Professional Documents
Culture Documents
"
แผนการสอนประจําบทเรียน
รายชื่ออาจารยผูจัดทํา ชุติมณฑน บุญมาก
รายละเอียดของเนือ้ หา
ตอนที่ 4.1 แนวคิดเกี่ยวกับรูปแบบที่เปนบรรทัดฐาน
เรือ่ งที่ 4.1.1 ความสัมพันธระหวางแอททริบิวตในแตละรีเลชัน
เรือ่ งที่ 4.1.2 วัตถุประสงคในการทําใหเปนรูปแบบที่เปนบรรทัดฐาน
ตอนที่ 4.2 การทําใหเปนรูปแบบที่เปนบรรทัดฐาน
เรือ่ งที่ 4.2.1 รูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานขัน้ ที่ 1
เรือ่ งที่ 4.2.2 รูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานขัน้ ที่ 2
เรือ่ งที่ 4.2.3 รูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานขัน้ ที่ 3
เรือ่ งที่ 4.2.4 รูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานของบอยสและคอดด
เรือ่ งที่ 4.2.5 รูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานขัน้ ที่ 4
เรือ่ งที่ 4.2.6 รูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานขัน้ ที่ 5
เรือ่ งที่ 4.2.7 ขอควรคํานึงในการทําใหเปนรูปแบบที่เปนบรรทัดฐาน
แนวคิด
1. การออกแบบเคารางของขอมูลเปนการกําหนดรีเลชันตาง ๆ รวมถึงแอททริบิวตในแตละรีเลชัน
เพื่อใหไดขอมูลตามที่ผูใชตองการ โดยการกําหนดหรือออกแบบเพือ่ ใหไดเคารางขอมูลทีด่ คี วร
จะเปนการออกแบบที่สามารถลดปญหาที่จะเกิดขึ้นกับฐานขอมูลใหไดมากที่สุด ซึง่ ผูอ อกแบบ
ควรจะตองทราบความสัมพันธระหวางแอททริบิวตในแตละรีเลชัน และวัตถุประสงคในการทํา
ใหเปนรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐาน
2. การทําใหเปนรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐาน เปนกระบวนการนําเคารางของรีเลชันมาทําใหอยูใน
รูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐาน เพือ่ ใหแนใจวาการออกแบบเคารางของรีเลชันเปนการออกแบบที่
เหมาะสม โดยการทําใหเปนรูปแบบที่เปนบรรทัดฐานจะทําใหลดความซ้ําซอนของขอมูลใน
รีเลชันซึง่ เปนการลดเนือ้ ทีท่ ใ่ี ชในการจัดเก็บขอมูล และลดความผิดพลาดในการปรับปรุงขอมูล
ไมครบถวน
วัตถุประสงค
หลังจากศึกษาบทเรียนที่ 4 แลว นักศึกษาสามารถ
1. บอกแนวคิดเกีย่ วกับรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานได
"#
2. จัดทํารูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานได
กิจกรรมการเรียนการสอน
กิจกรรมทีน่ กั ศึกษาตองทําสําหรับการเรียนการสอน ไดแก
1. ศึกษาเอกสารการสอนตอนที่ 4.1 และตอนที่ 4.2
2. ทํากิจกรรมในแบบฝกปฏิบัติบทเรียนที่ 4
3. ทําแบบประเมินผลของบทเรียนที่ 4
สื่อการสอน
เอกสารการสอน
1. เอกสารประกอบการสอน
ประเมินผล
1. ประเมินผลจากกิจกรรมที่ทํา
2. ประเมินผลจากคําถามทายบทเรียน
"$
1. ความสัมพันธระหวางแอททริบิวตแบบฟงกชัน
ความสัมพันธระหวางแอททริบิวตแบบฟงกชัน หรือ FD หมายถึง การที่คาของแอททริบิวตหนึ่งหรือ
มากกวาหนึ่งแอททริบิวตขึ้นไปที่ประกอบกันสามารถระบุคาของแอททริบิวตอื่น ๆ ในทูเพิลเดียวกันของ
รีเลชันนัน้ ได โดยแอททริบิวตหรือกลุมของแอททริบิวตที่เปนตัวระบุคาของแอททริบิวตอื่น ๆ เรียกวา
Determinant และแอททริบิวตอื่น ๆ ที่ถูกระบุคา เรียกวา Dependent
"%
ความสัมพันธระหวางแอททริบิวตแบบฟงกชันสามารถใชสัญลักษณ ในการสื่อความหมาย
ไดดงั นี้
A B
ในแผนภาพความสัมพันธระหวางแอททริบิวตแบบฟงกชัน (functional dependency diagram)
หรือ FD ไดอะแกรมใชสญ
ั ลักษณดงั นี้
1. ความสัมพันธระหวางแอททริบิวตแบบทั้งหมด
ความสัมพันธระหวางแอททริบิวตแบบทั้งหมด หมายถึง การที่แอททริบิวตซึ่งเปน
Determinant มีขนาดเล็กทีส่ ดุ และสามารถระบุคาของแอททริบิวตอื่น ๆ ทีเ่ ปน Dependent ไดอยางชัดเจน
ตัวอยางเชน
• กรณี Determinant มีเพียงหนึ่งแอททริบิวต ตัวอยางเชน รีเลชันนักศึกษาดังภาพที่ 4.2
ประกอบดวย แอททริบิวตรหัสนักศึกษา ชื่อ นามสกุล และวัน/เดือน/ปเกิด โดยมีแอททริบิวต
รหัสนักศึกษาเปนคียห ลัก
รีเลชันนักศึกษามีความสัมพันธระหวางแอททริบิวตแบบฟงกชันดังนี้
รหัสนักศึกษา ชื่อ, นามสกุล, วัน/เดือน/ปเกิด
หากทราบคาของ Determinant คือ รหัสนักศึกษาคนใดก็จะสามารถทราบคาของ
Dependent หรือแอททริบิวตอื่น ๆ ในทูเพิลเดียวกัน คือ ชื่อ นามสกุล และวัน/เดือน/ปเกิด ของนักศึกษาคน
นัน้ ได ดังนัน้ แอททริบิวตชื่อ นามสกุล และวัน/เดือน/ปเกิด จึงมีความสัมพันธระหวางแอททริบิวตแบบทั้ง
หมดกับ แอททริบิวตรหัสนักศึกษา
• กรณี Determinant มีมากกวาหนึ่งแอททริบิวต ตัวอยางเชน รีเลชันอาจารยผสู อนดังภาพที่
4.3 ประกอบดวย แอททริบิวตรหัสชุดวิชา หมูเรียน และชือ่ อาจารยผสู อน โดยมีแอททริบิวต
รหัสชุดวิชาและหมูเรียนประกอบกันเปนคียหลัก
รีเลชันอาจารยผูสอนมีความสัมพันธระหวางแอททริบิวตแบบฟงกชันดังนี้
รหัสชุดวิชา, หมูเรียน ชือ่ อาจารยผสู อน
หากทราบคาของ Determinant คือ รหัสชุดวิชาและหมูเรียนใดก็จะสามารถทราบคาของ
Dependent หรือแอททริบิวตอื่น ๆ ในทูเพิลเดียวกัน คือ ชื่ออาจารยผูสอนในรหัสชุดวิชาและหมูเรียนนั้นได
ดังนัน้ แอททริบิวตชื่ออาจารยผูสอนจึงมีความสัมพันธระหวางแอททริบิวตแบบทั้งหมดกับแอททริบิวตรหัส
ชุดวิชาและหมูเรียน
")
2. ความสัมพันธระหวางแอททริบิวตแบบบางสวน
ความสัมพันธระหวางแอททริบิวตแบบบางสวน จะเกิดขึน้ ไดเมือ่ รีเลชันหนึง่ ๆ มีคียหลัก
เปนคียผ สม และแอททริบิวตบางสวนของคียหลักสามารถระบุคาของแอททริบิวตอื่น ๆ ในทูเพิลเดียวกันที่ไม
ใชคียหลัก (non-key attribute) ของรีเลชันได นัน่ คือ หากทราบคาใดคาหนึ่งของบางแอททริบิวตที่เปน
Determinant ก็จะทําใหทราบคาของแอททริบิวตอื่น ๆ ทีเ่ ปน Dependent ได
ตัวอยางเชน รีเลชันการลงทะเบียนประกอบดวย แอททริบิวตรหัสนักศึกษา รหัสชุดวิชา
ชื่อชุดวิชา และหมูเรียน โดยมีแอททริบิวตรหัสนักศึกษาและรหัสชุดวิชาประกอบกันเปนคียหลัก
3. ความสัมพันธระหวางแอททริบิวตแบบ Transitive
แมวาแอททริบิวตที่มีคุณสมบัติเปนคียหลักจะสามารถระบุคาของแอททริบิวตอื่น ๆ ในทู
เพิลเดียวกันของรีเลชันได แตทวาในบางรีเลชันที่มีการออกแบบไมเหมาะสม อาจมีแอททริบิวตอื่นที่ไมใชคีย
"*
หลักแตสามารถระบุคาของแอททริบิวตอื่น ๆ ในทูเพิลเดียวกันของรีเลชันไดเชนกัน ลักษณะของความ
สัมพันธดงั กลาวนีเ้ รียกวา ความสัมพันธระหวางแอททริบิวตแบบ Transitive
2. ความสัมพันธระหวางแอททริบิวตแบบหลายคา
ความสัมพันธระหวางแอททริบิวตแบบหลายคา หรือ MVD จะเกิดขึน้ ไดเมือ่ รีเลชันหนึง่ ๆ ประกอบ
ดวยสามแอททริบิวตขึ้นไป และแอททริบิวตที่เปน Determinant สามารถระบุคาของแอททริบิวตอื่นที่เปน
Dependent ไดมากกวาหนึ่งคา หรือ ขอมูลของแอททริบิวตที่เปน Dependent จะเปนกลุมของขอมูล
ความสัมพันธระหวางแอททริบิวตแบบหลายคาสามารถใชสัญลักษณ ในการสื่อความหมาย
ไดดงั นี้
"!
