You are on page 1of 3

นิทานสอนใจ เรื อง กล่ องข้ าวน้ อย

กาลครัง้ หนึง่ นานมาแล้ ว ณ หมู่บ้านที่แห้ งแล้ งกันดานแถบอีสาน ซึง่ อยู่ที่อาเภอแห่งหนึง่ ของ


จังหวัดยโสธร มีสองแม่ลกู อาชีพรับจ้ างทานา แกและลูกชายอาศัยอยู่ที่กระท่อมท้ ายหมู่บ้าน ในแต่ละ
วันจะออกไปทานาตังแต่ ้ เช้ ามืด ชาวบ้ านระแหวกนันจะรู
้ ้ จกั กับครอบครัวของยายทองสุกเป็ นอย่างดี
เพราะลูกชายของยายทองสุกแกมีนิสยั ไม่ค่อยสู้ดีนกั จะเป็ นคนที่มีอารมณ์ร้อน ใครพูดให้ เป็ นไม่ได้ จะ
หงุดหงิด อารมณ์เสีย หาเรื่ องทะเลาะจนเกิดเรื่ องชกต่อยตีกนั เสมอ ชาวบ้ านต่างพากันสงสารยายทอง
สุกที่ต้องทนกับลูกชายที่มีนิสยั แย่แบบนัน้ ในแต่ละวันยายทองสุกและลูกชายจะออกไปทานาเป็ น
ประจาทุกวัน ถึงแม้ ว่าลูกชายของแกจะมีนิสยั เช่นนันแต่
้ ก็ช่วยทานา

ต่อมายายทองสุกได้ รับว่าจ้ างจากผู้ใหญ่บ้านให้ ดานาหลายไร่ แกและลูกชาย จึงรี บกลับมาจัดแจง


เตรี ยมอุปกรณ์เพื่อจะออกไปดานาแต่เช้ ามืด ยายทองสุก กลัวว่าลูกชายจะเหนื่อยกับการดานา เพราะ
เดือนนี ้ทังเดื
้ อน แกและลูกชายต้ องดานาให้ ทนั เวลที่ได้ รับปากกับผู้ใหญ่บ้าน ส่วนยายทองสุกกล่าวกับ
ลูกชายว่า “เจ้ าดา วันนี ้แกต้ องเหนื่อยกว่าวันไหน ๆ หลายเท่านะ แต่แกไม่ต้องเป็ นห่วงหรอกนะ เดี๋ยว
แม่จะจัดเตรี ยมพวกข้ าวกับน ้าไปให้ แกที่นาเอง แล้ วแม่ก็จะช่วยแกเพิม่ อีกแรง จะได้ เหนื่อยน้ อยลงถึง
แม่จะดานาได้ ไม่มาก เมื่อก่อนแม่ก็เคยทาได้ มากโขเชี่ยวนะ แต่ด้วยสักขาลของแม่มนั ไม่อานวยเหมือน
เมื่อก่อน แต่แกจงจาคาที่แม่พดู ไว้ นะ ถ้ าเราขยันขันแข้ งเราก็จะไม่อดตายถ้ าวันใดเราเกลียดคร้ านเราก็
จะไม่มีอะไรเหลือ” พูดจบแกก็จดั ข้ าวของกองเอาไว้ เช้ ามืดแกและลูกชายก็จะได้ ออกเดินทางทันที

เช้ าวันรุ่งขึ ้น ยายทองสุกและลูกชายได้ เตรี ยมพร้ อมเพื่อออกเดินทาง พอยายทองสุกลุกขึ ้นก็ล้มลง


ทันที “แม่เป็ นอะไรไป ทาอะไรก็ระวังไว้ บ้างเห็นไหม ยังไม่ทนั ออกเดินทางก็เป็ นลมไปแล้ ว เอาอย่างนี ้
แม่จดั เตรี ยมอาหารไว้ ให้ ฉนั ถ้ าได้ เวลาใกล้ เที่ยง แม่ถึงออกไปที่นาก็แล้ วกัน” เมื่อลูกชายพูดจบ ยาย
ทองสุกก็พะยักหน้ ารับ แล้ วลูกชาย ก็เดินจากไปพร้ อมอุปกรณ์ ส่วนแกเพลียเหนื่อยมาทังวั ้ นและด้ วย
อายุที่มากแล้ ว ควรจะได้ พกั ผ่อน แต่กลับต้ องมาทางานหนักอย่างคนหนุ่มสาวเช่นนี ้ ส่วนงานดานา ก็มี
มาเรื่ อย ๆ ไม่ได้ หยุดพักแกจึงหลงหลับไปพร้ อมเวลาที่เดินไปเรื่ อย ๆ ไม่ทนั ไรก็จวนเที่ยงจะแล้ ว

