Professional Documents
Culture Documents
วัตถุระเบิดทางทหาร 2560
วัตถุระเบิดทางทหาร 2560
บทที่ ๑
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับวัตถุระเบิดทางทหาร
๑. กล่าวทั่วไป
สารระเบิด ( EXPLOSIVE SUBSTANCE )หมายถึ งของแข็ งของเหลวหรื อสารผสมที่ ส ามารถ
เกิดปฏิกิริยาเคมีโดยตัวเอง แล้วให้ก๊าซเมื่อถึงอุณหภูมิและความดันหนึ่งจะเกิดการระเบิดจนก่อให้เกิด
ความเสียหายต่อพื้นที่โดยรอบ
รูปที่ ๑.๑ ตัวอย่างวัตถุระเบิดชนิดต่างๆ
ดินดาเม็ด ดินส่งกระสุน
๒. ประวัติ
๒.๑ ประวัติตอนต้น ๆ ของวัตถุระเบิด ไพโรเทคนิค และจรวด ยังเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยอยู่
แต่อย่างไรก็ตามพอจะทราบเป็นสังเขปคือ ช่วง ค.ศ.๑๒๕๔ - ๑๓๒๓ มาโคโปโล เดินทางกลับจากประเทศจีน
มาถึงยุโรป ทาให้ยุโรปรู้จักดินดา (BLACK POWDER) เข้าใจว่า มาโคโปโล นาดินดาเข้ามายังยุโรป ดินดามีการ
เผาไหม้รุนแรง ต่อมาได้ใช้ดินดาเป็นดินปืน (GUN POWDER) ชาวจีนได้เรียนรู้การใช้ดินดาอย่างรวดเร็วใช้เป็น
ดินส่งกระสุน และดินขับจรวดในสมัยนั้นเป็นครั้งแรก นอกจากนั้นชาวจีนยังใช้ดินดาในพิธีต่างๆ เช่นทาประทัด
(FIRE CRACKER) สรุปว่า ชาวจีนได้รู้จักดินดาเป็นชาติแรกของโลก
๒.๒ ชาวกรีกค้นพบไพโรเทคนิค ประเภทไฟพะเนียง (FIRE POT) โดยบรรจุส่วนผสมของน้ามันดิน
(PITCH), กามะถัน (SULPHUR), ดินประสิว (POTASSIUM NITRATE) และ น้ามัน (OIL) แล้วต่อด้วยสายเชือก
ชุบน้าซึ่งผสมดินประสิว (SALTPETER) ใช้เป็นสายชนวนเผาไหม้ช้าๆ ส่วนผสมทั้งหมดบรรจุในหม้อดินเผา เมื่อ
จุดสายชนวนแล้วโยนด้วยมือ หรือแขวนไว้ก็ได้
๒.๓ ดินปืน GUN POWDER เป็นต้นแบบของวัตถุระเบิด (EXPLOSIVE) แต่โบราณ พระชาวโรมัน
คาธอลิก ชื่อ โรเจอร์ ได้อธิบายไว้ในปี ค.ศ.๑๒๔๒ เป็นภาษา LATIN ซึ่งแปลได้ความว่าเมื่อนาดินประสิว ๗
ส่วน ไม้แห้ง ๕ ส่วน กามะถัน ๕ ส่วน มาผสมกันและจุดจะทาให้เกิดเสียงดัง (THUNDER) แต่เขาไม่ได้ค้นพบ
GUN POWDER ต่อมามีอีกหลายคนได้อธิบายเกี่ยวกับ GUN POWDER เช่น BERTHOLD SCHWARZ
๒.๔ ในช่วงศตวรรษ ๑๙ วิชาอินทรีเคมีก้าวหน้ามาก มีการค้นพบองค์ประกอบของต้นแบบวัตถุ
ระเบิด เช่น ไนโตรเซลลูโลส ไนโตรกลีเซอรีน กรดพิกริด ดินกรดปรอท สิ่งใหม่ๆ เหล่านี้เป็นส่วนประกอบ