A B
A C
หมายความวา หากทราบคาของแอททริบิวต A หนึ่งคาจะสามารถทราบคาของแอททริบิวต B ได
หลายคา และเมื่อทราบคาของแอททริบิวต A หนึ่งคาจะสามารถทราบคาของแอททริบิวต C ไดหลายคา
เพื่อใหเขาใจความสัมพันธระหวางแอททริบิวตแบบหลายคาดียิ่งขึ้น ในที่นี้ขอนําตัวอยางมาประกอบ
ดังนี้
ตัวอยางเชน รีเลชันการสอน-การปรึกษาประกอบดวย แอททริบิวตรหัสอาจารย รหัสชุดวิชาที่สอน
และรหัสนักศึกษาในการปรึกษา โดยมีแอททริบิวตรหัสอาจารย รหัสชุดวิชาที่สอน และรหัสนักศึกษาใน
การปรึกษาประกอบกันเปนคียห ลัก
3. ความสัมพันธระหวางแอททริบิวตแบบ Join
ความสัมพันธระหวางแอททริบิวตแบบ Join เปนกฎเกณฑทส่ี าํ คัญประการหนึง่ ในการจําแนกรีเลชัน
โดยรีเลชันใด ๆ จะมีความสัมพันธระหวางแอททริบิวตแบบ Join เกิดขึน้ ไดกต็ อ เมือ่ รีเลชันนัน้ ๆ สามารถ
จําแนกออกเปนรีเลชันยอยได และเมือ่ นํารีเลชันยอยทีจ่ าํ แนกออกมาเหลานัน้ มารวมกันจะตองไดรเี ลชันกลับ
ไปเหมือนเดิมเสมอ
ตัวอยางเชน รีเลชันทีป่ รึกษาประกอบดวย แอททริบิวตรหัสนักศึกษา ชื่อนักศึกษา รหัสอาจารย และ
ชื่ออาจารยที่ปรึกษา โดยมีแอททริบิวตรหัสนักศึกษาเปนคียหลัก
$##
รหัสนักศึกษา ชือ่ นักศึกษา รหัสอาจารย ชือ่ อาจารยทป่ี รึกษา รหัสชุดวิชา ชือ่ ชุดวิชาทีล่ งทะเบียน หมูเ รียน หนวยกิต
41010703 สมชาย พลจันทร Q1059 สัมพันธ เย็นสําราญ 729101 เศรษฐศาสตรเบื้องตน 700 2
41010703 สมชาย พลจันทร Q1059 สัมพันธ เย็นสําราญ 729111 คณิตศาสตรและสถิติ 711 3
41010703 สมชาย พลจันทร Q1059 สัมพันธ เย็นสําราญ 999211 คอมพิวเตอรเบื้องตน 713 3
41010943 สุทิศา พินิจไพฑูรย Q1011 ศิริภัทรา เหมือนมาลัย 729111 คณิตศาสตรและสถิติ 712 3
41010943 สุทิศา พินิจไพฑูรย Q1011 ศิริภัทรา เหมือนมาลัย 999211 คอมพิวเตอรเบื้องตน 711 3
41010943 สุทิศา พินิจไพฑูรย Q1011 ศิริภัทรา เหมือนมาลัย 729104 การจัดการการเงิน 700 2
41012147 ณัฐพร ประคองเก็บ Q1061 เมธี ปยะคุณ 729111 คณิตศาสตรและสถิติ 711 3
41012147 ณัฐพร ประคองเก็บ Q1061 เมธี ปยะคุณ 999211 คอมพิวเตอรเบื้องตน 713 3
41012451 นพดล ทับทิมทอง Q1035 ศิริชัย ศรีพรหม 729111 คณิตศาสตรและสถิติ 712 3
41012451 นพดล ทับทิมทอง Q1035 ศิริชัย ศรีพรหม 999211 คอมพิวเตอรเบื้องตน 711 3
41013327 มัทนา พินิจไพฑูรย Q1059 สัมพันธ เย็นสําราญ 729103 การจัดการการตลาด 700 2
41013780 สมชาย พลจันทร Q1011 ศิริภัทรา เหมือนมาลัย 999211 คอมพิวเตอรเบื้องตน 712 3
ภาพที่ 4.8 รีเลชันที่มีปญหาเรื่องความซ้ําซอนของขอมูล
จากขางตนจะพบวา รีเลชันมีขอ มูลซ้าํ ซอนกันจํานวนมาก หากตองการปรับปรุงขอมูล (update
anomaly) ใด ๆ จะตองทําซ้ําหลายแหง ทําใหสน้ิ เปลืองเวลาในการแกไขขอมูล รวมทั้งอาจมีการแกไขขอมูล
ไดไมครบถวนและถูกตองทุกรายการก็ได ตัวอยางเชน การแกไขชื่อของอาจารยที่ปรึกษาจาก ศิริภัทรา
เหมือนมาลัย เปน ณัชชา มาลัย
การเพิ่มเติมขอมูล (insert anomaly) ในรีเลชันขางตนไมสามารถทําไดในทันที เนื่องจากยังไมมี
การกําหนดคียห ลักของรีเลชัน และหากกําหนดใหรหัสนักศึกษาและรหัสชุดวิชาเปนคียห ลักของรีเลชันก็อาจ
ไมสามารถเพิ่มเติมขอมูลลงในรีเลชันได ตัวอยางเชน หากมีการเปดสอนขุดวิชาใหม 729105 การจัดการ
ทรัพยากรมนุษย จะไมสามารถเพิ่มเติมขอมูลเขามาในรีเลชันนี้ได เนื่องจากยังไมปรากฏขอมูลการลงทะเบียน
$#%
ของนักศึกษามากอน คาของรหัสนักศึกษาจึงเปนคาวาง ทําใหไมอาจเพิ่มเติมขอมูลลงในรีเลชันได เพราะ
แอททริบิวตที่เปนสวนของคียหลักจะมีคาวางไมได
นอกจากนี้ การลบขอมูล (delete anomaly) ออกจากรีเลชันอาจทําใหขอมูลที่ตองการใชใน
การทํางานหรืออางอิงสูญหายไป หากผูที่มีรหัสนักศึกษา 41013327 มัทนา พินิจไพฑูรย ลาออก ขอมูลที่
เกี่ยวของกับนักศึกษาจะถูกลบไปทั้งทูเพิล ดังนัน้ ขอมูลเกี่ยวกับชุดวิชา 729103 การจัดการการตลาด ซึ่งมี
เพียงแหงเดียวในฐานขอมูลก็จะสูญหายไปดวย
การที่ตองมีกระบวนการทําใหเปนรูปแบบที่เปนบรรทัดฐาน เนือ่ งจากขัน้ ตอนการออกแบบฐาน
ขอมูลในระดับแนวคิดดวยอี-อารโมเดล (E-R model) ทําการวิเคราะหความสัมพันธของขอมูลในระดับ เอ็น
ทิตีเทานั้น หากทวายังขาดการวิเคราะหความสัมพันธระหวางแอททริบิวตในแตละรีเลชันจึงจําเปนตองมี
กระบวนการทําใหเปนรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานอีกขัน้ หนึง่ เพื่อทําการวิเคราะหความสัมพันธของขอมูลใน
ระดับแอททริบิวตของแตละรีเลชัน เพือ่ ใหความซ้าํ ซอนของขอมูลในแตละรีเลชันลดลง
การทําใหเปนรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐาน เปนกระบวนการทีเ่ กิดขึน้ ในระหวางการออกแบบฐานขอมูล
เชิงสัมพันธ โดยการใชเทคนิคที่เรียกวา Decomposition ทําการวิเคราะหความสัมพันธระหวางแอททริบิวตใน
แตละรีเลชัน ดวยการจําแนกรีเลชันทีไ่ ดจากอี-อารโมเดล (entity relationship model : E-R model) ซึง่ เปน
เครือ่ งมือในการออกแบบฐานขอมูลในระดับแนวคิด ใหเปนรีเลชันยอยในโครงสรางแบบตาง ๆ ที่เรียกวา
รูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐาน (normal form) โดยมีขั้นตอนในการจัดทําที่ชัดเจน ทั้งนี้ เพื่อขจัดความซ้ําซอนของ
ขอมูลในแตละรีเลชันใหเหลือนอยที่สุดหรือแทบไมมีความซ้ําซอนหลงเหลืออยูเลย
การทําใหเปนรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานเปนการดําเนินงานตามลําดับอยางเปนขัน้ ตอน เพื่อใหรีเลชัน
มีคุณสมบัติอยูในรูปแบบที่เปนบรรทัดฐานขั้นตาง ๆ ดังนีค้ อื
1. รูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานขัน้ ที่ 1 (First Normal Form : 1NF)
2. รูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานขัน้ ที่ 2 (Second Normal Form : 2NF)
3. รูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานขัน้ ที่ 3 (Third Normal Form : 3NF)
4. รูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานของบอยสและคอดด (Boyce/Codd Normal Form : BCNF)
5. รูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานขัน้ ที่ 4 (Fourth Normal Form : 4NF)
6. รูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานขัน้ ที่ 5 (Fifth Normal Form : 5NF)
ทั้งนี้ รีเลชันจะอยูใ นรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานขัน้ ใดก็ขน้ึ อยูก บั คุณสมบัตขิ องรีเลชันในขณะนัน้
ตัวอยางเชน หากรีเลชันที่ปรึกษามีคุณสมบัติตรงตามรูปแบบที่เปนบรรทัดฐานขั้นที่ 3 ก็ถือวา รีเลชันนัน้ อยู
ในรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานขัน้ ที่ 3 โดยรีเลชันจะยิ่งมีคุณภาพมากขึ้น หากอยูใ นรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐาน
สูงขึ้น เนือ่ งจากรีเลชันนัน้ จะมีขอ มูลซ้าํ ซอนลดนอยลงหรือแทบไมมคี วามซ้าํ ซอนปรากฏอยูเ ลย
แมวาการทําใหเปนรูปแบบที่เปนบรรทัดฐานจะมีขั้นตอนที่แนนอนตามลําดับ แตก็ไมจําเปนตอง
เริ่มตนจากรูปแบบที่เปนบรรทัดฐานขั้นที่ 1 เสมอไป ทั้งนี้ ขึ้นอยูกับคุณสมบัติของรีเลชันวาอยูในรูปแบบที่
เปนบรรทัดฐานขัน้ ใด ก็ใหเริม่ ดําเนินการทําใหเปนรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานจากขัน้ นัน้ เปนตนไป โดยจะไป
$#&
ยุติที่รูปแบบที่เปนบรรทัดฐานขั้นที่ 5 เสมอ เนือ่ งจากรีเลชันทีอ่ ยูใ นรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานขัน้ ที่ 5 จะ
ไมปรากฏความซ้ําซอนของขอมูลหลงเหลืออยูแลว
หากขาดกระบวนการทําใหเปนรูปแบบที่เปนบรรทัดฐานผูออกแบบฐานขอมูลอาจตองใช ประสบ
การณในการวิเคราะหความสัมพันธระหวางแอททริบิวตในแตละรีเลชัน เพื่อใหความซ้ําซอนของขอมูลในแต
ละรีเลชันลดลง โดยขาดหลักการที่เปนระบบและขั้นตอนที่ชัดเจน ซึง่ การลองผิดลองถูกในการออกแบบ ดัง
กลาวอาจทําใหเกิดผลกระทบตอการทํางานภายในองคกรได รวมทั้งยังขาดมาตรฐานในการประเมิน การออก
แบบอีกดวย
การทําใหเปนรูปแบบที่เปนบรรทัดฐานจึงมีประโยชนอยางยิ่งตอการออกแบบฐานขอมูล หากผูอ อก
แบบฐานขอมูลทําตามขั้นตอนที่กําหนดยอมจะไดฐานขอมูลที่ถูกตองและมีโครงสรางที่ดี ทําใหมีขอมูลซ้ําซอน
กันนอยมากหรือแทบไมมีเลย ซึ่งจะไมทําใหเกิดปญหาหากตองการปรับปรุง เพิ่มเติม หรือลบขอมูลในแตละรี
เลชัน
ดังนัน้ วัตถุประสงคหลักของการทําใหเปนรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานก็คอื การลดความซ้าํ ซอนของขอ
มูลที่จัดเก็บในแตละรีเลชัน ซึง่ ผลจากการลดความซ้าํ ซอนของขอมูลดังกลาว ทําใหเกิดประโยชนในเรื่องตาง
ๆ ดังนีค้ อื
- ทําใหประหยัดเนื้อที่ในการจัดเก็บขอมูลได
- ทําใหลดปญหาขอมูลขาดความถูกตองสมบูรณ (data integrity) ทั้งนี้ เนือ่ งจากการจัดเก็บ ขอ
มูลทีไ่ มซาํ้ ซอนกันในแตละรีเลชัน ทําใหการแกไขขอมูลสามารถทําไดโดยสะดวก หากตองการแก
ไขขอมูลก็จะดําเนินการกับทูเพิลนัน้ ๆ เพียงครั้งเดียว ไมตองเสียเวลาในการแกไขขอมูลหลาย
แหง โอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดจากการแกไขขอมูลไมครบถวนหรือไมสอดคลองกันก็จะไมเกิด
ขึ้น
- ทําใหลดปญหาทีเ่ กิดจากการปรับปรุง เพิ่มเติม และลบขอมูล เชน ในการปรับปรุงขอมูลอาจเกิด
ปญหาการแกไขขอมูลไมครบถวนทุกที่ หรือขอมูลที่แกไขไมสอดคลองกัน หรือในการเพิ่มเติมขอ
มูลอาจตองดําเนินการกับขอมูลทีเ่ กีย่ วของกันซ้าํ ๆ หลายทูเพิล ทําใหเกิดความผิดพลาดไดงา ย
นอกจากนี้ ใน การลบขอมูลอาจทําใหขอมูลบางสวนที่จําเปนตองใชเพื่อการอางอิงสูญหายไป
จากฐานขอมูลได
$#'
รหัสนักศึกษา ชือ่ นักศึกษา รหัสอาจารย ชือ่ อาจารยทป่ี รึกษา รหัสชุดวิชา ชือ่ ชุดวิชาทีล่ งทะเบียน หมูเ รียน หนวยกิต
41010703 สมชาย พลจันทร Q1059 สัมพันธ เย็นสําราญ 729101 เศรษฐศาสตรเบื้องตน 700 2
729111 คณิตศาสตรและสถิติ 711 3
999211 คอมพิวเตอรเบื้องตน 713 3
41010943 สุทิศา พินิจไพฑูรย Q1011 ศิริภัทรา เหมือนมาลัย 729111 คณิตศาสตรและสถิติ 712 3
999211 คอมพิวเตอรเบื้องตน 711 3
729104 การจัดการการเงิน 700 2
41012147 ณัฐพร ประคองเก็บ Q1061 เมธี ปยะคุณ 729111 คณิตศาสตรและสถิติ 711 3
999211 คอมพิวเตอรเบื้องตน 713 3
41012451 นพดล ทับทิมทอง Q1035 ศิริชัย ศรีพรหม 729111 คณิตศาสตรและสถิติ 712 3
999211 คอมพิวเตอรเบื้องตน 711 3
41013327 มัทนา พินิจไพฑูรย Q1059 สัมพันธ เย็นสําราญ 729103 การจัดการการตลาด 700 2
41013780 สมชาย พลจันทร Q1011 ศิริภัทรา เหมือนมาลัย 999211 คอมพิวเตอรเบื้องตน 712 3
ภาพที่ 4.9 รีเลชันการลงทะเบียน
จากรีเลชันขางตนจะพบวา นักศึกษาบางคนอาจมีชื่อ-สกุลเหมือนกัน หรือมีอาจารยที่ปรึกษาคน
เดียวกัน หรือลงทะเบียนเรียนชุดวิชาเดียวกันและหมูเรียนเดียวกันก็ได ซึง่ นักศึกษาแตละคนสามารถลง
