Professional Documents
Culture Documents
01root Stem Leaf
01root Stem Leaf
STEM
R
O
U
P
LEAF
2
ROOT
การเจริญเติบโต
ROOT-การเจริญเติบโต
ROOT
การเจริญเติบโต
1. PRIMARY GROWTH
พืชใบเลี้ยงคู่
- Protoderm เปลี่ยนแปลงไปเป็นเนื้อเยื่อถาวร Epidermis
- Ground Meristem เปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ชั้นใน ได้แก่ Cortex และ Endodermis
- Procambium เปลี่ยนแปลงไปเป็น ชั้น Stele (Pericycle, Vascular Cambium , Primary Phloem
และ Primary Xylem)
พืชใบเลี้ยงเดี่ยว
แตกต่างจากพืชใบเลี้ยงคู่ที่ชั้น Stele จะไม่มี Pericycle และ Vascular Cambium แต่
จะมี Pith ขนาดใหญ่
ROOT-การเจริญเติบโต
2. SECONDARY GROWTH
พืชใบเลี้ยงคู่
- Vascular Cambium จะไมโทซิสเป็น Secondary Xylem (ด้านใน) และ
Secondary Phloem (ด้านนอก)
- Pericycle แบ่งเซลล์เป็น Cork Cambium ซึ่งจะแบ่งตัวต่อไปได้ Cork (ด้านนอก) และ
Phelloderm (ด้านใน)
พืชใบเลี้ยงเดี่ยว
- ไม่มี Secondary Growth เนื่องจากบริเวณตรงกลางไม่มี Pericycle และ Vascular Cambium
- พืชบางชนิด เช่น มะพร้าว มี Cortex-like tissue ท้าให้สามารถเพิ่มกลุ่มเซลล์ของ Xylem และ
Phloem ได้
ROOT-การเจริญเติบโต
ROOT-การเจริญเติบโต
ROOT-โครงสร้าง
ROOT
โครงสร้าง
1. LONGITUDINAL SECTION
โครงสร้างตามยาว
- Root Cap : เนื้อเยื่อถาวรและ Parenchyma เรียงตัวกันหลวมๆ มี Vacuole ท้าให้สามารถผลิตเมือก
เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นได้
- Region of cell Division : ส่วนของเนื้อเยื่อเจริญ มีการไมโทซิส ส่วนหนึ่งเจริญไปเป็น Root Cap อีก
ส่วนเจริญไปเป็นเนื้อเยื่อที่อยู่ถัดขึ้นไป
- Region of cell Elongation : เซลล์จากการแบ่งตัวมีการแบ่งเซลล์เพื่อเพิ่มความยาวราก
- Region of cell Maturation : ประกอบด้วยเซลล์ถาวร มีเซลล์ขนราก
ROOT-โครงสร้าง
LONGITUDINAL SECTION
ROOT-โครงสร้าง
2. TRANSVERSE SECTION
โครงสร้างตามขวาง
- Epidermis: ชั้นนอกสุดของราก ไม่มีคลอโรพลาสต์ เมือ่ เจริญเต็มที่จะเปลี่ยนไปเป็นขนรากเพื่อเพิ่มการดูด
น้้าและแร่ธาตุ
- Cortex: ประกอบด้วยเซลล์ Parenchyma เนื้อเยื่อชั้นในสุดคือ Endodermis
- Stele: 1. Pericycle : แบ่งเซลล์สร้างรากแขนง และ Secondary Permanent Tissue
2. Xylem : ท่อล้าเลียงน้้า เรียงตัวเป็นแฉก
3. Phloem: ท่อง้าเลียงน้้าตาล เรียงตัวรอบนอกของวง Xylem
