Professional Documents
Culture Documents
และการเจริญเติบโต
ชีววิทยา 3 (ว32241)
คุณครู ศิริรัตน์ ก้ านกิง่ คา
กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
โรงเรียนปทุมเทพวิทยาคาร
โครงสร้างของดอก (structure of flower)
pedicel
โครงสร้างของดอก ประกอบด้วย
1. กลีบเลี้ยง(sepal) ท้าหน้าที่ป้องกันอันตรายเช่น แมลง ป้องกันการคายน้้า
ของดอก ส่วนใหญ่มีสีเขียว เรียกว่า วงกลีบดอก(calyx)
2. กลีบดอก(petal)ส่วนใหญ่มีสีสวยเพื่อล่อแมลง เรียกวงนี้ว่า วงกลีบดอก
(corolla)
3. เกสรตัวผู(้ stamen)ประกอบด้วย ก้านชูอับละอองเรณู (filament) และอับ
ละอองเรณู(anther)ท้าหน้าที่สร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ เรียกว่า วงเกสรตัวผู้
(androecium)
4. เกสรตัวเมีย(pistil หรือ carpel) ประกอบด้วยยอดเกสรตัวเมีย(stigma)
ก้านชูยอดเกสรตัวเมียหรือคอเกสรตัวเมีย(style)และ รังไข่(ovary) ซึ่งภายในมี
ออวุล(ovule)อยู่ เรียกว่าวงเกสรตัวเมีย(gynoecium)
เกสรตัวผู้(stamen)
เกสรตัวเมีย (pistil)
ชนิดของดอก
1. จ้าแนกโดยใช้ส่วนปะกอบเป็นเกณฑ์สามารถจ้าแนกได้ 2 ประเภท
1.1 ดอกสมบูรณ์หรือดอกครบส่วน (complete flower)
หมายถึง ดอกที่มีส่วนประกอบครบ 4 วง คือ วงกลีบเลี้ยง วงกลีบดอก
วงเกสรตัวผู้ และวงเกสรตัวเมีย
1.2 ดอกไม่สมบูรณ์ หรือดอกไม่ครบส่วน (incomplete
flower) หมายถึง ดอกที่มีส่วนประกอบไม่ครบ 4 วง
2. จ้าแนกโดยใช้ชนิดเพศเป็นเกณฑ์ จ้าแนกได้ 2 ชนิด
มะเขือเทศเป็นผลเดี่ยว ชนิด
Berry ที่มีเนื้อนุ่มทั้งหมด
ผิวของเปลือกนอกบาง
เช่นเดียวกับองุ่น มะละกอ
พริก ละมุด กล้วย ฝรั่ง
แอปเปิ้ลเป็นผลเดี่ยวชนิด Pome เนื้อส่วนใหญ่เกิดจากฐานรองดอก
หรือ floral tube เช่นเดียวกับ ชมพู่ สาลี่ แพร์
ผลเดี่ยว (simple fruit)
ผลแบบมีปุยหุ้มเมล็ด (aril fruit) ผลเทียม (pseudocarp)
เนื้อเกิดจากการเจริญมาจากเปลือกหุ้มเมล็ด เกิดจากการเจริญฐานรองดอก
ชั้นนอกผนังของผลท้าหน้าที่เป็นเปลือกหุ้ม
เนื้อของผลแบบนี้เรียกว่า ปุยหุ้มเมล็ด (aril)
2. ผลกลุ่ม (Aggregate fruits) เป็นผลที่เกิดจากกลุ่มของรังไข่ที่อยู่
ภายในดอกเดียวกัน และอยู่บนฐานรองดอกเดียวกัน
โดยที่รังไข่แต่ละอันจะเป็นผลย่อยหนึ่งผลแต่เมื่อผลเหล่านั้นอยู่อัด
กันแน่น ท้าให้ดูคล้ายเป็นผลเดี่ยว เช่น ลูกหวาย น้อยหน่า สตรอเบอรี่
แต่ผลบางชนิดก็อยู่กันอย่างไม่อัดแน่น เห็นแยกออกเป็นผลเล็ก ๆ
เช่น นมแมว การเวก กระดังงา
ลักษณะส้าคัญของดอกที่จะกลายเป็นผลกลุ่ม คือ ใน 1 ดอกของ
ดอกเดี่ยวมีรังไข่อยู่หลายอัน ซึ่งอาจจะเชื่อมรวมกันหรือไม่เชื่อมรวมกันก็ได้
รูปผ่าตามยาวผลสตรอเบอรี่ ซึ่งเป็นผลกลุ่ม ส่วนของเนื้อที่
รับประทานได้ เป็นฐานรองดอกที่ขยายใหญ่และสะสมอาหารไว้ และมี
ผลย่อยซึ่งเป็นผล เดี่ยวชนิด Achene ติดอยู่ที่ผิวนอก
เปรียบเทียบ ดอกและผลของสตรอเบอรี่ เมื่อผ่าตามยาว
ผลกลุ่ม (aggregate fruit)
