Professional Documents
Culture Documents
เอกสารประกอบคูมือครู
วิชา กลุมสาระการเร�ยนรู้ ภาษาไทย
หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.3
ลักษณะเดน คูมือครู ฉบับนี้ สําหร
ับค รู
สวนเสริมด้านหน้า
การใชวฏั จักรการเรียนรู 5Es : กระบวนการพัฒนาศักยภาพการคิด
และการสรางองคความรู
การใช้วัฏจักรการเรียนรู้ 5Es : กระบวนการพัฒนาศักยภาพการคิด
และการสร้างองค์ความรู้
รูปแบบการสอนที่สัมพันธ์กับกระบวนการคิดและการท�างานของสมองของผู้เรียนที่นิยมใช้อย่างแพร่หลาย
ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ คือ วัฏจักรการเรียนรู้ 5Es ซึ่งผู้จัดท�าคู่มือครูได้น�ามาใช้เป็นแนวทางออกแบบ
กิจกรรมการเรียนการสอนในคู่มือครูฉบับนี้ตามล�าดับขั้นตอนการเรียนรู้ ดังนี้
กระตุน้ ความสนใจ
Engage
• เป็นขั้นที่ผู้สอนน�ำเข้ำสู่
บทเรียน เพื่อกระตุ้น
ควำมสนใจของนักเรียน
ด้วยเรื่องรำว หรือ
ส�ารวจค้นหา
Explore
• เป็นขั้นที่ผู้สอนเปิด
โอกำสให้ผู้เรียนสังเกต
และร่วมมือกันส�ำรวจ
เพื่อให้เห็นปัญหำ
อธิบายความรู้
Explain
• เป็นขั้นที่ผู้สอนมี
ปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียน
เช่น ให้กำรแนะน�ำ
ขยายความเข้าใจ
Expand
• เป็นขั้นที่ผู้สอนได้ใช้
เทคนิควิธีกำรสอน
ทีช่ ่วยพัฒนำผู้เรียน
ตั้งค�ำถำมกระตุ้นให้คิด ให้น�ำควำมรู้ที่เกิดขึ้น
ตรวจสอบผล
Evaluate
• เป็นขั้นที่ผู้สอนประเมิน
มโนทัศน์ของผู้เรียน
โดยตรวจสอบจำก
ควำมคิดที่เปลี่ยนไป
ประกอบด้วย
1. กระตุ้นความสนใจ : Engage
เหตุกำรณ์ที่น่ำสนใจ รวมถึงวิธีกำรศึกษำ เพื่อให้ผู้เรียนได้ค้นหำ ไปคิดค้นต่อๆ ไป และควำมคิดรวบยอด
ค้นคว้ำข้อมูลควำมรู้ ค�ำตอบ เพือ่ พัฒนำทักษะ ที่เกิดขึ้นใหม่ ตรวจสอบ
• ใช้เทคนิควิธีกำรสอน
และค�ำถำมทบทวนควำมรู ้ ที่จะน�ำไปสู่ควำมเข้ำใจ • น�ำข้อมูลควำมรู้จำก กำรเรียนรู้และ ทักษะ กระบวนกำร
หรือประสบกำรณ์เดิม ประเด็นปัญหำนั้นๆ กำรศึกษำค้นคว้ำ กำรท�ำงำนร่วมกัน ปฏิบัติ กำรแก้ปัญหำ
เป็นกลุ่ม ระดมสมอง กำรตอบค�ำถำมรวบยอด
ของผู้เรียน เพื่อเชื่อมโยง • ให้นักเรียนท�ำควำม ในขัน้ ที ่ 2 มำวิเครำะห์
ผู้เรียนเข้ำสู่บทเรียนใหม่ เข้ำใจในประเด็นหัวข้อ แปลผล สรุปผล เพื่อคิดสร้ำงสรรค์ และกำรเคำรพควำมคิด
ร่วมกัน หรือยอมรับเหตุผล
• ช่วยให้นักเรียนสำมำรถ ที่จะศึกษำค้นคว้ำ • น�ำเสนอผลที่ได้ศึกษำ ของคนอื่นเพื่อกำร
สรุปประเด็นส�ำคัญที่เป็น อย่ำงถ่องแท้ • นักเรียนสำมำรถน�ำ
2. ส�ารวจค้นหา : Explore
ค้นคว้ำมำในรูปแบบ สร้ำงสรรค์ควำมรู้
หัวข้อกำรเรียนรู้ของ แล้วลงมือปฏิบตั ิ สำรสนเทศต่ำงๆ เช่น ควำมรู้ที่สร้ำงขึ้นใหม่
เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล ไปเชื่อมโยงกับ ร่วมกัน
บทเรียนได้ เขียนแผนภูมิ แผนผัง
ควำมรู้ แสดงมโนทัศน์ ประสบกำรณ์เดิม • นักเรียนสำมำรถ
• ส�ำรวจตรวจสอบ เขียนควำมเรียง โดยน�ำข้อสรุปที่ได้ไป ประเมินผลกำรเรียนรู้
อธิบำยในเหตุกำรณ์ ของตนเอง เพื่อสรุปผล
โดยวิธีกำรต่ำงๆ เช่น เขียนรำยงำน เป็นต้น
สัมภำษณ์ ทดลอง ต่ำงๆ หรือน�ำไปปฏิบัติ ว่ำนักเรียนมีควำมรู้
อ่ำนค้นคว้ำข้อมูล ในสถำนกำรณ์ใหม่ๆ อะไรเพิ่มขึ้นมำบ้ำง
ที่เกี่ยวข้องกับชีวิต มำกน้อยเพียงใด และ
จำกเอกสำร แหล่ง
3. อธิบายความรู้ : Explain
ข้อมูลต่ำงๆ จนได้ ประจ�ำวันของตนเอง จะน�ำควำมรู้เหล่ำนั้น
ข้อมูลควำมรู้ตำมที่ เพื่อขยำยควำมรู้ ไปประยุกต์ใช้ในกำร
ควำมเข้ำใจให้ เรียนรู้เรื่องอื่นๆ
ตั้งประเด็นศึกษำไว้
กว้ำงขวำงยิ่งขึ้น ได้อย่ำงไร
• นักเรียนจะเกิดเจตคติ
และเห็นคุณค่ำของ
ตนเองจำกผลกำร
เรียนรู้ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็น
4. ขยายความเข้าใจ : Expand
กำรเรียนรู้ที่มีควำมสุข
อย่ำงแท้จริง
สํารวจคนหา
สํารวจคนหา
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
กระตุนความสนใจ
Engage
สํารวจคนหา
Explore
อธิบายความรู
Explain
ขยายความเขาใจ
Expand
ตรวจสอบผล
Evaluate
กระบวนการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน เพื่อพัฒนาการคิดวิเคราะห์
ช่วยเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้
ใหแตละกลุมสงตัวแทนออกมาจับ (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) อธิบายความรู
สลากเพื่อคนหาความรูในประเด็น ๓.๒ การเขียนกรอบความคิด เรื่องฉันท์พาลีสอนน้อง
นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อ
ดังตอไปนี้ ๑) ข้อมูลเบือ้ งต้น ฉันท์พาลีสอนน้องเป็นวรรณกรรมค�าสอนทีอ่ าศัยเค้าเรือ่ ง เหตุการณ์ อธิบายความรูในลักษณะโตตอบ
1. ประวัติวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ จากเรือ่ งรามเกียรติต์ อนทีพ่ าลีสงั่ เสียสุครีพและองคต โดยแทรกความเชือ่ เกีย่ วกับจริยธรรม หน้าที่ และ ขั้นตอนที่ ๒ บอกประเภทและจุดมุ่งหมายของเรื่อง รอบวง โดยครูใหนักเรียนมีโอกาส
2. เนื้อหาที่นําเสนอ ข้อควรปฏิบัติส�าหรับข้าราชการ กวีนิพนธ์บทนี้ ไม่ได้เคร่งครัดในเรื่องฉันทลักษณ์ของค�าประพันธ์ แต่เน้นที่การถ่ายทอด แสดงความรู ความเขาใจเกี่ยวกับ
3. ภูมิหลังของตัวละคร ไดแก ส�าหรับข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับผู้แต่ง และสมัยที่แต่งวรรณกรรมเรื่องนี้ไม่มีการบันทึก อารมณ์ความรู้สึกที่ผู้แต่งมีต่อสังคมไปยังผู้อ่าน ผู้ฟัง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทุกคนเกิดจิตส�านึก ลักษณะการนําเสนอของตัวอยาง
พระราม พาลี สุครีพ และองคต ไว้ว่าใครเป็นผู้แต่งและแต่งขึ้นเมื่อใด แต่เมื่อพิจารณาจากจารึกที่วัดพระเชตุพนฯ เมื่อคราวบูรณะวัด ร่วมกัน เห็นใจในความทุกข์ยากของผู้ยากไร้ในสังคมและพร้อมต่อสู้ไปพร้อมกันเพื่อเดินทางไปพบ การอานวิเคราะห วิจารณ
2. นักเรียนสํารวจตัวอยางการ ในปีพุทธศักราช ๒๓๗๔ โดยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้กรมสมเด็จ- (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบได
กับวันใหม่ สังคมใหม่ที่ดีกว่า ที่ปราศจากการกดขี่
เน�้อหาชวยครูเตรียมการสอน
แตกประเด็นความคิดหลักและ พระปรมานุชิตชิโนรส ทรงพิจารณารวบรวมวรรณคดี และสรรพวิชาการต่างๆ เพื่อจารึกไว้ ณ
ขั้นตอนที่ ๓ กล่าวถึงบริบทที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวที่อ่าน อยางหลากหลายตามความคิดเห็น
ประเด็นความคิดรองของการเขียน วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม อาจตัง้ ข้อสันนิษฐานได้วา่ วรรณกรรมเรือ่ งฉันท์พาลีสอนน้องน่าจะแต่ง
ประคิณ ชุมสาย ณ อยุธยา เกิดเมื่อวันที่ ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ของตน)
กรอบความคิดเรื่อง ฉันทพาลี ขึ้นภายใน หรือก่อนหน้าปี พ.ศ. ๒๓๗๔ แต่ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง
สอนนอง ๒) เนือ้ เรือ่ งย่อโดยสังเขป กล่าวถึง พาลีเมือ่ ต้องศรพรหมาสตร์ของพระราม แม้ศรจะ เดิมชื่อ ประคิณ กรองทอง เข้าศึกษาที่ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย
จะท�าอันตรายพาลีไม่ได้ แต่ดว้ ยระลึกได้ถงึ การผิดค�าสัตย์จงึ ยอมเสียสละชีวติ ไว้เพือ่ คงความสัตย์ แต่กอ่ น สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เป็นทีห่ นึง่ ของประเทศ จบปริญญาโทเกียรตินยิ ม ภาษาฝรัง่ เศส พ.ศ. ๒๔๘๘ ขยายความเขาใจ
ตายนัน้ พาลีได้เรียกสุครีพและองคต เข้ามาสัง่ สอนวัตรปฏิบตั ใิ นการเป็นข้าราชการใต้เบือ้ งพระยุคลบาท และได้ทุนไปศึกษาต่อที่ปารีส ๑ ปี ระหว่างศึกษาที่ประเทศฝรั่งเศส ได้อ่านหนังสือวรรณคดี
ครูและนักเรียนรวมกันทบทวน
เช่น “ให้เฝ้าแหนพระมหากษัตริย์อย่างสม�่าเสมอ” “อย่าทะนงตนว่าคุ้นเคยกับพระมหากษัตริย์” “ไม่ ชั้นเยี่ยมของฝรั่งเศสจ�านวนมาก ซึ่งมีอิทธิพลต่อความคิดที่จะสร้างสรรค์งานที่มีค่าต่อสังคม เมื่อ
เกร็ดแนะครู องคความรูเกี่ยวกับแนวทางการ
ท�าเกินพระราชโองการ พึงเกรงกลัวพระราชอาชญา” “ให้พิจารณาคดีที่ทรงมอบหมายให้ ให้ถูกต้อง กลับมาเป็นอาจารย์มีโอกาสได้ติดตามนายแพทย์และบาทหลวงเข้าไปท�างานที่แหล่งเสื่อมโทรม
อานวิเคราะห วิจารณ และลักษณะ
ครูชวนนักเรียนสนทนาเกี่ยวกับ เป็นธรรมตามระบอบ” ตอนท้ายเรือ่ งเป็นการย�า้ ให้ทงั้ สุครีพและองคต จดจ�าและประพฤติตามค�าสอน และมีจิตส�านึกแบบชาวคาทอลิกที่เคร่งครัดว่าควรจะต้องท�าอะไรเพื่อคนจน ท�าให้เธอได้เขียน รูปแบบการนําเสนอของตัวอยาง
พุทธประวัติของพระพุทธเจาทั้ง 10 นี้เพื่อความเป็นสวัสดิมงคล บทกวีทสี่ ะท้อนภาพสังคมในเชิงมนุษยธรรม และต่อมาเธอกลับมาเป็นอาจารย์ทคี่ ณะอักษรศาสตร์ การอานวิเคราะห วิจารณ จากนั้น
ข้อสังเกต และแนวทางการจัดกิจกรรม
■ บทที่ ๒๐ – ๓๕ ช�าระตามฉบับพิมพ์ ปี ๒๔๗๒ พิมพ์เป็นเล่ม โดยใช้นามปากกา อุชเชนี ส�าหรับกวีนิพนธ์ และนิด นรารักษ์ ซึ่งเป็นนามปากกาที่
นักเรียนควรรู ๒) จุดมุ่งหมาย ใช้สา� หรับงานเขียนประเภทความเรียงร้อยแก้ว ชือ่ “ขอบฟ้าขลิบทอง” บอกเล่าเรือ่ งราวเพือ่ เสริม
ตรวจสอบผล
เพื่อสั่งสอนข้อปฏิบัติตนของข้าราชการ สร้างการมองโลกในแง่ดี โดยเฉพาะความรู้สึกของชนชั้นกลางที่เห็นคุณค่าของชนชั้นที่ต�่ากว่า ไม่มี
วรรณกรรมคําสอน หมายถึง
■
เป็นการเสนอหลักธรรมทางพุทธศาสนาที่เรียกว่า “ราชวัสดีธรรม” คือ ธรรมส�าหรับ สาขาวรรณศิลป์ (กวีนิพนธ์) พร้อมกับ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ในปี พ.ศ. ๒๕๓๖ “เพียงความเคลื่อนไหว” ใหเพื่อนฟง
พระรวง กฤษณาสอนนองคําฉันท
■
น�าเสนอโดยผ่านตัวละคร “พาลี”
เปนตน
■
ทีต่ อ้ งการสือ่ สารมายังผูอ้ า่ น ลักษณะการใช้ถอ้ ยค�าเพือ่ การสือ่ สารทัง้ แบบตรงไปตรงมาและแฝงนัย @
30 ส�าคัญบางประการไว้ ถ้อยค�าแต่ละค�าทีถ่ กู ร้อยเรียงเกีย่ วเนือ่ งกันจะแฝงไว้ซงึ่ อารมณ์ความรูส้ กึ ของ มุม IT
EB GUIDE http://www.aksorn.com/LC/Thai_Gra/M3/04
ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติและ
ผลงานของศิลปนแหงชาติ สาขา
นักเรียนควรรู 41
วรรณศิลปหรือสาขาอื่นไดจาก
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร เปนวัดประจํารัชกาลที่ 1 และมหาวิทยาลัยแหงแรกของประเทศไทย
เนื่องจากเปนที่รวบรวมจารึกสรรพวิชาหลายแขนง และยูเนสโกไดขึ้นทะเบียนเปนมรดกความทรงจําโลกของภูมิภาค
เอเชียแปซิฟก
เว็บไซตของสํานักงานคณะกรรมการ
วัฒนธรรมแหงชาติ http://artcul-
ture.go.th/
อธิบายเพิ�มเติมให้นักเรียน
30 คูมือครู
คูมือครู 41
@ มุม IT แนะน�าแหล่งค้นคว้าจากเว็บไซต์
สวนเสริมด้านท้าย
แบบทดสอบว�ชา
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 3
ภาษาไทย หลักภาษาและการใชภาษา ภาคเร�ยนที่
ชุดที่ 1
1 ¤Ðá¹¹·Õè ä´Œ
¤Ðá¹¹ÃÇÁ
50 แบบทดสอบอิงมาตรฐาน โครงการบูรณาการ
การเร�ยนรูสูบันได 5 ขั้น
โครงการบูรณาการ
เนนการคิด การเรียนรูสูบันได 5 ขั้น
ชื่อ …………………………………………………………………………………………………….. นามสกุล ……………………………………………………………………………………………..
เลขประจําตัวสอบ ……………………………………………………………………. โรงเรียน ……………………………………………………………………………………………. 1. ชื่อโครงการ สรางนิทานสานแนวคิด
สอบวันที่ …………………….. เดือน ………………………………………………… พ.ศ. ………………………………………..
โครงการวัดและประเมินผล บริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด 2. หลักการและเหตุผล
การเลานิทานเกิดขึ้นมานานและในทุกสังคมทุกชาติพันธุ ทั้งที่มีและไมมีตัวอักษรใชแทนเสียงพูด แตปจจุบันมนุษยสามารถหาความ
ตอนที่ 1 1. แบบทดสอบฉบับน�้มีทั้งหมด 40 ขอ 40 คะแนน ¤Ðá¹¹·Õè ä´Œ บันเทิงไดจากสื่ออื่น พฤติกรรมการเลานิทานสูกันฟงจึงเลือนหายไป ดังนั้น เพื่อไมใหการเลานิทาน เรื่องเลาเรื่องแรกๆ ในชีวิต เรื่องเลา
วิเคราะห์มาตรฐานตัวชี้วัด เป็นตัวอย่างการจัดท�า
ที่ชวยกระชับความสัมพันธครอบครัว เรื่องเลาที่ชวยสรางจินตนาการ สานแนวคิด ทัศนคติที่ดีตอการใชชีวิตเลือนหายไป นักเรียนจึงควร
¤Ðá¹¹àµçÁ
2. ใหนักเรียนเลือกคําตอบที่ถูกที่สุดเพียงขอเดียว 40 เรียนรูเกี่ยวกับนิทาน สามารถสรางสรรคนิทานได เพื่อสืบทอดพฤติกรรมการเลานิทาน สงตอแนวคิดที่ดีในนิทานใหผูอื่นตอไป
1. เหมาะสม เพราะมีความไพเราะของสัมผัสใน
หนอย มีบุคลิกภาพดี 2. เพื่อใหมีความรู ความเขาใจเกี่ยวกับนิทาน และสามารถสรางสรรคนิทานเรื่องใหมที่ใหทั้งความสัมพันธ จินตนาการ และความคิด
อานบทรอยกรองที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 3.
โครงการบูรณาการ
1. ถาครูใหนักเรียนเสนอชื่อเพื่อนเพื่อเปนตัวแทนประกวด และแนวคิดเลาสูผูอื่นได
C อานออกเสียง ควรเสนอเพื่อนคนใด เพราะเหตุใด กรุงเทพมหานคร นามรบิล
วิเคราะห์ระดับพฤติกรรม ในการน�าความรู้ที่เรียน
1. หนอย เพราะมีเสนห ดึงดูดความสนใจ เอาเลือดทาแผนดิน ทาบสราง 5. ขั้นตอนการจัดกิจกรรม
2. นิด เพราะชวยใหบทอานมีความนาสนใจ แผนดินตอแผนดิน ผานอดีต คําชี้แจง ใหนักเรียนแบงกลุมเทาๆ กัน แตละกลุมปฏิบัติโครงการ “สรางนิทานสานแนวคิด” ตามขั้นตอน ดังนี้
3. แตม เพราะทําใหอานไดไพเราะ และนาฟง
4. ติ๋ว เพราะสามารถแกไขปญหาเฉพาะหนาได
เลือดทวมนองทองชาง ชุมเมือง
นาฏกรรมบนลานกวาง : คมทวน คันธนู ● ขั้นที่ 1 ตั้งประเด็นคําถาม
นักเรียนแตละกลุมรวมกันวิเคราะหวาจะมีแนวทางอยางไร ที่จะสรางสรรคนิทานเรื่องใหมโดยวิวัฒนจากนิทานเรื่อง
อานบทรอยกรองที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 2. 3. คําเสนอแนะในข
เสนอแนะในขอใดเปนจริง ที่สมาชิกของกลุมเคยไดฟง แตตองเปนนิทานที่ใหทั้งความสัมพันธ จินตนาการ และความคิด
C 1. บาทที่ 4 แบงจังหวะใหถูก คือ “เลือดทวม/ ขั้นที่ 2 สืบคนความรู
การคิดที่สัมพันธ์กับ ไปประยุกต์ใช้
อันออยตาลหวานลิ้นแลวสิ้นซาก นองทองชาง ชุมเมือง” นักเรียนแตละกลุม ศึกษาขอมูลเกีย่ วกับนิทานในดานตางๆ โดยมุง เนนไปทีว่ ธิ กี ารสรางสรรค อาจใหเพือ่ นสมาชิกเลานิทาน
แตลมปากหวานหูไมรูหาย 2. คําวา “นคร” ใหออกเสียงวา “นะ-คะ-ระ” ลงนํ้าหนัก เรื่องที่ตนเองประทับใจ เพื่อคนหาแนวทางที่หลากหลาย
แมนเจ็บอื่นหมื่นแสนไมแคลนคลาย เสียงของคําเทากันทุกคํา ขั้นที่ 3 สรุปองคความรู
เจ็บจนตายนั้นเพราะเหน็บใหเจ็บใจ 3. คําวา “นคร” ใหเนนเสียงที่คําวา “นะ” และ “ระ” นักเรียนแตละกลุมนําขอมูลเกี่ยวกับวิธีการสรางสรรคนิทาน รวมถึงนิทานเรื่องที่สมาชิกแตละคนประทับใจ วิเคราะห
พระอภัยมณี : สุนทรภู รวบเสียงเมื่ออานคําวา “คะ” สังเคราะห สรุปเปนแนวทางการสรางสรรคนิทานของกลุม
4. คําวา “นคร” ใหรวบเสียงที่คําวา “นะ-คะ” และลง ขั้นที่ 4 การสื่อสารและนําเสนอ
แบบทดสอบ
นํ้าหนักเสียงที่คําวา “ระ” นักเรียนแตละกลุม รวมกันสรางสรรคนทิ านเรือ่ งใหมที่ใหทงั้ ความสัมพันธ จินตนาการ และความคิด ตรวจสอบความถูกตอง
นําเสนอเปนรูปเลม พรอมสรางสรรคภาพประกอบ
ขั้นที่ 5 บริการสังคมและสาธารณะ
ความรู ความจํา ความเขาใจ การนําไปใช การวิเคราะห การสังเคราะห การประเมินคา นักเรียนทุกกลุมประชุมรวมกัน กําหนดวันที่จะเผยแพรนิทานที่สรางสรรคขึ้นใหมนี้ผานรายการเสียงตามสายของโรงเรียน
A B C D E F โดยเผยแพรดวยวิธีการเลาสัปดาหละหนึ่งเรื่อง เพื่อใหเพื่อนๆ พี่ๆ นองๆ ในโรงเรียนไดฟงนิทานที่ใหทั้งจินตนาการ
และแนวคิด
(3)
มีเฉลยละเอียด
โครงการวัดและประเมินผล
โครงการวัดและประเมินผล (62)
เสริม 1
การใช้วัฏจักรการเรียนรู้ 5Es : กระบวนการพัฒนาศักยภาพการคิด
และการสร้างองค์ความรู้
รูปแบบการสอนที่สัมพันธ์กับกระบวนการคิดและการท�ำงานของสมองของผู้เรียนที่นิยมใช้อย่างแพร่หลาย
ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ คือ วัฏจักรการเรียนรู้ 5Es ซึ่งผู้จัดท�ำคู่มือครูได้น�ำมาใช้เป็นแนวทางออกแบบ
กิจกรรมการเรียนการสอนในคู่มือครูฉบับนี้ตามล�ำดับขั้นตอนการเรียนรู้ ดังนี้
เสริม 2
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน
ภาษาไทย
หลักภาษาและการใชภาษา ม.๓
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๓
กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
ผูเรียบเรียง
นางฟองจันทร สุขยิ่ง
นางกัลยา สหชาติโกสีย
นายภาสกร เกิดออน
นางสาวระวีวรรณ อินทรประพันธ
นายศานติ ภักดีคํา
นายพอพล สุกใส
ผูตรวจ
นางจินตนา วีรเกียรติสุนทร
นางวรวรรณ คงมานุสรณ
นายศักดิ์ แวววิริยะ
บรรณาธิการ
นายเอกรินทร สี่มหาศาล
นางประนอม พงษเผือก
พิมพครั้งที่ ๑๙
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ
รหัสสินคา ๒๓๑๑๐๐๓
คณะผูจัดทําคูมือครู
¾ÔÁ¾¤ÃÑ駷Õè 10 • ประนอม พงษเผือก • พิมพรรณ เพ็ญศิริ
ÃËÑÊÊÔ¹¤ŒÒ 2341012 • สมปอง ประทีปชวง
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
¤íÒá¹Ð¹íÒ㹡ÒÃ㪌˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹
หนังสือเรียน หลักภาษาและการใชภาษาเลมนี้ เปนสือ่ สําหรับใชประกอบการเรียนการสอนในรายวิชาพืน้ ฐาน กลุม สาระ
การเรียนรูภ าษาไทย ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๓
เนื้อหาตรงตามสาระการเรียนรูแกนกลางขั้นพื้นฐาน อานทําความเขาใจงาย ใหทั้งความรูและชวยพัฒนาผูเรียน
ตามหลักสูตรและตัวชี้วัด เนื้อหาสาระแบงออกเปนหนวยการเรียนรูตามโครงสรางรายวิชา สะดวกแกการจัดการเรียนการสอน
และการวัดผลประเมินผล พรอมเสริมองคประกอบอืน่ ๆ ทีจ่ ะชวยทําใหผเู รียนไดรบั ความรูอ ยางมีประสิทธิภาพ
à¡ÃÔè¹¹íÒà¾×èÍãˌࢌÒ㨶֧ÊÒÃÐÊíÒ¤ÑÞ
ã¹Ë¹‹Ç·Õè¨ÐàÃÕ¹
¨Ñ´¡ÅØ‹Áà¹×éÍËÒ໚¹Ë¹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ ¹íÒàʹÍà¹×Íé ËÒã¹ÃٻẺµÒÃÒ§ à¡Ãç´ÀÒÉÒ໚¹àÃ×èͧ¹‹ÒÃÙŒà¾ÔèÁàµÔÁ
Êдǡᡋ¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ à¾×èÍãËŒ§‹Òµ‹Í¤ÇÒÁࢌÒã¨áÅÐ ¨Ò¡à¹×éÍËÒ ÁÕá·Ã¡à»š¹ÃÐÂÐæ
à¡Ô´¤ÇÒÁ¤Ô´ÃǺÂÍ´
่หัว
มเด็จพระจอมเกล้ำเจ้ำอยู
่มเกิดขึ้นตั้งแต่รัชกำลพระบำทส
ค�ำศัพท์บัญญัติในภำษำไทยเริ ดต่อค้ำขำยกับชำวตะวนั ตก ท�
ำให้มคี ำ� ในภำษำ à¡Ãç´ÀÒÉÒ
งจำกในรัชกำลนัน้ ได้มกี ำรติ ำวหน้ำทำงวิทยำกำร
รัชกำลที ่ ๔ เป็นต้นมำ เนือ่ นวนมำ ก เพื ่อตอบสนองต่อควำมเจริญก้
ทักษะการฟง
ป็ น จ� ำ
อังกฤษปะปนเข้ำมำในภำษำไทยเ
ศเข้ำมำ
ที่รับจำกตะวันตก น ท�ำให้ค�ำภำษำต่ำงประเท
งประเทศเข้ำมำเป็นเวลำนำ
แต่เมื่อมีกำรรับค�ำภำษำต่ำ ทสมเด็จพระจุลจอมเกลำ้ เจ้
ำอยูห่ วั และ ทักษะทางดานการฟงเปนทัก
ก ด้วยเหตุนใี้ นรัชสมัยพระบำ งประเทศ มากที่สุดในชีวิตประจําวันคือ ษะในการสื่อสารที่ใช เขียน
ปะปนในภำษำไทยเป็นจ�ำนวนมำ ่หัว จึงมีกำรคิดค�ำศัพท์บัญญัติขึ้นใช้แทนค�ำภำษำต่ำ ทางดานการพูด การอานและกา ๔๕ % ขณะที่ทักษะ อาน ๙%
ำเจ้ำอยู
พระบำทสมเด็จพระมงกุฎเกล้ มนตรีเห็น ชอบให ้
ต ้
ง ั คณะกร รมกำร รเขียน คือ ๓๐ %, ๑๖ %
พ.ศ. ๒๔๘๕ คณะรัฐ ๑๖ % และ ๙ % ตามลําดับ
๑) วิธกี ารบัญญัตศิ พั ท์ ในปี พระเจ้ำบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นนรำธิปพงศ์ประพันธ์
ำรชุดนี้มี พลตรี ำต่ำงๆ ขึ้น บุคคลที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการ
บัญญัติศัพท์ภำษำไทยขึ้น กรรมก ยสถำนได้แต่งตั้งคณะกรรมกำรบัญญัติศัพท์สำขำวิช นอกจากจะตองเขาใจขั้นตอนในกา ฟงใหแกตนเอง พูด ฟง
ปั จ จุ บ ั น รำชบั ณ ฑิ ต รั ด ออกเสี ย งสะดวก รฟงและยังตอง ๓๐ %
ทรงเป็นประธำน ักภำษำ รูปค�ำกะทัด หมั่นฝกฝนใหเกิดทักษะทางด ๔๕ %
พท์บัญญัติมีควำมถูกต้องตำมหล ้ านการฟงดวย
ใช้ในภำษำไทย เพื่อให้ค�ำศั กำร ดังนี การเพิ่มประสิทธิภาพในกา
่ต้องกำร โดยมีหลัก ๓ ประ รฟง
และมีควำมหมำยตรงตำมที ปีแสง (light year) ๑. เตรียมความพรอมทั้งดานร
ค่ำผ่ำนทำง (toll) ๒. ตองตั้งใจฟงอยางแนวแน างกายและจิตใจ รวมถึงการตั้งจุดมุงหมายกอนฟงทุกครั
ป็นนค�ำค�-ำ น�้ำค้ำงแข็ง (frost) เครือข่ำย (network) พยายามจับและทบทวนใจควา ้ง
หำค�ำำไทยมำ ระกอบเบเป็
ไทยมำปประกอ ๓. สังเกตอวัจนภาษาหรือภาษาท มสําคัญที่ผูพูดไดสื่อสาร
คิคิดดหำค� ดินเปรี้ยว (acid soil) ๔. ฟงอยางมีขั้นตอน ตองปฏิ าทางของผูพูด เพราะจะทําใหเขาใจความหมายไดดีย
ควำมหมำยำย
ยตรงกับบควำมหม
วำมหมำยตรงกั
ศัศัพพท์ท์ททมี่ มี่ คี คี วำมหมำ ตัวแปร (variable)
จุดยืน (stand point) น�้ำแข็งแห้ง (dry ice) บัติตามใหไดตามขั้นตอนของก
๕. นําประโยชนที่ไดรับจากการฟ ารฟง
ิ่งขึ้น
ในภำษำ
เดิเดิมมของค� ไทย งกฤษ
ำภำษำอั ทะเลหลวง (open sea) ๖. ทุกครั้งที่ฟงควรมีการจดบั งมาใชในชีวิตประจําวัน
รำยกำรเลือก (menu)
ไทย โดยมี
ตัวชี้วัด
นิทรรศกำร (exhibition)
- สันสกฤต ปความคิด
เดิม ในภำษำ
บำลี ไทย อปกติ (abnormal)
รวบยอดได
อานออกเสียงบทร ต้องเป็นค�ำที่มีใช้อยู่แล้วในภำษำ สัญญำณภำพ (video signa
l)
เสรีนิยม (liberalism)
■
อ
มีมารยาทในการ ยแกวและบทรอยกรองไดถกู ตอง (ท
ก ย ไมยอมรับความคิดเห็นของผูอื่น
และสำมำรถออกเสียงได้ง่ำ ไมเปดกวาง
■
อาน (ท ๑.๑ ม.๓/๑ ๑.๑ ม.๓/๑)
๐) ารอานออกเสี
ควรใชนํ้าเสียงให ยงเปนวิธีการอานที่ ครีม (cream) ไมชอบฟงเนื้อหาสาระที่ยากเกิน
ที่ตนเอง
ถ เชิ้ต (shirt) จะทําความเขาใจ
มีความเหมาะสม ูกตอง สอดคลอง และ โซฟำ (sofa)
สาระการเรียนรูแกนกล กับเนื้อเรื่องแต น ค�ธำี
ท์โดยวิ
ญัติศัพบเป็ ฟิล์ม (film)
ำ ไทยมำัญประกอ
ไมมีสมาธิในการฟง เนื่องจากขณะท
าง รวมถงึ การรจู กั
ฝก
ละประเภท ไม่สำมำรถบ
คิถ้ดำหำค�
โบนัส (bonus) เนกไท (necktie) รบกวน ี่ฟงมีเสียง
การอานออกเสีย จะชวยทําใหมีพ ฝนการอานอยา งสมํา่ เสมอ ดังกล่ำวได้
ศัพท์ทมี่ ข้คี อวำมหมำ
กำรสอง ยตรงกั ช้ค�ำภำษำำย
ให้บใควำมหม ไดโนเสำร์ (dinosaur)
เมำส์ (mouse)
■
ื้น
ชํานาญในการอ ฐานการอานที่ดี เกิดความ
งบทรอยแกวที่เป
บทความปกิณกะ นบทความทั่วไปและ
มในภำษำ
ต่เดิำงประเท ้นทับศัพท์ไปก่อน
ศนัไทย แมงกำนีส (manganese) มีทัศนคติที่ไมดีตอเรื่องที่ฟง เชน
การออกเสียงบทร าน รวมถึงการร แฟชั่น (fashion) เห็นวานาเบื่อ
คอมพิวเตอร์ (computer)
■
การอานและปฏ ูจ
ิบัติไดอยางถูกต ักมารยาทใน
อยกรอง
กาพยยานี ๑๑ กาพย เชน กลอนบทละคร กลอนเ
■ มารยาทในการอ ฉบัง ๑๖ และโคลงสี่สุภาพ
สภา
จะไดรับการยอมร อง เหมาะสม จึ ซีเมนต์ (cement) มีทัศนคติที่ไมดีตอผูพูด เชน ไมช
อบกิริยาทาทาง
าน ับนับถือจากบุค ง
คลอื่น
162 ๑๓๒
ตอนที่ ò การพัฒนาทักษะการเขีย
การอ่านกาพย์ย
านี ๑๑
นกบินเฉียง/ ไปทั
้งหมู่ น คําถาม ประจําหนวยการเรียนรู
งเรียง งเอกา
เรื่อยเรื่อย/ มาเรีย เหมือนพี่อยู่/ เพีย
ข้า ๑. ทักษะการยอความมีประโยชนตอการเรียนของนักเรียนอยางไร จงอธิบาย
ตัวเดียว/ มาไร้คู่ อกสะท้อน/ ถอนใจ
งเมิน ๒. การเขียนชีวประวัติและอัตชีวประวัติ มีหลักการเขียนอยางไร
ร�่าร�่า/ ใจรอนรอน โถแก ว
้ ตา/ ม าหมา
าธรรมธิเบศร)
ห น้ า (กาพย์เห่เรือ : เจ้าฟ้ ๓. การเขียนจดหมายกิจธุระ สามารถนําไปประยุกตใชในชีวิตประจําวันไดอยางไร
ดวงใจ/ ไยหนี ๔. การเขียนสุนทรพจนที่ดี ควรมีแนวทางการเขียนอยางไร จงอธิบาย พรอมยกตัวอยางประกอบ
ใน
บ่งจังหวะการอ่านภาย ๕. ขอควรคํานึงที่นักเรียนตองปฏิบัติในการกรอกแบบสมัครงานมีอะไรบาง จงอธิบาย
ะใช้เครื่องหมาย / แ บ่ง
านกาพย์ยานี ๑๑ จ วรรคที่มี ๖ ค�า จะแ
การแบ่งจังหวะการอ่ ขึ้นอยู่กับเนื้อความ
๒ / ๓ หรือ ๓ / ๒
ี ๕ ค�า จะแบ่งเป็น
วรรค โดยวรรคที่ม มงาม ของธ รรมช าติ
จังหวะเป็น ๓ / ๓ ช้ ส � า หรั บ การพรรณนาควา
เป็นกาพย ์ ท ่ ี ใ วรรคที่ ๑ และ ๓
๖) กาพย์ฉบัง ๑๖ หนึ่งบท มี ๑๖ ค�า
แบ่งเป็น ๓ วรรค
รื อ การต อ
่ สู
้ ซึ่งกาพย์ฉบัง ๑๖
การเดินทางห
่ ๒ มี ๔ ค�า
มี ๖ ค�า ส่วนวรรคที
บัง ๑๖
การอ่านกาพย์ฉ
รเลง
ฟังเสียง/ เพียงเพล
ง
กิจกรรม สรางสรรคพัฒนาการเรียนรู
กลางไพร/ ไก่ขัน/ บร
งวัง ฆัง
ซอเจ้ง / จ� า เรี ย ง/ เว ย
ี เพียงฆ้อง/ กลองระ กิจกรรมที่ ๑ นักเรียนเขียนบทสุนทรพจนสําหรับใชพูดภายในเวลา ๓ นาที ใหขอคิดเกี่ยวกับ
งโห่งดัง
ยูงทอง/ ร้องกะโต้ า : สุนทรภู่)
คติธรรมและคุณธรรม เชน ความกตัญู ความสามัคคี ความมีวินัย เปนตน
/ ขาน เสี ยง (กาพย์พระไชยสุริย จากนั้นใหนําเสนอหนาหองเรียน
แตรสังข์/ กังสดาล
ในวรรค กิจกรรมที่ ๒ นักเรียนทั้งหองจัดกิจกรรมสัปดาหวิชาการ โดยเขียนจดหมายเชิญวิทยากรเพื่อมา
ง่ จังหวะการอ่านภาย
ะใช้เครือ่ งหมาย / แบ ื้อความเป็นหลัก
ซึ่ง บรรยายความรูแกนักเรียนในหัวขอที่กําหนด โดยมีครูผูสอนเปนผูดูแลโครงการ
านกาพย์ฉบัง ๑๖ จ
การแบ่งจังหวะการอ่ ่ โดยสังเกตจากเน กิจกรรมที่ ๓ นักเรียนอัตชีวประวัติของตนเอง ความยาวไมเกิน ๑ หนากระดาษ A๔ นํามาอาน
/ ๒ เป็นส่วนใหญ ยงต่อเนื่องกันเพื่อ
ค�า จะแบ่งเป็น ๒ / ๒ าง เพราะค�าบางค�าควรอ่านให้เสี ¤ÇÒÁÃÙŒ¼ÙŒ»ÃÒªÞ¹ ใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียนและเลือกเขียนยอความอัตชีวประวัติของเพื่อนที่ตนเอง
โดยวรรคที่มี ๖ ั ว อย่ Ñé¹
งเป็น ๒ / ๔ ตามต ½¹·Ñè§à·‹Òà¢çÁà¾Õ ÃÑ¡àÃÕ¹ ประทับใจ แลวนําสงครูผูสอน
ในบางครั้งอาจแบ่ า ให้ แ บ่ ง จั ง หวะ ๒ / ๒ Ã
ูกต้อง วรรคที่มี ๔ ค� มรู้เพิ่มพูน ¤¹à¡Õ¨à¡ÅÕ´˹ ¼‹ÒÂ˹ŒÒ
สื่อความหมายให้ถ อการศึกษาหาควา พัฒนา ‹ÒÂàÇÕ¹
มีความจÓเป็นต่ ควรฝึกฝนเพื่อ
¡ÅÍØ·¡ã¹µÃСà ǹ¨Ôµ
กษะที่สÓคัญและ งโลก ดังนั้น จึง
ŒÒ
การอ่าน เป็นทั ได้ ໂ›ÂÁÅŒ¹ÄåÁÕ
งๆ ให้ทันต่อการเ
ปลี่ยนแปลงขอ งค์ความรู้ใหม่ๆ
ประสบการณ์ต่า เ ป็ น ผู ้ ส ามาร ถศึกษาเรียนรู้อ (โคลงโลกนิติ : สมเด็
จพระเจาบรมวงศเ
่อให้
่างสม่Óเสมอ เพื ธอ กรมพระยาเดชาด
ทักษะการอ่านอย
ิศร)
15
ตลอดเวล า
๙๒
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
สารบัญ
ตอนที่ ๑ การพัฒนาทักษะการอาน ๑
หนวยการเรียนรูที่ ๑ การอานออกเสียง ๒
● ความรูเบื้องตนเกี่ยวกับการอาน ๓
● การอานออกเสียงบทรอยแกว ๖
● การอานออกเสียงบทรอยกรอง ๑๐
หนวยการเรียนรูที่ ๒ การอานจับใจความ ๑๘
● การอานจับใจความ ๑๙
● การอานวิเคราะหความหมายของคํา ๒๓
● การอานเพื่อเขียนกรอบความคิด ๒๙
หนวยการเรียนรูที่ ๓ การอานวินิจสาร ๓๔
● การอานตีความ ๓๕
● การอานวิเคราะห วิจารณและแสดงความคิดเห็น ๓๖
● การอานประเมินคุณคา ๓๗
ตอนที่ ๒ การพัฒนาทักษะการเขียน ๔๙
หนวยการเรียนรูที่ ๑ การคัดลายมือ ๕๐
● ความรูเบื้องตนเกี่ยวกับการคัดลายมือ ๕๑
● รูปแบบตัวอักษร ๕๒
หนวยการเรียนรูที่ ๒ การเขียนเพื่อการสื่อสาร ๑ ๕๘
● ความรูเบื้องตนเกี่ยวกับการเขียนในโอกาสตางๆ ๕๙
● การเขียนตามสถานการณและโอกาสตางๆ ๖๑
● การเขียนชีวประวัติและอัตชีวประวัติ ๗๑
● การเขียนยอความ ๗๖
● การเขียนจดหมาย ๘๓
● การกรอกแบบสมัครงาน ๘๘
หนวยการเรียนรูที่ ๓ การเขียนเพื่อการสื่อสาร ๒ ๙๓
● การเขียนอธิบาย ชี้แจง โตแยง แสดงความคิดเห็นอยางมีเหตุผล ๙๔
● การเขียนวิเคราะห วิจารณ แสดงความรู ความคิดเห็น หรือโตแยงสื่อ ๙๙
● การเขียนรายงานและโครงงาน ๑๐๒
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
กระตุนความสนใจ
˹ѧÊ×͹ÕéÁÕÁÒ¡ÁÒÂËÅÒª¹Ô´ ¹íҴǧ¨ÔµàÃÔ§Ã×蹪×è¹Ê´ãÊ
ãËŒ¤ÇÒÁÃÙŒÊíÒàÃÔ§ºÑ¹à·Ô§ã¨ ©Ñ¹¨Ö§ã½†ã¨ÊÁҹ͋ҹ·Ø¡Çѹ
ÁÕÇÔªÒËÅÒÂÍ‹ҧµ‹Ò§¨íҾǡ ŌǹÊдǡ¤Œ¹ä´ŒãËŒÊØ¢Êѹµ
ÇÔªÒ¡ÒÃÊÃÃÁÒÊÒþѹ ªÑèǪÕÇѹ©Ñ¹Í‹Ò¹ä´ŒäÁ‹àº×èÍàÅÂ
(สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจา กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี)
คูมือครู 1
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
(หนาพิมพและตัวอักษรในกรอบนี้มีขนาดเล็กกวาฉบับนักเรียน 20%)
เปาหมายการเรียนรู
1. บอกความหมายและความสําคัญ
ของการอานได
2. บอกจุดประสงคของการอานได
3. อานออกเสียงบทรอยแกวและ
รอยกรองไดถูกตองตามอักขรวิธี
และความไพเราะเหมาะสม
4. มีมารยาทในการอาน
กระตุนความสนใจ
1. นักเรียนดูภาพประกอบหนาหนวย
จากนั้นครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
• กลุมบุคคลในภาพกําลังอยูใน
สถานการณใดและนักเรียน
คิดวาสถานการณดังกลาวใช
ทักษะการสื่อสารประเภทใด
2. นักเรียนชมวีดิทัศนรายการ
ñ
ขาวประจําวัน จากนั้นครู
ตั้งคําถามกับนักเรียนวา
• ผูประกาศขาวใชทักษะการ
สื่อสารประเภทใด หนวยที่
(แนวตอบ ผูประกาศขาวใชทักษะ
การอาน)
การอานออกเสียง
• นักเรียนประทับใจ ตัวชี้วัด
ผูประกาศขาวคนใด และเพราะ ■ อานออกเสียงบทรอยแกวและบทรอยกรองไดถกู ตอง (ท ๑.๑ ม.๓/๑) การอ่านออกเสียงเป็นวิธีการอ่านที่
เหตุใด ■ มีมารยาทในการอาน (ท ๑.๑ ม.๓/๑๐) ควรใช้น�้าเสียงให้ถูกต้อง สอดคล้อง และ
(แนวตอบ นักเรียนสามารถ มีความเหมาะสมกับเนื้อเรื่องแต่ละประเภท
ตอบไดอยางหลากหลายตาม รวมถึงการรูจ้ กั ฝึกฝนการอ่านอย่างสม�า่ เสมอ
สาระการเรียนรูแกนกลาง จะช่วยท�าให้มีพื้นฐานการอ่านที่ดี เกิดความ
ประสบการณและคานิยม
ช�านาญในการอ่าน รวมถึงการรู้จักมารยาทใน
สวนตน) ■ การอานออกเสียงบทรอยแกวที่เปนบทความทั่วไปและ
การอ่านและปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม จึง
บทความปกิณกะ
■ การออกเสียงบทรอยกรอง เชน กลอนบทละคร กลอนเสภา จะได้รับการยอมรับนับถือจากบุคคลอื่น
กาพยยานี 11 กาพยฉบัง 16 และโคลงสี่สุภาพ
■ มารยาทในการอาน
2 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุนความสนใจ
ครูตั้งคําถามกับนักเรียนเพื่อ
กระตุนความสนใจและกระบวนการ
๑ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการอ่าน เรียนรู
ทักษะการสือ่ สารของมนุษย์ ประกอบไปด้วย การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน การฟัง • นักเรียนคิดวาทักษะการอาน
และการอ่านเป็นทักษะที่จ�าเป็นส�าหรับมนุษย์ในการสื่อสารเพื่อศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม การฟังเป็น มีความสําคัญตอชีวิตประจําวัน
ทักษะซึ่งอาจมีข้อจ�ากัดเรื่องเวลา สถานที่และความคงทนของสาร ส่วนการอ่านเป็นทักษะที่ส�าคัญใน อยางไร
การแสวงหาความรู้ ทั้งนี้ด้วยสื่อที่ใช้ส�าหรับการอ่านมีความคงทนมากกว่า ไม่มีข้อจ�ากัดเรื่องเวลาและ (แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับ
สถานที่ ดุลยพินิจของครูผูสอน)
ดังนั้นจึงถือได้ว่า ทักษะการอ่านมีความจ�าเป็นและมีความส�าคัญส�าหรับผู้ที่ต้องการแสวงหา
ความรู้และเพิ่มพูนประสบการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งส�าหรับนักเรียน นักศึกษา เพราะความส�าเร็จ
ทางการศึกษาย่อมขึ้นอยู่กับความสามารถและพื้นฐานทางการอ่านที่ดี สํารวจคนหา
๑.๑ ความหมายและความส�าคัญ 1. ครูรวมสนทนากับนักเรียนใน
การอ่าน คือกระบวนการรับรู้และเข้าใจสารที่เป็นลายลักษณ์อักษร จากนั้นจึงแปลสัญลักษณ์ ประเด็น “ความหมายและความ
อักษรเหล่านั้นเป็นความรู้ โดยอาศัยทักษะการอ่าน กระบวนการคิด ประสบการณ์และความรู้ของ สําคัญของการอาน” จากนั้นให
ผูอ้ า่ นรวมถึงเมือ่ อ่านจบแล้ว ผูอ้ า่ นสามารถแสดงความคิดเห็นทีม่ ตี อ่ เรือ่ งทีอ่ า่ น ทัง้ ในลักษณะเห็นด้วย นักเรียนสืบคนความหมายและ
คล้อยตามหรือโต้แย้ง ในการอ่านแต่ละครัง้ ไม่เพียงแต่ผอู้ า่ นจะได้รบั สาระหรือเรือ่ งราวทีผ่ เู้ ขียนต้องการ ความสําคัญของการอาน
น�าเสนอเท่านั้น แต่ผู้อ่านยังสามารถรับรู้ทรรศนะ เจตนา อารมณ์และความรู้สึกที่ผู้เขียนถ่ายทอดมา 2. นักเรียนแลกเปลี่ยนความรู
ในสาร ซึ่งสิ่งที่ได้รับจากการอ่านในแต่ละครั้งจึงมีทั้งส่วนที่เป็นเนื้อหาสาระ คือ ข้อเท็จจริง และส่วนที่ ความคิดเห็นเพื่อคนหาความ
เป็นอารมณ์ความรูส้ กึ หรือทรรศนะของผูเ้ ขียน ซึง่ จ�าเป็นต้องอาศัยการฝึกฝนทักษะและประสบการณ์ แตกตางระหวางคําวา “อานได”
ในการตีความตามวัตถุประสงค์ที่แท้จริง ดังนั้นจึงจ�าเป็นต้องฝึกทักษะการอ่านเพื่อให้เข้าใจได้ตรงตาม กับ “อานเปน”
วัตถุประสงค์ของผู้เขียน
๑.๒ ระดับของการอ่าน อธิบายความรู
ระดับของการอ่านแบ่งเป็น ๒ ระดับคือ อ่านได้และอ่านเป็น การรับรู้จากการอ่านโดยทั่วไป
เริ่มจากระดับที่เรียกว่า อ่านได้ คือสามารถแปลความหมาย รับรู้สารผ่านตัวอักษร ส่วนในระดับ 1. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่ออธิบาย
อ่านเป็น ผู้อ่านจะสามารถจับใจความส�าคัญ แนวคิดของเรื่อง รวมถึงความหมายแฝง หรือความหมาย ความรูเกี่ยวกับความหมายของ
ทีไ่ ด้จากการตีความ สามารถประเมินค่าของสารทีอ่ า่ นได้ ซึง่ จะต้องขึน้ อยูก่ บั ความรูแ้ ละประสบการณ์ของ การอาน
ผู้อ่านแต่ละคน (แนวตอบ การอาน คือ กระบวนการ
รับรูและเขาใจสารที่เขียนเปนลาย-
๑.๓ จุดประสงค์ของการอ่าน ลักษณอักษร และแปลสัญลักษณ
การอ่านหนังสือ มีจุดประสงค์ส�าคัญ ดังนี้ เปนความรูและความเขาใจ)
๑) อ่านเพื่อการเขียน คือการอ่านเพื่อน�าความรู้มาใช้ในการเขียน เช่น เรียงความ 2. นักเรียนรวมกันอธิบายความรู
บทความ สารคดี ฯลฯ ซึ่งผู้อ่านควรวิเคราะห์ความถูกต้องของข้อมูล คัดเลือกข้อมูลที่เหมาะสม เกี่ยวกับความสําคัญของการอานที่
น�าไปใช้เขียนหรืออ้างอิง เช่น การอ่านหนังสือเรื่อง วัฏจักรชีวิตของกบ เพื่อน�าข้อมูลมาเขียนรายงาน มีตอกระบวนการเรียนการสอน
วิชาวิทยาศาสตร์ 3. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนอธิบาย
3 ความรูเกี่ยวกับความแตกตาง
ระหวางการ “อานได” และ
“อานเปน”
(แนวตอบ อานได คือ การรับรู
เนื้อหาสาระจากการอาน สามารถ
แปลความหมายได สวนอานเปน
ผูอานจะตองตีความแนวคิด
ประเมินคาเรื่องที่อานไดดวย
ตนเอง)
คูมือครู 3
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
4 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
Engage Explore Explain Expand ตรวจสอบผล
Evaluate
กระตุนความสนใจ
ครูสนทนากับนักเรียนในประเด็น
มารยาทในการอานออกเสียง โดย
ตารางแสดงขั้นตอนการอ่านออกเสียงและการอ่านในใจ ชี้ใหนักเรียนเห็นความสําคัญ จากนั้น
ครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
ขั้นตอน ๑ ๒ ๓
วิธีการ • นักเรียนคิดวา การมีมารยาทใน
การอานออกเสียงมีความสําคัญ
การอ่านออกเสียง รับรู้ตัวหนังสือ แปลสัญลักษณ์ แปลเสียงเป็น ตอชีวิตประจําวันอยางไร
ตัวอักษรเป็นเสียง ความหมาย (แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับ
=> การพูด => รับรู้ความหมาย ดุลยพินิจของครูผูสอน)
คูมือครู 5
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
นักเรียนควรรู
ใชนํ้าเสียงใหเหมาะสมกับลักษณะอารมณตามเนื้อหาในเรื่อง ผูอานที่ดีควรศึกษาเนื้อเรื่อง
กอนการอานจริง เพื่อใหมีเวลาสําหรับการเตรียมตัว คําใดที่ไมแนใจก็ควรเปดหาคําอานจาก
พจนานุกรม โดยเฉพาะการเลานิทาน ผูเลาจะตองเขาใจเนื้อหาเปนอยางดีจึงจะใชนํ้าเสียงได
เหมาะสม
6 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู
1. นักเรียนที่จับคูกันออกมาอธิบาย
ความรูเกี่ยวกับความหมายของ
๔. ผู้อ่านต้องอ่านให้เสียงดังพอสมควร ไม่ตะโกนหรือแผ่วเบาจนเกินไป ซึ่งจะท�าให้ รอยแกวและการอานออกเสียง
ผู้ฟังเกิดความร�าคาญและไม่สนใจ รอยแกว
๕. เมือ่ อ่านจบย่อหน้าหนึง่ ควรผ่อนลมหายใจ และเมือ่ ขึน้ ย่อหน้าใหม่ควรเน้นเสียง และ (แนวตอบ รอยแกว หมายถึง ความ
ทอดเสียงให้ช้าลงกว่าปกติเล็กน้อยเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้ฟัง จากนั้นจึงใช้เสียงในระดับปกติ เรียงทุกประเภทที่เรียบเรียงขึ้น
๖. อ่านให้ถูกจังหวะวรรคตอน ต้องอ่านให้จบค�าและได้ใจความ ถ้าเป็นค�ายาวหรือ โดยไมมีการบังคับฉันทลักษณ
ค�าหลายพยางค์ ไม่ควรหยุดกลางค�าหรือตัดประโยคจนเสียความ การอานออกเสียงบทรอยแกว
๗. รู้จักเน้นค�าที่ส�าคัญและค�าที่ต้องการเพื่อให้เกิดจินตภาพตามที่ต้องการ การเน้น หมายถึง การอานออกเสียงงาน
ควรเน้นเฉพาะค�า ไม่ใช่ทั้งวรรคหรือทั้งประโยค เช่น “กลิ่นของดอกไม้นั้น หอมหวน ยิ่งกว่ากลิ่นใดๆ เขียนประเภทความเรียงเพื่อสาระ
ที่เคยได้สัมผัส” ควรเน้นที่ค�าว่า หอมหวน เพื่อให้ผู้ฟังจินตนาการถึงดอกไม้นานาพันธุ์ที่ส่งกลิ่นหอม ความรู รวมถึงทรรศนะ โดยผูอาน
และเป็นกลิ่นหอมที่ไม่เหมือนกลิ่นหอมอื่นใดที่เคยสัมผัส จะตองอานใหถูกตองตามอักขรวิธี
๘. เมือ่ อ่านข้อความทีม่ เี ครือ่ งหมายวรรคตอนก�ากับ ควรอ่านให้ถกู ต้องตามหลักภาษา และความนิยม)
2. นักเรียนแตละคนอธิบายความรู
เช่น โปรดเกล้าฯ ต้องอ่านว่า โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม, ทุกวันๆ อ่านว่า ทุกวันทุกวัน ส่วนค�าที่ใช้
เกี่ยวกับแนวทางการอานออกเสียง
อักษรย่อต้องอ่านให้เต็มค�า เช่น พ.ศ. อ่านว่า พุด-ทะ-สัก-กะ-หราด, ผบ.ทบ. อ่านว่า ผู้บัญชาการ
ที่สํารวจไดจากคลิปเสียงตัวอยาง
ทหารบก (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบได
ในระดับชัน้ นีจ้ ะกล่าวถึงการอ่านออกเสียงบทความทัว่ ไปและบทความปกิณกะ โดยการฝึกอ่าน อยางหลากหลาย โดยขึ้นอยูกับ
ตามเครื่องหมายที่ก�าหนด ดังนี้ ธรรมชาติของคลิปเสียงที่นักเรียน
/ เว้นวรรคเล็กน้อยเพื่อหยุดหายใจ สืบคน)
// เว้นวรรคเมื่ออ่านจบข้อความหลัก 3. นักเรียนรวมกันอธิบายความรู
___ แสดงค�าที่เน้นเสียงหนัก เกี่ยวกับแนวทางการอานออกเสียง
... ทอดเสียง ที่ไดสํารวจจากคลิปของแตละคน
ข้อควรระวัง ใหตัวแทนออกมาเขียนแนวทางที่
๑. ไม่เว้นวรรคระหว่างประธาน กริยาและกรรม ทั้งไม่เว้นวรรคระหว่างค�าเชื่อม ไดบนกระดาน จากนั้นใหนักเรียน
๒. หากประธานเดิมมีค�ากริยาหลายตัว กริยาตัวต่อๆ ไปให้เว้นวรรคได้บ้าง รวมกันแลกเปลี่ยนความรูแนวทาง
การอานออกเสียงที่มีลักษณะ
๒.๒ การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วประเภทบทความ ตรงกัน
๑) การอ่านบทความทั่วไป บทความ คือ ความเรียงที่ผู้เขียนน�าเสนอข้อเท็จจริง (แนวตอบ การอานออกเสียง
เกี่ยวกับเรื่องราวหรือองค์ความรู้ต่างๆ สู่ผู้อ่าน ซึ่งอาจมีการแสดงทรรศนะ ข้อคิดเห็นของผู้เขียน บทรอยแกวเบื้องตนมีแนวทาง
บทความสามารถแบ่งได้หลายประเภทตามเนือ้ หาทีน่ า� เสนอ เช่น บทความวิชาการ บทความท่องเทีย่ ว ปฏิบัติดังนี้
บทความแสดงความคิดเห็นในเรือ่ งราวต่างๆ ดังนัน้ ผูอ้ า่ นต้องจับประเด็นบทความทีอ่ า่ นให้ได้วา่ เนือ้ หา 1. อานใหถูกตองตามอักขรวิธีใน
ตอนใดเป็นข้อเท็จจริง ตอนใดเป็นข้อคิดเห็น ฯลฯ ภาษา เชน คําควบกลํ้า
2. มีสมาธิและความมั่นใจใน
7 การอาน
3. อานใหเปนเสียงพูด ให
เหมาะสมกับเนื้อหาสาระที่อาน
ฯลฯ)
ขยายความเขาใจ
ครูทบทวนความรูเกี่ยวกับแนวทางการอานออกเสียงใหแกนักเรียน จากนั้นครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
• นักเรียนคิดวาจะนําแนวทางการอานออกเสียงบทรอยแกวเบื้องตนไปใชในชีวิตประจําวันทั้งในปจจุบันและ
อนาคตไดอยางไร
(แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็นไดอยางอิสระ คําตอบขึ้นอยูกับดุุลยพินิจของครูผูสอน)
คูมือครู 7
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
นักเรียนควรรู
อินเทอรเน็ต ปจจุบันการสื่อสารของมนุษยมีความรวดเร็วมากขึ้น
เมื่อมีการสื่อสารผานระบบออนไลน อินเทอรเน็ต แตอยางไรก็ตาม
ระบบอินเทอรเน็ตจะเปนประโยชนสูงสุดหากใชไปในทิศทางที่ถูกตอง
8 คูมือครู
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ
นักเรียนนําความรูเกี่ยวกับ
แนวทางการอานออกเสียง
๒) การอ่านบทความปกิณกะ บทรอยแกวเบื้องตน ที่ไดฝกฝน
รวมกับเพื่อนในชั้นเรียนมาใชเปน
การอ่านบทความปกิณกะ
แนวทางอานออกเสียงบทความ
ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น/มีถนนกว้างขึ้น/แต่ความอดกลั้นน้อยลง// ปกิณกะดวยตนเอง
เรามีบ้านใหญ่ขึ้น/แต่ครอบครัวของเรา กลับเล็กลง//
เรามียาใหม่ ๆ มากขึ้น/แต่สุขภาพกลับแย่ลง//
เรามีความรักน้อยลง/แต่มีความเกลียดมากขึ้น//
ตรวจสอบผล
เราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว/แต่เรากลับพบว่า... 1. นักเรียนออกมาอานตัวอยาง
แค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้าน/กลับยากเย็น… บทความปกิณกะที่แสดงไวใน
เราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้ว/แต่แค่ห้วงในหัวใจ/กลับไม่อาจสัมผัสถึง// หนา 9 ใหครูและเพื่อนๆ ฟง
เรามีรายได้สูงขึ้น/แต่ศีลธรรมกลับตกต�่าลง// หนาชั้นเรียน จากนั้นใหเพื่อนๆ
เรามีอาหารดีๆ มากขึ้น/แต่สุขภาพแย่ลง// รวมกันลงคะแนนหาผูที่มีความ
ทุกวันนี้/ทุกบ้านมีคนหารายได้/ได้ถึง 2 คน แต่การหย่าร้างกลับเพิ่มมากขึ้น// สามารถในการอานออกเสียง
ดังนั้น...จากนี้ไป… ขอให้พวกเราอย่าเก็บของดีๆ ไว้/โดยอ้างว่าเพื่อโอกาสพิเศษ// บทรอยแกวไดดีที่สุด
เพราะทุกวันที่เรายังมีชีวิตอยู่/คือ …โอกาสที่พิเศษสุดแล้ว 2. นักเรียนที่ไดรับคัดเลือกออกมา
จงแสวงหา การหยั่งรู้ หนาชั้นเรียนบรรยายแนวทางที่
จงนั่งตรงระเบียงบ้าน/เพื่อชื่นชมกับการมีชีวิตอยู่โดยไม่ใส่ใจกับความอยาก… ตนเองใชในการอานบทความให
จงใช้เวลากับครอบครัว/เพื่อนฝูง/คนที่รักให้มากขึ้น... เพื่อนๆ ฟง จากนั้นครูสุมเรียกชื่อ
กินอาหารให้อร่อย/ไปเที่ยวในที่ที่อยากจะไป นักเรียนหรือขออาสาสมัครเพื่อ
ชีวิต คือ โซ่ห่วงของนาทีแห่งความสุข/ไม่ใช่เพียงแค่การอยู่ให้รอด// ออกมาบรรยายหลักเกณฑการ
เอาแก้วเจียระไนที่มีอยู่มาใช้เสีย
คัดเลือก
น�้าหอมดีๆ ที่ชอบจงหยิบมาใช้เมื่ออยากจะใช้
3. ครูประเมินการอานออกเสียงของ
เอาค�าพูดที่ว่า...สักวันหนึ่ง/ออกไปเสียจากพจนานุกรม
นักเรียนแตละคน แนะนําแนวทาง
บอกคนที่เรารักทุกคน ว่า/เรารักพวกเขาเหล่านั้นแค่ไหน...