ROOT-โครงสร้าง
TRANSVERSE SECTION
ROOT-หน้าที่
ROOT
หน้าที่
- ดูดน้้าและแร่ธาตุจากพื้นดินไปเลี้ยงส่วนต่างๆ
- ล้าเลียงน้้าและแร่ธาตุที่สะสมในรากขึ้นไปยังล้าต้น
- ยึดล้าต้นให้ติดกับพื้นดิน
- สร้างฮอร์โมนบางชนิด เช่น Cytokinin
- หน้าที่อื่นๆ เช่น สะสมอาหาร สังเคราะห์แสง เป็นต้น
ROOT-ประเภท
ROOT
ประเภท
ROOT
ระบบ
ระบบรากแก้ว : เป็นรากปฐมภูมิ เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและมีขนาดใหญ่
ระบบรากฝอย : รากที่แตกแขนงออกมา มีขนาดเท่า ๆ กัน มีจ้านวนมาก
ระบบรากพิเศษ : รากค้้าจุน, รากยึดเกาะ, รากหายใจ, รากปรสิต, รากสังเคราะห์แสง, รากสะสมอาหาร,
รากหนาม
STEM-โครงสร้าง
STEM
ล้าต้น
STEM
โครงสร้าง
เนื้อเยือ่ บริเวณปลายยอด
เมื่อตัดตามยาวผ่านกลางส่วนปลายยอด แล้วน้าไปศึกษาลักษณะเนื้อเยื่อโดยใช้กล้องจุลทรรศน์
ก้าลังขยายต่าง ๆ จะเห็นเซลล์มลี ักษณะขนาด รูปร่าง และการเรียงตัวเป็นบริเวณต่าง ๆ ดังนี้
STEM-โครงสร้าง
เนื้อเยือ่ บริเวณปลายยอด
ล้าต้นที่มีการเจริญทุติยภูมิ พบในล้าต้นพืชใบเลี้ยงคู่ที่เป็นไม้ยืนต้นและ
มีเนื้อไม้ (Perennial woody plant) ซึ่งวาสคิวลาร์แคมเบียมจะ
แบ่งตัวให้ก้าเนิดโฟลเอ็มทุติยภูมิ (Secondary phloem) และไซ
เล็มทุติยภูมิ (Secondary xylem)
STEM-โครงสร้าง
STEM
โครงสร้าง
โครงสร้างภายในล้าต้น
เมื่อน้าล้าต้นพืชที่มีการเติบโตเต็มที่แบบปฐมภูมิมาตัดตามขวางแล้วศึกษา พบว่า ล้าต้นพืช
ประกอบจากชั้นต่าง ๆ 3 ชั้นหลัก คือ epidermis cortex stele เช่นเดียวกับราก แต่จะมี
ความแตกต่างในรายละเอียด ดังนี้
2. Cortex เป็นส่วนที่อยู่ถัดจากเอพิเดอร์มิสเข้ามาประกอบด้วยเซลล์หรือเนื้อเยื่อหลายชนิด
ส่วนใหญ่เป็นเนื้อเยื่อ parenchyma collenchyma อยู่ใต้ผิวหรืออยู่ตามสันของล้าต้น
3. สตีล ส้าหรับพืชใบเลี้ยงคู่จะกว้างมากและแยกจากชั้นคอร์เทกซ์ได้ไม่ชัดเจน ประกอบด้วย
STEM
การเจริญเติบโต
1. Primary GROWTH
โครงสร้างของล้าต้นพืช ตัดตามขวาง ในการเจริญเติบโตขั้นแรก (Primary Growth) ประกอบด้วย
DICOT
Protoderm → Epidermis
- อยู่ชั้นนอกสุด เซลล์รูปสี่เหลี่ยม เรียงตัวชั้นเดียว
- มี cutin เคลือบ เพื่อป้องกันการสูญเสียน้้า
STEM-การเจริญเติบโต
DICOT
STEM-การเจริญเติบโต
MONOCOT
Protoderm → Epidermis
- อยูช่ ั้นนอกสุด เซลล์รูปสี่เหลี่ยม เรียงตัวชั้นเดียว
- มี cutin เคลือบ เพื่อป้องกันการสูญเสียน้้า
MONOCOT
STEM-การเจริญเติบโต
