนิดจากการรวมแก่นเวทที่ว่านี่เข้าด้วย
กัน ก็คือสไลม์ = ตัวผม งั้นสินะ?
(อืม ตลอด 300 ปีที่ผ่านมานี้ แค่ปิศาจที่เข้าใกล้ข้าได้ก็ยังไม่มี
บทที่ 1 เพื่อนคนแรก 41
แต่ถ้าเจ้าเกิดมาโดยมีพลังเวทของข้าเป็นแหล่งก�าเนิด ก็ไม่แปลกอะไรที่
เจ้าจะสัมผัสร่างของข้าได้!)
(โฮะโฮ่... ก็แปลว่าคุณเป็นเหมือนผู้ให้ก�าเนิดผมงั้นหรือครับ?)
(ไม่ใช่ผใู้ ห้กา� เนิดหรอก... และอันทีจ่ ริงข้าก็ไม่มคี วามสามารถใน
การสืบพันธุ์ด้วย ปิศาจนั้นมีอยู่หลากหลาย โดยมีทั้งผู้ที่มีความสามารถ
ในการสืบพันธุ์และผู้ที่ไม่มีนั่นละนะ)
(ตามปกติแล้วความสามารถสืบพันธุเ์ ป็นสิง่ ทีต่ อ้ งมีไม่ใช่เหรอ?
แต่พูดก็พูด หากมีการถือก�าเนิดจากกลุ่มก้อนของแก่นเวทได้ด้วย การ
สืบพันธุ์ก็ไม่ใช่เรื่องจ�าเป็นแล้วสินะ?)
(------- เจ้านี่ มีสติปัญญาไม่เบานะ ถ้าเป็นปิศาจธรรมดาละก็
แค่ผู้ที่มีความสามารถในการนึกคิดก็มีน้อยอยู่แล้วแท้ๆ ปิศาจที่มีสติ
ปัญญาน่าจะมีแต่ “มนุษย์มาร” เท่านั้นนี่นา...)
ลุงพูดแบบนั้นพลางอธิบายอะไรต่อมิอะไรให้ฟังยาวเหยียด...
ก่อนอืน่ ความเป็นจริงทีส่ า� คัญทีส่ ดุ ก็คอื ชัดเจนแล้วว่าในโลกนี้
เองก็มีมนุษย์อยู่ด้วย
ส่วนเผ่าพันธุ์ซึ่งมีความใกล้เคียงกับมนุษย์ที่ว่าจะถูกเรียกว่า
อมนุษย์ และดูเหมือนว่าจะมีความสามารถในการสืบพันธุ์ด้วย
ลูกหลานของเผ่าภูตเช่นเอลฟ์ ฮอบบิท และคนแคระนั้นเป็น
มิตรกับมนุษย์ และถูกนับเป็นสมาชิกของมนุษยชาติ
ส่วนเหล่าผูท้ ถี่ กู เรียกว่าก็อบลินกับออร์ค ลิซาร์ดแมน ฯลฯ จะ
ถือว่าเป็นปิศาจเนือ่ งจากเป็นศัตรูกบั มนุษย์ แต่ทงั้ นีก้ เ็ พียงแค่อยูใ่ นฐานะ
ของศัตรูเท่านั้น และดูเหมือนว่าจะผสมพันธุ์ข้ามเผ่าพันธุ์ได้
ต่อไปก็คือ “มนุษย์อสูร” อันเป็นชื่อเรียกโดยรวมของผู้ที่ถือ
ก�าเนิดจากแก่นเวท ปิศาจที่เกิดการกลายพันธุ์อย่างกะทันหัน หรือผู้ที่มี
วิวฒ
ั นาการขึน้ มาจากสัตว์หรือสัตว์อสูร ลักษณะพิเศษของพวกเขาก็คอื มี
สติปัญญา และมีความสามารถในการสืบพันธุ์ด้วย
42
ดูเหมือนว่าตัวแทนของมนุษย์มารระดับสูงนั้นจะได้แก่เผ่าพันธุ์
ที่มีอายุยืนยาว ได้แก่เผ่ามนุษย์ยักษ์ เผ่าผีดูดเลือด หรือเผ่าอสูร ถึงแม้
พวกเขาจะมีความสามารถในการสืบพันธุ์ แต่กลับแทบจะไม่มกี ารสืบพันธุ์
เลย ซึง่ เหตุผลคงจะมาจากการทีพ่ วกเขามีพลังเวทอันท่วมท้นและร่างกาย
ที่ไม่มีการเสื่อมสลายลง ท�าให้ไม่จ�าเป็นต้องมีลูกหลานไว้สืบทอดละมั้ง
และเหล่าผู้ที่มีความสติปัญญากับความสามารถในการสืบพันธ์ุ
แต่เป็นศัตรูกับมนุษยชาติ ก็จะถูกเรียกเหมารวมว่า “เผ่าปิศาจ”
จากภาพลักษณ์ทผ่ี มมองเห็นนัน้ ถ้าจะพูดให้ถกู น่าจะต้องบอก
ว่ามนุษยชาติเป็นฝ่ายหวาดกลัวพลังของเผ่าปิศาจอยู่ฝ่ายเดียวมากกว่า
ทีจ่ ะบอกว่าเผ่าปิศาจตัง้ ตัวเป็นศัตรูกบั มนุษยชาติ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือน
ว่าจะมีการต่อสู้โดยเดิมพันด้วยเขตที่อยู่อาศัยเกิดขึ้นจริงๆ
ทัง้ นีย้ งั มีการจัดแบ่งระดับความอันตรายของเหล่าปิศาจดังกล่าว
ด้วย
โดยในจ�านวนนั้น ผู้ที่ถูกเรียกว่ามนุษย์มารระดับสูง จะถือเป็น
ตัวตนที่ค่อนข้างมีความอันตรายมาก เห็นว่าดีไม่ดีอาจมีผู้ที่ท�าลายเมือง
ทัง้ เมืองได้ดว้ ยตัวคนเดียวด้วยซ�า้ เรียกได้วา่ เป็นบุคคลทีไ่ ม่นา่ เข้าใกล้เอา
เสียเลย
ค�าอธิบายด�าเนินต่อเนื่องมาอย่างยืดยาว อย่างเช่นว่าในอดีต
ตัวลุงเองก็เคยต่อสู้กับเหล่ามนุษย์มารระดับสูง และอะไรต่อมิอะไรอีก
หลายอย่าง
ท้ายที่สุด ลุงจึงค่อยเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวเองว่า...
(ส่วนเหตุผลทีข่ า้ ไม่มคี วามสามารถในการสืบพันธุน์ นั้ ... ก็เพราะ
มันไม่มคี วามจ�าเป็น ข้าคือ “ผูม้ คี วามสมบูรณ์ในตัวเอง” เป็น 1 ใน “เผ่า
มังกร” ซึง่ มีอยูเ่ พียง 4 เท่านัน้ ในโลก นามทีถ่ กู ขนานว่า “มังกรวายุคลัง่ ”
เวลโดร่า ก็คอื ตัวข้าเอง! ไม่มคี า� ว่าอายุขยั หรือร่างเนือ้ ส�าหรับข้า! ขอเพียง
ข้าต้องการ ข้าก็ไม่มีวันสูญสลาย! ก๊าก------ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!)
บทที่ 1 เพื่อนคนแรก 43
คือ ถึงจะหัวเราะซะดังลั่นก็เถอะ...
สรุปแล้วก็หมายความว่าเพราะไม่มอี ายุขยั จ�ากัด ก็เลยไม่จา� เป็น
ต้องมีลูก! ใช่ไหมล่ะ?
และถึงลุงจะเป็นพวกช่างจ้อได้ยาวแสนยาว แต่เมื่อกี้ลุงแกพูด
เรื่องที่มองข้ามไม่ได้ออกมาด้วยนะ
ทีว่ า่ “มังกรวายุคลัง่ ” เวลโดร่าเนีย่ แปลว่าลุงแกเป็นมังกรเรอะ?
แถมพูดอารมณ์เหมือนว่ามนุษย์มารเป็นแค่เพื่อนส�าหรับตีกัน
เล่นด้วย งั้นก็แปลว่าลุงนี่เป็นตัวอันตรายสุดๆ เลยไม่ใช่หรือไง?
เมื่อใช้ความรู้จากชาติก่อนทั้งหมดคิดค�านวณดูแล้ว ผมก็สรุป
ได้ว่า คุณ “มังกรวายุคลั่ง” เวลโดร่าที่น่าจะอยู่ตรงหน้าผมเนี่ย เป็นตัว
อันตรายอย่างแน่นอน
แล้วทีล่ งุ แกอธิบายโน่นนีใ่ ห้ฟงั แบบละเอียดสุดๆ ก็ให้ความรูส้ กึ
สยองอย่างไรไม่รู้
เอาละ จะท�าไงดีล่ะนี่...
(งะ งั้นเหรอครับ! ขอบคุณมากนะครับที่กรุณาอธิบายให้ฟัง
แบบเข้าใจง่ายมากๆ เลย! ถ้ายังไงผมขอตัวก่อนนะครับ!)
ผมลองบอกออกไปแบบนัน้ เพือ่ ปูทางหลบหนีออกจากสถานทีน่ ี้
(เดี๋ยวก่อน ข้าเล่าเรื่องของข้าให้ฟังแล้ว งั้นคราวนี้ก็ต้องถึงตา
เจ้าเล่าบ้างสิ? หืม?)
แต่แน่นอน ดูเหมือนว่าลุงแกไม่คิดจะปล่อยให้ผมหนีไปได้...
อืม ให้เล่าเรื่องของผมงั้นเหรอ ถ้าบอกไปว่าผมมาเกิดใหม่จาก
ต่างโลก! เนี่ย ลุงแกจะยอมเชื่อแต่โดยดีไหมนะ? แถมรู้สึกว่าลุงแกจะ
ก�าลังสงสัยเรื่องที่ผมมีสติปัญญาสูงผิดวิสัยสไลม์อยู่เสียด้วยสิ ดังนั้นพูด
กลบเกลือ่ นแบบขอไปทีกไ็ ม่นา่ จะรอด และทีส่ า� คัญทีส่ ดุ ถ้าพยายามกลบเกลือ่ น
แล้วผิดพลาดขึน้ มาก็มคี วามเป็นไปได้ว่าจะเป็นการปักธงเข้าสูร่ ตู เดีย้ งให้
ตัวเองด้วย
44
เอาเถอะ ถ้าลุงแกไม่เชื่อละก็ ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันแล้วกัน
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ผมจึงเล่าเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมาให้ลุงฟัง
.........
......
...
(ก็ อย่างที่ว่ามานี่ละครับ! ผมล�าบากแทบแย่เลยละ!)
ผมปกปิดเรือ่ งสกิลของตัวเองไว้ และเล่าเรือ่ งตัง้ แต่ทถี่ กู แทงจน
กระทั่งลืมตาตื่นขึ้นมากลายเป็นสไลม์ รวมถึงประสบการณ์จนกระทั่งมา
อยู่ที่นี่ในปัจจุบันออกไป
ตัวเองเป็นคนพูดเองแท้ๆ แต่ประหลาดดีแฮะที่ฟังดูแล้วไม่ให้
ความรู้สึกว่าล�าบากอะไรมากมายซะงั้น...
แต่ผมล�าบากมากจริงๆ นะ
ที่เจ็บปวดมากที่สุดก็คือการที่มองอะไรไม่เห็นนี่แหละ
จากนีไ้ ป ถึงจะเดินสวนกับเด็กผูห้ ญิงน่ารักๆ หรือพีส่ าวแสนสวย
ผมก็ไม่สามารถมองเห็นพวกเธอได้อีกแล้วอย่างนั้นเหรอ?
เริ่มรู้สึกเศร้ายังไงพิกลแล้วสิ
(หืม “ผู้กลับชาติ” จริงๆ ด้วยรึ เจ้านี่มีวิธีเกิดที่หาได้ยากมาก
จริงๆ นะ)
(เอ๋? วิธเี กิดทีห่ าได้ยาก? ว่าแต่ทวี่ า่ “ผูก้ ลับชาติ” เนีย่ แปลว่า
ไม่นึกสงสัยหรือตกใจอะไรเลยเหรอครับ?)
ปฏิกิริยาตอบสนองนี่มันอะไรหว่า?
“ผู้กลับชาติมาเกิด” เนี่ย ไม่ใช่ของแปลกเหรอ? พูดอย่างกับ
ว่าวิธีการเกิดของผมมันแปลกพิลึกยิ่งกว่าเรื่องนั้นอีกนะ?
(อืม นานๆ ครั้งก็จะมี “ผู้กลับชาติ” เกิดมาเหมือนกัน ซึ่งคง
เป็นเพราะมีความมุ่งมั่นอันแรงกล้าจนท�าให้ความทรงจ�าถูกสลักลงใน
ดวงวิญญาณละมัง้ มีกระทัง่ คนทีจ่ ดจ�าสิง่ ทีเ่ รียกว่าชาติทแี่ ล้วหรืออะไรนัน่
บทที่ 1 เพื่อนคนแรก 45
ได้อย่างสมบูรณ์ดว้ ยซ�า้ แต่วา่ “ผูก้ ลับชาติ” จากต่างโลกเนีย่ ถือว่าแปลก
จริงๆ เพราะตามปกติแล้วดวงวิญญาณเพียงอย่างเดียวจะทนทานการ
เดินทางข้ามมายังต่างโลกไม่ได้ ดวงวิญญาณจะถูกแยกส่วนและท�าให้
สูญเสียความทรงจ�าไป เท่าที่ข้ารู้ ผู้ที่มีความทรงจ�าครบถ้วนและกลาย
เป็นปิศาจที่ถือก�าเนิดจากแก่นเวทเนี่ยยังไม่เคยปรากฏตัวที่ไหนมาก่อน
เลย เจ้าถือเป็นตัวตนที่พิเศษเชียวละ)
ดูเหมือนว่าตามปกติแล้ว ผูก้ ลับชาติทมี่ าจากต่างโลกจะหลงเหลือ
ความทรงจ�าเดิมเพียงแค่เศษเสีย้ วเท่านัน้ ดังนัน้ คนทีม่ คี วามทรงจ�าทัง้ หมด
ครบถ้วนอย่างผมจึงกลายเป็นตัวตนที่ผิดแผกจากชาวบ้านเขา แต่ป่านนี้
แล้วเรื่องนั้นจะเป็นอย่างไรก็ช่างมันเถอะ
เพราะเมือ่ กีล้ งุ เขาพูดเรือ่ งทีจ่ ะฟังผ่านไปเฉยๆ ไม่ได้ออกมาด้วย
เรื่องที่ว่าแค่ดวงวิญญาณเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทนทานการข้ามมา
ต่างโลกได้ ถ้างั้น หมายความว่ามีคนที่ไม่ได้กลับชาติมาเกิดแต่เดินทาง
มายังโลกนี้ได้เลยอยู่ด้วยเหรอ?
(งั้นเหรอครับ? ผมไม่รู้ตัวเลยครับ... ว่าแต่ว่า คนที่เดินทางมา
จากต่างโลกโดยไม่ได้กลับชาติมาเกิดเนี่ย มีอยู่ด้วยสินะครับ?)
(อืม จนบัดนี้ก็ยังไม่เคยมีใครเดินทางไปยังต่างโลกส�าเร็จ แต่
นานๆ ครัง้ ก็มผี ทู้ เี่ ดินทางจากต่างโลกมายังโลกนีอ้ ยูบ่ า้ ง พวกเขาถูกเรียก
ขานว่า “ชาวต่างแดน” หรือไม่ก็ “ชาวต่างโลก” ดูเหมือนว่าจะเป็นพวก
ที่มีความรู้พิเศษซึ่งแตกต่างจากโลกทางนี้ และเห็นว่าพวกคนเหล่านั้นจะ
ได้รบั ความสามารถพิเศษตอนทีเ่ ดินทางมายังโลกนีด้ ว้ ย นอกจากนัน้ ก็ยงั
มีบันทึกเกี่ยวกับการค้นพบ “ผู้กลับชาติ” ที่มีความรู้ของต่างโลกอย่าง
ที่เล่าเมื่อครู่นี้หลงเหลืออยู่อีก แต่ผู้ที่ไม่ถูกค้นพบก็น่าจะมีอยู่เหมือนกัน
นั่นละ)
อย่างนี้นี่เอง ก็ไม่รู้หรอกนะว่าไอ้ต่างโลกที่ว่านี่จะเป็นโลกที่ผม
เคยอยูห่ รือเปล่า แต่ลองไปพบกับพวกคนทีว่ า่ นีด่ กู น็ า่ จะดี เพราะอาจจะ
46
มีคนญี่ปุ่นจากโลกเดียวกับผมอยู่ด้วยก็ได้
แล้วตัวผมเองก็ไม่มีเป้าหมายอะไร ดังนั้นสร้างเป้าหมายขึ้นมา
สักอย่างก็คงดีเหมือนกัน
(อย่างนีน้ เี่ อง! ถ้างัน้ ผมจะลองไปตามหาพวกชาวต่างโลกทีว่ า่ นี่
ดูนะครับ เพราะอาจจะพบคนรู้จักที่มาจากโลกเดียวกับผมบ้างก็ได้!)
(รอก่อนน่า เจ้าน่ะตามองไม่เห็นไม่ใช่รึ?)
(อ๊ะ ครับ)
มองไม่เห็นแล้วมันท�าไมรึ?
ถึงจะไม่สะดวกนัก แต่ถ้าค่อยเป็นค่อยไปเรื่อยๆ โดยไม่ตายไป
ซะก่อน สักวันก็คงได้เจอแหละน่า หวังว่านะ
(ข้าจะท�าให้เจ้ามองเห็นเอง)
หา? ว่าไงนะ?
เฮ้ เฮ้ นี่ลุงคนนี้เนี่ย... ไม่สิ คุณ “มังกรวายุคลั่ง” เวลโดร่าเนี่ย
เป็นคน (มังกร) ดีสุดๆ ไปเลยเหรอ?
ผมคาดหวังได้เหรอเนี่ย?
(เอ๋? จริงเหรอครับ?)
(อืม แต่ว่ามีเงื่อนไขนะ... ว่ายังไง?)
เงื่อนไข... เหรอ ไม่น่าไว้ใจแฮะ
(เงื่อนไขยังไงหรือครับ)
ถ้าเงื่อนไขไม่ได้พิสดารอะไร ผมก็รับได้แหละ
(ง่ายมาก ขอแค่ถงึ เจ้าจะมองเห็นแล้วก็อย่าได้หวาดกลัวข้า แล้ว
ก็จงมาคุยกับข้าอีก เท่านั้นละ ถือเป็นเรื่องดีส�าหรับเจ้าใช่ไหมล่ะ?)
แบบนั้นโอเคแล้วเหรอ?
จะว่าไปแล้ว... ตามังกรนี่อาจจะก�าลังเหงาก็ได้แฮะ ที่เขาเรียก
ว่ายิ่งสูงยิ่งหนาวเรอะ?
ก็ว่าสิท�าไมถึงได้พล่ามยาวชะมัด ผมคงจะเป็นคู่สนทนาที่ไม่ได้
บทที่ 1 เพื่อนคนแรก 47
เจอมาเสียนานละมั้ง
มังกรนี่อาจจะเคี้ยวง่ายผิดคาด
ไม่สิ ที่ว่าเป็นมังกรเองก็อาจจะอ�ากันก็ได้ หรืออันที่จริง ก็เป็น
ไปได้เหมือนกันว่ามังกรของโลกนี้อาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรนัก...?
หึ นี่อาจเป็นการแลกเปลี่ยนที่ไม่เลวเลย
(เพียงเท่านั้นจะดีหรือครับ?)
(อืม ที่จริงก็คือ ข้าถูกผนึกอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ 300 ปีที่แล้วน่ะ
และหลังจากนั้นข้าก็ว่าง ว่างซะเซ็งจนไม่รู้จะเซ็งยังไงเลย ว่ายังไงล่ะ?)
(ถ้าแค่นั้นละก็ ด้วยความยินดีครับ!)
(อืม สัญญากันแล้วนะ รักษาสัญญาด้วยล่ะ!)
(ไม่ต้องห่วงครับ! ถึงเห็นแบบนี้แต่ผมก็เป็นผู้ชายที่เชื่อถือได้!
นั่นคือค�าประเมินที่ผมได้รับในชาติที่แล้วครับ!)
แน่นอนว่าผมตั้งให้ตัวเองเองแหละ
(งัน้ ก็ยอ่ มได้ มีสกิลทีเ่ รียกว่า 『ญาณเวท』 อยู่ เจ้าใช้ได้รเึ ปล่า?)
พูดอะไรของลุงหา... จะไปใช้เป็นได้ไงเล่า
(ไม่ครับ ใช้ไม่ได้ มันเป็นสกิลแบบไหนเหรอครับ?)
(สกิลในการรับรูแ้ ก่นเวทในบริเวณรอบๆ น่ะ ไม่ใช่สกิลทีย่ งิ่ ใหญ่
อะไร มันเป็นแค่การตรวจสอบแก่นเวทรอบตัวเท่านัน้ จึงเรียนรูไ้ ด้ไม่ยาก)
(โฮะโฮ่... ฟังดูแล้วน่าจะง่ายดีนะครับ)
(อืม ตัวข้าน่ะ ถึงไม่ได้ตั้งใจจะใช้ก็ใช้ได้สบายๆ ไม่ต่างกับการ
หายใจเลย)
(อย่างนีน้ เี่ อง! แล้วถ้าผมเรียนรูส้ กิลนีไ้ ด้ ผมก็จะมองเห็นงัน้ เหรอ
ครับ?)
(ถูกต้อง โลกนี้ถูกปกคลุมด้วยแก่นเวท แม้จะแตกต่างว่าบางที่
เข้มข้น บางที่เบาบางก็ตาม ส่วนแสงกับเสียงก็มีคุณลักษณะของคลื่นอยู่
เจ้ารู้รึเปล่า?)
48
(ครับ ที่เขาเรียกคลื่นเสียงหรือคลื่นแสงสินะครับ)
(รู้ละเอียดดีนี่ เป็นความรู้จากต่างโลกงั้นรึ? เอาเถอะ อย่างที่
เจ้าว่านั่นละ ทีนี้เราก็สังเกตสภาวะที่คลื่นที่ว่านี่สร้างความปั่นป่วนให้
แก่นเวท แล้วค�านวณคาดการณ์ถงึ สภาพแวดล้อมโดยรอบจากสภาวะ ณ
ขณะนั้น ง่ายนิดเดียวใช่ไหมล่ะ?)
หา? พูดอะไรของเขาเนี่ย?
ตาลุงนี่... พูดบ้าๆ ออกมาได้ มันง่ายตรงไหนกันฟะ!
(คือผมเริม่ รูส้ กึ ว่าเหมือนมันจะง่ายแต่กเ็ หมือนมันจะยากน่ะครับ...)
(ว่าไงนะ? ถ้าท�าได้ละก็ถึงจะเสียตาหรือหูไป แต่ก็ยังสู้ต่อได้
นะ? แถมยังป้องกันการโจมตีทีเผลอได้ด้วย ถือเป็นสกิลที่จ�าเป็นต้องมี
เชียวนะ?)
(เดีย๋ วๆ ...คือว่าตอนนีล้ มื เรือ่ งการต่อสูไ้ ปก่อนเถอะครับ ก่อนอืน่
ผมอยากจะมองเห็นน่ะครับ...)
(อืม... ช่วยไม่ได้นะ งั้นข้าจะช่วยให้เจ้าเรียนรู้สกิลได้แล้วกัน
บอกไว้ก่อนว่าข้าไม่รู้วิธีอื่นนอกจากวิธีนี้แล้วนะ)
(เดีย๋ ว นีผ่ มจะท�าได้จริงๆ หรือครับ ผมเป็นมือใหม่ทเี่ พิง่ จะเกิด
ได้ไม่นานนะครับ?)
(สบายใจได้นา่ นับว่าเจ้าโชคดีทมี่ คี วามทรงจ�าของชาติทแี่ ล้วอยู่
ไม่ใช่รึ? ตัวเจ้าในตอนนั้นน่าจะรู้จักทั้งแสงและเสียงในฐานะองค์ความรู้
หากว่าเจ้าไม่มีองค์ความรู้นั้นอยู่ละก็ แม้แต่ข้าเองก็อาจช่วยเจ้าไม่ได้ก็ได้
เจ้าน่ะโชคดีนะ)
อย่างนี้นี่เอง การจะอธิบายถึงภาพวิวทิวทัศน์ในโลกให้คนที่
ตามองไม่เห็นฟังนั้นเป็นเรื่องยาก
ผมเองคงจะอธิบายให้พวกเขาเข้าใจไม่ได้เหมือนกัน
เห็นว่าที่คุณ เฮเลน เคลเลอร์3 พูดได้ก็เป็นเพราะมีค�าพูดที่เธอ
จดจ�าได้จนกระทั่งถึงอายุ 2 ขวบอยู่ในใจด้วยนี่นา
3เฮเลน เคลเลอร์ : Helen Keller) นักเขียนและนักมนุษยธรรมชาวอเมริกันซึ่งหูหนวกและตาบอด
เนื่องจากป่วยหนักเมื่ออายุได้เพียง 19 เดือน
สรุปแล้วก็คือ เพราะมีความรู้จากชาติที่แล้ว ผมจึงใช้สกิล
『ญาณเวท』 อะไรนีช่ ว่ ยเลียนแบบทดแทนประสาทสัมผัสในการมองและ
การฟังได้สินะ...
มีแต่ต้องท�าแล้วละ เพราะตามองไม่เห็นมันไม่สะดวกเกินไป
ที่ส�าคัญ ถึงจะลืมไปหน่อย แต่ผมก็ยังมี 『มหาปราชญ์』 อยู่
ด้วยนี่
มันคงจะช่วยให้หาทางไปต่อจนได้เองแหละ
(กรุณาสอนผมด้วยเถอะครับ!)
(แหม ไม่ต้องฮึดขนาดนั้นก็ได้ ของมันง่ายจะตายไป? ก่อนอื่น
เจ้าลองใช้พลังเวทในร่างขับเคลื่อนแก่นเวทดูสิ)
ถ้าแบบนี้ละก็ผมพอท�าความเข้าใจได้ ที่ผมพ่นน�้าออกมาก็คง
เกิดจากการเอาการกระท�าที่ว่านี่มาปรับใช้นั่นแหละ
(แบบนี้เหรอครับ?)
ผมเกร็งก�าลังพลางจินตนาการราวกับให้มนั ไหลเวียนอยูภ่ ายใน
ร่างกาย ทันใดนัน้ เอง ผมก็รสู้ กึ ได้วา่ มีอะไรบางอย่างเคลือ่ นไหวอยูข่ า้ งใน
นี่คงเป็นไอ้ที่เขาเรียกว่าแก่นเวทกระมัง
ตอนที่ควบคุมการไหลของน�้าเมื่อครู่นี้ผมไม่ได้ตั้งใจก็จริง แต่ดู
เหมือนว่าจะควบคุมพลังท�าลายได้ด้วยแล้วแต่ว่าเกร็งก�าลังแค่ไหน ใน
ความเป็นจริง ผมคงจะไม่ได้ควบคุมน�้าเสียทีเดียว แต่ควบคุมแก่นเวทที่
มีน�้ารวมอยู่ด้วยต่างหาก
พลังที่ใช้ในการควบคุมคือพลังเวท ส่วนสิ่งที่ถูกขับเคลื่อนก็คือ
แก่นเวทงั้นสินะ ผมตรวจสอบความเป็นไปนั้นพลางขับเคลื่อนแก่นเวท
ไปด้วย
(อืม ท�าได้คล่องแคล่วกว่าทีค่ ดิ นี่ ถ้างัน้ เจ้าเข้าใจความแตกต่าง
ระหว่างแก่นเวทที่เจ้าก�าลังขับเคลื่อนอยู่ กับแก่นเวทที่อยู่นอกร่างกาย
รึเปล่า?)
50
เรื่องนี้ก็อาจจะง่ายเหมือนกันก็ได้
เพราะเคยได้ยนิ มาแล้วว่าตัวผมมีชวี ติ อยูด่ ว้ ยการดูดซึมแก่นเวท
ดังนั้นแค่ตั้งสติให้รับรู้ได้ว่าตัวเองก�าลังท�าแบบนั้นอยู่ก็น่าจะโอเค
(ก็ต้องรู้สิครับ! ดูเหมือนว่าผมจะมีชีวิตอยู่โดยการกินมันด้วย
นี่ครับ?)
(หึหหึ ึ ถ้ารูถ้ งึ ขนาดนัน้ แล้วเรือ่ งทีเ่ หลือมันก็งา่ ย เพราะแค่สมั ผัส
การเคลื่อนไหวของแก่นเวทนอกร่างให้ได้ก็พอน่ะนะ)
ก็ไอ้เรื่องนี้แหละที่ตูไม่เข้าใจ
อย่างไรก็ตาม ผมลองสัมผัสถึงแก่นเวทที่อยู่ภายนอกร่างกาย
ตามที่ลุงบอก
ผมรูส้ กึ ได้วา่ มีแก่นเวทลอยคลุง้ อยู่ เป็นความรูส้ กึ ทีห่ ลากหลาย
บ้างก็ไหลเวียนไปเรื่อย บ้างก็ขยับไปมา...
ใช่แล้ว เดินเครื่อง 『มหาปราชญ์』 ด้วยสิ

《ยืนยันเสร็จสิ้น คุณได้รับเอ็กซ์ตร้าสกิล 『ญาณเวท』


...เรียบร้อยแล้ว ต้องการใช้ เอ็กซ์ตร้าสกิล 『ญาณเวท』 หรือไม่?
YES/NO》

เอ๋? เรียนรู้กันได้ง่ายๆ งี้เลยเหรอ?


แหม เรื่องนั้นมันก็ต้อง YES แหงอยู่แล้วละ... แต่สมกับเป็น
『มหาปราชญ์』 จริงๆ พึ่งพาได้สุดๆ!
วินาทีที่เริ่มใช้เอ็กซ์ตร้าสกิล 『ญาณเวท』 สมองของผมก็ถูก
ทับถมด้วยข้อมูลจนเต็มเปี่ยม มันเป็นข้อมูลปริมาณมหาศาลขนาดที่ว่า
ตัวผมตอนที่เป็นมนุษย์คงไม่มีทางเรียบเรียงจัดการได้หมดเป็นแน่------
คลืน่ ของแสงและเสียงทีค่ อยผลักแก่นเวทเล็กๆ แต่ละแก่นให้เคลือ่ นทีไ่ ป
------- ผมรับรู้สิ่งเหล่านั้นได้ทั้งหมดและแปรสารเป็นข้อมูลที่ท�าความ
บทที่ 1 เพื่อนคนแรก 51
เข้าใจได้
ขอบเขตทัศนวิสยั ด้านหน้าของมนุษย์นนั้ มีไม่ถงึ 180 องศา ทว่า
เวลานี้ผม “มองเห็น” ได้ทุกทิศทุกทาง 360 องศาโดยไร้ซึ่งจุดอับใดๆ
กระทัง่ ทิวทัศน์ใต้เงาของหินผาหรือสภาพทีอ่ ยูไ่ กลออกไป 100 เมตร ขอ
เพียงมุ่งสติสัมปชัญญะไปตามทิศทางนั้นๆ ก็จะรับรู้ได้
ถ้าผมยังเป็นมนุษย์ละก็ สมองทีท่ นทานปริมาณข้อมูลมหาศาลนี้
ไม่ไหวคงจะมอดไหม้และกลายเป็นบ้าไปแล้ว
ทว่า ผมเป็นสไลม์ เซลล์แต่ละเซลล์ในร่างเป็นทั้งกล้ามเนื้อและ
เซลล์สมองด้วยในเวลาเดียวกัน
ผมจึงพอจะทนรับข้อมูลดังกล่าวได้ และจากนั้น-------

《ทÓการประสานการทÓงานระหว่างเอ็กซ์ตร้าสกิล 『ญาณเวท』
เข้ากับยูนีคสกิล 『มหาปราชญ์』 ...เรียบร้อยแล้ว จากนี้เป็นต้นไป
『มหาปราชญ์』 จะทÓหน้าที่ควบคุมดูแลข้อมูลทั้งหมด》

จู่ๆ ทัศนวิสัยของผมก็เปิดกว้าง และความรู้สึกเหมือนสมองถูก


แผดเผาที่เข้าจู่โจมผมก็หายไป
และแล้ว ผมก็ “มองเห็น” โลกได้เหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ถึง
ขั้นชวนให้น่าแปลกใจว่าท�าไมที่ผ่านมาผมจึงท�าไม่ได้
『มหาปราชญ์』 อาจเป็นความสามารถที่ขี้โกงก็ได้ เรียกว่า
มหาโกงเลยก็คงไม่ใช่การพูดเกินจริง
ถ้าคนที่มมี นั เป็นคนอื่น ผมคงร้องเรียนว่าโกงกันนี่หว่า! ไปแล้ว
แต่คนที่มีมันคือตัวผมเอง
ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น
(อ๊ะ ดูเหมือนว่าจะท�าได้แล้วละครับ ขอบคุณมากนะครับ!)
ผมเอ่ยอย่างนั้น แล้วเลื่อนสายตาไปหา “ไอ้นั่น” ที่โดยความ
52
รู้สึกแล้วน่าจะอยู่ด้านหน้าของตัวผม
มีมังกรของแท้แน่นอนอยู่ ณ ที่ตรงนั้น
ร่างของมันปกคลุมด้วยเกล็ดสีด�าวาวที่ดูแล้วท่าทางจะแข็งยิ่ง
กว่าเหล็กกล้าแต่ก็มีความยืดหยุ่นในตัว... ไม่ว่าจะมองอีท่าไหนก็เป็น
ลักษณะของมังกรที่ดูโหดเหี้ยม...
(หยาาา! มังกร!!)
รูปร่างนั้นดูชั่วร้ายยิ่งกว่าที่ผมจินตนาการไว้หลายขุม
ดังนัน้ ผมจึงคิดว่าเป็นเรือ่ งช่วยไม่ได้ ทีเ่ สียงตะโกนจากหัวใจของ
ผมจะกลายเป็นเสียงกรีดร้องลั่นสุดเสียงไปแทน

ตกใจหมดเลย
ขออภัยครับที่เคยแอบคิดว่าคุณน่าจะเคี้ยวง่าย คุณเป็นตัว
อันตรายของแท้ไม่ผิดแน่นอนครับ
ร่างกายใหญ่ยกั ษ์สดี า� วาวนัน้ ดูราวกับหินออบซิเดียน และถ้าว่ากัน
ตามอิมเมจ รูปลักษณ์ของมันก็ดูจะค่อนไปทางมังกรแบบตะวันตก
มือของมันมีนิ้ว 6 นิ้ว และมีกรงเล็บที่ท่าทางน่าจะเจาะทะลวง
ทุกสิ่งทุกอย่างได้งอกออกมา ส่วนปีกขนาดเล็กใหญ่เป็นคู่ท่ีด้านหลัง
ก็มีปลายแหลมคมราวกับดาบที่ฟันทุกสิ่งอย่างให้ขาดสะบั้นได้
และเมือ่ มองดูดๆี ก็จะเห็นว่าเกล็ดท่าทางน่าหวาดผวาทีป่ กคลุม
ทัว่ ทัง้ ร่างของมันนัน้ ก�าลังเปล่งแสงสีมว่ งอ่อนๆ ออกมาด้วย การทีแ่ สงซึง่
ทอประกายจากร่างนั้นกลายเป็นสีดา� สนิท คงจะเนื่องมาจากว่าสีสันกับ
ออร่าที่ถูกปล่อยออกมาจากตัวมันผสมผสานเข้าด้วยกันกระมัง
ร่างทีอ่ ยูเ่ บือ้ งหน้าผมนัน้ ภาคภูมดิ ว้ ยความน่าเกรงขามทีช่ วนให้
รู้สึกถึงความงามอันน่าประหลาดชนิดหนึ่ง
บทที่ 1 เพื่อนคนแรก 53
ผมว่าผมวางตัวเสียมารยาทกับเขาไปมากเลยทีเดียวเพราะมอง
ไม่เห็น แต่เรื่องมันก็ป่านนี้แล้วน่ะนะ
ทัง้ นีร้ า่ งกายของผมเองมีลกั ษณะเป็นทรงรีตรงตามทีค่ าดคะเนไว้
โดยมีรูปทรงเหมือนกับ คากามิโมจิ4
ส่วนสีนี่เรียกว่าสีแสงจันทร์หรือเปล่านะ? คือเป็นสีขาวอมฟ้าที่
ดูมีความเข้มน่ะ
มันเป็นสีที่ให้ความรู้สึกมีระดับหน่อยๆ ก็จริง แต่ความเป็นจริง
มันน่าเศร้าตรงที่ว่าผมเป็นสไลม์นี่ละ
(เฮ้ คงยังจ�าสัญญาได้อยูน่ ะ? ว่าแต่เห็นบ่นโน่นบ่นนี่ แล้วไหงดัน
เรียนรู้ได้ง่ายๆ ซะงั้นล่ะเนี่ย...)
(แน่นอนครับ! ผมแค่ลอ้ เล่นนิดหน่อยเท่านัน้ เองครับ ตอนนีผ้ ม
มองเห็นรอบๆ แล้ว และก็ได้ยนิ กระทัง่ เสียงด้วย ช่วยได้มากเลยละครับ!)
(อืม ใช้เวลาเรียนรู้มากกว่านี้ก็ได้แท้ๆ...)
เอาเถอะ ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นไรนะ
ถึงหน้าตาจะน่ากลัวแต่มังกรนี่ก็ออกจะใจดี
ที่ส�าคัญยิ่งกว่านั้น มังกรตัวนี้มันก�าลังเหงาจริงๆ นั่นละ
เป็นประเภทรูปลักษณ์ภายนอกพาซวยละมัง้ อย่างกับ “ยักษ์แดง
5” เลยแฮะ
ที่ร้องไห้
(แล้วไง จากนี้เจ้าคิดจะท�ายังไงต่อ?)
(นั่นสินะครับ ก่อนอื่น ผมจะลองหาดูว่ามีคนต่างโลกที่มาจาก
โลกเดียวกับผมอยู่รึเปล่า แต่ถึงไม่เจอก็ไม่เป็นไรน่ะนะครับ)
แน่นอนว่าถ้าได้เจอมันก็ดี แต่จะสนิทสนมกันได้หรือเปล่าก็ไม่รู้
ทีส่ า� คัญ ไหนๆ ก็อตุ ส่าห์มองเห็นแล้วทัง้ ที ออกเดินทางไปเรือ่ ย
เพือ่ ชมโลกนีซ้ ะบ้างก็ไม่เลวเหมือนกัน เพราะเมือ่ สัมผัสถึงแสงกับเสียงได้
โลกมันก็กว้างใหญ่ขึ้น
ในที่สุด ผมก็จะได้บอกลาชีวิตที่ได้แต่เคี้ยวต้นหญ้าแก้เซ็ง
4คากามิโมจิ : Kagami Mochi) ขนมโมจิที่ท�าถวายเทพเจ้าเป็นพิเศษในช่วงเทศกาลปีใหม่
5ยักษ์แดงที่ร้องไห้ : Naita Aka Oni) นิทานโบราณของญี่ปุ่น เกี่ยวกับยักษ์แดงที่อยากจะเป็นเพื่อนกับมนุษย์
แต่ไม่มีมนุษย์กล้าเข้าใกล้เพราะหวาดกลัวรูปลักษณ์ของยักษ์
ไปเรื่อยเสียที
ว่าแต่มังกรตัวนี้
ยิ่งดูก็ยิ่งน่ากลัว แต่มันไม่ขยับตัวเลยสักนิดแฮะ
จะว่าไป มันบอกว่าตัวเองถูกผนึกเอาไว้ตั้งแต่เมื่อ 300 ปีก่อน
ใช่ไหมนะ?
(ว่าแต่ เห็นคุณเวลโดร่าบอกว่าคุณถูกผนึกเอาไว้... สินะครับ?)
(หืม? ก็นะ ข้ายอมรับว่าข้าดูแคลนคู่มือไปนิดหน่อย... แต่ถึง
จะเริ่มเอาจริงระหว่างที่สู้กัน สุดท้ายก็แพ้เขาอยู่ดีน่ะ!)
ไม่รวู้ า่ ท�าไมเจ้ามังกรถึงประกาศก้องด้วยท่าทางภูมใิ จว่าแพ้ละ่ !
ซะงั้น
พูดกันตามจริง ถ้าเป็นเวทมนตร์ก็ยังพอว่า แต่ดาบหรือหอก
อะไรท�านองนั้นนี่ไม่น่าจะท�าอะไรมังกรตัวนี้ได้เลยนะ...
(คู่มือแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยเหรอครับ?)
มีคนทีแ่ ข็งแกร่งกว่าสัตว์ประหลาดแบบนีอ้ ยูม่ ากพอสมควรเลย
เหรอ?
แบบนี้โลกภายนอกอาจจะเต็มไปด้วยอันตรายมากกว่าที่คิด!
ก็ได้แฮะ
(อืม แข็งแกร่งมาก เป็นตัวตนที่มี “เทพอารักษ์” และถูกเรียก
ขานว่าเป็น “ผู้กล้า” ของพวกมนุษย์)
ผู้กล้า
ตัวตนซึ่งเป็นที่คุ้นเคยอย่างลึกซึ้งในเกมหลายๆ เกม
ระยะหลังนี้มีผลงานซึ่งสร้างขึ้นโดยใช้ผู้กล้าที่เหมือนปรากฏตัว
เพือ่ ถูกเล่นงานโดยเฉพาะเป็นต้นแบบออกมาเยอะ ผูก้ ล้าก็เลยไม่มอี มิ เมจ
ว่าแข็งแกร่งมากมายอะไรขนาดนั้น
แต่ดูเหมือนว่าผู้กล้าของโลกนี้จะแข็งแกร่งจริงๆ สินะ
(จะว่าไปผู้กล้าคนนั้นเรียกตัวเองว่า “ผู้ถูกอัญเชิญ” นะ ดังนั้น
56
อาจจะเป็นคนจากโลกเดียวกับเจ้าก็ได้)
(เอ๋? ไม่มที างครับ ไม่มที าง ถ้าเป็นคนจากโลกเดียวกับผมละก็
ไม่มีทางแข็งแกร่งขนาดนั้นได้หรอกนะครับ?)
(ไม่หรอก “ชาวต่างโลก” ที่มายังโลกนี้ส่วนมากจะมีความ-
สามารถพิเศษติดตัว มันคือพลังที่ถูกสลักลงบนดวงวิญญาณในยาม
เดินทางข้ามจากโลกหนึ่งมาอีกโลกหนึ่ง หากเป็น “ผู้ถูกอัญเชิญ” ก็จะ
ต้องมีความสามารถพิเศษอย่างแน่นอน แถมแต่ละคนยังมี “ยูนีคสกิล”
เฉพาะตัวอีกด้วย ซึง่ คงเป็นเพราะพวกเขามี “วิญญาณ” ทีแ่ ข็งแกร่งขนาด
ทนทานต่อการอัญเชิญได้ ต่างจาก “ชาวต่างโลก” ที่เดินทางมายังโลกนี้
โดยบังเอิญ สิ่งที่ยืนยันถึงเรื่องนี้ ก็คือความจริงที่ว่าอัตราความส�าเร็จใน
การอัญเชิญนั้นต�่ามากนั่นละ)
(ที่ว่าอัญเชิญนี่คือการใช่เวทมนตร์อะไรท�านองนั้นเรียกมา...
เหรอครับ?)
(ถูกต้องแล้ว การอัญเชิญต้องมีผู้ใช้เวทมนตร์มากกว่า 30 คน
ร่วมกันท�าพิธีถึง 3 วัน แม้อัตราความส�าเร็จจะต�่า แต่ผู้ถูกอัญเชิญก็ได้
รับคาดหวังไว้สูงในฐานะ “อาวุธ” อันทรงพลัง)
(หา? อาวุธ?)
(อืม “ผูถ้ กู อัญเชิญ” จะถูกเวทมนตร์สลักค�าสาปบนดวงวิญญาณ
เพื่อไม่ให้ขัดขืนผู้อัญเชิญได้น่ะ)
(อะไรกันล่ะนั่น? นี่ไม่เคารพสิทธิมนุษยชนของคนที่ถูกอัญเชิญ
มากันเลยเรอะ!?)
(สิทธิมนุษยชน? ในต่างโลกผูค้ นมีสทิ ธิมนุษยชนด้วยรึ? ส�าหรับ
โลกนี้ ของแบบนั้นเป็นเพียงแค่ภาพมายา เพราะผู้แข็งแกร่งกินผู้อ่อนแอ
คือสัจธรรมอันเด็ดขาด พลังนั่นละที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง)
อย่างนี้นี่เอง... ดูเหมือนว่าถ้าถูกอัญเชิญมายังโลกนี้ทั้งที่ยังมี
ความจิตส�านึกของโลกเดิมอยู่ละก็ คงจะมีเรื่องที่ท�าใจยอมรับได้ยากอยู่
บทที่ 1 เพื่อนคนแรก 57
ด้วยแฮะ
(ถ้าอย่างนั้น การปฏิบัติต่อ “ชาวต่างโลก” ก็ประมาณเหมือน
กับเป็นทาสท�านองนั้นรึเปล่าครับ?)
(เปล่าๆ มันขึ้นอยู่กับแต่ละคน ถ้าไม่ได้ถูก “ค�าสาปแห่งการ
ครอบง�า” และได้รับการยอมรับ ก็อาจจะใช้ชีวิตกันได้ตามปกติ หรือไม่
ก็กลายเป็นนักผจญภัยละมั้ง? ว่ากันตามจริง ข้าเองก็เคยขับไล่ “ชาว-
ต่างโลก” นักผจญภัยทีม่ าเพือ่ ปราบข้าไปหลายครัง้ เหมือนกันนะ ก๊ากฮ่า
ฮ่าฮ่าฮ่า!!)
(สรุปแล้วก็คือจะถูกบังคับใช้แรงงานในกรณีที่ถูกอัญเชิญมา
เท่านั้นสินะครับ...)
(ก็ไม่ใช่ว่าใช้แรงงานหรอก แต่ก็นะ คงจะประมาณนั้นละมั้ง?
ข้าน่ะเรียกได้วา่ รูเ้ รือ่ งของมนุษย์ละเอียดอยู่ แต่กใ็ ช่วา่ จะรูไ้ ปหมดทุกอย่าง
หรอกนะ)
(เรื่องนั้นก็จริงนะ... คุณเป็นมังกรนี่นา)
ต้องเรียกว่า รู้ละเอียดเกินทั้งที่เป็นมังกรด้วยซ�้า
อย่างไรก็ตามแต่ ดูเหมือนว่ามังกรตัวนี้จะดีใจที่ได้พูดคุย ไม่ว่า
ผมจะถามอะไร มันก็ตอบให้หมดทุกอย่าง หลังจากนั้นผมจึงได้คุยกับ
มังกร หรือคุณเวลโดร่าต่ออีกหลายเรื่อง

เรื่องที่ว่าเขาต่อสู้กับผู้กล้าอย่างไร
เรื่องที่ว่าผู้กล้าแข็งแกร่งขนาดไหน
ผิวขาวนวล
ริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้มสีแดงสด
เรือนผมยาวสีเงินเข้ม รวบเป็นมัดเดียวทิ้งตัวทอดลง
ส่วนรูปร่างไม่ได้สงู ใหญ่นกั ออกจะค่อนไปทางเล็กและบอบบาง
ด้วยซ�้า
58
เห็นว่าใบหน้านั้นถูกปิดซ่อนด้วยหน้ากาก แต่ต้องเป็นสาวงาม
ไม่ผิดอย่างแน่นอน
ดูท่าว่าผู้กล้าจะเป็นผู้หญิงแฮะ
พอถามว่ามัวแต่หลงเขาก็เลยแพ้เหรอ? เวลโดร่าก็ตวาดกลับว่า
พูดบ้าๆ!
ผูก้ ล้าคนนัน้ ใช้ดาบทีเ่ รียกว่า “คาตานะ” อันมีเอกลักษณ์เฉพาะ
คือวาดตัวเป็นแนวโค้ง แต่ไม่ได้ถือโล่
ยูนีคสกิล 『ตัดผ่าสัมบูรณ์』
ยูนีคสกิล 『พันธนาคารนิรันดร์』
เวลโดร่าเล่าว่าผูก้ ล้าใช้สกิลดังกล่าวรวมถึงเวทมนตร์แต่ละชนิด
“อัดข้าจมดินเลย” ด้วยท่าทางยินดี

เมื่อคุยไปก็เข้าใจได้ละว่าดูเหมือนมังกรตัวนี้จะชอบมนุษย์ ถึง
ปากจะพูดว่าลูกกะจ๊อกบ้างละ ขยะบ้างละ แต่ก็ดูจะไม่เคยจงใจฆ่าใคร
ก็ตามทีเ่ ข้ามาโจมตีตวั เอง ตราบเท่าทีไ่ ม่ไปจิม้ ต่อมระเบิดของแกเข้าน่ะนะ...
ในอดีตเมื่อ 300 ปีก่อน เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เกิดเหตุการณ์ซึ่ง
ท�าให้แกออกไปเผาเมืองเมืองหนึ่งจนกลายเป็นขี้เถ้าขึ้น
แล้วเรือ่ งทีว่ า่ นีก่ ก็ ลายเป็นสาเหตุทที่ า� ให้ผกู้ ล้าถูกส่งมา จนท�าให้
แกถูกผนึกในท้ายที่สุด
------ ด้วยสกิล 『พันธนาคารนิรันดร์』 ของผู้กล้า
ตัวผมย่อมไม่เข้าใจความรู้สึกของมังกรอยู่แล้ว เพราะลองถ้า
เป็นความรู้สึกของคนอื่น ท้ายที่สุดผมก็ท�าได้เพียงแค่จินตนาการเอา
เท่านั้น แต่ผมคิดว่าเจ้านี่ไม่น่าจะใช่มังกรเลวร้ายอะไร
ก็ผมถูกใจแกเข้าแล้ว และไม่นึกกลัวแกแล้วด้วยนี่นา
(เอาละ! ถ้าอย่างนั้น มาเป็นเพื่อนกับผม... ไม่สิ กับฉันไหม?)
มันก็ออกจะเขินนิดหน่อย... ไม่สิ เยอะเลยละ หน้าของผมใน
บทที่ 1 เพื่อนคนแรก 59
ตอนนี้ต้องแดงก�่าแน่ๆ
(วะ ว่าไงนะ? ปะ เป็นแค่สไลม์แท้ๆ แต่คิดจะเป็นเพื่อนกับข้า
คนนี้ซึ่งเป็นที่หวาดกลัวไปทั่วหล้าในฐานะ “มังกรวายุคลั่ง” เวลโดร่า
อย่างนั้นเรอะ!?)
(อะ เอ่อ ถ้าไม่อยากเป็นก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ...)
(บ้าเรอะ! เจ้าน่ะ! ใครที่ไหนพูดว่าไม่อยากเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่!!)
(เอ๋ งั้นเหรอ? ถ้างั้น... จะเอาไงล่ะ?)
(------ นั่นสินะ... ถ้าเจ้ายืนกรานว่าไม่ว่ายังไงก็อยากเป็นเพื่อน
กับข้า... ข้าจะลองคิดดูก็ได้...)
ประมาณว่าพูดพลางแอบเหลือบมองมาทางนี้ด้วย
ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงน่ารักๆ ก็ว่าไปอย่าง แต่ถึงมังกรที่หน้าตาดู
โหดเหี้ยมมาท�ากิริยาแบบนี้ใส่... มันก็ไม่น่าดีใจหรอกนะ
ถึงจะตลกดีก็เถอะ
(ไม่ว่ายังไงก็อยากเป็น ตกลงตามนั้น! หรือถ้านายไม่อยากเป็น
ก็ตัดขาดกันไปเลย แล้วฉันจะไม่มาที่นี่อีกเด็ดขาด!!)
(เดี๋ยว!------ ช่วยไม่ได้นะ ข้าจะยอมเป็นเพื่อนกับเจ้าก็ได้...
ขอบใจข้าซะด้วยล่ะ!)
หึ เจ้ามังกรนี่ก็ปากไม่ตรงกับใจเหมือนกันแฮะ แต่ผมเองก็ใช่
ว่าจะปากตรงกับใจ ดังนั้นถือว่าเจ๊ากันไปละกัน
(ถ้างั้นก็ฝากตัวด้วยนะ!)
(ฝากตัวด้วย! จริงสิ ข้าจะตั้งชื่อให้เจ้า ส่วนเจ้าก็จงตั้งชื่อให้
ข้าเสีย)
(หา? ท�าไมล่ะ? จู่ๆ พูดอะไร------)
(เพื่อจารึกไว้ในดวงวิญญาณว่าเรามีความเท่าเทียมกันไงล่ะ ถ้า
พูดในแบบของมนุษย์กเ็ หมือนกับนามสกุล แต่การทีข่ า้ ตัง้ ชือ่ ให้เจ้านัน้ จะ
กลายเป็นการ “คุ้มครอง” เจ้าด้วย เจ้ายังเป็นพวก “ไร้นาม” อยู่ ดังนั้น
60
เท่านี้เจ้าก็จะได้เข้าเป็นพวกเดียวกับเนมด์มอนสเตอร์แล้ว)
อืมมม
สรุปก็คอื ให้ผมตัง้ นามสกุล (= ชือ่ ทีจ่ ะใช้รว่ มกับมังกรตัวนี)้ ซะ
สินะ และดูเหมือนว่าถ้ามังกรตัวนีต้ งั้ ชือ่ ให้ผม ผมก็จะกลายเป็นเนมด์มอนสเตอร์
ได้ ถ้าเรื่องเป็นอย่างนั้น ก็ลองคิดดูดีกว่า ถึงผมจะไม่มีเซนส์เอาเสียเลย
ก็เถอะนะ...
(ในเมื่อเป็นวายุคลั่ง ก็เอาประมาณ “เทมเพสต์”... เป็นไง?)
คงไม่ได้หรอกเนอะ
ก็เล่นง่ายแค่เพราะว่าเสียงมันฟังดูดี แล้วก็วายุคลั่ง = พายุ
อะไรประมาณนั้นเท่านั้น มันคงเล่นง่ายไปหน่อยแหละ
(เป็นอันตกลงนะ!! ฟังรื่นหูดีจริงๆ)
ถูกใจซะงั้น!
(นับจากวันนี้ไป ข้าคือเวลโดร่า เทมเพสต์! ส่วนเจ้า... ข้าขอ
มอบนาม “ริมุรุ” ให้แก่เจ้า จงอ้างนามตนว่าริมุรุ เทมเพสต์เสีย!!)
ชื่อนั้นถูกสลักจารึกลงในวิญญาณของผม
ทัง้ รูปร่างหน้าตาและความสามารถของผมไม่เกิดความเปลีย่ น-
แปลงใดๆ
แต่เกิดความเปลีย่ นแปลงบางอย่างขึน้ ทีส่ ว่ นลึกลงไปในวิญญาณ
ซึ่งเวลโดร่าเองก็น่าจะไม่ต่างกัน
แล้วพวกเราก็ได้เป็นเพื่อนกันด้วยประการฉะนี้เอง

เอาละ ถ้างัน้ ก็ออกเดินทางกันสักทีดกี ว่าไหมนะ โอ๊ะ แต่วา่ ก่อน


หน้านั้น
(ก่อนไปฉันขอถามเพื่อความมั่นใจหน่อยนะ ไอ้ผนึกนี่น่ะ ปลด
ออกไม่ได้เหรอ?)
(พลังของข้าไม่สามารถปลดออกได้น่ะนะ แต่ถ้ามียูนีคสกิลที่
บทที่ 1 เพื่อนคนแรก 61
เทียบเท่ากับของผู้กล้า ก็อาจจะท�าได้อยู่หรอก...)
(แล้วเวลโดร่าไม่มียูนีคสกิลเหรอ?)
(มีสิ ทว่าตัง้ แต่ทถี่ กู ผนึก ก็ไม่สามารถใช้งานมันได้อกี เลย อย่าง
มากก็แค่พอจะใช้ 『โทรจิต』 ได้เท่านั้นละ...)
ดูเหมือนว่าเดิมที 『พันธนาคารนิรันดร์』 ยูนีคสกิลของผู้กล้า
นั้นเป็นสกิลที่จะผนึกเป้าหมายไว้ในห้วงมิติสมมุติอันไร้ท่ีสิ้นสุดไปตลอด
ชัว่ กาลนาน ไม่ใช่ความสามารถทีอ่ อ่ นหัดพอจะยอมให้ผถู้ กู ผนึกแทรกแซง
โลกปัจจุบันได้
ซึ่งในกรณีนี้ การคิดว่าท�าได้เพียงแค่ใช้ 『โทรจิต』 ต่างหากที่
ถือเป็นความคิดที่ตลก
ผนึกนี้ไม่มีทางอ่อนแอลงไปตามกาลเวลาที่ผ่านไปด้วย ดังนั้น
จึงกล่าวได้วา่ เวลโดร่าทีน่ อกจากจะรับรูค้ วามเป็นไปในโลกแห่งความจริง
ได้แล้ว ยังแทรกแซงได้แม้จะเพียงแค่ 『โทรจิต』 ต่างหาก ที่ถือว่า
ประหลาดผิดชาวบ้าน
แต่แน่นอนว่าทั้งผมทั้งเวลโดร่าต่างก็ไม่ทันรู้สึกถึงเรื่องดังกล่าว
(เอาละ ลองดูสักตั้งละกัน...)
ผมเอ่ยแล้วเข้าไปสัมผัสร่างของเวลโดร่า

《จะทÓการดูดกลืนยูนีคสกิล 『พันธนาคารนิรันดร์』 ด้วย


ยูนีคสกิล 『นักล่าเหยื่อ』 ...กระทÓการไม่สÓเร็จ》

สมกับเป็นผนึกของผู้กล้า ระดับมันต่างกันแฮะ
แสงแสบตาสว่างวาบขึ้นชั่ววูบบ่งบอกว่ามีการเข้าแทรกแซง
ยูนีคสกิล ทว่าก็ถูกดีดกลับมาในชั่วพริบตา
ดูเหมือนว่าการทดลองของผมจะคลายผนึกลงได้เล็กน้อย แต่มนั
ก็เท่านัน้ ผนึกคงจะได้รบั การฟืน้ ฟูในทันทีแน่ แต่วา่ กันตามจริง ถ้าแค่ปง๊ิ
62
ไอเดียว่ายูนคี สกิลเหมือนกันอาจจะพอท�าอะไรได้บา้ งมัง้ ? ขึน้ มาได้แล้ว
ท�าอะไรได้จริงๆ ละก็ คงไม่มใี ครต้องล�าบากกันแล้วละ
ไม่มีทางท�าอะไรได้เลยเหรอ?
ต้องท�ายังไง------

《คÓตอบ ทÓการวิเคราะห์สว่ นหนึง่ ของยูนคี สกิล 『พันธนาคาร-


นิรันดร์』 เรียบร้อยแล้ว จะทÓการนÓเสนอวิธีการหลบหนี

การหลบหนีออกมาพร้อมด้วยร่างกายนั้นไม่สามารถทÓได้
ความน่าจะเป็นทีจ่ ะทÓลายพันธนาคารด้วยความเสียหายทางกายภาพ
ได้เป็น 0 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการหลบหนีโดยการปลดห้วงมิติสมมุตินั้น
ไม่สามารถดÓเนินการวิเคราะห์ได้ เนือ่ งจากมีความจÓเป็นจะต้องตกอยู่
ในสภาพการณ์เดียวกัน = ถูกกักขังอยูภ่ ายใน 『พันธนาคารนิรนั ดร์』
แล้วทÓการวิเคราะห์จากด้านใน ดังนั้น จึงไม่สามารถดÓเนินการได้ใน
สภาวะปัจจุบัน

ความน่าจะเป็นที่จะหลบหนีออกมาเฉพาะร่างของจิตได้เป็น
1 เปอร์เซ็นต์

แต่หากจัดเตรียมสิ่งที่จะใช้เป็นที่สถิตเอาไว้ภายนอกแล้ว
ดÓเนินการ อัตราความสÓเร็จจะเป็น 3 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้กระบวนการ
ดังกล่าวจะเปรียบได้กับการ “กลับชาติมาเกิด” ในกรณีที่ไม่อาจเข้า
กับร่างสถิตได้อย่างเหมาะสม ก็จะสูญเสียความทรงจÓและความสามารถ
ทัง้ หมดไป

จบการนÓเสนอวิธีการหลบหนีแต่เพียงเท่านี้》
บทที่ 1 เพื่อนคนแรก 63
------- อืม
อัตราความส�าเร็จมันต�่าเกินไปแฮะ
ยูนคี สกิล 『พันธนาคารนิรนั ดร์』 ทีด่ อู ย่างไรก็เป็นเพียงแค่เยือ่
โปร่งแสงที่สั่นไหวไปมา------
แต่กลับท�าลายด้วยความเสียหายจากกายภาพไม่ได้งั้นเหรอ...
อาจจะมีความสามารถป้องกันสัมบูรณ์รวมอยู่ด้วยละมั้ง
(นี่ ผู้กล้าเนี่ย ได้รับความเสียหายบ้างรึเปล่า? พูดง่ายๆ คือ
หล่อนได้แผลบ้างไหมน่ะ?)
(ถามได้ดี! หล่อนหลบการโจมตีของข้าได้เกือบหมดก็จริง แต่
ก็โดนจังๆ เข้าไปหลายครัง้ ... ทว่าการโจมตีทงั้ หมดกลับไม่เกิดผล กระทัง่
『สายลมเพรียกความตาย』 『อสนีบาตทมิฬ』 หรือ 『วายุวินาศ』 ที่
ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางหลบพ้น ก็ใช้ไม่ได้ผลจนข้าได้แต่โบกธงขาว... เล่น
เอาหัวเราะออกมาเลยละ!!)
เวลโดร่าพล่ามพลางหัวเราะลั่น
ยูนคี สกิล 『พันธนาคารนิรนั ดร์』 คงจะใช้ปกคลุมตัวเองเพือ่ เป็น
โล่ป้องกันการโจมตีจากภายนอกได้ด้วยละมั้ง เป็นสกิลที่สะดวกอะไร
ขนาดนั้นเนี่ย จะเก่งไปไหนกัน ผู้กล้า
ยูนีคสกิล 『ตัดผ่าสัมบูรณ์』
ยูนีคสกิล 『พันธนาคารนิรันดร์』
ถ้ามีสกิล 2 อย่างนี่พร้อมสรรพละก็ คงแทบจะไร้เทียมทาน
เลยมั้ง?
ถึงจะไม่นึกอยากเจอ แต่เจ้าหล่อนก็เป็นคนเมื่อ 300 ปีก่อน
ผมก็อยากคิดหรอกว่าคงไม่เป็นไร เพราะเจ้าหล่อนน่าจะตายไป
นานแล้ว
หล่อนต้องแข็งแกร่งระดับสุดยอดไม่ผิดแน่นอน
64
อย่างไรก็ตาม วิธีการหลบหนีมีแค่การกลับมาเกิดในร่างทรง
งัน้ เหรอ
(รูส้ กึ ว่าถ้าจะหนีกจ็ า� เป็นต้องเตรียมสิง่ ทีจ่ ะเป็นร่างทรงได้มานะ
ถึงจะได้แค่ร่างจิตแต่ก็มีความเป็นไปได้น่ะ...)
คงไม่จา� เป็นต้องบอกกระทัง่ เรือ่ งทีว่ า่ อัตราความส�าเร็จมันต�า่ เตีย้
เรี่ยดินเกินไปหรอกมั้ง
เพราะถ้าเวลโดร่าไม่มีก�าลังใจละก็ มีหวังอัตราความส�าเร็จอาจ
จะต�่าลงไปด้วย
(หือ? มีวิธีการหนีด้วยรึ!? ว่ากันตามจริงนะ... พลังเวทของข้า
ก�าลังจะเกลี้ยงถังในเวลาอีกไม่ถึงร้อยปีแล้ว เพราะข้าหยุดการหลั่งไหล
ของแก่นเวทไม่ได้น่ะ...)
(อย่างนี้นี่เอง เพราะอย่างนั้นแถบนี้ก็เลยมีความเข้มข้นของ
แก่นเวทสูงเหรอ...)
(อืม แม้แต่มอนสเตอร์ระดับค่อนข้างสูงก็ยงั เข้ามาใกล้ไม่ได้ แถม
พื้นดินก็ไม่มีหญ้าขึ้นเลยใช่ไหมล่ะ? สิ่งที่มีชีวิตอยู่ที่นี่ได้มีแค่พืชพรรณ
หายากเท่านั้นแหละ!)
อ้อ สมองของผมนึกถึงเรื่องหญ้าฮิโปคุเตะขึ้นมาได้
เพราะฉะนัน้ พืชเกือบทัง้ หมดเลยเป็นสมุนไพรมีคา่ อย่างนัน้ เหรอ
(ก็นะ... ถ้าเรือ่ งเป็นอย่างนัน้ ละก็จะทดลองหนีดไู หม? ดูเหมือน
ว่าถ้ามีร่างทรง อัตราความส�าเร็จก็จะเพิ่มขึ้นด้วย... เพราะฉะนั้นนายรู้
รึเปล่าว่าไอ้ร่างทรงเนี่ยควรจะเป็นอะไรดี?)
(------ ข้าเดาเอานะ ถึงจะออกไปได้เฉพาะแค่จติ การจะรวบรวม
แก่นเวทเพื่อสร้างแกนกลางขึ้นใหม่ก็น่าจะเป็นเรื่องยาก ที่เกิดความเป็น
ไปได้ทจี่ ะท�าส�าเร็จขึน้ มาคงเป็นเพราะเจ้าได้ทา� ให้พนั ธนาคารคลายตัวลง
ส่วนเรื่องร่างทรง สรุปแล้ว ถ้าจัดเตรียมแกนกลางใหม่ได้ ก็แค่ย้ายจิต
บทที่ 1 เพื่อนคนแรก 65
เข้าไปเสียก็พอ หรือก็คือการกลับมาเกิดใหม่นั่นเอง------)
หมอนี!่ นึกว่าจะหัวไม่คอ่ ยดีซะอีก แต่กลับตีความได้เก่งสุดยอด
ไปเลยแฮะ
ข้อสรุปที่ได้ก็ออกมาเหมือนกับ 『มหาปราชญ์』 จนน่าทึ่ง
(อย่างที่ว่านั่นละ ถ้าเป็นของที่หาได้ละก็ฉันจะหามาให้นะ?)
(อืม ทีจ่ ริงแล้วตัวข้าไม่จา� เป็นต้องมีแกนกลางน่ะ... นีเ่ ป็นความลับ
นะ? ข้าเป็นตัวตนพิเศษที่เรียกกันว่า “ผู้สมบูรณ์ในตนเอง” เป็นร่าง
จิตวิญญาณทีม่ ชี วี ติ ดังนัน้ ข้าจึงไม่ตอ้ งยึดติดกับร่างกายนี้ ข้าแค่ตอบสนอง
ต่อความเชื่อของผู้คนรอบข้าง จนรูปลักษณ์ของร่างกายกลายเป็นแบบนี้
ก็เท่านั้น)
พูดอะไรจับความหมายไม่ได้ออกมาอีกแล้ว
เนือ่ งจากไม่มที างเลือกอืน่ ผมจึงคุยกับเวลโดร่าจนกระทัง่ เข้าใจ
ซึ่งก็ได้ความว่า...

เวลโดร่าใช้เพียงจิตรวบรวมแก่นเวท แล้วสร้างเป็นร่างกายขึน้ มา
ส�าหรับครัง้ นีแ้ ม้วา่ ร่างกายจะแค่ถกู พันธนาการเอาไว้ แต่กท็ า� ให้เขาตกอยู่
ในสภาวะทีไ่ ม่สามารถรวบรวมแก่นเวทจากภายนอกตามความต้องการได้
ถ้าอย่างนัน้ แล้ว เขาจะส่งเฉพาะจิตออกมาข้างนอกได้หรือเปล่า?
ก็สรุปว่าท�าไม่ได้เพราะเหตุผลที่ว่าจ�าเป็นต้องมีภาชนะรองรับ
หากเขาส่งเพียงแค่จิตออกมาภายนอก จิตของเขาจะกระจัด-
กระจายไปพร้อมกับแก่นเวท ท�าให้ตัวตนของเขาดับสูญไป แล้วก็จะมี
“มังกรวายุคลั่ง” ตัวใหม่ถือก�าเนิดขึ้นที่ไหนสักแห่ง เท่ากับว่าถึงมีความ
เป็นไปได้ทจี่ ะหลบหนีออกมาได้ แต่เขาก็จะกลายเป็นคนละคนกับตอนนี้
ซึ่งแปลว่าไม่มีความหมายอะไรเลย

ตันแล้วแฮะ ไหนๆ ก็ไหนๆ ใช้ 『นักล่าเหยื่อ』 กินเวลโดร่า


66
เข้าไปทั้งตัวเลยดีไหมนะ?
ท�าอย่างนั้นแล้วอาจจะลงมือวิเคราะห์อยู่ภายในกระเพาะของ
นักล่าเหยือ่ หรือไม่กแ็ บ่งกัน้ ให้ผลของสกิล 『พันธนาคารนิรนั ดร์』 หาย
ไป แล้วค่อยปล่อยเวลโดร่าออกมาจะได้ไหมนะ?

《คÓตอบ กักเก็บเป้าหมาย : เวลโดร่า เข้าไปในกระเพาะ


ของยูนีคสกิล 『นักล่าเหยื่อ』 ได้》

ท�าได้งั้นเหรอ...
ถ้าอธิบายแล้วเวลโดร่ายอมเข้าใจ ก็ลองดูดีไหม
เพราะขืนทิง้ ไว้แบบนี้ หมอนีก่ ม็ ชี ะตากรรมทีจ่ ะต้องอยูโ่ ดดเดีย่ ว
ไปอีกร้อยปีเพื่อรอเวลาสูญสลายไปเท่านั้น
ผมจึงอธิบายถึงความสามารถของสกิล 『นักล่าเหยื่อ』 และสิ่ง
ที่ผมคิดจะท�าต่อไปให้เวลโดร่าฟัง
อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่มีสกิล 『มหาปราชญ์』 คอยช่วยแก้ไขให้
ด้วย ก็คงไม่มีทางส�าเร็จได้หรอก...
(ก๊ากฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! น่าสนุกดีนี่ ลงมือเลย ข้าขอฝากทุกสิง่ ทุกอย่าง
ของข้าไว้กับเจ้า!)
(เชื่อกันง่ายๆ แบบนี้จะดีเหรอ?)
(แน่นอน! ร่วมมือกับเจ้าหาทางท�าลาย 『พันธนาคารนิรันดร์』
มันน่าสนุกกว่าการนัง่ อยูท่ นี่ รี่ อเจ้ากลับมาตัง้ เยอะ! ไม่แน่นะ ถ้าข้ากับเจ้า
2 คนร่วมมือกัน กระทั่ง 『พันธนาคารนิรันดร์』 ก็อาจท�าลายได้ง่ายๆ
ก็เป็นได้!)
งั้นเหรอ
ไม่ใช่คนเดียว แต่เป็น 2 คน ก็ดีนี่นา
ผมจะใช้สกิล 『มหาปราชญ์』 กับ 『นักล่าเหยื่อ』 เพื่อด�าเนิน
บทที่ 1 เพื่อนคนแรก 67
การวิเคราะห์ ส่วนเวลโดร่าก็ทดลองหาทางท�าลายจากภายใน
และเพราะอยูใ่ นกระเพาะ จึงไม่จา� เป็นต้องกลัวว่าจิตของเวลโดร่า
จะกระจัดกระจายและสูญสลายไป... เริม่ รูส้ กึ ว่าน่าจะได้เรือ่ งขึน้ มาแล้วสิ
(ถ้างัน้ เดีย๋ วฉันจะกินนายละนะ รีบๆ หนีออกจาก 『พันธนาคาร-
นิรันดร์』 ให้ได้ล่ะ?)
(หึหึหึ วางใจเถอะ! ข้าจะออกมาเจอหน้าเจ้าแน่ ไม่ปล่อยให้
เจ้าต้องรอนานขนาดนั้นหรอก!!)
เอาละ!
ผมตัดสินใจเด็ดขาด
แล้วสัมผัสร่างของเวลโดร่าเพื่อล่าเหยื่อ
ชั่วพริบตาเดียว ร่างกายใหญ่ยักษ์ของเวลโดร่าก็หายลับไปจาก
เบื้องหน้าสายตา
ง่ายดายอะไรอย่างนี้
ทั้งที่ที่ผ่านมาหมอนั่นยังนั่งจ้ออยู่เลยแท้ๆ
พอไม่อยู่แล้วมันให้ความรู้สึกเหงาจังแฮะ
เวลาที่ใช้สกิลกับเป้าหมาย อาจจะถูกขัดขืนจนล้มเหลวได้
แต่กบั เวลโดร่านัน้ เจ้าตัวจัดตัวเองใส่พานถวายให้ทงั้ ตัวโดยไม่มกี ารขัดขืน
ซึ่งก็เป็นของแน่อยู่แล้วเพราะผมกลืนเขาเข้าไปพร้อมกับ 『พันธนาคาร-
นิรันดร์』 ด้วยเลย
ถึงจะน่าตกใจที่ผมกลืนร่างขนาดยักษ์ใหญ่แบบนั้นได้กเ็ ถอะนะ
พื้นที่การใช้งานกระเพาะตอนนี้แค่ประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ งั้น
เรอะ?
นี่มีพื้นที่ใหญ่โตขนาดไหนกันแน่เนี่ย
แล้วก็-------

《จะดÓเนินการวิเคราะห์ยน
ู คี สกิล 『พันธนาคารนิรนั ดร์』 หรือ
68
ไม่?
YES/NO》

ฝากด้วยนะ! ผมตัง้ มัน่ คิดค�าว่า YES ด้วยความรูส้ กึ เหมือนภาวนา

ในวันนั้น เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขึ้นทั่วทั้งโลก
และมีการยืนยันว่า “มังกรวายุคลัง่ ” เวลโดร่า มอนสเตอร์ระดับ
“มหันตภัย” ได้สูญสลายไป
เวลโดร่า มอนสเตอร์ระดับ S พิเศษ
ระดับของปิศาจเองก็ถูกประเมินและจัดแบ่งเป็น 6 ระดับตั้งแต่
A-F เช่นเดียวกับระดับของนักผจญภัย
และในบางกรณี ก็ จ ะมี ก ารแสดงผลประเมิ น โดยการใส่
สัญลักษณ์ "+" ต่อท้ายถ้าค่อนข้างแข็งแกร่ง หรือ "-" ถ้าค่อนข้างอ่อนแอ
เมื่อเทียบกับระดับเดียวกันอยู่ด้วย
นีค่ อื การจัดแบ่งระดับทีช่ ายนาม ยูกิ คางุระซากะ ผูซ้ งึ่ ถูกเล่าลือ
กันว่าเป็น “ชาวต่างโลก” และมีฉายาว่า “แกรนด์มาสเตอร์ (ประธาน-
สมาคมอิสระ)” อันหมายถึงผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของสมาคมอิสระ เป็น
ผู้ก�าหนดขึ้นใหม่
การจัดแบ่งนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากเข้าใจง่าย
กว่าการประเมินระดับ 4 ขั้นเช่น ผู้เริ่มต้น -> มือใหม่ -> ระดับกลาง
-> ระดับสูง แบบที่ผ่านมา
ส่วนระดับ S พิเศษนั้น จะหมายถึงปิศาจระดับ “ภัยพิบัติ”
หรือ “มหันตภัย” ซึ่งเหนือยิ่งกว่าระดับ S ที่ใช้ระบุถึงราชาปิศาจผู้อยู่
เหนือกว่าระดับ A
บทที่ 1 เพื่อนคนแรก 69
หรือก็คอื ตัวตนคนละระดับ ทีห่ ลุดจากกรอบของการประเมิน 6
ระดับ A-F
เดิมที แค่ปิศาจระดับ A ก็เป็นภัยคุกคามที่น่าหวาดหวั่นขนาด
ที่บางกรณีอาจท�าให้การคงอยู่ของประเทศสั่นคลอนได้เสียด้วยซ�้า
กล่าวเท่านี้ก็คงพอมองเห็นความอันตรายขนาดชวนให้สิ้นหวัง
ของมันได้แล้วกระมัง
แม้วา่ จะถูกผนึกเอาไว้ได้เมือ่ 300 ปีกอ่ น แต่กย็ งั เป็นมอนสเตอร์
ระดับมหันตภัย
มันอาจแสร้งท�าว่าสูญสลายไป แล้วถือก�าเนิดใหม่ในฐานะภัย
คุกคามครั้งใหม่ที่ภูมิภาคอื่นก็เป็นได้
ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป 20 วันหลังจากมีรายงานการหายสาบสูญ
ของมัน ศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์แห่งทิศประจิมก็ประกาศว่า “มังกรวายุคลั่ง”
เวลโดร่า ได้สูญสลายไปโดยสมบูรณ์แล้ว

รอบๆ มหาพงไพรแห่งจูร่า มีประเทศขนาดเล็กอยู่เป็นจ�านวน


มาก
เมือ่ ข่าวการสูญสลายของเวลโดร่ารัว่ ไหลออกมา แต่ละประเทศ
ก็เกิดความวุ่นวายราวผึ้งแตกรัง
ราชาและเหล่ารัฐมนตรีของทุกประเทศต่างด�าเนินการประชุม
อย่ า งเร่ ง ด่ ว นเป็ น เวลาหลายวั น ติ ด ต่ อ กั น เพื่ อ รวบรวมข้ อ มู ล และหา
มาตรการรับมือหลังจากนี้
บารอนเบลยาร์ด ผู้ด�ารงต�าแหน่งรัฐมนตรีของประเทศเล็กๆ
นามเบอร์มุนด์เองก็เป็นหนึ่งในนั้น
ส่วนชายที่ถูกบารอนเบลยาร์ดเรียกตัวมาเอง ก็เป็นบุคคลที่มี
ชีวิตอยู่ท่ามกลางความอลหม่านที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนครั้งนี้เช่นกัน
ชื่อของเขาคือฟิวส์ เป็นชายรูปร่างเตี้ย ทว่ามีแววตาที่ไม่อาจ
70
ประมาทได้
ส่วนอาชีพคือกิลด์มาสเตอร์ของสมาคมอิสระแห่งราชอาณาจักร
เบอร์มุนด์ซึ่งเป็นประเทศเล็กๆ จึงถือได้ว่าเป็นบุคคลที่แบกรับหน้าที่
ส�าคัญในประเทศนี้
“ทีข่ า้ เรียกเจ้ามานัน้ ไม่ใช่เรือ่ งอืน่ ใด นอกจากเรือ่ งของ ‘มังกร-
วายุคลั่ง’ เวลโดร่า เจ้าเองก็รู้ข่าวใช่ไหม?”
บารอนเบลยาร์ดเอ่ยถามฟิวส์ทเี่ พิง่ ก้าวเข้ามาในห้องโดยคงท่าที
ที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายต้องทราบเรื่องแล้วอย่างแน่นอนเอาไว้
“แน่นอนอยู่แล้วครับ ท่านบารอน”
ฝ่ายฟิวส์ก็ตอบรับเพียงสั้นๆ ด้วยเสียงต�่าแหบแห้ง
“อืม คงต้องบอกว่าสมกับที่เป็นกิลด์มาสเตอร์สินะ”
บารอนเบลยาร์ดส่งเสียงขึ้นจมูก ก่อนจะเอ่ยต่อเหมือนสบถ
“ถ้ า งั้ น ช่ ว ยบอกหน่ อ ยได้ ไ หมว่ า ในฐานะของกิ ล ด์ แ ล้ ว จะมี
มาตรการรับมืออะไรบ้าง?”
“ก็ไม่มีก�าหนดการจะท�าอะไรเป็นพิเศษหรอกครับ”
“ว่าไงนะ? ข้าฟังไม่คอ่ ยถนัด... เจ้าบอกว่าไม่คดิ จะวางมาตรการ
อะไรเลยงั้นเรอะ?”
“ครับ เพราะไม่รู้สึกว่ามีความจ�าเป็นครับ”
ฟิวส์เอ่ยตอบอย่างเรียบเฉย
ท่าทีของเขาเหมือนต้องการจะถามว่าบารอนเบลยาร์ดก�าลังโกรธ
เรื่องอะไร
แม้จะไม่พอใจกับท่าทีดงั กล่าว แต่บารอนเบลยาร์ดก็เอ่ยต่อโดย
อดกลั้นไม่ให้ความรู้สึกนั้นปรากฏออกมา
อย่างไรก็ตาม คงยากที่จะบอกได้ว่าความพยายามของบารอน
ก�าลังประสบความส�าเร็จ...
“ไม่มีความจ�าเป็นงั้นรึ พูดได้แปลกดีนี่ มีการคาดคะเนว่าการที่
บทที่ 1 เพื่อนคนแรก 71
‘มังกรวายุคลัง่ ’ เวลโดร่าสูญสลายไปจะท�าให้พวกปิศาจเกิดการเคลือ่ นไหว
มากขึน้ นะ! ทัง้ ทีเ่ ป็นอย่างนัน้ แต่เจ้าจะบอกว่าไม่คดิ จะวางมาตรการอะไร
เลยเรอะ!?”
“ท่านเองก็พูดแปลกๆ นะครับ การวางมาตรการคืองานของ
ภาครัฐ แต่พวกเราเป็นสมาคมอิสระ ไม่ใช่อาสาสมัครหรอกนะครับ?”
นั่นคือความจริง
สมาคมอิสระนั้นหมายถึงสมาคมที่ไม่ถูกผูกมัดด้วยกรอบของ
ประเทศ
หากเปรียบเทียบกับช่างฝีมอื ทีส่ งั กัดกับภาครัฐของแต่ละประเทศ
แล้ว พวกเขาจะไม่ได้รับประกันคุณภาพชีวิต แต่ก็ยังคงได้รับประกัน
สถานะทางสังคมขัน้ ต�า่ สุดตามมาตรฐานของพลเมือง ด้วยเหตุนจี้ งึ มีเพียง
เรื่องของภาษีเท่านั้นที่พวกเขามีหน้าที่ต้องจ่ายในระดับหนึ่งด้วย
ระบบดังกล่าวไม่ได้ใช้เฉพาะในประเทศนี้ แต่เป็นระบบทีป่ ระเทศ
เกือบทั้งหมดในบริเวณรอบๆ พื้นที่นี้ใช้ร่วมกัน ซึ่งหากคิดในมุมกลับ
สมาคมอิสระก็จะเป็นองค์กรทีอ่ ยูเ่ หนือขอบเขตของประเทศ และมีอา� นาจ
ในฐานะองค์กรเหนือกว่าประเทศประเทศหนึ่งด้วย...
จะด้วยความบังเอิญหรือจงใจก็ไม่ปรากฏแน่ชดั แต่กเ็ ป็นความจริง
ว่าพวกเขาปฏิบัติภารกิจอย่างลับๆ ภายใต้ค�าสั่งของประเทศ
“ในฐานะประเทศแล้ว การปกป้องทรัพย์สินของราษฎรถือเป็น
หน้าทีข่ นั้ ต�า่ สุดไม่ใช่หรือครับ? ในฐานะของสมาคม เราเองก็ตอ้ งปกป้อง
สมาชิกของสมาคมเหมือนกัน ก็ล�าบากกันทั้งสองฝ่ายนะครับ”
เมื่อได้ฟังวิธีพูดแบบหน้าตาเฉยของกิลด์มาสเตอร์ เส้นเลือดก็
เริ่มผุดขึ้นบนหน้าผากของบารอนเบลยาร์ด
เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายกล่าวโดยรู้ถึงจุดยืนของตนอย่างชัดแจ้ง
“ไม่ต้องอ้างโน่นอ้างนี่เลย! สมาคมอิสระจะส่งทหารรับจ้างให้
ได้กี่คน? นักผจญภัยที่มีความช�านาญด้านการต่อสู้ล่ะ? เจ้าส่งคนที่จะ
72
ช่วยปกป้องเมืองนี้ให้ได้กี่คน!?”
ได้ยนิ เช่นนัน้ กิลด์มาสเตอร์กถ็ อนหายใจพลางเอ่ยว่าให้ตายเถอะ
“ข้าไม่อยากให้ทา่ นเข้าใจผิดนะครับ พวกเราไม่ใช่กลุม่ อาสาสมัคร
หากเป็นการระดมพลที่อิงตามข้อตกลงระหว่างประเทศกับสมาคมอิสระ
ละก็ เราก็ส่งก�าลังระดมพลให้ได้ 10 เปอร์เซ็นต์ของจ�านวนสมาชิก แต่
ถ้าท่านต้องการมากกว่านั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับค่าตอบแทนแล้วละครับ”

ประชากรของราชอาณาจักรเบอร์มุนด์คือ 1,000,000 คน
ในจ�านวนนั้นมีผู้ที่สังกัดเป็นสมาชิกสมาคมอยู่ราว 7,000 คน
ไม่นับรวมถึงครอบครัว
กรณี ที่ มี ค� า สั่ ง ขอก� า ลั ง ระดมพลตามข้ อ ตกลงความร่ ว มมื อ
ระหว่างประเทศกับสมาคมอิสระ 10 เปอร์เซ็นต์ของจ�านวนสมาชิกสมาคม
อิสระก็จะต้องเข้าไปอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของภาครัฐ (ซึ่งในกรณีนี้
คือประมาณ 700 คน)
และเป็นเรือ่ งแน่วา่ จะนับเพียงจ�านวนสมาชิกสมาคมของประเทศ
นั้นๆ เท่านั้น ไม่ได้รวมถึงสมาชิกสมาคมของประเทศอื่นๆ ด้วยเหตุนี้จึง
มีการระบุประเทศที่สังกัดอย่างชัดเจน แม้ว่าจะเป็นสมาคมอิสระก็ตาม
อีกทั้งทางประเทศเองก็ก�าหนดระยะเวลาที่จะออกค�าสั่งตาม
ข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าวได้ ทว่าในระหว่างช่วงเวลานัน้ มีขอ้ ก�าหนด
ว่าจะต้องลดภาษีที่จะเก็บจากสมาคมลง 20 เปอร์เซ็นต์
นี่เป็นระบบที่มีอ�านาจในการบังคับใช้ ทว่าเมื่อค�านึงถึงรายรับ
จากการเก็บภาษีแล้ว ก็ไม่สามารถใช้อย่างสุ่มสี่สุ่มห้าได้ แต่จะอย่างไร
ส�าหรับสมาคมทีต่ อ้ งจ่ายเงินเดือนให้กบั สมาชิกทีถ่ กู บังคับเรียกตัวไปแทน
แล้ว มันก็เป็นข้อตกลงที่ต้องมีเป็นธรรมดา
และถึงสมมุตวิ า่ ทางประเทศจะต้องการเรียกใช้งานสมาชิกทัง้ หมด
ทางสมาคมก็ไม่อาจสนองให้ได้อยู่ดี
บทที่ 1 เพื่อนคนแรก 73
เนือ่ งจากครึง่ หนึง่ ของบรรดาสมาชิกนัน้ เป็นพลเรือนทีต่ อ่ สูไ้ ม่เป็น

ทางภาครัฐเอง ก็มีวิจารณญาณพอที่จะเข้าใจเรื่องดังกล่าวเป็น
อย่างดี
ดังนั้นตามปกติแล้วจึงไม่มีการเรียกร้องบังคับกัน... ทว่าครั้งนี้
พวกเขาไม่อยู่ในสถานการณ์ที่จะท�าแบบนั้นได้
พวกปิศาจมีการเคลื่อนไหวมากขึ้น... จริงอยู่ว่านั่นก็เป็นเหตุผล
ข้อใหญ่ๆ
ทว่ายังมีเหตุผลที่แท้จริงซ่อนอยู่อีก ซึ่งก็คือ...
“พอเถอะ เฮ้ย ฟิวส์ คิดจะให้ฉันพูดจากใจจริงเลยรึไง?”
ฟิวส์ออกจะตกใจอยู่เล็กน้อยที่ได้ยินบารอนเบลยาร์ดเรียกตน
ด้วยชื่อ
และวินาทีนนั้ คือครัง้ แรกทีเ่ ขาหันมองใบหน้าของบารอนเบลยาร์ด
ตรงๆ
“สถานทีผ่ นึก ‘มังกรวายุคลัง่ ’ เวลโดร่าอันเป็นอาณาเขตทีห่ า้ ม
รุกล�้าเข้าไป ถ้าผ่านเส้นทางนั้นได้โดยตรงขึ้นมา ก็มีความไปได้ว่า
จักรวรรดิฝั่งตะวันออกจะเริ่มเคลื่อนไหวสินะ”
“ก็อย่างที่ว่านั่นละ! ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพวกนั้นเกรงใจเวลโดร่า
หรือกลัวว่าจะไปท�าให้ผนึกคลายออกเข้า แต่จกั รวรรดิทวี่ างตัวเฉยมาตลอด
ก�าลังเริม่ มีการเคลือ่ นไหวแล้ว นายเองก็เข้าใจไม่ใช่เรอะ? ถ้าพวกนัน้ ลอด
ผ่านป่านั่นมาได้ละก็ ประเทศเล็กๆ อย่างประเทศนี้คงถูกดูดกลืนแค่ใน
อึดใจ แถมจะหวังพึ่งพาศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์แห่งทิศประจิมก็ไม่ได้ด้วย!
ประเทศรอบๆ มหาพงไพรแห่งจูรา่ ทีไ่ ม่ได้เป็นอันหนึง่ อันเดียวกัน จะต้อง
ตกอยู่ภายใต้การครอบง�าของจักรวรรดิในชั่วพริบตาแน่!”
“ทางศาสนจักรไม่ยอมเคลือ่ นไหวงัน้ รึ... ก็คงงัน้ แหละ เจ้าพวกนัน้
สนใจการต่อสู้ระหว่างมนุษย์ด้วยกันซะที่ไหน ค�าสอนของเจ้าพวกนั้นคือ
74
การท�าลายล้างพวกปิศาจนี่นะ”
“ใช่สิ อย่างน้อยถ้ามีอัศวินศักดิ์สิทธิ์ยอมขยับตัวแค่สักคน ทาง
จักรวรรดิเองก็คงเคลือ่ นไหวสุม่ สีส่ มุ่ ห้าไม่ได้แท้ๆ ...เพราะแค่ไม่ตอ้ งเตรียม
การรับมือพวกปิศาจก็ช่วยซื้อเวลาได้แล้ว”
“แต่คงไม่ไหวหรอก... เพราะจากมุมมองของศาสนจักร ถึงจะมี
ประเทศต้องล่มสลายไปก็ไม่ได้เกิดผลเสียอะไรกับตัวเอง ถึงจะเป็นสาวก
ของวิหารเอง ก็ใช่ว่าจะได้รับการช่วยเหลือทั้งหมด”
ฟิวส์จ้องมองใบหน้าของบารอนเบลยาร์ดพลางคิดว่า
หน้าตาโทรมไปเลยแฮะ หมอนี่...
แม้อาจเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ แต่บารอนเบลยาร์ดดูจะชราลงไปใน
อึดใจแค่ในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้
ที่จริงแล้ว ทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเด็ก
ถึงอีกฝ่ายจะเป็นเพียงบารอน แต่หากเรื่องที่ว่าฟิวส์มีความ
สัมพันธ์สนิทสนมกับขุนนางถูกแพร่งพรายออกไปละก็ เขาอาจจะไม่สะดวก
ในหลายๆ เรื่องขึ้นมา
เนื่องจากจ�าเป็นต้องสร้างภาพว่าความสัมพันธ์ของพวกเขา
คือการใช้ประโยชน์จากกันและกัน ตามปกติพวกเขาจึงแสร้งท�าว่าไม่ถกู โรค
กัน
ล�าพังประเทศเล็กๆ ประเทศนี้แห่งเดียว คงไม่สามารถก้าวผ่าน
วิกฤติในครั้งนี้ไปได้แน่
แต่กเ็ ป็นไปได้เหมือนกันว่านีอ่ าจเป็นความกังวลมากเกินไปเอง
จริงอยู่ว่าจักรวรรดิมีการเคลื่อนไหว แต่ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะ
เดินทัพมาโจมตีประเทศนี้
ถ้าแค่ปิศาจอย่างเดียว ก็ยังจะพอหาหนทางรับมือมันได้
“ยังไม่แน่ซะทีเดียวว่าจักรวรรดิจะเคลื่อนไหวรึเปล่าไม่ใช่เรอะ?
แต่เอาเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปตรวจสอบเป็นการส่วนตัวให้ก็แล้วกัน ถึงจะ
บทที่ 1 เพื่อนคนแรก 75
ไม่อยากให้คาดหวังอะไรมากนัก แต่ฉันจะลองสืบเรื่องสภาพของมหา-
พงไพรแห่งจูร่ากับการเคลื่อนไหวของจักรวรรดิดูให้”
“โทษทีนะ... ช่วยได้มากเลย”
ใช่แล้ว ยังไม่แน่สักหน่อยว่าจักรวรรดิจะเคลื่อนไหว
หรือต่อให้สมมุตวิ า่ มีการเคลือ่ นไหวขึน้ มา ไม่สิ ถ้าเกิดเคลือ่ นไหว
ขึ้นมาจริงๆ ละก็ จะกลายเป็นการเคลื่อนไหวทางการทหารครั้งใหญ่เลย
ทีเดียว
จักรวรรดิไม่ออ่ นหัดขนาดจะลงทุนเคลือ่ นไหวเพือ่ ก่อศึกสงคราม
เล็กๆ แต่คงจะใช้กา� ลังทหารจ�านวนมากกว่าล้านบุกเข้ารุกรานทุกประเทศ
รอบข้างพร้อมกันเป็นแน่ ซึง่ ถ้าอย่างนัน้ ก็ยอ่ มต้องใช้เวลาในการเตรียมการ
อย่างน้อยๆ ช่วงระหว่าง 3 ปีนี้ก็น่าจะ...
แม้จะยังคงเรียกไม่ได้วา่ มีเวลามากนัก แต่พวกเขาเองก็มเี วลาที่
จะเตรียมตัวเช่นกัน
“แต่ยังไงก่อนอื่นก็ต้องเริ่มต้นจากการหาข้อมูล ไม่มีเวลาแล้ว
ฉันไปละนะ!”
“ฝากด้วยนะ...”
ทั้งสองพยักหน้าให้กัน แล้วจึงจากลา

เรื่องที่ต้องท�ามีมากเป็นกองภูเขา

เวลาผ่านไปแล้ว 30 วันนับตั้งแต่ที่ผมกินเวลโดร่าเข้าไป
จนถึงตอนนี้ ผมท�าอะไรไปบ้างงั้นเหรอ?
ลองคิดดูสิ ถ้าผมถูกพวกปิศาจจู่โจมขึ้นมาจะท�าอย่างไร?
ผมกลายเป็นสไลม์ไปแล้วนะ อย่าว่าแต่จะสู้เลย แค่หนียังยาก
76
เสียด้วยซ�้า
ดังนั้นผมจึงคิดหาวิธีการต่อสู้
แล้วก็กินหญ้าที่ดูเตะตากับหินแร่ส่องประกายแปลกๆ ที่อยู่ใน
บริเวณรอบๆ นั้นเป็นของแถมด้วย
ทีน่ คี่ อื สถานทีซ่ งึ่ มีความเข้มข้นของแก่นเวทสูงตามทีเ่ วลโดร่าว่า
และหญ้าที่ขึ้นในสถานที่นี้ก็เกือบจะเป็นหญ้าฮิโปคุเตะทั้งหมด
อย่างที่คิดไว้เลย
เท่านีผ้ มก็มสี ต็อกยาฟืน้ ฟูเพิม่ แล้ว ส่วนหินแร่ทสี่ อ่ งประกายแสง
แปลกๆ ก็ได้รับการยืนยันว่าเป็น “หินแร่เวท” ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็น
วัตถุดบิ ของโลหะทีม่ คี วามแข็งและยืดหยุน่ มากกว่าเหล็กกล้า ใช้ผลิตโลหะ
ที่รับกับเวทมนตร์ได้ดีได้
ผมคาดหวังว่ามันจะเป็นหินแร่ที่หายากกว่านี้ แต่พอลองคิดดู
ดีๆ แล้วก็ไม่รเู้ หมือนกันว่าโลกนีม้ หี นิ แร่ทมี่ ชี อื่ เสียงอย่างโอริฮารุกอนหรือ
ฮิฮิอิโระคาเนะ6ไหม
มันอาจจะเป็นหินแร่ที่หายากน่าดูเลยก็ได้ ผมคงจะโลภมากไป
หน่อยละมั้ง
แล้วระหว่างที่รับประทานหญ้าและหินแร่อย่างเอร็ดอร่อย ผมก็
นึกขึ้นมาได้!

ผมยิงน�า้ ออกมาได้ เพราะฉะนัน้ น่าจะใช้ทา่ วอเตอร์คตั เตอร์หรือ


อะไรท�านองนี้ได้นี่นา?
อือ้ ไม่ตอ้ งบอกผมก็รู้ ทุกคนคงคิดว่าผมจะท�าพลาดอีกแล้วละสิ?
อย่าดูถูกคนอื่นกันนักเลย ผมเป็นผู้ชายที่ถึงเวลาต้องท�าก็ท�า
ได้นะ
ในสมุดพกก็มเี ขียนไว้ประจ�าว่า 『เป็นเด็กทีถ่ า้ คิดจะทÓก็ทÓได้』
อย่างที่ว่ามานี่ละ เพราะฉะนั้นคงไม่เป็นไรหรอกน่า
6ฮิฮิอิโระคาเนะ : Hihiirokane) โลหะหรือโลหะผสมในต�านานที่เล่ากันว่ามีการน�ามาใช้งานหลายๆ
ด้านในญี่ปุ่นสมัยโบราณ ปัจจุบันทั้งข้อมูลด้านวัตถุดิบและวิธีการหล่อหลอมได้หายสาบสูญไปแล้ว
ผมไปที่ทะเลสาบใต้ดินทันที แล้วก็เป็นไปตามที่ผมคิดเมื่อครั้ง
ที่ยังอยู่ในความมืด ทะเลสาบที่มีขนาดกว้างใหญ่เอาการแผ่ตัวอยู่เบื้อง
หน้าผม
ที่นี่เงียบสงบให้ความรู้สึกผ่อนคลาย และดูล้ีลับยิ่งกว่าที่ผม
จินตนาการไว้ ทัง้ ยังไร้ซงึ่ กลิน่ อายของสิง่ มีชวี ติ จึงเงียบสงัดอย่างบอกไม่ถกู
คงจะไม่มสี งิ่ มีชวี ติ อาศัยอยูเ่ ลย เพราะแก่นเวทแผ่ลงไปถึงในน�า้
ด้วยละมั้ง
ธรรมชาติที่ไม่เคยถูกสิ่งใดท�าให้แปดเปื้อน! ช่างเป็นทิวทัศน์ท่ี
สวยงามเหลือเกิน
แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน...
คราวก่อนสิ่งที่แย่ก็คือการที่ยิงน�้าออกไปสุดแรงเกิดเอาไว้ก่อน
โดยไม่มกี ารทดลองยิง แถมปากกระบอกยิงก็ใหญ่ จึงท�าให้พลังขับเคลือ่ น
สูงเกินไปและกลายเป็นความผิดพลาด เรียกว่าผมท�าอะไรแบบขอไปที
เกินไปนั่นเอง
ครั้งนี้ผมจึงจินตนาการถึงปืนฉีดน�้า พลางค่อยๆ ปล่อยน�้าออก
มาทีละนิด โดยใช้อมิ เมจประมาณว่าอมน�า้ ไว้ในปากแล้วพ่นออกมาแรงๆ
น�้าไม่ค่อยออกมาเลยแฮะ ปากกระบอกยิงเล็กไปงั้นรึ?
เมื่อลองเปิดปากกระบอกให้กว้างขึ้นอีกหน่อย น�้าก็พุ่งออกมา
อย่างแรงส่งไปถึงหินผาที่เป็นเป้าหมาย ท�าให้หินนั้นเปียกโชก
เยี่ยมๆ ก่อนอื่นก็เรียกว่าส�าเร็จละนะ ค่อยๆ ปรับปริมาณน�้าไป
ทั้งอย่างนี้แหละ
ขั้นต่อไป ผมลองเปิดปากกระบอกโดยเพิ่มแรงดันน�้าให้สูงขึ้น
เล็กน้อยแล้วจึงยิง
ผมฝึกใช้ปืนฉีดน�้าไปเรื่อยๆ ตามอย่างที่อธิบายข้างต้น ท�าให้
พลังท�าลายของมันค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้นทีละน้อย

78
เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นแล้วแฮะ
แต่คงยังเรียกว่าเป็นวิธกี ารโจมตีแบบเป็นเรือ่ งเป็นราวไม่ได้ ถึง
ยิงโดนคนแล้วดูท่าจะเจ็บก็เถอะ
เอาไงดีนะ... ผมนึกอย่างกลัดกลุ้มพลางเคลื่อนตัวลงไปใน
ทะเลสาบเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
เวลาเหนื่อยก็ต้องอาบน�้านี่แหละแจ๋ว ผมไม่ได้ลงมาในน�้าเพื่อ
เล่นน�้าเท่านั้นหรอกนะ?
ผมใช้ 『ญาณเวท』 ตรวจสอบสภาพร่างกายของตัวเองที่เดี๋ยว
ลอยเดี๋ยวจมทั้งอย่างนั้น
ดูแล้วอย่างกับแมงกะพรุนเลย ถ้าลองสะบัดผิวหน้าของร่างกาย
แล้วจะท�าให้เกิดคลื่นน�้าได้ไหมเนี่ย?
คิดแล้วผมก็ส่งพลังเวทไปยังผิวหน้าของร่างกายที่เด้งดึ๋งๆ แล้ว
ควบคุมแก่นเวทเพื่อท�าให้เกิดแรงสั่น
แรงสั่นน้อยๆ แล่นไปทั่วทั้งร่าง คราวนี้ผมจึงจงใจลองหัน
แรงสั่นนั้นไปยังทิศทางเดียวดู ปรากฏว่ามันท�าให้ผมเคลื่อนตัวในน�้าได้
ส�าเร็จแล้ว! ผมนึกสนุกขึน้ มาแล้วว่ายน�า้ เล่นอย่างสบายอารมณ์
เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศที่ดี แต่กรุณาอย่าเข้าใจผิดนะครับ
ผมไม่ได้ก�าลังเล่นนะ

《คุณได้รับสกิล 『เคลื่อนไหวในกระแสน้Ó』》

ผมนึกอยู่แวบหนึ่งว่าเป็นเสียงของ 『มหาปราชญ์』 หรือ แต่ดู


เหมือนว่าจะเป็นเสียง “วจนะแห่งโลก” มากกว่า
ดูท่าว่าการเล่นสนุกเมื่อครู่นี้จะท�าให้ผมได้รับสกิลแฮะ โอ๊ะโอ
ไม่ใช่การเล่นสนุกแต่เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศต่างหาก
ผมเริ่มเคลื่อนไหวในน�้าและบนน�้าไปตามทิศทางที่ต้องการได้
บทที่ 1 เพื่อนคนแรก 79
ด้วยความเร็วระดับหนึ่ง
หรือถ้าเกิดฉุกเฉินขึ้นมาก็เพิ่มความเร็วด้วยสกิล 『ขับเคลื่อน
แรงดันน้Ó』 ได้ พอค�านึงถึงเรือ่ งทีว่ า่ ไม่จา� เป็นต้องหายใจแล้ว เวลาอยูใ่ นน�า้
ผมอาจจะต่อสูไ้ ด้งา่ ยกว่าทีค่ ดิ ก็ได้ แถมยังเหมาะกับการหลบหนีอกี ด้วย
ความคิดนั้นผุดขึ้นในหัวของผมขณะที่ก�าลังขึ้นจากทะเลสาบ
ใต้ดิน

พักผ่อนเสร็จเรียบร้อย
ปัญหาในตอนนี้คือวิธีการโจมตี แต่เพราะได้เปลี่ยนบรรยากาศ
ผมจึงปิ๊งไอเดียใหม่ขึ้นมา
ถ้าใช้วิธีการแบบปืนฉีดน�้า ก็จ�าเป็นต้องใช้แรงดันอัดน�้าออกมา
เรื่อยๆ ไม่มีหยุด
งั้นคราวนี้ลองใช้อิมเมจว่า “เพิ่มแรงดันภายในกระบอกสูบแล้ว
ยิงน�้าออกมาในปริมาณน้อย” เอาแบบนี้ดูบ้างดีกว่า
วิธีการปรับพลังท�าลายก็เหมือนกับเมื่อครู่นี้คือปรับขนาดปาก
กระบอกกับแรงดัน
น�า้ ปริมาณไม่มากนักพุง่ ออกไปอย่างเฉียบคม ปะทะเข้ากับหินผา
อันเป็นเป้าหมายตามอย่างที่ผมคาดคะเน
แถมส่วนที่ปะทะยังแตกไปนิดหน่อยด้วย
อาจจะ... ส�าเร็จก็ได้แฮะ
ผมจึงลงมือฝึกฝนให้มากยิ่งขึ้นก่อนที่จะลืมความรู้สึกเมื่อครู่นี้
ผมลองฝึกการยิงโดยนอกเหนือจากปรับขนาดปากกระบอกกับ
แรงดันแล้ว คราวนี้ยังเสริมโดยการสร้างอิมเมจว่าท�าให้น�้าหมุนควงเข้า
ไปด้วย
ผมทดลองอย่างอื่นอีกสารพัดเท่าที่จะนึกออก เช่นลองไม่ปรับ
ขนาดกระบอก แต่ปรับรูปร่างให้ผอมลีบลงแทน
80
ใช่แล้ว! อิมเมจคือการ “ตัดสะบั้นด้วยน�้า”
ผมเปลี่ยนรูปทรงของน�้าที่จะยิงออกไปให้ลีบแบนที่สุดเท่าที่จะ
ท�าได้ และเพิ่มการหมุนควงเข้าไป อิมเมจคือสร้างน�้าแผ่นกลมที่หมุนติ้ว
ด้วยความเร็วสูงขณะที่พุ่งออกไปเพื่อตัดสะบั้นเป้าหมาย ทดลองกันเลย
ดีกว่า
ผลลัพธ์ก็คือประสบความส�าเร็จ! น�้าที่ถูกปล่อยออกไปใน
ลักษณะของแผ่นกลมได้รบั แรงต้านทานจากอากาศท�าให้ทงิ้ ภาพติดตาซึง่
ดูราวกับใบมีดเอาไว้และตัดผ่าหินผาซึง่ เป็นเป้าหมาย พลังท�าลายของมัน
รุนแรงจนผู้ทดลองอย่างผมยังตกใจ
ผลลัพธ์จากการฝึกฝน 1 สัปดาห์ ได้สุกงอมแล้ว ณ ที่นี้

《คุณได้รับสกิล 『ดาบวารี』》
《เนื่องจากได้รับสกิล 『ขับเคลื่อนแรงดันน้Ó』 『เคลื่อนไหว
ในกระแสน้Ó』 และ 『ดาบวารี』 สกิลจึงถูกควบรวมและพัฒนากลาย
เป็นเอ็กซ์ตร้าสกิล 『บงการวารี』》

โอ๊ะโอ!
ท่าทางจะสุกงอมแล้วจริงๆ ด้วย
ก็รสู้ กึ ว่าเอ็กซ์ตร้าสกิลเนีย่ จะมีทงั้ พลังท�าลายและประสิทธิภาพ
เหนือกว่าสกิลธรรมดาเป็นคนละเรื่องเลยนี่นะ
เพียงเท่านี้ผมก็ได้วิธีการต่อสู้มาไว้ในมือ และถือว่าเตรียมตัว
ออกเดินทางเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ในที่สุด
120 วันหลังจากลับชาติมาเกิด ณ ริมทะเลสาบใต้ดนิ แห่งนี้ ใน
ที่สุด ก็ถึงวันที่จะได้ออกเดินทางจากที่พักอาศัยนี้แล้ว
บทที่ 1 เพื่อนคนแรก 81
ผมยังมีความกังวลอยู่ นั่นคือเรื่องที่ผมพูดไม่ได้ เนื่องจากไม่มี
เส้นเสียง ผมจึงทดสอบดูว่าจะท�าให้ร่างกายเปลี่ยนเป็นรูปร่างที่พอจะใช้
แทนกันได้ไหม แต่ก็ยังไม่ประสบผลส�าเร็จ
แม้จะคิดอยู่เหมือนกันว่าควรฝึกอยู่ที่นี่จนกว่าจะประสบความ
ส�าเร็จในเรื่องนี้ แต่ภาพอิมเมจยามประสบความส�าเร็จก็ไม่ผุดขึ้นมาเลย
วิ ธี ที่ จ ะสื่ อ สารความคิ ด ของตั ว เองออกไปจึ ง มี เ พี ย งการใช้
『โทรจิต』 แถมยังต้องพึง่ พาอีกฝ่ายเท่านัน ้ ด้วย ดังนัน้ คงมีแต่ตอ้ งอดทน
ไปก่อนจนกว่าจะหาวิธีออกเสียงได้ ถึงจะไม่ค่อยสะดวกก็เถอะ
เอาละ จะมัวเล่นโน่นเล่นนี่อยู่ที่นี่ไปเรื่อยๆ ก็ไม่ได้อะไร
ผมอยากจะรีบออกไปดูโลกภายนอก และถ้าเป็นไปได้ ผมก็
อยากจะเจอ “ชาวต่างโลก” ที่มาจากโลกเดียวกับผม
แถมการเรียนรู้เวทมนตร์ก็ท่าทางน่าสนุกดีด้วยสิ!
เมื่อคิดได้อย่างนั้นแล้วก็ควรจะรีบออกเดินทางเนอะ
เขาพูดกันด้วยนีว่ า่ “คิดได้เมือ่ ไหร่ลงมือเมือ่ นัน้ นัน่ แหละคือวันดี”

ณ ปัจจุบัน ยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ จากเวลโดร่า


ไม่มจี นดูราวกับว่าเขาได้หายไปแล้ว แต่ผมรูด้ วี า่ ไม่ได้เป็นแบบนัน้
เพราะเราสัญญากันแล้วนี่นะ
เตรียมเรือ่ งราวสนุกๆ น่าข�าทีจ่ ะท�าให้เขาหัวเราะได้เอาไว้สา� หรับ
เวลาที่ได้เจอกันครั้งหน้าดีกว่า
จากนัน้ ผมจึงเริม่ เคลือ่ นตัวจากพืน้ ทีอ่ นั กว้างใหญ่อนั แสนคุน้ เคย
ที่แผ่ตัวกว้างอยู่ใต้ดิน มุ่งหน้าสู่เส้นทางเดียวที่เชื่อมต่อไปสู่โลกเบื้องบน
พลางครุ่นคิดถึงโลกที่ยังไม่เคยเห็น และคาดหวังถึงสิ่งที่จะเกิด
ขึ้นต่อจากนี้...

