You are on page 1of 45

PLANT

TISSU
Plant tissue
Plant tissue

Meristermatic Permanent

Apical Lateral Epidermis Sclerenchyma

Intercalary Parenchyma Xylem

Collenchyma Phloem
Monocot root : Casparian Strip in Acorus Vascular Bundle
Plant tissue

เนื้อเยื้อพืช(Plant tissue) กลมุ่ ของเซลล์พืชที่มีการเจริญและเปลี่ยนแปลง


เพื่อทำหน้าที่เฉพาะ แต่ละชนิดมีลกั ษณะต่างกัน แต่มีลกั ษณะร่วมสำคัญคือ
การ มีผนังเซลล์ลอ้ มอยูร่ อบนอกที่ให้ความแข็งแรง ผนังเซลล์ประกอบด้วย
มิดเดิลลาเมลลา ผนังเซลล์ปฐมภ ูมิ และผนังเซลล์ท ุติยภ ูมิ
Cell wall : Plant
Plant tissue Cell wall

Middle lamella
มิดเดิลลาเมลลา เป็นผนังเซลล์ที่สร้างขึ้น
เป็นอันดับแรกหลังจากการเกิดแผ่นกัน้ เซลล์
(cell plate) มิดเดิลลาเมลลาประกอบด้วยแพ
กตินเป็นหลัก

Primary cell wall


ผนังเซลล์ปฐมภ ูมิ อยูถ่ ดั จากมิดเดิลลาเมล
ลาเข้ามาด้านใน มีเซลล ูโลสเป็นองค์
ประกอบหลัก การเจริญถึงขัน้ สร้างผนัง
เซลล์ปฐมภ ูมิพบในเซลล์พืชท ุกชนิด
Plant tissue
Secondary cell wall
ผนังเซลล์ท ุติยภ ูมิ พบในเซลล์พืช
บางชนิด ประกอบด้วยเซลล ูโลสและ
ลิกนิน โดยลิกนินเป็นองค์ประกอบ
สำคัญที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้
กับเซลล์พืชนอกจากนี้เซลล์บาง
ชนิดอาจพบซ ูเบอรินช่วยป้องกัน
การระเหยของน้ำสารเหล่านี้สะสม
อยูถ่ ดั เข้ามาด้านในของผนัง
เซลล์ปฐมภ ูมิ
Cell wall : Plant
Plant tissue
เนื้อเยื้อพืชแบ่งตามความสามารถในการแบ่งเซลล์ได้
2 ประเภท ได้แก่ เนื้อเยื้อเจริญ และเนื้อเยื้อถาวร

Meristematic tissue
1. Apical meristem เนื้อเยื้อเจริญส่วนปลาย
2. Lateral meristem เนื้อเยื้อเจริญด้านข้าง
3. Intercalary meristem เนื้อเยื้อเจริญเหนือข้อ
Plant tissue
Meristematic tissue
เนื้อเยือ่ เจริญ ประกอบด้วยเซลล์
เจริญ(Meristematic cell) เป็นกลมุ่ เซลล์ที่มีผนัง
เซลล์ปฐมภ ูมิบาง มีความหนาสม่ำเสมอกัน
ส่วนใหญ่มีนิวเคลียสขนาดใหญ่และมีการแบ่ง
เซลล์แบบไมโทซิสเพิ่มจำนวนตลอดชีวิตของ
เซลล์ เซลล์ที่ได้สว่ นหนึ่งจะเปลี่ยนแปลงเป็น
เนื้อเยือ่ ถาวรเพื่อทำหน้าที่เฉพาะ อีกส่วนหนึ่ง
ยังคงเป็นเนื้อเยือ่ เจริญ
Onion Root Meristem
Plant tissue Meristematic tissue

1.Apical meristem stem cross section


เนื้อเยือ่ เจริญส่วนปลาย พบ 2 บริเวณ
พบที่ปลายยอดเรียกว่า เนื้อเยือ่ เจริญ
ปลายยอด(apical shoot meristem) มีหน้า
ที่แบ่งเซลล์ทำให้ลำต้นและกิ่งยาวขึ้น
พบที่รากเรียกว่า เนื้อเยือ่ เจริญปลาย root cross section
ราก(apical root meristem) มีหน้าที่แบ่ง
เซลล์ทำให้รากยาวขึ้น เป็นการเติมโต
ปฐมภ ูมิ(primary growth)
Plant tissue Meristematic tissue
Plant tissue Meristematic tissue

