Professional Documents
Culture Documents
คู่มือครู วรรณคดีฯ ม.2
คู่มือครู วรรณคดีฯ ม.2
เฉ จ
พา ก
สร้างอนาคตเด็กไทย ะค ฟ
รูผ
ู้สอ ร
น ี
ด้วยนวัตกรรมการเรียนรูร
้ ะดับโลก
คู่มือครู
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÀÒÉÒä·Â ÇÃó¤´ÕáÅÐÇÃó¡ÃÃÁ Á. ๒
คูม
่ อ
ื ครู อจท.
ใช้ประกอบการสอนคู่กับหนังสือเรียน
วิธีการสอนเพื่อยกผลสัมฤทธิ์
เพิ่ม ผ่านกระบวนการเรียนรู้ 5Es
ข้อสอบวัดความสามารถ
เพิ่ม
ด้านการเรียนตามแนวสอบ
O-NET ใหม่
ตัวอย่างข้อสอบ O-NET
เพื่อชี้แนะเนื้อหาที่เคย
เพิ่ม ออกข้อสอบ
กิจกรรมบูรณาการทักษะชีวิต
ใหม่
และการทำงานตามแนวคิด
เศรษฐกิจพอเพียง
กิจกรรมเสริมสร้างประสบการณ์
พร้อม การเรียนรู้สอ
ู่ าเซียน
>> ราคาเล่มนักเรียนโปรดดูจากใบสัง
่ ซือ
้ ของ อจท. ภาพปกนีม
้ ข
ี นาดเท่ากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน
คู่มือครู บร. ภาษาไทย วรรณคดีฯ ม.2
ภาษาไทย
วรรณคดีและวรรณกรรม
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2 สําหรับครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate Engage Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
สมรรถนะของผูเรียน
คุณลักษณะอันพึงประสงค
หน า หน า
โซน 1 หนั ง สื อ เรี ย น หนั ง สื อ เรี ย น โซน 1
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ขอสอบ O-NET
นักเรียนควรรู
บูรณาการเชื่อมสาระ
โซน 2 โซน 3 โซน 3 โซน 2
กิจกรรมสรางเสริม บูรณาการ
เศรษฐกิจพอเพียง
กิจกรรมทาทาย
บูรณาการอาเซียน
มุม IT
2. สัญลักษณ
สัญลักษณ วัตถุประสงค สัญลักษณ วัตถุประสงค
คูม อื ครู
5Es การจัดกิจกรรมตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es
ขั้นตอนการสอนที่สัมพันธกับขั้นตอนการคิดและการทํางานทางสมองของผูเรียนที่นิยมใชอยางแพรหลาย คือ
วัฏจักรการเรียนรู 5Es ซึ่งผูจัดทําคูมือครูไดนํามาใชเปนแนวทางออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในแตละหนวย
ตามลําดับขั้นตอนการเรียนรู ดังนี้
ขั้นที่ 1 กระตุนความสนใจ (Engage)
เสร�ม
เปนขั้นที่ผูสอนนําเขาสูบทเรียน เพื่อกระตุนความสนใจของผูเรียนดวยเรื่องราวหรือเหตุการณที่นาสนใจโดยใชเทคนิควิธีการ
และคําถามทบทวนความรูหรือประสบการณเดิมของผูเรียน เพื่อเชื่อมโยงผูเรียนเขาสูความรูของบทเรียนใหม ชวยใหผูเรียนสามารถ 3
สรุปความสําคัญหัวขอและสาระการเรียนรูของบทเรียนได จึงเปนขั้นตอนการสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรียมความพรอมและสราง
แรงจูงใจใฝเรียนรูแกผูเรียน
คูม อื ครู
คําอธิบายรายวิชา
รายวิชา ภาษาไทย วรรณคดีและวรรณกรรม กลุมสาระการเรียนรู ภาษาไทย
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2 ภาคเรียนที่ 1-2
รหัสวิชา ท………………………………… เวลา 60 ชั่วโมง/ป
ตัวชี้วัด
ส 5.1 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5
รวม 5 ตัวชี้วัด
คูม อื ครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน
ภาษาไทย
วรรณคดีและวรรณกรรม ม.๒
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๒
กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
ผูเรียบเรียง
นางฟองจันทร สุขยิ่ง
นางกัลยา สหชาติโกสีย
นางสาวศรีวรรณ ชอยหิรัญ
นายภาสกร เกิดออน
นางสาวระวีวรรณ อินทรประพันธ
ผูตรวจ
นางประนอม พงษเผือก
นางจินตนา วีรเกียรติสุนทร
นางวรวรรณ คงมานุสรณ
บรรณาธิการ
นายเอกรินทร สี่มหาศาล
รหัสสินคา ๒๒๑๑๐๐๘
รหัสสินคา ๒๒๑๑๐๐๖
¾ÔÁ¾¤ÃÑ駷Õè 6 คณะผูจัดทําคูมือครู
ÃËÑÊÊÔ¹¤ŒÒ 2241017 ประนอม พงษเผือก
พิมพรรณ เพ็ญศิริ
สมปอง ประทีปชวง
เกศรินทร หาญดํารงครักษ
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน
ภาษาไทย
วรรณคดีและวรรณกรรม ม.๒
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๒
กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
พิมพครั้งที่ ๖
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
¤íÒá¹Ð¹íÒ㹡ÒÃ㪌˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹
หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน วรรณคดีและวรรณกรรมเลมนี้ สรางขึ้นเพื่อใหเปนสื่อสําหรับ
ใชประกอบการเรียนการสอนในรายวิชาพื้นฐาน กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๒
โดยเนื้อหาตรงตามสาระการเรียนรูแกนกลางขั้นพื้นฐาน อานทําความเขาใจงาย ใหทั้งความรูและ
ชวยพัฒนาผูเรียนตามหลักสูตรและตัวชี้วัด เนื้อหาสาระแบงออกเปนหนวยการเรียนรูตามโครงสรางรายวิชา
สะดวกแกการจัดการเรียนการสอนและการวัดผลประเมินผล พรอมเสริมองคประกอบอื่นๆ ที่จะชวยทําให
ผูเรียนไดรับความรูอยางมีประสิทธิภาพ
ºÍ¡àÅ‹Òà¡ŒÒÊÔº ໚¹àÃ×èͧ¹‹ÒÃÙŒà¾ÔèÁàµÔÁ¨Ò¡à¹×éÍËÒ
â´ÂÁÕá·Ã¡à»š¹ÃÐÂÐæ
µÑǪÕéÇÑ´áÅÐÊÒÃСÒÃàÃÕ¹Ãٌ᡹¡ÅÒ§ µÒÁ·ÕèËÅÑ¡Êٵà ẋ§à¹×Íé ËÒ໚¹ËÑÇ¢ŒÍà¾×Íè ÊÌҧ¤ÇÒÁࢌÒã¨
¡íÒ˹´ à¾×èÍãËŒ·ÃÒº¶Ö§à»‡ÒËÁÒÂ㹡ÒÃÈÖ¡ÉÒ ·Õè໚¹ÅíҴѺ¢Ñé¹
ºÍ¡àÅ‹Òà¡ŒÒÊÔº
๑ ¤ÇÒÁ໚¹ÁÒ
บทละครเรื่อง รามเกียรติ์ เปนวรรณคดี
อ
ที่ มี ค วามสํ า คั ญ เรื่ อ งหนึ่ ง และมี อิ ท ธิ พ ลต
ความคิดความเชือ่ ของคนไทย ในประวัตวิ รรณคดี
พบว า ไทยได รั บ เค า เรื่ อ งมาจากมห ากาพย
ง
“รามายณ ะ” ของอิ น เดี ย ซึ่ ง เผยแพร ม ายั
ประเทศไท ยไม ตํ่ า กว า ๙๐๐ ป ดั ง ปรากฏ
าพ
หลักฐานสําคัญที่ปราสาทหินพิมาย ซึ่งมีภ
น-
สลักศิลาเรื่องรามเกียรติ์ ในศิลาจารึกพอขุ รู ป ป น พระพิ ฆ เนศที่ วิ ท ยาลั ย นาฏศิ
ล ป กรุ ง เทพฯ รูปปนพระวิศวกรรมที่มหาวิทยาลั
ดา ออกแบบโดยศาสตราจารยศิลป
รามคําแหงมีการกลาวถึงถํ้าพระรามและถํ้าสี ในการจัดสรางวัตถุมงคลของกรมศิ
พีระศรี เปนตนแบบ ราชมงคลรัตนโกสินทร วิทยาเขตเพ
ยเทคโนโลยี-
เรื่องรามเกียรติ์ที่ปรากฏในวรรณคดีเดิมนั้นจะมี ลปากร าะชาง
ทย ภาพศิลาจําหลักบนทับหลังที่ปราสาทหินพิมายแสดงภาพ
หรือไม ไมพบหลักฐานแนชัดแตมีวรรณคดีไ พระพิฆเนศ
รติ์ รามเกียรติ์ ตอน พระลักษมณตองศรนาคบาศ
หลายเรื่องที่ยกเหตุการณจากเรื่องรามเกีย พระวิศวกรรม
า) พระพิฆเนศเปนเทพทีม่ รี ปู กายเป
ไปกลาวอาง เชน ราชาพิลาปคําฉันท (นิราศสีด อภายใน มีพระเศียรเปนชาง เปนเทพแห นมนุษย พระวิศวกรรมเปนเทวดานายช
ครวญของพ ระราม ตอนออกเดินทางติดตามหานางสีดาหรื างใหญ
มีเนื้อความที่เปนการพรรณนาครํ่า เปรื่ อ งในศิ ล ปะทุ ก แขนงแล
งความปราด ผูสรางเครื่องมือและสิ่งของทั
ื่องรามเกียรติ์ ดังบทประพันธ ะเป น เทพที่ อ ยู ้งหลายใหเกิดขึ้น
โคลงทวาทศมาสก็มีการกลาวอางชื่อตัวละครจากเร และเปนแบบอยางใหแกมนุษ
ó
เหนืออุปสรรคหรือสามารถขจั ยสืบมา
ดความขัดของ ชางไทยใหความเคารพบูชาพระวิ
ทศรถ ทั้งมวลได ศ วกรรม
“ปางบุตรนคเรศไท เมื่ อ พิ จ ารณาค วามหม ายในทา ในฐานะครูชา ง ดังจะเห็นไดวา มี
การประดษิ ฐาน
หนวยที่ จากสีดาเดียวลี ลาศแลว”
พระวรกายที่อวนพี มีความหมา งสรี ร ะ รูปพระวิศวกรรมตามสถาบ
ันการศึกษาทาง
ยวา ความ การชาง โดยนิยมสรางอยูส
ศิลาจารึกหลักที่๑ งเกา บทละครรามเกียรติ์ครั้งกรุงเกาและบท อุดมสมบูรณ พระเศียรที่เปน องปาง คือ ปาง
นอกจากนี้ ยังมีบทพากยรามเกียรติ์ครั้งกรุ
ชาง (พระเศียร ประทับนั่งหอยพระบาท พระหั
ใหญ) หมายถึงมีปญญามาก ตถขางหนึ่งถือ
า กรุ ง ธนบุ ร ี ดั งบทประพันธ พระเนตรที่เล็ก “ผึง้ ” (จอบสําหรับขุดไม) อีกขางถื
ตัวชี้วัด พระราชนิ พ นธ ข องสมเด็ จ พระเจ คือ สามารถแยกแยะสิง่ ถูกผิด อ “ดิง่ ” และปาง
พระกรรณและ ประทับยืน พระหัตถขวาถือไม
■
■
สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน (ท
วิเคราะหวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน พรอ
๕.๑ ม.๒/๑)
มยกเหตุผลประกอบ
พ อขุนรามคําแหงมหาราชกษตั ริยร าชวงศ “บัดนั้น นวลนางสีดามารศรี พระนาสิกที่ใหญ หมายถึง
สามารถพิจารณาสิง่ ตางๆ ได
มีสัมผัสที่พิเศษ พระหัตถซายถือลูกดิ่งหรือไม
เมตรหรือไมวา
ฉาก ซึ่ง
พระร ว ง แห ง อาณาจั ก รสุ โ ขทั ย ทรงประดิ ขานี้เปนเมียพระรามา” อยางดีเลิศและมี เครื่ อ งมื อ ช า งสํ า หรั บ วั ด ระยะแล ลวนเปน
(ท ๕.๑ ม.๒/๒)
■ อธิบายคุณคาของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ
าน (ท ๕.๑ ม.๒/๓) อักษรไทย เมือ่ พ.ศ. ๑๘๒๖ และโปรดเกลา
ษ ฐ
ฯ ใหจารึก
กมเกลากราบทูลทันที พระพาหนะเปนหนู ซึ่งอาจเปร
ียบไดกับความ ะวั ด ความ
■ สรุปความรูและขอคิดจากการอานเพื่อประยุก
ตใชในชีวิตจริง พระราชประ วั ติ ข องพระองค ความเป คิดที่พุงพลาน รวดเร็ว เที่ยงตรงเปนการแฝงปรัชญาให
(ท ๕.๑ ม.๒/๔) น มาของ
ก ารณ เ สี ย กรุ ง ศรี อ ยุ ธ ยาครั ้งที่ ๒ วรรณคดีของชาติถูกเผาทําลาย เปนผูมีความแมนยํา เที่ยงตรง
ชางทั้งหลาย
อาณาจักรสุโขทัย พระราชกรณียกิจที่สํา
คัญ วิถีชีวิต เมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๐ ในเหตุ ไมเอนเอียงใน
และสภาพบานเมืองสมัยสุโขทัยไวในหลั งกอบกู เอกราชและตั้งกรุงธนบุรีเปนราชธานี ทางปฏิบัติและวิชาชีพ
เปนจํานวนมาก ครั้นสมเด็จพระเจาตากสินมหาราชทร
สาระการเรียนรูแกนกลาง กศิลาหรือที่
คนไทยเรียกวา “ศิลาจารึก”
การวิเคราะหคุณคาและขอคิดจากวรรณคดี
ราชนิพนธรามเกียรติ์ในตอน พระมงกุฎประลองศร
พระองคทรงฟนฟูวรรณคดีของชาติ โดยทรงพระ
■
à¡ÃÔè¹¹íÒà¾×èÍãˌࢌÒ㨶֧ÊÒÃÐÊíÒ¤ÑÞ
ã¹Ë¹‹Ç·Õè¨ÐàÃÕ¹
¤íÒÈѾ·¤ÇÃÃÙŒ ¨Ò¡à¹×éÍËÒà¾×Íè à¾ÔÁè ¾Ù¹áÅТÂÒÂ
¾ÃÁá´¹¤ÇÒÁÃÙ㌠ˌ¡ÇŒÒ§¢ÇÒ§ÍÍ¡ä»
Design ˹ŒÒẺãËÁ‹ ÊǧÒÁ ¾ÔÁ¾ ô ÊÕ ¤í Ò ¶ÒÁ»ÃШí Ò Ë¹‹ Ç Â¡ÒÃàÃÕ Â ¹ÃÙŒ á ÅÐ¡Ô ¨ ¡ÃÃÁÊÃŒ Ò §ÊÃä
µÅÍ´àÅ‹Á ª‹ÇÂãˌ͋ҹ·íÒ¤ÇÒÁࢌÒã¨ä´Œ§‹Ò ¾Ñ²¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒà¾×è;Ѳ¹Ò¼ÙŒàÃÕ¹ãËŒÁդسÀÒ¾µÒÁµÑǪÕéÇÑ´
�ย ล่าช้าง
คว�มหม ่า คือ เห
“ศรีวิไลวิลาสดีเป็นศรีเมือง” หารสี่เหล
ด้วยเหตุนี้นานาประเทศจึงต่างยกย่องศิลปะว่าเป็นสิ่ง ยถึง พลท
เสนา หมา
คือ ศิลปะเป็นสิง่ แสดงความเจรญ ิ ของบ้านเมือง เป็นสิง่ ทีส่ วยงามและเป็นเกียรติเป็นศรีแ
ก่ประเทศชาติ
คำ�ศัพท์ � า เต ม
็
มาจากค ล่าม้า เหล่า
จัตุรงค ราบ
นกยูง
ค�ำถำม ประจ�ำหน่วยกำรเรียนรู้
ซึ่งหากชาติใดไม่มีความสงบสุข คนในชาติ แพนของ
นอกจากนี้ศิลปะยังเป็นสิ่งแสดงถึงความสงบสุขของชาติ เหล่ารถ เห งออกร�า
ผลงานศิลปะ แต่หากชาติใดบ้านเมือง จัตุรงค์ ผ่แพนหา
ก็จะมุ่งต่อสู้ทำาศึกสงครามจนไม่มีเวลาสนใจในการสร้างสรรค์ อาการแ ไหมห้อย ป
๑. ขณะนี้มีการส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ต่อกันแพร่หลาย (ที่เรียกว่า Forward Mail) นักเรียนจะน�า
านเมืองให้งดงาม ท�าเนียบ ชั้น มีสาย ม เป็นรู
สงบสุข คนในชาติก็ย่อมสร้างสรรค์ศิลปะเพื่อประดับประดาบ้
ข้อคิดจากโคลงสุภาษิตนฤทุมนาการในข้อใดไปใช้เพื่อเป็นหลักในการพิจารณาข้อมูลที่ได้รับ
า แห น่ ง ต รส าม ว ดอกกล
ฉว
าง ต�
รื่องสูง เป
็นรูป ฉั ้ายใบแก้ ๒. นักเรียนคิดว่าเพราะเหตุใดนิทานอีสปจึงเป็นที่รู้จักแพร่หลายไปทั่วโลก
หนึ่งในเค ้พุ่ม ใบคล
งระวาง าง เป็นไม
ช้า หร อ
ื ช้ อ งน ๓. “สามสิ่งควรเกลียด สามสิ่งควรรังเกียจติเตียน สามสิ่งควรสงสัย สามสิ่งควรละ” ที่กล่าวใน
สาย ซร้องนาง ม โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์ นักเรียนเห็นด้วยหรือไม่ และถ้าปฏิบัติตามจะเกิดผลดีอย่างไรบ้าง
ชุม ปากแตร ถึง ไม่แหล ้ม
้องนงพงา ทู่ หมาย ลเข ๔. ให้นักเรียนเลือกบทประพันธ์ในหน่วยการเรียนรู้นี้ ๑ บท มาถอดค�าประพันธ์และบอกข้อดีใน
ซร โทษของ ง สีน�้าตา
เป็นรูปโท นาดกลา การปฏิบัติตาม
าย ค ือ กวางข ๆ อยู่ทั่วไป
เนื้อ ทร วจาง ๕. นิทานอีสปแต่ละเรื่องที่น�ามาศึกษาให้ข้อคิดอย่างไรบ้าง จงอธิบาย
ถู้ ตา มล า
� ตั วมีจุดขา เนื้อทราย
าย าฝูง
ทร ญ่ที่เป็นจ่ สีทองแด
ง
ช้างตัวให ีกายเป็น
ลหนึ่ง ส
ทอ ก ช้างตระกู ระ ที น
่ ั่ง ล้ า ย
ังเป็นช้างพ ีเกล็ด รูป
ร่างค ง
งแดง ชื่อช้างพ หนึ่ง ไม่ม บอก และครีบท้
อ
ทอ �้าจืดชนิด รี
ีลา ชื่อปลาน แต่มีครีบหลัง ค ขาวเด่นอยู่เหนือ
เทพล ย
ปลาสวา ็นเส้น และมีจุดสี ้ม
จิตรกรรมฝาผนัง วิหารพระพุทธไสยาสน์ วัดพระเชตุพน- เท พา วเป
ยื่นยา ะหลังกระพ ง
ุ ้ แก
ร่างคล้าย เทพา กิจกรรม สร้ำงสรรค์พัฒนำกำรเรียนรู้
หน้าบันปูนปั้นตามแบบศิลปะพระราชนิยมในรัชกาล ครีบอกแล ีเกล็ด รูป
วิมลมังคลาราม ฝีมือช่างสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ที่มี หนึ่ง ไม่ม ู่เหนือครีบอก
ที่ ๓ ที่ พ ระอุ โ บสถวั ด พิ ชั ย ญาติ ก าราม แสดงให้ �้าจืดชนิด อย
ความสามารถในการเขียนภาพและระบายสีให้เกิดเป็น ชื่อปลาน แต่มีจุดสีด�าเด่น ดตามยาว เดียว กิจกรรมที่ ๑ ใ ห้นักเรียนอ่านนิทานอีสปเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติม น�ามาเล่าหน้าชั้นเรียน ระบุข้อคิดที่
เห็นถึงฝีมือและความสามารถของช่างปั้นในการใช้ ย กินอยู่ตัว
วั ส ดุ ป ระเภทปู น และอื่ น ๆ มาสร้ า งให้ เ ป็ น รู ป ทรง
ลวดลายต่างๆ ได้อย่างงดงาม
โพ ปลาสวา สีเรียบไม่มีลายพา แย กจ ากฝูงไปหา ได้รับจากเรื่อง
และลวดลายที่สวยงาม เท พื้นล�าตัว ถึงช้างท
ี่ชอบ
ญรุ่งเรืองของชาติและคน รือหมาย
ศิลปะจึงมีคุณค่าในฐานะที่เป็นเครื่องแสดงถึงความเจริ โดดเดี่ยว ห ัพ กิจกรรมที่ ๒ เ ขียนเรียงความแสดงความคิดเห็น โดยน�าหัวข้อจากโคลงสุภาษิตมาเป็นประเด็น
้ากองท
ค์ที่จะเห็นคนไทยให้ความสำาคัญ ธงน�าหน ยของชัย
ชนะ เช่นมิตรสหายที่ดี หนังสือดี อ�านาจปัญญา เป็นต้น
ในชาติ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชประสง โทน เครื่องหมา ท่าไก่บ้าน
บ สนุ น ศิ ล ปิ น และบำ า รุ ง ศิ ล ปะตลอดจน ธงซึ่งเป็น
กั บ ศิ ล ปะและวิ ช าช่ า งแขนงต่ า งๆ ด้ ว ยการช่ ว ยกั น สนั ธงฉา
น
ิดหนึ่ง ต
ัวใหญ่เ ยาวด�า ตาแดง
่ว่า “เราช่วยช่างเหมือนอย่างช่วยบ้านเมือง ชื่อนกชน ลแดง ตัวด�า หาง ปากงุ้ม
กิจกรรมที่ ๓ ใ ห้นักเรียนแต่งค�าขวัญที่มีเนื้อความสอดคล้องกับโคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ โดยใช้
วิชาช่างของไทยให้มีความมั่นคงถาวรสืบไป ดังความที ธง ไช ย
่า นกตั้วหรือ
นกกระต
ั้ว
ค�าไม่เกิน ๒๐ ค�า แต่งให้มีสัมผัสคล้องจอง
ให้ประเทืองเทศไทยอันไพศาล” กด ปีกสีน�้าตา นก
ั้ว เป็นชื่อ ก้ว แต่ตัวโตกว 89
ัคคี บทเสภา ตอน สามัคคีเสวก มุ่งแสดง นก ือนกกระต กแ
๓) สะท้อนคุ ณ ธรรมหน้ า ที แ
่ ละความสาม นกตั้วหร นึ่ง ลักษณะคล้ายน
งพร้อมใจกันปฏิบัติหน้าที่ในตำาแหน่งของตน จ� า พว กห
ความคิดที่ว่า ชาติจะดำารงอยู่ได้อย่างมั่นคง ข้าราชการต้อ นก
ตั้ว
ความเคร่งครัดในระเบียบวินัย ซึ่งล้วนแต่
ด้วยความพยายาม ไม่คำานึงถึงความสุขส่วนตัว ตลอดจนมี
ง มี ต่ อ พระมหากษั ต ริ ย์ ผู้ ท รงเป็ น
เป็ น ความประพฤ ติ ที่ แ สดงถึ ง ความจงรั ก ภั ก ดี ที่ ข้ า ราชการพึ
คคีปรองดองให้สมกับเป็นข้าราชการ
“เหมือนบิดาบังเกิดหัว” และที่สำาคัญที่สุดคือต้องมีความสามั 139
เ ดี ย วกั น ดั ง บทประพั น ธ์
ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์
30
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
สารบัญ
ตอนที่ ๕
วรรณคดีและวรรณกรรม
บทนํา (๑)
หนวยการเรียนรูที่ ๑ โคลงภาพพระราชพงศาวดาร ๒
หนวยการเรียนรูที่ ๒ บทเสภาสามัคคีเสวก ๑๘
ตอน วิศวกรรมาและสามัคคีเสวก
หนวยการเรียนรูที่ ๓ ศิลาจารึกหลักที่ ๑ ๓๔
หนวยการเรียนรูที่ ๔ บทละครเรื่อง รามเกียรติ์ ๕๒
ตอน นารายณปราบนนทก
หนวยการเรียนรูที่ ๕ กาพยหอโคลงประพาสธารทองแดง ๘๐
หนวยการเรียนรูที่ ๖ โคลงสุภาษิตพระราชนิพนธ ๑๐๒
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว
หนวยการเรียนรูที่ ๗ กลอนดอกสรอยรําพึงในปาชา ๑๔๐
หนวยการเรียนรูที่ ๘ นิราศเมืองแกลง ๑๕๙
บทอาขยาน ๑๘๐
บรรณานุกรม ๑๘๔
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. บอกความหมายวรรณคดีและวรรณกรรมได
บทนำ� 2. อธิบายคุณคาของวรรณคดี
• ดานเนื้อหา
วรรณคดีเป็นงานสร้างสรรค์อนั ล�า้ ค่า แสดงถึงภูมปิ ญ
ั ญาอันปราดเปรือ่ งของกวีทถี่ า่ ยทอดความรู้
• ดานวรรณศิลป
ความคิด แนวทางการด�าเนินชีวิตที่ดีงาม ถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึก ความเข้าใจโลกและเข้าใจชีวิต
• ดานสังคม
ผ่านความคิด พฤติกรรมของตัวละคร สะท้อนภาพสังคม แสดงให้เห็นสัจธรรมและวิสัยหรือธรรมชาติ
ของมนุษย์ในสังคม การอ่านวรรณคดีจึงท�าให้ผู้อ่านได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลินใจจากเนื้อเรื่อง
3. บอกขอคิดทีน่ าํ ไปประยุกตใชในชีวติ ประจําวัน
ได้รับรสไพเราะจากการใช้ถ้อยค�า ส�านวนโวหาร ท่วงท�านองการประพันธ์และยังท�าให้ได้ความรู้ 4. นําหลักการวิเคราะหคุณคาวรรณคดี
ข้อคิด คติธรรม ซึ่งสามารถน�ามาปรับใช้ในชีวิตได้ ดังนั้น วรรณคดีไทยจึงเป็นสมบัติอันล�้าค่าของชาติ
ทีค่ นไทยควรอ่านอย่างวิเคราะห์และพิจารณา เพือ่ การอนุรกั ษ์และสืบทอดเป็นมรดกของลูกหลานต่อไป
กระตุน ความสนใจ Engage
๑ ความหมายของวรรณกรรมและวรรณคดี ครูยกตัวอยางวรรณคดีที่ไดรับการยกยองจาก
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช ๒๕๕๔ ให้ความหมายของ วรรณกรรม ไว้ว่า วรรณคดีสโมสรใหเปนยอดแหงวรรณคดี จากนั้น
หมายถึง งานหนังสือ งานประพันธ์ บทประพันธ์ทุกชนิด ทั้งที่เป็นร้อยแก้วและร้อยกรอง งานนิพนธ์ สอบถามนักเรียนเกี่ยวกับหลักการวิจารณคุณคา
ที่เรียบเรียงขึ้นทุกชนิด เช่น หนังสือ จุลสาร สิ่งเขียน สิ่งพิมพ์ ปาฐกถา ค�าปราศรัย สุนทรพจน์ วรรณคดีดา นเนือ้ หา ดานวรรณศิลป และดานสังคม
และหมายความรวมถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (แนวตอบ ตัวอยางวรรณคดีที่ไดรับการยกยอง
วรรณคดี หมายถึง วรรณกรรมที่ได้รับการยกย่องว่าแต่งดี มีคุณค่า มีศิลปะในการประพันธ์
จากวรรณคดีสโมสรใหเปนยอดแหงวรรณคดี
มีทั้งวรรณคดีที่เป็นร้อยแก้วและร้อยกรอง เช่น สามก๊ก พระราชพิธีสิบสองเดือน รามเกียรติ์ อิเหนา
เชน ลิลิตพระลอ อิเหนา ขุนชางขุนแผน เปนตน
ขุนช้างขุนแผน พระอภัยมณี เป็นต้น
สวนหลักการวิจารณคุณคาวรรณคดีดานเนื้อหา
จากความหมายจะเห็นว่าวรรณกรรมมีความหมายกว้างกว่าวรรณคดี และวรรณคดีทุกเรื่อง
นับว่าเป็นวรรณกรรมแต่วรรณคดีต้องได้รับการยกย่องว่าแต่งดีและมีคุณค่า ค�าว่า “วรรณคดี” มีขึ้นใน คือ การคนหาคุณคาทางความรูที่ไดจากเนื้อเรื่อง
พ.ศ. ๒๔๕๗ เมื่อมีการก่อตั้งวรรณคดีสโมสรโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการแต่งหนังสือทั้งร้อยแก้ว ดานวรรณศิลป คือ ลีลา และความงดงามทางดาน
และร้อยกรอง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงแต่งตั้งนักปราชญ์ราชบัณฑิตทั้งหลาย การใชภาษา และดานสังคม คือ ภาพสะทอนดาน
ในสมัยนั้น ให้พิจารณาหนังสือที่แต่งขึ้นตั้งแต่เมื่อมีวรรณกรรมเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรกใน สังคม วิถชี วี ติ ศาสนา ความเชือ่ การศึกษา ประเพณี
สมัยสุโขทัย เพื่อพระราชทานรางวัลแก่ผู้แต่งหนังสือได้ดีและยกย่องให้เป็นวรรณคดีที่เป็นสมบัติ วัฒนธรรมฯ ที่ปรากฏในเรื่อง)
อันมีค่าของชาติ ควรเป็นมรดกตกทอดถึงลูกหลานไทย
วรรณคดี คือ หนังสือที่แต่งดี ถูกต้องตามระเบียบกฎเกณฑ์ทางภาษา มีรูปแบบการแต่ง สํารวจคนหา Explore
เหมาะสมกับเนื้อหา มีสาระที่เป็นประโยชน์ ไม่ชักน�าไปในทางที่เสื่อมเสีย มีคุณค่าทางสังคมคือ
ให้ความรู้ ความคิด ให้คติสอนใจ เข้าใจโลกและเห็นสัจธรรมของมนุษย์ สะท้อนให้เห็นสภาพชีวิต 1. นักเรียนคนหาความหมายของคําวา “วรรณคดี”
ความคิด ความเชื่อของบรรพชน ผู้อ่านสามารถน�าความรู้ ข้อคิด คติธรรม ไปใช้ให้เป็นประโยชน์ 2. นักเรียนสืบคนประเภทของวรรณคดีไทย เชน
ในการด�ารงชีวิตและพัฒนาตนเองให้ก้าวหน้า รวมทั้งมีคุณค่าด้านวรรณศิลป์คือให้ผู้อ่านได้รับอรรถรส วรรณคดีศาสนา วรรณคดีประเพณี วรรณคดี
และเสี ย งเสนาะของถ้ อ ยค� า ท่ ว งท� า นองและลี ล าการประพั น ธ์ ใช้ ภ าษาที่ ไ พเราะทั้ ง ด้ า นเสี ย ง ยกยองเชิดชูเกียรติ เปนตน
และความหมาย มีความประณีตในการใช้ถ้อยค�า ท�าให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจตามเนื้อเรื่องที่อ่าน 3. นักเรียนศึกษาหลักการวิจารณคุณคาวรรณคดี
(1) ดานเนื้อหา ดานวรรณศิลป และดานสังคม
พรอมทั้งหลักการวิเคราะหขอคิดที่สามารถ
นําไปปรับใชในชีวิตประจําวัน
เกร็ดแนะครู
ครูทบทวนความรูเกี่ยวกับแนวทางการศึกษาวรรณคดีและวรรณกรรม การนํา
ความรูพื้นฐานไปใชเปนเครื่องมือในการศึกษาและเขาถึงวรรณคดีและวรรณกรรม
ไทยเรื่องตางๆ โดยครูอาจสรุปลักษณะของวรรณคดีใหนักเรียนเขาใจในเบื้องตน
แลวจัดกิจกรรมที่เนนสรางความเขาใจเปนรายบุคคล เปดโอกาสใหมีการซักถาม
ตั้งประเด็นและแสดงความคิดเห็นในชั้นเรียน ครูแนะใหนักเรียนเรียนรูมารยาทของ
ผูพูดและผูฟงในระหวางการดําเนินกิจกรรม
คูมือครู (1)
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. จากการศึกษาความหมายของวรรณคดีและ 1
วรรณกรรม นักเรียนชวยกันอธิบายความ โมสร เช่น
หนังสือที่ได้รับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสร
แตกตางระหวางวรรณคดีกับวรรณกรรม • ลิลิตพระลอ เป็นยอดแห่งวรรณคดีประเภทลิลิต
(แนวตอบ วรรณคดีคือหนังสือที่แตงดี ถูกตอง • สมุทรโฆษค�ำฉันท์ เป็นยอดแห่งวรรณคดีประเภทฉันท์
ตามหลักเกณฑทางภาษา มีรูปแบบการแตง • มหำชำติกลอนเทศน์ เป็นยอดแห่งวรรณคดีประเภทกาพย์
เหมาะสมกับเนื้อหา มีสาระประโยชน มีคุณคา • ขุนช้ำงขุนแผน เป็นยอดแห่งวรรณคดีประเภทกลอนเสภา
ดานสังคม แฝงแงคิด สะทอนความคิดความเชื่อ • อิเหนำ เป็นยอดแห่งวรรณคดีประเภทกลอนบทละครร�า
ของคนยุคนั้นๆ และมีการใชภาษาที่ทําใหผูอาน
เกิดอรรถรส ถูกยกยองโดยวรรณคดีสโมสรใน ๒ คุณค่าของวรรณคดี
สมัย รัชกาลที่ 6 สวนวรรณกรรม คือ หนังสือที่ หนังสือทีไ่ ด้รบั การยกย่องเป็นวรรณคดีนนั้ ต้องเป็นหนังสือทีแ่ ต่งดี คือ มีศลิ ปะในการน�าเสนอเรือ่ ง
แตงดี มีกลวิธีการนําเสนอนาสนใจ อาจไมโดด มีความงามของการใช้ถ้อยค�าหรือที่เรียกว่าสุนทรียภาพ ท�าให้ผู้อ่านได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลิน
เดนดานวรรณศิลปและเปนวรรณกรรมที่เกิดขึ้น จรรโลงจิตใจ สามารถยกระดับจิตใจ ไม่ชกั น�าให้ประพฤติเสือ่ มลง มีคณ ุ ค่าทัง้ ด้านเนือ้ หา ด้านวรรณศิลป์
หลังวรรณคดีสโมสรลมเลิกไป) ด้านสังคม และข้อคิดที่สามารถน�าไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ�าวันได้
2. นักเรียนรวมอภิปรายเกี่ยวกับการวิเคราะห ๒.๑ คุณค่าด้านเนือ้ หา
คุณคาดานเนื้อหาในวรรณคดี พรอมยกตัวอยาง ๑) ได้รับควำมรู้ควำมเข้ำใจในเรื่องต่ำงๆ มำกขึ้น ผู้อ่านจะได้รับความรู้ทั้ง
วรรณคดีที่ไดประโยชนตางๆ ดังนี้ เกี่ยวกับวัฒนธรรมประเพณี สภาพสังคม การเมืองการปกครอง การด�ารงชีวิตของคนในสมัยต่างๆ
• ไดรับความรู เชน ศิลาจารึก และความรู ้ อื่ น ๆ อี ก มากมายจากการอ่ า นวรรณคดี เช่ น การอ่ า นศิ ล าจารึ ก หลั ก ที่ ๑ ของ
• ไดรับประสบการณ เชน ไกลบาน พ่อขุนรามค�าแหงมหาราช ท�าให้เข้าใจพระราชประวัติของพ่อขุนรามค�าแหงมหาราช สภาพบ้านเมือง
• เกิดจินตนาการและพัฒนาความคิด เชน การปกครอง วัฒนธรรมประเพณี และการขยายอาณาเขตของกรุงสุโขทัย ดังตัวอย่าง
พระอภัยมณี
• พัฒนาจิตใจผูอาน เชน สุภาษิตสอนหญิง ...เมืองสุโขทัยนี้ มีสปี่ ากประตูหลวง เทีย้ รย่อมคนเสียดกัน เข้ามาดูทา่ นเผาเทียน
ท่านเล่นไฟ...
(ศิลาจารึกหลักที่ ๑: พ่อขุนรามค�าแหงมหาราช)
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
ใดใดในโลกลวน อนิจจัง
1 หนังสือที่ไดรับการยกยองจากวรรณคดีสโมสร ในสมัยพระบาทสมเด็จ-
คงแตบาปบุญยัง เที่ยงแท
พระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 6 มี 10 เรื่อง ดังนี้
คือเงาติดตัวตรัง ตรึงแนน อยูนา
1. “ลิลิตพระลอ” เปนยอดแหงวรรณคดีประเภทลิลิต
ตามแตบาปบุญแล กอเกื้อรักษา
2. “สมุทรโฆษคําฉันท” เปนยอดแหงวรรณคดีประเภทฉันท
ขอใดเปนคุณคาดานเนื้อหาของบทประพันธขางตน
3. “มหาชาติกลอนเทศน” ยอดแหงวรรณคดีประเภทกาพย (รายยาว)
1. ไดรูเรื่องราวทางประวัติศาสตร
4. “สามกก” ยอดแหงวรรณคดีประเภทความเรียงนิทาน
2. ไดพัฒนาความคิดจิตนาการ
5. “เสภาเรื่องขุนชางขุนแผน” ยอดแหงวรรณคดีประเภทกลอนสุภาพ
3. ไดรูแงคิดคตินิยมของสังคม
6. “บทละครเรื่องอิเหนา” ยอดแหงวรรณคดีประเภทกลอนบทละคร
4. ไดรับประสบการณ
7. “พระราชพิธีสิบสองเดือน” เปนยอดแหงความเรียงอธิบาย
8. “หัวใจนักรบ” เปนเลิศประเภทบทละครพูด วิเคราะหคําตอบ เนื้อหาของบทประพันธขางตนเกี่ยวกับหลักธรรม
9. “พระนลคําหลวง” เปนหนังสือที่ไดรับยกยองวาแตงดีอีกเรื่องหนึ่งใน คําสอนเรื่องอนิจจัง ไมมีอะไรเที่ยงแท คุณคาดานเนื้อหาของบทประพันธ
กวีนิพนธประเภทคําหลวง จึงเปนการไดรูแงคิดคตินิยมของสังคมสมัยนั้น ตอบขอ 3.
10. “มัทนะพาธา” เปนยอดของบทละครพูดคําฉันท
(2) คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับประเด็นคุณคาดาน
๓) เกิดจินตนำกำรและพัฒนำควำมคิด จินตนาการเป็นภาพทีเ่ กิดขึน้ ในใจของผูอ้ า่ น เนื้อหาของวรรณคดี
จากค�าบรรยาย ค�าพรรณนา และค�าอุปมาอุปไมยเปรียบเทียบจนเห็นภาพได้ชัดเจน โดยจินตนาการ • วรรณคดีชวยพัฒนาความคิดและจิตใจของ
ของแต่ละคนไม่เหมือนกันแต่เป็นสิ่งที่สวยงามและมีคุณค่าที่สุดที่ได้รับจากการอ่าน เป็นจุดเริ่มต้นของ ผูอานอยางไร
การสร้างความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เช่น การอ่านวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณี กวีกล่าวถึงม้านิลมังกร (แนวตอบ วรรณคดีคือเรื่องราวของมนุษย
ว่ามีลักษณะเขี้ยวเป็นเพชร เกล็ดเป็นนิล ลิ้นเป็นปาน ดังบทประพันธ์ วรรณคดีสะทอนเรื่องราวตางๆ ที่เกี่ยวกับ
มนุษยไดทุกเรื่อง ไมวาเปนความสูงสง เชน
พระนักสิทธิ์พิศดูเป็นครู่พัก หัวร่อคักรูปร่างมันช่างขัน
ความรัก ความเสียสละ ความกลาหาญ
เมื่อตัวเดียวเจียวกลายเป็นหลายพันธุ์ ก�าลังมันมากนักเหมือนยักษ์มาร
ความซื่อสัตย เปนตน หรือความตํ่าตอย
กินคนผู้ปูปลาหญ้าใบไม้ มันท�าได้หลายเล่ห์อ้ายเดรฉาน
เชน ความชัง ความชั่วราย ความเห็นแกตัว
เขี้ยวเป็นเพชรเกล็ดเป็นนิลลิ้นเป็นปาน ถึงเอาขวานฟันฟาดไม่ขาดรอน
ความอิจฉา พยาบาท เปนตน ซึง่ ลวนแลวแต
(พระอภัยมณี: สุนทรภู่)
เปนเรื่องของชีวิตมนุษย แตภาพที่สะทอน
1
ผู้ที่อ่านวรรณคดีจะเกิดจินตนาการไปตามเนื้อเรื่องและท�าให้เกิดผลงานด้านศิลปะ ออกมาจากวรรณคดีนั้น เพื่อสงเสริมความ
แขนงอื่นๆ เช่น จิตรกรรม (การวาดภาพ) ประติมากรรม (การปั้นและแกะสลัก) นาฏศิลป์ (การแสดง ดีงามใหคุณคาทางดานจิตใจ กลาวคือเมื่อ
ละครและฟ้อนร�า) เป็นต้น สะทอนความผิดของมนุษยออกมาก็เพื่อจะ
๔) พัฒนำจิตใจผูอ้ ำ่ น วรรณคดีตา่ งๆ และวรรณกรรมปัจจุบนั ทีไ่ ด้รบั การยกย่องว่าเป็น ใหหลีกเลี่ยง เตือนสติ พึงระวังไมปฏิบัติตาม
หนังสือดี มีเนื้อหาสาระ มีเรื่องราวที่สนุก อ่านแล้วสบายใจ คลายเครียด โดยกวีนิพนธ์สามารถ เปรียบเทียบใหเห็นความแตกตางระหวาง
กล่อมเกลาจิตใจให้อ่อนโยน ให้ข้อคิดคติธรรม อีกทั้งสอนให้ประพฤติดีประพฤติชอบ สร้างสรรค์ สิ่งดีงามและสิ่งชั่วราย)
จรรโลงใจให้เกิดก�าลังใจยามท้อแท้ ประกอบกับสามารถพัฒนาจิตใจ ยกระดับความรู้ ความคิดและ
สติปัญญาให้สูงขึ้น ดังบทประพันธ์ ขยายความเขาใจ Expand
อันนัยน์ตาพาตัวให้มัวหมอง เหมือนท�านองแนะออกบอกกระแส นักเรียนระดมความคิดชวยกันยกตัวอยาง
จริงมิจริงเขาก็เอาไปเล่าแซ่ คนรังแกมันก็ว่านัยน์ตาคม วรรณคดีที่มีความนาสนใจและใหคุณคาดาน
อันที่จริงหญิงชายย่อมหมายรัก มิใช่จักตัดทางที่สร้างสม เนื้อหาในวรรณคดีที่นักเรียนเคยไดอานหรือเรียน
แม้นจักรักรักไว้ในอารมณ์ อย่ารักชมนอกหน้าเป็นราคี มาแลว
ดังพฤกษาต้องวายุพัดโบก เขยื้อนโยกก็แต่กิ่งไม่ทิ้งที่ (แนวตอบ ตัวอยางเชน กาพยพระไชยสุริยา
จงยับยั้งชั่งใจเสียให้ดี เหมือนจามรีรู้จักรักษากาย เปนแบบฝกอาน เขียน ภาษาไทยและใหแนวปฏิบัติ
(สุภาษิตสอนหญิง: สุนทรภู่) เรื่องการบําเพ็ญตนถือศีล โคลงโลกนิติใหขอ คิด
คําสอนในการดําเนินชีวติ อาทิ ความพอเพียง การ
จากบทประพันธ์สะท้อนให้เห็นค่านิยมในการสอนบุตรหลานที่เป็นผู้หญิง ให้รู้จัก
คบเพื่อน นิราศภูเขาทอง ใหขอคิดวาชีวิตไมมีอะไร
รักนวลสงวนตัว ไม่ประพฤติตนให้มัวหมองหรือเกิดความเสื่อมเสีย
แนนอน เปนตน)
(3)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ปลาราพันหอดวย ใบคา
1 ศิลปะ สามารถแบงตามลักษณะของสื่อในการแสดงออก สื่อในการแสดงออก
ใบก็เหม็นคาวปลา คละคลุง
หรือเรียกอีกนัยหนึง่ วา สือ่ สุนทรียภาพ (ซึง่ ไดแก เสน สี ปริมาตร เสียง ภาษา ฯลฯ)
คือคนหมูไปหา คบเพื่อน พาลนา
ของงานศิลปะแตละสาขา ยอมแตกตางกันไปตามธรรมชาติของการแสดงออก
ไดแตรายรายฟุง เฟองใหเสียพงศ ฯ
ซึ่งอาจแบงออกได 5 สาขา คือ
บทประพันธขางตนสะทอนคุณคาดานเนื้อหาในขอใดเดนชัดที่สุด
1. จิตรกรรม (Painting) เปนศิลปะที่แสดงออกดวยการใชสี แสง เงา และ
1. พัฒนาจิตใจผูอาน
แผนภาพที่แบนราบเปน 2 มิติ
2. ไดรับประสบการณ
2. ประติมากรรม (Sculpture) เปนศิลปะที่แสดงออกดวยการใชวัสดุ และ
3. เกิดจินตนาการและพัฒนาความคิด
ปริมาตรของรูปทรง
4. ไดรับความรูความเขาใจในเรื่องตางๆ
3. สถาปตยกรรม (Architecture) เปนศิลปะที่แสดงออกดวยการใชวัสดุ
วิเคราะหคําตอบ บทประพันธขางตนมีคุณคาดานเนื้อหา คือ ชวยพัฒนา โครงสราง และปริมาตรของที่วางกับรูปทรง
จิตใจผูอาน นําเสนอเนือ้ หาเกีย่ วกับการเลือกคบคน ซึง่ ถือเปนการนําเสนอ 4. วรรณกรรม (Literature) เปนศิลปะที่แสดงออกดวยการใชภาษา
ขอคิดเปนหลัก ฉะนั้น การพัฒนาจิตใจของผูอานจึงมีความเดนชัดที่สุด 5. ดนตรีและนาฏกรรม (Music and Drama) เปนศิลปะที่แสดงออกดวย
ตอบขอ 1. การใชเสียง (หรือภาษา) และความเคลื่อนไหวของรางกาย
คูมือครู (3)
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนรวมอภิปรายเกี่ยวกับความสําคัญของ
วรรณศิลปในวรรณคดีไทย อันค�าคมลมบุรุษนั้นสุดกล้า เขาย่อมว่ารสลิ้นนี้กินหวาน
(แนวตอบ วรรณศิลปเปนองคประกอบสําคัญที่ จงระวังตั้งมั่นในสันดาน อย่าลนลานหลงละเลิงด้วยเชิงชาย
บงชี้ความเปนวรรณคดี วรรณศิลปเปนทั้งหลักการ (สุภาษิตสอนหญิง: สุนทรภู่)
ประพันธหนังสือ และเปนทั้งหลักการประเมินคุณคา
ในขณะเดียวกัน กวีผูประพันธวรรณคดีจึงตองเขาใจ จากบทประพันธ์จะเห็นว่ากวีตงั้ ใจให้เป็นค�าสอนผูห้ ญิง ว่าอย่าหลงใหลกับค�าหวานของ
หลักวรรณศิลป) ผู้ชาย เพราะอาจเป็นค�าพูดที่ไม่มีความจริงใจ ปั้นแต่งขึ้น หากหญิงใดเชื่อฟังและปฏิบัติตามค�าสอน
ย่อมเป็นสตรีที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี สมเป็นกุลสตรีที่ดีงามตามค่านิยมของสังคมไทย
1
ขยายความเขาใจ Expand ๒.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์
หนังสือที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นวรรณคดีหรือวรรณกรรมดีเด่นต้องมีกลวิธีการเขียน
นักเรียนรวมกันคนหาขอความหรือบทประพันธ
ที่ดีและเหมาะสมกับรูปแบบของค�าประพันธ์แต่ละประเภท การน�าเสนอเรื่องราวไม่สับสน ชวนให้
จากวรรณคดีหรือวรรณกรรมเรื่องอื่นๆ ที่สะทอนให
น่าสนใจน่าติดตาม การใช้ภาษาสละสลวย ไพเราะ ทั้งถ้อยค�า เสียงและความหมาย ใช้ส�านวน
เห็นการใชโวหารบรรยายและโวหารพรรณนา พรอม
โวหารถูกต้อง เกิดความสนุกสนาน เกิดจินตนาการตามเนื้อเรื่อง ท�าให้เพลิดเพลิน ได้รสไพเราะจาก
ยกตัวอยางประกอบ
เสียงเสนาะและถ้อยค�า
(แนวตอบ ตัวอยางบรรยายโวหารและตัวอยาง
การที่ผู้อ่านจะเกิดจินตนาการตามเนื้อเรื่องได้จะต้องเข้าใจการใช้ส�านวนโวหารและ
พรรณนาโวหาร
ภาพพจน์เพื่อให้เห็นภาพ เกิดอารมณ์สะเทือนใจ และมีความรู้สึกคล้อยตาม
• ตัวอยางบรรยายโวหาร การบรรยายเกาะแกว ๑) กำรใช้โวหำร โวหารที่ใช้ในการประพันธ์ มีดังนี้
พิสดารในเรื่องพระอภัยมณี ๑.๑) บรรยำยโวหำร คือ การเขียนบรรยายเหตุการณ์ทเี่ ป็นข้อเท็จจริงของสิง่ ต่างๆ
“อันเกาะแกวพิสดารสถานนี้ อย่างตรงไปตรงมา ดังบทประพันธ์
โภชนาสาลีก็มีถม
แตคราวหลังครั้งสมุทรโคดม เมื่อนั้น เทวาสุราฤทธิ์ทุกทิศา
มาสรางสมสิกขาสมาทาน” สุบรรณคนธรรพ์วิทยา ต่างมาเฝ้าองค์พระศุลี
(พระอภัยมณี: สุนทรภู) ครั้นถึงซึ่งเชิงไกรลาส คนธรรพ์เทวราชฤๅษี
• ตัวอยางพรรณนาโวหาร การพรรณนาที่ให ก็ชวนกันย่างเยื้องจรลี เข้าไปยังที่อัฒจันทร์
อารมณความรูสึกของความหวัง นนทกก็ล้างเท้าให้ เมื่อจะไปก็จับหัวสั่น
“ชั่วเหยี่ยวกระหยับปกกลางเปลวแดด สัพยอกหยอกเล่นเหมือนทุกวัน สรวลสันต์เยาะเย้ยเฮฮา
รอนที่แผดก็ผอนเพลาพระเวหา (รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก: พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช)
พอใบไหวพลิกริกริกมา จากบทประพันธ์บรรยายให้เห็นภาพนนทกถูกเหล่าเทวดา ครุฑ และคนธรรพ์
ก็รูวาวันนี้มีลมวก แกล้งหยอกเย้าและหัวเราะเยาะเย้ยทุกวัน
เพียงกระเพื่อมเลื่อมรับวับวับไหว ๑.๒) พรรณนำโวหำร คือ การเล่ารายละเอียดของเรื่องราวเพื่อให้ผู้อ่านเกิด
ก็รูวานํ้าใสใชกระจก จินตภาพตามบทประพันธ์ของกวี ดังบทประพันธ์
เพียงแววตาคูนั้นหวั่นสะทก (4)
ก็รูวาในอกมีหัวใจ”
(เพียงความเคลื่อนไหว: เนาวรัตน พงษไพบูลย))
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ในการจัดการเรียนการสอนเกีย่ วกับกลวิธกี ารใชโวหารในการเรียบเรียงถอยคํานัน้ ผลเดื่อเมื่อสุกไซร มีพรรณ
ครูผูสอนควรเนนใหนักเรียนพิจารณาองคประกอบทางภาษาลักษณะตางๆ จากบท ภายนอกแดงดูฉัน ชาดบาย
ประพันธที่มีเนื้อหาหลากหลาย รวมถึงบทประพันธที่มีรูปแบบฉันทลักษณที่มีความ ภายในยอมแมลงวัน หนอนบอน
หลากหลาย โดยพิจารณาเปรียบเทียบลักษณะคําประพันธแตละประเภทกับโวหาร ดุจดั่งคนใจราย นอกนั้นดูงาม ฯ
แตละชนิด เพื่อใหนักเรียนเห็นลักษณะความแตกตางกันของโวหาร ในการจัดการ บทประพันธขางตนใชโวหารประเภทใดเดนชัดที่สุด
เรียนการสอนนั้น ครูควรใหนักเรียนคิดพิจารณาดวยตนเอง เพื่อนําไปปรับใชในการ 1. บรรยายโวหาร
ศึกษาบทประพันธเรื่องอื่นๆ ตอไป 2. พรรณนาโวหาร
3. สาธกโวหาร
4. เทศนาโวหาร
นักเรียนควรรู วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เทศนาโวหาร เปนการใชโวหารเพื่อมุง
สั่งสอน ชักจูงจิตใจของผูอานใหคลอยตาม โวหารประเภทนี้มักมีโวหาร
1 คุณคาดานวรรณศิลป เปนความงดงามทางการใชภาษาที่แตกตางกันตาม
ประเภทอื่นเปนองคประกอบ จากบทประพันธขางตนใหขอคิดเกี่ยวกับ
ความสามารถของกวี การที่กวีเนนความงามทางวรรณศิลปมาก เนื่องจากตองการ
การพิจารณาบุคคล ไมควรพิจารณาเฉพาะภายนอกแตเพียงอยางเดียว
เนนอารมณความรูสึกของกวีถายทอดผานการใชภาษาที่งดงาม
(4) คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับประเด็นที่เคย
ต้นแคคางกร่างกระทุ่มชอุ่มออก ทั้งช่อดอกดูไสวเหมือนไม้เขียน มีผูกลาววา “วรรณคดีเปนกระจกสะทอนสังคม”
1
เจ้าพลายเพลินเดินพลางตามทางเกวียน ตลอดเลี่ยนลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยมา (แนวตอบ วรรณคดีเปนเสมือนกระจกสะทอน
ถึงโคกฆ้องหนองสะพานบ้านกะเหรี่ยง เห็นโรงเรียงไร่ฝ้ายทั้งซ้ายขวา สังคม เนื่องจากวรรณคดีทําใหผูอานมองเห็น
พริกมะเขือเหลืองงามอร่ามตา สาลิกาแก้วกินแล้วบินฮือ สภาพสังคมในสมัยที่แตงวรรณคดีเรื่องนั้นๆ ได
เห็นไก่เตี้ยเขี่ยคุ้ยที่ขุยไผ่ กระโชกไล่ลดเลี้ยวมันเปรียวปรื๋อ อยางชัดเจน เชน วิถีชีวิต วัฒนธรรมประเพณี
พบนกยูงฝูงใหญ่ไล่กระพือ มันบินหวือโห่ร้องคะนองใจ ความเชื่อและคานิยม ฯลฯ)
(ขุนช้างขุนแผน ตอน ก�าเนิดพลายงาม: สุนทรภู่)
ขยายความเขาใจ Expand
จากบทประพันธ์กวีได้พรรณนาถึงเรื่องราวขณะที่พลายงามเดินทางกลางป่า
เพื่อไปพบนางทองประศรี พรรณนาถึงความงามของต้นแค คาง กร่าง กระทุ่ม พรรณนาถึงพฤติกรรม นักเรียนรวมกันคนหาขอความหรือบท
ของนกสาลิกา นกแก้ว ไก่ และฝูงนกยูง โดยกวีเลือกใช้กริยาแสดงอาการ คุณสมบัติ และภาพพจน์ ประพันธที่สะทอนใหเห็นการใชเทศนาโวหารและ
เปรียบเทียบเพื่อให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพตามเนื้อเรื่องที่ได้อ่าน สาธกโวหาร พรอมยกตัวอยางประกอบ
๑.๓) เทศนำโวหำร คือ โวหารที่มุ่งในการสั่งสอน ชักจูงจิตใจผู้อ่านให้คล้อยตาม (แนวตอบ ตัวอยางเชน
ดังบทประพันธ์ • ตัวอยางเทศนาโวหาร ตอน โยคีสอน
สุดสาครในเรื่องพระอภัยมณี
แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล�้าเหลือก�าหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน�้าใจคน
“บัดเดี๋ยวดังหงางเหงงวังเวงแวว
(พระอภัยมณี: สุนทรภู่)
สะดุงแลวเหลียวแลชะแงหา
เห็นโยคีขี่รุงพุงออกมา
จากบทประพันธ์เป็นตอนทีพ่ ระฤๅษีสอนสุดสาครว่า อย่าไว้ใจใครง่ายๆ เพราะจิตใจ ประคองพาขึ้นจนบนบรรพต
มนุษย์นั้นยากแท้หยั่งถึง แม้เถาวัลย์ที่คดเคี้ยว ก็ไม่คดเท่าใจคน แลวสอนวาอยาไวใจมนุษย
๑.๔) สำธกโวหำร คือ โวหารที่มีจุดมุ่งหมายให้ความชัดเจนด้วยการยกตัวอย่าง มันแสนสุดลึกลํ้าเหลือกําหนด
ประกอบ เพื่ออธิบายสนับสนุนความคิดเห็นให้ผู้อ่านเข้าใจและเกิดความเชื่อถือ ดังบทประพันธ์ ถึงเถาวัลยพันเกี่ยวที่เลี้ยวลด
ก็ไมคดเหมือนหนึ่งในนํ้าใจคน”
...อ�านาจความสัตย์เป็นอ�านาจศักดิ์สิทธิ์ ไม่เพียงแต่จับหัวใจคน แม้แต่สัตว์ก็ยัง
(พระอภัยมณี: สุนทรภู)
มีความรู้สึกในความสัตย์ซื่อ เมื่อกวนอูตายแล้ว ม้าของกวนอูก็ไม่ยอมกินหญ้า กินน�้าและ
• ตัวอยางสาธกโวหาร ตอน โยคีเทศนาทหาร
ตายตามเจ้าของไปในไม่ช้า ไม่ยอมให้หลังของมันสัมผัสกับผู้อื่นนอกจากนายของมัน...
(สามก๊ก: เจ้าพระยาพระคลัง (หน))
ทัพลังกาและเมืองผลึกในเรื่องพระอภัยมณี
“คือรูปรสกลิ่นเสียงไมเที่ยงแท
จากบทประพันธ์จะเห็นว่าข้อความแสดงความคิดหลักที่ต้องการเสนอ คือ อ�านาจ ยอมเฒาแกเกิดโรคโศกสงสาร
ความสัตย์เป็นอ�านาจศักดิ์สิทธิ์ บุคคลที่ตั้งอยู่ในความสัตย์เป็นผู้ประเสริฐ มีสิริมงคลแก่ตนเอง และ ความตายหนึ่งพึงเห็นเปนประธาน
เป็นที่นับถือของบุคคลอื่น ไม่เพียงแต่จับหัวใจคน แม้แต่สัตว์ก็ยังมีความรู้สึกในความสัตย์ซื่อ หวังนิพพานพนทุกขสุขสบาย
ซึ่งบานเมืองเคืองเข็ญถึงเชนนี้
(5)
เพราะโลกียตัณหาพาฉิบหาย
อันศีลหาวาอยาทําใหจําตาย
จะตกอบายภูมิขุมนรก”
ขอสอบเนน การคิด
(พระอภัยมณี: สุนทรภู))
จากบทประพันธ์กล่าวถึงความปรานีของแผ่นดินทีม่ ตี อ่ มนุษย์และเปรียบว่าแผ่นดิน
คือ มารดาของมนุษย์ ให้มนุษย์ได้อยู่อาศัย
๒.๓) อติพจน์ คือ การใช้ถ้อยค�าเพื่อการกล่าวเกินจริง ดังบทประพันธ์
โฉมแม่จักฝากฟ้า ฤๅดิน ดีฤ ๅ
เกรงเทพไท้ธรณินทร์ ลอบกล�้า
ฝากลมเลื่อนโฉมบิน บนเล่า นะแม่
ลมจะชายชักช�้า ชอกเนื้อเรียมสงวน
(นิราศนรินทร์ค�าโคลง: นายนรินทรธิเบศร์ (อิน))
(6)
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ในการจัดการเรียนการสอนเกีย่ วกับการใชภาพพจนในบทประพันธ ครูควรเพิม่ เติม ขอใดใชภาพพจนอติพจน
ความรูค วามเขาใจเกีย่ วกับกลวิธกี ารใชโวหารภาพพจนวา การใชโวหารภาพพจนเปน 1. ระฤกชูแกวเกลื่อน ใจตาย แลแม
การพลิกแพลงภาษาทีใ่ ชในการพูดและการเขียนใหแปลกออกไปจากทีใ่ ชกนั อยูท วั่ ไป 2. เรียมรางเปนตนเลย นานอง
เมื่อมีการใชโวหารในบทประพันธที่มีความสอดคลองกันดานคุณคาทางวรรณศิลป 3. เลือดตายิ่งฝนพลาย ทุกยาน
ทั้งในดานภาษา เนื้อหา และรูปแบบของบทประพันธ จะกอใหเกิดจินตภาพ มีรส 4. อกพี่เพียงฟารอง เรียกศรี
อารมณความรูสึกของผูอาน ซึ่งตางจากการใชภาษาอยางตรงไปตรงมา วิเคราะหคําตอบ จากโคลงดั้นกําสรวลศรีปราชญบทนี้ กวีแสดงความคิดถึง
การใชโวหารภาพพจนนนั้ มีหลายลักษณะแตกตางกันไป แตลกั ษณะรวมของกลวิธี นางอันเปนที่รักอยางชัดเจน ขอ 1. ความคิดถึงของกวีแทบจะขาดใจ ขอ 2.
การใชโวหารภาพพจนที่มีรวมกันคือ การใชโวหารภาพพจนเปนการสื่อความหมาย ความคิดถึงของกวีแทบจะทําใหกวีไมเหลือชีวิต ขอ 3. กวีครํ่าครวญรองไห
โดยนัย ครูผูสอนสามารถเพิ่มเติมความรูความเขาใจเกี่ยวกับกลวิธีการใชโวหาร หานางจนนํ้าตาเปนเลือดมากกวาฝนที่ตกในที่ไหนๆ ขอ 4. เสียงครํ่าครวญ
ภาพพจนในการสื่อสาร ดวยการอานบทประพันธที่มีโวหารภาพพจนแตกตางกันให เรียกหานางในอกพี่ดังเหมือนฟารอง ขอที่มีการใชอติพจนกลาวเกินจริงเพื่อ
นักเรียนฟง จากนั้นใหนักเรียนบอกวาโวหารภาพพจนในแตละขอมีความแตกตาง เนนความรูสึกคิดถึงนางที่เดนชัดที่สุด “เลือดตายิ่งฝนพลาย ทุกยาน”
กันในดานใดบางอยางไร เพื่อใหนักเรียนสามารถนําความรูดังกลาวไปปรับประยุกต ตอบขอ 3.
ในการศึกษาบทเรียนเรื่องอื่นๆ ไดตอไป
(6) คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
ครูอธิบายการสังเกตลักษณะของโวหารภาพพจน
จากบทประพันธ์เป็นการเลือกสรรถ้อยค�าเพื่อให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์ ความรู้สึก แตละชนิด ดังนี้ อุปมา อุปลักษณ อติพจน
คล้อยตามกวีและเกิดจินตภาพถึงความรัก ความหวงแหน ของกวีที่มีต่อนางอันเป็นที่รัก เมื่อจะน�า บุคคลวัต และสัทพจน
นางไปฝากกับฟ้า ฝากกับดิน ฝากกับเทวดา หวั่นเกรงจะถูกลอบเชยชม แม้จะฝากกับลมก็เกรงว่า (แนวตอบ ลักษณะของภาพพจนตางๆ
ลมจะพัดผิวกายของนางให้ชอกช�า้ ซึง่ ในความเป็นจริงสิง่ ทีก่ วีกล่าวถึงเป็นไปไม่ได้ แต่เป็นการใช้ถอ้ ยค�า อุปมา หมายถึง การเปรียบเทียบวาสิ่งหนึ่ง
ให้ฟังหนักแน่นยิ่งขึ้น เน้นย�้าเพื่อแสดงถึงความรักและหวงแหนที่มีต่อนางอันเป็นที่รัก
เหมือนกับอีกสิ่งหนึ่ง การเปรียบเทียบดวยวิธีนี้จะ
๒.๔) บุ ค คลวั ต หรื อ บุ ค ลำธิ ษ ฐำน คื อ การกล่ า วถึ ง สิ่ ง ที่ ไ ม่ มี ชี วิ ต จิ ต ใจให้ มี
การกระท�าและความรู้สึกนึกคิดอย่างมนุษย์ ดังบทประพันธ์
มีคําแสดงความหมายวา “เหมือน” ปรากฏอยูดวย
เชน เหมือน เสมือน ดุจ ประดุจ ดัง เพียง คลาย
เพชรน�้าค้างค้างหล่นบนพรมหญ้า เย็นหยาดฟ้ามาฝันหลงวันใหม่ ปูน ราว ฯลฯ
เคล้าเคลียหยอกดอกหญ้าอย่างอาลัย เมื่อแฉกดาวใบไผ่ไหวตะวัน อุปลักษณ หมายถึง การเปรียบเทียบของ
(วารีดุริยางค์: เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์) สิ่งหนึ่งเปนอีกสิ่งหนึ่ง
จากบทประพันธ์น�้าค้างท�ากิริยาเหมือนมนุษย์ คือ น�้าค้างที่ค้างอยู่บนใบหญ้าและ อติพจน หมายถึง การกลาวผิดไปจากที่
แสดงกิริยา “หลง” คือไม่ยอมจากใบหญ้าเฝ้าแต่เคล้าเคลียและหยอกกับดอกหญ้าด้วยความอาลัย เปนจริง เปนการกลาวเกินจริง โดยมีเจตนาเนน
ไม่อยากจากไปเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น ขอความที่กลาวนั้นใหมีนํ้าหนักยิ่งขึ้น ใหความรูสึก
๒.๕) สัทพจน์ คือ การใช้คา� เลียนเสียงธรรมชาติ โดยใช้ตวั อักษรสะกดให้ออกเสียง เพิ่มขึ้น
คล้ายกับเสียงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หรือที่ได้ยินทั่วไปมากที่สุด ดังบทประพันธ์ บุคคลวัต หรือบุคลาธิษฐาน หมายถึง การ
เปรียบเทียบดวยการสมมุติใหสิ่งที่ไมมีชีวิตหรือสิ่ง
เกือบรุ่งฟุ้งกลิ่นเกลี้ยง เพียงสุคน
หึ่งหึ่งพึ่งเวียรวล ว่อนเคล้า มีชีวิตอื่นๆ ซึ่งมิใชคนแสดงกิริยาอาการ อารมณ
(โคลงนิราศสุพรรณ: สุนทรภู่) หรือความรูสึกนึกคิดเหมือนคน
สัทพจน หมายถึง การเลียนเสียงธรรมชาติ
จากบทประพันธ์กวีใช้ค�าเลียนเสียงธรรมชาติ คือ เสียงบินของผึ้งว่า มีเสียงดัง เพื่อใหเกิดภาพชัดเจน)
“หึ่ง หึ่ง” ซึ่งเป็นการใช้ภาษาในการสร้างภาพและเสียงให้แก่ผู้อ่านอย่างชัดเจน
๓) กำรใช้ภำษำให้เกิดเสียงเสนำะ คือ การเลือกใช้ถ้อยค�าให้เกิดเสียงเสนาะ ท�าให้ ขยายความเขาใจ Expand
บทประพันธ์เกิดความไพเราะ ดังนี้
๓.๑) กำรเล่นค�ำ คือ กลวิธที ใี่ ช้คา� ค�าเดียวกันซ�า้ ในบทประพันธ์แต่ความหมายของ นักเรียนจับคูกันยกตัวอยางบทประพันธจาก
ค�าจะแตกต่างกัน ดังบทประพันธ์ วรรณคดีเรื่องอื่นๆ ที่มีการใชภาพพจน
ลางลิงลิงลอดไม้ ลางลิง (แนวตอบ ตัวอยางการใชภาพพจนอุปมา ตอนที่
แลลูกลิงลงชิง ลูกไม้ นางรจนากลาวประชดเจาเงาะ เมื่อเจาเงาะคุยอวด
ลิงลมไล่ลมติง ลิงโลด หนีนา วาแตงกายงามแลว
แลลูกลิงลางไหล้ ลอดเลี้ยวลางลิง “เห็นแลววาประเสริฐเลิศมนุษย
(ลิลิตพระลอ: ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง) ราวกับเทพบุตรสุดปญญา
(7) งามแลวคะชะเจาอยาเฝาอวด
เพริศพริ้งยิ่งยวดเปนหนักหนา”
(สังขทอง: รัชกาลที่ 2))
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนศึกษาและคนหาภาพพจนที่มีใชในวรรณคดีและวรรณกรรมไทย ครูควรเพิม่ เติมความรูเ กีย่ วกับการพิจารณาคุณคาทางวรรณศิลปของบทประพันธ
นอกเหนือจากที่กลาวในหนังสือเรียน อยางนอย 2 ประเภท การพิจารณาศิลปะในการประพันธหรือคุณคาทางวรรณศิลปของวรรณคดีไทยนั้น
นักเรียนควรเนนการพิจารณาความไพเราะของเสียงเปนสําคัญ เนื่องจากวัฒนธรรม
ทางภาษาของไทยเนนความไพเราะจากเสียงในบทประพันธ
กิจกรรมทาทาย นักเรียนควรพิจารณากลวิธีการใชคําใหเกิดความไพเราะ โดยเฉพาะอยางยิ่งใน
การพิจารณาบทรอยกรอง ซึ่งอาจเกิดจากรสคําที่กวีเลือกใช โดยความไพเราะที่เกิด
จากรสคํานัน้ เกิดจากการทีก่ วีเลือกใชคาํ ภาษากวี ซึง่ มีลกั ษณะพิเศษเปนคําทีม่ คี วาม
นักเรียนยกบทประพันธที่มีการใชภาพพจนที่นอกเหนือจากที่กลาวใน ไพเราะ เหมาะสมกับบทประพันธแตละบททั้งในดานเสียงและความหมาย
หนังสือเรียนมา 1 ตัวอยาง พรอมอธิบายใหเห็นวาเปนการใชภาพพจนใน นักเรียนควรพิจารณาความหมายของคําที่กวีสรรมาใชในบทประพันธดวยวา
ลักษณะใด คําที่ใชในบทประพันธนั้นแฝงคุณคาดานความหมายที่มีความลึกซึ้งทางดานอรรถรส
ของคําอยางไร อาจเปนการใชคํานอยกินความมาก หรือเปนการวางคําเพื่อใหเกิด
ความรูสึกอยางหลากหลายชวยใหผูอานสามารถตีความบทประพันธไดอยางหลาก
หลายอีกดวย
คูมือครู (7)
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนรวมกันคนควาและสรุปคํานิยามของ
ประโยคที่วา “คุณคาดานรูปธรรมและคุณคาดาน จากบทประพันธ์กวีใช้การเล่นค�าที่ออกเสียงเหมือนกันแต่ความหมายต่างกันว่า
นามธรรม’ ลิงบางตัวลอดเถาไม้ลางลิงเล่น ลูกลิงบางตัวลงชิงลูกไม้กนิ ส่วนลิงลมพอถูกลมพัดก็แล่นโลดหนีไปโดยเร็ว
(แนวตอบ คุณคาดานนามธรรม หมายถึง คุณคา เหมือนกับลมพัด ลูกลิงบางตัวก็เล่นไล่กัน บางตัวก็หนีโดยลอดเถาไม้ลางลิงไป (ไหล้ คือ ไล่ เป็นโทโทษ)
ที่เกี่ยวกับดานความรูสึก เชน ความรัก ความชั่ว ๓.๒) กำรใช้เสียงสัมผัส นอกจากสัมผัสนอกซึ่งเป็นสัมผัสบังคับแล้ว วรรณคดี
ความดี คานิยม สวนคุณคาดานรูปธรรม หมายถึง จะมีความไพเราะยิ่งขึ้นหากใช้สัมผัสใน คือ สัมผัสสระและสัมผัสอักษร ดังบทประพันธ์
คุณคาที่ประเมินไดดวยสายตา เชน วิถีชีวิต
อุศเรนเอนเอกเขนกสนอง ตามท�านององอาจไม่ปรารถนา
การแตงกาย วัตถุ สถานที่)
เราก็รู้ว่าท่านเจ้ามารยา หมายจะมามัดเชือดเอาเลือดเนื้อ
(พระอภัยมณี: สุนทรภู่)
ขยายความเขาใจ Expand
จากบทประพันธ์มีสัมผัสใน ได้แก่ สัมผัสสระ คือ (อุศ)เรน - เอน เอก - เขนก
นักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ (อง)อาจ - ปรารถ(นา) เรา - เจ้า ว่า - (มาร)ยา ท่าน - มาร(ยา) เชือด - เลือด และมีสัมผัสอักษร
ความชื่นชอบในวรรณคดีที่มีคุณคาดานสังคม ได้แก่ อุศ(เรน) - เอน - เอก เ(ข)นก - (ส)นอง (ท�า)นอง - (ปรารถ)นา อง - อาจ เรา - รู้ หมาย - มา - มัด
คนละ 1 เรื่อง พรอมนําเสนอในรูปแบบผังมโนทัศน
(แนวตอบ ตัวอยางผังมโนทัศน ๒.๓ คุณค่าด้านสังคม
คุณค่าของวรรณคดีด้านสังคม แบ่งเป็น ๒ ลักษณะใหญ่ คือ
ธรรมะยอมชนะอธรรม ๑) คุณค่ำด้ำนนำมธรรม เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้แต่สัมผัสได้ด้วยความรู้สึก เช่น
ความดี ความชั่ว ค่านิยม จริยธรรมของคนในสังคม ดังบทประพันธ์
เป็นธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ
ดานนามธรรม อย่างดีเลิศตามมีและตามเกิด ให้เพลิดเพลินกายากว่าจะกลับ
(พระร่วง: พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว)
จากบทประพันธ์แสดงให้เห็นวัฒนธรรมในการต้อนรับแขกของคนไทยที่เต็มใจต้อนรับ
บทละครเรื่องรามเกียรติ์
แขกด้วยของที่ดีที่สุด ให้มีความสะดวกกาย สบายใจจนกว่าแขกจะเดินทางกลับ
ตอน นารายณปราบนนทก
๒) คุณค่ำด้ำนรูปธรรม เป็นสิ่งที่จับต้อง มองเห็นได้ สัมผัสด้วยกายได้ เช่น สภาพ
ความเป็นอยู่ วิถีชีวิต การแต่งกาย การก่อสร้างทางวัตถุ เป็นต้น ดังบทประพันธ์
ขอสอบเนน การคิด
บูรณาการอาเซียน แนว NT O-NE T
การศึกษาวรรณคดีครูแนะใหนักเรียนศึกษาในฐานะที่เปนภาพสะทอนของสังคม เปนทําเนียมไทยแทแตโบราณ ใครมาถึงเรือนชานตองตอนรับ
ในบางแงมุม หรือภาพโดยรวมของทุกสังคม โดยเฉพาะอยางยิ่งวรรณคดีในภูมิภาค อยางดีเลิศตามมีและตามเกิด ใหเพลิดเพลินกายากวาจะกลับ
เอเชียตะวันออกเฉียงใตที่มีความสอดคลองสัมพันธกับความเชื่อของคนในสังคม บทประพันธขางตนสะทอนคุณคาดานสังคมสอดคลองกับขอใดมาก
เชน ในสมัยที่ศาสนาพราหมณ-ฮินดูและพุทธศาสนาไดเขาไปเผยแผในอินโดนีเซีย ที่สุด
วรรณคดีของอินโดนีเซียมีความเจริญอยางรวดเร็ว หนังสือที่มีชื่อเสียงในระยะนั้นได 1. วิถีชีวิต
แกเรื่องเนการาเกอรตากามา ซึ่งเปนเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตรความยิ่งใหญ และ 2. คานิยม
อํานาจของอาณาจักรมัชปาหิต 3. คุณธรรม
นอกจากนี้ยังมีเรื่องปาราราตัน เปนเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตรของกษัตริย 4. พิธีกรรม
อินโดนีเซียในสมัยนั้น เขียนเปนภาษาชวาโบราณ แตตอมาเมื่อศาสนาอิสลามได วิเคราะหคําตอบ คานิยม หมายถึง สิ่งที่บุคคลหรือสังคมยึดถือเปน
แพรเขาไปในอินโดนีเซีย ก็ไดมีผูเขียนหนังสือเกี่ยวกับคําสอนของศาสนาอิสลาม เครื่องชวยตัดสินใจ และกําหนดการกระทําของตนเอง สอดคลองกับ
และตําราหมอดูไวหลายเลม โดยเขียนเปนภาษาชวา เปนตน ทั้งนี้นักเรียนควร บทประพันธมากที่สุด เนื่องจากบทประพันธกลาวถึงการตอนรับแขกของ
สืบคนวรรณคดีของประเทศตางๆ ในอาเซียนเพิ่มเติม เพื่อใหนักเรียนเขาใจแนวคิด คนไทยที่เต็มใจตอนรับดวยของที่ดีที่สุด ใหมีความสะดวกสบายจนกวา
โลกทัศนของกลุมประเทศเพื่อนบาน แขกจะเดินทางกลับ ดังนั้นจึงตอบขอ 2.
(8) คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
จากวรรณคดี 5 เรื่อง ไดแก อิเหนา
จากบทประพันธ์สะท้อนให้เห็นสภาพวิถีชีวิตของผู้คนในสมัยอดีต เมื่อเกิดศึกสงคราม รามเกียรติ์ ขุนชางขุนแผน พระอภัยมณี และ
จะเกิดความสับสน วุ่นวาย และตื่นตระหนก ผู้คนต่างเตรียมตัวเก็บข้าวของและทรัพย์สินเพื่อหลบหนี นิราศภูเขาทอง ใหนักเรียนบอกขอคิดที่ไดจาก
ข้าศึก สะท้อนให้เห็นถึงหน้าที่ของผู้ชายและผู้หญิง โดยผู้ชายเป็นเพศที่แข็งแรงกว่าจะต้องคอยป้องกัน วรรณคดีดังกลาว เรื่องใดเรื่องหนึ่งคนละ 1 ขอคิด
ครอบครัว ในขณะที่ผู้หญิงมีหน้าที่ในการเตรียมเสบียง ขนย้ายข้าวของต่างๆ และยังสะท้อนให้เห็นถึง (แนวตอบ ตัวอยางเชน
ความรัก ความผูกพัน สายใยของครอบครัว ที่ไม่มีใครหนีเอาตัวรอดแต่เพียงผู้เดียว หากแต่ทุกคนจะ อิเหนา ใหขอคิดวาอยาเอาชนะ
คอยช่วยเหลือดูแลกัน
ผูอื่นดวยการถืออารมณและความรูสึกของตนเอง
๒.๔ ข้อคิดที่สำมำรถน�ำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ�ำวัน เปนใหญ
วรรณคดีนอกจากจะให้ความบันเทิงเป็นหลักแล้ว ยังแฝงไปด้วยคติธรรม ค�าสอน และ รามเกียรติ์ ใหขอคิดที่สอดคลองกับคําสอน
ข้อคิดต่างๆ ที่สามารถน�ามาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ�าวัน โดยผู้เขียนน�าเสนอผ่านฉาก ตัวละคร หรือ ทางพระพุทธศาสนาเกีย่ วกับการระงับเวรดวยการ
องค์ประกอบส่วนอืน่ ของเรือ่ ง ในขณะทีเ่ ราอ่านวรรณคดี เราจะไม่รสู้ กึ ว่าก�าลังถูกสอนโดยตรง เนือ่ งด้วย ไมจองเวร
ผู้เขียนมีกลวิธีการน�าเสนอที่น่าติดตาม ท�าให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์ความรู้สึกคล้อยตาม วรรณคดีทุกเรื่อง ขุนชางขุนแผน ใหขอคิดเกี่ยวกับความรักที่ควร
แฝงข้อคิดต่างๆ ทีผ่ อู้ า่ นสามารถน�าไปประยุกต์ใช้ได้ในชีวติ ประจ�าวัน โดยขึน้ อยูก่ บั วัยและประสบการณ์ ซื่อสัตยตอกันของชายหนุมและหญิงสาว
ของผู้อ่าน เช่น พระอภัยมณี ใหขอคิดเกี่ยวกับการครองเรือน
๑) ด้ำนกำรศึกษำ ในวรรณคดีหลายเรือ่ งมักสอดแทรกค่านิยมเกีย่ วกับการศึกษา คือ นิราศภูเขาทอง ใหขอคิดที่สอดคลองกับคําสอน
ชี้ให้เห็นคุณค่าและความส�าคัญของการศึกษาเล่าเรียน ดังบทประพันธ์ ทางพระพุทธศาสนาเกี่ยวกับความไมแนนอน
ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศ เจ้าจงอตส่าห์ท�าสม�่าเสมียน ไมเที่ยงแท)
แล้วพาลูกออกมาข้างทางเกวียน จะจากเจียนใจขาดอนาถใจ
1
(ขุนช้างขุนแผน ตอน พลายงามพบพ่อ: ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง) ขยายความเขาใจ Expand
จากบทประพันธ์กล่าวถึง ค�าสอนของนางวันทองที่สอนพลายงามว่าให้เห็นความส�าคัญ นักเรียนจัดทําสมุดบันทึก “ขอคิดดีๆ จาก
และขยันหมั่นเพียรต่อการศึกษาเล่าเรียน วรรณคดีไทย” เพื่อบันทึกขอคิดที่ไดจากการศึกษา
๒) ด้ำนกำรท�ำงำน 2 ในวรรณคดีหลายเรื่องจะสอนให้รู้จักการท�างานหรือหน้าที่ที่ วรรณคดีที่นักเรียนชื่นชอบคนละ 5 เรื่อง
ต้องรับผิดชอบ เช่น มงคลสู
มงคลสูตรค�าฉันท์ สอนเรื่องการท�างานให้มีความเรียบร้อย ไม่คั่งค้าง ในบทละคร
เรื่อง รามเกียรติ์ มีค�าสอนเกี่ยวกับเรื่องการท�างาน ส�าหรับผู้ที่มีอาชีพรับราชการว่าควรปฏิบัติตน
อย่างไร ดังบทประพันธ์
อย่าแต่งตัวโอ่อวดพระทรงชัย ที่ในพระโรงรัตนา
หมอบเฝ้าอย่าก้มเงยหงาย อย่าเตร่ตร่ายเหลือบแลซ้ายขวา
(รามเกียรติ์ ตอน พาลีสอนน้อง: พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
วรรณกรรมที่มีจุดมุงหมายเพื่อสอนใหผูอานเปนคนดีอยูในหลักศีลธรรมมี
1 ตอนพลายงามพบพอ เปนตอนทีพ่ ลายงามออนวอนใหยา พาไปหาขุนแผนทีใ่ นคุก
คุณคาดานสังคมอยางไร
พอลูกไดพบกัน ขุนแผนไดฝากพลายงามใหอยูในความดูแลของนางทองประศรี
แนวตอบ วรรณกรรมที่สอนใหผูอานเปนคนดีอยูในหลักศีลธรรมมีคุณคา โดยใหเรียนวิชาตางๆ กับผูเปนยา ทั้งดานวิชาการและคาถาอาคม เมื่อพลายงาม
ดานสังคมอยางเปนนามธรรม เปนเรื่องที่สรางสรรคขึ้นดวยตองการใหคนใน อายุได 13 ป นางทองประศรีไดทําพิธีโกนจุกให
สังคมกระทําความดี คือ เมื่อทุกคนเปนคนดีมีศีลธรรม ก็จะอยูรวมกันอยาง 2 มงคลสูตรคําฉันท เปนวรรณคดีคําสอน ผลงานพระราชนิพนธในพระบาท-
สงบสุข เปนสังคมที่นาอยู ซึ่งจะปรากฏเปนรูปธรรม สมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัวที่ทรงนําหลักธรรมที่มีแนวคิดสําคัญ คือ ความเจริญ
รุงเรืองในชีวิต เกิดจากการประพฤติปฏิบัติของตนเองทั้งสิ้น หาไดเกิดจากผูอื่น
สิ่งอื่น หรือวัตถุโชคลางใดๆ จากภายนอก
คูมือครู (9)
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนแบงกลุมศึกษาเนื้อหาในหนังสือเรียน
เรื่อง หลักการวิเคราะหคุณคาวรรณคดี และ ๓) ด้ำนกำรด�ำรงชีวิตประจ�ำวัน ในวรรณคดีหลายเรื่อง ให้คติสอนใจ สามารถ
สรุปใจความสําคัญ ดังนี้ น�าความรู้ ความคิดไปใช้เตือนใจได้ ดังบทประพันธ์
• กลุมที่ 1 การวิเคราะหคุณคาวรรณคดี บัดเดี๋ยวดังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา
ดานเนื้อหา เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ประคองพาขึ้นจนบนบรรพต
• กลุมที่ 2 การวิเคราะหคุณคาวรรณคดี แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล�้าเหลือก�าหนด
ดานวรรณศิลป ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน�้าใจคน
• กลุมที่ 3 การวิเคราะหคุณคาวรรณคดี มนุษย์นี้ที่รักอยู่สองสถาน บิดามารดารักมักเป็นผล
ดานสังคม ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้แต่กายตน เกิดเป็นคนคิดเห็นจึงเจรจา
• กลุมที่ 4 การวิเคราะหขอคิดที่สามารถนํา (พระอภัยมณี: สุนทรภู่)
ไปปรับใชในชีวิตประจําวัน จากบทประพันธ์จะเห็นว่าค�าสอนของพระฤๅษีเป็นสัจธรรม ความจริงแท้ของชีวิต
2. จากนั้นนักเรียนสงตัวแทนกลุมออกมานําเสนอ โดยเปรียบเทียบให้เห็นชัดเจนว่า ถึงเถาวัลย์พนั เกีย่ วทีเ่ ลีย้ วลดก็ไม่คดเหมือนหนึง่ ในน�า้ ใจคน เพราะฉะนัน้
ดวยการอธิบายหนาชั้นเรียน อย่าไว้ใจใครง่ายๆ เพราะเรารู้หน้าแต่ไม่รู้ใจ คนที่รักเราจริงแท้คือ บิดา มารดา ให้รู้จักพึ่งตนเอง
3. ครูเปดโอกาสใหนักเรียนซักถามขอสงสัย และให้คิดก่อนพูดทุกครั้ง
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครู ค วรเพิ่ ม เติ ม ความรู เ กี่ ย วกั บ การพิ จ ารณาข อ คิ ด จากวรรณคดี เ รื่ อ งต า งๆ นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย
เนื่องจากวรรณคดีแตละเรื่องมักสอดแทรกขอคิดหรือคติธรรม นักเรียนควรพิจารณา เลื้อยบทําเดโช แชมชา
วรรณคดี โดยพิจารณารวมกับบริบทของยุคสมัยในบทประพันธ โดยไมยดึ ความคิดเห็น พิษนอยหยิ่งโยโส แมลงปอง
ของตนเองเปนศูนยกลาง แตควรมุง พิจารณาบริบททางสังคมและวัฒนธรรมรวมดวย ชูแตหางเองอา อวดอางฤทธี ฯ
เพื่อใหนักเรียนเขาใจสภาวะความเปนมนุษยของตัวละคร บทประพันธขางตนใหขอคิดสอดคลองกับขอใดมากที่สุด
1. ถอมตน
2. เชิดชูตน
3. ขมใจตน
นักเรียนควรรู 4. เชื่อมั่นในตนเอง
1 บทละครนอกเรื่องสังขทอง เปนผลงานพระราชนิพนธในพระบาทสมเด็จ วิเคราะหคําตอบ เนื้อหาของบทประพันธกลาวเปรียบเทียบระหวาง
พระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว พญานาคซึ่งมีพิษมหาศาลแตมีความถอมตน ตางจากแมลงปองมีพิษนอย
2 กาพยเรื่องพระไชยสุริยา นอกจากจะสะทอนเกี่ยวกับการประพฤติมิชอบของ แตกลับชูหางแสดงอํานาจของตนไมรูจักถอมตน ตอบขอ 1.
เหลาขาราชบริพารแลว ยังเปนตนแบบของแบบเรียนมาตราตัวสะกดไดเปนอยางดี
(10) คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายการวิเคราะหคุณคาดาน
การวิเคราะห์คุณค่าด้านเนื้อหา ผู้อ่านจะต้องอ่านเนื้อหาให้เข้าใจตลอดเรื่อง จึงจะ วรรณศิลปที่เกี่ยวกับรสคําและรสความ
สามารถเข้าใจเรื่องราวโดยตลอดและสามารถทราบได้ว่าแก่นของเรื่องคืออะไร ผู้แต่งสื่อสารแนวคิดใด (แนวตอบ การวิเคราะหรสคําและรสความ
แก่ผู้อ่าน นอกจากจะเกี่ยวของกับการใชถอยคําภาษา
๓.๒ การวิเคราะห์คณ
ุ ค่าด้านวรรณศิลป์ แลวยังหมายรวมถึงรสวรรณคดีที่ชวยเพิ่ม
ผู้อ่านจะต้องพิจารณาทั้งรสของถ้อยค�าและรสความ เพื่อให้เห็นความงดงามของภาษา อรรถรสทางการอานวรรณคดีดวย รสวรรณคดี
ดังบทประพันธ์ ไทย ไดแก เสาวรจนี (ชมโฉม ชมความงาม)
พระสุริยงลงลับพยับฝน ดูมัวมนมืดมิดทุกทิศา นารีปราโมทย (เกี้ยวพาราสี) พิโรธวาทัง (โกรธ
ถึงทางลัดตัดทางมากลางนา ทั้งแฝกคาแขมกกขึ้นรกเรี้ยว โมโห) สัลลาปงคพิสัย (ครํ่าครวญ โศกเศรา))
เป็นเงาง�้าน�้าเจิ่งดูเวิ้งว้าง ทั้งกว้างขวางขวัญหายไม่วายเหลียว 2. นักเรียนตอบคําถามเกี่ยวกับคุณคาดานสังคม
เห็นดุ่มดุ่มหนุ่มสาวเสียงกราวเกรียว ล้วนเรือเพรียวพร้อมหน้าพวกปลาเลย ที่ปรากฏในวรรณคดีและวรรณกรรมไทย ดังนี้
(นิราศภูเขาทอง: สุนทรภู่) • นักเรียนอภิปรายรวมกันวา ความรูที่ไดจาก
จากบทประพันธ์จะเห็นว่ารสของถ้อยค�า คือ การเลือกสรรค�า เพื่อให้เกิดเสียงเสนาะ วรรณคดีและวรรณกรรมเปนความรูเกี่ยวกับ
ที่สร้างอารมณ์ ความรู้สึก และบรรยากาศ เช่น สัมผัสสระ คือ (สุริ)ยง - ลง ลับ - พยับ ลัด - ตัด เรื่องใดบาง
ทาง - กลาง กก - รก ง�า้ - น�า้ เจิง่ - เวิง้ กว้าง - ขวาง หาย - วาย และสัมผัสอักษร คือ ลง - ลับ มัว - มน - มืด - มิด (แนวตอบ ความรูที่ไดมาจากการอานอยาง
คา - แขม รก - เรีย้ ว เงา - ง�า้ เวิง้ - ว้าง ขวาง - ขวัญ กราว - เกรียว เพรียว - พร้อม และยังสร้างบรรยากาศ พิจารณาซึ่งทําใหเห็นสภาพวิถีชีวิต คานิยม
รอบตัวยามพระอาทิตย์ตกดิน ท้องฟ้ามืดมัว ท้องทุ่งเต็มไปด้วยต้นแฝก คา แขม ทั้งรกและเวิ้งว้าง ความคิด และความเชื่อของคนในสังคม
เจิ่งนองไปด้วยน�้า จนเกิดความรู้สึกขวัญหาย เมื่อได้ยินเสียงหนุ่มสาว คนที่มาหาปลาจึงรู้สึกอุ่นใจขึ้น สมัยนั้น)
นอกจากความไพเราะอันเกิดจากรสของถ้อยค�าแล้ว รสของความนับเป็นสิ่งส�าคัญอีก
ประการหนึ่ง รสของความ คือ การกล่าวถ้อยค�าให้มีความหมายลึกซึ้งกว้างขวางกว่ 1 าถ้อยค�าธรรมดา ขยายความเขาใจ Expand
เกิดจากการใช้ความเปรียบหรือการกล่าวข้อความเกินจริง หรือใช้สัญลักษณ์ที่มุ่งให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์
ความรู้สึกมากกว่ารับทราบข้อเท็จจริง ดังบทประพันธ์ “พระเหลือบเล็งชลาสินธุ ในวารินทะเลวน
2 จึงเห็นรูปอสุรกล อันกลายแกลงเปนสีดา
เมื่อแรกเชื่อว่าเนื้อทับทิมแท้ มาแปรเป็นพลอยหุงไปเสียได้
กาลวงว่าหงส์ให้ปลงใจ ด้วยมิได้ดูหงอนแต่ก่อนมา ผวาวิ่งประหวั่นจิต ไมทันคิดก็โศกา
(ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนแผนบอกกล่าว: ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง) กอดแกวขนิษฐา ฤดีดิ้นอยูแดยัน”
(บทพากยโขนตอนนางลอย: รัชกาลที่ 2)
จากบทประพันธ์เป็นเนื้อความตอนหนึ่งที่ขุนแผนบริภาษนางวันทอง ซึ่งมีความโดดเด่น นักเรียนพิจารณารสคําและรสความของ
ในการใช้ถ้อยค�าเพื่อแสดงความหมายเปรียบเทียบและต้องอาศัยการตีความจากผู้อ่าน เช่น ทับทิม บทพากยโขน ตอนนางลอย
เป็นอัญมณีสีแดงที่มีราคาสูง มีค่ามาก ส่วนพลอยหุง คือ พลอยที่ท�าเทียมขึ้นมา จึงมีราคาถูก ส่วนกา
(แนวตอบ บทพากยโขนตอนที่ยกมานี้ กวี
และหงส์ เป็นสัตว์ที่ต่างสายพันธุ์กันและถูกให้ค่าต่างกัน ทั้งสองสิ่งจึงถูกน�ามาใช้เปรียบเทียบ
กับค่าของคน ดังที่ขุนแผนบริภาษนางวันทองว่าประพฤติตนไม่เหมาะสม เปรียบได้กับของไม่มีค่า
เลือกสรรคําที่ทําใหรูสึกถึงความตกใจและเศรา
หรือสัตว์ที่ปราศจากความงาม ใจ มีสัมผัสเสียงในวรรค คือ สัมผัสอักษร สวน
(11) รสความทําใหเห็นฉากเลหอ บุ ายของฝายทศกัณฐ เมือ่
พระรามเห็นรางนางเบญจกาย ซึง่ แปลงเปนนางสีดา
ลอยนํ้ามา ทําใหพระรามตกใจมากจนขาดสติ
รํ่าไหครํ่าครวญแทบจะสิ้นใจ)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ยางขาวขนเรียบรอย ดูดี
1 สัญลักษณ อาจเปนสิ่งมีชีวิตหรือไมมีชีวิต ใชแทนหรือเปนตัวแทนสิ่งอื่นที่มี
ภายนอกหมดใสสี เปรียบฝาย
คุณสมบัติรวมกัน เชน สีขาวเปนสัญลักษณของความบริสุทธิ์ ความไรเดียงสา
กินสัตวเสพปลามี ชีวิต
สัตวในวรรณคดีตางๆ พระยาครุฑเปนสัญลักษณของผูที่มีกําลังมาก ราชสีหเปน
เฉกเชนชนชาติราย นอกนั้นนวลงาม
สัญลักษณของเจาปามีความนาเกรงขาม เปนตน
บทประพันธตอไปนี้ขอใดมีการใชความเปรียบสอดคลองกับบทประพันธ
ขางตน 2 พลอยหุง คือ พลอยที่มีการปรับปรุงคุณภาพ สามารถทําไดหลายลักษณะ แตที่
1. ใจชนใจชั่วชา โฉงเฉง ทํากันมาก คือ การหุง หรือการเผาพลอยในอุณหภูมิสูงและความดันสูง เพื่อเปลี่ยน
2. ใจจักสอนใจเอง ไปได สีพลอยใหสุกสวยขึ้น ทั้งสามารถเผาตําหนิในเนื้อพลอยใหเลือนหายไป แมพลอย
3. ใจปราชญดัดตามเพลง พลันงาย ที่มีรอยแตกอยูขางใน ก็สามารถใชการเผาในทอ เพื่อหลอมรอยแตกใหสมานกัน
4. ดุจชางปนดัดไม แตงใหปนตรง เปนการยอมสีพลอยที่ไมมีคาใหกลายเปนพลอยที่สีธรรมชาติหายากราคาแพง
ดังนั้นการเปรียบวาเปนพลอยหุง จึงเปนการดูถูกตอวา วาไมดีจริง แตทําเนียนวาดี
วิเคราะหคําตอบ “ดุจชางปนดัดไม แตงใหปนตรง” เปนการใชโวหาร
ภาพพจนแบบอุปมาเพราะมีการใชคําแสดงความเปรียบเทียบคําวา “ดุจ”
ตอบขอ 4.
คูมือครู (11)
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
นักเรียนยกวรรณคดีหรือวรรณกรรมไทยมา
1 เรื่อง และรวมกันแสดงความคิดเห็น ๓.๓ การวิเคราะห์คณ
ุ ค่าด้านสังคม
• นักเรียนจะนําขอคิดมาประยุกตใชใน วรรณคดีและวรรณกรรม มักจะสอดแทรกความรู้ สะท้อนวัฒนธรรม สภาพวิถีชีวิต
ชีวิตประจําวันอยางไร ความคิด ค่านิยม ความเชื่อของผู้คนในสมัยที่แต่ง ผู้อ่านจะต้องอ่านอย่างพิจารณาว่าผู้อ่านได้รับ
(แนวตอบ นักเรียนสามารถยกวรรณคดีและ ความรู้เรื่องใดบ้าง และได้เห็นสภาพวิถีชีวิต ความคิด ความเชื่อ ที่แฝงอยู่ในงานประพันธ์อย่างไร
วรรณกรรมไทยไดหลากหลายขึ้นอยูกับ
ประสบการณและมุมมองของนักเรียน โดย ๓.๔ การวิเคราะห์ขอ้ คิดทีส่ ามารถนำาไปประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจำาวัน
ครูพิจารณาวาเรื่องที่ยกมาสามารถนํามา การอ่านวรรณคดีหรือวรรณกรรม เมื่อผู้อ่านสามารถวิเคราะห์ได้ว่าเรื่องที่อ่านมีคุณค่า
ประยุกตใชในชีวิตประจําวันไดจริง) ด้านเนื้อหา ด้านวรรณศิลป์ ด้านสังคมอย่างไร ผู้อ่านย่อมสามารถมองเห็นข้อคิดต่างๆ ที่สอดแทรกอยู่
ในวรรณคดีเรื่องนั้นและเห็นแนวทางในการน�าข้อคิดไปใช้ในชีวิตประจ�าวัน โดยเริ่มจาก
ตรวจสอบผล Evaluate ๑) พิจำรณำข้อคิด การอ่านวรรณคดีและวรรณกรรมทุกเรื่อง ผู้อ่านจะได้รับข้อคิด
1. นักเรียนยกตัวอยางวรรณคดีที่มีความนาสนใจ ที่แตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับวัยและประสบการณ์ของผู้อ่าน ซึ่งผู้อ่านจะต้องพิจารณาว่าเป็นข้อคิดใน
และใหคุณคาดานเนื้อหาในวรรณคดีที่นักเรียน เรื่องใดและสามารถน�าไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ�าวันได้อย่างไร
เคยอาน ๒) น�ำไปใช้ เมื่อพิจารณาข้อคิดที่ได้จากการอ่านวรรณคดีแล้วว่า สามารถน�าไปใช้
2. นักเรียนรวมกันยกขอความหรือบทประพันธ ในชีวิตประจ�าวันและเกิดประโยชน์ทั้งต่อตนเองและสังคม จึงควรน้อมน�าข้อคิดที่ได้มาประพฤติปฏิบัติ
จากวรรณคดีหรือวรรณกรรมไทยเรื่องอื่นๆ ที่ โดยเริ่มที่ตนเองก่อน จากนั้นจึงขยายไปสู่บุคคลอื่น
สะทอนใหเห็นการใชพรรณนาโวหาร บรรยาย การอ่านวรรณคดีหรือวรรณกรรมจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้อ่าน เมื่อผู้อ่านพิจารณา
โวหาร และอุปมาโวหาร คุณค่าของวรรณคดีครบรอบด้าน ทัง้ ด้านเนือ้ หา ด้านวรรณศิลป์ ด้านสังคม และการน�าข้อคิดไปประยุกต์
3. นักเรียนจับคูยกตัวอยางบทประพันธจาก ใช้ในชีวิตประจ�าวัน วรรณคดีหรือวรรณกรรมบางเรื่องอาจจะให้คุณค่าไม่ครบตามที่ผู้อ่านคาดหวัง
วรรณคดีเรื่องตางๆ ที่มีการใชภาพพจนได แต่การอ่านอย่างพินิจพิเคราะห์ เป็นการฝึกกระบวนการคิดได้ดียิ่งวิธีหนึ่ง การวิเคราะห์ของผู้อ่าน
4. นักเรียนบอกขอคิดที่ไดจากการศึกษาวรรณคดี แต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน เพราะความแตกต่างกันด้านความรู้ ความเข้าใจ เพศ และวัย แต่ผู้อ่าน
ที่นักเรียนชื่นชอบได จะเข้าใจได้ดียิ่งขึ้นหากผู้อ่านแต่ละคนได้มาเข้ากลุ่มแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน
วรรณคดีเป็นผลงานสร้างสรรค์จากความรู้ ความคิด และภูมิปัญญาอันชาญฉลาดของ
ปราชญ์แห่งแผ่นดินและนับเป็นสมบัติที่เป็นมรดกตกทอดมาถึงลูกหลานไทยทุกคน เป็นหน้าที่ของ
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู คนไทยที่จะต้องศึกษาวรรณคดีของชาติให้เข้าใจด้วยการอ่านอย่างพินิจพิจารณา วิเคราะห์คุณค่าของ
1. ผังมโนทัศนของวรรณคดีเรื่องที่สนใจ วรรณคดีที่อ่าน เมื่อเห็นคุณค่าย่อมมีความภูมิใจในภูมิปัญญาของบรรพชน ผู้อ่านที่มีวิจารณญาณจะ
2. บันทึกคุณคาทางวรรณคดีเรื่องตางๆ ที่เพื่อน สามารถน�าความรู ้ ความคิด ข้อเสนอแนะ คติธรรมทีไ่ ด้ไปปรับใช้ให้เป็นประโยชน์ในชีวติ เช่น น�าความรู้
นําเสนอ ไปใช้อ้างอิงในงานเขียนต่างๆ หรือน�าเอาแนวคิด คติธรรมที่ได้ไปปรับใช้ในชีวิตประจ�าวัน
3. สมุดบันทึก “ขอคิดดีๆ จากวรรณคดีไทย”
(12)
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูแนะแนวทางในการศึกษาวรรณคดีและวรรณกรรมไทยจากบทนําของหนังสือ นักเรียนเลือกบทประพันธที่นักเรียนชื่นชอบจากวรรณคดีเรื่องใดก็ได
เรียนภาษาไทย วรรณคดีและวรรณกรรม โดยพึงตระหนักวา ความเขาใจวรรณคดี มา 1-2 บท จากนั้นใหนักเรียนพิจารณาวา บทประพันธที่นักเรียนเลือกมามี
และวรรณกรรมของนักเรียนอาจมีไดตางๆ กันตามมุมมองและความคิดเห็น คุณคาวรรณคดีและมีความโดดเดนในดานใด บันทึกลงสมุด
ของนักเรียนแตละคน ทั้งนี้ขึ้นอยูกับประสบการณการสั่งสมความรูจากการอาน
การดําเนินชีวิต ซึ่งสิ่งเหลานี้ทําใหนักเรียนมีระดับการเขาถึงเนื้อเรื่องในระดับ
ตางๆ ครูจึงควรมุงใหการอาน การศึกษาวรรณคดีและวรรณกรรมเปนการสั่งสม
ประสบการณชีวิตเพิ่มเติม สามารถพัฒนาจิตใจจากความเพลิดเพลินของวรรณคดี กิจกรรมทาทาย
และวรรณกรรมเรื่องตางๆ ได
นักเรียนเลือกบทประพันธที่นักเรียนชื่นชอบจากวรรณคดีเรื่องใดก็ไดมา
มุม IT 1-2 บท จากนั้นใหนักเรียนพิจารณาวาบทประพันธนั้นมีขอคิดที่นําไปปรับ
ไปประยุกตใชในชีวิตประจําวันไดหรือไม อยางไร บันทึกลงสุมด
นักเรียนสามารถคนควาเกี่ยวกับความสําคัญของวรรณคดีกับสังคมไดจาก
http://www.mwit.ac.th/~saktong/learn5/60.pdf
(12) คูมือครู
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
เกร็ดแนะครู
ครูทบทวนความจําของนักเรียน โดยยกวรรณคดีเรื่องที่นักเรียนเคยเรียนมา
ในชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1 โดยใหนักเรียนวิเคราะหองคประกอบตางๆ ของวรรณคดี
เรื่องนั้น เชน แนวคิดของเรื่อง ตัวละคร ลักษณะคําประพันธ ฉาก เปนตน หรือ
ใหนักเรียนเขียนโครงเรื่องของวรรณคดีหรือวรรณกรรมที่นักเรียนจําได การจัด
กิจกรรมนี้อาจกําหนดเรื่องที่นักเรียนสนใจหรือมีประสบการณรวมกัน แลวให
นักเรียนชวยกันวิเคราะห ตั้งประเด็นคําถามตางๆ เพื่อทบทวนความรูทางวรรณคดี
คูมือครู 1
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน
2. วิเคราะหวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน พรอม
ยกเหตุผลประกอบ
3. อธิบายคุณคาของวรรณคดีและวรรณกรรมที่
อาน
4. สรุปความรูและขอคิดจากการอานเพื่อประยุกต
ใชในชีวิตจริง
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกปญหา
4. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต
คุณลักษณะอันพึงประสงค
๑
1. รักชาติ ศาสน กษัตริย
2. ใฝเรียนรู
3. รักความเปนไทย หน่วยที่
โคลงภาพพระราชพงศาวดาร
กระตุน ความสนใจ Engage ตัวชี้วัด
■ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๒/๑) โ คลงภาพพระราชพงศาวดารเป็ น
1. ครูถามนักเรียนเกี่ยวกับภาพหนาหนวย ■ วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน พร้อมยกเหตุผลประกอบ
(ท ๕.๑ ม.๒/๒)
วรรณคดี ที่ ถ ่ า ยทอดเรื่ อ งราวจากหลาย
เรื่องโคลงภาพพระราชพงศาวดาร ■ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๒/๓) เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ชาติไทย ตั้งแต่
■ สรุปความรู้และข้อคิดจากการอ่านเพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง
• บุคคลที่ปรากฏในภาพเปนใครและกําลัง สมัยอยุธยาจนกระทั่งถึงสมัยรัตนโกสินทร์
(ท ๕.๑ ม.๒/๔)
โดยถ่ายทอดผ่านทางบทประพันธ์ประเภทโคลง
กระทําสิ่งใด
สาระการเรียนรู้แกนกลาง ทีพ
่ ระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั ทรง
(แนวตอบ พันทายนรสิงหกําลังกมกราบ พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เขียนขึ้นเพื่อประกอบ
พระเจาเสือ) ■ การวิเคราะห์คุณค่าและข้อคิดจากวรรณคดี
และวรรณกรรมเรื่อง โคลงภาพพระราชพงศาวดาร ภาพจิตรกรรม โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้คนไทย
2. ครูสนทนารวมกับนักเรียนเกี่ยวกับธรรมเนียม เกิดความภูมิใจในเกียรติคุณและวีรกรรมที่ควรค่า
ประเพณีการเสด็จประพาสของกษัตริย แก่การยกย่องของบรรพชน
ในสมัยอยุธยา เพื่อทบทวนพื้นความรู
ความเขาใจกอนเริ่มบทเรียน
เกร็ดแนะครู
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในหนวยการเรียนรูนี้ ครูชี้ใหนักเรียนเห็น
วัตถุประสงคของการเรียนโคลงประกอบภาพพระราชพงศาวดารวามีคุณคา
หลายดาน ทั้งทางดานประวัติศาสตร วรรณคดี และศิลปะ ซึ่งเกิดจากการศึกษา
เนื้อเรื่องและภาพประกอบควบคูกัน หากนักเรียนอานแตเพียงเนื้อเรื่องที่ปรากฏใน
โคลง ซึ่งในตอนๆ หนึ่งมีเพียง 4-6 บท อาจจะทําใหยากที่จะเขาใจประวัติศาสตร
ความเปนมาและเปนไปของเรื่อง การอานวรรณคดีจะขาดความซาบซึ้งในอรรถรส
ของบทประพันธ ครูจึงควรแนะใหนักเรียนศึกษาประวัติศาสตรเกี่ยวกับเหตุการณ
โคลงประกอบภาพทั้งสองเพิ่มเติม
2 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูใหนักเรียนดูภาพรวมกันในโคลงภาพ
๑ ความเป็นมา 1
พระราชพงศาวดาร จากหนังสือเรียน หนา 3
โคลงภาพพระราชพงศาวดาร เกิดขึ้นโดยพระราชด�าริพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า แลวสอบถามนักเรียนดังนี้
เจ้าอยู่หัว ทรงเลือกสรรเรื่องในพระราชพงศาวดาร ให้ช่างเขียนที่มีฝีมือเขียนรูปภาพและให้มี • ภาพทั้ง 4 ภาพเปนภาพอะไร
โคลงบอกเรื่องพระราชพงศาวดารตรงที่เขียนรูปภาพติดประจ�าไว้ทุกกรอบ รูปขนาดใหญ่มีจ�านวน (แนวตอบ ภาพทั้ง 4 ภาพ ไดแก
โคลงรูปละ ๖ บท รูปขนาดกลางและขนาดเล็กมีจ�านวนโคลงรูปละ ๔ บท ภาพที่ 1 ภาพสรางกรุงศรีอยุธยา
การแต่ ง โคลงนั้ น พระบาทสมเด็ จ พระจุ ล จอมเกล้ า เจ้ า อยู ่ หั ว ทรงพระราชนิ พ นธ์ บ ้ า ง ภาพที่ 2 ภาพสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
โปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการซึ่งสันทัดการประพันธ์แต่งถวายบ้าง ส่วนรูปภาพ ทํายุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา
เรื่องพระราชพงศาวดารก็โปรดเกล้าฯ ให้จัดการประกวดเขียนภาพขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๓๐ แล้วสร้างขึ้น
ภาพที่ 3 ภาพพระนารายณยกเขาไปตี
จ�านวน ๙๒ ภาพ โคลงที่แต่งมีจ�านวน ๓๗๖ บท
เมื่อสร้างส�าเร็จใน พ.ศ. ๒๔๓๐ ได้โปรดเกล้าฯ ให้น�าภาพไปประดับพระเมรุท้องสนามหลวง พระราชวัง
เมื่อครั้งพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพาหุรัดมณีมัย2 สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ ภาพที่ 4 ภาพฉลองพระศรีศากยมุนี
เจ้าฟ้าตรีเพ็ชรุตม์ธ�ารง สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ และพระอัครชายาเธอ หนาพระตําหนักนํ้า)
พระองค์ เจ้ า เสาวภาคนารี รั ต น์ ในงานพระเมรุ ค รั้ ง นี้ ยั ง ได้ โ ปรดเกล้ า ฯ ให้ ร วบรวมโคลงเรื่ อ ง • ภาพที่นักเรียนไดดูมีคุณคาอยางไร
พระราชพงศาวดารให้พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) แต่งบานแผนกร่ายน�าโคลงภาพ (แนวตอบ เปนภาพที่ใชประกอบพระราช
พระราชพงศาวดารก�ากับ แล้วพิมพ์พระราชทานแจก พงศาวดาร ซึ่งนับวาเปนหลักฐานทาง
ตัวอย่างภาพในโคลงภาพพระราชพงศาวดาร ประวัติศาสตรได และยังทําใหคนรุนหลัง
ไดทราบเรื่องราวทางประวัติศาสตรที่แจมชัด
มากขึ้น)
สํารวจคนหา Explore
1. นักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับประวัติ
ภาพสร้างกรุงศรีอยุธยา ภาพสมเด็จพระนเรศวรมหาราชท�ายุทธหัตถี ความเปนมาของโคลงภาพพระราชพงศาวดาร
นายอิ้ม เขียน กับพระมหาอุปราชา หลวงพิศณุกรรม์ เขียน จากอินเทอรเน็ต หรือหองสมุด
2. นักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับพระราชประวัติ
ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว
และพระราชประวัติของพระเจาบรมวงศเธอ
กรมพระนราธิปประพันธพงศ จากแหลง
เรียนรูตางๆ
3. นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับฉันทลักษณของ
ภาพพระนารายณ์ยกเข้าไปตีพระราชวัง ภาพฉลองพระศรีศากยมุนี หน้าพระต�าหนักน�า้ คําประพันธประเภทโคลงสี่สุภาพจากแหลง
นายอิ้ม เขียน นายวร เขียน เรียนรูตางๆ
๓
บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูบูรณาการความรูเกี่ยวกับประวัติศาสตรไทยกับกลุมสาระการเรียนรู นักเรียนควรรู
สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาประวัติศาสตร โดยนําเนื้อหา
1 พระราชพงศาวดาร มาจากคําวา พระราช+พงศาวดาร หมายถึง เรื่องราว
เกี่ยวกับเรื่องราวของประวัติศาสตรสมัยอยุธยา ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลง
ทางประวัติศาสตรเกี่ยวกับประเทศชาติหรือกษัตริย เชน พระราชพงศาวดาร
ขอมูลความรูใหมในกรณีที่มีประเด็นปญหา มีการวินิจฉัย วิเคราะห ตีความ
กรุงศรีอยุธยา พระราชพงศาวดารเชียงแสน เปนตน
หรือครูเลือกนําเสนอขอมูล ขอสรุปหรือขอคิดเห็นใหม ที่เปนเรื่องราวทาง
ประวัติศาสตร มีประโยชนตอการเรียนวรรณคดี แตอยางไรก็ตามในฐานะ 2 เจาฟาศิริราชกกุธภัณฑ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา-
ที่นักเรียนเปนผูศึกษาวรรณคดี เปาหมายสําคัญจึงควรพิจารณาจุดประสงค เจาอยูหัวและสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ เมื่อครั้งสมเด็จพระเจา
ของเรื่องกับการใชภาษาหรือวรรณศิลปมากกวามุงเนนไปที่ขอเท็จจริง ลูกยาเธอ เจาฟาศิริราชกกุธภัณฑสิ้นพระชนม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา-
แตเพียงอยางเดียว เจาอยูหัว ทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหสรางพระเมรุเปนพิเศษ โปรดเกลาฯ ให
พระบรมวงศานุวงศทําเรือนรูปตางๆ โดยใชสิ่งกอสรางเปนไมจริง ดวยมีพระราช
ประสงควา ครั้นเสร็จการใหรื้อพระเมรุไปสรางเรือนคนไขไดจํานวน 4 หลัง
ณ บริเวณวังหลัง ซึ่งตอมาคือโรงพยาบาลศิริราชในปจจุบัน
คูมือครู 3
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนรวมกันศึกษารายนําโคลงภาพ
พระราชพงศาวดารของพระยาศรีสุนทรโวหาร พระยาศรีสุนทรโวหารได้กล่าวไว้ในร่ายน�าโคลงภาพพระราชพงศาวดารว่า พระบาทสมเด็จ
(นอย อาจารยางกูร) จากนั้นใหนักเรียนรวมกัน พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ให้เขียนภาพและแต่งโคลงประกอบภาพพระราชพงศาวดาร
อธิบายความจากคําประพันธ ด้วยมีพระราชประสงค์ที่จะสรรเสริญพระเกียรติคุณของพระมหากษัตริย์ตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึง
(แนวตอบ พระมหากษัตริยตั้งแตสมัยอยุธยามาถึง รัตนโกสินทร์ที่มีต่อประเทศชาติและประชาชนชาวไทย ตลอดจนเชิดชูเกียรติและวีรกรรมของหมู่
รัตนโกสินทรที่ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นครองเมือง เสวกามาตย์ที่มีความกล้าหาญ ความสุจริต และความกตัญญูต่อแผ่นดิน
ลวนมีพระมหากรุณาธิคุณ อีกทั้งเหลาเสนาอํามาตย นอกจากนี้ ยังมีพระราชประสงค์ที่จะบ�ารุงฝีมือช่างไทยและสนับสนุนกวีที่มีความสามารถ
ขาราชบริพารที่รวมทําศึกสงคราม มีความซื่อสัตย ในการประพันธ์ให้ปรากฏชื่อเสียงสืบไป
สุจริต ยอมถวายชีวติ แทนกษัตริย ลวนเปนผมู พี ระคุณ
...พระบาทบรมนรินทร์ ปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ มหิศรอิศรกระษัตริย์ เบญจมรัช
และควรยกยองเชิดชู พระบาทสมเด็จพระจุลจอม-
ถวัลยราช บรมนารถทรงอนุศร ถึงภูธรนฤบาล ครั้งโบราณอโยธยา สืบเนื่องมาถึงกรุง
เกลาเจาอยูหัวจึงมีพระราชประสงคจะทํานุบํารุง รัตนโกสินทร์ผลัดบูรี พระคุ1ณมีนานา
ชางฝมือในบานเมือง ที่มีความฉลาดและมีฝมือ รวม ...ยังมีหมู่เสวกามาตย์ ที่องอาจสงคราม แลมีความสุจริต ทอดชีวิตรแทนเจ้า ด้วย
ถึงทํานุบํารุงเหลานักปราชญ กาพยกลอน มูลเค้ากตัญญู ควรเชิดชูความชอบ
เพื่อยกยองเชิดชูใหมีเกียรติสืบไป) ...หนึ่งพระประสงค์จะบ�ารุงผดุงฝีมือช่างสยาม รจเรขงามเอี่ยมสอาด เชิงฉลาด
ลายประดิษฐ์ ล้วนวิจิตรพึงชม หนึ่งพระบรมราชประสงค์ จะใคร่ทรงท�านุก ปลุกปรีชา
ขยายความเขาใจ Expand เชิงฉลาด แห่งนักปราชญ์กาพย์โคลง เพื่อชระโลงชูเชิด เพื่อบรรเจิดเกียรติยศ ให้ปรากฏ
ยาววัน...
1. นักเรียนบอกจุดประสงคในการศึกษาโคลงภาพ (ร่ายน�าโคลงภาพพระราชพงศาวดาร: พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร))
พระราชพงศาวดาร
(แนวตอบ 1. เพื่อใหนักเรียนตระหนักถึงความ โคลงสองเรื่องที่คัดมาให้นักเรียนศึกษา ได้แก่ 2
สําคัญของการอนุรักษงานวรรณกรรมและ • โคลงประกอบภาพที่ ๑๐ แผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ภาพพระสุริโยทัยขาดคอช้าง
งานศิลป 2. เพื่อใหระลึกและสํานึกใน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย และ • โคลงประกอบภาพที่ ๕๖ แผ่นดินสมเด็จพระเจ้าเสือ ภาพพันท้ายนรสิงห์ถวายชีวิต
เหลาเสนาอํามาตย ขาราชบริพารที่เปน พระนิพนธ์ในพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวรวรรณากร (พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิป
บรรพชนผูมีคุณของไทย) ประพันธ์พงศ์)
2. นักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับประวัติความเปนมา ภาพพระสุริโยทัยขาดคอช้าง ได้รับรางวัลที่ ๓ เป็นภาพเขียนฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเจ้า
ของเรื่องโคลงภาพพระราชพงศาวดารรวมกัน บรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ส่วนภาพพันท้ายนรสิงห์ถวายชีวิต ได้รับรางวัลที่
จากนั้นครูสุมนักเรียน 2-3 คน แสดงความ ๑๑ เขี ย นโดยนายทอง (พระวรรณวาดวิ จิ ต ร) ปั จ จุ บั น ภาพทั้ ง สองประดั บ อยู ่ ณ พระที่ นั่ ง
คิดเห็นหรือความรูสึกที่มีตอวรรณคดีเรื่องนี้ วโรภาษพิมาน พระราชวังบางปะอิน
• นักเรียนคิดวาบุคคลตัวอยาง ไดแก สมเด็จ
พระสุริโยทัยและพันทายนรสิงห มีความ
เสียสละที่ยิ่งใหญอยางไร
4
(แนวตอบ บุคคลทั้งคูมีความเสียสละที่ยิ่งใหญ
แกประเทศชาติบานเมืองซึ่งเปนการเสียสละ
เพื่อสวนรวม)
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
โคลงประกอบภาพพระราชพงศาวดารมีความสัมพันธกับงานศิลปะแขนงใด
1 เสวกามาตย มาจากคําวา เสวก (เส-วก) + อํามาตย อานวา เส-วะ-กา-มาด
1. จิตรกรรมเหมือนจริง
หมายถึง ขาราชการในราชสํานัก
2. จิตรกรรมแบบรูปธรรม
2 สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ทรงมีพระนามเต็มวา “พระศรีสรรเพชญ สมเด็จ 3. จิตรกรรมแบบเหนือจริง
พระบรมราชาธิราชรามาธิบดี ศรีสินทรบรมมหาจักรพรรดิวรรยราชาธิบดินทร 4. จิตรกรรมแบบนามธรรม
ธรณินทราธิราชรัตนกาศภาสกรวงศ องคบรมาธิเบศร ตรีภวู เนตรวรนาถนายกดิลกรัตน
ราชชาติอาชาวไสย สมุทัยตโรมนต สกลจักรวาฬาธิเบนทร สุริเยนทราธิบดินทร วิเคราะหคําตอบ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัวทรง
หริหรินทราธาดาธิบดีศรีวิบูลยคุณรุจิตร ฤทธิราเมศวรธรรมิกราชเดโชไชย พรหม มีพระราชประสงคใหเขียนภาพและแตงโคลงประกอบภาพพระราชพงศาวดาร
เทพาดิเทพตรีภูวนาธิเบศร โลกเชษฐวิสุทธมงกุฎเทศคตาม หาพุทธางกุรบรมพิ ดังนั้นจึงมีการถายทอดเรื่องราวพระเกียรติยศของบุคคลสําคัญในสมัยอยุธยา
บพิตร พระพุทธเจาอยูหัว พระมหานครทวารวดีศรีอยุธยา มหาดิลกภพ นพรัตน ลงบนภาพเขียน ซึ่งเรียกวา “จิตรกรรม” โดยเรื่องราวดังกลาวมีระบุใน
ราชธานีบุรีรมย” พระราชพงศาวดาร จึงเชื่อวาเกิดขึ้นจริง ดังนั้นภาพที่เขียนจึงเปนศิลปะ
เหมือนจริง ตอบขอ 1.
4 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนศึกษาพระราชประวัติของพระบาท
๒ »ÃÐÇѵԼٌᵋ§ สมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว และ
พระราชประวัติของพระเจาบรมวงศเธอ
พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว กรมพระนราธิปประพันธพงศจากหนังสือเรียน
พระบาทสมเด็ จ พระจุ ล จอมเกล า เจ า อยู หั ว เป น พระมหากษั ต ริ ย รั ช กาลที่ ๕ แห ง หนา 5 จากนั้น ครูสอบถามนักเรียนเกี่ยวกับ
กรุงรัตนโกสินทร เปนพระราชโอรสพระองคใหญในพระบาทสมเด็จพระจอมเกลา พระปรีชาสามารถดานวรรณกรรมของพระองค
เจาอยูหัวและสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี 2. ครูขออาสาสมัคร 2-3 คน ชวยกันอธิบาย
ตลอดระยะเวลา ๔๒ ป ที่ทรงครองราชย พระองคทรงประกอบ เกี่ยวกับผลงานดานวรรณกรรมรัชกาลที่ 5
พระราชกรณียกิจสําคัญมากมาย เชน การเลิกทาส การปฏิรูปประเทศ และพระเจาบรมวงศเธอ กรมพระนราธิป-
ทั้งในดานการปกครอง เศรษฐกิจ สังคม และการศึกษา ดวยพระปรีชา ประพันธพงศ
สามารถ ประเทศไทยจึงรอดพนจากการเปนอาณานิคมของมหาอํานาจ
ชาติตะวันตก ขยายความเขาใจ Expand
งานพระราชนิพนธของพระองคมีทั้งรอยแกวและรอยกรอง เชน
พระราชพิธสี บิ สองเดือน ไกลบาน โคลงสุ 1. นักเรียนจัดปายนิเทศแสดงพระราชประวัติของ
1 ภาษิตพระราชนิพนธ กาพยเหเรือ
ลิลิตนิทราชาคริต บทละครเรื่องเงาะปา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัวและ
พระราชประวัติของพระเจาบรมวงศเธอ
พระประวัติพระเจาบรมวงศเธอ กรมพระนราธิปประพันธพงศ กรมพระนราธิปประพันธพงศ
พระเจาบรมวงศเธอ กรมพระนราธิปประพันธพงศ พระนามเดิมวา พระองคเจาวรวรรณากร 2. นักเรียนจัดกลุม กลุมละ 3-4 คน เลือกศึกษา
เปนพระราชโอรสลําดับที่ ๕๖ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัวและเจาจอมมารดาเขียน งานพระราชนิพนธของพระบาทสมเด็จพระ
กรมพระนราธิปประพันธพงศเปนเจานายทีท่ รงเชีย่ วชาญดานศิลปศาสตร จุลจอมเกลาเจาอยูหัวและพระเจาบรมวงศเธอ
ทุกแขนงและมีความรอบรูทางอักษรศาสตร บทพระนิพนธของพระองค กรมพระนราธิปประพันธพงศ กลมุ ละ 1 เรือ่ ง
มี ทั้ ง สารคดี แ ละบั น เทิ ง คดี ทั้ ง ที่ ท รงนิ พ นธ ขึ้ น เองและที่ ท รงแปล จากนั้นนํามาสรุปเนื้อหาและคุณคาทาง
และดัดแปลงมาจากภาษาอั งกฤษ ทรงเปนนักเขียนเรื่องสั้น โดยใช วรรณคดีใหเพื่อนฟง
2
พระนามแฝงวา “ประเสริฐอักษร” 3
งานพระนิพนธที่เปนที่รูจัก เชน บทละครรองเรื่องสาวเครือฟา
บทละครรําเรื่องพระลอ บทละครรองเรื่องพระราชพงศาวดารไทย
ตอนพันทายนรสิงห รุไบยาต นิราศไทรโยค นิราศนราธิป เรื่องสั้น
เรื่องสรอยคอที่หาย เปนตน
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
นักเรียนอานประวัติผูแตงโคลงประกอบภาพพระราชพงศาวดาร 1 เงาะปา แมจะมีรูปแบบของกลอนบทละคร แตก็มิไดทรงมีพระราชประสงค
โคลงภาพที่ 10 และ 56 จากนั้นสรุปผลงานการประพันธ เพื่อใชเลนละครแตอยางใด หากแตทรงพระราชนิพนธขึ้นเพื่อเปนที่ผอนคลายและ
สําราญพระทัย ในระหวางการพักฟนหลังทรงพระประชวร โดยใชเวลาเพียง 8 วัน
เทานั้น
กิจกรรมทาทาย 2 พระนามแฝง หรือนามแฝงของนักเขียนทั่วไป เริ่มใชในรัชสมัยพระบาท
สมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว เนื่องจากเปนชวงเวลาที่มีเจานายชั้นสูงและ
ขุนนางไปศึกษาตอในตางประเทศกันมาก การอานและการแปลวรรณกรรม
นักเรียนพิจารณาผลงานการประพันธเรื่องอื่นๆ ของผูแตงโคลงประกอบ จากตางประเทศ จึงเปนแรงบันดาลใจใหนักเขียนริเริ่มแตงวรรณกรรมสมัยใหม
ภาพพระราชพงศาวดาร จากนั้นเขียนแนะนําผลงานเรื่องที่นักเรียนสนใจ แลวเริ่มใชนามแฝงหรือนามปากกาในการเขียนหนังสือเชนเดียวกับนักเขียน
1 เรื่อง ความยาวครึ่งหนากระดาษ ตางประเทศ
3 บทละครรองเรื่องสาวเครือฟา บทละครรองเรื่องแรก ทรงดัดแปลงมาจาก
ละครโอเปราเรื่อง “มาดามบัตเตอรฟาย” (Madame Butterfly) บอกเลาเรื่องราว
ความรักที่โศกเศราของสาวเชียงใหมกับชายเมืองกรุง
คูมือครู 5
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนและครูรวมกันอภิปรายแสดงความ
คิดเห็นเกี่ยวกับฉันทลักษณของคําประพันธ
ประเภทโคลงสี่สุภาพ โดยยกโคลงแบบหรือ
๓ ลักษณะคÓประพันธ์ 1
โคลงตัวอยางประกอบการอธิบาย โคลงภาพพระราชพงศาวดาร แต่
แต่งด้วยค�าประพันธ์ประเภทโคลงสี่สุภาพ
(แนวตอบ โคลงสี่สุภาพที่แตงใหถูกตอง แผนผังและตัวอย่าง โคลงสี่สุภาพ
ตามฉันทลักษณบงั คับคําเอก 7 แหง คําโท 4 แหง
โดยใชรูปวรรณยุกตครบทุกแหง เรียกวา
่ ้
( )
โคลงแบบหรือโคลงตัวอยาง (ไมนับคําสรอย)
่
่ ้
ดังที่ปรากฏในวรรณคดีเรื่องลิลิตพระลอ
่
่
( )
“เสียงฦๅเสียงเลาอาง อันใด พี่เอย
่
้ ่ ้
เสียงยอมยอยศใคร ทั่วหลา
สองเขือพี่หลับใหล ลืมตื่น ฤๅพี่ พันท้ายตกประหม่าสิ้น สติคิด
โดดจากเรือทูลอุทิศ โทษร้อง
สองพี่คิดเองอา อยาไดถามเผือ”)
พันท้ายนรสิงห์ผิด บทฆ่2า เสียเทอญ
2. นักเรียนสรุปเรื่องยอโคลงภาพพระราช
หัวกับโขนเรือต้อง คู่เส้นท�าศาล
พงศาวดารทั้งภาพที่ 10 และ 56 เปนสํานวน
ภาษาของนักเรียนเอง
๔ เรื่องย่อ
ขยายความเขาใจ Expand โคลงประกอบภาพที่ ๑๐ ภาพพระสุริโยทัยขาดคอช้าง
เนื้อเรื่องกล่าวถึงพระเจ้าบุเรงนองกษัตริย์พม่ายกกองทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระมหา
นักเรียนแตงคําประพันธประเภทโคลงสี่สุภาพ จักรพรรดิทรงน�ากองทัพออกสู้รบ สมเด็จพระสุริโยทัยพระอัครมเหสีจึงทรงเครื่องเป็นชายตามเสด็จ
ในหัวขอ “บุญคุณบรรพชนไทย” คนละ 1 บท ไปรบ เมื่อสมเด็จพระมหาจักรพรรดิเสียที พระเจ้าแปรไสช้างไล่ตามมา สมเด็จพระสุริโยทัยจึงขับช้าง
(แนวตอบ ในเบื้องตนนักเรียนสามารถแตงได ออกรับช้างข้าศึกไว้ เป็นจังหวะเดียวกับที่พระเจ้าแปรจ้วงฟัน สมเด็จพระสุริโยทัยถูกพระแสงของ้าว
ถูกตองตามฉันทลักษณ สวนการใชสํานวนภาษา ฟันสิ้นพระชนม์ซบอยู่กับคอช้าง พระราชโอรสทั้งสองพระองค์ได้กันพระศพกลับเข้าพระนคร
และความไพเราะของคําประพันธ ขึน้ อยูก บั ดุลยพินจิ
โคลงประกอบภาพที่ ๕๖ ภาพพันท้ายนรสิงห์ถวายชีวิต
ของครูผูสอน)
เนื้อเรื่องกล่าวถึงสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๘ (สมเด็จพระเจ้าเสือ) เสด็จโดยเรือพระที่นั่งเอกไชย
ไปประพาสทรงเบ็ดที่ปากน�้า เมืองสาครบุรี (ปัจจุบันคือ จังหวัดสมุทรสาคร) เมื่อเรือพระที่นั่งถึงต�าบล
ตรวจสอบผล Evaluate
โคกขามซึ่งเป็นคลองคดเคี้ยว โขนเรือพระที่นั่งชนกิ่งไม้ใหญ่หักลง พันท้ายนรสิงห์นายท้ายเรือพระที่นั่ง
1. นักเรียนรวมกันวิเคราะหจุดประสงคในการนํา ตกใจมาก จึงกระโดดขึน้ ฝัง่ แล้วกราบบังคมทูลให้ทรงลงพระราชอาญา สมเด็จพระเจ้าเสือพระราชทาน
โคลงภาพพระราชพงศาวดารมาใหนักเรียน อภัยโทษ ด้วยเห็นว่าเป็นเหตุสุดวิสัย จึงโปรดเกล้าฯ ให้ตัดศีรษะหุ่นเหมือนแทน แต่พันท้ายนรสิงห์
ศึกษา ไม่เห็นด้วย 3เพราะเป็นการขัดพระราชประเพณี สมเด็จพระเจ้าเสือจึงรับสั่งให้ประหารชีวิต แล้วให้ตั้ง
2. นักเรียนรวมกันถอดคําประพันธโคลงภาพ ศาลเพียงตา
งตา น�าโขนเรือและศีรษะของพันท้ายนรสิงห์ตั้งเซ่นที่ศาลสืบเกียรติคุณมาตราบเท่าทุกวันนี้
พระราชพงศาวดารเปนรอยแกว 6
3. นักเรียนแตงคําประพันธประเภทโคลงสี่สุภาพ
หัวขอ “บุญคุณบรรพชนไทย”
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 คําประพันธประเภทโคลงสี่สุภาพ เปนคําประพันธที่มีการบังคับเสียง นักเรียนคนหาคําที่มีสัมผัสสระและอักษรในบทประพันธโคลงภาพ
วรรณยุกตเอก 7 แหงและวรรณยุกตโท 4 แหง ในวรรณคดีที่ปรากฏโคลงที่ใช พระราชพงศาวดาร แลวจดบันทึกลงสมุด
คําเอก คําโท ครบทุกแหงที่เรียกวา เปนโคลงแบบหรือโคลงตัวอยาง ซึ่งไมนับ
คําสรอยปรากฏในวรรณคดีเรื่องลิลิตพระลอ 2 บท โคลงนิราศนรินทร 1 บท โคลง
นิราศพระประโทน พระนิพนธกรมหลวงวงษาธิราชสนิท 5 บท รวม 8 บท ทั้งนี้ กิจกรรมทาทาย
ไมนับโคลงที่เจตนาแตงใหเปนโคลงแบบ
2 เสน เปนคําโทโทษ ปกติเขียนวา “เซน” เปนคํากริยา มีความหมายวา
เอาอาหารหรือเครื่องไหวอื่นๆ ไปไหวหรือสังเวยผีหรือเจา นักเรียนแตงโคลงสี่สุภาพในหัวขอที่ตนเองสนใจ โดยเลือกใชคําที่มี
เสียงสัมผัสสระและอักษรในบทประพันธ
3 ศาลเพียงตา คือ สถานจําลองชั่วคราวสําหรับใหผีเทวดาอารักษ เจาที่ เจาปา
เจาเขา เขามาสถิต แลวตั้งเครื่องบวงสรวงสังเวย ปกติสรางดวยไมไผหรือไมรวก
ทีพ่ บในไทยมักทําเปนชัน้ ลด ตัวศาลปกเสาสูงระดับสายตา จึงเรียกวา “ศาลเพียงตา”
6 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
1. ครูอานบทประพันธจากโคลงภาพพระราช
๕ เนื้อเรื่อง พงศาวดาร ภาพที่ 10 ภาพพระสุริโยทัย
ขาดคอชาง เปนทํานองเสนาะใหนักเรียนฟง
โคลงประกอบภาพที่ ๑๐ ภาพพระสุริโยทัยขาดคอช้าง และถามเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง
• เหตุการณในโคลงประกอบภาพทั้งสองภาพ
เกิดขึ้นในสมัยใด
(แนวตอบ สมัยอยุธยา)
2. นักเรียนสนทนารวมกันเกี่ยวกับกษัตริย
ที่มีความสามารถดานการรบในอดีต
(แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความ
คิดเห็นไดหลากหลาย ทั้งนี้ขึ้นอยูกับ
ประสบการณและมุมมองของนักเรียน)
สํารวจคนหา Explore
นักเรียนคนหาความรูและเรื่องราวทาง
ประวัติศาสตรเกี่ยวกับเหตุการณที่เกิดกับ
พระสุริโยทัยและพันทายนรสิงหจากหนังสือและ
๑
บุเรงนองนามราชเจ้า จอมรา มัญเฮย เว็บไซตตางๆ
ยกพยุหแสนยา 1 ยิ่งแกล้ว
มอญม่านประมวลมา สามสิบ หมื่นแฮ อธิบายความรู Explain
ถึงอยุธเยศแล้ว หยุดใกล้นครา 1. นักเรียนอานออกเสียงเรื่องยอโคลงประกอบ
๒
พระมหาจักรพรรดิเผ้า ภูวดล สยามเฮย ภาพที่ 10 ภาพพระสุริโยทัยขาดคอชาง ใน
วางค่ายรายรี้พล เพียบหล้า หนา 7-8 โดยพรอมเพรียงกัน
ด�าริจักใคร่ยล แรงศึก 2. นักเรียนถอดคําประพันธเปนสํานวนภาษาของ
ยกนิกรทัพกล้า ออกตั้งกลางสมร นักเรียนเอง บันทึกลงสมุด
๓
บังอรอัคเรศผู้ พิสมัย ท่านนา
นามพระสุริโยทัย ออกอ้าง
ทรงเครื่องยุทธพิไชย เช่นอุป ราชแฮ
เถลิงคชาธารคว้าง ควบเข้าขบวนไคล
7
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
คําประพันธในขอใดหมายถึงนักรบที่ไดรับสมญาวา “ผูชนะสิบทิศ”
ครูใหนักเรียนอานเนื้อเรื่องโคลงประกอบภาพที่ 10 พระสุริโยทัยขาดคอชาง
1. บุเรงนองนามราชเจา จอมรา มัญเฮย
และแนะนักเรียนเรื่องธรรมเนียมนิยมในการแตงโคลง คือ นิยมคําศัพทและ
2. ยกพยุหแสนยา ยิ่งแกลว
คําโบราณ นักเรียนจึงตองคนหาความหมายของถอยคําที่ใชในโคลง โดยศึกษาจาก
3. มอญมานประมวลมา สามสิบ หมื่นแฮ
หนังสือพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2493 และ พ.ศ. 2525 ตลอดจน
4. ถึงอยุธเยศแลว หยุดใกลนครา
หนังสือรวมศัพทตางๆ สวนเนื้อหาของโคลงนั้นขึ้นอยูกับความสามารถในการ
วิเคราะหคําตอบ ผูชนะสิบทิศ เปนสมญานามของพระเจาบุเรงนอง ซึ่งตรง ถอดความของแตละคน นักเรียนจึงควรฝกฝนการถอดคําประพันธโคลงสี่สุภาพ
กับคําประพันธในขอ 1. สวนขออื่นๆ ไมไดกลาวถึงชื่อผูใด ขอ 2. มีความวา
ยกกองทัพมาอยางยิง่ ใหญ ขอ 3. กําลังพลของมอญพมามีมากถึงสามสิบหมืน่
หรือประมาณ 3 แสนคน ซึ่งเปนการกลาวที่แสดงใหเห็นวากําลังพลมีจํานวน นักเรียนควรรู
มาก ขอ 4. มาใกลอยุธยาแลว ตอบขอ 1.
1 มอญมานประมวลมา หมายความวา กองทัพพมา มอญ ที่ยกมา
พระเจาตะเบ็งชะเวตี้กษัตริยพมาเปนจอมทัพในศึกครั้งนี้ ขณะนั้นพมามีอํานาจ
เหนือมอญ และยายเมืองหลวงมาอยูกรุงหงสาวดี จึงเรียกอีกพระนามวา
“พระเจาหงสาวดี”
คูมือครู 7
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
ครูสุมเรียกนักเรียน 6 คน มาถอดคําประพันธ
โคลงประกอบภาพที่ 10 ภาพพระสุริโยทัย ๔
พลไกรกองน่าเร้า โรมรัน กันเฮย
ขาดคอชาง คนละ 1 บท
ช้างพระเจ้าแปรประจัญ คชไท้
(แนวตอบ ถอดคําประพันธ ไดดังนี้
• บทที่ 1 พระเจาบุเรงนองยกทัพพมามีทหาร สารทรงซวดเซผัน หลังแล่น เตลิดแฮ
1
จํานวน 3 แสนคนมาอยุธยา เตลงขับคชไล่ใกล้ หวิดท้ายคชาธาร
๕
• บทที่ 2 พระมหาจักรพรรดิตั้งคายและ นงคราญองค์เอกแก้ว กระษัตรีย์
เตรียมกําลังพล วางแผนการศึก แลวยกพล มานมนัสกัตเวที ยิ่งล�้า
ไปกลางสนามรบ เกรงพระราชสามี มลายพระ ชนม์เฮย
• บทที่ 3 พระสุริโยทัย ซึ่งเปนพระมเหสี ขับคเชนทรเข่นค�้า สะอึกสู้ดัสกร
แตงกายในชุดนักรบเสมือนเปนพระอุปราชา ๖
ขุนมอญร่อนง้าวฟาด ฉาดฉะ
ทรงชางเขารวมขบวนทัพ ขาดแล่งตราบอุระ หรุบดิ้น
• บทที่ 4 ไพรพลแตละฝายเขารบพุงใสกัน
โอรสรีบกันพระ ศพสู่ นครแฮ
ชางพระเจาแปรประจัญหนาไลตามหลังชาง
สูญชีพไป่สูญสิ้น พจน์ผู้สรรเสริญ
พระมหาจักรพรรดิ
(โคลงภาพพระราชพงศาวดารพระสุริโยทัยขาดคอช้าง: พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)
• บทที่ 5 พระสุริโยทัยมีใจกตัญูในพระสวามี
เกรงวาพระสวามีจะพลาดพลั้งจึงขับชางเขาสู
ความรู้เสริม
กับศัตรู
• บทที่ 6 ฝายพระเจาแปรใชงาวฟาดลงที่ไหล สถานที่พระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระสุริโยทัย
กลางอกพระสุริโยทัยขาดสะพายแลง
พระโอรสรีบขับชางเขารับพระศพกลับสูเมือง เมื่อสมเด็จพระสุริโยทัยสิ้นพระชนม์บนคอช้างในการรบระหว่างกรุงศรีอยุธยากับกรุงหงสาวดี
ในสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ หลังจากเสร็จศึกสงครามแล้ว ได้มกี ารจัดพระราชพิธพ ี ระราชทาน
พระสุริโยทัยสิ้นพระชนม ผูคนตางพากัน เพลิงพระศพของสมเด็จพระสุรโิ ยทัย ณ บริเวณสวนหลวง เขตพระราชวังหลังในสมัยนัน้ ซึง่ ต่อมาได้
สรรเสริญ) สถาปนาสถานที่บริเวณนี้ขึ้นเป็นวัดสวนหลวงสบสวรรค์ หรือวัดสบสวรรค์เดิม นอกจากนี้ ได้สร้าง
เจดีย์แบบย่อไม้มุมสิบสองขึ้นในบริเวณนั้นด้วย
ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการค้นหาสถานที่ที่ปรากฏใน
ขยายความเขาใจ Expand พงศาวดาร เพื่อเรียบเรียงหนังสือประชุมพงศาวดาร เป็นเหตุให้พบต�าแหน่งที่ตั้งวัดสบสวรรค์และ
นักเรียนสืบคนเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาพที่ตั้งของ เจดีย์ย่อไม้มุมสิบสอง ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงขนานนามพระเจดีย์นี้ว่า
พระเจดีย์ศรีสุริโยทัย
สถานทีพ่ ระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระสุรโิ ยทัย จนกระทั่งใน พ.ศ. ๒๕๓๓ รัฐบาลมอบหมายให้กรมศิลปากรเป็นผู้บูรณะซ่อมแซม พระเจดีย์
และรวมกันอภิปรายความสําคัญของการกอสราง ศรีสุริโยทัย ท�าให้พบศิลปวัตถุโบราณหลายชนิด เช่น พระพุทธรูป พระเจดีย์จ�าลอง เป็นต้น
พระเจดียศรีสุริโยทัย ซึ่งโบราณวัตถุเหล่านี้ ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา
(แนวตอบ การกอสรางพระเจดียศรีสุริโยทัย (พระนครศรีอยุธยามรดกโลกล�้าค่า ภูมิปัญญาเลื่องลือ: กระทรวงศึกษาธิการ)
เพื่อใหคนไทยรุนหลังระลึกถึงความกลาหาญและ
ความเสียสละของบรรพบุรุษไทย เปนอนุสรณสถาน 8
คอยเตือนใจใหคนไทยรักชาติบานเมือง)
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
คําประพันธในขอใดที่เปนเหตุใหพระศรีสุริโยทัยตัดสินพระทัย
จากกิจกรรมที่ครูสุมนักเรียนออกมาถอดคําประพันธหนาชั้นเรียน ครูควรให
“ขับคเชนเขนคํ้า สะอึกสูดัสกร”
นักเรียนถอดคําประพันธเปนสํานวนภาษาของนักเรียนเอง จากนั้นครูและนักเรียน
1. นงคราญองคเอกแกว กระษัตรีย
ในหองชวยกันพิจารณาวา นักเรียนที่ครูสุมมานั้นถอดคําประพันธไดเหมือนกับ
2. มานมนัสกัตเวที ยิ่งลํ้า
เพื่อนคนอื่นในหองหรือไม ครูควรชวยเพิ่มเติมและแนะการถอดคําประพันธที่
3. เกรงพระราชสามี มลายพระ ชนมเฮย
ถูกตองใหนักเรียนจดบันทึกลงสมุด
4. ขุนมอญรอนงาวฟาด ฉาดฉะ
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. กลาวถึงพระศรีสุริโยทัย ขอ 2. มีความวา มีใจ
นักเรียนควรรู ตอบแทนบุญคุณยิ่งนัก ขอ 3. กลาวถึงความกลัววาพระราชสวามี คือ
พระมหาจักรพรรดิจะสิ้นพระชนม และขอ 4. พระเจาแปรฟาดงาวดังฉาดฉะ
1 เตลง หมายถึง ชนชาติมอญ โดยกลาวรวมถึงชนชาติพมา เนื่องจากมอญ ดังนั้นการที่พระศรีสุริโยทัยจะขับชางเขาใสศัตรูนั้น ก็เพราะทรงทอดพระเนตร
ตกเปนเมืองขึ้นของพมาในภายหลัง เห็นพระเจาแปรขับชางจะเขาฟนพระมหาจักรพรรดิ ทรงเกรงวาพระราชสวามี
จะไดรับอันตรายจึงขับชางเขาขวาง ตอบขอ 3.
8 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนและครูรวมกันถอดคําประพันธ
โคลงประกอบภาพที่ ๕๖ ภาพพันท้ายนรสิงห์ถวายชีวิต โคลงประกอบภาพที่ 56 ภาพพันทายนรสิงห
ถวายชีวิต จากหนังสือเรียน ในหนา 9 จากนั้นให
นักเรียนบันทึกความรูลงในสมุด
(แนวตอบ ถอดคําประพันธโคลงประกอบภาพที่
56 ภาพพันทายนรสิงหถวายชีวิต ไดดังนี้
• บทที่ 1 พระเจาสรรเพชญที่ 8 แหงอยุธยา
เสด็จประพาสทรงปลาบริเวณปากนํ้า
ลองเรือเอกไชยมาถึงโคกขาม ตรงบริเวณที่
เปนคลองคด เรือพุงเขาชนพุมไม
• บทที่ 2 พันทายนรสิงหตกใจขาดสติ
กระโดดลงจากเรือขอพระราชทานอภัย และ
ใหพระเจาเสือลงโทษตนดวยการประหาร
1 ชีวิต และนําศีรษะของตนกับหัวโขนเรือ
๑
สรรเพชญที่แปดเจ้า อยุธยา เปนเครื่องเซนเพื่อตั้งศาล
เสด็จประพาสทรงปลา ปากน�้า • บทที่ 3 พระเจาเสือยกโทษใหเพราะเห็นแก
ล่องเรือเอกไชยมา ถึงโคก ขามพ่อ ความดีที่สั่งสมมา แตพันทายนรสิงหยืนยัน
คลองคดโขนเรือค�้า ขัดไม้หักสลาย จะใหลงโทษตน พระเจาเสือเลี่ยงโทษเปน
๒
พันท้ายตกประหม่าสิ้น สติคิด ใหฟนรูปคนแทน พันทายนรสิงหอางถึง
โดดจากเรือทูลอุทิศ โทษร้อง โบราณราชประเพณีที่ไมควรละทิ้ง
พันท้ายนรสิงห์ผิด บทฆ่า เสียเทอญ • บทที่ 4 พระเจาเสือรับสั่งปลอบพันทาย
หัวกับโขนเรือต้อง คู่เส้นท�าศาล และจําใจทําตามที่พันทายตองการ คือสั่ง
๓
ภูบาลบ�าเหน็จให้ โทษถนอม ใจนอ เพชฌฆาตประหารชีวิต และรับสั่งให
พันไม่ยอมอยู่ยอม มอดม้วย ตั้งศาลเพียงตา โดยใชศีรษะของพันทาย
พระโปรดเปลี่ยนโทษปลอม ฟันรูป แทนพ่อ นรสิงหและหัวโขนเรือเปนเครื่องเซน)
พันกราบทูลทัดด้วย ท่านทิ้งประเพณี
๔
ภูมีปลอบกลับตั้ง ขอบรร ลัยพ่อ ขยายความเขาใจ Expand
จ�าสั่งเพชฌฆาตฟัน ฟาดเกล้า
โขนเรือกับหัวพัน เซ่นที่ ศาลแล นักเรียนแบงกลุม 5 กลุม ศึกษาบทประพันธ
ศาลสืบกฤติคุณเค้า คติไว้ในสยาม โคลงภาพพระราชพงศาวดารภาพที่ 56 ภาพ
(โคลงภาพพระราชพงศาวดารพันท้ายนรสิงห์ถวายชีวติ : พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวรวรรณากร) พันทายนรสิงหถวายชีวิตอีกครั้งอยางละเอียด
พรอมกับชวยกันตั้งคําถามจากเนื้อเรื่องกลุมละ
9
5 คําถาม เพื่อใชสอบถามความรู ความเขาใจ
ของเพื่อนคนอื่นๆ
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
คําประพันธในขอใดมีคําโทโทษ
ครูแนะใหนักเรียนศึกษาเรื่องราวในบทประพันธ แลวนํามาจัดแสดงนิทรรศการ
1. พันทายตกประหมาสิ้น สติคิด
เกี่ยวกับวรรณคดีที่เชิดชูเกียรติของกษัตริยและวีรบุรุษไทยในอดีต โดยชี้ใหนักเรียน
2. โดดจากเรือทูลอุทิศ โทษรอง
เห็นคุณคาของการดํารงเกียรติยศของบรรพบุรุษที่มีความเสียสละและยึดมั่น
3. พันทายนรสิงหผิด บทฆา เสียเทอญ
ตอหนาที่ เพื่อใหนักเรียนและเยาวชนไทยยึดถือเปนแบบอยางในการดําเนินชีวิต
4. หัวกับโขนเรือตอง คูเสนทําศาล
และพึงตระหนักวาเปนหนาที่ที่จะตองรักษาเกียรติยศนี้ไวดํารงสืบไป
วิเคราะหคําตอบ โคลงสี่สุภาพมีลักษณะพิเศษ คือ บังคับคําเอก คําโท
โดยบังคับคําเอก 7 แหง คําโท 4 แหง การพิจารณาคําโทโทษจะพิจารณา
ความหมายของคําโทที่อยูตําแหนงบังคับ โดยความหมายตามรูปคําจะ นักเรียนควรรู
ไมสอดคลองกับเนื้อความ ขอที่ปรากฏคําโทที่มีความสอดคลองกับเนื้อความ
คือ ขอ 4. คําวา “เสน” ซึ่งในที่นี้คําที่ถูกตอง คือ คําวา “เซน” แตใชเปน 1 สรรเพชญที่แปด หรือสมเด็จพระเจาเสือ (สมเด็จพระพุทธเจาเสือ) ราชวงศ
คําโทโทษเพื่อใหถูกตองตามฉันทลักษณ ตอบขอ 4. บานพลูหลวง พระองคที่ 2 ทรงเปนพระมหากษัตริยพระองคที่ 29 แหงอยุธยา
สมเด็จพระเพทราชารับเปนโอรสบุญธรรมพรอมกับรับนางกุลธิดามารดาของ
สมเด็จพระเจาเสือเปนสนม (ราชธิดาพระเจาเชียงใหม ซึ่งสมเด็จพระนารายณ
มหาราชไดพระราชทานใหสมเด็จพระเพทราชา เมื่อครั้งที่ดํารงตําแหนง
เจากรมชาง) คูมือครู 9
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
1. จากการอานเนื้อเรื่อง โคลงประกอบภาพที่ 10
ภาพพระสุริโยทัยขาดคอชางและโคลงประกอบ บอกเล่าเก้าสิบ
ภาพที่ 56 ภาพพันทายนรสิงหถูกประหารชีวิต
นักเรียนตอบคําถาม ดังนี้ โขนเรือรูปสัตว์ 1
• นักเรียนมีความคิดเห็นเกี่ยวกับความ เรือรูปสัตว์ เป็นเรือพระที่นั่งอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งมีลักษณะพิเศษ คือ การท�าโขนเรือหรือ
กลาหาญและความเสียสละของสมเด็จ หัวเรือให้กว้างขึ้น และเจาะรูให้ปากกระบอกปืนสามารถโผล่ออกมาได้ เพื่อให้เหมาะส�าหรับใช้เป็น
พระสุริโยทัยและพันทายนรสิงหอยางไร เรือปืน และเพือ่ ให้เป็นทีเ่ กรงขามแก่ศตั รู ทัง้ ยังมีการแกะสลักรูปสัตว์ทดี่ รุ า้ ยน่ากลัวเป็นหัวเรือ เช่น
(แนวตอบ คําตอบอยูในดุลยพินิจของครู แต
ควรชี้ใหเห็นวาความกลาหาญและความเสีย
สละเปนคุณธรรมที่นายกยองนับถือ ควรคา
แกการเชิดชูเกียรติ)
2. นักเรียนอานเนื้อหาในหนา 10 จากนั้นครู
อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับพระราชประเพณี
การสรางโขนเรือรูปสัตว
ขยายความเขาใจ Expand
นักเรียนเลือกศึกษาคนควาเกี่ยวกับโขนเรือ เรือกระบี่ปราบเมืองมาร เรือครุฑเหินเห็จ (เรือครุฑ เรื อ ครุ ฑ เตร็ จ ไตรจั ก ร
รูปสัตวอื่นๆ ที่แตกตางจากในหนังสือเรียน คนละ หัวเรือแกะเป็นรูปขุนกระบีห่ รือ เหิรเห็จ) หัวเรือเหนือปืนแกะ หัวเรือเหนือปืนแกะเป็นรูปครุฑ
ลิงสีขาวก�าลังแสยะปาก เรือ เป็นรูปครุฑสีแดงก�าลังยุดนาค สีชมพูก�าลังยุดนาค เรือพระ
1 แบบ จากนั้นเขียนอธิบายลักษณะโขนเรือที่ พระที่ นั่ ง ล� า นี้ เ ดิ ม ถู ก ระเบิ ด เรื อ พระที่ นั่ ง ล� า เดิ ม สร้ า งขึ้ น ที่นั่งล�าเดิมถูกระเบิดเสียหาย
นักเรียนเลือกมา เสียหายเมื่อสมัยสงครามโลก ในรั ช สมั ย พระบาทสมเด็ จ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒
ครัง้ ที่ ๒ ส่วนล�าปัจจุบนั สร้างขึน้ พระพุ ท ธยอดฟ้ า จุ ฬ าโลก ส่วนล�าปัจจุบันสร้างใหม่ เมื่อ
ตรวจสอบผล Evaluate ใหม่ เมือ่ พ.ศ. ๒๕๑๐ มีนา�้ หนัก มหาราช แต่ถูกระเบิดเสียหาย พ.ศ. ๒๕๑๑ น�า้ หนัก ๕.๙๗ ตัน
๕.๖๒ ตัน กว้าง ๒.๑๐ เมตร ยาว ในสมั ย สงครามโลกครั้ ง ที่ ๒ กว้าง ๑.๙๐ เมตร ยาว ๒๗.๑๐
1. นักเรียนถอดคําประพันธจากเนื้อเรื่องโคลง ๒๖.๘๐ เมตร ลึก ๐.๕๑ เมตร ส่วนล�าปัจจุบนั สร้างขึน้ ใหม่ เมือ่ เมตร ลึก ๐.๕๒ เมตร กินน�้า
ประกอบภาพพระราชพงศาวดารภาพที่ 10 กินน�้าลึก ๐.๒๕ เมตร พ.ศ. ๒๕๐๕ มีน�้าหนัก ๗ ตัน ลึก ๐.๒๙ เมตร
และภาพที่ 56 เปนสํานวนภาษาของตนเองได กว้าง ๑.๕๙ เมตร ยาว ๒๗.๕๐
2. นักเรียนตั้งคําถามถามเพื่อนกลุมอื่นและ เมตร ลึก ๐.๕๙ เมตร กินน�า้ ลึก
๐.๓๒ เมตร
ตอบคําถามจากโคลงประกอบภาพที่ 10
ภาพพระสุริโยทัยขาดคอชางของเพื่อนกลุมอื่น
3. นักเรียนรายงานเรื่องโขนเรือรูปสัตว (น�าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี: กรมศิลปากร)
คนละ 1 แบบ
10
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู ครูบูรณาการความรูเรื่องการแกะสลักโขนเรือเปนรูปสัตวเขากับกลุม
สาระการเรียนรูศิลปะ วิชาทัศนศิลป ที่มีขอมูลความรูเรื่องการสลัก ซึ่งถือวา
1 เรือพระที่นั่ง ลําเดิมถูกระเบิดเสียหายในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
เปนศิลปะแขนงประติมากรรม ทีม่ ลี กั ษณะรูปทรงเฉพาะทีเ่ กิดขึน้ จากฝมอื
เดิมเก็บไวที่อูหรือโรงเก็บเรือพระราชพิธี โดยอยูในความดูแลรับผิดชอบของสํานัก
ความคิดและความสามารถของคนไทย โดยมีคุณคาทางสังคมและ
พระราชวังและกองทัพเรือ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 บริเวณบางกอกนอยเปนจุด
วัฒนธรรมที่ไดอนุรักษและถายทอดมา เพราะรูปที่นํามาแกะสลักโขนเรือ
ยุทธศาสตรสาํ คัญทีต่ กเปนเปาโจมตี ระเบิดลูกแลวลูกเลาไดถกู ทิง้ ลงมายังบริเวณนี้
เปนรูปที่มาจากตัวละครในวรรณคดี หรือในเรื่องราวของพระพุทธศาสนา
และบางสวนไดสรางความเสียหายใหแกโรงเก็บเรือพระราชพิธี รวมไปถึงเรือ
มีประวัติความเปนมา และเปนรากเหงาทางวัฒนธรรมของชาติ
บางลําดวย (พ.ศ. 2487)
ตอมาในป พ.ศ. 2490 สํานักพระราชวังและกองทัพเรือไดมอบหมายให
กรมศิลปากรทําการซอมแซมตัวเรือที่ไดรับความเสียหายจากระเบิด จากความสําคัญ
ของโรงเก็บเรือพระราชพิธดี งั กลาวนีเ้ อง กรมศิลปากรจึงไดขนึ้ ทะเบียนเรือพระทีน่ งั่ ตางๆ
ไวเปนมรดกของชาติ พรอมทั้งยกฐานะของอูเก็บเรือขึ้นเปน “พิพิธภัณฑสถานแหง
ชาติ เรือพระราชพิธี” ในป พ.ศ. 2517 เพื่อสืบทอดวัฒนธรรมอันลํ้าคาสูชนรุนหลัง
สืบตอไป
10 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
คําไวพจนในขอใดมีความหมายไม เขาพวก
ครูแนะนักเรียนวา การคนหาความหมายของคําศัพท รวมถึงการรูจักคําศัพท
1. นคร พารา ธานี
ที่เหมือนกันกับวรรณคดีในเรื่องอื่นๆ จะชวยใหนักเรียนมีความรูกวางขวางเรื่อง
2. คชา คชสาร กุญชร
การใชคําในวรรณคดีไทย มีประโยชนในการศึกษาและเขียนงาน
3. ภูวดล ภูวไนย ภูบดี
4. บังอร นงคราญ นงพะงา
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. ทุกคํา หมายถึง เมือง ขอ 2. ทุกคํา หมายถึง ชาง นักเรียนควรรู
ขอ 3. ภูวดล หมายถึง แผนดิน ภูวไนยและภูบดี หมายถึง กษัตริย และ
1 เอกไชย เปนเรือรบสมัยอยุธยา สรางขึ้นในสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
ขอ 4. ทุกคํา หมายถึง นางผูเ ปนทีร่ กั หญิงงาม ดังนัน้ ขอทีม่ คี วามหมาย
นอกจากใชเปนเรือรบแลว ในยามสงบจะใชสําหรับเสด็จประพาส รวมทั้งใชใน
ไมเขาพวก คือ ขอ 3. เพราะภูวดล หมายถึง แผนดิน ไมไดหมายถึง
กระบวนแหงานพระราชพิธีตางๆ ที่เสด็จพระราชดําเนินทางนํ้า
กษัตริย ตอบขอ 3.