ทะเบียนเรียนไดมากกวาหนึ่งชุดวิชา โดยบางชุดวิชาอาจเปดสอนมากกวาหนึ่งหมูเรียนก็ได
$#)
เนือ่ งจากรีเลชันใดๆ จะมีคุณสมบัติอยูในรูปแบบที่เปนบรรทัดฐานขั้นที่ 1 ก็ตอ เมือ่ คาของ แอททริ
บิวตตาง ๆ ในแตละทูเพิลมีคาของขอมูลเพียงคาเดียว ดังนัน้ ในการจัดทํารีเลชันนี้ใหมีคุณสมบัติอยูในรูป
แบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานขัน้ ที่ 1 จึงทําการปรับรีเลชันขางตนโดยการใสรหัสนักศึกษา ชื่อนักศึกษา รหัสอาจารย
และชื่ออาจารยที่ปรึกษาลงไปในทุกรหัสชุดวิชาที่นักศึกษาลงทะเบียนเรียน ดังนี้
รหัสนักศึกษา ชือ่ นักศึกษา รหัสอาจารย ชือ่ อาจารยทป่ี รึกษา รหัสชุดวิชา ชือ่ ชุดวิชาทีล่ งทะเบียน หมูเ รียน หนวยกิต
41010703 สมชาย พลจันทร Q1059 สัมพันธ เย็นสําราญ 729101 เศรษฐศาสตรเบื้องตน 700 2
41010703 สมชาย พลจันทร Q1059 สัมพันธ เย็นสําราญ 729111 คณิตศาสตรและสถิติ 711 3
41010703 สมชาย พลจันทร Q1059 สัมพันธ เย็นสําราญ 999211 คอมพิวเตอรเบื้องตน 713 3
41010943 สุทิศา พินิจไพฑูรย Q1011 ศิริภัทรา เหมือนมาลัย 729111 คณิตศาสตรและสถิติ 712 3
41010943 สุทิศา พินิจไพฑูรย Q1011 ศิริภัทรา เหมือนมาลัย 999211 คอมพิวเตอรเบื้องตน 711 3
41010943 สุทิศา พินิจไพฑูรย Q1011 ศิริภัทรา เหมือนมาลัย 729104 การจัดการการเงิน 700 2
41012147 ณัฐพร ประคองเก็บ Q1061 เมธี ปยะคุณ 729111 คณิตศาสตรและสถิติ 711 3
41012147 ณัฐพร ประคองเก็บ Q1061 เมธี ปยะคุณ 999211 คอมพิวเตอรเบื้องตน 713 3
41012451 นพดล ทับทิมทอง Q1035 ศิริชัย ศรีพรหม 729111 คณิตศาสตรและสถิติ 712 3
41012451 นพดล ทับทิมทอง Q1035 ศิริชัย ศรีพรหม 999211 คอมพิวเตอรเบื้องตน 711 3
41013327 มัทนา พินิจไพฑูรย Q1059 สัมพันธ เย็นสําราญ 729103 การจัดการการตลาด 700 2
41013780 สมชาย พลจันทร Q1011 ศิริภัทรา เหมือนมาลัย 999211 คอมพิวเตอรเบื้องตน 712 3
ภาพที่ 4.10 รีเลชันการลงทะเบียนเมือ่ มีคณ
ุ สมบัตอิ ยูใ นรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานขัน้ ที่ 1
ผลจากการใสรหัสนักศึกษาและชือ่ นักศึกษาลงไปในทุกรหัสชุดวิชาทีน่ กั ศึกษาลงทะเบียนเรียน
ขางตน ทําใหคียหลักของรีเลชันการลงทะเบียนประกอบดวย แอททริบิวตรหัสนักศึกษาและรหัสชุดวิชา
หากทวาแมจะกําหนดใหแอททริบิวตรหัสนักศึกษาและรหัสชุดวิชาเปนคียหลักของรีเลชันนี้แลว แต
ปญหาความซ้ําซอนของขอมูลในรีเลชันก็ยังปรากฏอยูดังนี้คือ
1. การปรับปรุงขอมูล (update anomaly) ใด ๆ จะตองทําซ้ําหลายแหง ทําใหสน้ิ เปลืองเวลา รวม
ทั้งอาจทําการแกไขขอมูลไดไมครบถวนและถูกตองทุกรายการก็ได ตัวอยางเชน การแกไขชื่อนักศึกษาจาก
สมชาย พลจันทร เปน ศุภลักษณ พลจันทร
2. การเพิ่มเติมขอมูล (insert anomaly) ในรีเลชันขางตนไมสามารถทําได ตัวอยางเชน หากตองการ
เพิ่มขอมูลนักศึกษาใหม 41014325 สุชาดา กรุณา จะไมสามารถเพิ่มเติมขอมูลเขามาในรีเลชันนี้ได เนือ่ งจาก
ยังไมปรากฏขอมูลการลงทะเบียนของนักศึกษามากอน คาของรหัสชุดวิชาจึงเปนคาวาง ทําใหไมอาจเพิ่มเติม
ขอมูลลงในรีเลชันได เพราะแอททริบิวตที่เปนสวนของคียหลักจะมีคาวางไมได
3. การลบขอมูล (delete anomaly) ออกจากรีเลชันอาจทําใหขอมูลบางสวนสูญหายไปจากฐาน ขอ
มูล ตัวอยางเชน หากผูที่มีรหัสนักศึกษา 41013327 มัทนา พินิจไพฑูรย ลาออก ขอมูลที่เกี่ยวของกับ นัก
ศึกษาจะถูกลบไปทั้งทูเพิล ดังนัน้ ขอมูลเกี่ยวกับชุดวิชา 729103 การจัดการการตลาด ซึ่งมีเพียงแหงเดียวใน
ฐานขอมูลก็จะสูญหายไปดวย ทั้งนี้ ปญหาลักษณะนี้ของรีเลชันเนื่องมาจากการมีแอททริบิวตจํานวนมากเกิน
ไป และแอททริบิวตที่ยังไมจําเปนตองใชงานมาผูกติดอยูกับแอททริบิวตที่ตองการใชงาน
$#*
ดังนัน้ เพื่อแกไขปญหาความซ้ําซอนของขอมูลในรีเลชันดังกลาว ไมวาจะเปนการปรับปรุง การเพิม่
หรือการลบขอมูล จึงจําเปนตองดําเนินการจัดทํารีเลชันใหอยูใ นรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐาน ขั้นตอไป
รหัสนักศึกษา ชือ่ นักศึกษา รหัสอาจารย ชือ่ อาจารยทป่ี รึกษา รหัสชุดวิชา ชือ่ ชุดวิชาทีล่ งทะเบียน หมูเ รียน หนวยกิต
41010703 สมชาย พลจันทร Q1059 สัมพันธ เย็นสําราญ 729101 เศรษฐศาสตรเบื้องตน 700 2
41010703 สมชาย พลจันทร Q1059 สัมพันธ เย็นสําราญ 729111 คณิตศาสตรและสถิติ 711 3
41010703 สมชาย พลจันทร Q1059 สัมพันธ เย็นสําราญ 999211 คอมพิวเตอรเบื้องตน 713 3
41010943 สุทิศา พินิจไพฑูรย Q1011 ศิริภัทรา เหมือนมาลัย 729111 คณิตศาสตรและสถิติ 712 3
41010943 สุทิศา พินิจไพฑูรย Q1011 ศิริภัทรา เหมือนมาลัย 999211 คอมพิวเตอรเบื้องตน 711 3
41010943 สุทิศา พินิจไพฑูรย Q1011 ศิริภัทรา เหมือนมาลัย 729104 การจัดการการเงิน 700 2
41012147 ณัฐพร ประคองเก็บ Q1061 เมธี ปยะคุณ 729111 คณิตศาสตรและสถิติ 711 3
41012147 ณัฐพร ประคองเก็บ Q1061 เมธี ปยะคุณ 999211 คอมพิวเตอรเบื้องตน 713 3
41012451 นพดล ทับทิมทอง Q1035 ศิริชัย ศรีพรหม 729111 คณิตศาสตรและสถิติ 712 3
41012451 นพดล ทับทิมทอง Q1035 ศิริชัย ศรีพรหม 999211 คอมพิวเตอรเบื้องตน 711 3
41013327 มัทนา พินิจไพฑูรย Q1059 สัมพันธ เย็นสําราญ 729103 การจัดการการตลาด 700 2
41013780 สมชาย พลจันทร Q1011 ศิริภัทรา เหมือนมาลัย 999211 คอมพิวเตอรเบื้องตน 712 3
$#!