PRIMARY GROWTH
STEM-การเจริญเติบโต
STEM
การเจริญเติบโต
2. SECONDARY GROWTH
- การเจริญของVascular Cambium และCork Cambium
- เจอในใบเลี้ยงคู่ทุกชนิด,ใบเลี้ยงเดี่ยวบางชนิด เช่น มะพร้าว,จันผา,จันแดง
- พืชมีเส้นผ่านศูนย์กลางมากขึ้น
- ท้าให้พืชอายุยืนยาว
STEM-การเจริญเติบโต
SECONDARY GROWTH
ขั้นตอน
1. สร้าง Vascular Cambium(สร้างจากFascicular Cambium +
Interfascicular Cambium)ขึ้นมาก่อน
2. Vascular Cambiumจะแบ่งเซลล์ แบ่งเซลล์ออกข้างนอกจะเรียก Secondary
Phloem
3. Secondary Xylem จะผนังหนากว่า Secondary Phloem มากพอสมควร
STEM-การเจริญเติบโต
SECONDARY GROWTH
STEM-การเจริญเติบโต
SECONDARY GROWTH
STEM-การเจริญเติบโต
SECONDARY GROWTH
การเจริญของCork Cambium(Phellogen)
Cork Cambium (Phellogen) จะแบ่งเซลล์ออกข้างนอก เรียก ‘Cork(Phellem)’
ถ้าแบ่งเซลล์เข้าข้างใน เรียก ‘Phelloderm’
STEM-การเจริญเติบโต
ลักษณะเนือ้ ไม้
- พืชแถบร้อน
Secondary Xylem จะมีขนาด
และ รูปร่างไม่ต่างกัน
STEM-การเจริญเติบโต
ลักษณะเนือ้ ไม้
- พืชในแถบของโลกที่มีฤดูกาลต่างกัน
ฤดูนา้ มาก secondary xylem จะขนาดใหญ่ ผนังบาง เพราะ เซลล์แบ่งตัวได้ดี = ‘Spring Wood’
ฤดูนา้ น้อย secondary xylem จะขนาดเล็ก ผนังหนา อยู่กันหนาแน่น ท้าให้เห็นเป็นเส้นๆ และมีสีเข้ม =
‘Summer Wood’
ทั้ง Spring Wood และ Summer Wood จะเกิดขึ้นใน 1ปี จึงรวมเรียกทั้งหมดว่า ‘Annual Ring’
STEM-การเจริญเติบโต
Lenticel
STEM-หน้าที่
STEM
หน้าที่
- ช่วยพยุงส่วนต่างๆที่อยู่เหนือดิน
- ช่วยล้าเลียงน้้า แร่ธาตุ และอาหาร
- ท้าให้เกิดเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ
STEM-หน้าที่
MODIFIED STEM
(ล้าต้นทีเ่ ปลีย่ นแปลงไปท้าหน้าทีพ่ เิ ศษ)
- Stolon (ไหล) – เจริญราบไปกับผิวดิน เช่น สตรอว์เบอร์รี บัวบก ผักตบชวา
STEM-หน้าที่
MODIFIED STEM
(ล้าต้นทีเ่ ปลีย่ นแปลงไปท้าหน้าทีพ่ เิ ศษ)
- Climbing stem (ล้าต้นเลื้อย) - ล้าต้น - Thorny stem (ล้าต้นหนาม) - ล้าต้นที่
อ่อ น เจริ ญ พั น รอบวั ต ถุ ห รื อ ต้ น ไม้ อื่ น เช่ น เจริญไปเป็นหนาม เช่น เฟื่องฟ้า กุหลาบ
ฟักทอง พลูด่าง
STEM-หน้าที่
MODIFIED STEM
(ล้าต้นทีเ่ ปลีย่ นแปลงไปท้าหน้าทีพ่ เิ ศษ)
- Cladode หรือ Cladophyll (ล้าต้นคล้ายใบ) - เจริญเหนือดิน แผ่แบนคล้ายใบ อวบน้้า มีคลอ
โรพลาสต์ เช่น กระบองเพชร
STEM-หน้าที่
MODIFIED STEM