วัตถุระเบิด ซึ่งยังไม่มีความเสถียร (UNSTABLE) มีอุบัติเหตุกับโรงงานและคลังเก็บบ่อย ๆ โนเบล (NOBEL)
เป็นผู้ทราบวิธีการผสมไนโตรกลีเซอรีน ทฤษฎีของไนโตรเซลลูโลส และไนโตรกลีเซอรีน ซึ่งเป็นของเหลวที่มี
อันตรายมากในการเคลื่อนย้ายและจับถือ และค้นพบวิธีทาไนโตรกลีเซอรีนให้แห้งโดยใช้ดินส้ม (KEISELGUHR)
ทาเป็นผิวแห้งซึมซับไนโตรกลีเซอรีน เรียกชื่อว่า “ไดนาไมท์” (DYNAMITE) ยุคแรก ๆ ไดนาไมท์ เป็นวัตถุ
ระเบิดชนิดเป็นแท่งใช้ในงานทาลายทั่วไป ต่อมามีการพัฒนาให้ดีขึ้นโดย ใช้ ขี้เลื้อย ฝ้าย สาลี ผ้าสาลี เป็นตัว
ดูดซับไนโตรกลีเซอรีน DYNAMITE มีหลาย GRADE ขึ้นอยู่กับความเข้มหรือเปอร์เซ็นต์ของไนโตรกลีเซอรีน
จากนั้นประมาณ ๒๐ ปี (ค.ศ. ๑๘๘๘) เขาได้ค้นพบวัตถุระเบิดชนิดเผาไหม้ช้า เหมาะที่จะใช้ทาดินส่งกระสุน
โดยผสม NITROCELLOLOSE กับ NITROGLYCERINE และตั้งชื่อว่า BALLISTITE ซึ่งเป็นการคิดค้นดินขับ
หรือดินส่งกระสุนสองฐานขึ้นเป็นครั้งแรก ต่อมา ค.ศ. ๑๘๘๙ ABEL และ DEWAR ได้ศึกษา BALLISTITE
จนกระทั่งพัฒนาให้มีกาลังเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม เรียกชื่อใหม่ว่า CORDITE
๒.๕ วัตถุระเบิดหลักที่บรรจุอยู่ในกระสุนปืนใหญ่ แต่เดิม (ค.ศ. ๑๒๕๔ - ๑๓๒๓) ใช้ดินดาหรือ GUN
POWDER และได้พัฒนามาใช้ BALLISTITE จนกระทั่งถึง CORDITE ประมาณ ค.ศ. ๑๙๐๐ ต้น ๆ ใช้ LYDDITE
หรือกรดพิคริกผสม ต่อมาในปี ค.ศ. ๑๙๑๔ ได้เปลี่ยนจาก กรด PICRIC เป็น TNT. หรือ AMATOL
๒.๖ การระเบิดของวัตถุระเบิดทั้งหมด เป็นการระเบิดทางเคมี (CHEMICAL EXPLOSION ) พลังงาน
ที่ปลดปล่อยออกมา PRESSURE GAS จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับน้าหนักของวัตถุระเบิด ไม่ทาให้อะตอมของ
สารเปลี่ยนแปลง (NUMBER ATOM)
๒.๗ การเริ่มศักราชใหม่ของวัตถุระเบิดคือ ระเบิดปรมาณู (ATOMIC BOMB) เป็นความรู้เกี่ยวการ
ระเบิดของระเบิดปรมาณู เป็นการปลดปล่อยพลังงาน เปลี่ยนโครงสร้างอะตอมของ NUCLEUS ให้ใหญ่ขึ้นมาก
ให้พลังงานมากกว่าวัตถุระเบิดที่มีการระเบิดทางเคมี (CHEMICAL EXPLOSION) ลูกระเบิดปรมาณูเป็นเรื่องที่
เกี่ยวกับ NUCLEAR POWER ในปี ค.ศ.๑๙๔๕ มีการทดลองระเบิดปรมาณูครั้งแรกในรัฐ New Mexico,
USA.