คูมือครู 11
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นเรื่อง
“หนาที”่ โดยใหนกั เรียนมาเลาเรือ่ งราวประสบการณ ๗ บทวิเคราะห์
ของนักเรียนในการปฏิบัติตามหนาที่
โคลงประกอบภาพที ่ ๑๐ ภาพพระสุรโิ ยทัยขาดคอช้างและโคลงประกอบภาพที ่ ๕๖ ภาพพันท้าย
นรสิงห์ถวายชีวิต มีคุณค่าในด้านต่างๆ ดังนี้
สํารวจคนหา Explore
๗.๑ คุณค่าด้านเนือ้ หา
1. นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับคุณคาดานเนื้อหา โคลงประกอบภาพที่ ๑๐ ภาพพระสุรโิ ยทัยขาดคอช้าง กล่าวถึงพระสุรโิ ยทัยต้องพระแสง
วรรณศิลป และสังคม ของ้าวของพระเจ้าแปรสิน้ พระชนม์บนคอช้าง เหตุทสี่ มเด็จพระสุรโิ ยทัยตัดสินพระทัยสละพระชนม์ชพี
2. นักเรียนคนหาขอคิดที่สามารถนําไปประยุกต ก็เพื่อช่วยปกป้องพระมหาจักรพรรดิ พระราชสวามีให้รอดพ้นจากอาวุธของข้าศึก ดังบทประพันธ์
ใชในชีวิตประจําวันจากโคลงภาพพระราช ๕
พงศาวดาร นงคราญองค์เอกแก้ว กระษัตรีย์
มานมนัสกัตเวที ยิ่งล�้า
อธิบายความรู Explain เกรงพระราชสามี มลายพระ ชนม์เฮย
ขับคเชนทรเข่นค�้า สะอึกสู้ดัสกร
1. นักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับบทวิเคราะห
คุณคาดานเนื้อหา โดยใหนักเรียนอาน พระสุริโยทัยทรงมี “มนัสกัตเวที ยิ่งล�้า” คือ ทรงมีความกตัญญูกตเวทีเป็นเลิศ ทั้งต่อ
บทวิเคราะหคุณคาดานเนื้อหาในหนังสือเรียน พระราชสวามีตามหน้าที่ภรรยาที่ดีและต่อพระมหากษัตริย์ในฐานะข้าแผ่นดิน ยอมสละชีวิตเพื่อ
หนา 12 ปกป้องผืนแผ่นดินมิให้อริราชศัตรูเข้ามารุกรานได้โดยง่าย พระวีรกรรมดังกล่าวนับเป็นแบบอย่างของ
2. ครูสุมนักเรียนตอบคําถามตอไปนี้ ความรักชาติและความเสียสละที่คนไทยพึงตระหนักและจดจ�ายึดถือเป็นแบบอย่างในการด�าเนินชีวิต
• พระสุริโยทัยทรงมี “มนัสกัตเวที ยิ่งลํ้า” โคลงประกอบภาพที่ ๕๖ ภาพพั น ท้ า ยนรสิ ง ห์ ถ วายชี วิ ต กล่ า วถึ ง วี ร กรรมของ
อยางไร พันท้ายนรสิงห์ซึ่งเป็นแบบอย่างของข้าราชส�านักที่มีความรับผิดชอบ แสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดี
(แนวตอบ มีความกตัญูตอพระจักรพรรดิ ใน ความซื่อสัตย์ ความกตัญญูต่อพระเจ้าแผ่นดิน ยอมสละชีวิตเพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย
ฐานะที่ทรงเปนพระสวามีและในฐานะกษัตริย และพระเกียรติยศของสมเด็จพระเจ้าเสือ เพื่อไม่ให้ผู้คนครหาดู1หมิ่นพระองค์ได้ในภายภาคหน้า
จึงยอมเสียสละชีวิตทดแทนบุญคุณ) และเพื่อรักษาราชประเพณีไว้สืบต่อไป ซึ่งตามพระราชก�าหนดอันมีมาแต่โบราณกาลระบุไว้ว่า
• ลักษณะที่ควรนํามาเปนแบบอยางของ “ถ้าแหละพันท้ายผู้ใดถือท้ายเรือพระที่นั่งให้ศีรษะเรือพระที่นั่งนั้นหัก ท่านว่าพันท้ายนั้นถึงมรณโทษ
พระสุริโยทัยคืออะไร ให้ ตั ด ศี ร ษะเสี ย ” สมเด็ จ พระเจ้ า เสื อ จึ งจ� า ต้ อ งโปรดให้ ประหารชี วิ ต และทรงให้ ตั้ ง ศาลเพี ย งตา
(แนวตอบ ความรักชาติจนยอมเสียสละชีวิต) สืบเกียรติคุณพันท้ายนรสิงห์ไว้สืบไป ดังบทประพันธ์
• พันทายนรสิงหมีความซื่อสัตยและความ ๔
ภูมีปลอบกลับตั้ง ขอบรร ลัยพ่อ
กตัญูตอแผนดินอยางไร
จ�าสั่งเพชฌฆาตฟัน ฟาดเกล้า
(แนวตอบ ซื่อสัตยและเคารพกฎประเพณี
โขนเรือกับหัวพัน เซ่นที่ ศาลแล
ของบานเมือง ยอมเสียสละชีวิตเพื่อรักษา
ศาลสืบกฤติคุณเค้า คติไว้ในสยาม
เกียรติของพระเจาแผนดิน)
• ลักษณะที่ควรนํามาเปนแบบอยาง 12
ของพันทายนรสิงหคืออะไร
(แนวตอบ ความรับผิดชอบในหนาที่ของตน)
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูนําสื่อตางๆ เชน วีดิทัศน ภาพยนตร หรือสารคดีที่เกี่ยวกับการเชิดชูเกียรติ นักเรียนศึกษาบทวิเคราะหคุณคาดานเนื้อหาของโคลงประกอบภาพ
ของกษัตริยไทยมาจัดแสดงใหนักเรียนชม และใหนักเรียนจัดทํารายงานประวัติและ พระราชพงศาวดาร ภาพที่ 10 และ 56 แลวหาแนวคิดสําคัญที่เหมือนกัน
พระเกียรติคุณของพระมหากษัตริยในราชวงศจักรี 1 พระองค จากนั้นรวบรวม ของโคลงภาพทั้งสอง
ผลงานทั้งหมดนํามาจัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติพระมหากษัตริยราชวงศจักรี
นักเรียนควรรู กิจกรรมทาทาย
1 พระราชกําหนด เปนกฎหมายในสมัยอยุธยาหรือกฎมณเฑียรบาลที่เกี่ยวกับ
การปกครอง แบงเปนพระตํารา พระธรรมนูญ และพระราชกําหนด นักเรียนศึกษาบทวิเคราะหคุณคาดานเนื้อหาของโคลงประกอบภาพ
พระราชพงศาวดารภาพที่ 10 และ 56 แลวยกบทประพันธที่เห็นวามี
แนวคิดสําคัญเหมือนกัน
12 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับบทวิเคราะห
¤ÇÒÁÃÙŒàÊÃÔÁ คุณคาดานวรรณศิลป โดยใหนักเรียนอานบท
วิเคราะหคุณคาดานวรรณศิลปในหนังสือเรียน
คลองโคกขามและคลองมหาชัย หนา 13 - 14
2. นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับการเลือกใชถอยคํา
“คลองโคกขาม” เปนคลองในเขตอําเภอเมือง จ.สมุทรสาคร ที่ทําใหเกิดอารมณรวมกับเนื้อเรื่องโคลงภาพ
ทีม่ คี วามคดเคีย้ วมาก ลักษณะเปนโคงขอศอก กระแสนํา้ เชีย่ วมาก
ทําใหการเดินเรือมีความลําบาก เมื่อครั้งที่พระเจาเสือหรือ พระราชพงศาวดารภาพที่ 10 และ 56
สมเด็จพระสรรเพชญที่ ๘ พระมหากษัตริยแหงกรุงศรีอยุธยา (แนวตอบ โคลงภาพพระราชพงศาวดารภาพที่
เสด็จประพาสตนตามลําคลองโคกขามดวยเรือพระที่นั่งเอกไชย 10 ปรากฏความงามทางวรรณศิลป คือ
ไดเกิดอุบัติเหตุเรือพระที่นั่งชนกิ่งไมหัก ทําใหพันทายนรสิงห การเลือกใชถอยคําที่ทําใหเกิดเสียงและภาพ
ถูกประหารชีวติ บริเวณทีป่ ระหารชีวติ พันทายนรสิงห พระเจาเสือ บรรยากาศคลองโคกขาม
โปรดฯ ใหสรางศาลพันทายนรสิงหขึ้น และโปรดฯ ใหขุดคลอง เสมือนอยูในเหตุการณจริง เชน ฉาดฉะ
ตั ด ทางคดเคี้ ย วของคลองโคกขามให ต รง โดยให เ จ า พระยา หรุบดิ้น สวนโคลงภาพพระราชพงศาวดาร
ราชสงครามเปนแมกองคุมไพรพลจํานวน ๓,๐๐๐ คน ขุดคลอง ภาพที่ 56 มีลักษณะทางวรรณศิลปคือ การเลน
ตัดจากคลองโคกขามตั้งแต พ.ศ. ๒๒๔๘ มาเชื่อมกับแมนํ้าทาจีน สัมผัสพยัญชนะ เชน ภูบาล-บําเหน็จ
ขนาดคลองกวาง ๕ วา ลึก ๖ ศอก เสร็จใน พ.ศ. ๒๒๕๒ ในสมัย
ของพระเจาอยูห วั ทายสระ เมือ่ ขุดเสร็จจึงไดพระราชทานนามวา โทษ-ถนอม มอด-มวย เปนตน)
“คลองสนามไชย” ตอมาเปลี่ยนเปน “คลองมหาชัย” แตบางครั้ง
ชาวบานก็เรียกวา “คลองถาน” คลองมหาชัยในปจจุบัน ขยายความเขาใจ Expand
(ที่มา: เสนทางสุขภาพ สถานที่ทองเที่ยว ตลาดนํ้าวัดไทร)
นักเรียนรวบรวมถอยคําที่ทําใหผูอานมีอารมณ
๗.๒ คุณคาดานวรรณศิลป รวมกับบทประพันธโคลงประกอบภาพที่ 10
โคลงประกอบภาพทั้ง ๒ เรื่อง มีความโดดเดนดานการเลือกสรรถอยคําที่ทําใหผูอาน ภาพพระสุริโยทัยขาดคอชาง
เกิดจินตนาการอยางเดนชัด เนื้อความกระชับ ใชคํานอยแตกินความมาก กอใหเกิดอารมณสะเทือนใจ (แนวตอบ ถอยคําที่ทําใหมีอารมณรวมกับ
ทําใหผูอานชื่นชมในความกลาหาญ ซาบซึ้งในความกตัญู ความจงรักภักดี และความเสียสละของ บทประพันธ คือ คําที่ทําใหเห็นฉากการรบ
บรรพชนไทย
การเคลื่อนไหว ดังนี้
โคลงประกอบภาพที่ ๑๐ ภาพพระสุริโยทัยขาดคอชาง กวีไดเลือกสรรถอยคําที่ใหทั้ง
เสียงและภาพ ทําใหผูอานสามารถจินตนาการถึงภาพของกองทัพที่ยิ่งใหญเกรียงไกรที่เขาตอสูกัน
• เถลิงคชา ธารควาง ควบเขาขบวนไคล
อยางชุลมุนและภาพชางศึกที่ไสตามอยางกระชั้นชิด ทําใหรูสึกราวกับไดรวมอยูในเหตุการณจริง • เตลงขับคชไลใกล หวิดทายคชา ธาร
ดังบทประพันธ • ขับคเชนทรเขนคํ้า สะอึกสูดัสกร
๖
1 • ขุนมอญรอนงาวฟาด ฉาดฉะ
ขุนมอญรอนงาวฟาด ฉาดฉะ • ขาดแลงตราบอุระ หรุบดิ้น
ขาดแลงตราบอุระ หรุบดิ้น
• จําสั่งเพชฌฆาตฟน ฟาดเกลา)
โอรสรีบกันพระ ศพสู นครแฮ
สูญชีพไปสูญสิ้น พจนผูสรรเสริญ
๑๓
บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูแนะนําความรูเกี่ยวกับสภาพทางภูมิศาสตรเสนทางการคมนาคม เกร็ดแนะครู
ทางนํ้าในสมัยอยุธยาที่เปนอุปสรรคตอการเดินทางทางนํ้า จนเปนเหตุให
ครูแนะใหนักเรียนดูภาพคลองโคกขามและคลองมหาชัยเพิ่มเติมจากเว็บไซต
พันทายนรสิงหมีความผิด มาบูรณาการเชื่อมกับกลุมสาระการเรียนรู
และสืบคนความรูเกี่ยวกับคลองโคกขามและคลองมหาชัย เพื่อเปรียบเทียบลักษณะ
สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาประวัติศาสตรและภูมิศาสตร
ทางกายภาพในอดีตกับปจจุบัน และใหนักเรียนมาอธิบายเกี่ยวกับลักษณะทาง
เพื่อใหนักเรียนมีความรู ความเขาใจ เกี่ยวกับเหตุการณที่พันทายนรสิงห
กายภาพของคลองโคกขามและคลองมหาชัย ซึ่งเปนสาเหตุที่ทําใหพันทายนรสิงห
ตองถวายชีวิต และเขาใจบทบาทความสําคัญของผูทําหนาที่เปนผูบังคับเรือ
บังคับเรือพระที่นั่งไมไดทําใหโขนเรือปะทะกิ่งไมจนหัก
พระที่นั่ง
นักเรียนควรรู
1 ฉาดฉะ เปนเสียงของการฟาดงาวอยางรวดเร็วและรุนแรงฝาอากาศ จนทําให
เกิดเสียงดังฉาดฉะ การใชคําลักษณะนี้เปนภาพพจนชนิดหนึ่ง เรียกวา ภาพพจน
สัทพจน
คูมือครู 13
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายการเลือกใชคําและการ
ดําเนินเรื่องจากโคลงภาพพระราชพงศาวดารภาพ จากบทประพันธ์จะเห็นว่ากวีเลือกใช้ค�าที่ให้เสียง คือเสียงของง้าวที่กระทบกันดัง
ที่ 10 และ 56 “ฉาดฉะ” และสรรค�าที่ให้ภาพ “หรุบดิ้น” ค�าว่า หรุบ หมายถึง อาการของสิ่งของที่ร่วงพรูลงมา ดิ้น
(แนวตอบ การเลาเรื่องกวีเรียงลําดับเหตุการณได หมายถึง อาการที่สะบัดหรือฟาดตัวไปมาอย่างแรง ร่างของพระสุริโยทัยทรุดลงซบกับคอช้าง สร้าง
กระชับ เนื้อเรื่องนาติดตาม ดังนี้ ความสะเทือนใจอย่างยิ่ง
• โคลงภาพพระราชพงศาวดารภาพที่ 10 โคลงประกอบภาพที่ ๕๖ ภาพพันท้ายนรสิงห์ถวายชีวิต กวีได้ถ่ายทอดเรื่องราว
วีรกรรมความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของพันท้ายนรสิงห์ เรีย1งตามล�าดับเหตุการณ์ได้อย่างกะทัดรัด
กวีเลือกใชคําที่มีความหมายเหมาะกับการ
โดยใช้โคลงสี่สุภาพเพียง ๔ บท ทั้งที่พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยากล่าวถึงเหตุการณ์ตอนนี้
ดําเนินเรื่อง คือ เปนคําที่สั้น กระชับ แต ไว้ค่อนข้างยาวและมีบันทึกค�าสนทนาระหว่างสมเด็จพระเจ้าเสือกับพันท้ายนรสิงห์อย่างละเอียด
สามารถสื่อความหมายไดครบถวนชัดเจน จึงกล่าวได้ว่าโคลงพันท้ายนรสิงห์ถวายชีวิตมีความดีเด่นในด้านการใช้ค�าน้อยแต่กินความมาก
เชน การกลาวถึงจํานวนของกองทัพพมาวามี กวีสามารถเก็บรายละเอียดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ได้ด้วยโคลงเพียง ๔ บท นอกจากนี้โคลงบางบท
ถึงสามแสนคน กวีใชคําวา “สามสิบ หมื่นแฮ” ยังมีการเล่นสัมผัสพยัญชนะ ท�าให้โคลงมีความไพเราะยิ่งขึ้น ดังบทประพันธ์
คําที่กวีเลือกใชคํานึงถึงเสียงที่ตองลงเสียง ๓
ภูบาลบำาเหน็จให้ โทษถนอม ใจนอ
หนักกระชับ เปนตน พันไม่ยอมอยู่ยอม มอดม้วย
• โคลงภาพพระราชพงศาวดารภาพที่ 56 พระโปรดเปลี่ยนโทษปลอม ฟันรูป แทนพ่อ
กวีเลือกใชคําสั้นกะทัดรัด กินความมาก พันกราบทูลทัดด้วย ท่านทิ้งประเพณี
เหมาะสําหรับการเลาเรื่องที่มีรายละเอียดและ
จากบทประพั น ธ์ ป รากฏค� า สั ม ผั ส อั ก ษร คื อ (ภู ) บาล - บ� า (เหน็ จ ) โทษ - ถนอม
มีการเลนสัมผัสพยัญชนะ ดังบทประพันธ
ยอม - อยู่ - ยอม มอด - ม้วย เปลี่ยน - ปลอม ทูล - ทัด ท่าน - ทิ้ง
“ภูบาลบําเหน็จให โทษถนอม ใจนา
พันไมยอมอยูยอม มอดมวย
๗.๓ คุณค่าด้านสังคม
โคลงประกอบภาพพระราชพงศาวดารทั้ง ๒ ภาพ มีความโดดเด่นในด้านการให้คุณค่า
พระโปรดเปลี่ยนโทษปลอม ฟนรูป แทนพอ ทางสังคม ดังนี้
พันกราบทูลทัดดวย ทานทิ้งประเพณี”) ๑) แสดงให้เห็นสภาพเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ คือ แสดงสภาพสังคม และ
การท�าสงครามในสมัยโบราณ ที่ยกก�าลังพลจ�านวนมากมาต่อสู้กัน แม่ทัพทั้งสองฝ่ายต่างเป็นผู้น�าใน
การออกรบด้วยความกล้าหาญ ดังบทประพันธ์
ขยายความเขาใจ Expand ๑
บุเรงนองนามราชเจ้า จอมรา มัญเฮย
ครูสุมนักเรียน 10 คน แบงเปน 2 กลุม คือ ยกพยุหแสนยา ยิ่งแกล้ว
กลุมโคลงประกอบภาพที่ 10 ภาพพระสุริโยทัย มอญม่านประมวลมา สามสิบ หมื่นแฮ
ขาดคอชาง และกลุมโคลงประกอบภาพที่ 56 ถึงอยุธเยศแล้ว หยุดใกล้นครา
๒
พระมหาจักรพรรดิเผ้า ภูวดล สยามเฮย
ภาพพันทายนรสิงหถวายชีวิต ใหนักเรียนแตละ
วางค่ายรายรี้พล เพียบหล้า
กลุมมาเลาเรื่องเรียงลําดับตอกันจนจบ ด�าริจักใคร่ยล แรงศึก
ยกนิกรทัพกล้า ออกตั้งกลางสมร
14
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
พระมหาจักรพรรดิเผา ภูวดล สยามเฮย
ครูใหนกั เรียนฝกถอดคําประพันธเพือ่ ใหนกั เรียนเขาใจเนือ้ เรือ่ ง จากนัน้ ใหพจิ ารณา
วางคายรายรี้พล เพียบหลา
การใชคําที่มีความไพเราะ เหมาะสม คือ สามารถเลือกใชคําไดเหมาะสมกับรูปแบบ
ดําริจักใครยล แรงศึก
คําประพันธซึ่งเปนโคลงสี่สุภาพ แลวทําใหเนื้อหาหรือการดําเนินเหตุการณในเรื่อง
ยกนิกรทัพกลา ออกตั้งกลางสมร
เปนไปอยางราบรื่นและอานไดเขาใจ แจมแจง ครูควรยกบทประพันธมาถอดความ
ขอใดไมสอดคลองกับคําประพันธในขางตน
เปนตัวอยางใหนักเรียนเห็นการเรียบเรียงถอยคําภาษาที่ไพเราะ เขาใจงาย
1. ความหวาดกลัวทอถอย
2. ความรูทางประวัติศาสตร
นักเรียนควรรู 3. ความเปนนักรบผูกลาหาญ
4. นําทัพออกสูขาศึกเพื่อหยั่งเชิงขาศึก
1 พระราชพงศาวดาร ในเมืองไทยมีหลายเลม เลมที่จัดวาเกาที่สุดคือ
วิเคราะหคําตอบ พระมหาจักรพรรดิกษัตริยแหงสยามทรงยกพล
พงศาวดารกรุงเกา หลวงประเสริฐอักษรนิติ์ เหตุที่เรียกพงศาวดารฉบับนี้วาเปน
ออกไปดูกําลังของศัตรู แลวจึงยกกองทัพออกตั้งกลางสนามรบ ขอที่ไมได
ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ เพราะตองการจะใหเกียรติแกหลวงประเสริฐอักษรนิติ์
ชี้ใหเห็นในบทประพันธ คือ ขอ 1. ความหวาดกลัวทอถอย เพราะมีความ
หรือ พระยาปริยัติธรรมธาดา (แพ เปรียญ) ซึ่งเปนผูคนพบเอกสารสําคัญชิ้นนี้
วา “ยกนิกรทัพกลา” แสดงถึงความกลาหาญไมใชความหวาดกลัว
โดยเมื่อครั้งที่ยังคงเปน หลวงประเสริฐอักษรนิติ์
ตอบขอ 1.
14 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนสรุปความรูเกี่ยวกับคุณคาดานตางๆ
จากบทประพันธ์แสดงให้เห็นถึงภาพของการท�าสงคราม โดยมีพระมหากษัตริยท์ รงเป็น ที่ปรากฏในบทประพันธ โดยนักเรียนทํากิจกรรม
ผู้น�าในการออกรบและตามด้วยกองก�าลังทหารที่มีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว กวีเลือกสรรการใช้ถ้อยค�า ตามตัวชี้วัด กิจกรรมที่ 1.2 จากแบบวัดฯ
เพื่อให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพ มองเห็นกองก�าลังทหารจ�านวนมาก ภาษาไทย ม.2
๒) แสดงให้เห็นถึงคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมของคนไทย คือ แสดงให้เห็นถึง
ความกล้าหาญของพระสุริโยทัย ที่แต่งพระองค์ดังพระมหาอุปราชเสด็จไปรบในกองทัพ ด้วยพระทัย ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝกฯ
ที่กล้าหาญ เด็ดเดี่ยว ด้วยความรักและเสียสละที่มีต่อองค์พระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นพระราชสวามี ภาษาไทย ม.2 กิจกรรมที่ 1.2
ทรงไสช้างพระทีน่ งั่ เข้าขวางพระคชาธารของพระเจ้าแปร จนถูกจ้วงฟันด้วยพระแสงของ้าวสิน้ พระชนม์ เร�่อง โคลงภาพพระราชพงศาวดาร
อันนับเป็นวีรกรรมที่ควรค่าแก่การยกย่องสรรเสริญอย่างยิ่ง
ส่วนโคลงประกอบภาพพันท้ายนรสิงห์ถวายชีวิต แสดงให้เห็นถึงการเคารพกฎหมาย กิจกรรมที่ ๑.๒ ใหนักเรียนวิเคราะหและสรุปคุณคาที่ไดรับจากวรรณคดีใน
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
ñð
ระเบียบ ประเพณีของบ้านเมือง ยอมเสียสละชีวิตเพื่อด�ารงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย ขณะ รูปแบบผังมโนทัศน (ท ๕.๑ ม.๒/๓)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
คําประพันธในขอใดเปนตัวอยางที่นายกยอง
1 โขนเรือ เรือพระที่นั่งบางลํามีโขนเรือเปนรูปสัตว ตามพระราชลัญจกรเชนกัน
พันทายตกประหมาสิ้น สติคิด
เชน เรือครุฑ มีพระราชลัญจกร “พระครุฑพาห” หัวเรือแตเดิม ก็ทาํ เปนรูปครุฑเทานัน้
โดดจากเรือทูลอุทิศ โทษรอง
ในสมัยอยุธยามีเรือครุฑซึ่งมีชื่อวา “เรือมงคลสุบรรณ” ซึ่งก็มิไดมีองคพระนารายณ
พันทายนรสิงหผิด บทฆา เสียเทอญ
อยูดวย แตทําเปน “ครุฑยุดนาค” ดังปรากฏในบทเหเรือของเจาฟาธรรมธิเบศรไชย
หัวกับโขนเรือตอง คูเสนทําศาล
เชษฐสรุ ยิ วงศ (เจาฟากุง ) ทีว่ า “เรือครุฑยุดนาคหิว้ ” นัน่ เอง และตอมามีเรือนารายณ
1. ความเสียสละเพื่อคนรัก
ทรงสุบรรณ ซึ่งเดิมก็มีเพียงรูปครุฑ สรางขึ้นในรัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จ-
2. ความยุติธรรมของทหาร
พระนั่งเกลาเจาอยูหัว ตอมาในรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัว
3. ความกลาหาญเด็ดเดี่ยว
โปรดใหทาํ องคพระนารายณเติมเขาไปดวย เรือพาลีรงั้ ทวีป และเรือสุครีพครองเมือง
4. ความผิดตองไดรับการใหอภัยเสมอ
ซึ่งเปนเรือของกองอาสา กรมเขนทองซาย กรมเขนทองขวา ก็มีตราเปนรูปลิง
วิเคราะหคําตอบ เมื่อพันทายนรสิงหทําผิดกฎมณเฑียรบาลที่วา ถาใครทํา ซึ่งเรียกวา “กระบี่ธุช”
โขนเรือพระที่นั่งหักจะตองโทษถึงประหารชีวิต จึงขอรับโทษซึ่งเปนการแสดง
ความกลาหาญเด็ดเดี่ยว ทั้งนี้เพราะพันทายนรสิงหรูดีวาหากไมรับโทษ
จะทําใหกฎมณเฑียรบาลไมศักดิ์สิทธิ์ และเปนตัวอยางที่ไมดีตอผูอื่นใน
ภายหนา ตอบขอ 3.
คูมือครู 15
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับขอคิดจาก
โคลงภาพพระราชพงศาวดารที่สามารถนําไป ๒) ความกตัญญูกตเวที เป็นคุณธรรมอันประเสริฐ บุคคลใดที่มีความกตัญญู ผู้นั้น
ประยุกตใชในชีวติ ประจําวันได จากหนังสือเรียน ย่อมประสบแต่ความสุขความเจริญและได้รับการยกย่องจากผู้อื่น
หนา 15 และ 16 ๓) การทำาหน้าที่พลเมืองดี เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนต้องรู้กฎหมายและปฏิบัติ
2. ครูสุมเรียกนักเรียน 2-3 คน อธิบายเกี่ยวกับ ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมือง
ขอคิดทีส่ ามารถนําไปประยุกตใชในชีวติ ประจําวัน ๔) การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ คนไทยทุกคนควรศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์
ที่ปรากฏในเรื่อง ไดแก ความเสียสละเพื่อชาติ และความเป็นมาของชาติเพื่อเป็นข้อคิดเตือนใจให้คนไทยภูมิใจในความกล้าหาญ ความกตัญญู และ
บานเมือง ความกตัญูกตเวที การทําหนาที่ ความเสียสละของบรรพบุรุษที่ช่วยธ�ารงรักษาผืนแผ่นดินไทยจนตกทอดมาถึงเราในทุกวันนี้
พลเมืองที่ดี และการเรียนรูประวัติศาสตร
โคลงประกอบภาพพระราชพงศาวดารทั้ง ๒ เรื่อง คือ โคลงภาพพระสุริโยทัย
ขยายความเขาใจ Expand ขาดคอช้างและโคลงภาพพันท้ายนรสิงห์ถวายชีวิต แม้จะตัดตอนเรื่องราวในพงศาวดาร
นักเรียนยกตัวอยางพฤติกรรม/การกระทํา มาเพียงสั้น แต่ก็เปี่ยมด้วยคุณค่าครบถ้วน เป็นบทร้อยกรองที่แสดงให้เห็นถึงศิลปะ
ของตนเองที่สอดคลองกับขอคิดที่สามารถนําไป ในการเลือกสรรถ้อยคÓที่ไพเราะ ใช้คÓน้อยแต่กินความมาก ใช้คÓที่ก่อให้เกิดอารมณ์
ประยุกตใชในชีวิตประจําวันที่ปรากฏในเรื่อง สะเทือนใจ ใช้ภาษาที่ทÓให้เกิดจินตภาพ อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงคุณธรรมของ
ดังตาราง บรรพบุรุษไทยที่แสดงความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ อันเป็นแง่คิดที่ควรยึดถือ
ปฏิบัติและนÓมาประยุกต์ใช้ในการดÓรงชีวิตต่อไป
ขอคิดที่สามารถนํา
พฤติกรรม/การกระทํา
ไปประยุกตใชในชีวิต
ของตนเอง
ประจําวันที่ปรากฏ
ในเรื่อง
ความเสียสละเพื่อชาติ
บานเมือง
ความกตัญูกตเวที
การทําหนาที่พลเมือง
ที่ดี
การเรียนรู
ประวัติศาสตร
16
บูรณาการเชื่อมสาระ
เกร็ดแนะครู ครูบูรณาการความรูเรื่องคุณคาดานเนื้อหาของโคลงภาพพระราช-
พงศาวดารกับกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
นอกจากความกลาหาญเด็ดเดี่ยวและความเสียสละของพันทายนรสิงหแลว
วิชาประวัติศาสตร เพื่อศึกษาเกี่ยวกับพระราชพงศาวดาร และเหตุการณ
ครูแนะวายังมีคุณธรรมขออื่นที่กวีมุงเนนในเนื้อเรื่อง คือ คุณธรรมเรื่องความกตัญู
สําคัญทางประวัติศาสตร คือ การทํายุทธหัตถีจากโคลงภาพพระสุริโยทัย
กตเวที เปนคุณธรรมพื้นฐานของคนดี เพราะบุคคลที่รูจักกตัญูตอผูมีพระคุณ ขาดคอชาง และพระราชประเพณีกฎมณเฑียรบาลในสมัยอดีตจากโคลงภาพ
หมายถึง การเปนคนคิดดี มีใจซื่อสัตย และเปนที่รักใครของคนทั่วไป นักเรียนจึง พันทายนรสิงหถวายชีวิต
ควรนําไปเปนแบบอยางในการปฏิบัติตน ทั้งนี้โคลงพระราชพงศาวดารเพียง 4-6 บท อาจพรรณนาใหเห็นภาพ
เหตุการณตางๆ ไมชัดเจน นักเรียนจึงควรศึกษาคนควา สืบเสาะ จากแหลง
ขอมูลทางประวัติศาสตร ทั้งจากหนังสือเรียนประวัติศาสตร และแหลงเรียนรู
มุม IT อื่นๆ โคลงภาพพระราชพงศาวดารมีประโยชนอยางยิ่ง ในแงที่จะชวยบันทึก
สืบทอดภาพประวัติศาสตรใหชนรุนหลังไดศึกษาและจดจํา
ศึกษาเกี่ยวกับ “ประวัติพันทายนรสิงห ผูรักษากฎระเบียบ กฎมณเฑียรบาล
ยิ่งกวาชีวิตตน” เพิ่มเติม ไดที่ http://www.navy22.com/smf/index.
php?topic=15654.0
16 คูมือครู
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนรวบรวมถอยคําที่ทําใหผูอานเกิด
อารมณรวมกับบทประพันธได
ค�าถาม ประจ�าหน่วยการเรียนรู้
2. นักเรียนเลาเรื่องเรียงลําดับเหตุการณในโคลง
ประกอบภาพที่ 10 ภาพพระสุรโิ ยทัยขาดคอชาง
๑. สมเด็จพระสุริโยทัย มีบทบาทส�าคัญอย่างไรในการต่อสู้กับข้าศึก และโคลงภาพประกอบที่ 56 ภาพพันทายนรสิงห
๒. “สูญชีพไป่สูญสิ้น พจน์ผู้สรรเสริญ” บทประพันธ์นี้มีความหมายว่าอย่างไรและสอดคล้องกับวีรกรรม ถวายชีวิต
ของสมเด็จพระสุริโยทัยหรือไม่ จงอธิบายพร้อมทั้งแสดงเหตุผลประกอบ 3. นักเรียนเขียนความเรียงจากขอคิดที่ไดจาก
๓. “พันท้ายนรสิงห์เป็นตัวอย่างของข้าราชการที่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่” นักเรียนเห็นด้วยกับ เรื่องโคลงภาพพระราชพงศาวดารที่สามารถ
ค�ากล่าวนี้หรือไม่ จงอธิบายพร้อมทั้งแสดงเหตุผลประกอบ นํามาประยุกตใชในชีวิตประจําวันได
๔. สมเด็จพระสุริโยทัยและพันท้ายนรสิงห์มีคุณธรรมที่ควรเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติอย่างไรบ้าง 4. นักเรียนยกตัวอยางพฤติกรรม/การกระทําของ
๕. นักเรียนได้รับประโยชน์อย่างไรบ้างจากการอ่านเรื่อง โคลงภาพพระราชพงศาวดาร
ตนเองที่สอดคลองกับขอคิดที่สามารถนําไป
ประยุกตใชในชีวิตประจําวันที่ปรากฏใน
เรื่องได
กิจกรรม สร้างสรรค์พัฒนาการเรียนรู้
หลักฐานแสดองผลการเรียนรู
กิจกรรมที่ ๑ ใ ห้ นัก เรี ย นเขี ย นแสดงความคิ ด เห็ นว่ าข้ อ ความที่ ป รากฏในโคลงประกอบภาพ
พระราชพงศาวดารตอนใดที่นักเรียนประทับใจมากที่สุด ให้เหตุผล พร้อมทั้งอธิบาย 1. การถอดคําประพันธโคลงภาพพระราช
คุณค่าด้านวรรณศิลป์ให้ชัดเจน พงศาวดาร
กิจกรรมที่ ๒ ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม อภิปรายแสดงความคิดเห็นตามหัวข้อต่อไปนี้ 2. การแตงคําประพันธประเภทโคลงสี่สุภาพ
• เหตุใดสมเด็จพระสุริโยทัยจึงตัดสินพระทัยขับช้างเข้าต่อสู้กับข้าศึก 3. บัตรคําศัพทจากบทเรียน
• หากนักเรียนเป็นพระเจ้าแปร เมื่อทราบว่าทรงชนช้างกับสตรีจะรู้สึกอย่างไร 4. ความเรียงเกี่ยวกับขอคิดที่ไดจากการอานเรื่อง
• หากนักเรียนเป็นพันท้ายนรสิงห์ เมือ่ ได้รบั พระราชทานอภัยโทษไม่ตอ้ งถูกประหาร โคลงภาพพระราชพงศาวดาร
นักเรียนจะรู้สึกอย่างไร ท�าไมจึงรู้สึกเช่นนั้น
17
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. พระสุริโยทัยทรงขับชางเขาชวยและสละชีวิตแทนพระสวามีอยางกลาหาญ
2. การสูญเสียชีวิตไมไดหมายความวาจะสูญเสียชื่อเสียงและคุณความดีที่ไดกระทําไว การกระทําของพระสุริโยทัยนับเปนวีรกรรมที่แสดงออก
ซึ่งความรักชาติที่คนไทยรุนหลังไดเชิดชูสรรเสริญพระเกียรติของพระองค
3. เห็นดวย เพราะหนาที่ของพันทายนรสิงหคือบังคับควบคุมทิศทางเรือ เมื่อเรือประสบอุบัติเหตุผูทําหนาที่นี้จึงตองรับผิดชอบตามกฎหมายบานเมือง
โดยไมมีขอยกเวน
4. ความกตัญูและความจงรักภักดีตอพระเจาแผนดินและประเทศชาติ
5. ไดรับความรูทางประวัติศาสตรและขอคิดที่สามารถนําไปปรับใชกับตนเองได ตัวอยางเชน การยอมเสียสละชีวิตเพื่อปกปองบานเมืองใหรอดพนจากอริราชศัตรู
เปนตน
คูมือครู 17
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน
2. วิเคราะหวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน
พรอมยกเหตุผลประกอบ
3. อธิบายคุณคาของวรรณคดีและวรรณกรรม
ที่อาน
4. สรุปความรูและขอคิดจากการอานเพื่อประยุกต
ใชในชีวิตจริง
5. ทองจําบทอาขยานตามที่กําหนดและ
บทรอยกรองที่มีคุณคาตามความสนใจ
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต
คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. ใฝเรียนรู
2. มุงมั่นในการทํางาน
3. รักความเปนไทย
หนวยที่ ò
บทเสภำสำมัคคีเสวก
ตอน วิศวกรรมำและสำมัคคีเสวก
วิ
ตัวชี้วัด
ศวกรรมาและสามัคคีเสวกเปนบทประพันธ
กระตุน ความสนใจ Engage ■
■
สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน (ท ๕.๑ ม.๒/๑)
วิเคราะหวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน พรอมยกเหตุผลประกอบ ตอนหนึ่งในบทเสภาสามัคคีเสวก พระราชนิพนธ
(ท ๕.๑ ม.๒/๒) ในพระบาทสมเด็ จ พระมงกุ ฎ เกล า เจ า อยู หั ว
ครูใหนักเรียนดูภาพหนาหนวยแลวใหนักเรียน ■
■
อธิบายคุณคาของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน (ท 5.1 ม.2/3)
สรุปความรูและขอคิดจากการอานเพื่อประยุกตใชในชีวิตจริง บทวิศวกรรมากลาวถึงความสําคัญของศิลปะแขนง
รวมกันตอบคําถาม (ท ๕.๑ ม.๒/๔) ตางๆ เพื่อใหประชาชนตระหนักและอนุรักษศิลปะ
• เรือที่อยูในรูปเปนเรือประเภทใด ■ ทองจําบทอาขยานตามที่กําหนดและบทรอยกรองที่มีคุณคาตาม เหลานั้นไว สวนสามัคคีเสวกเนนยํ้าใหเห็นถึงพลังแหง
ความสนใจ (ท ๕.๑ ม.๒/๕) ความสามัคคี เพื่อเปนคติเตือนใจขาราชบริพารใหมี
(แนวตอบ เรือสําเภา) ความสามัคคีและมีความจงรักภักดีตอพระมหากษัตริย
• เมื่อเห็นภาพเรืออยูทามกลางพายุและ สาระการเรียนรูแกนกลาง ประเทศชาติจึงจะเจริญรุงเรือง
การวิเคราะหคุณคาและขอคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรม ด ว ยกลวิ ธี ท างวรรณศิ ล ป ที่ ป ระณี ต งดงามทํ า ให
คลื่นลม นักเรียนนึกถึงอะไร
■
เกร็ดแนะครู
ครูจัดกิจกรรมทัศนศึกษาใหนักเรียนไดชมศิลปะของไทยหลากหลายแขนง
จากสถานที่ที่มีความสําคัญทางศิลปกรรม โดยเปนสถานที่ที่อยูใกลโรงเรียน อาจ
เปนวัด โบสถ ตึกรามบานชองที่ไดรับการอนุรักษ หรือพิพิธภัณฑที่เก็บวัตถุสิ่งของ
ที่มีความงดงามนาสนใจ อีกทั้งใหนักเรียนไดศึกษาความเปนมาของผลงานที่มี
เอกลักษณโดยครูใหนักเรียนจดบันทึกความรูระหวางการเยี่ยมชมและศึกษา
18 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูใหนักเรียนอานเรื่องที่พระบาทสมเด็จ-
๑ ความเป็นมา พระมงกุฎเกลาเจาอยูหัวทรงอธิบายสาเหตุของ
บทเสภาสามัคคีเสวก (อ่านว่า เส - วก = ข้าราชการในราชส�านัก) เป็นบทพระราชนิพนธ์ พระราชนิพนธบทเสภาสามัคคีเสวก จากนั้นให
ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชนิพนธ์ขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๗ บทเสภาสามัคคีเสวก นักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นและความรูสึก
เป็นบททีใ่ ช้สา� หรับขับอธิบายน�าเรือ่ งในการฟอนร�าตอนต่างๆ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั ที่มีตอเนื้อความในหนา 19 โดยครูเปดประเด็น
ทรงอธิบายสาเหตุที่ทรงพระราชนิพนธ์บทเสภาชุดนี้ไว้ ดังนี้ คําถามในการอภิปราย ดังนี้
เมื่อข้าพเจ้าไปพักผ่อนอิริยาบถอยู่ที่พระราชวังสนามจันทร์ ได้มีข้าราชบริพารใน
• นักเรียนคิดวาการขับเนื้อรองเสภา
ราชส�านัก ผลัดเปลีย่ นกันจัดอาหารเลีย้ งกันทุกๆ วันเสาร์ และเมือ่ เลีย้ งแล้วมักจะมีอะไรดูกนั มีความสําคัญอยางไร
เล่นอย่าง ๑ ครัน้ เมือ่ จวนจะถึงคราวทีเ่ จ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดีจดั เลีย้ ง เจ้าพระยาธรรมา (แนวตอบ ในระหวางการจัดเลี้ยง การขับ
ได้ขอให้ข้าพเจ้าคิดหาการเล่นสักอย่าง ๑ ข้าพเจ้าจึงได้คิดผูกระบ�า “สามัคคีเสวก” ขึ้น1 เนื้อรองเสภาชวยลดกําลังของพิณพาทยที่
ระบ�าที่กล่าวนี้ได้เล่นตามแบบใหม่เป็นครั้งแรก กล่าวคือ ไม่มีบทร้องเลย มีแต่หน้าพาทย์ บรรเลงเพลงอยูตลอดเวลาใหมีเวลาไดพัก
ประกอบกับท่าระบ�าเท่านัน้ คราวนีร้ า� พึงขึน้ ว่า ในเวลาพักระหว่างตอนแห่งระบ�านัน้ ครัน้ จะ หายเหนื่อยบาง)
ให้พิณพาทย์บรรเลง พิณพาทย์นั้นก็ได้ตีเหน็ดเหนื่อยตลอดเวลาที่เล่นระบ�า ควรที่ให้
พิณพาทย์นั้นได้พักหายเหนื่อยบ้าง ข้าพเจ้าจึงตกลงแต่งบทเสภาขึ้นส�าหรับขับระหว่างตอน สํารวจคนหา Explore
จากค�าอธิบายนี้ จะเห็นได้ว่า บทเสภาสามัคคีเสวก พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงพระราชนิ พ นธ์ ขึ้ น ตามค� า กราบบั ง คมทู ล ขอพระราชทานของเจ้ า พระยาธรรมาธิ ก รณาธิ บ ดี
1. นักเรียนสืบคนความเปนมาของบทเสภา
โดยครั้งแรกพระองค์ทรงคิดการแสดงชื่อว่า “ระบำาสามัคคีเสวก” ซึ่งเป็นการร�าตามเพลงหน้าพาทย์ สามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมาและสามัคคี
ไม่มีบทร้อง และต่อมาได้แต่งบทเสภาขึ้นขับระหว่างเวลาพักตอนเพื่อให้พิณพาทย์ได้พักเหนื่อยบ้าง เสวก พรอมทั้งศึกษาเกี่ยวกับพระราช-
บทเสภาสามัคคีเสวกเป็นบทเสภาขนาดสั้น มี ๔ ตอน เนื้อหาในแต่ละตอนเป็นการเสนอ อัจริยภาพดานอักษรศาสตรในพระบาทสมเด็จ
แนวคิด โดยแนวคิดส�าคัญคือความสมานสามัคคี และความจงรักภักดีของข้าราชการที่มีต่อชาติ พระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว
และพระมหากษัตริย์ 2. นักเรียนศึกษาลักษณะคําประพันธประเภท
บทเสภาตอนที่ ๑ กิจการแห่งพระนนที กล่าวถึงพระนนที 2 ซึ่งเป็นเทพเสวกของพระอิศวร กลอนเสภา
เมื่อพระอิศวรจะเสด็จที่ใด พระนนทีจะแปลงกายเป็นโคอุสุภราชพาหนะทรงของพระอิศวรและท�า 3. นักเรียนอานเรื่องยอของบทเสภาสามัคคีเสวก
หน้าที่ด้วยความขยันขันแข็ง นับเป็นตัวอย่างของเสวกที่ดี เมื่อเสร็จเทวกิจก็จะกลับมาเป็นเทพดังเดิม ตอน วิศวกรรมาและสามัคคีเสวก
เมื่อขับเสภาจบจะเป็นการแสดงจับระบ�า ตอน พระอิศวรและพระอุมาเสด็จออกให้เหล่าเทพเข้าเฝา
มียักษ์กาลเนมีเข้ามาไล่จับนางฟา พระนนที3บัญชาให้เหล่าเทพเสวกไล่จับและลงอาญาตียักษ์กาลเนมี
แล้วขับไป จากนั้นพระอินทร์และจัตุโลกบาลเสด็จเข้ามาเฝาพระอิศวร
บทเสภาตอนที่ ๒ กรีนิรมิต กล่าวสรรเสริญพระคเณศ ผู้เป็นเทพแห่งศิลปวิทยาต่างๆ
และเป็นผู้สร้างช้างตระกูลต่างๆ เพื่อเป็นเครื่องเฉลิมพระยศของพระมหากษัตริย์ การแสดงระบ�า
เริ่มด้วยระบ�าช้าง ๘ ตระกูล ยักษ์กาลเนมีออกมาไล่จับช้าง พระคเณศต่อสู้และขับไล่ยักษ์ไปได้
จากนั้นจึงมอบช้างให้ท้าวโลกบาลทั้ง ๘ ไว้ประจ�าแต่ละทิศ ร่ายมนตร์สร้างพระยาช้างเผือก แล้วบัญชา
ให้หมอเฒ่าจับช้างและจัดกระบวนแห่พระยาช้างเผือก
19
บูรณาการเชื่อมสาระ
จากการกลาวถึงเพลงหนาพาทยในเนื้อความของหนังสือเรียนสามารถ นักเรียนควรรู
บูรณาการความรูเขากับกลุมสาระการเรียนรูศิลปะ วิชาดนตรี-นาฏศิลป
1 หนาพาทย เปนการเรียกเพลงประเภทที่ใชบรรเลงในการแสดงกิริยา
เรื่องการขับรองและบรรเลงเครื่องดนตรีประกอบเพลง หลักการบรรเลง
อาการเคลื่อนไหวของตัวโขนละคร เปนตน หรือสําหรับอัญเชิญเทพเจา ฤๅษีหรือ
ดนตรีไทยประกอบการแสดง ที่ใชสําหรับการบรรเลงในการแสดงที่สําคัญ
บูรพาจารย ใหมารวมชุมนุมในพิธีไหวครูหรือพิธีมงคลตางๆ หรือหมายถึง
และการแสดงโขน เชน ตอนยกทัพของพระราม เปนตน เพื่อใหนักเรียน
การรําหนาพาทย บอกหนาพาทย
เขาใจจุดมุงหมายของการแตงเนื้อขับเสภาตามที่รัชกาลที่ 6 ทรงอธิบาย
สาเหตุที่ทรงพระราชนิพนธบทเสภาสามัคคีเสวกนี้ 2 โคอุสุภราช มีลักษณะเปนโคเผือกไดรับการบูชาดุจเทพเจาองคหนึ่งในศาสนา
พราหมณ-ฮินดู นอกจากนี้ตราสัญลักษณประจําจังหวัดนาน ยังปรากฏมีรูป
พระธาตุแชแหงบนหลังโคอุสุภราช
3 จัตุโลกบาล คือ เทวดาที่รักษาโลกทั้ง 4 ทิศ เปนทาวจตุโลกบาล ไดแก
ทาวธตรฐ รักษาโลกดานตะวันออก ทาววิรูปกษ รักษาโลกดานตะวันตก ทาวกุเวร
รักษาโลกดานทิศเหนือ และทาววิรุฬหก รักษาโลกดานใต
คูมือครู 19
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายจุดมุงหมายในพระราชนิพนธ
บทเสภาสามัคคีเสวก บทเสภาตอนที่ ๓ วิศวกรรมา กล่าวสรรเสริญพระวิศวกรรม เทพแห่งงานศิลป์ การก่อสร้าง
(แนวตอบ บทเสภาสามัคคีเสวกเปนบทพระราช และการช่างนานา กล่าวถึงความส�าคัญของศิลปะของชาติ การแสดงระบ�าเริ่มด้วยพระวิศวกรรม
นิพนธในรัชกาลที่ 6 ทรงพระราชนิพนธขึ้นตาม ออกมาร่ายร�า ต่อจากนั้นนางวิจิตรเลขาออกมาร�าท�าท่าวาดภาพถวาย หลังจากนั้น พระรูปการ
คํากราบบังคมทูลขอพระราชทานของเจาพระยา ออกมาร่ า ยร� า ท� า ท่ า ปั ้ น รู ป ถวาย จากนั้ น เป็ น การแสดงอาวุ ธ ต่ า งๆ และจบด้ ว ยระบ� า นพรั ต น์
ธรรมาธิกรณาธิบดี ซึ่งเดิมมีเพียงหนาพาทย ซึ่งเป็นอัญมณีทั้ง ๙ ชนิด มาจับระบ�าร�าโคม
ประกอบทาระบํา ทรงเห็นวาผูบรรเลงพิณพาทย บทเสภาตอนที่ ๔ สามัคคีเสวก กล่าวถึงความสมานสามัคคีของหมู่ราชเสวก ให้มีความมั่นคง
ควรไดพักบาง จึงทรงคิดเนื้อรองบทเสภาขึ้น) จงรักภักดี ซื่อตรง ขยันขันแข็งในการท�างาน รักษาเกียรติของข้าราชการ การแสดงเริ่มด้วยราชเสวก
2. นักเรียนอธิบายที่มาของคําประพันธประเภท ๒๘ หมู่ ออกมาสวนสนามหมู่ละ ๑ คู่ จบแล้วทุกคนร้องเพลงแสดงความจงรักภักดีพร้อมกัน
กลอนเสภา
(แนวตอบ กลอนเสภามาจากการเลานิทานที่เปน ๒ ประวัติผู้แต่ง
รอยแกว ตอมาจึงแตงเปนกลอนเพื่อเพิ่มความ
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๖ แห่งราชวงศ์จักรี
สนุกสนาน ไพเราะ โดยใชกรับเปนเครื่องกํากับ
ตลอดระยะเวลา ๑๕ ปี ที่ครองราชย์ (พ.ศ. ๒๔๕๓ - ๒๔๖๘) ทรงประกอบพระราชกรณียกิจ
จังหวะขับรอง)
นานัปการ ทรงพระปรีชาสามารถทั้งด้านการทหาร การปกครอง การต่างประเทศ โดยเฉพาะด้าน
อักษรศาสตร์ พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์งานประพันธ์หลายประเภท อาทิ บทละคร บทความ สารคดี
ขยายความเขาใจ Expand
นิทาน นิยาย เรื่องสั้น พระบรมราโชวาท พระราชหัตถเลขา และทรงใช้พระราชนิพนธ์เป็นสื่อ
1. นักเรียนรวบรวมผลงานพระราชนิพนธใน แสดงแนวพระราชด�าริในเรื่องต่างๆ เป็นจ�านวนมาก 1
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว และ บทพระราชนิพนธ์หลายเรื่องได้รับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรว่าเป็นยอดของวรรณคดี
อธิบายเกี่ยวกับผลงานเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือเป็นหนังสือที่แต่งดี อาทิ หัวใจนักรบ เป็นยอดของบทละครพูดร้อยแก้ว มัทนะพาธา เป็นยอด
พอสังเขป บันทึกลงสมุด ของบทละครพูดค�าฉันท์
(แนวตอบ ตัวอยางผลงานพระราชนิพนธใน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงได้รับการถวายพระราชสมัญญาว่า “สมเด็จ
รัชกาลที่ 6 เชน บทละครพูดคําฉันทเรื่อง พระมหาธีรราชเจ้า” ซึ่งมีความหมายว่า “นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่” นอกจากนี้พระองค์ยังทรงได้รับ
มัทนะพาธา เปนบทละครพูดคําฉันท 5 องก การประกาศยกย่องจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO)
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัวทรง ให้ทรงเป็น ๑ ใน ๕ ของนักปราชญ์ไทย ใน พ.ศ. ๒๕๑๕ อีกด้วย
พระราชนิพนธขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2466 เลาเรื่องวา
ดวยตํานานเกี่ยวกับดอกกุหลาบ และความรักที่ ๓ ลักษณะคÓประพันธ์
ไมสมหวัง)
บทเสภาสามัคคีเสวกนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิ 2 พนธ์ด้วย
2. ครูสุมนักเรียน 3-4 คน มาแนะนําผลงาน
บทประพันธ์ประเภท กลอนเสภา ซึ่งเป็นกลอนที่แต่งขึ้นส�าหรับการขับเสภา โดยพัฒนามาจาก
พระราชนิพนธในพระบาทสมเด็จพระ-
การเล่านิทาน เมือ่ การเล่านิทานเป็นร้อยแก้วท�าให้ผฟู้ งั เบือ่ หน่าย จึงได้มผี คู้ ดิ แต่งนิทานให้เป็นบทกลอน
มงกุฎเกลาเจาอยูห วั คนละ 1 เรือ่ ง โดยเรือ่ งที่
ที่มีสัมผัสคล้องจองและขับเป็นท�านอง โดยใช้กรับเป็นเครื่องประกอบจังหวะ
นักเรียนยกมาตองไมซํ้ากัน จากนั้นครูขออาสา
20
สมัครที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับผลงานเรื่องอื่นๆ
นอกเหนือจากเรื่องที่ครูสุมใหเพื่อนเลา
มานําเสนอเพิ่มเติม
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ในปจจุบนั ประเทศไทยปกครองประเทศในระบอบประชาธิปไตย พระมหากษัตริย นักเรียนศึกษาและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับพระราชสมัญญาของ
จึงมิไดเปนเหมือนกัปปตันหรือกัปตันดังเชนในอดีต แตประชาชนสามารถรวมกัน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัวเปนนักปราชญผูยิ่งใหญ
ปฏิบัติตามพระบรมราโชวาทและแนวพระราชดําริตางๆ ได รวมทั้งตอง ลงในใบงานสงครู
เคารพกฎหมาย เคารพสิทธิเสรีภาพ และทําหนาที่พลเมืองไทยใหดีที่สุด
นักเรียนควรรู กิจกรรมทาทาย
1 วรรณคดีสโมสร เปนสโมสรที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัวทรง
ตั้งขึ้น เพื่อกําหนดประเภทของหนังสือ และหลักเกณฑในการพิจารณายกยอง นักเรียนศึกษาและคนหานามปากกาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา-
หนังสือทีแ่ ตงดี ในรัชสมัยของพระองคถอื ไดวา เปนยุคทีว่ รรณคดีและวรรณกรรมรุง เรือง เจาอยูหัวที่ทรงใชในการพระราชนิพนธเรื่องตางๆ ซึ่งนักเรียนจะไดชื่นชม
ในพระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย ทั้งนี้เพราะพระองคทรงใช
2 การขับเสภา เปนการละเลนพื้นเมืองที่มีทํานองเฉพาะ ผูขับเสภาจะใชกรับ พระราชนิพนธเปนสื่อแสดงพระราชดํารัสในเรื่องตางๆ แกประชาชน
ที่ทําจากไม เชน ไมชิงชัน ไมพะยูง ขยับเปนจังหวะประกอบเวลาขับเสภา คนไทย จัดทําเปนใบงานสงครู
20 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
1 1. นักเรียนอธิบายการสงและรับสัมผัสของ
กลอนเสภามีลักษณะ ดังนี้ คําประพันธประเภทกลอนเสภา
๑. เนื้อความตอนหนึ่งๆ จะยาวกี่ค�ากลอนก็ได้ (แนวตอบ การสงและรับสัมผัสของกลอนเสภา
๒. จ�านวนค�าในแต่ละวรรคอาจไม่เท่ากัน คือ มีได้ตั้งแต่ ๖ ค�า ถึง ๑๐ ค�า ตามความเหมาะสม คําสุดทายในวรรคแรก (วรรคสดับ) จะสง
เพื่อความชัดเจนของเนื้อความในแต่ละวรรค สัมผัสไปยังคําที่ 1 ,2, 3, 4 หรือ 5 ของวรรค
๓. การส่งและการรับสัมผัส คือ ค�าสุดท้ายของวรรคหน้า (วรรคสดับและวรรครอง) นิยมส่งสัมผัส ที่สอง (วรรครับ) ซึ่งคําสุดทายของวรรคนี้จะ
ไปยังค�าที่ ๑ - ๕ ค�าใดค�าหนึ่งของวรรคหลัง (วรรครับและวรรคส่ง) และค�าสุดท้ายของวรรคส่งของ สัมผัสกับคําสุดทายของวรรคที่สาม (วรรครอง)
กลอนบทแรกส่งสัมผัสไปยังค�าสุดท้ายของวรรครับในกลอนบทต่อไปด้วย และสัมผัสกับคําที่ 1 ,2, 3, 4 หรือ 5 ของวรรคที่
แผนผังและตัวอย่าง กลอนเสภา สี่ (วรรคสง) สวนสัมผัสระหวางบท คําสุดทาย
ของวรรคที่ 4 ในบทแรกสัมผัสกับคําสุดทาย
ของวรรคที่ 2 ในบทถัดไป)
2. จากการอานเรื่องยอและความเปนมาของเรื่อง
บทเสภาสามัคคีเสวก นักเรียนสรุปขอคิดที่ได
ในแตละตอน
(แนวตอบ สรุปขอคิดจากบทเสภาสามัคคีเสวก
ที่มี 2 ตอน ไดดังนี้
ประการหนึ่งพึงคิดในจิตมั่น ว่าทรงธรรม์เหมือนบิดาบังเกิดหัว • ตอน วิศวกรรมา กลาวถึงความสําคัญของ
ควรเคารพย�าเยงและเกรงกลัว ประโยชน์ตัวนึกน้อยหน่อยจะดี งานศิลปะวาเปนมรดกของชาติ
ควรนึกว่าบรรดาข้าพระบาท ล้วนเป็นราชบริพารพระทรงศรี • ตอน สามัคคีเสวก กลาวถึงหนาที่ของ
เหมือนลูกเรืออยู่ในกลางหว่างวารี จ�าต้องมีมิตรจิตสนิทกัน ขาราชบริพารที่ดีตองรักษาชาติ จงรักภักดี
(บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน สามัคคีเสวก: พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว) ตอกษัตริย และมีความสามัคคี)
ขยายความเขาใจ Expand
๔ เรื่องย่อ นักเรียนเลือกบทประพันธ บทเสภา
บทเสภาสามั ค คี เ สวก ตอน วิ ศ วกรรมา กล่ า วถึ ง ประเทศชาติ ใ ดที่ ไ ม่ มี ค วามสงบสุ ข สามัคคีเสวกที่นักเรียนเห็นวานาสนใจมา 1 บท
ประชาชนย่อมไม่มเี วลาสร้างสรรค์งานศิลปะและกล่าวว่า ศิลปะนัน้ มีคณ
ุ ค่าแสดงถึงอารยธรรมของชาติ บันทึกลงสมุด จากนั้นโยงเสนสัมผัสบังคับในบท
ประเทศไทยก็เป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองเพราะมีช่างศิลป์ที่มีความช�านาญในศิลปะทุกแขนง ใหถูกตอง
คนไทยจึงควรส่งเสริมให้ศิลปะของชาติคงอยู่สืบไป
บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน สามัคคีเสวก กล่าวถึงหน้าที่ของข้าราชบริพารที่ดี คือ จะต้อง ตรวจสอบผล Evaluate
จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ มีความสามัคคี มีวินัย เปรียบเสมือนลูกเรือที่จะต้องเชื่อฟังกัปตัน
1. นักเรียนอธิบายความเปนมาของบทเสภา
มิฉะนั้นเรือที่บังคับก็จะล่มลงในที่สุด
สามัคคีเสวกได
21 2. นักเรียนเลือกบทประพันธจากบทเสภาสามัคคี
เสวกมาโยงเสนสัมผัสในบทไดถูกตอง
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมามีสาระสําคัญเกี่ยวกับอะไร
ครูใหนักเรียนรวบรวมคําประพันธประเภทบทเสภาจากวรรณคดีเรื่องอื่น เชน
1. ความสําคัญของวิศวกร
เสภาขุนชางขุนแผน ซึ่งนิยมนํามาขับเสภา บทเสภาเปนกลอนลํานําสําหรับขับรอง
2. หนาที่ของขาราชการที่ดี
ใชทํานองขับไดหลายทํานอง โดยมีกรับเปนเครื่องประกอบสําคัญ ผูขับจะตองขยับ
3. การสงเสริมศิลปะของชาติ
กรับใหเขากับทํานองดวยในบางครั้งอาจใชขลุยประกอบดวย ลํานําเสภานี้เดิมนิยม
4. งานออกแบบทางวิศวกรรม
ขับรองเปนเรื่องราว
วิเคราะหคําตอบ บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมา สาระกลาวถึง
ศิลปะแสดงถึงความมีอารยธรรมของชาติ ประเทศที่สงบสุข ประชาชนก็จะ
สามารถสรางงานศิลปะไดหลายแขนง ดังนั้นคนไทยจึงควรสงเสริมใหมีการ นักเรียนควรรู
สรางสรรคผลงานศิลปะ เพื่อแสดงใหเห็นถึงความเจริญรุงเรืองของชาติ
ตอบขอ 3. 1 กลอนเสภา มีการใชคําขึ้นตนที่แตกตางจากกลอนเลาเรื่องทั่วๆ ไป คือ เมื่อ
ขึ้นตอนใหมที่กลาวถึงตัวละคร นอกจากจะขึ้นตนโดยกลาวชื่อตัวละครแลว มักใช
คําวา “มาจะกลาว” หรือ “ฝาย” และการใชคําวา “ครานั้น” เปนคําขึ้นตนที่มีใช
เฉพาะในกลอนเสภา
คูมือครู 21
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
“อันชาติใดไรชางชํานาญศิลป
เหมือนนารินไรโฉมบรรโลมสงา
ใครใครเห็นไมเปนที่จําเริญตา
๕ เนื้อเรื่อง
เขาจะพากันเยยใหอับอาย” บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมา
ครูอานบทประพันธขางตนใหนักเรียนฟง
แลวใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นในประเด็น
ตอไปนี้
• จากบทประพันธกวีใหความสําคัญกับอะไร
เพราะเหตุใด
(แนวตอบ จากบทประพันธกวีใหความสําคัญ
กับชางศิลป เพราะบานเมืองที่ไมมีชางศิลป
ฝมือดี เมืองอื่นมาเห็นจะดูถูกใหอับอายได)
สํารวจคนหา Explore
1. นักเรียนอานเนื้อเรื่องบทเสภาสามัคคีเสวก
ตอน วิศวกรรมาและสามัคคีเสวก
2. นักเรียนศึกษาความสําคัญของศิลปะไทยจาก จะกล่าวบทพจนาเสภาแถลง ต่อส�าแดงบทกลอนตอนที่สาม
บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมา กล่าวถึงเทพศิลปีศรีเรืองราม อันมีนามว่าวิศวกรรมา
3. นักเรียนศึกษาเรื่องความสามัคคีจาก ตามต�ารับไสยศาสตร์ประกาศไว้ ว่าในหมู่เทพไททุกทิศา
บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน สามัคคีเสวก ผู้ช�านาญหัตถกรรมศิลปา สุดจะหาเทียมพระวิศวกรรม
เธอฉลาดช�านิช�านาญในการช่าง ถ้วนทุกอย่างเอื้อเฟ้อเพื่ออุปถัมภ์
อธิบายความรู Explain บ�ารุงแดนดินด้วยศิลปกรรม ให้แลล�้าล้วนอร่
1 ามและงามงอน
นักเรียนอานเนื้อเรื่องเปนทํานองเสนาะ สอนช่างเขียนให้เพียรเขียนวาดสี แบบกระหนกนารีศรีสมร
ใหพรอมเพรียงกัน และนักเรียนตอบคําถามตอไปนี้ อีกกระบี่คชะสง่างอน แบบสุนทรจิตรการสมานรงค์
• จากบทประพันธในตนเรื่องกวีกลาวถึงงาน เริ่มผูกลายลวดเลิศประเสริฐก่อน อรชรก้านกิ่งยิ่งประสงค์
ศิลปะแขนงใด และกลาวถึงอยางไร สลับสีเพียบเพ็ญเบญจรงค์ จัดประจงเป็นภาพพิไลตา
(แนวตอบ กวีกลาวถึงงานจิตรกรรมไทยวา อนึ่งปั้นเป็นรูปเทวฤทธิ์ ดูประหนึ่งนิรมิตวิเลขา
เขียนลวดลายแบบตางๆ อยางงดงาม งาน ทั้งรูปคนรูปสัตว์นานา ประหนึ่งว่ามีชีวิตพิศเพลินใจ
ประติมากรรมที่สรางทั้งรูปคน รูปสัตว และ อีกสถาปนะการชาญฉลาด ปลูกปราสาทเคหฐานทั้งน้อยใหญ่
ตึกรามที่อยูรายลอมกรุง) ก่อก�าแพงก�าแหงรอบกรุงไกร ท้าประยุทธ์ชิงชัยแห่งไพรี
22
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู การเรียนรูและตระหนักในคุณคาความสําคัญของศิลปะแขนงตางๆ
จากบทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมา สามารถบูรณาการเขากับกลุม
1 กระหนก เปนหมวดลายพืน้ ฐานหนึง่ ทีส่ าํ คัญของลายไทยในงานจิตรกรรมไทย
สาระการเรียนรูศิลปะ วิชาทัศนศิลป ที่วาดวยผลงานศิลปะที่เราสามารถ
เรียก “ลายกระหนก” หรือ “ลายกนก” มีพื้นฐานจากสามเหลี่ยมชายธง
สัมผัสซึ่งความงามไดจากการมองเห็น โดยพิจารณาจากเนื้อเรื่องที่กลาวถึง
(สามเหลี่ยมมุมฉาก) อาจมีตัวเดียว หรือหลายตัวก็ได มักมีฐานมุมแหลมหันไป
งานทัศนศิลป ไดแก ภาพวาด รูปปน อาคาร ปราสาท ซึ่งลวนแลวแตเปน
ทางเดียวกัน โดยมีขนาดและสัดสวนที่แตกตางกันไป ลายกระหนกที่สําคัญ ไดแก
งานศิลปะที่มีความสวยงามเปนเอกลักษณของไทย
กระหนกสามตัว กระหนกเปลว กระหนกใบเทศ จากนั้นก็เปนกระหนกผักกูด
ตนแบบของลายกระหนก มาจากหางไหล ซึ่งเปนลายที่มาจากลักษณะของเปลวไฟ
กระหนกสามตัวเปนแมลาย ถือเปนแมแบบของกระหนกทั้งหลาย
นอกจากหมวดกระหนกแลว ลายไทยสมัยโบราณยังมีอีก 3 หมวด คือ หมวด
นารี เปนการเขียนภาพคน เชน ภาพพระ ภาพนาง ภาพเทวดา เปนตน หมวดกระบี่
เปนการเขียนภาพลิง ภาพยักษ ภาพอสูร และพวกอมนุษยตางๆ โดยมากจะยึดเอา
ยักษและลิงเปนตัวเอกในเรื่องรามเกียรติ์เปนหลัก และหมวดคชะ เปนการเขียน
ภาพสัตวตางๆ ที่อยูตามธรรมชาติ และสัตวในวรรณคดีที่เกิดจากจินตนาการของ
ชางเขียน หรือสัตวในหิมพานต เชน ราชสีห คชสีห กินรี ครุฑ เปนตน
22 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
จากที่นักเรียนอานเนื้อเรื่องบทเสภาสามัคคี
สร้างศาสตราอาวุธรุทธ์ก�าแหง เพื่อใช้แย้งยุทธากรสมรศรี ตอน วิศวกรรมา หนา 22-23 ใหนักเรียน
ทวยทหารได้ถือเครื่องมือดี ก็สามารถราวีอรีลาน ถอดบทประพันธ
อนึ่งเครื่องประดับสลับแก้ว วะวับแววแก้วทองสองสมาน (แนวตอบ นักเรียนถอดบทประพันธ ไดดังนี้
ช่างประดิษฐ์คิดประจงคงตระการ เครื่องส�าราญนัยนาน่าพึงใจ • ชวงที่ 1 จะกลาวถึงเทพศิลปนที่ชื่อวา วิศว
อันชาติใดไร้ศานติสุขสงบ ต้องมัวรบราญรอนหาผ่อนไม่ กรรมา ตามตําราเกากอนวาไวเกี่ยวกับเทพ
ณ ชาตินั้นนรชนไม่สนใจ ในกิจศิลปะวิไลละวาดงาม ผูชํานาญและมีฝมือดานงานศิลป สอนชาง
แต่ชาติใดรุ่งเรืองเมืองสงบ ว่างการรบอริพลอันล้นหลาม ใหวาดเขียนลายกระหนก ลวดลายตางๆ
ย่อมจ�านงศิลปาสง่างาม เพื่ออร่ามเรืองระยับประดับประดา การใชสีเบญจรงค การปนรูปคนและสัตว
อันชาติใดไร้ช่างช�านาญศิลป์ เหมือนนารินไร้โฉมบรรโลมสง่า และมีความฉลาดในการสรางที่อยูอาศัย
ใครใครเห็นไม่เป็นที่จ�าเริญตา เขาจะพากันเย้ยให้อับอาย โดยกอกําแพงรอบเมือง อีกทั้งสรางอาวุธให
ศิลปกรรมน�าใจให้สร่างโศก ช่วยบรรเทาทุกข์ในโลกให้เหือดหาย ทหารใช ประดิษฐตกแตงดวยแกวสลับสี
จ�าเริญตาพาใจให้สบาย อีกร่างกายก็จะพลอยสุขสราญ • ชวงที่ 2 ถาชาติใดไรความสงบ มัวแตรบกับ
แม้ผู้ใดไม่นิยมชมสิ่งงาม เมื่อถึงยามเศร้าอุราน่าสงสาร ขาศึก คนในชาตินั้นก็ไมสนใจศิลปะ
เพราะขาดเครื่องระงับดับร�าคาญ โอสถใดจะสมานซึ่งดวงใจ เมื่อใดที่วางจากการรบจึงจะมองเห็นศิลปะ
เพราะการช่างนี้ส�าคัญอันวิเศษ ทุกประเทศนานาทั้งน้อยใหญ่ วางดงาม
จึงยกย่องศิลปกรรม์นั้นทั่วไป ศรีวิไลวิลาสดีเป็นศรีเมือง • ชวงที่ 3 ชาติใดไมมีชางดานงานศิลป ก็
ใครดูถูกผู้ช�านาญในการช่าง ความคิดขวางเฉไฉไม่เข้าเรื่อง เหมือนผูห ญิงทีไ่ มสวย ใครๆ เห็นก็นา อับอาย
เหมือนคนป่าคนไพรไม่รุ่งเรือง จะพูดด้วยนั้นก็เปลืองซึ่งวาจา ศิลปะชวยบรรเทาความโศกเศราได มอง
แต่กรุงไทยศรีวิไลทันเพื่อนบ้าน จึงมีช่างช�านาญวิเลขา แลวสบายตา สบายใจ ถาใครไมเห็นความ
ทั้งช่างปั้นช่างเขียนเพียรวิชา อีกช่างสถาปนาถูกท�านอง งามของศิลปะ ชางเปนคนนาสงสาร เพราะ
ทั้งช่างรูปพรรณสุวรรณกิจ ช่างประดิษฐ์รัชดาสง่าผ่อง ขาดเครื่องชวยดับความทุกขเสมือนไมมียา
อีกช่างถมลายลักษณะจ�าลอง อีกช�่าชองเชิงรัตนประกร สมานแผลใจ งานดานชางสําคัญมากใน
ควรไทยเราช่วยบ�ารุงวิชาช่าง เครื่องส�าอางแบบไทยสโมสร ทุกประเทศ ทุกคนจึงยกยองความงามดาน
ช่วยบ�ารุงช่างไทยให้ถาวร อย่าให้หย่อนกว่าเขาเราจะอาย งานชาง ใครไมเห็นความสําคัญงานดานนี้
อันของชาติไพรัชช่างจัดสรร เป็นหลายอย่างต่างพรรณเข้ามาขาย ก็เสมือนคนปา ไมมีความเจริญ การที่ไทย
เราต้องซื้อหลากหลากและมากมาย ต้องใช้ทรัพย์สุรุ่ยสุร่ายเป็นก่ายกอง เจริญกาวหนาทันเพื่อนบาน ก็เพราะมีชางที่
แม้พวกเราชาวไทยตั้งใจช่วย เอออ�านวยช่างไทยให้ท�าของ มีความเกงเกือบทุกดาน เชน ชางวาด ชาง
ช่างคงใฝ่ใจผูกถูกท�านอง และท�าของงามงามขึ้นตามกาล กอสราง ชางทอง เปนตน เราคนไทยควร
เราช่วยช่างเหมือนอย่างช่วยบ้านเมือง ได้ประเทืองเทศไทยอันไพศาล อนุรักษงานชางของไทย จะไดไมเสียทรัพย
สมเป็นเมืองใหญ่โตมโหฬาร พอไม่อายเพื่อนบ้านจึ่งจะดี ไปซื้อของที่ทํามาจากชางชาวตางชาติ หาก
23 เราชวยกันสนับสนุนของของไทยที่ทําโดย
คนไทยก็เสมือนชวยชาติบานเมืองใหเจริญ)
ขอสอบ O-NET
ขอสอบป ’ 51 ออกเกี่ยวกับการใชคําแสดงนํ้าเสียงของกวีจากบทประพันธ บูรณาการอาเซียน
อันชาติใดไรชางชํานาญศิลป เหมือนนารินไรโฉมบรรโลมสงา
แนวคิดหลักของเรื่องบทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมา ใหความสําคัญ
ใครใครเห็นไมเปนที่จําเริญตา .......................................................
กับศิลปะของชาติที่แสดงใหเห็นความเปนชาติที่เจริญ และแนะใหชวยกันบํารุง
ศิลปกรรมนําใจใหสรางโศก ชวยบรรเทาทุกขในโลกใหเหือดหาย
รักษา ประเทศตางๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใตมีความโดดเดนทางดาน
จําเริญตาพาใจใหสบาย อีกรางกายก็จะพลอยสุขสราญ
ศิลปะ ศิลปะในแตละประเทศแสดงถึงความรูสึก ชีวิตจิตใจ สะทอนและบงบอกถึง
จงเติมเนื้อความที่หายไปใหสมบูรณ
ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม ประวัติศาสตรที่มีการสรางสรรคสืบตอกันมา
1. เขาจะมาเยาะเยยใหละอาย 2. เขาจะวาเยยหยันกันใหอาย
ตั้งแตอดีต ทั้งนี้ครูอาจใหนักเรียนชวยกันหาภาพตัวอยางผลงานศิลปะที่เดนๆ
3. เขาจะดาติฉินจนสิ้นอาย 4. เขาจะพากันเยยใหอับอาย
ของประเทศสมาชิกอาเซียน แลวนํามาอภิปรายรวมกันวา ภาพนั้นเปนผลงานของ
วิเคราะหคําตอบ การเติมเนื้อความที่ขาดหายไปนั้น ควรตีความเนื้อหา
ประเทศใด มีความงามหรือสะทอนเอกลักษณของชาตินั้นๆ อยางไร
โดยรวม และพิจารณาการใชคําที่แตกตางกัน ดังที่แตละขอคํากริยาตางกัน
ดังนี้ “เยาะเยย” “เยยหยัน” “ดาติฉิน” และ “เยย” ทําใหรูสึกถึงนํ้าเสียงของ
กวี จากเนื้อความกวีไมไดตองการประชดประชัน หรือตอวา แตตองการชี้ให
เห็นขอเท็จจริงวาหากประเทศชาติไมมีชางชํานาญศิลป ไมมีผลงานที่งดงาม
แลวจะทําใหไดรับการดูถูก จึงควรเปน “เขาจะพากันเยยใหอับอาย”
ตอบขอ 4.
คูมือครู 23
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
1. จากที่นักเรียนอานเนื้อเรื่องบทเสภาสามัคคี
เสวก หนา 24 ใหนักเรียนถอดบทประพันธ
ตอน สามัคคีเสวก
(แนวตอบ สิ่งหนึ่งที่ควรยึดมั่นในใจคือ กษัตริย
เปรียบเหมือนพอบังเกิดเกลา ควรใหความ
เคารพ ยําเกรง นึกถึงประโยชนของตนเอง
ใหนอยที่สุด ควรนึกวาขาราชบริพารก็เปรียบ
เหมือนลูกเรือที่อยูกลางทะเลที่ตองสนิทชิดใกล
กัน แมลูกเรือจะเชื่อฟงเจานายแลวยังตองมี
ความสามัคคีแข็งขัน เรือจึงจะแลนไดตลอด
รอดฝง หากลูกเรืออวดดี ฉลาดแกมโกง เมื่อมี พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวกับบรรดาราชเสวก
พายุคลื่นลมแรงเรือก็จะควํ่า หากมัวแตเถียงกัน
แกงแยงชิงดีกัน เรือคงลมกลางทะเล ขาราชการ บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน สามัคคีเสวก
ก็เชนกันไมควรขาดความสามัคคี ราชสํานักก็ ประการหนึ่งพึงคิดในจิตมั่น ว่าทรงธรรม์เหมือนบิดาบังเกิดหัว
เหมือนเรือที่ลอยกลางทะเล เหลาขาราชการควร ควรเคารพย�าเยงและเกรงกลัว ประโยชน์ตัวนึกน้อยหน่อยจะดี
นึกถึงหนาที่เปนใหญ รักษาระเบียบวินัย จงรัก ควรนึกว่าบรรดาข้าพระบาท ล้วนเป็นราชบริพารพระทรงศรี
ภักดีตอพระเจาแผนดิน สามัคคีปรองดองกัน เหมือนลูกเรืออยู่ในกลางหว่างวารี จ�าต้องมีมิตรจิตสนิทกัน
ดวยถือวามีพระเจาแผนดินองคเดียวกัน) แม้ลูกเรือเชื่อถือผู้เป็นนาย ต้องมุ่งหมายช่วยแรงโดยแข็งขัน
2. นักเรียนเลือกทองจําบทประพันธบทเสภา คอยตั้งใจฟังบังคับกัปปิตัน นาวานั้นจึ่งจะรอดตลอดทะเล
สามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมา หรือตอน แม้ลูกเรืออวดดีมีทิฐิ และเริ่มริเฉโกยุ่งโยเส
สามัคคีเสวก ที่กําหนดใหเปนบทอาขยาน เมื่อคลื่นลมแรงจัดซัดโซเซ เรือจะเหล่มระย�าคว�่าไป
แม้ต่างคนต่างเถียงเกี่ยงแก่งแย่ง นายเรือจะเอาแรงมาแต่ไหน
ขยายความเขาใจ Expand แม้ไม่ถือเคร่งคงตรงวินัย เมื่อถึงคราวพายุใหญ่จะครวญคราง
นายจะสั่งสิ่งใดไม่เข้าจิต จะต้องติดตันใจให้ขัดขวาง
นักเรียนยกบทประพันธที่ขาราชบริพารตองมี จะยุ่งแล้วยุ่งเล่าไม่เข้าทาง เรือก็คงอับปางกลางสาคร
ความจงรักภักดีตอพระเจาแผนดิน ถึงเสวีที่เป็นข้าฝ่าพระบาท ไม่ควรขาดความสมัครสโมสร
(แนวตอบ บทประพันธที่เนนวาตองจงรักภักดีตอ ในพระราชส�านักพระภูธร เหมือนเรือแล่นสาครสมุทรไทย
พระมหากษัตริยมีความวา “วาทรงธรรมเหมือนบิดา เหล่าเสวกตกที่กะลาสี ควรคิดถึงหน้าที่นั้นเป็นใหญ่
บังเกิดหัว ควรเคารพยําเยงและเกรงกลัว”) รักษาตนเคร่งคงตรงวินัย สมานใจจงรักพระจักรี
ไม่ควรเลือกที่รักมักที่ชัง สามัคคีเป็นก�าลังพลังศรี
ตรวจสอบผล Evaluate ควรปรองดองในหมู่ราชเสวี ให้สมที่ร่วมพระเจ้าเราองค์เดียว
1. นักเรียนสรุปสาระสําคัญและขอคิดที่ไดจาก 2๔
บทประพันธเรื่องบทเสภาสามัคคีเสวกได
2. นักเรียนทองจําบทเสภาสามัคคีเสวกได
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูจัดใหมีการประกวดวาดภาพระบายสีภาพของพระวิศวกรรมา จากกลอนบท แมลูกเรือเชื่อถือผูเปนนาย ตองมุงหมายชวยแรงโดยแข็งขัน
เสภาสามัคคีเสวก หรืออาจจัดหาวิทยากรทองถิ่นที่มีความรูดานงานชางแขนงตางๆ คอยตั้งใจฟงบังคับกัปปตัน นาวานั้นจึ่งจะรอดตลอดทะเล
มาบรรยายและสาธิตใหนักเรียนดู เพื่อสรางแรงบันดาลใจในการสรางงานศิลปะที่ จากคําประพันธนี้ใหขอคิดในขอใด
นักเรียนมีความสนใจหรือความสามารถเฉพาะตัว แลวอยากฝกหัดเปนทางเลือก 1. ขาราชบริพารจะตองไมเอารัดเอาเปรียบผูอื่น
ของอาชีพในอนาคต 2. ลูกเรือจะนําเรือออกทะเลตองเชื่อฟงคําสั่งของกัปตัน
3. ขาราชบริพารจะตองเชื่อในคําสั่งของนาย ทั้งมีความสามัคคี
ในการทํางาน
มุม IT 4. ขาราชบริพารจะตองปฏิบัติหนาที่ดวยความมุงมั่นไมหาเวลา
ไปเที่ยวสถานที่อื่น
ศึกษาเกี่ยวกับศิลปะลายไทยเพิ่มเติม ไดที่ http://www.maepalocal.go.th/ วิเคราะหคําตอบ จากบทประพันธขางตน ลูกเรือ ในที่นี้ หมายถึง
webboard_detail.php?hd=1&id=1948&start=1021 ขาราชบริพารที่ตองเชื่อถือ เชื่อมั่นในคําสั่งของกัปตันเรือหรือผูเปนนาย
และตองรวมใจกันเปนหนึง่ เดียวกัน เพือ่ ไปใหถงึ ทีม่ งุ หมาย คือ ตองเชือ่ มัน่
ในคําสัง่ ของนายและมีความสามัคคีเปนหนึง่ เดียวกัน เรือหรือประเทศชาติ
จึงจะไปรอด ตอบขอ 3.
24 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore อธิบExplain
ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูใหนักเรียนเลนเกมคําศัพท โดยใหนักเรียน
๖ คÓศัพท์ บอกคําศัพทใหตรงกับเงื่อนไขที่ครูกําหนด ดังนี้
• นักเรียนสรางคําศัพท โดยมีคําวา “ชาง”
คำาศัพท์ ความหมาย ประสมอยูหนาคําศัพทนั้น
กะลาสี ลูกเรือ (แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลากหลาย เชน
กัปปิตัน มาจากค�าภาษาอังกฤษว่า captain แปลว่า นายเรือ ปัจจุบนั เขียนว่า กัปตัน ชางไม ชางปูน ชางแกะสลัก ชางทาสี
จ�านง มุ่งประสงค์ ชางยนต ชางกล ชางถายรูป เปนตน)
เฉโก ฉลาดแกมโกง ไม่ตรงไปตรงมา
ช่างเขียน ช่างวาดภาพ ปัจจุบันใช้ จิตรกร สํารวจคนหา Explore
ช่างประดิษฐ์รัชดา ช่างเงิน นักเรียนคนหาและรวบรวมคําศัพทจาก
ช่างรูปพรรณสุวรรณกิจ ช่างทอง บทเรียนที่มีความหมายตรงกับคําวา “งาม”
ช่างสถาปนา ช่างก่อสร้าง (แนวตอบ คําศัพทที่มีความหมายวา “งาม” เชน
ชาติไพรัช ต่างชาติ ต่างประเทศ คําวา ละวาด วิลาส วิเลขา สําอาง เปนตน)
ทรงธรรม์ พระเจ้าแผ่นดิน
ทิฐิ ความเห็น ความอวดดี ความถือดี อธิบายความรู Explain
นรชน คน
นาริน ผู้หญิง สตรี นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับคําศัพทตอไปนี้
บรรโลม ประโลม ท�าให้พึงพอใจ คําวา วิลาส วิเลขา สําอาง คําศัพทที่ยกมานี้มี
โยเส มาจากค�าว่า โยโส หมายถึง โหยกเหยก อวดดี ในบทเสภาเปลี่ยน ความหมายวา “งาม” นักเรียนอธิบายวามีการใช
จากสระโอเป็นสระเอเพื่อให้รับสัมผัสกับค�าว่า ทะเล คําศัพทแตละคําอยางไร โดยยกคําประพันธที่มี
รัตนประกร ค�าว่า ประกร แปลว่า ท�าขึ้น ประดิษฐ์ขึ้น รัตนประกร จึงหมายถึง คําศัพทนั้นประกอบการอธิบาย
ท�าเพชรนิลจินดา (แนวตอบ การใชคําศัพทที่มีความหมายวา
ละวาด งามอย่างภาพวาด “งาม” ดังบทประพันธตอไปนี้
วิลาส งามมีเสน่ห์ งามสดใส • “อนึ่งปนเปนรูปเทวฤทธิ์
วิเลขา งามยิ่ง ดูประหนึ่งนิรมิตวิเลขา”
ศรีวิไล คือ ศิวิไลซ์ มาจากค�าภาษาอังกฤษว่า civilized แปลว่า มีความเจริญ กลาวถึงงานปนรูปเทพผูมีอิทธิฤทธิ์วาสราง
มีอารยธรรม มีวัฒนธรรม
ไดงาม
ศานติ หรือสันติ แปลว่า ความสงบ
• “จึงยกยองศิลปกรรมนั้นทั่วไป
ส�าอาง งามสะอาดหมดจด
ศรีวิไลวิลาศดีเปนศรีเมือง”
เสวก อ่านว่า เส - วก แปลว่า ข้าราชการในราชส�านัก บางครั้งใช้ เสวี
หมายความวา งานศิลปะนั้นควรยกยองใหเปน
อริพล ข้าศึก
ความงามของบานเมือง
25 • “ควรไทยเราชวยบํารุงวิชาชาง
เครือ่ งสําอางแบบไทยสโมสร”
หมายความวา คนไทยควรชวยกันสงเสริมงาน
ชางใหคงอยูคูความเปนไทยตลอดไป)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ทั้งชางรูปพรรณสุวรรณกิจ ชางประดิษฐรัชดาสงาผอง
ครูแนะใหนักเรียนวิเคราะหและตีความพระราชดํารัสในรัชกาลที่ 6
อีกชางถมลายลักษณะจําลอง อีกชํ่าชองเชิงรัตนประกร
ตอนหนึ่งที่ตรัสถึงความศิวิไลซวา “...ความเจริญ (ซิวิไลเซชั่น) ของชาวยุโรปเปน
คําประพันธที่ยกมาไมเกี่ยวของกับชางใด
สิ่งที่ฆาชาติที่ออนแอมามากแลว...เราก็กลัวโรค “ซิวิไลซ” นี้ ยิ่งกวาโรคอื่น...” ทั้งนี้
1. ชางปน 2. ชางถม
ครูวิเคราะหเปนแนวทางใหนักเรียนฟงวา ในสมัยรัชกาลที่ 6 เกิดการเปลี่ยนแปลง
3. ชางแกะ 4. ชางเขียน
ในหลายดาน เพราะไทยรับอิทธิพลจากชาติตะวันตกเขามาหลายดาน เชน
วิเคราะหคําตอบ จากบทประพันธกลาวถึงชางทําเครื่องถมที่ดี ซึ่งมีชาง ดานวัฒนธรรม ดานการเมือง การปกครอง ดานสังคม เปนตน พระองคจึงทรงเปน
สาขาตางๆ รวมอยู 3 สาขา ซึ่งประกอบไปดวย ชางขึ้นรูปหรือชางเขียนแบบ หวงศิลปวัฒนธรรมของไทย วาจะเปลี่ยนแปลงและสูญหายไปจากบานเมือง
ชางแขนงนี้มาจากชางเงิน ชางทอง ที่จะทํารูปทรงภาชนะหรือเครื่องประดับ จึงทรงมีพระราชดํารัสดังกลาว
ตางๆ ใหไดสัดสวน ชางแกะสลัก คือผูบรรจง สลักเสลา ลวดลายใหมีความ
ออนชอยงดงามตามแบบนิยม และชางถม ซึ่งเปนชางที่ตองใชความชํานาญ
ในการผสมและลงยาถมบนพื้นที่ซึ่งแกะสลักลวดลายไวแลว ชางที่ไม
เกี่ยวของกับเนื้อความในบทประพันธ คือ ชางปน ตอบขอ 1.
คูมือครู 25
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
นักเรียนรวมกันอภิปรายการนับถือสักการบูชา
เทพในความเชื่อของศาสนาพราหมณ-ฮินดู บอกเล่าเก้าสิบ
(แนวตอบ ในปจจุบันมีคนไทยจํานวนมากที่
สักการบูชาเทพเจาในศาสนาพราหมณ-ฮินดู และ
มีเทพเจาหลายองคที่คนไทยนิยมบูชา ซึ่งเทพเจา
แตละองคลวนแลวแตมีคุณลักษณะที่ทําใหคน
ศรัทธา ไมวาจะเปนความรํ่ารวย อุดมสมบูรณ การ
ประสบความสําเร็จ เทพเจาที่คนไทยนับถือเปน
ที่ยึดมั่นทางใจ ซึ่งมีความสําคัญตอการดําเนินชีวิต
การตัดสินใจเลือกหรือทําการตางๆ ในชีวิต)
ขยายความเขาใจ Expand
รู ป ปั ้ น พระพิ ฆ เนศที่ วิ ท ยาลั ย นาฏศิ ล ป กรุ ง เทพฯ รู ป ปั ้ น พระวิ ศ วกรรมที่ ม หาวิ ท ยาลั ย เทคโนโลยี
นักเรียนเลาเกี่ยวกับสถานที่หรือเรื่องราวที่มี ออกแบบโดยศาสตราจารย์ศิลป พีระศรี เป็นต้นแบบ ราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตเพาะช่าง
ความเกี่ยวของกับพระพิฆเนศหรือพระวิศวกรรมที่ ในการจัดสร้างวัตถุมงคลของกรมศิลปากร
นักเรียนรูจักหรือสนใจ 1
พระพิฆเนศ พระวิศวกรรม
(แนวตอบ ตัวอยางเชน วัดสมานรัตนาราม
พระพิฆเนศเปนเทพทีม่ รี ปู กายเปนมนุษย พระวิศวกรรมเปนเทวดานายชางใหญ
ตั้งอยูระหวางอําเภอบางคลา และอําเภอคลองเขื่อน มีเศียรเปนชาง เปนเทพแหงความปราดเปรื่อง ผูสรางเครื่องมือและสิ่งของทั้งหลายใหเกิดขึ้น
ริมแมนํ้าบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เปนวัดที่ ในศิ ล ปะทุ ก แขนงและเป น เทพที่ อ ยู เ หนื อ และเปนแบบอยางใหแกมนุษยสืบมา
มีองคพระพิฆเนศปางนอนเสวยสุขที่ใหญที่สุดใน อุปสรรคตางๆ หรือสามารถขจัดความขัดของ ชางไทยใหความเคารพบูชาพระวิศวกรรม
ประเทศไทย สูง 16 เมตร ยาว 22 เมตร เนื้อชมพู ทั้งมวลได ในฐานะครูชา ง ดังจะเห็นไดวา มีการประดิษฐาน
เมื่ อ พิ จ ารณาความหมายในทางสรี ร ะ รูปพระวิศวกรรมตามสถาบันการศึกษาทาง
ลักษณะกึ่งนั่งกึ่งนอนตะแคง โดยพระหัตถซายถือ พระวรกายที่อวนพี มีความหมายวา ความ การชาง โดยนิยมสรางอยูสองปาง คือ ปาง
งาที่หัก พระหัตถขวาถือดอกบัว มีความหมายคือ อุดมสมบูรณ พระเศียรที่เปนชาง (พระเศียร ประทับนั่งหอยพระบาท พระหัตถขางหนึ่งถือ
ความสุขสบาย ความสุขบริบรู ณ มัง่ คัง่ พรอมทุกดาน ใหญ) หมายถึง มีปญญามาก พระเนตรที่เล็ก “ผึง่ ” (จอบสําหรับขุดไม) อีกขางถือ “ดิง่ ” และปาง
จะนําความความสุขสบายมาสูผูบูชา เปนตน) คือ สามารถแยกแยะสิง่ ถูกผิด พระกรรณและ ประทับยืน พระหัตถขวาถือไมเมตรหรือไมวา
พระนาสิกที่ใหญ หมายถึง มีสัมผัสที่พิเศษ พระหัตถซายถือลูกดิ่งหรือไมฉาก ซึ่งลวนเปน
สามารถพิจารณาสิ่งตางๆ ไดอยางดีเลิศและ เครื่ อ งมื อ ที่ ช า งใช สํ า หรั บ วั ด ระยะและวั ด
ตรวจสอบผล Evaluate มีพระพาหนะเปนหนู ซึ่งสามารถเปรียบไดกับ ความเที่ยงตรง เปนการแฝงปรัชญาแกชางให
ความคิดที่พลุงพลาน รวดเร็ว เปนผูมีความแมนยํา เที่ยงตรง ไมเอนเอียงใน
1. นักเรียนอธิบายการใชคําศัพท โดยยกคํา ทางปฏิบัติและวิชาชีพ
ประพันธที่มีคําศัพทนั้นประกอบการอธิบายได
2. นักเรียนเลาเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อของศาสนา (ที่มา: http://www. siamganesh.com/index.html)
พราหมณ-ฮินดู ในการบูชาเทพพระพิฆเนศหรือ
พระวิศวกรรมาได 2๖
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
อีกสถาปนะการชาญฉลาด ปลูกปราสาทเคหฐานทั้งนอยใหญ
1 พระวิศวกรรม มี 2 ปาง ซึ่งมีที่มาพอขยายความไดวา หากสถาบันใดเปด
กอกําแพงกําแหงรอบกรุงไกร ทาประยุทธชิงชัยแหงไพรี
สอนวิชาชีพชางกอสราง มักอยูในทายืนมือถือลูกดิ่งและไมเมตรหรือไมวา อันเปน
คําประพันธที่ยกมาเปนงานศิลปะที่จัดอยูในประเภทใด
เครื่องมือของชางกอสรางมาแตสมัยโบราณ ซึ่งชางทั้งหลายทราบดีวาเปนเครื่องมือ
1. วิจิตรศิลป
สําหรับวัดระยะ วัดความเที่ยงตรง แตสิ่งที่นอกเหนือไปจากนั้นยังแฝงไปดวย
2. วรรณศิลป
ปรัชญาในการดําเนินชีวิต คือ ความแมนยํา เที่ยงตรง ไมเอนเอียงในทางปฏิบัติ
3. ประติมากรรม
ซึ่งเปนที่มาของชางที่ดี คือ ความมีคุณธรรมประจําใจ หากสถาบันใดเปดสอน
4. สถาปตยกรรม
วิชาชีพสาขาอื่นๆ ที่ไมใชชางกอสรางอยูดวย มักจะใชทานั่ง
วิเคราะหคําตอบ คําประพันธที่ยกมากลาวถึงการกอสรางอาคารบานเรือน
สรางกําแพงรอบลอมกรุง ซึ่งจัดวาเปนงานศิลปะในแขนงสถาปตยกรรม
ตอบขอ 4.
26 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูถามทบทวนจากการอานเนื้อเรื่องบทเสภา
๗ บทวิเคราะห์ สามัคคีเสวก โดยใหนักเรียนชวยกันตอบคําถาม
ตอไปนี้
บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมาและสามัคคีเสวก มีคุณค่าในด้านต่างๆ ดังนี้
• ในบทประพันธบทเสภาสามัคคีเสวก
๗.๑ คุณค่าด้านเนือ้ หา กลาวถึงเทพองคใด
บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมา แก่นของเรื่อง คือ การเตือนใจให้เห็นคุณค่า (แนวตอบ พระวิศวกรรมา)
ของศิลปกรรมท�าให้จิตใจมีความสุข ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ความส�าคัญของศิลปิน
• นักเรียนพบชางอะไรบางในบทประพันธ
ในฐานะเป็นผู้สร้างสรรค์งานศิลปะและผู้ประพันธ์มีจุดมุ่งหมายให้คนไทยช่วยกันสนับสนุนผลงาน
(แนวตอบ ชางกอสราง ชางทอง ชางเงิน ชาง
ของศิลปิน เพื่อให้ศิลปินมีรายได้พอเลี้ยงชีพและเกิดก�าลังใจในการสร้างสรรค์งานศิลปะ
ทําเครื่องถม ชางเขียน ชางสลักเพชรพลอย)
บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน สามัคคีเสวก แก่นของเรื่อง คือ ข้าราชการเป็นกลไกส�าคัญ
ในการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามระบบด้วยความเรียบร้อย ข้าราชการจึงต้องตั้งใจปฏิบัติ
หน้าที่ เสียสละและมีความสามัคคี ไม่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น เชื่อฟังค�าสั่งของผู้บังคับบัญชา ตระหนัก
สํารวจคนหา Explore
ในหน้าที่และส�านึกว่าเป็นข้าของพระเจ้าองค์เดียวกัน 1. นักเรียนศึกษาและคนหาแกนของเรื่องบทเสภา
๗.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ สามัคคีเสวก
บทเสภาสามัคคีเสวก มีคุณค่าและความดีเด่นด้านวรรณศิลป์ ดังนี้ 2. นักเรียนศึกษาการใชภาพพจน การหลากคํา
๑) การใช้ ภ าพพจน์ บทเสภาสามั ค คี เ สวก มี ค วามดี เ ด่ น ด้ า นการใช้ ภ าพพจน์ และการแตกคํา ซึ่งเปนคุณคาดานวรรณศิลป
แบบอุปมา โดยเฉพาะบทเสภาตอน สามัคคีเสวก ที่รัชกาลที่ ๖ ทรงเปรียบเทียบประเทศชาติกับ ของบทเสภาสามัคคีเสวก
เรือล�าใหญ่ที่ก�าลังแล่นอยู่ในทะเล โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้น�าประเทศเปรียบได้กับกัปตันเรือ 3. นักเรียนศึกษาคุณคาทางดานสังคมและขอคิด
หรือนายเรือและเหล่าเสวกหรือข้าราชการทั้งหลายเปรียบได้กับกะลาสีเรือ ที่สามารถนําไปประยุกตใชในชีวิตประจําวัน
การที่ ท รงเปรี ย บเที ย บเช่ น นี้ ท� า ให้ ผู้ อ่ า นหรื อ ผู้ ฟั ง สามารถเข้ า ใจความสั ม พั น ธ์ จากบทเสภาสามัคคีเสวก
ระหว่างประเทศชาติ พระมหากษัตริย์และข้าราชการได้อย่างชัดเจน เนื่องด้วยรัชกาลที่ ๖ ทรงแสดง
ให้เห็นว่าพระมหากษัตริย์จะทรงน�าประเทศชาติหรือ “รัฐนาวา” ให้เคลื่อนที่หรือก้าวหน้าต่อไปได้ อธิบายความรู Explain
ต้ อ งอาศั ย ความร่ ว มมื อ ร่ ว มใจกั น ตลอดจนการปฏิ บั ติ ง านด้ ว ยความแข็ ง ขั น และด้ ว ยความมี
ระเบียบวินยั ของบรรดาข้าราชการ จึงจะสามารถฝ่าคลืน่ ลมหรืออุปสรรคทัง้ หลายไปได้ ดังบทประพันธ์ นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับคุณคาดานเนื้อหาใน
ประเด็นตอไปนี้
ควรนึกว่าบรรดาข้าพระบาท ล้วนเป็นราชบริพารพระทรงศรี • แกนของเรื่องบทเสภาสามัคคีเสวก ตอน
เหมือนลูกเรืออยู่ในกลางหว่างวารี จ�าต้องมีมิตรจิตสนิทกัน วิศวกรรมา และสามัคคีเสวกคืออะไร
แม้ลูกเรือเชื่อถือผู้เป็นนาย ต้องมุ่งหมายช่วยแรงโดยแข็งขัน (แนวตอบ ตอน วิศวกรรมา แกนของเรื่องคือ
คอยตั้งใจฟังบังคับกัปปิตัน นาวานั้นจึ่งจะรอดตลอดทะเล
การเตือนใหเห็นคุณคาของศิลปะที่ทําใหใจ
บทเสภาตอน วิศวกรรมา รัชกาลที่ ๖ ยังทรงใช้ภาพพจน์แบบอุปมา อาทิ ทรง และกายมีสุข และความสําคัญของศิลปน
เปรียบเทียบศิลปะกั บ “โอสถ” หรื อยาที่ สามารถบรรเทาความทุ ก ข์ ใ นยามที่ ใจต้ อ งประสบกั บ ผูสรางสรรคผลงาน สงเสริมใหชวย
ความเศร้าให้เบาบางลงได้ ดังบทประพันธ์ สนับสนุนศิลปน ตอน สามัคคีเสวก
27 แกนของเรื่องคือ ขาราชการเปนกลไกสําคัญ
ในการบริหารประเทศ ขาราชการควร
มีระเบียบวินัย มีความเสียสละ ความ
สามัคคี ไมแกงแยงชิงดีกัน)
ขอสอบ O-NET
ขอสอบป ’51 ออกเกีย่ วกับการเสนอขอเท็จจริงในคําประพันธประเภทรอยกรอง เกร็ดแนะครู
คําประพันธในขอใดมุงเสนอขอเท็จจริง ไมใช การแสดงความคิดเห็น
ครูใหนักเรียนคนควาวาตราสัญลักษณของหนวยงานใดบางใชรูปของ
1. อันชาติใดไรศานติสุขสงบ ตองมัวรบราญรอนหาผอนไม
พระพิฆเนศและพระวิศวกรรมาเปนสัญลักษณประจําหนวยงาน ใหนักเรียน
2. แมผูใดไมนิยมชมสิ่งงาม เมื่อถึงยามเศราอุรานาสงสาร
วิเคราะหที่มาและความสําคัญของการใชตราสัญลักษณพระพิฆเนศและ
3. ใครดูถูกผูชํานาญในการชาง ความคิดขวางเฉไฉไมเขาเรื่อง
พระวิศวกรรมกับสถานที่แหงนั้น
4. ควรไทยเราชวยบํารุงวิชาชาง เครื่องสําอางแบบไทยสโมสร
วิเคราะหคําตอบ การเสนอขอเท็จจริงตองกลาวอยางตรงไปตรงมา
ไมแสดงความคิดเห็นหรือความรูสึกสวนตัว แมจะเปนการกลาวอยางเปนเหตุ
เปนผลก็ตาม ขอ 1. กวีกลาวถึงชาติที่ไมมีความสงบสุขเพราะมีการรบ ขอ 2.
มุม IT
กวีเห็นวาผูที่ไมชอบสิ่งสวยงาม เมื่อยามเศราก็ไมมีสิ่งใดมาปลอบประโลมได ศึกษาเกี่ยวกับความเปนมาของงานศิลปะและการสรางสรรคเพิ่มเติม ไดที่
ขอ 3. กวีเห็นวาผูที่ดูถูกชางที่ชํานาญฝมือเปนคนชอบขวางไมเขาเรื่อง และ http://www.prc.ac.th/newart/webart/creation.html
ขอ 4. กวีแนะใหคนไทยชวยกันดูแลรักษาผลงานที่งดงามของไทย ดังนั้น
ขอที่กลาววาการรบกันจะทําใหประเทศไมสงบสุขจึงเปนขอเท็จจริง
ตอบขอ 1.
คูมือครู 27
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนตอบคําถามเกี่ยวกับลักษณะทาง
วรรณศิลปของบทเสภาสามัคคีเสวก ศิลปกรรมน�าใจให้สร่างโศก ช่วยบรรเทาทุกข์ในโลกให้เหือดหาย
• การใชภาพพจนในบทเสภาสามัคคีเสวก จ�าเริญตาพาใจให้สบาย อีกร่างกายก็จะพลอยสุขสราญ
มีลักษณะอยางไร แม้ผู้ใดไม่นิยมชมสิ่งงาม เมื่อถึงยามเศร้าอุราน่าสงสาร
(แนวตอบ บทเสภาสามัคคีเสวกมีความโดดเดน เพราะขาดเครื่องระงับดับร�าคาญ โอสถใดจะสมานซึ่งดวงใจ
ดานการใชโวหารในการประพันธ ดังที่มีการ
ใชอุปมาโวหาร เปรียบขาราชการเหมือน ๒) การหลากคำาและการแตกศัพท์ บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมาและ
ลูกเรือ เปรียบศิลปะเปนโอสถรักษาความเศรา ตอน สามัคคีเสวกมีการหลากค�า คือ มีการใช้ค�าที่มีความหมายเหมือนกันในบทประพันธ์เดียวกัน
เปรียบเรือที่ลอยกลางทะเลเปนราชสํานัก) เพื่อให้เกิดเสียงสัมผัสใน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเลือกสรรถ้อยค�าที่หลากหลายมาใช้
ในการแต่งบทประพันธ์ตอนเดียวกันได้อย่างเหมาะสมและมีการแตกศัพท์ คือ การน�าศัพท์ค�าหนึ่งมา
• เหตุใดผูแตงจึงตองใชกลวิธีการแตกศัพทใน
แตกให้เป็นหลายค�า โดยมีการเปลี่ยนแปลงรูปเล็กน้อยและยังมีความหมายใกล้เคียงกับความหมาย
บทประพันธ
เดิมมากที่สุด
(แนวตอบ เพื่อใหมีการใชคําที่หลากหลายและ
บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมา มีการแตกศัพท์ ค�าว่า ศิลป์ ให้เป็นค�าศัพท์
เกิดความงดงามทางภาษา)
หลายๆ ค�า เช่น ศิลปี ศิลปะ ศิลปา ศิลปกรรม ศิลปกรรม์ ซึ่งมีความหมายว่า ศิลปะ เหมือนกัน
ทุกค�า เป็นการแตกค�าศัพท์มาใช้อย่างประณีต เพื่อให้เกิดความไพเราะงดงาม โดยที่ความหมาย
ขยายความเขาใจ Expand ไม่เปลี่ยนแปลง ดังนี้
1. นักเรียนรวมกันอภิปรายความเปรียบ “กล่าวถึงเทพศิลปีศรีเรืองราม”
• เพราะเหตุใดพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา “ในกิจศิลปะวิไลละวาดงาม”
เจาอยูหัวจึงเปรียบประเทศชาติเปน “รัฐ “ย่อมจ�านงศิลปาสง่างาม”
นาวา” เปรียบพระเจาแผนดินเปนกัปตันเรือ “อันชาติใดไร้ช่างช�านาญศิลป์”
และเปรียบขาราชการเปนกะลาสีเรือ “ศิลปกรรมน�าใจให้สร่างโศก”
(แนวตอบ เพราะเรือที่ลอยกลางทะเลตองพบ “จึงยกย่องศิลปกรรม์นั้นทั่วไป”
อุปสรรคมากมายเหมือนกับประเทศที่ตอง
เผชิญปญหาและตองชวยกันหาแนวทางแกไข บทเสภาสามั
1 ค คี เ สวก ตอน สามั ค คี เ สวก มี ก ารหลากค� า ที่ มี ค วามหมายว่ า
กัปตันเรือเสมือนผูคุมเรือ ดังนั้นมีหนาที่ในการ “พระมหากษัตริย์” โดยใช้ค�าว่า ทรงธรรม์ พระทรงศรี พระภูธร พระจักรี แสดงให้เห็นถึงพระปรีชา
บริหารเรือเหมือนกับพระเจาแผนดินตองบริหาร สามารถในการพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงสามารถเลือกใช้ค�า
ประเทศชาติ สวนกะลาสีเรือเปนผูรับคําสั่ง ที่หลากหลายเพื่อสื่อความหมายเดียวกันได้อย่างไพเราะงดงาม ดังนี้
มาปฏิบัติจึงเปรียบเหมือนขาราชการของพระเจา “ว่าทรงธรรม์เหมือนบิดาบังเกิดหัว”
แผนดิน) “ล้วนเป็นราชบริพารพระทรงศรี”
2. นักเรียนยกตัวอยางการแตกคําศัพทจากคํา “ในพระราชส�านักพระภูธร”
ที่กําหนดให คําวา “ชีวิต” “สมานใจจงรักพระจักรี”
(แนวตอบ การแตกศัพทของคําวา “ชีวิต” ไดแก
ชีวา ชีวัน ชีวะ ชีวี ชีพ ชีวาตม ชีวาลัย) 28
3. นักเรียนบันทึกความรูลงในสมุด
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูเนนความรูความเขาใจเกี่ยวกับคุณคาวรรณศิลปเรื่องการหลากคําหรือ นักเรียนประยุกตขอคิดจากบทเสภาสามัคคีเสวก โดยใหนักเรียนแสดง
แตกคําศัพท โดยใหนักเรียนศึกษาพิจารณาบทวิเคราะหคุณคาดานวรรณศิลปจาก ความคิดเห็นเกี่ยวกับวิธีการแกปญหาความปรองดองในชาติ จากขาวและ
หนังสือเรียนหนา 28 เพือ่ เปนแนวทางในการจดจําคําศัพททมี่ คี วามหมายเหมือนกัน เหตุการณที่ปรากฏในหนังสือพิมพ
หรือที่เรียกวา “คําไวพจน” จากนั้นครูกําหนดคําศัพทในบทเรียนที่นอกเหนือจากที่
ปรากฏในบทวิเคราะหหนา 28 ใหนักเรียนคนหาคําที่มีความหมายเหมือนกัน หรือ
นําหลักการการแตกคําศัพทไปใชในการแตกคําที่ครูกําหนดให
กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
นักเรียนเขียนเรียงความที่แสดงแนวทางการแกปญหาสังคมที่นักเรียน
1 พระมหากษัตริย สามารถหลากคําที่มีความหมายเหมือนกันไดหลายคํา เชน อานพบในขาวหนังสือพิมพ อินเทอรเน็ต มา 1 ปญหา
กษัตรา กษัตรีย กษัตราธิราช กษัตริยราช กษิตร กษิตลบดี ขัตติยะ ขัตติยา
พระราชาธิราช ราชา ภูมิบดี ภูวนาถ ภูวไนย ภูวเนตร ภูธร ภูธเรศวร นริศวร
นรังสรรค นรินทร จักรี จักริน เปนตน
28 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับบทวิเคราะห
ค�าที่มีความหมายว่า ข้าราชบริพาร มีการหลากค�าโดยใช้ค�าว่า ข้าพระบาท เสวี ดานสังคม
ข้าฝ่าพระบาท เสวก ราชเสวี ซึ่งนับเป็นความงดงามและลักษณะอันโดดเด่นของภาษาไทยที่มีค�า • บทเสภาสามัคคีเสวกสะทอนสังคมดานใด
ให้เลือกใช้หลากหลายตามแต่บริบทและสัมผัสของบทกลอน ดังนี้ และอยางไรบาง
(แนวตอบ บทเสภาสามัคคีเสวกสะทอนสังคม
“ควรนึกว่าบรรดาข้าพระบาท” ดังนี้
“ถึงเสวีที่เป็นข้าฝ่าพระบาท” • สะทอนความงามทางดานศิลปะ โดย
“เหล่าเสวกตกที่กะลาสี” ผลงานดานศิลปะและการชางนํามาซึ่ง
“ควรปรองดองในหมู่ราชเสวี” ความสุขกาย สบายใจ
๗.๓ คุณค่าทางด้านสังคม • สะทอนความรุงเรืองของบานเมือง
บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมาและสามัคคีเสวก เป็นวรรณคดีที่ให้คุณค่า
โดยผลงานดานศิลปะและการชาง
ทางด้านสังคม ดังนี้
แสดงถึงความเจริญรุง เรืองของประเทศชาติ
• สะทอนคุณธรรมและความสามัคคี โดย
๑) สะท้อนความงามทางด้านศิ1ลปะ คือ ศิลปะย่อมท�าให้ผู้คนเกิดความเพลินตา
เห็นไดวาประเทศชาติจะอยูรอดไดตอง
เพลินใจจากการที่ได้พบเห็น ซึ่งเป็นผลงานที่ศิลปินหรือช่างแขนงต่างๆ ตามที2 ่รัชกาลที่ ๖ ทรงกล่าวถึง อาศัยคุณธรรมและความสามัคคีของ
เป็นตัวอย่าง คือ ช่างปั้น ช่างเขียน ช่างก่อสร้าง ช่างทอง ช่างเงิน ช่างถม ช่างท
งท�าอัญมณี ได้บรรจง
คนในชาติดวย)
สร้างสรรค์อย่างประณีตสวยงามและเมื่อเกิดความสบายใจแล้วร่างกายก็จะเป็นสุข ซึ่งหมายความถึง
การมีก�าลังที่จะท�าประโยชน์และความเจริญให้แก่ตนเองและประเทศชาติต่อไป ดังบทประพันธ์
ขยายความเขาใจ Expand
ศิลปกรรมน�าใจให้สร่างโศก ช่วยบรรเทาทุกข์ในโลกให้เหือดหาย
1. นักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับบทวิเคราะห
จ�าเริญตาพาใจให้สบาย อีกร่างกายก็จะพลอยสุขสราญ ขอคิดจากบทเสภาสามัคคีเสวกในประเด็น
๒) สะท้อนความรุ่งเรืองของบ้านเมือง คือ ผลงานที่ศิลปินและช่างทั้งหลาย ตอไปนี้
ได้ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นย่อมเป็นเครื่องมือที่ช่วย “บำารุงแดนดิน” หรือแสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรือง • เราสามารถแสดงความรักและความ
ของบ้านเมือง อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาและเกียรติภูมิของชาติ ดังบทประพันธ์ ภาคภูมิใจในศิลปะของชาติไดอยางไร
(แนวตอบ เราสามารถแสดงความรักและ
บ�ารุงแดนดินด้วยศิลปกรรม ให้แลล�้าล้วนอร่ามและงามงอน ความภาคภูมิใจในศิลปะของชาติ ดวยการ
.................................................................... ........................................................................ อนุรักษ สนับสนุน เรียนรูเกี่ยวกับศิลปะของ
อีกสถาปนะการชาญฉลาด ปลูกปราสาทเคหฐานทั้งน้อยใหญ่ ไทย เพื่อที่จะสามารถเผยแพรความรูและ
ก่อก�าแพงก�าแหงรอบกรุงไกร ท้าประยุทธ์ชิงชัยแห่งไพรี ถายทอดงานศิลปสูชนรุนหลัง)
สร้างศาสตราอาวุธรุทธ์ก�าแหง เพื่อใช้แย้งยุทธากรสมรศรี 2. นักเรียนบันทึกความรูจากการรวมกันอภิปราย
ทวยทหารได้ถือเครื่องมือดี ก็สามารถราวีอรีลาน ลงในสมุด
29
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดตางจากขออื่นในเรื่องการหลากคํา
1 ศิลปน คือ กลุมผูคนที่เสนอความคิดสรางสรรคออกมา เพื่อแสดงออกเปน
1. กลาวถึงเทพศิลปศรีเรืองราม อันมีนามวาวิศวกรรมา
ผลงานที่เปนรูปธรรม ไมวาจะใชสัญลักษณ การแสดงออกทางรางกาย การใชเสียง
2. ตามตํารับไสยศาสตรประกาศไว วาในหมูเทพไททุกทิศา
การใชอุปกรณ และมีผลงานเปนที่ยอมรับนับถือจากสถาบันทางศิลปะแหงชาติ
3. ผูชํานาญหัตถกรรมศิลปา สุดจะหาเทียมพระวิศวกรรม
4. บํารุงแดนดินดวยศิลปกรรม ใหแลลํ้าลวนอรามและงามงอน 2 ชางถม ทีถ่ อื กันวาฝมอื ดีทสี่ ดุ คือ ชางถมเมืองนครศรีธรรมราช เราจึงมักไดยนิ
ชือ่ เสียงของเครือ่ งถมในนาม “ถมนคร” ชางถมจะทําการทับหรือถมรอย โดยใชนาํ้ ยา
วิเคราะหคําตอบ บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมา มีความโดดเดน ถมที่ผสมผสานกันระหวาง เงิน ทองแดง ตะกั่ว และกํามะถัน เมื่อหลอมละลาย
ดานวรรณศิลปเรื่องการหลากคํา พิจารณาจากตัวเลือกจะเห็นไดวามีการ รวมกันเปนแทงถมสีดํา ก็นํามาละเลงบนลวดลายที่แกะสลัก ดวยความวิจิตรบรรจง
หลากคําวา “ศิลป” ขอ 1. ใชคําวา “ศิลป” ขอ 3. ใชคําวา “ศิลปา” และ อยางยิ่งยวดจึงควรคาแกการถายทอด สืบสาน อนุรักษ หัตถศิลปนี้ไว
ขอ 4. ใชคําวา “ศิลปกรรม” ซึ่งขอ 2. แตกตางจากขออื่น เพราะไมปรากฏ
การใชคําดวยวิธีการหลากคําวา “ศิลป” ตอบขอ 2.
มุม IT
ศึกษาเกี่ยวกับชางฝมือของไทยเพิ่มเติม ไดที่ http://www.changsipmu.com/
คูมือครู 29
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
จากคุณคาดานสังคมในบทเสภาสามัคคีเสวก
ไดสะทอนคุณธรรมหนาที่และความสามัคคี ให ด้วยเหตุนี้นานาประเทศจึงต่างยกย่องศิลปะว่าเป็นสิ่ง “ศรีวิไลวิลาสดีเป็นศรีเมือง”
นักเรียนอธิบายความสําคัญของความสามัคคี คือ ศิลปะเป็นสิง่ แสดงความเจริญของบ้านเมือง เป็นสิง่ ทีส่ วยงามและเป็นเกียรติเป็นศรีแก่ประเทศชาติ
ปรองดองกันในหมูขาราชบริพาร นอกจากนี้ศิลปะยังเป็นสิ่งแสดงถึงความสงบสุขของชาติ ซึ่งหากชาติใดไม่มีความสงบสุข คนในชาติ
(แนวตอบ เพราะการมีคุณธรรมในหนาที่ ก็จะมุ่งต่อสู้ท�าศึกสงครามจนไม่มีเวลาสนใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ แต่หากชาติใดบ้านเมือง
จะกอใหเกิดประโยชนแกสวนรวมและประเทศ สงบสุข คนในชาติก็ย่อมสร้างสรรค์ศิลปะเพื่อประดับประดาบ้านเมืองให้งดงาม
ชาติ และความสามัคคีจะทําใหการบริหารจัดการ
การปกครองประเทศดําเนินไปไดดวยความเจริญ
กาวหนา ทั้งนี้ขึ้นอยูกับหมูขาราชการจะมีสวนสําคัญ
ในการชวยใหประเทศชาติพัฒนาเจริญกาวหนา)
ขยายความเขาใจ Expand
1. นักเรียนเขียนบันทึกกิจวัตรประจําวันในการ
ปฏิบัติหนาที่ประจําวันของตนเองในแตละวัน
เปนระยะเวลา 1 สัปดาห จากนั้นใหนักเรียน
เขียนประเมินการปฏิบัติหนาที่วา นักเรียน 1
สามารถทําหนาที่ไดประสบความสําเร็จมาก หน้าบันปูนปัน้ ตามแบบศิลปะพระราชนิยมในรัชกาลที่ ๓ จิตรกรรมฝาผนัง วิหารพระพุทธไสยาสน์ วัดพระเชตุพน
นอยเพียงใด ที่พระอุโบสถวัดพิชยญาติการาม แสดงให้เห็นถึงฝีมือ วิ ม ลมั ง คลาราม ฝี มื อ ช่ า งสมั ย รั ต นโกสิ น ทร์ ต อนต้ น
และความสามารถของช่างปั้นในการใช้วัสดุประเภทปูน ที่มีความสามารถในการเขียนภาพและระบายสีให้เกิด
2. นักเรียนทําแบบประเมินตนเองในแตละภารกิจ และอื่นๆ มาสร้างให้เป็นรูปทรงและลวดลายที่สวยงาม เป็นลวดลายต่างๆ ได้อย่างงดงาม
ที่นักเรียนรับผิดชอบ
ศิลปะจึงมีคุณค่าในฐานะที่เป็นเครื่องแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของชาติและคน
ในชาติ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชประสงค์ที่จะเห็นคนไทยให้ความส�าคัญ
กั บ ศิ ล ปะและวิ ช าช่ า งแขนงต่ า งๆ ด้ ว ยการช่ ว ยกั น สนั บ สนุ น ศิ ล ปิ น และบ� า รุ ง ศิ ล ปะตลอดจน
วิชาช่างของไทยให้มีความมั่นคงถาวรสืบไป ดังความที่ว่า “เราช่วยช่างเหมือนอย่างช่วยบ้านเมือง
ให้ประเทืองเทศไทยอันไพศาล”
๓) สะท้อนคุณธรรมหน้าที่และความสามัคคี บทเสภา ตอน สามัคคีเสวก มุ่งแสดง
ความคิดที่ว่า ชาติจะด�ารงอยู่ได้อย่างมั่นคง ข้าราชการต้องพร้อมใจกันปฏิบัติหน้าที่ในต�าแหน่งของตน
ด้วยความพยายาม ไม่ค�านึงถึงความสุขส่วนตัว ตลอดจนมีความเคร่งครัดในระเบียบวินัย ซึ่งล้วนแต่
เป็ น ความประพฤติ ที่ แ สดงถึ ง ความจงรั ก ภั ก ดี ที่ ข้ า ราชการพึ ง มี ต่ อ พระมหากษั ต ริ ย์ ผู้ ท รงเป็ น
“เหมือนบิดาบังเกิดหัว” และที่ส�าคัญที่สุดคือต้องมีความสามัคคีปรองดองให้สมกับเป็นข้าราชการ
ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์เดียวกัน ดังบทประพันธ์
30
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
“ผูใดไมนิยมชมสิ่งงาม เมื่อถึงยามเศราอุรานาสงสาร” ทําไมจึงกลาว
1 หนาบัน คือบริเวณครึ่งวงกลม หรือเกือบสามเหลี่ยมเหนือประตูทางเขาที่อยู เชนนั้น
ระหวางทับหลังและโคง ซึ่งจะมีรูปสลักตกแตงหรือเครื่องตกแตงอื่นๆ
เปนองคประกอบอาคารที่ใชอิฐหรือไม กอหรือปดทับบริเวณสวนที่เปนโพรงของ แนวตอบ เพราะของสวยงามเมื่อไดเห็นเปนที่ชื่นชมแลวก็จะชวยใหคลาย
โครงจั่วหลังคา เพื่อปองกันไมใหแดดหรือฝนสาดเขาไปภายในอาคาร นิยมแกะ ความทุกขเศราลงได เพราะไดชมสิ่งที่ดีมีความสวยงามนาหลงใหล แตหาก
สลักหรือปนปูนประดับตกแตงเปนลวดลายตางๆ เริ่มจากที่ออกลายซึ่งอยูตรง การที่ไมนิยมชมชอบของสวยงามแลว เมื่อมีเรื่องทุกขเศราหมองใจก็ขาด
กลางมีรูปแบบตางๆ เชน ลายพุมขาวบิณฑ หนาขบ เทพรํา นารายณทรงครุฑ เครื่องระงับดับรําคาญ นับไดวาคลายความเศราดวยของสวยงามเปนเรื่องที่
งายและไดผลโดยทั่วไป หากคนที่ไมชอบของสวยงามแลวเปนเรื่องยากที่จะ
สัตวในหิมพานต เปนตน จากนั้นจึงรางเถาลายออกจากที่ออกลายใหออนโคงได
ขจัดปญหาความทุกขเศราไปได
รูปทรง แลวจึงเติมตัวกระหนก กาบ และลูกเลนตางๆ ใหสวยงามยิ่งขึ้น
30 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับขอคิดที่สามารถนําไป
เหล่าเสวกตกที่กะลาสี ควรคิดถึงหน้าที่นั้นเป็นใหญ่
ประยุกตใชในชีวิตประจําวัน
“แมตางคนตางเถียงเกี่ยงแกงแยง
รักษาตนเคร่งคงตรงวินัย สมานใจจงรักพระจักรี
นายเรือจะเอาแรงมาแตไหน
ไม่ควรเลือกที่รักมักที่ชัง สามัคคีเป็นก�าลังพลังศรี
แมไมถือเครงคงตรงวินัย
ควรปรองดองในหมู่ราชเสวี ให้สมที่ร่วมพระเจ้าเราองค์เดียว เมื่อถึงคราวพายุใหญจะครวญคราง”
• บทประพันธขางตนใหขอคิดกับนักเรียน
๗.๔ ข้อคิดทีส่ ามารถนำาไปประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจำาวัน อยางไรบาง
จากการศึกษาคุณค่าของบทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมาและสามัคคีเสวก (แนวตอบ จากบทประพันธขางตนให
สามารถน�าข้อคิดที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ�าวันได้ ดังนี้ ขอคิดวา การทํางานรวมกันหรืออยูรวมกัน
1 ๑) ให้มีความรักและภูมิใจในศิลปะของชาติ กล่าวคือ ศิลปะเป็นสิ่งที่มนุษย์ ตองชวยเหลือซึ่งกันและกัน ปฏิบัติหนาที่
สร้างสรรค์ขึ้น มีการสั่งสม ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นจนกระทั่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรม เกิดเป็นความงาม ของตนเองใหดีที่สุด แตก็ตองมีความ
ทีม่ เี อกลักษณ์ของชนชาติ ทัง้ ด้านจิตรกรรม ประติมากรรม หัตถกรรม ได้รบั การยอมรับจากต่างประเทศ สามัคคีกัน เมื่อเกิดปญหาก็จะสามารถ
การสร้างเจตคติที่ดีต่อศิลปะ ปลูกฝังจิตส�านึกให้เยาวชนรักในศิลปะย่อมจะท�าให้ศิลปะของชาติธ�ารง ผานพนไปไดดวยดี)
อยู่ได้
๒) ให้ตระหนักในหน้าที่ของตนเอง ประเทศชาติจะพัฒนาได้ย่อมต้องอาศัยบุคคล ขยายความเขาใจ Expand
ภายในชาติเป็นกลไกส�าคัญ เนื่องด้วยแต่ละบุคคลจะด�ารงสถานภาพและแสดงบทบาททางสังคม
1. นักเรียนยกกิจกรรมหรือโครงการสรางสรรคที่
ทีแ่ ตกต่างกัน โดยทีท่ กุ สถานภาพล้วนมีความส�าคัญเท่าเทียมกัน หากบุคคลขาดความตระหนักในหน้าที่ นักเรียนเคยเขารวมมาหนึ่งกิจกรรม จากนั้น
ของตนเอง บ่ายเบี่ยงหน้าที่ความรับผิดชอบย่อมไม่สามารถสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับชาติได้ ใหนักเรียนพิจารณาวา กิจกรรมที่นักเรียนยก
๓) ให้เห็นความสำาคัญของความสามัคคี ประเทศชาติประกอบด้วยบุคคลจ�านวน มามีประโยชนใดบางที่ตรงกับขอคิดที่สามารถ
มาก การจะท�าให้ประเทศพัฒนาไปข้างหน้า ความสามัคคีของคนในชาติเป็นสิ่งส�าคัญ ต้องไม่คิดร้าย นํามาประยุกตใชในชีวิตประจําวันจากเรื่อง
แก่งแย่งชิงดีหรือเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง เพราะการมองเห็นผลประโยชน์ของประเทศชาติ บทเสภาสามัคคีเสวก
เป็นเรื่องรองลงมาจากผลประโยชน์ส่วนตัว ย่อมท�าให้ประเทศชาติเกิดความเสียหายได้ ความสามัคคี (แนวตอบ นักเรียนสามารถยกกิจกรรม
จะเป็นเครื่องผูกรวมจิตใจของคนในชาติ หรือโครงการไดหลากหลายทั้งนี้ขึ้นอยูกับ
๔) ให้เกิดความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ เนื่องจากพระมหากษัตริย์ทรงมี ประสบการณของนักเรียน เชน กิจกรรม
พระมหากรุณาธิคณ ุ ต่อบ้านเมืองและข้าราชบริพาร ทรงเป็นเหมือน “กัปปิตนั ” ทีน่ า� พาเรือฝ่าคลืน่ พายุ สงเสริมศิลปหัตถกรรมทองถิ่น โครงการ
ที่รุนแรงไปยังจุดมุ่งหมาย นั่นคือ ความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองและความผาสุกของราษฎรทั้งมวล ปลูกตนไมเฉลิมพระเกียรติ เปนตน)
ดังนัน้ ประชาชนทุกคนจึงควรประพฤติปฏิบตั ติ ามพระบรมราโชวาท รูจ้ กั หน้าทีข่ องตนเองและปฏิบตั งิ าน
2. ครูสุมนักเรียน 4-5 คนมานําเสนอหนาชั้นเรียน
ในหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ พร้อมทั้งมีระเบียบวินัยและมีความสมัครสมานสามัคคีกัน บ้านเมือง
ก็จะมีความสงบสุขและมีความเจริญรุ่งเรือง
31
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดสอดคลองกับขอคิดเรื่องการตระหนักในหนาที่ของตน
1 ศิลปะเปนสิ่งที่มนุษยสรางสรรคขึ้น จากในอดีตศิลปะมีความหมายถึง
1. อนึ่งปนเปนรูปเทวฤทธิ์ ดูประหนึ่งนิรมิตวิเลขา
ทักษะฝมือ ความชํานาญในเชิงชางหรือการลอกแบบธรรมชาติเปลี่ยนแปลงสูการ
2. อันชาติใดไรชางชํานาญศิลป เหมือนนารินไรโฉมบรรโลมสงา
แสดงออกซึ่งอารมณความรูสึกภายใน พัฒนาสูความงามของรูปทรง
3. แมนไมถือเครงคงตรงวินัย เมื่อถึงคราวพายุใหญจะครวญคราง
ซึ่งตอมาในภายหลังก็ไดเกิดทฤษฎีความงามที่แตกตางออกไปอีกมากมาย
4. ในพระราชสํานักพระภูธร เหมือนเรือแลนสาครสมุทรไทย
จนทําใหเกิดรูปแบบของศิลปะที่เกินความคาดหมายและแปลกใหมอีกเรื่อยๆ บาง
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. และขอ 2. กลาวถึงความสําคัญของศิลปะของชาติ ครั้งสิ่งที่ไมสวยงามก็เปนศิลปะ หรืองานที่สวยงามบางชิ้นก็ไมใชศิลปะ สิ่งสําคัญ
ขอ 3. ใหขอคิดเรื่องการตระหนักในหนาที่ของตน คือ “แมนไมถือเครงคง คือเจตนาของผูสรางที่จะกอใหผูรับรูหรือสัมผัสผลงานนั้นเกิดความรูสึกและไดคิด
ตรงวินัย เมื่อถึงคราวพายุใหญจะครวญคราง” การไมรักษาวินัยในตนเองจะ สิ่งใดออกมา ซึ่งการคิดและรูสึกของแตละคนก็เปนอิสระไมจําเปนที่จะตองเหมือน
สงผลเสียตอหนาที่ที่รับผิดชอบ เมื่อเกิดปญหาก็จะสงผลกระทบกับงานที่ กันตามประสบการณและความเขาใจที่แตกตาง ซึ่งนี่คือเสนหอยางหนึ่งที่ศิลปะให
ตองทํารวมกับผูอื่น ขอ 4. กลาวเปรียบพระราชสํานักเหมือนเรือที่แลนใน กับมนุษย
มหาสมุทร ตอบขอ 3.
คูมือครู 31
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนตอบคําถามจากบทเสภาสามัคคีเสวก
• บทเสภาสามัคคีเสวกกลาวถึงความสําคัญ บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมาและตอนสามัคคีเสวก แม้จะมีความยาว
ของศิลปะกับชีวิตมนุษยอยางไร ไม่มากนัก แต่ก1เ็ ป็นบทประพันธ์ทมี่ คี ณ
ุ ค่าครบถ้วนทุกด้าน ในขณะทีเ่ รากÓลังหลงชืน ่ ชม
(แนวตอบ ชวยยกระดับและพัฒนาจิตใจของ ศิลปวัฒนธรรมต่างประเทศ
งประเทศ หลงลืมคุณค่าของศิลปวัฒนธรรมไทย มีการแบ่งพรรค
มนุษยใหสูงขึ้น เพราะศิลปะเปนการถายทอด แบ่งพวก ทั้งยังขัดแย้งแตกสามัคคีกัน ข้าราชการไม่ส�านึกในหน้าที่ บทประพันธ์นี้
ความคิด ความรูสึกจากภายในของมนุษยที่ ได้ให้ข้อคิดเตือนใจชาวไทยทั้งหลายว่า ชาติอาจล่มสลายหากคนไทยขาดจิตส�านึก
ไดรับอิทธิพลจากสิ่งแวดลอมภายนอกเปน ในความเป็นไทยและขาดความสามัคคี ข้าราชการทั้งหลายเป็นข้าในพระบาทสมเด็จ
เครื่องหมายแสดงถึงความเจริญรุงเรืองของ พระเจ้าอยูห ่ วั พระองค์เดียวกัน จึงต้องส�านึกในหน้าที ่ มีความรักสามัคคีกน
ั ซึง่ เป็นปัจจัย
สังคมมนุษยที่ถึงพรอมดวยความบริบูรณ ส�าคัญที่ช่วยให้งานต่าง บรรลุเป้าหมาย
ทั้งทางกายและใจ)
ขยายความเขาใจ Expand
นักเรียนทบทวนความเขาใจในคุณคาดานตางๆ
ของบทเสภาสามัคคีเสวก โดยทํากิจกรรมตามตัวชีว้ ดั
กิจกรรมที่ 1.5 จากแบบวัดฯ ภาษาไทย ม.2
คุณคาดานวรรณศิลป
คุณคาดานเนือ้ หา
• เตือนใจใหเห็นคุณคาของงานศิลปและ
............................................................................................................
ศิลปน
............................................................................................................
ฉบับ
เฉลย
บทเสภาสามัคคีเสวก • ขาราชการควรตัง้ ใจปฏิบตั หิ นาที่ เสียสละ
............................................................................................................
ตอน วิศวกรรมาและสามัคคีเสวก ไมชิงดีชิงเดน เชื่อฟงผูบังคับบัญชา
............................................................................................................
............................................................................................................
............................................................................................................
............................................................................................................
............................................................................................................
คุณคาดานสังคม
• สะทอนความงามดานศิลปะ
..............................................................................................................................................................................................
• สะทอนความรุงเรืองของบานเมือง
..............................................................................................................................................................................................