2.Lateral meristem
เนื้อเยือ่ เจริญด้านข้าง อยูใ่ นแนวขนานกับ
เส้นรอบวง แบ่งเซลล์เพิ่มออกทางด้านข้าง
ทำให้ขยายขนาดใหญ่ข้ ึน เป็นการเติบโต
ท ุติยภ ูมิ(secondary growth) พบได้ในพืชใบ
เลี้ยงคทู่ วั่ ไป เรียกอีกอย่างว่า แคมเบียม
แบ่งตามการทำหน้าที่ได้ 2 ประเภทคือ
2.1 วาสคิวลาร์แคมเบียม
2.2 คอร์กแคมเบียม
The History of the World Written in Rings
Plant tissue Meristematic tissue

2.1 Vascular cambium


วาสคิวลาร์แคมเบียม มีหน้าที่แบ่งเซลล์
ทำให้เกิดเนื้อเยือ่ ท่อลำเลียง(vascular
tissue) เพิ่มขึ้นในการเติบโตท ุติยภ ูมิ พบ xylem
อยูร่ ะหว่างเนื้อเยือ่ Xylem และ Phloem
2.2 Cork cambium phloem
คอร์กแคมเบียม มีหน้าที่แบ่งเซลล์ให้
cortex
คอร์กและเนื้อเยือ่ อื่นๆ แทนเนื้อเยือ่ ผิว
เดิม พบอยูถ่ ดั จากคอร์กเข้าไปด้านใน cork
Plant tissue Meristematic tissue

3.Intercalary meristem
เนื้อเยือ่ เจริญเหนือข้อ มีหน้าที่ Internode
แบ่งเซลล์ทำให้ปล้องของยืดยาว
อยูโ่ คลนปล้องหรือเหนือข้อ แบ่ง
เซลล์ได้ยาวนาน พบในลำต้นพืช Node
ใบเลี้ยงเดี่ยวทัว่ ไปเช่น หญ้า ข้าว
ข้าวโพด อ้อย ไผ่ 
Internode
Plant tissue Conclude

Meristematic tissue
1. Apical meristem
พบที่ปลายยอดปลายรากทำให้พืชมีขนาดต้นและรากยาวขึ้นตามแนวดิ่ง
2. Lateral meristem
พบขนานกับเส้นรอบวงของพืชใบเลี้ยงค ู่ แบ่งเซลล์ออกด้านข้าง
3. Intercalary meristem
พบเฉพาะบริเวณเหนือข้อของพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ทำให้ปล้องยาวขึ้น
Monocot Stem
Plant tissue
Permanent tissue
เนื้อเยือ่ ถาวร เปลี่ยนแปลงมาจาก
เนื้อเยือ่ เจริญ ประกอบด้วยเซลล์ที่
เจริญเต็มที่ ทำหน้าที่ต่างๆตาม
ลักษณะโครงสร้างของเซลล์ ส่วน
ใหญ่จะไม่สามารถแบ่งเซลล์ได้อีก
ต่อไป แบ่งตามหน้าที่ได้เป็น 3
ระบบ คือ ระบบเนื้อเยื้อผิว ระบบ
เนื้อเยื้อพื้น และระบบเนื้อเยื้อท่อ
ลำเลียง
Plant tissue Permanent tissue

1.Dermal tissue system


ระบบเนื้อเยือ่ ผิว ประกอบด้วยเอพิเดอร์มิสทำหน้าที่ป้องกันเนื้อเยือ่ ด้านในของพืช
และเพริเดิรม์ (periderm) เจริญขึ้นมาแทนที่เดิมของรากและลำต้น 