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๓
๔. การระเบิด (EXPLOSION)
การระเบิด (EXPLOSION) คือ การสลายตัวอย่างรวดเร็วและรุนแรงทันทีทันใด ทาให้เกิดก๊าซจานวน
มหาศาล ให้ความร้อนสูง ให้อานาจการผลักดันรอบตัว ชนิดของการระเบิด (TYPE OF EXPLOSION) แบ่งเป็น
๓ ชนิด
๔.๑ การระเบิดทางกล (MECHANICAL EXPLOSION) หมายถึงการระเบิดธรรมดาของหม้อต้มน้า
หรือกาต้มน้าโดยเมื่อน้าในภาชนะที่ต้มเดือด ไอระเหยของน้าระบายออกไม่ทัน (ช่องระบายเล็กหรือปิด หรือไม่
มีลิ้นนิรภัย) ความดันที่เกิดจากไอน้าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่ง ถึงจุดๆหนึ่งซึ่งวัสดุหรือโครงสร้างของภาชนะ
นั้นไม่สามารถทนต่อแรงดันได้จะระเบิดขึ้น ฉะนั้นการระเบิดทางกล จึงมีความจาเป็นจะต้องใช้ภาชนะเป็นสิ่ง
บรรจุและมีความดันเป็นต้นเหตุให้เกิดการระเบิด
๔.๒ การระเบิดทางเคมี (CHEMICAL EXPLOSION) ได้แก่การระเบิดของวัตถุระเบิดทางทหาร ซึ่ง
เกิดปฏิกิริยาเคมีขึ้นระหว่างเชื้อเพลิง และสารที่ทาให้เกิดออกซิเจน (OXIDIZER) เนื่องจากมีแรงกระตุ้น จาก
ภายนอกมาทาให้เกิดปฏิกิริยา ซึ่งจะสลายตัวเป็นก๊าซที่มีปริมาณมากกว่าปริมาณเดิมอย่างมากมาย ยังผลให้
เกิดแรงดันขึ้นอย่างฉับพลันและความร้อนสูง
๔.๓ การระเบิดของอาวุธนิวเคลียร์ (ATOMIC OR NUCLEAR EXPLOSION) คือการระเบิดที่เกิดจาก
ปฏิกิริยาที่ใจกลางของปรมาณูอะตอม ที่เรียกว่านิวเคลียร์ ได้แก่ การระเบิดของระเบิดปรมาณู ระเบิด
ไฮโดรเจน และระเบิดนิวตรอน
๕. ความหมาย
วัตถุระเบิด (EXPLOSIVE) คือ สารชนิดหนึ่ง เมื่อมีสิ่งที่เหมาะจากภายนอกมาจุ ดจะสลายตัวเป็นก๊าซ
อย่างรวดเร็วทันทีทันใด และส่งกาลังผลักดันอย่างรุนแรงต่อสิ่งห้อมล้อม โดยฉับพลันพร้อมกับให้ความร้อน
ออกมาอย่างมากมายด้วย
เมื่อวัตถุระเบิดเกิดการสลายตัวขึ้น ในกรณีที่เป็นวัตถุระเบิดแรงสูง จะเกิดผลหรืออันตรายดังนี้
๕.๑ แรงกระแทกและคลื่นการสั่นสะเทือน BLAST AND SHOCKWAVE
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๔
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๕
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๖
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๗
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๘
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๙
๑๑. คานิยามศัพท์ที่เกี่ยวกับวัตถุระเบิด
๑๑.๑ EXPLOSION (การระเบิด) = การสลายตัวอย่างรวดเร็ว และรุนแรงทันทีทันใด ทาให้เกิดแก๊ส
จานวนมหาศาล ความร้อนสูงและอานาจการผลักดันมากรอบ ๆ
ตัวมันเอง
๑๑.๒ DETONATION (การปะทุ) = การสลายตัวอย่างทันทีทันใด เป็นการลุกไหม้อย่างรวดเร็วที่สุด
ซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากการแพร่จากอนุภาคหนึ่งไปยังอนุภาคอีกส่วน
หนึ่งพลังจะแพร่ออกไปในทุกทิศทุกทาง