• สะทอนคุณธรรม หนาที่ และความสามัคคี
32
..............................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
๘๗
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
เพราะเหตุใดในบทสามัคคีเสวกที่กลาววา ทั้งประเทศใหญนอยจึงยกยอง
1 ศิลปวัฒนธรรม ที่เขมแข็งยอมสะทอนใหเห็นถึงความมีเอกราชของชาติ ใน งานศิลปะวาเปนสิ่งมีคา
ทางกลับกันการมีเอกราชของชาติใดชาติหนึ่งอาจเปนผลมาจากความเขมแข็ง
ทางศิลปวัฒนธรรมของประเทศชาตินั้น การมีเอกราชหรือการมีศิลปวัฒนธรรม แนวตอบ เพราะงานศิลปะเปนงานที่อุดมไปดวยความคิด การถายทอด
ที่เขมแข็งมั่นคง มิใชสิ่งที่กอใหเกิดความหยิ่งทระนงจนเกิดการปดกั้นทางปญญา ความรูภูมิปญญาจากรุนหนึ่งไปสูอีกรุนหนึ่งเปนระยะเวลานาน ไดรับการ
และปดกั้นการพัฒนาทางดานศิลปะและวัฒนธรรมของตนเองใหเจริญกาวหนา ปรับปรุง พัฒนา สรางสรรคงานอยูเรื่อยมา จึงเปนวัฒนธรรมที่มีคุณคายิ่ง
การอนุรักษหวงแหนเปนสิ่งดีงาม แตการอนุรักษหวงแหนตองพัฒนาปรับปรุง เปนผลผลิตทางความคิด จิตใจ และการถายผานประสบการณ การฝกฝน
เปลี่ยนแปลงใหเจริญกาวหนาและจําเปนตองมีวิสัยทัศน มีวิจารณญาณที่ดีวาสิ่งใด จนเชี่ยวชาญ เปนชิ้นงานศิลปะแสดงถึงความเจริญและเกียรติภูมิของชาติ
ควรอนุรักษใหถูกตองแบบแผนตามมรดกตกทอดอยางดีที่สุด ถูกตองชัดเจนที่สุด
และสิ่งใดควรไดรับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใหสอดคลองกับสถานการณของสังคม
32 คูมือครู
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนเขียนเรียงความ หัวขอ “เราจะใช
งานศิลปพัฒนาตนเองและประเทศชาติ”
ค�ำถำม ประจ�ำหน่วยกำรเรียนรู้
2. นักเรียนเขียนบันทึกประจําวันประเมิน
ความรับผิดชอบในหนาที่ได
๑. แนวคิดส�ำคัญของบทเสภำสำมัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมำ คืออะไร จงอธิบำยพร้อมทั้ง 3. นักเรียนยกกิจกรรมหรือโครงการที่เคยทํา
แสดงเหตุผลประกอบ สอดคลองกับขอคิดในบทเสภาสามัคคีเสวก
๒. แนวคิดส�ำคัญของบทเสภำสำมัคคีเสวก ตอน สำมัคคีเสวก คืออะไร จงอธิบำยพร้อมทั้ง
แสดงเหตุผลประกอบ
๓. พลังของควำมสำมัคคีก่อให้เกิดผลดีต่อตนเองและประเทศชำติอย่ำงไร หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
๔. กำรแตกควำมสำมัคคีก่อให้เกิดผลเสียต่อตนเองและประเทศชำติอย่ำงไร
๕. นักเรียนคิดว่ำกำรปฏิบัติตนอย่ำงไรที่สำมำรถสร้ำงควำมเจริญรุ่งเรืองให้ประเทศชำติได้ 1. ปายนิเทศผลงานพระราชนิพนธในรัชกาลที่ 6
2. ตัวอยางผลงานพระราชนิพนธในรัชกาลที่ 6
3. ทองจําบทอาขยานที่กําหนดได
4. บันทึกการปฏิบัติงานตามหนาที่
5. การยกกิจกรรมหรือโครงการที่สอดคลองกับ
ขอคิดในเรื่อง
กิจกรรม สร้ำงสรรค์พัฒนำกำรเรียนรู้
กิจกรรมที่ ๑ ใ ห้นักเรียนแบ่งกลุ่มเพื่อศึกษำค้นคว้ำเกี่ยวกับงำนช่ำงแขนงต่ำงๆ ตำมที่ปรำกฏใน
บทเสภำสำมัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมำ แล้วเล่ำสรุปผลกำรศึกษำหน้ำชัน้ เรียน โดยน�ำ
ภำพมำประกอบกำรอธิบำยเพื่อสร้ำงควำมเข้ำใจ
กิจกรรมที่ ๓ ให้นักเรียนแต่งนิทำนที่มีเนื้อหำแสดงถึงพลังของควำมสำมัคคี
33
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. แนวคิดสําคัญตอน วิศวกรรมา คือ ควรอนุรักษงานศิลปะเพราะเปนผลงานที่ทรงคุณคา เปนมรดกของชาติที่แสดงใหเห็นความเจริญรุงเรืองของชาติ
บานเมืองสมัยกอน
2. แนวคิดสําคัญตอน สามัคคีเสวก คือ ความสามัคคีของขาราชบริพารในราชสํานักจะสงผลใหประเทศชาติเจริญ เพราะเหลาขาราชบริพารมีสวน
ในการบริหารประเทศ เปนผูสนองพระราชประสงคของพระมหากษัตริยในการปกครองประเทศ
3. พลังของความสามัคคีจะทําใหไมเกิดความวุนวายในชาติ และหากประเทศชาติจะทําการใดยอมไดรับการสนับสนุนในทิศทางเดียวกัน เกิดความเปน
ปกแผน ไมมีชาติใดทําลายได
4. ขาดการสนับสนุน ชวยเหลือกัน เกิดความวุนวายในสังคม และประเทศชาติไมพัฒนา
5. ประพฤติปฏิบัติตนตามกฎระเบียบและกฎหมายของบานเมือง
คูมือครู 33
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน
2. วิเคราะหวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน
พรอมยกเหตุผลประกอบ
3. อธิบายคุณคาของวรรณคดีและวรรณกรรม
ที่อาน
4. สรุปความรูและขอคิดจากการอานเพื่อประยุกต
ใชในชีวิตจริง
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต
คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. มีวินัย
๓
2. ใฝเรียนรู
3. มุงมั่นในการทํางาน
4. รักความเปนไทย หน่วยที่
ศิลาจารึกหลักที่ ๑
ตัวชี้วัด
กระตุน ความสนใจ Engage ■ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๒/๑)
วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน พร้อมยกเหตุผลประกอบ
พ่ อขุนรามค�าแหงมหาราชกษัตริยร์ าชวงศ์
ครูใหนักเรียนดูภาพหนาหนวย จากนั้นให
■
พระร่ ว ง แห่ ง อาณาจั ก รสุ โ ขทั ย ทรงประดิ ษ ฐ์
(ท ๕.๑ ม.๒/๒)
อักษรไทย เมือ่ พ.ศ. ๑๘๒๖ และโปรดเกล้าฯ ให้จารึก
นักเรียนรวมกันตอบคําถาม ■
■
อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๒/๓)
สรุปความรู้และข้อคิดจากการอ่านเพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง พระราชประวั ติ ข องพระองค์ ความเป็ น มาของ
• จากภาพนี้สะทอนใหเห็นสภาพวิถีชีวิต (ท ๕.๑ ม.๒/๔) อาณาจักรสุโขทัย พระราชกรณียกิจที่ส�าคัญ วิถีชีวิต
อยางไร และอยูในชวงยุคสมัยใด และสภาพบ้านเมืองสมัยสุโขทัยไว้ในหลักศิลาหรือที่
สาระการเรียนรู้แกนกลาง คนไทยเรียกว่า “ศิลาจารึก”
(แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดหลากหลาย ■ การวิเคราะห์คุณค่าและข้อคิดจากวรรณคดี ศิลาจารึกหลักที่ ๑ เป็นหลักฐานทางโบราณคดี
เชน ความอิสระในการคาขาย ความสุขกาย และวรรณกรรม เรื่อง ศิลาจารึกหลักที่ ๑ ชิ้นส�าคัญที่ท�าให้ชาวไทยได้รู้ประวัติศาสตร์ของชาติและ
สบายใจของประชาชน เปนตน วิวัฒนาการของภาษาไทย นับเป็นภูมิปัญญาอันชาญฉลาด
ของบรรพบุรุษไทยที่จารึกลงบนหลักศิลา ท�าให้ข้อมูลทาง
ซึ่งเปนชวงสมัยสุโขทัย) ประวัตศิ าสตร์และโบราณคดีสมัยสุโขทัยได้รบั การเก็บรักษาไว้
เกร็ดแนะครู
ครูควรจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยเนนใหนักเรียนไดแสดงความคิดเห็น
ที่มีตอการอานศิลาจารึกหลักที่ 1 จากนั้นครูและนักเรียนจึงรวมกันอภิปรายแสดง
ความคิดเห็นอยางเต็มที่และเปดกวาง เพื่อสรางบรรยากาศการเรียนการสอนที่มี
ความเปนประชาธิปไตย คือ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็นตอประเด็นคําถาม
ไดอยางหลากหลาย และรวมอภิปรายแลกเปลี่ยนกัน เปนการฝกใหนักเรียนเกิด
ความใจกวางยอมรับฟงความคิดเห็นของผูอื่น กระตุนทักษะการคิดและ
การแสดงออก
34 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับศิลาจารึก
๑ ความเป็นมา จากนั้นครูใชคําถามนํานักเรียนเขาสูบทเรียน
ศิ ล าจารึ ก คื อ จารึ ก บนแท่ ง ศิ ล าที่ ค นในสมั ย ก่ อ น • นักเรียนรูจักหรือเคยเห็นศิลาจารึกหรือไม
สร้างขึ้น เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ด้วยลายเส้นหรือภาพ
อยางไร
• นักเรียนคิดวาหลักศิลาจารึกคืออะไร
เป็นสื่อแทนการบอกเล่า ท�าให้ได้เรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต
(แนวตอบ แทงหินที่นํามาตัดเปนแทงสี่เหลี่ยม
ในช่วงเวลาทีม่ กี ารจารึกศิลานัน้ ๆ เช่น จารึกของพ่อขุนรามค�าแหง
แลวมนุษยก็บันทึกเรื่องราวเหตุการณตางๆ
มหาราชในสมัยสุโขทัย
โดยการใชภาษาเขียนในการถายทอด)
ศิลาจารึกหลักที่ ๑ จัดเป็นวรรณคดีลายลักษณ์อักษร • นักเรียนรูหรือไมวาใครเปนผูประดิษฐ
ฉบับแรกของไทย โดยบันทึกลงในแท่งศิลาสี่เหลี่ยม ๔ ด้าน ศิลาจารึกหลักที่ 1
มีถอ้ ยค�าจารึกทัง้ ๔ ด้าน ด้านที ่ ๑ และ ๒ มีขอ้ ความด้านละ (แนวตอบ พอขุนรามคําแหงมหาราช)
๓๕ บรรทั ด ด้ า นที่ ๓ และ ๔ มี ข ้ อ ความด้ า นละ
๒๗ บรรทัด ตัวอักษรทีใ่ ช้เป็นตัวอักษรไทยทีพ่ อ่ ขุนราม สํารวจคนหา Explore
ค� า แหงมหาราชทรงประดิ ษ ฐ์ ขึ้ น เมื่ อ พ.ศ. ๑๘๒๖
โดยพระองค์ทรงประดิษฐ์ขึ้นจากตัวอักษรขอมหวัด ศิลาจารึกหลักที่ ๑ เป็นหินชนวนสีเขียว ยอดแหลมปลายมน 1. นักเรียนแบงกลุมคนควาเกี่ยวกับประวัติ
และอักษรไทยเดิมซึ่งดัดแปลงมาจากอักษรมอญ
สูง ๑ เมตร ๑๑ เซนติเมตร กว้าง ๓๕ เชนติเมตร ความเปนมาของศิลาจารึกหลักที่ 1 จากแหลง
โบราณ สันนิษฐานว่าศิลาจารึกหลักนี้น่าจะจารึกเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๑๘๓๕ เรียนรูตางๆ เชน เว็บไซต พิพิธภัณฑแสดง
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั เมือ่ ครัง้ ยังทรงผนวชอยู ่ ณ วัดราชาธิวาส (พ.ศ. ๒๓๗๖) ศิลาจําลอง
ได้เสด็จไปหัวเมืองฝ่ายเหนือจนถึงเมืองสุโขทัย และทรงพบศิลาจารึก ๒ หลัก และแท่นหินแห่งหนึ่ง
2. นักเรียนศึกษาวา เพราะเหตุใดคําขึ้นตนของ
พระนามกษัตริยในสมัยสุโขทัยจึงใชคําวา
ที่เนินปราสาทเมืองเก่า พระองค์ทรงเห็นว่าเป็นวัตถุส�าคัญทางโบราณคดี จึงโปรดเกล้าฯ ให้ชะลอมาไว้
“พอ”
ทีก่ รุงเทพฯ เมือ่ อ่านศิลาจารึกจึงทราบว่าหลักหนึง่ เป็นศิลาจารึกหลักที ่ ๑ ของพ่อ1ขุนรามค�าแหงมหาราช
(แนวตอบ เพราะสมัยสุโขทัยมีการปกครองแบบ
ส่วนอีกหลักหนึ่งนั้นเป็น2จารึกภาษาขอมของพระมหาธรรมราชาที่ ๑ (ลิไทย) แท่นหินที่พบนั้น คือ
พอปกครองลูก ความสัมพันธระหวางกษัตริย
พระแท่นมนังคศิลาบาตร กับประชาชนมีความใกลชิดกันมาก จึงเรียก
ศิลาจารึกหลักที่ ๑ นี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชอุตสาหะอ่าน พระนามของกษัตริยขึ้นตนดวยคําวา “พอ”)
และน�าออกเผยแพร่เป็นพระองค์แรกและทรงอธิบายถ้อยค�าในศิลาจารึกเป็นภาษาอังกฤษด้วย ต่อมา 3. นักเรียนศึกษาลักษณะตัวอักษรและหลัก
ศาสตราจารย์ยอร์ช เซเดส์ ชาวฝรั่งเศสผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาตะวันออก และอาจารย์ฉ�่า ทองค�าวรรณ การเขียนในศิลาจารึกและอานเรื่องยอของ
ได้พยายามตรวจสอบค�าอธิบายเพิม่ เติมและแปลจารึกนัน้ เป็นภาษาฝรัง่ เศสเพือ่ เผยแพร่ให้แก่ผทู้ สี่ นใจ ศิลาจารึกหลักที่ 1
ปัจจุบนั ศิลาจารึกหลักนีจ้ ดั แสดงไว้ทหี่ อ้ งประวัตศิ าสตร์ชาติไทย ภายในพระทีน่ งั่ ศิวโมกขพิมาน
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
35
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดเปนความสําคัญในดานภาษาศาสตรของศิลาจารึกหลักที่ 1
1 พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไทย) ทรงเปนกษัตริยองคที่ 6 แหงสุโขทัย
1. ศิลาจารึกหลักที่ 1 ทําดวยหินชนวนสีเขียว
เปนพระราชโอรสของพระยาเลอไทย กอนที่จะเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ พระองคได
2. เปนตนแบบของการใชอักษรไทย
ไปปกครองดูแลเมืองศรีสัชนาลัย ซึ่งอยูในฐานะเมืองลูกหลวง และทรงทํานุบํารุง
3. เลาเหตุการณสมัยสุโขทัย
พระพุทธศาสนาใหเจริญรุงเรือง โดยพระองคทรงผนวชและจําพรรษาอยูที่วัด
4. เนื้อหากลาวถึงพระรวง
ปามะมวง และยังทรงพระราชนิพนธไตรภูมิพระรวง หรือเตภูมิกถา ซึ่งมีเนื้อหา
วิเคราะหคําตอบ ศิลาจารึกหลักที่ 1 ที่พอขุนรามคําแหงมหาราชทรง เกี่ยวของกับพระพุทธศาสนา และนับวาเปนวรรณคดีเรื่องแรกของไทย
ประดิษฐขึ้น เนื้อหาบอกเลาเหตุการณตางๆ ที่เกิดขึ้นในสมัยสุโขทัย 2 พระแทนมนังคศิลาบาตร เปนพระแทนที่พอขุนรามคําแหงมหาราชโปรด
แตความสําคัญในทางภาษาศาสตร คือ เปนหลักฐานที่สื่อถึงการประดิษฐ เกลาฯ ใหสรางขึ้น เพื่อใชประทับออกวาราชการ และสําหรับพระสงฆแสดงธรรม
ตัวอักษรไทยและนํามาใชอยางเปนทางการครั้งแรก ตอบขอ 2. เทศนาแกราษฎรในวันธรรมสวนะ (วันพระ)
คูมือครู 35
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับความเปนมาของศิลา
จารึกหลักที่ 1 จากนั้นครูและนักเรียนรวมกัน
สนทนาและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความ
๒ ประวัติ¼ู้แต่ง 1
สําคัญของศิลาจารึกหลักที่ 1 พ่อขุนรามค�าแหงมหาราชเป็นกษัตริยอ์ งค์ท ี่ ๓ ในราชวงศ์พระร่วง แห่งอาณาจักร
• ศิลาจารึกหลักที่ 1 มีความสําคัญตอ สุโขทัย พระองค์ทรงเป็นพระราชโอรสของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ พระราชมารดา
ภาษาไทยอยางไร ชื่อนางเสือง พระองค์ทรงมีพี่น้อง ๕ พระองค์ เป็นชาย ๓ พระองค์ เป็นหญิง
(แนวตอบ ศิลาจารึกหลักที่ 1 คือหลักฐาน ๒ พระองค์ พระเชษฐาองค์โตสิ้นพระชนม์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ เมื่อพ่อขุนศรี
อินทราทิตย์สิ้นพระชนม์ พระเชษฐาคือพ่อขุนบานเมืองเสด็จขึ้นครองราชย์
สําคัญทางประวัติศาสตรและภาษา เปน
เป็นกษัตริย์องค์ที่ ๒ ต่อจากพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ส่วนพระองค์
สิ่งที่แสดงใหเห็นประวัติความเปนมาของ
ทรงด�ารงต�าแหน่งอุปราชครองเมืองเชลียง และสืบราชสมบัติ
ตนกําเนิดภาษาไทย สภาพบานเมืองในสมัย
ต่อจากพ่อขุนบานเมือง เมื่อ พ.ศ. ๑๘๒๒
สุโขทัย และยังทําใหเห็นพัฒนาการของ
ระหว่างทีพ่ ระราชบิดาทรงครองราชย์ พ่อขุนรามค�าแหง
อักขระไทยที่มีมานานกวา 700 ป)
มีพระชนมายุได้ ๑๙ พรรษา ทรงช่วยพระราชบิดากระท�า
2. นักเรียนรวมกันสนทนาเกี่ยวกับประวัติของ ยุทธหัตถีกบั ขุนสามชนเจ้าเมืองฉอดจนได้รบั ชัยชนะ พระราชบิดา
พอขุนรามคําแหงมหาราช ในประเด็นตางๆ
พระบรมราชานุสาวรียพ่อขุนรามค�าแหง จึงพระราชทานพระนามว่า พระรามค�าแหง และพระองค์เสด็จ
ดังนี้ มหาราชประดิ ษ ฐานอยู ่ ณ อุ ท ยาน ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระเชษฐา เป็นกษัตริย์องค์ที่ ๓ แห่ง
• ชีวิตครอบครัว ประวัติศาสตรสุโขทัย อาณาจักรสุโขทัย จากศิลาจารึก ท�าให้ทราบว่า พระองค์ทรง
(แนวตอบ พระองคเปนโอรสของพอขุนศรี- เป็นพระมหากษัตริย์ทไี่ ด้รบั การยกย่องเป็น “มหาราช” เพราะพระปรีชาสามารถ ทัง้ ในด้านการรบและ
อินทราทิตยกับนางเสือง มีพี่นอง 5 คน เปน ด้านการปกครอง ทรงท�านุบ�ารุงพระพุทธศาสนาและบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองทั้งในด้านการค้าขาย
ชาย 3 คน หญิง 2 คน พระเชษฐาองคโต การเกษตร และการอุตสาหกรรม ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพ ท�ามาหากินอุดมสมบูรณ์ พระราชกรณียกิจ
สิ้นพระชนมตั้งแตยังทรงพระเยาว) ทีส่ า� คัญอีกประการหนึง่ คือ เมือ่ พ.ศ. ๑๘๒๖ ทรงประดิษฐ์อกั ษรไทยและโปรดเกล้าฯ ให้จารึกอักษรไทย
• บทบาทและหนาที่ ลงไว้บนแท่งศิลา เมือ่ ประมาณ พ.ศ. ๑๘๓๕ นอกจากนี ้ ยังโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระแท่นมนังคศิลาบาตร
(แนวตอบ ขึ้นครองราชยเปนกษัตริยองคที่ 3 เมื่อ พ.ศ. ๑๘๓๕ พ่อขุนรามค�าแหงมหาราชสวรรคตใน พ.ศ. ๑๘๖๐
แหงอาณาจักรสุโขทัย ชวยพระราชบิดารบ
กับเมืองฉอดจนชนะ) ๓ ลักษณะคÓประพัน¸์
• พระปรีชาสามารถ ลั ก ษณะค� า ประพั น ธ์ เ ป็ น ร้ อ ยแก้ ว มี สั ม ผั ส เป็ น บางตอน ใช้ ค� า ไทยแท้ แ ละค� า ภาษา
(แนวตอบ เปนนักรบ นักอักษรศาสตร ถิ่นเหนือเป็นส่วนมาก มีค�าเขมร บาลีและสันสกฤตปนบ้างเล็กน้อย แต่งเป็นประโยคสั้นๆ ง่ายๆ
นักปราชญ) ไม่ซับซ้อน ได้ใจความชัดเจน บางตอนมีเสียงสัมผัสไพเราะ ท�าให้จ�าได้ง่ายและมีการซ�้าค�า เน้นย�้า
เพื่อเพิ่มน�้าหนักของค�าให้กระชับ หนักแน่น และช่วยให้ใจความกระจ่างยิ่งขึ้น เช่น
ขยายความเขาใจ Expand
“ในน�้ามีปลา ในนามีข้าว”
นักเรียนนําขอมูลจากกิจกรรมอธิบายความรู “ใครจักใคร่ค้าม้า ค้า ใครจักใคร่ค้าเงือนค้าทองค้า”
ขางตนมาทําแผนผังมโนทัศนพระราชประวัติของ
พอขุนรามคําแหงมหาราช ซึ่งประกอบไปดวย 36
ชีวิตครอบครัว บทบาทหนาที่ และพระปรีชา
สามารถของพระองค
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู การเรียนรูพระราชประวัติของพอขุนรามคําแหง รวมถึงผลงานทรงคา
ของพระองคในการประดิษฐอกั ษรไทย เพือ่ ใหทราบเกีย่ วกับศิลาจารึกมากยิง่ ขึน้
1 ราชวงศพระรวง เปนราชวงศที่สถาปนาขึ้นเมื่อคราวพอขุนบางกลางหาว
สามารถบูรณาการเขากับกลุม สาระการเรียนรูส งั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
ทรงราชาภิเษกเปนพอขุนศรีอินทราทิตย คําวา “พระรวง” เปนคํากลางๆ ที่ใชเรียก
วิชาประวัติศาสตร ดังขอมูลการวิพากษทางประวัติศาสตร ศาสตราจารย
กษัตริยหรือผูนําแหงรัฐสุโขทัย โดยคําวา “รวง” แปลวา รุง (โรจน) ในสําเนียง
ยอรช เซเดยไดกลาวไววา
ไทยกลางจึงตรงกับคําวา “รุง” ซึ่งไปพองกับสําเนียงลานชางที่อานวา “ฮุง” ซึ่งอาจ
“การทีพ่ ระองคไดทรงแกไขตัวอักษรของชาวสุโขทัยใหเรียงเปนแนวเดียวกัน
จะสืบเนื่องกับตํานานทาวฮุง-ทาวเจือง อันเปนวีรบุรุษในตํานานสองฝงโขง อยางไร
ไดนั้นเปนการสําคัญยิ่ง แลควรที่ชาวสยามในปจจุบันนี้ จะรูสึกพระคุณ และ
ก็ตาม คําวา “พระรวง” เปนคําที่คิดขึ้นใหมเมื่อครั้งสถาปนาราชวงศ มิใชราชวงศ
มีความเคารพนับถือที่พระองคไดทรงจัดแบบอักษรไทยใหสะดวกขึ้น ขอนี้ให
เดิมที่ติดตัวพอขุนบางกลางหาวมาแตตน
มาก อนึ่ง ในสยามประเทศทุกวันนี้การคิดแบบเครื่องพิมพดีดและการพิมพ
หนังสือไดเจริญรุงเรือง เปนประโยชนยิ่งในวิชาความรูแลทางราชการ นับ
วาเพราะพอขุนรามคําแหงไดทรงพระราชดําริเปลี่ยนรูปอักษรขอมและเรียง
มุม IT พยัญชนะเปนแนวเดียวกันใหสะดวกไว สวนบรรดาประเทศที่ยังใชวิธีซอนตัว
ศึกษาเกี่ยวกับกําเนิดลายสือไทสมัยพอขุนรามคําแหงเพิ่มเติม ไดที่ พยัญชนะ เชน ประเทศเขมรและประเทศลาว การพิมพหนังสือของประเทศ
http://www.sukhothai.go.th/history/hist_07.htm เหลานั้นเปนการยาก”
36 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนสังเกตและอภิปรายเกี่ยวกับหลัก
เปรียบเทียบตัวอักษรไทยสมัยพ่อขุนรามค�าแหงมหาราชกับตัวอักษรไทยปจจุบัน การเขียนในศิลาจารึกรวมกัน ดังนี้
ก ข ฃ ค ฅ -ะ -า -ิ -ี -ึ
• นักเรียนวิเคราะหลักษณะการเขียนตัว
_
อักขระในศิลาจารึก แลวสรุปลงในตาราง
ฆ ง จ ฉ ช -ื -ุ -ู เ-ะ เ- (แนวตอบ ลักษณะการเขียนตัวอักขระ
_
ซ ฌ ญ ฎ ฏ แ-ะ _ แ- โ-ะ _ โ- เ-าะ _ ในศิลาจารึก
_
• พยัญชนะ
ฐ ฑ ฒ ณ ด -อ เ-อะ เ-อ เ-ีย เ-ือ
_ _ _ - รูปพยัญชนะบางตัวมีเคาเหมือน
ต ถ ท ธ น -ัว ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ ปจจุบัน บางตัวเปลี่ยนไปมาก
_ _ _ _
- ไมมีพยัญชนะ ฌ ฑ ฒ ฬ ฮ
บ ป ผ ฝ พ -ำ ไ- ใ- เ-า -่
• สระ
ฟ ภ ม ย ร -้ -๊ -๋ -ั -� - สระสวนใหญเขียนไวหนาพยัญชนะ
_ _ _
- สระอะ เมื่อมีตัวสะกดใหเขียนตัวสะกด
ล ว ศ ษ ส ๐ ๑ ๒ ๓ ๔
_ ซอนกัน เชน ขบบ เปนตน
ห ฬ อ ฮ อย ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ - สระเอีย เมื่อมีตัวสะกดเขียน -ย- เชน
_ _ _ _ _ _
พยง อานวา เพียง เมื่อไมมีตัวสะกด
ลักษณะการเขียนในศิลาจารึก เขียน -ียย เชน มียย อานวา เมีย
๑. ตัวอักษรเขียนจากซ้ายไปขวาและอ่านจากซ้ายไปขวา - สระอัว เมื่อไมมีตัวสะกดใช -วว เชน
๒. การวางต�าแหน่งพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ มีหลักเกณฑ์ ดังนี้ หวว อานวา หัว
- เขียนพยัญชนะและสระอยู่บนบรรทัดเดียวกัน - ใชนฤคหิตแทนสระอํา เมื่อ ม เปนตัว
- วรรณยุกต์และนฤคหิตอยู่บนพยัญชนะ ถ้ามีทั้งนฤคหิตและวรรณยุกต์ให้เขียนต่อกัน สะกด เชน พนํ อานวา พนม
- สระส่วนใหญ่เขียนไว้หน้าพยัญชนะ เว้นแต่สระอะ อา และ อ�า เขียนไว้หลังพยัญชนะ • วรรณยุกต
- สระอะ เมื่อมีตัวสะกดใช้ตัวสะกดซ้อนกัน เช่น ขบบ อ่านว่า ขับ วงง อ่านว่า วัง - วรรณยุกตมีใชเพียงรูปเอกกับโทเทานั้น
- สระเอียใช้ ย เมื่อมีตัวสะกด เช่น รยง อ่านว่า เรียง พยง อ่านว่า เพียง ถ้าไม่มีตัวสะกด โดยวรรณยุกตรูปโทใชเปน + เชน
ใช้ -ยย เช่
ี น มียย อ่านว่า เมีย ได อานวา ได และวรรณยุกตรูปเอก
- สระอือ และสระออ ไม่ใช้ อ เคียง เช่น ชื่ อ่านว่า ชื่อ พ่ อ่านว่า พ่อ ใชเหมือนปจจุบัน
- สระอัว เมื่อไม่มีตัวสะกด ใช้ -วว เช่น หวว อ่านว่า หัว
- ใช้ นฤคหิต แทนสระอ�า เช่น บ�เรอ อ่านว่า บ�าเรอ
- นฤคหิต ใช้แทน ม เมื่อเป็นตัวสะกด เช่น พน� อ่านว่า พนม ขยายความเขาใจ Expand
- ไม้ไต่คู้ไม่มีใช้ ให้ใช้รูปเอกแทน เช่น ก่ดี อ่านว่า ก็ดี นักเรียนฝกเขียนลายสือไทของพอขุน
๓. วรรณยุกต์ที่ใช้มีเพียงรูปเอกกับรูปโทเท่านั้น วรรณยุกต์รูปเอกใช้เหมือนปัจจุบันและใช้ รามคําแหงเปนชื่อและนามสกุล พรอมประวัติของ
รูป + แทนวรรณยุกต์รูปโท เช่น พ่ อ่านว่า พ่อ ได อ่านว่า ได้
ตนเองโดยสังเขป
37
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
การเรียนรูตัวอักษรไทยในศิลาจารึกหลักที่ 1 มีความสําคัญอยางไร
ครูเพิ่มเติมความรูใหนักเรียนเรื่องลายสือไทของพอขุนรามคําแหงมหาราชวา
แนวตอบ การเรียนรูตัวอักษรไทยสมัยสุโขทัยในศิลาจารึกหลักที่ 1 มีความ มีลักษณะพิเศษกวาตัวอักษรของชาติอื่น ซึ่งไดรับอิทธิพลมาจากอินเดีย กลาวคือ
สําคัญในแงที่ทําใหทราบพัฒนาการของตัวอักษรไทย จนมาเปนอยางที่ใชใน ชาติอื่นขอยืมตัวอักษรของอินเดียมาใชโดยมิไดประดิษฐพยัญชนะ และสระเพิ่มขึ้น
ปจจุบัน ขณะเดียวกันก็จะทําใหเกิดความสํานึกในผลงานของบรรพบุรุษไทย ใหพอกับเสียงพูดของคนที่ใชภาษา
ที่ไดคิดสรางสรรคผลงาน จนทําใหเราไดมีตัวอักษรของตนเองใชอยางเปน วิวัฒนาการทางอักษรไทยมีแมแบบมาจากตัวอักษรของฟนีเซีย ซึ่งเปนอักษร
เอกลักษณ ซึ่งทําใหเกิดความรูสึกภาคภูมิในชาติและวัฒนธรรมไทย เกาแกที่สุด ขยายอิทธิพลสูอินเดียตอนเหนือ คือ อักษรพราหมี และอินเดียตอนใต
คือ อักษรสันสกฤตของราชวงศปลลวะ จากนั้นชาติตางๆ นําไปใชและดัดแปลง
อาทิ ดัดแปลงไปเปนอักษรขอมหวัดและอักษรมอญ และพัฒนามาเปนลายลือไท
คูมือครู 37
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
นักเรียนเขียนสรุปความสําคัญของการมีศิลา
จารึกหลักที่ 1 เปนขอๆ ๔. ตัวพยัญชนะสมัยพ่อขุนรามค�าแหงมหาราช มีไม่ครบ ๔๔ ตัว ตัวที่ไม่มี ได้แก่ ฌ ฑ ฒ ฬ ฮ
(แนวตอบ ความสําคัญของศิลาจารึกสรุปเปน ๕. ตัวเลขไทยมีไม่ครบ ๑๐ ตัว ตัวที่ไม่มี ได้แก่ ๓ ๖ ๘ ๙
ขอๆ ได ดังนี้ ๖. ตั ว อั ก ษรไทยสมั ย พ่ อ ขุ น รามค� า แหงมหาราชมี ก ารเปลี่ ย นแปลงแก้ ไขรู ป และวิ ธี เขี ย น
1. ศิลาจารึกเปนสมบัติของชาติ และเปน หลายครั้ง บางรูปอาจเปลี่ยนไปมาก บางรูปยังมีเค้ารูปเดิมอยู่จนเป็นรูปอักษรปัจจุบัน
หลักฐานทางประวัติศาสตรชิ้นสําคัญ
2. สะทอนความเจริญทางภาษาของชาติ และ
๔ เรื่องย่อ
เปนประโยชนดานการศึกษาวิจัย เนื้อหาจากศิลาจารึก บันทึกเรื่องราวเป็น ๓ ตอน คือ
ตอนที่ ๑ ตัง้ แต่บรรทัดที ่ ๑ - ๑๘ ด้านที ่ ๑ กล่าวถึงพระราชประวัตพิ อ่ ขุนรามค�าแหงมหาราช
3. สรางความภาคภูมิใจในชาติไทยและคนไทย
ตอนที่ ๒ เริ่มจากบรรทัดที่ ๑๘ ด้านที่ ๑ รวมด้านที่ ๒ ทั้งหมด จนถึงบรรทัดที่ ๑๑ ของ
ไดรับการถายทอดเรื่องราวความเปนมาของ
ด้านที ่ ๓ เนือ้ หาเล่าเหตุการณ์ตา่ งๆ ขนบธรรมเนียมของอาณาจักรสุโขทัย การสร้างวัดพระศรีรตั นมหาธาตุ
ชาติไทยผานตัวอักษรตั้งแตบรรพบุรุษจนถึง เมืองศรีสัชนาลัย การสร้างพระแท่นมนังคศิลาบาตร และการประดิษฐ์ตัวอักษรไทยสมัยพ่อขุนราม
ลูกหลาน โดยเฉพาะเรื่องพัฒนาการของ ค�าแหงมหาราช
วรรณกรรมไทย) ตอนที่ ๓ เริ่มจากบรรทัดที่ ๑๒ ด้านที่ ๓ จนจบด้านที่ ๔ กล่าวสรรเสริญพระเกียรติของ
พ่อขุนรามค�าแหงมหาราช และกล่าวถึงการขยายอาณาเขต
ตรวจสอบผล Evaluate ของอาณาจักรสุโขทัยที่แผ่ไพศาล
ตอนที่ ๑ จากการสันนิษฐานคาดว่าน่าจะเป็น
1. ปายนิเทศและนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติของ
พระราชนิ พ นธ์ ข องพ่ อ ขุ น รามค� า แหงมหาราช
พอขุนรามคําแหงมหาราชและศิลาจารึก
เพราะใช้สรรพนามว่า กู ส่วนตอนที่ ๒ และ
หลักที่ 1 ตอนที่ ๓ น่าจะมีผู้อื่นมาช่วยแต่งต่อ เพราะใช้
2. นักเรียนสรุปความสําคัญของศิลาจารึก สรรพนามแทนพระองค์ว่าพ่อขุนรามค�าแหง
หลักที่ 1 ได
3. นักเรียนฝกเขียนลายสือไทเปนชื่อและนามสกุล
พรอมประวัติของตนเองโดยสังเขปได
ขอสอบเนน การคิด
บูรณาการอาเซียน แนว NT O-NE T
ภาษา นอกจากจะเปนเครือ่ งมือในการสือ่ สารกันระหวางคนในสังคมแลว ยังเปน ขอใดเปนขอสันนิษฐานที่สมเหตุสมผล สําหรับความแตกตางของรูปภาษา
เครือ่ งมือในการสะสมความรูทั้งทางศิลปะ วัฒนธรรม และวิชาการตางๆ ที่สามารถ ในสมัยพอขุนรามคําแหง จากคําวา “หีน กดึง ปตู” ตรงกับคําในปจจุบันวา
ชวยใหถายทอดความรูเหลานั้นสืบตอกันมาได ดังนั้นทุกชาติจึงรักษาสืบทอด “หิน กระดิ่ง ประตู” ตามลําดับ
องคความรูตางๆ ผานทางภาษา 1. คนสมัยสุโขทัยออกเสียงคําตางกันกับคนสมัยปจจุบนั จึงมีรปู ภาษาตางกัน
ชาติอาเซียนมีความหลากหลายทั้งชาติพันธุ วัฒนธรรม รวมทั้งภาษา เมื่อพูดคุย 2. ในสมัยสุโขทัยยังไมมีภาษาใชจึงไมมีการกําหนดกฎเกณฑในการใช
กับคนจากชาติสมาชิกอาเซียนอืน่ สวนใหญจะไมสามารถสือ่ สารกันได หากไมใชภาษา 3. สมัยสุโขทัยยังไมมกี ารรวบรวมคําศัพทไวในพจนานุกรม จึงเขียนตางกัน
อังกฤษ ยกเวนกรณีภาษาไทยกับภาษาลาว และภาษามาเลเซียกับภาษาอินโดนีเซีย 4. การจารึกอักษรบนหินยากกวาการเขียน จึงตองสะกดคําใหงาย เพื่อให
ซึ่งมีความใกลเคียงกันอยูพอสมควร แตกระนั้น แมแตในประเทศอินโดนีเซียเอง ยัง จารึกไดงาย
มีภาษาที่แตกตางกันกวา 100 ภาษา การสื่อสารกันในหมูชาวอาเซียนไมใชเรื่องงาย วิเคราะหคําตอบ สมัยสุโขทัยมีกฎเกณฑลักษณะการเขียนที่ชัดเจน และ
เพราะแตละชาติในอาเซียนมีภาษาประจําชาติ ถาไมใชภาษาอังกฤษ แตกําหนดให การจารึกเปนวิธีการบันทึกลายลักษณอักษรอยางหนึ่งที่ทําใหรูปอักขระเปน
ใชภาษาของชาติอาเซียนชาติใดชาติหนึง่ เปนภาษากลาง ก็เปนเรือ่ งยากวาจะกําหนด รองลึกลงไป แมขั้นตอนจะยากกวาการเขียนแตมีหลักการอยางเดียวกัน คือ
ใหเปนภาษาใด โดยไมเปนการลดความสําคัญของภาษาชาติอื่นในอาเซียน ดังนั้น ถอดคําพูดมาจารึกรูปภาษา ดังนั้นหากพูดหรือออกเสียงตางกัน แมจะใช
อาเซียนจึงตองใชภาษาอังกฤษเปนภาษากลางอยางหลีกเลี่ยงไมได อักขระชุดเดียวกันก็ทําใหรูปภาษาตางกัน ตอบขอ 1.
38 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูสนทนารวมกับนักเรียนเกี่ยวกับความ
๕ เนืéอเรื่อง นาสนใจของลายสือไทและความนาภาคภูมิใจที่
ไทยมีตัวอักษรใชเปนของตนเอง แลวนําภาพ
ตัวอักษรและภาษาทีใ่ ช้ในสมัยสุโขทัยและปัจจุบนั มีความแตกต่างกัน จึงต้องมีการเทียบตัวอักษร
สถานที่ที่ปรากฏในศิลาจารึกหลักที่ 1 มาให
แล้วแปลความหมาย ดังตัวอย่างอักษรในศิลาจารึก ด้านที่ ๑ ดังนี้
นักเรียนดูจากนั้นรวมกันแสดงความคิดเห็น
เกี่ยวกับภาพดังกลาว
สํารวจคนหา Explore
นักเรียนคนควาบทความทางการศึกษา
ที่กลาวถึงความสําคัญและสาระของศิลาจารึก
หลักที่ 1 จากหนังสือและเว็บไซตตางๆ
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอานออกเสียงศิลาจารึกหลักที่ 1
ดานที่ 1 บรรทัดที่ 1-20 พรอมเพรียงกัน จากนั้น
รวมสรุปสิ่งที่กลาวไวในศิลาจารึกหลักที่ 1 เปน
สํานวนภาษาในปจจุบัน บันทึกลงสมุด
(แนวตอบ สาระสําคัญของศิลาจารึกหลักที่ 1
เบื้องตนเปนการบอกเลาเรื่องราว พระราชประวัติ
พอขุนรามคําแหง ซึ่งทรงบอกเลาดวยพระองคเอง
ตั้งแตทรงพระเยาวจนถึงขึ้นครองราชย แสดงให
เห็นถึงความอุดมสมบูรณของสุโขทัย และวิถีชีวิต
ของคนไทยในสมัยสุโขทัย ที่อยูรวมกันดวยนํ้าใจ
ไมตรี)
39
บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูสามารถศึกษาความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับขอมูลประวัติความเปนมาของ เกร็ดแนะครู
ศิลาจารึกไดจากการบูรณาการความรูเขากับกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา
ครูจัดกิจกรรมเสริมทักษะในการเรียนรูเกี่ยวกับศิลาจารึกหลักที่ 1 นอกเหนือ
ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาประวัติศาสตร โดยนักเรียนพิจารณาความสัมพันธ
จากความรูเกี่ยวกับวิชาการดานภาษาศาสตร อักษรศาสตร และนิรุกติศาสตร โดย
ระหวางประวัติศาสตรกับการประดิษฐอักษรในศิลาจารึก ทั้งนี้ควรพิจารณา
ใหนักเรียนไดพัฒนาทักษะในดานภาษา โดยครูจัดใหนักเรียนทําบันทึกขนาดสั้นที่มี
ความสําคัญของศิลาจารึกในแงที่เปนหลักฐานทางประวัติศาสตรที่มีความ
ลักษณะการใชภาษาสื่อความไดอยางเรียบงาย และมีสัมผัสไพเราะคลองจอง
สําคัญตอการศึกษาสภาพสังคมของคนในสมัยสุโขทัย เปนยุคที่เริ่มมีการ
เชนเดียวกับที่ปรากฏในศิลาจารึกหลักที่ 1 ซึ่งบันทึกเรื่องราวเหตุการณตางๆ
บันทึกเรื่องราวทางประวัติศาสตรไทยอยางเปนทางการ เพราะมีการประดิษฐ
ในสมัยพอขุนรามคําแหง
อักษรไทยขึ้นใชเปนครั้งแรก
มุม IT
ศึกษาเกี่ยวกับอักษรศิลปในศิลาจารึกพอขุนรามคําแหงเพิ่มเติม ไดที่
http://shalawan.www2.50megs.com/jaruk-discuss.htm
คูมือครู 39
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
จากการอานจารึกพอขุนรามคําแหงดานที่ 1
บรรทัดที่ 1-20 นักเรียนตอบคําถาม ตอไปนี้
• ภายหลังการสวรรคตของพอขุนศรีอนิ ทราทิตย
พอขุนรามคําแหงทรงปฏิบัติพระองคอยางไร
(แนวตอบ เมื่อพอขุนศรีอินทราทิตยผูเปน
พระราชบิดาสวรรคต พอขุนรามคําแหงทรง
ปฏิบัติตอพระเชษฐา คือ พอขุนบานเมือง
ดวยความจงรักภักดี จนกระทั่งพระเชษฐา
สวรรคต พระองคก็เสด็จขึ้นครองราชย)
2. นักเรียนบันทึกความเขาใจลงในสมุด
ขยายความเขาใจ Expand
1. นักเรียนจับคูใชดินสอเขียนขอความลายสือไท
พรอมคําแปล จากศิลาจารึกหลักที่ 1 ลงใน
บัตรคํา คูละ 1 ขอความ จากนั้นนําไปติดเรียง
ตอกันบริเวณปายนิเทศที่จัดแสดงไว
2. นักเรียนนําบัตรคําที่ตนเองเขียนมาแลกเปลี่ยน
รวมกันกับผลงานของเพื่อนจนครบ จากนั้นรวม
ชื่นชมในความสามารถของตนเองและเพื่อน
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนอานและเขียนลายสือไทในศิลาจารึก
หลักที่ 1 ได
2. นักเรียนแปลเนื้อเรื่องศิลาจารึกหลักที่ 1 ที่เปน
ลายสือไทได
40
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูเพิ่มเติมความรูใหนักเรียนเกี่ยวกับคําที่ปรากฏในหลักศิลาจารึกวา ขอใดสะทอนคานิยมเรื่องความกตัญู
พอขุนรามคําแหงมหาราชทรงประดิษฐรูปวรรณยุกตขึ้น ทําใหสามารถอาน 1. พอกูจึ่งขึ้นชื่อกูชื่อรามคําแหง เพื่อกูพุงชางขุนสามชน
ความหมายของคําไดถูกตองโดยไมตองดูขอความประกอบทั้งประโยค และ 2. กูบหนี กูขี่ชางเบกพล กูขับเขากอนพอกู
คําบางคําที่พบในศิลาจารึกหลักที่ 1 สวนใหญเปนคําโบราณ ปจจุบันคําเหลานี้ 3. กูพรํ่าบําเรอแกพี่กู ดั่งบําเรอแกพอกู
เปลี่ยนแปลงไปบาง เลิกใชไปบาง หรือไมเปนที่นิยมนํามาใชในปจจุบัน เชน 4. พี่กูตาย จึ่งไดเมืองแกกูทั้งกลม
คําวา “เงือน” ปจจุบันออกเสียงวา “เงิน” คําวา “ขึ้นชื่อ” ปจจุบันมีความหมายวา วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. เปนการเลาที่มาของชื่อผูบันทึกวาชื่อ “รามคําแหง”
เปนที่รูจักกันดี ลือชื่อถูกเอยถึงบอยๆ ไมไดมีความหมายวา ตั้งชื่อหรือเรียกชื่อ ขอ 2. เมื่อเกิดศึกผูบันทึกก็ขี่ชางพุงชนศัตรูกอนพอ ซึ่งแสดงใหเห็นความ
เหมือนแตกอน เปนตน กลาหาญ ขอ 3. ผูบันทึกดูแลและสนับสนุนพี่ดั่งที่ปฏิบัติกับพอ แสดงใหเห็น
ความกตัญูกับผูที่อาวุโสกวาในครอบครัว สวนขอ 4. เมื่อพี่สิ้นแลวจึงได
ขึ้นครองเมืองแทน ขอที่สะทอนคานิยมเรื่องความกตัญูเดนชัดที่สุด คือ
การปฏิบัติตอพี่เชนเดียวกับปฏิบัติตอพอ ตอบขอ 3.
40 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูยกสํานวนจากศิลาจารึกหลักที่ 1
ค�าอ่านศิลาจารึกหลักที่ ๑ “ในนํ้ามีปลา ในนามีขาว” แลวใหนักเรียนรวมกัน
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพสังคมในสมัย
สุโขทัยจากสํานวนที่ครูยกมา
ด้านที่ ๑ (แนวตอบ สังคมในสมัยสุโขทัยมีขาวปลาอาหาร
พ่อกูชื่อศรีอินทราทิตย์ แม่กูชื่อนางเสือง พี่กูชื่อบานเมือง ตูพี่น้องท้องเดียวห้าคน ผู้ชายสาม อุดมสมบูรณ ทําใหประชาชนอยูดีมีสุข)
ผู้ญีงโสง พี่เผือผู้อ้ายตายจากเผือเตียมแต่ยังเล็ก เมื่อกูขึ้นใหญ่ได้สิบเก้าเข้า ขุนสามชนเจ้าเมืองฉอด
มาท่เมืองตาก พ่อกูไปรบขุนสามชน หัวซ้ายขุนสามชนขับมา หัวขวาขุนสามชนเกลื่อนเข้า ไพร่ฟ้า สํารวจคนหา Explore
หน้าใสพ่อกู หนีญญ่ายพายจแจ้น กูบ่หนี กูขี่ช้างเบกพล กูขับเข้าก่อนพ่อกู กูต่อช้างด้วยขุนสามชน
ตนกูพุ่งช้างขุนสามชนตัวชื่อมาสเมือง แพ้ ขุนสามชนพ่ายหนี พ่อกูจึ่งขึ้นชื่อกูชื่อพระรามค�าแหง นักเรียนแบงกลุมเปน 4 กลุม แตละกลุม
เพื่อกูพุ่งช้างขุนสามชน เมื่อชั่วพ่อกู กูบ�าเรอแก่พ่อกู กูบ�าเรอแก่แม่กู กูได้ตัวเนื้อตัวปลา กูเอามาแก่ รับผิดชอบการศึกษาคนควาสาระสําคัญของ
พ่อกู กูได้หมากส้มหมากหวาน อันใดกินอร่อยกินดี กูเอามาแก่พ่อกู กูไปตีหนังวังช้างได้ กูเอามาแก่ ศิลาจารึกแตละดาน
พ่อกู กูไปท่บ้านท่เมือง ได้ช้างได้งวง ได้ปั่วได้นาง ได้เงือนได้ทอง กูเอามาเวนแก่พ่อกู พ่อกูตายยังพี่กู
กูพร�่าบ�าเรอแก่พี่กูดั่งบ�าเรอแก่พ่อกู พี่กูตาย จึ่งได้เมืองแก่กูทั้งกลม เมื่อชั่วพ่อขุนรามค�าแหง อธิบายความรู Explain
เมืองสุโขทัยนีด้ ี ในน�า้ มีปลา ในนามีขา้ ว เจ้าเมืองบ่เอาจกอบในไพร่ ลูทา่ งเพือ่ นจูงวัวไปค้า ขีม่ า้ ไปขาย นักเรียนกลุมที่ 1 รวมกันศึกษาเนื้อเรื่อง
ใครจักใคร่ค้าช้าง ค้า ใครจักใคร่ค้าม้า ค้า ใครจักใคร่ค้าเงือนค้าทองค้า ไพร่ฟ้าหน้าใส ลูกเจ้าลูกขุน ศิลาจารึกดานที่ 1 ในหนังสือเรียน หนา 41 และ
ผูใ้ ดแล้ ล้มตายหายกว่า เหย้าเรือนพ่อเชือ้ เสือ้ ค�ามัน ช้างขอลูกเมียเยียข้าว ไพร่ฟา้ ข้าไท ป่าหมากป่าพลู ชวยกันตอบคําถามในประเด็น ดังนี้
พ่อเชื้อมัน ไว้แก่ลูกมันสิ้น ไพร่ฟ้าลูกเจ้าลูกขุน ผิแลผิดแผกแสกว้างกัน สวนดูแท้แล้ จึ่งแล่งความ • สาระสําคัญในศิลาจารึกดานที่ 1 มีอะไรบาง
แก่ขาด้วยซื่อ บ่เข้าผู้ลักมักผู้ซ่อน เห็นข้าวท่านบ่ใคร่พีน เห็นสินท่านบ่ใคร่เดือด คนใดขี่ช้างมาหา (แนวตอบ ดานที่ 1 กลาวถึงพระราชประวัติ
พาเมืองมาสู่ช่อยเหนือเฟื้อกู้ มันบ่มีช้างบ่มีม้า บ่มีปั่วบ่มีนาง บ่มีเงือนบ่มีทอง ให้แก่มัน ช่อยมันตวง พอขุนรามคําแหงมหาราช สภาพวิถีชีวิต
เป็นบ้านเป็นเมือง ได้ข้าเสือกข้าเสือ หัวพุ่งหัวรบก็ดี บ่ฆ่าบ่ตี ในปากประตูมีกะดิ่งอันณื่งแขวนไว้หั้น ความเปนอยูของประชาชน เชน การคาขาย
ไพร่ฟ้าหน้าปก กลางบ้านกลางเมือง มีถ้อยมีความ เจ็บท้องข้องใจ มันจักกล่าวเถิงเจ้าเถิงขุนบ่ไร้ กฎหมาย การสงคราม เปนตน)
ไปลั่นกะดิ่งอันท่านแขวนไว้ พ่อขุนรามค�าแหงเจ้าเมืองได้ • ในหลักศิลาจารึกกลาวถึงบุคคลใดบาง
(แนวตอบ พอขุนศรีอินทราทิตย
ด้านที่ ๒ นางเสือง พอขุนบานเมือง ขุนสามชน
พอขุนรามคําแหง)
ยินเรียกเมือถาม สวนความแก่มันด้วยซื่อ ไพร่ในเมืองสุโขทัยนี้จึ่งชม สร้างป่าหมากป่าพลู
ทั่วเมืองนี้ทุกแห่ง ป่าพร้าวก็หลายในเมืองนี้ ป่าลางก็หลายในเมืองนี้ หมากม่วงก็หลายในเมื
1 องนี้
หมากขามก็หลายในเมืองนี้ ใครสร้างได้ไว้แก่มัน กลางเมืองสุโขทัยนี้ มีน�้าตระพังโพยสี ใสกินดี...
ดั่งกินน�้าโขงเมื่อแล้ง รอบเมืองสุโขทัยนี้ ตรีบูร ได้สามพันสี่ร้อยวา คนในเมืองสุโขทัยนี้ มักทาน
มักทรงศีล มักโอยทาน พ่อขุนรามค�าแหงเจ้าเมืองสุโขทัยนี้ ทั้งชาวแม่ชาวเจ้า ท่วยปั่วท่วยนาง
4๑
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
“เมืองสุโขทัยนี้ดี ในนํ้ามีปลาในนามีขาว เจาเมืองบเอาจกอบในไพร
ครูควรใหนักเรียนอานออกเสียงคําอานหลักศิลาจารึกพรอมเพรียงกัน ใหถูกตอง
ลูทางเพื่อนจูงวัวไปคา ขี่มาไปขาย”
ตามอักขรวิธี ทั้งตัว ร ล ตัวควบกลํ้า อานออกเสียงใหตรงตามเสียงวรรณยุกต
ขอใดเปนขอสรุปของขอความขางตน
ครูแนะใหนักเรียนระมัดระวังการอานใหถูกจังหวะวรรคตอน เพราะหากอานผิด
1. เปนหลักฐานทางประวัติศาสตร ที่ใชภาษาไทยจารึกไวในหลักศิลา
วรรคตอนจะทําใหเสียความ ผอู า นตองทําความเขาใจเนือ้ หาทีอ่ า น ศึกษาความหมาย
จารึกของพอขุนรามคําแหง
ของคํา กลุมคํา และสํานวนในเรื่องใหเขาใจ เพื่อใหการอานไมติดขัด จากนั้นให
2. เปนหลักฐานใหคนไทยไดรูวาประเทศไทยมีอักษรไทยใชมาตั้งแต
นักเรียนทบทวนความรูความเขาใจเกี่ยวกับเรื่องที่อาน โดยใหสรุปเนื้อเรื่องเปน
สมัยพอขุนรามคําแหง
สํานวนภาษาของนักเรียนเอง
3. เปนหลักฐานวาในสมัยสุโขทัยมีการปกครองแบบพอปกครองลูก
4. บอกสภาพบานเมืองที่เจริญรุงเรืองคาขายโดยอิสรเสรี
วิเคราะหคําตอบ จากขอความที่จารึกไวในศิลาจารึก กลาวถึงสภาพ นักเรียนควรรู
ความเปนอยูของเมืองสุโขทัย ที่ขาวปลาอาหารมีความอุดมสมบูรณ มีการ
คาขายที่เจริญ ขอสรุปตามขอความดังกลาว คือ บานเมืองมีความเจริญ 1 ตระพังโพยสี เปนสระนํ้าในอดีตของสุโขทัยมีสระนํ้าสําคัญ 4 แหง ไดแก
ทั้งดานสภาพความเปนอยูและการคาขาย ตอบขอ 4. ตระพังเงิน ตระพังทอง ตระพังตะกวน และตระพังโพยสี
คูมือครู 41
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนกลุมที่ 2 รวมกันศึกษาเนื้อเรื่อง
ศิลาจารึกดานที่ 2 ในหนังสือเรียน หนา 42 ลูกเจ้าลูกขุน ทัง้ สิน้ ทัง้ หลาย ทัง้ ผูช้ ายผูญ
้ งี ฝูงท่วยมีศรัทธาในพระพุทธศาสน ทรงศีลเมือ่ พรรษาทุกคน
และรวมกันตอบคําถาม ประเด็น ดังนี้ เมื่อออกพรรษากรานกฐิน เดือนณื่งจึ่งแล้ว เมื่อกรานกฐิน มีพนมเบี้ย มีพนมหมาก มีพนมดอกไม้
• สาระสําคัญในศิลาจารึกดานที่ 2 มีอะไรบาง มีหมอนนั่งหมอนโนน บริพารกฐินโอยทานแล่ปีแล้ญิบล้าน ไปสูดญัติกฐินเถิงอไรญิกพู้น เมื่อจัก
(แนวตอบ ความอุดมสมบูรณดานพืชพันธุ เข้ามาเวียงเรียง กันแต่อไรญิกพูน้ เท้าหัวลาน ดงบงคมกลองด้วยเสียงพาดเสียงพิณ เสียงเลือ้ นเสียงขับ1
ธัญญาหาร นํ้ากินนํ้าใช อุปนิสัยชาวสุโขทัย ใครจักมักเล่น เล่น ใครจักมักหัว หัว ใครจักมักเลื้อน เลื้อน เมืองสุโขทัยนี้ มีสี่ปากประตูหลวง
ที่ใฝทางการทําบุญทําทานและความศรัทธา เทีย้ รย่อมคนเสียดกัน เข้ามาดูทา่ นเผาเทียน ท่านเล่นไฟ เมืองสุโขทัยนี ้ มีดงั่ จักแตก กลางเมืองสุโขทัย
ในพระพุทธศาสนา ขนบธรรมเนียมประเพณี นี้ มีพิหาร มีพระพุทธรูปทอง มีพระอัฏฐารศ มีพระพุทธรูป มีพระพุทธรูปอันใหญ่ มีพระพุทธรูป
เชน การทอดกฐิน การเผาเทียนเลนไฟ ความ อันราม มีพิหารอันใหญ่ มีพิหารอันราม มีปู่ครูนิสัยมุตก์ มีเถร มีมหาเถร เบื้องตะวันตก เมืองสุโขทัย
เจริญรุงเรืองทางศาสนา เชน มีการสราง นี้ มีอไรญิก พ่อขุนรามค�าแหงกระท�า โอยทานแก่มหาเถร สังฆราชปราชญ์ เรียนจบปิฎกไตรหลวัก
พระพุทธรูป วิหาร เปนตน) กว่าปู่ครูในเมืองนี้ ทุกคนลุกแต่เมืองศรีธรรมราชมา ในกลางอรัญญิก มีพิหารอันณื่งมนใหญ่ สูงงาม
2. นักเรียนกลุมที่ 3 รวมกันศึกษาเนื้อเรื่อง แก่กม มีพระอัฏฐารศอันณื่ง ลุกยืน เบื้องตะวันโอกเมืองสุโขทัยนี้ มีพิหาร มีปู่ครู มีทะเลหลวง
ศิลาจารึกดานที่ 3 ในหนังสือเรียน หนา 42 มีป่าหมากป่าพลู มีไร่ มีนา มีถิ่นถาน มีบ้านใหญ่บ้านเล็ก มีป่าม่วงมีป่าขาม ดูงามดังแกล้-
และชวยกันตอบคําถามในประเด็น ดังนี้
• สาระสําคัญในศิลาจารึกดานที่ 3 มีอะไรบาง
(แนวตอบ กลาวถึงอาณาเขตของอาณาจักร ด้านที่ ๓
2 3
สุโขทัย สถานที่ เชน ตลาดปสาน ปราสาท (งแต่)ง เบื
เบื้องตีนนอนเมืองสุโขทัยนี้ มีตลาดปสาน มีมีพระอจนะ
ระอจนะ มีปราสาท มีป่าหมากพร้าว
พิหาร ศาลา เปนตน นอกจากนี้ยังกลาวถึง ป่าหมากลาง มีไร่ มีนา มีถิ่นถาน มีบ้านใหญ่บ้านเล็ก เบื้องหัวนอนเมืองสุโขทัยนี้ มีกุฎีพิหาร ปู่ครูอยู่
การนับถือผีสางเทวดา ผีบานผีเมือง การ มีสรีดภงส์ มีป่าพร้าว ป่าลาง มีป่าม่วง ป่าขาม มีน�้าโคก มีพระขพุง ผีเทพดาในเขาอันนั้น เป็นใหญ่
ฟงธรรมของพอขุนรามคําแหง) กว่าทุกผีในเมืองนี้ ขุนผู้ใดถือเมืองสุโขทัยนี้แล้ ไหว้ดีพลีถูก เมืองนี้เที่ยง เมืองนี้ดี ผิไหว้บ่ดี พลีบ่ถูก
ผีในเขาอัน้ บ่คมุ้ บ่เกรง เมืองนีห้ าย ๑๒๑๔ ศก ปีมะโรง พ่อขุนรามค�าแหงเจ้าเมืองศรีสชั ชนาลัยสุโขทัยนี้
ขยายความเขาใจ Expand ปลูกไม้ตาลนี้ ได้สิบสี่เข้า จึ่งให้ชั่งฟันขดานหิน ตั้งหว่างกลางไม้ตาลนี้ วันเดือนดับ เดือนโอกแปด
จากการศึกษา ศิลาจารึกหลักที่ 1 ดานที่ 3 วัน วันเดือนเต็ม เดือนบ้างแปดวัน ฝูงปู่ครู เถร มหาเถร ขึ้นนั่งเหนือขดานหินสูดธรรมแก่อุบาสก
• นักเรียนคิดวาอะไรเปนเครื่องแสดงถึงความ ฝูงท่วยจ�าศีล ผิใช่วันสูดธรรม พ่อขุนรามค�าแหง เจ้าเมืองศรีสัชชนาลัยสุโขทัย ขึ้นนั่งเหนือขดานหิน
เจริญรุงเรืองทางศาสนาของอาณาจักรสุโขทัย ให้ฝูงท่วยลูกเจ้าลูกขุน ฝูงท่วยถือบ้านถือเมือง ครั้นวันเดือนดับเดือนเต็ม ท่านแต่งช้างเผือก
(แนวตอบ การที่ประชาชนมีใจใฝทางศาสนา กระพัดลยาง เที้ยรย่อมทองงา(ซ้าย) ขวา ชื่อรูจาครี พ่อขุนรามค�าแหง ขึ้นขี่ไปนบพระ(เถิง) อรัญญิก
ศรัทธาเลื่อมใส อีกทั้งการที่มีการสรางวัด แล้วเข้ามา จารึกอันณื่ง มีในเมืองเชลียง สถาบกไว้ ด้วยพระศรีรัตนธาตุ จารึกอันณื่ง มีในถ�้า
วิหาร พระพุทธรูป ทั้งนี้ ความเจริญรุงเรือง ชื่อถ�้าพระราม อยู่ฝั่งน�้าส�าพาย จารึกอันณื่ง มีในถ�้ารัตนธาร ในกลวงป่าตาลนี้ มีศาลาสองอัน อัน
ทางศาสนาของอาณาจักรสุโขทัยก็เพราะ ณื่งชื่อศาลาพระมาส อันณื่งชื่อพุทธศาลาขดานหินนี้ ชื่อมนังศิลาบาตร สถาบกไว้นี่ จึ่งทั้งหลายเห็น
พอขุนรามคําแหงทรงเปนแบบอยางที่ดี)
42
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูแนะความรูเ พิม่ เติมโดยยกขอความทีส่ ะทอนความเชือ่ เรือ่ งการนับถือผี ความวา นักเรียนตอยอดความรูดวยการสืบคนขอมูลเกี่ยวกับประเพณี
“มีพระขพุง ผีเทพดาในเขาอันนัน้ เปนใหญกวาทุกผีในเมืองนี้ ขุนผูใ ดถือเมืองสุโขทัย การทอดกฐินและประเพณีเผาเทียนเลนไฟ จากนั้นสรุปความรูที่ไดจาก
นี้แล ไหวดีพลีถูก เมืองนี้เที่ยง เมืองนี้ดี ผิไหวบดี พลีบถูก ผีในเขาอั้นบคุม บเกรง” การศึกษาขอมูล พรอมบันทึกความเขาใจลงในสมุด
นักเรียนควรรู
1 สี่ปากประตูหลวง หมายถึง ประตูเมือง 4 ทิศ ไดแก ทิศเหนือประตูศาลหลวง
กิจกรรมทาทาย
ทิศใตประตูนะโม ทิศตะวันออกประตูกําแพงหัก ทิศตะวันตกประตูออ
2 เบื้องตีนนอน เปนคําใชเรียกทิศเหนือในสมัยสุโขทัย นักเรียนยกเนื้อความที่แสดงใหเห็นประเพณีวัฒนธรรมของสังคม
ในสมัยสุโขทัย พรอมบันทึกความเขาใจลงในสมุด
3 พระอจนะ หมายถึง พระประธานปางมารวิชัยประดิษฐานภายในมณฑปวัด
ศรีชุม จังหวัดสุโขทัย ตามการสันนิษฐานของนักโบราณคดี ชื่อคําวา “อจนะ”
แปลวา ผูไมหวั่นไหว
42 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
นักเรียนกลุมที่ 4 รวมกันศึกษาเนื้อเรื่อง
ศิลาจารึกดานที่ 4 ในหนังสือเรียนหนา 43
ด้านที่ ๔ และชวยกันตอบคําถามในประเด็น ดังนี้
พ่อขุนพระรามค�าแหง ลูกพ่อขุนศรีอินทราทิตย์เป็นขุนในเมืองศรีสัชชนาลัยสุโขทัย ทั้งมา • สาระสําคัญในศิลาจารึกดานที่ 4 มีอะไรบาง
กาวลาวแลไทยเมืองใต้หล้าฟ้าฏ... ไทยชาวอูชาวของมาออก ๑๒๐๗ ศกปีกุน ให้ขุดเอาพระธาตุออก (แนวตอบ กลาวถึง การสรางพระธาตุ การ
ทัง้ หลายเห็น กระท�าบูชาบ�าเรอแก่พระธาตุได้เดือนหกวัน จึง่ เอาลงฝังในกลางเมืองศรีสชั ชนาลัยก่อพระ ประดิษฐลายสือไทและอาณาเขตของเมือง
เจดียเ์ หนือหกเข้าจึง่ แล้ว ตัง้ เวียงผาล้อมพระมหาธาตุ สามเข้าจึง่ แล้ว เมือ่ ก่อนลายสือไทยนีบ้ ม่ ี ๑๒๐๕ สุโขทัย)
ศกปีมะแม พ่อขุนรามค�าแหง หาใคร่ใจในใจ แล่ใส่ลายสือไทยนี้ ลายสือไทยนี้จึ่งมีเพื่อขุนผู้นั้นใส่ไว้ • ขอความสวนใดทีก่ ลาวไววา พอขุนรามคําแหง
พ่อขุนพระรามค�าแหงนัน้ หาเป็นท้าวเป็นพระยาแก่ไทยทัง้ หลาย หาเป็นครูอาจารย์สงั่ สอนไทยทัง้ หลาย เปนผูประดิษฐลายสือไท
ให้รู้บุญรู้ธรรมแท้ แต่คนอันมีในเมืองไทยด้วย รู้ด้วยหลวัก ด้วยแกล้วด้วยหาญ ด้วยแคะ ด้วยแรง1 (แนวตอบ “เมื่อกอนลายสือไทยนี้บมี 1205
หาคนจัก2เสมอมิได้ อาจปราบฝูงข้าเสิก มีเมืองกว้างช้างหลาย ปราบเบื้องตะวันออก รอด สรลวง ศกปมะแม พอขุนรามคําแหง หาใครใจในใจ
สองแคว
สองแคว ลุมบาจาย สคา เท้าฝั่งของเถิงเวียงจันทน์เวียงค�าเป็นที่แล้ว เบื้(อ)งหัวนอน รอดคนที แลใสลายสือไทยนี้ ลายสือไทยนี้จึ่งมีเพื่อ
พระบาง แพรก สุพรรณภูมิ ราชบุรี เพชรบุรี ศรีธรรมราช ฝั่งทะเลสมุทรเป็นที่แล้ว เบื้องตะวันตก ขุนผูนั้นใสไว”)
รอดเมืองฉอด เมือง...น หงสาวดี 3สมุทรหาเป็นแดน เบื้องตีนนอน รอดเมืองแพร่ เมืองม่าน เมือง
น... เมืองพลัว พ้นฝั่งของ เมืเมืองชวา เป็
งชวา นที่แล้ว ปลูกเลี้ยงฝูงลูกบ้านลูกเมืองนั้น ชอบด้วยธรรมทุกคน ขยายความเขาใจ Expand
นักเรียนเขียนแผนผังแสดงลักษณะการปกครอง
โดยแสดงอาณาเขตติดตอของอาณาจักรสุโขทัย
๖ คÓศัพท์ (แนวตอบ อาณาเขตของสุโขทัยแผขยายกวาง
ค�าศัพท์ ความหมาย ไกลในรัชสมัยของพอขุนรามคําแหงมหาราช โดยมี
อาณาเขต ดังนี้
เกลื่อนเข้า เคลื่อนทัพเข้า เคลื่อนพลเข้า ดาหน้าเข้ารบ ทิศตะวันออก ไดเมือง สรลวง สองแคว
ขา หมายถึง เขา จึ่งแล่งความแก่ขาด้วยซื่อ หมายถึง ตัดสินความแก่เขา ลุมบาจาย สคา ถึงเวียงจันทนและเวียงคํา
ด้วยความยุติธรรม ทิศตะวันตก ไดเมือง ฉอด หงสาวดี จนสุดฝงทะเล
ขึ้นชื่อ ตั้งชื่อ เรียกชื่อ ทิศเหนือ ไดเมือง แพร นาน พลัว จนถึงเมืองชวา
ทิศใต ไดเมือง คนที พระบาง แพรก สุพรรณภูมิ
ขึ้นใหญ่ เติบโตขึ้น มีอายุมากขึ้น
ราชบุรี เพชรบุรี นครศรีธรรมราช จนสุดฝงทะเล)
เข้า ปี การบอกเวลานับเป็นปีในการปลูกข้าว สิบเก้าเข้า หมายถึง อายุ
สิบเก้าปี ตรวจสอบผล Evaluate
เงือน เงิน
1. นักเรียนรวบรวมคําศัพทที่ใชในสมัยสุโขทัย
จกอบ ภาษี ซึ่งเปนคําที่ไมใชแลวในปจจุบันได
43 2. นักเรียนสรุปสาระสําคัญของเนื้อเรื่อง
ในศิลาจารึกหลักที่ 1 แตละดานได
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ขอใดมีการเปลี่ยนแปลงดานความหมายระดับคํา
ครูแนะความรูใหนักเรียนวา ในสมัยสุโขทัยนอกจากจะไดรับอิทธิพลพระพุทธ-
1. ปลูกเลี้ยงฝูงลูกบานลูกเมืองทุกคน ชอบดวยธรรมทุกคน
ศาสนานิกายเถรวาทแบบลังกาวงศจากนครศรีธรรมราช ยังนับถือผีบรรพบุรุษ
2. เมืองสุโขทัยนี้ดี ในนํ้ามีปลา ในนามีขาว
อันเปนความเชือ่ ดัง้ เดิม รวมถึงการนับถือเทพเจาตามอิทธิพลของศาสนาพราหมณ-ฮินดู
3. อันใดกินอรอยกินดี กูเอามาแกพอกู
ก็ยังมีอยูในสมัยสุโขทัยดวย
4. พอกูจึ่งขึ้นชื่อกูชื่อพระรามคําแหง
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. ทุกคําในขอความที่ยกมามีความหมายตรงตามที่
ใชในปจจุบัน แตมีการใชคําซอนซึ่งความหมายไมตางไปจากเดิมวา “ลูกบาน นักเรียนควรรู
ลูกเมือง” ขอ 2. มีความหมายตรงตามที่ใชในปจจุบันทุกคํา ขอ 3. มีการใช
คําซํ้าวา “กิน” แตยังคงเขาใจความหมายได เพราะมีความหมายเหมือนกับ 1 สรลวง คือ สระหลวง หรือเมืองพิจิตรในปจจุบัน
ทุกคําที่ใชในปจจุบัน และขอ 4. คําวา “ขึ้นชื่อ” มีความหมายตางไปจากเดิม 2 สองแคว ปจจุบัน คือจังหวัดพิษณุโลก เดิมเปนเมืองเกาของขอม เหตุที่
คือ เดิมมีความหมายวา ตั้งชื่อ แตปจจุบันมีความหมายวา มีชื่อเสียงเปนที่ เรียกวาสองแคว เพราะเปนเมืองที่อยูระหวางแมนํ้านานและแมนํ้าแควนอย
รูจัก ไมไดใช “ขึ้นชื่อ” เมื่อหมายถึงการตั้งชื่อเหมือนแตกอน ตอบขอ 4.
3 เมืองชวา คือ เมืองหลวงพระบางในปจจุบัน
คูมือครู 43
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
นักเรียนรวมกันระดมความคิดวิเคราะหเกี่ยวกับ
จุดประสงคของการถายทอดเรื่องราวตางๆ ผาน ค�าศัพท์ ความหมาย
ศิลาจารึกหลักที่ 1
ชั่ว ช่วงระยะเวลาหนึ่ง
(แนวตอบ การถายทอดเรื่องราวตางๆ ผาน
ศิลาจารึก มีเหตุผลที่สรุปได ดังนี้ ช่อยมันตวงเป็นบ้าน ช่วยเหลือเขาสร้างบ้านสร้างเมือง
1. เพื่อถายทอดเรื่องราวไวใหคนรุนตอๆ มาไดรู ได้ข้าเสือกข้าเสือ จับข้าศึกได้จากการรบก็ไม่ฆ่าไม่ตี ไม่ท�าทารุณกรรมใดๆ
2. เพื่อแสดงความสามารถในการเขียนและ หัวพุ่งหัวรบ บ่ฆ่าบ่ตี
การใชภาษา ได้ช้างได้งวง จับช้างได้
3. เพื่อเปนหลักฐานทางประวัติศาสตรที่เปน ได้ปั่วได้นาง ได้บ่าวไพร่ บริวาร ทั้งชายและหญิง (ปั่ว หมายถึง บ่าว ชายหนุ่ม
ลายลักษณอักษร) นาง หมายถึง ผู้หญิง)
ตนกู ตัวกู
สํารวจคนหา Explore ตีหนังวังช้าง จับช้าง คล้องช้าง (การคล้องช้างจะนิยมใช้หนังควั่นเป็นเชือกหรือบ่วง
ส�าหรับคล้องช้าง)
นักเรียนรวบรวมคําโบราณที่ปจจุบันเลิกใชแลว
จากนั้นบันทึกลงในสมุด ตู พวกเรา เราทั้งหลาย
(แนวตอบ ตัวอยางเชน ไพรฟาหนาใส หนีญญาย ตัวเนื้อตัวปลา สัตว์บก สัตว์น�้า
พายจแจน จกอบ ผิดแผกแสกวาง ไพรฟาขาไท ต่อช้าง ชนช้าง
เยียขาว แลงความ เปนตน) เตียมแต่ ตั้งแต่
ท่ ตี รบพุ่ง กวาดต้อน การต่อสู้โดยใช้ส่วนต่างๆ ของร่างกายเป็นอาวุธ
อธิบายความรู Explain
ทั้งกลม ทั้งหมด ทั้งสิ้น
นักเรียนพิจารณาสํานวนจากศิลาจารึกหลักที่ 1 บ่เข้าผู้ลักมักผู้ซ่อน มีความยุติธรรมไม่เข้าข้างคนผิด
แลวตีความขอความตามที่กําหนด 1
บานเมือง เป็นพระนามของกษัตริย์องค์ที่ ๒ แห่งราชวงศ์พระร่วง กรุงสุโขทัย
• เมื่อชั่วพอกู กูบําเรอแกพอกู กูบําเรอแกแมกู
(แนวตอบ พอขุนรามคําแหงเปนผูมีความ บ�าเรอ รับใช้ ปรนนิบัติ
กตัญู เนื่องจากดูแลเลี้ยงดู ปรนนิบัติบิดา ปากปตู ตรงที่หน้าประตูเมือง
มารดา) ผิดแผกแสกว้าง หากแม้นว่า
• เจาเมืองบเอาจกอบในไพรลูทาง ผู้อ้าย พี่ชายคนโต
(แนวตอบ เมืองสุโขทัยไมมีการเก็บภาษีการคา) เผือ เรา เราทั้งสอง
• ใครจักใครคาชาง คา ใครจักใครคามา คา
พ่อเชื้อเสื้อค้า บิดามารดา ผู้สืบเชื้อสาย
(แนวตอบ มีอิสรเสรีในการคาขาย)
• ผิดแผกแสกวางกัน สวนดูแทแล จึ่งแลงความ พุ่ง รบ
แกขาดวยซื่อ 44
(แนวตอบ มีกฎหมายบานเมืองที่ยุติธรรม เมื่อ
มีคดีความ มีการสอบสวนหาความจริง)
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูแนะนําความรูเ กีย่ วกับคําศัพทใหนกั เรียนวา คําศัพทในศิลาจารึกพอขุนรามคําแหง “เบื้องตีนนอนเมืองสุโขทัยนี้ มีตลาดปสาน มีพระอจนะ มีปราสาท
เมือ่ เทียบกับปจจุบนั มีการเปลีย่ นแปลงทางความหมาย เชน คํามีความหมายตรงกันขาม มีปาหมากพราว”
เชน คําวา “แพ” เดิมมีความหมายวา “ชนะ” เปนตน ดังนั้น ในการถอดความจารึก คําที่ขีดเสนใตหมายถึงขอใด
ใหเปนภาษาปจจุบัน นักเรียนพึงระวังการใหความหมายคําศัพท ควรพิจารณาเนื้อ 1. ทิศตะวันออก
ความโดยรอบวา มีความสอดคลอง และใหความหมายในทิศทางเดียวกันหรือไม ทัง้ นี้ 2. ทิศตะวันตก
เพราะภาษาที่ใชในชีวิตประจําวันมีการเปลี่ยนแปลงไปตามระยะเวลา 3. ทิศเหนือ
4. ทิศใต
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. และขอ 2. แปลความตรงตัว คือ ทิศตะวันออก
นักเรียนควรรู และทิศตะวันตก สวนขอ 4. ทิศใต ในจารึกใชคําวา “เบื้องหัวนอน”
ดังนั้น ในทางตรงขามทิศเหนือ จึงเปนคําวา “เบื้องตีนนอน” ตอบขอ 3.
1 บานเมือง เปนชื่อเฉพาะ หมายถึง พอขุนบานเมือง พระเชษฐาของ
พอขุนรามคําแหง คําวา “บานเมือง” มีความหมายวา ทําใหบานเมืองเบิกบาน
44 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนจับคูทายคําศัพททายบทเรียน
ค�าศัพท์ ความหมาย จากนั้นครูเลือกคําศัพทมาใหนักเรียนฝกเขียน
คําศัพทจํานวน 20 คํา
เพื่อ ในภาษาไทยมาตรฐาน หมายถึง ส�าหรับ แต่ในภาษาถิ่นเหนือและ
2. นักเรียนคัดเลือกคําศัพทมาตอยอดความรู
ในศิลาจารึกที่ว่า เพื่อกูพุ่งช้างขุนสามชน หมายถึง เพราะว่ากูชนช้าง
ขุนสามชน
โดยการสืบคนขอมูลที่เกี่ยวของกับคําศัพทนั้น
เพิ่มเติม
เพื่อน เขาทั้งหลาย (แนวตอบ ตัวอยางเชน คําศัพท
แพ้ เป็นภาษาถิ่นเหนือ หมายถึง ชนะ ปัจจุบันภาษาถิ่นเหนือ ยังใช้ค�าว่า • เงือน สกุลเงินที่ใชในสมัยสุโขทัย
แพ้ (แป๊) หมายถึง ชนะ ถ้าหมายถึงพ่ายแพ้ใช้ว่า ก๊าน • ตีหนังวังชาง ลักษณะประเพณีดั้งเดิม
พร�่า บ่อยๆ เสมอๆ • บานเมือง พระนามของพระเชษฐา
• หัวซายหัวขวา การจัดขบวนทัพ
ไพร่ฟ้าหน้าใส ทหาร ไพร่พล รี้พล ประชาชน พลเมือง • สวนดูแทแล กฎหมาย การตัดสินคดีความ
เมื่อชั่ว เมื่อครั้ง ในสมัย เปนตน)
1
เยียข้าว ยุ้งข้าว
ขยายความเขาใจ Expand
แล้ จริงแท้
ลูท่าง ภาษาถิ่นเหนือและอีสานใช้ว่า ยูท่าง ดูท่าง หรือดูต้าง หมายถึง สะดวก 1. นักเรียนแบงกลุม กลุมละ 4-5 คน จากนั้น
มอบหมายใหแตละกลุมคิดเกมทายคําศัพท
เวน มอบให้ น�ามามอบให้ ถวายให้ จํานวน 10 คํา โดยเลือกคําศัพทที่นักเรียน
สวนดูแท้แล้ สอบสวนดูข้อเท็จจริงแล้ว สนใจจากศิลาจารึกหลักที่ 1 เชน เกมบันไดงู
โสง สอง เกมปริศนาคําทาย เกมอักษรไขว เกมคําคม
2 เปนตน
หัวซ้าย หัวขวา ปีกซ้ายและปีกขวาของกองทัพ 2. จากนั้นสงตัวแทนนําเสนอเกม และนําเพื่อน
หนีญญ่ายพายจแจ้น แตกพ่าย หนีมาอย่างชุลมุน หนีกระเจิดกระเจิง หมายความว่า พ่ายหนีมา เลนเกม
อย่างชุลมุน บางคนถึงกับวิ่งแจ้นหนีไป
เห็นข้าวท่านบ่ใคร่พีน ไม่คดโกงอยากได้ข้าวของทรัพย์สินของผู้อื่น ตรวจสอบผล Evaluate
เห็นสินท่านบ่ใคร่เดือด
นักเรียนตีความคําศัพทในบทเรียนที่เปนอักษร
หมากส้มหมากหวาน ผลไม้รสเปรี้ยว รสหวาน ลายสือไทและเปนสํานวนภาษาสมัยสุโขทัยได
หั้น ภาษาถิ่นเหนือ หมายถึง ตรงนั้น
อันณื่ง อันหนึ่ง
45
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
“นายกองเกวียนมีกิจตองไปที่ปสาน” คํากลาวนี้สื่อวานายกองเกวียนนา
1 ยุงขาว หมายถึง สิ่งปลูกสรางสําหรับเก็บขาวเปลือกในสมัยกอน ปจจุบัน
จะไปทําอะไร
มีอยูไมมากในชนบท ลักษณะโครงสรางจะใชเสาไมขนาดใหญทั้งตน เพื่อใหเกิด
1. นําบริวารไปขึ้นทะเบียน
ความแข็งแรง สามารถรองรับนํ้าหนักของขาวที่จะจัดเก็บในยุงได การตั้งเสาจะไม
2. ฟงพระธรรมเทศนา
ตั้งเสาตรงเชนการสรางอาคารโรงเรือนทั่วไป หากแตจะตั้งเสาคูสองแถวในลักษณะ
3. ไปรองทุกขตอพอขุน
สอบสวนบนเขาหากันเหมือนเรือนฝาปะกน ที่ฝามีไมลูกตั้งและลูกนอน และมีแผน
4. ติดตอซื้อขายสินคา
ไมเขาลิ้นประกอบกันสนิท การตั้งเสาลักษณะเชนนี้เพื่อใหเกิดความมั่นคง เปรียบ
วิเคราะหคําตอบ จากขอความขางตน คําวา “ปสาน” หมายถึง ตลาด ดังรางกายของคนเราหากยืนตรง เมื่อถูกผลักจะเคลื่อนตามแรงผลักไดงาย
ดังนั้นในบริบทนี้จึงหมายถึงวา นายกองเกวียนไปติดตอซื้อขายสินคา แตหากยืนกางเทาออกเมื่อถูกผลักไมวาดานซายหรือขวา ก็จะไมลมงายๆ
ตอบขอ 4. 2 กองทัพ การจัดทัพในอดีตจะยึดตามตําราพิไชยสงครามโดยหลักแลว มีดังนี้
จตุรงคเสนา การจัดทหาร 4 เหลา ไดแก เหลาชาง เหลามา เหลารถ และเหลา
พลเทา รวมทั้งหมด 9 กอง ในแตละกองตองประกอบดวยพลรบหนวยตนจํานวน
อยางนอย คือ รถ 1 ชาง 1 มา 3 พลเทา 5 แลวเพิ่มจํานวนอีก 3 เทาในกองตอไป
เปนลําดับจนถึงกองที่ 8 และเพิ่มเปน 10 เทาสําหรับกองที่ 9
คูมือครู 45
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูสนทนากับนักเรียน โดยยกสํานวน
ในศิลาจารึกหลักที่ 1 เปนที่รูจักวา “เมืองสุโขทัย ๗ บทวิเคราะห์
นี้ดี ในนํ้ามีปลา ในนามีขาว” จากนั้นนักเรียน ๗.๑ คุณค่าด้านเนือ้ หา
รวมกันแสดงความคิดเห็นเรือ่ งการสะทอนสภาพสังคม ๑) เป็นหลักฐานทางประวั ติศาสตร์ที่ส�าคัญ ศิลาจารึกพ่อขุนรามค�าแหงมหาราช
(แนวตอบ เมืองสุโขทัยมีความอุดมสมบูรณ) 1
เป็ น หลั ก ฐานทางประวั ติ ศ าสตร์ ที่ ส� า คั ญ ที่ สุ ด ชิ้ น หนึ่ ง ของไทย ศิ ล าจารึ ก ท� า ให้ ค นรุ่ น หลั ง ได้ รั บ รู้
ประวัติศาสตร์ของอาณาจักรสุโขทัยว่า มีปฐมกษัตริย์คือพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ กษัตริย์พระองค์ที่
สํารวจคนหา Explore สองคือพ่อขุนบานเมืองและพระองค์ที่สามคือพ่อขุนรามค�าแหงมหาราช ซึ่งได้ชื่อ “รามค�าแหง”
นักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับการวิเคราะห มาจากการรบชนะขุนสามชน เจ้าเมืองฉอด ในการชนช้าง ดังข้อความที่ปรากฏในศิลาจารึกว่า
คุณคาวรรณคดีดานเนื้อหา ดานวรรณศิลป
กูต่อช้างด้วยขุนสามชน ตนกูพุ่งช้างขุนสามชนตัวชื่อมาสเมืองแพ้
ดานสังคม และขอคิดที่ประยุกตใชในชีวิตประจําวัน
ขุนสามชนพ่ายหนี พ่อกูจึ่งขึ้นชื่อกูชื่อพระรามค�าแหง เพื่อกูพุ่งช้างขุนสามชน...
จากแหลงเรียนรูตางๆ เชน หนังสือ บทความ
เว็บไซต เปนตน จากข้อความที่ปรากฏในศิลาจารึกสะท้อนให้เห็นว่า บรรพบุรุษของเราได้เสียสละ
เลือดเนื้อและชีวิตเพื่อรักษาผืนแผ่นดินนี้ไว้ให้ลูกหลาน ท�าให้เราเกิดความภาคภูมิใจและรับรู้ถึง
อธิบายความรู Explain ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชาติบ้านเมือง
๒) ให้ความรู้ด้านอักษรศาสตร์ คือ ได้รู้จักต้นแบบของอักษรไทยก่อนพัฒนา
นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับคุณคาดาน
มาเป็นตัวอักษรไทยที่ใช้ในปัจจุบัน ทั้งยังให้ความรู้ด้านภาษาไทยโบราณและภาษาถิ่น ค�าโบราณ
เนื้อหาที่ไดจากศิลาจารึกหลักที่ 1 ดังนี้
บางค�ายังใช้อยู่ในภาษาถิ่นภาคเหนือ เช่น ค�าว่า หลวก หมายถึง ฉลาด ค�าบางค�ามีการเปลี่ยน
• เพราะเหตุใดศิลาจารึกหลักที่ 1 จึงเปน
ความหมาย เช่น ค�าว่า กู สมัยสุโขทัยเป็นค�าทีใ่ ช้ปกติ แต่ในปัจจุบนั เป็นค�าไม่สภุ าพ ดังข้อความทีป่ รากฏ
หลักฐานทางประวัติศาสตรที่สําคัญ
ในศิลาจารึกว่า
(แนวตอบ เพราะเปนหลักฐานทางประวัตศิ าสตร
ทีเ่ ปนลายลักษณอกั ษร มีขอ มูลทีใ่ หขอ เท็จจริง พ่อกูชื่อศรีอินทราทิตย์ แม่กูชื่อนางเสือง พี่กูชื่อบานเมือง ตูพี่น้องท้องเดียว
เกี่ยวกับการเมืองการปกครองในสมัยสุโขทัย ห้าคน...
สภาพวิถีชีวิตความเปนอยู ลักษณะสภาพ
บานเมือง ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรม ๓) ให้ความรูด้ า้ นการปกครองตามหลักนิตศิ าสตร์ สมัยพ่อขุนรามค�าแหงมหาราช
ศาสนา ความเชื่อ และคานิยม) มีการปกครองแบบพ่อปกครองลูก พระองค์ทรงดูแลทุกข์สุขของราษฎรอย่างใกล้ชิด ดังข้อความ
• ศิลาจารึกหลักที่ 1 ใหความรูดานตางๆ ในศิลาจารึกหลักที่ ๑ ด้านที่ ๑ และ ด้านที่ ๒ กล่าวว่า
อยางไร ...ในปากประตูมีกะดิ่งอันณื่งแขวนไว้หั้น ไพร่ฟ้าหน้าปก กลางบ้านกลางเมือง
(แนวตอบ ใหความรูดานอักษรศาสตรเกี่ยวกับ มีถ้อยมีความ เจ็บท้องข้องใจ มันจักกล่าวเถิงเจ้าเถิงขุนบ่ไร้ ไปลั่นกะดิ่งอันท่านแขวนไว้
ตนแบบอักษรไทย ความรูเรื่องภาษาถิ่นและ พ่อขุนรามค�าแหงเจ้าเมืองได้ยินเรียกเมือถาม สวนความแก่มันด้วยซื่อ ไพร่ในเมืองสุโขทัยนี้
คําศัพทโบราณ ใหความรูดานการปกครอง จึ่งชม...
ตามหลักนิตศิ าสตร และระบอบพอปกครองลูก
การสั่นกระดิ่งรองทุกขและการสืบสวนเพื่อ 46
ตัดสินคดีความดวยความยุติธรรม)
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
ขอใดที่ยังคงเปนสํานวนที่ใชในปจจุบัน
1 หลักฐานทางประวัติศาสตร หมายถึง รองรอยของสิ่งที่มนุษยประดิษฐหรือ
1. ในนํ้ามีปลา ในนามีขาว
สรางสรรค รวมทั้งรองรอยของพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในอดีต และเหลือตกคางมาถึง
2. เพื่อนจูงวัวไปคา ขี่มาไปขาย
ปจจุบัน ซึ่งสามารถใชเปนเครื่องนําทางในการศึกษา สืบคน แสวงหาขอเท็จจริง
3. ทั้งสิ้นทั้งหลาย ทั้งผูชายผูหญิง
เกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตของมนุษยไดในระดับหนึ่ง
4. มีพนมเบี้ย มีพนมหมาก มีพนมดอกไม
วิเคราะหคําตอบ คํากลาวที่มักกลาวถึงสภาพความอุดมสมบูรณของไทย
มุม IT และเปนที่รูจักแพรหลาย คือ “ในนํ้ามีปลา ในนามีขาว” ซึ่งแมในปจจุบัน
เราก็ยังใชประโยคนี้อยู ตอบขอ 1.
ศึกษาเกี่ยวกับที่มาและเนื้อเรื่องของศิลาจารึกพอขุนรามคําแหงเพิ่มเติม ไดที่
http://www.baanjomyut.com/library_2/king_ramkhamhaeng_inscription/
index.html
46 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับคุณคาดาน
จากข้อความที่ปรากฏในศิลาจารึกจะเห็นว่าประชาชนชาวสุโขทัยมีสิทธิที่จะเรียกร้อง วรรณศิลปที่ไดจากศิลาจารึกหลักที่ 1
ความยุติธรรมโดยการสั่นกระดิ่งประตูเมืองเมื่อมีเรื่องที่ต้องการร้องเรียน เป็นกระบวนการยุติธรรม (แนวตอบ ศิลาจารึกหลักที่ 1 มีลักษณะเดนทาง
ที่ทุกคนต่างยอมรับและพ่อขุนรามค�าแหงจะทรงไต่สวนด้วยพระองค์เอง ดานวรรณศิลป ดังนี้ การใชประโยคความเดียว
นอกจากนี้ ศิลาจารึกหลักที่ ๑ ยังแสดงบันทึกกฎหมายมรดกไว้ เช่น เมื่อพ่อแม่ตาย มีประโยชนตอผูอานทําใหผูอานเขาใจเนื้อหาไดงาย
ทรัพย์สมบัติให้ตกเป็นของลูก ดังข้อความที่ปรากฏในศิลาจารึกว่า ไมซบั ซอน สามารถเก็บใจความไดครบถวน ใชภาษา
ทีม่ จี งั หวะมีความคลองจอง มีการใชคาํ สัมผัส
ลูกเจ้าลูกขุนผู้ใดแล้ ล้มตายหายกว่า เหย้าเรือนพ่อเชื้อเสื้อค�ามัน ช้างขอลูกเมีย เพื่อเกิดความคลองจอง จดจําไดงาย ทําใหเกิด
เยียข้าว ไพร่ฟ้าข้าไท ป่าหมากป่าพลูพ่อเชื้อมัน ไว้แก่ลูกมันสิ้น... จังหวะในการอาน ทําใหผูอานเกิดความเพลิดเพลิน
๗.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ และจินตภาพ)
๑) ใช้ประโยคความเดียว สั้นๆ กระชับ เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน เพราะส่วนขยายใน
แต่ละประโยคน้อยแต่อ่านแล้วได้ความครบถ้วน ดังข้อความที่ปรากฏในศิลาจารึกว่า ขยายความเขาใจ Expand
พ่อกูชื่อศรีอินทราทิตย์ แม่กูชื่อนางเสือง พี่กูชื่อบานเมือง ตูพี่น้องท้องเดียว 1. นักเรียนเลือกขอความที่สัมผัสคลองจอง
ห้าคน ผู้ชายสาม ผู้ญีงโสง... ที่นักเรียนสนใจมาคนละ 1 ขอความ จากนั้น
บอกเหตุผลที่ชอบ
จากข้อความที่ปรากฏในศิลาจารึกสะท้อนให้เห็นลักษณะการใช้ภาษาในสมัยสุโขทัย (แนวตอบ นักเรียนยกขอความจากศิลาจารึก
ทีจ่ ะใช้ประโยคความเดียวทีส่ นั้ ง่าย และได้ใจความครบถ้วน ท�าให้ได้ทราบว่า ใครท�าอะไร ทีไ่ หน อย่างไร หลักที่ 1 ไดหลากหลาย ตัวอยางเชน “...ใคร
และเมื่อไร จักใครคาชาง คา ใครจักใครคามา คา ใครจัก
๒) ใช้ภาษาได้อย่างมีจังหวะและมีสัมผัสคล้องจอง ถึงแม้ศิลาจารึกจะเรียบเรียง ใครคาเงือนคาทอง คา ไพรฟาหนาใส...”
เป็นร้อยแก้วแต่ก็มีการใช้ค�าที่มีจังหวะและมีสัมผัสคล้องจองกัน ท�าให้สามารถจดจ�าได้ง่าย ดังข้อความ แสดงใหเห็นความเจริญรุงเรืองของบานเมือง
ที่ปรากฏในศิลาจารึกว่า
ในสมัยนั้น และการมีอิสรเสรีในการประกอบ
...ในน�้ามีปลา ในนามีข้าว เจ้าเมืองบ่เอาจกอบในไพร่ ลูท่างเพื่อนจูงวัวไปค้า อาชีพ ประชาชนมีความสุข เปนตน)
ขี่ม้าไปขาย... 2. นักเรียนแตงประโยคความเดียวเพื่อเลาประวัติ
สวนตัวของตนเอง ครึ่งหนากระดาษสงครู
จากข้อความที่ปรากฏในศิลาจารึกสะท้อนให้เห็นลักษณะการใช้ถ้อยค�าที่มีสัมผัส
คล้องจอง เมื่อผู้อ่านอ่านแล้วจะรู้สึกเพลิดเพลินและเกิดจินตภาพชัดเจน
๗.๓ คุณค่าด้านสังคม 1
ศิลาจารึกหลักที่ ๑ เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีชิ้นสส�าคัญ ที่ท�าให้
คนรุ่นหลังได้เห็นสภาพสังคม วิถีชีวิต วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีสมัยสุโขทัย ดังนี้
๑) สะท้ อ นวิ ถี ชี วิ ต ของประชาชนในสมั ย สุ โขทั ย แสดงให้ เ ห็ น ว่ า ประชาชน
ท�าการเกษตร การประมงเพื่อด�ารงชีวิตและมีการค้าขายที่เสรี ดังข้อความที่ปรากฏในศิลาจารึกว่า
47
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
“ในนํ้ามีปลา ในนามีขาว เจาเมืองบเอาจกอบ ลูทางเพื่อนจูงวัวไปคา
1 ประวัติศาสตรและโบราณคดี เปนวิชาที่ตางกัน ดังนี้
ขี่มาไปขาย”
1. การใชหลักฐานวิชาประวัติศาสตรจะใหความสําคัญตอหลักฐานที่เปน
ขอความในขางตนมีลักษณะการแตงในขอใด
ลายลักษณอักษร โดยเฉพาะเอกสารชั้นตนในการศึกษา แตวิชาโบราณคดีจะใช
1. เปนรอยแกวธรรมดาทั่วไป
หลักฐานที่ไดจากการขุดคนทางโบราณคดีที่เปนวัตถุ รวมถึงหลักฐานที่เปนลายลักษณ
2. เปนรอยแกวที่มีสัมผัสคลองจอง
อักษรและไมไดเปนลายลักษณอักษร
3. เปนรอยแกวที่แบงวรรคตามความสะดวก
2. ขอบเขตของการศึกษาวิชาประวัติศาสตรศึกษาเรื่องราวของมนุษยตั้งแต
4. เปนรอยแกวที่แบงวรรคตามการหยุดพักหายใจ
เริ่มมีการจดบันทึก ที่เรียกวาสมัยประวัติศาสตร วิชาโบราณคดีศึกษาเรื่องราวกอน
วิเคราะหคําตอบ ขอความขางตนมีลักษณะเปนรอยแกว ประกอบดวย ประวัติศาสตร ตั้งแตมนุษยเริ่มสรางอารยธรรม
ประโยคความเดียวขนาดสั้น บรรยายรายละเอียดของสภาพแวดลอมอยาง 3. กลุมคนที่ทําการศึกษาวิชาประวัติศาสตรจะศึกษาเรื่องราวของชนชั้น
เปนลําดับชัดเจน การแบงจังหวะตามสะดวกหรือตามการหยุดพักหายใจ ปกครองและชนชั้นสูง เพราะเอกสารที่พบมักเปนเรื่องราวของชนชั้นเหลานี้เปนสวน
ของแตละคนตามขอ 3. และขอ 4. นั้น เปนลักษณะทั่วไปของรอยแกว ใหญ จะไมมีเรื่องราวของชาวบานมากนัก แตวิชาโบราณดคีสามารถศึกษาเรื่องราว
แตที่มีความโดดเดนกวารอยแกวทั่วไป คือ มีเสียงสัมผัสคลองจอง ของผูคนไดทุกระดับชั้น ตั้งแตการเกิด ดํารงชีวิต อาชีพ และคติความเชื่อเกี่ยวกับ
ตอบขอ 2. ความตาย
คูมือครู 47
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายความรูคุณคาดานสังคมที่
เกี่ยวกับวิถีชีวิตของประชาชนในสมัยสุโขทัย การท�าการเกษตร และท�าการประมง
จากศิลาจารึกหลักที่ 1
ในน�้ามีปลา ในนามีข้าว...ป่าพร้าวก็หลายในเมืองนี้ ป่าลางก็หลายในเมืองนี้
(แนวตอบ ใชชีวิตอยางมีอิสรภาพ มีความเสรี
ในการประกอบอาชีพ ประชาชนมีความใกลชิด การค้าขายแบบเสรี
กับพระมหากษัตริย อยูในบานเมืองอันสงบสุข
สวนใหญประกอบอาชีพเกษตรกรรมและคาขาย ใครจักใคร่ค้าช้าง ค้า ใครจักใคร่ค้าม้า ค้า ใครจักใคร่ค้าเงือนค้าทองค้า...
สะทอนศรัทธาในพระพุทธศาสนา พอขุนรามคําแหง ๒) สะท้ อ นความศรั ท ธาในพระพุ ท ธศาสนา และขนบธรรมเนี ย มประเพณี
และประชาชนเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา ของชาวสุโขทัย ว่าในสมัยนั้นชาวเมืองสุโขทัยยึดมั่นศรัทธาในพระพุทธศาสนา ประพฤติปฏิบัติตาม
มักถือศีล ทําทาน เขาวัดฟงเทศนและดําเนิน ประเพณีอย่างเคร่งครัด ดังข้อความที่ปรากฏในศิลาจารึกว่า
กิจกรรมทางศาสนาตามประเพณี และสะทอน
ความเชื่อในการนับถือผีบรรพบุรุษเชื่อในเรื่อง ...คนในเมืองสุโขทัยนี้ มักทาน มักทรงศีล มักโอยทาน พ่อขุนรามค�าแหง
ผีสางเทวดาที่สามารถใหคุณและโทษได) เจ้าเมืองสุโขทัยนี้ ทั้งชาวแม่ชาวเจ้า ท่วยปั่วท่วยนาง ลูกเจ้าลูกขุน ทั้งสิ้นทั้งหลาย ทั้ง
ผู้ชายผู้ญีง ฝูงท่วยมีศรัทธาในพระพุทธศาสน ทรงศีลเมื่อพรรษาทุกคน เมื่อออกพรรษา
กรานกฐิน เดือนณื่งจึ่งแล้ว เมื่อกรานกฐิน มีพนมเบี้ย มีพนมหมาก มีพนมดอกไม้ มี
ขยายความเขาใจ Expand
หมอนนั่งหมอนโนน บริพารกฐินโอยทานแล่ปีแล้ญิบล้าน ไปสูดญัติกฐินเถิงอไรญิกพู้น
นักเรียนจัดทําตารางการวิเคราะหเปรียบเทียบ เมื่อจักเข้ามาเวียงเรียง กันแต่อไรญิกพู้นเท้าหัวลาน...
สภาพวิถีชีวิตของคนสุโขทัยกับคนในยุคปจจุบัน
จากข้อความทีป่ รากฏในศิลาจารึกจะเห็นว่าพ่อขุนรามค�าแหงมหาราชทรงบันทึกให้เห็นถึง
ตามหัวขอตอไปนี้ ความเชือ่ ความศรัทธาของชาวสุโขทัยที่มีต่อพระพุทธศาสนาและปฏิ1 บัติตนเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี
• ระบอบการปกครอง ๓) สะท้อนความเชื่อในการนับถือผีบรรพบุรุษ ความเชื่อผีบรรพบุรุษเป็นเทพยดา
• การประกอบอาชีพ มีกล่าวไว้ในศิลาจารึกด้านที่ ๓ ดังข้อความที่ปรากฏในศิลาจารึกว่า
• ความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา
• ความเชื่อในการนับถือผีบรรพบุรุษ ...มี พ ระขพุ ง ผี เ ทพดาในเขาอั น นั้ น เป็ น ใหญ่ ก ว่ า ทุ ก ผี ใ นเมื อ งนี้ ขุ น ผู ้ ใ ด
ถือเมืองสุโขทัยนี้แล้ ไหว้ดีพลีถูก เมืองนี้เที่ยง เมืองนี้ดี ผิไหว้บ่ดี พลีบ่ถูก ผีในเขาอั้นบ่คุ้ม
บ่เกรง เมืองนี้หาย...
จากข้อความทีป่ รากฏในศิลาจารึกจะพบว่าในสมัยสุโขทัยปรากฏความเชือ่ ในการนับถือผี
และเชื่อว่าผีสามารถให้คุณหรือให้โทษได้หากไม่ได้รับการบูชาให้ดีจากลูกหลาน
๗.๔ ข้อคิดทีส่ ามารถน�าไปประยุกต์ใช้ในชีวิ ติ ประจ�าวัน
ศิลาจารึกหลักที่ ๑ นอกจากเป็นหลักฐานชิ้นส�าคัญทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี
สะท้อนให้เห็นสภาพบ้านเมือง วิถีชีวิต ขนบธรรมเนียม ประเพณีแล้ว ยังแฝงไปด้วยข้อคิดที่สามารถ
น�าไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ�าวันได้หลายประการ ดังนี้
48
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู จากคุณคาดานสังคมทีส่ ะทอนความศรัทธาในพระพุทธศาสนา นักเรียน
สามารถบูรณาการกับกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และ
1 การนับถือผีบรรพบุรุษ เปนความเชื่อดั้งเดิมของคนในสมัยสุโขทัย ทั้งนี้เชื่อวา
วัฒนธรรม วิชาพระพุทธศาสนา โดยศึกษาเกี่ยวกับขอปฏิบัติและศาสนกิจ
บรรพบุรุษของตนเมื่อตายไปแลวก็ตายไปเฉพาะรางกายเทานั้น สวนดวงวิญญาณ
ของพุทธศาสนิกชนที่ดีที่ควรยึดถือปฏิบัติเปนแบบอยาง ซึ่งจะทําใหนักเรียน
อันเปนหลักใหญของชีวิตนั้นมิไดหายสาบสูญไปดวย หากแตมีความอาลัยอาวรณ
เขาใจรากฐานของสังคมไทยในปจจุบันยอนอดีตไปถึง 700 รอยกวาปวา
ผูกพันอยูกับลูกหลานตลอดไป คอยติดตอสัมพันธ สิงสถิตอยูบริเวณที่ลูกหลาน
สังคมไทยเปนสังคมพุทธศาสนา ทําใหศาสนามีอิทธิพลตอความคิด
อาศัยอยู เชน อยูตามบานเรือนและสถานที่ตางๆ วิญญาณบรรพบุรุษเหลานี้ แสดง
ความเชือ่ รวมถึงจารีตประเพณีตา งๆ ทีน่ าํ มาสูก ารวางกฎระเบียบในการ
บทบาทในฐานะเปนผูพิทักษรักษาปกปองคุมครองลูกหลานครอบครัวและภายใน
อยูรวมกันของคนในสังคม
ชุมชน
มุม IT
ศึกษาเกี่ยวกับวรรณศิลปในศิลาจารึกหลักที่ 1 เพิ่มเติม ไดที่
http://www.thaigoodview.com/node/95308
48 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับขอคิดที่
๑) ให้มีความกตัญญูต่อบิดา มารดาและผู้มีพระคุณ ศิลาจารึกหลักที่ ๑ แสดงให้ สามารถนําไปประยุกตใชในชีวิตประจําวัน
เห็นถึงพระจริยาวัตรอันงดงามของพ่อขุนรามค�าแหงมหาราช ที่ทรงดูแลพระราชบิดา พระราชมารดา จากศิลาจารึกหลักที่ 1
อย่างดี ดังข้อความที่ปรากฏในศิลาจารึกว่า (แนวตอบ ตัวอยางเชน ความกตัญูตอบิดา
มารดา ควรเชื่อฟงคําสั่งสอนของบิดา มารดา
...เมือ่ ชัว่ พ่อกู กูบา� เรอแก่พอ่ กู กูบา� เรอแก่แม่ก ู กูได้ตวั เนือ้ ตัวปลา กูเอามาแก่
ชวยเหลือกิจกรรมตางๆ ระหวางพี่นอง ควรให
พ่อกู กูได้หมากส้มหมากหวาน อันใดกินอร่อยกินดี กูเอามาแก่พ่อกู...
ความรัก ชวยเหลือ ดูแล เอื้ออาทรตอกัน
จากข้อความที่ปรากฏในศิลาจารึกสะท้อนให้เห็นว่า ความกตัญญูเป็นคุณธรรมที่อยู่ การปฏิบัติตนเปนพุทธศาสนิกชนที่ดี ดวยการ
คู่สังคมไทยมายาวนาน การเชื่อฟังและปฏิบัติตามค�าสอนของบิดามารดา ตอบแทนพระคุณด้วยการ ชวยทํานุบาํ รุงศาสนา ทําบุญทําทาน รักษาศีล
ช่วยเหลือกิจการงานต่างๆ ย่อมท�าให้ท่านมีความสุข เมื่อบุตรดีบิดามารดาย่อมต้องส่งเสริม สนับสนุน สงเสริม สืบทอด และเผยแพรวัฒนธรรม
ให้มีความเจริญก้าวหน้า อีกทั้งการกตัญญูต่อบิดามารดาและผู้มีพระคุณย่อมเป็นมงคลสูงสุดของชีวิต ประเพณีใหแกชนรุนหลัง)
ท�าให้ได้รับการยกย่องและสรรเสริญจากบุคคลผู้พบเห็น
๒) ให้มคี วามรักใคร่ผกู พันระหว่างพีน่ อ้ ง สถาบันครอบครัวเป็นสถาบันหลักทีส่ ง่ ผล ขยายความเขาใจ Expand
ต่อการพัฒนาประเทศ คนในสังคมจะอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข จะต้องเริ่มจากบุคคลในครอบครัวที่มี
ความรัก อาทร ห่วงใยซึง่ กันและกัน จากนัน้ จึงขยายไปสูส่ งั คมส่วนรวม ดังข้อความทีป่ รากฏในศิลาจารึกว่า นักเรียนยกขอคิดจากศิลาจารึกหลักที่ 1 ซึ่ง
นักเรียนเห็นวา สามารถนําไปประยุกตใช
...กูพร�่าบ�าเรอแก่พี่กู ดั่งบ�าเรอแก่พ่อกู... ในชีวิตประจําวันได จากนั้นใหนักเรียนวิเคราะห
จากข้อความที่ปรากฏในศิลาจารึกสะท้อนให้เห็นสายใยของความรัก ความผูกพัน ขอคิดทีน่ าํ มาเปนแบบอยางและปรับใชกบั ตนเองได
ระหว่างพี่น้อง แม้ว่าจะสูญเสียพระราชบิดา พ่อขุนรามค�าแหงมหาราชยังคงให้ความเคารพพระเชษฐา (แนวตอบ ตัวอยางขอคิดจากศิลาจารึกหลักที่ 1
ดูแลประดุจบิดาของพระองค์เอง และการนําไปใชกับตนเอง ดังนี้
๓) ให้เป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี ศิลาจารึกหลักที่ ๑ ที่พ่อขุนรามค�าแหงมหาราช • ความกตัญูตอบิดา มารดาและผูมีพระคุณ
ทรงจารึกขึ้น สามารถใช้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี ถ่ายทอดเรื่องราวสภาพสังคม • ความรัก ความผูกพันระหวางพี่นอง
วิถชี วี ติ ขนบธรรมเนียมประเพณีสมัยสุโขทัยได้เป็นอย่างดี อีกทัง้ ยังสะท้อนให้เห็นความเชือ่ ความศรัทธา • ปฏิบัติตนเปนพุทธศาสนิกชนที่ดี
การประพฤติตนเป็นพุทธศาสนิกชนทีด่ ี ช่วยท�านุบา� รุงพระพุทธศาสนา ดังข้อความทีป่ รากฏในศิลาจารึกว่า • เชื่อฟงคําสั่งสอน ตั้งใจเรียนหนังสือ ไมเกเร
• รักและเคารพ ใหเกียรติกัน ชวยเหลือกัน
...คนในเมืองสุโขทัยนี้ มักทาน มักทรงศีล มักโอยทาน พ่อขุนรามค�าแหง • เขาวัด ทําบุญ ทําทาน ฟงธรรม ไมทําผิดศีล
เจ้าเมืองสุโขทัยนี้ ทั้งชาวแม่ชาวเจ้า ท่วยปั่วท่วยนาง ลูกเจ้าลูกขุน ทั้งสิ้นทั้งหลาย • รวมงานประเพณีตางๆ และเชิญชวนผูอื่น
ทั้งผู้ชายผู้ญีง ฝูงท่วยมีศรัทธาในพระพุทธศาสน ทรงศีลเมื่อพรรษาทุกคน... เขารวมดวย)
จากข้อความที่ปรากฏในศิลาจารึกสะท้อนให้เห็นว่า คนในเมืองสุโขทัย มีความศรัทธา
ในพระพุท1ธศาสนาปฏิบัติตนเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี ผู้คนท�าบุญท�าทาน รักษาศีล โดยเฉพาะในช่วง
รอยตาม เพื่อความสงบสุขของชีวิต
เข้าพรรษาอันเป็นแบบอย่างที่ดีที่ผู้คนรุ่นหลังควรเจริญรอยตาม
49
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
“กูไปตีหนังวังชางไดเอามาแกพอกู กูไปทบานทเมือง ไดชางไดงวง ไดปว
1 เขาพรรษา การถือปฏิบัติประเพณีการบําเพ็ญกุศลเนื่องในเทศกาลเขาพรรษา
ไดนางไดเงือนไดทอง กูเอามาเวนแกพอกู พอกูตายยังพี่กู กูพรํ่าบําเรอแกพี่กู
ในประเทศไทย สันนิษฐานวา เริ่มมีมาแตแรกที่รับพระพุทธศาสนาเถรวาทเขามา
ดั่งพรํ่าบําเรอแกพอกู”
ในดินแดนประเทศไทย ซึ่งอาจมีการปฏิบัติประเพณีนี้มาตั้งแตสมัยทวารวดี แตมา
ขอความนี้สะทอนใหเห็นอุปนิสัยของผูกลาวอยางไร
ปรากฏหลักฐานชัดเจนวา ชาวไทยไดถือปฏิบัติในการบําเพ็ญกุศลในเทศกาล
แนวตอบ ขอความดังกลาวสะทอนใหเห็นคานิยมความกตัญูกตเวที ดัง เขาพรรษาในสมัยกรุงสุโขทัยเปนราชธานี
ที่กลาววา “กูพรํ่าบําเรอแกพี่กูดั่งพรํ่าบําเรอแกพอกู” เปนคานิยมที่เกี่ยวกับ
สถาบันครอบครัวในขณะนั้น การใหความสําคัญกับคนในครอบครัวที่แมจะ
ไมใชบิดามารดาแตเปนพี่นองญาติผูใกลชิด ความกตัญูที่หมายถึงใน มุม IT
เนือ้ ความยังครอบคลุมความหมายไปถึงผูม พี ระคุณ การรูจ กั ตอบแทนพระคุณ
เมื่อมีโอกาส หรือแสดงใหเห็นความรักใครปรองดองกันของคนในครอบครัว ศึกษาเกี่ยวกับคุณคาของศิลาจารึกของพอขุนรามคําแหงเพิ่มเติม ไดที่
การดูแลชวยเหลือซึ่งกันและกัน ซึ่งเปนอุปนิสัยที่คนในสังคมปจจุบันควร http://www.info.ru.ac.th/province/Sukhotai/srj5.htm
ปฏิบัติตามอยางยิ่ง
คูมือครู 49
ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
ขยายความเขาใจ Expand
นักเรียนยกตัวอยางประเพณีวัฒนธรรมที่
สืบทอดมาตั้งแตสมัยสุโขทัยที่ปรากฏใหเห็น ๔) การสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีเป็นหน้าทีข่ องทุกคน วัฒนธรรมและประเพณี
ในปจจุบัน คือ สิง่ ทีแ่ สดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ของชาติ เป็นมรดกทีส่ บื ทอดมาตัง้ แต่บรรพบุรษุ ศิลาจารึกหลักที ่ ๑
(แนวตอบ จากขอความที่ปรากฏในศิลาจารึก ได้สะท้อนให้เห็นว่าวัฒนธรรมประเพณีเป็นสิ่งที่มีคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง ท�าให้ได้ตระหนักเห็นคุณค่า
กลาวถึงประเพณีเผาเทียนเลนไฟ ซึ่งปจจุบันที่ และความส�าคัญของการสืบทอดที่บรรพบุรุษได้กระท�าให้เห็นเป็นตัวอย่าง ดังข้อความที่ปรากฏใน
สุโขทัยยังคงสืบสานงานประเพณีนี้ โดยมีการจัด ศิลาจารึกว่า
ประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เลนไฟ พลุ ตะไล
....เมือ่ จักเข้ามาเวียงเรียง กันแต่อไรญิกพูน้ เท้าหัวลาน ดงบงคมกลองด้วยเสียง
ไฟพะเนียง ดอกไมไฟชนิดตาง ๆ ทัง้ นี้ จังหวัดสุโขทัย
พาดเสียงพิณ เสียงเลือ้ นเสียงขับ ใครจักมักเล่น เล่น ใครจักมักหัว หัว ใครจักมักเลือ้ น
กรมศิลปากร และการทองเที่ยวแหงประเทศไทย
เลือ้ น เมืองสุโขทัยนี้ มีสี่ปากประตูหลวง เที้ยรย่อมคนเสียดกัน เข้ามาดูท่านเผาเทียน
จึงไดรวมกันจัดงานลอยกระทงเผาเทียนเลนไฟ ใน
ท่านเล่นไฟ....
บรรยากาศของกรุงสุโขทัย เมือ่ 700 ป ใหกลับฟน คืน
ชีวิตมาอีกครั้งหนึ่ง ตั้งแตป พ.ศ. 2520 เปนประจํา จากข้ อ ความที่ ปรากฏในศิ ล าจารึ ก สะท้ อ นให้ เ ห็ นถึ งวั ฒ นธรรมประเพณี ข องไทย
ทุกปจนถึงปจจุบนั ในงานลอยกระทงเผาเทียนเลนไฟ ที่มีมาแต่ครั้งบรรพบุรุษจึงนับเป็นหน้าที่ของคนรุ่นหลังที่จะต้องอนุรักษ์ สืบทอด ส่งเสริม เผยแพร่
จังหวัดสุโขทัยไดจัดใหมีพิธีเผาเทียนแบบโบราณ ด้วยความภาคภูมิใจต่อจากบรรพบุรุษ หากหลงลืมวัฒนธรรมไทยและรับวัฒนธรรมต่างชาติเข้ามา
โดยเชิญชวนใหประชาชนทั้งหลายรวมพิธีซื้อตะคัน ย่อมท�าให้วัฒนธรรมไทยเลือนหายไป
เผาเทียนบูชาพระรัตนตรัย จุดแลวนําไปวางบนฐาน
หรือระเบียงโบสถ วิหาร พระเจดีย โบราณสถานใน ศิ ล าจารึ ก หลั ก ที่ ๑ เป็ น มรดกของชาติ แ ละเป็ น หลั ก ฐานสÓคั ญ ทางภาษา
อุทยานประวัติศาสตรสุโขทัย เพื่อทําใหเกิดแสงสวาง ประวัติศาสตร์และโบราณคดีของไทย ทÓให้รู้ว่าชาติไทย มีความเจริญรุ่งเรือง มีภาษา
ระยิบระยับนับรอยนับพัน) และตั ว อั ก ษรของตนเองใช้ ม านานกว่ า เจ็ ด ร้ อ ยปี แ ล้ ว ลู ก หลานไทยจึ ง ควรภู มิ ใ จ
ในบรรพบุรุษ ช่วยกันดÓรงรักษาชาติบ้านเมือง ช่วยกันสืบสานมรดกทางภาษาและ
อนุรักษ์ภาษาด้วยการใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง
50
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูแนะความรูเกี่ยวกับคุณคาดานสังคม ซึ่งชาติไทยมีประเพณีอันดีงามตกทอด “เมื่อชั่วพอกู กูบําเรอแกพอกู กูบําเรอแกแมกู กูไดตัวเนื้อตัวปลา
สืบตอกันมาแตครั้งโบราณกาล ตามหลักฐานที่ปรากฏอยูระบุวา เมื่อถึงเทศกาล กูเอามาแกพอกู”
เขาพรรษาในเดือน 8 ชาวสุโขทัยมีการถือศีล ทําบุญ ทําทาน กุลบุตรทีม่ อี ายุพอสมควร ขอความในหลักศิลาจารึกที่ยกมานี้เปนตัวอยางที่ดีในขอใด
ก็ออกบวชเปนภิกษุสงฆในพระพุทธศาสนาชัว่ ระยะเวลาเขาพรรษาตามประเพณีนยิ ม 1. ความรักบิดามารดา
และเมื่อถึงเทศกาลออกพรรษาในเดือน 11 ก็มีการทอดกฐินถวายปจจัย เชน ถวาย 2. ความกตัญูรูคุณ
พนมเบี้ย พนมหมาก พนมดอกไม ถวายหมอนนั่ง หมอนนอน เปนตน การทอดกฐิน 3. ความซื่อสัตยซื่อตรง
นี้กวาจะเสร็จก็ใชเวลาเดือนหนึ่ง 4. ความรักใครกลมเกลียว
ในเทศกาลออกพรรษาก็มีการละเลนตางๆ เชน เลนดอกไมไฟ หกคะเมน วิเคราะหคําตอบ ขอความขางตนกลาววา “เมื่อครั้งสมัยพอกู กูดูแลรับใช
ไตลอดบวง รําแพน เลนดนตรี ขับรอง เตนระบํารําฟอน เครื่องดนตรีในสมัยนั้นมี พอกับแม เมื่อกูไดอาหารมา กูก็เอามาใหพอกู” ซึ่งเปนขอความที่แสดงให
ฆองวง กลองประเภทตางๆ อาทิ กลองมโหระทึก แตร สังข ระฆัง กังสดาล ฉิ่งฉาบ เห็นความกตัญู รูจักตอบแทนพระคุณของบิดามารดา ดวยการคอยดูแล
บัณเฑาะว พิณ และซอ เปนตน เอาใจใสอยางใกลชิด ตอบขอ 2.
50 คูมือครู
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนแตงประโยคความเดียวเพื่อเลาประวัติ
สวนตัวของตนเองได
2. นักเรียนวิเคราะหขอคิดเพื่อนํามาเปน
ค�าถาม ประจ�าหน่วยการเรียนรู้
แบบอยางและประยุกตใชกับตัวนักเรียนเองได
๑. นักเรียนได้รับความรู้ด้านใดบ้างจากการศึกษาศิลาจารึกหลักที่ ๑ 3. นักเรียนวิเคราะหเปรียบเทียบสภาพวิถีชีวิต
๒. นักเรียนคิดว่าการประดิษฐ์อักษรไทยมีประโยชน์อย่างไรบ้าง ของคนสุโขทัยกับคนในยุคปจจุบันได
๓. นักเรียนคิดว่าวิถีชีวิตชาวเมืองสุโขทัยมีลักษณะอย่างไร อธิบายพร้อมยกตัวอย่างประกอบ 4. นักเรียนยกตัวอยางวัฒนธรรมไทยในปจจุบันที่
๔. ศิลาจารึกหลักที่ ๑ ด้านที่ ๑ มีลักษณะการใช้ภาษาอย่างไร กลาวถึงในศิลาจารึกสมัยสุโขทัยได
๕. ศิลาจารึกหลักที่ ๑ ด้านที่ ๑ ให้คุณค่าด้านเนื้อหา ด้านวรรณศิลป์ และด้านสังคมอย่างไร
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
1. แผนผังพระราชประวัตพิ อ ขุนรามคําแหงมหาราช
2. บัตรคําบันทึกลายสือไท
3. สมุดจดบันทึกคําศัพท
4. ตารางเปรียบเทียบวิถีชีวิตของคนสมัยสุโขทัยกับ
ปจจุบัน
กิจกรรม สร้างสรรค์พัฒนาการเรียนรู้
5๑
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. ไดรับความรูทางอักษรศาสตร ไดรูความเปนมาของการประดิษฐอักษรไทยและเห็นการใชคําโบราณ ความรูทางประวัติศาสตรเกี่ยวกับสภาพสังคม วิถีชีวิต
เหตุการณและเรื่องราวในสมัยสุโขทัย และไดขอคิดดีๆ เพื่อนํามาเปนแบบอยางและปรับใชกับตนเอง
2. ชวยใหมีวิวัฒนาการทางภาษาและประเทศไทยมีตัวหนังสือใชเปนของตนเอง
3. เปนชีวิตแบบพอเพียงบนรากฐานเกษตรกรรม ปลูกพืชผัก เลี้ยงสัตว และหาอาหารจากธรรมชาติเพื่อบริโภค สิ่งใดหาไมไดก็ใชวิธีการแลกเปลี่ยนที่ตลาด
ไมฟุมเฟอย เรียบงายพอประมาณ
4. ใชภาษาในสมัยโบราณที่สั้น กระชับ ไดใจความ และมีภาษาถิ่นเขามาปะปน
5. คุณคาดานเนื้อหา คือ ทําใหรูพระราชประวัติพอขุนรามคําแหงมหาราช กษัตริยผูมีพระคุณและเริ่มตนการประดิษฐอักษรไทย คุณคาดานวรรณศิลป คือรูจักวิธีการ
เรียบเรียงประโยคที่เขาใจงาย ไมซับซอน เห็นความงดงามในการใชภาษาที่สัมผัสคลองจอง ทําใหเกิดจินตภาพ และคุณคาดานสังคม คือ ทําใหรูสภาพสังคม
วิถีชีวิต เหตุการณ และเรื่องราวในสมัยสุโขทัย
คูมือครู 51
กระตุน้ ความสนใจ
Engage ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน
2. วิเคราะหวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน
พรอมยกเหตุผลประกอบ
3. อธิบายคุณคาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน
4. สรุปความรูและขอคิดจากการอานเพื่อประยุกต
ใชในชีวิตจริง
5. ทองจําบทอาขยานตามที่กําหนดและ
บทรอยกรองที่มีคุณคาตามความสนใจ
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกปญหา
4. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต
ô
คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. รักชาติ ศาสน กษัตริย
2. ใฝเรียนรู หนวยที่ บทละครเรื่อง รำมเกียรติ์
3. รักความเปนไทย
ตอน นำรำยณ์ปรำบนนทก
น
ตัวชี้วัด
นทกเป็ น ตั ว ละครในช่ ว งต้ น ของ
กระตุน้ ความสนใจ Engage ■
■
สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน (ท ๕.๑ ม.๒/๑)
วิเคราะหวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน พรอมยกเหตุผลประกอบ วรรณคดีเ รื่ อ งรามเกี ย รติ์ ท� า หน้ า ที่ ตั ก น�้ า
(ท ๕.๑ ม.๒/๒) ล้างเท้าเทวดาที่จะเข้าเฝาพระอิศวรและถูก
ครูใหนักเรียนดูภาพหนาหนวย จากนั้นถาม ■ อธิบายคุณคาของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน (ท ๕.๑ ม.๒/๓)
เทวดาแกล้งเขกศีรษะและลูบศีรษะเป็นเวลานาน
■ สรุปความรูและขอคิดจากการอานเพื่อประยุกตใชในชีวิตจริง
นักเรียนเกี่ยวกับเหตุการณในภาพ (ท ๕.๑ ม.๒/๔) นับโกฏิป จนศีรษะล้าน จึงขอพรจากพระอิศวร
• เหตุการณในภาพเปนเหตุการณใด และ ■ ทองจําบทอาขยานตามที่กําหนดและบทรอยกรองที่มีคุณคาตาม ให้มีนิ้วเป็นเพชรแล้วใช้ชี้เทวดาจนตาย ปนปวน
ความสนใจ (ท ๕.๑ ม.๒/๕) ไปทั่วสวรรค์
นักเรียนรูจักตัวละครใดบาง บทละครเรือ่ ง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์
สาระการเรียนรูแกนกลาง
(แนวตอบ เหตุการณพระนารายณกําลังจะ ปราบนนทกถึ ง พร้ อ มด้ ว ยความดี เ ด่ น ด้ า นเนื้ อ หา
■ การวิเคราะหคุณคาและขอคิดจากวรรณคดี ที่ ใ ห้ คุ ณ ค่ า และให้ ข ้ อ คิ ด แก่ ผู ้ อ ่ า นหลายประการที่
สังหารนนทก) และวรรณกรรม เรื่อง รามเกียรติ์
ตอน นารายณปราบนนทก สามารถน�าไปใช้ประโยชน์ได้ นอกจากนีย้ งั ให้ความรูด้ า้ น
• นักเรียนคิดวา อาวุธประจํากายของพระนารายณ ■ บทอาขยานตามที่กําหนดและบทรอยกรองที่มีคุณคา ศิลปวัฒนธรรมไทยอีกด้วย
มีอะไรบาง
(แนวตอบ ตรี คทา จักร สังข)
เกร็ดแนะครู
ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมเพื่อสงเสริมการเรียนการสอนวรรณคดีไทย เรื่อง
รามเกียรติ์ โดยใหนักเรียนไดศึกษาประวัติความเปนมาของเรื่องรามเกียรติ์จาก
แหลงการเรียนรูตางๆ เพื่อใหมีความเขาใจเนื้อเรื่องและพฤติกรรมของตัวละคร
ตอน นารายณปราบนนทก ซึ่งเปนตอนที่แทรกเขามาในตอนตนของบทละครเรื่อง
รามเกียรติ์ เมื่อเรื่องดําเนินมาถึงตอนที่มเหสีทั้งหาของทาวลัสเตียนทรงครรภ
พระมเหสีทุกพระองคประสูติโอรสแลว เหลือเพียงมเหสีองคที่หา นางรัชดา
เรื่องจึงตัดมากลาวถึงนนทกที่อยูบนสวรรค
52 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา
Engage Explore อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
1. ครูสนทนารวมกับนักเรียนเกี่ยวกับภาพวาด
๑ ความเป็นมา ฝาผนังจากนั้นตั้งคําถามวา
1 นักเรียนรูจักภาพวาดแผนหินหรือ
บทละครเรื่อง รามเกียรติ์ เป็นวรรณคดี ประติมากรรมที่เกี่ยวของกับวรรณคดีเรื่อง
ทีม่ คี วามส�าคัญเรือ่ งหนึง่ และมีอทิ ธิพลต่อความคิด รามเกียรติ์บางหรือไม หากทราบสามารถบอก
ความเชื่อของคนไทย ในประวัติวรรณคดีพบว่า ไดหรือไมวา พบที่ใดไดบาง
ไทยได้รบั เค้าเรือ่ งมาจากมหากาพย์“รำมำยณะ” (แนวตอบ วัดวาอาราม เทวสถานตางๆ
ของอินเดีย ซึง่ เผยแพร่มายังประเทศไทยไม่ตา�่ กว่า พิพิธภัณฑ)
๙๐๐ ปี ดังปรากฏหลักฐานส�าคัญที่ปราสาทหิน 2. ครูใหนักเรียนเลาเรื่องราวพระราชประวัติ
พิมาย ซึ่งมีภาพสลักศิลากล่าวถึงเรื่องรามเกียรติ์ ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลก
ในศิ ล าจารึ2 ก พ่ อ ขุ น รามค� า แหงมี ก ารกล่ า วถึ ง มหาราช เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ และ
ถ�้าพระรามและถ�้าสีดา เรื่องรามเกียรติ์ที่ปรากฏ พระปรีชาสามารถในฐานะปฐมกษัตริย
ในวรรณคดีจะมีหรือไม่นนั้ ไม่พบหลักฐานทีแ่ น่ชดั แหงราชวงศจักรี
แต่ มี ว รรณคดี ไ ทยหลายเรื่ อ งที่ ย กเหตุ ก ารณ์ 3
ภำพศิลำจ�ำหลักบนทับหลังที่ปรำสำทหินพิมำยแสดงภำพ
จากเรื่ อ งรามเกี ย รติ์ ไ ปกล่ า วอ้ า ง เช่ น ราชา รำมเกียรติ์ ตอน พระลักษมณ์ต้องศรนำคบำศ ส�ารวจค้นหา Explore
พิลาปค�าฉันท์ (นิราศสีดา) มีเนื้อความที่เป็น 4
การพรรณนาคร�่าครวญของพระรามตอนออกเดินทางติดตามหานางสีดา หรือภายในโคลงทวาทศมาส 1. นักเรียนศึกษาคนควาประวัติความเปนมาของ
ก็มีการกล่าวอ้างชื่อตัวละครจากเรื่องรามเกียรติ์ ดังบทประพันธ์ บทละครเรื่องรามเกียรติ์ จากแหลงเรียนรู
ตางๆ เชน หนังสือเรียน บทละครในเรื่อง
ปางบุตรนคเรศไท้ ทศรถ รามเกียรติ์ ตอน นารายณปราบนนทก หรือ
จากสีดาเดียวลี ลาศแล้ว จากเว็บไซตตางๆ
นอกจากนี้ ยังมีบทพากย์รามเกียรติ์ครั้งกรุงเก่า บทละครรามเกียรติ์ครั้งกรุงเก่า และ 2. นักเรียนแบงกลุม เปน 4 กลุม ตอยอดความรู
บทพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ดังบทประพันธ์ ดวยการสืบคนขอมูลความรูเกี่ยวกับเรื่อง
รามเกียรติ์ทั้ง 4 ฉบับ
บัดนั้น นวลนางสีดามารศรี 3. นักเรียนศึกษาคนควาพระราชประวัติพระบาท
ก้มเกล้ากราบทูลทันที ข้านี้เป็นเมียพระรามา สมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลก
4. นักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับฉันทลักษณของ
เมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๐ ในเหตุการณ์เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ วรรณคดีของชาติถูกเผาท�าลาย
คําประพันธประเภทรายดั้น โคลง และกลอน
เป็นจ�านวนมาก ครั้นสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงกอบกู้เอกราชและตั้งกรุงธนบุรีเป็นราชธานี
บทละคร จากเอกสาร ตํารา และเว็บไซต
พระองค์ทรงฟื้นฟูวรรณคดีของชาติ โดยทรงพระราชนิพนธ์รามเกียรติ์ในตอน พระมงกุฎประลองศร
ตางๆ
ตอน หนุมานเกี้ยวนางวานริน ตอน ท้าวมาลีวราชว่าความ และตอน ทศกัณฐ์ตั้งพิธีทรายกรด
53
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดมีอิทธิพลตอวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์
1 รามเกียรติ์ แปลวา เกียรติหรือชื่อเสียงของพระราม
1. นิทานปนหยี 2. คัมภีรภควัทคีตา
3. มหากาพยภารตะ 4. มหากาพยรามายณะ 2 ถํ้าพระราม มีปรากฏในศิลาจารึกพอขุนรามคําแหงความวา “จารึกอันหนึ่ง
มีในเมืองเชลียงสถาบกไวดวยพระศรีรัตนธาตุ จารึกอันหนึ่งมีในถํ้าชื่อถํ้าพระราม
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. นิทานปนหยี เปนนิทานหรือตํานานที่มีเนื้อเรื่อง
อยูฝงนํ้าสํพาย จารึกอันหนึ่งมีในถํ้ารัตนธารในกลวงปาตาลนี้ มีศาลาสองอัน อัน
เกีย่ วกับอิเหนา “ปนหยี” เปนชือ่ ชวาใชเรียก “อิเหนา” ขอ 2. คัมภีรภ ควัทคีตา
หนึ่งชื่อศาลาพระมาส อันณึ่งชื่อพุทธศาลา ขดารหินนี้ชื่อมนังศิลาบาตร สถาบกไว
เปนสวนหนึ่งของมหากาพยภารตะ เปนคัมภีรที่มีชื่อเสียง และมีอิทธิพล
หนี้ (จึ่ง) ทังหลายเห็น”
มากที่สุดตอวิถีชีวิตของชาวอินเดียสวนใหญในสมัยเมื่อประมาณ 200 ป
กอนคริสตศกั ราชเปนประเพณีทนี่ บั ถือสืบตอกันมา ขอ 3. มหากาพยภารตะ 3 ปราสาทหินพิมาย เปนปราสาทขอมที่ใหญที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยูที่
เปนเรื่องเลาขนาดยาว ซึ่งทําใหมีเรื่องยอยๆ แทรกอยูหลายเรื่อง ที่รูจักกัน จังหวัดนครราชสีมา สันนิษฐานวา สรางขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 ในสมัยของ
เปนอยางดีในไทย เชน ศกุนตลา สาวิตรี พระนล กฤษณาสอนนอง อนิรุทธ พระเจาสุริยวรมันที่ 1 แหงอาณาจักรขอม
เปนตน ขอ 4. มหากาพยรามายณะ เปนมหากาพยที่ยิ่งใหญอีกเรื่องของ 4 โคลงทวาทศมาส เปนโคลงดั้นทํานองนิราศ กลาวถึงเหตุการณประเพณีที่
อินเดีย แพรหลายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต คนไทยไดนํามาแตงใหม เกิดขึ้นในแตละเดือน เนื้อเรื่องพรรณนาถึงความรัก ความอาลัยที่มีตอนางอันเปน
เรียกวา “รามเกียรติ์” ตอบขอ 4. ที่รัก
คู่มือครู 53
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนและครูรวมกันสรุปเกี่ยวกับประวัติ
ความเปนมาของเรื่องรามเกียรติ์ สมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงเห็นว่าเรือ่ งรามเกียรติ์
(แนวตอบ บทละครเรื่องรามเกียรติ์ เปนพระราช- นอกจากจะให้ความสนุกสนานเพลิดเพลินแล้ว ยังมีคติธรรมที่จับใจคนไทยอีกด้วย เพราะเป็นช่วงที่
นิพนธในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลก- สร้างกรุงเทพฯ เป็นราชธานี พระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ให้ข้าราชบริพารเป็นน�้าหนึ่งใจเดียวกัน
รู้จักหน้าที่ของข้าราชการที่ดี จึงโปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชบริพารที่มีความรู้
มหาราช เนื้อเรื่องมีที่มาจากวรรณคดีของอินเดีย
ทางด้านอักษรศาสตร์ช่วยกันแต่ง ส่วนพระองค์ทรงมีพระบรมราชานุเคราะห์ในการตรวจแก้ไข
เรื่องรามายณะ อันเปนวรรณคดีที่สําคัญและมีมา บางตอนทรงพระราชนิพนธ์ด้วยพระองค์เอง บทละครเรื่องนี้ทรงพระราชนิพนธ์เสร็จเรียบร้อย
นานกวา 2,400 ปแลว และไทยรับมากวา 900 ป เมื่อ พ.ศ. ๒๓๔๐ เป็นรามเกียรติ์ฉบับที่สมบูรณ์ที่สุด มีเนื้อความละเอียดพิสดารถึง ๑๑๗ เล่มสมุดไทย
นํามาเลนเปนหนังและโขนตั้งแตสมัยกรุงศรีอยุธยา รวมค�ากลอนไม่ต�่ากว่า ๖๐,๐๐๐ ค�ากลอน
สมเด็จพระเจากรุงธนบุรีไดทรงพระราชนิพนธเรื่อง พระราชประสงค์ในการทรงพระราชนิพนธ์ คือ เพื่อให้ความบันเทิง ส�าหรับเล่นละครใน และ
รามเกียรติ์เปนกลอนบทละคร แตไมแพรหลาย ปลุกใจประชาชนให้กล้าหาญ โดยทรงใช้บทละครสอนค่านิยมและศีลธรรมแก่ประชาชน
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลกมหาราช เนื้อเรื่องรามเกียรติ์ แบ่งออกเป็น ๓ ตอน คือ
ทรงเกรงวา เรื่องรามเกียรติ์จะสูญไปเสียจึงได ตอนที่ ๑ เป็นตอนก�าเนิดตัวละครต่างๆ มีใจความส�าคัญกล่าวถึงพวกอสูรท�าความเดือดร้อน
แก่มนุษย์ พระนารายณ์จึงอวตาร (แบ่งภาค) ลงมาเกิด
ทรงพระราชนิพนธขึ้น และไดโปรดเกลาฯ ใหกวี ตอนที่ ๒ เป็นตอนเกิดสงคราม เริ่มจากพระรามได้ออกผนวชและเดินป่า พร้อมด้วยนางสีดา
ในสมัยของพระองครวมนิพนธดวยหลายตอน และพระลักษมณ์ ทศกัณฐ์ใช้อุบายลักนางสีดาไปไว้ในกรุงลงกา พระรามออกตามหานางสีดา ได้วานร
ความสําคัญอีกประการหนึ่งของเรื่องรามเกียรติ์ คือ เป็นบริวาร ใจความส�าคัญอยู่ที่การรบระหว่างพระรามกับทศกัณฐ์ ซึ่งทศกัณฐ์และญาติวงศ์พงศา
เปนวรรณคดีที่แตงขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองพระนคร พากันล้มตาย พระรามจึงได้นางสีดาคืน
เรื่องรามเกียรติ์ฉบับพระราชนิพนธในรัชกาลที่ 1 มี ตอนที่ ๓ เป็นตอนพระรามกลับเข้าครองเมือง บริวารทศกัณฐ์ที่ยังรอดชีวิตอยู่ออกอุบาย
ลักษณะทีอ่ นุโลมตามแบบอยางบทละครรํา แตเพราะ ให้พระรามเข้าใจนางสีดาผิดว่านางมีใจปฏิพัทธ์ต่อทศกัณฐ์ พระรามจึงสั่งให้พระลักษมณ์น�านางสีดา
มีขนาดยาว จึงเปนไปไดวาทรงพระราชนิพนธเพื่อจะ ไปประหาร แต่พระลักษมณ์ปล่อยนางไป นางสีดาต้องจากเมืองไปอยู่กับฤๅษีและก�าเนิดพระโอรส
ต่ อ มาพระรามรู ้ ค วามจริ ง ว่ า พระองค์ เข้ า ใจผิ ด จึ ง พยายามติ ด ตามไปขอรั บ นางเข้ า เมื อ งและได้
ใหมีเรื่องรามเกียรติ์ฉบับที่สมบูรณเก็บไว สําหรับการ ท�าพิธีราชาภิเษกเสวยราชย์ในกรุงศรีอยุธยา
เลนละครหรือการอาน) รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทกปรากฏอยู่ในตอนที่ ๑ กล่าวถึงมูลเหตุที่นนทกอุบัติ
มาเกิดเป็นทศกัณฐ์และพระนารายณ์อวตารมาเป็นพระราม ซึ่งในหนังสือลิลิตนารายณ์สิบปาง
ขยายความเข้าใจ Expand พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๖ กล่าวว่าเป็นปางที่ ๗ ที่พระนารายณ์แบ่งภาคลงมาเกิดเพื่อปราบยุคเข็ญ
บทละครเรื่องรามเกียรติ์ มีผู้แต่งหลายฉบับ ดังเช่น
นักเรียนแตละกลุม สืบคนขอมูลเกีย่ วกับภาพวาด ๑. บทละครรามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตอน พระมงกุฎ
ฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ประลองศร ตอน หนุมานเกีย้ วนางวานริน ตอน ท้าวมาลีวราชว่าความ และตอน ทศกัณฐ์ตงั้ พิธที รายกรด
แลวนําเสนอแลกเปลี่ยนเรียนรูหนาชั้นเรียน ๒. บทละครรามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ส�าหรับใช้อ่าน
๓. บทละครรามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ส�าหรับใช้
เล่นโขน
๔. บทละครรามเกียรติ ์ พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั ตอน พระราม
เดินดง
54
กิจกรรมสรางเสริม
บูรณาการ
เศรษฐกิจพอเพียง
ในอดีตคนไทยนิยมทําสมุดจากกระดาษขอยหรือกระดาษสาขึ้นใชเอง เรียกวา นักเรียนศึกษาวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ฉบับตางๆ ที่มีในไทย แลวเลือก
“สมุดไทย” เพื่อใชบันทึกเหตุการณสําคัญ วรรณกรรม และวรรณคดีหลากหลายเรื่อง ฉบับที่เห็นวานาสนใจมา 2 ฉบับ สรุปเปนสํานวนภาษาของนักเรียนเอง
หากนักเรียนตองการสืบสานภูมปิ ญ ญาดานนีจ้ ะสามารถทําไดอยางไร ใหนกั เรียน พรอมบอกเหตุที่เลือก บันทึกลงในสมุด
เขียนวิธีการ ขั้นตอน และวัสดุอุปกรณในการทําสมุดเพื่อจดบันทึกเรื่องราวตางๆ
พรอมตกแตงใหสวยงามตามชอบ คนละ 1 เลม (สมุดตองทําจากวัสดุเหลือใชที่
นักเรียนสามารถหาไดจากสิ่งของรอบตัว)
กิจกรรมทาทาย
นักเรียนศึกษาวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ฉบับตางๆ แลววิเคราะห
เปรียบเทียบความแตกตางระหวางฉบับรัชกาลที่ 1 และฉบับรัชกาลที่ 2
54 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนอานพระราชประวัติพระบาทสมเด็จ
๒ ประวัติผู้แต่ง พระพุทธยอดฟาจุฬาโลกมหาราช จากหนังสือเรียน
ในหนา 55 จากนั้นครูสุมนักเรียน 1-2 คน อธิบาย
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มีพระนามเดิมว่า ด้วง หรือทองด้วง เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจดานวรรณคดี
เป็นบุตรพระอักษรสุนทร (ทองดี) ข้าราชการกรมอาลักษณ์กับท่านหยก ธิดาเศรษฐีจีน พระองค์เสด็จ (แนวตอบ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลก
พระราชสมภพที่กรุงศรีอยุธยา เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๒๗๙ ในรัชกาลพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ มหาราช ทรงโปรดฯ ใหประชุมนักปราชญราช-
หลังจากอุปสมบทแล้วได้เข้ารับราชการเป็นมหาดเล็กหลวง ขณะมีพระชนมายุได้ ๒๕ พรรษา เป็น บัณฑิต ทัง้ พระสงฆและฆราวาส รวบรวมฟน ฟู
หลวงยกกระบัตรราชบุรี เมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงกอบกู้อิสรภาพจากพม่า พระองค์ วรรณคดีของชาติขนึ้ ใหม โดยบางเรือ่ งพระองค
ทรงพระราชนิพนธขนึ้ เอง และยังเปนประธานในการ
ทรงเป็นก�าลังส�าคัญในการกอบกูบ้ า้ นเมืองหลายครัง้ จนได้เลือ่ นยศเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริยศ์ กึ
ชําระวรรณคดีเกาใหเนือ้ เรือ่ งสมบูรณและไพเราะขึน้
เมือ่ พ.ศ. ๒๓๒๕ เกิดจลาจลขึน้ ในประเทศกัมพูชา สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริยศ์ กึ เป็นแม่ทพั
ผลงานพระราชนิพนธ เชน เพลงยาวรบพมา
ไปปราบปราม แต่กรุงธนบุรีเกิดความวุ่นวายเนื่องด้วยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมีพระอัธยาศัย ทีท่ า ดินแดง (นิราศไทยรบพมาทีท่ า ดินแดง)
ผิดปกติไปจากเดิม พระยาสรรค์กับพวกได้ก่อการกบฏ จับกุมพระองค์ไปกักขังไว้ และออกว่าราชการ กฎหมายตราสามดวง บทละครเรือ่ งรามเกียรติ์
จนเกิดการต่อสู้กันวุ่นวาย เมื่อเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกทรงทราบข่าว จึงยกกองทัพกลับมาถึง เปนตน)
กรุงธนบุรีเมื่อวันที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕ ประชาชนและข้าราชการทั้งปวงร่วมอัญเชิญขึ้นเป็น
พระมหากษัตริย์และพระองค์ได้ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี นับเป็นปฐมกษัตริย์แห่ง ขยายความเข้าใจ Expand
ราชวงศ์จักรี
จากการคนควาพระราชประวัติพระบาท
หลังจากเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
สมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลก และผลงานทาง
ทรงท�านุบา� รุงบ้านเมืองให้เ1จริญขึน้ ทุกด้าน ทัง้ การสร้างพระนคร สถาปนาพระบรมมหาราชวัง การสร้าง วรรณคดี จากแหลงเรียนรูตางๆ เพิ่มเติม นักเรียน
2
นศาสดาราม การต่อสู้ป้องกันประเทศ การท�านุบ�ารุงพระพุทธศาสนา
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ธศาสนา การสังคายนา เขียนเรียงความ หัวขอ “ปฐมกษัตริยแหงราชวงศ
พระไตรปิฎกก และท�3 านุบ�ารุงศิลปวัฒนธรรมของชาติ จักรี” ความยาว 1 หนา
ในด้ า นวรรณคดี ซึ่ ง เป็ น วั ฒ นธรรมส� า คั ญ แขนงหนึ่ ง ของชาติ ที่ เ คยเจริ ญ รุ ่ ง เรื อ งในสมั ย
กรุงศรีอยุธยาได้สูญหายไปมาก พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้ประชุมนักปราชญ์ราชบัณฑิตทั้งพระสงฆ์
และฆราวาส ช่วยกันรวบรวมฟื้นฟูวรรณคดีของชาติขึ้นใหม่ นอกจากที่พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์เอง
แล้ว ยังทรงเป็นประธานในการช�าระวรรณคดีเก่า ท�าให้กวีรุ่นหลังได้มีโอกาสตัดตอนวรรณคดีตาม
แบบฉบับไปประพันธ์ขึ้นใหม่ให้มีความไพเราะและมีเนื้อเรื่องสมบูรณ์ขึ้น
งานพระราชนิพนธ์ ได้แก่
๑. เพลงยาวรบพม่าที่ท่าดินแดง (นิราศรบพม่าที่ท่าดินแดง)
๒. กฎหมายตราสามดวง
๓. บทละครเรื่องรามเกียรติ์
55
บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูบูรณาการความรูกับกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และ นักเรียนควรรู
วัฒนธรรม วิชาประวัติศาสตร โดยใหนักเรียนศึกษาพระราชประวัติ
1 วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแกว เดิมเปนพระบรมมหาราชวัง
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลกมหาราช ที่ทรงเห็นความสําคัญ
ถือเปนวัดประจําราชธานี และเปนที่ประดิษฐานพระแกวมรกตพระพุทธรูป
ของการพัฒนาบานเมือง ดวยการทํานุบํารุงศาสนา และทรงรวบรวม
คูบานคูเมือง
ฟนฟูวรรณคดีใหไทยมีวรรณคดีมรดกตกทอดสูรุนหลัง สงเสริมคุณคาทาง
ศิลปวัฒนธรรมใหเปนเอกลักษณและความภาคภูมิใจในชาติ โดยเฉพาะ 2 การทํานุบํารุงพระพุทธศาสนา รัชกาลที่ 1 ทรงสรางวัดสุทัศนเทพวราราม
วัฒนธรรมนั้นเปนเรื่องเฉพาะของแตละสังคม จึงควรมีการวางรากฐานและ รวมถึงการบูรณะวัดตางๆ อาทิ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดราชบุรณะ
สรางแบบแผนใหคนในสังคมยึดถือปฏิบัติเปนวัฒนธรรมที่ดีงามสืบตอกัน วัดอรุณราชวราราม วัดระฆังโฆสิตาราม
3 การสังคายนาพระไตรปฎก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลกมหาราช
ไดโปรดฯ อาราธนาพระสงฆชั้นพระราชาคณะและราชบัณฑิตทั้งหลายประชุมทํา
สังคายนาพระไตรปฎกขึ้นที่วัดนิพพานาราม ใชเวลา 5 เดือน แลวเสร็จในป
พ.ศ. 2332 แลวโปรดฯ ใหจารึกลงลานไวเปนพระไตรปฎกฉบับหลวง ปดทองทึบ
ทั่วใบปกหนาและหลังกรอบ เรียกวา “พระไตรปฎกฉบับทอง”
คู่มือครู 55
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนรวมกันอภิปรายความรูเกี่ยวกับ
ฉันทลักษณของคําประพันธประเภทรายดั้น กลอน ๔. บทละครเรื่องอุณรุท
บทละคร และโคลง ๕. บทละครเรื่องดาหลัง
(แนวตอบ ฉันทลักษณตางๆ ในบทละครเรื่อง ๖. บทละครเรื่องอิเหนา
รามเกียรติ์ มีดังนี้ ๗. นิทานอิหร่านราชธรรม
• รายดั้น ลักษณะบังคับ คือ บทหนึ่งจะมี ๘. การช�าระพระราชพงศาวดาร (ปัจจุบันเรียกว่า ฉบับ
กี่วรรคก็ได แตนิยมมีตั้งแต 5 วรรคขึ้นไป วรรคหนึ่ง พันจันทนุมาศ (เจิม))
มี 5 คํา (แตอาจจะมีจํานวนคําตั้งแต 3-8 คําก็ได) พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
และจะตองจบลงดวยลักษณะบาทที่ 3 และ 4 ของ เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๓๕๒ ด้วยพระวุฒิโรค
โคลงดั้นวิวิธมาลี สัมผัสคําสุดทายของวรรคหนาไป (โรคชรา) ขณะมีพระชนมายุ ๗๒ พรรษา รวมเสวยสิริราชสมบัติ 1
พระบรมสำทิสลักษณ์
สัมผัสกับคําที่ 1, 2 หรือ 3 ของวรรคตอไปเหมือน เป็นเวลา ๒๘ ปี
พระบำทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ำ
รายชนิดอื่นๆ แต 5 วรรคสุดทายกอนจะจบบทจะ จุฬำโลกมหำรำช
ตองมีสัมผัส คือ คําสุดทายของวรรคแรกใน 5 วรรค ๓ ลักษณะคÓประพัน¸์
สุดทายนี้จะสัมผัสกับคําแรกในวรรคที่ 2 ตอจากนั้น
บทละครเรื่องรามเกียรติ์พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ไมมีการรับหรือสงสัมผัสอีก
ทรงพระราชนิพนธ์ด้วยค�าประพันธ์หลายชนิดให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่อง ดังนี้
• กลอนบทละคร ที่แตงขึ้นสําหรับแสดงละคร
มีทั้งเปนละครรําและละครรอง ลักษณะบังคับของ
๓.๑ ร่ายดัน้
พระองค์ทรงใช้ร่ายดั้นเป็นการเปิดเรื่อง พรรณนาถึงความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมือง
คํากลอน เปนเชนเดียวกับคํากลอนทั่วไป วรรคหนึ่ง
และพระราชกรณียกิจต่างๆ ของพระองค์ แล้วกล่าวถึงสาเหตุที่ทรงพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์ว่า
กําหนด 6-9 คํา เฉพาะละครรํานิยมใช 6 หรือ 7 คํา
เพื่อใหเขากับจังหวะการรองและการรํา ทําใหฟง ...กระวีวิธหลายหลาก 2 รู้มลากหลายฉันท์ นิพันธ์โคลงค�ากลอน ภูธรด�าริด�ารัส
ไพเราะและรํางาม จัดจองท�านองนุก ไตรดายุคนิทาน ต�านานเรื่องรามเกียรติ์ เบียนบรปักษ์ยักษพินาศ
• โคลงกระทูหรือโคลงสี่สุภาพบทหนึ่งมี 4 บาท ด้วยพระราชโวหาร...
แตละบาท วรรคหนามี 5 คํา วรรคหลังมี 2 คํา ยกเวน
วรรคหลังของบาทที่ 4 มี 4 คํา สัมผัสมี ดังนี้ คําสุดทาย ๓.๒ กลอนบทละคร 3
ของบาทแรกสัมผัสกับคําที่ 5 ของบาทที่ 2 และ 3 การด� า เนิ น เรื่ อ งทรงพระราชนิ พ นธ์ เ ป็ น กลอนบทละคร มี ลั ก ษณะบั ง คั บ เหมื อ น
และคําสุดทายของบาทที่ 2 สัมผัสกับคําที่ 5 ของ กลอนสุภาพ แต่วรรคแรกมักขึ้นต้นด้วย เมื่อนั้น บัดนั้น มาจะกล่าวบทไป เป็นต้น
บาทที่ 4) เมื่อนั้น ใช้กับตัวละครเอกของเรื่องหรือตัวละครที่เป็นพระมหากษัตริย์
บัดนั้น ใช้กับตัวละครสามัญหรือตัวละครที่มีบทบาทรองลงไป
ขยายความเข้าใจ Expand มาจะกล่าวบทไป นิยมใช้เมื่อขึ้นความใหม่หรือตอนใหม่
นักเรียนเลือกแตงคําประพันธประเภทรายดั้น
โคลง หรือกลอนบทละครตามความสนใจ จํานวน
2 บท ในหัวขอ “รามเกียรติ์วรรณคดีมรดก” 56
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 พระบรมสาทิสลักษณ แปลวา ภาพวาด หากเปนภาพถาย เรียกวา นักเรียนยกบทประพันธจากเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นารายณปราบนนทก
พระบรมฉายาลักษณ ที่นักเรียนเห็นวานาสนใจมา 2 บท แลวโยงเสนสัมผัสคําประพันธทั้งสัมผัส
2 ไตรดายุค เปนหนึ่งในสี่ยุค ไดแก กฤดายุค ไตรดายุค ทวาบรยุค และกลียุค ในบทและระหวางบท ใหถูกตองตามลักษณะคําประพันธ
ไตรดายุค เปนยุคที่ 2 ที่ความเที่ยงธรรมหายไป 1 ใน 4 ของความเที่ยงธรรม
ทั้งหมด จึงเริ่มเกิดความเสื่อม
3 กลอนบทละคร กําหนดลักษณะเฉพาะของคําขึ้นตนบทไว ดังนี้ กิจกรรมทาทาย
• มาจะกลาวบทไป ใชขึ้นตนบทเมื่อเริ่มเรื่องหรือจับตอนใหม หรือกลาวถึง
เรื่องที่แทรกเขามา
• เมื่อนั้น ใชขึ้นตนบทละครที่เปนตัวละครสําคัญในเรื่อง เชน ตัวเอกหรือ นักเรียนยกบทประพันธจากเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นารายณปราบนนทก
ตัวละครที่มีศักดิ์สูง ที่นักเรียนสนใจ 2-4 บท มาใหนักเรียนวิเคราะหภาษาและลักษณะ
• บัดนั้น ใชขึ้นตนบทละครที่เปนตัวประกอบ หรือผูนอยที่มีผูใหญอยูเหนือ คําประพันธ
เมื่อขึ้นตนบทดวยคําวา “มาจะกลาวบทไป” “เมื่อนั้น” หรือ “บัดนั้น” แลว
ไมตองใหพยางคทายสัมผัสกับคําใดในวรรคหลัง
56 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนรวมกันอภิปรายความรูเกี่ยวกับ
จ�านวนค�าในแต่ละวรรคจะไม่ก�าหนดตายตัวเพื่อให้ผู้แสดงหรือผู้ร�าละครสามารถร�า ฉันทลักษณของคําประพันธประเภทโคลงกระทู
ตามบทได้ และต้องมีการก�าหนดเพลงหน้าพาทย์ประกอบกิริยาอาการเคลื่อนไหวของตัวละคร และโคลงสี่สุภาพ
และบอกท�านองเพลงขับร้องเมื่อขึ้นต้นก�ากับไว้ พร้อมทั้งบอกจ�านวนค�าในบทนั้นโดยใช้ค�าว่า “ค�ำ” (แนวตอบ ลักษณะบังคับของโคลง มีดังนี้
ซึ่งหมายถึง ค�ากลอน คือ จ�านวน ๒ วรรค เป็น ๑ ค�ากลอน ทั้งนี้ บทละครเรื่องรามเกียรติ์บางฉบับ คณะของโคลงสุภาพและโคลงกระทู 1 บท
อาจไม่ได้ก�าหนดเพลงหน้าพาทย์และบอกท�านองเพลงขับร้องไว้ครบทุกบท เช่น บทละครเรื่อง
มี 4 บาท บาทหนึ่งมี 2 วรรค วรรคตนมี 5 คํา
รามเกี ย รติ์ ตอน นารายณ์ ป ราบนนทก เนื่ อ งด้ ว ยมี พ ระราชประสงค์ เ พื่ อ ให้ ค วามเพลิ ด เพลิ น
เป็นหลัก บางบทที่ไม่ได้ก�าหนดเพลงหน้าพาทย์จึงเขียนเพียงจ�านวนค�ากลอนไว้เท่านั้น ในที่นี้จะ วรรคหลังมี 2 คํา สวนบาทที่ 4 นั้น วรรคตนมี
ยกตัวอย่างบทประพันธ์ที่สมบูรณ์มาเป็นตัวอย่าง ดังบทประพันธ์ 5 คํา วรรคหลังมี 4 คํา โคลง 1 บท จึงมี 30 คํา
ทายบาท 1 และ บาท 3 ถาความไมครบสามารถ
ร่าย เติมคําสรอยไดอีก 2 คํา โคลงสี่สุภาพแตละบท
ครั้นได้ศุภฤกษ์ยามดี พระรวีหมดเมฆแสงฉาน บังคับคําเอกและคําโท คําเอก คือ คําที่บังคับ
ปีขาลเดือนสามอังคาร เยาวมาลย์ก็ประสูติโอรส
เป็นวานรผู้เผ่นออกทางโอษฐ์ เผือกผ่องไพโรจน์ทั้งกายหมด
ไมเอก หรือจะใชคําตายแทนคําเอกก็ได มี 7 คํา
ใหญ่เท่าชันษาได้โสฬส อลงกตดั่งดวงศศิธร คําโท คือ คําที่บังคับใหมีไมโท มี 4 คํา สวน
ฯ ๔ ค�า ฯ คุกพาทย์ โคลงกระทู คือ โคลงที่มีลักษณะคณะคลาย
1 โคลงสี่สุภาพ แตที่แตกตางคือ ตองแตง
ร่าย เป็นท�านองเพลงขับร้องที่ผู้ร้องขับให้ตัวละครร่ายร�าตามบท เรียกว่า “ร�
“ร�ำตำมบท” ตามกระทูที่กําหนด ซึ่งวางไวตนบาททุกบาท
ร่ายนิยมใช้ในกรณีต้องการให้ด�าเนินเรื่องไปอย่างรวดเร็ว
แลวจึงแตงขยายความ)
๔ ค�า หมายถึง จ�านวนกลอน ๔ ค�ากลอน
คุกพาทย์ เป็นท�านองเพลงหน้าพาทย์ ที่ใช้ประกอบเนื้อเรื่องที่แสดงอิทธิปาฏิหาริย์ 2. นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับลักษณะ
๓.๓ โคลง คําประพันธ
2 • ลักษณะคําประพันธของกลอนบทละครมี
เมื่อจบเรื่องแล้วทรงพระราชนิพนธ์เป็นโคลงกระทู้ ๑ บท เพื่อบอกวัตถุประสงค์ใน
การแต่งและต่อด้วยโคลงสี่สุภาพ ๑ บท เป็
เป็นการบอกระยะเวลาเมื่อเริ่มพระราชนิพนธ์ ความสัมพันธกับตัวบทอยางไร
โคลงกระทู้ (แนวตอบ การแตงคําประพันธประเภทกลอน
จบ เรื่องราเมศมล้าง อสุรพงศ์ บทละครเรื่องรามเกียรติ์ พระราชนิพนธใน
บ พิตรธรรมิกทรง แต่งไว้ รัชกาลที่ 1 ใชคําประพันธประเภทกลอน
ริ ร�่าพร�่าประสงค์ สมโภช พระนา บทละคร คําจึงสั้น กระชับ เหมาะที่จะนําไป
บูรณ์ บ�าเรอรมย์ให้ อ่านร้องร�าเกษม ประกอบทารําได และมีการกําหนดจํานวน
คํากลอน)
โคลงสี่สุภาพ
เดือนอ้ายสองค�่าขึ้น จันทรวาร
บพิตรผู้ทรงฌาน ยิ่งหล้า ขยายความเข้าใจ Expand
แรกรินิพนธ์สาร รามราพณ์ นี้แฮ นักเรียนยกโคลงกระทูท ปี่ รากฏในวรรณคดีไทย
ศักราชพันร้อยห้า สิบเก้าปีมะเส็ง เรือ่ งอืน่ ๆ มา 1 บท พรอมอธิบายวา กระทูม ลี กั ษณะ
57 เปนอยางไร
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
............................ นนทกผูมีอัชฌาสัย
ครูอานบทประพันธที่เปนบทอาขยานจากเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นารายณ
นอมเสียงบังคมแลวทูลไป จะขอพรเจาไตรโลกา
ปราบนนทก เปนทํานองเสนาะใหนักเรียนฟง จากนั้นสอบถามนักเรียนวาเปน
ขอใดจะทําใหบทประพันธขางตนมีความสมบูรณ
คําประพันธชนิดใด เพื่อวัดความรอบรูเกี่ยวกับคําประพันธประเภทรายดั้น โคลง
1. บัดนั้น
และกลอนบทละคร
2. เมื่อนั้น
3. ครั้นถึง
4. มาจะกลาวบทไป
นักเรียนควรรู
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. บัดนั้น ใชกับตัวละครที่มีบทบาทรองหรือชั้นผูนอย
ขอ 2. เมื่อนั้น ใชกับตัวละครเอกหรือมีศักดิ์สูง ขอ 3. ครั้นถึง ใชเมื่อมีการ 1 รําตามบท หมายถึง การรําโดยใชทวงทาตามบทที่วางไว เชน รําคูรจนาเสี่ยง
สลับฉากไปกลาวถึงตัวละครอื่น และขอ 4. มาจะกลาวบทไป ใชขึ้น พวงมาลัย
ความใหม ตอนใหมที่เขามาแทรก ทั้งนี้สามารถพิจารณาจากวรรคตอมา 2 โคลงกระทู แตกตางจากโคลงสี่สุภาพ ตรงที่โคลงกระทูมีการตั้งชื่อขอความ
วา “นนทกผูมีอัชฌาสัย” นนทกเปนตัวละครชั้นผูนอยเมื่อเทียบกับพระอิศวร หรือหัวขอไวหนาบท โดยขึ้นตนคําหนึ่งหรือมากกวานั้นในแตละคํากลอน แลว
พระพรหม และพระนารายณ ดังนั้น จึงควรใชคําวา “บัดนั้น” ตอบขอ 1. ขยายความตอ
คู่มือครู 57
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนอานเรื่องยอ บทละครเรื่องรามเกียรติ์
ตอน นารายณปราบนนทก แลวสรุปเปนสํานวน
ภาษาของนักเรียนเอง
๔ เรื่องย่อ
2. ครูสุมนักเรียน 3-4 คน มาเลาเรื่องยอเรียง นนทกมี ห น้ า ที่ ล ้ า งเท้ า ให้ แ ก่ บ รรดาเทวดาทั้ ง หลายที่ จ ะเข้ า เฝ้ า พระอิ ศ วรอยู ่ ที่ เชิ ง เขา
ตอกันตามลําดับหนาชั้นเรียน ไกรลาศเป็นเวลานานโกฏิป ี นนทกถูกบรรดาเทวดาแกล้งด้วยการเขกศีรษะบ้าง ลูบหัวบ้าง ถอนผมบ้าง
จนศีรษะล้าน นนทกจึงไปขอพรพระอิศวรให้ตนมีนิ้วเพชรสามารถชี้สังหารผู้ใดก็ได้ เมื่อได้รับพร
ขยายความเข้าใจ Expand นนทกจึงระบายความเคียดแค้น โดยเที่ยวไล่ชี้เทวดาท�าให้ปั่นป่วนไปทั้งสวรรค์ พระอินทร์จึงไป
กราบทูลให้พระอิศวรทรงทราบ พระอิศวรบัญชาให้พระนารายณ์ไปปราบนนทก พระนารายณ์แปลง
จากการอานเรื่องยอ นักเรียนบอกลักษณะเดน พระองค์เป็นนางอัปสรมายั่วยวนนนทก แล้วชวนออกร่ายร�า จนถึงท่าชี้ขาตนเอง ด้วยฤทธานุภาพ
ของตัวละครสําคัญในบทละครเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นิ้วเพชรศักดิ์สิทธิ์ขานนทกจึงหักพับลง นางแปลงกลับกลายเป็นพระนารายณ์ขึ้นเหยียบอกนนทก
นารายณปราบนนทก เพื่อสังหาร นนทกจึงตัดพ้อว่า เพราะพระนารายณ์มีสี่กร ตนมีเพียงสองมือสู้ไม่ได้ พระนารายณ์จึงให้
(แนวตอบ ลักษณะเดนของตัวละคร มีดังนี้ นนทกไปอุบัติชาติใหม่ให้มีสิบหน้า ยี่สิบมือ ส่วนพระองค์จะอวตารเป็นมนุษย์ที่มีเพียงสองมื
• พระอิศวร เปนผูมีฤทธิ์เดช 1 อและจะ
ตามไปปราบนนทกในชาติหน้าให้สา� เร็จ นนทกจึงได้จตุ มิ าเป็นทศกัณฐ์ โอรสท้าวลัสเตียนแห่งกรุงลงกา ลงกา
• พระนารายณ ฉลาด มีไหวพริบ ส่วนพระนารายณ์อวตารเป็นพระราม โอรสท้าวทศรถแห่งเมืองอโยธยา (อยุธยา)
• นนทก เจาคิดเจาแคน ประมาท
หลงความงามของสตรี)
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนแตงคําประพันธประเภทรายดั้น โคลง
และกลอนบทละคร จํานวน 2 บท ในหัวขอ
“รามเกียรติ์วรรณคดีมรดก”
2. นักเรียนเลาประวัติความเปนมาของเรื่อง
รามเกียรติ์ได
3. นักเรียนเขียนเรียงความ หัวขอ “ปฐมกษัตริย
แหงราชวงศจักรี”
4. นักเรียนสรุปเรื่องยอบทละครเรื่องรามเกียรติ์
ตอน นารายณปราบนนทกเปนสํานวนภาษา
ของนักเรียนได
5. นักเรียนบอกลักษณะของตัวละครจากบทละคร
เรื่องรามเกียรติ์ ตอน นารายณปราบนนทกได นนทกใช้นิ้วเพชรชี้เทวดาจนตาย (จิตรกรรมฝาผนังรอบพระระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม)
58
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
ขอใดตรงกับพฤติกรรมของนนทกที่หลงใหลนารายณแปลง
1 ทาวลัสเตียน บุตรของทาวจตุรพักตร กษัตริยผ คู รองเมืองลงกา และ
1. ชูแตหางเองอา อวดอางฤทธี
นางมลิกา ทาวลัสเตียนมีกายและหนาสีขาว ปากแสยะ ตาโพลง สวมมงกุฎนํ้าเตา
2. บาปยอมทําโทษซํ้า ใสผูบาปเอง
เฟองยอดสะบัด บางตําราวามงกุฎยอดชัย มี 1 พักตร 4 กร มีมเหสี 5 องค ไดแก
3. จิตมนุษยนี้ไซร ยากแทหยั่งถึง
• มเหสีองคที่ 1 ชื่อ ศรีสุนันทา มีโอรสชื่อ กุเปรัน
4. ลิงวาหวาหวังหวา หวาดิ้นโดยตาม
• มเหสีองคที่ 2 ชื่อ จิตรมาลี มีโอรสชื่อ ทัพนาสูร
• มเหสีองคที่ 3 ชื่อ สุวรรณมาลัย มีโอรสชื่อ อัศธาดา วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. หมายความวา โออวดวาตนมีฤทธิ์มากกวา ขอ 2.
• มเหสีองคที่ 4 ชื่อ วรประไพ มีโอรสชื่อ มารัน หมายความวา คนที่ทําบาป กระทําสิ่งไมดียอมไดรับผลนั้นเชนกัน ขอ 3.
• มเหสีองคที่ 5 ชื่อ รัชดา มีโอรส ชื่อ ทศกัณฐ กุมภกรรณ พิเภก หมายความวา จิตของมนุษยยากเกินกวาจะรูไดวาคิดอะไร และขอ 4.
ขร ทูษณ ตรีเศียร และองคสุดทองเปนธิดา ชื่อ สํามนักขา หมายความวา ลิงหลงเขาใจผิดวาสิง่ ทีว่ งิ่ ตามเปนลูกหวา ซึง่ ตรงกับพฤติกรรม
ของนนทกที่เมื่อเห็นนารายณแปลงก็หลงรูปงาม และยอมทําตามที่นางบอก
ทุกอยางเพื่อใหไดนางมาครอบครอง ตอบขอ 4.
58 คู่มือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
1. ครูถามนักเรียนวารูจักตัวละครใดในเรื่อง
๕ เนื้อเรื่อง รามเกียรติ์ โดยใหนักเรียนอธิบายลักษณะเดน
ของตัวละครที่นักเรียนรูจัก
บทละครเรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก 2. ครูใหนักเรียนชมวีดิทัศนการแสดงโขน
(พระรำชนิพนธ์ในพระบำทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ำจุฬำโลกมหำรำช) รามเกียรติ์ตอนใดตอนหนึ่ง เพื่อใหนักเรียน
เห็นการนําบทละครรามเกียรติ์มาใชในการ
มาจะกล่าวบทไป ถึงนนทกน�้าใจกล้าหาญ แสดงโขน จากนั้นครูสอบถามความสนใจของ
ตั้งแต่พระสยมภูวญาณ ประทานให้ล้างเท้าเทวา นักเรียนที่มีตอวรรณคดีเรื่องนี้
อยู่บันไดไกรลาสเป็นนิจ สุราฤทธิ์ตบหัวแล้วลูบหน้า
บ้างให้ตักน�้าล้างบาทา บ้างถอนเส้นเกศาวุ่นไป สํารวจคนหา Explore
จนผมโกร๋นโล้นเกลี้ยงถึงเพียงหู ดูเงาในน�้าแล้วร้องไห้ 1. นักเรียนศึกษาคนควาความรูเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง
ฮึดฮัดขัดแค้นแน่นใจ ตาแดงดั่งแสงไฟฟ้า ของรามเกียรติ์ ตอน นารายณปราบนนทก
เป็นชายดูดู๋มาหมิ่นชาย มิตายก็จะได้เห็นหน้า จากหนังสือเรียน หนา 59-65 หรือจากเว็บไซต
คิดแล้วก็รีบเดินมา เฝ้าพระอิศราธิบดี ตางๆ
ฯ ๘ ค�า ฯ เสมอ 2. สืบคนภาพประกอบเรื่อง รามเกียรติ์ ตอน
นารายณปราบนนทก จากหนังสือ ตําราหรือ
ครั้นถึงจึ่งประณตบทบงสุ์ ทูลองค์พระอิศวรเรืองศรี เว็บไซตตางๆ เพื่อประกอบการศึกษา
ว่าพระองค์เป็นหลักธาตรี ย่อมเมตตาปรานีทั่วพักตร์ 3. นักเรียนแบงกลุมเปน 7 กลุม ศึกษาเนื้อเรื่อง
ผู้ใดท�าชอบต่อเบื้องบาท ก็ประสาททั้งพรแลยศศักดิ์ บทละครเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นารายณปราบ
ตัวข้าก็มีชอบนัก ล้างเท้าสุรารักษ์ถึงโกฏิปี
นนทก เพื่อถอดคําประพันธ
พระองค์ผู้ทรงศักดาเดช ไม่โปรดเกศแก่ข้าบทศรี
อธิบายความรู Explain
กรรมเวรสิ่งใดดั่งนี้ ทูลพลางโศกีร�าพัน
ฯ ๖ ค�า ฯ โอด นักเรียนแบงกลุมเพื่อถอดคําประพันธ
ในหนังสือเรียน กลุมที่ 1 ถอดคําประพันธ
เมื่อนั้น 1 พระอิศวรบรมรังสรรค์ หนา 59 ลงในใบงาน สงครู
เห็นนนทกโศกาจาบัลย์ พระทรงธรรม์ให้คิดเมตตา (แนวตอบ หนา 59 ถอดความไดวา นนทกไดรับ
จึ่งมีเทวราชบรรหาร 2 เอ็งต้องการสิ่งไรจงเร่งว่า หนาที่ลางเทาเทวาอยูเชิงเขาไกรลาส แลวถูกเหลา
ตัวกูจะให้ดั่งจินดา อย่าแสนโศกาอาลัย
เทวดากลั่นแกลงดวยการถอนผม ตบหัว ลูบหนา
จนผมหมดหัว จึงเกิดความคับแคนใจ ไปเฝา
ฯ ๔ ค�า ฯ
พระอิศวร เพื่อขอความเมตตาโดยอางวาตนทํา
59 หนาที่นี้มาหลายป อยากจะขออะไรบางอยาง
พรอมกับรองไห พระอิศวรเห็นใจจึงสอบถามวา
นนทกอยากไดอะไร)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
เมื่อนั้น พระอิศวรบรมรังสรรค
ครูแนะใหนักเรียนศึกษาเกี่ยวกับเนื้อเรื่องของรามเกียรติ์ ตอน นารายณ
เห็นนนทกโศกาจาบัลย พระทรงธรรมใหคิดเมตตา
ปราบนนทกดวยตนเอง จากนั้นใหนักเรียนทํากิจกรรมรวมกันในชั้น คือ แบงกลุม
ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับบทประพันธขางตน
นักเรียนเทากับจํานวนตัวละครในเรื่อง แลวแตละกลุมอานออกเสียงบทประพันธ
1. พระอิศวรเห็นนนทกเศราโศกแลวเกิดความสงสาร
เปนทํานองเสนาะในบทเจรจาของตัวละครที่รับผิดชอบ โดยใชนํ้าเสียงใหสอดคลอง
2. นนทกเศราโศกเสียใจแตไมตองการใครมาปลอบ
กับบทบาทหรืออารมณของตัวละครนั้นๆ
3. พระอิศวรจําตองถามสาเหตุที่นนทกเศราโศก
4. นนทกหวั่นเกรงอํานาจของพระอิศวร
นักเรียนควรรู
วิเคราะหคําตอบ จากบทประพันธขางตนถอดคําประพันธไดวา เมื่อพระ
อิศวรผูยิ่งใหญเห็นนนทกรองไหครํ่าครวญ ก็ทรงรูสึกสงสารอยากชวยเหลือ 1 โศกาจาบัลย จาบัลย เปนคํา กริยา หมายความวา หวั่นไหว กระสับกระสาย
โดยความในบทประพันธไมไดชี้ใหเห็นวานนทกไมตองการใหใครมาปลอบ เมื่อรวมกับคําวา โศกา หรือโศก จึงหมายถึงการแสดงอารมณเศราเสียใจมาก
ตามขอ 2. และจะเห็นวาพระอิศวรยังไมถามอะไรนนทก และการที่นนทก รองไห ครํ่าครวญ สะอึกสะอื้น
รองไหเศราโศกนั้นไมไดมีสาเหตุมาจากพระอิศวร ตอบขอ 1.