อย่าผัดวันประกันพรุ่ง/ที่จะท�าอะไรก็ตาม/ที่ท�าให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้น... ปฏิบัติที่ถูกตองใหแกนักเรียน
ทุกวัน... ทุกชั่วโมง.... ทุกนาที... มีความหมาย...
เราไม่รู้เลยว่า/เมื่อไรมันจะสิ้นสุดลง//
และเวลานี้...
หลักฐาน
ถ้าคุณคิดว่า คุณไม่มีเวลาที่จะ copy ข้อความนี้/ไปให้คนที่คุณรักอ่าน... แล้วคิดว่า….
แสดงผลการเรียนรู
สักวันหนึ่ง...ค่อยส่ง... จงอย่าลืมคิดว่าสักวันหนึ่ง...วันนั้น คุณอาจไม่มีโอกาสมานั่งตรงนี้ นักเรียนสรุปแนวทางการอานออก
เพื่อท�าอย่างที่คุณต้องการอีกก็ได้... เสียงบทรอยแกวเบื้องตนสงครูผูสอน
(จอร์จ คอลลิน http: //happyhappiness.monkiezgrove.com/)
นักเรียนควรรู
บทความปกิณกะ หมายถึง บทความทั่วไป บทความเบ็ดเตล็ด ซึ่งบทความในลักษณะนี้อาจมีสาระประโยชน
แฝงอยู ซึ่งนักเรียนสามารถอานบทความปกิณกะไดจากเว็บไซตตางๆ หรือหนังสือรวบรวมบทความ
คูมือครู 9
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
10 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
กระตุนความสนใจ
ครูเปดคลิปเสียงการอานออก
เสียงกลอนสุภาพที่สืบคนไดจาก
ตัวอย่าง สื่ออินเทอรเน็ต โดยเลือกตัวอยางที่
ม่านนี้/ ฝีมือ/ วันทองท�า จ�าได้/ ไม่ผิด/ นัยน์ตาพี่ ถูกตองและไพเราะ หรือครูเปนผูอาน
เส้นไหม/ แม้นเขียน/ แนบเนียนดี สิ้นฝีมือ/ แล้ว/ แต่นางเดียว ใหนักเรียนฟง จากนั้นใหนักเรียน
(ขุนช้างขุนแผน) สรุปเนื้อหาของกลอนสุภาพที่ไดฟง
พรอมทั้งสังเกตลักษณะการอาน
วรรคสุดท้ายของค�าประพันธ์ที่ยกข้างต้น ถ้าอ่านแบบยึดต�าแหน่งค�าสัมผัสเป็นส�าคัญ
จะอ่านเป็น “สิ้นฝี/มือแล้ว/แต่นางเดียว” โดยอาศัยค�าว่า “ฝี” รับสัมผัสจากค�าว่า “ดี” ซึ่งจะเห็น
สํารวจคนหา
ได้ว่าการอ่านลักษณะนี้ท�าให้ความหมายของค�าประพันธ์คลาดเคลื่อนไป จากความหมายว่า “ฝีมือ”
กลายเป็น “ฝี” ที่มือ นอกจากนี้ในวรรคสุดท้ายยังสามารถแบ่งจังหวะการอ่านได้เป็น “สิ้น/ฝีมือแล้ว/ 1. นักเรียนรวมกันยกตัวอยาง
แต่นางเดียว” จากตัวอย่างทีน่ า� มาแสดงจะไม่แบ่งจังหวะอ่านค�า “ฝีมอื ” แยกหรือออกจากกันแต่ให้อา่ น วรรณคดีที่รูจัก โดยสงตัวแทนออก
รวบค�า โดยอ่านออกเสียงเบาที่ค�า “ฝี” และลงน�้าหนักเสียงที่ค�า “มือ” ทั้งนี้เพื่อให้ได้ใจความส�าคัญ มาเขียนชื่อวรรณคดี (ในขั้นตอนนี้
ครบถ้วนไม่เสียรสความ นักเรียนอาจยกตัวอยางวรรณคดี
ที่ไมไดเขียนดวยกลอนสุภาพมา
๓.๒ การอ่านบทร้อยกรอง ปะปนได)
การฝึกอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง ในที่นี้จะยกตัวอย่าง ๖ ประเภท คือ กลอนสุภาพ 2. นักเรียนจับคูก บั เพือ่ นรวมกันคนหา
กลอนบทละคร กลอนเสภา โคลงสี่สุภาพ กาพย์ยานี ๑๑ และกาพย์ฉบัง ๑๖ ดังนี้ ความรูในประเด็นฉันทลักษณและ
๑) กลอนสุภาพ คือกลอนทีพ่ ฒั นามาจากกลอนเพลงยาวทีพ่ บหลักฐานว่าเริม่ มีมาตัง้ แต่ การแบงวรรคตอนของบทรอยกรอง
ครั้งปลายกรุงศรีอยุธยา กลอนสุภาพ ๑ บท มี ๔ วรรค วรรคละ ๗ - ๙ ค�า จึงท�าให้มีการอ่านในแต่ละ ประเภทกลอนสุภาพ
วรรคสามารถแบ่งค�าได้เป็น ๒ / ๒ / ๓ หรือ ๒ / ๓ / ๓ หรือ ๓ / ๒ / ๓ หรือ ๓ / ๓ / ๓ เป็นต้น ซึง่ กลอน
ในยุคแรกยังจัดระบบการส่งสัมผัสบังคับระหว่างวรรคไม่ค่อยลงตัว เช่น “จะกล่าวถึง/กรุงศรีอยุธยา
อธิบายความรู
อันเป็นกรุงรัตนราช/พระศาสนา มหาดิลก/อันเลิศล้น” รวมถึงยังไม่มีการก�าหนดเสียงวรรณยุกต์
ท้ายวรรคเหมือนกลอนในยุคหลัง 1. นักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับ
ฉันทลักษณของกลอนสุภาพและ
ภายหลังสุนทรภู่ปรับรูปแบบการประพันธ์กลอนให้ลงตัวมากขึ้น และนิยมให้กลอน
ลักษณะการแบงวรรคตอน
แต่ละวรรคมีเพียง ๘ ค�า และมีสัมผัสใน ๒ คู่ คือค�าที่ ๓ กับค�าที่ ๔ ค�าที่ ๕ กับค�าที่ ๖ หรือ ๗
(แนวตอบ กลอนสุภาพ 1 บท มี 4
จึงท�าให้การจัดจังหวะการอ่านลงตัวเป็น ๓ / ๒ / ๓ หากแต่มีข้อควรระมัดระวัง คือต้องไม่อ่านฉีกค�า วรรค วรรคละ 7 - 9 คํา ทําใหแบง
นอกจากนีก้ ลอนแบบสุนทรภู่ ยังจัดระเบียบการส่งสัมผัสระหว่างวรรคได้ลงตัว คือ ท�าให้คา� สุดท้ายของ วรรคไดเปน 2/2/3, 2/3/3, 3/2/3,
วรรคที่ ๑ และ ๓ ส่งสัมผัสไปยังค�าที่ ๓ ของวรรคที่ ๒ และ ๔ โดยอาจอนุโลมให้ส่งไปยังค�าที่ ๕ ได้ 3/3/3)
รวมถึงมีการวางระเบียบบังคับเสียงวรรณยุกต์ท้ายวรรค โดยท้ายวรรคที่ ๑ เป็นเสียงวรรณยุกต์ใดก็ได้ 2. นักเรียนรวมกันคัดเลือกวรรณคดี
(ยกเว้นเสียงสามัญ) วรรคที่ ๒ เป็นเสียงวรรณยุกต์จตั วา (อนุโลมให้เป็นเสียงเอกได้) ส่วนวรรคที่ ๓ - ๔ บนกระดานใหเหลือเพียงเรื่อง
ให้ลงท้ายวรรคด้วยเสียงสามัญ ซึ่งเรียกกลอนที่มีการบังคับเสียงวรรณยุกต์แบบนี้ว่า “กลอนสุภาพ” เดียวที่ประพันธดวยกลอนสุภาพ
(ครูคอยชวยชี้แนะ) จากนั้น
11 สงตัวแทนออกมาเขียนคํากลอน
หนาชั้นเรียน โดยนักเรียนชวยกัน
ทองทีละวรรค บันทึกลงสมุด
ตรวจสอบผล
ขยายความเขาใจ
ครูสังเกตวิธีการอานและชวย
ชี้แนะแนวทางสําหรับการปรับปรุง นักเรียนออกมาอานบทรอยกรอง
แกไข ประเภทกลอนสุภาพหนาชั้นเรียน
คูมือครู 11
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
กระตุนความสนใจ
ครูเปดวีดิทัศนการขับเสภาให
นักเรียนฟงและดู และสนทนากับ
การอ่านท�านองเสนาะบทร้อยกรองประเภทกลอนบทละครให้ยึดหลักปฏิบัติเช่นเดียว นักเรียนเกี่ยวกับการขับเสภาวา
กับกลอนสุภาพ คือ ใช้เครื่องหมาย / เป็นตัวแบ่งจ�านวนค�าภายในวรรค โดยการแบ่งจ�านวนค�าเป็น ครั้งหนึ่งเคยเปนมหรสพที่นิยมของ
๓ / ๒ / ๓ หรือ ๓ / ๓ / ๓ ตามความเหมาะสมของเนื้อความ ซึ่งสิ่งที่ส�าคัญในการอ่านกลอนบทละคร คนไทย
คือ การใส่อารมณ์ความรู้สึกลงไปในบทประพันธ์เพื่อถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครไปยังผู้ฟัง
๓) กลอนเสภา คือกลอนล�าน�าส�าหรับขับ ใช้ทา� นองขับได้หลายท�านอง เช่น เสภาไทย
สํารวจคนหา
เสภาลาว เสภามอญ มีกรับเป็นเครื่องประกอบส�าคัญ ผู้ขับจะต้องขยับกรับให้เข้ากับท�านอง แต่เดิม
นิยมขับเป็นเรื่องราว นิยมขับเรื่องขุนช้างขุนแผน กากี เป็นต้น กลอนเสภามีลักษณะบังคับเช่นเดียว แบงกลุมนักเรียนออกเปน 2 กลุม
กับกลอนสุภาพ กลุมที่หนึ่ง คนหาความรูในประเด็น
ฉันทลักษณและการแบงวรรคตอน
การอ่านกลอนเสภา ของกลอนเสภาและประวัติวรรณคดี
เรื่อง ขุนชางขุนแผน กลุมที่สอง
เจ้าพลายงาม/ ความแสน/ สงสารแม่ ช�าเลืองแล/ ดูหน้า/ น�้าตาไหล คนหาความรูในประเด็นฉันทลักษณ
แล้วกราบกราน/ มารดา/ ด้วยอาลัย พอเติบใหญ่/ คงจะมา/ หาแม่คุณ และการแบงวรรคตอนของโคลงสี่
แต่ครั้งนี้/ มีกรรม/ จะจ�าจาก ต้องพลัดพราก/ แม่ไป/ เพราะอ้ายขุน สุภาพและประวัติวรรณคดีเรื่อง
เที่ยวหาพ่อ/ ขอให้ปะ/ เดชะบุญ ไม่ลืมคุณ/ มารดา/ จะมาเยือน ลิลิตพระลอ
แม่รักลูก/ ลูกก็รู้/ อยู่ว่ารัก คนอื่นสัก/ หมื่นแสน/ ไม่แม้นเหมือน
จะกินนอน/ วอนว่า/ เมตตาเตือน จะห่างเรือน/ ร้างแม่/ ไปแต่ตัว อธิบายความรู
(เสภาขุนช้างขุนแผน)
1. นักเรียนรวมกันอธิบายความรู
การอ่านบทร้อยกรองประเภทกลอนเสภา ด้วยเหตุที่กลอนเสภาใช้ประกอบการขับ เกี่ยวกับฉันทลักษณและลักษณะ
จึงท�าให้มีจ�านวนค�าวรรคละ ๗ - ๙ ค�าขึ้นอยู่กับจังหวะการเอื้อนลากเสียงของผู้ขับหรือผู้แต่งแต่ละคน การแบงวรรคตอนของกลอนเสภา
จึงท�าให้การอ่านในแต่ละวรรคสามารถแบ่งค�าได้เป็น ๒ / ๒ / ๓ หรือ ๒ / ๓ / ๓ หรือ ๓ / ๒ / ๓ หรือ และโคลงสี่สุภาพ
๓ / ๓ / ๓ เป็นต้น 2. นักเรียนรวมกันอธิบายความรู
เกี่ยวกับประวัติวรรณคดีเรื่อง
๔) โคลงสี่สุภาพ เป็นโคลงที่นิยมแต่งมากที่สุดในค�าประพันธ์ประเภทโคลงทั้งหมด
ขุนชางขุนแผน และลิลิตพระลอ
โคลงสี่สุภาพ ๑ บท มีจ�านวนค�าตั้งแต่ ๓๐ - ๓๔ ค�า บทหนึ่งมี ๔ บาท บาทละ ๒ วรรค ซึ่งบาทที่ บันทึกความรูที่ไดลงสมุด
๑ – ๓ มีบาทละ ๗ ค�า (วรรคหน้า ๕ ค�า วรรคหลัง ๒ ค�า และอาจเพิ่มค�าสร้อยในท้ายบาท ๑ กับ ๓ 3. นักเรียนรวมกันฝกปฏิบัติ อาน
ได้วรรคละ ๒ ค�า) ส่วนบาทสุดท้ายมี ๙ ค�า (วรรคหน้า ๕ ค�า วรรคหลัง ๔ ค�า) และยังมีการบังคับ กลอนเสภาและโคลงสี่สุภาพตาม
ต�าแหน่งค�าเอก - โท โดยบังคับค�าเอก ๗ ค�า ค�าโท ๔ ค�า ตัวอยาง โดยครูคอยชี้แนะ
ขยายความเขาใจ
13 นักเรียนคัดเลือกวรรณคดีที่แตง
ดวยกลอนเสภาหรือโคลงสี่สุภาพ
เพื่อนํามาฝกอานตามแนวทางที่ได
ศึกษา
ตรวจสอบผล
นักเรียนออกมาอานออกเสียงบทรอยกรองที่เลือก ครูและเพื่อนรวมกัน
ประเมินการอาน ครูคอยชี้แนะแนวทางใหแกนักเรียนที่ยังมีขอควรปรับปรุง
จากนั้นเพื่อนๆ ในหองลงคะแนนคัดเลือกผูที่ออกเสียงไดดี ครูสุมเรียกชื่อ
นักเรียนเพื่อบรรยายหลักเกณฑการคัดเลือก
คูมือครู 13
สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ Explore Explain Expand Evaluate
Engage
ตรวจสอบผล
นักเรียนออกมาอานทํานองเสนาะ 14
กาพยยานี 11 ใหเพื่อนๆ ฟง จากนั้น
เพื่อนๆ ลงคะแนนคัดเลือกผูที่อาน
ไดไพเราะเหมาะสม ครูสุมเรียกชื่อ
นักเรียนเพื่อบรรยายหลักเกณฑการ
คัดเลือก นักเรียนควรรู
ลิลิตพระลอ เปนวรรณคดีที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมความรักที่ประพันธขึ้นดวยถอยคํา
ที่ไพเราะ พรรณนาเรื่องดวยอารมณที่หลากหลาย ใหแงคิดคติธรรมของชีวิต ลิลิตพระลอไดรับ
การยกยองจากวรรณคดีสโมสรใหเปนยอดแหงลิลิต เมื่อ พ.ศ. 2459
14 คูมือครู
สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ Explore Explain Expand Evaluate
Engage
สํารวจคนหา
นักเรียนรวมกันคนหาความรู
ในประเด็นกาพยฉบัง 16 จากหนังสือ
การอ่านกาพย์ยานี ๑๑ เรียน ในหนา 15 หรือจากแหลง
เรียนรูอื่น
เรื่อยเรื่อย/ มารอนรอน ทิพากร/ จะตกต�่า
สนธยา/ จะใกล้ค�่า ค�านึงหน้า/ เจ้าตาตรู
เรื่อยเรื่อย/ มาเรียงเรียง นกบินเฉียง/ ไปทั้งหมู่ อธิบายความรู
ตัวเดียว/ มาพลัดคู่ เหมือนพี่อยู่/ ผู้เดียวดาย ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่ออธิบาย
(กาพย์เห่เรือ : เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร) ความรูเกี่ยวกับฉันทลักษณและการ
แบงวรรคตอนการอานกาพยฉบัง 16
การแบ่งจังหวะการอ่านกาพย์ยานี ๑๑ จะใช้เครื่องหมาย / แบ่งจังหวะการอ่านภายใน (แนวตอบ กาพยฉบัง 16 1 บท มี 16
วรรค โดยวรรคที่มี ๕ ค�า จะแบ่งเป็น ๒ / ๓ หรือ ๓ / ๒ ขึ้นอยู่กับเนื้อความ วรรคที่มี ๖ ค�า จะแบ่ง คํา แบงเปน 3 วรรค วรรคที่ 1 และ
จังหวะเป็น ๓ / ๓ 3 มี 6 คํา สวนวรรคที่ 2 มี 4 คํา โดย
๖) กาพย์ฉบัง ๑๖ เป็นกาพย์ที่ใช้ส�าหรับการพรรณนาความงามของธรรมชาติ วรรคที่มี 6 คํา แบงวรรคตอนเปน
การเดินทางหรือการต่อสู้ ซึ่งกาพย์ฉบัง ๑๖ หนึ่งบท มี ๑๖ ค�า แบ่งเป็น ๓ วรรค วรรคที่ ๑ และ ๓ 2/2/2 หรืออาจเปน 2/4 วรรคที่มี 4
มี ๖ ค�า ส่วนวรรคที่ ๒ มี ๔ ค�า คํา แบงวรรคตอนเปน 2/2)
การอ่านกาพย์ฉบัง ๑๖
ขยายความเขาใจ
กลางไพร/ ไก่ขัน/ บรรเลง ฟังเสียง/ เพียงเพลง ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับ
ซอเจ้ง/ จ�าเรียง/ เวียงวัง พระราชนิพนธในรัชกาลที่ 2 เรื่อง
ยูงทอง/ ร้องกะโต้งโห่งดัง เพียงฆ้อง/ กลองระฆัง “บทพากยเอราวัณ” ชี้แนะใหเขาใจ
แตรสังข์/ กังสดาล/ ขานเสียง วาพระราชนิพนธโดยใชกาพยฉบัง
(กาพย์พระไชยสุริยา : สุนทรภู่) 16 เนื่องดวยลีลาของกาพยฉบัง 16
เหมาะที่จะใชสําหรับการพรรณนา
การแบ่งจังหวะการอ่านกาพย์ฉบัง ๑๖ จะใช้เครือ่ งหมาย / แบ่งจังหวะการอ่านภายในวรรค
ความงามของธรรมชาติ การเดินทาง
โดยวรรคที่มี ๖ ค�า จะแบ่งเป็น ๒ / ๒ / ๒ เป็นส่วนใหญ่ โดยสังเกตจากเนื้อความเป็นหลัก ซึ่ง หรือการตอสู ครูคัดเลือกเนื้อหา
ในบางครั้งอาจแบ่งเป็น ๒ / ๔ ตามตัวอย่าง เพราะค�าบางค�าควรอ่านให้เสียงต่อเนื่องกันเพื่อ ตั้งแต “อินทรชิตบิดเบือนกายิน”
สื่อความหมายให้ถูกต้อง วรรคที่มี ๔ ค�า ให้แบ่งจังหวะ ๒ / ๒ จนถึงวรรค “ดังเวไชยันตอมรินทร”
ใหนักเรียนนํามาฝกปฏิบัติตาม
การอ่าน เป็นทักษะที่สÓคัญและมีความจÓเป็นต่อการศึกษาหาความรู้เพิ่มพูน
แนวทางการอานบทรอยกรองที่ได
ประสบการณ์ต่างๆ ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ดังนั้น จึงควรฝึกฝนเพื่อพัฒนา
ศึกษา
ทักษะการอ่านอย่างสม่Óเสมอ เพื่อให้เป็นผู้สามารถศึกษาเรียนรู้องค์ความรู้ใหม่ๆ ได้
ตลอดเวลา
15
ตรวจสอบผล
1. นักเรียนออกมาอานออกเสียง
บทพากยเอราวัณในชวงที่กําหนด
ครูตรวจสอบการอานของนักเรียน
ชี้แนะใหเห็นขอดีและขอควร
เกร็ดแนะครู ปรับปรุง พรอมทั้งแนวทางในการ
ครูควรแนะนําใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับประวัติวรรณคดีเพิ่มเติม แกไขปรับปรุง
เชน กาพยเหเรือ กาพยพระไชยสุริยา บทพากษเอราวัณ ฯลฯ จากเว็บไซต 2. นักเรียนตอบคําถามประจําหนวย
ทางการศึกษา เพื่อใหนักเรียนไดมีความรูเพิ่มเติมนอกเหนือจากบทเรียน การเรียนรู
คูมือครู 15
สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ Explore Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Evaluate
อธิบายความรู การเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่าน
ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่ออธิบาย จุดมุ่งหมายและประโยชน์จากการอ่านมีหลายประการ ผู้อ่านมากย่อมมีความรอบรู้ ความ
ความรูที่ไดรับจากการอานในหัวขอ คิดเป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเองและสังคม ทักษะการอ่านเป็นทักษะที่สามารถฝึกฝนได้ด้วยวิธีการ
ต่างๆ ดังนี้
“การเพิ่มประสิทธิภาพในการอาน”
๑ ใ นการทอดสายตาแต่ละครั้ง ผู้อ่านจะต้องฝึกขยายช่วงการทอดสายตาลงบนบรรทัด
ให้กว้างขึ้น กล่าวคือ เมื่อมองลงไปในหนังสือหนึ่งครั้งต้องทอดสายตามองจ�านวนค�าให้
มากขึ้น เมื่อฝึกในช่วงแรกๆ การก้มลงทอดสายตาอาจจะท�าหลายครั้งแต่ถ้าฝึกฝนจนเกิด
ขยายความเขาใจ ความช�านาญ จะท�าให้กวาดสายตาได้เร็วขึ้น
ครูสรุปทักษะการเพิ่ม ๒ ค วรฝึกฝนให้มีความเชี่ยวชาญทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ เพราะโลกในยุคปัจจุบัน
ประสิทธิภาพในการอานใหแก เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การแสวงหาความรู้จึงต้องเปิดกว้างและไม่อ่านหนังสือเพียง
นักเรียน จากนั้นครูตั้งคําถามกับ ประเภทใดประเภทหนึ่ง
นักเรียนวา ๓ ค วรฝึกฝนทักษะการอ่านจับใจความส�าคัญ เพื่อสามารถเข้าใจแนวคิดของผู้เขียน เข้าใจ
• แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพ ความหมายทีไ่ ม่ปรากฏเป็นลายลักษณ์ อ่านแล้วได้แนวความคิดใหม่ สามารถประเมินค่าของ
ข้อความที่อ่านได้ถูกต้อง
ในการอานสามารถนําไปปรับใช
ในชีวิตประจําวันไดจริงหรือไม ๔ ค วรเรียนรู้วิธีการใช้ห้องสมุด โดยสังเกตและศึกษาจากป้ายประกาศต่างๆ หน้าห้องสมุด
ตู้บัตรชื่อผู้แต่ง ตู้บัตรชื่อหนังสือ มุมหนังสือใหม่และมุมวารสารต่างๆ การหมั่นศึกษาและ
(แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดง เอาใจใส่อยู่เสมอจะช่วยท�าให้ได้รับความรู้ที่แปลกใหม่ ค้นคว้าได้สะดวกรวดเร็วขึ้น
ความคิดเห็นไดอยางหลากหลาย
และอิสระ คําตอบขึ้นอยูกับ ๕ ค วรอ่านหนังสือหลายๆ ประเภท หลายๆ เล่ม ทั้งที่ยากและง่าย การอ่านหนังสือที่มีเนื้อหา
คล้ายคลึงกัน แต่เขียนขึ้นส�าหรับคนที่มีพื้นฐานความรู้ต่างกัน ฯลฯ เพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูลใช้
ดุลยพินิจของครูผูสอน) ในโอกาสต่อไป
๖ เ มือ่ พบหนังสือทีต่ อ้ งการ ควรบันทึกลงบัตรข้อมูล โดยระบุชอื่ เรือ่ ง ผูแ้ ต่ง ส�านักพิมพ์ ปีทพ
ี่ มิ พ์
หลักฐาน จ�านวนหน้า แนวความคิดส�าคัญของเรื่อง ฯลฯ เพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูลใช้ในโอกาสต่อไป
ครูชี้แนะใหนักเรียนเห็นความ
สําคัญของการอานเพราะการอาน 16
เปนประตูสูการเรียนรูในดานตางๆ
ผูที่ฝกฝนการอานออกเสียงจนเกิด
ความชํานาญ นอกจากจะเสริมสราง
บุคลิกภาพที่ดีใหกับตนเอง แลวยังสามารถนําไปประยุกตใชในการประกอบอาชีพ
ในอนาคตได เชน ผูประกาศขาว นักจัดรายการวิทยุ นักพากย ครูอาจจัดกิจกรรม
การเรียนการสอนเพื่อปูพื้นฐานทางอาชีพใหแกนักเรียน เชน ใหนักเรียนนําขาว
ประเภทตางๆ มาฝกอานรวมกัน
16 คูมือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
เกร็ดแนะครู
(แนวตอบ คําถามประจําหนวยการ
เรียนรู
คําถาม ประจําหนวยการเรียนรู 1. ประโยชนของการอานมี
มากมายหลายประการ เชน
๑. จงอธิบายประโยชนของการอานและควรใชทกั ษะการอานประเภทใดเพือ่ รับรูส าระสําคัญไดรวดเร็วทีส่ ดุ ทําใหไดรับความรูและความ
๒. มารยาทในการอานออกเสียงประกอบไปดวยอะไรบาง จงอธิบายพอสังเขป เพลิดเพลิน ไดขอคิด และ
๓. การอานออกเสียงรอยแกวมีความแตกตางจากการอานออกเสียงบทรอยกรองหรือไม อยางไร แนวทางตางๆ ที่สามารถนํา
จงอธิบาย ไปปรับใชในชีวิตประจําวันได
๔. จงอธิบายแนวทางการอานและขอควรระวังในการอานบทรอยกรองประเภทที่นักเรียนชื่นชอบมาพอ การอานเพื่อใหรับรูขาวสารได
สังเขป รวดเร็ว คือ ใชวิธีการอานในใจ
๕. จงอธิบายวิธีการอานออกเสียงรอยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ พรอมยกตัวอยาง คิดและวิเคราะหขอความที่ได
อาน
2. มารยาทในการอานออกเสียง
ประกอบดวย
- ใชนํ้าเสียงใหเหมาะสม
- มีบุคลิกภาพเหมาะสม
- สังเกตปฏิกิริยาผูฟง
- ควบคุมอารมณ
กิจกรรม สรางสรรคพัฒนาการเรียนรู
3. การอานออกเสียงบทรอยแกว
มีความแตกตางจากการอาน
กิจกรรมที่ ๑ นักเรียนฟงผูประกาศขาวอานขาวจากสื่อวิทยุ โทรทัศน จากนั้นใหเขียนความ ออกเสียงบทรอยกรอง เพราะ
ประทับใจที่มีตอผูประกาศขาววามีหลักในการอานออกเสียงอยางไร การอานออกเสียงบทรอยกรอง
กิจกรรมที่ ๒ นักเรียนรวบรวม ขอความ บทความ หรือบทรอยแกวที่มีความไพเราะมาฝกอาน
จะตองอานโดยใสทํานอง ลีลา
โดยจับคูกับเพื่อนในชั้นเรียน
และใชนํ้าเสียงใหเหมาะสม
กิจกรรมที่ ๓ นักเรียนฝกอานออกเสียงบทประพันธจากวรรณคดีที่ชื่นชอบมา ๓ - ๔ บท แลวนํา
มาอานใหครูและเพื่อนนักเรียนฟงหนาชั้นเรียน 4. การอานออกเสียงบทรอยกรอง
ประเภทกลอนสุภาพ จะตอง
อานดวยการแบงวรรคเปน
2/2/3 2/3/3 3/2/3 หรือ 3/3/3
ตามความเหมาะสมของเนื้อ
ความ ขอควรระวังในการอาน
นอกจากจะตองอานออกเสียง ร,
ล และคําควบกลํ้าใหชัดเจนแลว
ยังตองแบงวรรคตอนใหถูกตอง
17 โดยพิจารณาจากเนื้อความเปน
หลัก ตองไมอานแยกคําเพื่อมุง
การแบงวรรคเพียงประการเดียว
เพราะจะทําใหเสียความ
5. วิธีการอานโคลงสี่สุภาพสามารถแสดงไดจากวรรณคดีเรื่อง ลิลิตพระลอ
เสียงฦๅ/เสียงเลาอาง อันใด/พี่เอย
เสียงยอม/ยอยศใคร ทั่วหลา
สองเขือพี่/หลับใหล ลืมตื่น/ฤๅพี่
สองพี่/คิดเองอา อยาได/ถามเผือ
ในวรรคที่มี 5 คําใหแบงการอานเปน 3/2 ในวรรคที่มี 4 คํา แบงจังหวะการอานเปน 2/2
ยกเวนในวรรคที่ 4 วรรคหลังจะอานรวบ 4 คํา)
คูมือครู 17
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
เปาหมายการเรียนรู
1. ระบุความแตกตางของคําที่มี
ความหมายโดยตรงและโดยนัยได
2. ระบุตําแหนงใจความสําคัญของ
ขอมูลตางๆ ที่อานได
3. เขียนกรอบแนวคิดจากเรื่องที่อาน
ได
กระตุนความสนใจ
นักเรียนดูภาพประกอบหนาหนวย
จากนั้นครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
• นักเรียนคิดวาบุคคลในภาพ
กําลังอยูในสถานการณใด และ
ใชทักษะประเภทใด
(แนวตอบ กําลังอานหนังสือ โดย
ใชทักษะการอานเพื่อรับขอมูล
ขาวสาร)
หนวยที่ ò
การอานจับใจความ
ตัวชี้วัด
■ ระบุความแตกตางของคําทีม่ คี วามหมายโดยตรงและความหมาย ก ารอ่านเป็นกระบวนการรับรู้สาร
โดยนัย (ท ๑.๑ ม.๓/๒) ขั้นพื้นฐาน ในชีวิตประจ�าวันของมนุษย์
ระบุใจความสําคัญและรายละเอียดของขอมูลที่สนับสนุนจากเรื่อง
จะต้องรับรูส้ ารจากการอ่านเป็นประจ�าและ
■
18 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุนความสนใจ
ครูชวนนักเรียนสนทนา ทักษะการ
อานเปนทักษะที่จําเปนในการรับรู
๑ การอ่านจับใจความ สาระขอมูล จากนั้นครูตั้งคําถามกับ
งานเขียนหรือข้อความทีผ่ เู้ ขียนต้องการสือ่ มายังผูอ้ า่ น นอกจากจะมีสาระข้อเท็จจริงทีน่ า� เสนอ นักเรียนวา
แล้ว ยังมีส่วนที่เป็นส่วนขยาย ข้อความเปรียบเทียบหรือส่วนกล่าวซ�้าเพื่อเน้นความชัดเจน นอกจากนี้ • การอานประเภทใดที่ทําให
ยังแฝงทรรศนะ ความเชือ่ หรือความคิดเห็นส่วนตัวลงไปด้วย ดังนัน้ การอ่านจับใจความจึงถือเป็นวิธกี าร สามารถเก็บสาระขอมูลไดครบ
ที่ช่วยให้ผู้อ่านสามารถจ�าแนกข้อเท็จจริงออกจากส่วนประกอบอื่นๆ หรือที่เรียกว่า “พลความ” ของ ถวนภายในระยะเวลาจํากัด
เรื่องได้ แนวทางการอ่านจับใจความแบ่งออกเป็น ๒ แนวทาง ดังนี้ (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ
๑.๑ การอ่านจับใจความโดยรวม ไดอยางหลากหลาย คําตอบขึ้น
การอ่านจับใจความโดยรวม หมายถึง การสังเกตส่วนประกอบต่างๆ ของหนังสือหรือบทความ
อยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน)
อย่างรวดเร็ว เพื่อสามารถก�าหนดและท�าความเข้าใจโครงเรื่องหรือเนื้อหาทั้งหมดของหนังสือได้ ดังนี้
๑) สังเกตส่วนประกอบของเรือ่ ง เช่น ชือ่ เรือ่ ง ค�าน�า สารบัญ วัตถุประสงค์ของผูเ้ ขียน สํารวจคนหา
เพื่อให้เห็นแนวทางและจุดประสงค์ของผู้เขียน 1. นักเรียนรวมกันคนหาวิธีการอาน
๒) สังเกตหัวข้อใหญ่และหัวข้อรอง ซึ่งเป็นใจความส�าคัญที่ผู้เขียนต้องการสื่อมายัง ที่สามารถเก็บสาระขอมูลได
ผูอ้ า่ น นอกจากนีย้ งั หมายถึง การสังเกตข้อความทีเ่ ป็นตัวหนา ตัวเอน ขีดเส้นใต้หรือทีอ่ ยูใ่ นเครือ่ งหมาย ครบถวน จากแหลงเรียนรูตางๆ
อัญประกาศ (“....”) รวมทัง้ ตาราง และแผนภูมิ จากนัน้ จึงเรียงล�าดับความคิด รวมถึงพิจารณาเรือ่ งราวที่ เชน หนังสือเรียนวิชาภาษาไทย
ผู้เขียนต้องการน�าเสนอ เว็บไซตทางการศึกษา
๑.๒ การอ่านจับใจความส�าคัญ 2. นักเรียนจับคูกับเพื่อนรวมกัน
การอ่านจับใจความส�าคัญ เป็นการอ่านงานเขียนอย่างละเอียด เพื่อพิจารณาหาข้อเท็จจริง คนหาความรูในประเด็นทักษะ
การอานจับใจความโดยรวม และ
ที่น�าเสนอ รวมถึงทรรศนะ ข้อคิดเห็น อารมณ์
จับใจความสําคัญจากหนังสือเรียน
น�้ า เสี ย งของผู ้ เ ขี ย นที่ มี ต ่ อ เรื่ อ งที่ น� า เสนอและ
ในหนา 19
ในกรณีที่ข้อความที่อ่าน มีความยาวเป็นย่อหน้า
หรือหลายๆ ย่อหน้า ผู้อ่านสามารถพิจารณา
ข้อความส�าคัญได้ดังนี้ อธิบายความรู
๑) พิจารณาจากชื่อเรื่อง แล้ว 1. นักเรียนรวมกันแสดงความรู
อ่านย่อหน้าแรกและย่อหน้าสุดท้าย ซึ่งจะช่วยให้ ความเขาใจและความคิดเห็น
ทราบว่าบทความนีน้ า� เสนอเรือ่ งอะไรอย่างกว้างๆ เกี่ยวกับวิธีการอานที่ทําให
๒) พิจารณาหาใจความส�าคัญ สามารถเก็บสาระขอมูลขาวสาร
ไปที ล ะย่ อ หน้ า ซึ่ ง ส่ ว นใหญ่ ใ จความส� า คั ญ ไดอยางครบถวน
ของแต่ละย่อหน้าอาจปรากฏอยู่ในต�าแหน่งต้น (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบได
ต�าแหน่งกลางหรือต�าแหน่งท้ายของย่อหน้า การฝกฝนการอ่านเป็นประจําและอ่านสื่อหลากหลาย อยางหลากหลาย คําตอบขึ้นอยู
ประเภท จะช่วยทําให้การอ่านมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
กับดุลยพินิจของครูผูสอน)
19 2. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่อ
อธิบายความรูเกี่ยวกับการอาน
จับใจความโดยรวม
(แนวตอบ การอานจับใจความโดย
3. นักเรียนรวมกันอธิบายความรูเกี่ยวกับการอานจับใจความสําคัญที่ไดจากการคนหารวมกับเพื่อน รวม คือ การสังเกตสวนประกอบ
(แนวตอบ การอานจับใจความสําคัญเปนทักษะการอานที่สามารถฝกฝนได โดยพิจารณาใจความสําคัญ ตางๆ ของเรื่องราวที่อานอยาง
ทีละยอหนา ตัดรายละเอียดปลีกยอย แลวจึงสรุปเรื่องราวทั้งหมด) รวดเร็ว หลังจากนั้นจึงสังเกต
หัวขอใหญและหัวขอรอง ซึ่ง
เปนใจความที่ผูเขียนตองการสื่อ
ไปยังผูอาน)
คูมือครู 19
สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ Explore Explain Expand Evaluate
Engage
ตรวจสอบผล 20
ครูประเมินเรื่องราว ขอความที่
นักเรียนนํามาวานักเรียนขีดเสนใต
ตําแหนงของใจความสําคัญถูกตอง
หรือไม นักเรียนควรรู
เรื่องที่อาน การอานจับใจความสําคัญที่มีประสิทธิภาพ ผูอานตองบอก
ไดวาเรื่องที่อานเปนเรื่องเกี่ยวกับสิ่งใด ใจความสําคัญของเรื่องมีวาอยางไร
การหาใจความสําคัญไดเร็วจะทําใหเขาใจสารไดเร็วขึ้น
20 คูมือครู
สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ Explore Explain Expand Evaluate
Engage
สํารวจคนหา
1. นักเรียนรวมกันคนหาความรู
ในประเด็นตําแหนงของใจความ
๒) ใจความส�าคัญอยู่กลางข้อความ ลักษณะใจความส�าคัญที่ปรากฏอยู่ตอนกลาง สําคัญที่อยูกลางขอความ
ของข้อความหรือย่อหน้า คือการที่ผู้เขียนกล่าวเกริ่นน�าเพื่อเชื่อมโยงเข้าหาใจความส�าคัญ แล้วจึงมี 2. นักเรียนอานขอความตัวอยาง
การอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติม “นิทานโบราณคดี” สํารวจความรู
ที่ไดรับจากการอานและสังเกต
ใจความสÓคัญอยู่กลางข้อความ ตําแหนงของใจความสําคัญ
การที่คนปิดทองท่านพระครูวัดฉลอง เป็นแรกที่จะเกิดประเพณีปิดทองคนเป็นๆ เหมือน
เช่ น พระพุ ท ธรู ป หรื อ เทวรู ป ศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ ก็ เ ป็ น ธรรมดาที่ กิ ต ติ ศั พ ท์ จ ะเลื่ อ งระบื อ เกี ย รติ คุ ณ ของ อธิบายความรู
ท่านพระครูวัดฉลองแพร่หลาย จนนับถือกันไปทุกหัวเมืองทางทะเลตะวันตก ใช่แต่เท่านั้น แม้
1. นักเรียนรวมกันอธิบายความรู
จนในเมืองปนังอันเป็นอาณาเขตของอังกฤษ คนก็พากันนับถือท่านพระครูวัดฉลอง เพราะที่
เกี่ยวกับตําแหนงของใจความ
เมืองปีนงั พลเมืองมีไทยและจีนเชือ้ สายไทย ผูช้ ายเรียกกันว่า “บาบ๋า” หญิงเรียกกันว่า “ยอหยา” สําคัญกลางขอความ
ล้วนถือพระพุทธศาสนาอยู่เป็นอันมากเขาช่วยกันสร้างวัดและนิมนต์พระสงฆ์ไทยไปอยู่ก็หลายวัด (แนวตอบ ใจความสําคัญที่ปรากฏ
แต่ในเมืองปีนงั ไม่มพี ระเถระ พวกชาวเมืองทัง้ พระและคฤหัสถ์จงึ สมมติทา่ นพระครูวดั ฉลองให้เป็น ตอนกลางของขอความ คือ
มหาเถระส�าหรับเมืองปีนัง การที่ผูเขียนกลาวเกริ่นนําเพื่อ
(นิทานโบราณคดี : เชื่อมโยงเขาหาใจความสําคัญ
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดํารงราชานุภาพ)
แลวจึงอธิบาย)
2. นักเรียนรวมกันอธิบายความรูที่ได
จากตั ว อย่ า งข้ า งต้ น กล่ า วถึ ง ความศรั ท ธาที่ พุ ท ธศาสนิ ก ชนมี ต ่ อ ท่ า นพระครู วั ด ฉลอง
รับจากการอานขอความตัวอยาง
รวมถึงการปิดทองที่ท่านพระครูเหมือนกับการปิดทองพระพุทธรูป เทวรูป ว่ามิได้เป็นที่นับถือศรัทธา (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบได
แต่เฉพาะในบรรดาหัวเมืองทางฝั่งทะเลตะวันตกของประเทศไทยเท่านั้น หากยังได้รับความศรัทธา อยางหลากหลาย)
จากพุทธศาสนิกชนไทยและจีนเชื้อสายไทย ที่อาศัยอยู่ที่เมืองปีนังอีกด้วย จากนั้นจึงอธิบายเพิ่มเติม
อีกว่าพุทธศาสนิกชนในปีนงั ยังช่วยกันสร้างวัดและ
นิมนต์พระสงฆ์ไทยไปจ�าพรรษาอยูท่ เี่ มืองปีนงั ทัง้ ขยายความเขาใจ
ยังยกย่องท่านพระครูวดั ฉลองเป็นพระเถระผูใ้ หญ่ นักเรียนทบทวนความรูเกี่ยวกับ
ของเมือง ตําแหนงของใจความสําคัญกลาง
๓) ใจความส�าคัญท้ายข้อความ ขอความ จากนั้นจึงใชองคความรู
การที่ใจความส�าคัญอยู่ท้ายข้อความหรือย่อหน้า ที่มีสืบคนเรื่องราวหรือขอความที่มี
คื อ วิ ธี ก ารน� า เสนอที่ ผู ้ เ ขี ย นมุ ่ ง ให้ ร ายละเอี ย ด ใจความสําคัญปรากฏในตําแหนง
เหตุผลของการน�าเสนอ แล้วจึงสรุปประเด็นส�าคัญ กลางขอความ พรอมทั้งขีดเสนใต
หรือความคิดรวบยอดไว้ตอนท้ายของข้อความ ปัจจุบันมีหนังสือนานาชนิดสําหรับประชาชนได้เลือก
อ่านตามความสนใจ ตรวจสอบผล
21 ครูประเมินเรื่องราว หรือขอความ
ที่นักเรียนนํามาวานักเรียนขีดเสน
ใตตําแหนงของใจความสําคัญ
ถูกตองหรือไม
คูมือครู 21
สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ Explore Explain Expand Evaluate
Engage
22
ตรวจสอบผล
ครูประเมินเรื่องราว หรือขอความ
ที่นักเรียนนํามาวานักเรียนขีดเสนใต
ตําแหนงของใจความสําคัญถูกตอง หลักฐาน
หรือไม แสดงผลการเรียนรู
นักเรียนนําเรื่องราวหรือขอความที่
ขีดเสนใตสวนที่เปนใจความสําคัญใน
ตําแหนงตางๆ สงครูผูสอน
22 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุนความสนใจ
ครูชวนนักเรียนสนทนาในประเด็น
“คําในภาษาไทย” ครูชี้แจงดวย
๒ การอ่านวิเคราะห์ความหมายของคา� การยกตัวอยางใหเห็นชัดเจนวา
ในชีวติ ประจ�าวัน มนุษย์รบั สารด้วยการอ่านสือ่ ทีห่ ลากหลาย แต่ธรรมชาติการสือ่ สารของคนไทย คําที่ปรากฏใชมีเปนจํานวนมากที่
นอกจากสื่ อ ความหมายตรงตามตั ว อั ก ษรแล้ ว ยั ง ใช้ ภ าษาสื่ อ สารที่ มี ค วามหมายแฝง เรี ย กว่ า มีความหมายหลายนัย เชน จาก
ความหมายโดยนัยด้วยเสมอ บางครั้งอาจไม่เข้าใจความหมายที่แฝงท�าให้การสื่อสารไม่สัมฤทธิผล สํานวนที่วา “งายเหมือนปอกกลวย
ดังนั้น ผู้เรียนจึงต้องฝึกฝนทักษะการอ่านเพื่อวิเคราะห์ให้เข้าใจความหมายของค�า ข้อความ ประโยค เขาปาก” คําวา “กลวย” ในที่นี้มิได
เพื่อให้เข้าใจได้ถูกต้องตรงตามเจตนาผู้ส่งสาร ฝึกการแปลความหมายตามพจนานุกรม ตีความหมาย หมายความถึงผลไม แตแปลวา
งาย สะดวก
ว่าเป็นความหมายโดยตรงหรือความหมายโดยนัย จับใจความส�าคัญของเรื่องที่อ่านและสรุปความรู้
เพื่อถ่ายทอดข้อมูลจากเรื่องที่อ่านให้ผู้อื่นเข้าใจได้ถูกต้อง
๒.๑ ความหมายของถ้อยค�าในการสือ่ สาร สํารวจคนหา
๑) ค� า ที่ มี ค วามหมายนั ย ตรง คื อ ค� า ที่ มี ค วามหมายตรงตามตั ว อั ก ษร ซึ่ ง เป็ น 1. นักเรียนรวมกันคนหาความรู โดย
ความหมายตามทีพ่ จนานุกรมก�าหนด เป็นความหมายหลักทีใ่ ช้ในการสือ่ สารทัว่ ไป เมือ่ มีขอ้ โต้แย้งเรือ่ ง ครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
ความหมายของค�า ต้องยึดถือพจนานุกรมเป็นหลักในการตัดสิน เช่น • เพราะเหตุใดเราจึงจําเปนตอง
■ สมอง หมายถึง ส่วนทีอ่ ยูภ่ ายในกะโหลกศีรษะ มีลกั ษณะนุม่ ๆ หยุน่ ๆ เป็นลูกคลืน่ เรียนรูเรื่องความหมายของคํา
เป็นที่รวมประสาทให้เกิดความรู้สึก 2. ครูแบงนักเรียนออกเปน 2 กลุม ให
แตละกลุมแยกกันคนหาความรูใน
■ เก้าอี้ เป็นค�าที่ยืมมาจากภาษาจีน หมายถึง ที่ส�าหรับนั่ง มีขาและพนักพิง มัก
ประเด็นคําที่มีความหมายนัยตรง
ยกย้ายไปมาได้ ถ้ามีรูปยาวใช้นอนได้ เรียกว่า เก้าอี้นอน ถ้าโยกได้ก็เรียกว่า เก้าอี้โยก ใช้ลักษณนาม
และคําที่มีความหมายนัยประหวัด
ว่า ตัว โดยครูใหนักเรียนจับสลาก ใครจับ
๒) ค�าที่มีความหมายนัยประหวัด คือค�าที่มีความหมายไม่ตรงตามตัวอักษร แต่เป็น ไดหมายเลข 1 ศึกษาคําที่มีความ
ความหมายแฝงหรือความหมายโดยนัยอ้อมเพือ่ เชือ่ มโยงไปถึงอีกสิง่ หนึง่ อันเป็นทีเ่ ข้าใจกันในกลุม่ เช่น หมายนัยตรง จับไดหมายเลข 2
เมื่อน�าค�าว่า “สมอง” “เก้าอี้” มาเรียบเรียงเป็นประโยคเพื่อสื่อความหมายเชื่อมโยงไปถึงอีกสิ่งหนึ่ง ศึกษาคําที่มีความหมายนัย
เช่น ประหวัด
■ เธอจะมาร้องไห้ฟูมฟายกับอดีตที่แก้ไขไม่ได้แล้วท�าไมต้องรู้จักท�าตัวให้มีสมอง
เสียบ้าง
อธิบายความรู
จากประโยคนี้ “สมอง” จะหมายถึง ท�าตนให้มีปัญญา ฉลาดหรือคิดไตร่ตรอง
ให้ได้ว่าอดีตเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ไม่ใช่หมายถึง สมองที่อยู่ภายในกะโหลกศีรษะที่ท�าหน้าที่เป็น 1. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่ออธิบาย
ค�านาม ความรูเกี่ยวกับความจําเปนในการ
■ นักการเมืองพยายามท�าทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เก้าอี้มา ศึกษาเรื่องความหมายของคํา
(แนวตอบ เพราะในชีวิตประจําวัน
จากประโยคนี้ “เก้าอี”้ จะหมายถึง ต�าแหน่งทางการเมือง ไม่ได้หมายถึงเก้าอีส้ า� หรับ
ของมนุษยรับสารจากสื่อที่หลาก
นั่งที่ท�าหน้าที่เป็นค�านาม
หลาย ในบางครั้งอาจไมเขาใจ
23 ความหมายที่แฝงอยูทําใหการรับ
สารไมสัมฤทธิผล ดังนั้นผูเรียน
จึงตองฝกฝนทักษะการอานเพื่อ
วิเคราะหความหมายของคํา)
2. นักเรียนในกลุมที่ 1 ออกมาหนาชั้นเรียนเพื่ออธิบายความรูเกี่ยวกับคําที่มีความหมายนัยตรง
(แนวตอบ คือ คําที่มีความหมายตามตัวอักษรที่บอกไวในพจนานุกรม หรือความหมายที่รับรูไดดวยถอยคํา
ตรงๆ มีความหมายตามเนื้อความ)
3. นักเรียนในกลุมที่ 2 ออกมาหนาชั้นเรียนเพื่ออธิบายความรูเกี่ยวกับคําที่มีความหมายนัยประหวัด
(แนวตอบ คือ คําที่มีความหมายไมตรงตามตัวอักษร ผูอานจะตองตีความวาหมายถึงอะไร รูปคําเปนอยางหนึ่ง
แตอาจใชในความหมายอีกอยางหนึ่ง)
คูมือครู 23
สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ Explore Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Evaluate
ให้เจียมตัว
นักเรียนจับคูกับเพื่อนชวยกัน ปากปลาร้า เป็นส�านวน หมายถึง ชอบพูดค�าหยาบ
■
ทบทวนองคความรูเกี่ยวกับ
หลักการอานวิเคราะหความหมาย ๔) พิจารณาความหมายจากน�้าเสียงและสีหน้าประกอบ เช่น
ของคํา จากนั้นใหนักเรียนแตละ วันนี้แต่งหน้าจัดเชียว จะไปเที่ยวที่ไหนหรือ
■
NET ขอสอบป 51
ขอสอบถามวา คําวาแดงในขอใดทําหนาที่ตางจากขออื่น
1. รั้วสีแดง 2. ครูชื่อแดง 3. กินนํ้าแดง 4. ใสเสื้อสีแดง
(วิเคราะหคาํ ตอบ คําวิสามานยนาม หรือ คํานามเฉพาะ ใชสาํ หรับเรียกชือ่ บุคคล สถานที่ ดังนัน้ จึง
24 คูมือครู ตอบ ขอ 2.)
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุนความสนใจ
ครูและนักเรียนรวมกันสนทนาใน
ลักษณะบูรณาการความรูกับวิชา
เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา ประวัติศาสตร จากนั้นครูตั้งคําถาม
กับนักเรียนวา
...จักเกิดอัศจรรย์ด้วยพิศดาร • ประวัติศาสตรของ
คือดาวเดือนดินฟ้าจักอาเพศ อุบัติเหตุจักมีทุกทิศาน กรุงศรีอยุธยาที่ตองลมสลายลง
มหาเมฆจักลุกเปนเพลิงกาล จะเกิดนิมิตพิศดารแก่บ้านเมือง ดวยเหตุผลใด
พระคงคาจะแดงเดือดเปนเลือดนก อกแผ่นดินจักบ้าฟ้าจักเหลือง (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ
ทั้งผีป่าจักวิ่งเข้ามาเมือง ผีเมืองจักวิ่งออกไพร ไดอยางหลากหลายตามพื้นฐาน
พระเสื้อเมืองจักเอาตัวหนี พระกาฬกุลีจักเข้ามาเป็นไส้ ความรู)
พระธรณีจักตีอกไห้ อกพระกาลจักไหม้อยู่เกรียมกรม
อันพุทธท�านายนี้ไม่ผิดผัน ด้วยนิมิตอัศจรรย์ก็เห็นสม
ใช่เทศกาลร้อนก็ร้อนระงม ใช่เทศกาลลมก็ลมพัด สํารวจคนหา
ใช่เทศกาลหนาวก็หนาวพ้น ใช่เทศกาลฝนฝนก็อุบัติ นักเรียนอานเพลงยาวพยากรณ
ฝูงคนจักตายพรายพลัด ทั้งสิงสาราสัตว์จักร้อนรน กรุงศรีอยุธยาที่นํามาแสดงไวใน
ทั้งเทวดาบ�ารุงพระศาสนา ก็จักรักษาแต่ฝ่ายอกุศล หนังสือเรียน หนา 25 - 26 ใหใช
ทั้งสัปรุษก็จักแพ้แก่ทรชน มิตรตนก็จักฆ่าซึ่งความรัก ปากกานํ้าเงินขีดเสนใตขอความที่
ภรรยาจักฆ่าซึ่งคุณผัว คนชั่วจะมล้างผู้มีศักดิ์ เปนความรู ปากกาแดงขีดเสนใต
อันลูกศิษย์จักสู้ครูพัก จักหาญหักใหญ่ให้เป็นน้อย ขอความที่เปนขอสงสัย และใชดินสอ
คนพาลจักมีอ�านาจ นักปราชญ์ก็จักตกต�่าต้อย ขีดเสนใตขอความที่เปนขอคิดหรือ
กระเบื้องก็จักเฟื่องฟูลอย น�้าเต้าอันลอยจักถอยจม แนวคิดที่ไดรับจากการอาน
ท่านผู้มีสกูลจะสูญเผ่า เหล่าจัณฑาลจักเข้ามาสู่สม
ผู้มีศีลก็จักเสียอารมณ์ เพราะสมัครสมาคมด้วยพาลา
พระมหากษัตริย์จักเสื่อมสีหนาท ประเทศราษฎร์จักเสื่อมยศถา อธิบายความรู
คนอาสัจจักเลื่องลือชา พระธรรมาจักตกลึกลับ นักเรียนรวมกันอธิบายความรู
คนกล้าจักเสื่อมใจหาญ จักเสื่อมสิ้นวิชาการทั้งปวงสรรพ เกี่ยวกับเพลงยาวพยากรณกรุงศรี-
ผู้มีศีลก็จักถอยจากทรัพย์ สัปรุษก็จักอับซึ่งน�้าใจ อยุธยา ครูชวยอธิบายเพิ่มเติมและ
จักถอยอายุทั้งเดือนปี ประเพณีจักแปรปรวนตามนิสัย ใชคําถามเพื่อใหไดขอสรุปที่ถูกตอง
ทั้งแผ่นดินก็จักผอมไข้ ผลหมากรากไม้อันมีรส รวมกัน
ทั้งว่านยาก็จักอาเพศ จักเสื่อมคุณวิเศษทั้งปวงหมด • เพลงยาวพยากรณ
ทั้งจวงจันทน์พรรณไม้อันหอมรส จัดถอยถดไปตามประเพณี กรุงศรีอยุธยามีเนื้อหาเกี่ยวกับ
ทั้งเข้าจักยากหมากจักแพง ทุกสิ่งจักแล้งถ้วนถี่ สิ่งใด
จักเกิดทรพิษมิคสัญญี ฝูงผีจักเข้ามาปลอมปน (แนวตอบ การพยากรณถึง
อนาคตของกรุงศรีอยุธยา)
25 • นักเรียนคิดวาเหตุการณที่กลาว
ไวในเพลงยาวพยากรณกรุงศรี-
อยุธยาสามารถเกิดขึ้นจริง
หรือไม
(แนวตอบ นักเรียนสามารถ
นักเรียนควรรู ตอบไดอยางหลากหลาย ครู
สนับสนุนใหนักเรียนไดแสดง
เพลงยาว เปนชื่อคําประพันธประเภทกลอนแตงโดยไมจํากัดความยาว
ความคิดเห็นอยางอิสระ)
และมีขอบังคับทางฉันทลักษณเชนเดียวกับกลอนแปด ที่แตกตางกัน คือ
กลอนเพลงยาวตองขึ้นตนบทแรกดวยวรรครับ ไมขึ้นดวยวรรคสดับ
คูมือครู 25
สํารวจคนหา อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
ใช่เทศกาลหนาวก็หนาวพ้น ใช่เทศกาลฝนฝนก็อุบัติ...”