82
เด็กหญิงกับร�ช�ปิศ�จ

ทัศนียภาพที่ฉันจดจ�าได้ คือเปลวไฟที่สาดเทลงมา
มือของแม่ที่ฉันก�าเอาไว้ช่างเบาหวิวเสียจนฉันกลัวที่จะหันมอง
เลยจากมือนั้นไป
ระเบิดเพลิงแตกตัวออกทีบ่ ริเวณใกล้ๆ และเปลีย่ นพืน้ ทีโ่ ดยรอบ
ให้กลายเป็นทะเลไฟ
ฉันควรจะหนีไปที่ไหนดี ในเมื่อรอบด้านล้วนถูกห้อมล้อมด้วย
เปลวเพลิง...?
ตัวฉัน-------ชิสเุ อะ อิซาวะ-------ได้แต่เหม่อลอยโดยไม่รวู้ า่ ควร
ท�าอย่างไรดีพร้อมกับรู้สึกสิ้นหวัง
ตอนนั้นเอง ที่ฉันรู้สึกว่ามีแสงสว่างเจิดจ้าเข้าปกคลุมร่างกาย
ของตน
(อา... ฉันจะต้องตายอยู่ที่นี่หรือ...)
แม้ว่าจะเพิ่งอายุ 8 ขวบ แต่ตัวฉันก็ท�าความเข้าใจได้
ฉันอาศัยอยู่กับแม่เพียงสองคนโดยไม่มีญาติมิตรใดๆ ให้พึ่งพิง
กระทั่งใบหน้าของพ่อที่ถูกเกณฑ์ให้ไปร่วมสงครามฉันก็จ�าไม่ได้ แล้วก็
ไม่รู้สึกด้วยว่านั่นถือเป็นความโชคดีหรือโชคร้าย
เพราะมันคือชีวิตประจ�าวันที่เกิดขึ้นทุกๆ วัน ดังนั้นจึงมีแต่ต้อง
ท�าใจยอมรับให้ได้ว่ามันก็เป็นของมันแบบนี้...
ตั ว ฉั น มี ช ะตากรรมที่ ต ้ อ งจบชี วิ ต ลงท่ า มกลางเปลวเพลิ ง ที่
ห้อมล้อม------

“อยากมีชีวิตรึเปล่า? ถ้าเจ้าต้องการจะมีชีวิตต่อไป ก็จงตอบ


84
รับเสียงของข้า!”
------- ในหัวของฉัน มีเสียงดังสะท้อนขึ้น
อยากมีชีวิตรึเปล่า เหรอ? เรื่องแบบนั้นฉันไม่เข้าใจหรอก
ฉันยังเด็กเกินกว่าที่จะตอบค�าถามนี้ได้
แต่ว่า ถึงอย่างนั้นก็ตาม-------
เมือ่ เห็นแม่ทหี่ ลงเหลืออยูเ่ พียงแค่มอื เพราะปกป้องฉันเอาไว้ ฉัน
ก็หยุดร้องไห้ไม่ได้
อยากมีชีวิตอยู่! ฉัน คิดอย่างนั้น

《ยืนยันเสร็จสิน
้ ทÓการตอบรับการอัญเชิญ ...เรียบร้อยแล้ว》

ไม่เอาแล้ว ทั้งความกลัว ทั้งความร้อน ช่วยหนูด้วยค่ะ คุณ


แม่------
ฉันร้องไห้พลางอธิษฐานว่าอยากมีชีวิตอยู่โดยไม่หวาดหวั่นต่อ
เปลวเพลิง

《ยืนยันเสร็จสิน
้ คุณได้รบั เอ็กซ์ตร้าสกิล 『บงการเพลิงผลาญ』
และ 『ลบล้างการโจมตีด้วยความร้อนสูง』 ...เรียบร้อยแล้ว》

แล้วค�าอธิษฐานของฉันก็เป็นจริง
เพียงแต่ไม่ใช่ในรูปแบบที่ฉันต้องการเท่านั้น

เมื่อลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง ฉันก็อยู่ในรังของปิศาจ
เบื้องหน้าฉัน ปรากฏร่างของชายคนหนึ่ง
เรือนผมยาวสีแพลทินมั บลอนด์ นัยน์ตาสีฟา้ เครือ่ งหน้าได้สว่ น
หางตายาวคมกริบ ผิวขาวราวกับจะมองทะลุได้
เด็กหญิงกับร�ช�ปิศ�จ 85
เป็นความงามที่ชวนให้เข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิง
ขื่อของเขา คือเลออน ครอมเวลล์
ผูม้ ฐี านะเป็น “ราชาปิศาจ” ส�าหรับมนุษย์ และยืนอยูบ่ นมุมหนึง่
ของจุดสูงสุดแห่งโลกนี้ สมญานามของเขาคือ “แพลทินัมเดวิล”
เมือ่ มองเห็นฉัน เขาก็พมึ พ�าเหมือนผิดหวังว่า “...พลาดอีกแล้ว”
และสิ้นความสนใจในตัวฉันไป
ดังนัน้ เขาคงไม่คดิ จะฆ่าฉันทีก่ า� ลังจะตายเพราะบาดแผลไฟไหม้
สาหัสทั่วทั้งตัวหรอก
ส�าหรับเขาแล้ว ฉันเป็นตัวตนที่จะเป็นอย่างไรก็ช่าง เป็นตัวตน
อันแสนอ่อนแอที่หากปล่อยทิ้งไว้ก็จะตายในไม่ช้า
เรือ่ งดังกล่าวท�าให้ฉนั เจ็บใจ ฉันยังมีชวี ติ อยูน่ ะ อย่าท�าเป็นไม่สนใจ
ได้ไหม
ฉันไม่เคยลืมมันเลยหลังจากนั้น
ความทรงจ�าแห่งความเจ็บแค้นและสิน้ หวังในวินาทีทถี่ กู ก้มมอง
อย่างไร้ความสนใจ
แล้วชีวิตของฉัน ก็ด�าเนินไปพร้อมกับความทรงจ�านี้
ตัวฉันในเวลานัน้ ไม่มที งั้ คนให้พงึ่ พิงหรือพลังในการเอาชีวติ รอด
ไม่มีอะไรเลย วิธีเดียวที่ฉันจะรอดชีวิตต่อไปได้ คือการพึ่งพา “ราชา
ปิศาจ” เลออน
เพราะฉะนั้น การถูกเลออนผู้เป็นดั่งสัญลักษณ์แห่งพลังอ�านาจ
ทอดทิ้ง จึงหมายถึงความตาย
คงเพราะเข้าใจเรือ่ งดังกล่าวได้ดว้ ยสัญชาตญาณกระมัง? ฉันจึง
ยื่นมือไปหาเลออนโดยอัตโนมัติ
“ชะ ช่วยด้วย...”
ทว่ามือที่ยื่นออกไปเหมือนพยายามจะไขว่คว้าของฉัน ไม่อาจ
เอื้อมไปถึงราชาปิศาจเลออนได้
86
(อา ฉันต้องตายอยู่ที่นี่จริงๆ สินะ------)
เวลาเดียวกับที่นึกยอมแพ้ ความโกรธก็ปะทุขึ้นในตัวฉัน
ทัง้ ทีช่ ว่ ยแต่กลับทอดทิง้ ฉันอภัยให้กบั การท�าอะไรตามอ�าเภอใจ
นั้นไม่ได้
“คนโกหก... ถามฉันแท้ๆ ว่าอยากจะมีชีวิตรึเปล่า?”
ฉันเค้นเอาพละก�าลังสุดท้ายจากร่างกายที่ก�าลังจะตาย ร้อง
อุทธรณ์ต่อราชาปิศาจ
น�้าตาผุดขึ้นและรินไหลอย่างหยุดไม่อยู่ ฉันจ้องมองราชาปิศาจ
ตรงๆ ด้วยดวงตาเช่นนั้น
(เรียกคนอื่นเขามาตามอ�าเภอใจ แล้วผิดหวังตามใจชอบ------
แถมยังเมินฉันไปดื้อๆ แบบนี้อีก โหดร้ายเกินไปแล้ว!)
ไม่ใช่ว่าฉันคิดอะไรเป็นเหตุเป็นผลแบบนั้นได้ แต่ถ้าไล่เรียง
ความรู้สึกออกมาเป็นค�าพูดก็คงจะได้เป็นประโยคนี้
ท้ายที่สุด ฉันก็รอดมาได้ด้วยความนึกสนุกของราชาปิศาจ
“หึ คนโกหก งั้นรึ รอก่อนนะ...”
ทันใดนัน้ ดวงตาของราชาปิศาจทีห่ มดความสนใจในตัวฉันไปแล้ว
ก็ทอแสงประหลาด แล้วราชาปิศาจก็พึมพ�าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
ส�าหรับฉัน ภาพนั้นดูน่าขยะแขยงและท�าให้ฉันเป็นกังวลอย่าง
ถึงที่สุด ทว่าตัวฉันที่ใกล้จะตายเพราะแผลไฟไหม้สาหัสก็ไม่สามารถท�า
อะไรได้ จึงได้แต่ถูกปั่นหัวไปตามความต้องการของราชาปิศาจเท่านั้น
“นึกว่าจะเป็นขยะซะอีก แต่ดูท่าว่าเจ้าจะมีความเหมาะสมกับ
ธาตุไฟนะ”
พูดจบเลออนก็เดินพลังท�าพิธีอัญเชิญ “อิฟริต” ออกมาอย่าง
ง่ายดายโดยไม่ต้องร่ายอาคมด้วยซ�้า
จากนัน้ เลออนก็ออกค�าสัง่ กับอิฟริตทีอ่ ญ
ั เชิญออกมาอย่างไม่ใส่ใจ
ว่า
เด็กหญิงกับร�ช�ปิศ�จ 87
“ข้าจะมอบร่างเนื้อให้เจ้า จงใช้งานให้ได้เสีย”
นัน่ คือหลักฐานว่าเลออนไม่ได้มองฉันในฐานะมนุษย์ ท�าให้ความ
เจ็บแค้นแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังแทน
และกลายเป็นค�าสาปที่สลักลึกลงไปในหัวใจอันอ่อนวัยของฉัน

“อยากมีชวี ติ อยูร่ ?ึ เช่นนัน้ แล้ว ก็จงแสดงความต้องการนัน้ ออกมา


เสีย”

ดังนั้น การที่ฉันรู้สึกเหมือนว่าราชาปิศาจเอ่ยกับฉันแบบนั้น จะ
ต้องเป็นเรื่องที่ฉันคิดไปเองอย่างแน่นอน
------ ไม่ต่างจากที่เขายื่นมือให้ฉันที่ก�าลังจะตายอยู่ท่ามกลาง
เปลวเพลิง------
ทว่า ก็เป็นความจริงที่การเข้าสิงสถิตในครั้งนี้ ท�าให้ฉันรอดพ้น
จากความตายมาได้

ดู เ หมื อ นว่ า อิ ฟ ริ ต ที่ ถู ก อั ญ เชิ ญ มาจะเข้ า สถิ ต ในร่ า งกายอั น


อ่อนเยาว์ของฉันตามค�าสัง่ ทีไ่ ด้รบั ฉันรูส้ กึ ได้ในทันทีวา่ ความรูส้ กึ ทีม่ อื เท้า
ของตนเริ่มเกิดอาการด้านชา
ราวกับว่าสัตว์ประหลาดเพลิงทีช่ อื่ ว่าอิฟริตก�าลังพยายามจะแย่งชิง
ร่างกายของฉัน เพือ่ ใช้งานร่างกายทีไ่ ด้รบั ตามค�าสัง่ ของราชาปิศาจเลออน

《ทÓการยืนยัน จะยอมรับการสิงสถิตของอิฟริตเพือ่ ดÓรงชีพ


หรือไม่? YES/NO》

(ฉันยังไม่อยากตาย! แต่ว่า... ไม่เอา จะให้ฉันกลายเป็นอะไรที่


ไม่ใช่ตัวฉันน่ะ ฉันไม่เอาเด็ดขาด)
88
แม้จะหวาดหวัน่ ต่อพลังงานอันน่าขยะแขยงทีห่ ลัง่ ไหลเข้ามาในร่าง
ฉันก็ยังอธิษฐานอย่างนั้น

《ยืนยันเรียบร้อย อิฟริตทÓการเข้าสิงสถิต... เรียบร้อยแล้ว


สร้างความเสถียรให้แก่นเวทของชิสุเอะ อิซาวะ จากการเข้าสิงสถิต
ของอิฟริต... เรียบร้อยแล้ว ต่อไป คุณได้รบั ยูนคี สกิล 『นักแปรสภาพ』
...เรียบร้อยแล้ว》

และเพราะเหตุน้ี ด้วยความบังเอิญทีซ่ อ้ นทับกันครัง้ แล้วครัง้ เล่า


ฉันจึงมีชีวิตอยู่ต่อมาได้-------

เด็กหญิงกับร�ช�ปิศ�จ 89
เส้นทางจากสถานที่อันเป็นที่ตั้งของทะเลสาบใต้ดินไปยังโลก
เบื้องบน
มันคือถ�้าถ�้าหนึ่ง
ผมกระโดดดึ๋งๆ เด้งตัวคืบหน้าไปตามเส้นทางนั้นเรื่อยๆ
การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นกว่าที่คาด
แม้จะอยู่ในความมืดมิดที่แสงสว่างส่องไม่ถึง แต่ประสาทการ
มองเห็นที่น�าสกิล 『ญาณเวท』 มาประยุกต์ใช้ก็ท�าให้มองเห็นภาพได้
ราวกับเวลากลางวัน
ตอนทีต่ ามองไม่เห็น ผมเคลือ่ นทีโ่ ดยตรวจสอบบริเวณเท้าไปด้วย
จึงไม่ทนั รูส้ กึ ตัวว่าความเร็วในการเคลือ่ นทีข่ องสไลม์ไม่ได้ชา้ ถึงขนาดนัน้
ผมเดินทางได้ดว้ ยความเร็วทีไ่ ม่ตา่ งจากการเดินปกติ หรือจะเร่ง
ความเร็วให้เหมือนวิ่งก็ยังได้
แม้จะไม่รู้สึกเหนื่อยแต่ผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องรีบร้อน ดังนั้น
ผมจึงก�าลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่เทียบเท่ากับการเดินปกติ
ไม่ใช่เพราะผมยังนึกกลัวเรื่องตอนที่ซิ่งจนตกลงไปในทะเลสาบ
อยู่หรอกนะ
พอคืบหน้าไปได้ครูห่ นึง่ ผมก็พบว่าเส้นทางถูกปิดกัน้ เอาไว้ดว้ ย
ประตูขนาดใหญ่
สิ่งที่สร้างด้วยมือของมนุษย์กลับมาอยู่ในถ�้า
ไม่มอี ะไรน่าสงสัยไปกว่านีอ้ กี แล้ว แต่เพราะเคยชินกับเกม RPG
ผมจึงไม่นึกประหลาดใจอะไร
เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องมีประตูอยู่หน้าห้องบอส
เอาละ แล้วเราจะเปิดประตูบานนี้ยังไงดี?
ใช้ 『ดาบวารี』 ฟันเสียดีไหม?
92
พอผมคิดอย่างนั้น บานประตูก็กลับเปิดออกพร้อมกับเสียง
เอี๊ยดอ๊าด
ผมจึงลนลานรีบหลบไปข้างทาง แล้วลอบสังเกตการณ์วา่ จะเกิด
อะไรขึ้น

“ในที่สุดก็เปิดออกซะที ไหนจะสนิมเขรอะแถมรูกุญแจก็เละไป
หมดเลยไม่ใช่เหรอเนี่ย...”
“ช่วยไม่ได้หรอก ก็ตลอด 300 ปีที่ผ่านมาไม่เคยมีใครเข้าไป
ข้างในเลยไม่ใช่เรอะ?”
“ไม่มีบันทึกหลงเหลือว่ามีใครเคยเข้ามาค่ะ แต่ที่ส�าคัญกว่านั้น
มันจะไม่เป็นไรแน่เหรอคะ? คงไม่มกี ารโดนเล่นงานกะทันหันอะไรท�านองนัน้
สินะคะ...?”
“ก๊ากฮ่าฮ่าฮ่า! วางใจเถอะน่า 300 ปีก่อนอาจไม่มีใครสู้มันได้
แต่จริงๆ แล้วมันก็เป็นแค่กิ้งก่าตัวใหญ่เท่านั้นใช่มั้ยล่ะ? ฉันเคยปราบ
บาซิลิสก์แบบที่สู้กันตัวต่อตัวมาแล้ว เพราะงั้นไว้ใจได้เลย!”
“เรื่องนั้นฉันคิดมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วละค่ะว่าเป็นเรื่องโกหก
ใช่ไหมคะ? บาซิลิสก์น่ะเป็นปิศาจที่ถูกจัดอยู่ในแรงก์ B+ นะคะ? คุณ
คาบาลคนเดียวไม่มีทางปราบมันได้อยู่แล้วนี่คะ?”
“ยัยบ้า! ฉันเองก็อยู่แรงก์ B นะ! กิ้งก่าที่มีดีแค่ตัวโตน่ะไม่ใช่
คู่มือของฉันหรอก!”
“ค่าๆ เข้าใจแล้วค่า แต่ยังไงก็อย่าประมาทนะคะ? แต่ก็นะ ถ้า
ถึงเวลาคับขันก็หนีด้วยเอสเคป (บังคับหลบหนี) ของฉันได้อยู่ดี...”
“ผมรูแ้ ล้วว่าทัง้ สองคนน่ะสนิทกันมาก เพราะฉะนัน้ ช่วยเงียบกัน
สักทีเถอะนะครับ เดี๋ยวผมจะใช้วิชาพรางกายแล้ว!”
มีกลุ่มคน 3 คนที่โหวกเหวกพิกลก้าวเดินเข้ามาด้านใน
แต่ท�าไมนะ? แปลกจริงๆ ที่ผมเข้าใจค�าพูดของพวกเขาได้
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 93
《คÓตอบ คลืน ่ เสียงทีม่ คี วามนึกคิดรวมอยูด่ ว้ ย จะถูกเปลีย่ น
เป็นคÓพูดที่เข้าใจได้โดยการประยุกต์ใช้สกิล 『ญาณเวท』》

อย่างนี้นี่เอง
ถึงทางนี้จะเป็นฝ่ายส่งเสียงทักไม่ได้ แต่เข้าใจได้ว่าพูดอะไร
งั้นเหรอ
ดีจัง ผมไม่ค่อยถนัดภาษาอังกฤษซะด้วย เพราะคิดว่าอาศัยใน
ญี่ปุ่นคงไม่จ�าเป็นต้องเรียนภาษาต่างชาติ ปล่อยคนที่มีก�าหนดการจะไป
ต่างประเทศเรียนกันไปก็พอแล้ว
แต่วา่ ส�าหรับครัง้ นี้ ค�าแก้ตวั แบบนัน้ คงใช้ไม่ได้ ท่าทางคงจ�าเป็น
ต้องเรียนในสักวันหนึ่งแล้วละ...

เอาเถอะ เรื่องพวกนั้นจะเป็นอย่างไรก็ช่างมันก่อน
เอาไงดี? แบบนี้เป็นปัญหายิ่งกว่าการเปิดประตูอีกนา...
ก็ไม่รู้หรอกว่าเจ้าพวกนี้มาท�าอะไรกัน แต่ดูเหมือนจะเป็น...
นักผจญภัยมั้ง
มาหาสมบัติอะไรเทือกนั้นกันหรือเปล่าหว่า?
พวกเขาถือเป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่ผมบังเอิญได้พบเจอในโลกนี้
ผมจึงมีความรู้สึกว่าอยากจะติดตามพวกเขาไป
ทว่า... ขืนตัวผมซึ่งเป็นมอนสเตอร์สไลม์ที่พูดไม่ได้ปรากฏตัว
ออกไปละก็... มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะถูกพวกเขาฆ่าตายโดยไม่มีสิทธิ์
ปริปาก
ถ้าจะปรากฏตัวเบื้องหน้ามนุษย์ อย่างน้อยที่สุดผมต้องพูดได้
เสียก่อน
ผมจึงเลือกที่จะซ่อนตัวสักพักเพื่อลอบดูสถานการณ์
94
ไม่ทราบว่าชายรูปร่างผอมแห้งท�าอะไร ร่างของทัง้ สามจึงดูเลือน-
รางลงอย่างกะทันหัน แต่ก็ใช่ว่าจะมองไม่เห็นเลย
เห็นพูดว่าวิชาพรางกายสินะ คงจะเป็นสกิลอย่างหนึ่งละมั้ง
แบบนี้ก็ใช้แอบดูชาวบ้านได้ตามสบายเลยสิ หน้าไม่อาย ไม่รู้ว่าไปเรียนรู้
มาเพื่อจุดประสงค์อะไรกันแน่... แต่คราวหน้าดูท่าจะต้องหาวิธีคบเป็น
เพื่อนเสียแล้ว

เมือ่ แน่ใจว่าสัมผัสของทัง้ สามคนหายไปแล้ว ผมจึงเริม่ เคลือ่ นไหว


อีกครั้ง
ไม่จ�าเป็นต้องรีบร้อน ใช่ว่าผมจะไม่มีโอกาสได้เจอกับมนุษย์
อีกแล้วเสียหน่อย
ค่อยๆ คืบหน้าไปทีละก้าว ทีละก้าวอย่างมั่นคง คนโบราณเขา
พูดกันออกบ่อยนี่นาว่า “ช้าๆ ได้พร้าสองเล่มงาม”
ผมลอดผ่านประตูออกไปอย่างรวดเร็วก่อนทีส่ ามคนนัน้ จะกลับ
มา แล้วไปจากสถานที่แห่งนั้น

หลังลอดผ่านบานประตูแล้วคืบหน้าไปได้พักหนึ่ง ก็มาถึงจุดที่
เส้นทางเริม่ แบ่งออกไปหลายสายอย่างซับซ้อน เส้นทางไหนคือทางสูโ่ ลก
เบื้องบนกันนะ? ถึงนั่งคิดไปผมก็ไม่มีทางรู้ได้อยู่ดี
ผมจึงเลือกหนึ่งในเส้นทางเหล่านั้นแล้วเดินหน้าต่อ

ชิ้ง!

สบตากันซะแล้ว
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 95
ผมค่อยๆ เลื่อนสายตาออกอย่างช้าๆ... เบื้องหน้าของผมมี
งูขนาดใหญ่หน้าตาน่าขนลุกอยู่ เป็นงูสีด�าสนิทที่ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดซึ่ง
นอกจากจะแข็งแล้วยังมีปลายแหลมคม ขนาดท�าให้ผมคิดว่าพวกงูในชาติ
ที่แล้วกลายเป็นของน่ารักไปเลย ผมอยู่ในสภาพของกบ... ไม่สิ สไลม์ที่
ก�าลังถูกงูจ้อง
ผมเป็นอากาศธาตุคร้าบ
ถ้ามันไม่ทนั รูส้ กึ ถึงตัวตนของผม ก็นา่ จะท�าอะไรได้บา้ งนะ? ผม
พยายามจะถอยไปด้านหลังอย่างช้าๆ แต่ดูเหมือนว่าความคิดของผมจะ
อ่อนหัดเกินไป เพราะเจ้างูสีด�าเองก็ค่อยๆ ชูคอโค้งๆ ของมันขึ้นมาตาม
การขยับของผม
แถมยังแลบลิ้นให้เห็นเล็กน้อย พลางข่มขู่ด้วยสายตาอีกด้วย
ไม่ไหว มันไม่คิดจะปล่อยให้ผมหนีไปได้! ถึงไม่คุยกันความคิด
นั้นก็ส่งผ่านมาถึงผม
ต้องสู้รึ!? ตัวผมมีท่าไม้ตายที่ได้จากการฝึกพิเศษ 1 สัปดาห์
อยู่นี่นา!
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม... ผมจ�าเป็นต้องเตรียมตัวเตรียมใจในการ
ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดแบบนี้
สรุปก็คือ ผมก�าลังโค-ตะ-ระ กลัวเลย
ทว่าอย่าลนลานไป พอคิดดูดๆี ผมเคยเจออะไรน่ากลัวยิง่ กว่านี้
มาแล้วนี่นา ใช่แล้ว เวลโดร่าไง ถ้าเปรียบเทียบกับมังกรนั่นแล้วละก็...
เอ๋? อาจจะไม่น่ากลัวอย่างที่คิดก็ได้
แบบนีอ้ าจจะไหวก็ได้นะ? เมือ่ สงบสติอารมณ์ได้ ผมก็เริม่ จับตา
มองเจ้างูสีด�าอย่างเยือกเย็น
เจ้างูสีด�าก�าลังประมาท นึกว่าผมหวาดกลัวกับการข่มขู่จนขยับ
ตัวไม่ได้ ดูท่าคงก�าลังคิดว่าจะจับผมท�าอาหารแบบไหนดีอยู่ละมั้ง มัน
ไม่ชอบที่จะกลืนผมเข้าไปทั้งตัวแบบธรรมดาหรือไง
96
ถ้างั้นทางผมเองก็ไม่จ�าเป็นต้องเกรงใจ... ผมยิง 『ดาบวารี』
หมายมุ่งไปยังล�าคอของเจ้างูสีด�าอย่างไม่ลังเล
คมดาบวารีที่แผ่พลังอันรุนแรงออกมา พุ่งตัดผ่านอากาศไป
จนถึงร่างของงูสีด�า
ทุกอย่างใช้เวลาเพียงเสีย้ ววินาทีและง่ายดายจนผมไม่อยากเชือ่
สายตาตัวเอง 『ดาบวารี』 ทีถ่ กู ปล่อยออกไป ตัดล�าคอของงูสดี า� ขาดสะบัน้
โดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ขัดขืนใดๆ ทั้งสิ้น
ทั้งที่มันเป็นงูขนาดใหญ่ท่าทางน่าหวาดหวั่นซึ่งน่าจะกลืนผม
เข้าไปได้ในทีเดียวแท้ๆ
นี่มัน... เป็นวิชาที่รุนแรงกว่าที่ผมคิดไว้เสียอีก
ถ้าใช้กับนักผจญภัยที่เป็นมนุษย์ละก็มีหวังได้กลายเป็นทะเล
เลือดแน่ ดีจริงๆ ที่ได้ทดลองใช้ครั้งแรกกับคู่มือที่เป็นปิศาจ
ทัง้ นีป้ ริมาณการใช้งานกระเพาะของผมในปัจจุบนั ได้แก่เวลโดร่า
15 เปอร์เซ็นต์, น�้า 10 เปอร์เซ็นต์, พืชสมุนไพร + ของประเภทยาฟื้นฟู
รวมกันเป็น 2 เปอร์เซ็นต์, หินแร่กบั วัตถุดบิ อีก 3 เปอร์เซ็นต์ รวมทัง้ หมด
แล้วมีการใช้งานอยู่ 30 เปอร์เซ็นต์
ปริมาณน�้าที่ใช้กับ 『ดาบวารี』 นั้นไม่ถึงแก้ว 1 ใบด้วยซ�้า...
ดังนั้นถึงจะปล่อย 『ดาบวารี』 ไปสัก 1000 ครั้ง ก็ยังไม่จ�าเป็นต้องเป็น
ห่วงเรื่องปริมาณน�้าที่เหลือ
ท่าทางจะมีประโยชน์ยิ่งกว่าเวทมนตร์ครึ่งๆ กลางๆ อีกแฮะ
ถ้ามีปิศาจออกมา ก็ใช้ 『ดาบวารี』 รับมือไปสักระยะแล้วกัน

เอาละ ส�าหรับงูตัวนี้
ถ้าจับกินแล้ววิเคราะห์ดู จะแย่งความสามารถของงูตัวนี้มาได้
ไหมนะ?
ผลลัพธ์ที่ได้จากการลองกินทันที...
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 97
『ตรวจจับความร้อน』 ...สกิลเฉพาะตัว ซึง่ ตรวจจับปฏิกริ ยิ าความ
ร้อนในบริเวณโดยรอบได้ และลบล้างผลของการพรางกาย
『ลมหายใจหมอกพิษ』 ...สกิลเฉพาะตัว ลมหายใจประเภทพิษ
(กัดกร่อน) ที่ทรงพลัง ขอบเขตของผลลัพธ์คือทั่วพื้นที่ภายในมุมกว้าง
120 องศาเป็นระยะทาง 7 เมตร
ผมได้รับสกิล 2 อย่างนี้มา และจ�าลองรูปร่างของงูยักษ์สีด�าได้
ดูเหมือนว่าพิษนี่จะสร้างความเสียหายและให้ผลลัพธ์ในการ
กัดกร่อน (ท�าลายอุปกรณ์สวมใส่และท�าลายร่างเนือ้ ) ด้วย ถ้าคูต่ อ่ สูเ้ ป็น
นักผจญภัยธรรมดาละก็ คงจะสร้างความยุ่งยากให้น่าดูเลยละมั้งนี่?
แต่นกั ผจญภัยอาจจะชนะใสผิดคาดก็ได้ เพราะโลกนีม้ เี วทมนตร์
อยู่นี่นา
หลังจากนัน้ ผมก็ใช้เวลาครูห่ นึง่ ไปกับการวิเคราะห์ความสามารถ
ของเจ้างูสีด�า
เพราะยิ่งมีไพ่ที่ใช้งานได้มากเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น
สิ่งที่ปรากฏชัดเจนขึ้นคือ
หนึ่ง ถ้าจ�าลองกายเป็นงูสีด�าแล้ว ปริมาตรร่างกาย
ของผมจะเพิ่มมากขึ้น
สอง ถึงไม่จ�าลองกายก็ใช้สกิลที่ได้รับมาได้ เพียงแต่
ในบางกรณี พลังท�าลาย ฯลฯ อาจจะลดลง
ทั้งหมด 2 ข้อ
ถ้าจะให้อธิบายก็ได้ความว่า
หนึง่ ดูเหมือนว่าร่างกายของปิศาจทีถ่ กู กินเข้าไปอยูใ่ นกระเพาะ
จะถูกแยกส่วนและเก็บไว้เป็นสต็อก หากว่าตัวผมได้รบั บาดเจ็บมาก่อนหน้า
ก็จะมีการแอบเอามาเป็นอาหารเองโดยอัตโนมัติเพื่อฟื้นฟูส่วนที่เสียหาย
แต่ในกรณีนี้จะถูกเก็บรักษาไว้ประมาณว่าเหมือนเป็นเซลล์ส�ารอง
สอง รู้สึกว่าสกิลเฉพาะตัวจะเป็นสกิลพิเศษเฉพาะของปิศาจ
98
นั้นๆ อย่างเช่นสกิล 『ย่อยสลาย ดูดซึม ฟื้นฟูตัวเอง』 ของผมก็จัดอยู่
ในกลุม่ นี้ การจะใช้สกิลเฉพาะตัวทีว่ า่ นี้ หากไม่จา� ลองกายเป็นปิศาจนัน้ ๆ
ก็จะไม่สามารถแสดงประสิทธิภาพของสกิลออกมาได้เต็มที่ แต่ถงึ อย่างนัน้
ก็ยงั น�ามาใช้ประโยชน์เป็นส่วนๆ ได้ อย่างเช่นสกิล 『ตรวจจับความร้อน』
ก็เป็นสกิลทีน่ า� มาใช้งานได้เป็นปกติธรรมดา
สรุปรวบรวมแล้วก็ได้ความประมาณนี้แหละ
สกิล 『นักล่าเหยื่อ』 นี่มันใช้การได้จริงๆ แฮะ
ต่อจากนี้ไปก็อยากจะได้สกิลที่ดูน่าจะมีประโยชน์อีกเยอะๆ จัง

เวลาผ่านไป 3 วันแล้วหลังการต่อสู้กับงูสีด�า
แต่ผมก็ยังคงอยู่ในถ�้าเหมือนเดิม แม้จะไม่รู้สึกหนาว แต่ที่จริง
แล้วอากาศอาจจะค่อนข้างหนาวเย็นเลยทีเดียว
ไม่มีแสงอาทิตย์ส่องเข้ามาเลยแม้แต่น้อย
แม้อยูท่ า่ มกลางความมืดมิด ทัศนวิสยั ก็ยงั คงชัดเจน ทว่าเวลานี้
ผมก�าลังปวดหัวเพราะความกังวลอย่างหนึ่ง
ไม่สิ ผมรูว้ า่ มันไม่ควรจะเป็นอย่างนัน้ แต่ ไม่วา่ อย่างไรผมก็อด
คิดไม่ได้ ว่า... 『ผมกÓลังหลงทางอยู่ไม่ใช่รึ?』
ไม่หรอกๆ ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นไปได้หรอกน่า แถมปกติแล้วก็
ไม่เห็นเคยได้ยินว่ามีใครหลงทางตั้งแต่ถ�้าแรกสุดด้วย
ถ�้าง่ายๆ มันคือขั้นบันไดส�าหรับก้าวขึ้นไปในช่วงต้นเกมไม่ใช่
เหรอ? ที่ส�าคัญ ดูเหมือนว่ากลุ่ม 3 คนที่เหมือนจะเป็นนักผจญภัยนั่นก็
เข้ามาได้โดยไม่หลงทางด้วย... ไม่เป็นไรหรอก คงเพราะแค่ทางมันไกล
เท่านั้นแหละ
แต่พอไม่รู้เส้นทางแล้วมันไม่สบายใจเอาเลยแฮะ ไม่มีวิธีดีๆ ที่
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 99
จะท�าให้รู้ทางบ้างเลยเหรอ?

《คÓตอบ จะแสดงเส้นทางที่ผ่านมาแล้ว ณ ปัจจุบันขึ้นใน


สมองหรือไม่?
YES/NO》

พรูด... ผมพ่นน�้าพรวด
ว่า... ไงนะ...!? ถ้ามีฟังก์ชั่นสะดวกสบายแบบนั้นอยู่ละก็ท�าไม
ไม่รีบบอกเร็วๆ เล่า!
ผมเผลอตบมุกโดยไม่ได้ตั้งใจ
กรณีนี้ก็ต้อง YES ละ
ระบบออโต้แมปปิ้งน่ะมันขี้โกงชัดๆ! ผมเองก็มีช่วงเวลาที่คิด
แบบนั้นอยู่เหมือนกัน
เพราะเวลาเล่นเกมเก่าๆ เราจะต้องเตรียมแผ่นกระดาษกับดินสอ
จริงๆ แล้วเล่นโดยค่อยๆ เดินหน้าไปพร้อมกับจดบันทึก มันคือความสนุก
ที่ต้องตรวจสอบแต่ละก้าวๆ พลางเดินไปเรื่อยๆ ทว่าระยะหลังผู้คนเริ่ม
อาศัยคูม่ อื เฉลยเกม แถมตัวเกมเองก็เริม่ มีระบบแมปปิง้ จนเป็นเรือ่ งปกติ
ท�าให้รสชาติทแี่ ท้จริงในการเคลียร์เกมหายไป ทีส่ า� คัญกว่านัน้ หากเคยชิน
กับความสะดวกสบายดังกล่าวเข้าแล้ว ก็จะไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ได้ง่ายๆ ด้วย
ถ้าถามว่าผมอยากจะพูดอะไร... เรือ่ งของเรือ่ งก็คอื ถ้ามีฟงั ก์ชนั่ ที่
สะดวกขนาดนั้นอยู่ ก็ควรจะรีบน�าออกมาใช้ให้เร็วไวนั่นเอง ที่ส�าคัญ นี่
มันไม่ใช่เกม แต่เป็นโลกความจริงเสียด้วยสิ
ผมดูแผนที่ซึ่งถูกแสดงขึ้นในสมอง
นีผ่ มมองผิดไปหรือเปล่านะ ภาพมันแสดงผลว่าผมเดินวนอยูท่ ี่
เดิมตั้งหลายรอบแน่ะ...
100
.........
......
...
ผมบุกเข้าไปในถ�้าส่วนที่ยังไม่เคยผ่านเข้าไปตามที่แผนที่ใน
สมองบอก
ทันใดนั้นเอง ผมก็พบกับทิวทัศน์ที่ยังไม่เคยปรากฏให้เห็นใน
ช่วง 3 วันที่ผ่านมานี้
หึหึหึ ดูเหมือนว่าผมจะหลงทางแฮะ
ถึงกับท�าให้ผมหลงทางได้เนี่ย เรียกได้ว่าถ�้าแห่งนี้เองก็ใช่ย่อย
เลย ในที่นี้ผมควรให้ค�าชมกับถ�้าอย่างตรงไปตรงมา
เพราะผมไม่ใช่พวกชอบหลงทิศเด็ดขาด!

เพราะอยู่ใกล้ทางเดินสู่ภายนอก หรือปากทางเข้าออกถ�้าแล้ว
หรือไงนะ
ตะไคร่น�้าและวัชพืชภายในถ�้าจึงเริ่มปรากฏให้เห็นเตะตา
และไม่ทราบว่ามีแสงอาทิตย์สอ่ งเข้ามาจากทีไ่ หน บริเวณรอบๆ
จึงเริ่มสว่างขึ้นเล็กน้อย
ก็แปลว่าตอนนี้เป็นเวลากลางวันเหรอ
กว่าจะมาถึงที่นี่ ผมต้องผ่านการต่อสู้มาหลายครั้ง

อีวิลมุคาเดะ (ตะขาบปิศาจ : แรงก์ B+)


แบล็กสไปเดอร์ (แมงมุมด�า : แรงก์ B)
ไจแอนต์แบ็ต (ค้างคาวดูดเลือด : แรงก์ C+)
อาเมอร์ซอรัส (กิ้งก่าหุ้มเกราะ : แรงก์ B-)

ผมพบปิศาจ 4 ชนิดนี้โดยบังเอิญ
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 101
ส่วนงูสีด�านั่นไม่ทราบว่ามีอยู่แค่ตัวเดียวหรือไง ผมจึงไม่ได้พบ
กับตัวที่ 2
ทุกตัวล้วนเป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง
แม้ มั น อาจฟั ง ดู ไ ม่ น ่ า เชื่ อ ถื อ เมื่ อ ตั ว ผมที่ ล ้ ม พวกมั น ได้ ด ้ ว ย
『ดาบวารี』 เพียงครั้งเดียวเป็นคนพูดก็เถอะ
อย่างเจ้าค้างคาวก็หลบ 『ดาบวารี』 แล้วเข้ามากัดผมได้ตั้ง
หลายครั้ง ส่วนเจ้ากิ้งก่า ถ้ายิงไปได้องศาไม่ดี ก็สะท้อน 『ดาบวารี』
ออกมาได้อีกต่างหาก ประมาทไม่ได้เลย
เจ้าตะขาบปิศาจพยายามลบกลิน่ อายของตัวเองแล้วเข้าจูโ่ จมผม
จากด้านหลัง แต่กใ็ ช้กบั ผมซึง่ ระวังตัวโดยการแผ่สกิล 『ญาณเวท』 กับ
『ตรวจจับความร้อน』 ออกไปรอบๆ เสมอไม่ได้ ผมหันไปด้านหลัง แล้ว
ซัด 『ดาบวารี』 ไปเปรี้ยงเดียวก็จอด
ส่วนเจ้าแมงมุมด�านั่นเรียกว่าอันตรายเลย
เดิมทีผมก็ไม่คอ่ ยถูกโรคกับพวกแมลงอยูแ่ ล้ว เรียกว่ามีความรูส้ กึ
รังเกียจโดยสัญชาตญาณ ประมาณว่าเห็นหน้าแล้วถึงกับต้องยกมือไหว้
แต่ไม่รู้ว่าการเกิดใหม่เป็นสไลม์ท�าให้หัวใจของผมเข้มแข็งขึ้นด้วยหรือ
อย่างไร ผมจึงสู้กับมันได้โดยไม่ต้องหนี
โทษทีนะ แต่ขอซัดไม่ยงั้ แล้วกัน! ผมคิดอย่างนัน้ แล้วฟันมันด้วย
『ดาบวารี』 จ�านวนสูงสุดรวมทั้งหมด 5 เล่ม
ขอทีเถอะ เพราะมันเป็นคู่มือที่ผมไม่อยากจะมองนานๆ เลย
แล้วผมก็กินปิศาจทั้งหมดที่ว่านั่นเข้าไป
อย่างไรเสียกฎของโลกนี้กค็ อื แข็งแกร่งรอด อ่อนแอตาย ดังนั้น
เมื่อแพ้ก็ต้องกลายเป็นเหยื่อของคู่มือ
แต่ว่ากันตามจริง ผมรู้สึกลังเลที่จะกินแมงมุมกับตะขาบ
ทว่าถึงจะเป็นแบบนั้น ผมก็ยังพยายามกินมันเข้าไป
แต่ถ้าเกิดว่ามีปิศาจแมลงสาบออกมาละก็ ผมคงหนีสุดฝีเท้า
102
ก่อนที่จะได้กินแน่ๆ
มันไม่ใช่เรื่องแพ้หรือชนะ
เพราะโลกนี้มีค�าพูดอันแสนวิเศษที่ว่า “การหนีคือชัยชนะ” อยู่
ท้ายที่สุด ผมก็ได้ดูดกลืนปิศาจต่างๆ ในถ�้านี้เข้าไป
และได้สกิลต่างๆ มาดังนี้

งูสีด�า 『ลมหายใจหมอกพิษ ตรวจจับความร้อน』


ตะขาบปิศาจ 『ลมหายใจอัมพาต』
แมงมุมด�า 『ใยเหนียวหนืด ใยเหล็กกล้า』
ค้างคาวดูดเลือด 『ดูดเลือด คลื่นเสียงความถี่สูง』
กิ้งก่าหุ้มเกราะ 『เกราะเสริมกาย』

อุตส่าห์ได้สกิลมาแล้ว ก็ควรจะต้องใช้ให้เป็น เมือ่ คิดได้อย่างนัน้


ผมจึงใช้งาน 『มหาปราชญ์』 อย่างเต็มที่เพื่อวิจัยบรรดาสกิลที่ได้มาจาก
ปิศาจ

ถ้าพูดกันตามตรงก็ต้องบอกว่าสกิล 『ลมหายใจหมอกพิษ』
ของงูสีด�านั้นใช้งานไม่ได้
ทีจ่ ริงแล้วคือตอนทีก่ งิ้ ก่าหุม้ เกราะปรากฏตัวออกมา ผมจ�าลอง
กายเป็นงูสีด�าแล้วลองใช้งานมันดู ซึ่งพอใช้ไปแล้ว... ร่างของเจ้ากิ้งก่าก็
เริ่มหลอมละลายทันตาเห็นราวกับว่าเกราะของมันไม่มีตัวตน
มันเป็นภาพชวนขนหัวลุกที่ยากจะหาดูที่ไหนได้ และเนื่องจาก
ผมไม่อยากจะเห็นซากศพของกิ้งก่าที่อวัยวะทะลักไหลออกมาแบบสุด
สยองด้วย ผมจึงใช้ 『ลมหายใจหมอกพิษ』 หลอมละลายมันจนหมด
ชนิดไม่เหลือซาก แค่นึกถึงยังไม่อยากจะนึกเลย
การโจมตีด้วยลมหายใจที่อันตรายแบบนี้มีพลังท�าลายมาก
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 103
เกินไปจนผมไม่ค่อยอยากใช้
แต่ 『ตรวจจับความร้อน』 นั้นเป็นสกิลที่แสนวิเศษ
สิง่ มีชวี ติ ส่วนใหญ่ลว้ นมีความร้อนแผ่ออกมาจากตัว ดังนัน้ หาก
รวมสกิลนี้เข้ากับ 『ญาณจิต』 แล้วละก็ คงจะป้องกันการโจมตีทีเผลอ
ได้เกือบทัง้ หมดเลยทีเดียว แต่เนือ่ งจากผมไม่รวู้ า่ มนุษย์หรือปิศาจระดับสูง
ทีม่ สี ติปญ
ั ญานัน้ ใช้เวทมนตร์หรือสกิลพิเศษแบบไหนได้กนั บ้าง ดังนัน้ จึง
ห้ามประมาทเป็นอันขาด
ต่อไปก็เจ้าตะขาบ
รูปร่างของมันท�าให้ผมไม่อยากแม้แต่จะจ�าลองกายเป็นมัน
ระยะการโจมตีของลมหายใจนัน้ เทียบเท่าได้กบั งูสดี า� ส่วนความ
ใหญ่โตก็ไม่ต่างกันนัก
ซึ่งเป็นไปตามที่คิด คือถ้าใช้สกิลของมันในร่างของสไลม์แล้ว
ระยะโจมตีจะเหลือเพียงประมาณ 1 เมตร
ทีจ่ ริงการใช้ลมหายใจอัมพาตในฐานะการโจมตีแบบเล่นทีเผลอ
ก็อาจจะไม่เลว
แต่ถ้าเกิดอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกประชิดตัวได้ในระยะ 1 เมตร
แล้วละก็ ถ้าไม่จ�าลองกายหรือรีบหนี ก็คงแพ้ชัวร์ๆ แล้วน่ะนะ

จากนั้นก็เจ้ากิ้งก่า
เกราะที่ ห ลอมละลายอย่ า งง่ า ยดายเพี ย งแค่ โ ดนลมหายใจ
หมอกพิษ
คงคาดหวังอะไรไม่ได้
และว่ากันตามจริงคือผมมีสกิล 『ทนทานการโจมตีทางกายภาพ』
อยู่แล้ว ดังนั้นสกิลนี้คงไม่มีความหมายนักหรอกมั้ง
ผมไม่จ�าลองกาย แต่ทดลองใช้สกิลในสภาพของสไลม์ดู
แล้วก็พบว่าผิวส่วนนอกของร่างกายแข็งขึ้น
104
อย่างกับสไลม์โลหะทีโ่ ผล่ออกมาในเกม RPG ในดวงใจของชาว
ประชาเลย
ร่างกายสีซีดอมฟ้าเปล่งประกายแสงเหมือนโลหะออกมา คง
เพราะผิวหน้าแข็งขึ้นเลยท�าให้อัตราการสะท้อนของแสงเปลี่ยนไปละมั้ง
ผมไม่อยากทดลองอะไรที่จะต้องได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นจึงไม่รู้
เหมือนกันว่ามันมีผลขนาดไหน...
แต่ว่าสีสันน่ะสวยทีเดียวละ
อาจจะพอใช้ท�าให้คู่มือรู้สึกกลัวขึ้นมาได้บ้างก็ได้

สกิลของทั้งสามตัวก็ประมาณอย่างที่ว่ามา
แต่ปญ
ั หาอยูท่ อี่ กี 2 ตัวทีเ่ หลือ เพราะสกิลของสองตัวนีน้ า่ สนใจ
เอามากๆ
ถ้าถามว่าอะไรที่ดึงดูดความสนใจของผมละก็...

ก่อนอื่นเลย เจ้าแมงมุม
ใช่แล้ว สกิลของมันเหมือนกับเลียนแบบฮีโร่ที่มีความสามารถ
ของแมงมุมมาเลยละ
คนที่ยิงเส้นใยออกมาจากข้อมือดัง ฟิ้ว! เพื่อช่วยประคองร่าง
แล้วดีดตัวเคลื่อนไปข้างหน้าโดยกระโดดไปตามตึกสูงระฟ้า
ชายที่มีชื่อเสียงคนนั้นนั่นแหละ
ดูท่าว่าเดิมทีแล้วสกิลที่ชื่อว่า 『ใยเหนียวหนืด』 นี้จะมีไว้เพื่อ
มัดพันเหยื่อเพื่อผนึกการเคลื่อนไหว
แต่ถ้าใช้เจ้านี่ละก็ อาจจะจ�าลองการเคลื่อนไหวนั้นออกมาได้
ก็ได้นะ?
ทดลองดูเลยดีกว่า
ถ้างั้นก็ เล็งไปที่กิ่งไม้ของต้นไม้ใหญ่...
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 105
ฟิ้ว! ...ดึ๋------- ง..........
เอ่อ ผมก�าลังจะอธิบายเกี่ยวกับ 『ใยเหล็กกล้า』 สินะ
『ใยเหนียวหนืด』? อะไรกันล่ะนัน่ ? สกิลทีท ่ า� ได้แค่ชว่ ยให้หอ้ ย
ตัวลงมาจากกิ่งไม้น่ะผมไม่รู้จักหรอก
เพราะฉะนั้น มาพูดถึงเรื่องสกิล 『ใยเหล็กกล้า』 กัน มันเป็น
สกิลที่มีไว้เพื่อป้องกันการโจมตีของคู่มือกระมัง
เวลาที่ท�ารัง ก็ดูเหมือนจะใช้สร้างสถานการณ์ท่ีเป็นประโยชน์
กับตัวเอง (เขาวงกต) ได้ด้วย... ผมลองปล่อยใยบางๆ ออกมาเส้นหนึ่ง
แล้วฟาดเข้าใส่ต้นไม้เหมือนกับแส้
ฟิ้ว! เพียะ
อ๊ะ ถูกดีดกลับง่ายๆ เลยแฮะ
แต่ว่านะ
แม้ว่า 『ญาณจิต』 ของผมจะเห็นได้อย่างชัดเจน แต่สา� หรับตา
เปล่าของคนธรรมดาแล้ว การมอง 『ใยเหล็กกล้า』 ทีแ่ สนบางนีค้ งเป็นเรือ่ ง
ที่ยากมาก มันน่าจะกลายเป็นอาวุธที่มีประโยชน์ได้ ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน
ผมเก็บการฝึกฝนเรื่องนี้ไว้เป็นการบ้านส�าหรับภายหลัง

สุดท้ายก็มาถึงเจ้าค้างคาว
ผมคาดหวังกับเจ้าค้างคาวนี่มากที่สุด
สกิล 『ดูดเลือด』? คือสกิลทีท่ า� ให้ใช้ความสามารถของเป้าหมาย
ที่ถูกดูดเลือดได้ 70 เปอร์เซ็นต์ในชั่วระยะเวลาหนึ่ง
เป็นสกิลที่จะอย่างไรก็ช่างมันเถอะ
เพราะสกิลนักล่าเหยือ่ มีผลสูงกว่ามาก ขนาดจะเรียกว่าเป็นสกิล
ที่ด้อยลงมาก็ยังไม่อยากเลย
แล้วผมก็ไม่ได้อยากดูดเลือดด้วย ดังนัน้ ผมจึงเก็บไว้เพียงข้อมูล
แล้วปล่อยสกิล 『ดูดเลือด』 ทิ้งไว้เฉยๆ
106
สิ่งที่ดึงความสนใจของผมก็คือสกิล 『คลื่นเสียงความถี่สูง』
สกิลนี้มีผลท�าให้เป้าหมายสับสนหรือหมดสติด้วย แต่ว่าเดิมที
มันเป็นสกิลที่ใช้ส�าหรับยืนยันต�าแหน่งที่อยู่
การสะท้อนของคลืน่ เสียงความถีส่ งู คงจะท�าให้ระบุตา� แหน่งทีอ่ ยู่
ได้ไม่ต่างกับค้างคาวที่โลกเดิมของผม
สิง่ ทีส่ า� คัญ ณ ทีน่ กี้ ค็ อื อวัยวะในการเปล่งเสียง ส่วนตัวสกิลเอง
นั้นจะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน
เริ่มจากจ�าลองอวัยวะส�าหรับเปล่ง 『คลื่นเสียงความถี่สูง』
นี้ขึ้นในร่างของสไลม์ก่อน
เรี ย กว่ า โชคดี ที่ ไ ด้ ดู ด กลื น ปิ ศ าจซึ่ ง มี อ งค์ ป ระกอบที่ ใ ช้ เ ป็ น
ตัวอย่างได้ ท�าให้ไม่ต้องควบคุมร่างกายด้วยจินตนาการล้วนๆ จากจุดที่
ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง
เท่านี้ ผมอาจจะได้วิธีการเปล่งเสียงมาไว้ในมือแล้วก็ได้
ผมท�าการทดลองต่อไปเรื่อยๆ ชนิดเสียดายกระทั่งเวลานอน
แต่ก็นะ ผมไม่จ�าเป็นต้องนอนอยู่แล้วละ...

และผลลัพธ์จากการเดินไปค้นคว้าไปโดยไม่หลับไม่นอนไม่พัก
ผ่อนตลอด 3 วัน 3 คืน!!
“พวกเราคือมนุษย์ต่างดาว!”
ส�าเร็จแล้ว!
แม้จะเป็นเสียงทีบ่ ดิ เบีย้ วเหมือนเค้นเอาเสียงออกมาระหว่างทุบ
ล�าคออยูด่ า้ นหน้าพัดลม แต่ผมก็ประสบความส�าเร็จในการออกเสียงแล้ว
จริงๆ!
ถ้าได้ถึงขั้นนี้แล้ว ก็เหลือแค่การปรับปรุงเท่านั้น!
ผมพยายามสงบจิตใจที่ร้อนรน พลางเริ่มปรับแต่งเส้นเสียง
ว่าแต่ คลื่นความถี่สูงนี่มันใช้การได้แฮะ
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 107
รู้สึกอย่างกับว่ามีอาวุธอย่างปืนใหญ่เสียงอยู่ในมือเลย
เขาเรียกกันว่าโซนิกบัสเตอร์ หรือไม่กโ็ ซนิกบลาสเตอร์ใช่ไหมนะ?
เราจะท�าได้หรือเปล่าหว่า?

《คÓตอบ มีความเป็นไปได้ที่จะแตกแขนงสกิล 『คลื่นเสียง


ความถี่สูง』 เป็นสกิล 『คลื่นสั่นสะเทือนแรงสูง』 ทว่ายังไม่สามารถ
เรียนรู้ได้ในเวลานี》้

แปลว่าจ�าเป็นต้องท�าให้เกิดการแตกแขนงหรือการเปลีย่ นแปลง
ของสกิลเสียก่อนสินะ
ดูเหมือนว่าตอนนี้ผมจะมีปริมาณข้อมูลน้อยเกินไปจนยังท�า
แบบนั้นไม่ได้
ว่ากันตามจริง เรือ่ งทุกอย่างมันไม่มที างง่ายดายไปซะหมดอยูแ่ ล้ว
ดูท่าว่าผมจะโลภมากเกินไปเสียแล้ว
ไพ่ในมือ ยิ่งมีมากก็ยิ่งดี ทว่าก็ไม่จ�าเป็นต้องรีบร้อน
เพียงแค่ได้อวัยวะในการออกเสียงมา ก็เป็นผลลัพธ์ที่มากพอ
แก่การพึงพอใจแล้ว

พอมาลองนึกๆ ดู ก็เรียกว่าผมได้สกิลมาไม่น้อยเลย
ผมท�าการค้นคว้าทดลองอย่างที่อธิบายข้างต้นไปด้วยในขณะที่
เดินเรื่อยเปื่อยเพื่อค้นหาทางออก
และในทีส่ ดุ ผมก็ประสบความส�าเร็จในการผ่านถ�า้ ออกมาสูโ่ ลก
ภายนอก
ออกมาสู่สถานที่ที่มีแสงอาทิตย์สาดส่องลงมาเป็นครั้งแรกนับ
ตั้งแต่มาเกิดใหม่ยังโลกนี้...

108
*

ผมรูส้ กึ เหมือนว่าไม่ได้ออกมาใต้แสงอาทิตย์เสียนาน เอ่อ ว่ากัน


ตามจริงก็คือไม่ได้ออกมาตั้งหลายเดือนน่ะนะ
ดูเหมือนว่าผมจะไม่ละลายหรือเป็นแผลไหม้เมือ่ ถูกแสงอาทิตย์
เหมือนกับพวกแวมไพร์อะไรท�านองนั้น
อันที่จริง เหมือนว่าผมจะเข้าใจได้ด้วยสัญชาตญาณของปิศาจ
อยู่แล้วว่าอะไรที่เป็นการกระท�าซึ่งเป็นอันตรายต่อตัวผมเอง
แต่ถึงรู้ก็ยังท�าอยู่ดี มีออกบ่อยไป
ข�าไม่ออกหรอกนะ
อย่างน้อยถ้ารู้ตัวก็พยายามปรับปรุงหน่อยเถอะ

รู้สึกว่าถ�้านี้จะอยู่ภายในป่า
ปากทางเข้าถ�้าเปิดกว้างเป็นช่องอยู่ ณ เชิงเขาที่มีขนาดเหมือน
เนินเล็กๆ ซึง่ เนินเขานัน่ ตัง้ อยูเ่ ด่นสะดุดตาท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ทรี่ ายล้อม
อยู่รอบๆ จะพูดว่าไงดีล่ะ คือมีแค่บริเวณนั้นเท่านั้นที่เห็นแสงอาทิตย์
ถ้าบุกเข้าไปในป่าแม้เพียงก้าวเดียวก็มีหวังคงเจอกับความมืดครึ้มอีก
บนยอดเนินมีสัญลักษณ์หน้าตาน่าสงสัยบางอย่างสลักเอาไว้
ดูจากบรรยากาศแล้วเหมือนจะเป็นวงเวท? อะไรท�านองนั้น
หรือว่าจะเป็นกับดักฝีมอื ของบรรดาคุณนักผจญภัยทีส่ วนกันก่อนหน้านี?้
เอาเถอะ จะเป็นอะไรก็ช่างมัน
“คนฉลาดย่อมไม่เอาตัวเข้าไปใกล้กับอันตราย”
ผมจึงรีบออกห่างจากสถานที่นั้นในทันที

เวลาผ่านไปได้พักหนึ่งหลังจากที่ผมออกจากถ�้า ดูเหมือนว่า
ดวงตะวันจะเริ่มคล้อยต�่าลงแล้ว
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 109
ค�านวณดูก็จะเท่ากับว่าผมออกจากถ�้ามาตอนช่วงประมาณ
เที่ยงวันพอดี
ผมมีนาฬิกาที่ตรงเวลาจนน่าตกใจสลักอยู่ในตัว ดังนั้นผมจึง
อยากปรับแต่งความสามารถนี้ให้ทราบเวลาในแต่ละวันได้ ซึ่งระหว่างที่
คิดอย่างนั้น ความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ
เรือ่ งพรรค์นถี้ อื ว่าเป็นของง่ายๆ งัน้ เหรอ? ยังพึง่ พาได้ไม่เปลีย่ น
เลยแฮะ 『มหาปราชญ์』 เนี่ย
ขณะนี้เลยเวลาบ่ายสี่โมงมาเล็กน้อย
เป็นเวลาที่สมควรเริ่มเตรียมอาหารเย็น แต่น่าเสียดายว่าตัวผม
ในตอนนี้ไม่จ�าเป็นต้องกินอาหาร อันที่จริงแล้วผมจะกินก็ได้ แต่กินไปก็
ไม่รู้รสชาติเลยท�าให้ยิ่งรู้สึกว่างเปล่าไปกันใหญ่
ดังนัน้ ผมจึงด�าเนินการทดลองความสามารถใหม่ทไี่ ด้มาจากพวก
ปิศาจทีจ่ บั กินในถ�า้ ต่อไป อย่างเช่นทดลองวิธใี ช้ หรือการน�ามาใช้รว่ มกัน
ว่าจะท�าอะไรอย่างอื่นได้บ้างหรือไม่ ฯลฯ รวมถึงฝึกซ้อมการออกเสียง
เพราะถือว่าเป็นเรื่องส�าคัญ
ผมเดินไปตามทางเรื่อยๆ พลางทดลองอะไรหลายๆ อย่างตาม
ที่กล่าว
โดยไม่ได้มีจุดหมายอะไรเป็นพิเศษ
แถมเป้าหมายก็ตั้งไว้แบบขอไปที
ถ้ามีหมู่บ้านหรือเมืองอะไรโผล่มาละก็ ผมคิดว่าอยากจะลอง
ทักทายมนุษย์ที่ดูแล้วท่าทางน่าจะใจดีดู...
แต่ช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้มันช่างสงบสุขเหลือเกิน ตอนอยู่
ภายในถ�้า ผมโดนพวกปิศาจจู่โจมออกบ่อยแท้ๆ แต่พอออกมาข้างนอก
แล้ว แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีอะไรเข้ามาจู่โจมผมเลย
มีแค่ครัง้ เดียวทีผ่ มถูกหมาป่าโจมตีในระหว่างทีก่ า� ลังฝึกออกเสียง
“หา?”
110
แต่เพียงแค่ส่งเสียงขู่ค�าเดียว
“เอ๋------- ง!”
อีกฝ่ายก็ส่งเสียงน่าสมเพชและเปิดแนบไปเสียแล้ว
พวกหมาป่าในฝูงนัน่ มีขนาดใหญ่ยงิ่ กว่าหมาพันธุใ์ หญ่ตามปกติ
เรียกว่ามีช่วงตัวยาวมากกว่า 2 เมตรเสียอีก แต่จะว่าไงดีล่ะ ปิศาจที่แค่
เห็นสไลม์ตัวเดียวก็กลัวซะแล้วเนี่ยมันน่าสมเพชจนไม่รู้จะว่าไงดีเลยแฮะ
แต่ส�าหรับผม ถ้าไม่โดนโจมตีก็ไม่มีอะไรดีไปกว่านั้นแล้ว
แม้ว่าถ้าได้กินเจ้าหมาป่านั่นเข้าไป ผมน่าจะได้ประสาทสัมผัส
การรับกลิ่นอะไรท�านองนั้นมาก็เถอะ
ทว่าเมื่อลองสังเกตการณ์ไปเรื่อยๆ เพราะนึกสงสัยขึ้นมา ผมก็
พบว่าดูเหมือนจะไม่ใช่แค่หมาป่าเสียแล้ว
ไม่มกี ลิน่ อายว่ามีปศิ าจเข้ามาใกล้บริเวณรอบๆ ผมเกินกว่าระยะ
100 เมตร
เอ๋? ดูเหมือนพวกมันจะก�าลังกลัวผมอยู่อย่างไรก็ไม่รู้...
ท�าไมกันนะ?
ไม่ผิดแน่นอน ผมรู้สึกได้ว่าปิศาจในป่านี้ก�าลังหวาดกลัวผมอยู่
และขณะทีม่ นั่ ใจเช่นนัน้ 『ญาณจิต』 ของผมก็รบั รูไ้ ด้วา่ มีปศิ าจ
กลุ่มหนึ่งก�าลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้

ปัญหาเป็นสิ่งที่มักจะเยื้องย่างเข้ามาอย่างกะทันหัน
ปิศาจรูปแบบมนุษย์ประมาณ 30 ตัวทยอยกันโผล่ออกมาเบือ้ งหน้า
ผม
รูปร่างเล็กเตี้ย
อุปกรณ์สวมใส่ซอมซ่อ
ร่างกายสกปรก สีหน้าขาดซึ่งสติปัญญา
แต่ถึงอย่างนั้นก็คงไม่ได้ไร้ความรู้เสียทีเดียว เพราะมีบางตัวที่
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 111
ถือดาบ โล่ ขวานหิน หรือธนูอยู่ด้วย
เซลล์สมองสีเทาของผมมองตัวตนที่แท้จริงของพวกมันออกใน
พริบตา
ปิศาจแสนมีชอื่ ทีจ่ โู่ จมบรรดานักผจญภัย ใช่แล้ว ก็อบลินนัน่ เอง!
(เผ่ายักษ์เด็ก)
ตรงตามรูปแบบเปี๊ยบเลย
และผู้ที่ก�าลังถูกพวกมันจู่โจมก็คือปิศาจแสนอ่อนแอ อื้อ ผม
สินะ? ว่าแต่ใช้ตงั้ 30 ตัวเล่นงานสไลม์เนีย่ มันจะไม่โอเวอร์ไปหน่อยเหรอ
ว่าแต่ ไม่รู้ท�าไมผมจึงไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด
สัญชาตญาณของผมไม่รู้สึกกลัวเจ้าพวกนี้
ดาบของพวกมันมีสนิมเกรอะกรัง เครื่องป้องกันก็ทรุดโทรม
บางตัวถึงขั้นมีแค่ผ้าสกปรกพันตัวด้วยซ�้า
กิ้งก่าที่มีเกล็ดอันแข็งแกร่งห่อหุ้มร่าง และแมงมุมซึ่งมีใบดาบ
แหลมคมติดอยู่กับเท้า
ตัวผมที่เคยล้มพวกปิศาจดังกล่าวมาแล้วนั้น นึกภาพไม่ออก
เลยว่าจะได้รับบาดเจ็บจากอาวุธของเจ้าพวกนี้อย่างไร
ยิง่ ไปกว่านัน้ ถ้าสถานการณ์เกิดเลวร้ายขึน้ มา ผมอาจจะจ�าลองกาย
เป็นงูสีด�า แล้วพ่นลมหายใจกวาดพวกมันให้ราบไปในทีเดียวเลยก็ได้...

ขณะทีผ่ มจ้องมองพวกมันพลางนึกอย่างนัน้ ตัวหนึง่ ทีด่ ทู า่ ว่าจะ


เป็นหัวหน้ากลุ่มก็เริ่มอ้าปาก
“กุกะ ท่านผูแ้ ข็งแกร่งเอ๋ย... ท่านมีกจิ ธุระอันใดทีข่ า้ งหน้านีห้ รือ
ครับ?”
ก็อบลินเนี่ย พูดได้ด้วยแฮะ
ถึงส่วนหนึ่ง ผมอาจจะเข้าใจได้เพราะอาศัยการประยุกต์ใช้
『ญาณจิต』 ก็เถอะ
112
ว่าแต่ที่ว่าผู้แข็งแกร่งเนี่ย พูดถึงผมสินะ
ทัง้ ทีพ่ กพาอาวุธมาล้อมกรอบ แต่กลับพูดจาไถ่ถามอย่างสุภาพ...
เจ้าพวกนีก้ า� ลังคิดอะไรอยูก่ นั แน่เนีย่ ? ผมเริม่ เกิดความสนใจขึน้ มา
ดูเหมือนว่าพวกมันไม่คิดจะเข้าจู่โจมผมในทันทีเสียด้วย
ลองทดสอบดูว่าค�าพูดของผมสื่อสารกับพวกมันได้หรือเปล่า
ก็น่าจะดีเหมือนกัน
เมื่อคิดได้อย่างนั้น ผมจึงตัดสินใจลองพูดคุยกับพวกก็อบลินดู

ผมจ้องมองเจ้าก็อบลินแวบหนึ่ง
ฝ่ายพวกก็อบลินเองก็ถอื อาวุธพร้อมในมือด้วยท่าทางไม่ประมาท
พลางลอบมองมาทางผม ซึง่ บรรดาเจ้าตัวคงจะคิดว่าตัวเองก�าลังพยายาม
สุดชีวติ แต่อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายว่ามีอยูห่ ลายตัวทีท่ า� ท่าเหมือนเตรียม
หนีเรียบร้อยเสียแล้ว
ท่ามกลางกิริยาท่าทางเหล่านั้น เจ้าตัวที่เป็นหัวหน้ากลับยังคง
จ้องมองมาทางผมโดยไม่มีทีท่าว่าจะละสายตา คงต้องเรียกว่าสมกับที่
เป็นระดับหัวหน้าละนะ
อืม
ผมรู้สึกได้ถึงสติปัญญาจากเจ้านี่ ไม่แน่ การสนทนาอาจจะ
ประสบผลส�าเร็จเกินกว่าที่คาดก็ได้
จะสื่อได้หรือเปล่านะ?
ผมลองใส่จิตลงในเสียงที่เปล่งออกไป เพื่อทดลองว่าจะกลาย
เป็นภาษาที่สื่อสารกับอีกฝ่ายได้หรือไม่
“ต้องพูดว่ายินดีที่ได้รู้จัก รึเปล่านะ? ฉันเป็นสไลม์ ชื่อว่าริมุรุ”
ทันใดนั้นพวกก็อบลินก็พากันส่งเสียงเซ็งแซ่
ตกใจทีส่ ไลม์พดู ได้งนั้ รึ? ผมคิดอย่างนัน้ ... แต่ในบรรดาอีกฝ่าย
มีบางตนที่ขว้างอาวุธทิ้งแล้วลงไปหมอบกราบอยู่ด้วย
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 113
ไปไม่ถูกแฮะแบบนี้
“กุกะ ท่านผู้แข็งแกร่งเอ๋ย! พวกเราทราบถึงพลังของท่านเป็น
อย่างดีแล้ว กรุณาลดเสียงลงด้วยเถอะ!”
อื้อ? หรือว่าจิตของผมจะรุนแรงเกินไป?
แบบนีอ้ ย่าว่าแต่จะสือ่ สารความคิดกันได้เลย เล่นกลัวหัวหดกัน
ไปเองแบบนี้เนี่ย
“โทษทีนะ พอดีฉันยังปรับเสียงได้ไม่เก่งน่ะ”
เอาเถอะ ขอโทษไปก่อนละกัน
“กะ กล่าวเกินไปแล้วครับ ท่านไม่จ�าเป็นต้องขอโทษพวกเรา
หรอกครับ!”
ดูเหมือนว่าจะสือ่ ค�าพูดกันรูเ้ รือ่ งนะ น่าจะเป็นการฝึกฝนทีด่ แี ฮะ
ทั้งนี้ค�าพูดที่ผมพูดออกไปคือภาษาญี่ปุ่น น่าตกใจว่าทั้งที่เป็น
อย่างนั้น แต่กลับสื่อความหมายกันได้ด้วย
“แล้ว มีธุระอะไรกับฉันเรอะ? ฉันไม่ได้มีธุระอะไรที่ข้างหน้านี้
หรอกนะ?”
อีกฝ่ายพูดมาด้วยภาษาสุภาพ ดังนั้นผมก็คิดอยู่เหมือนกันว่า
ควรจะตอบรับด้วยภาษาสุภาพหรือเปล่า แต่เนือ่ งจากทางนัน้ ท�าท่าหวาดกลัว
ผมเสียเหลือเกิน ผมจึงลองวางท่าดูเสียหน่อย
“อย่างนั้นหรือครับ ข้างหน้านี้คือที่ตั้งหมู่บ้านของพวกเราครับ
เพราะสัมผัสถึงกลิน่ อายของปิศาจทีแ่ ข็งแกร่งได้ พวกเราก็เลยออกมาเฝ้า
ระวังน่ะครับ”
“กลิ่นอายของปิศาจที่แข็งแกร่ง? ฉันไม่เห็นสัมผัสของแบบนั้น
ได้เลย...?”
“กุกะ กุกะกะ อย่าล้อเล่นสิครับ! แม้วา่ ท่านจะมีรปู ลักษณ์แบบนัน้
ก็หลอกพวกเราไม่ได้หรอกนะครับ!”
ดูท่าว่าเจ้าพวกนี้จะเข้าใจผิดกันไปโดยสิ้นเชิงแล้วแฮะ
114
คงจะคิดกันไปเองว่าปิศาจที่ทรงพลังก�าลังแปลงร่างเป็นสไลม์
ละสิ
ยังไงก็แค่ก็อบลิน สมแล้วที่มีชื่อเสียงในฐานะตัวตนชั้นต�่าแม้ใน
หมู่ปิศาจด้วยกัน
หลังจากนั้นผมก็สนทนากับพวกก็อบลินอีกครู่หนึ่ง แล้วเรื่องก็
เลยตามเลยไปถึงว่าผมจะไปเยี่ยมชมหมู่บ้านก็อบลิน
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะให้ผมพักทีน่ นั่ ได้ดว้ ย ทัง้ ทีภ่ ายนอกดูยากไร้
แต่กลับใจดีกันจังแฮะ
ผมไม่จ�าเป็นต้องนอนก็จริง แต่การได้พักผ่อนก็คงไม่เลว เมื่อ
คิดได้อย่างนั้น ผมจึงตอบรับค�าเชิญไปที่หมู่บ้าน

ระหว่างทาง ผมได้ฟังเรื่องราวหลายๆ อย่าง


เรื่องที่ว่า ระยะหลังนี้ เทพเจ้าที่พวกเขานับถือได้หายตัวไป
เรื่องที่ว่า พร้อมกับที่เทพเจ้าหายตัวไป การเคลื่อนไหวของ
บรรดาปิศาจก็เริ่มคึกคักขึ้น
เรือ่ งทีว่ า่ มีนกั ผจญภัยเผ่ามนุษย์ทที่ รงพลังบุกรุกเข้ามาในป่านี้
เพิ่มมากขึ้น
ฯลฯ
และระหว่างทีบ่ ทสนทนาก�าลังด�าเนินไปเรือ่ ยๆ ผมก็ได้ยนิ ค�าพูด
ของอีกฝ่ายชัดเจนขึน้ ดูเหมือนจะเป็นเพราะว่าผมประยุกต์ใช้ 『ญาณเวท』
ในการแลกเปลี่ยนบทสนทนาได้ชินแล้ว
อาจเป็นเรือ่ งดีกไ็ ด้ ทีไ่ ด้ฝกึ คุยกับก็อบลินก่อนทีจ่ ะได้คยุ กับมนุษย์
ผมตามพวกเขาไปเรื่อยๆ พลางสนทนาเรื่องเหล่านั้น

หมูบ่ า้ นให้ความรูส้ กึ สกปรกขนาดทีอ่ ยากอุทานว่า เอ๋? ออกมา


จะอย่างไรก็เป็นเพียงรังนอนของก็อบลิน คงจะไปคาดหวังอะไร
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 115
ไม่ได้นัก
พวกเขาน�าทางผมไปยังสิ่งปลูกสร้าง? ที่ดูดีที่สุดในจ�านวนนั้น
หลังคาท�าจากฟางที่เหมือนเน่าแล้ว ส่วนก�าแพงก็เหมือนเพียง
แค่เอาแผ่นไม้อดั มาซ้อนทับกันเฉยๆ แถมยังมีรอ่ งเพียบอีกต่างหาก... เป็น
บ้านทีถ่ า้ ให้พดู จากความรูส้ กึ แบบชาติทแี่ ล้ว ก็อยูใ่ นระดับทีพ่ ดู ได้วา่ สลัม
ยังดูดีกว่าเลย! ทีเดียว
“ขออภัยที่ให้รอครับ ท่านผู้มาเยือน”
ก็อบลินตนหนึ่งเอ่ยพลางก้าวเข้ามา
โดยมีหัวหน้าก็อบลินที่น�าทางผมมาที่นี่จนกระทั่งเมื่อครู่นี้ตาม
ติดมาด้วยในลักษณะเหมือนช่วยประคองก็อบลินตนนั้น
“อ๋อ แหม ก็ไม่ได้รอนานขนาดนั้นหรอกครับ ไม่ต้องคิดมาก
หรอก”
ผมตอบรับพลางเผยรอยยิ้มที่ได้มาจากการท�าธุรกิจ
หรือเผยสไลม์สไมล์นั่นเอง
แค่รอยยิม้ ครัง้ เดียวก็จะท�าให้ดา� เนินการเจรจาอย่างได้เปรียบได้
ช่างเป็นวิชาที่กระทั่งตัวผมเองก็คิดว่าน่าหวาดหวั่น
ถึงจะยังไม่รู้ว่าจะเจรจาอะไรก็เถอะ
“ข้าท�าหน้าทีเ่ ป็นผูใ้ หญ่บา้ นของหมูบ่ า้ นแห่งนีค้ รับ ต้องขออภัย
ด้วยจริงๆ ที่ต้อนรับขับสู้อะไรใหญ่โตไม่ได้”
ผู้ใหญ่บ้านเอ่ยแล้วยื่นสิ่งที่ดูคล้ายน�้าชาออกมาวางตรงหน้าผม
ตกใจหมดเลยที่ก็อบลินมีอะไรแบบนี้ด้วย
ผมจิบน�า้ ชานัน้ (แต่ดแู ล้วคงเหมือนกับก�าลังยกตัวขึน้ คร่อมบน
ถ้วยชาละมั้ง)
ทว่าไม่รู้สึกถึงรสชาติ ซึ่งมันก็แน่อยู่แล้ว เพราะผมไม่มีประสาท
รับรสนี่นา
แต่ในกรณีนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี... ผมลอง
116
ตรวจสอบส่วนผสมของมันดู พบว่าไม่ใช่พิษ... ไม่ใช่พิษ แต่ท่าทางจะขม
เอาการ
อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกได้ถึงความใส่ใจในแบบของพวกก็อบลิน
ดังนั้นผมจึงดื่มน�้าชาจนหมดไม่มีเหลือ
“แล้ว ที่อุตส่าห์เชิญผมมาถึงหมู่บ้านเนี่ย แปลว่ามีธุระอะไรกับ
ผมหรือครับ?”
ผมถามออกไปตรงๆ
อย่างไรก็เป็นปิศาจเหมือนกัน เพราะฉะนั้นดีกันไว้ดีกว่า! นี่คง
ไม่ใช่แค่การเชิญชวนอย่างเป็นมิตรแบบนั้นเท่านั้นแน่
ทันทีที่ได้ยิน ผู้ใหญ่บ้านก็สะดุ้งโหยง แต่แล้วก็เหลือบมองมา
ทางผมเหมือนกับเตรียมตัวเตรียมใจได้
และแล้ว-------
“ทีจ่ ริง... ท่านทราบไหมครับว่าระยะนีบ้ รรดาปิศาจมีการเคลือ่ นไหว
คึกคักขึน้ ?”
ก็ได้ฟังตอนระหว่างทางมาที่นี่นี่แหละ
“เทพเจ้าของพวกเรา ทีก่ รุณาปกป้องสันติสขุ ของดินแดนแห่งนี้
ได้เร้นกายหายไปเมือ่ ประมาณ 1 เดือนก่อน ดังนัน้ ปิศาจในพืน้ ทีข่ า้ งเคียง
ก็เลยเริม่ เข้ามายุม่ ย่ามในพืน้ ทีแ่ ถบนี.้ .. ซึง่ พวกเราเองก็ทนดูอยูเ่ งียบๆ ไม่ได้
เลยโต้ตอบกลับไปบ้าง... แต่กค็ อ่ นข้างล�าบากในแง่ของก�าลังรบ...”
อืม
เทพเจ้าเนี่ย หมายถึงคุณเวลโดร่าเหรอ? โดยช่วงเวลาแล้วมัน
ตรงกันพอดีเลยแฮะ
เอาเถอะ สรุปแล้วก็คือพวกก็อบลินอยากจะให้ผมช่วยสินะ
“ผมเข้าใจที่มาที่ไปแล้วครับ แต่ผมเป็นแค่สไลม์ ดังนั้นอาจจะ
ท�าอะไรไม่ได้มากอย่างที่พวกคุณคาดหวังกันนะครับ?”
“ฮะฮะฮะ ถ่อมตัวไปแล้วครับ! สไลม์ธรรมดาไม่มีทางแผ่ออร่า
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 117
ออกมาถึงขนาดนั้นได้หรอกครับ! พวกเราจินตนาการไม่ออกเหมือนกัน
ว่าท�าไมท่านจึงได้มีรูปลักษณ์แบบนี้... แต่ท่านเป็นปิศาจที่ประกาศนาม
ของตนได้ใช่ไหมล่ะครับ?”
ออร่า... งั้นเรอะ?
อะไรกันล่ะนัน่ น่ะ? ผมจ�าไม่เห็นได้เลยว่าปล่อยของแบบนัน้ ออกมา
ด้วย... ผมลองเปลี่ยนมุมมองของ 『ญาณเวท』 แล้วส�ารวจตัวเองดู
ก็พบว่ามีอะไรบางอย่างเหมือนออร่าทีน่ า่ หวาดผวาล่องลอยอยูเ่ หมือนกับ
ห่อหุ้มร่างกายของผมเอาไว้
จริงๆ ผมน่าจะรูส้ กึ ตัวตัง้ แต่ตอนทีท่ ดลองจ�าลองกายหรือใช้สกิล
『เกราะหุ้มร่าง』 แต่มันก็กลายเป็นอดีตไปหมดแล้ว
น่าอายแฮะแบบนี้ แผ่ออร่าออกมาแท้ๆ แต่กลับไม่รู้สึกตัวเอา
เสียเลย
ความรูส้ กึ เหมือนตอนทีเ่ ผลอเรอลืมรูดซิปกางเกงเต็มๆ ในขณะ
ที่เดินไปตามถนนใหญ่เข้าจู่โจมผม ภายในถ�้านั้นมีอัตราความเข้มข้นของ
แก่นเวทสูง ผมจึงไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย
แบบนี้ไม่ได้การแล้ว! เอาต์เห็นๆ!
ถึงตอนนีผ้ มจึงเข้าใจปฏิกริ ยิ าของบรรดาปิศาจทีไ่ ด้เจอหลังออก
จากถ�้าในที่สุด
คงไม่มีปิศาจตัวไหนอยากเป็นคู่มือให้ตัวท่าทางอันตรายแบบนี้
หรอก
แปลว่าไม่มไี อ้บา้ ทีไ่ หนถูกหลอกด้วยรูปร่างทีต่ าเห็นหรอก! สินะ
ลองแบบนี้ก็เป็นไงเป็นกันละ
“หึหึหึ สมกับเป็นผู้ใหญ่บ้าน รู้ด้วยรึนี่”
“แน่นอนครับ! แม้ว่าจะอยู่ในร่างกายเช่นนั้น แต่ก็ไม่สามารถ
กลบเกลื่อนกระทั่งพลังที่แผ่ออกมาได้หรอกครับ!”
“งั้นเหรอ รู้ซะแล้วเหรอ พวกนายนี่ตาถึงไม่เลวนะ!”
118
เริ่มสนุกขึ้นมาแล้วสิ! แต่ว่า
คุยต่อไปในสภาพนี้ หาทางหลอกล่อผู้ใหญ่บ้านให้ดีๆ แล้ว
กลบเกลื่อนให้สวยๆ ดีกว่า
ขณะเดียวกัน ผมก็ทดลองดูวา่ จะลบคลืน่ พลังทีน่ า่ หวาดผวา =
ออร่าออกได้หรือไม่ โดยการตัง้ สมาธิใช้การควบคุมแก่นเวทนอกร่างกาย
ดึงเอาออร่ากลับเข้ามาในร่าง
“โอ... นีพ่ วกเราถูกท่านทดสอบสินะครับ? มีคนทีห่ วาดกลัวออร่า
ของท่านอยู่มากเหมือนกัน เพราะฉะนั้นช่วยได้มากเลยละครับ”
เป็นอันว่าปิดบังออร่าส�าเร็จ
รูปร่างภายนอกของผมกลายเป็นแค่สไลม์ธรรมดาๆ แล้ว
แต่ว่า ถ้าเกิดผมเดินไปเดินมาในสภาพที่เหมือนกับสไลม์
ธรรมดาล่ะก็ ไม่กลายเป็นว่าจะถูกพวกปิศาจจูโ่ จมซะจนน่าร�าคาญหรอกรึ?
“นัน่ สินะ ทัง้ ทีเ่ ห็นออร่าของฉันก็ยงั กล้าเข้ามาคุยโดยไม่หวาด-
กลัวเนี่ย เรียกว่าไม่เลวเลย”
อะไรตรงไหนที่ไม่เลวหา? ผมอยากตบมุกตัวเองเป็นบ้า แต่ก็
ต้องกล�้ากลืนฝืนทนเอาไว้
“ฮะฮะ! ขอบพระคุณมากครับ ทีนี้พวกเราจะไม่ถามว่าท�าไม
ท่านจึงต้องซ่อนรูปลักษณ์ที่แท้จริง เพียงแต่... พวกเรามีเรื่องอยากจะ
ขอร้องท่านครับ ยังไงโปรดรับฟังพวกเราก่อนจะได้ไหมครับ?”
ก็นะ เรื่องมันก็คงประมาณนี้แหละ
เพราะถ้าไม่ใช่ว่ามีเรื่องอยากจะขอร้อง แล้วจะเสี่ยงเชิญปิศาจ
ท่าทางอันตรายมาที่นี่ท�าไม
“ก็ขึ้นอยู่กับเนื้อหาละนะ ลองว่ามาสิ”
ผมเอ่ยถามผู้ใหญ่บ้านโดยคงทีท่าแสดงความยิ่งใหญ่เอาไว้

เรื่องราวมีอยู่ว่า
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 119
ปิศาจหน้าใหม่จากดินแดนทางตะวันออก ก�าลังบุกรุกมาเพราะ
เล็งจะเข้าครอบครองพื้นที่แถบนี้
ดูเหมือนว่าบริเวณรอบๆ นีจ้ ะมีหมูบ่ า้ นก็อบลินตัง้ อยูห่ ลายแห่ง
หมู่บ้านนี้เองก็เป็นหนึ่งในจ�านวนนั้น ทว่าการปะทะกันเล็กๆ
น้อยๆ กับปิศาจหน้าใหม่ดังกล่าว ท�าให้นักสู้เผ่าก็อบลินจ�านวนมากล้ม
หายตายจาก ซึ่งปัญหาก็คือในจ�านวนนั้นมีนักสู้ซ่ึงเป็นเนมด์มอนสเตอร์
รวมอยู่ด้วย
นักสูท้ วี่ า่ เปรียบได้กบั ผูค้ มุ้ ครองหมูบ่ า้ นแห่งนี้ เมือ่ สูญเสียเขาไป
ค่าในการคงอยู่ของหมู่บ้านแห่งนี้จึงดิ่งลงเหว
หมู่บ้านก็อบลินอื่นๆ ต่างพากันทอดทิ้งดินแดนแห่งนี้
ข้อสรุปที่หมู่บ้านอื่นๆ ต่างเห็นพ้องกัน คือการวางมาตรการ
แก้ไขในขณะพวกปิศาจหน้าใหม่เข้าจู่โจมหมู่บ้านนี้
แม้วา่ ผูใ้ หญ่บา้ นกับหัวหน้าก็อบลินจะพยายามเจรจาสักแค่ไหน
ก็ดูเหมือนว่าจะได้รับเพียงการตอบรับอย่างเย็นชา
พวกผู้ใหญ่บ้านบอกเล่าเช่นนั้นด้วยท่าทางที่มีความเจ็บแค้น
เจือปน
“อย่างนี้นี่เอง... แล้ว หมู่บ้านนี้มีประชากรอาศัยอยู่กี่ตน?
จ�านวนที่ต่อสู้ได้ในบรรดานั้นล่ะ?”
“ครับ ที่หมู่บ้านนี้พวกเราอาศัยกันอยู่ประมาณ 100 ตน ผู้ที่
ต่อสู้ได้ ถ้ารวมเพศเมียเข้าไปด้วยก็ราว 60 ตนครับ”
พึ่งพาไม่ได้อย่างไรไม่รู้แฮะ
แต่การที่นับจ�านวนของพวกตนได้แม้จะแค่คร่าวๆ ก็อาจถือว่า
ฉลาดในฐานะก็อบลินแล้วก็ได้
“อืม แล้วรู้จ�านวนกับเผ่าพันธุ์ของปิศาจหน้าใหม่ที่เป็นคู่มือ
รึเปล่า?”
“ครับ พวกมันเป็นปิศาจหมาป่าที่ดูเหมือนจะเป็นเผ่ากาโร่
120
(เขี้ยวหมาป่า) ครับ เดิมทีขนาดใช้พวกเราถึง 10 ตน ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะ
รับมือกับพวกมันตัวหนึ่งได้รึเปล่า... แต่ดูเหมือนว่าพวกมันจะรวมฝูงกัน
เป็นร้อยตัวเลยทีเดียว...”
หา? เกมมหาโหดอะไรกันล่ะนัน่ ? ผมคิดพลางจ้องตาของผูใ้ หญ่
บ้าน
ซึ่งผู้ใหญ่บ้านก็จ้องตอบอย่างจริงจัง ด้วยแววตาที่บ่งบอกว่า
ไม่ได้ก�าลังล้อเล่น
แม้จะดูขุ่นมัวอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ก็ต้องบอกว่าเป็นแววตาที่
จริงจังในฐานะก็อบลินกระมัง
“แล้ว บรรดานักสูก้ อ็ บลินพวกนัน้ ยังคิดจะสูด้ ว้ ยจ�านวนทีน่ อ้ ยนิด
ทั้งที่รู้ว่าเอาชนะไม่ได้งั้นรึ?”
“...เปล่าครับ ข้อมูลนี.้ .. เป็นข้อมูลทีน่ กั สูเ้ หล่านัน้ เอาชีวติ เข้าแลก
กว่าจะได้มาครับ”
งั้นเหรอ ถามเรื่องไม่ดีไปเสียแล้วสิเรา
และเมื่อถามต่อไปอีก ก็เห็นว่าก็อบลินซึ่งเป็นเนมด์มอนสเตอร์
นั้นเป็นบุตรชายของผู้ใหญ่บ้าน และเป็นพี่ชายของก็อบลินลีดเดอร์ด้วย
หลังจากฟังเรื่องราวแล้ว ผมก็นั่งคิดว่าจะเอาไงดี
ฝ่ายผู้ใหญ่บ้านก็เฝ้ารอการตัดสินใจของผมโดยไม่เอ่ยอะไร
ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่ดวงตาของผู้ใหญ่บ้านเหมือน
จะมีน�้าตาเอ่อท้นออกมาด้วย... คงคิดไปเองแหละ
น�้าตาน่ะไม่เหมาะกับปิศาจหรอก
เอาแบบไม่ตอ้ งเกรงใจกันเลยดีกว่า นัน่ ละ คือภาพลักษณ์ทถี่ กู ต้อง
ของปิศาจซึ่งเป็นที่หวั่นเกรง!
“ผู้ใหญ่บ้าน ฉันอยากจะถามให้แน่ใจสักข้อหนึ่ง ถ้าฉันช่วย
หมู่บ้านนี้ได้ละก็ ฉันจะได้อะไรตอบแทน? พวกนายให้อะไรแก่ฉันได้?”
ผมจะช่วยพวกเขาเพราะนึกสนุกเฉยๆ ก็ได้
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 121
แต่ว่าอีกฝ่ายเป็นปิศาจ 100 ตัว ที่ขนาดเจ้าพวกนี้ร่วมมือกัน
10 ตนก็ยังไม่รู้เลยว่าจะรับมือสักตัวได้หรือเปล่า
ดังนั้นคงไม่ใช่คู่มือที่สบายนักแน่
ถ้าจ�าลองกายเป็นงูสีด�าก็อาจพอท�าอะไรได้บ้าง... แต่นี่ก็ไม่ใช่
เรื่องที่ควรจะตอบรับง่ายๆ อยู่ดี
“พวกเราขอมอบสัตย์ปฏิญาณแด่ท่าน กรุณามอบการอารักษ์
แก่พวกเราด้วยเถอะครับ แล้วพวกเราจะขอสาบานตนว่าจะจงรักภักดีตอ่
ท่าน!!”
บอกตามตรงว่าถึงได้ของแบบนั้น ผมก็ไม่ดีใจหรอกนะ
แต่ตัวผมที่ต้องประสบกับความโดดเดี่ยวมาถึง 90 วันนั้น เริ่ม
รู้สึกสนุกกับการพูดคุยกับพวกก็อบลินเสียแล้ว
ถ้าเป็นมนุษย์ละก็ อาจจะรู้สึกรังเกียจความสกปรกของพวกมัน
ก็ได้
แต่ตัวผมในเวลานี้เป็นปิศาจ จึงไม่นึกกลัวโรคภัยอะไร
ที่ส�าคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือแววตาของผู้ใหญ่บ้าน แววตานั้น
บ่งบอกความรู้สึกออกมาว่าก�าลังต้องการพึ่งพาผมอย่างเต็มที่
ผมนึกถึงเรื่องในชาติที่แล้วขึ้นมาได้
ไม่ว่าจะพูดอะไร สุดท้ายผมก็แพ้การถูกขอร้องอยู่ดี
แม้ปากจะบ่นไปพลาง แม้จะถูกรุ่นน้องบ่นไปพลาง แต่ผมก็รับ
ฟังค�าขอของผู้ว่าจ้างและรุ่นพี่เสมอ
“ย่อมได้ ฉันจะรับฟังค�าขอนั่น!”
ผมตอบพลางพยักหน้าหนักๆ
และแล้วผมก็ได้กลายเป็นนายเหนือหัว และผู้คุ้มครองเหล่า
ก็อบลินด้วยประการฉะนี้


122
เผ่ากาโร่
เผ่าพันธุ์ผู้ครอบครองทุ่งราบทางทิศตะวันออก
และเป็นเมล็ดพันธุแ์ ห่งความปวดหัวให้กบั บรรดาพ่อค้าทีท่ า� การ
ค้าขายระหว่างจักรวรรดิทางตะวันออกกับกลุม่ ประเทศรอบๆ มหาพงไพร
แห่งจูร่า
ถ้านับแค่เป็นตัวๆ มันจะเป็นมอนสเตอร์ที่เทียบเท่าได้กับแรงก์
C ที่หากประมาทละก็ แม้แต่นักผจญภัยมืออาชีพก็อาจถูกจับกินได้ด้วย
การโจมตีเพียงครั้งเดียว
ทว่าความน่ากลัวทีแ่ ท้จริงของมันก็คอื การทีพ่ วกมันจะเคลือ่ นไหว
เป็นฝูง
หากมีการบังคับบัญชาจากบอสที่มีความสามารถ เผ่ากาโร่จะ
แสดงพลังที่แท้จริงของพวกมันออกมาได้
ทั้งที่เป็นฝูง แต่พวกมันกลับเคลื่อนไหวได้โดยไร้ซึ่งความลังเล
แม้แต่น้อย ราวกับว่าทั้งหมดเป็นปิศาจเพียงตัวเดียว
และค่าการประเมินในยามเมือ่ พวกมันอยูเ่ ป็นฝูง... ก็เทียบเท่ากับ
แรงก์ B เลย

ทุ่งราบทางทิศตะวันออกนี้ตั้งอยู่ติดกับเขตพื้นที่เพาะปลูกอัน
กว้างใหญ่
ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นสถานที่ส�าคัญที่กุมเส้นชีวิตของจักรวรรดิ
เอาไว้ และมีการรักษาความปลอดภัยเต็มขั้น
ต่อให้เผ่ากาโร่ฉลาดแกมโกงและมีความสามารถแกร่งกล้า
ขนาดไหนก็ยากจะทะลวงผ่าการป้องกันของจักรวรรดิได้ หรือสมมุตวิ า่ ถึง
ฝ่าเข้าไปได้ มันก็จะกลายเป็นสาเหตุให้จักรวรรดิเกิดความโกรธเกรี้ยว
และอนาคตของเผ่ากาโร่ก็คงจะสิ้นสุดลงเพียงเท่านั้น
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 123
บอสของกาโร่ฝูงนั้นเข้าใจเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างดี
มันเรียนรู้จากการปะทะกับจักรวรรดิเล็กๆ น้อยๆ มานานนับ
สิบปี และร�่าเรียนเรื่องดังกล่าวไปพร้อมกับประสบการณ์ที่ฝังลึกขึ้นทุกที
หากแค่ลงมือกับกลุ่มพ่อค้าเล็กๆ ละก็ จักรวรรดิจะไม่เอาจริง
แต่ในกรณีทพี่ ยายามจะรุกรานเข้าไปในพืน้ ทีเ่ พาะปลูกแม้สกั ครัง้ คมเขีย้ ว
ของจักรวรรดิจะเข้าขย�้าพวกมันทันที
มันจะไม่ปล่อยให้พวกพ้องก่อความผิดพลาดอันโง่เขลาทีเ่ คยก่อ
ขึ้นในอดีตซ�้าแล้วซ�้าเล่า
บอสคิดอย่างนั้น
ทว่าในฐานะสัญชาตญาณของปิศาจ มันก็เข้าใจเช่นกันว่าหาก
ปล่อยไว้แบบนี้ต่อไป วิวัฒนาการของพวกมันจะหยุดลง

เดิมทีอาหารเป็นสิ่งที่ไม่จ�าเป็นส�าหรับเผ่ากาโร่
การที่พวกมันจู่โจมและกินมนุษย์ เป็นความรู้สึกเหมือนกับการ
หาอาหารว่างกินเท่านั้น
เนื่องจากมนุษย์ไม่ค่อยมีแก่นเวทรวมอยู่ในตัวนั่นเอง
ส�าหรับเผ่ากาโร่ การกินอาหารก็คือการดูดซับแก่นเวท
พวกมันต้องจู่โจมปิศาจที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ หรือไม่ก็ฆ่ามนุษย์
ให้มากๆ เพื่อจะได้วิวัฒนาการกลายเป็นปิศาจระดับ “ภัยพิบัติ”
ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ว่าวิธีไหนก็ยากจะลงมือกระท�าได้
ส�าหรับเผ่ากาโร่แล้ว จักรวรรดินั้นยิ่งใหญ่เกินไป ถึงจะจู่โจม
บรรดาพ่อค้าต่อไปเรือ่ ยๆ การจะได้ววิ ฒ ั นาการกลายเป็นมอนสเตอร์ระดับ
“ภัยพิบัติ” ก็คงเป็นได้แค่ความฝันในความฝัน
ทราบมาว่าทิศใต้มแี ผ่นดินทีอ่ ดุ มสมบูรณ์กบั ป่าอันร่มรืน่ และมี
สวนสวรรค์ของเหล่าปิศาจซึ่งมีพลังเวทอันยิ่งใหญ่ ทว่าการจะไปถึงที่นั่น
นั้นจ�าเป็นจะต้องฝ่าผ่านมหาพงไพรแห่งจูร่าไปให้ได้
124
ล�าพังปิศาจที่อาศัยอยู่ในป่านั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ ประสบการณ์
จากการไล่ลา่ ปิศาจทีอ่ อกมาจากป่าหลายครัง้ ช่วยบอกให้พวกมันรู้ ถ้างัน้
ท�าไมที่ผ่านมาพวกมันถึงบุกรุกเข้าไปในป่าไม่ได้งั้นรึ?
“มังกรวายุคลั่ง” เวลโดร่า
ตัวตนของมังกรที่ว่า คือเหตุผลของทุกสิ่งทุกอย่าง
แม้ว่าจะถูกผนึก แต่คลื่นพลังเวทอันน่าหวาดหวั่นของเจ้ามังกร
ก็ยังคงสร้างความหวาดกลัวให้พวกมัน
ส่วนบรรดาปิศาจในป่านั้นเชื่อมั่นว่าพวกตนได้รับการคุ้มครอง
ของเวลโดร่า ดังนั้นจึงใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางคลื่นพลังอันร้ายกาจดังกล่าว
ได้
เพราะถ้าไม่ได้เชื่อมั่นอย่างั้น พวกมันคงจะเป็นบ้าไปแล้ว
ที่ผ่านมาแม้จะรู้สึกเจ็บแค้น แต่พวกมันก็จ�าต้องล้มเลิกการบุก
เข้าป่าเพราะตัวตนดังกล่าว
ใช่แล้ว ที่ผ่านๆ มา...
บอสคิดพลางหันดวงตาสีโลหิตอันเฉียบคมไปยังป่า
ป่าที่ไร้ซึ่งกลิ่นอายของมังกรร้ายอันน่ารังเกียจนั่น
ถ้าเป็นเวลานี้ละก็ พวกมันจะไล่ล่าปิศาจในป่าให้หมดสิ้น และ
ขึ้นเป็นผู้ปกครองป่าได้ บอสคิดอย่างนั้นพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปาก จาก
นั้นก็หอนยาวเป็นการส่งสัญญาณการเคลื่อนพล

เอาละ เมือ่ รับปากเป็นผูค้ มุ้ ครองแล้ว ผมควรจะต้องท�าอะไรบ้าง


ล่ะเนีย่ ? โดยส่วนตัวผมคิดว่ามันน่าจะเหมือนบอดีก้ าร์ดอะไรประมาณนัน้
แต่ผู้ใหญ่บ้านก็ปฏิบัติต่อผมแบบโอเวอร์เหลือเกิน
ก่อนอืน่ ผมให้เรียกบรรดาก็อบลินทีว่ า่ ต่อสูไ้ ด้มารวมกัน
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 125
ทว่าเท่าที่ดู ทุกตนต่างก็อยู่ในสภาพโทรม ไม่น่าจะคาดหวังใน
ฐานะก�าลังรบได้
ส่วนบรรดาก็อบลินทีเ่ หลือซึง่ ก�าลังแอบมองมาทางนีอ้ ยูห่ า่ งๆ ก็
มีแค่เด็กกับคนชรา... และไม่มีก�าลังเสริมจากหมู่บ้านก็อบลินอื่นแล้วด้วย
ถ้าดูจากมุมมองของผู้ใหญ่บ้านแล้ว สภาพแบบนี้คงชวนให้
หวาดกลัวจนอยากจะเป็นบ้า และถึงคิดจะหนี แต่ในสภาพที่ไม่มีกระทั่ง
เสบียงอาหารแบบนี้ ถึงหนีไปก็มีแต่จะอดตายเท่านั้น
และบรรดาก็อบลินที่มารวมกันก็ก�าลังจ้องมองผมด้วยแววตา
เหมือนแสดงความเลื่อมใส
หนักชะมัดเลยแฮะ
ส�าหรับผมที่ใช้ชีวิตสบายๆ ตลอดมาโดยไม่เคยต้องรู้สึกถึงแรง
กดดันอะไรแล้ว สายตาที่มองมานั้นกลายเป็นแรงกดดันที่ยากจะอธิบาย
“ทุกคนเข้าใจสถานการณ์กันรึเปล่า?”
เนือ่ งจากไม่ใช่บรรยากาศทีจ่ ะมัวพูดมุกตลก แถมค�าปลอบใจก็
นึกไม่ออก ผมจึงถามออกไปตรงๆ
“ครับ พวกเราเตรียมใจไว้แล้วว่านีจ่ ะเป็นการต่อสูท้ ตี่ ดั สินว่าเรา
จะรอดหรือจะตายครับ!”
ก็อบลินลีดเดอร์ตอบในทันที
บรรดาก็อบลินที่มารวมกันอยู่รอบๆ เองก็ดูจะมีความรู้สึก
เหมือนกัน
ถึงจะมีบางตนที่ตัวสั่น แต่มันก็คงช่วยไม่ได้ เพราะหัวใจกับ
ร่างกายมันเป็นคนละเรื่องกัน
“ไม่จา� เป็นต้องคิดมาก ท�าใจให้สบายเข้าไว้ เพราะถึงคิดมากไป
เวลาที่แพ้มันก็ต้องแพ้อยู่ดี คิดเพียงแค่ว่าต้องท�าให้ดีที่สุดก็พอ!”
ผมลองพูดประโยคเท่ๆ ออกไปดู
มันท�าให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้น และอาจจะมีผลมากกว่าที่คิดก็ได้
126
ถ้างั้นก็ มาเริ่มกันดีกว่า...
หากเกิดผิดพลาดขึ้นมา ชะตากรรมของก็อบลินพวกนี้อาจจบ
ลงก็เป็นได้
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็จะไปตามเส้นทางของผม
ผมตัดสินใจแล้วว่า คนฉลาดย่อมไม่เอาตัวเข้าไปใกล้กบั อันตราย!
เอาละ! ผมใส่พลังใจแล้วเริ่มออกค�าสั่งแรกกับพวกก็อบลิน
ค�าสั่งที่ผมคงจะได้เอ่ยอีกนับครั้งไม่ถ้วนภายหลังจากนี้
ค�าค�าแรกนั้นก็คือ------

ราตรีมาเยือนแล้ว
บอสแห่งเผ่ากาโร่ลืมตาขึ้น
คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง ช่างเหมาะกับการต่อสู้ยิ่งนัก
บอสค่อยๆ ชันตัวลุกขึ้นยืน แล้วจ้องไปรอบบริเวณ
ฝ่ า ยบรรดากาโร่ ก็ ก ลั้ น หายใจพลางเหลื อ บมองท่ า เช่ น นั้ น
ของบอส
บรรยากาศเคร่งเครียดได้ที่
บอสคิดอย่างนั้น
คืนนี้พวกเราจะท�าลายล้างหมู่บ้านก็อบลินนั่น เพื่อสร้างฐานที่
มั่นในมหาพงไพรแห่งจูร่า
หลังจากนัน้ พวกเราก็จะค่อยๆ ไล่ลา่ ปิศาจในบริเวณรอบๆ และ
ขึ้นเป็นผู้ปกครองป่าแห่งนี้
และต่อจากนัน้ บอสยังคิดเรือ่ งจะบุกลงใต้เพือ่ ไขว่คว้าพลังใหม่ๆ
ยิ่งขึ้นไปอีกด้วย
พวกมันมีพลังที่จะท�าให้เรื่องดังกล่าวกลายเป็นจริงขึ้นมาได้อยู่
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 127
“อาวละ! หยุดอยู่แค่นั้นเลย ถ้ายอมถอยกลับไปตอนนี้ละก็เรา
จะไม่ท�าอะไรพวกนาย รีบๆ กลับไปซะ!”
สไลม์ดังกล่าวประกาศเช่นนั้น
ช่างคิดนี่
บอสหัวเราะเยาะ
ที่สร้างช่องว่างไว้เพียงต�าแหน่งเดียว ก็เพื่อจะป้องกันการถูก
จู่โจมด้วยจ�านวนอย่างนั้นรึ?
อย่างไรเสียก็แค่ความรู้ตื้นๆ ของปิศาจที่ไม่ต่างจากขยะ
รัว้ แบบนัน้ ไม่ได้มปี ระโยชน์อะไรเลยเมือ่ อยูต่ อ่ หน้ากรงเล็บและ
คมเขี้ยวของพวกมัน
แสดงพลังของพวกเราให้มนั เห็นเสีย! คิดเช่นนัน้ แล้วบอสก็ออกค�าสัง่
ทันใดนัน้ พวกกาโร่สบิ กว่าตัวก็เริม่ เข้าจูโ่ จมรัว้ ราวกับเป็นมือเท้า
ของบอส
เผ่ากาโร่นั้น 1 ฝูงถือเป็นปิศาจตัวเดียว จึงจู่โจมได้โดยไร้ความ
วุ่นวายสับสนและแสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้
นัน่ คือการเคลือ่ นไหวต่อเนือ่ งโดยใช้การ 『จิตสือ่ สาร』 ซึง่ รวดเร็ว
กว่าการใช้ค�าพูดและท�าให้ประสานงานกันได้
แค่การจู่โจมแรกก็น่าจะท�าลายรั้วได้แล้ว
ทว่าบอสที่ก�าลังจินตนาการถึงภาพที่พวกก็อบลินพากันลุกลี้-
ลุกลนเพราะแผนการของพวกตนถูกท�าลาย กลับต้องส่งเสียงแสดงความ
ตกใจออกมาอย่างกะทันหัน เพราะกองก�าลังทีเ่ พิง่ เข้าจูโ่ จมรัว้ กลับถูกดีด
กลับออกมา แถมในจ�านวนนั้นยังมีบางตัวที่ลงไปนอนกลิ้งกับพื้นพร้อม
กับเลือดที่สาดกระเซ็นอีกด้วย
หมายความว่าไงกัน? บอสเฝ้ามองสถานการณ์โดยไม่ลนลาน
เจ้าสไลม์ที่ปากทางเข้าออกไม่ได้ขยับตัว
ไม่ใช่ว่ามันเป็นผู้ลงมือท�าอะไรหรอกรึ?
130
ตอนนัน้ เองผูใ้ ต้บงั คับบัญชาตนหนึง่ ขยับเข้ามาใกล้แล้วบอกบอสว่า
(เจ้านัน่ แหละครับ! ปิศาจทีแ่ ผ่ออร่าทีร่ นุ แรงยิง่ กว่าท่านพ่อออกมา!)
บ้าน่า! บอสคิดพลางหันมองเจ้าสไลม์
ปิศาจขนาดเล็กที่นานครั้งก็ถือก�าเนิดขึ้นในที่ราบเหมือนกัน
ตัวตนที่เล็กจ้อยเสียจนแค่จะเรียกว่าปิศาจก็ยังต้องนึกรังเกียจ
เจ้านั่นน่ะหรือจะมีออร่าที่เหนือกว่าบอสอย่างมัน... ไม่มีทาง!
บอสนึกอย่างโกรธจัด

บอสของเผ่ากาโร่ถอื ได้วา่ เป็นปิศาจทีฉ่ ลาดแกมโกงและเหลีย่ มจัด


มันวางยุทธการอย่างไม่ประมา โดยอาศัยประสบการณ์ทไี่ ด้จาก
การอยูร่ อดมานานปี และมีความกล้าหาญพอทีจ่ ะลงมือปฏิบตั กิ ารได้อย่าง
เยือกเย็น ประสบการณ์ทมี่ นั สัง่ สมมานาน ปฏิเสธความเป็นไปได้ของข้อมูล
ที่ว่าปิศาจตรงหน้าอาจเป็นผู้แข็งแกร่งยิ่งกว่ามัน
ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่บอสก่อความผิดพลาดชนิดร้ายแรง
และความผิดพลาดดังกล่าว ก็ลขิ ติ โชคชะตาของมันเป็นทีเ่ รียบร้อย
(เป็นแค่ปิศาจเล็กจ้อยอ่อนแอแท้ๆ------- ข้าจะขยี้มันให้แหลก
ละเอียดเอง!!)