2 บรรหาร หมายความวา เฉลย กลาวแก ตรัสสั่ง
คูมือครู 59
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนแบงกลุมเพื่อถอดคําประพันธ
ในหนังสือเรียน กลุมที่ 2 ถอดคําประพันธ บัดนั้น นนทกผู้มีอัชฌาสัย
หนา 60 ลงในใบงาน สงครู น้อมเศียรบังคมแล้วทูลไป จะขอพรเจ้าไตรโลกา
(แนวตอบ จากหนา 60 ถอดคําประพันธได ให้นิ้วข้าเป็นเพชรฤทธี จะชี้ใครจงม้วยสังขาร์
ความวา นนทกทูลขอนิ้วเพชรจากพระอิศวร จะได้รองเบื้องบาทา ไปกว่าจะสิ้นชีวี
พระอิศวรคิดไตรตรองถึงคุณงามความดีของนนทก ฯ ๔ ค�า ฯ
จึงประทานให นนทกไดสมใจหมาย จึงกลับไป
ปฏิบัติหนาที่ดังเดิม) เมื่อนั้น พระสยมภูวญาณเรืองศรี
ได้ฟังนนทกพาที ภูมีนิ่งนึกตรึกไป
ขยายความเข้าใจ Expand อ้ายนี่มีชอบมาช้านาน จ�าจะประทานพรให้ 1
คิดแล้วก็ประสิทธิ์พรชัย จงได้ส�าเร็จมโนรถ
จากการถอดคําประพันธ นักเรียนรวมกัน ฯ ๔ ค�า ฯ
วิเคราะหประเด็นตอไปนี้ และสรุปความรูลงสมุด
• เหตุใดพระอิศวรจึงประทานนิ้วเพชร บัดนั2้น นนทกผู้ใจสาหส
แกนนทก รับพรพระศุลีมียศ บังคมแล้วบทจรไป
(แนวตอบ เหตุที่พระอิศวรประทานนิ้วเพชร ฯ ๒ ค�า ฯ เสมอ
แกนนทกตามคําขอ เพราะทรงเห็นวา
นนทกทําความดีความชอบมานาน ควรให ครั้นถึงบันไดไกรลาส ขัดสมาธินั่งยิ้มริมอ่างใหญ่
สิ่งตอบแทนบาง) คอยหมู่เทวาสุราลัย ด้วยใจก�าเริบอหังการ์
• แผนการที่นนทกจะนํานิ้วเพชรไปแกแคน ฯ ๒ ค�า ฯ
เทวดานั้นเปนการกระทําที่เรียกวา คิดดี เมื่อนั้น เทวาสุราฤทธิ์ทุกทิศา
หรือไม เพราะเหตุใด สุบรรณคนธรรพ์วิทยา ต่างมาเฝ้าองค์พระศุลี
(แนวตอบ ไมดี เพราะเปนการสรางความ ฯ ๒ ค�า ฯ เหาะ
เดือดรอนใหผูอื่น)
ครั้นถึงซึ่งเชิงไกรลาส คนธรรพ์เทวราชฤ ๅษี
ก็ชวนกันย่างเยื้องจรลี เข้าไปยังที่อัฒจันทร์
ฯ ๒ ค�า ฯ
นนทกก็ล้างเท้าให้ เมื่อจะไปก็จับหัวสั่น
สัพยอกหยอกเล่นเหมือนทุกวัน สรวลสันต์เยาะเย้ยเฮฮา
ฯ ๒ ค�า ฯ เจรจา
60
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูจัดกิจกรรมสําหรับการเรียนการสอนเนื้อเรื่องบทละครเรื่องรามเกียรติ์ เมื่อนนทกไดรับพรจากพระอิศวรแลวเที่ยวไลชี้เหลาเทพเทวาลมตาย
ตอน นารายณปราบนนทก โดยใหนักเรียนนําความรูเกี่ยวกับสํานวนไทยมาอธิบาย มากมาย การกระทําของนนทกตรงกับสํานวนในขอใด
ใหสอดคลองกับลักษณะนิสัยของตัวละครในเรื่อง โดยอธิบายความหมายของ 1. ไกไดพลอย
สํานวนนั้น และนักเรียนใหเหตุผลไดวาสํานวนที่นักเรียนยกมาตรงกับนิสัยของ 2. กิ้งกาไดทอง
ตัวละครอยางไร ครูใหนักเรียนแลกเปลี่ยนความรูกันในหองเรียน 3. ยื่นแกวใหวานร
4. นิ้วดวนไดแหวน
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. ขอ 3. และขอ 4. เปนสํานวนที่มีความหมาย
นักเรียนควรรู ใกลเคียงกัน มีความหมายไปในทางเดียวกัน คือ ผูที่ไดของมีคา แตไมเปน
ประโยชนแกตน แตทงั้ นีจ้ ะเห็นไดวา การทีน่ นทกไดนวิ้ เพชรนัน้ แมจะนํามา
1 สําเร็จมโนรถ หมายความวา ไดตามความประสงค ซึ่งความเดือดรอน แตนนทกก็รูดีถึงอานุภาพของนิ้วเพชร จึงใชเปนอาวุธ
2 พระศุลี หมายถึง พระอิศวร หรือพระศิวะ เปน 1 ในเทพเจา 3 องค แกแคน ตรงกับสํานวนในขอ 2. กิ้งกาไดทอง คือ ไดดีแลวลืมตัว เหอเหิม
ในศาสนาพราหมณ-ฮินดู คือ พระศิวะ พระนารายณ และพระพรหม หยิ่งผยอง ตอบขอ 2.
60 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนแบงกลุมเพื่อถอดคําประพันธ
บัดนั้น นนทกน�้าใจแกล้วกล้า ในหนังสือเรียน กลุมที่ 3 ถอดความคําประพันธ
กริ้วโกรธร้องประกาศตวาดมา อนิจจาข่มเหงเล่นทุกวัน หนา 61 ลงในใบงานสงครู
จนหัวไม่มีผมติด สุดคิดที่เราจะอดกลั้น (แนวตอบ จากหนา 61 ถอดคําประพันธไดวา
วันนี้จะได้เห็นกัน ขบฟันแล้วชี้นิ้วไป เมื่อมีเหลาเทวดามาถอนผม ตบหัว ลูบหนาดังเดิม
ฯ ๔ ค�า ฯ นนทกจึงโกรธและลุกขึ้นตะโกนดาทอ แลวใชนิ้ว
เพชรชี้เหลาเทวดาลมตายจนเกลื่อน พระอินทรเห็น
ต้องสุบรรณเทวานาคี ดั่งพิษอสุนีไม่ทนได้
นนทกแสดงฤทธิ์ทํารายเทวดา จึงไปทูลพระอิศวร
ล้มฟาดกลาดเกลื่อนลงทันใด บรรลัยไม่ทันพริบตา
แลวเลาความใหฟง พระอิศวรจึงสัง่ ใหพระนารายณ
ฯ ๒ ค�า ฯ โอด
1 2 ไปปราบนนทก)
เมื่อนั้น หัสนัยน์เจ้าตรัยตรึงศา
เห็นนนทกนั้นท�าฤทธา ชี้หมู่เทวาวายปราณ ขยายความเข้าใจ Expand
ตกใจตะลึงร�าพึงคิด ใครประสิทธิ์ให้มัน3สังหาร
คิดแล้วขึ้นเฝ้าพระทรงญาณ ยังพิมานทิพรัตน์รูจี นักเรียนยกบทประพันธที่แสดงใหเห็น
ฯ ๔ ค�า ฯ เสมอ รสวรรณคดีจากหนา 59-61 พรอมระบุวาเปน
รสวรรณคดีใด
ครั้นถึงจึ่งประณตบทบงสุ์ ทูลองค์พระอิศวรเรืองศรี
(แนวตอบ จากบทประพันธตั้งแตหนา 59-61 นี้
ว่านนทกมันท�าฤทธี ชี้หมู่เทวาบรรลัย
บทประพันธที่แสดงใหเห็นรสวรรณคดีอยางเดนชัด
อันซึ่งนิ้วเพชรของมัน พระทรงธรรม์ประทานฤ ๅไฉน
คือ
จึ่งท�าอาจองทะนงใจ ไม่เกรงใต้เบื้องบาทา
ฯ ๔ ค�า ฯ
“บัดนั้น นนทกนํา้ ใจแกลวกลา
ร่าย กริว้ โกรธรองประกาศตวาดมา อนิจจาขมเหงเลนทุกวัน
เมื่อนั้น พระอิศวรบรมนาถา จนหัวไมมีผมติด สุดคิดทีเ่ ราจะอดกลัน้
ได้ฟังองค์อมรินทรา จึ่งมีบัญชาตอบไป วันนี้จะไดเห็นกัน ขบฟนแลวชี้นิ้วไป”
อ้ายนี่ท�าชอบมาช้านาน เราจึ่งประทานพรให้ จากบทประพันธที่ยกมาแสดงใหเห็นรส
มันกลับทรยศกระบถใจ ท�าการหยาบใหญ่ถึงเพียงนี้ วรรณคดี คือ พิโรธวาทัง ซึ่งเปนรสแสดงความ
ฯ ๔ ค�า ฯ โกรธเกรีย้ วของนนทกทีแ่ คนเคืองเหลาเทวดาทัง้ หลาย
เมื่อไดโอกาสก็ไมรอชาที่จะแกแคน ชี้นิ้วเพชร
ตรัสแล้วจึ่งมีบัญชา ดูราพระนารายณ์เรืองศรี
ไปที่เหลาเทวดาทันที)
ตัวเจ้าผู้มีฤทธี เป็นที่พึ่งแก่หมู่เทวัญ
จงช่วยระงับดับเข็ญ ให้เย็นทั่วพิภพสรวงสวรรค์
เชิญไปสังหารอ้ายอาธรรม์ ให้มันสิ้นชีพชีวา
ฯ ๔ ค�า ฯ
61
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ไอนี่ทําชอบมาชานาน เราจึ่งประทานพรให
1 หัสนัยน พระอินทรหรือทาวพันตา ทรงชางเอราวัณเปนพาหนะ
มันกลับทําทรยศกบฏใจ ทําการหยาบใหญถึงเพียงนี้
ขอใดเปนความรูสึกของผูพูด 2 ตรัยตรึงศา คือ สวรรคชั้นดาวดึงส มีเทวดา 33 องคและมีพระอินทรเปน
1. เคียดแคนที่ถูกดูหมิ่น หัวหนา
2. ขุนเคืองที่ปดบัง
3. โกรธที่ถูกหลอก 3 พิมานทิพรัตนรูจี ที่ประทับอันงดงามของเทพผูยิ่งใหญ ในที่นี้หมายถึง
4. เจ็บชํ้าที่ถูกลวง ที่ประทับของพระอิศวร คือ เขาไกรลาส
คู่มือครู 61
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนแบงกลุมเพื่อถอดคําประพันธ
ในหนังสือเรียน กลุมที่ 4 ถอดคําประพันธ หนา 62 ร่าย
เมื่อนั้น องค์พระนารายณ์นาถา
ลงในใบงานสงครู รับสั่งถวายบังคมลา ออกมาแปลงกายด้วยฤทธี
(แนวตอบ จากหนา 62 ถอดคําประพันธไดวา ฯ ๒ ค�า ฯ ตระ
พระนารายณใชกลอุบายแปลงกายเปนนางอัปสรแลว
ไปชวนนนทกรายรํา ฝายนนกทกเมื่อเห็นนางอัปสร
ผงู ดงามก็เกิดความหลงใหล จึงเขาไปเกีย้ วพาราสี เป็นโฉมนางเทพอัปสร อ้อนแอ้นอรชรเฉลิมศรี
และรายรําตามคําเชิญชวน ประกอบกับเฝามอง กรายกรย่างเยื้องจรลี ไปอยู่ที่นนทกจะเดินมา
ชื่นชมความงามของนางอัปสร) ฯ ๒ ค�า ฯ เชิด เพลง
ชาตรี
โฉมเอยโฉมเฉลา เสาวภาคย์แน่งน้อยพิสมัย
เจ้ามาแต่สวรรค์ชั้นใด นามกรชื่อไรนะเทวี
ประสงค์สิ่งใดจะใคร่รู้ ท�าไมมาอยู่ที่นี่
ข้าเห็นเป็นน่าปรานี มารศรีจงแจ้งกิจจา
ฯ ๔ ค�า ฯ
62
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูแนะความรูเกี่ยวกับประวัติของพระอิศวรเพิ่มเติม เพื่อใหนักเรียนเขาใจเหตุที่ บัดนั้น นนทกแกลวหาญชาญสมร
พระอิศวรประทานพรใหตามที่นนทกทูลขอตอพระอิศวร มีตํานานระบุวา พระอิศวร เห็นพระองคทรงสังขคทาธร เปนสี่กรก็รูประจักษใจ
หรือพระศิวะเกิดจากพระเวทและพระธรรมที่ชวยกันเนรมิตพระองคขึ้นมาเพื่อสราง จากคําประพันธที่ยกมานี้ผูที่นนทกแลเห็นคือผูใด
โลกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่โลกไดละลายกลายเปนอากาศมาชานาน โดย 1. พระอิศวร
มอบฤทธิ์อํานาจใหพระอิศวรมีอิทธิฤทธิ์สูงสุด สามารถประทานพรใหกับบุคคลใด 2. พระอินทร
ก็ได โดยไมมีเลือกที่รักมักที่ชัง มีความกรุณาตอทุกชีวิตในไตรโลก ไมวาจะเปน 3. พระนารายณ
อินทร พรหม ยมยักษ อสูร เทวดา พญานาค นางอัปสร หรือคนธรรพ ผูที่รับพร 4. พระวิษณุกรรม
นั้นๆ ไป ก็มีฤทธิ์เปนไปตามพรของพระอิศวรทุกประการ วิเคราะหคําตอบ จากเนื้อหาในบทประพันธความวา “เห็นพระองค
ทรงสังขคทาธร เปนสี่กรก็รูประจักษใจ” เปนลักษณะของพระนารายณ
ซึง่ พระองคมี 4 กร ถืออาวุธทรงอานุภาพ 4 อยาง ไดแก ตรี คทา จักร สังข
ตอบขอ 3.
62 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนกลุมที่ 5 ถอดคําประพันธใน
ร่าย
เมื่อนั้น นางนารายณ์เยาวลักษณ์เสน่หา หนังสือเรียน หนา 63 ลงในใบงานสงครู
ได้ฟังยิ่งท�ามารยา ช�าเลืองนัยนาแล้วตอบไป (แนวตอบ จากหนา 63 ถอดคําประพันธได
ท�าไมมาล่วงไถ่ถาม ลวนลามบุกรุกเข้ามาใกล้ วา เมื่อพระนารายณแปลงกายก็แนะนําตัววาชื่อ
ท่านนี้ไม่มีความเกรงใจ เราเป็นข้าใช้เจ้าโลกา สุวรรณอัปสร และเจรจากับนนทก นนทกพูดจา
พนักงานฟ้อนร�าระบ�าบัน ชื่อสุวรรณอัปสรเสน่หา เลาโลมนางอัปสร นางอัปสรจึงเชิญชวนใหรายรํา
มีทุกข์จึ่งเที่ยวลงมา หวังว่าจะให้คลายร้อน ตาม โดยนนทกไมรูเลยวาเปนพระนารายณ
ฯ ๖ ค�า ฯ แปลงกายมา)
ร่าย 1
สุดเอยสุดสวาท โฉมประหลาดล�้าเทพอัปสร ขยายความเข้าใจ Expand
ทั้งวาจาจริตก็งามงอน ควรเป็นนางฟ้อนวิไลลักษณ์
อันซึ่งธุระของเจ้า หนักเบาจงแจ้งให้ประจักษ์ จากการถอดคําประพันธหนา 63 นักเรียนตอบ
ถ้าวาสนาเราเคยบ�ารุงรัก ก็จะเป็นภักษ์ผลสืบไป คําถาม
ตัวพี่มิได้ลวนลาม จะถือความสิ่งนี้นี่ไม่ได้ • บทประพันธสะทอนคติ ความเชื่อในเรื่องใด
สาวสวรรค์ขวัญฟ้ายาใจ พี่ไร้คู่จะพึ่งแต่ไมตรี (แนวตอบ บุญวาสนา)
ฯ ๖ ค�า ฯ
เมื่อนั้น นางเทพนิมิตโฉมศรี
ค้อนแล้วจึ่งตอบวาที ว่านี้ไพเราะเป็นพ้นไป
อันซึ่งจะฝากไมตรีข้า ข้อนั้นอย่าว่าหารู้ไม่
เราเป็นนางร�าระบ�าใน จะมีมิตรที่ใจผูกพัน
ใครมาร�าเกลงเพลงฟ้อน จึ่งจะผ่อนด้วยความเกษมสันต์
ร�าได้ก็มาร�าตามกัน นั่นแหละจะสมดั่งจินดา
ฯ ๖ ค�า ฯ
บัดนั้น นนทกผู้ใจแกล้วกล้า
ไม่รู้ว่านารายณ์แปลงมา ก็โสมนัสาพันทวี
ยิ้มแล้วจึ่งกล่าวสุนทร ดูก่อนนางฟ้าเฉลิมศรี
เจ้าจักปรารมภ์ไปไยมี พี่เป็นคนเก่
2 าพอเข้าใจ
เชิญเจ้าร�าเถิดนะนางฟ้า างจาได้
ให้สิ้นท่าที่นางจ�
ตัวพี่จะร�าตามไป มิให้ผิดเพลงนางเทวี
ฯ ๖ ค�า ฯ
63
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดมีโวหารเชิงอุปมาโวหาร
1 อัปสร นางงามที่อยูบนสวรรค ไมมีผูใดเปนเจาของ ทําหนาที่เปนนางบําเรอ
1. จนผมโกรนโลนเกลี้ยงถึงเพียงหู ดูเงาในนํ้าแลวรองไห
เทวดา เหลานางอัปสรขับรองและฟอนรําไดงดงามมาก มีตํานานวาอัปสรเกิด
2. ฮึดฮัดขัดแคนแนนใจ ตาแดงดั่งแสงไฟฟา
เมื่อเทวดากับอสูรรวมกันกวนเกษียรสมุทร เพื่อใหไดนํ้าอมฤตมาดื่มแลวเปนอมตะ
3. เปนชายดูดูมาหมิ่นชาย มิตายก็จะไดมาเห็นหนา
ในพิธีนี้ไดเกิดแกว และสิ่งมีคา 14 อยาง ไดแก
4. คิดแลวก็รีบเดินมา เฝาพระอิศราธิบดี
1. พระจันทร 8. มาสีขาวชื่ออุจฉัยศรพ
วิเคราะหคําตอบ ขอ 2. มีการเปรียบเทียบเพื่อใหผูอานเห็นภาพและ 2. ตนปาริชาต ผูที่ไดกลิ่นจะระลึกชาติได 9. พระลักษมี พระวิษณุรับเปนชายา
เขาใจความรูสึกของตัวละคร โดยเปรียบความโกรธของนนทกที่ถูกเหลา 3. ชางไอราวัต (เอราวัณ) 10. สังข
เทวดาแกลงวา “ฮึดฮัดขัดแคนแนนใจ ตาแดงดั่งแสงไฟฟา” ซึ่งทําใหเห็น 4. โคสุรภี หรือ กามเธนุ 11. คทา
ภาพความโกรธที่คับแนนอยูในอก โกรธจนตาแดงวาวดั่งแสงไฟฟาที่เปน 5. วารุณี เทพีแหงสุรา 12. ศรศักดิ์สิทธิ์
ฟาแลบทั้งสวางและแปลบปลาบ จึงเปนขอที่มีการใชโวหารเชิงอุปมาหรือ 6. ตนกัลปพฤกษ 13. ทับทรวงชื่อเกาสตุภะ ทั้ง 4
เปรียบเทียบ ตอบขอ 2. 7. นางอัปสรหรือนางรําแหงสวรรค 14. ธันวันตรี
2 สิ้นทา ในที่นี้หมายความวา ครบทุกกระบวนทารํา
คู่มือครู 63
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนกลุมที่ 6 ถอดคําประพันธ หนา 64
ลงในใบงานสงครู เมื่อนั้น พระนารายณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี
(แนวตอบ จากหนา 64 ถอดคําประพันธไดวา เห็นนนทกหลงกลก็ยินดี ท�าทีเยื้องกรายให้ยวนยิน
นางอัปสรเชิญชวนนนทกรายรําทาแมบทจนถึงทา ฯ ๒ ค�า ฯ เจรจา
นาคามวนหางที่ตองมีทาการใชนิ้วชี้เขาหาตัวเอง
พระทอง
นิ้วเพชรที่ขอพรมาจากพระอิศวรจึงสําแดงฤทธิ์แก เทพนมปฐมพรหมสี่หน้า สอดสร้อยมาลาเฉิดฉิน
นนทกทําใหนนทกลมลงที่พื้น จากนั้นพระนารายณ ทั้งกวางเดินดงหงส์บิน กินรินเลียบถ�้าอ�าไพ
จึงแปลงกายดังเดิม แลวตอวาสั่งสอนนนทกที่ อีกช้านางนอนภมรเคล้า ทั้งแขกเต้าผาลาเพียงไหล่
บังอาจใชอํานาจในทางมิชอบ) เมขลาโยนแก้วแววไว มยุเรศฟ้อนในอัมพร
ลมพัดยอดตองพรหมนิมิต ทั้งพิสมัยเรียงหมอน
ขยายความเข้าใจ Expand ย้ายท่ามัจฉาชมสาคร พระสี่กรขว้างจักรฤทธิรงค์
ฝ่ายว่านนทกก็ร�าตาม ด้วยความพิสมัยใหลหลง
1. จากการถอดคําประพันธหนา 64 นักเรียน ถึงท่านาคาม้วนหางวง ชี้ตรงถูกเพลาทันใด
พิจารณาบทประพันธที่พระนารายณแปลงกําลัง ฯ ๘ ค�า ฯ เพลง
แสดงทารายรํา พรอมตอบคําถาม
• ลักษณะทาทางที่นนทกมีตอนางอัปสร ด้วยเดชนิ้วเพชรสิทธิศักดิ์ ขาหักล้มลงไม่ทนได้
ตรงกับสํานวนใด นางกลายเป็นองค์นารายณ์ไป เหยียบไว้จะสังหารราญรอน
(แนวตอบ เจาชูประตูดิน) ฯ ๒ ค�า ฯ เชิด
• บทประพันธตอนนนทกเกี้ยวพาราสี
นางอัปสรมีรสวรรณคดีแบบใด บัดนั้น นนทกแกล้วหาญชาญสมร
(แนวตอบ บทประพันธที่นนทกเกี้ยวพาราสีนาง เห็นพระองค์1ทรงสังข์คทาธร เป็นสี่กรก็รู้ประจักษ์ใจ
อัปสรใชรสวรรณคดี คือ นารีปราโมทย) ว่าพระหริวงศ์ทรงฤทธิ์ ลวงล้างชีวิตก็เป็นได้
• ทารําใดที่ทําใหนนทกเสียทีแกพระนารายณ จึ่งมีวาจาถามไป โทษข้าเป็นไฉนให้ว่ามา
(แนวตอบ ทานาคามวนหาง) ฯ ๔ ค�า ฯ
• นักเรียนคิดวา เพราะเหตุใดนนทกจึงเสียที 2
ใหกับแผนการของพระนารายณ เมื่อนั้น พระนารายณ์บรมนาถา
(แนวตอบ นักเรียนแสดงความคิดเห็นได ได้ฟังจึ่งมีบัญชา โทษามึงใหญ่หลวงนัก
หลากหลาย ครูแนะนักเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้วา ด้วยท�าโอหังบังเหตุ ไม่เกรงเดชพระอิศวรทรงจักร
ใหขอคิดเรื่องความประมาท การหลงระเริง เอ็งฆ่าเทวาสุรารักษ์ โทษหนักถึงที่บรรลัย
ตัวกูก็คิดเมตตา แต่จะไว้ชีวามึงไม่ได้
ในอํานาจที่ตนมีจนขาดสติ ความรอบคอบ
ตรัสแล้วแกว่งตรีเกรียงไกร แสงกระจายพรายไปดั่งไฟกาล
ยอมทําใหเสียทีได)
ฯ ๖ ค�า ฯ
2. นักเรียนแสดงทานาคามวนหางที่ทําให
นนทกชี้นิ้วถูกเพลา (ชวงขาตั้งแตเขาถึงโคนขา) 64
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู จากการอานเนื้อเรื่องบทละครเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นารายณปราบ
นนทกในหนา 64 เปนตอนที่พระนารายณแปลงกายเปนนางรํา ทรงลวงให
1 พระหริวงศ หมายถึง พระนารายณหรือพระวิษณุ เทพในศาสนาพราหมณ-
นนทกรําทาตางๆ ตาม ครูบูรณาการเชื่อมกับกลุมสาระการเรียนรูศิลปะ
ฮินดู เปนเทพแหงการคุมครองโลกและการรักษาโลกใหสงบสุข
วิชาดนตรี-นาฏศิลป เรื่องทารําแมบท ซึ่งไดแก ทาเทพนม ทาปฐม ทาพรหม
2 พระนารายณ พระนาม “นารายณ” มาจากรากศัพท “นรา” ซึ่งแปลวา นํ้า สี่หนา ทาสอดสรอยมาลา ทากวางเดินดง ทาหงสบิน ทากินรินเลียบถํ้า
กับ “อารยะ” ซึ่งแปลวา เคลื่อนไหว เมื่อรวมกันจึงแปลวา ผูเคลื่อนไหวในนํ้า ทาชานางนอน ทาภมรเคลา ทาแขกเตาเขารัง ทาผาลาเพียงไหล ทาเมขลา
เพราะพระองคทรงถือกําเนิดในนํ้า และประทับอยูที่เกษียรสมุทรเปนสวนใหญ ลอแกว ทามยุเรศฟอน ทาลมพัดยอดตอง ทาพรหมนิมิต ทาพิสมัยเรียง
เปนเทพผูพิทักษรักษาโลกใหรอดพนจากภัยพิบัติ เมื่อใดโลกประสบปญหารายแรง หมอน ทามัจฉาชมสาคร ทาพระสี่กรขวางจักร และโดยเฉพาะทานาคา
พระนารายณก็จะอวตารลงมาชวยแกไขปญหา หรือปราบผูชั่วรายใหหมดสิ้นไป มวนหาง ซึ่งเปนทาที่ทําใหนนทกเสียทีใชนิ้วเพชรชี้ขาตัวเอง
พระองคทรงเปนผูมีอํานาจเหนือทุกสิ่ง รูทุกสิ่ง และปรากฏอยูทั่วทุกแหงหน
64 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนแบงกลุมเพื่อถอดคําประพันธใน
บัดนั้น นนทกผู้ใจแกล้วหาญ แบบเรียน กลุมที่ 7 ถอดคําประพันธ หนา 65
ได้ฟังจึ่งตอบพจมาน ซึ่งพระองค์จะผลาญชีวี ลงในใบงานสงครู
เหตุใดมิท�าซึ่งหน้า มารยาเป็นหญิงไม่บัดสี (แนวตอบ จากหนา 65 ถอดความไดวา เมื่อ
หรือว่ากลัวนิ้วเพชรนี้ จะชี้พระองค์ให้บรรลัย นนทกรูวาพระนารายณแปลงกายมาหลอกฆาตน
ตัวข้ามีมือแต่สองมือ ฤ ๅจะสู้ทั้งสี่กรได้ จึงตอวาพระนารายณที่มีอาวุธและอิทธิฤทธิ์
แม้นสี่มือเหมือนพระองค์ทรงชัย ที่ไหนจะท�าได้ดั่งนี้ เหนือกวาตน แตมารังแกตนที่มีเพียงสองมือ
ฯ ๖ ค�า ฯ พระนารายณจึงโตวา ถาเปนเชนนั้นกูขอทาใหมึงไป
เกิดชาติใหมมีหลายมือ แลวพระนารายณจะอวตาร
เมื่อนั้น พระนารายณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี ไปเปนมนุษยมีสองมือ เพื่อไดตอสูกันอีกครั้ง
ได้ฟังจึ่งตอบวาที กูนี้แปลงเป็นสตรีมา จากนั้นนนทกก็ตายแลวไปเกิดในชาติใหมเปน
เพราะมึงจะถึงแก่ความตาย ฉิบหายด้วยหลงเสน่หา ทศกัณฐ สวนพระนารายณก็อวตารไปเปนพระราม)
ใช่ว่าจะกลัวฤทธา ศักดานิ้วเพชรนั้นเมื่อไร
ชาตินี้มึงมีแต่สองหัตถ์ จงไปอุบัติเอาชาติใหม่ ขยายความเข้าใจ Expand
ให้สิบเศียรสิบพักตร์เกรียงไกร เหาะเหินเดินได้ในอัมพร
มีมือยี่สิบซ้ายขวา ถือคทาอาวุธธนูศร นักเรียนสรุปเนื้อเรื่องของบทละครรามเกียรติ์
กูจะเป็นมนุษย์แต่สองกร ตามไปราญรอนชีวี ตอน นารายณปราบนนทก เปนขอๆ เขียนลง
ให้สิ้นวงศ์พงศ์มึงอันศักดา ประจักษ์แก่เทวาทุกราศี ในบัตรคํา โดยเรียงลําดับเหตุการณใหถูกตอง
ว่าแล้วกวัดแกว่งพระแสงตรี ภูมีตัดเศียรกระเด็นไป นักเรียนรวมกันจัดปายนิเทศ
ฯ ๑๐ ค�า ฯ เชิด โอด
ตรวจสอบผล Evaluate
ครั้นล้างนนทกมรณา พระจักราผู้มีอัชฌาสั
1ย
เหาะระเห็จเตร็ดฟ้าด้วยว่องไว ไปยังกระเษียรวารี 1. นักเรียนถอดคําประพันธบทละครเรื่อง
ฯ ๒ ค�า ฯ เชิด รามเกียรติ์ ตอน นารายณปราบนนทกได
ช้า
2. นักเรียนยกบทประพันธที่แสดงใหเห็น
เมื่อนั้น ฝ่ายนางรัชดามเหสี รสวรรณคดีที่โดดเดนได
องค์ท้าวลัสเตียนธิบดี เทวีมีราชบุตรา 3. นักเรียนแสดงทารําที่ทําใหนนทกเพลี่ยงพลํ้า
คือว่านนทกมาก�าเนิด เกิดเป็นพระโอรสา จากการแปลงกายของพระนารายณได
ชื่อทศกัณฐ์กุมารา สิบเศียรสิบหน้ายี่สิบกร 4. นักเรียนสรุปเนื้อเรื่องบทละครเรื่องรามเกียรติ์
อันน้องซึ่งถัดมานั้น ชื่อกุมภกรรณชาญสมร ตอน นารายณปราบนนทกได
องค์พระบิตุเรศมารดร มิให้อนาทรสักนาที
ฯ ๖ ค�า ฯ
65
บูรณาการเชื่อมสาระ
จากประวัติความเปนมาของเทพเจาในศาสนาพราหมณ-ฮินดู มีปรากฏ เกร็ดแนะครู
อยูใ นความเชือ่ ของคนไทยมาเปนเวลานาน ซึง่ นอกจากจะปรากฏในวรรณคดี
ครูใหนักเรียนศึกษารูปตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์ และใหนักเรียนบอกลักษณะ
ไทยแลว ยังมีปรากฏในโบราณสถานที่สําคัญหลายแหง อิทธิพลทาง
เดนของตัวละครแตละตัว เพื่อใหนักเรียนเขาใจลักษณะประจําตัวของตัวละคร
ความเชื่อเกี่ยวกับเทพเจานี้ ครูบูรณาการเชื่อมกับกลุมสาระการเรียนรูศิลปะ
ตัวนั้นยิ่งขึ้น ซึ่งครูอธิบายเพิ่มเติมวา ลักษณะของตัวละครมีผลตอการดําเนินเรื่อง
วิชาทัศนศิลป ซึ่งใหความรูเกี่ยวกับองคประกอบทางสถาปตยกรรมตางๆ ที่
เชน นนทกหัวลาน เพราะโดนเทวดาเขกหัวและถอนผม เปนเหตุใหนนทกเคียดแคน
นําเสนอเรื่องราวของเทพเจา ผานทัศนะความเชื่อ ความศรัทธาของคนไทย
เหลาเทวดาที่แกลงตน จึงไปทูลขอนิ้วเพชรจากพระอิศวร เปนตน
และผานงานศิลปะที่สรางสรรค ศิลปะที่ไดรับอิทธิพลจากความเชื่อเรื่อง
เทพเจานี้มีเอกลักษณที่แตกตางกันในแตละยุคสมัยขึ้นอยูกับคานิยมทาง
ความคิดของคนในสังคมสมัยนั้น
นักเรียนควรรู
1 กระเษียรวารี คือ ทะเลนํ้านม ที่ประทับของพระนารายณ โดยพระนารายณ
จะประทับบรรทมเหนือพญาอนันตนาคราชตามความเชื่อในศาสนาพราหมณ-ฮินดู
เทวรูปสักการบูชาของพระนารายณ มักสรางขณะบรรทมอยูเ หนือพญาอนันตนาคราช
เรียกวา นารายณบรรทมสินธุหรือพระวิษณุอนันตศายิน
คู่มือครู 65
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูสนทนารวมกับนักเรียนเกี่ยวกับคําศัพท
ในเรื่องที่นาสนใจ จากนั้นครูนําบัตรคําศัพทมาให ๖ คÓศัพท์
นักเรียนเขียนคําอาน และอธิบายความหมายของ
คําศัพทนั้น ค�าศัพท์ ความหมาย
กรรณ หู
ส�ารวจค้นหา Explore กระเษียรวารี ทะเลน�้านม ที่ประทับของพระนารายณ์
1. นักเรียนสืบคนความหมายของคําศัพทพรอม โกฏิ ชื่อมาตรานับเท่ากับ ๑๐ ล้าน
คําประพันธที่มีคําศัพทนั้นปรากฏอยู จาก ไกรลาส ชื่อภูเขาในเทือกเขาหิมาลัย เชื่อว่าเป็นที่ประทับของพระอิศวร
หนังสือเรียนและเว็บไซตตางๆ คนธรรพ์ ชาวสวรรค์พวกหนึ่ง เป็นบริวารของท้าวธตรฐ มีความช�านาญในวิชา
2. นักเรียนศึกษาคนหาคําขยายนามที่แสดงความ ดนตรีและการขับร้อง
ยิ่งใหญของพระอิศวร จุไร ผมที่เกล้าเป็นจุกอย่างสวยงาม
3. นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับ “นารายณสิบปาง” เจ้าตรัยตรึงศา หรือเจ้าตรัยตรึงศ์1 หมายถึง พระอินทร์ ตรัยตรึงศ์เป็นสวรรค์ชั้นที่ ๒
แห่งสวรรค์ ๖๖ ชั้น เป็นที่ประทับของพระอินทร์ หรือเรียกอีกอย่างว่า
ดาวดึงส์
อธิบายความรู้ Explain
ไตรภพ หรื อ ไตรภู มิ คื อ ภู มิ ทั้ ง สาม ได้ แ ก่ กามภู มิ รู ป ภู มิ และอรู ป ภู มิ
นักเรียนเลือกคําศัพท 5 คํา บอกความหมาย ในที่นี้หมายถึง สวรรค์ โลกมนุษย์ และบาดาล
ของคําศัพทแตละคํา และระบุคําประพันธที่ปรากฏ ธาตรี แผ่นดิน โลก
คําศัพทนั้น บทบงสุ์ พระบาทของกษัตริย์ ในที่นี้ คือ เจ้าแห่งทวยเทพ
(แนวตอบ คําศัพทพรอมคําประพันธ มีดังนี้ พระสุรัสวดี พระมเหสีของพระพรหม
• บทบงสุ หมายความวา พระบาทของเจา
เพลา ตัก ในที่นี้หมายถึง ขา
แหงทวยเทพ ในความวา
ภักษ์ ผลส�าเร็จ
“ครั้งถึงจึ่งประณตบทบงสุ”
• หัสนัยน ตรัยตรึงศา หมายถึง พระอินทร มโนรถ ความหวัง ความประสงค์ ความใฝ่ฝัน
2
ในความวา ลักษมี ชื่อเทพีแห่งโชคลาภและความงาม
“หัสนัยนเจาตรัยตรึงศา” เป็นชายาของพระนารายณ์
• สุบรรณ หมายถึง ครุฑ และคนธรรพ สยมภูวญาณ พระอิศวร
หมายถึง ชาวสวรรคพวกหนึ่งที่มีความ สาหส สาหัส แปลว่า ร้ายแรง
ชํานาญทางดนตรี ในความวา สุบรรณ ครุฑ นำรำยณ์ทรงสุบรรณ
“สุบรรณคนธรรพวิทยา”) สุราฤทธิ์, สุรารักษ์ เทวดา
สุราลัย สวรรค์
66
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
ทุกขอเนนคําศัพทที่หมายถึงพระอิศวรยกเวนขอใด
1 สวรรค 6 ชั้น เรียกวา ฉกามาพจร ประกอบดวย จตุมหาราชิกา ดาวดึงส
1. เมื่อนั้น พระสยมภูวญาณเรืองศรี
ยามา ดุสิต นิมมานรดี และปรนิมมิตวสวัตดี ใน 1 วัน ของสวรรคแตละชั้น
2. สุบรรณคนธรรพวิทยา ตางมาเฝาองคพระศุลี
มีระยะเวลาเมื่อเทียบกับระยะเวลาในโลกมนุษยไมเทากัน ดังนี้
3. เมื่อนั้น หัสนัยนเจาตรัยตรึงศา
1. วันหนึ่งคืนหนึ่งของสวรรคชั้นจาตุมหาราชิกา เทากับ 50 ปโลกมนุษย
4. นอมเศียรบังคมแลวทูลไป จะขอพรเจาไตรโลกา
2. วันหนึ่งคืนหนึ่งของสวรรคชั้นดาวดึงส เทากับ 100 ปโลกมนุษย
3. วันหนึ่งคืนหนึ่งของสวรรคชั้นยามา เทากับ 200 ปโลกมนุษย วิเคราะหคําตอบ คําที่มีความหมายถึง พระอิศวร มีดังนี้ ขอ 1. พระ
4. วันหนึ่งคืนหนึ่งของสวรรคชั้นดุสิต เทากับ 400 ปโลกมนุษย สยมภูวญาณ ขอ 2. พระศุลี และขอ 4. เจาไตรโลกา ขอที่ไมไดหมายถึง
5. วันหนึ่งคืนหนึ่งของสวรรคชั้นนิมมานรดี เทากับ 800 ปโลกมนุษย พระอิศวร คือ “หัสนัยนเจาตรัยตรึงศา” ซึ่งเปนการกลาวถึง พระอินทร
6. วันหนึ่งคืนหนึ่งของสวรรคชั้นปรนิมมิตวสวัตดี เทากับ 1,600 ปโลกมนุษย แปลวา ผูมีพันตาเปนเจาแหงสวรรคชั้นตรัยตรึงศ ตอบขอ 3.
2 ลักษมี เปนพระนามหนึ่งของพระชายาพระนารายณ เปนเทวีแหงโภคทรัพย
เกิดจากพิธีกวนเกษียรสมุทร พระลักษมีมีหลายพระนาม เพราะเมื่อพระนารายณ
หรือพระวิษณุอวตาร พระลักษมีก็จะตามไปอยูเคียงขาง เชน พระนารายณอวตาร
เปนพระราม พระลักษมีเปนนางสีดา เปนตน
66 คู่มือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนรวบรวมคําขยายนามที่แสดงความ
ค�าศัพท์ ความหมาย ยิ่งใหญของพระอิศวรจากบทละครเรื่องรามเกียรติ์
1 ตอน นารายณปราบนนทก
หัสนัยน์ มาจาก สหัสนัยน์ แปลว่าพันตา (สหัส = ๑,๐๐๐) หมายถึง พระอินทร์
(แนวตอบ คําขยายนามที่แสดงความยิ่งใหญของ
อสุนี สายฟ้า พระอิศวร เชน เรืองศรี ลมรังสรรค พระทรงญาณ
อัฒจันทร์ ที่นั่งเป็นชั้นๆ มีลักษณะเป็นครึ่งวงกลม ในที่นี้หมายถึง ขั้นบันได พระทรงธรรม มียศ เจาไตรโลกา)
อัปสร นางฟ้า
อิศราธิบดี มาจาก อิศร + อธิบดี หมายถึง ความเป็นเจ้าเป็นใหญ่ ในที่นี้หมายถึง ขยายความเขาใจ Expand
พระอิศวร
1. ครูทบทวนคําศัพทที่พบในเรื่องอีกครั้ง
อิศวร ชื่อเรียกพระศิวะ ซึ่งเป็นเทพเจ้าองค์หนึ่งของศาสนาพราหมณ์
จากนั้นใหนักเรียนจัดหมวดหมูคําศัพทวาเปน
คําไทยชนิดใดใน 7 ชนิด ไดแก คํานาม
คําสรรพนาม คํากริยา คําวิเศษณ คําบุพบท
คําอุทาน และคําสันธาน
2. นักเรียนบันทึกลงตารางในสมุดสงครู
รูปเขำไกรลำสที่ตั้งวิมำนของพระอิศวร (จิตรกรรมฝำผนังรอบพระระเบียงวัดพระศรีรัตนศำสดำรำม)
67
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
“ตองสุบรรณเทวานาคี ดั่งพิษอสุรีไมทนได”
1 หัสนัยน หมายถึง พระอินทร มีชื่อและฉายาตางๆ ในวรรณคดีสันสกฤต ดังนี้
คําประพันธในบทขางตนขอใดหมายถึง “พญาครุฑ”
1. สุบรรณ ชื่อและฉายาของพระอินทร ความหมาย
2. เทวา ศจี ผูมีกําลัง ผูมีความสามารถ
3. นาคี
4. อสุรี วฤตรหัน ผูฆาอสูรวฤตระ
คูมือครู 67
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนอานเรื่องเกี่ยวกับนารายณสิบปาง
จากนั้นครูสนทนารวมกับนักเรียนเกี่ยวกับ บอกเล่าเก้าสิบ
“นารายณสิบปาง” วา ในสิบปางนี้ พระนารายณ 1
อวตารเปนใครบาง นารายณ์สิบปาง
(แนวตอบ นารายณสิบปาง มีดังนี้ ปางที่ ๑ มัตสยาวตาร อวตารลงมาเป็ น ปลาศะผะริ
• ปางที่ 1 เปนปลาศะผะริ ฆ่าอสูรหัยครีพ ผู้ลักพระเวท
• ปางที่ 2 เปนเตาใหญ ของพระพรหม แล้วปลาศะผะริ
น�าพระเวทมาคืนพระพรหม
• ปางที่ 3 เปนหมู
ปางที่ ๒ กูรมาวตาร อวตารลงมาเป็นเต่าใหญ่ไป
• ปางที่ 4 เปนนรสิงห รองรับข้างใต้ภูเขามันทรที่
• ปางที่ 5 เปนพราหมณเตี้ย เทวดาใช้กวนน�้าทิพย์เพราะ
• ปางที่ 6 เปนพราหมณชื่อราม เกรงว่าเขามันทรจะเจาะโลก
หน้ำบันที่ปรำสำทบันทำยสรี
ลึกจนโลกทลาย
• ปางที่ 7 เปนพระราม ประเทศกัมพูชำ เป็นภำพ
ปางที่ ๓ วราหาวตาร อวตารลงมาเป็นหมูเพื่อปราบ นรสิงหำวตำร ปำงที่ ๔
• ปางที่ 8 เปนพระกฤษณะ หิรันตยักษ์ผู้ม้วนแผ่นดิน ของพระนำรำยณ์
• ปางที่ 9 เปนพระพุทธเจา ปางที่ ๔ นรสิงหาวตาร อวตารลงมาเป็นนรสิงห์
• ปางที่ 10 เปนกัลลีบุรุษผิวขาว) เพื่อปราบหิรัณยกศิปุยักษ์
ซึ่งแย่งสวรรค์ของพระอินทร์
ขยายความเข้าใจ Expand ปางที่ ๕ วามนาวตาร อวตารลงมาเป็นพราหมณ์เตี้ย
ท�าอุบายแย่งโลกและสวรรค์
นักเรียนแบงกลุม 10 กลุม กลุมละ 5-6 คน จากท้าวพลีพญาแทตย์และ
จากนั้นมอบหมายใหนักเรียนสืบคนขอมูลความรู มอบบาดาลให้แก่ท้าวพลี
ครอบครอง
เกี่ยวกับนารายณสิบปาง กลุมละ 1 ปาง จัดทําเปน ปางที่ ๖ ปรศุรามาวตาร อวตารลงมาเป็นพราหมณ์
รายงานสงครู ชื่อราม (รามสูร) เพื่อฆ่าอรชุน
ปางที่ ๗ รามจันทราวตาร อวตารลงมาเป็นพระรามตาม
ตรวจสอบผล Evaluate เรื่องรามเกียรติ์
ปางที่ ๘ กฤษณาวตาร อวตารลงมาเป็นพระกฤษณะ
1. นักเรียนบอกคําขยายนามที่แสดงความยิ่งใหญ เพื่อปราบยักษ์พญากงส์ตาม
ของพระอิศวรได เรื่องมหาภารตยุทธ์
2. นักเรียนจัดหมวดหมูชนิดของคําจากคําศัพท ปางที่ ๙ พุทธาวตาร อวตารลงมาเป็นพระพุทธเจ้า
คือ พระสิทธัตถกุมาร
ในบทละครเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นารายณ รูปเคำรพแบบเขมรจำกปรำสำท
ปราบนนทก ปางที่ ๑๐ กัลกยาวตาร อวตารลงมาเป็นบุรุษผิวขาวที่ สมโบร์ไพรกุก รูปปำงที่ ๑๐
ชื่อกัลลี เพื่อปราบกลียุคซึ่งจะ กัลกยำวตำร
มาถึง (ที่มา: หนังสือกระบวนการเกิดนานาศาสนา)
68
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 นารายณสิบปาง นอกจากจะปรากฏเปนประติมากรรมแลว ยังมีปรากฏเปน นักเรียนศึกษาคนควาขอมูลเกี่ยวกับศิลปะที่มีรูปลักษณเปนนารายณ
วรรณคดี คือ ลิลิตนารายณสิบปาง 10 ปาง โดยนักเรียนยกตัวอยางมา 1 ตัวอยาง จากนั้นอธิบายประวัติ
ความเปนมา พรอมระบุวาเปนรูปลักษณนารายณปางใด จัดทําเปนใบงาน
บูรณาการอาเซียน
“รามายณะ” ประพันธขึ้นโดยมีมูลเหตุมาจากลัทธิอวตารหรือลัทธิไวษณพนิกาย กิจกรรมทาทาย
ของศาสนาพราหมณ ที่เชื่อถือพระเจาเพียงองคเดียวคือ พระนารายณ ลัทธิอวตาร
มีหลักในลัทธิอยูว า พระนารายณไดอวตารลงมาดับยุคเข็ญเปนปางตางๆ เมือ่ บังเกิด
มีเหตุเภทภัยใหญหลวงขึน้ ในโลก หรือเมือ่ มีความโหดรายของผูใ ดผูห นึง่ ซึง่ ทําใหโลก นักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับความสําคัญของเรื่องรามเกียรติ์และ
ตองเดือดรอน ครัน้ สําเร็จกิจปราบปรามแลวก็เสด็จกลับคืนขึน้ สูไ วกูณฐ ซึง่ วรรณกรรม รวมกันอภิปรายวา เพราะเหตุใดตามฝาผนังรอบระเบียงวัดหรืออุโบสถ
เรื่องนี้ไดแพรเขามาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใตพรอมกับศาสนาพราหมณ- ในวัดบางแหง จึงมีจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ บันทึกความรูลงสมุด
ฮินดู ซึ่งมีอิทธิพลทําใหเกิดความเชื่อ แนวคิดผสมผสานอยูในวัฒนธรรมของหลาย
ประเทศในภูมิภาคนี้
68 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูรว มสนทนากับนักเรียนเกีย่ วกับสิง่ ทีไ่ ดรบั
๗ บทวิเคราะห์ จากการศึกษาเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นารายณ
ปราบนนทก จากนั้นครูขออาสาสมัคร 3-4 คน
เนื้อเรื่องในตอนนารายณ์ปราบนนทก กล่าวถึงนนทกซึ่งท�าหน้าที่ล้างเท้าเทวดาที่จะเข้าเฝ้า มาแสดงทารําทางนาฏศิลปที่มีในบทละครเรื่อง
พระอิศวร นนทกถูกเทวดากลัน่ แกล้งดึงผม ลูบ และตบศีรษะอยูเ่ สมอ ท�าให้เกิดความคับแค้นใจจึงขอพร รามเกียรติ์ ตอน นารายณปราบนนทก แลวให
จากพระอิศวรให้มีนิ้วเพชรสามารถชี้ใครให้ตายก็ได้ นนทกได้นิ้วเพชรแล้วจึงน�าไปชี้เหล่าเทวดา เพื่อนในชั้นเรียนทาย
ล้มตายจ�านวนมาก จนพระอิศวรมีบัญชาให้พระนารายณ์ไปปราบนนทก ตอนนี้จะมีเนื้อความสั้น
แต่น่าสนใจ ควรค่าแก่การศึกษาหลายประการ ดังนี้ ส�ารวจค้นหา Explore
๗.๑ คุณค่าด้านเนือ้ หา
นักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับบทวิเคราะห
บทละครเรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก เป็นวรรณคดีที่ไทยได้รับอิทธิพล
วิจารณบทละครเรื่องรามเกียรติ์ ตอน
มาจากประเทศอินเดียแต่ได้มีการดัดแปลง จนนับได้ว่าเป็นวรรณคดีที่มีเอกลักษณ์ของความเป็นไทย
นารายณปราบนนทก จากเอกสาร ตํารา วารสาร
ปรากฏอยู่ แม้ว่าจุดประสงค์ในการพระราชนิพนธ์ คือ เพื่อให้ความบันเทิง แต่บทละครเรื่อง รามเกียรติ์ หรือเว็บไซตตางๆ ที่นาเชื่อถือ
ยังสะท้อนให้เห็นถึงค่านิยม และความเชื่อต่างๆ ของสังคมไทย
นอกจากจะสะท้ อ นค่ า นิ ย มและความเชื่ อ ต่ า งๆ แล้ ว บทละครเรื่ อ ง รามเกี ย รติ์ อธิบายความรู้ Explain
ตอน นารายณ์ปราบนนทก ยังสะท้อนให้เห็นแก่นเรื่องที่ส�าคัญ คือ การผูกใจเจ็บแค้น ไม่ยอมให้อภัย
ย่อมน�ามาซึ่งความเดือดร้อน เหมือนดังที่นนทกผูกใจเจ็บนางนารายณ์แปลง จนกระทั่งจุติมาเกิดเป็น นักเรียนศึกษาบทวิเคราะหคุณคาวรรณคดี
ทศกัณฐ์ ซึ่งสุดท้ายได้พ่ายแพ้ให้แก่พระรามเพราะความอาฆาตพยาบาทจองเวรของตน
ดานเนื้อหา จากนั้นรวมกันเขียนสรุปความรูที่ได
ลงในสมุด
บทละครเรือ่ ง รามเกียรติ ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก มีเนือ้ หาทีส่ ะท้อนสภาพความเป็นจริง
(แนวตอบ บทวิเคราะหวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์
ของสังคมและมนุษย์ที่เต็มไปด้วยรัก โลภ โกรธ หลง ให้ข้อคิดที่ควรน�ามาพิจารณาเปรียบเทียบ
ตอน นารายณปราบนนทก สรุปได ดังนี้
กับพฤติกรรมของคนในสังคมปัจจุบัน ดังจะเห็นจากเหตุการณ์ตอนที่พระอิศวรมอบอ�านาจให้แก่
• สะทอนแกนเรื่องที่กลาวถึงการมอบอํานาจ
นนทก ก็เปรียบกับการให้อ�านาจตกอยู่ในมือของคนที่ลืมตัว ย่อมท�าให้เกิดผลร้ายตามมา ผู้มอบ ใหแกคนที่ไมสามารถควบคุมสติได ยอม
อ� า นาจจึ ง ต้ อ งพิ จ ารณาเสี ย ก่ อ นว่ า จะจ� า กั ด ขอบเขตของอ� า นาจนั้ น อย่ า งไร เมื่ อ ผู้ อ่ า นได้ อ่ า น กอใหเกิดความเดือดรอนขึ้น
นอกจากจะได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลินจากบทประพันธ์แล้ว ยังสามารถน�าข้อคิดที่แฝงไว้ใน • การผูกใจเจ็บแคน ไมรูจักการใหอภัย
บทประพันธ์มาประยุกต์ใช้ในการด�าเนินชีวิตประจ�าวันได้ ท�าให้ผู้อ่านได้ตระหนักรู้ว่า วรรณคดีมิใช่ ยอมนําความเดือดรอนมาสูตน
เรื่องไกลตัว แม้ว่าตัวละครและฉากหรือองค์ประกอบอื่นจะเป็นสิ่งสมมติขึ้น แต่พฤติกรรมของตัวละคร • สะทอนภาพความจริงของมนุษยที่มีความรัก
คล้ายคลึงกับพฤติกรรมของมนุษย์ในสังคมเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ดังนั้น วรรณคดีที่มีคุณค่า โลภ โกรธ หลง)
จึงควรเป็นเสมือนเครือ่ งมือทีช่ ว่ ยสะท้อนความจริง ท�าให้ผอู้ า่ นได้เรียนรูป้ ญั หาและแนวทางในการแก้ไข
ผ่านวรรณคดีเรื่องนั้นๆ
69
กิจกรรมสรางเสริม
บูรณาการอาเซียน
นักเรียนสรุปแนวคิดที่สําคัญของบทละครเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นารายณ วรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์มาจากเรื่องรามายณะ (Ramayana) เปนวรรณกรรม
ปราบนนทก ที่สะทอนใหเห็นความเชื่อเรื่องเวรกรรม ที่ยิ่งใหญของอินเดีย ซึ่งมีการดัดแปลงเลาใหม และแพรหลายในภูมิภาคเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต โดยมีเนือ้ หาแตกตางกันไป รามายณะเมือ่ แพรหลายในหมูช าวไทย
คนไทยนํามาแตงใหมเรียกวา “รามเกียรติ์” ซึ่งมีหลายฉบับดวยกัน สวนในประเทศ
กิจกรรมทาทาย ลาวนั้นเรียก “พะลักพะลาม” (พระลักษณพระราม) ในอินโดนีเซียเรียก “รามยณะ”
นอกจากนี้ยังมีที่กัมพูชา สิงคโปร มาเลเซีย พมา ซึ่งมีชื่อเรียกแตกตางกันไป
ครูใหนักเรียนสืบคนชื่อเรียกรามายณะในประเทศตางๆ เพิ่มเติม และใหนักเรียน
นักเรียนยกบทประพันธที่แสดงใหเห็นความเชื่อเกี่ยวกับเวรกรรม โดย ชวยกันแสดงความคิดเห็นวากลุมประเทศอาเซียนจะสามารถแสวงหาความรวมมือ
นักเรียนถอดคําประพันธและอธิบายวา บทประพันธที่ยกมาแสดงใหเห็น ตางๆ จากวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ไดหรือไม โดยครูชี้ใหนักเรียนเห็นถึงความ
ความเชื่อเรื่องเวรกรรมอยางไร คลายคลึงกันทางอัตลักษณของประเทศอาเซียนจากวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์
เชน ศิลปะการแสดง ภาพวาดฝาผนัง เปนตน
คู่มือครู 69
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนศึกษาบทวิเคราะหคุณคาวรรณคดีดาน
วรรณศิลป จากนั้นรวมกันเขียนสรุปความรูที่ได ๗.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์
ลงในสมุด ๑) รสทางวรรณคดี บทละครเรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก มีรสทาง
(แนวตอบ ดานวรรณศิลป มีความโดดเดนทาง วรรณคดีครบทั้ง ๔ รส ดังนี้
รสวรรณคดีไทย ทัง้ 4 ไดแก เสาวรจนี นารีปราโมทย ๑.๑) เสำวรจนี คือ บทชมความงาม มีทั้งการชมความงามของตัวละครและ
พิโรธวาทัง และสัลลาปงคพิสัย ความโดดเดนในรส ชมความงามของธรรมชาติหรือสถานที่ ดังบทประพันธ์
วรรณคดีไทย ไดแก เหลือบเห็นสตรีวิไลลักษณ์ พิศพักตร์ผ่องเพียงแขไข
• เสาวรจนี บทชมโฉม ความงดงาม งามโอษฐ์งามแก้มงามจุไร งามนัยน์เนตรงามกร
ของนางเทพอัปสร งามถันงามกรรณงามขนง งามองค์ยิ่งเทพอัปสร
• นารีปราโมทย บทเกี้ยวพาราสีนางเทพอัปสร งามจริตกิริยางามงอน งามเอวงามอ่อนทั้งกายา
• พิโรธวาทัง บทโกรธแสดงความโมโหของ ถึงโฉมองค์อัครลักษมี พระสุรัสวดีเสน่หา
นนทกที่ถูกกลั่นแกลง สิ้นทั้งไตรภพจบโลกา จะเอามาเปรียบไม่เทียบทัน
• สัลลาปงคพิสัย บทโศกเศราเสียใจของนนทก ดูไหนก็เพลินจ�าเริญรัก ในองค์เยาวลักษณ์สาวสวรรค์
ที่พยายามพูดถึงความดีของตนที่ทําไว ยิ่งพิศยิ่งคิดผูกพัน ก็เดินกระชั้นเข้าไป
แตกลับถูกกลั่นแกลง)
จากบทประพันธ์จะเห็นว่าเมื่อนนทกเห็นนางอัปสรหรือนางนารายณ์แปลงจึงเกิด
2. นักเรียนพิจารณาบทประพันธที่แสดงใหเห็น
ตกตะลึงในความงามถึงกับพรรณนาความงามของนางอัปสรว่าทั้งใบหน้า ปาก แก้ม ผม นัยน์ตา มือ
รสวรรณคดีสัลลาปงคพิสัย แลวตอบคําถาม หน้าอก หู คิ้ว งามไปหมดทุกส่วน งามยิ่งกว่าพระลักษมีชายาของพระนารายณ์และพระสุรัสวดีชายา
ตอไปนี้ ของพระพรหม ยิ่งมองยิ่งหลงรัก และต้องการท�าความรู้จัก
“ผูใดทําชอบตอเบื้องบาท ๑.๒) นำรีปรำโมทย์ คือ บทเล้าโลมเกี้ยวพาราสี เช่น บทเกี้ยวพาราสีของนนทก
ก็ประสาททั้งพรแลยศศักดิ์ ที่มีต่อนางแปลง ดังบทประพันธ์
ตัวขาก็มีชอบนัก
ลางเทาสุรารักษถึงโกฏิป โฉมเอยโฉมเฉลา เสาวภาคย์แน่งน้อยพิสมัย
พระองคผูทรงศักดาเดช เจ้ามาแต่สวรรค์ชั้นใด นามกรชื่อไรนะเทวี
ไมโปรดเกศแกขาบทศรี ประสงค์สิ่งอันใดจะใคร่รู้ ท�าไมมาอยู่ที่นี่
กรรมเวรสิ่งใดดั่งนี้ ข้าเห็นเป็นน่าปรานี มารศรีจงแจ้งกิจจา
ทูลพลางโศกีรําพัน” จากบทประพันธ์เป็นบทเกี้ยวพาราสีของนนทกที่กล่าวกับนางอัปสร โดยเริ่มต้น
• จากบทประพันธขางตนนักเรียนมีความ ด้วยการถามว่ามาจากสถานที่ใด ชื่ออะไร ต้องการสิ่งใดจึงมาอยู่ที่นี่ และเสนอตัวที่จะช่วยเหลือ
สงสารเห็นใจหรือไม อยางไร ถือเป็นบทเกี้ยวพาราสีที่เริ่มต้นด้วยการท�าความรู้จักฝ่ายหญิงก่อนและแสดงไมตรีให้เป็นที่ประทับใจ
(แนวตอบ นักเรียนอาจตอบวาสงสารหรือไม ๑.๓) พิโรธวำทัง คือ บทที่แสดงความโกรธ โมโห มีจิตใจก�าเริบ ได้แก่ ตอนที่
ก็ได แตใหนักเรียนใหเหตุผลประกอบ ครู นนทกได้รบั พรจากพระอิศวรให้มนี วิ้ เพชร จึงใช้นวิ้ เพชรชีเ้ พือ่ สังหารเทวดาทีก่ ลัน่ แกล้งตน เพือ่ แก้แค้น
แนะวา ในตอนนีไ้ มอาจรูเ จตนาทีไ่ มดขี องนนทก ดังบทประพันธ์
หากพิจารณาจากบทประพันธนนทกก็รูสึก 70
นาสงสารนาเห็นใจ)
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
นอกจากรสวรรณคดีไทยแลว ยังมีรสวรรณคดีตามตําราบาลีและสันสกฤต สุดเอยสุดสวาท โฉมประหลาดลํ้าเทพอัปสร
แบงเปน 9 รส ที่สามารถนํามาวิเคราะหบทประพันธ ครูแนะความรูใหนักเรียน ทั้งวาจาจริตก็งามงอน ควรเปนนางฟอนวิไลลักษณ
เพิ่มเติม ดังนี้ คําประพันธขางตนเปนรสวรรณคดีใด
1. ศฤงคารรส รสแหงความรัก 1. เสาวรจนี
2. หาสยรส รสแหงความขบขัน 2. นารีปราโมทย
3. รุทธรส รสแหงความโกรธ 3. พิโรธวาทัง
4. วีรรส รสแหงความกลาหาญในการรบ 4. สัลลาปงคพิสัย
5. พีภัตสรส รสแหงความรังเกียจชิงชัง วิเคราะหคาํ ตอบ รสวรรณคดีไทย มี 4 รส คือ เสาวรจนี บทชมความงาม
6. กรุณารส รสแหงความเมตตาสงสาร นารีปราโมทย บทแสดงความรัก พิโรธวาทัง บทแสดงความโกรธเกรี้ยว
7. อัพภูตรส รสแหงความประหลาดใจ และสัลลาปงคพิสัย บทแสดงความเศราโศก จากบทประพันธขางตน เปน
8. ภยานกรส รสแหงความกลัว คํากลาวของนนทกที่รูสึกรักใครนางอัปสร จึงกลาวเกี้ยวพาราสีนาง ซึ่งให
9. ศานติรส รสแหงความสงบ รสวรรณคดีนารีปราโมทย ตอบขอ 2.
70 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับรสทางวรรณคดี
บัดนั้น นนทกน�้าใจแกล้วกล้า โดยยกบทประพันธที่สอดคลองกับลักษณะนิสัย
กริ้วโกรธร้องประกาศตวาดมา อนิจจาข่มเหงเล่นทุกวัน ของตัวละครนนทก
จนหัวไม่มีผมติด สุดคิดที่เราจะอดกลั้น (แนวตอบ ลักษณะนิสัยของนนทก คือ
วันนี้จะได้เห็นกัน ขบฟันแล้วชี้นิ้วไป เกรี้ยวกราด มีความจงเกลียดจงชังฝงใจ ไมรูจัก
การใหอภัย มีรสวรรณคดีพิโรธวาทัง ความวา
จากบทประพั น ธ์ จ ะเห็ น ว่ า นนทกซึ่ ง เป็ น ตั ว ละครส� า คั ญ ของเรื่ อ งก� า ลั ง แสดง “บัดนั้น นนทกนํ้าใจแกลวกลา
อารมณ์โกรธ เมื่อได้รับพระราชทานนิ้วเพชรจากพระอิศวร จึงเกิดความฮึกเหิม ไม่เกรงกลัวใคร เมื่อ กริว้ โกรธรองประกาศตวาดมา อนิจจาขมเหงเลนทุกวัน
โดนแกล้งเหมือนดังเช่นทุกวัน ด้วยความโกรธแค้นสุดที่จะอดกลั้นได้จึงใช้นิ้วเพชรไล่ชี้เทวดาให้ได้รับ จนหัวไมมีผมติด สุดคิดที่เราจะอดกลั้น
ความเดือดร้อน วันนี้จะไดเห็นกัน ขบฟนแลวชี้นิ้วไป”
๑.๔) สัลลำปังคพิสัย เป็นบทคร�่าครวญ โศกเศร้า ร�าพึงร�าพัน ดังบทประพันธ์ และนนทกยังหลงใหลสตรีงาม ดังจะเห็นไดจาก
บทประพันธที่มีรสวรรณคดีนารีปราโมทย ความวา
ผู้ใดท�าชอบต่อเบื้องบาท ก็ประสาททั้งพรแลยศศักดิ์ “สุดเอยสุดสวาท โฉมประหลาดลํา้ เทพอัปสร
ตัวข้าก็มีชอบนัก ล้างเท้าสุรารักษ์ถึงโกฏิปี ทัง้ วาจาจริตก็งามงอน ควรเปนนางฟอนวิไลลักษณ
พระองค์ผู้ทรงศักดาเดช ไม่โปรดเกศแก่ข้าบทศรี อันซึ่งธุระของเจา หนักเบาจงแจงใหประจักษ
กรรมเวรสิ่งใดดั่งนี้ ทูลพลางโศกีร�าพัน ถาวาสนาเราเคยบํารุงรัก ก็เปนภักดิ์ผลสืบไป”)
จากบทประพั
1 นธ์แสดงให้เห็นถึงอารมณ์ความโศกเศร้าของนนทก เมื่อถูกแกล้ง
เป็นประจ�าจึงเข้าเฝ้าพระอิศวรแล้วรร�าพึงร�าพันให้เห็นความดีที่ผ่านมาของตนเองที่ท�าหน้าที่ล้างเท้า
เทวดาทุกองค์ที่จะเข้าเฝ้าพระอิศวรแต่กลับไม่เคยได้รับพรหรือยศศักดิ์ใดเลย กวีเลือกใช้ถ้อยค�าเพื่อ
ให้ผู้อ่านรู้สึกคล้อยตามไปกับอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความน้อยใจของนนทกจากวรรคที่ว่า “ไม่โปรดเกศ
แก่ข้ำบทศรี” หมายถึง ไม่เมตตานนทกเลยสักครั้ง
๒) การใช้โวหารและถ้อยค�า
๒.๑) กำรหลำกค�ำ เพื่อให้เกิดความไพเราะในบทประพันธ์และสามารถเลือกใช้ค�า
ให้ลงสัมผัสทีต่ อ้ งการได้อย่างไพเราะเหมาะสม ในบทละครเรือ่ ง รามเกียรติ ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก
มีการหลากค�า ดังบทประพันธ์
เมื่อนั้น หัสนัยน์เจ้าตรัยตรึงศา
เห็นนนทกนั้นท�าฤทธา ชี้หมู่เทวาวายปราณ
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
บทประพันธในขอใดมีการหลากคํา
1 พระอิศวร แปลวา พระเจาสูงสุด ที่อาจเรียกพระศิวะ แปลวา ผูอํานวยโชค
1. เมื่อนั้น พระสยมภูวญาณเรืองศรี
และมีชื่ออื่นๆ อีกนับพันชื่อที่เรียกตามลักษณะและการถือกําเนิดของพระองค
ไดฟงนนทกพาที ภูมีนิ่งนึกตรึกไป
พระอิศวรเปนเทพผูทําลาย หมายถึง ผูที่ทําลายโลกซึ่งมาถึงยุคที่เลวรายเกินการ
2. บัดนั้น นนทกผูมีใจสาหส
แกไข ในเรื่องรามเกียรติ์ หลังจากที่นนทกไปเกิดเปนทศกัณฐ พระนารายณอวตาร
รับพรพระศุลีมียศ บังคมลาแลวบทจรไป
เปนพระรามไปปราบ พระอิศวรไดชวยเหลือพระนารายณ โดยสรางหนุมานไวเปน
3. เมื่อนั้น หัสนัยนเจาตรัยตรึงศา
กําลังสําคัญของพระราม พระอิศวรแบงกําลังของพระองคประทานอิทธิฤทธิ์แก
เห็นนนทกนั้นทําฤทธา ชี้หมูเทวาวายปราณ
หนุมาน โดยมอบเทพอาวุธใหพระพายนําไปซัดเขาปากนางสวาหะเกิดเปนหนุมาน
4. เมื่อนั้น พระอิศวรบรมนาถา
ทหารเอกของพระราม ชวยใหพระรามสังหารทศกัณฐไดในที่สุด
ไดฟงองคอมรินทรา จึ่งมีบัญชาตอบไป
วิเคราะหคําตอบ การหลากคํา คือ ใชคําที่มีความหมายเหมือนกัน ขอ 1.
มีคําวา พระสยมภูวญาณ หมายถึง พระอิศวร มีคําขยายวา “เรืองศรี”
ขอ 2. มีคําวา “พระศุลี” ที่หมายถึง พระอิศวร ขอ 3. มีคาํ วา “หัสนัยน”
กับคําวา “เจาตรัยตรึงศา” ทีห่ มายถึง พระอิศวร และขอ 4. มีกลาวถึง
“พระอิศวร” และ “องคอมรินทรา” คือ พระอินทร ตอบขอ 3.
คู่มือครู 71
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนศึกษาบทวิเคราะหคุณคาวรรณคดีดาน
วรรณศิลป จากนั้นเขียนสรุปความรูที่ไดลงในสมุด นอกจากค�าว่าพระอินทร์แล้ว ยังพบการหลากค�าในบทอื่น ดังบทประพันธ์
(แนวตอบ การใชโวหารถอยคําทีใ่ หอรรถรส มีดงั นี้
มาจะกล่าวบทไป ถึงนนทกน�้าใจกล้าหาญ
• การหลากคํา เลือกใชคําที่สัมผัสกัน และเลือก
ตั้งแต่พระสยมภูวญาณ ประทานให้ล้างเท้าเทวา
ใชคําไวพจน
• การใชคําแสดงอารมณ คําที่แสดงความรูสึก จากบทประพั น ธ์ จ ะเห็ น ว่ า มี ก ารหลากค� า ที่ มี ค วามหมายว่ า พระอิ ศ วร คื อ
ของตัวละคร คือ อารมณโกรธ พระสยมภูวญาณและยังมีการหลากค�าโดยหมายถึง พระนารายณ์ ดังบทประพันธ์
• การใชคําสั้นแตกินความมาก ใหความหมาย
ที่ชัดเจน บัดนั้น นนทกแกล้วหาญชาญสมร
• การใชคําซํ้า เพื่อเนนคําใหมีอรรถรสใน เห็นพระองค์ทรงสังข์คทาธร เป็นสี่กรก็รู้ประจักษ์ใจ
การอาน ว่าพระหริวงศ์ทรงฤทธิ์ ลวงล้างชีวิตก็เป็นได้
• การใชอุปมาอุปไมย เพื่อแสดงการเปรียบ จึ่งมีวาจาถามไป โทษข้าเป็นไฉนให้ว่ามา
เทียบใหผูอานเกิดจินตภาพไดชัดเจน) จากบทประพันธ์ปรากฏการหลากค�าที่หมายถึง พระนารายณ์ คือ พระสี่กร
พระหริวงศ์ ซึ่งค�าที่มีความหมายเหมือนกันแต่สามารถเขียนได้หลายค�าเช่นนี้เรียกว่า ค�าไวพจน์ เป็น
ขยายความเข้าใจ Expand ศิลปะการใช้ถอ้ ยค�าของกวีเพือ่ สรรค�าให้ได้ความหมายตรงกับความต้องการและถูกต้องกับฉันทลักษณ์
1. นักเรียนตอบคําถามในประเด็นเกี่ยวกับ ของบทประพันธ์
วรรณศิลป ดังนี้ ๒.๒) กำรใช้ค�ำแสดงอำรมณ์ เพื่อให้ผู้อ่านมีอารมณ์ร่วมกับตัวละครในเรื่อง
• นักเรียนคิดวา “การหลากคํา” ในบทละคร ดังบทประพันธ์
เรื่องรามเกียรติ์เปนศิลปะการสรรคําอยางไร จนผมโกร๋นโล้นเกลี้ยงถึงเพียงหู ดูเงาในน�้าแล้วร้องไห้
(แนวตอบ การหลากคํา เปนลักษณะเดนของ ฮึดฮัดขัดแค้นแน่นใจ ตาแดงดั่งแสงไฟฟ้า
วรรณคดีไทยที่มีความงามทางภาษา เปน เป็นชายดูดู๋มาหมิ่นชาย มิตายก็จะได้เห็นหน้า
ศิลปะในการเลือกสรรคําอยางพิถีพิถัน เพื่อให คิดแล้วก็รีบเดินมา เฝ้าพระอิศราธิบดี
ไดคําที่เหมาะสมกับเนื้อหา และรูปแบบ มีทั้ง
ความไพเราะ ชวยในการดําเนินเรื่อง และเปน จากบทประพั
1 นธ์จะเห็นว่าการใช้เสียงในค�าว่า ฮึดฮัดและขัดแค้น ซึ่งเป็นค�า
คําที่เหมาะแกการใชเปนบทละคร) ที่ประสมด้วยสระเสียงสั้นแสดงถึงความรู้สึกอึดอัดคับแค้นที่ฝังอยู่ในอกของนนทก
นอกของนนทก เป็นการเลือกใช้ค�า
2. นักเรียนรวบรวมคําไวพจนที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ที่เหมาะกับการแสดงอารมณ์โกรธ ท�าให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกคล้อยตามไปกับตัวละคร
แลวชวยกันจัดปายนิเทศแสดงคําไวพจน การใช้ค�าว่า ดูด๋ ู ท�าให้รู้สึกถึงการเสียศักดิ์ศรีความเป็นชาย ยิ่งต่อด้วยค�าว่า
ในชั้นเรียน หมิ่นชาย ยิ่งตอกย�้าความรู้สึกเก็บกดตลอดเวลาที่ถูกข่มเหงรังแกของนนทกได้เป็นอย่างดี
(แนวตอบ ตัวอยางคําไวพจนในบทละครเรื่อง ๒.๓) กำรใช้คำ� น้อยแต่กนิ ควำมมำก เรือ่ ง รามเกียรติ ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก
รามเกียรติ์ ตอน นารายณปราบนนทก เชน สามารถเล่าเรือ่ งโดยใช้บทกลอนสัน้ ๆ แต่ได้ใจความครบถ้วนและมีความไพเราะ ดังบทประพันธ์
คําที่มีความหมายถึงพระอิศวร ไดแก
พระสยมภูวญาณ พระศุลี เปนตน) 72
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูชี้ใหนักเรียนเห็นวา วรรณคดีมิใชเรื่องไกลตัว เพราะวรรณคดีเปนเรื่องที่แตง ขอใดใชคําถามเชิงวาทศิลป
ขึ้นจากอารมณความรูสึกนึกคิดของมนุษย ดังนั้นตัวละครแมจะอยูในสถานะใดก็มี 1. โฉมเอยโฉมเฉลา เสาวภาคยแนงนอยพิสมัย
ความคิดความรูที่เหมือนมนุษย ดังที่นนทกอาจไดรับความเห็นใจเพราะถูกรังแก เจามาแตสวรรคชั้นใด นามกรชื่อไรนะเทวี
มาชานาน นิ้วเพชรจึงเปนอาวุธที่สมควรจะมีไวปองกันตัวและปรามไมใหใครมา 2. ประสงคสิ่งอันใดจะใครรู ทําไมมาอยูที่นี่
รังแกไดอีก แตกลับใชทํารายผูอื่น ดวยความโกรธเจาคิดเจาแคน สุดทายตนเอง ขาเห็นเปนนาปรานี มารศรีจงแจงกิจจา
ก็ไดรับผลนั้นเชนกัน 3. ทําไมมาลวงไถถาม ลวนลามบุกรุกเขามาใกล
ทานนี้ไมมีความเกรงใจ เราเปนขาใชเจาโลกา
4. อันซึ่งจะฝากไมตรีขา ขอนั้นอยาวาหารูไม
นักเรียนควรรู เราเปนนางรําระบําใน จะมีมิตรที่ใจผูกพัน
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. และขอ 2. เปนบทเจรจาของนนทกที่ถามนาง
1 ประสมดวยสระเสียงสั้น เมื่อใชคําที่ประสมดวยสระเสียงสั้นหรือคําตาย
อัปสรดวยชื่นชอบรักใครอยากรูวาเปนใคร ชื่ออะไร จึงคาดหวังคําตอบ
ในบทประพันธ จะทําใหการอานออกเสียงดูนาอึดอัด คือ เสียงมีความหวน สั้น
จากนาง สวนขอ 3. ที่นางอัปสรกลาววา “ทําไมมาลวงไถถาม” ไมได
กระตุก ลักษณะเสียงถูกกักไว เสียงเหมือนคนกําลังโกรธ
ตองการคําตอบ แตเปนการตอวานนทกที่กลาเขามาทักถาม ขอ 4. เปน
แตเพียงการบอกเลาไมไดถาม ตอบขอ 3.
72 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนพิจารณาบทประพันธที่มีการใชคําซํ้า
ชาตินี้มึงมีแต่สองหัตถ์ จงไปอุบัติเอาชาติใหม่ กันหลายที่ในหนา 73
ให้สิบเศียรสิบพักตร์เกรียงไกร เหาะเหินเดินได้ในอัมพร • อธิบายวามีการใชคําซํ้ากันอยางไร
มีมือยี่สิบซ้ายขวา ถือคทาอาวุธธนูศร (แนวตอบ จากบทประพันธในหนา 73 กวีมี
การใชคําซํ้ากันหลายที่ โดยซํ้าคําวา “งาม”
กูจะเป็นมนุษย์แต่สองกร ตามไปราญรอนชีวี
เปนการชมความงามของนางแปลงที่นนทก
จากบทประพันธ์เป็นตอนที่พระนารายณ์กล่าวกับนนทกก่อนจะสังหาร ซึ่งเป็น เห็นวางามมาก การใชคําซํ้ากันหลายที่จึง
1
บทกลอนสั้นๆ แต่ได้ใจความชัดเจนโดยนนทกกล่าวว่าพระนารายณ์มีสี่กรแต่กลับรังแกตนเองที่มี เปนการเนนความหมายของคําวา “งาม” ให
สองมือเท่านั้น พระนารายณ์จึงกล่าวให้นนทกไปอุบัติในชาติใหม่ให้มีสิบหน้า ยี่สิบมือ นนทกจึงจุติมา มีนํ้าหนักมากขึ้น)
เป็นทศกัณฐ์และพระนารายณ์อวตารเป็นพระราม
๒.๔) กำรใช้คำ� ในลักษณะกลบทและกำรซ�ำ้ ค�ำ เพือ่ ให้เกิดความไพเราะและเป็นการ ขยายความเข้าใจ Expand
เน้นความ ดังบทประพันธ์ นักเรียนถอดคําประพันธในหนา 73 บท
เหลือบเห็นสตรีวิไลลักษณ์ พิศพักตร์ผ่องเพียงแขไข ที่มีการใชคําซํ้ากันหลายที่
งามโอษฐ์งามแก้มงามจุไร งามนัยน์เนตรงามกร
(แนวตอบ จากบทประพันธที่มีคําซํ้ากันหลายที่
คือ
งามถันงามกรรณงามขนง งามองค์ยิ่งเทพอัปสร
เหลือบเห็นสตรีวิไลลักษณ
งามจริตกิริยางามงอน งามเอวงามอ่อนทั้งกายา
พิศพักตรผองเพียงแขไข
จากบทประพันธ์เป็นตอนที่นนทกเห็นความงามของนางแปลง จึงชมความงามของ งามโอษฐงามแกมงามจุไร
นาง โดยกวีซ�้าค�าว่า “งำม” เพื่อเน้นย�้าให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์ความรู้สึกคล้อยตามและเกิดจินตภาพถึง งามนัยนเนตรงามกร
ความงามของนางอัปสรว่าเป็นผู้มีความงามเพียบพร้อม งามถันงามกรรณงามขนง
๒.๕) กำรใช้อุปมำเปรียบเทียบ อุปมาเป็นการเปรียบสิ่งหนึ่งเหมือนอีกสิ่งหนึ่ง งามองคยิ่งเทพอัปสร
เพื่อให้ผู้อ่านเกิดจินตนาการเห็นภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้น ท�าให้ภาพที่ผู้อ่านจินตนาการตรงกับภาพ งามจริตกิริยางามงอน
ทีก่ วีตอ้ งการสือ่ และผูอ้ า่ นจะได้รบั อรรถรสในการอ่านมากยิง่ ขึน้ โดยจะมีคา� ว่า ดัง่ เพียง เปรียบ เหมือน งามเอวงามออนทั้งกายา
เห็นหญิงสาวงดงาม ใบหนาเหมือนดวงจันทร
ในบทประพันธ์เพื่อแสดงถึงการเปรียบเทียบ ดังบทประพันธ์
ปากงาม แกมงาม ไรผมงาม ตางาม แขนงาม
2
ต้องสุบรรณเทวานาคี ดั่งพิษอสุนีไม่ทนได้ อกงาม หูงาม คิ้วงาม รูปงามยิ่งกวานางฟา
ล้มฟาดกลาดเกลื่อนลงทันใด บรรลัยไม่ทันพริบตา นางสวรรค งามกิริยาทาทาง งามทั้งเนื้อทั้งตัว)
ตัวกูก็คิดเมตตา แต่จะไว้ชีวามึงไม่ได้
ตรัสแล้วแกว่งตรีเกรียงไกร แสงกระจายพรายไปดั่งไฟกาล
73
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ถึงโฉมองคอัครลักษมี พระสุรัสวดีเสนหา
1 พระนารายณมีสี่กร คือ พระกรทรงศาสตราวุธ 4 ชนิด ไดแก ตรี คทา จักร
สิ้นทั้งไตรภพจบโลกา เอามาเปรียบไมเทียบทัน
สังข และรางของพระนารายณที่มีสีเปลี่ยนไปตามยุค ฉลองพระองคดั่งกษัตริย
ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับบทประพันธขางตน
อาภรณสีเหลือง สวมมงกุฎทอง
1. การใชภาพพจนสัทพจน
2. การใชภาพพจนอติพจน 2 สุบรรณ หมายถึง ครุฑ ซึ่งแปลวาผูมีขนสีทองงามรุงเรือง ครุฑมีรูปกาย
3. การใชภาพพจนบุคคลวัต เปนกึ่งมนุษยและกึ่งนกเปนราชาแหงนก ครุฑกับนาคเปนพี่นองรวมบิดากัน แต
4. การใชภาพพจนอุปลักษณ เกลียดชังและเปนศัตรูกนั พระนารายณทรงขอใหครุฑเปนพาหนะของพระองค ทรง
อนุญาตใหครุฑเกาะบนเสาธง จึงเปนที่มาของธงครุฑที่ใชสําหรับพระมหากษัตริย
วิเคราะหคําตอบ จากบทประพันธขางตนกลาวถึงพระลักษมีชายา ครุฑที่ปรากฏอยูในบทละครเรื่องรามเกียรติ์มีชายาชื่อวินายกา มีลูกคือ สัมพาที
พระนารายณ พระสุรัสวดีชายาพระพรหม และหญิงสาวทุกนางในสามโลก และสดายุ หรือเรียกวา หัสดายุ
คือ โลกมนุษย สวรรค และบาดาล ไมมีหญิงคนใดงามเหมือนหญิงคนนี้
ซึ่งก็คือ นารายณแปลง เปนการเปรียบเทียบอยางเกินจริงวาไมมีหญิงใด
ในทั้งสามโลกที่งามกวาหญิงคนนี้ ตอบขอ 2.
คู่มือครู 73
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนอธิบายการใชความเปรียบที่วา “ขณะที่
แกวงพระแสงตรีเกิดแสงกระจายเหมือนไฟที่กําลัง จากบทประพันธ์สองบทข้างต้นมีการใช้ค�าอุปมา “ดั่ง” โดยกลอนบทแรกเป็น
ลุกไหม” วาทําใหผูอานเกิดจินตภาพไดอยางไร ตอนที่นนทกใช้นิ้วเพชรชี้เทวดาด้วยฤทธานุภาพของนิ้วเพชรเปรียบได้กับพิษของสายฟ้า
(แนวตอบ จากขอความขางตนเปนขอความ บทประพันธ์ที่สองเป็นตอนที่พระนารายณ์กล่าวแก่นนทกว่า พระองค์ทรงมีความ
ตอนที่พระนารายณใชพระแสงตรีสังหารนนทก จ�าเป็นต้องสังหารนนทกด้วยความผิดที่นนทกก่อขึ้น จากนั้นจึงใช้พระแสงตรีอาวุธประจ�าพระองค์
ทําใหเห็นภาพของอาวุธวา ทรงพลานุภาพรุนแรงใน ตัดเศียรของนนทก ขณะที่แกว่งพระแสงตรีเกิดแสงกระจายเหมือนไฟที่ก�าลังลุกไหม้ การใช้ค�าอุปมา
การทําลาย ดวยการจินตภาพแสงกระจายเหมือนไฟ เปรียบเทียบในบทประพันธ์จะท�าให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพขณะอ่านบทประพันธ์ได้เป็นอย่างดี
ที่กําลังลุกไหม) สิ่งที่ควรพิจารณาอีกประการหนึ่ง คือ ท่วงท่าการร่ายร�าของนางแปลงที1่บรรยาย
ในบทประพันธ์นี้ เป็นบทรวบรวมท่าร�าพื้นฐานส�าหรับผู้ฝึกนาฏศิลป์ ซึ่งเรียกว่า ท่ำร�ำแม่บทท ปรากฏ
ขยายความเข้าใจ Expand ดังบทประพันธ์
74
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูแนะใหนักเรียนพิจารณาดูภาพทารําเปรียบเทียบกับชื่อทารํา จะเห็นวา การรํา เทพนมปฐมพรมสี่หนา สอดสรอยมาลาเฉิดฉิน
ก็คอื การแปลชือ่ ทาใหเปนการรําโดยตรง แตประดิษฐใหมสี ว นสัดงดงาม เมือ่ นําทารํา ทั้งกวางเดินดงหงสบิน กินรินเรียบถํ้าอําไพ
ตางๆ ไปใชในการแสดง ก็ตองเรียบเรียงทารํา โดยลําดับทาใหเขากับจังหวะทํานอง คําประพันธที่ยกมาใหความรูทางนาฏศิลปในขอใด
ของเพลงและดนตรีทบี่ รรเลงประกอบ และตบแตงทารําสําหรับเชือ่ มทาตางๆ ใหตดิ ตอ 1. ตนแบบการรําแมบท
กันสนิทสนม 2. ตนแบบการขับรองเพลงไทยเดิม
3. ตนแบบเพลงการบรรเลงดนตรีไทย
4. ตนแบบการประยุกตเครื่องแตงกายละครรํา
นักเรียนควรรู วิเคราะหคําตอบ แมบทนางนารายณ มีมาแตครั้งกรุงศรีอยุธยา ปรากฏอยู
1 ทารําแมบท ทารําที่ครูนาฏศิลปโบราณไดประดิษฐไว ทั้งที่ตบแตงจาก ในระบําเบิกโรง ชุดนารายณปราบนนทก และมีการสืบทอดตอกันมาในสมัย
ทาธรรมดา และตามความหมายอืน่ ๆ มีมากมาย หรือทองใหจดจําไดงา ย มักเรียกกันวา กรุงรัตนโกสินทร ดังปรากฏในกลอนบทละคร ตอมามีการประดิษฐกระบวน
“แมบท” เพราะเปนทาหลักที่จะตองเรียนรูใหแมนยํา บทที่สั้น มีทารํานอย ทารําสําหรับการแสดง โดยประดิษฐกระบวนทารําประกอบบทขับรอง
ก็คอื บทพระราชนิพนธในรัชกาลที่ 1 แทรกอยูใ นเรือ่ งรามเกียรติ์ ตอน นารายณปราบ ไดอยางสอดคลองเหมาะสม แตยังคงทารําตามรูปแบบมาตรฐานที่สวยงาม
นนทกที่มีทั้งหมด 19 ทา ไว ตอบขอ 1.
74 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนศึกษาบทวิเคราะหคุณคาวรรณคดี
เมื่อนั้น พระสยมภูวญาณเรืองศรี ดานสังคม จากนั้นเขียนสรุปความรูที่ไดจากการ
ได้ฟังนนทกพาที ภูมีนิ่งนึกตรึกไป อภิปรายประเด็นตอไปนี้ลงในสมุด
อ้ายนี่มีชอบมาช้านาน จ�าจะประทานพรให้ • ความเชื่อเรื่องมีภพหนาปรากฏในบทละคร
คิดแล้วก็ประสิทธิ์พรชัย จงได้ส�าเร็จมโนรถ เรื่องรามเกียรติ์ ตอน นารายณปราบนนทก
หรือไม อยางไร
จากบทประพั น ธ์ แ สดงให้ เ ห็ น ว่ า นนทกตั้ ง ใจปฏิ บั ติ ห น้ า ที่ ข องตนเป็ น อย่ า งดี (แนวตอบ สะทอนใหเห็นความเชื่อของ
เมื่อจะขอพรจากพระอิศวร จึงได้รับความเมตตาและประสิทธิ์ประสาทพรให้โดยทันที คนไทย ไดแกความเชื่อเรื่องภพนี้ภพหนา
ซึ่งเปนความเชื่อทางศาสนา เชน ตอน
เมื่อนั้น พระนารายณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี
พระนารายณที่ทาทายใหนนทกไปเกิดใน
ได้ฟังจึ่งตอบวาที กูนี้แปลงเป็นสตรีมา
ภพใหม เพื่อจะไดชําระความอาฆาตที่มีตอ
เพราะมึงจะถึงแก่ความตาย ฉิบหายด้วยหลงเสน่หา
พระนารายณในชาตินี้ ดังบทประพันธ
ใช่ว่าจะกลัวฤทธา ศักดานิ้วเพชรนั้นเมื่อไร
“ชาตินี้มึงมีแตสองหัตถ
ชาตินี้มึงมีแต่สองหัตถ์ จงไปอุบัติเอาชาติใหม่
จงไปอุบัติเอาชาติใหม
ให้สิบเศียรสิบพักตร์เกรียงไกร เหาะเหินเดินได้ในอัมพร
ใหสิบเศียรสิบพักตรเกรียงไกร
มีมือยี่สิบซ้ายขวา ถือคทาอาวุธธนูศร
เหาะเหินเดินไดในอัมพร
กูจะเป็นมนุษย์แต่สองกร ตามไปราญรอนชีวี
มีมือยี่สิบซายขวา
ให้สิ้นวงศ์พงศ์มึงอันศักดา 1 ประจักษ์แก่เทวาทุกราศี
ถือคทาอาวุธธนูศร
ว่าแล้วกวัดแกว่งพระแสงตรี ภูมีตัดเศียรกระเด็นไป
กูจะเปนมนุษยแตสองกร
จากบทประพันธ์แสดงให้เห็นว่าหลังจากที่นนทกได้รับนิ้วเพชรตามต้องการแล้ว ตามไปราญรอนชีวี”)
กลับใช้ไปในทางทีผ่ ดิ ไล่ชเี้ ทวดาจนได้รบั ความเดือดร้อน ซึง่ การกระท�าของนนทกถือเป็นสิง่ ทีไ่ ม่ถกู ต้อง
จึงได้รบั ผลของการกระท�าโดยพระนารายณ์แปลงเป็นนางอัปสร ชวนนนทกร่ายร�าในท่าต่างๆ จนนนทก ขยายความเข้าใจ Expand
ใช้นิ้วเพชรชี้ขาของตนเองล้มลง พระนารายณ์จึงใช้พระแสงตรีตัดเศียรของนนทก 1. นักเรียนสืบคนขอมูลเกี่ยวกับความเชื่อเรื่อง
บทละครเรือ่ ง รามเกียรติ ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ได้สะท้อนค่านิยมของคนไทย ชาติภพจากบทละครเรื่องรามเกียรติ์ ตอน
ที่เชื่อว่าหากคนที่ท�าความดีย่อมได้รับสิ่งดี แต่ถ้าท�าความชั่วย่อมได้รับสิ่งไม่ดีตอบสนอง เหมือนดังที่ นารายณปราบนนทก จากนั้นใหนักเรียนนํา
นนทกตั้งใจปฏิบัติหน้าที่เมื่อขอพรจากพระอิศวรจึงได้รับความเมตตา แต่ภายหลังนนทกประพฤติตน ความเชื่อเหลานั้นมาเขียนอภิปราย เพื่อนํา
ไปในทางไม่เหมาะสมสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่นสุดท้ายจึงพบกับจุดจบของตนเอง เสนอแลกเปลี่ยนกับเพื่อนคนอื่นๆ
๒) สะท้อนให้เห็นความเชือ่ ของคนไทย กล่าวคือ สังคมไทยเป็นสังคมทีผ่ กู พันอยูก่ บั 2. นักเรียนยกตัวอยางบทประพันธที่สนับสนุน
ความเชื่อและความศรัทธา ดังนั้น ผู้ประพันธ์จึงถ่ายทอดผ่านบทประพันธ์ ซึ่งบทละครเรื่อง รามเกียรติ์ ความเชื่อเรื่องภพหนา
ตอน นารายณ์ปราบนนทก สะท้อนความเชื่อ คือ ความเชื่อในภพหน้า ดังบทประพันธ์
75
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดสะทอนใหเห็นความเชื่อของคนในสังคมไทย
1 พระแสงตรี มีความเกีย่ วของกับตราพระราชวงศจกั รี ซึง่ มีทมี่ าจากบรรดาศักดิ์
1. มีมือยี่สิบซายขวา ถือคทาอาวุธธนูศร
“เจาพระยาจักรีศรีองครักษ” ตําแหนงสมุหนายก ตําแหนงทางราชการครัง้ ทีพ่ ระองค
2. ไดฟงจึ่งตอบวาที กูนี้แปลงเปนสตรีมา
เคยทรงดํารงตําแหนงมากอนในสมัยกรุงธนบุรี คําวา “จักรี” นี้พองเสียงกับคําวา
3. ชาตินี้มึงมีแตสองหัตถ จงไปอุบัติเอาชาติใหม
“จักร” และ “ตรี” ซึ่งเปนเทพอาวุธของพระนารายณ พระบาทสมเด็จพระพุทธ
4. ใหสิ้นวงศพงศมึงอันศักดา ประจักษแกเทวาทุกราศี
ยอดฟาจุฬาโลกมหาราชจึงทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหสรางพระแสงจักรและ
วิเคราะหคําตอบ ความเชื่อเรื่องมีภพหนามีปรากฏในบทละคร พระแสงตรีไว 1 สํารับ และกําหนดใหใชเปนสัญลักษณประจําราชวงศจักรีสืบมา
เรื่องรามเกียรติ์ ตอนนารายณปราบนนทก ดังความวา จนถึงปจจุบัน
“ชาตินี้มึงมีแตสองหัตถ จงไปอุบัติเอาชาติใหม” ตอบขอ 3.
มุม IT
ศึกษาเนื้อเรื่องวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์เพิ่มเติม ไดที่
http://www.siamnt.net/ramakien_literature/html/ramakien_story2.php
คู่มือครู 75
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนศึกษาบทวิเคราะหคุณคาวรรณคดี
ดานสังคม จากนั้นเขียนสรุปความรูที่ไดจาก ชาตินี้มึงมีแต่สองหัตถ์ จงไปอุบัติเอาชาติใหม่
การอภิปรายประเด็นตอไปนี้ลงในสมุด ให้สิบเศียรสิบพักตร์เกรียงไกร เหาะเหินเดินได้ในอัมพร
• บทประพันธในบทละครเรื่องรามเกียรติ์ ตอน มีมือยี่สิบซ้ายขวา ถือคทาอาวุธธนูศร
นารายณปราบนนทก มีความสัมพันธกับ กูจะเป็นมนุษย์แต่สองกร ตามไปราญรอนชีวี
นาฏศิลปไทย อยางไร
ให้สิ้นวงศ์พงศ์มึงอันศักดา ประจักษ์แก่เทวาทุกราศี
(แนวตอบ สะทอนใหเห็นถึงวัฒนธรรมดาน
ว่าแล้วกวัดแกว่งพระแสงตรี ภูมีตัดเศียรกระเด็นไป
นาฏศิลปไทย ไดแก ทารําของพระนารายณ
ชุดรําแมบทเล็ก ซึ่งเปนทารายรําทางนาฏศิลป ช้า
ที่งดงาม สามารถนําไปประยุกต ประดิษฐเปน เมื่อนั้น ฝ่ายนางรัชดามเหสี
ทารายรําทาอื่นๆ ไดดวย สะทอนเอกลักษณ องค์ท้าวลัสเตียนธิบดี เทวีมีราชบุตรา
ความเปนไทยอยางเดนชัด) คือว่านนทกมาก�าเนิด เกิดเป็นพระโอรสา
ชื่อทศกัณฐ์กุมารา สิบเศียรสิบหน้ายี่สิบกร
ขยายความเข้าใจ Expand
จากบทประพันธ์กล่าวถึงนนทกที่ผูก1ใจอาฆาตในพระนารายณ์ที่แปลงเป็นนางอัปสร
นักเรียนเขียนแสดงความคิดเห็น ดังนี้ มาสังหารตน พระนารายณ์จึงได้ให้นนทกลงไปจุติในชาติใหม่แล้วพระองค์จะอวตารลงไปปราบ
• จากการศึกษาบทละครเรื่องรามเกียรติ์ ตอน สะท้อนให้เห็นความเชื่อในเรื่องภพหน้า หรือการเกิดในชาติใหม่
นารายณปราบนนทกมีขอเท็จจริงที่สอดคลอง ๓) สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมด้านนาฏศิลป์ไทย กล่าวคือ ท่าร�าของนางอัปสร
กับความจริงในชีวิตมนุษยอยางไร เป็นท่าร�าส�าคัญซึ่งผู้เรียนนาฏศิลป์จะต้องเรียนรู้เป็นท่าพื้นฐาน เรียกว่า ท่าร�าแม่บท และสามารถ
(แนวตอบ ดานเนื้อหามีขอเท็จจริงที่สอดคลอง น�าไปประยุกต์ประดิษฐ์ท่าร�าอื่นๆ ได้ ในต้นฉบับของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
กับความจริงในชีวิต ดังนี้ ใช้เพลงพระทองประกอบท่าร�า ดังบทประพันธ์
• สะทอนแกนเรื่องที่กลาวถึงการมอบอํานาจ
ใหแกคนที่ไมสามารถควบคุมสติได แสดง พระทอง
ใหเห็นถึงธรรมชาติของมนุษยที่ตองการ เทพนมปฐมพรหมสี่หน้า สอดสร้อยมาลาเฉิดฉิน
อํานาจและมักจะใชอํานาจเพื่อประโยชน ทั้งกวางเดินดงหงส์บิน กินรินเลียบถ�้าอ�าไพ
ของตนเองโดยไมคํานึงถึงความเดือดรอน อีกช้านางนอนภมรเคล้า ทั้งแขกเต้าผาลาเพียงไหล่
ของผูอื่น เมขลาโยนแก้วแววไว มยุเรศฟ้อนในอัมพร
• การผูกใจเจ็บแคน การไมรูจักการใหอภัย ลมพัดยอดตองพรหมนิมิต ทั้งพิสมัยเรียงหมอน
ยอมทําใหเกิดความทุกขใจ และเปนสิ่งที่ ย้ายท่ามัจฉาชมสาคร พระสี่กรขว้างจักรฤทธิรงค์
บั่นทอนความสุข เนื่องจากไมรูจัก ฝ่ายว่านนทกก็ร�าตาม ด้วยความพิสมัยใหลหลง
ปลอยวาง อาจทําใหเสียสุขภาพจิตได) ถึงท่านาคาม้วนหางวง ชี้ตรงถูกเพลาทันใด
76
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 จุติ เปนคํากริยา แปลวา “การเคลื่อน” คือ เคลื่อนจากภพหนึ่งไปสูอีกภพหนึ่ง ใหนักเรียนหาภาพประกอบทารําแมบทมาติดลงในสมุด พรอมระบุชื่อ
หรือเคลื่อนจากโลกหนึ่งไปสูอีกโลกหนึ่ง เมื่อรวมความแลว ก็คือ “ตาย” นั่นเอง ทารํา แลวนําสงครูผูสอน
ตามปกติถาเรานําเอาคําวา “จุติ” มาใช เรามิไดใชกับมนุษยทั่วๆ ไป และก็มิไดใช
แกบรรดาสัตวนรก เปรต อสุรกาย หรือสัตวดิรัจฉานอื่นๆ จะใชสําหรับเทวดาหรือ
พรหมเทานัน้ เชน เทวดาจุตจิ ากสวรรคมาเกิดในโลก หรือ พระโพธิสตั วจตุ จิ ากสวรรค กิจกรรมทาทาย
ชัน้ ดุสติ มาปฏิสนธิในพระครรภพระนางสิรมิ หามายา เมือ่ “จุต”ิ แลวก็ตอ ง “ปฏิสนธิ”
ทันที และจึงใชเขาคูกับ “อุบัติ” ซึ่งแปลวา “การเกิด”
นักเรียนสืบคนขอมูลเกี่ยวกับทารําแมบทเล็กทั้ง 19 ทา จากนั้น
ใหนักเรียนแบงกลุม 19 กลุม แตละกลุมมาเลารายละเอียดของทารํา
มุม IT พรอมแสดงทารําประกอบหนาชั้นเรียน
ศึกษาเกี่ยวกับทารําประกอบการแสดงเพิ่มเติม ไดที่
http://www.kanchanapisek.or.th/kp6/BOOK13/chapter5/t13-5-l2.htm
76 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนศึกษาบทวิเคราะหขอคิดที่สามารถนํา
จากบทประพั
1 นธ์สะท้อนให้เห็นว่าวัฒนธรรมไทยมีความเป็นเอกลักษณ์ มีการคิด ไปประยุกตใชในชีวติ ประจําวันได จากนัน้ รวมกัน
ประดิษฐ์ท่าร�าที่งดงามและก�าหนดชื่อให้สอดคล้องกับท่าร�าแต่ละท่าอย่างคล้องจองกัน เขียนแสดงความคิดเห็นตามหัวขอตอไปนี้ และ
๗.๔ ข้อคิดทีส่ ามารถนำาไปประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจำาวัน สรุปความรูลงในสมุด
จากการพิจารณาคุณค่าวรรณคดี ทั้งคุณค่าด้านเนื้อหา ด้านวรรณศิลป์ และด้านสังคม • การอาฆาตพยาบาท จองเวร จะนํามาซึ่ง
ท�าให้เห็นว่าบทละครเรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก สะท้อนให้เห็นถึงข้อคิดที่สามารถ ความเดือดรอน
น�าไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ�าวันได้โดยขึ้นอยู่กับวัยและประสบการณ์ของบุคคล ดังนี้ (แนวตอบ คนทุกคนอยากไดและอยากทําใน
๑) ความอาฆาต พยาบาท จองเวร น�ามาซึ่งความเดือดร้อน กล่าวคือ ธรรมชาติ สิ่งที่ตนเองตองการ เมื่อไมไดดั่งใจหวังยอม
ของมนุษย์มีความรู้สึก รัก โลภ โกรธ หลง ในบุคคลหรือวัตถุสิ่งของ เมื่อเกิดความไม่พอใจหรือไม่ได้รับ เกิดความไมพอใจ คิดอาฆาตพยาบาท
ในสิ่งที่ต้องการย่อมก่อให้เกิดความอาฆาต พยาบาท จองเวร และท้ายที่สุด ความอาฆาต พยาบาท จองเวรกับบุคคลที่เปนอุปสรรคขวางหนทาง
จึงกลายเป็นไฟเผาไหม้ท�าลายชีวิตของตนเอง หากนนทกยอมรับในชะตากรรมของตน ปลงใจจาก ของตน เมื่อเกิดความอาฆาตพยาบาทแลว
ความเจ็บแค้น ความเดื อดร้ อนนานั ป การจะไม่ เกิ ดขึ้น การปฏิ บัติ ต นให้ เ ป็ นผู้ ที่รู้ จั กการให้ อ ภั ย
ก็มุงที่จะทํารายผูอื่นไดอยางงายดาย
ไม่ผูกใจเจ็บแค้นย่อมน�ามาซึ่งความสุขกาย สบายใจ
เหมือนดั่งนนทกที่แกไขปญหาไมถูกวิธี)
• การไมรังแกผูที่ดอยกวาตน
๒) การใช้ อ� า นาจในทางที่ ผิ ด ย่ อ มน� า มาซึ่ ง ความเดื อ ดร้ อ น กล่ า วคื อ
(แนวตอบ คนเราตองอยูรวมกันในสังคม
อ�านาจเมื่อตกอยู่ในมือของผู้ซึ่งขาดสติไตร่ตรอง เขาย่อมใช้อ�านาจไปในทางที่ไม่ถูกต้อง อาจสร้าง
ผูที่มีความเกงกาจกลาหาญแข็งแรงก็ไมควร
ความเดือดร้อนหรือท�าลายบุคคลอืน่ ทัง้ ทางตรงและทางอ้อม เหมือนทีน่ นทกได้รบั พระราชทานนิว้ เพชร
รังแกผูที่ดอยกวาตน การรังแกผูที่ดอยกวา
จากพระอิศวร ด้วยความที่นนทกเป็นผู้มีจิตใจไม่มั่นคง ครองชีวิตด้วยความโกรธแค้น จึงใช้นิ้วเพชร
ตน ยอมหมายถึงการเบียดเบียนผูอื่น อาจ
ไล่ชี้เทวดาที่เคยกลั่นแกล้งตน
ไดรับภัยเชนกันในภายหลัง เชนเหลาเทวดา
ดังนั้น การให้อ�านาจแก่บุคคลใด ผู้ที่ให้อ�านาจควรใช้สติปัญญาไตร่ตรองพิจารณา
ที่กลั่นแกลงนนทกดวยมองวาตํ่าตอยกวาตน
และในขณะเดียวกันผู้ได้รับอ�านาจควรใช้อ�านาจไปในทางที่ถูกต้อง สุดทายจึงถูกนนทกแกแคน)
๓) อย่ารังแกผู้ที่ด้อยกว่าตน กล่าวคือ มนุษย์เป็นสัตว์สังคมต้องอาศัยอยู่ร่วมกันใน
สังคมและการที่จะอาศัยร่วมกันได้อย่างปกติสุขนั้น ต้องไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ต้องระลึกไว้เสมอ ขยายความเข้าใจ Expand
ว่า การรังแกผู้ที่ด้อยหรืออ่อนแอกว่าตนเองเป็นการกระท�าที่ไม่สมควรและในบางครั้งความเดือดร้อน
อาจจะกลับมาตอบสนองตนเองในภายหลัง นักเรียนยกพุทธสุภาษิตที่เกี่ยวกับการ
๔) ความลุ่มหลงมัวเมาจะท�าให้ภัยมาถึงตัว กล่าวคือ ความลุ่มหลงในรูป รส ไมจองเวร
กลิ่น เสียง สัมผัส ย่อมท�าให้มนุษย์ขาดสติในการใช้ชีวิต เมื่อความลุ่มหลงกลายเป็นความต้องการ (แนวตอบ ตัวอยางพุทธสุภาษิต น หิ เวเรน
ย่อมท�าให้มนุษย์ยอมท�าทุกอย่างเพื่อจะได้มาครอบครอง โดยไม่ทันได้พิจารณาว่าอาจน�ามาซึ่ง เวรานิ สมฺมนฺตีธ กุทาจนํ อเวเรน จ สมฺมนฺติ เอส
ความเดือดร้อนของตนเองเหมือนที่นนทกลุ่มหลงนางอัปสร เมื่อนางบอกให้ร่ายร�าตาม นนทกใช้นิ้ว ธมฺโม สนนฺตโน ฯ
เพชรชี้ขาของตนเองจนขาหักล้มลง พระนารายณ์ทรงใช้พระแสงตรีตัดเศียรในที่สุด อานวา นะ หิ เวเรนะ เวรานิ สัมมันตีทะ
กุทาจะนัง อะเวเรนะ จะ สัมมันติ เอสะ ธัมโม
สะนะนัตโน
77 แปลวา ในกาลไหนๆ ในโลกนี้ เวรไมมีระงับ
ดวยการจองเวร มีแตเวรระงับดวยการไมจองเวร)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ทางพุทธศาสนา “เรื่องนารายณปราบนนทก” ใหขอคิดใดที่นําไปใชใน ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่เนนความเขาใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของตัวละครใน
ชีวิตประจําวันไดดีที่สุด บทละครเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นารายณปราบนนทก โดยนักเรียนแบงกลุม ใหแตละ
1. อยารังแกผูที่ดอยกวาตน กลุมหาขาวจากหนังสือพิมพที่แสดงใหเห็นการใชอํานาจในทางที่ไมถูกตอง นักเรียน
2. ความลุมหลงมัวเมาจะนําภัยมาถึงตัว รวมกันอภิปรายความรูจากขาวที่แตละกลุมหามาในชั้นเรียน
3. การใหอํานาจแกผูที่ขาดสติยอมนําความเดือดรอนมาให
4. การอาฆาต พยาบาท จองเวรจองกรรม ยอมนํามาซึ่งความเดือดรอน
วิเคราะหคําตอบ ทุกขอเปนขอคิดทางพระพุทธศาสนาที่สามารถนําไป นักเรียนควรรู
ประยุกตใชในชีวิตประจําวันได ไมวาจะเปนการไมรังแกผูที่ดอยกวาตน
1 ประดิษฐทารําที่งดงาม แนวคิดของอาจารยเฉลย ศุขะวณิช ศิลปนแหงชาติ
ความลุมหลงมัวเมาหรือความประมาทขาดสติ การใหอํานาจแกผูขาดสติ
สาขาศิลปะการแสดง และผูเ ชีย่ วชาญนาฏศิลปไทยไดกลาวถึงการคิดประดิษฐทา รํา
จะนํามาซึ่งความเดือดรอน และอาฆาตพยาบาทจองเวรจองกรรมกัน
พอสรุปไดวา เปนลักษณะของการตีบท หรือใชภาษานาฏศิลปในทารําของไทย
ยอมนํามาซึ่งความเดือดรอน ซึ่งเปนคําสอนสําคัญที่หากนนทกถือปฏิบัติ
ที่เปนแบบแผนมาแตดั้งเดิม ก็คือ กลอนตํารารํา และบทรําเพลงชา เพลงเร็ว จะมี
จะไมเกิดความเดือดรอนกับตนเองและผูอื่น ตอบขอ 4.
ทาบังคับและทาตายโดยใชกลวิธีที่จะประดิษฐใหไดทารําที่เหมาะสมสวยงาม
คู่มือครู 77
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนพิจารณาคุณคาดานสังคมจากบทละคร
เรื่องรามเกียรติ์ ตอน นารายณปราบนนทก แม้ เ นื้ อ หาของบทละครเรื่ อ ง รามเกี ย รติ์ ตอน นารายณ์ ป ราบนนทก
เปรียบเทียบกับคานิยมการนับถือพระพุทธศาสนา จะมีเนือ้ หาสัน ้ แต่กม็ คี ณ
ุ ค่าในด้านการใช้ถอ้ ยคÓทีไ่ พเราะ ลึกซึง้ มีการพรรณนาให้เกิด
ของคนไทย จากนั้นเขียนสรุปความรูที่ไดลงในสมุด ความรู้สึกตามเนื้อเรื่องและได้สาระที่มีคุณค่าหลายประการ อีกทั้งยังให้ข้อคิดเตือนใจ
(แนวตอบ คานิยมของคนไทย เปนเรื่องของ แก่ผอู้ า่ นด้วย เช่น อย่าคิดว่าตนเหนือกว่าผูอ้ น
ื่ แล้วไปรังแกผูด้ อ้ ยกว่าด้วยความสนุกสนาน
ความเชื่อตามหลักศาสนา ไดแก การทําดีไดดี โดยไม่คÓนึงถึงจิตใจของผู้อื่น หรือความลุ่มหลงมัวเมาย่อมจะนÓภัยมาถึงตัว ดังที่
การทําชั่วไดชั่ว เชน การกระทําของนนทกที่พึงจะ นนทกลุ่มหลงสตรีจนขาดสติยั้งคิดจึงต้องตายในที่สุด อีกแนวคิดที่นÓมาพิจารณา คือ
ทําลายชีวิตของผูอื่นเพื่อเปนการแกแคน การจะบÓเหน็จรางวัลให้กับผู้ใด ต้องพิจารณาให้รอบคอบว่าเหมาะกับอุปนิสัยของผู้นั้น
จองเวรจองกรรมและกอกรรมไมสิ้นสุด) หรือไม่ ให้แล้วจะเกิดประโยชน์หรือโทษ บทละครเรือ่ ง รามเกียรติ ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก
• นักเรียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการทําดี จึงมีคุณค่าในด้านต่าง ครบถ้วน ซึ่งผู้เรียนสามารถนÓไปใช้ประโยชน์ในการเรียน
ไดดี การทําชั่วไดชั่ว นักเรียนเห็นดวย
และการดÓเนินชีวิตได้เป็นอย่างดี
หรือไม อยางไร
(แนวตอบ ครูชี้แนะใหนักเรียนเห็นวา การ
ทําความดีไมกอความเดือดรอน ทุกขใจให
ผูอื่น นอกจากนนทกจะเปนตัวอยางในการ
กระทําที่ไมดีแลว เทวดาที่กลั่นแกลงนนทกก็
ไมควรที่จะกระทําเชนนั้น แตการตอบโตหรือ
แกไขปญหาดวยความรุนแรงจะนํามาซึ่ง
ความพินาศเชนกัน)
ขยายความเข้าใจ Expand
นักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นในประเด็น
ตอไปนี้
• หากนักเรียนเปนนนทกจะมีวิธีแกไข
จัดการกับปญหาอยางไรเมื่อถูกกลั่นแกลง
เปนประจํา
(แนวตอบ นักเรียนแสดงความคิดเห็นได
หลากหลาย ครูชี้ใหนักเรียนเห็นวาการใชวิธี
อยางนนทกที่แกแคนพยาบาทเปนวิธีที่ผิด
เพราะผลที่ตามมาทําใหตัวเองและผูอื่น
เดือดรอน แตหากนนทกใชนิ้วเพชรขูหรือ
ปรามเหลาเทวดาที่มาแกลงก็จะไมเกิด 78
ความเสียหายแกใคร)
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูใหนักเรียนศึกษาเกี่ยวกับบทละครเรื่องรามเกียรติ์เพิ่มเติม ในฐานะที่เปน ชาตินี้มึงมีแตสองหัตถ จงไปอุบัติเอาชาติใหม
นาฏวรรณคดี ทั้งนี้บทละครนาฏวรรณคดีสามารถแบงแยกยอยออกเปนหลายชนิด ใหสิบเศียรสิบพักตรเกรียงไกร เหาะเหินเดินไดในอัมพร
ตามขนบการแสดงละครแบบตางๆ ละครชาตรี ละครนอก ละครใน ละครพันทาง “จงไปอุบัติเอาชาติใหม” หมายถึงใคร
มีลักษณะวิธีการแตงคลายคลึงกัน คือ ดําเนินเรื่องติดตอกันไป ไมแบงเปนบท 1. พิเภก 2. กุมภกรรณ
เปนตอน นอกจากนี้ ยังมีลักษณะพิเศษแตกตางจากบทละครเรื่องอื่น คือ 3. ทศกัณฐ 4. อินทรชิต
เปนเรื่องเดียวที่นํามาใชเปนบทพากยโขน ซึ่งมีหลายสํานวน แตงในสมัยอยุธยา วิเคราะหคําตอบ จากบทประพันธเปนคํากลาวของพระนารายณตอบโต
มาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร โดยเฉพาะในสมัยสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัวทรง ที่นนทกกลาวหา พระองความีสี่กรก็เลยเอาชนะตนเองได ความวา
พระราชนิพนธบทพากยโขนไวหลายตอน แตทรงเรียกวาละครดึกดําบรรพ “ใหสิบเศียรสิบพักตรเกรียงไกร” บงบอกลักษณะของทศกัณฐที่มีสิบเศียร
สิบหนา ตอบขอ 3.
78 คู่มือครู
ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนสรุปคุณคาดานเนื้อหาของบทละคร
เรื่องรามเกียรติ์ ตอน นารายณปราบนนทก
ค�ำถำม ประจ�ำหน่วยกำรเรียนรู้
2. นักเรียนยกบทประพันธที่มีรสทางวรรณคดี
สอดคลองกับลักษณะนิสัยของนนทกได
๑. นักเรียนคิดว่าพฤติกรรมของนนทกมีความน่าเห็นใจหรือไม่ อย่างไร จงอธิบายเหตุผลประกอบ 3. นักเรียนยกพุทธสุภาษิตที่ใหขอคิดตรงกับ
ความคิดเห็น บทละครเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นารายณ
๒. นนทกได้รับพรจากพระอิศวรให้มีนิ้วเพชร แต่นนทกกลับถูกสังหารได้ในที่สุด นักเรียนคิดว่า ปราบนนทกได
เกิดจากสาเหตุใดเป็นส�าคัญ 4. นักเรียนเปรียบเทียบขอคิดจากบทละครเรื่อง
๓. หากนักเรียนเป็นนนทก จะมีวิธีแก้ไขปัญหาหรือวิธีระงับความโกรธได้อย่างไรบ้าง เพื่อไม่ให้มีจิตใจ รามเกียรติ์ ตอน นารายณปราบนนทกกับ
ผูกอาฆาตหรือท�าร้ายผู้อื่น คานิยมการนับถือพระพุทธศาสนาของคนไทยได
๔. กลอนบทละครมีลักษณะต่างจากกลอนแปดอย่างไร
๕. ข้อคิดใดจากเรื่องที่นักเรียนสามารถน�ามาปรับใช้ในการด�าเนินชีวิตประจ�าวัน
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
1. การเขียนเรียงความหัวขอ “ปฐมกษัตริยแหง
ราชวงศจักรี”
2. การแตงคําประพันธหัวขอ “รามเกียรติ์
วรรณคดีมรดก”
กิจกรรม สร้ำงสรรค์พัฒนำกำรเรียนรู้ 3. บัตรคําสรุปเรื่องยอบทละครเรื่องรามเกียรติ์
ตอน นารายณปราบนนทก
กิจกรรมที่ ๑ ให้นักเรียนเขียนเรื่องย่อจากบทละครเรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก
4. การยกพุทธสุภาษิตที่ใหขอคิดตรงกับตัวละคร
กิจกรรมที่ ๒ ใ ห้นกั เรียนอ่านท�านองเสนาะจากบทละครเรือ่ ง รามเกียรติ ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก นนทก
โดยใช้น�้าเสียงและสอดแทรกอารมณ์ให้เหมาะสมกับเนื้อหาและตัวละคร
79
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. พฤติกรรมของนนทกไมนาเห็นใจ เพราะการถูกกลั่นแกลงใหตองโกรธเคือง แลวตอบโตกลับคืน นํามาซึ่งความเดือดรอน แมผูที่ไมเกี่ยวของเองก็พลอยไดรับผลกระทบ
จากการแกแคนนั้นไปดวย
2. เพราะนนทกใชนิ้วเพชรที่มีอํานาจในทางมิชอบ คือ ใชแกแคนทํารายผูอื่นจนนําภัยมาสูตน
3. หลีกเลี่ยงการเผชิญหนากับเหลาเทวดาหรือชี้นิ้วเพชรแตเพียงขูปรามไมใหเทวดามากลั่นแกลง โดยไมตองเอามาใชจริง
4. มักนิยมมีคําวา เมื่อนั้น บัดนั้น มาจะกลาวบทไป ขึ้นตนบทประพันธ
5. ขอคิดที่สามารถนํามาปรับใชในชีวิตประจําวัน ไดแก
• การรูจักการใหอภัย
• การใชอํานาจในทางที่สรางสรรค
• การไมรังแกผูที่ออนแอกวาและการไมลุมหลงในกิเลสตัณหา
คู่มือครู 79
กระตุน้ ความสนใจ
Engage ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน
2. วิเคราะหวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน พรอม
ยกเหตุผลประกอบ
3. อธิบายคุณคาของวรรณคดีและวรรณกรรมที่
อาน
4. สรุปความรูและขอคิดจากการอานเพื่อประยุกต
ใชในชีวิตจริง
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกปญหา
4. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต
คุณลักษณะอันพึงประสงค
õ
1. รักชาติ ศาสน กษัตริย
2. ใฝเรียนรู
3. รักความเปนไทย หนวยที่
กำพย์ห่อโคลงประพำสธำรทองแดง
กระตุน้ ความสนใจ Engage ตัวชี้วัด
■ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน (ท ๕.๑ ม.๒/๑)
ธ รรมชาติ เ ป น แรงบั น ดาลใจที่ สํ า คั ญ ใน
การสรางสรรคงานของกวี วรรณคดีหลายเรื่อง
ครูใชคําถามกระตุนความสนใจนักเรียน ■ วิเคราะหวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน พรอมยกเหตุผลประกอบ
(ท ๕.๑ ม.๒/๒) ไดสอดแทรกความรูเกี่ยวกับเรื่องธรรมชาติวิทยา
• จากภาพหนาหนวย นักเรียนเห็นสัตวชนิดใด ■ อธิบายคุณคาของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน (ท ๕.๑ ม.๒/๓) ไวในเนื้อเรื่องอยางกลมกลืนและนาสนใจ ดังเชน
สรุปความรูและขอคิดจากการอานเพื่อประยุกตใชในชีวิตจริง กาพยหอโคลงประพาสธารทองแดง ผลงานสําคัญ
บาง และในปจจุบันนักเรียนจะสามารถพบ
■
เกร็ดแนะครู
ครูจัดกิจกรรมที่สงเสริมการเรียนรู โดยการจัดกิจกรรมนอกหองเรียน
ใหนักเรียนศึกษา และสังเกตธรรมชาติที่อยูรอบตัว และเปรียบเทียบกับธรรมชาติ
ที่สัตวปาอาศัย ครูกระตุนใหนักเรียนพิจารณาความงามของธรรมชาติที่นักเรียนเคย
สัมผัส จากนั้นใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ในปา และเสนอแนวทางการฟนฟู รักษา ธรรมชาติใหเปนที่อยูอาศัยของสัตวปา
80 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
1. ครูยกบทประพันธที่ชวยปลูกจิตสํานึกให
๑ ความเป็นมา นักเรียนรูสึกหวงแหนธรรมชาติ จากนั้นให
เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรไชยเชษฐสุริยวงศ์ท1รงพระนิพนธ์กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดงขึ ้น นักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น
2 “เสือพีเพราะปาปก และปารกเพราะเสือยัง
ในโอกาสตามเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั บรมโกศ พระราชบิดา ไปนมัสการพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี
โดยเสด็จทางชลมารคออกจากอยุธยาไปตามแม่นา�้ ลพบุร ี ไปขึน้ ทีท่ า่ เจ้าสนุก แล้วเสด็จทางสถลมารคไป ดินเย็นเพราะหญาบัง และหญายังเพราะดินดี”
ตามถนนส่องกล้องจนถึงพระพุทธบาท ขณะที่ประทับอยู่ที่พระพุทธบาทได้เสด็จประพาสธารทองแดง (หนามยอกเอาหนามบง: รัชกาลที่ 6)
พระนิพนธ์ที่เกี่ยวกับการเสด็จไปพระพุทธบาทของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศรจึงมี ๒ ตอน คือ ตอนที่ ๑ เป็น 2. ครูสนทนากับนักเรียนและถามเกี่ยวกับ
กาพย์เห่เรือ เป็นการพรรณนาช่วงที่เสด็จทางชลมารค และกาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง เป็น ประสบการณการทองเที่ยวชมธรรมชาติ
การพรรณนาช่วงที่เสด็จประพาสธารทองแดง ซึ่งเป็นธารน�้าในบริเวณเขาพระพุทธบาท • นักเรียนเคยไปทองเที่ยวชมธรรมชาติที่มี
ลักษณะเปนปาเขาลําเนาไพรหรือไม ถาเคย
๒ ประวัติผู้แต่ง นักเรียนไปที่ใด
เจ้ า ฟ้ า ธรรมธิ เ บศรไชยเชษฐ์ สุ ริ ย วงศ์ มี พ ระนามที่ เรี ย กกั น เป็ น สามั ญ ว่ า “เจ้ า ฟ้ า กุ ้ ง ” (แนวตอบ นักเรียนแสดงความคิดเห็นได
เป็นพระราชโอรสองค์ใหญ่ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศและสมเด็จพระพันวสาใหญ่ เมื่อสมเด็จ หลากหลายขึน้ อยูก บั ประสบการณของนักเรียน)
พระชนกนาถเสวยราชย์แล้ว โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นเจ้าฟ้าต่างกรม พระนามว่า
เจ้าฟ้ากรมขุนเสนาพิทักษ์ ส�ารวจค้นหา Explore
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศโปรดปรานกรมขุนสุเรนทรพิทักษ์ พระโอรสองค์หนึ่งของ 1. นักเรียนศึกษาคนควาความเปนมาและประวัติ
สมเด็ จ พระเจ้ า อยู ่ หั ว ท้ า ยสระเป็ น อย่ า งมาก แม้ ก รมขุ น สุ เรนทรพิ ทั ก ษ์ จ ะทรงผนวชอยู ่ ก็ ต าม ผูแตง เรื่องกาพยหอโคลงประพาสธารทองแดง
แต่เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรทรงเกรงว่าจะเป็นศัตรูชงิ ราชสมบัตขิ องพระองค์ในอนาคตจึงทรงหาทางก�าจัดอยู่ จากเอกสาร ตํารา และเว็บไซตตา งๆ
เสมอ จนกระทั่งครั้งหนึ่งทรงท�าร้ายกรมขุนสุเรนทรพิทักษ์จนถูกกริ้ว ท�าให้ต้องหนีพระราชอาญาออก 2. นักเรียนศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
ผนวช ณ วัดโคกแสง ฉันทลักษณในการแตงกาพยหอโคลง จาก
ต่ อ มาพระราชชนนี ป ระชวรใกล้ จ ะสิ้ น พระชนม์ ได้ ทู ล ขอพระราชทานอภั 3 ย โทษให้ เอกสาร ตํารา และเว็บไซตตางๆ
เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร พระองค์จึงทรงลาผนวชและได้รับการสถาปนาเป็นพระมหาอุปราช ครั้งหนึ่งมีเหตุ 3. นักเรียนแบงหนาที่กันศึกษาคนควาความรู
กระทบกระทั่งกับกรมหมื่นจิตรสุนทร กรมหมื่นสุนทรเทพ และกรมหมื่นเสพภักดี ซึ่งเป็นพระอนุชา เกี่ยวกับเสนทางการเดินทางไปจังหวัดสระบุรี
ต่างพระชนนี กรมหมื่นสุนทรเทพทรงผูกอาฆาตน�าความกราบบังคมทูลว่า เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร พันธุไม พันธุสัตวที่ปรากฏในเรื่อง
เป็นชู้กับเจ้าฟ้าสังวาลย์ สนมเอกในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้ไต่สวน
เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรรับเป็นสัตย์ตลอดข้อหาจึงถูกลงพระอาญาโบยจนสิ้นพระชนม์ อธิบายความรู้ Explain
ผลงานพระนิพนธ์ของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร มีดังนี้
๑. นันโทปนันทสูตรค�าหลวง ๒. พระมาลัยค�าหลวง นักเรียนรวมอภิปรายความรูเกี่ยวกับความเปน
๓. กาพย์เห่เรือ ๔. กาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศก มาและประวัติผูแตงกาพยหอโคลงประพาสธาร
๕. กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง ๖. บทเห่กากี เห่สังวาส เห่ครวญ และเพลงยาว ทองแดง นักเรียนบอกชื่อผลงานอื่นๆ ของเจาฟา
ธรรมธิเบศรที่นักเรียนรูจัก
81 (แนวตอบ เชน พระมาลัยคําหลวง กาพยเหเรือ
กาพยหอโคลงนิราศธารโศก เปนตน)
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับผลงานพระนิพนธของเจาฟากุงเพิ่มเติม 1 สมเด็จพระเจาอยูหัวบรมโกศ หรือสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 เปน
แลวเลือกผลงานมา 1 เรื่อง เขียนแนะนําผลงานเรื่องนั้นดวยรอยแกวที่ พระราชโอรสในสมเด็จพระสรรเพชญที่ 8 หรือพระเจาเสือ พระนามเดิม คือ เจาฟาพร
สละสลวย 2 พระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี คนพบครัง้ แรกในสมัยพระเจาทรงธรรม โปรดฯ ให
สรางมณฑปครอบรอยพระพุทธบาท พรอมทั้งอุทิศที่ดินบริเวณนั้นเปนพุทธบูชา
3 พระมหาอุปราช ตําแหนงพระมหาอุปราชเกิดขึ้นครั้งแรกในสมัยพระเพทราชา
กิจกรรมทาทาย แหงกรุงศรีอยุธยา และใชสบื ตอมาจนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูห วั
จึงโปรดฯ ใหยกเลิกและแตงตั้งเปนตําแหนง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎ-
ราชกุมาร
นักเรียนยกบทประพันธจากผลงานของเจาฟากุงที่นักเรียนสนใจมา
2-4 บท ถอดคําประพันธ มานําเสนอคุณคาทางวรรณศิลปหนาชั้นเรียน
คู่มือครู 81
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนอธิบายฉันทลักษณในการแตงกาพยหอ
โคลงและลักษณะเดนของกาพยหอโคลง
(แนวตอบ กาพยหอโคลงเปนกาพยผสมที่ใชกาพย
๓ ลักษณะคÓประพันธ์
1
ยานีแตงรวมกับโคลงสี่สุภาพ โดยใหมีเนื้อความ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรทรงพระนิพนธ์เป็นกาพย์ห่อโคลง โคลง คือ ใช้กาพย์ยานีหนึ่งบท ซึ่งมี ๔ วรรค
เปนอยางเดียวกัน ฉันทลักษณของกาพยยานีมี สลับกับโคลงสี่สุภาพหนึ่งบท ซึ่งมี ๔ บาท เนื้อความในกาพย์แต่ละวรรค บรรจุลงในโคลงแต่ละบท
ลักษณะบังคับพื้นฐานตามที่กําหนด คือ วรรค ตามล�าดับและเกือบทุกบทของโคลง ค�าต้นบาทของโคลงมักจะเป็นค�าต้นวรรคของกาพย์
หนามี 5 คํา วรรคหลังมี 6 คํา สงสัมผัสโดย
คําสุดทายของวรรคแรกสัมผัสกับคําที่ 1, 2 หรือ แผนผังและตัวอย่างกาพย์ห่อโคลง
3 ของวรรคที่สอง และคําสุดทายของวรรคที่ 2 (กาพย์ยานี ๑๑)
สัมผัสกับคําสุดทายของวรรคที่ 3 สวนโคลง
สี่สุภาพมีขอยกเวนบางประการ คือ ไมเครงครัด
คําเอกในทุกตําแหนง
ลักษณะเดนของกาพยหอโคลงประพาสธาร (โคลงสี่สุภาพ)
ทองแดง คือ แตงกาพยยานี 1 บท แลวแตง
โคลงสี่สุภาพ 1 บท ใหเนื้อความเปนอยาง
่ ้
(
)
เดียวกัน โดยใหเนื้อความในบาทแรกของ
่ ่ ้
โคลงสี่สุภาพลอความในวรรคแรกของกาพยตาม
ลําดับ ทั้งยังกําหนดคําตนของแตละวรรคของ
่ ่ ( )
กาพยกับคําตนของแตละบาทของโคลงเปน
่ ้ ่
้
คําเดียวกันหรือใกลเคียงกัน)
2. ครูสุมนักเรียน 2-3 คน มาอธิบายฉันทลักษณ
ในการแตงกาพยหอโคลง (กาพย์ยานี ๑๑)
เครื
2 ่องสูงเพราเพริศพราย ชมชุมสายซ้ายขวาเคียง
ขยายความเข้าใจ Expand ธงไชยธงฉานเรียง ปี่กลองชนะตะเต่องครึม
นักเรียนแตงกาพยหอโคลงชื่นชมธรรมชาติใน
โรงเรียน จํานวน 2 บท แลวนําเสนอหนาชั้นเรียน (โคลงสี่สุภาพ)
กลองทองตีครุ่มครึ้ม เดินเรียง
ท้าตะเติงเติงเสียง ครุ่มครื้น
เสี่ยงปี่รี่เรื่อยเพียง กระเวก
แตร้นแตร่นแตรฝรั่งขึ้น หวู่หวู้เสียงสังข์
82
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
ขอใดกลาวถูกตอง
1 ทรงพระนิพนธเปนกาพยหอโคลง โคลงสี่สุภาพที่แตงเทียบความกาพยนั้น
1. คําประพันธประเภทกาพยหอโคลง ประกอบดวยกาพยยานี 11 จํานวน 1
ตองพรรณนาความที่มีในกาพยใหครบถวน โดยมุงใจความเปนสําคัญ การหาคําที่
บทและตอดวยโคลงสี่สุภาพ 1 บทสลับกันไป
มีใจความตามที่ตองการและไดลักษณะตรงตามที่กําหนดบังคับไวจึงยากกวาปกติ
2. คําประพันธประเภทกาพยหอโคลง ประกอบดวยกาพยฉบัง จํานวน 1 บท
ดวยเหตุนี้โคลงสี่สุภาพที่ทรงพระนิพนธจึงไมเครงครัดตําแหนงคําเอกนัก
และตอดวยโคลงสี่สุภาพ 1 บทสลับกันไป
2 ธงฉาน สมัยกอนเปนธงนํากระบวนกองชนะ มีลักษณะเปนรูปสามเหลี่ยม 3. คําประพันธประเภทกาพยหอโคลง ประกอบดวยกาพยยานี 11 จํานวน 1
ปจจุบันเปนธงที่มีลักษณะอยางเดียวกับธงชาติ แตตรงกลางของผืนธง มีรูปจักร บทและตอดวยโคลงสี่ดั้น 1 บทสลับกันไป
8 แฉก แฉกของจักรเวียนไปทางซายและมีสมอสอดวงจักร ภายใตพระมหามงกุฎ 4. คําประพันธประเภทกาพยหอโคลง ประกอบดวยกาพยยานี 11 จํานวน 1
รูปเหลานี้เปนสีเหลือง เปนธงที่ใชในเรือพระที่นั่งและเรือหลวง หรือเปนธงสําหรับ บทและตอดวยโคลงกระทู 1 บทสลับกันไป
หนวยทหารเรือที่ยกพลขึ้นบก ซึ่งหนวยทหารนั้นไมไดรับพระราชทานธงชัยเฉลิมพล
วิเคราะหคําตอบ คําประพันธประเภทกาพยหอโคลง คือ การแตงกาพย
ยานี 11 รวมกับโคลงสี่สุภาพ ซึ่งมี 3 ลักษณะ ดังนี้ ลักษณะที่ 1 กาพยยานี
11 จํานวน 1 บท โคลงสี่สุภาพ 1 บท แตงสลับกันไป ลักษณะที่ 2 แตง
โคลงสุภาพกอน 1 บทแลวจึงตามดวยกาพยยานี 11 ลักษณะที่ 3 แตงโคลง
สี่สุภาพ 1 บท แลวแตงกาพยยานี 11 โดยไมกําหนดหรือจํากัดจํานวนบท
82 คู่มือครู ตอบขอ 1.
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนอานเรื่องยอกาพยหอโคลงประพาส
๔ เรื่องย่อ 1 2
ธารทองแดง แลวตอบคําถามตอไปนี้
• การเดินทางไปธารทองแดงเดินทางอยางไร
กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง ด�าเนินเรื่องตามแบบฉบับของนิราศ าศ คือ พรรณนาถึง
(แนวตอบ ทางสถลมารค หรือทางบก)
การเดินทาง แต่ไม่ได้คร�่าครวญถึงการพลัดพรากจากนางอันเป็นที่รัก เนื้อเรื่องพรรณนาการตามเสด็จ
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทางสถลมารคไปนมัสการรอยพระพุทธบาท จากท่าเจ้าสนุก ผ่านต�าบล • จุดหมายปลายทางในการเสด็จประพาส
ธารทองแดง ซึ่งมีธารน�้าเล็กๆ สายหนึ่งชื่อว่า “ธารทองแดง” อันเป็นที่ตั้งของพระต�าหนักธารเกษม ครั้งนี้คือที่ใด
ที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดิน จนกระทั่งถึงเขาพระพุทธบาท ปัจจุบันอยู่ในเขตอ�าเภอพระพุทธบาท (แนวตอบ อําเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุร)ี
จังหวัดสระบุรี
การด�าเนินเรื่องเริ่มด้วยการพรรณนาชมขบวนเสด็จ จากนั้นชมสัตว์นานาชนิด ทั้งสัตว์เลี้ยงลูก ขยายความเข้าใจ Expand
ด้วยนม สัตว์ปกี สัตว์นา�้ และพรรณไม้สกุลต่างๆ ในลักษณะธรรมชาติศกึ ษา สะท้อนภาพความอุดมสมบูรณ์
ของธรรมชาติ จากการอานเรื่องยอนักเรียนเขียนแผนที่การ
ในที่นี้คัดมาให้นักเรียนได้เรียนเพียง ๒๔ บท เริ่มด้วยการพรรณนาลักษณะของขบวนเสด็จ เดินทางไปธารทองแดง จังหวัดสระบุรี
ซึ่งอยู่ตอนต้นเรื่อง จ�านวน ๔ บท พรรณนาสัตว์บกและสัตว์น�้า จ�านวน ๑๗ บท ส�าหรับตอนท้ายเรื่อง • ธารทองแดง
บอกพระประวัติและพระประสงค์ในการประพันธ์ จ�านวน ๓ บท
• พระตําหนักธารเกษม
๕ เนื้อเรื่อง • ตําบลธารทองแดง
• ทาเจาสนุก
กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง*
(เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร: กรมศิลปากร) ตรวจสอบผล Evaluate
๑**
เกลื่อนกรูหมู่จัตุรงค์ เป็นกันกงเรียบเรียงไป 1. นักเรียนแตงกาพยหอโคลงชื่นชมธรรมชาติใน
ทรงช้างระวางใน เทพลีลาหลังคาทอง
โรงเรียน จํานวน 2 บท
เกลื่อนกรูหมู่แห่ห้อม เรียงไสว
เสด็จพุดตาลทองไคล หว่างเขรื้อง 2. นักเรียนวาดแผนที่การเดินทางไปธารทองแดง
ทรงช้างระวางใน มีชื่อ จากการอานเรื่องยอกาพยหอโคลงประพาส
เทพลีลาเยื้อง ย่างแหน้หลังดี ธารทองแดง
๒
เครื่องสูงเพราเพริศพราย ชมชุมสายซ้ายขวาเคียง
ธงไชยธงฉานเรียง ปี่กลองชนะตะเต่องครึม
กลองทองตีครุ่มครึ้ม เดินเรียง
ท้าตะเติงเติงเสียง ครุ่มครื้น
เสียงปี่รี่เรื่อยเพียง กระเวก
แตร้นแตร่นแตรฝรั่งขึ้น หวู่หวู้เสียงสังข์
* ต้นฉบับตอนต้นสูญหายไป
** เลขประจ�ากาพย์นี้ พิมพ์ตามต้นฉบับที่มีเหลืออยู่
83
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
กาพยหอโคลงประพาสธารทองแดงมีคุณคาควรแกการศึกษาในดานใด
1 นิราศ แปลวา ลาจาก มีลักษณะการแตงที่สําคัญ คือ ตองมีการเดินทางและ
1. ใหความรูเรื่องพืช
การครํ่าครวญถึงนางผูเปนที่รัก เนื่องจากมีลักษณะการดําเนินเรื่องคลายนิราศ
2. ใหความรูเรื่องสัตว
ตําราบางเลมจึงเรียกชื่อวา “กาพยหอโคลงนิราศประพาสธารทองแดง”
3. ใหความรูเรื่องการทองเที่ยว
4. ใหความรูเรื่องธรรมชาติศึกษา 2 พรรณนา การใชภาษาแบบพรรณนา เปนการเลาเรื่องราวอยางละเอียดลึกซึ้ง
โดยแทรกอารมณความรูสึกของกวีทําใหผูอานเกิดจินตภาพ
วิเคราะหคําตอบ กาพยหอโคลงประพาสธารทองแดงมีเนื้อหาเลาเรื่องการ
เดินทางไปพระพุทธบาทและชมธรรมชาติที่นาตื่นตาตื่นใจที่พบเห็นระหวาง
ทางใหความรูเรื่องธรรมชาติศึกษาทั้งเกี่ยวกับสัตวและพืช เชน มุม IT
เลียงผาอยูภูเขา งูเขียวรัดตุกแก ไกฟาหนากํ่าแดง นกแกวแจวเสียงใส
กระจายสยายซรองนาง ผาสไบบางนางสีดา เปนตน ตอบขอ 4. ศึกษาเกี่ยวกับเนื้อเรื่องตามตนฉบับเทาที่มีปรากฏเพิ่มเติม ไดที่
http://www.reurnthai.com/wiki/กาพยหอโคลงนิราศธารทองแดง
คู่มือครู 83
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
1. ครูใชคําถามกระตุนความสนใจของนักเรียน
• นักเรียนรูจักหรือเคยเดินทางไปนมัสการรอย ๓
นักสนมกรมชแม่มี่ ขี่ช้างกูบรูปโลมใจ
พระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีหรือไม อยางไร พักตราอ่าผ่องใส นุ่งห่มโอ่โสภาจริง
(แนวตอบ นักเรียนอาจรูจักหรือไมรูจัก ครูขอ นักสนมกรมชแม่เจ้า ทังหลาย
อาสาสมัครนักเรียนที่รูจักพระพุทธบาทมาเลา ขี่ช้างกูบดาวราย แจ่มหน้า
เกี่ยวกับสถานที่ดังกลาวใหเพื่อนๆ ในหองฟง) พักตราผ่องใสสาย สุดสวาท
2. ครูขออาสาสมัคร 1-2 คน มาเลาประสบการณ นุ่งห่มโอ่โถงผ้า อร่ามริ้วทองพราย
๕
การเดินทางที่ชื่นชมความงามทางธรรมชาติ เที่ยวเล่นเป็นเกษมสุข แสนสิ่งสนุกปลุกใจหวัง
ใหเพื่อนๆ ฟง จากนั้นรวมกันแลกเปลี่ยน เร่ร่ายผายผาดผัง หัวริกรื่นชื่นชมไพร
ประสบการณ สุขเกษมเปรมหน้าเหลือบ ลืมหลั1ง
แสนสนุกปลุกใจหวัง วิ่งหรี้
ส�ารวจค้นหา Explore เดินร่ายผายผันยัง ชายป่า
หัวร่อรื่นชื่นชี้ ส่องนิ้วชวนแล
1. นักเรียนอานเนื้อเรื่องยอกาพยหอโคลงประพาส ๖ 2
ธารทองแดง พังพลายหลายหมู่ซร้อง ในเถื่อนท้องร้องระงมดง
ธารน�้าคร�่ากันลง เล่นน�้าแน่
3 นแตร้นชมกัน
2. นักเรียนศึกษาพฤติกรรมของสัตวปาชนิดตางๆ ฝูงช้างสล้างใหญ่น้อย พังพลาย
ที่ปรากฏในกาพยหอโคลงประพาสธารทองแดง ทอกโทนพินายหลาย ส�่าถ้วน
3. นักเรียนศึกษาคนควาเกีย่ วกับทีม่ าของบทประพันธ ทองแดงเผือกเนียมราย ในเหล่า
“เครื่องสูง” จากแหลงเรียนรูตางๆ เพิ่มเติม เชน ลงท่าน�้าด�าป้วน เล่นร้องฮูมแปร๋น
เว็บไซต หนังสือสารานุกรม เปนตน ๘
กวางทรายร่ายกินหญ้า สุกรป่าพาพวกจร
สุนัขในไล่เห่าหอน ตามเปนหมู่พรูเพรียกเสียง
อธิบายความรู้ Explain กวางทรายร่ายเสพหญ้า ดงดอน
1. นักเรียนจับคูและชวยกันถอดคําประพันธ คูละ หมูป่าพาเพื่อนจร ลูกล้อม
สุนัขจิ้งจอกหอน หลายเหล่า
1 บท มานําเสนอหนาชั้นเรียนและสงครู เป็นหมู่พรูเพรียกห้อม เห่าอื้ออึงเสียง
2. หลังจากที่นักเรียนแตละคูมานําเสนอการถอด ๑๐
คําประพันธหนาชั้นเรียน ครูและนักเรียน มีหมีพีด�าขลับ ขึ้นไม้ผับฉับไวถึง
เรี่ยวแรงแขงขังขึง กัดโพรงไม้ได้ผึ้งกิน
รวมกันอภิปรายเนื้อเรื่องเพิ่มเติม
มีหมีด�าขลับหน้า เป็นมัน
ขึ้นไม้ผับฉับพลัน ขบขึ้ง
เรี่ยวแรงแขงข้างขยัน สามารถ
กัดฉีกไม้ได้ผึ้ง คาบเคี้ยวพลางหวาน
84
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูใหนกั เรียนศึกษาเนือ้ เรือ่ งกาพยหอ โคลงประพาสธารทองแดงเพิม่ เติม นอกเหนือ กวางทรายรายกินหญา สุกรปาพาพวกจร
จากที่คัดมาใหเรียนในหนังสือเรียนวรรณคดีและวรรณกรรมบางสวน แมฉบับเดิมจะ สุนัขในไลเหาหอน ตามเปนหมูพรูเพรียกเสียง
ขาดหายไปไมครบทุกบท แตการศึกษาใหมากจะชวยใหนกั เรียนมีความรอบรูแ ละเขาใจ ในคําประพันธที่ยกมานี้มีสัตวปาอยูกี่ชนิด
เกีย่ วกับเนื้อเรื่องยิ่งขึ้น ทั้งความรูเรื่องธรรมชาติ และการสรรคําที่ไพเราะใน 1. 1 ชนิด
บทประพันธ โดยกลาวถึงขบวนเสด็จพยุหยาตราทางสถลมารค พรรณนาความงาม 2. 2 ชนิด
ของขบวนเสด็จ และความงามของธรรมชาติ 3. 3 ชนิด
4. 4 ชนิด
84 คู่มือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับการเลียนเสียง
1
๒๐
เลียงผาอยู่ภูเขา หนวดพรายเพราเขาแปล้ปลาย ธรรมชาติ พรอมยกตัวอยางประกอบการอธิบาย
รูปร่างอย่างแพะหมาย ขนเหม็นสาบหยาบเหมือนกัน (แนวตอบ คําเลียนเสียงธรรมชาติจํานวนไมนอย
เลียงผาอยู่พ่างพื้น ภูเขา ในภาษาที่เปนคําเลียนเสียงธรรมชาติเปนที่รูและ
หนวดภู่ดูเพราเขา ไปล่ท้าย ยอมรับกันวาจะออกเสียงคํานั้นอยางไร ผูที่จะให
รูปร่างอย่างแพะเอา มาเปรียบ
คําเลียนเสียงธรรมชาติจะตองใชใหตรงกัน
ขนเหม็นสาบหยาบร้าย กลิ่นกล้าเหมือนกัน
๒๗
ตัวอยางบทประพันธที่มีการเลียนเสียงธรรมชาติ
กระจงกระจิดเตี้ย วิ่งเรี่ยเรี่ยน่าเอ็นดู “กลองทองตีครุมครึ้ม เดินเรียง
เหมือนกวางอย่างตาหู มีเขี้ยวน้อยสร้อยแนมสอง ทาตะเติงเติงเสียง ครุมครื้น
กระจงกระจิดหน้า เอ็นดู เสียงปรี่เรื่อยเพียง กระเวก
เดินร่อยเรี่ยงามตรู กระจ้อย
แตรนแตรนแตรฝรั่งขึ้น หวูหวูเสียงสังข”
เหมือนกวางอย่างตาหู ตีนกีบ
มีเคี่ยวขาวน้อยช้อย แนบข้างเคียงสอง คําเลียนเสียงธรรมชาติ ไดแก เสียงกลอง
๒๘
“ตะเติงเติง” เสียงแตร “แตรนแตรน” และ
ฝูงลิงใหญ่น้อยกระจุ้ย ชะนีอุ่ยอุ้ยร้องหา เสียงสังข “หวู หวู”
ฝูงค่างหว่างพฤกษา ค่างโจนไล่ไขว่ปลายยาง “ฝูงลิงใหญนอยกระจุย ชะนีอุยอุยรองหา
ฝูงลิงยวบยาบต้น พวาหนา ฝูงคางหวางพฤกษา คางโจนไลไขวปลายยาง
ฝูงชะนีมี่กู่หา เปล่าข้าง
ฝูงลิงยวบยาบตน พวาหนา
ฝูงค่างหว่างพฤกษา มาสู่
ครอกแครกไล่ไขว่คว้าง โลดเลี้ยวโจนปลิว ฝูงชะนีมี่กูหา เปลาขาง
๔๔
ฝูงคางหวางพฤกษา มาสู
งูเขียวรัดตุ๊กแก ตุ๊กแกแก่คางแข็งขยัน ครอกแครกไลไขวควาง โลดเลี้ยวโจนปลิว”
กัดงูงูยิ่งพัน อ้าปากง่วงล้วงตับกิน คําเลียนเสียงธรรมชาติ ไดแก เสียงชะนีรอง
งูเขียวแลเหลื้อมพ่น พิษพลัน “อุยอุย” ฝูงคางไตไลกันบนตนไมเสียงใบไมดัง
ตุ๊กแกคางแข็งขยัน คาบไว้
“ครอกแครก”)
กัดงูงูเร่งพัน ขนดเครียด
ปากอ้างูจึงได้ ลากล้วงตับกิน
๔๕
ยูงทองย่องเยื้องย่าง ร�ารางชางช่างฟ่ายหาง
ปากหงอนอ่อนส� 2 าอาง ช่างร�าเล่นเต้นตามกัน
ยูงทองย่องย่างเยื้อง ร�าฉวาง
รายร่ายฟายเฟื่องหาง เฉิดหน้า
ปากหงอนอ่อนส�าอาง ลายเลิศ
ร�าเล่นเต้นงามหง้า ปีกป้องเป็นเพลง
85
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
นักเรียนสํารวจวาสัตวที่พบในบทประพันธเปนสัตวสงวนของไทยหรือไม 1 เลียงผา หรือโครําเปนสัตวเลี้ยงลูกดวยนม อยูในตระกูลเดียวกันกับแพะและ
และนักเรียนรวบรวมชื่อสัตวปาสงวนตามพระราชบัญญัติ แกะ หากินตามลําพังบนภูเขาสูง จัดเปนสัตวปาสงวน ตามพระราชบัญญัติสงวน
และคุมครองสัตวปา พ.ศ. 2535 ปจจุบันใกลสูญพันธุแลว เนื่องจากถูกลานําไป
เปนยาแผนโบราณ
กิจกรรมทาทาย 2 ยูงทอง หรือนกยูง สําหรับในประเทศไทย เคยมีกระจายอยูทั่วทั้งประเทศ
แตปจ จุบนั ไดลดจํานวนลงอยางรวดเร็ว อันเนือ่ งจากปาซึง่ เปนถิน่ ทีอ่ ยูอ าศัยไดลดลง
และถูกจับลาเปนจํานวนมาก ดังนั้น นกยูงจึงคงเหลืออยูแตในสวนสัตว และพื้นที่
นักเรียนเสนอแนวทางที่จะชวยสงเสริมใหมีการอนุรักษสัตวปาที่ ปาอนุรักษเพียง 10 แหงเทานั้น โดยบริเวณที่พบนกยูงมากที่สุด คือ เขตรักษาพันธุ
ปจจุบันมีจํานวนนอย จัดทําประชาสัมพันธเยาวชนรุนใหมใสใจอนุรักษ สัตวปาหวยขาแขง มีจํานวนประมาณ 400 ตัว รองลงมาคือ เขตรักษาพันธุสัตวปา
สัตวปา สาละวิน และเขตรักษาพันธุสัตวปาทุงใหญนเรศวร
คูมือครู 85
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับการเลนเสียงใน
1
วรรณคดีไทย ๔๘
ไก่ฟ้าอ้าสดแสง หัวสุกแดงแทงเดือยแนม
(แนวตอบ การเลนเสียงมี 3 ลักษณะ ดังนี้ ปีกหางต่างสีแกม สีแต้มต่างอย่างวาดเขียน
การเลนพยัญชนะ การเลนเสียงสระ และการเลน ไก่ฟ้าหน้าก�่ากล้า ปากแหลม
เสียงวรรณยุกต) หัวแดงแฝงเดือยแนม เนื่องแข้ง
ปีกหางต่างสีแกม ลายลวด
ตัวด่างอย่างคนแกล้ง แต่งแต้มขีดเขียน
ขยายความเข้าใจ Expand
๕๑
นกกดอดอาจสู้ พบงูเห่าเอาปีกบัง
นักเรียนยกบทประพันธจากกาพยหอโคลง งูโพนพังพานหวัง จะขบตอด บ รอดเลย
ประพาสธารทองแดง นกกดอดอาจสู้ งูขลัง
• วิเคราะหวามีการเลนเสียงลักษณะใด งูขบเอาปีกบัง เข็ดเขี้ยว
(แนวตอบ ครูพิจารณาการวิเคราะหของ งูเลิกพังพานหวัง ขบตอด
นักเรียนวาบทประพันธที่ยกมามีการเลนเสียง ตอด บ รอดเลยเลี้ยว หลีกเลี้ยวสูดหนี
ลักษณะใด การเลนพยัญชนะ การเลนเสียง ๕๒
ดูหนูสู่รูงู งูสุดสู้หนูสู้งู
สระ หรือการเลนเสียงวรรณยุกต ตัวอยางเชน หนูงูสู้ดูอยู่ รูปงูทู่หนูมูทู
การเลนเสียงสระที่ชัดเจนที่สุดในเรื่อง คือ ดูงูขู่ฝูดฝู้ พรูพรู
“ดูหนูสูรูงู งูสุดสูหนูสูงู หนูสู่รูงูงู สุดสู้
หนูงูสูดูอยู รูปงูทูหนูมูทู งูสู้หนูหนูสู้ งูอยู่
ดูงูขูฝูดฝู พรูพรู หนูรู้งูงูรู้ รูปถู้มูทู
หนูสูรูงูงู สุดสู ๕๔
นกแก้วแจ้วเสียงใส คลอไคล้คู่หมู่สาลิกา
งูสูหนูหนูสู งูอยู นกตั้วผัวเมียคลา ฝ่าแขกเต้าเหล่าโนรี
หนูรูงูงูรู รูปถูมูทู” นกแก้วแจ้วรี่ร้อง เร่หา
จากบทประพันธที่ยกมา มีลักษณะการเลน ใกล้คู่หมู่สาลิกา แวดเคล้า
เสียงพยัญชนะ เสียงสระ เสียงวรรณยุกต นกตั้วผัวเมียมา สมสู่
อยางกลมกลืน และเปนบทที่แตงดวยกล สัตวาฝ่าแขกเต้า พวกพ้องโนรี
บทบาทเลื่อนลํา ซึ่งกวีใชสระอูทุกคํา) ๖๓
กระจายสยายซร้องนาง ผ้าสไบบางนางสี
2 ดา
ห่อห้อยย้อยลงมา แต่ค่าไม้ใหญ่สูงงาม
กระจายสยายคลี่ซร้อง นงพงา
สไบบางนางสีดา ห่อห้อย
ยื่นเลื้อยเฟื้อยลงมา โบยโบก
แต่ค่าไม้ใหญ่น้อย แกว่งเยื้องไปมา
86
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูแนะความรูเรื่อง “ผาสไบบางนางสีดา” ใหนักเรียนฟงเพิ่มเติม วากวีไดโยง ดูงูขูฝูดฝู พรูพรู
เขาเรื่องรามเกียรติ์ ตอนที่ทศกัณฐลักพานางสีดาไปจากพระราม แลวพระรามตอง หนูสูรูรูงู สุดสู
ออกติดตามหานาง เดินในปาตามหานาง จนไดพบฝูงลิงปาเอาผาสไบนางสีดามา งูสูหนูหนูสู งูอยู
ถวาย เปนตอนที่พระรามกับนางสีดาตองพลัดพรากจากกัน กวีเลือกใชเนื้อความ หนูรูงูงูรู รูปถูมูทู
ตอนนี้ในระหวางการเดินทาง เปนบทชมธรรมชาติที่แสดงใหเห็นความรูสึกอาลัย คําประพันธที่ยกมานี้นอกจากจะมีคําโทโทษยังดีเดนในดานใด
อาวรณที่ตองหางจากนางผูเปนที่รัก 1. การเลนเสียงสระ
2. การเลนเสียงพยัญชนะ
3. เลนคําซํ้าเลนเสียงวรรณยุกต
นักเรียนควรรู 4. เลนคําซํ้าและเลนเสียงสระซํ้า
วิเคราะหคําตอบ บทประพันธขางตนมีทั้งการเลนคําซํ้ากันหลายที่ คือ
1 เดือย คือ สวนที่เรียวแหลมอยูที่หลังขอเทาของไกตัวผู ใชเปนอาวุธ
คําวา งู หนู สู พรูพรู รู และมีการเลนเสียงสระ อู และยังใชคําที่มีเสียง
ในการตอสู
สระ อู ทั้งหมด นอกจากคําวา สุด เปนบทประพันธที่มีความดีเดนทั้งการ
2 คา มาจากคาคบ คือ งามตนไมที่กิ่งไมใหญกับลําตนแยกกัน เลนคําซํ้าและเสียงสระซํ้า ตอบขอ 4.