๑๑.๓ LOW EXPLOSIVE (วัตถุระเบิดแรงต่า) = วัตถุระเบิดที่มีส่วนผสมที่สามารถลุกไหม้ได้โดยมี
ออกซิเจนและเชื้อเพลิงเข้าช่วย เมื่อมีสิ่งที่เหมาะสมมาจุด จะเกิด
การปะทุขึ้นมีอัตราเร็วในการสลายตัวต่ากว่า ๑,๐๐๐ เมตร/วินาที
ให้ อานาจการผลักดันหรือขับดัน เช่น ดินส่งกระสุน , ดินขับ ชนิด
ต่าง ๆ
๑๑.๔ HIGH EXPLOSIVE (วัตถุระเบิดแรงสูง) = วัตถุระเบิดที่เมื่อมีสิ่งที่เหมาะสมมาจุด จะเกิดการ
ระเบิดขึ้นมีอัตราเร็วในการสลายตัว ตั้งแต่ ๑,๐๐๐ เมตร/วินาทีขึ้น
ไป ให้อานาจการฉีกขาด การทาลายสูง ให้ความร้อนมาก เช่น ดิน
ส่วนบรรจุหลักของลูกระเบิด หรือหัวรบชนิดต่าง ๆ
- PRIMARY HIGH EXPLOSIVE เป็นวัตถุระเบิดที่มีความไวมากที่สุด แต่มีกาลังผลักดันน้อย
- PRIMER ดินเริ่ม
- DETONATOR ดินนาระเบิด
- SECONDARY HIGH EXPLOSIVE เป็นวัตถุระเบิดที่มีความไวลดลง แต่มีกาลังผลักดันสูง
- BOOSTER ดินขยายการระเบิด
- MAIN CHARGE , BURSTING CHARGE วัตถุระเบิดหลัก หรือดินส่วนบรรจุหลัก
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๑๐
- AUXILIARY ดินช่วยขยายการระเบิด
๑๑.๕ DEFLAGRATION = การประทุชนิดลุกไหม้ หมายถึง การลุกไหม้เชื้อเพลิงชนิดใด
ชนิดหนึ่งอย่างรวดเร็ว แต่ไม่รวดเร็วเพียงพอที่จะเรียกว่า เป็นการ
ระเบิดได้, เชื้อเพลิงขับดัน PROPELLANT จัดอยู่ในลักษณะนี้ ซึ่ง
ถ้าการลุกไหม้ถูกจากัดบริเวณก็สามารถทาให้เกิดการระเบิดขึ้นได้
๑๑.๖ HIGH EXPLOSIVE TRAIN (ขบวนการวัตถุระเบิดแรงสูง ) = คือการเอาวัตถุระเบิดมาเรียงกัน
เพื่อจะจุดวัตถุระเบิดแรงสูง (จุด S.HE.)
๑๑.๗ LOW EXPLOSIVE TRIAN (ขบวนการวัตถุระเบิดแรงต่า) = คือการเอาวัตถุระเบิดมาเรียงกัน
เพื่อจะจุดวัตถุระเบิดแรงต่า (จุด PROPELLANT.)
๑๑.๘ ขบวนการวัตถุระเบิดสาเร็จรูป = คือการจัดเอาวัตถุระเบิดมาเรียงกันไว้ในภาชนะหรืออุปกรณ์
เพื่อสะดวกในการนาไปประกอบกับวัตถุระเบิดที่ต้องการจุดดิน
ส่วนบรรจุหลัก (MAIN CHARGE) เช่น เชื้อประทุ, ชนวนลูก
ระเบิดชนิดต่าง ๆ
๑๑.๙ BALANCED EXPLOSIVE = วัตถุระเบิดชนิดหนึ่ง มี OXYGEN เพียงพออยู่ในตัวเอง เมื่อ
ระเบิดขึ้นได้ จะได้ CARBON DIOXIDE + น้า ซึ่งเขียนสูตรได้
ดังนี้ CO2 + H2O
๑๑.๑๐ UNBALANCED EXPLOSIVE = วัตถุระเบิดชนิดหนึ่ง ตรงข้ามกับข้อ ๑๑. ๙ OXYGEN ไม่
เพียงพอในตัวเอง เมื่อระเบิดจะไม่มี CO2 และ H2O เช่น TNT
2C7H5(NO2)3 เป็นต้น
๑๑.๑๑ ADDITIVE (รวม) = สารเคมีหลายชนิดผสมกันเป็นวัตถุระเบิดและต้องการคุณสมบัติ
ต่าง ๆ เช่น มีประกายไฟน้อยหรือไม่มีเลย (FLASHLESSNESS)
ต้องมีตัวควบคุมต่าง ๆ นั่นคือเลือกหาสารเคมีที่มาเป็นส่วนผสม
โดยให้ผลตามที่ต้องการนั่นเอง
๑๑.๑๒ STABILIZERS (เสถียรภาพ) = เป็นสารตัวกลางไม่เป็นอันตรายต่อส่วนผสมอื่น ๆ เพื่อให้
ส่วนผสมเคมีต่าง ๆ ขึ้นรูปอยู่ได้ ไม่ทาให้สารเคมีเกิดการสลายตัว
(DECOMPOSITION) และป้องกันการเร่งปฏิกิริยาต่าง ๆ ของสาร