เฮ้อ ตกใจหมดเลย
ไม่นึกว่าจู่ๆ จะกระโจนเข้ามาแบบนั้นแฮะ เรื่องไปได้สวยจนถึง
ตอนที่ผมได้ประกาศอย่างเท่ว่า “ถ้าถอยกลับไปทั้งอย่างนี้พวกเราจะไม่
ท�าอะไร” แต่กลับโดนเมินเฉยเลย
พวกกาโร่เคลื่อนไหวพร้อมกัน แล้วเริ่มเข้าจู่โจมใส่รั้วจากทุก
ทิศทาง
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 131
กะไว้ว่าจะเข้ามาหลังจากคุยกันแล้วแท้ๆ ค�าพูดที่อุตส่าห์คิดไว้
เลยกระเด็นหายไปหมดเลย ดูทา่ ว่าการฝึกซ้อมก่อนลงสนามจริงจะกลาย
เป็นหมันซะแล้ว
อุตส่าห์หาเวลาระหว่างเตรียมงานไปซ้อมไว้แท้ๆ

ค�าสั่งแรกของผมคือ ให้น�าทางผมไปหาบรรดาผู้บาดเจ็บ
ถึงจะรวมผูร้ อดชีวติ สิบกว่าตนเข้ากับจ�านวน 64 ตน ก็ไม่ได้สง่
ผลต่อประสิทธิภาพในการท�างานเท่าไรนัก แต่ไหนๆ พวกเขาก็เคารพผม
ดังนั้นผมจึงคิดว่าน่าจะท�าสิ่งที่ท�าได้ให้พวกเขา
บรรดาผู้ได้รับบาดเจ็บถูกน�ามานอนรวมกันในสิ่งปลูกสร้าง
ขนาดใหญ่ที่ดูแล้วไม่ถูกสุขอนามัยเอาเสียเลย
เมือ่ ได้เห็นผูไ้ ด้รบั บาดเจ็บผมก็นกึ ในใจ ดูเหมือนว่าทุกตนจะได้
รับการรักษาด้วยสิ่งที่ดูคล้ายกับสมุนไพร... แต่ขืนปล่อยไว้แบบนี้ต่อไป
พวกเขาคงจะต้องตายแน่
แผลของพวกเขาลึกกว่าทีค่ ดิ บางแห่งเป็นรอยฉีกขนาดใหญ่จน
ปากแผลบวม ซึ่งอาจเกิดจากการถูกกรงเล็บหรือเขี้ยวเฉี่ยวกระชากเอา
ลองแบบนีค้ งต้องลุยสักตัง้ คิดอย่างนัน้ แล้วผมก็เริม่ ลงมือรักษา
ทุกตน
ก่อนอื่นผมกินก็อบลินตนที่อยู่ตรงหน้าเข้าไป จากนั้นก็สาดยา
ฟื้นฟูใส่ในร่างกาย แล้วจึงคายออกมา
ผูใ้ หญ่บา้ นท�าท่าเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่ผมก็ทา� เป็นไม่สนใจ
แล้วลงมือกลืนกับคายผู้ได้รับบาดเจ็บไปเรื่อยๆ ทีละตนๆ
เมื่อรักษาเสร็จไปได้หลายตน แล้วหันมองกลับไป...
ก็ไม่ทราบว่าท�าไมพวกก็อบลินถึงก�าลังเหลือบมองมาทางผม
พลางหมอบราบกับพื้น
เจ้าพวกนี้ท�าอะไรกันเนี่ย?
132
ดูท่าว่าพวกนี้จะเข้าใจผิดว่าผมรักษาพวกเขาโดยใช้พลังคืนชีพ
ละมั้ง
ผมเริ่มรู้สึกยุ่งยาก จึงใช้วิธีคายยาพื้นฟูออกมาหลายขวด เพื่อ
ให้ไปรักษาผู้บาดเจ็บที่เหลือ
สุดท้าย แม้จะกินเวลา แต่การรักษาผูบ้ าดเจ็บทุกตนก็สนิ้ สุดลง
หลังท�าการรักษาเท่าทีจ่ ะท�าได้เสร็จ ผมก็ออกค�าสัง่ ใหม่กบั พวก
ก็อบลินที่เหลือ
สิง่ ทีล่ งมือท�าต่อไปก็คอื การสร้างรัว้ ซึง่ การไปตัดไม้มาท�าน่าจะดี
แต่พวกเราไม่มีเวลาและก�าลังคนขนาดนั้น จึงท�าได้เพียงสร้างจากสิ่งที่มี
อยู่แล้ว
ผมสัง่ ให้ทา� ลายบ้านโดยไม่ลงั เล แล้วเอาวัสดุทไี่ ด้มาสร้างเป็นรัว้
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ผมจึงให้สร้างรั้วเป็นวงกลมล้อมบริเวณ
ด้านนอกหมู่บ้านทั้งหมดเสียเลย
โดยระหว่างการท�างานดังกล่าว ผมส่งผู้ที่มีสายตาดีที่สุดในหมู่
ก็อบลินและใช้ธนูเป็นอาวุธให้ออกไปสอดแนมด้วย
ถ้าอีกฝ่ายเป็นหมาป่าก็น่าจะจมูกดี ผมส่งพวกเขาออกไปโดย
บอกด้วยว่าอย่าฝืนจนเกินเหตุ
ผมติดใจเรื่องที่พวกเขามีแววตาเหมือนเตรียมตัวเตรียมใจตาย
และแผ่บรรยากาศราวกับอยากจะพูดว่าต่อให้ตอ้ งแลกด้วยชีวติ ก็จะท�าให้
ส�าเร็จ! ออกมา แม้จะคิดว่าเป็นพวกทีโ่ อเวอร์กนั ชะมัด แต่กท็ า� ความเข้าใจ
ได้เหมือนกันว่าคงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
รั้วสร้างเสร็จในเย็นวันต่อมาหลังจากที่ผมมาที่หมู่บ้าน
จากนั้นผมจึงลงมือเก็บงาน
ใช่แล้ว ผมใช้ใยของแมงมุมยึดรั้วเพื่อเพิ่มความแข็งแรงขึ้น
และไหนๆ แล้วก็ไม่ลืมใช้ 『ใยเหล็กกล้า』 วางกับดักเป็นช่วงๆ
ด้วย ถ้ามาแตะรั้วโดยไม่รู้อะไรละก็ ได้แผลดัง ฉัวะ! แน่
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 133
แต่ถ้าการต่อสู้ครั้งนี้สิ้นสุดลงเมื่อไรคงต้องห้ามลืมเก็บแฮะ
ผมให้ท�าปากทางเข้าออกไว้ที่รั้วบริเวณด้านหน้า
พอขึง 『ใยเหนียวหนืด』 ไว้รอบบริเวณนี้เสร็จก็เป็นอันว่า
เตรียมตัวเสร็จเรียบร้อย
ที่เหลือก็เฝ้ารอให้พวกที่ไปสังเกตการณ์กลับมา
ถึงช่วงนั้น บรรดาก็อบลินที่บาดเจ็บก็ได้รับการรักษา และเริ่ม
ลืมตาตื่น ทุกตนต่างก็จับต้องตรวจตราสภาพร่างกายของตนด้วยท่าทาง
ประหลาดใจ ดูท่าว่ายาฟื้นฟูจะใช้ได้ผลเอาเรื่องเลยทีเดียว
ดูจากสภาพบาดแผลของพวกเขาแล้ว ผมคิดว่าน่าจะจ�าเป็นต้อง
ให้ยาฟื้นฟูหลายครั้งแท้ๆ ...แต่ยากลับมีประสิทธิภาพเกินกว่าที่คาด ซึ่ง
ถือเป็นการค�านวณพลาดที่น่ายินดี
จากนัน้ พวกเราก็รวบรวมเศษซากไม้ทหี่ ลงเหลืออยูไ่ ปรวมกันยัง
ต�าแหน่งอันเป็นศูนย์กลางของสถานทีท่ เี่ คยเป็นหมูบ่ า้ นแล้วก่อกองไฟ มัน
ท�าให้ผมนึกถึงแคมป์ไฟ แต่นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่จะมามัวสบายอารมณ์
อยู่ได้
พวกเราจ�าเป็นต้องมีการเฝ้ายามตลอดทั้งคืน
โดยผมบอกว่าผมจะเป็นคนเฝ้าเอง เพราะตัวผมไม่จ�าเป็นต้อง
นอน ทว่า
“ไม่ได้หรอกครับ! จะปล่อยให้ท่านริมุรุท�าหน้าที่แบบนั้นได้
อย่างไรกัน”
“ถูกต้องแล้วครับ! พวกเราจะเฝ้ายามเอง ท่านริมรุ กุ รุณาพักผ่อน
เถอะครับ!”
ปฏิกริ ยิ าตอบสนองจากรอบข้างล้วนมีแต่ ใช่แล้ว! ถูกแล้ว! อะไร
ท�านองนี้
ผมดีใจกับความรู้สึกที่มีให้หรอก แต่เจ้าพวกนี้น่าจะเหนื่อยกัน
ยิ่งกว่าผมแท้ๆ ดังนั้นเมื่อช่วยไม่ได้ ผมจึงให้จัดเวรยามแบบเป็นผลัดๆ
134
ส่วนใครที่ไม่ใช่เวรก็ให้ไปพักผ่อนเสีย
พวกที่ไปสังเกตการณ์กลับกันมาประมาณก่อนเวลาเที่ยงคืน
ข่าวที่ได้คือพวกเผ่ากาโร่เริ่มเคลื่อนไหวกันแล้ว
แม้จะบาดเจ็บกันบ้าง แต่ดูเหมือนว่าทั้งหมดจะรอดชีวิตกลับ
มาได้
ผมเคยคิดว่าก็อบลินนั้นสกปรกอัปลักษณ์ แต่ช่วง 2 วันที่ผ่าน
มาก็ท�าให้ผมเกิดความผูกพันกับพวกเขา
ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากจะจบการต่อสูล้ งโดยทีไ่ ม่มใี ครเป็นอะไร
ไปแม้แต่คนเดียว
คิดอย่างนัน้ พลาง ผมก็ขงึ 『ใยเหนียวหนืด』 ทีส่ ว่ นทางเข้าออก
เป็นการเก็บงาน

ก็นะ พวกเราเตรียมตัวกันประมาณนี้แหละ
ในเมือ่ การต่อสูเ้ ริม่ ต้นขึน้ แล้วก็ชว่ ยไม่ได้ ผมมีแต่ตอ้ งด�าเนินการ
ไปตามแผนที่วางไว้เท่านั้น
แม้จะเป็นห่วงเรื่องความแข็งแรงของรั้ว แต่มันก็ไม่พังลงกับแค่
การโจมตีของเผ่ากาโร่ แถมกับดักเองก็แสดงผลเป็นอย่างดี ท�าให้ผม
วางใจได้ในระดับหนึ่ง
เนื่องจากคาดการณ์ไว้แล้วว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้ ผมจึงให้
สร้างช่องว่างเล็กๆ ไว้ตามส่วนต่างๆ ของรั้ว มันคือช่องส�าหรับให้ทางนี้
เป็นฝ่ายโจมตีเพื่อสกัดการเคลื่อนไหวของศัตรู...
ช่องส�าหรับยิงธนูนั่นเอง
ถึงฝีมือจะห่วยแตก แต่พวกก็อบลินก็ช่วยกันยิงธนูออกไปผ่าน
ทางช่องทางเหล่านัน้ ท�าให้กาโร่หลายตัวทีถ่ กู ลูกศรปักพากันส่งเสียงร้อง
โหยหวน มีศัตรูบางหน่วยที่พยายามจะฝืนเปิดช่องยิงธนูผ่านเข้ามา แต่ก็
ถูกก็อบลินถือขวานหินซึง่ เตรียมตัวพร้อมอยูแ่ ล้วทัง้ สองข้างของช่องยิงธนู
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 135
บั่นคอไป
แม้มีเวลาฝึกซ้อมไม่ถึง 2 ชั่วโมงแต่พวกเขาก็พยายามอย่างสุด
ก�าลังที่จะเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดแล้วลงมือปฏิบัติจริง และผลจากความ
พยายามเหล่านัน้ ก็ได้รบั การตอบแทนแล้วในเวลานี้
จริงอยูว่ า่ พวกกาโร่นนั้ แข็งแกร่ง ล�าพังแค่ตวั เดียวก็คงรับมือกับ
ก็อบลินหลายตนได้
ถ้ามาเป็นฝูง พลังในการสู้รบของพวกมันก็อาจยิ่งเพิ่มสูงขึ้นไป
กันใหญ่ หากเพียงตัวเดียวก็แข็งแกร่ง ก็ใช้จา� นวนเข้ารับมือก็พอแล้ว และ
ถ้ายิ่งมาเป็นฝูงก็ยิ่งแข็งแกร่ง ก็อย่าปล่อยให้มันรวมเป็นฝูงได้ก็พอแล้ว
สรุปก็คือมีทางรับมือได้หลายอย่างแล้วแต่จะใช้สมองคิด สิ่งมีชีวิตที่
แข็งแกร่งที่สุดในโลกก็คือมนุษย์ที่มีปัญญาความรู้ไงล่ะ!
โชคไม่เข้าข้างเลยนะพวก... ผมคิดอย่างนัน้ แล้วจ้องมองบอสของ
พวกกาโร่ด้วยสายตาเย็นชา
เป็นแค่สัตว์เดรัจฉาน คิดจะเอาชนะผมคนนี้งั้นรึ... จะได้ใจมาก
ไปแล้ว

ความเป็นไปซึ่งแตกต่างจากภาพที่มันวาดไว้จนเกินไป ท�าให้
บอสของเผ่ากาโร่เริ่มลนลาน
ฝ่ายบรรดากาโร่ซึ่งอยู่ภายใต้บังคับบัญชาก็เริ่มละล้าละลัง
ขืนปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปละก็แย่แน่
เผ่ากาโร่เป็นเผ่าที่จะแสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้เมื่ออยู่เป็น
กลุม่ ก้อน ความไม่เชือ่ ถือในตัวบอสจะกลายเป็นปัจจัยทีน่ า� พาความผิดพลาด
ถึงชีวิตมาให้
บอสเข้าใจเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้มันจึงก่อความ
136
ผิดพลาดครัง้ ใหญ่ขนึ้ ทีน่ ี่ ความน่าสมเพชทีไ่ ม่สามารถท�าลายได้กระทัง่ รัว้
แค่นั้นก็น่าหงุดหงิดอยู่ แต่มันกลัวว่าความโกรธเคืองของพวกพ้องจะมุ่ง
มาหามันด้วย...
บอสคิดว่ามันจ�าเป็นจะต้องส�าแดงพลังของมันออกมาให้เห็น!
แสดงให้เห็นว่ามันเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในฝูง ล�าพังมัน
เพียงตัวเดียวก็แข็งแกร่งเกินพอ!
วินาทีนั้นเอง ที่ทุกอย่างถูกตัดสิน

ไม่มีใครละสายตาจากการเคลื่อนไหวของบอสแห่งเผ่ากาโร่
แม้กระนั้น ในสายตาของบรรดาก็อบลินในบริเวณรอบๆ คงจะ
เห็นว่าเจ้าบอสหายตัวไปกระมัง
ถึงส�าหรับผมแล้ว มันจะเป็นการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าขนาดชวน
ให้หาวนอนก็เถอะ
ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
ผมคิดสถานการณ์เอาไว้หลายแพตเทิรน์ เหมือนกัน แต่เหตุการณ์
ด�าเนินไปตามหนึ่งในจ�านวนนั้นพอดิบพอดี
ท้ายทีส่ ดุ ก็แค่สตั ว์เดรัจฉาน ไม่ใช่ศตั รูของอดีตท่านมนุษย์อย่าง
ผมหรอก
『ใยเหนียวหนืด』 ซึง่ ตรึงไว้ทบ ี่ ริเวณทางเข้าออกนัน้ พันธนาการ
ร่างของบอสเอาไว้ได้ หากเป็นพลังของบอสแห่งเผ่ากาโร่ ก็อาจจะตัด
『ใยเหนียวหนืด』 ให้ขาดได้อยู่หรอก
ผมไม่มวี ธิ กี ารทีจ่ ะตรวจสอบเรือ่ งดังกล่าว แต่เรือ่ งทีว่ า่ นีจ้ ะเป็น
อย่างไรก็ช่าง เพราะเป้าหมายของ 『ใยเหนียวหนืด』 คือการหยุด
เคลื่อนไหวของบอสให้ได้แม้เพียงเสี้ยววินาทีก็ยังดี
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 137
เพราะขืนปล่อย 『ดาบวารี』 ใส่โดยไม่หยุดการเคลือ่ นไหวก่อน
แล้วอีกฝ่ายดันหลบได้ขนึ้ มาคงดูไม่จดื เลย ทีส่ า� คัญ ถ้ายิงถูกพวกเดียวกัน
ขึ้นมาละก็ยิ่งไปกันใหญ่ เรื่องแบบนั้นจะเกิดขึ้นก็ไม่แปลก ขึ้นอยู่กับ
สถานการณ์การต่อสู้
ผมวางกับดักนี้ไว้เพราะเหตุผลดังกล่าว แต่ดูเหมือนว่าผมจะ
คิดมากไปเองแฮะ
เจ้าพวกนีไ้ ปได้ไม่ถงึ ขัน้ ท�าลายรัว้ ด้วยซ�า้ ผมคิดแผนการทีว่ า่ จะขึง
『ใยเหล็กกล้า』 ไว้ทป ี่ ากทางเข้าออกด้วยดีไหมไว้เหมือนกัน แต่เมือ่ ค�านึง
ถึงเรือ่ งทีว่ า่ อาจจัดการศัตรูได้ไม่ตายสนิทแล้ว ครัง้ นีผ้ มจึงไม่ใช้วธิ ดี งั กล่าว
ในกรณีนี้ มีความจ�าเป็นจะต้องเเสดงให้เห็นว่าผมเป็นผูแ้ ข็งแกร่ง
เหนือใคร กับดักนี้มีไว้เพื่อการนั้น
ผมใช้ 『ดาบวารี』 เล็งไปที่ช่วงคอของบอสแห่งเผ่ากาโร่โดยไม่
ลังเล
และ 『ดาบวารี』 ก็ฟันล�าคอของบอสได้โดยไม่มีพลาด
แสดงให้ทั้งหมดเห็นได้ว่าผมสังหารบอสได้อย่างง่ายดายสิ้นดี
“จงฟัง เผ่ากาโร่ทั้งหลายเอ๋ย บอสของพวกแกตายแล้ว! ฉันจะ
มอบทางเลือกให้พวกแก จะยอมจ�านน หรือว่าจะตาย!”
เอาละ เจ้าพวกนี้จะตอบอย่างไรนะ?
ขอแค่อย่าตะลุยเข้ามาแบบไม่กลัวตายเพือ่ ไว้อาลัยให้บอสเลย...
ทว่าพวกเผ่ากาโร่ไม่มีทีท่าว่าจะขยับแม้แต่น้อย
แย่แฮะ... หรือคิดจะพุง่ เข้าใส่ทางนีพ้ ร้อมกันทัง้ หมดด้วยอารมณ์
ประมาณว่าถ้าจะให้ยอมจ�านนละก็ขอตายดีกว่า! เหรอ?
ถ้าเป็นแบบนั้นก็ต้องเปิดศึกเต็มตัวละ
ในแง่ของจ�านวนแล้วทางผมเป็นฝ่ายแพ้ ดังนัน้ ทางนีเ้ องก็คงไม่
สามารถเอาชนะแบบไร้บาดแผลได้

138
จนถึงตอนนี้อุตส่าห์ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแท้ๆ... ถึงสู้อย่างไรก็
คงไม่มีแพ้หรอก แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากสู้เลยแฮะ
สายตาของพวกกาโร่ก�าลังรวมกันอยู่ที่ผมท่ามกลางความเงียบ
สงัดราวกับว่าการต่อสู้เมื่อครู่นี้เป็นเรื่องโกหก
ผมค่อยๆ ออกเดินไปท่ามกลางสายตาเหล่านั้น ผมไม่รู้ว่านี่จะ
ท�าให้พวกมันตัดสินใจอย่างไร แต่ผมจะท�าให้เจ้าพวกนี้รู้สึกถึงการตาย
ของบอสได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ไม่มีใครคิดจะท�าอันตรายผม จนกระทั่งผมไปถึงเบื้องหน้าศพ
บอสของเผ่ากาโร่
กาโร่ตัวหนึ่งซึ่งนิ่งงันอยู่ข้างกายบอส ถอยหลังไปก้าวหนึ่งเมื่อ
ผมไปถึง
แล้วผมก็กลืนกินบอสของพวกเผ่ากาโร่เข้าไป เพราะการกระท�านี้
เป็นสิทธิอันชอบธรรมของผู้ที่ชนะการต่อสู้

《วิเคราะห์เสร็จสิน
้ ได้รบั ความสามารถจÓลอง : กาโร่ ได้รบั
สกิลเฉพาะตัวของกาโร่ 『สุดยอดประสาทรับกลิน่ จิตสือ่ สาร คุกคาม』》

เสียงของ 『มหาปราชญ์』 ดังขึ้นในใจผม ดูเหมือนว่าผมจะ


ประสบความส�าเร็จในการชิงสกิลของกาโร่มา
ในขณะที่พวกกาโร่กลับไม่มีทีท่าว่าจะขยับตัวเลยแม้แต่น้อย
ทั้งที่บอสของพวกตนถูกกินเข้าไปต่อหน้าต่อตา
อืม...
ลองโดนถึงขนาดนีแ้ ล้ว ก็นา่ จะมีแค่ 2 ตัวเลือก คือกลัวจนหนีไป
หรือไม่ก็พุ่งเข้ามาโจมตีเพราะความกลัวนี่นา...
อ๊ะ! ผมพูดไปว่าจะยอมจ�านนหรือจะตายสินะ?
แย่ละ ผมอาจได้ใจมากไปจนท�าเกินเหตุก็ได้
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 139
ช่วยไม่ได้แฮะ เตรียมทางหนีไว้ให้พวกมันด้วยแล้วกัน ผมคิด
อย่างนั้นแล้วจ�าลองกายเป็นกาโร่
จากนั้นก็ท�าการ 『คุกคาม』 ด้วยเสียงค�ารามลั่น
“หึหึหึ จงฟัง! ฉันจะปล่อยพวกแกไปแค่ครั้งนี้เท่านั้น ถ้าไม่คิด
จะยอมจ�านน ก็จงไปจากที่นี่เสีย!!”
ผมประกาศแก่พวกกาโร่
เท่านี้ เจ้าหมาจรจัดพวกนี้ก็คงจะหนีไปสักที ผมคิดอย่างนั้น
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับผิดจากการคาดคะเนของผม
(พวกเราทั้งหมดจะขอติดตามรับใช้ท่านครับ!)
บรรดาเผ่ากาโร่ประกาศยอมจ�านน และหมอบราบลงกับพืน้ โดย
พร้อมเพรียง ถึงดูอย่างไรก็เหมือนหมาก�าลังนอนแหมะกับพืน้ เท่านัน้ ก็เถอะ
นะ
ดูเหมือนว่าพวกมันเลือกทีจ่ ะติดตามรับใช้ผมแฮะ ทีไ่ ม่ขยับตัวเนีย่
คือก�าลังประชุมกันด้วย 『จิตสื่อสาร』 งั้นเรอะ? เอาเถอะ ถ้าไม่จ�าเป็น
ต้องสู้กันก็ถือเป็นเรื่องดี
และแล้วการต่อสู้ที่หมู่บ้านก็อบลินก็จบลงด้วยประการฉะนี้

ก็นะ
เรือ่ งทีล่ า� บากยิง่ กว่าการต่อสู้ ก็คอื การเก็บกวาดหลังการต่อสูน้ ลี่ ะ
ใครกันฟะที่สั่งให้ท�าลายบ้าน... หลังจากนี้ไปคิดจะท�าไงหา?
ที่ส�าคัญ แล้วหลังจากคืนนี้ไปจะจัดการกับเรื่องที่นอนของพวก
ก็อบลินอย่างไรดี?
แถมใครจะเป็นคนดูแลพวกเจ้าตูบอีก...
ดูเหมือนจะมีตายไปหลายตัวก็จริง แต่กย็ งั เหลืออยูอ่ กี ถึงแปดสิบ
140
กว่าตัว
แบบนีม้ นั ... อย่างไรก็เถอะ วันนีพ้ อแค่น!ี้ เรือ่ งคิดไว้พรุง่ นีค้ อ่ ย
ว่ากัน รอให้เจ้าพวกนี้ตื่นกันแล้วค่อยคิดดีกว่า
ก่อนอื่นผมจึงสั่งให้พวกก็อบลินมานอนกันรอบๆ กองไฟ ส่วน
พวกเจ้าตูบให้พักกันรอบๆ หมู่บ้าน แล้วแยกย้ายกันก่อนแค่นั้น

เมื่อตะวันขึ้นในเช้าวันถัดมา
ผมคิดมาตลอดเมือ่ คืนวาน แล้วก็นกึ ออกในทีส่ ดุ นัน่ คือยุทธการ
ให้พวกก็อบลินดูแลพวกกาโร่! นั่นเอง
จ�านวนพวกก็อบลินทั้งหมดที่ต่อสู้ได้คือ 74 ตน โดยไม่มีใคร
ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้เมื่อวานนี้
ทุกตนปลอดภัยดี อย่างมากก็มีแค่แผลถลอกปอกเปิก
ส่วนผู้รอดชีวิตจากเผ่ากาโร่มี 81 ตัว
โดยมีบางตัวที่ได้รับบาดเจ็บด้วย แต่ผมก็ใช้ยาฟื้นฟูรักษาให้
ทันที
อันที่จริงปล่อยไว้ก็ไม่น่าจะไม่เป็นไรหรอก เพราะดูเหมือนว่า
พลังในการฟื้นตัวของพวกกาโร่จะสูงเอาเรื่องเลยทีเดียว
ผมให้พวกก็อบลินที่ตื่นกันแล้วมายืนเรียงแถว
ส่วนพวกที่ไม่สามารถต่อสู้ได้ก็ยืนจ้องมองอยู่จากบริเวณรอบๆ
อย่างไรก็ช่วยไม่ได้ที่จะดูเตะตา เพราะตอนนี้ที่นี่เป็นพื้นที่ว่างเปล่าที่ไม่มี
บ้านหรืออะไรทั้งสิ้น
ผู้ที่ยืนเตรียมพร้อมอยู่ข้างๆ ผมก็คือผู้ใหญ่บ้าน
ดูเหมือนว่าเขาจะพยายามดูแลรับใช้ผม แต่ถงึ จะมีคณ ุ ปูก่ อ็ บลิน
มาติดตามปรนนิบัติผมก็ไม่ดีใจหรอก เพราะเซนส์เรื่องความงามของผม
ยังคงเดิมเหมือนเมื่อชาติที่แล้ว
ถึงจะกลับชาติมาเกิดกลายเป็นปิศาจ แต่มแี ค่เรือ่ งนีเ้ ท่านัน้ ทีผ่ ม
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 141
ไม่ยอมยกให้ ทว่าหมู่บ้านของปิศาจไม่มีใครที่น่ารักๆ เลย ดังนั้นผมจึง
ต้องยอมแพ้ไปก่อนอีกพักใหญ่อย่างช่วยไม่ได้
จากนั้นผมก็เรียกพวกเผ่ากาโร่ให้มาอยู่ข้างๆ พวกก็อบลินที่ตั้ง
แถวกันเรียบร้อยแล้ว
“เอ่อ พวกนาย ต่อจากไปนี้ฉันจะให้พวกนายใช้ชีวิตโดยอยู่กัน
เป็นคู่นะ!”
เอ่ยแล้วผมก็แอบดูปฏิกิริยาตอบสนอง
พวกเขาก�าลังจ้องมองมาทางผมด้วยท่าทางทีแ่ สดงให้รสู้ กึ ได้วา่
ก�าลังตั้งใจรอคอยค�าพูดของผมโดยไม่ส่งเสียงเลยสักแอะ
ไม่มีใครแสดงทีท่ารังเกียจเรื่องการจับคู่แฮะ ท่าทางคงจะไม่
เป็นไร
“เข้าใจความหมายรึเปล่า ก่อนอื่นช่วยจัด 2 ตนเป็น 1 คู่ก่อน
เถอะ!”
ทันทีที่ผมบอกแบบนั้น พวกก็อบลินกับพวกกาโร่ก็ส่งสายตา
หันมองผู้ที่นั่งอยู่ข้างๆ
จากนั้นก็จับคู่เป็น1 กลุ่ม 2 ตนตามค�าสั่งอย่างว่าง่าย
“ศัตรูในวันวานคือมิตรในวันนี”้ ...ความหมายอาจจะผิดไปสักหน่อย
แต่พวกเขาคงจะยอมรับกันได้แล้วว่าเรื่องมันเป็นไปแบบนั้น
ถึงตรงนี้ผมจึงเพิ่งรู้สึกถึงเรื่องหนึ่ง เจ้าพวกนี้ไม่มีชื่อกันเลยรึ?
เวลาเรียกมันไม่สะดวกเอาเสียเลย
ขณะทีเ่ ฝ้ามองพวกก็อบลินกับพวกกาโร่ทยอยกันจับคูเ่ ป็น 2 ตน
1 กลุ่มด้วยหางตา ผมก็เอ่ยว่า
“ผูใ้ หญ่บา้ น เวลาเรียกพวกนายเนีย่ มันไม่สะดวกเอาซะเลย ฉัน
เลยคิดว่าจะตั้งชื่อให้พวกนายดีไหม?”
ทันทีทผี่ มเอ่ยอย่างนั้น ก็เกิดเสียงฮือฮาดัง แซ่ด! พร้อมกันนัน้
ทุกสายตาในบริเวณรอบๆ ก็หันมารวมกันที่ผม
142
กระทั่งก็อบลินที่ไม่ใช่ก�าลังรบซึ่งก�าลังเฝ้ามองอยู่รอบๆ ก็หัน
สายตาที่แสดงความตกใจมาทางผมโดยพร้อมเพรียง
“จะ จะดี... หรือครับ?”
ผู้ใหญ่บ้านเอ่ยถามด้วยท่าทางเหมือนหวาดๆ
อะไรหว่า? ตื่นเต้นอะไรกัน?
“อะ อื้อ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรละก็ ฉันคิดว่าจะตั้งชื่อให้พวกนาย
น่ะ”
ทันทีที่ผมเอ่ยจบ พวกก็อบลินที่พากันเหลือบมองมาทางผม
ด้วยท่าทางเหมือนกลืนน�้าลายไม่ลงก็พากันส่งเสียงเฮลั่น
มันอะไรกันแน่เนี่ย?
ท่าทางเหมือนก�าลัง ตื่น • เต้น • สุดๆ • เลย! แฮะ...
ถ้าได้ชื่อแล้วดีใจขนาดนั้นละก็ ตั้งกันเองก็ได้แท้ๆ
ในตอนนั้น ผมคิดแค่ง่ายๆ สบายอารมณ์แบบนั้น

ก่อนอื่นก็ต้องเริ่มจากผู้ใหญ่บ้านเป็นคนแรก
ผมลองถามชือ่ ทีล่ กู ชายของเขาเคยถูกตัง้ ดู ก็ได้ความว่าดูเหมือน
จะชือ่ “ริกรุ ”ุ ผมเลยตัง้ ชือ่ ให้ผใู้ หญ่บา้ นว่า “ริกรุ +ุ โด” = ริกรุ โุ ด ชือ่ นีไ้ ม่มี
ความหมายอะไร ผมตัง้ แบบขอไปทีประมาณว่าเสียงมันคล้องกันดีเท่านัน้
พอผมพูดแบบล้อเล่นว่าถ้ามีลูกชายก็ให้ตั้งชื่อว่าริกุรุ แล้วเติม
“โด” ให้ตัวเองซะ! อีกฝ่ายก็กลับรับไปจริงๆ แบบเป็นจริงเป็นจัง ยิ่งไป
กว่านั้นยัง
“ถึงกับกรุณาให้บตุ รชายของข้าสืบทอดชือ่ นัน้ ด้วย ข้าซาบซึง้ จน
กลั้นน�้าตาไม่อยู่แล้วครับ!”
ดีใจจนโอเวอร์เลยอีกต่างหาก
ทั้งที่ผมแค่ตั้งแบบขอไปทีสุดๆ แท้ๆ เล่นเอารู้สึกผิดขึ้นมา
นิดหน่อยเลย...
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 143
แต่ก็เอาเถอะ! ผมเลือกที่จะปล่อยเลยตามเลย
ด้วยเหตุนี้เอง ชื่อของก็อบลินลีดเดอร์จึงเป็นริกุรุ ซึ่งจะเติมค�า
ว่ารุ่นที่ 2 ลงไปมันก็มีแต่จะยุ่งยากขึ้น ดังนั้นเป็นริกุรุไปนั่นแหละ แถม
เจ้าตัวยังประทับใจค้างอยู่ในท่าที่เหมือนสวดภาวนากับผมอีกต่างหาก
เป็นพ่อลูกที่โอเวอร์เหมือนกันจริงๆ
จากนั้ น ผมก็ ตั้ ง ชื่ อ ให้ พ วกก็ อ บลิ น ไปเรื่ อ ยๆ ด้ ว ยอารมณ์
ประมาณนี้ และไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ในบรรดาพวกที่คอยดูอยู่ใกล้ๆ กัน
ถ้าเป็นครอบครัวเดียวกันก็ให้กา� หนดชือ่ ให้คล้องกัน และตัง้ ชือ่ ให้กบั พวก
ที่เป็นโสดกับเด็กก�าพร้าด้วย
หลังจากนี้ไป เจ้าพวกนี้ก็จะสืบทอดชื่อพวกนี้ต่อไปเรื่อยๆ อีก
หลายต่อหลายปีอย่างนั้นรึ...?
ถ้ามีหลานเกิดมา ผู้ใหญ่บ้านก็จะชื่อ “ริกุรุ โดโด” หรือถ้ามี
เหลนเกิดมาอีก เหลนก็จะชื่อ “ริกุรุ” ในขณะที่ชื่อของผู้ใหญ่บ้านจะเป็น
“ริกุรุ โดโดโด” ...เป็นความขอไปทีแบบสมควรจะโดนถามว่า นี่เอาจริง
เหรอ? ...แต่เอาเถอะ คงไม่เป็นไรมั้ง
และแล้วผมก็ตั้งชื่อไปเรื่อยๆ ด้วยอารมณ์ประมาณนี้
ระหว่างนั้น
“ท่านริมุรุ... คือว่าเป็นพระคุณอย่างยิ่งจริงๆ ครับ... แต่ว่า มัน
จะดีหรือครับ?”
ผู้ใหญ่บ้าน หรือริกุรุโด ก็เข้ามาถามผมด้วยท่าทางลนลานนิดๆ
“เรื่องอะไรเรอะ?”
“เปล่าหรอกครับ คือพวกเราทราบอยู่แล้วว่าพลังเวทของท่าน
นัน้ ยิง่ ใหญ่เพียงไร... แต่เอ่อ คือว่ามอบชือ่ ให้พวกเรารวดเดียวแบบนีเ้ ลย...
มันจะไม่เป็นไรหรือครับ?”
พูดอะไรหว่า? กะอีกแค่ตั้งชื่อ มันจะมีอะไรนักหนา...?
“อื้อ? ก็นะ คงไม่มีปัญหาหรอก”
144
ผมบอกแล้วด�าเนินการตั้งชื่อต่อไป
ถ้าท่านว่าอย่างนั้นละก็... ริกุรุโดยังมีท่าทางเหมือนอยากจะพูด
อะไร แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอีกต่อไป
และเมื่อการตั้งชื่อให้ก็อบลินเสร็จสิ้น ก็ถึงตาของเผ่ากาโร่

ผู้น�าใหม่ของเผ่ากาโร่คือบุตรชายของบอสรุ่นก่อน
ร่างกายนัน้ ก�าย�าเหมือนผูเ้ ป็นพ่อ และยังดูภมู ฐิ านอีกด้วย
ผมคิดชื่อพลางจ้องมองนัยน์ตาสีทองนั้น
ใช่แล้ว! เขี้ยววายุ “รันก้า” เอาชื่อนี้แหละ! ผมก�าหนดชื่อแบบ
เล่นง่ายอีกครั้ง
นามสกุลของผมเองก็เป็นพายุ เพราะฉะนั้นจึงให้เป็นเขี้ยววายุ
ในฐานะเขี้ยวของผม
ก็นะ เรื่องตั้งชื่อน่ะตั้งๆ มันไปเถอะ อย่างไรผมก็ไม่ค่อยมีเซนส์
กับเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว
ทว่าวินาทีทผี่ มตัง้ ชือ่ ให้ “รันก้า” ผมก็รสู้ กึ เหมือนกับว่าแก่นเวท
ได้หลุดหายออกไปจากภายในร่างกายของผมจนเกลี้ยง
ความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงอย่างมหาศาลเข้าจู่โจมผม!
นี.่ .. มัน อะไรเนีย่ ? ความรูส้ กึ เหนือ่ ยล้าทีไ่ ม่เคยรูส้ กึ อีกเลยหลัง
จากที่กลับชาติมาเกิดใหม่นี่

《รายงาน ขณะนี้ปริมาณแก่นเวทที่เหลือในร่างกายได้ลดลง
จนถึงระดับที่กÓหนดแล้ว จะทÓการเปลี่ยนเข้าสู่สลีปโหมด ทั้งนี้เวลา
ที่คาดว่าจะฟื้นฟูได้สมบูรณ์ คืออีก 3 วันให้หลัง》

ผมยังมีสติสัมปชัญญะอยู่
เพราะผมไม่จ�าเป็นต้องนอนหลับ
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 145
เสียงของ 『มหาปราชญ์』 ผมก็ยังคงได้ยิน แล้วความเข้าใจก็
ค่อยๆ ซึมซับเข้าสู่หัวใจของผม
ผมใช้แก่นเวทมากเกินไป... งัน้ เหรอ? อาการเหมือนการใช้ MP
จนหมดน่ะเหรอ
แต่ ว ่ า ผมไปท� า อะไรที่ เ ป็ น การท� า ให้ แ ก่ น เวทลดลงล่ ะ เนี่ ย ?
ประมาณว่าความเหนือ่ ยล้าทีส่ ะสมตลอดมามันออกอาการทีเดียวงัน้ เหรอ?
แต่คิดดูแล้ว มันก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกแบบนั้นแฮะ...
แม้จะลองพยายามขยับตัว แต่ก็ขยับไม่ได้
ดู เ หมื อ นว่ า สลี ป โหมดนั้ น จะมี อ ารมณ์ เ หมื อ นกั บ การจ�า ศี ล
หน้าหนาว ถึงไม่ได้หลับ แต่ก็ขยับตัวไม่ได้
ริกุรุโดลนลานรีบเข้ามาประคองร่างของผม
แต่ถงึ กระนัน้ ก็ไม่สามารถท�าอะไรได้ จึงได้แต่จบั ให้ผมนัง่ อยูบ่ น
ที่นั่งยกระดับซึ่งสร้างไว้ข้างกองไฟเท่านั้น
ถึงจะมีสติสัมปชัญญะ แต่ผมก็ท�าอะไรไม่ได้สักอย่าง

ผมคิดค�านึงถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
ท�าไมพอตั้งชื่อแล้วถึงเกิดภาวะขาดแคลนแก่นเวท?
หรือว่าการตั้งชื่อจะท�าให้แก่นเวทลดลง?
จะว่าไปแล้ว... วินาทีที่ตั้งชื่อให้ลีดเดอร์ของเผ่ากาโร่ ผมรู้สึก
เหมือนกับว่าแก่นเวทจ�านวนมากหลุดออกไปจากร่างกาย...
แม้จะเป็นเพียงสมมุติฐาน แต่เรื่องที่ว่าหากตั้งชื่อให้ปิศาจจะ
ท�าให้สูญเสียแก่นเวทนั้น คงไม่ผิดแน่แล้ว
กว่าที่ผมจะได้ข้อสรุปนี้ออกมาก็ใช้เวลาไปถึง 2 วัน
พอคิดได้อย่างนั้น ผมก็นึกถึงเหตุผลที่ริกุรุโดมีท่าทีเป็นห่วงขึ้น
มาได้
เดีย๋ วก่อนนะ... หรือว่าเรือ่ งนีถ้ อื เป็นสามัญส�านึกส�าหรับปิศาจ?
146
แม้จะคิดว่า ก็รีบบอกเซ่!! อยู่เหมือนกันแต่คนที่เขาเตือนแล้ว
ไม่ฟังก็คือตัวผมเอง
ถ้าบ่นอะไรเรื่องนี้ก็เท่ากับเป็นการพาล แต่ถ้าร่างกายขยับได้
อย่างอิสระ ผมคงจะบ่นออกไปแน่ๆ
พาล? พาลก็พาลสิ ผมไม่รู้ด้วยหรอก
ทว่าตอนแรก พวกก็อบลินเพียงแค่เป็นห่วงที่ผมหยุดการ
เคลื่อนไหวเท่านั้น...
แต่ไม่ทราบว่าตัง้ แต่เมือ่ ไร ทีเ่ ริม่ เกิดการทะเลาะวิวาทกันใหญ่โต
ว่าใครจะได้เป็นคนท�าหน้าที่เช็ดตัวให้ผม
ท�าอะไรกันล่ะเนี่ย นี่ไม่ได้ล้อเล่นนะ จะให้มีฮาเร็มแบบนี้น่ะขอ
ทีเถอะ
จะว่าไงดี... ผมรู้สึกเหมือนถูกปฏิบัติด้วยอย่างกับเป็นของ
ตั้งโชว์ที่ถ้าลูบแล้วจะได้โชคลาภอะไรท�านองนั้นเลย
และแล้ว เวลา 3 วันก็ผ่านไป

ฟื้น ตัว สม บูรณ์ แบบ!

แม้จะเกิดอาการแก่นเวทแห้งเหือด แต่เรากลับรู้สึกว่าพลังเวท
กับแก่นเวทโดยรวมของเราเพิ่มสูงขึ้นแฮะ
พลังเวท คือพลังในการควบคุม
แก่นเวท คือต้นก�าเนิดของพลังงานที่ใช้
คิดแบบนี้ น่าจะใกล้เคียงมากแล้วละ
เพราะเกือบตายมาก็เลยแข็งแกร่งขึ้น! ประมาณนั้นเหรอ?
วินาทีหนึ่ง ผมคิดว่าลองดูดีไหม? แต่ก็อย่าดีกว่า
ผมไม่รู้สึกว่าตัวเองต้องลงทุนท�าถึงขนาดนั้น แถมถ้าตั้งใจแค่
เกือบตายแต่ดันตายจริงขึ้นมาก็คงข�าไม่ออก
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 147
เพราะผมเป็นชายที่มักจะก้าวข้ามอะไรเลยเถิดไประดับหนึ่ง
เสมอๆ ดังนั้นถ้าประมาทละก็ได้เดี้ยงแน่
เอาละ
เมือ่ รูส้ กึ ว่าผมตืน่ ขึน้ แล้ว บรรดาก็อบลินทีท่ า� งานอยูก่ ม็ ารวมกัน
ส่วนพวกกาโร่ที่ออกไปอยู่ด้านนอกก็พากันเข้ามาด้านในด้วย
เรื่องนั้นน่ะไม่มีปัญหาหรอก แต่ว่า นี่มันอะไรกัน...
“พวกนาย... ดูตัวโต ขึ้นรึเปล่า?”
ใช่แล้ว
ก็อบลินจะมีส่วนสูงอยู่ที่ประมาณ 150 เซนติเมตรแท้ๆ ทว่า
ตอนนี้พวกเขามีส่วนสูงประมาณ 180 เซนติเมตรได้
อย่างตนทีม่ ายืนสงบอยูต่ รงหน้าผมนีน่ า่ จะสูงกว่า 2 เมตรด้วยซ�า้
เอ๋? ก็อบลิน... สินะ?
ส่วนพวกกาโร่เอง ขนทีเ่ คยเป็นสีนา�้ ตาลไหม้กเ็ ปลีย่ นกลายเป็น
สีด�าสนิททอประกายวาววับชวนให้หลงใหล
แถมยังดูจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นเท่าตัว บางตัวมีความยาวล�าตัว
เกือบ 3 เมตรด้วยซ�า้ ถ้าจ�าไม่ผดิ พวกมันน่าจะมีขนาดแค่ประมาณ 2 เมตร
เท่านั้นนี่นา...
และทีด่ งึ ดูดสายตาเป็นพิเศษ ก็คอื เจ้าตัวทีเ่ ดินน�าหน้าเข้ามาใกล้
อย่างไร้สุ้มเสียง
ล�าตัวของมันมีความยาวน่าจะเกือบร่วม 5 เมตร ทั้งยังมีออร่า
กับท่วงท่าทีผ่ ดิ แปลกจากตัวอืน่ ๆ ร่างใหญ่ยกั ษ์ซงึ่ ใหญ่โตยิง่ กว่าบอสของ
เผ่ากาโร่ที่ผมล้มไปเล็กน้อยนั้น มีความน่าเกรงขามในฐานะปิศาจชั้นสูง
ปกคลุมอยู่อย่างเห็นได้ชัด
ส่วนหน้าผากยังมีแผลเป็นรูปดาวอันเป็นเอกลักษณ์ และมีเขา
ที่สวยงามงอกออกมาจากต�าแหน่งนั้นเขาหนึ่งด้วย
ดูน่ากลัวนิดๆ แฮะ
148
ทว่าเจ้าตัวที่ท่าทางอันตรายนั่นกลับ
“นายท่านของข้า! ข้ายินดีจากใจจริงๆ ที่ท่านฟื้นกลับคืนขึ้น
อย่างสมบูรณ์!!”
เอ่ยแบบนั้นด้วยภาษามนุษย์ที่คล่องแคล่ว
ไม่จริงน่า... เจ้านี่ “รันก้า” งั้นเหรอ!?
ช่วง 3 วันมานี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ทว่าเหล่าปิศาจทั้งหลายก็พากันโห่ร้องแสดงความยินดี โดยไม่
สนใจไยดีความละล้าละลังของผมแม้แต่น้อย

อืม...
พวกปิศาจเติบโตขึ้นเป็นในช่วงเวลา 3 วันนี้
น่าตกใจจริงๆ
แบบนี้มัน ใช่แล้ว... มันอยู่ในระดับวิวัฒนาการแล้วละ
การตั้งชื่อให้ คือการกระท�าที่จะช่วยเร่งวิวัฒนาการของพวก
ปิศาจอย่างนั้นเหรอ?
จะว่าไปแล้ว เวลโดร่าก็เคยพูดเรือ่ งการให้ชอื่ โน่นนีอ่ ะไรสักอย่าง
นี่นะ...
ถ้าจ�าไม่ผิด เห็นว่าจะมีปิศาจประเภท “เนมเลส” กับ “เนมด์-
มอนสเตอร์” อยู่อะไรท�านองนั้น
งัน้ เหรอ! ส�าหรับปิศาจแล้ว การได้รบั ชือ่ ก็ = การได้เป็น “เนมด์-
มอนสเตอร์” ซึ่งจะกลายเป็นการยกระดับในฐานะปิศาจและผลลัพธ์ที่ได้
ก็คือช่วยเร่งวิวัฒนาการ
อย่างนี้นี่เอง... เพราะฉะนั้นเจ้าพวกนี้ก็เลยดีใจกันยกใหญ่สินะ
เท่านี้ก็ชัดเจนแล้วว่าอะไรคือสาเหตุที่ท�าให้แก่นเวทของผมถูก
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 149
สูบไปจนเกลี้ยง

การวิวัฒนาการของปิศาจนั้นสุดยอดมาก
แทนที่จะบอกว่าเติบโตขึ้น เรียกว่ากลายเป็นปิศาจชนิดอื่นไป
แล้วน่าจะถูกกว่า
ดวงตาทีข่ นุ่ มัวของพวกก็อบลินกลับทอประกายสดใสปิง๊ ๆ และ
แผ่แววแห่งปัญญาออกมา
ฝ่ายก็อบลินตัวเมียนัน้ ... อะไรกัน! ดูคล้ายผูห้ ญิงขึน้ พอสมควรเลย
ผมตกใจเสียจนส่งเสียงไม่ออก
เอ๋? ...เอ๋!?
ตกใจขนาดต้องหันมอง 2 รอบเลยละ
ทั้งที่เคยเป็นปิศาจที่ดูคล้ายกับยักษ์ตัวเล็กๆ และใกล้เคียงกับ
ลิงแท้ๆ
ก็อบลินตัวผู้กลายเป็น “ฮ็อบก็อบลิน”
ก็อบลินตัวเมียกลายเป็น “ก็อบลิน่า”
แต่ละเพศต่างก็วิวัฒนาการขึ้นเป็นเผ่าพันธุ์ดังกล่าว
เท่าทีไ่ ด้ฟงั จากริกรุ โุ ด เห็นว่าพวกเขาได้ยนิ “วจนะแห่งโลก” ด้วย
และดูเหมือนว่าผู้ที่วิวัฒนาการขึ้นจะได้ยินกันทั้งหมด ซึ่งถือว่า
เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก! ริกุรุโดเล่าด้วยท่าทางตื่นเต้น
ทว่า แบบนี้มันแย่สุดๆ เลย
นั่นคือบรรดาก็อบลินตัวเมียที่ห่อหุ้มทั้งตัวด้วยผ้าโทรมๆ ...คง
เพราะวิวฒ ั นาการขึน้ ละมัง้ ส่วนทีค่ วรนูนมันก็เลยนูนออกมา ดูแล้วมีเสน่ห์
ชะมัด
แบบนี้จะมัวดูถูกว่าเป็นก็อบลินตัวเมียไม่ได้แล้ว
ส่วนบรรดาพวกตัวผู้ก็ดูท่าทางดีใจสุดๆ เมื่อได้เห็นแบบนั้น
ทั้งที่พวกเอ็งก็มีแต่ผ้าพันเอวไว้อย่างเดียวแท้ๆ...
150
เสื้อผ้า อาหาร ที่อยู่ ก่อนอื่นดูท่าว่าผมจะต้องหาทางท�าอะไร
สักอย่างกับเสื้อผ้าซึ่งเป็นอย่างแรกเสียแล้ว

แล้วสิ่งที่เป็นปัญหาต่างหากจากเรื่องนี้ก็คือ “รันก้า”
ไม่รวู้ า่ มันดีใจมากทีผ่ มหายดีหรืออย่างไร ถึงได้คอยติดตามเกาะ
ผมไม่ยอมห่าง
ส�าหรับคนที่ชอบสัมผัสขนนุ่มๆ คงจะเป็นอะไรที่สุดยอด แต่ถ้า
ถามว่าผมอยู่ฝั่งไหนละก็ ผมเป็นพวกชอบแมวมากกว่า
แต่ก็นะ ผมไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก
“ว่าแต่ รันก้า... ฉันน่าจะตัง้ ชือ่ ให้นายแค่ตวั เดียวแท้ๆ แล้วท�าไม
พวกกาโร่ทุกตัวถึงได้วิวัฒนาการกันหมดเลยล่ะ?”
ใช่แล้ว ผมมีอาการขาดแก่นเวทในตอนที่ตั้งชื่อให้รันก้านี่นา...
“นายท่านของข้าเอ๋ย! พวกเราเผ่ากาโร่นั้นถือว่า ‘ทั้งหมดคือ
หนึ่งเดียว’ พวกพ้องทั้งหลายล้วนแล้วแต่เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน ดังนั้น
นามของข้าจึงกลายเป็นนามของเผ่าพันธุ์ครับ!”
อืม อืม
เผ่าทั้งเผ่าวิวัฒนาการขึ้นในฐานะที่ใช้ชื่อร่วมกันงั้นหรือ
จากทีร่ นั ก้าเล่า เห็นว่าบอสรุน่ ก่อนนัน้ ไม่ได้เชือ่ ในค�าว่า “ทัง้ หมด
คือหนึ่งเดียว” อย่างสนิทใจ
ถ้าหากว่าบอสเชือ่ อย่างสนิทใจละก็ การต่อสูใ้ นวันนัน้ อาจแตกต่าง
ออกไปอีกสักนิดก็เป็นได้
ซึง่ ส�าหรับเรือ่ งนี้ รันก้าปกครองพวกพ้องทัง้ หมดได้อย่างสมบูรณ์
ด้วยเหตุนพี้ วกมันจึงเปลีย่ นจากเผ่ากาโร่เป็นเผ่าเทมเพสต์วลู ฟ์ (หมาป่าวายุ-
ทมิฬ) หรือก็คือวิวัฒนาการเผ่าพันธุ์ได้ส�าเร็จ
ก็นะ สรุปแล้วมันคงอยากจะบอกว่า พวกมันแข็งแกร่งขึน้ แล้วนะ!
ละมั้ง
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 151
และท่าทางเหมือนมันอยากจะให้ผมชมเอามากๆ ผมก็เลยเอ่ยว่า
“ดีจังเลยเนอะ!”
ทันทีทไี่ ด้ยนิ รันก้าก็สะบัดหางเร็วรัวจนเหมือนหางจะหลุด เรียก
ว่ามีความน่ารักไม่สมกับร่างขนาดใหญ่ยักษ์เอาเสียเลย
ทว่าเมือ่ หมาป่าทีม่ ขี นาดใหญ่รว่ ม 5 เมตรอย่างกับสัตว์ประหลาด
สะบัดหางแบบนั้น ก็ก่อให้เกิดลมจนผมแทบจะถูกแรงอัดพัดกระเด็น
“รู้ตัวมั่งว่าสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น!”
และพอผมบอกอย่างงัน้ พลางจ้องเขม็ง รันก้าก็เซือ่ งซึมจนดูนา่ ข�า
แถมขนาดร่างกายยังเล็กลงจนเหลือยาวประมาณ 3 เมตรอีก ดูเหมือน
ว่ามันจะปรับขนาดร่างกายได้ตามใจชอบแฮะ
ผมประทับใจกับความสะดวกสบายนั้น และออกค�าสั่งให้รันก้า
อยู่ในร่างแบบนี้ยามเวลาปกติ

ทว่าปัญหาก็คือ ผมจะเลี้ยงเจ้าพวกนี้ไว้ที่ไหนดี
ดูเหมือนว่าหมาป่ากับฮ็อบก็อบลินทีจ่ บั คูก่ นั จะนอนหลับพักผ่อน
ด้วยกัน... ว่ากันตามจริงก็คอื เพราะไม่มบี า้ นแล้ว ก็เลยอาศัยขนของหมาป่า
แทนผ้าห่ม เรือ่ งเสือ้ ผ้านัน้ เป็นปัญหา แต่เรือ่ งบ้านเองก็เป็นปัญหาเหมือนกัน
เอาละ จะท�าไงดีนะ

เบื้องหน้าสายตาผม มีอาหารถูกกองซ้อนทับกันราวกับภูเขา
มันคือค�าตอบทีม่ ตี อ่ ค�าถามของผมในเรือ่ งสภาวะอาหารการกิน
จาก 3 เรื่องส�าคัญคือเสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย และอาหาร
ดูเหมือนว่าเวลาเดียวกับทีผ่ มใช้แก่นเวทจนหมด การวิวฒั นาการ
ของทุกตนก็เริ่มต้นขึ้น
152
วิวัฒนาการเสร็จสิ้นภายใน 1 วัน ทุกตนเลยสรุปกันว่ารวบงาน
ฉลองหลังการต่อสู้และความยินดีในครั้งนี้มาจัดพร้อมกันเลยดีกว่า!
ทว่ายังไม่มกี ารอนุญาตให้จดั งานเลีย้ งเนือ่ งจากผมยังฟืน้ ฟูรา่ งกาย
ไม่เสร็จ เลยเอาเป็นว่าไปรวบรวมแค่เสบียงอาหารมาเสียก่อนแล้วกัน
ระหว่างที่ผมก�าลังอยู่ในสภาวะขาดแก่นเวท ผมรู้สึกได้ว่ามีการ
ทะเลาะกันเพือ่ แย่งต�าแหน่งคนท�าหน้าทีเ่ ช็ดตัวให้ผม แต่ไม่สามารถสัมผัส
ได้วา่ มีการวิวฒ ั นาการเผ่าพันธุห์ รือการรวบรวมเสบียงอาหารด้วย ดูเหมือน
ว่าเวลาอยูใ่ นสลีปโหมดผมจะไร้การป้องกันตัวอย่างยิง่ ดังนัน้ หลังจากนี้
คงจะต้องระมัดระวังเสียแล้ว
ทว่าการที่มีความคิดท�าเรื่องที่ท�าได้โดยไม่ต้องรอให้ผมสั่งนั้น
เรียกว่าน่าชื่นชมทีเดียว ดูท่าว่าการวิวัฒนาการจะท�าให้ความฉลาดของ
พวกเขาสูงขึน้ มากด้วย เป็นไปได้วา่ ความรูส้ กึ นึกคิดอาจได้รบั ผลกระทบจาก
วิวัฒนาการยิ่งกว่าร่างเนื้อเสียด้วยซ�้า
ส่วนในด้านของอาหารการกิน เห็นว่าก่อนจะมีววิ ฒ ั นาการ พวก
ก็อบลินใช้ชวี ติ โดยการเก็บผลหมากรากไม้หรือไม่กล็ า่ ปิศาจกับสัตว์ทกี่ นิ ได้
เป็นอาหาร
แต่ปัจจุบัน เพราะพวกเขากับเทมเพสต์วูล์ฟเคลื่อนไหวไปไหน
มาไหนด้วยกัน ก็เลยท�าให้ขอบเขตในการเคลื่อนที่กว้างขวางขึ้นมาก
ทีน่ า่ ตกใจคือ เห็นว่าบรรดาผูท้ จี่ บั คูก่ นั จะใช้สกิล 『จิตสือ่ สาร』
ระหว่างกันและกันได้ด้วย
เหล่าก็อบลินที่ขี่หมาป่าได้เก่งกาจยิ่งกว่าอัศวินขี่ม้า
ถึงตอนนี้ ผมอาจจะบอกเล่าถึงก�าลังรบด้วยการค�านวณบวกเลข
แบบง่ายๆ ไม่ได้แล้วก็เป็นได้ ดูเหมือนว่ากระทั่งปิศาจซึ่งที่ผ่านมาไม่เคย
เอาชนะได้กล็ า่ ได้อย่างง่ายดายเลยด้วย ดังนัน้ ช่วง 2 วันมานีก้ เ็ ลยรวบรวม
เสบียงอาหารได้มากมายอย่างที่ไม่เคยท�าได้มาก่อน
แต่ว่านะ
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 153
การใช้ชวี ติ โดยอาศัยเพียงความอุดมสมบูรณ์ของป่าอย่างเดียวนัน้
หากว่าเกิดอะไรขึ้นมาก็อาจตกที่นั่งล�าบากได้ ผมจึงคิดจะสอนการท�าไร่
ไถนาให้พวกเขา เพราะการหาทรัพยากรอาหารได้อย่างเสถียรภาพ ถือ
เป็นพื้นฐานของการมีชีวิตที่เป็นสุขด้วยน่ะนะ
ถึงกว่าจะหาผลผลิตทีเ่ หมาะสมกับการท�าไร่และต้นกล้าส�าหรับ
ปลูกเป็นข้าวได้ จะจ�าเป็นต้องเริม่ ต้นตัง้ แต่การส�ารวจว่ามีเมล็ดพันธุห์ รือไม่
ก็เถอะ... ถือเสียว่าเป็นการบ้านหลังจากนี้ไปแล้วกัน
วันนี้ขอสนุกกับงานเลี้ยงโดยไม่ต้องคิดอะไรดีกว่า
และในวันนัน้ งานเลีย้ งเพือ่ ฉลองการวิวฒ ั นาการ ฉลองการสิน้ สุด
การต่อสู้ และฉลองการฟื้นตัวของผม ก็ด�าเนินไปจนถึงดึกดื่นค�่าคืน

วันนี้อากาศแจ่มใส
ผมจึงรวบรวมทุกคนมาอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
แม้หลังจากนี้จะยังมีการบ้านสุมอีกเป็นกองภูเขา แต่ผมจ�าเป็น
จะต้องบอกเรื่องที่ส�าคัญที่สุดกับพวกเขาเสียก่อน
นั่นก็คือกติกาส�าหรับการใช้ชีวิตในหมู่บ้านนี้!
เรือ่ งแบบนีม้ คี วามจ�าเป็นจะต้องก�าหนดให้เรียบร้อยตัง้ แต่เริม่ แรก
กฎกติกาคือสิ่งที่จะขาดไปเสียไม่ได้ในการใช้ชีวิตเป็นหมู่คณะ
นั่นคือความรู้สึกซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาส�าหรับคนญี่ปุ่น
“กติกาไม่ได้มีไว้เพื่อรักษา แต่มีไว้เพื่อถูกรักษาต่างหาก!”
มีผู้ใหญ่ที่พูดอะไรเล่นๆ แบบนั้นอยู่เหมือนกัน (เช่นตัวผมเป็น
หลัก) แต่จะปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้!
ก่อนอื่นผมคิดพื้นฐานเอาไว้เพียง 3 ข้อ
อย่างน้อยที่สุดผมอยากจะให้พวกเขารักษา 3 ข้อนี้ให้ได้
ส่วนกฎแยกย่อยอื่นๆ นั้นผมมีก�าหนดการจะโยนให้คนอื่นไป
จัดการให้หมด
154
“มารวมกันแล้วสินะ? ถ้างัน้ ฉันจะประกาศกฎกติกาละ! กฏของ
เรามีอยู่ 3 ข้อ อย่างน้อยที่สุดฉันอยากให้ทุกคนรักษา 3 ข้อนี้ให้ได้”
เอ่ยเช่นนั้นแล้ว ผมก็ประกาศกฎทั้ง 3 ข้อออกไป
หนึ่ง ห้ามท�าร้ายมนุษย์
สอง ห้ามวิวาทกันระหว่างพวกพ้อง
สาม ห้ามดูถูกเผ่าพันธุ์อื่น
มีอยู่ 3 ข้อนี้
พอคิดอะไรมากเกินไปเข้าก็มเี รือ่ งทีอ่ ยากให้รกั ษามากขึน้ เรือ่ ยๆ
แต่ผมไม่คิดหรอกว่าพวกเขาจะท�าได้ตั้งแต่แรก ดังนั้นผมจึงลองหยิบยก
เรื่องที่คิดว่าส�าคัญขึ้นมาก่อน เอาละ ปฏิกิริยาจะเป็นอย่างไรนะ?
“ขอถามได้ไหมครับ! ท�าไมเราจึงต้องห้ามท�าร้ายมนุษย์ละ่ ครับ?”
ริกุรุตั้งค�าถามขึ้น
ทันใดนั้นเองริกุรุโดก็ตีหน้ายักษ์จ้องมองลูกชายเขม็ง คงเพราะ
เห็นว่าเป็นการกระท�าที่ขัดกับความต้องการของผมละมั้ง?
คุยกับผมแบบสบายๆ มากกว่านี้ก็ได้แท้ๆ เลยน้า
“เหตุผลง่ายมาก เพราะฉันชอบมนุษย์ยังไงล่ะ! เท่านั้นแหละ”
“อย่างนี้นี่เอง! เข้าใจแล้วครับ!”
เอ๋ เข้าใจ... ซะแล้วเหรอ? ไม่มั้งๆ อะไรมันจะง่ายปานนั้น?
ทว่าเท่าทีห่ นั มองดูหน้าทุกคน ก็ไม่พบว่ามีใครท�าท่าทางไม่พอใจ
นึกว่าจะมีการโต้แย้งมากกว่านีแ้ ท้ๆ เล่นเอาหน้าหงายเลยแฮะแบบนี้
“เอ่อ คือว่านะ พวกมนุษย์น่ะเขาใช้ชีวิตกันเป็นกลุ่ม บางกรณี
ถ้าเราไปท�าอะไรเข้า ก็อาจจะโดนโต้ตอบอย่างแรงได้ แล้วถ้าโดนเอาจริง
ขึน้ มา พวกเราก็สไู้ ม่ไหวใช่ไหมล่ะ ดังนัน้ ฉันถึงห้ามไม่ให้พวกเราเป็นฝ่าย
ลงมือก่อน ที่ส�าคัญ ดีกันไว้มันจะได้ประโยชน์มากกว่าด้วยน่ะนะ...”
เนื่องจากช่วยไม่ได้ ผมจึงร่ายข้ออ้างที่เตรียมไว้แต่แรกให้พวก
เขาฟัง
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 155
ไม่ตอ้ งบอกก็คงรูเ้ นอะว่าใจจริงแล้วก็คอื ผมชอบมนุษย์! นัน่ แหละ
เพราะอย่างไรผมก็เป็นอดีตมนุษย์นี่นา
พอผมอธิบายออกไปแบบนัน้ รันก้าก็พยักหน้าหนักๆ ดูทา่ ทาง
เหมือนจะมีความอะไรในใจอยู่แฮะ
ตัวรันก้าเองก็อาจมีเหตุผลเกี่ยวกับเรื่องที่ว่าไม่ใช่เรื่องดีหาก
ลงมือกับพวกมนุษย์อยู่ละมั้ง
ส่วนพวกฮ็อบก็อบลินก็มสี หี น้าว่าเข้าใจยิง่ ขึน้ อีก! ดังนัน้ ก็ถอื ว่า
โอเคแหละ
“มีค�าถามอื่นอีกรึเปล่า?”
“ที่ว่าห้ามดูถูกเผ่าพันธุ์อื่นนี่... หมายความว่ายังไงหรือครับ?”
“ก็พวกนายวิวฒ ั นาการจนแกร่งขึน้ แล้วใช่ไหมล่ะ? ฉันหมายความ
ว่าอย่าได้ใจไปท�ากร่างกับเผ่าอื่นที่เขาอ่อนแอกว่านะ! น่ะ ถึงจะแข็งแกร่ง
ขึน้ นิดหน่อย แต่กอ็ ย่าเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองยิง่ ใหญ่ขนึ้ เชียว เพราะถ้าสักวัน
อีกฝ่ายเขาแกร่งขึ้นแล้วมาหาเรื่องแก้แค้น มันก็น่าเบื่อใช่ไหมล่ะ?”
ทุกคนฟังกันอย่างตั้งอกตั้งใจ
ท่าทางคงไม่เป็นไรแฮะ
ถึงจะตักเตือนแล้ว ก็คงมีคนที่ไม่ยอมฟังอยู่บ้างเหมือนกัน
แต่ถงึ อย่างนัน้ ก็ควรลดสิง่ ทีจ่ ะเป็นต้นเหตุของปัญหาลงให้มาก
ที่สุดดีกว่า
“ก็ประมาณนี้ละ รักษากฎกันเท่าที่จะท�าได้ด้วยนะ!”
ผมก�าหนดกฎใหม่ของหมู่บ้านนี้ด้วยการกล่าวเช่นนั้น
ซึ่งทุกตนก็พยักหน้าแสดงให้เห็นว่ารับทราบแล้ว
และการใช้ชีวิตร่วมกันครั้งใหม่ก็เบิกม่านขึ้นด้วยประการฉะนี้

เอาละ หลังจากการก�าหนดกฎแล้ว ที่เหลือก็คือการแบ่งหน้าที่


ผู้รับหน้าที่ตรวจตรารักษาความปลอดภัยรอบๆ หมู่บ้าน
156
ทีมจัดหาเสบียงอาหาร
ทีมรวบรวมวัสดุที่จะใช้สร้างสิ่งต่างๆ ในหมู่บ้าน
พวกคนที่จะจัดเตรียมบ้านและเครื่องไม้ใช้สอยต่างๆ
การรักษาความปลอดภัยในหมูบ่ า้ นนัน้ ให้เทมเพสต์วลู ฟ์ ทีไ่ ม่มี
คู่และใช้สกิล 『จิตสื่อสาร』 ได้รับหน้าที่ไป
เทมเพสต์วลู ฟ์ ทีเ่ หลือจากการจับคูม่ ที งั้ หมด 7 ตัว แต่เนือ่ งจาก
รันก้าติดผมแจ จึงให้อีก 6 ตัวที่เหลือรับหน้าที่รักษาความปลอดภัยไป
ส่วนการแบ่งหน้าที่ในรายละเอียดก็ให้ริกุรุโด อดีตผู้ใหญ่บ้าน
จัดการแล้วกัน
“ริกรุ โุ ด ฉันของแต่งตัง้ นายเป็น “ก็อบลินลอร์ด”! ปกครองดูแล
หมู่บ้านให้ดีล่ะ”
บอกตามตรงก็คือโยนงานทั้งหมดให้นั่นเอง
แบบว่าเขวี้ยงออกไปสุดแรงเลยละ
แต่ว่าลองคิดดูสิ
งานของผมในชาติที่แล้วคือท�างานในบริษัทรับเหมาก่อสร้างนะ
จะให้ผมปกครองใครเนี่ยไม่ไหวหรอก ที่ส�าคัญขืนถูกผูกมัดกับหมู่บ้านนี้
จนกระทั่งไปเมืองของมนุษย์ไม่ได้ขึ้นมา ผมก็แย่น่ะสิ
ผมคิดอย่างนั้น ทว่า------
“ครับ!! ริกุรุโดผู้นี้ขออุทิศตนรับหน้าที่นี้อย่างสุดก�าลังครับ!!”
ริกรุ โุ ดกลับหลัง่ น�า้ ตาด้วยท่าทางปลืม้ ปีตแิ ล้วรับค�าอย่างง่ายดาย
อื้อ โดยพื้นฐานแล้วผมขอเป็นหัวหน้าแค่ปากเปล่าก็พอละ
“เป็นผู้น�าทว่าไม่ปกครอง”
ผมคิดว่ามันเป็นค�าพูดที่ดีมาก เอาไว้นานๆ ทีผมแค่ออกปาก
อะไรบ้างก็แล้วกัน
ว่าแต่รกิ ุรโุ ดเนี่ย ก่อนหน้านี้ยังเป็นก็อบลินโทรมๆ เหี่ยวๆ ย่นๆ
ท่าทางใกล้จะตายอยู่เลยแท้ๆ ...แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นฮ็อบก็อบลิน
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 157
วัยฉกรรจ์รา่ งสูงใหญ่บกึ บึนไปซะแล้ว ดีไม่ดอี าจจะแข็งแกร่งกว่าริกรุ ทุ เี่ ป็น
ลูกชายด้วยหรือเปล่าหว่า? หมายความว่าไงกันแน่... คงต้องบอกว่าเป็น
ความมหัศจรรย์พันลึกของปิศาจละมั้งนะ
“อืม ฝากด้วยนะ! แต่ฉันไปดูการสร้างบ้านมาแล้ว ดูเหมือนจะ
ไม่ค่อยได้เรื่องนักนะ”
บอกตามตรงว่ามันไม่ใช่ของที่จะเรียกว่าบ้านได้เลย อย่างไรซะ
พวกเขาก็เป็นก็อบลิน เพราะฉะนั้นจะคาดหวังเรื่องเทคโนลียีไปก็คงเสีย
เวลาเปล่า
“น่าอับอายเหลือเกินครับ... เพราะว่าที่ผ่านมาพวกเราไม่เคย
ต้องใช้สิ่งปลูกสร้างที่ใหญ่โตขนาดนี้น่ะครับ...”
“อืม ก็นะ ทุกคนตัวโตขึน้ นีน่ ะ แล้วก็เรือ่ งเสือ้ ผ้า... แบบว่าทุกคน
ออกจะโชว์เนื้อโชว์หนังมากไปหน่อยละ ไม่มีทางจัดหาได้เลยเหรอ?”
“อ๊ะ! มีพวกคนที่เราเคยติดต่อค้าขายกันหลายครั้งอยู่ครับ ถ้า
เป็นพวกเขาละก็น่าจะจัดหาเสื้อผ้าให้พวกเราได้ แถมพวกเขายังมีความ
ช�านาญท�าอะไรได้หลายอย่างด้วย ไม่แน่ อาจจะรูว้ ธิ สี ร้างบ้านด้วยนะครับ!”
อืม
ผมเองก็ทา� งานในบริษทั รับเหมาก่อสร้าง ดังนัน้ จึงพอจะรูว้ า่ งาน
ดีหรือไม่ดี แต่งานที่ผมท�าเองได้ อย่างมากก็แค่งานระดับช่างไม้ง่ายๆ
เท่านั้น
สรุปคือผมไม่ได้มีเทคนิคขนาดที่จะชี้แนะได้ ดังนั้นถ้าบอกว่ามี
คู่เจรจาการค้าที่ผมอาจจะให้ค�าแนะน�าอะไรได้อยู่ละก็------ ลองไปพบดู
ก็น่าจะดี
“อย่างนีน้ เี่ อง ลองไปเจอดูกอ็ าจจะดีนะ แล้วใช้อะไรแลกเปลีย่ น
ซื้อขายกันล่ะ? เงินเหรอ?”
“เปล่าครับ เรามีเงินทีไ่ ด้จากการปล้นพวกนักผจญภัยแล้วก็เก็บ
รักษาไว้โดยไม่ได้ใช้อยูบ่ า้ งก็จริง แต่แทนทีจ่ ะใช้เงิน เรามักใช้วธิ แี ลกเปลีย่ น
158
สิ่งของ หรือไม่ก็ท�าธุระเล็กๆ น้อยๆ แลกกับการท�าสิ่งของให้ อย่าง
อุปกรณ์ที่พวกเราใช้กัน ก็ได้คนพวกนั้นจัดเตรียมให้เหมือนกันครับ”
“โฮ่ แล้ว พวกนั้นเป็นใครกันล่ะ?”
“เผ่าคนแคระครับ”
คนแคระ! เผ่าพันธุอ์ นั มีชอื่ เสียง ทีม่ อี มิ เมจว่าเป็นช่างตีเหล็กมือ
ฉมังน่ะเหรอ
แบบนี้มีแต่ต้องไปแล้ว!
อันทีจ่ ริง ผมมัวแต่สนใจเรือ่ งเสือ้ ผ้าจนกะว่าเอาไว้คดิ ทีหลัง แต่
อุปกรณ์อาวุธของเจ้าพวกนี้ส่วนใหญ่ก็เละเทะเอาการเหมือนกัน
อย่างเช่นชุดเกราะก็แทบไม่ตา่ งจากเศษผ้า แถมตอนนีก้ ไ็ ม่มใี คร
ใส่เลยด้วยเพราะไซส์ไม่พอดี
ดังนัน้ จึงมีความจ�าเป็นต้องปรับปรุงเรือ่ งในส่วนนีด้ ว้ ย ไหนๆ ก็
ไหนๆ แล้ว จัดการเก็บกวาดปัญหาพวกนี้ไปด้วยกันเลยดีกว่า
แต่ของทีว่ า่ แย่งมาจากนักผจญภัยทีท่ า่ ทางน่าจะใช้งานได้กไ็ ม่มี
อะไรเหลือแล้ว แถมเงินทีเ่ ก็บไว้กม็ เี พียงเล็กน้อย แล้วจะเอาอะไรไปแลกเปลีย่ น
ล่ะนี่?
นั่งคิดตอนนี้ก็คงช่วยไม่ได้หรอกเนอะ...
“ฉันจะลองไปดู ริกุรุโด ฝากเตรียมการให้หน่อยได้ไหม?”
“!! กรุณาให้เป็นหน้าที่ข้าเถอะครับ! ข้าจะเตรียมการทุกอย่าง
ให้เสร็จภายในเที่ยงวันนี้ครับ!”
พอผมวานแบบนั้น ริกุรุโดก็หมายมั่นปั้นมือใหญ่
เอาว่าเป็นเรื่องนี้ฝากให้เขาจัดการไปละกัน เรื่องเงินเขาก็คง
จัดเตรียมให้เท่าที่มีด้วย แต่ถึงจะว่าอย่างนั้นก็ห้ามคาดหวังอะไรทั้งสิ้น
เงินตราแลกเปลีย่ นของโลกนีเ้ หรอ... ถ้าออกมาเป็นแบงก์กระดาษ
ผมคงได้ข�ากลิ้งแน่
พอลองคิดดูแล้ว ตัวผมเองนี่เรียกว่าไม่มีอะไรติดตัวเลยสักนิด
บทที่ 2 ก�รต่อสู้ที่หมู่บ้�นก็อบลิน 159
แค่ได้รวู้ า่ โลกนีม้ คี อนเซปต์ของเงินตราแลกเปลีย่ นด้วยก็เรียกว่าดีมากแล้ว
ก็คิดอยู่ละว่าน่าจะมี แต่ก็ไม่รู้ว่ามีการแพร่หลายกันในรูปแบบไหนอยู่ดี
ถ้าจะไปเมืองของมนุษย์ คงจะต้องตรวจสอบเรื่องค่าเงินเอาไว้
ด้วยแฮะ
เอาเถอะ เรื่องนี้เอาไว้หลังจากได้พบพวกคนแคระแล้วค่อยว่า
กันละกัน ระยะนี้มีแต่เรื่องยุ่งๆ ด้วย อาศัยโอกาสนี้ไปพบพวกคนแคระ
สบายๆ พร้อมกับเที่ยวชมอะไรต่อมิอะไรด้วยเลยดีกว่า

สักวันหนึ่งผมจะไปที่เมืองของมนุษย์ แต่ก่อนหน้านั้นการไป
ทัศนศึกษาเมืองของคนแคระก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดี
แม้จะเป็นอมนุษย์ แต่เห็นว่าทีอ่ ยูอ่ าศัยของพวกคนแคระนัน้ เป็น
เมืองทีม่ ขี นาดค่อนข้างใหญ่ แถมดูเหมือนว่าจะมีพระราชาอยูด่ ว้ ย แต่อย่างไร
ก็อบลินก็คงไม่มีโอกาสได้พบหรอก
ว่ากันตามจริง แค่เข้าไปในเมืองได้ก็ถือว่าหรูแล้ว
จะมีเรื่องการแบ่งแยกก็อบลินอะไรท�านองนั้นรึเปล่านะ?
แล้วจะอย่างไรผมก็เป็นสไลม์ซึ่งเป็นปิศาจ จะไม่ไปท�าให้พวก
เขาตกใจกันเหรอ?
แม้มีเรื่องน่ากังวลหลายเรื่อง แต่ความคาดหวังที่จะได้พบพวก
คนแคระนั้นสูงกว่า
แล้วผมก็ได้ผา่ นค�า่ คืนนัน้ ด้วยความรูส้ กึ ตืน่ เต้นอย่างทีไ่ ม่เคยได้
รู้สึกมานาน

160
เด็กหญิงกับมนุษย์ม�ร

ฉันรอดชีวิตมาได้อย่างฉิวเฉียดจากการเข้าสิงของอิฟริต
นัน่ คือความจริงทีไ่ ร้ขอ้ ขัดแย้ง เพราะถ้าถูกปล่อยทิง้ ไว้อย่างนัน้
ละก็ ฉันคงต้องตายเพราะบาดแผลไฟไหม้ฉกรรจ์จากการทิ้งระเบิดทาง
อากาศไปแล้ว ดังนั้นไม่ว่าราชาปิศาจเลออนจะมีความคิดอะไร ฉันก็มแี ต่
ต้องยอมรับความจริงในเรือ่ งทีว่ า่ เขาคือผูช้ ว่ ยชีวติ ฉันเอาไว้เท่านัน้
ดูเหมือนว่าอิฟริตซึ่งเป็นภูตอัคคีชั้นสูงจะมีความสามารถขนาด
ที่ตัวฉันในเวลานั้นไม่อาจจินตนาการได้ มันควบคุมการอาละวาดของ
แก่นเวททีก่ า� ลังจะรัว่ ไหลออกจากร่างของฉันได้อย่างง่ายดาย และเข้ายึด
ครองร่างกายของฉัน ทว่า จะกล่าวว่าด้วยเหตุนั้นก็คงได้กระมัง------
เพราะตัวฉันอยู่ในสภาวะเสถียร ฉันจึงเรียนรู้สกิลได้อย่างหนึ่ง
นั่นคือยูนีคสกิล 『นักแปรสภาพ』
ความเป็นตัวฉันซึง่ อันทีจ่ ริงควรจะหายไปในวินาทีเดียวกับทีถ่ กู
อิฟริตยึดครองร่าง ได้รบั การปกป้องเอาไว้ดว้ ยยูนคี สกิล 『นักแปรสภาพ』
แม้วา่ สิทธิใ์ นการครอบครองร่างจะเป็นของอิฟริต แม้วา่ ฉันจะค่อยๆ หล่อ
รวมเข้ากับภูตอัคคี แต่ฉันก็ยังคงความเป็นตัวเองเอาไว้ได้

ราชาปิศาจให้ฉันยืนอยู่เคียงข้าง
แม้จะบอกว่าฉันรวมร่างกับอิฟริตแล้ว แต่รา่ งกายของฉันก็ยงั คง
อ่อนเยาว์อยูเ่ หมือนเดิม แม้จะยืนอยูด่ า้ นข้างของราชาปิศาจซึง่ นัง่ อยูบ่ นเก้าอี้
ใบหน้าของราชาปิศาจก็อยู่ในต�าแหน่งเหนือศีรษะของฉัน
เนื่องจากสิทธิ์ในการครอบครองร่างเป็นของอิฟริต ฉันจึงไม่-
สามารถท�าอะไรได้นอกจากการจ้องมองสิ่งที่ปรากฏแก่สายตา
162
ความน่าเบือ่ เกินทนท�าให้ฉนั รูส้ กึ ทรมานอยูเ่ ล็กน้อย แต่กไ็ ม่รสู้ กึ
เหนือ่ ยล้า สิง่ นีเ้ องก็คงเป็นเพราะการรวมร่างกับอิฟริตเหมือนกัน ดังนัน้ ฉัน
จึงยอมรับสถานะนั้นได้แต่โดยดี
ครั้งหนึ่ง-------
“มีผู้บุกรุกครับ ท่านเลออน!”
อัศวินซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของราชาปิศาจวิ่งเข้ามาในห้อง
ท�างานอย่างลนลานแล้วร้องตะโกนอย่างนั้น
ส่วนตัวฉันก็ยนื อยูเ่ คียงข้างราชาปิศาจเหมือนอย่างทุกๆ ครัง้ ซึง่
ก็เป็นเรื่องธรรมดาเพราะไม่มีอะไรอย่างอื่นที่ฉันท�าได้ให้ฉันท�า
ในขณะที่อัศวินเกราะสีด�าซึ่งยืนอยู่ด้านขวาของราชาปิศาจหยิบ
ดาบขึ้นมา
“ก๊าก กั๊ก กั๊ก กั๊ก กั๊ก! ท่านมนุษย์มาร เคอร์นิคห์ แวะมา
ทักทายเจ้าแล้ว”
สัตว์ประหลาดที่รูปร่างเหมือนมนุษย์กับนกผสมกันก็บุกเข้ามา
อย่างกะทันหันแล้วตะโกนอย่างนั้นด้วยเสียงแสบหู
“เลออน หากล้มเจ้าได้ข้าก็เป็นราชาปิศาจได้ การที่อดีตมนุษย์
อย่างเจ้ากล้าอ้างตัวเป็นราชาปิศาจมันไม่ต่างอะไรกับคนไม่รู้จักกะลาหัว
ตัวเองเลย! ข้าจะเป็นราชาปิศาจแทนให้เอง เพราะฉะนั้นจงตายอย่าง
สบายใจเถอะ!!”
แต่แม้วา่ เจ้าสัตว์ประหลาดจะเริม่ พูดอะไรตามอ�าเภอใจ สีหน้า
ของเลออนก็ไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย
“อืม คิดถูกแล้วทีม่ ขี า้ อยูร่ งั้ ท�าหน้าทีอ่ งครักษ์แม้จะเพียงคนเดียว
ก็ตาม ดูเหมือนว่าจะมีพวกต�่าชั้นดมกลิ่นพบที่นี่เข้าแล้วสินะครับ”
ฝ่ายอัศวินด�าก็เอ่ยกับราชาปิศาจอย่างใจเย็น ไร้ทที า่ ว่าจะลนลาน
พลางตั้งท่าจะชักดาบในมือ
“อืม ยังไงซะก็คงเป็นฝีมือของ------ อะไรท�านองนั้นนั่นละ แต่
เด็กหญิงกับมนุษย์ม�ร 163
ก็พอดีเลย”
เอ่ยอย่างนั้นแล้ว ราชาปิศาจก็หันมาจ้องมองฉัน
“อิฟริต ได้เวลาออกโรงแล้ว”
ฉันละล้าละลังว่าเขาก�าลังพูดอะไรกันแน่?
“------? เป็นอะไรไป อิฟริต?”
คงเพราะความละล้าละลังของฉันส่งผ่านไปถึงอิฟริตด้วยละมั้ง
ราชาปิศาจเองจึงมีสีหน้าประหลาดใจ
ทว่าอาจเพราะหงุดหงิดกับทีท่าของทั้งสองคน
“เมินเฉยต่อข้าคนนี้งั้นเหรอ ดูถูกกันจริงๆ------”
สัตว์ประหลาดทีอ่ า้ งชือ่ ว่าเคอร์นคิ ห์------และดูเหมือนว่าจะเป็น
มนุษย์มารระดับสูง------จึงเอ่ยอย่างนัน้ แล้วยกแขนทีเ่ หมือนปีกทัง้ สองข้าง
ขึ้นไขว้กันที่เบื้องหน้าใบหน้า
ตอนนั้นเอง ที่ฉันรู้สึกเหมือนกับว่ามองเห็นมือของเคอร์นิคห์
ก�าลังเปล่งแสง

《ยืนยันเสร็จสิน
้ คุณได้รบั สกิล 『ญาณเวท』 ...เรียบร้อยแล้ว》

ฉันไม่สนใจเสียงประหลาดทีด่ งั ขึน้ ในสมอง แต่เริม่ ออกเดินโดย


ไม่รู้สึกตัว ทีละก้าว ทีละก้าว เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งฉันก็ไปยืนอยู่เบื้องหน้า
ราชาปิศาจเลออน
ในลักษณะเข้าประจันหน้ากับมนุษย์มารเคอร์นิคห์
“อยากตายก่อนงั้นเรอะนังหนู! เอาเถอะ จะต่างกันก็แค่ก่อน
หรือหลังเท่านัน้ ข้าคนนีจ้ ะจัดการเชือดไอ้ราชาปิศาจจอมปลอมนัน่ -----”
เสียงทีพ่ ดู ไม่ได้หยุดหย่อนนัน้ ช่างเคืองหู และไม่รวู้ า่ ท�าไมฉันจึง
รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา
ฉันมองเห็นพลังเวทมากพอสมควรมารวมตัวกันทีป่ กี ทัง้ สองข้าง
164
ของมนุษย์มารตรงหน้า
“ตายซะ!!”
แล้วขนนกก็ถูกปล่อยออกอย่างเชื่องช้าหลังจากเสียงนั้นดังขึ้น
ดูเหมือนว่ามนุษย์มารจะขว้างขนนกใส่พวกเรา ฉันเข้าใจได้อย่างนั้น
ขนแต่และขนมีพลังแฝงอยู่ภายใน หากโดนเข้าเนื้อคงถูกฉีก
กระชากท่าทางน่าจะเจ็บปวด
ทว่าเมื่อคิดอย่างนั้น ก็ไม่รู้ว่าท�าไมความโกรธเกรี้ยวรุนแรงจึง
ปะทุขึ้นในใจ ศีรษะของฉันร้อนจนรู้สึกราวกับว่าจะมอดไหม้ นี่คงจะเป็น
ความโกรธของอิฟริตที่รวมร่างอยู่กับฉันกระมัง
ต่อจากนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็เกิดขึ้นในชั่วพริบตา
เพียงเสี้ยววินาที ขนนกทั้งหมดก็ถูกแผดเผา แถมเปลวเพลิงยัง
เริงระบ�าต่อเนือ่ งราวกับจะเข้ารัดพันมนุษย์มารเคอร์นคิ ห์ทงั้ อย่างนัน้ และ
พอมองดีๆ ฉันก็พบว่าเปลวเพลิงดังกล่าวพุ่งตัวออกมาจากฝ่ามือขวาที่
ฉันยื่นไปด้านหน้าราวกับแส้
“ยะ หยา!! ยะ หยุดนะ ไหม้หมดแล้ว หยุด หยุด-------”
มนุษย์มารเคอร์นคิ ห์พยายามจะตะโกนอะไรบางอย่าง ทว่าก็ไม่อาจ
พูดได้จนถึงถ้อยค�าสุดท้าย เพราะถูกเพลิงของฉันแผดเผาจนสิน้ เสียก่อน
หัวใจของฉันเปี่ยมท้นไปด้วยความหวาดกลัว
ฉันเข้าใจ ว่าฉันสังหารมนุษย์มารตรงหน้าด้วยมือของฉันเอง ทัง้
ที่เป็นอย่างนั้นสิ่งที่เอ่อล้นขึ้นในใจกลับเป็นความพอใจที่ให้ความรู้สึก
แปลกๆ เป็นสัมผัสที่ยากจะเข้าใจ ราวกับว่าได้ท�าเรื่องที่สมควรท�า
ความรูส้ กึ ทีเ่ หมือนกับว่าหัวใจของตัวเองได้กลายเป็นของคนอืน่
ไปเสียแล้วนั้นท�าให้ฉันกลัว กลัวจนไม่รู้จะท�าอย่างไรดี
ทว่า------
ความกลัวนัน้ กลับสงบลงในเวลาไม่นาน เพราะสติสมั ชัญญะของ
อิฟริตได้เอ่อล้นขึน้ มาเต็มหัวใจ และผลักดันความกังวลกับหวาดกลัวของ
เด็กหญิงกับมนุษย์ม�ร 165
ฉันให้หลั่งไหลออกไป
หากกล่าวในแง่ผลลัพธ์ ก็คงต้องบอกว่ามันท�าให้ฉันมีชีวิตอยู่
ต่อไปได้โดยไม่กลายเป็นบ้าไปเสียละมัง้ เพราะแม้จะรูว้ า่ ตัวเองเป็นคนฆ่า
แต่ก็ผ่านพ้นไปได้โดยที่ไม่รู้สึกผิด ไม่สิ ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้สึกอย่างนั้น แต่
อิฟริตอาจจะควบคุมทุกสิง่ ทุกอย่างเอาไว้เพือ่ ไม่ให้ฉนั เกิดความรูส้ กึ แบบนัน้
ขึ้นมาก็ได้ เพื่อให้ตัวฉันที่เป็นร่างสถิตไม่เกิดเป็นบ้าจนตายขึ้นมาเสีย
ก่อน...
แม้วา่ ฉันจะไม่ได้ตอ้ งการ แต่ความสัมพันธ์ในการใช้ชวี ติ ร่วมกัน
ที่แสนประหลาดระหว่างฉันกับอิฟริตก็เริ่มต้นขึ้นด้วยประการฉะนี้
หลังจากนั้นก็มีเรื่องแบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีกหลายครั้ง แต่ฉัน
ก็สังหารผู้ที่บุกรุกเข้ามาโดยไม่รู้สึกอะไรเพื่อราชาปิศาจเลออน
ฉันไม่นกึ เสียใจ เพราะตัวฉันที่ยงั เด็กนักไม่สามารถแยกแยะถูก
ผิดได้ จึงได้ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามความต้องการของอิฟริต ฉันท�า
เพียงแค่เคลื่อนไหวไปตามที่ความต้องการก�าจัดผู้ซึ่งเกะกะขวางทางของ
อิฟริตฉุดลากไปโดยไม่คิดอะไรทั้งสิ้น
“หึหึ ฮะฮะฮะฮะฮะ น่าสนุก เจ้าแสดงความแน่วแน่ได้อย่างชัดเจน
และมีชีวิตรอดต่อมาจนได้ ข้าคงต้องมองเจ้าใหม่เสียแล้ว”
วันหนึ่ง เมื่อเห็นฉัน ราชาปิศาจก็เอ่ยกับฉันอย่างนั้น ไม่รู้ว่า
เพราะอะไร ฉันจึงไม่ได้รสู้ กึ แย่------อันทีจ่ ริง ฉันรูส้ กึ ภาคภูมใิ จอยูน่ ดิ หน่อย
ด้วยซ�้า
“เจ้าชื่ออะไร?”
“------ ชิสุ เอะ”
“ชิสุ เอะ? อืม เอาละ ถ้างั้นชื่อของเจ้าคือชิสุ ตั้งแต่วันนี้ไป เจ้า
จงอ้างชื่อตนเองว่าชิสุเสีย!”
เมื่อได้ยินชื่อนั้น ฉันก็ยอมรับแต่โดยดี
ฉันคือ ชิสุ ใช่แล้ว ฉันจะมีชีวิตต่อไปในฐานะชิสุ ไม่ใช่อิซาวะ
166
ชิสุเอะ

ด้วยเหตุนี้เอง ฉันจึงได้ถือก�าเนิดขึ้น ณ ปราสาทราชาปิศาจใน


ฐานะมนุษย์มารแห่งเปลวเพลิง
ในฐานะมนุษย์มารชั้นสูง คนสนิทของราชาปิศาจ

เวลาด�าเนินผ่านไปหลายปีนับตั้งแต่ที่ฉันถูกเรียกว่าชิสุ
ในช่วงเวลานั้น ฉันเคลื่อนไหวตามความต้องการของตัวเองได้
บ้างแล้ว ฉันสบายใจอย่างที่สุดเมื่อพบว่าการใช้ชีวิตร่วมกับอิฟริตด�าเนิน
ไปอย่างราบรื่น

ในปราสาททีพ่ า� นักของราชาปิศาจเลออน มีสถานทีส่ า� หรับฝึกฝน


การต่อสู้อยู่
โดยในสถานทีฝ่ กึ ฝนนัน้ อัศวินด�าจะท�าหน้าทีเ่ ป็นอาจารย์ชแี้ นะ
วิชาให้กบั อมนุษย์และมนุษย์มารทีย่ งั เด็ก-------ถึงในจ�านวนนัน้ จะมีผใู้ หญ่
ปนอยู่ด้วยก็เถอะ------- การชี้แนะของเขาเข้มงวดมาก บางครั้งใครที่ไม่
ผ่านเกณฑ์การฝึกซ้อมก็จะถูกงดอาหารด้วย ดังนัน้ ทุกคนจึงต้องพยายาม
กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ตัวฉันเองก็เรียนรูก้ ารต่อสูด้ ว้ ยดาบโดยไม่พงึ่ พา
พลังของอิฟริตเหมือนกัน เพราะฉันไม่อยากแพ้ใคร แล้วก็ไม่ต้องการให้
ใครปฏิบัติกับฉันเป็นพิเศษ แต่ก็ด้วยเหตุนี้เอง ฝีมือดาบของฉันจึง
แข็งแกร่งทีเดียว

วันหนึ่ง ฉันได้สนิทสนมกับเด็กผู้หญิงชื่อว่าพิลิโน่
เด็กผู้หญิงนิสัยเรียบร้อยอ่อนโยนที่อายุมากกว่าฉันเล็กน้อย
เด็กหญิงกับมนุษย์ม�ร 167
จุดเริม่ ต้นคือเราได้พดู คุยกันตอนทีเ่ ข้าไปล่าเหยือ่ ในป่าในฐานะ
ส่วนหนึง่ ของการฝึกฝน ฉันสงสัยว่าท�าไมพิลโิ น่จงึ ต้องแวะไปไหนทุกๆ ครัง้
ที่ออกมาฝึก จึงแอบสะกดรอยตามเธอไป
“ปิ้ว!”
ตอนนั้นเอง ที่ฉันได้เห็นพิลิโน่ก�าลังเล่นอยู่กับลูกจิ้งจอกวายุ
ดูเหมือนว่าพิลิโน่จะแอบให้อาหารและคอยดูแลมัน แม้จะเป็นสัตว์ปิศาจ
แต่ก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตแสนน่ารักที่ไม่อาจออกล่าเหยื่อด้วยตัวเองได้ มันคือ
หนึ่งชีวิตที่แม้จะต้องโดดเดี่ยวเพราะพลัดหลงกับพ่อแม่ แต่ก็ยังคงมีชีวิต
อยู่อย่างสุดความสามารถ
“อ๊ะ-------!”
พอฉันโผล่หน้าออกไป พิลิโน่ก็ตกใจรีบซ่อนเจ้าจิ้งจอกวายุไว้
ด้านหลัง ทว่าสุดท้ายก็ยอมจ�านนกระมัง
“ฉันคอยดูแลเด็กคนนี้อยูน่ ะ่ ... ก็มันยังเล็ก แล้วก็น่าสงสารด้วย
นี่นา... ขอร้องละ ช่วยท�าเป็นไม่เห็นจะได้ไหม!?”
เธอจึงขอร้องฉันอย่างนัน้ แม้วา่ แววตาของเธอจะไหวด้วยความ
กังวล แต่กส็ มั ผัสได้ถงึ ความตัง้ ใจทีอ่ ยากจะปกป้องชีวติ น้อยๆ นั้น
ฉันอาจจะนึกอิจฉาเจ้าจิ้งจอกวายุนี่ก็ได้
เพราะฉันรูส้ กึ เหมือนว่ามันไม่ได้อยูโ่ ดดเดีย่ วเดียวดาย ผิดกับฉัน
“อื้อ ได้สิ แต่ขอฉันช่วยดูแลมันด้วยคนได้ไหม?”
ฉันลองถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ
ซึ่งพิลิโน่ก็ท�าตาโตอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แต่หลังจากนั้น รอยยิ้มกว้าง
ก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอ
“อื้อ! ฉันเองก็ต้องขอร้องด้วยเหมือนกัน ฉันชื่อพิลิโน่ ฝากตัว
ด้วยนะ!”
ได้ยินอย่างนั้นฉันจึงอ้างชื่อตัวเองบ้างเป็นการแนะน�าตัวแก่กัน
และกัน ส�าหรับฉัน พิลโิ น่จงึ กลายเป็นเพือ่ นคนแรกทีฉ่ นั มีนบั ตัง้ แต่เกิดมา
168
“นี่ เด็กคนนี้ชื่อว่าอะไรเหรอ?”
พิลิโน่มีสีหน้าประหลาดใจกับค�าถามของฉัน
“ชือ่ เหรอ? ปิศาจไม่มชี อื่ หรอก ก็พวกเราสือ่ สารกันด้วยใจกับใจ
ได้นี่นา”
“แต่มีแค่เด็กคนนี้คนเดียวที่ไม่มีชื่อมันน่าสงสารออก นี่ ให้ฉัน
เป็นคนคิดได้ไหม?”
“เอ๋? แต่เขาบอกว่าห้ามตั้งชื่อให้ปิศาจไม่ใช่เหรอ...”
“ขอร้องละ! เนอะ ได้ใช่ไหม?”
ฉันไม่คอ่ ยเข้าใจในสิง่ ทีพ่ ลิ โิ น่กา� ลังพูดนัก แต่ไม่วา่ อย่างไรฉันก็
อยากจะตัง้ ชือ่ ให้ลกู จิง้ จอกวายุตวั นีเ้ อามากๆ พอฉันตือ๊ ขอร้องเข้า พิลโิ น่
ก็ยอมพยักหน้ารับแม้จะไม่เต็มใจนัก ทว่าไม่นานนักก็หนั มาคิดชือ่ ร่วมกับ
ฉันอย่างสนุกสนาน
พวกเราตั้งชื่อให้ลูกจิ้งจอกวายุว่าพิสด้วยความรักใคร่ หลังจาก
ช่วยกันคิดหลายๆ อย่าง เราสองคนก็ตัดสินใจเอาตัวอักษรจากชื่อของ
พวกเราเองคือพิลิโน่กับชิสุมาคนละตัว ฉันดีใจมาก เพราะรู้สึกเหมือนว่า
มันเป็นดั่งสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพของพวกเรา
“ปิ้ววว!!”
พอฉันกับพิลโิ น่เรียกชือ่ พิส ลูกจิง้ จอกวายุกต็ อบรับด้วยท่าทาง
ยินดี
เมื่อเห็นว่าท่าทางมันจะชอบชื่อนั้น ฉันเองก็ดีใจไปด้วย ฝ่าย
พิลิโน่ก็ก�าลังยิ้มแย้มด้วยท่าทางยินดีเหมือนกัน
(อา สนุกจังเลย!)
พิลิโน่กับพิสช่วยมอบความสงบสุขแห่งจิตใจให้กับฉันซึ่งเคย
โดดเดี่ยว

หลังจากนั้น พวกเราสองคนก็ไปหาพิสอยู่เรื่อยๆ
เด็กหญิงกับมนุษย์ม�ร 169
หลายวันหลังจากที่พวกเราตั้งชื่อให้ลูกจิ้งจอกวายุว่าพิส ลูก
จิ้งจอกวายุก็เติบโตขึ้นจากขนาดเล็กเท่าฝ่ามือเป็นใหญ่ประมาณเท่ากับ
ศีรษะของมนุษย์ แม้พวกเราจะตกใจ แต่พิสก็ยังคงติดฉันกับพิลิโน่แจ
ดังนั้นพวกเราจึงไม่ได้คิดอะไร แต่กลับดีใจด้วยซ�้าที่มันเติบโตขึ้นจนถึง
ขนาดที่ล่าเหยื่อได้ด้วยตัวเองแล้ว
พอพวกเราไปหามัน บางทีมนั ก็ลา่ นกหรือกระต่ายป่ามาให้พวก
เราด้วย
“นีช่ สิ ุ พวกเราพาเด็กคนนีไ้ ปทีป่ ราสาทได้ไหมนะ? มันมีประโยชน์
แล้วก็เป็นเด็กที่ฉลาดด้วยนะ...”
“เอ๋-------?”
ถ้าให้พดู จากใจจริงละก็ ฉันอยากจะเก็บเรือ่ งพิสไว้เป็นความลับ
ของเราสองคนมากกว่า แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่เหมือนพยายามจะวิงวอน
ของพิลิโน่แล้ว ฉันก็พูดไม่ออก
ฉันไม่อยากให้พิลิโน่ต้องเสียใจเพราะความเอาแต่ใจของฉัน
พิลโิ น่พยายามเกลีย้ กล่อมฉันอย่างเอาเป็นเอาตายว่าทีป่ ราสาท
เองก็มีการเลี้ยงดูสัตว์ปิศาจเอาไว้เช่นกัน ถ้าเป็นจิ้งจอกวายุที่ว่าง่ายและ
เฉลียวฉลาดขนาดนี้ละก็ ต้องได้รับการยอมรับในฐานะปิศาจรับใช้อย่าง
แน่นอน
ดังนั้นพอฉันยอมตกลง พวกเราก็พาพิสกลับที่ไปปราสาทโดย
ไม่ได้คิดอะไรให้ลึกซึ้ง
ทว่า------- นั่นคือจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรม
“ปิ้ววว-------!!”
ถ้าบอกว่าการที่พวกเราพบกับราชาปิศาจเลออนที่ห้องโถงของ
ปราสาทเข้าโดยบังเอิญคือความโชคร้าย เรื่องทุกอย่างก็คงสรุปได้เพียง
เท่านั้น แต่แท้จริงแล้วมันไม่ใช่หรอก ตัวฉันที่ไร้พลังใดๆ ต่างหากที่ไม่มี
คุณสมบัติที่จะดูแลใครทั้งสิ้น
170
“...หนีไป หนีไปสิ... พิส!!”
การพบกับเลออนโดยบังเอิญท�าให้พิสตกอยู่ในสภาพตื่นกลัว
มันกระโจนออกจากมือของพิลิโน่ซงึ่ อุม้ มันไว้กบั อก แล้วเริม่ แสดงท่าทาง
ข่มขู่ราชาปิศาจเลออน และความเป็นศัตรูที่พิสแสดงต่อเลออนก็ท�าให้
มนุษย์มารลืมตาตื่นขึ้น
ฉันสูญเสียอิสรภาพของร่างกายไปในวินาทีนั้น
ทัง้ ทีอ่ ยูเ่ พียงใกล้ๆ แต่เสียงของพิลโิ น่ทฉี่ นั ได้ยนิ กลับอยูห่ า่ งไกล
ออกไป
อิฟริตไม่สนใจความรูส้ กึ นึกคิดของฉัน และหันคมเขีย้ วเข้าใส่พสิ
ทีก่ า� ลังขูค่ า� รามทันที มือทีฉ่ นั พยายามจะหยุดแต่หยุดไม่ได้เข้าคว้าจับร่าง
ของพิสแล้วแผดเผาจนมอดไหม้ ฉันเผามันด้วยมือของฉันเอง
และไม่จบแค่เพียงเท่านั้น
เปลวเพลิงที่ถือก�าเนิดจากมือของฉัน ยังม้วนตัวเป็นวงคลื่น
อันรุนแรงส่องประกายสีขาว และพุ่งเข้าจู่โจมเด็กหญิงที่กอดพิสไว้กับอก
เมือ่ ครูน่ ดี้ ว้ ย ส่งผลให้รา่ งของพิลโิ น่สญ ู สลายกลายเป็นขีเ้ ถ้าโดยทีเ่ ธอไม่มี
โอกาสแม้แต่จะส่งเสียงร้อง
หายไปราวกับว่าไม่มีใครยืนอยู่ที่นั่นตั้งแต่แรก
มนุษย์มารแห่งอัคคีคงจะพึงพอใจแล้วในทีส่ ดุ จึงได้หนั ไปค�านับ
ราชาปิศาจที่เขาเคารพรักครั้งหนึ่ง ก่อนจะเงียบหายไป
(------ เมื่อกี้นี้ เกิดอะไรขึ้น?)
ฉันได้แต่ยนื แน่นงิ่ ตกตะลึงเพราะสมองไล่ตามความเป็นจริงไม่ทนั
(มะ มือมัน... ร่างกาย ร่างกายมัน... ขยับไปเอง เหรอ? ท�าไม
ไฟมัน ไฟมันถึง... ฉัน ท�าอะไรลงไป?)
เป็นเวลาหลายชัว่ โมงหลังจากนัน้ กว่าทีฉ่ นั จะรูส้ กึ ตัวว่าไม่ใช่เพียง
แค่พสิ แต่อฟิ ริตยังมองว่าพิลโิ น่ซงึ่ เป็นผูเ้ ลีย้ งดูพสิ นัน้ เป็นศัตรูอกี ด้วย
ใช่แล้ว------- ฉัน ฆ่าเพื่อนของตัวเองด้วยมือนี้
เด็กหญิงกับมนุษย์ม�ร 171
ฉันอาเจียนออกมา แม้ว่าน�้าในกระเพาะจะไม่ออกมาแล้ว ฉันก็
ยังคงสะอึกสะอื้นต่อไปเรื่อยๆ
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว น่าจะช่วยฆ่าฉันไปด้วยซะเลยดีกว่า
แท้ๆ------
ความโศกเศร้าเสียใจแทบเป็นบ้าเอ่อท้นในใจของฉัน-------
ทว่าทันทีหลังจากนั้น หัวใจของฉันก็สงบลงราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แม้จะอยากร้องไห้ แต่นา�้ ตาก็ไม่ไหลออกมา แม้จะอยากเป็นบ้า
แต่ก็เป็นบ้าไม่ได้ หรือแม้จะอยากกรีดร้อง เสียงก็ไม่ยอมออกมาอีก
นีฉ่ นั กลายเป็นมนุษย์มารไปจนถึงกระทัง่ หัวใจแล้วอย่างนัน้ หรือ?
ความรูส้ กึ หวาดกลัวขนาดทีอ่ าจจะทับถมห้องหัวใจจนมิดพวยพุง่ ขึน้ แต่
ทันทีหลังจากนั้น ความเยือกเย็นก็หวนกลับมาอีกครั้ง ฉันไม่ใช่มนุษย์อีก
ต่อไปแล้ว ฉันเข้าใจในตอนนั้นว่าการโหยหาความสุขอย่างคนธรรมดา
ทั่วไป คือความปรารถนาที่ไม่ว่าจะวิงวอนเพียงไรก็ไม่มีวันเป็นจริง
ฉันหยุดร้องไห้ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เพราะคิดว่าอย่างไรเสีย
น�้าตาของฉันก็คงเหือดแห้งหายไปไม่เหลือแม้เพียงสักหยดอยู่แล้ว
ก็ในวันนั้น ฉันได้สูญเสียสิ่งส�าคัญในฐานะมนุษย์ไปแล้วนี่นา
ฝ่ายจอมมารเลออนก็ทา� เพียงจ้องมองตัวฉันซึง่ เป็นเช่นนัน้ อย่าง
เย็นชาและเงียบงัน โดยไม่มีการลงทัณฑ์ใดๆ

172
174
ริกรุ โุ ดเตรียมการเดินการได้พร้อมทันก่อนเทีย่ งตามทีไ่ ด้ประกาศไว้
แถมยังลงมือคัดเลือกผู้ที่จะเดินทางไปยังอาณาจักรคนแคระไว้
เรียบร้อยเสร็จสรรพไม่มีพลาด
โดยผู้ที่จะเดินทางไปมีทั้งหมด 5 คู่ โดยคนแรกสุดก็คือริกุรุ
บุตรชายของริกุรุโด ส่วนที่เหลือก็คือตัวผมกับรันก้า
ว่าแต่ ไม่แต่งตั้งริกุรุให้ท�าหน้าที่ในฐานะหัวหน้ากองมันจะดีรึ?
ผมรู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อย แต่ดูท่าทางพวกเจ้าตัวจะยอมรับกัน
ได้แฮะ
ริกุรุโดเองก็มีใจจะลุยงานเต็มที่เหมือนได้กลับเป็นหนุ่มอีกครั้ง
ดังนั้นผมอาจกังวลมากไปเองก็ได้

เอาละ เมื่อรับสัมภาระมาแล้ว รันก้าก็ให้ผมขึ้นไปนั่งบนหลัง


ของมันด้วยท่าทางยินดี
ดึ๋ง------! ร่างของผมฝังลงไปกลางแผงขนของรันก้าที่นุ่มนิ่มให้
ความรู้สึกดีกว่าที่คิด

ทีนี้ก็ถึงคิวของ 『ใยเหนียวหนืด』 ผมใช้มันยึดตัวเองไว้กับแผง


ขนรอบๆ เพื่อจะได้ไม่ตกลงไป ในเวลาแบบนี้การที่ไม่มีมือเท้านี่มัน
ไม่สะดวกเป็นบ้า ซึ่งก็คงต้องใช้สกิลหาทางท�าอะไรสักอย่างเอาเท่านั้น
อย่างเช่นในโอกาสแบบนี้ก็จะต้องน�ามันมาใช้ให้เกิดประสิทธิผล
ที่จริงผมแอบฝึกการควบคุมพวกเส้นใยอย่างลับๆ อยู่
ใช้เส้นใยเฉือนร่างของศัตรู! วิชาแบบนี้น่าจะเป็นหนึ่งในความ
ใฝ่ฝันของใครหลายๆ คนไม่ใช่เหรอ? ถึงไม่รู้ว่าจะฝึกฝนได้ส�าเร็จ
หรือเปล่าก็เถอะ แต่หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล ผมคิดว่าจะค่อยๆ
176
ฝึกฝนไปเรื่อยๆ ทีละเล็กละน้อยนี่ละ
ข้างในสัมภาระ ได้แก่เงินกับอาหาร
โดยอาหารมีรับประทานได้ทั้งหมด 3 วัน หากต้องใช้เวลา
มากกว่านั้นก็มีก�าหนดการจะหาเพิ่มเติมกันเอง
อันที่จริงจะเอาเสบียงที่เก็บได้นานไปด้วยก็ได้ แต่ผมก็รู้สึกว่า
ไม่อยากจะให้มีสัมภาระมากนักเหมือนกัน
หรือถ้าให้ผมกลืนเก็บเข้าไปละก็ จะขนไปเท่าไรก็ย่อมได้... แต่
จะช่วยโน่นช่วยนี่มากเกินไปก็คงไม่ดีนัก
แต่ทผี่ มตัดสินใจได้เยือกเย็นแบบนีก้ เ็ พราะว่าตัวผมเองไม่จา� เป็น
ต้องกินอาหารน่ะนะ
ส่วนเรือ่ งเงิน ทัง้ หมดมีเหรียญเงิน 7 เหรียญ กับเหรียญทองแดง
24 เหรียญ
ดังนั้นก่อนอื่น มันไม่ใช่เงินที่มากมายอะไรอย่างแน่นอน
ทว่าก็ไม่มีปัญหา เพราะผมไม่ได้คาดหวังไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
เรื่องที่เหลือเอาไว้ไปถึงแล้วค่อยคิดก็แล้วกัน

เห็นว่าราชอาณาจักรคนแคระอยู่ห่างออกไปเป็นระยะทาง 2
เดือนหากก็อบลินเดินทางด้วยเท้า
ในป่ามีธารน�้าขนาดใหญ่ที่ชื่อว่าอาเมลด์พาดผ่าน
หากไปถึงธารน�้านั่นแล้ว ก็จะผ่านออกไปสู่เขตเทือกเขา
และราชอาณาจักรคนแคระอันเป็นจุดหมายของพวกเราก็อยู่ใน
เขตเทือกเขาดังกล่าว

ทิศตะวันออกมีจกั รวรรดิ ส่วนบริเวณรอบๆ มหาพงไพรแห่งจูรา่


บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 177
มีประเทศหลายประเทศห้อมล้อม
สิง่ ทีข่ วางกัน้ อยูต่ รงกลางระหว่างดินแดนสองฝัง่ ทีว่ า่ ก็คอื มหา-
ภูผาคานาร์ต
ด้วยเหตุนี้ เส้นทางการค้าจึงถูกแบ่งออกเป็น 3 สาย
หนึ่งคือเส้นทางลอดผ่านมหาพงไพรแห่งจูร่า
อีกหนึ่งคือเส้นทางขึ้นเขาลาดชันเพื่อข้ามมหาภูผา
และสุดท้ายคือทางทะเล
อันทีจ่ ริง เส้นทางลอดผ่านมหาพงไพรแห่งจูรา่ เป็นเส้นทางทีส่ นั้
และปลอดภัยทีส่ ดุ แต่ไม่ทราบว่าท�าไมถึงไม่คอ่ ยมีใครใช้งานนัก ส่วนการ
เดินทางขึน้ เขาทีล่ าดชันเพือ่ ข้ามมหาภูผากลับกลายเป็นเส้นทางทีผ่ คู้ นใช้
กันเป็นหลักเสียนี่
ส่วนทางทะเลนั้นเห็นว่านอกจากค่าใช้จ่ายจะสูงแล้ว ยังมีภัย
คุกคามจากปิศาจขนาดใหญ่ในท้องทะเลอีกด้วย ดังนัน้ จึงกลายเป็นเส้นทาง
ที่มีคนใช้น้อยที่สุดไป
และนอกเหนือจาก 3 เส้นทางที่กล่าวมา ก็ยังมีอีกเส้นทาง คือ
การลอดผ่านราชอาณาจักรคนแคระเอา ทว่าก็จะต้องเสียภาษีคา่ ผ่านทาง
อีกทั้งในกรณีที่มีการน�าเข้าขนส่งสินค้า ก็จะต้องเสียภาษีในส่วนนั้น และ
ต้องเข้ารับการตรวจสอบสัมภาระด้วย ซึ่งดูเหมือนจะเป็นข้อบังคับเพื่อ
ป้องกันไม่ให้มกี ารน�าวัตถุอนั ตรายเข้าไปในเมือง ดังนัน้ ถ้ามีจา� นวนคนไม่มาก
ก็คงไม่เป็นไร แต่หากจับกลุ่มเป็นขบวนคาราวานละก็ การจะผ่านที่นี่นั้น
ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายมากเกินไป จึงไม่ค่อยมีคนใช้วิธีนี้เช่นกัน
ทว่าเรือ่ งความปลอดภัยในเส้นทางนีถ้ อื เป็นของตาย ดังนัน้ ก็คง
ต้องปรึกษาเงินในกระเป๋ารวมถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับแล้วค่อยเลือก
ละมั้ง
ครั้งนี้พวกเราไม่ได้มีธุระอะไรกับจักรวรรดิ
ดังนั้นแม้ว่าถึงลอดผ่านป่าออกไปทางตะวันออกแล้วจะถึง
178
จักรวรรดิพอดี แต่พวกเราก็มุ่งหน้าขึ้นเหนือเพื่อเดินทางไปยังมหาภูผา
คานาร์ต
เราไม่จ�าเป็นต้องปีนขึ้นไปจนถึงยอดเขา เพราะราชอาณาจักร
คนแคระนั้นแผ่ขยายครอบคลุมพื้นที่บริเวณเชิงมหาภูผาคานาร์ตอันเป็น
ส่วนต้นน�้าของธารน�้าอาเมลด์
นครอันงดงามทีส่ ร้างขึน้ โดยดัดแปลงถ�า้ ขนาดใหญ่ซงึ่ เกิดขึน้ ตาม
ธรรมชาติในบริเวณเทือกเขา
นั่นคือราชอาณาจักรของคนแคระ

พวกเราเดินทางขึน้ เหนือโดยเลียบธารน�า้ อาเมลด์ไปเรือ่ ยๆ ตาม


ก�าหนดการ
เนื่องจากเป็นการเดินทางเลียบธารน�้า ดังนั้นจึงไม่หลง แต่ผม
ก็สั่งให้แสดงแผนที่ขึ้นในสมองเผื่อไว้ด้วย
เมื่อรู้ว่าผู้ที่ได้รับชื่อว่าก็อบตะเคยได้รับค�าสั่งให้เดินทางมายัง
ราชอาณาจักรคนแคระครัง้ หนึง่ แล้ว ผมจึงฝากให้เขารับหน้าทีเ่ ป็นผูน้ า� ทาง
โดยคู่ของก็อบตะก�าลังวิ่งเป็นหัวขบวนอยู่ด้านหน้าผม
แต่ว่าพวกเผ่ากาโร่ที่วิวัฒนาการกลายเป็นเทมเพสต์วูล์ฟ (=
(หมาป่าวายุทมิฬ)) นี่ไวกันเป็นบ้าเลย! แถมยังไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อยล้า
เลยแม้แต่น้อยด้วย
เวลาผ่านไปประมาณ 3 ชั่วโมงแล้วนับตั้งแต่ที่พวกเราเริ่มออก
เดินทาง แต่กลับยังไม่ได้พกั ผ่อนกันเลยแม้สกั ครัง้ ทัง้ ทีเ่ ป็นอย่างนัน้ พวกมัน
กลับยังคงวิ่งด้วยความเร็วเกือบ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงโดยไม่มีหยุด
แม้พนื้ ทีจ่ ะเป็นหินผาทีเ่ ป็นหลุมเป็นบ่อเดีย๋ วเตีย้ เดีย๋ วสูงก็ไม่ยนั่
แถมยังวิ่งด้วยวิธีที่ท�าให้ผู้ที่นั่งอยู่ไม่รู้สึกเหนื่อยล้าเพราะแรงสั่นสะเทือน
อีกด้วย!
จะว่าไงดีล่ะ มันสนุกชะมัดเลยอะ
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 179
ถ้าเดินทางด้วยความเร็วขนาดนี้ละก็ อาจใช้เวลาไม่ถึงอาทิตย์
ด้วยซ�้ามั้ง
แต่เอาเถอะ ไปกันแบบไม่ฝืนดีกว่า
แม้จะอยากจัดเตรียมเครื่องนุ่งห่มกับที่พักอาศัยให้ทุกคนไวๆ
แต่ร้อนรนไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
“เฮ้ ไม่ต้องฝืนกันนักก็ได้นา!”
ผมร้องบอก
แต่ไม่รู้ว่าท�าไม ความเร็วดันเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อยซะงั้น
ระหว่าง 3 ชัว่ โมงทีผ่ า่ นมา ผมสนุกกับความรูส้ กึ ในการเคลือ่ นที่
อย่างรวดเร็วยิ่งกว่าขี่มอเตอร์ไซค์กับทิวทัศน์ที่ไหลผ่านไป แต่ผมเริ่มจะ
รู้สึกว่างขึ้นมาแล้วสิ
ตามปกติ การพูดคุยกันระหว่างทีเ่ คลือ่ นทีด่ ว้ ยความเร็วขนาดนีน้ นั้
เป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ผมมีสกิล 『จิตสื่อสาร』 ซึ่งได้มาจากการกินบอส
ของเผ่ากาโร่เข้าไปอยู่ ดังนั้นถ้าทุกคนได้พูดคุยกันอย่างสนิทสนมพลาง
สนุกสนานกับการเดินทางไปด้วยก็อาจเป็นเรื่องดีก็ได้
เมื่อคิดได้อย่างนั้น ผมจึงสร้างเครือข่ายโทรจิตกับทุกคนขึ้นมา
เอาละ จะเริ่มถามจากเรื่องอะไรดีนะ...
“ริกรุ คุ งุ จะว่าไปแล้ว ใครเป็นคนตัง้ ชือ่ ให้พชี่ ายของนายเหรอ?”
“ครับ! อย่างผมน่ะ กรุณาเรียกด้วยชือ่ เฉยๆ เลยก็ได้ครับ! ส่วน
เรือ่ งชือ่ พีช่ ายของผมนัน้ เห็นว่าได้ชายเผ่าปิศาจตนหนึง่ ทีเ่ ดินทางผ่านมา
ตั้งให้ครับ”
“โฮ่ มีเผ่าปิศาจมาที่หมู่บ้านก็อบลินด้วยเหรอ?”
“ครับ เป็นเรื่องเมื่อราวๆ 10 ปีที่แล้วครับ ตอนนั้นผมยังเด็ก
ท่านผู้นั้นมาพักอยู่ที่หมู่บ้านของเราหลายวัน แล้วก็บอกว่าพี่ชายของผม
หน่วยก้านดีน่ะครับ”
“เห คงจะเป็นพี่ชายที่ดีสินะ”
180
“ครับ! เป็นพี่ชายที่ผมภูมิใจมาก ถึงขนาดที่ท่านเผ่าปิศาจ
เกลมิวด์ทา่ นนัน้ เองบอกว่าอยากจะได้มาเป็นผูใ้ ต้บงั คับบัญชาของท่านเอง
ในสักวันหนึ่งเลยละครับ!”
“แต่ไม่ได้พาตัวไปตั้งแต่ตอนนั้นเลยสินะ?”
“ครับ เพราะในตอนนัน้ พีเ่ องก็ยงั เด็ก ท่านบอกว่าเอาไว้ให้ผา่ น
ไปอีกสักหลายปีให้พแี่ ข็งแกร่งขึน้ กว่านีแ้ ล้วจะมารับอีกครัง้ ก่อนจะเดินทาง
จากไปน่ะครับ”
“งัน้ เหรอๆ งัน้ คราวหน้าทีเ่ ขามา เขาคงตกใจแย่เลยเนอะ เพราะ
อะไรต่อมิอะไรมันเปลี่ยนไปหมดเลย!”
“นัน่ สินะครับ แต่วา่ ตอนนีต้ วั ผมได้รบั ใช้ทา่ นริมรุ แุ ล้ว แม้จะเป็น
ท่านเกลมิวด์แห่งกองทัพราชาปิศาจที่ทรงแสนยานุภาพ ผมก็คงไม่อาจ
ติดตามท่านไปได้ครับ-------”
“กองทัพราชาปิศาจ? มีอยู่ด้วยสินะของแบบนั้น ว่าแต่ยังไม่รู้
เลยแท้ๆ ว่าเขาจะชวนรึเปล่า แต่ท่าทางนายมั่นใจจังนะ?”
“ครับ จะว่ามั่นใจหรือยังไงดี เรียกว่าแน่ใจมากกว่าครับ พี่เอง
ก็มีวิวัฒนาการในฐานะที่ได้เป็นเนมด์มอนสเตอร์เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้
วิวฒ
ั นาการถึงขนาดนี้ ระดับวิวฒ ั นาการมันแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชดั เจน
เลยครับ ผมเคยคิดว่าชีวติ นีค้ งไม่มวี นั ได้ยนิ ‘วจนะแห่งโลก’ ด้วยซ�า้ ผม
ประทับใจมากเลยละครับ!”
บรรดาฮ็อบก็อบลินรอบๆ ที่ร่วมฟังบทสนทนาอยู่เองก็พากัน
พยักหน้าหงึกๆ เหมือนอยากจะพูดว่า ใช่แล้ว ใช่แล้ว!
มันเป็นแบบนั้นเหรอ?
ถ้าได้รับการตั้งชื่อก็จะมีวิวัฒนาการ แต่ระดับวิวัฒนาการจะ
เปลี่ยนแปลงไปตามผู้ตั้งชื่อด้วยงั้นเหรอ...
คราวหน้าถ้ามีโอกาสได้เปรียบเทียบละก็ ทดลองดูดีไหมนะ
ว่าแต่โลกนี้มีกองทัพราชาปิศาจอยู่จริงๆ ด้วยสิ!
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 181
แล้วราชาปิศาจจะมีการมาโจมตีหรือเปล่า? ว่ากันตามจริงคือ
ถึงเวลานั้นผมควรจะยืนอยู่ข้างไหนดี?
เอาเถอะ ถึงเวลาที่เขามาโจมตีแล้วค่อยคิดละกัน
โชคดีที่ว่าดูเหมือนจะมีตัวตนที่ถูกเรียกว่า “ผู้กล้า” อยู่ด้วย
โดยสามัญส�านึกแล้ว คู่มือของราชาปิศาจก็ต้องเป็นผู้กล้านี่ละ
ถึงจะหลงเหลือค�าถามที่ว่า เวลาผ่านไป 300 ปีแล้วผู้กล้าจะ
ยังมีชวี ติ อยูห่ รือเปล่าก็ตาม... แต่ผกู้ ล้าคงจะได้มาเกิดใหม่อะไรท�านองนัน้
แล้วก็ก�าลังฝึกซ้อมวิชาอย่างร่าเริงอยู่แน่เลย
แต่กเ็ อาเถอะ เอาเป็นว่าก็บนั ทึกเรือ่ งนีไ้ ว้ในขอบหลืบของความ-
ทรงจ�าด้วยแล้วกัน
เอาละ ค�าถามต่อไป
“นี่รันก้า ถ้าจะว่าไปแล้วฉันเนี่ย ถือเป็นศัตรูของพ่อนายสินะ?
แล้วนายไม่ติดใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างเหรอ?”
คราวนีผ้ มเอ่ยถามเทมเพสต์วลู ฟ์ ทีด่ จู ะเชือ่ งกับผมเหลือเกินบ้าง
“ถ้าให้พูดตามตรง ก็มีคิดบ้างเหมือนกันครับ แต่ส�าหรับปิศาจ
แล้ว แพ้ชนะในการต่อสู้เป็นสิ่งที่มีเป็นธรรมดา ข้าเข้าใจดีว่าไม่ว่าจะ
เป็นการต่อสูแ้ บบไหน ผูช้ นะย่อมเป็นฝ่ายถูกต้อง และถ้าแพ้กจ็ ะไม่เหลือ
อะไรเลย ทว่า... นายท่านของข้ากลับไม่เพียงอภัยให้พวกเรา แต่ถึงกับ
มอบนามที่แท้จริงแก่พวกเราด้วย! พวกเรามีแต่จะนึกขอบพระคุณ ไม่มี
การคิดแค้นใดๆ หรอกครับ!”
“อืม... ถ้าเกิดว่านึกอยากจะแก้มือขึ้นมาเมื่อไหร่ ฉันพร้อมตอบ
รับเสมอนะ”
“หึหหึ ึ ยิง่ ได้ววิ ฒ
ั นาการ ข้ายิง่ รับรูไ้ ด้อย่างชัดเจนว่าถ้านายท่าน
เอาจริงในการต่อสู้ครั้งก่อนละก็ พวกเราคงถูกฆ่าตายหมดไปแล้ว ซึ่งถ้า
เป็นเช่นนั้น พวกเราก็มีแต่จะย่อยยับไปโดยไม่อาจไปถึงวิวัฒนาการอัน
เป็นความปรารถนาสูงสุดของเผ่าเราได้ ดังนั้นความภักดีของพวกเราจึง
182
เป็นของนายท่านแต่เพียงผู้เดียวครับ!”
พูดเรื่องอะไรกันล่ะเนี่ย...
ก็จริงหรอกว่าถ้าผมจ�าลองกายเป็นงูสดี า� ละก็อาจจะฆ่าล้างบาง
พวกรันก้าได้จริงๆ แต่ผมไม่คิดจะท�าอะไรซึ่งเป็นการเดิมพันที่อันตราย
แบบนั้น เจ้านี่ประเมินผมสูงไปแล้ว
เอาเถอะ ถึงจะเข้าใจผิด ผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรสักนิดน่ะนะ...
“รู้ด้วยเหรอ? ท่าทางนายเองก็เติบโตขึ้นแล้วเหมือนกันนะ!”
“ครับ! เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ!”
ผมจึงพยักหน้ารับและเออออแบบขอไปที
เอาเถอะ อย่างไรพ่อของมันก็ถกู ฆ่า ถ้ามันบอกว่าไม่นกึ แค้นอะไร
ผมก็คงโกหกค�าโตแล้วแหละ
ไม่วา่ เจ้ารันก้าจะคิดมาแก้มอื เมือ่ ไร ผมก็จะตอบรับอย่างเต็มใจ
ซึ่งผมเองก็มัวประมาทอยู่ไม่ได้เหมือนกัน ดูท่าว่าจนกว่าจะถึง
วันนั้น ผมคงจ�าเป็นจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้
เพราะไม่ว่าจะดูทางไหน ตอนนี้เจ้ารันก้าก็ดูจะแข็งแกร่งพอๆ
กับเจ้างูสีด�าเลย...
พวกเราเดินทางไปพลางพูดคุยไปด้วยเรื่อยๆ แบบนี้
เป็นการเดินทางที่ราบรื่นเกินกว่าที่คาดหมายไว้มากจริงๆ
“นี่เราจะไม่รีบร้อนกันไปหน่อยเหรอ?”
“ไม่เป็นไรครับ! คงเป็นเพราะวิวัฒนาการ พวกเราเลยไม่ได้
เหนื่อยถึงขนาดนั้นครับ!”
“ถ้าเรื่องพวกเราละก็ ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกครับ แม้จะไม่ถึง
ขั้นไม่จ�าเป็นต้องนอนเหมือนอย่างนายท่าน แต่ก็ไม่จา� เป็นต้องพักผ่อน
มากถึงขนาดนัน้ ! ส่วนอาหารเองก็ไม่จา� เป็นต้องกินบ่อยนัก ถ้าเพียงไม่กวี่ นั
ละก็ ไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้นครับ!”
ริกุรุตอบค�าถามของผม ส่วนรันก้าก็เอ่ยเสริมขึ้นอีก
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 183
เท่าที่มองท่าทีของคนอื่นๆ ก็ดูเหมือนว่าทุกคนจะใจสู้เกินร้อย
กันทั้งนั้น
ลงแบบนี้ ก็จะกลายเป็นว่าตัวผมที่ไม่ได้ท�าอะไรเลยมากที่สุด
ดูมีใจสู้น้อยที่สุดน่ะสิ
จากนั้นพวกเราก็วิ่งกันต่อไปเรื่อยๆ คิดเป็นเวลาร่วมครึ่งวัน...
เจ้าพวกนี้นี่อึดขึ้นจริงๆ แฮะ