86 คู่มือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนพิจารณาบทประพันธตอไปนี้ แลว
๘๖
หัวลิงหมากลางลิง ต้นลางลิงแลหูลิง อธิบายลักษณะเดนทางวรรณศิลป
ลิงไต่กระไดลิง ลิงโลดคว้าประสาลิง “หัวลิงหมากลางลิง ตนลางลิงแลหูลิง
หัวลิงหมากเรียกไม้ ลางลิง ลิงไตกระไดลิง ลิงโลดควาประสาลิง
ลางลิงหูลิงลิง หลอกขู1้ หัวลิงหมากเรียกไม ลางลิง
ลิงไต่กระไดลิง 2 ลิงห่ม ลางลิงหูลิงลิง หลอกขู
ลิงโลดฉวยชมผู้ ฉีกคว้าประสาลิง ลิงไตกระไดลิง ลิงหม
๘๙
ธารไหลใสสะอาด มัจฉาชาติดาษนานา ลิงโลดฉวยชมผู ฉีกควาประสาลิง”
หวั่นว่ายกินไคลคลา ตามกันมาให้เห็นตัว (แนวตอบ บทประพันธขางตน มีลักษณะเดน
ธารไหลใสสะอาดน�้า รินมา ทางวรรณศิลป คือ การเลนคํา คําวา “ลิง” ซึ่ง
มัจฉาชาตินานา หวั่นหว้าย หมายถึง พันธุไมชนิดตางๆ ดังนี้ หัวลิง ลางลิง
จอกสร่ายกินไคลคลา เชยหมู่ หรือกระไดลิง และหูลิง อีกความหมายหนึ่ง
ตามคู่มาคล้ายคล้าย ผุดให้เห็นตัว หมายถึง ลิง ที่เปนสัตวปา นอกจากนี้ ยังสังเกต
๙๖
เทโพแลเทพา ตะเพียนกาพาพวกจร ไดวามีการเลนเสียง /ล/ ในบทประพันธดวย)
ไอ้บ้าปลาสลุมพอน ผักพร้าเพรี้ยแลหนวดพราม
เทโพพาพวกพ้อง เทพา ขยายความเขาใจ Expand
ปลาตะเพียนปลากาพา คู่เคี้ย
สลุมพรไอ้บ้าปลา หลายหมู่ นักเรียนรวบรวมชื่อสัตวที่พบในเนื้อเรื่อง
ปลาผัักพร้าม้าเพรี้ย ว่ายไหล้หนวดพราม พรอมอธิบายลักษณะของสัตวชนิดนั้นพอสังเขป
๙๘ จดลงสมุดบันทึก
งูเหลือมคอกระหวัดไม้ หางกระหวัดไว้ใฝ่อาหาร (แนวตอบ สัตวตางๆ ที่พบในกาพยหอโคลง
วิดน�้าในห้วยธาร โพงไปมาเอาปลากิน
ประพาสธารทองแดง เชน ชาง กวาง ทราย
งูเหลือมแบนท้องแผ่ คือกระดาน
วิดน�้าหาอาหาร ใฝ่กล�้า หมีดํา เลียงผา กระจง ลิง งูเขียว นกยูงทอง ไกฟา
โครมครุ่นในห้วยธาร เสียงฉ่า นกแกว นกกด กระจาย ลิง ปลาเทโพ งูเหลือม)
โพงสาดไปให้น�้า ซ่านสิ้นกินปลา
๑๐๘
เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร ไชยเชษฐสุริยวงศ์เพียร
แต่งไว้ให้สถิตเสถียร จ�าเนียรกาลนานสืบไป
เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรเจ้า ทรงเขียน
ไชยเชษฐสุริยวงศ์เพียร เลิศหล้3า
แต่งไว้ให้สถิตเสถียร ในโลก
จ�าเนียรกาลนานช้า อ่านอ้างสรรเสริญ
87
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
คําประพันธในขอใดไมมีคําที่เลียนเสียงธรรมชาติ
ครูใหความรูเรื่องพันธุพืชและสัตวหายากที่ปรากฏในกาพยหอโคลงประพาส
1. กลองทองตีครุมครึ้ม เดินเรียง
ธารทองแดง
2. ทาตะเติงเติงเสียง ครุมครื้น
3. เสียงปรี่เรื่อยเพียง กระเวก
4. แตรนแตรนแตรฝรั่งขึ้น หวูหวูเสียงสังข นักเรียนควรรู
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. มีเสียงตีกลองดัง “ครุมครึ้ม” ขอ 2. กวียังคงใช
คําเลียนเสียงกลองวา “ทาตะเติงเติง” ขอ 3. เสียงปดังเรื่อยๆไมหยุด เสียง 1 หม เปนคํากริยา ในบทประพันธนี้ หมายความวา ขยม
เพราะเหมือนเสียงของนกการเวกรองในปาที่เมื่อสัตวอื่นไดยินแลวตอง 2 ชมผู เปนคําโทษ ปกติเขียนวา “ชมพู”
หยุดชะงัก และขอ 4. มีเสียงเปาแตรดัง “แตรนแตรน” และเสียงเปาสังขดัง
“หวูหวู” ขอที่ไมไดเลียนเสียงธรรมชาติ คือ “เสียงปรี่เรื่อยเพียง กระเวก” 3 โลก ความหมายตรง คือ โลก และความหมายโดยปริยาย หมายถึง
กวีไมไดเลียนเสียงของปวาดังอยางไร แตเปรียบเทียบใหเห็นภาพวาเหมือน หมูมนุษย
เสียงนกการเวก ตอบขอ 3.
คูมือครู 87
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนรวมกันอภิปรายจุดประสงคของกวีเรื่อง
การอานคําประพันธที่แตงไวในตอนทายเรื่อง จบ จนจอมโลกย์เจ้า คืนวัง
(แนวตอบ จากบทประพันธตอนทายเรื่องนี้ บ พิตรสถิตบัลลังก์ เลิศหล้า
กวีตองการใหผูอานมีความรูเกี่ยวกับการอาน ริ ร่างกาพย์โคลงหวัง ชนโลก อ่านนา
คําประพันธ จึงจะทําใหคําประพันธที่แตงไพเราะ บูรณ์ พระโคลงเจ้าฟ้า ธิเบศรเจ้าจงสงวน
ดังความวา “ผูรูอานสารเสนาะ เรื่อยหรี้” และหาก อักษรเรียบร้อยถ้อย ค�าเพราะ
ผูอานอานไมเปนจะเสียโคลง ดังความวา ผู้รู้อ่านสารเสนาะ เรื่อยหรี้
“บ รูอานไมเหมาะ ตรงเทิ่ง ไปนา บ รู้อ่านไม่เหมาะ ตรงเทิ่ง ไปนา
ทําใหโคลงทั้งนี้ ชั่วชาเสียไป”) ท�าให้โคลงทั้งนี้ ชั่วช้าเสียไป
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูแนะความรูใหนักเรียนจากโคลงบทสุดทายวา เปนบทที่ลงทายวรรคดวยคําที่ ขอใดมีความหมายเหมือนกัน
เปนสระเสียงสั้น ซึ่งจะหาคํามาตอจังหวะไดยาก แสดงใหเห็นถึงอัจฉริยภาพของผู 1. กระจง กระจิด
ประพันธที่สามารถหาคํามาตอสัมผัสไดอยางกลมกลืนรับกับเนื้อความ 2. กระจอย กระจิด
3. กระจง กระจอย
4. กระจง กระจอย กระจิด
นักเรียนควรรู วิเคราะหคําตอบ “กระจง” หมายถึง สัตวเคี้ยวเอื้องที่มีขนาดเล็ก
รูปรางคลายกวาง แตไมมีเขา ตัวผูมีเขี้ยวแหลมคมงอกออกมา “กระจิด”
1 เครื่องสูง หมายถึง สิ่งที่ใชเพื่อแสดงพระอิสริยยศของพระมหากษัตริย หรือ หมายความวา เล็กนอย “กระจอย” หมายความวา เล็กนอย ดังนั้นคําที่มี
พระราชวงศชั้นสูง เชน กลด ซึ่งเปนรมขนาดใหญ ขอบมีระบาย มีดามยาว มีสีตางๆ ความหมายเหมือนกัน คือ “กระจิด” กับ “กระจอย” ตอบขอ 2.
มักใชตามสีประจําพระองคของพระราชวงศผูนั้น ใชกั้นเมื่อเสด็จพระราชดําเนินดวย
พระบาท เชน เสด็จพระราชดําเนินไปในพระราชพิธตี า งๆ ทีว่ ดั พระศรีรตั นศาสดาราม
เครื่องสูงนั้นๆ มีหลายชนิด เชน ฉัตร พัดโบก บังแทรก บังสูรย จามร พุมดอกไมเงิน
พุมดอกไมทอง อภิรุมชุมสาย กรรชิง
88 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา
Engage Explore อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
1. นักเรียนแสดงทาทางเปนสัตวตางๆ ที่อยูใน
คำาศัพท์ ความหมาย กาพยหอโคลงประพาสธารทองแดง ใหเพื่อน
ทายชื่อสัตวใหถูกตอง
จัตุรงค์ มาจากค�าเต็ม จัตุรงคเสนา หมายถึง พลทหารสี่เหล่า คือ เหล่าช้าง
เหล่ารถ เหล่าม้า เหล่าราบ 2. นักเรียนรวมกันอานคําประพันธที่กลาวถึงสัตว
ที่เพื่อนแสดงทาทางเลียนแบบ
ฉวาง อาการแผ่แพนหางออกร�าแพนของนกยูง
ช้างระวาง ต�าแหน่ง ท�าเนียบ ส�ารวจค้นหา Explore
ชุมสาย หนึ่งในเครื่องสูง เป็นรูปฉัตรสามชั้น มีสายไหมห้อย
ซร้องนงพงา ซร้องนางหรือช้องนาง เป็นไม้พุ่ม ใบคล้ายใบแก้ว ดอกกลม เป็นรูป
1. นักเรียนศึกษาพฤติกรรมและลักษณะของสัตว
ปากแตร ปาชนิดตางๆ ที่อยูในบทเรียน โดยคนควา
ถู้ เป็นรูปโทโทษของ ทู่ หมายถึง ไม่แหลม
จากหนังสือหรือเว็บไซตตางๆ
2. นักเรียนศึกษาคําเอกโทษ คําโทโทษใน
ทราย เนื้อทราย คือ กวางขนาดกลาง สีน�้าตาลเข้ม
คําประพันธโคลงสี่สุภาพกาพยหอโคลง
ตามล�าตัวมีจุดขาวจางๆ อยู่ทั่วไป
ประพาสธารทองแดง
ทอก ช้างตัวใหญ่ที่เป็นจ่าฝูง
1
ทองแดง ช้างตระกูลหนึ่ง สีกายเป็นสีทองแดง
เนื้อทราย
เทพลีลา ชื่อช้างพังเป็นช้างพระที่นั่ง
เทพา ชื่อปลาน�้าจืดชนิดหนึ่ง ไม่มีเกล็ด รูปร่างคล้าย
ปลาสวาย แต่มีครีบหลัง ครีบอก และครีบท้อง
ยื่นยาวเป็นเส้น และมีจุดสีขาวเด่นอยู่เหนือ
ครีบอกและหลังกระพุ้งแก้ม
เทโพ ชื่อปลาน�้าจืดชนิดหนึ่ง ไม่มีเกล็ด รูปร่างคล้าย
เทพา
ปลาสวาย แต่มีจุดสีด�าเด่นอยู่เหนือครีบอก
พื้นล�าตัวสีเรียบไม่มีลายพาดตามยาว
โทน โดดเดี่ยว หรือหมายถึงช้างที่ชอบแยกจากฝูงไปหากินอยู่ตัวเดียว
ธงฉาน ธงน�าหน้ากองทัพ
ธงไชย ธงซึ่งเป็นเครื่องหมายของชัยชนะ
นกกด ชื่อนกชนิดหนึ่ง ตัวใหญ่เท่าไก่บ้าน
ปีกสีน�้าตาลแดง ตัวด�า หางยาวด�า ตาแดง
นกตั้ว นกตั้วหรือนกกระตั้ว เป็นชื่อนกปากงุ้ม
จ�าพวกหนึ่งลักษณะคล้ายนกแก้ว แต่ตัวโตกว่า นกตั้วหรือนกกระตั้ว
89
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ขอใดเปนพวกเดียวกับ “การเวก”
ครูใหนักเรียนฝกการถอดคําประพันธ เพราะคําศัพทในกาพยหอโคลง
1. กูบ
ประพาสธารทองแดงเปนคําศัพทที่นักเรียนอาจไมคุนเคย ครูจัดกิจกรรมที่สงเสริม
2. โนรี
ใหนักเรียนจดจําคําศัพท เชน ใหนักเรียนไปคนควาความหมายคําศัพทที่นักเรียน
3. ทองแดง
ไมสามารถบอกความหมายได เปนตน
4. พุดตานทอง
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. กูบ มีความหมายวา ประทุนใสหลังชาง ขอ 2.
โนรี เปนนกชนิดหนึ่งสีสันสวยงาม มีลักษณะคลายนกแกว ขอ 3. ทองแดง นักเรียนควรรู
หมายถึง ชางตระกูลหนึ่ง สีกายเปนสีทองแดง และขอ 4. พุดตานทอง
หมายถึง ราชบัลลังกภายในพระที่นั่งที่นํามาตั้งบนหลังชาง และตั้งบนพระ 1 ทองแดง เปนลักษณะอยางหนึ่งของชางเผือก ตามคัมภีรพระคชศาสตร ใน
ราชยานคานหาม สวน “การเวก” เปนชื่อนกในเรื่องปรัมปรา เชื่อกันวามีอยู ศาสนาพราหมณ แบงชางมงคลเปน 4 ตระกูล ชางตระกูลที่ 4 เปนชางที่พระอัคนี
ในปาหิมพานต บินสูงเหนือเมฆ เสียงรองเพราะ สัตวทั้งหลายไดยินจะหยุด เนรมิต ชื่อวา “อัคนิพงศ” มีลักษณะเดนคือ มีทวงทีงดงาม เดินเชิดงวง อกใหญ
ชะงักไป ดังนั้น “การเวก” หมายถึง นกชนิดหนึ่งเชนเดียวกับ “โนรี” ปลายงาทั้ง 2 โคงพอจรดกัน สีเหลือง ขนสีขาวปนแดง ผิวกายมีสีผิวใบตองตาก
ตอบขอ 2. และในคัมภีรยังมีการกําหนดแบงชั้นของชางเผือกไว 3 ชั้น โดยชางเผือกชั้นตรี
จัดวาเปนชางที่มียอดตองสีตากแหง สีแดงแก สีแดงออน สีทองแดง
คู่มือครู 89
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนจับคูกันเลือกสัตวปาชนิดใดชนิดหนึ่ง
ที่อยูในบทเรียน แลวใหนักเรียนแตละคูผลัดเปลี่ยน คำาศัพท์ ความหมาย
กันอธิบายลักษณะของสัตวปาที่เลือกใหครูและ
สนม 1 นางสนมเป็นคนรับใช้ในวัง
เพื่อนในหองฟง พรอมยกบทประพันธที่กลาวถึง
สัตวชนิดนั้นประกอบการอธิบาย เนียม ลักษณะของช้างที่มีงาขนาดใหญ่แต่สั้น เรียกว่า ช้างงาเนียม
โนรี 2 นกปากขอ มีลักษณะคล้ายนกแก้ว
ขยายความเข้าใจ Expand แปล้ แบน ราบ
1. นักเรียนจําแนกสัตวชนิดตางๆ ในกาพยหอ โคลง ไปล่ท้าย ปลายเขาโค้งไปข้างหน้า
ประพาสธารทองแดง โดยเลือกเกณฑใด ผักพร้า ปลาน�้าจืดชนิดหนึ่งในวงศ์ปลาตะเพียน ลักษณะล�าตัวยาวและแบน
เกณฑหนึ่งตอไปนี้ ล�าตัวคล้ายมีดดาบ ปากกว้าง ปลายปากล่างโค้งเข้าเล็กน้อยคล้ายตะขอ
• สัตวบก สัตวนํ้า ผาดผัง, ผายผัน ไปโดยเร็ว
• สัตวเลือดอุน สัตวเลือดเย็น ฝู้ เป็นรูปโทโทษของ ฟู่ หมายถึง เสียงงูขู่
2. นักเรียนรวบรวมชื่อพืชพันธุไมตางๆ ใน พวา ชื่อต้นไม้ขนาดกลาง เปลือกมียางสีเหลือง ผลคล้ายมังคุดขนาดย่อม
กาพยหอโคลงประพาสธารทองแดง แลวระบุ บางครั้งเรียก สารภีป่า ขวาด มะดะขี้นก
ลักษณะของพันธุไมนั้นวา เปนไมลมลุกหรือ พังพาน อาการที่งูแผ่แม่เบี้ย
ไมยืนตน
พินาย ขนาย ช้างตัวเมียที่ธรรมชาติสร้างให้ผิดประหลาด มีงางอกออกมา
ด้านซ้ายเล็กน้อย
พุดตานทอง ชื่ อ พระที่ นั่ ง ที่ ตั้ ง บนหลั ง ช้ า ง บางที ก็ ตั้ ง บนพระราชยานคานหาม
หรือบางทีก็ตั้งเป็นพระราชบัลลังก์ภายในพระที่นั่ง
เพรี้ย ปลาน�้าจืดชนิดหนึ่งมีขนาดเล็ก
เพรียก เสียงร้อง
โพง ตัก วิด
โพน แกว่ง
ฟ่ายหาง ฟายหาง เป็นกิริยาของนกยูง
เวลาร�าแพนหาง
มูทู มู่ทู่ หมายถึง ป้าน ไม่แหลม
ม้า ปลาน�้าจืดชนิดหนึ่ง ล�าตัวกว้าง
ครีบหางมีปลายแหลม ล�าตัวและหัว ปลาม้า
มีสีเงินหรือเทาอ่อน
90
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู จากที่กวีไดพรรณนาถึงสัตวปาและพันธุไมชนิดตางๆ ระหวางการเดิน
ทางไปนมัสการรอยพระพุทธบาท ครูบูรณาการความรูกับกลุมสาระการเรียน
1 เนียม คือ ชางเนียมหรือชางมณีจักราช มี 3 ตําราที่กลาวถึง และในแตละ
รูวิทยาศาสตรเกี่ยวกับอาณาจักรของพืชและสัตว ซึ่งนักเรียนสามารถ
ตําราก็มีความหมายแตกตางกันออกไป คือ
นําความรูเกี่ยวกับลักษณะของพืชและสัตวชนิดตางๆ มาเปรียบเทียบกับ
1. หมายถึงชางที่มีสีกายดํา เล็บดํา
การพรรณนาถึงธรรมชาติในกาพยหอโคลงประพาสธารทองแดง เพราะสัตว
2. หมายถึงชางที่มีลักษณะ 3 ประการ คือ พื้นหนังดํา งามีลักษณะดังรูป
แตละชนิดมีธรรมชาติของตัวเอง บางก็อยูต วั เดียว บางก็อยูเ ปนฝูง นอกจากนี้
ปลีกลวย และเล็บดํา
นักเรียนจะไดเรียนรูระบบนิเวศจากบทประพันธ ความอุดมสมบูรณของ
3. หมายถึงชางสีดอ
ธรรมชาติ ความสัมพันธของสิ่งมีชีวิตตางชนิดกัน การแกงแยง การลาเหยื่อ
2 โนรี เปนนกสีสันสดใสที่มักจะอยูโดดเดี่ยว แตเมื่อจับคูแลวจะไมแยกหางจาก และภาวะการอยูรวมกัน ซึ่งนักเรียนสังเกตความสัมพันธในรูปแบบตางๆ นี้
กัน ในบางครั้งจะอยูรวมกันเปนฝูงราว 4-6 ตัว ชอบบินสูงเหนือยอดไม ไมสงเสียง จากเนื้อเรื่องกาพยหอโคลงประพาสธารทองแดงได
รองในขณะบินเหมือนนกแกวชนิดอื่น ชอบกินผลไมสุกที่มีรสหวาน อาจกินหนอน
กับแมลงบาง และที่แปลกกวานกแกวชนิดใดๆ ก็ตรงที่ลิ้นของนกโนรีตอนปลายจะ
มวนเปนหลอดได สําหรับดูดกินนํ้าหวานจากดอกไม และคงจะมาจากลักษณะนี้
เลยไมสามารถฝกพูดเลียนแบบคนได
90 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนรวบรวมคําศัพทที่เปนคํากริยาของ
คําศัพท ความหมาย สัตวชนิดตางๆ ในกาพยหอโคลงประพาสธาร
ทองแดง
มี่ อึกทึก เอิกเกริก
2. นักเรียนอธิบายความหมายของคํากริยาที่
ยวบยาบ อาการยุบขึ้นยุบลง นักเรียนรวบรวมมา
ยางแหนหลังดี ชางที่มีฝเทาสมํ่าเสมอเพราะไดรับการฝกมาดี (แหน คือ แน 3. นักเรียนระบุคําเอกโทษ คําโทโทษจากโคลง
เปนคําโทโทษ) สี่สุภาพ พรอมอธิบายคําที่เขียนปกติและ
รางชาง งาม สวย เดน ความหมาย
ลางลิง, กระไดลิง ชื่อไมเถาเนื้อแข็งขนาดใหญ ลําตนโคงงอกลับไปกลับมา คลายกับ (แนวตอบ ตัวอยางเชน คําวา “สอง” เปนคํา
ขั้นบันได โทโทษ ปกติเขียนวา “ซอง” หมายถึง
เลียงผา ชื่อสัตวปาเคี้ยวเอื้องที่มีรูปรางคลายแพะ ขนสีดํา บางตัวมีสีขาวแซม มาชุมนุมกัน เปนตน)
ขายาว และแข็งแรง มีตอมนํ้ามันตรงสวนหนาของขาทั้ง ๒ ขาง
มีเขาทั้งตัวผูและตัวเมีย ชอบอยูตามภูเขาหรือหนาผาสูงๆ ขยายความเข้าใจ Expand
สราย สาหราย
นักเรียนจับคูคํากริยาที่รวบรวมมาใหตรงกับ
สลุมพอน (สะ - หลุม - พอน) ปลาเนื้อออนไมมีเกล็ด บางครั้งเรียกปลาชะโอน
หรือปลาหนาสั้น สัตวชนิดตางๆ ในกาพยหอโคลงประพาสธาร
ทองแดง
สอง เปนรูปโทโทษของ ซอง หมายถึง มาชุมนุมกัน
(แนวตอบ ตัวอยางเชน
สองนิ้ว ชี้นิ้ว • ปลาชนิดตางๆ กับคํากริยาวา “หวั่นหวาย”
สัตวา นกจําพวกนกแกว ตัวโต สีเขียวจนเกือบเปนสีคราม จากความวา “มัจฉาชาตินานา หวั่นหวาย”
1
หนวดพราม หรือหนวดพราหมณ ปลานํ้าจืดชนิดหนึ่ง ลําตัวยาว แบนขาง • งูเหลือม กับ คํากริยาวา “กระหวัด” จาก
หัวแหลมมน ความวา “งูเหลือมคอกระหวัดไม
หรี้ เปนรูปโทโทษของ รี่ หมายถึง เคลื่อนเขาไปอยางไมรีรอ หางกระหวัดไวใฝอาหาร” เปนตน)
หวั่นหวาย เปนรูปโทโทษของ วาย
หมายถึง วายไปมา
หัวลิง ชื่อไมเถา ผลขนาดสมจีน
มีสันตรงกลางคลายหัวลิง
ไอบา ปลานํา้ จืดชนิดหนึง่
ลําตัวคอนขางยาว เกือบเปน
รูปทรงกระบอก ปากกวาง เกล็ดใหญ
ปลาไอบา
โอโถง ภาคภูมิ มีสงา
๙๑
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
นักเรียนคนหารูปสัตวปาหรือพันธุไมที่มีลักษณะตรงกับคําประพันธใน 1 หนวดพราม หรือปลาหนวดพราหมณ ปจจุบันเปนปลาที่มีราคาคอนขางดี
กาพยหอโคลงประพาสธารทองแดง เนื่องจากมีรสชาติอรอยเปนปลาที่นิยมบริโภคกันมาก และมีแนวโนมที่จะนํามาเลี้ยง
เปนปลาสวยงามกันมาก เนื่องจากเปนปลาที่มีลักษณะสวยงาม โดยเฉพาะหนวด
ปลาหนวดพราหมณที่มีลักษณะคอนขางยาว เวลาวายนํ้าจะพลิ้วสวยงามมาก
กิจกรรมทาทาย การเลี้ยงปลาหนวดพราหมณทําไดยาก เนื่องจากเปนปลาที่ตื่นตกใจงาย
ประกอบกับเปนปลาที่อยูนํ้าลึก มีหนวดยาว บอบชํ้างาย และหากนําปลานํ้าลึกขึ้นสู
ผิวนํ้าอยางรวดเร็ว จะทําใหปอดปลาขยายเร็ว กลามเนื้อเกร็ง เกิดรอยชํ้าบริเวณ
ใหนักเรียนหาภาพหรือวาดภาพเกี่ยวกับพันธุพืช พันธุสัตวที่ปรากฏอยู ลําตัวและครีบ จึงทําใหปลาหนวดพราหมณที่หาไดจากธรรมชาตินอยลง ประกอบ
ในกาพยหอโคลงประพาสธารทองแดง พรอมอธิบายลักษณะทาง กับความตองการของตลาดปลาสวยงามมีมากทําใหปลาหนวดพราหมณมีราคา
วิทยาศาสตรอยางสังเขป รวบรวมแลวนําไปจัดนิทรรศการ คอนขางแพง
คู่มือครู 91
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนอธิบายที่มาและสรุปความสําคัญของ
“เครื่องสูง” ในบทประพันธหนา 92 บอกเล่าเก้าสิบ
(แนวตอบ เครื่องสูง เปนเครื่องประกอบ
พระราชอิสริยยศของพระมหากษัตริย และ เครื่องสูง
พระบรมวงศานุวงศชั้นสูงมีมาตั้งแตสมัยอยุธยา เครื่องสูงเพราเพริศพราย ชมชุมสายซายขวาเคียง
ไดแก ฉัตร อภิรุมชุมสาย บังแทรก บังสูรย กลด ธงไชยธงฉานเรียง ปกลองชนะตะเตองครึม
จามร พัดโบก เปนตน เครื่องสูงชวยสงเสริม กลองทองตีครุมครึ้ม เดินเรียง
ทาตะเติงเติงเสียง ครุมครื้น
ความสูงสงและความศักดิ์สิทธิ์ของสถานภาพ เสียงปรี่เรื่อยเพียง กระเวก
พระมหากษัตริย สําหรับประเทศไทยนั้นเปน แตรนแตรนแตรฝรั่งขึ้น หวูหวูเสียงสังข
ประเทศหนึ่งที่มีพระมหากษัตริยเปนประมุขจึง จากบทประพันธขา งตนกลาวถึงขบวนพยุหยาตรา ในขบวนพยุหยาตราจะประกอบไปดวยเครือ่ ง
ไดรับคตินี้เชนเดียวกัน ดังที่เห็นไดจากพระราชพิธี ดนตรีประโคม และเครื่องสูง ซึ่งเปนเครื่องแสดงพระราชอิสริยยศ
เครื่องประกอบพระราชอิสริยยศตางๆ) เครื่องสูง ประกอบไปดวยเครื่องแสดงพระราชอิสริยยศหลายชนิด เชน ฉัตร อภิรุมชุมสาย
บังแทรก บังสูรย กลด จามร พัดโบก เปนตน ฉัตร ตามรูปศัพท แปลวา รม โดยฉัตรจะมีลักษณะ
แบบรมซอนขึ้นไปเปนชั้นๆ ซึ่งจํานวนชั้นและสีของฉัตรขึ้นอยูกับพระยศ เชน พระนพปฎลมหา
ขยายความเข้าใจ Expand เศวตฉัตร เปนฉัตรขาว ๙ ชัน้ ระบายขลิบทอง สําหรับประกอบพระราชอิสริยยศของพระมหากษัตริย
สวนพระสัปตปฎลเศวตฉัตร เปนฉัตรขาว ๗ ชัน้ สําหรับประกอบพระอิสริยยศของพระมหากษัตริยท ยี่ งั
1. นักเรียนวิเคราะหบทประพันธ “เครื่องสูง” ไมไดเขาพิธบี รมราชาภิเษก พระราชชนนี พระพันปหลวง สมเด็จพระอัครมเหสี สมเด็จพระบวรราชเจา
• เหตุใดจึงกลาวในตอนตนของเนื้อเรื่อง สมเด็จพระยุพราช และเจาฟาที่ทรงไดรับการสถาปนายศพิเศษ สวนพระบรมวงศานุวงศที่ดํารง
(แนวตอบ เปนการเริ่มพรรณนาความงาม พระราชอิสริยยศชั้นสมเด็จเจาฟา จะทรงใชฉัตรขาว ๕ ชั้น ที่เรียกวา พระเบญจปฎลเศวตฉัตร
นอกจากฉัตรแลว ยังมีเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศที่สําคัญอีกชนิดหนึ่ง คือ อภิรุมชุมสาย
ของเครื่องสูง ซึ่งเปนสิ่งที่อยูใกลตัวของกวี ซึง่ เปนฉัตรประเภทหนึง่ แตจะมีลกั ษณะเพรียวกวา อภิรมุ ชุมสายสํารับหนึง่ จะประกอบดวย ฉัตร ๗
พรรณนาเมื่อเริ่มการเดินทาง แสดงใหเห็น ชั้น ๔ คัน ฉัตร ๕ ชั้น ๑๐ คัน และชุมสายอีก ๔ คัน
ลําดับการพรรณนาจากสิ่งที่อยูใกลตัวไปยังสิ่ง เครื่องสูงยังแบงยอยออกเปน ๒ ชนิด คือ แบบปกดิ้นทอง เรียกวา “เครื่องสูงหักทองขวาง”
ที่ไกลออกไป หรืออาจเปนขนบที่พรรณนา ประกอบดวย บังสูรย บังแทรก กลด และจามร เครื่องสูงอีกชนิดหนึ่ง คือ แบบที่กรุเย็บดวย
แผนทองแผลวด เรียกวา “เครื่องสูงทองแผลวด”
สิ่งที่แสดงเกียรติยศเปนปฐมบท)
2. ครูขออาสาสมัคร 1-2 คนมาสรุปใหเพื่อนฟง
หนาชั้นเรียน
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนจําแนกสัตวชนิดตางๆ ในกาพยหอ
โคลงประพาสธารทองแดง
2. นักเรียนจับคูคํากริยาที่รวบรวมมาใหตรงกับ
สัตวชนิดตางๆ ในกาพยหอโคลงประพาสธาร
ทองแดงได 92
3. นักเรียนระบุคําเอกโทษ คําโทโทษในโคลงสี่
สุภาพกาพยหอโคลงประพาสธารทองแดงได
บูรณาการเชื่อมสาระ
บูรณาการอาเซียน ครูบูรณาการเชื่อมเรื่องเครื่องสูงเขากับกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา
ครูยกคตินยิ มเรือ่ งการนับถือกษัตริยใ นฐานะชนชัน้ ปกครองคติทไี่ ดมาจากอินเดีย ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาประวัติศาสตร ในเรื่องตัวอยางการสรางสรรค
และคตินไี้ ดแพรหลายไปทัว่ ดินแดนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต โดยคตินสี้ ามารถ ภูมิปญญาและวัฒนธรรมไทยสมัยอยุธยา ซึ่งสืบตอคติความเชื่อเกี่ยวกับ
เปลีย่ นจากนามธรรมใหออกมาเปนรูปธรรม เปนคุณคาทีส่ ามารถจับตองไดอยาง ความสําคัญและความศักดิ์สิทธิ์ขององคพระมหากษัตริยวา พระองคทรงเปน
ชัดเจน จากการสรางกฎเกณฑ ขอกําหนด ระเบียบพิธกี ารตางๆ ขึน้ มาใชกบั ชนชัน้ เทพเจาตามความเชื่อในศาสนาพราหมณ-ฮินดูที่รับมาจากเขมร และเขมร
กษัตริย เชน พระราชพิธเี ครือ่ งประกอบพระราชอิสริยยศ เปนตน รับตอจากอินเดีย
บางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใตปกครองดวยชนชั้นกษัตริย ซึ่งยังคงเก็บ ความเชื่อนี้สงผลใหมีการสรางกฎเกณฑ ขอกําหนดระเบียบ พิธีการ
รักษาเครื่องสูงไวในการประกอบพระราชพิธีตางๆ และรักษาไวเปนมรดกของชาติ ตางๆ ขึ้นมาใชกับชนชั้นกษัตริย เชน พระราชพิธี เครื่องประกอบพระราช-
ครูใหนกั เรียนศึกษาความสําคัญเกีย่ วกับคตินยิ มความเชือ่ เรือ่ งเครือ่ งสูงในประเทศ อิสริยยศ สิ่งตางๆ เหลานี้ชวยสงเสริมความสูงสงและความศักดิ์สิทธิ์ของ
อาเซียนบางประเทศทีย่ งั มีคตินยิ มนี้ ไดแก บรูไน กัมพูชา มาเลเซีย แลวจัดทําเปน สถานภาพพระมหากษัตริย สถาปนาความยิ่งใหญขององคพระมหากษัตริย
ใบงานสงครู ผูเ ปนสมมติเทพ ตลอดจนเปนเครือ่ งประกอบอิสริยยศของพระบรมวงศานุวงศ
นอกจากนี้เครื่องสูงยังเปนเครื่องแสดงความภูมิใจของคนไทย เปนสัญลักษณ
การสรางชาติบานเมืองมาตั้งแตโบราณ
92 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา
Engage Explore อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
1. ครูสนทนารวมกับนักเรียนเกี่ยวกับคุณคาดาน
๗ บทวิเคราะห์ เนื้อหา
• จากกาพยหอโคลงประพาสธารทองแดง
กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดงเป็นพระนิพนธ์ในเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร โดยเรียบเรียงใน นักเรียนคิดวาธรรมชาติในสมัยอยุธยา
รูปแบบกาพย์ห่อโคลงที่พรรณนาธรรมชาติ ทั้งบทชมนก ชมไม้ ชมสัตว์บก และสัตว์น�้า ท�าให้ผู้อ่าน ตอนปลายมีลักษณะอยางไร
ได้รับความรู้ ความเข้าใจธรรมชาติของพืชและสัตว์ชนิดต่างๆ ได้เป็นอย่างดีด้วยกลวิธีการประพันธ์ที่
(แนวตอบ ธรรมชาติในชวงสมัยอยุธยาตอน
เข้าใจง่าย สือ่ ความหมายได้ชดั เจนจนเกิดเป็นจินตภาพทีน่ า่ สนใจ ดังจะเห็นได้จากคุณค่าในด้านต่างๆ ดังนี้
ปลาย ปามีความอุดมสมบูรณ มีสัตวปา
๗.๑ คุณค่าด้านเนือ้ หา อาศัยอยูจํานวนมาก แหลงนํ้าใสสะอาด
เนื้อหาเป็นเชิงบันทึกการเดินทางตามแบบฉบับของนิราศแต่ไม่มีการคร�่าครวญถึง
การพลัดพรากจากนางอันเป็นที่รัก แต่มีการบรรยายเพียงธรรมชาติที่พบเห็นระหว่างการเดินทางและ มองเห็นปลาชุกชุม)
ความสนุกสนานตลอดระยะทางเสด็จจากท่าเจ้าสนุกไปถึงพระพุทธบาทเท่านั้น ท�าให้นิราศเรื่องนี้ 2. ครูนาํ ภาพสัตวปา สงวนของไทยมาใหนกั เรียนดู
มีคุณค่าในด้านเนื้อหา ดังต่อไปนี้ จากนั้นครูอธิบายธรรมชาติของสัตวประเภท
๑) ได้รบั ความรูเ้ กีย่ วกับการจัดริว้ ขบวนเสด็จ ของพระมหากษัตริยใ์ นสมัยโบราณ นั้นๆ และถามนักเรียน ดังนี้
ดังบทประพันธ์ตอนหนึ่งซึ่งพรรณนาถึงการจัดขบวนเสด็จประพาส ดังบทประพันธ์ • นักเรียนรูจักหรือคุนเคยกับสัตวที่อยูใน
๑ กาพยหอโคลงประพาสธารทองแดงหรือไม
เกลื่อนกรูหมู่จัตุรงค์ เป็นกันกงเรียบเรียงไป อยางไร
ทรงช้างระวางใน เทพลีลาหลังคาทอง
(แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับประสบการณของ
เกลื่อนกรูหมู่แห่ห้อม เรียงไสว
เสด็จพุดตาลทองไคล หว่างเขรื้อง นักเรียนแตละคน ครูกระตุนใหนักเรียนเกิด
ทรงช้างระวางใน มีชื่อ การแลกเปลี่ยนประสบการณรวมกัน)
เทพลีลาเยื้อง ย่างแหน้หลังดี
ส�ารวจค้นหา Explore
จากบทประพั น ธ์ ไ ด้ ใ ห้ ค วามรู ้ เ กี่ ย วกั บ การจั ด ขบวนเสด็ จ1ที่ จ ะต้ อ งมี ค วามยิ่ ง ใหญ่
และสวยงาม ประกอบด้วย ช้าง เครื่องสูงของพระมหากษัตริย์ จตุรงคเสนา งคเสนา ท�าให้ผู้อ่านได้รับความรู้ นักเรียนศึกษาคนควาความรูเกี่ยวกับ
และน�าไปศึกษาเพิ่มเติมได้ บทวิเคราะหคุณคาดานเนื้อหา ดานวรรณศิลป
๒) ได้รับความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของสัตว์ เนื้อหาในกาพย์ห่อโคลงประพาส และดานสังคมที่ไดรับจากกาพยหอโคลง
ธารทองแดง ให้ความรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตและลักษณะของสัตว์แต่ละชนิดอันเป็นประโยชน์ในการศึกษา ประพาสธารทองแดง จากเอกสาร ตํารา วารสาร
ธรรมชาติและการด�าเนินชีวิตของสัตว์ได้เป็นอย่างดี ดังบทประพันธ์ หรือเว็บไซตตางๆ
๙๘
งูเหลือมคอกระหวัดไม้ หางกระหวัดไว้ใฝ่อาหาร
วิดน�้าในห้วยธาร โพงไปมาเอาปลากิน
จากบทประพันธ์สะท้อนให้เห็นการด�ารงชีวิตของงูเหลือม การจับปลาของงูเหลือม
จะใช้คอและหางเกี่ยวกับต้นไม้ที่อยู่ระหว่างล�าห้วยที่เกือบแห้ง แล้วจึงแกว่งล�าตัวของมันโคลงไปมา
วิดน�้าจนแห้ง จากนั้นจึงลงไปจับปลากิน
93
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดไมใช พฤติกรรมของสัตวปา
1 จตุรงคเสนา คือ รูปแบบการจัดกําลังกองทัพไทยแตโบราณตามตําราพิไชย
1. ฝูงลิงยวบยาบตน พวาหนามี
สงคราม ซึ่งมีเพียงกําลังทางบก สวนกําลังทางเรือนั้นใชทหารบกเปนทั้งฝพายและ
2. ยูงทองยองยางเยื้อง รําฉวาง
พลรบ โดยไดรบั แบบอยางมาจากตําราพิไชยสงครามฮินดูโบราณ ซึง่ กําหนดกําลังทัพ
3. หมีดําขลับหนา เปนมัน
ออกเปน 4 เหลา เรียกวา จตุรงคเสนา ประกอบดวย เหลาพลชาง (ทหารชาง) เหลา
4. นกแกวแจวรี่รอง เรหา
พลมา (ทหารมา) เหลาพลรถ (ทหารรถ) และเหลาพลราบ (ทหารราบ)
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. ฝูงลิงไตขึ้นๆ ลงๆ อยูบนตนพวา ขอ 2. นกยูง รวมทั้งหมดจํานวน 9 กอง
ทองเดินไวทา และรําแพนหาง ขอ 3. หนาหมีดําเลื่อมเกลี้ยงเปนมัน และ การจัดกําลังกองทัพตามแบบจตุรงคเสนาเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเมื่อมีการฝกหัด
ขอ 4. นกแกวรองเสียงใสดังเปนระยะ ขอที่ไมเห็นวาสัตวแสดงพฤติกรรม ทหารแบบใหม และยุทธวิธตี ามแบบตะวันตกตัง้ แตรชั สมัยพระบาทสมเด็จพระนัง่ เกลา-
หรือกําลังทําอะไร คือ “หมีดําขลับหนา เปนมัน” เพราะบอกเพียงลักษณะ เจาอยูหัว จตุรงคเสนายกเลิกไปเมื่อมีการจัดตั้งกองทหารแบบใหมในรัชสมัย
ของหมีดํา แตไมไดบอกกวาหมีดําทําอะไร ตอบขอ 3. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว โดยตั้งกรมยุทธนาธิการบังคับบัญชา
กรมทหารบก 7 กรม คือ ทหารกรมชาง ทหารปนใหญ ทหารหนา ทหารลอมวัง
ทหารรักษาพระองค ทหารมหาดเล็ก และทหารฝพาย รวมทั้งทหารเรืออีก 2 กรม
คือ ทหารเรือพระที่นั่งเวสาตรี และทหารเรือรบ
คู่มือครู 93
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบExplain
ายความรู้ Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนรวมกันศึกษาบทวิเคราะหคุณคาดาน
เนื้อหาในหนังสือเรียน จากนั้นนักเรียนสรุปลงสมุด ๓) สะท้อนให้เห็นสภาพความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร
(แนวตอบ คุณคาดานเนื้อหาสรุปได ดังนี้ ทรงบอกเล่าถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าที่มีทั้งสัตว์และพืชนานาพันธุ์ ผ่านส�านวนภาษาที่ไพเราะ
• ไดความรูเกี่ยวกับการจัดริ้วขบวนของกษัตริย คมคาย ดังบทประพันธ์
ในอดีต ประกอบดวยชาง ทหารสี่เหลาและ ๖
พังพลายหลายหมู่ซร้อง ในเถื่อนท้องร้องระงมดง
เครื่องสูงของกษัตริย ธารน�้าคร�่ากันลง เล่นน�้าแน่นแตร้นชมกัน
• ไดความรูเกี่ยวกับธรรมชาติของสัตวแตละ ฝูงช้างสล้างใหญ่น้อย พังพลาย
ชนิด เชน ลักษณะนิสัย วิถีชีวิต เปนตน ทอกโทนพินายหลาย ส�่าถ้วน
• สะทอนภาพความอุดมสมบูรณทางธรรมชาติ ทองแดงเผือกเนียมราย ในเหล่า
จะเห็นไดวาพบสัตวปานานาชนิดและมีปาไม ลงท่าน�้าด�าป้วน เล่นร้องฮูมแปร๋น
เปนแหลงธรรมชาติที่งดงามใหสัตวปาอาศัย จากบทประพันธ์ได้สะท้อนให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ จ�านวนสัตว์ป่าที่
• ไดความรูเกี่ยวกับพันธุไมและพันธุสัตว รวม มีเป็นจ�านวนมาก คือ โขลงช้างป่าที่ลงเล่นน�้าอย่างคลาคล�่า ส่งเสียงร้องระงมไปทั่วแนวป่า
ปลูกจิตสํานึกใหอนุรักษสัตวปาหายากและ ๔) ได้รู้จักชื่อพรรณไม้และสัตว์ชนิดต่างๆ ซึ่งหลายชนิดบางคนอาจไม่เคยรู้จัก
พันธุไมหายาก) หรือสูญพันธุไ์ ปแล้วก็มี วรรณคดีเรือ่ งนีจ้ งึ ช่วยประเทืองปัญญาผูอ้ า่ นให้เกิดความรูแ้ ละความเพลิดเพลิน
ไปพร้อมๆ กัน ดังบทประพันธ์
ขยายความเข้าใจ Expand ๙๖
เทโพแลเทพา ตะเพียนกาพาพวกจร
นักเรียนเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความ ไอ้บ้าปลาสลุมพอน ผักพร้าเพรี้ยแลหนวดพราม
เทโพพาพวกพ้อง เทพา
แตกตางของธรรมชาติในอดีตและปจจุบัน
ปลาตะเพียนปลากาพา คู่เคี้ย
• วิเคราะหสาเหตุความเปลี่ยนแปลงทาง สลุมพรไอ้บ้าปลา หลายหมู่
ธรรมชาติวามีอะไรบาง ปลาผักพร้าม้าเพรี้ย ว่ายไหล้หนวดพราม
(แนวตอบ จากอดีตมีความเปลี่ยนแปลงหลาย
อยางที่สงผลตอธรรมชาติ ซึ่งเปนทรัพยากร จากบทประพันธ์แสดงให้เห็นความรอบรู้และความสามารถของกวีที่สามารถบรรจุ
ที่มีอยูจํากัด เชน จํานวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ชื่อปลาลงในค�าประพันธ์บทนี้ได้มากถึง ๙ ชนิด ได้แก่ ปลาเทโพ ปลาเทพา ปลาตะเพียน ปลากา
ปลาไอ้บ้า ปลาสลุมพอน ปลาผักพร้า ปลาเพรี้ย และปลาหนวดพราม
การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ
นอกจากนี้ ยังได้ให้ความรู้เรื่องชื่อของพรรณไม้ต่างๆ ที่พบได้ยากในชีวิตประจ�าวัน
การคาเสรีที่นําทรัพยากรของประเทศมาเปน ดังบทประพันธ์
ตนทุนในการผลิตแกตลาดโลก เปนตน) ๘๖
หัวลิงหมากลางลิง ต้นลางลิงแลหูลิง
ลิงไต่กระไดลิง ลิงโลดคว้าประสาลิง
จากบทประพันธ์แสดงให้เห็นถึงพรรณไม้ คือ ต้นหัวลิง ต้นลางลิง และกระไดลิง ซึ่งเป็น
พรรณไม้ที่พบได้ยากในชีวิตประจ�าวัน โดยทั่วไปจะพบในป่าลึก
94
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูอาจใหนักเรียนจับคู 2-3 คน จากนั้นใหชวยกันวิเคราะหคุณคาดาน กระจายสยายคลี่ซรอง นงพะงา
วรรณศิลปของกาพยหอโคลงประพาสธารทองแดง โดยเนนใหทําความเขาใจ สไบบางนางสีดา หอหอย
ไดงายและไดสาระ แลวนําสงครูผูสอน ยื่นเลื้อยเฟอยลงมา โบยโบก
แตคาไมใหญนอย แกวงเยื้องไปมา
จากคําประพันธขางตนขอใดกลาวถูกตอง
บูรณาการอาเซียน 1. ตนชองนางสีดาเปรียบเหมือนการจับจีบผาของนางสีดา
2. ตนสไบนางเปรียบเหมือนการคลี่ผาสไบของนางสีดา
ใหนักเรียนแบงกลุม แลวคนหาวรรณคดีเรื่องสําคัญของประเทศตางๆ ใน 3. ตนชองนางเปรียบเหมือนการสยายผมของนางสีดา
ภูมิภาคอาเซียนโดยระบุชื่อเรื่อง เนื้อเรื่องยอ คุณคา และความสําคัญอยางสังเขป 4. ตนสไบสีดาเปรียบเหมือนการหมผาของนางสีดา
พรอมภาพประกอบ กลุมละ 1 เรื่อง (หามซํ้าประเทศกัน) แลวนําไปจัดนิทรรศการ
วิเคราะหคําตอบ จากบทประพันธกลาวถึงตนชองนางกับตนสไบนาง
ในหัวขอ “วรรณคดีอาเซียน”
ซึ่งเปนไมเลื้อยหอยลงมาจากคาคบไม ทั้งชองนางและสไบนางหอยยอย
ลงมาเหมือนกับการคลี่ผาสไบของนางสีดา ตอบขอ 2.
94 คู่มือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายคุณคาดานวรรณศิลป ในหัวขอ
๗.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ “การใชถอยคําใหเกิดจินตภาพ”
กาพย์หอ่ โคลงประพาสธารทองแดงมีคณุ ค่าทางด้านวรรณศิลป์ทนี่ า่ สนใจหลายประการ (แนวตอบ กวีใชโวหารคือพลิกแพลงภาษาที่
ดังต่อไปนี้ ใชใหแปลกออกไปจากที่ใชอยูเปนปกติกอใหเกิด
๑) การใช้คำาให้เกิดจินตภาพ กวีเลือกใช้ค�าที่เข้าใจง่าย สื่อถึงอากัปกิริยาของสัตว์ จินตนาการ มีรสกระทบใจความรูสึกและอารมณ
ชนิดต่างๆ ท�าให้ผู้อ่านจินตนาการภาพธรรมชาติของสัตว์ได้อย่างชัดเจน เช่น อากัปกิริยาของนกยูง มีหลายลักษณะ เชน อุปมา อุปลักษณ บุคคลวัต
“ยูงทองย่องเยื้องย่าง” รูปร่างของกระจง “กระจงกระจิดเตี้ย วิ่งเรี่ยเรี่ยน่าเอ็นดู” เป็นต้น อติพจน เรียกวา ภาพพจน นอกจากนี้กวีใช
ทุกบทที่กวีถ่ายทอดความรู้ด้านธรรมชาติวิทยา มีความโดดเด่นในการใช้ภาพพจน์
เนื่องจากกวีเลือกใช้ค�าง่าย สื่อความหมายได้ชัดเจน มองเห็นภาพ ดังบทประพันธ์ การเลือกสรรถอยคําที่เขาใจงาย สื่อความหมาย
๔๔
ชัดเจน ทําใหสามารถถายทอดความรูเกีี่ยวกับ
งูเขียวรัดตุ๊กแก ตุ๊กแกแก่คางแข็งขยัน ธรรมชาติไดเปนอยางดี)
กัดงูงูยิ่งพัน อ้าปากง่วงล้วงตับกิน
จากบทประพั น ธ์ ส ะท้ อ นให้ เ ห็ น ภาพของงู เขี ย วที่ ต ้ อ งรั ด ท้1อ งของตุ ๊ ก แกให้ แ น่ น ขยายความเขาใจ Expand
จนตุ๊กแกอ่อนแรง ปากของตุ๊กแกจึงอ้าออก ท�าให้งูสามารถเข้าไปล้วงตับกินได้ โดยกวีเลือกใช้ค�า
ที่มีความหมายชัดเจนในตัวเอง เมื่อน�ามาผูกเป็นค�าประพันธ์จึงท�าให้เกิดจินตภาพชัดเจนยิ่งขึ้น นักเรียนวิเคราะหการใชคําใหเกิดจินตภาพใน
นอกจากนี้ กวี ยั ง ได้ เ ลื อ กใช้ ค� า ที่ ก ล่ า วถึ ง ลั ก ษณะเฉพาะของสั ต ว์ ป ่ า ชนิ ด อื่ น ๆ บทประพันธตอไปนี้
ดังบทประพันธ์ “นกกดอดอาจสู พบงูเหาเอาปกบัง
๑๐
มีหมีพีด�าขลับ ขึ้นไม้ผับฉับไวถึง งูโพนพังพานหวัง จะขบตอด บ รอดเลย
เรี่ยวแรงแขงขังขึง กัดโพรงไม้ได้ผึ้งกิน นกกดอดอาจสู งูขลัง
งูขบเอาปกบัง เข็ดเขี้ยว
จากบทประพั น ธ์ ก วี ไ ด้ ใช้ ค� า เพื่ อ ให้ ผู ้ อ ่ า นเกิ ด จิ น ตภาพถึ ง หมี ที่ มี สี ด� า ขลั บ ล� า ตั ว งูเลิกพังพานหวัง ขบตอด
อวบอ้วน แต่ปีนต้นไม้ได้รวดเร็ว มีก�าลังมาก และกินผึ้งเป็นอาหาร
กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดงกวีได้เลือกใช้ค�าเพื่อสร้างจินตภาพให้เกิดแก่ ตอด บ รอดเลยเลี้ยว หลีกเลี้ยวสูดหนี”
ผู้อ่าน เช่น การใช้ค�าพรรณนาถึงความรื่นรมย์บริเวณธารทองแดง ดังบทประพันธ์ (แนวตอบ จากบทประพันธขา งตน มีการเลือกใช
๘๙ คําที่ทําใหเกิดจินตภาพ คือ การเลือกใชคําในการ
ธารไหลใสสะอาด มัจฉาชาติดาษนานา ตอสูกันระหวางนกกดกับงูเหา คําวา “เอาปกบัง”
หวั่นว่ายกินไคลคลา ตามกันมาให้เห็นตัว
ธารไหลใสสะอาดน�้า รินมา และ “งูโพนพังพานหวัง” ซึ่งเปนคําที่แสดงใหเห็น
มัจฉาชาตินานา หวั่นหว้าย ความแตกตางที่เปนสัญลักษณระหวาง “ผูลา” กับ
จอกสร่ายกินไคลคลา เชยหมู่ “ผูถูกลา” ภาพนกกดที่พยายามเอาตัวรอดยกปก
ตามคู่มาคล้ายคล้าย ผุดให้เห็นตัว ปองกันตัวเองจากงูเหา แตงูเหาก็กวัดแกวงหมาย
จากบทประพันธ์กวีได้พรรณนาให้เห็นล�าธารที่ใสสะอาด เต็มไปด้วยปลาที่แหวกว่าย จะฉกนกกดใหได จนสุดทายนกกดก็ไมรอด)
หากินตามวิสัย เมื่อผู้อ่านอ่านแล้วจะเกิดอารมณ์ความรู้สึกคล้อยตามประดุจได้ยืนอยู่ที่ล�าธาร
๒) การใช้คำาเลียนเสียงธรรมชาติ กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดงมีการใช้ค�า
เลียนเสียงธรรมชาติ ช่วยให้ผู้อ่านเห็นภาพชัดเจน เกิดอารมณ์ ความรู้สึกคล้อยตาม ดังบทประพันธ์
95
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดมีจินตภาพของความเคลื่อนไหว
1 ลวงตับกิน ความเชื่อที่วางูเขียวกินตับตุกแก เปนเรื่องที่เกิดขึ้นมาเปนเวลา
1. หัวลิงหมากลางลิง ตนลางลิงแลหูลิง
นานแลว เพราะเปนวิธีการเกื้อกูลกันตามธรรมชาติ โดยตุกแกมีตับที่เจริญเติบโต
2. ยูงทองยองเยื้องยาง รํารางชางชางฟายหาง
ไปตามวัย และเมื่อถึงวัยหนึ่งที่ตับของตุกแกมีอายุมากเกินไป ตุกแกจะสงเสียงรอง
3. ไกฟาอาสดแสง หัวสุกแดงแทงเดือยแนม
ออกมาเพื่อสงสัญญาณ จากนั้นงูเขียวจะโผลมาทําการเลื้อยเขาไปทางปากของตุกแก
4. เลียงผาอยูภูเขา หนวดพรายเพราเขาแปลปลาย
และกินตับของมัน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ ทั้งสองฝายจะแยกยายกันไปใชชีวิต โดยที่
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. กวีพรรณนาถึงพันธุไมชนิดตางๆ ดวยการเลนคําวา รางกายตุกแกจะมีการสรางตับขึ้นมาทดแทน
“ลิง” ไดแก ตนหัวลิง ตนลางลิง และตนหูลิง ซึ่งไมเห็นภาพการเคลื่อนไหว ในขณะที่อีกสวนหนึ่งเห็นวา งูเขียวกินตับตุกแกนั้นไมใชการกินตับแตอยางใด
ขอ 2. กวีพรรณนาการเดินของยูงทอง “ยองเยื้องยาง” คือ กาวอยางชาๆ แทจริงแลวเปนเพียงการแบงปนอาหารซึ่งกันและกัน ซึ่งวิธีการนั้นก็คือการที่ตุกแก
และก็รําแพนหางอยางงดงาม ขอ 3. กวีพรรณนาลักษณะไกฟาวามีหัวสีแดง สงเสียงออกมา แลวยอมปลอยใหงูเขียวเลื้อยเขาไปในทองของมันแตโดยดี แตไมใช
มีเดือย และขอ 4. กวีพรรณนานาเลียงผาที่อยูบนภูเขาวามีหนวดแบนราบ การกินตับ แคแบงอาหารที่อยูในทองของมันใหกับงูเขียวเทานั้น เนื่องจากเมื่อตุกแก
ตอบขอ 2. กินอาหารมากจนเกินไปทองของมันจะปองและไมสามารถยอยอาหารได สวนงูเขียว
ก็เปนผลพลอยไดที่ไมตองหาอาหารเอง
คูมือครู 95
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายคุณคาดานวรรณศิลป ในหัวขอ
๒
“การใชคําเลียนเสียงธรรมชาติ การเลือกใชถอยคํา เครื่องสูงเพราเพริศพราย ชมชุมสายซ้ายขวาเคียง
ที่มีเสียงสระเดียวกัน และการใชคําสัมผัสทําใหเกิด ธงไชยธงฉานเรียง ปี่กลองชนะตะเต่องครึม
ความไพเราะ” จากนั้นสรุปความรูลงสมุด กลองทองตีครุ่มครึ้ม เดินเรียง
(แนวตอบ คุณคาดานวรรณศิลปตามหัวขอใน ท้าตะเติงเติงเสียง ครุ่มครื้น
ขางตน สรุปไดดังนี้ เสียงปี่รี่เรื่อยเพียง 1 กระเวก
แตร้นแตร่นแตรฝรั่งขึ้น หวู่หวู้เสียงสังข์
• การใชคําเลียนเสียงธรรมชาติ กวีใชโวหาร
สัทพจน คือ การใชคําเลียนเสียงธรรมชาติ จากบทประพันธ์มีการใช้ค�าเลียนเสียงธรรมชาติของเครื่องดนตรี ๓ ชนิด คือ ตะเติง
ทําใหเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น เลียนเสียง กลอง แตร้นแตร่น เลียนเสียง แตร และหวู่หวู้ เลียนเสียง สังข์
๓) การเลื อ กใช้ คำ า ที่ มี เ สี ย งสระเดี ย วกั น ในกาพย์ แ ละโคลงบทที่ ๕๒ เป็ น
• การเลือกใชถอยคําที่มีเสียงสระเดียวกัน บทหนึ่งที่มีกลวิธีการแต่งที่ดีเยี่ยม ดังบทประพันธ์
คือ การใชคําที่มีเสียงสระเดียวกันในบท ๕๒
ประพันธเดียวกัน เพื่อเพิ่มอรรถรสในการอาน ดูหนูสู่รูงู งูสุดสู้หนูสู้งู
หนูงูสู้ดูอยู่ รูปงูทู่หนูมูทู
เนื่องจากเมื่ออานออกเสียงจะทําใหมีเสียงที่ ดูงูขู่ฝูดฝู้ พรูพรู
ไพเราะนาฟง) หนูสู่รูงูงู สุดสู้
• การเลือกใชคาํ สัมผัสในทําใหเกิดความไพเราะ งูสู้หนูหนูสู้ งูอยู่
มีทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร เพื่อเนนความ หนูรู้งูงูรู้ รูปถู้มูทู
ไพเราะทางเสียง) จากบทประพันธ์ผู้อ่านสามารถมองเห็นภาพของการกอดรัดกันชุลมุนระหว่างงูกับหนู
ทีก่ า� ลังต่อสูก้ นั นอกจากใช้กลวิธกี ารเล่นเสียงสระทีโ่ ดดเด่นแล้ว ค�าประพันธ์บทนีย้ งั เล่นเสียงวรรณยุกต์
ขยายความเขาใจ Expand เสียงพยัญชนะและใช้ค�าที่ซ�้ากันได้อย่างกลมกลืน สื่อความหมาย และเกิดจินตภาพอย่างชัดเจน
๔) การเลื อ กใช้ คำ า สั ม ผั ส ในทำ า ให้ เ กิ ด ความไพเราะ ซึ่ ง หมายถึ ง สั ม ผั ส สระ
นักเรียนยกตัวอยางบทประพันธกาพยหอโคลง และสัมผัสอักษร เป็นการเน้นความไพเราะของเสียงในวรรค จึงท�าให้บทประพันธ์มคี วามน่าสนใจยิง่ ขึน้
ประพาสธารทองแดงมา 1 บท ดังบทประพันธ์
• วิเคราะหการใชคําเลียนเสียงธรรมชาติ ๔๕
ยูงทองย่องเยื้องย่าง ร�ารางชางช่างฟ่ายหาง
จากบทประพันธที่ยกมา ปากหงอนอ่อนส�าอาง ช่างร�าเล่นเต้นตามกัน
(แนวตอบ ตัวอยางบทประพันธ เชน ยูงทองย่องย่างเยื้อง ร�าฉวาง
“ฝูงชะนีใหญนอ ยกระจุย ชะนีอยุ อุย รองหา รายร่ายฟายเฟื่องหาง เฉิดหน้า
ฝูงคางหวางพฤกษา คางโจนไลไขวปลายยาง ปากหงอนอ่อนส�าอาง ลายเลิศ
ฝูงลิงยวบยาบตน พวาหนา ร�าเล่นเต้นงามหน้า ปีกป้องเป็นเพลง
ฝูงชะนีมกี่ หู า เปลาขาง จากบทประพันธ์กวีเลือกใช้คา� เพือ่ ให้เกิดสัมผัสอักษรและสัมผัสสระ ทัง้ ภายในวรรคและ
ฝูงคางหวางพฤกษา มาสู โดยผูอ้ า่ นจะมองเห็นภาพ2
ระหว่างวรรค จึงท�าให้เกิดความไพเราะของค�าและจินตภาพทีช่ ดั เจนแก่ผอู้ า่ น โดยผู
ครอกแครกไลไขวควาง โลดเลีย้ วโจนปลิว” ของนกยูงที่มีลักษณะเฉพาะทางธรรมชาติที่ต่างจากนกชนิดอื่น ซึ่งก�าลังแสดงอากัปกิริยาร�าแพนหาง
จากบทประพันธขางตนมีคําที่เลียนเสียง ที่สวยงาม
ธรรมชาติ คือ เสียงชะนีรอง “อุยอุย” และเสียง 96
คางวิ่งไลกับบนตนไมดัง “ครอกแครก”)
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
โคลงที่ยกมานี้ดีเดนในดานใด
1 แตรฝรั่ง เรียกอีกชื่อหนึ่งวา “แตรลําโพง” มีลักษณะปากบานคลายดอกลําโพง
กลองทองตีครุมครึ้ม เดินเรียง
ในกฎมณเฑียรบาล เรียกวา “แตรลางโพง” ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธ-
ทาตะเติงเติงเสียง ครุมครื้น
ยอดฟาจุฬาโลกมหาราช เรียกวา “แตรวิลันดา”
เสียงปรี่เรื่อยเพียง กระเวก
2 รําแพนหาง การรําแพนหางของนกยูงตัวผูนั้น เปนสวนหนึ่งของกระบวนการ แตรนแตรนแตรฝรั่งขึ้น หวูหวูเสียงสังข
เกี้ยวพาราสีนกยูงตัวเมีย เพื่อใหสนใจและยอมใหตัวผูผสมพันธุดวย แตก็ไมได 1. การเลียนเสียงธรรมชาติ
หมายความวา การรําแพนหางเปนพฤติกรรมเพียงอยางเดียวที่นกยูงตัวผูทําเพื่อ 2. การเลนเสียงวรรณยุกต
ดึงดูดนกยูงตัวเมีย จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยโตเกียวพบวา เสียงรองเรียกจาก 3. การเลนเสียงพยัญชนะ
ตัวผูจะมีอิทธิพลตอความสนใจของตัวเมียมากที่สุด 4. การเลนเสียงสระ
วิเคราะหคําตอบ จากบทประพันธขางตนเดนในการเลียนเสียงธรรมชาติ
จากการเลียนเสียงกลอง “ทาตะเติงเติง” เสียงแตรฝรั่ง “แตรนแตรน” และ
เสียงสังข “หวูหวู” ตอบขอ 1.
96 คูมือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
จากนั้นครูและนักเรียนรวมอภิปรายสรุปคุณคา
๕) การใช้ความเปรียบ ดานวรรณศิลป ดังนี้
๕.๑) อุปมา เป็นการเปรียบเทียบสิง่ หนึง่ ทีม่ ลี กั ษณะเหมือนหรือคล้ายกับอีกสิง่ หนึง่ • การใชความเปรียบทั้งอุปมาและอุปลักษณ
โดยใช้ค�าเชื่อม ดุจ เหมือน ดัง ดั่ง ราว ราวกับ ประหนึ่ง เช่น เฉก ประดุจ พ่าง เพียง คล้าย เสมือน (แนวตอบ มีการใชคําแสดงการเปรียบเทียบ
แม้น กล ดังบทประพันธ์ สิ่งที่มีลักษณะเหมือนกัน โดยการใชความ
เสียงปี่รี่เรื่อยเพียง กระเวก เปรียบภาพพจนอุปมาโวหาร จะพบคําที่ใช
ในการเปรียบ ไดแก ดุจ ดัง่ ประดุจ ประหนึง่
จากโคลงบทนี้เปรียบเทียบเสียงปี่ว่าเหมือนกับเสียงนกการเวก
๕.๒) อุปลักษณ์ เป็นการเปรียบเทียบโดยกล่าวถึงสิ่งหนึ่ง เพื่ออิงความหมาย เฉก เชน พาง เพีย้ ง ราวกับ แมน กล เหมือน
จากสิ่งนั้นให้เชื่อมโยงไปยังสิ่งที่จะอธิบาย ซึ่งการเปรียบเทียบแบบอุปลักษณ์ มักใช้ค�าว่า คือและเป็น สวนการใชความเปรียบในภาพพจนอุปลักษณ
ดังบทประพันธ์ มักใชคําวา “คือ” และ “เปน” ในการเปรียบ
เทียบ สามารถชวยใหผูอานตีความสิ่งที่เปน
งูเหลือมแบนท้องแผ่ คือกระดาน
นามธรรมใหเปนรูปธรรมได)
จากโคลงบทนี้เปรี
1 ยบเทียบว่าท้องงูเหลือมแบนแผ่เหมือนกระดาน • การเลนคําพอง
๖) การเล่นคำคาพ้อง เป็นการใช้ค�าค�าเดียวในความหมายที่ต่างกัน ดังบทประพันธ์ (แนวตอบ เปนการใชคําเดียวกันในความ
๘๖
หัวลิงหมากลางลิง ต้นลางลิงแลหูลิง หมายที่ตางกัน นอกจากจะทําใหเกิดเสียง
ลิงไต่กระไดลิง ลิงโลดคว้าประสาลิง ไพเราะแลว ยังทําใหเกิดความโดดเดนใน
เรื่องของความหมายที่ใชชื่อสอดคลองกัน
จากโคลงบทนี้จะเห็นว่ามีการเล่นค�าว่า “ลิง” ในความหมายที่ต่างกัน คือ
ลิง หมายถึง ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่ง มีลักษณะ และ คือ ลิง ลางลิง กระไดลิง หัวลิง)
ท่าทางคล้ายคน มีแขนขายาว
ลางลิง, กระไดลิง หมายถึง ชือ่ ไม้เถาเนือ้ แข็งชนิดหนึง่ ล�าต้นงอกลับไปกลับมา ขยายความเข้าใจ Expand
คล้ายขั้นบันได
หัวลิง หมายถึง ชื่ อ ไม้ เ ถา ผลขนาดผลส้ ม จี น มี สั น ตรงกลาง นักเรียนยกบทประพันธที่มีการใชความเปรียบ
คล้ายหัวลิง แลวอภิปรายในประเด็นตอไปนี้
๗) การเรียบเรียงคำา • วิเคราะหวาเปนการใชความเปรียบอยางไร
๗.๑) การขึ้นต้นกาพย์และโคลง เป็นการแต่งโดยให้เนื้อความในโคลงบาทหนึ่ง (แนวตอบ ตัวอยางบทประพันธที่ยกมา เชน
ล้อความในกาพย์วรรคหนึ่งตามล�าดับ “เลียงผาอยูภูเขา
กาพย์ยานี โคลง หนวดพรายเพราเขาแปลปลาย
นักสนมกรมชแม่มี่ นักสนมกรมชแม่เจ้า ทังหลาย รูปรางอยางแพะหมาย
ขี่ช้างกูบรูปโลมใจ ขี่ช้างกูบดาวราย แจ่มหน้า ขนเหม็นสาบหยาบเหมือนกัน”
พักตราอ่าผ่องใส พักตราผ่องใสสาย สุดสวาท จากบทประพันธที่ยกมามีการใชความเปรียบ
นุ่งห่มโอ่โสภาจริง นุ่งห่มโอ่โถงผ้า อร่ามริ้วทองพราย อุปมา ดังความวา “รูปรางอยางแพะหมาย
ขนเหม็นสาบหยาบเหมือนกัน” เปรียบเทียบ
97
วาเลียงผามีรูปรางและขนหยาบกลิ่นเหม็น
เหมือนแพะ ซึ่งหากผูที่ไมรูจักเลียงผาก็จะ
เห็นภาพไดชัดขึ้นเมื่อนึกถึงแพะ)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ธารไหลใสสะอาด รินมา
ครูทดสอบความรูของนักเรียนเรื่องคุณคาทางวรรณศิลปของกาพยหอโคลง
มัจฉาชาตินานา หวั่นหวาย
ประพาสธารทองแดง โดยครูยกบทประพันธที่มีความโดดเดนทางวรรณศิลปมา 1
จอกสรายกินไคลคลา เชยหมู
บท เชน การใชความเปรียบ การเลียนเสียงธรรมชาติ การใชถอยคําใหเกิดจินตภาพ
ตามคูมาคลายคลาย ผุดใหเห็นตัว
เปนตน นํามาใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหบทประพันธนั้น จากนั้นครูสรุปความรู
ขอใดไมใชลักษณะเดนในบทประพันธขางตน
เกี่ยวกับวรรณศิลปจากบทประพันธที่ยกมา และใหนักเรียนบันทึกความรูลงสมุด
1. การใชความเปรียบ
2. การเลือกใชคําสัมผัสที่ไพเราะ
3. การเลือกใชถอยคําใหเกิดจินตภาพ
4. ไดรับความรูเกี่ยวกับธรรมชาติของสัตว
นักเรียนควรรู
วิเคราะหคําตอบ จากบทประพันธขางตน กวีพรรณนาภาพของลําธารได 1 การเลนคําพอง เปนลักษณะเดนที่มักปรากฏในวรรณคดีนิราศ กวีมักเลน
อยางนารื่นรมย นํ้าในลําธารใสจนมองเห็นตัวปลาที่แหวกวายไปมา กิน คําพองในรูปแบบตางๆ เชน นําชื่อตนไม สัตว มาพองกับความคิดถึงนาง หรือใช
สาหรายวายกันไปเปนหมู เปนคู บางก็ผุดขึ้นมาใหเห็นตัว กวีใชถอยคําที่ ในการพรรณนาสภาพแวดลอม เพื่อเนนความใหนาสนใจและแสดงฝมือของกวี
ทําใหเห็นภาพไดชัดเจนและยังมีความไพเราะ ใหความรูเกี่ยวกับธรรมชาติ
ของปลาที่กินสาหรายเปนอาหาร แตไมมีการใชความเปรียบ ตอบขอ 1.
คู่มือครู 97
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนอธิบายเรื่องการเรียบเรียงคําขึ้นตน
วรรคหรือขึ้นตนบทประพันธประเภทโคลงกระทู เนื่องจากโคลงสี่สุภาพที่แต่งเทียบความของกาพย์ ต้องพรรณนาความที่มีในกาพย์
(แนวตอบ เนื้อความขึ้นตนวรรคหรือขึ้นตน ให้ครบถ้วน ผูแ้ ต่งต้องมุง่ ใจความเป็นส�าคัญ การสรรค�าทีม่ ใี จความตามทีต่ อ้ งการและได้ลกั ษณะตรงตาม
บทประพันธ ใชขอ ความเดียวกันทัง้ ในกาพยและโคลง ฉันทลักษณ์จงึ ท�าได้ยาก ด้วยเหตุนโี้ คลงสีส่ ภุ าพทีแ่ ต่งในกาพย์หอ่ โคลงจึงไม่เคร่งครัดเรือ่ งต�าแหน่งของ
ค�าเอกและค�าโท
การเรียบเรียงคําในลักษณะนี้ไมไดเนนความไพเราะ ๗.๒) การบรรจุค�าลงในแต่ละวรรคของกาพย์ กวีจะแทรกสัมผัสในลงในวรรค
แตมุงเนนความหมาย อีกทั้งมีการใชคําสัมผัสใน ทั้งๆ ที่มิใช่ลักษณะบังคับ ดังบทประพันธ์
ในแตละวรรค ซึ่งสงสัมผัสภายในวรรคเดียวกัน ๑๐
และการใชกระทู 1 คํา หรือ 1 ความ เพื่อบอกการ มีหมีพีด�าขลับ ขึ้นไม้ผับฉับไวถึง
จบเรื่องในลักษณะของโคลงกระทู คือ นําคํามา เรี่ยวแรงแขงขังขึง กัดโพรงไม้ได้ผึ้งกิน
วางไวที่ตนบาทจะมีความหมายสมบูรณเมื่ออาน วรรคแรก มีเสียงสัมผัสสระ หมี - พี
คําขึ้นตนแตละบาทเรียงตอกัน) วรรคที่สอง มีเสียงสัมผัสสระ ไม้ - ไว, ผับ - ฉับ
วรรคที่สาม มีเสียงสัมผัสสระ แรง - แขง
ขยายความเข้าใจ Expand มีเสียงสัมผัสอักษร เรี่ยว - แรง, แขง - ขัง - ขึง
วรรคที่สี่ มีเสียงสัมผัสสระ ไม้ - ได้
1. นักเรียนยกโคลงกระทูในกาพยหอโคลง มีเสียงสัมผัสอักษร กัด - กิน
ประพาสธารทองแดงมาถอดคําประพันธ ๗.๓) การใช้กระทู้ ๑ ค�า เพื่อบอกการจบเรื่อง มีความชัดเจน ถูกต้องตามลักษณะ
“จบ จนจอมโลกยเจา คืนวัง การแต่งค�าประพันธ์และเนื้อความมีความสมบูรณ์ ดังบทประพันธ์
บ พิตรสถิตบัลลังก เลิศหลา จบ จนจอมโลกย์เจ้า คืนวัง
ริ รางกาพยโคลงหวัง ชนโลก อานนา บ พิตรสถิตบัลลังก์ เลิศหล้า
บูรณ พระโคลงเจาฟา ธิเบศรเจาจงสงวน” ริ ร่างกาพย์โคลงหวัง ชนโลก อ่านนา
(แนวตอบ จนกระทั่งเสด็จกลับถึงพระราชวังก็ บูรณ์ พระโคลงเจ้าฟ้า ธิเบศรเจ้าจงสงวน
ทรงเริ่มแตงกาพยโคลง หวังใหผูคนไดอานงาน
จากบทประพันธ์กวีเลือกใช้คา� มาวางเป็นกระทู ้ เมือ่ แต่ละค�ามาวางไว้ทตี่ น้ บาทของ
ประพันธของเจาฟาธรรมธิเบศร) แต่ละบาทจะไม่มีความหมายสมบูรณ์ แต่เมื่อน�ามาต่อกันแล้วจึงมี1ความหมาย คือ จบบริบูรณ์ หมายถึง
2. นักเรียนเขียนเสนทางการเดินทางไปนมัสการ จบโดยครบถ้วนสมบูรณ์ ซึ่งบทประพันธ์นี้จัดเป็นโคลงกระทู้แผลง
รอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี จากการอาน ๗.๓ คุณค่าด้านสังคม
เนื้อเรื่อง โดยนักเรียนดูแผนที่ประกอบและ กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดงเป็นวรรณคดีที่สะท้อนสภาพสังคม ค่านิยมของ
นักเรียนชวยกันระบุสถานที่สําคัญหรือจังหวัด คนในสมัยอยุธยา โดยการสอดแทรกผ่านบทประพันธ์ทเี่ ล่าเรือ่ งราวการตามเสด็จพระเจ้าอยูห่ วั บรมโกศ
ที่ตองเดินทางผาน เพื่อนมัสการรอยพระพุทธบาท ดังนี้
๑) สะท้อนให้เห็นถึงความศรัทธาในพระพุทธศาสนา กล่าวคือ จากความเป็นมา
ของการทรงพระนิพนธ์กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง ระบุว่าทรงพระนิพนธ์ในโอกาสตามเสด็จ
สมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั บรมโกศ
บรมโกศ พระราชบิ
2 ดา ไปนมัสการรอยพระพุทธบาท ซึง่ ถูกค้นพบครัง้ แรกในรัชกาล
สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม
98
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 โคลงกระทูแผลง เปนโคลงกระทูที่แบงตามเนื้อความของโคลงกระทู แบง นักเรียนศึกษาโคลงกระทูลักษณะตางๆ จากแหลงเรียนรูตางๆ เชน
เปน 2 ชนิด คือ โคลงกระทูแผลง และอีกชนิด คือ โคลงกระทูความ ซึ่งตางกัน ตําราฉันทลักษณ เว็บไซต เปนตน จากนั้นสรุปความรูลงสมุด
ตรงที่กระทูความเปนกระทูที่มีความหมายทุกบาท เชน “อยา ไว ใจ ทาง” “เพื่อน
กิน หางาย เพื่อนตาย หายาก” เปนตน สวนกระทูแผลงนั้น บางคําก็มีความ
หมาย แตบางคําก็ไมมีความหมาย แตเมื่อนํามาตอกันแลวจะมีความหมาย เชน กิจกรรมทาทาย
จบ บ ริ บูรณ เปนตน
2 สมเด็จพระเจาทรงธรรม มีพระนามเดิมวา พระอินทราชา เปนพระราชโอรส
ในพระเอกาทศรถ พระราชกรณียกิจสวนใหญของพระองค มุงสงเสริมทํานุบํารุง นักเรียนศึกษาโคลงกระทูชนิดตางๆ เพื่อใหเห็นความสามารถของ
พระพุทธศาสนาในดานตางๆ เชน โปรดเกลาฯ ใหคัดลอกพระไตรปฎกฉบับ กวีไทย รวมถึงภาษาและความคิดที่ตกทอดมาเปนมรดกทางภูมิปญญา
สมบูรณเปนจํานวนมาก ทรงใหนักปราชญราชบัณฑิตแตงมหาชาติคําหลวงถวาย ของคนไทย นักเรียนยกโคลงกระทูที่นักเรียนสนใจมา 1 บท พรอมอธิบาย
นับเปนวรรณคดีชิ้นสําคัญของสมัยอยุธยา ลักษณะของกระทูในบทประพันธนั้น
98 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับคุณคาดาน
กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง ได้สะท้อนให้เห็นความศรัทธาในพระพุทธศาสนา สังคมในกาพยหอโคลงประพาสธารทองแดงและ
ที่ ผู ก พั น กั บ วิ ถี ชี วิ ต คนไทยมายาวนาน ด้ ว ยความศรั ท ธาที่ มี ต ่ อ พระพุ ท ธศาสนาแม้ ว ่ า การเสด็ จ ตอบคําถาม ดังนี้
พระราชด�าเนินในครั้งนี้จะต้องผ่านป่าเขา พบกับความยากล�าบาก ไม่ได้เดินทางสะดวกสบายเหมือน • สะทอนใหเห็นความศรัทธาในพระพุทธ
ในปัจจุบัน แต่ทุกคนล้วนมีความเต็มใจ ซึ่งเจ้าฟ้าธรรมธิเบศรก็มิได้ทรงพรรณนาถึงความยากล�าบากใน ศาสนาอยางไร
ขณะตามเสด็จ หากพรรณนาให้เห็นแต่ความอุดมสมบูรณ์และความงดงามของธรรมชาติ (แนวตอบ จุดหมายปลายทางในการเดินทาง
๒) สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมการแต่งกาย กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง
1 เสด็จประพาสคือ พระพุทธบาท จังหวัด
ได้สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมส�าคัญประการหนึ่ง คือ วัวัฒนธรรมการแต่งกายของสตรีในวังสมัยอยุธยา ยา สระบุรี เพื่อนมัสการรอยพระพุทธบาท
ดังบทประพันธ์ จึงสะทอนใหเห็นความมุงมั่นตั้งใจในการ
๓
นักสนมกรมชแม่มี่ ขี่ช้างกูบรูปโลมใจ เดินทางครั้งนี้ เพราะเดินทางดวยความยาก
พักตราอ่าผ่องใส นุ่งห่มโอ่โสภาจริง ลําบาก)
นักสนมกรมชแม่เจ้า ทังหลาย • คุณคาดานสังคมสะทอนใหเห็นการแตงกาย
ขี่ช้างกูบดาวราย แจ่มหน้า ของชาววังในสมัยอยุธยาอยางไร
พักตราผ่องใสสาย สุดสวาท (แนวตอบ จากการแตงกายของนางสนมที่รวม
นุ่งห่มโอ่โถงผ้า อร่ามริ้วทองพราย ขบวนเสด็จทําใหรูวาการแตงกายของหญิง
ชาววังในสมัยอยุธยา จะตองมีการเลือกสรร
จากบทประพันธ์ได้สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมการแต่งกายของสตรีในวัง เมื่อจะ
ผาใหมีลวดลายวิจิตรงดงาม มีการปกดิ้นเงิน
ออกไปข้ า งนอกย่ อ มจะต้ อ งแต่ ง ตั ว ให้ ส วยงามด้ ว ยการเลื อ กสรรผ้ า ให้ มี ล วดลายวิ จิ ต รงดงาม
บางครั้งผ้าอาจปักด้วยดิ้นทองหรือไหมทอง เมื่อยามต้องลมจึงท�าให้เกิดริ้วสวยงาม
ดิ้นทองเพื่อความสวยงาม)
๓) สะท้อนให้เห็นถึงธรรมเนียมการเสด็จทางสถลมารค กาพย์ห่อโคลงประพาส • สะทอนใหเห็นธรรมเนียมการเดินทางของ
ธารทองแดง พระนิพนธ์ในเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร ได้สะท้อนให้เห็นถึงธรรมเนียมการเสด็จทางสถลมารค กษัตริยอยางไร
หรือการเสด็จพระราชด�าเนินทางบกของพระมหากษัตริย์ ดังบทประพันธ์ (แนวตอบ การเดินทางของกษัตริยท าง
๑
สถลมารคในสมัยอยุธยานั้น ตองมีการจัดริ้ว
เกลื่อนกรูหมู่จัตุรงค์ เป็นกันกงเรียบเรียงไป ขบวนที่งดงาม สมพระเกียรติและปลอดภัย
ทรงช้างระวางใน เทพลีลาหลังคาทอง เพื่อแสดงถึงความยิ่งใหญของกษัตริย โดยใช
เกลื่อนกรูหมู่แห่ห้อม เรียงไสว ชางเปนพระราชพาหนะสําคัญ)
เสด็จพุดตาลทองไคล หว่างเขรื้อง
ทรงช้างระวางใน มีชื่อ
ขยายความเข้าใจ Expand
เทพลีลาเยื้อง ย่างแหน้หลังดี
1. นักเรียนยกบทประพันธเกี่ยวกับการแตงกาย
จากบทประพันธ์สะท้อนให้เห็นถึงการจัดริว้ ขบวนเสด็จทางสถลมารคของพระมหากษัตริย์
ของหญิงสาวชาววังในสมัยอยุธยา
ที่ จ ะต้ อ งมี ก ารจั ด ริ้ ว ขบวนให้ มี ค วามสวยงามและปลอดภั ย ส� า หรั บ พระมหากษั ต ริ ย ์ โดยมี ช ้ า ง
เป็นพาหนะที่ส�าคัญในการเดินทาง เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของพระมหากษัตริย์
2. นักเรียนบอกชื่อวรรณคดีที่แสดงใหเห็น
การเดินทางไปยังสถานที่ตางๆ
99 (แนวตอบ ตัวอยางเชน นิราศภูเขาทอง
นิราศเมืองแกลง เปนตน)
บูรณาการเชื่อมสาระ
การเดินทางในกาพยหอโคลงประพาสธารทองแดงมีการเดินทางผาน นักเรียนควรรู
สถานที่ตางๆ ซึ่งปจจุบันเปนพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทย ครูบูรณาการ
1 วัฒนธรรมการแตงกาย สําหรับสมัยรัตนโกสินทรในชวงตนๆ นั้น รูปแบบ
ความรูก บั กลุม สาระการเรียนรูส งั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาภูมศิ าสตร
ของวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี และการแตงกายยังคงเลียนแบบมาจาก
เพื่อใหนักเรียนเขาใจเกี่ยวกับที่ตั้งของจังหวัดสระบุรี ลักษณะทางกายภาพ
สมัยอยุธยา ทั้งนี้เนื่องจากผูคนยังเปนคนที่เกิดและมีชีวิตอยูในสมัยอยุธยา เมื่อมา
สภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศ ซึ่งเปนปจจัยสําคัญที่สงผลตอการเดินทาง
สรางบานสรางเมืองใหม จึงนํารูปแบบของวัฒนธรรมประเพณีทคี่ นุ เคยกันอยูม าปฏิบตั ิ
และการพรรณนาเรื่องราวการเดินทางในกาพยหอโคลงประพาสธารทองแดง
ในเรื่องระเบียบกฎเกณฑทางสังคมในสมัยอยุธยา เคยมีระเบียบและขอหามของ
หรือใหนักเรียนชวยกันหาภาพลักษณะทางกายภาพในปจจุบัน ดูแลวอภิปราย
สามัญชนที่จะใชเครื่องแตงกายตามอยางเจานายไมได แตเนื่องจากสงครามและ
เปรียบเทียบกับบทประพันธวาเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตมากนอยเพียงใด
ความวุน วายในการกอบกูอ สิ รภาพจากพมา ทําใหกฎเกณฑเหลานัน้ เลือนรางไปบาง
เพื่อใหเกิดความเขาใจในเนื้อเรื่องมากยิ่งขึ้น
ดังนั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 จึงโปรดใหออก
พระราชบัญญัติวาดวยการแตงกายใชบังคับและหามไวใหมอีกครั้งหนึ่งวา
“ธรรมเนียมแตกอนสืบมา จะนุงผาสมปกทองนากและใสเสื้อครุย กรองคอ
กรองตนแขน กรองปลายแขน จะคาดรัดประคดหนามขนุนไดแตมหาดไทย
กลาโหม จตุสดมภ และแตงบุตรแล หลานขุนนางผูใหญผูนอยได”
คู่มือครู 99
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบExplain
ายความรู้ Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนรวมกันศึกษาบทวิเคราะหขอคิดที่
สามารถนําไปประยุกตใชในชีวิตประจําวันได ๗.๔ ข้อคิดทีส่ ามารถน�าไปประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจ�าวัน
จากนั้นครูและนักเรียนรวมอภิปรายโดยตอบคําถาม กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง พระนิพนธ์ในเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร แม้จะมีเนื้อหา
ดังนี้ พรรณนาถึงความสวยงามของธรรมชาติระหว่างการเดินทางเป็นหลัก แต่เมื่อพิจารณาโดยละเอียด
• จากเรื่องผูเขียนพยายามโนมนาวใจใหรู จะพบว่าวรรณคดีเรือ่ งนีไ้ ด้สะท้อนข้อคิดทีส่ ามารถน�าไปประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจ�าวันไว้ดว้ ยเช่นกัน ดังนี้
คุณคาและรวมกันอนุรักษทรัพยากรและ ให้เห็นคุณค่าและร่วมกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง
สิ่งแวดลอมทางธรรมชาติอยางไร เป็นวรรณคดีที่สะท้อนให้เห็นธรรมชาติของป่าที่ขบวนเสด็จพระราชด�าเนินผ่าน ซึ่งกวีพรรณนา
(แนวตอบ ผูเขียนพยายามนําเสนอความงดงาม ให้เห็นความสวยงามของต้นไม้ ดอกไม้ สัตว์ป่า และล�าธาร รวมทั้งบรรยายให้เห็นการด�ารงชีวิต
ของตนไม ปาไม สัตวปา ลําธาร และโนมนาว การหาอาหารของสัตว์ป่า ดังบทประพันธ์
ใหผูอานมีอารมณคลอยตามกับการมีความสุข ๙๘
สบายใจที่ไดเห็นธรรมชาติและสิ่งแวดลอมที่ งูเหลือมคอกระหวัดไม้ หางกระหวัดไว้ใฝ่อาหาร
สวยงาม รวมทั้งนําเสนอความรูเกี่ยวกับระบบ วิดน�้าในห้วยธาร โพงไปมาเอาปลากิน
นิเวศทางธรรมชาติ เชน การที่งูเหลือมวิดนํ้า งูเหลือมแบนท้องแผ่ คือกระดาน
เพื่อหาปลาเปนอาหาร เปนตน อีกทั้งยังนํา วิดน�้าหาอาหาร ใฝ่กล�้า
เสนอมุมมองที่วาหากธรรมชาติคงอยูคนและ โครมครุ่นในห้วยธาร เสียงฉ่า
สัตวก็จะอยูได แตหากธรรมชาติถูกทําลายจะ โพงสาดไปให้น�้า ซ่านสิ้นกินปลา
สงผลกระทบตอมนุษยและสัตว) จากบทประพันธ์ส1ะท้อนให้เห็นการด�ารงชีวิตของงูเหลือมที่ต้องล่าปลาเป็นอาหาร
ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ
วศ หากป่าไม้ถูกท�าลายจะส่งผลกระทบต่อจ�านวนสัตว์ที่อยู่ในป่า
ขยายความเข้าใจ Expand ซึง่ จะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยูข่ องมนุษย์ในทีส่ ดุ ความสมบูรณ์ของพันธุส์ ตั ว์และพืชเป็นปัจจัยส�าคัญ
1. จากสถานการณที่ธรรมชาติถูกทําลายสงผล ของระบบนิเวศ ดังนั้น การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจึงมีความจ�าเป็นอย่างยิ่ง
กระทบตอมนุษยและสัตวในปจจุบนั ใหนกั เรียน
เสนอวิธีการอนุรักษธรรมชาติและรักษาความ กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดงเป็นวรรณคดีไทยที่ีมีความไพเราะ มีศิลปะ
สมบูรณของผืนปา การร้อยเรียงถ้อยคÓที่ดีเด่น ทÓให้ผู้อ่านได้รับความรู้เรื่องธรรมชาติวิทยาทั้งสัตว์บก
2. นักเรียนแตงคําขวัญเชิญชวนใหผูอื่นรูคุณคา สัตว์ปีก และสัตว์น้Ó ทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงสภาพความอุดมสมบูรณ์ของพรรณไม้
และรวมกันอนุรักษทรัพยากรและสิ่งแวดลอม และสัตว์ปา่ ของไทยในอดีต การพึง่ พากันในระบบนิเวศวิทยา ถือได้วา่ เป็นผลงานทีค่ วรค่า
ทางธรรมชาติ คนละ 1 คําขวัญ สงครูพรอมนํา แก่การศึกษาและนÓมาใช้เป็นแบบอย่างในการประพันธ์ได้เรื่องหนึ่ง
เสนอหนาชั้นเรียน
100
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
ขอใดสามารถนําไปประยุกตใชใหเขากับสภาพสังคมปจจุบัน
1 ระบบนิเวศ หมายถึง ระบบที่มีความสัมพันธกันของกลุมสิ่งมีชีวิต พรอมทั้ง
1. สัตวบางชนิดใหประโยชนตอธรรมชาติและมนุษย
สภาพแวดลอมที่ไมมีชีวิตดวย เชน อุณหภูมิ แสง ความชื้น ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง
2. ไดรับความรูเกี่ยวกับธรรมชาติของสัตว
ซึ่งความสัมพันธนั้นหมายถึง การอาศัยอยูรวมกันของสิ่งมีชีวิตและสิ่งไมมีชีวิต
3. สะทอนภาพชีวิตสัตวประเภทตางๆ
ในบริเวณหนึ่งนั่นเอง ดังนั้นในบริเวณใดๆ ที่มีสิ่งมีชีวิตและสิ่งไมมีชีวิตมีความ
4. รักษาสมดุลทางธรรมชาติ
สัมพันธกัน เพื่อใหเกิดการแลกเปลี่ยนสารและถายทอดพลังงานระหวางกัน
วิเคราะหคําตอบ นักเรียนไดรับความรูเกี่ยวกับธรรมชาติ สัตวปา พันธุไม
บูรณาการอาเซียน ดังขอ 1. ขอ 2. และขอ 3. นักเรียนควรจะนําความรูที่ไดนั้นมาใชใหเกิด
ประโยชน โดยเฉพาะอยางยิ่งในปจจุบันธรรมชาติถูกทําลาย ความเปนอยู
ASEAN Centre for Biodiversity (ACB) หรือ ศูนยอาเซียนวาดวยความ ของมนุษยและสัตวปา เริ่มไดรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
หลากหลายทางชีวภาพ ตัง้ อยูใ นจังหวัดลากูนา อยูห า งออกไปทางใตของกรุงมะนิลา ดังนั้น ขอคิดที่ควรปฏิบัติ คือ เห็นคุณคาและรวมกันอนุรักษสิ่งแวดลอม
เมืองหลวงของฟลิปปนสประมาณ 60 กิโลเมตร ตั้งขึ้นเมื่อ ป ค.ศ. 2005 ทําหนาที่ ไมทําลายสิ่งแวดลอม รักษาสมดุลทางธรรมชาติ ตอบขอ 4.
รวบรวมขอมูล ขาวสาร องคความรู ศึกษา ประสานงานเครือขายดานสิ่งแวดลอม
ตางๆ ทัง้ ในอาเซียนและในโลก คอยเฝาระวังภัยคุกคามสิง่ แวดลอมอาเซียนทุกรูปแบบ
100 คู่มือครู
ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนยกตัวอยางบทประพันธและวิเคราะห
การใชคําเลียนเสียงธรรมชาติ การเลือกใช
ถอยคําที่มีเสียงสระเดียวกัน หรือการใชคํา
ค�ำถำม ประจ�ำหน่วยกำรเรียนรู้
สัมผัสทําใหเกิดความไพเราะได
๑. กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดงที่น�ามาศึกษา กล่าวถึงลักษณะของพรรณพืชและวิถีชีวิตของ 2. นักเรียนยกบทประพันธที่มีการใชความเปรียบ
สัตว์ป่าไว้อย่างไรบ้าง และอธิบายการใชความเปรียบได
๒. การใช้ถ้อยค�าในกาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดงมีลักษณะเด่นอย่างไร 3. นักเรียนเขียนเสนทางการเดินทางไปนมัสการ
๓. เลือกกาพย์ห่อโคลง ๑ บท ที่นักเรียนชอบมากที่สุด และอธิบายว่าชอบเพราะเหตุใด รอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี โดยนักเรียน
๔. เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรทรงพระนิพนธ์กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดงเพื่อจุดประสงค์ใด ดูแผนที่ประกอบ และนักเรียนชวยกันระบุ
๕. นักเรียนคิดว่าค�าประพันธ์บทใดแสดงธรรมชาติของพืชและสัตว์ได้ชัดเจนที่สุด จงอธิบาย สถานที่สําคัญหรือจังหวัดที่ตองผานในการ
เดินทาง
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
1. การแตงกาพยหอโคลงชื่นชมธรรมชาติใน
โรงเรียน
2. แผนที่การเดินทางไปธารทองแดง
กิจกรรม สร้ำงสรรค์พัฒนำกำรเรียนรู้ 3. บันทึกชื่อและลักษณะของสัตวในกาพยหอโคลง
ประพาสธารทองแดง
กิจกรรมที่ ๑ เ ขียนความเรียง ๘ - ๑๐ บรรทัด พรรณนาถึงลักษณะและวิถีชีวิตของสัตว์และ
พรรณไม้ที่นักเรียนชื่นชอบมาอย่างละ ๑ ชนิด 4. การแตงคําขวัญเชิญชวนใหอนุรักษ
ทรัพยากรธรรมชาติ
กิจกรรมที่ ๒ จัดให้มีทัศนศึกษาเกี่ยวกับชีวิตของสัตว์ตามสถานที่ต่างๆ เช่น สวนสัตว์ของภาครัฐ
สวนสัตว์ของภาคเอกชน เป็นต้น แล้วให้จัดหาภาพสัตว์ต่างๆ พร้อมข้อมูลมาจัดท�า
เป็นป้ายนิเทศในชั้นเรียน
101
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. กลาวถึงความอุดมสมบูรณของพรรณพืชนานาชนิดที่มีความสวยงาม และวิถีชีวิตของสัตวปาที่ตองมีการพึ่งพาอาศัยกันตามหวงโซอาหาร
2. ลักษณะเดนในการใชถอยคําของกาพยหอโคลงประพาสธารทองแดง มีการใชถอยคําใหเกิดจินตภาพ การเลนคํา เลนเสียงสัมผัส การใชความเปรียบ และการใชคํา
เลียนเสียงธรรมชาติ
3. บทประพันธที่ชื่นชอบ เพราะมีการเลนเสียง ทั้งพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต การเลนคําซํ้ากัน เกิดจินตภาพชัดเจนวาหนูงูสูกันอยู
“ดูหนูสูรูงู งูสุดสูหนูสูงู
หนูงูสูดูอยู รูปงูทูหนูมูทู
ดูงูขูฝูดฝู พรูพรู
หนูสูรูงูงู สุดสู
งูสูหนูหนูสู งูอยู
หนูรูงูงูรู รูปถูมูทู”
4. เพื่อบันทึกเรื่องราวและความงดงามของธรรมชาติที่เสด็จประพาสใหผูอื่นไดรับทราบ และเปนแบบอยางในการแตงกาพยหอโคลง
5. คําประพันธที่กลาวถึงพืชและสัตวสะทอนธรรมชาติของทั้งพืชและสัตวไดชัดเจนทุกบท เชน บทประพันธที่กลาวถึงงูเหลือมที่กําลังหาอาหาร โดยการวิดนํ้าหาปลา
ซึ่งเปนธรรมชาติของการดํารงชีวิตของงู
“งูเหลือมคอกระหวัดไม หางกระหวัดไวใฝอาหาร
วิดนํ้าในหวยธาร โพงไปมาเอาปลากิน”
คู่มือครู 101
กระตุน้ ความสนใจ
Engage ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน
2. วิเคราะหวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน
พรอมยกเหตุผลประกอบ
3. อธิบายคุณคาของวรรณคดีและวรรณกรรม
ที่อาน
4. สรุปความรูและขอคิดจากการอานเพื่อประยุกต
ใชในชีวิตจริง
5. ทองจําบทอาขยานตามที่กําหนดและ
บทรอยกรองที่มีคุณคาตามความสนใจ
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกปญหา
4. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต
คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. รักชาติ ศาสน กษัตริย
2. ใฝเรียนรู
หนวยที่ ö
โคลงสุภำษิตพระรำชนิพนธ์
3. รักความเปนไทย พระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัว
ตัวชี้วัด
■ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน (ท ๕.๑ ม.๒/๑)
สุ ภาษิต เป็นค�าสอนที่ลึกซึ้งคมคายเป็น
■ วิเคราะหวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน พรอมยกเหตุผลประกอบ วิ ธี คิ ด วิ ธี ป ฏิ บั ติ ที่ เ ป็ น สากลและมิ ไ ด้ ล ้ า สมั ย
กระตุน้ ความสนใจ Engage ■
(ท ๕.๑ ม.๒/๒)
อธิบายคุณคาของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน (ท ๕.๑ ม.๒/๓)
พระบาทสมเด็ จ พระจุ ล จอมเกล้ า เจ้ า อยู ่ หั ว
ทรงพระราชนิพนธ์สุภาษิตไว้หลายเรือ่ ง ซึง่ รวบรวม
■ สรุปความรูและขอคิดจากการอานเพื่อประยุกตใชในชีวิตจริง ไว้ในหนังสือชุดโคลงสุภาษิต ส� า หรั บ โคลงสุ ภ าษิ ต
ครูและนักเรียนรวมกันสนทนาเกี่ยวกับความ (ท ๕.๑ ม.๒/๔)
ทองจําบทอาขยานตามที่กําหนดและบทรอยกรองที่มีคุณคาตาม โสฬสไตรยางค์ โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ และโคลง
สําคัญของวรรณคดีสุภาษิต ■
ทุกประเภท)
เกร็ดแนะครู
ในการเรียนโคลงสุภาษิตพระราชนิพนธ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูห วั
ซึ่งเปนวรรณคดีเกี่ยวกับสุภาษิตคําสอน ครูควรจัดการเรียนการสอนโดยเนนให
นักเรียนศึกษาคนควาเกีย่ วกับสุภาษิตตางๆ ของไทยทีม่ จี าํ นวนมาก ควบคูไ ปกับการ
เชื่อมโยงเขากับสถานการณในชีวิตจริงของนักเรียน เพื่อใหนักเรียนรูความหมาย
ของสุภาษิตและนําไปใชไดอยางถูกตอง
102 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
นักเรียนชวยกันบอกชื่อวรรณคดีสุภาษิตที่
โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์ นักเรียนเคยเรียนหรือรูจัก
(แนวตอบ นักเรียนบอกชื่อวรรณคดีไดมากมาย
๑ ความเป็นมา ครูยกตัวอยาง เชน โคลงโลกนิติและสุภาษิต
ในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวันพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ พระรวงที่นักเรียนเรียนในชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1
วั น ที่ ๔๔๕๑ (เป็ น วั น ที่ พ ระองค์ เ สด็ จ ขึ้ น ครองราชย์ ไ ด้ ๔,๔๕๑ วั น ) ซึ่ ง ตรงกั บ วั น ๒ฯ๒
๓ ค�่ า อิศรญาณภาษิต โคลงพาลีสอนนอง เปนตน)
(อ่านว่า วันจันทร์ แรม ๓ ค�่า เดือนยี่) ปีมะโรง โทศก จุลศักราช ๑๒๔๒๑ ได้กล่าวถึงการประพันธ์
โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์มีข้อความว่า “...กรมหมื่นพิชิต๒ ถวายโคลงโสฬสไตรยางค์ ซึ่งทรง
พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ไปแต่งแก้ใหม่ให้ถูกกับความในภาษาอังกฤษ” รัชกาลที่ ๕ ทรงพระกรุณา
ส�ารวจค้นหา Explore
โปรดเกล้าฯ ให้กวีในราชส�านักน�าสุภาษิตภาษาอังกฤษมาแปลและประพันธ์เป็นโคลงภาษาไทย 1. นักเรียนรวมกันสืบคนความหมายและลักษณะ
โดยพระองค์ ท รงเป็ น ผู ้ ต รวจแก้ แ ล้ ว ยั ง ทรงพระราชนิ พ นธ์ โ คลงน� า บทและตรวจแก้ ไขต้ น ฉบั บ เฉพาะของโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค
ของกรมหมื 1 ่ น พิ ชิ ต ด้ ว ยพระองค์ เ อง ต่ อ มาได้ มี ก ารรวบรวมโคลงสุ ภ าษิ ต นี้ ลงพิ ม พ์ ใ นหนั ง สื อ 2. นักเรียนสืบคนประวัติความเปนมาและประวัติ
วชิรญาณ เล่ม ๑ ฉบับที่ ๑ จุลศักราช ๑๒๔๖ (พุทธศักราช ๒๔๒๗) โดยใช้ต้นฉบับที่พระเจ้า ผูแตงโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค จากเอกสาร
น้องยาเธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร๓ ได้ทรงคัดลอกไว้จากต้นฉบับที่มีสุภาษิตภาษาอังกฤษด้วย
ตํารา และเว็บไซตที่เกี่ยวของ
และภายหลั ง ได้ 2 ร วบรวมพิ ม พ์ ไว้ ใ นหนั ง สื อ ประชุ ม โคลงสุ ภ าษิ ต พระราชนิ พ นธ์ ใ นรั ช กาลที่ ๕
ในงานศตมวารพระศพสมเด็ จ พระเจ้ าบรมวงศ์ เธอ เจ้ า ฟ้ า สุ ทธาทิ พ ยรั ต น์ สุ ขุ ม ขั ต ติ ย กั ล ยาวดี 3. นักเรียนศึกษาคนควาและทบทวนความรู
กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร์ เมื่อวันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๖ เกี่ยวกับลักษณะคําประพันธประเภท
โคลงสี่สุภาพที่เคยเรียนมา
๒ ประวัติผู้แต่ง 4. นักเรียนอานเรือ่ งยอโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั (พระราชประวัตไิ ด้กล่าวไว้แล้วในหน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๑) จากหนังสือเรียนหนา 104
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางคตอไปนี้ ขอใดเปนบาทที่ 2
1 หนังสือวชิรญาณ เปนนิตยสารของหอพระสมุดวชิรญาณ หอพระสมุด
1. สามสิ่งควรจักตั้ง แตซองสรรเสริญ
วชิรญาณ ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2424 หนังสือวชิรญาณเริ่มสัมภาษณบุคคลครั้งแรก
2. ปญญาสติลํ้า เลิศญาณ
ตั้งแต พ.ศ. 2437 วัตถุประสงคของหนังสือวชิรญาณ คือ เพื่อเปนเครื่องแสวงหา
3. อํานาจศักดิ์ศฤงคาร มั่งขั้ง
ความรู ตลอดจนความบันเทิงแกสมาชิกหอพระสมุดฯ
4. มารยาทเรียบเสี่ยมสาน เสงี่ยมเงื่อน งามนอ
2 งานศตมวาร หมายถึง พิธีการทําบุญศพครบ 100 วัน
วิเคราะหคําตอบ ตามลักษณะคําประพันธโคลงสี่สุภาพบาทที่ 2 มีลักษณะ
บังคับคําเอก ดังนี้ ่ ่ ้( )
แตทั้งนี้หากไมมีคําที่มีวรรณยุกตเอกก็จะใชคําตายแทน ขอที่เปนบาทที่ 2
คือ “อํานาจศักดิ์ศฤงคาร มั่งขั้ง” สวนขออื่นๆ ขอ 1. เปนบาทที่ 4 ขอ 2. มุม IT
เปนบาทที่ 1 ขอ 4. เปนบาทที่ 3 ดังนั้นจึงตอบขอ 3.
ศึกษาเกี่ยวกับประวัติความเปนมาของโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางคเพิ่มเติม
ไดที่ http://www.chanpradit.ac.th/~wanna/learn45.htm
คู่มือครู 103
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู้ Explain
1. จากการอานเรือ่ งยอโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค
ครูสุมนักเรียน 16 คน อธิบายสามสิ่งที่ควรทํา จบสามสิบหกเค้า คะแนนนับ หมวดแฮ
และไมควรทําจากจํานวน 16 ขอ
หมวดละสามคิดสรรพ เสร็จสิ้น
2. นักเรียนจับคูกับเพื่อนแลวรวมกันจับคูแนวคิด
คําสอน ทั้ง 16 ขอ โดยจับคูสิ่งที่ควรทํากับสิ่งที่ เป็นสี่สิบแปดฉบับ บอกเยี่ยง อย่างแฮ
ไมควรทํา ใหมีเนื้อความที่สอดคลองกัน ตามแบบบ่ขาดหวิ้น เสร็จแล้วบริบูรณ์
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
ควรกลากลากลาวถอย ทั้งหทัย แทเฮย
1 มิตรที่ดี ในทางพระพุทธศาสนาสอนหลักธรรมในการเลือกคบมิตรหรือ
สุวภาพพจนภายใน จิตพรอม
มิตรแทไว 4 ประการ คือ มิตรอุปการะ มิตรรวมสุขและรวมทุกข มิตรแนะ
ความรักประจักษใจ จริงแน นอนฤา
ประโยชน และมิตรมีนํ้าใจ
สามสิ่งควรรักนอม จิตใหสนิทจริง
2 หนังสือดี ความสําคัญของหนังสือและประโยชนของหนังสือ หนังสือมีความ ขอใดไมได กลาวถึงในบทประพันธขางตน
สําคัญและมีประโยชนกับชีวิตมาก เพราะมนุษยตองการแสวงหาคําตอบที่ตน 1. ความรักใคร
อยากรู อยากเห็นดวยวิธีการตางๆ เชน ซักถาม ฟง เปนตน แตวิธีที่มนุษยจะ 2. ความจริงใจ
แสวงหาคําตอบไดดีที่สุดและสะดวกที่สุด คือ การแสวงหาคําตอบจากหนังสือ 3. ความสุภาพ
ดังนั้นหนังสือจึงเปนแหลงอางอิงที่ดีที่สุด 4. ความกลา
3 ความไมเที่ยงแทแนนอน ความชรา และความตาย สอดคลองกับหลักคําสอน วิเคราะหคําตอบ จากบทประพันธกลาววา ควรกลาพูดสิ่งที่อยูในใจ
ทางพระพุทธศาสนา คือ ความเปนอนิจจัง หมายความวา โลกนี้ไมมีความเที่ยง พูดดวยความสุภาพออนนอม ความรักจากใจจะเห็นไดอยางชัดเจน สามสิ่ง
มีการเปลี่ยนแปลงอยูเสมอ ที่ควรรักและที่กลาวถึง ไดแก ความกลา ความสุภาพ และความรักใคร
ดังนั้นสิ่งที่ไมไดกลาวถึง คือ ความจริงใจ ตอบขอ 2.
104 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
นักเรียนอานโคลงสี่สุภาพบทนําโคลงสุภาษิต
๕ เนื้อเรื่อง โสฬสไตรยางค วาดวยความสามอยาง เปนทํานอง
เสนาะ จากนั้นรวมกันถอดคําประพันธโคลงบทนี้
ว่าด้วยความสามอย่าง เปนรอยแกว
(แนวตอบ ถอดคําประพันธไดวา ผูรูไดแสดง
ปราชญ์แสดงด�าริด้วย ไตรยางค์ ความรูที่เปนแนวคิดไวสามอยาง มีทั้งหมด 16
โสฬสหมดหมวดปาง ก่อนอ้าง หมวดหมู เปนแบบอยางแกบัณฑิต หวังสราง
เป็นมาติกาทาง บัณฑิต แสวงเฮย ความสุขขจัดความทุกขสืบไป)
หวังสวัสดิ์ขจัดทุกข์สร้าง สืบสร้องศุภผล
ส�ารวจค้นหา Explore
Three Things to Love
สามสิ่งควรรัก นักเรียนสืบคนขอคิดจากคําสอนใน
Courage Gentleness Affection แตละหมวดที่พบในโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค
ความกล้า ความสุภาพ ความรักใคร่ แตละบท เพื่อนําไปขยายความหมายใหเกิด
ความเขาใจรวมกันในชั้นเรียน
๑
ควรกล้ากล้ากล่าวถ้อย ทั้งหทัย แท้แฮ
สุวภาพพจน์ภายใน จิตพร้อม
อธิบายความรู้ Explain
ความรักประจักษ์ใจ จริงแน่ นอนฤ ๅ 1. นักเรียนแบงกลุมเปน 16 กลุม จากนั้นมอบ
สามสิ่งควรรักน้อม จิตให้สนิทจริง หมายใหแตละกลุมถอดคําประพันธ แลวสง
ตัวแทนกลุมออกมานําเสนอหนาชั้นเรียน
Three Things to Admire 2. จากหนา 105 นักเรียนกลุมที่ 1 และ 2 สงตัว
สามสิ่งควรชม แทนมานําเสนอการถอดคําประพันธ
Intellectual Power Dignity Gracefulness (แนวตอบ ถอดคําประพันธได ดังนี้
อ�านาจปัญญา เกียรติยศ มีมารยาทดี • กลุมที่ 1 สามสิ่งควรรัก ไดแก ความกลา
ความสุภาพ ความรักใคร
๒
ปัญญาสติ ใจความวา ควรกลาพูดความ
1 ล�้า เลิศญาณ2
อ�านาจศักดิ์ศฤงคาร มั่งขั้ง ในใจ มีความรักที่จริงใจและ
มารยาทเรียบเสี่ยมสาน เสงี่ยมเงื่อน งามนอ มีความสุภาพออนนอม
สามสิ่งควรจักตั้ง แต่ซ้องสรรเสริญ • กลุมที่ 2 สามสิ่งควรชม ไดแก อํานาจ
ปญญา เกียรติยศ มีมารยาทดี
ใจความวา อํานาจของการมี
105 ปญญาจะทําใหมีทรัพยสินเงิน
ทองมั่งคั่ง มีชื่อเสียง ควรมีความ
สงบเสงี่ยมมีมารยาทที่ดีงาม)
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนแสดงความคิดเห็นวา คําสอนหมวดใดเหมาะสมกับบุคคลใน ครูนํานักเรียนอานออกเสียงโคลงสุภาษิต เพื่อฝกทักษะการอานคําใหถูกตอง
ชวงวัยใด อาชีพใด โดยการทําตารางจําแนกคําสอนของโคลงสุภาษิต หากนักเรียนไมรูคําอานใหนักเรียนถามครู หรือคนควาคําอานจากพจนานุกรม ฉบับ
โสฬสไตรยางค ราชบัณฑิตยสถาน ทัง้ นีค้ รูแนะเพิม่ เติมวา การอานใหถกู ตองนอกจากจะทําใหเขาใจ
สารในคําประพันธแลว ยังชวยใหคําประพันธที่อานมีความไพเราะเสนาะหูอีกดวย
กิจกรรมทาทาย นักเรียนควรรู
1 ศฤงคาร อานวา สิงคาน หรือ สะหฺริงคาน หมายความวา สิ่งใหเกิด
นักเรียนรวบรวมคําสอนตามหลักพระพุทธศาสนาแลวนํามาจับคู ความรัก บริวารหญิงผูบําเรอความรัก เชน สาวศฤงคารคนใช (มหาชาติคําหลวง
ใหสอดคลองกับคําสอนในโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค แลวทําตาราง ทานกัณฑ)
การจับคูคําสอน
2 ขั้ง เปนคําโทโทษ ปกติเขียนวา “คั่ง” มีความหมายวา ออกัน ประดังกัน
แตเมือ่ ใชรว มกับคําวา “มัง่ คัง่ ” จะมีความหมายวา มีทรัพยมากมาย มีทรัพยลน เหลือ
คู่มือครู 105
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนกลุมที่ 3-5 ถอดคําประพันธเปนความ
เรียงรอยแกว แลวสงตัวแทนกลุมออกมานําเสนอ Three Things to Hate
หนาชั้นเรียน สามสิ่งควรเกลียด
(แนวตอบ ถอดคําประพันธได ดังนี้ Cruelty Arrogance Ingratitude
1
• กลุมที่ 3 สามสิง่ ควรเกลียด ไดแก ความดุรา ย ความดุุร้าย ความหยิ่งก�าเริบ อกตัญญู
ความหยิ่งกําเริบ ความอกตัญู ๓
ใจความวา จิตใจดุราย มีความ ใจบาปจิตหยาบร้าย ทารุณ
หยิ่งกําเริบ การไมรูคุณคน สามสิ่ง ก�าเริบเอิบเกินสกุล หยิ่งก้อ
นี้สั่งสอนใหควรเกลียดอยาเขาใกล อีกหนึ่งห่อนรู้คุณ ใครปลูก ฝังแฮ
• กลุมที่ 4 สามสิ่งควรรังเกียจติเตียน ไดแก สามสิ่งควรเกลียดท้อ จิตแท้อย่าสมาน
ชัว่ เลวทราม มายา ฤษยาหรือริษยา
ใจความวา จิตใจชั่วชาไมใชคน Three Things to Despise
แกลงเสแสรงมารยา อิจฉาคนที่ดี สามสิ่งควรรังเกียจติเตียน
กวาตนเอง ใครมีสามสิ่งนี้มิควร Meanness Affectation Envy
ใกลมิควรคบคาดวย ชั่วเลวทราม มารยา ฤษยา
• กลุมที่ 5 สามสิ่งควรเคารพ ไดแก ศาสนา
๔
ความยุติธรรม สละประโยชน ใจชั่วชาติต�่าช้า ทรชน
ตนเอง ใจความวา ศาสนาสั่ง ทุจริตมารยาปน ปกไว้
สอนใหเราปฏิบัติความดี มีความ หึงจิตคิดเกลียดคน ดีกว่า ตัวแฮ
ยุติธรรม ทําเพื่อประโยชนสวนรวม สามส่วนควรเกียจใกล้ เกลียดซ้องสมาคม
สามสิ่งนี้ดีงามควรรูและเคารพจะ
เจริญรุงเรือง)
Three Things to Reverence
ขยายความเข้าใจ Expand สามสิ่งควรเคารพ
Religion Justice Self-denial
นักเรียนยกสถานการณที่เปนปญหาในชีวิต
ศาสนา ยุติธรรม สละประโยชน์ตนเอง
ประจําวัน แลวพิจารณาวาเหตุใดจึงควรหลีกเลี่ยง
สิ่งๆ นั้น ๕
ศาสนาสอนสั่งให้ ประพฤติดี
(แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น หนึ่งยุติธรรมไป่มี เลือกผู้
ไดหลากหลาย โดยคําตอบมีความเกี่ยวของกับ ประพฤติเพื่อประโยชน์ศรี สวัสดิ์ทั่ว กันแฮ
การหลีกเลี่ยงความดุราย ความหยิ่งกําเริบ สามสิ่งควรรอบรู้ เคารพเรื้องเจริญคุณ
และอกตัญู)
106
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูปลูกฝงแนวคิดจากโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางคใหนักเรียน โดยใหนักเรียน ศาสนาสอนสั่งให ประพฤติดี
ยกสถานการณที่เปนปญหาขึ้นมา 1 สถานการณ จากนั้นใหนักเรียนชวยกัน หนึ่งยุติธรรมไปมี เลือกผู
พิจารณาปญหาดังกลาววามีสาเหตุมาจากอะไร ครูตั้งประเด็นใหนักเรียนอภิปราย ประพฤติเพื่อประโยชนศรี สวัสดิ์ทั่ว กันแฮ
แสดงความคิดเห็นรวมกัน โดยเริ่มจากถามวา นักเรียนจะสามารถแกไขปญหาดวย สามสิ่งควรรอบรู เคารพเรื้องเจริญคุณ
แนวคิดตางๆ จากโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางคไดหรือไม อยางไร จากขอความในคําประพันธที่ยกมานี้ ขอใดคือสามสิ่งที่ควรเคารพ
1. ศาสนา ยุติธรรม สละประโยชนตนเอง
2. ภิกษุ สามเณร ผูประพฤติธรรม
นักเรียนควรรู 3. พอแม ครูอาจารย ญาติผูใหญ
4. ภิกษุ พอแม ครูอาจารย
1 อกตัญู ในสังคมหลายสังคม เชน สังคมไทย สังคมจีน ลูกหลานจะถูก วิเคราะหคําตอบ จากบทประพันธกลาววา ศาสนาสอนใหประพฤติดี
ปลูกฝงและสั่งสอนใหมีความกตัญูตอบุพการีมากเปนพิเศษ หากใครเปน มีความยุติธรรมกับทุกคน ประพฤติตนเพื่อประโยชนของสวนรวม ถารูเคารพ
ผูอกตัญู มักจะไดรับคําติฉิน ประณามจากคนในสังคม บางสังคมความกตัญู สามสิ่งนี้ คือ ศาสนา ยุติธรรม และสละประโยชนตนเองเพื่อผูอื่นจะเปนคุณ
ถูกบรรจุเปนกฎหมาย เชน ลูกที่ไมเลี้ยงดูบุพการีถือวามีความผิด เปนตน กับตนเอง ตอบขอ 1.
106 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนกลุมที่ 6-8 ถอดคําประพันธเปนความ
Three Things to Delight in เรียงรอยแกว แลวสงตัวแทนกลุมออกมานําเสนอ
สามสิ่งควรยินดี หนาชั้นเรียน
Beauty Frankness Freedom (แนวตอบ ถอดคําประพันธได ดังนี้
งาม ตรงตรง ไทยแก่ตน • กลุมที่ 6 สามสิ่งควรยินดี ไดแก ความงาม
๖ 1 ความตรงตรง ความเปนไทแกตน
สรรพางค์โสภาคพร้อม ธัญลักษณ์ ใจความวา ผูที่มีลักษณะดีพรอม
ภาษิตจิตประจักษ์ ซื่อพร้อม พูดจาดีมีความซื่อตรง และมี
เป็นสุขโสดตนรัก การชอบ ธรรมนา ความเปนอิสระ สามสิ่งนี้หากมี
สามสิ่งควรชักน้อม จิตให้ยินดี ควรยินดีนัก
• กลุมที่ 7 สามสิ่งควรปรารถนา ไดแก
ความสุขสบาย มิตรสหายที่ดีดี
Three Things to Wish for
ใจสบายปรุโปรง ใจความวา มี
สามสิ่งควรปรารถนา
ความสุขกายไมมีโรคใหรําคาญ
Health Friends a Cheerful Spirit
มีเพื่อนที่พึ่งพาได มีจิตใจผองใส
ความสุขสบาย มิตรสหายที่ดีดี ใจสบายปรุโปร่ง
มีความสุข สามสิ่งนี้ควรอยาก
๗
สุขกายวายโรคร้อน ร�าคาญ ไดมาไว
มากเพื่อนผู้วานการ ชีพได้ • กลุมที่ 8 สามสิ่งควรออนวอน ไดแก ความ
จิตแผ้วผ่องส�าราญ รมยสุข เกษมแฮ เชื่อถือ ความสงบ ใจบริสุทธิ์
สามสิ่งควรจักให้ รีบร้อนปรารถนา ใจความวา มีศรัทธาเชื่อมั่น มี
ความสงบชวยดับความโศกเศรา
และมีจิตใจบริสุทธิ์ไมมัวหมอง
Three Things to Pray for สามสิง่ นีค้ วรเฝาอธิษฐานใหไดมา)
สามสิ่งควรอ้อนวอนขอ
Faith Peace 2 Purity of Heart ขยายความเข้าใจ Expand
ความเชื่อถือ ความสงบ ใจบริสุทธิ์
นักเรียนเสนอแนวทางจากแนวคิดที่ไดจาก
๘
ศรัทธาท�าจิตหมั้น คงตรง บทประพันธสามสิ่งควรยินดี สามสิ่งควรปรารถนา
สงบระงับดับประสงค์ สิ่งเศร้า และสามสิ่งควรออนวอนขอ
จิตสะอาดปราศสิ่งพะวง วุ่นขุ่น หมองแฮ • นักเรียนมีแนวทางในการนําคําสอนทั้ง
สามส่วนควรใฝ่เฝ้า แต่ตั้งอธิษฐาน 3 หมวด ไปปฏิบัติอยางไร
(แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดหลากหลาย
107 ขึ้นอยูกับเหตุผลของนักเรียน โดยครู
พิจารณาแนวคิดของบทประพันธกับแนวทาง
ในการนําไปปฏิบัติวาสัมพันธกันหรือไม)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ขอใดแสดงความประสงคของผูแตง
ครูแนะใหนักเรียนจัดหองเรียนเพื่อสงเสริมการเรียนรู โดยการนําโคลงสุภาษิต
1. หวังสวัสดิ์ขจัดทุกขสราง สืบสรองศุภผล
โสฬสไตรยางคบทตางๆ ไปจัดปายนิเทศในหองเรียน เพื่อใหนักเรียนเกิดความรูสึก
2. ตามแบบบขาดหวิ้น เสร็จแลวสมบูรณ
ชิดใกลในการนําไปปฏิบัติในชีวิตประจําวัน และเปนแหลงความรูในการเรียน
3. เปนมาติกาทาง บัณฑิต แสวงเฮย
วรรณคดีและวรรณกรรมอีกที่หนึ่งที่ชวยพัฒนาความคิดและจิตใจของผูเรียน
4. จบสามสิบหกเคา คะแนนนับ หมวดแฮ
วิเคราะหคําตอบ ในโคลงบทนําของโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางคกลาว
ไววา ผูที่ปฏิบัติตามคําแนะนําผลของความดีนั้นยอมมีแตความสุข ความ นักเรียนควรรู
เจริญรุงเรือง และมีผูคนกลาวคําสรรเสริญ ซึ่งตรงกับขอ 1. “หวังสวัสดิ์
ขจัดทุกขสราง สืบสรองศุภผล” ทั้งนี้พิจารณาไดจากคําวา “หวัง” ซึ่งเปน 1 สรรพางค ปกติอานวา สัน-ระ-พาง แตเมื่ออยูในคําประพันธโคลงสี่สุภาพที่
คําที่แสดงความประสงค ตอบขอ 1. วรรคแรกมี 5 คํา จึงอานวา สัน-พาง หมายความวา ทั้งตัว ทั่วตัว มักใชเขาคูกับ
คําวา “กาย” เปน สรรพางคกาย เชน เจ็บปวดทั่วสรรพางคกาย สารพางค ก็วา
2 ความสงบ ตรงกับพุทธศาสนสุภาษิต “นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ” สุขอื่นยิ่งกวา
ความสงบไมมี
คู่มือครู 107
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนกลุมที่ 9-11 ถอดคําประพันธเปนความ
เรียงรอยแกว แลวสงตัวแทนกลุมออกมานําเสนอ Three Things to Esteem
หนาชั้นเรียน สามสิ่งควรนับถือ
(แนวตอบ ถอดคําประพันธได ดังนี้
Wisdom Prudence Firmness
1
• กลุมที่ 9 สามสิ่งควรนับถือ ไดแก ความมี
ปญญา ความฉลาด ความมั่นคง ปัญญา ฉลาด มั่นคง
ใจความวา การมีปญญา ความ ๙
ฉลาดรอบรู ความมั่นคง เปน ปัญญาตรองตริล�้า ลึกหลาย
สามสิ่งที่ควรแกการนับถือ ฉลาดยิ่งสิ่งแยบคาย คาดรู้
• กลุมที่ 10 สามสิ่งควรจะชอบ ไดแก มั่นคงไม่คืนคลาย คลอนกลับ กลายแฮ
ใจอารีสุจริต ใจดี ความสนุก สามสิ่งควรกอบกู้ กับผู้นับถือ
เบิกบานพรอมเพรียง ใจความวา
การทําสิ่งถูกตอง มีจิตใจ Three Things to Like
โอบออมอารี จิตใจโปรงใส สามสิ่งควรจะชอบ
ไมมัวหมอง มีความสุขพรอมพรั่ง Cordiality Good Humour Mirthfulness
สามสิ่งนี้ควรยินดีที่ไดมี ใจอารีสุจริต ใจดี ความสนุกเบิกบานพร้อมเพรียง
• กลุมที่ 11 สามสิ่งควรสงสัย ไดแก คํายอ ๑๐
หนาเนื้อใจเสือ พลันรักพลันจืด สุจริตจิตโอบอ้อม อารี
ใจความวา คํายกยอง หนากับ ใจโปร่งปราศราคี ขุ่นข้อง
ใจไมตรงกัน พูดจากลับไปกลับ สิ่งเกษมสุขเปรมปรี- ดาพรั่ง พร้อมแฮ
มา สามสิ่งนี้ควรตั้งขอสงสัยไว) สามสิ่งสมควรต้อง ชอบต้องยินดี
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
“พักตรจิตผิดกันประมาณ ยากรู” มีความหมายตรงกับสํานวนในขอใด
1 มั่นคง ในที่นี้ ความมั่นคง หมายถึง ความมั่นคงทางสภาวะอารมณ ไมหวั่น
1. ใจดีสูเสือ
ไหวไปกับสิ่งยั่วยุ
2. หนาเนื้อใจเสือ
2 หนาเนื้อใจเสือ เปนสํานวนไทยที่มีความหมายวา การที่มีหนาตายิ้มแยม 3. ปากวาตาขยิบ
แจมใส แตภายในใจดุรายหรือคิดทํารายผูอื่น สํานวนนี้มีความหมายใกลเคียงกับ 4. ปากหวานกนเปรี้ยว
สํานวน หนาซื่อใจคด ปากปราศรัยนํ้าใจเชือดคอ เปนตน
วิเคราะหคําตอบ “พักตรจิตผิดกันประมาณ ยากรู” หมายความวา
3 พลันรักพลันจืด เปนสํานวนไทยหมายถึง การไมอยูกับรองกับรอย อาการ หนาตากับจิตใจนั้นตางกันชัดเจน จึงตรงกับสํานวนวา หนาเนื้อใจเสือ
เดี๋ยวดีเดี๋ยวรายหรือการพูดกลับไปกลับมา หมายความวา แสดงความเมตตา แตจิตใจเหี้ยมโหด ตอบขอ 2.
4 พะพอง เปนคําอัพภาส คือ คําประสมที่เกิดจากคํามูลสองคําเสียงซํ้ากัน
ตอมาเสียงคําหนากรอนเหลือเปนเสียงสระอะ ในที่นี้ คือ คําวา “พอง” จากที่เปน
“พองพอง” กรอนเสียงเปน “พะพอง”
108 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนกลุมที่ 12-14 ถอดคําประพันธเปน
Three Things to Avoid ความเรียงรอยแกว แลวสงตัวแทนกลุมออกมานํา
สามสิ่งควรละ เสนอหนาชั้นเรียน
(แนวตอบ ถอดคําประพันธได ดังนี้
Idleness Loquacity Flippant Jesting • กลุมที่ 12 สามสิ่งควรละ ไดแก ความ
เกียจคร้าน วาจาฟั่นเฝือ หยอกหยาบแลแสลงฤ ๅขัดคอ เกียจคราน วาจาฟนเฝอ
๑๒
เกียจคร้านการท่านทั้ง การตน ก็ดี หยอกหยาบแลแสลงฤๅขัดคอ
พูดมากเปล่าเปลืองปน ปดเหล้น
ใจความวา ความเกียจคราน
พูดมากไมเปนความจริง คํา
ค�าแสลงเสียดแทงระคน ค�าหยาบ หยอกฤ ๅ
หยาบคําเสียดสี สามสิ่งนี้ควร
สามสิ่งควรทิ้งเว้น ขาดสิ้นสันดาน
ขจัดไปจากนิสัย
• กลุมที่ 13 สามสิ่งควรจะกระทําใหมี ไดแก
Three Things to Cultivate หนังสือดี เพื่อนดี ใจเย็นดี
สามสิ่งควรจะกระท�าให้มี ใจความวา หนังสือที่ใหความรู
Good Books Good Friends Good Humour
1 เวนการทําไมดี คบเพื่อนที่ดี
หนังสือดี เพื่อนดี ใจเย็นดี ปราศจากความโกรธ สามสิ่งนี้
๑๓
ควรกระทําใหมีไวจะเจริญ
หนังสื2อสอนสั่งข้อ วิทยา • กลุมที่ 14 สามสิ่งควรจะหวงแหนหรือตอสู
เว้นบาปเสาะกัลยาณ์ มิตรไว้ เพื่อรักษา ไดแก ชื่อเสียง
หนึ่งขาดปราศโทสา คติห่อ ใจเฮย เกียรติยศ บานเมืองของตน
สามสิ่งควรมีให้ มากยั้งยืนเจริญ มิตรสหาย ใจความวา ตอสู
เพื่อรักษาความดี และชื่อเสียง
Three Things to Contend for เกียรติยศ ปกปองประเทศของ
สามสิ่งควรจะหวงแหนฤ ๅต่อสู้เพื่อรักษา ตน และมิตรประเทศที่รวมทุกข
Honour Country Friends รวมสุขกันมา สามสิ่งนี้ควรรักษา
ชื่อเสียงยศศักดิ์ บ้านเมืองของตน มิตรสหาย ไวและปกปองจากผูคิดราย)
๑๔
ความดีมีชื่อทั้ง ยศถา ศักดิ์เฮย ขยายความเข้าใจ Expand
ประเทศเกิดกูลพงศา อยู่ยั้ง
คนรักร่วมอัธยา- ศัยสุข ทุกข์แฮ
จากโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางควาดวยสามสิ่ง
ควรละ สามสิ่งควรจะกระทําใหมี สามสิ่งควรจะ
สามสิ่งควรสงวนตั้ง ต่อสู้ผู้เบียน
หวงแหนฤๅตอสูเพื่อรักษา นักเรียนนําไปสํารวจ
109 ตนเอง ดังนี้
• นักเรียนมีหรือไมมีขอใดในโคลงสุภาษิต
ที่กลาวมา
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ขอใดเปนคําอธิบายขยายความคําวา วาจาฟนเฝอ (Loquacity)
จากโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางคบทที่วาดวย สามสิ่งควรกระทําใหมี ครูจัด
1. คําแสลงเสียดแทงระคน คําหยาบ หยอก
กิจกรรมสงเสริมทักษะการคิดและการนําไปปฏิบัติในชีวิตประจําวัน โดยใหนักเรียน
2. คํายอยกยองเพี้ยน ทุกประการ
ระบุขอมูลและความเห็นของนักเรียนในสามสิ่งที่กลาวถึง คือ หนังสือดี เพื่อนดี
3. สุวภาพพจนภายใน จิตพรอม
และใจเย็นดี ดังนี้ หนังสือดีที่นักเรียนประทับใจคืออะไร เพื่อนดีควรเปนอยางไร
4. พูดมากเปลาเปลืองปน ปดเหลน
และใจเย็นดี นักเรียนควรปฏิบัติในสถานการณใด
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. คําที่เสียดแทง คําหยาบไมเขาหู ขอ 2. วาจาที่
กลาวยกยอกลับผิดเพี้ยนจากความจริง ขอ 3. วาจาที่สุภาพ ขอ 4. พูดมาก
ความปะปนกันยุง คําวา “วาจาฟนเฝอ” หมายความวา ถอยคําที่คลุมเครือ นักเรียนควรรู
ยุงเหยิง ปนคละกันยุง ตรงกับคําประพันธที่วา “พูดมากเปลาเปลืองปน
ปดเหลน” ตอบขอ 4. 1 ใจเย็นดี ในที่นี้ มีความหมายใกลเคียงกับคําวา มีสติ การจะทําสิ่งใดใหคิด
ไตรตรองถึงผลดีผลเสียที่จะเกิดขึ้นทั้งตอตนเองและผูอื่น
2 กัลยาณ ปกติใชเปนบทหนาสมาส หมายความวา งาม ดี ในที่นี้ คือ
กัลยาณ + มิตร หมายความวา มิตรที่ดี
คู่มือครู 109
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนกลุมที่ 15-16 ถอดคําประพันธเปน
ความเรียงรอยแกว แลวสงตัวแทนกลุมออกมานํา Three Things to Govern
เสนอหนาชั้นเรียน สามสิ่งควรครองไว้
(แนวตอบ ถอดคําประพันธได ดังนี้ Temper Impulse1 The Tongue
• กลุมที่ 15 สามสิ่งควรครองไว ไดแก กิริยา กิริยาที่เป็นในใจ มักง่าย วาจา
ที่เปนในใจ ความมักงาย และ ๑๕
อาการอันเกิดด้วย น�้าใจ แปรฤ ๅ
วาจา ใจความวา ระวังการแสดง ใจซึ่งรีบเร็วไว ก่อนรู้
อารมณที่แปรปรวน คําพูดที่จะ วาจาจักพูดใน กิจสบ สรรพแฮ
เปลงออกมา เปนสามสิ่งที่ควร สามสิ่งจ�าทั่วผู้ พิทักษ์หมั้นครองระวัง
ระมัดระวัง Three Things to Wait for
• กลุมที่ 16 สามสิ่งควรจะเตรียมเผื่อ ไดแก สามสิ่งควรจะเตรียมเผื่อ
อนิจจัง ชรา มรณะ ใจความวา Change2 Decay Death4
3
สิ่งใดใดในโลกยอมมีการ อนิจจัง ชรา มรณะ
เปลี่ยนแปลง ความแกชราที่จะ ๑๖
ออนแรงลงทุกวัน ความตายที่ สิ่งใดในโลกล้วน เปลี่ยนแปลง
หนึ่งชราหย่อนแรง เร่งร้น
ติดตามชีวิตเรา สามสิ่งนี้ควร ความตายติดตามแสวง ท�าชีพ ประลัยเฮย
เตรียมการคอยรับไว) สามส่วนควรคิ ดค้น คติรู้เตรียมคอย
๑๗
จบสามสิบหกเค้า คะแนนนับ หมวดแฮ
ขยายความเข้าใจ Expand หมวดละสามคิดสรรพ เสร็จสิ้น
เป็นสี่สิบแปดฉบับ บอกเยี่ยง อย่างแฮ
นักเรียนเสนอแนวคิดในการปฏิบัติตนใหประสบ ตามแบบ บ่ ขาดหวิ้น เสร็จแล้วบริบูรณ์
ความสําเร็จในชีวิต โดยบอกแนวคิดที่นักเรียน
ยึดปฏิบัติมา 3 ขอ และสิ่งที่นักเรียนหลีกเลี่ยง บอกเล่าเก้าสิบ
หรือไมปฏิบัติอีก 3 ขอ อาจตรงกับโคลงสุภาษิต
โสฬสไตรยางคหรือไมก็ได ไตรลักษณ์ สามสิ่งควรจะเตรียมเผื่อ
จากโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์ สามสิ่งควรเตรียมเผื่อ ได้แก่ อนิจจัง ชรา มรณะ มีความ
สอดคล้องกับหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา คือ ไตรลักษณ์ อันได้แก่ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ดังนี้
ตรวจสอบผล Evaluate • อนิจจัง คือ ความไม่เที่ยง ไม่แน่นอนของทุกสิ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่ควรเตรียมเผื่อ
• ทุกขัง คือ ความทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ต้องแก่ชราลง เก่าลง สอดคล้องกับความชรา
1. นักเรียนถอดคําประพันธโคลงสุภาษิต
ในสามสิ่งควรจะเตรียมเผื่อ
โสฬสไตรยางคได • อนัตตา คือ ความไม่ได้เป็นของตัวตน ไม่มีสิ่งใดเป็นของตน แม้กระทั่งร่างกาย สอดคล้อง
2. นักเรียนวิเคราะหสถานการณในชีวิตประจําวัน กับมรณะ ในสามสิ่งควรเตรียมเผื่อ
(ที่มา: http://www.dhammahome.com)
โดยใชแนวคิดจากโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางคได
3. จากการอานเนือ้ เรือ่ งโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค 110
นักเรียนเสนอแนวคิดที่ยึดเปนหลักปฏิบัติใน
ชีวิตประจําวันได
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 มักงาย เปนคําที่แปลมาจาก impulse ในที่นี้ จึงหมายถึง ความปรารถนา นักเรียนเปรียบเทียบคําสอนที่ปรากฏในบทประพันธวาสอดคลองกับ
ที่พลุงขึ้นมาทันที ในความวา “ใจซึ่งรีบเร็วไว กอนรู” สํานวน สุภาษิต คําพังเพย คําคม พุทธศาสนสุภาษิตใดบาง บันทึกลงสมุด
2 อนิจจัง เปนหลักคําสอนทางพระพุทธศาสนา หมายความถึง สิ่งใดสิ่งหนึ่ง แลวนําสงครูผูสอน
มีการเกิดเปนธรรมดา สิ่งใดสิ่งนั้นยอมมีการดับเปนธรรมดา
3 ชรา เปนหลักคําสอนทางพระพุทธศาสนา หมายความถึง กําจัดความแกดวย
ทรัพยไมได สังขารเปนทุกขอยางยิ่ง กิจกรรมทาทาย
4 มรณะ เปนหลักคําสอนทางพระพุทธศาสนา หมายความถึง สัตวโลกทั้งปวง
จักทอดทิ้งรางในโลก
นักเรียนแปลความหมายของคําศัพทยากที่พบในบทประพันธ จัดทํา
เปนตารางคําศัพท พรอมอธิบายความหมาย หรือคําแปลที่สอดคลองกับ
บทประพันธ แลวนําสงครูผูสอน
110 คู่มือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดมีคําที่หมายความวา หัวขอ แมบท ซึ่งมักใชกับคําวา บังสุกุล
นักเรียนถอดความบทประพั นธบทที่นักเรียนชื่นชอบ 1 ไตรยางค มาจากคําวา ตฺรย หมายความวา สาม และ องคฺ หมายความวา
1. ปราชญ แสดงดําริดวย ไตรยางค
สวน จึงแปลวา สามสวน หรือ องคสาม
2. โสฬสหมดหมวดปาง กอนอาง
3. เปนมาติกาทาง บัณฑิต แสวงเฮย 2 โสฬส อานวา (โส-ลด) เปนคําที่ใชเรียกหนวยเงินของไทยในสมัยโบราณ
4. หวังสวัสดิ์ขจัดทุกขสราง สืบสรองศุภผล ตั้งแตสมัยสุโขทัย มีคาเทากับ 1/128 บาท หรือ 1/16เฟอง มีมาตราเทียบวัด ดังนี้
2 โสฬส เทากับ 1 อัฐ
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. กลาววาผูรูแสดงปญญาดวยไตรยางค ขอ 2. รู 2 อัฐ เทากับ 1 ไพ
โสฬสทั้งหมดกอนกลาวอาง ขอ 3. เปนแมบทใหบัณฑิตหาความรู และขอ 4. 4 ไพ เทากับ 1 เฟอง
เพื่อขจัดสิ่งไมดี สรางแตสิ่งที่ดี จึงเห็นไดวา ขอ 3. มีคําวา “มาติกา” ที่ 2 เฟอง เทากับ 1 สลึง
หมายความวา หัวขอหรือแมบท โดยมักใชวา “มาติกาบังสุกุล” ตอบขอ 3. 4 สลึง เทากับ 1 บาท
4 บาท เทากับ 1 ตําลึง
20 ตําลึง เทากับ 1 ชั่ง
คูมือครู 111
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
Engage Explore Explain Expand ตรวจสอบผล
Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
1. ครูใหนักเรียนสํารวจลักษณะนิสัยของตนเอง
จากนั้นจับคูกัน ๗ บทวิเคราะห์
• เขียนขอดีและขอเสียของตนเองอยางละ
โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์ทั้ง ๑๖ หมวด กล่าวถึงสิ่งที่แนะน�าบุคคลให้กระท�าและห้าม
3 ขอ ลงในสมุด และใหเพื่อนแสดงความเห็น
ไม่ให้กระท�า หมวดละ ๓ ประการ นับว่ามีคุณค่า เป็นคติข้อคิดที่น�าไปประพฤติปฏิบัติแล้วเกิดผลดี
วาเปนจริงหรือไม
และเป็นประโยชน์ต่อการด�ารงชีวิต
2. จากขอเสียของตนเองที่เพื่อนเห็นวาเปนจริง ให
นอกจากสิ่งที่ควรท�าแล้ว ยังกล่าวถึงสิ่งที่ควรละเว้น มิฉะนั้นจะท�าให้ชีวิตเป็นทุกข์ ดังความใน
นักเรียนเสนอแนวทางการปรับปรุงตนเอง
บทที่ ๔ ที่กล่าวถึง สามสิ่งควรรังเกียจติเตียน ได้แก่ ชั่วเลวทราม มารยา ริษยา อันเป็นสิ่งที่ท�าให้ชีวิต
เป็นทุกข์ จึงควรละเว้น
สํารวจคนหา Explore
๗.๑ คุณค่าด้านเนือ้ หา
1. นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับคุณคาดานเนื้อหา ๑) ให้แนวทางในการด�าเนินชีวิต โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์มีเนื้อหาที่แสดงให้
วรรณศิลปและสังคมในโคลงสุภาษิต เห็นอย่างเด่นชัดว่า สิง่ ใดเป็นสิง่ ดีทคี่ วรปฏิบตั แิ ละสิง่ ใดเป็นสิง่ ไม่ด ี ควรหลีกเลีย่ งไม่ปฏิบตั ิ แนวทางการ
โสฬสไตรยางค ด�าเนินชีวติ ทีน่ า� เสนอนีเ้ ป็นวิธปี ฏิบตั ทิ จี่ ะช่วยให้คนผูน้ นั้ เป็นคนดี สามารถพัฒนาตนเองและเกิดความสุข
2. นักเรียนศึกษาแนวทางในการนําขอคิดที่ไดจาก ในชีวิต ตัวอย่างเช่น สามสิ่งที่ควรนับถือ ได้แก่ ปัญญา ฉลาด มัน่ คง ทัง้ สามสิ่งนี้ถา้ ผูอ้ ่านน�าไปปฏิบตั ิจะ
โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางคไปปฏิบัติ ท�าให้เกิดการพัฒนาตนเอง เป็นคนที่มีสติปัญญา รู้คิด มีความคิดที่มั่นคง สามารถคิดแก้ปัญหาในชีวิต
ได้ลลุ ว่ ง หรือสามสิง่ ทีค่ วรวอนขอ ได้แก่ ความเชือ่ ถือ ความสงบ และใจบริสทุ ธิ ์ หากมีสามสิง่ นีแ้ ล้วจะมี
อธิบายความรู Explain จิตใจงาม ไม่หวั่นไหวกับสิ่งที่เข้ามากระทบในชีวิต คนผู้นั้นจึงมีความสุขปราศจากความทุกข์ เป็นต้น
๒) ให้ข้อคิดในการอยู่ร่วมกันในสังคม โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์มีเนื้อหาที่ให้
นักเรียนอานและพิจารณาคุณคาดานเนื้อหา
ข้อคิดว่าคนในสังคมควรประพฤติปฏิบัติตนอย่างไร เพื่อจะท�าให้คนทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันในสังคม
ของโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค จากนั้นครูสุมให
ได้อย่างปกติสุข ตัวอย่างเช่น สามสิ่งควรติ ได้แก่ ความชั่ว มารยา และริษยา สามสิ่งนี้เป็นสิ่งไม่ดีที่จะ
นักเรียน 2-3 คน ตอบคําถามในประเด็นตอไปนี้
ท�าให้คนในสังคมเกิดความเข้าใจผิดกัน เกิดความขัดแย้ง ท�าให้สังคมไม่สงบสุข
• โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางคแสดงสัจธรรม
๓) แสดงสัจธรรมของชีวิต โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์ได้แสดงให้เห็นสัจธรรมหรือ
ของชีวิตอยางไร
ความเป็นจริงของชีวิต ท�าให้ผู้อ่านเข้าใจความเป็1นไปและสามารถเตรียมใจรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้
(แนวตอบ แสดงถึงความจริงของชีวิตที่มีการ
ตัวอย่างเช่น สามสิ่งควรเตรียมใจเผื่อ ได้แก่ อนิจจัง ชรา มรณะ คือ ความเปลี่ยนแปลง ความเสื่อมถอย
เกิด แก เจ็บ ตาย วาเปนธรรมดา ชีวิตมี
ของสรรพสิ่งและความดับสูญ ทั้งสามสิ่งเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นกับทุกสิ่งในโลก ถือเป็นสัจธรรมที่ทุกคน
ความไมเที่ยงแทแนนอน เพื่อจะไดเตรียม
ควรตระหนักรู้ เพื่อจะได้เข้าใจในความไม่แน่นอนของชีวิตและเตรียมใจรับมือกับสิ่งเหล่านั้น
รับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต)
๗.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์
ขยายความเขาใจ Expand ๑) กวีเลือกใช้ถ้อยค�าที่สละสลวยเข้าใจง่าย แปลศัพท์ภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย
ได้อย่างสอดคล้องเหมาะสม
2 นอกจากนี้ยังมีการอธิบายขยายความส่วนที่แปลเป็นไทย นับว่าเป็น
นักเรียนยกบทประพันธในโคลงสุภาษิต ใจของคนไทย แสดงถึงความสามารถของกวี ดังโคลงสุภาษิต
การปรับให้เข้ากับค่านิยมและความเข้าใจของคนไทย
โสฬสไตรยางคที่แสดงสัจธรรมของชีวิต หมวดที่ ๑๕
112
บูรณาการเชื่อมสาระ
เกร็ดแนะครู ครูบูรณาการความรูจากบทวิเคราะหคุณคาดานเนื้อหาในโคลงสุภาษิต
ครูแนะความรูใหนักเรียนพิจารณาโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางคในแงวรรณคดี โสฬสไตรยางค เรื่องการแสดงสัจธรรมของชีวิต ที่ใหขอคิดการปฏิบัติตน
คําสอน ซึ่งสอนเกี่ยวกับการประพฤติตนที่ครอบคลุมกวางขวางในหลายระดับ ในการดําเนินชีวิต เขากับกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และ
ตั้งแตระดับปจเจกบุคคล สังคม และประเทศชาติ อีกทั้งยังเปนขอแนะนําในเรื่อง วัฒนธรรม วิชาพระพุทธศาสนา ซึ่งเปนหลักปฏิบัติที่ทุกคนสามารถเขาใจ
การเตรียมใจใหพรอมสําหรับการเปลี่ยนแปลง ที่เปนสัจธรรมในชีวิต และนําไปปฏิบัติได ไดแก ความไมเที่ยงแทแนนอน ความชรา และ
ความตาย ซึ่งจะชวยใหเราเขาใจชีวิต ไมประมาท มีความระมัดระวัง
และรูจักยอมรับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงในชีวิต ไมปลอยใหตัวเองทุกขเศรา
นักเรียนควรรู อยูกับเรื่องที่ผิดหวัง เขาใจธรรมชาติของชีวิต ดําเนินชีวิตอยางมีความสุข
112 คูมือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับคุณคาดานวรรณศิลป
Three Things to Govern จากประเด็นคําถามดังตอไปนี้
สามสิ่งควรครองไว้ • นักเรียนคิดวากวีมีกลวิธีเลือกใชถอยคํา
Temper Impulse The Tongue
อยางไรใหผูอานเขาใจงายขึ้น
(แนวตอบ กวีแปลศัพทภาษาอังกฤษเปน
กิริยาที่เป็นในใจ มักง่าย วาจา
ภาษาไทยอยางเหมาะสม โดยมีการอธิบาย
อาการอันเกิดด้วย น�้าใจ แปรฤ ๅ ขยายความในคําที่แปลเปนภาษาไทย
ใจซึ่งรีบเร็วไว ก่อนรู้ เพิ่มเติมอีก)
วาจาจักพูดใน กิจสบ สรรพแฮ • สัมผัสที่พบในบทประพันธมีสัมผัสชนิดใด
สามสิ่งจ�าทั่วผู้ พิทักษ์หมั้นครองระวัง บางและมีความโดดเดนอยางไร
(แนวตอบ มีสัมผัสในทั้งสัมผัสสระ
“พิทักษ์หมั้นครองระวัง” ค�าว่า ครอง ในที่นี้มิได้มีความหมายตรงตามรูปศัพท์ว่า
และสัมผัสอักษร และสัมผัสนอกที่เปน
ด�ารงไว้ แต่กล่าวถึง ๓ สิ่งที่ควรครองไว้กับตน คือ ต้องระมัดระวังอารมณ์ ความปรารถนา และวาจา
ไปตามลักษณะบังคับ เลือกใชคําที่มี
๒) มี ก ารใช้ สั ม ผั ส ในวรรค ทั้ ง สั ม ผั ส สระ สั ม ผั ส อั ก ษร ท� า ให้ บ ทประพั น ธ์ มี
ความคลองจองกัน สามารถจดจําไดงาย)
ความไพเราะ ดังบทประพันธ์
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดมีสัมผัสในมากที่สุด
1 สุภาษิต ถอยคําหรือขอความที่กลาวสืบตอกันมาชานานแลว มีความหมาย
1. สิ่งใดในโลกลวน เปลี่ยนแปลง
เปนคติสอนใจ สุภาษิตหรือภาษิต ตองประกอบไปดวยลักษณะ 2 ประการ คือ ขอ
2. หนึ่งชราหยอนแรง เรงรน
ความสั้นๆ แตกินความลึกซึ้ง และเปนลักษณะคําสอนหรือวางหลักความจริง เชน
3. ความตายติดตามแสวง ทําชีพ ประลัยเฮย
รักยาวใหบั่นรักสั้นใหตอ นํ้าเชี่ยวอยาขวางเรือ เปนตน
4. สามสวนควรคิดคน คติรูเตรียมควร
การรูสุภาษิตมากๆ มีประโยชนอยางนอย 3 ประการ คือ ทําใหเกิดความคิด
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. สัมผัสอักษรมี โลก-ลวน, เปลี่ยน-แปลง สัมผัส ลึกซึ้ง ทําใหรูจักประพฤติตัวดีขึ้น ทําใหทราบถึงนิสัยใจคอ และจารีตประเพณีของ
สระมี ใด-ใน ขอ 2. สัมผัสอักษรมี (ช)รา-แรง, เรง-รน ขอ 3. สัมผัสอักษร สังคมตางๆ ที่สําคัญ คือ การไดแงคิด มุมมอง ที่สามารถนําไปใชกับการดํารงชีวิต
มี ตาย-ติด-ตาม สัมผัสสระมี ความ-ตาม และขอ 4. สัมผัสอักษรมี สาม- ประจําวันได
สวน, ควร-คิด-คน, ค(ติ)-ควร สัมผัสสระมี สวน-ควร ขอ 4. แทบทุกคํา
มีเสียงสัมผัสกัน ตอบขอ 4.