ที่ผสม เช่น CHALK ฯลฯ หรือทาให้มีเสถียรภาพมั่นคง
๑๑.๑๓ SOLVENT (สารละลาย) = สารเคมีที่เป็นตัวทาละลายส่วนผสมให้อ่อนนุ่ม เช่น การผลิตดิน
ส่ ง กระสุ น ให้ เ ป็ น รู ป ร่ า งต่ า ง ๆ และเป็ น เชื้ อ เพลิ ง ด้ ว ย เช่ น
“ALCOHOL”
๑๑.๑๔ COOLANTS = สารเคมีที่เป็นตัวลดความร้อน อยู่ในส่วนผสมวัตถุระเบิด ไม่ทา
ความเสียหายแก่ลากล้องปืน ดินส่งกระสุนพวกนี้จะมีสารลดความ
ร้อนลง เช่น NITROGUANADINE
๑๑.๑๕ MODERANTS = สารเคมีที่ควบคุมอัตราการเผาไหม้ดินส่งกระสุนให้สม่าเสมอ
ไหม้จากพื้นผิวเข้าไป (ขึ้นอยู่กับการออกแบบรูปร่ างของดินส่ง )
สารนี้ผสมอยู่ในดินส่ง
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๑๑
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๑๒
บทที่ ๒
ประเภทวัตถุระเบิดทางทหาร
วัตถุระเบิดทางทหาร เป็นสารชนิดหนึ่งซึ่งอาจจะอยู่ ในภาวะใดก็ได้ไม่ว่าจะเป็นของแข็ง , ของเหลว
หรือก๊าซ วัตถุระเบิดบางอย่างก็เป็นสารประกอบบางอย่างก็เป็นสารผสมของสารตั้งแต่ ๒ ชนิดขึ้นไป เมื่อได้
การกระตุ้นหรือการจุดที่เหมาะสมจะด้วยความร้อน, การขัดสีหรือคลื่นการสั่นสะเทือนอย่างหนึ่งอย่างใดที่
เหมาะสมก็ตาม จะเกิดการเปลี่ยนสภาวะจากรูปเดิมหรือสลายตัวอย่างรวดเร็วทันทีทันใด หรือเรียกว่าการ
ปะทุ (DETONATION) หรือการระเบิด (EXPLOSION) ทาให้เกิดก๊าซ ซึ่งมีปริมาณมากอย่างกว้างขว้าง มีความ
ร้อนสูง เกิดการผลักดันอย่างดันอย่างรุนแรงรอบตัว การระเบิดที่เกิดขึ้นนี้ไม่ว่าจะเกิด กับวัตถุระเบิดใดก็ตาม
อัตราการสลายตัว (RATE OF DETONATION) ของวัตถุระเบิดแต่ละชนิดไม่เหมือนกันทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสารประกอบ
หรือสารผสมของวัตถุระเบิดนั้น ๆ นอกจากนี้ยังเกี่ยวกับลักษณะการจุดอีกด้วย ความแตกต่างเหล่านี้เองที่ได้
ยึดถือมาเป็นข้อพิจารณาในการใช้วัตถุระเบิดทางทหาร
๑. ประเภทวัตถุระเบิดทางทหาร
โดยทั่วไปแบ่งตามอัตราการสลายตัวของวัตถุชนิดนั้น โดยยึดหลักเกณฑ์อัตราการสลายตัว ๑,๐๐๐
เมตร/วินาที ได้แก่
๑.๑ วัตถุระเบิดแรงต่า (LOW EXPLOSIVE) มีอัตราการสลายตัวต่ากว่า ๑,๐๐๐ เมตร/วินาที การ
สลายตัว เป็น ไปในลักษณะการลุกไหม้ (DEFLAGATION) ซึ่งเป็นผลให้เกิดกาลั งหรือแรงผลั กดัน จุดด้ว ย
ประกายไฟ หรือเปลวไฟ
๑.๒ วัตถุระเบิดแรงสูง (HIGH EXPLOSIVE) มีอัตราการสลายตัวสูงกว่า ๑,๐๐๐ เมตร/วินาทีขึ้นไป
การสลายตัวเป็นไปในลักษณะการปะทุ (DETONATION) ซึ่งเป็นผลให้เกิดอานาจการทาลายฉีกขาด การปะทุ
หรือการจุดเกิดจากการกระแทกหรือการสั่นสะเทือน
ตารางที่ ๒.๑ การเปรียบเทียบคุณลักษณะของวัตถุระเบิดแรงสูงกับแรงต่า
รายการ วัตถุระเบิดแรงสูง วัตถุระเบิดแรงต่า
วิธีการจุด P.HE. จุดด้วยประกายไฟ, ความร้อน, ประกายไฟ, ความร้อน,การเสียดสี
การเสียดสี, การกระแทก
S.HE. จุดด้วยเชื้อประทุ หรือ
SHOCKWAVE
