You are on page 1of 11

นิทานทองอิน

ตอน

นากพระโขนงที่สอง

โดย
นายแก้ว นายขวัญ
นากพระโขนงที่สอง
“ท่านทังหลายบางที
้ จะได้ทราบบ้างบางท่านว่าเมื่อไม่สนู้ านมานักแล้วเกิดมีเรื่องประหลาดเกิดขึน้ เรื่อง
หนึ่ง แต่เพราะเป็นข่าวเล่าลือกันนอกๆ ไม่ได้ลงหนังสือพิมพ์จงึ ทาให้ขา้ พเจ้าเข้าใจว่า คงจะมีอยูห่ ลายท่านที่
ไม่ได้ทราบเรื่องนี้เลย หรือทราบแล้วลืมเสีย เพราะฉะนัน้ ถ้าข้าพเจ้าจะเล่าซ้าอีกคงจะไม่เป็ นการขัดข้องอัน
ใด อีกประการหนึ่งข้าพเจ้าเชื่อแน่วา่ มีคนน้อยคนทีท่ ราบเรื่องราวตลอด การทีเ่ กิดมีนางนากพระโขนงขึน้
ใหม่อกี คนหนึ่ง และปิ ศาจนัน้ ดุเพียงใดบางทีจะมีผทู้ ราบอยูห่ ลายคน แต่ทท่ี ราบว่าทาไมปิ ศาจนัน้ จึงสงบไป
นัน้ คงจะไม่มกี ค่ี น ตัวข้าพเจ้าเป็ นผูท้ ราบเรื่องราวตลอดผูห้ นึ่ง เพราะฉะนัน้ จะขอเล่าให้ท่านดังต่อไปนี้ ....

เมื่อสองสามปี มานี้แล้ว มีขา่ วเล่าลือกันขึน้ ว่าเกิดมีปิศาจดุขน้ึ ใหม่ทบ่ี างพระโขนง บางปากก็กล่าวว่า


ปิ ศาจนี้คอื ตัวนางนากทีข่ น้ึ ชื่อลือนามมากมากแล้วนัน้ กลับมาเทีย่ วหลอกหลอนคนใหม่ บางปากก็กล่าวว่า
เป็ นปิ ศาจใหม่ช่อื นากเหมือนกัน แต่ภายหลังได้ความว่าปิ ศาจนี้มผี เู้ ห็นตามใกล้ๆ บ้านของพันโชติกานัน
พันโชตินนั ้ เป็ นคนมีเงินอยูบ่ า้ งมีภรรยาชื่อนาก ภรรยานัน้ ถึงแก่กรรมลงได้แล้วประมาณปี เศษ มีบุตรชายอยู่
สองคน พันโชติมคี วามคิดจะหาภรรยาใหม่ แต่ไม่มหี ญิงใดกล้าเป็ นภรรยาพันโชติ โดยเหตุทท่ี ราบข่าวอยู่
แล้วว่ามีปิศาจทีบ่ า้ นนัน้ นากภรรยาเก่าของพันโชตินนั ้ คนแถวนัน้ ทราบอยูท่ ั ่วกันว่า เมื่อเวลามีชวี ติ อยูน่ นั ้
เป็ นผูห้ งึ มาก และเมื่อจะถึงแก่กรรมได้กล่าวไว้วา่ ถ้าผัวมีภรรยาใหม่จะเป็ นปิ ศาจมาหลอก เพราะฉะนัน้ คน
ทัง้ หลายจึงลงใจเห็นกันหมดว่าปิ ศาจนัน้ คงจะเป็นปิ ศาจของนากแน่ ปิ ศาจนัน้ ทาประโยชน์ให้แก่พนั โชติมาก
เวลากลางคืนมีผเู้ ห็นเทีย่ วเดินอยูร่ มิ คอกกระบือของพันโชติเนืองๆ และครัง้ หนึ่งเมื่อมีผรู้ า้ ยจะมาลักกระบือ
ปิ ศาจนัน้ ก็ได้กระทาให้ผรู้ า้ ยนัน้ ต้องหนีไป เพราะได้ยนิ เสียงร้องอึงขึน้ ทีร่ มิ คอก และช่วยตักน้าให้พนั โชติ
เต็มๆ ตุ่มทุกคืน
ในเวลานัน้ ผูท้ ท่ี ราบเรื่องนี้แล้วมีอยูส่ องจาพวก พวกหนึ่งเชื่อว่าเป็ นปิ ศาจจริง อีกพวกหนึ่งไม่ออก
ความเห็นเลย ฟั งแล้วก็ลมื นิง่ ไป มีคนอยูค่ นเดียวทีข่ า้ พเจ้าทราบแน่วา่ ไม่อยูใ่ นจาพวกทัง้ สองซึง่ กล่าวแล้ว
นัน้ คือมิตรของข้าพเจ้าผูห้ นึ่ง ซึง่ ในทีน่ ้ีขา้ พเจ้าจะเรียกว่านายทองอิน นายทองอินนี้เป็ นคนมีสติปัญญาไหว
พริบมาก ทัง้ มีความรูด้ ดี ว้ ย ซึง่ ทาให้ผซู้ ง่ึ รูจ้ กั เขาประหลาดใจมากว่าไม่ทาราชการในกระทรวงหนึ่งกระทรวง
ใดเลย อีกประการหนึ่งมีผไู้ ม่ทราบอยูโ่ ดยมากว่านายทองอินทาการหาเลีย้ งชีพอย่างไร เขาไม่ได้คา้ ขาย
ไม่ได้เป็ นหมอความ และดูเหมือนไม่ได้ทาอะไรเลย แต่กม็ บี า้ นอยูส่ บายและมีเงินใช้พอเสมอ ข้าพเจ้าขอ
ขยายความลับในข้อนี้ให้ท่านฟั ง (ข้าพเจ้าได้รบั อนุญาตของนายทองอินแล้วให้ขยาย) นายทองอินนัน้ ทาการ
คล้ายพลตระเวนลับ คือเป็ นผูส้ บื ข่าวต่างๆ โดยทางเงียบๆ บรรดานักเลงสาคัญๆ นายทองอินไม่รจู้ กั นัน้
น้อย แต่นกั เลงเหล่านัน้ ไม่ใคร่จะรูจ้ กั นายทองอิน เพราะเขาชานาญในการปลอมตน ข้าพเจ้าเองได้เคยเห็น
เขาปลอมตนหลายครัง้ จึงรูไ้ ด้วา่ ปลอมดีอย่างไร ถ้าลงได้ปลอมตนแล้วเป็ นไม่มผี ดิ ของจริงเลย เขาได้เคย