คู่มือครู 113
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนอานบทวิเคราะหคุณคาดานสังคม
โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค ครูสุมนักเรียน 2-3 คน ๗.๓ คุณค่าด้านสังคม
ตอบคําถามในประเด็นตอไปนี้ โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์ กล่าวถึงสิ่งที่ควรท�าตามและควรละเว้นการกระท�า เพื่อให้
• โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค สะทอนคานิยม เกิดความสุขแก่ผู้ที่ปฏิบัติตาม ซึ่งสิ่งที่กวีประพันธ์ไว้ในโคลงสะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมและค่านิยมที่ดี
ในสังคมไทยอยางไรบาง ได้อย่างเด่นชัด ดังนี้
(แนวตอบ สะทอนใหเห็นสิ่งที่บุคคลในสังคม ๑) สะท้อนค่านิยม โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์สะท้อนให้เห็นสิ่งที่บุคคลส่วนใหญ่
ในสั ง คมยึ ด ถื อ ส� า หรั บ เป็ น เครื่ อ งช่ ว ยในการตั ด สิ น ใจกระท� า บางสิ่ ง บางอย่ า งหรื อ ตั ด สิ น สิ่ ง ใด
ยึดถือเปนเครื่องชวยในการตัดสินใจ และเปน สิ่งหนึ่ง ดังบทประพันธ์
คานิยมที่คนในสังคมยึดถือเปนแบบอยางที่
ดีงามในการดําเนินชีวิต เชน อํานาจปญญา Three Things to Admire
สามสิ่งควรชม
เกียรติยศ และความมีมารยาทดี)
• โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค สะทอนความ Intellectual Power Dignity Gracefulness
อ�านาจปัญญา เกียรติยศ มีมารยาทดี
เชื่อทางศาสนาอยางไรบาง
(แนวตอบ สะทอนความเชื่อทางศาสนาที่บุคคล ปัญญาสติล�้า เลิศญาณ
อ�านาจศักดิ์ศฤงคาร มั่งขั้ง
ใชความศรัทธาในการเลือกที่จะเชื่อ และหาก
มารยาทเรียบเสี่ยมสาน เสงี่ยมเงื่อน งามนอ
ปฏิบัติตามความเชื่อจะกอใหเกิดสิ่งดีงาม สามสิ่งควรจักตั้ง แต่ซ้องสรรเสริญ
แตหากไมเชื่อจะกอใหเกิดความทุกขในภาย
ภาคหนา รวมถึงสะทอนความเชื่อเรื่อง จากบทประพันธ์สะท้อนให้เห็นค่านิยมที่เป็นสากลในเรื่องการชื่นชมบุคคลผู้มีอ�านาจ
วัฏสงสาร คือการเวียนวายตายเกิดดวย) การชื่นชมผู้ที่มีเกียรติยศและมักต้องการให้ตนเองหรือบุคคลในครอบครัวเป็นคนมีเกียรติ เป็นที่เคารพ
นับถือชืน่ ชมของบุคคลทัว่ ไป รวมทัง้ สะท้อนถึงการชืน่ ชมคนทีม่ มี ารยาทดี มีความสงบเสงีย่ ม เรียบร้อย
นอกจากนีย้ งั สะท้อนให้เห็นสิง่ ทีส่ งั คมไม่ตอ้ งการให้เกิดขึน้ ด้วย ซึง่ ถือว่าหากผูใ้ ดปฏิบตั ิ
ขยายความเข้าใจ Expand ดังนี้แล้วจะเป็นที่รังเกียจของผู้อื่น ดังบทประพันธ์
นักเรียนพิจารณาเปรียบเทียบคานิยมของ Three Things to Hate
สังคมไทยในโคลงสุภาษิตกับคานิยมไทยในปจจุบัน สามสิ่งควรเกลียด
• คานิยมในปจจุบันเปรียบเทียบกับคานิยม Cruelty Arrogance Ingratitude
ที่ปรากฏในเนื้อเรื่องโคลงสุภาษิตโสฬส ความดุร้าย ความหยิ่งก�าเริบ อกตัญญู
ไตรยางค เหมือนหรือตางกันอยางไร ใจบาปจิตหยาบร้าย ทารุณ
(แนวตอบ คานิยมที่ปรากฏในสังคมไทย ก�าเริบเอิบเกิ1 นสกุล หยิ่งก้อ
ปจจุบันไดรับการถายทอดจากคานิยมในสมัย อีกหนึ่งห่อนรู้คุณ ใครปลูก ฝังแฮ
กอนที่ปรากฏในโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค สามสิ่งควรเกลียดท้อ จิตแท้อย่าสมาน
ดังนัน้ คานิยมทัง้ สองสมัยจึงไมตา งกันมากนัก จากบทประพันธ์สะท้อนให้เห็นค่านิยมของคนในสังคมที่เห็นว่าการแสดงนิสัยดุร้าย
แตดวยสภาพสังคมปจจุบันเปลี่ยนแปลงไป ความหยิง่ ยโสโอหัง และความอกตัญญูไม่รจู้ กั บุญคุณคน บุคคลในลักษณะเช่นนีเ้ ป็นทีร่ งั เกียจของสังคม
จึงทําใหคานิยมดังที่ปรากฏในโคลงสุภาษิต
โสฬสไตรยางคลดความสําคัญลง เชน สามสิ่ง 114
ควรชม สามสิ่งควรเกลียด เปนตน)
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ในการทํากิจกรรมขั้นขยายความเขาใจที่ใหนักเรียนเปรียบเทียบคานิยมในสังคม สุภาษิตหมวดใดที่เปนประโยชนแกสวนรวมมากที่สุด
ครูแนะใหนักเรียนพึงระวังที่จะไมนําคานิยมในปจจุบันไปตัดสินคานิยมในสมัยกอน 1. ศาสนา ยุติธรรม สละประโยชนสวนตน
ครูแนะใหนักเรียนเขาใจเพิ่มเติมวา การเปรียบเทียบคานิยมแตละสมัยในวรรณคดี 2. ความกลา ความสุภาพ ความรักใคร
เพื่อใหนักเรียนเขาใจจุดมุงหมายของกวีและเขาใจเนื้อเรื่องมากขึ้น และเพื่อให 3. ความเชื่อถือ ความสงบ ใจบริสุทธิ์
นักเรียนสามารถนําขอคิด คําสอนจากเนื้อเรื่องมาประยุกตใชในชีวิตของตนเองได 4. งาม ตรงตรง ไทแกตน
วิเคราะหคําตอบ สุภาษิตหมวดที่วาดวย “ศาสนา ยุติธรรม สละประโยชน
สวนตน” เปนหมวดที่วาดวย สามสิ่งควรเคารพ ถาคนเรายึดมั่นในศาสนา
นักเรียนควรรู ก็จะรูจักการเสียสละ เพราะในศาสนามีคําสอนเรื่องความเสียสละ มีความ
ยุติธรรม ดังนั้นจึงตอบขอ 1.
1 หอน หมายความวา “เคย” เชน “ไปหอนเหลือคิดขา คิดผิด แมนา” ในลิลิต
พระลอ ในคําประพันธบางคราวใชแทน “ไม” เชน “สาลิกามาตามคู ชมกันอยูสูสม
สมร แตพนี่ อี้ าวรณ หอนเห็นเจาเศราใจครวญ” บทเหชมนก ในกาพยเหเรือเจาฟากุง
ในที่นี้ “อีกหนึ่งหอนรูคุณ ใครรู ฝงแฮ” หมายความวา “ไม”
114 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนพิจารณาขอคิดจากโคลงสุภาษิตโสฬส
๒) สอดคล้องกับความเชื่อทางศาสนา โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์เป็นวรรณคดีที่ ไตรยางคที่สามารถนําไปประยุกตใชในชีวิต
สอดคล้องกับความเชือ่ ทางศาสนาโดยเชือ่ ว่าหากปฏิบตั จิ ะท�าให้เกิดความเจริญรุง่ เรืองหรือเกิดประโยชน์ ประจําวัน แลวตอบคําถามในประเด็นตอไปนี้
ต่อตนเองในภายหน้าหรือหากไม่ปฏิบัติตามจะท�าให้เกิดความทุกข์ต่อตนเอง ดังบทประพันธ์ • โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางคสอนเกี่ยวกับ
Three Things to Wait for การปฏิบัติตนใหเปนที่รักใครและประสบ
สามสิ่งควรจะเตรียมเผื่อ ความสําเร็จอยางไร
Change Decay Death (แนวตอบ แสดงใหเห็นสิ่งที่ควรปฏิบัติและ
อนิจจัง ชรา มรณะ ไมควรปฏิบัติในการดํารงชีวิต)
สิ่งใดในโลกล้วน เปลี่ยนแปลง • โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางคใดสอนใหรูวา
หนึ่งชราหย่อนแรง เร่งร้น สิง่ ใดทีไ่ มควรปฏิบตั ิ หากปฏิบตั จิ ะทําใหเปน
ความตายติดตามแสวง ท�าชีพ ประลัยเฮย ที่รังเกียจในสังคม
สามส่วนควรคิดค้น คติรู้เตรียมคอย (แนวตอบ การกระทําบางอยางไมควรแสดง
1
จากบทประพันธ์สอดคล้องกับความเชื่อทางศาสนาในเรื่องความไม่แน่นอนของชีวิต ตอผูอื่นอยางยิ่ง เชน ความฤษยา ความชั่ว
ทุกชีวิตต้องมีเกิด แก่ เจ็บ และตาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่จีรัง การเสแสรง หากกระทําลงไปจะทําใหเปนที่
๗.๔ ข้อคิดที่สามารถน�าไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ�าวัน รังเกียจในสังคม ไมมีผูคบคาสมาคมดวย)
โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์เป็นสุภาษิตทีส่ อนให้ผอู้ า่ นเห็นถึงสิง่ ทีค่ วรกระท�าและไม่ควร
กระท�า ซึ่งผู้อ่านสามารถน�าข้อคิดที่ได้จากการอ่านมาปรับใช้ในชีวิตประจ�าวันได้ โดยโคลงสุภาษิต ขยายความเข้าใจ Expand
โสฬสไตรยางค์แบ่งเรื่องที่ควรปฏิบัติออกเป็น ๑๒ ข้อ และไม่ควรปฏิบัติ ๔ ข้อ
๑) ข้อควรปฏิบัติเพื่อการเป็นที่รักใคร่และประสบความส�าเร็จ โคลงสุภาษิต นักเรียนเขียนแสดงความคิดเห็นในประเด็น
โสฬสไตรยางค์แสดงให้เห็นสิ่งที่ควรน�ามาปฏิบัติในชีวิตประจ�าวัน เพื่อส่งเสริมบุคลิกภาพของตน ตอไปนี้
ให้เป็นทีร่ กั ใคร่ของบุคคลทัว่ ไป เช่น สามสิง่ ควรปรารถนา ได้แก่ ความสุขสบาย มิตรทีด่ ี และจิตใจสบาย • นักเรียนมีวิธีการนําขอคิดจากโคลงสุภาษิต
ดังบทประพันธ์ โสฬสไตรยางคไปใชอยางไร จึงจะทําให
Three Things to Wish for ชีวิตประสบความสําเร็จ
สามสิ่งควรปรารถนา (แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลากหลายขึ้นอยู
Health Friends 2 a Cheerful Spirit กับประสบการณและเหตุผลของนักเรียน
ความสุขสบาย มิตรสหายที่ดีดี ใจสบายปรุโปร่ง การนําขอคิดจากโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค
สุขกายวายโรคร้อน ร�าคาญ ไปประยุกตใช ลวนแลวแตเปนหนทางสูการ
มากเพื่อผู้วานการ ชีพได้ ประสบความสําเร็จในชีวิต)
จิตแผ้วผ่องส�าราญ รมยสุข เกษมแฮ
สามสิ่งควรจักให้ รีบร้อนปรารถนา
115
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
สิ่งใดในโลกลวน เปลี่ยนแปลง
1 ความเชื่อทางศาสนา พระพุทธศาสนากับคนไทยมีความสัมพันธแนบแนนเปน
หนึ่งชราหยอนแรง เรงรน
อันหนึ่งอันเดียวกัน ดังเห็นไดจากภาษาไทยมีถอยคําสวนใหญมาจากภาษาบาลีและ
ความตายติดตามแสวง ทําชีพ ประลัยเฮย
ภาษาสันสกฤต นอกจากภาษาแลว วรรณกรรมไทยสวนใหญกม็ าจากคัมภีรพ ระพุทธ
สามสวนควรคิดคน คติรูเตรียมคอย
ศาสนา กวีนพิ นธและวรรณคดีทเี่ ปนมรดกสืบทอดมาก็เปนเรื่องของพระพุทธศาสนา
คําประพันธที่ยกมานี้บอกถึง อนิจจัง ชรา และมรณะ ตรงกับขอใด
โดยตรง เชน ไตรภูมิพระรวง ปฐมสมโพธิกถา มหาชาติคําหลวง ปุณโณวาทคําฉันท
1. สุขใดไปสุขเถา นฤพาน
เปนตน แมแตในวรรณกรรมปจจุบัน นักเรียนจะสังเกตไดวามีคติทางพระพุทธศาสนา
2. โคควายวายชีพได เขาหนัง
อยูดวย เชน ในเรื่องการทําดีไดดี ทําชั่วไดชั่ว ความกตัญูกตเวที เปนตน
3. ใดใดในโลกลวน อนิจจัง
4. สนิมเหล็กเกิดแตเนื้อ ในตน 2 มิตรสหายที่ดีดี ตรงกับสํานวนที่วา “คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต
บัณฑิตพาไปหาผล” สํานวนนี้ มีความหมายหรือคําบรรยายอยูในตัวแลว คือคบ
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. หมายความวา ความสุขสูงสุด คือ การนิพพาน คนชั่ว คนชั่วก็ชักพาเราใหพลอยไปทําชั่วดวย ถาคบคนดีมีความรู ก็ทําใหเราไดรับ
ขอ 2. หมายความวา โคควายเมื่อตายไปแลวยังเหลือเขาและหนังไวทํา ผลดีหรือไดรับความรูตามไปดวย ดังนั้นจึงควรคบมิตรที่ดี เพื่อใหเราจะไดไปใน
ประโยชน ขอ 3. หมายความวา ทุกสิ่งทุกอยางในโลกไมมีอะไรแนนอน ทางที่ดีดวย
และขอ 4. สนิมหรือบาปเกิดจากตนเอง ขอที่สอดคลองกับอนิจจัง ชรา
และมรณะ คือ ไมมีอะไรแนนอน ตอบขอ 3.
คู่มือครู 115
ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเข้าใจ Expand
นักเรียนเขียนความเรียงขนาดสั้นเกี่ยวกับ
“การปฏิบัติตนใหเปนที่รักใครของคนทั่วไป” จากบทประพันธ์แสดงให้เห็นว่าสิง่ ทีท่ กุ คนปรารถนา คือ ความสุขสบาย มีใจทีป่ ลอดโปร่ง
ความยาว 1 หนากระดาษรายงาน จะท�าให้เกิดความส�าราญ การมีเพื่อนที่ดีสามารถช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้เป็นสิ่งที่ควรจะท�าให้เกิดขึ้น
๒) ข้อไม่ควรปฏิบตั หิ ากผูใ้ ดท�าแล้วจะเป็นทีร่ งั เกียจของสังคม โคลงสุภาษิตโสฬส
ตรวจสอบผล Evaluate ไตรยางค์แสดงให้เห็นสิง่ ทีไ่ ม่ควรน�ามาปฏิบตั ิ เพราะอาจเกิดผลเสียต่อตนเอง เช่น สามสิง่ ทีค่ วรรังเกียจ
ติเตียน ดังบทประพันธ์
1. นักเรียนยกบทประพันธในโคลงสุภาษิต
โสฬสไตรยางคที่แสดงสัจธรรมของชีวิต Three Things to Despise
2. นักเรียนเขียนแสดงความคิดเห็นในการนํา สามสิ่งควรรังเกียจติเตียน
ขอคิดจากโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางคไปใชให
Meanness Affectation Envy
ชีวิตประสบความสําเร็จ
ชั่วเลวทราม มารยา ฤษยา
ใจชั่วชาติต�่าช้า ทรชน
ทุจริตมารยาปน ปกไว้
หึงจิตคิดเกลียดคน ดีกว่า ตัวแฮ
สามส่วนควรเกียจใกล้ เกลียดซ้องสมาคม
๑ ความเป็นมา 1
เป็นวรรณคดีประเภทค�าสอนทีพ่ ระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั ทรงพระราชนิพนธ์ขนึ้
โดยแปลจากภาษาอังกฤษมาเป็นโคลงสี่สุภาพ เนื้อหาแบ่งเป็น ๓ ส่วน ได้แก่ บทน�า ๑ บท เนื้อเรื่อง
๑๐ บท และบทสรุป ๑ บท เริ่มจากบทน�ากล่าวว่า ผู้รู้ที่ได้ไตร่ตรองแล้วจึงกล่าวค�าสอนเป็นแนวทาง
ที่ควรประพฤติ ๑๐ ประการ ชื่อว่า ทศนฤทุมนาการ หมายถึง กิจ ๑๐ ประการที่ผู้ประพฤติยังไม่เคย
เสียใจ ส่วนเนือ้ เรือ่ งเป็นข้อแนะน�าทัง้ ทางด้านการคิด การพูด และการกระท�าเพือ่ ให้ประพฤติปฎิบตั ติ น
ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และบทสรุปกล่าวว่า ทุกคนควรพิจารณาแนวทางทั้ง ๑๐ ประการนี้ ถึงแม้จะ
ประพฤติตามไม่ครบถ้วน แต่ประพฤติได้บ้างก็ยังดี
116
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 วรรณคดีประเภทคําสอน มีสาระสําคัญที่เนนการอบรม สั่งสอนในดานตางๆ นักเรียนหานิทานที่มีคติเตือนใจสอดคลองกับคําสอนในโคลงสุภาษิต
เชน ศิลปะ ปรัชญา หรือใหขอคิด คติเตือนใจ คติชีวิตที่มีคุณคาตอการดํารงชีวิต โสฬสไตรยางค แลวสรุปลงในสมุด
ซึ่งเปนประโยชนตอการนําไปประยุกตใชในสังคมปจจุบัน โดยวรรณคดี
ประเภทคําสอนนี้สามารถพบไดทุกภูมิภาค ไดแก
• ภาคเหนือ เชน คําสอนพญามังราย โคลงเจาวิทูรสอนโลก กิจกรรมทาทาย
• ภาคใต เชน สุภาษิตสอนหญิงคํากาพย ลักษณะเมียเจ็ดสถาน
• ภาคอีสาน เชน พญาคํากองสอนไพร กาพยปูสอนหลาน
• ภาคกลาง เชน โอวาทกระษัตรีย กฤษณาสอนนองคําฉันท นักเรียนเขียนงานสรางสรรคเชิงเลาประสบการณที่ตรงกับแนวคิดแนว
สาระคําสอนมีการกลาวสอนคนทุกระดับชั้น ทุกเพศ ทุกวัย ถาเปนคนชั้น ปฏิบัติกับโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค โดยนักเรียนตั้งชื่อเรื่องใหนาสนใจ
ปกครองจะสอนใหมีความยุติธรรม ไมรังแกผูที่ออนแอกวา ถาเปนคนทั่วไปจะสอน และสอดคลองกับเนื้อเรื่อง
ใหมีความขยันหมั่นเพียร มีคุณธรรม ถาเปนผูชายจะสอนใหรับราชการ มีความ
อดทน ถาเปนผูหญิงจะสอนใหมีกิริยา มารยาทเรียบรอย ทํางานบานงานเรือน
116 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
117
ตรวจสอบผล Evaluate
นักเรียนเปรียบเทียบความเหมือนและความ
แตกตางของโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางคกับ
นฤทุมนาการได
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ขอปฏิบัติเรื่องการพูดขอใดตางจากขออื่น
ครูแนะขอสันนิษฐานเกี่ยวกับโคลงสุภาษิตนฤทุมนาการใหนักเรียนฟงวา
1. คําหยาบจาบจวงอา- ฆาตขู เข็ญเฮย
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูห วั ทรงพระราชนิพนธโคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ
2. ไปหมิ่นนินทาบาย โทษใหผูใด
เมือ่ ป พ.ศ. 2423 ทรงแปลจากภาษาอังกฤษ แลวทรงพระราชนิพนธเปนโคลงสีส่ ภุ าพ
3. ยังบดวนยักยาย ชตื่นเตน กอนกาล
มีบทนํา 1 บท เนื้อเรื่อง 10 บท และบทสรุป 1 บท เนื้อหาของโคลงเปนขอแนะนํา
4. เท็จและจริงจานเจือ คละเคลา
ทั้งทางดานมโนกรรม วจีกรรม และกายกรรม ซึ่งครอบคลุมและเหมาะสมที่จะเปน
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. กลาววา ใชคําหยาบและมีวาจารุนแรงใสผูอื่น เครื่องปองกันผูประพฤติไมใหเสียใจจากสิ่งที่ตนคิด พูด และทํา
ขอ 2. ไมนินทาใสรายปายสีผูอื่น ขอ 3. ยังไมรูเรื่องดีก็ดวนตื่นตัวไปกอน
และขอ 4. ความจริงความเท็จสับสนปนกันใหยุง ดังนั้น ขอที่ตางจากขออื่น
คือ “ไปหมิ่นนินทาบาย โทษใหผูใด” เพราะกลาวเตือนสติในเรื่องการพูด นักเรียนควรรู
ในขณะที่ขออื่นกลาวถึงพฤติกรรมตางๆ ที่ไมดี ตอบขอ 2.
1 ลิขิต ถาเปนคํานาม หมายถึง หนังสือ จดหมาย (นิยมใชเฉพาะจดหมาย
ของพระสงฆ) แตหากเปนคํากริยาจะหมายถึง เขียน กําหนด เชน พระพรหมได
ลิขิตชีวิตไวแลว เปนตน
คู่มือครู 117
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูและนักเรียนรวมกันอานออกเสียงบทนําเปน
ทํานองเสนาะ จากนั้นรวมกันสรุปใจความที่ไดจาก
บทประพันธนี้
๕ เนื้อเรื่อง
(แนวตอบ ผูร ไู ดใหความรูไ วเพือ่ สอนสุภาษิตทัง้ สิบ กิจ ๑๐ ประการที่ผู้ประพฤติยังไม่เคยเสียใจ
อยางนี้ ที่ผูใดปฏิบัติก็ยังไมเคยไดรับความเสียใจ) 1
บัณฑิตวินิจแล้ว แถลงสาร สอนเอย
ทศนฤทุมนาการ ชื่อชี้
ส�ารวจค้นหา Explore เหตุผู้ป2ระพฤติปาน ดังกล่าว นั้นนอ
นักเรียนสืบคนใจความสําคัญของโคลงสุภาษิต โทมนัสเพราะกิจนี้ ห่อนได้เคยมี
นฤทุมนาการจากหนังสือเรียน เอกสาร ตํารา และ ๑. เพราะความดีทั่วไป
จากเว็บไซตตางๆ ที่เกี่ยวของ
ท�าดีไป่เลือกเว้น ผู้ใด ใดเฮย
แต่ผูกไมตรีไป รอบข้าง
อธิบายความรู้ Explain ท�าคุณอุดหนุนใน การชอบ ธรรมนา
3
นักเรียนแบงกลุมเปน 10 กลุม แตละกลุมถอด ไร้ศัตรูปองมล้าง กลับซ้องสรรเสริญ
4
คําประพันธ แลวมานําเสนอหนาชั้นเรียน ๒. เพราะไม่พูดร้ายต่อใครเลย
(แนวตอบ นักเรียนแตละกลุม ถอดคําประพันธ ดังนี้ เหิน5ห่างโมหะร้อน ริษยา
• กลุมที่ 1 เพราะทําความดีทั่วไป ความวา สละส่อเสียดมารษา ใส่ร้าย
การทําความดีไมควรเลือกกระทํา การสนับสนุน ค�าหยาบจาบจ้วงอา- ฆาตขู่ เข็ญเฮย
ความสุจริตเปนสิ่งที่ดี จะทําใหปราศจากศัตรู ไป่หมิ่นนินทาบ้าย โทษให้ผู้ใด
มีผูกลาวคํา ชื่นชม
• กลุมที่ 2 เพราะไมพูดรายตอใครเลย ความ ๓. เพราะถามฟังความก่อนตัดสิน
วา หลีกเลี่ยงความโมโห ความริษยา การใสราย ยินคดีมีเรื่องน้อย ใหญ่ไฉน ก็ดี
ปายสี คําหยาบคาย การพูดสอเสียด คําอาฆาต ยัง บ่ ลงเห็นไป เด็ดด้วน
และคําหมิ่นประมาทกลาวโทษผูอื่น ฟังตอบขอบค�าไข คิดใคร่ ครวญนา
• กลุมที่ 3 เพราะถามฟงความกอนตัดสิน ห่อนตัดสินห้วนห้วน เหตุด้วยเบาความ
ความวา เมื่อไดยินเรื่องเล็กหรือใหญก็ดี หากยังไม ๔. เพราะคิดเสียก่อนจึงพูด
เห็นดวยตนเองอยาเพิ่งตัดสินใจเชื่อ ฟงคําพูดใครมา
พาทีมีสติรั้ง รอคิด
ตองใครครวญใหถวนถี่ อยาหูเบาเชื่องายๆ อยา
รอบคอบชอบแลผิด ก่อนพร้อง
ตัดสินใจเชื่ออยางไมมีเหตุผล ค�าพูดพ่างลิขิต เขียนร่าง เรียงแฮ
• กลุมที่ 4 เพราะคิดเสียกอนจึงพูด ความวา ฟังเพราะเสนาะต้อง โสตทั้งห่างภัย
ควรใชสติคิดกอนพูด คิดใหรอบคอบกอนจะพูด
คําพูดเหมือนการเขียนที่ตองเตรียมรางกอน คําพูดที่ 118
ไพเราะตองหูจะไมทําใหเกิดภัย)
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
ขอใดมีความหมายสอดคลองกับขอความที่วา “ความอดกลั้นตอผูอื่น”
1 วินิจ เปนคํากริยา หมายความวา ตรวจตรา พิจารณา เชน วินิจฉัย คือ การ
1. หยอนทิฐิมานะ ออนนอม
ดูอยางละเอียดรอบคอบเพื่อตัดสินหรือชี้ขาด เปนตน
2. หยุดคิดพิจารณา แพชนะ กอนนา
2 โทมนัส เปนคําราชาศัพท แปลวา เสียใจ ตรงขามกับคําวา “โสมนัส” ที่แปล 3. ขันตีมีมากหมั้น สันดาน
วา ดีใจ 4. รอบคอบชอบแลผิด กอนพรอง
3 มลาง หมายความวา ลาง ฆา ผลาญ วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. ลดความถือมั่นลง รูจักออนนอม ขอ 2. หยุดคิด
4 ไมพูดราย คําตางๆ ในบาทที่ 2, 3 และ 4 ของโคลงบทนี้ แสดงถึงวจีทุจริต พิจารณาอยาคิดแตเรื่องแพหรือชนะ ขอ 3. มีขันติ คือ ความอดทนอดกลั้น
10 ประการ ไดแก สอเสียด กลาวเท็จ ใสราย หยาบคาย จาบจวง อาฆาต ขูเข็ญ ในตัว และขอ 4. คิดใหรอบคอบวาดีหรือไมกอ นพูด ดังนัน้ ขอทีส่ อดคลองกับ
ดูหมิ่น นินทา และปดความผิดใหแกผูอื่น คํารายไมดีนี้จึงควรละเสีย “ความอดกลัน้ ตอผูอ นื่ ” คือ “ขันตีมมี ากหมัน้ สันดาน” มีความอดทนอดกลัน้
ใหมาก ตอบขอ 3.
5 มารษา หมายถึง คําปด คําเท็จ เปนคําที่แผลงมาจากสันสกฤตวา มฺฤษา
คําบาลีใช มุสา
118 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนกลุมที่ 5-9 ถอดคําประพันธ กิจ 10
๕. เพราะอดพูดในเวลาโกรธ ประการที่ผูประพฤติยังไมเคยเสียใจ กิจประการที่
5-9
สามารถอาจห้ามงด วาจา ตนเฮย
(แนวตอบ นักเรียนถอดคําประพันธ กิจประการ
ปางเมื่อยังโกรธา ขุ่นแค้น
ที่ 5-9 ที่ผูประพฤติยังไมเคยเสียใจ ไดดังนี้
หยุดคิดพิจารณา แพ้ชนะ ก่อนนา • กลุม ที่ 5 เพราะงดพูดในเวลาโกรธ ความวา
ชอบผิดคิดเห็นแม้น ไม่ยั้งเสียความ ควรงดพูดในขณะที่กําลังอยูในอารมณโกรธ หยุด
๖. เพราะได้กรุณาต่อคนที่ถึงอับจน คิดเรื่องการแพ ชนะ หากคําพูดเปนโทษจะไดไม
เสียเรื่อง
กรุณานรชาติผู้ พ้องภัย พิบัติเฮย
• กลุมที่ 6 เพราะไดกรุณาตอคนที่ถึงที่อับจน
ช่วยรอดปลอดความกษัย สว่างร้อน ความวา มีความกรุณาแกมนุษยและสัตวที่เดือด
ผลจักเพิ่มพูนใน อนาคต กาลแฮ รอน ชวยใหรอดตาย พบทางสวาง จะสงผลใน
ชนจักชูชื่อช้อน ป่างเบื้องปัจจุบัน อนาคต มีแตคนชื่นชมมาถึงปจจุบัน
๗. เพราะขอโทษบรรดาที่ได้ผิด • กลุมที่ 7 เพราะขอโทษบรรดาที่ไดผิด
ความวา ใครเคยทําผิดใหผานไป ลดทิฐิลงสราง
ใดกิจผิดพลาดแล้ว ไป่ละ ลืมเลย
ความนอบนอม มีสัมมาคาราวะ หากผิดแลว
หย่อนทิฐิมานะ อ่อนน้อม ขอโทษดีกวาพูดโกหก
ขอโทษเพื่อคารวะ วายบาด หมางแฮ • กลุมที่ 8 เพราะความอดกลั้นตอผูอื่น
ดีกว่าปดอ้อมค้อม คิดแก้โดยโกง ความวา ฝกความอดทนอดกลั้นใหเปนนิสัย
๘. เพราะอดกลั้นต่อผู้อื่น อยาเกเรใคร อยาทําตัวเหมือนคนพาล ทําให
1 พอแมเดือดรอน หากกระทําไดจะดีมาก
ขันตีมีมากหมั้น สันดาน • กลุมที่ 9 เพราะไมฟงคําคนพูดเพศนินทา
ใครเกะกะระราน อดกลั้น ความวา อยาฟงคนที่พูดไรสาระ เพราะมีทั้งขอเท็จ
ไป่ฉุนเฉียบเฉกพาล พาเดือด ร้อนพ่อ จริงและเสริมเติมแตงปะปนกันไป เหมือนมือที่ถือ
ผู้ประพฤติดั่งนั้น จักได้ใจเย็น มีดทํารายผูอื่น ฟงคนพวกนี้มากๆ นารําคาญ)
๙. เพราะไม่ฟังค�าคนพูดเพศนินทา
ขยายความเข้าใจ Expand
ไป่ฟังคนพูดฟุ้ง ฟั่นเฝือ
เท็จและจริงจานเจือ คละเคล้า นักเรียนยกสํานวนไทยที่กลาวถึงคนพาล
คือมีดเที่ยวกรีดเถือ ท่านทั่ว ไปนา พรอมอธิบายขยายความหมายใหชัดเจน
ฟังจะพาพลอยเข้า พวกเพ้อรังควาน (แนวตอบ “คบคนพาลพาลพาไปหาผิด
คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล” มีความหมายในตัว
119 วา คบคนชั่ว คนชั่วก็ชักพาเราใหพลอยไปทําชั่ว
ดวย ถาคบคนดีมีความรู ก็ทําใหเราไดรับผลดีหรือ
ไดรับความรูดีตามไปดวย)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดเปนผลจากการฟงคําคนพูดเพศนิทาน
1 ขันตี หรือขันติ คือ ความอดทน หมายถึง การรักษาปกติภาพของตนไวได
1. ไรศัตรูปองมลาง กลับซองสรรเสริญ
เมื่อถูกกระทบดวยสิ่งที่ไมพึงปรารถนา ขันติ กลาวโดยสรุปได 2 ประเภท ดังนี้
2. ฟงเพราะเสนาะตอง โสตทั้งหางภัย
1. ความอดทนตอการดําเนินชีวิตทั่วๆ ไป เชน อดทนตอความหิวกระหาย
3. ฟงจะพาพลอยเขา พวกเพอรําคาญ
ความเหนือ่ ย ความหนาว ความรอน ความเจ็บปวด ความอดทนลักษณะนี้
4. ชนจักชูชื่อชอน ปางเบื้องปจจุบัน
สรุปได 3 ประการ ดังนี้
วิเคราะหคําตอบ คนที่พูดเพศนิทาน คือ คนที่ชอบพูดจาเพอเจอเกินจริง • อดทนตอความลําบากตรากตรําในการทํางาน ทนตอความลําบากใน
พูดจริงบางเท็จบางปนกันใหสับสน ทําใหผูฟงรําคาญ ซึ่งตรงกับขอ 3. การทํางานสุจริต
“ฟงจะพาพลอยเขา พวกเพอรําคาญ” ตอบขอ 3. • อดทนตอทุกขเวทนา คือ เมื่อเจ็บปวดก็ไมแสดงอาการทุรนทุรายจน
เกินเหตุ
• ความอดทนตออํานาจกิเลส คือ เมื่อเกิดกิเลสใดๆ ไดแก ความโลภ
ความอยากไดที่ไมสิ้นสุด ความโกรธ ความหลงในลาภยศสรรเสริญ
2. อดทนตอการลวงเกินของคนอื่น กลาวคือ อดทนตอความเจ็บใจ ทนตอ
การพูดจากระทบกระแทกของคนอื่น ซึ่งเปนการอดทนที่กลาวถึงในโคลงสุภาษิต
ความวา “ขันตีมีมากหมั้น สันดาน”
คู่มือครู 119
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนกลุมที่ 10 ถอดคําประพันธกิจ 10
ประการที่ผูประพฤติยังไมเคยเสียใจ กิจ ๑๐. เพราะไม่หลงเชื่อข่าวร้าย
ประการที่ 10
(แนวตอบ กิจประการที่ 10 ถอดคําประพันธได อีกหนึ่งไป่เชื่อถ้อย ค�าคน ลือแฮ
วา อยาหลงเชื่อขาวลือที่ไรเหตุผล ตรวจสอบให บอกเล่าข่าวเหตุผล เรื่องร้าย
แนชัด อยาดวนตัดสินใจเชื่อทันที) สืบสอบประกอบจน แจ่มเท็จ จริงนา
2. ครูและนักเรียนสรุปเนื้อเรื่องกิจ 10 ประการที่ ยัง บ่ ด่วนยักย้าย ตื่นเต้นก่อนกาล
ผูประพฤติยังไมเคยเสียใจรวมกัน ข้อความตามกล่าวแก้ สิบประการ นี้นอ
(แนวตอบ ขอความที่กลาวมาทั้ง 10 ขอนั้น ควร ควรแก่ความพิจารณ์ ทั่วผู้
นําไปพิจารณากันทุกคน แมจะไมปฏิบัติตาม ก็ แม้ละไป่ขาดปาน โคลงกล่าว ก็ดี
รับฟงไวบางยังดี สรุปแลวบทประพันธในเรื่องนี้ ควรระงับดับสู้ สงบบ้างยังดี
มีขอคิด คําสอนที่สามารถนําไปปฏิบัติตามแลว
จะเกิดผลดีแกตนเอง จํานวน 10 ประการ) บอกเล่าเก้าสิบ
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู ครูบูรณาการความรูกับกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และ
วัฒนธรรม วิชาพระพุทธศาสนา เกี่ยวกับหลักคําสอนในพระพุทธศาสนาที่
1 กาลามสูตร เปนพระสูตรหนึ่งในพระพุทธศาสนา ชื่อกาลามสูตรนี้ไมไดมี
สามารถนํามาเปนแนวทางในการดําเนินชีวิตใหมีความสุข ซึ่งแสดงใหเห็น
ปรากฏอยูใ นพระไตรปฎก หากมีแตชอื่ วา “เกสปุตตสูตร” ทัง้ นีก้ เ็ พราะวา พระพุทธเจา
วาการวางแนวทางในการดําเนินชีวิตที่ดีไดรับอิทธิพลจากหลักธรรมคําสอน
ทรงแสดงพระสูตรนี้แกชาวกาลามะ ซึ่งอยูในเกสปุตตนิคม เพราะฉะนั้นจึงตั้งชื่อ
ของพระพุทธศาสนา และความเชื่อมโยงของโคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ
พระสูตรนี้ตามชื่อของนิคมนี้วา “เกสปุตตสูตร” แตคนที่อยูในนิคมหรือตําบลนี้เปน
พระราชนิพนธในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัวกับกาลามสูตร
เชื้อสายหรือมีสกุลเดียวกัน คือ สกุลกาลามะ จึงเรียกประชาชนเหลานั้นวา
10 ประการตามคําสอนในพระพุทธศาสนา ที่มีจุดมุงหมายในการนําไป
กาลามชน ซึ่งมีโคตรอันเดียวกันสกุลเดียวกัน คือ กาลามโคตร
ปฏิบัติเพื่อใหดําเนินชีวิตอยางมีความสุขเหมือนกัน
การเรียกชือ่ ทีอ่ นื่ มักจะเรียกพระสูตรนีว้ า “กาลามสูตร” เพราะเรียกไดงา ยกวา
พระสูตรนี้เปนพระสูตรที่ไมยาว แตมีใจความลึกซึ้งนาคิดประกอบดวยเหตุผล
ซึ่งผูนับถือพระพุทธศาสนาหรือผูศึกษาพระพุทธศาสนาควรจะไดศึกษาเปนอยางยิ่ง
เพราะเปนการใชเหตุผลตามหลักวิทยาศาสตร สอดคลองกับกฎทางวิทยาศาสตร
120 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
1. ครูนําบัตรคําศัพทยากที่พบในโคลงสุภาษิต
๖ คÓศัพท์ นฤทุมนาการมาใหนักเรียนอานออกเสียง
พรอมกัน
ค�าศัพท์ ความหมาย 2. ครูสุมนักเรียน 2-3 คน มาเขียนคําอานของ
กิจ ธุระ การงาน คําศัพทยากบนกระดาน และเพื่อนในชั้นเรียน
โกรธา (โกรธ) ไม่พอใจอย่างมาก รวมตรวจสอบความถูกตอง
ขันตี (ขันติ) ความอดทน อดกลั้น
ไข อธิบาย ส�ารวจค้นหา Explore
กษัย การสิ้นไป นักเรียนศึกษาสืบคนความรูเ กีย่ วกับความหมาย
คารวะ การแสดงความเคารพ ความนับถือ ของคําศัพทยากจากบทเรียน เอกสาร ตําราและ
จานเจือ เผื่อแผ่ อุดหนุน เว็บไซตที่เกี่ยวของ จากนั้นนํามาแลกเปลี่ยนเรียนรู
ชอบธรรม ถูกตามหลักธรรม ถูกตามนิิตินัย กันในชั้นเรียน
ซ้อง ร้องสรรเสริญ
เด็ดด้วน (เด็ดขาด) เป็นอันขาด ไม่เปลี่ยนแปลง อธิบายความรู้ Explain
ถ้อย ค�าพูด
1. นักเรียนจับคูกันแลวจับบัตรคําศัพท จากนั้น
เถือ เชือดเฉือน
นักเรียนแตละคูหยิบบัตรคําศัพท คูละ 1 ใบ
แถลง บอก กล่าว
บอกความหมายของคําศัพท
ทศ สิบ
2. นักเรียนนําคําศัพทที่จับไดไปตรวจสอบ
ทิฐิ ความเห็น
ความหมายกับคําประพันธในเนื้อเรื่องวา
ทุ ไม่ดี
มีความหมายถูกตองตรงกับเนื้อเรื่องหรือไม
โทมนัส เสียใจ
นรชน คน
นฤ ไม่ ไม่มี
บัณฑิต ผู้รู้ ผู้มีปัญญา
บ้าย (ป้าย) ซัดความผิดให้ผู้อื่น
ปด (โป้ปด) โกหก พูดเท็จ พูดไม่จริง
ประการ อย่าง ชนิด ท�านอง แบบ
ปาง ป่าง ครั้ง คราว เมื่อ
ไป่ ไม่
พร้อง พูด กล่าว ร้อง
121
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับ “นฤทุมนาการ”
ครูใหความรูเกี่ยวกับคําศัพทคําวา “นฤทุมนาการ” ซึ่งเปนชื่อโคลงสุภาษิต
1. มาจาก นฤทุมน+อาการ แปลวา สภาพที่ทําใหไมเสียใจ
นฤทุมนาการเปนคําสมาสที่มีการเชื่อมเสียง แยกไดดังนี้
2. มาจาก นฤ+ทุมนาการ แปลวา สภาพที่ทําใหไมเสียใจ
นฤทุมนาการ
3. มาจาก นฤทุมน+อาการ แปลวา สภาพที่ทําใหเสียใจ
4. มาจาก นฤ+ทุมนาการ แปลวา สภาพที่ทําใหเสียใจ
นฤทุมน อาการ (สภาพ กิริยา)
วิเคราะหคําตอบ คําวา “นฤทุมนาการ” เปนวิธีสรางคําดวยวิธีสมาส
อยางมีสนธิระหวางคําวา นฤทุมน กับ อาการ โดยคําวา นฤทุมน มาจาก นฤ (ไม) ทุมน (“ทุ” เปนอุปสรรคแปลวาไมดี “มน” แปลวาใจ)
นฤ+ทุมน และ ทุมน มาจาก ทุ+มน ดังนั้น ในเบื้องตน “นฤทุมนาการ”
แยกไดวา นฤทุมน+อาการ โดยมีความหมายวา สภาพที่ปราศจากความ ทุ มน
เสียใจ หรือสภาพที่ทําใหไมเสียใจ ตอบขอ 1.
รวมความไดวา สภาพที่ปราศจากความเสียใจ สภาพที่ทําใหไมเสียใจ
คู่มือครู 121
ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเข้าใจ Expand
1. จากการศึกษาความหมายของคําศัพท นักเรียน
คัดเลือกคําศัพทจากบทเรียน จํานวน 5 คํา ค�าศัพท์ ความหมาย
บอกความหมาย ที่มา และชนิดของคํา พ้อง ตรงกัน ต้องกัน
2. นักเรียนนําคําศัพททั้ง 5 คํา ที่คัดเลือกมา พ่าง เพียง เช่น เหมือน
ในขางตน มาแตงประโยคความซอน คําละ พาที ค�าพูด ถ้อยค�า
1 ประโยค ลงในสมุด
พิจารณ์ (พิจารณา วิจารณ์) ตรวจตรา ตริตรอง สอบสวน
พิบัติ โทษ ความผิด ความฉิบหาย
ตรวจสอบผล Evaluate
เพ้อ (เพ้อเจ้อ) พูดมาก
1. นักเรียนอธิบายความหมายของคําศัพทใน ฟั่นเฝือ ยุ่งเหยิง
บทเรียนได ภัย อันตราย
2. นักเรียนแตงประโยคความซอนจากคําศัพทใน มน ใจ
บทเรียนได มานะ ความพยายาม ความตั้งใจจริง ความถือตัว
มารษา ค�าเท็จ ค�าปด ค�าไม่จริง
แม้น เหมือน คล้าย
โมหะ ความหลง ความเขลา ความโง่
ไมตรี ความเป็นเพื่อน ความหวังดีต่อกัน
ยั้ง (ยับยั้ง) หยุดไว้ พัก ชะงัก
ระงับ ยับยั้งไว้ ท�าให้สงบ
ริษยา ไม่ต้องการให้คนอื่นได้ดี
ละ ละเว้น หมายถึง ละด้วยวิธีไม่ให้เข้ามาด้วยการงดเว้นไป
ละวาง หมายถึง ละด้วยวิธีปล่อยวาง
ละทิ้ง หมายถึง ทิ้งไป
ศัตรู ผู้จองเวร ข้าศึก
สติ 1 ความรู้สึกผิดชอบ
สันดาน อุปนิสัยที่มีมาแต่ก�าเนิด (มักใช้ในทางไม่ดี)
โสต หู
ห้วน สั้น
ห่อน เคย ไม่ (ใช้ในบทประพันธ์)
อาฆาต พยาบาท ผูกใจเจ็บและต้องการแก้แค้น
อุดหนุน ช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อ
122
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูสงเสริมกิจกรรมการเรียนรูคําศัพท โดยใหนักเรียนจับคูกันฝกฝนการอธิบาย คําศัพทในขอใดไมได มีคําที่หมายถึงคําพูด
ความหมายของคําศัพทกับเพื่อน เพื่อเพิ่มทักษะการจดจําคําศัพท สามารถเขาใจ 1. พาทีมีสติรั้ง รอคิด
และใชคําศัพทในการสื่อสารฟง พูด อาน และเขียนไดถูกตองตรงตามความหมาย 2. รอบคอบชอบแลผิด กอนพรอง
3. คําพูดพางลิขิต เขียนราง เรียงแฮ
4. ฟงเพราะเสนาะตอง โสตทั้งหางภัย
นักเรียนควรรู วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. มีคําวา “พาที” ที่หมายความวา คําพูด ขอ 2.
มีคําวา “พรอง” ที่หมายความวา พูด กลาว รอง ขอ 3. มีคําวา “คําพูด”
1 สันดาน สามารถโยงถึงคําวา “นิสัย” และ “อุปนิสัย” คําวา “นิสัย” เปนคํานาม
แตขอที่ 4. มีความวา “ฟงแลวตองหูจะหางภัย” ซึ่งไมมีคําใดที่หมายถึง
หมายถึง ความประพฤติทเี่ คยชิน เชน เขาตืน่ เชาจนเปนนิสยั สวนคําวา “อุปนิสยั ” เปน
คําพูด ตอบขอ 4.
คํานาม หมายถึง ความประพฤติที่เคยชินเปนพื้นมาในสันดาน และยังหมายถึง
ความประพฤติทเี่ คยชินจนเกือบเปนนิสยั เชน นักเรียนคนนีม้ อี ปุ นิสยั ดี ดังนัน้ ความหมาย
ของคําวา สันดาน นิสัย และอุปนิสัย มีความแตกตางกัน จึงควรพิจารณาเลือกใชคํา
ใหเหมาะสมกับบริบทและกาลเทศะ
122 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูและนักเรียนรวมกันสนทนาเกี่ยวกับการ
๗ บทวิเคราะห์ พิจารณาคุณคาของวรรณคดีเรื่องนี้ จากนั้นครู
ถามนักเรียนวา หลังจากที่ไดศึกษาเรื่องนี้จบแลว
โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ เป็นสุภาษิตที่เชิญชวนให้ผู้อ่านคิดและประพฤติตาม ถ้าผู้ใดปฏิบัติ นักเรียนไดรับอะไรจากวรรณคดีเรื่องนี้บาง
ตามแนวทางที่ผู้แต่งแนะน�าไว้ จะเป็นผู้ที่อยู่ในสังคมอย่างมีความสุข ผู้ที่อยู่รอบข้างจะชื่นชมยินดี (แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลากหลายขึ้นอยูกับ
นับว่าเป็นคนมีเสน่ห์น่าคบ ความเขาใจของนักเรียน เชน สอนวิธีที่จะอยูรวม
๗.๑ คุณค่าด้านเนือ้ หา กับผูอื่น สอนใหคิดอยางรอบคอบ เปนตน)
๑) สอนวิธีที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่น โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการมีเนื้อหาประกอบไปด้วย
ค�าสอนในการด�าเนินชีวติ หลายประการ ทัง้ ด้านจิตใจ ความคิด ด้านการพูด และการกระท�า เป็นค�าสอน ส�ารวจค้นหา Explore
ในเรื่องการกระท�าที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้อื่นทั้งสิ้น ดังนั้น โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการจึงเป็นค�าสอน
นักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับบทวิจารณ
ที่มีเพื่อให้มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสงบสุข เช่น ไม่พูดร้ายกับใคร การพูดร้ายท�าให้เกิด
วรรณคดีเรื่องนี้จากหนังสือเรียน เอกสาร ตํารา
ความบาดหมางกันขึน้ หรือค�าสอนให้ทา� ดีกบั คนทัว่ ไปจะท�าให้คนอืน่ ชืน่ ชอบในตัวเรา เป็นการสร้างมิตร
และเว็บไซตที่เกี่ยวของแลวนํามาแลกเปลี่ยนเรียนรู
๒) สอนให้คิดอย่างรอบคอบ โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการมีเนื้อหาที่แสดงให้ผู้อ่าน
กับเพื่อนในชั้นเรียน
เห็นความส�าคัญของการฟังและการคิดอย่างมีเหตุผล ได้แก่ ไม่ฟังค�านินทา ไม่หลงเชื่อข่าวร้าย ซึ่ง
แสดงให้เห็นถึงความส�าคัญของการสื่อสารรับรู้เรื่องราวที่ต้องอาศัยการคิดอย่างรอบคอบ มีเหตุผล อธิบายความรู้ Explain
จึงจะท�าให้เกิดผลดีกับตนเอง
๗.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับคุณคาดานเนื้อหาที่
โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ เป็นค�าประพันธ์สั้นๆ มีความประณีตในการใช้ นักเรียนไดรับในประเด็นตอไปนี้
1 ถ้อยค�า • โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการสอนใหนักเรียน
คือ ใช้ค�าง่าย ท�าให้เนื้อความเด่น เกิดเสียงไพเราะ แม้จะมีค�าโบราณและค�าบาลีสันสกฤตบ้างง แต่ก็
ไม่ยากเกินจะท�าความเข้าใจ โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการมีความโดดเด่นในด้านวรรณศิลป์ ดังนี้ อยูรวมกับผูอื่นอยางไร
โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ มีการใช้ถ้อยค�าส�านวนและการเปรียบเทียบ ดังนี้ (แนวตอบ โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการมีเนื้อหา
๑) ค�าเหมาะกับประเภทค�าประพันธ์ มีการใช้ค�าโบราณซึ่งเหมาะสมกับลักษณะ ที่เปนคําสอนในการดํารงชีวิตทั้งดานคําพูด
ของค�าประพันธ์ประเภทโคลง เช่น ห่อน ไป่ บ้าย บ่ โสต ปาง ป่าง เป็นต้น ความคิด จิตใจและการกระทํา ดังนั้น หาก
๒) ค�าบาลี สันสกฤต ท�าให้เกิดความไพเราะและมีค�าให้ใช้อย่างหลากหลายยิ่งขึ้น นําไปปฏิบัติตาม เชน ไมนินทาวารายใคร
ได้แก่ บัณฑิต ทศ นฤ ทุมน โมหะ โสต อาฆาต นรชน กษัย ทิฐิ ขันตีกาล เป็นต้น ไมเชื่อขาวลือ คิดใหรอบคอบ เปนตน
๓) ค�าเปรียบเทียบ ท�าให้ผู้อ่านสามารถเห็นภาพชัดเจนและเกิดความซาบซึ้งกับ จะเกิดความสุขในการดํารงชีวิตอยางยิ่ง)
บทพระราชนิพนธ์ เช่น
• โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการสอนใหนักเรียน
คิดอยางรอบคอบอยางไร
จากบทพระราชนิพนธ์ที่ ๙ มีดังนี้ (แนวตอบ สอนใหคิดอยางมีเหตุผล และเห็น
คือมีดเที่ยวกรีดเถือ ท่านทั่ว ไปนา ความสําคัญของการรับรูขอมูลขาวสารวา
ควรมีเหตุผลนาเชื่อถือ)
123
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
อีกหนึ่งไปเชื่อถอย คําคน ลือแฮ
ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ชวยใหนักเรียนเกิดความรูความเขาใจในเนื้อเรื่อง
บอกเลาขาวเหตุผล เรื่องราย
โดยนําสํานวนสุภาษิตไทยมาใชในการทํากิจกรรม โดยใหนักเรียนศึกษาสํานวน
สืบสวนประกอบจน แจมเท็จ จริงนา
สุภาษิตเกี่ยวกับการพูด การฟง จากนั้นใหนักเรียนรวมกันยกสํานวนสุภาษิตที่
ยังบดวนยักยาย ตื่นเตนตลอดกาล
สอดคลองกับโคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ กิจ 10 ประการที่ผูประพฤติยังไมเคย
ขอคิดใดสอดคลองกับคําประพันธขางตน
เสียใจ แลวใหนักเรียนอธิบายความสอดคลองกัน
1. อยาเชื่อโดยคาดคะเน
2. อยาเชื่อโดยเหตุนึกเอา
3. อยาเชื่อวาผูพูดเปนผูที่ควรเชื่อถือ นักเรียนควรรู
4. อยาเชื่อโดยตื่นวาไดยินอยางนั้นอยางนี้
1 คําบาลีสันสกฤต เริ่มเขามาปะปนในภาษาไทยเมื่อพระพุทธศาสนาไดเผยแผ
วิเคราะหคําตอบ จากบทประพันธกลาววา อยาเชื่อคําลือโดยเฉพาะ
เขามาสูประเทศไทย และคนไทยไดยอมรับนับถือเปนศาสนาหลักของชาติ ดังนั้น
เรื่องรายที่ไมมีเหตุผล ควรตรวจสอบใหรูขอเท็จจริงเสียกอน อยาดวนเชื่อ
จึงไดเกิดคําภาษาบาลีและสันสกฤตใชในภาษาไทยมากขึ้น เพราะนอกจากการรับ
และตื่นตามที่เขาพูด ขอที่สอดคลองกับบทประพันธขางตน คือ อยาเชื่อ
นับถือพระพุทธศาสนาแลว ไทยยังไดรับเอาความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณี
โดยตื่นวาไดยินอยางนั้นอยางนี้ ตอบขอ 4.
พิธีกรรมตางๆ รวมทั้งวรรณคดีบาลีและสันสกฤตเขามาเปนสวนหนึ่งของ
วัฒนธรรมไทยดวย
คู่มือครู 123
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับคุณคาดานวรรณศิลป
ของโคลงสุภาษิตนฤทุมนาการในประเด็นตอไปนี้ ๔) ค�าซ�้า เพื่อย�้าความให้ชัดเจนมากขึ้น เช่น ใดใด ห้วนห้วน เป็นต้น
• โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ มีการใชถอยคํา ๕) ค�าซ้อน เพื่อย�้าความให้ชัดเจนและเกิดสัมผัสอักษร ท�าให้เกิดความไพเราะ เช่น
สํานวนและการเปรียบเทียบอยางไร อุดหนุน ส่อเสียด จาบจ้วง ขูขู1่เข็ญ เด็ดด้วน ขุ่นแค้น เป็นต้น
(แนวตอบ โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการมีการใช ๖) ส�านวน นวน แสดงเนื้อหาที่ให้ข้อคิดสอนใจ ซึ่งตรงกับส�านวนไทย เช่น
ถอยคําสํานวนและการเปรียบเทียบ ดังนี้ บทที่ ๑ ตรงกับส�านวนว่า ท�าดีได้ดี ท�าชั่วได้ชั่ว
1. มีการใชคําโบราณซึ่งสอดคลองกับคํา บทที่ ๙ ตรงกับส�านวนว่า ฟังหู ไว้หู
บทที่ ๑๐ ตรงกับส�านวนว่า กระต่ายตื่นตูม
ประพันธประเภทโคลง เชน หอน ไป ปาง ๗) ค�าอนุโลม คือ ค�าทีป่ กติไม่ใช้กนั แต่ใช้ในบทร้อยกรองได้ในกรณีทหี่ าค�าตามลักษณะ
เปนตน บังคับของฉันทลักษณ์นั้นๆ ไม่ได้ เช่น
2. มีการใชคําที่หลากหลาย โดยนําคําบาลี • ค�าโทโทษ “ขันตีมีมากหมั้น สันดาน” หมั้น เป็นค�าโทโทษแทนค�าว่า มั่น
สันสกฤตมาใช เชน ทศ นฤ บัณฑิต นรชน • ค�าสลับที่ “ใดกิจผิดพลาดแล้ว ไป่ละ ลืมเลย” ใดกิจ สลับค�าจาก กิจใด
ทิฐิ เปนตน • ค�าเอก - ค�าโท “สามารถอาจห้ามงด วาจา ตนเฮย” ห้ามงด สลับต�าแหน่ง
3. มีการใชคําเปรียบเทียบ ทําใหผูอานเกิด ค�าเอก - ค�าโท โดยค�าว่า งด เป็นค�าตายที่ใช้แทนค�าเอก
จินตภาพชัดเจน เปนตนวา 2 • ค�ายัติภังค์ “ค�าหยาบจาบจ้วงอา - ฆาตขู่ เข็ญเฮย” แยกค�ามาจากค�าว่า อาฆาต
“คําพูดพางลิขิต เขียนราง เรียงแฮ” โดยใช้ยัติภังค์ เพื่อให้รู้ว่าเป็นค�าเดียวกัน
4. มีการใชคําซํ้า เชน ใดใด หวนหวน เปนตน ๘) ค�าสัมผัส การเล่นค�าสัมผัสในวรรคและระหว่างวรรคช่วยให้เกิดเสียงไพเราะและ
เน้นเนือ้ ความให้เด่นชัดขึน้ ในโคลงสุภาษิตนฤทุมนาการมีทงั้ สัมผัสอักษรและสัมผัสสระ ดังบทประพันธ์
5. มีการใชคําซอน เชน จาบจวง ขูเข็ญ
ขุนแคน เปนตน เพราะไม่พูดร้ายต่อใครเลย
6. มีการใชสํานวน เชน ทําดีไดดี ทําชั่วได เหินห่างโมหะร้อน ริษยา
ชั่ว คิดกอนพูดอยาพูดกอนคิด ฟงหูไวหู สละส่อเสียดมารษา ใส่ร้าย
เปนตน ค�าหยาบจาบจ้วงอา- ฆาตขู่ เข็ญเฮย
7. มีการใชคําอนุโลม ไดแก คําเอกโทษโทโทษ ไป่หมิ่นนินทาบ้าย โทษให้ผู้ใด
เชน มั่น-หมั้น เปนตน คําสลับที่ เชน
กิจใด-ใดกิจ เปนตน จากบทประพันธ์มคี �าสัมผัสอักษร ได้แก่ เหิน - ห่าง - (โม)หะ ร้อน - ริษ(ยา) สละ - ส่อ -
เสียด - (มาร)ษา - ใส่ จาบ - จ้วง ฆาต - ขู่ - เข็ญ (นิน)ทา - โทษ และมีสัมผัสสระ ได้แก่ หยาบ - จาบ
8. มีการใชคํายัติภังค เชน คําหยาบจาบจวง
หมิ่น - นิน(ทา) ให้ - ใด
อา- ฆาตขู เข็ญเฮย เปนตน
9. มีการใชคําสัมผัส เชน รอน-ริษยา เพราะไม่ฟังค�าคนพูดเพศนินทา
สอ-เสียด-ใส หมิ่น-นินทา เปนตน ไป่ฟังคนพูดฟุ้ง ฟั่นเฝือ
10. มีการอธิบายเนื้อความชัดเจน เชน สอน เท็จและจริงจานเจือ คละเคล้า
เกี่ยวกับการพูดวา พูดแลว ดีเราเสียเขา คือมีดเที่ยวกรีดเถือ ท่านทั่ว ไปนา
ไมควรพูด พูดแลว ดีเขา เสียเรา ไมควรพูด ฟังจะพาพลอยเข้า พวกเพ้อรังควาน
เปนตน) 124
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
ขอใดใชคําเปรียบเทียบ
1 สํานวน เปนคํานาม มีหลายความหมาย ดังนี้
1. ขอโทษเพื่อคารวะ วายบาด หมางแฮ
• ถอยคําที่เรียบเรียงหรือโวหาร บางทีก็ใชวาสํานวนโวหาร เชน สารคดี
2. คําพูดพางลิขิต เขียนราง เรียงแฮ
เรื่องนี้สํานวนดี ความเรียงเรื่องนี้สํานวนลุมๆ ดอนๆ
3. ควรจะระงับดับสู สงบบางยังดี
• ถอยคําหรือขอความ ที่กลาวสืบตอกันมาชานานแลว มีความหมาย
4. เท็จและจริงจานเจือ คละเคลา
ไมตรงตามตัว หรือมีความหมายอื่นแฝงอยู เชน สอนจระเขใหวายนํ้า
รําไมดีโทษปโทษกลอง เปนตน วิเคราะหคําตอบ ขอ 2. มีคําวา “พาง” เปนคําที่มีความหมายวา เหมือน
• ถอยคําที่แสดงออกมาเปนถอยคําพิเศษเฉพาะภาษาหนึ่งๆ เชน สํานวน ซึ่งเปนคําที่แสดงความเปรียบวา คําพูดก็เหมือนการเขียนที่ตองรางหรือ
ฝรั่ง สํานวนบาลี เปนตน คิดกอน เรียบเรียงใหดี ใหถวนถี่เสียกอน ดังนั้นจึงตอบขอ 2.
• ชั้นเชิงหรือพวงทํานองในการแตงหนังสือหรือพูด เชน สํานวนเจาพระยา
พระคลัง (หน) สํานวนยาขอบ เปนตน
2 ยติภงั ค เปนเครือ่ งหมายวรรคตอน (-) ราชบัณฑิตยสถานไดกาํ หนดหลักการใช
วา “ใชเขียนไวที่สุดบรรทัดเพื่อตอพยางคหรือคําสมาส ซึ่งจําเปนตองเขียนแยก
บรรทัดกัน เนื่องจากมาอยูตรงสุดบรรทัดและไมมีที่พอจะบรรจุคําเต็มลงได”
124 คู่มือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับคุณคาดาน
จากบทประพันธ์มคี า� สัมผัสอักษร ได้แก่ ฟัง - ฟ้งุ - ฟัน่ - เฝือ จริง - จาน - เจือ คละ - เคล้า วรรณศิลปหนา 125
เที่ยว - เถือ - ท่าน - ทั่ว พา - พวก - เพ้อ และมีสัมผัสสระ ได้แก่ มีด - กรีด • โคลงสุภาษิตนฤทุมนามีการใชคําอธิบาย
๙) ค�าอธิบายเนื้อความเด่นชัด คือ การใช้ค�าน้อยแต่กินความมาก ความหมายของค�า เนื้อความใหเดนชัดอยางไร
อธิบายความได้ชัดเจน ดังบทประพันธ์ (แนวตอบ โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ ใชคํา
นอยแตกินความมาก ใชคําสื่อความตรงไป
เพราะอดพูดในเวลาโกรธ ตรงมาชัดเจน)
สามารถอาจห้ามงด วาจา ตนเฮย
ปางเมื่อยังโกรธา ขุ่นแค้น ขยายความเขาใจ Expand
หยุดคิดพิจารณา แพ้ชนะ ก่อนนา นักเรียนยกโคลงสุภาษิตนฤทุมนาการที่มี
ชอบผิดคิดเห็นแม้น ไม่ยั้งเสียความ การใชคําอธิบายเนื้อความเดนชัด
(แนวตอบ ตัวอยางโคลงสุภาษิตนฤทุมนาการที่มี
จากบทประพันธ์ กล่าวถึง การรู้จักหักห้ามไม่ให้พูดในขณะที่ยังโกรธ โดยให้หยุด คําอธิบายเนื้อความชัดเจน ดังบทที่วา
พิจารณาถึงผลทีจ่ ะตามมา ซึง่ หากไม่รจู้ กั ยับยัง้ ชัง่ ใจก็อาจเกิดผลเสียหายขึน้ ได้ ในบทประพันธ์นจี้ ะเห็นว่า “ทําดีไปเลือกเวน ผูใด ใดเฮย
กวีได้เลือกสรรค�าทีส่ นั้ กระชับ แต่มคี วามหมายกว้างขวางออกไป เช่น แพ้ - ชนะ ค�าว่า แพ้ มีความหมาย
1 แตผูกไมตรีไป รอบขาง
ตามศัพท์ หมายถึง สู้ไม่ได้ ทนไม่ได้ แต่เจตนาของกวีมีความหมายกว้างออกไป งออกไป หมายถึง ผลที่ไม่เกิด ทําบุญอุดหนุนใน การชอบ ธรรมนา
ประโยชน์หรือผลเสียที่จะเกิดแก่ตัวผู้พูด ส่วนค�าว่า ชนะ มีความหมายตามศัพท์ หมายถึง ท�าให้แพ้ ไรศัตรูปองมลาง กลับซองสรรเสริญ”
คือการท�าให้สู้ไม่ได้ ทนไม่ได้ แต่เจตนาของกวีมีความหมายกว้างออกไป หมายถึง ผลดีหรือผลที่จะเกิด
หมายความวา ทําดีไมเลือกคน ผูกไมตรีกับ
ทุกคนรอบขาง ทําบุญใฝในธรรม ไมมีใครจะ
ประโยชน์แก่ตัวผู้พูด
ปองราย มีแตคนคอยสรรเสริญ)
๗.๓ คุณค่าด้านสังคม
โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการเป็นโคลงสุภาษิตที่สะท้อนให้เห็นค่านิยมทางความประพฤติ
ของคนในสังคม เพื่อให้เกิดความเรียบร้อย และผู้กระท�าจะมีความสุข ไม่มีความทุกข์ใดๆ
๑) สะท้อนให้เห็นค่านิยมด้านความประพฤติ โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ แสดงให้
เห็นว่าการมีความประพฤติที่ดีจะเป็นรากฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ดังบทประพันธ์
๑. เพราะความดีทั่วไป
ท�าดีไป่เลือกเว้น ผู้ใด ใดเฮย
แต่ผูกไมตรีไป รอบข้าง
ท�าคุณอุดหนุนใน การชอบ ธรรมนา
ไร้ศัตรูปองมล้าง กลับซ้องสรรเสริญ
125
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
จบสามสิบหกเคา คะแนนนับ หมวดแฮ
ครูเนนความสําคัญของบทวิเคราะหคุณคาดานสังคม ใหนักเรียนทบทวน
หมวดละสามคิดสรรพ เสร็จสิ้น
ความเขาใจเกี่ยวกับเรื่องคานิยมที่ปรากฏในโคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ ครูจัดให
เปนสี่สิบแปดฉบับ บอกเยี่ยง อยางแฮ
นักเรียนทํากิจกรรมเพิ่มเติม ใหนักเรียนนําแนวคิดจากโคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ
ตามแบบบขาดหวิ้น เสร็จแลวบริบูรณ
มาเขียนเรียงความหรือรวมกันแสดงความคิดเห็นเรื่อง “รากฐานของความสงบสุข”
บทประพันธขางตนมีความหมายตรงกับขอใด
1. ควรปฏิบัติใหไดอยางนอยครึ่งหนึ่ง
2. ควรปฏิบัติบางดีกวาไมปฏิบัติเลย
3. ควรปฏิบัติใหครบ 10 ประการ
นักเรียนควรรู
4. ควรปฏิบัติใหไดมากที่สุด 1 เจตนาของกวี การรูและเขาใจเจตนาในการประพันธผลงานของกวี จะตอง
วิเคราะหคําตอบ โคลงขางตนกลาววา กิจทั้ง 10 ประการควรปฏิบัติ พิจารณาจากสิ่งตางๆ ดังนี้
ตามอยางใหครบทั้ง 10 ประการ เพื่อใหเกิดความสุข ดังนั้น • ความหมายของบทประพันธ
จึงตรงกับขอที่วา ควรปฎิบัติใหครบ 10 ประการ ตอบขอ 3. • สํานวนภาษาของกวี
• บริบททางสังคมหรือสภาพแวดลอมที่กวีอาศัยอยู
• ขอมูลสวนตัวของกวี
คูมือครู 125
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับคุณคาดานสังคมใน
ประเด็นตอไปนี้ จากบทประพันธ์สะท้อนให้เห็นการให้คุณค่าและชื่นชมผู้ที่กระท�าความดีต่อผู้อื่น
• โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการสะทอนคานิยม โดยไม่เลือกเฉพาะกับผู้หนึ่งผู้ใด ย่อมเป็นคนที่มีมิตรมากมายคอยให้การสนับสนุน เป็นที่สรรเสริญ
ดานความประพฤติอยางไร ในความดีอย่างจริงใจ
(แนวตอบ สะทอนคานิยมที่แสดงรากฐานของ ๒) สะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมด้านการพูด สังคมไทยเป็นสังคมที่ให้ความส�าคัญ
การอยูรวมกันในสังคมใหสงบสุข เชน ชื่นชม กับค�าพูด วิธีการพูด และมารยาทในการพูด ซึ่งกวีได้สะท้อนให้เห็นในโคลงสุภาษิตนฤทุมนาการด้วย
และเห็นคุณคาผูที่กระทําความดี สรรเสริญ ดังบทประพันธ์
ยกยองในความดีอยางแทจริง)
๔. เพราะคิดเสียก่อนจึงพูด
• โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการสะทอนใหเห็น
พาทีมีสติรั้ง รอคิด
วัฒนธรรมดานการพูดอยางไร
รอบคอบชอบแลผิด ก่อนพร้อง
(แนวตอบ สะทอนวัฒนธรรมทางสังคมไทยที่ ค�าพูดพ่างลิขิต เขีย1นร่าง เรียงแฮ
ควรมีมารยาทในการพูด คิดไตรตรองกอนพูด ฟังเพราะเสนาะต้อง โสตทั้งห่างภัย
พูดแตเรื่องที่นาฟง และพูดจาไพเราะนาฟง)
• โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการสะทอนใหเห็น จากบทประพันธ์สะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมด้านการพูดของคนไทยที่ต้องกลั่นกรอง
ความเชื่อทางศาสนาอยางไร ค�าพูดก่อนเสมอ หากพูดด้วยค�าทีไ่ พเราะเสนาะหู พูดเรือ่ งทีน่ า่ ฟังย่อมสร้างเสน่หใ์ ห้กบั ผูพ้ ดู แต่หากพูด
(แนวตอบ แสดงความเชื่อทางศาสนาที่เหมือน โดยไม่คิดไตร่ตรองก่อนอาจน�าภัยมาสู่ตัวผู้พูดได้เช่นกัน
กันของทุกศาสนา เรื่องของการทําความดี ๓) สะท้อนให้เห็นความเชื่อทางศาสนา หลักธรรมทางศาสนาสอนให้คนประพฤติ
การชวยเหลือเกื้อกูลกันและแฝงความเชื่อทาง ตนเป็นคนดี ให้คนท�าดีต่อกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ดังบทประพันธ์
พระพุทธศาสนาเรื่องภพนี้ภพหนา) ๖. 2เพราะได้กรุณาต่อคนที่ถึงอับจน
กรุณานรชาติผู้ พ้องภัย พิบัติเฮย
ขยายความเข้าใจ Expand ช่วยรอดปลอดความกษัย สว่างร้อน
1. จากคุณคาดานสังคมของโคลงสุภาษิต ผลจักเพิ่มพูนใน อนาคต กาลแฮ
นฤทุมนาการ สะทอนใหเห็นวาคนโบราณนิยม ชนจักชูชื่อช้อน ป่างเบื้องปัจจุบัน
ใหความสําคัญเกี่ยวกับสิ่งใดบาง จากบทประพันธ์สะท้อนให้เห็นความเชื่อทางศาสนาว่าการช่วยเหลือผู้อื่นให้คลาย
(แนวตอบ การพูด การประพฤติปฏิบัติตน ความเดือดร้อนเป็นการท�าความดีก่อให้เกิดความสุขแก่ตนเอง ท�าให้ผู้คนระลึกถึงและยังเป็นการ
การอยูรวมกันในสังคม มารยาทและวัฒนธรรม สะสมผลบุญเอาไว้ใช้ในภายภาคหน้าตามความเชื่อในพระพุทธศาสนาด้วย
ที่ดีงามของไทย) นอกจากนี้ โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการยังสอดคล้องกับหลักกาลามสูตร ซึ่งเป็นหลัก
2. นักเรียนยกพุทธศาสนสุภาษิตที่สอนเกี่ยวกับ ค�าสอนให้คิด ไตร่ตรองพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนเชื่อเรื่องหนึ่งเรื่องใด แสดงให้เห็นว่าโคลงสุภาษิต
การพูด การประพฤติปฏิบัติตน การอยูรวมกัน นฤทุมนาการสะท้อนหลักธรรมความเชื่อทางพระพุทธศาสนาอย่างเด่นชัด ดังบทประพันธ์
ในสังคม มารยาทและวัฒนธรรมที่ดีงาม
ของไทย คนละ 1 สํานวน
126
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูสรุปความรูจากโคลงสุภาษิตนฤทุมนาการใหนักเรียนฟงอีกครั้งวา มีเนื้อหา พาทีมีสติรั้ง รอคิด
แสดงกิจ 10 ประการ ที่เปนขอแนะนําการประพฤติตนใหเหมาะสมทั้งการคิด รอบคอบชอบแลผิด กอนพรอง
การพูด และการกระทํา ไดแก ไมพูดรายใหผูอื่น ฟงกอนตัดสิน คิดใหดีกอนพูด คําพูดพางลิขิต เขียนราง เรียงแฮ
ไมพูดเวลาโกรธหรือขาดสติ กรุณาตอผูอับจนหนทาง กลาวขอโทษเมื่อทําความผิด ฟงเพราะเสนาะตอง โสตทั้งหางภัย
มีความอดทนอดกลั้นตอผูที่ทําใหไมพอใจ ไมฟงคําไรสาระ และไมหลงเชื่อขาวราย คําประพันธที่ยกมานี้นาจะตรงกับสํานวนเกี่ยวกับการพูดในขอใด
โดยไมตรวจสอบ 1. พูดจนลิงหลับ 2. พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตําลึงทอง
3. พายเรือในอาง 4. พอแยมปากก็เห็นไรฟน
วิเคราะหคําตอบ สํานวนขอที่ 1. หมายความวา พูดมากจนผูฟงเบื่อ
นักเรียนควรรู สํานวนขอ 2. หมายความวา พูดไปก็ไมมีอะไรดีขึ้นสูไมพูดจะดีกวา
สํานวนขอ 3. พูดมากวกวน และสํานวนขอ 4. รูเทาทันความคิดของ
1 ตองโสต หมายความวา ถูกหู นาฟง ผูพูด สวนความหมายของคําประพันธ คือ คิดใหดีกอนพูด จึงใกลเคียง
2 นรชาติ หมายความวา คน กับสํานวน “พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตําลึงทอง” มากที่สุด ตอบขอ 2.
126 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับขอคิดที่สามารถนําไป
๑๐. เพราะไม่หลงเชื่อข่าวร้าย ประยุกตใชในชีวิตประจําวันไดในประเด็นตอไปนี้
อีกหนึ่งไป่เชื่อถ้อย ค�าคน ลือแฮ • การพูดที่สรางมิตรและเปนที่ชื่นชมไดแก
บอกเล่าข่าวเหตุผล เรื่องร้าย การพูดในลักษณะใดบาง
สืบสอบประกอบจน แจ่มเท็จ จริงนา (แนวตอบ การพูดที่กอใหเกิดความสุข
ยัง บ่ ด่วนยักย้าย ตื่นเต้นก่อนกาล การพูดที่สรางสรรค การพูดที่กอประโยชน
การพูดที่ไพเราะนาฟง)
จากบทประพันธ์ให้เนื้อความสอดคล้องกับหลักกาลามสูตร ข้อที่ ๓ คือ อย่าเพิ่งเชื่อ • การทําความดีที่สรางมิตรและเปนที่ชื่นชม
ตามค�าเล่าลือ โดยการฟังเรื่องที่เล่าลือกันมาผู้ฟังต้องรู้จักหาเหตุผลประกอบเพื่อพิจารณาก่อนที่ ไดแกการทําสิ่งใดบาง
จะเชื่อถือ (แนวตอบ การไมเลือกปฏิบัติ)
• การคิดอยางมีเหตุผลมีลักษณะอยางไร
๗.๔ ข้อคิดที่สามารถน�าไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ�าวัน (แนวตอบ การใชสติปญญาไตรตรองกอน
โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการเป็นโคลงที่ให้ข้อคิดเรื่องการด�าเนินชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้ ตัดสินใจเชื่อเรื่องราวตางๆ)
อย่างสงบสุข ซึ่งการกระท�าทุกอย่างของบุคคลหนึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบุคคลหนึ่งได้ ดังนั้นการศึกษา
ข้อคิดในด้านต่างๆ จากวรรณคดีจงึ มีประโยชน์อย่างยิง่ ซึง่ โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการได้ให้ขอ้ คิดทีส่ า� คัญ ขยายความเข้าใจ Expand
๓ ข้อ ดังนี้
นักเรียนรวมกันระดมความคิดเห็นวา
๑) การพูดที่ดีย่อมสร้างมิตรและเป็นที่ชื่นชม จากโคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ
• นักเรียนจะนําแนวคิดและคําสอนจากโคลง
ให้ข้อคิดเรื่องการพูดได้เป็นอย่างดีว่า การพูดที่ดีย่อมสร้างความสุข สร้างความนิยมชมชอบให้กับผู้ที่
สุภาษิตนฤทุมนาการไปปรับใชกับตนเองได
พูดจาไพเราะน่าฟัง พูดแต่เรื่องที่สร้างสรรค์ ก่อให้เกิดประโยชน์ ในขณะเดียวกัน คนที่พูดในขณะที่มี อยางไรบาง
ความโกรธแค้น ขุ่นเคือง พูดโดยไม่คิดพิจารณาไตร่ตรอง หรือพูดจาหยาบกระด้างก็สามารถสร้างภัย (แนวตอบ เปนตนวา
ให้แก่ตนเองได้ 1. เมือ่ ไดรบั ขาวสารขอมูลใดมาควรพิจารณา
๒) การท�าความดีย่อมสร้างมิตรและเป็นที่ชื่นชม จากโคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ ไตรตรองใหรอบคอบกอนตัดสินใจเชื่อ
แสดงให้เห็นว่าการกระท�าความดีอยู่เสมอโดยไม่เลือกปฏิบัติจะส่งผลให้ผู้นั้นมีความสุข เป็นที่รู้จักด้าน 2. ศึกษาธรรมะที่เกี่ยวกับการประพฤติดี
การท�าดีและสอดคล้องกับหลักธรรมเรื่องการท�าดีแล้วจะได้รับผลดีตอบแทนด้วย ทั้งกาย วาจา และใจ)
๓) การคิดอย่างมีเหตุผลย่อมท�าให้รู้เท่าทันเรื่องราวต่างๆ ได้ จากโคลงสุภาษิต
นฤทุมนาการแสดงให้เห็นว่าการได้ยินเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตประจ�าวันต้องอาศัยการไตร่ตรองด้วยสติ ตรวจสอบผล Evaluate
ปัญญาและเหตุผลอย่างรอบคอบ เพือ่ ตัดสินใจเชือ่ ถือเรือ่ งราวนัน้ ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม รูเ้ ท่าทันและ 1. นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับคุณคาดานเนื้อหาของ
ไม่หลงเชื่อสิ่งผิดๆ โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ
2. นักเรียนยกโคลงสุภาษิตนฤทุมนาการที่มีการ
ใชคําอธิบายเนื้อความเดนชัดได
127 3. นักเรียนยกพุทธศาสนสุภาษิตเรื่องแนวทาง
การปฏิบตั ติ นทีส่ อดคลองกับโคลงสุภาษิต
นฤทุมนาการได
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ขอใดสอนใหคนใชวิจารณญาณในการฟง
ครูเนนใหนักเรียนเห็นความสําคัญของการนําขอคิดจากโคลงสุภาษิต
1. เหินหางโมหะรอน ริษยา
นฤทุมนาการไปประยุกตใชในชีวิตประจําวัน ทั้งเรื่องการพูด การคิด และปฏิบัติ
สละสอเสียดมารษา ใสราย
ซึ่งครอบคลุมการดําเนินชีวิตในทุกดาน ครูแนะใหนักเรียนนําสิ่งที่ไดเรียนรูจาก
2. พาทีมีสติรั้ง รอคิด
โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการมาปรับใชเพื่อการดําเนินชีวิตอยางมีความสุข
รอบคอบชอบแลผิด กอนพรอง
ดังโคลงบทสุดทายที่แนะวา กิจ 10 ประการนี้ ทุกคนควรพิจารณา ถึงแมจะ
3. ยินคดีมีเรื่องนอย ใหญไฉน ก็ดี
ประพฤติตนไดไมครบถวน แตปฏิบัติไดบาง ก็ยังดีกวาไมปฏิบัติเลย
ยังบลงเห็นไป เด็ดดวน
4. สามารถอาจหามงด วาจา ตนเฮย
ปางเมื่อยังโกรธา ขุนแคน
มุม IT
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. ขอ 2. และขอ 4. สอนใหคิดเกี่ยวกับการพูด
สวนขอ 3. สอนเกี่ยวกับการฟง วาเมื่อไดยินเรื่องใดมาอยาพึ่งดวนเชื่อ ศึกษาเกี่ยวกับขอคิดที่ไดจากโคลงสุภาษิตนฤทุมนาการเพิ่มเติม ไดที่
ตอบขอ 3. http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2058292
คู่มือครู 127
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูสนทนารวมกับนักเรียนเกี่ยวกับนิทานอีสป
ครูใหนักเรียนชวยกันอธิบายความหมายของนิทาน โคลงสุภาษิตอิศปปกรณ�า
อีสปตามความเขาใจของนักเรียน
(แนวตอบ นิทานอีสปเปนนิทานที่ใหขอคิดที่เปน ๑ ความเป็นมา
สัจธรรมของชีวิต) นิทานอีสป เป็นนิทานที่แปลจากนิทานกรีก
• นักเรียนเคยอานหรือเคยฟงนิทานอีสป ฉบั บ ภาษาอั ง กฤษ เนื้ อ หาแฝงด้ ว ยสั จ ธรรม
เรื่องใดบาง ซึ่งเป็นอมตะมานานกว่า ๑,๕๐๐ ปี แม้ในปัจจุบัน
(แนวตอบ ครูขออาสาสมัคร 1-2 คน ที่เคยอาน ความนิยมในนิทานอีสปก็ยังไม่เสื่อมคลาย
หรือเคยฟงนิทานอีสปมาเลาเรื่องยอให นิ ท านอี ส ปมี ม ากมายหลายร้ อ ยเรื่ อ ง
เพื่อนฟง) มี ก ารแปลเป็ น ภาษาต่ า งๆ เผยแพร่ ไ ปทั่ ว โลก
เล่ากันว่า อิศป หรืออีสป (Aesop) เป็นทาสชาวกรีก
ส�ารวจค้นหา Explore ที่ มี ชี วิ ต อยู ่ ใ นช่ ว งศตวรรษที่ ๖ ก่ อ นคริ ส ตกาล
มี ร ่ า งกายพิ ก ลพิ ก าร แต่ ส ติ ป ั ญ ญาเฉลี ย วฉลาด
1. นักเรียนสืบคนเกี่ยวกับประวัติความเปนมาและ อี ส ปเป็ น นั ก เล่ า นิ ท านที่ ช อบยกนิ ท านมาเล่ า ภาพวาดอีสป (Aesop) นักเล่านิทานชาวกรีก
ประวัติผูแตงที่มีสวนในการแตงโคลงสุภาษิต เปรียบเปรยให้ผู้เป็นนายได้คิดหรือแก้ไขเหตุการณ์ วาดโดย ดิเอโก เวลาสเควซ (Diego Velasquez)
อิศปปกรณํา จากหนังสือเรียน เอกสาร ตํารา ที่ร้ายให้กลายเป็นดีได้
และเว็บไซตที่เกี่ยวของ อีสป เป็นทาสของอิดมอนหรือเอียดมอน เขาได้มอบหมายหน้าที่ให้อีสปเป็นครูสอนหนังสือ
2. นักเรียนพิจารณาลักษณะคําประพันธของโคลง ลูกๆ ของเขา ที่บ้านของอิดมอนเป็นที่พบปะสังสรรค์ของหมู่คนส�าคัญๆ ของกรีก และเมื่ออิดมอน
สุภาษิตอิศปปกรณํา ไปพบคนใหญ่คนโตของกรีกก็มักพาอีสปไปด้วยเสมอ เมื่ออีสปได้เล่านิทานให้คนเหล่านั้นฟัง ทุกคน
ต่างก็ติดใจในเนื้อหา ข้อคิด คติเตือนใจ อีสปจึงเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน
อธิบายความรู้ Explain ด้วยสติปัญญาไหวพริบปฏิภาณดีเยี่ยม ทั้งยังมีความสามารถในการเล่านิทาน ท�าให้ทาส
อย่างอีสปสามารถเป็นไทได้ นิทานที่อีสปเล่าหลายร้ 1 อยเรื่องนิยมเรียกกันว่า นิทานอีสป ซึ่งเป็นนิทาน
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับประวัติความเปนมาของ
สอนคนทั่วไปในด้านศีลธรรม ตัวละครในนิทานส่วนใหญ่เป็นสัตว์ เช่น ราชสีห์กับหนู หมาจิ้งจอก
โคลงสุภาษิตอิศปปกรณํา
กับองุ่น กบเลือกนาย โดยใช้สัตว์เหล่านั้นเป็นสัญลักษณ์แทนมนุษย์ที่มีพฤติกรรมไม่แตกต่างกัน
• เนื้อเรื่องนิทานอีสปมีลักษณะเดนอยางไร นิทานอีสปเล่าขานด้วยปากเปล่า ไม่มีการจดบันทึกเป็นหลักฐานเอาไว้ จนสมัยต่อมาจึงมีผู้บันทึกไว้
(แนวตอบ เนื้อหาแฝงสัจธรรมของชีวิต ตัว ท�าให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ค�าสอนจากนิทานอีสป
ละครในนิทานสวนใหญเปนสัตว นิทานอีสป ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์แปล
ในอดีตถายทอดดวยวิธีมุขปาฐะ คือ การเลา นิทานอีสปไว้ ๒๔ เรื่อง และทรงพระราชนิพนธ์โคลงสุภาษิตประกอบนิทานร่วมกับกวีอีก ๓ ท่าน
ปากตอปาก ไมมีการจดบันทึกเปนลายลักษณ คือ กรมหลวงพิชิตปรีชากร พระยาศรีสุนทรโวหาร และพระยาราชสัมภารากร โคลงสุภาษิตนี้
อักษร พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาอยูหัว ให้ชื่อว่า โคลงสุภาษิตอิศปปกรณ�า ท�าให้นิทานอีสปแพร่หลายในประเทศไทย โดยต้นฉบับสมุดไทย
ทรงพระราชนิพนธนทิ านอีสปไวจาํ นวน 24 เรือ่ ง อิศปปกรณ�า ยังคงเก็บรักษาไว้ที่หอสมุดแห่งชาติจวบจนทุกวันนี้
โดยทรงพระราชนิพนธรวมกับกรมหลวง-
พิชิตปรีชากร พระยาศรีสุนทรโวหารและ 128
พระยาราชสัมภารากร)
บูรณาการเชื่อมสาระ
เกร็ดแนะครู นิทานอีสปสวนมากตัวละครในเรื่องจะเปนสัตว ซึ่งสะทอนวา แมแตสัตว
ในการเรียนนิทานอีสป ครูควรยกสํานวนที่นักเรียนรูจักมา แลวใหนักเรียนเลา เหลานั้นยังมีคุณธรรม แลวเราเปนคนเหตุใดจึงมีคุณธรรมเชนเดียวกับสัตว
นิทานซึ่งเปนที่มาของสํานวนดังกลาว เพราะนิทานอีสปเปนสิ่งที่ใกลตัวนักเรียน เหลานั้นไมได ครูบูรณาการเชื่อมสาระเกี่ยวกับตัวละครในนิทานอีสปที่เปน
เปนหนังสือแบบแรกๆ ที่นักเรียนไดเรียน อาน และรูเรื่องราวจากการฟง และนําไป สัตวตางๆ เขากับกลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร เพื่อใหนักเรียนไดนํา
เลาตอ ซึ่งเปนกระบวนการพัฒนาทักษะทางภาษา ครูเชื่อมโยงประสบการณของ ความรูจากการเรียนรูพฤติกรรมของสัตวในวิชาวิทยาศาสตรมาสังเกต
การอาน การรูเกี่ยวกับนิทานอีสปของนักเรียนมาตอยอดเพิ่มเติม โดยใหนักเรียนยก ลักษณะนิสยั ของตัวละครในนิทานวา ชวยใหเกิดความสมจริงไดอยางไร เชน
สํานวนใหสอดคลองกับนิทานอีสป เชน นิทานเรื่องไกกับพลอยที่มาของสํานวนวา สุนขั จิง้ จอกทีม่ เี ล็บ เขีย้ ว มักเปนสัตวเจาเลหแ ละดุรา ย สิงโตคํารามเสียงดัง
“ไกไดพลอย” เปนตน มีแผงคอ เปนลักษณะของผูนํามีอํานาจ เปนตน
ตัวละครของสัตวในนิทานอีสปจะมีลักษณะคลายชีวิตจริงของสัตวทั่วไป
เชน นิทานเรื่องกบเลือกนายจะเห็นพฤติกรรมที่เปนจริงของนกกระสาที่จับ
นักเรียนควรรู และกินกบเปนอาหาร เปนตน ดังนัน้ การมีความรูเ กีย่ วกับสัตวชนิดตางๆ และ
สภาพแวดลอมที่อยูอาศัยของสัตวแตละชนิด จะชวยใหเขาใจการดําเนินเรือ่ ง
1 ตัวละครในนิทาน เปนตัวละครมิติเดียว คือ ตัวละครที่มีลักษณะนิสัยเพียง และจุดมุง หมายของเรือ่ งไดดียิ่งขึ้น
ดานเดียว หรือ 2 ดาน เชน ขี้ขลาด ดื้อรั้น ฉลาดแกมโกง กลาหาญเด็ดเดี่ยว
และจะยืนหยัดรักษาลักษณะนิสัยนี้ไวอยางไมยอมเปลี่ยนแปลง
128 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนสรุปความสามารถดานการประพันธ
ของผูแตงโคลงสุภาษิตอิศปปกรณําแตละทาน
๒ ประวัติผู้แต่ง (แนวตอบ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูห วั
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชนิพนธ์โคลงสุภาษิตประกอบนิทาน มีพระปรีชาสามารถดานอักษรศาสตร เห็นไดจาก
ร่วมกับกวีอีก ๓ ท่าน ได้แก่ กรมหลวงพิชิตปรีชากร พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) และ
ผลงานนับรอยเรื่อง กรมหลวงพิชิตปรีชากร
พระยาราชสัมภารากร
มีความสามารถดานกฎหมายและภาษา พระยา-
๒.๑ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ศรีสุนทรโวหาร (นอย อาจารยางกูร) เปนผูมี
(พระราชประวัติได้กล่าวไว้แล้วในหน่วยการเรียนรู้ที่ ๑) ความรูดานภาษาไทยดี)
๒.๒ กรมหลวงพิชิตปรีชากร
กรมหลวงพิชิตปรีชากร พระนามเดิมว่า พระองค์เจ้าคัคณางคยุคล พระราชโอรส ขยายความเข้าใจ Expand
ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและเจ้าจอมมารดาพึ่ง ประสูติเมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม 1. นักเรียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็น
พ.ศ. ๒๓๙๘ เมือ่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัต ิ จึงโปรดเกล้าฯ ให้
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงพิชิตปรีชากร รับหน้าที่เป็นนายด้านการสร้างหอพระคันธารราษฎร์
ตอไปนี้
ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม • นักเรียนคิดวา เพราะสาเหตุใดที่ทําให
กรมหลวงพิชิตปรีชากรทรงมีพระปรีชาสามารถด้านกฎหมายและด้านภาษาเป็น นิทานอีสปเปนอมตะ
อย่างดี โดยเฉพาะความสามารถทางด้
1 านภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศส เศส ทรงมีส่วนร่วมในการจัดตั้ง (แนวตอบ เพราะนิทานอีสปมีเนื้อเรื่อง
หอพระสมุดวชิรญาณและทรงเป็ นสภานายกหอพระสมุด วชิร ญาณถึง ๒ สมั ย ในยุคนั้ นมีเรื่อง สนุกสนาน นาสนใจ แฝงขอคิด คติธรรม
ทีไ่ ด้รบั ความนิยมคือเรือ่ ง “สนุกนิน์ กึ ” โดยอยูใ่ นหนังสือ “วชิรญาณวิเสศ” และ “วชิรญาณ” รายเดือน มากมาย และจบเรื่องไดนาจดจํา)
ของหอพระสมุดวชิรญาณ เป็นเรื่องที่บรรยายถึงความรู้สึกของพระวัดบวรนิเวศ ๔ รูป ก�าลังจะสึก 2. นักเรียนจัดทํารายงานเกี่ยวกับประวัติผูแตง
พูดถึงเรื่องทางโลก อาชีพ และอนาคต อย่างสมจริงจนมีผู้เข้าใจว่าเป็นเรื่องจริง อย่างไรก็ตาม ดวยการแบงกลุมศึกษาคนควาและรวบรวม
แสดงให้ เ ห็ น ว่ า เรื่ อ ง “สนุ ก นิ์ นึ ก ” คงเป็ น เรื่ อ งแปลกใหม่ ส� า หรั บ ยุ ค นั้ น เป็ น อั น มาก นั บ ได้ ว ่ า ขอมูลเพื่อจัดทํารายงานเปนรูปเลมสงครู
กรมหลวงพิชิตปรีชากรทรงเป็นผู้บุกเบิกวรรณกรรมไทยสมัยใหม่ที่ส�าคัญพระองค์หนึ่ง
กรมหลวงพิชิตปรีชากรสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๒ ขณะทรงด�ารง
พรอมนําเสนอหนาชั้นเรียน
พระยศเป็น พลตรี และเป็นต้นราชสกุล “คัคณางค์”
๒.๓ พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร)
พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๓๖๕ ในสมัยรัชกาลที่ ๓
ที่เมืองฉะเชิงเทรา ได้บวชเป็นสามเณรที่วัดสระเกศและเล่าเรียนที่วัดนั้นจนสอบได้เปรียญเอก
มีความรู้กว้างขวางเชี่ยวชาญทั้งภาษาบาลี สันสกฤต และไทย จนเป็นที่ยกย่องของรัชกาลที่ ๔
ต่อมาลาสิกขา เข้ารับราชการในกรมพระอาลักษณ์ได้ยศเป็นขุนประสิทธิ์อักษรศาสตร์ และในรัชกาล
ที่ ๕ ได้เลื่อนเป็นขุนสารประเสริฐ พระศรีภูริปรีชา พระศรีสุนทรโวหาร พระยาศรีสุนทรโวหาร
ตามล�าดับ และได้รับยกย่องว่าเป็นศาลฎีกาทางภาษาไทย เป็นพระอาจารย์ถวายการสอนภาษาไทย
แก่พระเจ้าลูกยาเธอในรัชกาลที่ ๕ หลายพระองค์ เป็นกรรมการหอพระสมุดวชิรญาณ เป็นเลขานุการ
องคมนตรีและเป็นองคมนตรี
129
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนศึกษานิทานอีสปพระราชนิพนธแปลในพระบาทสมเด็จ- ครูมอบหมายใหนักเรียนศึกษาพระราชประวัติและผลงานสําคัญของบุคคล
พระจุลจอมเกลาเจาอยูหัวเรื่องอื่น นอกเหนือจากหนังสือเรียน จากนั้น ตางๆ ที่มีความเกี่ยวของกับการแตงโคลงสุภาษิตอิศปปกรณํานอกเหนือจาก
เลือกเรื่องที่นักเรียนสนใจมา 1 เรื่อง ถอดคําประพันธโคลงสี่สุภาพ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว ซึ่งไดแก กรมหลวงพิชิตปรีชากร
ของเรื่อง แลวบันทึกลงสมุด สงครูผูสอน พระยาศรีสุนทรโวหาร (นอย อาจารยางกูร) และพระยาสัมภารากร
นักเรียนควรรู
กิจกรรมทาทาย
1 หอพระสมุดวชิรญาณ ปจจุบันเปนหอสมุดแหงชาติ โดยการรวมหอ
พระมณเฑียรธรรม หอพระสมุดวชิรญาณ และหอพุทธสาสนสังคหะเขาดวยกัน
นักเรียนศึกษานิทานอีสปพระราชนิพนธแปลในพระบาทสมเด็จ- ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณา
พระจุลจอมเกลาเจาอยูหัวเรื่องอื่นๆ ที่นอกเหนือจากหนังสือเรียน โปรดเกลาฯ ใหมีพระบรมราชโองการประกาศจัดการ “หอพระสมุดวชิรญาณ”
ซึ่งมีอีก 20 เรื่อง โดยนักเรียนบอกขอคิดที่ไดในแตละเรื่อง บันทึกลงสมุด ใหเปนหอสมุดสําหรับพระนคร เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พุทธศักราช 2448 และได
แลวนําสงครูผูสอน วิวัฒนาการเปนสํานักหอสมุดแหงชาติปจจุบัน
คู่มือครู 129
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนตอบคําถามเกีย่ วกับลักษณะคําประพันธ
โคลงสุภาษิตอิศปปกรณัม ดังตอไปนี้ งานวรรณกรรมที่ส�าคัญของพระยาศรีสุนทรโวหารเกือบทั้งหมดเป็นงานทางวิชาการ
• ลักษณะคําประพันธของโคลงสุภาษิต เริ่มด้วยค�าฉันท์กล่อมพระเศวตวรวรรณและแบบเรียนภาษาไทยชุดหนึ่งมี ๖ เล่ม คือ มูลบทบรรพกิจ
อิศปปกรณํามีลักษณะเปนอยางไร วาหนิติ์นิกร อักษรประโยค สังโยคพิธาน ไวพจน์พิจารณ์ และพิศาลการันต์
(แนวตอบ แตงเปนรอยแกวและสรุปดวย พระยาศรีสนุ ทรโวหารถึงแก่กรรมเมือ่ วันที ่ ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๔ รวมอายุได้ ๗๐ ปี
โคลงสี่สุภาพ) ๒.๔ พระยาราชสัมภารากร
2. นักเรียนอานเรื่องยอนิทานอีสปทั้ง 4 เรื่องในใจ พระยาราชสัมภารากร ข้าหลวงในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
จากนั้นครูสุมนักเรียนใหเลาเรื่องยอนิทานอีสป
เรียงตอกัน ๓ ลักษณะคÓประพันธ์
นิทานแต่ละเรือ่ งแต่งเป็นร้อยแก้วและสรุปด้วยโคลงสีส่ ภุ าพ ๑ บท เป็นคติสอนใจทีไ่ ด้จากนิทาน
ขยายความเข้าใจ Expand เรื่องนั้นๆ ในท้ายเรื่อง
นักเรียนสรุปใจความสําคัญของเรื่องยอนิทาน ๔ เรื่องย่อ
อีสปทั้ง 4 เรื่อง ลงในสมุด โคลงสุภาษิตอิศปปกรณ�าที่คัดมาให้ศึกษาเป็นตัวอย่าง ๔ เรื่อง คือ
(แนวตอบ สรุปใจความสําคัญของเรื่องยอนิทาน
อีสปทั้ง 4 เรื่อง ไดดังนี้ นิทานสุภาษิตเรื่อง ราชสีห์กับหนู
ราชสีห์จะฆ่าหนูที่มาวิ่งบนหน้าของราชสีห์ แต่หนูร้องขอชีวิตและบอกว่าจะตอบแทนบุ
1 ญคุณ
• เรื่องราชสีหกับหนู คือ บางครั้งผูที่ออนแอกวา
เมื่อได้ฟังดังนั้น ราชสีห์ก็หัวเราะเยาะ แต่ราชสีห์ก็ปล่อยหนูไป ต่ต่อมาราชสีห์ติดบ่วงแร้วของนายพราน
ก็สามารถชวยเหลือผูที่มีกําลังกวาได ที่ดักไว้ หนูก็ช่วยกัดบ่วงเชือกจนขาดราชสีห์จึงรอดชีวิตมาได้
• เรื่องบิดากับบุตรทั้งหลาย คือ ความสามัคคี
จะทําใหสามารถตอสูกับศัตรูและอุปสรรคตางๆ ได นิทานสุภาษิตเรื่อง บิดากับบุตรทั้งหลาย 2
• เรื่องสุนัขปากับลูกแกะ คือ คนพาลยอมไม ชายผู ้ ห นึ่ ง มี บุ ต รหลายคน บุ ต รของเขามั ก ทะเลาะวิ ว าทกั น เสมอ เขาจึ ง คิ ด หาอุ บ าย
สั่งสอนบุตร โดยน�าไม้เรียวก�าหนึ่งมาให้บุตรแต่ละคนหัก แต่ก็หักไม่ได้ บิดาจึงแก้มัดและส่งไม้เรียว
มองถึงเหตุผลแตจะทําในสิ่งที่ตนเองตองการเทานั้น ให้บุตรหักคนละอัน บุตรก็สามารถหักไม้เรียวได้ บิดาจึงสอนบุตรว่า ถ้าสามัคคีรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
• เรื่องกระตายกับเตา คือ ความประมาทหลง เหมือนไม้เรียวทั้งก�าก็จะไม่มีใครท�าอันตรายได้ แต่ถ้าแตกแยกกัน ย่อมเป็นอันตรายโดยง่าย
ตัวเองนํามาซึ่งความพายแพลมเหลว
นิทานสุภาษิตเรื่อง สุนัขป่ากับลูกแกะ
สุนัขป่าต้องการจับลูกแกะกินเป็นอาหาร จึงพยายามกล่าวโทษลูกแกะในเรื่องต่างๆ เพื่อจะได้
ตรวจสอบผล Evaluate
ใช้เป็นข้ออ้างในการจับลูกแกะกินเป็นการลงโทษ แต่ลูกแกะสามารถหาเหตุผลมาชี้แจงข้อกล่าวโทษ
1. นักเรียนเลาเรื่องยอของนิทานอีสปเรื่องราชสีห ของสุนัขป่าได้ทั้งหมด แต่สุดท้ายสุนัขป่าก็จับลูกแกะกินเป็นอาหารโดยไม่มีเหตุผลใดๆ
กับหนู เรื่องบิดากับบุตรทั้งหลาย เรื่องสุนัขปา นิทานสุภาษิตเรื่อง กระต่ายกับเต่า
กับลูกแกะ และเรื่องกระตายกับเตาได เต่าถูกกระต่ายหัวเราะเยาะว่าขาสั้น เดินช้า เต่าจึงท้าวิ่งแข่ง ในวันแข่งเต่าก้าวไปช้าๆ
2. นักเรียนสรุปใจความสําคัญของเรื่องยอนิทาน แต่เดินไปเรื่อยๆ ไม่หยุด กระต่ายประมาทมัวนอนหลับเพลินอยู่ เมื่อตื่นขึ้นก็รีบวิ่งไปที่เส้นชัย
อีสปทั้ง 4 เรื่องได แต่เห็นเต่ารออยู่ที่ปลายทางแล้ว
130
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูแนะใหนักเรียนนําทักษะการอานจับใจความ จากความรูในหนังสือเรียน ขอใดเปนขอคิดเตือนสติเรื่องความไมประมาท
หลักภาษาและการใชภาษา ตอนที่ 1 การพัฒนาทักษะการอาน หนวยที่ 2 การอาน 1. สิงโตติดคางบุญคุณหนู
ในชีวิตประจําวัน และทักษะที่ฝกฝนมาจากชั้น ม.1 นํามาใชเปนหลักในการฝก 2. บุตรทั้งหลายวิวาทกัน
การอานจับใจความนิทานอีสปทั้ง 4 เรื่อง 3. ลูกแกะเสียทีสุนัขปา
4. เตาเอาชนะกระตาย
วิเคราะหคําตอบ ขอที่ใหขอคิดเตือนใจเรื่องความไมประมาท คือ การที่
นักเรียนควรรู เตาซึ่งเดินชาสามารถเอาชนะกระตายได ทั้งนี้เพราะความหลงตัวเอง
ของกระตาย ประมาทในความมานะพยายามของฝายตรงขาม ทําใหเตา
1 บวงแรว หมายถึง เครื่องมือดักสัตวของนายพรานที่ทําจากเชือก สามารถเอาชนะกระตายได จึงเปนขอคิดเตือนใจในการดําเนินชีวิตวาอยา
2 อุบาย หมายถึง การวางแผนกระทําการอยางใดอยางหนึ่งเพื่อใหบรรลุตาม ประมาทหรือประเมินฝายตรงขามตํ่าเกินไป เพราะจะนํามาซึ่งความผิดหวัง
จุดมุงหมาย พายแพ ตอบขอ 4.
130 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
Engage Explore Explain Expand ตรวจสอบผล
Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูสนทนารวมกับนักเรียนเกี่ยวกับตัวละครใน
๕ เนื้อเรื่อง นิทานเรื่องราชสีหกับหนู
• ราชสีหและหนูเปนสัญลักษณของสิ่งใด
ราชสีห์กับหนู (แนวตอบ “ราชสีห” แทนความยิ่งใหญ
มีอํานาจ “หนู” แทนความออนแอ
ดอยความสามารถ มีอํานาจนอย)
ส�ารวจค้นหา Explore
นักเรียนศึกษาขอคิดที่ไดจากนิทานอีสปเรื่อง
ราชสีหกับหนู เรื่องบิดากับบุตรทั้งหลาย เรื่องสุนัข
ปากับลูกแกะ และเรื่องกระตายกับเตา
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนอานออกเสียงทํานองเสนาะโคลงสี่
สุภาพเรื่องราชสีหกับหนูพรอมกัน และรวมกันถอด
คําประพันธ
(แนวตอบ ถอดคําประพันธไดวา ไมดูหมิ่นใน
ความสามารถของผูที่ออนแอ เพราะเมื่อใดมีเหตุที่
ไดรับความเดือดรอนอาจตองพึ่งพาผูนั้น)
มีราชสีหต์ วั หนึง่ นอนหลับ มีหนูตวั หนึง่ วิง่ ไปบนหน้า ราชสีหน์ นั้ ตกใจตืน่ ลุกขึน้ ด้วยความโกรธ
จับหนูไว้ได้จะฆ่าเสีย หนูจึ่งอ้อนวอนว่า ถ้าเพียงแต่ท่านไว้ชีวิตข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคงจะแทนคุณท่าน ขยายความเข้าใจ Expand
ที่มีใจดีเป็นแน่ ราชสีห์หัวเราะแล้วปล่อยเขาไป อยู่มาไม่ช้ากว่านี้นัก ราชสีห์ต้องพรานจับผูกไว้
ด้วยเชือกแข็งแรงหลายเส้น หนูได้ยินราชสีห์ร้องจ�าได้ ก็ขึ้นมาช่วยกัดเชือก ปล่อยราชสีห์ออกได้ นักเรียนยกสัญลักษณอื่นๆ อาจเปนสิ่งมีชีวิต
แล้วจึง่ ร้องว่า ท่านยิม้ เยาะความคิดข้าพเจ้าทีว่ า่ คงสามารถทีจ่ ะช่วยท่าน ท่านไม่หมายว่าจะได้รบั อันใด หรือไมมีชีวิต ตามเงื่อนไขตอไปนี้ เงื่อนไขละ 1
ตอบแทนนั้น เดี๋ยวนี้ท่านคงทราบแล้วว่า ถึงเป็นเพียงหนูตัวหนึ่ง ก็อาจที่จะให้ความอุปถัมภ์ท่านได้ อยาง
• มีอํานาจ
อย่าควรประมาทผู้ ทุรพล (แนวตอบ ไดแก พญาชางสาร พระอาทิตย)
สบเคราะห์คราวขัดสน สุดรู้ • ไมมีอํานาจ
เกลือกเขาสบร้ายดล ใดเหตุ มีแฮ (แนวตอบ ไดแก ลูกไก ทารก)
มากพวกคงมีผู้ ระลึกเค้าคุณสนอง
131
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T บูรณาการอาเซียน
อยาควรประมาทผู ทุรพล
อาจารยสมบัติ พลายนอย ศิลปนแหงชาติสาขาวรรณศิลป ดานสารคดี เรื่องสั้น
สบเคราะหคราวขัดสน สุดรู
ป พ.ศ. 2553 กลาวเกี่ยวกับนิทานฟลิปปนสวาในประเทศฟลิปปนสมีภาษาที่ใชพูด
เกลือกเขาสบรายดล ใดเหตุ มีแฮ
หลายภาษา คือ นอกจากภาษาหลักที่เปนภาษาอังกฤษ ภาษาสเปน และภาษา
มากพวกคงมีผู ระลึกเคาคุณสนอง
ตากาล็อกแลว ยังมีภาษาพื้นเมืองอีกประมาณ 80 ภาษา นอกจากนี้ ยังไดรับอิทธิพล
ขอใดสอดคลองกับบทประพันธขางตน
ของอเมริกาไวมาก รวมทั้งนิยาย นิทานก็มีปะปนอยูดวย เรื่องที่ทราบกันดีเรื่องหนึ่ง
1. อยาปฏิเสธที่จะคบใครเพราะดอยกวาตน
คือ เรื่อง “เทพารักษกับคนตัดตนไม” ในหนังสือนิทานอีสปที่เคยใชเปนแบบเรียน
2. อยาพูดโออวดวาเหนือกวาผูอื่น
ของไทย ปรากฏวาในหนังสือแบบเรียนของฟลิปปนสก็มี เพียงแตเปลี่ยนจาก
3. อยาประมาทกําลังศัตรูวามีนอย
เทพารักษเปนเทพธิดาเทานั้น
4. อยาเกลือกลั้วกับผูดอยกวาตน
นิทานอีสปเปนนิทานที่แพรหลายไปทั่วโลก โดยนํามาใชเปนแบบเรียนสําหรับเด็ก
วิเคราะหคําตอบ จากบทประพันธขางตนมีใจความวา ผูที่ออนแอกวา ที่ผูใหญอานได เพราะเรื่องมีขนาดสั้นและใหขอคิด นิทานจึงถือวาเปนคัมภีรสอนใจ
อาจเปนผูที่ชวยเหลือผูแข็งแรงกวาไดในบางครั้ง ดังนั้น อยาดวนตัดสินที่ และมีประโยชนอยางยิ่งสําหรับผูอาน ทั้งนี้ครูใหนักเรียนศึกษาคนควานิทานอีสป
จะรูจักคบหาเพียงเพราะเขาออนแอหรือดอยกวา ตอบขอ 1. ที่ใชเปนแบบเรียนในประเทศสมาชิกอาเซียนเพิ่มเติม เพื่อสะทอนใหเห็นการปลูกฝง
คุณธรรมความคิดผานทางนิทานอีสป
คู่มือครู 131
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนอานเนื้อเรื่องยอบิดากับบุตรทั้งหลาย
พรอมกันแลวตอบคําถาม ดังนี้ บิดากับบุตรทั้งหลาย
• การทําลายไมหนึ่งอันกับไมหนึ่งกํามีความ
แตกตางกันอยางไร
(แนวตอบ ไมหนึ่งอันสามารถทําลายไดโดยงาย
แตไมหนึ่งกํากลับทําลายไดยาก)
• บิดาใชไมหนึ่งอันกับไมหนึ่งกํานําไปสอนบุตร
เรื่องใด
(แนวตอบ บิดาสอนเรือ่ งความสามัคคีรกั ใครกนั
ในหมูพี่นอง โดยใชไมเปนสิ่งเปรียบเทียบ
ใหบุตรทั้งหลายไดเห็นและรูดวยตนเองวา
ไมหนึ่งอันแทนคนๆ เดียวสามารถหักหรือ
ทําลายไดงาย ตางจากไมหนึ่งกํามัดรวมกัน
เมื่อหักหรือทําลายก็ทําไดยากเชนเดียวกับ
บุตรทั้งหลายหากมีความสามัคคีกลมเกลียว
กันก็ยากที่จะมีศัตรูมาทํารายได)
2. นักเรียนอานออกเสียงทํานองเสนาะโคลงสีส่ ภุ าพ
เรื่องบิดากับบุตรทั้งหลายพรอมกัน จากนั้นครู
สุมเรียกนักเรียนถอดคําประพันธ ชายผู้หนึ่งมีบุตรหลายคน บุตรนั้นวิวาทกันและกันมิิใคร่ขาด บิดาแก้ไขวิวาทโดยค�าตักเตือน
(แนวตอบ ถอดคําประพันธไดวา คนที่เปนพี่นอง สั่งสอนสักเท่าใดบุตรก็มิฟัง อยู่มาวันหนึ่ง บิดาจึ่งสั่งบุตรทั้งหลายให้ไปหาไม้เรียวมัดมาให้ก�าหนึ่ง
ครั้นได้มาแล้ว จึ่งเรียกบุตรทั้งปวงมาทีละคน ให้หักก�าไม้เรียวนั้นให้เป็นท่อนเล็กๆ บุตรทั้งปวงต่างคน
วงศตระกูลเดียวกัน หากเอาแตริษยากันเอง
ต่างหักจนหมดก�าลังก็ไม่สามารถที่จะให้หักออกได้ บิดาจึ่งแก้ก�าออกเสีย แล้วเอาไม้เรียวนั้นทีละอัน
ยอมถูกศัตรูทําลายไดโดยงาย แตหากรวมจิต
ส่งให้บุตรทั้งปวงหัก ก็หักได้โดยง่าย บิดาจึ่งว่ากับบุตรทั้งหลายว่า ลูกเอ๋ย ถ้าเจ้าเป็นใจเดียวกัน เข้ากัน
รวมใจกันสู แมมีศัตรูมาเปนหมื่นก็แพไปเพราะ
อุดหนุนกันแลกัน เจ้าจะเหมือนไม้ทั้งก�านี้ ศัตรูทั้งหลายจะปองร้าย ก็ไม่มีอันตรายอันใดได้ แต่ถ้า
ความสามัคคีกัน) เจ้าจะต่างคนต่างแตกกัน ก็จะพลันอันตราย เหมือนไม้เรียวทั้งปวงอันเดียวๆ นี้
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูใหนกั เรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นวา ความสามัคคีกนั ชวยเหลือซึง่ กันและกัน “ชายผูหนึ่งมีบุตรหลายคน บุตรของเขามักจะทะเลาะวิวาทกันเสมอ
จะมีประโยชนตอตนเอง สังคม และประเทศชาติอยางไร จากนั้นใหนักเรียนสรุป เขาจึงคิดสั่งสอนบุตร วันหนึ่งเขานําไมเรียวมากําหนึ่งสงใหบุตร
ความคิดเห็นลงสมุด แตละคนหัก แตก็หักไมได บิดาจึงสงใหบุตรหักคนละอันก็หักไดโดยงาย”
จากขอความขางตนบิดาสอนบุตรเรื่องใด
1. ความตั้งใจทํางานหาเลี้ยงชีพ
นักเรียนควรรู 2. ความสามัคคีเปนอันหนึ่งอันเดียวกัน
3. ความเอื้อเฟอเผื่อแผชวยเหลือซึ่งกันและกัน
1 เบียนบีฑา (-ทา) เปนคํากริยา หมายความวา เบียดเบียน บีบคั้น รบกวน 4. ผูเปนพี่ตองรักใครดูแลปกปองนองๆ แทนพอ
เจ็บปวด วิเคราะหคําตอบ จากเนื้อความที่ยกมาบิดาสอนบุตรโดยใชไมกําหนึ่ง
2 ผจญ หรือ เปนคําเขมร หมายถึง พยายามตอสู พยายามเอาชนะ อาทิ แทนลูกๆ ที่มีกันหลายคนวา เมื่อมีเรื่องรายมีใครมาทําลายก็ไมสามารถ
มารผจญ หรือตอสูดิ้นรนเพื่อเอาชนะ เชน ผจญความทุกขยาก ผจญอุปสรรค ทําไดหากไมมัดรวมกันอยู ตางจากไมที่แยกกันจะหักทําลายไดงาย สิ่งที่
มีความหมายเหมือน ประจญ หรือ ประจัญ บิดาตองการสอน คือ ใหรักใครกลมเกลียวเปนอันหนึ่งอันเดียวกันเหมือน
ไมที่มัดรวมกัน เพื่อไมใหแตกแยกกัน ตอบขอ 2.
132 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนอานเนือ้ เรือ่ งยอสุนขั ปากับลูกแกะในใจ
สุนัขป่ากับลูกแกะ แลวตอบคําถาม ดังนี้
• สุนัขปากลาวหาโทษของลูกแกะวาอยางไร
(แนวตอบ ลูกแกะมากินหญาในทําเลของตน
และกินนํ้าในบอของตน)
2. นักเรียนอานออกเสียงทํานองเสนาะ
โคลงสี่สุภาพเรื่องสุนัขปากับแกะพรอมกัน
จากนั้นครูสุมเรียกนักเรียนถอดคําประพันธ
(แนวตอบ ถอดคําประพันธไดวา นิสยั ความดุรา ย
ที่ติดมาตั้งแตเกิด มักจะหาเรื่องพาลคนอื่น
แมคนอื่นจะพูดจาดวยไพเราะหรือมีเหตุผล
เพียงใด สุดทายก็พาลหาเรื่องใหไดดั่งใจ
ตนเองอยูดี)
ขยายความเข้าใจ Expand
1. นักเรียนจัดกลุม กลุมละ 3-4 คนเพื่อแสดง
บทบาทสมมุติประกอบนิทานอีสปเรื่องสุนัขปา
กับลูกแกะ
2. สงตัวแทนกลุมนําเสนอขอคิดที่ไดจากนิทาน
สุนัขตัวหนึ่งมาพบลูกแกะพลัดฝูงมาตัวหนึ่ง คิดว่าเราจะให้ลูกแกะนั้นลงเนื 1 ้อเห็นว่าสุนัขป่านั้น ที่แสดง
สมควรจะกินตัวเขาเอง จึ่งได้กล่าวถ้อยค�าว่า เฮ้ยเมื่อปีกลายนี้ มึงดูถูกกูใหญ่นัก ลูกแกะจึ่งตอบด้วย
ค�าน�้าเสียงเศร้าโศกว่าไม่มีเลย เมื่อนั้น2ข้าพเจ้ายังไม่เกิด สุนัขป่าจึ่งว่า เจ้ากินหญ้าในท�าเลของข้า
ลูกแกะตอบว่าหามิ ไ ด้ เลยเจ้ าขะ ดี ฉั น ยั ง ไม่ รู้ รสหญ้ าเลยจนเดี๋ ย วนี้ ยั งไม่ เ คยกิ น สุ นัข ป่ า จึ่ งว่ า
เจ้ากินน�้าในบ่อของข้า ลูกแกะว่าหามิได้ ดีฉันยังไม่เคยกินน�้าเลย เพราะในเวลานี้น�้านมมารดาดีฉัน
เท่านั้นเป็นทั้งอาหารทั้งน�้า สุนัขป่ามิรู้ที่จะว่าอย่างไร ก็เข้าจับลูกแกะแล้วว่า เถอะข้าไม่อดอาหาร
เปล่าละ ถึงเจ้าจะปฏิเสธก็ช่างเจ้า
ชาติกักขฬะดุร้าย สันดาน
คงจะหาสิ่งพาล โทษให้
ถึงจะกล่าวค�าหวาน ค�าชอบ ก็ดี
หาญหักเอาจนได้ ดั่งข้อเขาประสงค์
133
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ชาติกักขฬะดุราย สันดาน
1 ใหญนัก หมายความวา มากนัก ในความวา “ดูถูกกูใหญนัก”
คงจะหาสิ่งพาล โทษให
ถึงจะกลาวคําหวาน คําชอบ ก็ดี 2 ดีฉัน เปนคําโบราณใชแทนตัวผูพูดที่เปนผูชาย ถาเปนหญิงใชวา อีฉัน แตใน
หาญหักเอาจนได ดั่งขอเขาประสงค ปจจุบนั มีการเปลีย่ นแปลงความหมาย คือ “ดิฉนั ” หรือ “ดีฉนั ” แรกเริม่ ทีเดียวคาดวา
ขอใดตรงกับคําประพันธที่ขีดเสนใต เปนสรรพนามของคนทั่วไปใชพูดกับพระสงฆ ผูเปนที่นับถืออยางสูง มาจากคําวา
1. ขมขูใหผูอื่นกลัว เพื่อใหเขาทําตามที่ตนตองการ “ดิรัจฉาน” คือ ยกยองพระสงฆวาเปนผูประเสริฐกวาสัตวทั้งปวง ขณะเดียวกันผูพูด
2. หักหาญนํ้าใจผูอื่นไมสนใจวาเขาตองการอะไร ก็ถอมตัววา ตนนั้นหากเปรียบกับพระสงฆก็ยังเปนเพียงดิรัจฉาน จึงเรียกตัวเองวา
3. เอาแตใจตัวเองไมถามความเห็นของผูอื่น “ดิรัจฉาน” ตอมาเสียงกรอนเหลือแตพยางคตนกับทาย กลายเปน “ดีฉาน” “ดิฉัน”
4. ฝนใจผูอื่นเพื่อใหไดดั่งใจตนเอง เดิมใชคํานี้ทั้งผูชาย ผูหญิง แตตอมาใชกันแตในหมูพวกผูชาย สวนผูหญิงนั้น
ในวรรณคดีและจดหมายเหตุ เห็นใชวา “ฉัน” บาง “อีฉัน” บาง ดังวรรณคดีเรื่อง
วิเคราะหคําตอบ บทประพันธกลาวถึงลักษณะนิสัยของคนพาล ขอ 1.
ขุนชางขุนแผน เมื่อทองประศรีนําพลายงามไปหาขุนแผนที่ในคุก ขุนแผนสั่งสอน
ไมไดมีการขมขูใหกลัว แตตองการใหยอมจํานน ขอ 2. เขาประสงค
พลายงามวาจะพาไปฝากพระหมื่นศรีใหชวยพาไปถวายตัว
หมายถึง คนพาล ไมใชคนที่ถูกพาล ขอ 3. คนพาลไมไดถามเพื่อขอ
“พลายงามนอยสรอยเศรารับเจาคะ ดิฉันจะพากเพียรเรียนใหได”
ความเห็น ดังนั้นบาทที่วา “หาญหัก เอาจนได ดั่งขอเขาประสงค”
จึงหมายถึง ฝนใจผูอื่นเพื่อใหไดดั่งใจตนเอง ตอบขอ 4.
คู่มือครู 133
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนอานเนื้อเรื่องยอกระตายกับเตา
พรอมกัน แลวตอบคําถาม ดังนี้ กระต่ายกับเต่า
• การกระทําของกระตายสอนใหรูถึงเรื่องอะไร
(แนวตอบ ความประมาท)
2. นักเรียนอานออกเสียงทํานองเสนาะโคลงสีส่ ภุ าพ
เรือ่ งกระตายกับเตาพรอมกัน จากนัน้ ครูสมุ เรียก
นักเรียนถอดคําประพันธ
(แนวตอบ ถอดคําประพันธไดวา ถึงแมจะมี
ความสามารถและมีสติปญญาดี แตหากมีความ
ประมาท ไมมีความพยายามอยางไรก็ไมพบ
ความสําเร็จ)
ขยายความเข้าใจ Expand
1. นักเรียนจัดกลุม กลุมละ 3-4 คน ชวยกัน
แตงนิทานที่มีขอคิดเหมือนกับนิทานอีสปเรื่อง
กระตายกับเตา
2. สงตัวแทนแตละกลุมมาเลานิทานเรื่องที่ชวยกัน
แตงหนาชั้นเรียน
วันหนึ่ง กระต่ายตัวหนึ่งยิ้มเยาะเต่าว่าเท้าสั้นเดินก็ช้า เต่าหัวเราะแล้วตอบว่า ถึึงท่านเร็ว
ตรวจสอบผล Evaluate เหมือนกับลม ถ้าวิ่งแข่งกันข้าพเจ้าจะเอาชนะท่านได้ กระต่ายเห็นว่าเต่าจะไม่วิ่งเร็วได้เหมือนดั่งที1่
1. นักเรียนถอดคําประพันธโคลงสี่สุภาพจาก เต่าอวดตัว ก็รับสัญญาจะแข่งกัน แล้วนัดกันว่าจะให้สุนัขจิ้งจอกเป็นผู้เลือกทาง แลก� แลก�าหนดที่แพ้ชนะ
นะ
นิทานอีสปทั้ง 4 เรื่องได ครั้นถึงวันก�าหนด กระต่ายกับเต่าก็ออกเดินพร้อมกัน เต่านั้นเดินไม่ได้หยุดสักอึดใจเดียว ถึงก้าวช้า
2. นักเรียนแตงนิทานที่มีขอคิดเหมือนกับนิทาน แต่ฝีเท้าเสมอตรงไปจนถึงที่สุดทาง กระต่ายนั้นเชื่อความเร็วแห่งธรรมดาของตัว ก็ไม่สู้จะเอาใจใส่ใน
อีสปเรื่องกระตายกับเตาได การที่จะแข่ง ไปหน่อยหนึ่งก็ฟุบตัวลงนอนเสียข้างทางก็เลยหลับไป ครั้นตื่นขึ้นคิดขึ้นได้ วิ่งไปโดยเร็ว
เต็มก�าลังเมื่อถึงที่หยุดก็เห็นเต่าอยู่ที่นั้นก่อนนานแล้ว
2
เชื่อเร็วแรงเรี่ยวทั้ง เชาวน์ชาญ เชี
าญ ่ยวแฮ
แม้นประมาทมละการ ก็ล้า
โฉดช้าอุตส่าห์หาญ ห่อนหยุด ยั้งเฮย
ดังเต่ากระต่ายท้า แข่งช้าชนะเร็ว
134
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ในการเรียนนิทานเรื่องกระตายกับเตา ครูใหนักเรียนทํากิจกรรม “สรรหา ขอใดใชภาพพจน
สัญลักษณ” โดยใหนักเรียนหาสิ่งมีชีวิตหรือไมมีชีวิตมาแทนกระตายกับเตา โดย 1. เชื่อเร็วแรงเรี่ยวทั้ง เชาวนชาญ เชี่ยวแฮ
สิ่งที่มาแทนนั้นตองมีคุณสมบัติบางอยางเหมือนกัน เชน เร็วเหมือนกระตาย 2. แมนประมาทมละการ ก็ลา
ชาเหมือนเตา หรือ สงบนิ่งเหมือนเตา คุยโวโออวดเหมือนกระตาย เปนตน จากนั้น 3. โฉดชาอุตสาหหาญ หอนหยุด ยั้งเฮย
ใหนักเรียนพิจารณาสิ่งที่นํามาแทนนั้นเพื่อนเขาใจไดตรงกับนักเรียนหรือไม 4. ดังเตากระตายทา แขงชาชนะเร็ว
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. ความวา เชื่อในกําลังความเร็ว และสติปญญาของ
ตนเอง ขอ 2. เพราะประมาทจึงลดกําลังลง ขอ 3. ในขณะที่คนชามีความ
นักเรียนควรรู อุตสาหะพยายามไมยอมหยุดพัก ขอ 4. เหมือนกระตายกับเตาที่แขงวาใคร
จะถึงเสนชัยเร็วกวากัน ใชภาพพจนอุปมาแสดงความเปรียบ คือ
1 กําหนดที่แพชนะ ปจจุบันใชวา กําหนดเสนชัย “ดังเตากระตายทา แขงชาชนะเร็ว” ตอบขอ 4.
2 เชาวน หมายถึง ปญญาหรือความคิดฉับไว มีปฏิภาณไหวพริบ
134 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
กิจกรรมสรางเสริม
กิจกรรมทาทาย
นักเรียนศึกษาที่มาของคําศัพทในบทเรียนที่ใชตางจากปจจุบัน
นักเรียนยกคําศัพทนั้นมา 5 คํา จากนั้นพิจารณาการเปลี่ยนแปลงดาน
เสียงและความหมายของคํา จัดทําเปนใบงานสงครู
คู่มือครู 135
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูทบทวนความรูความจําของนักเรียนหลังการ
อานเนื้อเรื่อง ๗ บทวิเคราะห์
• นักเรียนไดรับขอคิดอะไรจากการอานนิทาน
นิทานอีสป เป็นนิทานที่ได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก นอกจากจะให้ความเพลิดเพลิน
อีสปทั้ง 4 เรื่อง
เมื่ออ่านแล้ว เนื้อหายังแฝงไว้ด้วยสัจธรรม คติสอนใจที่เป็นสากล สามารถใช้ได้ทุกยุคสมัยและทุกสังคม
ส�ารวจค้นหา Explore นิทานอีสปมีจดุ เด่นทีก่ ารใช้ตวั ละคร ตัวละครส่วนใหญ่เป็นสัตว์ตา่ งๆ และน�าพฤติกรรมของสัตว์เหล่านัน้
มาผูกเป็นเรื่องโดยใส่ความรู้สึกนึกคิด การเจรจา และกิริยาประกอบคล้ายกับมนุษย์ เพื่อให้ผู้อ่าน
นักเรียนศึกษาและสืบคนการพิจารณาคุณคา ได้ข้อคิดเปรียบเทียบสอนใจทั้งผู้ใหญ่และเด็ก โคลงสุภาษิตอิศปปกรณ�าที่ยกตัวอย่างมาทั้ง ๔ เรื่อง
วรรณคดีโคลงสุภาษิตอิศปปกรณําจากหนังสือเรียน มีคุณค่าดังต่อไปนี้
เอกสาร ตํารา และเว็บไซตที่เกี่ยวของ
๗.๑ คุณค่าด้านเนือ้ หา
๑) ให้ข้อคิดคติสอนใจว่าไม่ควรดูถูกผู้ที่ด้อยกว่าตน ดังนิทานเรื่อง ราชสีห์กับหนู
อธิบายความรู้ Explain
โดยหนูเป็นสัญลักษณ์แทนผู้ด้อยกว่าและราชสีห์เป็นผู้มีอ�านาจเหนือกว่า เมื่อราชสีห์ติดบ่วงของ
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับคุณคาดานเนื้อหาตาม นายพรานหนูก็มาช่วยไว้ ทั้งที่ราชสีห์ไม่เคยคิดว่าหนูจะสามารถช่วยเหลืออะไรตนได้ เป็นข้อคิดว่า
ประเด็นคําถาม ตอไปนี้ อย่าดูถูกผู้ด้อยกว่า ถ้าท�าดีกับผู้น้อย สักวันเขาจะสามารถช่วยเหลือให้เรารอดพ้นอันตรายได้ ดังนั้น
• ขอคิดใดจากโคลงสุภาษิตอิศปปกรณําที่ไม ผู้มีอ�านาจไม่ควรหลงตนและเยาะเย้ยผู้น้อย
สามารถแกไขไดจากตัวเราเอง เพราะเหตุใด ๒) ให้ตระหนักในพลังแห่งความสามัคคี ดังนิทานเรื่อง บิดากับบุตรทั้งหลาย โดย
(แนวตอบ ขอคิดจากโคลงสุภาษิตอิศปปกรณํา บิดาใช้ไม้เรียวทั้งก�าแทนคนที่มีความสามัคคี ไม่ว่าบุตรจะหักอย่างไรก็ไม่สามารถหักได้ เหมือนคนที่
เรื่องสุนัขปากับแกะ สะทอนใหเห็นวิสัยของ สามัคคีกนั ก็จะไม่มใี ครท�าอันตรายได้ แต่ถา้ แตกแยกกันก็เหมือนไม้เรียวเพียงท่อนเดียวทีส่ ามารถหักได้
คนพาลที่เอาแตมุงราย เปนเรื่องที่เราไม อย่างง่ายดาย เป็นข้อคิดว่า ถ้าคนในครอบครัวกลมเกลียวกันหรือคนในประเทศชาติสามัคคีปรองดอง
สามารถแกไขโดยการใชเหตุผลได ดังนั้น จะท�าให้ชาติเข้มแข็ง เจริญก้าวหน้ามั่นคง ไม่มีใครมาท�าลายได้
เราจึงควรหลีกเลี่ยงจากคนประเภทนี้) ๓) สะท้อนให้เห็นวิสัยของคนพาล ดัง1นิทานเรื่อง สุนัขป่ากับลูกแกะ สุนัขป่าเป็น
สัญลักษณ์แทนคนพาลทีห่ าเรือ่ งผูไ้ ม่มคี วามผิด สะท้
สะท้อนวิสยั ของคนพาลทีช่ วั่ ร้าย มุ
ย ง่ แต่จะหาเรือ่ งคนอืน่
๔) ให้เห็นโทษแห่งความประมาท ดังนิทานเรือ่ ง กระต่ายกับเต่า ทีก่ ระต่ายประมาท
ว่าเต่าเดินช้า อย่างไรเสียตนก็ต้องวิ่งแข่งชนะ จึงนอนหลับไป เมื่อตื่นมาวิ่งไปถึงเส้นชัย ก็พบว่าตน
แพ้เต่าไปเสียแล้ว เป็นการตั้งตนอยู่ในความประมาท ไม่ระมัดระวังท�าให้เกิดความเสียหาย
๗.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์
๑) ลีลาในการเล่าเรื่อง ใช้ถ้อยค�าที่เรียบง่าย แต่เรียบเรียงได้ไพเราะสละสลวย
มีค�าบรรยายสลับกับการเจรจาอย่างกระชับ กินความได้กว้างและเข้าใจง่าย ล�าดับความดี ทั้งเนื้อหา
ส่วนที่เป็นอุปมาโวหาร ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง ดังในวรรค “ดังเต่ากระต่่ายท้า แข่งช้าชนะเร็ว”
เปรียบความช้าของเต่าเอาชนะความเร็วของกระต่ายได้
136
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูจัดกิจกรรมเลานิทานทบทวนความรู โดยกิจกรรมการเลานิทานมีจุดมุงหมาย ขอใดไมกลาวถึง ขอคิด
เพือ่ สรางความสนุกสนานเพลิดเพลินใหแกผฟู ง ฝกผูฟ ง ใหมจี นิ ตนาการไปตามเรือ่ ง 1. เพราะในเวลานี้นํ้านมมารดาดีฉันเทานั้นเปนทั้งอาหารและนํ้า
ที่ฟง การสอดแทรกขอคิด คติธรรม หรือเรื่องราวใดๆ แฝงเขาไปในเรื่อง จะทําให 2. ไมหลายอันเมื่อมัดรวมกันเหมือนคนหลายคนที่รวมมือรวมใจกัน
ผูฟงซึมซับไปโดยไมรูตัว การเลานิทานจึงเปนกิจกรรมที่เด็กๆ ชื่นชอบมาก จึงเปน 3. ถาเจาเปนใจเดียวกันเขากันแลอุดหนุนกันเจาจะเหมือนไมทั้งกํานี้
การกระตุนเราใหเด็กรักการอาน และเปนการปลูกฝงความรัก ความซาบซึ้งใน 4. เดีย๋ วนีท้ า นคงทราบแลววา ถึงเปนหนูตวั หนึง่ ก็อาจใหความอุปถัมภทา นได
วรรณกรรมและวรรณคดีตางๆ การเลานิทานเปนกิจกรรมประกอบการสอนและ วิเคราะหคําตอบ จากนิทานเรื่องสุนัขปากับแกะ เปนคํากลาวของแกะ
กิจกรรมสงเสริมการอาน แตนกั เรียนตองเรียนรูเ ทคนิคการเลานิทานทีจ่ ะสรางความ ทีไ่ มไดใหขอ คิดอะไร ขอ 2. และขอ 3. จากนิทานเรือ่ งบิดากับบุตรทัง้ หลาย
เพลิดเพลินหรือความประทับใจในเรื่องใหผูฟงติดตามเรื่องไปจนจบอยางไมรูเบื่อ ใหขอคิดเรื่องการรวมมือกันสามัคคีกันเหมือนไมเปนกํา ขอ 4. จากนิทาน
เรื่องราชสีหกับหนู จากที่กลาววา “ถึงเปนหนูตัวหนึ่งก็ใหความอุปถัมภ
ทานได” หมายความวา แมจะเปนเพียงสัตวตัวเล็กๆ ในบางครั้งก็สามารถ
นักเรียนควรรู ใหความชวยเหลือได ตอบขอ 1.
1 วิสัย เปนคํานาม หมายถึง ขอบ เขต แดน ลักษณะที่เปนอยู นําไปประกอบ
กับคําอื่น เชน ทัศนวิสัย เปนคํานาม หมายถึง ระยะทางไกลที่สุดที่มองเห็น
136 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1 1. นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับคุณคาดานวรรณศิลป
นอกจากนี้ยังมีแนวทางการใช้สัญลักษณ์แทนมนุษย์ เป็นลีลาการเล่านิทานเชิงเสียดสี ที่พบในเนื้อเรื่องตามประเด็นคําถามตอไปนี้
ผู้มีอ�านาจ ลีลาการเล่าเรื่องแบบนี้ท�าให้ผู้อ่านจะต้องคิดวิเคราะห์และเปรียบเทียบอีกด้วย • นิทานอีสปเรื่องราชสีหกับหนูมีการใช
๒) บทเจรจา บทเจรจาที่ใช้เหมาะสมกับตัวละคร เช่น บทเจรจาบอกถึงวัยไร้เดียงสา บทเจรจาหรือบทสนทนาเหมาะสมกับ
และใสซื่อของลูกแกะ เมื่อถูกสุนัขป่าใช้วิสัยพาลหาเหตุกินลูกแกะเป็นอาหารให้จงได้ ดังข้อความ ตัวละครหรือไม อยางไร
(แนวตอบ นิทานอีสปเรื่องราชสีหกับหนู
...สุ นั ข ป่ า จึ่ ง ว่ า เจ้ า กิ น หญ้ า ในท� า เลของข้ า ลู ก แกะตอบว่ า หามิ ไ ด้ เ ลยเจ้ า ขะ มีการใชบทเจราจาเหมาะสมกับตัวละคร
ดีฉนั ยังไม่รรู้ สหญ้าเลยจนเดีย๋ วนี ้ ยังไม่เคยกิน สุนขั ป่าจึง่ ว่า เจ้ากินน�า้ ในบ่อของข้า ลูกแกะว่า ดังจะเห็นไดวา หนู เมื่อตกอยูในสถานการณ
หามิได้ ดีฉันยังไม่เคยกินน�้าเลย เพราะในเวลานี้น�้านมมารดาดีฉันเท่านั้นเป็นทั้งอาหาร ที่ลําบากจะเจรจากับราชสีหดวยนํ้าเสียง
ทั้งน�้า... ออนวอนขอรอง และแมจะเปนฝายได
ชวยเหลือราชสีหแลวก็เจรจาดวยความ
เคารพ เรียกราชสีหวา “ทาน” ซึ่งทําใหรูสึก
2 ๓) การใช้ภาษาเชิงเปรียบเปรย จากนิทานเรื่อง บิดากับบุตรทั้งหลาย เป็นการ
เปรียบเทียบจากนามธรรมให้เห็นเป็นรูปธรรม ดั
ธรรม งข้อความ ถึงอํานาจที่เหนือกวาของอีกฝาย)
• โคลงสี่สุภาพของนิทานอีสปทั้ง 4 เรื่อง
...บิดาจึ่งว่ากับบุตรทั้งหลายว่า ลูกเอ๋ย ถ้าเจ้าเป็นใจเดียวกัน เข้ากัน อุดหนุนกันแล มีการเลนเสียงในลักษณะใด
กัน เจ้าจะเหมือนไม้ทั้งก�านี้ศัตรูทั้งหลายจะปองร้าย ก็ไม่มีอันตรายอันใดได้... (แนวตอบ มีการเลนเสียงสัมผัสอักษร เชน
หมื่น-มิตร, แพ-เพราะ-พรอม)
จากบทประพันธ์กล่าวเปรียบเทียบว่าไม้หลายอันเมื่อมัดรวมกัน เหมือนคนหลายคน 2. นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับคุณคาดานสังคม
ที่ร่วมมือร่วมใจกัน สามัคคีกัน ใครๆ ก็ไม่อาจท�าร้ายได้โดยง่าย ในประเด็นตอไปนี้
๔) การเล่นค�า เล่นสัมผัสอักษร ท�าให้เกิดจังหวะและเพิ่มความไพเราะ ดังเช่น • นิทานเรื่องบิดากับบุตรทั้งหลายสะทอน
ในวรรค “หมื่นอมิตร บ มิแพ้ เพราะพร้อมเพรียงผจญ” มีสัมผัสอักษรที่ไพเราะในค�าว่า หมื่น - มิตร - มิ ใหเห็นความสําคัญของสถาบันครอบครัว
และ ค�าว่า แพ้ - ผจญ ค�าว่า เพราะ - พร้อม - เพรียง เป็นต้น อยางไร
๗.๓ คุณค่าด้านสังคม (แนวตอบ สะทอนเรื่องการอบรมสั่งสอนดวย
๑) สะท้อนให้เห็นความส�าคัญของสถาบันครอบครัว จากเรือ่ งบิดากับบุตรทัง้ หลาย วาจาของบุพการี ที่มีการหยิบยกขอคิดที่
คมคายมาเปนตัวอยาง)
สะท้อนให้เห็นภาพสังคมที่ให้ความส�าคัญกับสถาบันครอบครัวเป็นสถาบันหลักในการอบรมเลี้ยงดู
บุตรหลาน แสดงให้เห็นการอบรมด้วยวาจา การยกตัวอย่างเปรียบเทียบอย่างคมคายและท�าให้
ขยายความเข้าใจ Expand
ลูกตระหนักในความส�าคัญของความสามัคคีในหมู่พี่น้องได้เป็นอย่างดี
๒) สะท้อนให้เห็นการพึง่ พาอาศัย จากเรือ่ งราชสีหก์ บั หนู สะท้อนให้เห็นสภาพสังคม นักเรียนคิดวาขอคิดของโคลงสุภาษิต
ที่ต่างต้องพึ่งพาอาศัยกัน ไม่ว่าจะมีอ�านาจ ยศถาบรรดาศักดิ์มากมายเท่าใดก็ต้องอาศัยอยู่ร่วมกันกับ อิศปปกรณําบทใดที่สามารถนํามาใชในการ
คนที่มีอ�านาจน้อยกว่า ต้องพึ่งพาอาศัยกัน ดังนั้นการอยู่ร่วมกันจึงต้องถ้อยทีถ้อยอาศัย เตรียมตัวในการเรียนและการทํางานได
(แนวตอบ จากโคลงสุภาษิตอิศปปกรณํา
137 เรื่องกระตายกับเตาที่สอนเรื่องความไมประมาท
อยาชะลาใจในกิจที่ทํา เพราะจะทําใหไมประสบ
ความสําเร็จ)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดกลาวถึงคุณคาดานวรรณศิลปของโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค
1 การเลานิทาน หรือชาดกใหใครฟงจะตองรูจักนิสัยและภูมิหลังรวมทั้งปญหา
โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการและโคลงสุภาษิตอิศปปกรณํา
ของบุคคลนั้น จึงจะเลือกนิทานใหเหมาะสมแกบุคคลนั้น ตัวอยางเชน ในชาดก
1. มีคุณคาทางสํานวนภาษา ใชคําเรียบงายและมีความเปรียบคมคาย
พระพุทธเจายกเรือ่ ง “สุชาดาชาดก” มาสอนนางสุชาดาผูเ ปนสะใภของอนาถบิณฑิก-
2. มีคุณคาทางดานเนื้อหาสอนใหประชาชนนําไปประพฤติปฏิบัติ
เศรษฐี นางเปนผูที่มีนิสัยมานะ กระดาง ถือตัว ชอบใชวาจาหยาบคาย จนในที่สุด
3. มีคุณคาในการนําสุภาษิตมาประยุกตใชในชีวิตประจําวัน
นางบรรลุโสดาปตติผลกลายเปนคนนุมนวล เปนตน สวนนิทานอีสป ตัวอยางเชน
4. มีคุณคาในการนําสุภาษิตมาใหนักเรียนไดเรียนรู
อีสปเลือกเรื่องกบเลือกนายมาเลาใหชาวเอเธนสฟง โดยมีจุดประสงคเพื่อใหชาวเมือง
วิเคราะหคําตอบ โจทยถามเกี่ยวกับกลวิธีการใชภาษาดานวรรณศิลป เกิดความพอใจในเจาครองนครคนเดิม เปนตน
ซึ่งมีลักษณะการแตง การใชถอยคําสํานวน คําที่มีความหมายเขาใจงาย 2 การเปรียบเทียบ ก็คือการนําสิ่งที่เหมือนกันมาเทียบกัน ชวยสรางสีสันใหแก
แตมีการใชความเปรียบที่คมคาย จึงทําใหมีคุณคาทางวรรณศิลป เนื้อเรื่อง ทําใหการพรรณนาชัดเจนขึ้น ในตําราการเขียนจะแบงประเภทการเปรียบ
ตอบขอ 1. เทียบไวหลายแบบ แบบที่กลาวถึงกันมากกวาแบบอื่นๆ ก็คือ อุปมาและอุปลักษณ
คู่มือครู 137
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับคุณคาดานสังคมที่พบ
ในเนื้อเรื่องตามประเด็นคําถามตอไปนี้ ๓) สะท้อนให้เห็นวิสยั ของคนพาล จากเรือ่ งสุนขั ป่ากับลูกแกะ สะท้อนให้เห็นบุคคล
• นิทานเรื่องราชสีหกับหนูสะทอนใหเห็นเรื่อง ที่ควรหลีกเลี่ยง คือ คนพาล วิสัยของคนพาลมักจะไม่มีเหตุผลในการกระท�าสิ่งต่างๆ ไม่มีเพื่อนแท้
การพึ่งพาอาศัยกันอยางไร การคบคนพาลจะน�ามาซึ่งความเดือดร้อน ประพฤติตนไปในทางเสื่อมเสีย สร้างความเดือดร้อนให้แก่
(แนวตอบ สะทอนภาพการพึ่งพากันในสังคม ตนเองและผู้อื่น รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงไม่อยู่ใกล้ชิดกับคนพาล เพราะเป็นผู้ที่ไม่มีเหตุผล
ผูที่มีอํานาจยศถาบรรดาศักดิ์และผูที่มีอํานาจ
นอยกวายอมตองมีเรื่องที่ตองพึ่งพาอาศัยกัน)
๗.๔ ข้อคิดที่สามารถน�าไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ�าวัน
โคลงสุภาษิตอิศปปกรณ�ามีเนือ้ หาทีม่ งุ่ เน้นการให้ขอ้ คิดผ่านนิทานทีม่ เี รือ่ งราวสนุกสนาน
ขยายความเข้าใจ Expand กระชับ น่าติดตาม ดังนี้
๑) การตระหนักในคุณค่าและความส�าคัญของบุคคล จากเรื่องราชสีห์กับหนู
ครูเสริมทักษะการสรุปขอคิดจากนิทานอีสป ให้ขอ้ คิดทีส่ า� คัญคือ การให้ความส�าคัญแก่คนทุกกลุม่ อย่างเหมาะสม แต่ละคนมีหน้าทีแ่ ละความส�าคัญ
ทั้ง 4 เรื่อง โดยใหนักเรียนทํากิจกรรมตามตัวชี้วัด แตกต่างกัน แต่สามารถช่วยเหลืออุปถัมภ์กันได้
จากแบบวัดฯ ภาษาไทย ม.2 กิจกรรมที่ 1.11
๒) ความสามัคคีคือพลังเอาชนะอุปสรรค จากเรื่องบิดากับบุตรทั้งหลายให้ข้อคิด
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
เรื่องความสามัคคี เมื่อเกิดความสามัคคีในหมู่คณะย่อมสร้างพลังเอาชนะอุปสรรคและปัญหาต่างๆ ได้
ภาษาไทย ม.2 กิจกรรมที่ 1.11 ๓) คนพาลมักหาความผิดให้แก่ผู้อื่นได้เสมอ จากเรื่องสุนัขป่ากับลูกแกะให้ข้อคิด
เร�่อง ข้อคิดจากโคลงสุภาษิตฮิศปปกรณ�า ว่าคนพาลมักจะกล่าวร้ายป้ายความผิดให้แก่ผู้อื่นเพื่อหาเหตุระราน โดยปราศจากเหตุผล
๔) ความประมาทจะน�าพามาซึ่งความล้มเหลว จากเรื่องกระต่ายกับเต่าให้ข้อคิด
1
กิจกรรมที่ ๑.๑๑ ใหนักเรียนสรุปขอคิดจากโคลงสุภาษิตอิศปปกรณํา
ที่สามารถนําไปใชในชีวิตประจําวันได (ท ๕.๑ ม.๒/๔)
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
ñð ว่าความประมาทหรือหยิ่งทระนงในความสามารถของตัวเองจะท�าให้การกระท�าสิ่งต่างๆ ล้มเหลวได้
ควรใหโอกาสผูอื่นเมื่อยามที่เขาเขาตาจนอยางเทาเทียมกัน
..............................................................................................................................................
แมเขาจะเปนผูที่ดอยกวาก็ตาม เราตองไมดูถูกวาเขาจะไมมี
..............................................................................................................................................
โคลงสุภาษิตที่ได้นÓมาศึกษา นับเป็นโคลงสุภาษิตที่สอนให้ผู้อ่าน คิด พูด
กําลังชวยเหลือเราได เพราะหากเขาเปนคนดีเขาจะชวย
..............................................................................................................................................
เหลือเราในยามที่เราลําบาก
..............................................................................................................................................
และกระทÓสิง่ ใด ในชีวติ อย่างระมัดระวัง ตัง้ ตนอยูใ่ นความไม่ประมาท ด้วยเนือ้ หาอันเป็น
ราชสีหกับหนู ..............................................................................................................................................
สากล เหมาะกับผูอ้ า่ นทุกยุคทุกสมัย นอกจากคุณค่าด้านเนือ้ หาแล้ว โคลงสุภาษิตเหล่านี้
ควรรู จั ก สามั ค คี กั น โดยเฉพาะเมื่ อ เป น พี่ น อ งเป น
..............................................................................................................................................
ครอบครัวเดียวกัน จะตองอาศัยพึ่งพากันจึงควรเปน
..............................................................................................................................................
มิตรที่ดีตอกัน เมื่อเผชิญกับปญหาก็สามารถผานพนไปได
ยังมีความดีเด่นในการเลือกใช้คÓทีเ่ รียบง่าย ทÓให้ผอู้ า่ นจดจÓทÓความเข้าใจได้โดยง่าย
..............................................................................................................................................
ฉบับ โอกาสที่จะประสบความสําเร็จก็มีมาก
เฉลย ..............................................................................................................................................
บิดากับบุตรทั้งหลาย ..............................................................................................................................................
สุนัขปากับลูกแกะ ..............................................................................................................................................
ความลมเหลวได และอาจทําใหเกิดความเดือดรอนแก
..............................................................................................................................................
ตนเองและผูอื่นได
..............................................................................................................................................
กระตายกับเตา ..............................................................................................................................................
๙๒
138
ขอสอบเนน การคิด
บูรณาการ
เศรษฐกิจพอเพียง แนว NT O-NE T
ขอใดตรงกับขอคิดที่วา “ความประมาทจะนํามาซึ่งความลมเหลว”
ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 5 - 6 คน แตละกลุมรวมกันสืบคนหรือแตงนิทาน 1. อยาควรประมาทผู ทุรพล
เกีย่ วกับ “ความพอเพียง” มากลุม ละ 1 เรือ่ ง นักเรียนในกลุม แลกเปลีย่ นความคิดเห็น สบเคราะหคราวขัดสน สุดรู
ที่ไดจากนิทานรวมกัน จากนั้นสงตัวแทนมาเลานิทานและบอกขอสรุปที่ไดจากเรื่อง 2. เชื้อวงศวายรักรอย ริษยา กันเฮย
ปรปกษเบียนบีฑา งายแท
3. ชาติกักขฬะดุราย สันดาน
คงจะหาสิ่งพาล โทษให
4. เชื่อเร็วแรงเรี่ยวทั้ง เชาวนชาญ เชี่ยวแฮ
แมนประมาทมละการ ก็ลา
นักเรียนควรรู วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. อยาดูถูกผูที่ออนแอกวา เพราะเมื่อเกิดปญหา
ผูที่ออนแอกวาอาจชวยเหลือได ขอ 2. พี่นองวงคตระกูลเมื่อริษยาเกลียด
1 ความประมาทหรือหยิ่งทระนง พุทธสุภาษิตสอนเรื่องความไมประมาท ดังนี้ ชังกันจะถูกศัตรูทําลายไดงาย ขอ 3. ผูที่มีนิสัยดุรายอันธพาลมักจะหา
• อปฺปมตฺตา น มียนฺติ ผูไมประมาท ยอมไมตาย เรื่องพาลใสผูอื่นเสมอ และขอ 4. มั่นใจในกําลังและปญญาของตนมากจะ
• อปฺปมตฺโต หิ ฌายนฺโต ผูไมประมาทพินิจอยู ยอมถึงสุขอันไพบูลย ทําใหเสียการ ตอบขอ 4.