ระหว่างทีพ่ วกเราก�าลังรับประทานอาหารก่อนจะเริม่ พักผ่อนเมือ่


สิ้นสุดวันที่ 2
คราวนี้ผมลองถามก็อบตะเกี่ยวกับราชอาณาจักรคนแคระที่
พวกเราก�าลังมุ่งหน้าไปดูบ้าง
“คะ คร้าบบบ อะ เอ่อ คือว่านะครับ ที่นั่นมีชื่อเรียกอย่างเป็น
ทางการว่าประเทศแห่งยุทธภัณฑ์ดวาร์กอนครับ ส่วนราชาคนแคระเป็น
บุคคลที่ถูกเรียกขานว่าราชาวีรบุรุษ------”
คงเพราะกึ่งเกร็งกึ่งดีใจที่ถูกผมถามจนลนลานละมั้ง
ก็อบตะตอบอย่างร้อนรนขนาดที่ผมเป็นห่วงว่าจะไม่กัดลิ้นเข้า
หรือนั่น?
ซึง่ เมือ่ สรุปเรือ่ งราวทีก่ อ็ บตะคนนีเ้ ล่าแล้ว ก็ได้ความว่าดูเหมือน
ราชากาเซล ดวาร์โก้ กษัตริย์องค์ปัจจุบันจะเป็นกษัตริย์รุ่นที่ 3 หากนับ
จากรุ่นบุกเบิก เป็นราชาวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่เปี่ยมไปด้วยความน่าเกรงขาม
เหมือนกับผู้เป็นปู่เมื่อสมัยยังหนุ่มแน่น และมีชื่อเสียงขจรไกลในฐานะ
ราชามหาราชผู้ปกครองดินแดนแห่งนี้ด้วยความเที่ยงธรรม
เป็นวีรบุรุษอย่างแท้จริงคนหนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่
เวลาผ่านไปแล้วนับพันปีตั้งแต่ที่แกรนด์ ดวาร์โก้ ราชาวีรบุรุษ
องค์แรกของเผ่าคนแคระสร้างอาณาจักรของคนแคระขึ้น แต่ปณิธานของ
รุ่นแรกก็ยังคงได้รับการสืบทอด โดยการปกปักรักษาประวัติศาสตร์
184
วัฒนธรรม และเทคโนโลยีต่อกันมา ทั้งยังพัฒนาให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น
แผ่นดินซึง่ มีมหาราชนัน้ ปกครองอยูก่ ค็ อื ประเทศแห่งยุทธภัณฑ์
ดวาร์กอนแห่งนีน้ เี่ อง แหม ถ้าได้ราชาวีรบุรษุ ทีอ่ ายุยนื ยาวแบบนัน้ ปกครอง
ก็คงจะต้องกลายเป็นประเทศที่วิเศษสุดๆ ไปเลยนั่นละนะ
เรื่องที่ได้ฟังท�าให้ผมรู้สึกตื่นเต้น และตั้งค�าถามว่าต้องใช้เวลา
อีกประมาณเท่าไรจึงจะไปถึง
“ว่าแต่ก็อบตะ พอจะรู้มั้ยว่าที่เหลือต้องใช้เวลาอีกแค่ไหน?”
“คิดว่าประมาณพรุ่งนี้ก็น่าจะถึงแล้วละครับ! เพราะเห็นภูเขา
ลูกใหญ่ขึ้นมากแล้ว!”
อย่างนีน้ เี่ อง พอลองมองตามทีถ่ กู บอกแล้ว ก็เห็นภูเขาลูกใหญ่
ขึ้นจริงๆ นั่นละ
ทัง้ ทีเ่ มือ่ วานยังมองไม่เห็นแม้แต่เงาเลยด้วยซ�า้ เป็นการเดินทาง
ด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อเลย
“ว่าแต่ฉันเองก็เพิ่งจะนึกสงสัยน่ะนะ นายไปท�าอะไรถึงราช-
อาณาจักรคนแคระเหรอ? ไม่ใช่ว่าบางทีก็มีพ่อค้าเร่ไปที่หมู่บ้านเหรอ?”
เท่าที่สอบถามเรื่องอาณาจักรก็อบลินจากริกุรุโด เห็นว่านานๆ
ครั้งก็มีพ่อค้าเร่เผ่าโคโบลด์7ไปที่หมู่บ้านบ้าง
ดังนั้นการที่อุตส่าห์เดินทางถึง 2 เดือนเพื่อไปยังราชอาณาจักร
คนแคระด้วยตัวเองจึงฟังดูเป็นเรื่องแปลก
“ครับ! คือว่าเผ่าคนแคระจะรับซื้ออาวุธและเครื่องป้องกัน-
เวทมนตร์ในราคาสูงครับ แต่ถงึ จะว่าอย่างนัน้ ก็จะจ่ายคืนมาให้ในรูปแบบ
ของพวกอุปกรณ์เครือ่ งไม้เครือ่ งมือน่ะนะครับ... แต่เขาก็อตุ ส่าห์ให้พอ่ ค้าเร่
ช่วยขนกลับมาให้ด้วย ดังนั้นเลยช่วยได้มากเลยละครับ! ที่ส�าคัญ ปิศาจ
ในบริเวณรอบๆ หมูบ่ า้ นของเราไม่มตี นไหนทีใ่ ช้อาวุธหรือเครือ่ งป้องกัน-
เวทมนตร์ได้น่ะนะครับ...”
อย่างนี้นี่เอง
7โคโบลด์ : Kobold ภูตในนิทานพื้นบ้านที่สืบทอดกันมาของเยอรมัน แปลได้ว่าภูตที่ชั่วร้ายในภาษาเยอรมัน
และบางครั้งก็ถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษว่าก็อบลิน ทว่าโคโบลด์ที่ปรากฏตัวในเกมหรือนิยายของญี่ปุ่นมักเป็น
มนุษย์ที่มีศีรษะเป็นสุนัข ซึ่งในที่นี้ก็เช่นกัน
แปลว่านานๆ ทีกเ็ อาอาวุธกับเครือ่ งป้องกันของพวกนักผจญภัย
ไปขายสินะ ก็ถึงว่าสิว่าท�าไมถึงไม่มีอุปกรณ์ที่ดูใช้งานได้เหลืออยู่เลย
เพราะเผ่าโคโบลด์ดูไม่ออกว่าเป็นของดีหรือไม่ดี ก็เลยอุตส่าห์
เดินทางมาถึงราชอาณาจักรคนแคระที่จะรับซื้อให้ในราคาสูงงั้นเหรอ แต่
ว่ากันตามจริง นักผจญภัยที่ถูกก็อบลินล้มเอาได้เนี่ย คงมีแต่ลูกเจี๊ยบมือ
ใหม่ทหี่ ลงทางในป่าเท่านัน้ แหละ นึกดูแล้วไม่นา่ จะมีของดีเด่อะไรได้เลย...
“ไม่เพียงเท่านั้นนะครับ ของที่พวกคนแคระท�าขึ้นน่ะ มีแต่ของ
คุณภาพสูงทั้งนั้น เริ่มตั้งแต่พวกอาวุธกับเครื่องป้องกัน เรียกว่ามีแต่ของ
ทีพ่ วกมนุษย์เองก็นา่ จะให้การยอมรับทัง้ นัน้ เลยครับ ทัง้ มนุษย์ ทัง้ อมนุษย์
รวมไปถึงปิศาจที่มีสติปัญญา ต่างก็ไปรวมกันที่นั่นโดยไม่มีการแบ่งแยก
เผ่าพันธุเ์ พราะต้องการข้าวของพวกนัน้ การทะเลาะวิวาทในอาณาจักรนัน้
เป็นข้อห้ามในนามขององค์ราชา และเป็นธรรมเนียมที่สืบทอดกันมาของ
ราชอาณาจักรคนแคระด้วยครับ”
ริกรุ ชุ ว่ ยเสริมค�าอธิบายทีต่ ะกุกตะกักขาดๆ เกินๆ ของก็อบตะให้
แปลว่าการซื้ออุปกรณ์ที่จ�าเป็นนั้นส�าคัญกว่าเป้าหมายแรกเริ่ม
หรือการขายอุปกรณ์สวมใส่สนิ ะ และเหนือสิง่ อืน่ ใด เสน่หข์ องทีน่ นั่ คงอยู่
ทีว่ า่ มีกฎเรือ่ งความเป็นกลาง ท�าให้แม้จะเป็นปิศาจทางนัน้ ก็จดั หาข้าวของ
ให้โดยไม่มีการแบ่งแยกเผ่าพันธุ์นั่นเอง
“ที่เรื่องแบบนี้เป็นจริงได้ ก็เพราะก�าลังทหารที่แข็งแกร่งของ
ประเทศแห่งยุทธภัณฑ์ดวาร์กอนครับ เท่าที่เคยได้ฟังจากพวกพ่อค้าเผ่า
โคโบลด์ เห็นว่าช่วง 1,000 ปีที่ผ่านมานี้ กองทัพคนแคระภาคภูมิใจกับ
การที่ไม่เคยพ่ายแพ้เลยมาก...”
ดูเหมือนว่าราชอาณาจักรคนแคระจะมีกองทหารเวทมนตร์อัน
ทรงพลังที่ได้รับการปกป้องโดยก�าแพงพลทหารเดินเท้าซึ่งสวมใส่เกราะ
หนักอยู่ คู่มือที่ต่อสู้ด้วยไม่สามารถท�าได้กระทั่งเจาะทะลวงปราการ
พลทหารเดินเท้า และถูกปราบราบคาบด้วยการโจมตีจากเวทมนตร์
186
และสิ่งที่เป็นเครื่องยืนยันถึงความสามารถที่แท้จริงนั้น... ก็คือ
บรรดาอุปกรณ์สวมใส่ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงนั่นเอง
อาวุ ธ ยุ ท โธปกรณ์ ที่ ส ร้ า งขึ้ น ด้ ว ยเทคโนโลยี ที่ ล้� า หน้ า นั้ น มี
ประสิทธิภาพเหนือกว่ายุทโธปกรณ์ทมี่ นุษย์สร้างขึน้ โดยสิน้ เชิง ดังนัน้ คงจะ
ไม่มใี ครหน้าไหนอยากมีเรือ่ งกับอาณาจักรทีม่ กี า� ลังรบแบบนัน้ อยูห่ รอก
และก็เป็นเรื่องแน่ว่ามนุษย์เลือกที่จะผูกสัมพันธไมตรีกับเผ่า
คนแคระ ไม่ใช่สรู้ บ ดังนัน้ ถึงจะบังเอิญพบเจอกับปิศาจในเขตการปกครอง
ของคนแคระ ก็คงไม่ค่อยมีใครบ้าจี้ก่อเรื่องโง่ๆ ขึ้นนัก
คนแคระอาจเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีไมตรีกว่าที่คาด เพราะแม้อีกฝ่าย
จะเป็นปิศาจแต่กค็ า้ ขายอุปกรณ์ของใช้ให้โดยไม่มกี ารแบ่งแยก ถ้าไปได้สวย
ก็น่าจะผูกสัมพันธ์ฉันมิตรได้
ว่ากันตามจริงก็คอื ขอให้ทกุ อย่างไปได้สวยเถอะ เพราะผมอยาก
จะมีความสัมพันธ์ฉันมิตรกับพวกเขา
นครที่มนุษย์กับปิศาจสื่อสารกันได้
ราชอาณาจักรคนแคระคงจะเป็นหนึง่ ในดินแดนทีแ่ ปลกประหลาด
ส�าหรับโลกนี้เลยละมั้ง
แม้จะเป็นนครทีเ่ ต็มไปด้วยอุปกรณ์สา� หรับการสูร้ บ แต่กลับเป็น
อาณาจักรที่รักสันติภาพ การที่ฐานบัญชาการของพ่อค้าอาวุธกลับเป็นที่
ที่ห่างไกลจากการต่อสู้มากที่สุด... อาจจะเป็นเรื่องน่าข�าในความหมาย
หนึ่งก็เป็นได้
นัน่ คือภาพรวมของประเทศแห่งยุทธภัณฑ์ดวาร์กอนทีผ่ มได้ฟงั
ในระหว่างการเดินทางครั้งนี้

และแล้วเวลาก็ด�าเนินผ่านไป 3 วันเต็มนับจากที่พวกเราออก
เดินทาง
ทุ่งหญ้าแผ่ตัวออกกว้างอยู่ ณ บริเวณเชิงเขาของมหาภูผา-
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 187
คานาร์ต
นครอันสวยงามที่สร้างขึ้นโดยการดัดแปลงถ�้าขนาดใหญ่ใน
เทือกเขา
ป้อมปราการธรรมชาติที่ธรรมชาติอันยิ่งใหญ่สรรค์สร้างขึ้น
ประเทศแห่งยุทธภัณฑ์ดวาร์กอน
พวกเรามาถึงราชอาณาจักรคนแคระแล้วในที่สุด

มีการเข้าแถวเรียงรายอยู่ที่หน้าประตู
ประตูขนาดใหญ่ที่เหมือนสร้างขึ้นเพื่อปกปิดถ�้าขนาดใหญ่ที่มี
ตามธรรมชาติ
เห็นว่าประตูขนาดใหญ่นจี้ ะเปิดต่อเมือ่ กองทัพมีการผ่านเข้าออก
หรือประมาณ 1 ครั้งต่อเดือนเท่านั้น
น่าเสียดายที่วันนี้มันปิดอยู่
บริเวณด้านล่างของประตูขนาดใหญ่นนั้ มีประตูบานเล็กส�าหรับ
ใช้ผ่านเข้าออกโดยเฉพาะเอาไว้ ดูท่าว่าโดยปกติแล้วจะใช้ประตูทางนี้กัน
ละมั้ง
ประตูที่ว่ามีอยู่ทั้งสองข้างของประตูบานใหญ่ แต่ทางด้านขวา
ไม่มกี ารต่อแถว ซึง่ ดูเหมือนว่ามันว่างเพราะเป็นทางผ่านส�าหรับผูม้ ตี า� แหน่ง
เช่นขุนนาง ฯลฯ โดยเฉพาะ ส่วนทีม่ คี นต่อแถวกันนัน้ คือเส้นทางส�าหรับ
เข้าออกฝั่งซ้ายมือ ที่มีทั้งคนผ่านเข้าออกด้วยฟรีพาส และคนที่ถูกพาไป
รับการตรวจสอบในห้องแยก แตกต่างกันออกไป
และเมื่อถึงด้านซ้ายของทางเข้าออกนั้น ก็มีระบบรักษาความ-
ปลอดภัยที่แน่นหนาไม่แพ้ชื่อประเทศแห่งยุทธภัณฑ์อยู่ด้วยเช่นกัน
ฉายาประเทศแห่งยุทธภัณฑ์คงจะไม่ได้มไี ว้แค่ประดับโก้ๆ อย่าง
188
แน่นอน
ถ้าเข้าไปด้านในได้แล้วก็ดูเหมือนว่าจะไปไหนมาไหนได้อย่าง
ค่อนข้างอิสระ... แต่แถวมันยาวเป็นบ้าเลยแฮะ
ดีไม่ดอี าจจะต้องเสียเวลาคอยทีน่ มี่ ากกว่าเวลาทีใ่ ช้เดินทางก็ได้
“สมแล้วที่เป็นที่ประทับของราชาคนแคระ เป็นประตูที่ดูน่า
เกรงขามสุดยอดเลย”
“ดูเครื่องป้องกันที่ทหารคนนั้นใส่อยู่สิ ต่อให้พวกเราท�างานสัก
10 ปีก็คงซื้อไม่ได้หรอกมั้ง...”
“เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว เห็นว่ากระทั่งจักรวรรดิทางตะวันออก
เองก็ยังหลีกเลี่ยงที่จะมีเรื่องกับที่นี่แบบออกหน้าออกตาเลย ถ้าได้เห็น
อุปกรณ์สวมใส่นั่นแล้วมันก็เป็นของตายละนะ”
“ไม่ตอ้ งพูดถึงหรอก ลองถ้าได้มเี รือ่ งกับพวกคนแคระสักครัง้ หนึง่
แล้วก็จะไม่มีวันมีครั้งที่สองได้อีก ไม่ว่าประเทศไหนก็คงไม่อยากโดน
เล่นงานจนเละเทะด้วยการล้างแค้นแบบดุเดือดสุดๆ หรอก!”
ขณะทีพ่ วกผมก�าลังสังเกตการณ์บริเวณรอบๆ แถวทีต่ อ่ เรียงกัน
อยู่ที่ทางเข้าออกด้านซ้าย บทสนทนานั้นก็ดังขึ้นให้ได้ยิน
คนแคระของโลกนีไ้ ม่ได้ออ่ นโยนรักสงบอย่างทีผ่ มจินตนาการไว้
หรอกเหรอ? ดูท่าว่าจะมีนิสัยรุนแรงกว่าที่คิดไว้ซะแล้ว
อาณาจักรนี้ถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางการซื้อขายแลกเปลี่ยนของ
ผู้คนต่างเผ่าพันธุ์ในฐานะนครการค้าอิสระ ดังนั้นจึงมีโฉมหน้าในฐานะ
เมืองซึ่งวางตัวเป็นกลางจนถึงที่สุด เรื่องที่ว่าราชาวีรบุรุษแห่งคนแคระ
ไม่อนุญาตให้ใช้ก�าลังภายในเมืองนั้นดูจะเป็นเรื่องที่มีชื่อเสียงในหมู่
นักผจญภัยมากทีเดียว
ก�าลังรบเป็นสิ่งจ�าเป็นในการรักษาความสงบสุข แม้ในต่างโลก
เองก็คงไม่ต่างกันละมั้ง
และระหว่างที่ผมก�าลังคิดแบบนั้นอยู่
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 189
“เฮ้ยๆ! มีปิศาจในที่แบบนี้ด้วยแฮะ!? ยังไม่ใช่ด้านในซะด้วย
ถ้าจัดการฆ่าซะที่นี่คงไม่เป็นไรมั้ง?”
“เฮ้ย มาท�ายืนต่อแถวอะไรฟะ ไม่เจียมตัวซะบ้างเลย พวกแกน่ะ
ถ้าไม่อยากถูกฆ่าละก็ยกที่ให้พวกเราซะ! แล้วก็ทิ้งสัมภาระทั้งหมดเอาไว้
ด้วย แล้วครั้งนี้พวกเราจะยอมปล่อยพวกแกไป!”
ก็มเี สียงค�าสัง่ ทีต่ คี วามหมายไม่ออก... ไม่ใช่สิ เสียงประสงค์รา้ ย
ดังให้ได้ยินโดยมุ่งมาทางนี้
ผู้ที่อยู่ที่นี่ในตอนนี้มีเพียงผมกับก็อบตะแค่ 2 คน เพราะขืน
พากองก�าลังผ้าเตีย่ วผืนเดียวเดินไปเดินมาก็มแี ต่จะเป็นทีส่ ะดุดตาในทาง
ทีไ่ ม่ดี ดังนัน้ ก็เลยตัดสินเอาจากค�าประกาศของผมทีว่ า่ ผมกับก็อบตะซึง่
ท�าหน้าที่น�าทางจะไปกันแค่ 2 คน!
ริกุรุนั้นท�าท่าว่าอยากจะมาด้วย แต่ผมก็ปฏิเสธไป
ตอนนีท้ กุ คนทีเ่ หลือจึงพักค้างแรมกลางแจ้งกันอยูท่ บี่ ริเวณปาก
ทางเข้าออกป่า รอเวลาให้พวกผมกลับไป
ก็อย่างที่ว่ามา ตอนนี้พวกผมจึงอยู่กันแค่ 2 คนเท่านั้น แล้วก็
เลยดูเหมือนเป็นเหยื่อให้รีดไถชั้นดีด้วยกระมัง?
ดูท่าว่าพวกเราจะโดนกลุ่มนักผจญภัยที่ไม่อยากต่อแถว 2 คน
หมายหัวเข้าซะแล้ว
“เฮ้ยๆ ก็อบตะ นายได้ยินเสียงอะไรไหม?”
“ครับ ได้ยินครับ...”
“ตอนที่มาคราวก่อนก็ถูกหาเรื่องด้วยรึเปล่า?”
“แน่นอนครับ! ผมโดนเล่นงานซะอ่วมทีต่ รงนี้ แล้วก็ได้พวกคุณ
พ่อค้าเผ่าโคโบลด์ช่วยไว้ครับ! ถ้าพวกเขาไม่ช่วยผมไว้ตอนนั้นละก็ ผม
อาจจะตายไปแล้วก็ได้มั้งครับ?”
“...โดนหาเรื่องด้วยเหรอ ถ้างั้นก็คงช่วยไม่ได้สินะ?”
“เป็นเหมือนชะตากรรมของปิศาจที่อ่อนแอนั่นละครับ...”
190
ดูเหมือนว่าจะเคยถูกหาเรือ่ งแฮะ แถมยังโดนเป็นเรือ่ งปกติดว้ ย
ช่วยบอกก่อนแต่แรกได้ไหมเนี่ย
ฝ่ายก็อบตะก็ทา� ตาเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง ก่อนจะท�าคอตก
ในที่สุดก็พูดคุยกับผมโดยไม่รู้สึกเกร็งได้แล้วแท้ๆ เรื่องคราวนี้
คงจะไม่ท�าให้เจ้านี่กลับเป็นอย่างเก่าอีกหรอกนะ?
น่าเป็นห่วงนิดๆ เหมือนกัน
“เฮ้ย! เป็นแค่ปศิ าจลูกกะจ๊อกแท้ๆ อย่ามาท�าเป็นเมินทางนีน้ ะ!”
“ว่าแต่สไลม์พูดได้เนี่ยหายากไม่ใช่เหรอ? เอาไปขายเป็นสัตว์
เลี้ยงโชว์น่าจะได้นะ?”
มนุษย์ 2 คนยังคงด�าเนินบทสนทนาน่าร�าคาญดังกล่าวต่อไป
แม้วา่ ผมจะเคยได้รบั ค�าชม หรือไม่ได้รบั หว่า ว่าเป็นคนมีเมตตา
ปรานีดั่งพระพุทธ แต่เจอแบบนี้ผมก็โมโหเป็นเหมือนกัน
“ก็อบตะคุง... นายจ�ากฎที่ฉันบอกก่อนหน้านี้ได้รึเปล่า?”
“ครับ! แน่นอนครับ!”
“งั้นเหรอ ถ้างั้นก็หลับตาแล้วอุดหูเอาไว้หน่อยนะ! ห้ามมองมา
ทางนี้เด็ดขาดล่ะ!”
“? ผมไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะครับ แต่ก็รับทราบครับ!”
เอาละ
ผมที่เป็นคนก�าหนดกฎ ดันแหกกฎเป็นคนแรก... ถ้าถูกมอง
อย่างนัน้ มันคงไม่ดตี อ่ การเรียนการสอนเท่าไร แต่ในเมือ่ ก็อบตะคุงทีเ่ ป็น
ตัวเกะกะหลับหูหลับตาให้แล้ว ก็มาก�าจัดขยะกันดีกว่าไหม!
ตอนนั้นเองที่สายตาของชายคนทางขวาขยับเขยื้อน
เมือ่ ตรวจสอบทิศทางทีส่ ายตานัน้ มุง่ ไป ก็มองเห็นกลุม่ คน 3 คน
ก�าลังลอบแอบมองมาทางนี้พลางยิ้มหยัน
กลุ่ม 2 คนที่อยู่เบื้องหน้าพวกผม เป็นนักดาบกับชายที่สวมใส่
อุปกรณ์แบบเบาคล่องตัว คิดว่าน่าจะมีอาชีพสายขโมย
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 191
ส่วนกลุ่ม 3 คน มีอยู่ 2 คนที่สวมชุดคลุมดูคล้ายกับจอมเวท
หรือนักบวช กับนักสู้ร่างใหญ่อีกคนหนึ่ง
ถ้าให้คาดคะเน------เจ้าพวกนีท้ งั้ หมดคงเป็นปาร์ตเี้ ดียวกัน โดย
สองคนนี้มาท�าหน้าที่ไล่พวกผมเพื่อจะได้ต�าแหน่งในแถว ส่วนอีก 3 คน
ก็ท�าหน้าที่ฆ่าพวกผมที่ถูกไล่ออกไปอย่างลับๆ แล้วค่อยท�าหน้าไม่รู้ไม่ชี้
กลับมารวมกลุ่มกับสองคนนี้------ บทละครคงจะมีประมาณนี้แหละ
ถ้าเจอปิศาจที่อ่อนแอ เจ้าพวกนี้คงใช้วิธีแบบนี้ฆ่าทิ้งแล้วฉก
สัมภาระไปเป็นของตัวเองละมั้ง
ช่างคิดกันเสียเหลือเกิน
แต่ว่า... คราวนี้เลือกคู่มือผิดไปหน่อยนะ!
“เฮ้ยๆ! หัดรู้จักรักษาคิวหน่อยสิ! ฉันมันใจกว้างซะด้วย เพราะ
ฉะนั้นถ้าเป็นตอนนี้ละก็ฉันจะไม่เอาเรื่อง รีบๆ ไปเข้าคิวจากด้านหลังซะ
ไป!”
เริ่มการท้าทายละ
ซึง่ เมือ่ ได้ยนิ อย่างนัน้ เจ้าสองคนก็พากันท�าตาโต ก่อนจะท�าหน้า
แดงแจ๋ในอึดใจ
เป็นพวกจุดเดือดต�่าชะมัด
“เป็นแค่ปิศาจชั้นต�่างี่เง่าแท้ๆ อย่ามาดูถูกกันนะ!”
“เฮ้ยๆ แกน่ะได้ตายแน่ๆ! ถ้ายอมทิง้ สัมภาระไว้แต่โดยดี พวกเรา
ก็คิดว่าจะไม่ฆ่าแล้วแท้ๆ เชียว... แต่ในเมื่อท�าให้พวกเราโกรธ ก็คงจะ
ปล่อยไปไม่ได้แล้วละ”
แล้วก็พ่นค�าพูดเหมือนลูกกะจ๊อกชั้นสามออกมาอีก
หึ บริษทั รับเหมาก่อสร้างน่ะนะ ถ้าไม่ทา� ตัวให้บยุ้ ใบ้คางออกค�าสัง่
กับบรรดาลุงๆ หน้าตาน่ากลัวได้ ก็ท�างานไม่ได้หรอก แถมบางทีคนของ
บริษัทซับคอนแทรกต์ก็มีคุณลุงขี้เล่นที่วาดรูปเล่นไว้บนตัวด้วย
เพราะฉะนั้นแค่ค�าขู่ของไอ้หนุ่มไก่อ่อนระดับนี้น่ะ ไม่ได้กิน
192
ผมหรอก
“ปิศาจชั้นต�่างี่เง่า? นั่นหมายถึงฉันเหรอ?”
“ก็ตอ้ งเป็นแกแหงอยูแ่ ล้ว! สไลม์นะ่ มันลูกกะจ๊อกของลูกกะจ๊อก
ซะด้วยซ�้าไม่ใช่เรอะ!”
“รีบๆ มาทางนีซ้ ะ ท่าทางแกจะพูดได้สนิ ะ ฉันจะไม่ฆา่ แต่เลีย้ ง
ไว้เป็นปิศาจทาสให้เอง!”
ปิศาจทาส? มีของแบบนั้นด้วยเหรอ?
เรื่องนี้ก็เอาไว้ก่อนแล้วกัน
ตอนนี้บรรดาพ่อค้ากับผู้คนที่ดูเหมือนนักผจญภัยซึ่งอยู่รอบๆ
เองก็เริ่มรู้สึกถึงความวุ่นวายที่ก�าลังเกิดขึ้นนี้แล้ว
ก่อนอื่นต้องท�าให้เป็นที่จับตามองเสียก่อน
ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าโลกนี้มีคอนเซปต์ความคิดเรื่องการ
ป้องกันตัวอย่างถูกต้องหรือเปล่า... แต่หลังจากนี้ ถ้ามีคนช่วยเป็นพยาน
ให้ปากค�าบ้างสักเล็กน้อยก็เรียกว่าดีแล้วละ
ว่าแต่ไม่มีมนุษย์ใจดีหน้าไหนออกมาบอกว่าฉันจะช่วยนายเอง!
บ้างเหรอ?
ถ้าผมเป็นสาวน้อยรูปงามก็อาจเป็นไปได้ แต่ในเมือ่ เป็นสไลม์ก็
คงไม่มีทางหรอกมั้ง
“ลูกกะจ๊อกลูกกะจ๊อกอยู่ได้ ดูแคลนกันเหลือเกินนะ! ที่ส�าคัญ
หาว่าฉันเป็นสไลม์งั้นเรอะ...?”
“ไม่ว่าจะดูจากมุมไหน แกมันก็สไลม์นี่หว่า!”
“แก บังอาจมาล้อเล่นกับเราเรอะ...! ไอ้ลกู กะจ๊อกอย่างแกบังอาจ
มาท�าบ้าๆ กับพวกเรา ยกโทษให้ไม่ได้แล้ว! ฉันจะฆ่าแก! มาร้องขอชีวิต
ตอนนี้ก็สายไปแล้วเฟ้ย!!”
และแล้วชาย 2 คนก็ควักอาวุธออกมาในท่าเตรียมพร้อม
อ๊ะ! ในที่สุดก็คว้าอาวุธแล้วสินะเจ้าพวกนี้
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 193
เฮ่อ โชคไม่เข้าข้างเลยแฮะ มนุษย์กลุ่มแรกที่ได้คุยด้วยดันเป็น
พวกแบบนี้ แถมพวกปิศาจยังจะเป็นมิตรมากกว่าอีกเสียนี่
ฝ่ายบรรดาผูค้ นรอบข้างก็เริม่ ถอยออกมามองดูพวกเราอยูห่ า่ งๆ
คงไม่มีใครอยากจะโดนลูกหลงหรอกเนอะ
ยามเฝ้าประตูเองก็ดูจะสังเกตเห็นความวุ่นวายนี้แล้วเหมือนกัน
จึงเริ่มเคลื่อนไหวอย่างร้อนรน
ผมช�าเลืองตามองสภาพเหล่านัน้ พลางค่อยๆ ก้าวออกไปข้างหน้า
แล้วก็
“หึหึหึ ฉันเป็นลูกกะจ๊อกงั้นเหรอ? สไลม์? นี่ฉันโดนเข้าใจผิด
ว่าเป็นสไลม์ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”
ต้องพูดให้พวกมันคิด
ไม่ว่ามองอย่างไรผมก็เป็นสไลม์ ดังนั้นอย่างไรเสียก็ต้องคิดว่า
ผมเป็นสไลม์ตั้งแต่แรกแน่อยู่แล้ว
นี่คือการแสดง... มั้งนะ
“ว่าไงนะ? คิดจะขู่กันก็ให้มันพอดีๆ หน่อยเถอะ!”
“หึ! ถ้าแกไม่ใช่สไลม์ละก็ รีบๆ แสดงร่างจริงออกมาซะสิ!
พอตายไปแล้วมันแก้ตัวอะไรไม่ได้หรอกนะ!”
ดูท่าว่าพวกนี้จะยอมรอให้ผมแปลงร่างเสร็จแฮะ
เป็นไปตามแผน!
ถึงสู้ทั้งในร่างสไลม์ ผมก็ว่าผมชนะได้อยู่ดี
แต่ว่ามันออมมือล�าบาก เพราะฉะนั้นดีไม่ดีอาจฉัวะ! กลายเป็น
สองท่อนไปเลยก็ได้
การปรับพลังท�าลายให้จบเพียงแค่อกี ฝ่ายสลบเหมือดเนีย่ เป็น
เรื่องยากทีเดียวละ
“ย่อมได้ ฉันจะให้พวกแกได้เห็นร่างที่แท้จริงของฉัน!”
ผมตะโกนเพื่อชวนให้คิดตาม แล้วปลดปล่อยออร่าที่กดดันไว้
194
ออกมา
แน่นอนว่าแค่ปริมาณน้อยเท่านั้น
ผมลองมองไปรอบๆ เพื่อตรวจสอบดูว่ามีใครสัมผัสออร่า
ปริมาณน้อยนี้ได้หรือเปล่า แล้วก็พบว่ามีหลายคนที่ก�าลังมองมาทางนี้
จากไกลๆ ทีพ่ อรูส้ กึ ตัว แต่ไอ้บา้ 2 ตัวทีอ่ ยูต่ รงหน้าผมกับพวกทีด่ เู หมือน
จะเป็นเพื่อนกันนั้น ไม่มีทีท่าว่าจะรู้เรื่องเลย
ท่าทางเจ้าพวกนี้จะไม่ได้เก่งเท่าปากว่าแฮะ
สังเกตการณ์พอแล้ว เอาละ จะจ�าลองกายเป็นอะไรดี...

หมอกสีด�าพวยพุ่งออกมาจากร่างของผม
มันเข้าปกคลุมร่างของผม... และหลังจากหมอกจางลง ปิศาจ
ตัวหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น
หมาป่าสีด�า
เอ๋? ตอนที่จ�าลองกายทันทีหลังจากที่กินเข้าไปก่อนหน้านี้
ยังเป็นรูปลักษณ์ของเผ่ากาโร่อยูเ่ ลย... แต่ตอนนีก้ ลับกลายเป็นร่างขนสีดา�
เหมือนกับพวกรันก้าที่วิวัฒนาการแล้ว แถมมีรูปร่างสูงใหญ่เหนือยิ่งกว่า
รันก้าอีก
แถมเขาบนหัวก็มี 2 เขา
จ�าลอง : เทมเพสต์สตาร์วูล์ฟ (หมาป่าดาราวายุทมิฬ)
...ดูเหมือนว่าถ้าสายพันธุ์ของปิศาจที่ผมกินเข้าไปมีวิวัฒนาการ
ก็จะน�ามาประยุกต์ใช้กบั การจ�าลองกายของผมได้ดว้ ยแฮะ ยิง่ ไปกว่านัน้
รูปลักษณ์ทปี่ รากฏออกมายังให้ความรูส้ กึ ว่ามีววิ ฒ
ั นาการน�าหน้ารันก้าไป
อีกต่างหาก เพราะดูจากทีร่ นั ก้ามีแค่เขาเดียวแล้ว ถ้าจะคิดว่ารูปลักษณ์นี้
เป็นรูปลักษณ์ที่มีระดับสูงกว่าก็คงจะไม่ผิด ผมรู้สึกได้ถึงพลังที่เหนือชั้น
ถ้าได้เห็นรูปร่างนี้ถึงจะเป็นไอ้บ้า 2 ตัวนี้เองก็คงจะต้องหนีเหมือนกัน
แหละ ผมคิดอย่างนั้นน่ะนะ...
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 195
“เฮอะ! แค่ท�ารูปร่างภายนอกให้ดูน่าเกรงขามแล้วไง ยังไงซะ
แกมันก็ยังเป็นแค่สไลม์เหมือนเดิมอยู่ดีนั่นแหละ!”
“เฮ้ยๆ คิดว่าท�าอย่างนีแ้ ล้วพวกเราคงจะกลัวจนหนีไป! อย่างนัน้
สินะ!”
มันไม่รู้สึกตัวเลยว้อย!
เฮ้ๆ ตามปกติแล้วมันน่าจะรู้ตัวกันได้แล้วนะ... นี่มันระดับที่แค่
รูปร่างภายนอกก็ท่าทางน่ากลัวแล้วนะ!
และอันที่จริง ถ้าสไลม์ดันแปลงร่างได้ขึ้นมาละก็ ถึงจะไม่รู้ว่า
เป็นภาพลวงตาหรืออะไร มันก็ควรจะระแวงระวังกันบ้างไม่ใช่เรอะ
ทั้งที่เป็นอย่างนั้น แต่เจ้าพวกนี้กลับไม่คิดจะสนใจอะไรเลย
หรืออาจจะสบายใจที่ยังมีพรรคพวกซ่อนตัวอยู่อีก 3 คนก็เป็น
ไปได้...

สกิลที่ผมใช้งานได้เองก็เพิ่มขึ้นเหมือนกัน
『สุดยอดประสาทรับกลิ่น จิตสื่อสาร คุกคาม เคลื่อนย้าย
ผ่านเงา อสุนีบาตดÓ』 ทั้งหมด 5 อย่าง
『เคลื่อนย้านผ่านเงา』 นี่คือสกิลที่พวกรันก้าก�าลังฝึกใช้กันอยู่
สินะ
เป้าหมายก็คอื การแทรกซึมเข้าไปในเงาของผูท้ เี่ ป็นคูห่ ู พอเรียก
ก็ปรากฏตัวออกมาได้! ท�านองนี้
แต่ตอนนี้ก�าลังฝึกเข้าไปในเงากันอยู่ ดังนั้นหนทางข้างหน้าจึง
อีกยาวไกล
ต่อมาก็ไอ้ 『อสุนีบาตดÓ』 นี่... ไม่ต้องทดลองก็รู้ ถ้าทดลอง
ละก็ ได้จัดคอร์สให้พวกหนุ่มๆ ที่น่าสงสารตรงหน้านี่ไหม้เป็นตอตะโก
แน่นอน
การคาดคะเนของผมมันอ่อนหัดเกินไป ดังนัน้ ถ้าท�าอะไรไปละก็
196
อาจจะตกอยูใ่ นสถานการณ์เลวร้ายยิง่ กว่าเดิมก็ได้ ดังนัน้ จึงไม่มสี กิลอะไร
ที่ใช้งานได้
ถ้าสกิล 『คุกคาม』 มีผลกับพวกงีเ่ ง่าก็ดนี ะ่ สิ! หรือว่าทีจ่ ริงแล้ว
พวกงี่เง่านี่จะแข็งแกร่งที่สุดในความหมายหนึ่ง?
เพราะพวกคนทีม่ งุ ดูอยูร่ อบข้างกลับเป็นฝ่ายกลัวจนเข่าอ่อนไป
แล้วด้วยซ�้า
“ให้ตายเถอะ... ช่างมันแล้วกัน ยุง่ ยากน่าเบือ่ เพราะงัน้ จะเข้ามา
ก็เข้ามาเลย!”
ผมยกให้คู่มือเป็นฝ่ายโจมตีก่อน ถ้าได้รับบาดเจ็บในสภาวะ
จ�าลองกายนี่จะเป็นอย่างไรนะ?
ที่จริงคือผมเคยตรวจสอบด้วยการทดลองจริงมาแล้ว โดยการ
แปลงร่างเป็นเจ้ากิ้งก่าแล้วลองรับการโจมตีไปเรื่อยๆ ดู
แล้วก็ปรากฏชัดเจนในตอนนัน้ คือดูเหมือนว่าถ้าความเสียหาย
ที่ได้รับสูงเกินกว่าระดับหนึ่ง การจ�าลองกายจะถูกปลดออก โดยระหว่าง
นั้นร่างสไลม์จะไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ซึ่งคงจะเป็นเพราะโครงสร้าง
ของการจ�าลองกายนั้นคือการใช้แก่นเวทครอบคลุมร่างจริงเอาไว้ละมั้ง
ความเสียหายก็เลยส่งเข้ามาไม่ถึงร่างจริง
ข้อจ�ากัดก็คอื ต้องรอประมาณ 3 นาทีกว่าจะจ�าลองกายครัง้ ต่อไป
ได้ แล้วก็จะต้องใช้แก่นเวททดแทนในการจ�าลองกายเป็นปิศาจแต่ละตัว
ปริมาณแก่นเวททีต่ อ้ งใช้นนั้ ถือว่าเล็กน้อยส�าหรับผม จึงไม่เป็น
ปัญหา ส่วนข้อจ�ากัดด้านเวลาก็ไม่เป็นปัญหาเหมือนกัน
สรุปแล้วก็คอื ปล่อยให้อกี ฝ่ายโจมตีไปตามใจชอบก็ไม่เป็นปัญหา
หรือในกรณีทอี่ กี ฝ่ายมีฝมี อื ก็คอ่ ยหนีเอาในวินาทีทกี่ ลับคืนเป็น
ร่างสไลม์ก็ได้
“เฮอะ ตายซะเถอะ!”
นักดาบตอบสนองต่อค�าพูดของผม โดยสบถแล้วฟาดฟันดาบ
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 197
เข้ามา
“ย้ากกก! คมดาบวายุซัด!”
นั่นคงเป็นสกิลของนักดาบละมั้ง? เพราะดาบที่เขาถืออยู่เปล่ง
ประกายแสงสีเขียวออกมา
ทว่าน่าเสียดายที่มันใช้กับผมไม่ได้ผล น่าสงสารแฮะ... ดาบที่
แสนภาคภูมิใจหักดังเป๊าะเลย
เวลาเดียวกับทีน่ กั ดาบเข้ามาโจมตีตามทีอ่ ธิบายข้างต้น ทางนักสู้
เกราะเบาเองก็ซัดมีดสั้นออกมาด้วย
ทว่า------
แม้จะน่าดูชมที่ขว้างมีดได้ถึง 3 เล่มพร้อมกัน แต่ดูเหมือนว่า
พลังท�าลายนั้นจะไม่มากพอที่จะทะลวงแผงขนเหล็กกล้าของเทมเพสต์-
สตาร์วูล์ฟได้
“เมื่อกี้นี้ท�าอะไรกันเรอะ?”
ผมเอ่ยถามโดยท�าท่าดูถูกอีกฝ่ายเต็มที่เหมือนที่พวกตัวร้ายมัก
จะท�ากัน ว่าแต่ถามจริงเหอะ เมือ่ กีท้ า� อะไรกันน่ะ? ผมไม่ได้รบั ความเสียหาย
จนอยากจะพูดแบบนั้นออกมาจริงๆ
สกิลนั่นมีไว้ท�าเท่เฉยๆ หรือไง?
“บะ บ้าน่า! เป็นขนเหล็กกล้าที่แข็งอะไรอย่างนี้...”
“เป็นไปไม่ได้... เรื่องแบบนี้ เรื่องแบบนี้.... เป็นไปไม่ได้! ดาบ
ของฉันท�าจากแร่เงินขาวนะ! มันช่วยเพิ่มผลในการก�าราบปิศาจด้วยนะ!”
...คือว่านะ แร่เงินมันอ่อนไม่ใช่เหรอ? พูดอะไรเนี่ย... หมอนี่
“เฮ้ย พวกนายเองก็มาช่วยด้วยสิ!”
นีค่ งไม่สนใจอะไรแล้วละมัง้ หนุม่ นักดาบถึงเริม่ ใช้สกิลเรียกเพือ่ น
เจ้า 3 คนนั้นเป็นเพื่อนร่วมแก๊งกันจริงๆ สินะ
“เฮอะ! เท่านี้แกก็จบสิ้นแล้ว!”
“ให้ตายเถอะ... ไม่นกึ เลยว่าจะถึงขัน้ ให้พวกเราต้องออกโรงด้วย!”
198
“เวทมนตร์แปลงร่างของสไลม์เหรอ? น่าสนใจ ถ้ามันตายแล้ว
ลองเอาไปผ่าพิสูจน์ดูดีกว่า”
“เจ้านี่ไม่ขยับเขยื้อนตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว ถ้าขยับเวทมนตร์คงจะ
คลายละสิ ว่าไง? แทงใจด�าใช่ไหมล่ะ!?”
บรรดาพวกทีถ่ กู เรียกมาช่วยสนับสนุนก็พดู เองเออเองกันตามใจ
ชอบเหมือนกัน
ทัง้ ห้ากระจายตัวกันออกไปโดยมีผมเป็นศูนย์กลาง แล้วเริม่ การ
โจมตีพร้อมๆ กัน
นักสู้เกราะเบาใช้ดาบสั้นเข้ามาฟาดฟัน
นักดาบท่องเวทมนตร์ โจมตีด้วยคมมีดของดาบสายลม
นักสู้เกราะหนักตะโกนว่า “คมขวานบดขยี้!” พลางจู่โจมด้วย
ขวานขนาดใหญ่
ผูใ้ ช้เวทมนตร์ ร้องว่า “ไฟร์บอล!” เป็นการโจมตีดว้ ยเวทมนตร์
ส่วนนักบวชก�าลังสร้างเกราะป้องกันเวทมนตร์เพือ่ พร้อมรับการ
โจมตีของผม
ในฐานะปาร์ตแี้ ล้วคงถือได้วา่ มีโครงสร้างทีด่ ลี ะมัง้ เพียงแต่เป็น
เรื่องน่าเสียดายส�าหรับพวกเขา ก็คือการโจมตีทั้งหมดที่ว่ามาใช้กับผม
ไม่ได้ผลก็เท่านั้น...
เมื่อลองเหลือบมองดูก็พบว่าทุกคนตกตะลึงเสียจนส่งเสียงกัน
ไม่ออกเลยทีเดียว
ถ้าเป็นตอนนี้ละก็ สกิล 『คุกคาม』 อาจใช้ได้ผลก็ได้
ผมใช้สกิล 『คุกคาม』 ควบคูไ่ ปกับการขูค่ า� ราม ทว่า นัน่ เป็นการ
กระท�าทีผ่ ดิ พลาดอย่างแรง... เพราะกระทัง่ พวกคนทีด่ อู ยูห่ า่ งๆ ก็พลอยฟ้า
พลอยฝนไปด้วย บ้างก็สลบเหมือด บ้างก็ปล่อยบางอย่างรั่วออกมาจาก
หว่างขา... สรุปแล้วก็คือ กลายเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่นั่นเอง
ซวยละ เอาไงดี? คราวนี้ถึงตาผมต้องกุมขมับบ้างแล้วสิ
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 199
เอ๋? กลุ่ม 5 คนนั้นเหรอ?
ลองโดนสกิล 『คุกคาม』 เข้าไปจากระยะประชิดแบบนั้นคงจะ
ไม่ต้องพูดถึงผลลัพธ์หรอกมั้ง
『ญาณจิ ต 』 ของผมรั บ รู ้ ถึ ง กองก� า ลั ง รั ก ษาความปลอดภั ย
คนแคระที่ก�าลังวิ่งมุ่งตรงมาทางนี้ได้
สรุปในค�าเดียวก็คือ
“จบแล้ว สินะ”
ผมพึมพ�า มันอาจจะจบแล้วจริงๆ ก็ได้
ขณะที่จ้องมองผู้คนที่ก�าลังปล่อยให้อะไรต่อมิอะไรหลั่งไหลรั่ว
ออกมาจากร่างกาย ผมก็คดิ ในใจว่าตอนเก็บกวาดไอ้พวกนีค้ งน่าขยะแขยง
เนอะ? แล้วก็เริม่ หนีความจริงโดยการคิดราวกับว่ามันเป็นเรือ่ งของคนอืน่

“ขออภัยจริงๆ คร้าบ-------!!”
ผมร้องพลาง (พยายามจะ) โค้งศีรษะลงต�่า
ขณะนีพ้ วกผมถูกควบคุมตัวมายังทีว่ า่ การของกองก�าลังรักษา-
ความปลอดภัย

หลังจากนั้น แน่นอนว่าไม่มีการปล่อยตัวพวกผมซึ่งก่อความ
วุน่ วายเสียขนาดนัน้ ในฐานทีไ่ ร้ความผิด! ไปจากจนงนัน้ ง่ายๆ พวกผมถูก
กองก�าลังรักษาความปลอดภัยของคนแคระที่วิ่งมาเข้าล้อมกรอบ
แต่เนื่องจากคู่มือทั้งห้าคนก�าลังอยู่ระหว่างหมดสติกัน ดังนั้นก็
เหมือนกับผมถูกล้อมอยู่คนเดียวนั่นแหละ
ใช่แล้ว! แอบกลับคืนเป็นร่างสไลม์แล้วหนีไปเงียบๆ ดีกว่า
เมื่อคิดได้อย่างนั้น ผมก็กลับคืนเป็นสไลม์แล้วพยายามทดลอง
200
หลบหนีดู...
หมับ! ทว่าร่างของผมถูกคว้าเอาไว้ และสิ่งที่เข้าจู่โจมต่อมาก็
คือความรู้สึกล่องลอยไม่มั่นคง
ผมถูกจับตัวได้อย่างง่ายดาย
โดยฝีมอื ของคุณทหารทีเ่ ผยรอยยิม้ ด้วยใบหน้าซึง่ บ่งบอกว่าอย่า
คิดว่าจะปล่อยให้รอดไปได้นา?
แม้มรี อยยิม้ แต่เส้นเลือดทีป่ ดู โปนอยูบ่ นหน้าผากก็ชว่ ยบอกเล่า
ถึงอารมณ์ของเขาได้เป็นอย่างดี
“เดีย๋ วก่อน พวกเราไม่ได้ทา� อะไรเลยนะครับ! พวกเราเองก็เป็น
ผู้เสียหายนะครับ!”
ผมลองพูดไวๆ ด้วยส�าเนียงเลียนแบบก็อบตะดู
“อือ้ นัน่ สินะ แต่วา่ มีเรือ่ งอะไรเอาไว้ไปว่ากันทีท่ ที่ า� การ เพราะฉะนัน้
อย่าคิดว่าจะหนีไปได้นะ!”
แล้วก็ได้รบั ค�าอธิบายกลับมาด้วยรอยยิม้ หวาน... ผมควรจะยอม
แพ้เสียทีดีกว่ามั้ง...
แล้วก็อบตะท�าอะไรอยูล่ ะ่ เนีย่ ? พอผมคิดอย่างนัน้ แล้วหันกลับ
ไปดู ก็พบว่าจนป่านนี้ก็อบตะก็ยังคงอุดหูหลับตาปี๋อยู่
...เจ้าบ้านั่น! นี่คิดอะไรอยู่กันแน่เนี่ย?
ไม่สิ คงจะไม่ได้คดิ อะไรเลยมากกว่า ก็เป็นพวกโง่เง่านีน่ า เอาเถอะ
จะเรียกว่าว่าง่ายก็ได้น่ะนะ
แม้จะเอือมระอา แต่ผมก็เรียกก็อบตะให้เข้ามาหา แล้วพวกผม
ก็ถูกควบคุมตัวไปยังที่ท�าการของกองก�าลังรักษาความปลอดภัยด้วย
ประการฉะนี้

ครั้งนี้มีสิ่งที่เกิดขึ้น 3 อย่าง!
หนึ่ง ถูกหาเรื่อง!
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 201
สอง แปลงร่างเป็นหมาป่า!
สาม เผลอค�ารามเสียงดังไปหน่อย
ไงล่ะ? ผมไม่ผิด จริงไหม? ผมคิดอย่างนั้นพลางแหงนขึ้น
เหลือบมองคุณทหาร
ผู้ยังคงยิ้มหวานไม่เปลี่ยนแปลง
หนวดเคราเฟิ้มนั้นดูเข้ากับใบหน้าที่ดูใจกว้างโอบอ้อมอารีเป็น
อย่างยิ่ง
น่าเสียดายแฮะ ถ้าเกิดว่าบนหน้าผากนั่นไม่มีเส้นเลือดปูดโปน
อยู่ละก็นะ
“เอ่อ... ท�าไมผมถึงต้องถูกพาตัวมาด้วยล่ะครับ?”
“บ้าเรอะ! พูดอะไรของนายหา? เพราะนายถูกหาเรือ่ ง พวกเรา
ถึงต้องโดนโกรธอยู่นี่ไงเล่า?”
“เอ๋!? เป็นอย่างนั้นเองหรือครับ? ขอโทษครับ... นี่ผมก่อเรื่อง
อีกแล้วสินะครับ...”
“เอาเถอะ คราวนี้ถือว่าช่วยไม่ได้ แต่ต่อไปต้องระวังตัวนะ”
ฟู่ ดูเหมือนจะหาทางกลบเกลื่อนส�าเร็จแฮะ นี่ละ ท่าไม้ตาย
“โยนความผิดให้คนอื่น!”
นี่เป็นเทคนิคชั้นสูงที่ต้องมีประสบการณ์ท�างานบริษัทมานานปี
จึงจะมีติดตัวได้ หลักส�าคัญก็คือ อย่าท�าให้คู่มือเกิดความสงสัย
ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากน่าดูเลยละ!
ว่ากันตามจริงแล้ว ผมพูดให้ฟังดูเหมือนล้อเล่นก็จริง แต่เรื่อง
ทั้งสามอย่างที่ว่ามันก็เป็นไปตามที่ว่านั่นแหละ ดูท่าว่าผลการสอบถาม
ผู้พบเห็นเหตุการณ์ก็คงจะได้ค�าให้การแบบเดียวกัน
ท่าทีทคี่ ณ
ุ ทหารมีตอ่ พวกเราจึงดูคลายความตึงเครียดลงบ้าง แม้
จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม
“แล้วไง? ไอ้ปิศาจหมาป่านั่นคืออะไร?”
202
คุณทหารตรงหน้าผู้รับหน้าที่สอบปากค�าเอ่ยถามผม
ที่ว่าอะไรเนี่ย หมายความว่าไงหว่า? ชื่อเผ่าพันธุ์เหรอ?
“เอ่อ ชื่อเผ่าพันธุ์ของหมาป่าตัวนั้นสินะครับ...”
“ไม่ใช่ เรือ่ งชือ่ จะเป็นยังไงก็ชา่ งเถอะ ท�าไมปิศาจแบบนัน้ ถึงมา
ปรากฏตัวที่นั่นได้? ว่ากันตามจริง มันโผล่มาจากไหนแล้วหายไปไหน?
พูดเรื่องที่แกรู้ออกมาให้หมด!”
อือ้ ? ผมบอกไปแล้วนีน่ าว่าเป็นตัวผมแปลงร่าง นีแ่ ปลว่าไม่เชือ่
เหรอ?
ฮีโร่เขาต้องปิดบังเรือ่ งทีแ่ ปลงร่างได้กจ็ ริง แต่ผมไม่ใช่ฮโี ร่สกั หน่อย
ดังนั้นผมเลยร่ายออกไปอย่างเปิดเผยโจ่งแจ้งแท้ๆ
“เอ่อ ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอครับ... ว่านั่นเป็นร่างแปลงของผม!”
“หา? แกเนี่ยนะ? สไลม์พูดได้ถือเป็นของแปลกก็จริง แต่ยังไง
ไอ้เรื่องแปลงร่างเนี่ยมันท�าไม่ได้หรอกมั้ง?”
“เดี๋ยวๆ ถ้างั้นให้ผมท�าให้ดูไหมล่ะครับ?”
“หึ เอาเถอะ สมมุตินะ สมมุติว่าถ้านั่นเป็นร่างแปลงของแก
จริงๆ แล้วท�าไมแกถึงแปลงร่างได้ล่ะ? เป็นสไลม์ไม่ใช่เหรอ แกน่ะ?”
เอ๋? ลองถูกบอกแบบนี้ แล้วจะให้ตอบยังไงล่ะนี่?
บอกไปตรงๆ ว่ายูนคี สกิลครับ! คงไม่เข้าท่า เพราะขืนท�าแบบนัน้
ผมคงถูกมองว่าเป็นเลเวลเดียวกับก็อบตะแน่
คิดดูสิ ค�าแก้ตัวดีๆ น่ะ คิดให้ออกเดี๋ยวนี้...!!
“ทีจ่ ริงคือว่านะครับ... ผมถูกผูใ้ ช้เวทมนตร์สาปเอาน่ะครับ บางที
คงจะเป็นเพราะอิจฉาความสามารถของผมละมัง้ ... ผมเป็นนักใช้เวทมนตร์
ลวงตาน่ะครับ”
“อืม ถูกผู้ใช้เวทมนตร์สาป นะ แล้วไง?”
“เอ่อ ครับ ผมใช้เวทมนตร์ลวงตาได้จ�านวนหนึ่ง ถึงจะก�าลังอยู่
ระหว่างเรียนรู้ก็เถอะ แต่ผมถูกผู้ใช้เวทมนตร์ที่ชั่วร้ายสาปให้กลายเป็น
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 203
สไลม์เข้า... ตอนนี้ก็เลยก�าลังเดินทางเพื่อหาวิธีถอนค�าสาป อย่างที่ว่านี่
ละครับ!”
“แล้วท�าไมแกถึงไปเจอกับผู้ใช้เวทมนตร์ที่ชั่วร้ายได้? เหตุผลที่
มันไม่ฆ่าแกแต่ใช้ค�าสาปแทนล่ะ?”
ฮึ่ยยย... ยอมเชื่อง่ายๆ ซะก็หมดเรื่องแล้วแท้ๆ ช่างสงสัยจน
เหมือนตื๊อเลยนะเนี่ย
เอาเถอะ ของมันแน่อยู่แล้ว ถ้ายอมเชื่อง่ายๆ ตรงนี้ ผมคงคิด
ว่าแกนี่งี่เง่ายิ่งกว่าก็อบตะอีกเรอะ! แน่
หลังจากนั้นเป็นเวลาประมาณร่วม 2 ชั่วโมง
การรุกรับระหว่างผมกับคุณทหารก็ด�าเนินไปเรื่อยๆ ไม่รู้จัก
จบสิ้น
............
........
...
และ ณ ปลายทางแห่งการถกเถียงอันร้อนแรงของพวกเราสองคน
เรื่องราวหนึ่งเรื่องก็ถือก�าเนิดขึ้น
เรือ่ งราวทีว่ า่ สาวน้อยรูปงามคนหนึง่ ถูกผูใ้ ช้เวทมนตร์ชวั่ ร้ายสาป
ให้กลายเป็นสไลม์
ไม่เชิงว่าโดนท้ามาก็รบั ค�าท้าหรอกนะ แต่ระหว่างทีผ่ มตอบสนอง
ข้อสงสัยของคุณทหารไปเรือ่ ยๆ เรือ่ งราวประหลาดก็ถอื ก�าเนิดขึน้ ในสมอง
ของผม
เรื่องราวของสาวน้อยรูปงาม อัจฉริยภาพด้านเวทมนตร์ลวงตา
สายเปลีย่ นร่าง ชอบแทนตัวเองว่าผม ผูถ้ กู แม่มดสาป จนต้องออกเดินทาง
เพื่อหาทางแก้ค�าสาปนั้น
ท�าไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้? แถมท�าไมถึงต้องเป็นสาวน้อย
เวทมนตร์ด้วย!?
204
พอผมพูดอะไรประหลาดๆ ออกไป คุณทหารก็ชว่ ยแก้ไขให้ในนาม
ของการสอบปากค�า
อย่างนี้นี่เอง! ระหว่างที่พวกเราช่วยกันแก้ไขไปเรื่อยๆ เรื่องราว
ก็ส�าเร็จเป็นรูปเป็นร่าง... ผมกับคุณทหารแลกเปลี่ยนสายตากันอย่าง
เร่าร้อนด้วยอารมณ์ประมาณว่า ท�าส�าเร็จแล้ว! ถึงอันที่จริงผมจะไม่มีตา
ก็เถอะนะ!
แต่ถึงจะไร้ค�าพูด ความรู้สึกมันก็สื่อสารกันได้
“เอาละ! หนังสือรายงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขอบคุณในความ
ร่วมมือ! แต่ว่าเรื่องการควบคุมตัวพวกแกน่ะ------”
ปั------- ง
บานประตูใหญ่เปิดผางเหมือนจะขัดค�าพูดของคุณทหาร แล้วก็
มีทหารคนหนึ่งตะลีตะลานวิ่งเข้ามา
“ยะ แย่แล้ว!! มีอาเมอร์ซอรัสมาปรากฏตัวในเหมือง เห็นว่าคน
งานขุดเหมืองที่ก�าลังขุดหาแร่ได้รับบาดเจ็บกันหลายคนเลย------”
“ว่าไงนะ!? แล้วจัดการกับอาเมอร์ซอรัสได้รึยัง?”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง! ตอนนี้กองก�าลังปราบปรามก�าลังมุ่งหน้า
ไปแล้ว ปัญหาอยู่ที่ว่ามีคนได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ด้วย แต่ไม่รู้ว่าก�าลัง
เตรียมท�าสงครามหรือไงนี่ละ ของจ�าพวกยารักษาเลยเพิ่งจะถูกขายหมด
เกลี้ยง แถมยังขอเบิกจากคลังของปราสาทไม่ได้ด้วย...”
“แล้วผู้ใช้เวทรักษาล่ะ?”
“เรือ่ งนัน้ ... คือตอนนีม้ กี ารเข้าไปถึงส่วนลึกของเหมืองเพือ่ ขุดหา
“หินแร่เวท” ใช่ไหมล่ะ? พวกผูใ้ ช้เวทรักษาประจ�าทีท่ า� การก็ตามเข้าไป
ด้วยกันหมด ทีเ่ หลืออยูต่ อนนีเ้ ลยมีแต่พวกมือใหม่ออ่ นหัดทัง้ นัน้ น่ะ!!”
“ว่าไงนะ!?”
ดูท่าว่าจะเกิดเรื่องใหญ่เสียแล้วแฮะ
ผมกลายเป็นอากาศธาตุไปแล้ว
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 205
ถ้าในคลังของปราสาทมีของก็ให้เอาออกมาซะสิ! ผมคิดอย่างนัน้ ...
ยาฟื้นฟูเหรอ ผมมีอยู่หรอก แต่ว่าจะเอาไงดีนะ?
ถ้าเป็นไปได้กอ็ ยากจะให้ภาพลักษณ์ของพวกเราดีขนึ้ แล้วเขาจะ
ได้ปล่อยเราแบบไม่เอาผิด ความคิดอย่างนั้นไม่ได้ผุดขึ้นมาในหัวของผม
หรอกนะ
การช่วยชีวิตคนถือเป็นเรื่องที่ต้องท�าอยู่แล้ว... ถึงพูดเองผมก็
สงสัยเองเหมือนกันก็เถอะ...
แต่มคี า� กล่าวไว้วา่ “ความเมตตาไม่ได้มไี ว้เพือ่ ใครอืน่ 8” อยูด่ ว้ ย
เมื่อเหตุการณ์มันวนไปวนมา สุดท้ายก็อาจจะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นกับผมก็
เป็นได้น่ะนะ
“เฮ้ พี่ชาย พี่ชาย!”
“อะไร? ตอนนี้ฉันก�าลังยุ่งนะ การสอบปากค�าเสร็จแล้วก็จริง
แต่ฉันยังปล่อยตัวพวกแกไม่ได้ รออยู่ในห้องนี้สักพักจนกว่าสถานการณ์
จะสงบลงแล้วกัน!”
“เปล่าๆ ไม่ใช่เรื่องนั้น คือว่าไอ้นี่น่ะ?”
ผมเอ่ยพลางโชว์ยาฟืน้ ฟูทเี่ อาออกมาจากทีเ่ ก็บ (ซึง่ ถ้าดูดว้ ยตา
คงจะเหมือนส�ารอกออกมาดัง แหวะ! อะนะ)
“...? หา นี่มันอะไรกันล่ะเนี่ย?”
“ยาฟื้นฟูครับ จะดื่มก็ได้! จะทาก็ดี! ของชั้นเลิศเลยนะครับ!”
“หา? ท�าไมสไลม์อย่างแกถึงมียาฟื้นฟูได้?”
เฮ้ๆ เรื่องสาวน้อยที่ชอบแทนตัวเองว่าผมหายไปไหนแล้วหา
นีป่ ฏิบตั กิ บั ผมแบบสไลม์เต็มร้อยเลยไม่ใช่เหรอคร้าบ! หมอนีเ่ อง
ก็ช่วยแต่งเรื่องเพราะนึกสนุกเฉยๆ จริงๆ สินะ
เอาเถอะ ผมเองก็เป็นแบบนัน้ เหมือนกัน ดังนัน้ คงบ่นอะไรไม่ได้
“แหม เรื่องนั้นจะเป็นยังไงก็ไม่เห็นเป็นไรไม่ใช่เหรอครับ? ลอง
เอาไปใช้ดูเถอะ ต้องใช้กี่ขวดครับ?”
8ความเมตตาไม่ได้มีไว้เพื่อใครอื่น (nasake wa hito no tame narazu) : เป็นสุภาษิตญี่ปุ่น
แปลว่า หากเรามีเมตตาแก่คนอื่นแล้ว ท้ายที่สุดเราก็จะได้รับความเมตตาตอบแทน
“คนเจ็บมีทั้งหมด 6 คน... แต่ไม่เป็นไรแน่เหรอ?”
ทหารหนุ่มที่มาส่งข่าวตอบพลางมองมาด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ
ถ้าผมเป็นทหารผมก็คงไม่รบั หรอก ยาทีป่ ศิ าจเอาออกมาให้เนีย่
“ชิ! อย่าออกจากที่นี่เด็ดขาดนะ! เฮ้ย ไปกันเร็ว!”
“เอ๋? แต่ว่าหัวหน้ากองครับ... เจ้านี่มันปิศาจนะครับ?”
“หนวกหู! ไปกันได้แล้ว รีบๆ น�าทางเข้า”
พูดจบ คุณทหารไว้หนวดเคราที่ถูกเรียกว่าหัวหน้ากองก็คว้า
ยาฟื้นฟู 6 ขวดที่ผมเอาออกมาให้แล้วออกวิ่ง ถึงจะต่อเติมบทสนทนา
กับผมแบบขอไปที แต่ดูเหมือนว่าก็จะเชื่อใจผมอยู่เหมือนกันแฮะ
ท่าทางแกคงเป็นคนมีน�้าใจจริงๆ ตามรูปลักษณ์ภาพนอก ถึง
จะน่าตกใจที่เป็นถึงหัวหน้ากองก็เถอะ
“จบแล้วเหรอครับ?”
ก็อบตะที่นั่งเงียบตลอดงานและท�าเพียงพยักหน้าตามที่ผมพูด
ถามขึ้น
“ยังไม่จบหรอก แต่เอาเถอะ ดูสถานการณ์ไปอีกสักพักก็แล้วกัน”
“รับทราบครับ!”
หลังจากนั้นพวกผมก็พากันนั่งเหม่อลอย
บางทีพวกทหารที่เข้าออกภายในที่ท�าการเป็นครั้งคราวก็มอง
พวกผมด้วยท่าทางสงสัยแล้วเอียงศีรษะ...
เวลาทีร่ อผ่านไปแล้ว 1 ชัว่ โมง ขณะทีผ่ มก�าลังฝึกควบคุมเส้นใย
แก้เซ็งก็รับรู้ถึงเสียงฝีเท้าของพวกหัวหน้ากองที่พากันกลับมาได้
ผมจึงเก็บเส้นใย แล้วรอให้พวกเขาเข้ามาในห้อง
ส่วนก็อบตะนัน้ ก�าลังหลับอยู่ หมอนี.่ .. อาจจะเป็นผูย้ งิ่ ใหญ่กว่า
ที่คิดก็ได้!
“ขอบใจนะ ช่วยได้มากเลย!!”
ทันทีที่เข้ามาในห้อง คุณหัวหน้ากองก็บอกแบบนั้นแล้วโค้ง-
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 207
ศีรษะลง
ต่อจากหัวหน้ากอง กระทั่งบรรดาคนงานขุดเหมืองก็พากันเข้า
มาด้วย
“นายคือคนที่ให้ยามาสินะ! ขอบคุณมากเลย!!”
“บอกตามตรง แขนฉันเกือบจะแหลกเป็นเสี่ยงๆ ก�าลังคิดเลย
ว่าถึงจะรอดมาได้ก็คงไม่มีงานให้ท�า... ขอบคุณมาก!”
“............”
บรรดาคนงานขุดเหมืองพากันกล่าวแสดงความขอบคุณ
ไอ้คนสุดท้ายน่ะ พูดอะไรบ้างสิเฟ้ย แต่เอาเถอะ ความรู้สึก
ขอบคุณก็ส่งผ่านมาถึงน่ะนะ
หลังจากกล่าวค�าขอบคุณกันอยูพ่ กั หนึง่ บรรดาคนงานขุดเหมือง
จึงกลับไป ดีแล้วละที่ดูเหมือนว่ายาฟื้นฟูจะท�าประโยชน์ได้
เกิดอะไรขึ้นหลายอย่างจนตะวันลับฟ้าไปนานแล้ว ด้านนอกจึง
มืดสนิท
หลังจากนั้นผมก็พูดคุยกับหัวหน้ากองต่ออีกระยะหนึ่ง
คราวนี้เป็นการพูดคุยกันอย่างจริงจัง
กลุม่ 5 คนทีม่ เี รือ่ งกับพวกผมนัน้ เป็นนักผจญภัยในสังกัดของ
สมาคมอิสระแห่งอาณาจักรนี้ แม้จะมีฝีมือ แต่ดูเหมือนว่าจะมีชื่อเสียงว่า
ชอบก่อปัญหาด้วยเช่นกัน
บอกตามตรงว่าเรื่องครั้งนี้คงเป็นยาดีทีเดียวละ! หัวหน้ากอง
บอกพลางหัวเราะร่า
และยังบอกด้วยว่าแม้จะตรวจสอบได้เรียบร้อยแล้วว่าพวกผม
ไม่ได้ท�าอะไรจริงๆ แต่ที่ต้องจับกุมก็เพราะค�านึงถึงความรู้สึกของผู้ได้รับ
ความเสียหายซึ่งอยู่ในบริเวณรอบๆ
แต่ก็ไม่มีใครยื่นค�าร้องให้ชดใช้ค่าเสียหายแต่อย่างใด
ชดใช้ค่าที่ท�าให้กางเกงในสกปรกมานะ! เรื่องแบบนี้คงน่าอาย
208
จนไม่มีใครพูดได้ละมั้ง
ผมเองก็เล่าเรื่องราวของพวกผมให้หัวหน้ากองฟังเหมือนกัน
เรือ่ งการฟืน้ ฟูหมูบ่ า้ นก็อบลิน การจัดหาเสือ้ ผ้าเครือ่ งนุง่ ห่มและ
อาวุธยุทโธปกรณ์ การจ้างวานผู้ที่จะเดินทางไปให้ค�าแนะน�าได้ ฯลฯ
ซึ่งหัวหน้ากองก็รับฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ ส่วนบรรดาสมาชิกใน
กองที่ทราบเรื่องราวก็เข้ามาชวนคุยหลายๆ อย่างด้วย
เจ้าก็อบตะเองก็โดนชวนคุยหลายเรื่อง ซึ่งเจ้าตัวก็ให้ค�าตอบ
แบบมึนๆ งงๆ
และแล้ว ยามค�่าคืนก็ผันผ่านไป...

วันต่อมา
พวกเรายังคงรั้งอยู่ในที่ท�าการเหมือนเดิม
ก็อบตะได้รับอนุญาตให้ยืมห้องส�าหรับพักผ่อนชั่วคราว ตอนนี้
จึงไม่อยู่ และให้เดาก็คงจะยังหลับอยู่นั่นละ
ส่วนตัวผมไม่จา� เป็นต้องนอน จึงออกไปดูการฝึกซ้อมของบรรดา
ทหารที่สวนด้านหลัง
ความเร็วในการสะบัดดาบไม้ การฟาดฟันกันนิดๆ หน่อยๆ ใน
การจ�าลองการต่อสู้ และสภาวะในการวิ่งออกก�าลัง
ผมเฝ้าสังเกตการกระท�าทั้งหมดนั้นอย่างสบายอารมณ์
แล้วก็ใช้สถานการณ์ดังกล่าวท�าการซิมูเลชั่นในสมอง ให้พวก
เขาลองต่อสู้กับปิศาจแต่ละชนิดดู
เนื่องจากผมก�าลังว่าง มันจึงให้ความรู้สึกเหมือนเล่นเกม ว่าแต่
เอา 『มหาปราชญ์』 มาใช้ท�าเรื่องแบบนี้มันจะดีหรือนี่ รู้สึกเหมือน
เข้าท�านองไก่ได้พลอยอย่างไรพิกล แต่ช่วยไม่ได้ ก็มันสนุกดีนี่นา ดังนั้น
ไม่มีปัญหาหรอก
ผลลัพธ์ทไี่ ด้กค็ อื ชัยชนะเป็นของพวกปิศาจโดยสิน้ เชิง แม้จะลอง
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 209
ปรับเงือ่ นไขของทางปิศาจให้แย่ลงบ้าง ก็มคี นเอาชนะค้างคาวกับเจ้ากิง้ ก่า
ได้แค่ไม่กี่คน
ถ้าเป็นการสูต้ วั ต่อตัว สถานการณ์ดจู ะเอนเอียงไปทางฝัง่ ปิศาจ
เพียงแต่ดเู หมือนว่าคนปริมาณ 4-6 คนจะถือเป็นจ�านวนขัน้ ต�า่ ของหน่วย
ต่อสูโ้ ดยพืน้ ฐาน ดังนัน้ หากสูเ้ ป็นกลุม่ ละก็ การจัดกลุม่ บางกลุม่ ก็เอาชนะ
ค้างคาวได้เหมือนกัน
ทว่าถึงจะใช้ทงั้ ยีส่ บิ คนทีอ่ ยูท่ นี่ กี่ ค็ งเอาชนะเจ้าตะขาบไม่ได้หรอก
ดูแล้วคุณทหารพวกนี้เองก็ไม่น่าจะเก่งกาจที่สุดในอาณาจักรนี้
เสียหน่อย เพราะฉะนั้นก็อาจจะได้ประมาณนี้ละนะ

ระหว่างที่ผมก�าลังท�าเรื่องดังกล่าว ก็อบตะก็ตื่นขึ้น
ส่วนหัวหน้ากองเองก็ดูเหมือนจะมาท�างานแล้วด้วย
“พวกนายได้รบั การปล่อยตัวแล้ว โทษทีนะทีต่ อ้ งจับตัวพวกนาย
ไว้ มันเป็นเรื่องของภาพลักษณ์ด้วยก็เลยต้องให้พวกนายอยู่ที่นี่ทั้งวัน
โทษทีนะ!”
“ไม่หรอกๆ พวกเราเองก็ไม่ตอ้ งเสียค่าทีพ่ กั เรียกว่าช่วยได้มาก
เลยละครับ”
“ถ้านายว่าแบบนั้นทางเราเองก็สบายใจ เพื่อเป็นการขอโทษ
ฉันจะแนะน�าช่างตีดาบฝีมือดีให้ก็แล้วกัน!”
“แบบนั้นช่วยได้มากเลยละครับ ขอบคุณมากครับ!”
โชคดีเริ่มมาแล้ว ไม่ว่าปากจะพูดอย่างไร แต่ก็ดูเหมือนว่าคุณ
หัวหน้ากองจะช่วยตรวจสอบการเข้าเมืองของพวกเราให้เร็วกว่าใคร ค่าทีพ่ กั
ก็ไม่ต้องจ่าย ส่วนการตามหาช่างตีดาบนั้นน่าจะเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่ถ้า
คุณหัวหน้ากองช่วยแนะน�าให้ละก็ ต้องเป็นของดีไม่ผิดแน่นอน!
คิดในทางบวกเข้าไว้ แล้วจะมีแต่เรื่องดีๆ เกิดขึ้น!
“เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน...”
210
อื้อ? เรื่องดีๆ มีเบื้องหลังด้วยงั้นเหรอ?
เรื่องเบื้องหลังที่ผมชอบน่ะ มีแต่พวกเรื่องวิดีโออะไรท�านองนั้น
เท่านั้นนะ...
“ถ้านายยังมียาฟืน้ ฟูเก็บไว้อยูอ่ กี ละก็ ขอแบ่งให้เราหน่อยจะได้
ไหม”
อย่างนีน้ เี่ อง เมือ่ วานนีเ้ ห็นคุยกันว่าในสต็อกไม่คอ่ ยมีเหลือแล้ว
นี่นะ...
ถึงเราจะมีของเหลือในสต็อกอยู่เพียบ เพราะงั้นจะขายแค่ไหน
ก็ได้อยู่หรอก... แต่เราไม่รู้ราคาซื้อขายในท้องตลาดเสียด้วยสิ
เอาไงดี?
...แต่ก็เอาเถอะ อย่างไรซะมันก็เป็นของที่ใช้แล้วต้องหมดไป
ซึ่งเราท�าขึ้นเองโดยไม่เสียค่าผลิต ถ้าเขาอยากได้ ก็ให้ไปสักจ�านวนหนึ่ง
ก็แล้วกัน
“ได้สคิ รับ เพียงแต่วา่ มันเป็นของทีพ่ วกเราเองก็ตอ้ งใช้เหมือนกัน
เพราะฉะนั้นก็ขึ้นอยู่กับจ�านวนที่ต้องการนะครับ?”
“เอาแค่ส่วนที่มีเหลือใช้ก็พอ หรือถ้ามีแค่ขวดเดียว ก็ขอขวด
เดียวพอ”
อือ๋ ? รูส้ กึ เหมือนคุณหัวหน้ากองแกพูดแปลกๆ พิกลแฮะ? ไม่ใช่
ว่าอยากได้ยาฟืน้ ฟูไปเก็บไว้เผือ่ ฉุกเฉินหรอกเหรอ? ถ้ามีแค่อนั เดียว เวลา
ฉุกละหุกขึ้นมามันจะล�าบากเอานา
เอาเถอะ คงเพราะก�าลังขาดแคลนมากจริงๆ ละมั้ง
“อืม ถ้าอย่างนั้น ประมาณ 5 ขวดจะพอไหมครับ?”
“5 ขวด! ช่วยได้มากเลยละ!!”
“อ้อ แล้วก็คดิ ว่าถึงผสมกับน�า้ ให้เจือจางลงก็ยงั ใช้ได้ผลนะครับ?
ถ้าแค่แผลฉีกธรรมดาละก็ ใช้แค่ประมาณหนึ่งในสิบส่วนก็พอ”
พอผมอธิบายอย่างนั้น คุณหัวหน้ากองก็พยักหน้าหงึกๆ ด้วย
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 211
สีหน้าเหมือนกับว่าของมันแน่อยู่แล้วเนอะ
เมื่ออีกฝ่ายดูจะรับข้อตกลงได้ ผมจึงส่งยา 5 ขวดให้ แล้วก็ได้
รับถุงใบเล็กๆ กลับมา
พอมองดูด้านในก็พบว่ามีเหรียญสีทองอยู่
“จ�านวนอาจจะน้อยไปหน่อย แต่ไหว้ละ ช่วยขายให้พวกเราใน
ราคา 1 ขวด 5 เหรียญทองเถอะนะ!”
ดูเหมือนว่ายาฟื้นฟู 5 ขวดจะกลายเป็นเหรียญทองได้ 25
เหรียญแฮะ
ป่านนี้แล้ว ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าขาดทุนหรือเปล่า แต่เอา
เป็นว่ายกให้ไปในราคานี้ แล้วถามเรือ่ งมูลค่าของอัตราแลกเปลีย่ นเป็นการ
ตรวจสอบแทนดีกว่า
“เอ่อ คือว่าขอโทษนะครับ...”
“น้อยไปเหรอ? แต่ว่าเราจ่ายได้เต็มที่เท่านี้น่ะนะ...”
“เปล่าครับ คือว่าเรื่องเงินน่ะเท่านี้ก็พอ แต่ผมมีเรื่องก็อยากจะ
ให้ช่วยบอกหน่อยน่ะครับ...”
“เอ๋? เท่านี้พอเหรอ? ถะ ถ้างั้นอยากถามเรื่องอะไรล่ะ?”
อื๋อ? อื๋อออ? ปฏิกิริยาแบบนี้... นี่มัน หรือว่าจะโดนเอาเปรียบ
สุดๆ อยู่ รู้งี้ท�าใจแข็งเรียกเพิ่มสักหน่อยอาจจะดีก็ได้
แต่ก็ช่างมันเถอะ คุณหัวหน้ากองคนนี้เองก็ดูเป็นคนดี คงจะไม่
หลอกลวงอะไรเรามากมายหรอก
“คือเรื่องจ�านวนเงินมันก็ใช่หรอกนะครับ แต่คือผมไม่รู้เรื่องค่า
ของเงินหรือราคาข้าวของเลยสักนิด... ถ้าเป็นไปได้กช็ ว่ ยสอนผมเรือ่ งพวกนี้
หน่อยเถอะครับ! เพราะผมเป็นสไลม์น่ะครับ!”
ผมเองก็ประกาศตัวว่าเป็นสไลม์ เหมือนเป็นการปฏิเสธเรื่อง
สาวน้อยที่พูดแทนตัวเองว่าผมซึ่งอุตส่าห์ช่วยกันคิดเมื่อวานเหมือนกัน
แต่วา่ ก็พอกันนัน่ แหละ อย่างไรซะคุณหัวหน้ากองเขาก็ไม่ได้เชือ่
212
เรื่องนั้นอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่มีปัญหาหรอก
ด้วยเหตุนี้ บทสนทนาก่อนออกเดินทางจึงยาวเหยียด และกว่า
จะได้ฤกษ์ออกเดินทางกันเถอะ! ก็เป็นเวลาก่อนอาหารเที่ยงเสียแล้ว ผม
ไม่รู้เรื่องรสชาติก็จริง แต่ก็ยินดีกับความรู้สึกของคุณหัวหน้ากองที่จะพา
ผมซึ่งเป็นปิศาจไปรับประทานอาหารด้วยกัน
ผมรับประทานอาหารโดยรู้สึกว่ามันอร่อย หลังจากที่ไม่ได้รู้สึก
มาเสียนาน

เฮ่อ... ท�าไมงานมันถึงได้ยุ่งแบบนี้นะ...
ไคจิน ชายเผ่าคนแคระบ่นออกมา
ให้ตายเถอะ จักรวรรดิทางตะวันออกอาจจะเคลื่อนไหวก็ได้!
งั้นเรอะ? เรื่องบ้าๆ แบบนั้นจะเป็นไปได้ไง!
นั่นคือใจจริงของเขา
อันที่จริง ยุคสมัยอันสงบสุขด�าเนินมาตลอดช่วงเวลา 300 ปีที่
ผ่านมา
จักรวรรดิเองก็เป็นอาณาจักรที่อุดมสมบูรณ์อยู่แล้ว แล้วท�าไม
ถึงจ�าเป็นจะต้องลงทุนไปรุกรานที่อื่นด้วย
เขาไม่เข้าใจเรื่องนี้เอาเสียเลย
เอาเถอะ อย่างไรส�าหรับคนที่ท�างานผลิตอาวุธอย่างพวกเขา
การทีส่ งครามจะเริม่ ต้นขึน้ ก็เท่ากับเป็นโอกาสทีจ่ ะท�าเงินได้ครัง้ ใหญ่... แต่
ถึงจะว่าอย่างนัน้ ก็เถอะ ท�าไมปริมาณงานมันถึงเพิม่ ขึน้ กะทันหันแบบนีฟ้ ะ!
นั่นคือความรู้สึกอันแท้จริงของเขา
แถมยังมีปญ ั หาทีส่ ร้างความปวดหัวให้เขาอยูอ่ กี เรือ่ งหนึง่ ด้วย...
ไอ้รัฐมนตรีงี่เง่านั่น! ไคจินกลัดกลุ้มพลางนึกอยากอัดรัฐมนตรี
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 213
คนนั้นให้เละอยู่ในใจ
จะท�าไงดีล่ะเนี่ย เขาถอนหายใจพลางครุ่นคิด
ก�าหนดเวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว
แต่ถ้าปฏิเสธไปก็จะมีผลกับชื่อเสียงของเขา
ท�าไม่ได้ครับ! นี่เป็นเรื่องที่ใช่ว่าพูดแค่นั้นแล้วจะจบ
ตอนนี้เขาก�าลังรอการติดต่อจากคนรู้จักอยู่ แต่เขาอาจต้อง
ยกธงขาวจริงๆ ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ที่ได้
ถึงตัวเขาจะเป็นช่างตีอาวุธที่มีชื่อเสียงพอสมควร แต่ก็มีเรื่องที่
ท�าไม่ได้อยู่เหมือนกัน
ใช่แล้ว ถ้าไม่มีวัตถุดิบแล้วมันจะไปท�าอะไรได้!

และแล้วการติดต่อที่เฝ้ารอก็ถูกส่งมาถึงตรงหน้าเขา
“ขอโทษนะ... ถ้าติดต่อได้ตั้งแต่เมื่อวานก็คงดี แต่เมื่อวานเรา
ไม่อยู่ในสภาพที่จะติดต่อมาได้จริงๆ...”
ชาย 3 คนเอ่ยเช่นนั้นพลางก้าวเข้ามาด้านใน
ทั้งสามคนเป็นพี่น้องเผ่าคนแคระ เป็นกลุ่มคนที่ไคจินฝากให้
ท�าหน้าที่ขุดหาวัตถุดิบ
คนโตชื่อการ์ม เป็นช่างท�าเครื่องป้องกันฝีมือดี
คนกลางชือ่ โดลด์ เป็นชายทีม่ ชี อื่ เสียงในเรือ่ งฝืมอื ด้านหัตถศิลป์
ซึ่งถือเป็นอันดับหนึ่งของเผ่าคนแคระ
คนเล็กชื่อมิลด์ เป็นชายที่เงียบๆ แต่มีความช�านาญการไม่ว่าจะ
เป็นเรื่องงานสถาปัตยกรรมหรืองานศิลปกรรม เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะ
รูปแบบหนึ่งเลยทีเดียว
อันที่จริงทั้งสามเป็นทรัพยากรบุคคลชั้นเลิศที่ถ้าแต่ละคนจะมี
ร้านคนละร้านก็ไม่แปลก แต่ทั้งสามไม่มีความสามารถในการใช้ชีวิตจน
ไม่รู้จะว่าอย่างไรดี เรียกว่านอกจากสิ่งที่ตัวเองถนัดแล้ว พวกเขาไม่มี
214
ความสามารถด้านอื่นเลยจริงๆ
ดังนั้น ละมั้ง? พวกเขาจึงไม่มีอุปนิสัยที่จะต่อรองเจรจาท�า
การค้าได้ไปกันใหญ่ และมีแต่จะถูกคนรอบข้างหลอกใช้ไปเรื่อยๆ
ท้ายที่สุด ทั้งสามก็ถูกคนที่ไว้วางใจให้ดูแลร้านยึดเอาร้านไป
ไหนจะถูกกับดักของคนทีร่ ษิ ยาในความสามารถของพวกเขาพีน่ อ้ ง ท�าให้
ไปปฏิเสธการจ้างวานของรัฐมนตรีจนถูกภาครัฐเพ่งเล็ง... จนเมื่อหาทาง
ท�าอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ จึงต้องมาขอพึ่งพาไคจินซึ่งเป็นเพื่อนตั้งแต่
สมัยเด็ก และเป็นเสมือนลูกพี่ใหญ่ของทั้งสามแบบนี้
แม้ไคจินจะคิดในใจว่า รีบมาพึ่งพาเขาให้เร็วกว่านี้สิ! แต่เรื่อง
มันก็ผ่านไปเสียแล้ว
ดังนั้นไคจินจึงรับทั้งสามไว้ที่ร้าน และจ้างงานในฐานะลูกจ้าง
ทว่าไคจินไม่มีงานให้พวกเขาท�า ร้านของไคจินเปิดกิจการใน
ฐานะร้านขายอาวุธ ส่วนอย่างอื่นนอกเหนือจากนั้นจะใช้วิธีรับเข้ามาขาย
เรือ่ งอาวุธไคจินเป็นผูท้ า� ด้วยตัวเอง และให้พวกเขาคอยช่วยเหลือ
งานอื่นๆ ...แต่หากเลิกการติดต่อซื้อขายสินค้าเพราะที่นี่ท�าเครื่องป้องกัน
และงานฝีมือได้ด้วยตัวเองแล้ว ก็เกรงว่าอาจจะกลายเป็นต้นเหตุก่อให้
เกิดปัญหาที่ไม่ควรเกิดได้
ดังนัน้ จึงจ�าเป็นจะต้องด�าเนินกิจการในรูปแบบปัจจุบนั ไปเรือ่ ยๆ
ก่อน จนกว่าทั้งสามคนจะเข้าที่เข้าทาง
แล้วก็เลยต้องสัง่ ให้ทงั้ สามไปท�างานใช้แรงงานโดยการรวบรวม
หินแร่หรือวัตถุดิบมาให้อย่างช่วยไม่ได้

เท่าที่ฟังเรื่องราวจากทั้งสามคน ดูเหมือนว่าจะมีปิศาจปรากฏ
ตัวออกมา
ไคจินได้แต่กุมขมับ
แต่ ณ ที่นี้ควรจะต้องแสดงความยินดีกับความปลอดภัยของ
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 215
ทั้งสามเสียก่อน
โชคดีจริงๆ ที่ดเู หมือนว่าเรื่องจะจบลงโดยที่ทั้งหมดปลอดภัยดี
เมื่อคิดอย่างนั้นไคจินจึง
“เอาเถอะ พวกแกปลอดภัยกันก็ดีแล้วละ นี่หนีรอดกันมาได้
สินะ ดีจริงๆ ที่ไม่บาดเจ็บอะไรกัน!”
เอ่ยออกไปอย่างนั้น
ใช่แล้ว ขอเพียงร่างกายปลอดภัยดี ก็ค่อยออกไปขุดหาหินแร่
อีกก็ได้ ความปลอดภัยของผูเ้ ป็นเพือ่ นนัน้ ส�าคัญกว่าหลายเท่า! ไคจินคิด
อย่างนั้น
ทว่าทั้งสามคนกลับมองหน้ากันและกันด้วยสีหน้าเฝื่อนๆ
และแล้วก็บอกว่า-------
“เปล่า... อันที่จริงพวกเราไม่ได้หนีพ้นหรอก”
“อือ้ ทีจ่ ริงแล้ว จนถึงตอนนีฉ้ นั ก็ยงั แทบไม่อยากเชือ่ เลยว่าเรือ่ ง
ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้คือความจริง...”
“............”
------- แล้วจากนั้น ไคจินก็ได้รับฟังรายละเอียดของเรื่องราว
เรือ่ งทีว่ า่ ทัง้ หมดรอดชีวติ มาได้ฉวิ เฉียดด้วยยาทีไ่ ด้รบั จากสไลม์
ประหลาด
ถ้าตามปกติ นีเ่ ป็นเรือ่ งทีค่ งต้องหัวเราะแล้วบอกว่า “ใครมันจะ
ไปเชื่อ” ทว่าสามพี่น้องกลุ่มนี้ไม่มีทางพูดโกหก
พวกเขาไม่คล่องแคล่วพอที่จะพูดโกหกได้
ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น ก็แปลว่าเป็นเรื่องจริงเรอะ? แต่ถ้าเมื่อวานนี้
มีคนถูกปิศาจท�าร้ายที่สถานขุดหาหินแร่ด้วย ก็แปลว่าคงไม่มีทางหาทาง
ว่าจ้างคนงานใหม่ได้ คนงานที่จ้างเอาไว้จนถึงเมื่อวานพากันลาออกและ
หนีไปตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว ซึ่งก็คงบ่นอะไรไม่ได้เพราะเห็นว่าพวกเขาเอง
ก็ได้รับบาดเจ็บพอสมควรด้วย
216
อันที่จริง เวลาแบบนี้ละที่ควรจะต้องจ้างวานสมาคมอิสระ แต่
เรื่องนั้นก็คงจะไม่ไหวเหมือนกัน
เพราะไคจินได้ยนื่ เรือ่ งจ้างวานการขุดหาวัตถุดบิ ไปนานมากแล้ว
แต่ก็ไม่มีค�าตอบรับกลับมา
เนื่องจากโรงช่างอื่นๆ เองก็มีการยื่นเรื่องจ้างวานเหมือนกัน
ท�าให้ทรัพยากรขาดแคลนและกระจายตัวได้ไม่ดี
ถ้าจ้างวานให้คุ้มครองค่าใช้จ่ายจะสูงพอสมควร แถมพวกนั้น
จะยอมท�างานแค่ในส่วนของค่าจ้างเท่านั้นด้วย ถ้างานที่จ้างคือการ
คุ้มครอง พวกนั้นก็จะท�าแค่คุ้มครองจริงๆ ยิ่งเป็นนักผจญภัยที่ล้ม
มอนสเตอร์แรงก์ “B-” ได้ด้วยแล้ว...
ไม่ไหว! อย่าว่าแต่ก�าไรเลย ดีไม่ดีจะเล่นเอาถังแตกด้วยซ�้า
ชิ! ท�าไมมอนสเตอร์ทแี่ ข็งแกร่งแบบนัน้ ถึงมาโผล่ในเขตชัน้ ตืน้ ๆ
ของภูเขาเหมืองได้ฟะ!
ไคจินถอนหายใจยาว
เอาไงดีนะ?
ก�าหนดเส้นตายเหลืออีกไม่มากแล้ว เขาควรจะฝืนออกไปขุดหา
วัตถุดิบด้วยตัวเองหรือเปล่า?
ไม่มคี วามคิดดีๆ ผุดขึน้ มาเลยทัง้ ทีเ่ วลามีแต่จะเดินผ่านไปเรือ่ ยๆ...
ทั้งสี่มองหน้ากันพลางจมสู่ห้วงความคิด
ตอนนั้นนั่นเอง ที่กลุ่มขบวนแสนประหลาดมาปรากฏตัวที่ร้าน
ของไคจิน

“เฮ้! อยู่รึเปล่า พี่?”


คุณหัวหน้ากองหรือคุณไคโดเอ่ยพลางก้าวเข้าไปในร้าน
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 217
ระหว่างที่พูดคุยกันไป พวกผมก็สนิทสนมกับคุณหัวหน้ากอง
เสียจนเปลี่ยนมาเรียกชื่อของกันและกัน และร้านที่ว่าจะแนะน�าให้ ก็เห็น
ว่าเป็นร้านที่เปิดกิจการโดยพี่ชายของคุณไคโดเอง
เป็นร้านขนาดเล็กทีด่ แู ล้วชวนให้คดิ เหลือเกินว่าคงมีคณ
ุ ลุงนิสยั
หัวแข็งเป็นเจ้าของ
“รบกวนหน่อยนะคร้าบ”
“สวัสดีครับ!”
ฝ่ายพวกผมเองก็ร้องบอกแบบนั้นพลางตามคุณไคโดเข้าไปใน
ร้านด้วยเหมือนกัน
และทันทีที่พวกผมโผล่ไป สายตาหลายคู่ก็หันมาทางพวกผม
“““อ๊ะ!!”””
กลุ่ม 3 คนที่รอดมาได้เพราะยาฟื้นฟูเมื่อวานส่งเสียงขึ้นอย่าง
ตกใจพลางมองมาทางนี้
ดูเหมือนว่าจะแข็งแรงกันดีนะ ถึงไม่รู้ว่าท�าไมถึงท�าหน้าท�าตา
ไม่สดชื่นกันเลยก็เถอะ
แล้วก็เป็นไปอย่างที่คิด มีคุณลุงท่าทางเข้มงวดยิ่งกว่าลุงตาม
ร้านรับท�างานช่างไม้ในเมืองนั่งอยู่ด้วย
ลุงคนนี้คงจะเป็นเจ้าของร้านละมั้ง บอกตามตรงว่าดูไม่เหมือน
คุณไคโดเลย
“อะไร? พวกนายรู้จักกันงั้นเรอะ?”
“คุณไคจิน สไลม์ตัวนี้แหละครับ! ที่ช่วยพวกเราเมื่อวานนี้...”
“ใช่ๆ คุณหัวหน้ากองเป็นน้องชายของลูกพี่สินะครับ!”
“............”
“โอ้ สไลม์ที่พวกนายเล่าให้ฟังเมื่อกี้นี้เรอะ! ได้ยินว่าเมื่อวาน
นายช่วยเจ้าพวกนี้ไว้สินะ ขอบคุณมาก”
“แหมๆ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แต่หรือว่าจะถึง? ฮะฮะฮะ
218
ฮะฮะ-------!”
ลงถ้าได้ใจแล้ว ผมจะได้ใจแบบถึงไหนถึงกันไม่มีลิมิต ดังนั้น
ค�าพูดที่เหมือนค�าชมจึงเปรียบเสมือนของต้องห้ามส�าหรับผม
ผมคงหยุดอาการได้ใจนี่ไม่อยู่ไปพักหนึ่งเลย
“แล้วไง ท�าไมวันนี้ถึงมาที่นี่ล่ะ?”
คุ ณ ลุ ง ถามด้ ว ยท่ า ทางหวาดๆ นิ ด ๆ พวกผมจึ ง อธิ บ าย
รายละเอียดให้ฟัง
พวกเราเปลีย่ นทีน่ งั่ ไปทีส่ ว่ นลึกของร้านแทน แล้วคุณไคโดก็ชว่ ย
อธิบายสถานการณ์ให้ฟังอย่างสั้นๆ
ผมเองก็ช่วยเสริมด้วยนิดหน่อย ท�าให้บทสนทนาเป็นไปอย่าง
ราบรื่น
ว่าแต่ถึงจะไม่เกี่ยวก็เถอะ แต่พ่อคนแคระคนสุดท้ายที่ชื่อมิลด์
น่ะ ช่วยพูดอะไรบ้างสิ! แล้วท�าไมถึงคุยกันรู้เรื่องทั้งที่เป็นแบบนั้นหว่า?
น่ามหัศจรรย์ชะมัด
“ฉันเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว แต่ว่าโทษทีนะ ฉันคงช่วยอะไร
ไม่ได้หรอก... ทีจ่ ริงแล้วคือว่าตอนนีท้ างฉันเองก็ได้รบั การว่าจ้างทางจากรัฐ
มาเหมือนกันน่ะ...”
นี่เป็นความลับนะ? คุณลุงบอกแบบนั้นแล้วเล่าเนื้อหาหลักๆ
ให้ฟังอย่างคร่าวๆ
สรุปจากที่ฟังก็คือ บรรดาประเทศต่างๆ เกิดนึกกลัวกันขึ้นมา
ล่วงหน้าว่าอาจจะมีไอ้บา้ ทีไ่ หนไม่รลู้ กุ ขึน้ มาก่อสงครามก็ได้ แล้วก็เลยพา
กันสั่งซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์กันเข้ามา
เป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องไปถึงการที่ยาและข้าวของเครื่องใช้ขาด
ตลาดเมื่อวานนี้ด้วย
“ก็อย่างที่ว่ามานี่ หอกเหล็กกล้า 200 เล่มน่ะ ฉันอดหลับ
อดนอนจนเตรียมได้ส�าเร็จ... แต่ดาบ 20 เล่มที่เป็นของส�าคัญกลับยังท�า
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 219
ไม่เสร็จเลยสักเล่ม เพราะไม่มีวัตถุดิบน่ะ...”
คุณลุงท�าคอตกพลางบ่นออกมา
“ก็ปฏิเสธไปว่าไม่ไหว ท�าไม่ได้ซะก็หมดเรื่องไม่ใช่เหรอ?”
คุณไคโดถามแบบฟังดูเป็นเหตุเป็นผลที่สุด
“เจ้าบ้า! ฉันเองก็บอกไปตั้งแต่แรกแล้วเฟ้ยว่าไม่ไหวหรอก!...
แต่พอบอกไปปุบ๊ ไอ้เจ้าเบสเตอร์ รัฐมนตรีงเี่ ง่านัน่ ก็ดนั ผ่าขึน้ มาว่า 『เป็น
ถึงไคจิน ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังแม้ในราชอาณาจักร แต่กลับทÓงานแค่นี้
ไม่ได้อย่างนั้นหรือครับ?』 น่ะสิ! แถมยังพูดตอนที่อยู่ต่อหน้าฝ่าบาท
ด้วย แล้วฉันจะยอมได้เหรอ? ไอ้เจ้ารัฐมนตรีบัดซบนั่นน่ะ!!”
คุณลุงเล่าให้ฟังจนจบด้วยสภาพโกรธจัด
เท่าทีฟ่ งั เห็นว่าคุณมิลด์ น้องชายคนที่ 3 เคยปฏิเสธค�าจ้างวาน
ของรัฐมนตรีเบสเตอร์ที่ว่าต้องการให้สร้างบ้านให้ จากนั้นรัฐมนตรีก็เลย
โกรธแค้น และหาเรื่องกลั่นแกล้งเรื่อยมา จนท�าให้คุณมิลด์เกือบจะถูก
เนรเทศออกจากราชอาณาจักร
และคนทีช่ ว่ ยคุณมิลด์ไว้กค็ อื คุณไคจิน ดังนัน้ ไม่วา่ จะคิดอย่างไร
ก็เป็นการกลั่นแกล้งเพราะนึกพาลนั่นละ
อันที่จริง ผมว่าบางทีอาจจะมีการกว้านซื้อวัตถุดิบเพื่อท�าให้
คุณไคจินไม่สามารถท�างานได้ไม่ใช่หรอกเหรอ? ด้วยซ�้า
แล้ววัตถุดิบมันต่างกับหอกรึ? เมื่อผมตั้งค�าถามแบบนั้น ก็ได้
รับค�าตอบเหมือนไม่ใส่ใจกลับคืนมา
“อืม มันจ�าเป็นต้องใช้หินแร่พิเศษที่เรียกว่า ‘หินแร่เวท’ ส่วน
หอกเป็นแค่หอกเหล็กกล้าธรรมดาเท่านั้น”
ถึงเป็นช่างฝีมือมีชื่อ แต่ถ้าไม่มีวัตถุดิบก็เป็นได้แค่คนธรรมดา
คุณไคจินคงจะเจ็บใจมากที่ไม่สามารถท�าอะไรได้เลย
ส่วนทางฝ่ายรัฐมนตรี ก็นา่ จะก�าลังรอให้คณ ุ ไคจินไปขอร้องตัวเอง
อยู่ละมั้ง?
220
“ยิง่ ไปกว่านัน้ ... การจะท�าให้เสร็จเล่มหนึง่ ยังต้องใช้เวลาถึง 1 วัน
เต็มๆ ถึงจะใช้วิธีส่งต่อเป็นทอดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการท�างาน กว่า
จะตีได้ 20 เล่ม ก็ต้องใช้เวลาถึง 2 อาทิตย์อยู่ดี...”
แล้วก�าหนดเส้นตายล่ะ? ผมตัง้ ท่าจะถามออกไป แต่กห็ ยุดเอาไว้
เพราะถึงไม่ถาม แต่สีหน้าของคุณไคจินก็บอกเล่าถึงความสิ้นหวังได้เป็น
อย่างดี
“เส้นตายคือสุดสัปดาห์นี้... และจะต้องน�าขึ้นถวายฝ่าบาทใน
วันแรกของอาทิตย์หน้า นี่เป็นงานที่ภาครัฐรับมา แล้วแบ่งให้ช่างฝีมือ
แต่ละคนไปจัดการ ถ้าเกิดท�าไม่ได้ขึ้นมา ดีไม่ดีอาจจะถูกเพิกถอน
คุณสมบัติในฐานะช่างฝีมือด้วยซ�้า...”
สรุปแล้วจึงดูเหมือนว่าจะเหลืออีก 5 วันเท่านัน้ แต่วา่ กันตามจริง
ก็คือวันนี้ไม่น่าจะท�าอะไรได้แล้ว ดังนั้นจึงเหลือเพียงแค่ 4 วันในความ
เป็นจริง? รูส้ กึ ว่าจะกลายเป็นเรือ่ งซีเรียสสุดๆ ขึน้ มาแล้วสิ... ทัง้ ทีผ่ มไม่มี
ส่วนเกี่ยวข้องด้วยแท้ๆ แล้วท�าไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะเนี่ย?
ว่าแต่ เดี๋ยวก่อนนะ? จะว่าไปแล้ว ถ้าเป็น “หินแร่เวท” ละก็
ผมมีอยู่ไม่ใช่เหรอ? ก็นะ ถึงมันจะไม่เกี่ยวข้องก็เถอะ...
พอรู้สึกตัวอีกทีก็ไม่รู้ว่าเข้าใจอะไรผิดกันอยู่ แต่ท�าไมทุกคนถึง
หันมาจ้องมองผมก็ไม่รู้
ถึงถูกผู้ชายจ้องผมก็ไม่ดีใจหรอก! เจ้าพวกนี้นี่... คิดว่าสไลม์
เป็นตัวอะไรกันแน่หา?
งั้นก็ ช่วยไม่ได้น้า
เราสร้างบุญคุณให้เต็มทีซ่ ะตอนนี้ แล้วก็ขอให้พวกเขา
ไปช่วยฟื้นฟูหมู่บ้านก็อบลินก็แล้วกัน!
“หึหหึ ึ ฮะฮะฮะ! ฮ่า------ฮ่าฮ่าฮ่า!! เฮ้ๆ มัวคุยเรือ่ งอะไรเหมือน
ปลาซิวปลาสร้อยกันอยู่ได้? นี่ลุง... ไอ้นี่น่ะ ใช้ได้รึเปล่า?”
ตึง! เอ่ยจบผมก็เอาวัตถุดิบที่สกัดจากหินแร่ออกมาวางไว้บน
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 221
เอาผมสะดุ้งเหมือนกัน
“จะ จะยกไอ้นี่ให้เราเหรอ? แน่นอนว่าเรื่องเงินฉันจะจ่ายตาม
ที่แกว่าเลย!”
หึหึหึ ติดเบ็ดแล้ว!
“เอาละ จะเอายังไงดีน้า”
“อึก แกต้องการอะไร? ถ้าเป็นเรื่องที่ฉันท�าได้ละก็ไม่ว่าอะไร
ฉันก็จะท�าให้ทั้งนั้นนะ?”
“ฉันรอประโยคนี้อยู่แล้ว! ลุงได้ฟังเรื่องของพวกเราแล้วใช่ไหม
ล่ะ? ฉันอยากให้ลุงช่วยหาใครก็ได้ที่ลุงรู้จัก ที่จะไปให้ค�าแนะน�าเรื่อง
งานฝีมือกับพวกเราได้นะ”
“ว่าไงนะ? แค่นั้นจะดีเหรอ?”
“อื้อ ส�าหรับพวกเรา สิ่งที่ส�าคัญเป็นอันดับหนึ่งก็คือเสื้อผ้ากับ
ที่อยู่อาศัย! ก็นะ แล้วหลังจากนี้ก็อยากจะรบกวนเรื่องการจัดหาเสื้อผ้า
กับอาวุธและเครื่องป้องกันด้วยน่ะ”
“ถ้าแค่นั้นละก็สบายมาก!”
และแล้วผมก็ได้ท�าสัญญาแลกเปลี่ยน ยก “ก้อนโลหะเวท” ให้
คุณลุง หรือคุณไคจิน
เรือ่ งรายละเอียดของการแลกเปลีย่ น มีกา� หนดว่าเอาไว้หลังจาก
เสร็จงานแล้วค่อยว่ากัน
ดูจากปฏิกิรยิ าของคุณลุงแล้ว ถึงจะเรียกราคามากกว่านี้คณ ุ ลุง
ก็คงตอบรับอยู่ดี แต่การโลภมากมันไม่ใช่เรื่องดีน่ะนะ
ผมมักจะท�าผิดพลาดเพราะความโลภอยู่เสมอ
แต่ผมเองก็รู้จักเรียนรู้เหมือนกันนะ
วันนัน้ หลังจากทีร่ บั ประทานอาหารเย็นด้วยกันทุกคนเรียบร้อย
แล้ว คุณไคโดก็กลับไปก่อน
ลุงคนนัน้ เองก็เป็นถึงหัวหน้ากองก�าลังรักษาความปลอดภัยแท้ๆ
224
แต่ดันโดดงานแต่หัววันซะนี่ สบายตัวจริงนะ
แต่เอาเถอะ เขาโดดงานก็เพื่อช่วยน�าทางผม ผมบ่นอะไรไม่ได้
หรอก
ส่วนพี่น้องคนแคระทั้งสามคนก็รู้สึกขอบคุณผมเอามากๆ
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้สึกผิด เพราะเรื่องที่ไคจินถูกภาครัฐ
เพ่งเล็งนั้นมีสาเหตุมาจากพวกเขา
งัน้ ถ้ายังไง พวกนายจะไปกับพวกฉันไหมล่ะ? เมือ่ ผมบอกออกไป
อย่างนัน้ ทัง้ สามคนก็มสี หี น้าตกใจอยูช่ วั่ ครู่ ก่อนจะเริม่ หันหน้าปรึกษากัน
ถ้าทั้งสามคนยอมมาด้วยก็น่าจะดีที่สุดแล้วละนะ

วันต่อมา
แม้จะได้วตั ถุดบิ แล้ว แต่เรือ่ งก�าหนดเส้นตายทีเ่ หลืออยูน่ อ้ ยนิด
ก็ไม่เปลี่ยนไปอยู่ดี
เอาละ เริ่มหยั่งเชิงดูดีกว่า
“คุณไคจิน เหลือเวลาอีกแ ค่4 วันเนี่ย จะเก็บงานทันเหรอ?”
“...บอกตามตรงฉันว่าไม่ไหวหรอก แต่ยงั ไงก็มแี ต่ตอ้ งท�าเท่านัน้ !”
หมายความว่าจะใช้พลังใจท�าอะไรสักอย่างน่ะเหรอ?
แต่ว่าผมรู้ดี เรื่องที่ท�าไม่ได้ มันก็คือท�าไม่ได้
เราจะท�าอะไรได้กต็ อ่ เมือ่ อยูใ่ นสถานการณ์ทพี่ ร้อมด้วยปัจจัยซึง่
จะท�าให้ท�าได้ครบถ้วนเท่านั้น
ช่วยไม่ได้นะ ถ้าช่วยแล้วก็ช่วยให้ถึงที่สุดแล้วกัน
“ถ้างั้นละก็ฉันมีแผน ก่อนอื่นตอนนี้ช่วยท�าเล่มที่ดีที่สุดให้เสร็จ
เล่มหนึ่งทีสิ”
“ว่าไงนะ? นายเป็นมือสมัครเล่นไม่ใช่เรอะ? แล้วจะท�าอะไรได้
หา?”
“ความลับเฟ้ย เชื่อฉันเถอะน่า! หรือถ้าไม่เชื่อก็เชิญตามสบาย
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 225
แต่ลุงคงท�าตามค�าจ้างวานนี้ไม่ส�าเร็จแน่”
“...ฉันเชื่อนายได้สินะ? ถ้าเกิดว่าท�าไม่ได้ขึ้นมาละก็ ฉันจะ
ไม่จ่ายค่า ‘โลหะเวท’ หรอกนะ แต่ก็นะ ในกรณีนั้นฉันเองก็ใช่ว่าจะรอด
เพราะฉะนัน้ ก็คอื ไม่มปี ญ
ั ญาจะจ่ายนัน่ ละ... แต่ถา้ นายรักษาสัญญา ฉันเอง
ก็จะรักษาสัญญาเหมือนกัน ฉันจะเตรียมช่างฝีมือที่ยอดเยี่ยมที่สุดให้
นายเอง!!”
เป็นอันว่าสัญญากันเรียบร้อย
และสัญญา ก็มีไว้เพื่อรักษาให้ส�าเร็จ

พวกเราย้ายสถานที่ไปยังห้องท�างาน
เมือ่ วานนีพ้ วกเราได้รบั อนุญาตให้ยมื ห้องส�าหรับลูกศิษย์ทวี่ า่ งอยู่
เป็นทีพ่ กั ในเมือ่ มีบญ ุ คุณเรือ่ งนีด้ ว้ ย ผมจึงคิดว่าจะช่วยคุณไคจินให้เต็มที่
ตามที่สัญญากันไว้
เมือ่ พวกผมเข้าไปในห้อง ก็พบว่าสามพีน่ อ้ งคนแคระก�าลังพากัน
จ้องมอง “ก้อนโลหะเวท” ตาเป็นมัน พลางถอนหายใจและจับยกขึน้ ยกลง
พลิกไปพลิกมาตรวจสอบมันอยู่หลายครั้งหลายคราว
ก้อนโลหะที่ผมเอาออกมามีขนาดประมาณเท่ากับก�าปั้นของ
มนุษย์ แต่ทุกคนกลับแสดงปฏิกิริยาจนโอเวอร์ นี่มันเป็นของหายาก
ขนาดนั้นเลยเหรอ?
ซึ่งพอผมถามค�าถามนั้นออกไป...
“นายพูดอะไรของนายหา?”
ก็ได้ค�าตอบกลับมาจากไคจินอย่างนั้น
สรุปจากค�าอธิบายของไคจินก็คือ------

“หินแร่เวท” คือวัตถุดิบของ “โลหะเวท” เพียงแค่อยู่ในสภาพ


ของวัตถุดิบก็ยังมีมูลค่าเทียบเท่าทองค�า
226
เหตุผลนั้นง่ายมาก นั่นคือความหายากและความมีประโยชน์ใน
การใช้สอยของมัน
“แก่นเวท” คือปัจจัยอันเป็นโครงสร้างของโลกใบนี้ “แก่นเวท”
ซึ่งไร้ตัวตนในโลกเก่าของผม กลับครอบครองหน้าที่อันยิ่งใหญ่ส�าหรับ
โลกนี้
หากล้มปิศาจได้ นานๆ ครั้งก็จะมีกลุ่มก้อนของแก่นเวทซึ่งถูก
เรียกว่าหินเวทปรากฏออกมา หินเวทที่ว่านี้เป็นสิ่งที่เหมือนกับกลุ่มก้อน
พลังงาน และดูเหมือนว่าจะถูกใช้เป็นเชื้อเพลิงให้กับงานประดิษฐ์เฉพาะ
ของโลกนี้ที่เรียกว่าวิศวกรรมภูต
อีกทั้งหินเวทที่เป็นแก่นของปิศาจชั้นสูงนั้นจะงดงามยิ่งกว่า
อัญมณี ส่วนปริมาณพลังงานที่อยู่ภายในก็เป็นคนละเรื่องกันเลยทีเดียว
และหินเวทชัน้ สูงดังกล่าวก็ถกู น�ามาใช้เป็นแกนกลางของผลิตภัณฑ์
หลายๆ อย่าง
อย่างเช่นเครือ่ งประดับทีช่ า่ งฝีมอื ท�าขึน้ ก็เห็นว่ามีการน�าวัตถุดบิ
ประเภทนี้มาใช้เหมือนกัน
ส่วนประสิทธิภาพของมันก็ได้แก่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของ
ผูส้ วมใส่ ให้ผลด้านพลังธาตุ หรือคุณประโยชน์ตา่ งๆ นานา อีกมากมาย...
และสิ่งที่ท�าให้ “หินแร่เวท” ต่างจากหินแร่ธรรมดาโดยสิ้นเชิง
ก็คือ หินแร่เวทจะขุดหาได้เฉพาะในพื้นที่ซึ่งมีปิศาจระดับสูงอยู่เท่านั้น
ด้วยเหตุทวี่ า่ หินแร่ซงึ่ อยูใ่ นสถานทีท่ มี่ ปี ริมาณความเข้มข้นของแก่นเวทสูง
นัน้ เมือ่ เวลาผ่านไปหลายเดือนหลายปีมนั ก็จะซึมซับแก่นเวทปริมาณมาก
เข้าไปจนกระทั่งเปลี่ยนสภาพ และกลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า “หินแร่เวท”
นั่นเอง
ซึ่งถ้าจะว่าไปก็ใกล้เคียงกับการกลายพันธุ์อย่างกะทันหันของ
หินแร่
แต่แน่นอนว่าสถานทีซ่ งึ่ มีปริมาณแก่นเวทเข้มข้นจะต้องมีปศิ าจ
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 227
ทีแ่ ข็งแกร่งอาศัยอยู่ ถ้าเป็นเขตทีอ่ ยูอ่ าศัยของปิศาจระดับล่างทีน่ กั ผจญภัย
เข้าไปล้มเพือ่ หาเงินค่าขนมได้จะมีโอกาสเกิด “หินแร่เวท” ยาก “หินแร่เวท”
จะมีตัวตนอยู่เฉพาะในเขตที่อยู่อาศัยของปิศาจที่อย่างน้อยๆ ต้องเทียบ
เท่าได้กับแรงก์ B ขึ้นไปเท่านั้น
ทั้งนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้รับฟังค�าอธิบายเกี่ยวกับแรงก์ต่างๆ
ของปิศาจ
“งั้นเหรอครับ! ถ้างั้นผมเองก็ประมาณแรงก์ B สินะครับ?”
“““............”””
บางที นอกจากเจ้าก็อบตะงี่เง่าแล้ว ความคิดของทุกคนคงจะ
รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
ปล่อยไอ้งี่เง่าเอาไว้เฉยๆ เถอะ
“หินแร่เวท” หาได้ยากเย็นขนาดนั้น แต่กลับมี “โลหะเวท” ที่
สกัดออกมาได้อยู่เพียง 3-5 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น สรุปก็คือแม้จะมีขนาด
เพียงแค่ประมาณเท่าก�าปั้น แต่ราคาของ “โลหะเวท” นั้น สูงกว่าทองใน
ปริมาตรเดียวกันมากกว่า 20 เท่าตัวเลยทีเดียว
ทั้งนี้มูลค่าของทองค�านั้นเกือบจะเท่าเทียมกับโลกก่อนของผม
ที่มีการใช้เหรียญทองกันอย่างแพร่หลายก็เพราะว่าทองนั้นมีมูลค่าสูง
นั่นเอง ด้วยเหตุนี้จึงถึงกับท�าให้นานาประเทศใช้มาตราทองค�าเป็น
มาตรฐานร่วมกันเลยทีเดียว
เอาเถอะ สรุปก็คือมันเป็นโลหะหายากเหมือนอย่างที่ผมเล็งไว้
นั่นละ
ทัง้ นี้ ผมมี “ก้อนโลหะเวท” เก็บอยูเ่ ป็นจ�านวนมหาศาล แต่ผม
เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อยจึงเลือกที่จะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ถึง
ความลับไม่นา่ จะมีทางแตกก็เถอะ... แต่ถา้ แตกขึน้ มาจะท�าไงดี? ทีผ่ มคิด
แบบนี้เนี่ยเป็นเพราะว่าผมเป็นแค่พลเมืองตัวเล็กๆ คนหนึ่งอย่างนั้นรึ?