สื่อความหมายอยางไร
(แนวตอบ การใชถอยคําใน 26
ลักษณะที่ผูอานตองวิเคราะห
ความหมายของคําเพื่อใหเขาใจ
เนื้อหาสาระที่แทจริงที่ผูเขียน
ตองการสื่อมายังผูอาน ถอยคํา
ที่ปรากฏจะมีทั้งความหมาย นักเรียนควรรู
นัยตรงและนัยประหยัด)
สัญลักษณ ในงานประพันธปรากฏการใชในวัตถุประสงคที่แตกตางกัน วรรณคดีบางเรื่องใช
สัญลักษณเพื่อใหเกิดความหมายลึกซึ้ง เชน ขุนชาง ขุนแผน
26 คูมือครู
สํารวจคนหา อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
สํารวจคนหา
นักเรียนรวมกันอานออกเสียง
นิทานเซน : บทเรียนแรกของ
จากตัวอย่าง แม้จะกล่าวถึงความแปรปรวนของธรรมชาติ การเสื่อมคุณสมบัติของ ชางแกะสลัก จากหนังสือเรียนหนา
สิ่งมีค่า (ว่านยา) หรือแม้แต่การสูญเสียคุณธรรม จริยธรรมของประชาชนในสังคม แต่นัยที่แฝงอยู่ 27 - 28 เพื่อคนหาแนวคิดที่แฝงอยู
นั้นย่อมสื่อไปถึงสาเหตุที่ท�าให้เกิดความแปรปรวน นั่นคือ ผู้น�าหรือผู้ปกครองไม่ประพฤติตนอยู่ใน ภายในเรื่อง
ศีล สัตย์
ความเสื่อมความเป็นพระจักรพรรดิราช ในที่นี้หมายถึงกวีใช้ถ้อยค�า หรือความ เพื่อ อธิบายความรู
แสดงให้เห็นถึงความเสือ่ มถอย หรือความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินของพระมหากษัตริย์ 1. ครูชวนนักเรียนสนทนาเกี่ยวกับ
และชนชั้นปกครองประเทศ ดังนี้ เนื้อหาของนิทานเซน : บทเรียน
ความเสือ่ มพระราชอ�านาจ “...พระมหากษัตริยจ์ กั เสือ่ มสีหนาท ประเทศราษฎร์
■ แรกของชางแกะสลัก โดยให
จักเสื่อมยศถา ...” นักเรียนผลัดกันเลาเนื้อหาของ
พิจารณาความหมายจากน�้าเสียง เรื่อง ซึ่งครูจะทําหนาที่เริ่มตน
จากบทประพันธ์ดังกล่าว กวีใช้ถ้อยค�าแสดงน�้าเสียงที่มีความหมายแฝง มีลักษณะ คนแรก และใชวิธีการสุมเรียกชื่อ
เป็นสัญลักษณ์ และความเปรียบ เพื่อแสดงให้ผู้อ่านเห็นว่ากรุงศรีอยุธยาในเวลานั้นเกิดความ นักเรียนเพื่อเลาตอๆ กัน
เปลี่ยนแปลงไปในทางร้าย ดังอาจอธิบายพอสังเขปได้ ดังนี้ 2. ครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
■ “...มหาเมฆจักลุกเปนเพลิงกาล...” หากแปลความหมายโดยตรงกวีแสดงภาพให้ • แนวคิดทีน ่ กั เรียนไดรบั จากการ
ผู้ฟังหรือผู้อ่านมองเห็นว่าเมฆลุกไหม้เป็นไฟ ยังความร้อนแก่บ้านเมือง แต่หากพิจารณาให้ลึกลง อานนิทานเซน : บทเรียนแรก
ไปถึงนัยที่แฝงอยู่ จะเห็นว่า กวีแสดงภาพผ่านการใช้โวหารว่า แม้แต่เมฆ ซึ่งเป็นตัวแทนแห่งน�้า ของชางแกะสลัก คืออะไร
ความฉ�่าเย็น ยังแปรเปลี่ยนเป็นความรุ่มร้อนได้ อันสามารถเปรียบได้กับสภาวการณ์บ้านเมือง ที่ (แนวตอบ นักเรียนสามารถ
แปรเปลี่ยนจากความเป็นปกติสุข เป็นความรุ่มร้อนด้วยความวุ่นวาย ยังความล�าบากแก่ไพร่บ้าน แสดงความคิดเห็นไดอยาง
พลเมือง หลากหลาย คําตอบขึ้นอยูกับ
กวีเลือกใช้ถ้อยค�าที่มีลักษณะเป็นค�าตายในบทประพันธ์ เช่น “จัก” ซ�้าๆ กันหลายแห่ง ดุลยพินิจของครูผูสอน โดย
ส่วนใหญ่เป็นการขึ้นบรรทัดใหม่หรืออยู่ภายในวรรค จึงท�าให้น�้าเสียงในการอ่านมีความหนักแน่น ชี้แนะแกนักเรียนวา แนวคิดของ
ผู้อ่านและผู้ฟังจะเกิดความหวาดวิตกต่อค�าท�านาย ดังนั้น น�้าเสียงของกวีนิพนธ์ดังกล่าวจึงสะท้อน เรื่องคือ การมีสมาธิจดจออยูกับ
ให้เห็นเหตุการณ์และความวุ่นวายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ หรือเป็นสัญลักษณ์ของการสูญสิ้น สถานการณปจจุบัน)
นิทานเซน : บทเรียนแรกของช่างแกะสลัก
27
คูมือครู 27
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
28 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุนความสนใจ
ครูนําตัวอยางกรอบความคิดที่
สามารถหาไดจากสื่ออินเทอรเน็ต
และสามารถจ�าแนกความแตกต่างได้ ทั้งนี้เพราะจิตที่เป็นสมาธิ ควบคุมประสาทสัมผัสทางกาย หรืออาจจะเปนผลงานของครูหรือ
นั่นย่อมหมายถึงการฝึกฝน หรือท�าสิ่งใดก็ตาม สมควรเริ่มด้วยจิตที่เป็นสมาธิจึงจะสามารถ ของนักเรียนที่ครูรวบรวมไวมาให
ประสบความส�าเร็จได้ ดังข้อความ ว่า “ถูกต้อง การแกะสลักต้องอาศัยมือกับจิตทีเ่ ป็นหนึง่ เดียวกัน นักเรียนไดชม จากนั้นตั้งคําถามกับ
เจ้ารูส้ กึ ถึงความต่างของหินทีอ่ าจารย์ยนื่ ให้เนือ่ งเพราะมีจติ จดจ่ออยู่ ณ ทีน่ นั่ บัดนีเ้ จ้าผ่านบทเรียน นักเรียนวา
บทแรกของการแกะสลักพระพุทธรูปแล้ว” • นักเรียนคิดวา การเขียนกรอบ
พิจารณาจากน�้าเสียง ความคิดมีประโยชนอยางไร
จากนิทานเรื่อง “บทเรียนแรกของช่างแกะสลัก” อาจพิจารณาได้ว่าต้องการเสนอนัยแฝง ตอกระบวนการการเรียนรูของ
เรื่องการฝึกสมาธิ ควบคุมจิตใจ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ ทั้งทางธรรม และทางโลก หากจิตเป็น นักเรียน
สมาธิ ก็จะสามารถก�าหนดรู้เรื่องราว พิจารณาเหตุและผลต่างๆ ได้แตกฉานชัดเจน เช่น ในกรณี (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ
ทีเ่ ป็นนักเรียน นักศึกษา การใส่ใจฟังบรรยายในห้องเรียน เอาใจใส่ทบทวนต�าราอยูอ่ ย่างสม�า่ เสมอ ไดอยางหลากหลายตามความรู
ด้วยจิตใจทีต่ งั้ มัน่ มีสมาธิ มีสติในทุกขณะของการกระท�า ย่อมสามารถประสบความส�าเร็จได้ เป็นต้น และความเขาใจ)
๓ การอ่านเพื่อเขียนกรอบความคิด สํารวจคนหา
การเขียนกรอบความคิด (Mind Map) คือ การเรียบเรียงข้อมูล ความคิด องค์ความรู้ต่างๆ 1. นักเรียนรวมกันคนหาความรู
แล้วถ่ายทอดออกมาเป็นกรอบความคิดด้วยภาพ สัญลักษณ์ เส้นโยงน�าความคิด ความสัมพันธ์ระหว่าง ในประเด็นเกี่ยวกับประวัติและ
ประเด็นหลัก ประเด็นรองและประเด็นย่อยอื่นๆ ด้วยการวางประเด็นหลักไว้กลางหน้ากระดาษ ความหมายของกรอบความคิด
แล้วลากเส้นเชื่อมประเด็นหลักไปสู่ประเด็นรองและประเด็นย่อยอีกทีหนึ่ง 2. นักเรียนจับคูกับเพื่อนคนหา
ความรูในประเด็นแนวทางการ
๓.๑ แนวทางการเขียนกรอบความคิด เขียนกรอบความคิด
๑. ศึกษาเนื้อหาเรื่องที่ต้องการน�าเสนอ
๒. ศึกษาเอกสารข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
๓. ศึกษาวิเคราะห์เนือ้ หา พร้อมทัง้ พิจารณาแตกประเด็นความคิดหรือข้อมูลทีค่ ดิ ว่าจะ อธิบายความรู
น�าเสนอ 1. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนอธิบาย
๔. เรียบเรียงและจัดหมวดหมู่ความคิด รวมถึงตัดทอนประเด็นที่ไม่จ�าเป็นออก ความรูเกี่ยวกับประเภทของ
๕. น�าเสนอในรูปกรอบความคิด ดังนี้ เรื่องราวที่สามารถนํามาสรุปเปน
■ วางประเด็นหลักหรือประเด็นส�าคัญไว้ตรงกลางหน้ากระดาษ กรอบความคิดได
เขียนประเด็นรองไว้รอบประเด็นหลัก แล้วลากเส้นโยงน�าความคิด
■
(แนวตอบ เรื่องราวที่สามารถนํา
เขียนประเด็นย่อยของประเด็นรองแต่ละประเด็นไว้ตามหัวข้อ
■
มาเขียนกรอบความคิดไดมีหลาย
ประเภท เชน วรรณคดี วงจรชีวิต
พิจารณาน�าเสนอประเด็นต่างๆ ด้วยภาพหรือสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่
■
ของสัตว)
น�าเสนอ
2. นักเรียนรวมกันอธิบายความรู
29 เกี่ยวกับแนวทางการเขียนกรอบ
ความคิด
(แนวตอบ แนวทางการเขียนกรอบ
ความคิดสามารถทําได ดังนี้
1. ศึกษาเนื้อเรื่องอยางละเอียด
2. ศึกษาขอมูลที่เกี่ยวของ
3. แตกประเด็นความคิด
4. จัดหมวดหมูตัดที่ไมจําเปนออก
5. นําเสนอในรูปแบบกรอบ
ความคิด)
คูมือครู 29
สํารวจคนหา
กระตุนความสนใจ Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explain Expand Evaluate
๓) ลักษณะวรรณกรรม
วรรณกรรมซึ่งมุงแสดงแนวทาง
เป็นวรรณกรรมค�าสอนส�าหรับสอนข้าราชการ
ปฏิบัติตนในสังคม เชน สุภาษิต
■
ข้าราชการ
โคลงโลกนิติ อิศรญาณภาษิต โคลง
ค�าสอนบางส่วนเขียนขึ้นใหม่ตามสภาพความจ�าเป็นของสังคมในสมัยที่แต่ง
โสฬสไตรยางค โคลงนฤทุมนาการ
■
น�าเสนอโดยผ่านตัวละคร “พาลี”
เปนตน
■
30
นักเรียนควรรู
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร เปนวัดประจํารัชกาลที่ 1 และมหาวิทยาลัยแหงแรกของประเทศไทย
เนื่องจากเปนที่รวบรวมจารึกสรรพวิชาหลายแขนง และยูเนสโกไดขึ้นทะเบียนเปนมรดกความทรงจําโลกของภูมิภาค
เอเชียแปซิฟก
30 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู
1. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทน
2 คน รวมกันอธิบายความรูใน
๔) ที่มาของวรรณกรรม หัวขอที่กลุมของตนเองไดรับ
■ แต่งแปลงจาก “โคลงพาลีสอนน้อง” ฉบับ พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ มอบหมาย
■ เรียบเรียงจากหลัก “ราชวัสดีธรรม” ใน “วิธุรชาดก” ชาติที่ ๙ ในทศชาติ (แนวตอบ ประวัติวรรณคดีเรื่อง
๕) ลักษณะค�าประพันธ์ รามเกียรติ์ รามเกียรติ์เปน
■ ด�าเนินเรื่องด้วยอินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ จ�านวน ๓๔ บท วรรณคดีที่สําคัญของชาติไทย
■ บทสุดท้าย ปิดเรื่องด้วยโคลงกระทู้ ๑ บท แตรามเกียรติ์มิใชวรรณคดีไทยแท
๖) การด�าเนินเรื่อง แตมีที่มาจากมหากาพยเรื่อง
■ เปิดเรื่อง รามายณะ ที่แตงโดยฤษีวาลมีกิ
- ไม่มีบทประณามพจน์ หรือไหว้ครู บทละครเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับ
- กล่าวถึงพาลีระลึกได้ว่าตนเสียสัตย์กับพระนารายณ์ พระราชนิพนธพระบาทสมเด็จ-
- ยอมสละชีวิตด้วยศรพรหมาสตร์ของพระราม พระพุทธยอดฟาจุฬาโลกมหาราช
นับเปนฉบับที่มีความสมบูรณมาก
- เรียกสุครีพ องคต มาสั่งสอนข้อปฏิบัติ
ที่สุด)
ด�าเนินเรื่อง
(แนวตอบ เนื้อหาที่นําเสนอ
■
ู้ ๑ บ ท
ราชการ
ู้ “พาลีสอนน้อง”
า
กี ารเขียนขึน้ ใหม่
รรมทางพระพทุ ธศาสน
อน
รบั ขา้
๑๑
นอง จากหนังสือเรียน ในหนา 32
ฉันท์
กร ะ ท
คา� ส
ียร
รรม
ลง
วิเช
รณก
ย โค
โคลงกระท
ร
างสว่ นม
้
นท
ละป
ว
ร
อธิบายความรู อิ ื่องด
น ว
ด้วย ปิดเ
ร
เป ็
หลกั ธ
ื่อง
เนินเร
อนบ
ด�า
ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่ออธิบาย
สนอ
คา� ส
ลักษณะคําประพันธ
นา� เ
ความรู โดยครูตั้งคําถามกับนักเรียน
รพี และ
วา าร
รม
าชก
จดุ มุ่งหมาย
ท้ งั้ สคุ
รรม
ณกร
• กรอบความคิดเรื่อง ฉันทพาลี
ข้าร
ยา�้ ให
งึ
แกก่
พาลถี
ของ
วร ร
ณะ
ื่อง
ปิดเร
การนําเสนออยางไร
ิบ
ลกั ษ
การ
ข้อปฏ
ราช
(แนวตอบ กรอบความคิดเรื่อง
ขา้
เพื่อสั่งสอน
ง
ั ขิ อ
ฉันทพาลีสอนนอง มีลักษณะ
ปฏบิ ต
นา� เสน
ฉันทพาลี
สอนนอง
ความคิดหลัก และแตกประเด็น ก าร
ดาํ เน
ินเรอื่ ง
ความคิดรองจากความคิดหลัก
สอน “ร
จาก “โคลงพาลีสอนน้อง”
ว้ ดั พระเชตุพนวิมลมังคลาราม
โดยวิธีการใชสีเพื่อแยกแตละ
ดา� เนินเรอ่ ื ง
ประเด็นออกจากกัน ทําให
ทําความเขาใจไดโดยงาย)
รม
ณกร
ดีธรรม
ลง
เอง
เปดิ เรือ่ ง
ร
เเต่งแป
ผนงั ดา้
ทีม่ าของวร
ขยายความเขาใจ
ชวัส
บบั
- ๓๕
ะตนฉ
“ร า
นักเรียนนําองคความรูที่มีไป
ี่ ๒๐
ัก
หล
ัล ษณ
จาก
บทท
ปฏิบัติ
าํ สอน
ใชเปนแนวทางเพื่อเขียนกรอบ รียง
ก
เรียบเ
สอนข้อ
ย์กับพระนารายณ์
ความคิดเรื่องสั้นหรือวรรณคดี
ไมเ่ ก
ส าร ะ ค
มาสั่ง
ที่ตนเองสนใจนําเสนอบนแผน
าม
ต
องค
อ งพ ร ะ ร
บิ ตั หิ
ตนเสียสัต
์หรือไหว้ครู
ลา
นเอ
กส
า ส ต ร์ ข
ฏ
มอป
รป
่เห็นแก่ตัว
เรีย
องต
า
ในก
ปฏิบัติตนเสมอต้นเส
ม
่า
้าที่ข
ลึกได้ว
ห
ญ
ณ าม พจน
ร
ยศร พ
า
์ในห น
ตรวจสอบผล
ห
ะไ ม
ลีที่ระ
กลา้
ิตด้ว
ัวแล
ใหม้ คี วาม
ให้ซื่อสัตย
ประ
ว
พ
ช ี
1. ครูตรวจสอบการนําเสนอกรอบ
สละ
ง
ไม่มีบท
ือต
ถ ึ
กล่าว
ไม่ถ
ยอม
ความคิดของนักเรียน โดยเลา
เรื่องยอ และวิธีการแตกประเด็น 32
ความคิด จากนั้นเพื่อนๆ ลง
คะแนนเลือกผูที่สามารถเขียน
กรอบความคิดไดครอบคลุม
ชัดเจน ตรงประเด็นและมีความ หลักฐาน
สวยงามมากที่สุด แสดงผลการเรียนรู
2. นักเรียนตอบคําถามประจําหนวย ผลงานกรอบความคิดของนักเรียน
การเรียนรู
32 คูมือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
เกร็ดแนะครู
(แนวตอบ คําถามประจําหนวยการ
เรียนรู
คําถาม ประจําหนวยการเรียนรู 1. พิจารณาไดดังตอไปนี้
• พิจารณาจากชื่อเรื่อง เนน
๑. การพิจารณาใจความสําคัญของขอความสามารถทําไดโดยวิธีใด ยอหนาแรกและยอหนา
๒. จงอธิบายแนวทางการอานวิเคราะหความหมายของคํามาพอสังเขป สุดทาย
๓. การอานเพื่อเขียนกรอบความคิดมีวิธีการอยางไร จงอธิบาย • พิจารณาใจความทีละยอหนา
๔. การอานจับใจความสําคัญ มีสวนชวยพัฒนาการอานหรือพัฒนาการเรียนของนักเรียนอยางไร • ตัดรายละเอียดปลีกยอย
จงอธิบาย • ตั้งคําถามเมื่ออานจบ
๕. เมื่อนักเรียนไดศึกษาการอานจับใจความ การอานวิเคราะหความหมายของคําและการอานเพื่อเขียน 2. การพิจารณาความหมายของ
กรอบความคิด นักเรียนคิดวาทักษะดังกลาวมีประโยชนตอการดําเนินชีวิตประจําวันของนักเรียน คํา พิจารณาไดจากพจนานุกรม
อยางไร ฉบับราชบัณฑิตยสถาน
พุทธศักราช 2554 เชนเดียวกับ
ที่ตองพิจารณาคําที่เปนสํานวน
โวหาร และตองสังเกตบริบท
รอบขางประกอบ นอกจากนี้
ตองพิจารณานํ้าเสียงและสีหนา
ผูพูดประกอบ
กิจกรรม สรางสรรคพัฒนาการเรียนรู
3. เริ่มจากศึกษาเนื้อหาเอกสาร
ที่เกี่ยวของ จากนั้นวิเคราะห
กิจกรรมที่ ๑ นักเรียนเขียนกรอบความคิดเกี่ยวกับธรรมชาติ แลวนํามาแสดงไวบนปายนิเทศใน ขอมูลแลวเรียบเรียงประเด็น
หองเรียน สําคัญเพื่อนําเสนอความคิด
กิจกรรมที่ ๒ นักเรียนคนควาความหมายของคําวา “ทรรศนะ” “ความเชื่อ” “พลความ” จากสื่อ
โดยวางประเด็นหลักไวกลาง
อินเทอรเน็ต พรอมยกตัวอยางนํามาอานใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน
กระดาษ แลวลากเสนโยงความ
กิจกรรมที่ ๓ นักเรียนเลือกผลงานรอยแกวหรือรอยกรองที่ตนเองสนใจแลวนํามาอาน เพื่อ
วิเคราะหความหมายของคําตามแนวทางที่ไดศึกษา เรียบเรียงลงสมุดสงครูผูสอน คิดไปสูประเด็นยอยตางๆ อาจ
ใชภาพหรือสัญลักษณประกอบ
4. การอานจับใจความสําคัญ
ชวยใหเปนนักอานที่เขาใจเรื่อง
ไดรวดเร็ว ซึ่งสงผลใหเขาใจ
บทเรียนไดรวดเร็วเชนกัน
5. ทําใหเขาใจสถานการณตางๆ
ไมถูกหลอก ชวยในเรื่องการ
ตัดสินใจไดอยางถูกตองและ
33 รวดเร็ว ที่สําคัญ คือ เปน
ประโยชนตอการเรียนรู เพราะ
ถาเขาใจสารไดเร็ว ก็จะรับสาร
ไดมาก เปนคนมีความรูทันโลก
ทันเหตุการณ)
คูมือครู 33
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
เปาหมายการเรียนรู
1. วิเคราะห วิจารณและประเมินเรื่อง
ที่อานโดยใชกลวิธีการเปรียบเทียบ
เพื่อใหผูอานเขาใจไดดีขึ้น
2. ประเมินความถูกตองของขอมูลที่
สนับสนุนเรื่องที่อาน
3. วิจารณความสมเหตุสมผลการ
ลําดับความและความเปนไปได
ของเรื่อง
4. วิเคราะหวิจารณแสดงความคิด
เห็นโตแยงเรื่องที่อาน
5. สามารถตีความและประเมิน
คุณคาแนวคิดที่ไดจากเรื่องที่อาน
และสามารถนําไปปรับใชในชีวิต
ประจําวัน
กระตุนความสนใจ
ó
นักเรียนดูภาพประกอบหนาหนวย
จากนั้นครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
• นักเรียนคิดวาบุคคลในภาพ
กําลังอยูในสถานการณใดและ หนวยที่
ใชทักษะในการสื่อสารประเภท
ใด
การอานวินิจสาร
(แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ ตัวชี้วัด
ไดอยางหลากหลาย คําตอบขึ้น ■ วิเคราะห วิจารณและประเมินเรื่องที่อานโดยใชกลวิธีการเปรียบเทียบ ก ารอ่านวินจิ สารเป็นการอ่านในระดับ
อยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน) เพื่อใหผูอานเขาใจไดดีขึ้น (ท ๑.๑ ม.๓/๕) สู ง เพราะเป็ น การอ่ า นที่ ผู ้ อ ่ า นจะต้ อ ง
ประเมินความถูกตองของขอมูลทีใ่ ชสนับสนุนในเรือ่ งทีอ่ า น(ท ๑.๑ ม.๓/๖)
แยกแยะคุ ณค่าของสารที่อ่านว่าดีหรือไม่
■
34 คูมือครู
สํารวจคนหา อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
สํารวจคนหา
1. นักเรียนจับคูกับเพื่อนรวมกัน
คนหาความหมายของการอาน
๑ การอ่านตีความ ตีความและแนวทางการอาน
การอ่านเป็นทักษะทางภาษาทีม่ คี วามหมายส�าคัญอย่างยิง่ ในวิถชี วี ติ ปัจจุบนั ไม่วา่ สิง่ ทีอ่ า่ นนัน้ ตีความ
จะเป็นหนังสือหรือสือ่ อิเล็กทรอนิกส์ตา่ งๆ การอ่านไม่เพียงแต่เป็นการอ่านออกเสียงตามตัวอักษรเท่านัน้ 2. นักเรียนรวมกันคนหาความรู
หากแต่ต้องสามารถเข้าใจเนื้อหาของสิ่งที่อ่าน รวมทั้งควรพัฒนาการอ่านให้สามารถอ่านตีความสาร ในประเด็นประเภทของการอาน
ที่อ่านได้อย่างถูกต้อง ตีความ
การอ่านตีความเป็นการอ่านในใจอย่างละเอียด พยายามท�าความเข้าใจความหมายจากสิง่ ทีอ่ า่ น
เพื่อจะได้ทราบความหมาย จุดประสงค์และน�้าเสียงที่ผู้เขียนสื่อมายังผู้อ่านได้อย่างถูกต้องและชัดเจน อธิบายความรู
๑.๑ แนวทางการอ่านตีความ 1. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่ออธิบาย
แนวทางการอ่านตีความ สามารถจัดแบ่งเป็นขั้นตอนต่างๆ ดังนี้ ความรูเกี่ยวกับความหมายของ
๑) อ่านอย่างคร่าวๆ เพื่อส�ารวจงานเขียนนั้นๆ ว่าเกี่ยวกับเรื่องใด เป็นร้อยแก้วหรือ การอานตีความ ที่ไดจากการ
ร้อยกรองหรือเป็นงานเขียนประเภทใด เช่น สารคดี นวนิยาย เรื่องสั้น บทความหรือกวีนิพนธ์ สืบคน
๒) อ่านอย่างละเอียด เพือ่ พิจารณาว่าเนือ้ หาใจความส�าคัญกล่าวถึงเรือ่ งใด ข้อความ (แนวตอบ การอานตีความ เปน
ใดเป็นข้อเท็จจริง ข้อความใดเป็นความคิดเห็นของผู้เขียนหรือเป็นข้อความที่แสดงอารมณ์ความรู้สึก ทักษะการอานขั้นสูง โดยผูอาน
ตองจับใจความสําคัญของเรื่อง
๓) วิเคราะห์ถ้อยค�าที่อาจมีความหมายเฉพาะ หรือมีการเปรียบเทียบด้วยการใช้ ไดทั้งหมด แปลความหรือเขาใจ
โวหารหรือภาพพจน์หรือเป็นค�าที่มีความหมายหลายนัย เพื่อให้ผู้อ่านน�าความหมายของถ้อยค�ามา ความหมายของเรื่อง หลังจากนั้น
พิจารณาประกอบให้เข้าใจความหมายของสารได้ชัดเจน จึงตีความเพื่อทําความเขาใจ
๔) พิจารณาน�า้ เสียงของผูเ้ ขียน ว่าเป็นน�า้ เสียงเชิงสัง่ สอน ประชดประชันหรือแสดง ความหมายบางประการที่ผูเขียน
ความรู้สึกยินดี เสียใจ เป็นต้น เนื่องจากน�้าเสียงจะสัมพันธ์กับจุดมุ่งหมายของผู้เขียนที่สื่อมายังผู้อ่าน แฝงอยู)
๕) สรุปสารที่ได้จากการอ่านตีความ เมื่อตีความข้อความทั้งหมดแล้วจะสามารถ 2. นักเรียนยืนในลักษณะวงกลม เพื่อ
เข้าใจความหมายของสารที่ผู้เขียนต้องการสื่อสารมายังผู้อ่านได้ชัดเจน อธิบายความรูเกี่ยวกับแนวทาง
การอานตีความ ในลักษณะโตตอบ
๑.๒ ประเภทของการอ่านตีความ รอบวง
๑) การอ่านตีความบทร้อยแก้ว สามารถท�าได้โดยพิจารณาความหมายหรือข้อความ (แนวตอบ แนวทางการอานตีความ
ทีส่ อื่ ความหมายโดยนัย อาจท�าได้โดยการอ่านข้อความนัน้ หลายครัง้ และพิจารณาถ้อยค�าทีใ่ ช้ซงึ่ สัมพันธ์ สามารถปฏิบัติเปนขั้นตอนไดดังนี้
กับข้อความในบริบท • อานอยางคราวๆ
• อานอยางละเอียด
๒) การอ่านตีความบทร้อยกรอง มีข้อจ�ากัดเนื่องจากบทร้อยกรองเป็นค�าประพันธ์
• วิเคราะหถอยคําที่อาจมี
ที่ถูกก�าหนดด้วยรูปแบบค�าประพันธ์หรือฉันทลักษณ์ ดังนั้นในการอ่านผู้อ่านต้องสรุปสาระส�าคัญซึ่ง
ความหมายเฉพาะ
ได้จากการตีความหมายโดยนัยและต้องมีความเข้าใจเรื่องภาพพจน์ เช่น การเปรียบเทียบแบบอุปมา
• พิจารณานํ้าเสียงของผูเขียน
อุปลักษณ์ ฯลฯ เพื่อช่วยในการตีความของบทร้อยกรองได้ชัดเจนมากขึ้น ที่อาจสอดแทรกอยูในบท
35 สนทนาของตัวละคร
• สรุปสาระที่ไดจากการอาน
ตีความ)
3. นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่ออธิบายความรูเกี่ยวกับประเภทของการอานตีความในลักษณะโตตอบรอบวง
(แนวตอบ การอานตีความ สามารถแบงประเภทไดตามรูปแบบของงานที่อาน คือ การอานตีความ
บทรอยแกวและการอานตีความบทรอยกรอง)
คูมือครู 35
สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ Explore Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Evaluate
กระตุนความสนใจ
ครูตั้งคําถามกับนักเรียนเพื่อนํา
๓ การอ่านประเมินคุณค่า เขาสูหัวขอการเรียนการสอน
• นักเรียนเขาใจความหมายของ
การอ่านประเมินคุณค่า เป็นขัน้ ตอนการอ่านทีต่ อ่ เนือ่ งจากการอ่านวิเคราะห์ วิจารณ์ เนือ่ งจาก
คําวา “การอานประเมินคุณคา”
เป็นการอ่านเพื่ออธิบายลักษณะของงานเขียนหรือสารที่อ่านว่าดีหรือไม่ดีอย่างไร มีคุณค่าหรือมี วาอยางไร
ข้อบกพร่องอย่างไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถ
ด้วยเหตุนี้ก่อนที่จะมีการประเมินคุณค่างานเขียน ผู้ประเมินค่าจะต้องวิจารณ์งานเขียนอย่าง ตอบไดอยางหลากหลาย ตาม
ละเอียด เพื่อท�าความเข้าใจ ตีความหมายที่แฝงเร้น วิเคราะห์เนื้อหาของงานและพิจารณาคุณค่าของ พื้นฐานความรู ความเขาใจ
งานเขียนทั้งในด้านของสังคมและความงามทางวรรณศิลป์ ดั้งเดิมของนักเรียน)
๓.๑ แนวทางการอ่านประเมินคุณค่า
๑) พิ จ ารณาเนื้ อ หาและองค์ ป ระกอบของเนื้ อ หา ว่ า เนื้ อ หาของสิ่ ง ที่ อ ่ า นมี สํารวจคนหา
องค์ประกอบใดบ้าง เพื่อแยกแยะว่าแต่ละส่วนมีลักษณะอย่างไร มีความสัมพันธ์กันหรือไม่อย่างไร
นักเรียนรวมกันอภิปรายเพื่อสราง
๒) พิจารณาคุณค่าด้านวรรณศิลป์ เป็นการพิจารณาถึงการใช้ภาษาและความงาม องคความรูเกี่ยวกับการอานประเมิน
ทางภาษาในงานเขียน ว่างานเขียนนัน้ มีการใช้ภาษาทีเ่ หมาะสมกับเนือ้ หา มีความไพเราะงดงาม และ คุณคา โดยใชเวลาในการอภิปราย
มีการใช้เสียงและความหมายที่ช่วยให้เกิดจินตนาการในการอ่านได้มากเพียงใด รวมกันประมาณ 30 นาที ซึ่ง
๓) พิจารณาแนวคิด เป็นการพิจารณาว่าผูเ้ ขียนน�าเสนอเรือ่ งราวใด มีแง่คดิ ใดบ้างทีม่ ี นักเรียนอาจหาความรูไดจากแหลง
คุณค่า มีการเสนอแนวทางในการน�าข้อมูลแนวคิดทีด่ มี คี ณ ุ ค่าไปใช้ในชีวติ ประจ�าวันได้อย่างไร งานเขียน การเรียนรู เชน หนังสือเรียนวิชา
ชิ้นหนึ่งๆ อาจมีผลต่อผู้อ่านได้สองประการใหญ่ๆ คือ ผลทางด้านความเพลิดเพลินและผลทางด้าน ภาษาไทย เว็บไซตทางการศึกษา
สติปัญญา
การอ่านวินิจสารเป็นการอ่านที่มี อธิบายความรู
ความลึกซึง้ มากกว่าการอ่านเพือ่ จับใจความส�าคัญ
นักเรียนยืนในลักษณะวงกลม
เพราะการอ่ า นวิ นิ จ สารผู ้ อ ่ า นจะต้ อ งสามารถ
เพื่ออธิบายความรูเกี่ยวกับการอาน
ประเมินค่าเรื่องที่อ่านได้ว่ามีประโยชน์และจะน�า
ประเมินคุณคาในลักษณะโตตอบ
ไปปรับใช้ในชีวติ ประจ�าวันได้อย่างไร กระบวนการ รอบวง ใหนักเรียนไดมีโอกาสแสดง
ของการวินิจสารผู้อ่านจะต้องเริ่มจากการตีความ ความรูที่ไดสืบคนรวมกับเพื่อนๆ
เรื่ อ งที่ อ ่ า นว่ า ผู ้ เ ขี ย นต้ อ งการสื่ อ สารเรื่ อ งใด (แนวตอบ การอานประเมินคุณคา
โดยพิจารณาจากน�้าเสียงของผู้ประพันธ์ที่แฝงอยู่ เปนขั้นตอนการอานที่ตอเนื่องจาก
ในผลงาน รวมถึงการตีความจากความหมายของค�า การอานวิเคราะห วิจารณ เปนการ
เพราะงานเขียนทีไ่ ด้รบั การยอมรับว่ามีคณ ุ ค่าจะไม่ อานเพื่ออธิบายลักษณะของงาน
สือ่ สารกับผูอ้ า่ นอย่างตรงไปตรงมา แต่จะใช้ถอ้ ยค�าที่ ปัจจุบันมีหนังสือนานาชนิดสําหรับประชาชนได้เลือก เขียนวาดีหรือไม อยางไร มีแนวทาง
แฝงนัยส�าคัญ เพื่อให้ผู้อ่านตีความด้วยตนเอง อ่านตามความสนใจ ดังนี้
1. พิจารณาเนื้อหาและองค-
37 ประกอบของงานเขียน
2. พิจารณาความงดงามทาง
วรรณศิลป
3. พิจารณาแนวคิดที่ปรากฏใน
เรื่อง)
นักเรียนควรรู
แนวคิด ในงานประพันธทุกประเภทไมวาจะเปนรอยแกวหรือรอยกรอง
จะปรากฏแนวคิดที่ผูเขียนตองการสื่อมายังผูอาน โดยแนวคิดอาจแฝงอยู
ภายใตองคประกอบตางๆ ของงาน เชน บทสนทนาของตัวละคร
คูมือครู 37
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
อธิบายความรู
1. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออก
มาอธิบายความรูในหัวขอที่กลุมได 38
รับมอบหมาย
2. นักเรียนรวมกันอานออกเสียง
บทกวีนิพนธเรื่อง “อยูเพื่ออะไร”
ของอุชเชนี
นักเรียนควรรู
กวีนิพนธ หมายถึง คําประพันธที่แตงขึ้นอยางมีศิลปะและมีคุณสมบัติเปนสื่อกลางความเขาใจ
ระหวางผูแตงและผูอาน ใชภาษาที่งดงาม มีจังหวะ ถอยคําที่เปนสัญลักษณทําใหผูอานเกิด
ความรูสึกสะเทือนอารมณและคิดคลอยตาม
38 คูมือครู
สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ Explore Explain Expand Evaluate
Engage
สํารวจคนหา
1. นักเรียนรวมกันคนหาความหมาย
ของกวีนิพนธเรื่อง “อยูเพื่ออะไร”
การอ่านตีความ : บทร้อยกรองเรื่อง “อยู่เพื่ออะไร” ของอุชเชนี ของอุชเชนี
2. นักเรียนศึกษาตัวอยางการอาน
ขั้นตอนที่ ๑ อ่านอย่างคร่าวๆ ตีความบทกวีนิพนธเรื่อง “อยูเพื่อ
ผลงานเขียนบทนี้ เป็นบทร้อยกรองประเภทกวีนิพนธ์ที่แต่งขึ้นโดย “อุชเชนี” อะไร” ของอุชเชนี จากหนังสือเรียน
ขั้นตอนที่ ๒ อ่านอย่างละเอียด ในหนา 39 - 40 เพื่อสืบคน
ฉัน (ผู้แต่ง) มีชีวิตอยู่เพื่อบุคคลที่รัก ผู้ซึ่งมีใจซื่อสัตย์สุจริต และมีความรักในตัวฉันเหมือน องคความรูเรื่องการอานตีความ
ชีวิตของเขา พร้อมที่จะให้อภัยในความผิดพลาดของฉัน
ฉันอยู่เพื่อหน้าที่ในการเป็นความหวังหล่อเลี้ยงหัวใจคน (ผู้ล�าบากกว่า) อยู่เพื่อค้นหา อธิบายความรู
สัจธรรมท่ามกลางสังคมที่ลุ่มหลงเมามัว เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ทั้งยังอยู่เพื่อเป็นผู้น�าทางให้
นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อ
ประชาชนพ้นจากอวิชชา คือ ความหลงผิดที่ครอบง�าอยู่ และเพื่อเป็นก�าลังใจให้กับคนที่ไร้ญาติ อธิบายความรูในลักษณะโตตอบ
ขาดมิตร ผู้แร้นแค้นอับโชควาสนา ให้พอที่จะยืนหยัดอยู่อย่างมีความสุขได้ รอบวง โดยครูใชคําถามเพื่อใหได
ฉันอยูเ่ พราะยังศรัทธาต่อความเป็นเพือ่ นมนุษย์ทรี่ ว่ มกันต่อสูเ้ พือ่ มีชวี ติ รอดในสังคม ดังนัน้ ขอสรุปที่ถูกตองรวมกัน
ฉันจึงอยูเ่ พือ่ ท�าความฝันอันสวยงาม คือ สร้างสังคมทีด่ แี ละน่าอยูใ่ ห้แก่คนยากไร้ทลี่ า� บาก เพือ่ ช่วย • ความหมายของกวีนิพนธ “อยู
ให้คนเหล่านั้นพ้นจากการหลอกลวง การถูกมอมเมาด้วยสินจ้างรางวัล และการถูกกดขี่ข่มเหง เพื่ออะไร” ของอุชเชนีมีวา
เพื่อสู่ยุคใหม่ที่เป็นแสงสว่างน�าชีวิต อยางไร
(แนวตอบ กวีนิพนธอยูเพื่ออะไร
ขั้นตอนที่ ๓ พิจารณาน�้าเสียงของกวี
ของอุชเชนี มีความหมายถึง
น�า้ เสียงของอุชเชนีทแี่ ฝงอยูใ่ นกวีนพิ นธ์เรือ่ ง “อยูเ่ พือ่ อะไร” แฝงการเสียดสี ประชดประชัน บุคคลคนหนึ่งที่มีชีวิตอยูเพื่อ
ระบบการปกครองและผู้มีอ�านาจบริหารประเทศ ว่าไม่สนใจดูแลทุกข์สุข การกดขี่ข่มเหงราษฎร บุคคลที่รักและขยายไปสูการมี
จากเนือ้ ความนี้ กวีตงั้ ปณิธานว่าเมือ่ ผูม้ อี า� นาจไม่ปฏิบตั หิ น้าที่ ตนก็จะขอเป็นก�าลังใจและเป็นผูน้ า� ชีวิตอยูเพื่อคนยากไร เพื่อชวย
น�าคนเหล่านั้นให้ไปสู่ยุคใหม่ สมัยใหม่ที่เท่าเทียมและเป็นสุข ดังค�าประพันธ์ เหลือคนเหลานั้นใหพนทุกข)
...ฉันอยู่เพื่อยุคทองของคนยาก ที่เขาถากทรกรรมซ�้าบั่นหัว • ลักษณะการนําเสนอของ
เพื่อความถูกที่เขาถมจมทั้งตัว เพื่อความกลัวกลับบ้าบั่นอาธรรม ตัวอยางการอานตีความเปน
เพื่อโลกใหม่ใสสะอาดพิลาศเหลือ เมื่อคนเอื้อไมตรีอวยไม่ขวยข�า อยางไร
(แนวตอบ ลักษณะการนําเสนอ
เพื่อแสงรักส่องรุ่งพุ่งเป็นล�า สว่างน�าน้องพี่มีชัยเอย...
ของตัวอยางการอานตีความ
ขั้นตอนที่ ๔ วิเคราะห์ถ้อยค�าที่อาจมีความหมายแฝง แบงลําดับหัวขอตามขั้นตอน
กวีนิพนธ์ “อยู่เพื่ออะไร” ของอุชเชนี มีความโดดเด่นที่แนวคิดซึ่งผู้เขียนน�าเสนอผ่าน จึงทําใหสามารถอานเขาใจได
การเลือกสรรใช้ถ้อยค�า ซึ่งปรากฏทั้งถ้อยค�าที่สื่อความหมายอย่างตรงไปตรงมาและถ้อยค�าที่ไม่ได้ โดยงาย)
สื่อความหมายตรงตามรูปค�าแต่แฝงนัยส�าคัญหรือเป็นสัญลักษณ์ของบางสิ่งบางอย่าง เช่น
ขยายความเขาใจ
39
ครูและนักเรียนรวมกันทบทวน
องคความรูเกี่ยวกับแนวทางการอาน
ตีความและลักษณะรูปแบบการนํา
ตรวจสอบผล เสนอของตัวอยางการอานตีความ จากนั้นครูนําตัวอยางกวีนิพนธ
ครูสุมเรียกชื่อนักเรียน อธิบายการ “เพียงความเคลื่อนไหว” ของ เนาวรัตน พงษไพบูลย มาให
อานตีความบทกวีนิพนธ “เพียงความ นักเรียนฝกอานพรอมๆ กัน รวมกันอธิบายเนื้อหาของกวีนิพนธ
เคลื่อนไหว” ใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน จากนั้นใหนักเรียนนํามาอานตีความโดยใชแนวทางที่ไดศึกษา
ครูประเมินความถูกตอง
คูมือครู 39
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
40 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู
นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อ
อธิบายความรูในลักษณะโตตอบ
ขั้นตอนที่ ๒ บอกประเภทและจุดมุ่งหมายของเรื่อง รอบวง โดยครูใหนักเรียนมีโอกาส
กวีนิพนธ์บทนี้ ไม่ได้เคร่งครัดในเรื่องฉันทลักษณ์ของค�าประพันธ์ แต่เน้นที่การถ่ายทอด แสดงความรู ความเขาใจเกี่ยวกับ
อารมณ์ความรู้สึกที่ผู้แต่งมีต่อสังคมไปยังผู้อ่าน ผู้ฟัง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทุกคนเกิดจิตส�านึก ลักษณะการนําเสนอของตัวอยาง
ร่วมกัน เห็นใจในความทุกข์ยากของผู้ยากไร้ในสังคมและพร้อมต่อสู้ไปพร้อมกันเพื่อเดินทางไปพบ การอานวิเคราะห วิจารณ
กับวันใหม่ สังคมใหม่ที่ดีกว่า ที่ปราศจากการกดขี่ (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบได
ขั้นตอนที่ ๓ กล่าวถึงบริบทที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวที่อ่าน อยางหลากหลายตามความคิดเห็น
ประคิณ ชุมสาย ณ อยุธยา เกิดเมื่อวันที่ ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ของตน)
เดิมชื่อ ประคิณ กรองทอง เข้าศึกษาที่ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย
สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เป็นทีห่ นึง่ ของประเทศ จบปริญญาโทเกียรตินยิ ม ภาษาฝรัง่ เศส พ.ศ. ๒๔๘๘ ขยายความเขาใจ
และได้ทุนไปศึกษาต่อที่ปารีส ๑ ปี ระหว่างศึกษาที่ประเทศฝรั่งเศส ได้อ่านหนังสือวรรณคดี
ครูและนักเรียนรวมกันทบทวน
ชั้นเยี่ยมของฝรั่งเศสจ�านวนมาก ซึ่งมีอิทธิพลต่อความคิดที่จะสร้างสรรค์งานที่มีค่าต่อสังคม เมื่อ
องคความรูเกี่ยวกับแนวทางการ
กลับมาเป็นอาจารย์มีโอกาสได้ติดตามนายแพทย์และบาทหลวงเข้าไปท�างานที่แหล่งเสื่อมโทรม
อานวิเคราะห วิจารณ และลักษณะ
และมีจิตส�านึกแบบชาวคาทอลิกที่เคร่งครัดว่าควรจะต้องท�าอะไรเพื่อคนจน ท�าให้เธอได้เขียน รูปแบบการนําเสนอของตัวอยาง
บทกวีทสี่ ะท้อนภาพสังคมในเชิงมนุษยธรรม และต่อมาเธอกลับมาเป็นอาจารย์ทคี่ ณะอักษรศาสตร์ การอานวิเคราะห วิจารณ จากนั้น
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและได้สมรสกับหม่อมหลวงจิตรสาน ชุมสาย ครูนําตัวอยางกวีนิพนธ “เพียงความ
ประคิณ ชุมสาย ณ อยุธยา เริม่ เขียนกลอนตัง้ แต่เข้าเรียนทีค่ ณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ เคลื่อนไหว” ของ เนาวรัตน
มหาวิทยาลัย ใช้นามปากกาว่า “อุชเชนี” พ.ศ. ๒๔๘๙ เริม่ เขียนกลอนสัน้ “มะลิแรกแย้ม” ลงพิมพ์ พงษไพบูลย มาใหนักเรียนอาน
ในหนังสือ “บ้าน - กับโรงเรียน” ในนาม “มลิสด” พ.ศ. ๒๔๙๑ เปลี่ยนแนวการแต่งจากรักเป็น วิเคราะห วิจารณโดยใชแนวทางที่
เรื่องของคนทุกข์ยากคือ “ใต้ - โค้งสะพาน” ลงในหนังสือ “การเมือง” พ.ศ. ๒๔๙๙ มีการรวม ไดศึกษา
พิมพ์เป็นเล่ม โดยใช้นามปากกา อุชเชนี ส�าหรับกวีนิพนธ์ และนิด นรารักษ์ ซึ่งเป็นนามปากกาที่
ใช้สา� หรับงานเขียนประเภทความเรียงร้อยแก้ว ชือ่ “ขอบฟ้าขลิบทอง” บอกเล่าเรือ่ งราวเพือ่ เสริม
ตรวจสอบผล
สร้างการมองโลกในแง่ดี โดยเฉพาะความรู้สึกของชนชั้นกลางที่เห็นคุณค่าของชนชั้นที่ต�่ากว่า ไม่มี
การแบ่งชั้นวรรณะ ระหว่างความรวยและความจน ครูสุมเรียกชื่อนักเรียน อธิบายการ
จากที่อุชเชนีมีผลงานการประพันธ์ที่ทรงคุณค่า จึงได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ อานวิเคราะห วิจารณบทกวีนิพนธ
สาขาวรรณศิลป์ (กวีนิพนธ์) พร้อมกับ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ในปี พ.ศ. ๒๕๓๖ “เพียงความเคลื่อนไหว” ใหเพื่อนฟง
หนาชัน้ เรียน ครูประเมินความถูกตอง
ขั้นตอนที่ ๔ วิเคราะห์เนื้อเรื่องในด้านต่างๆ
กวีนพิ นธ์ “อยูเ่ พือ่ อะไร” ของอุชเชนี มีความโดดเด่นทีแ่ ก่นเรือ่ งหรือแนวคิดของผูป้ ระพันธ์
ทีต่ อ้ งการสือ่ สารมายังผูอ้ า่ น ลักษณะการใช้ถอ้ ยค�าเพือ่ การสือ่ สารทัง้ แบบตรงไปตรงมาและแฝงนัย @
ส�าคัญบางประการไว้ ถ้อยค�าแต่ละค�าทีถ่ กู ร้อยเรียงเกีย่ วเนือ่ งกันจะแฝงไว้ซงึ่ อารมณ์ความรูส้ กึ ของ มุม IT
ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติและ
41 ผลงานของศิลปนแหงชาติ สาขา
วรรณศิลปหรือสาขาอื่นไดจาก
เว็บไซตของสํานักงานคณะกรรมการ
วัฒนธรรมแหงชาติ http://artcul-
ture.go.th/
คูมือครู 41
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
42
42 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู
นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อ
อธิบายความรูในลักษณะโตตอบ
การพิจารณาคุณค่าด้านวรรณศิลป์ เพื่อประเมินคุณค่าของบทกวีนิพนธ์“อยู่เพื่ออะไร” รอบวง โดยครูใหนักเรียนมีโอกาส
พบว่ากวีเลือกใช้ถอ้ ยค�าเพือ่ สือ่ ความคิด ความเข้าใจ ความต้องการ และอารมณ์ได้อย่างงดงาม ดังนี้ แสดงความรู ความเขาใจเกี่ยวกับ
๑. เลือกใช้ถ้อยค�าได้ถูกต้องตรงความหมาย เช่น ใช้ค�าไวพจน์ที่มีความหมายว่า ลักษณะการนําเสนอของตัวอยาง
“สวยงาม” ได้อย่างเหมาะสมแก่คา� ทีถ่ กู ขยาย เช่น “ฉันอยูเ่ พือ่ ความฝันอันเพริศแพร้ว” และ “เพือ่ การอานประเมินคุณคา
โลกใหม่ใสสะอาดพิลาศเหลือ” (ค�าที่ขีดเส้นใต้มีความหมายว่า สวยงาม) (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ
๒. เลือกค�าโดยค�านึงถึงเสียง กวีสามารถเล่นเสียงสัมผัสอักษร เช่น อยู่ - เยื่อ - ใย และ ไดอยางหลากหลายตามความรู
สัมผัสสระ เช่น เพือ่ - เยือ่ , ใย - ใจ นอกจากนีย้ งั ใช้คา� ซ�า้ เพือ่ เพิม่ ความไพเราะ เช่น ฉันอยูเ่ พือ่ บุคคล ความคิดเห็นของตน)
ที่ฉันรัก ฉันอยู่เพื่อหน้าที่ที่พันผูก ฉันอยู่เพื่อค้นคว้าหาสัจจะ เป็นต้น
๓. การใช้ความเปรียบ เช่น กวีเปรียบเทียบความรักของบุคคลที่รักฉันเท่าชีวิตและ
พร้อมที่จะให้อภัยในความหลง และความผิดที่ฉันท�า ดังนี้ “และรักฉันมั่นมานปานชีวิต ในความ ขยายความเขาใจ
ผิดความหลงปลงอภัย” เป็นต้น 1. ครูและนักเรียนรวมกันทบทวน
๔. การใช้โวหารภาพพจน์ เช่น องคความรูเกี่ยวกับแนวทางการ
- อุปลักษณ์ เช่น “เป็นท่อธารรักท้นล้นพ้นไป หล่อดวงใจแล้งรื่นให้ชื่นบาน” อานประเมินคุณคา และลักษณะ
“เป็นเกลียวมั่นขันแกร่งแรงกลืนกลม พายุร้ายสายลมมิอาจรอน” ข้อความนี้ กวีเปรียบตัวเอง รูปแบบการนําเสนอของตัวอยาง
เป็นธารความรัก และเป็นเกลียวกระชับสัมพันธ์ การอานประเมินคุณคา จากนั้น
- การใช้ค�าปฏิภาค หรือ ค�าตรงกันข้าม เช่น “เพื่อสื่อแสงแจ้งสว่างพร่างตระการ ครูนําตัวอยางกวีนิพนธ “เพียง
กลางวิญญาณมืดมิดอวิชชา” ซึง่ กวีใช้คา� แสงสว่างท่ามกลางความมืด อันแสดงให้เห็นภาพทีต่ า่ งกัน ความเคลื่อนไหว” ของ เนาวรัตน
โดยสิน้ เชิง จึงท�าให้ผอู้ า่ น หรือผูฟ้ งั สร้างมโนภาพจินตนาการไปถึงแสงสว่าง หรือความหวังท่ามกลาง พงษไพบูลย มาใหนักเรียนอาน
ความสิ้นหวัง เป็นต้น ประเมินคาโดยใชแนวทางที่ได
หรือ “ฉันอยู่เพื่อค้นคว้าหาสัจจะ กลางโมหะอาเกียรณ์เบียฬประหาร” จากข้อความนี้ ใช้ ศึกษา
ค�าตรงข้าม สัจจะ – โมหะ เพือ่ แสดงน�า้ เสียงเสียดสีวา่ “หวังจะค้นหาความสัจจะในหมูผ่ ปู้ กครองที่ 2. นักเรียนเลือกบทรอยกรอง
ทรงอ�านาจ ผู้ลุ่มหลงมัวเมาอยู่ในอ�านาจวาสนา ประเภทที่ตนเองประทับใจ
- อติพจน์ คือการกล่าวเกินจริง ซึ่งกวีสามารถเลือกใช้เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกได้ นํามาอานโดยใชกระบวนการ
อย่างงดงาม เช่น “ฉันอยู่เพื่อยุคทองของคนยาก ที่เขาถากทรกรรมซ�้าบั่นหัว เพื่อความถูกที่ การอานตีความ วิเคราะหวิจารณ
เขาถมจมทั้งตัว เพื่อความกลัวกลับบ้าบั่นอาธรรม” และประเมินคุณคาที่ไดศึกษา
ขั้นตอนที่ ๓ พิจารณาแนวคิด
แนวคิดทีป่ รากฏในบทกวีเรือ่ งนีเ้ ป็นการพิจารณาถึงคุณค่าของชีวติ ว่าการมีชวี ติ อยูน่ นั้ เป็น
ไปเพื่ออะไร ไม่ว่าจะเป็นเพื่อคนที่เรารัก การอยู่เพื่อหน้าที่ เพื่อค้นหาสัจธรรมของชีวิต การอยู่เพื่อ นักเรียนควรรู
คนยากไร้ เป็นต้น จนกระทั่งก้าวขึ้นไปสู่ความคิดเชิงอุดมคติ คือการมีชีวิตอยู่ในลักษณะที่มากกว่า อุปลักษณ คือ การเปรียบเทียบวา
อยู่เพื่อตัวเอง หรือคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ นั่นคือการอยู่เพื่อส่วนรวม และมนุษยชาติ สิ่งหนึ่งเปนอีกสิ่งหนึ่ง โดยใชคําที่
แสดงความเปรียบวา “เปน” “คือ”
43
นักเรียนควรรู
อติพจน คือ โวหารที่กลาวเกินจริงเพื่อสรางและเนนอารมณความรูสึก ทําใหผูฟงเกิดความ
รูสึกที่ลึกซึ้ง และแสดงความรูสึกของกวีไดอยางชัดเจน เชน คิดถึงใจจะขาด คอแหงเปนผง
คูมือครู 43
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
44
44 คูมือครู
สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ Explore Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Evaluate
สํารวจคนหา
นักเรียนในกลุมเดิมรวมกันศึกษา
ตัวอยางการอานตีความ : นิทาน
การอ่านตีความ : นิทานสันสกฤต เรื่อง วาจาสิทธิ์ สันสกฤต เรื่อง วาจาสิทธิ์ จาก
หนังสือเรียนในหนา 45 บันทึก
ขั้นตอนที่ ๑ อ่านคร่าวๆ ความรูที่ไดจากการสืบคนรวมกัน
เรื่อง วาจาสิทธิ์ เป็นเรื่องของชายหนุ่มพี่น้องที่มาฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อร�่าเรียนวิชากับ ลงสมุด
พระอาจารย์และได้รับพรคนละ ๑ ข้อ จากนั้นจึงออกไปผจญภัยตามค�าสั่งของอาจารย์เป็นเวลา
๑ ปี สุดท้าย ๑ ปีผ่านไป ชายคนพี่ร�่ารวยขึ้นในขณะที่ชายคนน้องกลับยากจนลงเพราะพรของ
พระอาจารย์ อธิบายความรู
ขั้นตอนที่ ๒ อ่านละเอียด นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทน
เรื่อง “วาจาสิทธิ์” กล่าวถึงชายหนุ่ม ๒ พี่น้องที่ฝากตัวร�่าเรียนกับพระอาจารย์ จนเมื่อ ออกมาหนาชั้นเรียนเพื่ออธิบาย
ร�่าเรียนส�าเร็จพระอาจารย์จึงให้พรชายคนพี่ให้มีโคนม ๑ ตัวตลอดไป และให้พรชายคนน้องให้ ความรูเกี่ยวกับแนวทางการอาน
มีโคนม ๑ ฝูงตลอดไป และเมื่อทั้ง ๒ คนไปผจญชีวิตครบ ๑ ปี ปรากฏว่าชายคนน้องยากจนลง ตีความนิทานสันกฤต เรือ่ ง วาจาสิทธิ์
เพราะไม่รวู้ ธิ เี ลีย้ งโคนม ส่วนชายคนพีร่ า�่ รวยจากการขายโคนมวันละ ๑ ตัว ตามพรทีพ่ ระอาจารย์ให้
ขั้นตอนที่ ๓ พิจารณาน�้าเสียงผู้แต่ง
น�้าเสียงของผู้แต่ง แฝงข้อคิดเรื่องการศึกษาว่าควรใส่ใจฝึกฝนทั้งทฤษฎี และการน�า ขยายความเขาใจ
ไปใช้จริง ให้แตกฉาน จึงจะสามารถประสบความส�าเร็จได้ ดังเช่นที่ชายคนพี่ต้องท�างานหนัก ครูทบทวนความรูความเขาใจ
ทั้งตักน�้า ต�าข้าว ดายหญ้า ไปพร้อมๆ กับร�่าเรียนวิชาการ จนประสบความส�าเร็จในที่สุด ทั้งผู้แต่ง เกี่ยวกับแนวทางการอานตีความ
ยังแฝงน�้าเสียงเสียดสีคนที่อาศัยคารมในการประจบประแจง ว่าอาจจะได้ดีก็เพียงชั่วครั้งคราว แต่ ใหแกนักเรียน จากนั้นใหนักเรียน
สุดท้ายก็ต้องล้มเหลว โดยผ่านชายคนน้องที่ยากจนลงแม้จะได้พรที่ดูเหมือนจะดีกว่า เลือกนิทานธรรมะหรือนิทานเรื่อง
จากถ้อยค�าที่ปรากฏในนิทานสันสกฤตเรื่อง วาจาสิทธิ์ ปรากฏลักษณะของน�้าเสียงใน ที่ประทับใจ นํามาอานตีความตาม
เชิงการเล่าเรื่อง แต่แสดงให้เห็นความแตกต่างของชายทั้งสองคนอย่างชัดเจน ผู้อ่านหรือผู้ฟังจะ แนวทางที่ไดศึกษา
ไม่ได้ยนิ น�า้ เสียงของผูแ้ ต่งทีแ่ ทรกไว้ภายในตัวบท แต่จะรับรูเ้ รือ่ งราวต่างๆ ผ่านกระบวนการตีความ
ด้วยตนเอง
ขั้นตอนที่ ๔ วิเคราะห์ถ้อยค�าที่อาจมีความแฝง @
มุม IT
บทร้อยแก้วที่น�ามายกเป็นตัวอย่างในบทเรียนนี้ เป็นร้อยแก้วที่เรียบเรียงขึ้นในลักษณะ
นิทาน ดังนัน้ ถ้อยค�าทีใ่ ช้จงึ ไม่ได้ปรากฏความหมายแฝงทีล่ กึ ซึง้ มากนัก หากแต่ความหมายของเรือ่ ง สามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
โดยรวมทั้งหมด หรือจุดมุ่งหมายของเรื่องเป็นสิ่งที่ผู้อ่านจะต้องตีความ นิทานธรรมะไดจากเว็บไซตของ
ขั้นตอนที่ ๕ สรุปสารที่ได้จากการตีความ กัลยาณมิตร http://www.kalyana-
mitra.org/chadok/mixchadok.