2.Ground tissue system


ระบบเนื้อเยือ่ พื้น ประกอบด้วยเนื้อเยือ่ อื่นที่ไม่ใช่เนื้อเยือ่ ผิวและเนื้อเยือ่ ท่อลำเลียง
ได้แก่ พาเรงคิมา คอลเลงคิมา และสเกลอเลงคิมา  

3.Vascular tissue system


ระบบเนื้อเยือ่ ท่อลำเลียง ประกอบด้วยไซเล็มทำหน้าที่ลำเลียงน้ำ ธาต ุอาหาร
และโฟลเอ็มทำหน้าที่ลำเลียงอาหาร
Dicot Stem
Plant tissue Permanent tissue

เนื้อเยื้อถาวรที่มีหน้าที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของพืช เช่น
1.Epidermis
เอพิเดอร์มิสหรือเนื้อเยือ่ ชัน้ ผิว เป็นเนื้อเยือ่ ที่ อยูช่ นั้ นอกส ุดของพืช ทำหน้าที่
ป้องกันเนื้อเยือ่ ด้านใน
ส่วนใหญ่หนาเพียง 1 ชัน้ ประกอบด้วยเซลล์ที่มีชีวิตหลายชนิด ได้แก่ เซลล์
ผิว(epidermal cell) ซึ่งมีชนั้ คิวทิเคิล(cuticle) เคลือบผิวด้านที่สมั ผัสอากาศ
เพื่อลดการระเหยน้ำ เซลล์ค ุม(guard cell) เป็นเซลล์ที่มีร ูปร่างคล้ายไตหรือ
เมล็ดถัว่ แดง อยูเ่ ป็นคู่ประกบกัน มีช่องตรงกลาง เรียกว่า ร ูปากใบ(stomatal
pore) ภายในเซลล์ค ุมมีคลอโรพลาสต์ รวมเรียกเซลล์ค ุมและร ูปากไปว่าปาก
ใบ(stoma) นอกจากนี้อาจพบขนบริเวณเอพิเดอร์มิส 
Cuticle overlying upper epidermis in mesophyte leaf
Stomata
Plant tissue Permanent tissue

เอพิเดอร์มิสของรากมีความหนาเพียง 1 ชัน้ พบเซลล์ผิวมีคิวทินเคลือบบางๆและเซลล์


ขนราก(root hair cell) ซึ่งเป็นเซลล์ที่มีผนังด้านนอกยืน่ ยาวออกคล้ายขนและยาวกว่าความ
กว้างของเซลล์หลายเท่าเพื่อเพิ่มพื้นที่ผิวในการด ูดน้ำ
และธาต ุอาหาร ส่วนที่ยนื่ ยาวหรือที่เป็นขน
ไม่มีคิวทินเคลือบ มักขาดหล ุดได้ง่าย
Plant tissue Permanent tissue

2.Parenchyma
พาเรงคิมา พบทัว่ ไปในส่วนต่างๆของพืช
ประกอบด้วยเซลล์ที่มีชีวิตเรียกว่าเซลล์พาเรงคิ
มา(parenchyma cell)  พบเฉพาะผนังเซลล์ปฐมภ ูมิ
ที่บาง ทำหน้าที่เป็นเนื้อเยือ่ พื้น แบ่งตามลักษณะ
ร ูปร่างได้หลายแบบ เช่น ร ูปร่างหลายเหลี่ยมจน
เกือบกลม ร ูปร่างยาว ร ูปร่างเป็นแฉก โดยทัว่ ไปมี
การเรียงตัวที่ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างเซลล์ ถ้ามี
คลอโรพลาสต์จะทำหน้าที่สงั เคราะห์ดว้ ยแสง
นอกจากนี้ยงั ทำหน้าที่สะสมอาหาร และเก็บผลึก 
Plant tissue Permanent tissue

3.Collenchyma
คอลเลงคิมา ถัดจากเอพิเดอร์มิสของ
ลำต้นส่วนที่ยงั อ่อนของพืชล้มล ุกไม้
เลื้อยบางชนิดที่กา้ นใบและเส้นกลางใบ
ประกอบด้วยเซลล์ที่มีชีวิต เรียกว่า
เซลล์คอลเลงคิมา(collenchyma cell) มี
ลักษณะคล้ายเซลล์พาเรงคิมา แต่ผนัง
เซลล์ปฐมภ ูมิหนาไม่สม่ำเสมอกัน ทำ
หน้าที่พย ุงและทำให้เกิดความแข็งแรง
แก่โครงสร้างพืช
Plant tissue Permanent tissue