ช่วยราชการกองตระเวนลับมาหลายครัง้ แล้ว ครัง้ หนึ่งเขาปลอมเป็ นญวนเข้าไปในบ้านญวนสามเสน เพื่อจับ
ผูต้ ม้ สุราเถื่อน พวกญวนไม่ได้สงสัยเลย ถ้าพลตระเวนไม่ขาดนัดเสียครัง้ นัน้ ก็คงจะจับผูต้ ม้ สุราเถื่อนได้
หลายคน อีกครัง้ หนึ่งเขาปลอมเป็ นจีนเข้าไปในทีป่ ระชุมอัง้ ยี่ ณ สาเพ็งได้ความสาคัญๆ มาให้กองตระเวน
มาก แต่ทข่ี า้ พเจ้ากล่าวทัง้ สองเรื่องนี้ถงึ สาคัญน่าฟั งก็จริงแต่ไม่เกีย่ วกับเรื่องปิ ศาจพระโขนง เพราะฉะนัน้
ต้องงดไว้ท ี
พอข้าพเจ้ายินข่าวเรื่องนางนากพระโขนงทีเ่ กิดขึน้ ใหม่นนั ้ ข้าพเจ้าก็ไปหานายทองอิน แต่พอนั ่งลงยัง
ไม่ทนั ได้เอ่ยขึน้ นายทองอินก็ชงิ พูดขึน้
“จริง! จริง! ฉันไม่เชื่อว่าผีเหมือนกันและ อะไรผีจะมาทาได้อย่างนัน้ ”
ข้าพเจ้ายิม้ แล้วพูดว่า “แหม! ทายใจแม่นจริง ฉันตัง้ ใจมาจะเล่าเรื่องอีนากพระโขนงทีเ่ กิดขึน้ ใหม่น้ใี ห้
แกฟั งทีเดียว”
นายทองอินก็ตอบว่า “ฉันทายใจแกถูกน่ะซิฉนั จึงชิงพูดขึน้ เสียก่อน”
ข้าพเจ้าหัวเราะแล้วถามว่า “ก็ถ้ามันไม่ใช่ผมี นั เป็ นอะไรเล่า”
“มันก็คนน่ะซิ พ่อวัด”
“ก็อา้ ยคนนัน้ มันมีประสงค์อะไรล่ะ”
“นี่แหละฉันยังไม่ได้สบื สวนให้ถ้วนถีจ่ ะบอกแกเห็นจะยังไม่ได้ แต่มขี องแน่อยูอ่ ย่างหนึ่งคือ เจ้าคนทีท่ า
ผีหลอกนัน้ ไม่ได้ประสงค์ขโมยพันโชติ”
“ทาไมแกถึงรูเ้ ล่า”
นายทองอินแลดูหน้าข้าพเจ้า แล้วยิม้ แลถอนใจใหญ่
“พ่อวัดนี่เมื่อไหร่แกถึงจะรูจ้ กั ฉันดีเสียสักทีหนอ ก็ฉนั จะไปรูอ้ ย่างไรได้นอกจากฟั งตามคนเขาพูดกัน
แกก็คงรูใ้ นเรื่องนี้เท่ากับฉันเหมือนกันแต่ไม่ได้ตริตรองเท่านัน้ เอง คิดดูเถอะ เจ้าผีน่ีมผี เู้ ห็นมาหลายวันแล้ว
เห็นอยูใ่ กล้ๆ บ้านพันโชติเสมอ ตามทีเ่ ล่ากันนัน้ ตัวพันโชติเองก็เชื่อว่าเป็ นผีของเมียแกทีต่ าย คนอื่นก็เชื่อ
เช่นนี้ทุกคน ก็ถ้าเจ้าคนทีท่ าหลอกนั ่นมันตัง้ ใจขโมยพันโชติมนั มิขโมยเสียนานแล้วหรือ เพราะคนคงไม่คดิ
จับ มัวกลัวผีกนั เสียหมด แล้วครัง้ หนึ่งมีคนจะไปขโมยกระบือเจ้าผีนนั ้ ยังร้องเอะอะขึน้ จนอ้ายขโมยต้องหนี
ไป”
“ก็ถ้าเจ้าขโมยนั ่นจะทากลอุบายแกล้งร้องขึน้ เสียเองทีหนึ่งก่อน สาหรับให้พนั โชติวางใจว่ามีผเี ฝ้ า
กระบือ จะได้ไม่รกั ษาให้กวดขันเช่นนี้ไม่ได้หรือ”
นายทองอินพยักหน้ายิม้ แล้วตอบว่า “ถูก!ถูก! เออ ใช้ความคิดบ้างอย่างนี้ถงึ จะดี ตัวฉันนี้ถ้าไม่มผี ู้
เถียงไว้บา้ งก็จะเลยเชื่อตัวและความฉลาดของตัวจนเกินไป บางทีจะทาให้เสียการได้ ทีพ่ ่อวัดทักขึน้ ครัง้ นี้ถูก
ทีเดียว อ้ายขโมยมันอาจจะแกล้งทากลอุบายได้ แต่วา่ มีอยูอ่ ย่างหนึ่ง คือตัง้ แต่เจ้าผีได้ไล่ขโมยไปแล้วยังไม่
มีใครคิดขโมยกระบือของพันโชติอกี เลย การก็หลายวันมาแล้วเกือบครึง่ เดือนได้ เพราะฉะนัน้ ฉันคิดว่าน่า
กลัวจะไม่ใช่ขโมยเสียแล้ว”
ข้าพเจ้าจึงถามขึน้ ว่า “ก็พวกโปลิศเขาว่ากระไรกันเล่า แกรูไ้ หม”
นายทองอินตอบว่า “ฉันสืบดูแล้ว ได้ความว่าคุณฝรั ่งเจ้ากรมท่านไม่เห็นมีเหตุสาคัญพอทีท่ ่านจะใช้
มันสมองของท่าน อีกประการหนึ่งเวลานี้ท่านกาลังมีธุระมาก ทหารหมิน่ ประมาทท่านร่าไป ประเดีย๋ วคิดจะ
แทงท่าน ประเดีย๋ วคิดปล้นโรงพยาบาลพลตระเวน ประเดีย๋ วยิงกับพลตระเวน โอ๊ย อ้ายทหารละหมู่น้มี นั ช่าง
วุน่ เสียจริงๆ มันช่างไม่รจู้ กั กลัวเกรงใต้เท้ากรุณาเจ้าเลย” ข้าพเจ้าได้ฟังนึกหัวเราะไม่ได้ เพราะทราบดีอยู่
แล้วว่านายทองอินไม่ชอบท่านเจ้ากรมกองตระเวนเพียงเท่าใด แต่ขา้ พเจ้าแกล้งพูดขึน้ ว่า “ถึงอย่างนัน้ ก็