228
เอาละ งานหลักจะอยู่ถัดจากนี้ไป
“โลหะเวท” ไม่ได้มีมูลค่าสูงเพราะมันหายากเพียงอย่างเดียว
เหตุผลทีแ่ ท้จริงซึง่ ท�าให้มนั มีมลู ค่าถึงขนาดนัน้ ก็คอื คุณสมบัตทิ ี่
เข้ากับการเหนี่ยวน�าพลังเวทได้อย่างดีเยี่ยม
แก่นเวทนั้น เป็นสิ่งที่ควบคุมได้ด้วยจินตนาการในระดับหนึ่ง
อย่างเช่นสกิล 『ญาณเวท』 ของผมเองก็เหมือนกัน แต่อย่าง
สกิล 『ควบคุมวารี』 อะไรท�านองนั้นเองก็ใช้ได้ด้วยการควบคุมแก่นเวท
หรือจะกล่าวว่าสกิลส่วนใหญ่ของปิศาจนั้นเป็นการใช้แก่นเวทก็ว่าได้
ผมไม่ค่อยเข้าใจเรื่องเวทมนตร์นัก แต่คิดว่าก็น่าจะมีทฤษฎี
เหมือนๆ กันนั่นละ
งัน้ ถ้าวัสดุในการท�าอาวุธมีแก่นเวทผสมอยูเ่ ป็นจ�านวนมากแล้ว
จะเป็นไงเล่า?
น่าตกใจจริงๆ เห็นว่ามันจะกลายเป็น “อาวุธทีเ่ ติบโตได้” ไงล่ะ!
โรแมนติกอะไรอย่างนี้!
เอ๋ อะไรกันล่ะนั่นน่ะ? อยากได้จัง!!
ผมสะกดกลั้นอดรนทนเอาไว้ แต่ค�าพูดนั้นก็เกือบจะหลุดผ่าน
ปากออกมาอยู่แล้ว
อาวุธที่จะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงรูปร่างไปเป็นรูปแบบในอุดมคติ
ตามจินตนาการของผู้ใช้
แถมเห็นว่าเวลาต่อสู้ มันจะเปลีย่ นรูปร่างได้อย่างอิสระ ตามแต่
พลังเวทของผู้ใช้งานด้วย!
ยิง่ ไปกว่านัน้ มันยังเข้ากับแก่นเวทได้ดี จึงท�าให้พลังท�าลายของ
สกิลสูงขึ้นอีกต่างหาก
พูดในความหมายหนึ่ง หากเปรียบเทียบกับอาวุธธรรมดาแล้ว
ตราบใดทีค่ วามสามารถไม่ได้ตา่ งกันเป็นคนละเรือ่ งละก็ ไม่วา่ อย่างไรคน
ที่มีอาวุธเวทมนตร์จะคงเป็นฝ่ายชนะในทุกกรณีนั่นเอง
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 229
บางที ถ้าใช้ทั้งเงินและเทคนิคอย่างเต็มที่ ฝังหินเวทชั้นสูงลงใน
ใบดาบทีท่ า� จากโลหะเวทบริสทุ ธิล์ ะก็ อาจจะท�าของอย่าง “ดาบเปลวเพลิง”
หรือ “ดาบน�า้ แข็งหิมะ” อะไรท�านองนัน้ ได้กไ็ ด้ไม่ใช่เหรอ? ความฝันของ
ผมเริ่มขยายออกกว้าง
ในใจผมก�าลังโวยวายบอกว่า รีบท�าเร็วๆ เข้าสิ!! อยู่ แต่ผมจะ
ร้อนรนไปไม่ได้ ผมมีความรู้สึกว่ามันน่าจะท�าได้ ดังนั้นถ้าคราวหน้ามี
โอกาสละก็อยากจะหาหินเวทมาทดลองดูจริงๆ

หลังจากอธิบายเรือ่ งทัง้ หมดให้ผมฟังแล้ว ไคจินก็ทา� ท่าเหมือน


จะเริ่มงาน
โดยผมเองก็ขอทัศนศึกษาเพือ่ การเรียนรูใ้ นภายหลังด้วย เพราะ
อย่างไรเจ้าก็อบตะก็คงจะหลับอยู่ตามเคย...
ถึงจะบอกว่าเป็นดาบ แต่ดาบก็มอี ยูห่ ลายชนิด ส�าหรับผม ดาบ
ทีแ่ ข็งแกร่งทีส่ ดุ ก็แน่นอนว่าต้องเป็นดาบญีป่ นุ่ แต่เพียงแค่ในบรรดาดาบ
ญีป่ นุ่ เองก็มหี ลากหลายลักษณะเหมือนกัน ต้องบอกว่าผมสนใจเอามากๆ
ว่าไคจินจะท�าดาบแบบไหนออกมา
10 ชั่วโมงหลังจากเริ่มงาน
ดาบยาว (ลองซอร์ด) ทีด่ ไู ม่มอี ะไรพลิกแพลงทัง้ สิน้ และดูอย่างไร
ก็เหมือนดาบธรรมดาเล่มหนึ่ง ก็ส�าเร็จออกมา
อ้าว? ยังมีโลหะเวทเหลืออยู่อีกตั้งเยอะ
ขนาดของมันแค่เท่ากับก�าปั้นเท่านั้น ผมยังคิดอยู่เลยว่ามันจะ
เพียงพอส�าหรับเป็นวัสดุของดาบเล่มหนึ่งหรือเปล่า...?
แต่พอถามดูกไ็ ด้คา� ตอบว่าขืนใช้วสั ดุทงั้ หมดเป็นโลหะเวท ก็ไม่รู้
ว่าต้องมีเงินเท่าไรจึงจะพอ
คิดๆ ไปแล้วของมันก็แน่ละนะ ดังนั้นถึงได้ไม่มีความคิดที่ว่าจะ
ลองท�า “ดาบเปลวเพลิง” “ดาบน�้าแข็งหิมะ” หรือ “ดาบสายฟ้า” อะไร
230
ท�านองนั้นออกมาสินะ ค่าใช้จ่ายมันสูงเกินไป
อย่างนี้นี่เอง
ดูเหมือนว่าจะใช้โลหะเวทเป็นแกน และใช้เหล็กกล้าธรรมดา
หล่อเป็นใบดาบขึ้นมาแฮะ แต่ถึงอย่างนั้น แก่นเวทจากโลหะเวทก็ยังคง
แทรกซึมเข้าไปในส่วนใบดาบซึ่งเป็นเหล็กกล้า และเห็นว่าจะหล่อหลอม
กลายเป็นหนึ่งเดียวกันในสักวันหนึ่ง และเพราะเหตุนี้เองอาวุธที่ผ่านวัน
เวลามานานกว่าส่วนมากจึงจะมีความแข็งแกร่งกว่าอาวุธใหม่ๆ อีกทั้งถึง
จะเก่าลงแต่กซ็ มึ ซับแก่นเวทจากบริเวณรอบๆ เข้ามาฟืน้ ฟูตวั เองได้ เรื่องที่
ใบดาบจะไม่มีวันเป็นสนิมหรือบิ่นจึงถือเป็นลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งของ
มันด้วย
และน่ามหัศจรรย์ที่ว่าดาบเองก็มีชีวิตเหมือนกัน ถ้ามันเกิดหัก
หรือรูปร่างเกิดบิดเบี้ยวผิดเพี้ยนไปโดยสิ้นเชิง แก่นเวทก็จะหลุดหายไป
และเสื่อมสภาพลงทันที
ไคจินโชว์ดาบทีต่ สี า� เร็จแล้วให้ผมดูพลางเล่าเรือ่ งพวกนีใ้ ห้ผมฟัง
เป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว
ผมถือดาบทีส่ า� เร็จแล้วไว้ในมือพลางจ้องมอง (ผมไม่มมี อื ก็จริง
แต่ก็ให้ความรู้สึกประมาณนั้นแหละ)
พอลองมองให้ดีก็พบว่าแม้จะเรียบง่ายแต่ไม่มีความบิดเบี้ยว
แม้แต่น้อย
จะบอกว่าไม่มีอะไรเกินความจ�าเป็นก็ได้
ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ใช้งานโดยการฟันเป็นหลักอย่างดาบญี่ปุ่น
แต่ก็ใช้คมดาบโจมตีด้วยการฟาดฟันได้เหมือนกัน
อย่างนีน้ เี่ อง ดาบนีจ่ ะกลายเป็นพืน้ ฐาน และจะเปลีย่ นแปลงไป
ตามเป้าหมายของผู้ใช้แต่ละคนสินะ
พอคิดอย่างนั้นแล้วก็ท�าความเข้าใจกับเรื่องที่ลดความต้องการ
ของผู้สร้างลง และเก็บงานให้เรียบง่ายเข้าไว้ได้
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 231
เอาละ
พวกคุณไคจินตีดาบทีย่ อดเยีย่ มขึน้ มาให้ตามทีส่ ญ ั ญากันไว้แล้ว
ดังนั้นต่อไปก็เป็นตาของผมละ
“เอาละ! การท�างานต่อจากนี้ไปเป็นความลับ ดังนั้นโทษทีนะ
แต่ทุกคนช่วยออกไปจากห้องด้วย!”
ผมบอกอย่างนั้นเพื่อขอให้ทุกคนออกไปข้างนอก
จะอย่างไรผมก็คงยอมให้พวกเขาเห็นวิธีการผลิตไม่ได้ เหตุผล
หลักๆ ก็คือมันยุ่งยากที่จะมามัวนั่งอธิบายอะนะ
“วัตถุดบิ มีพร้อมอยูใ่ นห้องนีแ้ ล้ว แต่วา่ จะดีเหรอ? ถ้ายังไงละก็
พวกเราจะช่วยด้วยนะ?”
“อื้อ ไม่เป็นไร! แต่ที่ส�าคัญกว่านั้น ระหว่าง 3 วันนี้ ห้ามแอบ
มองห้องนี้เด็ดขาดเลยนะ? สัญญากันแล้วนะ!?”
“เข้าใจแล้ว พวกเราจะเชื่อใจนายแล้วรอนะ...”
เอ่ยอย่างนั้นแล้ว พวกคุณไคจินก็พากันออกไปข้างนอก
แต่ไม่รู้ว่าท�าไมก็อบตะถึงได้ออกไปด้วย...
เจ้าบ้านั่นมีชีวิตอยู่โดยคิดอะไรกันแน่ สงสัยอาจจะต้องหาทาง
จัดการดูสักครั้งเสียแล้วสิ...

เอาละ เมนูในวันนี้ได้แก่ “ลองซอร์ด” นะครับ


วิธีการท�านั้นแสนง่าย!
ก่อนอื่น ให้กลืน 1 เล่มที่เป็นตัวอย่างเข้าไป!
จากนั้นก็... กลืนวัตถุดิบที่เรียงรายอยู่ตรงหน้าเข้าไปให้หมด
รวดเดียว!
หงุบ หงุบ เอื๊อก!
จากนั้นก็ผสมรวมกันในท้องให้ดี...
232
《รายงาน เป้าหมายการวิเคราะห์ : “ลองซอร์ด” เรียบร้อยแล้ว
จากนี้จะดÓเนินการก็อปปี้... เรียบร้อยแล้ว》

เพียงด�าเนินขั้นตอนนี้ 19 ครั้ง ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยคร้าบ!!


ง่ายใช่ไหมล่ะครับ?
แต่ว่าเด็กดีห้ามเลียนแบบเป็นอันขาดนะครับ?

ผมคิดอะไรบ้าๆ บอๆ แบบนั้นพลางท�างานไปเรื่อยๆ


แย่ละ... เวลาที่จ�าเป็นในการท�าก็อปปี้ 1 เล่มคือประมาณ 10
วินาที
รวมทั้งหมด 190 วินาที... เพียงแค่ 3 นาทีกับอีกนิดหน่อย
ก็ท�าลองซอร์ด 19 เล่มเสร็จเสียแล้ว...
หลังจากไล่พวกคุณไคจินออกไป เวลายังผ่านไปไม่ถึง 5 นาที
เลย ว่ากันตามจริงผมก็คดิ อยูแ่ ล้วว่ามันน่าจะท�าได้ แต่วา่ มันท�าได้งา่ ยดาย
เสียจนรู้สึกผิดต่อบรรดาคุณช่างฝีมือเลย...
มันจะโกงไปแล้วนะ 『นักล่าเหยื่อ』
เอาละ แล้วจะท�าไงดีล่ะนี่?
ผมบอกไปซะแล้วว่าระหว่าง 3 วันนี้ ห้ามแอบดูห้องนี้เด็ดขาด!
ผมควรจะหมกตัวอยูใ่ นห้องนีโ้ ดยไม่มอี ะไรท�าถึง 3 วันเหรอ? ไม่ส.ิ .. หมก
ตัวอยู่ในห้องนี้โดยไม่มีความหมายไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร
บอกไปตามตรงเลยว่าเสร็จแล้วดีกว่ามั้ง...

ผมผลักประตูเปิดผางโดยแรงแล้วออกไปข้างนอก
ทั้งสี่คนที่เหลือบมองมาทางนี้ด้วยท่าทางกังวลจึงลนลานรีบลุก
ขึ้นทันที
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 233
ส่วนก็อบตะ... ก�าลังนอนอยู่
เจ้านี่เนี่ยน้า... คนเขาออกมาหลังจากเพิ่งผ่านไป 5 นาทีแต่แก
ดันนอนเสียแล้วเนี่ย มันหมายความว่าไงหา? นั่นคือวินาทีที่ผมตัดสินใจ
แน่วแน่ว่าจะต้องหาทางจัดการกับเจ้าก็อบตะให้ได้
“เฮ้ย เป็นอะไรไป? เกิดอะไรขึ้น?”
“มีวัตถุดิบอะไรไม่พอรึไง?”
“...หรือว่า จะไม่ไหวจริงๆ?”
บรรดาคนแคระพากันเอ่ยถามด้วยท่าทางเป็นห่วง
“อะ อืม เอ่อ ที่จริงแล้วคือว่า... นะ”
สายตาที่ดูเป็นกังวลนั้นชวนให้รู้สึกเจ็บเป็นบ้า ผมเลยยิ่งเผลอ
ท�าท่าอึกอักอ�้าอึ้งไปกันใหญ่
ผมนีย่ งั คงชอบแกล้งชาวบ้านไม่มเี ปลีย่ น ดูเหมือนว่าไอ้เรือ่ งนิสยั
เสียเนี่ย ถึงตายแล้วก็ยังแก้ไม่หายแฮะ
“คือ˜ว่าน้า! ที่จริงคือมันเสร็จซะแล้วอะ!”
“““............หา------!?”””
พอผมประกาศเรื่องที่ว่างานเสร็จแล้วออกไป เสียงแสดงความ
ตกใจก็ดังขึ้นประสานขึ้น
มันก็ของแน่อยู่แล้วละนะ...

“““ไชโย------- !”””
พวกเรามาทีร่ า้ นส�าหรับเทีย่ วกลางคืนโดยอ้างว่าเพือ่ เลีย้ งเสร็จงาน
เนื่องจากส่งงานได้เรียบร้อยแล้ว จึงเป็นการฉลองในเรื่องนั้น
ด้วย
เอ่อ ผมบอกแล้วนะ ว่าไม่จ�าเป็นต้องพามาเลี้ยงแบบนี้ได้...?
234
“น่าๆ ร้านเขามีพี่สาวสวยๆ เพียบเลยนา!”
“ใช่ๆ! มีตงั้ แต่สาวเอ๊าะๆ ไปถึงสาวใหญ่!! เป็นร้านของสุภาพบุรษุ
เลยนะ!”
“.........!!”
“เฮ้ยๆ! ถ้าพี่ชายริมุรุไม่ไปด้วยก็เริ่มงานไม่ได้น่ะสิ?”
มันช่วยไม่ได้ เพราะทุกคนพากันพูดประมาณนีเ้ ป็นเสียงเดียวกัน
เป็นพวกเจ้าปัญหาจริงๆ ให้ตายสิ
ชื่อของร้านคือ “ผีเสื้อราตรี”
จะเป็นผีเสื้อจริงๆ หรือเปล่านะ? ถ้าเป็นยุงขึ้นมาละก็ผมไม่
ออมมือไว้แน่!
...เดี๋ยวๆ ผมไม่ได้สนใจอะไรหรอกนะ? แต่ในฐานะสุภาพบุรุษ
มันก็ นะ
ผมคิดอย่างนั้นในขณะที่เข้าไปในร้าน
“อุ๊ย! ยินดีต้อนรับค่า~!!”
“““ยินดีต้อนรับค่า------ !!”””
แม่เจ้า------ !!
สาวสวยยืนเรียงกันเป็นตับเลยโว้ย!!
ว้าว------- !! หูยาว!
เอะ เอโรฟ!9 ไม่สิ เอลฟ์นี่นา------- !!
เดี๋ยวก่อน! สุดยอด------- ! เสื้อผ้า บางชะมัด------- !!
อา... เหมือนจะมองเห็นแต่ก็มองไม่เห็น...
นี่มันอะไรกัน!? ผมใช้ 『ญาณเวท』 เต็มก�าลังแล้วแท้ๆ นะ!!
พีส่ าวพวกนี้ ปกปิดเส้นโค้งเว้าทีเ่ หมือนจะเห็นแต่ไม่เห็นได้อย่าง
สมบูรณ์แบบเลย!
อึก... นี่เป็นค�าท้าเหรอ? นี่เป็นค�าท้าทายที่มีต่อผมเหรอ!!?
บัดซบ บัดซบ...!!
9เอโรฟ : เป็นการเล่นค�าผสมระหว่างค�าว่าเอลฟ์กับเอโร่ยซึ่งมีความหมายในท�านองเซ็กซี่ ฯลฯ ในภาษาญี่ปุ่น
“ว้าว------- ! น่ารักจังเลย!!”
“เดี๋ยวก่อน! ฉันเล็งเอาไว้ก่อนแล้วน้า!?”
หนุ˜บ! ดึ๋ง! ดึ๋ง

มะ มาแล้ว------- !!

ร่างของผมเด้งดึ๋งดั๋ง!
ด้านหลังของผมเด้งดั๋งดึ๋ง!!
ที่นี่คือสวนสวรรค์หรือครับ?
“...อะ เอ่อ... ดูท่าทางจะสนุกมาก ต่างจากที่ท�าท่าไม่อยากจะ
มาเลยนะ?”
อ๊ะ! ไม่ได้ๆ ผมคนนี้ถึงกับ...
“เอ๋...? แหม ก็ไม่ได้ถึงขนาดนั้นนะ?”
คงออกจะฝืนอยู่สักหน่อยละมั้ง... ถึงได้ไม่มีใครยอมเชื่อเลย
แม้แต่คนเดียว
แต่ก็ช่วยไม่ได้ มันช่วยไม่ได้นี่นา! ก็ตอนนี้ผมก�าลังถูกกอดอยู่
บนตักของเอลฟ์นะ... หัวใจของผมก�าลังเต็มเปี่ยมไปด้วยความประทับใจ
นะ!!
อา... ถ้าลูกชายของผมทีต่ าย (หาย) ไปยังมีชวี ติ อยูล่ ะก็ ป่านนี้
มันคงจะก�าลังเริงร่าเพราะความประทับใจอยู่เป็นแน่

พวกเราใช้เวลากันอย่างสนุกสนาน แต่ว่า------
“โอ๊ะโอ่ นั่นท่านไคจินไม่ใช่หรือครับ! ไม่ได้นะครับ พาปิศาจ
ชั้นต�่าเข้ามาในร้านชั้นสูงแบบนี้ได้ยังไงครับ!”
ก็มีคนเอ่ยทักด้วยค�าพูดเหมือนจะหาเรื่องทะเลาะมาปรากฏตัว
ใครกันล่ะเนี่ย? ตาลุงคนนี้...?
236
รอบบริเวณเงียบสงัดลงในชั่วพริบตา
ดูเหมือนว่าพวกเด็กผู้หญิงเองก็จะไม่ชอบลุงคนนี้อยู่เหมือนกัน
จึงได้ท�าหน้ารังเกียจเดียดฉันท์ แม้ว่าจะแค่เพียงในระดับที่ถ้าไม่สังเกต
ให้ดีก็จะไม่เห็นก็ตาม
ลุงคนนี้มีรูปร่างผอมสูงซึ่งเรียกได้ว่าแปลกส�าหรับคนแคระ แต่
ถึงจะว่าอย่างนั้น ก็มีส่วนสูงประมาณเท่ากับมนุษย์ธรรมดาน่ะนะ
“เฮ้ มาดาม! ร้านนี้น่ะอนุญาตให้พาปิศาจเข้ามาได้ด้วยรึ?”
“มะ แหม แต่ถึงจะบอกว่าเป็นปิศาจ ก็เป็นสไลม์ที่ดูไม่มีพิษ
มีภัยอะไรนะคะ...”
“หา? แต่มนั ก็เป็นปิศาจไม่ใช่รไึ ง! ผิดงัน้ เรอะ? จะบอกว่าสไลม์
ไม่ใช่ปิศาจอย่างนั้นเรอะ!?”
“เปล่านะคะ... ดิฉันไม่ได้คิดจะบอกอย่างนั้น...”
มาดามร้านพยายามใช้ค�าพูดแบบก�ากวมไม่ชัดเจนเพื่อหาทาง
หลบเลีย่ งจากความโกรธของอีกฝ่าย แต่ดทู า่ ว่าจะไม่ได้ผล รูส้ กึ ว่าเป้าหมาย
ของลุงคนนี้จะเป็นพวกเราอย่างเห็นได้ชัดเลย
“แย่จริง... เจ้ารัฐมนตรีเบสเตอร์นี่นา------”
ลุงคนนี้ก็คือรัฐมนตรีเบสเตอร์ที่ว่าหรือนี่? อย่างนี้นี่เอง... จะว่า
ไงดี หน้าตาแกเหมือนคนเป็นโรคประสาทช่างจิกช่างกัดชะมัดเลยแฮะ
ตอนนั้นเอง
“หึ! แบบนี้สิถึงเหมาะกับปิศาจ!!”
รัฐมนตรีสบถออกมาแบบนั้นแล้วสาดน�้าใส่ผม
เล่นกันแบบนี้ผมก็มีเคืองเหมือนกัน แต่ผมก็อดรนทนเอาไว้
อีกฝ่ายเป็นถึงรัฐมนตรี ผมจะปล่อยให้ความใจร้อนของผมก่อ
ปัญหาให้พวกคุณไคจินกับคุณมาดามของร้านนี้ไม่ได้
แล้วผมก็ไม่อยากจะเจอเรือ่ งน่าเศร้าอย่างการถูกห้ามเข้าร้านนีด้ ว้ ย
ผมพยายามอดทนด้วยความรู้สึกแบบนั้นแท้ๆ แต่ว่า
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 237
“เฮ้ย... พอคนเขานัง่ เงียบปล่อยให้พดู เข้าหน่อยก็ได้ใจใหญ่เลย
นะ!”
คุณไคจินกลับเตะโต๊ะโครมจนกระเด็นแล้วลุกขึ้นยืน
“เฮ้ย เบสเตอร์! นีแ่ ก ท�าพฤติกรรมดูแคลนแขกของฉันคนนีเ้ นีย่
คงจะเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วสินะ?”
...เอ๋? เดีย๋ วก่อน คุณไคจิน... อีกฝ่ายเป็นรัฐมนตรีนะ จะดีเหรอ?
รัฐมนตรีเบสเตอร์ตกใจจนตัวเกร็ง แต่ผมเองก็ตกใจจนเผลอเด้ง
ตัวดึ๋งเหมือนกัน!
สัมผัสอ่อนนุ่มดีดตัวเข้ากับด้านหลังของผม!
...ผมไม่ได้ตั้งใจนะ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ!
“กะ แก! กล้าพูดกับฉันคนนี้แบบนี้...!”
รัฐมนตรีเบสเตอร์ทั้งโกรธทั้งตกใจจนส่งเสียงไม่ออก
“แกน่ะเงียบๆ ไปสักทีเถอะ!!”
พูดจบ คุณไคจินก็อดั ก�าปัน้ เข้าใส่ใบหน้าของรัฐมนตรีเบสเตอร์
อย่างไม่ลังเล...
“พี่ชายริมุรุ พี่ชายก�าลังหาช่างฝีมือดีๆ อยู่สินะ? อย่างฉันเนี่ย
พอรึเปล่า?”
เกินพอด้วยซ�้า... ว่าแต่ จะดีเหรอ?
อย่างไรซะ เล่นต่อยรัฐมนตรีแบบนีก้ ค็ งไม่มที ใี่ ห้อยูใ่ นอาณาจักร
นี้แล้วละมั้ง
บางครัง้ ลูกผูช้ ายก็มชี ว่ งเวลาทีไ่ ม่จา� เป็นต้องมีคา� พูดเหมือนกัน
“ฉันรอค�าพูดนั้นอยู่แล้ว! ทางฉันเองก็ต้องขอฝากตัวด้วยนะ
ไคจิน!”
เรื่องเล็กๆ น้อยๆ น่ะช่างมันเถอะ ถ้าไคจินบอกว่าจะมาให้ ผม
ก็แค่ยอมรับเสียก็พอ เรือ่ งความถูกต้องน่ะช่างมัน! พวกเราแค่มชี วี ติ อย่าง
ที่ตัวเองต้องการก็พอ!
238
ผมกับไคจินพยักหน้าให้กันอย่างเร่าร้อน

ว่าแต่... หลังจากนี้จะหนียังไงดีล่ะเนี่ย?
โลกเรานี่ ถ้าไม่ท�าอะไรอย่างระมัดระวังจะมีปัญหาเกิดตามมา
เป็นกองภูเขาจริงๆ แฮะ
ถึงท�าเป็นเท่ แต่ปญ
ั หาหลังจากนีก้ ไ็ ม่ได้หายไปเสียหน่อยนีน่ ะ...

เอาละ
ก็เป็นเรื่องแน่อยู่แล้วว่าการต่อยรัฐมนตรีถือเป็นเรื่องใหญ่มาก
“พี่... ท�าอะไรของพี่เนี่ย?”
นั่นคือค�าพูดของไคโดที่พาทหารรักษาความปลอดภัยมาด้วย
จะอย่างไรก็คงไม่ได้โดดงานทุกวันสินะ เพราะวันนี้ไม่เห็นโผล่
หน้ามาเลย
ทีจ่ ริงพวกเราชวนเขามาดืม่ ด้วยกัน แต่ถกู ปฏิเสธว่ามีธรุ ะมาไม่ได้
ทัง้ ทีเ่ ป็นอย่างนัน้ แต่พชี่ ายดันก่อเรือ่ งวุน่ วายขึน้ ในระหว่างทีต่ วั เอง
ไม่อยู่ ก็คงช่วยไม่ได้ที่เขาจะเอือมระอา
ถ้าแค่จะหนีกไ็ ม่ใช่เรือ่ งยากนัก แต่ในกรณีนคี้ งไม่ใช่ทางเลือกทีด่ ี
หรอกมั้ง...
“หึ! ก็เจ้าบ้านี่ท�าเรื่องเสียมารยาทกับพี่ชายริมุรุที่เป็นทั้งแขก
และผู้มีพระคุณของฉัน ฉันก็เลยลงโทษมันนิดหน่อยเท่านั้นเอง!!”
ไคจินบอกพลางชีม้ อื ไปทางรัฐมนตรีเบสเตอร์ซงึ่ ก�าลังได้รบั การ
ดูแลโดยอัศวิน 4 นายที่เขาพามาด้วย
ดูเหมือนว่าจนป่านนี้รัฐมนตรีเบสเตอร์ก็จะยังคงตั้งหลักจาก
ความตกใจและความช็อกไม่ได้อยู่ดี
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 239
เจ้าตัวก�าลังจ้องเขม็งมาทางนีโ้ ดยปล่อยให้เลือดก�าเดาไหลพราก
ใบหน้านั้นดูเต็มไปด้วยความตกตะลึงจนน่าข�า เจ้าตัวคงจะไม่
แม้แต่จินตนาการว่าตัวเองจะถูกชกเลยแม้แต่น้อย ถึงได้ตกใจเสียจน
ท่าทางจะไม่รู้สึกระทั่งความเจ็บปวดแบบนี้
“เฮ้ยๆ... ลงโทษนิดหน่อยเนี่ย ถ้าอีกฝ่ายเป็นรัฐมนตรีน่ะมัน
ไม่ค่อยสวยหรอกนะ...”
ไคโดพึมพ�ากลั้วถอนหายใจ
“ยังไงก็ตามแต่... ผมต้องขอควบคุมตัวพวกพี่ไว้ก่อนละ!”
เอ่ยแบบนั้นแล้ว ไคโดก็ออกค�าสั่งกับผู้ใต้บังคับบัญชา
แต่เขากระซิบพอแค่ให้พวกเราได้ยนิ ว่า “ไม่มอี ะไรเลวร้ายหรอกน่า
เพราะฉะนั้นช่วยท�าตัวนิ่งๆ กันหน่อยนะ”
แน่นอนว่าพวกเราไม่คิดจะก่อความวุ่นวายอะไรอยู่แล้ว
ผมแอบขยับตัวไปหาคุณมาดาม แล้วส่งเหรียญทอง 5 เหรียญ
ใส่ในมือของเธอ
เอ๋? พอมาดามท�าท่าตกใจ ผมก็บอกลาว่า “ถือว่าเป็นค่าเสียหาย
ที่ก่อความวุ่นวายรวมอยู่ด้วยน่ะ! แล้วผมจะมาอีกนะ!”
ทีน่ เี่ ป็นร้านคุณภาพดีจริงๆ ขืนมาทีน่ อี่ กี ไม่ได้เพราะเรือ่ งแบบนี้
คงไม่สนุกแน่ๆ
แล้วพวกเราก็ถูกควบคุมตัวด้วยประการฉะนี้... แต่ผมลืมอะไร
ไปบางอย่างแฮะ
ใช่แล้ว! ก็อบตะนั่นเอง
ผมไม่ได้พาเจ้าบ้านั่นไปที่ร้านด้วย
เจ้านั่นอยู่ระหว่างโดนพิพากษาด้วยทัณฑ์ “นรกหนอนเส้นใย”
ข้อหาท�าเรื่องงี่เง่าซ�้าซ้อนหลายต่อหลายครั้ง
ตอนแรกผมคิดจะจับแขวนคว�า่ หัวลงด้วยซ�า้ แต่แบบนัน้ คงไม่เข้าท่า
เท่าไร
240
ดังนั้นผมจึงท�าเพียงใช้ 『ใยเหนียวหนืด』 พันตัวมันจนกลม
แล้วจับแขวนไว้ในห้องเท่านั้น
“เดี๋ยวก่อน! แบบนี้มันโหดร้ายนะครับ! พาผมไปด้วยสิครับ!”
เจ้านั่นโวยวายด้วยเสียงโศกเศร้า แต่ถ้าใจดีด้วยทีหลังคงจะ
ได้ใจแน่ๆ
“เจ้าบ้า! ฉันทนกับพฤติกรรมของแกไม่ได้แล้ว! ถ้าเจ็บใจก็
อัญเชิญคู่หู (เทมเพสต์วูล์ฟ) ให้มาช่วยเอาแล้วกัน!”
ผมสั่งในเรื่องที่อย่างไรซะก็คงจะท�าไม่ได้แล้วจากมาโดยปล่อย
หมอนั่นทิ้งไว้แบบนั้น
ถ้าเป็นก็อบลินก็อกี เรือ่ งหนึง่ แต่เจ้านัน่ วิวฒ
ั นาการจนกลายเป็น
ฮ็อบก็อบลินแล้ว ดังนั้นถึงไม่กินไม่ดื่มสักอาทิตย์ก็คงไม่เป็นไรหรอก
หรือถ้าต้องถูกจับตัวไว้หลายวันก็แอบดอดออกไปช่วยเจ้านั่น
สักครั้งก็แล้วกัน
เมื่อคิดได้อย่างนั้น ผมก็ตัดสินใจลบเรื่องของเจ้านั่นออกไป
จากหัว
แม้จะคิดอยูบ่ า้ งเหมือนกันว่า น่าสงสารหรือเปล่านะ? แต่เจ้านัน่
มันอึดจะตายไป เพราะฉะนั้นคงไม่เป็นไรหรอก

พวกเรา 5 คนถูกควบคุมตัวไปยังพระราชวัง
แต่ถึงจะบอกอย่างนั้นก็ไม่ได้ถูกจับมัดให้วุ่นวาย ลักษณะออก
จะใกล้กับการขอให้ไปด้วยกันตามความต้องการของตัวเองมากกว่า
และสุดท้าย พวกเราก็ต้องใช้ชีวิตในคุกอยู่ 2 วัน
ถึงกระนัน้ ก็ดเู หมือนจะมีอาหารทีค่ อ่ นข้างดีให้ ส่วนห้องทีค่ มุ ขัง
ก็ได้รับการเก็บกวาดเป็นระเบียบเรียบร้อย
แถมเราทั้งห้าคนยังถูกพามารวมกันในห้องเดียว ดังนั้นจึงให้
ความรู้สึกเหมือนเป็นห้องขนาดใหญ่มากกว่าจะเป็นคุก
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 241
เรียกว่ารวมๆ แล้วได้รับการดูแลค่อนข้างดีทีเดียว
“เพราะฉันอารมณ์ร้อนก่อเรื่องขึ้นแท้ๆ เลยท�าให้ทุกคนโดน
หางเลขไปด้วย... ขอโทษนะ!”
ไคจินขอโทษทุกคน
แต่ว่าที่นี่ไม่มีใครนึกติดใจกับเรื่องแบบนั้น
“ไม่เป็นไรหรอกน่าคุณไคจิน! ไม่มีปัญหาหรอก!”
“ใช่ๆ ลูกพี่ไม่จ�าเป็นต้องคิดมากไปหรอก!”
“............!”
ดูท่าว่าสามพี่น้องเองก็จะรู้สึกไม่ต่างกัน
“ที่ส�าคัญกว่านั้น ถ้าได้รับการปล่อยตัวเมื่อไหร่ พวกเราเองก็
จะขอตามคุณไคจินไปด้วยนะครับ!”
“พี่ชายริมุรุ ถ้าพวกเราตามไปด้วยนี่จะมีปัญหารึเปล่า?”
“............?”
ด้วยความสามารถในการตีความของผม คงไม่อาจบอกได้วา่ เจ้า
คนสุดท้ายอยากจะพูดอะไร แต่ผมก็เข้าใจความรู้สึกของเขา
“หึ! ฉันจะดูแลให้หมดทุกคนเอง! แต่ฉนั จะจิกหัวใช้แบบไม่เกรงใจ
เพราะฉะนั้นเตรียมใจกันด้วยล่ะ!”
“““โอ้!!”””
ก็ประมาณนีแ้ หละ จากนัน้ พวกเราก็เริม่ ปรึกษากันถึงเรือ่ งหลังจาก
ที่ได้รับการปล่อยตัวด้วยอารมณ์ราวๆ นี้

1 วันผ่านไปอย่างที่เล่าไว้ข้างต้น และเมื่อถึงคืนวันที่ 2
“จะว่าไปแล้วเจ้ารัฐมนตรีนั่นมองไคจินเป็นศัตรูน่าดูเลยนะ? มี
สาเหตุอะไรรึเปล่า?”
ผมตั้งค�าถามขึ้นโดยไม่คิดอะไรมาก
แต่ไคจินกลับท�าหน้าเหมือนกลืนยาขมเมือ่ ได้ยนิ และถอนหายใจ
242
ก่อนจะเริ่มเล่าว่า
ที่จริงแล้วไคจินเคยเป็นหนึ่งในหัวหน้ากองของกองอัศวินแห่ง
พระราชวัง
แต่ถงึ จะว่าอย่างนัน้ กองอัศวินแห่งพระราชวังก็มดี ว้ ยกันถึง 7 กอง
ไคจินเพียงแต่ได้รับหน้าที่ให้ดูแลหนึ่งในจ�านวนนั้นเท่านั้น
สามกองก�าลังแนวหลัง ได้แก่กองก�าลังทหารช่าง กองก�าลัง
สนับสนุน และกองก�าลังกู้ภัยฉุกเฉิน
สามกองก�าลังแนวหน้าซึง่ ได้รบั ความนิยม ได้แก่กองก�าลังจูโ่ จม
เกราะหนัก กองก�าลังจูโ่ จมเวทมนตร์ และกองก�าลังสนับสนุนเวทมนตร์
ส่วนกองก�าลังทีม่ คี วามส�าคัญทีส่ ดุ ก็คอื กองก�าลังรักษาพระองค์
ซึ่งขึ้นตรงต่อองค์ราชา
ดูเหมือนว่าไคจินจะรับหน้าที่เป็นหัวหน้ากองของกองก�าลัง
ทหารช่าง
และผู้ช่วยของไคจินในเวลานั้น ก็คือเบสเตอร์นั่นเอง
“เจ้านัน่ มาจากตระกูลมาควิส ก็เลยถูกนินทาว่าใช้เงินซือ้ ต�าแหน่ง
เข้ามา ส่วนฉันเป็นแค่คนธรรมดา เจ้านัน่ ก็เลยยิง่ อิจฉาฐานะของฉันละมัง้
เจ้านั่นคงจะรู้สึกสับสนหลายอย่าง แล้วก็อาจจะรู้สึกเสียหน้าด้วยที่ต้อง
ท�างานรับค�าสั่งภายใต้คนธรรมดา... ตัวฉันตอนนั้นเองก็ยังไม่เป็นผู้ใหญ่
พอที่จะมีเวลาคิดถึงความรู้สึกของคนอื่น เพราะต้องพยายามเต็มที่เพื่อ
ตอบสนองความคาดหวังของฝ่าบาท... แล้วระหว่างนัน้ เอง ก็เกิดเหตุการณ์
นั้นขึ้น...”
บอกเช่นนั้นแล้ว ไคจินก็เล่าเหตุการณ์เมื่อตอนนั้นให้ทุกคนฟัง
เหตุการณ์ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ท�าให้ไคจินต้องลาออกจากกองทัพ

เหตุการณ์ทหารเกราะเวทมนตร์
กองก�าลังทหารช่างของคนแคระในเวลานั้น ไม่สามารถคิดค้น
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 243
พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ขึ้นมาได้ และได้รับการประเมินต�่าที่สุดในกอง-
ก�าลังทั้งเจ็ด
ฝ่ายเบสเตอร์ยืนกรานว่าในฐานะของอาณาจักรผู้สร้างสรรค์
เทคโนโลยีแล้ว กองก�าลังทหารช่างควรจะต้องโดดเด่นที่สุด!
ฝ่ายไคจินยืนกรานว่าควรจะท�าการทดลองอย่างแน่นอนมั่นคง
แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ!
ทั้งสองฝ่ายถกเถียงกันอย่างรุนแรง และไม่อาจหาข้อสรุปได้ใน
การประชุม
ท่ามกลางสถานการณ์นนั้ เอง ที่ “โครงการทหารเกราะเวทมนตร์”
ซึง่ เป็นงานค้นคว้าพัฒนาร่วมกับช่างเทคนิคเผ่าเอฟล์ถกู ก่อตัง้ ขึน้
ดูเหมือนว่าเบสเตอร์จะคิดว่าอย่างไรก็ต้องด�าเนินแผนการนี้ให้
ส�าเร็จเพื่อท�าให้ฐานะของกองก�าลังทหารช่างไม่มีวันสั่นคลอนอีกต่อไป!
ไคจินเองได้กล่าวตักเตือนเบสเตอร์เรือ่ งความรีบร้อนจนเกินเหตุ
นีแ้ ล้ว แต่เบสเตอร์ไม่คดิ จะรับฟังค�าเตือนของผูบ้ งั คับบัญชาซึง่ มีสายเลือด
เป็นคนธรรมดาเลยแม้แต่นอ้ ย และผลลัพธ์ทไี่ ด้กค็ อื เบสเตอร์ทรี่ อ้ นรนจน
ท�าอะไรตามล�าพังท�าให้ “แกนเหนีย่ วน�าพลังเวทภูตพราย” เกิดหลุดจาก
การควบคุม และท�าให้การทดลองเกิดความผิดพลาดตัง้ แต่ในขัน้ ต้น ส่งผล
ให้ต้องปิดพับแผนการไปในที่สุด
“โครงการทหารเกราะเวทมนตร์” ซึง่ ด�าเนินการโดยน�าช่างเทคนิค
ระดับสูงสุดในเวลานั้นมารวมกัน ต้องปิดฉากลงเช่นนั้น
ท้ายที่สุด ไคจินก็ต้องออกจากกองทัพเพื่อรับผิดชอบในความ
ผิดพลาด
เพราะนอกจากจะผลักความผิดพลาดของตัวเองทัง้ หมดให้กลาย
เป็นของไคจินแล้ว เบสเตอร์ยังซื้อตัวผู้บริหารของกองทัพ และเตรียม
หลักฐานเท็จเอาไว้ด้วย
ก็นะ สรุปว่านีก่ ค็ อื ความจริงทีเ่ กิดขึน้ ในเหตุการณ์ทหารเกราะ-
244
เวทมนตร์ที่ว่า

เมื่อเล่าจบไคจินก็ถอนหายใจด้วยท่าทางเหนื่อยล้า
ผมเข้าใจความรู้สึกของเขา ความแค้นที่สะสมมานานปีคงไม่ใช่
น้อยๆ
ว่าแต่เจ้าเบสเตอร์นี่ เป็นตัวร้ายตามแบบฉบับเป๊ะเลยแฮะ จะ
เรียกว่าเข้าใจง่ายก็ได้ในบางความหมาย
สรุปคือส�าหรับเบสเตอร์แล้ว ตราบใดทีไ่ คจินยังอยูใ่ นประเทศนี้
ก็อาจจะกลับเข้ามามีบทบาทในกองทัพ และคุกคามถึงฐานะของตัวเองได้
ละมั้ง
คนขีโ้ กงขนาดนีน้ ะ่ ลงโทษประหารไปเลยไม่ดกี ว่าเรอะ? แต่กน็ ะ
เรื่องโทษประหารผมอาจจะพูดเกินไปหน่อยก็ได้...
“ก็ อย่างที่ว่ามานี่ละ ถ้าฉันออกจากประเทศนี้ไปแล้วละก็
หมอนั่นเองก็อาจท�าตัวดีขึ้นหน่อยก็ได้”
ไคจินบอกอย่างนั้น แล้วสรุปเรื่องลงด้วยท่าทางหงอยเหงา
เล็กน้อย
สามพี่น้องเองก็เป็นคนที่รู้ความจริงเรื่องเหตุการณ์คราวนั้น
จึงดูจะเกลียดรัฐมนตรีเบสเตอร์กันเข้าไส้เหมือนกัน
ลองได้ฟังเรื่องนี้ ผมเองก็รู้สึกเกลียดเหมือนกันแหละ
แต่วา่ เล่นชกคนทีเ่ ป็นขุนนางแบบนี้ ผมไม่คดิ ว่าพวกเราจะได้รบั
การปล่อยตัวอย่างปลอดภัยทั้งอย่างนี้หรอก...
ทว่าขณะที่ผมกังวลอย่างนั้น
“คงไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อย ถึงฉันจะออกจากกองทัพแล้ว
แต่ก็เคยได้ขึ้นเป็นถึงหัวหน้ากอง ดังนั้นก็เลยได้ต�าแหน่งบาโรเน็ต10มา
ถ้าเป็นสามัญชนแล้วมีเรื่องกับขุนนางละก็ อาจโดนโทษประหารโดยไม่มี
การรอไต่สวนก็เป็นไปได้น่ะนะ”
10บาโรเน็ต : Baronet หนึ่งในชื่อต�าแหน่งของอังกฤษซึ่งสามารถสืบทอดสู่รุ่นลูกหลานได้ ฐานะต�่ากว่าบารอน
สูงกว่าไนท์ แต่ถือว่าเป็นสามัญชน ไม่ใช่ขุนนาง
บอกอย่างนั้นแล้วไคจินก็หัวเราะร่า
แต่ผมหัวเราะไม่ออกเลยสักนิด
ถ้าถึงยามคับขันก็เผ่นดีกว่า! ผมจะท�าเป็นไม่เกี่ยวข้องด้วยโดย
การแกล้งท�าตัวเป็นสไลม์ธรรมด๊าธรรมดาจนกว่าเรื่องจะซาลง
ผมคิดอย่างนั้น

และแล้วก็มาถึงวันไต่สวนคดี
พวกเราถูกควบคุมตัวไปยังเบื้องหน้าองค์ราชา
กษัตริย์วีรบุรุษแห่งคนแคระ
เมือ่ มาอยูเ่ บือ้ งหน้าแล้ว ผมรับรูไ้ ด้วา่ ความน่าเกรงขามเหนือใคร
นั้นผิดจากธรรมดาโดยสิ้นเชิง
ราชาองค์ปัจจุบัน กาเซล ดวาร์โก้
บุคคลซึ่งก�าลังทิ้งตัวนั่งเอนบนเก้าอี้พลางหลับตา
รูปร่างบึกบึนสมกับทีเ่ ป็นคนแคระ เกราะแห่งกล้ามเนือ้ ทีซ่ อ่ นเร้น
พลังงานซึ่งล้นทะลักออกมา
ผิวสีน�้าตาลเข้มอันเป็นเอกลักษณ์ เรือนผมสีด�าสนิทเสยเรียบ
ไปด้านหลัง
แข็งแกร่ง สัญชาตญาณของผมก�าลังร�่าร้องเตือนภัยสุดก�าลัง
อย่างที่ไม่ได้เป็นมาเสียนาน
สองข้างขององค์ราชามีอัศวินยืนเตรียมพร้อมอยู่
ผมรูส้ กึ ได้วา่ สองคนนีเ้ องก็แข็งแกร่งเหมือนกัน แต่เมือ่ อยูต่ อ่ หน้า
องค์ราชาแล้วก็ดูจืดจางไปเลย
ราชาองค์นี้เป็นสัตว์ประหลาดชัดๆ
ผมเคยคิดว่าอย่างไรตัวเองก็น่าจะหนีรอดไปได้ง่ายๆ แต่ลอง
246
แบบนี.้ ..
สติทเี่ หม่อลอยสบายอารมณ์ของผมกลับมาตืน่ ตัวเต็มทีใ่ นวินาที
ที่ได้มาอยู่ต่อหน้าองค์ราชา
นีอ่ าจเป็น “สัมผัสอันตราย” ครัง้ แรกทีผ่ มรูส้ กึ ได้นบั ตัง้ แต่มายัง
โลกนี้ก็เป็นได้

ชายคนหนึง่ ก�าลังคุกเข่าอยูเ่ บือ้ งหน้าพระพักตร์พลางตรวจสอบ


อะไรบางอย่าง
คงเพราะได้รบั อนุญาตจากองค์ราชาแล้วละมัง้ ชายคนนัน้ จึงลุก
ขึ้นยืนแล้วอ่านออกเสียงหนังสือปฏิญาณตน
“จะเริ่มการไต่สวน ณ บัดนี้ ทุกคนจงอยู่ในความสงบ!!”
ค�าพูดนั้นคือสัญญาณเริ่มต้นการไต่สวน
โดยจะใช้เวลา 1 ชัว่ โมงในการประกาศค�าแก้ตา่ งของทัง้ สองฝ่าย
เจ้าของเหตุการณ์คือพวกผมก็จริง แต่พวกผมไม่ได้รับอนุญาต
ให้พูดได้ในสถานที่นี้ เพราะผู้ที่เอ่ยปากได้อย่างอิสระมีเพียงขุนนาง
ผูถ้ อื ยศสูงกว่าเอิรล์ ส่วนคนอืน่ นอกจากนัน้ จะไม่ได้รบั อนุญาตให้เปิดปาก
พูดจนกว่าจะมีรับสั่งจากองค์ราชา
แล้วถ้าพูดออกไปจะเป็นอย่างไร?
ทันทีที่เปิดปากพูดจะถือว่าเป็นฝ่ายผิด และยังจะได้โทษลบหลู่
เบื้องสูงเป็นของแถมอีกด้วยโดยไม่เกี่ยวว่าแท้จริงแล้วมีความผิดหรือไม่
เห็นว่านี่คือกฎของที่นี่น่ะนะ
ดังนั้นจึงมีแต่ต้องฝากให้ผู้แทนเป็นคนจัดการทุกอย่างเท่านั้น
ช่วงระหว่าง 2 วันทีถ่ กู ควบคุมตัว พวกเราได้พบหน้าปรึกษาหารือ
กับผู้แทนคนนี้อยู่หลายครั้ง
จะว่าไปแล้วก็เป็นคนที่ท�าหน้าที่เหมือนทนายนั่นละ
ว่าแต่ผู้แทนคนนี้จะไม่เป็นไรแน่เหรอ?
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 247
ดูเหมือนว่าความกังวลดังกล่าวจะค่อยๆ กลายเป็นจริงขึ้นมา
เสียแล้ว...
“ดังทีก่ ล่าวมานี้ ขณะทีท่ า่ นเบสเตอร์กา� ลังพักผ่อนและเพลิดเพลิน
กับสุราอยูท่ รี่ า้ น ก็ถกู คนร้ายทีย่ กพวกบุกเข้ามาในร้านใช้กา� ลังท�าร้ายเอา!
นี่เป็นการกระท�าที่ไม่สมควรได้รับการให้อภัยอย่างเด็ดขาดขอรับ!”
“นั่นคือความจริงรึ?”
“ขอรับ! ข้าเองไม่เพียงแค่ได้รับฟังจากท่านไคจินเท่านั้น แต่ยัง
ได้ท�าหนังสือสอบพยานกับทางร้านด้วย เรื่องที่กล่าวเมื่อครู่นี้ไม่มีข้อ
ผิดพลาดอย่างแน่นอนขอรับ!”
...หา? เอ๋ ว่าไงนะ?
ผู้แทนที่คิดว่าเป็นมิตร กลับกลายเป็นคนทรยศไปเสียแล้ว
แบบนี้มันจะไม่แย่เอารึ?
พอหันมองท่าทางของไคจินก็พบว่าใบหน้าของเขาแดงก�่าใน
ชั่วพริบตา และค่อยๆ ซีดเผือดลงเรื่อยๆ
เรือ่ งนัน้ ก็คงใช่ละ เพราะว่าเขาไม่ได้รบั อนุญาตให้แก้ตา่ งได้ดว้ ย
นี่นา
เป็นเรือ่ งแน่นอนว่าผูแ้ ทนไม่ได้รบั อนุญาตให้พดู โกหก ถ้าความแตก
ขึน้ มาจะมีโทษถึงตายทีเดียว ถ้าไม่เตรียมตัวเตรียมใจเต็มทีห่ รือมีเหตุอะไร
ผู้แทนก็ไม่น่าจะพูดโกหกได้ แต่เวลานี้ เรื่องที่คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ก็
เกิดขึ้นเสียแล้ว
ระบบนี้มีขึ้นเพื่อไม่อนุญาตให้คนชั้นต�่า (หรืออาชญากรในที่นี้)
ได้เอ่ยปากกับองค์ราชา แต่ดูเหมือนว่าในครั้งนี้ระบบดังกล่าวจะน�าพา
สถานการณ์ให้ด�าเนินไปในทางที่เลวร้ายที่สุดเสียแล้ว
“ฝ่าบาท! พระองค์ทรงได้รับฟังแล้วใช่หรือไม่? โปรดลงทัณฑ์
คนเหล่านี้ให้จงหนักด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
ฝ่ายเบสเตอร์ก็ได้ใจกราบทูลองค์ราชาแบบนั้น
248
แถมยังเหลือบมองมาทางนีพ้ ลางเผยยิม้ อย่างภาคภูมใิ นชัยชนะ
ด้วย
ไอ้บ้านั่น... ถ้าได้ชกมันสักเปรี้ยงก็ดีสิ...

องค์ราชายังคงหลับตา ไม่เคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น


เมือ่ เห็นท่าทีนนั้ แล้ว คนสนิทผูต้ ดิ ตามจึงท�าหน้าทีก่ ล่าวค�าตัดสิน
แทนพระองค์
“ทุกคนจงอยู่ในความสงบ! จากนี้ไปจะเป็นการประกาศค�า
ตัดสิน! ไคจินผูน้ า� การก่อเหตุ โทษของเจ้าคือบังคับใช้แรงงานทีเ่ หมืองแร่
เป็นเวลา 20 ปี ส่วนผูส้ มรูร้ ว่ มคิดนอกจากนัน้ โทษของพวกเจ้าคือบังคับ
ใช้แรงงานที่เหมือนแร่เป็นเวลา 10 ปี ถ้าเช่นนั้น ก็ขอจบการไต่สวนลง
แต่เพียง------”
“------- รอก่อน”
ตอนนั้นเองที่เสียงอันทุ้มนุ่มลึกและสงบนิ่งดังขึ้นขัดถ้อยค�าของ
โฆษก
สิ้นเสียง ราชาก็ลืมพระเนตรขึ้นแล้วจ้องมองไคจิน
“ไม่ได้พบกันนานนะ ไคจิน สบายดีรึ?”
“...พ่ะย่ะค่ะ! ข้าพระองค์มคี วามยินดีเป็นอย่างยิง่ ทีไ่ ด้เห็นฝ่าบาท
ทรงพระเกษมส�าราญเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากเว้นจังหวะหนึ่ง ไคจินก็เอ่ยตอบ
ดูท่าว่าถ้าองค์ราชาทรงเป็นฝ่ายถามละก็จะตอบกลับได้แฮะ
“ไม่เป็นไร ข้ากับเจ้าเป็นอย่างไรเรารูก้ นั ดีอยูแ่ ล้ว” ฝ่ายองค์ราชา
ก็ตอบไคจิน และจากนัน้ ก็เริม่ เข้าหัวข้อหลักว่า “เจ้าคิดจะกลับมารึเปล่า?”
สิน้ ค�าตรัสนัน้ รอบข้างก็พากันส่งเสียงฮือฮา นีค่ งเป็นเรือ่ งทีไ่ ม่เคย
เกิดขึ้นมาก่อนละมั้ง
ฝ่ายเบสเตอร์นั้นหน้าซีดเผือดลงในพริบตา
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 249
และเมื่อมองผ่านไป ก็พบว่าผู้แทนซึ่งหักหลังพวกเราเองก็มี
สีหน้าซีดราวกับคนตายเหมือนกัน
“ต้องขอประทานอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท! ข้าพระองค์ได้พบ
กับผู้เป็นนายเสียแล้ว! และค�าปฏิญาณนั้นก็เป็นเสมือนทรัพย์สมบัติของ
ข้าพระองค์ ต่อให้เป็นรับสั่งจากฝ่าบาท ข้าพระองค์ก็ไม่คิดที่จะทิ้งสมบัติ
นี้ไปพ่ะย่ะค่ะ!”
คราวนีค้ า� พูดของไคจินท�าให้เกิดความโกรธเกรีย้ ว ทหารรักษา-
พระองค์ถึงกับปล่อยจิตสังหารมุ่งมาหาไคจินเลยทีเดียว
แต่ไคจินก็ไม่มที า่ ทีหวาดกลัว ทว่ากลับยืดอกจ้องตอบองค์ราชา
อย่างสง่าผ่าเผยด้วย
เมื่อได้เห็นแววตาของไคจิน องค์ราชาก็หลับพระเนตรลง
“อย่างนั้น รึ...”
บริเวณโดยรอบถูกปกคลุมด้วยความเงียบอีกครั้ง
และแล้ว-------
“ข้าจะกล่าวค�าตัดสิน ณ บัดนี้ จงตั้งใจฟังให้ดี! ข้าขอเนรเทศ
ไคจินรวมถึงพวกพ้องออกจากราชอาณาจักรแห่งนี้ หลังจากขึน้ วันใหม่ใน
คืนนี้ ข้าจะไม่อนุญาตให้พวกเจ้าอยูใ่ นราชอาณาจักรนีอ้ กี ต่อไป จบเพียง
เท่านี้ เช่นนั้นก็จงไสหัวไปจากเบื้องหน้าข้าได้แล้ว!!”
องค์ราชาลืมพระเนตร แล้วประกาศก้องด้วยเสียงอันกึกก้อง
นี่คือออร่าของผู้เป็นราชา! แรงกดดันที่ส่งมานั้นถึงกับท�าให้
ร่างกายสัน่ สะท้านเลยทีเดียว ทัง้ ทีเ่ ป็นอย่างนัน้ แต่ผมกลับมองว่าองค์ราชา
ดูมีท่าทางเหงาๆ อย่างไรไม่รู้

การไต่สวนปิดฉากลงด้วยประการฉะนี้ พวกเราจึงกลับไปยังร้าน
ของไคจิน
แค่คดิ จะออกไปดืม่ กันสักหน่อยแท้ๆ แต่ดนั กลายเป็นเรือ่ งใหญ่
250
ไปเสียนี่
ต้องรีบจัดข้าวของแล้วออกเดินทางกันเสียแล้ว
จะว่าไป เจ้าก็อบตะปลอดภัยดีหรือเปล่าหว่า?
ก็นะ เพิ่งผ่านไป 3 วันเท่านั้นเอง...
ผมรู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อยในขณะที่เปิดประตูห้องลงทัณฑ์...
“อ๊ะ! กลับมาแล้วเหรอครับ! ทีผ่ า่ นมาสนุกกันไหมครับ? คราวหน้า
ช่วยพาผมไปด้วยสิครับ!”
แต่ก็อบตะกลับผุดลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเอ่ยอย่างนั้น!
อะ... ไรกัน? เจ้านี่หนีออกจาก 『ใยเหนียวหนืด』 ของแมงมุม
มาได้ไง?
และพอมองให้ดีๆ ก็พบว่าสิ่งที่ก็อบตะใช้เป็นหมอนนั้นคือ
เทมเพสต์วูล์ฟนั่นเอง
จริงอะ? อัญเชิญมาได้ส�าเร็จจริงอะ!?
“ฮะ เฮ้ ก็อบตะคุง หรือว่าเธออัญเชิญหมาป่าออกมาได้ส�าเร็จ
จริงๆ?”
“อ๊ะ! ใช่แล้วครับ! พอผมตัง้ ใจคิดว่าช่วยมาหน่อย มันก็มาจริงๆ
ครับ!”
พูดง่ายฉิบ... ทั้งที่ที่ผ่านมาฮ็อบก็อบลินตนอื่นๆ ยังไม่มใี ครเคย
ท�าส�าเร็จเลยแท้ๆ
หรือว่าสารอาหารในสมองของเจ้านีจ่ ะถูกส่งไปให้สว่ นของพรสวรรค์
หมดหว่า?
ไม่หรอกเนอะ เจ้าก็อบตะเนี่ยนะ ไม่มีทางหรอก
ต้องเป็นเรื่องบังเอิญแน่ๆ
ทว่าตอนนั้นเอง ผมก็สังเกตเห็นบรรดาคนแคระซึ่งก�าลังตัวแข็ง
พลางมองดูเทมเพสต์วูล์ฟ
“มัวท�าอะไรกันอยู่? รีบเตรียมตัวแล้วไปกันเถอะ?”
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 251
ผมจึงส่งเสียงเรียกพวกคนแคระ
“เฮ้ยๆ เดี๋ยวก่อนๆ! ท�าไมแบล็กกาโร่ถึงมาอยู่ในที่แบบนี้ได้
ล่ะ!?”
“จริงด้วย! ต้องรีบหนีกันแล้ว นั่นมันปิศาจแรงก์ B เลยนะ!”
ทว่าพวกคนแคระกลับตะลีตะลานอะไรกันใหญ่
ท่าทางของพวกเขาช่างน่าข�าและน่าสนุกเหลือเกิน
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรน่า! ไม่มีปัญหา มันไม่ต่างกับหมาธรรมดา
หรอก! อันที่จริงก็เป็นหมาป่าที่พวกเราเลี้ยงไว้ที่บ้านด้วยน่ะนะ!”
ทีพ่ ดู อย่างนัน้ ก็เพราะคิดว่าจะท�าให้ทกุ คนสบายใจ แต่ไม่ทราบ
ว่าท�าไมทั้งสี่คนถึงส่งเสียงไม่ออกกันสักคน
ทัง้ นีท้ เี่ รียกว่าแบล็กกาโร่นน้ั ดูเหมือนจะเป็นเผ่าระดับสูงของเผ่า
กาโร่ ในกรณีทเี่ ผ่ากาโร่มวี วิ ฒั นาการค่อนไปทางด้านธาตุมดื แผงขนก็จะ
กลายเป็นสีดา� ซึง่ เทมเพสต์วลู ฟ์ เองก็มขี นสีดา� เหมือนกัน แต่ความเงาวาว
ของขนจะต่างออกไป อันทีจ่ ริงตามปกติ เผ่ากาโร่จะไม่มที างมีววิ ฒ ั นาการ
ไปด้านสายวายุอยู่แล้ว การตั้งชื่อของผมท�าให้พวกเขาเกิดวิวัฒนาการ
เหมือนกับการกลายพันธุ์แบบกะทันหันนั่นเอง
ถ้าเป็นกาโร่ในเขตพืน้ ทีภ่ เู ขาไฟแล้ววิวฒ ั นาการไปทางสายอัคคี
ก็จะกลายเป็นเรดกาโร่ พืน้ ทีแ่ ถบน�า้ จะกลายเป็นบลูกาโร่ ส่วนพืน้ ทีป่ า่ ไม้
ก็จะเป็นกรีนกาโร่ สรุปแล้วก็คอื จะวิวฒ ั นาการเป็นพันธุท์ สี่ งู ขึน้ ได้ดว้ ยการ
สังกัดกับพลังธาตุนั่นเอง โดยแบล็กกาโร่ซึ่งสังกัดธาตุมืดนั้นดูเหมือนว่า
จะเป็นปิศาจอันตรายทีท่ า� ร้ายผูค้ น จึงไม่ใช่เรือ่ งแปลกทีจ่ ะเป็นทีห่ วาดกลัว
แต่เพราะสังกัดธาตุวายุแล้วจะกลายเป็นขนสีด�าเจือม่วง ดังนั้น
หากไม่ใช่คนที่รู้รายละเอียดก็คงจะแยกความแตกต่างไม่ถูก
ทว่าตอนนี้พวกเราไม่มีเวลา ผมไม่ว่างพอที่จะอธิบายให้พวก
ไคจินฟัง
ดังนัน้ จึงต้องใช้วธิ ฝี นื บังคับให้ทกุ คนยอมรับว่ามันเป็นสัตว์เลีย้ ง
252
เพื่อปรับความรู้สึกกันเสียใหม่
หลังจากให้พวกคนแคระเปลี่ยนเสื้อผ้าส�าหรับเดินทางแล้ว ผม
ก็ให้ทุกคนออกไปด้านนอก
แล้วผมคนเดียวก็กลืนทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านที่จะขนไปด้วย
ลงท้อง
พื้นที่ว่างในกระเพาะของผมยังมีอีกเหลือเฟือ
แต่การกลืนอาคารเข้าไปทัง้ หลังมันเตะตาในทางร้ายมากเกินไป
และอาจถูกสงสัยได้ ผมจึงไม่ท�า
เมื่อเตรียมการเดินทางเสร็จสิ้นอย่างที่ว่าแล้ว พวกเราก็มุ่งหน้า
ไปยังทางเข้าป่าซึ่งเป็นสถานที่นัดพบกับพวกริกุรุ

สถานที่นั้น ปกคลุมด้วยความเงียบสงัด
ขนาดที่ไม่น่าเชื่อเลยว่ามีเสียงพูดคุยอื้ออึงฮือฮาจนกระทั่งถึง
เมื่อครู่นี้
หลังจากที่ผู้กระท�าผิดทั้งห้าพากันจากสถานที่นี้ไปเหมือนกับ
จะหนี ก็ไม่มีใครขยับตัวอีกเลยแม้แต่คนเดียว
เบสเตอร์กลืนน�้าลายเอื๊อกขณะที่ความหวาดกลัวซึ่งมีต่อความ
เงียบงันขององค์ราชาพวยพุ่งขึ้น
และท้ายทีส่ ดุ ราชากาเซลก็ตรัสราวกับจะท�าลายความเงียบสงัดนัน้
“เอาละ เบสเตอร์ เจ้ามีอะไรอยากจะพูดรึเปล่า?”
“ขะ ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท! แต่นเี่ ป็นความเข้าใจผิด
นะพ่ะย่ะค่ะ! ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”
เบสเตอร์เอ่ยด้วยเสียงอันดังเหมือนพยายามวิงวอนต่อองค์ราชา
ตรงกันข้าม ราชากลับยังคงมีท่าทีเย็นชา ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 253
ให้ปรากฏทั้งสิ้น
“เข้าใจผิด งั้นรึ ข้าต้องสูญเสียข้าราชบริพารที่จงรักภักดีไป
คนหนึ่งเสียแล้ว”
“ตรัสอะไรเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ! คนพรรค์นั้นอย่าว่าแต่จะปฏิญาณ
ความจงรักภักดีต่อพระองค์ มันกลับยังตามใครที่ไหนไป-------”
“เบสเตอร์เอ๋ย เจ้าก�าลังเข้าใจผิด เจ้าไคจินน่ะ ไม่ว่าอย่างไรก็
ต้องจากข้าไปอยูแ่ ล้ว ข้าราชบริพารผูภ้ กั ดีทขี่ า้ ต้องสูญเสียไป... นัน่ คือเจ้า
ต่างหาก”
หัวใจของเบสเตอร์เต้นระรัว
เขาต้องหาทางแก้ตัว... แต่ว่าสมองของเขากลับนึกอะไรไม่ออก
และไม่สามารถผุดค�าตอบออกมาตามต้องการได้
เขานึกอะไรไม่ออกอีกต่อไป
เมื่อครู่นี้ องค์ราชาตรงตรัสว่าอะไร?
ที่ต้องสูญเสียไป ก็คือเจ้า หมายความว่า สรุปก็คือ...
เบสเตอร์พยายามคิดว่าเขาควรท�าอย่างไรดี ทว่าก็ยงั คงนึกอะไร
ไม่ออก
“ข้าขอถามอีกครั้ง เบสเตอร์เอ๋ย เจ้ามีอะไรอยากพูดหรือไม่?”
กลัว
สมองของเบสเตอร์ถูกเติมเต็มด้วยความหวาดกลัว
องค์ราชาก�าลังตรัสถามเขาอยู่ เขาต้องเอ่ยตอบ... ทว่ากลับไม่มี
ค�าพูดใดๆ ผุดขึ้นมาทั้งสิ้น
“ขะ ขอประทานอภัย ขอประทานอภัย...”
“ข้าคาดหวังในตัวเจ้า และรอเจ้าตลอดมา รอให้เจ้าพูดความจริง
เรือ่ งเมือ่ ครัง้ เหตุการณ์ทหารเกราะเวทมนตร์ รวมถึงเรือ่ งในครัง้ นีด้ ว้ ย...”
ราชากาเซลตรัสพลางจ้องมองเบสเตอร์ด้วยสีหน้าที่เรียกได้ว่า
อ่อนโยนเสียด้วยซ�า้ ทว่าตรงกันข้าม สีหน้าและค�าพูดนัน้ กลับคว้านเข้าไป
254
ในหัวใจของเบสเตอร์อย่างเฉียบคมเสียยิ่งกว่าดาบ
“จงดูสิ่งนี้------”
ราชาชี้ไปยังของ 2 สิ่ง
เป็นของที่ไม่ทราบว่าคนสนิทของพระองค์ขนเข้ามาตั้งแต่เมื่อไร
เบสเตอร์มองดูของเหล่านั้นด้วยสายตาเลื่อนลอย
ชิน้ หนึง่ เป็นภาชนะทรงกลมบรรจุของเหลวทีเ่ บสเตอร์ไม่เคยเห็น
มาก่อน
ส่วนอีกชิ้นคือลองซอร์ดเล่มหนึ่ง
“รู้หรือไม่ว่ามันคืออะไร?”
เมื่อถูกถามเช่นนั้นแล้วลองมองดูให้ดีอีกครั้ง เบสเตอร์ก็พบว่า
เขาไม่ทราบว่าวัตถุทรงกลมนัน้ คืออะไร แต่เขาจ�าลองซอร์ดได้ มันคือดาบ
ที่ไคจินน�ามาส่งนั่นเอง
“จงอธิบายเสีย”
พอได้รับค�าสั่งจากองค์ราชา คนสนิทก็เริ่มต้นอธิบาย
สมองของเบสเตอร์จา� เป็นต้องใช้เวลาชัว่ ระยะ กว่าทีจ่ ะท�าความ
เข้าใจกับค�าอธิบายนั้นได้

แม้จะไม่ใช่เอริกเซอร์ (ยาคืนชีพ) แต่ก็เป็นของเหลวที่สกัดจาก


หญ้าฮิโปคุเตะอย่างสมบูรณ์ และกลายเป็นฟูลโพชั่น (ยาฟื้นฟูสมบูรณ์)
แม้จะรวบรวมเทคโนโลยีของคนแคระทั้งหมดมา ก็ยังกลั่นได้
สูงสุดเพียง 98 เปอร์เซ็นต์
ซึ่ง 98 เปอร์เซ็นต์ก็จะได้เพียงไฮโพชั่น (ยาฟื้นฟูระดับสูง)
เท่านั้น แต่ยานี้กลับสกัดได้ถึง 99 เปอร์เซ็นต์!
ความตกตะลึงท�าให้ใบหน้าของเบสเตอร์บิดเบี้ยว เขาอยากรู้!
อยากจะรู้วิธีสกัดนั้นเหลือเกิน------
และข้อมูลทีน่ า่ ตกตะลึงยิง่ ไปกว่านัน้ ก็ถกู อธิบายให้เบสเตอร์ฟงั
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 255
นั่นคือเรื่องของลองซอร์ด
กับรายงานทีว่ า่ โลหะเวทซึง่ เป็นแก่นนัน้ เริม่ มีการแทรกซึมเข้าสู่
ใบดาบแล้ว
เป็นไปไม่ได้ ตามปกติแล้วควรจะต้องใช้เวลาถึงสิบปีกว่าทีว่ ตั ถุดบิ
จะเข้ากัน แล้วจึงค่อยๆ เกิดการแทรกซึมทีละน้อย!
ครั้งนี้ความตกใจท�าให้ความคิดของเบสเตอร์กลับมาท�างาน
ถ้าเรือ่ งดังกล่าวเป็นความจริงละก็! ความคิดเช่นนัน้ เข้าครอบครอง
สมองของเบสเตอร์
“ผู้ที่น�าสิ่งเหล่านี้มาคือสไลม์ตัวนั้น การกระท�าของเจ้า ท�าให้
ความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรของเรากับปิศาจตัวนั้นถูกตัดขาด เจ้ามี
อะไรอยากจะพูดหรือไม่?”
ตอนนั้นเองที่เบสเตอร์รับรู้ได้ถึงความพิโรธขององค์ราชาอย่าง
ชัดเจน และรับรู้ด้วยว่าไม่มีอะไรที่เขาควรจะพูดอีกต่อไป
“ข้าพระองค์... ไม่มีอะไรจะทูลอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
น�้าตาเริ่มเอ่อขึ้นมา ในเวลานั้นเขาเพิ่งเข้าใจเป็นครั้งแรก ว่าเขา
ถูกองค์ราชาทอดทิ้งเสียแล้ว
เขาอยากจะเป็นประโยชน์ต่อองค์ราชา และอยากจะได้รับการ
ยอมรับจากองค์ราชา
ความปรารถนาของเขา มีเพียงเท่านั้น
เขาเริ่มท�าผิดตั้งแต่เมื่อไรกัน
ตั้งแต่ที่เขานึกริษยาไคจิน
หรืออาจจะเป็นก่อนหน้านั้นอีก...
เขาเองก็ไม่รู้ เขารู้เพียงความเป็นจริงที่ว่าเขาได้ทรยศหักหลัง
ความคาดหวังขององค์ราชาเสียแล้ว
“อย่างนั้นรึ ถ้าเช่นนั้น เบสเตอร์เอ๋ย! ข้าขอสั่งห้ามไม่ให้เจ้าเข้า
มาในพระราชวังอีก จงอย่ามาปรากฏตัวให้ขา้ เห็นอีกต่อไป... ทว่าสุดท้ายนี้
256
ข้ามีหนึง่ ค�าพูดจะมอบให้เจ้า ทีผ่ า่ นมาเจ้าได้สร้างคุณประโยชน์เอาไว้มาก
นัก!”
เมือ่ ได้ฟงั ค�าขององค์ราชาแล้ว เบสเตอร์กล็ กุ ขึน้ ยืน แล้วโค้งศีรษะ
อย่างจริงจังแสดงความเคารพต่อพระองค์
แล้วจึงจากสถานที่นั้นไป
เพื่อจ่ายค่าชดใช้ให้กับความโง่เขลาที่ตัวเขาเองเป็นผู้ก่อขึ้น...

เวลาเดียวกับที่เบสเตอร์จากไป
ทหารรักษาพระองค์ก็วิ่งเข้ามา และควบคุมตัวผู้แทนซึ่งเป็นผู้
สมรูร้ ่วมคิดของเบสเตอร์
หลังจากเก็บภาพนั้นสู่ทัศนวิสัยแล้ว
“หน่วยลับเอ๋ย จงจับตามองแนวโน้มการเคลื่อนไหวของสไลม์
ตัวนั้นเสีย! อย่าท�าให้มันรู้ตัวเด็ดขาด อย่าเด็ดขาด!”
ราชาออกค�าสั่งโดยเน้นค�าหนัก
ค�าสั่งที่ถูกเน้นย�้าโดยองค์ราชาผู้เงียบงัน ท�าให้รอบข้างพากัน
ตั้งสติให้มั่นคงเพราะรู้ได้ถึงความส�าคัญนั้น
“แม้ต้องแลกด้วยชีวิตพ่ะย่ะค่ะ!”
หน่วยลับเหลือค�าพูดไว้เพียงเท่านั้นแล้วหายตัวไป

องค์ราชาด�าริในใจ
สไลม์ตัวนั้นเป็นใครกันแน่?
มันเป็นสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่ง มีปิศาจแบบนั้นถูกปลดปล่อย
ออกมาด้วยรึ
ลางสังหรณ์ในฐานะวีรบุรุษท�าให้ราชารู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่
ไม่อาจละสายตาได้
ราชาจึงเริ่มเคลื่อนไหว โดยเชื่อในลางสังหรณ์นั้น
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 257

พวกผมไปรวมตัวกับพวกริกุรุที่ปากทางเข้าป่า
ท้ายที่สุดพวกผมก็ใช้เวลาอยู่ในเมืองทั้งหมด 5 วัน ถือเป็น
จ�านวนวันตามที่คาดคะเนไว้พอดี
แม้จะมีเรือ่ งวุน่ วายหลายๆ อย่าง ก็ยงั ถือว่าดีทเี่ ป้าหมายประสบ
ความส�าเร็จ
ถ้าพูดถึงความอยากละก็ ผมอยากจะไปสมาคมอิสระทีด่ เู หมือน
ว่าจะเป็นตัวตนซึ่งมีลักษณะคล้ายกิลด์นักผจญภัยในเมืองนี้ดูเหมือนกัน
เพราะถึงใจจะคิดว่าไม่น่ามี แต่เอาเข้าจริงก็อาจจะมี “ชาวต่างโลก” อยู่
ก็ได้...
อีกทั้งไหนๆ ก็ได้มาอาณาจักรคนแคระทั้งที ผมก็อยากจะ
ทัศนศึกษาเกี่ยวกับพวกงานฝีมือหรือพวกเครื่องป้องกันด้วยเหมือนกัน
แต่มาถึงตอนนีค้ งท�าอะไรไม่ได้แล้ว และอย่างไรก็ได้ตวั ช่างฝีมอื มาเป็นพวก
แล้วด้วย ดังนั้นจึงควรจะพอใจได้แล้วละ
แถมยังมีรายได้ เพราะหาเงินมาได้ตงั้ 20 เหรียญทองอีกต่างหาก
ผมแนะน�าพวกริกรุ ใุ ห้รจู้ กั กับพวกไคจิน เพราะต่อไปจะต้องเป็น
พวกพ้องกันแล้ว ก็อยากจะให้สนิทสนมกันไว้น่ะนะ
จะว่าไปแล้วไม่ค่อยเห็นพวกคนแคระคิดมากเรื่องแบ่งแยก
เผ่าพันธุ์เท่าไรเลยแฮะ พอคิดถึงเรื่องที่ว่าพวกเขาเป็นกึ่งเผ่าภูตก็อาจจะ
เป็นเรือ่ งแน่อยูแ่ ล้ว ซึง่ ลักษณะเช่นนีข้ องเขาก็ถอื เป็นเรือ่ งทีด่ ใี นการจะท�า
อะไรหลังจากนี้

เอาละ พอถึงเวลาจะออกเดินทางก็เกิดปัญหาขึ้นเรื่องหนึ่ง
นัน่ คือพอผมบอกว่าจะให้รนั ก้าซึง่ สะบัดหางโดยคิดจะให้ผมขึน้
258
ไปนั่งอย่างเต็มใจว่าจะให้มันคืนร่างเป็นร่างเดิมซึ่งมีขนาดเกือบห้าเมตร
และจะให้สองในสามพี่น้องนั่งบนหลังมันด้วย...
รันก้าทีม่ สี หี น้ายินดีกก็ ลับปัน้ หน้าไร้อารมณ์ในอึดใจ และซวนเซ
ถอยหลังไปนั่งจุมปุ๊ก
อีกทัง้ ยังจ้องมองพวกคนแคระด้วยท่าทางทีเ่ หมือนอยากจะพูดว่า
“ถ้าพวกงี่เง่านี่หายไปละก็คงหมดปัญหาเนอะ?” อีกต่างหาก
สีหน้าที่บ่งบอกว่าอาจจะจับพวกเขากินมันตอนนี้เลยนั้นท�าให้
พวกคนแคระพากันหวาดกลัว
อันที่จริงตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นรันก้า พวกเขาก็
“““แว้ก------- !! ท�าไม ถึงได้ใหญ่แบบนี้...”””
แสดงท่าทางตกใจจนโอเวอร์ออกมากันอยู่แล้ว
ไม่รวู้ า่ เพราะพวกเขากลัวรันก้ากันมาก หรือว่าท่าทางเหล่านีเ้ ป็น
หนึ่งในการแสดงของพวกเขากันแน่?
ผมไม่คอ่ ยจะเข้าใจนัก แต่บางทีอาจจะมีจดุ ให้หวั เราะอยูต่ รงไหน
ละมั้ง
“รอก่อนน่า รันก้า ที่จริงแล้วฉันเองก็จะลองจ�าลองร่างเป็น
หมาป่าด�าดูเพราะอยากจะทดลองความสามารถอะไรหลายๆ อย่าง ดังนัน้
ก็เลยอยากจะฝากคนแคระทั้งสองคนนี้ให้นายดูแลน่ะ!”
หลังจากซาบซึ้งกับค�าพูดของผมแล้ว
“รับทราบครับ! นายท่านของข้า!”
รันก้าก็ตอบตกลงในที่สุด
ดั ง นั้ น ผมจึ ง ตกลงให้ ไ คจิ น กั บ การ์ ม ซึ่ ง เป็ น พี่ ช ายคนโตของ
สามพี่น้องนั่งบนหลังผม
ส่วนโดลด์นอ้ งคนรองกับมิลด์นอ้ งคนสุดท้องนัง่ บนหลังของรันก้า
เมือ่ แน่ใจว่าทัง้ สองคนขึน้ นัง่ บนรันก้าแล้ว ผมก็ใช้ 『ใยเหนียว-
หนืด』 ยึดตัวทั้งสองให้ติดกับรันก้า
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 259
เพราะส�าหรับโลกที่ไม่มีมอร์เตอร์ไซค์แห่งนี้ การเคลื่อนที่ด้วย
ความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงคงเป็นประสบการณ์ที่น่าหวาดผวาอยู่
นิดหน่อยเหมือนกัน
ส่วนผมเองไม่รู้ว่าจะวิ่งด้วยความเร็วขนาดนั้นได้หรือเปล่า และ
ผมก็ไม่คิดจะใช้สปีดถึงขนาดนั้นอยู่แล้วด้วย
ต่อไปก็ถึงตาผมละ
จ�าลอง : เทมเพสต์สตาร์วูล์ฟ
การจ�าลองกายของผมเสร็จสมบูรณ์ในที่สุด
“วิเศษ!! สมแล้วที่เป็นนายท่านของข้า!!”
“หึฮา่ ฮ่า! แน่นอนอยูแ่ ล้ว นายเองก็พยายามให้ววิ ฒ ั นาการเป็น
รูปลักษณ์นี้ให้ได้ล่ะ!”
พอผมเอ่ยตอบค�าชมของรันก้าแบบนั้น
“ฮ่าฮ่า! ข้าจะตอบสนองความคาดหวังของท่านให้ชมครับ!”
เป้าหมายใหม่ก็ท�าให้แววตาของรันก้าทอประกายระยิบระยับ
ส่วนบรรดาเทมเพสต์วลู ฟ์ ทีไ่ ด้รบั แรงกระตุน้ จากหัวใจของรันก้า
เองก็ดูจะพากันฮึกเหิมไปด้วย
ดูเหมือนว่าทุกคนจะก�าลังใจเต็มร้อยกันหมดแฮะ ถือเป็นเรื่อง
ที่ดีจริงๆ
เอาละ พอผมหันไปมองเพราะคิดจะให้พวกไคจินขึน้ นัง่ ... ก็ไม่รู้
ว่าท�าไม? พวกไคจินจึงก�าลังหมดสติน�้าลายฟูมปาก
ท�าอะไรกันเนี่ย? ตาลุงพวกนี้...
เอาเถอะ
มาดูผลของการฝึกฝนทุกเมื่อเชื่อวันกัน! ผมส่ง 『ใยเหนียว-
หนืด』 ออกมาจากด้านหลัง แล้วดึงพวกไคจินขึ้นมา
ส�าเร็จแล้ว! ผมอุตส่าห์แอบค่อยๆ ฝึกการปล่อยและควบคุม
เส้นใยมาเรื่อยๆ เชียวนะ
260
และแล้วเมื่อให้พวกไคจินที่สลบเหมือดขึ้นนั่งบนหลังเรียบร้อย
พวกเราก็ออกเดินทางกัน

เรือ่ งแถมเล็กน้อยก็คอื ผมคิดจะวิง่ แค่เหยาะๆ แต่กลับกลายเป็น


ได้ความเร็วเกินกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเสียนี่ ดังนั้นอาจบอกได้ว่า
ถือเป็นเคราะห์ดีที่พวกไคจินสลบเหมือดกันไปเรียบร้อยแล้ว
เพราะไม่งั้นพวกเขาก็คงจะสลบกันตอนที่เร่งความเร็วครั้งแรก
อยู่ดีนั่นละ...
ผมลองหันมองโดลด์กับมิลด์ คนแคระ 2 คนซึ่งนั่งอยู่บนหลัง
รันก้าบ้าง
สองคนนี้ดูจะมีลูกฮึด ก็เลยไม่เป็นไร-------ซะเมื่อไรเล่า นั่นคือ
การหมดสติทั้งที่ลืมตาซึ่งเขาเล่าลือกันสินะ! โชคร้ายหน่อยนะพวก

พวกเราจึงมุ่งหน้าเดินทางกลับต่อโดยปล่อยให้พวกคนแคระ
หมดสติไปแบบเลยตามเลย
บางที การปล่อยให้สลบไปอาจจะดีกว่าก็ได้เพราะจะได้ไม่เผลอ
กัดลิ้น
ว่ากันตามจริง ถ้าผมอยู่ในฐานะของพวกเขาละก็ คงไม่อยาก
โดนปลุกขึ้นมาเผชิญกับเหตุการณ์สุดผวาอีกหรอก
ให้ทุกอย่างจบลงระหว่างที่ก�าลังหลับอยู่ยังจะถือว่าโชคดีเสีย
มากกว่า
แต่ก็นะ ถึงเวลากินข้าวเมื่อไรก็ต้องปลุกละ
ผมนี่เป็นคนช่างแกล้งจริงๆ นั่นแหละ
จะว่าไปแล้ว...
“ริกรุ !ุ ขอถามหน่อยสิ นายเคยอัญเชิญหมาป่าด�าส�าเร็จรึเปล่า?”
“คือว่าน่าอายจริงๆ... แต่ยังท�าไม่ส�าเร็จเลยครับ...”
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 261
อืม กระทั่งริกุรุก็ยังท�าไม่ส�าเร็จรึนี่
บรรดาก็อบลินตนอื่นๆ เองก็มีท่าทางเจ็บใจ รวมถึงบรรดา
หมาป่าด�าซึ่งเป็นคู่หูก็ไม่ต่างกัน
ก็แปลว่า มีก็อบตะเท่านั้นเรอะ?
“คือว่า ดูเหมือนว่าเจ้าก็อบตะมันจะท�าส�าเร็จแล้วนะ?”
“อะไรกัน! จริงรึก็อบตะ?”
“ครับ! พอลองเรียกมันก็มาหาผมครับ!”
ค�าพูดนั้นท�าให้แววตาของก็อบลิน & หมาป่าด�าตัวอื่นๆ เกิด
เพลิงแห่งการต่อสู้ลุกโชติช่วง
“...ก็เป็นไปได้นะครับ เพราะว่าก็อบตะนั้นเป็นผู้แข็งแกร่งที่เคย
เดินเท้าไปกลับระหว่างราชอาณาจักรคนแคระนีก้ บั หมูบ่ า้ นก็อบลินมาแล้ว!”
อย่างนี้นี่เอง จะว่าไปแล้ว... ผมคิดเสมอว่าเจ้าหมอนี่งี่เง่าแล้ว
งี่เง่าอีก! แต่จะอย่างไรก็เป็นชายที่ถึงเวลาจะท�าก็ท�าได้
เอาเถอะ ถึงก็อบตะจะงี่เง่าแต่ก็คงไม่ได้ไร้ความสามารถละมั้ง
พอลองนึกดู ถ้านับว่าเดินทางไปกลับก็กนิ เวลาถึง 4 เดือน การเดินทาง
ในระยะทางขนาดนี้พลางจัดหาเสบียงอาหารไปด้วยนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ท�ากัน
ได้ง่ายๆ เลย
แถมถึงแม้จะอ่อนแอ แต่บริเวณรอบๆ นีก้ ม็ ปี ศิ าจปรากฏตัวด้วย
คะแนนประเมินที่ผมมีต่อก็อบตะพุ่งพรวดขึ้นหลายขั้น แต่ก็นะ
อีกไม่นานก็คงร่วงลงมาอีกอยู่ดีแหละ

เมื่อถึงกลางคืน พวกเราก็พักผ่อนกัน
ถึงผมจะไม่เหนื่อยเลยแม้แต่น้อย ทว่าคนอื่นๆ ยังจ�าเป็นต้อง
พักผ่อน
ดังนั้นผมจึงให้ทุกคนได้พักผ่อน ส่วนตัวผมก็ตรวจสอบความ-
สามารถของตัวเอง
262
สมรรถนะทางกายภาพของเทมเพสต์สตาร์วูล์ฟนั้นสูงเอามากๆ
ความรู้สึกที่เหมือนกับว่าพลังเอ่อล้นขึ้นมาจนถึงกับเก็บกักเอา
ไว้ไม่อยู่
เพียงแค่ถีบตัวเบาๆ ผมก็กระโจนขึ้นถึงฟากฟ้าสูงในชั่วพริบตา
พอวิ่งไปบนพื้นร่างของผมก็ว่ิงฉิวด้วยความเร็วราวกับก�าลังเหาะเหิน
ดูเหมือนว่าพอรวมความเร็วปฏิกิริยาตอบสนองของผมเข้าไปด้วยแล้ว
ก็จะดึงสมรรถนะเหล่านั้นออกมาได้อย่างง่ายดาย
เดิมที การต่อสูท้ ผ่ี า่ นมาทุกครัง้ นัน้ จบลงด้วยการใช้ 『ดาบวารี』
ฟันศัตรู
ดังนัน้ ผมจึงไม่คอ่ ยรูส้ กึ ตัวนักว่าพลังกล้ามเนือ้ หรือความสามารถ
ในการออกพลังในชัว่ พริบตาเองก็เป็นปัจจัยส�าคัญส�าหรับการต่อสู้
ซึง่ หากมองในจุดนัน้ ก็บอกได้วา่ เทมเพสต์สตาร์วลู ฟ์ นีม้ คี วาม-
สามารถในการต่อสู้เกินพอเลยทีเดียว
บางที ถ้าลองค�านวณโดยปรับค่าความผันผวนด้วย 『มหา-
ปราชญ์』 ดูละก็ ตัวผมที่จ�าลองกายเป็นเทมเพสต์สตาร์วูล์ฟคงจัดการ
กับงูสีด�าในถ�้าได้ในชั่วพริบตาโดยไม่ต้องใช้ความสามารถพิเศษอะไรเลย
ด้วย
ตามค�าอธิบายที่ได้ฟังในเมือง แรงก์ของเจ้ากิ้งก่าคือ “B-”
ผมจึงใช้การซิมูเลชั่นของ 『มหาปราชญ์』 จัดแบ่งแรงก์ของ
มอนสเตอร์ตัวอื่นๆ ออกมาอย่างคร่าวๆ ด้วย
หากพูดตามแรงก์ที่ว่านี้ งูสีด�าก็จะมีระดับไม่ถึง A
แต่คงจะเอาชนะตะขาบสัก 10 ตัวได้ ดังนัน้ ก็นา่ จะอยูท่ ปี่ ระมาณ
“A-“ มั้ง
เช่นเดียวกัน ถ้าเป็นเทมเพสต์สตาร์วลู ฟ์ ทีผ่ มไม่ได้เป็นคนบังคับ
ก็ยงั แข็งแกร่งกว่างูสดี า� อยูด่ ี แต่จะให้สทู้ เี ดียว 10 ตัวคงไม่ไหว ไม่สิ เดีย๋ ว
ก่อน ยังมีสกิลน่าสงสัยที่ชื่อ 『อสุนีบาตดÓ』 อยู่อีกนี่นา...
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 263
ทว่าสัญชาตญาณของผมมันร้องบอกว่าไอ้นี่มันน่าจะอันตราย
ไม่ใช่เหรอ? น่ะนะ
ดังนั้นเพื่อความมั่นใจ ลองกลับเป็นร่างสไลม์แล้วค่อยทดลอง
ยิงดูสกั ครัง้ ดีกว่า ประมาณว่าลองดูทา่ ทีไปก่อนเพราะอย่างไรพลังท�าลาย
ของมันก็น่าจะต�่าลงจากประสิทธิภาพที่แท้จริง
แล้วผมก็ลองปล่อย 『อสุนีบาตดÓ』 ออกไป... ผลที่ได้ก็คือ
พลังท�าลายเหนือจินตนาการ
ประกายแสงสว่างวาบขึ้น จากนั้นเสียงสั่นสะเทือนก็ดังสะท้อน
ขึ้นทันที
หินขนาดใหญ่ใกล้กบั แม่นา�้ ทีผ่ มเลือกเป็นเป้าหมายในการทดลอง
ยิงแตกสลายหายวับไป
ผมมองเห็นได้วา่ มีสายฟ้าฟาดลงมาอย่างรุนแรงด้วยความเร็วที่
ก้าวข้ามความเร็วเสียงไปอย่างง่ายดาย... ส่วนพลังท�าลายนัน้ คงอธิบายได้
ค�าเดียวว่าสุดยอด มันเหนือกว่าที่ผมจินตนาการเอาไว้มาก
หึหึหึ... ถือซะว่าไม่เกิดอะไรขึ้นละกัน! ผมตัดสินใจในทันที
ใช่แล้ว เมื่อกี้นี้ผมไม่ได้ท�าอะไรทั้งนั้น! แค่บังเอิญมีสายฟ้าฟาด
ลงมาเท่านั้นเอง!
เอาเป็นแบบนั้นละกัน
ผนึกสกิลนีไ้ ว้เหมือนกับ 『ลมหายใจหมอกพิษ』 ของงูสดี า� ดีกว่า
อย่างน้อยๆ ก็อย่าใช้จนกว่าจะปรับพลังท�าลายได้น่าจะดี ที่ส�าคัญยิ่ง-
กว่านั้นมันยังใช้แก่นเวทค่อนข้างเยอะด้วย ถ้าไม่สามารถปรับพลังได้ก็ใช้
มั่วซั่วไม่ได้ไปด้วย เพราะเสี่ยงที่จะท�าให้พลังเวทหมดจนสู้ต่อไปไม่ได้
ทว่ามันอาจจะใช้เป็นไพ่ตายได้ก็ได้ เพราะเรื่องพลังท�าลายนั้น
ไม่ต้องพูดถึง แถมมันยังมีขอบเขตการแสดงผลที่กว้างใหญ่อีกด้วย
ผมจ้องมองพืน้ ทีร่ ศั มี 20 เมตรซึง่ กลายสภาพเป็นเศษเล็กเศษน้อย
เพราะความร้อนสูงโดยมีตา� แหน่งทีเ่ คยมีกอ้ นหินเป็นจุดศูนย์กลาง พลาง
264
คิดอย่างนั้น...
จากนั้นผมก็กลบเกลื่อนกับพวกริกุรุที่พากันวิ่งมาดูว่าเกิดอะไร
ขึ้นว่ามีสายฟ้าผ่าลงมาตรงหน้าผมพอดี แต่ดูเหมือนผมจะรบกวนการ
พักผ่อนของพวกเขาเข้าเสียแล้ว ท�าเรื่องไม่ดีเสียแล้วแฮะเรา
ทีหลัง ถ้าจะท�าการทดลองอะไรอันตรายๆ ละก็ คงต้องท�าใน
สถานที่ทสี่ งบๆ แฮะ และถ้าเป็นสถานทีท่ ี่มรี ะบบป้องกันเสียงด้วยก็หมด
ปัญหา ถ้าไม่มสี ถานทีแ่ บบนัน้ ผมคงท�าการทดลองอะไรง่ายๆ ไม่ได้เสียแล้ว
แต่เอาเถอะ อย่างไรก็เก็บข้อมูลได้แล้วละนะ
ผมเริ่มการซิมูเลชั่นในสมองอีกครั้ง
『อสุนบ ี าตดÓ』 นัน่ ... ถ้าใช้มนั ละก็ ต่อให้ผมไม่ได้เป็นคนบังคับ
เทมเพสต์สตาร์วูล์ฟก็น่าจะเอาชนะงูสีด�า 10 ตัวได้แฮะ
ซึ่งก็หมายความว่า เทมเพสต์สตาร์วลู ์ฟอาจจะก้าวข้ามขอบเขต
ของแรงก์ A ไปแล้ว
ปิศาจแรงก์ A นัน้ หมายถึงปิศาจระดับทีท่ า� ลายเมืองขนาดเล็ก
ได้ เป็นชนิดของปิศาจที่ถูกระบุว่าอยู่ในขั้นของ “ภัยพิบัติ”
ดังนั้นคราวหลัง เวลาที่อยู่ใกล้ๆ เมือง ผมคงควรจะหลีกเลี่ยง
การจ�าลองกายเป็นเทมเพสต์สตาร์วูล์ฟดีกว่า
หลังจากนัน้ การทดลองของผมก็ดา� เนินไปเรือ่ ยๆ อย่างลับๆ จน
กระทั่งรุ่งสาง

เช้าวันต่อมา
ผมปล่อยให้พวกริกุรุท�าหน้าที่เตรียมอาหารเช้า
อาหารของพวกก็อบลินมีแค่การย่างไฟเท่านัน้ จึงยากทีจ่ ะเรียก
ได้ว่าเป็นการท�าอาหาร
ส�าหรับตอนนี้น่ะไม่เป็นไรหรอก เพราะผมไม่มีประสาทสัมผัส
รับรสชาติ เพียงแต่ถ้าสักวันผมได้ประสาทรับรสมาละก็ คงต้องสอนให้
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 265
เจ้าพวกนี้รู้ซึ้งเสียแล้วว่าสิ่งที่เรียกว่าอาหารมันเป็นอย่างไร เพราะอาหาร
ที่เอร็ดอร่อยนั่นละคือก้าวแรกของการใช้ชีวิตอย่างมีอารยธรรม
พวกก็อบลินจะเคยชินกับการใช้ชีวิตอย่างมีอารยธรรมได้หรือ
ไม่?
ตัวผมคิดว่าน่าจะเป็นไปได้ ถึงไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ผมคิด
จะลองท�าทุกอย่างทีท่ า� ได้ดู ดังนัน้ เกิดสะดุดหกล้มกันตัง้ แต่ขนั้ ของอาหาร
ก็แย่น่ะสิ
พวกคนแคระที่ตื่นขึ้นมายังคงหน้าซีดกันอยู่ จะเป็นอะไรไหม
เนี่ย?
“ไหวรึเปล่า?”
“อะ อื้อ... ที่นี่ที่ไหนน่ะ?”
เมื่อสติสตังเริ่มเข้าที่ คราวนี้พวกคนแคระเริ่มละล้าละลังกับ
ทิวทัศน์รอบบริเวณที่ไม่คุ้นตา
ผมจึงบอกว่าพวกเราก�าลังเดินทางมุง่ หน้าไปยังหมูบ่ า้ นก็อบลิน
“ว่าไงนะ!? ตามปกตินเี่ ป็นการเดินทางทีต่ อ้ งใช้เวลาร่วม 2 เดือน
เชียวนะ ถ้าไม่หารถม้ามาจากเมืองไหนสักเมืองเดี๋ยวเสบียงก็ไม่พอ
หรอก?”
ท่าทางตกใจเอาป่านนีน้ นั้ ท�าให้ผมเกือบหลุดปากออกไปว่าพูด
อะไรกัน------ แต่พอลองนึกดูดีๆ แล้ว ผมก็นึกออกว่าผมไม่ได้อธิบาย
อะไรให้พวกเขาฟังเลย อย่างเช่นเรื่องความเร็วในการเดินทาง หรือเรื่อง
ที่ว่าพวกเรามาถึงที่นี่ได้อย่างไร
อย่างไรซะก็ไม่ใช่การเดินทางที่รีบร้อนอยู่แล้ว ไหนๆ ก็ไหนๆ
ผมจึงอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเราให้พวกคนแคระฟัง
ดูเหมือนว่าพวกริกุรุจะเตรียมอาหารเสร็จพอดีด้วย แม้จะเป็น
แค่กระต่ายป่าย่างเฉยๆ แต่คงเพราะท้องทีว่ า่ งเปล่าถูกกระตุน้ กระมัง ท้อง
ของพวกคนแคระจึงร้องจ๊อกกันเป็นแถว ดูทา่ ว่าสภาพร่างกายจะเป็นปกติ
266
ดีนะ
ดั ง นั้ น พวกเราก็ เ ลยรั บ ประทานอาหารเช้ า พลางพู ด คุ ย ถึ ง
ก�าหนดการต่อจากนี้ไปด้วย
และข้อสงสัยของพวกคนแคระเมื่อครู่นี้ก็ได้รับค�าตอบในที่สุด...
แต่พอผมอธิบายว่าพวกเราจะถึงหมู่บ้านในอีกประมาณ 2 วันให้หลัง
“““เป็นไปไม่ได้...!”””
พวกคนแคระก็พึมพ�าอย่างนั้นแล้วพูดอะไรต่อไม่ออก
เดินทางถึงใน 2 วัน = พวกเราเคลื่อนที่กันด้วยความเร็วถึง
ขนาดนั้น จึงช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะตกใจกัน
สบายใจเถอะ ถ้าชินแล้วจะชิลมากเลยนะ! ผมปลอบใจอย่างนัน้
ถ้าช่วยชินกันเร็วๆ ก็จะดีหรอก แต่ก่อนหน้านั้นพวกเราคงถึง
จุดมุ่งหมายกันแล้วน่ะนะ

พวกเราออกเดินทางกันอีกครั้ง
เอาละ คราวนีผ้ มใช้สกิล 『จิตสือ่ สาร』 จัดเตรียมสภาวะให้ทกุ คน
สนทนากันได้ เนื่องจากเคยท�ามาหลายครั้งผมจึงเริ่มชินแล้ว
และดีจริงๆ ที่ดูเหมือนมันจะใช้ได้ผลกับพวกคนแคระด้วย
『จิตสื่อสาร』 เป็นเสมือนสกิลขั้นสูงของ 『โทรจิต』 ซึ่งเสน่ห์
ของมันอยูต่ รงทีเ่ ชือ่ มโยงให้สนทนากับคนหลายคนพร้อมกันได้ และขณะ
เดียวกัน มันก็น่าจะมีประโยชน์เวลาที่ต้องด�าเนินการเชิงยุทธศาสตร์ด้วย
ดูเหมือนว่ารัศมีแสดงประสิทธิภาพสูงสุดจะอยู่ที่ประมาณ 1
กิโลเมตร ซึ่งผมคิดว่าเกินพอ
ส่วนพวกคนแคระนัน้ ดูเหมือนจะเตรียมใจได้เพราะเป็นครัง้ ที่ 2
แล้ว จึงเกาะติดกับหลังของพวกผมไปได้โดยไม่มีใครสลบ
แต่ดูเหมือนว่าแรงต้านลมจะท�าให้พวกเขาไม่สามารถลืมตาได้
ผมจึงลองใช้เส้นใยสร้างเยือ่ บางๆ ขึน้ มาโดยคิดจะให้ใช้แทนหมวกกันน็อก
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 267
ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะไปได้สวยกว่าที่คิด
ผมเริ่มใช้จิตควบคุม 『ใยเหนียวหนืด』 ได้ดีในระดับหนึ่ง
ถ้าหากช�านาญการควบคุมแก่นเวทแล้วละก็ ดูเหมือนว่าจะ
ควบคุมเส้นใยได้ดั่งใจเลยทีเดียว ซึ่งคงไม่แค่เฉพาะ 『ใยเหนียวหนืด』
เท่านั้น แต่น่าจะน�าไปประยุกต์ใช้กับอะไรหลายๆ อย่างได้ด้วย กล่าวได้
ว่ามันเป็นแก่นของเวทมนตร์อย่างแท้จริง
พวกคนแคระเองก็เคยชินกับสภาพแวดล้อม และดูเหมือนจะ
สงบสติอารมณ์กันได้
เยื่อที่ใช้แทนหมวกกันน็อกก็แสดงประสิทธิภาพออกมาอย่าง
เต็มที่
ดังนั้นพวกเราจึงสนทนากันได้ โดยให้พวกคนแคระช่วยสอน
เรื่องสามัญส�านึกทั่วไปให้พลางเดินทางคืบหน้าไปเรื่อยๆ
พวกก็อบลินเองก็ฟังเรื่องที่พวกคนแคระพูดอย่างกระตือรือร้น
และเปรียบเทียบขัดเกลาสามัญส�านึกของพวกตน ท�าให้บทสนทนาด�าเนิน
ไปอย่างครึกครืน้ ซึง่ ก็ทา� ให้ผมสบายใจไปอย่างหนึง่ เพราะดูเหมือนว่าพวกเขา
จะเข้ากันได้ดี
ถ้าได้อย่างนี้ละก็ ไปถึงหมู่บ้านแล้วก็คงจะไปได้สวยเหมือนกัน
ดูเหมือนว่าโดยรากฐานแล้ว ทั้งคนแคระทั้งก็อบลินนั้น ไม่ได้
ต่างกันแต่อย่างใด
เผ่าคนแคระเป็นกึ่งภูตที่มีอายุยืนยาว
พวกก็อบลินเป็นกึ่งเผ่าปิศาจซึ่งมีอายุสั้น
ไม่เชิงว่าเกิดความแตกต่างขึน้ ในกระบวนการของการวิวฒ ั นาการ
แต่เป็นเพราะสภาพแวดล้อมในการใช้ชีวิตมากกว่าละมั้ง?
ว่ากันตามจริงผมคิดว่าพวกก็อบลินไม่ได้มีวิวัฒนาการ แต่เป็น
พัฒนาการถดถอยลงมากกว่า
ดังนัน้ จะว่าไปแล้วพวกก็อบลินทีว่ วิ ฒ
ั นาการเป็นฮ็อบก็อบลิน ก็
268
อาจจะเป็นตัวตนที่เหมือนคนแคระเวอร์ชั่นเผ่าปิศาจก็เป็นได้ เพราะเป็น
เหมือนการย้อนคืนสู่บรรพบุรุษแถมพลังเวทเองก็เพิ่มขึ้นมากด้วย คิดว่า
อายุขัยของพวกเขาน่าจะยาวขึ้นตามวิวัฒนาการ ซึ่งความคิดนี้ก็คงจะ
ไม่ผิดหรอก
เอาเถอะ ถึงจะดูออกเงอะๆ งะๆ และมีความแตกต่างตรงที่เป็น
ปิศาจกับภูต...
แต่ถึงจะเป็นกึ่งภูตเหมือนกัน คนแคระก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีความ
ใกล้เคียงกับปิศาจมากกว่าเอลฟ์
ฉะนั้นถ้าเคยชินกันเมื่อไร ทั้งสองเผ่าก็น่าจะเข้ากันได้โดยไม่มี
ความรู้สึกผิดแปลก
ผมนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้กะทันหันจึงลองถามดูว่า
“ไคจิน คือว่าป่านนี้แล้วมันก็นะ แต่ว่าจะดีเหรอ? นายนับถือ
ราชาคนแคระไม่ใช่เหรอ?”
“อ้อ เรื่องนั้นเหรอ ฉันก็เคารพพระองค์ละ ไม่มีใครที่เป็น
คนแคระแล้วไม่เคารพนับถือพระองค์หรอก ราชาของพวกเราเป็นเหมือนกับ
วีรบุรุษในเทพนิยายเชียวนะ?”
ก็จริงอย่างทีว่ า่ ... วีรบุรษุ ในเทพนิยาย ในเรือ่ งราวทีไ่ ด้ฟงั ก่อนนอน
วีรบุรุษคนนั้นมีชีวิตอยู่ ทั้งยังเป็นราชาของพวกตน เป็นคนที่
คอยปกป้องและค�้าจุนพวกตน พอลองพูดแล้วก็ไม่แปลกอะไรที่ราชา
พระองค์นั้นจะเป็นที่เลื่อมใสและนับถือส�าหรับทุกคน
ทุกคนล้วนหวังอยากจะท�าประโยชน์ให้แก่ราชา
รูปลักษณ์ของราชาในอุดมคติ ผูท้ า� แต่สงิ่ ทีเ่ ป็นธรรมและไม่อภัย
ให้กับความไม่ถูกต้อง
ถ้ามีใครทีท่ า� เรือ่ งแบบนัน้ เรือ่ ยมาในความเป็นจริงละก็ คนคนนัน้
จ�าเป็นต้องเสียสละตัวเองมากมายขนาดไหนกันนะ
ผมรูส้ กึ หวาดกลัวในความหมายหนึง่ เพราะคนคนนัน้ คงมีพลังใจ
บทที่ 3 ณ อ�ณ�จักรคนแคระ 269
ระดับที่ไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว
แต่เพราะอย่างนัน้ ทุกคนจึงเชือ่ ในองค์ราชางัน้ รึ... ท้ายทีส่ ดุ แล้ว
ผมจะเตรียมตัวเตรียมใจได้ขนาดนั้นหรือเปล่า?
ผมกลายเป็นเจ้านายของพวกก็อบลินแบบตามน�า้ ทว่า ต่อจากนี้
ไปล่ะ?
“นี่ ท�าไมไคจินถึงได้ตามฉันมาล่ะ? ไม่วา่ จะคิดอีทา่ ไหน การกลับ
ไปหาองค์ราชาก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ถูกต้องกว่าไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อผมถามไป ไคจินก็ตอบกลับมา
“ก๊ากฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! พี่ชายเองก็ละเอียดอ่อนผิดคาดนะนี่ ของมัน
แน่อยู่แล้ว เพราะมันน่าสนุกไงล่ะ ฉันรู้สึกได้ด้วยสัญชาตญาณว่าเจ้านี่
ต้องท�าอะไรที่ไม่คาดคิดออกมาอีกแน่! น่ะนะ เหตุผลน่ะ แค่นี้ก็พอแล้ว
ไม่ใช่เรอะ?”
แค่นี้ก็พอแล้ว... งั้นเรอะ
พอแล้วละ ไม่ผิดแน่นอน!
“หึ แล้วอย่ามาบ่นทีหลังแล้วก็กนั ? ฉันคนนีน้ ะ่ เป็นชายทีโ่ ด่งดัง
ในเรื่องการจิกหัวใช้งานคนนะ?”
ใช่แล้ว อย่างไรซะ ตัวผมเองก็คงไม่ได้ท�าอะไรหรอก
ผมปล่อยให้คนอื่นท�างาน แล้วก็พึ่งพาคนอื่น แต่ถ้ามีใครมาขอ
พึ่งพาผม ผมก็อยากจะช่วยเขา
เหมือนอย่างที่เป็นมา และผมก็อยากจะเป็นอย่างนั้น
“รู้อยู่แล้วน่า!”
แล้วผมก็พยักหน้าอย่างพอใจกับค�าตอบที่ส่งกลับมา

2 วันให้หลัง พวกเราก็ไปถึงหมู่บ้านตามก�าหนดการ
พวกเรากลับถึงหมู่บ้านโดยปฏิบัติตามเป้าหมายได้ส�าเร็จ

270
เด็กหญิงกับผู้กล้�

ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก...


เสียงเบาๆ ดังสะท้อนขึ้นภายในปราสาท
จอมมารหลบหนีไปเรียบร้อยแล้ว โดยปล่อยให้ปราสาทแห่งนีถ้ กู
ทิ้งร้าง
ส่วนฉันเป็นทัพหลัง หรือก็คือหมากใช้แล้วทิ้ง
ราชาปิศาจปฏิบัติต่อฉันในฐานะเครื่องมือจนถึงท้ายที่สุด โดย
ไม่มีความรู้สึกเข้ามาแทรกแซงแม้แต่น้อย
ความอ่อนโยนเพียงหนึง่ เดียวทีเ่ ขาแสดงให้เห็น คงจะมีเพียงการ
ที่เขาให้ชื่อแก่ฉันเท่านั้น
ฉันเกลียดชังราชาปิศาจหรือเปล่านะ? ทีจ่ ริงแล้วฉันเองก็ไม่คอ่ ย
เข้าใจเหมือนกัน
ที่ฉันรับใช้ราชาปิศาจเป็นเพราะความต้องการของอิฟริต ภูต-
อัคคีชั้นสูง หรือว่าเป็นความต้องการของตัวฉันเองกันแน่
แม้ตอนนี้เองฉันก็ยังคงไม่ค่อยเข้าใจ
และแม้จะถูกใช้เป็นหมากใช้แล้วทิง้ ฉันก็ไม่รสู้ กึ โกรธแค้น เพราะ
ฉันคิดว่าอะไรจะเป็นอย่างไรก็ช่างมันแล้ว
ดูเหมือนว่าปราสาทแห่งนี้จะเป็นสถานที่ทดลองอะไรบางอย่าง
ทีแ่ ม้จะทอดทิง้ ไปก็ไม่ใช่ความเสียหายหนักหนาส�าหรับราชาปิศาจกระมัง
ที่น่าประหลาดก็คือ การที่ฉันรั้งอยู่ที่นี่นั้นมีความหมายอะไร
งัน้ หรือ?
ฉันไม่ต้องท�าตัวเป็นศัตรูกับผู้ที่มาเยือน แล้วรีบๆ ถอนก�าลังไป
เสียก็ได้ ทั้งที่เป็นอย่างนั้น ราชาปิศาจกลับสั่งให้ฉันรั้งอยู่ที่นี่
272
เขามีเป้าหมายอะไร จนถึงตอนนีค้ วามคิดของเขาก็ยงั เป็นปริศนา

ผู้ที่มาก็คือ “ผู้กล้า”
เรือนผมยาวสีเงินเข้มถูกรวบเป็นมัดเดียวที่ด้านหลัง ส่วนชุดที่
สวมใส่เป็นแบบเบาสีด�าสนิททั้งตัว
ความงามนั้นไม่ด้อยไปกว่าราชาปิศาจ จุดที่ผิดกันมีเพียงเรื่อง
ที่ว่า “ผู้กล้า” เป็นเด็กสาวเท่านั้น
วินาทีแรกทีเ่ ห็น ฉันก็รไู้ ด้ดว้ ยสัญชาตญาณ ว่าฉันเอาชนะหล่อน
ไม่ได้
แต่ฉันก็คิดจะเผชิญหน้ากับ “ผู้กล้า” ในฐานะมนุษย์มารแห่ง-
อัคคีจนถึงท้ายที่สุด ไม่ใช่ในฐานะมนุษย์ เพราะฉันคิดว่าอย่างน้อยมันก็
คงเป็นการชดใช้ในบาปที่ฉันมีชีวิตยืนยาวมาถึงตอนนี้ได้บ้าง
ดาบทีส่ ร้างขึน้ จากเปลวเพลิงซึง่ บีบตัวเข้าหากัน ถูกคาตานะของ
ผู้กล้ารับเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย ภาพดาบความร้อนสูงที่ควรจะฟาดฟัน
ทุกอย่างให้ขาดกระจุยได้ถูกรับไว้ได้ด้วยคาตานะเพียงเล่มเดียวนั้นท�าให้
ฉันไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง มันคงไม่ได้เป็นเพราะประสิทธิภาพ
ของคาตานะ แต่เป็นความสามารถของผู้กล้ากระมัง
เนือ่ งจากได้รบั การขัดเกลาจากอัศวินด�าผูเ้ ป็นคนสนิทของราชา-
ปิศาจ วิชาดาบของฉันจึงแข็งแกร่งพอสมควร ฉันยังจ�าได้ว่าอัศวินด�า
ชมฉันว่านี่เป็นพรสวรรค์เฉพาะตัวของฉันเองเพียวๆ เพราะอิฟริตไม่เคย
เรียนรู้วิชาดาบเลย
สมรรถนะทางกายของฉันซึ่งกลายเป็นมนุษย์มารนั้นเรียกว่าอยู่
ระดับสูงแม้เปรียบเทียบกับบรรดาผู้ที่รับใช้ราชาปิศาจเลออนทั้งหลาย
และนอกเหนือจากสมรรถนะทางกาย ก็ยังมีวิชาดาบที่แข็งแกร่งขึ้นจาก
การชี้แนะของอัศวินด�า เหตุผลที่ฉันท�าหน้าที่ในฐานะคนสนิทของราชา-
ปิศาจได้ ไม่ใช่เพราะว่าฉันพึ่งพาพลังของอิฟริตเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
เด็กหญิงกับผู้กล้� 273
ทว่า------- การโจมตีทั้งหมดกลับใช้กับผู้กล้าไม่ได้ผล
วิชาดาบทีฉ่ นั อุตส่าห์จดจ�ามาแทบเป็นแทบตาย ถูกคาตานะของ
ผู้กล้ารับเอาไว้แล้วปัดออกได้ทั้งหมด เป็นการรับและปัดอย่างนุ่มนวล
จนกระทัง่ ดาบกับคาตานะไม่เคยแม้แต่จะได้ปะทะและยันก�าลังกันด้วยซ�า้
และเป็นผู้กล้าที่ถึงแม้ว่าจะถูกล้อมรอบไปด้วยเพลิงความร้อน
สูงของอิฟริต แต่กย็ งั ยืนอยูไ่ ด้สบายๆ โดยไม่มเี หงือ่ ไหลออกมาสักนิดเดียว
ผู้กล้าเป็นตัวตนพิเศษตรงตามที่สัญชาตญาณของฉันบอกใน
ตอนแรก
ฉันสัมผัสได้ว่าอิฟริตใช้แก่นเวทมากเกินไปจนกระทั่งนอนหลับ
อยู่ในตัวฉัน ดังนั้นฉันจึงสู้ต่อไปไม่ได้ ฉันมีแต่ต้องแพ้โดยไม่สามารถท�า
อะไรได้เลย
ฉันทรุดนัง่ ลงกับพืน้ ทีต่ รงนัน้ ฉันคิดว่าตัวเองได้ตอบแทนบุญคุณ
ที่ราชาปิศาจมีต่อฉันเพียงพอแล้ว ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากมีชีวิตต่อไปอีก
สักหน่อย แต่ผกู้ ล้าคงไม่มที างปล่อยให้ฉนั ซึง่ กลายเป็นมนุษย์มารไปแล้ว
หนีรอดไปได้หรอก
“พอใจรึยัง? ท�าไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
แต่ผู้กล้ากลับคุยกับฉัน
ซึ่งผิดจากความคาดหมายของฉันไปเล็กน้อย เพราะฉันคิดว่า
ตัวเองจะถูกฆ่าตายในทันที
ฉันเอียงศีรษะแล้วมองดูผู้กล้า ผู้กล้าคือผู้ไล่ล่าปิศาจ ส่วนฉัน
คือมนุษย์มารซึง่ เป็นศัตรูของผูก้ ล้า ในเมือ่ เป็นเช่นนัน้ ถึงจะถูกฟันทิง้ โดย
ไม่ถามไถ่อะไรทั้งสิ้นฉันก็ไม่มีสิทธิ์บ่น
ทั้งที่เป็นอย่างนั้น------- เป็นอะไรไป แค่นึกสนุกหรือไง------
ผู้กล้ากลับถามค�าถามฉันต่อไปเรื่อยๆ
ฉันจึงเอ่ยปากอย่างกล้าๆ กลัวๆ ตามทีถ่ กู ผูก้ ล้าไถ่ถาม จากนัน้
ก็เล่าว่าฉันมีชีวิตมาอย่างไรนับตั้งแต่ถูกอัญเชิญมายังโลกนี้ ฉันท�าอะไร
274
ลงไปบ้าง ฉันเล่าทุกสิ่งทุกอย่างให้ผู้กล้าฟัง
นี่เป็นการคิดอะไรเข้าข้างตัวเองสินะ
ผู้กล้าไม่มีทางเชื่อค�าพูดของฉันที่กลายเป็นมนุษย์มารแบบนี้
อยู่แล้วแท้ๆ...
แต่อย่างน้อยๆ ฉันก็ดใี จจริงๆ ทีม่ คี นสนใจและยอมฟังเรือ่ งราว
ของฉัน เพราะมันหมายความว่าฉันจะหลงเหลือหลักฐานทีว่ า่ ฉันเคยมีชวี ติ
อยู่เอาไว้ได้ ฉันจะยืดอกยืนกรานว่าฉันเคยมีชีวิตอยู่จริง แม้จะแค่เพียง
ในความทรงจ�าของคนอื่นก็ตาม ฉันคิดอย่างนั้น
ผูก้ ล้าคงไม่มที างเชือ่ เรือ่ งราวของฉันซึง่ เป็นมนุษย์มาร แต่วา่ แบบนี้
ละดีแล้ว ขอเพียงแค่มีเรื่องของฉันอยู่ในความทรงจ�าของหล่อนก็พอ
ทั้งที่เป็นอย่างนั้น
“ไม่เป็นไรแล้วละ ที่ผ่านมา พยายามได้ดีมากนะ”
ผู้กล้า กลับยอมเชื่อ
ค�าพูดนัน้ ท�าให้นา�้ ตาเอ่อท้นออกมาจากดวงตาของฉัน พอรูส้ กึ ตัว
อีกที ฉันก็เข้าไปเกาะร่างของผู้กล้าแล้วร้องไห้โฮเสียแล้ว
ตัง้ แต่มายังโลกนี้ นีเ่ ป็นครัง้ แรกทีฉ่ นั ได้รบั การห่อหุม้ ด้วยความ
โล่งใจ และแสดงความรู้สึกของตนออกมาอย่างตรงไปตรงมา

หลังจากนั้น ฉันก็ได้รับการคุ้มครองจากผู้กล้า

เมื่อเห็นรอยแผลไหม้ขนาดใหญ่บนร่างกายของฉัน สีหน้าของ
ผู้กล้าก็หม่นหมองลง แต่ส�าหรับฉัน มันเป็นภาพที่เห็นจนชินตา และฉัน
ก็คดิ ว่าบาดแผลทีแ่ ผ่ขยายครอบคลุมครึง่ ร่างของฉันนี้ คือหลักฐานว่าฉัน
มีชีวิตอยู่ด้วย
เด็กหญิงกับผู้กล้� 275
ผู้กล้าทดลองดูว่าใช้เวทมนตร์ฟื้นฟูรักษาแผลไฟไหม้ของฉันได้
หรือไม่ แต่กด็ เู หมือนว่าจะไม่สา� เร็จ การรวมเป็นหนึง่ เดียวกับอิฟริต คงจะ
ท�าให้ร่างกายของฉันคงสภาพเสถียรอยู่ได้ทั้งที่มีรอยแผลไฟไหม้อยู่
แบบนี้
หลังจากครุน่ คิดเล็กน้อย ผูก้ ล้าก็หยิบเอาหน้ากากทีง่ ดงามออกมา
จากอกเสื้อ
“เจ้านีน่ ะ่ มีผลช่วยให้พลังต้านทานเวทมนตร์สงู ขึน้ แล้วก็นา่ จะ
ช่วยข่มอิฟริตที่อยู่ในตัวเธอได้ด้วย”
บอกอย่างนั้นแล้ว ผู้กล้าก็ลูบไล้หน้ากากด้วยท่าทางที่บ่งบอก
ว่าให้ความส�าคัญ จากนั้นจึงส่งมันให้กับฉัน
“หน้ากากต้านมาร” นัน้ ช่วยข่มอิฟริต และปิดซ่อนรอยแผลไหม้
ในเวลาเดียวกัน ทว่าผลของมันไม่ได้มีเพียงเท่านั้น
เนื่องจากความรู้สึกนึกคิดของอิฟริตถูกกดดันเข้าไป ความรู้สึก
ที่เคยถูกเก็บกักเอาไว้ของฉันจึงเอ่อล้นออกมา
ความเหงาที่ต้องอยู่คนเดียว ความหวาดกลัวที่ต้องกลายเป็น
มนุษย์มาร ความรูส้ กึ ผิดทีเ่ ป็นผูส้ งั หารเพือ่ นคนแรกของตัวเอง ความโกรธแค้น
รุนแรงซึง่ มีตอ่ โลกอันไร้เหตุผลนี.้ .. การสวมหน้ากาก ท�าให้ฉนั ได้ความรูส้ กึ
ในฐานะเด็กกลับคืนมา
ผูก้ ล้าช่วยกอดฉันเอาไว้ตลอดจนกระทัง่ ฉันสงบสติอารมณ์ลงได้
ฉันจ�าได้ว่าหลังจากนั้นชั่วระยะหนึ่ง ฉันใช้ชีวิตอย่างหวาดกลัว
ถึงขนาดสนทนากับผู้กล้าได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
ฝ่ายผู้กล้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะร�าคาญฉัน แต่กลับช่วยดูแลฉันอย่าง
เป็นมิตร ทั้งยังสั่งสอนฉันจนกระทั่งหัวใจของฉันค่อยๆ ผ่อนคลายลง
ทีละน้อย และพูดคุยสนทนาเหมือนคนธรรมดาได้ในที่สุด
ฉันปิดซ่อนทัง้ ร่างกายด้วยชุดคลุมแล้วติดตามผูก้ ล้าไปทัว่ เพราะ
ฉันกลัวว่าจะถูกทอดทิ้ง จึงได้พยายามไล่ติดตามแผ่นหลังของเธออย่าง
276
เอาเป็นเอาตาย
ช่วงนัน้ เอง ทีฉ่ นั ได้รบั การแนะน�าให้รจู้ กั องค์กรทีเ่ รียกว่าสมาคม
ช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างนักผจญภัย
เด็กหญิงผูเ้ งียบงันและปิดบังใบหน้าด้วยหน้ากากตลอดเวลา คือ
ค�าประเมินที่มีต่อฉันในเวลานั้น
ฉันเป็นเพียงสัมภาระชิ้นหนึ่งที่เอาแต่หลบซ่อนอยู่หลังเงาของ
ผู้กล้าโดยท�าประโยชน์อะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

วันหนึ่ง ได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นที่สมาคมซึ่งฉันได้ติดตามผู้กล้า
เข้าไปแล้วหลายครั้ง
“เด็กใส่หน้ากากคนนั้นเป็นเด็กผู้หญิงใช่ไหม? งานคราวนี้มัน
อันตราย ให้เขาอยู่เฝ้าที่นี่ไม่ดีกว่ารึ?”
คนที่นึกเป็นห่วงฉันซึ่งไปไหนมาไหนกับผู้กล้าเสมอแม้กระทั่ง
เวลาไปปราบปิศาจ เอ่ยทักแบบนั้น
ทว่าฉันท�าได้เพียงหวาดกลัว ด้วยเหตุทวี่ า่ ส�าหรับฉันในตอนนัน้
ผู้ที่เชื่อถือได้มีเพียงผู้กล้าแค่คนเดียว
ส�าหรับฉันผู้กล้าคือทุกสิ่งทุกอย่าง ฉันไร้ซึ่งความคิดที่จะออก
ห่างจากผู้กล้า
ฉันคิดว่าถ้าเรื่องที่ฉันเป็นมนุษย์มารรั่วไหลออกไปละก็ พวก
ผู้ใหญ่คงจะต้องฆ่าฉันแน่ๆ ด้วยสามัญส�านึกติดตัวท�าให้ฉันคิดไปได้ถึง
ขนาดนั้น
ผู้กล้ายิ้มเฝื่อนให้กับฉันซึ่งเป็นแบบนั้น
“ไม่เป็นไรหรอก พวกคนที่นี่เป็นคนอ่อนโยน ที่ส�าคัญ เธอน่ะ
แข็งแกร่งนะ เพราะฉะนั้นไม่เป็นไรหรอก”
พลางช่วยปลอบโยนฉันอย่างนั้น
ดังนั้นฉันจึงคิดว่าฉันพยายามได้ ฉันอยากจะตอบสนองความ
เด็กหญิงกับผู้กล้� 277
คาดหวังของผู้กล้า และอันที่จริงตัวฉันเองก็รู้ว่าจะท�าตัวแบบนี้ตลอดไป
ไม่ได้ ทีส่ า� คัญ ไม่รวู้ า่ ท�าไมค�าพูดของผูก้ ล้าจึงเต็มเปีย่ มไปด้วยความมัน่ ใจ
และท�าให้ฉันเชื่อว่าทุกอย่างที่เธอพูดเป็นความจริงได้
แล้วตัวฉันทีส่ งบสติอารมณ์ลงได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ก็เลือกทีจ่ ะ
อยู่โยงเฝ้ารอผู้กล้าตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

ฉันเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่ห้องพักรอนัดพบข้างๆ ประชาสัมพันธ์ของ


สมาคม
ช่วงนั้นเองที่ฉันได้รับการบอกเล่าว่าชื่อของประเทศแห่งนี้คือ
อาณาจักรเบอร์มุนด์ นอกจากนั้นก็ยังได้รู้อีกด้วยว่าบริเวณรอบๆ มหา-
พงไพรแห่งจูร่านั้นมีประเทศต่างๆ อยู่หลายประเทศ
เรือ่ งทีฉ่ นั ได้เรียนรูไ้ ม่ได้มเี พียงแค่ชอื่ อาณาจักร แต่คนทีม่ เี วลาว่าง
จากงานประชาสัมพันธ์ยงั ช่วยสอนการคิดเลขให้ฉนั นอกจากนัน้ ก็ยงั ช่วย
สอนตัวอักษรให้ฉันอีกหลายชนิด
บางทีฉันก็แอบฟังเสียงของบรรดานักผจญภัยที่พูดคุยกันเรื่อง
สภาพของอาณาจักรรอบๆ ท�าให้ฉันเข้าใจได้คร่าวๆ ว่าบริเวณรอบๆ นี้
มีอาณาจักรแบบไหนอยู่ และมีความเกี่ยวข้องกันในด้านความแข็งแกร่ง
อย่างไรบ้าง
ส�าหรับฉันที่ไม่เคยได้ไปโรงเรียน สมาคมจึงกลายสภาพเป็น
อาคารเรียนไป
แล้วยังมีเรื่องของเวทมนตร์อีก
ซอร์เซอเรอร์ (ผู้ใช้เวทธรรมชาติ) กับชาแมน (ผู้ใช้ค�าสาป)
เมจิกเชียน (ผู้ใช้มนตร์ด�า) แล้วก็ เอนชานเตอร์ (ผู้ใช้อาคม)
ในจ� า นวนผู ้ ที่ แ วะเวี ย นเข้ า มาที่ ส มาคม มี บ างคนที่ ช� า นาญ
เวทมนตร์เหล่านั้นอยู่ด้วย
เป็นโชคดีของฉันที่ได้เรียนรู้ความลี้ลับของโลกใบนี้จากบรรดา
278
นักผจญภัยที่เริ่มสนิทสนมกันดังที่กล่าวมา
ดูเหมือนจะมีความลึกล�้าซึ่งฉันไม่อาจท�าความเข้าใจได้อยู่ด้วย
แต่สิ่งที่จ�าเป็นส�าหรับฉันในเวลานั้นคือการเรียนรู้วิธีการคบหากับภูต
อิฟริตซึ่งเป็นภูตชั้นสูงได้รวมกลายเป็นหนึ่งเดียวกับฉันไปแล้ว
ด้วยเหตุน้ี ฉันจึงใช้พลังของอิฟริตได้โดยไม่ตอ้ งผ่านขัน้ ตอนยุง่ ยากทีเ่ รียก
ว่าการท�าสัญญา
แต่ทงั้ นี้ จะลืมไม่ได้วา่ อิฟริตอยูใ่ นสภาวะถูกผนึกด้วย “หน้ากาก
ต้านมาร” ฉันค้นหาวิธีที่จะคบหากับอิฟริตอย่างระมัดระวัง และในที่สุด
ถ้าเพียงแค่ในระดับหนึ่งละก็ ฉันเองก็ควบคุมพลังได้โดยที่ไม่สร้างภาระ
ให้แก่ร่างกายได้
ไม่รวู้ า่ เมือ่ ไรกันทีฉ่ นั เริม่ ถูกเรียกด้วยสมญานามว่า “ผูป้ กครอง-
แห่งเพลิงกัมปนาท” ในฐานะเอเลเมนทาเลอร์ (ผู้บงการภูต) ซึ่งควบคุม
เปลวไฟได้ดั่งใจ และช�านาญการใช้เวทระเบิดเพลิง
ฉันเติบโตขึ้นถึงขนาดที่หากร่วมผจญภัยไปกับผู้กล้าก็ไม่มีใคร
นึกเป็นห่วงอีกต่อไป กลับกัน ฉันได้รับการยอมรับในฐานะพวกพ้องใน
การร่วมเดินทาง------- ในฐานะพาร์ตเนอร์ของผู้กล้า------ ด้วยซ�้า
มันท�าให้ฉันดีใจมาก เพราะที่ฉันพยายามมาก็เนื่องจากว่าฉัน
อยากได้รับการยอมรับจากผู้กล้าซึ่งเป็นผู้มีพระคุณ และอยากเป็น
ประโยชน์กับเธอแม้จะเล็กน้อยก็ยังดี
ความพยายามนั้นสัมฤทธิ์ผล และฉันก็ได้ช่วงเวลาที่มีความสุข
ที่สุดมา

ทว่าหลายปีหลังจากนัน้ ผูก้ ล้าก็ออกเดินทางไปโดยทิง้ ฉันเอาไว้...