สาระส�าคัญทีน่ า� เสนออยูใ่ นนิทานเรือ่ งนี้ ให้ความส�าคัญกับการศึกษาทีข่ นึ้ อยูก่ บั การฝึกฝน
html
ทักษะต่างๆ ด้วยตนเอง เพราะแม้ว่าจะได้รับโอกาส (พร) อย่างไรก็ตาม ถ้าตนเองไม่แตกฉานใน
วิชาการก็ไม่สามารถคว้าโอกาสให้ประสบความส�าเร็จได้
45
คูมือครู 45
ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
46
46 คูมือครู
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ
ครูทบทวนความรู ความเขาใจให
แกนักเรียนเกี่ยวกับแนวทางการอาน
การอ่านประเมินคุณค่า : นิทานสันสกฤต เรื่อง วาจาสิทธิ์ ประเมินคุณคา จากนั้นใหนักเรียน
คัดเลือกนิทานธรรมะหรือนิทานเรื่อง
ขั้นตอนที่ ๑ พิจารณาองค์ประกอบของเนื้อหา
ที่ประทับใจนํามาอานประเมินคุณคา
หากพิจารณาองค์ประกอบของเนื้อหาในด้านต่างๆ จากบทร้อยแก้วประเภทนิทาน ได้แก่
ตามแนวทางที่ไดศึกษา
โครงเรื่อง แก่นเรื่อง ตัวละคร จะพบว่าทั้งสามส่วนนี้ท�าหน้าที่สอดรับกันเพื่อถ่ายทอดแนวคิดหลัก
ของเรื่อง แต่ก็ยังคงเสน่ห์ของความเป็นนิทานไว้คือ เป็นเรื่องเล่าที่สนุกสนาน ตื่นเต้น น่าติดตาม
และท�าให้ผู้อ่าน ผู้ฟัง เกิดอารมณ์ความรู้สึกร่วมไปกับเนื้อหาของเรื่อง ตรวจสอบผล
ขั้นตอนที่ ๒ พิจารณาคุณค่าด้านวรรณศิลป์
หากพิจารณาคุณค่าด้านวรรณศิลป์ของนิทานเรื่องนี้ อาจกล่าวได้ว่าผู้แต่งน�าเสนอแนวคิด 1. ครูตรวจสอบผลงานการอาน
ของตน โดยใช้ถ้อยค�าที่มีความเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน มีความโดดเด่นในการสร้างตัวละครที่มีการใช้ ตีความ วิเคราะห วิจารณ และ
สัญลักษณ์ ดังนี้ ประเมินคุณคาบทรอยแกวและ
- พระอาจารย์ เป็นทั้งผู้ประศาสน์วิชาความรู้ และให้โอกาส (พร) แก่ชาย ๒ พี่น้อง บทรอยกรองของนักเรียน
เพียงแต่การปฏิบัติตนต่อลูกศิษย์ทั้ง ๒ ไม่เสมอกัน คนพี่ไม่ชอบประจบจึงให้ท�างานหนัก ส่วนคน 2. นักเรียนตอบคําถามประจําหนวย
น้องคารมดีจึงได้ท�างานสบายกว่า แม้แต่พรที่ให้ ก็ให้คนน้องมากกว่าคนพี่ จึงท�าให้ตัวละครตัวนี้ การเรียนรู
เป็นสัญลักษณ์เชิงเสียดสีผใู้ หญ่ หรือผูม้ อี า� นาจว่านิยมคนทีป่ ระจบ มากกว่าคนจริงใจ และแตกฉาน
ในวิชาการความรู้ในทางที่ถูกที่ควร
- ชายคนพี่ เป็นสัญลักษณ์เปรียบเทียบคนดีมคี วามรูแ้ ต่ไม่รจู้ กั ประจบ แม้ไม่สจู้ ะได้รบั
หลักฐาน
โอกาสมากนัก แต่ด้วยมีความเพียรพยายามท้ายที่สุดก็จะประสบความส�าเร็จได้
แสดงผลการเรียนรู
- ชายคนน้อง เป็นสัญลักษณ์เปรียบเทียบคนมีความรู้ แต่ไม่สงู้ านหนัก ดีแต่รจู้ กั ประจบ ผลงานการอานตีความ วิเคราะห
ผู้ใหญ่ คนเหล่านี้แม้ได้รับโอกาสมาก แต่ด้วยความไม่สู้งานหนัก สุดท้ายจึงล้มเหลว วิจารณและประเมินคุณคา
ขั้นตอนที่ ๓ พิจารณาแนวคิด บทรอยแกวและบทรอยกรอง
แนวคิดของนิทานเรื่อง วาจาสิทธิ์ เป็นแนวคิดร่วมสมัยเป็นสัจธรรม กล่าวคือ โอกาสเป็น
สิง่ ส�าคัญในชีวติ ของมนุษย์ ควรใช้อย่างรูค้ ณ ุ ค่าทีส่ ดุ และถึงแม้วา่ โอกาสทีไ่ ด้รบั จะน้อยไม่เท่าเทียม
กับคนอื่น แต่ถ้าใช้อย่างรู้ค่า ก็จะสามารถประสบความส�าเร็จในชีวิตได้ แนวคิดของนิทานเรื่องนี้
จึงเป็นประโยชน์ต่อบุคคลในสังคมไม่ว่าจะด�ารงอยู่ในสถานภาพใด ส�าหรับในวัยเล่าเรียนนั้น หาก
มีความเพียรพยายามและใช้โอกาสทีม่ ศี กึ ษาเล่าเรียนเพือ่ หาความรูอ้ ย่างเต็มทีก่ จ็ ะเป็นประโยชน์ใน
อนาคต แต่ถ้าหากมีโอกาสศึกษาเล่าเรียน แต่ไม่สนใจ ในอนาคตก็จะต้องประสบกับความล้มเหลว
การอ่านมีความจÓเป็นอย่างยิ่งต่อผู้ที่ต้องการพัฒนาตนเองในด้านต่างๆ ทั้งทาง
ด้านสติปัญญาและจิตใจ ผู้ที่ประสบความสÓเร็จในชีวิตที่มีความมั่นคงทั้งด้านการงาน
และจิตใจ มีจุดเริ่มต้นมาจากการอ่าน ดังนั้นมนุษย์จึงควรใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ด้วย
การฝึกฝนการอ่านอย่างสม่Óเสมอ
47
คูมือครู 47
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
เกร็ดแนะครู
(แนวตอบ คําถามประจําหนวยการ
เรียนรู
1. การอานวิเคราะห หมายถึง การ คําถาม ประจําหนวยการเรียนรู
อานเพื่อแยกแยะองคประกอบ
ของเรื่องวามีสวนประกอบใด ๑. การอานวิเคราะหมีความหมายอยางไร จงอธิบาย
บาง และองคประกอบแตละ ๒. การวิเคราะหและการวิจารณ มีความแตกตางกันอยางไร จงอธิบาย
สวนมีลักษณะเปนอยางไร ๓. การอานเพื่อแสดงความคิดเห็นหรือประเมินคามีประโยชนอยางไรตอนักเรียน
เชน เรื่องสั้น มีองคประกอบ ๔. เพราะเหตุใดการแสดงความคิดเห็นจึงมีความสําคัญตอการสรางสรรคงานเขียน
ไดแก ชื่อเรื่อง โครงเรื่อง ฉาก ๕. การประเมินคางานเขียน มีความหมายอยางไร จงอธิบาย
ตัวละคร
2. การอานวิเคราะห คือ การอาน
เพื่อแยกแยะองคประกอบของ
เรื่องวามีสวนประกอบใดบาง
และแตละสวนมีลักษณะเปน
อยางไร สวนการอานวิจารณ
คือ การอานเพื่อแสดงความคิด
เห็นตอเรื่องที่อาน แสดงความ
คิดเห็นตอองคประกอบของเรื่อง
3. การอานเพื่อแสดงความคิดเห็น
กิจกรรม สรางสรรคพัฒนาการเรียนรู
หรือการอานเพื่อประเมินคุณคา
มีประโยชนตอกระบวนการ กิจกรรมที่ ๑ นักเรียนเลือกบทความที่ตนเองสนใจ มา ๑ เรื่อง นํามาเลาหนาชั้นเรียน พรอมทั้ง
เรียนเพราะจะทําใหสามารถ แสดงความคิดเห็นที่มีตอเรื่องนั้น
กิจกรรมที่ ๒ นักเรียนเขียนวิเคราะห วิจารณ และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพยนตรโฆษณา
ประเมินคุณคาเรื่องที่ไดอาน
ทางโทรทัศน นําเสนอหนาชั้นเรียน
และสามารถเลือกอานหนังสือ
กิจกรรมที่ ๓ นักเรียนเลือกบทกวีนิพนธที่ตนเองสนใจมาคนละ ๑ เรื่อง จากนั้นใหเขียนประเมิน
ที่ทําใหเกิดประโยชนสูงสุดตอ คา ความยาวไมตํ่ากวา ๑ หนากระดาษ A๔
ตนเอง
4. การแสดงความคิดเห็นมี
ประโยชนตอกระบวนการ
สรางสรรคงานเขียน เพราะการ
แสดงความคิดเห็นเปนเสมือน
เสียงสะทอนที่ทําใหผูเขียนนํา
มาพัฒนาปรับปรุงงานเขียนของ
ตนเองใหดีขึ้น
5. การอานประเมินคุณคา 48
หมายถึง การอานเพื่ออธิบาย
ลักษณะของงานเขียนหรือ
สารที่อานวาดีหรือไมดีอยางไร
มีคุณคาหรือมีขอบกพรอง
อยางไร)
48 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
กระตุนความสนใจ
ò การพัฒนาทักษะการเขียน
นักเรียนรวมกันอานคําประพันธ
หนาตอน โดยใชปากกานํ้าเงินขีด
ตอนที่ เสนใตขอความที่เปนความรู ปากกา
แดงขีดเสนใตขอความที่เปนขอสงสัย
ดินสอขีดเสนใตขอความที่เปนขอคิด
คติธรรม จากนั้นครูตั้งคําถาม
• นักเรียนคิดวาคําประพันธ
ดังกลาวผูแตงมีจุดมุงหมาย
อยางไร
(แนวตอบ นักเรียนแตละคนอาจ
ไดความรู ขอสงสัย และขอคิดที่
แตกตางกัน ครูควรชี้แจงใหมี
ความเขาใจตรงกัน จุดมุงหมาย
ของคําประพันธคือ สอนใหรูจัก
มีความเพียรพยายามในการ
ศึกษาเลาเรียน)
¤ÇÒÁÃÙŒ¼ÙŒ»ÃÒªÞ¹Ñé¹ ÃÑ¡àÃÕ¹
½¹·Ñè§à·‹Òà¢çÁà¾ÕÂà ¼‹ÒÂ˹ŒÒ
¤¹à¡Õ¨à¡ÅÕ´˹‹ÒÂàÇÕ¹ ǹ¨Ôµ
¡ÅÍØ·¡ã¹µÃÐ¡ÃŒÒ à»‚›ÂÁÅŒ¹ÄåÁÕ
(โคลงโลกนิติ : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร)
คูมือครู 49
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
เปาหมายการเรียนรู
สามารถคัดลายมือตัวบรรจง
ครึ่งบรรทัดตามรูปแบบการเขียน
อักษรไทยประเภทตางๆ
กระตุนความสนใจ
1. นักเรียนดูภาพประกอบหนาหนวย
จากนั้นครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
• บุคคลในภาพกําลังอยูใน
สถานการณใด และสถานการณ
ดังกลาวเปนชองทางการสื่อสาร
ประเภทใด
(แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ
ไดอยางหลากหลาย คําตอบขึ้น
อยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน)
2. ครูสํารวจวานักเรียนคนใดใน
หองเรียนที่จับดินสอ ปากกาได
ñ
ถูกวิธี ใหนักเรียนคนอื่นดูเปน
ตัวอยางและปรับปรุงแกไขให
ถูกตอง
3. นักเรียนเขียนตามคําบอกดวย หนวยที่
ตัวบรรจงครึ่งบรรทัดดวยวิธีการ
จับดินสอที่ถูกตองตามที่ไดฝกฝน
การคัดลายมือ
4. ครูและนักเรียนรวมกันพิจารณา ตัวชี้วัด
ตัดสินผูที่เขียนไดสวยงาม ■ คัดลายมือตัวบรรจงครึง่ บรรทัด (ท ๒.๑ ม.๓/๑) ล ายมือมีความสําคัญตอการเขียน
นําเสนอเทคนิคการเขียนหนา เพื่อการสื่อสาร ผูที่มีลายมือที่สวยงาม
ชั้นเรียน เขียนไดถูกตองตามรูปแบบอักษรไทยและ
อานงาย จะทําใหงานเขียนมีความนาสนใจ
สาระการเรียนรูแกนกลาง ผูรับสารสามารถเขาใจตามที่ผูเขียนตองการ
ไดถกู ตอง การฝกฝนทักษะการคัดลายมืออยาง
■ การคัดลายมือตัวบรรจงครึง่ บรรทัด ตามรูปแบบการเขียน
ตัวอักษรไทย สมํ่าเสมอจะชวยใหลายมือมีการพัฒนา เปน
ประโยชนตอผูฝกสงเสริมความละเอียดรอบคอบ
และการรูจักสังเกตที่สามารถนําไปประยุกตใชได
50 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
Engage Explore Explain Expand ตรวจสอบผล
Evaluate
กระตุนความสนใจ
ครูและนักเรียนรวมกันสนทนา
เกี่ยวกับวิวัฒนาการการเขียนของ
๑ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการคัดลายมือ มนุษย จากนั้นครูตั้งคําถาม
ในอดีตมีการอบรมสั่งสอนและให้ความส�าคัญต่อการเขียนด้วยลายมือ ดังที่ปรากฏใน • นักเรียนคิดวาหากไมมี
เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน วันทองสอนพลายงามว่า “ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศ” แต่ในปัจจุบันการให้ ผูปกครอง ครู อาจารย เริ่มตน
ความส�าคัญกับลายมือลดลง มีการเขียนผิดรูปแบบอักษรไทย ตัวอักษรไม่มีหัว ไม่มีหาง ไม่มีความ ฝกทักษะการเขียนใหแก
แตกต่าง ท�าให้อา่ นยาก ถ้าลายมืออ่านยากเพราะผูเ้ ขียนเขียนไม่ถกู วิธ ี ผูอ้ า่ นก็อา่ นไม่ออกท�าให้ไม่เข้าใจ นักเรียน นักเรียนจะสามารถ
และไม่ทราบคุณค่าของข้อเขียนนั้นว่าดีอย่างไร ไม่สามารถสื่อสารท�าความเข้าใจระหว่างกันได้ ดังนั้น เขียนหนังสือไดหรือไม เพราะ
การคัดลายมือจึงเป็นกิจกรรมการเขียนที่มีความส�าคัญมาก เพราะการคัดลายมือให้ถูกต้องตาม เหตุใด
แบบอักษรไทยเป็นพื้นฐานที่จะน�าไปสู่การเขียนที่สวยงาม ท�างานเป็นระเบียบ สามารถปลูกฝังความ (แนวตอบ ไมสามารถเขียนได
มีระเบียบวินัยในตนเองและมีความภูมิใจในความเป็นชาติไทยที่มีตัวอักษรใช้เป็นของตนเอง เพราะทักษะการเขียนเปน
ทักษะที่ตองฝกฝน)
๑.๑ ความส�าคัญของการคัดลายมือ
ลายมือเป็นเครื่องมือถ่ายทอดความรู้ ความคิด การบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อให้ผู้อ่าน
เข้าใจเรือ่ งราวต่างๆ ทีผ่ เู้ ขียนต้องการถ่ายทอด ลายมือทีเ่ ขียนไม่ชดั เจนอาจท�าให้ผอู้ า่ นเข้าใจคลาดเคลือ่ น สํารวจคนหา
ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ของผูเ้ ขียน หรือนักเรียนเขียนตอบข้อสอบแต่กรรมการอ่านไม่ออกทัง้ ๆ ทีน่ กั เรียน 1. นักเรียนที่มีลายมือสวยงามออกมา
มีความรู้และความคิดดีก็ไม่เกิดประโยชน์ เมื่ออ่านไม่ออกท�าให้สื่อความไม่เข้าใจก็ย่อมไม่ได้รับคะแนน คัดขอความที่กําหนดให
๑.๒ แนวทางปฏิบตั กิ ารคัดลายมือ “ลูกผูชายลายมือนั้นคือยศ
ทักษะการคัดลายมือสามารถฝึกฝนและพัฒนาได้ ถ้าผูค้ ดั ลายมือได้รบั การแก้ไขและฝึกฝนอย่าง เจาจงอตสาหทําสมํ่าเสมียน”
ถูกวิธีเป็นประจ�าสม�่าเสมอ การคัดลายมือที่ถูกวิธีนั้นมีแนวทางปฏิบัติ ดังนี้ 2. นักเรียนรวมกันแสดง
๑. การนั่ง ผู้เขียนต้องนั่งหันหน้าเข้าหาโต๊ะ วางกระดาษตรงหน้าผู้เขียน ความคิดเห็นวาขอความบน
๒. จับปากกาหรือดินสอให้ถูกวิธี ในขณะที่เขียนอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการเขียน คือ กระดานเขียนไดสวยงามหรือไม
แขน มือและนิว้ มือจะต้องเคลือ่ นไหวให้สมั พันธ์กนั เพราะเหตุใด
3. นักเรียนแบงกลุม กลุมละ 5 คน
๓. การเขียนตัวอักษรจะเริ่มต้น
รวมกันสนทนาแลกเปลี่ยนความ
ที่หัวตัวอักษร ซึ่งต้องไม่บอด มีขนาดเดียวกันให้
รูในประเด็นความสําคัญและ
สัมผัสเส้นบรรทัดบนและล่าง เส้นแนวตั้ง ควร
แนวทางปฏิบัติการคัดลายมือ
ขนานกันและหางมีความยาวพองาม ไม่เล่นหาง
๔. รูปแบบของตัวอักษรควรเป็น
รูปแบบเดียวกันในแต่ละครั้งที่เขียน คือแบบกลม อธิบายความรู
หรือแบบเหลี่ยม นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อ
๕. ระยะห่างของตัวอักษร (ช่องไฟ) อธิบายความรูเกี่ยวกับแนวทาง
เท่ากันต้องเว้นช่องไฟให้เท่ากันอย่างสม�่าเสมอ การฝกจับดินสอให้ถกู ต้องเป็นขัน้ ตอนแรกทีม่ คี วามส�าคัญ ปฏิบัติการคัดลายมือในลักษณะ
จะท�าให้ลายมือสวยงามและเป็นระเบียบ ในการฝกฝนการคัดลายมือ โตตอบรอบวง
51 (แนวตอบ
1. จับดินสอและปากกาใหถูกวิธี
2. นั่งตัวตรง
3. เขียนตัวอักษรไทย โดยเริ่มตนที่
ขยายความเขาใจ หัวกอน ฯลฯ)
ครูทบทวนความรูเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติการคัดลายมือ จากนั้นครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
• หากนักเรียนไดรับการคัดเลือกใหเปนตัวแทนของหองไปประกวดการคัดลายมือ นักเรียนจะนําแนวทาง
ปฏิบัติการคัดลายมือที่ไดศึกษาไปปฏิบัติหรือไม เพราะเหตุใด
(แนวตอบ นําไปใชปฏิบัติเพราะแนวทางดังกลาวเปนแนวทางมาตรฐานที่ทุกคนสามารถนําไปปฏิบัติได และ
ฝกฝนจนเกิดความชํานาญเฉพาะตน)
คูมือครู 51
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
สํารวจคนหา
นักเรียนรวบรวมรูปแบบตัวอักษร
ไทย ทั้งที่ปรากฏใชในระบบการพิมพ
และระบบการเขียนมาสนทนา
แลกเปลี่ยนความรู
อธิบายความรู
นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับ
ลักษณะรูปแบบตัวอักษรประเภท
หัวกลมแบบกระทรวงศึกษาธิการ
ขยายความเขาใจ
1. นักเรียนฝกปฏิบัติการคัดลายมือ
ตามแนวทางที่ไดศึกษา โดยใช
รูปแบบตัวอักษรแบบกระทรวง
ศึกษาธิการ
2. ครูยกยอง ชมเชย และให
กําลังใจในความพยายามของ
นักเรียนแตละคน
52
ตรวจสอบผล
1. นักเรียนในหองรวมกันลงคะแนน-
เสียงหาผูชนะเลิศ ลําดับที่ 1 - 3 หลักฐาน
ครูชวยประเมินความถูกตองของ แสดงผลการเรียนรู
รูปแบบตัวอักษร
เก็บผลงานการคัดลายมือของตนสงครูผูสอน พรอมทั้งบันทึก
2. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนบรรยาย
ขอควรปรับปรุงของตนสําหรับแกไขในการฝกปฏิบัติครั้งตอไป
หลักเกณฑการคัดเลือกผูชนะ
52 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู
1. นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับ
ลักษณะรูปแบบตัวอักษรประเภท
๒) ตัวอักษรประเภทหัวเหลี่ยม หัวของตัวอักษรจะมีลักษณะเหลี่ยม เรียกว่า อักษร หัวเหลี่ยมหรือแบบอาลักษณ
แบบหัวบัวหรือตัวอาลักษณ์ ส่วนตัวอักษรก็จะเป็นตัวเหลี่ยมเช่นกัน ตัวอาลักษณ์เป็นแบบอักษรของ 2. ครูยกยอง ชมเชย และให
แผนกอาลักษณ์ ส�านักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ส่วนมากจะใช้ในเอกสารทีเ่ กีย่ วข้องกับพระมหากษัตริย์ กําลังใจในความพยายามของ
เกี่ยวกับราชการหรือในเอกสารพิเศษอื่นๆ เช่น ใบประกาศเกียรติคุณ ใบปริญญา ใบประกาศนียบัตร นักเรียนแตละคน
เป็นต้น
ขยายความเขาใจ
ตัวอักษรแบบหัวเหลี่ยมหรือแบบอาลักษณ์
1. ครูนําตัวอยางใบประกาศ
เกียรติคุณ ใบประกาศนียบัตร
พยัญชนะ
ใบปริญญา มาใหนักเรียนดู เพื่อ
ก ข ฃ ค ฅ ฆ ง จ ฉ ขยายความเขาใจเกี่ยวกับการใช
ตัวอักษรแบบอาลักษณ นักเรียน
ช ซ ฌ ญ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ฝกปฏิบัติการคัดลายมือตาม
แนวทางที่ไดศึกษา โดยใชรูปแบบ
ณ ด ต ถ ท ธ น บ ป ตัวอักษรแบบอาลักษณ
ผ ฝ พ ฟ ภ ม ย ร ล 2. ครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
• หากนักเรียนตองเปนคณะ
ว ศ ษ ส ห ฬ อ ฮ กรรมการตัดสินการประกวด
คัดลายมือ นักเรียนจะมี
สระ
หลักเกณฑใดในการตัดสิน
ะ ั า ำ ิ ี ึ (แนวตอบ คําตอบไมมีถูกหรือ
ื ุ ู เ แ ็ โ ใ ผิด ครูสังเกตพฤติกรรมการ
ตอบของนักเรียนใหมีความ
ไ ฯ ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ ์ เชื่อมโยงกับแนวทางปฏิบัติที่ได
ศึกษาไป เชน ความสะอาด
รูปวรรณยุกต์ การเวนชองไฟ หัวตัวอักษรตอง
มีลักษณะเปนเหลี่ยม)
่ ้ ๊ ๋
รูปแบบเลขไทย
ตรวจสอบผล
๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๐
1. นักเรียนในหองรวมกันลงคะแนน
เสียงหาผูชนะเลิศ ลําดับที่ 1 - 3
53 ครูชวยประเมินความถูกตองของ
รูปแบบตัวอักษร
2. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนบรรยาย
หลักเกณฑการคัดเลือกผูชนะ
หลักฐาน
แสดงผลการเรียนรู
เก็บผลงานการคัดลายมือของตนสงครูผูสอน พรอมทั้งบันทึก
ขอควรปรับปรุงสําหรับแกไขในการฝกปฏิบัติครั้งตอไป
คูมือครู 53
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
ขยายความเขาใจ
1. นักเรียนฝกปฏิบัติการคัดลายมือ
ตามแนวทางที่ไดศึกษา โดยใช
รูปแบบตัวอักษรแบบคณะ
ครุศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย
2. ครูทบทวนองคความรูเกี่ยวกับการ
คัดลายมือ จากนั้นตั้งคําถามกับ
นักเรียนวา
• ระบบการพิมพที่มีความเจริญ
กาวหนาในปจจุบันมีผลตอการ
ฝกปฏิบัติคัดลายมืออยางไร
(แนวตอบ ระบบการพิมพทําให
การเขียนเพื่อการสื่อสารมี
บทบาทนอยลง เนื่องดวย
ระบบการพิมพมีความรวดเร็ว
กวา และเปนมาตรฐานสากล
สามารถอานไดโดยงาย แตก
ตางจากการคัดลายมือ เพราะ
การคัดลายมือตองใชความ
พยายามในการฝกฝน หาก
ไมมีการฝกฝนลายมือก็จะไม
สวยงาม เปนอุปสรรคตอการ
อาน จึงทําใหระบบการพิมพเขา
มามีบทบาทแทนการคัดลายมือ
เนื่องจากมีความสะดวก รวดเร็ว
ไมตองเสียเวลาในการฝกและ
เปนมาตรฐานสากล)
54
54 คูมือครู
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ
1. นักเรียนหาตัวอยางขอความจาก
หนังสือพิมพ วารสาร ปายโฆษณา
การใช้ตัวอักษรแบบอาลักษณ์ สติกเกอร เปนตน ที่พบเห็นใน
ชีวิตประจําวันมาวิเคราะห วิจารณ
ตัวอักษรแบบอาลักษณ์ แสดงความคิดเห็นวา
• ขอความเหลานั้นเขียนได
นายชูวิทย์ ~ นางสมเจตน์ เปรุนาวิน เหมาะสมหรือไม
(แนวตอบ ตอบไดหลากหลาย มี
มีความยินดีขอเชิญท่านที่เคารพนับถือไปร่วมอนุโมทนากุศล ทั้งเหมาะสมและไมเหมาะสม)
เนื่องในพิธีอุปสมบท 2. นักเรียนคัดคําขวัญของโรงเรียน
นายคงเดช เปรุนาวิน (บุตร) ดวยลายมือตัวบรรจงครึ่งบรรทัด
มาสงครู โดยใชรูปแบบตัวอักษร
ณ พัทธสีมาวัดเทียนถวาย ต�าบลบ้านใหม่ อ�าเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี
ทั้ง 3 แบบ
วันพุธที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๔ (แรม ๕ ค�่า เดือนสี่) 3. ครูตรวจ ติชม เพื่อใหกําลังใจใน
ระหว่างเวลา ๙.๐๐~๑๑.๐๐ น. การพัฒนาลายมือของนักเรียน
กรรมใดที่ผู้อุปสมบทได้เคยล่วงเกินท่านด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม
ขอได้โปรดอโหสิกรรมในครั้งนี้ด้วยเทอญ ตรวจสอบผล
(ขออภัยหากไม่ได้มากราบเรียนเชิญด้วยตนเอง) 1. นักเรียนในหองรวมกันลงคะแนน
เสียงหาผูชนะเลิศ ลําดับที่ 1 - 3
ครูชวยประเมินความถูกตองของ
รูปแบบตัวอักษร
2. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนบรรยาย
หลักเกณฑการคัดเลือกผูชนะ
นักเรียนควรรู
ตัวอักษรแบบอาลักษณ เปนตัว
อักษรที่มีความเกี่ยวของกับประเพณี
พิธีกรรม และวัฒนธรรมไทย มี
ลักษณะลีลาของเสนที่ออนชอย
งดงาม อานแลวสบายตา ใหความ
รูสึกแบบไทย
55
หลักฐาน
แสดงผลการเรียนรู
เก็บผลงานการคัดลายมือของตนสงครูผูสอน พรอมทั้ง
บันทึกขอควรปรับปรุงสําหรับแกไขในการฝกปฏิบัติครั้งตอไป
คูมือครู 55
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ตรวจสอบผล
1. ครูประเมินการคัดลายมือของ ลายมือเป็นสิ่งที่มีความส�าคัญอย่างยิ่งในการเขีียน เพราะลายมือที่สวยงามและ
นักเรียนในดานรูปแบบของตัว
เป็นระเบียบเรียบร้อยจะท�าให้งานเขียนน่าอ่าน สะอาดตา นอกจากนี้ลายมือยังเป็น
อักษรและความสะอาด
เครื่องมือบ่งชี้ให้เห็นถึงอุปนิสัยของผู้เขียน หากผู้เขียนมีลายมือที่เรียบร้อยงดงาม
2. นักเรียนตอบคําถามประจําหนวย
การเรียนรู ย่อมแสดงให้เห็นว่าเป็นบุคคลที่มีระเบียบวินัยในตนเอง ใจเย็น อดทน สุขุมและมี
ความรอบคอบ หากผู้เขียนมีลายมือที่ไม่เรียบร้อยสวยงาม ย่อมบ่งชี้ให้เห็นถึงอุปนิสัย
ส่วนตัวที่ตรงข้ามกับผู้มีลายมือดี การฝึกฝนทักษะการคัดลายมือให้เรียบร้อยสวยงาม
จะท�าให้สามารถเขียนสื่อสารกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังจะได้รับความ
นักเรียนควรรู เชื่อถือจากบุคคลโดยทั่วไป
การฝกฝน ควรฝกฝนคัดลายมือ
เปนประจํา โดยในชวงแรกควร
ฝกเขียนบนกระดาษสีขาวที่มีเสน
หรือกระดาษสมุดและใชดินสอ
ดํา 2B ปากกาหมึกซึมหรือปากกา
หัวสักหลาดสีดําหรือสีนํ้าเงิน ขนาด
0.5 มิลลิเมตร
B
B พื้นฐานอาชีพ
ครูชี้แนะใหนักเรียนเห็นความ 56
สําคัญของการฝกฝนคัดลายมือ
แมวาในปจจุบันระบบการพิมพ
จะเขามามีบทบาทแทน แตการ
คัดลายมือก็ยังคงมีความสําคัญและสามารถนําไปประยุกตใชประกอบอาชีพ
ในอนาคตได เชน การเขียนปายผา การออกแบบตัวอักษร โดยครูอาจปูพื้นฐาน
ทางอาชีพใหแกนักเรียนดวยการใหฝกคัดลายมือดวยตัวอักษรรูปแบบตางๆ
จนชํานาญและทดลองสรางสรรครูปแบบตัวอักษรของตนเอง
56 คูมือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
เกร็ดแนะครู
(แนวตอบ คําถามประจําหนวยการ
เรียนรู
คําถาม ประจําหนวยการเรียนรู 1. เพราะในสังคมปจจุบันเปนยุค
แหงความเจริญกาวหนาทาง
๑. เพราะเหตุใดการคัดลายมือจึงลดบทบาทลงในสังคมปจจุบัน เทคโนโลยี ความรีบเรงในดาน
๒. การคัดลายมือมีความสําคัญหรือมีสวนในการพัฒนาศักยภาพดานตางๆ ของนักเรียนหรือไม อยางไร ตางๆ รวมถึงการสื่อสาร ระบบ
จงอธิบาย การพิมพจึงไดเขามามีบทบาท
๓. นักเรียนคิดวาการฝกคัดลายมือมีความจําเปนหรือไม อยางไร เพื่อตอบสนองความรีบเรง
๔. นักเรียนคิดวาการคัดลายมือเปนทักษะที่สามารถฝกฝนไดหรือไม เพราะเหตุใดจึงคิดเชนนั้น ดังกลาว จึงทําใหการคัดลายมือ
๕. หากนักเรียนไดรับการคัดเลือกใหเปนตัวแทนของหองไปประกวดคัดลายมือในระดับชั้น นักเรียนจะมี ถูกลดบทบาทลงเนื่องจาก
วิธีการเตรียมตัวอยางไร มีอุปสรรคหลายประการ เชน
ตองใชเวลาในการฝกฝน เปนตน
2. ลายมือมีความสําคัญ เพราะ
เปนเครื่องมือถายทอดความรู
ความคิด การทําขอสอบถาเขียน
แลวอานไมออกจะมีผลทําให
สื่อสารไมเขาใจก็จะไมได
คะแนน
กิจกรรม สรางสรรคพัฒนาการเรียนรู
3. การคัดลายมือมีความจําเปน
เพราะถึงระบบการพิมพจะ
กิจกรรมที่ ๑ นักเรียนเลือกขอความที่เปนคติเตือนใจมาฝกคัดลายมือตัวบรรจงครึ่งบรรทัดตาม พัฒนา แตการเขียนก็ยังคงมี
รูปแบบการคัดลายมือที่นักเรียนประทับใจมาสงครู ความสําคัญ
กิจกรรมที่ ๒ ประกวดทําบัตรอวยพรในโอกาสตางๆ โดยนักเรียนเขียนคําอวยพรตัวบรรจง
4. การคัดลายมือเปนทักษะที่
ครึ่งบรรทัดดวยตัวอักษรแบบอาลักษณลงในบัตร
สามารถฝกฝนได เพราะการ
กิจกรรมที่ ๓ ครูจัดกิจกรรมการประกวดคัดลายมือในชั้นเรียน เพื่อคัดเลือกตัวแทนของหองไป
ประกวดคัดลายมือในระดับชั้นตอไป คัดลายมือใหถูกตองตามแบบ
อักษรไทย เปนพื้นฐานที่จะนํา
ไปสูการเขียนที่ดี ทํางานเปน
ระเบียบ
5. จะเตรียมตัว ดังนี้
• ศึกษารูปแบบของตัวอักษร
• ฝกคัดลายมือเปนประจํา
สมํ่าเสมอตามแนวทางปฏิบัติ
การคัดลายมือ
57 • เตรียมอุปกรณการเขียน
ตางๆ)
คูมือครู 57
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
เปาหมายการเรียนรู
1. เขียนขอความโดยใชถอยคําได
ถูกตองตามระดับภาษา
2. เขียนชีวประวัติหรืออัตชีวประวัติ
โดยเลาเหตุการณ ขอคิดเห็นและ
ทัศนคติในเรื่องตางๆ
3. เขียนยอความได
4. เขียนจดหมายกิจธุระได
5. กรอกแบบสมัครงาน พรอมเขียน
บรรยายเกี่ยวกับความรูและทักษะ
ของตนเองที่เหมาะสม
6. มีมารยาทในการเขียน
กระตุนความสนใจ
นักเรียนดูภาพผูปวยหนักที่ไม
สามารถพูดได แตสื่อสารกับญาติ
โดยการเขียนขอความ จากนั้นครู
ò
ตั้งคําถามกับนักเรียนวา
• นักเรียนเขาใจความหมายของ
การเขียนวาอยางไร
(แนวตอบ การเขียน หมายถึง หนวยที่
การแสดงออกในการติดตอ
สื่อสารอยางหนึ่งของมนุษย โดย การเขียนเพื่อการสื่อสาร ๑
อาศัยลายลักษณอักษรเปนสื่อ ตัวชี้วัด
เพือ่ ถายทอดความรูส กึ ความคิด ■ เขียนขอความโดยใชถอ ยคําไดถกู ตองตามระดับภาษา (ท ๒.๑ ม.๓/๒)
เขียนชีวประวัตหิ รืออัตชีวประวัตโิ ดยเลาเหตุการณขอ คิดเห็นและ
การเขียนเปนทักษะที่มีความสําคัญ
ความตองการของเราใหผูอื่น
■
■
การเขียนขอความตามสถานการณและโอกาสตางๆ
การเขียนอัตชีวประวัตหิ รือชีวประวัติ หลักการเขียนประเภทตางๆ เพื่อใหสามารถเขียน
ทุกเพศทุกวัย) ■ การเขียนยอความ
สื่อสารกับผูอื่นไดอยางมีประสิทธิภาพ
การเขียนจดหมายกิจธุระ
• ลักษณะของบุคคลที่จะเปน
■
■ การกรอกแบบสมัครงาน
มารยาทในการเขียน
ผูเขียนที่ดีควรมีลักษณะอยางไร ■
(แนวตอบ มีความคิดที่ดีและรู
หลักการใชภาษาในการเขียน)
58 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
Engage Explore Explain Expand ตรวจสอบผล
Evaluate
กระตุนความสนใจ
ครูและนักเรียนรวมกันสนทนา
โดยครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
๑ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเขียนในโอกาสต่างๆ • นักเรียนคิดวาเหตุใดจึงมีการ
การเขียนเป็นทักษะส�าคัญทีใ่ ช้สา� หรับบันทึก รวบรวมและถ่ายทอดข้อมูลเพือ่ การติดต่อสือ่ สาร กําหนดใหการเขียนเปนชองทาง
ระหว่างกันของบุคคลในสังคม ดังนัน้ ผูเ้ ขียนจึงต้องระมัดระวังในการเลือกใช้คา� ให้เหมาะสมและถูกต้อง สําหรับการสื่อสาร
ทั้งนี้ต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ เพื่อให้การเขียนสื่อสารสามารถบรรลุผลตามที่ต้องการ (แนวตอบ เพราะการเขียน
ทักษะการเขียนสามารถฝึกฝนและพัฒนาได้ด้วยวิธีการอ่าน การฟัง การรู้จักสะสมค�า ฝึกฝน เปนการถายทอดเนื้อหาสาระ
การเขียนถ่ายทอดความรูส้ กึ นึกคิดออกมาเป็นลายลักษณ์อกั ษร ให้เหมาะสมกับสถานการณ์และโอกาส ตางๆ ใหผูอื่นรับทราบ)
ซึ่งสามารถสรุปลักษณะการใช้ถ้อยค�าในการเขียนได้ ดังนี้
๑.๑ หลักการใช้ภาษาในการเขียน สํารวจคนหา
๑) ระดับภาษา ภาษาที่ใช้ส�าหรับการเขียนเป็นภาษาที่แตกต่างไปจากภาษาพูดใน นักเรียนรวมกันศึกษาคนหาความรู
ชีวติ ประจ�าวัน โดยขึน้ อยูก่ บั รูปแบบและประเภทของงานเขียน เช่น งานเชิงวิชาการควรใช้ภาษาทีเ่ ป็น ในประเด็นหลักการใชภาษาในการ
แบบแผน หากเป็นบทความแสดงความคิดเห็นควรใช้ภาษาระดับกึ่งทางการ ส่วนงานเขียนบันเทิงคดี เขียนจากหนังสือเรียน ในหนา
เช่น เรื่องสั้น นวนิยาย ผู้เขียนอาจเลือกใช้ภาษาทั้งสามระดับ คือ ระดับทางการ กึ่งทางการ และ 59 - 60 หรือจากแหลงเรียนรูอื่นๆ
ภาษาปากเพื่อสร้างความสมจริงและสีสันภายในเรื่อง
นอกจากนี้แล้วผู้เขียนควรค�านึงถึงระดับของค�า กล่าวคือ การเขียนประโยคหรือ อธิบายความรู
ข้อความเดียวกัน ในแต่ละครั้งควรใช้ภาษาในระดับเดียวกัน เพื่อให้เกิดความสอดคล้อง สละสลวย
นักเรียนรวมกันอธิบายความรู
สื่อความหมายไปในทิศทางเดียวกัน เช่น เกี่ยวกับหลักการใชภาษาในการ
■ พ่อแม่เป็นห่วงบุตร เขียนในลักษณะโตตอบรอบวง
ประโยคนี้มีการใช้ภาษาที่ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน “บุตร” เป็นค�าทางการ เมื่อน�า จากสถานการณตอไปนี้
มาใช้ในประโยคนี้จึงไม่เหมาะสม ควรเปลี่ยนเป็น “พ่อแม่เป็นห่วงลูก” เพื่อให้เป็นประโยคที่ใช้ภาษา • ปราณีจะศึกษาความรูเกี่ยวกับ
ระดับเดียวกัน ความหมายของคําที่ไมแนใจ
๒) การใช้คา� งานเขียนทีด่ ผี เู้ ขียนจะต้องรูจ้ กั ใช้คา� ได้อย่างสละสลวย เหมาะสม ถูกต้อง จากพจนานุกรมทุกครั้งกอน
ตามหลักไวยากรณ์ ค�าทีม่ คี วามหมายคล้ายกัน ผูเ้ ขียนต้องรูจ้ กั เลือกใช้ให้เหมาะสม ไพเราะ ซึง่ หลักเกณฑ์ ลงมือเขียนสื่อสาร
การใช้ค�าควรค�านึงในเรื่องต่อไปนี้ (แนวตอบ ปราณียึดหลักความ
ถูกตองในการเขียน)
๒.๑) การเขียนสะกดค�าและการใช้เครื่องหมายวรรคตอน การเขียนสะกดค�ามี
• สมภพศึกษาหาความรูใหมๆ
ความส�าคัญต่อการเขียน เพราะหากเขียนสะกดผิดย่อมสื่อสารไม่ตรงกัน รวมถึงการเว้นวรรคตอนให้
อยูเสมอวาคําในภาษาอังกฤษ
ถูกต้องตามมาตรฐานในการเขียน ซึง่ ผูเ้ ขียนสามารถสร้างความช�านาญให้แก่ตนเองได้โดยการฝึกเขียน คําใดที่มีการบัญญัติศัพทเปน
อย่างสม�่าเสมอหรือค้นคว้าความรู้จากพจนานุกรม ภาษาไทยแลว สมภพจะเขียน
๒.๒) การใช้ค�าและส�านวนให้ถูกต้องเหมาะสม เป็นส่วนส�าคัญของการเขียน สื่อสารโดยใชคํานั้นแทน
เพื่อสื่อสาร เพราะถ้อยค�าและส�านวนเป็นสิ่งที่สื่อความหมาย งานเขียนที่มีประสิทธิภาพต้องใช้ค�า (แนวตอบ สมภพยึดหลักความ
59 ถูกตองและความชัดเจนใน
การเขียน)
ขยายความเขาใจ
ครูทบทวนองคความรูเกี่ยวกับหลักการใชภาษาในการเขียน จากนั้นตั้งคําถามกับนักเรียนวา
• นักเรียนคิดวาการเขียนสื่อสารในวงการอาชีพใดที่เปนอุปสรรคในการสื่อสาร และนักเรียนในฐานะผูรับสาร
จะมีวิธีการแกไขปญหานั้นอยางไร
(แนวตอบ ภาษาในวงการสื่อสิ่งพิมพที่จะใชคําศัพทเฉพาะกลุมในการสื่อสาร ในฐานะผูรับสารอาจแกปญหา
ดวยการหาความรูรอบตัว จดจําและบันทึกไว)
คูมือครู 59
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
อธิบายความรู
นักเรียนรวมกันอธิบายความรู นักเรียนควรรู
เกี่ยวกับมารยาทในการเขียนใน
อางอิงแหลงที่มาของขอมูลเดิม สามารถทําไดในรูปแบบ
ลักษณะโตตอบรอบวง
ของการเขียนบรรณานุกรม
60 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุนความสนใจ
1. ครูชวนนักเรียนสนทนาในประเด็น
การเขียนอวยพรในโอกาสตางๆ
๒ การเขียนตามสถานการณ์และโอกาสต่างๆ จากนั้นครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
ในชีวติ ประจ�าวันของมนุษย์ตอ้ งมีการติดต่อสือ่ สารกับผูอ้ นื่ อยูเ่ สมอ ไม่ในโอกาสใดก็โอกาสหนึง่ • นักเรียนคิดวาการเขียนอวยพร
นอกจากจะเพื่อกิจธุระการงานแล้ว การสื่อสารเพื่อสร้างสัมพันธภาพอันดีระหว่างกันยังมีความจ�าเป็น สามารถกระทําในโอกาสใดได
อย่างยิ่งในสถานการณ์และโอกาสต่างๆ บาง
(แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ
๒.๑ การเขียนอวยพร ไดอยางหลากหลาย คําตอบขึ้น
“อวยพร” หมายถึง การให้พิเศษตามค�าขอหรือการแสดงความปรารถนาดีเพื่อให้ได้ตาม อยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน)
ประสงค์ คนไทยมีธรรมเนียมผู้ใหญ่ให้พรผู้น้อย ผู้ให้พรคือผู้อาวุโสกว่าผู้รับพร เช่น บิดามารดาให้ 2. ครูอานคําอวยพรประเภทตางๆ
พรแก่บุตร ในบางครั้งผู้อวยพรอาจเป็นผู้ที่มีวัยหรือสถานภาพเสมอกัน เช่น เพื่อนอวยพรให้แก่เพื่อน ใหนักเรียนฟง โดยเลือกคําอวยพร
แต่เดิมผู้น้อยไม่อวยพรผู้ใหญ่ แต่ผู้น้อยขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้แด่ผู้ใหญ่ ค�าอวยพรเป็นผลดีต่อจิตใจ ที่เขียนทั้งในแบบรอยแกวและ
ของผูร้ บั เพราะเป็นการแสดงความปรารถนาดีตอ่ กัน การเขียนอวยพรจึงเป็นการเขียนทีใ่ ช้ภาษาในเชิง รอยกรอง จากนั้นครูตั้งคําถามกับ
สร้างสรรค์ นักเรียนวา
๑) แนวทางการเขียนอวยพร • คําอวยพรที่เขียนขึ้นระหวาง
๑.๑) เลือกใช้ถ้อยค�าให้เหมาะสมกับบุคคล โดยค�านึงว่าผู้รับอยูใ่ นสถานภาพหรือ รอยแกวและรอยกรองให
มีความเกีย่ วข้องกับผูเ้ ขียนอย่างไร ผูร้ บั อาจเป็นบิดา มารดา ญาติผใู้ หญ่ เพือ่ นร่วมงานหรือเพือ่ นทีส่ นิท ความรูสึกแตกตางกันอยางไร
(แนวตอบ นักเรียนสามารถ
คุ้นเคย การเขียนอวยพรให้ผู้ที่อยู่ในสถานภาพต่างๆ ย่อมใช้ค�าขึ้นต้นและลงท้ายที่แตกต่างกัน
ตอบไดอยางหลากหลายตาม
๑.๒) เลือกใช้ถอ้ ยค�าให้ถกู ต้องกับโอกาส การเขียนอวยพรทีม่ ปี ระสิทธิภาพจะต้อง
ความคิดเห็นของนักเรียน โดย
ค�านึงถึงโอกาสว่าจะเขียนในโอกาสใด เช่น อวยพรวันขึ้นปีใหม่ งานมงคลสมรส งานรับต�าแหน่งใหม่ ขึ้นอยูกับพื้นฐานความรูและ
งานวันเกิด แต่ละโอกาสจะมีลักษณะการใช้ถ้อยค�าที่แตกต่างกัน เช่น งานวันเกิดควรอวยพรให้มีอายุ ประสบการณสวนตน)
ยืนยาว มีความสุขและปราศจากโรคภัย เป็นต้น
๑.๓) เลือกใช้ถ้อยค�าให้ผู้รับเกิดความประทับใจ การเขียนอวยพรผู้เขียนควร
สร้างความประทับใจหรือความสุขให้แก่ผู้รับด้วยการเลือกใช้ถ้อยค�าที่สุภาพ นุ่มนวล น่าฟัง ไพเราะ สํารวจคนหา
เหมาะสมด้วยเสียงและความหมาย เช่น เลือกใช้ค�าที่ท�าให้เกิดเสียงคล้องจอง มีความหมายลึกซึ้ง นักเรียนแบงกลุม กลุมละ
ไปในทางที่ดีงาม เป็นต้น 5 คน รวมกันคนหาคําอวยพร
๒) ประเภทของค�าอวยพร เนื่องในโอกาสตางๆ เชน อวยพร
๒.๑) ค�าอวยพรในโอกาสทั่วๆ ไป เช่น ผู้ใหญ่ให้พรแก่เด็กที่มาช่วยเหลือ ดูแล วันปใหม อวยพรวันเกิด อวยพร
เยี่ยมเยียนหรือผู้ใหญ่ให้พรด้วยความเอ็นดู รักใคร่หรือหวังดี เป็นต้น เนื่องในวันสําเร็จการศึกษา อวยพร
■ขอให้เจริญสุข ■ขอให้อยู่เย็นเป็นสุข วันขึ้นบานใหม ฯลฯ จากสื่อตางๆ
เชน หนังสือเรียน อินเทอรเน็ต
■ขอให้อยู่ดีกินดี ■ขอให้อายุมั่นขวัญยืน
การดอวยพรสําเร็จรูป ใหบันทึก
ขอให้โชคดีมีชัย ขอให้มีความสุขสวัสดี
ลักษณะเฉพาะของคําอวยพรแตละ
■ ■
61 โอกาสลงสมุด
NET ขอสอบป 51
ขอสอบถามวา “สําหรับเพื่อนขาราชการและครอบครัว... การดํารงตนโดยยึดแนวพระราชดํารัสในเรื่อง “ความ
พอเพียง” จะชวยใหเพือ่ นขาราชการทัง้ หลาย...” คําอวยพรดังกลาวเปนถอยคําทีส่ ภุ าพจัดเปนการเขียนประเภทใด
1. โนมนาว 2. แนะนํา 3. สั่งสอน 4. ตักเตือน
(วิเคราะหคําตอบ สังเกตจากคําวา “จะชวย” เปนการแนะนําใหปฏิบัติตาม ดังนั้นจึง ตอบ ขอ 2.)
คูมือครู 61
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
62 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุนความสนใจ
1. ครูรวบรวมคําขวัญวันเด็กมา
อานใหนักเรียนฟงประมาณ 3 - 4
๒.๒ การเขียนค�าขวัญ ตัวอยาง จากนั้นตั้งคําถามกับ
ค�าขวัญ คือถ้อยค�าที่เขียนขึ้นเพื่อจูงใจผู้รับสาร เพื่อท�าให้เกิดความประทับใจ ให้ข้อคิดหรือ นักเรียนวา
เป็นเครื่องเตือนใจให้ปฏิบัติตามในเรื่องต่างๆ • คําขวัญที่ครูอานใหฟงมี
๑) แนวทางการเขียนค�าขวัญ ค�าขวัญที่ดีต้องเป็นข้อความที่มีขนาดไม่ยาวมาก มี จุดมุงหมายอยางไร
ความไพเราะและมีพลังในการโน้มน้าวใจผู้ฟัง ครอบคลุมเป้าหมายที่ก�าหนดไว้อย่างชัดเจน ดังนี้ (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ
๑. ก�าหนดจุดมุง่ หมายให้ชดั เจนว่าจะสือ่ สารในเรือ่ งใด ต้องการให้ผรู้ บั ฟังคล้อยตาม ไดอยางหลากหลาย คําตอบขึ้น
เห็นด้วยหรือปฏิบัติตามในเรื่องใด อยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน)
2. ครูรวบรวมคําขวัญประจําจังหวัด
๒. ก�าหนดกลุ่มเป้าหมายหรือผู้รับสารให้ชัดเจน เพราะการก�าหนดกลุ่มเป้าหมาย
ตางๆ มาอานใหนักเรียนฟง
จะส่งผลถึงลักษณะภาษาที่ใช้ในการเขียน
ประมาณ 3 - 4 ตัวอยางจากนั้น
๓. เรียบเรียงข้อความที่จะเขียนในลักษณะร้อยแก้ว เพื่อให้มีเนื้อหาครอบคลุม ครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
เป้าหมายที่ก�าหนดไว้ก่อน • คําขวัญที่ครูอานใหฟงมีลักษณะ
๔. เรียบเรียงข้อความร้อยแก้วที่ร่างไว้ ให้เป็นข้อความที่มีสัมผัสและใช้ถ้อยค�าที่มี การใชถอยคําที่โดดเดนอยางไร
พลังโน้มน้าวใจ โดยเขียนหลายๆ ข้อความเพือ่ พิจารณาตัดข้อความทีไ่ ม่เหมาะสมออก จนเหลือข้อความ (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ
ที่เหมาะสมที่สุด ไดอยางหลากหลาย คําตอบขึ้น
๕. ตรวจทาน น�าค�าขวัญที่ได้มาพิจารณาตรวจทานการใช้ค�า ต้องมีความถูกต้อง อยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน)
ทั้งด้านความหมาย ระดับภาษาและการเขียนสะกด
๒) ลักษณะของค�าขวัญทีด่ ี ค�าขวัญทีด่ ี คือค�าขวัญทีก่ ระทบใจผูร้ บั สาร ท�าให้ผรู้ บั สาร สํารวจคนหา
สนใจและจดจ�าค�าขวัญได้ทันทีที่ได้ฟังซึ่งค�าขวัญที่ดีควรมีลักษณะ ดังนี้
๒.๑) เป็นถ้อยค�าที่สั้น กะทัดรัด มีความหมายลึกซึ้ง โดยใช้ค�าตั้งแต่ ๒ ค�าขึ้นไป 1. แบงกลุมนักเรียน กลุมละ 5 คน
แต่ไม่เกิน ๑๖ ค�า แบ่งเป็นวรรคได้ตั้งแต่ ๑ - ๔ วรรค เช่น ครูทําสลากเขียนชื่อจังหวัดตางๆ
ใหนักเรียนสงตัวแทนออกมาจับ
■ หนังสือคือมิตร สื่อความคิดให้ก้าวไกล
สลากแลวอานชื่อจังหวัดใหไดยิน
ยาเสพติด เป็นภัยต่อชีวิต เป็นพิษต่อสังคม
ทั่วกัน
■
NET ขอสอบป 51
ขอสอบถามวา ขอใดไมใชคําขวัญที่ดี
1. กตัญูคือหัวใจ ลงทุนไวไมขาดทุน 2. ทุจริตคือศัตรูตัวราย ชาติวอดวายหากไมปองกัน
3. รูกฎ รูกติกา รูคุณคา รูซึ้งความเปนไทย 4. เยาวชนคนรุนใหม ตองรักดี มีนํ้าใจ ใฝสามัคคี
(วิเคราะหคําตอบ การแตงคําขวัญที่ดีตองมีสัมผัสคลองจองเพื่อใหสะดวกตอการจํา มีจุดมุงหมาย ซึ่งขออื่นๆ
ปรากฏการใชคําที่มีสัมผัสคลองจอง มีจุดมุงหมายชัดเจน ยกเวนขอ 3. ดังนั้นจึง ตอบ ขอ 3.) คูมือครู 63
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
กระตุนความสนใจ
ครูรวบรวมตัวอยางคําคมจากสื่อ
ประเภทตางๆ เชน หนังสือ นิตยสาร
๒.๓ การเขียนค�าคม บทความ อินเทอรเน็ต ฯลฯ ประมาณ
ค�ำคม ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ หมายถึง ถ้อยค�าที่ชวนให้คิด 3 - 4 ตัวอยาง จากนั้นตั้งคําถามกับ
แหลมคมและมีความจริง ค�าคมที่ดีต้องแสดงถึงการใช้ความคิดหรือแสดงให้เกิดความรู้สึกอย่างใด นักเรียนวา
อย่างหนึ่งอย่างชัดเจนเพื่อให้ผู้อ่านมีความเข้าใจลึกซึ้ง • คําคมที่ครูนํามาอานนั้นมี
๑) แนวทำงกำรเขียนค�ำคม จุดมุงหมายอยางไร
๑. เลือกใช้ถ้อยค�าสัมผัสคล้องจองไพเราะสละสลวย (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ
๒. ใช้ถ้อยค�าที่มีความหมายคมคาย ไดอยางหลากหลาย คําตอบขึ้น
อยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน)
๓. มุ่งให้เกิดความคิดที่ดีและชวนให้ปฏิบัติตาม
๔. มีความหมายลึกซึ้งกินใจ สะเทือนอารมณ์ความรู้สึกของผู้อ่านหรือผู้ฟัง
๒) ประเภทของค�ำคม สํารวจคนหา
๒.๑) ค�ำคมที่เป็นค�ำพูดธรรมดำ ไม่มีสัมผัส ใช้ค�าง่ายๆ ไม่ต้องแปลความหมาย 1. นักเรียนแบงกลุม กลุมละ 5 คน
อ่านแล้วเข้าใจได้ทันที เช่น รวบรวมคําคมจากแหลงเรียนรู
■ จงเชื่อมั่นว่า “เรายังท�าดีกว่านี้ได้อีก” ตางๆ กลุมละ 20 ตัวอยาง
■ การศึกษา คือ การตื่นขึ้นมามองเห็นตัวเอง จากนั้นใหนักเรียนแบงประเภท
■ เด็กเกิดมาเพื่อให้โลกงดงามเหมือนดอกไม้บานในแผ่นดิน ของคําคมตัวอยางตามหลักเกณฑ
๒.๒) ค�ำคมที่มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนมากจะมี ๒ วรรคเพื่อให้จดจ�าได้ง่าย เช่น ในหนังสือเรียน หนา 65
■ ให้เกียรติคนที่อยู่ตรงหน้า มีค่าเท่ากับให้เกียรติตนเอง 2. นักเรียนแตละกลุมรวมกันสํารวจ
■ อยู่อย่างคนธรรมดา แต่จงใช้ปัญญาอย่างนักปราชญ์ วาคําคมตัวอยางมีแนวทางการ
เขียนอยางไร โดยศึกษาเปรียบ
จงเติบโตจากความผิดพลาด จงเฉลียวฉลาดจากความผิดหวัง
เทียบแนวทางจากหนังสือเรียน
■
2. นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่ออธิบายความรูในลักษณะโตตอบรอบวง โดยครูเปนผูตั้งประเด็นคําถาม
• จากการศึกษาคนควาคําคมตัวอยาง นักเรียนคิดวาคําคม หมายถึงอะไร
(แนวตอบ คําคม หมายถึง ถอยคําที่ชวนใหคิด มีความหมายลึกซึ้งกินใจ)
• การแบงประเภทของคําคมใชหลักเกณฑใดในการแบง
(แนวตอบ ใชลักษณะการใชถอยคําเปนเกณฑในการแบง โดยแบงเปน
1. คําคมที่เปนคําพูดธรรมดา 2. คําคมที่มีสัมผัสคลองจอง 3. คําคมที่แตงดวยคําประพันธ)
คูมือครู 65
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
66
66 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
กระตุนความสนใจ
ครูนําคลิปวีดิทัศนตัวอยางโฆษณา
ที่ดี ซึ่งมีองคประกอบของโฆษณา
๓. ต้องเขียนให้มีความกะทัดรัดได้ใจความไม่เยิ่นเย้อ ครบถวน ชัดเจนมาใหนักเรียนดู
๔. ต้องเขียนให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังบทโฆษณารู้สึกว่าผู้เขียนก�าลังสื่อสารกับเขา จากนั้นตั้งคําถามกับนักเรียนวา
๕. ต้องเขียนให้ผู้อ่านเกิดความต้องการที่จะซื้อสินค้าหรือใช้บริการ • โฆษณาดังกลาวแสดง
๒) ส่วนประกอบของโฆษณา จุดมุงหมายใด และผูสงสาร
๒.๑) เนือ้ หา เนือ้ หาของโฆษณาจะน�าเสนอให้เห็นความดีพเิ ศษของสินค้าและบริการ สามารถสื่อสารไดตรงกับ
หรือกิจกรรมที่โฆษณา เช่น วัตถุประสงคหรือไม
น�าเสนอความดีพิเศษของสินค้า
■ ยาหม่องทาดี ทั้งทาทั้งถูในตลับเดียวกัน
■ ผงซักฟอกคลีน ก�าจัดคราบเพียงแค่ป้ายครั้งเดียว สํารวจคนหา
น�าเสนอความดีพิเศษของการบริการ 1. นักเรียนรวมกันสํารวจคนหา
■ โอลิมปิก...ทางสบายสู่ชัยชนะ โฆษณาทางโทรทัศนที่มีความ
■ ธนาคารไทยธ�ารง มั่นคงด้วยรากฐาน บริการดุจญาติมิตร โดดเดนทางดานตางๆ เชน
๒.๒) รูปแบบการน�าเสนอ โฆษณามีรูปแบบการน�าเสนอ ดังนี้ เนื้อหา ภาพประกอบ การลําดับ
๑. แบบเจาะจงกลุ่ม เช่น เรื่อง เพลงประกอบ ฯลฯ ประมาณ
■ บนข้อมือบุคคลชั้นน�าท่านจะพบแต่โซนาร์เท่านั้น 5 ตัวอยาง จากนั้นใหแบงกลุม
๒. เป็นการน�าเสนอสินค้าหรือประโยชน์ของสินค้าว่ามีข้อดีอย่างไร นักเรียนออกเปน 5 กลุม แตละ
■ ปัญหาแบบนี้จะไม่เกิด ถ้าใช้ปูนตรานกพิราบแต่แรก กลุมสงตัวแทนออกมาจับสลาก
๓. ใช้ถ้อยค�าที่สั้นกระชับรัดกุมเพื่อสะดวกในการจ�า จากนั้นอานชื่อโฆษณาใหทุกคน
■ รายได้ไร้ขีดจ�ากัด ไดยิน
๔. ใช้รูปภาพหรือภาพที่เคลื่อนไหว 2. นักเรียนศึกษาคนควาความรู
๒.๓) ภาษา โฆษณามีลักษณะการใช้ภาษาที่ส�าคัญ คือการสรรค�ามาใช้ได้กระชับ ในประเด็นแนวทางการเขียน
ใช้ค�าน้อยกินความมาก สื่อความหมายกว้างขวางลึกซึ้ง จะใช้ทั้งวัจนภาษาและอวัจนภาษาในการ โฆษณาจากหนังสือเรียน ในหนา
66 - 67
สื่อสาร ภาษาเพื่อการโฆษณามักใช้ถ้อยค�าแปลกใหม่เพื่อดึงดูดความสนใจ ใช้ภาษาที่มีสัมผัสเพื่อให้
3. นักเรียนแตละกลุมนําโฆษณา
จ�าง่ายใช้ข้อความวลีประโยคสั้นๆ จุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้รับสารรับรู้ได้อย่างรวดเร็ว
ตัวอยางมาวิเคราะหองคประกอบ
๒.๔) การโน้มน้าวใจ การโน้มน้าวใจในโฆษณามีหลายวิธี เช่น การอ้างอิงบุคคล
และลักษณะการใชภาษาโดยใช
ที่สามารถอ้างอิงได้ทั้งบุคคลธรรมดาที่ใช้สินค้าหรือบริการ แต่ถ้าเป็นดาราหรือบุคคลที่มีชื่อเสียงเป็น
ขอมูลจากหนังสือเรียน ในหนา
ที่ยอมรับและรู้จักกันดีในสังคมจะได้รับความสนใจและความเชื่อถือเป็นพิเศษ การอ้างถึงสถาบันหรือ
67 - 68
หน่วยงานทีเ่ กีย่ วข้องรับรอง เช่น อย. (คณะกรรมการอาหารและยา) หรือเครือ่ งหมายรับรองของ มอก.