4.Sclerenchyma
สเกลอเลงคิมา พบในเนื้อเยือ่ พื้นของลำต้น ใบ ผล
เปลือกไม้ เปลือกผล เปลือกเมล็ด ประกอบด้วย เซลล์
สเกลอเลงคิมา(sclerenchyma cell)  เซลล์ไม่มีชีวิตมี
ผนังเซลล์ท ุติยภ ูมิหนา ให้ความแข็งแรงกับโครงสร้าง
ของพืช ประกอบด้วยเซลล์ 2 ชนิด คือเซลล์เส้นใยหรือ
ไฟเบอร์(fiber) และสเกลอรีด(sclereid)
Plant tissue Permanent tissue

5. Xylem
ไซเล็ม เป็นเนื้อเยือ่
ที่ทำหน้าที่ลำเลียงน้ำ
และธาต ุอาหาร
จากรากไปสูส่ ว่ นต่างๆ
ของพืชประกอบด้วย
เซลล์ 4 ชนิดได้แก่
เทรคีด เวสเซลเมมเบอร์
เซลล์พาเลงคิมา
และไฟเบอร์
Plant tissue Permanent tissue

โดยเซลล์ที่ทำหน้าที่ในการลำเลียงน้ำและธาต ุอาหารคือ เทรคีด(tracheid)


และเวสเซลเมมเบอร์(vessel member) ซึ่งเป็นเซลล์ที่ไม่มีชีวิต มีการสร้างผนัง
เซลล์ท ุติยภ ูมิไม่สม่ำเสมอเกิดเป็นลวดลายต่างๆบนผนังเซลล์ เทรคีดเป็น
เซลล์ที่มีร ูปร่างยาวลายค่อนข้างเสี้ยมแหลม ส่วนเวสเซลเมมเบอร์ เป็นเซลล์
ที่มีร ูปร่างยาว มะมีขนาดใหญ่กว่าเทรคีด ที่ดา้ นหัวและด้านท้ายของเซลล์มี
ช่องทะล ุทำให้มองเห็นผนังหัวท้ายมีลกั ษณะเป็นแผ่นมีรหู รือเพอร์ฟอเรชัน
เพลต เมื่อ Vessel member หลายๆเซลล์เรียงต่อกันจะมีลกั ษณะคล้ายท่อน้ำ
เรียก Vessel  
Plant tissue Permanent tissue

6.Phloem
 โฟลเอ็ม เป็นเนื้อเยือ่
ที่ทำหน้าที่ลำเลียงอาหาร
ที่สงั เคราะห์จากใบไปสูส่ ว่ น
ต่างๆของพืช ประกอบด้วย
เซลล์ 4 ชนิด ได้แก่
เซลล์ท่อลำเลียงอาหารหรือ
ซีฟทิวบ์เมมเบอร์
เซลล์ประกบหรือ
เซลล์คอมพาเนียน
เซลล์พาเรงคิมา และไฟเบอร์
Plant tissue Permanent tissue

เซลล์ที่ทำหน้าที่หลักในการลำเลียงอาหารคือซีฟทิวบ์เมมเบอร์ Sieve tube


member เป็นเซลล์ที่มีชีวิต แต่เมื่อเจริญเต็มที่ไม่มีนิวเคลียส มีแวคิวโอลขนาด
ใหญ่ที่มีอาหารอยู่ มีผนังเซลล์ปฐมภูมิบางและมีร ูเล็กๆ อยูเ่ ป็ นกลมุ่ ที่ผนัง
ด้านข้างและด้านหัวท้ายของเซลล์ ผนังด้านหัวและด้านท้ายมีลกั ษณะเป็น
แผ่นตะแกรงหรือซีฟเพลต(sieve plate) หรือซีฟทิวบ์ ส่วนเซลล์คอมพา
เนียน(companion cell) เป็นเซลล์ที่มีชีวิตมีตน้ กำเนิดร่วมกับซีฟทิวบ์เมมเบอร์
ที่อยูต่ ิดกัน โดยมีพลาสโมเดสมาตาจำนวนมากเชื่อมถึงกัน ทำหน้าที่ช่วยส่ง
เสริมการทำหน้าที่ของซีฟทิวบ์เมมเบอร์
Plant tissue Conclude