ฉันไม่ทราบเหตุผลนัน้ ผูก้ ล้าเองก็คงจะมีเหตุผลส่วนตัวบางอย่าง
อยู่เหมือนกันกระมัง
เหตุผลบางอย่าง เหมือนกับที่ฉันมี สักวันหนึ่งฉันเองก็คิดจะ
เด็กหญิงกับผู้กล้� 279
ออกเดินทางเหมือนกัน ดังนั้นฉันจึงบ่นว่าอะไรผู้กล้าไม่ได้
ฉันอยากไปฆ่าราชาปิศาจหรือ? ไม่หรอก ที่จริงแล้ว-------
ชายที่ไว้ชีวิตฉัน แล้วก็ทิ้งฉัน ฉันอาจเพียงแค่อยากจะรู้ใจจริง
ของเขาเท่านั้นก็ได้ และฉันก็อยากจะให้เขายอมรับในตัวฉันอีกครั้งหนึ่ง
ยอมรับว่ามนุษย์อย่างฉันนั้นยังมีชีวิตอยู่
เพราะตัวฉันเองมีความปรารถนาที่เห็นแก่ตัวแบบนั้นอยู่ ดังนั้น
ฉันจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะห้ามไม่ให้ผู้กล้าออกเดินทางไปตามล�าพัง
ฉันเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ไม่ใช่เด็กที่ไม่รู้จักแยกแยะอีกต่อไปแล้ว
ดังนัน้ หยาดน�า้ ทีท่ า� ให้หน้ากากเปียกปอนนีต่ อ้ งเป็นสิง่ ทีฉ่ นั คิดไปเองแน่ๆ
ฉันเฝ้ามองผู้กล้าออกเดินทางโดยบังคับตัวเองให้คิดเช่นนั้น

------- เราต้องได้พบกันอีกแน่-------

ค�าพูดนัน้ สลักลงในใจ และฉันก็ตดั สินใจว่า ฉันจะต้องแข็งแกร่ง


ขึ้นให้ได้

แม้ผกู้ ล้าจะเดินทางจากไปแล้ว ฉันก็ยงั คงเวียนวนไปตามประเทศ


ต่างๆ เป็นบริเวณกว้าง
เพราะฉันคิดว่าฉันอยากจะช่วยเหลือผู้คนที่ก�าลังทุกข์ทรมาน
เหมือนกับที่เธอท�า
ไม่รวู้ า่ เป็นเพราะการรวมร่างกับอิฟริตหรือเปล่า ร่างเนือ้ ของฉัน
จึงหยุดการเจริญเติบโตเมื่ออายุได้ประมาณ 16 หรือ 17 ปี ฉันรู้สึก
เหมือนว่ามันเป็นค�าสาปของราชาปิศาจ แต่มนั ก็ถอื เป็นเรือ่ งดีสา� หรับการ
เคลือ่ นไหวในฐานะนักผจญภัย
280
โดยมาก นักผจญภัยมักเป็นผู้ที่ท�างานเสี่ยงอันตรายเช่นไปเก็บ
พืชพรรณหายากในป่าหรือจัดการกับปิศาจเพื่อให้ได้มาซึ่งวัตถุดิบ ด้วย
เหตุนั้นกระมัง จึงมีกระแสในท�านองที่ว่าผู้ซึ่งแข็งแกร่งนั้นคือผู้ย่ิงใหญ่
เพราะมีชีวิตอยู่โดยเสี่ยงกับความตายตลอดเวลา ผู้แข็งแกร่งจึงได้รับ
ความเคารพและเป็นที่พึ่งพาตามความแข็งแกร่งนั้น
องค์กรทีช่ อื่ ว่าสมาคมช่วยเหลือซึง่ กันและกันระหว่างนักผจญภัย
คือองค์กรอันเป็นศูนย์รวมของผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างอิสระโดยไม่สังกัด
ประเทศใดๆ
ดังนัน้ แม้จะได้รบั บาดเจ็บจากการต่อสูก้ บั ปิศาจ หน่วยงานของ
ประเทศก็จะไม่มาดูแลให้ ในประเทศเองก็มีการจัดตั้งกองอัศวินของ
ตัวเอง เพื่อปกป้องอาณาบริเวณในปกครองของประเทศตน
ในเวลาทีเ่ มืองถูกปิศาจโจมตี ก็มกี ารจ้างวานให้ชว่ ยปราบปราม
มาจากผู้ปกครองพื้นที่เหมือนกัน แต่โดยพื้นฐานแล้ว จะไม่มีแนวคิดใน
เรือ่ งการให้ความร่วมมือต่อกันและกันระหว่างภาครัฐกับนักผจญภัย ดังนัน้
ภาครัฐจึงมีพื้นที่ในปกครองแค่เพียงขอบเขตที่กองทัพของตนจะปกป้อง
คุ้มครองได้ และพื้นที่ที่ใช้ชีวิตได้ในสมัยนั้นก็แคบกว่าปัจจุบันหลายเท่า
บางครั้งก็มีปิศาจที่แข็งแกร่งเข้าโจมตีเมือง
อย่างเช่นงูสามหัวหรือสิงโตมีปีก ฯลฯ เวลาที่ปิศาจซึ่งถูกเรียก
ว่าภัยพิบตั มิ าปรากฏตัวใกล้เมือง ทัง้ ประเทศจะแตกตืน่ วุน่ วายราวกับเกิด
สงครามเลยทีเดียว
แน่นอนว่าระบบให้การช่วยเหลือกันและกันโดยข้ามขอบเขตของ
ประเทศย่อมถูกก�าหนดไว้ในข้อตกลงความร่วมมือระหว่างประเทศ แต่
ทัง้ นี้ ความช่วยเหลือจะมีขนึ้ ก็ตอ่ เมือ่ รับรองความปลอดภัยได้แล้วเท่านัน้
ส่วนเรื่องการก�าจัดปิศาจ ประเทศต่างๆ จ�าเป็นจะต้องเดิมพันเกียรติยศ
ศักดิ์ศรีของตน และจัดการให้ได้ด้วยตัวเอง
ด้วยเหตุนจี้ งึ ยิง่ ท�าให้ประชาชนซึง่ มีสทิ ธิพลเมืองได้รบั ความส�าคัญ
เด็กหญิงกับผู้กล้� 281
ส่วนคนอื่นๆ นอกจากนั้นจะต้องสร้างที่อยู่อาศัยนอกก�าแพงเมืองซึ่งมี
อันตรายมากกว่า
ผู้ที่ไม่มีสิทธิพลเมืองต่างเคยชินกับการถูกแย่งชิง ส่วนใครที่มี
ก�าลังก็จะกลายเป็นนักผจญภัยเพื่อปกป้องตัวของตัวเอง
ดังนัน้ จึงเป็นเรือ่ งธรรมดาทีค่ วามเหลือ่ มล�า้ ระหว่างผูย้ ากจนกับ
ผู้ร�่ารวยจะเพิ่มมากขึ้น
กฎของโลกนี้คือผู้แข็งแกร่งกินผู้อ่อนแอ การที่ผู้อ่อนแอถูก
ท�าร้ายนั้นถือเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
ฉัน อยากจะปกป้องบรรดาผู้ที่ยากไร้เหล่านั้น
เหมือนกับผูก้ ล้า ซึง่ มอบความช่วยเหลือทีฉ่ นั ปรารถนาว่าต้องการ
จากใจจริงแก่ฉัน
ถ้าฉันทอดทิง้ พวกเขา ฉันก็ไม่ตา่ งอะไรกับราชาปิศาจ ดังนัน้ ฉัน
จึงพยายามท�างานอย่างสุดก�าลังในฐานะมิตรของผู้อ่อนแอเสมอมา
และไม่ทราบว่าเมื่อไร ที่ฉันเริ่มถูกเรียกขาน และเป็นที่พึ่งพา
ของผู้คนในฐานะวีรสตรี

มีมังกรเข้าจู่โจมเมือง
ก�าลังในการต่อสู้ของมันเทียบเท่าได้กับกองทัพทั้งกองทัพ มัน
คือปิศาจระดับภัยพิบตั อิ ย่างแท้จริง ราชอาณาจักรเบอร์มนุ ด์ออกประกาศ
ภาวะฉุกเฉินในทันที และเข้าสู่สถานการณ์ตึงเครียด ทั้งยังมีการจ้างวาน
มาถึงฉันเหมือนเป็นเรื่องแน่นอน
ฉันได้รมู้ าว่า จะเกิดมอนสเตอร์ระดับภัยพิบตั ขิ นึ้ ครัง้ หนึง่ ในช่วง
ระยะเวลาหลายปี แต่ปศิ าจคราวนีเ้ รียกได้วา่ เป็นตัวฉกาจฉกรรจ์เลยทีเดียว
การโจมตีแบบครึ่งๆ กลางๆ นั้นใช้กับมังกรไม่ได้ผล กองอัศวิน
282
ที่อ่อนด้อยด้านพลังโจมตีจึงไม่อาจนับเป็นก�าลังรบได้ ฉันเองก็เข้าร่วม
การต่อสู้แบบถวายชีวิต แต่เมื่อดาบใช้ไม่ได้ผลก็ดูเหมือนว่าฉันจะไม่อาจ
เป็นภัยคุกคามต่อมันได้มากนัก หากปล่อยไว้แบบนีต้ อ่ ไปจะต้องมีผเู้ สียชีวติ
เป็นจ�านวนมากแน่ เมื่อคิดอย่างนั้น ฉันจึงเรียกอิฟริตให้ตื่นขึ้นหลังจาก
ที่ไม่ได้เรียกมานาน
ลมหายใจร้อนระอุทมี่ งั กรปล่อยออกมาเข้าห่อหุม้ ร่างของฉัน แต่
ส�าหรับฉันที่รวมร่างกับอิฟริต มันเป็นการโจมตีที่น่าเบื่อ ไม่ต่างอะไรกับ
สายลมที่แผ่วเบา
เมื่อรู้สึกตัวว่าลมหายใจที่ภาคภูมิใจนั้นใช้ไม่ได้ผล เจ้ามังกรก็
เกิดความหวาดกลัวต่อตัวตนของฉัน ทว่าก็สายไปเสียแล้ว คลื่นเพลิง
เปล่งประกายสีขาวจากสองมือของฉันพุ่งตัวออกเข้ารัดพันร่างของเจ้า
มังกรที่พยายามจะหลบหนีเอาไว้
โดยผลลัพธ์ ฉันแผดเผาเจ้ามังกรจนสิน้ ซากได้สา� เร็จ ทว่าก็ตอ้ ง
จ่ายค่าชดเชยโดยตัวฉันต้องตกอยู่ในสภาพหลับใหลถึง 1 สัปดาห์เต็ม
สาเหตุก็คือการถดถอยของพลังเวทมนตร์ ตัวฉันซึ่งมีอายุเข้าสู่
วัยแรกชรานัน้ ไม่สามารถรวบรวมสมาธิได้เหมือนกับสมัยยังสาวอีกต่อไป
การถดถอยของพลังสมาธิกเ็ ทียบเท่ากับการถดถอยของพลังเวทนัน่ เอง
เนือ่ งจากรวมเป็นหนึง่ เดียวอยูก่ บั อิฟริต ฉันจึงมีปริมาณแก่นเวท
เพียงพอ ทว่าพลังใจที่จะควบคุมพลังงานนั้นได้ถดถอยลงไปเสียแล้ว
เนื่องจากร่างกายไม่มีการแก่ชรา ฉันจึงไม่ทันรู้สึกตัวว่าพลังใจของตัวเอง
นั้นถดถอยลง แต่เมื่อลองคิดดูแล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พลังใจของฉันจะ
ถดถอย เพราะฉันต้องข่มอิฟริตเอาไว้ตลอดเวลานั่นเอง
ถือว่าดีไปที่โดยสรุปก็พอจะจัดการกับเจ้ามังกรได้ แต่ถ้าพลาด
ไปแม้เพียงก้าวเดียว ก็อาจท�าให้อฟิ ริตซึง่ เลวร้ายยิง่ กว่าเจ้ามังกรถูกปลดปล่อย
ออกมา
เมื่อนึกถึงเรื่องในอดีต ฉันก็หวาดกลัวจนใบหน้าซีดเผือด
เด็กหญิงกับผู้กล้� 283
เพราะหากผิดพลาดขึน้ มา ฉันอาจจะแผดเผาผูค้ นทีค่ วรปกป้อง
จนสิ้นด้วยมือนี้อีกก็เป็นได้
------- เวลาคงมาถึงแล้ว------- ฉัน คิดอย่างนั้น ถ้าฉันอ่อนแอ
ลง อิฟริตก็อาจจะออกมาอาละวาด ดังนั้นนี่คงถึงเวลาที่ฉันควรจะต้อง
คิดเรื่องการถอนตัวแล้วก็ได้
เมื่อฉันลองปรึกษาเรื่องนี้กับคุณไฮนซ์ หนึ่งในผู้ท�าหน้าที่ดูแล
สมาคมช่วยเหลือกันระหว่างนักผจญภัยซึง่ ช่วยดูแลฉันมาตัง้ แต่ฉนั ยังเล็ก
เขาก็บอกว่า
“ถ้างั้นก็มุ่งหน้าไปราชอาณาจักรอิงค์ราเซียสิ ที่นั่นน่าจะก�าลัง
ประกาศรับคนท�าหน้าที่ฝึกสอนเทคนิคการต่อสู้ข้ันพื้นฐานอะไรเทือกนั้น
ให้พวกหน้าใหม่อยู่ นักผจญภัยทีถ่ อนตัวจากงานแล้วมีมากก็จริง แต่คนที่
จะให้การศึกษาคนอืน่ ได้นะ่ ถือเป็นทรัพยากรบุคคลมีคา่ เชียวละ”
คุณไฮนซ์บอกอย่างนั้น แล้วยังช่วยเขียนหนังสือแนะน�าตัวให้
ฉันด้วย
“ขอบคุณนะคะ ฉันต้องรบกวนทุกคนในทุกๆ เรื่องเลย”
“ไม่เอาน่าไม่เอา พวกเราน่ะรู้สึกขอบคุณคุณชิสุนะ? ที่ได้รับ
การช่วยเหลือในทุกๆ เรื่องน่ะ เป็นพวกเราเองมากกว่าด้วยซ�้า”
เมือ่ ฉันเอ่ยขอบคุณ เขาก็หวั เราะด้วยท่าทางขัดเขินแล้วตอบเช่นนัน้
“รักษาตัวด้วยล่ะ ถ้ามีเวลาพักอีกเมื่อไหร่ก็โผล่หน้าบ้างนะ”
คุณไฮนซ์บอกอย่างนั้นปิดท้าย แล้วหลังจากนั้นทุกคนก็มาส่ง
ฉันออกเดินทาง สิง่ นีท้ า� ให้ฉนั รูส้ กึ ได้วา่ ฉันเป็นพวกพ้องของทุกคน ฉันจ�า
ได้ว่าฉันรู้สึกดีใจเอามากๆ
และด้วยเหตุนี้ ฉันจึงถอนตัวจากการเป็นนักผจญภัย แล้วเริม่ ต้น
เดินไปบนเส้นทางของครูผู้ชี้แนะแทน

284
พวกเราเดินทางถึงหมู่บ้านก็อบลินในที่สุด
แม้เวลาจะผ่านไปไม่ถงึ 2 สัปดาห์หลังเดินทางออกจากหมูบ่ า้ น
แต่ผมก็รู้สึกคิดถึงที่นี่อยู่ดี
ก็นะ จริงๆ มันเป็นแค่ลานกว้างล้อมรอบด้วยรั้ว ดังนั้นจะเรียก
ว่าหมู่บ้านก็รู้สึกขัดๆ อย่างไรชอบกล...
ดูเหมือนว่าระหว่างที่พวกเราเดินทาง ทุกคนจะใช้ชีวิตกันโดย
ตั้งเต็นท์อยู่อาศัยแบบง่ายๆ แฮะ
ผมสังเกตเห็นทันทีวา่ มีการตัง้ หม้อขนาดใหญ่ไว้ตรงบริเวณทีเ่ คย
ก่อไฟ ณ ใจกลางหมู่บ้าน
ดูเหมือนว่าจะมีการเพิ่มการต้ม! เข้าไปในวิธีการท�าอาหารซึ่ง
เคยมีแต่ยา่ งโอนลี!่ เป็นทีเ่ รียบร้อยแล้ว เป็นการพัฒนาอย่างเห็นได้ชดั จริงๆ
แล้วหม้อนี่มาจากไหนกัน? พอมองดีๆ ก็พบว่าดูเหมือนจะ
เป็นการน�ากระดองของบิก๊ เทอร์เทิล (เต่ายักษ์อสรพิษมาร) มาดัดแปลงเอา
ไม่รู้ว่าขยายขอบเขตการล่าเหยื่อไปถึงไหนกันแน่แฮะ...
แต่เอาเถอะ อย่างไรก็สบายใจไปได้เปลาะหนึ่งเพราะดูเหมือน
ว่าจะไม่ถูกปิศาจอื่นๆ ลอบโจมตี

ทันทีที่เข้าไปในหมู่บ้าน เหล่าฮ็อบก็อบลินผู้อยู่อาศัยก็รู้สึกถึง
พวกเรา และพากันโห่รอ้ งแสดงความยินดีตอ้ นรับการกลับมาของพวกเรา
น่าเสียดายที่ไม่มีของฝากให้พวกเขาเลย
แต่เอาเถอะ ผมมองเห็นว่ามีพวกหนังสัตว์ของปิศาจที่ล่ามาได้
ตากแห้งเอาไว้อยู่ ดังนั้นพวกคนแคระคงจะช่วยท�าเสื้อผ้าให้ได้ในทันที
แต่สักวัน ผมก็อยากจะให้พวกก็อบลินท�าได้ด้วยตัวเองน่ะนะ
เอาละ ผมพยายามจะหาตัวริกรุ โุ ดเพือ่ จะได้เรียกทุกคนมารวมตัว
288
กันและแนะน�าตัวให้พวกคนแคระ
ทว่าไม่จ�าเป็น เพราะริกุรุโดเป็นฝ่ายวิ่งมาหาผมเอง
ผมคิดว่าเขากระวีกระวาดลนลานเพราะต้องการรีบออกมาต้อนรับ
พวกเรา ทว่าใบหน้านั้นกลับดูเหมือนก�าลังหนักใจอะไรบางอย่าง
เกิดอะไรขึ้นหรือไง? ผมตั้งใจจะถามออกไปแบบนั้น ทว่าก็
ไม่จ�าเป็นอีกเหมือนกัน
“ยินดีต้อนรับกลับมาครับ! ต้องขออภัยจริงๆ ท่านริมุรุเพิ่งจะ
กลับมาแท้ๆ ทว่ามีแขกมารอพบท่านอยู่ครับ...”
ขออภัยจริงๆ ทีต่ อ้ งรบกวนทัง้ ทีย่ งั เหนือ่ ยครับ! ริกรุ โุ ดตอบข้อสงสัย
ของผมด้วยท่าทางเกรงๆ
แขก...? ผมไม่ได้มีคนรู้จักที่ไหนสักหน่อย?
อย่างไรก็ตามแต่ ผมให้พวกคนแคระทัศนศึกษาภายในหมูบ่ า้ น
ได้ตามสบายไปก่อน เพราะอย่างไรพวกเขาก็ต้องมาอาศัยอยู่ที่นี่ ดังนั้น
คงจะมีความสนใจเป็นแน่
ส่วนบรรดาอุปกรณ์ที่ผมขนมา ผมจับยัดใส่ไว้ในเต็นท์ที่ว่างอยู่
อย่างไรซะก็คงดีกว่าปล่อยไว้กลางดินกลางทรายแหละ
ผมมอบหมายให้ริกุรุท�าหน้าที่ดูแลพวกคนแคระ แล้วค่อยให้
ริกุรุโดพาไปยังที่ที่แขกรออยู่
ริกรุ โุ ดน�าทางผมไปยังเต็นท์ทมี่ ขี นาดใหญ่หน่อย ดูเหมือนว่าจะ
สร้างขึ้นไว้ส�าหรับต้อนรับแขกตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบ
ใครกันนะ? เอาเถอะ ลองพบดูเดีย๋ วก็รเู้ องแหละ ผมคิดอย่างนัน้
พลางเข้าไปในเต็นท์
และก็ต้องตกใจทันทีที่ลอดเข้าไปในเต็นท์
ที่อยู่ภายในนั้น คือก็อบลินจ�านวนมาก
หลายตนแต่งตัวดี และมีผู้ติดตามตนละอีกจ�านวนหนึ่ง
น่าจะเป็นหัวหน้าเผ่ากับผู้คุ้มกันมั้ง? ดูท่าทางคงไม่ได้พกพา
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 289
อาวุธ แต่ถึงจะพกก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่ดี
ทันใดนัน้ เองบรรดาก็อบลินก็หมอบกราบลงกับพืน้ โดยไม่สนใจ
ความมึนงงของผม
“““ยินดีทไี่ ด้พบเป็นครัง้ แรกขอรับ ท่านผูย้ งิ่ ใหญ่! ได้โปรดรับฟัง
ความปรารถนาของพวกเราด้วยเถิดขอรับ!!”””
แล้วก็เอ่ยปากอย่างนั้นโดยพร้อมเพรียง
ท่านผูย้ งิ่ ใหญ่? ดูเหมือนว่าจะหมายถึงผมนะ แต่จะโอเวอร์ไปไหม
ทว่าสายตาทีเ่ จ้าพวกนีม้ องดูผมเป็นสายตาทีเ่ ขียนไว้วา่ เอาจริง อ่านได้วา่
จริงจังด้วยสิ
ก็ไม่รู้หรอกนะว่าคาดหวังอะไรจากผมกัน แต่ก่อนอื่นก็ฟังดู
หน่อยเถอะ
“อืม ลองว่ามาสิ”
“ขอรับ เป็นพระคุณอย่างยิ่ง! ความปรารถนาของพวกเราคือ
อยากขอให้ท่านรับพวกเราไว้ภายใต้บังคับบัญชาด้วยขอรับ!!”
หัวหน้าเผ่าตนหนึ่งท�าหน้าเป็นตัวแทนกล่าวถ้อยค�า ส่วนตนที่
เหลือรอบๆ นั้นก็พากันพยักหน้าแสดงออกว่าเห็นพ้องต้องกัน
“““ขอฝากตัวด้วยขอรับ!!”””
และหลังจากเหลือบมองมาทางนีด้ ว้ ยแววตาทีเ่ ปีย่ มด้วยความหวัง
ทั้งหมดก็พากันหมอบราบกราบลงพื้นพร้อมกันอีกครั้ง

บอกตามตรง ผมคิดในใจว่ายุ่งยากฉิบ
พวกเราเอง ต่อไปนี้ก็ยังต้องฟื้นฟูหมู่บ้านของตัวเองกันอยู่เลย
เพราะงั้นไม่มีเวลามายุ่งกับพวกเอ็งหรอกเฟ้ย!
ผมอยากจะปฏิเสธออกไปอย่างนั้น แต่เรื่องที่ว่าก�าลังคนของ
หมูบ่ า้ นนีล้ ดน้อยลงไปก็เป็นความจริงเหมือนกัน อย่างไรเสียก็คาดการณ์
ได้วา่ อีกไม่ชา้ จะต้องเกิดการต่อสูแ้ ย่งชิงเขตแดนในอาณาบริเวณรอบๆ นี้
290
ดังนั้นการรวมเผ่าอื่นๆ เข้ามาตั้งแต่ตอนนี้เลยก็อาจเป็นเรื่องดีเหมือนกัน
แต่ถ้ามีการท�าอะไรที่เป็นการทรยศกันจากภายใน ก็ค่อยเจี๋ยน
มันให้หมด
ผมจะไม่ยอมรับการทรยศเป็นอันขาด
ความคิดอ่อนหัดจะเป็นตัวเกะกะในการปกครองพวกปิศาจ
ดังนั้นจึงจ�าเป็นจะต้องรับมืออย่างเลือดเย็น ผมจึงตัดสินใจรับเจ้าพวกนี้
เข้ามา เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจในเรื่องดังกล่าวด้วย
ผมพูดให้ตัวเองฟังอีกครั้ง
ถ้าเจ้าพวกนี้เกิดทรยศขึ้นมาละก็ ผมจะฆ่าเจ้าพวกนี้ให้หมด
ว่าแต่... ผมเนี่ย คิดเรื่องการฆ่า! ได้ง่ายดายขนาดนี้เลยเหรอ
ขนาดตัวเองยังตกใจตัวเองเลย
เอาเถอะ ก็คงดีกว่ามัวกลุ้มใจมั้ง
ว่าแต่เท่าที่ดู เจ้าพวกนี้ดูเหมือนจะเป็นตัวแทน แล้วท้ายที่สุด
จะมีก�าลังพลสักกี่ตนล่ะนี่?
เมื่อนึกถึงเรื่องที่ว่าผมต้องนั่งตั้งชื่อให้เจ้าพวกนี้อีกแล้ว ผมก็
ถอนหายใจออกมา...

บรรดาก็อบลินซึ่งเป็นข้ารับใช้ของแต่ละเผ่าพากันเดินทางกลับ
ไปแจ้งเรื่องให้หมู่บ้านของตนทราบ
เอาละ ส่วนผมก็นั่งฟังเรื่องราวของบรรดาตัวแทนหมู่บ้านที่ยัง
คงอยู่รั้งที่นี่
เมื่อได้ฟัง ถ้าให้สรุปเรื่องราวคร่าวๆ ก็คือ...
ต้นเหตุแรกเริ่มเดิมทีนั้นมาจากการที่กฎระเบียบของป่าเริ่มเกิด
ความสับสน ทีพ่ วกเขาต้องทอดทิง้ หมูบ่ า้ นของพวกริกรุ โุ ดตอนทีเ่ ผ่ากาโร่
เข้ามาโจมตี ก็มีเหตุมาจากว่าพวกเขาไม่มีก�าลังมากพอที่จะแบ่งปันมา
ช่วยเหลือได้
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 291
ออร์ค (เผ่าศีรษะหมู) ลิซาร์ดแมน (เผ่ามนุษย์กิ้งก่า) และ...
โอเกอร์ (เผ่ายักษ์ใหญ่)-------
บรรดาปิศาจที่มีสติปัญญาในป่าแห่งนี้ เริ่มมีการเคลื่อนไหว
เพราะต้องการความเป็นใหญ่หรือเป็นเจ้าแห่งป่า
กระทั่งที่ผ่านมาก็มีการกระทบกระทั่งกันบ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็
ไม่ถงึ กับมีการน�าก�าลังเข้าปะทะกัน เพราะเป็นทีท่ ราบกันโดยไม่ตอ้ งบอก
ว่าใครคือเจ้าแห่งป่า
ทว่าเมือ่ เกิดเหตุการณ์ทเี่ จ้าผูป้ กครองป่าแห่งนีห้ ายตัวไป เผ่าต่างๆ
จึงเริม่ เคลือ่ นไหวเหมือนเพือ่ จะปลดปล่อยความอัดอัน้ ตันใจทีผ่ า่ นๆ มา
เดิมที ปิศาจนั้นจะมีอุปนิสัยกระสันอยากจะแสดงพลังของ
ตัวเองให้เป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้แต่ละเผ่าจึงหมกหมุ่นอยู่กับ
การเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อจะได้ระบายความอัดอั้นที่ทับถมมานานกัน
เสียที คาดกันว่าสงครามจะเปิดฉากขึ้นเมื่อไร ก็คงขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
เผ่าที่อ่อนแออย่างก็อบลิน เมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้าพวกที่ว่า ก็มีแต่
จะถูกปั่นหัวเล่นสนุกเอาเท่านั้น
บรรดาผูน้ า� ก็อบลินแต่ละเผ่าจึงพากันลนลาน เพราะหากปล่อย
ไว้แบบนี้ พวกตนคงได้ถูกดึงเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้จนพินาศกันหมด
มีการเปิดประชุมผูน้ า� เผ่าเป็นเวลาหลายวันติดต่อกัน แต่สดุ ท้าย
พวกเขาก็เป็นเพียงปิศาจที่ไร้ปัญญา
จึงไม่มีทางที่จะได้แผนรับมือดีๆ ออกมา...
ท่ามกลางสถานการณ์นั้นก็มีรายงานการโจมตีของเผ่ากาโร่ถูก
ส่งเข้ามา แต่นนั่ ไม่ใช่เวลาทีจ่ ะมัวสนเรือ่ งดังกล่าว ด้วยเหตุนเี้ ผ่าของริกรุ โุ ด
จึงถูกทอดทิ้ง และถูกลืมไปในที่สุด
แต่ถึงกระนั้น... ก็ยังคงไม่ได้ความคิดเห็นดีๆ และพอถึงช่วงที่
เสบียงอาหารเริม่ ร่อยหรอลง ก็มรี ายงานว่าเกิดภัยคุกคามใหม่ปรากฏตัว
ขึ้นในป่า
292
นั่นคือข่าวลือเรื่องของสัตว์ประหลาดสีด�ากับบรรดาผู้ที่นั่งบน
หลังนั้น
พวกเขาเหล่านั้นวิ่งไปในป่าอย่างรวดเร็วราวกับอยู่ในพื้นที่ราบ
ก็ไม่ปาน และจัดการกับบรรดาปิศาจที่แข็งแกร่งในป่า
พวกเขาเป็นใครกันแน่? ข่าวที่น่าตกตะลึงนี้ถูกส่งมาถึงเหล่า
ก็อบลินที่ก�าลังหวาดผวากันด้วย
ดูเหมือนว่า พวกเขาเหล่านั้นจะเป็น อดีตก็อบลิน
เมือ่ ได้รบั รายงานนี้ ความเห็นของบรรดาหัวหน้าเผ่าก็แตกจากกัน
ผู้ที่ยืนกรานว่าควรจะไปขอความคุ้มครองจากพวกเขาเหล่านั้น
ตอนนี้เดี๋ยวนี้เลย
ผู้ที่ยืนกรานว่าควรจะระแวงไว้ก่อนเพราะน่าสงสัยเกินไป! ต้อง
เป็นกับดักบางอย่างอย่างแน่นอน!
แม้จะพยายามเกลี้ยกล่อมว่าคนเหล่านั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่จะ
ต้องวางกับดักพวกตน แต่บรรดาคนที่ยืนกรานว่าเป็นกับดักก็ไม่มีใคร
ยอมฟัง
อีกทัง้ แม้จะไม่ใช่กบั ดัก แต่กไ็ ม่แน่เสียหน่อยว่าพวกเขาเหล่านัน้
จะยอมรับพวกตน ที่ส�าคัญ บรรดาคนที่นึกถึงเรื่องที่พวกตนทอดทิ้ง
หมูบ่ า้ นของพวกริกรุ โุ ดขึน้ มาได้ ก็ดเู หมือนว่าจะไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้
เพราะพวกริกุรุโดคงไม่ยกโทษให้พวกตนแน่ ดูท่าว่าก็อบลินเองก็จะมี
ความรู้สึกละอายอยู่เหมือนกันแฮะ
ท้ายทีส่ ดุ คงต้องเรียกว่าเป็นความโศกเศร้าของผูไ้ ร้ปญั ญา เพราะ
สุดท้ายก็ไม่อาจหาข้อสรุปเป็นค�าพูดได้
ด้วยเหตุนี้ บรรดาตัวแทนของผู้ที่ต้องการขอความคุ้มครอง จึง
พากันเดินทางมาถึงที่นี่
อย่างนี้นี่เอง ก็นะ ท�าอะไรเข้าข้างตัวจริงๆ นั่นละ แต่นอกจาก
จะอ่อนแอแล้ว ก็อบลินยังไม่มีสติปัญญาด้วย ดังนั้นในส่วนนั้นคงจะ
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 293
ช่วยไม่ได้หรอก และไม่ว่าอย่างไรผมก็ตัดสินใจว่าจะรับพวกเขาแล้วด้วย
มาแค่คนที่คิดอยากจะมาก็พอ
ผมบอกกับตัวแทนของเหล่าก็อบลินที่มาเยือนว่าอย่างนั้น
และเมือ่ ได้รบั ค�าพูดจากผม บรรดาก็อบลินก็พากันเดินทางกลับ
หมู่บ้านของตัวเองไป

ต่อจากนี้นี่ละคือปัญหา
ผมจ้องมองพวกก็อบลินที่เดินทางมาพลางคิดในใจ
คือว่ามัน... ไม่เยอะไปหน่อยเหรอ?
ไม่ใช่จ�านวนที่พื้นที่ของหมู่บ้านนี้จะรับไหวเลยนะ
ว่ากันตามจริง ท�าไมผมจะต้องมานั่งกลุ้มใจเพราะเรื่องแบบนี้
ด้วยเนี่ย?

ช่วงหลายวันมานีพ้ วกเราท�าขวานกันบ้าง ใช้ขวานทีท่ า� ขึน้ ตัดไม้


แล้วเอาวัสดุไม้ทตี่ ดั มาแปรรูป เรียกว่ายังไปไม่ถงึ ขัน้ ตอนของการสร้างบ้าน
เลย เพราะงานที่ต้องท�ามันมีเยอะเกินไป
ไคจินช่วยดูแลเรื่องเกี่ยวกับงานไม้ให้
ส่วนคนแคระสามพีน่ อ้ งเริม่ ลงมือแปรรูปขนสัตว์เพือ่ จัดท�าเสือ้ ผ้า
ให้กับฮ็อบก็อบลิน
แต่สายตาที่คนแคระสามพี่น้องมองดูพวกก็อบลิน่านั้นไม่ใช่
ธรรมดาเลย ดังนั้นผมจึงสั่งว่าควรจะรีบเร่งงานให้เสร็จโดยเร็วดีกว่า
และระหว่างที่พวกเราใช้ชีวิตท่ามกลางความวุ่นวายดังกล่าว
เหล่าก็อบลินก็เดินทางมาถึง
ก็อบลินจาก 4 เผ่า รวมแล้วทั้งหมดประมาณ 500 ตน
294
ส่วนคนที่เหลือนั้นดูเหมือนว่าจะจากไปยังหมู่บ้านของฝ่ายที่
ไม่เห็นด้วยแทน
คงมีแต่ตอ้ งย้ายบ้านกันเท่านัน้ แล้ว ถ้าเป็นตอนนีล้ ะก็วนุ่ วายแค่
ครั้งเดียว
เมื่อคิดได้อย่างนั้น ผมจึงตรวจสอบแผนที่ในสมองดู
โดยสถานที่แล้ว ผมอยากได้สถานที่ซึ่งมีพื้นที่เปิดและใกล้
แหล่งน�้า เหมาะกับการท�าการเกษตร
ในจ�านวนสถานที่ที่ผมเคยเดินผ่านมา และใกล้เคียงกับเงื่อนไข
มากที่สุด... ก็คือพื้นที่ใกล้กับบริเวณที่ผมออกมาจากถ�้าในตอนแรก
อืม ผมเรียกริกรุ โุ ดมาเพือ่ สอบถามเกีย่ วกับสถานภาพของพืน้ ที่
แถบนั้น
“พืน้ ทีแ่ ถบนัน้ ถือเป็นเขตทีห่ า้ มรุกล�า้ ครับ เพราะภายในถ�า้ ต่างจาก
ในป่า คือเป็นรังของปิศาจที่แข็งแกร่งน่ะครับ...”
“ถ้างั้นก็คงไม่มีปัญหาหรอก เพราะฉันเองก็เคยอาศัยอยู่ในนั้น
ด้วย”
“วะ ว่าไงนะครับ!?
“เอ่อ คือว่าตัวฉันก็เหมือนกับเกิดจากถ�า้ นัน้ นัน่ แหละ เพราะฉะนัน้
คงไม่เป็นไรหรอก”
“...สมแล้วครับทีเ่ ป็นท่าน ริกรุ โุ ดผูน้ รี้ สู้ กึ ประทับใจเหลือเกินครับ”
พูดอะไรไม่เข้าใจความหมายอีกละ
ผมแค่เกิดในถ�า้ นัน้ เท่านัน้ แล้วท�าไมถึงจะต้องประทับใจด้วยหว่า?
เอาเถอะ ท่าทางเขายอมรับความคิดของผมแล้ว เพราะงัน้ ช่างมัน
ผมเรียกมิลด์ น้องชายคนสุดท้องในบรรดาสามพี่น้องมาทันที
เพื่อจะได้ใช้ความรู้เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมของเขาให้เป็นประโยชน์
จากนัน้ ผมก็พดู คุยปรึกษากับมิลด์ โดยบอกเล่าความรูเ้ กีย่ วกับ
การก่อสร้างทั้งหมดจากชาติที่แล้วกับมิลด์เท่าที่ผมพอจะจ�าได้
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 295
ส�าหรับโลกนี้ เทคนิคเรื่องการวัดขนาดที่ดินจะกระท�าโดยใช้
เวทมนตร์ผสมผสานกัน ซึง่ ก็ดเู หมือนว่าจะได้มาตรฐานในระดับหนึง่ ดังนัน้
ผมจึงเพิม่ ความรูแ้ บบงูๆ ปลาๆ ของผมเข้าไป แล้ววางแผนวัดขนาดทีด่ นิ
ซึ่งเป็นสถานที่ก่อสร้าง
แม้พวกหมาป่าด�าจะไม่จา� เป็นต้องใช้ แต่กอ็ บลินกับคนแคระคง
จ�าเป็นจะต้องมีสถานทีส่ า� หรับก�าจัดของเสียทีถ่ า่ ยออกจากร่างกาย ถ้างัน้
เราน่าจะจัดการเกี่ยวกับระบบระบายของเสีย เข้ากระบวนการหมัก เพื่อ
น� า ไปใช้ เ ป็ น ปุ ๋ ย ก็ น ่ า จะดี และถ้ า คิ ด ในแง่ ข องความสะอาด ก็ เ ป็ น
สามัญส�านึกว่าของเสียเหล่านี้จะเป็นต้นเหตุของการเกิดโรคติดต่อได้
ผมจึงบอกเรื่องนี้กับมิลด์ด้วย
ก็อบลินซึง่ เป็นปิศาจมีการป่วยเป็นโรคหรือไม่? ผมคิดอย่างนัน้
อยู่เหมือนกัน แต่เห็นว่ามีการติดโรคได้ตามปกติ แถมทั้งที่เป็นปิศาจแต่
ก็มบี างตนทีร่ า่ งกายอ่อนแอด้วย เอาเถอะ ลองอยูก่ นั แบบสกปรกอย่างนัน้
ถ้าจะป่วยกันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก...
ในกรณีของก็อบลิน เห็นว่าเพราะมีความสามารถในการสืบพันธุ์
สูงยิ่งกว่าจ�านวนผู้เสียชีวิต จึงยังคงจ�านวนประชากรเอาไว้ได้
แต่ดูเหมือนว่าพอวิวัฒนาการแล้วจะท�าให้ความสามารถในการ
เพิ่มจ�านวนลดลงอย่างมาก เท่าที่ดูจากเรื่องนี้ ก็คาดได้ว่าบางทีอายุขัย
ของพวกเขาคงจะยืนยาวขึ้นด้วย... แต่ถ้ามีจ�านวนผู้เสียชีวิตเพราะโรคภัย
มาก ก็เท่ากับว่าจะไม่สามารถคงจ�านวนประชากรเอาไว้ได้ และตัวผมที่
ไม่มีความรู้ทางการแพทย์ก็ไม่สามารถรับมือกับความเจ็บป่วยได้ด้วย
บางทีอ าจจะใช้เวทมนตร์รักษาได้ แต่พ วกเราไม่ มีคนที่ใช้
เวทมนตร์พวกนั้นได้จึงห้ามไปคาดหวัง
ด้วยเหตุนี้ผมจึงคิดว่า ไหนๆ ในเมื่อจะสร้างแล้วก็สร้างให้เป็น
ที่อยู่อาศัยที่ถูกสุขอนามัยเต็มที่ไปเลยดีกว่า
ในแง่ของความรู้แล้ว มิลด์รู้เรื่องเกี่ยวกับการก�าจัดสิ่งปฏิกูล
296
ค่อนข้างละเอียดทีเดียว สมแล้วที่เคยพบกับ “ชาวต่างโลก” มาหลายคน
ดูเหมือนว่าโลกนี้จะมีวิทยาการอันเป็นเอกลักษณ์ที่เรียกว่า
วิศวกรรมภูต ใช้ท�าการประดิษฐ์สร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ มากมาย
อย่างไรก็ตาม มิลด์ดูจะไม่ค่อยรู้เรื่องการน�าสิ่งปฏิกูลมาใช้งาน
ให้เกิดประโยชน์ จึงตกใจเมื่อได้ฟังจากผม
เมื่อปรึกษาหารือกันเสร็จในระดับหนึ่งแล้ว ผมก็แต่งตั้งมิลด์ให้
เป็นหัวหน้าทีมก่อสร้าง
เอาง่ายๆ ก็โยนให้ผู้เชี่ยวชาญไปจัดการทั้งหมดตามที่ผมถนัด
นั่นแหละ
นอกจากนั้นผมก็ส่ังให้ริกุรุโดจัดคนให้เป็นลูกมือของมิลด์อีก
หลายคน แล้วส่งให้พวกเขาไปวัดขนาดพื้นที่กัน
แล้วก็ให้รันก้าร่วมเดินทางไปเผื่อไว้ด้วย
คิดว่าไม่นา่ จะมีปศิ าจออกมาจากถ�า้ นัน้ หรอก แต่ความเป็นได้ก็
ใช่จะเป็นศูนย์ ถ้ารันก้าอยู่ด้วยคงจะรับมือได้ แล้วผมก็ส่งให้พวกมิลด์
หรือก็คือทีมงานก่อสร้างออกเดินทางไปด้วยประการฉะนี้

จัดการปัญหาไปได้แล้วอย่างหนึ่ง แต่ยังมีหัวข้อส�าคัญที่ต้อง
จัดการอีกข้อหนึ่ง ใช่แล้ว การตั้งชื่อนั่นเอง
แค่นกึ ถึงก็เซ็งแล้ว ต้องตัง้ ชือ่ ให้กอ็ บลินเกือบ 500 ตนเนีย่ นะ
คงถึงเวลาออกโรงของ ABCD ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามของผมแล้วก็ได้ เพราะ
ผมพูด อิโระฮะนิโฮเฮโตะ11 ได้ถงึ แค่ครึง่ ๆ กลางๆ ด้วยสิ
ผมเริ่มท�าการตั้งชื่อทันที
แล้วก็เข้าสู่สลีปโหมดไประหว่างทางตามคาด แต่ผมก็ตั้งชื่อให้
ทุกคนได้ครบภายใน 4 วัน ผมอยากจะชมตัวเองจริงๆ ว่าพยายามได้ดี
มาก
โชคยังดีที่ไม่รู้สึกเหนื่อยขนาดครั้งที่แล้ว แต่ถ้าเป็นไปได้ผมก็
11อิโระฮะนิโฮเฮโตะ : I Ro Ha Ni Ho He To วิธีเรียกการเรียงตัวอักษรของญี่ปุ่นวิธีหนึ่งหรือล�าดับ
Iroha โดยเรียกเป็น 7 ตัวอักษรแรกในล�าดับ
ไม่อยากท�าอีกแล้วนะ
จากนั้นผมก็เรียกบรรดาหัวหน้าเผ่ามารวมกัน
เหล่าหัวหน้าเผ่าทีผ่ า่ นการวิวฒ ั นาการแล้ว พากันคุกเข่าเบือ้ งหน้า
ผม
โดยน�าหน้าด้วยริกุรุโด ตามด้วยรุกุรุโด เรกุรุโด และโรกุรุโด
เมือ่ มาเรียงกันอย่างนีก้ จ็ ะเห็นได้ชดั เจน ใช่แล้ว! ชือ่ ของพวกเขา
ขึ้นต้นด้วยแถว ระ ริ รุ เระ โระ นั่นเอง
ส่วนที่รันก้าขึ้นต้นด้วย ระ นั้นเป็นแค่ความบังเอิญ
กระทั่งตัวผมเองยังคิดเลยว่าตั้งได้ขอไปทีชะมัด แต่ไม่เป็นไร!
เพราะอย่างไรก็ไม่มีใครรู้หรอก
แต่อย่าลืมท�าท่าให้ใครๆ เห็นล่ะว่านี่พยายามคิดเต็มที่แล้ว
ผมเป็นชายที่ถนัดเรื่องการท�าท่าให้คนอื่นเห็นว่า ผมพยายาม
ท�างานแล้วนะคร้าบ
ทั้งนี้ผู้น�าเผ่าที่เหลือตนที่ 4 นั้นเป็นผู้หญิง
ผมจึงคิดหาชื่อที่ฟังดูเป็นผู้หญิง และตั้งชื่อให้ว่าริรินะ
เมื่อทุกตนมีวิวัฒนาการ ผมจึงแยกกันออกเสียทีว่าใครเป็นใคร
บ้าง ตัวผมเองแยกได้กระทั่งเพศของก็อบลินด้วย 『ญาณเวท』 แต่ถ้าดู
จากรูปลักษณ์ภาพนอกอย่างเดียวละก็จะแยกได้ยากทีเดียว
หลังจากนี้ไป ชื่อนี้เองก็จะเปลี่ยนกลายเป็นซีรีส์ด้วยหรือเปล่า
นะ? ความคิดนัน้ ผุดขึน้ ในหัวของผม แต่เอาเป็นว่าเลิกคิดเรือ่ งในอนาคต
ก่อนดีกว่า เพราะตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมามัวท�าอะไรแบบนั้น
เอาละ ก่อนอืน่ ก็เรือ่ งของบรรดาฮ็อบก็อบลินทีอ่ ยูเ่ บือ้ งหน้า ผม
ควรจะสร้างความสัมพันธ์บนล่างให้พวกเขาหรือไม่?
จะให้ทกุ คนสนิทสนมกลมเกลียวเท่าเทียมกันหมด! แบบนัน้ คง
เป็นไปไม่ได้ในความจริง
สายการบังคับบัญชาที่ชัดเจนน่าจะมีความจ�าเป็น โดยเฉพาะ
298
ส�าหรับปิศาจที่ให้ความส�าคัญกับเรื่องพลังอ�านาจ
ผมคิดเช่นนั้น แล้วจึงตัดสินใจ
“จงฟัง ฉันจะมอบต�าแหน่งให้พวกนาย!”
ผมประกาศอย่างนั้น
แล้วให้เลื่อนริกุรุโดขึ้นเป็นก็อบลินคิง
ส่วนหัวหน้าเผ่าที่เหลืออีก 4 ตนให้เป็นก็อบลินลอร์ด
โดยมีบรรดาก็อบลินทัง้ หมดซึง่ ยังคงอยูร่ งั้ ในหมูบ่ า้ นหมอบกราบ
พลางกลืนน�้าลายเอื๊อกและเฝ้ามองภาพนั้นอยู่รอบๆ
“““ขอรับ!! รับทราบขอรับ!!”””
ค�าพูดนั้นเป็นสัญญาณให้เสียงโห่ร้องยินดีดังกึกก้องสะท้อนขึ้น
นี่คือจุดเริ่มต้นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของเหล่าก็อบลิน

ไคจินจัดเตรียมอุปกรณ์งานช่างไม้โดยไม่มีขาดตกบกพร่อง
ส่วนพวกเสือ้ ผ้าก็ได้รบั การจัดท�าอย่างราบรืน่ ภายใต้การแนะแนว
ของการ์มกับโดลด์
วัสดุจ�าพวกไม้ถูกเก็บรักษาไว้ ณ บริเวณที่ว่างของหมู่บ้านเพิ่ม
ขึ้นเรื่อยๆ เรียกว่าการจัดเตรียมค่อยๆ พร้อมขึ้นทีละน้อยๆ
เมื่อถึงเวลาที่ก็อบลินทั้งหมดวิวัฒนาการเสร็จสิ้นและผมได้
ตรวจสอบเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว พวกมิลด์ที่ออกไปวัดพื้นที่ของสถานที่ซึ่ง
มีก�าหนดการจะสร้างหมู่บ้านใหม่ก็กลับกันมาพอดี
ทุกอย่างด�าเนินไปอย่างราบรื่น
ผมตรวจสอบแผนผังของหมูบ่ า้ นใหม่ซง่ึ มีกา� หนดการจะสร้างขึน้
ขนาดของมัน ควรจะเรียกได้ว่าเมืองมากกว่าหมู่บ้าน
นี่จะเป็นที่อยู่อาศัยใหม่ของพวกเรา

เมื่อตรวจสอบเรียบร้อยว่าการเตรียมตัวทั้งหมดพร้อมสรรพ
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 299
พวกเราก็ออกเดินทาง
เพื่อก้าวเดินมุ่งหน้าไปสู่แผ่นดินใหม่
ก้าวแรกเพื่อสร้างอาณาจักรใหม่ของพวกเรา!

ชื่อของชายผู้นี้ คือฟิวส์
ต�าแหน่งของเขาคือกิลด์มาสเตอร์ของสมาคมอิสระสาขาเบอร์มนุ ด์
ซึ่งตั้งอยู่ในอาณาจักรเล็กๆ นามเบอร์มุนด์
นอกจากนัน้ เขาก็ยงั เป็นนักผจญภัยฝีมอื ฉกาจ ทีค่ วามสามารถ
ขนาดได้รับการรับรองขึ้นไปถึงระดับ “A-”
เขาเร่งด�าเนินการตรวจสอบเป็นการส่วนตัวอย่างรวดเร็ว ตาม
สัญญาที่ให้ไว้กับบารอนเบลยาร์ด
ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือเขาได้รับการติดต่อจากหน่วยข่าวกรอง และ
ทราบความว่าจักรวรรดิไม่ได้มีการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด
เป็นไปได้หรือไม่ทจ่ี กั รวรรดิจะไม่เคลือ่ นไหวแบบนีต้ อ่ ไปเรือ่ ยๆ...
เขาคิดอย่างนั้น แต่เขาจะปล่อยให้เกิดความผิดพลาดขึ้นไม่ได้
เขาจึงให้ด�าเนินการจับตามองจักรวรรดิต่อไป
แม้ว่าตามจริงแล้วนี่จะไม่ใช่งานของเขา แต่ก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้
เขาตัดใจได้เช่นนั้น
และแล้วก็มรี ายงานเข้ามาหาเขาว่าทีมส�ารวจอีกทีมหนึง่ เดินทาง
กลับมาถึงแล้ว

เมื่อเข้าไปในห้อง ฟิวส์ก็นั่งลงบนเก้าอี้อย่างช้าๆ ที่นั่นคือห้อง


รับรองส�าหรับพูดคุยเรื่องที่เป็นความลับสุดยอด
ที่โซฟาฝั่งตรงกันข้าม มีกลุ่มชายหญิง 3 คนซึ่งเป็นเหล่า
300
นักผจญภัยระดับ B นั่งอยู่
กิโด ผู้เชี่ยวชาญการปฏิบัติงานลับ คลาส “ทีฟ (โจร)” เป็น
ชายที่ช�านาญการรวบรวมข้อมูล
คาบาล ผู้เป็นเลิศด้านพลังป้องกัน คลาส “ไฟเตอร์ (นักรบ-
เกราะหนัก)” ชายซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในฐานะก�าแพงของทีมได้อย่างแข็งแรง
แม้จะชอบพูดเล่นไม่เข้าท่าแต่ท�างานได้เป็นอย่างดี
เอลเลน ผูเ้ ชีย่ วชาญในการใช้เวทมนตร์ชนิดพิเศษ คลาส “ซอร์-
เซอเรอร์” ซึ่งควบคุมเวทมนตร์ได้หลากหลาย และช�านาญเวทมนตร์
เคลือ่ นย้ายทีส่ ดุ ในจ�านวนนัน้ ความเตรียมพร้อมอันสมบูรณ์เพือ่ เพิม่ อัตรา
การรอดชีวิตให้ทีมของเธอเป็นคุณลักษณะที่ควรจับตามองเป็นพิเศษ
ทั้งหมดนี้คือทีมซึ่งฟิวส์ส่งให้ไปตรวจสอบถ�้าที่เวลโดร่าถูกผนึก
สิ่งแรกที่ฟิวส์คิดก็คือยอดเยี่ยมจริงๆ ที่กลับกันมาได้อย่าง
ปลอดภัย เลเวลทีเ่ หมาะสมกับถ�า้ นัน้ คือแรงก์ “B+” แต่ถา้ ค�านึงถึงตัวตน
ของผูเ้ ป็นเจ้าของถ�า้ ด้วยแล้ว มันก็เป็นสถานทีซ่ งึ่ อันตรายพอทีจ่ ะจ้างวาน
นักผจญภัยระดับ “A-” ได้ หรือสมมุตวิ า่ ถึงฟิวส์จะเคลือ่ นไหวด้วยตัวเอง
มันก็ยังเป็นสถานที่ที่ยากจะบุกเข้าไปเพียงคนเดียวได้อยู่ดี
แต่ถึงอย่างไร เขาก็เคลื่อนไหวอย่างอิสระไม่ได้อยู่ดี เพราะเขา
เป็นกิลด์มาสเตอร์...
และท่ามกลางสถานการณ์นั้น ฟิวส์ก็เลือกที่จะข้ามนักผจญภัย
ระดับ “B+” มาจ้างวานคนเหล่านี้ให้ไปตรวจสอบสภาวะของเวลโดร่า
แทน เหตุผลทีฟ่ วิ ส์เลือกคนเหล่านีก้ ค็ อื อัตราในการรอดชีวติ สูงและความ-
สามารถในการรวบรวมข้อมูล เพราะถ้าเป็นการรวบรวมข้อมูลโดยหลีกเลีย่ ง
การต่อสูล้ ะก็ ฟิวส์ตดั สินใจได้วา่ คนกลุม่ นีม้ คี วามสามารถเหนือนักผจญภัย
ระดับ “B+” เสียอีก
ทว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาขึ้นมา ความรับผิดชอบที่ฟิวส์
ต้องรับในฐานะกิลด์มาสเตอร์กห็ นักหน่วงมาก เพราะจะเท่ากับว่าหัวหน้า-
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 301
สาขาเป็นผู้ฝ่าฝืนกฎเองอย่างชัดเจน
แต่ฟวิ ส์กค็ ดิ ว่า ไม่วา่ อย่างไร เขาก็จา� เป็นจะต้องตรวจสอบเรือ่ งนี้
ดังนัน้ ผูท้ ดี่ ใี จทีส่ ดุ ทีค่ นเหล่านีก้ ลับมาได้อย่างปลอดภัยจึงไม่ใช่
ใครอื่นนอกจากตัวฟิวส์เอง
“ขอฟังรายงานหน่อยสิ”
แต่ฟวิ ส์เอ่ยถามโดยไม่ยอมแสดงความรูส้ กึ นัน้ ออกมาทางสีหน้า
เป็นอันขาด
แม้ในใจจะรู้สึกขอบคุณเพียงใด แต่ฟิวส์ก็ไม่สามารถเอ่ยถ้อย
แสดงการตอบแทนความเหนื่อยล้าได้
ซึ่งชายหญิงทั้งสามคนต่างก็เคยชินแล้วเช่นกัน
“ล�าบากแทบตายเลยนา? ให้ตายเถอะ!”
“อยากอาบน�้าเร็วๆ จัง...”
“ผมว่าคนที่ล�าบากน่ะ คือผมที่ต้องคอยปรามเวลาพี่ชายกับเจ๊
ตีกันมากกว่านะ...”
ท่าทีของทั้งสามไม่ต่างจากเวลาที่รายงานภารกิจธรรมดาอย่าง
ทุกๆ ครั้ง ทว่าดวงตานั้นไม่มีแววชวนหัว สรุปก็คือปฏิกิริยาดังกล่าวนั้น
ช่วยบ่งบอกได้ว่าภารกิจครั้งนี้เป็นภารกิจที่ยากเข็ญเพียงไหน
จากนั้นทั้งสามคนก็เริ่มการรายงาน
การต่อสู้กับปิศาจภายในถ�้า
การหลอกความสามารถในการตรวจจับของเทมเพสต์เซอร์เพนต์
(อสรพิษวายุ) ซึ่งเป็นผู้พิทักษ์ และลอบเข้าไปจนถึงด้านในประตูผนึก
และการตรวจสอบการหายสาบสูญของเวลโดร่า หลังจากนั้น
พวกเขายังตรวจสอบด้านในของประตูอกี เป็นเวลา 1 สัปดาห์ แต่กไ็ ม่พบ
ตัวตนของสิ่งใดโดยสิ้นเชิง
ทว่าในบรรดาสิ่งที่พบเจอทั้งหมด ความเป็นจริงข้อหนึ่งที่พวก
เขานึกสงสัยที่สุดก็คือ------
302
“จากนัน้ ก็ พอพวกเราตรวจสอบด้านในเสร็จเรียบร้อยแล้วกลับ
ออกมาด้านนอกประตู... ก็พบว่าเทมเพสต์เซอร์เพนท์มันหายไปแล้วน่ะ”
“ใช่แล้วละ! เอสเคป (เวทหลบหนี) ของฉันใช้งานตอนอยูภ่ ายใน
ประตูไม่ได้ ก็เลยปวดหัวแทบตายว่าจะหนีจากเทมเพสต์เซอร์เพนท์ยังไง
เสียเวลาเปล่าชะมัด!”
“วิชาลวงตาบวกกับดักสร้างแหล่งความร้อนของผมเองก็ไม่ได้
ออกโรง ว่ากันตามจริงก็คือตอนขาไปมันใช้ได้ผลอยู่หรอก แต่ก็เป็นห่วง
เหมือนกันว่าขากลับอาจจะใช้งานไม่ได้... ดังนัน้ ถ้าจะบอกว่าโชคดีกเ็ รียกว่า
โชคดีละนะครับ”
พวกเขารายงานอย่างนั้น
หมายความว่าไงกันแน่?
เจ้านั่นเป็นมอนสเตอร์ที่ถูกจัดประเมินแรงก์ไว้ที่ “A-” เป็น
ตัวตนทีแ่ ข็งแกร่งทีส่ ดุ ภายในถ�า้ นัน้ เป็นปิศาจทีก่ ระทัง่ ตัวฟิวส์เองก็คงไม่อาจ
เอาชนะได้ และเพราะมีมันอยู่ อัตราความส�าเร็จของภารกิจนี้จึงลดลง
ฮวบฮาบแท้ๆ...
ฟิวส์ครุ่นคิด
มีอะไรก�าลังเกิดขึ้นในพื้นที่นั้นจริงๆ นั่นละ และฟิวส์ก็สรุปได้
ว่าตนจ�าเป็นจะต้องรู้เรื่องอะไรที่ว่านั่นให้ได้ด้วย
“เอาละ ฉันจะให้พวกนายพักผ่อนประมาณ 3 วัน หลังจากนั้น
ช่วยเดินทางไปส�ารวจป่าอีกครั้งที คราวนี้ไม่จ�าเป็นต้องเข้าไปในถ�้า แต่
ตรวจสอบบริเวณรอบๆ ดีๆ เอาให้ละเอียดยิบเลย ถ้างัน้ ก็ไปกันได้แล้ว”
“ไปกันได้แล้ว อะไรกันฟะ!”
“แค่ 3 วันน่ะหมายความว่าไงคะ!! ขอวันพักมากกว่านี้หน่อยสิ
คะ!?”
“คร้าบๆ ...ยังไงซะถึงพูดอะไรไปก็คงไร้ประโยชน์อยู่แล้วสินะ
ครับ?”
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 303
แม้จะรู้สึกเหมือนว่าได้ยินเสียงพวกนั้น แต่ฟิวส์ก็ไม่ใส่ใจ
ทีส่ า� คัญกว่านัน้ เขาต้องรีบเรียบเรียงข้อมูลทีเ่ พิง่ ได้รบั มา ก�าลัง
เกิดอะไรขึ้นที่ป่านั่นกันแน่นะ...
ฟิวส์ครุ่นคิดหนัก
ทว่าเมื่อรู้สึกขึ้นมาอย่างกะทันหันแล้วลืมตาขึ้น ก็ต้องพบกับ
สายตาท่าทางแค้นเคืองของทั้งสามคน
เจ้าพวกนี้นี่... ฟิวส์ถอนหายใจ ก่อนจะตวาดด้วยเสียงอันดัง
เหมือนทุกๆ ครั้งว่า
“มัวท�าอะไรกันอยู่? รีบๆ ไปได้แล้ว!”
เพื่อไล่ทั้งสามคนออกไป

3 วันให้หลัง
กลุ่มของคาบาล เอลเลน และกิโด ก็เริ่มเตรียมตัวเพื่อจะได้
มุ่งหน้าไปท�าการส�ารวจป่าอีกครั้ง
“เป็นวันหยุดที่สั้นชะมัดเลย...”
“นั่นสินะครับ”
“เฮ้ ย ๆ อย่ า เอาแต่ บ ่ น น่ า ยิ่ ง บ่ น ยิ่ ง มี แ ต่ จ ะเซ็ ง ขึ้ น เท่ า นั้ น
เอง------”
คาบาลซึง่ ถือเป็นลีดเดอร์ของทีมเอ่ยปลอบลูกทีมทัง้ สองทีเ่ อาแต่
บ่นไม่เลิก แต่ทเี่ สียงนัน้ ไร้กา� ลัง ก็เพราะความรูส้ กึ ของเขาเองก็ไม่ตา่ งจาก
ทั้งสอง
วิธีการสัญจรที่จะไปสู่ป่านั้นมีไม่มาก
เนือ่ งจากระยะหลังมานีพ้ วกปิศาจมีการเคลือ่ นไหวหนักหน่วงขึน้
รถม้าบรรทุกสินค้าของบรรดาพ่อค้าเองจึงไม่มกี ารมุง่ หน้าไปยังป่า เพราะ
ถึงจะว่าจ้างผูค้ มุ้ กันก็มคี า่ ใช้จา่ ยมากเกินไปจนไม่มกี า� ไร ดังนัน้ ในปัจจุบนั
ถ้าต้องการจะเดินทางไปยังป่าก็มีแต่จะต้องเดินเท้าไปเท่านั้น แต่ทั้งนี้
304
เดิมทีรถม้าก็เดินทางผ่านเส้นทางที่มุ่งหน้าไปยัง “ถ�้าผนึก” ไม่ได้อยู่แล้ว
ฉะนั้นไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็ต้องเปลี่ยนมาเดินเท้าระหว่างทางอยู่ดี
และเพราะเหตุนี้เอง การเตรียมการจึงส�าคัญมาก
เพียงแค่เตรียมอาหารทีเ่ ก็บรักษาได้สา� หรับหลายสัปดาห์กต็ อ้ ง
เหนือ่ ยกันยกหนึง่ แล้ว เพราะถ้าละเลยในเรือ่ งนีก้ ม็ หี วังได้อดตายกลางดง
ก่อนที่จะไปถึงจุดหมาย ยังถือว่าโชคดีด้วยซ�้าที่พวกเขาใช้เวทมนตร์ของ
เอลเลนช่วยเตรียมน�้าได้
เมื่ อ พวกเขาเตรี ย มการเสร็ จ ในระดั บ หนึ่ ง และมาถึ ง ขั้ น ที่
เตรียมตัวออกเดินทางได้ คนคนหนึ่งก็ส่งเสียงเรียกพวกเขา
“ขอโทษนะ ถ้าพวกคุณจะมุง่ หน้าไปทีป่ า่ ละก็ ขอฉันร่วมทางไปด้วย
จนถึงระหว่างทางจะได้ไหม?”
เสียงนัน้ ยากทีจ่ ะบอกได้วา่ เป็นของชาย หญิง คนชรา หรือวัยรุน่
สีหน้าของคนผู้นั้นเป็นอย่างไรไม่มีใครบอกได้ เนื่องจากเจ้าตัว
ใส่หน้ากากเอาไว้
หน้ากากที่วาดลวดลายอันงดงาม ทว่าไร้สีหน้า
บรรยากาศที่เกิดจากหน้ากากนั้น ชวนให้รู้สึกน่าสงสัย... ทว่า
“ได้สิ?”
“เฮ้ย หล่อน! ฉันที่เป็นลีดเดอร์ยังไม่ได้อนุญาตเลยนะ... อะไร
ของหล่อนหา ให้ตายเถอะ!?”
“เฮ้อ ลองถ้าเจ๊เขาออกปากแล้วละก็ จะพูดอะไรก็ไม่มคี วามหมาย
หรอกครับ?”
กลุ่ม 3 คนอนุญาตอย่างง่ายดาย
“ขอบคุณมาก”
คนน่าสงสัยผู้นั้นเอ่ยเพียงค�าเดียว จากนั้นก็ออกเดินติดตาม
ทั้งสามอย่างเงียบๆ
ด้วยเหตุนพี้ วกคาบาล 3 คนจึงได้พรรคพวกเพิม่ มาอีกหนึง่ แล้ว
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 305
เริ่มออกเดินทางเพื่อท�าหน้าที่ส�ารวจอีกครั้ง

ในป่ากึกก้องไปด้วยเสียงตัดไม้และเสียงค้อน
หลังจากเตรียมพื้นที่ส�าหรับเมืองใหม่เสร็จ ล�าดับต่อไปก็คือ
ลงมือสร้างบ้าน แต่เนื่องจากจะท�าการวางระบบเส้นทางน�้ากันตั้งแต่แรก
ตอนนี้จึงยังไม่มีการสร้างบ้าน แต่เป็นเพียงที่ดินซึ่งเปิดกว้างเท่านั้น
ส�าหรับเรื่องของทางน�้านั้น พวกเราใช้กลไกในการดึงน�้ามาจาก
แม่น�้าโดยตรง
แม้จะยังคงอยูร่ ะหว่างการก่อสร้าง แต่พวกเรามีกา� หนดการจะท�า
อาคารส�าหรับควบคุมดูแลคุณภาพน�า้ ด้วย โดยผมคิดว่าจะให้มรี ะบบการ
ช�าระล้างคุณภาพน�้าที่นี่ แล้วจึงค่อยส่งไปยังแต่ละบ้าน
ในส่วนของน�้าเสียนั้น มีการสร้างท่อที่ท�าจากไม้ฝังเอาไว้ใต้ดิน
โดนส่วนในมีการดัดแปลงป้องกันการสึกกร่อนเพือ่ ให้ผพุ งั ได้ยาก
แล้วท�าให้แข็งอยู่กับที่ด้วยปูนซีเมนต์ งานก่อสร้างที่กา� ลังท�ากันอยู่ก็คือ
งานส่วนนีน้ นั่ เอง และโชคดีดว้ ยทีเ่ ราขุดหาวัสดุจา� พวกหินปูนได้จากพืน้ ที่
ใกล้กับภูเขา
นอกจากนี้ก็มีก�าหนดการจะสร้างอาคารส�าหรับก�าจัดสิ่งปฏิกูล
เพื่อท�าเป็นปุ๋ยไว้ด้านนอกเมือง
ผมมีกา� หนดการจะให้สร้างอาคารขนาดค่อนข้างใหญ่เหมือนกับ
โรงยิมเอาไว้ส�าหรับให้เป็นที่พักผ่อนหลับนอนชั่วคราวด้วย เนื่องจากยัง
เป็นแค่แบบแปลนชัว่ คราวจึงมีการสร้างไว้แค่เพียงหยาบๆ เท่านัน้ แต่ ณ
ปัจจุบันก็เรียกว่าไม่มีปัญหาอะไร
การจัดการแบ่งเขตที่ดินเป็นไปอย่างราบรื่น
ผมให้ เ ริ่ ม การก่ อ สร้ า งจากทิ ศ ทางที่ ใ กล้ กั บ ถ�้ า ก่ อ น โดยมี
306
ก�าหนดการว่าจะให้สร้างทีพ่ กั ของผม ต่อด้วยทีพ่ กั ของบรรดาหัวหน้าเผ่า
และจากนั้นก็ค่อยสร้างบ้านเรือนของผู้อยู่อาศัยล้อมรอบ
เพราะจัดการแบ่งเขตไว้ตงั้ แต่แรก จึงจัดวางสิง่ ต่างๆ ได้เรียบร้อย
ไม่ให้ความรูส้ กึ รกรุงรัง และเนือ่ งจากมีการสร้างถนนใหญ่ไว้เป็นเหมือนกับ
วาดรูปกางเขน จึงเคลื่อนไหวเป็นกลุ่มก้อนได้ง่ายในยามฉุกเฉิน แต่ต้อง
ดัดแปลงไม่ให้ถนนในเมืองเชือ่ มต่อกันหมดในรูปแบบที่เหมือนกันเพราะ
ไม่งั้นมีหวังได้หลงทาง แต่อันที่จริงคงไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นละมั้ง
ถ้าพูดถึงเรื่องความกังวลละก็ คงเป็นเรื่องที่อาจท�าให้ศัตรู
เคลื่อนไหวได้ง่ายในเวลาที่ถูกโจมตีละมั้ง?
แต่ว่าหากถึงจุดที่ถูกรุกเข้ามาได้ถึงภายในเมืองก็ถือว่าเป็น
ปัญหาใหญ่แล้ว ดังนั้นคงไม่ต้องคิดถึงเรื่องนั้นหรอก
และถ้าถูกท�าลาย ก็สร้างขึ้นใหม่เสียก็พอ

ผมคิดถูกแล้วทีต่ งั้ ชือ่ ให้บรรดาก็อบลินเพือ่ ให้พวกเขาวิวฒ


ั นาการ
ขึ้นเป็นฮ็อบก็อบลินก่อนแต่แรก
สติปญั ญาของพวกเขาพัฒนาขึน้ อย่างรวดเร็ว และจดจ�าสิง่ ต่างๆ
ได้ดี อีกทั้งรูปร่างก็บึกบึน มีพละก�าลังมากขึ้นด้วย
ตามที่พวกคนแคระบอกเล่า เห็นว่าก็อบลินนั้นเป็นปิศาจระดับ
แรงก์ F แต่ฮ็อบก็อบลินจะเทียบเท่าได้กับแรงก์ C-D
อย่างไรก็ตาม พวกเขาเปลี่ยนไปขนาดเรียกเป็น 1 คน 2 คน
ดูจะเหมาะสมมากกว่า 1 ตน 2 ตนเสียอีก พวกเขาดูใกล้เคียงกับมนุษย์
มากกว่าปิศาจ ดังนั้นระดับความแข็งแกร่งจึงมีตั้งแต่มากสุดไปจนถึง
น้อยสุด และนอกจากนี้อาวุธและอุปกรณ์ที่สวมใส่ กับคลาสและอาร์ต
(วิชา) ที่แต่ละตนมี ก็จะท�าให้คะแนนประเมินเปลี่ยนไปด้วย
พอฟังเช่นนัน้ แล้วลองมองดู ก็จะเห็นว่าแต่ละตนมีความแตกต่าง
กันโดยสิ้นเชิง และดูเหมือนว่าจะแตกต่างกันอย่างมากในด้านความ
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 307
แข็งแกร่ง
โดยเฉพาะ 4 ตนที่ผมมอบหมายให้เป็นลอร์ดนั้น ดูท่าทางจะ
มีความสามารถสูงกว่าตนอื่นๆ มาก
จึงไม่ต้องพูดถึงริกุรุโดที่ผมตั้งให้เป็นคิงเลย
“โอ้ มาอยู่ในที่แบบนี้เองรึครับ ข้าตามหาแทบแย่”
รูปร่างของเขาสูงใหญ่บกึ บึนยิง่ ขึน้ ไปอีกซะจนผมอยากจะร้องว่า
เอ็งเป็นสัตว์ประหลาดมาจากไหนฟะ! เลยทีเดียว
ตามที่ไคจินบอกนั้น อย่าว่าแต่จะเทียบเท่ากับโอเกอร์ได้เลย
กลับน่าจะเหนือยิ่งกว่าด้วยซ�้า!
ไม่ใช่เพียงแค่ชื่อ แต่คงเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการให้
คลาสด้วยละมั้ง
ระบบนิเวศของพวกปิศาจนี่เป็นปริศนาจริงๆ คราวหน้าผม
ทดลองตั้งต�าแหน่งให้คนอื่นๆ ดูด้วยอาจจะดีก็ได้
“เกิดอะไรขึ้นเรอะ?”
“ครับ! เราจับกลุ่มคนน่าสงสัยได้ ข้าจึงมารายงานท่านครับ”
“คนน่าสงสัย? เป็นพรรคพวกของปิศาจที่ไหนงั้นรึ?”
“เปล่าครับ พวกเขาเป็นมนุษย์ เราไม่ได้ทา� ร้ายพวกเขาตามค�าสัง่
ของท่านครับ”
“มนุษย์? ท�าไมถึงมาอยู่ในที่แบบนี้ได้?”
มนุษย์งั้นเรอะ? ในที่สุดก็มาแล้ว! แบบนี้ต้องหาทางผูกมิตรไว้
ให้ได้!
แต่ก็นะ กรณีที่เป็นพวกเหมือนกับนักผจญภัยงี่เง่าก่อนหน้านี้
ก็แอบเจี๋ยนทิ้งแล้วให้เป็นเหยื่อของพวกปิศาจซะก็ได้มั้ง
“เห็นว่าหน่วยรักษาความปลอดภัยของริกรุ เุ ข้าไปช่วยพวกเขาไว้
ได้ในระหว่างทีก่ า� ลังต่อสูก้ บั ฝูงไจแอนต์แอนท์ (ปิศาจมดยักษ์) ...แต่รสู้ กึ
จะมีร่องรอยว่าพวกเขาท�าการตรวจสอบพื้นที่บริเวณรอบๆ นี้ ข้าจึงมา
308
รายงานท่านเพื่อขอค�าตัดสินน่ะครับ...”
อืม หรือว่าจะมีประเทศไหนมาด�าเนินการตรวจสอบพืน้ ทีแ่ ถบนี?้
ผมได้ตรวจสอบกับพวกคนแคระแล้วว่ามหาพงไพรแห่งจูรา่ เป็น
พื้นที่เป็นกลาง ไม่ได้สังกัดกับประเทศใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าจะคิดว่าเป็นหน่วย
สอดแนมของประเทศไหนทีค่ ดิ จะขยายอาณาบริเวณของตัวเอง ก็มคี วาม
เป็นไปได้พอสมควร
แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากน่ะสิ เอาเถอะ
มัวกลุ้มใจโดยไม่ไปฟังความก็ไม่ได้อะไร
ลองพบดูก่อนแล้วค่อยคิดดีกว่า
“เอาละ ฉันจะลองพบกับพวกเขาดู ช่วยพาไปทีสิ!”
บอกอย่างนั้นแล้ว ผมก็กระโดดขึ้นไปอยู่บนไหล่ของริกุรุโด
ผมขีเ้ กียจไปไหนมาไหนเพราะส่งรันก้าให้ออกไปลาดตระเวนอยู่
แม้ว่าเดินเองแบบธรรมดาจะไม่ต่างกัน แต่การท�าแบบนี้จะช่วย
เสริมส่วนสูงที่เตี้ยของสไลม์ได้ และถ้าผมเดินไปเองทั้งอย่างนั้น ก็จะให้
ความรูส้ กึ เหมือนว่าถูกผูค้ นทีไ่ ด้เจอก้มมอง แถมคนเหล่านัน้ ก็รสู้ กึ ถึงเรือ่ ง
ดังกล่าวและอุตส่าห์ก้มคุกเข่าลงจึงท�าให้เสียงานเสียการอีก... การปล่อย
ให้อกี ฝ่ายก้มมองถือเป็นปัญหาในการรักษาความน่าเกรงขาม แม้จะน่าร�าคาญ
ในหลายๆ อย่าง แต่ผมก็สรุปได้ว่าการตัดสิ่งที่น่าจะก่อให้เกิดปัญหาที่
ไม่ควรเกิดออกไปเอาไว้ก่อนนั่นละดีที่สุด
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ฉะนั้นเวลาไปไหนมาไหน ผมจึงมักจะอยู่
บนไหล่ของใครบางคนเสมอ

ริกรุ โุ ดให้ผมนัง่ บนไหล่ แล้วพาไปหาพวกนักผจญภัยทีว่ า่ ถูกจับ


ตัวเอาไว้
เอาละ จะเป็นพวกแบบไหนกันนะ? ขณะที่ก�าลังคิดเช่นนั้น
“เดี๋ยว นี่แก! ฉันเล็งไอ้นั่นไว้แล้วนะ!!”
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 309
“ไม่โหดร้ายไปหน่อยเหรอคะ? นั่นเป็นเนื้อที่ฉันอุตส่าห์เลี้ยงดู
มาอย่างดีนะคะ!?”
“พวกพี่ชายครับ เรื่องอาหารน่ะ ไม่มีการออมมือให้กันหรอก
นะครับ!”
“ง�่าๆ”
เสียงโหวกเหวกครื้นเครงก็ดังมากระทบกับหูของผม
“...”
“ขะ ขออภัยด้วยครับ” ริกุรุโดให้ค�าตอบต่อค�าถามที่ไร้ค�าพูด
ของผม
“คือดูเหมือนว่าสัมภาระของพวกเขาจะถูกพวกมดแย่งชิงไปหมด...
แถมพวกเขายังบอกอีกว่าช่วงหลังมานี้ไม่ได้กินอาหารกันเลย ข้าก็เลยสั่ง
ให้เตรียมอาหารให้พวกเขาน่ะครับ...”
อืม ดูเหมือนว่าเจ้าริกรุ โุ ดเองก็มจี ดุ ทีอ่ อ่ นโยนอยูด่ ว้ ยเหมือนกัน
แฮะ
“ไม่หรอก ดีแล้วไม่ใช่ร?ึ ฉันต้องบอกว่าดีมากทีน่ ายรูส้ กึ ตัวด้วยซ�า้
การให้ความเมตตากับคนที่ก�าลังล�าบากน่ะเป็นเรื่องดีนะ”
ผมเอ่ยชมอย่างนัน้ ยิง่ นานริกรุ โุ ดก็เริม่ จะปกครองทุกคนได้โดย
ไม่ต้องมาถามความเห็นจากผม ซึ่งผมคิดว่านั่นเป็นเรื่องที่ดีมาก
“ครับ! ข้าจะพยายามยิง่ ขึน้ เรือ่ ยไปเพือ่ จะได้ไม่สร้างความล�าบาก
ต่อท่านริมุรุครับ!”
ก็นะ ดูทา่ ว่าเรือ่ งความเจ้าพิธกี ารนีจ่ ะไม่มกี ารเปลีย่ นแปลงแฮะ
เมื่อท�าความเข้าใจได้อย่างนั้นแล้ว ผมจึงเข้าไปในเต็นท์อย่าง
สบายๆ โดยมีผู้ซึ่งท�าหน้าที่รักษาการณ์ช่วยเปิดประตูให้
พอเข้าไปด้านใน สายตาในนั้นก็หันมาจับจ้องที่ผม
เหล่านักผจญภัยที่ก�าลังเคี้ยวเนื้อกับผักซึ่งอัดอยู่เต็มปาก
พวกเขาเบิกตากว้างพลางจ้องมองผมด้วยใบหน้าที่ดูตลก แต่
310
พวกเจ้าตัวคงไม่รู้สึกตัวหรอกมั้ง
หืม? รูส้ กึ เหมือนจะเคยเห็นทีไ่ หน... อ๊ะ กลุม่ 3 คนทีเ่ คยสวนกัน
ในถ�้านั่นเอง
ถึงจะมีคนหนึ่งที่เพิ่งจะเคยเจอเป็นครั้งแรกก็เถอะ
น่าสงสัยชะมัดว่ากินทั้งที่ยังใส่หน้ากากอยู่ได้ไงหว่า
ง�่าๆ...
แถมยังกินแบบไม่สนใจอะไรทั้งนั้นด้วย
ว่าแต่ นีก่ นิ เนือ้ ย่างกันเรอะ! หน็อย ถ้าผมมีประสาทรับรสละก็...
น้องเนือ้ ทีแ่ สนคิดถึง อา... ประสาทรับรสเนีย่ มีตกอยูท่ ไี่ หนบ้างไหมนะ...
โอ๊ะโอ สติสตังเริ่มมุ่งไปในทิศทางแปลกๆ เสียแล้ว ผมจึงปรับ
ความรู้สึกเสียใหม่
ขณะเดียวกันริกุรุโดก็มุ่งไปยังหัวโต๊ะ แล้ววางผมลงบนที่นั่ง
ตรงนั้น
“ผูม้ าเยือนทุกท่าน ทางเราต้อนรับขับสูไ้ ด้ไม่ดนี กั หวังว่าจะพอ
มองข้ามไปบ้างได้นะครับ? ส่วนท่านนีค้ อื ท่านริมรุ ุ นายเหนือหัวของพวกข้า!”
หลังจากแนะน�าตัวผมอย่างนั้น ตัวเองก็นั่งลงที่ด้านข้าง
เอื๊อก... เสียงกลืนสิ่งที่ก�าลังกินอยู่ในปากลงท้องดังขึ้น
และจากนั้น
“““เอ๋? สไลม์เนี่ยนะ!?”””
“ง�่าๆ”
ทั้งหมดก็ร้องตกใจโดยพร้อมเพรียง
ถึงจะมีคนหนึ่งที่มีปฏิกิริยาแปลกๆ แต่เอาเถอะ
“ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันเป็นสไลม์ชื่อริมุรุ ฉันไม่ใช่สไลม์ไม่ดีนะ!”
อุ๊บ!! ไม่รู้ว่าท�าไมบุคคลผู้สวมหน้ากากจึงพ่นน�้าดื่มออกมาเมื่อ
ได้ฟังค�าแนะน�าตัวของผม
แต่เพราะมีหน้ากากคอยขวาง สิ่งที่อมอยู่ในปากจึงไม่กระจาย
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 311
ออกมา ทว่าก็ไม่รู้ว่าใต้หน้ากากจะกลายเป็นอย่างไรบ้าง
คนอะไรเสียมารยาทชะมัด
ดูท่าคงจะตกใจมากละมั้งที่สไลม์พูดได้
กลุ่ม 3 คนเองก็มีท่าทางตกใจเหมือนกัน แต่โชคดีที่ดูเหมือน
ว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรอยู่ในปาก
เอาละ เจ้าพวกนี้เป็นคนแบบไหนกันแน่ล่ะเนี่ย? ถ้าเป็นมนุษย์
ที่เป็นผู้เป็นคนก็ดีหรอก
ท่าทางพวกเขาคงจะตั้งสติได้แล้วละมั้ง จึงพากันกล่าวว่า
“ขอโทษด้วยที่เสียมารยาทนะครับ ไม่นึกมาก่อนเลยว่าจะได้
ปิศาจช่วยเหลือไว้แบบนี้ เรียกว่ารอดไปทีเลยละครับ”
“อ๊ะ! พวกเราเป็นนักผจญภัยเผ่ามนุษย์ค่ะ เนื้อนี่อร่อยมากๆ
เลยละค่ะ! 3 วันมานี่พวกเราต้องหนีกันตลอดจนแทบไม่ได้กินอะไรเป็น
เรื่องเป็นราวกันเลย... ต้องขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ!”
“ขอบคุณมากทีก่ รุณาช่วยเหลือครับ ไม่นกึ เลยว่าจะมีฮอ็ บก็อบลิน
ก�าลังสร้างหมู่บ้านกันอยู่ในที่แบบนี้ด้วย”
“แคกๆ คิก หงึกๆ”
เอาน่า ไม่ต้องรีบร้อนไป
“เอาเถอะ ค่อยๆ กินอาหารกันก่อนละกัน เสร็จเมือ่ ไหร่ชว่ ยเล่า
ความเป็นมาให้ฟังหน่อยนะ”
ผมบอกอย่างนั้นและเลือกที่จะเฝ้ารอให้พวกเขากินอาหารกัน
เสร็จก่อน อันทีจ่ ริงน่าจะรอให้กนิ กันให้เสร็จก่อนแล้วค่อยเรียกผมมาก็ได้
แท้ๆ แต่ดูเหมือนว่าริกุรุโดจะยังเอาใจใส่ไม่ได้ถึงขนาดนั้นละมั้ง
ถึงอาจจะท�าไปเพราะความรีบร้อนก็เถอะ แต่หลังจากนี้คงต้อง
อบรมกันหน่อยแล้วละ
เรื่องที่จะมีแขก (นักโทษ?) เผ่ามนุษย์มาเยือน ผมเองก็ไม่ได้
คาดการณ์เอาไว้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นคงช่วยไม่ได้
312
แต่ถา้ ผมอยูด่ ว้ ยคงกินกันได้ไม่อร่อย ดังนัน้ ผมจึงออกจากเต็นท์
แล้วย�้ากับผู้ท�าหน้าที่รักษาการณ์ว่าถ้าพวกเขากินอาหารกันเสร็จเมื่อไร
ให้นา� ทางไปทีเ่ ต็นท์ซงึ่ ตัง้ ไว้ใกล้กบั ถ�า้ อันเป็นเต็นท์สา� หรับผมโดยเฉพาะ
ริกุรุโดมีท่าทีรู้สึกผิด พอเห็นแบบนั้นแล้ว
“เอาน่า ไม่ต้องคิดมาก ถือว่าเป็นการบ้านส�าหรับคราวหน้า
ละกันนะ”
ผมจึงปลอบใจเขาแบบนั้น
ทุกคนเองก็ก�าลังเติบโตในแบบของพวกเขา
ไม่มีอะไรไปได้สวยทุกอย่างตั้งแต่เริ่มแรกหรอก
จากนั้นผมก็เข้าไปในเต็นท์ แล้วเฝ้ารอแบบสบายๆ
ระหว่างนั้น ริกุรุโดก็ให้ก็อบลิน่าในบังคับบัญชาเตรียมน�้าชา ซึ่ง
ดูเหมือนว่าจะเป็นของดีกว่าทีผ่ มเคยดืม่ เมือ่ ก่อน แต่กน็ า่ เสียดายทีผ่ มไม่รู้
รสชาติของมัน
น่าสนใจจริงๆ ที่วิวัฒนาการส่งผลมาถึงเรื่องพวกนี้ด้วย
ชีวิตอย่างมีอารยธรรมก�าลังฝังรากลึกลงไปไม่ผิดอย่างแน่นอน
นี่เป็นความเปลี่ยนแปลงที่ท�าให้ผมมั่นใจอย่างนั้น

เอาละ หลังจากท�าโน่นท�านี่เวลาก็ผ่านไป....
หลังจากเอ่ยว่าขออนุญาต! เมื่อครู่นี้ ทั้งสี่คนก็เข้ามาภายใน
เต็นท์
เพราะเป็นเพียงเต็นท์อย่างง่าย ก็เลยให้ความรู้สึกคับแคบอยู่
เล็กน้อย
เวลาเดียวกับที่ก็อบลิน่าซึ่งน�าทางพวกเขามาถอยออกไป ก็มี
ก็อบลิน่าตนอื่นยกน�้าชาเข้ามาให้
12ปาร์ตี้ (Party) : ศัพท์ในเกมออนไลน์ประเภท Role-Playing (MMORPG) มีความหมายคล้ายกับค�าว่า
กลุ่ม/ทีม
เห็นไหมล่ะ? ไม่รวู้ า่ ตัง้ แต่เมือ่ ไรทีพ่ วกเขาเจริญเติบโตขึน้ ในเรือ่ ง
พวกนี้ด้วย
ผมรูด้ วี า่ เมือ่ ถึงค�า่ คืน พวกเขาจะดืม่ เหล้ากับพวกคนแคระ พลาง
พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องวัฒนธรรมและการใช้ชีวิต
“ถ้างั้นก็ขอแสดงความยินดีท่ีได้รู้จักอีกครั้งนะ ฉันคือผู้นา� ของ
ที่นี่ชื่อว่าริมุรุ พวกนายมาท�าอะไรกันที่นี่เหรอ?”
ค�าถามของผมคงอยู่ในการคาดการณ์อยู่แล้ว
และผมก็ให้เวลาพวกเขาปรึกษากันด้วย ดังนั้นพวกเขาน่าจะ
ก�าหนดกันไว้แล้วละว่าจะตอบค�าถามประมาณนี้อย่างไร
“ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อคาบาล อย่างน้อยก็ได้ชื่อว่าเป็นลีดเดอร์
ของทีมนีน้ ะ่ นะ ส่วนยัยนีช่ อื่ เอลเลน ทางนัน้ ชือ่ กิโด ถ้าบอกแล้วจะเข้าใจ
รึเปล่านะ? คือพวกเราเป็นนักผจญภัยแรงก์ B น่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ! ฉันเอลเลนค่า!”
“สวัสดีครับ ผมชื่อกิโด ยินดีที่ได้รู้จักครับ!”
สามคนนี้เป็นปาร์ตี้12เดียวกันจริงๆ สินะ
ถ้าแรงก์ B ก็เรียกว่าแข็งแกร่งในระดับหนึ่ง แต่ถึงกับเข้าไป
ในถ�้านี่มันไม่ยากไปเหรอ? หรือพวกเขาอาจจะมีวิชาหรือความสามารถ
เรื่องการพรางกายอะไรท�านองนั้นก็ได้
สามคนนีถ้ อื ว่าโอเค ว่าแต่อกี คนหนึง่ ล่ะ? จ�าได้วา่ ตอนทีส่ วนกัน
ในถ�้าก็ไม่มีคนนี้อยู่ด้วยนี่นา?
“ส่วนคนคนนีค้ อื คุณชิสทุ ขี่ อร่วมทางมาด้วย เลยถือเป็นสมาชิก
ชั่วคราว”
“ฉันชิสุ”
เสียงนัน้ ตัดสินได้ยากชนิดไม่รวู้ า่ เป็นชาย หญิง คนชรา หรือวัยรุน่
แต่ตัวผมแบ่งแยกเพศได้อย่างง่ายดาย ส�าหรับผมที่แยกกระทั่งเพศของ
ก็อบลินได้แล้ว เรื่องแค่นี้ถือว่าสบายมาก
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 315
หล่อนเป็นผู้หญิง แล้วผมก็ยังคาดคะเนไว้อีกอย่างหนึ่งด้วย
เจ้าหล่อน... น่าจะเป็นคนญี่ปุ่นหรือเปล่านะ? ผมอดที่จะรู้สึก
อย่างนั้นไม่ได้
ดูจากท่าทางการดื่มน�้าชา และการนั่งคุกเข่ายืดตัวตรงแล้ว
ผมรู้เรื่องโลกนี้ไม่ละเอียดนักดังนั้นจึงฟันธงไม่ได้ แต่ท่านั่ง
คุกเข่าหลังตรงนี่มันน่าจะแปลกนะ?
แม้ในตอนนี้เอง คนอื่นที่เหลืออีก 3 คนก็ไม่ได้นั่งคุกเข่า แต่
นั่งขัดสมาธิบนพรมซึ่งท�าจากขนหมาป่า ส่วนผู้หญิงที่ชื่อเอลเลนเองก็นั่ง
แบบสบายๆ ในท่าคล้ายพับเพียบ แต่ก็นะ ไม่ใช่เรื่องแปลกหากว่าที่ไหน
สักแห่งในโลกนี้จะมีวัฒนธรรมเหมือนกับญี่ปุ่น ดังนั้นเก็บความคิดที่ว่านี่
เอาไว้ก่อนดีกว่า
ว่าแต่ผมนึกขึน้ มาได้กะทันหัน ว่าเจ้าพวกนีด้ ทู า่ ทางประมาทกัน
เหลือเกิน หรือว่าคนในโลกนี้จะมีจิตส�านึกเรื่องการระแวงภัยต�่า?
ทั้งหมดรับสภาพการท�าตัวสบายๆ พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
เหมือนเป็นเรือ่ งธรรมดา แต่คดิ ๆ ไปแล้วทีน่ มี่ นั เป็นรังของปิศาจนะ ผูค้ น
ที่อยู่ที่นี่รวมถึงตัวผมเองล้วนแล้วแต่เป็นปิศาจทั้งนั้นนะ...
แต่กเ็ อาเถอะ อย่างไรก็มคี วามเป็นไปได้สงู ว่านักผจญภัยพวกนี้
จะแค่ไม่รู้จักระวังตัวเองเท่านั้น
อ๊ะ ไม่ได้การๆ กลับเข้าเรื่องดีกว่า
“ยินดีที่ได้รู้จัก แล้วเรื่องเป็นไงมาไงล่ะ?”
ผมเริ่มด�าเนินบทสนทนาต่อ
.........
......
...
เมือ่ ถามถึงเรือ่ งราว ก็ปรากฏว่าพวกเขาพูดพล่ามให้ฟงั หมดทุกสิง่
ทุกอย่างราวกับว่าไม่รู้จักการนึกสงสัยบ้างเลย
316
สรุปง่ายๆ ก็คือ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้รับการจ้างวานจาก
กิลด์มาสเตอร์ให้มาตรวจสอบว่ามีอะไรแปลกๆ เกิดขึน้ ในพืน้ ทีแ่ ถบนีบ้ า้ ง
หรือไม่
จากนั้น ก็มีแต่เรื่องไม่เป็นเรื่องเป็นราว
“ก็นะ ถึงบอกว่าให้หาอะไรแปลกๆ ก็เถอะ แต่พวกฉันจะไปรู้
ได้ยังไงล่ะว่าอะไรที่มันแปลก!”
“ใช่ๆ! อยากให้ช่วยบอกหน่อยน่ะนะว่าจะให้ส�ารวจอะไรแบบ
เป็นรูปธรรมน่ะ!”
“ถึงพวกเราจะช�านาญเรื่องการตรวจสอบข้อมูลแค่ไหน แต่มัน
ก็มีขีดจ�ากัดเหมือนกันนะครับ”
ฯลฯ ไปจนถึงว่าร้ายกิลด์มาสเตอร์ซะงั้น
ไม่ไหวแล้วเจ้าพวกนี้...
ผมล่ะสงสารกิลด์มาสเตอร์ที่ยังไม่รู้จักหน้าค่าตาชะมัด
แถม พอไปเจอรูที่เปิดอ้ากว้างบนโขดหินขนาดใหญ่ท่าทาง
น่าสงสัย ก็เลยคิดว่าเป็นไอ้นี่แหละ! แต่พอลองแทงดาบเข้าไป... ก็ดู
เหมือนว่ามันจะเป็นรังของไจแอนต์แอนท์ตา่ งหาก ผมเอือมระอาซะจนพูด
อะไรไม่ออก
อยากถามจริงๆ ว่าท�าไมตอนนั้นถึงเลือกที่จะแทงดาบเข้าไป
อยากเค้นถามจริงๆ ให้ดิ้นตาย
เก่งนะที่เอาชีวิตรอดกันมาจนถึงตอนนี้ได้
เห็นว่าสุดท้ายก็ตอ้ งพยายามเผ่นอย่างเอาเป็นเอาตายถึง 3 วัน
ทั้งยังท�าสัมภาระหายไปหมดจนกระทั่งมาอยู่ที่นี่ในตอนนี้
จะว่าไงดีละ่ ผมนึกค�าทีจ่ ะพูดออกแค่คา� เดียวคือ เหนือ่ ยหน่อยนะ!
น่ะ
“อันที่จริง แถวนี้มันไม่เห็นมีอะไรแปลกเลยไม่ใช่เหรอ? หรือ
ถ้าจะให้หา ก็คงเป็นถ�้ามั้ง?”
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 317
พอผมถามอย่างอย่างนั้น เอลเลนก็ส่ายหน้าปฏิเสธ
“ที่นั่นไม่มีอะไรเลยค่ะ ทราบรึเปล่าคะ? เขาว่ากันว่ามีมังกร
ที่ชั่วร้ายถูกผนึกอยู่ด้านใน แต่ทั้งที่พวกเราเข้าไปส�า รวจอยู่ในนั้นตั้ง
2 อาทิตย์กไ็ ม่เห็นจะเจออะไรเลย! แถมอยากจะแช่นา�้ ร้อนก็ไม่ได้ ประมาณ
ว่าเหมือนพยายามเสียเที่ยวเปล่าเลยละค่ะ...”
“เฮ้ย ยัยบ้า เรื่องนั้นน่ะจะยังไงก็ห้ามพูดไม่ใช่เรอะ?”
“ผมไม่รู้ด้วยนา คนแฉคือเจ๊นา! ผมไม่เกี่ยวข้องด้วยนา!”
พวกผู้ชายลนลานกันใหญ่เมื่อเอลเลนหลุดปากเรื่องดังกล่าว
ออกมา
แต่ก็นะ ผมรู้อยู่แล้วแหละ ก็ตอนนั้นพวกเราเดินสวนกันนี่นา
ว่าแต่มวี ฒ ั นธรรมเรือ่ งการแช่นา�้ ร้อนด้วยหรือเนีย่ ถ้างัน้ ก็อยาก
จะให้สร้างโรงอาบน�้าไว้ในเมืองนี้ด้วยแฮะ
แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน มาคุยกันต่อดีกว่า
“ที่ว่าไปส�ารวจถ�้านั่นน่ะ ท�าไมถึงต้องไปส�ารวจในที่แบบนั้นกัน
เหรอ?”
ท่าทางไม่น่าจะไปหาสมบัติกันซะด้วยสิ
เมื่ อ ได้ รั บ ค� า ถามนี้ จ ากผม คาบาลก็ ส ่ า ยศี ร ษะด้ ว ยท่ า ทาง
เหนื่อยหน่าย
“ในเมื่อพูดออกไปแล้วก็ช่วยไม่ได้นะ ที่จริงก็อย่างที่เอลเลนว่า
นั่นละ เพราะมีข่าวลือว่าปฏิกิริยาของมังกรชั่วร้ายที่ว่านั่นหายไปน่ะ...”
อย่างนี้นี่เอง
ตัวผมนัน้ ไร้ซงึ่ หนทางทีจ่ ะรูไ้ ด้ แต่ดเู หมือนว่าการหายตัวไปของ
เวลโดร่าจะท�าให้พวกมนุษย์วุ่นวายกันใหญ่
ทัง้ ทีถ่ กู ผนึกไว้แท้ๆ แต่เพียงแค่หายไปก็กลายเป็นเรือ่ ง จะว่าไงดี
ดูเหมือนว่าเจ้านัน่ จะเป็นมังกรทีส่ ดุ ยอดไปเลยแฮะ แต่ในสายตาผม เจ้านัน่
เป็นแค่มังกรอารมณ์ดีช่างจ้อธรรมดาๆ เท่านั้นเอง...
318
ว่าแต่ ผลกระทบนี่มันใหญ่โตเอาเรื่องเลยแฮะ ถึงกับต้องลงทุน
มาตรวจสอบดูกันเลยทีเดียว
หรือว่าการพยายามสร้างเมืองไว้ใกล้กบั ถ�า้ นีจ้ ะเป็นข้อผิดพลาด
เสียแล้ว?
“แถมเห็นว่าข้างในนั้นมีแก่นเวทเข้มข้นมาก ก็เลยอุตส่าห์พก
กระทั่งหินบอกปฏิกิริยาเข้าไปด้วย... แต่ระดับความเข้มข้นกลับต�่ากว่าที่
คาดไว้ ตอนนี้ถึงถ�้านั่นจะยังมีแก่นเวทเข้มข้นกว่าปกติ แต่มันก็กลายเป็น
ถ�้าธรรมดาไปแล้ว ถ้าบอกว่าการที่แก่นเวทมีความเข้มข้นลดลงคือเรื่อง
ผิดปกติ มันก็เรียกว่าผิดปกติ เพราะฉะนัน้ มันก็เลยเป็นผลการตรวจสอบ
อย่างเดียวที่เราได้มาน่ะ”
“ก็นะคะ ยังไงซะข้างในก็มีปิศาจที่แข็งแกร่งอยู่เต็มไปหมด
เพราะฉะนั้นอย่าเข้าไปแหละดีแล้ว สมบัติอะไรก็ไม่มี หินแร่อะไรก็บ๋อแบ๋
ไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะล้มปิศาจอันตรายๆ เพื่อเข้าไปด้านใน!”
“ถ้าลองหาดูอาจจะเจออุปกรณ์สวมใส่ของพวกโจรตกอยู่ก็ได้
แต่ดูท่าทางแล้วไม่น่าจะมีอะไรมากมายหรอกครับ”
เอื๊อก หินแร่ด้านใน... คนร้ายที่เก็บกวาดของซึ่งเด่นสะดุดตา
จนเรียบ คือผมเองแหละครับ!
แถมสาเหตุที่ความหนาแน่นของแก่นเวทลดลง ก็คงเป็นเพราะ
ผมไปเก็บเวลโดร่าซึ่งเป็นแหล่งก�าเนิดมาด้วย... สรุปแล้วก็คือ ดูเหมือน
ว่าเรื่องเกือบทุกอย่างจะมีสาเหตุมาจากตัวผมนี่เอง
เอาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก
เพราะถ้าผมไม่พูดออกไป ความก็คงไม่แตก

หลังจากนั้นพวกเราก็ยังคงพูดคุยกันต่ออีก
พวกเขาให้ขอ้ มูลหลายๆ อย่างกับผมในอารมณ์ประมาณว่าในเมือ่
หลุดปากออกไปแล้ว จะมัวปิดไปก็ช่วยไม่ได้!
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 319
เจ้าพวกนี้เองก็เป็นพวกนิสัยดีผิดคาดเหมือนกันแฮะ
เท่าที่ฟัง คุณค่าของถ�้านี้ก็ลดด้อยลงมาแล้ว ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น
ก็คงจะมีคนมาส�ารวจที่นี่น้อยลง
ผมคิดกระทั่งเรื่องย้ายเมืองในกรณีที่แย่ที่สุด แต่ท่าทางคง
ไม่เป็นไรแฮะ และแต่เดิมก็เห็นว่าไม่มปี ระเทศไหนถือสิทธิค์ รอบครองป่า
แห่งนี้อยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะมีใครมาต่อว่าพวกเรา
แต่ผมก็ลองถามเผื่อไว้ดู ว่าเรื่องที่พวกเราก�าลังสร้างเมืองกัน
อยู่นี่ ส�าหรับกิลด์แล้วจะมีปัญหาอะไรหรือไม่
“เอ่อ ก็ไม่น่าเป็นไรนะ?”
“นั่นสินะคะ... ไม่ใช่ปัญหาที่กิลด์จะเข้ามาสอดปากซะด้วย แต่
ถ้าเป็นระดับประเทศจะเป็นยังไงนะ?”
“อืม ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับ”
ก็จริงว่าระดับสมาชิกของกิลด์คงจะไม่รกู้ ระทัง่ ว่าประเทศจะมีการ
เคลื่อนไหวหรือไม่หรอก
หรือสมมุติว่าทางประเทศจะเกิดเคลื่อนไหวขึ้นมาจริงๆ ก็น่าจะ
จ�าเป็นต้องมีข้ออ้างเหมาะๆ ไว้แจงให้ประเทศอื่นรับทราบด้วย
และขณะที่ผมก�าลังคิดเรื่องเหล่านั้น คุณชิสุที่นั่งฟังบทสนทนา
อย่างเงียบๆ มาตลอดก็เกิดอาการผิดปกติขึ้น จู่ๆ เธอก็หมดสติล้มลง
ตรงนั้น
พวกเราลนลานรีบจะเข้าไปดูอาการของคุณชิสุ ทว่า------

“อึ้ก อ๊าาาาาาาาา-------!!”