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๑๓
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๑๔
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๑๖
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๑๘
- ใช้เป็นดินถ่วงเวลาในลูกระเบิดขว้างต่าง ๆ
- ใช้เป็นดินขับพลุต่าง ๆ
- ใช้เป็นตัวดอกไม้เพลิง
- ใช้เป็นไส้ชนวน, ชนวนฝักแคเวลา เพื่อเป็นสายต่อจุดเชื้อประทุ
หมายเหตุ ในระยะต่อ ๆ มา ไม่ค่อยเอาดินดามาทาเป็นดินส่งกระสุนมากนัก เนื่องจากสาเหตุ
- อัตราเร็วในการเผาไหม้ไม่สม่าเสมอ ทาให้เกิดผลเสียทางขีปนวิธี
- ทาความสึกหรอให้กับลากล้องปืน
- มีกากเหลืออยู่มาก
- มีเศษเหลือเป็นก้อนค้างอยู่ในลากล้องมาก
- เก็บรักษายาก ต้องมีที่เก็บที่ป้องกันอากาศเข้าได้เพราะสามารถดูดน้าและความชื้นได้ง่าย
ทาให้จุดตัวยาก
- มีอันตรายมากในการหยิบยก, ขนย้าย เพราะดินดาสามารถจุดตัวได้จากประกายไฟ, เปลวไฟ
การขัดสี และอื่น ๆ
๔. รูปร่างของดินส่งกระสุน
รูปร่างลักษณะดินส่งกระสุนแตกต่างกันออกไปก็เพื่อควบคุมการเผาไหม้ และขีปนวิธีภายใน ได้แก่
๔.๑ แผ่นบางหรือเป็นเกล็ด (STRIP OR FLAKE)
๔.๒ ทรงกลม เม็ดกลม (BALL)
๔.๓ ทรงกระบอกตัว (CORD)
๔.๔ ทรงกระบอกรูเดียว (SINGLE PERFORATED)
๔.๕ รูปกากบาด (CRUCIFORM)
๔.๖ ทรงกระบอกหลายรู (MULTI-PERFORATED)
๔.๗ ทรงรูปดาวแปดแฉก (STAR-PERFORATED)
๔.๘ ทรงรูปดอกกุหลาบ (ROSETTE)
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๑๙
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๒๐
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๒๑
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๒๒
อื่น ๆ มีตัวเลขความไม่ไว ๑๐
- ไม่ละลายน้า และไม่ดูดความชื้นง่าย
- ถ้าชื้นจะทาปฏิกิริยากับโลหะโดยคายปรอทออกเป็น
อิสระทาให้อานาจการประทุเสื่อมลง การบรรจุลงใน
จอกชนวนท้าย จึงต้องเคลือบวานิชก่อน
- ดินกรดปรอทไม่นาบรรจุใน จอกอลูมิเนียมเพราะจะทา
ปฏิกิริยาทาให้เสื่อมเร็ว
- ถ้าต้องการทาให้เสื่อมใช้แช่ในโซเดี่ยมไทโอซัลเฟท
- อานาจการประทุ จะเสื่อมลงตามเวลาที่เก็บอายุไม่เกิน
๕ ปี
- มีน้าหนักพิกัด ๔.๔๕ (SPECIFIC GRAVITY) ฉะนั้นเวลาใช้
ต้องอัดให้ได้น้าหนักพิกัด ๓.๕ - ๔.๐ (ถ้าสูงเกิน ๔.๐
อานาจการประทุจะลดน้อยลงหรืออาจจะไม่ประทุเลย)
๘.๒ LEAD AZIDE
๘.๒.๑ ส่วนผสม (COMPOSITION) โซเดียมอะไซด์ (SODIUM AZIDE) + LEAD ACETATE
๘.๒.๒ สถานะ (STATE) ลักษณะเป็นเม็ดเล็ก ๆ ละเอียดสีเหลืองอ่อนหรือสีครีม
๘.๒.๓ อัตราเร็วในการสลายตัว (RATE OF ๑๓,๐๐๐ - ๑๖,๔๐๐ ฟุต/นาที
DETONATION)
๘.๒.๔ ความไวต่อการกระแทก (IMPACT ๕ นิ้ว
TEST WITH 2 KG. WEIGHT)
๘.๒.๕ จุดหลอมเหลว (MELTING POINT) จุดตัวก่อนที่จะหลอมละลาย
๘.๒.๖ DETONATION TEMPERATURE ๓๖๐ ºC
๘.๒.๗ การใช้ ใช้เป็นดินเริ่ม (PRIMER) ในการจุดวัตถุระเบิดแชนิดอื่น ๆ