ส่วนลูกชายของแกกาลังดานาตามปรกติและเจ้ าดามันดานาได้ มากพอดู เวลาผ่านไปรวดเร็วมาก


ไม่ทนั ไรก็จวนเที่ยงแล้ ว แต่ยายทองสุกยังไม่ทนั ตื่นนอน เจ้ าดาเริ่ มเหนื่อย จึงเดินกลับเข้ าไปกินน ้า
มองดูพระอาทิตย์ที่บงบอกเวลาว่าจะเที่ยงแล้ ว อีกไม่นานแม่คงเอาอาหารมาส่ง เจ้ าดาเดินกลับเข้ าไป
ดานาต่อเพราะยังเหลือเวลาที่จะดานาได้ อีก เจ้ าดามันห่วงเรื่ องเที่ยวเพราะมันได้ นดั กับพวกเพื่อน ๆ ไว้
คืนนี ้จะออกไปจีบสาวอีกหมู่บ้าน มันจึงต้ องรี บเร่งทานาเพราะขื่นชักช้ า ๆ งานที่รับปากจากผู้ใหญ่บ้าน
คงไม่ทนั แล้ วค่าจ้ างอาจจะอดได้ ช่วงที่รอแม่คงดานาได้ อีกเยอะ เพราะกว่าแม่จะเดินทางมาคงอีกนาน
พอดู บ้ านที่อาศัยก็อยู่ไกลออกไปอีก ช่วงนันเป็
้ นช่วงที่แดดร้ อนมากอากาศก็อบอ้ าว ลมที่พดั มาก็มีแต่
ลมร้ อน จึงทาให้ เจ้ าดาลูกชายของยายทองสุกเริ่ มอารมณ์เสีย
1
ขณะที่เวลาได้ ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ยายทองสุกรู้สึกตัวก็รีบจัดเตรี ยมอาหารทันที ยายทองสุกเดิน
อย่างรวดเร็วกลัวลูกชายจะรอนานแล้ วจะพานโกรธ ไม่ยอมช่วยดานา จะเป็ นเรื่ องเสียหายต่อ
ผู้ใหญ่บ้านได้ ระหว่างทางที่เดินทางมาก็มีแต่อปุ สักมากมาย ไม่ว่าจะเป็ นเศษไม้ ปักเท้ าจนเลือดไหล
แย้ ม แต่แกก็ไม่ยอมหยุดพักเพราะกลัวลูกชายจะหิว ด้ วยความเป็ นห่วงลูกจึงตังหน้ ้ าตังตาเดิ
้ นอย่าง
รวดเร็ว ทัง้ ๆ ที่ร่างกายของตัวเอง ก็แย่เต็มที

กล่าวถึงลูกชายตัวดีที่กาลังบ่นเหมือนหมีกินผึ ้ง “ป่ านนี ้แม่ทาไมยังมาไม่ถึงอีกนะ มัวทาอะไรอยู่นะ


ชักช้ าเหลือเกิน ไม่ร้ ูหรื อว่าจวนจะเที่ยงแล้ ว ฉันหิวจนปวดท้ องไปหมด แล้ วไม่มีเรี่ ยวแรงจะทานาอยู่
แล้ ว คอยดูถ้ามาถึงจะต่อว่าให้ หน้ าดูเลย” เจ้ าดาบ่นไปต่าง ๆ นานา จนอารมณ์เสียพานเตะโน้ นเตะนี่
กระจัดกระจายไปทัว่ แล้ วเดินไปมา กินน ้าอยู่หลายรอบจึงนัง่ มองตามคันนาว่าแม่เดินถึงไหนแล้ ว