เถอะถ้าแกเห็นเป็ นการสาคัญจริงๆ แกควรจะไปตักเตือนท่านปลัดกรมให้นาความขึน้ เสนอท่านเจ้ากรมลอง
ดูสกั ที ดูทหี รือว่ากรมกองตระเวนจะมีความเห็นอย่างไรในเรื่องนี้”
นายทองอินหัวเราะเป็ นทีเยาะๆ แล้วตอบว่า “จะต้องไปบอกเล่าเขาให้เสียเวลาทาไม ฉันก็รแู้ ล้วท่าน
เจ้ากรมจะว่ากระไร ท่านเจ้าประคุณคงนั ่งเคาะโต๊ะกักๆ อยูส่ กั ครู่หนึ่งแล้วพูดเหมือนได้เล็งทิพยเนตร
สอดส่องเห็นตลอดแล้วว่า ไม่มคี นอื่นละ อ้ายพวกทหารคิดทาร้ายพลตระเวน คิดปล้นกานันผูใ้ หญ่บา้ น แล้ว
ก็มคี าสั ่งให้จบั ใครๆ ไม่วา่ สุดแท้แต่จะจับได้ พอให้เป็ นตัวแมงใส่ยนุ ิฟอร์มก็แล้วกัน มันจะเดินอยูไ่ หนๆ ก็ได้
จับมันเข้าคนหนึ่งก็แล้วกัน แล้วยุทธนาเขาก็ไปชาระกันเองแหละ เมื่ออ้ายนั ่นพิรุธก็เคราะห์ของมัน ถ้าเขา
ปล่อยมันๆ ไม่มคี วามผิดก็แล้วไป เราจับสงสัยต่างหาก แบบสาคัญของพลตระเวนมีอยูอ่ ย่างหนึ่ง คือถ้าเกิด
เหตุอะไรขึน้ จับทหารไว้ก่อนเป็ นดี ถ้าพลาดท่าไม่มที หารอยูใ่ กล้ๆ ก็ทุบเจ๊กเสียสักสองสามคนพอเป็ นขวัญ
มือ”
ข้าพเจ้าจึงถามว่า “ก็ถ้าอย่างนัน้ แกจะทาอะไรเล่า แกจะนิ่งเสียไม่ทาอะไรเลยหรือ”
นายทองอินนิ่งตรองอยูป่ ระเดีย๋ วหนึ่งแล้วตอบว่า “ถ้าจะว่าไปโดยจริง เรื่องนี้กไ็ ม่เกีย่ วข้องอะไรกับตัว
ฉัน แต่เวลานี้วา่ งงานอยูล่ งไปบางพระโขนง ไปสืบกันเล่นสนุกๆ ก็ได้ แกจะไปด้วยหรือ”
ข้าพเจ้าก็รบั โดยทันที เพราะข้าพเจ้าได้เคยไปกับนายทองอินบ้างแล้วบางคราวในเวลาเขาไปสืบการ
ต่างๆ และบางทีกไ็ ด้ช่วยเขาบ้างตามสติกาลังของข้าพเจ้า แต่อย่างไรๆ ก็ดี นายทองอินเป็ นเชื่อได้แน่วา่
ข้าพเจ้าไม่เป็ นคนปากพล่อย สิง่ ใดเขายังไม่อนุญาตให้ขยายเป็ นไม่ขยายเป็ นอันขาด
พอได้ตกลงกันว่าจะไปบางพระโขนงแล้ว รุ่งขึน้ นายทองอินกับข้าพเจ้าก็พากันขึน้ รถไฟเช้าไป เมื่อถึง
บางพระโขนงแล้ว นางทองอินก็ยงั หาตรงไปบ้านพันโชติไม่แต่ไปเทีย่ วสนทนากับชาวบ้านในเรื่องนี้มาก
สังเกตดูคนตามเหล่านัน้ เชื่อแน่วา่ เป็ นปิ ศาจของนากภรรยาพันโชติทงั ้ สิน้ ไม่มผี ใู้ ดสงสัยเลยว่าจะเป็ นผูร้ า้ ย
การทีส่ บื สวนตามชาวบ้านนัน้ ก็ไม่ได้เรื่องราวอะไรมากมายขึน้ ไปกว่าทีเ่ ราทราบอยูแ่ ล้ว มีอยูอ่ ย่างหนึ่งซึง่ ตัว
ข้าพเจ้าเองไม่เห็นเป็ นข้อสาคัญคือ
เพื่อนบ้านของพันโชติผหู้ นึ่งชื่อ นายเปรม กล่าวว่า ครัง้ หนึ่งพันโชติได้รบั หนังสือมีความว่า ในการทีม่ า
ครัง้ นี้ไม่มคี วามประสงค์อย่างอื่นนอกจากจะทาประโยชน์ให้พนั โชติ เพราะฉะนัน้ พันโชติและบุตรพันโชติทงั ้
๒ คนไม่ตอ้ งกลัวเกรงอะไรเลย คงจะไม่ทาร้ายคนทัง้ สามนัน้ แต่ถ้าพันโชติคดิ มีภรรยาใหม่คงได้เห็นดีกนั ใน
ท้ายหนังสือนัน้ ลงนาม “นากภรรยา” นายทองอินเมื่อได้ฟังนายเปรมเล่าเช่นนี้แสดงกิรยิ าให้ขา้ พเจ้าเห็นได้
ว่า เขาเห็นเรื่องนี้เป็ นข้อสาคัญอย่างหนึ่ง เขาถามนายเปรมว่า “หนังสือฉบับนัน้ แกได้เห็นหรือเปล่า”
นายเปรมตอบว่า “ได้เห็น”
“แกจาลายมือได้หรือ?”
“ผมจาไม่ได้ขอรับ”
“ก็แกได้รจู้ กั กับนากหรือเปล่า?”
“รูจ้ กั ขอรับ ผมไปมาหาพันโชติอยูบ่ ่อยๆ”
“แกรูห้ รือไม่รู้ ว่านากนัน้ เขียนหนังสือเป็ นหรือไม่เป็ น?”
“ผมไม่แน่ แต่เข้าใจว่าเขียนไม่เป็ น ผมไม่เคยเห็นเขาเขียนเลย”
“คนในบ้านพันโชติใครเขียนหนังสือเป็ นบ้าง?”
“ตัวพันโชติเองเขาก็เขียนได้บา้ งนิดหน่อย แต่เขามักอาศัยพ่อชม”
“พ่อชม น่ะใคร?”
“พ่อชมคือลูกคนใหญ่พนั โชติ ขอรับ”
“อือ ก็ลายมือในหนังสือนัน้ เหมือนลายมือพ่อชมไหม?”