(ส�านักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) เช่น อธิบายความรู
■ ไทนี่ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากส�านักงานมาตรฐาน นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออก
ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรายแรกของประเทศไทย มาอธิบายความรูที่ไดจากการศึกษา
67 คนควารวมกันในประเด็นแนวทาง
การเขียนโฆษณา องคประกอบของ
โฆษณา และลักษณะการใชภาษา
(แนวตอบ นักเรียนบรรยายความรู
ตรวจสอบผล ขยายความเขาใจ ตามขอมูลที่ไดศึกษาคนควา)
นักเรียนนําโฆษณาที่เขียนขึ้น มาอานหนาชั้นเรียน ครูและนักเรียนรวมกันกําหนดประเภท
เพื่อนๆ รวมกันแสดงความคิดเห็นถานักเรียนเปนผูฟง ของสินคาหรือบริการที่จะนํามาเขียนบท
นักเรียนจะซื้อสินคาของเพื่อนคนใด เพราะเหตุใด โฆษณาจํานวน 5 ชนิด จากนั้นนักเรียน
ครูตรวจสอบความเขาใจจากการแสดงความคิดเห็น เขียนบทโฆษณาตามแนวทางที่ไดศึกษา
คูมือครู 67
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
68 คูมือครู
สํารวจคนหา อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
สํารวจคนหา
1. นักเรียนรวมกันศึกษาหาความรู
เกี่ยวกับประเภทของสุนทรพจน
๑.๒) การด�าเนินเรื่อง หรือส่วนของเนื้อเรื่องต้องเป็นไปตามล�าดับเหตุการณ์ จากนั้นใหรวมกันสํารวจคนหา
ไม่วกวน เน้นจุดมุ่งหมายส�าคัญของเรื่อง เป็นส่วนที่เสนอทรรศนะหรือความรู้สึกของผู้เขียนให้มี ตัวอยางของสุนทรพจนประเภท
ความชัดเจน ผู้เขียนควรเขียนให้มีความสัมพันธ์กัน ครบประเด็น เช่น ถ้าจะเขียนสุนทรพจน์เกี่ยวกับ ละ 1 ตัวอยาง จากสื่อประเภท
คุณค่าของภาษาไทย ผูเ้ ขียนต้องตัง้ จุดมุง่ หมายเพือ่ ให้ผฟู้ งั ตระหนักในคุณค่าทุกประการของภาษาไทย ตางๆ เชน หนังสือ บทความ
ดังนั้นจึงตั้งประเด็นในการเขียนเกี่ยวกับคุณค่าของภาษาไทยแล้วจึงเขียนขยายความ เช่น ภาษาไทย อินเทอรเน็ต ฯลฯ เพื่อสําหรับใช
เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภาษาไทยเป็นสิ่งแสดงเอกลักษณ์ของชาติ ภาษาไทยเป็นเครื่องมือใน ศึกษารวมกัน
การสื่อสารและการเรียนรู้ศิลปวิทยาการแขนงต่างๆ ภาษาไทยเป็นสิ่งเสริมสร้างบุคลิกภาพของคนใน 2. นักเรียนนําตัวอยางสุนทรพจน
ชาติ นอกจากนี้ผู้เขียนควรพิถีพิถันในการเลือกใช้ถ้อยค�า ใช้ภาษาทางการ ถูกต้องตามหลักการเขียน แตละประเภทมาศึกษารวม
เรียบเรียงถ้อยค�ากะทัดรัด ชัดเจน สื่อสารเข้าใจง่าย ราบรื่นและสละสลวยด้วยส�านวนโวหารและลีลา กัน โดยครูถายเอกสารตัวอยาง
การเขียน สุนทรพจนทั้ง 2 ประเภทให
๑.๓) สรุป เป็นส่วนของการทบทวนและเน้นประเด็นส�าคัญของสุนทรพจน์อีกครั้ง นักเรียนอานตัวอยางละ 10 นาที
สังเกตและจดบันทึกแนวทางการ
เร้าใจให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังเชื่อ เกิดอารมณ์ความรู้สึกคล้อยตาม ซึ่งการสรุปควรเขียนให้สอดคล้องกับ
เขียนของสุนทรพจนตัวอยาง
ค�าน�า ประเด็นของเรื่อง ใช้ภาษาที่กระชับ สร้างความประทับให้แก่ผู้อ่าน ซึ่งการสรุปนั้นสามารถท�า
ได้หลายวิธี เช่น สรุปด้วยค�าคม สุภาษิต ร้อยกรอง หรือสรุปด้วยข้อความที่ให้แง่คิด เช่น การเขียน
สุนทรพจน์เกีย่ วกับคุณค่าภาษาไทย ในส่วนสรุปควรเขียนย�า้ ให้ผฟู้ งั ตระหนักในคุณค่าของภาษาไทยและ อธิบายความรู
ควรหวงแหนไว้เป็นมรดกของชาติต่อไป และสร้างอารมณ์ความรู้สึกคล้อยตาม รวมถึงความประทับใจ 1. ครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
โดยการจบด้วยบทร้อยกรอง เป็นต้น • หลังจากที่นักเรียนอาน
๒) ประเภทของสุนทรพจน์ สุนทรพจน์แบ่งได้หลายประเภทตามความมุ่งหมายที่จะ สุนทรพจนจบ นักเรียนคิด
น�าไปใช้ ดังนี้ วา สุนทรพจนดังกลาวมี
๒.๑) สุนทรพจน์ที่มีเนื้อหาจรรโลงจิตใจ คือเนื้อหาของสุนทรพจน์จะมีลักษณะ จุดมุงหมายอยางไร นักเรียนได
จรรโลงใจให้ก�าลังใจหรือสดุดี เช่น อวยพร อ�าลา ขอบคุณ รับความรู ขอคิดและเกิดความ
๒.๒) สุนทรพจน์ที่มีเนื้อหากระตุ้นความรู้สึก ความคิด คือเนื้อหาสาระมีลักษณะ สงสัยใดบางขณะที่อาน
โน้มน้าวและกระตุ้นความรู้สึกนึกคิดของผู้ฟังในด้านที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม เช่น การเมือง (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ
เศรษฐกิจและสังคม การกล่าวสุนทรพจน์แบบนีม้ กั กล่าวในพิธสี า� คัญ เช่น พิธตี อ้ นรับแขกเมืองคนส�าคัญ ไดอยางหลากหลาย คําตอบขึ้น
พิธีเข้ารับต�าแหน่งส�าคัญทางการเมือง เช่น ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรีหรือในวันส�าคัญของชาติ
อยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน)
2. จากตัวอยางสุนทรพจนที่นักเรียน
ในบทเรียนนี้น�าเสนอตัวอย่างสุนทรพจน์ที่มีเนื้อความกระตุ้นเตือนให้ผู้อ่าน ผู้ฟัง
ไดอาน ใหอธิบายความรูรวม
เกิดจิตส�านึกทีด่ ี และเห็นคุณค่าของภาษาไทยโดยสุนทรพจน์ทนี่ า� มามีการใช้ภาษาสือ่ ความอย่างตรงไป
กันเกี่ยวกับแนวทางการเขียน
ตรงมา ใช้ค�าน้อยแต่กินความมาก ถ้อยค�าที่น�ามาใช้ช่วยกระตุ้นเตือนให้ผู้อ่าน ผู้ฟังเกิดจิตส�านึก และ สุนทรพจน
เจตคติที่ดีต่อคุณค่าของภาษาไทย (แนวตอบ การเขียนสุนทรพจนที่ดี
ผูเขียนควรรางไวลวงหนา โดย
69 เขียนเนื้อหา สาระ ถอยคํา ใหมี
ความชัดเจน เขาใจงาย ถูกตอง
ตามหลักการใชคํา การเรียบเรียง
ประโยค เปนตน)
คูมือครู 69
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
70 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุนความสนใจ
ครูเลาประวัติของศิลาจารึก
พอขุนรามคําแหงมหาราช จากนั้น
๓ การเขียนชีวประวัติและอัตชีวประวัติ ตั้งคําถามกับนักเรียนวา
การเขียนชีวประวัติและอัตชีวประวัติจัดเป็นงานเขียนสารคดีประเภทหนึ่ง คือสารคดีทั่วไป • ศิลาจารึกพอขุนรามคําแหง-
ซึ่งมีเนื้อหาเพื่อให้สาระความบันเทิง เพลิดเพลินควบคู่กันไป มหาราช มีลักษณะการเขียน
สารคดีชีวประวัติเป็นงานเขียนร้อยแก้วที่กล่าวถึงเรื่องราวและพฤติกรรมของบุคคลที่น่าสนใจ แบบอัตชีวประวัติหรือไม
โดยใช้ศิลปะการเรียบเรียงเพื่อให้เป็นบทเรียนส�าหรับการด�าเนินชีวิตแก่ผู้อ่าน ลักษณะของสารคดี เพราะเหตุใด
ชีวประวัติและอัตชีวประวัติจะต้องเป็นเรื่องราวของบุคคลจริงๆ ที่น่าสนใจ น่าศึกษา แสดงเรื่องราว (แนวตอบ นักเรียนสามารถ
ความเป็นมา ความส�าเร็จและความล้มเหลวในชีวิต ผู้เขียนต้องมีความเป็นกลาง มีคุณธรรมและต้อง แสดงความคิดเห็นไดอยาง
ใช้ศิลปะในการเขียนที่ดี น่าอ่าน เข้าใจง่ายและเร้าความสนใจของผู้อ่าน หลากหลาย โดยครูเปนผูชี้แนะ
แนวทางที่ถูกตองเพื่อนําเขาสู
๓.๑ ประเภทของสารคดีชวี ประวัติ หัวขอการเรียนการสอน)
๑) ชีวประวัติแบบจ�าลองลักษณ์ คือการเขียนสารคดีที่เน้นการอธิบายรูปร่าง
ความคิด รสนิยม อุปนิสัยอย่างตรงไปตรงมาของเจ้าของประวัติ โดยใช้ภาษาที่สละสลวย
๒) ชีวประวัติแบบสดุดี คือการเขียนชีวประวัติที่มุ่งสรรเสริญบุคคลเจ้าของประวัต ิ สํารวจคนหา
กล่าวถึงเฉพาะด้านดีที่ควรยกย่องเพียงด้านเดียว มีความคล้ายคลึงกับวรรณคดีเฉลิมพระเกียรติ 1. นักเรียนแบงกลุมออกเปน 5 กลุม
สมัยโบราณ จํานวนกลุม ละเทาๆ กัน หรือตาม
๓) ชีวประวัตแิ บบรอบวง คือการเขียนชีวประวัตทิ มี่ งุ่ ให้ผอู้ า่ นเห็นความส�าคัญเฉพาะ ความเหมาะสม สงตัวแทนมาจับ
ด้านใดด้านหนึ่ง แต่เสนอข้อเท็จจริงมากกว่าการสรรเสริญเยินยอ สลากจากหัวขอตอไปนี้
• ชีวประวัติแบบจําลองลักษณ
๔) ชีวประวัติแบบประเมินค่า คือการเขียนถึงบุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่โดยเน้นที่ผลงาน • ชีวประวัติแบบสดุดี
ของบุคคล ว่าเขาท�าอะไรประสบความส�าเร็จอย่างไรและมีแนวโน้มอย่างไรในอนาคต • ชีวประวัติแบบรอบวง
๕) อัตชีวประวัติ คือการที่ผู้เขียนเล่าประวัติของตนเอง อาจเล่าโดยตรงหรือเล่า • ชีวประวัติแบบประเมินคา
ในเชิงบันทึกและแสดงประวัติของตนลงไป • อัตชีวประวัติ
๓.๒ แนวทางการเขียนชีวประวัตแิ ละอัตชีวประวัติ จากนั้นใหรวมกันคนหาตัวอยาง
๑. เลือกเขียนประวัติของบุคคลที่น่าสนใจ มีตัวตนอยู่จริง หรือบุคคลที่เสียชีวิตไปแล้ว ของชีวประวัติประเภทตางๆ
โดยน�าเสนอรูปแบบการด�าเนินชีวิตทั้งด้านที่ประสบความส�าเร็จและความล้มเหลวเพื่อให้เป็นข้อคิด ประเภทละ 1 ตัวอยาง
เตือนใจแก่ผู้อ่าน 2. นักเรียนแตละกลุม รวมกันนํา
๒. เขียนด้วยความบริสทุ ธิใ์ จ ปราศจากอคติและไม่ควรเขียนด้วยส�านวนโวหารทีย่ กย่อง ตัวอยางชีวประวัติมาวิเคราะห
เพื่อคนหาวามีแนวทางการเขียน
จนเกินควรหรือมุง่ เพียงแต่แสดงว่าเป็นบุคคลใด แต่ควรชีใ้ ห้เห็นว่าเป็นบุคคลอย่างไร และท�าไมจึงเป็น
อยางไร
เช่นนั้น
3. นักเรียนแตละกลุมรวมกันศึกษา
๓. ผู้เขียนจะต้องศึกษาค้นคว้า ข้อมูล ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติของบุคคลนั้นอย่าง
แนวทางการเขียนชีวประวัติและ
ถ่องแท้ในด้านต่างๆ น�าเสนอข้อมูลโดยใช้ภาษาที่ถูกต้อง เหมาะสม อัตชีวประวัติจากหนังสือเรียน
71 ในหนา 71
คูมือครู 71
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
72 คูมือครู
ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
ขยายความเขาใจ
1. ครูและนักเรียนรวมกันทบทวน
แนวทางที่ถูกตองในการเขียน
ในระหว่างทีท่ รงด�ารงต�าแหน่งนายทหาร ทรงวางระเบียบงานในกองทัพไทยให้เป็นระเบียบ ชีวประวัติและอัตชีวประวัติ
เรียบร้อย และเป็นแบบแผนสืบต่อกันมาหลายประการ มีการเร่งรัดให้นายสิบ พลทหาร เรียนรู้ 2. นักเรียนเขียนชีวประวัติของบุคคล
หนังสือไทย ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์แก่บ้านเมืองมาจนตราบเท่าทุกวันนี้ ที่นักเรียนคิดวาเปนตัวอยางที่ดีใน
นอกจากนี้ยังทรงสร้างความเจริญให้แก่วงการดุริยางค์กองทัพบกด้วย และทรงพระนิพนธ์ การดํารงชีวิต โดยใชแนวทางที่ได
บทเพลง และบทขับร้องไว้ให้ทหารขับร้องไว้เป็นอันมาก เพลงส�าคัญๆ ที่ยังนิยมขับร้องกันอยู่ ศึกษา ความยาวหนึ่งหนากระดาษ
ในทุกวันนี้ เช่น เพลงลาวเล็ก เพลงเขมรไทรโยค เพลงอกทะเล เป็นต้น ทรงพระนิพนธ์ขึ้น เพื่อ A4
ขับร้องถวายหน้าพระที่นั่ง เมื่อครั้งทรงด�ารงต�าแหน่งผู้บัญชาการทหารยุทธนาธิการ คือระหว่าง
พ.ศ. ๒๔๓๙ ถึง พ.ศ. ๒๔๔๒ และทีส่ า� คัญทีส่ ดุ คือ ทรงพระนิพนธ์บทร้องเพลง สรรเสริญพระบารมี
ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้ นักเรียนควรรู
ต�าแหน่งเสนาบดีที่ทรงด�ารงอยู่นั้น นอกจากเสนาบดีกระทรวงกลาโหมแล้ว ยังทรงด�ารง เพลงเขมรไทรโยค สมเด็จพระเจา-
ต�าแหน่งเป็นผู้แทนเสนาบดีกระทรวงพระคลัง เสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ และเสนาบดี บรมวงศเธอ เจาฟากรมพระยา-
กระทรวงวังอีกด้วย ทัง้ ยังทรงเป็นผูร้ งั้ ต�าแหน่งผูบ้ ญ ั ชาการทหารเรือและต�าแหน่งอืน่ ๆ อีก เป็นต้น นริศรานุวัดติวงศ ทรงนิพนธขึ้นเมื่อ
ในปี พ.ศ. ๒๔๔๘ โปรดให้เลือ่ นกรมเป็นสมเด็จเจ้าฟ้าหลวง แต่เนือ่ งจากทรงสุขภาพไม่คอ่ ย พ.ศ. 2431 โดยนําเพลงเขมรกลอม
จะสมบูรณ์ จึงทรงลาออกจากราชการเพื่อพักผ่อนครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๔๕๒ เมื่อพระชนมายุได้ ลูกสองชั้นทํานองเกามาทรงนิพนธ
๔๖ พรรษา ขยาย แทรกสําเนียง และเพิ่มลีลาให
ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๕๖ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ บรรยายความตามทัศนียภาพที่ไดพบ
ทรงเลื่อนต�าแหน่งเป็นสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนริศรานุวัดติวงศ์ ขณะทรงตามเสด็จไปอําเภอไทรโยค
และในวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๔ ในรัชกาลที่ ๗ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ทรงกลับเข้า เปนบทเพลงที่ใหอารมณความรูสึก
รับราชการเป็นอภิรัฐมนตรีและอุปนายกราชบัณฑิตยสภา แผนกศิลปากร ทรงพ้นจากต�าแหน่ง เบิกบานใจ สุขใจ สบายอารมณ
ทัง้ สองนีเ้ มือ่ เดือนมิถนุ ายน พ.ศ. ๒๔๗๕ ครัน้ เมือ่ ถึงเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๔๗๖ ทรงได้ดา� รงต�าแหน่ง
ผู้ส�าเร็จราชการแทนพระองค์ในระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗
เสด็จพระราชด�าเนินไปรักษาพระองค์ ณ ต่างประเทศ และทรงพ้นต�าแหน่งเมื่อพระบาทสมเด็จ นักเรียนควรรู
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ทรงสละราชสมบัติ ในวันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗
เพลงสรรเสริญพระบารมี เปน
ในปี พ.ศ. ๒๔๘๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั อานันทมหิดล* รัชกาลที่ ๘ ได้โปรดเกล้าฯ
บทเพลงที่เกิดขึ้นจากปจจัยทาง
ให้เลื่อนขึ้นเป็นสมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ดังกล่าวแล้วเพราะทรงเป็นทีี่ไว้วาง
ดานสังคมและวัฒนธรรม เนื่องจาก
พระราชหฤทัยของพระมหากษัตริย์ ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจต่างๆ ด้วยพระปรีชาญาณอันสุขุม ประเทศไทยเปนประเทศที่ปกครอง
เป็นที่นับถือของคนทั่วไป และแม้ว่าจะทรงชราแล้ว ก็ทรงช่วยราชการนานัปการโดยเฉพาะได้ ดวยระบอบประชาธิปไตย โดยมี
ประทานความรู้ในด้านศิลปวิทยาการ ตลอดจนภาษาและราชประเพณี ซึ่งไม่มีผู้ใดจะให้ความรู้ได้ พระมหากษัตริยทรงเปนประมุข
ดีเท่าพระองค์ท่าน จึงกอใหเกิดเพลงที่แสดงออกถึง
ความจงรักภักดีของประชาชน
*พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล หรือพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ที่มีตอพระมหากษัตริย
73
คูมือครู 73
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
74
74 คูมือครู
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ
นักเรียนเขียนอัตชีวประวัติของ
ตนเอง โดยใชแนวทางที่ไดศึกษา
สารคดีอัตชีวประวัติ ความยาวไมเกินหนึ่งหนากระดาษ
A4
อัตชีวประวัติของข้าพเจ้า (วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์)
ข้าพเจ้าถือก�าเนิดในปี ค.ศ. ๑๙๕๖ (พ.ศ. ๒๔๙๙) ในครอบครัวของชาวจีนที่อพยพ
มาจากประเทศจีนตอนใต้เข้ามาอยู่ในเมืองไทย ตาและยายพาแม่ของข้าพเจ้าซึ่งยังแบเบาะ ตรวจสอบผล
เดินทางด้วยเรือ ในสมัยนั้นผู้อพยพส่วนใหญ่ต้องเดินทางด้วยเรือ คาดว่าคงเป็นการอพยพ 1. นักเรียนนําอัตชีวประวัติของ
หนีความอดอยากมาสู่ดินแดนแหลมทองซึ่งร�่าลือกันว่าอุดมสมบูรณ์ ส�าหรับพ่อของข้าพเจ้า ตนเองมาอานใหเพื่อนฟง จากนั้น
เดินทางออกจากบ้านเกิดเมืองนอนก่อนประเทศจะเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นคอมมิวนิสต์ เพื่อนๆ รวมกันลงคะแนนเสียงหา
เพียงไม่กี่ปี คงด้วยความไม่ศรัทธาหรือกลัวภัยจากการเปลี่ยนแปลง ชายหนุ่มอายุ ๒๐ ปีเศษ ผูที่เขียนไดดีที่สุด
แอบหนีลงเรือฝรัง่ ขนาดใหญ่ ลักลอบเข้ามาเมืองไทย เพือ่ แสวงหาชีวติ ใหม่ทยี่ งั มีเสรีภาพพอสมควร 2. ครูประเมินผลการเขียนจากการ
ข้าพเจ้าเป็นบุตรคนทีส่ องในจ�านวนพีน่ อ้ งทัง้ หมด ๗ คน ทีถ่ อื ก�าเนิดไล่เลีย่ กัน หัวปีทา้ ยปี ตอนนัน้ สุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่อบรรยาย
แนวทางในการเขียน
ครอบครัวเริ่มท�าการค้าขายเล็กๆ น้อยๆ เพื่อยังชีพ แม่เป็นคนออกหัวคิดให้ลูกศึกษาแบบฝรั่ง
คิดว่าการเรียนในโรงเรียนฝรั่งน่าจะก้าวหน้ากว่าเรียนในโรงเรียนจีนที่ชาวจีนสมัยนั้นนิยมส่งลูก
ไปเรียนเพือ่ มิให้ลมื ภาษาและวัฒนธรรมของจีน แม่จงึ ดิน้ รนไปฝากฝังกับบาทหลวงโรงเรียนอัสสัมชัญ
ทั้งลูกชายและลูกหญิง ทั้งๆ ที่ไม่มีเส้นสาย แต่ด้วยความบังเอิญหรือดวงดีก็เป็นได้ ถึงแม้ไม่ต้อง เกร็ดแนะครู
เปลี่ยนศาสนาเป็นคาทอลิกก็สามารถเข้าเรียนได้ เป็นอันว่าลูกทุกคนได้เข้าโรงเรียนฝรั่งหมด ใหนักเรียนอานตัวอยาง
ด้วยความพยายามของแม่ ส่วนพ่อก็ทา� หน้าทีห่ าเงินเข้าครอบครัว ความเป็นอยูใ่ นสมัยเด็กไม่ถอื ว่า อัตชีวประวัติจากหนังสือเรียน
สุขสบายมากนัก แต่ลกู ๆ เจ็ดคนก็ไม่เคยอดข้าว แม้วา่ ค่าเทอมจะติดค้างครูเป็นประจ�า จนถูกเรียก ในหนา 75 ใหใชปากกานํ้าเงิน
ไปตักเตือนให้จ่ายเงินก่อนสอบอยู่เสมอ การต่อรองผัดผ่อนค่าเล่าเรียนเป็นกิจวัตรประจ�าที่ลูกๆ ขีดเสนใตขอความที่เปนความรู
ทุกคนจะไปท�าหน้าที่นี้แทนพ่อแม่ แต่ลูกทุกคนก็กลับเรียนดีและไม่เคยสอบตก ไม่เกเรียน แต่แม้ ปากกาแดงขีดเสนใตขอความที่เปน
จะไม่ได้อยู่ในฐานะสุขสบายนัก พ่อแม่ของข้าพเจ้าก็ยังหาโอกาสพาลูกๆ ไปเที่ยวเตร่บ้าง หนังดี ความสงสัยและใชดินสอขีดเสนใต
สมัยก่อนก็ได้ดูเกือบทุกเรื่อง นับว่าพ่อแม่ของข้าพเจ้าได้ท�าหน้าที่เลี้ยงดูบุตรธิดาอย่างดีเลิศ แม้ว่า ขอความที่เปนขอคิด คติสอนใจ
จะไม่มีอะไรติดตัวมาเลยจากบ้านเกิดเมืองนอน…ฯ จากนั้นครูและนักเรียนรวมกัน
สนทนาแลกเปลี่ยนความรู
คลายความสงสัย
จากตัวอย่างสารคดีอัตชีวประวัติข้างต้น ผู้เขียนได้ใช้ภาษากึ่งแบบแผน สื่อความอย่าง
ตรงไปตรงมา เขียนด้วยความบริสุทธิ์ใจ ปราศจากอคติ โดยเขียนขึ้นจากบางส่วนของช่วงชีวิต
โดยเริ่มต้นจากจุดก�าเนิดของครอบครัวที่ค่อยๆ ก่อร่างสร้างตัวตนขึ้นมาจากความยากล�าบาก สารคดี หลักฐาน
อัตชีวประวัตขิ า้ งต้นจึงมีความน่าสนใจ เพราะผูเ้ ขียนได้สะท้อนให้เห็นแง่มมุ ของชีวติ ทีผ่ อู้ า่ นสามารถน�า แสดงผลการเรียนรู
มาเป็นข้อคิดได้คือ “คุณค่าของชีวิตอยู่ที่การได้เผชิญกับความยากล�าบากและสามารถก้าวผ่านมาได้” ผลงานการเขียนอัตชีวประวัติ และ
ชีวประวัติ ความยาวประเภทละ
75 ไมเกินหนึ่งหนากระดาษ A4
คูมือครู 75
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
สํารวจคนหา
นักเรียนรวมกันศึกษาคนหา
ความรูในประเด็นโครงสรางของ
๕. ใจความที่ย่อต้องมีชื่อเรื่อง ถ้าไม่มีชื่อเรื่องผู้ย่อความต้องตั้งชื่อเรื่องเอง
ยอความจากหนังสือเรียน ในหนา
๖. การเขียนย่อความประกอบด้วยส่วนส�าคัญ ๒ ส่วน คือ ส่วนที่หนึ่ง เป็นส่วนค�าน�า
77 - 79 หรือจากแหลงเรียนรูอื่น
หรือการขึ้นต้นของย่อความ มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ทราบแหล่งที่มาของเรื่องนั้นๆ และส่วนที่สอง คือ
ส่วนที่เป็นเนื้อหาของย่อความซึ่งจะต้องขึ้นย่อหน้าใหม่และมีเพียงย่อหน้าเดียว
๔.๓ โครงสร้างของย่อความ อธิบายความรู
โครงสร้างของย่อความขึ้นอยู่กับประเภทของเรื่องที่น�ามาย่อ โดยทั่วไปจะเริ่มต้นด้วยส่วนที่ ครูตั้งคําถามกับนักเรียนเพื่อใหได
เป็นการขึน้ ต้นเพือ่ บอกแหล่งทีม่ าของเรือ่ ง เพือ่ ความสะดวกในการอ่านรายละเอียดเพิม่ เติมจากต้นฉบับ ขอมูลที่ถูกตองรวมกัน
และย่อหน้าต่อไปเป็นสาระของเรื่องที่น�ามาย่อความ • ที่กลาววาการเขียนยอความ
ส�าหรับย่อหน้าแรกซึ่งบอกแหล่งที่มาของเรื่องที่น�ามาย่อมีรายละเอียด ดังนี้ ตองประกอบดวย 2 ยอหนา
๑) เรื่องที่ย่อเป็นความเรียงร้อยแก้ว เช่น นิยาย นิทาน ต�านาน ประวัติ ฯลฯ ต้อง นักเรียนเขาใจวาอยางไร
บอกประเภท ชื่อเรื่อง ชื่อผู้แต่ง ที่มา หน้าใด ดังนี้ (แนวตอบ ยอหนาแรกคือ นํายอ
ความซึ่งเปนที่มาของเรื่องที่นํา
นิทานเรื่อง .................................................... ของ ...................................................................... จาก ..................................... มายอความ ยอหนาที่สอง คือ
หน้า ............................................................................. ความว่า ขอความที่ยอแลว ซึ่งจะเขียน
............................................................................................................................................................................................................................. เพียงยอหนาเดียวไมวาขอความ
................................................................................................................................................................................................................................................... เดิมจะมีกี่ยอหนาก็ตาม)
• ยอหนาแรกของการยอความ
๒) เรื่องที่ย่อเป็นประกาศ แจ้งความ แถลงการณ์ ระเบียบค�าสั่ง ก�าหนดการ มีความสําคัญอยางไร
ฯลฯ ต้องบอกประเภท ชื่อเรื่อง ผู้ออกหนังสือ ผู้รับ วันเดือนปีที่ออกหนังสือ ดังนี้ (แนวตอบ ยอหนาแรกของการ
เขียนยอความมีความสําคัญ
ค�าสั่งเรื่อง .................................................. ของ ......................................... ถึง ....................... ลงวันที่ ......................... คือ ผูยอสามารถกลับไปสืบคน
ความว่า เพิ่มเติมไดในภายหลัง ชวย
............................................................................................................................................................................................................................ เพิ่มความสะดวกในการคนหา
................................................................................................................................................................................................................................................... ขอมูล)
๓) เรื่องที่ย่อเป็นจดหมาย ให้บอกว่าเป็นจดหมายของใคร ถึงใคร เรื่องอะไร
ลงวันที่เท่าไร ดังนี้
จดหมายของ .................................................... ถึง ........................................................ เรื่อง ................................................
ลงวันที่ ............................................................................. ความว่า
.............................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
77
คูมือครู 77
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
ถ้าเป็นการย่อรายงานที่มีค�าปราศรัยของผู้ตอบรับรายงานด้วย อาจย่อเป็นรูปแบบดังนี้
รายงานของ ............................................................................. ใน ...............................................................................................
เรือ่ ง ................................................................. และค�าปราศรัยของ .................................................................................. ความว่า
.................................................................................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................................................................................
(ผู้ตอบ) กล่าวตอบว่า ........................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................................................................................
78
78 คูมือครู
สํารวจคนหา อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
สํารวจคนหา
นักเรียนสํารวจสืบคนสารคดีทาง
วิชาการที่ตนเองสนใจมาอานคนละ
โคลงสี่สุภาพเรื่อง .................................................................................. ของ .......................................................................... 1 เรื่อง
ตอน ............................................................................ จาก .................................................................................. หน้า ...................................
ความว่า
อธิบายความรู
...........................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................................................. 1. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่ออธิบาย
ความรูเกี่ยวกับสารคดีที่ตนเอง
เลือกมาวาใหความรูเกี่ยวกับอะไร
บาง
สารคดีทางวิชาการที่นÓมาย่อความ
2. นักเรียนรวมกันอธิบายความรู
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของเมืองเล็ก เกี่ยวกับโครงสรางของยอความ
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ว่านั้นปลอดทั้งคาร์บอน ราคาค่อนข้างถูก แถมผู้สันทัดกรณี ประเภทความเรียงรอยแกว บันทึก
รูปแบบลงสมุด
ในอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ยังบอกว่าปลอดภัย เตาปฏิกรณ์ขนาดเล็กใต้ดิน
เพียงหนึ่งเครื่องก็สามารถผลิตไฟฟ้าหล่อเลี้ยงทั้งหมู่บ้านได้สบาย
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์สว่ นใหญ่มกั มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร เพือ่ ให้สามารถผลิตไฟฟ้า
ได้เพียงพอกับความต้องการของเมืองขนาดกลางทั้งเมือง แน่นอนว่าการลงทุนย่อม เกร็ดแนะครู
ใหญ่โตตามไปด้วย โรงไฟฟ้าแต่ละโรงใช้เงินในการก่อสร้างหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ครูใหนักเรียนอานสารคดีทาง
ด้วยเหตุนี้ นวัตกรรมอย่างต้นแบบเครื่องปฏิกรณ์ขนาดเล็กหลายสิบเครื่องจึงเป็นที่ วิชาการ เรื่อง โรงไฟฟานิวเคลียร
กล่าวขวัญถึงในฐานะจุดขายใหม่ของอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ชูประเด็นการ ของเมืองเล็ก ใหใชปากกานํ้าเงิน
ปล่อยคาร์บอนต�่าเมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ขีดเสนใตขอความที่เปนความรู
ริชาร์ด เลสเตอร์ หัวหน้าภาควิชาวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์และวิศวกรรมประจ�า ปากกาแดงขีดเสนใตขอความที่เปน
สถาบันเอ็มไอทียอมรับว่า “แม้เครือ่ งปฏิกรณ์ขนาดเล็กจะไม่สามารถแก้ปญ ั หาทุกอย่าง ความสงสัย จากนั้นครูและนักเรียน
ที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนด้านโรงไฟฟ้านิวคลียร์ แต่ก็สามารถขจัดอุปสรรคข้อใหญ่ รวมกันสนทนาแลกเปลี่ยนความรู
และคลายความสงสัย
ที่สุด นั่นคือ ประเด็นทางเศรษฐกิจครับ” เขาเสริมว่า การสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
ขนาดใหญ่ไม่ใช่ทางเดียวในการลดต้นทุนการผลิตกระแสไฟฟ้า แต่อีกทางหนึ่ง คือ
การสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กและราคาไม่แพงจ�านวนมาก หากโรงไฟฟ้า
เหล่านัน้ ได้รบั การออกแบบในลักษณะยูนติ ย่อยๆ เพียงยูนติ เดียวก็อาจผลิตกระแสไฟฟ้า
หล่อเลี้ยงเมืองขนาดเล็กได้ทั้งเมือง ขณะที่การติดตั้งเครื่องร่วมกันสักสิบเครื่องก็อาจมี
ก�าลังผลิตเทียบเท่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้น การที่มีขนาดเล็ก
และสามารถต่อยูนิตเพิ่มได้เรื่อยๆ ก็อาจดึงดูดบริษัทผลิตไฟฟ้าที่มีเงินทุนน้อยทั่วโลก
79
คูมือครู 79
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
การย่อความสารคดีทางวิชาการ
80
80 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู
นักเรียนรวมกันทบทวนและ
อธิบายความรูเกี่ยวกับโครงสรางของ
จดหมายราชการที่นÓมาย่อความ ยอความประเภทหนังสือราชการ
บันทึกรูปแบบลงสมุด
81
คูมือครู 81
สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ Explore Explain Expand Evaluate
Engage
82 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุนความสนใจ
ครูตั้งคําถามกับนักเรียนเพื่อนํา
เขาสูหัวขอการเรียนการสอน
¡ÒËͤÇÒÁ¾ÃкÃÁÃÒâªÇÒ· • นักเรียนคิดวากอนที่สังคม
พระบรมราโชวาทในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมพิ ลอดุลยเดชมหาราช
มนุษยจะมีความเจริญกาวหนา
บรมนาถบพิตร พระราชทานแกผูสําเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายรอยพระจุลจอมเกลา ทางเทคโนโลยีจนทําใหขาวสาร
โรงเรียนนายเรือ และโรงเรียนนายเรืออากาศ เนือ่ งในพิธพี ระราชทานกระบีแ่ กผสู าํ เร็จการศึกษา ตางๆ สงถึงกันไดอยางรวดเร็ว
ณ ศาลาดุสิดาลัย เมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๐ ความวา มนุษยสื่อสารกันอยางไรใน
ขอแสดงความยินดีกับผูสําเร็จการศึกษาที่จะออกไปเปนนายทหารของกองทัพไทย ระยะทางไกล
หนาที่ของทหาร คือการสรางเสริมและรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ซึ่งเปนงาน (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ
สวนรวม จะทําไดโดยการปลูกฝง การรวมมือ สรางความสามัคคีระหวางคนในชาติ ไมแบง ไดอยางหลากหลาย ขึ้นอยูกับ
พวกแบงฝาย ชาติจึงจะมีความเจริญมั่นคงได พื้นความรู และประสบการณ
สวนตน)
การยอความมีความสําคัญในชีิวิตประจําวันเพราะบุคคลทั่วไปมีโอกาสและความจําเปนที่จะ
ตองพูดหรือเขียนอยางยอๆ เสมอ จึงควรใชสํานวนภาษาใหสั้น กะทัดรัด ไดใจความตอเนื่องกัน และ
สาระของเรื่องครบถวนถูกตอง สํารวจคนหา
1. ครูและนักเรียนรวมกันสนทนาใน
๕ ¡ÒÃà¢Õ¹¨´ËÁÒ ประเด็นความสําคัญของจดหมาย
ปจจุบนั โลกมีการพัฒนาทางการสือ่ สารโทรคมนาคมไดสะดวกและรวดเร็ว สามารถพูดคุยหรือ และบทบาทของจดหมายในยุค
สงขอมูลตอบโตกันไดในทันที แตการสื่อสารผานจดหมายก็ยังคงมีความสําคัญตอการสื่อสารในชีวิต ดิจิทัล
ประจําวัน โดยเฉพาะจดหมายกิจธุระที่ใชในการ 2. นักเรียนศึกษาคนควาแนวทางการ
ติดตอประสานงานเรื่องตางๆ ซึ่งจําเปนตองมี เขียนจดหมายกิจธุระจากหนังสือ
เรียน ในหนา 84
หลักฐานที่เปนลายลักษณอักษร
๕.๑ การเขียนจดหมายกิจธุระ
จดหมายกิจธุระเปนจดหมายทีเ่ ขียนติดตอ
ระหวางบุคคลหรือองคกรตางๆ เชน หางราน
เกร็ดแนะครู
บริษัท สมาคม ฯลฯ เพื่อติดตอกิจธุระสั่งซื้อของ ครูอาจเชื่อมโยงการสื่อสาร
สมัครงาน เชิญวิทยากร เชิญไปทัศนศึกษา เปนตน ผานจดหมายกับการสื่อสารผาน
การเลือกใชภาษาจึงเปนสิ่งสําคัญในการเขียน เครือขายอินเทอรเน็ตที่เรียกวา
จดหมายอิเล็กทรอนิกส (E-mail)
จดหมาย ภาษาที่ใชควรเปนภาษาแบบแผน ใช
จดหมายอิเล็กทรอนิกส หมายถึง
ขอความสั้นกะทัดรัด ครอบคลุม ชัดเจน สื่อสาร การเลือกใชกระดาษเขียนจดหมาย ผูเขียนควรเลือกใช
กระดาษทีม่ ีสีสุภาพและใชหมึกที่มีสีเหมาะสม เชน ดํา จดหมายหรือขอความที่สงผานระบบ
ตรงไปตรงมาและอานเขาใจงาย หรือนํ้าเงิน เครือขาย เราสามารถสงจดหมาย
ไปใหผูรับซึ่งเปนสมาชิกของระบบ
๘๓ อินเทอรเน็ตไดโดยไมจํากัดสถานที่
และเวลา จดหมายจะสงถึงปลายทาง
อยางรวดเร็วภายในเวลาไมกี่นาที
หรืออาจจะสงจดหมายฉบับเดียว
ไปยังผูรับหลายคนในเวลาเดียวกัน
ก็ได ทั้งนี้ผูรับและผูสงจดหมาย
อิเล็กทรอนิกสจะตองมีที่อยูเพื่อ
อางอิงการสงและรับจดหมาย
คูมือครู 83
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
NET ขอสอบป 51
ขอสอบถามวา ขอใดคือคําขึ้นตนและลงทายในการเขียนจดหมายกิจธุระ
1. เรียน ดวยความเคารพอยางสูง 2. เรียน ขอแสดงความนับถือ
3. กราบเรียน ขอแสดงความนับถือ 4. กราบเรียน ดวยความเคารพ
(วิเคราะหคําตอบ ตามรูปแบบการเขียนจดหมายกิจธุระจะใชคําขึ้นตนวา เรียน ลงทาย
84 คูมือครู ขอแสดงความนับถือ ดังนั้นจึง ตอบ ขอ 2.)
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ
นักเรียนทบทวนองคความรู
เกี่ยวกับขั้นตอนการเขียนจดหมาย
จดหมายกิจธุระ : เชิญวิทยากร กิจธุระ จากนั้นใหนําความรูมาเขียน
จดหมายกิจธุระเพื่อเชิญวิทยากร
ที่ ๑๕/๒๕๕๔ ๒ ชมรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
โรงเรียนอุดมวิทย์ มาบรรยายใหความรูเนื่องในงาน
๑๙ ถนนรามอินทรา ๑ สัปดาหวิชาการของโรงเรียน โดย
เขตบางเขน นักเรียนเปนผูสมมติวัน เวลา
กรุงเทพฯ ๑๐๒๒๐ สถานที่ในการจัดงาน ชื่อบุคคลและ
๑ ๑๒ บรรทัด
๘ เมษายน ๒๕๕๔ ๓ หัวขอในการบรรยายดวยตนเอง
๑ ๑๒
เรื่อง ขอความอนุเคราะห์เชิญเป็นวิทยากร ๔
๑ ๑๒
เรียน คุณไตรรัฐ ผาสุก ๕ ตรวจสอบผล
๑ ๑๒
สิ่งที่ส่งมาด้วย ก�าหนดการจัดงาน “วันลดภาวะโลกร้อน” ๖ 1. นักเรียนจับคูผลัดกันอานจดหมาย
๑ ๑๒ ของตนเองใหเพื่อนฟง และให
เนื่องด้วยชมรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจะจัดงาน “วันลดภาวะโลกร้อน” ขึ้นในวันจันทร์ที่ ๒๙ เพื่อนตรวจสอบรูปแบบ โดยเทียบ
เมษายน ๒๕๕๔ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนตระหนักในคุณค่าของสิ่งแวดล้อมและรณรงค์ให้ช่วยกัน
ลดการใช้พลังงาน ทางโรงเรียนพิจารณาเห็นว่าท่านเป็นผูท้ รงคุณวุฒมิ คี วามรอบรูใ้ นเรือ่ งสิง่ แวดล้อมและการ เคียงกับตัวอยาง ในหนา 85 และ
ใช้พลังงานต่างๆ อย่างรู้คุณค่า จึงขอเรียนเชิญเป็นวิทยากรบรรยายเรื่อง “เราจะมีส่วนช่วยลดภาวะโลกร้อน ๗ ความสมบูรณของเนื้อหาจาก
ได้อย่างไร” ให้นักเรียนจ�านวน ๔๕๐ คน ฟังในวันจันทร์ที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๔ เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๕.๐๐ ณ ความเขาใจของผูประเมิน
หอประชุมโรงเรี๑ ยนอุดมวิทย์ 2. ครูสังเกตและตรวจสอบการ
๑๒
จึงเรียนมาเพื่อขอความอนุเคราะห์เป็นวิทยากรบรรยายเรื่องดังกล่าวตามวันเวลาและสถานที่ ประเมินของนักเรียน โดยให
ข้างต้น และขอขอบพระคุณอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้ ๑ นักเรียนทุกคนไดมีสวนรวมในการ
๑๒
ขอแสดงความนับถือ ๘ ประเมิน
3. ครูเปนผูตรวจสอบความถูกตอง
๓ ๙ ของรูปแบบและความเปนไปได
(นายอมรทัศน์ รุ่งเรืองชัย) ๑๐
ของเนื้อหาจดหมายที่นักเรียน
ประธานชมรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ๑๑ เขียนขึ้น
๗ หลักฐาน
แสดงผลการเรียนรู
นายธรณินทร์ ก้องทวี นักเรียนนําจดหมายกิจธุระเชิญ
อาจารย์ที่ปรึกษาชมรมฯ ๑๒ วิทยากรสงครูผูสอน
โทร. ๐๒-๒๘๘-๙๑๗๓ โทรสาร ๐๒-๒๘๙-๑๑๒๔
e-mail : conserve_en@hotmail.com
85
นักเรียนควรรู
วิทยากร หมายถึง ผูที่มีความรู ความสามารถในศิลปวิทยาแขนงตางๆ เชน
วิทยากรแนะนําการลงทุนทางดานเศรษฐกิจ
คูมือครู 85
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
หลักฐาน ๗
แสดงผลการเรียนรู
นักเรียนนําจดหมายกิจธุระ นายอัคร ก้องขจร
ขอความอนุเคราะหสงครูผูสอน อาจารย์ที่ปรึกษาชมรมฯ
ชมรมพัฒนาท้องถิ่นและบ�าเพ็ญประโยชน์ ๑๒
โทร. ๐๒ - ๒๑๙-๔๖๗๖ โทรสาร ๐๒-๒๑๙-๔๖๗๗
e-mail : develop_soci@hotmail.com
86
86 คูมือครู
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ
นักเรียนทบทวนองคความรู
เกี่ยวกับขั้นตอนการเขียนจดหมาย
จดหมายกิจธุระ : ขอบคุณในความอนุเคราะห์ กิจธุระ จากนั้นใหนําความรูมาเขียน
จดหมายกิจธุระเพื่อขอบคุณในความ
ที่ ๓๖/๒๕๕๔ ๒ ชมรมพัฒนาท้องถิ่นและบ�าเพ็ญ-
ประโยชน์ โรงเรียนอรรถศักดิ์ อนุเคราะหของหนวยงานที่นักเรียน
๑ ไดเขียนขอความอนุเคราะหในฉบับ
๑๙/๒ ถนนเทพพนม เขตดุสิต
กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐ ที่แลว
๑ ๑๒ บรรทัด
๗ ตุลาคม ๒๕๕๔ ๓
๑ ๑๒
เรื่อง ขอขอบคุณ ๔ ตรวจสอบผล
๑ ๑๒
เรียน ผู้บังคับการสถานีต�ารวจนครบาล เขตดุสิต ๕ 1. นักเรียนจับคูกับเพื่อน ผลัดกันอาน
๑ ๑๒ จดหมายที่ตนเองเขียนขึ้นใหเพื่อน
ตามที่ชมรมพัฒนาท้องถิ่นและบ�าเพ็ญประโยชน์ โรงเรียนอรรถศักดิ์ ได้จัดกิจกรรม “พาน้อง
ท่องเที่ยว” เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ และได้ขอความอนุเคราะห์จากหน่วยงานของท่านให้จัดเจ้าหน้าที่ ฟง และใหเพื่อนตรวจสอบความ
ต�ารวจจราจรมาดูแลความปลอดภัยระหว่างการเดินทาง ท�าให้น้องผู้พิการได้รับการดูแลความปลอดภัยเป็น ถูกตองของรูปแบบ โดยเทียบเคียง
อย่างดี ๗ กับตัวอยางในหนา 87 และความ
๑ ๑๒
ชมรมพัฒนาท้องถิ่นฯ ขอขอบคุณหน่วยงานของท่านเป็นอย่างยิ่งและหวังว่าคงจะได้รับความ สมบูรณของเนื้อหาจากความ
อนุเคราะห์จากท่านในโอกาสต่อไป เขาใจของผูประเมิน
๑ ๑๒
ขอแสดงความนับถือ ๘
2. ครูสังเกตและตรวจสอบการ
ประเมินของนักเรียน โดยให
๓ ๙ นักเรียนทุกคนไดมีสวนรวมใน
การประเมิน
(นายศุภกร เรืองฉวี) ๑๐
ประธานชมรมพัฒนาท้องถิ่นและบ�าเพ็ญประโยชน์ ๑๑
3. ครูเปนผูตรวจสอบความถูกตอง
ของรูปแบบและความเปนไปได
ของเนื้อหาจดหมายที่นักเรียน
๗ เขียนขึ้น
นายอัคร ก้องขจร
อาจารย์ที่ปรึกษาชมรมฯ หลักฐาน
ชมรมพัฒนาท้องถิ่นและบ�าเพ็ญประโยชน์ ๑๒ แสดงผลการเรียนรู
โทร. ๐๒ - ๒๑๙-๔๖๗๖ โทรสาร ๐๒-๒๑๙-๔๖๗๗
e-mail : develop_soci@hotmail.com นักเรียนนําจดหมายกิจธุระ
ขอบคุณในความอนุเคราะห
จดหมายกิจธุระทั้ง ๓ ประเภท เป็นจดหมายกิจธุระที่โรงเรียนติดต่อกับบุคคลและหน่วยงาน สงครูผูสอน
ราชการเพือ่ ขอความอนุเคราะห์และขอบคุณ ดังนัน้ จึงต้องใช้ภาษาแบบแผนในการติดต่อสือ่ สาร สร้าง
ความประทัับใจเพื่อให้ผู้รับจดหมายยินดีท�าตามค�าร้องขอรวมถึงรู้สึกยินดีที่ได้ให้ความอนุเคราะห์
87
คูมือครู 87
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
88
นักเรียนควรรู
ตรวจทานขอความ การตรวจทาน
เอกสารหลักฐานหลังจากกรอกเสร็จเรียบรอยแลว เปนสิ่งที่ควรกระทําและมีความสําคัญมาก
เพราะในบางครั้งผูสมัครงานอาจพลาดโอกาสสําคัญ เพียงเพราะไมตรวจทานขอความหลังจาก
การกรอกเสร็จ พึงระลึกไวเสมอวาหลังจากเสร็จสิ้นการเขียนทุกครั้งควรตรวจทานความเรียบรอย
ในงานเขียนของตนเองทุกประเภทไมเฉพาะเพียงแคแบบสมัครงานเทานั้น
88 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู
นักเรียนในหองรวมกันอธิบาย
ความรู โดยครูตั้งคําถามกับนักเรียน
การเขียนบรรยายความรู้และทักษะของตนเองที่เหมาะสม วา
• จากแบบสมัครงานที่นักเรียน
ไดสํารวจคนหานั้น นักเรียนจะ
ตองกรอกขอมูลใดลงไปบาง
(แนวตอบ
• ขอมูลสวนตัว อันไดแก
ชื่อ-นามสกุล ชื่อเลน
วันเดือนปเกิด ภูมิลําเนา
• ขอมูลดานการศึกษา จะตอง
กลาวถึงประวัติการศึกษา
และผลงาน
• ประสบการณพิเศษ (ถามี)
เชน เคยปฏิบัติงานที่อื่นมา
กอน ก็ตองกรอกใหครบถวน
จนถึงปจจุบัน
• ความรู ความสามารถพิเศษ
• เอกสารที่นํามาประกอบ
การสมัครงาน เปนตน)
• นักเรียนมีแนวทางใน
การกรอกแบบสมัครงานอยางไร
(แนวตอบ
1. อานและศึกษาทําความเขาใจ
แบบสมัครงาน ถามีขอสงสัย
ควรซักถาม
2. เขียนขอความดวยลายมือ
ของตนเองที่อานงาย สะอาด
เรียบรอย
3. ระบุขอมูลใหชัดเจนตาม
ที่ทางบริษัทตองการทราบ
4. แจงชองทางการติดตอกลับไว
หลายชองทาง เชน โทรศัพท
บาน โทรศัพทมือถือ E-mail
89 5. ตรวจทานขอความใหครบถวน
และถูกตอง)
คูมือครู 89
ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
90
90 คูมือครู
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล
1. นักเรียนจับคูกับเพื่อน แลกเปลี่ยน
กันอานแบบสมัครงาน และชวยกัน
การกรอกแบบสมัครงาน ต้องกรอกด้วยความระมัดระวังโดยเฉพาะการกรอกแบบรายการที่ ตรวจสอบวาเพื่อนไดกรอกขอมูล
ใช้เป็นหลักฐานต่างๆ เช่น การช�าระเงินหรือใบสมัครงาน ส�าหรับการกรอกแบบรายการที่เป็นแบบ ทีท่ างบริษทั ตองการทราบครบถวน
ประเมินผลควรให้ข้อมูลที่เป็นจริงกับสภาพหรือบริการที่ได้รับ เพื่อให้ข้อมูลที่กรอกนั้นสามารถน�าไป หรือไม จากนัน้ ทุกคนนําสงครู โดย
ใช้ประโยชน์ได้ ครูเปนผูตรวจสอบความถูกตอง
ขั้นสุดทาย
การเขียนสื่อสารในรูปแบบต่างๆ ผู้เขียนควรคÓนึงถึงการใช้ภาษาให้สามารถ 2. นักเรียนตอบคําถามประจําหนวย
สื่อสารได้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ มีความเหมาะสมกับเนื้อหา นอกจากนี้ยังต้องศึกษา การเรียนรู
รูปแบบและองค์ประกอบของการเขียนแต่ละประเภท เพือ่ ให้การเขียนสือ่ สารในแต่ละครัง้
มีความสมบูรณ ์ น่าอ่าน และสามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้สัมฤทธิผล
หลักฐาน
แสดงผลการเรียนรู
นักเรียนนําแบบสมัครงานที่กรอก
ดวยลายมือที่สวยงามของตนเองสง
ครูผูสอน
91
คูมือครู 91
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
เกร็ดแนะครู
(แนวตอบ คําถามประจําหนวยการ
เรียนรู
1. การยอความมีประโยชนตอ คําถาม ประจําหนวยการเรียนรู
การเรียน เพราะชวยทําใหรับรู
เนื้อหาสาระของเรื่องราวตางๆ ๑. ทักษะการยอความมีประโยชนตอการเรียนของนักเรียนอยางไร จงอธิบาย
ไดมากขึ้น ภายในระยะเวลาที่ ๒. การเขียนชีวประวัติและอัตชีวประวัติ มีหลักการเขียนอยางไร
จํากัด และสามารถนํากลับไป ๓. การเขียนจดหมายกิจธุระ สามารถนําไปประยุกตใชในชีวิตประจําวันไดอยางไร
คนควาเพิ่มเติมไดภายหลัง ๔. การเขียนสุนทรพจนที่ดี ควรมีแนวทางการเขียนอยางไร จงอธิบาย พรอมยกตัวอยางประกอบ
2. การเขียนชีวประวัติและ ๕. ขอควรคํานึงที่นักเรียนตองปฏิบัติในการกรอกแบบสมัครงานมีอะไรบาง จงอธิบาย
อัตชีวประวัติ มีแนวทาง ดังนี้
• เขียนดวยความบริสุทธิ์ใจ
• เขียนจากบุคคลที่มีตัวตนอยู
จริง อาจมีชีวิตอยูหรือเสีย
ชีวิตไปแลวก็ได
• ควรเลือกเขียนประวัติของ
บุคคลที่มีความนาสนใจเปน
แบบอยางในการดําเนินชีวิต
ใหแกผูอาน
• เขียนดวยสํานวนกลางๆ
กิจกรรม สรางสรรคพัฒนาการเรียนรู
นําเสนอเรื่องราวไปตามที่
ปรากฏไมยกยองจนเกินเหตุ กิจกรรมที่ ๑ นักเรียนเขียนบทสุนทรพจนสําหรับใชพูดภายในเวลา ๓ นาที ใหขอคิดเกี่ยวกับ
3. การเขียนจดหมายกิจธุระ คติธรรมและคุณธรรม เชน ความกตัญู ความสามัคคี ความมีวินัย เปนตน
จากนั้นใหนําเสนอหนาหองเรียน
สามารถนําไปประยุกตใช
กิจกรรมที่ ๒ นักเรียนทั้งหองจัดกิจกรรมสัปดาหวิชาการ โดยเขียนจดหมายเชิญวิทยากรเพื่อมา
ในชีวิตประจําวันไดทั้งใน
บรรยายความรูแกนักเรียนในหัวขอที่กําหนด โดยมีครูผูสอนเปนผูดูแลโครงการ
ปจจุบันและอนาคต เชน ใน กิจกรรมที่ ๓ นักเรียนเขียนอัตชีวประวัติของตนเอง ความยาวไมเกิน ๑ หนากระดาษ A๔ นํามา
ปจจุบันนักเรียนอาจจะตองมี อานใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียนและเลือกเขียนยอความชีวประวัติของเพื่อนที่ตนเอง
การจัดกิจกรรมของโรงเรียน ประทับใจ แลวนําสงครูผูสอน
นักเรียนก็จะตองเขียนจดหมาย
กิจธุระเพื่อเชิญวิทยากร ใน
อนาคตนักเรียนอาจนําความรู
เรื่องการเขียนจดหมายกิจธุระ
เพื่อไปใชเขียนสมัครงานแนบไป
กับแบบสมัครงาน
4. การเขียนสุนทรพจนที่ดี ผูเขียน 92
ควรมีการเตรียมเนื้อหาซึ่งเปน
แนวความคิดของผูเขียนไมควร
ลอกเลียนแบบผูอื่น มีเนื้อหา
กระตุนเตือนใหเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี และเตรียมถอยคําใหมีความไพเราะ ชัดเจน สื่อความหมายลึกซึ้งกินใจ
5. การกรอกแบบสมัครงานที่ดี ผูกรอกควรอานแบบสมัครงานใหเขาใจเสียกอนวาบริษัทตองการทราบขอมูลใดบาง และจะตองกรอกขอมูลใหครบ
ถวนตามความเปนจริงใหแกบริษัท ระบุชองทางการติดตอกลับที่สะดวกรวดเร็ว ตรวจทานความถูกตอง ครบถวน และชัดเจนของขอมูล ที่สําคัญ
พึงรักษาความสะอาดเรียบรอย เพราะความสะอาดเปนสิ่งแรกที่จะทําใหเจาของบริษัทนัดหมายมาสัมภาษณ)
92 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. เขียนอธิบาย ชี้แจง แสดงความ
คิดเห็นและโตแยงอยางมีเหตุผล
2. เขียนวิเคราะห วิจารณและแสดง
ความรูความคิดเห็นหรือโตแยงใน
เรื่องตางๆ
3. เขียนรายงานการศึกษาคนควา
และโครงงาน
กระตุนความสนใจ
1. ครูใหนักเรียนดูภาพประกอบหนา
หนวย จากนั้นครูตั้งคําถามกับ
นักเรียนวา
• บุคคลในภาพกําลังอยูใน
สถานการณใดและสถานการณ
ดังกลาวตองใชทักษะการ
สื่อสารใดบาง
ó
(แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ
ไดอยางหลากหลาย คําตอบขึ้น
อยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน)
หนวยที่ 2. ครูนําวีดิทัศนเกี่ยวกับการแสดง
การเขียนเพื่อการสื่อสาร ๒ ความคิดเห็นที่แตกตางกันของ
บุคคลในสังคมประชาธิปไตยมา
ตัวชี้วัด ใหนักเรียนฟงและดู
■ เขียนอธิบาย ชี้แจง แสดงความคิดเห็นและโตแยงอยาง การเขียนเปนกลวิธีอยางหนึ่งที่ใช 3. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับการ
■
มีเหตุผล (ท ๒.๑ ม.๓/๖)
เขียนวิเคราะห วิจารณและแสดงความรู ความคิดเห็นหรือโตแยง
สําหรับการสือ่ สาร ผูเ ขียนทีด่ ยี อ มติดตอ แสดงความคิดเห็นดังกลาว ยอม
ในเรื่องตางๆ (ท ๒.๑ ม.๓/๗) สื่อสารกับผูอื่นไดอยางมีประสิทธิภาพ กระทําไดในทุกระดับดวยการพูด
เขียนรายงานการศึกษาคนควาและโครงงาน (ท ๒.๑ ม.๓/๙)
■
คูมือครู 93
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
อธิบายความรู
นักเรียนรวมกันอธิบายความรูเกี่ยวกับแนวทางการเขียนอธิบายเพื่อใหไดแนวทางที่ถูกตองรวมกัน
(แนวตอบ 1. เลือกเรื่องที่เปนที่นาสนใจ 2. ควรใชถอยคําภาษาใหมีความกระชับรัดกุม
3. ลําดับขั้นตอนตั้งแตตนจนจบ 4. ใหขอมูลที่ถูกตองและเปนประโยชน)
94 คูมือครู
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ
1. ครูทบทวนองคความรูเกี่ยวกับ
การเขียนอธิบายใหแกนักเรียน
การเขียนอธิบาย จากนั้นนักเรียนในแตละกลุม
รวมกันเขียนอธิบายในหัวขอทีก่ ลุม
น�้าบีทรูท ตนเองจับสลากไดโดยใชแนวทาง
บีทรูท เป็นผักเมืองหนาว จัดเป็นหัวผักกาดที่มีทรงกลมป้อม เปลือกด�า เนื้อมีสีแดง การเขียนที่ไดศึกษา
เลือดหมูหรือสีม่วงแดง เมื่อปอกสีจะติดมือ มีถิ่นก�าเนิดอยู่ในแถบเมดิเตอร์เรเนียน ถ้าจะน�ามา 2. นักเรียนแตละคนเขียนอธิบาย
ประกอบอาหารควรเลือกบีทรูทสด ผิวไม่เหี่ยว จับดูเนื้อไม่นิ่ม ล้างบีทรูททั้งเปลือกให้สะอาดก่อน ขั้นตอนการผลิตนํ้าผลไม โดย
ปอกเปลือก และผ่าครึ่งลูกล้างด้วยน�้าเกลือเจือจางหรือแช่น�้า เลือกใชผลไมที่นักเรียนชื่นชอบ
ด่างทับทิม เนื้อของบีทรูทเต็มไปด้วยวิตามินเอ วิตามินบีรวม และสามารถนํามาปรุงไดจริง โดย
ตลอดจนมีสารสีแดง คือ เบทานิน ใชแนวทางที่ไดศึกษา
ส่วนผสม
บีทรูทสด ๒ หัว
น�้าสะอาด ๑ ถ้วย ตรวจสอบผล
น�้าตาลทราย ๑/๒ ถ้วย นักเรียนนําผลงานการเขียน
เกลือป่น ๑/๓ ช้อนชา อธิบายของตนเองมาอานใหครูและ
วิธีท�า เพื่อนๆ ฟงหนาชั้นเรียน โดยครู
๑. น�าบีทรูทมาปอกเปลือก แล้วล้างน�้าให้สะอาด หั่นเป็นฝอยเล็กๆ และเพื่อนชวยกันประเมินการเขียน
๒. ใส่เครื่องปัน เติมน�้า และกรองเอากากออก อธิบายโดยตรวจสอบจากความ
๓. ใส่หม้อเคลือบตั้งไฟ แล้วเติมน�้าตาลทรายและเกลือให้ได้รสชาติ เขาใจของผูฟงวาเขาใจขั้นตอนที่ระบุ
ตามที่ต้องการ ไวหรือไม โดยครูเปนผูชี้แนะแนวทาง
ที่ถูกตองใหแกนักเรียน
๔. ถา้ ต้องการเพิม่ รสชาติ ให้ผสมน�า้ สับปะรด น�า้ ส้ม น�า้ มะนาว และ
น�้าเสาวรสเข้าไป เพราะจะท�าให้มีกลิ่นหอมน่ารับประทานขึ้น
สรรพคุณทางยา หลักฐาน
ยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกและมะเร็ง ช่วยท�าให้เลือดลมดี และการไหลเวียนของ แสดงผลการเรียนรู
โลหิตดีขึ้น เป็นยาขับปัสสาวะ เป็นยาระบาย แก้เจ็บคอ ขับเสมหะ แก้ไอ แก้บวม แก้บิด และ นักเรียนเขียนอธิบายขั้นตอนการ
ช่วยให้เจริญอาหาร ผลิตนํ้าผลไมสงครูผูสอน
จากตัวอย่างข้างต้นเป็นการเขียนอธิบายที่ผู้อธิบายเริ่มต้นด้วยการเกริ่นน�ารูปลักษณะเฉพาะ
ของบีทรูท วิธีในการน�ามาเป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหาร จากนั้นจึงได้อธิบายวิธีการท�าน�้าบีทรูท โดย B
เริม่ ต้นจากการเตรียมส่วนผสม วิธที า� เป็นขัน้ ตอนโดยจัดล�าดับความส�าคัญเป็นข้อๆ ท�าให้สามารถปฏิบตั ิ B พื้นฐานอาชีพ
ตามได้โดยง่าย ทักษะทางดานการเขียนมีความ
สําคัญตอการประกอบอาชีพใน
95 อนาคต การเขียนอธิบายสามารถนํา
ไปประยุกตใชกับสาขาวิชาชีพอื่นได
เชน ถานักเรียนประกอบอาชีพเปน
ผูผลิตสินคารายยอยแลวตองการ
เผยแพรกรรมวิธีในการผลิตของตน
NET ขอสอบป 52 นักเรียนก็จะตองมีทักษะในการเขียน
ขอสอบถามวา ขอใดเปนการเขียนเชิงอธิบาย อธิบาย เปนตน
1. ดึกดื่นคืนนี้ ลมหนาวพัดโชยมา 2. ปรุงรสใหแซบหนอ ใสมะละกอลงไป
3. ใหแสงสุกใส ไดเปนเสมือนดวงตา 4. ไมตองหวงวาฉันเปลี่ยนหัวใจ
(วิเคราะหคําตอบ การเขียนอธิบาย คือ การอธิบายขั้นตอนการทําสิ่งตางๆ ดังนั้นจึง ตอบ ขอ 2.)
คูมือครู 95
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
96 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู
1. นักเรียนรวมกันแลกเปลี่ยน
ความรูที่ไดจากการศึกษาคนควา
หมวดวรรณคดี จารึกเรื่องนารายณ์ ๑๐ ปาง และเรื่องเบื้องต้นรามเกียรติ์ จารึกเรื่อง ดวยตนเอง ครูใหเวลาในการ
สิบสองเหลี่ยม หมวดท�าเนียบ เรื่องสมณศักดิ์ และหัวเมืองขึ้นกรุงสยาม หมวดประเพณี เรื่อง แลกเปลี่ยนถายทอดความรูเปน
เมืองมอญกวนข้าวทิพย์ เรื่องมหาสงกรานต์และริ้วกระบวนแห่กฐินพยุหยาตราสถลมารค จ�าพวก เวลา 10 นาที
บทกลอน อาทิ โคลงดัน้ เรือ่ งการปฏิสงั ขรณ์วดั พระเชตุพนฯ และโคลงบอกด้านการปฏิสงั ขรณ์ จารึก 2. นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อ
ต�าราฉันท์วรรณพฤติ จารึกต�าราฉันท์มาตราพฤติ จากต�าราเพลงยาวกลบท จารึกต�าราโคลงกลบท อธิบายความรูเกี่ยวกับแนวทาง
และจารึกโคลงภาพเรื่องรามเกีียรติ์ จารึกฉันท์กฤษณาสอนน้องและจารึกฉันท์พาลีสอนน้อง... การเขียนชี้แจงที่ดี
3. นักเรียนรวมกันสรุปแนวทางการ
ส่วนแผนการอนุรักษ์จารึกวัดโพธิ์ คณะกรรมการแห่งชาติฯ ได้ร่วมมือกับกรมศิลปากร
เขียนอธิบายและการเขียนชี้แจงซึ่ง
ด�าเนินการดูแลและปกป้องสมบัตอิ นั ล�า้ ค่าของชาติให้คงทน ปลอดภัยและไม่ถกู ภัยธรรมชาติ น�า้ ท่วม
มีลักษณะคลายกันลงในสมุด
แผ่นดินไหว และฝีมอื มนุษย์ทา� ลายจนเสียหายได้ จากนีไ้ ปจะเผยแพร่จารึกวัดโพธิใ์ ห้เข้าถึงประชาชน
มากที่สุด...