ภาพที่ 4.11 รีเลชันการลงทะเบียน
รีเลชันการลงทะเบียนประกอบดวย แอททริบิวตรหัสนักศึกษา ชื่อนักศึกษา รหัสอาจารย ชือ่ อาจารย
ที่ปรึกษา รหัสชุดวิชา ชื่อชุดวิชาที่ลงทะเบียน หมูเรียน และหนวยกิต โดยมีแอททริบิวตรหัสนักศึกษาและ
รหัสชุดวิชาประกอบกันเปนคียห ลัก
จากการตรวจสอบจะพบวา รีเลชันการลงทะเบียนมีคณ ุ สมบัตอิ ยูใ นรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานขัน้ ที่ 1
แลว เนื่องจากทุกแอททริบิวตในแตละทูเพิลมีคาของขอมูลเพียงคาเดียว
สวนการตรวจสอบรีเลชันการลงทะเบียนวา ทุกแอททริบิวตที่ไมไดเปนคียหลักมีความสัมพันธ
ระหวางแอททริบิวตแบบฟงกชันกับคียหลักหรือแอททริบิวตที่ประกอบกันเปนคียหลัก โดยความสัมพันธ
ดังกลาวเปนความสัมพันธระหวางแอททริบิวตแบบทั้งหมดหรือไม
จากการตรวจสอบพบวา คียหลักหรือ Determinant ของรีเลชันการลงทะเบียนประกอบดวย
แอททริบิวตรหัสนักศึกษาและรหัสชุดวิชา สวนแอททริบวิ ตอน่ื ในรีเลชันการลงทะเบียนทีไ่ มไดเปนคียห ลัก คือ
ชื่อนักศึกษา รหัสอาจารย ชื่ออาจารยที่ปรึกษา ชื่อชุดวิชาที่ลงทะเบียน หมูเรียน และหนวยกิต
รีเลชันการลงทะเบียนมีความสัมพันธระหวางแอททริบิวตแบบฟงกชันดังนี้
รหัสนักศึกษา, รหัสชุดวิชา → ชื่อนักศึกษา, รหัสอาจารย, ชื่ออาจารยที่ปรึกษา,ชื่อ
ชุดวิชาที่ลงทะเบียน, หมูเรียน, หนวยกิต
รหัสนักศึกษา → ชื่อนักศึกษา, รหัสอาจารย, ชื่ออาจารยที่ปรึกษา
รหัสชุดวิชา → ชื่อชุดวิชาที่ลงทะเบียน, หนวยกิต
เขียน FD ไดอะแกรมไดดงั นี้
รหัสนักศึกษา ชือ่ นักศึกษา รหัสอาจารย ชือ่ อาจารยทป่ี รึกษา รหัสชุดวิชา ชือ่ ชุดวิชาทีล่ งทะเบียน หมูเ รียน หนวยกิต
รหัสนักศึกษา ชือ่ นักศึกษา รหัสอาจารย ชือ่ อาจารยทป่ี รึกษา รหัสชุดวิชา ชือ่ ชุดวิชาทีล่ งทะเบียน หมูเ รียน หนวยกิต
รหัสนักศึกษา ชือ่ นักศึกษา รหัสอาจารย ชือ่ อาจารยทป่ี รึกษา รหัสชุดวิชา ชือ่ ชุดวิชาทีล่ งทะเบียน หมูเ รียน หนวยกิต
1. คุณสมบัติของรูปแบบที่เปนบรรทัดฐานขั้นที่ 3
รีเลชันใด ๆ จะมีคุณสมบัติอยูในรูปแบบที่เปนบรรทัดฐานขั้นที่ 3 ก็ตอ เมือ่
1. รีเลชันนัน้ มีคณ
ุ สมบัตอิ ยูใ นรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานขัน้ ที่ 2 แลว
2.ทุกแอททริบิวตที่ไมใชคียหลักไมมีคุณสมบัติในการกําหนดคาของแอททริบิวตอื่นที่ไมใช
คียหลัก หรืออีกนัยหนึ่งรีเลชันนั้นตองไมมีความสัมพันธระหวางแอททริบิวตแบบ TRANSITIVE เกิดขึน้
2. ขั้นตอนการจัดทํารีเลชันใหเปนรูปแบบที่เปนบรรทัดฐานขั้นที่ 3
เพื่อแสดงใหเห็นถึงการจัดทํารีเลชันใหเปนรูปแบบที่เปนบรรทัดฐานขั้นที่ 3 ในที่นี้ขอนําตัวอยาง
รีเลชันจากเรือ่ งที่ 4.2.2 มาประกอบดังนี้
1. คุณสมบัติของรูปแบบที่เปนบรรทัดฐานของบอยสและคอดด
รีเลชันใด ๆ ทีไ่ มมคี ณ
ุ สมบัตอิ ยูใ นรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานของบอยสและคอดด คือ
1. รีเลชันใด ๆ ที่มีคียคูแขง (CANDIDATE KEY) ตั้งแต 2 ตัวขึ้นไป
2. คียคูแขงนั้นเปนคียผสม ซึ่งมีแอททริบิวตบางสวนรวมกัน
หรือกลาวอีกนัยหนึง่ รีเลชันใด ๆ จะมีคณ
ุ สมบัตอิ ยูใ นรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานของบอยสและคอดด
ก็ตอ เมือ่
1. ทุกแอททริบิวตที่เปนตัวระบุคา หรือ DETERMINANT ในรีเลชันนั้นตองเปนคียคูแขง
2. ไมมีแอททริบิวตใดในรีเลชันที่สามารถระบุคาของแอททริบิวตที่เปนคียหลัก หรือสวนใดสวนหนึง่
ของแอททริบิวตที่ประกอบกันเปนคียหลักได
หมายเหตุ
1. นิยามคุณสมบัตขิ องรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานของบอยสและคอดดไมระบุวา รีเลชันนัน้ จะตองมี
คุณสมบัตอิ ยูใ นรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานขัน้ ที่ 3 ดวย
2. โดยทั่วไปมักพบวา รีเลชันที่มีคุณสมบัติอยูในรูปแบบที่เปนบรรทัดฐานของบอยสและคอดดจะมี
คุณสมบัตอิ ยูใ นรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานขัน้ ที่ 3 ดวย และสําหรับรีเลชันที่มีคุณสมบัติอยูในรูปแบบที่เปน
บรรทัดฐานขัน้ ที่ 3 มักมีนอยมากที่ไมมีคุณสมบัติอยูในรูปแบบที่เปนบรรทัดฐานของบอยสและคอดด
2. ขั้นตอนการจัดทํารีเลชันใหเปนรูปแบบที่เปนบรรทัดฐานของบอยสและคอดด
เพือ่ แสดงใหเห็นถึงการจัดทํารีเลชันใหเปนรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานของบอยสและคอดด ในที่นี้ขอ
นําตัวอยางรีเลชันมาประกอบดังนี้
1. รีเลชันที่ไมมีคุณสมบัติอยูในรูปแบบที่เปนบรรทัดฐานของบอยสและคอดด
2. การทําใหรีเลชันมีคุณสมบัติอยูในรูปแบบที่เปนบรรทัดฐานของบอยสและคอดด
รีเลชันขางตนเปนรีเลชันทีไ่ มมคี ณ
ุ สมบัตอิ ยูใ นรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานของบอยสและคอดด
เนื่องจากเมื่อเลือกคียคูแขงตัวใดเปนคียหลักแลว คียคูแขงที่ไมไดถูกเลือกจะยังคงปรากฏซ้ําซอนอยูในรีเลชัน
และมีคุณสมบัติในการระบุคาของแอททริบิวตที่เปนคียหลักหรือแอททริบิวตที่ประกอบกันเปนคียหลักอีกดวย