นายเปรมนึกอยูป่ ระเดีย๋ วแล้วตอบว่า
“ผมไม่ได้ตงใจสัั ้ งเกต”
“ก็มใี ครเขียนหนังสือได้อกี บ้างไหม?”
“พ่อชื่นน้องพ่อชมเขาก็เขียนได้บา้ งนิดหน่อย ขอรับ”
“แกรูไ้ หมว่าหนังสือนัน้ พันโชติยงั เก็บไว้หรือเปล่า?”
“ผมไม่ทราบ”
“เออ เจ้าชมน่ะ อายุเท่าไร?”
“เห็นจะได้สกั ๑๕-๑๖ ขอรับ พ่อชื่นอ่อนกว่าพ่อชม ๒ ปี ”
“ในเรื่องทีพ่ นั โชติจะมีเมียใหม่นนั ้ เจ้าลูก ๒ คนว่ากระไรบ้าง?”
“ผมได้ยนิ พ่อชมพูดอยูว่ า่ ไม่อยากให้พ่อมีเมียใหม่ เขากลัวเรื่องทรัพย์สมบัติ ขอรับ เมื่อวานซืนนี้เอง
เขายังพูดกับเจ้าปริกลูกกระผมว่าเขาดีใจนักทีแ่ ม่มาทาหลอกอยูย่ งั งี้ ผูห้ ญิงจะได้กลัวไม่อาจมาเป็ นเมียพ่อ
แล้วก็ชวนเจ้าปริกให้ไปดูผดี ว้ ยกันขอรับ”
“เมื่อชวนกันน่ะเวลาไร แกจาได้ไหม?”
“เวลาพลบค่า ขอรับ แต่เจ้าปริกก็ไม่ได้ไปทันที พ่อชมเขาบอกว่าแล้วเขาถึงจะมารับ พอตอนกลางคืน
เมื่อผมจะเข้าไปนอน เจ้าสองคนจึงได้พากันไป”
“แล้วเมื่อไรถึงได้กลับ?”
“ดึกขอรับ ผมไม่ทราบแน่วา่ กีท่ ุ่มกีโ่ มง”
“เจ้าปริกเคยไปกับเจ้าชมหลายหนหรือ?”
“ทีผ่ มทราบเห็นมีสกั ๒ หน หรือ ๓ หน แต่จะไปด้วยกันอีกกีห่ นแน่ผมก็ไม่ทราบ เจ้าปริกของกระผมนี่
ผมบ่นๆ อยูว่ า่ น่ากลัวจะเสียคน ดูชอบเทีย่ วกลางคืนนัก ผมสงสัยว่าจะไปติดผูห้ ญิงทีไ่ หนเป็ นแน่ แต่ถ้า
เพียงเท่านัน้ ผมก็ไม่วา่ ผมกลัวมันจะไปคบเพื่อนฝูงเสเพล จะพลอยให้ความเสียมาถึงกระผมด้วย”
นายทองอินพยักหน้าแล้วก็สนทนากับนายเปรมเรื่องอื่นๆ ต่อไปอีกตามสมควร พอไม่ให้เกิดความ
สงสัยแล้วก็ลุกลงจากเรือน เมื่อออกนอกรัว้ บ้านนายเปรมแล้ว นายทองอินยิม้ แล้วพูดว่า “พ่อวัด.........ท่าทาง
เห็นจะชอบกลนา เราคิดอ่านไปหาตาพันโชติเองเห็นจะดี”
เดินไปไม่ชา้ นักก็ถงึ บ้านพันโชติ ก่อนเข้าไปหาตัวเจ้าของบ้าน นายทองอินเทีย่ วเดินดูตามข้า งนอก
เสียก่อนจนรอบ ทีน่ นั ้ ก็ไม่มอี ะไรมากนัก มีเรือนฝากระดานสองหลัง รัว้ กัน้ สามด้าน รัว้ นัน้ จดถนน หลังเรือน
มีคแู ต่ไม่มรี วั ้ ต่อคูออกไปอีกสีห่ า้ ก้าวถึงคอกกระบือ ผูท้ จ่ี ะออกไปจากเรือนไปคอกกระบือ ต้องข้ามสะพาน
ไม้ท่อนเดียว ต่อคอกกระบือออกไปเป็ นทุ่งนา มีโรงนาอยู่ปลายเขตของพันโชติโรงหนึ่ง บ่าวของพันโชติ
อาศัยอยู่ เมื่อตรวจนอกบ้านเสร็จแล้วจึงพากันเข้าไปในบ้าน นายทองอินตรงขึน้ ไปขอน้ารับประทาน พันโชติ
ก็เชิญนายทองอินกับข้าพเจ้าขึน้ ไปบนเรือน ยกเชีย่ นหมากออกมาตัง้ ให้ แล้วก็เข้าไปเพื่อหาน้ามาให้รบั ประ
ทน นายทองอินมองดูรอบๆ ตัวสักครู่หนึ่งแล้วพูดกับข้าพเจ้าว่า
“ยังไงพ่อวัดบ้านแกก็สบายดอกนะ”
ข้าพเจ้าพยักหน้า นายทองอินถามข้าพเจ้าว่า “แกเห็นอะไรประหลาดในนี้บา้ งไหม?” ข้าพเจ้ารับว่า
ข้าพเจ้าไม่เห็น นายทองอินยิม้ แล้วก็ชม้ี อื ไปทางมุมห้องทีน่ ั ่งกันอยูใ่ นเวลานัน้ ข้าพเจ้าแลตามไปจึงแลเห็น
กระทงสองสามกระทง มีของกินและขนมกับก้านธูปปักอยูด่ ว้ ย ข้าพเจ้ากาลังจะถามนายทองอินว่าแปลว่า
กระไรกัน พอเวลานัน้ พันโชติกบั นายชมบุตรก็ออกมา นายทองอินก็สนทนากับพันโชติเรื่องไร่ นาและอื่นๆ
แล้วค่อยๆ ชักมาถึงเรื่องปิ ศาจ สังเกตดูหน้าพันโชติดอู อกเบื่อในเรื่องนี้มาก เมื่อถามอะไรแกก็ตอบไปโดย
ขัดไม่ได้ และเมื่อแรกแกก็ไม่ได้เล่าอะไรซึง่ เรายังไม่ทราบเลย จนนายทองอินแกวนเวียนไปมาหนักเข้าจึงได้
ความต่อไปอีก คาถามคาตอบกันในครัง้ นัน้ ข้าพเจ้าก็จาไม่ได้ถนัด แต่เขียนลงให้อย่างใกล้ทส่ี ุดได้ดงั นี้
นายทองอิน “คนในบ้านแกมีกค่ี น”