ขณะนีไ้ ด้รบั รายงานจาก ม.ร.ว.รุจยา อาภากร กรรมการในคณะกรรมการว่าด้วยแผนงาน ขยายความเขาใจ
มรดกความทรงจ�าของไทยว่า ยูเนสโกได้ประกาศรับรองจารึกวัดโพธิ์เป็นมรดกความทรงจ�า ครูทบทวนองคความรูเกี่ยวกับ
แห่งโลกในทะเบียนนานาชาติ (International Register) แล้ว ในการประชุมคณะกรรมการทีป่ รึกษา การเขียนชี้แจง จากนั้นใหนักเรียน
นานาชาติว่าด้วยแผนงานความทรงจ�าแห่งโลกของยูเนสโก ครั้งที่ ๑๐ เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม เขียนชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ ซึ่ง
ที่ผ่านมา ณ เมืองแมนเชสเตอร์ สหราชอาณาจักร นักเรียนเปนผูกําหนดเอง โดยใช
คุณหญิงแม้นมาสกล่าวว่า วัดโพธิ์เคยได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกความทรงจ�าของโลก
แนวทางที่ไดศึกษา
ของภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก (Regional Register) เมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๑ หลังจากนั้นคณะกรรมการ
แห่งชาติฯ ได้ด�าเนินการส�ารวจจัดท�าทะเบียนและถ่ายภาพแผ่นจารึกวัดโพธิ์จ�านวน ๑,๔๔๐ ชิ้น ตรวจสอบผล
และจัดท�าแผนอนุรักษ์ตามแนวทางของยูเนสโก ซึ่งคณะกรรมการแห่งชาติฯ เห็นว่าควรเสนอ นักเรียนนําการเขียนชี้แจงมาอาน
จารึกวัดโพธิ์ให้ขึ้นบัญชีนานาชาติด้วย ตนและคณะกรรมการฯ จึงได้เสนอให้ยูเนสโกพิจารณา หนาชั้นเรียน ครูประเมินดวยวิธีการ
เมื่อเดือนมกราคม ๒๕๕๔ และได้ผ่านขั้นตอนต่างๆ ของยูเนสโก ตรวจสอบจากความเขาใจของผูฟง
จนถึงขั้นตอนสุดท้าย เมื่อที่ประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษานานาชาติว่าด้วยแผนงาน โดยสุมเรียกชื่อเพื่อตอบคําถามวา
ความทรงจ�าแห่งโลกของยูเนสโก ครั้งที่ ๑๐ ที่เมืองแมนเชสเตอร์ มีมติเอกฉันท์ให้จารึกวัดโพธิ์ เพื่อนชี้แจงในเรื่องใด ถานักเรียนที่
เป็นมรดกแห่งความทรงจ�าแห่งโลกในทะเบียนนานาชาติ ทั้งนี้จารึกวัดโพธิ์มีเรื่องวิชาความรู้ที่มี ถูกเรียกชื่อตอบได นับวาการเขียน
ชี้แจงนั้นผานการตรวจสอบ
ลักษณะที่เป็นสากลไม่ใช่ความรู้เฉพาะในประเทศไทย เช่น เรื่องพระพุทธศาสนา เรื่องวรรณกรรม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจารึกเรื่องฤๅษีดัดตนเป็นสากลมาก...
หนังสือพิมพ์ ไทยโพสต์ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๔ หลักฐาน
แสดงผลการเรียนรู
นักเรียนเขียนชี้แจงในเรื่องที่
97 กําหนดขึ้นเองสงครูผูสอน
@
มุม IT
ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเขียนชี้แจงไดที่ www.trueplookpanya.com
(คลังความรูดิจิทัล)
คูมือครู 97
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
98 คูมือครู
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ
1. นักเรียนอานตัวอยางบทความ
ในหนา 98 จากนั้นครูและนักเรียน
ไม่หมด สิ่งเหล่านี้แสดงถึงค่านิยมที่ไม่น่านิยมเลย น่าจะได้ทบทวนแก้ไขเสียใหม่ หันมาพิจารณา รวมกันสรุปแนวทางการเขียน
ดูว่าจุดประสงค์ของการบวชนาคที่แท้จริงคืออะไร พระพุทธศาสนาเน้นให้บุคคลมีชีวิตอยู่อย่าง แสดงความคิดเห็นจากตัวอยาง
ประหยัด มัธยัสถ์ รู้จักประมาณในกิจการน้อยใหญ่ทั้งปวง และยิ่งการเป็นหนี้เขานั้นก็มีพุทธภาษิต เพื่อทบทวนความเขาใจ
กล่าวไว้ว่า “อิณาทานัง ทุกขัง โลเก” แปลว่า การกู้หนี้เป็นทุกข์ในโลก 2. นักเรียนนําความรูเรื่องแนวทาง
จึงเห็นเป็นการสมควรโดยแท้ที่พุทธศาสนิกชนทั่วไปจะได้เล็งเห็นถึงความไร้สาระอัน การเขียนแสดงความคิดเห็นที่ได
ผิดเพีย้ นไปจากจุดประสงค์ทแี่ ท้จริงของพระพุทธศาสนา ระงับความฟุม่ เฟือยเช่นทีก่ ล่าวมานัน้ เสีย จากการศึกษามาใชเปนแนวทาง
หันมาประหยัด รู้จักประมาณ น้อมน�าใจเข้าสู่พิธีบวชนาคด้วยสติและปัญญาตามค�าสอนของ ในการเขียนแสดงความคิดเห็น
พระพุทธศาสนาที่แท้จริง” ของตนเองในหัวขอที่สนใจ
ตัดตอนจาก ศิลปะการแสดงออกทางภาษา : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ตรวจสอบผล
จากตัวอย่าง ผู้เขียนแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา ใช้ภาษาที่กะทัดรัด สื่อความหมาย นักเรียนเขียนแสดงความคิดเห็น
ชัดเจน และวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับค่านิยมของสังคมไทยอย่างตรงประเด็น ใช้ภาษาเพื่อประเมินว่า แลวนํามาอานใหเพือ่ นฟงหนาชัน้ เรียน
สิ่งใดดี สิ่งใดไม่ดี สิ่งใดเป็นประโยชน์ สิ่งใดเป็นโทษ เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม โดยในย่อหน้าที่สาม จากนั้นนักเรียนรวมกันตรวจสอบ
ได้สรุปความคิดเห็นว่าการลดความฟุ่มเฟือย ยึดถือความพอเพียงและประมาณตนนั้นเป็นการปฏิบัติ ผลงานของเพื่อน ดวยการแสดง
ตามค�าสอนของพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ความคิดเห็น วิเคราะห วิจารณ
โดยครูเปนผูชี้แนะและสนับสนุน
การมีสวนรวมของนักเรียน
๒ การเขียนวิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความรู้ ความคิดเห็น
หรือโต้แย้งสือ่
ในปัจจุบนั มนุษย์มกี ารรับรูข้ อ้ มูลข่าวสารเรือ่ งใดเรือ่ งหนึง่ จากสือ่ หลายชนิดทัง้ ทีเ่ ป็นสือ่ สิง่ พิมพ์ เกร็ดแนะครู
เช่น นิตยสาร บทความ หนังสือพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์ ไอโฟน ไอแพด ฯลฯ
ผูร้ บั สารย่อมต้องเกิดความคิดเห็นทีม่ ตี อ่ เรือ่ งนัน้ ทัง้ ทีเ่ ห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึง่ ในสังคมประชาธิปไตย
การใชภาษาเพื่อแสดงทรรศนะ
หรือความคิดเห็นจะปรากฏคําวา
สิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ คือการมีสิทธิแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ ได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบที่
“นา” “นาจะ” “คง” “คงจะ” “ควร”
ไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลหรือสร้างความเดือดร้อนเสียหายให้แก่ผู้อื่น ซึ่งในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารนั้น
“ควรจะ”
ผู้รับสารก็มีสิทธิ์ที่จะแสดงความรู้ ความคิดเห็นหรือโต้แย้งกับสื่อที่ได้ฟังหรือดูได้ โดยไม่จ�าเป็นต้องมี
ความคิดเหมือนกัน เป็นการมองต่างมุมและเป็นความคิดเห็นเฉพาะบุคคล
๒.๑ แนวทางการเขียนแสดงความคิดเห็น หรือโต้แย้งสือ่
การเขียนแสดงความคิดเห็นหรือการโต้แย้งจะเป็นที่เชื่อถือหรือเป็นที่ยอมรับของผู้อื่น ควรยึด
แนวทางการปฏิบัติ ดังนี้
99
NET ขอสอบป 52
ขอสอบถามวา ขอใดไมใชลักษณะของความคิดสรางสรรค
1. คิดนอกกรอบ 2. คิดเล็กคิดนอย 3. คิดพลิกแพลง 4. คิดหลากหลาย
(วิเคราะหคําตอบ คิดเล็กคิดนอย เปนการคิดในเรื่องที่ไมควรคิด ดังนั้นจึง ตอบ ขอ 2.)
คูมือครู 99
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
บทความที่นÓมาแสดงความคิดเห็น
สํารวจคนหา
1. นักเรียนสืบคนบทความการเขียน สึนามิที่ฮอนชู โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดสะเทือนประเทศไทย
แสดงความคิดเห็นเพื่อโตแยงจาก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้แต่งตั้งให้บริษัท Burns and Roe Group
สื่อตางๆ เชน นิตยสาร วารสาร แห่งออราเดล รัฐนิวเจอร์ซี สหรัฐอเมริกา เป็นผู้ศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า
หรืออินเทอรเน็ต สรุปใจความ พลังงานนิวเคลียร์ขนาด ๑,๐๐๐ MW รายงานผลการศึกษาที่เสร็จสมบูรณ์น�าเสนอในปี ๒๕๕๓
สําคัญของบทความดังกลาววา คาดว่าจะลงทุนประมาณ ๓๘.๓ ล้านเหรียญสหรัฐ โดยกองทุนอนุรกั ษ์พลังงานแห่งประเทศไทยจะ
เปนการแสดงความคิดเห็นเพื่อ ลงทุน ๒๑.๔ ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนทีเ่ หลือจะเป็นการลงทุนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
โตแยงในเรื่องใด และมีลักษณะ (กฟผ.)
การใชภาษาอยางไร การศึกษานอกเหนือจากเสนอสถานทีท่ ตี่ งั้ ทีเ่ หมาะสมส�าหรับการก่อสร้าง พิจารณาและให้
2. นักเรียนคนหาแนวทางการเขียน
ข้อเสนอแนะทางด้านเทคโนโลยีมาตรฐานความปลอดภัยด้านสิง่ แวดล้อม การจัดการด้านบุคลากร
แสดงความคิดเห็นเชิงโตแยงจาก
และการฝึกอบรม กระบวนการด้านกฎหมายและกระบวนการด้านการเงินของโครงการแล้ว
บทความที่นักเรียนสืบคนมา และ
วิเคราะหโครงสรางของการโตแยง ยังจะรวมถึงการเลือกเครือ่ งปฏิกรณ์นวิ เคลียร์ทจี่ ะน�ามาใช้ในระหว่างเครือ่ งปฏิกรณ์ ๓ ชนิด
วามีโครงสรางอยางไร ที่มีการใช้ทั่วโลก
3. นักเรียนคนหาแนวทางการเขียน ■ เครื่องปฏิกรณ์แบบใช้น�้าความดันสูง (pressurized water reactors)
แสดงความคิดเห็นเชิงโตแยงจาก ■ เครื่องปฏิกรณ์แบบ CANDU (Canada deuterium uranium)
หนังสือเรียน ในหนา 100 ■ เครื่องปฏิกรณ์แบบน�้าเดือด (boiling water reactors)
ปัจจุบันเครื่องปฏิกรณ์ที่ใช้กันมากที่สุดคือเครื่องปฏิกรณ์แบบใช้น�้าความดันสูง โดย
ในจ�านวนเครื่องปฏิกรณ์ ๔๔๒ เครื่อง ที่เดินเครื่องอยู่ในปัจจุบันเป็นเครื่องปฏิกรณ์แบบใช้น�้า
อธิบายความรู ความดันสูงร้อยละ ๖๑ ที่น่าสนใจ คือแนวโน้มและความเป็นไปได้ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใน
1. นักเรียนนําบทความที่ไดสืบคน ประเทศไทย
มาอานใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน
สรุปใจความสําคัญของบทความ 100
พรอมทั้งอธิบายแนวทางการเขียน
ของบทความ
2. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนอธิบาย
ความรูเกี่ยวกับแนวทางการเขียนแสดงความคิดเห็นเชิงโตแยง
(แนวตอบ 1. ศึกษาเรื่องที่จะเขียนอยางละเอียด จับใจความสําคัญใหไดวา ใคร ทําอะไร ที่ไหน อยางไร
2. พิจารณาขอเดน ขอดอย พรอมยกเหตุผลประกอบ 3. ใชภาษาในการเขียนอยางสรางสรรค)
3. นักเรียนเปรียบเทียบแนวทางการเขียนของบทความที่สืบคนมากับแนวทางการเขียนในหนังสือเรียน
(แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดอยางหลากหลายตามเนื้อหาบทความของตน ครูควรชี้แนะแนวทางที่ถูกตอง)
100 คูมือครู
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ
1. นักเรียนอานบทความตัวอยางการ
เขียนแสดงความคิดเห็นโตแยง
การศึกษาของบริษัทกลุ่มเบิร์นส์ฯ ที่เสนอต่อการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จากหนังสือเรียน ในหนา 101
น่าสนใจอย่างยิ่ง น่าสนใจตรงที่ได้ก�าหนดที่ตั้งที่เหมาะสมว่าจะอยู่ทางภาคใต้ ครูและนักเรียนรวมกันสนทนาเพื่อ
เนื่องจากท�าเลที่ตั้งและการมีแหล่งน�้าส�าหรับระบายความร้อน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่ง ทบทวนแนวทางการเขียนที่ถูกตอง
ประเทศไทย (กฟผ.) ได้พิจารณาสถานที่ที่มีศักยภาพจ�านวน ๕๐ แห่ง และได้จ�ากัดลงเหลือ 2. นักเรียนนําความรูเรื่องแนวทาง
๑๐ แห่ง การเขียนแสดงความคิดเห็น
ประเทศไทยได้ใช้แผนพัฒนาพลังงานระยะ ๑๕ ปี (๒๕๕๐ - ๒๕๖๔) โดยได้รวมพลังงาน เชิงโตแยง ที่ไดศึกษามาใชเปน
นิ ว เคลี ย ร์ เ ข้ า ไว้ ใ นแผนนี้ ด ้ ว ย โดยอาศั ย แก๊ ส ธรรมชาติ ใ นการผลิ ต ไฟฟ้ า สู ง ถึ ง ร้ อ ยละ ๗๐ แนวทางในการเขียนแสดงความ
แหล่งพลังงานชนิดอืน่ ได้แก่ พลังน�า้ น�า้ มัน และถ่านหิน โดยพลังงานน�า้ ส่วนใหญ่จะน�าเข้ามาจาก คิดเห็นเชิงโตแยงในหัวขอที่
ต่างประเทศ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญได้ชี้ให้เห็นว่าแก๊สธรรมชาติจะขาดแคลนใน ๒๐ ปีข้างหน้า โดยที่ นักเรียนเปนผูกําหนดขึ้นเอง
แหล่งพลังงานหมุนเวียนของไทยยังมีการพัฒนาไม่เต็มที่และมีศักยภาพที่ไม่สูงนัก
โดยไทยมีการใช้พลังงานไฟฟ้าเพิม่ ขึน้ ร้อยละ ๕ - ๖ ต่อปี จึงได้ให้ความสนใจในการพัฒนา ตรวจสอบผล
แหล่งพลังงานอื่น โดยเฉพาะพลัโดยเฉพาะพลังงานนิวเคลียร์ กระนั้น หลังสึนามิที่ฮอนชูกระทั่งส่งผลกระทบให้
นักเรียนนํางานเขียนแสดง
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไม่ตา�่ กว่า ๓ แห่งระเบิด แรงสะเทือนกว้างไกลมาถึงประเทศไทย ท�าให้โครงการ
ความคิดเห็นเชิงโตแยงสงครูผูสอน
ที่ง้างเอาไว้ต้องทอดระยะยาวนานออกไปอีก
ประเมินจากเนื้อหาที่นักเรียน
มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับที่ ๑๕๙๗ วันที่ ๒๕ - ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๔ เรียบเรียง
๒.๒ การเขียนแสดงความคิดเห็นหรือโต้แย้งสือ่
นักเรียนควรรู
การเขียนแสดงความคิดเห็นจากบทความ พลังงานนิวเคลียร เปนพลังงาน
เมื่อได้อ่านบทความ “สึนามิที่ฮอนชู โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดสะเทือนประเทศไทย” ที่ รูปแบบหนึ่งที่ไดจากปฏิกิริยา
ผูเ้ ขียนแสดงความคิดเห็นโดยสรุปสาเหตุของการระงับโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศไทยว่า นิวเคลียร นิวเคลียรเปนคําคุณศัพท
ของคําวานิวเคลียสซึ่งเปนแกนกลาง
เกิดจากการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผลกระทบจากการเกิดคลื่นยักษ์
ของอะตอมธาตุ ซึ่งประกอบดวย
สึนามิ การเกิดอุบัติภัยทางธรรมชาติดังกล่าวไม่น่าจะเป็นสาเหตุส� าคัญของการระงับโครงการ
อนุภาคโปรตอนและนิวตรอน ซึ่งยึด
เพราะประเทศไทยไม่ได้ตงั้ อยูบ่ ริเวณพืน้ ทีเ่ สีย่ งทีจ่ ะเกิดแผ่นดินไหวหรือทีเ่ รียกว่า “แนววงแหวนไฟ กันไดดวยแรงอนุภาคไพออน
แปซิฟิก” (The Pacific Ring Fire) ซึ่งครอบคลุมบริเวณตั้งแต่เทือกเขาแอนดีส ในทวีปอเมริกาใต้
ผ่านอเมริกากลาง เทือกเขาร็อกกีและที่ราบสูงโคลัมเบีย อะแลสกา คาบสมุทรคัมชัตคา หมู่เกาะ
ญี่ปุ่น หมู่เกาะฟิลิปปินส์ หมู่เกาะอินโดนีเซีย ผ่านลงไปถึงหมู่เกาะแปซิฟิกใต้ถึงประเทศนิวซีแลนด์ B
รวมความยาวทั้งสิ้นประมาณ ๓,๒๐๐ กิโลเมตร B พื้นฐานอาชีพ
การแสดงความคิดเห็นที่ดี ควร
101 เปนไปในเชิงสรางสรรค ผูวิจารณ
ควรมีความคิดเห็นที่ปราศจากอคติ
ซึ่งครูสามารถจัดกิจกรรมการเรียน
การสอนเพือ่ ปูทางไปสูอ าชีพเฉพาะที่
เกี่ยวกับการเขียนวิเคราะห วิจารณ
NET ขอสอบป 52 เชน นักวิจารณ โดยใหนักเรียนได
ขอสอบถามวา สํานวนในขอใด เปนวิธีการแสดงความคิดเห็นที่เหมาะสมที่สุด ฝกฝนการเขียนวิจารณผลงานอยาง
1. ไดทีขี่แพะไล 2. เด็ดบัวไมไวใย 3. ไมเออออหอหมก 4. เห็นดําเห็นแดง หลากหลาย เชน วิจารณหนังสือ
(วิเคราะหคําตอบ สํานวน “เห็นดําเห็นแดง” เปนการพยายามยกขอเท็จจริงมารองรับเหตุผล บทเพลง ภาพยนตร ผลงานศิลปะ
เพื่อใหเกิดขอยุติและเปนที่ยอมรับ ดังนั้นจึง ตอบ ขอ 4.) เปนตน
คูมือครู 101
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
102 คูมือครู
สํารวจคนหา อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
สํารวจคนหา
1. นักเรียนสืบคนในประเด็นการ
เขียนโครงเรื่องจากหนังสือเรียน
๓. เลือกเรือ่ งทีผ่ อู้ า่ นสนใจหรือเหมาะสมกับผูอ้ า่ น เป็นการเลือกโดยใช้ผอู้ า่ น ในหนา 103 - 105
เป็นเกณฑ์ก�าหนดทิศทางของงานเขียน โดยผู้เขียนจ�าเป็นต้องพิจารณาว่ากลุ่มเป้าหมายมีความสนใจ 2. ครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
ในเรื่องใดหรือมีประเด็นสถานการณ์ในสังคมประเด็นใดที่น่าสนใจ ซึ่งจะท�าให้ทราบกลุ่มเป้าหมาย • ขั้นตอนการเขียนโครงเรื่องมี
ได้ชัดเจน ความสําคัญอยางไรตอการ
๔. เลือกเรื่องที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อผู้อ่านและผู้เขียน โดยผู้เขียนจ�าเป็นต้อง ทํารายงานการศึกษาคนควา
พิจารณาว่าเรื่องราวใดบ้างที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านหรือประเด็นใดบ้างที่ผู้อ่านควรรู้ จงอธิบาย
๕. เลือกเรื่องที่มีแหล่งค้นคว้า เช่น เอกสาร ต�ารา ผู้ช�านาญ ส�าหรับใช้เป็น (แนวตอบ การเขียนโครงเรื่อง
แหล่งข้อมูลในการพิจารณา มีความสําคัญตอการเขียน
รายงานการศึกษาคนควา
๑.๒) การเขียนโครงเรื่อง เป็นส่วนส�าคัญของการเขียนรายงาน เพราะเป็น
เพราะเปนเสมือนเครื่องมือ
เครื่องมือช่วยก�าหนดกรอบให้ผู้เขียน ท�าให้สามารถเรียงล�าดับความส�าคัญหรือความคิดก่อนหลัง ให้มี
ชวยกําหนดกรอบการทํา
ลักษณะสัมพันธภาพที่ดี มีเอกภาพและสะดวกต่อการค้นคว้า เรียบเรียง โดยสามารถวางแนวทางการ รายงาน ทําใหสามารถเรียง
เขียนโครงเรื่องได้ ดังนี้ ลําดับความสําคัญของขอมูล
๑. การรวบรวมและเรียบเรียงหมวดหมู่ความคิด ขั้นตอนนี้ผู้เขียนจะต้อง ได ทําใหรายงานมีสารัตถภาพ
พิจารณาว่าจะน�าเสนอเนื้อหาใดบ้าง โดยเลือกเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาโดยตรงเท่านั้น สัมพันธภาพ และเอกภาพ)
และตัดทอนรายละเอียดที่ไม่เกี่ยวข้องออก
จากนัน้ ผูเ้ ขียนจึงค่อยแตกประเด็นความคิดจากประเด็นหลักทีก่ า� หนดไว้แล้ว
ในขั้นตอนนี้ผู้เขียนอาจยังไม่ต้องค�านึงถึงความเชื่อมโยงเนื้อหาหรือการล�าดับเรื่องราวให้ต่อเนื่อง อธิบายความรู
นักเรียนรวมกันอธิบายความรู
การรวบรวมและเรียบเรียงหมวดหมู่ความคิด เกี่ยวกับแนวทางการเขียนโครงเรื่อง
เพื่อเขียนรายงานการศึกษาคนควา
ประวัติศิลาจารึกหลักที่ ๑ (ศิลาจารึกพ่อขุนรามค�าแหง) (แนวตอบ แนวทางการเขียน
๑. ประวัติ โครงเรื่อง มีดังนี้
๒. ลักษณะเฉพาะ 1. รวบรวมและเรียบเรียงหมวดหมู
๓. ผู้พบ ความคิด ผูทํารายงานจะตอง
๔. สถานที่พบ พิจารณาวาจะนําเสนอเนื้อหา
๕. การจัดเก็บรักษา ใด เลือกประเด็นที่เกี่ยวของกับ
๖. การพิมพ์เผยแพร่ เนื้อหา
๗. เนื้อหาโดยสังเขป 2. การจัดลําดับความคิดหรือจัด
๘. คุณค่า กลุมความคิด แยกประเด็นหลัก
ประเด็นรองและนําจัดเขากลุม
3. การขยายแนวคิดและเรียบเรียง
103 เปนถอยคํา คือ ผูเขียนเขียน
รายละเอียดเพิ่มเติมในแตละ
ประเด็นเพื่อขยายแนวคิดให
สามารถเขียนไดชัดเจน)
@
มุม IT
ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับศิลาจารึกพอขุนรามคําแหงมหาราช ไดจากเว็บไซตของมหาวิทยาลัย
รามคําแหง จังหวัดสุโขทัย http://www.info.ru.ac.th/province/sukhothai/msrj.htm
คูมือครู 103
สํารวจคนหา อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
104 คูมือครู
สํารวจคนหา
กระตุนความสนใจ Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explain Expand Evaluate
สํารวจคนหา
นักเรียนอานตัวอยางการเขียน
ขยายแนวคิดจากหนังสือเรียน ใน
จากตัวอย่างข้างต้น เป็นการจัดกลุม่ ความคิดซึง่ เป็นล�าดับขัน้ ต่อเนือ่ งจากการรวบรวม หนา 105 - 107 จากนั้นใหสืบคนวา
ความคิด โดยในขั้นตอนนี้ผู้เขียนรายงานจะต้องแตกประเด็นความคิด โดยยึดหัวข้อใหญ่เป็นหลัก ตัวอยางดังกลาวมีแนวทางการ
ข้อใดที่สามารถรวมไว้ด้วยกันได้ควรจะรวมไว้ เพื่อประโยชน์ในการค้นคว้าข้อมูลและการน�าเสนอ เขียนขยายแนวคิดอยางไร
๓. ขยายแนวคิด และเรียบเรียงเป็นถ้อยค�า หลังจากจัดล�าดับหรือจัดกลุ่ม
ความคิดแล้ว ผู้เขียนควรเขียนรายละเอียดเพิ่มเติมในโครงเรื่องแต่ละประเด็น เพื่อขยายแนวคิดให้
สามารถเขียนได้ชัดเจน ซึ่งผู้เขียนอาจเขียนเป็นวลีหรือประโยคสั้นๆ
เกร็ดแนะครู
ขยายแนวคิด ครูควรนําเนื้อหาในแตละดาน
ของศิลาจารึกพอขุนรามคําแหง-
ประวัติศิลาจารึกหลักที่ ๑ (ศิลาจารึกพ่อขุนรามค�าแหง) มหาราช มาใหนักเรียนรวมกันอาน
๑. ประวัติ เพื่อเปนการขยายองคความรูเกี่ยวกับ
๑.๑ ผู้แต่ง หลักศิลาจารึกใหกวางขวางออกไป
สันนิษฐานว่าข้อความส่วนต้น ตั้งแต่บรรทัดที่ ๑ ถึงต้นบรรทัดที่ ๑๘ ของด้านที่ ๑ เป็น
พระราชนิพนธ์ในพ่อขุนรามค�าแหงมหาราช ส่วนที่เหลือน่าจะเป็นนักปราชญ์ราชบัณฑิตช่วยกัน
เรียบเรียงขึ้น
NET ขอสอบป 52
๑.๒ อายุ ในที่นี้หมายถึง ปีที่เขียนจารึก คือ พุทธศักราช ๑๘๓๕
๑.๓ ผู้พบ ขอสอบถามวา ผูใดไมไดใช
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะทรงผนวช เสด็จไปเมืองเหนือและพบจารึก กระบวนการระดมความคิดในการ
หลักนี้เมื่อพุทธศักราช ๒๓๗๖ ที่เนินปราสาท แสวงหาความรู
1. สุวิทยคนหาขอมูลเพื่อการทํา
๒. ลักษณะเฉพาะ
รายงานเรื่อง “ความสุขที่แท
๒.๑ อักษรไทยสุโขทัยหรือที่เรียกเฉพาะหลักนี้ว่า “ลายสือไทย”
จริง” จากหนังสือหลายเลม
๒.๒ เขียนบนหินทรายแป้ง สีเ่ หลีย่ มทรงกระโจม กว้าง ๓๕ เซนติเมตร สูง ๑๑๑ เซนติเมตร 2. สุชัยสัมภาษณเพื่อนรวมงาน
๒.๓ เนื้อหาจ�านวน ๔ ด้าน โดยด้านที่ ๑ - ๒ มีจ�านวน ๓๕ บรรทัด ส่วนด้านที่ ๓ - ๔ มี ทุกคนเพื่อสรุปความเห็นเรื่อง
๒๗ บรรทัด การตกแตงหองทํางาน
๓. การจัดเก็บรักษา 3. สุจิตตสรุปเนื้อหาจาก
๓.๑ ปีพุทธศักราช ๒๓๗๖ วัดราชาธิวาส สารานุกรมไทยฉบับเยาวชน
๓.๒ ปีพทุ ธศักราช ๒๓๙๔ เมือ่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั เสด็จขึน้ ครองราชย์ สงครูผูสอนวิชาภาษาไทย
โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายไปไว้ที่ศาลาราย วัดพระศรีรัตนศาสดาราม 4. สุวรรณเรียกประชุมเพื่อนๆ
๓.๓ ปีพทุ ธศักราช ๒๔๖๖ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั โปรดเกล้าฯ ให้เก็บไว้ เพื่อรวมกันหาแนวทางแกไข
ทีต่ กึ ถาวรวัตถุ หน้าวัดมหาธาตุยวุ ราชรังสฤษฏิร์ าชวรมหาวิหาร ซึง่ เป็นทีท่ า� การหอพระสมุดวชิรญาณ ปญหาในโรงเรียน
(วิเคราะหคําตอบ การระดม
105 ความคิดในการแสวงหา
ความรูไมใชการหาขอมูลจาก
แหลงขอมูลเพียงแหลงเดียว
แตตองเปนการรวบรวมจาก
แหลงขอมูลที่หลากหลายและ
มากพอ ดังนั้นจึง ตอบ ขอ 3.)
คูมือครู 105
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
106
106 คูมือครู
สํารวจคนหา อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
สํารวจคนหา
1. นักเรียนรวมกันสืบคนวาขอมูล
ตางๆ ที่สามารถนํามาประกอบ
๕.๓ ด้านที่ ๓ หรือใชอางอิงในการทํารายงาน
- การสร้างพระแท่นมนังศิลาบาตร ข้อสันนิษฐานปีเสวยราชย์ (พ.ศ. ๑๘๒๑) ประกอบไปดวยขอมูลประเภทใด
- การอาราธนาพระเถระมาแสดงธรรมในวันธรรมสวนะ 2. แบงนักเรียนออกเปน 2 กลุม
๕.๔ ด้านที่ ๔ กลุมที่ 1 สืบคนในประเด็นขอมูล
- อาณาเขตของอาณาจักรสุโขทัย จากเอกสารหลักฐาน
- การประดิษฐ์ลายสือไทย กลุมที่ 2 สืบคนในประเด็นขอมูล
๖. คุณค่า ภาคสนาม
๖.๑ คุณค่าในเชิงวรรณกรรม
- กล่ า วได้ ว ่ า เป็ น วรรณคดี ที่ เ ก่ า ที่ สุ ด ที่ เ ขี ย นด้ ว ยอั ก ษรไทยและกล่ า วถึ ง สภาพ
สังคมไทย อธิบายความรู
- คุณค่าด้านวรรณศิลป์ นักเรียนรวมกันอธิบายความรู
๖.๒ คุณค่าในด้านการศึกษาจารึกและอักขรวิธี เกี่ยวกับการคนควาขอมูลในการ
- เป็นศิลาจารึกอักษรไทย ภาษาไทยที่เก่าที่สุดเท่าที่พบในปัจจุบัน เขียนรายงานการศึกษาคนควา
- เป็นพื้นฐานในการศึกษาพัฒนาการของอักษรและอักขรวิธีของอักษรไทยรุ่นหลัง จากนั้นครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
รวมถึงอิทธิพลที่ส่งไปยังดินแดนอื่น เช่น ล้านนา อยุธยา ล้านช้าง เป็นต้น • ขอมูลที่ใชในการทํารายงาน
๖.๓ คุณค่าด้านสังคม ประกอบไปดวยขอมูลอะไรบาง
- การเมืองการปกครอง (แนวตอบ ขอมูลในการใชอางอิง
- เศรษฐกิจ หรือใชประกอบการทํารายงาน
- ความสัมพันธ์กับอาณาจักรอื่นๆ เช่น นครศรีธรรมราช มี 2 ประเภท คือ ขอมูลจาก
- อาณาเขต เอกสารหลักฐานตางๆ และ
ฯลฯ ขอมูลภาคสนาม)
• นักเรียนคิดวาขอมูลทั้งสอง
๑.๓) การค้นคว้าหาข้อมูล โดยปกติแล้วข้อมูลแบ่งออกเป็น ๒ ชนิด คือข้อมูลจาก
ชนิดมีลักษณะการคนควา
เอกสารหลักฐานต่างๆ และข้อมูลภาคสนาม แตกตางกันอยางไร
ข้อมูลจากเอกสารหลักฐาน เป็นข้อมูลทีบ่ นั ทึกไว้เป็นลายลักษณ์อกั ษร มีทงั้ ข้อมูล (แนวตอบ ขอมูลทั้ง 2 ประเภท
ที่เป็นข้อเท็จจริง เช่น จดหมายเหตุ จดหมายโต้ตอบ วรรณกรรมเรื่องต่างๆ ข้อเขียนประเภทข่าว มีวิธีการคนควาที่ตางกัน
สือ่ อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น และรวมถึงข้อมูลทีเ่ ป็นข้อมูลสรุปหรือข้อวิเคราะห์วจิ ารณ์ เช่น บทสรุปข่าว กลาวคือ ขอมูลจากเอกสาร
บทความ บทวิจารณ์ต่างๆ เป็นต้น หลักฐานเปนขอมูลทุติยภูมิที่
ข้อมูลภาคสนาม เป็นข้อมูลที่ผู้ท�ารายงานจะต้องรวบรวมขึ้นเองจากการส�ารวจ มีผูศึกษามาแลว เราทําหนาที่
สัมภาษณ์ สังเกต การกรอกแบบสอบถามหรื
การกรอกแบบสอบถามหรือการทดลอง สังเคราะหขอมูลเหลานั้น โดย
ผู้ท�ารายงานจะต้องพิจารณาว่าข้อมูลที่จะน�ามาท�ารายงานนั้นควรเป็นข้อมูล อาจไดมาจากหนังสือ บทความ
ชนิดใด บางเรือ่ งอาจจ�าเป็นต้องใช้ขอ้ มูลทัง้ สองประเภท จากนัน้ จึงมีการส�ารวจแหล่งข้อมูล เก็บรวบรวม ขอมูลที่เปนลายลักษณอักษร
107 แตขอมูลจากภาคสนาม คือ
ขอมูลปฐมภูมิ ที่ผูเขียนรายงาน
จะตองเริ่มสืบคนดวยตนเอง)
นักเรียนควรรู
การกรอกแบบสอบถาม ผูทํารายงานที่จะใชขอมูลภาคสนามจากแบบสอบถาม
จะตองตั้งคําถามใหมีความครอบคลุมขอมูลที่ตองการทราบ
คูมือครู 107
สํารวจคนหา อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
NET ขอสอบป 51
ขอสอบถามวา สวนประกอบใดของรายงานที่สําคัญนอยที่สุด
1. คํานํา 2. สารบัญ 3. บรรณานุกรม 4. ภาคผนวก
(วิเคราะหคําตอบ ภาคผนวกเปนสวนที่เพิ่มเติมเขามาในรายงาน จะมีหรือไมก็ได ดังนั้นจึง ตอบ ขอ 4.)
108 คูมือครู
สํารวจคนหา อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
สํารวจคนหา
นักเรียนรวมกันสืบคนความหมาย
ความสําคัญของบรรณานุกรมและ
๓. สรุป คือส่วนที่สรุปผลการศึกษา อาจมีการอภิปรายหรือข้อเสนอแนะ หลักการเขียนบรรณานุกรมจาก
ในประเด็นการศึกษาเรื่องที่สามารถศึกษาต่อยอดจากการศึกษาครั้งที่น�าเสนอนี้ หนังสือเรียนในหนา 109 - 112
๔. เชิงอรรถ คือข้อความทีอ่ ยูท่ า้ ยหน้า ท้ายบทหรืออ้างแทรกในเนือ้ หา เพือ่
บอกแหล่งทีม่ าของข้อความทีย่ กมากล่าวถึง หรืออธิบายขยายความเนือ้ หาทีเ่ รียบเรียงไว้ในหน้าเดียวกัน
๒.๓) ส่วนประกอบตอนท้าย เป็นส่วนที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการอ้างอิง ดังนี้ อธิบายความรู
(๑) บรรณานุ ก รม หมายถึ ง รายชื่ อ หนั ง สื อ เอกสาร โสตทั ศ นู ป กรณ์ 1. นักเรียนรวมกันอธิบายความรู
ผู ้ ใ ห้ สั ม ภาษณ์ ที่ ใ ช้ อ ้ า งอิ ง ในการท� า รายงาน ส� า หรั บ หลั ก การเขี ย นรายละเอี ย ดการอ้ า งอิ ง แบบ เกี่ยวกับความหมายของ
บรรณานุกรมโดยทั่วไปแล้ว มีรายละเอียดดังนี้ บรรณานุกรม
๑. หนังสือ ข้อมูลทีใ่ ช้ประกอบด้วยชือ่ ผูแ้ ต่ง ปีทพี่ มิ พ์ ชือ่ เรือ่ ง ครัง้ ทีพ่ มิ พ์ (แนวตอบ บรรณานุกรม หมายถึง
สถานที่พิมพ์ ส�านักพิมพ์หรือโรงพิมพ์ รายละเอียดในการบันทึก มีดังนี้ รายชื่อหนังสือ เอกสาร
ก. ชื่อผู้แต่ง ให้ใช้ตามชื่อที่ปรากฏในหนังสือ ซึ่งรายละเอียดเกี่ยวกับ โสตทัศนูปกรณ ผูใหสัมภาษณ
ผูแ้ ต่งจะมีรายละเอียดทีแ่ ตกต่างกันออกไป ซึง่ จะน�าเสนอในส่วนทีเ่ ป็นตัวอย่างของการเขียนบรรณานุกรม ที่ใชอางอิงในการทํารายงาน)
2. นักเรียนรวมกันอธิบายความรู
ข. ปีที่พิมพ์ หนังสือภาษาไทยให้ใส่ปี พ.ศ. ที่พิมพ์ในวงเล็บ ส่วน
เกี่ยวกับองคประกอบของการ
หนังสือภาษาอังกฤษให้ใส่ปี ค.ศ. ที่พิมพ์ในวงเล็บ โดยระบุเฉพาะตัวเลข ถ้าไม่ปรากฏปีที่พิมพ์ให้ใส่
เขียนบรรณานุกรม
(ม.ป.ป.) หรือ (n.d.) (แนวตอบ การเขียนบรรณานุกรม
ค. ชื่อเรื่อง ให้ใช้ที่ปรากฏในหนังสือ ถ้ามีชื่อเรื่องรองเป็นค�าอธิบาย จะตองประกอบไปดวย
ชื่อเรื่อง ให้ใส่ด้วย ถ้าเป็นภาษาต่างประเทศให้ใช้ตัวอักษรตัวใหญ่ขึ้นต้นทุกค�าหรือจะใช้อักษรตัวใหญ่ • ผูแตง
ขึ้นต้นเฉพาะค�าแรกก็ได้ ชื่อเรื่องให้ขีดเส้นใต้ ท�าตัวเอน หรือท�าตัวหนาเป็นระบบเดียวกัน • ปที่พิมพ
ง. ครั้งที่พิมพ์ จะเขียนค�าว่า พิมพ์ครั้งที่... ในวงเล็บ ส�าหรับกรณีที่ • ชื่อหนังสือ
พิมพ์ครั้งแรกไม่ต้องระบุ • ครั้งที่พิมพ
จ. สถานที่พิมพ์ ให้ระบุชื่อจังหวัดที่เป็นที่ตั้งของโรงพิมพ์หรือส�านัก- • สถานที่พิมพ
พิมพ์ ถ้าไม่ปรากฏให้ใส่ค�าว่า (ม.ป.ท.) หรือ (n.p.) • หนวยงานที่รับผิดชอบในการ
ฉ. ส�านักพิมพ์หรือโรงพิมพ์ ให้ใส่ตามทีป่ รากฏบนหน้าปกในของหนังสือ พิมพ)
ในกรณีที่มีทั้งส�านักพิมพ์และโรงพิมพ์ ให้ใช้ชื่อส�านักพิมพ์ โดยตัดค�าว่าส�านักพิมพ์ออกคงไว้แต่ชื่อ 3. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่ออธิบาย
หากเป็นโรงพิมพ์ให้ระบุคา� ว่าโรงพิมพ์แล้วจึงตามด้วยชือ่ ในกรณีทไี่ ม่ปรากฏชือ่ ส�านักพิมพ์หรือโรงพิมพ์ ความรูเกี่ยวกับภาคผนวก โดยครู
ให้ใช้ค�าว่า (ม.ป.ท.) หรือ (n.p.) เช่นเดียวกับไม่ปรากฏสถานที่พิมพ์ ตั้งคําถาม
• ภาคผนวกมีความสําคัญตอการ
ถ้าไม่ปรากฏทัง้ สถานทีพ่ มิ พ์ ส�านักพิมพ์หรือโรงพิมพ์ ให้ใช้ (ม.ป.ท.) หรือ
เขียนรายงานการศึกษาคนควา
(n.p.) แทนเพียงครัง้ เดียว ทัง้ นีก้ ารเขียนบรรณานุกรม จะมีรปู แบบรวมถึงการใช้เครือ่ งหมายวรรคตอนที่
อยางไร
แตกต่างกันตามแต่ละสถาบันการศึกษา แต่ไม่วา่ จะเป็นการใช้บรรณานุกรมในรูปแบบใดก็ควรใช้ให้เป็น
(แนวตอบ เปนสวนสําหรับใส
ระบบเดียวกันทั้งหมดเพื่อความเป็นเอกภาพ ดังตัวอย่างต่อไปนี้ ขอมูลบางประการที่ผูอาน
109 รายงานควรทราบ)
คูมือครู 109
ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
110
110 คูมือครู
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ
ครูทบทวนองคความรูเกี่ยวกับ
ขั้นตอนการเขียนรายงานการศึกษา
๒. บทความ ข้อมูลที่ใช้ประกอบด้วยชื่อผู้เขียน ปีที่พิมพ์ ชื่อบทความ คนควาและสวนประกอบของรายงาน
ชื่อวารสาร ปีที่ (ฉบับที่)/วัน เดือน ปี หน้า ส่วนประกอบของการเขียนบทความอาจมีรายละเอียดบาง ใหแกนักเรียน จากนั้นนักเรียนนํา
ประการที่เป็นลักษณะเฉพาะแต่ในเบื้องต้นอาศัยหลักการเขียนและการใช้เครื่องหมายวรรคตอน ดังนี้ ความรูมาใชเปนแนวทางในการเขียน
รายงานการศึกษาคนควาของตนเอง
การเขียนบรรณานุกรมบทความ
ตามความสนใจ
บทความในวารสาร
ชื่อผู้แต่ง. (ปีที่พิมพ์). ชื่อเรื่อง. ชื่อวารสาร, ปีที่พิมพ์ (ฉบับที่), หมายเลขหน้า.
พิพัฒน์ ชูวรเวช. (๒๕๕๐). เล่าเรื่องยูพียู. วารสารตราไปรษณียากร, ๓๗(๘), ๔๘ - ๕๐.
ตรวจสอบผล
บทความในนิตยสาร นักเรียนนําเสนอรายงานการ
บุญอุดม มุ่งเกษม. (เมษายน ๒๕๕๑). รวมกันเราอยู่. Future Gamer, ๔ (๑๓๘), ๒๒. ศึกษาคนควา ดวยวิธีการพูดหนา
บทความในหนังสือพิมพ์ ชั้นเรียน และนําเสนอในลักษณะ
พงษ์พรรณ บุญเลิศ. (๒ เมษายน ๒๕๕๐). อนุรักษ์มรดกไทยเครื่องแต่งกายโขนงามประณีต. รูปเลมสงครูผูสอน นักเรียนบอก
เดลินิวส์, ๔. เหตุผลในการเลือกเรื่อง วิธีการเขียน
โครงเรื่อง เรียบเรียง จัดลําดับและ
๓. สารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์ ข้อมูลที่ใช้ประกอบด้วยชื่อผู้เขียน/ชื่อ ขยายแนวคิด วิธีการสืบคนขอมูล
เจ้าของ (ถ้ามี) ปีที่จัดท�า ชื่อบทความ วัน เดือน ปี ที่สืบค้น แหล่งที่สืบค้น ซึ่งควรระบุที่อยู่ที่สามารถ ของตนเอง ครูผูสอนตรวจสอบความ
เข้าถึงข้อมูลนั้นได้ ไม่ใช่ระบุเฉพาะที่อยู่หน้าตั้งต้นในการค้นหาข้อมูล ถูกตองของขอมูลและสวนประกอบ
ตางๆ ของรายงาน
การเขียนบรรณานุกรมสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์
ชื่อผู้แต่ง. (ปีที่จัดท�า). ชื่อบทความ. วัน เดือน ปี ที่สืบค้น, แหล่งที่สืบค้น.
อมรรัตน์ เทพกัมปนาท. (๒๕๔๙). ท�าไมพระต้องถือตาลปัตร?. สืบค้นเมื่อ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๔๙, หลักฐาน
จาก http://www.culture.go.th/study.php. แสดงผลการเรียนรู
รายการศึกษาคนควาในหัวขอ
๔. แหล่งข้อมูลประเภทอื่นๆ เช่น วิทยานิพนธ์ บทสัมภาษณ์ โสตทัศน- ตามความสนใจ จํานวนไมตํ่ากวา
วัสดุ 20 หนา
การเขียนบรรณานุกรมวิทยานิพนธ์
ชื่อผู้เขียน. (ปีที่พิมพ์). ชื่อเรื่อง. วิทยานิพนธ์ ระดับปริญญา, สาขาวิชา คณะ มหาวิทยาลัย.
วชิราภรณ์ พฤกษ์สกุ าญจน์. (๒๕๔๓). ลักษณะเด่นทางวรรณศิลป์ในร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก.
วิทยานิพนธ์อักษรศาสตรมหาบัณฑิต, ภาควิชาภาษาไทย บันฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย.
111
คูมือครู 111
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
นักเรียนควรรู
โครงงาน การเขียนโครงงานที่ดีสําคัญที่การตั้งสมมติฐาน เพราะเปนเสมือน
เข็มทิศในกระบวนการศึกษาคนควาวิจัย โครงงานที่ไมมีการตั้งสมมติฐานจะ
ไรขอสรุป ซึ่งถือวาเปนโครงงานที่ไมกอใหเกิดประโยชน
112 คูมือครู
สํารวจคนหา อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
สํารวจคนหา
นักเรียนคนหาความรูในประเด็น
สวนประกอบของโครงงานจาก
๒) ส่วนประกอบของโครงงาน แหลงเรียนรูตางๆ เชน หนังสือเรียน
การเขียนส่วนประกอบของโครงงาน ผู้ท�าโครงงานต้องช่วยกันคิดและปรึกษากันให้ ในหนา 113 - 114 หรือเว็บไซตทาง
รอบคอบ พิจารณาอย่างถี่ถ้วน และควรประกอบด้วยส่วนที่ส�าคัญ ดังนี้ การศึกษา
๒.๑) ชื่อโครงงาน คือส่วนที่บอกให้ทราบว่าโครงงานนี้ ท�าอะไร กับใคร เพื่ออะไร
ชือ่ โครงงานควรเขียนให้กระชับ ชัดเจน ใช้ภาษาตรงไปตรงมาสือ่ ความได้อย่างชัดเจนท�าให้ผอู้ า่ นทราบ อธิบายความรู
ได้ทันทีว่าโครงงานนี้เป็นโครงงานเกี่ยวกับอะไร เช่น ครูใหนักเรียนยืนในลักษณะ
■ ภาษาสมสมัย : การรวบรวมค�าศัพท์ใหม่ในภาษาไทยทีไ่ ม่มใี นพจนานุกรม วงกลมเพื่ออธิบายความรูในลักษณะ
■ ภาษาพาสงสัย : ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับปัญหาทางภาษา โตตอบรอบวง จากคําถามตอไปนี้
๒.๒) ผู ้ รั บ ผิ ด ชอบโครงงาน คื อ ส่ ว นที่ บ อกให้ ท ราบว่ า ใครคื อ ผู ้ ที่ รั บ ผิ ด ชอบ • จงบอกสวนประกอบของ
โครงงานนี้ อาจเป็นคนเดียวหรือกลุ่ม ซึ่งควรระบุหัวหน้าโครงงานไว้เป็นชื่อแรก คนอื่นๆ เขียนชื่อ โครงงาน
ล�าดับตามตัวอักษร (แนวตอบ
๒.๓) ที่มาของโครงงาน คือส่วนที่บอกสาเหตุที่จัดท�าโครงงาน มีเหตุจูงใจอะไรจึง • ชื่อโครงงาน
จัดท�าโครงงานนี้ หากได้รับความสนับสนุนจากใครหรือแหล่งใดก็บอกไว้ด้วย • ผูรับผิดชอบโครงงาน
• ที่มาของโครงงาน
๒.๔) จุดประสงค์ของโครงงาน คือ ส่วนทีบ่ อกให้ทราบถึงจุดมุง่ หมายของโครงงาน
• จุดประสงคของโครงงาน
ว่าจะจัดขึ้นมาเพื่อสิ่งใด สิ้นสุดโครงงาน ควรเขียนให้กระชับรัดกุมและเขียนเป็นข้อๆ เพื่อให้อ่านง่าย
• สมมติฐานของโครงงาน
และชัดเจนยิ่งขึ้น
• ขอบเขตเนื้อหาและระยะ
๒.๕) สมมติฐานของโครงงาน เป็นข้อคิดเห็นจากการคาดคะเนที่ใช้เป็นมูลฐานใน เวลาการทําโครงงาน
การหาเหตุผลหรือค�าตอบของโครงงาน ควรเขียนให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของโครงงาน • หลักวิชาที่นํามาใชในการทํา
๒.๖) ขอบเขตเนือ้ หาและระยะเวลาการท�าโครงงาน คือการวางขอบเขตไว้เป็นการ โครงงาน
ครอบคลุมเนื้อหาของโครงงาน รวมทั้งเป็นการก�าหนดระยะเวลาที่แน่นอนในการปฏิบัติโครงงานด้วย • วิธีปฏิบัติในการทําโครงงาน
๒.๗) หลักวิชาที่น�ามาใช้ในการท�าโครงงาน คือส่วนที่บอกให้ทราบถึงความรู้ • ผลการศึกษา
ทางวิชาการที่น�ามาเป็นส่วนประกอบในการด�าเนินโครงงาน เพื่อให้โครงงานมีความน่าเชื่อถือ มีหลัก • สรุปและอภิปรายผล
เกณฑ์ในการด�าเนินโครงงาน เพื่อที่จะได้บรรลุจุดประสงค์ตามที่ตั้งไว้ ผู้ท�าโครงงานอาจใช้หลักความรู้ • ประโยชนที่คาดวาจะไดรับ
เดิมที่มีอยู่แล้ว ศึกษาเพิ่มเติมจากต�าราต่างๆ หรือปรึกษาจากผู้รู้ก็ได้ ควรรวบรวมหลักวิชาไว้เป็นข้อๆ • ขอเสนอแนะ
โดยสรุปเนือ้ หาสาระของความรูน้ นั้ ๆ และเขียนไว้ในเค้าโครงของโครงงานด้วย ในรายงานผลขัน้ สุดท้าย • หนังสืออางอิง)
ควรน�าเสนออย่างละเอียด • เพราะเหตุใดจึงตองมีการ
๒.๘) วิธีปฏิบัติในการท�าโครงงาน คือส่วนที่บอกให้ทราบถึงขั้นตอนการด�าเนิน กําหนดจุดประสงคในการทํา
โครงงาน ควรเขียนเป็นขั้นตอนให้ชัดเจนเป็นขั้นๆ ไป แต่ละขั้นใช้เวลาเท่าใด โครงงาน
(แนวตอบ การกําหนดจุดประสงค
๒.๙) ผลการศึกษา คือผลของการปฏิบัติงาน อาจพิจารณาในรูปแบบความเรียง
ในการทําโครงงานจะทําใหผูทํา
ตาราง
ทราบวาทําโครงงานเพื่ออะไร)
113
เกร็ดแนะครู
ครูควรอธิบายใหนักเรียนทราบหลังจากจบการทําโครงงานรวมกันของนักเรียนแลว ผลที่ไดรับ
จากการทําโครงงาน มีทั้งผลโดยตรงและโดยออม โดยตรงคือ นักเรียนมีความรู ความเขาใจ
จากขอมูลที่ไดศึกษา ผลโดยออมคือ นักเรียนจะรูจักการทํางานเปนกลุมยอมรับฟงความคิดเห็น
ของผูอื่น เพื่อชวยใหงานสําเร็จลุลวงดวยดี
คูมือครู 113
สํารวจคนหา อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
114
114 คูมือครู
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ
1. นักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับ
หัวขอที่จะนํามาทําโครงงาน
๗. หลักวิชาที่น�ามาใช้ในการท�าโครงงาน 2. นักเรียนรวมกันทําโครงงาน โดย
๑. หลักการอ่านตีความ แปลความและขยายความ ผู้อ่านจะต้องตีความ แปลความ ของถ้อยค�า ครูเปนที่ปรึกษา คอยแนะนํา
รวมถึงน�้าเสียงที่ปรากฏในเรื่อง และขยายความเนื้อหาสาระที่ได้อ่านเพื่อน�ามาสรุปเป็นผลการศึกษา ชี้แนะใหนักเรียนทําตามขั้นตอน
๒. หลักการวิเคราะห์ และประเมินคุณค่าวรรณกรรมประเภทค�าสอน จนเขียนโครงงานเสร็จ
๘. วิธีปฏิบัติในการท�าโครงงาน
3. นักเรียนนําโครงงานไปปฏิบัติตาม
๑. ศึกษาค้นคว้าความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับวรรณกรรมภาษิตและค�าสอนภาคกลางที่เลือก
๒. ศึกษาเนื้อหา สาระ โดยใช้หลักการวิเคราะห์คุณค่าของวรรณกรรมประเภทค�าสอน วิธีการที่ไดกําหนดไว
๓. รวบรวมค�าสอนที่ปรากฏในวรรณกรรมแต่ละเรื่องที่เลือกศึกษา และบันทึกผล 4. เขียนรายงานโครงงาน และ
๙. ผลการศึกษา รายงานความสําเร็จของโครงงาน
สุภาษิตสอนเด็ก ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง เนื้อหาของเรื่องเป็นการน�าเนื้อความจากสุภาษิตโบราณ เช่น นําเสนอหนาชั้นเรียน
โคลงโลกนิติมาแต่งและขยายความด้วยนิทานชาดก สาระส�าคัญของค�าสอน คือให้เด็กรู้จักหน้าที่ของตน
ตั้งแต่เด็กจนกระทั่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่ การยอมรับในสัจธรรมของชีวิต การคบคน การครองตน การ
ครองเรือน การศึกษาหาความรู้ เป็นต้น ตรวจสอบผล
๑๐. สรุปผลและอภิปรายผล 1. ครูเปนผูประเมินและตรวจสอบ
ผลการศึกษาเกีย่ วกับวรรณกรรมภาษิตและค�าสอนของภาคกลาง จากเรือ่ ง สุภาษิตสอนเด็ก ปรากฏ
โครงงานของนักเรียนทั้งชั้นเรียน
ค�าสอน ข้อคิด คติเตือนใจ หรือหลักการด�าเนินชีวิตประจ�าวันในด้านต่างๆ ที่สามารถน�ามาประยุกต์ใช้ได้
จริง หากบุคคลในสังคมไทยน�าไปยึดถือและปฏิบัติอย่างจริงจังจะส่งผลให้สังคมไทยมีความมั่นคงด้วย 2. นักเรียนตอบคําถามประจําหนวย
รากฐานของศีลธรรมจรรยาอันดีงาม การเรียนรู
๑๑. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
๑. ได้ทราบเนื้อหาสาระค�าสอนซึ่งปรากฏข้อคิด คติเตือนใจของวรรณกรรมที่เลือก
๒. สามารถน�าไปพูด เขียน หรือปฏิบตั ใิ นชีวติ ประจ�าวัน เห็นคุณค่าของวรรณกรรมภาษิตและค�าสอน หลักฐาน
๑๒. ข้อเสนอแนะ แสดงผลการเรียนรู
ควรมีการศึกษาวรรณกรรมหรือภาษิตค�าสอนในภาคอื่นๆ และควรมีการศึกษาเพิ่มเติม โครงงานในหัวขอที่นักเรียนทั้งชั้น
๑๓. หนังสืออ้างอิง
รวมกันคัดเลือก
ศึกษาธิการ, กระทรวง. (๒๕๒๔). วรรณกรรมภาษิตและค�าสอนภาคกลาง. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์
คุรุสภา.