3. ผลรวม (Multiple fruits) คือ ผลที่เกิดจากดอกช่อ ที่มีรังไข่ของดอกแต่ละ
ดอก รังไข่เหล่านี้ กลายเป็นผลย่อยที่เชื่อมต่อแล้วรวมกันแน่นเหมือนเป็นผลเดี่ยว
ตัวอย่างของผลชนิดนี้ได้แก่ ขนุน สาเก สับปะรด (เรียกผลเหล่านี้ว่า Sorosis) มะเดือ
(เรียกผลชนิดนี้ว่า Syconus) หมอน สน ลูกยอ (เรียกผลเหล่านี้ว่า Cone หรือ
Strobirus) บีท (เรียกผลชนิดนี้ว่า Diclesium)
ส่วนประกอบของเมล็ดเทียม มีดังนี้
1. เอ็มบริโอหรือต้นอ่อน
2. เอนโดสเปิร์มเทียม (Artificial endosperm) เพื่อให้อาหารแก่เอ็มบริโอหรือต้นอ่อน
3. เปลือกหุ้มเมล็ดเทียม (Artificial seed coat) ท้าหน้าที่ห่อหุ้ม และป้องกันอันตราย
ให้กับต้นอ่อน
การท้าเมล็ดเทียมของกล้วยไม้ มีขั้นตอนดังนี้
1. น้าเซลล์ของพืชที่เจริญจากการเลี้ยง
เนื้อเยื่อมาเป็นเอ็มบริโอ เรียก เอ็มบริโอนี่ว่า
โพรโทคอร์ม (protocorm)
แสดงโพรโทคอร์ม (protocorm)
2. สร้างเอนโดสเปิร์ม โดยน้าโพรโทคอร์ม มาใส่ในสารละลายโซเดียมแอลจิเนต
(sodium alginate)
3. สร้างเปลือกเมล็ด โดยดูดสารละลายโซเดียมแอลจิเนต (sodium alginate) โดย
ใช้ติดโพรโทคอร์ม น้าไปหยดลงในสารละลายแคลเซียมคลอไรด์ (calcium
chloride) จะเกิดเป็นเมล็ดกลม ๆ ที่มีเปลือกแข็งหุ้ม
แสดงเอนโดสเปิร์มและการสร้าง แสดงเมล็ดเทียมของกล้วยไม้
เปลือกหุ้มเมล็ด
2.2 การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของพืชดอกและการขยายพันธุ์พืชโดยใช้
ส่วนประกอบต่าง ๆ พืชดอกสามารถสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศโดยการใช้เมล็ดและ
การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศโดยใช้ส่วนประกอบอื่น ๆ ของพืชดังนี้
1. การตอนกิ่ง
2. การตัดช้า
3. การต่อกิ่ง หรือเสียบกิ่ง
4. การติดตา
5. การทาบกิ่ง
6. การใช้หน่อ
7. การใช้ราก
8. การใช้ใบ
9. ใช้หน่อย่อย
การเจริญเติบโตของพืช
โดยเริ่มจากพืชมีการเติบโต (growth) ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงด้านปริมาณคือมี
การเพิ่มจ้านวนเซลล์ซึ่งเกิดจากการแบ่งเซลล์ (cell division)
แบบไมโทซิส (mitosis) และการขยายขนาดของเซลล์ (cell elongation)
มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและองค์ประกอบเซลล์ (cell differentitation)
ซึ่งเป็นการสร้างรูปร่าง (form) เพื่อให้เหมาะสมกับการท้าหน้าที่จ้าเพาะต่าง ๆ
เช่น ล้าเลียง สังเคราะห์ด้วยแสง เป็นต้น
การเจริญเติบโตของพืชจะเกิดบริเวณที่มีเนื้อเยื่อเจริญ (meristematic
tissue)
วิธีวัดการเจริญเติบโตของพืช
1. การวัดการเพิ่มขนาดหรือปริมาตร ท้าการวัดความยาว ความสูง
เส้นรอบวงของล้าต้น
2. การวัดการเพิ่มน้้าหนัก
2.1 วัดน้้าหนักสด (fresh weight)
2.2 วัดน้้าหนักแห้ง (dry weight)
3. วิธีวัดการเจริญเติบโตแบบอื่น ๆ ได้แก่
✓ การนับจ้านวนโครงสร้างที่เพิ่มขึ้น
✓ การเปลีย่ นแปลงของโครงสร้างพืช
✓ ชั่งน้้าหนักหรือมวลทั้งหมดของพืช
กราฟแสดงการเจริญเติบโตของพืช
The End
72