138 คู่มือครู
ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนเชื่อมโยงขอคิดที่ไดจากโคลงสุภาษิต
อิศปปกรณํามาแกไขสถานการณในชีวิต
ประจําวันได
ค�ำถำม ประจ�ำหน่วยกำรเรียนรู้
2. นักเรียนอธิบายคุณคาวรรณศิลปเรื่องบทเจรจา
๑. ข้อคิดใดจากโคลงสุภาษิตนฤทุมนาการที่สามารถน�าไปใช้เป็นหลักในการพิจารณาข้อมูลที่ได้รับ ที่มีความเหมาะสมของตัวละครได
๒. นักเรียนคิดว่าเพราะเหตุใดนิทานอีสปจึงเป็นที่รู้จักแพร่หลายไปทั่วโลก
๓. เนื้อหาสาระที่กล่าวในโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์ นักเรียนเห็นด้วยหรือไม่ และถ้าปฏิบัติตามจะเกิด
ผลดีอย่างไรบ้าง หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
๔. ให้นักเรียนเลือกบทประพันธ์ในหน่วยการเรียนรู้นี้ ๑ บท มาถอดค�าประพันธ์และบอกข้อคิดหรือ
ประโยชน์ที่จะได้รับจากการปฏิบัติตาม 1. การแตงประโยคความซอนจากคําศัพท
๕. นิทานอีสปแต่ละเรื่องที่น�ามาศึกษาให้ข้อคิดอย่างไรบ้าง จงอธิบาย ในบทเรียน
2. การสํารวจตนเองและนําขอคิดจากเรื่องไปใช
ปรับปรุงตนเอง
3. การแตงนิทานที่ใหขอคิดเหมือนเรื่องกระตาย
กับเตา
4. การเลานิทานอีสป
5. การแสดงบทบาทสมมุติตามเนื้อเรื่องนิทาน
อีสป
กิจกรรม สร้ำงสรรค์พัฒนำกำรเรียนรู้
กิจกรรมที่ ๑ ใ ห้นกั เรียนอ่านนิทานอีสปเรือ่ งอืน่ ๆ เพิม่ เติม แล้วน�ามาเล่าหน้าชัน้ เรียน ระบุขอ้ คิด
ที่ได้รับจากเรื่อง
139
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. สามารถนําแนวคิดเกี่ยวกับการใชเหตุผลในการพิจารณาขอมูล ขาวสารที่ไดรับอยางรอบคอบ พิจารณาไตรตรองอยางถวนถี่เพื่อคนหาขอเท็จจริง ไมดวนตัดสินใจเชื่อ
โดยทันที
2. สาเหตุที่นิทานอีสปเปนที่นิยมแพรหลายไปทั่วโลก เนื่องจากนิทานอีสปมีเคาโครงเรื่องที่ไมซับซอน เขาใจงาย ขนาดเรื่องไมยาวมากนัก ประกอบกับมีการสอดแทรก
ขอคิดดีๆ ที่สามารถนําไปปรับใชไดจริง เนื้อหามีความสนุกสนานเพลิดเพลิน
3. เห็นดวยอยางยิ่ง ถาปฏิบัติตามจะนํามาซึ่งความสุข ทั้งกายและใจ มีความเจริญกาวหนาในชีวิต
4. ตัวอยางเชน โคลงสุภาษิตอิศปปกรณํา เรื่องสุนัขปากับลูกแกะ ถอดคําประพันธไดวา ความดุรายที่ติดเปนนิสัยมาตั้งแตเกิด มักจะหาเรื่องพาลคนอื่น แมคนอื่นจะ
พูดจาดวยความไพเราะหรือมีเหตุผลเพียงใด สุดทายก็พาลหาเรื่องใหไดดั่งใจตนเองอยูดี
5. นิทานอีสปเรื่องราชสีหกับหนูใหขอคิดเรื่องการตระหนักในคุณคาของบุคคล นิทานอีสปเรื่องบิดากับบุตรทั้งหลายใหขอคิดเรื่องความสามัคคี นิทานอีสปเรื่องสุนัขปา
กับลูกแกะใหขอคิดเกี่ยวกับคนพาลที่มักจะทําใหผูอื่นเดือดรอนเสมอ นิทานอีสปเรื่องกระตายกับเตาใหขอคิดวาความประมาทหรือความทระนงในความสามารถ
ของตนเองทําใหการกระทําสิ่งใดๆ ไมประสบความสําเร็จ
คู่มือครู 139
กระตุน้ ความสนใจ
Engage ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน
2. วิเคราะหวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน
พรอมยกเหตุผลประกอบ
3. อธิบายคุณคาของวรรณคดีและวรรณกรรม
ที่อาน
4. สรุปความรูและขอคิดจากการอานเพื่อประยุกต
ใชในชีวิตจริง
5. ทองจําบทอาขยานตามที่กําหนดและ
บทรอยกรองที่มีคุณคาตามความสนใจ
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกปญหา
4. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต
คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. รักชาติ ศาสน กษัตริย
2. ใฝเรียนรู
หน่วยที่ ๗
3. รักความเปนไทย กลอนดอกสร้อยร�ำพึงในป่ำช้ำ
ตัวชี้วัด
■ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๒/๑)
วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน พร้อมยกเหตุผลประกอบ
ใ นสมัยรัชกาลที่ ๖ วรรณคดีตะวันตกได้เข้ามา
■
มีอิทธิพลต่อกวีไทยมากขึ้น มีการแปลวรรณคดี
กระตุน้ ความสนใจ Engage ■
(ท ๕.๑ ม.๒/๒)
อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๒/๓) ตะวันตกเป็นร้อยแก้ว มีการน�ามาเรียบเรียงเป็น
■ สรุปความรู้และข้อคิดจากการอ่านเพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ร้อยกรอง แล้วดัดแปลงให้สอดคล้องกับวัฒนธรรม
ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับปาชาอันเปน (ท ๕.๑ ม.๒/๔) และรสนิยมของคนไทย
ท่องจำาบทอาขยานตามที่กำาหนดและบทร้อยกรองที่มีคุณค่าตาม
สถานที่แหงความตาย จากนั้นครูถามนักเรียน ■
ทีม่ คี ณ
ุ ค่าเหมาะสมทีจ่ ะได้รบั คัดเลือกให้เป็นบทเรียนในระดับ
ความเห็นและประสบการณของนักเรียน เชน รูสึก มัธยมศึกษา เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้เรียนอย่างแท้จริง
วังเวงใจ นากลัว เงียบงัน เปนตน)
เกร็ดแนะครู
กลอนดอกสรอยรําพึงในปาชา มุงเสนอความจริงเกี่ยวกับชีวิต โดยผูแตง
เสนอหลักแนวคิดวา มนุษยทั้งหลายตองตาย ซึ่งเปนสัจธรรมที่เที่ยงแทแนนอนใน
ชีวิต ครูจัดกิจกรรมใหนักเรียนเห็นคุณคาและความสําคัญของชีวิต นักเรียนเสนอ
แนวทางในการใชชีวิตใหมีความสุข โดยใหนักเรียนบอกคติพจนในการดําเนินชีวิต
ของแตละคน พรอมทั้งใหนักเรียนแตละคนอธิบายเหตุผลของการยึดคติพจนนั้น
140 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูกระตุนความสนใจของนักเรียน โดยการ
๑ ความเป็นมา ตั้งคําถามที่นําเขาสูเนื้อเรื่อง ดังนี้
กลอนดอกสร้อยร�ำพึงในป่ำช้ำ มีทมี่ ำจำกกวีนพิ นธ์ชอื่ Elegy Written in a Country Churchyard • นักเรียนเคยอานหรือรูจักงานแปลหรือไม
ของ ทอมัส เกรย์ (Thomas Gray) กวีชำวอังกฤษ ซึ่งประพันธ์ขึ้นเมื่อประมำณ พ.ศ. ๒๒๘๕ หลังจำก อยางไร
ญำติและเพื่อนของผู้ประพันธ์เสียชีวิตลงในเวลำใกล้เคียงกัน (แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลากหลายขึ้นอยู
พระยำอุปกิตศิลปสำร (นิ่ม กำญจนำชีวะ) เป็นผู้ประพันธ์กลอนดอกสร้อยร�ำพึงในป่ำช้ำ กับประสบการณของนักเรียน วรรณกรรมที่
จำกต้นฉบับแปลของเสฐียรโกเศศ ก่อนที่จะขึ้นกลอนดอกสร้อยจะมีบทกถำมุขหรือบทน�ำเรื่อง ซึ่ง กําหนดใหเรียนรู เชน ราชาธิราช ตอน
นำคะประทีปเป็นผู้เรียบเรียงไว้ ซึ่งก่อนเข้ำสู่เนื้อเรื่องผู้ประพันธ์ได้ระบุข้อควำมที่เกี่ยวกับกำรแปล สมิงพระรามอาสา เปนตน และอาจมีเรื่อง
เรือ่ งนีไ้ ว้วำ่ “จำกภำษำอังกฤษซึง่ ท่ำนเสฐียรโกเศศแปลให้ ข้ำพเจ้ำได้แต่งดัดแปลงให้เข้ำกับธรรมเนียม อื่นๆ ที่นักเรียนรูจัก เชน สามกก เปนตน)
ไทยบ้ำง” ดังบทประพันธ์
๑๕
ซำกเอ๋ยซำกศพ อำจเป็นซำกนักรบผู้กล้ำหำญ ส�ารวจค้นหา Explore
เช่นชำวบ้ำนบำงระจันขันร�ำบำญ กับหมู่ม่ำนมำประทุษอยุธยำ
ไม่เช่นนั้นท่ำนกวีเช่นศรีปรำชญ์ นอนอนำถเล่ห์ใบ้ไร้ภำษำ 1. นักเรียนสืบคนหาความรูเกี่ยวกับประวัติ
หรือผู้กู้บ้ำนเมืองเรืองปัญญำ อำจจะมำนอนจมถมดินเอย ความเปนมาและประวัติผูแตงจากหนังสือเรียน
เอกสาร ตํารา และเว็บไซตที่เกี่ยวของ
จำกค�ำประพันธ์ตัวอย่ำงข้ำงต้น จะเห็นว่ำมีกำรดัดแปลงโดยกล่ำวถึงชำวบ้ำนบำงระจัน
2. นักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับลักษณะบังคับ
เหล่ำผู้กล้ำของไทยเมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยำครั้งที่ ๒ และศรีปรำชญ์ กวีของไทยในสมัยอยุธยำ
เป็นกำรดัดแปลงเนื้อควำมบำงส่วนให้สอดคล้องกับสังคมไทย และฉันทลักษณของการแตงกลอนดอกสรอย
จากหนังสือเรียนหนา 143 หรือจากเอกสาร
๒ ประวัติผู้แต่ง ตําราและเว็บไซตที่เกี่ยวของ จากนั้นนํามา
แลกเปลี่ยนเรียนรูในชั้นเรียน
๒.๑ พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิม่ กาญจนาชีวะ)
พระยำอุปกิตศิลปสำร (นิ่ม กำญจนำชีวะ) เกิดเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภำคม พ.ศ. ๒๔๒๒
ได้รบั กำรศึกษำขัน้ ต้นทีว่ ดั บำงประทุนนอกและทีว่ ดั ประยุรวงศำวำส ต่อมำได้บวชเป็นสำมเณรและเป็น
อธิบายความรู้ Explain
พระภิกษุทวี่ ดั สุทศั นเทพวรำรำม ระหว่ำงทีบ่ วชได้ศกึ ษำพระธรรมวินยั จนสอบได้เปรียญธรรม ๖ ประโยค นักเรียนอานบทกถามุขหรือบทนําเรื่อง และ
พระยำอุปกิตศิลปสำรเริ่มเข้ำรับรำชกำร โดยท�ำงำนเป็นครูฝึกสอนอยู่ที่โรงเรียน ตอบคําถามในประเด็นตอไปนี้
ฝึกหัดอำจำรย์สำยสวลีสัณฐำคำร ฝ่ำยสอนหนังสือที่โรงเรียนสวนกุหลำบและโรงเรียนฝึกหัดอำจำรย์ • พระยาอุปกิตศิลปสารดัดแปลงตนฉบับแปล
บ้ำนสมเด็จเจ้ำพระยำ นอกจำกนีพ้ ระยำอุ1ปกิตศิลปสำรยังเคยด�ำรงต�ำแหน่งข้ำหลวงตรวจกำร ภำยหลัง
ของเสฐียรโกเศศอยางไร
รในกระทรวงธรรมกำร พนักงำนกรมรำชบัณฑิต ปลัดกรมต�ำรำหัวหน้ำกำรพิมพ์
เข้ำมำรับรำชกำรในกระทรวงธรรมกำร
แบบเรียน หัวหน้ำแผนกอภิธำนสยำม จนได้บรรดำศักดิ์เป็นอ�ำมำตย์เอก พระยำอุปกิตศิลปสำร
(แนวตอบ ดัดแปลงใหเขากับเรื่องราวและ
พระยำอุปกิตศิลปสำรเป็นผู้มีควำมรู้ควำมเชี่ยวชำญทำงภำษำไทย ภำษำบำลี และ ประสบการณของคนไทย ดัดแปลงใหเขากับ
วรรณคดีโบรำณ เคยเป็นอำจำรย์พิเศษคณะอักษรศำสตร์ จุฬำลงกรณ์2มหำวิทยำลัยและเคยเป็น ธรรมเนียมไทยที่จะทําใหผูอานเขาใจ
อำจำรย์พิเศษสอนภำษำไทยชุดครูมัธยมและเป็นกรรมกำรช� รช�ำระปทำนุกรม เนื้อเรื่องและสารที่กวีตองการสื่อ)
141
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดคือคุณคาดานเนื้อหาของกลอนดอกสรอยรําพึงในปาชา
1 กระทรวงธรรมการ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว
1. ตองการแสดงคุณคาของชีวิต
ไดมีการกอตั้ง “กระทรวงธรรมการ” ขึ้นเพื่อทําหนาที่ดูแลศาสนา การศึกษา
2. ตองการแสดงสัจธรรมของชีวิต
การพยาบาล และพิพิธภัณฑ เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2435 ซึ่งกระทรวงธรรมการ
3. ตองการแสดงความสําคัญของชีวิต
มีการเปลี่ยนชื่อไปมาหลายครั้งระหวางชื่อ “กระทรวงธรรมการ” และ “กระทรวง
4. ตองการแสดงความเปนไปของชีวิต
ศึกษาธิการ” อยางไรก็ตาม ตั้งแตป พ.ศ. 2484 ก็ไดใชชื่อวา “กระทรวงศึกษาธิการ”
วิเคราะหคําตอบ กลอนดอกสรอยรําพึงในปาชาตองการแสดงสัจธรรม ตั้งแตนั้นมา โดยมีที่ทําการอยูที่ “วังจันทรเกษม” จนถึงปจจุบัน
ของชีวิต คือ ความจริงแทตามธรรมชาติมีการเกิด แก เจ็บ และตายไป 2 ปทานุกรม เปนหนังสือสําหรับคนควาหาความหมายของคําที่เรียบเรียงตาม
เปนธรรมดาโดยไมตองพิสูจน ตอบขอ 2. ลําดับบทเปนเรื่องๆ ไป ใหความรูเกี่ยวกับคํา และถอยคําที่ใชในภาษา และคําที่ใช
กันมากในชีวติ ประจําวัน ไดแก ความหมายของคําศัพทตา งๆ ทัง้ คําในชีวติ ประจําวัน
คําศัพทในวรรณคดีและศัพททางวิชาการ เรียงตามลําดับตัวอักษร มีคําพองรูป
คําพองเสียง คําที่มักเขียนผิด ประมวลคําอาน สํานวนไทย คํายอ ฯลฯ
คู่มือครู 141
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนสรุปเกี่ยวกับผลงานการประพันธของ
ผูแตงกลอนดอกสรอยรําพึงในปาชา ดังนี้ ผลงำนส�ำคัญทำงด้ำนภำษำและวรรณคดีไทย ได้แก่ สยำมไวยำกรณ์ เป็นต�ำรำ
• พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนะชีวะ) ไวยำกรณ์ไทย มี ๔ เล่ม ได้แก่ อักขรวิธี วจีวิภำค วำกยสัมพันธ์ และฉันทลักษณ์ สงครำมภำรตค�ำกลอน
(แนวตอบ เปนผูมีความรูความเชี่ยวชาญทาง ชุมนุมนิพนธ์ อ.น.ก. ค�ำประพันธ์บำงเรื่อง ค�ำประพันธ์โคลงสลับกำพย์ บทกลอนและปำฐกถำต่ำงๆ
ภาษาไทย ภาษาบาลี และวรรณคดีโบราณ เกี่ยวกับวรรณคดีและกำรใช้ภำษำ
ผลงานที่สําคัญอยางยิ่งเกี่ยวกับไวยากรณไทย ๒.๒ พระยาอนุมานราชธน
านราชธน (ยง เสฐี
1 ยรโกเศศ)
และมีตําราเกี่ยวกับคําประพันธอื่นๆ) พระยำอนุมำนรำชธนหรือนนำมปำกกำว่ำ เสฐียรโกเศศ ชื่อเดิม หลีกวงหยง ต่อมำ
• พระยาอนุมานราชธน (ยง เสฐียรโกเศศ) ได้เปลี่ยนเป็น ยง และได้รับพระรำชทำนนำมสกุลจำกพระบำทสมเด็จพระมงกุฎเกล้ำเจ้ำอยู่หัวว่ำ
(แนวตอบ พระยาอนุมานราชธนเปนผูขวนขวาย “เสฐียรโกเศศ” ได้รับกำรศึกษำขั้นต้นด้วยกำรเรียนกับบิดำ หลังจำกนั้นมำรดำจึงพำไปฝำกเข้ำเรียนที่
ความรู เปนปราชญคนสําคัญของไทย มีผลงาน โรงเรียนบ้ำนพระยำนำนำ ต่อมำจึงเข้ำศึกษำต่อที่โรงเรียนอัสสัมชัญ แต่มีเหตุให้ต้องออกจำกโรงเรียน
แพรหลายและเปนที่ยอมรับอยางกวางขวาง อย่ำงไรก็ตำม พระยำอนุมำนรำชธนกลับขวนขวำยหำควำมรู้จนนับได้ว่ำเป็นนักปรำชญ์คนส�ำคัญ
จนไดรับการยกยองจากองคการยูเนสโกให ของไทยและได้รับกำรยกย่องจำกองค์กำรยูเนสโกให้เป็นผู้มีผลงำนดีเด่นทำงด้ำนวัฒนธรรมและเป็น
หนึ่งในบุคคลส�ำคัญของโลกชำวไทย ประจ�ำ พ.ศ. ๒๕๓๑
เปนผูมีผลงานดีเดนทางดานวัฒนธรรม
พระยำอนุมำนรำชธนได้เริ่มต้นชีวิตกำรท�ำงำนโดยไม่ได้รับค่ำตอบแทนด้วยกำรฝึกหัด
ใน พ.ศ. 2531 ตัวอยางผลงาน เชน กามนิต ผสมยำที่โอสถศำลำของรัฐบำล จำกนั้นลำออกไปท�ำงำนที่โรงแรมโอเรียลเต็ล ต่อมำได้เข้ำรับรำชกำร
อาหรับราตรี หิโตปเทศ เรื่องของชาติไทย ที่กรมศุลกำกรในต�ำแหน่งเสมียนจนได้รับพระรำชทำนบรรดำศักดิ์เป็นพระยำ ต�ำแหน่งสุดท้ำยในชีวิต
การศึกษาวรรณคดีแงวรรณศิลป) กำรท�ำงำนของท่ำนคือ อธิบดีกรมศิลปำกร
• พระสารประเสริฐ (ตรี นาคะประทีป) ผลงำนกำรประพันธ์ของพระยำอนุมำนรำชธน นับว่ำเป็นองค์ควำมรู้ทำงด้ำนวรรณคดี
(แนวตอบ พระสารประเสริฐ เปนผูเชี่ยวชาญ ศำสนำ ศิลปวัฒนธรรมประเพณี เช่น หิโตปเทศ เรื่องของชำติไทย กำรศึกษำวรรณคดีแง่วรรณศิลป์
ดานอักษรศาสตร โดยเฉพาะอยางยิ่งภาษา อำหรับรำตรี ลัทธิของเพื่อน กำมนิต ลัทธิ-ศำสนำ เป็นต้น
บาลี มักมีผลงานทางวรรณกรรมรวมกับ ๒.๓ พระสารประเสริฐ (ตรี นาคะประทีป)
พระยาอนุมานราชธน ทั้งหนังสือแปล พระสำรประเสริฐ ชื่อเดิม ตรี นำคะประทีป ผู้เชี่ยวชำญวิชำอักษรศำสตร์ภำษำไทย
และหนังสือที่รวมกันประพันธเอง) ได้รับกำรศึกษำขั้นต้นที่โรงเรียนสวนกุหลำบวิทยำลัย จำกนั้นจึงบวชเป็นสำมเณรสอบได้เปรียญ
๗ ประโยค มีหน้ำที่สอนภำษำบำลีในส�ำนักวัดเทพศิรินทรำวำส เรียกกันโดยทั่วไปว่ำ “พระมหำตรี”
ขยายความเข้าใจ Expand พระสำรประเสริ ฐ ได้ เริ่ ม ต้ นชี วิ ต กำรท� ำ งำนหลั งจำกลำสิ ก ขำออกมำเป็ น ฆรำวำส
โดยเข้ำรับรำชกำรเป็นอนุศำสนำจำรย์ประจ�ำกระทรวงกลำโหม ต่อมำได้ย้ำยมำรับรำชกำรที่กระทรวง
นักเรียนเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ ศึกษำธิกำรในต�ำแหน่งผู้ช่วยแผนกอภิธำนสยำมในกรมต�ำรำ ได้บรรดำศักดิ์เป็นหลวงธุรกิจภิธำนและ
ความสําคัญของผูแตงกลอนรําพึงดอกสรอยใน ได้ยำ้ ยไปรับรำชกำรในกรมรำชเลขำธิกำรต�ำแหน่งปลัดกรมพระอำลักษณ์ ได้รบั พระกรุณำโปรดเกล้ำฯ
ปาชาทีส่ รางคุณประโยชนตอ ภาษาและวรรณคดีไทย ให้เลือ่ นบรรดำศักดิเ์ ป็นพระสำรประเสริฐ จำกนัน้ ลำออกจำกรำชกำรมำเป็นอำจำรย์พเิ ศษประจ�ำแผนก
จากนั้นแลกเปลี่ยนเรียนรูกับเพื่อนในชั้นเรียน วิชำภำษำบำลี คณะอักษรศำสตร์ จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย
(แนวตอบ ผูประพันธทั้ง 3 ทาน ลวนแลวแตมี พระสำรประเสริฐร่วมงำนด้ำนอักษรศำสตร์และด้ำนวรรณกรรมอย่ำงใกล้ชิดกับ
สวนสําคัญอยางยิง่ ตอการศึกษาภาษาและวรรคดีไทย พระยำอนุมำนรำชธน นับตัง้ แต่กำรร่วมแปลหิโตปเทศ โดยผลงำนทีท่ ำ่ นเขียนขึน้ เอง ได้แก่ พระธรรมบท
เพราะนอกจากจะสรางงานวรรณกรรมเพื่อความรู หมวดพำลแทรกชำดกและคัมภีร์อภิธำรัปปทีปิกำ
และความบันเทิงแลว ยังวางกฎเกณฑสรางแบบแผน 142
การศึกษาภาษาและวรรณคดีไทย ใหคนรุนหลังไดใช
เปนแนวทางในการเรียนภาษาและวรรณคดีไทยสืบมา)
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู ครูใหนักเรียนสืบคนผลงานกวีนิพนธเรื่อง Elegy Written in a coutry
Churchyard จากนัน้ บูรณาการกับรายวิชาภาษาอังกฤษ ดวยการเปรียบเทียบ
1 พระยาอนุมานราชธน ไดรับมอบหมายใหเปนผูรางพระราชบัญญัติจัดตั้ง
ชื่อเรื่องที่เปนตนฉบับกับชื่อที่เปนฉบับแปลภาษาไทย โดยนักเรียนใช
โรงเรียนศิลปากรแผนกชาง ซึง่ เดิมคือโรงเรียนประณีตศิลปกรรมขึน้ เปนมหาวิทยาลัย
กระบวนการแปลความ และตีความมาพิจารณาชื่อเรื่องวามีสารสัมพันธ
ศิลปากร เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2486 ผลงานสําคัญที่ทานไดริเริ่มรวมกับ
อยางไร และกวีไทยคงจุดมุง หมายของเรือ่ งไวอยางไร เพือ่ ชวยขยายขอบเขต
ศาสตราจารยศิลป พีระศรี คือ การจัดการแสดงศิลปกรรมแหงชาติขึ้นเปนครั้งแรก
ความเขาใจของนักเรียนที่ตองศึกษาวรรณกรรมที่มีลักษณะขามวัฒนธรรม
เมื่อป พ.ศ. 2492 และยังคงมีการจัดแสดงจนถึงปจจุบันนี้ นับเปนการจัดการแสดง
โดยครูแนะใหนักเรียนพิจารณาจากชื่อเรื่องเปนเบื้องตน
งานศิลปะที่มีระยะเวลาการจัดแสดงยาวนานที่สุดในประเทศไทย
มุม IT
ศึกษาเกี่ยวกับประวัติของผูประพันธกลอนดอกสรอยรําพึงในปาชาเพิ่มเติม ไดที่
http://sathirakoses-nagapradipa.org/index.php?option=com_content&vie
w=article&id=136&Itemid=4
142 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู้ Explain
1. จากแผนผังกลอนดอกสรอยในหนังสือเรียน
๓ ลักษณะคÓประพันธ์ หนา 143 นักเรียนรวมกันสังเกตแผนผังลักษณะ
คําประพันธและรวมกันตอบคําถาม
กลอนดอกสร้อยร�ำพึงในป่ำ ช้ำนี้แต่งเป็นกลอนดอกสร้อยจ�ำนวน ๓๓ บท เพิ่มขึ้นจำก • กลอนดอกสรอยมีลักษณะเหมือนและ
บทประพันธ์ภำษำอังกฤษหนึ่งบท กลอนดอกสร้อยบทหนึ่งประกอบด้วยกลอนสุภำพจ�ำนวน ๒ บท ตางจากกลอนสุภาพอยางไรบาง
หรือ ๔ ค�ำกลอน (มี ๘ วรรค) วรรคแรกมี ๔ ค�ำ โดยค�ำที่ ๒ ของวรรคแรกจะใช้ค�ำ “เอ๋ย” และ (แนวตอบ กลอนดอกสรอยกับกลอนสุภาพ
จบค�ำสุดท้ำยของบทด้วยค�ำว่ำ “เอย” ส่วนลักษณะสัมผัสเหมือนกลอนสุภำพทุกประกำร (กลอนแปด) ฉันทลักษณคลายกันคือ
แผนผังและตัวอย่าง กลอนดอกสร้อย กลอนดอกสรอย 1 บท มี 8 วรรค หรือ 4
คํากลอน ในขณะที่กลอนสุภาพ 1 บท มี 4
เอ๋ย
วรรค หรือ 2 คํากลอน จํานวนคําในแตละ
วรรค ยกเวนวรรคแรกที่มี 4-5 คํา บังคับ
คําวา “เอย” ใหเปนคําที่สองของวรรคแรก
ในแตละบท สวนสัมผัสบังคับในตําแหนง
ตางๆ มีเหมือนกัน และกลอนดอกสรอย
เอย ลงทายดวยคําวา “เอย” ในแตละบทเสมอ)
๒
• นอกจากกลอนดอกสรอยจะเหมือนกลอน
ยำมเอ๋ยยำมนี้ ปถพีมืดมัวทั่วสถำน สุภาพ ยังเหมือนกลอนชนิดอื่นอีกหรือไม
อำกำศเย็นเยือกหนำวครำววิกำล สงัดปำนป่ำใหญ่ไร้ส�ำเนียง อยางไร
มีก็แต่จังหรีดกระกรีดกริ่ง! เรไรหริ่ง! ร้องขรมระงมเสียง (แนวตอบ กลอนดอกสรอยเหมือนกับกลอน
คอกควำยวัวรัวเกรำะเปำะเปำะ! เพียง รู้ว่ำเสียงเกรำะแว่วแผ่วแผ่วเอย สักวา เพราะลงทายบทดวยคําวา เอย)
2. นักเรียนรวมกันสรุปประเด็นสําคัญจากเรื่องยอ
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูใชบทอาขยานนําเขาสูบ ทเรียน โดยใหนกั เรียนอานบทประพันธกลอนดอกสรอย ตนเอยตนไทร สูงใหญรากยอยหอยระยา
รําพึงในปาชาที่เปนบทอาขยานตั้งแตบทที่ 1-4 พรอมกัน ครูพิจารณาวาออกเสียงได และตนโพธิ์พุมแจแผฉายา มีเนินหญาใตตนเกลื่อนกลนไป
ถูกตองชัดเจนหรือไม ในการนําบทอาขยานไปใชประกอบการเรียนการสอน ครูตอง ลวนรางคนในเขตประเทศนี้ ดุษณีนอนราย ณ ภายใต
ใหนักเรียนถอดคําประพันธควบคูกันไปดวย แหงหลุมลึกลานสลดระทดใจ เรายิ่งใกลหลุมนั้นทุกวันเอย
จากคําประพันธที่ยกมานี้ ตนโพธิ์ ตนไทร อยูบริเวณใด
1. บริเวณวัดและปาชา 2. บริเวณสวนสาธารณะ
นักเรียนควรรู 3. บริเวณอุทยานตามสถานที่พักผอน 4. บริเวณหลังอาคารรางและบานราง
วิเคราะหคําตอบ จากบทประพันธบริเวณที่มีตนโพธิ์ ตนไทร คือ
1 กถามุข หมายถึง เบื้องตนของเนื้อความหรือการอธิบายเนื้อเรื่องโดยรวมเพื่อ
ที่ที่มีหลุมศพ จึงหมายถึงบริเวณวัดและปาชา ตอบขอ 1.
นําเขาสูเนื้อเรื่องทั้งหมด
144 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนรวมกันอธิบายอารมณและความรูสึก
๕
หมดเอ๋ยหมดห่วง หมดดวงวิญญำณลำญสลำย ของกวีที่ถายทอดผานบทประพันธ ในหนา 145
ถึงลมเช้ำชวยชื่นรื่นสบำย เตือนนกแอ่นลมผำยแผดส�ำเนียง และสรุปแตละบท
อยู่ตำมโรงมุงฟำงข้ำงข้ำงนั้น ทั้งไก่ขันแข่งดุเหว่ำระเร้ำเสียง (แนวตอบ สรุปการถอดคําประพันธหนา 145
โอ้เหมือนปลุกร่ำงกำยนอนรำยเรียง พ้นส�ำเนียงที่จะปลุกให้ลุกเอย
ไดดังนี้
๖ บทที่ 5 สะทอนบรรยากาศยามเชาทุกสรรพ
ทอดเอ๋ยทอดทิ้ง ยำมหนำวผิงไฟล้อมอยู่พร้อมหน้ำ
สิ่งยังคงดําเนินตอไป แมจะมีรางที่ไร
ทิ้งเพื่อนยำกแม่เหย้ำหำข้ำวปลำ ทุกเวลำเช้ำเย็นเป็นนิรันดร์
ซึ่งเสียงใดจะปลุกใหลุกขึ้นมาได
ทิ้งทั้งหนูน้อยน้อยร่อยร่อยรับ เห็นพ่อกลับปลื้มเปรมเกษมสันต์ บทที่ 6 สะทอนภาพความเปนครอบครัวที่
เข้ำกอดคอฉอเลำะเสนำะกรรณ สำรพันทอดทิ้งทุกสิ่งเอย สูญหายไปเมื่อสมาชิกตายไปอยาง
๗
กองเอ๋ยกองข้ำว กองสูงรำวโรงนำยิ่งน่ำใคร่ ไมมีวันกลับ
เกิดเพรำะกำรเก็บเกี่ยวด้วยเคียวใคร ใครเล่ำไถครำดฟื้นพื้นแผ่นดิน บทที่ 7 สะทอนภาพความทรงจําดีๆ ที่เคย
เช้ำก็ขับโคกระบือถือคันไถ ส�ำรำญใจตำมเขตประเทศถิ่น ทํานารวมกัน
ยึดหำงยำมยักไปตำมใจจินต์ หำงยำมผินตำมใจเพรำะใครเอย บทที่ 8 ถายทอดนํ้าเสียงเชิงประชดประชัน
๘
ตัวเอ๋ยตัวทะยำน อย่ำบันดำลดลใจให้ใฝ่ฝัน ผูที่มักใหญใฝสูงแลวดูถูกชาวนา
ดูถูกกิจชำวนำสำรพัน และควำมครอบครองกันอันชื่นบำน บทที่ 9 ถายทอดนํ้าเสียงเชิงประชดประชัน
เขำเป็นสุขเรียบเรียบเงียบสงัด มีปวัตน์เป็นไปไม่วิตถำร ผูมีฐานะรํ่ารวย เมื่อตายไปก็นําอะไร
ขออย่ำได้เย้ยเยำะพูดเรำะรำน ดูหมิ่นกำรเป็นอยู่เพื่อนตูเอย ไปดวยไมได
๙
สกุลเอ๋ยสกุลสูง ชักจูงจิตฟูชูศักดิ์ศรี บทที่ 10 ถายทอดนํ้าเสียงเชิงตัดพอตอวาหรือ
นอยใจที่คนจนเมื่อตายแลวไมมีสิ่งใด
อ�ำนำจน�ำควำมสง่ำอ่ำอินทรีย์ ควำมงำมน�ำให้มีไมตรีกัน
เปนที่ระลึกถึงเหมือนคนรวย
ควำมร�่ำรวยอวยสุขให้ทุกอย่ำง เหล่ำนี้ต่ำงรอตำยท�ำลำยขันธ์
บทที่ 11 เมื่อตายไปแลวสิ่งดีงามทั้งหลายไม
วิถีแห่งเกียรติยศทั้งหมดนั้น แต่ล้วนผันมำประจบหลุมศพเอย อาจถูกกลาวถึงใหไดยิน จะเปนแต
๑๐
ตัวเอ๋ยตัวหยิ่ง เจ้ำอย่ำชิงติซำกว่ำยำกไร้ ที่ชูเกียรติใหแกญาติที่ยังมีชีวิตอยู)
เห็นจมดินน่ำสลดระทดใจ ที่ระลึกสิ่งไรก็ไม่มี
ไม่เหมือนอย่ำงบำงศพญำติ1ตบแต่ง เครือ่ งแสดงเกียรติเลิศประเสริฐศรี
สร้ำงสถำนกำรบุ รบุญหนุนพลี เป็นอนุสำวรีย์สง่ำเอย
๑๑
ที่เอ๋ยที่ระลึก ถึงอธึกงำมลบในภพพื้น
ก็ไม่ชวนชีพที่ดับให้กลับคืน เสียงชมชื่นเชิดชูคุณผู้ตำย
เสียงประกำศเกียรติเอิกเกริกลั่น จะกระเทือนถึงกรรณนั้นอย่ำหมำย
ล้วนเป็นคุณแก่ผู้ยังไม่วำงวำย ชูเกียรติญำติไปภำยภำคหน้ำเอย
145
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
คําประพันธในขอใดไมใช คําถามเชิงวาทศิลป
1 พลี เปนคําพองรูป มี 3 ความหมาย ดังนี้
1. เกิดเพราะการเก็บเกี่ยวดวยเคียวใคร
1. พลี อานวา พะ-ลี เปนคํานาม แปลวา การบวงสรวง เครื่องบวงสรวง สวย
2. หรือใตทองหองสมุทรสุดสายตา
การบูชา (ตามแบบมี 5 คือ ญาติพลี สงเคราะหญาติ อติถิพลี ตอนรับแขก
3. ใครเลาไถคราดพื้นฟนแผนดิน
เปตพลี ทําบุญอุทศิ ใหผตู าย ราชพลี ถวายเปนหลวง มีเสียภาษีอากร เปนตน
4. ใครจะยอมละทิ้งซึ่งสิ่งสุข
เทวตาพลี ทําบุญอุทิศใหเทวดา ซึ่งแบงเปน 2 อยาง คือ ธรรมพลี อุทิศ
วิเคราะหคําตอบ การใชคําถามเชิงวาทศิลป หมายถึง การใชคําถามที่ กุศลให และอามิสพลี ใหสิ่งของ) ในที่นี้หมายถึงความหมายนี้
ผูถามไมตองการคําตอบ หรือรูคําตอบกันดีอยูแลว ไมจําเปนตองตอบ 2. พลี อานวา พลี เปนคํากริยา แปลวา เสียสละ เชน พลีชีพเพื่อชาติ
ขอที่จะเปนคําถามเชิงวาทศิลปตองมีลักษณะดังกลาว ขอที่ไมชัดเจนวาเปน บวงสรวงเชิญเอามา (ใชแก ยาสมุนไพร) เชน ไปพลียาที่ตนเทียน คือ ไป
คําถามหรือไม คือ ขอ 2. หรือใตทองหองสมุทรสุดสายตา จึงเปนขอที่ไมใช บวงสรวงเก็บตนเทียน หรือสวนใดสวนหนึ่งของตนเทียนมาทํายารักษาโรค
คําถามเชิงวาทศิลป ตอบขอ 2. 3. พลี อานวา พะ-ลี เปนคําวิเศษณ แปลวา มีกําลัง
คู่มือครู 145
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนรวมกันอธิบายอารมณและความรูสึก
๑๒
ของกวีที่ถายทอดผานบทประพันธ ในหนา 146 ร่ำงเอ๋ยร่ำงกำย ยำมตำยจมพื้นดำษดื่นหลำม
และสรุปแตละบท อย่ำดูถูกถิ่นนี้ว่ำที่ทรำม อำจขึ้นชื่อลือนำมในก่อนไกล
(แนวตอบ สรุปการถอดคําประพันธหนา 146 อำจจะเป็นเจดีย์มีพระศพ แห่งจอมภพจักรพรรดิกษัตริย์ใหญ่
ไดดังนี้ ประเสริฐด้วยสัตตรัตน์จรัสชัย ณ สมัยก่อนกำลบุรำณเอย
บทที่ 12 ถายทอดนํ้าเสียงในเชิงตักเตือนวา ๑๓
ควำมเอ๋ยควำมรู้ เป็นเครื่องชูชี้ทำงสว่ำงไสว
อยาดูถูกบริเวณที่เปนที่ฝงซากศพ หมดโอกำสที่จะชี้ต่อนี้ไป ละห่วงใยอยำกรู้ลงสู่ดิน
บทที่ 13 ถายทอดนํ้าเสียงในเชิงเตือนใจไมให อันควำมยำกหำกให้ไร้ศึกษำ ย่นปัญญำควำมรู้อยู่แค่ถิ่น
ประมาทในการใชชีวิต ใหเห็นความ
หมดทุกข์ขลุกแต่กิจคิดหำกิน กระแสวิญญำณงันเพียงนั้นเอย
สําคัญของการศึกษาและสะทอนภาพ ๑๔
ดวงเอ๋ยดวงมณี มักจะลี้ลับอยู่ในภูผำ
สังคมยุคกอนซึ่งผูที่ยากจนไมมีโอกาส
จะไดไปเรียนไกลบาน หรือใต้ท้องห้องสมุทรสุดสำยตำ ก็เสื่อมซำสิ้นชมนิยมชน
บทที่ 14 ถายทอดนํ้าเสียงในเชิงตัดพอวาให บุปผชำติชูสีและมีกลิ่น อยู่ในถิ่นที่ไกลเช่นไพรสณฑ์
เห็นคุณคาและความสําคัญของคน ไม่มีใครได้เชยเลยสักคน ย่อมบำนหล่นเปล่ำดำยมำกมำยเอย
๑๕
ขึ้นอยูกับถิ่นเกิด ซำกเอ๋1ยซำกศพ อำจเป็นซำกนักรบผู้กล้ำหำญ 2
บทที่ 15 ซากศพที่กลาวถึงมีทั้งผูมีความเกง เช่นชำวบ้ำนบำงระจันขันร�ำบบำญ 3 กับหมู่มำ่ นมำประทุษอยุธยำ
กลาอยางชาวบานบางระจันกับพมา ไม่เช่นนั้นท่ำนกวีเช่นศรีปรำชญ์ นอนอนำถเล่ห์ใบ้ไร้ภำษำ
ขาศึก และแมแตกวีศรีปราชญตางก็ หรือผู้กู้บ้ำนเมืองเรืองปัญญำ อำจจะมำนอนจมถมดินเอย
นอนจมอยูใตดิน ๑๘
มักเอ๋ยมักใหญ่ ก่นแต่ใฝ่ฝันฟุ้งตำมมุ่งหมำย
บทที่ 18 แสดงความจริงของชีวิต วาแมจะ อ�ำพรำงควำมจริงใจไม่แพร่งพรำย ไม่ควรอำยก็ต้องอำยหมำยปิดบัง
มีความมักใหญใฝสูงแลวปดบังไว มุ่งแต่โปรยเครื่องปรุงจรุงกลิ่น คือควำมฟูมฟำยสินลิ้นโอหัง
เพราะอาย ความเสแสรง ความ ลงในเพลิงเกียรติศักดิ์ประจักษ์ดัง เปลวเพลิงปลั่งหอมกลบตลบเอย
เยอหยิ่งสุดทายชีวิตก็จบลงที่กองไฟ ๑๙
ห่ำงเอ๋ยห่ำงไกล ห่ำงจำกพวกมักใหญ่ฝักใฝ่หำ
บทที่ 19 อบรมตักเตือนวาหากอยากมีชีวิตที่
แต่สิ่งซึ่งเหลวไหลใส่อำตมำ ควำมมักน้อยชำวนำไม่น้อมไป
สงบสุขไมควรอยูใกลกับพวกมักใหญ
ใฝสูง และควรนําวิถีชีวิตที่มีความ เพื่อรักษำควำมสรำญฐำนวิเวก ร่มชื้อเฉกหุบเขำล�ำเนำไศล
เรียบงาย ไมฟุงเฟออยางชาวนามา สันโดษดับฟุ้งซ่ำนทะยำนใจ ตำมวิสัยชำวนำเย็นกว่ำเอย
๒๐
เปนแบบอยางในการดําเนินชีวิต ศพเอ๋ยศพไพร่ ไม่มีใครขึ้นชื่อระบือขำน
บทที่ 20 ถายทอดนํ้าเสียงเชิงประชดประชันวา ไม่เกรงใครนินทำว่ำประจำน ไม่มีกำรจำรึกบันทึกคุณ
คนสามัญธรรมดามักไมไดรับความ ถึงบำงทีมีบ้ำงเป็นอย่ำงเลิศ ก็ไม่ฉูดฉำดเชิดประเสริฐสุนทร์
สนใจ หรือไดรับการเชิดชูจากสังคม พอเตือนใจได้บ้ำงในทำงบุญ เป็นเครื่องหนุนน�ำเหตุสังเวชเอย
แมสิ้นชีวิตก็ไมมีใครสนใจ) 146
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
หางเอยหางไกล หางจากพวกมักใหญฝกใฝหา
1 ชาวบานบางระจัน ชาวบานบางระจันไดรวมผูคนมากมายตอสูกับพมา
แตสิ่งซึ่งเหลวไหลใสอาตมา ความมักนอยชาวนาไมนอมไป
และสามารถเอาชนะกองทัพพมาไดถึง 7 ครั้ง จนถึงครั้งที่ 8 ชาวบานบางระจัน
เพื่อรักษาความสราญฐานวิเวก รมชื้อเฉกหุบเขาลําเนาไศล
จึงพายแพ ในวันจันทร แรม 2 คํ่า เดือน 8 ปจอ พ.ศ. 2309 รวมเวลาที่ไทยรบกับ
สันโดษดับฟุงซานทะยานใจ ตามวิสัยชาวนาเย็นกวาเอย
พมาทั้งสิ้น 5 เดือน คือ ตั้งแตเดือน 4 ปลายประกา พ.ศ. 2308 ถึงเดือน 8 ปจอ
สาระสําคัญของกลอนดอกสรอยบทนี้คืออะไร
พ.ศ. 2309
1. เราไมควรหาสิ่งเหลวไหลมาใสตัว
2 หมูมานมาประทุษอยุธยา หมายถึง พมาที่ยกกองทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาอีกครั้ง 2. เราควรวิเวกไปหาปาเขาลําเนาไพรจะดีที่สุด
หลังจากสมเด็จพระนเรศวรทรงประกาศอิสรภาพไดไมนาน 3. เราจงอยูใหหางจากพวกมักใหญใฝสูงไวจะดีกวา
3 ศรีปราชญ เปนกวีเอกคนหนึ่งในประวัติศาสตรชาติไทย ในรัชสมัยสมเด็จ- 4. เราควรมักนอยหรือพอใจในสิ่งที่มีเหมือนชาวนาดีกวา
พระนารายณมหาราช เปนบุตรของพระโหราธิบดี หลังแตนั้นมาจึงกลายเปนกวีเอก วิเคราะหคําตอบ สาระสําคัญของบทประพันธขางตน คือ เราควรมัก
ของพระนารายณมหาราช แตสดุ ทายดวยความสามารถของตน ทําใหมผี คู ดิ ปองราย นอยหรือพอใจในสิ่งที่มีเหมือนชาวนาดีกวา พิจารณาคําวา “สันโดษ”
ใสรายศรีปราชญ จนถูกสั่งประหารชีวิตในที่สุด ซึ่งหมายความวา พอใจเทาที่ตนมีอยูหรือเปนอยู ตอบขอ 4.
146 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนรวมกันอธิบายอารมณและความรูสึก
1
๒๑
ศพเอ๋ยศพสูง เป็นเครื่องจูงจิตให้เลื่อมใสศำนต์ ของกวีที่ถายทอดผานบทประพันธที่นักเรียนสรุป
2 ได
จำรึกค�ำส�ำนวนชวนสักกำร ผิดกับฐำนชำวนำคนสำมัญ
ซึ่งอย่ำงดีก็มีกวีเถื่อน จำรึกชื่อปีเดือนวันดับขันธ์
(แนวตอบ สรุปการถอดคําประพันธหนา 147
ไดดังนี้
อุทิศสิ่งซึ่งสร้ำงตำมทำงธรรม์ ของผู้นั้นผู้นี้แก่ผีเอย
๒๒ บทที่ 21 กลาวดวยนํ้าเสียงประชดประชัน
ห่วงเอ๋ยห่วงอะไร ไม่ยิ่งใหญ่เท่ำห่วงดวงชีวิต ถึงการเปรียบเทียบความแตกตาง
แม้คนลืมสิ่งใดได้สนิท ก็ยังคิดขึ้นได้เมื่อใกล้ตำย ระหวางชนชั้นสูงกับสามัญชน
ใครจะยอมละทิ้งซึ่งสิ่งสุข เคยเป็นทุกข์ห่วงใยเสียได้ง่ำย บทที่ 22 เตือนสติใหรูจักการปลอยวางเพราะ
ใครจะยอมละแดนแสนสบำย โดยไม่ชำยตำใฝ่อำลัยเอย สุดทายของชีวิตก็จะตองทิ้งทุกยาง
๒๓
ดวงเอ๋ยดวงจิต ลืมสนิทกิจกำรงำนทั้งหลำย ไป
ย่อมละชีพเคยสุขสนุกสบำย เคยเสียดำยเคยวิตกเคยปกครอง บทที่ 23 เตือนสติใหรูจักปลอยวาง ชี้ใหเห็น
ละถิ่นที่ส�ำรำญเบิกบำนจิต ซึ่งเคยคิดใฝ่เฝ้ำเป็นเจ้ำของ วาสุดทายเมื่อตายก็ไมไดอะไรติดตัว
หมดวิตกหมดเสียดำยหมดหมำยปอง ไม่ผินหลังเหลียวมองด้วยซ�้ำเอย ไปแมแตอยางเดียว)
ขยายความเข้าใจ Expand
นักเรียนรวมกันวิเคราะหแนวคิดเรื่องความ
เรียบงายอยางวิถีชีวิตของชาวนากับแนวทาง
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในพระบาทสมเด็จ
พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนเขียนวิเคราะหสัจธรรมแหงชีวิตมนุษย
ที่ปรากฏในบทประพันธซึ่งสอดคลองกับหลัก
ธรรมทางพระพุทธศาสนา
2. นักเรียนรวมกันสรุปขอคิดที่ไดรับจากการ
ศึกษา กลอนดอกสรอยรําพึงในปาชา คนละ 1
ขอคิด แลวนําเสนอใหเพื่อนฟง
147
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนเลือกบทประพันธจากที่เพื่อนถอดคําประพันธ แลวแลกเปลี่ยน ครูแนะความรูใหนักเรียนเรื่องธรรมเนียมการจัดพิธีศพในสมัยโบราณ หากเปน
กันตรวจสอบความถูกตองกับเพื่อนคูอื่นๆ นักเรียนเขียนแสดงความคิดเห็น เจาขุนมูลนาย นิยมใหกวีที่มีชื่อเสียงเรียบเรียงถอยคําที่ไพเราะเพื่อเชิดชูเกียรติ
เกี่ยวกับบทประพันธที่เลือก สรรเสริญยกยองผูตาย เพื่อเปนที่ระลึกในวาระสุดทายของชีวิต ความเชื่อเรื่องการ
อุทิศสวนกุศลใหผูตาย มีมาตั้งแตสมัยโบราณจนถึงปจจุบัน เพราะเชื่อวาผูตายจะ
ไดรับสวนบุญที่อุทิศให เพื่อใหดวงวิญญาณไปสูสุคติ
กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
นักเรียนดูภาพในหนา 147 แลวแตงคําประพันธประเภทกลอน 1 ศานต อานวา สาน หรือ ศานต อานวา สาน-ตะ เปนคําวิเศษณ แปลวา สงบ
ดอกสรอยรําพึงในปาชา 1 บท พรอมตั้งชื่อบทประพันธใหนาสนใจ
แลวนําสงครูผูสอนตรวจพิจารณา คัดเลือกผลงานที่ประพันธไดดีนําไป 2 สักการ ปกติอานวา สัก-กา-ระ แตในที่นี้เพื่อใหสัมผัสกับคําวา “ศานต” และ
จัดแสดงที่ปายนิเทศ “ฐาน” จึงอานวา สัก-กาน แปลวา บูชาดวยสิ่งหรือเครื่องอันพึงบูชา เชน ดอกไม
ธูป เทียน บางทีก็ใชเขาคูกับคํา “บูชา” เปน สักการบูชา
คู่มือครู 147
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
Engage Explore Explain Expand ตรวจสอบผล
Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูสนทนากับนักเรียนเกีย่ วกับคําศัพททนี่ า สนใจ
ที่พบในเนื้อเรื่อง จากนั้นครูใหนักเรียนชวยกัน ๖ คÓศัพท์
ยกตัวอยางคําศัพททนี่ กั เรียนชืน่ ชอบคนละ 1 คําศัพท
คำาศัพท์ ความหมาย
ส�ารวจค้นหา Explore เกรำะ เครื่องบอกสัญญำณท�ำด้วยไม้ ใช้ตีหรือสั่นให้ดัง เพื่อแจ้งเหตุ
ขลุก ง่วนอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือในที่ใดที่หนึ่ง
นักเรียนสืบคนความหมายของคําศัพทที่พบใน
ขันธ์ ตัว หมู่ กอง ในที่นี้หมำยถึงร่ำงกำย
เนื้อเรื่องจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน
จากนั้นนํามาแลกเปลี่ยนเรียนรูกับเพื่อนในชั้นเรียน งัน หยุดชะงัก จังงัง
ชื้อ เย็น ร่ม ชื้น
อธิบายความรู้ Explain ดุษณี อำกำรนิ่งสงบ
แถกขวัญ แถก หมำยถึง เสือกไป ตรงไป ในควำมว่ำ แถกขวัญ จึงหมำยถึง
นักเรียนรวมอภิปรายความหมายของคําศัพท ท�ำให้ตกใจ
ทายบทเรียนและคําศัพทที่เพื่อนรวมชั้นเรียน ทิวำกำล เวลำกลำงวัน
นําเสนอมา บ�ำเหน็จ รำงวัล ค่ำควำมชอบพิเศษ
ปวัตน์ (ปะ - วัด) หมำยถึง ควำมเป็นไป
ขยายความเข้าใจ Expand ผ้ำย เคลื่อนจำกที่
มณฑล บริเวณ
นักเรียนเลือกคําศัพทที่ชื่นชอบคนละ 1 คํา
ม่ำ1น ชนชำติพม่ำ
นํามาแตงประโยคสามัญ ความรวม และความซอน
ย�่ำ ตี ฆ ้ อ งหรื อ กลองถี่ ๆ หลำยครั้ ง เพื่ อ บอกเวลำส� ำ หรั บ เปลี่ ย นยำม
คําละ 1 ประโยค แลวนําเสนอหนาชั้นเรียน เรียกว่ำ ย�่ำฆ้องย�่ำกลอง ถ้ำกระท�ำในเวลำค�่ำ เรียกว่ำ ย�่ำค�่ำ
รโหฐำน ที่เฉพำะส่วนตัว
ร�ำบำญ แผลงมำจำกค�ำว่ำ รำญ หมำยถึง รบ
ลำญ แตก หัก ท�ำลำย
สัตตรัตน์ แก้ว ๗ ประกำร ได้แก่ ทอง เงิน มุกดำ ทับทิม เพชร โกเมน และ
ไพฑูรย์ แต่ในที่นี้หมำยถึง แก้ว ๗ ประกำรของพระจักรพรรดิ ได้แก่
ช้ำงแก้ว นำงแก้ว ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้ว ม้ำแก้ว แก้วมณี และ
จักรแก้ว
หง่ำงเหง่ง เสียงอย่ำงเสียงระฆัง
หำงยำม หำงไถส�ำหรับใช้มือจับเวลำไถ
อธึก ยิ่ง เกิน มำก
อับแสง มืด
148
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
“เขาเปนสุขเรียบเรียบเงียบสงัด มีปวัตนเปนไปไมวิตถาร”
1 ยํ่า ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใหความหมายไววา
คําที่ขีดเสนใตมีความหมายวาอยางไร
เปนคํากริยา หมายถึง เหยียบหนักๆ ซํ้าๆ ถาเหยียบในลักษณะเชนนั้น
1. ความเปนจริง, นอยเกินไป
อยูกับที่ เรียกวา ยํ่าเทา เดินในลักษณะคลายคลึงเชนนั้น และหมายถึง ตีกลอง
2. ความเปนไป, มากเกินไป
หรือฆองถี่ๆ หลายครั้งเพื่อบอกเวลาสําหรับเปลี่ยนยาม เรียกวา ยํ่ากลอง ยํ่าฆอง
3. ความมีชีวิต, นอยเกินไป
ยํ่ายาม ก็เรียก ถากระทําในเวลาเชา เรียกวา ยํ่ารุง (ราว 6 นาฬกา) ถาทําใน
4. ความคิดถึง, มากเกินไป
เวลาคํ่า เรียกวา ยํ่าคํ่า (ราว 18 นาฬกา)
ในเวลา 18 นาฬกานั้นตามวัดตางๆ ในชนบททานมักจะ “ยํ่ากลอง” หรือ วิเคราะหคําตอบ จากคําประพันธวา “เขาเปนสุขเรียบเรียบเงียบสงัด
“ยํ่าฆอง” หรือ “ยํ่าระฆัง” เพื่อบอกเวลาใหชาวบานรับรู เพราะในสมัยกอนบานเมือง มีปวัตนเปนไปไมวิตถาร” ขยายความไดวา เขามีความสุขในแบบเรียบๆ
ยังไมเจริญอยางในปจจุบันนี้ นาฬกามักจะมีเฉพาะตามวัดเทานั้น พระทานก็ตอง คือ งายๆ สงบ มีความเปนไปไมมากเกินไป ปวัตน หมายถึง ความเปนไป
ตีกลองหรือฆองระฆัง เปนสัญญาณบอกใหทราบเวลาเปนระยะๆ ไป เดี๋ยวนี้ ซึ่งจะไมขัดแยงกับคําที่ตามหลังวา “เปนไป” และ “วิตถาร” หมายถึง
ชาวบานมีนาฬกาใชกันทั่วไปแลว การยํ่ากลอง ยํ่าฆอง หรือยํ่าระฆัง ในปจจุบัน มากเกินไป เพราะเมื่อตามหลังคําวา “ไม” จะมีความหมายสอดคลองกับ
จึงคอยๆ หมดความสําคัญลงไป วรรคแรกที่วา “เรียบเรียบเงียบสงัด” ไมมากเกินไป คือ มีนอย ตอบขอ 2.
148 คู่มือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
นักเรียนสรุปเรื่องเกี่ยวกับการใชคําวา “สวัสดี”
บอกเล่าเก้าสิบ ในการทักทายของคนไทย
(แนวตอบ ผูร เิ ริม่ การใชคาํ วา สวัสดี คือ พระยา-
คําทักทาย อุปกิตศิลปสาร คําวา สวัสดี เปนคําที่มาจากภาษา
ค�าทักทายว่า “สวัสดี” นั้น มีที่มาจากเจ้าหน้าที่วิทยุกระจายเสียงนิยมใช้ค�าว่า “ราตรีสวัสดิ์” สันสกฤต ในภาษาบาลีใชวา โสตถิ เริ่มใชคําวา
ลงท้ายค�าพูดเมื่อจบการกระจายเสียง เลียนค�ามาจาก good night ในภาษาอังกฤษ แต่มีผู้คัดค้าน สวัสดี ครั้งแรกเมื่อ 22 มกราคม 2486 คําวา สวัสดี
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงจึงขอให้กรรมการช�าระปทานุกรมของกระทรวงธรรมการในสมัยนั้น มีความหมายวา ความดี ความงาม ความเจริญ
ช่วยคิดหาค�าใหม่ใช้แทนค�าว่า “ราตรีสวัสดิ์” รุงเรืองใชเปนคําทักทายที่ตองกระทําควบคูกับการ
พระยาอุ ป กิ ต ศิ ล ปสาร ซึ่ ง ขณะนั้ น เป็ น อาจารย์ ส อนที่ ค ณะอั ก ษรศาสตร์ จุ ฬ าลงกรณ์
มหาวิทยาลัย ได้น�าค�าว่า “สวัสดี” ไปให้นิสิตคณะอักษรศาสตร์ทักทายเมื่อแรกพบกัน โดยท่าน ประนมมือไหว)
ได้อธิบายที่มาของค�าว่า มาจากศัพท์ “โสตถิ” ในภาษาบาลี หรือ “สวัสดิ” ในภาษาสันสกฤต ต่อมา
จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนัน้ เห็นชอบกับการใช้คา� ว่า “สวัสดี” ทักทายหรือ ขยายความเขาใจ Expand
กล่าวลาแทนค�าว่าราตรีสวัสดิ์ จึงมอบให้กรมโฆษณาการ (กรมประชาสัมพันธ์ในปจจุบัน) ออกข่าว
ประกาศเมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๖ จึงกล่าวได้ว่าคนไทยใช้ค�าว่า “สวัสดี” มาเป็นเวลาเกือบ นักเรียนจับคูกัน แลวฝกแสดงการทักทายดวย
๗๓ ปแล้ว การไหวและกลาวคําวา สวัสดี แกกัน เพื่อรวม
ค�าว่า “สวัสดี” ไม่ได้เป็นเพียงค�าทักทายเท่านัน้ แต่มลี กั ษณะพิเศษทีส่ ะท้อนไปถึงความปรารถนาดี
ต่อผูท้ เี่ ราสนทนาด้วย เพราะค�าว่า “สวัสดี” หมายถึงความดี ความงาม ความเจริญรุง่ เรือง “สวัสดี” สงเสริมการอนุรักษวัฒนธรรมที่ดีงามของคนไทย
จึงเป็นค�าทักทายที่เปยมไปด้วยไมตรีจิต เป็นการทักทายและอวยพรไปพร้1 อมๆ กัน
การทักทายด้วยค�าว่า “สวัสดี” พร้อมประนมมือไหว้นับเป็นวัฒนธรรมที่งดงามยิ่งของคนไทย ตรวจสอบผล Evaluate
ฉะนั้นคนไทยจึงควรออกเสียงและใช้ค�าว่า “สวัสดี” ให้ถูกต้องและเหมาะสมกับกาลเทศะเพื่อ
ช่วยกันรักษาวัฒนธรรมทางภาษาที่ดีงามให้คงอยู่สืบไป นักเรียนแตงประโยคสามัญ ประโยคความรวม
และประโยคความซอน โดยใชคําศัพทจาก
เนื้อเรื่อง
14๙
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
นักเรียนศึกษาวัฒนธรรมไทยที่งดงามและทรงคุณคา จากนั้นใหนักเรียน 1 ประนมมือไหว เริ่มจากการประนมมือ ยกมือทั้งสองขึ้นประกบกัน ตั้งเปน
เลือกวัฒนธรรมไทยที่นักเรียนประทับใจมา 1 อยาง สรุปความสําคัญพรอม กระพุมมือประนมไวระหวางอก ใหปลายมือตั้งขึ้น ขางบนนิ้วมือทั้งสองขางทุกนิ้ว
บอกเหตุผลที่นักเรียนประทับใจ แนบชิดสนิทกัน อยาใหเหลื่อมลํ้ากัน อยาใหกางหางออกจากกัน ขอศอกทั้งสอง
แนบชิดชายโครง และการไหวแบบตางๆ มีรายละเอียด ดังนี้
1. การไหวพระสงฆ ยกมือประนมขึ้นพรอมกับกมศีรษะลงเล็กนอย ใหนิ้ว
หัวแมมือทั้งสองอยูระหวางคิ้ว ใหปลายนิ้วชี้จรดหนาผาก ทําเพียงครั้งเดียว
กิจกรรมทาทาย แลวลดมือลงตามเดิม
2. การไหวผูสูงอายุ การไหวนิยมยกกระพุมมือขึ้นไหวใหปลายนิ้วชี้อยูระหวาง
คิ้ว นิ้วหัวแมมือทั้งสองอยูบนดั้งจมูก พรอมกับกมศีรษะนอมตัวลงพองาม
นักเรียนศึกษาวัฒนธรรมไทยที่งดงามและทรงคุณคา จากนั้นยก 3. การไหวบุคคลผูมีอาวุโสเสมอกัน นิยมยกมือกระพุมขึ้นไหวใหปลายนิ้วชี้
วัฒนธรรมไทยที่ตรงกับคํากลาววา “เปนเสนหและแบบอยางที่งดงามของ อยูที่ดั้งจมูก นิ้วหัวแมมือทั้งสองอยูที่คางกมศีรษะเล็กนอย
คนไทย” พรอมอธิบายเหตุผลประกอบ 4. การรับไหวบคุ คลผูม อี าวุโสนอยกวา นิยมยกกระพุม มือขึน้ ประนมอยูร ะหวาง
อกหรือที่หนา ใหปลายนิ้วชี้อยูที่ดั้งจมูก ปลายนิ้วหัวแมมืออยูที่คาง สายตา
มองดูผูไหว
คูมือครู 149
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูสนทนารวมกับนักเรียนเกี่ยวกับการวิเคราะห
คุณคาวรรณคดีดานเนื้อหา ๗ บทวิเคราะห์
• นักเรียนไดรับขอคิดคําสอนใดบางจาก
กลอนดอกสรอยรําพึงในปาชา กลอนดอกสร้ อ ยร� ำ พึ ง ในป่ ำ ช้ ำ แม้ จ ะเป็ น บทดอกสร้ อ ยที่ ไ ม่ ย ำวนั ก แต่ มี เ นื้ อ หำสำระ
(แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลากหลายขึ้นอยูกับ ที่ให้ข้อคิด คติเตือนใจ มีควำมไพเรำะด้วยกำรใช้ถ้อยค�ำ เสียงและควำมหมำย ให้ตระหนักถึง
ประสบการณของนักเรียน เชน ความประมาท ควำมจริงที่ว่ำควำมตำยเป็นที่สุดท้ำยของมนุษย์ ไม่มีใครหนีพ้นจำกควำมตำยได้
ความไมแนนอน เปนตน) ๗.๑ คุณค่าด้านเนือ้ หา
กลอนดอกสร้อยร�ำพึงในป่ำช้ำ เป็นวรรณคดีทนี่ บั ได้วำ่ มีคณุ ค่ำสูงส่ง เนือ่ งด้วยเนือ้ หำอัน
สํารวจคนหา Explore
เป็นสำกลได้ถูกถ่ำยทอดผ่ำนฉันทลักษณ์และกำรเลือกใช้คำ� จนเกิดเป็นควำมงำมทำงวรรณศิลป์ คุณค่ำ
นักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับบทวิเคราะห ทำงด้ำนเนื้อหำของกลอนดอกสร้อยร�ำพึงในป่ำช้ำได้ถ่ำยทอดแนวคิดหลัก คือ ควำมไม่เที่ยงแท้ของ
คุณคาวรรณคดีดานเนื้อหา ดานวรรณศิลป ดาน ทุกสรรพสิ่ง สะท้อนให้เห็นถึงควำมไม่แน่นอน เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เช่นเดียวกับมนุษย์เมื่อเกิดมำแล้ว
สังคมและขอคิดที่สามารถนําไปใชในชีวิตประจําวัน ย่อมมีควำมเปลี่ยนแปลงจำกวัยเด็ก วัยผู้ใหญ่ สู่วัยชรำ มีควำมเจ็บป่วย ทรมำน และควำมตำยในที่สุด
จากกลอนดอกสรอยรําพึงในปาชา ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ มนุษย์ต่ำงดิ้นรน แก่งแย่ง ชิงดีชิงเด่นกัน แต่สุดท้ำยทุกคนไม่ว่ำจะเป็นใคร ชนชั้น
ฐำนะใด ล้วนต้องตำยทุกคน ดังบทประพันธ์
อธิบายความรู Explain
๙
สกุลเอ๋ยสกุลสูง ชักจูงจิตฟูชูศักดิ์ศรี
นักเรียนตอบคําถามเกี่ยวกับจุดมุงหมายในการ
อ�ำนำจน�ำควำมสง่ำอ่ำอินทรีย์ ควำมงำมน�ำให้มีไมตรีกัน
แตงกลอนดอกสรอยรําพึงในปาชา
ควำมร�่ำรวยอวยสุขให้ทุกอย่ำง เหล่ำนี้ต่ำงรอตำยท�ำลำยขันธ์
• แนวคิดสําคัญของกลอนดอกสรอยรําพึง
ในปาชาคืออะไร วิถีแห่งเกียรติยศทั้งหมดนั้น แต่ล้วนผันมำประจบหลุมศพเอย
(แนวตอบ ความไมเที่ยงแทของทุกสรรพสิ่ง นอกจำกนีก้ ลอนดอกสร้อยร�ำพึงในป่ำช้ำยังถ่ำยทอดแนวคิดรองทีส่ ำ� คัญอีกประกำร คือ
สะทอนสัจธรรมของชีวิต คือ อนิจจัง คือ ควำมเรียบง่ำยของชีวิตถือเป็นควำมสุขที่แท้จริง โดยเตือนใจไม่ให้กล่ำวดูถูกเยำะเย้ยผู้ที่มีควำมเป็นอยู่
ความไมเที่ยงแท แนนอนในชีวิต ทุกขัง คือ
เรียบง่ำยหรือใช้ชีวิตอย่ำงสันโดษ ดังบทประพันธ์
ความยากลําบากกายและใจ อนัตตา คือ
ความไมมีตัวตน เพราะมนุษยยอมมีเกิด แก ๘
ตัวเอ๋ยตัวทะยำน อย่ำบันดำลดลใจให้ใฝ่ฝัน
เจ็บ และตาย) ดูถูกกิจชำวนำสำรพัน และควำมครอบครองกั1นอันชื่นบำน
• จากเนื้อเรื่องแสดงแนวคิดสําคัญเกี่ยวกับ เขำเป็นสุขเรียบเรียบเงียบสงัด มีปวัตน์เป็นไปไม่วิตถำร
ความเรียบงายของชีวิตซึ่งเปนความสุขที่แท ขออย่ำได้เย้ยเยำะพูดเรำะรำน ดูหมิ่นกำรเป็นอยู่เพื่อนตูเอย
จริงอยางไร
(แนวตอบ การนําวิถีชีวิตชาวนามาเปนแบบ
อยางของการใชชีวิตที่เรียบงายแตมีความสุข
ที่แทจริง) 150
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
หางเอยหางไกล หางจากพวกมักใหญใฝฝนหา
1 วิตถาร อานวา วิด-ถาน เปนคําบาลีมาจากคําวา “วิตถฺ าร” ซึง่ แปลวา กวางขวาง
แตสิ่งซึ่งเหลวไหลใสอาตมา ความมักนอยชาวนาไมนอมไป
มากเกินไป พิสดาร แตเรานํามาใชในอีกความหมายหนึง่ คือหมายความวา นอกแบบ
เพื่อรักษาความสราญฐานวิเวก รมชื้อเฉกหุบเขาลําเนาไศล
นอกทาง เกินวิสัยปรกติ เชน เขาเปนคนชอบเลนวิตถาร ถาหากจะใชในความหมาย
สันโดษดับฟุงซานทะยานไกล ตามวิสัยชาวนาดีกวาเอย
เดิมทีห่ มายถึง กวางขวาง พิสดาร เรามักจะไมใชโดดๆ คือ ตองหาคําอืน่ มาประกอบ
สาระสําคัญของบทประพันธนี้คือขอใด
เชน “พระไตรปฎกฉบับวิตถารนัย” หมายถึงพระไตรปฎกที่มีนัยอันพิสดาร
1. ขอใหอยูหางไกลจากพวกมักใหญใฝสูงจะดีกวา
สวนคําวา “พิสดาร” มาจากคําภาษาสันสกฤตวา “วิสฺตาร” ซึ่งหมายความวา
2. จงมักนอยหรือถือสันโดษแบบชาวนาดีกวา
“กวางขวาง” หรือถาใชแตเนื้อความก็หมายความวา “ละเอียดลออ” เชน เรื่องนี้
3. ควรไปหาความสงบจากปาเขาลําเนาไพร
มีขอความพิสดารดังนี้ หรือหนังสือ “ประวัติศาสตรฉบับพิสดาร” ก็คือ หนังสือ
4. ไมควรหาสิ่งเหลวไหลมาใสตัว
ประวัติศาสตรที่มีขอความรายละเอียดกวางขวาง ละเอียดลออมาก แตบางทีก็นํา
มาใชกับภาษาพูด หมายความวา “แปลกพิลึก” ก็ได เชน เด็กคนนี้ชอบเลนอะไร วิเคราะหคําตอบ สาระสําคัญของบทประพันธขางตน คือ จงมักนอยหรือ
พิสดารอยูเรื่อยๆ ก็คือ ชอบเลนอะไรแปลกๆ ผิดมนุษยมนาทั่วๆ ไป แตคงจะฟงดู ถือสันโดษแบบชาวนาดีกวา โดยพิจารณาจากความวา “ความมักนอยชาวนา
ระรื่นหูกวา “เลนวิตถาร” ไมนอมไป” และ “สันโดษดับฟุงซานทะยานไกล” ตอบขอ 2.
150 คูมือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนรวมกันวิเคราะหคุณคาดานเนื้อหา
จำกบทประพันธ์กวีได้สะท้อนแนวคิด1รองเกีย่ วกับควำมเรียบง่ำยของชีวติ โดยเลือก ในประเด็นตอไปนี้
กล่ำวถึงชำวนำทีม่ วี ถิ ชี วี ติ เรียบง่ำย มีควำมสุขตำมอั ภำพ ซึง่ กำรเลือกกล่ำวถึงชำวนำอันเป็นอำชีพของ
มอัตภำพ • จากเนื้อเรื่องแสดงแนวคิดสําคัญเกี่ยวกับ
บรรพบุรุษไทยอยู่คู่คนไทยมำช้ำนำน นับเป็นกลวิธีกำรน�ำเสนอที่ท�ำให้ผู้อ่ำนเกิดควำมรู้สึกคล้อยตำม ธรรมเนียม ความเชื่อ คานิยม และความ
ศรัทธาทางพระพุทธศาสนาอยางไร
ไปกับบทประพันธ์ได้ง่ำย
(แนวตอบ สะทอนความเชื่อเกี่ยวกับสัตวตาม
นอกจำกคุณค่ำด้ำนแนวคิดของเรื่องแล้ว กลอนดอกสร้อยร�ำพึงในป่ำช้ำยังมี
ความเชื่อของคนไทย คือ นกแสก ที่เปน
เนื้อหำที่เสนอธรรมเนียม ค่ำนิยม ควำมเชื่อ ควำมศรัทธำ อีกทั้งกวียังมีกลวิธีกำรถ่ำยทอดโดย สัญลักษณแหงความตาย สะทอนคานิยมใน
ปรับเนื้อหำให้สอดคล้องกับธรรมชำติในเมืองไทย ซึ่งจะท�ำให้ผู้อ่ำนได้รับอรรถรสในกำรอ่ำนและเกิด การปลูกตนโพธิ์และตนไทร ไมยืนตนขนาด
อำรมณ์สะเทือนใจ คล้อยตำมไปกับบทประพันธ์ ดังบทประพันธ์ ใหญที่หยั่งรากลึก บริเวณลานวัดและ
ที่รกราง อยางเชน ปาชา เปนตน)
๓
นกเอ๋ยนกแสก จับจ้องร้องแจ๊กเพียงแถกขวัญ
อยู่บนยอดหอระฆังบังแสงจันทร์ มีเถำวัลย์รุงรังถึงหลังคำ ขยายความเข้าใจ Expand
เหมือนมันฟ้องดวงจันทร์ให้ผันดู คนมำสู่ซ่องพักมันรักษำ ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมตามตัวชี้วัด
ถือเป็นที่รโหฐำนนมนำนมำ ให้เสื่อมผำสุกสันต์ของมันเอย จากแบบวัดฯ ภาษาไทย ม.2 กิจกรรมที่ 1.12
๔
ต้นเอ๋ยต้นไทร สูงใหญ่รำกย้อยห้อยระย้ำ
และต้นโพธิ์พุ่มแจ้แผ่ฉำยำ มีเนินหญ้ำใต้ต้นเกลื่อนกล่นไป
2
ล้วนร่ำงคนในเขตประเทศนี้ อนรำย ณ ภำยใต้
ดุษณีนอนร
แห่งหลุมลึกลำนสลดระทดใจ เรำยิ่งใกล้หลุมนั้นทุกวันเอย ตัวเอยตัวทะยาน อยาบันดาลดลใจใหใฝฝน
บทประพันธ : .........................................................................................................................................................................................................................
ดูถูกกิจชาวนาสารพัน และความครอบครองกันอันชื่นบาน
.............................................................................................................................................................................................................................................................
เขาเปนสุขเรียบเรียบเงียบสงัด มีปวัตนเปนไปไมวิตถาร
............................................................................................................................................................................................................................................................. ฉบับ
เฉลย
ขออยาไดเยยเยาะพูดเราะราน ดูหมิ่นการเปนอยูเพื่อนตูเอย
.............................................................................................................................................................................................................................................................
ประเทศไทย ด้วยกำรกล่ำวถึงต้นไม้ คือ ต้นไทรและต้นโพธิ์ ซึ่งเป็นต้นไม้ใหญ่ขึ้นตำมสถำนที่รกร้ำง กิจกรรมที่ ๑.๑๓ ใหนกั เรียนยกบทประพันธทสี่ มั พันธกบั คําสําคัญทีก่ าํ หนดให
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
ñð
และบอกแนวคิดของบทประพันธนั้น (ท ๕.๑ ม.๒/๒)
ป่ำช้ำและบริเวณวัด จึงท�ำให้ผู้อ่ำนเกิดจินตนำกำรและเกิดอำรมณ์คล้อยตำมบทประพันธ์ ชื่อเสียง บทที่ ๑๑ ที่เอยที่ระลึก ถึงอธึกงามลบในภพพื้น
.............................................................................................................................................................................................................................................................
ก็ไมชวนชีพที่ดับใหกลับคืน เสียงชมชื่นเชิดชูคุณผูตาย
.............................................................................................................................................................................................................................................................
เสียงประกาศเกียรติเอิกเกริกลั่น จะกระเทือนถึงกรรณนั้นอยาหมาย
.............................................................................................................................................................................................................................................................
ชื่อเสียงของผูตายจะเปนที่เชิดชูเกียรติใหกับญาติพี่นอง
แนวคิด ...........................................................................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................................................................................
๙๓
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ตัวเอยตัวทะยาน อยาบันดาลดลใจใหใฝฝน
ครูแนะความรูเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องความตายและปาชา ที่ปรากฏในสังคมไทย
ดูถูกกิจชาวนาสารพัน และความครอบครองกันอันชื่นบาน
ทั้งในสมัยโบราณและในยุคปจจุบัน แนวคิดหลักของเรื่องเกี่ยวกับความตายของ
เขาเปนสุขเรียบเรียบเงียบสงัด มีปวัตนเปนไปไมวิตถาร
ไทยกับของตะวันตกมีความเหมือนกัน แตแนวคิดสําคัญของไทยนั้นสอดคลองกับ
ขออยาไดเยยเยาะพูดเราะราน ดูหมิ่นการเปนอยูเพื่อนตูเอย
คติธรรมทางพระพุทธศาสนาที่สอนวาสรรพสิ่งลวนไมเที่ยงแทแนนอน
จากเนื้อหาของคําประพันธที่ยกมานี้บอกถึงแนวคิดสําคัญในขอใด
1. ชีวติ ทีม่ คี วามเรียบงายของชาวนา ไมมคี วามสุขเพราะเหน็ดเหนือ่ ยจาก
การงาน
2. ชีวิตที่มีความเรียบงายของชาวนาตองเหนื่อยยากจากภัยธรรมชาติ
นักเรียนควรรู
3. ชีวิตที่มีความเรียบงายของชาวนา มีความพอใจ มีความสุขจากการเก็บ 1 อัตภาพ อานวา อัด-ตะ-พาบ แปลวา ตน ลักษณะความเปนตัวตนหรือบุคคล
เกี่ยวขาวในนา ใชหมายถึงตัวตน รางกาย ชีวติ รูปลักษณะ เปนคําบงบอกถึงอวัยวะตางๆ ในรางกาย
4. ชีวิตที่มีความเรียบงายของชาวนาที่ทํานาทั้งป ตองทนตอการดูหมิ่นวา ของคน ตลอดถึงบุคลิกภาพและความเปนอยูแหงชีวิตโดยภาพรวม มีความหมาย
ยากจน เดียวกับคําวา อัตตา ซึ่งแปลวาตัวตนเหมือนกัน สํานวนไทยที่สอดคลองกับคําวา
วิเคราะหคําตอบ กลาวถึงความสุขที่เรียบงายของชาวนาที่แมจะทํางาน อัตภาพ เชน คับที่อยูได คับใจอยูยาก เปนตน
หนัก แตก็มีความสุขได จึงไมควรดูถูกในสิ่งที่เขาทํา ตอบขอ 3. 2 ดุษณี แปลวา อาการนิ่งซึ่งแสดงถึงการยอมรับ
คู่มือครู 151
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนรวมกันอภิปรายความรูจากการ
วิเคราะหคุณคาดานวรรณศิลป จากนั้นนักเรียน ๗.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์
ตอบคําถามในประเด็นตอไปนี้ กลอนดอกสร้อยร�ำพึงในป่ำช้ำ แม้จะเป็นบทประพันธ์สั้นๆ พรรณนำสภำพที่ใคร
• จากเนื้อเรื่องมีการใชถอยคําเรียบงายแต คนหนึ่งอยู่โดดเดี่ยวในป่ำช้ำยำมค�่ำคืน แต่ผู้เขียนก็สำมำรถใช้ค�ำที่ไพเรำะด้ำนวรรณศิลป์ ท�ำให้
สะทอนจินตภาพที่ชัดเจนอยางไรบาง ผู้อ่ำนเห็นภำพและเกิดอำรมณ์สะเทือนใจ เกิดควำมรู้สึกกลัว หวำดหวั่น เงียบเหงำ วังเวงใจ และเมื่อ
(แนวตอบ การใชถอยคําเรียบงายเพื่อพรรณนา ได้รู้สัจธรรมจำกเรื่องก็ท�ำให้รู้สึกปลงได้ กลอนดอกสร้อยร�ำพึงในป่ำช้ำจึงมีคุณค่ำในด้ำนวรรณศิลป์
ภาพของชาวนาจูงวัว ควาย เดินทางกลับ ดังต่อไปนี้
บานยามเย็น กับบรรยากาศสบายๆ เชน ๑) ใช้คำาที่ทำาให้เกิดภาพที่ชัดเจน
ดวงตะวันกําลังจะลับขอบฟา ฟาคอยๆ มืดลง 1
๑.๑) การใช้คำาที่เข้าใจง่าย เพื่อพรรณนำถึงวิถีชีวิตของชำวนำในยำมเย็
ในยำมเย็น ท�ำให้
มีเสียงระฆังที่ดังเหงงหงางเพื่อบอกเวลาคํ่า ผู้อ่ำนเห็นภำพ เกิดอำรมณ์และควำมรู้สึกคล้อยตำมได้ ดังบทประพันธ์
และการพรรณนาใหเกิดความกลัว เชน
๑
นกแสกเกาะอยูบนหอระฆังที่มีเถาวัลยรก วังเอ๋ยวังเวง
2 หง่ำงเหง่ง! ย�่ำค�่ำระฆังขำน
เลื้อยและสงเสียงรอง) ฝูงวัวควำยผ้ำยลำทิทิวำกำล ค่อยค่อยผ่ำนท้องทุ่งมุ่งถิ่นตน
• จากเนื้อเรื่องมีการใชอุปมาโวหารอยางไรบาง ชำวนำเหนื่อยอ่อนต่ำงจรกลับ ตะวันลับอับแสงทุกแห่งหน
(แนวตอบ มีการใชอุปมาโวหารเปนการ ทิ้งทุ่งให้มืดมัวทั่วมณฑล และทิ้งตนตูเปลี่ยวอยู่เดียวเอย
เปรียบเทียบใหเห็นภาพ แตตองอาศัย
การตีความของผูอานรวมดวย) จำกบทประพันธ์ผอู้ ำ่ นจะมองเห็นภำพชำวนำทีเ่ หนือ่ ยล้ำจำกกำรท�ำงำน จูงวัวควำย
เดินทำงกลับบ้ำน ผ่ำนป่ำช้ำในยำมเย็นขณะที่ดวงตะวันก�ำลังจะลับขอบฟ้ำ มีเสียงระฆังที่ดังหง่ำงเหง่ง
ขยายความเข้าใจ Expand บอกเวลำย�่ำค�่ำ ฟ้ำค่อยๆ มืดลงๆ ท�ำให้บรรยำกำศมืดมัว จนเกิดควำมรู้สึกอ้ำงว้ำงในจิตใจ
นอกจำกนี้ยังมีกำรใช้ถ้อยค�ำพรรณนำให้เห็นภำพของนกแสก ที่ก�ำลังแสดง
นักเรียนยกบทประพันธที่มีการใชอุปมาโวหาร อำกัปกิริยำที่ก่อให้เกิดควำมสะพรึงกลัว ดังบทประพันธ์
บันทึกลงในสมุด จากนั้นครูสุมเรียกนักเรียน ๓
1-2 คน มานําเสนอหนาชั้นเรียน นกเอ๋ยนกแสก จับจ้องร้องแจ๊กเพียงแถกขวัญ
อยู่บนยอดหอระฆังบังแสงจันทร์ มีเถำวัลย์รุงรังถึงหลังคำ
เหมือนมันฟ้องดวงจันทร์ให้ผันดู คนมำสู่ซ่องพักมันรักษำ
ถือเป็นที่รโหฐำนนมนำนมำ ให้เสื่อมผำสุกสันต์ของมันเอย
จำกบทประพันธ์กวีใช้ถ้อยค�ำพรรณนำให้เห็นภำพของนกแสกซึ่งก�ำลังเกำะอยู่
บนหอระฆังที่เต็มไปด้วยเถำวัลย์รกเลื้อยรุงรังและก�ำลังส่งเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ ท�ำให้คนที่ได้ยิน
เกิดควำมหวำดกลัว
๑.๒) การใช้อุปมา คือ กำรเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งเหมือนอีกสิ่งหนึ่ง โดยต้องอำศัย
กำรตีควำมจำกผู้อ่ำนเป็นส�ำคัญ ดังบทประพันธ์
152
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูแนะใหนักเรียนศึกษาความงดงามทางวรรณศิลปในกลอนดอกสรอยรําพึง คําประพันธในขอใดมีสัมผัสสระมากที่สุด
ในปาชา โดยพิจารณารูปแบบคําประพันธกับภาษาหรือคําศัพทที่ใชวา กวีเลือกคําที่ 1. คอกควายวัวรัวเกราะเปาะเปาะเพียง
แสดงอารมณไดเปนอยางดี เปนถอยคํางายๆ สือ่ ความไดชดั เจนเหมาะกับฉันทลักษณ 2. สันโดษดับฟุงซานทะยานใจ
ประเภทกลอนดอกสรอย ซึ่งแมจะเปนรูปแบบที่จดจําไดงาย และใชภาษางาย 3. เรไรหริ่งรองขรมระงมเสียง
แตสอดแทรกแนวคิดไวอยางลึกซึ้งถายทอดเรื่องราวสัจธรรมของชีวิตมนุษย 4. มีก็แตจังหรีดกระกรีดกริ่ง
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. มีคําวา วัว-รัว, เกราะ-เปาะ ขอ 2. ซาน-ทะยาน
ขอ 3. ขรม-ระงม และขอ 4. จังหรีด-กรีด ดังนั้น คําประพันธที่วา
นักเรียนควรรู “คอกควายวัวรัวเกราะเปาะเปาะเพียง” มีสัมผัสสระมากที่สุด ตอบขอ 1.
1 ยามเย็น หรือเรียกวา สายัณห ถาเวลาเย็นของวันใดที่มีแสงแดดสะทอนกลับ
มาเปนแสงสวางในเวลาจวนพลบคํ่า ก็จะเรียกแสงในชวงนั้นวา “ผีตากผาออม”
2 ทิวากาล แปลวา เวลากลางวัน และคําวา รัตติกาล แปลวา เวลากลางคืน
152 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนรวมกันอภิปรายความรูจากการ
๑๔
ดวงเอ๋ยดวงมณี มักจะลี้ลับอยู่ในภูผำ วิเคราะหคุณคาดานวรรณศิลป จากนั้นนักเรียน
หรือใต้ท้องห้องสมุทรสุดสำยตำ ก็เสื่อมซำสิ้นชมนิยมชน ตอบคําถามในประเด็นตอไปนี้
บุปผชำติชูสีและมีกลิ่น อยู่ในถิ่นที่ไกลเช่นไพรสณฑ์ • จากเนื้อเรื่องมีการใชโวหารบุคคลวัต
ไม่มีใครได้เชยเลยสักคน ย่อมบำนหล่นเปล่ำดำยมำกมำยเอย อยางไรบาง
(แนวตอบ ในเนื้อเรื่องมีการสมมุติใหสิ่งที่
จำกบทประพันธ์กวีเปรียบผู้ที่ท�ำควำมดีเหมือนดวงมณีอันมีค่ำแต่อยู่ในท้องถิ่น ไมใชมนุษยแสดงอาการคลายมนุษย เชน
ที่ห่ำงไกลจึงไม่มีผู้ใดเห็นควำมดี เหมือนดอกไม้ที่งดงำมด้วยสีและหอมด้วยกลิ่น แต่บำนในป่ำเขำที่ ทะเลไมเคยหลับ ฟาหลั่งนํ้าตา ตะวันทิ้งทุง
ห่ำงไกล เมื่อบำนแล้วก็จะร่วงหล่นไปน่ำเสียดำยที่ไม่มีใครเห็นควำมสวยงำม ใหมืดมัว)
๑.๓) ใช้บุคคลวัต คือ กำรท�ำสิ่งที่เป็นนำมธรรมหรือสิ่งไม่มีชีวิตให้มีพฤติกรรม • จากเนื้อเรื่องมีการใชโวหารสัทพจน
เหมือนสิ่งมีชีวิต เช่น ทะเลไม่เคยหลับ ฟ้ำหลั่งน�้ำตำ ดังบทประพันธ์ อยางไรบาง
๑ (แนวตอบ ในเนื้อเรื่องมีการใชคําเลียนเสียง
วังเอ๋ยวังเวง หง่ำงเหง่ง! ย�่ำค�่ำระฆังขำน
ธรรมชาติ เชน หงางเหงง เปนเสียงของ
ฝูงวัวควำยผ้ำยลำทิวำกำล ค่อยค่อยผ่ำนท้องทุ่งมุ่งถิ่นตน
ระฆัง เปาะเปาะ เปนเสียงของเกราะที่คลอง
ชำวนำเหนื่อยอ่อนต่ำงจรกลับ ตะวันลับอับแสงทุกแห่งหน
คอวัวควาย)
ทิ้งทุ่งให้มืดมัวทั่วมณฑล และทิ้งตนตูเปลี่ยวอยู่เดียวเอย
จำกบทประพันธ์ปรำกฏกำรใช้บคุ คลวัตโดยให้ “ตะวัน” ซึง่ เป็นสิง่ ทีไ่ ม่มชี วี ติ แสดง ขยายความเข้าใจ Expand
อำกัปกิริยำได้รำวกับสิ่งมีชีวิต ในที่นี้คือค�ำว่ำ “ทิ้ง” ซึ่งกวีกล่ำวว่ำเมื่อตะวันอับแสงลงได้ทิ้งทุ่งให้มืดมัว
นักเรียนยกตัวอยางการใชภาพพจนบุคคลวัต
และทิ้งคนคนหนึ่งให้อยู่อย่ำงเดียวดำย
หรือสัทพจนที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง นอกเหนือจาก
๒) ใช้คำาที่เกิดเสียงไพเราะ ที่ยกมาแลวในหนา 153
๒.๑) สัทพจน์ คือ ค�ำเลียนเสียงธรรมชำติเป็นสื่อให้ผู้อ่ำนรับรู้บรรยำกำศของ
(แนวตอบ ตัวอยางบทประพันธที่มีการใชโวหาร
เรื่องได้ชัดเจนมำกขึ้น ท�ำให้ผู้อ่ำนสำมำรถจินตนำกำรถึงเสียงตำมที่ได้ยินในเรื่อง เกิดควำมรู้สึกวังเวง
สัทพจน เชน
ดังบทประพันธ์
“นกเอยนกแสก
๒
ยำมเอ๋ยยำมนี้ ปถพีมืดมัวทั่วสถำน จับจองรองแจกเพียงแถกขวัญ
อำกำศเย็นเยือกหนำวครำววิกำล สงัดปำนป่ำใหญ่ไร้ส�ำเนียง อยูบนยอดหอระฆังบังแสงจันทร
มีก็แต่จังหรีดกระกรีดกริ่ง! เรไรหริ่ง! ร้องขรมระงมเสียง มีเถาวัลยรุงรังถึงหลังคา”
คอกควำยวัวรัวเกรำะเปำะเปำะ! เพียง รู้ว่ำเสียงเกรำะแว่วแผ่วแผ่วเอย จากบทประพันธมีการใชคําเลียนเสียงรองของ
นกแสกวา “แจก”)
จำกบทประพันธ์ปรำกฏค�ำเลียนเสียงธรรมชำติปรำกฏอยูท่ ำ� ให้เหมือนกับว่ำผูอ้ ำ่ น
ได้ยินเสียงจิ้งหรีดร้องระงม และเสียงรัวเกรำะในคอกวัวคอกควำยเสียงดังเปำะเปำะ! เปำะเปำะ! แว่ว
มำแผ่วๆ ท�ำให้เกิดอำรมณ์เหงำและวังเวง
153
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ขอใดใชภาพพจนสัทพจน
ครูยกโคลงโลกนิติเปรียบเทียบกับกลอนดอกสรอยรําพึงในปาชาบทที่ 14 เพื่อ
1. ใครจะยอมละทิ้งซึ่งสิ่งสุข เคยเปนทุกขหวงใยเสียไดงาย
ใหนักเรียนเห็นแนวคิดวา เราจะประสบความสําเร็จไมได ถาหากไมมีคนใหการ
2. วังเอยวังเวง หงางเหงง! ยํ่าคํ่าระฆังขาน
สนับสนุนสงเสริม ซึ่งเราจะตองมีความออนนอมถอมตน
3. หวงเอยหวงอะไร ไมยิ่งใหญเทาหวงดวงชีวิต
“แมนมีความรูดั่ง สัพพัญู
4. แมคนลืมสิ่งใดไดสนิท ก็ยังคิดขึ้นไดเมื่อใกลตาย
ผิบมีคนชู หอนชู
วิเคราะหคําตอบ สัทพจน เปนภาพพจนทางเสียง มีคําเลียนเสียงธรรมชาติ หัวแหวนคาเมืองตรู ตาโลก
หรือถายทอดเสียงวัตถุสิ่งของ เชน เสียงดนตรี เสียงสัตว เสียงคลื่น เสียงลม ทองบรองรับพื้น หอนแกวมีศรี”
เสียงฝนตก เสียงนํ้าไหล ฯลฯ การใชภาพพจนประเภทนี้จะทําใหเหมือน และพุทธสุภาษิตวา “คุณี สพฺพูุตุลฺโยป น โสภติ อนิสฺสโย” และ
ไดยินเสียงนั้นจริง ๆ ขอที่มีการเลียนเสียง คือ “วังเอยวังเวง หงางเหงง! “อนคฺโฆป มณิเสฏโฐ เหมํ นิสฺสาย โสภเต”
ยํ่าคํ่าระฆังขาน” มีคําเลียนเสียงระฆังดัง “หงางเหงง” ตอบขอ 2. แมมคี ณ
ุ เทียบเทาพระสัพพัญู แตไรผอู มุ ชู ยอมไมสงางาม แกวมณีแมจะดูไรคา
เมื่อไดอาศัยเรือนทองรองรับ จึงดูงามลํ้าคา
คู่มือครู 153
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนรวมกันอภิปรายความรูจากการ
วิเคราะหคุณคาดานวรรณศิลป จากนั้นนักเรียน ๒.๒) มีเสียงสัมผัสใน ทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษรทุกบท ดังบทประพันธ์
ตอบคําถามในประเด็น ตอไปนี้ ๒
ยำมเอ๋ยยำมนี้ ปถพีมืดมัวทั่วสถำน
• จากเนื้อเรื่องมีความโดดเดนเรื่องการใช
อำกำศเย็นเยือกหนำวครำววิกำล สงัดปำนป่ำใหญ่ไร้ส�ำเนียง
สัมผัสในอยางไร มีก็แต่จังหรีดกระกรีดกริ่ง! เรไรหริ่ง! ร้องขรมระงมเสียง
(แนวตอบ พบการใชสัมผัสอักษร เชน มืด-มัว คอกควำยวัวรัวเกรำะเปำะเปำะ! เพียง รู้ว่ำเสียงเกรำะแว่วแผ่วแผ่วเอย
เย็น-เยือก ปาน-ปา คอก-ควาย เปนตน
และพบการใชสัมผัสสระ เชน หนาว-คราว จำกบทประพันธ์ปรำกฏค�ำที่มีสัมผัส ดังนี้
ใหญ-ไร หรีด-กรีด ขรม-งม เปนตน) • สัมผัสอักษร ได้แก่ มืด - มัว เย็น - เยือก สงัด - ส�ำ(เนียง) ปำน - ป่ำ กระ - กรีด - กริง่
• จากเนื้อเรื่องมีการใชคําที่ลึกซึ้งอยางไร เร - ไร - หริง่ - ร้อง - ระ
(แนวตอบ มีการใชกลวิธีการตั้งคําถามเพื่อให • สัมผัสสระ ได้แก่ มัว - ทัว่ หนำว - ครำว ใหญ่ - ไร้ หรีด - กรีด ขรม - งม วัว - รัว
ผูอานคิดตาม เชน ใครเกี่ยวขาว ใครไถนา เกรำะ - เปำะ แว่ว - แผ่ว
ใครไถคราด เปนตน ใชการยกเรื่องราวหรือ ๓) ใช้คำาที่ให้ความหมายลึกซึ้ง กลอนดอกสร้อยเรื่อง “ร�ำพึงในป่ำช้ำ” ใช้กลวิธี
ในกำรน�ำเสนอด้วยกำรตั้งค�ำถำมเพื่อให้ผู้อ่ำนเกิดควำมอยำกรู้และคิดตำม ดังบทประพันธ์
เหตุการณทางประวัติศาสตรมาสอดแทรกเพื่อ
๗
ใหความรูแกผูอานและกระตุนใหผูอานเกิด กองเอ๋ยกองข้ำว กองสูงรำวโรงนำยิ่งน่ำใคร่
ความสนใจมากขึ้น) เกิดเพรำะกำรเก็บเกี่ยวด้วยเคียวใคร ใครเล่ำใครครำดฟื้นพื้นแผ่นดิน
เช้ำก็ขับโคกระบือถือคันไถ ส�ำรำญใจตำมเขตประเทศถิ่น
ขยายความเข้าใจ Expand ยึดหำงยำมยักไปตำมใจจินต์ หำงยำมผินตำมใจเพรำะใครเอย
“ดวงเอยดวงมณี จำกบทประพันธ์นี้แสดงให้เห็นถึงชำวนำชำวไร่ผู้ที่พลิกฟื้นผืนดินท�ำกำรเกษตร
มักจะลี้ลับอยูในภูผา เลี้ยงปำกท้องคนไทย แม้จะเหนื่อยยำกเพียงใด เขำก็มีควำมสุขตำมอัตภำพ ผู้ที่ได้รับประโยชน์จำก
หรือใตทองหองสมุดสุดสายตา ชำวไร่ชำวนำจึงควรคิดถึงบุญคุณของชำวไร่ชำวนำผู้ยำกไร้
ก็เสื่อมซาสิ้นชมนิยมชน ๑๕
ซำกเอ๋ยซำกศพ อำจเป็นซำกนักรบผู้กล้ำหำญ
บุปผชาติชูศรีและมีกลิ่น เช่นชำวบ้ำนบำงระจันขันร�ำบำญ กับหมู่ม่ำนมำประทุษอยุธยำ
อยูในถิ่นที่ไกลเชนไพรสณฑ ไม่เช่นนั้นท่ำนกวีเช่นศรีปรำชญ์
ไมมีใครไดเชยเลยสักคน 1 นอนอนำถเล่ห์ใบ้ไร้ภำษำ
หรือผู้กู้บำ้ นเมืองเรืองปัญญำ
ญำ อำจจะมำนอนจมถมดินเอย
ยอมบานหลนเปลาดายมากมายเอย”
จากบทประพันธขางตนใหนักเรียนพิจารณา จำกบทประพันธ์กล่ำวถึงซำกศพที่ทับถมจมดินในป่ำช้ำนี้ อำจจะเป็นซำกของ
ลักษณะทางวรรณศิลป นักรบ เช่น ชำวบ้ำนบำงระจั 2 นที่ได้ต่อสู้กับพม่ำที่มำรุกรำนกรุงศรีอยุธยำ ไม่เช่นนั้นก็อำจเป็น
(แนวตอบ เปนบทประพันธที่มีความไพเราะใน นักกวีที่ยิ่งใหญ่เช่นศรีปรำชญ์ หรือผู้ที่กู้บ้ำนกู้เมือง ผู้มีควำมรู้มีปัญญำทั้งหลำยก็ได้ แต่ไม่ว่ำใครจะ
การใชคําที่มีเสียงสัมผัสทั้งสัมผัสสระและอักษร ยิ่งใหญ่แค่ไหน มีปัญญำมำกแค่ไหน ทุกคนก็หนีไม่พ้นควำมตำย ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่จึงควรนึกถึงซำกศพ
เหมือนบทอื่นๆ กวีใชโวหารแสดงความเปรียบอยาง ที่ถูกฝังดินอยู่ด้วยควำมเคำรพคำรวะ เพรำะคนเหล่ำนี้ท�ำประโยชน์ให้กับประเทศชำติ
แยบยล เปรียบคนที่มีความรูมีปญญาดังดวงมณี 154
และบุปผชาติที่มีอยูมากมาย แตสุดทายก็ดับหายไป
เพราะอยูไกลหรือมีถิ่นกําเนิดที่ไมมีใครจะยกชู)
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
คําประพันธในขอใดใชคําถามเชิงวาทศิลป
1 ผูกูบานเมืองเรืองปญญา ในบทประพันธฉบับภาษาอังกฤษที่เปนตนฉบับ 1. ยอมละชีพเคยสุขสนุกสบาย เคยเสียดายเคยวิตกเคยปกครอง
บางบทไดอางถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงเปนที่รูจักดีในชาติตะวันตก แตเมื่อนํามาแปล 2. ทิ้งทุงใหมืดมัวทั่วมณฑล และทิ้งตนตูเปลี่ยวอยูเดียวเอย
กวีไดเปลี่ยนใหเปนชื่อของบุคคลไทย โดยมีนัยไวเชนเดียวกับตนฉบับ และหาก 3. ใครจะยอมละแดนแสนสบาย โดยไมชายตาไปอาลัยเลย
นํามาเทียบเคียงบุคคลสําคัญของไทยได กวีก็จะกลาวถึงความสําคัญโดยไมเจาะจง 4. ไมเชนนั้นทานกวีเชนศรีปราชญ นอนอนาถเลหใบไรภาษา
หรือระบุนามวา “ผูกูบานเมืองเรืองปญญา”
2 ศรีปราชญ เปนกวีเอกของไทยสมัยอยุธยาที่พระยาอุปกิตศิลปสารไดปรับ วิเคราะหคําตอบ คําถามเชิงวาทศิลป คือคําถามที่ถามโดยไมตองการ
เปลี่ยนอางถึงแทนจอหน มิลตัน กวีเอกของอังกฤษ โดยคํานึงถึงความเหมาะสม คําตอบ การตั้งคําถามแตมิไดหวังคําตอบ เพราะเปนคําตอบที่ผูถาม
หลายอยาง ทั้งดานความสามารถในการประพันธ และชวงเวลาที่มีชีวิตอยูใกล และผูตอบรูดีอยูแลว การใชคําถามวาทศิลปเพื่อเราอารมณผูอานหรือสื่อ
เคียงกัน จอหน มิลตัน มีชีวิตอยูตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถและสมเด็จ ความหมาย และขอคิดที่ตองการ คําประพันธที่มีการใชคําถามวาทศิลป
พระนารายณมหาราช สมัยอยุธยา คือ “ใครจะยอมละแดนแสนสบาย โดยไมชายตาไปอาลัยเลย” แมจะเปน
ประโยคคําถามวา “ใคร” แต “ใคร” ในที่นี้เปนที่รูกันดีวา หมายถึง ทุกคนที่
ตางก็ตองการความสบาย เปนการกลาวถึงขอเท็จจริงทั่วไป ตอบขอ 3.
154 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนตอบคําถามเกี่ยวกับคุณคาดานสังคม
๗.๓ คุณค่าด้านสังคม ของกลอนดอกสรอยรําพึงในปาชา ในประเด็น
กลอนดอกสร้อยร�ำพึงในป่ำช้ำ นอกจำกจะสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดส�ำคัญของชีวติ แล้ว คําถามตอไปนี้
ยังสะท้อนให้เห็นสภำพสังคม คติ ค่ำนิยม ควำมเชื่อของสังคม ดังต่อไปนี้ • สะทอนใหเห็นภาพวิถีชีวิตของคนในชนบท
๑) สะท้อนให้เห็นภาพวิถีชีวิตของคนในชนบท กลอนดอกสร้อยร�ำพึงในป่ำช้ำ อยางไร
สะท้อนให้เห็นวิถีกำรด�ำรงชีวิตของผู้คนในสังคมเกษตรกรรม ดังบทประพันธ์ (แนวตอบ สภาพการดํารงชีวิตของชาวนาที่
๑ ลําบาก การทําภารกิจประจําวัน การเลีย้ งชีพ
วังเอ๋ยวังเวง หง่ำงเหง่ง! ย�่ำค�่ำระฆังขำน
การอยูกับธรรมชาติที่เรียบงาย แมจะ
ฝูงวัวควำยผ้ำยลำทิวำกำล ค่อยค่อยผ่ำนท้องทุ่งมุ่งถิ่นตน
เหน็ดเหนื่อยและลําบาก แตก็มีความสุข)
ชำวนำเหนื่อยอ่อนต่ำงจรกลับ ตะวันลับอับแสงทุกแห่งหน
• สะทอนคานิยมของคนในสังคมไทย
ทิ้งทุ่งให้มืดมัวทั่วมณฑล และทิ้งตนตูเปลี่ยวอยู่เดียวเอย
มีอะไรบาง
จำกบทประพันธ์สะท้อนให้เห็นถึงวิถีกำรด�ำรงชีวิตของชำวนำในชนบทที่หลังจำก (แนวตอบ การใหความเคารพผูที่มีฐานะและ
เสร็จภำรกิจกำรปฏิบัติงำนประจ�ำวัน ต่ำงจูงฝูงวัวควำยพำกันเดินทำงกลับบ้ำนด้วยควำมเหนื่อยล้ำ มีชื่อเสียงในสังคม และการเปนคนมีการ
เมื่อยำมตะวันจะลับขอบฟ้ำเรียกว่ำ ยำมย�่ำค�่ำ คือ เวลำประมำณ ๑๘.๐๐ น. พระสงฆ์จะเคำะระฆังดัง ศึกษาจะทําใหเปนที่ยอมรับ)
หง่ำงเหง่ง! หง่ำงเหง่ง! เรียกว่ำ กำรย�่ำยำม • ชี้ใหเห็นธรรมชาติของมนุษยอยางไร
๒) สะท้อนให้เห็นความเชื่อของคนในสังคมไทย ควำมเชื่อเป็นสิ่งที่ผูกพันอยู่กับ (แนวตอบ ชี้ใหเห็นวาทายที่สุดมนุษยก็ตอง
วิถีชีวิตของชำวไทยและโดยทั่วไปจะมีควำมเกี่ยวโยงกับจิตวิญญำณและควำมตำย ดังบทประพันธ์ ถึงกาลอวสานแหงชีวิต สภาพทางธรรมชาติ
๓
นกเอ๋ยนกแสก จับจ้องร้องแจ๊กเพียงแถกขวัญ ของมนุษยมีความเทาเทียมกัน จึงควรปลอย
อยู่บนยอดหอระฆังบังแสงจันทร์ มีเถำวัลย์รุงรังถึงหลังคำ วางจากสิ่งที่ไมยั่งยืนทั้งหลาย ชื่อเสียง
เกียรติยศ ทรัพยสินเงินทอง)
จำกบทประพันธ์สะท้อนให้เห็นควำมเชื่อของคนไทยที่ว่ำ นกแสกเป็นทูตแห่ง
ควำมตำยหรื 1 อสัญลักษณ์แห่งควำมตำย ควำมน่ำสะพรึงกลัว ซึง่ นกแสกเป็นนกชนิดเดียวกับนกเค้ำแมว ขยายความเข้าใจ Expand
และนกฮูกตตำมทีป่ รำกฏในบทประพันธ์เดิม เนือ่ งจำกมีสำยตำดีจงึ หำกินในเวลำกลำงคืนโดยซุม่ จับเหยือ่
ในที่รกและมืด เมื่อถูกรบกวนหรือจับเหยื่อได้จะส่งเสียงร้องเสียงดัง ในควำมเงียบสงัดจึงเป็นเสียงที่ นักเรียนยกบทประพันธที่กวีไดแทรกความคิด
สร้ำงควำมน่ำกลัวให้เกิดขึ้น สําคัญเรื่องการศึกษา
๓) สะท้อนให้เห็นค่านิยมของคนในสังคม เช่น กำรให้ควำมเคำรพนับถือผูท้ มี่ ฐี ำนะ (แนวตอบ บทประพันธเกี่ยวกับการศึกษา เชน
หรือมีชื่อเสียงในสังคม ดังบทประพันธ์ “ความเอยความรู
๒๑ เปนเครื่องชูชี้ทางสวางไสว
ศพเอ๋ยศพสูง เป็นเครื่องจูงจิตให้เลื่อมใสศำนต์
หมดโอกาสที่จะชี้ตอนี้ไป
จำรึกค�ำส�ำนวนชวนสักกำร ผิดกับฐำนชำวนำคนสำมัญ
ละหวงใยอยากรูลงสูดิน
ซึ่งอย่ำงดีก็มีกวีเถื่อน จำรึกชื่อปีเดือนวันดับขันธ์
อุทิศสิ่งซึ่งสร้ำงตำมทำงธรรม์ ของผู้นั้นผู้นี้แก่ผีเอย อันความยากหากใหไรศึกษา
ยนปญญาความรูอยูแคถิ่น
155 หมดทุกขขลุกแตกิจคิดหากิน
กระแสวิญญาณงันเพียงนั้นเอย”)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
หวงเอยหวงอะไร ไมยิ่งใหญเทาหวงดวงชีวิต
1 นกฮูก ในหลายๆ พื้นที่ของโลกถือวาเปนสัตวที่มีความเกี่ยวของกับโชคราย
แมคนลืมสิ่งใดไดสนิท ก็ยังคิดขึ้นไดเมื่อใกลตาย
และความตาย แตถึงกระนั้นก็ใชวานกฮูกจะเปนสัตวที่ถูกนําไปโยงเกี่ยวกับสิ่งชั่ว
ใครจะยอมละทิ้งซึ่งสิ่งสุข เคยเปนทุกขหวงใยเสียไดงาย
รายเพียงอยางเดียว เพราะนกฮูกยังแสดงถึงความสุขุมรอบคอบ และความรํ่ารวย
ใครจะยอมละแดนแสนสบาย โดยไมชายตาใฝอาลัยเลย
จากการเปนสัตวของเทพเจาในบางวัฒนธรรมอีกดวย เชน ในญี่ปุนเชื่อวานกฮูก
จากบทประพันธขางตนขอใดเปนธรรมชาติของมนุษย
เปนผูนําสารจากเทพเจา เปนสัญลักษณดานบวก ในขณะที่นกฮูกยุงหรือนกแสก
1. มนุษยยอมรักลูกของตน
ถือเปนนกปศาจ ซึ่งเปนสัญลักษณดานลบ สวนวัฒนธรรมอินเดีย ถือวานกฮูกที่มี
2. มนุษยยอมรักชีวิตของตน
สีขาวเปนสัตวขางกายของเทพเจาแหงความสมบูรณมั่งคั่ง เปนผูนํามาซึ่งความ
3. มนุษยยอมรักพอแมของตน
เจริญรุงเรือง
4. มนุษยยอมรักชื่อเสียงของตน
สําหรับทวีปยุโรปนั้น ตามตํานานเทพเจาของชาวกรีก นกฮูกจิ๋ว มักจะมี
วิเคราะหคําตอบ จากคําประพันธที่วา “หวงเอยหวงอะไร ไมยิ่งใหญ ความเกี่ยวของกับเทพีอเธนา เทพีแหงนกของกรีก ผูซึ่งมักจะปรากฏกายมาใน
เทาหวงดวงชีวิต” แสดงใหเห็นวาชีวิตสําคัญที่สุด เพราะชีวิตหมายความ รูปแบบของนกฮูก นอกจากจะเปนเทพีแหงนกแลว เทพีอเธนายังเปนเทพีแหง
รวมถึงการใชชีวิต การมีชีวิตที่อยูในที่ที่มีความสุขสบาย ดังนั้น จึงเปน ปญญา ศิลปะ และทักษะความชํานาญ เพราะฉะนั้น จึงมีการนํานกฮูกมาใชเปน
ธรรมชาติของมนุษยที่จะรักชีวิตตนเอง ตอบขอ 2. สัญลักษณของการสอน และตราของสถาบันการศึกษาตางๆ หลายแหงอีกดวย
คู่มือครู 155
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนตอบคําถามเกี่ยวกับคุณคาดานสังคม
ของกลอนดอกสรอยรําพึงในปาชา ในประเด็น จำกบทประพันธ์สะท้อนให้เห็นค่ำนิยมของกำรให้ควำมส�ำคัญแก่บุคคลแตกต่ำง
คําถามตอไปนี้ กัน กล่ำวคือ ผู้เสียชีวิตที่มีฐำนะร�่ำรวยมักมีกำรจำรึกค�ำหรือสร้ำงสิ่งก่อสร้ำงเป็นอนุสรณ์ แต่ถ้ำ
• จากเนื้อเรื่องชี้ใหเห็นธรรมชาติของมนุษย ผูเ้ สียชีวติ เป็นชำวนำชำวไร่หรือผูม้ ฐี ำนะยำกจนมักไม่มใี ครเห็นคุณค่ำหรือควำมส�ำคัญ อย่ำงมำกก็มเี พียง
อยางไรบาง กำรจำรึกชื่อและวัน เดือน ปี ที่เสียชีวิตเท่ำนั้น
(แนวตอบ มนุษยทุกคนยอมรักและหวงความ ๔) ชี้ให้เห็นธรรมชาติของมนุษย์ มนุษย์ทุกคนย่อมรักตัวเอง ห่วงควำมสุขสบำย
สุขสบาย กลัวความตายแตสุดทายของชีวิต ที่เคยได้รับ กลัวควำมตำย แต่ทุกคนก็หนีไม่พ้นควำมตำย ดังบทประพันธ์
ก็หนีไมพนความตายกันทุกคน) ๒๒
2. นักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับขอคิดที่พบใน ห่วงเอ๋ยห่วงอะไร ไม่ยิ่งใหญ่เท่ำห่วงดวงชีวิต
กลอนดอกสรอยรําพึงในปาชา ซึ่งสามารถนําไป แม้คนลืมสิ่งใดได้สนิท ก็ยังคิดขึ้นได้เมื่อใกล้ตำย
ใชในชีวิตประจําวันได ใครจะยอมละทิ้งซึ่งสิ่งสุข เคยเป็นทุกข์ห่วงใยเสียได้ง่ำย
• ทุกสรรพสิ่งในโลกลวนไมเที่ยงหมายความวา ใครจะยอมละแดนแสนสบำย โดยไม่ชำยตำใฝ่อำลัยเอย
อยางไร
(แนวตอบ โลกมนุษยไมมีความเที่ยงแท จำกบทประพันธ์กล่ำวว่ำคนทุกคนย่อมรักชีวิตของตนเอง รักทรัพย์สิน รักควำม
แนนอน ไมมีอะไรยั่งยืนมั่นคง ทุกอยาง สะดวกสบำยทีเ่ คยได้รบั แต่เมือ่ ถึงเวลำทุกคนก็ตอ้ งตำย ทรัพย์สมบัต ิ สิง่ ของอันเป็นทีร่ กั ไม่มใี ครสำมำรถ
เกิด แตก และดับไปตามกาลเวลา ตองรูจัก น�ำติดตัวไปได้เลย
เตรียมกายเตรียมใจเอาไว) ๕) ชี้ให้เห็นความแตกต่างของขนบธรรมเนียม ในแต่ละสังคมย่อมมีธรรมเนียม
• ความสงบสุขที่แทจริงคืออะไร ที่แตกต่ำงกัน เช่น ชำวตะวันตกนิยมฝังศพในสุสำน ส่วนคนไทยใช้กำรฌำปนกิจ ดังบทประพันธ์
(แนวตอบ การมีชีวิตที่เรียบงายและการไดทํา ๑๐
ตัวเอ๋ยตัวหยิ่ง เจ้ำอย่ำชิงติซำกว่ำยำกไร้
ประโยชนเพื่อประเทศชาติ)
เห็นจมดินน่ำสลดระทดใจ ที่ระลึกสิ่งไรก็ไม่มี
ไม่เหมือนอย่ำงบำงศพญำติตบแต่ง เครื่องแสดงเกียรติเลิศประเสริฐศรี
ขยายความเข้าใจ Expand
สร้ำงสถำนกำรบุญหนุนพลี เป็นอนุสำวรีย์สง่ำเอย
นักเรียนยกโฆษณาที่มีอิทธิพลตอการดําเนิน
ชีวิตประจําวัน โดยใชถอยคําภาษาสื่อความเกี่ยวกับ จำกบทประพันธ์เป็นกำรกล่ำวตักเตือนผูเ้ ย่อหยิง่ ไม่ให้ตำ� หนิซำกศพผูย้ ำกไร้ ทีไ่ ม่มี
การคงสภาพไมเปลี่ยนแปลง นักเรียนแสดงความ สิ่งของประดับตกแต่ง ต่ำงจำกบำงศพที่ญำติประดับด้วยเครื่องแสดงเกียรติยศและเก็บไว้ในสถำนที่
คิดเห็นเกี่ยวกับถอยคําภาษาดังกลาว ฝังศพอย่ำงดี
(แนวตอบ ทุกสิ่งในโลกไมมีอะไรเที่ยงแทยั่งยืน ๗.๔ ข้อคิดทีส่ ามารถน�าไปประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจ�าวัน
เชน โฆษณาเครื่องสําอาง ที่ชวยคงสภาพความ กลอนดอกสร้อยร�ำพึงในป่ำช้ำเป็นวรรณคดีที่มีคุณค่ำ เนื่องด้วยสะท้อนให้เห็นสัจธรรม
หนุมสาว แมปจจุบันจะมีวิทยาการทางวิทยาศาสตร
ของชีวิต รวมถึงสะท้อนสภำพสังคมในด้ำนค่ำนิยมและควำมเชื่อ นอกจำกนี้ผู้อ่ำนยังจะได้รับข้อคิดที่
ชวยชะลอวัยไมใหเปลี่ยนแปลง แตสุดทายก็ไมอาจ
สำมำรถน�ำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ�ำวัน ดังนี้
หยุดหรือยับยั้งความแกชราได มนุษยควรเตรียมใจ
156
ยอมรับสภาพความจริง จึงจะใชชวี ติ อยางมีความสุข)
ขอสอบเนน การคิด
บูรณาการอาเซียน แนว NT O-NE T
“วิถีแหงเกียรติยศทั้งหมดนั้น แตลวนผันมาประจบหลุมศพเอย”
จากการเรียนกลอนดอกสรอยรําพึงในปาชา ซึ่งเปนเรื่องที่ใหแงคิดเกี่ยวกับ
คําประพันธนี้ใหขอคิดเรื่องอะไร
ความไมเที่ยงแทแนนอนของชีวิต และความตายซึ่งเปนธรรมชาติของมนุษย ครูนํา
1. เราจะไดเกียรติยศเมื่อใกลตาย
แงคิดดังกลาวนี้มาเปนประเด็นในการบูรณาการอาเซียน เพราะเนื่องจากพิธีกรรม
2. ความตายเปนสิ่งจริงแทแนนอน
เกี่ยวกับความตายในแตละที่ แตละสังคมไมวาจะเหมือนและตางกัน ก็ลวนแลว
3. หลุมฝงศพเปนเกียรติยศของคนเรา
แตเปนเครื่องบงบอกถึงวัฒนธรรมของสังคมนั้นๆ ดังที่เห็นไดจากประเทศใน
4. เกียรติยศจะยังคงอยูแมจะตายไปแลว
แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใตไดผสมผสานระหวางความเชื่อเดิม คือ การนับถือผี
บรรพบุรุษเขากับศาสนาพราหมณ-ฮินดูและพุทธอยางกลมกลืน แตขณะเดียวกันก็มี วิเคราะหคําตอบ จากคําประพันธขางตน แมจะกลาวถึงเกียรติยศ แตก็
บางแหงที่ไดรับอิทธิพลของศาสนาอื่น เชน คริสต อิสลาม และลัทธิตางๆ เปนตน แสดงใหเห็นสัจธรรมของชีวิตที่ไมวาจะยากดีมีจนอยางไร มีหรือไมมีเกียรติ
ครูแนะใหนักเรียนเรียนรูวัฒนธรรมความเปนอยูของประเทศเพื่อนบานผาน อยางไร สุดทายก็ “มาประจบที่หลุมศพ” คือ พบกับความตาย ดังนั้น ขอคิด
พิธีกรรมเกี่ยวกับความตาย โดยเรียนรูจากขอคิด คติแฝงใจที่อยูในความเชื่อของ ที่ไดจากเรื่องนี้ คือ ความตายเปนสิ่งจริงแทแนนอน ตอบขอ 2.
พิธีกรรมนี้ ซึ่งมีอิทธิพลในการชวยยํ้าเตือนใหผูที่ยังมีชีวิตอยูไดขอคิดในการดําเนิน
ชีวิต ทั้งนี้นักเรียนยกวรรณกรรมอาเซียนที่สะทอนเรื่องราวความเปนอยูของคนใน
สังคมมาทําแผนพับใหความรู
156 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนตอบคําถามเกี่ยวกับขอคิด จากกลอน
๑) ทุกสรรพสิง่ ในโลกล้วนไม่เทีย่ ง กลอนดอกสร้อยร�ำพึงในป่ำช้ำให้ขอ้ คิดแก่ผอู้ ำ่ น ดอกสรอยรําพึงในปาชาที่สามารถนําไปใชใน
ว่ำทุกสรรพสิง่ บนโลกมนุษย์ไม่มคี วำมเทีย่ งแท้ ไม่มคี วำมจีรงั ยัง่ ยืน ล้วนตัง้ อยูแ่ ละแตกดับไปตำมสังขำร ชีวิตประจําวันได
และกำลเวลำ จึงควรที่จะเตรียมใจเผื่อไว้ส�ำหรับสิ่งนี้ เมื่อเวลำนั้นเดินทำงมำถึงจะได้สำมำรถยอมรับได้ • สอนใหเราไมยึดติดอยางไร
อย่ำงไม่วุ่นวำยทรมำน (แนวตอบ กลาวสอนวามนุษยไมควรยึดถือ
๒) ความเรียบง่ายคือความสุขที่แท้จริง กลอนดอกสร้อยร�ำพึงในป่ำช้ำ มีเนื้อหำ ในยศถาบรรดาศักดิ์ ความรํ่ารวย เพราะ
บำงส่วนที่กล่ำวชื่นชมวิถีชีวิตอันเรียบง่ำยของชำวนำ แม้ว่ำในยำมจำกไปจะไม่มีผู้ใดจำรึกเกียรติคุณไว้ เมื่อตายไปแลวก็ไมสามารถนําอะไรติดตัว
แต่หลุมศพของชำวนำจะเป็นเครื่องเตือนให้ผู้พบเห็นได้ไตร่ตรองถึงควำมสันโดษ ควำมธรรมดำสำมัญ ไปไดเลย คงเหลือไวเพียงคุณงามความดีที่
อันเป็นควำมสุขที่แท้จริงของชีวิต ไดกระทําเมื่อยังมีชีวิต เพื่อใหชนรุนหลังได
๓) อย่ายึดติดกับวัตถุ กล่ำวคือ มนุษย์ไม่ควรยึดติดในยศถำบรรดำศักดิห์ รือทรัพย์สนิ นําไปเปนแบบอยางในการดําเนินชีวิต และ
เงินทอง ไม่ว่ำใครจะมีควำมรู้สูงส่งเพียงใดเมื่อตำยไปทุกสิ่งย่อมจบสิ้นหมดไปไม่สำมำรถน�ำสิ่งใดติดตัว
ประโยชนที่เหลือไวใหประเทศชาติ)
ไปได้เลย นอกจำกควำมดีควำมชั่วอันเป็นสิ่งที่ให้คนรุ่นหลังได้กล่ำวขำน
มนุษย์ทุกคนไม่ว่ำร�่ำรวยหรือยำกจนต่ำงเท่ำเทียมกันในเรื่องควำมตำย แต่บุคคล ขยายความเข้าใจ Expand
ที่อุทิศตนท�ำควำมดี ประพฤติปฏิบัติหน้ำที่ของตนเองอย่ำงเต็มก�ำลังควำมสำมำรถ เมื่อเสียชีวิตย่อม นักเรียนเขียนความเรียง ความยาวครึ่งหนาที่
ได้รับค�ำสรรเสริญจำกคนรุ่นหลัง มีจุดมุงหมายในการเสนอแนวทางที่ชวยสนับสนุน
แนวคิด “อยายึดติดกับวัตถุ”
กลอนดอกสร้อยรÓพึงในป่าช้า แม้จะเป็นคÓประพันธ์ทแี่ ปลมาจากกวีนพ ิ นธ์องั กฤษ (แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลากหลาย เชน
แต่ผู้ประพันธ์ก็สามารถปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่องให้ผู้อ่านได้เห็นบรรยากาศ สภาพวิถีชีวิต การบริจาค ชวยเหลือผูที่ขาดแคลนตามสภาพ
ความคิด ความเชื่อแบบไทยได้ โดยผู้เขียนเลือกสรรคÓง่าย สื่อให้ผู้อ่านเกิดภาพพจน์ ความเหมาะสม การชวยเหลือทางวัตถุที่จําเปน
เกิดจินตนาการตามเนือ้ เรือ่ ง ให้ขอ้ คิด คติธรรม และชีใ้ ห้เห็นธรรมชาติของชีวติ ว่าทุกคน ตอการดําเนินชีวิต นอกจากจะชวยเหลือผูอื่นแลว
ไม่สามารถหลีกพ้นความตายได้เลย เมื่อตายไป ทรัพย์สมบัติ ของรักของหวงสิ่งใด ยังชวยพัฒนาจิตใจใหเปนผูให รวมถึงเปน
ก็ไม่สามารถนÓติดตัวไปได้ นอกจากความดีความชั่วที่ตนทÓขณะที่มีชีวิตเท่านั้น ดังนั้น ผูปลอยวางและมีความสุขกับชีวิต)
เมือ่ ยังมีชวี ติ อยูจ่ งึ ควรดÓรงชีวติ ด้วยความไม่ประมาท หมัน
่ ทÓแต่ความดี กลอนดอกสร้อย
รÓพึงในป่าช้าจึงนับว่าเป็นบทประพันธ์ที่มีคุณค่าในแง่ที่สามารถยกระดับจิตใจและ
เตือนสติผู้อ่าน ชี้ให้เห็นความไม่แน่นอนของชีวิต นอกจากคุณค่าทางด้านเนื้อหาแล้ว
กลอนดอกสร้อยรÓพึงในป่าช้ายังมีวรรณศิลป์ที่งดงาม สร้างความซาบซึ้งกินใจให้แก่
ผู้อ่านอีกด้วย
157
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
“แหงหลุมลึกลานสลดระทดใจ เรายิ่งใกลหลุมนั้นทุกขวันเอย”
ครูแนะความรูเ รือ่ งพิธกี รรมเกีย่ วกับความตายตามความเชือ่ ทางพระพุทธศาสนา
คําประพันธที่ยกมานี้มีความหมายตรงกับขอใด
ในปจจุบันยังมีพิธีกรรมที่ยังสืบทอดกันอยูหลายอยาง เชน จะมีพิธีบอกหนทาง
1. เรายิ่งใกลความตายเขาไปทุกที
สุขคติแกผูใกลตาย พิธีอาบนํ้าศพ พิธีแตงตัวใหศพ พิธีตําหมากใสปากศพ พิธีปด
2. เรายิ่งใกลหลุมฝงศพเขาไปทุกที
หนาศพ ตกกลางคืนมีการนิมนตพระสงฆ 4 รูป มาสวดอภิธรรม ประเพณีการเฝาศพ
3. เรายิ่งใกลความหลุดพนเขาไปทุกที
หรือเปนเพื่อนศพ ซึ่งอาจมีการละเลนหรือการบันเทิงอื่นๆ เชน การสวดคฤหัสถ
4. เรายิ่งใกลความสงบเงียบเขาไปทุกที
เมื่อเคลื่อนศพออกจากบานจะตองสรางบันไดผีไวหลอกวิญญาณผูตาย มีการนิมนต
วิเคราะหคําตอบ จากคําประพันธที่ยกมา “แหงหลุมลึกลานสลด” หมายถึง พระสงฆมาชักผาบังสุกุลกอนญาติมิตรจะนําดอกไมจันทนไปวางในพิธีเผาศพ
ปาชาที่มีหลุมฝงศพมากมาย และความวา “เรายิ่งใกลหลุมนั้นทุกวันเอย” วันรุงขึ้นญาติผูตายจะนํากระดูกมาเรียงธาตุ แลวนิมนตพระสงฆมาชักบังสุกุล
คําวา “หลุม” หมายถึง ความตาย คือตายแลวก็จะถูกฝงลงหลุม ดังนั้น ขอที่ กอนจะนําเถาอัฐไิ ปเก็บไวทบี่ า น หรือบรรจุในเจดียห รือธาตุทวี่ ดั เพือ่ ลูกหลานไดทาํ บุญ
ตรงกับคําประพันธที่ยกมา คือ เรายิ่งใกลความตายเขาไปทุกที ตอบขอ 1. อุทิศสวนกุศลไปใหผูลวงลับ หรือนําอังคารไปลอยนํ้าเพราะเชื่อวาผูตายจะไดอยูเย็น
เปนสุข เปนตน
คู่มือครู 157
ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนอธิบายแนวคิดสําคัญของกลอนดอก
สรอยรําพึงในปาชาได
2. นักเรียนยกบทประพันธที่มีการใชภาพพจน ค�ำถำม ประจ�ำหน่วยกำรเรียนรู้
บุคคลวัตหรือสัทพจนที่นอกเหนือจากหนังสือ
เรียนหนา 153 ๑. ลักษณะของกลอนดอกสร้อยแตกต่างจากกลอนสุภาพอย่างไร
3. นักเรียนนําขอคิดจากกลอนดอกสรอยรําพึงใน ๒. อะไรคือแนวคิดหลักของกลอนดอกสร้อยร�าพึงในป่าช้า จงอธิบายโดยยกค�าประพันธ์ประกอบ
ปาชาไปใชเปนแนวทางในการดําเนินชีวิต ๓. เนื้อหาของกลอนดอกสร้อยร�าพึงในป่าช้ามีคุณค่าด้านเนื้อหาและวรรณศิลป์อย่างไร
๔. นักเรียนสามารถน�าข้อคิด คติธรรมจากกลอนดอกสร้อยร�าพึงในป่าช้ามาปรับใช้ในชีวิตได้อย่างไร
๕. ให้นักเรียนยกตัวอย่างค�าประพันธ์จากกลอนดอกสร้อยร�าพึงในป่าช้าที่ปรากฏการใช้ภาพพจน์
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู มากที่สุด พร้อมอธิบายขยายความประกอบ
1. การแตงคําประพันธประเภทกลอนดอกสรอย
2. การถอดคําประพันธเปนรอยแกว
3. การยกบทประพันธที่ใชภาพพจนบุคคลวัตหรือ
สัทพจน
4. ความเรียงเสนอแนวคิด “อยายึดติดกับวัตถุ”
กิจกรรม สร้ำงสรรค์พัฒนำกำรเรียนรู้
158
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. กลอนดอกสรอยขึ้นตนวรรคแรกมี 4 คํา คําที่สองของวรรคแรกใชคําวา เอย และคําสุดทายของบทใชคําวา เอย แตกลอนสุภาพไมมีใชในลักษณะนี้
2. แนวคิดสําคัญคือ สัจธรรมของชีวิต ไดแก อนิจจัง ความไมเที่ยงแท ทุกขัง ความลําบากกายใจ และอนัตตา ความไมมีตัวตน ดังคําประพันธที่วา
“สกุลเอยสกุลสูง ชักจูงจิตฟูชูศักดิ์ศรี
อํานาจนําความสงาอาอินทรีย ความงามนําใหมีไมตรีกัน
ความรํ่ารวยอํานวยสุขใหทุกอยาง เหลานี้ตางรอตายทําลายขันธ
วิถีแหงเกียรติยศทั้งหมดนั้น แตลวนผันมาประจบหลุมศพเอย”
3. คุณคาดานเนื้อหาไดแก แนวคิดสําคัญเกี่ยวกับสัจธรรมของชีวิต คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สวนคุณคาดานวรรณศิลป คือ การใชถอ ยคําเรียบงาย แตสะทอนจินตภาพ
ทีช่ ดั เจน การใชอุปมาโวหาร การใชภาพพจนบุคคลวัต การใชภาพพจนสัทพจน
4. นักเรียนตอบไดหลากหลาย เชน เรื่องการใชจายในชีวิตประจําวันไมหลงใหลไปกับสิ่งของที่เกินตัว เกินความจําเปน เปนตน
5. “วังเอยวังเวง หงางเหงง ยํ่าคํ่าระฆังขาน
ฝูงวัวควายผายลาทิวากาล คอยคอยผานทองทุงมุงถิ่นตน
ชาวนาเหนื่อยออนตางจรกลับ ตะวันลับอับแสงทุกแหงหน
ทิ้งทุงใหมืดมัวทั่วมณฑล และทิ้งตนตูเปลี่ยวอยูเดียวเอย”
มีการใชภาพพจนสัทพจน โดยการเลียนเสียงของระฆังที่ดัง “หงางเหงง” และการใชภาพพจนบุคคลวัต โดยการสมมติใหตะวันแสดงอาการคลายมนุษย “ทิ้งทุงให
มืดมัว”
158 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ
Engage ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน
2. วิเคราะหวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน
พรอมยกเหตุผลประกอบ
3. อธิบายคุณคาของวรรณคดีและวรรณกรรม
ที่อาน
4. สรุปความรูและขอคิดจากการอานเพื่อ
ประยุกตใชในชีวิตจริง
5. ทองจําบทอาขยานตามที่กําหนดและ
บทรอยกรองที่มีคุณคาตามความสนใจ
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกปญหา
4. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต
หนวยที่ ø คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. รักชาติ ศาสน กษัตริย
2. ใฝเรียนรู
นิรำศเมืองแกลง 3. รักความเปนไทย
ตัวชี้วัด
■ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน (ท ๕.๑ ม.๒/๑)
วิเคราะหวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน พรอมยกเหตุผลประกอบ
นิ ร าศเมื อ งแกลงเป น งานประพั น ธ
■
ประเภทนิราศเรื่องแรกของสุนทรภู ซึ่ง
■
(ท ๕.๑ ม.๒/๒)
อธิบายคุณคาของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน (ท ๕.๑ ม.๒/๓) แต ง ขึ้ น ในสมั ย รั ช กาลที่ ๑ เมื่ อ ครั้ ง กระตุน้ ความสนใจ Engage
■ สรุปความรูและขอคิดจากการอานเพื่อประยุกตใชในชีวิตจริง เดินทางไปเยี่ยมบิดาที่เมืองแกลง
(ท ๕.๑ ม.๒/๔)
นิ ร าศเมื อ งแกลง มี ค วามไพเราะด ว ย
ครูสนทนารวมกับนักเรียนเกีย่ วกับภาพการแตง
ทองจําบทอาขยานตามที่กําหนดและบทรอยกรองที่มีคุณคาตาม
คําประพันธระหวางการเดินทางในหนาหนวยวา
■
เกร็ดแนะครู
การเรียนการสอนในหนวยการเรียนรูนี้ ครูชี้ใหนักเรียนเห็นลักษณะเดนของ
นิราศที่สุนทรภูแตงนั้นวา นอกจากมีความไพเราะดวยทํานองกลอนมีเสียงสัมผัส
ฟงราบรื่นหู ใชถอยคําที่สละสลวย แลวกลอนนิราศของสุนทรภูยังประกอบไปดวย
ความนึกคิด นําเอาสิ่งที่ไดพบเห็นมาเกี่ยวโยงกับสภาพอาชีพของคนเราไดอยาง
ลึกซึ้ง ครูใหนักเรียนพิจารณาภาพหนาหนวย เพื่อใหนักเรียนพิจารณาบรรยากาศ
และสิ่งแวดลอมที่สงผลตอการแตงคําประพันธประเภทนิราศ เชน การเดินทาง
โดยเรือ เพื่อนรวมทาง ปาเขาทั้งสองฟากฝง เปนตน
คู่มือครู 159
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูทบทวนความรูเกี่ยวกับวรรณคดีประเภท
นิราศ โดยใชคําถาม ดังนี้ ๑ ความเป็นมา
• กลอนนิราศคืออะไร และมีลักษณะเปน นิราศเมืองแกลง เป็นนิราศเรื่องแรกของสุนทรภู่ แต่งขึ้นใน พ.ศ. ๒๓๔๙ เล่าเรื่องเมื่อ1
อยางไร ครั้ ง เดิ น ทางไปหาบิ ด าซึ่ ง ขณะนั้ น บวชอยู ่ ที่ วั ด ป่ า ต� า บลบ้ า นกร�่ า อ� า เภอแกลง
เภอแกลง จั ง หวั ด ระยอง
(แนวตอบ นิราศ แปลวา ลาจาก กลอนนิราศ เมื่อกลางเดือน ๗ พ.ศ. ๒๓๕๐ สุนทรภู่แต่งนิราศเมืองแกลง ขณะมีอายุย่างเข้า ๒๒ ปี ยังไม่ได้แต่งงาน
จึงเปนกลอนที่มีการกลาวถึงการลาจาก แต่ได้ลอบรักใคร่กับนางจัน จนความทราบถึงกรมพระราชวังหลัง จึงถูกจ�าคุกทั้ง ๒ คน เมื่อพ้นโทษ
ที่สอดแทรกอารมณความรูสึกอาลัยรัก สุนทรภู่จึงเดินทางไปหาบิดาที่เมืองแกลง
พรรณนาถึงนางผูเปนที่รัก) สันนิษฐานว่าสุนทรภู่เดินทางไปเพื่อจะบวช ทั้งนี้เพราะอายุครบบวชและถือเป็นการล้าง
• นักเรียนเคยเรียนนิราศที่เปนผลงานของ อัปมงคลที่ถูกจองจ�า บ้างก็ว่าสุนทรภู่เดินทางไปขอเงินบิดาเพื่อกลับมาแต่งงาน แต่อีกประการหนึ่ง
สุนทรภูมากอนหรือไม อยางไร สันนิษฐานว่า อาจมีเจ้านายพระองค์หนึ่งใช้ให้ไปราชการด้วย โดยสังเกตจากบทประพันธ์
(แนวตอบ เรื่องนิราศภูเขาทองเปนผลงาน โอ้ยามยากจากเมืองแล้วลืมมุ้ง มากร�ายุงเวทนาประดาหาย
การประพันธของสุนทรภูที่มีใหเรียนใน จะกรวดน�้าคว�่าขันจนวันตาย แม้เจ้านายท่านไม่ใช้แล้วไม่มา
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1)
ในตอนท้ายเรือ่ งสุนทรภูก่ ล่าวว่าแต่งนิราศเมืองแกลงแทนขันหมากเพือ่ ส่งให้นางจันหญิงคนรัก
ส�ารวจค้นหา Explore ดังบทประพันธ์
นิราศเรื่องเมืองแกลงแต่งมาฝาก เหมือนขันหมากมิ่งมิตรพิสมัย
1. นักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับประวัติความ
อย่าหมางหมองข้องขัดตัดอาลัย ให้ชื่นใจเหมือนแต่หลังมั่งเถิดเอย
เปนมาของนิราศเมืองแกลง ประวัติของผูแตง
จากหนังสือเรียนหนา 160 เอกสาร ตํารา และ
เว็บไซตที่เกี่ยวของ
2. นักเรียนสืบคนความรูเกี่ยวกับลักษณะบังคับ
๒ ประวัติผู้แต่ง
ของคําประพันธประเภทกลอนนิราศตามแนว สุนทรภู่เกิดเมื่อวันจันทร์ เดือน ๘ ขึ้น ๑ ค�่า ปีมะเมีย
กลอนสุนทรภู จากเอกสาร ตํารา หนังสือเรียน จุลศักราช ๑๑๔๘ เวลา ๒ โมงเช้า ตรงกับวันที่ ๒๖ มิถุนายน
และเว็บไซตที่เกี่ยวของ พ.ศ. ๒๓๒๙ ในวัยเยาว์บิดามารดาแยกทางกัน บิดากลับไปบวช
ที่เมืองแกลง มารดาพาสุนทรภู่เข้ามาอยู่บริเวณพระราชวังหลัง
3. นักเรียนอานเรื่องยอนิราศเมืองแกลง
ด้วยเพราะเป็นนางนมของพระธิดาในกรมพระราชวังหลัง
อธิบายความรู้ Explain สุ น ทรภู ่ เรี ย นหนั ง สื อ ที่ วั ด ชี ป ะขาว เมื่ อ จบออกมาก็
เข้ารับราชการเป็นมหาดเล็กในกรมพระราชวังหลัง ต่อมาในสมัย
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับความเปนมาของนิราศ รั ช กาลที่ ๑ สุ น ทรภู ่ เ ดิ น ทางไปหาบิ ด าที่ เ มื อ งแกลงและได้
เมืองแกลง แต่งกลอนนิราศเมืองแกลง นับเป็นนิราศเรื่องแรกของสุนทรภู่
(แนวตอบ นิราศเมืองแกลงเปนนิราศเรื่องแรกของ ในจ�านวนนิราศทั้งหมด ๙ เรื่อง
หุน่ ขีผ้ งึ้ สุนทรภู่ ณ พิพธิ ภัณฑ์หนุ่ ขีผ้ งึ้ ไทย
สุนทรภูที่แตงขึ้นหลังจากพนโทษจําคุก ขณะเดินทาง อ�ำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม
ไปเยี่ยมบิดาที่บวชอยูวัดปาบานกรํ่า อําเภอแกลง 160
จังหวัดระยอง)
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูจัดกิจกรรมการแขงขัน “แฟนพันธุแทสุนทรภู” โดยตั้งคําถามเกี่ยวกับประวัติ นักเรียนคนหาวรรคทองในนิราศของสุนทรภูที่นักเรียนชื่นชอบมา
และผลงานของสุนทรภู จากนั้นครูใหนักเรียนเลนเกม เมื่อตอบคําถามไดถูกตอง อยางนอย 1 บท แลวบอกดวยวาชอบเพราะอะไร
ครูชมเชยและมอบรางวัลให แตหากตอบผิดจะถูกลงโทษใหบาํ เพ็ญประโยชน 1 อยาง
นักเรียนควรรู กิจกรรมทาทาย
1 ตําบลบานกรํ่า อําเภอแกลง จังหวัดระยอง เปนที่ตั้งอนุสาวรียสุนทรภู ตั้งอยู
ในบริเวณซึ่งเคยเปนที่ตั้งของวัดปาที่บิดาของสุนทรภูบวชและจําพรรษาอยู นักเรียนตามรอยนิราศเมืองแกลง โดยการนําคําประพันธที่เปนชื่อ
การสรางอนุสาวรียมีดําริมาตั้งแต พ.ศ. 2498 แตมาสรางเสร็จและมีพิธีเปดอยาง สถานที่ยกมาเปนวรรค เรียงลําดับตั้งแตออกเดินทางจนถึงปลายทาง
เปนทางการ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2513 ประกอบดวยรูปหลอของสุนทรภู เขียนลงในสมุด แลวนําสงครูผูสอน
ในอิริยาบถนั่งประพันธวรรณกรรม โดยใบหนาและสายตาของทานมองออกไป
เบื้องหนาที่เชิงลาดดานลาง ที่ตั้งรูปหลอของสุนทรภู มีรูปปนพระอภัยมณี
รูปปนนางผีเสื้อสมุทร และรูปปนนางเงือกอยูในสระนํ้าดานหนา
160 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนอานประวัติของสุนทรภู จากนั้นสรุป
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า-1 พอสังเขป
นภาลัย สุนทรภู่รับราชการจนได้เป็นขุนสุนทรโวหาร (แนวตอบ สุนทรภูไดรับการยกยองวา เปนกวี
แต่ด้วยนิสัยขี้เมาและเจ้าชู้ ท�าให้ต้องติดคุก ดีเดนของโลก จากองคกรการศึกษาวิทยาศาสตร
เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และวัฒนธรรมแหงสหประชาชาติ (UNESCO)
เสด็จสวรรคต สุนทรภูไ่ ด้ออกบวชและเดินทางไปหัวเมือง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลานภาลัย
ต่างๆ ได้แต่งนิราศไว้หลายเรือ่ ง สุนทรภูส่ กึ จากสมณเพศ สุนทรภูดํารงตําแหนงขุนสุนทรโวหาร สุนทรภูเขา
เมื่ออายุ ๕๖ ปี และได้เข้าถวายตัวกับสมเด็จพระเจ้า ถวายตัวรับใชสมเด็จพระเจานองยาเธอ เจาฟา-
น้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุน2อิศเรศรังสรรค์ ซึ่งพระองค์ กรมขุนอิศเรศรังสรรค และไดรับตําแหนงจางวาง
ประทับอยู่ที่พระราชวังเดิม สุนทรภู่ได้รับราชการจนได้ รูปปั้นผีเสื้อสมุทร ตัวละครจำกนิทำนเรื่อง สุนทรภูไดประพันธนิราศไวทั้งสิ้น 9 เรื่อง โดยแตง
เป็นพระสุนทรโวหาร ต�าแหน่งจางวาง และถึงแก่กรรม พระอภัยมณี ณ หำดปึกเตียน จังหวัดเพชรบุรี เปนกลอนนิราศเกือบทั้งสิ้น ยกเวนนิราศสุพรรณ
เมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๘ รวมอายุได้ ๗o ปี ที่แตงดวยโคลง จึงมีชื่อวา “โคลงนิราศสุพรรณ”)
พ.ศ. ๒๕๒๙ ซึ่งเป็นปีครบรอบ ๒oo ปี ของสุนทรภู่ องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม
แห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ประกาศให้ท่านเป็น “กวีดีเด่นของโลก” ขยายความเข้าใจ Expand
สุนทรภู่ได้รับการยกย่องมากที่สุดในเชิงกลอนสุภาพ กลอนที่สุนทรภู่แต่งมีลักษณะเฉพาะ
เป็นของตนเอง ด้วยการแต่งให้มีสัมผัสในทุกวรรค ใช้ค�าที่มีจ�านวนค่อนข้างแน่นอน กลอนของสุนทรภู่ นักเรียนยกบทประพันธจากผลงานของสุนทรภู
จึงเป็นแบบแผนที่มีผู้นิยมแต่งตามตลอดมาจนถึงสมัยปัจจุบัน เรียกว่า “กลอนสุนทรภู่” เรือ่ งทีน่ กั เรียนประทับใจมา 1 บท พรอมบอกเหตุผล
ผลงานของสุนทรภู่มีทั้งหมด ๒๓ เรื่อง โดยแบ่งเป็นงานแต่ละประเภท ดังนี้ (แนวตอบ นักเรียนเลือกไดหลากหลายขึ้นอยูกับ
ความสนใจของนักเรียน เชน จากนิราศอิเหนา
ประเภท เรื่อง “จะหักอื่นขืนหักก็จักได
๑. นิทานค�ากลอน มี ๕ เรื่อง โคบุตร ลักษณวงศ์ พระอภัยมณี สิงหไกรภพ กาพย์พระไชยสุริยา หักอาลัยนี้ไมหลุดสุดจะหัก
สารพัดตัดขาดประหลาดนัก
๒. นิราศ มี ๙ เรื่อง นิราศเมืองแกลง นิราศพระบาท นิราศภูเขาทอง นิราศเมืองเพชร
แตตัดรักนี้ไมขาดประหลาดใจ”
นิราศวัดเจ้าฟ้า นิราศอิเหนา โคลงนิราศสุพรรณ ร�าพันพิลาป
นิราศพระประธม
บทประพันธที่ยกมามีความไพเราะ กลาวถึง
ความรักไดอยางลึกซึ้งกินใจ และมีความพิเศษที่
๓. สุภาษิต มี ๓ เรื่อง สวัสดิรักษา เพลงยาวถวายโอวาท สุภาษิตสอนหญิง ลงทายวรรครับดวยคําตาย คําวา “หัก” แตยังคง
๔. บทละคร มี ๑ เรื่อง อภัยนุราช ความไพเราะของเสียงและสื่อความไดดี)
๕. เสภา มี ๒ เรื่อง เสภาขุนช้างขุนแผน ตอน ก�าเนิดพลายงาม เสภาพระราชพงศาวดาร
๖. บทเห่กล่อม มี ๔ เรื่อง บทเห่เรื่องจับระบ�า บทเห่เรื่องกากี บทเห่เรื่องพระอภัยมณี
บทเห่เรื่องโคบุตร
161
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ขอใดคือแกนของนิราศ
ครูแนะความรูใหนักเรียนเขาใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับมูลเหตุของการแตงนิราศ
1. อธิบายความรูและเปรียบเทียบกับสิ่งที่พบเห็น
เนื่องจากในสมัยกอนการเดินทางไมคอยสะดวกเหมือนปจจุบัน กวาจะไปถึงจุด
2. การพรรณนาถึงนางผูเปนที่รัก โดยเปรียบเทียบกับสิ่งที่เคยพบเห็น
หมายตองใชเวลานาน ทําใหผูเดินทางเกิดความเบื่อและเหนื่อยหนายตลอดการเดิน
3. แสดงความคิดเห็นและอธิบายความรูและเปรียบเทียบกับสิ่งที่พบเห็น
ทาง สําหรับผูที่มีความสามารถทางภาษา จึงไดคิดหาวิธีแกความรําคาญในระหวาง
4. เมื่อถึงตําบล สถานที่ใด หรือพบเห็นสิ่งใดจะเปรียบเทียบและพรรณนา
การเดินทาง ดวยการแตงกาพยกลอนพรรณนาเรื่องราวที่พบเห็นในการเดินทาง
ครํ่าครวญถึงนางที่รัก
วิเคราะหคําตอบ นิราศเปนคํากลอนที่แตงขึ้นเพื่อเลาเรื่องการเดินทางไป
ยังแหงใดแหงหนึ่ง โดยรําพึงถึงการจากนางที่รักไปยังแหงนั้น ไมจําเปนวา นักเรียนควรรู
นางที่รักจะมีตัวตนจริงหรือไม ขอที่กลาวถึงการเดินทางและการรําพึงรําพัน
ถึงนางอันเปนที่รัก คือ ขอ 4. เมื่อถึงตําบล สถานที่ใด หรือพบเห็นสิ่งใดจะ 1 ขุนสุนทรโวหาร เปนตําแหนงที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลานภาลัย
เปรียบเทียบและพรรณนาครํ่าครวญถึงนางผูเปนที่รัก ตอบขอ 4. พระราชทานใหแกสุนทรภู สําหรับเปนที่ปรึกษางานประพันธประจํารัชกาล
2 พระราชวังเดิม คือ พระราชวังกรุงธนบุรีตั้งอยูบริเวณปากคลองบางกอกใหญ
เขตบางกอกใหญ กรุงเทพมหานคร ปจจุบันเปนที่ตั้งของกองทัพเรือ
คู่มือครู 161
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับลักษณะ
คําประพันธประเภทกลอนนิราศ
(แนวตอบ กลอนนิราศ มีลักษณะคลายกลอน
๓ ลัก1ษณะคÓประพันธ์
สุภาพ แตวรรคแรกของบทประพันธจะขึ้นตน นิ ร าศเมื อ งแกลงแต่ งด้ ว ยค� าประพั นธ์ ประเภทกลอนนิ ร าศ ลั ก ษณะสั ม ผั ส บั ง คั บ เหมื อ น
กลอนสุภาพ แต่จะขึ้นต้นบทแรกด้วยวรรครับและจบเรื่องด้วยค�าว่า เอย ดังนี้
ดวยวรรครับและคําสุดทายของบทประพันธจะ
ลงทายดวยคําวา “เอย”) โอ้สังเวชวาสนานิจจาเอ๋ย
2. นักเรียนเขียนสรุปลักษณะบังคับของกลอน จะมีคู่มิได้อยู่ประคองเชย ต้องละเลยดวงใจไว้ไกลตา
นิราศลงในสมุด .............................................. ..............................................
3. นักเรียนอานเนื้อเรื่องในหนังสือเรียนหนา 162 อย่าหมางหมองข้องขัดตัดอาลัย ให้ชื่นใจเหมือนแต่หลังมั่งเถิดเอยฯ
จากนั้นครูสุมเรียกนักเรียน 4-5 คน ชวยกันเลา
เนื้อเรื่องยอของนิราศเมืองแกลงใหเพื่อนๆ ฟง ๔ เรื่องย่อ
เนื้อเรื่องกล่าวถึงการเดินทางไปเยี่ยมบิดาที่บวชอยู่ที่บ้านกร�่า เมืองแกลง การเดินทางครั้งนี้
ขยายความเข้าใจ Expand มีลูกศิษย์ของสุนทรภู่ ๒ คน ชื่อน้อยกับพุ่มตามไปด้วย มีนายแสงเป็นผู้น�าทาง ออกเดินทางโดยเรือ
จากกรุงเทพฯ ในเวลากลางคืน ล่องเรือไปตามแม่น�้าเจ้าพระยา ผ่านวัดแจ้ง วัดสามปลื้ม ส�าเพ็ง
1. จากการอานเรื่องยอนิราศเมืองแกลง นักเรียน ดาวคะนอง บางผึ้ง ปากลัด บางกระเจ้า พระประแดง รุ่งเช้าตัดเข้าคลองส�าโรง ผ่านบางพลี บางโฉลง
ทําบัตรคําชื่อสถานที่ที่สุนทรภูเดินทางผาน หั ว ตะเข้ เย็ น พั ก ค้ า งอยู ่ บ ริ เวณสองแพร่ ง ของปากตะคองกั บ คลองบางเหี้ ย เมื่ อ น�้ า ขึ้ น ก็ ล ่ อ งต่ อ
และรวมกันเรียงลําดับสถานที่ที่เดินทางผานไป ไปบางบ่อ บ้านระกาด พอสว่างก็ถึงบ้านมะพร้าว บางวัว ออกเลียบฝั่งทะเล ขึ้นฝั่งที่บางปลาสร้อย
ตั้งแตลําดับแรกจนถึงลําดับสุดทาย จังหวัดชลบุรี พักค้างคืนอยู่ ๓ วัน ที่บ้านขุนจ่าเมือง แล้วฝากเรือไว้ ขึ้นบกเดินเลียบทะเลผ่าน
2. นักเรียนรวมกันเขียนแผนที่การเดินทางของ หนองมน บางพระ พักค้างแรมที่บ้านนายมาผู้เป็นเพื่อน รุ่งขึ้นเดินทางถึงศรีราชา ผ่านทุ่งสงขลา
สุนทรภู บางละมุง ค้างแรมที่ศาลานาเกลือ
เช้าวันต่อมาเดินทางบกไปทุ่งพัทยา ผ่านจอมเทียน เดินตามทางเกวียน ถึงห้วยขวางพัก
ตรวจสอบผล Evaluate ที่บ้านขุนราม จนถึงปากช่อง หนองระแง้ว ค้างแรมในป่า แล้วเดินต่อไปทางบางไผ่ พงค้อ ห้วยอีร้า
ห้วยพะยูน รากลูกหญ้า หัวโป่ง สุนขั กะบาก จนกระทัง่ ถึงเมืองระยอง หยุดพัก ๒ วัน เมือ่ ถึงเมืองระยอง
1. นักเรียนยกบทประพันธจากผลงานเรื่องอื่น นายแสงคนน�าทางหลบหนีไป จึงต้องใช้วิธีถามทางชาวบ้านไปจนถึงเมืองแกลงก็พักที่บ้านเพื่อน รุ่งเช้า
ของสุนทรภูที่นักเรียนรูสึกประทับใจได จึงเดินทางต่อจนถึงบ้านกร�่าและได้พบบิดา อยู่กับบิดาได้เดือนเศษ สุนทรภู่ก็ล้มป่วยลงในเดือน ๙
2. นักเรียนอานเรื่องยอแลวเลาเรื่องยอนิราศ บิดาต้องหาหมอมารักษา เมื่อหายป่วยจึงได้เดินทางกลับกรุงเทพฯ
เมืองแกลงได สุนทรภู่เดินทางออกจากบ้านกร�่า เมืองแกลง จังหวัดระยอง ในราวข้างแรมเดือน ๙ ถึง
3. นักเรียนบอกชื่อสถานที่ที่สุนทรภูเดินทางผาน กรุงเทพฯ วันขึ้น ๑๕ ค�่า เดือน ๑๐ ปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๕๐ รวมเวลาไปกลับและพักอยู่กับบิดาประมาณ
ในนิราศเมืองแกลงได ๓ เดือนเศษ
นิราศเมืองแกลงที่น�ามาให้นักเรียนศึกษานี้ ตัดตอนมาทั้งหมด ๘ ตอน โดยเลือกตอนที่มี
เนือ้ เรือ่ งสัมพันธ์ตอ่ เนือ่ งกัน กล่าวคือด�าเนินเรือ่ งเรือ่ ยไป โดยเริม่ จากเดินทางโดยทางเรือ การเดินเข้าป่า
การพบบิดา จนจบนิราศ
162
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู ครูเชื่อมโยงความรูเกี่ยวกับการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังตําบลบาน
กรํ่า อําเภอเมืองแกลง จังหวัดระยอง เขากับกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา
1 นิราศ ที่นิยมแตงในสมัยรัตนโกสินทรมีทั้งโคลงและกลอนสุภาพ โดยเฉพาะ
ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาภูมิศาสตร ซึ่งจะเพิ่มเติมความรูเรื่องภูมิประเทศ
รัชกาลที่ 1 และรัชกาลที่ 2 มีการแบงกวีผูแตงนิราศออกเปน 2 กลุม ดังนี้
ที่มีลักษณะเปนที่ราบลุม ปาชายเลน ดังที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง โดยครูชี้ใหเห็น
• กลุมแรก มีนายนรินทรอินและพระยาตรังเปนหัวหนา นิยมแตงโคลงและ
วาการเดินทางของสุนทรภูใ นสมัยนัน้ เปนชวงทีเ่ สนทางดังกลาวมีความลําบาก
ฉันทเปนนิราศ เพราะใหเหตุผลวา เปนคําประพันธชั้นสูง ผูที่แตงไดตองเปนผูรู
อีกทั้งยังมีความอุดมสมบูรณของทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งปจจุบันตางไป
ปราดเปรื่อง รอบรูเรื่องคํา จึงจะสามารถหาคําไดไพเราะและเกลี้ยงเกลา โดยเอา
จากเดิมมาก
โคลงของศรีปราชญเปนโคลงแบบ
• กลุมที่สอง ผูที่มีชื่อเสียงที่สุด คือ สุนทรภู นิยมแตงกลอนเปนนิราศ
เอาอยางอยางเพลงยาวสมัยโบราณเปนแบบ และไดรับความนิยมมาก กวีรุนหลัง
มักยึดนิราศของสุนทรภูเปนแบบ เนื่องจากเหตุผลวา การแตงกลอนสวนใหญ
แตงกันไดแทบทุกคน ทํานองอานก็ไพเราะกวา จึงทําใหมีผูสนใจมากกวากลุมแรก
162 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
1. ครูยกบทประพันธที่เปนบทเดนของนิราศเมือง
๕ เนื้อเรื่อง แกลงใหนกั เรียนอานเปนทํานองเสนาะพรอมกัน
นิราศเมืองแกลง “กระแสชลวนเชี่ยวเรือเลี้ยวลด
ช่วงที่ ๑ ดูคอมคดขอบคุงคงคาไหล
โอ้สังเวชวาสนานิจจาเอ๋ย แตสาชลเจียวยังวนเปนวงไป
จะมีคู่มิได้อยู่ประคองเชย ต้องละเลยดวงใจไว้ไกลตา นี่หรือใจที่จะตรงอยาสงกา”
ถึงทุกข์ใครในโลกที่โศกเศร้า ไม่เหมือนเราภุมรินถวิลหา 2. ครูและนักเรียนรวมกันถอดคําประพันธ
จะพลัดพรากจากกันไม่ทันลา ใช้แต่ตาต่างถ้อยสุนทรวอน (แนวตอบ แมแตสายนํ้ายังมีไหลเชี่ยวไหลวน
โอ้จ�าใจไกลนุชสุดสวาท จึงนิราศเรื่องรักเป็นอักษร
ให้เห็นอกตกยากเมื่อจากจร ไปดงดอนแดนป่าพนาวัน จึงไมแปลกที่ใจคนจะเปนดั่งสายนํ้า)
กับศิษย์น้องสองนายล้วนชายหนุ่ม น้อยกับพุ่มเพื่อนไร้ในไพรสัณฑ์
กับนายแสงแจ้งทางกลางอารัญ จะพากันแรมทางไปต่างเมือง ส�ารวจค้นหา Explore
ถึงยามสองล่องล�านาวาเลื่อน พอดวงเดือนดั้นเมฆขึ้นเหลืองเหลือง
ถึงวัดแจ้งแสงจันทร์จ�ารัสเรือง แลช�าเลืองเหลียวหลังหลั่งน�้าตา 1. นักเรียนอานเนื้อเรื่องนิราศเมืองแกลงจาก
เป็นห่วงหนึ่งถึงชนกที่ปกเกล้า จะแสนเศร้าครวญคอยละห้อยหา หนังสือเรียน
ทั้งจากแดนแสนห่วงดวงกานดา โอ้อุรารุ่มร้อนอ่อนก�าลัง 2. นักเรียนศึกษาความรูเกี่ยวกับเนื้อเรื่องนิราศ
ถึงสามปลื้มพี่นี้ร�่าปล�้าแต่ทุกข์ สุดจะปลุกใจปลื้มให้ลืมหลัง เมืองแกลงทั้งหมดจากแหลงเรียนรูตางๆ เชน
ขออารักษ์หลักประเทศนิเวศน์วัง เทพทั้งเมืองฟ้าสุราลัย หนังสือผลงานกลอนของสุนทรภู เว็บไซต และ
ขอฝากน้องสองรามารดาด้วย เอ็นดูช่วยปกครองให้ผ่องใส อื่นๆ
ตัวข้าบาทจะนิราศออกแรมไพร ให้พ้นภัยคลาดแคล้วอย่าแผ้วพาน
ถึงส�าเพ็งเก๋งตั้งริมฝั่งน�้า แพประจ�าจอดเรียงเคียงขนาน
มีซุ้มซอกตรอกนางเจ้
1 าประจาน ยังส�าราญร้องขับไม่หลับลง อธิบายความรู้ Explain
โอ้ธานีศรีอยุธยาเอ๋ย นึกจะเชยก็ได้ชมสมประสงค์
จะล�าบากยากแค้นไปแดนดง เอาพุ่มพงเพิงเขาเป็นเหย้าเรือนฯ 1. นักเรียนแบงกลุมกลุมละ 8 คน จํานวน 7
ฯลฯ กลุม โดยแบงตามชวงเนื้อเรื่อง 1-7 ชวง
ช่วงที่ ๒ เพื่อถอดคําประพันธ
ถึงปากลัดแลท่าชลาตื้น ดูเลื่อมลื่นเลนลากล�าละหาน 2. นักเรียนกลุมที่ 1 ถอดคําประพันธชวงที่ 1
เขาแจวจ้องล่องแล่นแสนส�าราญ มาพบบ้านบางระจ้าวยิ่งเศร้าใจ (แนวตอบ กลุมที่ 1 ถอดคําประพันธชวงที่ 1 ได
อนาถนิ่งอิงเขนยคะนึงหวน จนจวบจวนแจ่มแจ้งปัจจุสมัย วา ชางนาสงสารนาเวทนานักชีวิตของเราที่เคย
ศศิธรอ่อนอับพยับไพร ถึงเซิงไทรศาลพระประแดงแรง
ไดอยูรวมกับนอง กลับตองทิ้งมาไกล ครั้งนี้
ขออารักษ์ศักดิ์สิทธิ์ที่สิงศาล ลือสะท้านอยู่ว่าเจ้าห้าวก�าแหง
ข้าจะไปทางไกลถึงเมืองแกลง เจ้าจงแจ้งใจภัคนีที จําใจตองลาจากนองมา จึงขอเขียนกลอนนิราศ
ฉันพลัดพรากจากจรเพราะร้อนจิต ใช่จะคิดอายอางขนางหนี เรื่องนี้แทนความรัก ไดรวมเดินทางกับพุมและ
ให้นิ่มน้องครองรักไว้สักปี ท่านสุขีเถิดข้าขอลาไป นอยอันเปนลูกศิษย โดยมีนายแสงเปนผูนําทาง
ฯลฯ นึกถึงเมือ่ ครัง้ อยูอ ยุธยาทีไ่ ดเชยชมนางดัง่ ใจหวัง
163 แตตอนนี้ตองลําบากเดินทางในปา เอาตนไม
เปนที่อยูอาศัย)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
“ใหเห็นอกตกยากเมื่อจากจร ไปดงดอนแดนปาพนาวัน”
ครูแนะความรูเรื่องจินตภาพลักษณะตางๆ มีดังนี้
คําประพันธในขอใดมีความหมายตางจากคําที่ขีดเสนใต
• จินตภาพทางภาพหรือเสียง ความวา “พวกเจกจีนกินโตะเสียงโหลเหล”
1. นอยกับพุมเพื่อนไรในไพรสัณฑ
• จินตภาพทางภาพเคลื่อนไหว ความวา “ถีบกระดานถือตะกราเที่ยวหาหอย”
2. กับนายแสงแจงทางกลางอารัญ
• จินตภาพที่แสดงเวลาตางกัน ความวา “ถึงหยอมยานบานกรํ่าพอพลบคํ่า”
3. ตัวขาบาทจะนิราศออกแรมไพร
4. ขออารักษศักดิ์สิทธิ์ที่สิงหอย
วิเคราะหคําตอบ คําประพันธขางตน “พนาวัน” มีความหมายวา “ปา” นักเรียนควรรู
ขอที่มีความหมายเหมือนกัน ไดแก ขอ 1. คําวา “ไพรสัณฑ” ขอ 2. คําวา
“อารัญ” และขอ 3. คําวา “ไพร” ขอที่มีความหมายตาง คือ คําวา “อารักษ” 1 ศรีอยุธยา ไมไดหมายความถึงเมืองหลวงเกาในสมัยที่กรุงศรีอยุธยาเปน
ในขอ 4. ซึ่งมีความหมายวา เทวดาผูพิทักษรักษา ตอบขอ 4. ราชธานี แมในสมัยรัตนโกสินทรจะยายนครหลวงมาตั้งอยูที่กรุงเทพฯ ปจจุบัน
ก็ยังมีสรอยของพระนครวาอยุธยาอยู คือ กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร
มหินทรายุธยา ... สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์ เพราะถือวาเปนมงคลนาม
ซึ่งแปลวา เมืองที่ไมอาจจะรบไดหรือรบไมชนะ ดังนั้นคําวา “ศรีอยุธยา” ในที่นี้
จึงหมายถึงกรุงเทพมหานคร
คู่มือครู 163
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนกลุมที่ 2 ถอดคําประพันธชวงที่ 2
(แนวตอบ กลุมที่ 2 ถอดคําประพันธชวงที่ 2 ได กระแสชลวนเชี่ยวเรือเลี้ยวลด ดูค้อมคดขอบคุ้งคงคาไหล
วา เมื่อถึงปากลัด เปนทานํ้าตื้นที่มองเห็นแต แต่สาชลเจียวยังวนเป็นวงไป นี่หรือใจที่จะตรงอย่าสงกา
โคลนเลน แลวพายเรือมาเรือ่ ยๆ ก็พบบางระจาว ถึงด่านทางกลางคลองข้างฝั่งซ้าย ตะวันสายแสงส่องต้องพฤกษา
ยิ่งเศราใจเพิ่มขึ้นเพราะนึกถึงหมอน จนกระทั่ง ออกสุดบ้านถึงทวารอรั 1 ญวา เป็นทุ่งคาแฝกแขมขึ้นแกมกัน
รุง เชาเดินทางถึงพระประแดง ขอวอนสิง่ ศักดิส์ ทิ ธิ์ ลมระริ้วปลิวหญ้าคาระยาบ ระเนนนาบพลิ้วพลิกกระดิกหัน
ที่วามีฤทธิ์มาก ดวยขาจะเดินทางไปเมืองแกลง ดูโล่งลิ่วทิวรุกขะเรียงรัน เป็นเขตคันขอบป่าพนาลัยฯ
ขอใหดลใจคนรักของขาที่ชื่อ “จัน” ใหรูวาขา ฯลฯ
ช่วงที่ ๓
ไมไดตั้งใจจะจากมา ขอใหคงความรักของเรา
จะเหลียวซ้ายแลขวาก็ป่าแสม ตะลึงแลปูเปี้ยวเที่ยวไสว
ไวสักป แตเมื่อเห็นกระแสนํ้ายังไหลเชี่ยว เรือก็
ระหริ่งเรื่อยเฉื่อยเสียงเรไรไพร ฤทัยไหวแว่วว่าพะงางาม
คดเคี้ยวไปตามคุงนํ้า และสายนํ้าก็ยังไหลวนไป
ถึงชะแวกแยกคลองสองชะวาก
2 ข้างฝั่งฟากหัวตะเข้มีมะขาม
ก็คิดไดวาแลวถาเปนใจคนก็ไมตางกัน เมื่อถึง เขาสร้างศาลเทพาพยายาม กระดานสามแผ่นพิงไว้บูชา
ดานทางแสงแดดเริม่ สองกระทบกับตนไม เรือลอง ตะลึงแลแต่ล้วนลูกจระเข้ โดยคะเนมากมายทั้งซ้ายขวา
ออกทางทายปา มีทงุ คา แฝกและแขมขึน้ สลับกัน สักสองร้อยลอยไล่กินลูกปลา เห็นแต่ตากับจมูกเหมือนตุ๊กแก
ลมพัดใบหญาปลิวขึ้นเปนสันตามแนวปา) โอ้คลองขวางทางแดนแสนโสทก ดูบนบกก็แต่ล้วนลิงแสม
2. นักเรียนกลุมที่ 3 ถอดคําประพันธชวงที่ 3 เลียบตลิ่งวิ่งตามชาวเรือแพ ท�าลอบแลหลอนหลอกตะคอกคน
(แนวตอบ กลุมที่ 3 ถอดคําประพันธชวงที่ 3 ได ค�าโบราณท่านผูกถูกทุกสิ่ง เขาว่าลิงจองหองมันพองขน
วา จะมองซายหรือขวาก็มีแตปาแสม ปูเปรี้ยว ท�าหลุกหลิกเหลือกลานพานลุกลน เขาด่าคนจึงว่าลิงโลนล�าพอง
จิง้ หรีด เรไร สงเสียงรองในปา ใจยิง่ ไหวหวัน่ คิด ถึงชะวากปากคลองเป็นสองแพร่ง น�้าก็แห้งสุริยนก็หม่นหมอง
ถึงนอง เดินทางถึงทางแยกในลําคลองยานหัว ข้างซ้ายมือนั้นแลคือปากตะครอง๑ ข้างขวาคลองบางเหี้ยทะเลวน๒
ตะเขมีตนมะขาม มีศาลเทพารักษมีไมกระดาน ประทับทอดนาวาอยู่ท่าน�้า ดูเรียงล�าเรือรายริมไพรสณฑ์
พิงอยูสามแผนเลยไปเห็นแตลูกจระเขมากมาย เขาหุงหาอาหารให้ตามจน โอ้ยามยลโภชนาน�้าตาคลอ
ประมาณสองรอยตัวไลกินลูกปลา มองจมูก จะกลืนข้าวคราวโศกในทรวงเสียว เหมือนขืนเคีย้ วกรวดแกลบให้แสบศอ
ก็เหมือนตุกแก เมื่อถึงคลองขวางยิ่งทุกข ต้องเจือน�้ากล�้ากลืนพอกลั้วคอ กินแต่พอดับลมด้วยตรมใจ
เห็นลิงแสมวิ่งเลียบตลิ่งของชาวแพ ทําเจาเลห พอฟ้าคล�้าค�่าพลบลงหรุบรู่ ยุงออกฉู่ชิงพลบตบไม่ไหว
เที่ยวหลอกคน ดังคําโบราณทานวาไว ลิงมัน ได้รับรองป้องกันเพียงควันไฟ แต่หายใจมิใคร่ออกด้วยอบอาย
จองหองพองขน คนเขาจึงดากันวาลิงโลน โอ้ยามยากจากเมืองแล้วลืมมุ้ง มากร�ายุงเวทนาประดาหาย
จะกรวดน�้าคว�่าขันจนวันตาย แม้เจ้านายท่านไม่ใช้แล้วไม่มา
ลําพอง เดินทางถึงปากคลอง ผานทางสองแพรง
ฯลฯ
ดานซายมือคือปากคลอง สวนดานขวามือคลอง
บางเหี้ย อยูริมนํ้าริมปานี้นึกถึงอาหารที่นองทํา ๑
ฉบับเขียนสมุดฝรั่งเป็น “ข้างซ้ายมือเขาเรียกปากตะครอง”
แลวนํ้าตาคลอ เวลาจะกินขาว ตองกินขาวคลุก ๒
ฉบับเขียนสมุดฝรั่งเป็น “ชเลวน”
นํ้าตา พอพลบคํ่ายุงออกหากินไลตบไมไหว 164
ตองจุดกองไฟไลยุงแตก็เหม็นควันไฟ มุงก็ลืม
เอามาเผชิญกับความลําบากขนาดนี้ ถาเจานาย
ไมใชคงไมมาแลว)
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
คําประพันธในขอใดไมไดกลาวถึงเวลา
1 หญาคา เปนหญาชนิดหนึ่งนํามาใชมุงหลังคา สวนเหงามันจะใชทํายา
1. ยุงออกฉูชิงพลบตบไมไหว
หญาแฝกเปนหญาชนิดหนึ่งขึ้นเปนกอ ใชมุงทําหลังคา รากใชทํายา และมักนิยม
2. พอฟาคลํ้าคํ่าพลบลงหรุบรู
ปลูกเพื่อปองกันการพังทลายของหนาดิน ตนแขม เปนตนไมชนิดหนึ่งคลายตนออ
3. หยุดประทับดับดวงพระสุริย
ขึ้นตามชายนํ้า ชายปา และที่ชุมชื่น
4. ไดรับรองปองกันเพียงควันไฟ
2 เทพา เปนคําเดียวกับคําวา “เทพ” หรือ “เทว” แตโดยทั่วไปมักจะใชวา
“เทวา” เปนสวนมาก แตสุนทรภูใช “เทพา” เพื่อใหสัมผัสกับคําวา “พยายาม” วิเคราะหคําตอบ คําประพันธที่กลาวถึงเวลา มีดังนี้ ขอ 1. มีคําวา
ในความวา “เขาสรางศาลเทพาพยายาม” อีกนัยหนึง่ อาจพิจารณาวา สุนทรภูต ดั มา “ชิงพลบ” มีความหมายเหมือนกับ “คํ่าพลบ” ซึ่งหมายถึง ชวงคํ่ามืดที่
จากคําวา “เทพารักษ” ก็ได เพราะคําวา “เทวารักษ” ไมคอยมีใครใชกัน และจะ ดวงอาทิตยหมดแสง ขอ 2. มีคําวา “คํ่าพลบ” หมายถึง เวลายํ่าคํ่า เวลา
สอดคลองกันอยางเหมาะเจาะกันคําวา “ศาล” ถือเปน “ศาลเทพารักษ” นั่นเอง โพลเพล ขอ 3. มีคําวา “ดับดวงพระสุริย” สวนขอ 4. ไมมีคําที่กลาวถึง
เวลา ตอบขอ 4.