ศิลปากร, กรม. (๒๕๑๔). สวัสดิรกั ษา สุภาษิตสอนเด็กและสุภาษิตสอนหญิง. พระนคร : โรงพิมพ์โสภณ
พิพรรฒธนากร. B
ศิลปากร, กรม. (๒๕๑๒). สุภาษิตสอนสตรี สวัสดิรกั ษาค�ากลอน และเพลงยาวถวายโอวาท. พระนคร : B พื้นฐานอาชีพ
โรงพิมพ์อักษรเพชรเกษม. การเรียนวิชาภาษาไทยนอกจากใช
เพือ่ การสือ่ สารแลวยังใชเปนเครือ่ งมือ
ผู้เขียนจะสามารถสร้างสรรค์งานเขียนได้สมบูรณ์นั้นสามารถใช้แนวทางข้างต้น
เป็นแนวทางเพื่อประกอบการเขียนได้ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้เขียนที่จะต้องฝึกฝนและ
ในการแสวงหาความรู การทํารายงาน
หมั่นศึกษา แสวงหาความรู้ สะสมไว้เพื่อนÓมาใช้เป็นข้อมูลในการเขียนเรียบเรียง การศึกษาคนควาและการเขียน
งานเขียนของตนเองให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น โครงงานเปนเสมือนประตูทที่ าํ ให
นักเรียนไดเรียนรูส งิ่ ใหมๆ ดวยตนเอง
115 ซึ่งสิ่งตางๆ ที่ไดเรียนรูอาจเปน
ประโยชนตอตนเองในการประกอบ
อาชีพ เชน ถานักเรียนตองการ
ประกอบอาชีพเปนเกษตรกรทีป่ ลูก
ผักโดยไมใชดนิ นักเรียนอาจตั้งสมมติฐานสําหรับการศึกษาคนควา ซึ่งจะ
ทําใหนักเรียนไดทราบวามีผกั จํานวนมากทีป่ ลูกไดโดยไมใชดนิ สามารถ
ปลูกจําหนายมีรายได เปนตน
คูมือครู 115
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
เกร็ดแนะครู
(แนวตอบ คําถามประจําหนวยการ
เรียนรู
1. จะเขียนโดยใชถอยคําภาษาที่ คําถาม ประจําหนวยการเรียนรู
เขาใจงาย กระชับ รัดกุม ลําดับ
ขั้นตอนการปฏิบัติตั้งแตตนจน ๑. สมมติบทบาทนักเรียนตองเขียนอธิบายในหัวขอ “การอานเพื่อพัฒนาตนเอง” นักเรียนจะมีวิธีการ
จบ ดวยการกลาวเปนหัวขอ เขียนอธิบายอยางไร
เพื่อชวยใหผูอานเขาใจงายขึ้น ๒. ผูเขียนสามารถเขียนวิเคราะห วิจารณ ขอเขียนตางๆ ได ควรมีคุณสมบัติอยางไร จงอธิบาย
และสามารถปฏิบัติตามได ๓. ขั้นตอนของการทํารายงานการศึกษาคนควา ขั้นตอนใดที่มีความสําคัญที่สุด
2. ผูที่จะเขียนวิเคราะหวิจารณได ๔. การเขียนโครงงานหรือโครงการมีความแตกตางอยางไรกับการเขียนรายงานเชิงวิชาการ
ดีจะตองมีคุณสมบัติที่ครบถวน ๕. ขั้นตอนการเขียนรายงานเชิงวิชาการมีขั้นตอนอยางไร พรอมยกตัวอยางประกอบการอธิบาย
คือ มีความรูในเรื่องที่จะเขียน
วิจารณเปนอยางดี ใชภาษาใน
การสื่อความ เขาใจงาย และมี
ใจเปนกลาง ยอมรับฟงความ
คิดเห็นของผูอื่นที่อาจแตกตาง
ไปจากตน
3. การเขียนรายงานการศึกษา
คนความีความสําคัญทุกขั้นตอน
เพราะแตละขั้นตอนทําใหเกิด
กิจกรรม สรางสรรคพัฒนาการเรียนรู
รายงานการศึกษาคนควาที่มี
สารัตถภาพ สัมพันธภาพ และ กิจกรรมที่ ๑ นักเรียนใชภาษาใหเหมาะสมในการเขียนอธิบายวิธีการทําปกหนังสือ จากนั้นใหนํา
เอกภาพ มาเสนอหนาชั้นเรียน
กิจกรรมที่ ๒ นักเรียนเลือกหัวขอที่ตนเองสนใจ แลวเขียนโครงเรื่องแบบขยายความคิดจากนั้น
4. การเขียนรายงานการศึกษา
เรียบเรียงเปนรายงานการศึกษาคนควาที่มีการอางอิงถูกตอง โดยมีความยาวไมตํ่า
คนควา คือ การเรียบเรียง
กวา ๑๕ หนา จากนั้นใหนําเสนอหนาชั้นเรียน และนํารูปเลมสงครูผูสอน
ผลการศึกษาคนควาประเด็น กิจกรรมที่ ๓ นักเรียนรวมกลุมกัน จัดทําโครงงานที่กลุมมีความสนใจ จากนั้นใหเขียนรายงาน
ทางวิชาการ ถูกตองตามองค โครงงาน รายงานความสําเร็จของโครงการนําเสนอหนาชั้นเรียน
ประกอบที่กําหนด สวนการ
เขียนโครงงานหรือโครงการ คือ
การศึกษาคนควาเกี่ยวกับสิ่งที่
ตนสนใจ ตองการหาคําตอบ
หรือศึกษาหาความรูอยางลึกซึ้ง
โดยใชกระบวนการวิธีการศึกษา
ที่มีระบบ เปนขั้นตอน
5. การเขียนรายงานเชิงวิชาการ 116
ประกอบดวยขั้นตอน ดังนี้
1. การเลือกเรื่อง ตองเลือกเรื่อง
ที่ตนสนใจ มีความรู และมีแหลงขอมูล
2. การเขียนโครงเรื่อง กําหนดกรอบเนื้อหาที่จะนําเสนอในรายงาน
3. การคนควาหาขอมูล ทั้งที่เปนเอกสารหลักฐานและขอมูลภาคสนามจากแหลงเรียนรูตางๆ
4. เรียบเรียงเนื้อหา คือ การนําความรูที่รวบรวมไดมาเรียบเรียงตามโครงเรื่องที่วางไว
5. การตรวจทานและแกไข เปนขั้นตอนสุดทายของการเขียนรายงาน เมื่อมีการเขียนเนื้อหาเสร็จ
ควรมีการตรวจทานความถูกตอง เรียบรอย)
116 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
กระตุนความสนใจ
àÇŒ¹ÇÔ¨ÒóNjҧàÇŒ¹ ʴѺ¿˜§
àÇŒ¹·Õè¶ÒÁÍѹÂѧ 仆ÃÙŒ
àÇŒ¹àÅ‹ÒÅÔ¢ÔµÊѧ- ࡵNjҧ àÇŒ¹¹Ò
àÇŒ¹´Ñ觡ŋÒÇÇ‹Ò¼ÙŒ »ÃÒªÞä´ŒÄåÁÕ
(โคลงโลกนิติ : สมเด็จพระเจาบรมวงศเธอ กรมพระยาเดชาดิศร)
คูมือครู 117
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
เปาหมายการเรียนรู
1. พูดแสดงความคิดเห็นและประเมิน
เรื่องจากการฟงและดู
2. วิเคราะหและวิจารณเรื่องที่ฟงและ
ดูเพื่อนําขอคิดมาประยุกตใชใน
การดําเนินชีวิต
3. พูดรายงานการศึกษาเกี่ยวกับ
ภูมิปญญาทองถิ่น
4. มีมารยาทในการฟง การดูและ
การพูด
กระตุนความสนใจ
ครูและนักเรียนรวมกันดูภาพ
ประกอบหนาหนวย จากนั้นครู
ตั้งคําถามกับนักเรียนวา
• บุคคลในภาพกําลังอยูใน
สถานการณใด
ñ
(แนวตอบ นักเรียนสามารถ
ตอบไดอยางหลากหลายตาม
ความคิดเห็นและการคาดคะเน
สถานการณ)
หนวยที่
• ใชทักษะใดบางขณะกําลัง
สื่อสาร
การพูดเรื่องจากสื่อที่ฟงและดู
(แนวตอบ บุคคลในภาพใชทั้ง ตัวชี้วัด
ทักษะการอาน การฟง การดู ■ แสดงความคิดเห็นและประเมินเรือ่ งจากการฟงและดู (ท ๓.๑ ม.๓/๑) ในยุคปัจจุบันข่าวสารต่างๆ สามารถ
และการพูด เพื่อประกอบการ ■ วิเคราะหและวิจารณเรือ่ งทีฟ่ ง และดูเพือ่ นําขอคิดมาประยุกตใชในการ ส่ ง ถึ ง กั น ได้ ภ ายในระยะเวลาอั น รวดเร็ ว
ดําเนินชีวติ (ท ๓.๑ ม.๓/๒)
สนทนาหรือการพูดเรื่องจากสื่อ ■ พูดรายงานเรือ่ งหรือประเด็นทีศ่ กึ ษาจากการฟง การดูและการสนทนา การฟังและการดูเป็นทักษะในการรับสาร
ที่ฟงและดู) (ท ๓.๑ ม.๓/๓) และในขณะเดียวกันย่อมจะต้องมีการสื่อสาร
■ มีมารยาทในการฟง การดูและการพูด (ท ๓.๑ ม.๓/๖) แลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็นจากเรื่องที่ได้
สาระการเรียนรูแกนกลาง ฟังและดู ดังนั้นจึงควรฝกทักษะการฟังและดู
■ การพูดแสดงความคิดเห็นและประเมินเรื่องจากการฟง ให้เกิดความช�านาญ และควรเป็นผู้ที่มีมารยาท
ในการฟัง ดูและพูดเพื่อน�าไปประยุกต์ใช้ในชีวิต
เกร็ดแนะครู ■
และการดู
การวิเคราะห วิจารณจากเรื่องที่ฟงและดู
ประจ�าวัน
■ การพูดรายงานการศึกษาเกี่ยวกับภูมิปญญาทองถิ่น
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ■ มารยาทในการฟง การดูและการพูด
ในหนวยนี้ ครูผูสอนควรใหนักเรียน
ไดเรียนรูทฤษฎีกอนการปฏิบัติจริง
โดยเนนใหนักเรียนไดลงมือปฏิบัติ
และนําความรูที่ไดรับไปเชื่อมโยงใช
ในชีิวิตประจําวัน
118 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุนความสนใจ
ครูและนักเรียนรวมกันสนทนา
เกี่ยวกับการฟงและดูสิ่งที่ทําใหเกิด
๑ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการฟังและดูสื่อ ความรู และความบันเทิง จากนั้นครู
การฟังและการดูสื่อ คือการรับรู้ความหมายของเสียงและภาพผ่านทางประสาทหูและ ตั้งคําถามกับนักเรียนวา
ประสาทตา ในยุคที่ความเจริญทางเทคโนโลยีสื่อสารมวลชนเข้ามามีบทบาทในสังคม ข่าวสารต่างๆ • นักเรียนคิดวาสื่อประเภทใด
สามารถส่งถึงกันได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว การฟังและการดูจึงเป็นเรื่องส�าคัญส�าหรับผู้บริโภคสื่อ บางที่ใหไดทั้งสาระและความ
การฟังและดูสื่อท�าให้เกิดความรู้ความเข้าใจ ความคิด เกิดสติปัญญารวมถึงความสนุกสนาน บันเทิง
เพลิดเพลิน ผู้ฟังและดูเป็นผู้รับสาร ได้รับประโยชน์หลังจากที่ฟังและดูสื่อแล้ว ผู้ฟังและดูอาจจะมีการ (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ
ถ่ายทอดความรู้ ความคิด ความรู้สึกมาเป็นภาษาพูดโดยใช้ถ้อยค�าและน�้าเสียง ผู้ฟังและดูจึงสามารถ ไดอยางหลากหลาย คําตอบขึ้น
เป็นผู้พูดได้อีกด้วย การพูดที่ประสบความส�าเร็จคือการพูดให้ผู้ฟังเข้าใจ ดังนั้น ในการพูดทุกครั้งผู้พูด
อยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน)
ต้องเลือกข้อมูลที่เป็นประโยชน์และมีคุณค่าถ่ายทอดแก่ผู้ฟัง
๑.๑ แนวทางในการฟังและดูสอื่ สํารวจคนหา
การฟังและดูสอื่ โดยส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมเฉพาะบุคคลหรือเป็นกิจกรรมร่วมกับครอบครัวหรือ นักเรียนรวมกันศึกษาคนควาใน
เพือ่ นสนิท ดังนัน้ ผูฟ้ งั และดูอาจจะไม่เคร่งครัดในเรือ่ งมารยาทแต่ตอ้ งตัง้ ใจฟังและดูให้เกิดความเข้าใจ ประเด็นแนวทางในการฟงและดูสื่อ
ในการฟังและดูเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพควรปฏิบัติ ดังนี้ จากหนังสือเรียน ในหนา 119 หรือ
๑) ตัง้ ใจฟังและดู คือมีสมาธิในการฟังและการดู จดจ่ออยูก่ บั เรือ่ งทีฟ่ งั และดูตงั้ แต่ตน้ จากแหลงเรียนรูอื่น เชน เว็บไซต
จนจบ เพื่อให้รับสารได้ต่อเนื่องและสมบูรณ์
ทางการศึกษา
๒) มีจุดมุ่งหมายในการฟังและดู คือตั้งจุดมุ่งหมายในการฟังและดูว่าดูไปท�าไม
เพื่ออะไร เพราะการกระท�าที่ไม่มีจุดมุ่งหมายย่อมไร้ประโยชน์ อธิบายความรู
๓) ฟังและดูอย่างมีวจิ ารณญาณ นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อ
คือวิเคราะห์จดุ มุง่ หมายของสารทีฟ่ งั และดู วินจิ ฉัย รวมกันอธิบายความรูเกี่ยวกับ
ว่าสารนัน้ น่าเชือ่ ถือเพียงใด ประเมินค่าของสารว่า แนวทางในการฟงและดูสื่อใน
ให้ประโยชน์ ให้ข้อคิดหรือไม่ อย่างไร วิเคราะห์ ลักษณะโตตอบรอบวง โดยครูตั้ง
ความจริงใจของผู้ส่งสารและกลวิธีในการส่งสาร คําถามกับนักเรียนเพื่อใหไดแนวทาง
๔) วางใจเปนกลาง คือไม่มอี คติ ที่ถูกตองรวมกัน
• หากนักเรียนตองการฟงหรือ
ต่อเรื่องที่ฟังและดูหรือผู้จัดรายการ การฟังและ
ดูเรื่องราวจากสื่อตางๆ จะมี
ดูด้วยอคติจะท�าให้ผู้ฟังและดูเข้าใจสารผิดพลาด
แนวทางใดที่ชวยใหการฟงมี
เรื่องดีๆ อาจเปลี่ยนเป็นเรื่องที่ไม่น่าสนใจ
ประสิทธิภาพ
๕) จดบันทึกสิ่งที่ฟังหรือดู คือ (แนวตอบ
จับใจความส�าคัญของสิ่งที่ฟังและดูให้ได้ แล้วน�า การรับฟังอย่างตั้งใจและปราศจากอคติต่อกันจะท�าให้ • ฟงและดูอยางตั้งใจ
มาเรียบเรียงใหม่ โดยไม่จ�าเป็นต้องจดทุกค�าพูด ได้รับประโยชน์จากการฟังอย่างแท้จริง • ฟงและดูอยางไมมีอคติ)
119
NET ขอสอบป 51
ขอสอบถามวา บุคคลในขอใดไมปฏิบัติตามหลักการจดบันทึกขอมูลที่ดี
1. สารินพยายามจดขอมูลใหถูกตองที่ไดฟงจากการประชุม 2. วีรพงษมักจะเขียนวัน เดือน ป ที่ไดบันทึกขอมูลไวเสมอ
3. ธนภณจดบันทึกอยางมีระบบ มักมีตัวอักษรยอที่เปนระบบเดียวกัน 4. กานตจดบันทึกโดยเนนการสรุปขอมูลไมระบุที่มาของหนังสือ
(วิเคราะหคําตอบ การจดบันทึกขอมูลที่ดีตองระบุที่มาของหนังสือทุกครั้งเพื่อนําไปใชคนควาในครั้งตอไป ดังนั้นจึง
ตอบ ขอ 4.) คูมือครู 119
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
Engage Explore Explain Expand ตรวจสอบผล
Evaluate
อธิบายความรู ๒ การพูดจากสื่อที่ฟังและดู
การพูดเกี่ยวกับเรื่องที่ฟังและดูจากสื่อต่างๆ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ คือการใช้ทักษะการฟัง การดู
นักเรียนรวมกันสรุปผลดีของการ
มีมารยาทและผลเสียของการไมมี การคิดและการพูดให้สมั พันธ์กนั โดยผูพ้ ดู ต้องฝึกฝนทักษะดังกล่าวให้เกิดความช�านาญ เพือ่ ให้สามารถ
มารยาทในการฟงและดูสื่อ น�าไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ�าวันได้
(แนวตอบ ผลดีของการมีมารยาท ๒.๑ การพูดแสดงความคิดเห็นจากเรือ่ งทีฟ่ งั และดู
1. ทําใหการฟงมีประสิทธิภาพ การพูดแสดงความคิดเห็นต้องใช้สรรพนามบุรุษที่ ๑ ประกอบค�ากริยาที่ระบุชัดเจนว่าเป็น
2. ไมหลงเชื่อคํายุยง การพูดแสดงความคิดเห็น เช่น ดิฉันคิดว่า ผมเห็นว่า ดิฉันใคร่ขอสรุปว่า พวกเรามีความเห็นร่วมกันว่า
3. สรางสัมพันธภาพที่ดีระหวาง นอกจากนี้ ผู้พูดควรใช้ค�าหรือกลุ่มค�าเพื่อบ่งชี้ให้เห็นว่าเป็นการแสดงความคิดเห็น ได้แก่ ค�าว่า
บุคคล อาจจะ คงจะ น่าจะ คาดว่า หากผู้พูดสามารถใช้ภาษาได้อย่างมีประสิทธิภาพก็จะแสดงความคิดเห็น
ผลเสียของการไมมีมารยาท
ให้ผู้ฟังเข้าใจได้กระจ่างและเป็นที่น่าเชื่อถือของผู้ฟัง
1. ไมไดประโยชนขณะฟง
2. เกิดผลเสียหายตอตนเองและ 120
สวนรวม)
ขยายความเขาใจ
ครูทบทวนความรู จากนั้นตั้งคําถามกับนักเรียนวา นักเรียนควรรู
• จะมีวิธีการแกปญหาอยางไร เมื่อมีผูเสียมารยาทขณะฟงและดู สรรพนาม หมายถึง คําที่ใชแทนคํานามเพื่อจะไดไมตอง
(แนวตอบ ขึ้นอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน โดยอาจชี้แนะเพิ่มเติมให กลาวคํานามนั้นซํ้าๆ แบงเปน
นักเรียนเปนผูมีระเบียบวินัยในตนเองและรูจักเกรงใจผูอื่น) • สรรพนามบุรุษที่ 1 ใชแทนผูพูด : ฉัน ดิฉัน ขาพเจา
• สรรพนามบุรุษที่ 2 ใชแทนผูฟง : ทาน คุณ เธอ
120 คูมือครู
• สรรพนามบุรุษที่ 3 ใชแทนผูถูกกลาวถึง : หลอน เขา ทาน
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
Engage Explore Explain Expand ตรวจสอบผล
Evaluate
กระตุนความสนใจ
ครูและนักเรียนรวมกันสนทนา
เกี่ยวกับเรื่องราวตางๆ ที่นักเรียน
บทสนทนาธรรมระหว่าง พระไพศาล วิสาโล กับขวัญชาย ด�ารงค์ขวัญ ไดฟงหรือดูแลวเกิดความประทับใจ
จากนั้นครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
ถาม : ในมุมมองของพระอาจารย์ ธรรมะกับธรรมชาติเกี่ยวข้องกันอย่างไร • นักเรียนเคยฟงเรื่องราวประเภท
ตอบ : มันเกีย่ วข้องกันมากเลย ในปัจจุบนั ธรรมชาติถกู ท�าลายไปเพราะคนและก็ไม่ใช่เพราะ ใดบางจากสื่อวิทยุ โทรทัศน
คนมีจ�านวนมากอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย หรืออินเทอรเน็ต
ประการแรก คนบริโภคสิ่งต่างๆ กันมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีค่านิยมเรื่องบริโภคนิยม มันก็ (แนวตอบ นักเรียนสามารถ
ท�าให้คนมุ่งที่จะเสพ เพราะเขาเชื่อว่าการเสพ การมีและการครอบครองมากๆ จะท�าให้มีความสุข ตอบไดอยางหลากหลายตาม
พอคนติดกับบริโภคนิยม คนก็จะติดกับความสะดวกสบายและเมื่อติดกับความสะดวกสบายก็จะ ประสบการณในการฟงและดู
ท�าให้คนไม่ได้สนใจความเดือดร้อนของธรรมชาติ การบริโภคทีเ่ พิม่ มากขึน้ ก็สง่ ผลให้มกี ารผลิตมาก ของตนเอง)
ขึน้ เพือ่ ตอบสนองการบริโภคของคน ส่งผลให้มขี ยะตามมามากมาย ขยะจากการบริโภคจะมีจา� นวน
น้อยกว่าขยะทีเ่ กิดขึน้ จากการผลิต โดยขยะทีเ่ กิดจากการบริโภค ๑ ส่วน จะเกิดขยะในกระบวนการ
สํารวจคนหา
ผลิตถึง ๗๐ ส่วน แต่คนบริโภคเองจะไม่เห็น เพราะมันจะไปอยู่ที่โรงงาน ไปอยู่ที่กระบวนการผลิต
ต่างๆ และในปัจจุบัน การกระตุ้นการบริโภคกับคนทั่วไปก็ส่งผลให้มีการกระตุ้นการผลิตตามมา 1. นักเรียนไปฟงเรื่องที่ตนเองสนใจ
ประการที่สอง ทุกวันนี้ ทัศนคติของคนต่อธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไป มนุษย์มองธรรมชาติ จากสื่อวิทยุ โทรทัศน หรือ
อินเทอรเน็ต บันทึกใจความสําคัญ
เป็นสินค้า เป็นวัตถุที่เขาจะท�าอะไรก็ได้ ซึ่งในสมัยก่อนไม่มีความคิดแบบนี้ แต่เมื่อความคิดแบบ
ลงสมุด
วิทยาศาสตร์เริม่ เข้ามา คนก็มองธรรมชาติเป็นแค่กอ้ นวัตถุ จึงเห็นธรรมชาติไม่มคี า่ ไม่มคี วามหมาย
2. นักเรียนศึกษาความรูเรื่องการพูด
น�้าไม่มีพระแม่คงคา พื้นดินไม่มีพระแม่ธรณี ข้าวไม่มีพระแม่โพสพ ท�าให้คนคิดว่าพวกเขาจะใช้ แสดงความคิดเห็นจากหนังสือ-
จะทิ้งอะไรลงไปก็ได้ เรียน ในหนา 120
ประการที่สาม ธรรมะระหว่างคนกับคน การเอาเปรียบระหว่างคนกับคน ช่องว่างระหว่าง
คนกับคนนั้นมีมาก มันก็มีส่วนท�าให้เกิดการท�าลายธรรมชาติ เพราะว่าคนที่ถูกเบียดบัง เขาได้รับ
ความสูญเสีย เขาเป็นลูกไล่ ท�าให้เขาต้องมาถางป่า มาเอาเปรียบธรรมชาติ คนรวยเอาเปรียบคนจน อธิบายความรู
และคนจนก็ไปเอาเปรียบธรรมชาติ ส�าหรับประเทศที่มีช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยมากๆ จะ ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่ออธิบาย
พบตัวเลขที่แสดงถึงการท�าลายธรรมชาติเป็นจ�านวนมาก ความรูเกี่ยวกับแนวทางการพูดแสดง
เราจะสังเกตได้ว่า ทั้งหมดนี้มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน ดังนั้นธรรมะระหว่างคนกับคนก็เป็น ความคิดเห็น
เรื่องที่มีผลต่อธรรมชาติได้ เฉพาะแค่ ๓ ประเด็นนี้ ก็ล้วนเป็นประเด็นใหญ่ๆ ที่น�าไปสู่การท�าลาย (แนวตอบ ใชสรรพนามบุรุษที่ 1
ธรรมชาติได้ทั้งสิ้น อย่างทุกวันนี้ เราก�าลังรณรงค์เรื่องลดโลกร้อน ทุกๆ ประเทศเขาก็รู้ถึงปัญหา ประกอบคํากริยาที่ระบุไดชัดวาเปน
แต่กย็ งั ไม่มปี ระเทศไหนทีจ่ ะพยายามแก้ไขอย่างจริงจังและไม่มปี ระเทศไหนทีจ่ ะยอมลดการปล่อย การพูดแสดงความคิดเห็น)
แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ เพราะการลดการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จะหมายถึงเขาต้องลด
การผลิต ซึ่งมันจะไปลดการบริโภคด้วย ส่งผลให้ต้องลดความสะดวกสบายลงไป หลายๆ ประเทศ ขยายความเขาใจ
ก็ไม่ยอม เช่น อเมริกา บุช (จอร์จ ดับเบิลยู. บุช) ก็บอกว่าวิถชี วี ติ ของชาวอเมริกาจะประนีประนอม
1. นักเรียนแตละคนออกมาพูดสรุป
121 ใจความสําคัญและแสดงความ
คิดเห็นในเรื่องที่ไดฟงและดู
2. ครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
• เมื่อมีผูกําลังถกเถียงกันขณะ
แสดงความคิดเห็น นักเรียนคิด
นักเรียนควรรู วามีสาเหตุมาจากอะไร
พระไพศาล วิสาโล เปนพระนักคิด นักเขียน ที่มีงานเขียน (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ
ออกมาอยางสมํ่าเสมอ ทานเปนพระที่มีกระบวนการการใชภาษา ไดอยางหลากหลาย คําตอบขึ้น
ในการสื่อความ แสดงความคิดเห็น วิพากษ วิจารณ ที่มีเหตุผล อยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน)
ประกอบอยางชัดเจน
คูมือครู 121
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
กระตุนความสนใจ
ครูและนักเรียนรวมกันสนทนา
เกี่ยวกับการพูดวิจารณเรื่องที่ฟงและ
๒.๒ การพูดวิเคราะหวจิ ารณเรือ่ งทีฟ่ ง และดู ดู จากนั้นครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
การฟงและดูเปนทักษะที่จําเปนในชีวิตประจําวัน ปจจุบันมีสื่อหลากหลายที่แขงขันกัน • การพูดวิจารณโดยปราศจาก
เพื่อนําเสนอใหผูชมเลือกฟงและดูไดตลอดเวลา ดังนั้นจึงจําเปนตองเลือกฟงและดูสิ่งที่ดีมีสาระ เหตุผลกอใหเกิดผลเสียอยางไร
เพื่อนําไปเพิ่มพูนสติปญญาของตน การฟงเพื่อการวิเคราะหเปนการฟงเพื่อแยกแยะเรื่องราวออกมา (แนวตอบ การวิจารณโดย
ในดานรูปแบบ เนื้อหา วิธีการนําเสนอ สํานวนภาษา ผูฟงตองใชความสามารถในการฟงและการคิด ปราศจากเหตุผลอาจทําใหผูอื่น
พิจารณาจับประเด็นใหไดแลวจึงนํามาแยกแยะออกเปนสวนๆ ดังนี้ เดือดรอนและผูพูดขาดความ
๑. ขอเท็จจริง นาเชื่อถือ)
๒. ขอคิดเห็น
๓. ขอความที่ฟงและดูเปนเรื่องประเภทใด
สํารวจคนหา
๔. เนื้อหาของเรื่องเกี่ยวกับสิ่งใด
๕. เรื่องนี้นําเสนอโดยวิธีใด 1. นักเรียนสืบคนความแตกตางของ
๖. เรื่องนี้เสนอภาพรวมเกี่ยวกับสิ่งใด คําวา วิเคราะหและวิจารณ และ
๗. เหตุผลสําคัญที่ทําใหเกิดเรื่องนี้ สํารวจอาชีพของคนในสังคมไทย
๘. คําสําคัญในเรื่อง ที่มีความเกี่ยวของกับการพูด
๙. การนําความรูไปใชในชีวิตประจําวัน วิเคราะหวิจารณ
2. นักเรียนศึกษาคนควาในประเด็น
หลังจากที่วิเคราะหเรื่องไดแลว สามารถนําเรื่องนี้ไปพูดวิเคราะหวิจารณเสนอความรูความคิด
การพูดวิเคราะหวิจารณเรื่อง
ของตนที่มีตอเรื่องที่ฟงและดู
ที่ฟงและดู จากหนังสือเรียน
การพูดวิเคราะหวิจารณเรื่องที่ฟงและดูมีลักษณะเชนเดียวกับการพูดแสดงความคิดเห็น คือ
ในหนา 123
การใชทักษะการฟงการดู การคิดและการพูดใหสัมพันธกัน ผูพูดตองฝกฝนใหเกิดความชํานาญ
การพู ด วิ เ คราะห วิ จ ารณ เ ป น การพู ด
อธิบาย ชี้แจงแสดงเหตุผลและความคิดเห็น โดย อธิบายความรู
มีจุดมุงหมายเพื่อใหผูฟงมีความรูความเขาใจใน 1. นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับ
สิง่ ทีพ่ ดู ผูพ ดู ตองคิดพิจารณาแลวนํามาเรียบเรียง ความแตกตางของคําวา วิเคราะห
ลําดับเรื่องราว ใชภาษาที่ฟงแลวเขาใจงายและ วิจารณ
ไมซับซอน ผูวิจารณควรคํานึงวาการพูดวิเคราะห 2. นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับการ
วิจารณไมใชการพูดเพื่อวิจารณขอบกพรองของ พูดวิเคราะห วิจารณ นําเสนอเปน
เรื่องที่ไดฟงหรือดู แตเปนการพูดวิจารณในเชิง แผนผังสงครูผูสอน
โครงสราง เนือ้ หาสาระทีผ่ สู ง สารตองการนําเสนอ
พูดโดยปราศจากอคติ เพราะการพูดโดยมีอคติจะ
ไมเกิดประโยชนทั้งตอตัวผูพูดและผูฟง ขยายความเขาใจ
ผูพูดควรแตงกายใหมีความเหมาะสมกับกาลเทศะ
นักเรียนนําองคความรูมาใชเปน
๑๒๓ แนวทางในการพูดวิเคราะหวิจารณ
เรื่องที่นักเรียนฟงและดูจากสื่อตางๆ
โดยเลือกเรื่องที่สนใจ
หลักฐาน ตรวจสอบผล
แสดงผลการเรียนรู
ครูประเมินการพูดวิเคราะห
รางบทพูดวิเคราะห วิจารณเรื่องที่ฟงและดู
วิจารณของนักเรียน ติชมและแนะนํา
สงครูผูสอนความยาวไมเกิน 5 นาที
วิธีการแกไขขอบกพรอง
คูมือครู 123
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
124 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุนความสนใจ
ครูและนักเรียนรวมกันสนทนา
เกี่ยวกับมารยาทในการพูด จากนั้น
ดิฉันคิดว่าควรจะมีการประชาสัมพันธ์อย่างทั่วถึง เพื่อให้คนไทยตระหนักถึงความส�าคัญและ ครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
ความจ� า เป็ น ของการออกก� า ลั ง กายและน� า ไปปฏิ บั ติ ใ นชี วิ ต ประจ� า วั น ของตน เพราะการ • เพราะเหตุใดบุคคลที่ไมมี
ไม่ออกก�าลังกายจะเป็นคนอ่อนแอ คนเฉือ่ ยชา คงไม่มใี ครอยากเป็นคนอ่อนแอ คนเฉือ่ ยชากันนะคะ มารยาทในการพูดจึงมักจะได
สวัสดีค่ะ รับการตําหนิจากผูอื่น
(แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ
จากตัวอย่างการพูดวิเคราะห์วิจารณ์ข้างต้น แสดงให้เห็นลักษณะการวิเคราะห์แล้วจึงวิจารณ์ ไดอยางหลากหลาย ตามความรู
โดยผู้พูดได้แยกส่วนประกอบของบทเพลงออกเป็นชื่อเพลง เนื้อหาสาระของเพลง แล้ววิจารณ์ว่าเป็น ความคิดเห็น)
บทเพลงที่มีเนื้อหาที่ดี ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ฟังที่ไม่ชอบการออกก�าลังกาย โดยควรประชาสัมพันธ์
อย่างทั่วถึง
สํารวจคนหา
๒.๓ มารยาทในการพูด 1. ครูและนักเรียนรวมกันสนทนาวา
มารยาทในการพูดมีความส�าคัญส�าหรับผู้พูด เพราะไม่ว่าจะพูดเรื่องอะไร ที่ไหน เวลาใด พูด นักเรียนคนใดที่มีประสบการณพบ
ให้ใครฟัง มารยาทเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างเสริมคุณลักษณะของผู้พูด สร้างความศรัทธาให้แก่ผู้ฟัง มารยาท กับบุคคลที่เสียมารยาทในการพูด
ในการพูด มีดังนี้ 2. นักเรียนรวมกันคนหาพฤติกรรมที่
๑) เตรียมตัวให้พร้อม ก�าหนดหัวข้อเรื่อง หาข้อมูลมาประกอบการพูด หากไม่มี ไมเหมาะสมที่บงชัดวาเปนผูที่ไมมี
การเตรียมตัวให้พร้อมจะท�าให้พูดซ�้าซาก วกวน ผู้ฟังเกิดความเบื่อหน่ายและไม่สนใจเรื่องที่ฟัง มารยาทในการพูด
๒) มีกิริยาท่าทางดี เช่น การเดิน การนั่ง การยืน เป็นต้น ควรอยู่ในอาการส�ารวม
ไม่เกร็งหรือปล่อยตัวตามสบายจนเกินไป ในขณะที่พูดควรสบตากับผู้ฟังเป็นระยะๆ อย่างทั่วถึง
อธิบายความรู
นอกจากนี้ควรแต่งกายสุภาพเรียบร้อย ถูกกาลเทศะ เหมาะสมกับวัย รูปร่าง โอกาสและฐานะที่ไปพูด
ในสถานการณ์นั้นๆ 1. ครูยกตัวอยางเหตุการณสมมติ
แลวตั้งคําถามกับนักเรียนวา
๓) ใช้ค�าพูดสุภาพเหมาะสมกับเรื่องที่พูด ไม่พูดปด โอ้อวด ก้าวร้าวหรือน�าเรื่อง
• เมื่อมีผูกลาวหาวาสมภพพูด
ส่วนตัวของผู้อื่นมาเปิดเผย ไม่พูดเสียดสีผู้อื่น เพราะนอกจากจะไม่สุภาพแล้วยังเป็นการไม่ให้เกียรติ
ไมถูกตองและสงเสียงตําหนิมา
ผู้ฟังอีกด้วย
จากดานลางเวที แตสมภพยัง
๔) ควบคุมอารมณ์ในขณะที่พูด ไม่แสดงกิริยาอาการที่ไม่เหมาะสม ต้องรู้จักระงับ สามารถพูดตอไปไดจนกระทั่ง
ความโกรธหรือความไม่พอใจเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นในขณะที่พูด ถ้าผู้พูดไม่ควบคุมอารมณ์อาจจะมีการ การพูดสิ้นสุดลงแสดงวาสมภพ
โต้แย้งท�าให้ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ มีมารยาทในการพูดอยางไร
๕) รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เปิดโอกาสให้ผู้อื่นได้ซักถามและแสดงความคิดเห็น (แนวตอบ สมภพรูจักควบคุม
ในประเด็นที่มีความสงสัย อารมณในขณะที่พูด รูจักที่จะ
๖) ควรพูดให้เหมาะสมกับเวลา ไม่ควรพูดเกินเวลาทีก่ า� หนดเพราะจะท�าให้ผฟู้ งั เกิด ระงับอารมณโกรธหรือความ
ความเบื่อหน่ายและไม่เป็นไปตามก�าหนดการที่วางไว้ ไมพอใจเมื่อมีปญหาเกิดขึ้นใน
ขณะที่พูด)
125 2. นักเรียนสรุปผลดีของการมี
มารยาทในการพูดและผลเสียของ
การไมมีมารยาทในการพูด
(แนวตอบ ผลดีของการเปนผูมี
มารยาทในการพูด เชน ไดรับการ
NET ขอสอบป 52 ยอมรับนับถือ สวนผลเสียของการ
ไมมีมารยาทในการพูด เชน สราง
ขอสอบถามวา ขอใดใชภาษาในการพูดไดอยางเหมาะสมและแสดงมารยาทที่ดี
ศัตรู)
1. ไมวาใครก็เคยผิดหวัง แตทายที่สุดอยาทอแท 2. คนอยางเรา ผิดหวังซะบางก็ดี
3. โตแลว ผิดหวังแคนี้ทนไมได 4. พยายามเขา สักวันฟาคงมีตา
(วิเคราะหคําตอบ นํ้าเสียงในทุกขอแสดงความประชดประชัน มีเพียงขอเดียวที่ใหกําลังใจ ดังนั้นจึง ตอบ ขอ 1.)
คูมือครู 125
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
อธิบายความรู การพูดรายงานการศึกษาค้นคว้าภูมิปัญญาท้องถิ่น
1. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออก เรียน ท่านผู้ฟังที่เคารพ
มาพูดรายงานการศึกษาคนควา จากการทีก่ ลุม่ ของข้าพเจ้าได้ไปศึกษาค้นคว้าเกีย่ วกับภูมปิ ญ
ั ญาท้องถิน่ ซึง่ ตามขอบข่ายของ
เรื่องภูมิปญญาทองถิ่นในหัวขอที่ คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติได้กา� หนดไว้เป็นเบือ้ งต้นทัง้ ๙ ด้าน ตามทีไ่ ด้แจกเอกสารประกอบ
เลือกตามแนวทางที่กลุมไดวางไว ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อใช้ส�าหรับเป็นแนวทางในการศึกษาค้นคว้าต่อไป
2. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่ออธิบาย กลุ่มของข้าพเจ้าได้เลือกศึกษาภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านภาษาและวรรณกรรมประเภท
ความรูเกี่ยวกับแนวทางการพูด ผู้สร้างสรรค์ผลงานทางภาษาในท้องถิ่น ท�าให้กลุ่มของข้าพเจ้าได้มีโอกาสสนทนากับผู้สร้างสรรค์
รายงานการศึกษาคนควา ผลงานทางภาษา ท่านเป็นนักแสดงล�าตัดที่มีชื่อเสียงในระดับแนวหน้าของประเทศ คือ แม่ศรีนวล
(แนวตอบ การพูดรายงานการศึกษา ข�าอาจ ท่านได้ให้ความกรุณาตอบข้อซักถาม เล่าประวัตขิ องท่านให้ฟงั ด้วยความเป็นกันเอง พร้อมทัง้
คนควา ผูพูดตองนําขอมูลที่ได ให้ข้อคิดต่างๆ ที่เป็นประโยชน์
ศึกษาคนความาเรียบเรียงเนื้อหา แม่ศรีนวลเกิดเมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๔๙๐ ที่บ้านเขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร เป็น
เพื่อนําไปพูด ดําเนินเรื่องไมสับสน บุตรของนายผ่องและนางทองใบ ข�าอาจ อาชีพท�านา ได้สมรสกับนายหวังดี นิมา มีบุตร ๑ คน
วกวน มีตัวอยางประกอบที่ชัดเจน มีอาชีพทางด้านการแสดงล�าตัด
เลือกใชภาษาที่เหมาะสมกับระดับ หลังจากจบการศึกษาในระดับชัน้ ประถมศึกษาปีท ี่ ๔ แม่ศรีนวล ข�าอาจ ก็เริม่ ฝึกเพลงพืน้ บ้าน
ของผูฟง และพูดใหพอดีกับเวลา) จากพ่อเพลงแม่เพลงหลายท่าน เช่น แม่ต่วน แม่ผัน มาตั้งแต่อายุ ๑๓ ปี แม่ศรีนวลได้ฝึก
เพลงพื้นบ้านด้วยความวิริยะอุตสาหะและมีความเชื่อว่าทุกคนสามารถเป็นครูได้ แม่ศรีนวล
126
นักเรียนควรรู
การพูดรายงานการศึกษาคนควา เมื่อนักเรียนตองออกมารายงานหนาชั้นเรียน ควรเตรียม
ทําความเขาใจเนื้อหาที่ตองรายงานมาลวงหนา ไมควรออกมาอานรายงานหนาชั้นเรียน เพราะ
แสดงใหเห็นถึงการไมเตรียมตัวและทําใหการพูดรายงานไมนาสนใจ
126 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
Engage Explore Explain Expand ตรวจสอบผล
Evaluate
กระตุนความสนใจ
ครูและนักเรียนรวมกันสนทนา
โดยครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
จึงเป็นศิษย์ทแี่ สวงหาครูไปทุกที ่ แม้แต่คนขอทานตาบอดทีม่ าขอทานหน้าบ้านก็ได้ไปฝึกตีกรับและ • เพราะเหตุใดนักเรียนจึงควร
ร้องเพลงขอทานได้อย่างคล่องแคล่ว แม่ศรีนวลเริม่ ยึดการแสดงล�าตัดเป็นอาชีพขณะทีอ่ ายุได้ ๑๕ ปี รักษาและหวงแหนภูมิปญญา
การแต่งบทกลอนล�าตัดของแม่ศรีนวลก็แต่งได้อย่างเฉียบคม ส�านวนกลอนล�าตัดของแม่ศรีนวลเป็นที่ ทองถิ่นของไทย
ยอมรับของพ่อเพลงแม่เพลงทัว่ ไป นอกจากจะใช้คา� คมมีมกุ ตลกชวนให้คดิ ติดตามแล้ว การใช้สมั ผัส (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ
ก็มคี วามไพเราะน่าฟัง แม่ศรีนวล ข�าอาจ จึงนับได้วา่ เป็นครูกวีทางกลอนล�าตัด (กลอนสิบ) ทีม่ ผี ลงาน ไดอยางหลากหลายตามความ
มากมายยากที่จะหาพ่อเพลงแม่เพลงพื้นบ้านอื่นๆ มาเทียบ ผลงานของแม่ศรีนวล ข�าอาจ มีดังนี้ คิดเห็นของตน)
ด้านการสอน นอกจากจะเป็นนักแสดงอาชีพแล้ว ยังเป็นครูสอนวิชาการแสดงเพลง
พืน้ บ้านให้ความรูแ้ ก่กลุม่ ผูส้ นใจและสอนในสถานศึกษาต่างๆ แม่ศรีนวลเดินทางไปเป็นวิทยากรเพือ่
ให้ความรูแ้ ก่นกั ศึกษาทัง้ ในระดับปริญญาตรี ปริญญาโทและผูส้ นใจเพลงล�าตัด รวมถึงส่วนราชการ สํารวจคนหา
ต่างๆ มีโอกาสได้ร่วมแสดงเพื่อการกุศล ปีละประมาณ ๑๐ ครั้ง ท�าให้ผู้เข้ารับฟังการบรรยาย 1. ครูตั้งคําถามเพื่อใหนักเรียนสํารวจ
เกิดความรู้ ความเข้าใจ ตระหนักในคุณค่าของเพลงพื้นบ้าน คนหา
ด้านคุณธรรม แม่ศรีนวล ข�าอาจ เป็นผู้ที่สมควรได้รับการยกย่องว่าเป็นบุคคลตัวอย่าง
• การเรียนวิชาภาษาไทย มีความ
ในการเสียสละ อุทศิ ตนเพือ่ ส่งเสริมการศึกษาทางด้านเพลงพืน้ บ้านแก่เยาวชนและบุคคลทัว่ ไป เป็น
เกี่ยวของอยางไรกับภูมิปญญา
ผู้มีความประพฤติดี มีเมตตากรุณา เป็นที่รักเคารพของผู้คนทั่วไป อีกทั้งเป็นผู้ที่เห็นความส�าคัญ
ทองถิ่น
ของเพลงพื้นบ้าน จึงได้ปลูกฝังให้เยาวชนมีความรู้ความเข้าใจเห็นความส�าคัญของเพลงพื้นบ้าน
2. นักเรียนสํารวจคนหาในประเด็น
และหวงแหนไว้เป็นมรดกของชาติสืบไป ข้าพเจ้าขอกราบขอบพระคุณแม่ศรีนวล ข�าอาจ ไว้ ณ
แนวทางสําหรับการอนุรักษ
โอกาสนี้ด้วย สวัสดีค่ะ
ภูมิปญญาทองถิ่น
ขยายความเขาใจ
ครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
• นอกจากการทํารายงานการศึกษาคนควาภูมิปญญาทองถิ่นแลว ยังมีวิธีการใดอีกบางที่
สามารถเผยแพรเรื่องราวของภูมิปญญาทองถิ่นได
(แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดอยางหลากหลาย คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน)
คูมือครู 127
สํารวจคนหา อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
128
128 คูมือครู
สํารวจคนหา อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
สํารวจคนหา
1. นักเรียนรวมกันสํารวจคนหา
ปริศนาคําทายที่ใชทายเลนกัน
๒) ลักษณะเฉพาะของวรรณกรรมท้องถิ่น เพื่อเป็นแนวทางในการศึกษาวิชา ภายในทองถิ่นของตนหรือจาก
ภาษาไทย ในที่นี้จะศึกษาภูมิปัญญาทางด้านภาษาและวรรณกรรม ได้แก่ ความสามารถในการอนุรักษ์ หนังสือตางๆ วามีเนื้อหาเกี่ยวกับ
และสร้างสรรค์ผลงานทางด้านภาษา คือการน�าภาษามาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิตของเจ้าของภาษา เรื่องใด
ในลักษณะของวรรณกรรมท้องถิ่น 2. นักเรียนในหองรวมกันสํารวจ
วรรณกรรมท้องถิน่ เป็นวรรณกรรมทีแ่ ต่ละท้องถิน่ สร้างสรรค์ขนึ้ เพือ่ จ�าลองสภาพชีวติ คนหาสาเหตุที่ทําใหการเลน
ความเป็นอยู่ของสังคมในท้องที่ใดท้องที่หนึ่ง อาจเป็นเรื่องที่เล่ากันจากปากสู่ปากหรือเรื่องที่บันทึก ปริศนาคําทายลดบทบาทลงใน
ไว้เป็นลายลักษณ์อักษร วรรณกรรมในท้องถิ่นเกิดขึ้นด้วยภูมิปัญญาของคนในท้องถิ่นและมีคนใน สังคมไทย
ท้องถิ่นเป็นผู้อนุรักษ์ รูปแบบของวรรณกรรมท้องถิ่นมักจะเป็นไปตามความนิยมของคนในท้องถิ่นนั้น
เป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนในท้องถิ่น มีลักษณะเฉพาะสรุปได้ ดังนี้
๑. เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาด้วยการเล่าจากปากสู่ปากมีลักษณะที่ อธิบายความรู
ไม่เป็นทางการ ถ่ายทอดกันอยู่ในกลุ่มชนท้องถิ่น จะมีเค้าโครงเดิมแต่รายละเอียดจะมีข้อแตกต่างกัน 1. นักเรียนนําขอมูลที่ไดจากการ
ไปบ้างอาจมีการเสริมเติมแต่งขึ้นใหม่ในขณะที่ถ่ายทอด สํารวจคนหามาสรุปผล จากนั้นให
๒. เป็นแหล่งรวมข้อมูลเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมของกลุ่มชน จัดปายนิเทศเกี่ยวกับประเภทของ
ท้องถิ่น อันเป็นแบบฉบับให้คนยุคต่อมาเชื่อถือและปฏิบัติตาม เช่น การเคารพบรรพบุรุษ การนับถือ ปริศนาคําทายภายในหองเรียน
ผีสางเทวดา ในงานพิธีต่างๆ จึงนิยมตั้งพิธีบวงสรวง อัญเชิญเทวดาและผีต่างๆ มาร่วมพิธี 2. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่อบอกสิ่ง
๓. เป็นเรื่องเล่าสืบต่อกันมาจากคนยุคหนึ่งสู่คนอีกยุคหนึ่ง มักจะไม่ปรากฏนาม ที่นักเรียนคิดวาเปนสาเหตุที่ทําให
ผู้แต่ง จะเล่าเป็นท�านองว่าเขาเล่าว่า... นานมาแล้ว.. หรือถ้าจะมีนามปรากฏก็จะเป็นผู้คัดลอกหรือ การเลนปริศนาคําทายลดบทบาท
เรียบเรียงขึ้นใหม่จากเรื่องเก่าที่เล่ากันอยู่ในท้องถิ่น ลงในสังคมไทย
๔. จะใช้ภาษาถิ่น เป็นค�าง่ายๆ สื่อความหมายอย่างตรงไปตรงมา (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ
๕. มีจุดมุ่งหมายเพื่อตอบสนองความต้องการของคนในท้องถิ่นทั้งในด้านความรู้ ไดอยางหลากหลาย ตามความ
คิดเห็นของตนเอง)
ความบันเทิง ตลอดจนสั่งสอนจริยธรรม
๓) ประเภทของภู มิ ป ั ญ ญาท้ อ งถิ่ น ด้ า นภาษาและวรรณกรรม ลั ก ษณะทั้ ง
๕ ประการ ท�าให้วรรณกรรมท้องถิ่นเป็นสิ่งที่น่าศึกษา เพราะวรรณกรรมท้องถิ่นได้บันทึกเรื่องราว
@
พฤติกรรม ทัศนคติและสภาพสังคมของกลุ่มชน ตลอดจนสามารถเข้าใจความเป็นมาของวัฒนธรรม มุม IT
ได้ดีขึ้นด้วย ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านภาษาและวรรณกรรมแบ่งได้ ๖ ประเภท ดังนี้ ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับปริศนา
๓.๑) ปริศนาค�าทาย คือสิ่งหรือถ้อยค�าที่ผูกเป็นปัญหาหรือค�าถามส�าหรับให้ทาย คําทายประเภทตางๆ ไดจากเว็บไซต
ซึ่งผู้ถามอาจถามตรงๆ หรือถามโดยอ้อม ค�าถามอาจใช้ภาษาสั้น ง่าย กระชับ อาจใช้ถ้อยค�าธรรมดา http://www.thaifolk.com/doc/
เป็ น ภาษาร้ อ ยแก้ ว หรื อ มี สั ม ผั ส เป็ น ร้ อ ยกรองก็ ไ ด้ ในสมั ย โบราณเมื่ อ ต้ อ งการทดสอบว่ า ผู ้ ใ ดมี riddle.htm
ความเฉลียวฉลาดหรือไม่ ก็จะใช้การถามปัญหาอาจเป็นปริศนาที่ถามตรงๆ บ้างหรือผูกให้แยบยลบ้าง
มีทั้งปัญหาทางโลกและทางธรรม
129
คูมือครู 129
สํารวจคนหา อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
130 คูมือครู
สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ Explore Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Evaluate
สํารวจคนหา
แบงกลุมนักเรียนออกเปน 3 กลุม
สงตัวแทนออกมาจับสลากใหภายใน
๓.๔) นิทานพื้นบ้าน คือเรื่องที่เล่าสืบต่อมา ลักษณะส�าคัญที่สุดของนิทาน คือ กลุมรวมกันสํารวจ คนหา รวบรวม
เล่าสืบทอดกันมาด้วยปาก ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้แต่ง เป็นการเล่าจากความจ�าที่ได้ฟังต่อๆ กันมา ขอมูลความรู ดังนี้
ไม่สามารถสืบสาวได้ว่าผู้เล่าคนแรกคือใคร เป็นมรดกทางวัฒนธรรม มักเล่าเป็นภาษาร้อยแก้ว กลุมที่ 1 สํารวจคนหาเรื่องนิทาน
เกิดขึ้นพร้อมกับที่มนุษย์รู้จักใช้ภาษาในการสื่อสาร เมื่อมีการสื่อสารก็ต้องมีการเล่าเรื่องราวต่างๆ พื้นบาน
รวมกับการใช้จนิ ตนาการประกอบการเล่าจึงกลายเป็นนิทาน นิทานพืน้ บ้านแบ่งออกเป็น ๑๒ ประเภท กลุมที่ 2 สํารวจคนหาเรื่อง
ดังนี ้ ต�านานปรัมปราหรือนิทานเทวปกรณ์หรือเทพปกรณัม นิทานมหัศจรรย์หรือเทพนิยาย นิทานชีวติ ภาษาถิ่น
นิทานวีรบุรุษ นิทานประจ�าถิ่น นิทานอธิบายเหตุ นิทานเรื่องสัตว์ นิทานคติ นิทานตลก นิทานศาสนา กลุมที่ 3 สํารวจคนหาผูสรางสรรค
นิทานเรื่องผี นิทานเข้าแบบ นิทานบางเรื่องเป็นต้นก�าเนิดของวรรณคดีของชาติ นิทานแสดงให้เห็น ผลงานทางภาษาใน
สภาพชีวิตของบุคคลในท้องถิ่น นิทานเป็นเครื่องสอนศีลธรรม นิทานเป็นเครื่องมือถ่ายทอดความรู้ ทองถิ่น
ความคิดจากรุ่นหนึ่งมาสู่คนอีกรุ่นหนึ่งและเป็นเครื่องบันเทิงใจกลุ่มชน
๓.๕) ภาษาถิ่น คือภาษาที่ใช้พูดติดต่อสื่อสารในท้องถิ่นต่างๆ สื่อความหมาย อธิบายความรู
เข้าใจกันในท้องถิ่นนั้นๆ ซึ่งแต่ละถิ่นอาจพูดแตกต่างกันไปจากภาษาไทยมาตรฐาน ทั้งในด้านเสียง ค�า
นักเรียนสรุปความรูที่ไดจากการ
และการเรียงค�าบ้างแต่ความหมายคงเดิม ภาษาถิ่นแบ่งเป็น ๔ กลุ่มใหญ่ คือ ภาษาถิ่นกลาง ได้แก่ สํารวจคนหา นําเสนอเปนใบความรู
ภาษาที่ใช้พูดกันในเมืองหลวงของประเทศไทยและในจังหวัดที่อยู่ในภาคกลางของประเทศไทย มีภาพประกอบสงครูผูสอน
ภาษาถิ่นใต้ ได้แก่ ภาษาที่ใช้พูดกันในจังหวัดภาคใต้ของประเทศไทย ภาษาถิ่นอีสาน ได้แก่ ภาษาที่ใช้
พูดกันในจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ภาษาถิ่นเหนือ ได้แก่ ภาษาที่ใช้พูดกัน
ในจังหวัดทางภาคเหนือของประเทศไทย สาเหตุการเกิดภาษาถิ่น คือการที่ผู้คนอยู่คนละท้องถิ่น ขาด ขยายความเขาใจ
การไปมาหาสู่ซึ่งกันและกันเป็นเวลานาน ท�าให้กลุ่มชนชาติไทย รวมทั้งภาษาของกลุ่มไม่เหมือนกับ 1. ครูทบทวนองคความรูเกี่ยวกับ
ภาษาดั้งเดิม ภาษาเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา การยืมค�าศัพท์จากภาษาที่อยู่ใกล้กันเกิดการประสม แนวทางการพูดรายงานใหแก
ประสานระหว่างสองภาษาที่อยู่ใกล้กัน ท�าให้เกิดส�าเนียงของภาษาใหม่กลายเป็นภาษาถิ่น นักเรียน
๓.๖) ผู้สร้างสรรค์ผลงานทางภาษาในท้องถิ่น คือบุคคลที่รอบรู้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ 2. นักเรียนเลือกศึกษาภูมิปญญา
เกีย่ วกับภูมปิ ญ
ั ญาทางภาษา เป็นผูส้ ร้างสรรค์ผลงานทางภาษาทีม่ คี ณ
ุ ค่าให้แก่ทอ้ งถิน่ เป็นบุคคลทีค่ วร ทองถิ่นในประเภทที่ตนเองสนใจ
แก่การยกย่อง คนรุ่นหลังควรจะได้ศึกษาชีวิตและผลงานของท่าน ซึ่งบางท่านยังมีชีวิตอยู่ บางท่าน จัดทําเปนรูปเลมรายงาน สงครู
ก็ถึงแก่กรรมไปแล้ว แต่ผลงานของทุกท่านก็ยังปรากฏอยู่ ผูสอน
คูมือครู 131
สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ Explore Explain Expand Evaluate
Engage
132 คูมือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
เกร็ดแนะครู
(แนวตอบ คําถามประจําหนวยการ
เรียนรู
คําถาม ประจําหนวยการเรียนรู 1. การฟงและการดูเปนการรับ
สารโดยผานประสาทหูและตา
๑. จงอธิบายความสัมพันธของทักษะการฟง การดูและการพูดวามีบทบาทตอการดําเนินชีวิตประจําวัน เปนการรับรูขาวสารดวยความ
อยางไร รวดเร็ว ขณะฟงและดูอาจมีการ
๒. จากคํากลาวที่วา “ฟงมาก อานมาก รูมาก” นักเรียนมีความเห็นอยางไร จงอธิบาย ซักถามหรือแลกเปลี่ยนความคิด
๓. การพูดเพื่อประเมินเรื่องที่ฟงและดู มีแนวทางในการประเมินเรื่องอยางไร เห็นระหวางกัน ดังนั้นในชีวิต
๔. การพูดวิเคราะหวิจารณเรื่องที่ฟงและดู มีแนวทางปฏิบัติอยางไร จงอธิบาย ประจําวันของเราจะตองมีทั้ง
๕. การพูดรายงานจากสื่อที่ฟงและดูมีหลักการพูดอยางไร จงอธิบาย การรับสารและสงสาร จึงจําเปน
จะตองฝกฝนทักษะดังกลาวไว
เพื่อสามารถใชสื่อสารกับผูอื่นได
2. เห็นดวย เพราะผูที่เปนพหูสูต
เกิดจากการฟงมาก อานมาก
จึงมีความรูมาก ผูที่ฟงมาก คือ
ผูที่ไดรับความรูจากการฟง ผูที่
ฟงเปนก็จะตองจับใจความได
แปลความ วิเคราะหเรื่องที่ฟงได
กิจกรรม สรางสรรคพัฒนาการเรียนรู ผูที่อานมากก็ยอมไดเปรียบผูอื่น
3. การประเมินคาเรื่องที่ฟงและ
กิจกรรมที่ ๑ นักเรียนเลือกฟงและดูรายการทางโทรทัศนที่เห็นวามีประโยชน วิเคราะหวิจารณ ดู มีแนวทางโดยกลาวถึง
ตามหลักการวิเคราะหวิจารณเรื่องที่ฟงและดู แลวออกมาพูดนําเสนอหนาชั้นเรียน ความสําคัญของเรื่องนั้นวาให
เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรูกับเพื่อนๆ
ประโยชนตอผูดู ผูฟงเพียงใด
กิจกรรมที่ ๒ นักเรียนสืบคนภูมปิ ญ ญาทองถิน่ โดยการสนทนาพูดคุยซักถามจากผูท รงภูมปิ ญ ญา
มีแงคิด ใหคุณคาสามารถนําไป
ในทองถิ่นแลวนํามาพูดรายงานผลการศึกษาใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน
ประยุกตใชในชีวิตประจําวันได
กิจกรรมที่ ๓ นักเรียนเลือกฟงเพลงทีน่ กั เรียนชอบ ๑ เพลง แลวประเมินคาตามหลักการประเมิน
คาเรื่องที่ฟงและดู แลวออกมาพูดหนาชั้นเรียน หรือไม และในการประเมินตอง
ใชวิจารณญาณ
4. การพูดวิเคราะหวิจารณ ผูพูด
จะตองฟงและดูเรื่องที่จะพูดให
เขาใจชัดเจน จับประเด็นของ
เรื่องใหไดแลวนํามาวิเคราะห
สวนตางๆ ของเรื่อง เมื่อ
วิเคราะหเรื่องไดแลวจึงพูด
133 วิจารณเสนอความรู ความคิด
ของตนที่มีตอเรื่องนั้นๆ แตจะ
ตองวิจารณโดยปราศจากอคติ
5. การนําขอมูลหรือขอสรุปที่ได
จากการศึกษาคนควาในหัวขอ
ที่กําหนดมาพูดใหผูอื่นฟงดวย
ภาษาที่กระชับ ดําเนินเรื่องไป
ตามลําดับเหตุการณมีตัวอยาง
ประกอบ รวมถึงพูดใหพอดีกับ
เวลาที่กําหนด)
คูมือครู 133
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
เปาหมายการเรียนรู
1. บอกความหมายของการโตวาที
ยอวาทีได
2. บอกองคประกอบและพูดโตวาทีได
3. บอกความหมายของการพูด
อภิปรายได
4. บอกองคประกอบและพูดอภิปราย
ได
5. พูดโนมนาวใจโดยใชเหตุผล
ประกอบการพูด
6. มีมารยาทในการพูด
กระตุนความสนใจ
ครูและนักเรียนรวมกันดูภาพ
ประกอบหนาหนวย จากนั้น
ครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
• บุคคลในภาพกําลังอยูใน
ò
สถานการณใดและบุคคลใด
กําลังเปนผูสงสาร
(แนวตอบ นักเรียนสามารถ
ตอบไดอยางหลากหลายตาม หนวยที่
ความคิดเห็นและการคาดคะเน
สถานการณ) การพูดในโอกาสตางๆ
ตัวชี้วัด
■ พูดในโอกาสตางๆ ไดตรงตามวัตถุประสงค (ท ๓.๑ ม.๓/๔) การพูดในโอกาสต่างๆ เป็นการใช้ภาษา
■ พูดโนมนาวใจโดยนําเสนอหลักฐานตามลําดับเนือ้ หาอยางมีเหตุผล เพื่อการสื่อสารที่มีรูปแบบและวิธีการพูด
และนาเชือ่ ถือ (ท ๓.๑ ม.๓/๕)
■ มีมารยาทในการพูด (ท ๓.๑ ม.๓/๖) แตกต่างกัน ผู้พูดควรศึกษาให้ถูกต้อง เพื่อ
ให้สามารถพูดได้อย่างเหมาะสม อีกทัง้ ยังต้อง
มีความสามารถในการถ่ายทอด โดยเลือกใช้
สาระการเรียนรูแกนกลาง ภาษา น�้าเสียง กิริยาท่าทางให้เหมาะสม ค�านึง