ส่วนยายทองสุกทังวิ ้ ่งทังเดิ
้ นสลับไปมา แกพยายามมองดูลกู ชายแต่ไกล “คงอีกไม่ไกลก็จะถึงที่
หมายปลายทางแล้ วลูกรอแม่ก่อนนะอย่าเพิง่ โกรธแม่เลย” แกพูดตามทางมาตลอดแล้ วแกก็รีบเดินให้
เร็วขึ ้นกว่าเดิม แต่ด้วยความที่ต้องเดินเท้ าเปล่า แถมยังมีบาดแผล ที่เพิง่ โดนเศษไม้ ปักจนเป็ นแผล
ใหญ่ เลือดยังไหลไม่หยุด แกก็ไม่ยอมพัก พยายามเดินให้ ทนั กลัวลูกชายจะหิว และพื ้นดินที่ถกู แดดเผา
จนร้ อนระอุเท้ าก็พองไปหมดก็ยิ่งทาให้ เจ็บปวดเพิม่ ขึ ้นอีก แต่ก็ไม่ทาให้ แกลดละความพยายาม แก
พยายามเดินตามคันนาอย่างรี บเร่ง เพราะอีกนิดเดียวก็จะถึงแล้ ว ยายทองสุกแกร้ องตะโกนมาแต่ไกล
“เจ้ าดาแม่มาแล้ ว เจ้ าดาแม่มาแล้ ว ข้ าวกาลังร้ อน ๆ มีเนื ้อตากแห้ งด้ วย”แกทังวิ
้ ่งทังร้้ อง ตะโกน วิ่งไป
เซไปข้ าวของที่หอบหิ ้วมาก็หนักเต็มทน

ส่วนลูกชายเมื่อเห็นแม่วิ่งมาแต่ไกล แทนที่จะรี บวิ่งไปรับช่วยยกข้ าวของที่แม่ถือมา ทังหนั ้ กทัง้


เหนื่อยแถมยังต้ องเดินตากแดดมาตังไกล ้ เจ้ าดากลับตะโกนต่อว่า เสียยกใหญ่ เมื่อยายทองสุกมาถึง
เจ้ าดาเอยกับแม่ว่า “แม่มวั ทาบ้ าอะไรอยู่ ไม่ร้ ูหรื อว่าฉันหิว แทบขาดใจตายอยู่แล้ ว เอากล่องข้ าวมานี่
อ้ าวแม่ทาไมกล่องข้ าวมันเล็กเท่านี ้ แล้ วฉันจะอิ่มได้ ยงั ไง กินแค่ 4-5 คาก็หมดแล้ ว คนทางานหนักก็
ต้ องกินเยอะซิ ถ้ าเช่นนันหลี
้ กไปให้ ไกลเลย” เจ้ าดาไม่ได้ ฟังคาที่แม่พดู แต่กลับผลักแม่ออกทันที จนทา
ให้ ยายทองสุกล้ มลงหัวฟาดกับขอบคันนาเพราะด้ วยอายุก็มากจึงไม่สามารถพยุงตัวไว้ ได้ ยายทองสุก
ต้ องมาจบชีวิตลงด้ วยฝี มือของลูกชายที่ตนรัก

ระหว่างที่เจ้ าดากาลังนัง่ กินข้ าวอย่างคนหิวโหย เหมือนคนไม่ได้ กินข้ าวมาหลายวัน เจ้ าดาลืมไปว่า


ตัวเองได้ ผลักแม่ผ้ บู งั เกิดเกล้ าไป จนทาให้ แม่ต้องมาสิ ้นชีวิตและเป็ นคนไร้ วิญญาณนอนอยู่ข้างคันนา
ใกล้ ๆ กับเขา ส่วนเจ้ าดาตังหน้ ้ าตังตากิ
้ นอย่างเดียว ไม่สนใจแม่แม้ แต่นิดเดียว เวลาผ่านไปได้ ไม่นาน
เจ้ าดากินจนอิ่ม แต่ข้าวในกล่องกลับเหลือ อยู่อีกค่อนกล่อง เจ้ าดาเดินไปหยิบน ้าจึงเอยกับแม่ว่า “แม่
ฉันกินอิ่มแล้ ว ขอน ้าให้ ฉันหน่อยแล้ วคราวหน้ าอย่าทาแบบนี ้อีกนะเพราะฉันอาจจะทาร้ ายแม่ก็ได้ แม่
แม่ ฟั งที่ฉนั พูดอยู่หรื อเปล่า” พอเจ้ าดาเดินไปถึงที่แม่เขานอนสิ ้นใจ เจ้ าดาจับตัวแม่ เขย่าให้ ฟืน้ “แม่
2
แม่เป็ นอะไรไป ตอบฉันหน่อย”