(ล้าต้นทีเ่ ปลีย่ นแปลงไปท้าหน้าทีพ่ เิ ศษ)
- Stem tendril (ล้าต้นมือเกาะ) – เปลี่ยนไปเป็นเกลียวเพื่อท้าหน้าที่ยึดเกาะ สามารถสังเคราะห์
ด้วยแสงได้ เช่น องุ่น แตงกวา
STEM-หน้าที่
MODIFIED STEM
(ล้าต้นทีเ่ ปลีย่ นแปลงไปท้าหน้าทีพ่ เิ ศษ)
- Subteranean stem
1. Tuber - กลม รี สั้น อวบ มีตาอยู่รอบๆ 2. Corm - กลมสั้นอวบ กว้างมากกกว่าสูง
สะสมแป้งไว้มาก เช่น มันฝรั่ง มันมือเสือ ข้อปล้องชัดเจน มีการสะสมอาหาร เช่น เผือก
STEM-หน้าที่
MODIFIED STEM
(ล้าต้นทีเ่ ปลีย่ นแปลงไปท้าหน้าทีพ่ เิ ศษ)
- Subteranean stem
3. Rhizome (เหง้า) - เจริญขนานกับพื้น มี 4. Bulb - ล่างของล้าต้นมีรากฝอยจ้านสน
ข้อ ปล้องสั้น และมีใบเกล็ด เช่น ขิง ข่า ขมิ้น มาก ตามปล้องมีใบเกล็ดซ้อนกัน เช่น หัวหอม
STEM-หน้าที่
MODIFIED STEM
(ล้าต้นทีเ่ ปลีย่ นแปลงไปท้าหน้าทีพ่ เิ ศษ)
- Subteranean stem
5. Root stock – ส่วนที่เหนือดินคล้ายล้าต้นมีสีเขียว คือ กาบใบที่และซ้อนเป็นมัดกลมๆ
คล้ายล้าต้น เช่น เหง้าต้นกล้วย
LEAF-โครงสร้าง
LEAF
โครงสร้าง
โครงสร้างภายนอกใบ
โครงสร้างภายนอกใบ
ใบเลีย้ งเดีย่ ว
LEAF-โครงสร้าง
การเรียงตัวเส้นใบ
การเรียงตัวเส้นใบ ( venation ) ต่างจากพืชดอก คือ
- พืชใบเลี้ยงเดี่ยว เรียงแบบขนาน (parallel venation)
- พืชใบเลี้ยงคู่เรียงแบบร่างแห (reticulate venation)
LEAF-โครงสร้าง
โครงสร้างภายในใบ
LEAF-โครงสร้าง
โครงสร้างภายในใบ
1. ชั้น cuticle มีสาร cutin เคลือบป้องการน้้าระเหย <บางใบมี wax เคลือบ ท้าให้น้ากลิ้งไป
มาได้ ex.ใบบอน>
โครงสร้างภายในใบ
โครงสร้างภายในใบ
3. มี โ ซฟิ ล ล์ (mesophyll) เป็ น เนื้ อ เยื่ อ ที่ อ ยู่ ร ะหว่ า งชั้ น เอพิ เ ดอร์ มิ ส ทั้ ง 2 ด้ า น ส่ ว นใหญ่ เ ป็ น
chlorenchyma ที่มีคลอโรพลาสต์จ้านวนมาก
1. palisade mesophyll พบอยู่ใต้ชั้น upper epidermis ประกอบด้วยเซลล์ยาว
2. spongy mesophyll อยูถ่ ัดจาก palisade mesophyll ลงมาจนถึงก่อน lower epidermis
LEAF
ประเภท
- แบ่งตามจ้านวนใบบนก้านใบ
LEAF-ประเภท
LEAF-ประเภท
LEAF-ประเภท
- แบ่งตามหน้าที่
LEAF
หน้าที่
หน้าทีข่ องใบ คือ การ สังเคราะห์ด้วยแสง หายใจ คายน้้า แลกเปลี่ยนแก๊ส แต่ในบางครั้ง ใบเปลี่ยนหน้าที่ไปท้า
อย่างอื่น เราเรียกว่า “ใบเจริญไปท้าหน้าที่พิเศษ” (modified leaf)
ROOT-การเจริญเติบโต
MODIFIED STEM
(ใบทีเ่ จริญไปท้าหน้าทีพ่ เิ ศษ)
- Storage leaf ใบสะสมอาหาร น้้า ลักษระอวบหนา ใหญ่