พันโชติ “มีผมเองกับบุตรสองคน”
ทองอิน “บ่าวมีกค่ี น”
พันโชติ “แต่แรกมีสองสามคน เดีย๋ วนี้มเี หลือแต่คนครัวคนเดียว”
ทองอิน; “ทาไมถึงอย่างนัน้ ล่ะ”
พันโชติ; “ตัง้ แต่เกิด-นี่แหละขอรับ”
ทองอิน “อ้อ บ่าวมันกลัวผีหรือ”
พันโชติ “ขอรับ มันหนีไปอยูก่ ะท่านสมภารเสียหมดขอรับ ผมก็ขเ้ี กียจไปตามมันมา เจ้าลูกผมเขาก็
ช่วยๆ อยูม่ ั ่งดอกขอรับไม่ลาบากอะไร”
ทองอิน “ก็ผชี ่วยแกทางานจริงหรือ”
พันโชติ “น้าผมไม่ตอ้ งตักเองเลยขอรับ หมู่น้ีพอเช้าเป็ นมีเต็มตุ่มอยูเ่ สมอขอรับ อีกอย่างหนึ่ง เดีย๋ วนี้ไม่
ต้องร้อนใจเรื่องควายเลยขอรับ เป็ นไม่มใี ครกล้าเข้าใกล้คอกเทียว”
ทองอิน “ผีนนั ้ มีคนเห็นมากหรือ”
พันโชติ “เห็นกันหลายคนแล้วขอรับ เมื่อวานซืนนี้พระท่านมาสวดมนต์เมื่อกลับไปวัดท่านก็ได้ยนิ เสียง
แกรกกราก”
ทองอิน “ได้ยนิ ทีไ่ หน”
พันโชติ “ทีต่ น้ มะขามหลังเรือนขอรับ ผมก็ได้ยนิ อ้ายลูกผมมันก็ได้ยนิ ทัง้ สองคนแลขอรับ อ้ายชมลูก
คนใหญ่ผมมันรีบวิง่ ออกไปดูกไ็ ม่เห็นมีอะไร แต่ไพล่ไปเขย่าคอกควายอยูข่ อรับ ผมตามออกไปดูทน่ี ั ่นก็ไม่
เห็นมีใคร เห็นแต่เป็ นเงาๆ หายแวบไป”
ทองอิน “เออแล้วยังไรต่อไป”
พันโชติ “คืนนัน้ เองแหละขอรับ อ้ายชมไปปลุกผมขึน้ เอากระดาษส่งให้แผ่นหนึ่ง ผมคลีอ่ อกดูเห็นเป็ น
หนังสือถึงผม เซ็นชื่อเมียผมทีต่ าย”
ทองอิน “เจ้าชมได้บอกหรือเปล่าว่ามันได้หนังสือมาจากไหน”
พันโชติ “มันบอกว่ามันนอนอยูแ่ ต่ยงั ไม่หลับเสียงดังกรอกแกรกทีห่ ลังคา แล้วหนังสือนี้ตกลงมาข้างที่
นอนขอรับ”
พันโชติ “อ้อ แล้วยังมีอกี ขอรับวันหนึ่งค่อนข้างดึกแล้วผมได้ยนิ เสียงกรอบแกรบข้างหลังเรือน ผมก็ลุก
ไปเยีย่ มหน้าต่างดู เห็นผูห้ ญิงห่มผ้าคาดอกกาลังจ้วงตักน้าในคูอยูเ่ ทียวขอรับ ผมเห็นว่าได้การแน่ผมก็ค่อย
ๆ ย่องออกจากห้องลงบันไดย่องไปหลังเรือน เห็นผูห้ ญิงกาลังเดินหิว้ ปี บตักน้ามาทีต่ ุ่ม ผมก็เดินตรงเข้าไป
หายังไม่ทนั ถึงเลยขอรับ ผูห้ ญิงนัน้ หลบหายเข้าไปใต้ถุนเรือน ผมตามเข้าไปไม่เห็นอะไร แต่เข้าไปไม่ทนั ถึง
ไหน ผมได้ยนิ เสียงพิลกึ แท้ ๆ ขอรับ เสียงฮือ ๆ ชอบกลแต่ไม่ได้อยูใ่ กล้ ๆ เสียงเหมือนอยูข่ า้ มคูออกไปอีก
ที ผมก็ออกมาจากใต้ถุน ดูตรงออกไปเห็นผูห้ ญิงออกไปทางคอกควายแล้วก็หายไป ผมยังยืนตะลึงอยู่ พอมี
ใครมาจับแขนผมเข้าสะดุง้ โหยงทังตั ้ วเทียวนึกว่าผีมาจับ แต่กลายเป็ นเจ้าชมไปขอรับ มันบอกผมว่ามันลง
มาคิดจะจับผีเหมือนกันแหละขอรับ”
ทองอิน “แกได้สงั เกตหรือเปล่าว่าผูห้ ญิงสองคนนัน้ แต่งตัวเหมือนกันหรือไม่เหมือน”
พันโชติ “เหมือนกันขอรับ ผมจาได้แม่นเทียว นุ่งผ้าสีแก่ๆ เกือบดา ห่มผ้าสีนวล เหมือนกันไม่มผี ดิ
เทียวขอรับ ไม่เชื่อถามอ้ายชมดูซขี อรับ”
ทองอิน “แกเชื่อแน่วา่ ได้เห็นผีหรือ”
พันโชติ “ขอรับ อะไรคนจะไปอยูไ่ ด้สองแห่งพร้อมกันดูไม่ม”ี
ทองอิน “ก็ถ้าคน ๆ เดียวมันจะข้ามคูไปให้แกเห็นเป็ นสองครัง้ ไม่ได้หรือ”
พันโชติ “ไม่ได้แน่ละขอรับ ทางข้ามทีใ่ กล้ทส่ี ุดก็ทางสะพานไม้ลาเดียว ถ้าข้ามผมก็คงเห็นเพราะต้อง
ผ่านผมถึงจะไปทีส่ ะพานได้ จริงดอกขอรับถ้ามันจะอ้อมไปเข้าทางถนนก็ได้ แต่น่ีมนั ไม่ทนั เป็ นแน่พอมัน
หายแวบไปทางนี้ มันก็ไปครางฮือ ๆ อยูฟ่ ากข้างโน้นแล้วนี่ขอรับ”
ทองอิน “ชอบกล ชอบกล”
ทองอิน “แกกับลูกไม่ได้นอนด้วยกันดอกหรือ”
พันโชติ “เปล่าขอรับ ผมนอนห้องกลาง ลูกสองคนนอนห้องในข้างหลัง”
ทองอิน “ก็หอ้ งนอกนี่ไม่มใี ครนอนหรือ”
พันโชติ “เมื่อแรกบ่าวมันนอนขอรับ เดีย๋ วนี้ไม่มใี ครนอน”
