Professional Documents
Culture Documents
ไพโรเทคนิค บทที่ 1 (พ.ค. 60)
ไพโรเทคนิค บทที่ 1 (พ.ค. 60)
บทที่ ๑
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับไพโรเทคนิค
๑. กล่าวทั่วไป
ไพโรเทคนิคมาจากภาษากรีก คาว่า Pyro (Fire) และ Tekhnikos (“made by art”) เป็นอุปกรณ์ที่มี
การใช้งานกว้างขวางเกือบทุกประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, ออสเตรเลีย, ฝรั่งเศส โดยทั่วไปใช้พลุ
เป็นยุทโธปกรณ์ในการส่องสว่าง สาหรับนาทาง หรือบอกตาแหน่งในการรบ หรือการลาเลียงทางการทหาร
และใช้ในงานแสดง งานบันเทิง งานเฉลิมฉลอง และในงานรื่นเริงทั้งในด้านวัฒนธรรมและทางศาสนา
ไพโรเทคนิคในกองทัพอากาศ แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ ไพโรเทคนิคทางทหาร และไพโรเทคนิค
ทางพลเรือน โดยบทที่ ๑ กล่าวถึง ประวัติและความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับไพโรเทคนิค บทที่ ๒ ไพโรเทคนิคทาง
ทหาร ได้แก่
- Flare LUU-2D/B
- Flare MJU-7A/B, M-206
- Aircraft Signal
- Pyrotechnic Pistol AN-M8
- Personnel Distress Signal Kit, A/P 25S-1, A/P 25S-5B
- AN-MK13 MOD O
- Ground Illumination Signal
- Flare, Surface Trip, M49A1
- Simulator, Projectile, Ground Burst, M115 A2
- Smokey Sam Simulator
และไพโรเทคนิคทางพลเรือน ได้แก่ พลุ, อักษรสวรรค์, สายธารา, Bengals และข้อบังคับในการผลิตดอกไม้ไฟ
และบทที่ ๓ ความปลอดภัยในโรงงานไพโรเทคนิค
๒. ประวัติศาสตร์ของไพโรเทคนิค
วิชาทางด้านไพโรเทคนิคเป็นวิชาที่เกิดขึ้นมานานแล้ว มีการพัฒนาจากอดีตถึงปัจจุบัน ดังนี้
ศตวรรษที่ ๑ จีน, อินเดีย ผสมดินประสิว, ซัลเฟอร์ และถ่านเข้าด้วยกัน
ศตวรรษที่ ๗ จีน ดินดา (Black powder)
ศตวรรษที่ ๘ ไบแซนเทียน ไฟกรีก (ซัลเฟอร์, ดินประสิว, การบูร, น้ามัน ฯลฯ)
ศตวรรษที่ ๑๒ อาหรับ ดินดาจากจีนเข้าสู่บริเวณเมดิเตอร์เรเนียน
ค.ศ. ๑๒๓๑ จีน กาเนิดลูกระเบิดขว้างลูกแรก
ค.ศ. ๑๒๔๒ อังกฤษ เกิดนิยามคาว่าดินดา
ค.ศ. ๑๒๕๙ จีน พัฒนาปืนใหญ่กระบอกแรก
ค.ศ. ๑๓๒๖ ฟลอเรนซ์ พัฒนาปืนใหญ่กระบอกแรกในยุโรป
ค.ศ. ๑๓๖๐ เยอรมัน ค้นพบดินดาอีกครั้ง
ค.ศ. ๑๕๒๐ โปรตุเกส ปืนใหญ่กระบอกแรกบนเรือ(ใช้ดินดาที่เป็นผงละเอียด)
ค.ศ. ๑๖๐๓ ฮังการี ใช้ดินสาหรับระเบิดเหมืองแร่
ค.ศ. ๑๗๕๐ ฝรั่งเศส ค้นพบโพแทสเซียมคลอเรต
ฉบับปรั บปรุ งเมื่อปี ๖๐
ไพโรเทคนิค ๒
ฉบับปรับปรุงเมื่อปี ๖๐
ไพโรเทคนิค ๓
HE LE
SHE PHE
SHE DYNAMITE
จุดตัว ถ่วงเวลา
เวลาเวลา
ฉบับปรับปรุงเมื่อปี ๖๐
ไพโรเทคนิค ๔
ฉบับปรับปรุงเมื่อปี ๖๐
ไพโรเทคนิค ๕
ฉบับปรับปรุงเมื่อปี ๖๐
ไพโรเทคนิค ๖
ฉบับปรับปรุงเมื่อปี ๖๐
ไพโรเทคนิค ๗
ฉบับปรับปรุงเมื่อปี ๖๐
ไพโรเทคนิค ๘
ฉบับปรับปรุงเมื่อปี ๖๐
ไพโรเทคนิค ๑๐
ฉบับปรับปรุงเมื่อปี ๖๐
ไพโรเทคนิค ๑๑
ระเหิดกลายเป็นไอ
(Cooling)
สูตรส่วนผสมทั่วไป
- สารให้ออกซิเจน ได้แก่ โพแทสเซียมคลอเรต
- สารเชื้อเพลิง ได้แก่ สารให้ออกซิเจนระดับที่ ๒ เช่น แลกโตส น้าตาล
- สารให้ควัน ได้แก่ สารอินทรีย์ เช่น ผงสี
ตัวอย่างเช่น โพแทสเซียมคลอเรต ๒๕ %, แลกโตส ๒๕ %, ผงสีแดง (Red dye) ๕๐ %
ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น คือ