มันกลับเริ่มขึ้นอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว

*
320
นาทีเดียวกับที่คุณชิสุหยุดร้องคราง ความเงียบสงัดก็มาเยือน
ผิวหน้าของหน้ากากปริแตกออก และมีออร่าพวยพุง่ ออกมาจาก
ต�าแหน่งนั้น ไม่ว่าจะมองจากสายตาของใครก็เห็นได้ชัดว่าก�าลังเกิดเหตุ
ผิดปกติขึ้น
ระหว่างนั้น คุณชิสุก็ลุกขึ้นยืนช้าๆ แล้วเริ่มร่ายอาคม
“เวทมนตร์อัญเชิญ!?”
เอลเลนร้องอย่างตกใจ
“เฮ้ยๆ พูดจริงดิ! จู่ๆ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย!? แล้วเป็นการอัญเชิญ
ประมาณแรงก์ไหนล่ะ?”
“-------เอ่อ ถ้าคาดคะเนจากขนาดของวงเวท ก็นา่ จะเป็นปิศาจ
ระดับสูงกว่า “B+” นะ”
“อย่ามัวแต่พูดอะไรยืดยาวสิพวกพี่ชาย ต้องรีบหยุดคุณชิสุสิ!”
สมแล้วทีเ่ ป็นนักผจญภัยผูช้ า� นาญการ ทัง้ สามหยุดต่อปากต่อค�า
ในพริบตาแล้วกระจายตัวกันออกไป
“ธรณีเอ๋ย! จงผูกมัดหล่อนเสีย! มัดแฮนด์ (มือโคลน)”
“ย้ากกก-------! น็อกดาวน์ (พุ่งเข้าชนอย่างหนักหน่วง)!!”
เอลเลนลงมือหยุดการเคลื่อนไหว เปิดจังหวะให้คาบาลใช้วิชา
โถมตัวเข้าชน ส่วนกิโดนั้นดูจะท�าหน้าที่ระแวงภัยเพื่อที่จะเคลื่อนไหวได้
ทันทีในฐานะผู้รับหน้าที่พลิกผันไปตามสถานการณ์
อืม ถึงจะเป็นแรงก์ B แต่การประสานงานนี่นับว่าชั้นหนึ่งเลย
แฮะ ไม่มีการเคลื่อนไหวที่ไม่จ�าเป็นเลย
ทว่าเมือ่ คุณชิสยุ กนิว้ ชีช้ ขู นึ้ ลากจากล่างขึน้ บน เพียงเท่านัน้ ก็กอ่
ให้เกิดระเบิดขนาดย่อมโดยมีคณ ุ ชิสเุ ป็นศูนย์กลาง ส่งผลให้เต็นท์ของผม
กระจุยกระจาย
เรือ่ งเต็นท์นะ่ ช่างมัน แต่ทสี่ า� คัญกว่านัน้ ทัง้ สามคนได้รบั บาดเจ็บ
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 321
จากการโจมตีเมื่อครู่นี้หรือเปล่า?
เกิดแรงลมระเบิดในบริเวณย่อมๆ ขึ้นทว่าไม่มีผลอะไรกับผม
ดังนั้นผมจึงหันไปเหลือบมองสภาพของอีก 3 คนที่เหลือ
คาบาลซึง่ ใช้ทา่ น็อกดาวน์เพราะแน่ใจว่าการเคลือ่ นไหวของอีกฝ่าย
ถูกหยุดไว้ด้วยมัดแฮนด์แล้วนั้นเจอจังหวะไม่ดี จึงได้รับผลกระทบจาก
การระเบิดเข้าเต็มเปาจนลอยกระเด็นไป
ส่วนกิโดที่ระวังภัยอยู่นั้นรับรู้ถึงอันตรายได้และผลักเอลเลน
ออกไป ทั้งสองจึงรอดปลอดภัยมาได้
“เฮ้ เป็นอะไรกันรึเปล่า?”
“พวกเราไม่เป็นไรครับ!”
“เดี๋ยวก่อน นี่มันเจ็บไปหมดทั้งตัวเลยนะ! ต้องขอขึ้นค่าเสี่ยง-
อันตรายแล้ว!”
มีเสียงตอบรับจาก 2 คน และต่อจากนั้น
“โอย เจ็บชะมัด......... พวกหล่อนน่ะ------- หัดเป็นห่วงลีดเดอร์
กันซะบ้างสิ!”
แม้จะบ่นไม่พอใจ แต่คาบาลก็ลกุ ขึน้ ยืนได้ ช่างเป็นชายทีท่ รหด
จริงๆ
“ก็คิดอยู่หรอกว่าคุณชิสุน่าจะใช้เวทมนตร์ได้ แต่ไม่นึกว่าจะถึง
ขั้นใช้เวทอัญเชิญได้ด้วย...”
“ว่าแต่เขาก�าลังอัญเชิญอะไรมาล่ะนั่น?”
“เดี๋ยวๆ ไม่ใช่เวลาพูดเรื่องแบบนั้นนะครับ เท่าที่ผมรู้ ไม่เคยมี
ใครที่ใช้เวทมนตร์ได้โดยไม่ต้องท่องคาถาระหว่างอัญเชิญเลยนะ------”
กิโดพูดได้เท่านั้นก็หยุดนิ่งกับที่ แล้วหันไปมองคุณชิสุที่ท่าทาง
เหมือนไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
“เอ๋... ไม่จริงน่า หรือว่าเธอจะเป็น... ผู้ปกครองแห่งเพลิง-
กัมปนาท------?”
322
ดูเหมือนว่ากิโดจะนึกอะไรขึ้นมาได้
ฝ่ายคุณชิสุก็ยังคงร่ายอาคมต่อไป ทั่วทั้งร่างของเธอเปล่งแสง
สีแดงเรืองรอง แถมยังลอยขึ้นจากพื้นเล็กน้อยด้วย
หน้ากากของเธอดูโดดเด่น เรือนผมสีดา� ที่หลุดออกมาจากชุด
คลุมปลิวสยาย
หล่อนมีเป้าหมายอะไร? เหมือนจูๆ่ ท่าทีของหล่อนก็เปลีย่ นไป
อย่างกะทันหัน...
“ริกรุ โุ ด ให้ทกุ คนอพยพเร็วเข้า! อย่าให้ใครเข้าใกล้ทนี่ เี่ ด็ดขาด!”
“แต่ว่า...”
“นีเ่ ป็นค�าสัง่ ! แล้วก็ถา้ อพยพเสร็จแล้วก็ไปเรียกรันก้ามาให้ดว้ ย!”
“ครับ! รับทราบแล้ว!”
จากนั้นริกุรุโดก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้จากที่ผม
ประเมินดู พวกก็อบลินไม่น่าจะท�าอะไรได้ในงานนี้ และผมก็ไม่คิดจะ
ปล่อยให้พวกเขาต้องตายเปล่า
ส่วนที่ให้เรียกรันก้ามานั้น ไม่ใช่เพื่อจะให้สู้กับคุณชิสุหรอก
เหตุ ผ ลน่ ะ ง่ า ยมาก เพราะผมค� า นึ ง ถึ ง ความเป็ น ไปได้ ที่ ว ่ า
เหตุการณ์ตรงหน้านีจ้ ะเป็นการแสดงของนักผจญภัยเหล่านีเ้ พือ่ หลอกให้
พวกเราตายใจนั่นเอง
เดิมที หากว่าเจ้าพวกนี้คิดจะฆ่าพวกเราให้หมดตั้งแต่แรก ก็
เข้าใจได้ว่าท�าไมถึงเล่าข้อมูลปาวๆ ซะขนาดนั้น
ถึงเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นพวกติงต๊องธรรมดาก็เถอะ...
กรณีที่เป็นการแสดง เจ้าพวกนี้ก็อาจจะรอให้ผมตกเป็นรองใน
ระหว่างการต่อสูก้ บั คุณชิสแุ ล้วจึงเข้ามาตลบหลัง ทีผ่ มเรียกรันก้ามาก็เพือ่
ป้องกันเรื่องดังกล่าว
ผมก็ว่าผมคิดมากเกินไปแหละ แต่เผื่อเอาไว้ก็ไม่เสียหาย
“เฮ้ย กิโด ไอ้เพลิงกัมปนาทอะไรสักอย่างนั่นมันอะไรกันหา?”
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 323
ทว่าก่อนที่กิโดจะทันได้ตอบค�าถามนี้
“นัน่ น่ะ คือวีรสตรีทวี่ า่ มีบทบาทเมือ่ ประมาณ 50 ปีกอ่ นหน้านี้
สินะ?”
เอลเลนก็ถามขัดขึ้นก่อน
มีชอื่ เสียงงัน้ เหรอ? ขณะทีผ่ มก�าลังคิดอย่างนัน้ หน้ากากก็หลุด
ออกจากใบหน้าของคุณชิสุ

เปลวเพลิงพวยพุ่งขึ้น
ปรากฏเป็นซาลาแมนเดอร์ (กิ้งก่าเพลิง) 3 ตัวกลางอากาศ
และแล้ว ใบหน้าเปล่าเปลือยภายใต้หน้ากากของคุณชิสุก็ถูก
เปิดเผย
เรือนผมสีดา� แผ่สยายไปตามแรงลมระเบิด สะท้อนกับเปลวเพลิง
ทอประกายงดงาม
หญิงสาวผูง้ ดงามและบอบบาง ทว่าแววตานัน้ กลับฉายประกายแสง
อันชัว่ ร้าย ส่วนริมฝีปากก็ดรู าวกับจะบิดเบีย้ วด้วยความสนุกสนานทีม่ ตี อ่
การฆ่าฟันสังหารอย่างเลือดเย็น
ผมสัมผัสได้ถงึ ความไม่เป็นธรรมชาติทยี่ ากจะอธิบายในรูปลักษณ์
ภายนอกนั้น และตอนนั้นเอง------

《ยูนีคสกิล 『นักแปรสภาพ』 ทÓงาน》

เสียงของวจนะแห่งโลกก็ดังขึ้นรอบอาณาบริเวณ
ในเวลาเดียวกันนั้น รูปลักษณ์ของเด็กสาวที่งดงาม ก็ค่อยๆ
แปรเปลี่ยนไปเป็นมนุษย์ยักษ์แห่งเปลวเพลิง
“ว่าแล้วเชียว ไม่ผดิ แน่แล้วละครับ นัน่ แหละ... นัน่ คือผูป้ กครอง-
แห่งเพลิงกัมปนาท... เอเลเมนทาเลอร์ทแี่ ข็งแกร่งทีส่ ดุ ผูใ้ ช้อฟิ ริตครับ-----!!”
324
มนุษย์ยกั ษ์แห่งเปลวเพลิง------อิฟริต------คือผูป้ กครองเปลว-
เพลิงทีจ่ ะแผดเผาทุกสิง่ อย่างให้มอดไหม้เป็นธุลี ในฐานะภูตสายอัคคีแล้ว
ถือได้ว่าเป็นตัวตนระดับสูงสุดรองจากระดับราชาเลยทีเดียว
“หา!! นาย ที่ว่าอิฟริตเนี่ย มันเป็นภูตระดับสูงเกินกว่าแรงก์ A
อีกไม่ใช่เรอะ!!”
“หวา... เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรกนี่ละ... ว่าแต่------- ไม่ว่าจะ
ท�ายังไง พวกเราก็ชนะตัวแบบนั้นไม่ได้หรอกนะคะ!?”
“ไม่ไหวหรอกครับ... พวกเราคงต้องตายกันทีน่ แี่ หละครับ... เป็น
ชีวิตที่แสนสั้นเหลือเกินเนอะครับ-------”
ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปนาทหรืออิฟริต ปรากฏกายพร้อมกับ
ซาลาแมนเดอร์ 3 ตัวภายใต้บังคับบัญชา
ที่ทั้งสามคนจะพากันสับสนนั้นเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ เพราะแค่
ซาลาแมนเดอร์ตัวเดียวก็ขึ้นชื่อในเรื่องความแข็งแกร่งถึงแรงก์ “B” แล้ว
ว่าแต่ มันอะไรกันนะ...? ในสายตาของผม คุณชิสไุ ม่ได้เป็นฝ่าย
ควบคุม อันที่จริง------- ผมเห็นเหมือนกับว่าอิฟริตต่างหากที่ก�าลังเป็น
ฝ่ายควบคุมคุณชิสุ
เกิดแรงสั่นสะเทือน
คุณชิสุ ไม่สิ อิฟริตปลดปล่อยคลื่นพลังเวทออกมา
------- นี่มันอะไรกัน...? ไม่มีรังสีอ�ามหิตเลย เป็นการโจมตีที่ดู
เหมือนการปลดปล่อยความรู้สึกที่ต้องการจะอาละวาดเท่านั้น------ ?
นี่ มั น การโจมตี ที่ เ หมื อ นเพี ย งแค่ เ คลื่ อ นไหวตามโปรแกรม
อัตโนมัติ ไม่ใช่การโจมตีอนั เกิดจากความตัง้ ใจของมนุษย์ ผมว่าไม่ผดิ แน่
แล้ว นีไ่ ม่ใช่ความต้องการของผูห้ ญิงทีช่ อื่ ชิสุ แต่อฟิ ริตทีค่ วรจะอยูใ่ นบังคับ-
บัญชาของเธอเกิดอาละวาดขึ้นมาต่างหากมั้ง
แต่สา� หรับตอนนี้ ความคิดดังกล่าวจะถูกหรือผิดไม่ใช่เรือ่ งส�าคัญ
ปัญหาอยู่ที่พลังท�าลายที่ถึงระดับเลวร้ายที่สุดของการโจมตีนั้นต่างหาก
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 325
คลื่นกระแทกสีแดงอ่อนซึ่งแฝงไว้ด้วยความร้อนแผ่พุ่งจู่โจม
อาณาบริเวณโดยรอบ และแผดเผาสิ่งปลูกสร้างซึ่งยังอยู่ในระหว่างการ
ก่อสร้าง
บ้าจริง! อุตส่าห์เพิ่งสร้างขึ้นมาแท้ๆ!!
ฝ่ายนักผจญภัย 3 คนดูเหมือนจะใช้เมจิกบาเรีย (ก�าแพงเวทมนตร์)
เพื่อป้องกันตัว แต่ก็ถูกอัดกระเด็นไปในทีเดียว
ดูเหมือนว่าจะยังไม่ตายกัน แต่กค็ งไม่ไร้บาดแผล แล้วก็ดเู หมือน
จะยังมีสติกนั อยูแ่ ต่คงเคลือ่ นไหวกันไม่ได้ เพราะถ้าเคลือ่ นไหวตอนนีล้ ะก็
มีหวังได้ตกเป็นเป้าโจมตีของอิฟริตแน่
“เฮ้ย พวกนายน่ะ อย่าขยับจากตรงนั้นนะ! ไม่งั้นก็กลายเป็น
เป้าโจมตีแน่!”
ทัง้ สามพยักหน้าให้เสียงตะโกนของผม แล้วจึงรวมกลุม่ กันแสดง
ท่าทางเตรียมพร้อมป้องกันเป็นหลัก โดยการสร้างเมจิกบาเรียและออร่าชีลด์
(ก�าแพงจิตต่อสู้) ขึ้นโดยไม่ขยับจากต�าแหน่งที่อยู่
แบบนัน้ คงไม่ใช่การแสดงแล้วละ พวกเขาก�าลังต่อต้านอย่างสุด
ก�าลัง ดูเหมือนความเป็นไปได้ทวี่ า่ พวกเขามาโดยตัง้ ใจทีจ่ ะท�าลายทีน่ นี้ นั้
จะตกไปซะแล้ว
ทว่าพลังโจมตีช่างรุนแรงจริงๆ
ทั้งที่ปลดปล่อยพลังเวทโดยไม่มีการรวบรวมก่อน แต่ภายใน
ระยะเส้นผ่านศูนย์กลาง 30 เมตรทีม่ อี ฟิ ริตเป็นจุดศูนย์กลางนัน้ ถูกลมร้อน
พัดจนเละเทะไปหมด
แบบนีถ้ า้ ผมไม่สลู้ ะก็มหี วังได้ตายกันหมดแน่ และนอกจากอิฟริต
ก็ยังมีซาลาแมนเดอร์อีกถึง 3 ตัว ยุ่งยากชะมัดเลย
ทว่าก็มีเรื่องน่ามหัศจรรย์อยู่เหมือนกัน
ทัง้ ทีต่ กอยูใ่ นสถานการณ์แบบนี้ แต่ผมกลับไม่มคี วามหวาดกลัว
เอ่อล้นขึน้ มาเลยแม้แต่นอ้ ย ผลกระทบจากการทีผ่ มกลายเป็นปิศาจหรือไง
326
กัน? แต่ก็นะ ที่เคยต้องผวาตอนที่เจอเวลโดร่ากับเจ้างูสีด�าตอนช่วงแรก
อาจถือเป็นประสบการณ์ที่ดีก็ได้
“เฮ้ย แกมีเป้าหมายอะไรกันแน่?”
“............”

บึ้ม!

เกิดระเบิดขึ้นที่ด้านหลังของผม ดูท่าว่าค�าพูดจะใช้สื่อสารกับ
อิฟริตไม่ได้แฮะ พี่แกเมินค�าถามของผมโดยสิ้นเชิง แล้วเอาแต่โจมตีอยู่
ฝ่ายเดียวเลย
ล�าแสงความร้อนทีม่ ปี ริมาณความร้อนขนาดหลอมละลายทุกสิง่
ที่สัมผัสให้กลายเป็นไอได้นั้นไม่ใช่การปลดปล่อยพลังเวทมนตร์อย่าง
ไร้เป้าหมายเหมือนเมื่อครู่นี้ แต่เป็นการโจมตีซึ่งแฝงด้วยความต้องการที่
จะฆ่าผม
พลังท�าลายของมันเทียบกับการปลดปล่อยพลังเวทเมือ่ ครูไ่ ม่ได้
เลย แต่ถ้าไม่โดนก็ไม่มีปัญหาอะไร ผมหลบหลีกออกจากวิถีการยิง
เรียบร้อยแล้ว เพราะความเร็วในการรับรูข้ องผมนัน้ จับได้กระทัง่ ความเร็วเสียง
ด้วยซ�้า
แม้จะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แต่ผมก็อดคิดไม่ได้จริงๆ ว่า
ดีแล้วที่เมืองของเรายังสร้างไม่เสร็จ
เต็นท์อย่างง่ายกับที่พักอาศัยชั่วคราวถูกแผดเผาจนหมด ทว่า
ก็ไม่ใช่ความเสียหายที่ใหญ่โตอะไร
พวกเราล้มต้นไม้จนกระทัง่ พืน้ ทีน่ กี้ ลายเป็นลานกว้างในปัจจุบนั
ซึง่ ก็ถอื ว่าเป็นโชคดีในโชคร้าย เพราะถ้าอยูใ่ นป่าละก็ ป่านนีค้ งเกิดไฟไหม้
ใหญ่โตจนแย่ไปแล้ว
ทั้งนี้บรรดาวัตถุดิบที่ขนเข้ามาอาจจะไหม้ไป แต่เรื่องนี้คงมีแต่
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 327
ต้องท�าใจเท่านั้น
ว่าแต่ทา� ตัวเหิมเกริมเหลือเกินนะเจ้านี!่ ท�าทีอย่างกับว่าพวกเรา
เป็นแค่สิ่งกีดขวางเกะกะลูกตา นั่นเป็นพฤติกรรมดูแคลนซึ่งมากพอที่จะ
ท�าให้ผมหงุดหงิด
ผมตัดสินแล้วว่าอิฟริตคือศัตรูและท�าการตอบโต้ ใช่ว่าผมจะ
ไม่นกึ เป็นห่วงคุณชิสซุ งึ่ เป็นร่างหลัก แต่ขนื ไม่ตอบโต้อะไรเลยต่อไปแบบนี้
ก็แก้ปญ ั หาไม่ได้อยูด่ ี ดังนัน้ การปราบอิฟริตให้ได้จงึ ส�าคัญเป็นอันดับหนึง่
ส่วนการตรวจสภาพร่างกายของคุณชิสุค่อยเอาไว้หลังจากนั้น
ทีส่ า� คัญ ก็ยงั ไม่แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ดว้ ยว่าคุณชิสถุ กู ควบคุม
อยู่จริงหรือไม่
ผมซัด 『ดาบวารี』 โดยเล็งไปที่ช่วงท้องของอิฟริต
ทว่าดาบนัน้ ระเหยเป็นไอก่อนจะเข้าถึงตัวมนุษย์เพลิงยักษ์เพียง
เล็กน้อย เพราะร่างของมนุษย์ยกั ษ์นนั้ มีวงั วนแห่งเปลวเพลิงห้อมล้อมและ
กลายเป็นเกราะป้องกัน
ฮึ่ม ดูท่าว่า 『ดาบวารี』 จะใช้ไม่ได้ผลแฮะ
แต่ ไม่ใช่เวลาจะมาคิดอะไรสบายๆ แบบนั้นแล้ว เพราะคราวนี้
กระทัง่ เหล่าซาลาแมนเดอร์กพ็ ากันเคลือ่ นไหวพร้อมกันตอบสนองต่อการ
โจมตีของผม
“ไอซิเคิลแลนซ์ (มหาหอกเวทน�้าแข็ง)!!”
ทว่าหอกน�้าแข็งของเอลเลนก็พุ่งเข้าทิ่มแทงหนึ่งในจ�านวนนั้น
เมือ่ ผมหันไปมองก็พบว่าเอลเลนซึง่ ร่ายมนตร์เสร็จแล้วก�าลังหนีกลับเข้าไป
อยู่ใต้เงาของเมจิกบาเรียอีกครั้ง
เล่นเอาผมประทับใจว่าคล่องแคล่วดีจริงๆ แฮะ ดูท่าว่าจะเป็น
เวทมนตร์ปอ้ งกันประเภทคงอยูไ่ ด้ตลอดเวลา ก็เลยไม่จา� เป็นต้องตัง้ สมาธิ
กับการควบคุม ทว่าไอซิเคิลแลนซ์เพียงทีเดียวไม่สามารถเผด็จศึกซาลา-
แมนเดอร์ได้ หนึ่งในสามตัวนั้นจึงเริ่มเคลื่อนที่ไปหาคนทั้งสามแทน
328
“เฮ้ ไหวกันรึเปล่า!?”
“ปล่อยให้เป็นหน้าทีข่ องพวกเราเถอะค่ะ! พวกเราเองก็ยดึ อาชีพ
นักผจญภัยโดยเอาชีวิตเข้าเสี่ยงอยู่แล้วค่ะ!”
“เฮ้ๆ ขอทีเหอะ... ลีดเดอร์น่ะมันฉันเฟ้ย แต่ก็นะ ลองกลาย
เป็นแบบนี้แล้วก็ช่วยไม่ได้ละ พวกเราจะรับจัดการตัวหนึ่งให้เอง!”
“คลาสขโมยไม่มวี ธิ อี ะไรจะสูร้ บปรบมือกับภูตหรอกนะครับ แต่
รอดก็รอดด้วยกัน ตายก็ตายด้วยกันครับ!”
เหมือนจะพึ่งได้ แต่ก็เหมือนจะพึ่งไม่ได้
แต่ในเมือ่ เขาบอกว่าจะรับจัดการให้ ก็ปล่อยให้จดั การไปละกัน
เพียงแต่ถ้าเกิดตายกันขึ้นมาทางนี้ก็หลับไม่สนิทนัก
“ถ้างั้นก็ฝากด้วยนะ แต่อย่าฝืนตัวกันล่ะ! แล้วก็ถ้าบาดเจ็บกัน
ก็ใช้ไอ้นี่ซะ------”
ผมย่นย่อค�าอธิบายโดยดึงเอายาฟืน้ ฟูออกมาหลายขวดแล้วโยน
ส่งไปให้กลุ่ม 3 คน ซึ่งกิโดก็รับไว้ได้อย่างรวดเร็ว
“เอ่อ... คุณ ริมุรุ? นี่มันอะไรกันครับ...?”
“ยาฟื้นฟูน่ะ ประสิทธิภาพมันค่อนข้างสูงอยู่ เพราะฉะนั้นถ้า
บาดเจ็บก็ใช้มันซะ!”
นี่ไม่ใช่เวลามามัวอธิบายยืดยาว ผมจึงตัดบทเพียงเท่านั้น แล้ว
เริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ส่วนการต่อสูร้ ะหว่างทัง้ สามกับซาลาแมนเดอร์กเ็ ริม่ เข้าสูส่ ภาวะ
จริงจังแล้ว ดังนัน้ จึงไม่มเี วลามามัวพูดคุยตามสบายเช่นกัน ซึง่ แค่ตวั เดียว
ก็คงล�าบากกันแล้ว แต่ผมก็ท�าได้แค่ภาวนาให้พวกเขาพยายามเท่านั้น

เมื่อผมเริ่มเคลื่อนไหว ซาลาแมนเดอร์อีก 2 ตัวก็เริ่มเคลื่อนตัว


มาทางผม แม้กระทั่งอิฟริตเองก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ เช่นกัน
เอาละ จะท�าไงดีนะ
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 329
ขณะที่ผมคิดอย่างนั้น รันก้าก็มาถึงในที่สุด ตอนแรกผมคิดจะ
ให้มันเฝ้าจับตามองสามคนนั้น แต่ว่าคงไม่เป็นไรแล้วละ ที่ส�าคัญกว่านั้น
ให้รันก้ามาเป็นเท้าให้ผมดีกว่า
“เรียกข้าหรือครับ? นายท่านของข้า!”
ผมกระโจนขึน้ ไปบนหลังรันก้าทันที ซึง่ แค่นกี้ ร็ บั ประกันความเร็ว
ในการเคลือ่ นไหวได้แล้ว แม้วา่ การเคลือ่ นไหวของซาลาแมนเดอร์จะค่อนข้าง
ว่องไว แต่ก็เทียบกับรันก้าไม่ได้อยู่ดี
จากนั้นผมก็สั่งรันก้าว่า
“นายเน้นหลบหลีกไว้นะ ไม่จา� เป็นต้องโจมตีเลย เดี๋ยวฉันจะ
เป็นคนโจมตีเอง!”
“ทราบแล้วครับ!”
ราวกับสื่อสารกันได้ด้วยใจ รันก้าอ่านจุดประสงค์ของผมออก
แล้วเริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ซาลาแมนเดอร์ 2 ตัวพ่นเฟลมเบรธ (ลมหายใจแห่งเปลวเพลิง)
เป็นเส้นตรงพุ่งเข้ามาราวกับปืนพ่นไฟ แต่รันก้าก็หลบหลีกได้อย่าง
คล่องแคล่ว และถอยออกมาจนกระทัง่ ถึงขอบเขตทีผ่ ลกระทบจากเปลวเพลิง
ส่งมาไม่ถึง
ดูแล้วพลังท�าลายน่าจะสูงพอประมาณ แต่ผมไม่นึกอยากลอง
ดูหรอก เพราะถ้าเป็นมนุษย์ละก็ ขืนโดนเข้าไปทีเดียวคงได้กลายเป็น
เถ้าถ่านแน่
ควรจะจัดการเจ้าซาลาแมนเดอร์ 2 ตัวนี่ให้ได้ก่อนอิฟริตสินะ
เมื่อคิดได้อย่างนั้นผมก็ซัด 『ดาบวารี』 มุ่งไปหาซาลาแมนเดอร์ เพราะ
ท่าทางมันไม่น่ามีพลังไฟขนาดท�าให้ 『ดาบวารี』 ระเหยได้เหมือนอิฟริต
และตัดขาของมันข้างหนึ่งได้ส�าเร็จ
แต่เรื่องมันบ้าบอตรงที่ว่าขาของซาลาแมนเดอร์กลับได้รับการ
ฟื้นฟูในทันที
330
ขาของเจ้ากิ้งก่าเพลิงเองก็คงจะมีองค์ประกอบเป็นเปลวเพลิง
ตามอย่างตาเห็นกระมัง ดังนัน้ เพียงแค่ตดั จึงไร้ความหมาย แม้วา่ ดูจาก
ระดับของพลังแล้วเจ้างูดา� จะมีระดับเหนือกว่า แต่ดเู หมือนว่าความสามารถ
พิเศษของเจ้าซาลาแมนเดอร์นจี่ ะท�าให้การก�าจัดมันเป็นเรือ่ งยากไม่ใช่เล่น
“------- นายท่านของข้าเอ๋ย การโจมตีทางกายภาพนั้นใช้กับ
เผ่าพันธุจ์ า� พวกภูตไม่ได้ผลหรอก ต้องใช้การโจมตีทเี่ ป็นธาตุจดุ อ่อนของ
พวกมัน หรือเวทมนตร์จึงจะมีผลครับ”
รันก้าบอกผมเช่นนัน้ อย่างนีน้ เี่ อง การโจมตีธรรมดาไม่มคี วาม-
หมายกับพวกภูตอย่างนั้นเหรอ
งั้นที่การโจมตีของผมไม่ได้ผลก็คงเป็นเพราะ 『ดาบวารี』 เอง
ก็เป็นคมมีดที่สร้างขึ้นจากน�้าธรรมดาเท่านั้นสินะ
ถ้างัน้ ใช้ยทุ ธการสาดน�า้ ปริมาณมากใส่ละ่ เป็นไง? ใน “กระเพาะ”
ของผมมีนา�้ ทีส่ บู มาจากทะเลสาบใต้ดนิ อยูป่ ริมาณมหาศาล ถ้าเป็นน�า้ ขนาดนี้
ละก็ น่าจะลดทอนพลังของภูตแห่งไฟได้ไม่ใช่เหรอ?

《คÓตอบ สามารถยิงน้Óปริมาณมากออกไปได้ เมือ่ น้Óสัมผัส


เข้ากับซาลาแมนเดอร์จะก่อให้เกิดไอน้Óปะทุขึ้น ต้องการดÓเนินการ
หรือไม่? YES/NO 》

หา? ไอน�้า... ปะทุ... ? มัน อะไรกันล่ะนั่น?

《 คÓตอบ การปกคลุ ม ซาลาแมนเดอร์ ซึ่ ง เป็ น กลุ ่ ม ก้ อ น


พลังงานความร้อนด้วยน้Ó จะก่อให้เกิดการระเหยอย่างฉับพลัน ไอน้Óที่
เกิดขึ้นจะกลายเป็นชั้นไอน้Óห่อหุ้มซาลาแมนเดอร์ แต่ก็จะก่อให้เกิด
คลื่นแรงดันอันเนื่องมาจากความร้อนสูงและการบีบอัดอย่างรุนแรง
และกลายเป็นการระเบิดอย่างต่อเนื่อง》
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 331
------ สรุปว่า? แล้วมันน่าจะล้มซาลาแมนเดอร์ได้หรือเปล่า?

《คÓตอบ แรงดัน x ปริมาตรร่างกาย = ปริมาณน้Óที่ปล่อย


ออกมา x ค่าคงที่ก๊าซ-------》

ยู้ด-------- !! ขอค�าอธิบายแบบง่ายๆ ที่ผมท�าความเข้าใจได้


หน่อยเถอะ

《คÓตอบ จะเกิดระเบิดขนาดใหญ่ขึ้น และกÓจัดซาลา-


แมนเดอร์จนสิน้ ซากไม่เหลือกระทัง่ ร่องรอยได้ แต่ทงั้ นีพ
้ นื้ ทีใ่ นแถบนี้
ทั้งหมดก็คงราบเป็นหน้ากลองด้วยเช่นกัน》

จะบ้าเรอะ! แบบนั้นก็ไม่มีความหมายน่ะสิ! ผมไม่มีความคิดที่


จะฆ่าตัวตายหรอกนะ
แต่ว่าเอาไงดีล่ะ ถึงใช้ 『ดาบวารี』 ของผมตัดไปก็ไม่มีผล...
ทว่าขณะที่ผมก�าลังกลุ้มใจ
“ไอซิเคิลแลนซ์!!”
ภาพของกลุ่มนักผจญภัยทั้งสามที่ก�าลังพยายามโดยมีเอลเลน
ผู้ใช้เวทมนตร์เป็นศูนย์กลางก็แวบเข้ามาในสายตา
เดี๋ยวก่อนนะ เพราะ 『ดาบวารี』 ของผมไม่ใช่เวทมนตร์ก็เลย
ดูจะไม่มีผล แต่ถ้าเป็นเวทมนตร์ก็จะใช้ได้ผล-------
“เอลเลน! ช่วยยิงไอซิเคิลแลนซ์มาทางฉันลูกหนึ่งที!”
“เห!? เอ่อ ถึงจะว่าอย่างนั้นก็เถอะค่า...”
“ไหว้ละ!”
แม้จะมีท่าทีละล้าละลังต่อค�าขอของผม แต่เอลเลนก็ร่ายอาคม
332
และปล่อยเวทมนตร์เยือกแข็ง : ไอซิเคิลแลนซ์ออกมา
“แล้วอย่ามาบ่นกันทีหลังนะคะ! ไอซิเคิลแลนซ์!!”
หญิงสาวตะโกนพลางยิงแท่งหอกน�้าแข็งมาทางผม
ถ้าความคิดของผมถูกต้องละก็ ยูนคี สกิล 『นักล่าเหยือ่ 』 น่าจะ
ดูดซับเวทมนตร์ที่ถูกปล่อยออกมาได้
ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น-------

《รายงาน ดÓเนินการใช้ยน
ู คี สกิล 『นักล่าเหยือ่ 』 ทÓการล่าเหยือ่
ไอซิเคิลแลนซ์และวิเคราะห์ได้สÓเร็จ》

โอเช! เป็นไปตามที่เล็งไว้
ว่าแต่ตอนทีไ่ ด้ฟงั ค�าอธิบายผมก็กงึ่ เชือ่ กึง่ สงสัยอยูห่ รอก แต่ไอ้
สกิลที่ชื่อ 『นักล่าเหยื่อ』 เนี่ย มันแข็งแกร่งสุดยอดถึงขั้นโกงกันเลยละ
เพราะทัง้ ทีเ่ ป็นเวทมนตร์ทนี่ า่ จะแข็งแกร่งแท้ๆ แต่กลับดูดซับเข้ามาได้โดย
ไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย แถมยังเรียนรู้ได้อีกต่างหาก
“อุหวา!? เวทมนตร์ของฉันกลายเป็นอะไรไปแล้วคะเนี่ย!?”
โทษทีนะ ไม่ใช่เวลามามัวอธิบายอะ
การวิเคราะห์เวทมนตร์เสร็จเรียบร้อยในชัว่ พริบตา และดูเหมือน
ว่าเพียงแค่ตั้งใจจะใช้ ผมก็ใช้มันได้แล้ว
นอกจากนีผ้ มก็ปล่อยเวทมนตร์ได้โดยไม่ตอ้ งร่ายอาคมด้วย มัน
คือผลลัพธ์ของการละการร่ายอาคม ซึง่ เป็นส่วนหนึง่ ของยูนคี สกิล 『มหา-
ปราชญ์』
“ไอซิเคิลแลนซ์!”
ผมย่นย่อการร่ายอาคมและปล่อยเวทมนตร์มงุ่ ไปหาซาลาแมน-
เดอร์ และวินาทีเดียวกันนัน้ เอง ผมก็เข้าใจ ทัง้ หลักการ และกระบวนการ
ของเวทมนตร์
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 333
แม้จะฟันด้วย 『ดาบวารี』 ของผมก็ไม่สามารถสร้างความเสียหาย
ให้ซาลาแมนเดอร์ได้ ทว่าเวทมนตร์ของเอลเลนสร้างความเสียหายให้มนั ได้
อันที่จริงเรื่องนี้มีเหตุผลที่แสนจะง่ายดาย การใช้เวทมนตร์นั้น
ไม่ใช่การก่อให้เกิดปรากฏการณ์ แต่ใกล้เคียงกับการท�าให้อิมเมจกลาย
สภาพเป็นรูปร่างมากกว่า
สรุปคือ กล่าวได้ว่านี่เป็นการปลดปล่อยพลังงานที่มีผลในการ
“ช่วงชิงความร้อนของเป้าหมาย” นั่นเอง และที่มีเสาน�้าแข็งเกิดขึ้นก็เพื่อ
ปกคลุมพลังงานนั้นในฐานะธาตุที่สังกัดอะไรท�านองนั้นละมั้ง
หมายความว่าการโจมตีหลักไม่ใช่เสาน�้าแข็ง แต่เป็นพลังงานที่
อยูภ่ ายในต่างหาก ดังนัน้ ซาลาแมนเดอร์ซงึ่ เกิดเป็นรูปเป็นร่างด้วยความร้อน
และเปลวเพลิงจึงเป็นเป้าหมายที่จะได้รับความเสียหายในที่นี้
และขณะนี้ เสาน�้าแข็งจ�านวนมาก------ คือมันมีขนาดใหญ่เกิน
กว่าจะเรียกว่าหอกน่ะ-----ก็เข้าแทงทะลุรา่ งของซาลาแมนเดอร์ทงั้ สองตัว
เพียงเท่านั้นก็ดูจะท�าให้พลังเวทที่ซาลาแมนเดอร์มีหมดสิ้นไป ทั้งสองตัว
จึงละลายกลายเป็นไอจากผิวหน้าจนกระทั่งดับสูญไปในที่สุด
“เอาละ! ทางนีเ้ รียบร้อยแล้ว เดีย๋ วฉันจะจัดการเจ้านัน่ ด้วย-----”
เพราะผมท�าให้เอลเลนต้องยิงเวทมนตร์โดยไม่จ�าเป็น จึงคิดจะ
รุดไปช่วยพวกเขาด้วย------ แต่ดูท่าว่าจะสายไปหน่อยเสียแล้ว
“แย่ละ เจ้านี่มันคิดจะระเบิดตัวเอง------”
คาบาลซึ่งท�าหน้าที่เป็นโล่ร้องตะโกนแล้วแผ่ออร่าชีลด์ออกมา
ทว่าการโจมตีดว้ ยการระเบิดตัวเองของซาลาแมนเดอร์มพี ลังท�าลายเพียง
พอที่จะทะลุทะลวงการป้องกันนั้นได้
ส่งผลให้ทั้งสามต้องเผชิญกับเปลวเพลิงความร้อนสูง และถูก
ซัดกระเด็นออกไปในที่สุด
ผมลนลานรีบให้รันก้าวิ่งไปหาทั้งสามคน
บาดแผลไฟไหม้ของทั้งสามคนสาหัสกว่าที่ผมคาดไว้ ดูเหมือน
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 335
ว่าพวกเขาจะยังมีสติ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดที่ขยับตัวไม่ได้ โดย
คนที่อาการหนักที่สุดก็คือคาบาลซึ่งท�าหน้าที่ก�าแพง แต่ถ้าไม่ได้คาบาล
คุ้มกันไว้ละก็ เอลเลนกับกิโดซึ่งมีพลังต้านทานต�่าอาจจะตายไปแล้วก็ได้
“หน็อย รันก้า นายป้องกันสามคนนีแ้ ล้วพาไปยังทีป่ ลอดภัยซะ!”
“แต่ว่า------”
รันก้าท�าท่าจะแย้งค�าสัง่ นัน้ อยูช่ ว่ั ขณะ แต่คงเพราะรับรูอ้ อร่าของ
ผมได้จึงเงียบเสียงไป
สัญชาตญาณในฐานะปิศาจทีใ่ ช้ชวี ติ นอนกลางดินกินกลางทรายมา
คงจะท�าให้มนั รูส้ กึ ได้ถงึ ความมุง่ มัน่ ทีจ่ ะไม่ยอมรับค�าแย้งของผมกระมัง
“นี่เป็นค�าสั่ง! รีบๆ จัดการซะ แล้วก็ฉันให้ยาฟื้นฟูกับพวกนี้ไว้
แล้ว เพราะฉะนัน้ ถ้ามัน่ ใจว่าปลอดภัยเมือ่ ไหร่กจ็ ดั การรักษาพวกเขาด้วย”
“ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่ท่านกล่าว------ ขอให้โชคดีครับ!”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะจัดการล้มเจ้าอิฟริตเอง!”
รันก้าคงยอมรับค�าพูดของผมได้กระมัง มันจึงพยักหน้ารับ และ
หลังจากมองผมด้วยสายตาที่เหมือนแสดงความเคารพแล้ว มันก็คาบทั้ง
สามคนไว้ในปากแล้ววิ่งจากไป
ผมอาจจะท�าให้มันเข้าใจอะไรผิดก็ได้ แต่เอาเถอะ คงไม่เป็นไร
หรอก คราวนี้ก็เหลือเพียงอิฟริตเท่านั้น
แค่นี้ผมก็ต่อสู้ได้อย่างวางใจ ผมไม่อยากจะท�าให้ใครต้องโดน
ลูกหลงอีกแล้ว
รีบๆ จัดการเรื่องงี่เง่านี่ให้เสร็จดีกว่า ผมคิดอย่างนั้นแล้วจ้อง
มองอิฟริต

เปลวไฟพุ่งตัวไปมาอย่างรุนแรง
อิฟริตแยกร่างของตนเบือ้ งหน้าสายตาผม ส่งผลให้มมี นุษย์ยกั ษ์
หลายตัวล้อมกรอบผนึกเส้นทางหลบหนีของผม
336
ดูเหมือนว่าอิฟริตจะมีความสามารถทีย่ งุ่ ยากเอาเรือ่ งทีเดียว แต่
ผมก็ไม่ได้ร้อนใจ
ความสามารถในการรับรู้ของผมรับรู้การแบ่งสรรความร้อนได้
อย่างถูกต้องชัดเจน
ยกตัวอย่างเช่น แม้วา่ ร่างแยกจ�านวนมากทีอ่ ฟิ ริตสร้างขึน้ จะเปิดฉาก
โจมตีพร้อมกัน ผมก็รับรู้ระดับความอันตรายได้จากระดับความร้อนของ
ไฟและรับมือได้อย่างง่ายดาย ผมมองออกเรียบร้อยแล้วว่ามนุษย์ยักษ์
ทั้งหมดไม่ได้มีความสามารถเท่าเทียมกัน
อิฟริตคงไม่สามารถยิงการโจมตีทมี่ ปี ระสิทธิผลให้โดนผมได้หรอก
ทว่าขณะเดียวกัน การโจมตีของผมเองก็ไม่มีอะไรสักอย่างที่ใช้
ได้ผลกับอิฟริต
ไฟนั่นมันยุ่งยากชะมัด
ระดับความร้อนคงจะสูงมากเลยทีเดียวเพราะพื้นดินเริ่มกลาย
สภาพเป็นแม็กม่าแล้ว
คงจะเดินดุม่ ๆ เข้าไปใกล้ความร้อนสูงนัน่ ไม่ได้แน่ ผมยังไม่อยาก
คลาสเชนจ์กลายเป็นสไลม์ย่างใหม่ๆ ได้ที่หรอก
เอาไงดีนะ...
เดิมที อย่างพวก 『ลมหายใจอัมพาต』 หรือ 『ลมหายใจ-
หมอกพิษ』 ก็มีระยะหวังผลสูงสุดประมาณ 10 เมตรเท่านั้น สรุปคือถ้า
คิดจะใช้การโจมตีประเภทลมหายใจ ก็จ�าเป็นจะต้องเข้าไปใกล้มันให้ได้
อย่างต�่า 10 เมตร... แล้วใครมันจะไปท�าได้
วิธีการจู่โจมที่น่าจะสร้างความเสียหายได้แน่นอนโดยคงระยะ
ห่างทีป่ ลอดภัยเอาไว้ได้ ตอนนีค้ งมีแค่ไอซิเคิลแลนซ์ทเี่ พิง่ จะเรียนรูม้ าเท่า
นั้นละมั้ง
“เอาไปกินซะ ไอซิเคิลแลนซ์!!”
หอกน�า้ แข็งขนาดใหญ่จา� นวนมากทีผ่ มปล่อยออกไป ท�าให้รา่ งแยก
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 337
ของอิฟริตสลายกลายเป็นไอน�า้ ฟังแล้วอาจจะแปลกทีไ่ ฟระเหยกลายเป็น
ไอน�้าเพราะน�้าแข็ง แต่ในเวลาที่ท�าให้ของร้อนๆ เย็นลง ก็มีไอน�้าพุ่งขึ้น
มาเหมือนกัน ดังนัน้ บรรยายแบบนีค้ งจะเข้าท่าทีส่ ดุ แล้ว ซึง่ เมือ่ เห็นดังนัน้
ผมก็ได้ใจและเปลีย่ นร่างแยกของอิฟริตให้กลายเป็นไอน�า้ ไปเรือ่ ยๆ เรือ่ ยๆ
ทว่า-------
แย่แล้ว! ตอนที่ผมรู้สึกตัวแบบนั้นทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว
เพราะตอนทีผ่ มรูส้ กึ ได้ดว้ ยสัญชาตญาณ ผมก็ถกู กักขังไปเป็นทีเ่ รียบร้อย
เขตแดนดักจับแบบบริเวณกว้าง!? นี่คือ ความสามารถพิเศษ
ของอิฟริตรึ? วงเวทถูกวาดขึน้ ในชัว่ พริบตาโดยไม่มกี ารร่ายอาคม ผมลืม
ไปเลยว่าสกิลละทิ้งการร่ายอาคมไม่ใช่ความสามารถพิเศษเฉพาะของผม
เท่านัน้ อิฟริตเปลีย่ นร่างของตัวเองเป็นก๊าซ ท�าให้พนื้ ทีเ่ ส้นผ่านศูนย์กลาง
100 เมตรเต็มเปี่ยมไปด้วยเปลวเพลิงสุดร้อนระอุ
นี่คงเป็นการโจมตีเป็นวงกว้างสายเปลวเพลิงที่รุนแรงที่สุดของ
อิฟริตกระมัง แถมภายในอาณาเขตนั้นยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานของ
ร่างแยกที่ผมท�าให้หายไปด้วย-------
“แฟลร์เซอร์เคิล (วงจองจ�าเพลิงปะทุ)”
เสียงที่ยากจะบ่งบอกได้ว่าเป็นชาย หญิง คนชรา หรือวัยรุ่นดัง
สะท้อนขึ้น
นี่มัน------- ไม่มีทางหนีเลยแฮะ ดูเหมือนว่าผมจะติดอยู่ในวิชา
ของศัตรูเสียแล้ว อิฟริตคงจะจงใจให้ผมโจมตีร่างแยกของมันกระมัง
เพื่อพรางตา และรอให้พลังงานเต็มเปี่ยม
ผมเตรียมใจยอมรับความตาย
อา... ผมไม่ได้คิดจะประมาทหรอกนะ แต่ก็รู้สึกว่ามันน่าจะมีวิธี
อะไรมากกว่านี้ แถมยังไปเต้นตามความต้องการของศัตรูเนี่ย เรียกว่า
เลวร้ายสุดๆ เลย
ถ้าไม่มัวแต่เก๊กแต่ให้ทุกคนช่วยกันรุมก็คงดี หรือจะจ�าลองกาย
338
เป็นหมาป่าด�า หลอกล่อด้วยความเร็ว แล้วเข้าไปกัดโดยเตรียมใจว่าจะ
ต้องได้แผลไหม้ก็ท�าได้ หรือจะไม่ท�าเรื่องบ้าๆ อย่างดูท่าทีแล้วใช้
『อสุนีบาตดÓ』 อะไรท�านองนั้นบึ้มใส่ไปเลยก็ได้แท้ๆ
นอกจากนีก้ ย็ งั มีความเจ็บใจอืน่ ๆ อีกหลายอย่างเอ่อล้นขึน้ มา...
ทว่า แม้ผมจะมีความเร็วในการรับรู้เป็น 1,000 เท่า แต่ความ-
เสียหายก็ไม่มาเยือนซะทีแฮะ แต่ก็นะ ถ้าได้ตายโดยไม่รู้สึกเจ็บปวดมัน
ก็ดีหรอก...
ว่าแต่มันไม่ช้าไปหน่อยเหรอ?
หรือชอบเล่นให้อีกฝ่ายลนลานแล้วค่อยฆ่า?
แปลกจังแฮะ... ตามทีผ่ มคาดคะเนไว้ ผมน่าจะก�าลังถูกเปลวไฟ
ห้อมล้อมแล้วนี่
อืม...?

《...คÓตอบ เนือ่ งจากผลของสกิล 『ต้านทานการเปลีย่ นแปลง


อุณหภูม』ิ จึงทÓให้การโจมตีด้วยไฟถูกทÓให้ไร้ผลโดยอัตโนมัต》ิ

ผมรูส้ กึ ได้วา่ ประโยคนัน้ มีอารมณ์ทบี่ ง่ บอกว่าเอ็งลืมใช่ไหมว่ามี


สกิล 『ต้านทานการเปลี่ยนแปลงอุณหภูม』ิ อยู่!
ไม่ต้องตอบไปหมดทุกอย่างไปจนถึงเรื่องแบบนั้นก็ได้เฟ้ย!
ไอ้งั่งนี่!
ใช่แล้ว ผมรู้สึกได้ถึง “...” ที่มีต่อค�าด่าทอของผม
ผมคงคิดไปเองละมั้ง คงเป็นไปไม่ได้หรอกน่า 『มหาปราชญ์』
ที่ไร้สติสัมปชัญญะและซื่อตรงต่อผมเนี่ยนะ
ฮะฮะฮะ ต้องคิดไปเองแน่นอน ไม่ผิดแน่!
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 339
ที่นี้ เอาละ
เฮ้ยๆ เมื่อกี้นี้บอกว่าประสบความส�าเร็จในการท�าให้ไฟไร้ผล
งั้นเรอะ?
อะไรกัน? หรือว่า-------
นี่ก็แปลว่า ผมอยู่โหมดชนะใสๆ งั้นเหรอ?
ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการทั้งหมดไม่ใช่เหรอ?
ได้ทฤษฎีแกล้งท�าเป็นโดนเล่นงาน! แล้วค่อยพลิกกลับมาชนะ
แล้วคร้าบ!
ก็อย่างที่ว่านี่ละ รีบๆ จบการต่อสู้สักทีดีกว่า
“เมื่อกี้นี้ ท�าอะไรเหรอ?”
ผมเอ่ยพลางแอบใช้ 『ใยเหนียวหนืดเหล็กกล้า』 พันร่างของ
อิฟริตเอาไว้
เจ้านีจ่ บสิน้ แล้ว เพราะผมวิเคราะห์เสร็จแล้วว่ามันใช้คณ
ุ ชิสเุ ป็น
แกนของร่างจริง ถ้ามันเป็นภูตโดยสมบูรณ์อย่างซาลาแมนเดอร์ คง
ไม่สามารถใช้เส้นใยพันธนาการมันได้ แต่ถ้ามีแกนอยู่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
และ 『ใยเหนียวหนืดเหล็กกล้า』 ที่ผมสร้างขึ้น ก็เป็นหนึ่งใน
ผลส�าเร็จของการทดลองอยูท่ กุ เมือ่ เชือ่ วัน โดยเป็นการรวมประสิทธิภาพ
ของ 『ใยเหนียวหนืด』 กับ 『ใยเหล็กกล้า』 เข้าด้วยกัน ทัง้ ยังมีเอกลักษณ์
พิเศษซึ่งเป็นผลจากสกิลความต้านทานของผม หรือก็คือไม่มีทางถูกไฟ
เผาจนขาดได้นั่นเอง
รุกฆาต
ฉันดูแคลนแกก็จริง แต่แกเองก็ดูแคลนฉันมากเกินไปนะ
เราต่างคนต่างก็ดูแคลนกัน ดังนั้นฉันยกโทษให้ และถ้าแกจะ
แค้นฉัน ก็เป็นสิทธิ์ของแก
“ต่อไปเป็นตาของฉันสินะ?”
อิฟริตลนลานพยายามจะหลบหนี
340
ก็คิดอยู่หรอกว่ามันคงท�าแบบนั้น แต่แน่นอนว่ามันไม่สามารถ
หลบหนีได้เพราะ 『ใยเหนียวหนืดเหล็กกล้า』 ที่ผมขึงไว้
ผมค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ เพื่อจัดการเผด็จศึกเจ้านี่
เจ้านี-่ ------หรืออิฟริต ซึง่ คงจะสิงและควบคุมร่างของคุณชิสอุ ยู่
ไม่จ�าเป็นต้องลนลาน ผมค่อยๆ ก้าวเข้าไปหาเหยื่อที่น่าสงสาร
ทีพ่ ยายามดิน้ รนอาละวาด และพยายามจะโจมตีผมด้วยไฟ แต่นา่ เสียดาย
นะ ที่ไฟใช้กับผมไม่ได้ผล
และแล้ว-------

《ต้องการใช้ยูนีคสกิล 『นักล่าเหยื่อ』 หรือไม่?


YES/NO》

แน่นอนว่าค�าตอบคือ YES!
แสงสว่างเจิดจ้าทอประกายปกคลุมบริเวณโดยรอบแล้วหายไป
ในชั่วพริบตา
ที่เหลืออยู่ในสถานที่นั้น มีเพียงตัวผม กับหญิงชราคนหนึ่ง
เท่านั้น

นี่เป็นความฝันเหรอ?
มือของแม่ที่ค่อยๆ เย็นลง
สายตาอันเย็นชาที่มองดูฉัน
รอยยิ้มที่อบอุ่น กับขี้เถ้าสีขาวบริสุทธิ์
ฉันไม่อยากจะนึกถึงความทรงจ�าที่มีแต่จะสร้างความทรมานให้
ฉันเลยแท้ๆ-------
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 341
ทว่า นั่นก็เป็นเส้นทางที่ฉันเดินผ่านมา
ถ้าฉันไม่ได้พบกับผู้กล้า จนป่านนี้หัวใจของฉันก็คงยังไม่ได้รับ
การช่วยเหลือ...
แต่ว่าคนที่ไร้ความสามารถอย่างฉัน ไม่สามารถเป็นได้อย่าง
ผู้กล้า
ทั้งที่ฉันเป็นอย่างนั้น ก็ยังมีคนที่ต้องพึ่งพาฉันอยู่แท้ๆ...
ใช่แล้ว นั่นคือ------

เรื่องนั้นเกิดขึ้นเมื่อหลายปีหลังจากที่ฉันถอนตัวจากการเป็น
นักผจญภัย
ฉันใช้ชวี ติ โดยการฝึกสอนวิชาให้นกั ผจญภัยหน้าใหม่ พร้อมกับ
ช่วยเหลืองานของสมาคมไปด้วย
ส�านักงานใหญ่ของสมาคมช่วยเหลือซึง่ กันและกันระหว่างนักผจญภัย
ซึ่งมีตัวตนก้าวข้ามก�าแพงขวางกั้นระหว่างประเทศนั้น ตั้งอยู่ ณ ราช-
อาณาจักรอิงค์กราเซียอันเป็นจุดยุทธศาสตร์ของการคมนาคม แม้ว่าฉัน
จะถอนตัวจากการท�างานในฐานะนักผจญภัยแล้ว แต่ฉันก็คิดว่าหากมี
เรื่องอะไรที่ฉันช่วยได้ ฉันก็อยากจะช่วย
เพราะอย่างไรเสีย ส�าหรับฉันซึง่ ไม่มที พ่ี ง่ึ พาทีไ่ หน สมาคมช่วย-
เหลือซึง่ กันและกันระหว่างนักผจญภัยก็เป็นองค์กรทีค่ คู่ วรกับการเรียกว่า
บ้านของฉัน
และตัวฉันทีเ่ ป็นอย่างนัน้ ก็มโี อกาสได้สอนสัง่ นักเรียนทีย่ อดเยีย่ ม
ด้วย
เด็กชายผู้มีแววตาใสซื่อบริสุทธิ์
เด็กหญิงผู้มีแววตาที่ฉาบไปด้วยความสิ้นหวัง
เด็กชายหญิง “ชาวต่างโลก” ซึ่งคงจะเป็นคนบ้านเดียวกับฉัน
ทั้งสองคนช่างตรงกันข้ามกันอย่างแท้จริง
342
ยูกิมีอุปนิสัยร่าเริงมองโลกในแง่ดี ฝ่านฮินาตะมีนิสัยเก็บตัว
ราวกับว่าโอบอุ้มความมืดของโลกเอาไว้ตลอดเวลา
ได้ยนิ ว่าตอนมาถึงโลกนี้ ฮินาตะถูกพวกโจรท�าร้ายเอา ในตอนนัน้
ฉันจึงคิดว่าเมื่อเวลาผ่านไป เธอคงจะค่อยๆ เปิดใจให้ฉันเอง ฝ่ายพวก
โจรเห็นว่าถูกใครบางคนสังหารอย่างเหี้ยมโหดแต่ก็เพราะเหตุนั้นฮินาตะ
จึงรอดปลอดภัยมาได้ ทว่าเธอคงจะหวาดกลัวมากแน่
ความรูส้ กึ สนิทสนมทีม่ ตี อ่ ฮินาตะผูพ้ บเจอสถานการณ์ใกล้เคียง
กับฉันพวยพุ่งขึ้นในใจ
แต่ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นสิ่งที่ฉันคิดเองเออเองเท่านั้น
“อาจารย์คะ ขอบพระคุณทีก่ รุณาช่วยดูแลค่ะ ฉันไม่มเี รือ่ งอะไร
จะเรียนรู้จากอาจารย์แล้ว และคงจะไม่มีโอกาสได้พบกับอาจารย์อีก
ต่อไปแล้ว”
ฮินาตะบอกอย่างนั้นแล้วจากฉันไปโดยไม่หันหลังกลับมาแม้
แต่น้อย
ฉันเองก็คิดเหมือนกันว่าควรจะไล่ตามเธอไปดีไหม ทว่าตัวฉัน
ไม่สามารถออกห่างจากเมืองได้
เพราะช่วงเวลาเดียวกันนัน้ เอง การวางโครงสร้างความช่วยเหลือ
เกื้อกูลกันระหว่างสมาคมกับภาครัฐอันเป็นรูปแบบใหม่ขององค์กรที่ยูกิ
เฝ้าเรียกร้องตลอดมาเริ่มจะเข้าสู่ช่วงที่ส�าคัญที่สุด ตัวฉันในฐานะอดีต-
ผู้กล้า ได้รับการแต่งตั้งให้มีฐานะเป็นเสมือนตัวแทนในการเจรจาของ
ฝ่ายสมาคม เมื่อค�านึงถึงความก้าวหน้าต่อไปในอนาคตของสมาคมแล้ว
นี่เป็นการเจรจาที่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องท�าให้ประสบความส�าเร็จให้ได้ และ
ท้ายที่สุด-------
“ถ้ารูส้ กึ ว่าหลงจากเส้นทางเมือ่ ไร ก็ขอให้กลับมาพึง่ พาฉันนะ”
ฉันก็ได้แต่บอกเพียงเท่านั้น และมองดูเธอเดินจากไป หลังจาก
ที่สับสน ผลสุดท้ายฉันก็เลือกเส้นทางที่จะให้การสนับสนุนยูกิมากกว่า
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 343
ฮินาตะ
ฮินาตะมีประสบการณ์ที่คล้ายกับฉันก็จริง แต่เธอเป็นเด็กสาว
ที่มีจิตใจแข็งแกร่งมากกว่าฉันนัก ฉันจึงคิดจะเชื่อมั่น ว่าเธอจะตัดผ่า
ความมืดในหัวใจได้ดว้ ยความตัง้ ใจของตัวเอง และกลายเป็นบุคคลทีย่ งิ่ ใหญ่
ได้
หลังจากนัน้ หลายปี ตอนทีไ่ ด้ยนิ ว่าเธอได้เข้ารับต�าแหน่งส�าคัญ
ของศาสนจักร ฉันก็ยอมรับได้อย่างบริสุทธิ์ใจ
ด้วยความรูส้ กึ ภาคภูมใิ จน้อยๆ และความเหงานิดหน่อย ฉันจ�า
ได้ว่าฉันยังรู้สึกไม่สบายใจอีกเล็กน้อยด้วย
ฮินาตะจะไม่เหงาหรือ? เธอจะใช้ชีวิตอยู่อย่างร่าเริงหรือเปล่า?
แม้จะมีความคิดอย่างนั้นผุดขึ้นมา แต่ฉันก็รู้สึกว่าตัวฉันที่ไม่ได้
คว้าจับมือนั้นไว้ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปเยี่ยมเยือนเธอ
ฉันจึงได้แต่ภาวนาอธิษฐานขอให้ฮินาตะปลอดภัยดีเท่านั้น

ยูกิมีความกระตือรือร้นต่างจากฮินาตะ
ผูท้ เี่ ปลีย่ นชือ่ สมาคมช่วยเหลือซึง่ กันและกันระหว่างนักผจญภัย
ให้กลายเป็นสมาคมอิสระ และสร้างระบบในปัจจุบันขึ้นมาก็คือยูกิ รวม
ถึงยังสร้างความสัมพันธ์แบบช่วยเหลือเกื้อกูลกับภาครัฐได้ส�าเร็จตามที่
ยูกิเรียกร้องอีกด้วย
การได้เข้าร่วมอยูใ่ นสัญญาข้อตกลงความร่วมมือระหว่างประเทศ
และได้สิทธิ์ในการเจรจาต่อรองกับสภา ท�าให้อ�านาจของทางสมาคมเริ่ม
เพิ่มมากขึ้นแบบก้าวกระโดด
ซึ่งก็คงเป็นเรื่องแน่ เพราะที่ผ่านมาแต่ละประเทศตั้งมั่นอยู่กับ
การปกป้องพื้นที่ในปกครองของตัวเองเท่านั้น แต่เมื่อมีสมาคมอิสระเข้า
มาช่วยรับงานกวาดล้างปิศาจให้ จึงเชือ่ มโยงไปถึงการท�าให้ภาระทีแ่ ต่ละ
ประเทศต้องแบกรับลดน้อยลงไปด้วย
344
ไม่เพียงเท่านั้น
นักผจญภัยทีเ่ ดินทางระหว่างประเทศโดยไม่มขี อ้ ผูกมัดกับภาครัฐ
มีหน้าที่จะต้องรายงานข้อมูลที่ได้จากการเดินทาง โดยสมาคมอิสระจะ
ท�าหน้าที่ควบคุมดูแลข้อมูลเหล่านั้น ท�าให้ทราบได้ว่าพวกปิศาจมีการ
ใช้ชีวิตกระจัดกระจายอย่างไรบ้าง และน�ามาก�าหนดระดับความอันตราย
ของแต่ละเขต ท�าให้ผู้คนเดินทางได้อย่างปลอดภัย
และนอกจากนี้ก็ยังได้ผลลัพธ์อันยิ่งใหญ่อีก นั่นคือการที่ทราบ
การแพร่กระจายของปิศาจได้นั้นท�าให้ค้นพบความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้
อย่างรวดเร็วด้วย ถ้าหากมีการค้นพบปิศาจที่ยังไม่เคยพบเจอหรือพบว่า
มีการเพิ่มจ�านวนมากเกินไป ก็จะจัดการรับมือได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
อี ก ทั้ ง ในกรณี ที่ มี ก ารพบเห็ น ปิ ศ าจที่ ต ามปกติ แ ล้ ว จะไม่ ม า
ปรากฏตัวใกล้กับเมือง การจัดกองก�าลังส�ารวจเพื่อตรวจหาสาเหตุก็ถือ
เป็นหน้าทีอ่ ย่างหนึง่ ของสมาคมด้วย การทีต่ รวจหาสาเหตุได้อย่างรวดเร็ว
ก็จะท�าให้ร่วมมือกับทางภาครัฐจัดตั้งกองก�าลังปราบปรามขึ้นมาได้
ผู้คนใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้นเพราะการ
ถือก�าเนิดของระบบดังกล่าว
และขอบเขตการใช้ชีวิตของมนุษย์ก็แผ่ขยายกว้างขึ้น โดยมีการ
ตรวจพบว่าจ�านวนประชาชนนั้นเพิ่มมากขึ้นในระยะหลายปีที่ผ่านมา
นอกจากนีก้ ย็ งั มีการน�าระบบแรงก์ทปี่ ระเมินว่าระดับใดต่อสูก้ บั
ปิศาจใดได้เข้ามาใช้ ท�าให้อัตราการเสียชีวิตลดลงเป็นจ�านวนมาก
นี่เป็นสิ่งที่น่ายินดีที่สุดในฐานะของครูผู้ฝึกสอนเด็กหน้าใหม่
เพราะได้ยกู ิ องค์กรทีช่ อื่ ว่าสมาคมอิสระจึงกลายเป็นตัวตนทีข่ าดไปไม่ได้
ส�าหรับผู้คนและประเทศต่างๆ
“ว่ากันตามจริง ไอ้นี่น่ะ ผมแค่พูดเลียนแบบระบบของเกมที่ผม
เคยเล่นเท่านั้นแหละครับ”
ยูกิบอกอย่างนั้นแล้วหัวเราะอย่างสดใส
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 345
“ก็นะครับ เพราะเป็นเกมมันก็เลยเป็นไปได้ทุกอย่างแหละ
ยกตัวอย่างเช่นบางทีก็มีปิศาจมาบอกว่า 『ผมไม่ใช่สไลม์ไม่ดีนะ』 แล้ว
กลายเป็นพรรคพวกของเราด้วยละครับ”
เด็กชายหัวเราะเฝื่อน พลางเอ่ยล้อเล่นแบบนั้น
ปิศาจกลายเป็นพวกพ้อง... เรื่องที่เหมือนความฝันแบบนั้นจะมี
ใครยอมเชื่อ
โลกทีฉ่ นั เกิดก�าลังจะถูกเผาผลาญเป็นจุณด้วยสงคราม ทัง้ ทีเ่ ป็น
อย่างนัน้ แต่โลกนัน้ กลับรุง่ เรืองขึน้ จนมีเวลามานัง่ คิดเรือ่ งเพ้อฝันแบบนัน้
ได้แล้วหรือ?
ยูกอิ ธิบายว่าสิง่ ทีเ่ รียกว่าเกมนัน้ เป็นของเล่นส�าหรับเด็กซึง่ เมือ่
เล่นแล้วจะท�าให้รู้สึกเหมือนกับว่าได้เข้าไปสัมผัสกับเรื่องราวของมันด้วย
ตัวเอง... ส่วนตัวฉันคิดว่าถ้าบ้านเมืองฟื้นฟูขึ้นจนกระทั่งมีเวลาพอที่จะ
มอบความฝันแบบนั้นให้กับเด็กๆ ได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่วิเศษมาก
ฉันฟังเรือ่ งราวของยูกิ พลางคิดค�านึงถึงถิน่ เกิดเมืองนอนทีค่ งจะ
ไม่มีวันได้กลับไปอีกแล้ว

หลังจากนั้น ฉันก็มีชีวิตอยู่ในฐานะผู้สนับสนุนยูกิอยู่เบื้องหลัง
เรื่อยมา
ทุกๆ วัน ฉันให้ความรูก้ บั บุคคลรุน่ หลัง โดยไม่ออกไปปรากฏตัว
บนเวทีเบื้องหน้า
สมาคมอิสระขยับขยายฐานะ และเจริญเติบโตกลายเป็นองค์กร
ทีไ่ ม่วา่ ใครก็ใช้บริการได้ ทัง้ ยังมีระบบการช่วยเหลือผูอ้ อ่ นแอมากมาย ท�า
ให้ทุกๆ คนใช้บริการได้อย่างเท่าเทียม
และแล้วยูกิ เด็กทีฉ่ นั เคยให้ความรูก้ ไ็ ด้กลายเป็นแกรนด์มาสเตอร์
(ประธานสมาคมอิสระ) หรือบุคคลทีย่ นื อยูใ่ นต�าแหน่งผูร้ บั ผิดชอบสูงสุด
ซึง่ ท�าหน้าทีป่ กครองกิลด์มาสเตอร์ (หัวหน้าสมาคมอิสระสาขาย่อย) ของ
346
แต่ละประเทศ ซึ่งเมื่อค�านึงถึงผลงานของเขาแล้ว ฉันก็คิดว่ามันเป็นเรื่อง
ธรรมดาที่ผู้คนใช้ชีวิตได้อย่างไร้กังวลเช่นในปัจจุบันนี้ก็เป็นผลจากความ
พยายามของเขานั่นเอง
ฉันรู้สึกพอใจ เหมือนกับว่าได้ท�าสิ่งที่ควรท�าทั้งหมดแล้ว
ดังนั้นเวลานั้น------- ฉันจึงตัดสินใจที่จะออกเดินทางไปจัดการ
กับเรื่องที่ยังคงค้างคาใจอยู่
ฉันเริ่มฝันถึงอดีต------ ถึงสมัยที่ฉันเป็นมนุษย์มารบ่อยครั้งขึ้น
ดูเหมือนว่าฉันจะเริ่มยับยั้งสติสัมปชัญญะของอิฟริตไม่ได้แล้ว
ซึ่งอาจเป็นเพราะอายุขัยของฉันเหลือน้อยลง เรื่องนั้นเป็นที่ชัดเจนเมื่อดู
จากการที่พลังของ “หน้ากากต้านมาร” เองก็ไม่ได้หายไปไหน
เมื่อเข้าใจเช่นนั้น ฉันจึงตัดสินใจว่าฉันควรจะรีบออกห่างจาก
เมืองให้เร็วทีส่ ดุ เพราะไม่รวู้ า่ สติสมั ปชัญญะของอิฟริตจะออกมาอาละวาด
เมื่อไร และการตายของฉันจะผลกระทบอย่างไรต่ออิฟริต
ที่ส�าคัญ ฉันอยากจะล้างแค้นราชาปิศาจสักตั้ง อย่างน้อยๆ ก็
อยากจะไปต่อว่าเขาให้ได้สักค�าหนึ่ง
ดังนั้น ฉันจึงตัดสินใจที่จะออกเดินทาง
ซึ่งเมื่อฉันบอกเรื่องนี้กับยูกิ เขาก็รับทราบโดยไม่ไถ่ถามอะไร
นี่เป็นการเอาแต่ใจครั้งสุดท้ายของฉัน ดังนั้นยกโทษให้หน่อย
แล้วกันนะ ฉันคิดว่าบางทีผู้กล้าเองก็อาจจะรู้สึกอย่างนี้เหมือนกันก็ได้

สถานที่ซึ่งฉันมุ่งหน้าไปคือราชอาณาจักรเบอร์มุนด์
ดูเหมือนว่าคุณไฮนซ์จะเกษียณตัวเอง และมอบให้บตุ รชายชือ่ ฟิวส์
รับต�าแหน่งกิลด์มาสเตอร์แห่งเบอร์มุนด์แทน
ฉันไปทักทายเขาและพูดคุยเรือ่ งสัพเพเหระเล็กน้อย ซึง่ ฉันก็คดิ
ว่าเป็นเรื่องดีที่ได้ฟังอะไรหลายๆ อย่าง
เห็นว่ามีการตรวจสอบพบว่าเวลโดร่าหายสาบสูญไป ตอนนี้
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 347
ก็เลยก�าลังลนลานรีบตรวจสอบกันเป็นการใหญ่
“ก็นะ ฉันเองก็เกษียนแล้วเลยไม่รเู้ รือ่ งมากนัก แต่เห็นไอ้ลกู ชาย
ฉันมันก�าลังปวดหัวอะไรก็ไม่รู้น่ะนะ”
คุณไฮนซ์ที่เอ่ยเช่นนั้นแล้วยิ้มเฝื่อน อาจจะดูเหมือนไร้ความ
รับผิดชอบ แต่มันคงหมายความได้ว่าเขาเชื่อมั่นในตัวของฟิวส์ผู้เป็น
บุตรชายถึงขนาดนั้นเลยนั่นเอง
พวกเราเคยเข้าร่วมศึกกวาดล้างปิศาจด้วยกันหลายครัง้ และฉัน
ก็จ�าได้ว่าฟิวส์คอยช่วยสนับสนุนฉันเป็นอย่างดี ถ้าฟิวส์คนนั้นถอยห่าง
จากการเป็นนักผจญภัยมาก้าวหนึง่ แล้วมาท�าหน้าทีบ่ ริหารสืบทอดต�าแหน่ง
จากพ่อ เขาจะต้องท�าได้ดีมากอย่างแน่นอน
“ขอบคุณค่ะ ขอโทษด้วยที่มารบกวนนะคะ”
ถ้าเป็นการรบกวนเข้าคงจะแย่ ฉันจึงเอ่ยลาแล้วลุกขึ้นยืน
การหายตัวไปของเวลโดร่าจะเป็นการชี้น�าทางจากสวรรค์หรือ
เปล่า? แต่ไม่ว่าอย่างไร ฉันก็จ�าเป็นจะต้องทะลุผ่านป่าไปอยู่ดี
“เออ คุณชิสุเองก็รักษาตัวล่ะ แล้วก็เห็นว่าหน่วยส�ารวจจะออก
เดินทางวันพรุง่ นี้ ถ้าจะลอดผ่านป่าไปละก็ ไปกับพวกเขาจนถึงระหว่างทางสิ”
คุณไฮนซ์เบือนหน้าไปอีกทางด้วยท่าทีไม่สนใจ แล้วพึมพ�าอย่างนัน้
เขาไม่หา้ มฉัน นีเ่ ป็นความห่วงใยทีม่ ากทีส่ ดุ เท่าทีค่ นซึง่ แสดงออก
ไม่เก่งอย่างเขาจะท�าได้
“ไม่เปลี่ยนไปเลยนะคะ คุณไฮนซ์ ขอโทษด้วยค่ะที่ต้องรบกวน
จนถึงท้ายที่สุด”
“ไม่ได้รบกวนอะไรสักหน่อย แล้วก็อย่าพูดว่าครั้งสุดท้ายด้วย
แล้วโผล่หน้ามาอีกนะ คุณชิสุ”
ค�าพูดของเขาท�าให้หัวใจของฉันรู้สึกอบอุ่น
“นั่นสินะคะ ถ้างั้นฉันไปละค่ะ”
ฉันโค้งศีรษะลงต�่า แล้วจากสถานที่นั้นมา
348
วันรุง่ ขึน้ ฉันหาตัวหน่วยส�ารวจทีค่ ณ
ุ ไฮนซ์พดู ถึงจนพบได้ดว้ ยดี
เหล่านักผจญภัยทั้งสามคน เป็นทีมที่ร่าเริงอารมณ์ดีตรงตามที่
ได้ยินมา
ฉันรูส้ กึ ขอบคุณจริงๆ ทีไ่ ด้พบกับพวกพ้องทีด่ ใี นการเดินทางครัง้
สุดท้าย ทว่าก็ลา� บากใจกับความเลินเล่อจนเกินไปของพวกเขาเหมือนกัน
พวกเราพบปัญหามากมายในระหว่างการเดินทางลอดผ่านมหา-
พงไพรแห่งจูร่า
ฉันรู้สึกประทับใจที่ว่าขนาดเป็นแบบนี้พวกเขายังกลายเป็น
นักผจญภัยแรงก์ B ได้ หากดูเฉพาะเทคนิคการต่อสู้ก็อาจจะเหมาะสม
กับแรงก์อยู่หรอก ทว่าส่วนที่เป็นพื้นฐานนั้นมั่วซั่วเกินไปแล้ว
ถึงกระนั้นพวกเราก็ยังเดินทางต่อไป แต่ฉันแทบล้มทั้งยืนตอน
ที่พวกเขาเอาดาบแทงรังของไจแอนต์แอนท์ เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นอย่าง
รวดเร็วจนไม่มีเวลาพอให้ฉันเตือนว่านั่นมันไม่ใช่
เนื่องจากฉันคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าพวกเขาจะท�าเรื่องแบบนั้น
ถ้าเป็นไฟของฉัน คงแผดเผาพวกไจแอนต์แอนท์ให้เป็นจุณได้
อย่างง่ายดาย แต่ฉันรู้สึกได้ว่าพลังกายของตนถดถอยลงเกินไปจนรู้ได้
ด้วยตัวเองว่ายากที่จะควบคุมพลังของตัวเองได้
แม้ว่าร่างเนื้อจะยังคงความสาวไว้ได้ด้วยพลังของอิฟริต แต่ดู
เหมือนว่าความแก่เฒ่าจะเริ่มมาเยือนพร้อมๆ กับที่พลังในการครอบง�า
ของฉันอ่อนด้อยลง ไม่สิ พูดว่าร่างเนื้อของฉันเริ่มกลับคืนสู่สภาพที่สม
กับวัยน่าจะถูกต้องมากกว่า
ยามที่อายุขัยของฉันหมดสิ้นลง อิฟริตจะถูกปลดปล่อยออกมา
ไหมนะ?
หรือว่ามันจะแตกดับไปพร้อมกับฉันด้วย?
นั่นเป็นเรื่องที่หากยังไม่ถึงเวลาก็ไม่อาจรู้ได้ ที่ฉันออกเดินทาง
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 349
ก็เพราะอย่างนั้นด้วย
ดังนั้นฉันจึงลังเลที่จะปลดปล่อยเปลวไฟออกมา
พวกเราโชคดีที่ได้กลุ่มคนซึ่งเดินทางผ่านมาช่วยเอาไว้ จึงรอด
ปลอดภัยมาได้ ทว่าฉันก็ล�าบากใจอีกที่คนเหล่านั้นเป็นพวกปิศาจที่
น่าสงสัยเสียจนไม่รจู้ ะสงสัยอย่างไร ว่ากันตามจริง นีถ่ อื เป็นประสบการณ์
ครั้งแรกที่ฉันได้รับความช่วยเหลือจากพวกปิศาจเลย...
ปิศาจเหล่านั้น คือฮ็อบก็อบลินซึ่งนั่งบนหลังหมาป่าปิศาจ
เรื่องที่พวกเขาเข้าใจภาษามนุษย์ได้แม้จะกระท่อนกระแท่นน่ะ
ช่างเถอะ แต่นา่ ตกใจเหลือเกินทีพ่ วกเขามีปศิ าจซึง่ เห็นได้ชดั ว่ามีระดับสูง
กว่าพวกเขาเป็นนายเหนือหัว
เป็นความน่าสงสัยที่ท้ังสามคนสมควรจะต้องตรวจสอบไม่ผิด
อย่างแน่นอน
เป้าหมายของฉันคือปราสาททีพ่ า� นักของราชาปิศาจเลออน โดย
เมื่อทะลุผ่านมหาพงไพรแห่งจูร่าออกไป เบื้องหน้านั้นก็คือเขตแดนใน
ปกครองของราชาปิศาจเลออน ดังนัน้ อันทีจ่ ริงแล้วฉันควรจะต้องแยกทาง
กับพวกเขาตรงนี้จึงจะถูกต้อง
แต่ว่าท�าไมกันนะ ฉันกลับตามทั้งสามคนไปด้วยเพราะรู้สึกว่า
อยากจะเห็นที่อยู่อาศัยของปิศาจเหล่านี้เหลือเกิน

ที่นั่น เป็นสถานที่ที่น่ามหัศจรรย์
เมืองทีพ่ วกเราถูกพามาหลังจากได้รบั การช่วยเหลือจากพวกปิศาจ
ใช่แล้ว ที่อยู่ของปิศาจเหล่านี้ไม่มีความเรียบง่ายที่ควรจะเรียก
ว่ารัง มันเป็นสถานที่ที่เรียกได้ว่าเมืองเท่านั้นอย่างแท้จริง
ฉันตกใจขนาดทีท่ า� ความเข้าใจตามไม่ทนั เพราะทีน่ นั่ ไม่ใช่รงั นอน
ซึ่งใช้ประโยชน์จากถ�้าหรืออะไรท�านองนั้น แต่เป็นเมืองที่ผู้อยู่อาศัยสร้าง
ขึ้นเองจากศูนย์อย่างเห็นได้ชัด
350
ทีถ่ กู ต้องอาจจะต้องเรียกว่าเมืองทีก่ า� ลังอยูร่ ะหว่างก่อสร้างกระมัง
มีการแบ่งเขตต่างๆ เรียบร้อย ส่วนเขตที่มีก�าหนดการจะก่อสร้างก็มีวัสดุ
กองทับสุมกันอยู่
จุดที่เป็นที่ใช้ชีวิตของเหล่าปิศาจนั้นยังมีเพียงเต็นท์ตั้งเรียงราย
และมีสิ่งปลูกสร้างเพียงแค่อย่างเดียว ซึ่งก็เป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างแบบ
ชัว่ คราว แต่เรือ่ งทีป่ ศิ าจลงมือสร้างเมืองโดยเริม่ กันตัง้ แต่รากฐานใต้ดนิ นัน้
เป็นเรื่องที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยในชิวิต
เมืองที่แปลกประหลาด
ทว่ามีชีวิตชีวา ทั้งที่เป็นปิศาจแต่ทุกตนกลับก�าลังท�างานด้วย
ท่าทางสนุกสนาน
ส่วนใหญ่แล้วเป็นฮ็อบก็อบลิน แต่ดเู หมือนว่าจะมีเผ่าแบล็กกาโร่
อาศัยร่วมด้วย แต่ทั้งนี้ฉันรู้สึกว่าพวกมันออกจะต่างจากเผ่าแบล็กกาโร่
อยู่เล็กน้อย ซึ่งฉันคิดว่าตัวเองไม่ได้คิดไปเองแน่
ผูน้ า� ของเหล่าฮ็อบก็อบลินเข้าใจภาษามนุษย์ได้คอ่ นข้างเหมือน
เป็นภาษาของตัวเอง เขาคงเป็นผูม้ สี ติปญ ั ญากระมัง แถมเขายังช่วยเตรียม
อาหารให้พวกเราอีกด้วย
ทว่าเรื่องน่าตกใจก็คือ ฮ็อบก็อบลินตนนั้นเองก็ไม่ใช่ผู้ปกครอง
ของที่นี่
แต่กลับมีสไลม์ตัวหนึ่งยืนเชิดอกด้วยท่าทางหยิ่งผยองราวกับ
ราชา เขาเป็นสไลม์ ดังนัน้ การบรรยายว่ายืนเชิดอกก็อาจจะฟังดูตลก แต่
ท่าทีของเขานั้นไม่ทราบว่าควรหาค�าไหนมายกตัวอย่างแทนดีแล้ว
สิง่ ทีแ่ ปลกประหลาดทีส่ ดุ ในเมืองนี้ นัน่ คือเจ้าสไลม์ตวั นีน้ เี่ องที่
เป็นผู้ปกครองของเหล่าปิศาจ

ตลกจริงๆ
ฉันเผลอพ่นสิง่ ทีอ่ มอยูใ่ นปากออกมาเมือ่ ได้ยนิ ค�าพูดของเจ้าสไลม์
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 351
ทัง้ ทีเ่ ป็นปิศาจ แต่กลับมาพูดว่าตัวเองไม่ใช่สไลม์ไม่ดนี ะ เนีย่ นะ!
ในตอนนั้น ฉันนึกถึงเรื่องของสิ่งที่เรียกว่าเกมซึ่งยูกิเคยเล่าให้
ฟังขึ้นมาได้
บังเอิญหรือเปล่านะ? ความสงสัยนัน้ ผุดขึน้ มาในใจของฉันอย่าง
กะทันหัน
บรรยากาศอันอ่อนโยน คลายกังวลได้อย่างบอกไม่ถูก
สไลม์มหัศจรรย์ที่ท�าให้ฉันนึกถึงบ้านเกิดที่แสนคิดถึง
ฉันได้ลมิ้ รสชาติของความรูส้ กึ ทีเ่ หมือนว่าหัวใจได้รบั การเติมเต็ม
แม้จะเป็นการแวะออกนอกเส้นทาง แต่ก็ดีจริงๆ ที่ได้มา
การพบกันครั้งนี้คงเป็นโชคชะตา------- ฉันคิดอย่างนั้น
แต่ทั้งที่เป็นอย่างนั้น-------

ช่วงเวลาอันสนุกสนานกลับสิ้นสุดลงอย่างกะทันหัน
อายุขัยของฉันก�าลังจะหมดลง
ฉันยัง ฉันยัง------- ท�าตามเป้าหมายไม่ส�าเร็จเลยแท้ๆ...
ความรู้สึกของฉันสัมผัสได้ว่าสติสัมปชัญญะของอิฟริตจ้องเล็ง
วินาทีที่อายุขัยของฉันก�าลังจะหมดลงเพื่อเข้าครอบครองร่างกายของฉัน
ยังไม่ได้... ถ้าเป็นที่นี่ละก็ฉันจะสร้างความเดือดร้อนให้พวกเขา
อย่างน้อย ครั้งสุดท้าย------
ทว่ามนุษย์มารปรากฏกายขึน้ ราวกับจะหัวเราะเยาะตัวฉันทีเ่ ป็น
เช่นนั้น
แล้วสติของฉันก็ดับวูบไป

ผมชะโงกมองอาการของเธอ
352
เธอคงอยู่ได้อีกไม่นาน
สติของเธออาจจะไม่กลับคืนมาแล้วก็ได้
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็คิดว่าผมจะดูแลเธอไปจนถึงท้ายที่สุด
ในฐานะผู้มีบ้านเกิดร่วมกัน
นักผจญภัยทั้งสามคนที่ได้รับบาดเจ็บร่าเริงกันดี ถึงจะบ่นกัน
ว่ายอมรับไม่ได้ว่าทั้งที่บาดเจ็บสาหัสขนาดนี้แต่กลับขอค่าเผชิญอันตราย
เพิ่มไม่ได้ก็เถอะ
“นี่มันหมายความว่ายังไงคะเนี่ย? ไม่เหลือรอยแผลไหม้เลย
สักนิด... ว่ากันตามจริงผิวกลับทั้งลื่นทั้งเนียนด้วยนะคะเนี่ย!!”
“ยอดไปเลย... บาดแผลขนาดนัน้ นึกว่าจะขยับไปไหนไม่ได้เป็น
อาทิตย์แท้ๆ เลยนะ...”
“ตกใจหมดเลยครับ มียาฟืน้ ฟูทสี่ ดุ ยอดขนาดนีอ้ ยูด่ ว้ ยหรือครับ
เนี่ย”
และสภาพบาดแผลก็ไม่มีปัญหา พวกเขาหายดีดังเดิมด้วยยา
ฟื้นฟูที่ผมให้ไป
“ว่าแต่ แบบนี้ในทางกลับกัน... เราก็ขอเบิกค่าเผชิญอันตราย
ไม่ได้น่ะสิคะ?”
“นั่นสินะ คงไม่มีใครยอมเชื่อหรอก...”
“นั่นสินะครับ... แต่ยังไงก็ดีกว่าได้แผลกลับไปนั่นละครับ!”
แล้วหลังจากนั้นก็เริ่มถกเถียงกันเรื่องผลประโยชน์อีกต่างหาก
เป็นพวกที่สบายอารมณ์ดีเหลือเกินจริงๆ
แถมท่าทางพวกเขาจะไม่มคี วามคิดแบ่งแยกกับปิศาจ ดังนัน้ เมือ่
ผมบอกว่าอยากจะไปเที่ยวที่เมืองเมื่อเหตุการณ์สงบลงแล้ว
“ถ้ายังไงละก็จะฝากให้พวกเราบอกกิลด์มาสเตอร์ให้ไหมล่ะ?”
พวกเขาก็บอกผมอย่างนั้น
ผมจึงตอบรับค�าพูดนัน้ ด้วยความยินดี โดยรบกวนฝากให้พวกเขา
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 353
บอกกิลด์มาสเตอร์ให้
เพราะผมมีความหลงใหลในนักผจญภัย จึงอยากจะให้ละเว้น
เรื่องยุ่งยากอย่างหลักฐานยืนยันตัวเองอะไรท�านองนั้น แต่ก็ยังน่าสงสัย
ด้วยว่าเป็นปิศาจแล้วจะขึ้นทะเบียนเป็นนักผจญภัยได้หรือไม่
ในส่วนนั้น คาบาลได้ให้สัญญาว่าจะจัดการให้เรื่องถูกส่งไปถึง
กิลด์มาสเตอร์อย่างราบรืน่ ถ้าออกชือ่ ว่าเป็นริมรุ ุ พวกนีเ้ ป็นคนดีจริงๆ นัน่ ละ
ผมจึงอารมณ์ดี และตัดสินใจมอบของขวัญก่อนจากลาให้พวกเขา
พวกเรามีผลงานทีเ่ พิง่ ท�าเสร็จสดๆ ร้อนๆ โดยคนแคระสามพีน่ อ้ ง
ที่ผมชวนมาอยู่ โดยเป็นผลงานทดลองที่พวกเราจัดเตรียมวัสดุกันด้วย
ตัวเอง ทว่าประสิทธิภาพนั้นเรียกว่าดีใช้ได้ทีเดียว
สไปเดอร์โรป (ชุดคลุมใยเหนียวหนืดเหล็กกล้า) : ชุดคลุมสีขาว
บริสุทธิ์ที่ใช้เส้นใยแมงมุมถักทอ
สเกลเมล (ชุดเกราะเกล็ดกระดอง) : ชุดเกราะหนักซึ่งท�าขึ้น
จากกระดองของกิง้ ก่า ทว่ามีนา�้ หนักเบาตรงกันข้ามกับรูปลักษณ์ภายนอก
และประสิทธิภาพของมัน
ฮาร์ดเลเธอร์อาเมอร์ (ชุดเกราะหนังแข็ง) : ผลงานซึง่ ท�าขึน้ โดย
การดัดแปลงหนังของปิศาจที่พบในบริเวณรอบๆ มีผลในการต้านทาน
เวทมนตร์
ผมเตรียมอุปกรณ์ดงั กล่าว ยาฟืน้ ฟู 10 ขวด และอาหาร จากนัน้
ก็มอบให้กับพวกเขา
“เดีย๋ ว! ชุดคลุมนีม่ นั อะไรกันคะ!! นอกจากจะเบาแล้วยังแข็งแรง!
แถมสวยสุดๆ ไปเลย!”
“โอ้ว------!! สเกลเมลที่ใฝ่ฝัน!! นะ นี่มันผลงานของอาจารย์-
การ์มไม่ใช่เหรอเนี่ย!? ผมจะเก็บไว้เป็นสมบัติประจ�าตระกูลเลยครับ!!”
“จะดีหรือครับ? ผลงานนี่ดีจนน่าเสียดายส�าหรับจะให้คน
อย่างผมเลยนะครับ... ใช้กระทั่งหนังของกาโร่เลยนะครับ!?”
354
จะว่าไงดีหว่า คือพวกเขาดีใจโหวกเหวกกันใหญ่เลย
ก็นะ เห็นบ่นกันว่านอกจากอุปกรณ์จะเสียหายไปหมดเพราะไฟ
แล้ว เงินรางวัลยังไม่พอจะหาซื้อมาเปลี่ยนด้วยนี่นา ถึงจะไม่ใช่ความผิด
ของผม แต่ผมก็นึกสงสารพวกเขาอยู่นิดหน่อยเหมือนกัน
ของทีใ่ ห้ ถึงเป็นของทีท่ ดลองท�าขึน้ ก่อนจะเริม่ ผลิตจ�านวนมาก
ในภายหลัง แต่กม็ ปี ระสิทธิภาพดี ดังนัน้ คงไม่มอี ะไรจะบ่นกันหรอก แถม
เห็นดีใจกันขนาดนั้นก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร
เอาเถอะ ถ้าดีใจกันขนาดนีล้ ะก็ คงไม่ลมื เรือ่ งทีว่ า่ จะบอกกิลด์-
มาสเตอร์ให้แน่ แถมสุดท้าย ทั้งสามยังเรียกผมว่าพี่ชาย! อย่างสนิมสนม
เสียด้วย
ทั้งสามเป็นห่วงเรื่องคุณชิสุจนถึงท้ายที่สุด จึงพักอยู่ที่นี่ 3 วัน
ก่อนจะเดินทางจากไป
เห็นว่าพวกเขาต้องน�าเรือ่ งกลับไปรายงาน ดังนัน้ คงจะอยูร่ งั้ ทีน่ ี่
นานๆ ไม่ได้กระมัง แต่ดจู ากการทีพ่ วกเขาเป็นห่วงคุณชิสทุ เี่ ป็นเพียงเพือ่ น-
ร่วมทางมาจนถึงแถวๆ นี้ตั้งแต่แรก ก็บ่งบอกได้ว่าพวกเขาเป็นคนดี
เมือ่ ผมสัญญาว่าจะรับผิดชอบดูแลคุณชิสุ พวกเขาจึงยอมรับได้
และเดินทางจากไปในที่สุด

เมื่อเวลาผ่านไป 1 สัปดาห์
คุณชิสุจึงลืมตาตื่นขึ้น
“ที่นี่คือ------- อย่างนั้นเองหรือ... ฉันสร้างความเดือดร้อนให้
ซะแล้วสินะ”
ดูเหมือนว่าสติสัมปชัญญะของเธอจะแจ่มชัดดี
แม้จะกลายเป็นมนุษย์มาร แต่กด็ เู หมือนว่าเธอจะจ�าทุกอย่างได้
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 355
ชัดเจน
“ฉัน ฝันละ... ฝันที่ชวนให้คิดถึง เมืองที่ฉันเคยอาศัยเมื่อสมัย
ก่อน... เมืองที่ฉันกลับไปไม่ได้อีกแล้ว-------”
หมายถึงญี่ปุ่นรึ?
“นี่ คุณสไลม์ คุณชื่ออะไรหรือ?”
ผมน่าจะแนะน�าตัวไปแล้วนี่นาว่าริมุรุ... หรือว่าจะหลงซะแล้ว?
“ชื่อริมุรุ”
พอผมบอกอย่างนั้น คุณชิสุก็หลับตาลงเหมือนครุ่นคิดอะไร
บางอย่าง
“จะไม่ยอมบอกชื่อที่แท้จริงให้ฉันฟังหน่อยหรือ?”
แล้ว ถามผมอย่างนั้น
รู้สึกตัวด้วยเหรอ? ผมลังเลอยู่ชั่วขณะ ทว่า
“อืม จะยังไงคุณก็อยู่ได้อีกไม่นานแล้ว ฉันจะบอกก็ได้ ฉันชื่อ
มิคามิ ซาโตรุ”
ชื่อที่แท้จริง ชื่อที่ผมคิดว่าจะไม่มีวันได้เอ่ยอ้างอีกแล้ว
“ว่าแล้วเชียว เป็นคนบ้านเดียวกันจริงๆ ด้วยสินะ... ฉันก็คิดอยู่
เหมือนกันว่าน่าจะใช่ บรรยากาศมันบอกน่ะ”
เธอเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยต่อ
“ฉันได้ฟงั มาจากพวกนักเรียนของฉันด้วย เห็นว่าทีน่ นั่ กลายเป็น
เมืองทีส่ วยงามเลยเหรอ? เมืองทีไ่ ม่วา่ จะมองไปทางไหน ก็เห็นแต่ทะเล-
เพลิงนั่นน่ะ...?”
“อื้อ ถ้ายังไงละก็ ฉันจะให้คุณดูแล้วกัน”
เอ่ยเช่นนัน้ แล้ว ผมก็ใช้สกิล 『จิตสือ่ สาร』 สือ่ ความทรงจ�าของ
ผมให้เธอดู
เวลาแบบนี้มันท�าให้รู้สึกจริงๆ ว่าสกิลนี่มันสะดวกเป็นบ้า
“อา...”
356
คุณชิสุหลั่งน�้าตาออกมา
“นี่ คุณสไลม์... ไม่สิ คุณซาโตรุ ฉันมีเรื่องอยากจะขอร้อง ช่วย
รับฟังหน่อยได้ไหม?”
“อะไรเหรอ?”
อย่างไรซะก็คงไม่ใช่ค�าขอดีๆ แน่
แต่ผมสัญญาไว้แล้วว่าจะดูแลเธอจนถึงท้ายที่สุด ดังนั้นกับแค่
ค�าขอ ผมจะรับฟังก็ได้
“ช่วยกินฉันด้วยเถอะ...”
ว่าไงนะ? คุณยายคนนี้พูดอะไรของเขาเนี่ย?
“คุณช่วยกิน... ค�าสาปของฉันเข้าไปใช่ไหมล่ะ...? ฉันดีใจมาก
เลยละ... ฉันอยากจะต่อว่าเจ้าคนทีม่ นั สาปฉันสักหน่อย----- แต่ไม่วา่ ยังไง
อย่างฉันก็คงจะท�าไม่ได้หรอก...------นีเ่ ป็นค�าขอร้องสุดท้ายของฉัน------
ขอให้ฉันได้หลับอยู่ในตัวคุณได้ไหม?”
คุณชิสุบอกเล่าอย่างสงบ
ทว่านัยน์ตานัน้ เปีย่ มล้นไปด้วยความรูส้ กึ ทีไ่ ม่อาจยอมแพ้ได้-----
เป็นแววตาที่ท�าให้หัวใจของผมต้องว้าวุ่นอย่างไร้เหตุผลและโหดเหี้ยม...
“ฉันน่ะนะ------ เกลียดโลกนี้ แต่ถงึ กระนัน้ ฉันก็แค้นโลกนีไ้ ม่ลง
อย่างกับว่ามันเป็นผูช้ ายคนนัน้ เลย... ฉันอาจจะมองโลกนีซ้ อ้ นทับกับผูช้ าย
คนนั้น-------ก็เป็นได้... เพราะฉะนั้น ฉันจึงไม่อยากจะถูก โลกนี้ดูดกลืน
เข้าไป ขอร้องละ------ ได้โปรด ช่วยกินฉันด้วยจะได้ไหม...”
อืม เป็นค�าขอทีไ่ ม่ยากเย็นอะไรเลย มันเป็นเรือ่ งง่ายดายอย่างยิง่
ส�าหรับผม
แต่มนั เป็นค�าขอทีจ่ ะผูกมัดและเป็นค�าสาปส�าหรับผม ผมจะต้อง
สืบทอดความเจ็บแค้นของเธอต่อไป
ผมมีความลังเลหรือเปล่า?
การจะท�าให้เธอได้จากไปอย่างไร้กังวลนั้นมีเพียง------- ถ้างั้น
บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 357
ค�าตอบก็ชัดเจนอยู่แล้ว
“ได้สิ ฉันจะรับสืบทอดความคิดค�านึงของคุณเอง ผูช้ ายทีท่ า� ให้
คุณต้องทุกข์ทรมานคนนั้น ชื่อว่าอะไรล่ะ?”
ค�าพูดของผมท�าให้คุณชิสุเบิกตากว้าง ใบหน้าที่มีแผลไฟไหม้
หลงเหลือนั้นแข็งตึง แล้วน�้าตาก็หลั่งรินออกมา
“เลออน ครอมเวลล์ หนึง่ ใน “ราชาปิศาจ” ทีแ่ ข็งแกร่งทีส่ ดุ -----”
จากนั้นเธอก็จ้องมองผมราวกับจะภาวนา
“ฉันขอสัญญา! ในนามของมิคามิ ซาโตรุ... ไม่สิ ในนามของริมรุ ุ
เทมเพสต์! ฉันจะบอกความรูส้ กึ ของคุณให้เลออน ครอมเวลล์ได้รซู้ งึ้ และ
ท�าให้มันต้องเสียใจให้ได้”
ขอบคุณมาก------- เธอกระซิบอย่างนั้น
จากนั้นก็หลับตาลง และสิ้นใจเหมือนกับนอนหลับไป------

《ต้องการใช้ยูนีคสกิล 『นักล่าเหยื่อ』 หรือไม่?


YES/NO》

------ หลับให้สงบเถอะ อยู่ในตัวของผม!


ผมคิดพลางตั้งสตินึกค�าว่า YES!
ราวกับจะอธิษฐานให้เธอได้หลับอย่างสงบ...
เพือ่ ให้เธอได้เห็นความฝันทีแ่ สนสุขโดยไม่มวี นั ตืน่ ตลอดกาลอยู่
ในตัวของผม

ก็อก ก็อก ก็อก...

358
เธอ เงยหน้าขึ้น
ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่แสนน่ารักน่าชัง
จากนั้นความสบายใจและรอยยิ้มน้อยๆ ก็ผุดขึ้นบนใบหน้านั้น
(อยู่ที่นี่เองเหรอคะ! อย่าทิ้งฉันไปไหนอีกนะคะ!)
ทว่าเงาร่างของคนผู้นั้นส่ายศีรษะ แล้วชี้มือไปยังจุดหนึ่ง
เด็กหญิงจึงหันใบหน้าที่มีความโศกเศร้าผุดขึ้นไปตามทิศทางที่
มือชี้ไป...
และที่ตรงนั้น------
(คุณแม่!!)
เด็กหญิงวิง่ ไปหาผูเ้ ป็นมารดาด้วยร่างกายทีส่ นั่ เทิม้ ไปทัง้ ตัวด้วย
ความยินดี
ฝ่ายเงาร่างนั้น เมื่อแน่ใจในภาพตรงหน้าแล้วก็เลือนหายไป
ราวกับไม่มีอะไรอยู่ที่นั่นตั้งแต่ต้น
------- นั่นอาจเป็น... ภาพลวงตาที่ความคิดค�านึงของเด็กหญิง
สร้างขึ้นก็เป็นได้

และแล้วเด็กหญิง ก็ได้พบมารดาอีกครั้งด้วยประการฉะนี้
บัดนี้ การเดินทางอันแสนยาวนานของเธอ ได้มาถึงจุดสิน้ สุดแล้ว

บทที่ 4 ผู้ปกครองแห่งเพลิงกัมปน�ท 359


คุณชิสุจากไป
โดยมอบเป้าหมายอย่างหนึ่งไว้ให้ผม
ที่ผ่านมาผมคิดแต่จะหลบหลีกภัยอันตรายไม่ให้มาถึงตัวเอง
แต่หลังจากนี้ไป ผมจ�าเป็นจะต้องรวบรวมข้อมูลของ “ราชาปิศาจ” ด้วย
เสียแล้ว แม้จะตอบรับอย่างง่ายๆ แต่เมื่อสัญญาแล้วก็ต้องท�าให้ส�าเร็จ
ก็ผมเป็นชายที่รักษาสัญญานี่นา

เธอยังเหลือความสามารถใหม่ไว้ให้ผมอีกด้วย
นัน่ คือยูนคี สกิล 『นักแปรสภาพ』 กับเอ็กซ์ตร้าสกิล 『บงการ-
เพลิงผลาญ』
แล้วผมยังกินอิฟริตเข้าไปเป็นของแถมด้วยใช่ไหมนี่ แม้จะไม่ใช่
ศัตรูของผม แต่เจ้านี่เองก็เป็นตัวอันตรายเหมือนกัน
อิฟริตอยู่ในแรงก์เกินกว่าระดับ A เหรอ
ก็จริงทีไ่ ม่วา่ งูดา� หรือหมาป่าด�าก็ไม่นา่ จะเอาชนะมันได้ อันทีจ่ ริง
ก็คอื คงท�าอะไรไม่ได้เลยมากกว่าเพราะไม่มวี ธิ โี จมตีทนี่ า่ จะใช้กบั มันได้ผล
ดูเหมือนว่าการจะขึ้นสูงเกินกว่าแรงก์ A นั้นจะมีก�าแพงขวางกั้นอยู่ แต่
ก็เป็นเรื่องที่ท�าความเข้าใจได้
ท่าทางคงจ�าเป็นจะต้องด�าเนินการวิเคราะห์สกิลไปทีละน้อยด้วย
แต่ว่า ก่อนหน้านั้น!
ผมยังมีหวั ข้อส�าคัญทีจ่ า� เป็นต้องเร่งตรวจสอบเป็นอันดับหนึง่ อยู่
ใช่แล้ว! การจ�าลองกายเป็นมนุษย์นั่นเอง!!
ผมเข้าไปในเต็นท์อย่างง่ายส�าหรับผมโดยเฉพาะซึง่ ถูกสร้างขึน้ ใหม่
และปิดประตูหลังจากตะโกนบอกทุกคนแล้วว่าไม่ว่าใครก็ห้าม
เข้ามาเด็ดขาด!
หึหึหึ หึฮะฮะ หึฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!
หลังใช้การหัวเราะ 3 ระดับอย่างถูกต้องตามหลักการแล้ว ผมก็
362
“แปลง ~ ร่าง!”
ใช้สกิลจ�าลอง : มนุษย์ แม้ว่าจะไม่มีซาวด์เอฟเฟกต์ให้ก็เถอะ
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเฝ้ารอผลการจ�าลองกายอย่างสนุกสนาน
ขนาดนี้
ทว่า
...อ้าว? เอ๋เอ๋เอ๋!?
ไม่มีหมอกสีด�าปรากฏออกมาเหมือนอย่างทุกครั้ง
นี่มันอะไรกันเนี่ย!? ผมคิดในใจ แต่ไม่รู้ว่าท�าไมระดับสายตา
ของผมจึงสูงขึ้นเล็กน้อย
ว่ากันตามจริงคือมีมอื เท้างอกออกมาจากร่างของผม และสีของ
ร่างกายก็เปลี่ยนจากสีขาวอมฟ้ามาเป็นสีเนื้อของมนุษย์ด้วย
อืม อืมมม?
ผมเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจนัก แต่รู้สึกว่ามันต่างจากที่ผมต้องการ
น่าแค้นใจชะมัดที่ไม่มีกระจก
แต่ว่า นะ
แม้จะไม่ค่อยอยากยอมรับ แต่ผมจ�าได้ว่าผมเคยอยู่ในสภาวะ
อย่างในตอนนี้
ในอดีตนานมาแล้ว ใช่ นีเ่ ป็นสภาวะของผมเมือ่ ประมาณ 30 ปี
ก่อนหน้านี้ ตอนที่อายุประมาณไม่รู้ว่าจะขึ้นเรียนชั้นประถมหรือยัง ผมก็
รู้สึกประมาณนี้แหละ
ช่วยรอก่อนได้ไหม
ผมตกใจมากเกินไปจนรูส้ กึ ตัวช้าไปหน่อย แต่วา่ มีความผิดพลาด
ที่ยิ่งไปกว่านั้นอยู่อีก
มันไม่มี
ลูกชายของผมที่ควรจะได้หวนกลับมาเกิดใหม่... รูปลักษณ์ของ
รุ่นที่ 2 ไม่ยอมปรากฏออกมา!
บทส่งท้�ย รูปลักษณ์ที่ได้รับสืบทอด 363
มะ หมายความว่าไงเนี่ย?
ผมละล้าละลัง
และลนลานรีบตรวจสอบที่หว่างขาของตนอย่างรวดเร็ว
จากนั้นผมก็ได้ค้นพบ ความจริงที่น่าตกใจ...
มะ ไม่มีอะไรเลย เรียบแบน ไม่มีอะไรเลย
พอลอง คิดดูให้ด~๊ี ดีแล้ว ตอนทีจ่ า� ลองกายเป็นปิศาจ ผมไม่เคย
เกิดข้อสงสัยแบบนี้มาก่อนก็จริง นั่นคือในเมื่อผมไม่มีความจ�าเป็นต้อง
ขับถ่าย ก็แน่นอนว่าผมย่อมไม่ควรจะมีอวัยวะส�าหรับการขับถ่าย
ซึ่งก็หมายความว่าในเมื่อผมไม่จ�าเป็นต้องสืบพันธุ์แล้ว ผม
จ�าเป็นจะต้องมีอวัยวะส�าหรับสืบพันธุ์หรือไม่?
ค�าตอบก็คือ------- สภาพของผมในตอนนี้ สินะ...
ความรูส้ กึ สูญเสียอันยิง่ ใหญ่ กับความรูส้ กึ เข้าใจว่าอย่างนีน้ เี่ อง!
ประดังเข้าจู่โจมผม
หรือว่า! พอผมลนลานลองตรวจสอบส่วนศีรษะบ้าง ก็สมั ผัสได้
กับสิ่งที่นุ่มฟู
ผมจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก ดีจริงๆ ที่ดูเหมือนจะไม่ได้เป็น
รูปร่างที่น่าสงสัยเหมือนกับมนุษย์ต่างดาว!
พอลองคิดดูแล้ว ตอนเป็นหมาป่าด�าเองแผงขนก็นมุ่ ฟูเหมือนกัน
ถ้าไม่มขี นละก็จะกลายเป็นสัตว์ประหลาดแบบไหน... เพียงแค่จนิ ตนาการ
ก็แขยงแล้ว ดังนั้นเลิกเถอะ เลยจากนี้ไปมันจะเริ่มอันตรายละ
เอาละ นีผ่ มลนลานไปหน่อย จนไม่สมกับตัวผมทีแ่ สนจะนิง่ ขรึม
อยู่เสมอหรือเปล่านะ?
ป่านนีแ้ ล้ว เอาเป็นว่าผมรับเรือ่ งลูกชายได้แล้วกัน ถึงจะไม่อยาก
ยอมรับนัก แต่ก็ยังดีว่าเป็นสไลม์แหละ...
แย่ชะมัดทีไ่ ม่สามารถตรวจสอบรูปร่างทัง้ ตัวได้... พอคิดถึงตรงนัน้
ไนซ์ไอเดียทีว่ า่ ไม่ลองใช้สกิล 『แยกร่าง』 ทีไ่ ด้มาจากการกินอิฟริตเข้าไป
364
ก่อนหน้านี้ดูล่ะ? ก็ผุดขึ้นมาในหัว
สมแล้วที่เป็นผม ถึงไม่รู้ว่าเวลาอยู่ในสภาพนี้แล้วจะท�าได้
หรือเปล่าก็เถอะ แต่ลองดูละกัน
หมอกสีด�าเริ่มลอยคลุ้งออกมาจากร่างกายของผม ก่อนจะเริ่ม
รวมตัวกันเป็นรูปร่างของมนุษย์ที่ตรงหน้า ดูท่าว่าจะท�าส�าเร็จโดยไม่มี
ปัญหาอะไรแฮะ การแยกร่างส�าเร็จในชั่วพริบตา และ ณ ที่นั้น------
------ แบบนี้มัน สุดๆ เลย
ค�าว่าสุดๆ ในที่นี้มีความหมายหลายอย่าง
ก่อนอื่นคือรูปลักษณ์ภายนอก
นี่มันเด็กหญิงรูปงาม? เด็กชายรูปงาม? ผู้มีดวงตาใสปิ๊งน่ารัก
กับเรือนผมสีเงินอมฟ้าอ่อนๆ ...เนือ่ งจากไม่มเี พศทีถ่ กู ต้องจึงต้องบอกว่า
เป็นกลาง... แต่ถ้าพูดจากแค่ที่ตาเห็นแล้วละก็ รูปหน้าจะค่อนไปทาง
เด็กหญิงมากกว่า
คงเพราะร่างพื้นฐานคือคุณชิสุละมั้ง จึงมองไม่เห็น DNA ของ
ผมเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้จ�าลอง DNA ของคุณชิสุขึ้น
มาเฉยๆ ด้วยเหมือนกัน อย่างเช่นสีผมก็อย่างหนึ่งละ แถมตาเองก็เป็น
สีทอง ถ้าจ�าไม่ผิดเวลโดร่าเองก็มีดวงตาสีทอง ดังนั้นตาของปิศาจชั้นสูง
อาจจะเป็นสีทองก็ได้
จะว่าไปแล้ว ดูเหมือนว่าตาของรันก้าเองก็จะเปลีย่ นจากสีเลือด
มาเป็นสีทองเหมือนกันแฮะ ถึงดูเหมือนว่าสีจะเปลีย่ นแปลงไปตามสภาพ
ความตืน่ ตัวก็เถอะ หรือบางทีสอี าจจะเปลีย่ นไปเพราะเข้ามาสังกัดอยูก่ บั
ผมก็ได้
ที่รูปร่างภายนอกจะไม่ได้รับผลกระทบจากชาติที่แล้วก็คงป็น
เรื่องธรรมดา เพราะผมมาที่โลกนี้เพียงแค่วิญญาณนี่นา

366
สรุ ป แล้ ว ก็ คื อ กล่ า วได้ ว ่ า ปั จ จั ย ของรู ป ลั ก ษณ์ ภ ายนอกนั้ น
ส่วนใหญ่ประกอบขึน้ จาก DNA ของคุณชิสุ เป็นเด็กผูห้ ญิงทีส่ วยจนน่ากลัว
เลยนะครับ คุณชิสุ...
ส่วนอีกปัจจัยหนึ่งก็คือผิวพรรณงดงามเด้งดึ๋งดั๋งไร้แววที่จะ
แห้งเหี่ยวของสไลม์ รูปร่างของผมในตอนนี้ คงจะถือก�าเนิดขึ้นจากการ
รับสืบทอดจุดที่ดีๆ มารวมกันละมั้ง เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว
เด็กที่แสนน่ารักก�าลังยืนเปลือยเปล่าอยู่ แต่ก็นะ ไม่มีอะไรที่
สมควรจะต้องปิดต้องบังติดอยู่เลยนี่นา...
ไม่สิ ปัญหาไม่ได้อยูต่ รงนัน้ มันแย่ในแง่ของความสมเหตุสมผล
ต่างหาก ถึงที่นี่จะไม่มีต�ารวจก็เถอะ
แต่อย่าว่าโง้นงี้เลย หน้าตาน่ารักน่าชังเอามากๆ จริงๆ ตรงนี้คง
ต้องพูดว่ากู๊ดจ๊อบครับคุณชิสุ! สินะ
ตัวผมเองก็เป็นไนซ์กาย แต่ไม่ใช่เด็กหนุ่มรูปงามหรอกนะ ถึง
จะใช้สกิลปรับแต่งความทรงจ�าสักแค่ไหนก็ไม่ได้ผล
ส�าหรับเรื่องนี้ ควรขอบคุณคุณชิสุอย่างตรงไปตรงมาจะดีกว่า
จากนั้นผมก็หยิบขนสัตว์ซึ่งมีเตรียมไว้ในเต็นท์อย่างง่ายนั้นมา
คลุมตัว แล้วส่งให้กับร่างแยกด้วย
ต่อไปนี้คงต้องเตรียมเสื้อผ้าเสียแล้วละ

คราวนี้มาเข้าเรื่องหลักอีกอย่างหนึ่ง
สาเหตุของค�าว่าสุดๆ ในหัวข้อหลัก ก็คอื เรือ่ งของความสามารถ
แม้จะบอกว่าเป็นร่างแยก แต่มันลิงก์เข้ากับตัวผมซึ่งเชี่ยวชาญ
สกิลคิดค�านวณในใจอย่างสมบูรณ์แบบ
สรุปแล้วก็คอื ไม่วา่ จะร่างไหนก็คอื ตัวผม ไม่มคี วามแตกต่างใดๆ
ระหว่างร่างจริงกับร่างแยก
ไม่สิ ความสามารถของร่างแยกของอิฟริตนัน้ ด้อยลงกว่าร่างจริง
บทส่งท้�ย รูปลักษณ์ที่ได้รับสืบทอด 367
อย่างเห็นได้ชดั แต่ผมกลับรูส้ กึ ว่าร่างแยกของผมไม่ได้ดอ้ ยไปกว่าร่างจริง
เลย ไม่สิ อาจจะด้อยกว่าอยู่นิดหน่อยแฮะ
ความแตกต่างนั้นมีอยู่
นั่นคือปริมาณความจุของแก่นเวท ร่างแยกคงจะมีความจุแค่
เพียงปริมาณของแก่นเวททีผ่ มใช้ไปในตอนแรกเท่านัน้ ทว่าก็สง่ มอบแก่นเวท
ให้มากขึ้นตั้งแต่แรกได้
ปริมาณความจุแก่นเวทของผมนัน้ มีคอ่ นข้างมาก ดังนัน้ ร่างแยก
คงจะเป็นก�าลังรบที่ไม่เลวเลย ขึ้นอยู่กับวิธีใช้งาน
แต่ทงั้ นีอ้ ฟิ ริตน่ะแยกร่างได้ถงึ 10 ร่าง ในขณะทีร่ า่ งแยกของผม
คงจะมีความสามารถสูงเกินไปก็เลยแยกได้เพียงร่างเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ถ้ามองจากสายตาของศัตรูแล้ว สกิลนีค้ งออกจะ
ขี้โกงทีเดียว เพราะนี่เป็นสกิลที่สร้างร่างแยกซึ่งมีความสามารถทาง
กายภาพเช่นพลังโจมตีหรือพลังป้องกันเทียบเท่ากับร่างจริงได้เลย

เหตุผลข้อสุดท้าย
นั่นคือความไม่รู้สึกผิดแปลกในการจ�าลองกาย
ผมรู้สึกตัวในตอนที่ไม่มีหมอกด�าปรากฏออกมา
ยกตัวอย่างเช่นหมาป่าด�า
เมื่อผมพยายามจะจ�าลองกายเป็นหมาป่าด�า ร่างจ�าลองนั้นจะ
ประกอบขึ้นด้วยหมอกด�า ซึ่งท�าให้มีความสามารถด้อยกว่าร่างสไลม์ซึ่ง
เป็นร่างหลัก
เนือ่ งจากร่างสไลม์ไม่มมี อื เท้า จึงท�าให้ดไู ม่โดดเด่นเพราะมีขอ้ จ�ากัด
ด้านการเคลื่อนไหวทางกายภาพ ทว่าความสามารถด้านเซลล์นั้นสูงมาก
เซลล์แต่ละเซลล์ล้วนแล้วแต่เป็นกล้ามเนื้อ เป็นสมอง และเป็นประสาท
เข้าใจหรือเปล่า? คนเราจะมองเห็นด้วยตา ส่งข้อมูลด้วยประสาท
จนกระทั่งไปถึงสมอง
368
แต่สไลม์ไม่จ�าเป็นต้องมีขั้นตอนดังกล่าว
ถึงไม่มกี ารรับรูพ้ นั เท่าทีไ่ ด้รบั การปรับเปลีย่ นโดย 『มหาปราชญ์』
แต่ความเร็วปฏิกิริยาตอบสนองของผมก็เหนือกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว
ถ้าเป็นร่างหมอกด�า กว่าทีข่ อ้ มูลจะส่งไปถึงสมอง = ร่างหลักนัน้
จะเกิดความแตกต่างของเวลาขึ้นเล็กน้อย ซึ่งบางทีที่ร่างแยกมีความด้อย
กว่าร่างจริงนิดหน่อย ก็คงมีสาเหตุมาจากส่วนนี้นั่นเอง
แต่ถ้าเป็นการจ�าลอง : มนุษย์ ที่ไม่ได้ใช้หมอกด�าล่ะ จะเป็น
อย่างไร?
ใช่แล้ว! ร่างกายจะมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วเทียบเท่ากับ
ร่างสไลม์โดยไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกผิดแปลกนั่นเอง
และการที่มีมือเท้างอกออกมา ก็ท�าให้ความสามารถในการ
เคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นด้วย แต่ก็นะ ถึงจะเป็นร่างเด็กก็เถอะ
จะอย่างไรมันก็ทา� ให้ผมเคลือ่ นไหวได้งา่ ยกว่าร่างสไลม์อยูด่ ี แม้
จะท�าให้เหนื่อยง่ายขึ้นด้วย แต่ก็คงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
จุดที่ส�าคัญที่สุดคงจะเป็นเรื่องที่ไม่ต้องใช้หมอกด�าจึงไม่ต้อง
สูญเสียแก่นเวทด้วยละมั้ง
สะดวกสบายอะไรอย่างนี้!
ผมคิดว่าจากนี้ไปจะเคลื่อนไหวโดยใช้ร่างนี้เป็นหลักดีกว่า
แล้วจู่ๆ ผมก็ผุดไอเดียขึ้นมาอย่างกะทันหัน จึงลองออกค�าสั่ง
กับร่างแยกของตัวเองให้เคลื่อนไหว ซึ่งก็ท�าได้ราบรื่นเหมือนกับตัวเอง
บังคับร่างของตัวเอง
และทันใดนัน้ หมอกด�าก็ปรากฏออกมา ท�าให้รา่ งแยกเติบโตขึน้ !
ร่างกายบอบบาง เรือนผมสีเงินยาวสลวย รูปลักษณ์ที่งดงาม
ยากจะบอกว่าหญิงหรือชาย
สมบูรณ์แบบ!
หลังจากนั้นผมก็ลองเปลี่ยนร่างแยกให้เป็นรูปแบบผู้หญิงบ้าง
บทส่งท้�ย รูปลักษณ์ที่ได้รับสืบทอด 369
รูปแบบผู้ชายบ้าง
เป็นนักกล้ามบ้าง เป็นคนแห้งผอมบ้าง เป็นวัยทองบ้าง วัยชราบ้าง
ท�าให้ผมทราบแน่ชดั แล้วว่าจ�าลองกายเป็นสภาวะทีห่ ลากหลายได้
เช่นเดียวกับการใช้หมอกด�าจ�าลองกายเป็นปิศาจ นั่นคือใช้
หมอกด�าช่วยเสริมในส่วนทีไ่ ม่เพียงพอ ท�าให้จา� ลองกายเป็นผูใ้ หญ่ได้ดว้ ย
แบบนีใ้ ช้ชว่ ยเสริมกล้ามเนือ้ ให้แข็งแรงขึน้ อาจจะดีกไ็ ด้แฮะ แม้วา่
ความเร็วปฏิกิริยาตอบสนองจะตกลง แต่การออกพลังท�าลายได้มากๆ
นั้นได้เปรียบมากกว่า
แต่ก็นะ อย่างไรผมก็คิดว่าความเร็วคือปัจจัยที่มีความส�าคัญ
ที่สุดในการต่อสู้อยู่ดีนั่นละ!
จากนัน้ ผมก็ยงั คงทดลองอะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่างไปเรือ่ ยๆ
เพื่อตรวจสอบความสามารถของร่างกายใหม่

ด้วยเหตุนี้ มิคามิ ซาโตรุ ผูค้ วรจะเดินไปบนเส้นทางชีวติ ธรรมดาๆ


ที่ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ จึงได้มาเกิดใหม่ในฐานะสไลม์
และเขา------- ก็ได้รับสืบทอดรูปลักษณ์ กับเป้าหมายหนึ่งของ
หญิงคนหนึ่งมา
สไลม์หนึ่งตัวที่มีนามว่าริมุรุ
โลกก�าลังจะด�าเนินเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
------- โดยมีสไลม์ดังกล่าวเป็นจุดศูนย์กลาง

370
นั่นเป็นเรื่องราวเมื่อครั้งที่ก็อบตะยังคงเป็นก็อบลินธรรมดา

เบือ้ งบนมีทอ้ งฟ้าสีฟา้ แผ่ตวั ออกกว้าง และมีสายลมสดชืน่ พัดผ่าน


ส่วนด้านหลังนั้น มีเหล่ามนุษย์วิ่งไล่ตามมา ในวันนี้ ก็อบตะก็
ยังคงถูกไล่ล่าอย่างสดใสเหมือนเคย
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! เจ้านี่มันหนีได้ไวชะมัดเลย”
“ไอ้บ้านี่ มาขโมยของในไร่อีกแล้ว! วันนี้แหละ ฉันต้องฆ่ามัน
ให้ได้!”
เหล่าชายตัวโตชนิดต้องแหงนหน้ามอง พากันวิง่ เข้าใกล้กอ็ บตะ
เข้าทุกทีๆ ด้วยดวงตาที่มีเส้นเลือดปูดโปน
ก็อบตะจึงวิ่ง วิ่งสุดฝีเท้า
เพราะถ้าถูกจับได้ละก็จะต้องเจออะไรแย่ๆ แน่ ตัวเขาเองไม่เคย
ถูกจับจึงได้แต่จินตนาการ ทว่าพวกพ้องที่ถูกมนุษย์จับตัวได้นั้นไม่มีใคร
เคยได้กลับมา ก็อบตะจึงหวาดกลัวเหลือเกินว่าพวกเขาจะต้องเจอกับเรือ่ ง
เลวร้ายแน่ๆ
อันทีจ่ ริง แค่ไม่เข้าไปขโมยของในไร่กพ็ อแล้ว ทว่าก็อบลินอย่าง
พวกก็อบตะไม่สามารถเข้าใจความหมายของค�าว่าไร่ได้ พวกเขารูเ้ พียงว่า
มันเป็นสถานที่ซึ่งมีผักหรือผลไม้ขึ้นอยู่เต็มไปหมด
ประสบการณ์ทา� ให้พวกเขารูว้ า่ ทีน่ นั่ เป็นเขตแดนของพวกมนุษย์
ถ้าถูกเจอตัวเข้าก็จะต้องโดนไล่ลา่ แต่พวกเขาก็ไม่อาจเอาชนะความอยาก-
อาหารได้ ก็อบตะกัดแตงหวานอร่อยในมือพลางวิ่งหนีหลบเข้าไปใน
ทางสัตว์เดินอย่างรวดเร็ว
มันเป็นเส้นทางลอดผ่านเล็กๆ ที่หนีผ่านเข้าไปได้เพราะเป็น
ก็อบลินที่มีขนาดตัวเล็ก ส่วนบรรดามนุษย์ที่มีร่างสูงใหญ่นั้นไม่สามารถ
374
ผ่านเข้าไปได้ จึงท�าเพียงร้องตะโกนด่าทอก็อบตะเท่านั้น
(การส�ารวจเส้นทางหลบหนีเตรียมไว้ก่อนคือพื้นฐานครับ!)
ก็อบตะคลายกังวลเมือ่ พบว่าการคิดเส้นทางหลบหนีเอาไว้กอ่ น
คือเรื่องที่ถูกต้อง
และละครแห่งการหลบหนีในวันนี้ ก็จบลงด้วยชัยชนะของก็อบตะ