ทองอิน “แกเชื่อหรือว่าผีเมียแกมาอยูจ่ ริง ๆ”
พันโชติ “นี่แหละขอรับ ผมก็ไม่อยากเชื่อ ท่านสมภารท่านว่าไม่ควรเชื่อเพราะผีไม่ม ี แต่มนั ก็ชอบกลอยู่
มันทาอะไรหลายอย่างทีไ่ ม่น่าเชื่อว่าคนจะทาได้”
ทองอิน “คืออะไรเป็ นตัวอย่าง”
พันโชติ “ในหนังสือนัน้ มีส ั ่งให้หาของไว้ให้กนิ ขอรับ ผมก็จดั หาวางไว้ แล้วให้บ่าวผมสองคนนอนขวาง
ประตูไว้ รุ่งขึน้ เช้าของกินนั ่นเป็ นรอยได้แตะต้องแล้วแท้ๆ เทียวขอรับ ผมไม่ปดนายหรอก ผมซักถามอ้าย
บ่าวดูวา่ รูส้ กึ มีคนเข้าในห้องหรือเปล่ามันบอกว่าไม่รสู้ กึ อ้ายสองคนนัน้ มันนอนขวางประตูอยูเ่ ทียวนี่ขอรับ
ถ้าใครเข้ามาคงต้องรูส้ กึ เพราะมันเป็ นคนนอนไวทัง้ สองคน พอถูกเข้ายังงัน้ ติดๆ กันสองหรือสามคืนก็หนี
เทียวขอรับ”
ทองอิน “อือ ก็ชอบกลอยู”่
พันโชติ “ชอบกลจริงขอรับ นายเห็นยังไง ผมจะทาอย่างไงดีถงึ จะพ้นทุกข์ได้ พระก็นมิ นต์มาสวดมา
ประน้ามนต์แล้ว หมอผีกเ็ อามาแล้ว ไม่เห็นมันไป”
ทองอิน “ถ้าอย่างนัน้ บางทีเพื่อนฉันคนนี้จะช่วยแกได้ เขามีความรูใ้ นทางผีสางเทวดาอยู่ม ั ่งนะ”
ข้าพเจ้าไม่ทนั รูต้ วั เมื่อถูกซัดว่าเป็ นหมอปิ ศาจเฉยๆ เช่นนัน้ ก็ตงั ้ ท่าจะเถียง แต่แลเห็นหน้านายทอง
อินจึงเข้าใจว่าเขาอยากให้ขา้ พเจ้ารับเอาตามเขาว่า ข้าพเจ้าก็ทายิม้ นิ่งอยู่ พันโชติแสดงกิรยิ าท่าทางยินดียก
มือไหว้ขา้ พเจ้าแล้วพูดว่า “ถ้านายโปรดได้จะดีมากเทียวขอรับ ถ้านายจะต้องประสงค์อะไรบอกผม ผมจะได้
ไปหามาให้”
ข้าพเจ้าออกอึดอัดในใจ นึกไม่ออกว่าจะตอบพันโชติวา่ กระไร ในเวลานัน้ ก็นึกไม่ออกว่าธรรมดาหมอ
ปิ ศาจต้องใช้อะไรบ้างในการพิธไี ล่ปิศาจ นึกออกเคืองนายทองอินว่ามาแกล้งทาเพื่อนกันเสียเช่นนี้ จริงอยู่
ข้าพเจ้าได้เคยเห็นนายทองอินทาอะไรประหลาดๆ หลายครัง้ แล้ว แต่ยงั ไม่เคยเห็นทาอะไรเปล่าๆ เลย เคย
มีเหตุเสมอ แต่ครัง้ นี้ขา้ พเจ้าตรองไม่ออกเลย ว่าทาไมนายทองอินจึงไปบอกพันโชติวา่ ข้าพเจ้าเป็ นหมอ
ปิ ศาจ เมื่อไม่ทราบความประสงค์ของนายทองอินเลยเช่นนัน้ ข้าพเจ้าก็หมดปัญญาทีจ่ ะทาประการใด
ข้าพเจ้าจึงนิ่งตรองอยูว่ า่ จะตอบพันโชติอย่างไรดี นายทองอินเห็นข้าพเจ้าอึดอัดเต็มทีเช่นนัน้ จึงชิงพูด
ขึน้ ว่า
“ก็พ่อวัดทาเหมือนครัง้ ไล่ผบี า้ นฉันก็แล้วกัน ลองดูบางทีจะสาเร็จ ครัง้ นัน้ แกเรียกเอาน้ากลางแม่น้า
จอกหนึ่ง เทียนขีผ้ ง้ึ ขอจากพระเล่มหนึ่ง สายสิญจน์กลุ่มหนึ่ง หญ้าคากามือหนึ่งดูเหมือนเท่านัน้ ไม่ใช่หรือ”
ข้าพเจ้าตอบว่า “เท่านัน้ ก็พอ”
พันโชติจงึ กล่าวว่า “ถ้าอย่างนัน้ ผมรับหามาให้นายได้ง่ายๆ เทียว จะช้าอยูก่ ท็ น่ี ้ากลางแม่น้านัน้ แหละ
ขอรับ น้าท้องคลองไม่ได้หรือขอรับ”
ข้าพเจ้าแลดูตานายทองอินแล้วก็เข้าใจจึงตอบว่า “ไม่ได้น้าต้องตักกลางแม่น้าถึงจะขลัง ยิง่ ตักหน้าวัด
ยิง่ ดี”
พันโชติกร็ บั ว่าจะไปหาของซึง่ นายทองอินกล่าวว่าข้าพเจ้าอยากได้นนั ้ บุตรแกทัง้ สองคนแกให้ขอเทียน
กับสายสิญจน์จากท่านสมภาร ส่วนตัวแกเองนัน้ ลงไปตักน้ากลางแม่น้า ตามนายทองอินว่า สังเกตดูท่าทาง
พันโชตินนั ้ ยินดีมาก ทีจ่ ะพ้นทุกข์ไม่ตอ้ งถูกปิ ศาจรบกวน แต่นายชมบุตรนัน้ สังเกตตามสีหน้าเห็นได้วา่ มี
กลัวปนอวดเก่งอยูพ่ อเท่าๆ กัน
เมื่อพันโชติกบั บุตรลงเรือนไปแล้ว ข้าพเจ้าจึงถามนายทองอินว่า “นี่แกเล่นตลกอะไร ฉันยังไม่เข้าใจ
มาเกณฑ์ให้ฉนั เป็ นหมอผีหมอสางทาไม”
นายทองอินหัวเราะแล้วตอบว่า “แกหละมันคอยจะไม่เข้าใจเสียเสมอแหละ ฉันใช้ตาพันโชติกบั ลูกแก