164 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนกลุมที่ 4 ถอดคําประพันธชวงที่ 4
ช่วงที่ ๔ (แนวตอบ กลุมที่ 4 ถอดคําประพันธชวงที่ 4 ได
แลทะเลแล้วก็ให้อาลัยนุช ไม่สร่างสุดโศกสิ้นถวิลหา วา มองดูเรือที่เรียงราย มองชาวจีนที่นั่งกินอาหาร
จนอุทัยไตรตรัสจ�ารัสตา เห็นเคหาเรียงรายริมชายทะเล เสียงดังบางนั่งเลนดูปูเดิน หญิงสาวชาวบานพากัน
ดูเรือแพแต่ละล�าล้วนโปะโหละ พวกเจ๊กจีนกินโต๊ะเสียงโหลเหล ถีบกระดานแลวนําตะกรามาเก็บหอย เอาขาหอย
บ้างลุยเลนล้วงปูดูโซเซ สมคะเนใส่1ข้องเที่ยวมองคอย ไปที่เลน ดูคลองแคลวนัก สวนพวกผูชายชวยเข็ญ
อันนารีที่ยังสาวพวกชาวบ้าน ถีบกระดานถือตะกร้าเที่ยวหาหอย กระดานอยางเชี่ยวชาญ กวาจะไดกินขาวเชาก็เวลา
ดูแคล่วคล่องล่องแล่นแฉลบลอย เอาขาห้อยท�าเป็นหางไปกลางเลน เพลพอดี แหลงที่ทํามาหากินโดยการจับสัตวนั้น
อันพวกเขาชาวประโมงไม่2โหย่งหยิบ ล้วนตีนถีบปากกัดขัดเขมร เปนบาป บานเรือนถึงเหมือนโดนสาปเพราะไมมี
จะได้กินข้าวเช้าก็ราวเพล ดูจัดเจนโลดโผนในโคลนตม ปนลม เมื่อดูบานเรือนแลวเปรียบเหมือนหัวอกเรา
จึงมั่งคั่งตั้งบ้านในการบาป แต่ต้องสาปเคหาให้สาสม ที่ไรคู เพราะไมมีสาวงามเหลียวตามองเลยหรือจะ
จะปลูกเรือนก็มิได้ใส่ปั้นลม ใครขืนท�าก็ระทมด้วยเพลิงลาม เปนเวรกรรม จะรักใครก็ไมมีใครรักตอบ เดินทาง
โอ้ดูเรือนเหมือนอกเราไร้คู่ ผู้ใดดูจึงไม่ออกเอี่ยมสนาม
ถึงกลางปา จึงคอยๆ นําเรือเขาจอดทีบ่ า นสหาย
คือ ขุนจาเมือง พอเริ่มตกเย็นก็เดินทางถึงบางพระ
หรือต้องสาปบาปหลังยังติดตาม ผู้หญิงงามจึงไม่มีปรานีเลย
มีบานเรือนปลูกอยูหนาแนน ก็แวะพักที่บานนายมา
จะรักใครเขาก็ไม่เมตตาตอบ สมประกอบได้แต่สอดกอดเขนย
เขาตอนรับเปนอยางดี พอรุงเชาไปเดินเลนริม
เอ็นดูเขาเฝ้านึกนิยมเชย โอ้ใจเอ๋ยจะเป็นกรรมนั้นร�่าไป
ชายหาดคิดถึงนองรัก มองเห็นกรวดทรายที่
พลางร�าพึงถึงทางที่กลางเถื่อน จึงคล้อยเคลื่อนนาวาเข้าอาศัย
ละเอียดเหมือนสําลี เห็นทะเล ดูกาบหอย คลืน่ ทะเล
มีมิตรชายท้ายย่านเป็นบ้านไทย ส�านักในเคหาขุนจ่าเมือง แสงสาดกระทบทราย แลวนึกวาถานองมาดวย
ฯลฯ ก็คงดี คงจะพากันชมหาดถามนั่นนี่แลวมีความ
ตะวันคล้อยหน่อยหนึ่งถึงบางพระ ดูระยะบ้านนั้นก็แน่นหนา สุขรวมกันไป คงจะชวยคลายความเหนื่อยใจไปได
พอพบเรือนเพื่อนชายชื่อนายมา เขาโอภาต้อนรับให้หลับนอน ในเวลานี้พี่มองเห็นแตหนาเพื่อนไมชื่นใจเหมือน
พอรุ่งแสงสุริยาลีลาลาศ 3 ลงเลียบหาดหวนคะนึงถึงสมร เห็นหนานองคิดแลวก็นํ้าตาไหล แลวจึงเหลียวไป
เห็นกรวดทรายชายทะเลชโลทร ละเอียดอ่อนดังละอองส�าลีดี เห็นวามีเรือจอดเรียงราย)
ดูกาบหอยรอยคลื่นกระเด็นสาด ก็เกลื่อนกลาดกลางทรายประพรายสี
เป็นหลายอย่างลางลูกก็เรียวรี โอ้เช่นนี้แม่มาด้วยจะดีใจ ขยายความเข้าใจ Expand
จะเชยชมก้มเก็บไปกลางหาด เห็นประหลาดก็จะถามตามสงสัย
พี่ไม่รู้ก็จะชวนส�ารวลไป ถึงเหนื่อยใจจะค่อยเบาบรรเทาคลาย จากการถอดคําประพันธชวงที่ 4 นักเรียน
โอ้ยามนี้พี่เห็นแต่พักตร์เพื่อน ไม่ชื่นเหมือนสุดสวาทที่มาดหมาย
ตอบคําถามตอไปนี้
• คลองบางเหี้ยปจจุบันตั้งอยูจังหวัดใด
กลั้นน�้าตามาจนสุดที่หาดทราย เห็นเรือรายโรงเรียงเคียงเคียงกัน
เพราะเหตุใดจึงตั้งชื่อนี้
ฯลฯ
(แนวตอบ เปนคลองทีแ่ ยกจากคลองบางสําโรง
165 จังหวัดสมุทรปราการ สาเหตุทเี่ รียกชือ่ นีเ้ พราะ
ในบริเวณนัน้ มีนาํ้ ทะเลหนุนมีสตั วบางประเภท
อาทิ ตะกวด จระเขเขามาอยูอาศัย)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
อันนารีที่ยังสาวพวกชาวบาน ถีบกระดานถือตะกราเที่ยวหาหอย
1 ถีบกระดาน คือ ลักษณะของการใชไมกระดานแบนๆ ยาวประมาณ 1.50 เมตร
ดูแคลวคลองลองแลนแฉลบลอย เอาขาหอยทําเปนหางไปกลางเลน
หัวไมเชิดเล็กนอยเพื่อสะดวกในการเคลื่อนที่ วางบนโคลนหรือเลนตามชายฝงทะเล
อันพวกเขาชาวประมงไมโหยงหยิบ ลวนตีนถีบปากกัดขัดเขมร
แลวนั่งคุกเขาลงขางใดขางหนึ่ง เทาที่เหลืออีกขางหนึ่งจะถีบโคลนหรือเลนเบาๆ
จะไดกินขาวเชาก็ราวเพล ดูจัดเจนโลดโผนในโคลนตม
เพื่อใหกระดานถีบเคลื่อนที่ไปขางหนา มือวางบนหลังไมหรือถัง การคุกเขาสวนใหญ
คําประพันธที่ยกมานี้นอกจากใหภาพพจนที่ชัดเจนแลวยังดีเดนในดานใด
นิยมตามความถนัด ถาคุกเขาขางขวา เทาขางซายจะถีบโคลนหรือเลน สลับกัน
1. ดานชีวิตความเปนอยูของหญิงสาวชาวบานที่ถีบกระดานไปหาหอย
บนกระดานถีบบางครั้งจะวางลังไมถังไมเอาไวใสหอย ปู ปลา หรือใสนํ้า อาหาร
2. ดานสังคมชี้ใหเห็นความเปนอยูของชาวประมงที่หาหอยเสียบเปนอาชีพ
หรือของจําเปนสวนตัว
3. ดานชีวิตความเปนอยูของหญิงชาวประมงตองลําบากออกไปถีบกระดาน
4. ดานอาชีพที่ชาวประมงจะใหผูหญิงออกไปถีบกระดานหาหอยเสียบสวน 2 เพล เวลาพระฉันกลางวัน คือ เวลาระหวาง 11 นาฬกาถึงเที่ยง เรียกวา เวลา
ผูชายออกเรือจับปลา เพล
คู่มือครู 165
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนกลุมที่ 5 ถอดคําประพันธชวงที่ 5
(แนวตอบ กลุมที่ 5 ถอดคําประพันธชวงที่ 5 ช่วงที่ ๕
ไดวา บริเวณนี้เรียกวา “ศรีมหาราชา” เดินเลียบ อันชื่อนี้ศรีมหาราชาชาติ ขึ้นจากหาดเข้าป่าพนาสัณฑ์
ไปตามชายหาดไดยินเสียงจักจั่น สองขางทางเปนปา ค่อยเลียบเดินเนินโขดสิงขรคัน เสียงจักจั่นแซ่เซ็งวังเวงใจ
นิ่งสงบไมมีลมพัด ปาไมเขียวชอุม ทั้งหนาวใจและ สองข้างทางนางไม้ไพรสงัด ไม่แกว่งกวัดก้านกิ่งประวิงไหว
หนาวกาย ไดยินเสียงนกรองเรียกสื่อสารกันกลางปา เย็นระรื่นชื่นชุ่มชอุ่มใบ หนาวฤทัยโทมนัสระมัดกาย
ก็ยิ่งใจหาย แลวเดินออกจากปา เดินทางถึงเชิงเขาที่ เสียงนกร้องก้องกู่กันกลางป่า ฟังภาษาสัตว์ไพรก็ใจหาย
เรียกกันวา “ทุงสงขลา” ไดยินเสียงนกรองเรียกคูมัน จนออกดงลงเดินเนินสบาย ค่อยเคลื่อนคลายรอเรียงมาเคียงกัน
ลุมนํ้านี้มองไปมีโปะรายเรียง ลงอวนเพื่อดักจับปลา ถึงเขาขวางว่างเวิ้งชะวากวุ้ง เขาเรียกทุ่งสงขลาพนาสัณฑ์
มองพวกแมงดาตัวเมียพาตัวผูอ อกมาอาหาร ชาวประมง เป็นป่ารอบขอบเขินเนินอรัญ นกเขาขันคูเรียกกันเพรียกไพร
จับแมงดาตัวเมียไปปลอยตัวผูลอยกลางนํ้า สุดทาย 1 ฯลฯ
ตัวผูก็ตาย เหมือนใจพี่ที่รักนองแมนองตายไปพี่ก็จะ ในกระแสแลล้วนแต่โป๊ะล้อม ลงอวนอ้อมโอบสกัดเอามัจฉา
ขอตายตามไปดวย คิดเรื่อยมาจนเดินทางถึง “ศาล โอ้คิดเห็นเอ็นดูหมู่แมงดา ตัวเมียพาผัวลอยเที่ยวเล็มไคล
บานนาเกลือ” ก็หยุดพักกินขาวเพื่อรอใหแดดหมด) เขาจับตัวผัวทิ้งไว้กลางน�้า ระลอกซ�้าสาดซัดให้ตัดษัย
พอเมียตายฝ่ายผัวก็บรรลัย โอ้เหมือนใจพี่รักภัคินี
ขยายความเข้าใจ Expand แม้น้องตายพี่จะวายชีวิตด้วย เป็นเพื่อนม้วยมิ่งแม่ไปเมืองผี
ร�าจวนจิตคิดมาในวารี จนถึงที่ศาลาบ้านนาเกลือ
จากการถอดคําประพันธหนา 166 ที่ใหความรู หยุดประทับดับดวงพระสุริย์แสง ยิ่งโรยแรงร้อนรนนั้นล้นเหลือ
เกี่ยวกับเรื่องสัตวนํ้า ยกตัวอยางประกอบ จะเคี้ยวข้าวตละค�าเอาน�้าเจือ พอกลั้วเกลื้อกล�้ากลืนค่อยชื่นใจ
(แนวตอบ ชาวประมงเลือกจับเฉพาะแมงดาตัวเมีย ฯลฯ
เพราะแมงดาตัวเมียมีไข นํามาเปนอาหารได แต ช่วงที่ ๖
แมงดาตัวผูไมมีไข และเมื่อเวลานักเดินทางไปในปา ครู่หนึ่งถึงชะวากชากลูกหว้า ล้วนพฤกษายางยูงสูงไสว
จะมีตัวทากมาเกาะบริเวณขา) แต่ล้วนทากตะเละร�าล�าพูไพร ไต่ใบไม้ยูงยาง๑มากลางแปลง
กระโดดเผาะเกาะผับกระหยับคืบ ถีบกระทืบมิใคร่หลุดสุดแสยง
ปลดที่ตีนติดขาระอาแรง ทั้งขาแข้งเลือดโซมชโลมไป
ออกเดินถี่หนีทากถึงชากขาม เป็นสนามน�้าท่าได้อาศัย
เห็นรอยคนแรมค้างอยู่กลางไพร ขึ้นต้นไม้หักรังไว้เรียงราย
เสียงลิงค่างบ่างชะนีวะหวีดโหวย กระหึมโหยห้อยไม้น่าใจหาย
เสียงผัวผัวตัวเมียเที่ยวโยนกาย เห็นคนอายแอบอิงกับกิ่งยาง
๑
ฉบับเขียนสมุดฝรั่งเป็น “ไต่ใบไม้ยุ่งยางมากลางแปลง”
166
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูกระตุนความสนใจของนักเรียนใหเกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน “ครูหนึ่งถึงชะวากชากลูกหวา ลวนพฤกษายางยูงสูงไสว”
เกิดการแลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็น ฝกการใชเหตุผลสนับสนุนความเห็นดวย คําประพันธในขอใดมีความหมายเหมือนคําที่ขีดเสนใต
หรือเห็นตาง ไมมุงเนนการถอดความหาความหมายของคําศัพทมากนัก แตเนน 1. ดูโลงลิ่วทิวรุกขะเรียงรัน
การสอนเพื่อใหรับรูรสทางวรรณคดีซึ่งเปนเปาหมายหลัก 2. ลงอวนออมโอบสกัดเอามัจฉา
3. คอยเลียบเดินเนินโขดสิงขรคัน
4. สมประกอบไดแตกอดสอดเขนย
วิเคราะหคําตอบ คําที่ขีดเสนใตในคําประพันธขางตน “พฤกษา” แปล
นักเรียนควรรู วา ตนไม ซึ่งมีความหมายตรงกับ ขอ 1. คําวา “รุกขะ” สวนขอ 2. คําวา
“มัจฉา” หมายความวา ปลา ขอ 3. คําวา “สิงขร” หมายความวา ภูเขา
1 โปะ ที่สําหรับดักปลาทะเล ทําดวยเสาไมจริงปกเปนวง ใชไมไผทํา เปนเฝอก และขอ 4. คําวา “เขนย” หมายความวา หมอน ตอบขอ 1.
กรุขางใน มีประตูตรงกลาง ขางประตูโปะใชเสาไมจริง ปกยาวเหยียดออกไปทั้ง
2 ขาง เพื่อกั้นปลาใหวายเลียบเลาะมาเขา โปะ เรียกวา ปกโปะ มีลักษณนามวา
ปาก หรือ ลูก
166 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนกลุมที่ 6 ถอดคําประพันธชวงที่ 6
โอ้ชะนีเวทนาเที่ยวหาผัว เหมือนตัวพี่จากน้องให้หมองหมาง (แนวตอบ กลุมที่ 6 ถอดคําประพันธชวงที่ 6
ชะนีเพรียกเรียกชายอยู่ปลายยาง พี่เรียกนางนุชน้องอยู่ในใจ ไดวา สักครูหนึ่งก็เดินทางไปพบตนลูกหวา ตนยาง
ฯลฯ ยูง ตนลําพู อีกทั้งตัวทากที่มาติดตามเทา ดึงออก
พอเต็มตึงถึงสุนัขกะบากนั้น รอยเขาฟันพฤกษาอยู่อาศัย ก็มีเลือดออกมาดวย จึงแวะทานํ้าเพื่อคางแรม
เห็นรอยคนปนควายค่อยคลายใจ รู้ว่าใกล้ออกดงเดินตะบึง ไดยินเสียงลิง คาง บาง ชะนี รองกันโหยหวน
แต่ย่างย้ายทรายฝุ่นขยุ่นยุบ ยิ่งเหยียบฟุบขาแข้งให้แข็งขึง พอเห็นคนก็หลบอิงที่กิ่งไมฟงแลวนาใจหาย
ยิ่งจวนเย็นเส้นสายให้ตายตึง ดูเหมือนหนึ่งเหยียบโคลนให้โอนเอน นาสงสารพวกชะนีที่รองเรียกหาคูเหมือนตัวพี่ที่จาก
ออกปากช่องท้องทุ่งที่ตลิ่ง ต่างเกลือกกลิ้งลงทั้งรกถกเขมร นองมา ชะนีเรียกหาคูเมื่อไหรเหมือนใจพี่กําลัง
ด้วยล้าเลื่อยเหนื่อยอ่อนนอนระเนน จนสุริเยนทร์ลับไม้ชายทะเล เรียกหานอง เดินทางไปเรื่อยๆ พบรอยฟนตนไม
ผลัดกันท�าย�่าเหยียบแล้วยืนหยัด กระดูกดัดผัวะเผาะให้โผเผ รอยเทาคนรอยเทาควายคอยสบายใจวาใกลถึง
ค่อยย่างเท้าก้าวเขยกดูเกกเก ออกโซเซเดินข้ามตามตะพาน ทางออกจากปาแลว แตทั้งฝุน ทราย โคลนเกาะ
เป็นทุ่งแถวมีแนวแม่น�้าอ้อม ระยะหย่อมเคหาน่าสนาน
ตามตัวไปหมดรางกายก็เหนื่อยออน เมื่อตกเย็นก็
เดินออกจากปาไดอยางหมดแรงเดินโซเซเหยียบ
เป็นเนินสวนล้วนเหล่ามะพร้าวตาล เข้าลับบ้านทับม้าลีลาไป
โคลนกันออกมาจากปา ขามสะพานแลวเดินตาม
ฯลฯ
แนวแมนํ้าออมมาทางบานคน ยานนั้นเปนสวนที่
ช่วงที่ ๗
ปลูกตนมะพราวตนตาล แลวจึงเดินทางเขาหมูบาน
เป็นทุ่งแถวแนวน�้าสกัดกั้น ต้องพากันลุยเลียบทะเลไหล
ทับมา)
แล้วขึ้นข้ามตามตะพานส�าราญใจ ลงเลียบในตีนเขาล�าเนาทาง
ดูครึ้มครึกพฤกษาป่าสงัด ทะลุลัดตัดทะเลแหลมทองหลาง ขยายความเข้าใจ Expand
ต่างเพลินเพลินเดินว่าเสภาพลาง 1 ถูกขุนช้างเข้าหอหัวร่อเฮ
เห็นไร่แตงแกล้งแวะเข้าริมห้าง ท�าถามทางชักชวนให้สรวลเส นักเรียนพิจารณาบทประพันธตอไปนี้ แลว
พอเจ้าของแตงโมปะโลปะเล สมคะเนกินแตงพอแรงกัน ตอบคําถาม
แล้วภิญโญโมทนาลาลีลาศ ลงเลียบหาดปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ “ชะรอยกรรมทําสัตวใหพลัดพราย
ถึงปากช่องคลองน�้าเป็นส�าคัญ ต�าแหน่งนั้นชื่อชะวากปากลาวน จึงแยกยายบิตุราชญาติกา”
ไม่หยุดยั้งตั้งหน้าเข้าป่ากว้าง ไปตามทางโขดเขินเนินถนน • จากบทประพันธขางตนสะทอนแนวคิดใด
สดับเสียงลิงค่างครางค�ารน เหมือนคนกรนโครกครอกท�ากลอกตาฯ อยางไร
ถึงหย่อมย่านบ้านกร�่าพอค�่าพลบ ประสบพบเผ่าพงศ์พวกวงศา (แนวตอบ จากบทประพันธขางตน แสดง
ขึ้นกระฎีที่สถิตท่านบิดา กลืนน�้าตาก็ไม่ฟังเฝ้าพรั่งพราย
ใหเห็นวาสุนทรภูมีความคิดเกี่ยวกับเรื่อง
เวรกรรมวาเปนสาเหตุที่ทําใหครอบครัว
ศิโรราบกราบเท้าให้เปล่าจิต ร�าคาญคิดอาลัยมิใคร่หาย
แตกแยก)
ชะรอยกรรมท�าสัตว์ให้พลัดพราย จึงแยกย้ายบิตุราชญาติกา
167
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ขอใดใชภาพพจนสัทพจน
ครูแนะใหนักเรียนศึกษาและรวบรวมคําไวพจนหรือคําพองความหมายและ
1. ออกปากชองทองทุงที่ตลิ่ง ตางเกลือกกลิ้งลงทั้งรกถกเขมร
คําพองรูปจากนิราศเมืองแกลง ซึง่ คําเหลานีเ้ ปนลักษณะเดนของการแตงวรรณคดีไทย
2. ดวยลาเลื่อยเหนื่อยออนนอนระเนน จนสุริเยนทรลับไมชายทะเล
ที่ตองเลือกใชคําใหถูกตองตามฉันทลักษณโดยไมเสียความ แสดงใหเห็นถึงความ
3. ผลัดกันทํายํ่าเหยียบแลวยืนหยัด กระดูกดัดผัวะเผาะใหโผเผ
สามารถของกวีไทย แตทั้งนี้หากนักเรียนไมศึกษาหรือจดจําโดยเฉพาะอยางยิ่ง
4. คอยยางเทากาวเขยกดูเกกเก ออกโซเซเดินขามตามตะพาน
คําพองรูป นักเรียนจะมีปญหาในการตีความบทประพันธ เพราะคําที่เขียนเหมือนกัน
วิเคราะหคําตอบ ขอที่มีภาพพจนสัทพจนหรือคําเลียนเสียงธรรมชาติ คือ อาจมีความหมายตางกัน ครูแนะใหนักเรียนพิจารณาบริบทรอบขางคําศัพทนั้น
ขอ 3. “ผลัดกันทํายํ่าเหยียบแลวยืนหยัด กระดูกดัดผัวะเผาะใหโผเผ” มีคํา ประกอบการตีความบทประพันธ
วา “ผัวะเผาะ” ซึ่งเปนเสียงที่ดังมาจากกระดูกที่ยํ่าโคลน ขออื่นไมมีคําที่
เลียนเสียงธรรมชาติ มีแตคําที่แสดงอาการเคลื่อนไหวตางๆ ตอบขอ 3.
นักเรียนควรรู
1 หาง หมายถึง กระทอมสรางไวสําหรับเปนที่พักเวลาเฝาไรนา หรืออาจหมาย
ถึง สิ่งกอสรางชั่วคราวบนตนไมที่เอาไวนั่งพักตอนอยูในปา
คู่มือครู 167
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนกลุมที่ 7 ถอดคําประพันธชวงที่ 7
(แนวตอบ กลุมที่ 7 ถอดคําประพันธชวงที่ 7 ได มาพบพ่อท้อใจด้วยไกลแม่ ให้ตั้งแต่เศร้าสร้อยละห้อยหา
วา มองไปเห็นทุงเปนแนวกั้นนํ้า ก็พากันลุย ชนนีอยู่ศรีอยุธยา บิดามาอ้างว้างอยู่กลางไพร
เดินยํ่านํ้าทะเล แลวขามสะพาน เดินเขาสูตีน ภูเขาขวางทางกั้นอรัญเวศ ข้ามประเทศทุ่งท่าชลาไหล
เขาเปนปาที่เงียบสงัดทะลุออกทะเลแหลมทอง เดินกันดารปานปิ้มจะบรรลัย จึงมาได้เห็นหน้าบิดาตัว
วางๆ จึงวาเสภาขุนชางขุนแผนกันระหวางเดิน ท่านชูช่วยอวยพรให้ผ่องแผ้ว ดังฉัตรแก้วกางกั้นไว้เหนือหัว
ทางเห็นไรแตงจึงเดินเลาะเขาไปแกลงถามทาง อุตส่าห์ฝนไพลทารักษาตัว ค่อยยังชั่วมึนเมื่อยที่เหนื่อยกาย
ชวนเจาของสวนพูดคุยเฮฮาเพือ่ ขอแตงกิน พากัน บรรดาเหล่าชาวบ้านประมาณมาก ต่างมาฝากรักใคร่เหมือนใจหมาย
พูดถึงที่ตีโบยขโมยควาย กล่าวขวัญนายเบียดเบียนแล้วเฆีย่ นตี
ขอบคุณแลวเดินทางเลียบหาดตอไป เดินทาง
ถามราคาพร้าขวานจะวานซื้อ ล้วนอออือเอ็งกูกะหนูกะหนี
ถึงปากชองชื่อวาชะวากปากลาวน ตองเดินผาน
ทีคะขาค�าหวานนานนานมี เป็นว่าขี้คร้านฟังแต่ซังตาย
ปากวาง ฟงเสียงลิงคางแลวเหมือนคนนอนกรน เวลาเช้าก็ชวนกันออกป่า มันโม้หมาไล่เนื้อไปเหลื
เดินทางถึงยานบานกรํ่า พบญาติพี่นองแลวจึง 1 อหลาย
พอเวลาสายั
2 3 ณห์ตะวัน4ชาย ได้กระต่ายตะกวดกวางมาย่างแกง
ไปขึ้นบนกุฏิพบบิดา ก็รองไหกราบเทา แลว ทั้งแย้บึ้งอึ่งอ่างเนื้อค่างคั่ว เขาท�าครัวครั้นไปปะขยะแขยง
ครํ่าครวญดวยความอาลัยที่ตองพลัดพรากกัน ต้องอดสิ้นกินแต่ข้าวกับเต้าแตง จนเรี่ยวแรงโรยไปมิใคร่มี
หางบิดาหางญาติพี่นอง เพราะตองหางไกลจาก อยู่บุรินกินส�าราญทั้งหวานเปรี้ยว ตั้งแต่เที่ยวยากไร้มาไพรศรี
แมที่อยูกรุงศรีอยุธยา กวาจะเดินทางมาพบบิดา แต่น�้าตาลมิได้พานในนาภี ปัถวีวาโยก็หย่อนลง
ไดหนทางผานปาเขาลําเนาไพรแสนยากเย็น มา ด้วยเดือนเก้าเข้าวสาเป็นหน้าฝน จึงขัดสนสิ่งของต้องประสงค์
ถึงบิดาก็หาไพลมาทาตัวใหหายเจ็บหายเหนื่อย ครั้นแล้วลาฝ่าเท้าท่านบิตุรงค์ ไปบ้านพงค้อตั้งริมฝั่งคลอง
วิถีชีวิตชาวบานนั้นแตกตางจากเมืองหลวง ฯลฯ
เหลือเกิน จนไดเวลาก็ลาบิดา แลวเดินทาง ช่วงที่ ๘
ไปยังบานพงคอที่อยูริมฝงคลอง) นิราศเรื่องเมืองแกลงแต่งมาฝาก เหมือนขันหมากมิ่งมิตรพิสมัย
อย่าหมางหมองข้องขัดตัดอาลัย ให้ชื่นใจเหมือนแต่หลังมั่งเถิดเอยฯ
ขยายความเข้าใจ Expand ฯ ๘ ค�า ฯ
นักเรียนรวมกันถอดคําประพันธในเนื้อเรื่อง ความรู้เสริม
ชวงที่ 8
(แนวตอบ นิราศเมืองแกลงเรื่องนี้แตงมาเปน การถีบกระดานหาหอย
ขันหมากใหไดชิมไดชม อยาไดหมองใจเลยขอใหได การถีบกระดานหาหอย เปนวิธกี ารจับหอยของชาวบานทีใ่ ชกระดาน
แผนกวางขนาดพอดีคนนัง่ ไดคนเดียวเลือ่ นไถลไปบนโคลน โดยใชเทาขาง
มีสุขเหมือนแตกอนเถิด) หนึง่ ยันกระดานใหเคลือ่ นไป ปจจุบนั พบเห็นไดบา งในชุมชนชายทะเลแถบ
อาวไทย เชน จังหวัดสมุทรสงคราม
ตรวจสอบผล Evaluate (ที่มา: http://www.maeklongdee.com/veera1.htm)
1. นักเรียนถอดคําประพันธตามที่กําหนดได 168
2. นักเรียนระบุชื่อพันุธไมที่พบในเนื้อเรื่องได
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
ขอใดเรียงลําดับเหตุการณไดถูกตอง
1 ตะกวด เปนสัตวเลื้อยคลาน ตัวสีนํ้าตาลเหลือง ปากแหลม ลิ้นยาวแยกเปน
1. ตะวันคลอยหนอยหนึ่งถึงบางพระ ดูระยะบานนั้นก็แนนหนา
2 แฉก หางยาวใชฟาดเพื่อตอสู ปองกันตัว อาศัยตามปาโปรงมากกวาปาทึบหากิน
2. ถึงบางลัดแลทาชลาตื้น ดูเลื่อมลื่นเลนลากลําละหาน
ตามพื้นดิน ขึ้นตนไมเกง พาดตัวนอนผึ่งแดดตามกิ่งไม บางที่อาจเรียก “แลน”
3. ถึงหยอมยานบานกรํ่าพอคํ่าพลบ ประสบพบเผาพงศวงศา
หรือ “จะกวด”
4. พอรุงแสงสุริยาลีลาลาศ ลงเลียบหาดหวนคะนึงถึงสมร
1 แย ชื่อสัตวเลื้อยคลานลําตัวแบนราบ ขางตัวมีสีสวย ไมมีหนามสันหลัง 1. 1 2 3 4 2. 4 3 2 1
อาศัยขุดรูอยูในดิน หากินตามพื้นดิน ไมขึ้นตนไม ในประเทศไทยมี 2 ชนิดยอย 3. 2 1 4 3 4. 3 2 1 4
คือ แยเสน และแยจุด
วิเคราะหคําตอบ สามารถเรียงลําดับเหตุการณได จากการพิจารณา
2 บึ้ง ชื่อแมงมุมขนาดใหญที่มีลําตัวยาวกวา 3 เซนติเมตรขึ้นไป สวนใหญเปน การเคลื่อนที่ของดวงอาทิตยที่จะเปนสิ่งบอกเวลากอนและหลังวา ขอ 1.
ประเภทไมถักใยดักสัตว ตัวสีนํ้าตาลหรือนํ้าตาลแก มีขนรุงรังสีเดียวกัน ขุดรูอยู ตะวันคลอยหนอยหนึ่งมากอน ขอ 4. แสงสุริยาลงเลียบหาด และขอ 3.
คอยจับสัตวเล็กๆ กิน บึ้งบางชนิดมีคนนํามากิน คํ่าพลบ คือ กําลังจะหมดแสงพระอาทิตย เรียงขอได 1 4 3 ตอบขอ 3.
3 คาง เปนสัตวเลี้ยงลูกดวยนมในตระกูลลิง รูปรางเพรียวบาง มีหางและขนยาว
168 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
นักเรียนเลนเกมจับคูคําศัพทกับความหมาย
๖ คÓศัพท์ จากบัตรคําที่ครูนํามาประกอบการเรียนรู จากนั้น
ครูสรุปผลคะแนน คัดเลือกผูที่ไดคะแนนมากที่สุด
คำาศัพท์ ความหมาย ชื่นชมและมอบรางวัล
กระฎี กุฎีหรือกุฏิ เป็นที่อยู่ของพระ สร้างเป็นหลังๆ
ส�ารวจค้นหา Explore
กระหนูกระหนี พูดโดยไม่ขัดคอกัน
กานดา หญิงที่รัก นักเรียนสืบคนความหมายของคําศัพททาย
บทเรียนและความรูเพิ่มเติมที่เกี่ยวของจาก
ก�าแหง แข็งแรง กล้าแข็ง
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานหรือเว็บไซต
เขนย หมอนหนุน ที่เกี่ยวของ
จ�ารัส รุ่งเรือง สว่าง
ชนก ชายผู้ให้ก�าเนิด พ่อ อธิบายความรู้ Explain
ชลา น�้า นักเรียนทําสมุดบันทึกคําศัพท โดยจําแนก
ชะวากวุ้ง ช่องว่างที่เวิ้งว้างเข้าไปเป็นคุ้งน�้า มาจากค�าชะวากชะวุ้ง คําศัพทในนิราศเมืองแกลงเปนหมวดหมูดังนี้
(ชะวาก แปลว่า ช่องที่เวิ้งว้างเข้าไป ชะวุ้ง แปลว่า เป็นคุ้ง คด อ้อม) • พันธุพืช
ชิงพลบ จวนค�่า โพล้เพล้ (แนวตอบ เชน แตงโม ไพล ยาง เปนตน)
ตะบึง รีบเร่งไปไม่หยุดหย่อน • สัตวตางๆ
ถกเขมร นุ่งผ้าโจงกระเบน ดึงชายให้สูงร่นขึ้นไปเหนือเข่า (แนวตอบ เชน ทาก แย บึ้ง อึ่งอาง บาง คาง
ทาก ชื่อสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังพวกปลิง ล�าตัวขนาดต่างๆ กัน ลักษณะเป็น เปนตน)
1 ปล้อง ยืดหดได้มาก อยู่ตามป่า ดูดกินเลือดเป็นอาหาร
นาภี ท้อง
ปล�้า พยายามท�าอย่างเต็มก�าลัง
ปะ มาเจอกัน มาเผชิญหน้ากัน
ปะโลปะเล ปุโลปุเล พูดหรือท�าพอให้เสร็จไปโดยไม่ต้องการรายละเอียด
2
ปัถวี ดิน ธาตุดิน
ปิ้ม เกือบ จวน แทบ
เฝือ มาก บ่อยๆ
ไพล ชื่อว่านชนิดหนึ่ง ต้นและใบคล้ายขิง หัวสีเหลืองคล้ายขมิ้น ใช้ท�ายา
169
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ขอใดแตกตางจากขออื่น
ครูอาจสรางสรรคกิจกรรมเพิ่มเติม ดวยการนําคําศัพทในบทเรียนมาใชใน
1. ตางเกลือกกลิ้งลงทั้งรกถกเขมร
การออกแบบกิจกรรม เชน แบงกลุมใหนักเรียนสรางเกมคําศัพท หาคําศัพทที่เปน
2. พวกเจกจีนกินโตะเสียงโหลเหล
คําไวพจนในบทเรียน นําคําศัพทที่นาสนใจมาสรางเรื่องที่มีแนวคิดสอดคลองกับ
3. ลวนอออือเอ็งกูกระหนูกระหนี
เนื้อเรื่อง เปนตน
4. พอเจาของแตงโมปะโลปะเล
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. กลาวถึงลักษณะการแตงกายแบบถกเขมร คือ
การนุงผาจงกระเบน ดึงชายใหสูงรนขึ้นไปเหนือเขา ขอ 2. กลาวถึงการกิน นักเรียนควรรู
อาหารรวมกันบนโตะของชาวจีนเสียงดังโหลเหล ขอ 3. กลาวถึงการพูดคุยกัน
โดยไมขัดคอกัน และขอ 4. เจาของแตงโมพูดหรือทําเออออไปดวย จะเห็น 1 นาภี มีความหมายอื่นๆ อีก คือ สะดือ ราชาศัพทใชวา พระนาภี เชน
ไดวา ขอ 2. ขอ 3. และขอ 4. กลาวถึงลักษณะการพูด ขอที่ตางจากขออื่น พระพุทธรูปสวนสูงวัดจากพระบาทถึงพระนาภี เปนตน และดุมเกวียน ดุมรถ
คือ ขอ 1. ตอบขอ 1. ศูนยกลาง หรือมีความหมายวา ตัวชะมด
2 ปถวี เปนคําพองรูป อีกความหมายหนึ่งคือ ทายเรือพิธีซึ่งใชเฉพาะเรือหลวง
คู่มือครู 169
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนอธิบายการใชคาํ ไวพจน นิราศเมืองแกลง
โดยยกตัวอยางประกอบการอธิบาย คำาศัพท์ ความหมาย
(แนวตอบ คําไวพจนในนิราศเมืองแกลงมีหลายคํา
ภัคินี ภคินี พี่หญิง น้องหญิง
เชน คําวา ไพร อรัญเวศ อารัญ ที่มีความหมายวา 1
ปา คําวา พฤกษา รุกขะ ที่มีความหมายวา ตนไม ภุมริน แมลงผึ้ง แมลงภู่
คําวา ชลาทร ละหาน ที่มีความหมายวา หวงนํ้า รุกข ต้นไม้
เปนตน รู่ ครูด ถู สี
การใชคําไวพจนชวยใหบทประพันธมีความ
วงศา ตระกูล เชื้อสาย เหล่ากอ
นาสนใจ ไมนาเบื่อ แสดงใหเห็นความสามารถ 2
ในการใชภาษาของกวี เชน “ตะวันฉายแสงสองตอง วษา พรรษา
วษา พรรษา ฝน ฤดูฝน
พฤกษา” กับ “ดูโลงลิ้วทิวรุกขะเรียงรัน” เปนตน) วาโย 3 ลม ธาตุลม
เวิ้ง ที่เปิดกว้างเข้าไปถัดจากที่แคบ เช่น พ้นปากถ�้าไปเห็นเป็นเวิ้ง
4
ขยายความเข้าใจ Expand ศศิธร พระจันทร์
1. นักเรียนนําคําศัพทที่เปนคําไวพจนในบทเรียน ศอ คอ
ไปแตงประโยคความซอน คําละ 1 ประโยค ศิโรราบ กราบกราน ยอมอ่อนน้อม
โดยนักเรียนคัดเลือกคําศัพทไปคนละ 3 คํา สงกา ความสงสัย
2. นักเรียนจดบันทึกคําศัพทลงในสมุดบันทึกศัพท
แลวฝกทองจําเพื่อเปนความรูทางภาษา สถิต อยู่ ตั้งอยู่
ส�ารวล หัวเราะ รื่นเริง
ตรวจสอบผล Evaluate เสภา ชื่อกลอนชนิดหนึ่งใช้ขับเป็นเรื่องราวด้วยจังหวะและดนตรี
1. นักเรียนจําแนกคําศัพทตามหมวดหมูที่ โสทก น�้า ล�าคลอง ทางน�้า
กําหนดได หรุบรู่ มีแสงมัวจนมองอะไรไม่เห็นถนัดชัดเจน
5
2. นักเรียนอธิบายความหมายของคําศัพทได อรัญเวศ ป่า
ถูกตอง อางขนาง อาย ขวยเขิน
3. นักเรียนอธิบายการใชคําไวพจนในบทประพันธ
พรอมยกตัวอยางได อารักษ์ เทวดาผู้พิทักษ์รักษา
อารัญ ป่า
อุทัย เริ่มส่องแสง ใช้กับพระอาทิตย์ ในค�าว่าอาทิตย์อุทัย
โอภา ทักทายด้วยวาจาสุภาพ
170
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
คําประพันธในขอใด ถาแบงวรรคผิดจะทําใหสื่อความหมายผิด
1 ภุมริน มีความหมายวา แมลงภู คําที่มีความหมายเหมือนกับคํานี้ เชน คําวา
1. พอฟาคลํ้าคํ่าพลบลงหรุบหรู ยุงออกฉูชิงพลบตบไมไหว
ภมร ภมริน ภมรี ภุมรี ภุมเรศ เปนตน
2. ไดรับรองปองกันเพียงควันไฟ แตหายใจมิใครออกดวยอับอาย
2 วษา พรรษา มีความหมายวา ฝน ฤดู ฝน คําที่มีความหมายเหมือนกับคํานี้ 3. โอยามยากจากเมืองแลวลืมมุง มากรํายุงเวทนาประดาหาย
เชน คําวา วรรษ วรรษา วรุณ พรุณ เปนตน 4. จะกรวดนํ้าควํ่าขันจนวันตาย แมเจานายทานไมใชแลวไมมา
3 วาโย มีความหมายวา ลม คําที่มีความหมายเหมือนกับคํานี้ เชน คําวา วิเคราะหคําตอบ จากขอ 3. “โอยามยากจากเมืองแลวลืมมุง มากรํายุง
มาลุต วายุ วายะ วาโย วายุ พายุ พาย เปนตน เวทนาประดาหาย” หากแบงเปน มาก/รํา/ยุง จะไมสื่อความ จึงตองอาน
4 ศศิธร มีความหมายวา พระจันทร คําที่มีความหมายเหมือนกับคํานี้ เชน วา มา/กรํา/ยุง คือ มาทนใหยุงตอมกัด ตอบขอ 3.
คําวา ศศิ แข โสม บุหลัน จันทร จันทรา เปนตน
5 อรัญเวศ มีความหมายวา ปา คําที่มีความหมายเหมือนคํานี้ เชน คําวา
อารัญ อารัณย อรัญญิก วน วนา พน พนา วนาดร พง พงพี ไพร พงไพร วนัส
พนัส เปนตน
170 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
นักเรียนสนทนาทบทวนเนื้อเรื่องนิราศเมือง
๗ บทวิเคราะห์ แกลง จากนั้นสนทนารวมกันเกี่ยวกับคุณคาที่ได
รับจากการศึกษาวรรณคดีเรื่องนี้ ทั้งคุณคาดาน
นิราศเมืองแกลง เป็นนิราศเรื่องแรกที่แสดงให้เห็นถึงอัจฉริยภาพด้านการประพันธ์ร้อยกรอง เนื้อหา ดานวรรณศิลป และดานสังคม รวมถึง
ประเภทกลอนของสุนทรภู ่ และยังสามารถแสดงทรรศนะกวีได้อย่างน่าสนใจ คุณค่าของนิราศเมืองแกลง ขอคิดที่สามารถนําไปปรับใชในชีวิตประจําวันได
จึงดีเด่นทั้งในด้านเนื้อหา วรรณศิลป์ ให้คุณค่าทางด้านสังคมและให้ข้อคิดสอนใจที่สามารถน�าไปใช้ใน
การด�ารงชีวิต ดังนี้ ส�ารวจค้นหา Explore
๗.๑ คุณค่าด้านเนื้อหา นักเรียนแสวงหาความรูและสืบคนคุณคาดาน
นิราศเมืองแกลง เป็นนิราศที่มีความโดดเด่นมากเรื่องหนึ่งของสุนทรภู่ เนื่องด้วย เนื้อหา ดานวรรณศิลป และดานสังคม รวมถึง
มีการน�าเสนอเนื้อหาที่มีความน่าสนใจ ชวนให้ติดตามการเดินทางของสุนทรภู่ ซึ่งได้น�าเสนอเนื้อหา ขอคิดที่สามารถนําไปปรับใชในชีวิตประจําวันได
ของนิราศเมืองแกลงในแง่มมุ ทีห่ ลากหลาย กล่าวคือ นอกจากผูอ้ า่ นจะได้รบั ความสนุกสนานเพลิดเพลิน จากเอกสาร ตํารา และเว็บไซตที่เกี่ยวของ
จากการอ่านแล้ว ยังได้รับความรู้เพิ่มเติม ดังนี้
๑) ให้ความรู้เกี่ยวกับที่มาของคำา นิราศเมืองแกลงกล่าวถึงส�านวนว่า “จองหอง อธิบายความรู้ Explain
พองขน” ซึ่งมาจากกิริยาอาการของลิง ดังบทประพันธ์ นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับเนื้อหาของ
โอ้คลองขวางทางแดนแสนโสทก ดูบนบกก็แต่ล้วนลิงแสม นิราศเมืองแกลง
• นักเรียนอธิบายอารมณความรูสึกของกวีกับ
เลียบตลิ่งวิ่งตามชาวเรือแพ ท�าลอบแลหลอนหลอกตะคอกคน
เนื้อหาวาสัมพันธกันอยางไร
ค�าโบราณท่านผูกถูกทุกสิ่ง เขาว่าลิงจองหองมันพองขน
(แนวตอบ ระหวางการเดินทางของกวีเปนไป
ท�าหลุกหลิกเหลือกลานพานลุกลน เขาด่าคนจึงว่าลิงโลนล�าพอง
ดวยความยากลําบาก ซึ่งพิจารณาไดจาก
จากบทประพันธ์สะท้อนให้เห็นพฤติกรรมของลิงที่มีท่าทางไม่สงบนิ่ง เคลื่อนไหว การถายทอดเรื่องราวพรรณนาเหตุการณ
ตลอดเวลา เมื่อเห็นคนจึงมักจะแสดงอาการพองขนใส่ ซึ่งกลายเป็นที่มาของส�านวนไทยที่ว่า “จองหอง ตางๆ ที่พบระหวางการเดินทางอยางนา
พองขน” หมายถึง เย่อหยิ่ง
เห็นใจ การพรรณนาและการบรรยายเปนไป
ตามอารมณความรูสึกของกวีที่กําลัง
๒) ให้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์ สุนทรภู่กล่าวถึงแมงดาทะเล โดยน�ามาเปรียบเทียบ
เศราโศกไมสมหวังในความรักกับนางจัน)
กับความรักของตน ท�าให้ผู้อ่านได้รับความรู้เกี่ยวกับแมงดาทะเล ดังบทประพันธ์
ในกระแสแลล้วนแต่โป๊ะล้อม ลงอวนอ้อมโอบสกัดเอามัจฉา
โอ้คิดเห็นเอ็นดูหมู่แมงดา ตัวเมียพาผัวลอยเที่ยวเล็มไคล
เขาจับตัวผัวทิ้งไว้กลางน�้า ระลอกซ�้าสาดซัดให้ตัดษัย
พอเมียตายฝ่ายผัวก็บรรลัย โอ้เหมือนใจพี่รักภัคินี
171
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
“ทานชูชวยอวยพรใหผองแผว ดังฉัตรแกวกางกั้นไวเหนือหัว”
ครูชี้แนะการพรรณนาเปรียบเทียบสิ่งแวดลอมกับอารมณความรูสึกของกวี ดังนี้
คําประพันธนี้ผูแตงกลาวถึงอะไร
• กลาวถึงสัตว เชน กวีกลาวถึงแมงดาทะเลเปรียบเทียบกับความรักของตน
1. คําอวยพรของพระมหากษัตริยเหมือนฉัตรแกว
ความวา
2. คําอวยพรของบิดามารดาเหมือนรมแกว
“โอคิดเห็นเอ็นดูหมูแมงดา ตัวเมียพาผัวลอยเที่ยวเล็มไคล”
3. คําอวยพรของมารดาเหมือนกิ่งแกว
• กลาวถึงลักษณะทางภูมิศาสตร เชน กวีกลาวถึงทะเลดวยความรูสึกเศราโศก
4. คําอวยพรของบิดาเหมือนฉัตรแกว
คิดถึงนางผูเปนที่รัก ความวา
วิเคราะหคําตอบ คําประพันธในขางตน คําวา “ทาน” หมายถึง บิดาของ “แลทะเลแลวก็ใหอาลัยนุช ไมสรางสุขโสกสิ้นถวิลหา”
สุนทรภูที่บวชอยูวัดปา ตําบลบานกรํ่า อําเภอเมืองแกลง จังหวัดระยอง • กลาวถึงประเพณีและพิธีการ เชน การกรวดนํ้าเปรียบเทียบกับความทุกขเข็ญ
สุนทรภูไดเดินทางไปเยี่ยมพรอมกับแตงนิราศเมืองแกลง ซึ่งเปนนิราศเรื่อง ถึงที่สุด ความวา
แรกของสุนทรภู ดังนั้นคําประพันธขางตนจึงหมายความถึง คําอวยพรของ “จะกรวดนํ้าควํ่าขันจนวันตาย แมเจานายทานไมใชแลวไมมา”
บิดาวาเหมือนฉัตรแกว ตอบขอ 4.
คู่มือครู 171
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับคุณคาดานเนื้อหา
จากนิราศเมืองแกลง จากบทประพันธ์นที้ า� ให้ผอู้ า่ นได้รบั ความรูเ้ กีย่ วกับแมงดาทะเล ซึง่ แมงดาทะเลตัวผูน้ นั้
• ตอนใดของเรื่องนิราศเมืองแกลงที่ใหความรู ตาบอดหาอาหารกินเองไม่ได้ตอ้ งพึง่ พาตัวเมีย โดยจะเกาะหลังตัวเมียให้พาไปหากินยังทีต่ า่ งๆ เมือ่ ตัวเมีย
เกี่ยวกับสมุนไพร ถูกจับไปเป็นอาหาร ตัวผูจ้ งึ ไม่สามารถหากินด้วยตนเองได้ การทีแ่ มงดาทะเลตัวเมียให้ตวั ผูเ้ กาะหลังไป
(แนวตอบ เมื่อตอนที่สุนทรภูเดินทางไปถึงจุด หากิน กวีได้น�ามาเปรียบเทียบกับความรักอันยิ่งใหญ่ของชายหญิง แต่ปัจจุบัน ค�าว่าแมงดาใช้เปรียบ
หมาย โดยตลอดการเดินทางสุนทรภูเดินทาง กับผู้ชายที่ไม่ท�างาน อาศัยให้ผู้หญิงหาเลี้ยงไปวันๆ
มาดวยความยากลําบาก มีบาดแผลจากทาก ๓) ให้ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพร สมุนไพรเป็นผลิตผลธรรมชาติที่ได้จากพืช สัตว์
และแร่ธาตุที่ใช้เป็นยาหรือผสมกับสารอื่นตามต�ารับยา เพื่อบ�าบัดโรค บ�ารุงร่างกาย นิราศเมืองแกลงมี
และหนามเถาวัลยเกี่ยวและปวดเมื่อยตัว บิดา
การกล่าวถึงไพล พืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยา ดังบทประพันธ์
ของสุนทรภูจึงใชสมุนไพรในการรักษาและ 1
สามารถรักษาใหอาการดีขึ้นได ดังวา ท่า2นชูช่วยอวยพรให้ผ่องแผ้ว ดังฉัตรแก้วกางกั้นไว้เหนือหัว
“อุตสาหฝนไพลทารักษาตัว อุตส่าห์ฝนไพลทารักษาตัว ค่อยยังชั่วมึนเมื่อยที่เหนื่อยกาย
คอยยังชั่วมึนเมื่อยที่เหนื่อยกาย”)
จากบทประพันธ์ได้ให้ความรู้แก่ผู้อ่านว่าในสมัยอดีต หากมีการเจ็บป่วย จะใช้วิธี
การรักษาโดยใช้สมุนไพรพื้นบ้านที่มีสรรพคุณที่แตกต่างกัน ซึ่งในที่นี้บิดาของสุนทรภู่ได้ใช้ไพลฝนทา
ขยายความเข้าใจ Expand เพื่อรักษาอาการวิงเวียนและปวดเมื่อยให้แก่สุนทรภู่
นักเรียนยกบทประพันธที่นักเรียนเห็นวากวีมี จึงกล่าวได้ว่า เนื้อหาของนิราศเมืองแกลงมีคุณค่าเนื่องด้วยน�าเสนอเรื่องราวในแง่มุม
ความทุกขระทมที่สุด ที่หลากหลาย สะท้อนให้เห็นถึงสภาพวิถีชีวิตและสภาพของสังคมไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
(แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดหลากหลายขึ้น ให้ความบันเทิง ก่อให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจต่อผู้อ่านและให้ความรู้เสริมในเรื่องต่างๆ นอกจากนี้
ผูป้ ระพันธ์ยงั ได้นา� เสนอแนวคิดส�าคัญของเรือ่ งโดยสอดแทรกลงในเนือ้ หา คือ การพลัดพรากจากสิง่ ทีร่ กั
อยูกับเหตุผลของนักเรียน
นั้นเป็นทุกข์
“จะกลืนขาวคราวโศกในทรวงเสียว
เหมือนขืนเคี้ยวกรวดแกลบใหแสบศอ ๗.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์
ตองเจือนํ้ากลํ้ากลืนพอกลั้วคอ นิราศเมืองแกลงแต่งด้วยค�าประพันธ์ประเภทกลอนสุ 3 ภาพ แต่มีลักษณะพิเศษของ
กินแตพอดับลมดวยตรมใจ” กลอนนิราศที่ขึ้นต้นด้วยวรรครับและลงท้ายเรื่องด้วยค�าว่า “เอย”
“เอย” มีสัมผัสในของแต่ละวรรค ๒ คู่
จากบทประพันธที่ยกมา จะเห็นไดวากวีใชคํา ขึ้นไปจึงมีความไพเราะคล้องจองอ่านได้เพลิดเพลิน การใช้ถ้อยค�าเข้าใจง่ายมีความหมายลึกซึ้ง
เกิดจินตภาพเด่นชัด ดังข้อความที่บรรยายเกี่ยวกับภาพหาดทรายว่า “เห็นกรวดทรำยชำยทะเล
เปรียบเทียบไดกินใจ ใหความรูสึกวาการทนฝนกิน
ชโลธร ละเอียดอ่อนดังละอองส�ำลีดี ดูกำบหอยรอยคลื่นกระเด็นสำด ก็เกลื่อนกลำดกลำงทรำย
ในสิ่งที่ไมอยากกิน ในขณะที่เหน็ดเหนื่อยทั้งกายใจ
ประพรำยสี” นิราศเมืองแกลงจึงเป็นนิราศที่มีความดีเด่นและให้คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ดังนี้
นั้นเปนความทุกขที่สุด) ๑) ดีเด่นเรื่องสัมผัสใน กลอนทุกวรรคของสุนทรภู่มีความดีเด่นเรื่องสัมผัสใน แสดง
ให้เห็นความสามารถด้านการสรรค�าใช้ทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร ดังบทประพันธ์
จะเหลียวซ้ายแลขวาก็ป่าแสม ตะลึงแลปูเปี้ยวเที่ยวไสว
ระหริ่งเรื่อยเฉื่อยเสียงเรไรไพร ฤทัยไหวแว่วว่าพะงางาม
172
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
ขอใดดีเดนในดานสัมผัสในและยังมีลักษณะครํ่าครวญถึงนางผูเปนที่รัก
1 ฉัตร เครื่องสูงชนิดหนึ่ง มีรูปคลายรมที่ซอนกันขึ้นไปเปนชั้นๆ ชั้นบนมี
1. เสียงลิงคางบางชะนีวะหวีดโหวย กระหึมโหยหอยไมนาใจหาย
ขนาดเล็กกวาชั้นลางลดหลั่นกันไปโดยลําดับ ใชสําหรับแขวน ปก ตั้ง หรือเชิญเขา
เสียงผัวผัวตัวเมียเที่ยวโยนกาย เห็นคนอายแอบอิงกับกิ่งยาง
กระบวนแหเปนเกียรติยศ
2. กระแสชลวนเชี่ยวเรือเลี้ยวลด ดูคอมคดขอบคุงคงคาไหล
2 ไพล ลักษณะตนและใบคลายขิง เหงาสีเหลืองอมเขียวใชทํายาได เรียกสี แตสายชลเจียวยังวนเปนวงไป นี่หรือใจที่จะตรงอยาสงกา
เหลืองอมเขียวอยางสีเหงาไพลวา “สีไพล” 3. จะกลืนขาวคราวโศกในทรวงเสียว เหมือนขืนเคี้ยวกรวดแกลบใหแสบศอ
3 ลงทายเรือ่ งดวยคําวา “เอย” เหมือนกลอนสักวา แตขึ้นตนบทตางกัน กลอน ตองเจือนํ้ากลํ้ากลืนพอกลั้วคอ กินแตพอดับลมดวยตรมใจ
สักวาจะขึ้นตนวรรคแรกหรือวรรคขึ้นตนบทดวยคําวา “สักวา” และวรรคสุดทาย 4. จะเหลียวซายแลขวาก็ปาแสม ตะลึงแลปูเปยวเที่ยวไสว
หรือวรรคสงจะตองลงทายดวยคําวา “เอย” เหมือนกลอนนิราศ สวนวรรคที่ 2-3 ระหริ่งเรื่อยเฉื่อยเสียงเรไรไพร ฤทัยไหวแวววาพะงางาม
คือวรรครับและวรรครองนั้น ไมบังคับตัวอักษร แตตองมีสัมผัสระหวางวรรค วิเคราะหคําตอบ คําประพันธทุกขอเดนดานสัมผัสใน แตขอที่มีลักษณะ
ทั้ง 4 อยางลักษณะของกลอนทั่วไป การครํ่าครวญของการแตงนิราศ คือ การรําพึงถึงหญิงอันเปนที่รัก ดังวา
“ฤทัยไหวแวววาพะงางาม” ซึ่งคําวา “พะงางาม” หมายถึง หญิงงาม
ตอบขอ 4.
172 คู่มือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับคุณคาดานวรรณศิลป
จากบทประพันธ์นี้จะเห็นว่าวรรคแรกมีสัมผัสอักษรคือ เหลียว - แล สัมผัสสระคือ ในประเด็นคําถามดังตอไปนี้
แล - แสม ขวา - ป่า วรรคที่สองมีสัมผัสอักษรคือ ลึง - แล ปู - เปี้ยว สัมผัสสระคือ เปี้ยว - เที่ยว • นิราศเมืองแกลงมีความโดดเดนในเรื่อง
วรรคที่สามมีสัมผัสอักษรคือ ระ - หริ่ง - เรื่อย - เรไร สัมผัสสระคือ เรื่อย - เฉื่อย ไร - ไพร วรรคที่สี่มีสัมผัส สัมผัสอยางไร
อักษรคือ ไหว - แว่ว - ว่า งา - งาม สัมผัสสระคือ ทัย - ไหว (แนวตอบ มีความโดดเดนในเรื่องสัมผัสใน ซึ่ง
๒) การใช้คำาเปรียบเทียบ ความเปรียบท�าให้ผู้อ่านสามารถเข้าถึงอารมณ์และ เปนลักษณะเดนของกลอนสุนทรภูที่จะนิยม
เนือ้ ความทีส่ นุ ทรภูต่ อ้ งการสือ่ ได้อย่างชัดเจน เช่น บทคร�า่ ครวญถึงนางอันเป็นทีร่ กั สุนทรภู ่ ใช้คา� เปรียบ แตงคําประพันธใหมีเสียงสัมผัสภายในวรรค
สะท้อนความรู้สึกได้ดีเยี่ยม ดังบทประพันธ์ คลองจองกัน ทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร
ทําใหคําประพันธมีความไพเราะยิ่งขึ้น)
จะกลืนข้าวคราวโศกในทรวงเสียว เหมือนขืนเคี้ยวกรวดแกลบให้แสบศอ • ในเนื้อเรื่องมีการใชคําเปรียบเทียบอยางไร
ต้องเจือน�้ากล�้ากลืนพอกลั้วคอ กินแต่พอดับลมด้วยตรมใจ (แนวตอบ เนื่องจากเปนนิราศ ซึ่งตองมีการ
ครํ่าครวญถึงนางอันเปนที่รัก ดังนั้นกวีจึง
จากบทประพันธ์ กวีเลือกใช้ถ้อยค�าเพื่อให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์ความรู้สึกคล้อยตามไปกับ
เลือกใชถอยคําที่ไพเราะ สะทอนอารมณ
บทประพันธ์ โดยการกล่าวเปรียบว่าในยามที่อยู่ในอารมณ์ของความโศกเศร้า การกลืนข้าวหรืออาหาร
ความรูสึกที่ลึกซึ้ง เชน การอยูในอารมณโศก
แต่ละครั้งช่างล�าบากยากเย็น เหมือนกับการกลืนกรวดหรือแกลบลงคอที่จะสร้างความเจ็บปวดให้แก่
เศรายากนักที่จะฝนใจกินขาวได เสมือนการ
บุคคลผู้นั้น
กลืนกรวดแกลบยิ่งกลืนก็ยิ่งแสบคอ และ
การใช้ค�าเปรียบเทียบจะท�าให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์ความรู้สึกคล้อยตาม เข้าใจอารมณ์
เปรียบเทียบจิตใจของคนเหมือนคุงนํ้า
ความรู้สึกของกวีในขณะที่ประพันธ์ได้อย่างชัดเจน ดังบทประพันธ์ ที่คดเคี้ยว เปนตน)
กระแสชลวนเชี่ยวเรือเลี้ยวลด ดูค้อมคดขอบคุ้งคงคาไหล
แต่สาชลเจียวยังวนเป็นวงไป นี่หรือใจที่จะตรงอย่าสงกา ขยายความเขาใจ Expand
คูมือครู 173
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับคุณคาดานวรรณศิลป
• การใชคําเสียงสั้นในวรรคสดับแสดงใหเห็น ๔) การใช้ คำ า เสี ย งสั้ น ในวรรคสดั บ แสดงถึง ความสามารถชั้ นสูง ของสุ นทรภู ่
สิ่งใด ในการสรรหาค�าสัมผัสกับวรรครับและได้ความชัดเจน ดังบทประพันธ์
(แนวตอบ ความสามารถขั้นสูงของสุนทรภูดาน
การเลือกใชคําที่ใชสระเสียงสั้นใหสัมผัสกับคํา ดูเรือแพแต่ละล�าล้วนโปะโหละ พวกเจ๊กจีนกินโต๊ะเสียงโหลเหล
ในวรรคตอไปไดทั้งๆ ที่เปนไปไดคอนขางยาก วรรคสดับ คือ วรรคแรกของบทประพันธ์ จากบทประพันธ์นี้จะเห็นว่ากวีเลือกใช้
และคําประพันธยังสื่อความหมายไดดี)
ค�าที่ประสมด้วยสระเสียงสั้น คือ ละ โปะ โหละ
• การใชคําสัมผัสสระและควบกลํ้ากอใหเกิด
ประโยชนอยางไร ๕) การใช้คำาที่มีสัมผัสสระและควบกลำ้า การใช้ค�าเหล่านี้ท�าให้ผู้อ่านเห็นภาพพจน์
(แนวตอบ สะทอนจินตภาพที่ชัดเจน ซาบซึ้ง ชัดเจนขึ้น ดังตอนแสดงอาการขยะแขยงตัวทาก ดังบทประพันธ์
ในบทกวี)
กระโดดเผาะเกาะผับกระหยับคืบ ถีบกระทืบมิใคร่หลุดสุดแสยง
ขยายความเข้าใจ Expand ปลดที่ตีนติดขาระอาแรง ทั้งขาแข้งเลือดโซมชโลมไป
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ครูแนะความรูเกี่ยวกับการเลนเสียงเพิ่มเติมวา การเลนเสียง หมายถึง สัมผัสที่ ขอใดไมใชโวหารเปรียบเทียบ
ไมไดบังคับทางฉันทลักษณ แตเปนสัมผัสที่ผูแตงเพิ่มเขามา เพื่อใหมีเสียงคลองจอง 1. จะกลืนขาวคราวโศกในทรวงเสียว เหมือนขืนเคี้ยวกรวดแกลบใหแสบศอ
กันไพเราะ การเลนเสียงสัมผัสมีทั้งสัมผัสสระและสัมผัสพยัญชนะ เชน 2. ทานชูชวยอวยพรใหผองแผว ดังฉัตรแกวกางกั้นไวเหนือหัว
“ถึงเขาขวางวางเวิ้งชะวากวุง เขาเรียกทุงสงขลาพนาสัณฑ” 3. นิราศเรื่องเมืองแกลงแตงมาฝาก เหมือนขันหมากมิ่งมิตรพิสมัย
4. อยาหมางหมองของขัดตัดอาลัย ใหใจเหมือนแตหลังมั่งเถิดเอย
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. เปรียบการกลืนขาววายากลําบากเหมือนฝนกลืน
นักเรียนควรรู แกลบกลืนกรวด ขอ 2. เปรียบทานคือบิดาวาเปนดังฉัตร ขอ 3. เปรียบการ
แตงนิราศวาเหมือนแตงขันหมาก สวนขอ 4. มีคําวา “เหมือน” ซึ่งไมได
1 ที่พักอาศัยอยูริมนํ้า คนไทยใชชีวิตอยูกับสายนํ้า ดวยภูมิประเทศที่เต็มไปดวย แสดงความเปรียบ เพียงแตกลาววาใหตัดใจเหมือนเมื่อครั้งแตหนหลัง ใช
แมนาํ้ ลําคลองจํานวนมาก การตัง้ ถิน่ ฐานบานเรือนของประชาชน จึงมักตัง้ อยูร มิ แหลงนํา้ คําวาเหมือนในความหมายตรงไปตรงมา ตอบขอ 4.
วิถชี วี ติ ของคนไทยในอดีตจึงใชแมนาํ้ ลําคลองเปนทางสัญจร คมนาคมขนสง นอกจากนี้
ยังใชแมนํ้าในการชลประทาน การเกษตร การประมง และการอุปโภคบริโภคใน
ชีวิตประจําวัน
174 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับคุณคาดานสังคม
จากบทประพันธ์สะท้อนให้เห็นว่าในสมัยอดีต ผู้คนสร้างสิ่งก่อสร้างที่เป็นได้ทั้งที่อยู่ ในประเด็นคําถามดังตอไปนี้
อาศัยและพาหนะในการเดินทางอยู่ริมน�้า ในที่นี้คือ แพ ซึ่งสามารถพักอาศัยได้และเมื่อต้องการย้ายถิ่น • นิราศเมืองแกลงสะทอนใหเห็นสภาพบาน
ก็สามารถใช้แพเป็นพาหนะในการเดินทาง เมืองอยางไร
๒) สะท้อนให้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ นิราศเมืองแกลงได้สะท้อน (แนวตอบ การคมนาคมทางนํ้าโดยใชเรือ
ให้เห็นว่าในสมัยอดีตสภาพของธรรมชาติยังคงมีความอุดมสมบูรณ์ ดังบทประพันธ์ เพราะเปนการเดินทางที่สะดวกที่สุดในยุค
นั้น บานเรือนที่อยูอาศัยนิยมตั้งอยูริมนํ้า
จะเหลียวซ้ายแลขวาก็ป่าแสม ตะลึงแลปูเปี้ยวเที่ยวไสว
เพื่อความสะดวกในการนํานํ้ามาใชอุปโภค
.......................................................... ...................................................
บริโภคและการสัญจรทางเรือ และการ
ตะลึงแลแต่ล้วนลูกจระเข้ โดยคะเนมากมายทั้งซ้ายขวา
ประกอบอาชีพของคนไทยในถิ่นตางๆ เชน
สักสองร้อยลอยไล่กินลูกปลา เห็นแต่ตากับจมูกเหมือนตุ 1 ๊กแก ชาวประมง ชาวสวน เปนตน)
โอ้คลองขวางทางแดนแสนโสทก ดูบนบกก็แต่ล้วนลิงแสม
.......................................................... ...................................................
ขยายความเข้าใจ Expand
จากบทประพั น ธ์ จ ะเห็ น ว่ า กวี ไ ด้ พ รรณนาให้ เ ห็ น ภาพของสั ต ว์ น�้ า ที่ มี อ ยู ่ ชุ ก ชุ ม
นักเรียนอธิบายลักษณะทางกายภาพของ
หรือบริเวณป่าแสมที่มีสัตว์อาศัยอยู่ ได้แก่ ปูเปี้ยว ลูกจระเข้ ปลา ลิงแสม ซึ่งสัตว์แต่ละชนิด
จังหวัดระยองแลวเปรียบเทียบความแตกตาง
ต่างมีความส�าคัญต่อระบบนิเวศทั้งสิ้น
ระหวางอดีตกับปจจุบัน
๓) สะท้อนวิถีชีวิตของผู้คน การประกอบอาชีพหรือการท�ามาหากินเป็นไปตาม
(แนวตอบ ตัวอยางเชน ที่อยูอาศัยในปจจุบัน
สภาพแวดล้อม เช่น อาชีพประมง ชาวบ้านจะตั้งบ้านเรือนริมทะเล มีเรือแพ มีเครื่องมือในการจับ
เปนตึกรามบานชองที่แข็งแรง ถาวร อยูบทบาทวิถี
สัตว์น�้า เช่น โป๊ะล้อม อวน ข้อง ชาวบ้านผู้หญิงจะถีบกระดานถือตะกร้าเก็บหอย นอกจากคนไทยแล้ว
ไมติดริมทะเลมากนัก การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของ
ยังมีคนจีนที่เข้ามาประกอบอาชีพชาวประมง และท�ามาหากินในเมืองไทย ดังบทประพันธ์
คนในพื้นที่จากอดีตที่พึ่งพาธรรมชาติมาเปนงาน
ดูเรือแพแต่ละล�าล้วนโปะโหละ พวกเจ๊กจีนกินโต๊ะเสียงโหลเหล ในโรงงานอุตสาหกรรมตางๆ ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น
บ้างลุยเลนล้วงปูดูโซเซ สมคะเนใส่ข้องเที่ยวมองคอย มากในปจจุบัน พื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณในอดีต
อันนารีที่ยังสาวพวกชาวบ้าน ถีบกระดานถือตะกร้าเที่ยวหาหอย ปจจุบันมีการปรับแตงภูมิทัศนเปนทําเลในการ
ดูแคล่วคล่องล่องแล่นแฉลบลอย เอาขาห้อยท�าเป็นหางไปกลางเลน สรางสถานที่ทองเที่ยว และโรงแรมที่พักตางๆ)
จากบทประพันธ์สะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตของชาวจีนที่ประกอบอาชีพประมง ส่วนค�าว่า
“กินโต๊ะ” เป็นส�านวนที่ใช้พูดกันมาแต่โบราณ คือ ชาวจีนจะกินอาหารรวมกันบนโต๊ะ จึงเกิดส�านวนว่า
“กินโต๊ะ” ขึ้น และยังเห็นการท�ามาหากินของชาวบ้านที่จะหาปูเวลาน�้าลด ต้องลุยเลนไปจับปู เมื่อได้
แล้วก็จะน�าใส่ในข้องซึ่งเป็นภาชนะปากแคบก้นพอง สานด้วยไม้ไผ่ ส่วนชาวบ้านสาวๆ จะถีบกระดาน
หาหอยไปตามเลน ซึ่งการถีบกระดานจะต้องรู้จักวิธีการถีบไปตามเลน นั่นคือต้องยกขาข้างหนึ่ง
เพื่อถ่วงน�้าหนักไม่ให้ล้ม การหาหอยตามเลนนี้ยังมีอยู่จนปัจจุบัน
175
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
นักเรียนหาภาพหรือวาดภาพจากบทประพันธที่สะทอนวิถีชีวิตของคน 1 แสม อานวา สะ-แหฺม เปนคําพองรูป เขียนเหมือนกันออกเสียงเหมือนกัน
สมัยกอนในนิราศเมืองแกลง เชน การถีบดานหาหอยไปตามเลน การตั้ง แตความหมายตางกัน ดังนี้
บานริมนํ้า การกินโตะ เปนตน 1. ชื่อไมตน มี3 ชนิด คือ แสมขาว แสมทะเล และ แสมดํามีราก หายใจ
ลักษณะเปนแทงตั้งตรง
2. ชื่อปูหลายชนิดอยูตามปาแสม
กิจกรรมทาทาย 3. ชื่อลิงชนิดหนึ่งเปนลิงไทยที่มีหางยาวที่สุด คือ ยาวเทากับ ความยาวของ
หัวและลําตัวรวมกัน ตัวสีนํ้าตาลอมเทา ขน หัวสั้นและวนเปนรูปขวัญ
อาศัยอยูรวมกันเปนฝูง พบทุก ภาคของประเทศไทย กินพืช แมลง และปู
นักเรียนสืบคนชนิดของเรือที่ใชในยุคของกวีวามีเรือชนิดใดบาง และมี แสม
การใชเรือในการเลี้ยงชีพหรือในการดําเนินชีวิตอยางไร บันทึกลงในสมุด 4. ชื่อกุงทะเลหลายชนิด ลักษณะคลายกุงแชบวย แตมีสันกลางดาน หลัง
สงครู ปลองทอง
คู่มือครู 175
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับคุณคาดานสังคม
ในประเด็นคําถามดังตอไปนี้ นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงการด�ารงชีวิตของผู้คน ชาวบ้านสมัยก่อนจะยังชีพด้วย
• นิราศเมืองแกลงสะทอนความอุดมสมบูรณ การหาอาหารตามแต่ที่จะหามาได้ ดังบทประพันธ์
ทางธรรมชาติอยางไร
เวลาเช้าก็ชวนกันออกป่า มันโม้หมาไล่เนื้อไปเหลือหลาย
(แนวตอบ จากการพรรณนาสิ่งที่พบเห็นริมขาง
พอเวลาสายัณห์ตะวันชาย ได้กระต่ายตะกวดกวางมาย่างแกง
ทางและในปาที่เดินทางผาน พบวามีความ ทั้งแย้บึ้งอึ่งอ่างเนื้อค่างคั่ว เขาท�าครัวครั้นไปปะขยะแขยง
อุดมสมบูรณดานระบบนิเวศมาก เชน บริเวณ ต้องอดสิ้นกินแต่ข้าวกับเต้าแตง จนเรี่ยวแรงโรยไปมิใคร่มี
ปาแสม ที่พบปูเปยว ลูกจระเข ปลา ลิงแสม อยู่บุรินกินส�าราญทั้งหวานเปรี้ยว ตั้งแต่เที่ยวยากไร้มาไพรศรี
เปนตน) แต่น�้าตาลมิได้พานในนาภี ปัถวีวาโยก็หย่อนลง
• นิราศเมืองแกลงสะทอนวิถีชีวิตของผูคน
อยางไร จากบทประพันธ์สะท้อนให้เห็นถึงการยังชีพที่พึ่งพาธรรมชาติเป็นหลัก ผู้ที่อยู่ในป่า
(แนวตอบ ผูคนประกอบอาชีพหลักที่สอดคลอง ก็ใช้วิธีหาของป่า ล่าสัตว์มาปรุงเป็นอาหาร เช่น กระต่าย ตะกวด กวาง แย้ บึ้ง อึ่งอ่าง ค่าง ในขณะที่
กับสิ่งแวดลอม เชน อาชีพประมง ชาว สุนทรภู่ใช้ชีวิตอยู่ในวังมีอาหารให้เลือกรับประทานมากมาย จึงไม่คุ้นเคยกับการรับประทานอาหารป่า
ประมงจะพักอาศัยอยูริมทะเล และมีเครื่องมือ ๔) สะท้อนความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ชาวบ้านจะมีความเชื่อถือในสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือ
ในการดักจับสัตวเพื่อนํามาเปนอาหาร ไดแก อ�านาจทีม่ องไม่เห็น เมือ่ ประสบกับเหตุการณ์วกิ ฤตในชีวติ และไม่สามารถหาทางออกได้ จะใช้วธิ บี นบาน
โปะลอม อวน ของ) ศาลกล่าวเพื่อให้เกิดความสบายใจ คลายกังวล ซึ่งนิราศเมืองแกลงได้สะท้อนให้เห็นโดยสอดแทรกไว้
ดังบทประพันธ์
1
ขยายความเขาใจ Expand ถึงสามปลื้มพี่นี้ร�่าปล�้าแต่ทุกข์ สุดจะปลุกใจปลื้มให้ลืมหลัง
ขออารักษ์หลักประเทศนิเวศน์วัง เทพทั้งเมืองฟ้าสุราลัย
นักเรียนยกบทประพันธจากนิราศเมืองแกลงที่
ขอฝากน้องสองรามารดาด้วย เอ็นดูช่วยปกครองให้ผ่องใส
สะทอนความเชื่อเรื่องกรรม นอกเหนือจากตัวอยาง ตัวข้าบาทจะนิราศออกแรมไพร ให้พ้นภัยคลาดแคล้วอย่าแผ้วพาน
ในหนังสือเรียนหนา 176 -177
(แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลากหลายขึ้นอยูกับ จากบทประพันธ์สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ กล่าวคือ เมื่อสุนทรภู่
เหตุผลของนักเรียน เดินทางออกจากวัง มีความเป็นห่วงมารดาและคนรักจึงบอกกล่าวกับเทวดาให้ช่วยดูแล ปกป้องคน
ตัวอยางเชน ตอนที่กวีเห็นชาวประมงและ ทั้งสอง รวมทั้งคุ้มครองตนเองให้เดินทางโดยปลอดภัย
บานเรือนที่พักอาศัย ก็ทําใหคิดวาการที่ผิดหวังใน ๕) สะท้อนความเชื่อเรื่องกรรม คนไทยมีความเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมว่า สิ่งต่างๆ
ความรักเปนเพราะบาปกรรมที่ทํามาแตหนหลัง ที่เกิดขึ้นล้วนมีผลมาจากการกระท�าของตนเองทั้งสิ้น ดังบทประพันธ์
ดังความวา ถึงหย่อมย่านบ้านกร�่าพอค�่าพลบ ประสบพบเผ่าพงศ์พวกวงศา
“โอดูเรือนเหมือนอกเราไรคู ขึ้นกระฎีที่สถิตท่านบิดา กลืนน�้าตาก็ไม่ฟังเฝ้าพรั่งพราย
ผูใดดูจึงไมออกเอี่ยมสนาม ศิโรราบกราบเท้าให้เปล่าจิต ร�าคาญคิดอาลัยมิใคร่หาย
ตองสาปบาปหลังยังติดตาม ชะรอยกรรมท�าสัตว์ให้พลัดพราย จึงแยกย้ายบิตุราชญาติกา
ผูหญิงงามจึงไมมีปรานีเลย”)
176
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
กิจกรรมในการสอนความคิดรวบยอดในวรรณคดีแตละเรื่องนั้น ครูควรใหความ ถึงสามปลื้มพี่นี้รํ่าปลํ้าแตทุกข สุดจะปลุกใจปลื้มใหลืมหลัง
สําคัญกับคุณคาจากเรื่องทั้งเนื้อหา วรรณศิลป สังคมและขอคิด โดยใหนักเรียนบอก ขออารักษหลักประเทศนิเวศนวัง เทพทั้งเมืองฟาสุราลัย
คุณคาจากเรื่องที่เรียนไดมากกวาการไดรูและเขาใจเนื้อเรื่องวา ใคร ทําอะไร ที่ไหน บทประพันธขางตนสะทอนความเชื่อเรื่องใด
อยางไรเทานั้น ซึ่งครูอาจใหนักเรียนสรุปความคิดรวบยอดในแตละประเด็น แลว 1. ความเชื่อเรื่องกรรม
รวมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมก็ได 2. ความเชื่อเรื่องบาปบุญ
3. ความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์
4. ความเชื่อเรื่องนรก-สวรรค
นักเรียนควรรู วิเคราะหคําตอบ บทประพันธขางตนกลาวถึงวัดสามปลื้มที่เมื่อกวีเดิน
ทางไปถึงก็ยิ่งทําใหคิดถึงความหลัง จึงไดขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่
1 สามปลื้ม เปนอารามหลวงชั้นโท ตั้งติดอยูกับยานสําเพ็ง เดิมเปนวัดราษฎร
สถิตในที่แหงนั้น จึงสรุปไดวาบทประพันธขางตน สะทอนเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ชื่อ “วัดนางปลื้ม” สรางขึ้นในสมัยอยุธยา ตอมาเรียก “วัดสามปลื้ม” ภายหลังไฟ
ตอบขอ 3.
ไหมไดรับการปฏิสังขรณและนอมเกลาฯ ถวายเปนอารามหลวงในรัชกาลพระบาท-
สมเด็จพระนัง่ เกลาเจาอยูห วั เมือ่ ประมาณป พ.ศ. 2368 จึงไดรบั พระมหากรุณาธิคณ
ุ
พระราชทานนามใหมวา “วัดจักรวรรดิราชาวาส”
176 คูมือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับคุณคาดานสังคม
จากบทประพันธ์สะท้อนให้เห็นความเชื่อในเรื่องกรรม โดยสุนทรภู่หวนคิดถึงสิ่งที่ท�า ในประเด็นคําถามดังตอไปนี้
ให้ตนเองต้องพลัดพรากจากบิดาและญาติ อาจเป็นเพราะตนเองเคยท�าให้สตั ว์ตอ้ งพรากจากกัน จึงต้อง • จากเนื้อเรื่องสะทอนเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับ
ได้รับกรรมตามสนอง ซึ่งความเชื่อเรื่องกรรมเป็นความเชื่อที่มีความผูกพันและมีอิทธิพลต่อความคิด สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยางไรบาง
และการกระท�าของคนไทยเป็นอย่างมาก (แนวตอบ สะทอนความเชื่อเรื่องอํานาจที่
นอกจากนีย้ งั สะท้อนให้เห็นความเชือ่ ในเรือ่ งการยึดมัน่ ในศีลห้า ซึง่ สุนทรภูแ่ สดงให้เห็นว่า มองไมเห็น ความเชื่อเรื่องการขอพรจาก
การหาหอย หาปู หาปลามาขายหรือเป็นอาหารย่อมเป็นบาป ดังบทประพันธ์ เทวดาอารักษ)
• จากเนื้อเรื่องสะทอนเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับ
จึงมั่งคั่งตั้งบ้านในการบาป แต่ต้องสาปเคหาให้สาสม กรรมเวร อยางไร
จะปลูกเรือนก็มิได้ใส่ปั้นลม ใครขืนท�าก็ระทมด้วยเพลิงลาม (แนวตอบ ผูแตงพยายามแสดงใหเห็นวาคนใน
๖) สะท้อนค่านิยมเรื่องความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ คนไทยทุกยุคทุกสมัยล้วนเป็นผู้มี สมัยกอนมีความเชื่อเรื่องเวรกรรม เชื่อวา
อัธยาศัยไมตรี มีน�้าใจต่อผู้อื่น ดังบทประพันธ์ ผลของการกระทําเปนเรื่องของกฎแหงกรรม
ทั้งสิ้น และสะทอนความเชื่อเรื่องการยึดมั่น
ตะวันคล้อยหน่อยหนึ่งถึงบางพระ ดูระยะบ้1านนั้นก็แน่นหนา ในศีล 5 การฆาสัตวเพื่อนํามาเปนอาหาร)
พอพบเรือนเพื่อนชายชื่อนายมา เขาโอภาต้อนรับให้หลับนอน
ขยายความเข้าใจ Expand
จากบทประพันธ์สะท้อนให้เห็นถึงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ผู้เดินทาง โดยการให้ที่พัก
ด้วยความเต็มใจ นักเรียนยกตัวอยางเหตุการณในชีวิตประจําวัน
นอกจากนีค้ วามเอือ้ เฟือ้ เผือ่ แผ่ยงั รวมไปถึงการให้อาหารแก่คนเดินทาง ดังบทประพันธ์ ของนักเรียนที่มีความสอดคลองกับคานิยมเรื่อง
ความเอื้อเฟอเผื่อแผ
เห็นไร่แตงแกล้งแวะเข้าริมห้าง ท�าถามทางชักชวนให้สรวลเส (แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลายหลาย
พอเจ้าของแตงโมปะโลปะเล สมคะเนกินแตงพอแรงกัน คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของครู)
จากบทประพันธ์ ปะโลปะเล ค�านี้มีความหมายท�านองว่า “เอออวยด้วย” กล่าวคือ • นักเรียนคิดวาเพราะเหตุใดคานิยมเรื่อง
เมือ่ สุนทรภูแ่ ละผูร้ ว่ มคณะเดินทางมาถึงไร่แตงได้ถามทางจากเจ้าของไร่ ซึง่ เจ้าของไร่ได้แบ่งปันแตงโมให้ ความเอื้อเฟอเผื่อแผจึงสืบทอดมาถึงปจจุบัน
2 กนิ (แนวตอบ เพราะคานิยมเรื่องความเอื้อเฟอ
๗) สะท้อนค่านิยมในการขับเสภา ในนิราศเมืองแกลงกล่าวถึงการขับเสภาเรื่อง
ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้างเข้าหอ เพือ่ ความเพลิดเพลินผ่อนคลายจากการเดินทาง ดังบทประพันธ์ เผื่อแผเปนคานิยมที่ดีงาม เปนแนวทางที่จะ
ทําใหคนในสังคมอยูรวมกันอยางมีความสุข
ดูครึ้มครึกพฤกษาป่าสงัด ทะลุลัดตัดทะเลแหลมทองหลาง จึงมีการสั่งสอนสืบทอดตอๆ กันมา ดังจะ
ต่างเพลินเพลินเดินว่าเสภาพลาง ถูกขุนช้างเข้าหอหัวร่อเฮ เห็นไดจากสํานวนสุภาษิตของไทยหลาย
สํานวน เชน “นํ้าพึ่งเรือเสือพึ่งปา” เปนตน
จากบทประพันธ์สะท้อนให้เห็นค่านิยมของคนสมัยอดีตเมือ่ เหน็ดเหนือ่ ยจากการเดินทาง
คนในสังคมไดรับการขัดเกลาใหเปนคน
จะผ่อนคลายด้วยการขับเสภา เพือ่ เป็นเครือ่ งบันเทิงใจและท�าให้ลมื ความเมือ่ ยล้าจากการเดินทาง เอื้อเฟอเผื่อแผจะรักษาคานิยมที่ดีงามนี้ไว)
177
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ศิโรราบกราบเทาใหเปลาจิต รําคาญคิดอาลัยมิใครหาย
1 โอภา หมายความวา ทักทายดวยวาจาสุภาพ มีสํานวนไทยวา โอภาปราศรัย
ชะรอยกรรมทําสัตวใหพลัดพราย จึงแยกยายบิตุราชญาติกา
ซึ่งเปนบุคลิกลักษณะของคนไทยที่มักจะทักทายกันดวยความสนิทสนมเปนกันเอง
คําประพันธในขอใดมีแนวคิดตรงกัน
ไมถือตัว
1. ขออารักษศักดิ์สิทธิ์ที่สิงศาล ลือสะทานอยูวาเจาหาวกําแหง
2. แมนองตายพี่จะวายชีวิตดวย เปนเพื่อนมวยมิ่งแมไปเมืองผี 2 การขับเสภา ตองเคาะกรับประกอบการขับดวย สวนใหญแลว นิยมใชกรับ
3. จึงมั่งคั่งตั้งบานในการบาป แตตองสาปเคหาใหสาสม 2 คู โดยผูขับจะตองฝกเคาะกรับใหชํานาญเสียกอน จังหวะการเคาะดังนี้ การเริ่ม
4. ชะนีเพรียกเรียกชายอยูปลายยาง พี่เรียกนางนุชนองอยูในใจ เคาะ “เสียงกรอก” เสียงสั้น เปนเสียงเริ่มตนของมือขางหนึ่ง และ “เสียงกรอ” เปน
เสียงยาวของมืออีกขาง สลับไปมาสัก 3-4 ครั้ง จึงเริ่มเอื้อนสวน ทอนจบสุดทาย
วิเคราะหคําตอบ บทประพันธขางตนกลาวถึงวา เพราะเคยทําใหสัตว เมื่อจบลงแลวใหเคาะกรับไปประมาณ 4-5 ครั้งแลวลงกรับเสียงสั้น
พลัดพรากจากกัน จึงไดรับกรรมใหตองพลัดพรากจากบิดาและญาติพี่นอง
มีแนวคิดสําคัญ คือ เรื่องกรรม ขอที่มีแนวคิดตรงกัน คือ “จึงมั่งคั่งตั้งบาน
ในการบาป แตตองสาปเคหาใหสาสม” เพราะตั้งบานทําอาชีพที่กวีคิดวา มุม IT
เปนบาป ที่อยูอาศัยจึงไมสะดวกหรือปลอดภัยเหมือนโดนสาป ตอบขอ 3.
ศึกษาเกี่ยวกับการขับเสภาเพิ่มเติม ไดที่ http://thailitproject.tripod.com/
history/history.htm
คู่มือครู 177
ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
ขยายความเข้าใจ Expand
นักเรียนพิจารณาขอคิดทีส่ ามารถนําไปประยุกต
ใชในชีวิตประจําวันในหนา 178 แลวเสนอแนวทางที่ ๗.๔ ข้อคิดที่สามารถน�าไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ�าวัน
จะนําขอคิดดังกลาวไปใชในชีวติ ประจําวัน นิราศเมืองแกลง คือ วรรณคดีทสี่ นุ ทรภูป่ ระพันธ์ขนึ้ เพือ่ ให้ความบันเทิง ความสนุกสนาน
ของนักเรียนเอง เพลิดเพลินให้เกิดแก่ผู้อ่านเป็นหลัก มุ่งถ่ายทอดอารมณ์ความรักและอาลัย สะท้อนสภาพสังคมและ
• นักเรียนจะนําขอคิดที่ไดไปประยุกตใชใน วิถชี วี ติ ของผูค้ นอย่างตรงไปตรงมา นอกจากนีผ้ อู้ า่ นยังสามารถน�าข้อคิดมาปรับใช้ในชีวติ ประจ�าวัน ดังนี้
ชีวิตประจําวันของตนเองไดอยางไรบาง ๑) ให้รักษาความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ นิราศเมืองแกลงได้สะท้อนให้เห็นว่า
(แนวตอบ สามารถนําขอคิดไปประยุกตใชใน วิถีชีวิตและการประกอบอาชีพของคนต้องอาศัยธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการท�าประมง นิราศ
ชีวิตประจําวันไดดังนี้ เมืองแกลงไม่ได้สอนให้เรารักษาความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติโดยตรง แต่สะท้อนให้เห็นว่ามนุษย์
• การปฏิบัติที่จะชวยอนุรักษธรรมชาติ ใช้ประโยชน์จากธรรมชาติมายาวนาน เราในฐานะคนรุ่นหลัง จึงควรที่จะคืนความอุดมสมบูรณ์ให้แก่
สามารถทําไดหลายวิธี เชน ไมทิ้งขยะลง ธรรมชาติ สามารถเริม่ ได้ทตี่ วั เรา โดยการใช้ทรัพยากรธรรมชาติทมี่ อี ยูอ่ ย่างจ�ากัดให้เกิดประโยชน์อย่าง
แมนํ้าลําคลอง ไมเผาขยะ ไมตัดไมทําลาย แท้จริง ไม่ฟมุ่ เฟือย ไม่กระท�าการใดๆ ทีจ่ ะท�าลายความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ
ปา เปนตน ๒) ให้ตอบแทนพระคุณของบิดามารดาในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ นิราศเมืองแกลง
• การตอบแทนพระคุณบิดามารดาที่งายที่สุด ได้สะท้อนให้เห็นว่าการตอบแทนพระคุณของบิดามารดาเป็นสิง่ ส�าคัญ ไม่จา� เป็นต้องให้ขา้ วของเครือ่ งใช้
คือ การประพฤติตนเปนคนดีไมทําใหบิดา หรือเงินทอง การระลึกถึงพระคุณของท่านนับเป็นสิง่ ส�าคัญทีบ่ ตุ รควรกระท�าต่อบิดามารดา เหมือนดังที่
มารดาเดือดรอนกายและใจ ตั้งใจเรียน สุนทรภูไ่ ด้เดินทางไปเยีย่ มบิดาทีบ่ า้ นกร�่าในครัง้ นี ้ การตอบแทนพระคุณหรือการระลึกถึงพระคุณของบิดา
หนังสือเพื่อใหบิดามารดาภาคภูมิใจ
มารดาเป็นสิง่ อันประเสริฐ หากบุตรผูใ้ ดสามารถกระท�าได้ยอ่ มน�ามาซึง่ ความเจริญรุง่ เรืองของชีวติ
• การมีความเอื้อเฟอเผื่อแผที่กระทําไดงาย
๓) ให้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ นิราศเมืองแกลงสะท้อนให้เห็นว่า การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
ที่สุดคือ การเมตตาตอผูอื่นดวยการให
ซึ่งกันและกัน เป็นคุณธรรมประการหนึ่งที่จะท�าให้คนในสังคมอยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุข มนุษย์
ความชวยเหลือเมื่อเพื่อนไดรับความเดือด
ผู้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ย่อมจะเป็นที่รักของบุคคลอื่นและยังเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่บุคคลอื่นได้อีกด้วย
รอน แบงปนสิ่งของจําเปนแกเพื่อนมนุษย
๔) ให้ระลึกถึงผลอันเกิดจากการกระทำาของตน นิราศเมืองแกลงได้สะท้อนข้อคิด
ที่ไดรับความลําบาก
ประการนี้ผ่านบทประพันธ์ของท่าน กล่าวคือ มนุษย์ย่อมได้รับผลจากการกระท�าของตนเอง ดังนั้น
• ผลจากกระทําความดีจะทําใหชีวิตประสบ
ความสําเร็จ เจริญรุงเรือง สวนผลแหง จึงควรระลึกไว้เสมอว่า ควรใช้สติในการด�าเนินชีวิต ไม่สร้างความเดือดร้อน และเบียดเบียนชีวิตของ
การกระทําความชั่ว คือ การดําเนินชีวิต ผู้อื่น บุคคลที่ปฏิบัติตนได้เช่นนั้นย่อมได้รับสิ่งที่ดีตอบแทน
ลมเหลว ไมมีความมั่นคงในชีวิต ดังนั้น
จงกระทําแตความดี) การอ่านพิจารณาคุณค่าวรรณคดี ผู้อ่านควรรู้จักพิจารณาและวิเคราะห์ดูจาก
ข้อความต่าง ที่ปรากฏอยู่ในวรรณคดีเรื่องนั้น เพราะในแต่ละถ้อยคÓที่กวีน�ามา
เรียงร้อยเป็นเรื่องราวนั้น ล้วนมีพื้นฐานอยู่บนวิถีชีวิตและสภาพความเป็นอยู่ทางสังคม
หรือเหตุการณ์ต่าง นอกจากถ้อยคÓอันไพเราะคล้ 1 องจองจากสัมผัสในที่สุนทรภู่สรรคÓ
มาใช้ จินตนาการอันเกิดจากการเปรียบเทียบ ภาพสะท้
บ อนทางสังคมในยุคสมัยนั้นแล้ว
นิราศเมืองแกลงยังใช้ศึกษาประวัติของสุนทรภู่ได้อีกทางหนึ่งด้วย
178
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
ขอใดไมใช ลักษณะของนิราศ
1 จินตนาการอันเกิดจากการเปรียบเทียบ จินตนาการ เปนเรื่องเกี่ยวของกับ 1. สตรีหึงหนึ่งแพศยาหญิง ทั้งสองสิ่งอยาไดชิดพิสมัย
จินตภาพ คือ การสรางภาพในสมอง หรือนึกคิดเปนภาพ จึงเกี่ยวของกับความคิด 2. จะมีคูมิไดอยูประคองเชย ตองละเลยดวงใจไวไกลตา
สรางสรรคอยางเลี่ยงไมได ถือเปนทักษะเบื้องตนของความคิดสรางสรรค สวนมาก 3. โอจําใจไกลนุชสุดสวาท จึงนิราศเรื่องรักเปนอักษร
การฝกหัดการพัฒนาการจินตนาการ จะเนนความคิดสรางสรรคดวยถอยคํา คือ 4. ทั้งจากแดนแสนหวงดวงกานดา โออุรารุมรอนออนกําลัง
เปนการคิดที่ผิดแผกไป เปาหมายเพื่อเปลี่ยนทิศทางมากกวากรรมวิธีคิด
ในบทประพันธตางๆ จะมีลักษณะถอยคําโวหารอยูมาก ซึ่งเปนการแสดง วิเคราะหคําตอบ ลักษณะที่บงบอกวาความใดเปนนิราศนอกจากจะตองมี
การเปรียบเทียบหรือเปรียบเปรยของสิ่งหนึ่งไปกับสิ่งอื่น เชน ความโงดุจดังลา การกลาวถึงการเคลื่อนที่ทั้งเวลาและสถานที่แลว ยังตองพิจารณาจาก
ความแข็งเหมือนหิน ความรวดเร็วปานพายุ เปนตน หรือไมก็ขยายคุณสมบัติของ เนื้อความวา พรรณนาครํ่าครวญถึงนางผูเปนที่รักหรือไม ขอที่ไมไดแสดง
สิ่งหนึ่งที่มีประโยชนเฉพาะไปสูประโยชนอื่นที่เปนไปได เชน กําหนดประโยชนอื่น ความรูสึกอาลัยรักตอนาง จึงไมใชลักษณะของนิราศ ดังวา “สตรีหึงหนึ่ง
ของหมวก ของเครื่องเหลาดินสอ หรือของอิฐกอสราง เปนตน แพศยาหญิง ทั้งสองสิ่งอยาไดชิดพิสมัย” ไมไดกลาวถึงความอาลัยรักแต
อยางใด ตอบขอ 1.
178 คู่มือครู
ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนยกตัวอยางประพันธที่มีความโดดเดน
ในดานวรรณศิลป
2. นักเรียนยกเหตุการณในชีวิตประจําวันที่
ค�ำถำม ประจ�ำหน่วยกำรเรียนรู้
สอดคลองกับคานิยมเรื่องความเอื้อเฟอเผื่อแผ
๑. วรรณคดีนิราศมีลักษณะอย่างไร จงอธิบายพอสังเขป 3. นักเรียนเสนอแนวทางในการนําขอคิดที่ได
๒. ให้นักเรียนยกตัวอย่างสถานที่ส�าคัญที่สุนทรภู่เดินทางผ่าน คนละ ๑ แห่ง และอธิบายว่าพบเห็นสิ่งใด จากเรื่องนิราศเมืองแกลงไปประยุกตใชใน
ที่ส�าคัญบ้าง ชีวิตประจําวัน
๓. “กระแสชลวนเชี่ยวเรือเลี้ยวลด ดูค้อมคดขอบคุ้งคงคาไหล
แต่สาชลเจียวยังวนเป็นวงไป นี่หรือใจที่จะตรงอย่าสงกา”
บทประพันธ์ข้างต้นให้แง่คิดในเรื่องใด และตรงกับส�านวนไทยว่าอย่างไร จงอธิบายโดยยกเหตุผล
ประกอบ หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
๔. ให้นักเรียนยกตัวอย่างบทประพันธ์ที่แสดงสภาพทางสังคมในสมัยก่อนมาหนึ่งตอน และแสดง
ความคิดเห็นว่าเหมือนหรือต่างจากสภาพสังคมในปัจจุบันอย่างไร 1. การยกบทประพันธของสุนทรภูที่นักเรียนสนใจ
๕. ให้นักเรียนยกตัวอย่างบทประพันธ์ในเรื่องที่นักเรียนเห็นว่าให้จินตภาพเด่นชัดที่สุด พร้อมทั้งอธิบาย 2. บัตรคําชื่อสถานที่ในนิราศเมืองแกลง
เหตุผลประกอบ 3. การถอดคําประพันธตามที่กําหนด
4. สมุดบันทึกคําศัพท
5. การนําเสนอแนวทางการนําขอคิดในนิราศ
กิจกรรม สร้ำงสรรค์พัฒนำกำรเรียนรู้
เมืองแกลงไปใชในชีวิต
กิจกรรมที่ ๑ ฝ ึกอ่านท�านองเสนาะกลุ่มหรือรายบุคคลจากเรื่อง โดยอาศัยแบบอย่างจากครูผู้สอน
หรือบุคคลอื่นที่มีลีลาการอ่านไพเราะน่าฟัง เมื่ออ่านจบแล้วให้นักเรียนสรุปให้ได้ว่า
สุนทรภู่บอกอะไรแก่ผู้อ่าน
กิจกรรมที่ ๒ ให้นักเรียนเลือกท�ากิจกรรมดังต่อไปนี้
• จับคู่แต่งกลอนนิราศ บรรยายเส้นทางการเดินทางจากบ้านมาโรงเรียน ความยาว
ไม่เกิน ๑๐ บท
• ให้นักเรียนเลือกบทประพันธ์ในนิราศเมืองแกลงที่นักเรียนประทับใจ ๑ บท
วาดภาพระบายสีตามจินตนาการให้สวยงามและเขียนบรรยายใต้ภาพ พอสังเขป
179
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. วรรณคดีนิราศ เปนการพรรณนาสิ่งที่พบเห็นระหวางการเดินทาง ตองมีการเดินทางจากถิ่นเดิมสูถิ่นอื่นและมีการครํ่าครวญถึงนางอันเปนที่รัก
2. สถานที่ คือ หัวตะเข พบศาลเทพา และมีลูกจระเขลอยคออยู
3. ขนาดสายนํ้ายังคดเคี้ยวไปตามคุงนํ้า ใจคนก็คงคดเคี้ยวเชนกัน ตรงกับสํานวนไทยที่ วา “ใจมนุษยยากแทหยั่งถึง”
4. “ถึงสําเพ็งเกงตั้งริมฝงนํ้า แพประจําจอดเรียงเคียงขนาน
มีซุมซอกตรอกนางเจาประจาน ยังสําราญรองขับไมหลับลง”
สะทอนภาพสังคมในยุคกอนที่สําเพ็งจะมีเกง (รถลาก) ไวบริการ เนื่องจากในยุคนั้นรถยนตยังไมเปนที่นิยมมากนัก มีแพจอดอยูริมนํ้าและมีซอยที่มีสถานบริการ
ซึ่งแตกตางจากในปจจุบันเพราะปจจุบัน “สําเพ็ง” กลายเปนแหลงธุรกิจที่มีแตตึกอาคารเรียงราย มีรถยนตวิ่งในถนนและสถานบริการที่เปดตามตรอกซอยไดถูกปด
ไปหมดแลว
5. “จะกลืนขาวในคราวโศกในทรวงเสียว เหมือนขืนเคี้ยวกรวดแกลบใหแสบศอ” แสดงความทุกขลําบากไดอยางแจมชัด ใชภาพพจนอุปมาเปรียบการฝนกลืนขาว
เมื่อยามทุกขวา เหมือนฝนเคี้ยวฝนกลืนกรวดและแกลบจนแสบคอ
คู่มือครู 179
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา
Engage Explore อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. วิเคราะหคุณคางานประพันธที่อานและฟงได
2. บอกคุณคาของงานประพันธที่ทองจําได
บทอาขยาน
3. ประยุกตบทประพันธที่มีคุณคามาใชใน
ชีวิตประจําวันได ๑ การท่องจำาบทอาขยาน
ค�ำว่ำ อาขยาน (อำ - ขะ - หฺยำน) ตำมควำมหมำยจำกพจนำนุกรมฉบับรำชบัณฑิตยสถำน
กระตุน้ ความสนใจ Engage พุทธศักรำช ๒๕๕๔ หมำยถึง บทท่องจ�ำ, กำรเล่ำ, กำรบอก, กำรสวด, เรื่อง, นิทำน
ตั้งแต่พุทธศักรำช ๒๕๔๒ เป็นต้นมำ กระทรวงศึกษำธิกำรได้ก�ำหนดให้มีกำรท่องบทอำขยำน
ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับจุดมุงหมายใน
ในสถำนศึกษำขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้นักเรียนมีโอกำสท่องจ�ำบทร้อยกรองที่มีควำมไพเรำะ ให้คติสอนใจ
การทองจําบทอาขยาน จากนั้นครูถามนักเรียนวา
ซึ่งเป็นกำรส่งเสริมให้นักเรียนเกิดควำมซำบซึ้ง เห็นควำมงดงำมทำงภำษำ และเห็นคุณค่ำของภำษำ
นักเรียนเคยทองจําบทอาขยานจากวรรณคดีเรื่องใด
บาง และมีความประทับใจอะไรในบทอาขยานนั้น และวรรณคดีไทยที่เป็นเอกลักษณ์และมรดกทำงวัฒนธรรมของชำติซึ่งควรค่ำแก่กำรรักษำและสืบสำน
อยางไร ให้คงอยู่ตลอดไป รวมทั้งยังช่วยกล่อมเกลำจิตใจให้น�ำไปสู่กำรด�ำเนินชีวิตที่ดีงำมอีกด้วย
(แนวตอบ นักเรียนแสดงเหตุผลไดหลากหลาย) วัตถุประสงค์ในการอ่าน 1
๑. เพื่อให้ตระหนักในคุณค่ำของภำษำไทย และซำบซึ้งในควำมไพเรำะของบทร้ ะของบทร้อยกรอง
ส�ารวจค้นหา Explore ๒. เพื่อให้เกิดควำมภำคภูมิใจในควำมสำมำรถของกวีไทย
1. นักเรียนศึกษาวัตถุประสงคของการทองจํา ๓. เพื่อเป็นพื้นฐำนในกำรแต่งค�ำประพันธ์
บทอาขยาน เพื่อใหนักเรียนทองจําบทอาขยาน ๔. เพื่อเป็นสื่อในกำรถ่ำยทอดคุณธรรม คติธรรม และข้อคิดที่เป็นประโยชน์แก่เยำวชน
ไดอยางถูกตองตรงตามวัตถุประสงค ๕. เพื่อส่งเสริมให้มีจิตส�ำนึกทำงวัฒนธรรมของคนในชำติ
2. นักเรียนศึกษาคุณคาดานตางๆ ของ บทอำขยำนที่ก�ำหนดให้ท่องจ�ำ แยกประเภทได้ ดังนี้
บทประพันธที่คัดเลือกใหเปนบทอาขยาน บทหลัก หมำยถึง บทอำขยำนที่กระทรวงศึกษำธิกำรก�ำหนดให้นักเรียนท่องจ�ำเพื่อควำมเป็น
อันหนึ่งอันเดียวกันทั่วประเทศ ส่วนใหญ่คัดเลือกจำกวรรณคดีที่ก�ำหนดให้เรียนตำมประกำศกระทรวง
ศึกษำธิกำร
บทเลือก หมำยถึง บทอำขยำนที่นักเรียนท่องตำมควำมสนใจมิได้เป็นกำรบังคับ โดยอำจ
เลือกท่องจำกบทอำขยำนที่กระทรวงศึกษำธิกำรคัดเลือกไว้ หรือบทประพันธ์ที่ครูผู้สอนแนะน�ำ
เพิ่มเติม หรือเป็นบทอำขยำนที่นักเรียนชอบ นักเรียนแต่งขึ้นเอง หรือผู้ปกครอง ผู้มีควำมสำมำรถ
ในท้องถิ่นแต่งขึ้นก็ได้ กำรที่นักเรียนรู้จักคัดเลือกบทประพันธ์ที่มีคุณค่ำและท่องจ�ำไว้ใช้ประโยชน์
ย่อมแสดงถึงควำมเป็นผู้รู้จักคิด ควำมเป็นผู้มีเหตุผล มีสุนทรียรสทำงภำษำ ท�ำให้นักเรียนภูมิใจ
ในกำรท่องบทอำขยำนมำกยิ่งขึ้น
180
บูรณาการเชื่อมสาระ
เกร็ดแนะครู ครูบูรณาการความรูเรื่องบทอาขยานเขากับกลุมสาระการเรียนรูศิลปะ
ครูจัดใหมีกิจกรรมการทองบทอาขยาน ซึ่งเปนแนวทางที่จะทําใหเยาวชนซึมซับ วิชา ดนตรี-นาฏศิลป ซึ่งมีความสัมพันธกันกับวรรณคดีไทย เพราะคนไทย
และชื่นชมวัฒนธรรมไทย การทองบทอาขยานอาจใหนักเรียนทองออกเสียงพรอม นิยมแตงโคลงกลอนใหมีสัมผัสคลองจองกัน และนํามาขับเปนทํานอง
เพรียงกันทั้งชั้น เพราะทําใหเกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินและชวยพัฒนาความจํา หรือนํามารองเปนเพลง เชน บทดอกสรอย บทนิราศ และในทางกลับกัน
และที่สําคัญชวยใหคนที่ยังทองไมคลองสามารถทองตามเพื่อนได เกิดความมั่นใจ เมื่อรองเพลงคนไทยก็นิยมแตงเนื้อรองเปนกาพยกลอนเชนเดียวกัน เชน
เพลงกลอมเด็ก เพลงพื้นบาน เพลงมโหรี ครูบูรณาการใหนักเรียนเห็นวา
ทั้ง 2 วิชา วรรณคดีและดนตรี-นาฏศิลปตางก็เปนสิ่งที่ชวยเสริมคุณคา
นักเรียนควรรู ซึ่งกันและกันมาโดยตลอด
180 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนศึกษาความรูเกี่ยวกับบทอาขยานและ
๒ บทอาขยานระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ตอบคําถามตอไปนี้
บทอาขยานหลัก • เพราะเหตุใดจึงกําหนดใหนักเรียนทองจํา
บทอาขยาน
1
บทเสภาสามัคคีเสวก (แนวตอบ เพราะจะทําใหนักเรียนเกิดความ
ตอน วิศวกรรมา ซาบซึ้งในบทประพันธ สงเสริมคุณคาทาง
อันชำติใดไร้ศำนติสุขสงบ ต้องมัวรบรำญรอนหำผ่อนไม่
เอกลักษณวัฒนธรรมไทย และบทอาขยาน
ณ ชำตินั้นนรชนไม่สนใจ ในกิจศิลปะวิไลละวำดงำม
จะชวยอบรม ขัดเกลาจิตใจใหดีงาม เพื่อให
แต่ชำติใดรุ่งเรืองเมืองสงบ ว่ำงกำรรบอริพลอันล้นหลำม เกิดความภาคภูมิใจในความสามารถของกวี
ย่อมจ�ำนงศิลปำสง่ำงำม เพื่ออร่ำมเรืองระยับประดับประดำ เปนพื้นฐานในการแตงคําประพันธ ถายทอด
อันชำติใดไร้ช่ำงช�ำนำญศิลป์ เหมือนนำรินไร้โฉมบรรโลมสง่ำ ขอคิด คติ คุณธรรมและประโยชนนําไปปรับ
ใครใครเห็นไม่เป็นที่จ�ำเริญตำ เขำจะพำกันเย้ยให้อับอำย ใชในชีวิตจริง และเพื่อใหตระหนักในคุณคา
ศิลปกรรมน�ำใจให้สร่ำงโศก ช่วยบรรเทำทุกข์ในโลกให้เหือดหำย ของภาษาไทย สงเสริมสํานึกทางวัฒนธรรม
จ�ำเริญตำพำใจให้สบำย อีกร่ำงกำยก็จะพลอยสุขสรำญ แหงชาติ)
แม้ผู้ใดไม่นิยมชมสิ่งงำม เมื่อถึงยำมเศร้ำอุรำน่ำสงสำร
เพรำะขำดเครื่องระงับดับร�ำคำญ โอสถใดจะสมำนซึ่งดวงใจ
เพรำะกำรช่ำงนี้ส�ำคัญอันวิเศษ ทุกประเทศนำนำทั้งน้อยใหญ่
จึงยกย่องศิลปกรรม์นั้นทั่วไป ศรีวิไลวิลำสดีเป็นศรีเมือง
2
โคลงสุภาษิต พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ
เพราะท�าความดีทั่วไป
ท�ำดีไป่เลือกเว้น ผู้ใด ใดเฮย
แต่ผูกไมตรีไป รอบข้ำง
ท�ำคุณอุดหนุนใน กำรชอบ ธรรมนำ
ไร้ศัตรูปองมล้ำง กลับซ้องสรรเสริญ
181
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
นักเรียนพิจารณาบทอาขยานบทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมา 1 บทเสภา เปนกลอนลํานําสําหรับขับรอง ใชทํานองขับไดหลายทํานอง มีกรับ
วากลาวถึงศิลปะไทยอะไรบาง นักเรียนรวบรวมและบันทึกลงสมุด เปนเครื่องประกอบสําคัญ ผูขับจะตองขยับกรับใหเขากับทํานองดวย บางครั้งก็ใช
ขลุย ลํานําเสภานี้เดิมนิยมขับรองเปนเรื่องราว ภายหลังมีเรื่องขุนชางขุนแผนขึ้น
จึงนิยมขับเสภาเรื่องขุนชางขุนแผน
กิจกรรมทาทาย 2 โคลง การอานจะแบงจังหวะเปนจํานวนคํา คือ ระบุจํานวนคํา ไมไดระบุ
จํานวนพยางค หากมีจํานวนพยางคมากกวาจํานวนคําที่กําหนด ตองพิจารณา
รวบพยางคใหจังหวะไปตกตรงพยางคทายของคําที่ตองการ โดยอานรวบคําใหเร็ว
นักเรียนเลือกศิลปะไทยจากบทเสภาสามัคคีเสวกมา 1 แขนง ศึกษา และเบาอยางอานอักษรนํา
ประวัติของศิลปะดังกลาว จากนั้นอธิบายรายละเอียดของศิลปะดังกลาว
ใหชัดเจน จัดทําเปนใบงาน
คู่มือครู 181
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนอธิบายจังหวะและทํานองในการอาน
โคลงสี่สุภาพ เพราะถามฟังความก่อนตัดสิน
(แนวตอบ จังหวะหลักของโคลง จะตกตรงคําทาย
วรรคและทายบท ซึ่งมักเปนคําสงหรือรับสัมผัส 1 ยินคดีมีเรื่องน้อย ใหญ่ไฉน ก็ดี
ยัง บ่บ่ ลงเห็นไป เด็ดด้วน
การแบงจังหวะในแตละวรรค มีดังนี้ วรรคที่มี 5 คํา
ฟังตอบขอบค�ำไข คิดใคร่ ครวญนำ
จะแบงจังหวะเปน 3/2 หรือ 2/3 หรืออื่นๆ พิจารณา
ห่อนตัดสินห้วนห้วน เหตุด้วยเบำควำม
ที่ความหมายของคําเปนหลัก วรรคที่มี 4 คําจะแบง
จังหวะเปน 2/2 สวนวรรคที่มี 2 คํา ไมตองแบง เพราะคิดเสียก่อนจึงพูด
จังหวะ ทํานองของโคลงสี่สุภาพ คือ อานดวยเสียง พำทีมีสติรั้ง รอคิด
ระดับเดียวกันทั้งบท แตบางคําจะขึ้นลงสูงตํ่าตาม รอบคอบชอบแลผิด ก่อนพร้อง
เสียงของวรรณยุกต ยกเวนวรรคแรกของบาทที่ 3 ค�ำพูดพ่ำงลิขิต เขียนร่ำง เรียงแฮ
จะอานเสียงสูงกวาทุกวรรค 1 บันไดเสียง) ฟังเพรำะเสนำะต้อง โสตทั้งห่ำงภัย
เพราะขอโทษบรรดาที่ได้ผิด
ขยายความเข้าใจ Expand
ใดกิจผิดพลำดแล้ว ไป่ละ ลืมเลย
นักเรียนยกบทอาขยานหลักโคลงสุภาษิต หย่อนทิฐิมำนะ อ่อนน้อม
นฤทุมนาการมา 1 บท แลวขีดเสนแบงจังหวะ ขอโทษเพื่อคำรวะ วำยบำด หมำงแฮ
ใหถูกตองชัดเจน
ดีกว่ำปดอ้อมค้อม คิดแก้โดยโกง
(แนวตอบ ตัวอยางโคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ
เพราะไดกรุณาตอคนที่ถึงอับจน บทอาขยานเลือก
“กรุณา / นรชาติผู พองภัย พิบัติเฮย
ชวยรอด / ปลอดความกษัย สวางรอน วัฒนธรรม
ผลจัก / เพิ่มพูนใน อนาคต กาลแฮ ในโลกนี้มีอะไรเป็นไทยแท้ ของไทยแน่นั้นหรือคือภำษำ
ซึ่งผลิดอกออกผลแต่ต้นมำ รวมเรียกว่ำวรรณคดีไทย
ชนจักชู / ชือ่ ชอน ปางเบือ้ ง / ปจจุบนั ”)
อนึ่งศิลป์งำมเด่นเป็นของชำติ เช่นปรำสำทปรำงค์ทองอันผ่องใส
อีกดนตรีร�ำร่ำยลวดลำยไทย อวดโลกได้ไทยแท้อย่ำงแน่นอน
และอย่ำลืมจิตใจแบบไทยแท้ เชื่อพ่อแม่ฟังธรรมค�ำสั่งสอน
ก�ำเนิดธรรมจริยำเป็นอำภรณ์ ประชำกรโลกเห็นเรำเป็นไทย
แล้วยังมีประเพณีมีระเบียบ ซึ่งไม่มีที่เปรียบในชำติไหน
เป็นของร่วมรวมไทยให้คงไทย นี่แหละประโยชน์ในประเพณี
ได้รู้เช่นเห็นชัดสมบัติชำติ เหลือประหลำดล้วนเห็นเป็นศักดิ์ศรี
ล้วนไทยแท้ไทยแน่ไทยเรำมี สิ่งเหล่ำนี้คือวัฒนธรรม
182
บูรณาการเชื่อมสาระ
เกร็ดแนะครู ครูใหนักเรียนทองบทอาขยานวัฒนธรรม จากนั้นครูบูรณาการบท
ครูชี้ใหนักเรียนเห็นวาบทอาขยานเปนการสรางรากทางวัฒนธรรมรวมกัน อาขยานนี้เขากับกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
เปนสื่อถายทอดคติธรรม คุณธรรม และขอคิดใหแกคนในชาติ ทั้งยังสงเสริม โดยใหนักเรียนแตงบทรอยกรองประเภทโคลง ฉันท กาพย กลอน หรือราย
จิตสํานึกทางวัฒนธรรมไดอยางดี ความไพเราะของบทอาขยานที่เปนรอยกรอง จํานวน 2 บทที่แสดงใหเห็นถึงเอกลักษณและคุณคาของวัฒนธรรมใน
เปนพื้นฐานของการแตงคําประพันธ ครูจึงควรสงเสริมใหนักเรียนทองบทอาขยาน ทองถิ่นของตนเอง
จนคลอง เกิดความซาบซึ้ง และสามารถนําไปประยุกตใชในชีวิตประจําวันได
นักเรียนควรรู
1 บ เปนคําวิเศษณที่แสดงการปฏิเสธ อานวา บอ หมายถึง ไม นิยมใชในบาง
ทองถิ่น หนังสือเกา หรือกวีนิพนธ
182 คู่มือครู
ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเข้าใจ Expand
นักเรียนทองบทอาขยานโคลงภาพพระราช
1 พงศาวดาร พระสุรโิ ยทัยขาดคอชาง จากนัน้ บอก
โคลงภาพพระราชพงศาวดาร
ขอคิดทีไ่ ดจากโคลงภาพพระราชพงศาวดาร
พระสุริโยทัยขาดคอช้าง พระสุรโิ ยทัยขาดคอชางที่นักเรียนสามารถนําไป
บังอรอัคเรศผู้ พิสมัย ท่ำนนำ ปรับใชในชีวิตจริงได
นำมพระสุริโยทัย ออกอ้ำง (แนวตอบ ขอคิดที่ไดจากโคลงภาพพระราช
ทรงเครื่องยุทธพิไชย เช่นอุป รำชแฮ พงศาวดาร พระสุริโยทัยขาดคอชาง คือ การเสีย
เถลิงคชำธำรคว้ำง ควบเข้ำขบวนไคล สละความสุขสวนตนเพื่อประโยชนของสวนรวม
พลไกรกองน่ำเร้ำ โรมรัน กันเฮย และการกตัญูกตเวทีตอพระมหากษัตริยและ
ช้ำงพระเจ้ำแปรประจัญ คชไท้ ประเทศชาติ)
สำรทรงซวดเซผัน หลังแล่น เตลิดแฮ ตรวจสอบผล Evaluate
เตลงขับคชไล่ใกล้ หวิดท้ำยคชำธำร
1. นักเรียนแบงจังหวะการอานโคลงสุภาษิต
นงครำญองค์เอกแก้ว กระษัตรีย์
นฤทุมนาการได
มำนมนัสกัตเวที ยิ่งล�้ำ 2. นักเรียนบอกขอคิดที่ไดจากการทองจํา
เกรงพระรำชสำมี มลำยพระ ชนม์เฮย บทอาขยานในเรื่องที่กําหนด
ขับคเชนทรเข่นค�้ำ สะอึกสู้ดัสกร 3. นักเรียนยกบทประพันธที่ใหขอคิดในการ
ขุนมอญร่อนง้ำวฟำด ฉำดฉะ ดําเนินชีวิตได
ขำดแล่งตรำบอุระ หรุบดิ้น
โอรสรีบกันพระ ศพสู่ นครแฮ หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
สูญชีพไป่สูญสิ้น พจน์ผู้สรรเสริญ
1. การยกบทประพันธที่นักเรียนประทับใจ
กำรท่องจ�ำบทอำขยำนทีม่ คี ณ ุ ค่ำ นอกจำกจะช่วยให้นกั เรียนเห็นคุณค่ำควำมงำมและศิลปะ 2. การแบงจังหวะโคลงสี่สุภาพ
ทำงภำษำแล้ว ยังช่วยให้นักเรียนเป็นผู้ใช้ภำษำได้อย่ำงมีชั้นเชิงอีกด้วย กล่ำวคือ นักเรียนสำมำรถ
น�ำข้อควำมหรือค�ำประพันธ์ที่ท่องจ�ำมำไปใช้ในกำรพูด กำรเขียน หรืออ้ำงอิงประกอบเรื่องรำว
ตลอดจนเป็นพื้นฐำนในกำรแต่งค�ำประพันธ์ ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่ำนักเรียนมีพื้นฐำนทำงภำษำอย่ำงดี
และกว้ำงขวำง สมควรแก่กำรยกย่องชมเชยนั่นเอง
183
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับโคลงภาพพระราชพงศาวดารอื่นๆ ให ครูยกกลอนดอกสรอยบทอื่นที่งายตอการขับรองมาใหนักเรียนไดทบทวน
กวางขวางยิ่งขึ้น จากนั้นนักเรียนเลือกโคลงภาพพระราชพงศาวดารที่ เพื่อใหนักเรียนรูสึกคุนเคยและสนใจบทอาขยานในบทเรียน เชน
นักเรียนชื่นชอบ มา 4-6 บทคัดลายมือตัวบรรจงครึ่งบรรทัดในสมุดบันทึก “เด็กเอยเด็กนอย ความรูเรายังดอยเรงศึกษา
เมื่อเติบใหญเราจะไดมีวิชา เปนเครื่องหาเลี้ยงชีพสําหรับตน
ไดประโยชนหลายสถานเพราะการเรียน จงพากเพียรไปเถิดจะเกิดผล
ถึงลําบากตรากตรําก็จําทน เกิดเปนคนควรหมั่นขยันเอย”
กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
นักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับโคลงภาพพระราชพงศาวดารอื่นๆ ให
กวางขวางยิง่ ขึน้ จากนัน้ เลือกโคลงภาพพระราชพงศาวดารทีน่ กั เรียนชืน่ ชอบ 1 โคลงภาพพระราชพงศาวดาร เปนโคลงประกอบภาพเหตุการณสําคัญทาง
มา 4-6 บท สรุปใจความสําคัญของโคลงภาพพระราชพงศาวดารนั้นลงสมุด ประวัติศาสตรชาติไทยที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัวทรงโปรดฯ ให
ชางเขียนเขียนรูปภาพขึ้น และใหกวีในสมัยนั้นแตงโคลงประกอบภาพขึ้น
คู่มือครู 183
กระตุ้นความสนใจ ส�ำรวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
บรรณานุกรม
กระแสร์ มำลยำภรณ์. ๒๕๑๖. วรรณคดีเปรียบเทียบเบื้องต้น. กรุงเทพมหำนคร: โรงเรียนสตรีเนติศึกษำ
แผนกกำรพิมพ์.
ชีวติ และงานของสุนทรภู่ ฉบับกรมศิลปากรตรวจสอบช�าระใหม่. ๒๕๓๔. พิมพ์ครัง้ ที ่ ๑๔. กรุงเทพมหำนคร:
องค์กำรค้ำของคุรุสภำ.
ฐะปะนีย ์ นำครทรรพ และคณะ. ๒๕๕๓. ภาษาไทย ม.๒. พิมพ์ครัง้ ที ่ ๑๙. กรุงเทพมหำนคร: อักษรเจริญทัศน์.
บุญเหลือ เทพยสุวรรณ, ม.ล.. ๒๕๑๑. แนะแนวทางการเรียนวรรณกรรมวิจกั ษ์และวรรณคดีวจิ ารณ์. นครปฐม:
คณะอักษรศำสตร์ มหำวิทยำลัยศิลปำกร.
ประสิทธิ์ กำพย์กลอน. ๒๕๒๓. แนวทางการศึกษาวรรณคดี ภาษากวี การวิจักษณ์ และการวิจารณ์.
กรุงเทพมหำนคร: ไทยวัฒนำพำนิช.
เปลื้อง ณ นคร. ๒๕๐๖. ประวัติวรรณคดีส�าหรับนักศึกษา. กรุงเทพมหำนคร: ไทยวัฒนำพำนิช.
พุทธยอดฟ้ำจุฬำโลกมหำรำช, พระบำทสมเด็จพระ. ๒๕๐๖. รามเกียรติ์ เล่ม ๑. กรุงเทพมหำนคร: คลังวิทยำ.
ไพรถ เลิศพิริยกมล. ๒๕๔๒. วรรณกรรมปัจจุบัน. กรุงเทพมหำนคร: ไทยวัฒนำพำนิช.
ฟองจันทร์ สุขยิ่ง และคณะ. ๒๕๕๒. ภาษาไทย ม.๓. พิมพ์ครั้งที่ ๑๔. กรุงเทพมหำนคร: อักษรเจริญทัศน์.
เยำวลักษณ์ ชำติสุขศิริเดช และบุญลักษณ์ เอี่ยมส�ำอำงค์. ๒๕๕๓. เรียงถ้อยร้อยกรอง. พิมพ์ครั้งที่ ๒.
กรุงเทพมหำนคร: อักษรเจริญทัศน์.
รำชบัณฑิตยสถำน. ๒๕๕๖. พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช ๒๕๕๔. พิมพ์ครั้งที่ ๒.
กรุงเทพมหำนคร: ศิริวัฒนำอินเตอร์พริ้นท์.
. ๒๕๕๐. พจนานุกรมศัพท์วรรณกรรมไทย ภาคฉันทลักษณ์. กรุงเทพมหำนคร: รำชบัณฑิตยสถำน.
วัชรี รมยะนันทน์. ๒๕๓๘. วิวัฒนาการวรรณคดีไทย. กรุงเทพมหำนคร: โครงกำรต�ำรำคณะอักษรศำสตร์
จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย.
วิญญู บุญยงค์. ๒๕๔๒. ยักษ์ในรามเกียรติ์. กรุงเทพมหำนคร: เวิลด์มีเดีย ๒๐๒๐.
วิชำกำรและมำตรฐำนกำรศึกษำ ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน กระทรวงศึกษำธิกำร, ส�ำนัก.
๒๕๕๓. นิทานอีสป. กรุงเทพมหำนคร: โรงพิมพ์ สกสค. ลำดพร้ำว.
ศิลปำกร, กรม. ๒๕๔๓. กาพย์หอ่ โคลงประพาสธารทองแดง. พิมพ์ครัง้ ที ่ ๙. กรุงเทพมหำนคร: อักษรเจริญทัศน์.
. ๒๕๕๐. โคลงภาพพระราชพงศาวดาร พร้อมบทขยายความและบทวิเคราะห์. กรุงเทพมหำนคร:
กรมศิลปำกร.
ศุภร บุนนำค และสุรยิ ำ รัตนกุล. ๒๕๑๗. สุนทรียภาพจากเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร. กรุงเทพมหำนคร: แพร่พทิ ยำ.
ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน. ๒๕๕๒. วรรณคดีวิจักษ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒. พิมพ์ครั้งที่ ๘
กรุงเทพมหำนคร: โรงพิมพ์ สกสค. ลำดพร้ำว.
สุทธิ ภิบำลแทน. ๒๕๔๑. โคลงส�านวนสุภาษิตไทย. กรุงเทพมหำนคร: อักษรเจริญทัศน์.
หอสมุดแห่งชำติ. ๒๕๓๓. ศิลาจารึก หลักที่ ๑ จารึกพ่อขุนรามค�าแหง. กรุงเทพมหำนคร: โรงพิมพ์กำรศำสนำ.
184
184 คู่มือครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
เอกสารเสริม โคลงภาพ
พระราชพงศาวดาร
โคลงภาพพระราชพงศาวดาร เกิดขึน้ โดยพระราชด�าริในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั
ทรงเลื อ กเรื่ อ งในพระราชพงศาวดารให้ ช ่ า งเขี ย นที่ มี ฝ ี มื อ เขี ย นรู ป ภาพขึ้ น และโปรดเกล้ า ฯ
ให้มีโคลงบอกเรื่องพระราชพงศาวดารประกอบรูปภาพดังกล่าว รูปขนาดใหญ่จ�านวนโคลงรูปละ ๖ บท
รูปขนาดกลางและขนาดเล็กจ�านวนโคลงรูปละ ๔ บท การแต่งโคลงนัน้ ทรงพระราชนิพนธ์บา้ ง โปรดเกล้าฯ
ให้พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการซึง่ เชีย่ วชาญบทกลอนแต่งถวายบ้าง รูปภาพเรือ่ งพระราชพงศาวดาร
ที่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นนั้นมีจ�านวน ๙๒ แผ่น โคลงที่แต่งมีจ�านวน ๓๗๖ บท
โคลงภาพพระราชพงศาวดารเปนมรดกอันลํ้าคาของชาติ มีคุณคาทั้งทางดานประวัติศาสตรศิลปะ
และวรรณคดี ทําใหไดเรียนรูเกี่ยวกับเหตุการณสําคัญของชาติ ไดชื่นชมในความงามของภาพจิตรกรรมไทย
รวมทั้งไดซาบซึ้งในอรรถรสของบทกวีนิพนธไปพรอมกัน โคลงภาพพระราชพงศาวดารที่นํามาเสนอนี้
เปนเพียงตัวอยางสวนหนึ่ง
เอกสารเสริม ๑
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ขอใดไมใช คุณคาของโคลงภาพพระราชพงศาวดาร
ครูให้นักเรียนศึกษาเอกสารเสริม ซึ่งเป็นโคลงภาพพระราชพงศาวดารที่มีการ
1. ประวัติศาสตร์
จัดเรียงตามยุคสมัย ตั้งแต่สมัยอยุธยา ธนบุรี มาจนถึงรัตนโกสินทร์ โดยครูให้
2. ดาราศาสตร์
นักเรียนแบ่งกลุ่มเป็น 4 กลุ่ม แต่ละกลุ่มช่วยกันถอดค�าประพันธ์ ดังต่อไปนี้
3. วรรณคดี
• กลุมที่ 1 โคลงสร้างกรุงศรีอยุธยา
4. ศิลปะ
• กลุมที่ 2 โคลงสมเด็จพระนเรศวรท�ายุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา
วิเคราะหคําตอบ โคลงภาพพระราชพงศาวดาร คือ การนําเสนอเรื่องราว • กลุมที่ 3 โคลงเจ้าตากตีค่ายพม่าที่โพธิ์สามต้น
ทางประวัติศาสตรผานวรรณคดีและภาพวาดจิตรกรรม ซึ่งมีคุณคาทางศิลปะ • กลุมที่ 4 โคลงสมเด็จพระพุทธยอดฟาเสด็จกลับจากเมืองเขมร
ขอที่ไมใชคุณคาของโคลงภาพพระราชพงศาวดาร คือ ดาราศาสตร
ตอบขอ 2.
คู่มือครู 185
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
โคลงสร้างกรุงศรีอยุธยา
แถลงปางพระเจ้าอู่ ทองปรา รภเฮย
จักประดิษฐนครา ใหม่ยั้ง
ชีพ่อหมู่พฤฒา จารย์จัด การแฮ
กลบบาทว์สุมเพลิงตั้ง สวดพร้องพุทธมนต์ฯ
ชนงานขุดภาคพื้น ภูมิมณ ฑลเฮย
สบพระสังข์เสวตรกล กษิรแผ้ว
เปนทักษิณวัฏดล แสดงศุภ อรรถเอย
เสร็จกิจพิธิีแล้ว สืบสร้างการผองฯ
หนองโสนแนะถิ่นด้าว เดิมมี ชื่อนา
ขนานเปลี่ยนนามธานี เทพไท้
ทวาราวดีศรี อยุธ ยาเฮย
กรุงกระษัตริย์สถิตย์ได้ สี่ร้อยปีปลายฯ
บรรยายพระยศไท้ ธเรศตรี ศวรเฮย
เฉลิมนิเวศน์ธานี ภิเศกซ�้า
รามาธิบดี นามเพิ่ม พระแฮ
ปฐมรัชขัติยเลิศล�้า ผ่านหล้าแหล่งสยามฯ
พระราชนิพนธ์ (รัชกาลที่ ๕)
เอกสารเสริม 2
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
หนองโสนแนะถิ่นดาว เดิมมี ชื่อนา
ขนานเปลี่ยนนามธานี เทพไท
ทวาราวดีศรี อยุธ ยาเฮย
กรุงกระษัตริยสถิตยได สี่รอยปปลายฯ
ขอใดสอดคลองกับบทประพันธขางตน
1. เปลี่ยนชื่อเมืองจากหนองโสนมาเป็นทวาราวดี
2. เปลี่ยนชื่อเมืองจากทวาราวดีมาเป็นศรีอยุธยา
3. เป็นเมืองที่มีกษัตริย์ปกครองกว่า 400 องค์
4. เป็นเมืองที่มีกษัตริย์ปกครองมา 400 กว่าป
วิเคราะหคําตอบ จากบทประพันธกลาววามีการเปลี่ยนชื่อเมืองจาก
หนองโสนมาเปนอยุธยา และเปนเมืองที่มีกษัตริยปกครองนานถึง 400 กวาป
ซึ่งขอที่สอดคลองกับบทประพันธ ตอบขอ 4.
186 คู่มือครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
ภาพสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ท�ายุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา
(หลวงพิศณุกรรม เขียน)
เอกสารเสริม ๓
เกร็ดแนะครู
ครูแนะให้นกั เรียนอ่านเรือ่ งราวทางประวัตศิ าสตร์สมัยอยุธยาเพิม่ เติม โดยเฉพาะ
ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งเป็นช่วงสมัยที่ส�าคัญในการกอบกู้บ้านเมือง
ครูให้นักเรียนสรุปเรื่องราวเกี่ยวกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และแสดงความคิด
เห็นในพระปรีชาสามารถด้านการรบของพระองค์ และแต่งค�าประพันธ์ที่แสดงถึง
พระเกียรติยศของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเป็นโคลงสี่สุภาพ 1 บท น�าไป
จัดปายนิทรรศการในชั้นเรียน
คู่มือครู 187
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
โคลงสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ท�ายุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา
แถลงเรื่องอุปราชเจ้า รามัญ
ยกพยุห์สู่สยามขัณฑ์ เขตรกว้าง
คร้ามอาจขลาดแขงขยัน เจ้าอยุธ ยาฤ ๅ
พลางเพิ่มขุนขี่ช้าง ฉัตรล้อมปลอมปนฯ
ยุคลฤทธิราชเจ้า อยุธยา
องค์เชษฐ์นเรศรา ธิราชเจ้า
อนุชนารถนุชเอกา ทศรถ นามฤ ๅ
ทราบศึกซ่องพลเต้า ตัดสู้ดูแรงฯ
เห็นแขงแสร้งล่าล้อ ให้ขบวน บางนา
เข้าถนัดตัดต้นชวน รบช้าง
พ้อพาทอุปราชหวน อายออก องค์แฮ
สมคาดขับคชคว้าง ไขว่ค�้าบ�ารูฯ
สองข้างละคู่เข้า โรมรณ
นเรศวร์ราชฟาดแสงพล พ่ายพ้อง
อุปราชขาดอุระบน คอพัท กอนา
อนุราชทศรถน้อง ฆ่าม้วยมางจาฯ
โยธาทัพต่อต้อน มอญมละ หนีนา
เห็นอย่างทางแพ้ชนะ เช่นนี้
ใช่มากหากจ�าจะ ไชยเที่ยง แท้เลย
หัวน่าถ้าดีชี้ ชักได้ไชยเสมอฯ
สยามรัฐพัฒน์แผ่นพ้น สองครา นี้แล
หนึ่งเขตรนเรศรา ชะนี้
กับทั้งเทพมหา นคร เรานอ
สิทธิศุขสิทธิ์ไชยชี้ ชิดอ้างปางสองฯ
พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงพิชิตปรีชากร
เอกสารเสริม 4
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
คําประพันธในขอใดใชคําเอกโทษ
1. โยธาทัพต่อต้าน มอญมละ หนีนา
2. เห็นอย่างทางแพ้ชนะ เช่นนี้
3. ใช่มากหากจ�าจะ ไชยเที่ยง แท้เลย
4. หัวน่าถ้าดีชี้ ชักได้ไชยเสมอฯ
วิเคราะหคําตอบ ใจความสําคัญของคําประพันธชี้ใหเห็นถึงความสําคัญ
ของผูนําในการทําศึกสงครามครั้งนี้จนไดรับชัยชนะ ในดานวรรณศิลป
คําเอกโทษ คือ คําที่ปกติเปนวรรณยุกตโทแตเปลี่ยนเปนวรรณยุกตเอก
แทน เพื่อใหตรงตามลักษณะของคําประพันธประเภทโคลงสี่สุภาพ คือ มี
คําที่มีวรรณยุกตเอก 7 แหง วรรณยุกตโท 4 แหง ขอที่ใชคําเอกโทษ คือ
“หัวนาถาดีชี้ ชักไดไชยเสมอ” ใชคําวา “นา” ซึ่งปกติเปน “หนา”
ตอบขอ 4.
188 คู่มือครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ำรวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
ภาพเจ้าตากตีค่ายพม่าที่โพธิ์สามต้น
(นายอ่อน เขียน)
เอกสารเสริม ๕
บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูบรู ณาการความรูเ้ รือ่ งคุณค่าด้านศิลปะของโคลงภาพพระราชพงศาวดาร
เข้ากับกลุม่ สาระการเรียนรูศ้ ลิ ปะ วิชาทัศนศิลป์ ครูแนะให้นักเรียนน�ำความรู้
ทางทัศนศิลป์มาใช้พิจารณาภาพในโคลงบทต่างๆ ซึง่ ลักษณะของภาพที่
ประกอบพระราชพงศาวดาร เป็นรูปแบบทางศิลปกรรมที่เป็นจิตรกรรมฝาผนัง
ยุคใหม่ใช้สีน�้ำมันแทนสีฝุ่นแบบโบราณ แต่วิธีเขียนและรูปแบบเป็นแบบสากล
แสดงความรู้สึกระยะใกล้-ไกลแบบ 3 มิติ เน้นรูปคนในลักษณะกายวิภาคที่
ถูกต้อง สามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกให้บรรยากาศสมจริงตามธรรมชาติ
ครูชี้ให้นักเรียนเห็นว่าโครงการโคลงภาพพระราชพงศาวดารตามกระแส
พระราชด�ำริในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แสดงให้เห็นการ
สร้างสรรค์มรดกทางศิลปกรรมที่ส�ำคัญ และทรงส่งเสริมความสามารถของ
ศิลปินไทยให้สร้างผลงานที่ทรงคุณค่าต่อประเทศ
คู่มือครู 189
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
1
โคลงเจ้าตากตีค่ายพม่าที่โพธิ์สามต้น
ปางวิบัติสยามรัฐร้อน เปนจลา จลแฮ
พม่าล่วงราญอยุธยา ป่วนกลุ้ม
บรรพ์กระษัตริย์สู่สวรรคา ไลยเสื่อม วงศ์แฮ
หาบ่มีใครคุ้ม เขตร้อนราษฎร์รสายฯ
สยามแยกเปนหกด้าว โดยชน ชุมนา
นายกหกส่วนสกล ต่างห้าว
ต่างรุกต่างราญรณ กันซึ่ง กันแฮ
ทวยราษฎร์ปราศศุขร้าว ร่างร้านเรือนหนีฯ
ส่วนโพธิ์สามต้นค่าย พระนาย กองนา
คือพม่าตั้งมั่นหมาย กวาดผู้
เจ้าตากควบนิกาย พลมุ่ง มาพ่อ
หวังขจัดดัษกรกู้ บุรร้างคืนเกษมฯ
ทัพจีนกองน่าเจ้า ตากชาญ ศึกฮา
ยกระดมค่ายราญ บัดสบั้น
นายกองประลัยลาญ พลแหลก ลาญนอ
มอญพม่าเหลือตายนั้น เพิกผ้ายกระจายหนีฯ
หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล
(เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี)
เอกสารเสริม 6
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
สยามแยกเปนหกดาว โดยชน ชุมนา
1 โพธิ์สามตน ค่ายโพธิ์สามต้นปจจุบันอยู่ในพื้นที่รอยต่อของต�าบลพุทเลา
นายกหกสวนสกล ตางหาว
และต�าบลโพธิ์สามต้น อ�าเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ริมแม่น�้า
ตางรุกตางราญรณ กันซึ่ง กันแฮ
โพธิ์สามต้นที่ไหลมารวมกับแม่น�้าลพบุรีที่บริเวณหัวรอ ซึ่งอยู่ทางด้านทิศเหนือของ
ทวยราษฎรปราศศุขราว รางรานเรือนหนีฯ
เกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา ในประวัติศาสตร์เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้อยู่ห่างจาก
ขอใดไมใช ลักษณะเดนของบทประพันธขางตน
กรุงศรีอยุธยาประมาณ 6 กิโลเมตรจึงเป็นพื้นที่ที่อยู่ในเส้นทางเดินทัพของข้าศึกที่
1. ภาพพจน์เปรียบเทียบ
เข้าตีกรุงศรีอยุธยาตลอดมา
2. เล่นเสียงสัมผัสอักษร
ต่อมาเมื่อพระเจ้าตากสินมหาราชทรงรวบรวมก�าลังคน ยกกองทัพเรือ
3. ใช้ค�าน้อยกินค�ามาก
จากเมืองจันทบุรีเข้าตีเมืองธนบุรีได้แล้ว ก็ยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาโดยเข้าตี
4. การซ�้าค�า
ยึดค่ายโพธิ์สามต้นคืนจากพม่า ขณะนั้นมีคนและทรัพย์สมบัติที่ยังมิได้ถูกส่งไป
พม่า จึงรวบรวมคนไว้และเก็บรักษาสมบัติไว้ในค่ายโพธิ์สามต้น และเมื่อพระองค์ วิเคราะหคําตอบ บทประพันธขางตนมีลักษณะเดน คือ ขอ 2. การเลนเสียง
ทรงส�ารวจดูสภาพกรุงศรีอยุธยาแล้วทรงเห็นว่ากรุงศรีอยุธยาเสียหายเกินกว่าจะ สัมผัสอักษร ไดแก สยาม-แยก, รุก-ราญ-รณ, ราง-ราน-เรือน ขอ 3. บรรยาย
ปฏิสังขรณ์ได้ จึงโปรดให้ไปตั้งราชธานีใหม่ที่กรุงธนบุรี เหตุการณการสูรบดวยคําที่มีจํากัดตามลักษณะคําประพันธโคลงสี่สุภาพ
แตสื่อความไดเขาใจ ขอ 4. มีการซํ้าคํา ไดแก คําวา ตางรุกตางราญ,
กันซึ่ง กันแฮ แตไมมีการใชภาพพจนเปรียบเทียบ ตอบขอ 1.
190 คู่มือครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
ภาพพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
เสด็จกลับจากเมืองเขมร
(นายอิ้ม เขียน)
พ.ศ. ๒๓๒๔ ขณะทีเ่ จ้าพระยามหากษั 1 ตริยศ กึ ไปปราบกบฏทีเ่ มืองเขมร รูข้ า่ วว่าทางกรุงธนบุรเี กิดจลาจล
จึงเตรียมเลิกทัพกลับ ขณะขึ้นบนเกยจะขี่ช้าง ได้บังเกิดศุภนิมิตพระรัศมีโชติช่วงแผ่ออกจากพระวรกาย
เห็นทั่วทั้งกองทัพ บรรดารี้พลต่างแซ่ซ้องพากันยกมือขึ้นถวายบังคม
เอกสารเสริม ๗
เกร็ดแนะครู
ครูให้นักเรียนพิจารณาภาพพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลกมหาราช
เสด็จกลับจากเมืองเขมร แล้วให้นักเรียนช่วยกันบรรยายเหตุการณ์ในภาพ ครูแนะ
เรื่องราวเพิ่มเติมว่า เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกทรงช้าง เดินทัพมาทางด่านพระจารึก
ผ่านเมืองปราจีน เมืองนครนายก ตัดทางมาลงท้องทุ่งแสนแสบทะลุถึงพระนคร
พระยาสุรยิ อภัยซึง่ ปราบกบฏราบคาบเรียบร้อยแล้วให้ปลูกพลับพลารับเสด็จริมสะพาน
ท่าวัดโพธาราม (ต่อมาคือวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม) แล้วให้แต่งเรือพระที่นั่ง
กราบมาคอยรับเสด็จข้ามไปพระราชวัง
นักเรียนควรรู
1 เกย มีขนาดเล็กเคลือ่ นย้ายไปได้ ส�าหรับเจ้านายใช้เป็นทีเ่ สด็จขึน้ หรือลงพาหนะ
นอกชานหรือพืน้ ซึง่ สูงขึน้ ทีเ่ รียกว่า เนินปราสาท หรือ โคกปราสาท เพราะการก่อสร้าง
นิยมสร้างบนพื้นที่ถมสูง มีสภาพเป็นนอกชาน เรียกว่า เกย เกยชาลา หรือ ไพที ก็มี
คู่มือครู 191
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
โคลงพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
เสด็จกลับจากเมืองเขมร
องค์อรรคนายกผู้ พรรฦก เดชแฮ
ฤ ๅเกียรดิเกริกอธึก ทั่วหล้า
มหากระษัตริย์ศึก สมเศก นามนา
แรมทัพเสียมราฐร้า รบเสี้ยนศึกขอมฯ
จอมทัพสดับข่าวอ้าง กรุงธน บุรีเฮย
เจ้าแผ่นดินวิกล คลั่งคลุ้ม
ร้อนเร้าทั่วรัฐมณ ฑลเทียบ อบายนา
ใครจะกันตนคุ้ม โทษได้ไป่มีฯ
กระลีลามลุกล�้า ร�างับ
จึ่งพระยาสรรค์จับ ถอดเจ้า
ด�าริห์จักรีบกลับ จัดกิจ กรุงแฮ
ให้ตรวจพลไกรเข้า ขนบริ้วยาตราฯ
เวลาไชยโชคได้ ดิิถี สวัสดิเฮย
เสด็จสู่เกยขุนกรี เทียบช้าง
บันดาลพระวรฉวี วรรณผ่อง ประภาแฮ
งามสง่าหาคู่อ้าง อื่นแม้ฤ ๅมีฯ
โยธีเห็นถนัดอื้อ อัศจรรย์ ใจเอย
ต่างเทอดหัดถ์อภิวันท์ ท่วมเกล้า
บารมีพระจักพลัน ถึงเสวตร ฉัตรพ่อ
ปราบยุคเข็ญเย็นเผ้า ไพร่ฟ้าประชากรฯ
บทจรโดยด่านด้าว พระจา รึกเฮย
บันลุธนนครา ปราศเสี้ยน
ปรามปราบพวกพาลา เตียนราบ แล้วแฮ
พุทธสาสน์ราษฎร์เจริญเที้ยน เทียบครั้งเพรงกาลฯ
พระราชนิพนธ์ (รัชกาลที่ ๕)
เอกสารเสริม 8
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
บทประพันธในขอใดสะทอนสภาพสังคมและวัฒนธรรมไดเดนชัดที่สุด
1. บทจรโดยด่านด้าว พระจา รึกเฮย
2. บันลุธนนครา ปราศเสี้ยน
3. ปรามปราบพวกพาลา เตียนราบ แล้วแฮ
4. พุทธสาสน์ราษฎ์เจริญเที้ยน เทียบครั้งเพรงกาล
วิเคราะหคําตอบ ขอที่สะทอนสภาพสังคมและวัฒนธรรม คือ
“พุทธสาสนราษฎเจริญเที้ยน เทียบครั้งเพรงกาล” สะทอนใหเห็นวา
พระพุทธศาสนามีความเจริญรุงเรืองเหมือนในสมัยกอน ตอบขอ 4.
192 คู่มือครู
แ
เฉ จ
พา ก
สร้างอนาคตเด็กไทย ะค ฟ
รูผ
ู้สอ ร
น ี
ด้วยนวัตกรรมการเรียนรูร
้ ะดับโลก
คู่มือครู
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÀÒÉÒä·Â ÇÃó¤´ÕáÅÐÇÃó¡ÃÃÁ Á. ๒
คูม
่ อ
ื ครู อจท.
ใช้ประกอบการสอนคู่กับหนังสือเรียน
วิธีการสอนเพื่อยกผลสัมฤทธิ์
เพิ่ม ผ่านกระบวนการเรียนรู้ 5Es
ข้อสอบวัดความสามารถ
เพิ่ม
ด้านการเรียนตามแนวสอบ
O-NET ใหม่
ตัวอย่างข้อสอบ O-NET
เพื่อชี้แนะเนื้อหาที่เคย
เพิ่ม ออกข้อสอบ
กิจกรรมบูรณาการทักษะชีวิต
ใหม่
และการทำงานตามแนวคิด
เศรษฐกิจพอเพียง
กิจกรรมเสริมสร้างประสบการณ์
พร้อม การเรียนรู้สอ
ู่ าเซียน
>> ราคาเล่มนักเรียนโปรดดูจากใบสัง
่ ซือ
้ ของ อจท. ภาพปกนีม
้ ข
ี นาดเท่ากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน
คู่มือครู บร. ภาษาไทย วรรณคดีฯ ม.2