MODIFIED STEM
(ใบทีเ่ จริญไปท้าหน้าทีพ่ เิ ศษ)
- Reproductive leaf ใบเปลี่ยนหน้าที่ไปขยายพันธุ์
ROOT-การเจริญเติบโต
MODIFIED STEM
(ใบทีเ่ จริญไปท้าหน้าทีพ่ เิ ศษ)
- Bud scale ใบเปลี่ยนไปเป็นเกล็ดหั้มตา หลุดร่วงไปเมื่อ ตา (bud) เจริญ
ROOT-การเจริญเติบโต
MODIFIED STEM
(ใบทีเ่ จริญไปท้าหน้าทีพ่ เิ ศษ)
- Leaf spine ใบเปลี่ยนเป็นหนาม
ROOT-การเจริญเติบโต
MODIFIED STEM
(ใบทีเ่ จริญไปท้าหน้าทีพ่ เิ ศษ)
- Phyllode ก้านใบที่เปลี่ยนแปลงมาคล้ายใบ มีสีเขียว
ROOT-การเจริญเติบโต
MODIFIED STEM
(ใบทีเ่ จริญไปท้าหน้าทีพ่ เิ ศษ)
- Buoyancy leaf ใบที่ปลี่ยนเป็นทุ่นลอยน้้า พองขยายโต ภายในมีช่องอากาศมาก ช่วยในการลอยตัว
ROOT-การเจริญเติบโต
MODIFIED STEM
(ใบทีเ่ จริญไปท้าหน้าทีพ่ เิ ศษ)
- Leaf tendril ใบที่เปลี่ยนไปยึดเกาะ พยุงล้าต้นให้เจริญขึ้นไปในที่สูง หรือ พันรอบวัตถุ ลักษณะเป็นเส้น
เรียวเล็ก ม้วนตัวเป็นวง
ROOT-การเจริญเติบโต
MODIFIED STEM
(ใบทีเ่ จริญไปท้าหน้าทีพ่ เิ ศษ)
- Scale leaf ใบที่เปลี่ยนเป็นเกล็ดเล็กๆ อาจมีขนาดใหญ่เพื่อกักเก็บอาหาร ( Storage leaf )
MODIFIED STEM
(ใบทีเ่ จริญไปท้าหน้าทีพ่ เิ ศษ)
- Bract ใบเปลี่ยนแปลงมาคล้ายกลีบดอกมักเปรี้ยว ใบประดับ
ROOT-การเจริญเติบโต
MODIFIED STEM
(ใบทีเ่ จริญไปท้าหน้าทีพ่ เิ ศษ)
- Carnivorous leaf ใบเปลี่ยนไปเป็นกับดักแมลง
Q&A#1
การเจริญเติบโตของรากพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและคู่ เหมือน
และแตกต่างกันอย่างไร
Q&A#2
จริงหรือไม่ท่ดี ้านบนของใบไม้โดยทั่วไปมีสีเขียวเข้มกว่า
ด้านล่าง เพราะเซลล์ผิวมีคลอโรพลาสต์มากกว่า
Q&A#3
แก่นไม้ และกระพี้ไม้ต่างกันอย่างไร
Q&A#4
cork cambium (phellogen) แบ่งตัวทั้งออกข้าง
นอก และเข้าข้างใน เพื่อสร้างอะไรบ้าง
Q&A#5
ถ้าน้าเนื้อเยื่อจากต้นถั่วเขียวมาตรวจสอบดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ จะพบว่าการ
จัดเรียงตัวของกลุ่มท่อล้าเลียงมีลักษณะอย่างไร
1. กลุ่มท่อล้าเลียงกระจายทัว่ ไป โดยมีโฟลเอ็มเรียงสลับกับไซเล็ม
2. กลุ่มท่อล้าเลียงจัดเรียงเป็นระเบียบ โดยมีโฟลเอ็มเรียงสลับกับไซเล็ม
3. กลุ่มท่อล้าเลียงกระจายทัว่ ไป โดยมีโฟลเอ็มเรียงในแนวรัศมีกับไซเล็ม
4. กลุ่มท่อล้าเลียงจัดเรียงเป็นระเบียบ โดยมีไซเล็มอยู่ดา้ นใน และโฟลเอ็มอยู่ด้าน
นอก เรียงตัวในแนวรัศมีเดียวกัน
G
MEMBER
R
O
U
P
2