ไปเสียสาหรับเราจะได้มเี วลาตรวจในเรือนแกสักหน่อย มาเถอะอย่าเสียเวลาเลย”
ว่าแล้วก็พากันเข้าไปตรวจในเรือน ในนัน้ มีหอ้ งรวม ๕ ห้อง ห้องใหญ่ทส่ี ุดก็คอื หอนั ่ง ต่อนัน้ เข้าไปเป็ น
ห้องทีพ่ นั โชตินอน ข้างห้องพันโชตินอนเป็ นห้องไว้ของ ในเข้าไปอีกมีอกี สองห้องคือห้องนอนบุตรสองคน
ห้องหนึ่ง กับห้องซึง่ นากภรรยาพันโชติเคยอยูเ่ มื่อยังมีชวี ติ อยูห่ อ้ งหนึ่ง ห้องนี้กบั ห้องเก็บของตรงกัน ปิ ดลั ่น
กุญแจทังสองห้
้ อง ห้องบุตรนัน้ ตรงกับห้องพันโชติ เข้าออกต้องผ่านห้องพันโชติ เมื่อนายทองอินเห็นเช่นนี้ก็
พูดเป็ นเชิงบ่นๆ ว่า ไม่ได้ออกทางนี้แน่ ข้าพเจ้าถามว่า ใครไม่ได้ออก นายทองอินหาตอบว่ากระไรไม่ เดิน
ตรงรีเ่ ข้าไปในห้องบุตรตรวจดูรอบแล้วก็มองออกไปทางหน้าต่าง มองอยูส่ กั ครูห่ นึ่งแล้วก็หวั เราะขิกๆ และ
พูดว่า “เก่งอยูๆ่ พ่อวัดมาดูอะไรนี่หน่อยเถอะ”
ข้าพเจ้าชะโงกออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นของประหลาดจริง ข้างนอกหน้าต่างมีไม้ทาเป็ นเพิงติดอยู่
ตลอดพอคนเดินได้ นายทองอินหัวเราะอีกแล้วถามข้าพเจ้า “ยังไง แกมีความคิดอย่างไรบ้าง”
ข้าพเจ้าตอบว่า “ฉันยังแลไม่เห็น”
นายทองอินยิม้ แล้วว่า “นั ่นแหละทางผีเดินละพ่อวัด ผีเดินออกจากห้องนี้ไปกินเครื่องเซ่นในหอนั ่น
ยังไงล่ะ นี่อา้ ยชมมันพอใช้จริง ฉันเองยังนึกเสียแทบตาย ว่ามันไปขยาเครื่องเซ่นยังไงไม่ให้พนั โชติกบั
เจ้าบ่าวสองคนรูไ้ ด้”
พอข้าพเจ้าได้ยนิ นายทองอินพูดดังนี้ ก็เข้าใจและเห็นจริงด้วยว่าเจ้าชมนัน้ เองเป็ นผี แต่กย็ งั ไม่เข้าใจ
แท้ในเรื่องผูห้ ญิงทีพ่ นั โชติเห็นอยู่ ๒ แห่งนัน้ ข้าพเจ้าถามนายทองอินว่า เขาจะอธิบายเรื่องนัน้ อย่างไร นาย
ทองอินตอบว่า แกจาคาตาเปรมไม่ได้หรือ เจ้าปริกลูกแกหมู่น้ีหายไปบ่อยๆ จาไม่ได้หรือ ข้าพเจ้าก็เข้าใจ
แจ่มแจ้งทีเดียวคราวนี้ ส่วนนายทองอินนัน้ กรุม้ กริม่ มาก เมื่อเวลาเดินกลับออกมาหอนั ่งเขาพูดว่า พ่อวัด
คราวนี้แหละแกจะได้ช่อื เสียงเป็ นหมอผีสาคัญละ ตัง้ แต่คนื นี้ไปผีเป็ นไม่หลอกพันโชติอกี ละ
นั ่งคอยกันอยูใ่ นหอนั ่งนานกว่าพันโชติกบั บุตรจะกลับ พอได้ของต่างๆ มาพร้อมแล้วข้าพเจ้ากับนาย
ทองอินก็ตงั ้ พิธวี งสายสิญจน์และน้ามนต์บ่นพึมพาไปตามที พอเสร็จพิธแี ล้ว ข้าพเจ้าก็พดู กับพันโชติ (ตามที่
นายทองอินสอนไว้) ว่าคืนวันนี้ขอให้ฉนั กับเพื่อนอยูใ่ นหอนั ่ง ตัวแกเองกับลูกไม่ตอ้ งวุน่ วายอะไร และถ้าได้
ยินเสียงอะไรก็อย่าออกจากห้องแกเป็ นอันขาดนอนนิ่งเฉยเสียทีเดียว มาเถอะมารดน้ามนต์เสียทัง้ สามคน
แหละ พันโชติกบั บุตรก็เข้ามารับน้ามนต์ทงั ้ สามคน พอรับประทานข้าวปลากันเสร็จแล้วข้าพเจ้าก็ไล่พนั โชติ
กับบุตรให้ไปนอนเสีย แล้วนายทองอินจึงพูดกับข้าพเจ้าว่า
ฉันจะลงไปคอยอยูใ่ ต้ถุนริมโอ่งน้า แกคอยอยูบ่ นนี้จนได้ยนิ เสียงตักน้า พอตักน้าแกต้องลงไปทีเดียว
เจ้าผีพอรูว้ า่ แกลงไปคงหนีเข้าใต้ถุน เจ้าพวกพ้องฟากข้างโน้นพอเห็นจะเสียทีคงครางขึน้ แกต้องทาเป็ น
ตกใจเหลียวไป แล้วแกเดินให้ใกล้คเู ข้าไปทุกที พอถึงสะพานแกวิง่ ตือ๋ ทีเดียว จับเจ้าผีฟากโน้นให้ได้ เจ้าผี
ฟากนี้ปล่อยไว้ให้ฉนั เถอะ
ข้าพเจ้าคัดค้านขึน้ ว่า “ไอ้เรื่องไม้ท่อนเดียวนี่ฉนั ไต่ไม่ได้เร็วนะ กว่าฉันจะไต่ขา้ มไปได้เจ้าผีกจ็ ะหนีเสีย
นี่”
นายทองอินตอบว่า “แกอย่าทุกข์เลย ฉันจะจัดการให้แกข้ามสบายทีเดียว”