4KClO 3 + C12H24O12 8KCI + 12CO2 + 12H2O + ความร้อนที่ทาให้ผงสีระเหิด
ฉบับปรับปรุงเมื่อปี ๖๐
ไพโรเทคนิค ๑๓
๖.๒.๒ ส่วนผสมแบบที่มีสารที่ทาให้เกิดควันเมื่อมีการเผาไหม้
( )
สูตรส่วนผสมทั่วไป
- สารให้ออกซิเจน ได้แก่ โพแทสเซียมคลอเรต แอมโมเนียมหรือโพแทสเซียมเปอร์
คลอเรต แอมโมเนียมไนเตรต และเฮกซาคลอโรอีเทน
- สารเชื้อเพลิง ได้แก่ แคลเซียมซิลิไซด์ (CaSi2) ถ่าน แมกนีเซียม อลูมิเนียม
- สารอื่น ๆ ได้แก่ ไฮโดรคาร์บอน แนพทาลีน แอมโมเนียมคลอไซด์ ซิงค์ออกไซด์
แอนทาเซน
ตัวอย่างเช่น เฮกซะคลอโรอีเทน ๕๙ %, แมกนีเซียม ๑๘ %, แอนทาเซน ๒๓ %
ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นคือ
C2Cl 6+ 3 Mg + 0.65 C10H8 + 1.3 O2 (อากาศ) 3 MgCl 2 + 2.6 H2O + 8.5 C
ลักษณะเฉพาะของส่วนผสมแบบนี้ ใช้หลักในการเผาไหม้ในการทาให้เกิดควัน อุณหภูมิในการเผาไหม้
สูงอยู่ในช่วง ๖๐๐ องศาเซลเซียส ถึง ๒๐๐๐ องศาเซลเซียส ใช้อ อกซิ เ จนจากอากาศด้ว ย มีโ อกาสที่ จะเกิ ด
เปลวไฟ
สารอื่น ๆ (Additives) ที่ควรใส่ในส่วนผสมควันด้วย ได้แก่
- สารที่ช่วยทาให้เย็น (Cooler) และสารที่ช่วยดับเปลวไฟ (Flame extinguisher) เช่น
NaHCO3 , MgCO3 , CaCO3
MgCO3 MgO + CO2
NaHCO3 1/2 Na2CO3 + 1/2 CO2 + 1/2 H2O
Na 2CO3 Na2O + CO2
CaCO3 CaO + CO2
คุณสมบัติสาคัญของสารอื่น ๆ ที่เติมลงไป ทาให้อุณหภูมิการแตกตั วต่า ผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
(CO2) ซึ่งช่วยดับเปลวไฟ และทาให้เถ้าที่เกิดจากการเผาไหม้มีน้อยและน้าหนักเบา
- สารป้องกันการจับตัวเป็นก้อน ได้แก่ ซิลิก้า
- สารทาให้ความเร็วการเผาไหม้คงที่ ได้แก่ พาราฟิน
ฉบับปรับปรุงเมื่อปี ๖๐
ไพโรเทคนิค ๑๔
ฉบับปรับปรุงเมื่อปี ๖๐
ไพโรเทคนิค ๑๕
คุณลักษณะของดินดา
- ระเบิดรุนแรง
- ลุกติดไฟได้ง่าย และลุกติดไฟเองที่อุณหภูมิ ๔๑๐ องศาเซลเซียส
- ไวต่อการกระแทกและเสียดสี
- ถ้ามีการสะสมเป็นฝุ่น จะเป็นฝุ่นที่อันตราย
- ทาให้อาวุธสกปรกหลังใช้งาน
๖.๕.๑.๒. ดินขับ (Organic propulsive powders) ส่วนผสมสาคัญคือ ไนโตรเซลลูโลส
ดินขับประเภทนี้สามารถแบ่งเป็น ๓ ชนิด ได้แก่ ชนิดฐานเดี่ยว ชนิดฐานคู่ และชนิดฐานสาม
ดินขับชนิดฐานเดี่ยว (Single base powder) ใช้ในอาวุธทุกขนาด
ส่วนผสมมีดังนี้
- ไนโตรเซลลูโลส (Nitrocellulose)
- เอทิลอีเทอร์ (Ethyl ether)
- เอทิลแอลกอฮอล์ (Ethyl alcohol)
- สารอื่น ๆ เช่น ไดโนโตรโทลูอีน (Dintrotoluene) ช่วยทาให้เย็นลง
ดินขับชนิดฐานคู่ (Double-base powder) ใช้ในอาวุธขนาดใหญ่ ส่วนผสม
ประกอบด้วย
- ไนโตรเซลลูโลส (Nitrocellulose)
- ไนโตรกลีเซอรีน (Nitroglycerine)
- เอทิลอะซีเตด (Ethyl acetate)
- ไดฟีนีลามีน (Diphenylamine)
- โพแตสเซียมซัลเฟต (Potassium sulfate)
- กัมอารบิก (Gum arabic)
ดินขับชนิดฐานสาม (Triple-base powder) ใช้ในอาวุธทุกขนาด ส่วนผสม
ประกอบด้วย
- ไนโตรเซลลูโลส (Nitrocellulose)
- ไดเอทิลีนกลีคอลไดไนเตรต (Diethylene glycol dinitrate)
- ไนโตรกัวนาดีน (Nitroguanadine)
- โพลีไวนิลไดไนเตรต (Polyvinyl dinitrate)
ประโยชน์ของดินขับเหล่านี้ คือ ให้ควันน้อย พลังงานสูง ควบคุมขีปนวิธีได้กว่าดินดา ผลิตเป็น
รูปร่างต่าง ๆ ได้ง่าย
ฉบับปรับปรุงเมื่อปี ๖๐
ไพโรเทคนิค ๑๖
ฉบับปรับปรุงเมื่อปี ๖๐