๘.๒.๘ คุณสมบัติอื่น ๆ - มีความไวต่อความร้อน, เปลวเพลิงและการเสียดสีมากถ้า
ใช้ ก ารจุ ด ตั ว ด้ ว ยการกระทบกระแทก (PERCUSSION
PRIMER) จะได้ผลไม่แน่นอน, มีตัวเลขความไม่ไว ๑๕
- เก็บไว้ไนอุณหภูมิปกติได้เพราะเป็นวัตถุระเบิดที่เสื่อมยาก
- ประกายไฟของ “LEAD AZIDE” จะให้ความร้อนสูงกว่า
MERCURY FULMINATE
- ในการจุด TNT จานวนเท่ากัน ถ้าใช้ LEAD AZIDE เป็น
ดินเริ่มจะใช้ปริมาณน้อยกว่า MERCURY FULMINATE
ทั้งยังมีความคงทนในการเก็บรักษามากกว่าและมีอันตราย
น้อยกว่า เวลาผลิตขึ้นมาใช้
๘.๓ LEAD STYPHNATE
๘.๓.๑ ส่วนผสม (COMPOSITION) LEAD NITRATE (OR ACETATE) + SODIUM ( OR
MAGESIUM) STYPHNATE
๘.๓.๒ สถานะ (STATE) เป็นผลึก (CRYSTAL) สีส้มอ่อน หรือสีน้าตาลปนแดง
๘.๓.๓ อัตราเร็วในการสลายตัว (RATE OF ๑๖,๓๐๐ - ๑๗,๓๐๐ ฟุต/นาที
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๒๓
DETONATION)
๘.๓.๔ ความไวต่อการกระแทก (IMPACT ๓ นิ้ว
TEST WITH 2 KG. WEIGHT)
๘.๓.๕ จุดหลอมเหลว (MELTING POINT) จะจุดตัวก่อนที่จะหลอมละลาย
๘.๓.๖ DETONATION TEMPERATURE ๒๘๒ ºC
๘.๓.๗ การใช้ ใช้ทาเป็นดินเริ่ม (PRIMER) หรือดินนาระเบิด
(DETONATOR) โดยใช้เคลือบไว้บน LEAD AZIDE
๘.๓.๘ คุณสมบัติอื่น ๆ - มีความไวต่อการกระทบกระแทก, เสียดสีมาก มีตัวเลข
ความไม่ไว ๑๕
- เป็นวัตถุระเบิดที่ไม่มีกาลังเพียงพอที่จะใช้โดยลาพังของ
มันเองโดยปกติเคลือบไว้บน LEAD AZIDE
๘.๔ DINOL (DDNP = DIAZODINITROPHENOL)
๘.๔.๑ ส่วนผสม (COMPOSITION) PICRAMIC ACID + SODIUM NITRITE +
HYDROCHLORIC ACID
๘.๔.๒ สถานะ (STATE) เป็นผงละเอียดหรือเป็นเกล็ดสีเขียวอมเหลืองหรือน้าตาล
๘.๔.๓ อัตราเร็วในการสลายตัว (RATE ๑๔,๖๐๐ - ๒๓,๐๐๐ ฟุต/นาที
OF DETONATION)
๘.๔.๔ ความไวต่อการกระแทก (IMPACT ๒ นิ้ว
TEST WITH 2 KG. WEIGHT)
๘.๔.๕ จุดหลอมเหลว (MELTING POINT) ๑๕๙ ºC
๘.๔.๖ DETONATION TEMPERATURE ๑๘๐ ºC
๘.๔.๗ การใช้ ใช้เป็นส่วนผสมของดินเริ่ม (PRIMER) หรือดินนาระเบิด
(DETONATOR) ในเชื้อประทุ (BLASTING CAP) ทางพล
เรือน
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๒๔
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๒๖
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๒๗
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๒๘
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๒๙
๑๒. AMMONAL
๑๒.๑ ส่วนผสม TNT + AMMONIUM NITRATE + ผงอลูมิเนียม
(ALUMINIUM) หรือผงถ่าน
๑๒.๒ สถานะ เป็นผลึกแข็งสีเทา (GRAY)
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๓๐
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๓๑
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๓๒
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๓๓
๑๑. ผลจากการระเบิดของวัตถุระเบิด