Plant tissue

Meristermatic Permanent

Apical Lateral Epidermis Sclerenchyma

Intercalary Parenchyma Xylem

Collenchyma Phloem
Plant tissue Conclude

Permanent tissue
1.Epidermis เป็นเนื้อเยือ่ ที่อยูช่ นั้ นอกส ุดของพืช ทำหน้าที่ป้องกันเนื้อเยือ่ ด้านใน
2.Parenchyma พบทัว่ ไปในส่วนต่างๆของพืช ประกอบด้วยเซลล์ที่มีชีวิต ผนังเซลล์ปฐม
ภ ูมิที่บาง
3.Collenchyma ถัดจากเอพิเดอร์มิส ประกอบด้วยเซลล์ที่มีชีวิต ผนังเซลล์ปฐมภ ูมิหนา
4.Sclerenchyma เซลล์ไม่มีชีวิตมีผนังเซลล์ท ุติยภ ูมิหนา
5. Xylem ลำเลียงน้ำและธาต ุอาหาร ประกอบด้วยเทรคีด เวสเซลเมมเบอร์
เซลล์พาเลงคิมา และไฟเบอร์
6.Phloem ลำเลียงอาหาร ประกอบด้วยซีฟทิวบ์เมมเบอร์ เซลล์คอมพาเนียน
เซลล์พาเรงคิมา และไฟเบอร์
Plant tissue Question
คำชี้แจง : ให้นกั เรียนเลือกคำตอบที่ถกู ต้องที่ส ุดเพียงข้อเดียว
1.เนื้อเยื้อเจริญ หมายถึงข้อใด
ก. ผนังเซลล์บาง มีนิวเคลียสขนาดใหญ่ ข. เซลล์มีชีวิต และแบ่งตัวเองตลอดเวลา
ค .มีนิวเคลียสขนาดใหญ่ แวคิวโอลขนาดเล็ก ง. มีช่องว่างระหว่างเซลล์ เซลล์มีขนาดใหญ่
2. เนื้อเยื้อในข้อใดส่งผลให้ลำต้นพืชมีรศั มีเพิ่มขึ้น
ก.วาสคิวลาร์แคมเบียม ข. ไซเล็ม ค. โฟลเอ็ม ง. พาเรงคิมา
3. ข้อใดไม่ใช่เนื้อเยือ่ ถาวร
ก. คอร์ก ข. คอลเลงคิมา ค. คอร์กแคมเบียม ง. สเกลอเรงคิมา
4. เนื้อเยื้อถาวรช่วยให้เซลล์พืชเป็นอย่างไร
ก. ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กบั เซลล์พืช ข. เป็นฐานสําหรับการแบ่งเซลล์อนั ต่อไป
ค. ช่วยในการลำเลี้ยงน้ำ ง. ถ ูกท ุกข้อ
5. ข้อใดคือความแตกต่างระหว่างลำต้นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบ เลี้ยงค ู่
ก. ลำต้นพืชใบเลี้ยงคู่มีเพียงท่อโฟลเอ็มเท่านัน้ ข. การเรียงตัวของกลมุ่ มัดท่อลำเลียงภายในลำต้น
ค. ลำต้นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวมีเพียงท่อไซเล็มเท่านัน้ ง. ไม่มีขอ้ ใดถูก
Plant tissue Work

1.ให้นกั เรียนเขียนสร ุปและออกแบบ


แผนผังเรือ่ ง Plant tissue พร้อม
อธิบายตามความเข้าใจ

2.ให้นกั เรียนวาด Vascular bundle :


Monocot stem พร้อมบอกว่าประกอบ
ด้วยอะไรบ้าง

You might also like