เวลานัน้ ยังหัวค่าอยูเ่ พราะฉะนัน้ นายทองอินกับข้าพเจ้าสนทนากันเสียก่อน จนเวลาซึง่ กะว่าพันโชติ
พอจะหลับแล้ว นายทองอินจึงลงไปก่อนจะลงไปนัน้ นายทองอินปิ ดหน้าต่างหอนั ่งซึง่ อยูข่ า้ งเดียวกับหน้าต่าง
ห้องเจ้าชมนัน้ เพื่อกันไม่ให้ปิศาจถูกต้องของเครื่องเซ่นได้ ข้าพเจ้านั ่งคอยอยูน่ านรูส้ กึ ออกง่วงนอนหนัก
หลังตาพอนึกๆ อยูว่ า่ น่ากลัวจะไม่สาเร็จประสงค์กไ็ ด้ยนิ เสียงเทน้าซ่าๆ ข้าพเจ้าไม่ได้รงรอเลยรี
ั้ บลงเรือนไป
ทางโอ่งน้า เห็นผูห้ ญิงแต่งตัวอย่างทีพ่ นั โชติเล่า กาลังหิว้ ปี บน้าเดินมาจากคู ข้าพเจ้าเดินตรงเข้าไป ผูห้ ญิง
นัน้ พอเห็นข้าพเจ้าก็ทง้ิ ปี บรีบเดินหนีเข้าไปทางใต้ถุนเรือน ทันใดนัน้ ข้าพเจ้าได้ยนิ เสียงครางฮือๆ อยูท่ าง
ฟากโน้นของคู และอีกประเดีย๋ วหนึ่งก็เห็นผูห้ ญิงรูปร่างคล้ายกับคนทีข่ า้ พเจ้าเห็นอยูเ่ มื่อสักครู่หนึ่งก่อนนัน้
ทัง้ แต่งตัวก็เหมือนกันไม่มผี ดิ ข้าพเจ้าต้องรับว่า ถ้าข้าพเจ้าไม่ได้รแู้ น่นอนแล้วว่าเป็ นคน ข้าพเจ้าก็คงจะเชื่อ
ว่าได้เห็นปิ ศาจแล้วครัง้ นัน้ แต่เพราะทราบอยูแ่ ล้วว่าเป็ นคน ข้าพเจ้าจึงไม่รอช้ารีบวิง่ ข้ามสะพาน (นายทอง
อินได้จดั การหากระดานไปทอดไว้แล้วสามแผ่น) กวดเจ้าปิ ศาจจีท๋ เี ดียว ส่วนเจ้าปิ ศาจนัน้ โดยเหตุทป่ี ระมาท
ว่าข้าพเจ้าจะไม่กล้าไล่ไป จึงไม่ได้ออกวิง่ เต็มฝีเท้าจนข้าพเจ้าเข้าไปเกือบถึงตัวแล้ว เพราะฉะนัน้ ข้าพเจ้าจับ
ได้โดยง่าย ข้าพเจ้าก็จงู ข้ามสะพานกลับเข้ามา พบนายทองอินนั ่งอยูร่ มิ โอ่งน้ากับผูห้ ญิงอีกคนหนึ่ง ผูห้ ญิง
นัน้ พอข้าพเจ้าเข้าไปมองดูใกล้กจ็ าหน้าได้คอื ตัวเจ้าชมนัน้ เอง นายทองอินหัวเราะแล้วพูดว่า
“ได้ทงสองตั
ั้ วสิ ไหนเอาตัวของแกมาดูหน้าทีหรือ เองมันลูกนายเปรมไม่ใช่หรือ”
นางผูห้ ญิงของข้าพเจ้าก็รบั ว่าตนเป็ นลูกนายเปรมและว่าตนชื่อปริก นายทองอินพยักหน้าแล้วก็ชวน
กันขึน้ ไปบนหอนั ่งด้วยกันทัง้ ๔ คน แล้วนายทองอินก็ซกั เจ้าชมดังต่อไปนี้
ทองอิน “ทาไมเจ้าถึงคิดทาผีหลอกพ่อ”
ชม “ผมอยากกินขนม”
ทองอิน “ทาไมจะขอพ่อเขากินไม่ได้หรือ”
ชม “ก็ได้ แต่อยากสนุกด้วย”
ทองอิน “พูดกันจริงๆ นะ ถ้าอยากแต่จะเล่นสนุก ทาไมต้องพากเพียรทาเพิงสาหรับเดินนอกหน้าต่าง
แล้วทาไมถึงจะต้องหาผูช้ ่วยด้วย ตอบกันจริงๆ นะ”
ชม “ผมไม่อยากให้พ่อแกมีเมียใหม่ขอรับ เป็ นความสัตย์ความจริงแท้ๆ ทีเดียวขอรับ”
ทองอิน “เออถ้าเจ้าบอกกันเสียดีๆ ก็แล้วกัน ฉันก็เห็นใจหรอก นี่แน่มาสัญญากันเสียเถอะ ฉันสัญญา
จะไม่บอกพ่อเจ้าว่าเจ้าทาหลอกแก แต่เจ้าต้องทาสัญญาว่าเจ้าจะไม่ทาผีหลอกพ่ออีกต่อไป”
ชม “ผมสัญญาขอรับ”
ทองอิน “ถ้าเจ้าทาผีหลอกอีกเมื่อไร ฉันจะต้องบอกพ่อให้ทราบความจริง เข้าใจนะ”
ชม “เข้าใจขอรับ”
ทองอิน “เจ้าปริกก็เหมือนกัน ถ้าเจ้าทาหลอกพันโชติอกี ฉันจะต้องฟ้ องนายเปรม ถ้าไม่ทาก็ไม่ฟ้อง
เข้าใจนะ”
ปริก “เข้าใจขอรับ ผมสัญญาตามนายว่า ขอรับ”
ทองอิน “เออดีละ ปริกเจ้าไปบ้านเสียเถอะ ชมเจ้าก็ไปนอนเสีย”
เด็กทัง้ สองไหว้นายทองอินกับข้าพเจ้าแล้วก็ต่างคนต่างไปนอน ส่วนนายทองอินกับข้าพเจ้าก็เลยอาศัย
พันโชตินอนอยูจ่ นรุ่งเช้าจึงกลับ
ตัง้ แต่คนื นัน้ มาพันโชติกม็ ไิ ด้ถูกปิ ศาจภรรยารบกวนอีกต่อไป ข้าพเจ้าคอยฟั งอยูว่ า่ แกจะมีภรรยาใหม่
หรือไม่ ก็ได้ความว่ายังไม่มจี นทุกวันนี้ เพราะฉะนัน้ หวังใจว่าคนในบ้านนัน้ อยูก่ นิ เป็ นผาสุกทั ่วกัน ส่วนตัว
ข้าพเจ้านี้กย็ งั มีช่อื เสียงเป็ นหมอปิ ศาจวิเศษอยู่”
นายแก้ว นายขวัญ

You might also like