เมือ่ กลับถึงหมูบ่ า้ น ก็พบว่าผูม้ อี า� นาจในหมูบ่ า้ นรวมถึงท่านผูเ้ ฒ่า


ได้มารวมตัวกัน และก�าลังปรึกษาหารือเรื่องบางอย่าง
ทั้งยังมีเหล่าพ่อค้าชาวโคโบลด์มาร่วมสนทนากันด้วย
“ก็บอกแล้วไงครับ ว่าของพวกนี้มีราคาสูงเกินกว่าที่พวกเราจะ
รับซื้อได้...”
“แต่ถา้ อย่างนัน้ อุปกรณ์เวทมนตร์ทอี่ ตุ ส่าห์ได้มาก็จะเสียของเปล่า
ไม่มีทางท�าอะไรได้บ้างเลยรึ?”
“อย่างน้อยถ้าขนาดมันเล็กกว่านี้อีกสักหน่อยพวกเราก็พอจะ
ใช้งานได้แท้ๆ...”
“อืม นั่นสินะ ลองถ้าใหญ่ขนาดนี้ แม้แต่ข้าเองก็ใช้ไม่ได้
เหมือนกัน”
ก็อบตะซึ่งคิดจะเดินผ่านเฉยๆ ได้ยินบทสนทนาดังกล่าว
ดูเหมือนว่าพวกพ้องของเขาจะก�าลังพยายามขายอุปกรณ์เวทมนตร์
ให้กับพ่อค้าชาวโคโบลด์อยู่
อุปกรณ์ที่มนุษย์ใช้นั้น ถ้าเป็นดาบสั้นหรือมีดสั้นก็ยังพอว่า แต่
อย่างอื่นจะมีขนาดใหญ่เกินไปส�าหรับก็อบลิน ยิ่งเป็นชุดเกราะยิ่งไม่ต้อง
พูดถึง แต่เป็นฮาร์ดเลเธอร์อาเมอร์ (เกราะหนังแข็ง) ก็พอจะเอามาแยก
ส่วนแล้วใช้แค่เฉพาะส่วนที่ใช้ได้เท่านั้นได้ แต่พอเป็นโลหะแล้ว กระทั่ง
วิธีดังกล่าวก็ท�าได้ยาก เพราะในบรรดาก็อบลินไม่มีใครที่ดัดแปลงหรือ
ท�าอะไรกับโลหะได้เลย
SIDE STORY ก�รผจญภัยครั้งใหญ่ของก็อบตะ 375
ยิง่ ถ้าเป็นเมจิกไอเท็มด้วยแล้ว หากไปท�าอะไรมัว่ ๆ ซัว่ ๆ คุณค่า
อาจจะหมดไปเลยก็ได้ ถ้ากลายเป็นว่านอกจากตัวเองจะใช้ไม่ได้แล้ว
พ่อค้าชาวโคโบลด์ยังไม่รับซื้อ ก็เท่ากับว่าสมบัติในมือมีแต่จะสูญเปล่า
“ใช่แล้ว! ถ้าเดินทางไปทีร่ าชอาณาจักรคนแคระละก็ ถึงเป็นของ
พวกนีท้ างนัน้ ก็รบั ซือ้ นะครับ แถมยังขอแลกเป็นสินค้าอืน่ แทนได้ดว้ ย และ
มีการจัดส่งของจ�าพวกโลหะโดยฝีมือคนแคระให้ถึงที่ด้วย ถึงจากที่นี่ไป
จะค่อนข้างไกลสักหน่อย แต่ถ้าเดินทางเลียบแม่น�้าไปละก็ ไม่มีทางหลง
แน่ครับ”
พ่อค้าชาวโคโบลด์บอกกับบรรดาผูเ้ ฒ่าทีก่ า� ลังกลัดกลุม้ เหมือน
นึกขึ้นได้
และหนึ่งค�าพูดนั้น ก็ท�าให้บรรดาผู้เฒ่าเริ่มโหวกเหวกกันขึ้นมา
ทันที
“ราชอาณาจักรคนแคระงั้นรึ!? นั่นมันไกลมากเลยนะ! เป็น
ประเทศที่อยู่ในต่างแดนซึ่งเราเคยได้ยินแต่ค�าเล่าลือเท่านั้นนะ”
“จะเดินทางไปถึงสถานทีแ่ บบนัน้ เนีย่ ต้องใช้เวลาสักเท่าไรกัน?”
“แล้วก่อนอืน่ เราจะส่งใครไปเล่า? พวกคนหนุม่ สาวเป็นแรงงาน
ส�าคัญ ให้ออกไปแม้แต่ตนเดียวก็ไม่ได้นะ!”
ต่างคนต่างออกความเห็นในลักษณะนัน้ โดยไม่มที ที า่ ว่าจะสรุปได้
(ท่าทางจะไม่เกี่ยวกับผมสินะ!)
ก็อบตะชายตามองความโหวกเหวกดังกล่าว แล้วตั้งท่าจะเดิน
ผ่านที่นั่นไปอย่างสบายอารมณ์
ทว่า-------
“รอเดี๋ยวก่อน”
กลับถูกผู้เฒ่าเรียกตัวเอาไว้
“ท่าทางเจ้าว่างดีนะ ข้าขอวานอะไรหน่อยได้ไหม?”
ได้ยินอย่างนั้นก็อบตะก็เริ่มเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี
376
“ใช่แล้ว เจ้าไม่คิดหรือว่ามีดเล่มนี้เป็นของชั้นเลิศ? ถ้าเจ้าฟังที่
ข้าวานละก็ ข้าจะยกมันให้เจ้าแล้วกัน!”
แต่เมื่อได้เห็นประกายแสงของมีดที่ผู้เฒ่าเผยให้ดูนิดๆ ก็อบตะ
ก็ถูกช่วงชิงหัวใจไปโดยสิ้นเชิง
“ไม่ว่าเรื่องอะไรก็บอกมาได้เลยครับ! ไม่ว่าจะเป็นค�าไหว้วาน
แบบไหนผมก็รับท�าทั้งนั้นครับ!!”
และเผลอหลุดปากออกไปว่าจะรับงานโดยลืมลางสังหรณ์ไม่ดี
เมือ่ ครูน่ ไี้ ปเสียสิน้ แต่กอ็ าจต้องบอกว่าเป็นเรือ่ งช่วยไม่ได้ เพราะว่ามีดนัน้
เป็นของทีส่ อ่ งประกายแสงสีเงินของเวทมนตร์ เป็นของทีผ่ เู้ ฒ่าเอาออกมา
ล่อให้ความนึกคิดของก็อบตะหลุดกระเด็นออกไปได้ในชั่วพริบตา
(อ๊ะ!)
เมื่อคิดได้อย่างนั้น ก็สายไปเสียแล้ว
“งั้นเหรอ! เจ้าจะเดินทางไปราชอาณาจักรคนแคระให้สินะ”
“เอ๋!? ผมเหรอครับ?”
“วานด้วยนะ?”
เอ่ยเช่นนัน้ แล้วบรรดาผูเ้ ฒ่าก็พากันห้อมล้อมก็อบตะด้วยรอยยิม้
ซึ่งเมื่อได้เห็นรอยยิ้มที่แววตาไม่ได้ยิ้มตามนั้นแล้ว ก็อบตะก็ท�าได้เพียง
พยักหน้ารับโดยดุษณี

กล่าวกันว่าอายุขัยของก็อบลินนั้นต�่ากว่าหนึ่งในห้าของมนุษย์
หากย้อนสายตระกูลของพวกเขากลับไปไกลๆ ก็จะไปถึงเผ่าพันธุ์
ภูต ทว่าเมื่อด้อยพัฒนาลงมาจนกลายเป็นปิศาจ ก็ไม่ต่างจากถูกตัด
ความสัมพันธ์ไปแล้วโดยสิน้ เชิง แม้จะเป็นผูท้ อี่ ายุยนื แต่ได้อย่างมากเต็มทีก่ ็
20 ปี ส่วนโดยปกติแล้วจะสิ้นอายุขัยเมื่ออายุได้ราว 10 ปีเท่านั้น เมื่อ
อายุถึง 3 ปีซึ่งเป็นวัยที่สืบพันธุ์ได้จะถูกมองว่าบรรลุนิติภาวะ และเมื่อ
อายุได้ 5 ปีก็จะถือว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว
SIDE STORY ก�รผจญภัยครั้งใหญ่ของก็อบตะ 377
เนื่องจากในฐานะเผ่าพันธุ์แล้วเป็นเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอ จึงมีเพียง
เรือ่ งเพิม่ จ�านวนเท่านัน้ ทีท่ า� ได้รวดเร็ว ทว่าการทีม่ ผี รู้ อดชีวติ จนเติบโตได้
ไม่มากก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาของกฎแห่งธรรมชาติเช่นกัน
ผูท้ เี่ กิดมาและเติบโตจนบรรลุนติ ภิ าวะได้มเี พียงครึง่ ของจ�านวน
ทีเ่ กิด ส่วนทีผ่ ฉู้ ลองวันเกิดครบรอบ 5 ปีได้นนั้ ก็มจี า� นวนน้อยกว่าครึง่ ของ
ผูท้ บี่ รรลุนติ ภิ าวะอีก นีค่ อื สามัญส�านึกของปิศาจทีช่ อื่ ว่าก็อบลิน
ก็อบลินซึ่งมีอายุขัยสั้นนั้น ไม่มีวัฒนธรรมในการเรียนรู้ภาษา
แม้จะพูดได้ แต่ก็สื่อความหมายกันได้เฉพาะในบรรดาพวกพ้องเท่านั้น
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีวัฒนธรรมในการสืบทอดปัญญาความรู้ ทั้งยังไม่มี
นิสัยในการเก็บออมทรัพย์สินด้วย
เนือ่ งจากเหล่าก็อบลินเป็นเช่นนัน้ พวกเขาจึงวางแผนขายเมจิก-
ไอเท็มทีไ่ ม่มปี ระโยชน์อะไรกับพวกตนเพือ่ แลกกับของใช้ในชีวติ ประจ�าวัน
และอุปกรณ์ที่ใช้งานได้แทน
อย่างไรก็ตาม เพราะความทีเ่ ป็นปิศาจซึง่ ไร้สติปญ ั ญานีเ่ อง พวกเขา
จึงไม่รสู้ กึ ตัวว่าการเดินทางดังกล่าวนัน้ อันตรายเกินไป และมีโอกาสน้อยมาก
ที่จะประสบความส�าเร็จ แม้ว่าส�าหรับก็อบลินแล้ว การเดินทางไปกลับที่
ใช้เวลาหลายเดือนจะเหมือนกับการผจญภัยครัง้ ใหญ่ทตี่ อ้ งพนันด้วยชีวติ
ก็ตามที...
ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่คิดว่านั่นเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ปานนั้น
กระทั่งพวกผู้ใหญ่อย่างผู้เฒ่าก็คิดว่าเป็นการวานให้เด็กท่าทาง
ว่างงานไปท�างานที่ยุ่งยากนิดหน่อยเพียงเท่านั้นโดยไม่ได้มีประสงค์ร้าย
ใดๆ นี่จึงถือเป็นเหตุที่เกิดขึ้นจากความน่าเศร้าส�าหรับเหล่าก็อบลินที่ท�า
ไม่ได้กระทั่งจะคิดค�านวณอะไรเป็นเรื่องเป็นราว
ด้วยเหตุนเี้ อง การเดินทางไปราชอาณาจักรคนแคระของก็อบตะ
จึงถูกก�าหนดโดยไร้ซึ่งความลังเลใดๆ ทั้งสิ้น

378
*

ทุกคนโหดร้ายชะมัดเลย! ก็อบตะบ่นออกมาอย่างนั้น
ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะทุกคนให้ก็อบตะซึ่งร่างกายยังคง
เป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆ ท�าเรื่องเกินก�าลังโดยการออกเดินทางพร้อมกับ
แบกสัมภาระใหญ่เท่ากองภูเขาไปด้วย ได้ยนิ จากพ่อค้าเผ่าโคโบลด์วา่ แค่
เดินธรรมดาก็ยังต้องใช้เวลาถึง 2 เดือน แต่ลงต้องหอบสัมภาระแบบนี้
ไปด้วยละก็ แค่จะเดินธรรมดายังท�าไม่ได้เลย
ถึงจะบ่นไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
ถึงตอนนั้นก็อบตะก็คิดขึ้นมาได้ว่า เอาสัมภาระใส่ในกล่องแล้ว
ลากไปดีกว่า
แต่ก็เป็นเรื่องแน่ นั่นคือไม่ว่าจะลากเท่าไรกล่องก็ไม่ยอมขยับ
ก็อบตะได้แต่กุมขมับ แต่ตอนนั้นเอง เขาก็นึกถึงกล่องซึ่งลาก
โดยรถม้าที่เขาเคยพบเห็นใกล้กับบริเวณที่อยู่อาศัยของมนุษย์ขึ้นมาได้
(จะว่าไปแล้ว ไอ้กล่องนัน่ มันมีลกู อะไรกลมๆ ติดอยูด่ ว้ ยนีน่ ะ...)
สิง่ ทีก่ อ็ บตะนึกถึงคือรถม้า ส่วนเจ้าลูกกลมๆ ทีว่ า่ นัน้ ก็คอื ล้อรถ
ก็อบตะซึ่งไม่ร้เู รือ่ งเหล่านั้น จึงทดลองหาของที่น่าจะใช้แทนล้อ
รถได้เลียนแบบตามที่ตาเห็น
และสิ่งที่เขาพบก็คือ เซอร์เคิลชีลด์ (โล่กลม)
(ไอ้นี่น่าจะใช้ได้ดีนะ!)
หลังจากนัน้ ทุกอย่างก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว ก็อบตะเอาแท่งไม้ยาว
ตรงมาตัดแต่งรูปร่างด้วยมีด เจาะรูที่กล่องส�าหรับบรรทุกสัมภาระ แล้ว
เอาแท่งไม้สอดผ่านรู
จากนั้นก็เอาเซอร์เคิลชีลด์มาติดที่ปลายทั้งสองด้านของแท่งไม้
ที่เป็นแกนล้อ มัดยึดให้แน่นด้วยเถาวัลย์ ที่เหลือก็ติดมือจับให้กล่อง ก็
เป็นอันเสร็จสมบูรณ์เป็นรถเข็นลากด้วยมือ
SIDE STORY ก�รผจญภัยครั้งใหญ่ของก็อบตะ 379
ทีเ่ หลือก็อบตะก็เอาผ้าโทรมๆ มาอัดเข้าไปเพือ่ ไม่ให้ของทีจ่ ะขน
กลิง้ ตกลงมา และขอผ้าห่มทีเ่ หลือใช้โดยคิดว่ากลางคืนจะใช้เป็นผ้าห่มได้
มาด้วย
ส่วนน�้ากับอาหารที่ก็อบตะรับเอาส่วนที่ผู้เฒ่าเตรียมไว้ให้ด้วย
ความยินดีนั้น เจ้าตัวก็เอายัดใส่ลงในรถเข็น
เมื่อเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็อบตะจึงเดินทางออกจาก
หมู่บ้าน

(หิวจังเลย...)
1 สัปดาห์หลังเดินทางออกจากหมู่บ้าน ก็อบตะเดินตุปัดตุเป๋
ไปตามทางเพราะความเหนื่อยล้าอย่างหนัก
เสบียงอาหารที่คิดว่ากินทั้งชีวิตก็คงไม่มีทางหมด กลับหมด
เกลี้ยงในวันที่ 5 ส่วนน�้ายังมีเหลืออยู่ แต่ก็อีกเพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น รถเข็นยังไปติดบรรดารากไม้ ท�าให้พลังกายของ
ก็อบตะยิ่งหมดไป การลากรถนั้นกินเรี่ยวแรงมากกว่าการเดินธรรมดา
ดังนัน้ จึงเรียกไม่ได้วา่ สถานการณ์การเดินทางของเขาอยูใ่ นสภาวะราบรืน่
และก็อบตะก็เดินต่อไปเรื่อยๆ ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าวโดยไม่ได้กินอะไร
เลยถึง 2 วัน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เขาจะเหนื่อยล้าอย่างหนัก
ก็อบตะพยายามจะคืบหน้าไปให้ได้โดยลากรถเข็นโซไปเซมา ทว่า...
(ไม่ไหวแล้ว------)
ท้ายทีส่ ดุ เขาก็ทรุดตัวลงนัง่ พิงกับต้นไม้ขนาดใหญ่ซงึ่ ขึน้ อยูร่ มิ ทาง
แต่กไ็ ม่รวู้ า่ จะเรียกว่าโชคดีได้หรือไม่ เมือ่ นัง่ ลง สายตาของก็อบตะก็จะ๊ เอ๋
เข้ากับเห็ด ซึ่งถ้าดูให้ดีๆ ก็คงจะทันรู้สึกตัวว่าสีสันของมันไม่ว่าดูอย่างไร
ก็น่ากลัว แต่ก็อบตะในเวลานั้นตาฝ้าฟางเพราะความหิวเสียแล้ว
380
(เห็ดไม่ใช่เหรอ! เท่านี้ก็สู้ต่อได้อีก 3 ปีแล้ว!)
ก็อบตะกินเห็ดอย่างตะกละตะกลามโดยไม่คดิ ให้ดเี สียก่อน จน
กลายเป็นว่ากินเห็ดหน้าตาน่ากลัวนัน้ เข้าไปสดๆ ทว่าตอนนัน้ เองทีค่ วาม-
โชคดีของก็อบตะออกฤทธิ์
ทีจ่ ริงแล้วเห็ดนีเ้ ป็นวัตถุดบิ อันตราย ทีห่ ากน�าไปประกอบอาหาร
แล้วจะเป็นพิษ การให้ความร้อนไม่ว่าจะต้มหรือย่าง จะท�าให้น�้าภายใน
เนื้อเห็ดแปรสภาพกลายเป็นพิษ ก็อบตะไม่ได้ทราบถึงเรื่องนั้น แต่เขาก็
กินเห็ดเข้าไปด้วยวิธีการเดียวที่ท�าให้กินได้อย่างปลอดภัยนั่นคือกินแบบ
สดๆ
เมื่อท้องอิ่ม ก็อบตะก็มีก�าลังใจเพิ่มพูน และเมื่อเติมน�้าที่ขังอยู่
ตามโพรงต้นไม้ใส่ในถุงใส่น�้าซึ่งท�าจากหนัง เขาก็ยิ่งได้ใจขึ้นอีก
(อะไรกัน สบายออกจะตายนี่นา ของกินเนี่ยถ้าลองหามันก็เจอ
เองเนอะครับ!)
เนื่องจากวันนั้นก็อบตะไม่รู้สึกอยากจะเดินทางต่อแล้ว เขาจึง
เลือกที่จะพักผ่อนที่นั่น
เขาจัดการซ่อมแซมรถเข็นที่ใกล้จะพังโดยเอารากไม้ที่งอกออก
มาได้ขนาดพอดีๆ มามัดล้อเสียใหม่ ส�าหรับส่วนที่เป็นรูหรือเกิดร่อง ก็
เอาของเหลวจากต้นไม้ที่เหนียวๆ มาแปะทาเข้าไป แล้วใช้เปลือกไม้มา
ติดทับเพื่ออุดร่องรู
หลังจากเสริมความแข็งแรงให้รถเข็นเรียบร้อยแล้ว ก็อบตะก็
นอนหลับพักผ่อนที่นั่นคืนหนึ่งเพื่อฟื้นฟูความเหนื่อยล้า
รุ่งสางวันต่อมา
ก็อบตะซึง่ ลืมตาตืน่ อย่างสดชืน่ กว่าทีค่ ดิ เริม่ ลงมือส�ารวจบริเวณ
โดยรอบอย่างแข็งขัน
และเก็บรวบรวมเบอร์รี่ป่ากับลูกไม้ที่น่าจะรับประทานได้
แน่นอนว่าเขาพบเห็ดที่รับประทานเข้าไปเมื่อวานนี้ด้วย...
SIDE STORY ก�รผจญภัยครั้งใหญ่ของก็อบตะ 381
“เพิ่งจะเคยเห็นเห็ดที่สีสันดูอันตรายขนาดนี้เป็นครั้งแรกนี่ละ!
ต่อให้เป็นผมก็คงกินของแบบนี้ไม่ไหวหรอกเนอะ...”
เขาพึมพ�าเช่นนั้น และปล่อยเห็ดเหล่านั้นไว้โดยไม่รู้ตัวเลยว่า
นั่นละคือเห็ดที่ตัวเองกินเข้าไปเมื่อวาน
เมื่อพบเห็ดสีสันธรรมดาๆ เพียงต้นเดียว เขาจึงเก็บมันใส่อก
เสือ้ ด้วยความยินดี และเข้าใจเอาเองว่าเห็ดทีต่ วั เองกินเข้าไปเมือ่ วานคงจะ
เป็นเจ้านี่
(อุตส่าห์เลือกได้เห็ดที่กินได้ท่ามกลางเห็ดพิษมากมายขนาดนี้
เมื่อวานเรานี่โชคดีจริงๆ!)
ก็อบตะยินดีโดยไม่รู้ว่านั่นคือความเข้าใจผิด
หลังจากนั้นก็อบตะก็เก็บรวบรวมอาหารจนพอใจ แล้วจึงออก
เดินทางอีกครั้งในตอนเที่ยง
พอรู้สึกตัวแล้วว่าถ้าเอาแต่รีบเดินทางเสบียงอาหารจะหมดลง
ก็อบตะก็ลดความเร็วในการเดินทางลงเล็กน้อย และคืบหน้าต่อไปพลาง
หาของที่น่าจะรับประทานได้ไปด้วย

เวลาผ่านไปราว 1 เดือนหลังเดินทางออกจากหมู่บ้าน ก็อบตะ


ก็ไปถึงธารน�้าขนาดใหญ่อันเป็นสัญลักษณ์บอกทิศทางในที่สุด
น�้าที่รินไหลนั้นงดงามใสกระจ่างมองทะลุได้ ส่วนสิ่งที่สะท้อน
กับแสงอาทิตย์เป็นประกายในบางครั้งนั้น คงจะเป็นปลาที่แหวกว่ายอยู่
ในธารน�้ากระมัง
แม้วา่ น�า้ จะดูเหมือนไหลเพียงเอือ่ ยๆ แต่คงเป็นเพราะขนาดของ
ธารน�า้ ทีม่ คี วามกว้างถึงขัน้ มองไม่เห็นฝัง่ ตรงข้าม จึงท�าให้แท้จริงแล้ว น�า้
มีความแรงมากพอที่จะสร้างความยากล�าบากในการข้ามไปอีกฝั่ง
382
น�้าที่ไหลรินในพื้นที่กว้างใหญ่นั้นท�าให้ก็อบตะต้องเบิกตากว้าง
ด้วยความตกใจ เขาเคยเห็นแม่นา�้ เล็กๆ และตัวเขาเองก็ชอบเล่นน�า้ เอามากๆ
แต่ธารน�้านี้มีความกว้างใหญ่เหมือนอยู่คนละมิติกันเลยทีเดียว
นี่เป็นธารน�้าใหญ่แห่งแรกที่ก็อบตะได้เห็นนับแต่เกิดมา ดังนั้น
จะไม่ให้เขาประทับใจกับทิวทัศน์ทเ่ี ขาไม่เคยแม้แต่จะจินตนาการถึงมาก่อน
เลยก็คงจะไม่ได้
“ว้า--------- ว! นี่มันสุดยอดไปเลยครับ!!”
ก็อบตะร้องตะโกนอย่างประทับใจ แล้วจ้องมองธารน�้าใหญ่นั้น
โดยไม่รู้จักเบื่อหน่าย เขานั่งจุมปุ๊กอยู่ ณ ที่ตรงนั้นจนกระทั่งราตรีของ
วันนั้นมาเยือน
หลังจากจ้องมองธารน�า้ ใหญ่ทงั้ วันจนพอใจแล้ว วันต่อมาก็อบตะ
ก็ออกเดินทางตั้งแต่รุ่งสาง
ทว่า... เมื่อตั้งท่าจะดึงรถเข็นแล้วเริ่มออกเดิน เขาก็รู้สึกถึง
ปัญหาใหญ่
“เอ? เขาบอกว่าพอถึงแม่น�้าแล้วให้เดินไปทางซ้าย... แต่ถ้าหัน
กลับอีกทาง มันจะกลายเป็นทิศตรงกันข้ามกันเลยนะ?”
แม้จะไม่มใี ครให้คา� ตอบ แต่กอ็ บตะก็อดไม่ได้ทจี่ ะพึมพ�าออกมา
แบบนั้น จริงอยู่ว่าเขาท�าสัญลักษณ์ไว้บนมือซ้ายเพื่อไม่ให้ลืม ดังนั้นเขา
จึงรู้ว่าข้างไหนคือมือซ้าย ทว่าปัญหาคือถ้าเขาหันหลัง ทิศทางที่มือซ้ายชี้
ไปก็จะกลายเป็นทิศตรงกันข้ามกับเมื่อครู่นี้...
นีเ่ ป็นปัญหาใหญ่ทเี ดียว ทางซ้ายเมือ่ หันไปด้านไหนกันแน่ทเี่ ขา
จะต้องมุ่งหน้าไป
สุดท้าย ก็อบตะก็ใช้ไม้ซงึ่ เก็บได้ทบี่ ริเวณธารน�า้ มาตัง้ ให้ลม้ แล้ว
ตัดสินใจจะมุ่งหน้าไปทางทิศที่ไม้นั้นล้มไป
ทีไ่ ม้ลม้ ไปยังทิศทางทีถ่ กู ต้องนัน้ คงไม่ได้มเี หตุผลอืน่ ใดนอกจาก
ว่าก็อบตะเป็นผูม้ โี ชคอย่างมหาศาลกระมัง ก็อบตะโชคดีทอี่ อกเดินมุง่ หน้า
SIDE STORY ก�รผจญภัยครั้งใหญ่ของก็อบตะ 383
ไปยังทิศทางทีถ่ กู และหลังจากนัน้ การเดินทางของเขาก็ดา� เนินไปเรือ่ ยๆ
อย่างราบรื่นโดยไม่เกิดปัญหาใดๆ
เมือ่ ถึงเวลาทีก่ อ็ บตะเริม่ จะเบือ่ กับการเดินทางซ�า้ ซาก ก็เริม่ เห็น
ช่วงน�้าตื้นที่สุดปลายของถนนที่มุ่งไปข้างหน้า
นั่นเป็นสถานที่ที่บรรดาสัตว์ในป่ามาดื่มน�้า ทว่าก็ไม่มีร่องรอย
ของการต่อสู้ระหว่างสัตว์ป่าด้วยกัน ดูท่าว่าพวกมันจะหลีกเลี่ยงการ
ทะเลาะเบาะแว้งตามกติกาที่รู้สึกได้ด้วยสัญชาตญาณ ถือเป็นเรื่องแปลก
ส�าหรับโลกแห่งธรรมชาติทแี่ ข็งแกร่งกินอ่อนแอ เพราะทัง้ สัตว์กนิ เนือ้ และ
สัตว์กินพืชต่างก็ก�าลังดื่มน�้าด้วยกันอย่างสนิทสนม
ทว่านั่นเป็นกฎกติกาเฉพาะของเหล่าสัตว์เท่านั้น กฎกติกา
ดังกล่าวไม่มสี ว่ นเกีย่ วข้องกับมนุษย์หรือปิศาจแต่อย่างใด และแน่นอนว่า
ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับก็อบตะด้วย...
ปิศาจที่ล่าสัตว์ป่าส่วนมากมีอุปนิสัยเคลื่อนไหวในยามค�่าคืน
ดังนั้นช่วงกลางวันบรรดาสัตว์จึงดูจะก�าลังประมาทกันโดยสิ้นเชิง
(โอกาสมาถึงแล้ว! ท่าทางคงจะได้กนิ เนือ้ หลังจากทีไ่ ม่ได้กนิ มา
นานซะแล้วสิ!)
ก็อบตะจ้องมองบรรดาสัตว์ปา่ ด้วยแววตาเป็นประกายระยิบระยับ
สัตว์กินพืชที่ดูจะก�าลังเล่นน�้าอย่างสนุกสนาน
สัตว์กินเนื้อที่พอดื่มน�้าดับกระหายเสร็จก็จากไปในทันที
เหล่านกป่ากับกระต่ายป่าก็จิบน�้าอยู่ตรงขอบปลาย ราวกับว่า
เกรงใจบรรดาสัตว์ใหญ่
ก็อบตะเลื่อนสายตาไปเรื่อยๆ เพื่อเลือกเฟ้นเหยื่อที่จะมาเป็น
อาหาร
และที่เขาพบ ก็คือกระต่ายป่าตัวหนึ่งที่อ้วนกลมดูแล้วน่าจะ
เคลื่อนไหวได้ไม่คล่องแคล่วนัก ที่ส�าคัญ หากเป็นสัตว์ขนาดใหญ่ก็ดูจะ
เกินมือของก็อบตะไปหน่อย ดังนั้นกระต่ายนี้จึงเป็นเหยื่อที่ก�าลังพอดี
384
เมื่อเข้าไปใกล้ในระยะหนึ่งแล้ว ก็อบตะก็หยุดการเคลื่อนไหว
และเฝ้ามองท่าทางของเหยื่ออย่างระมัดระวัง
(ไปได้สวย ท่าทางจะยังไม่เป็นไรแฮะ)
เขายิ้มน้อยๆ แล้วค่อยๆ ร่นระยะห่างเข้าไปทีละนิด
พลางเก็บรวบรวมหินก้อนเล็กๆ ซึง่ ตกอยูบ่ นพืน้ ขึน้ มาแล้วแอบ
ย่องเข้าไปจนถึงระยะที่มีความมั่นใจในการเล็งขว้าง วิชาพรางตัวที่ฝึกฝน
มาจากการขโมยผักจากไร่นั้นเป็นประโยชน์จริงๆ
“นั่นละ!”
ก็อบตะขว้างหินใส่เจ้ากระต่ายป่าด้วยความมัน่ ใจเต็มเปีย่ ม และ
หินขนาดเล็กที่ขว้างไปก็กระทบเข้ากับเป้าหมายอย่างงดงาม
กระต่ายป่าล้มลงในเวิ้งน�้า ส่วนบรรดาสัตว์อื่นที่ได้เห็นภาพนั้น
ก็พากันหนีไปพร้อมๆ กัน ทว่าเรื่องนั้นไม่ส�าคัญส�าหรับก็อบตะ เขาก้าว
เข้าไปเก็บกระต่ายป่าด้วยสีหน้ายินดี

แต่ในตอนนั้นเอง ปัญหาก็เกิดขึ้น
“กรรรรรรรร-------!!”
สัตว์ปิศาจตัวหนึ่งส่งเสียงร้องค�ารามน่ากลัว พลางปรากฏร่าง
ออกมาจากระหว่างแมกไม้
และค่อยๆ เลื่อนสายตามาหาก็อบตะ โดยยืนเด่นเป็นสง่าอยู่
บนผาขนาดย่อม
มันคือเบลดไทเกอร์ (เสือเขี้ยวเดี่ยว) สัตว์ปิศาจที่กล่าวกันว่า
เป็นเจ้าแห่งป่าทึบ และเป็นสัตว์ปิศาจที่ถูกจัดอยู่ในระดับแรงก์ B ดังนั้น
จึงไม่ใช่คู่มือที่ก็อบลินซึ่งเป็นแรงก์ F จะเอาชนะได้เลย
ดูเหมือนว่าเป้าหมายของมันจะเป็นบรรดาสัตว์ป่าซึ่งมารวมตัว
กันที่แหล่งน�้าเหมือนกับก็อบตะ แต่เนื่องจากก็อบตะเป็นฝ่ายเคลื่อนไหว
ก่อน บรรดาสัตว์ป่าที่ควรจะเป็นอาหารของเบลดไทเกอร์จึงพากันหนี
SIDE STORY ก�รผจญภัยครั้งใหญ่ของก็อบตะ 385
ไปหมด
สรุปแล้วก็คือ อาหารของมันเหลือแค่เพียงก็อบตะเท่านั้น
แม้วา่ จะยังมีกระต่ายป่าทีก่ อ็ บตะจัดการอยูด่ ว้ ย แต่เพียงเท่านัน้
คงไม่สามารถเติมเต็มความหิวโหยของเบลดไทเกอร์ได้
“หวา! หรือว่าที่ก�าลังเล็งนี่คือผม!?”
เบลดไทเกอร์กระโจนลงมาโดยทีค่ วามสูงของหน้าผาไม่ได้สร้าง
ความเดือดร้อนให้มนั เลยแม้แต่นอ้ ย และยืนหยัดบนพืน้ เบือ้ งหน้าก็อบตะ
โดยไร้สุ้มเสียง
แม้ว่าก็อบตะจะหน้าซีด แต่เขาก็รู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่าถึงหนี
ก็หนีไม่พ้น
ขืนปล่อยไว้แบบนี้ ก็อบตะคงไม่อาจหลีกหนีจากโชคชะตาทีต่ อ้ ง
กลายเป็นอาหารได้ แต่วา่ ควรท�าอย่างไรดีเล่า? ก็อบตะพยายามคิดอย่าง
สุดชีวิต
และแล้ว-------
(ลองแบบนี้ก็ต้องดิ้นรนเท่าที่ดิ้นรนได้ละ!)
เขาก็ตัดสินใจเตรียมตัวเตรียมใจ หันหน้าเข้าเผชิญกับเบลด-
ไทเกอร์ ทว่าสิ่งที่ก็อบตะสามารถท�าได้นั้นมีน้อยเหลือเกิน มือซ้ายของ
เขายังคงก�าหินก้อนเล็กๆ เอาไว้ แต่ถึงจะขว้างไปก็คงใช้กับเบลดไทเกอร์
ไม่ได้ผลหรอก
(ใช่แล้ว ถ้าเป็นไอ้นั่นละก็อาจจะใช้ได้ก็ได้...)
สิ่งที่เขานึกขึ้นมาได้ในตอนนั้น คือตัวตนของมีดซึ่งเขาได้รับมา
ตอนจะออกเดินทาง
ถ้าเป็นมีดนั่นละก็ อาจสร้างบาดแผลให้เบลดไทเกอร์ได้ก็ได้
และถ้าโชคดี เขาอาจอาศัยโอกาสนั้นหนีรอดได้ก็ได้ เมื่อนึกได้ถึงตรงนั้น
ก็ไม่มีเวลามัวลังเล เพราะไม่มีอย่างอื่นที่น่าจะท�าได้แล้วด้วย เขาจึงมีแต่
ต้องลองต่อสู้ให้ถึงที่สุดโดยเชื่อมั่นในความเป็นไปได้เท่านั้น
386
ก็อบตะขว้างหินก้อนเล็กๆ ออกไป หากว่ามีดซึ่งเป็นอาวุธหลัก
ถูกหลบหลีกได้ ก็เท่ากับก็อบตะเป็นฝ่ายแพ้ ดังนั้นเขาจึงวางยุทธการว่า
จะใช้หินก้อนเล็กหลอกล่อเสียก่อน
แน่นอนว่าเบลดไทเกอร์กระโดดเพียงเบาๆ เพื่อหลบหินนั้น
ก็อบตะจึงเล็งจังหวะที่มันลงสู่พื้น ดึงมีดออกมาจากอกเสื้อแล้วขว้าง
ออกไป-------
(อ้าวเฮ้ย นี่มันเห็ดไม่ใช่เหรอ!?)
ก็อบตะรูส้ กึ ตัวว่าสิง่ ทีเ่ ขาก�าลังตัง้ ท่าจะขว้างใส่เบลดไทเกอร์นนั้
ไม่ใช่มดี แต่เนือ่ งจากเขาเข้าสูท่ ว่ งท่าของการขว้างเสียแล้ว ก็อบตะจึงต้อง
ขว้างเห็ดออกไปอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้
เห็ดนั้นคือเห็ดที่เขาซุกไว้ในอกเสื้อและคิดว่าจะเอาไว้กินทีหลัง
เห็ดหน้าตาสีสันธรรมดาเพียงต้นเดียวที่เขาพบอยู่ท่ามกลางดงเห็ดพิษ
เขาตั้งใจจะเก็บไว้เป็นอาหารว่างแล้วก็ลืมไปเลย
ทว่าตอนนั้นเอง เหตุการณ์ที่ก็อบตะไม่ได้จินตนาการถึงเลยก็
เกิดขึ้น
ทีจ่ ริงแล้วเห็ดนีเ้ ป็นเห็ดพิษหายากซึง่ มีสปอร์พษิ ร้ายแรงผสมอยู่
ก็อบตะพกมันเดินไปเดินมาโดยไม่ทราบและไม่ได้รับประทาน
แต่เอามาขว้างใส่สัตว์ปิศาจแทน...
ฝ่ า ยเบลดไทเกอร์ ก็ เ หลื อ บสายตามองดู เ ห็ ด ซึ่ ง ถู ก ขว้ า งมา
ที่บริเวณใบหน้าเล็กน้อย ก่อนจะอ้าปาก แล้วปล่อยวอยซ์แคนนอน
(ปืนใหญ่เสียงสั่นสะเทือน) เล็งจะป่นมันให้กลายเป็นผุยผง ทว่าการ
กระท�านั้นกลับเป็นภัย เพราะสปอร์พิษจากเห็ดที่แหลกเป็นเสี่ยงนั้น
กระจัดกระจายออกมา ส่งผลให้เบลดไทเกอร์ทยี่ นื อยูใ่ ต้ลมต้องอาบสปอร์
นั้นเข้าไปทั้งร่าง
คงเพราะความเจ็บปวดเหมือนร่างกายถูกแผดเผาแล่นไปทั่ว
ทั้งร่างที่ถูกสปอร์พิษเข้าไป เบลดไทเกอร์จึงกลิ้งตัวไปมาอย่างทรมานอยู่
SIDE STORY ก�รผจญภัยครั้งใหญ่ของก็อบตะ 387
ตรงนัน้ และทีส่ า� คัญเหนือสิง่ อืน่ ใดก็คอื สปอร์กเ็ ข้าไปทัง้ ในตา ปาก และ
จมูก ส่งผลให้ประสาทสัมผัสของเบลดไทเกอร์รวนไปหมดด้วย
ความเจ็บปวดทีไ่ ม่เคยได้สมั ผัสตัง้ แต่เกิดมา ท�าให้เบลดไทเกอร์
ตั้งตัวไม่ติดโดยสิ้นเชิง
และถ้ามองข้ามโอกาสนี้ไปก็คงไม่ใช่ก็อบตะ
(โอ๊ะโอ ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรเป็นอะไร แต่นี่เป็นโอกาสแล้ว!)
ก็อบตะวางแผนหลบหนีอย่างรวดเร็วโดยไม่คดิ จะท�าอะไรห่ามๆ
อย่างเข้าไปซ�้าเติมเบลดไทเกอร์ให้ตาย แต่ทั้งนี้ก็มีสติพอที่จะไม่ลืมเก็บ
กระต่ายป่ามาด้วย
หลังจากลนลานรีบกลับไปทีร่ ถเข็นแล้ว ก็อบตะก็โยนกระต่ายป่า
ใส่ แล้วหนีออกจากที่นั่นด้วยความเร็วเต็มพิกัด
ก็อบตะวิ่งไปตราบเท่าที่ยังคงหายใจทัน จนกระทั่งไปถึงจุดที่
พอจะวางใจได้บา้ งในทีส่ ดุ การหนีรอดปลอดภัยมาได้ทา� ให้เขาคลายกังวล
และเริ่มมีสติ
และก็อบตะก็รอดพ้นจากอันตรายครั้งใหญ่มาได้ด้วยประการ
ฉะนี้เอง

ความสบายใจท�าให้ก็อบตะรู้สึกได้อีกครั้งว่าท้องก�าลังหิว และ
นึกถึงกระต่ายป่าที่เก็บได้ขึ้นมา
ทว่าแม้จะเป็นก็อบตะก็ไม่ลมื ทีจ่ ะระแวงภัย เขาเคลือ่ นทีไ่ ปจนถึง
บริ เ วณแม่ น�้ า ซึ่ ง มองเห็ น บริ เ วณโดยรอบทั้ ง หมดได้ เ พื่ อ ให้ แ น่ ใ จว่ า
ปลอดภัย จากนั้นก็หาหินเหมาะๆ จากบริเวณริมน�้ามาสร้างเป็นเตาหิน
หาใบไม้กับกิ่งไม้แห้งมาสุมเข้าไป แล้วจึงก่อไฟ
ในหัวของก็อบตะตอนนีเ้ ต็มไปด้วยความอยากอาหาร ส่วนเรือ่ ง
อันตรายที่เพิ่งเผชิญมาเมื่อครู่นี้ปลิวผ่านไปกับสายลมเสียแล้ว
ก็อบตะรีดเลือดจากกระต่าย ผ่าเอาเครื่องในออกอย่างยินดี
388
จากนัน้ ก็ถลกหนังแล้วหัน่ เนือ้ เป็นขนาดพอประมาณ แล้วจึงเอากิง่ ไม้เสียบ
จนทะลุ ก่อนจะน�าไปวางบนเตาหิน ที่เหลือก็แค่เพียงตรวจสอบดูว่า
ด้านหน้าย่างได้ทหี่ รือยัง แล้วหมุนกิง่ ไม้ไปมาเพือ่ ว่าเนือ้ จะได้ถกู ไฟจนทัว่
เท่านัน้
เมื่อย่างเนื้ออย่างง่ายๆ ดังที่กล่าว แล้วพรมน�้าที่คั้นจากลูกไม้
ลงไป อาหารก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์
“อร่อยจัง! ไอ้นี่มันอร่อยเหาะไปเลย!!”
ก็อบตะกัดกินเนื้อย่างโดยไม่สนใจมันเนื้อที่หยดย้อยลงมา
อาหารที่ได้รับประทานหลังจากเสี่ยงชีวิตมานั้นช่างเอร็ดอร่อย
อย่างที่สุด
ยิ่งส�าหรับก็อบตะผู้ได้แต่รับประทานเบอร์รี่ป่ากับลูกไม้ ฯลฯ
ที่เก็บได้ตามทางด้วยแล้ว รสชาติของเนื้อสัตว์ที่ไม่ได้รับประทานมานาน
ก็ยิ่งทวีความเอร็ดอร่อยราวกับได้ขึ้นสวรรค์เลยทีเดียว
กระทั่งความทรงจ�าแห่งความหวาดกลัวจากการเผชิญหน้ากับ
เบลดไทเกอร์โดยบังเอิญเมื่อครู่นี้ก็กลายเป็นอดีตไปแล้วส�าหรับก็อบตะ
มันถูกจัดเรียบเรียงในสมองของก็อบตะในฐานะความทรงจ�าเพียงระดับที่
ว่าเคยมีเรื่องแบบนั้นด้วยเนอะ ไปเรียบร้อยแล้ว
การรับประทานอาหารจนเต็มท้องที่ไม่ได้ท�ามาเสียนาน ท�าให้
ก็อบตะพอใจเป็นอย่างยิ่ง
“เอาละ! ไม่รู้เหมือนกัน แต่รู้สึกว่าพรุ่งนี้เองก็น่าจะเป็นวันที่ดี
แฮะ!”
แล้วก็อบตะผูเ้ หวีย่ งเหตุการณ์ทไี่ ด้พบในวันนีไ้ ปสูอ่ กี ฟากฝัง่ แห่ง
การหลงลืมเป็นที่เรียบร้อย ก็เริ่มวาดฝันไปถึงวันพรุ่งนี้

SIDE STORY ก�รผจญภัยครั้งใหญ่ของก็อบตะ 389


หลังจากที่ต้องเผชิญกับเบลดไทเกอร์โดยบังเอิญ เวลาก็ใกล้จะ
ผันผ่านไปอีกเดือน โดยที่ไม่มีปัญหาใหญ่อะไรเกิดขึ้น
เงาของภูเขาที่เคยเห็นอยู่ไกลแสนไกลนั้น เวลานี้กลับมอง
ไม่เห็นยอดเสียแล้วหากไม่เงยหน้าขึน้ หินแข็งซึง่ ก่อตัวเป็นก�าแพงภูผาถูก
ลมฝนกระทบใส่จนเผยเป็นเนื้อหินอันงดงามราวกับได้รับการขัดเกลามา
เป็นอย่างดี ส�าหรับก็อบตะแล้ว ไม่ว่าสิ่งใดก็ล้วนแปลกตา และดึงดูด
ความสนใจไปเสียหมด
ทว่าเขาไม่มเี วลาพอทีจ่ ะมาจ้องมองทิวทัศน์เหล่านัน้ อย่างสบาย
อารมณ์
เสบียงอาหารของเขาก�าลังจะหมด
หากจะกล่าวว่าพื้นที่ทั้งหมดที่เขาอยู่ในตอนนี้เป็นเขตปกครอง
ของราชาแห่งคนแคระแล้วก็ไม่ผิด ที่นี่เป็นเขตทุ่งหญ้าซึ่งตั้งอยู่นอก
มหาพงไพรแห่งจูรา่ ก็อบตะเก็บรวบรวมเสบียงอาหารในป่าให้ได้มากทีส่ ดุ
แล้วจึงมุง่ หน้าสูภ่ เู ขา แต่ในเมือ่ ไม่สามารถหาอาหารเพิม่ เติมได้หลังจากนี้
ความกังวลเกี่ยวกับอาหารที่เหลือก็มีแต่จะเพิ่มขึ้นฝ่ายเดียวเท่านั้น
เพราะได้ทิวทัศน์ที่ไม่เคยเห็นช่วงชิงความสนใจ ก็อบตะจึงลืม
เรื่องท้องหิวไปได้ ทว่าก็เริ่มจะถึงเวลาที่เขาต้องรับรู้ถึงความเป็นจริงแล้ว
แต่ปัญหาไม่ได้มีเพียงเท่านั้น
ผู้ที่มุ่งหน้าสู่ราชอาณาจักรคนแคระไม่ได้มีเพียงแค่ก็อบตะ
ราชอาณาจักรคนแคระซึ่งเป็นนครค้าขายอิสระโดยไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดนั้นมี
ผู้คนมากมายหลายเผ่าพันธุ์มาเยี่ยมเยือน ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่ปิศาจหรือ
มนุษย์มาร แต่พวกมนุษย์เองก็พากันเดินทางมาด้วย...
เป็นทีร่ กู้ นั โดยไม่ตอ้ งบอกส�าหรับบรรดาผูม้ าเยือนราชอาณาจักร
แห่งนี้ว่าควรจะเดินทางเป็นกลุ่มก้อนเท่าที่จะท�าได้
แม้วา่ ภายในราชอาณาจักรคนแคระจะได้รบั ประกันความปลอดภัย
ทว่าสายตาทีด่ แู ลสอดส่องรักษาความปลอดภัยนัน้ ส่งมาไม่ถงึ บริเวณพืน้ ที่
390
เลียบชายแดน ดังนั้นตัวเองจึงจ�าต้องปกป้องตัวของตัวเอง นั่นคือ
สามัญส�านึกส�าหรับบรรดาพ่อค้า แต่ก็อบตะไม่มีทางที่จะรู้เรื่องเหล่านั้น
ทั้งยังไม่สนใจที่จะรู้ด้วย
สรุปแล้วก็คอื ระหว่างทีก่ า� ลังสนใจเรือ่ งเสบียงอาหารทีเ่ หลืออยู่
เขาก็ต้องพบเจอกับปัญหาใหม่เข้าอีกครั้งนั่นเอง...
“เฮ้ย ก็อบลินตัวเดียวก�าลังขนอะไรทีด่ ทู า่ น่าจะท�าเงินได้อยูแ่ น่ะ”
ขณะที่ก็อบตะก�าลังคิดว่าถ้าไม่หาของกินอะไรละก็อาจแย่เอา
ก็ได้ เสียงนั้นก็ดังขึ้นให้ได้ยินอย่างกะทันหัน
ทว่าก็อบตะไม่เข้าใจความหมายของมัน การสื่อสารระหว่าง
ก็อบลินด้วยกันนั้นใกล้เคียงกับสกิล 『จิตสื่อสาร』 พวกก็อบลินเข้าใจ
ภาษาของมนุษย์แค่เป็นค�าๆ เท่านั้น
แต่ทั้งนี้ มีเพียงความรู้สึกมุ่งร้ายเท่านั้นที่พวกเขารับรู้ได้อย่าง
รวดเร็ว เมื่อแหงนมองเห็นมนุษย์ที่เข้ามาใกล้ตนโดยที่ไม่ยอมให้ตนรับรู้
ได้ ก็อบตะก็สังหรณ์ถึงอันตรายขึ้นมา
(แย่แล้ว... รู้สึกสังหรณ์ไม่ดีเลย)
คิดได้อย่างนัน้ ก็อบตะก็เกร็งก�าลังให้มอื ทีจ่ บั มือลากของรถเข็น
แล้วตั้งท่าจะออกวิ่งสุดก�าลัง
ทว่า------
“โอ๊ะโอ ใครจะปล่อยให้หนีไปได้ล่ะ!”
นั ก รบที่ มี เ กราะโลหะปกป้ อ งร่ า งกายกลั บ ปรากฏตั ว ขึ้ น ที่
เบื้องหน้าของก็อบตะ
ฝ่ายชายท่าทางตัวเบาที่เข้ามาทางด้านหลังก็ผิวปากเมื่อได้เห็น
ของภายในรถเข็น
“เฮ้ๆ ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรหรอกนะ แต่นี่มันเมจิกไอเท็มนี่นา
วันนีน้ โี่ ชคดีชะมัด แค่ฆา่ ปลาซิวปลาสร้อยแบบนีต้ วั เดียวก็หาเงินได้พอค่า
อุปกรณ์สวมใส่ของพวกเราแล้ว!”
SIDE STORY ก�รผจญภัยครั้งใหญ่ของก็อบตะ 391
“โฮ่? คิดว่าจะหาเงินกินขนมสักหน่อยแท้ๆ แต่โชคดีแบบไม่
คาดฝันเลยแฮะ อยากจะเห็นหน้าตอนอยากร้องไห้ของพวกที่ไม่ยอมมา
เพราะขี้เกียจชะมัดเลย”
ขณะที่ฟังบทสนทนาเช่นนั้นของพวกมนุษย์ผู้ชายแบบผ่านๆ
ก็อบตะก็พยายามคิดว่าจะท�าอย่างไรดี
เขาก�าลังละล้าละลังทีต่ อ้ งเผชิญกับอันตรายเข้าเต็มๆ ทัง้ ทีร่ าช-
อาณาจักรคนแคระอยู่ต่อหน้าแล้ว แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีเวลามามัวลังเล
เหมือนกัน
ก็อบตะสงบสติอารมณ์ที่รู้สึกร้อนรนลง แล้วคิดหาแผนการที่ดี
ที่สุด
(เอาไงดีล่ะ!? ขืนปล่อยไว้แบบนี้มีหวังของถูกแย่งเอาไปหมด
หรือว่ากันตามจริง กระทั่งชีวิตเราเองก็อาจเอาไม่รอดด้วยซ�้า...)
นึกๆ ไปแล้วก็ไม่จา� เป็นว่าเรือ่ งจะจบลงเพียงแค่ถกู ชิงเอาไอเท็ม
เท่านั้นเสมอไป ถึงตอนนั้นก็อบตะจึงเพิ่งนึกออกเป็นครั้งแรกว่าตัวของ
เขาเองก�าลังตกอยู่ในอันตราย
และความกังวลของก็อบตะก็ถูกเผงพอดี
เหล่าชายเผ่ามนุษย์พากันปิดกั้นทางหนีของก็อบตะ และเข้ามา
ท�าร้ายก็อบตะพร้อมกันทั้งสองคน
ไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้ระหว่างก็อบตะที่มีร่างกายเหมือนเด็กกับ
ชายเหล่านี้ เดิมทีชายทีส่ วมอุปกรณ์อย่างสมบูรณ์แบบพวกนีก้ ม็ ฝี มี อื เทียบ
เท่าแรงก์ D ในฐานะนักผจญภัย ดังนั้นจึงไม่ใช่คู่มือที่ก็อบตะเอาชนะได้
อยู่แล้ว
ถ้าสูก้ นั ตรงๆ ละก็ ตราบเท่าทีไ่ ม่มโี ชคเหมือนเมือ่ ครัง้ ทีห่ นีรอด
จากเบลดไทเกอร์มาได้ ชะตาชีวิตของก็อบตะก็คงต้องสิ้นสุดลง ณ ที่นี้
ทว่าเทพธิดาแห่งโชคลาภก็ยังคงแย้มยิ้มให้กับก็อบตะ
“นี่พวกแกท�าอะไรกันอยู่หา!”
392
เสียงแสดงความโกรธเคืองเหมือนก�าราบของผูห้ ญิงดังขึน้ ใส่พวก
ผู้ชายที่ก�าลังเล่นงานก็อบตะด้วยมือเปล่าโดยไม่หยิบอาวุธออกมา
และเมื่อพวกผู้ชายลนลานหันกลับไป ก็พบว่าที่นั่นมีก็อบลิน่า
ตนหนึ่งยืนอยู่ นักรบก็อบลิน่าผู้มีเรือนผมสีน�้าตาลแดงเป็นเอกลักษณ์
เฉพาะ ส่วนทีด่ า้ นหลังนัน้ มองเห็นขบวนพ่อค้าเผ่าโคโบลด์กา� ลังไล่ตามมา
ดูท่าว่าก็อบลิน่าตนนี้คงจะเป็นเหมือนผู้ท�าหน้าที่คุ้มครองคณะเดินทาง
ของพ่อค้ากระมัง
พวกชายชาวมนุษย์จงึ วิเคราะห์สถานการณ์อย่างเยือกเย็น พวกเขา
มีกนั เพียง 2 คน ทว่าในคณะเดินทางของพ่อค้าเอง ก็มรี า่ งของฮ็อบก็อบลิน
ปรากฏให้เห็นด้วย ฮ็อบก็อบลินกับก็อบลิน่านั้นเป็นเหล่าปิศาจชั้นสูงซึ่ง
พูดภาษามนุษย์ได้ และเอาไปเปรียบกับก็อบลินซึ่งเป็นปิศาจชั้นต�่าไม่ได้
เลย
คูม่ อื ร้ายกาจเกินกว่าทีพ่ วกเขาซึง่ โดยฝีมอื แล้วเป็นเพียงเด็กเพิง่
หัดตัง้ ไข่จะท้าทายได้ อีกทัง้ พวกเขายังรูส้ กึ ตัวว่าถ้ารีบแย่งสัมภาระแล้วไป
เสียก็ดี ทว่าถึงตอนนี้คงท�าอย่างนั้นไม่ได้เสียแล้ว
“เชอะ คราวนี้พวกเราจะยอมถอยให้ก็ได้!”
“รอดตัวไปนะ เจ้าปลาซิวปลาสร้อย!”
หลังจากสบถเช่นนั้นแล้ว เหล่าชายเผ่ามนุษย์ก็พากันจากไป
ก็อบตะจึงโชคดี เอาชีวิตรอดมาได้อีกครั้งหนึ่ง

ดูเหมือนว่าก็อบตะซึง่ คลายกังวลเนือ่ งจากได้รบั ความช่วยเหลือ


จะหมดสติไป
รถม้าที่สั่นกึกกักก่อกวนการหลับใหลอันสงบสุขของเขา และ
สะเทือนไปถึงบาดแผลที่ถูกต่อยจนก็อบตะต้องกระเด้งร่างลุกขึ้นเพราะ
SIDE STORY ก�รผจญภัยครั้งใหญ่ของก็อบตะ 393
ความเจ็บปวด
“อ้าว? ฟื้นแล้วรึ?”
เมือ่ เงยหน้าขึน้ ก็อบตะก็พบว่ามีกอ็ บลินา่ เรือนผมสีนา�้ ตาลแดง
คอยเฝ้าไข้เขาอยู่
ก็อบลิน่าที่มีรูปลักษณ์ใกล้เคียงกับมนุษย์ ไม่ใช่ก็อบลินที่มี
รูปลักษณ์ใกล้เคียงกับลิง
ก็อบตะตกเป็นทาสความงามนั้นทันทีที่ได้เห็น
(นางฟ้า มีนางฟ้าอยู่ละ!)
และตกหลุมรักตัง้ แต่แรกพบ จนลืมความเจ็บปวดของบาดแผล
จนสิ้น
“ช่วยคลอดลูกของผมให้ด้วยเถอะครับ!”
คิดได้อย่างนั้นแล้วก็อบตะก็กระโจนขึ้นแล้วสารภาพรัก แม้จะ
กะทันหันไปหน่อยแต่ก็อบตะก็เอาจริงอย่างที่สุด
ทว่าดูเหมือนบรรดาผูท้ อี่ ยูใ่ นรถม้าจะคิดว่านัน่ เป็นเพียงการล้อเล่น
“อุ๊บ อุ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! อย่าพูดให้ข�าหน่อยเลยเจ้าหนู!”
“แหมๆ เจ๊ก็คลอดให้มันหน่อยเถอะน่า ลูกของมันน่ะ!”
“พวกแกน่ะเงียบไปเลย! อย่ามัวแต่พูดอะไรโง่ๆ แล้วออกไป
ส�ารวจความปลอดภัยรอบๆ ซะ!”
รอบข้างพากันเอ่ยล้อเลียน แต่ก็อบลิน่าผมสีน�้าตาลแดงผู้นั้น
ก็ไม่ใส่ใจ
ฝ่ายก็อบตะทีฟ่ งั บทสนทนานัน้ ก็จบั ความได้วา่ ดูทา่ ก็อบลินา่ ผม
สีน�้าตาลแดงตนนี้จะถูกเรียกขานว่าเจ๊
ค�าหยอกล้อจากรอบข้างไม่ได้เข้าหูของก็อบตะเลยแม้แต่น้อย
เขาท�าเพียงส่งสายตาอันเร่าร้อนให้เจ๊เท่านั้น
ทว่าความจริงไม่ได้หอมหวานแต่อย่างใด
“คือว่านะ คนขีข้ ลาดอย่างนายน่ะไม่ใช่แบบทีฉ่ นั ชอบ คนทีโ่ ดน
394
มนุษย์อ่อนแอแบบนั้นดูถูกเอาไม่มีทางเป็นผู้ชายของฉันได้หรอก! อย่าง
น้อยๆ ก็ต้องเป็นตัวผู้ที่แข็งแกร่งพอจะที่ช่วยเหลือฉันได้น่ะนะ”
รักครั้งแรกของก็อบตะเริ่มต้นและจบลงในเวลาเดียวกันเมื่อถูก
เจ๊ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
“มะ ไม่จริง... เศร้าจังครับ...”
วินาทีเดียวกับที่แทบจะมอดไหม้เป็นเถ้าถ่านขาวจั๊วะ ก็อบตะก็
นึกถึงความเจ็บปวดทั่วร่างขึ้นมาได้
และแล้วก็อบตะก็หมดสติไปอีกครัง้ ท่ามกลางความสิน้ หวัง ด้วย
เหตุนั้นเอง เขาจึงต้องรบกวนคณะเดินทางของพ่อค้าชาวโคโบลด์ไปจน
กระทั่งถึงราชอาณาจักรคนแคระ ซึ่งอย่างน้อยที่สุดก็ยังดีที่เขาเดินทางถึง
ราชอาณาจักรคนแคระได้อย่างปลอดภัย...
รักครั้งแรกของก็อบตะจบลงด้วยการอกหัก แต่เขาก็ประสบ
ความส�าเร็จในเป้าหมายแรกเริ่มเดิมทีได้ในที่สุด

ก็อบตะขายสัมภาระในรถเข็นที่ร้านของคนแคระซึ่งพ่อค้าเผ่า
โคโบลด์ช่วยแนะน�าให้
แม้จะตกใจเมื่อก็อบตะส่งเมจิกไอเท็มให้ แต่บรรดาคนแคระก็
ด�าเนินเรื่องให้ตามขั้นตอนโดยไม่สอบถามอะไร
ดูเหมือนว่าเหล่าคนแคระจะเคยชินกับการค้าขายกับปิศาจอยูแ่ ล้ว
จึงสนทนาได้ในระดับหนึ่งด้วย
คนแคระคนหนึ่งชี้มือไปที่เอวของก็อบตะแล้วถามว่า
“เฮ้ ไอ้นั่นไม่ขายด้วยเหรอ?”
เมื่อเลื่อนสายตามองตามที่ถูกชี้ ก็อบตะก็พบว่าที่นั่นมีมีดของ
ตนเสียบอยู่
(อ๊ะ! เราเสียบไว้กับสะโพก ไม่ใช่ในอกเสื้อสินะ!)
ถึงว่าสิวา่ ท�าไมของทีค่ วักออกมาได้จากอกเสือ้ ถึงกลายเป็นเห็ด
SIDE STORY ก�รผจญภัยครั้งใหญ่ของก็อบตะ 395
ไปแทน ทว่าเรื่องนั้นช่างมันก่อน------
“อันนี้ของผมครับ ไม่ขายหรอกครับ”
ก็อบตะเอ่ยตอบ
ได้ยินเช่นนั้น คนแคระก็พยักหน้าครั้งหนึ่ง แล้วเอ่ยกับก็อบตะ
ต่อว่า
“นัน่ เป็นของดีแต่วา่ พลังเวทใกล้จะหมดเต็มทนแล้ว ใช้ได้เต็มที่
ก็คงอีกครั้งหรือสองครั้งละมั้ง เจ้ารู้วิธีใช้รึเปล่า?”
“ไม่ครับ ไม่รู้หรอกครับ? เจ้านี่เป็นอาวุธเวทมนตร์หรือครับ?”
“ใช่แล้ว เขาเรียกว่าเฟลมไนฟ์ (มีดสั้นแห่งเปลวเพลิง) วัสดุ
เป็นเงินขาวแต่เป็นของที่มีพลังเวทมนตร์แฝงอยู่ด้วย เป็นหนึ่งในของที่
ผลิตขึ้นมาส�าหรับให้ขุนนางเผ่ามนุษย์ป้องกันตัว ข้าจะสอนอาคมเผื่อไว้
ให้แล้วกัน แต่จ�าใส่ใจไว้นะว่าถ้าใช้ละก็คงจะพังแน่นอน”
“จริงหรือครับ!?”
“จริงสิ มันเป็นหนึ่งในมีดสั้นซึ่งท�าขึ้นที่ราชอาณาจักรคนแคระ
แห่งนี้ ใช้ให้ดีแล้วกัน”
แล้วก็อบตะก็ได้รับการสอนอาคมจากคนแคระซึ่งใจดีสมเป็น
คนแคระ และคงเพราะถูกใจที่ก็อบตะพกพามีดที่คนแคระท�าขึ้นกระมัง
คนแคระคนนั้นจึงอ�านวยความสะดวกให้ก็อบตะในหลายๆ เรื่อง
ดังนั้นก็อบตะจึงด�าเนินการซื้อขายส�าเร็จลงได้ด้วยดี และแม้สิ่ง
ทีร่ บั กลับมาจะเป็นสิง่ ของ ไม่ใช่เงินสด แต่กไ็ ม่จา� เป็นต้องขนกลับไปด้วย
ตัวเอง เพราะขอให้ชว่ ยด�าเนินการส่งสินค้าให้ได้โดยการเพิม่ ค่าธรรมเนียม
เข้าไป
ก็อบตะขอแลกเปลี่ยนสิ่งของเป็นของใช้ในชีวิตประจ�าวันเช่น
มีดท�าอาหารหรือหม้อใบใหญ่ รวมถึงยุทโธปกรณ์จา� พวกมีดหรือเกราะ-
หน้าอกซึง่ แม้จะมีขนาดร่างกายอย่างก็อบลินก็ใช้งานได้งา่ ย และหลังจากนัน้
ก็ขนสัมภาระไปยังร้านรับขนส่งเพื่อให้ทางร้านลงทะเบียนให้
396
สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือกระบอกเวทมนตร์ 1 แท่ง เป็นของ
ชั้ น เลิ ศ ซึ่ ง หากน� า ไปติ ด ตั้ ง ในสถานที่ ที่ ต ้ อ งการแล้ ว สั่ ง ให้ เ ริ่ ม ท� า งาน
สัมภาระก็จะถูกส่งไป ณ สถานที่นั้นโดยอัตโนมัติ
แน่นอนว่าเป็นอุปกรณ์เวทมนตร์แบบใช้แล้วทิง้ ซึง่ ใช้งานได้เพียง
ครั้งเดียวเท่านั้น
อันทีจ่ ริง มีวธิ กี ารขนส่งทางอากาศทีร่ าคาถูกกว่าและมีคณ ุ ภาพ
อยูด่ ว้ ย ทว่าใช้งานได้เฉพาะพืน้ ทีใ่ กล้เคียงเท่านัน้ และไม่วา่ อย่างไรก็ตาม
แต่ ในเมื่อก็อบตะไม่สามารถอธิบายถึงสถานที่ที่ต้องการให้ส่งไปได้ ก็
เหลือแต่ต้องพึ่งพาเวทมนตร์ขนส่งแม้จะมีราคาแพงกว่าก็ตาม ทั้งนี้
เนื่องจากสัมภาระที่ขอให้ขนส่งให้น้ันมีปริมาณพอสมควร ซึ่งหากจะใส่
รถเข็นลากกลับไปก็มีแต่จะล�าบากเปล่า ดังนั้นก็อบตะจึงใช้บริการของ
ร้านรับขนส่งโดยไม่ลังเล
ว่ากันตามจริงก็คือ มีความเป็นไปได้ว่าจะถูกจ้องชิงสัมภาระใน
ระหว่างเดินทางกลับ ดังนั้นจึงควรท�าตัวให้คล่องแคล่วไว้น่าจะดีกว่า
ซึ่งการตัดสินใจของก็อบตะก็เรียกว่าไม่ได้ผิดอะไรนัก
หลังออกจากร้านรับขนส่ง ก็อบตะก็กลับไปยังร้านรับซื้อของ
เพื่อกล่าวขอบคุณคนแคระที่ช่วยแนะน�าตนให้
“สวัสดีครับ! ผมไปท�าเรื่องให้เขาส่งของให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
ช่วยได้มากเลยละครับ!”
“เจ้าเองเรอะ ได้แบบนัน้ ก็ดแี ล้ว จริงสิ ไอ้นนี่ ะ่ มันเอาไปขายต่อ
ไม่ได้ เพราะฉะนั้นข้าคืนให้แล้วกัน”
เอ่ยเช่นนัน้ แล้ว คนแคระคนนัน้ ก็สง่ เสือ้ โค้ทค่อนข้างหนา ซึง่ ท�า
จากขนสัตว์ทกี่ อ็ บตะใช้แทนผ้าห่มให้ ทัง้ ยังมีการเย็บหนังกระต่ายทีก่ อ็ บตะ
จัดการได้ติดเข้าไป ดูแล้วน่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยป้องกันความหนาวเย็นได้ดี
ทีเดียว
แม้ปากจะบอกว่าคืนให้ แต่คนแคระผูน้ ค้ี งอุตส่าห์จงใจดัดแปลง
SIDE STORY ก�รผจญภัยครั้งใหญ่ของก็อบตะ 397
เพื่อก็อบตะโดยเฉพาะเลยทีเดียว
“เอ๋ จะดีหรือครับ?”
“เออ ยังไงซะเจ้าก็คงเอาของฝากไว้หมดจนไม่มกี ระทัง่ ผ้าห่มจะ
ใช้ตอนนอนใช่ไหมล่ะ? ถ้าจะเดินทางละก็ ห้ามละเลยการเตรียมตัวพวกนี้
นะ”
หลังจากสัง่ สอนก็อบตะเช่นนัน้ แล้ว คนแคระผูน้ นั้ ก็ดงึ เอาเป้ใบเก่า
ออกมาอีก
“ข้าให้ไอ้นี่ด้วย แล้วก็ใส่ของตากแห้งไว้ให้แทนเงินทอนแล้ว
คงจะพอกินได้สักอาทิตย์แหละ โชคดีล่ะ!!”
“จริงเหรอครับ!? ขอบคุณมากนะครับ!!”
ก็อบตะเอ่ยขอบคุณความมีน�้าใจของคนแคระ
“ไม่ตอ้ งคิดมากหรอก ทีจ่ ริงมีดเล่มนัน้ ข้าเป็นคนท�าขึน้ เองแหละ
เพราะฉะนัน้ จะให้ปล่อยคนทีเ่ ป็นเจ้าของไว้เฉยๆ ก็คงไม่ได้ ขออวยพรให้
กลับบ้านได้อย่างปลอดภัยนะ”
เอ่ยจบแล้ว คนแคระผู้นั้นก็จากไปต้อนรับลูกค้าคนอื่นต่อ
(นั่นสินะ... ถ้าเราออกเดินทางจากที่นี่มือเปล่า แค่ป่าก็คงกลับ
ไปได้ไม่ถึง ต้องขอบคุณคุณคนแคระใจดีจริงๆ!)
ก็อบตะโค้งศีรษะขอบคุณอีกครั้ง แม้ว่าคนแคระผู้นั้นคงจะมอง
ไม่เห็น แต่เขาก็อยากจะส่งความรู้สึกขอบคุณอีกสักเล็กน้อยก็ยังดี
จากนั้นก็อบตะก็สวมเสื้อโค้ทที่ได้รับ สะพายเป้ขึ้นหลัง แล้ว
ออกจากสถานที่นั้น
ทว่าแม้จะท�าตามเป้าหมายส�าเร็จแล้ว ก็อบตะก็ยังไม่คิดจะเริ่ม
เดินทางกลับอย่างเด็กดี
“อุตส่าห์ได้ออกมาไกลๆ ทั้งที ไปเที่ยวชมอะไรหลายๆ อย่าง
หน่อยคงไม่เป็นไรหรอกเนอะครับ!”
หลังจากพึมพ�าเช่นนัน้ และสรุปด้วยตัวเองแล้ว ก็อบตะก็วนเวียน
398
เที่ยวชมทัศนศึกษาส่วนต่างๆ ของราชอาณาจักรคนแคระ
ราชอาณาจักรคนแคระนั้นสร้างอยู่ภายในถ�้าตามธรรมชาติ
ขนาดใหญ่ ท�าให้ไม่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์โดยตรงได้ แต่เพราะมี
เทคโนโลยีอันแยบยลสร้างเป็นระบบที่ท�าให้น�าแสงธรรมชาติเข้ามาได้
ภายในจึงมีแสงสว่างมากพอที่จะไม่ท�าให้รู้สึกไม่สะดวก
ส่วนยามค�่าคืนเองก็มีตะไคร่น�้าเรืองแสงซึ่งขึ้นอยู่ตามผนังถ�้า
ปล่อยแสงสว่างออกมา ท�าให้คงปริมาณแสงเอาไว้เทียบเท่าได้กับคืน
พระจันทร์เต็มดวง
สิ่งที่เป็นปัญหาก็คือการใช้ไฟ
แม้จะไม่ใช่พนื้ ทีป่ ดิ แต่เนือ่ งจากอยูใ่ นถ�า้ ควันจึงสะสมคละคลุง้
ได้ง่าย ท�าให้การระบายอากาศมีความส�าคัญ และด้วยเหตุนี้จึงท�าให้มี
ข้อจ�ากัดเรื่องการใช้ไฟไม่ว่าจะเป็นในอาคารหรือภายนอกก็ตาม สถานที่
ที่ใช้ไฟเช่นโรงงานหรือโรงครัวนั้นมีหน้าที่ที่จะต้องว่าจ้างนักดับเพลิงให้
เตรียมพร้อมอยู่เป็นประจ�าด้วย
ดังนัน้ สถานทีท่ ที่ า� อาหารได้จงึ มีจา� กัด และท�าได้เฉพาะในอาคาร
เท่านั้น
ตามปกติแล้วถ้ารูส้ กึ ไม่สบายตัวก็อบตะเองก็อาบน�า้ แต่กอ็ บตะ
เพิ่งจะเสร็จจากการเดินทางไกล สรุปแล้วก็คือก็อบตะในเวลานี้นั้น
ตัวเหม็นสุดๆ แถมพวกก็อบลินยังไม่มวี ฒ ั นธรรมในการอาบน�า้ เป็นประจ�า
ด้วย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้
หากเป็นบริเวณร้านรับซื้อซึ่งใกล้กับปากทางเข้าออกที่คลาคล�่า
ไปด้วยบรรดานักผจญภัยก็อาจจะไม่เตะตานัก ทว่าหากเป็นภายในอาคาร
ก็เป็นอีกเรือ่ งหนึง่ แม้วา่ จะมีการระบายอากาศ แต่กอ็ บตะก็มกี ลิน่ ร้ายแรง
มากเกินพอที่จะท�าให้ผู้คนรู้สึกไม่ดี
ยิ่งเป็นเขตย่านการค้า ก็ยิ่งมีผู้คนชักสีหน้าเพิ่มขึ้น
บรรดาพ่อค้าต่างแดนพากันส่งสายตาไม่พอใจมายังก็อบตะ ซึง่
SIDE STORY ก�รผจญภัยครั้งใหญ่ของก็อบตะ 399
เมื่อถูกอาบด้วยสายตาแบบนั้น ต่อให้เป็นก็อบตะเองก็รู้สึกอยู่ไม่เป็นสุข
ขึ้นมาเหมือนกัน
(รู้สึกแย่บอกไม่ถูกยังไงไม่รู้แฮะ... รีบๆ ออกไปน่าจะดีกว่าแฮะ
แบบนี้)
เนื่องจากอ่านบรรยากาศได้อย่างรวดเร็ว ก็อบตะจึงตัดสินใจ
กลับหมู่บ้านก็อบลิน
ซึ่งนั่นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เนื่องจากว่าก็อบตะไม่มีเงิน
ถึงจะอยู่ทัศนศึกษาต่อไปก็ไม่สามารถหาอาหารรับประทานได้นั่นเอง
และเดิมทีก็อบตะก็ไม่เข้าใจหลักการเรื่องเงินตราอยู่แล้ว ถึงได้
ใช้วิธีการเอาของแลกของ ซึ่งส�าหรับเรื่องนี้นั้นเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ
ก็อบตะเลิกล้มความตั้งใจที่จะท่องเที่ยว และตั้งท่าจะไปจาก
สถานที่นั้น------
ทว่า ตอนนั้นเองก็อบตะก็ได้เห็นเข้า
ภาพที่บรรดาสาวงามปานเทพธิดาก�าลังยิ้มแย้มอยู่ในร้านที่
ตกแต่งประดับประดาสวยงาม
เขาคิดว่าเจ๊ก็อบลิน่าเองก็งามปานนางสวรรค์เหมือนกัน แต่
ระดับก็ยังผิดกับหญิงสาวเหล่านี้
ใบหูยาวปรากฏให้เห็นจากเรือนผมสีทองงดงามทีด่ รู าวกับน�า้ ไหล
พวกเธอคือเผ่าเอลฟ์ซึ่งมีเอกลักษณ์ของภูตหลงเหลืออยู่เข้มข้น
ความจริงแล้ว การประเมินความงามจะตัดสินจากเอกลักษณ์
พิเศษของเผ่าพันธุ์ต่างๆ แต่อันที่จริงก็คือความรู้สึกเรื่องความงามของ
ก็อบลินนัน้ เป็นเหมือนกับมนุษย์ ด้วยเหตุผลทีแ่ สนจะง่ายดายนัน่ คือเป็น
สิ่งที่หลงเหลือจากในฐานะที่เดิมทีพวกเขาก็เป็นภูตประเภทหนึ่ง แม้จะ
ด้อยพัฒนาลง แต่เนือ้ แท้กค็ งยังใกล้เคียงกับภูต ด้วยเหตุนี้ เหล่าก็อบลินที่
มีความเป็นเหตุเป็นผลต�า่ จึงจูโ่ จมมนุษย์ หรือบางทีกม็ แี ม้แต่ผทู้ พี่ ยายาม
จะแพร่กระจายลูกหลานของตนตามแต่สัญชาตญาณจะพาไปอยู่ด้วย
400
(สวยจังเลย! สักวันหนึ่งผมเองก็อยากจะสนิทสนมกับพี่สาว
ชาวเอลฟ์บ้างเหมือนกันแฮะ!)
ก็อบตะตัดสินใจอย่างนัน้ และคิดว่าตนจะต้องแข็งแกร่งขึน้ ให้ได้
แม้แต่กอ็ บตะเอง หากว่าแข็งแกร่งขึน้ ก็อาจจะมีหญิงงามมาชอบ
เหมือนกับที่เจ๊ก็อบลิน่าว่าไว้ก็เป็นได้
หลังจากได้เป้าหมายใหม่ในใจแล้ว ก็อบตะก็ตัดสินใจค้างแรม
ที่ราชอาณาจักรคนแคระ 1 คืน
โดยพักอาศัยกลางแจ้งทีส่ วนสาธารณะซึง่ ตัง้ อยูใ่ กล้กบั ประตูใหญ่
เนือ่ งจากคิดแล้วว่าจะอย่างไรการออกเดินทางตอนกลางคืนก็เป็นอันตราย
แต่ถงึ กระนัน้ ก็ไม่จา� เป็นต้องกังวลเรือ่ งฝนฟ้าเพราะอยูภ่ ายในถ�า้
และเพราะได้เสื้อโค้ทที่คนแคระใจดีท�าให้จึงไม่รู้สึกหนาวด้วย
หลังผ่านค�่าคืนซึ่งสบายกว่าที่คิด ก็อบตะจึงลืมตาตื่นขึ้นอย่าง
แจ่มใส
ทัง้ นีเ้ ห็นว่าน�า้ พุทอ่ี ยูใ่ นสวนสาธารณะนัน้ สร้างขึน้ โดยใช้นา�้ บาดาล
ซึ่งดื่มได้ด้วย ก็อบตะจึงดึงเอาถุงใส่น�้าออกมาจากเป้แล้วเติมน�้าจนเต็ม
และจากนี้ไป ก็ได้เวลาออกจากราชอาณาจักรคนแคระเพื่อ
เดินทางกลับเสียที

ใครบางคนส่งเสียงเรียกก็อบตะตอนที่ก�าลังจะก้าวออกจาก
ประตูเมือง
“อ้าว เจ้าหนูนี่นา ท�าธุระเสร็จแล้วรึ?”
เมื่อแหงนมองขึ้น ก็พบว่าเป็นพ่อค้าชาวโคโบลด์นั่นเอง โดยที่
ด้านหลังนั้นมีนักรบฮ็อบก็อบลิน 2 ตนกับก็อบลิน่าผมสีน�้าตาลแดงเดิน
ตามมาด้วย
SIDE STORY ก�รผจญภัยครั้งใหญ่ของก็อบตะ 401
“อ๊ะ คุณพ่อค้า!”
ก็อบตะจึงทักทายตอบ ดูเหมือนว่าเหล่าพ่อค้าเองก็ก�าลังจะ
เดินทางกลับเช่นกัน
หากเป็นพ่อค้าที่ร�่ารวยก็ดูเหมือนว่าจะค้างแรมกันอยู่หลายคืน
แต่ดทู า่ ว่าถ้าเป็นขบวนพ่อค้าเล็กๆ ละก็จะไม่พกั อยูก่ นั นานนัก ตามปกติ
แล้วจะต่างรีบซื้อขายแลกเปลี่ยนให้เสร็จ แล้วเดินทางกลับไปพักผ่อน
สบายๆ ที่ประเทศของตน
หลังจากทักทายกันเสร็จแล้ว พ่อค้าชาวโคโบลด์กใ็ ห้กอ็ บตะติด
รถม้าไปด้วย
“เรากลับทางเดียวกันใช่ไหมล่ะ ยังไงซะก็มีที่ว่างอยู่แล้ว ดังนั้น
นั่งไปจนถึงระหว่างทางเถอะ แต่ถ้ามีโจรหรือสัตว์ปิศาจโผล่ออกมาละก็
ต้องช่วยกันป้องกันด้วยนะ?”
เอ่ยเช่นนัน้ แล้ว พ่อค้าชาวโคโบลด์กห็ วั เราะอย่างขีเ้ ล่น เขาไม่คดิ
หรอกว่าก็อบตะจะเป็นก�าลังรบได้ เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นเพียงข้ออ้างที่จะ
ให้ก็อบตะขึ้นรถม้าไปด้วยเท่านั้น
ฝ่ายก็อบตะเองก็หัวเราะอย่างสบายอารมณ์ เพราะเข้าใจผิดว่า
ได้รับการพึ่งพา จึงรู้สึกภาคภูมิใจอยู่บ้างเล็กน้อย
แล้วทั้งขบวนก็ออกเดินทางเลียบไปตามธารน�า้ สายใหญ่ ผ่าน
ทุ่งหญ้าไปได้อย่างไร้ปัญหา แล้วเข้าสู่ป่า
ก็อบตะเองก็ร่วมวงกับทุกคนในการล่านกป่า และเก็บรวบรวม
ลูกไม้ในเวลาที่หยุดพัก
“แกเนี่ย มีพรสวรรค์ในเรื่องแบบนี้สุดยอดไปเลยนะ! เก่งจริงๆ
ที่เจอกระทั่งของกินแบบนี้ด้วย...”
“สมแล้วทีเ่ ป็นเผ่าพันธุท์ อี่ าศัยในมหาพงไพรแห่งจูรา่ พอเข้าป่า
แล้วท�าประโยชน์ได้มากกว่าที่คิดแฮะ”
“นั่นสินะ ไม่นึกเลยว่านายจะมีพรสวรรค์แบบนี้อยู่ด้วย”
402
ทั้งหมดพากันกล่าวชมเชยก็อบตะเช่นนั้น
ฝ่ายก็อบตะที่ถือนกป่าซึ่งล่ามาด้วยด้วยการปาหินขนาดเล็กใส่
ก็ไม่อาจปิดบังความยินดีไว้ได้ เขารูส้ กึ ได้ใจเนือ่ งจากแทบจะไม่เคยได้รบั
ค�าชมกับเขาเลย
และสิ่งที่เขาพบเข้าระหว่างช่วงเวลาเหล่านั้น ก็คือเห็ดสีสันน่า
หวาดผวา ใช่แล้ว มันคือเห็ดที่ก็อบตะกินเข้าไปโดยไม่รู้สึกตัวในตอนที่
ท้องหิวจัดนั่นเอง
(ไอ้นี่เนี่ยกินไม่ได้สินะ แต่ว่า อ้าว? เดี๋ยวก่อนนะ... ไอ้เห็ด
สีธรรมดาที่ขึ้นอยู่ตรงนั้นเองก็รู้สึกว่าจะอันตรายอย่างไรไม่รู้เหมือนกัน
หรือว่าที่เรากินเข้าไปจะเป็นไอ้นี่กันแน่?)
แม้จะคิดถึงความเป็นไปได้ขนึ้ มาได้ แต่เมือ่ มองดูสแี ดงน่าหวาดผวา
หลายเฉดสีสดใสแล้ว ท�าให้มองอย่างไรมันก็ไม่น่าจะเป็นของที่กินได้
สีของมันท�าให้แม้กระทั่งก็อบตะที่ก�าลังได้ใจยังต้องนึกละล้า-
ละลัง
“นาย ไอ้นั่นมันกินไม่ได้นะ เขาเรียกกันว่าเห็ดไฟเดือด มีพิษ
ร้ายแรง โดยเฉพาะต้นที่มีส่วนผสมของพิษรุนแรง จะระเบิดเมื่อถูกไฟ
ท�าให้พษิ ร้ายแรงกระจายไปทัว่ ถ้าคิดจะท้าทายฉันก็ไม่หา้ มหรอก แต่รบั ประกัน
ได้ว่านายได้ไปที่ชอบๆ แน่”
เมื่อเจ๊บอกอย่างนั้น ก็อบตะก็พยักหน้าหงึกๆ ตอบ เขาไม่เห็น
จ�าเป็นจะต้องลงทุนกินเห็ดท่าทางอันตรายแบบนี้สักหน่อย

พวกก็อบตะปล่อยเห็ดไฟเดือดไว้ที่เดิม แล้วรวมรวบลูกไม้ได้
อย่างไม่ยากเย็น
นอกเหนือจากพวกก็อบตะทีม่ หี น้าทีห่ าวัตถุดบิ ท�าอาหารแล้ว ก็
ยังมีผู้ซึ่งท�าหน้าที่ไปตักน�้าที่แม่น�้า กับผู้มีหน้าที่ท�าอาหารด้วย
เมื่อทุกคนท�าหน้าที่ของตัวเองเสร็จ และก�าลังจะเริ่มเตรียม
SIDE STORY ก�รผจญภัยครั้งใหญ่ของก็อบตะ 403
อาหาร------
“กรรรรรร------ !!”
เสียงค�ารามน่าหวาดหวั่นก็ดังก้องขึ้นอย่างกะทันหันส่งผลให้
บริเวณรอบๆ ถึงกับสั่นสะเทือน
แล้วสัตว์ปิศาจตนหนึ่ง ก็ปรากฏตัวออกมาพร้อมกับกลิ่นอาย
แห่งความโกรธเกรี้ยว
มันคือสัตว์ปิศาจแรงก์ B หรือเบลดไทเกอร์ที่ก็อบตะหลบหลีก
มาได้ด้วยเห็ดพิษก่อนหน้านี้นั่นเอง
ดูเหมือนว่ามันจะได้รับบาดเจ็บเพราะสปอร์ของเห็ดพิษอยู่
เหมือนกัน แต่กโ็ ชคดีทอี่ ยูใ่ กล้แหล่งน�า้ จึงท�าให้ฟน้ื ตัวขึน้ มาได้ ทว่าความ
โกรธของมั น ไม่ ไ ด้ ห ายไป ความโกรธเกรี้ ย วที่ ถู ก ปิ ศ าจชั้ น ต�่ า อย่ า ง
ก็อบลินลูบคมกลายเป็นจุดด่างพร้อยที่ยากจะลบเลือนอยู่ในใจของมัน
และมันก็เดิมพันด้วยเกียรติยศศักดิ์ศรีในฐานะผู้แข็งแกร่งที่
โดดเดี่ยวว่า มันจะต้องล้างแค้นผู้ที่บังอาจดูหมิ่นมันให้จงได้
หลังจากร้องค�ารามอย่างโกรธแค้นแล้ว เบลดไทเกอร์ก็ปล่อย
วอยซ์แคนนอนใส่นักรบฮ็อบก็อบลินซึ่งเป็นหนึ่งในผู้คุ้มกันจนกระเด็น
การโจมตีทจี่ งใจแสดงให้เห็นถึงความห่างชัน้ นัน้ ท�าให้กระทัง่ ฮ็อบก็อบลิน
ซึง่ มีรา่ งเนือ้ บึกบึนแข็งแรงได้รบั บาดเจ็บสาหัสปางตายในชัว่ พริบตา หรือ
หากไม่ได้ฟลู เพลทเมล (เกราะคุม้ กันทัง้ ตัว) ช่วยปกป้องไว้ละก็ ฮ็อบก็อบลิน
ตนนั้นอาจจะตายคาที่ไปเลยก็ได้
“ลูกพี่!?”
ฮ็อบก็อบลินอีกตนหนึ่งส่งเสียงอย่างตกใจ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะ
ขยับไปไหนไม่ได้ ทีท่ า� ได้เต็มทีก่ แ็ ค่เพียงยกขวานขึน้ เตรียมพร้อมระวังการ
โจมตีจากเบลดไทเกอร์เท่านัน้ ทว่าก็เป็นเรือ่ งช่วยไม่ได้ เพราะฮ็อบก็อบลิน
ที่มีแรงก์เพียงแค่ระดับ C นั้น ไม่ใช่คู่มือที่จะต่อกรกับเบลดไทเกอร์ซึ่ง
เป็นแรงก์ B ได้เลย
404
“อย่าไปกระตุ้นมันนะ เจ้านี่มันตัวอันตราย ถ้าต้องสู้กับเบลด-
ไทเกอร์ละก็ ต่อให้พวกเราสัก 10 คนร่วมมือกันสูก้ ย็ งั ไม่รเู้ ลยว่าจะเอาชนะ
ได้รึเปล่า คุณพ่อค้า รีบเก็บข้าวของแล้วค่อยๆ ออกห่างจากที่นี่ซะ”
เจ๊เอ่ยอย่างสงบ หล่อนรู้ดีว่ายิ่งกระตุ้นเบลดไทเกอร์เท่าไร
อันตรายก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น หล่อนจึงเอ่ยเตือนเหล่าพ่อค้าเผ่าโคโบลด์
เพราะคิดว่าอย่างน้อยทีส่ ดุ ก็อยากจะให้ผวู้ า่ จ้างหนีรอดไปได้อย่างปลอดภัย
พลางคาดหวังว่าถ้าโชคดี พวกหล่อนเองก็อาจหนีรอดได้ใน
ระหว่างที่เบลดไทเกอร์ก�าลังกินม้าลากรถ...
ทว่าความหวังนั้นต้องถูกบดขยี้ลง เพราะเป้าหมายของเบลด-
ไทเกอร์คือการแก้แค้น ไม่ใช่การหาอาหารให้อิ่มท้อง
บรรดาผู้คุ้มกันต่างตั้งท่าเตรียมพร้อม ฝ่ายเบลดไทเกอร์ก็
กวาดตามองหาว่าก็อบตะซึ่งเป็นเหยื่อเป้าหมายนั้นอยู่ที่ไหน
ทว่าขณะเดียวกัน เบลดไทเกอร์กส็ ง่ สายตาข่มขูบ่ รรดาพ่อค้าเผ่า
โคโบลด์ที่พยายามจะหลบหนีไปอย่างเงียบๆ ด้วย การแสดงความหมาย
ว่าไม่คดิ จะปล่อยให้ใครหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียวนัน้ ท�าให้บรรดาพ่อค้า
พากันหมดหวัง และได้แต่ทรุดนั่งลงตรงนั้น
“ไม่ไหว ดูทา่ เจ้านีค่ งไม่คดิ จะปล่อยให้พวกเราหนีรอดไปได้แน่”
“เอาไงดีครับเจ๊? ล�าพังพวกเราคงชนะไม่ได้หรอกนะครับ?”
“ข่วยไม่ได้นะ คงมีแต่ตอ้ งทุม่ สุดตัวเท่านัน้ แหละ พวกคุณพ่อค้า
ถ้าพวกเราบุกตะลุยเข้าไปเมือ่ ไร ให้ทกุ คนรีบวิง่ หนีไปพร้อมๆ กันนะ! แต่
แยกกันไปหลายๆ ทางล่ะ ถ้าคิดว่าอยากจะมีชีวิตรอดให้ได้แม้แค่สักนิด
ละก็นะ”
บรรดาผู้คุ้มกันต่างพากันเตรียมตัวเตรียมใจที่จะเข้าต่อสู้กับ
เบลดไทเกอร์โดยทิ้งชีวิตของตัวเอง พวกเขาคิดจะเอาตัวเองเป็นเหยื่อล่อ
เพื่อหาทางให้พวกพ่อค้าหนีไปให้ได้
ทว่าขณะที่บรรยากาศแห่งความสิ้นหวังเริ่มคุกรุ่น กลับมีชายซึ่ง
SIDE STORY ก�รผจญภัยครั้งใหญ่ของก็อบตะ 405
อ่านบรรยากาศไม่ออกอยู่คนหนึ่ง
ใช่แล้ว ก็อบตะนัน่ เอง วินาทีทไี่ ด้ยนิ เสียงค�ารามของเบลดไทเกอร์
ก็อบตะก็คิดว่านั่นเป็นโอกาสของตนแล้ว
(เจ้าเสือตัวนั้นสินะครับ!? แค่ลูกกะจ๊อกที่ไล่ไปได้ด้วยเห็ด
เท่านั้นนี่ครับ ถ้าเป็นเจ้านั่นละก็แม้แต่ผมเองก็น่าจะเอาชนะได้นะครับ!)
จะเข้าใจผิดอะไรก็ควรเอาแค่ในระดับที่พอสมควร ทว่ามันก็ส่ง
ผลให้ก็อบตะเป็นคนเดียวในที่นี้ที่ไม่ถูกความหวาดกลัวครอบง�า
“คู่มือของแกคือผมครับ!”
ก็อบตะกระโจนออกไป ซึง่ เมือ่ เห็นดังนัน้ เบลดไทเกอร์กค็ า� ราม
อย่างดุร้าย
“เจ้าบ้า! ถึงนายจะกระโจนออกไปก็ท�าอะไรไม่ได้หรอกน่า!?”
เจ๊ร้องตะโกน ทว่าก็อบตะก็ตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ที่นี่ปล่อยให้
เป็นหน้าที่ของผมเถอะครับ!”
แล้วจากนั้นก็เริ่มวิ่งมุ่งหน้าเข้าไปในป่า
ฝ่ายเบลดไทเกอร์เองก็เริ่มออกวิ่งดิ่งตรงไล่กวดก็อบตะ ราวกับ
ว่าคนอื่นๆ นอกจากนั้นไม่อยู่ในสายตาของมัน

ทั้งหมดพากันนิ่งอึ้ง ทว่าก็หยุดการเคลื่อนไหวไปเพียงชั่วขณะ
เท่านั้น
“เฮ้ย เจ้าบ้านั่น... จะฝืนตัวเองก็ให้มันพอดีๆ หน่อยสิ...”
แม้ว่าเหล่าผู้คุ้มกันจะตกใจ ทว่าก็ไม่ปล่อยให้โอกาสที่ก็อบตะ
สร้างขึ้นหลุดลอยหายไป
“พวกคุณรีบหนีไปตอนนี้เลย! ส่วนพวกเราจะหยุดมันไว้ที่นี่”
“ตะ แต่ว่า...”
“ไม่ต้องใส่ใจหรอก นี่เป็นงานของพวกเรา ถ้าพวกเราหนีพ้น
จากเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นเมื่อไหร่จะติดต่อด้วยกระบอกจุดไฟนะ”
406
“ก็อย่างที่ว่านี่ละ พวกเราเองก็ไม่คิดจะตายหรอก ยังไงก็อยาก
จะกลับมาพบกันอีกแบบต่างคนต่างปลอดภัยละนะ------”
พูดจบเจ๊กไ็ ล่พวกพ่อค้าขึน้ รถม้า แม้คดิ ว่าก็อบตะคงไม่อาจถ่วง
เวลาอะไรได้ แต่หากเหลือพวกตนอยู่ด้วยก็คงจะช่วยให้นายจ้างหนีรอด
ไปได้ เมื่อแน่ใจว่ารถม้าของพวกพ่อค้าเริ่มขยับเขยื้อนแล้ว เหล่าผู้คุ้มกัน
จึงเริ่มออกวิ่งไปตามทิศทางที่ก็อบตะวิ่งไป
ส่วนก็อบตะในตอนนั้นก็ก�าลัง------
(น่ากลัว------ ! น่ากลัวสุดๆ เลยครับ!!)
เพิ่งจะได้เผชิญกับความกลัวของพลังกดดันจากเบลดไทเกอร์ที่
ไล่ตามมาเอาป่านนี้
โดยเบลดไทเกอร์นนั้ ร่นระยะห่างระหว่างมันกับก็อบตะได้ในเวลา
ไม่นานด้วยก�าลังขาที่น่ากลัว ไม่เสียชื่อสัตว์ปิศาจแรงก์ B
(ถะ ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ละก็ ไม่น่าท�าเป็นเท่เลยเรา------)
แต่จะมาเสียใจเอาป่านนีก้ ส็ ายไปเสียแล้ว ก็อบตะจึงวิง่ สุดก�าลัง
แบบเอาเป็นเอาตาย พยายามจะสร้างระยะห่างให้มากขึน้ บ้างสักเล็กน้อย
ก็ยังดี
ทว่าอาจเป็นเรื่องดีที่ถูกกดดันจากความกลัว แผนหนึ่งจึงจุด-
ประกายขึ้นในสมองของก็อบตะราวกับว่าสวรรค์ช่วยน�าทาง
(จริงสิ ถ้าใช้เจ้านี่ละก็ บางที...)
ก็อบตะหยุดยืนแล้วควักเอาสิ่งหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ จากนั้น
ก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะขว้างไอเท็มที่ถืออยู่ในมือนั้นไปทางเบลดไทเกอร์
ฝ่ายเบลดไทเกอร์เองก็หยุดการเคลือ่ นไหวลงราวกับละล้าละลัง
ที่จู่ๆ ก็อบตะก็หยุดยืนอยู่กับที่ และทันทีหลังจากนั้น สิ่งที่ก็อบตะขว้าง
มา ก็รุกไล่มาถึงตรงหน้าสายตาของเบลดไทเกอร์
ทีจ่ ริงแล้ว เพียงแค่ใช้วอยซ์แคนนอนอันเป็นอาวุธทีย่ งิ่ ใหญ่ทสี่ ดุ
ของเบลดไทเกอร์ป่นสิ่งที่พุ่งมาให้กลายเป็นผงเสียก็หมดเรื่อง ทว่า
SIDE STORY ก�รผจญภัยครั้งใหญ่ของก็อบตะ 407
ความทรงจ�าแห่งความผิดพลาดเมื่อคราวก่อนส่งผลให้เบลดไทเกอร์เกิด
ความลังเล เบลดไทเกอร์เป็นสัตว์ปิศาจที่มีสติปัญญาสูง มันจะไม่ท�าผิด
พลาดเหมือนเดิมเป็นครั้งที่สอง ทว่าส�าหรับครั้งนี้ อุปนิสัยที่ควรเรียกว่า
เป็นข้อดีนั้นกลับกลายเป็นภัยเสียนี่
เบลดไทเกอร์ไม่คดิ จะปล่อยวอยซ์แคนนอน แต่เลือกใช้วธิ หี ยุดยัง้
สิง่ ทีพ่ งุ่ มาด้วยวิธกี ารคาบแทน จากสายตาของเบลดไทเกอร์แล้ว การคาบ
เป้าหมายโดยไม่กอ่ ให้เกิดแรงสัน่ สะเทือนนัน้ ไม่ใช่เรือ่ งยากเย็นอะไรเลย
ทว่า------
วินาทีเดียวกับที่เบลดไทเกอร์คาบสิ่งที่พุ่งมาไว้ในปากอย่าง
แผ่วเบา ก็อบตะก็ตะโกนว่า “อันซีล (เปิดผนึกกระบอกเวท)!!”
ผลลัพธ์ถกู แสดงออกมารวดเร็วเกินกว่าทีเ่ บลดไทเกอร์จะทันได้
เข้าใจความหมายของค�าพูดนั้น
กระบอกเวทมนตร์ที่ร้านขนส่งเตรียมให้ แสดงผลลัพธ์ออกมา
ตามที่ก็อบตะเล็งไว้ สรุปแล้วก็คือ ข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจ�าวัน
ยุทโธปกรณ์รวมถึงรถเข็น ฯลฯ ปริมาณมากมาย ปรากฏขึ้นในปากของ
เบลดไทเกอร์ซึ่งคาบกระบอกเวทมนตร์นั้นเอาไว้อย่างกะทันหันนั่นเอง
ผลทีไ่ ด้นนั้ แน่นอนว่าสิง่ ของเหล่านัน้ เป่ากรามล่างของเบลดไท-
เกอร์เสียกระจุย
ซึ่งเป็นไปตามที่ก็อบตะคาดการณ์ไว้
“ส�าเร็จแล้วครับ!”
ก็อบตะแสดงความยินดี ทว่าแผนการของเขายังไม่จบลงเท่านัน้
เขายังเหลืออาวุธไม้ตายที่ชื่อว่าเฟลมไนฟ์อยู่
เมื่อค�านึงถึงพลังในการต่อสู้ของเบลดไทเกอร์แล้ว ต่อให้เป่า
กรามล่างจนกระจุยก็คงยังไม่อาจหยุดยั้งมันได้ ซึ่งในจุดนั้น ก็อบตะคิด
จะใช้เวทมนตร์ของอาวุธไม้ตายเพื่อจะได้จัดการกับคู่มือได้อยู่หมัด
(แต่ถ้าเผามันที่นี่ สัมภาระของเราคงจะไหม้ไปด้วยสินะ ล่อมัน
408
ให้เข้าไปลึกกว่านี้อีกนิดน่าจะดีกว่า)
เมื่อรู้ตัวว่าสัมภาระของตนกระจัดกระจายอยู่ที่บริเวณเท้าของ
เบลดไทเกอร์ ก็อบตะจึงหลบหนีลึกเข้าไปในป่าต่อโดยล่อเบลดไทเกอร์
ให้ตามไปด้วย
ฝ่ายเบลดไทเกอร์ก็สับสนจนไม่อาจตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง
เพราะต้องเผชิญกับความเจ็บปวดที่ไม่เคยประสบมาก่อนแม้สักครั้ง ด้วย
เหตุนมี้ นั จึงโกรธเกรีย้ วทีก่ อ็ บตะหนีไป และเริม่ ไล่ตดิ ตามตามสัญชาตญาณ
เพียงอย่างเดียว เพราะถูกแย่งชิงพลังในการใช้ความคิดที่จะค�านึงถึง
จุดประสงค์ของอีกฝ่ายได้ไปเสียแล้ว
ความเจ็บปวดร้าวรานและโทสะกับความอับอายที่ถูกช่วงชิง
วอยซ์แคนนอนซึง่ เป็นอาวุธทีย่ งิ่ ใหญ่ทสี่ ดุ ของตนไป... เบลดไทเกอร์กา� ลัง
ถูกครอบง�าด้วยความคิดเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือไม่ว่าอย่างไรมันก็ต้อง
จัดการก็อบตะให้ได้
เมื่อเว้นระยะห่างได้เล็กน้อย ก็อบตะก็ใช้ร่างกายเล็กๆ ของตน
ให้เป็นประโยชน์ โดยการมุดเข้าไปในบริเวณทีม่ พี มุ่ ไม้ขนึ้ ติดกันหนาแน่น
ด้วยเหตุน้ีจึงลบความแตกต่างของความสามารถระหว่างตนกับเบลด-
ไทเกอร์ลงได้ และประสบความส�าเร็จในการสร้างระยะห่างในที่สุด
ก็อบตะหันกลับไปมองดูเบลดไทเกอร์
แล้วก็พบว่าศัตรูก�าลังตรงดิ่งมุ่งมาทางเขาตามความคาดหมาย
(เอาละ! ถ้าเป็นที่นี่ละก็ไม่พลาดแน่!)
สมรรถนะในการเคลื่อนที่ของเบลดไทเกอร์ถูกบรรดาพุ่มไม้ที่
พัวพันแย่งชิงไป ก็อบตะจึงคิดว่าเพียงแค่โยนไปตรงๆ ก็คงจะเข้าเป้า
แน่นอนแล้ว เขาจะใช้อาวุธไม้ตายพร้อมกับเดินพลังเวทของมันด้วย ถ้า
เป็นเจ้านี่ละก็ ถึงจะเป็นสัตว์ปิศาจที่ดุร้ายก็คงไม่มีทางไร้บาดแผลหรอก
แถมวอยซ์แคนนอนยังถูกปิดผนึก ดังนั้นเบลดไทเกอร์จึงไร้ซึ่ง
วิธที จี่ ะหลบ เมือ่ คิดเช่นนัน้ ก็อบตะก็ขว้างเฟลมไนฟ์ออกไปด้วยความมัน่ ใจ
SIDE STORY ก�รผจญภัยครั้งใหญ่ของก็อบตะ 409
เต็มเปี่ยม
“ไฟร์ (เปลวเพลิงจงบังเกิด)!”
จากนั้นก็ตะโกนอาคมที่คนแคระช่วยสอนให้ เวทมนตร์ของ
เฟลมไนฟ์จึงเริ่มท�างานด้วยอาคมนั้น
ส่งผลให้มดี ถูกห่อหุม้ ด้วยเปลวไฟในขณะทีพ่ งุ่ ตรงไปหาเบลด-
ไทเกอร์
เดิมที เวทมนตร์จากเมจิกเวพ่อนระดับนี้ ไม่ได้ส่งผลอะไรกับ
สัตว์ปิศาจแรงก์ B เลย ทว่าเบลดไทเกอร์กลับระแวง มันเผลอระแวง
และความระแวงนั้นก็น�าพาโชคและชัยชนะมาสู่ก็อบตะ
เบลดไทเกอร์ใช้เขีย้ วดาบบนกรามบนซึ่งยังคงหลงเหลืออยู่และ
ขยับได้ดงั่ ใจดีดเฟลมไนฟ์ซงึ่ ห่อหุม้ ด้วยเปลวไฟออกไป ซึง่ เมือ่ เห็นเช่นนัน้
สีหน้าของก็อบตะก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ทว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เองที่ถือ
เป็นโชคดีของก็อบตะ
เฟลมไนฟ์ที่ถูกดีดกระเด็น ร่วงปักลงที่บริเวณเท้าของเบลด-
ไทเกอร์ ซึ่งตรงนั้นมีเห็ดซึง่ มีคณุ ลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งขึน้ อยู่ เห็ดซึ่งจะ
ปล่อยพิษออกมาเมื่อถูกความร้อน แถมเห็ดต้นนั้นยังเติบโตจนมีขนาด
ใหญ่เสียด้วย...
เห็ดไฟเดือดที่ถูกไฟแผดเผาระเบิดตัวออก ส่งสะเก็ดไฟให้
กระเด็นไปรอบๆ และส่งผลให้เกิดระเบิดต่อเนื่องขึ้นทั่วทั้งบริเวณใกล้ๆ
เบลดไทเกอร์ซงึ่ อยู่ ณ ใจกลางของระเบิดนัน้ จึงถูกลูกหลงจากระเบิดโดย
ไร้ซึ่งวิธีการหลบหนี และอาบสปอร์พิษร้ายแรงเข้าไปทั่วร่าง
ผลจากการปัดการโจมตีทไี่ ม่ได้สร้างความเสียหายมากมาย กลับ
ท�าให้มันได้รับบาดเจ็บแสนสาหัสแทน
และตอนนั้นเอง------
“ท�าได้ดมี ากเลยนาย! ทีเ่ หลือปล่อยให้เป็นหน้าทีข่ องพวกเราเอง!”
“ไง เจ้าหนู... ฉันต้องมองแกใหม่แล้วละ แกเป็นนักสูช้ นั้ เลิศเลย!”
410
เสียงที่แสนจะพึ่งพาได้ก็ดังขึ้นให้ก็อบตะที่เหนื่อยล้าเสียจน
กระดิกกระเดี้ยไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียวได้ยิน
ถ้าเป็นเบลดไทเกอร์ทบี่ าดเจ็บสาหัสละก็ เหล่านักสูผ้ คู้ มุ้ กันเอง
ก็มีโอกาสชนะได้
และแล้วเบลดไทเกอร์ก็ถูกก�าจัด ส่วนชัยชนะก็เป็นของก็อบตะ
ด้วยประการฉะนี้

พวกเขามาถึงเส้นทางแยกในที่สุด
ก็อบตะต้องเดินทางลึกเข้าไปในป่า ส่วนบรรดาพ่อค้านัน้ จะเดิน
ทางเลียบธารน�า้ ต่อไปทัง้ อย่างนี้ เพือ่ มุง่ หน้าสูเ่ ขตปกครองของราชาปิศาจ
“มีดที่เป็นสมบัติพังไป... แถมยังต้องลากรถเข็นกลับอีกแล้ว...”
ก็อบตะบ่น ทว่าสีหน้านัน้ ยังคงสบายอารมณ์เหมือนเคย เพราะ
ส�าหรับก็อบตะแล้ว เรื่องเหล่านั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร
“พวกเรารอดมาได้เพราะเธอนี่ละ ขอขอบคุณอีกครั้งนะ”
บรรดาพ่อค้าพากันกล่าวค�าขอบคุณ ฝ่ายก็อบตะก็ตอบรับด้วย
รอยยิ้มที่เขินอาย
“นาย คือว่าฉันน่ะ ถ้าเป็นนายละก็------”
“เจ๊ครับ ผมจะแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ครับ! คราวหน้าผมจะจัดการ
กับสัตว์ปิศาจระดับนั้นให้ได้โดยไม่ต้องให้ใครช่วยให้ดูครับ!”
“เห อะ อื้อ นั่นสินะ จริงอย่างที่ว่า มุ่งมั่นให้ยิ่งๆ ขึ้นไปอีกล่ะ!”
เจ๊ตั้งท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่เมื่อได้ยินค�าพูดที่เข้าใจผิดของ
ก็อบตะ หล่อนก็หยุดความรู้สึกไว้เพียงเท่านั้นแล้วยิ้มกว้างให้ก็อบตะ
เพราะคิดว่าการท�าเช่นนั้นจะท�าให้ก็อบตะปีนป่ายขึ้นไปสูงยิ่งขึ้นได้อีก
และแล้วความรักของก็อบตะก็ไม่ได้บรรลุผล ทั้งสองต่างก็แยก
SIDE STORY ก�รผจญภัยครั้งใหญ่ของก็อบตะ 411
กันเดินไปตามเส้นทางที่แตกต่างกัน ณ ที่นี้

ก็อบตะลากรถเข็นเดินลึกเข้าไปในป่า
ฝ่ายบรรดาพ่อค้ากับนักสูผ้ คู้ มุ้ ครองก็พากันมองส่งก็อบตะทีเ่ ดิน
จากไป
“ถ้าเป็นลูกของเจ้านั่นละก็ คลอดให้ก็อาจจะดีเหมือนกันนะ”
เจ๊พึมพ�าเบาๆ ขณะที่โบกมือลามองส่งก็อบตะ
“ตอนนี้ยังทันนะครับเจ๊?”
“ไม่ละ แบบนี้แหละดีแล้ว เจ้านั่นคงจะมีบางอย่างแตกต่างจาก
พวกเราแน่ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางเอาชีวิตรอดมาได้หรอก”
“นั่นสินะครับ... จริงอย่างที่เจ๊ว่าครับ”
พวกเขาสนทนากันเช่นนั้น ขณะที่มองส่งก็อบตะซึ่งเดินจากไป
โดยไม่ละสายตา

412
จ�กผู้เขียน

สวัสดีครับ ผมฟุเสะครับ
ก่อนอื่น ขอขอบพระคุณมากนะครับที่กรุณาถือหนังสือเล่มนี้ไว้
ในมือ
ผลงานนีเ้ ป็นการน�าผลงานทีเ่ คยเผยแพร่ทางเว็บไซต์มาดัดแปลง
เพิ่มเติมครับ
ดังนั้น คิดว่าคงมีบางท่านที่ทราบแล้วอยู่ด้วย ณ ปัจจุบันนิยาย
เรื่องนี้ก็ยังคงเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ 『เป็นนักเขียนนิยายกันเถอะ』
อยู่ครับ ดังนั้นผมจึงเขียนไซด์สตอรี่ใหม่ทั้งหมดขึ้น เพื่อให้ท่านที่เคยได้
อ่านบนเว็บไซต์แล้วสนุกสนานได้ด้วยครับ
ส�าหรับท่านที่เพิ่งเคยได้อ่าน หากว่าไม่รังเกียจละก็ ลองอ่าน
เวอร์ชั่นเว็บไซต์ดูด้วยนะครับ เนื้อหาหลักนั้นเหมือนกับเวอร์ชั่นหนังสือ
ก็จริง แต่ก็มีจุดต่างกระจัดกระจายอยู่ตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้าง ถ้าลองน�ามา
เปรียบเทียบกันก็คิดว่าสนุกดีเหมือนกันนะครับ
ผมเพิง่ จะเคยได้เขียนจากผูเ้ ขียนเป็นครัง้ แรก จึงเกร็งอยูเ่ หมือน
กันครับว่าจะเขียนอะไรดี
ดังนั้นผมขอใช้สถานที่นี้ กล่าวขอบคุณทุกๆ ท่านซึ่งกรุณาเป็น
ก�าลังขับเคลื่อนให้หนังสือเล่มนี้ถือก�าเนิดขึ้นมาได้แล้วกันนะครับ
ทุกท่านทีก่ รุณาอ่านเวอร์ชนั่ เว็บไซต์ ขอบพระคุณส�าหรับแรงเชียร์
เสมอมาครับ ความคิดเห็นของทุกท่านคือพลังส�าหรับผมครับ
คุ ณ มิ ต ซ์ วาห์ ที่ ก รุ ณ าวาดภาพประกอบที่ แ สนวิ เ ศษให้
ขอบพระคุณมากครับที่กรุณาวาดตัวละครอันหลากหลายให้ออกมา
เต็มไปด้วยชีวิตชีวา จากนี้ไปผมอาจจะพูดอะไรเอาแต่ใจอีกก็ได้ แต่ยังไง
จ�กผู้เขียน 413
ก็กรุณาเดินไปกับผมด้วยนะครับ
คุณบรรณาธิการ I ซึ่งกรุณาติดต่อมาเรื่องการจัดท�าหนังสือ
หากไม่มีความเร่าร้อนของคุณละก็ หนังสือเล่มนี้คงไม่ได้เกิดมาครับ
และสุดท้ายนี้ ทุกๆ ท่านที่กรุณาซื้อหนังสือเล่มนี้
หากท่านได้อ่าน 『เกิดใหม่ทั้งทีก็กลายเป็นสไลม์ไปซะแล้ว』
แล้วรู้สึกสนุกสนาน ผมก็มีความสุขครับ
ถ้าเช่นนั้น ต่อจากนี้ไปผมก็อยากจะพยายามยิ่งๆ ขึ้น เพื่อให้
ทุกท่านได้อ่านเรื่องราวต่อจากนี้ไปนะครับ
ขอบพระคุณทุกท่านมากๆ ครับ!

414
จ�กผู้แปล

สวัสดีค่ะ ขอบพระคุณทุกท่านที่กรุณาอุดหนุน “เกิดใหม่ทั้งที


ก็เป็นสไลม์ไปซะแล้ว” เวอร์ชั่นนิยายนะคะ
ทัง้ นีไ้ ด้มกี ารวางจ�าหน่ายฉบับคอมิคน�าหน้าไปก่อนแล้ว ซึง่ บาง
ท่านก็อาจจะทราบแล้วว่าต้นฉบับของเรือ่ งนีค้ อื นิยายบนอินเทอร์เน็ตและ
มีการดัดแปลงเนือ้ หาเพือ่ จัดท�าในรูปแบบของหนังสืออีกครัง้ ดังนัน้ ไม่วา่
ท่านจะได้อ่านฉบับคอมิคหรือต้นฉบับบนอินเทอร์เน็ตมาก่อน ท่านก็จะ
ยังสามารถสนุกสนานกับฉบับนิยายในอีกอรรถรสหนึง่ ได้อย่างแน่นอนค่ะ
พ่อสไลม์ของเราจะสร้างวีรเวร เอ้ย วีรกรรมขนาดไหนในเวอร์ชนั่
นิยายนี้ ขอให้ทุกท่านสนุกสนานกันให้เต็มที่นะคะ
สุดท้ายนีข้ อขอบพระคุณทางรักพิมพ์ทกี่ รุณามอบโอกาสในการ
ท�างาน กองบรรรณาธิการที่กรุณาให้ค�าแนะน�าหลายๆ อย่าง และท่านผู้
อ่านทุกท่านที่กรุณาอุดหนุนค่ะ หวังว่าจะได้พบกับทุกท่านในเล่มต่อไป
นะคะ ขอบพระคุณมากค่ะ

Mokuri
จ�กสำ�นักพิมพ์

สวัสดีครับท่านผูอ้ า่ นทุกท่าน ด้วยแรงเชียร์ของทุกท่านหลังจาก


ได้อ่านเวอร์ชั่นหนังสือการ์ตูน บัดนี้รักพิมพ์น�า 『เกิดใหม่ทั้งทีก็กลาย-
เป็นสไลม์ไปซะแล้ว』 ฉบับนิยายมาเสิร์ฟแล้วครับ เป็นอย่างไรกันบ้าง
เอ่ย เวอร์ชั่นนิยายกับการ์ตูน อ่านแล้วดูแตกต่างกันมากไหมครับ?
ส�าหรับผมเองก็พบว่ามีฉากที่มีจุดต่างอยู่บ้าง แต่หากได้อ่านทั้งสอง
เวอร์ชั่นแล้ว ก็คิดว่าจะน�าทั้งสองเวอร์ชั่นมาฟิวชั่นกันในหัวเพื่อเติมเต็ม
เรือ่ งราวและเติมเต็มอรรถรสได้ครับ ดังนัน้ หากได้อา่ นนิยายแล้วก็อย่าลืม
ซือ้ เวอร์ชนั่ หนังสือการ์ตนู ต่อไปด้วยล่ะ! เพราะผมเองก็จะซือ้ ต่อไปเช่นกัน
อย่างไรก็หวังว่าเราจะได้พบกันใหม่ แล้วพบกันในเล่มถัดไปนะครับ ผม
เชื่อแน่ว่าต้องมีความสนุกสุดๆ รอพวกเราอยู่อีกเยอะเลยละ

MR.T

《ยืนยันเสร็จสิ้น ต้องการกลับชาติไปสู่เล่ม 2 หรือไม่?


YES/NO》

You might also like