ตัวอยางเชน หากเลือกแอททริบิวตรหัสนักศึกษาและรหัสชุดวิชาซึ่งเปนคียคูแขงตัวที่1 เปนคียห ลัก แอททริ
บิวตเลขที่ใบลงทะเบียนจะยังคงปรากฏซ้ําซอนอยูในรีเลชัน และมีคณ ุ สมบัตใิ นการระบุคา ของ แอททริบิวต
รหัสนักศึกษาซึง่ เปนสวนประกอบหนึง่ ของคียห ลักไดดว ย
นอกจากนี้ รีเลชันขางตนยังประกอบดวยขอมูลทีซ่ าํ้ ซอนกัน ซึง่ จะทําใหเกิดความผิดพลาดไดงา ย
เมือ่ ทําการเพิม่ ลบ หรือปรับปรุงขอมูลอีกดวย ตัวอยางเชน การแกไขเลขที่ใบลงทะเบียนจาก 205 เปน 520
หรือการแกไขรหัสนักศึกษาจาก 41010703 เปน 41014077 จะตองทําซ้ําหลายแหง ทําใหสน้ิ เปลืองเวลา รวม
ทั้งอาจทําการแกไขขอมูลไดไมครบถวนและถูกตองทุกรายการก็ได
เพื่อขจัดปญหาความซ้ําซอนของขอมูลที่เกิดขึ้นจึงตองทําการจําแนกรีเลชันออกเปน 2 รีเลชันยอย
เพื่อไมใหมีแอททริบิวตใดในรีเลชันที่สามารถระบุคาของแอททริบิวตที่เปนคียหลัก หรือสวนใดสวนหนึ่งของ
แอททริบิวตที่ประกอบกันเปนคียหลักได ซึ่งการจําแนกรีเลชันทําไดดวยการนําคียคูแขงตัวใดตัวหนึ่งที่เปน
ตัวระบุคาของแอททริบิวตอื่น และแอททริบิวตหรือกลุมของแอททริบิวตที่ถูกระบุคาแยกออกเปนรีเลชันใหม
$$"
ดังนัน้ รีเลชันขางตนจึงสามารถจําแนกเปนรีเลชันยอยได 2 แบบ คือ
แบบที่หนึ่ง
- รีเลชันรหัสนักศึกษา-รหัสชุดวิชา ประกอบดวย แอททริบิวตรหัสนักศึกษา รหัสชุดวิชา และ หมู
เรียน โดยมีแอททริบิวตรหัสนักศึกษาและรหัสชุดวิชา เปนคียห ลัก
- รีเลชันรหัสนักศึกษา-เลขที่ใบลงทะเบียน ประกอบดวย แอททริบิวตรหัสนักศึกษา และเลขที่ ใบ
ลงทะเบียน โดยมีแอททริบิวตรหัสนักศึกษาเปนคียหลัก
$%#
แบบที่สอง
- รีเลชันเลขที่ใบลงทะเบียน-รหัสชุดวิชา ประกอบดวย แอททริบิวตเลขที่ใบลงทะเบียนรหัส ชุด
วิชา และหมูเรียน โดยมีแอททริบิวตเลขที่ใบลงทะเบียนและรหัสชุดวิชา เปนคียห ลัก
$%$
- รีเลชันรหัสนักศึกษา-เลขที่ใบลงทะเบียน ประกอบดวย แอททริบิวตรหัสนักศึกษา และเลขที่ ใบลง
ทะเบียน โดยมีแอททริบิวตรหัสนักศึกษาเปนคียหลัก
1. คุณสมบัติของรูปแบบที่เปนบรรทัดฐานขั้นที่ 4
รีเลชันใด ๆ จะมีคุณสมบัติอยูในรูปแบบที่เปนบรรทัดฐานขั้นที่ 4 ก็ตอ เมือ่
1. รีเลชันนัน้ มีคณ
ุ สมบัตอิ ยูใ นรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานของบอยสและคอดดแลว
2. รีเลชันนั้นตองเปนรีเลชันที่ไมมีความสัมพันธระหวางแอททริบิวตแบบหลายคา
2. ขั้นตอนการจัดทํารีเลชันใหเปนรูปแบบที่เปนบรรทัดฐานขั้นที่ 4
เพื่อแสดงใหเห็นถึงการจัดทํารีเลชันใหเปนรูปแบบที่เปนบรรทัดฐานขั้นที่ 4 ในที่นี้ขอนําตัว
อยางรีเลชันมาประกอบดังนี้
รีเลชันการสอน-การปรึกษาประกอบดวย 3 แอททริบิวต คือ แอททริบิวตรหัสอาจารย รหัสชุด
วิชา ทีส่ อน และรหัสนักศึกษาในการปรึกษา โดยมีรายละเอียดดังนี้
รหัสอาจารย รหัสชุดวิชาทีส่ อน รหัสนักศึกษาในการปรึกษา
Q1011 999211 41010943
Q1011 999211 41013780
Q1035 729101 41012451
Q1035 729104 41012451
Q1035 999211 41012451
Q1059 729111 41010703
Q1059 729111 41013327
Q1061 729103 41012147
ภาพที่ 4.19 รีเลชันการสอน-การปรึกษา
รีเลชันการสอน-การปรึกษามีแอททริบิวตรหัสอาจารย รหัสชุดวิชาที่สอน และรหัสนัก
ศึกษาในการปรึกษาประกอบกันเปนคียห ลัก
อาจารยแตละคนจะสอนอยางนอย 1 ชุดวิชา โดยบางคนอาจสอนชุดวิชาเดียวกันก็ได
อาจารยบางคนอาจมีนักศึกษาในการปรึกษาไดมากกวา 1 คน
$%&
รหัสนักศึกษาในการปรึกษากับรหัสชุดวิชาที่สอนไมมีความสัมพันธกันเลย
จากรีเลชันการสอน-การปรึกษาจะพบวา เกิดปญหาความซ้าํ ซอนของขอมูลในรีเลชันดังนีค้ อื
1. การปรับปรุงขอมูลใด ๆ จะตองทําซ้ําหลายแหง ทําใหสน้ิ เปลืองเวลา รวมทั้งอาจทําการแกไขขอ
มูลไดไมครบถวนและถูกตองทุกรายการก็ได ตัวอยางเชน การแกไขรหัสอาจารยจาก Q1035 เปน Q1073
2. การเพิ่มเติมขอมูลในรีเลชันไมสามารถทําได ตัวอยางเชน หากรหัสอาจารย Q1061 ตองการเพิม่
ขอมูลรหัสชุดวิชาที่สอน คือ 172596 จะไมสามารถเพิ่มเติมขอมูลเขามาในรีเลชันนี้ได เนื่องจากยังไมปรากฏ
ขอมูลเพิ่มในแอททริบิวตรหัสนักศึกษาในการปรึกษา คาของรหัสนักศึกษาในการปรึกษาจึงเปนคาวาง ทําให
ไมอาจเพิ่มเติมขอมูลลงในรีเลชันได เพราะแอททริบิวตที่เปนสวนของคียหลักจะมีคาวางไมได
3. การลบขอมูลออกจากรีเลชันอาจทําใหขอมูลบางสวนสูญหายไปจากฐานขอมูล ตัวอยางเชน หาก
รหัสนักศึกษาในการปรึกษา คือ 41012147 ลาออก ขอมูลที่เกี่ยวของจะถูกลบไปทั้งทูเพิล ดังนัน้ ขอมูลรหัส
ชุดวิชา 729103 และรหัสอาจารย Q1061 ซึ่งมีเพียงแหงเดียวในฐานขอมูลก็จะสูญหายไปดวย
เพื่อขจัดปญหาความซ้ําซอนของขอมูลที่เกิดขึ้นในรีเลชันจึงตองจัดทํารีเลชันใหเปนรูปแบบที่เปน
บรรทัดฐาน โดยลําดับแรก คือ การตรวจสอบรีเลชันการสอน-การปรึกษาวา มีคุณสมบัติอยูในรูปแบบที่เปน
บรรทัดฐานขัน้ ใดกอนทีจ่ ะทําใหเปนรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานในขัน้ ตอไป