แบ่งออกเป็น ๒ กรณี คือ
๑๑.๑ การระเบิดโดยสมบูรณ์ (HIGH ORDER DETONATION) คือ การสลายตัวของวัตถุระเบิด ณ
จุดที่มีความเร็วสูงสุดของมวลวัตถุระเบิด ที่จุดตัวระเบิดขึ้นเท่าที่เป็นไปได้ ใต้สภาวะที่ไม่หมดเป็นอยู่ในเวลานั้น
๑๑.๒ การระเบิดโดยไม่สมบูรณ์ (LOW ORDER DETONATION) คือ การระเบิดที่ไม่หมดทั้งขบวน
หรือการระเบิดที่สมบูรณ์แต่ความเร็วน้อยกว่าความเร็วสูงสุด
เหตุที่ทาให้เกิดการระเบิดที่ไม่สมบูรณ์
๑๑.๒.๑ การจุดตัวที่ไม่เหมาะสมเนื่องจากความไม่สมบูรณ์ของเครื่องจุด
๑๑.๒.๒ ความสัมพันธ์ระหว่างขั้นตอนต่าง ๆ ของขบวนการวัตถุระเบิดไม่ดีพอ เนื่องจาก
- การเรียงลาดับขั้นตอนไม่ถูกต้อง
- การต่อเนื่องไม่ดีพอ คือไม่เรียงชิดติดกัน
- ปริมาตรของวัตถุระเบิดบางส่วนไม่เพียงพอ
- สิ่งห่อหุ้ม (CASE) มีความหนาจนเกินไป
๑๑.๒.๓ การเสื่อมสภาพของขบวนการวัตถุระเบิดในส่วนใดส่วนหนึ่ง อาจเป็นเพราะการดูด
ความชื้น
๑๑.๒.๔ ดินส่วนบรรจุหลัก (MAIN CHARGE) มีความหนาแน่น (DENSITY) ไม่เป็นไปตาม
เกณฑ์มาตรฐาน
๑๒. ลักษณะพิเศษของวัตถุระเบิด
๑๒.๑ SPALLING EFFECT คือ ผลจากการกระแทกของแรงระเบิดในเมื่อวัตถุระเบิดนั้นระเบิด
กระแทกผิวแผ่นเหล็ก จะเป็นผลเช่นเดียวกับการเอาค้อนตีที่ผิวแผ่นเหล็กจะยั งผลให้ผิวแผ่นเหล็กด้านหน้าตรง
ข้ามกระแทกตัวแตกออกเป็นสะเก็ดพุ่งตัวออกไป ในทางสรรพาวุธนาเอาปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเช่นนี้มาใช้ เช่น HEP
๑๒.๒ MINZAY SCHARDIN EFFECT คือ ผลที่เกิดจากแรงระเบิด ทาให้แผ่นโลหะที่หยุ่นตัวเอาด้าน
โค้งเข้าข้างใน โดยมีวัตถุระเบิดแรงสูงบรรจุอยู่ ซึ่งเมื่อระเบิดขึ้นแรงระเบิดจะผลักดันให้แผ่นโลหะยืดหยุ่นแอ่น
ตัวเอาด้านโค้งออกด้านนอก พุ่งตัวออกด้วยความเร็วสูง โดยทางทฤษฎีความเร็วที่ซัดพุ่งออกไปนี้ จะมีความเร็ว
ประมาณ ๕๐ % ของอัตราเร็วในการสลายตัวของวัตถุระเบิดที่บรรจุ หลักการนี้นาไปใช้กับทุ่นระเบิดดักรถถัง
บางชนิด
๑๒.๓ ดินโพรง (SHAPED CHARGE) หรือดินระเบิดขึ้นรูป หรือการเจาะ (CAVITY CHARGE)
เนื่องมาจาก เมื่อใช้ดินระเบิด (HE) บรรจุกระสุนหรือหัวรบ (WH) ชนิดธรรมดา ผลการระเบิด
จะให้อานาจการตัด, การเจาะ หรือการทะลุทะลวงไม่ดีเท่าที่ควร เพราะแรงระเบิดของวัตถุระเบิดโดยปกติแล้ว
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๓๕
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๓๖
--------------------------------------
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐
วัตถุระเบิ ดทางทหาร ๓๗
เอกสารอ้างอิง
๑. MILITARY EXPLOSIVES, TM 9-1300-214, 1984
๒. A. Bailey and S. G Murray. EXPLOSIVES, PROPELLANT & PYROTECHNICS, Brassey’s
(UK) Chemical Publishing Company Inc. 1972
๓. R. Meyer, J. Kohler and A. Homburg. EXPLOSIVES, Fifth Edition, 2002
ฉบับปรับปรุงเมื ่อปี ๖๐