เจ้ าดาเห็นเลือดที่หวั ของแม่ถึงกับตกใจร้ องไห้ เสียใจ ร้ องเรี ยกแม่เท่าไรก็ไม่มีวนั หวนกลับมา


เหมือนเดิมได้ “แม่จ๋า ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ ว ฉันไม่ได้ ตงใจ ั ้ ฉันหิวมาก นึกว่าแม่ลืมเอาข้ าวมาส่ง ก็
เลยอารมณ์เสียไม่ได้ ทนั คิดจึงผลักแม่ไป ไม่คิดว่า แม่จะหัวฟาดจนทาให้ แม่เสียชีวิตลง” เจ้ าดาเสียใจที่
ได้ ทาร้ ายแม่ผ้ ใู ห้ ชีวิตแก่มนั เจ้ าดาร้ องไห้ เสียใจก็ไม่ทาให้ ทกุ สิ่งทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมได้ เพราะ
เขาได้ ทาในสิ่งที่ทกุ คนไม่คาดคิดว่าจะเป็ นเหตุให้ แม่ต้องมาจบชีวิตลง

เมื่อเจ้ าดาสานึกได้ ก็สายเกินแก้ เพราะร้ องเรี ยกแม่ของตัวเองอยู่นาน เรี ยกเท่าไร ก็ไม่มีวนั ฟื น้ มาได้
บาปกรรมครัง้ นี ้เขาทุกข์ใจมาโดยตลอด เขากินข้ าวครัง้ ใด ก็จะนึกถึง คาพูดของแม่ติดหัวสมองเสมอ
“เจ้ าดากินข้ าวได้ แล้ ว” เขานึกย้ อนวันเวลาที่ผ่านมา เพราะทุกครัง้ ที่กินข้ าวเขาก็ไม่เคยแม้ แต่จะยกสา
ลับข้ าวช่วยแม่มีหน้ าที่กินแล้ วก็ลกุ หนี ไป ทัง้ ๆ ที่แม่ก็อายุมากแล้ วควรได้ พกั ผ่อนและควรจะสบายกับ
ลูกอย่างมันได้ แล้ ว วัน ๆ มีแต่ออกไปเที่ยวเล่นปล่อยให้ แม่อยู่บ้านตามลาพัง ยิ่งนึกก็ยิ่งเสียใจที่ไม่เคย
ทาดีกบั แม่ มาคิดตอนนี ้ก็สายเกินแก้ เพราะไม่มีวนั จะตอบแทนพระคุณแม่ได้ อีก

เจ้ าดาจึงคิดที่จะไถ่บาปโดยการสร้ างพระธาตุให้ กบั แม่ของตัวเอง เพื่อไว้ สกั การะบูชาแม่ที่จากไป


เจ้ าดาจึงขอบวชเพื่อทดแทนพระคุณแม่ และต้ องการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้ แม่ พระธาตุที่สร้ างไว้
นี ้เจ้ าดาได้ สร้ างเป็ นรูปกล่องข้ าวน้ อย เพื่อจะได้ ราลึกถึงสิ่งที่ตวั เองได้ กระทาผิดไป วันเวลาได้ ผ่านไป
นานนับปี เรื่ องที่เกิดขึ ้น มาก็เป็ นอุธาหรณ์สอนใจและเป็ นบทเรี ยนที่ได้ สงั่ สอนลูกหลานมาหลายรุ่ น
และนับจากนันมาก็ ้ ไม่มีใครเคยเห็นเจ้ าดาอีกเลย

พระธาตุแห่งนี ้ชาวบ้ านพากันมากราบไหว้ และเป็ นตานานเรี ยกกันว่า “พระธาตุกล่องข้ าวน้ อย”


จวบจนทุกวันนี ้และเป็ นตานานเรื่ องจริง ปั จจุบนั ยังคงมีที่จงั หวัดยโสธร

You might also like