จากการตรวจสอบพบวา รีเลชันการสอน-การปรึกษามีคณ ุ สมบัตอิ ยูใ นรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานของ
บอยสและคอดดแลว เนือ่ งจาก
รีเลชันการสอน-การปรึกษามีคณ ุ สมบัตอิ ยูใ นรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานขัน้ ที่ 1 แลว
เนื่องจากทุกแอททริบิวตในแตละทูเพิลมีคาของขอมูลเพียงคาเดียว
รีเลชันการสอน-การปรึกษามีคณ ุ สมบัตอิ ยูใ นรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานขัน้ ที่ 2 แลว
เนือ่ งจากทุกแอททริบวิ ตในรีเลชันการสอน-การปรึกษาเปนคียผ สมทีม่ คี ณ ุ สมบัตเิ ปนคียห ลัก ดัง
นัน้ จึงไมมีความสัมพันธระหวางแอททริบิวตแบบบางสวนเกิดขึ้น
รีเลชันการสอน-การปรึกษามีคณ ุ สมบัตอิ ยูใ นรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานขัน้ ที่ 3 แลว
เนือ่ งจากในรีเลชันการสอน-การปรึกษาไมมีแอททริบิวตอื่นที่ไมใชคียหลัก ดังนัน้ จึงไมมีความ
สัมพันธระหวาง แอททริบิวตแบบ Transitive เกิดขึน้
รีเลชันการสอน-การปรึกษามีคณ ุ สมบัตอิ ยูใ นรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานของบอยสและ
คอดดแลว เนือ่ งจากทุกแอททริบวิ ตในรีเลชันการสอน-การปรึกษาเปนคียผ สมทีม่ คี ณุ สมบัตเิ ปน
คียหลัก ดังนัน้ จึงไมมี แอททริบิวตใดในรีเลชันที่สามารถระบุคาของแอททริบิวตที่เปนคียหลัก
หรือสวนใดสวนหนึ่งของแอททริบิวตที่ประกอบกันเปนคียหลักได
ลําดับถัดมา คือ การตรวจสอบรีเลชันการสอน-การปรึกษาวาเปนรีเลชันที่มีความสัมพันธระหวาง
แอททริบิวตแบบหลายคาหรือไม
จากการตรวจสอบพบวา รีเลชันการสอน-การปรึกษามีความสัมพันธระหวางแอททริบิวตแบบหลาย
คา ดังนี้
รหัสอาจารย รหัสชุดวิชาที่สอน
$%'
รหัสอาจารย รหัสนักศึกษาในการปรึกษา
หมายความวา หากระบุคาของรหัสอาจารยหนึ่งคาก็จะสามารถทราบรหัสชุดวิชาที่สอนไดหลายคา
เชน ถาระบุคาของรหัสอาจารย คือ Q1035 จะทําใหทราบคาของรหัสชุดวิชาที่สอน คือ 729101, 729104 และ
999211 และในขณะเดียวกัน หากระบุคาของรหัสอาจารยหนึ่งคาก็จะสามารถทราบรหัสนักศึกษาใน การ
ปรึกษาไดหลายคา เชน ถาระบุคาของรหัสอาจารย คือ Q1059 จะทําใหทราบคาของรหัสนักศึกษาใน การ
ปรึกษา คือ 41010703 และ 41013327
ดังนั้นจึงกลาวไดวา รีเลชันการสอน-การปรึกษาไมมีคุณสมบัติอยูในรูปแบบที่เปนบรรทัดฐานขั้นที่ 4
2. ขั้นตอนการจัดทํารีเลชันใหเปนรูปแบบที่เปนบรรทัดฐานขั้นที่ 5
เพื่อแสดงใหเห็นถึงการจัดทํารีเลชันใหเปนรูปแบบที่เปนบรรทัดฐานขั้นที่ 5 ในที่นี้ขอนํา ตัวอยาง
รีเลชันมาประกอบดังนี้
- รีเลชันนักศึกษาประกอบดวย แอททริบิวตชื่อนักศึกษา ชื่ออาจารยที่ปรึกษา และวิชาเอก โดยมีแอ
ททริบิวตชื่อนักศึกษา ชื่ออาจารยที่ปรึกษา และวิชาเอก ประกอบกันเปนคียห ลัก
ชือ่ นักศึกษา ชือ่ อาจารยทป่ี รึกษา วิชาเอก
สมชาย พลจันทร สัมพันธ เย็นสําราญ สถิติ
สุทิศา พินิจไพฑูรย ศิริภัทรา เหมือนมาลัย คณิตศาสตร
ณัฐพร ประคองเก็บ เมธี ปยะคุณ สถิติ
นพดล ทับทิมทอง ศิริชัย ศรีพรหม คณิตศาสตร
มัทนา พินิจไพฑูรย สัมพันธ เย็นสําราญ สถิติ
สมชาย พลจันทร ศิริภัทรา เหมือนมาลัย คณิตศาสตร
ภาพที่ 4.21 รีเลชันนักศึกษา
จากภาพจะพบวา เกิดปญหาความซ้าํ ซอนของขอมูลในรีเลชันดังนีค้ อื การปรับปรุงขอมูลใด ๆ จะ
ตองทําซ้ําหลายแหง ทําใหสน้ิ เปลืองเวลา รวมทั้งอาจทําการแกไขขอมูลไดไมครบถวนและถูกตองทุกรายการ
ก็ได ตัวอยางเชน การแกไขขอมูลชื่ออาจารยที่ปรึกษาจาก สัมพันธ เย็นสําราญ เปน จันทนา พรหมศิริ
นอกจากนี้ การลบขอมูลออกจากรีเลชันอาจทําใหขอมูลบางสวนสูญหายไปจากฐานขอมูล ตัวอยางเชน หาก
นักศึกษาชื่อ นภดล ทับทิมทอง ลาออก ขอมูลที่เกี่ยวของจะถูกลบไปทั้งทูเพิล ดังนัน้ ขอมูลชือ่ อาจารย
ที่ปรึกษา ศิริชัย ศรีพรหม ซึ่งมีเพียงแหงเดียวในฐานขอมูลก็จะสูญหายไปดวย
เพื่อขจัดปญหาความซ้ําซอนของขอมูลที่เกิดขึ้นในรีเลชันจึงตองจัดทํารีเลชันใหเปนรูปแบบที่เปน
บรรทัดฐาน โดยลําดับแรก คือ การตรวจสอบรีเลชันนักศึกษาวา มีคุณสมบัติอยูในรูปแบบที่เปนบรรทัดฐานใด
กอนที่จะทําใหเปนรูปแบบที่เปนบรรทัดฐานในขั้นตอไป
จากการตรวจสอบพบวา รีเลชันนักศึกษามีคณ ุ สมบัตอิ ยูใ นรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานขัน้ ที่ 4 แลว
เนือ่ งจาก
1. รีเลชันนักศึกษามีคณุ สมบัตอิ ยูใ นรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานขัน้ ที่ 1 แลว เนื่องจากทุกแอททริบิวต
ในแตละทูเพิลมีคาของขอมูลเพียงคาเดียว
$%*
2. รีเลชันนักศึกษามีคณ ุ สมบัตอิ ยูใ นรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานขัน้ ที่ 2 แลว เนื่องจากทุกแอททริบิวต
ในรีเลชันนักศึกษาเปนคียผ สมทีม่ คี ณ ุ สมบัตเิ ปนคียห ลัก ดังนัน้ จึงไมมีความสัมพันธระหวาง แอททริบิวตแบบ
บางสวนเกิดขึน้
3. รีเลชันนักศึกษามีคณ ุ สมบัตอิ ยูใ นรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานขัน้ ที่ 3 แลว เนือ่ งจากในรีเลชัน นัก
ศึกษาไมมีแอททริบิวตอื่นที่ไมใชคียหลัก ดังนัน้ จึงไมมีความสัมพันธระหวางแอททริบิวตแบบ Transitive เกิด
ขึ้น
4. รีเลชันนักศึกษามีคณ ุ สมบัตอิ ยูใ นรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานของบอยสและคอดดแลว เนื่องจากทุก
แอททริบิวตในรีเลชันนักศึกษาเปนคียผสมที่มีคุณสมบัติเปนคียหลัก ดังนัน้ จึงไมมีแอททริบิวตใดในรีเลชันที่
สามารถระบุคาของแอททริบิวตที่เปนคียหลัก หรือสวนใดสวนหนึ่งของแอททริบิวตที่ประกอบกันเปนคียหลัก
ได
5.รีเลชันนักศึกษามีคณ ุ สมบัตอิ ยูใ นรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานขัน้ ที่ 4 แลว เนือ่ งจากรีเลชัน นักศึกษา
เปนรีเลชันทีม่ คี ณ
ุ สมบัตอิ ยูใ นรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานของบอยสและคอดดแลว และไมมีความสัมพันธ
ระหวางแอททริบิวตแบบหลายคา
ลําดับถัดมา คือ การตรวจสอบวา รีเลชันนักศึกษามีความสัมพันธระหวางแอททริบิวตแบบ Join โดย
รีเลชันยอย ๆ ที่จําแนกออกมามีคียคูแขงของรีเลชันเดิมอยูดวยเสมอ หรือไม
จากการตรวจสอบพบวา รีเลชันนักศึกษาสามารถจําแนกได 3 รีเลชันยอย คือ รีเลชันที่ 1 รีเลชันที่ 2
และรีเลชันที่ 3
- รีเลชันที่ 1 ประกอบดวยแอททริบิวตชื่อนักศึกษา และชื่ออาจารยที่ปรึกษา โดยมีแอททริบิวตชื่อ
นักศึกษา และชื่ออาจารยที่ปรึกษา ประกอบกันเปนคียห ลัก
- รีเลชันที่ 2 ประกอบดวยแอททริบิวตชื่ออาจารยที่ปรึกษา และวิชาเอก โดยมีแอททริบิวตชื่อ
อาจารยที่ปรึกษา และวิชาเอก ประกอบกันเปนคียห ลัก
- รีเลชันที่ 3 ประกอบดวยแอททริบิวตชื่อนักศึกษา และวิชาเอก โดยมีแอททริบิวตชื่อนักศึกษา และ
วิชาเอก ประกอบกันเปนคียห ลัก
เมื่อนํารีเลชันยอยทั้งสามมาเชื่อมโยงกันจะพบวา มีขอ มูลเหมือนในรีเลชันเดิม จึงกลาวไดวา รีเลชัน
ยอยทั้งสามมีคุณสมบัติอยูในรูปแบบที่เปนบรรทัดฐานขั้นที่ 5 แลว
$%!
1. การจําแนกรีเลชันยอยมากเกินไป
การจําแนกรีเลชันยอยมากเกินไป หมายถึง การจําแนกรีเลชันออกเปนรีเลชันยอยมากเกินกวา
ความจําเปน
โดยทั่วไปแลวในการออกแบบฐานขอมูลระดับแนวคิด ผูออกแบบจะพยายามทําการวิเคราะหให
รีเลชันมีคณุ สมบัตอิ ยูใ นรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานขัน้ ที่ 3 หรือรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานของบอยสและคอดด
ซึง่ อาจมีบา งในบางกรณีทจ่ี าํ เปนตองดําเนินการตอไป จนกระทั่งรีเลชันมีคุณสมบัติอยูในรูปแบบที่เปน
บรรทัดฐานขัน้ ที่ 4 หรือขั้นที่ 5 ซึ่งในทางปฏิบัติอาจเกิดขึ้นไดนอยมาก
หากทวาในบางครั้ง รีเลชันใด ๆ แมจะสามารถทําการจําแนกออกเปนรีเลชันยอยได แตก็ควรคง รูป
แบบรีเลชันนัน้ ไวในลักษณะเชนเดิม เนือ่ งจากการจําแนกรีเลชันออกเปนรีเลชันยอยมากเกินความจําเปน อาจ
กอใหเกิดผลเสียตอประสิทธิภาพในการทํางานของฐานขอมูลนัน้ เชน อาจทําใหใชเสียเวลาเพื่อการคนหาขอ
มูลมากขึ้น เปนตน
$&%
ุ สมบัตอิ ยูใ นรูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานขัน้ ที่ 3 แลว และสามารถ
ตัวอยางเชน รีเลชันนักศึกษามีคณ
จําแนกออกเปนรีเลชันยอยได 3 รีเลชัน โดยไมผิดหลักของกระบวนการทําใหเปนรูปแบบที่เปนบรรทัดฐาน
แตก็ไมควรจําแนกรีเลชันนักศึกษาออกเปน 3 รีเลชันยอย เนื่องจากแตละรีเลชันยอยตางก็มีคียหลักหรือ
2. การ Denormalization
แมวาวัตถุประสงคหลักของกระบวนการทําใหเปนรูปแบบที่เปนบรรทัดฐานตั้งแตขั้นตอนที่ 1 มาจน
ถึงขั้นตอนที่ 5 คือ การแกไขปญหาความซ้ําซอนของขอมูลที่ปรากฏในรีเลชันใหเหลือนอยที่สุด ตลอดจนลด
ปญหาในเรื่องเกี่ยวกับการปรับปรุง การเพิม่ หรือการลบขอมูล ก็ตาม หากทวาในบางกรณี การจําแนกรีเลชัน
ออกเปนรีเลชันยอยอาจกอใหเกิดผลกระทบตอประสิทธิภาพในการคนหาหรือดําเนินการกับขอมูลได เพราะ
การเสียเวลาเพือ่ เชือ่ มโยงขอมูลจากรีเลชันตาง ๆ เขาดวยกัน อาจทําใหการประมวลผลลาชาและเกิดความ
เสียหายได ดังนัน้ ผูอ อกแบบฐานขอมูลจึงจําเปนตองทําการ Denormalization โดยคํานึงความสําคัญในเรื่อง
ประสิทธิภาพของการคนหาขอมูลมากกวาปญหาการซ้ําซอนของขอมูลเมื่อทําการปรับปรุง เพิ่มเติม หรือลบ
ขอมูล
การ Denormalization หมายถึง การที่รีเลชันใด ๆ ถูกออกแบบใหมีคุณสมบัติอยูในรูปแบบที่เปน
บรรทัดฐานขัน้ ต่าํ กวากฎเกณฑทก่ี าํ หนดไว ตัวอยางเชน รีเลชันนั้นควรถูกออกแบบใหมีคุณสมบัติอยูใน
รูปแบบทีเ่ ปนบรรทัดฐานขัน้ ที่ 3 แตผูออกแบบฐานขอมูลกําหนดใหรีเลชันนั้นมีคุณสมบัติอยูในรูปแบบที่เปน
บรรทัดฐานขัน้ ที่ 2 เทานัน้
$&&
ตัวอยางเชน การรวมแอททริบิวตรหัสวิชาเอกจากรีเลชันที่อยูนักศึกษาและแอททริบิวตชื่อวิชาเอก
จากรีเลชันวิชาเอก ไวเปนแอททริบิวตหนึ่งในรีเลชันนักศึกษาโดยใหชื่อวา แอททริบิวตวิชาเอก แทนที่จะทํา
การจําแนกเปนรีเลชันวิชาเอกเพือ่ ระบุถงึ รหัสวิชาเอกและชือ่ วิชาเอก ทั้งนี้ เนื่องจากมีจํานวนรหัสวิชาเอกไม
มากนัก คือ มี 2 รหัสวิชาเอกเทานัน้ เปนตน