■ การพูดในโอกาสตางๆ เชน การพูดโตวาที การพูด ถึงมารยาท จึงจะได้รับการยอมรับและยกย่อง
อภิปราย การพูดยอวาที จากผู้อื่น
■ การพูดโนมนาว
■ มารยาทในการพูด
134 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
Engage Explore Explain Expand ตรวจสอบผล
Evaluate
กระตุนความสนใจ
ครูเปดวีดิทัศนที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ
การโตวาที ความยาว 15 นาที
๑ การพูดโต้วาที นักเรียนควรมีโอกาสไดรับชมการพูด
ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต ทั้งของฝายเสนอและฝายคาน
แม้นพูดชั่วตัวตายท�าลายมิตร จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา ฯ จากนั้นครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
บทประพันธ์นี้ สุนทรภู่เขียนไว้ในนิราศภูเขาทองเพื่อบอกถึงความส�าคัญของการพูด ซึ่งเป็น • นักเรียนคิดวาการโตวาทีที่ได
ทักษะทางภาษาทีใ่ ช้ในชีวติ ประจ�าวัน หลายคนประสบความส�าเร็จในชีวติ ด้วยการพูด และผูท้ จี่ ะตัดสิน ชมไปนั้นกําลังโตกันในญัตติ
การพูดได้ดีที่สุดคือผู้ฟัง การพูดเป็นการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร ถ่ายทอดความรู้ ความคิด ความรู้สึก อะไร
ความต้องการของผูส้ ง่ สารไปยังผูร้ บั สาร ดังนัน้ ผูพ้ ดู จึงต้องมีความสามารถในการถ่ายทอดความรู ้ ความ (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ
คิด โดยเลือกใช้ภาษา น�า้ เสียง กิรยิ าท่าทางให้เหมาะสม เตรียมเนือ้ เรือ่ งให้ถกู ต้องชัดเจน เป็นไปในทาง ไดอยางหลากหลาย ครูชวย
ชี้แนะคําตอบที่ถูกตองหลังการ
สร้างสรรค์รวมถึงมีกิริยาวาจาที่สุภาพ ถูกต้องตามแบบแผนของสังคม ท�าให้ผู้ฟังเกิดความเชื่อถือ
แสดงความคิดเห็นของนักเรียน)
การอยู่ร่วมกันของคนในสังคม มักจะมีข้อขัดแย้งเกิดขึ้นซึ่งมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
ในสังคมมักจะโต้แย้งกันด้วยค�าพูดที่ประกอบด้วยเหตุผลเพื่อให้อีกฝ่ายเห็นด้วยกับเหตุผลของตน
การโต้แย้งด้วยค�าพูดเป็นลักษณะหนึ่งของการพูดชักจูง ซึ่งใช้ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน สํารวจคนหา
ในชีวิตประจ�าวัน แต่ถ้าเป็นการโต้แย้งอย่างเป็นพิธีการ มีกฎเกณฑ์ มีผู้ตัดสินให้แพ้หรือชนะ เรียก นักเรียนแบงกลุม 5 กลุม
ลักษณะการโต้แย้งนั้นว่า การโต้วาที สงตัวแทนออกมาจับสลากเลือก
การโต้วาที คือการพูดทีม่ ฝี า่ ยเสนอความคิดเห็นฝ่ายหนึง่ กับอีกฝ่ายหนึง่ กล่าวค้านความคิดเห็น หัวขอสําหรับศึกษาคนควา จาก
ทัง้ สองฝ่ายจะใช้วาทศิลป์กล่าวค้านความคิดเห็นของกันและกันอย่างมีระเบียบ โดยใช้เหตุผล ข้อเท็จจริง หัวขอตอไปนี้
และหลักวิชา เพื่อให้เห็นว่าความคิดเห็นของฝ่ายตนนั้นถูกต้อง ทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวค้านเหตุผลของ • ญัตติ
อีกฝ่ายหนึ่งเพื่อให้ค�าพูดของตนเป็นที่น่าเชื่อถือและโน้มน้าวใจให้ผู้ฟังเกิดความคิดคล้อยตาม • คณะผูโตวาที
• การกําหนดเวลา
๑.๑ องค์ประกอบของการโต้วาที
• การเรียกชื่อและการเชิญ
๑) ญัตติ คือการเสนอความเห็นที่ขัดแย้งกันในเรื่องเดียวกัน ญัตติในการโต้วาที ผูโตวาที
มีความส�าคัญมาก หัวข้อหรือเรื่องที่น�ามาตั้งเพื่อใช้ในการโต้วาทีจะต้องมีลักษณะที่ขัดแย้งกันในตัว • การจัดที่นั่งสําหรับโตวาที
ยั่วยุให้คิดไปได้หลายแง่มุม ญัตติที่ดีต้องท�าให้ผู้ค้านสามารถค้านได้หรือน�ามาโต้แย้งได้ น�าเหตุผลของ
อีกฝ่ายหนึ่งมาหักล้างเหตุผลของอีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อเป็นการโน้มน้าวจิตใจผู้ฟังให้มีความเห็นคล้อยตาม
ผู้พูด ญัตติที่ดีควรมีลักษณะดังนี้ อธิบายความรู
๑. เป็นข้อความสัน้ กะทัดรัด เข้าใจง่าย มีความหมายชัดเจนสมบูรณ์ในตัว มีสมั ผัส นักเรียนกลุมที่ศึกษาในหัวขอ
คล้องจอง เช่น “การเมืองไม่ใช่เรื่องของผู้หญิง” “มีปัญญาดีกว่ามีทรัพย์” “ประกอบอาชีพส่วนตัวดี “ญัตติ” สงตัวแทน 2 คน เพื่อออก
กว่ามัวรับราชการ” มาอธิบายความรูที่ไดจากการศึกษา
๒. เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของคนทั่วไป ไม่ควรเป็นเรื่องที่ล้าสมัย คนควารวมกับเพื่อนในกลุม
๓. เป็นการเสริมสร้างสติปัญญาให้ผู้ฟัง
ขยายความเขาใจ
135
ครูทบทวนองคความรู จากนั้นครู
ตั้งคําถามกับนักเรียนวา
• การโตวาทีกอใหเกิดประโยชน
อยางไร
@
มุม IT (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ
ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการโตวาทีไดจากเว็บไซตของ ไดอยางหลากหลาย คําตอบขึ้น
มูลนิธิวิกิมีเดีย http://th.wikipedia.org/wiki/การโตวาที อยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน)
คูมือครู 135
สํารวจคนหา อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
136 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู
1. นักเรียนกลุมที่ศึกษาในหัวขอ
“การกําหนดเวลา” สงตัวแทน 2 คน
๔) การก�าหนดเวลา ในการโต้วาทีครั้งหนึ่ง อาจจัดเป็น ๓ รอบ หรือ ๒ รอบก็ได้ เพื่อออกมาอธิบายความรูที่ไดจาก
แล้วแต่เวลาจะอ�านวยให้ ถ้ามีเวลา ๖๐ นาที จัดโต้วาทีเพียงรอบเดียว หากมีผู้โต้วาทีฝ่ายละ ๓ คน การศึกษาคนควารวมกับเพื่อน
ก็จะก�าหนดเวลาได้ ดังนี้ ในกลุม
๑. หัวหน้าของแต่ละฝ่าย คนละ ๗ นาที รวม ๑๔ นาที 2. นักเรียนกลุมที่ศึกษาในหัวขอ
๒. ผู้สนับสนุนทั้ง ๒ ฝ่าย คนละ ๕ นาที รวม ๒๐ นาที “การจัดที่นั่งสําหรับโตวาที”
๓. หัวหน้าแต่ละฝ่ายสรุป คนละ ๕ นาที รวม ๑๐ นาที สงตัวแทน 2 คน เพื่อออกมา
๔. ผู้ด�าเนินการโต้วาที เชิญผู้โต้พูด พูดสรุปหลังผู้โต้พูดแล้ว ประกาศผลการตัดสิน อธิบายความรูที่ไดจากการศึกษา
กล่าวขอบคุณ รวม ๑๖ นาที ถ้าจัดเป็น ๒ รอบ จัดเหมือนรอบแรก แต่เมื่อพูดจบทุกคนแล้ว ยังไม่ คนควารวมกับเพื่อนในกลุม
ต้องเชิญหัวหน้าสรุป ให้เริ่มรอบใหม่ เมื่อจบรอบสองแล้ว จึงให้หัวหน้าแต่ละคนสรุป 3. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่ออธิบาย
ความรู โดยครูตั้งคําถามกับ
๕) การจัดที่นั่งส�าหรับโต้วาที ไม่ถือเป็นกฎเกณฑ์ตายตัว แต่ถ้าตามหลักการแล้ว นักเรียนวา
ควรด�าเนินการจัดที่นั่ง ดังนี้ • นักเรียนคิดวาเวลามีความ
๑. จัดให้ผู้พูดฝ่ายเสนอ นั่งทางขวามือของผู้ด�าเนินการ สําคัญตอการพูดอยางไร
๒. จัดให้ผู้พูดฝ่ายค้าน นั่งทางซ้ายมือของผู้ด�าเนินการ (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ
๓. จัดให้ผู้ด�าเนินการนั่งตรงกลางระหว่างฝ่ายเสนอกับฝ่ายค้านหรือจะนั่งไปข้าง ไดอยางหลากหลายตามความ
ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ได้ คิดเห็นของตนเอง คําตอบขึ้น
๔. กรรมการจับเวลาควรนั่งข้างล่างระดับเดียวกับผู้ฟัง แต่ควรนั่งด้านหน้าเวที อยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน)
กรรมการให้คะแนนก็นั่งเช่นเดียวกับกรรมการจับเวลา
๑.๒ หน้าทีข่ องผูร้ ว่ มโต้วาที
๑) ผู้ด�าเนินการโต้วาที นักเรียนควรรู
๑. กล่าวทักทายผู้ฟัง พูดถึงญัตติที่จะใช้ โดยอาจพูดถึงความส�าคัญและประโยชน์ ผูดําเนินการโตวาที จะตองเปน
ที่จะได้รับ ผูที่มีความรู ความเขาใจในญัตติที่
๒. แนะน�าผู้โต้วาทีแต่ละฝ่าย โดยแนะน�าฝ่ายเสนอก่อนแล้วจึงแนะน�าฝ่ายค้าน จะใชในการโตวาที นอกจากนี้ยังตอง
บอกชื่อนามสกุลจริงของผู้โต้วาทีแต่ละคน บอกต�าแหน่งหน้าที่การงานหรือความสามารถพิเศษของ มีความสามารถในการพูดเชิงยั่วยุ
แต่ละคน โดยแนะน�าดังนี้ ผูโตวาทีแตละฝาย เพื่อใหการโตวาที
■ ฝ่ายเสนอตั้งแต่หัวหน้าจนถึงผู้สนับสนุนคนสุดท้าย
มีความสนุกสนานมากขึ้น
■ ฝ่ายค้านตั้งแต่หัวหน้าจนถึงผู้สนับสนุนคนสุดท้าย
■ กรรมการให้คะแนนตั้งแต่คนที่ ๑ ถึงคนที่ ๓
■ กรรมการจับเวลาคนที่ ๑ และคนที่ ๒
■ ผู้ด�าเนินการแนะน�าตัวเป็นล�าดับสุดท้าย
137
คูมือครู 137
สํารวจคนหา อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
138
138 คูมือครู
สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ Explore Explain Expand Evaluate
Engage
สํารวจคนหา
1. นักเรียนที่ไดรับมอบหมายให
ปฏิบัติหนาที่ตางๆ ในคณะ
๒.๔) กรรมการจับเวลา เวลาในการพูดของผูโ้ ต้วาทีเป็นเงือ่ นไขส�าคัญประการหนึง่ โตวาทีรวมกันสืบคนแนวทาง
ซึง่ ต้องมีผทู้ า� หน้าทีค่ วบคุมเวลาอย่างเคร่งครัด จะใช้เวลาเท่าใดไม่มกี ารก�าหนดตายตัว แล้วแต่จะสร้าง ในการปฏิบัติหนาที่ของตน
ข้อตกลงกัน 2. นักเรียนที่ไมไดรับมอบหมายให
๒.๕) กรรมการให้คะแนน มีหน้าที่ในกระบวนการโต้วาที ดังนี้ ปฏิบัติหนาที่ในคณะโตวาที ทํา
๑. ควบคุมรักษาระเบียบของการโต้วาทีและมารยาทของผู้โต้วาที หนาที่เปนผูชมและรวมกันสืบคน
๒. ให้คะแนนผู้โต้วาทีทั้งสองฝ่ายตามหลักเกณฑ์ที่ได้ตกลงกันไว้ เรื่องมารยาทในการโตวาที จาก
๓. วิจารณ์การโต้วาที หนังสือเรียน ในหนา 139 หรือ
อย่างไรก็ตาม กรรมการให้คะแนนจะปฏิบตั หิ น้าทีไ่ ด้ดจี ะต้องเป็นผูท้ ที่ ราบหลักเกณฑ์ จากแหลงเรียนรูอื่นๆ
ของการโต้วาทีและการใช้เหตุผลเป็นอย่างดี มีความรูใ้ นญัตตินนั้ ๆ เป็นอย่างดี มีความสุจริต เทีย่ งธรรม
ปราศจากอคติ นอกจากนี้ควรมีทักษะ ประสบการณ์ในการพูดและการโต้วาที อธิบายความรู
การยอวาที คือการใช้ศลิ ปะการพูดแบบประชดประชัน กระทบกระเทียบเปรียบเปรย เหน็บแนม
จุดเด่นของการยอวาทีอยูท่ อี่ ารมณ์ขนั ในการพูด หากผูพ้ ดู ปราศจากอารมณ์ขนั จะท�าให้ผฟู้ งั เคร่งเครียด นักเรียนแตละกลุมทําหนาที่
สงตัวแทนเพื่อออกมาอธิบายความรู
จนเกินไป ดังนั้นผู้พูดจึงพูดในลักษณะที่เรียกว่า “พูดทีเล่นทีจริง” หรือ “ตบหัวแล้วลูบหลัง” เป็น
หนาชั้นเรียนในหัวขอตอไปนี้
การพูดที่ท�าให้ผู้ฟังต้องคิดตามและมีอารมณ์ความรู้สึกสนุกร่วมไปกับผู้พูด
• แนวทางการโตวาที
๑.๓ มารยาทในการโต้วาที • แนวทางการดําเนินรายการ
๑. เมื่อประธานแนะน�าถึงผู้ใดให้ผู้นั้นท�าความเคารพผู้ฟัง เช่น อาจลุกขึ้นไหว้หรือโค้ง • แนวทางการใหคะแนนและ
ค�านับ เป็นต้น จับเวลา
๒. เมื่อประธานเชิญให้ออกไปพูดจึงออกไป ไม่ควรออกไปพูดโดยไม่ได้รับเชิญเป็น • มารยาทในการโตวาที
อันขาด ไม่เรียกชื่อจริงของฝ่ายตรงข้าม แต่เรียกต�าแหน่งของผู้โต้วาที เช่น ผู้สนับสนุนฝ่ายเสนอ
คนที่หนึ่ง ผู้สนับสนุนฝ่ายค้านคนที่สอง รวมทั้งไม่จ้องหน้าหรือชี้หน้า แต่ขณะพูดควรสบตากับผู้ฟัง ขยายความเขาใจ
เป็นระยะๆ
๓. รักษามารยาทในการพูด ไม่ใช้ค�าหยาบ ค�าด่า ค�าสบถ สาบานและไม่ควรน�าเรื่อง นักเรียนรวมกันจัดการโตวาทีขึ้น
ส่วนตัวของฝ่ายตรงข้ามมาพูด ภายในชั้นเรียน โดยแตละคนปฏิบัติ
หนาที่ตามที่ไดรับมอบหมาย
๔. ระมัดระวังเรื่องบุคลิกภาพ เช่น การแต่งกายให้เหมาะสม การแสดงความรู้สึกและ
ท่าทางประกอบในการพูดแต่ละครั้ง ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่แสดงความโกรธ ไม่ถือเป็นเรื่องบาดหมางกัน
เมื่อการโต้วาทีจบลง ตรวจสอบผล
๕. ไม่มุ่งแต่จะเอาชนะจนละเลยและท�าลายความจริงอันเป็นธรรม ผู้ที่มีศิลปะใน 1. นักเรียนดําเนินการโตวาทีตาม
การพูด อาจพูดให้ผู้ฟังเห็นผิดเป็นชอบได้โดยใช้โวหารที่เหนือกว่า การโต้วาทีที่ดีควรยึดหลักความจริง ญัตติที่กําหนดไว
และยกเหตุผลที่ถูกต้องมาหักล้างกัน โดยใช้วาทศิลป์อันคมคายมีข้อคิดที่ลึกซึ้งโน้มน้าวใจผู้ฟัง 2. นักเรียนที่ทําหนาที่เปนผูชม
รวมลงคะแนนวาฝายใดเปนฝายที่
139 มีมารยาทในการโตวาทีมากที่สุด
โดยเขียนคําตอบพรอมเหตุผล
ลงในกระดาษที่เตรียมไวใสลงใน
กลอง หลังจบการโตวาทีทําการ
หลักฐาน นับคะแนนและไปรวมกับคะแนน
แสดงผลการเรียนรู ของคณะกรรมการที่ตัดสินจาก
หลักเกณฑการโตวาทีเพื่อตัดสิน
นักเรียนสามารถฝกปฏิบัติการโตวาทีไดถูกตอง
ผลแพชนะ
ตามหลักเกณฑการประเมินของครููผูสอน
คูมือครู 139
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
140 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู
1. นักเรียนกลุมที่ศึกษาในหัวขอ
“หนาที่ของผูรวมอภิปราย”
๒.๒ หน้าทีข่ องผูร้ ว่ มอภิปราย สงตัวแทนเพื่อออกมาอธิบาย
การอภิปรายโดยทั่วไปจะประกอบด้วย ความรูที่ไดจากการศึกษาคนควา
ผู้ด�าเนินการอภิปราย ซึ่งท�าหน้าที่เป็นประธาน รวมกับเพื่อนในกลุม
ในบางครั้งและผู้ร่วมอภิปราย ทั้งผู้ด�าเนินการ 2. ครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
อภิปรายและผู้ร่วมอภิปรายมีหน้าที่ ดังนี้ • หากนักเรียนไดรับเชิญใหไป
๑) ผู้ด�าเนินการอภิปราย ทําหนาที่ผูดําเนินการอภิปราย
๑. ควรศึกษาเรือ่ งทีจ่ ะอภิปราย นักเรียนจะมีวิธีการเตรียมตัว
ให้เข้าใจ เพือ่ วางแนวทางและสามารถก�าหนดแบ่ง
อยางไร
(แนวตอบ
เนื้อหาให้เหมาะสมกับผู้ร่วมอภิปราย
• ศึกษาเรื่องที่กําหนดเปน
๒. ควรศึกษาผูร้ ว่ มอภิปรายใน
หัวขอการอภิปราย
ด้านต่างๆ เช่น หน้าที่การงาน อุปนิสัยใจคอ ผู้ด�าเนินการอภิปรายควรท�าให้ผู้ร่วมอภิปรายทุกคนมี • ศึกษาผูรวมอภิปราย เชน
ความรูค้ วามสามารถ เพือ่ ช่วยให้การอภิปรายเป็น ส่วนร่วมในการอภิปราย ความรูความสามารถ
ไปได้อย่างราบรื่น ตลอดจนศึกษาชีวประวัติของผู้ร่วมอภิปรายแต่ละคนเท่าที่จ�าเป็นเพื่อกล่าวแนะน�า ทัศนคติตอการใชชีวิต
ต่อผู้ฟังให้ถูกต้อง • ศึกษาผูฟง พื้นฐานความรู
๓. ควรนัดหมายผู้ร่วมอภิปรายมาพบก่อนการอภิปรายเพื่อวางแผนร่วมกัน แต่ถ้า เพื่อเปนองคประกอบในการ
ไม่มีเวลาอาจใช้วิธีบันทึกหัวข้อในการอภิปรายแจ้งให้ทราบจะได้มีเวลาในการเตรียมตัว เลือกใชภาษาใหเหมาะสม)
๔. ส�าหรับการอภิปรายกลุ่ม ผู้ด�าเนินการอภิปรายซึ่งท�าหน้าที่เป็นประธานจะมี
การเตรียมตัวต่างจากผู้ด�าเนินการอภิปรายทั่วไป คือต้องจัดเตรียมสถานที่และที่นั่งของสมาชิก
๕. ศึกษาผูฟ้ งั เกีย่ วกับระดับความรู ้ ความสนใจ เพือ่ ประกอบการพิจารณาใช้ถอ้ ยค�า
ขยายความเขาใจ
๖. เมื่อเริ่มด�าเนินการอภิปราย ผู้ด�าเนินการอภิปรายกล่าวถึงสาเหตุของการจัด
อภิปราย โดยการชี้แจงหัวข้อ ขอบเขตและวัตถุประสงค์ ครูยกตัวอยางสถานการณ และ
๗. แนะน�าผู้ร่วมอภิปรายอย่างสั้นๆ โดยเน้นกล่าวถึงความสนใจ ความสามารถใน ตั้งคําถามกับนักเรียนวา
ด้านที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อที่จะอภิปราย • สมชายไดรับเชิญใหทําหนาที่
๘. กล่าวน�าประเด็นที่จะอภิปราย เชิญผู้อภิปรายพูดและแสดงความคิดเห็น เปนผูดําเนินรายการในหัวขอ
“เราจะแกไขปญหาเด็กไทย
๙. ผู้ด�าเนินการอภิปรายต้องท�าหน้าที่รักษาเวลาในการอภิปรายอย่างเคร่งครัด ใน
อานหนังสือนอยลงไดอยางไร”
กรณีทผี่ อู้ ภิปรายออกนอกประเด็น ผูด้ า� เนินการอภิปรายต้องมีวธิ ยี บั ยัง้ และท�าให้ผอู้ ภิปรายเข้าประเด็น
ถาสมชายจะศึกษาหัวขอการ
เพื่อไม่ให้การอภิปรายเกิดความยืดเยื้อหรือไม่ได้ข้อสรุป อภิปราย สมชายควรศึกษาใน
๑๐. ท�าหน้าทีส่ รุปข้อความของผูอ้ ภิปรายอย่างรัดกุมหรือทีเ่ ป็นประเด็นส�าคัญ โดยใช้ ประเด็นใดบาง
ค�าพูดที่เรียบเรียงขึ้นใหม่ พยายามไม่ให้ซ�้ากับค�าพูดของผู้อภิปราย ผู้ด�าเนินการอภิปรายสามารถ (แนวตอบ สมชายควรเลือก
เพิ่มเติมหรือเสริมข้อความของผู้อภิปรายได้ ศึกษาขอมูลเบื้องตนเกี่ยวกับ
141 สถานการณการอานหนังสือ
ของเด็กไทยในปจจุบันวาเปน
อยางไรเมื่อเปรียบเทียบกับ
ประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกัน
มีหนวยงานใดบางที่เขามามี
นักเรียนควรรู สวนรวมในการแกไขปญหา
เปนตน)
จัดเตรียมสถานที่ การเลือกสถานที่ใหเหมาะสมกับเรื่องที่พูด
และบุคคลที่ฟงมีความสําคัญตอการพูดอภิปราย จึงควรเตรียม
สถานที่ใหเหมาะสม อากาศถายเทสะดวก เปนตน
คูมือครู 141
สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ Explore Explain Expand Evaluate
Engage
กระตุนความสนใจ
ครูเปดคลิปเสียงหรือวิดีโอคลิป
โฆษณาประเภทใดก็ไดที่สามารถ
๗. ไมพูดเนื้อความกระทบกระเทียบบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือไมพูดดวยถอยคําที่อาจ หาไดจากสื่อวิทยุ โทรทัศน หรือ
ทําใหผูอื่นเดือดรอน สื่ออินเทอรเน็ต เชน ผงซักฟอก
๘. ไมควรพูดซํ้าๆ หรือพูดเยิ่นเยอ เพราะอาจทําใหคณะอภิปรายและผูฟงอึดอัดหรือ สเปรยระงับกลิ่นกาย ฯลฯ และ
เกิดความรําคาญได ตั้งคําถามกับนักเรียนวา
๙. จะตองคอยใหผูดําเนินการอภิปราย (หรือประธานหรือผูดําเนินการอภิปราย) เรียก • นักเรียนคิดวาบทโฆษณาที่ไดฟงมี
ชื่อตนเสียกอนจึงจะเริ่มการพูดได ลักษณะการพูดอยางไร
๑๐. พยายามปฏิบัติตนใหเปนกันเองกับเพื่อนสมาชิกในการอภิปราย (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ
ไดอยางหลากหลายตามพื้นฐาน
๓ ¡Òþٴ⹌Á¹ŒÒÇ㨠ความรู ความเขาใจ)
การพูดโนมนาวใจเปนการใชภาษาเพื่อการสื่อสารประเภทหนึ่ง คือการใชคําพูดเพื่อเปลี่ยน
ความเชื่อ ทัศนคติ คานิยมและการกระทําของบุคคลอื่น ใหเกิดความสนใจและคิดเห็นคลอยตาม สํารวจคนหา
ยอมเปลี่ยนความคิด ความเชื่อที่มีตอเรื่องใดเรื่องหนึ่งตามที่ผูโนมนาวใจประสงค หลักการสําคัญของ นักเรียนแบงกลุม กลุมละ 5 คน
การพูดโนมนาวใจ คือการทําใหผูฟงเชื่อวาถาเชื่อและเห็นคุณคาหรือทําตามที่ผูโนมนาวใจชี้แจง รวมกันสํารวจคนหาในประเด็น
หรือชักนําแลว จะไดรับผลที่ตอบสนองความตองการขั้นพื้นฐานของตน โดยผูโนมนาวใจควรตระหนัก ลักษณะเฉพาะและแนวทางการพูด
ถึงประเด็นของการนําเสนอเหตุผลเพื่อใหผูรับสารเขาใจ เห็นความสําคัญและยอมรับการโนมนาวนั้น โนมนาวใจดวยวิธีการตางๆ เชน
๓.๑๑ แนวทางการพูดโนมนาวใจ สนทนาแลกเปลี่ยน จากหนังสือเรียน
ในหนา 143 - 144 หรือแหลงเรียนรู
การพูดโนมนาวใจควรใชภาษาในเชิงเสนอแนะ ขอรอง วิงวอนหรือเราใจ ควรเลือกใชภาษาที่
อื่นๆ
เหมาะสม สือ่ ความหมายตามทีต่ อ งการ โดยคํานึง
ถึงจังหวะและความนุมนวลในนํ้าเสียง
๑) แสดงใหเห็นความนาเชือ่ ถือ อธิบายความรู
ของผู พู ด โดยธรรมดาบุ ค คลที่ มี คุ ณ ลั ก ษณะ 1. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียน เพื่ออธิบาย
๓ ประการ คือ มีความรู มีคุณธรรมและมีความ ความรูเกี่ยวกับลักษณะเฉพาะของ
ปรารถนาดีตอผูอื่น ยอมไดรับความเชื่อถือจาก การพูดโนมนาวใจ
บุคคลทั่วไป (แนวตอบ การพูดโนมนาวใจ
เปนการใชภาษาเพื่อการสื่อสาร
๒) แสดงใหเห็นความจริง ตาม ใหผูฟงเปลี่ยนแปลงทัศนคติ ความ
กระบวนการของเหตุผลผูพูดตองแสดงใหเห็นวา คิด ความเชื่อ ที่มีอยูเดิม ใหเกิด
เรื่องที่ตนกําลังโนมนาวใจมีเหตุผลหนักแนนและ ความสนใจ คลอยตามและยอม
มีคุณคาควรแกการยอมรับอยางแทจริง การพู ด โน ม น า วใจผู พู ด ควรใช อ วั จ นภาษาหรื อ ภาษา ปฏิบัติตามเรื่องหนึ่งเรื่องใดที่ผูพูด
ทาทางใหเหมาะสมกับเรื่องที่กําลังพูด ประสงค)
2. นักเรียนรวมกันอธิบายความรู
๑๔๓ เกีย่ วกับแนวทางการพูดโนมนาวใจ
ในลักษณะโตตอบรอบวง
(แนวตอบ การพูดโนมนาวใจ
สามารถทําไดโดย
• แสดงใหเห็นความนาเชื่อถือของ
นักเรียนควรรู ผูพูด
การพูดโนมนาวใจ ตองใชศิลปะในการพูดเพื่อใหผูฟงเกิดความคลอยตาม และ • แสดงใหเห็นความจริง
ยอมปฏิบัติตามคําขอรองหรือเชิญชวน การพูดโนมนาวใจที่พบเห็นในชีวิตประจําวัน • แสดงใหเห็นความรูสึกและ
คือการโฆษณาขายสินคาที่โนมนาวใจใหผูฟงเห็นขอดีและตัดสินใจซื้อสินคาหรือบริการ อารมณรวม
ฯลฯ)
คูมือครู 143
สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ Explore Explain Expand Evaluate
Engage
ตรวจสอบผล
NET ขอสอบป 52
ครูประเมินการพูดของตัวแทน
ขอสอบถามวา ขอใดไมใชหลักปฏิบัติในการพูดที่เหมาะสม
นักเรียนวาใชแนวทางที่จับสลากได
1. ผูพูดควรเลือกเรื่องที่ตนเองมีความรู 2. การวิเคราะหผูฟง
หรือไม
3. ผูพูดไมตองเตรียมเนื้อหา 4. การแตงกายเสริมบุคลิกภาพ
(วิเคราะหคําตอบ การพูดที่ดี ผูพูดจะตองเตรียมเนื้อหากอนพูด ดังนั้นจึง ตอบ ขอ 3.)
144 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
กระตุนความสนใจ
ครูและนักเรียนรวมกันอานหัวขอ
ที่เปนตัวหนา และสนทนารวมกันวา
บอกเล่าเก้าสิบ
อานแลวรูสึกอยางไร
เคล็ดไม่ลับ ๑๒ ประการของการเป็นนักพูดที่ดี
สํารวจคนหา
๑ เชือ่ มัน
่ ในตัวเรา ความเชื
เรา อ่ มัน่ ในตนเองนัน้ มีความส�าคัญมาก เพราะจะช่วยให้ผพ
ู้ ดู ไม่ประหม่า
มพรอมและซักซ้อมเป็นอย่างดี
ซึ่งความเชื่อมั่นในตนเองนั้นจะเกิดขึ้นได้ถ้าผู้พูดมีการเตรียมพร้ ครูและนักเรียนรวมกันสํารวจ
คนหา แนวทางการเปนนักพูดที่ดี
๒ อ ย่าดูเบาเรื่องแต่งกาย ผู้พูดจะต้องแต่งกายให้สะอาดเรียบร้อย ค�านึงถึงกาลเทศะ การ
แต่งกายสามารถสร้างความน่าเชื่อถือและดึงดูดความสนใจจากผู้ฟังได้ แลวนํามาเปรียบเทียบกับเคล็ดไมลับ
12 ประการ ดังกลาว วามีความ
๓ ท า่ ทางต้องผึง่ ผาย ควรมีการใช้ทา่ ทางประกอบการพูดทีส่ ภุ าพ ไม่ซา�้ ซาก ดูมชี วี ติ ชีวา ซึง่ จะ เหมือนหรือแตกตางกันอยางไร
ท�าให้การพูดมีประสิทธิภาพมากขึ้น
๔ ก ้าวเดินไปอย่างมั่นใจ การก้าวเดินบนเวทีหรือการเดินขึ้นลงบนเวทีผู้พูดควรก้าวเดินด้วย
ท่าทางที่สง่างาม ซึ่งการเคลื่อนไหวนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความน่าเชื่อถือ อธิบายความรู
นักเรียนรวมกันสรุปแนวทาง
๕ ท ักทายให้เข้าท่า การทักทายเป็นธรรมเนียมที่ผู้พูดควรปฏิบัติก่อนที่จะเริ่มเข้าเนื้อหา ซึ่ง
ผู้พูดควรใช้ค�าทักทายให้เหมาะสมกับระดับของผู้ฟังและเหมาะสมกับสถานการณ์ที่พูด การเปนนักพูดที่ดี จากนั้นรวมกัน
จัดทําปายนิเทศของหองเรียน
๖ อีกใบหน้าต้องแจ่มใส ผู้พูดต้องใส่ความรู้สึกลงไปในใบหน้าด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับเรื่อง
ทีพ
่ ดู แต่หากพูดเรือ่ งปกติทวั่ ไป ควรจะท�าสีหน้าให้ยมิ้ แย้มแจ่มใส เพือ่ ให้บรรยากาศไม่ตงึ เครียด
นักเรียนควรรู
เชื่อมั่นในตัวเรา หรือความศรัทธาในตนเองเปนสิ่งสําคัญสําหรับการพูด หากผูพูดมีความเชื่อมั่น
ในตนเอง ความเชื่อมั่นจะสะทอนไปยังผูฟงทําใหผูฟงเชื่อมั่นในตัวผูพูด ทําใหการพูดในแตละครั้ง
ประสบความสําเร็จตามจุดมุงหมาย
คูมือครู 145
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
เกร็ดแนะครู
(แนวตอบ คําถามประจําหนวยการ
เรียนรู
1. การโตวาที ผูรวมโตวาทีไมวา คําถาม ประจําหนวยการเรียนรู
จะอยูในฝายเสนอหรือฝายคาน
จะตองมีการเตรียมตัวเปนอยาง ๑. หากนักเรียนตองเขารวมการโตวาที จะตองมีวิธีการเตรียมตัวอยางไร จงอธิบาย
ดี ศึกษาหาความรูจากหนังสือ ๒. การโตวาทีมีองคประกอบอะไรบาง จงอธิบาย
หรือแหลงการเรียนรูตางๆ ซึ่ง ๓. การพูดอภิปรายหมายความวาอยางไร จงอธิบาย
สามารถนําขอมูลตางๆ มาปรับ ๔. ผูดําเนินการอภิปรายมีหนาที่อยางไร จงอธิบาย
ใชกับการพูดโตวาทีของตนเอง ๕. จากการที่นักเรียนศึกษาบทละครพูดเรื่องเห็นแกลูก จงอธิบายวาพระยาภักดีนฤนาถมีกลวิธีการพูด
ได โนมนาวอยางไร
2. การโตวาทีมีองคประกอบ ดังนี้
1. ญัตติ คือ การเสนอความ
คิดเห็นที่ขัดแยงกันในเรื่อง
เดียวกัน
2. คณะผูโตวาที ประกอบดวย
ประธาน ฝายเสนอ 3 คน
ฝายคาน 3 คน กรรมการจับ
เวลา 2 คน และกรรมการให
คะแนน 3 คน
กิจกรรม สรางสรรคพัฒนาการเรียนรู
3. การพูดอภิปราย หมายถึง การ
พูดแลกเปลี่ยนความรู ความคิด กิจกรรมที่ ๑ นักเรียนศึกษากลวิธีการพูดโนมนาวใจและนํามาพูดหนาชั้นเรียนในหัวขอ “มารวม
เพื่อประโยชนในการปฏิบัติงาน ลดปญหาโลกรอนกันเถอะ”
กิจกรรมที่ ๒ ปจจุบนั คนไทยไมไดใหความสําคัญตอการใชภาษาไทย เพือ่ เปนการอนุรกั ษภาษาไทย
และเปนการยุติปญหา
ใหนักเรียนจัดอภิปรายวางแผนแกปญหาดังกลาวใหถูกตองตามรูปแบบของการ
4. ผูดําเนินการอภิปราย เปน
อภิปราย
ผูควบคุมการอภิปรายใหมี กิจกรรมที่ ๓ นักเรียนจัดโตวาทีหรือยอวาทีในญัตติทรี่ ว มกันตัง้ ขึน้ มา ตามรูปแบบการโตวาทีหรือ
ระเบียบตามขั้นตอนและทํา ยอวาที
หนาที่ดําเนินการอภิปรายไมให
ออกนอกประเด็น รวมทั้งสรุป
ผลการอภิปราย
5. พระยาภักดีนฤนาถ มีกลวิธีการ
พูดโนมนาวใหนายลํ้ามองเห็น
ถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับแมลออ
หากนายลํ้าแสดงตนเปนพอ
ที่แทจริง แมลออก็จะไดรับการ 146
รังเกียจจากบุคคลอื่นในสังคม)
146 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
กระตุนความสนใจ
ºŒÒ§ªÍºÍ‹Ò¹¶ŒÍ¤íÒ·íҹͧàʹÒÐ ÀÒÉÒä·Âä¾àÃÒÐäÁ‹á»Ã¼Ñ¹
ÁÕàÊÕ§ÇÃóÂØ¡µ·Ø¡·Ø¡ªÑé¹ ¢ÑºÃŒÍ§¡Ñ¹ä´Œ§‹Ò¤ŌÒ´¹µÃÕ
©Ð¹Ñé¹ËÃ×ͨÐäÁ‹ãËŒÃÑ¡à¨ŒÒ ÀÒÉÒä·Â¢Í§àÃÒÁÕÈÑ¡´ÔìÈÃÕ
à¡Ô´à»š¹ä·Â¤¹Ë¹Öè§àÃÒ¨Ö§ÁÕ ¢Í§´Õ´Õª×èÍÇ‹Ò “ÀÒÉÒä·Â”
(หม่อมหลวง ปน มาลากุล)
คูมือครู 147
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
เปาหมายการเรียนรู
1. จําแนกคํายืมภาษาตางประเทศใน
ภาษาไทยได
2. สรุปหลักการสังเกตคําที่ยืมมาจาก
ภาษาตางประเทศได
3. ใชคําทับศัพทและศัพทบัญญัติใน
ชีวิตประจําวัน
4. อธิบายความหมายของศัพททาง
วิชาการและวิชาชีพได
กระตุนความสนใจ
นักเรียนดูภาพประกอบหนาหนวย
จากนั้นครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
• กลุมบุคคลในภาพกําลังอยูใน
สถานการณใด และใชทักษะใด
ในการสื่อสาร
(แนวตอบ นักเรียนสามารถ
ñ
ตอบไดอยางหลากหลาย ตาม
พื้นฐานความรู ความคิดและ
ประสบการณ)
• ในชีวิตประจําวันของนักเรียน หนวยที่
จะตองมีการใชทักษะดังกลาว
หรือไม อยางไร การใชคําในภาษาไทย
(แนวตอบ นักเรียนสามารถ ตัวชี้วัด
ตอบไดอยางหลากหลาย ตาม
พื้นฐานความรู ความคิดและ
■ จําแนกคําในภาษาตางประเทศในภาษาไทย (ท ๔.๑ ม.๓/๑) คํ าที่ ใ ช ใ นภาษาไทย มี ทั้ ง คํ า ไทย
■ ใชคําทับศัพทและศัพทบัญญัติ (ท ๔.๑ ม.๓/๔) ที่ ส ร า งขึ้ น เองและคํ า ยื ม ที่ ม าจากภาษา
ประสบการณ ครูควรชี้แนะ ■ อธิบายความหมายของคําศัพททางวิชาการและวิชาชีพ (ท ๔.๑ ม.๓/๕)
ต า งประเทศ นอกจากนี้ ยั ง มี คํ า ทั บ ศั พ ท
ขอมูลที่ถูกตอง) ศัพทบญ ั ญัตทิ จี่ าํ เปนตองศึกษาเพือ่ ประโยชน
ในการสื่อสารไดตรงวัตถุประสงค นอกจากนี้
สาระการเรียนรูแกนกลาง การจําแนกคําไทยตลอดจนคําทีย่ มื มาจากภาษา
■ คําทีม่ าจากภาษาตางประเทศ ตางประเทศได จะกอใหเกิดความเขาใจในอิทธิพล
■ คําทับศัพท ของภาษาตางประเทศที่มีตอภาษาไทยมากยิ่งขึ้น
■ คําศัพทบญ ั ญัติ
■ คําศัพททางวิชาการและวิชาชีพ
148 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุนความสนใจ
ครูและนักเรียนรวมสนทนากันใน
ประเด็น ลักษณะปจจุบันของสังคม
๑ คÓภาษาต่างประเทศในภาษาไทย ไทยที่มีความเจริญกาวหนาทาง
ภาษาเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม เมื่อมนุษย์มีการติดต่อสื่อสารกันย่อมเกิดการแลกเปลี่ยน เทคโนโลยี มีการเปดประเทศเพื่อ
ทางวัฒนธรรมขึ้น เมื่อมีการรับวัฒนธรรมอื่นมาโดยไม่มีค�าในภาษาเดิมรองรับจึงเกิดความจ�าเป็นต้อง การคามากขึ้น จากนั้นครูตั้งคําถาม
ยืมภาษาต่างประเทศเข้ามาใช้ การยืมค�าจากภาษาต่างประเทศถือเป็นการรับวัฒนธรรมอืน่ เข้ามาใช้ใน กับนักเรียนวา
ภาษาของตนด้วย ไม่วา่ การรับนัน้ จะเกิดขึน้ ด้วยความจงใจหรือไม่กต็ าม นอกจากนีย้ งั มีความเกีย่ วข้อง • จากปจจัยดังกลาวกอใหเกิด
ด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ท�าให้ภาษามีความเจริญงอกงามและมีค�าส�าหรับติดต่อ สิ่งใดขึ้นกับรูปแบบการใชคําใน
ภาษาไทย
สื่อสารมากขึ้น
(แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ
ค�าที่ยืมมาจากภาษาต่างประเทศมาใช้ในภาษาไทยส่วนใหญ่มีความเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม
ไดอยางหลากหลาย คําตอบขึ้น
และการติดต่อสื่อสารในด้านอื่นๆ เช่น ค�าที่ยืมมาจากภาษาบาลี - สันสกฤต มักเป็นค�าที่เกี่ยวข้องกับ อยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน)
พระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู ค�าที่ยืมมาจากภาษาจีนมักเกี่ยวข้องกับเรื่องธุรกิจการค้า
อาหารการกิน ค�าที่ยืมมาจากภาษาชวา - มลายู มีความเกี่ยวข้องกับวรรณคดี ส่วนค�าที่ยืมมาจาก
ภาษาอังกฤษมีความเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมและเทคโนโลยีของตะวันตก เป็นต้น สํารวจคนหา
การศึกษาค�าทีย่ มื มาจากภาษาต่างประเทศในภาษาไทยประกอบด้วย ๒ ประเด็น คือ หลักการ 1. นักเรียนรวมกันสํารวจคนหา
สังเกตค�าที่ยืมมาจากภาษาต่างประเทศและหลักการยืมค�าจากภาษาต่างประเทศในภาษาไทย ความรูเกี่ยวกับแหลงที่มาของ
๑.๑ หลักกำรสังเกตค�ำทีม่ ำจำกภำษำต่ำงประเทศ คําภาษาตางประเทศในภาษาไทย
ค�าที่ยืมมาจากภาษาต่างประเทศในภาษาไทยส่วนใหญ่มีลักษณะแตกต่างจากค�าไทยแท้ ดวยวิธีการอภิปรายเพื่อหาคําตอบ
การสังเกตว่าค�าใดเป็นค�ายืม ค�าใดเป็นค�าไทยแท้ สามารถสังเกตเห็นได้ไม่ยาก โดยเฉพาะหากเข้าใจ (แนวตอบ แหลงที่มาของคําภาษา
ลักษณะของค�าไทยแท้ว่ามีลักษณะอย่างไร เช่น ค�าไทยแท้มักเป็นค�าโดด ค�าไทยแท้มักมีตัวสะกดตรง ตางประเทศในภาษาไทย เกิดขึ้น
อันเนื่องมาจากความเปลี่ยนแปลง
ตามมาตรา ค�าไทยแท้ไม่มกี ารเปลีย่ นรูปค�าเพือ่ แสดงลักษณะทางไวยากรณ์ ค�าไทยแท้มเี สียงวรรณยุกต์
ทางดานวัฒนธรรม เมื่อมีการรับ
และค�าไทยแท้ไม่นิยมใช้การันต์ เป็นต้น วัฒนธรรมของตางประเทศเขามา
ค�าทีย่ มื มาจากภาษาต่างประเทศในภาษาไทยมีหลากหลายทีม่ า แต่ละภาษาทีน่ า� มาใช้มลี กั ษณะ ใชโดยไมมีคําในภาษาไทยรองรับ
ทางภาษาที่แตกต่างกัน หลักในการสังเกตค�าที่ยืมมาจากภาษาต่างประเทศในภาษาไทยแต่ละภาษา จึงตองยืมคําในภาษาตางประเทศ
จึงมีหลักที่แตกต่างกัน ดังนี้ เขามาใชดวย)
๑) ค�าทีย่ มื มาจากภาษาบาลี - สันสกฤต
กฤต ดินแดนทีเ่ ป็นประเทศไทยในปัจบุ นั มีความ 2. นักเรียนรวมกันสํารวจคนหาวา
สัมพันธ์กับอินเดียมาช้านาน จากหลักฐานทางโบราณคดีแสดงให้เห็นว่า ดินแดนที่เป็นประเทศไทย ปจจุบันนี้ คําภาษาตางประเทศที่
มีชาวอินเดียเดินทางเข้ามาค้าขายและมีการน�าวัฒนธรรมเข้ามาพร้อมกับศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู เขามาปะปนในภาษาไทย นํามาใช
และพระพุทธศาสนา ด้วยเหตุนี้ภาษาบาลี - สันสกฤต เป็นภาษาอันเนื่องด้วยศาสนาจึงได้ส่งอิทธิพล ในดานใด โดยนักเรียนอาจคนหา
ต่อภาษาไทย โดยเฉพาะค�าที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู เช่น ศีล สมาธิ จากหนังสือเรียนวิชาภาษาไทย
จากพื้นฐานความรูเดิม หรือจาก
ปัญญา นิพพาน โมกษะ วรรณะ อาตมัน ทุกข์ สุข อนัตตา
เว็บไซตทางการศึกษา
149 (แนวตอบ คําที่ยืมมาจากภาษา
ตางประเทศทีน่ าํ มาใชในภาษาไทย
สวนใหญจะนํามาใชในดานตางๆ
ที่มีความเกี่ยวของกับวัฒนธรรม
วรรณคดี ศาสนา การศึกษา
นักเรียนควรรู เทคโนโลยี และการคา)
คําที่ยืมมาจากภาษาบาลี - สันสกฤต ไทยรับเขามาใชเนื่องจากอิทธิพลทางศาสนา ความเชื่อและ
ความศรัทธา ซึ่งไดแทรกซึมอยูในหลักการดําเนินชีวิต ความคิด ความเชื่อ ดังนั้นในภาษาไทยจึงพบ
คําที่ยืมมาจากภาษาบาลี - สันสกฤต เปนจํานวนมาก
คูมือครู 149
สํารวจคนหา อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
มอบหมาย วิชชา
(แนวตอบ หลักการสังเกตคําที่ยืม พยัญชนะแถวที่ ๕ สะกด แถวที่ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ตาม เช่น องค์ สงฆ์
■
150
NET ขอสอบป 52
ขอสอบถามวา ขอใดเปนคําที่มีที่มาจากภาษาบาลีทุกคํา
1. ศีรษะ ปญญา 2. ขันติ อิจฉา
3. วงกต พรรษา 4. พุทธิ ศรัทธา
(วิเคราะหคําตอบ คําในภาษาบาลีสามารถใชหลักการสังเกตจากตัวสะกดตัวตาม
150 คูมือครู
ดังนั้นจึง ตอบ ขอ 2.)
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู
นักเรียนในกลุมที่ 2 สงตัวแทน
ออกมา 2 คน เพื่ออธิบายความรู
■ ใช้ <-ร> กล�้ากับ <ก->, <ค->, <ท->, <ป->, <ต-> และออกเสียง ในหัวขอที่กลุมของตนเองไดรับ
ร่วมกันเป็นเสียงพยัญชนะประสม เช่น โกรธ เคราะห์ นิทรา ปราสาท ไมตรี มอบหมาย
■ ใช้ <-ร> ตามหลัง <ก->, <ค->, <ช->, <ต->, <ท-> เพื่อใช้เป็น (แนวตอบ หลักการสังเกตคําที่ยืม
ตัวสะกดร่วมกัน เช่น จักร สมัคร เพชร บัตร สมุทร มาจากภาษาสันสกฤต มีหลักการ
■ ใช้ <-ร> ตามหลัง <ต-> <ท-> และใช้เครื่องหมายทัณฑฆาตก�ากับ สังเกต ดังนี้
บนตัว <-ร> เพื่อใช้เป็นตัวการันต์ร่วมกัน เช่น มนตร์ ศาสตร์ อินทร์ จันทร์ 1. คําที่ยืมมาจากภาษาสันสกฤต
■ ใช้ <-ร> ตามหลัง <ท-> เป็น <ทร-> แล้วออกเสียงเป็น /ซ-/ เช่น จะใชรูป ร หัน
พุทรา ทรัพย์ มัทรี อินทรีย์ แต่ถงึ อย่างไรในภาษาไทยมีคา� อีกกลุม่ หนึง่ ซึง่ ใช้รปู พยัญชนะประสม <ทร-> 2. คําที่ยืมมาจากภาษาสันสกฤต
แล้วออกเสียง /ซ-/ แต่ไม่ได้ยืมมาจากภาษาสันสกฤต เช่น ทรวง ทรง ทราบ ทราย ไทร โทรม จะใชพยัญชนะ /ร/ ประสมกับ
๓. ค�าที่ยืมมาจากภาษาสันสกฤตที่ปรากฏใช้ในภาษาไทยเป็นค�าที่ใช้รูป ฤ พยัญชนะอื่น
เช่น ฤกษ์ ฤทธิ์ ฤษี กฤษณะ มฤค ทฤษฎี หฤทัย พฤกษา 3. คําที่ยืมมาจากภาษาสันสกฤต
จะใชรูป ฤ
๔. ค�าทีย่ มื มาจากภาษาสันสกฤตทีป่ รากฏใช้ในภาษาไทยจะเขียนด้วย ศ และ
4. คําที่ยืมมาจากภาษาสันสกฤต
ษ เช่น พิศวาส ศิษย์ ดุษฎี บุษบา ศีรษะ
จะใชพยัญชนะ /ศ/ /ษ/
๕. ค�าทีย่ มื มาจากภาษาสันสกฤตมักใช้รปู พยัญชนะประสมซึง่ มีรปู แบบเฉพาะ 5. คําที่ยืมมาจากภาษาสันสกฤต
รูปพยัญชนะประสม ค�าที่ยืมมาจากภาษาสันสกฤต จะใชรูปพยัญชนะประสม
<ชญ> ปราชญ์ ปรัชญา <ชญ> <กย> <ชย> <ณย>
<ตย ><ทย> <ถย> <ธย>
<กย> ศักย์ พากย์ <นย> <มย> คําที่ยืมมาจาก
<ชย> พาณิชย์ ภาษาสันสฤตจะถูกนํามาใชใน
<ณย> บุณย์ การุณย์ ดานตางๆ เชน คําเรียกชื่อพืช
<ตย> อาทิตย์ มฤตยู สัตย์ อัญมณี คําเกี่ยวกับความเชื่อ)
<ทย> วิทย์
<ถย> รัถยา ขยายความเขาใจ
<ธย> มัธยม มัธยัสถ์ อัธยาศัย
1. ครูและนักเรียนรวมกันทบทวน
<นย> ศูนย์ สามานย์ องคความรูเกี่ยวกับ “คําที่ยืมมา
<มย> รมย์ จากภาษาบาลี - สันสกฤต” ลงสมุด
๑.๓) การใช้ค�าที่ยืมมาจากภาษาบาลี - สันสกฤตในภาษาไทย ค�าที่ยืมมาจาก จากนั้นครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
• นักเรียนคิดวาจะนําองคความรู
ภาษาบาลี - สันสกฤตที่ปรากฏใช้ภาษาไทยที่ใช้เป็นค�าทั่วไปเป็นค�าศัพท์ที่อยู่ในวงค�าศัพท์ต่างๆ
เรื่องคําที่ยืมมาจากภาษาบาลี -
แทบทุกสาขา ยกเว้นค�าศัพท์ด้านอาหาร ดังนี้
สันสกฤต ไปใชประโยชนได
151 อยางไร
(แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ
ไดอยางหลากหลาย คําตอบขึ้น
อยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน)
หลักฐาน ตรวจสอบผล 2. นักเรียนยกตัวอยางคําที่ยืมมาจาก
แสดงผลการเรียนรู ครูตรวจสอบความถูกตองของคํา
ภาษาบาลี - สันสกฤต อยางละ
10 คํา โดยอธิบายวิธีสังเกตและ
ตัวอยางคําที่ยืมมาจากภาษาบาลี - ที่นักเรียนยกตัวอยาง
การนําเขามาใช
สันสกฤต ภาษาละ 10 คํา
คูมือครู 151
สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ Explore Explain Expand Evaluate
Engage
ขยายความเขาใจ
ครูทบทวนองคความรูเกี่ยวกับคํา ตรวจสอบผล หลักฐาน
ที่ยืมมาจากภาษาเขมร จากนั้นให ครูตรวจสอบความถูกตองของคํา แสดงผลการเรียนรู
นักเรียนยกตัวอยางคําที่ยืมมาจาก ที่นักเรียนยกตัวอยาง ตัวอยางคําที่ยืมมาจากภาษาเขมร
ภาษาเขมร บอกวิธีการสังเกตและ
จํานวน 10 คํา
การนําเขามาใช
152 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุนความสนใจ
ครูชวนนักเรียนสนทนาเกี่ยวกับ
คําที่ยืมมาจากภาษาจีน ดวยสาเหตุ
๑. มักเป็นค�าโดด ภาษาเขมรเป็นค�าโดด ค�าที่ยืมมาจากภาษาเขมรในภาษา ที่ชาวจีนอพยพเขามาในประเทศไทย
ไทยจึงมีลักษณะเป็นค�าโดด เช่น ขลาด เดิน เกิด เรียบ เพลิง เปนจํานวนมากและความสัมพันธ
๒. มีลกั ษณะการสะกดไม่ตรงกับภาษาไทย ภาษาเขมรมีหน่วยเสียงตัวสะกด ทางดานการคา ทําใหคําศัพทใน
มากกว่าภาษาไทย จึงพบว่าเมือ่ น�ามาใช้ในภาษาไทยแม้จะมีการปรับเสียงให้ตรงกับหน่วยเสียงตัวสะกด ภาษาจีนจึงปรากฏใชอยางแพรหลาย
ของภาษาไทย แต่ก็มีการรักษาอักขรวิธีการเขียนเดิมไว้ จึงสามารถสังเกตเห็นถึงความแตกต่างจาก ในภาษาไทย
ภาษาไทยได้ง่าย เช่น เมิล ผลาญ ลาญ บวช เสร็จ สมเด็จ
๓. เป็นค�าทีไ่ ม่มรี ปู วรรณยุกต์ ภาษาเขมรเป็นภาษาทีไ่ ม่หน่วยเสียงวรรณยุกต์
สํารวจคนหา
ค�าที่ยืมมาจากภาษาเขมรจึงไม่มีรูปวรรณยุกต์ก�ากับ เช่น ราบ กาจ ดุจ ควร จาร
๔. เป็นค�าแผลง ภาษาเขมรมีวธิ กี ารสร้างค�าใหม่ดว้ ยการเติมหน่วยค�าเติมหน้า 1. นักเรียนรวมกันคนหาความรูใน
และหน่วยค�าเติมกลาง ซึ่งในภาษาไทยเรียกว่า ค�าแผลง ค�าที่ยืมมาจากภาษาเขมรที่ใช้ในภาษาไทยจึง ประเด็น
มีค�าที่ยืมมาจากค�าแผลงด้วย เช่น บําราบ สมเด็จ บําเพ็ญ สําเร็จ บังอร บันดาล กังวล • คําที่ยืมมาจากภาษาจีนที่
๕. มักจะน�ามาใช้เป็นค�าราชาศัพท์ ค�าทีย่ มื มาจากภาษาเขมรในภาษาไทยมัก ปรากฏใชในภาษาไทยมีหลาย
สําเนียงหรือไม และเพราะเหตุ
น�ามาใช้เป็นค�าราชาศัพท์ในภาษาไทยด้วย เช่น สมเด็จ ถวาย มาน ใน (ของ) เขนย กราน ตรัส ทูล
ใด
สรง บรรทม
2. นักเรียนจับสลากเพื่อกําหนด
๒.๒) การใช้ค�าที่ยืมมาจากภาษาเขมรในภาษาไทย ค�าที่ยืมมาจากภาษาเขมร หัวขอการคนหาความรู บุคคลที่
ที่ปรากฏใช้ในภาษาไทยจะปรากฏใช้ในด้านต่างๆ ของชีวิตประจ�าวัน ดังนี้ จับสลากไดหมายเลข 1 คนหา
ตัวอย่างค�าที่ยืมมาจากภาษาเขมรในภาษาไทย ความรูในประเด็น “หลักการ
สังเกตคําที่ยืมมาจากภาษาจีน”
ค�าสามัญ ขนุน (ขฺนุร / คฺนุล /) เชลย (เฌฺลีย / เชฺลย /) สงัด (สฺงาต่ / ซฺงัด /) สวนผูที่จับไดหมายเลข 2 สํารวจ
ทั่วไป ฉงน (ฉฺงล่ / ชฺง็อล /) แผนก (แผนฺก / แพฺนก /) คนหาความรูในประเด็น “การใช
ค�าใน กรรเจียก (ตฺารเจียก / ตร็อ-เจียก /) ขจร (ขฺจร / คฺจอ /) ขจี (ขจี / เคฺจ็ย /) คําที่ยืมมาจากภาษาจีนใน
วรรณคดี ผกา (ผฺกา / พฺกา /) แข (แข / แค /) พนม (ภฺน� / พฺนุม /) ภาษาไทย” ซึ่งนักเรียนสามารถ
ค�า ตรัส (ตฺราส่ / ตฺระฮ์ /) บรรทม (ผฺท� / พฺตุม /) เสด็จ (เสฺฎจ / ซฺดัจ /) คนหาความรูไดจากหนังสือเรียน
ราชาศัพท์ เสวย (โสฺวย / โซฺวย /) ด�าเนิน (ฎ�เณีร /ด็อม-เนอ /) ด�าริ (ต�ระิ / ต็อม-เระฮ์ /) วิชาภาษาไทย หนา 153 - 155 หรือ
เว็บไซตทางการศึกษา
๓) ค�าที่ยืมมาจากภาษาจีน ค�าที่ยืมมาจากภาษาจีนในภาษาไทยเป็นค�าที่เกี่ยวข้อง
กับชีวิตประจ�าวันของคนไทยมาเป็นเวลานาน นับแต่มีการติดต่อค้าขายกันในสมัยโบราณค�าที่ยืมมา
จากภาษาจีนสันนิษฐานว่าแพร่หลายเข้ามาในภาษาไทย โดยเริ่มมีมากขึ้นในช่วงกรุงศรีอยุธยาจนถึง
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์และน่าจะมีผลต่อการเพิ่มเสียงวรรณยุกต์ตรีส�าหรับค�าที่ยืมมาจากภาษาจีน
ในภาษาไทยด้วย
153
NET ขอสอบป 51
ขอสอบถามวา ขอใดไมใชวิธีสังเกตคํายืมภาษาเขมรในภาษาไทย
1. ใชคําควบกลํ้า 2. ใชอักษรนํา
3. ใชตัว จ เปนตัวสะกด 4. ใชตัวสะกดตัวตาม
(วิเคราะหคําตอบ การสังเกตคําโดยใชตัวสะกดตัวตามเปนวิธีการในการสังเกตคําที่ยืมมาจาก
ภาษาบาลี ดังนั้นจึง ตอบ ขอ 4.) คูมือครู 153
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
154 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
กระตุนความสนใจ
ครูนําวรรณคดีเรื่อง “อิเหนา”
บทพระราชนิพนธในรัชกาลที่ 2
ตัวอยางคําที่ยืมมาจากภาษาจีนในภาษาไทย มาอานใหนักเรียนฟงโดยคัดเลือก
คําเรียก เกง (เก็ง) หาง (ฮั้ง) สวนที่ปรากฏคําที่ยืมมาจากภาษา
สถานที่ ชวา - มลายู จากนั้นครูตั้งคําถาม
คําเกี่ยวกับ กงเตก (กงเต็ก) เตา (เตา) เซียมซี (เซียมซี) งิ้ว (อิว) กับนักเรียนวา
ประเพณี-
วัฒนธรรม • วรรณคดีเรื่องดังกลาวเปน
คํากริยา กุน (กุง ) จอ (จอ) เจี๊ยะ (เจียะ) โละ (เลาะ) วรรณคดีที่ไดรับอิทธิพลจาก
ชนชาติใดและนักเรียนสังเกตจาก
๔) คําทีย่ มื มาจากภาษาชวา - มลายู พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ อะไร
กําหนดใหภาษาชวาและภาษามลายูเปนคนละภาษา แตตามการศึกษาของนักมานุษยวิทยาเชื่อวา (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบได
อยางหลากหลาย ตามพื้นฐาน
เดิมภาษาชวาและภาษามลายูเปนภาษาเดียวกัน ตอมาจึงมีสําเนียงการใชที่แตกตางกันไปบาง ดังนั้น
ความรูและความเขาใจของ
จึงมักเรียกรวมภาษาทั้งสองนี้วาภาษาชวา - มลายู
นักเรียน)
การยืมคําภาษาชวา - มลายูมาใชในภาษาไทยมีลกั ษณะการยืมทีแ่ ตกตางกันไป กลาวคือ
คําที่ยืมมาจากภาษาชวาที่มีใชในภาษาไทยสวนใหญมาจากอิทธิพลของวรรณคดีเรื่องดาหลังและ
เรื่องอิเหนา พระนิพนธเจาฟากุณฑลและเจาฟามงกุฎตั้งแตสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ในสมัย สํารวจคนหา
กรุงรัตนโกสินทรตอนตน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลกมหาราชและพระบาทสมเด็จ
นักเรียนรวมกันคนหาความรูดวย
พระพุทธเลิศหลานภาลัยทรงพระราชนิพนธเรื่องดาหลังและอิเหนาขึ้นใหม เพื่อทดแทนของเดิมที่
วิธีการอภิปราย โดยกําหนดประเด็น
สูญหายไป วรรณคดีเรื่องอิเหนาไดรับความนิยมมากจึงมีการนําคําชวาในวรรณคดีเรื่องอิเหนามาใชใน การอภิปราย “คําที่ยืมมาจากภาษา
ภาษาไทยทั่วไปดวย เชน มะงุมมะงาหรา บุหลัน สตามัน วงศอสัญแดหวา เปนตน ชวา - มลายู”
สวนคําที่ยืมมาจากภาษามลายู เนื่องจากประเทศไทยและประเทศมาเลเซียมีอาณาเขต
ติดตอกัน อีกทัง้ ประเทศไทยกับหัวเมืองมลายูมคี วามสัมพันธกนั มาเปนเวลาชานานทัง้ ในดานการคาและ
การสงคราม อันนําไปสูการอพยพผูคนจากหัวเมืองมลายูเขามาอาศัยอยูในภาคกลางของประเทศไทย อธิบายความรู
โดยเฉพาะในสมัยกรุงรัตนโกสินทร ทําใหมกี ลุม คนทีพ่ ดู ภาษามลายูปะปนกับกลุม คนทีพ่ ดู ภาษาไทยและ ครูใหเวลานักเรียน 10 นาที เพื่อ
มีคําที่ยืมมาจากภาษามลายูในภาษาไทย สรุปความรูที่ได จากนั้นครูให
๔.๑) การสังเกตคําทีย่ มื มาจากภาษาชวา - มลายู หลักในการสังเกตคําทีย่ มื มาจาก นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อ
ภาษาชวา - มลายูในภาษาไทยสามารถพิจารณาไดจากลักษณะตางๆ ดังนี้ อธิบายความรูเกี่ยวกับคําที่ยืมมาจาก
๑. เปนคําสองพยางค ภาษาชวา - มลายูสวนใหญเปนคําสองพยางค มี ภาษาชวา - มลายู
คําพยางคเดียวนอย แตภาษาไทยเปนภาษาคําโดด จึงสามารถสังเกตเห็นไดงายวาคําใดเปนคําที่ยืมมา (แนวตอบ การสังเกตคําที่ยืมมาจาก
จากภาษาชวา – มลายู เชน กะพง กะปะ โลมา เปนตน ภาษาชวา - มลายู จะเปนคําสอง
๒. ไมมเี สียงพยัญชนะควบกลํา้ ภาษาชวา - มลายูไมมเี สียงพยัญชนะควบกลํา้ พยางค ไมมีเสียงพยัญชนะควบกลํ้า
แตภาษาไทยมีพยัญชนะหลายเสียงที่สามารถเปนพยัญชนะควบกลํ้าได จึงมีความแตกตางกันอยาง ไมมีรูปวรรณยุกต โดยปรากฏใช
ชัดเจน เชน กํายาน กุดัง เปนตน ในดานตางๆ เชน ศิลปวัฒนธรรม
๑๕๕ วรรณคดี สถานที่ ฯลฯ)
ขยายความเขาใจ
หลักฐาน ตรวจสอบผล ครูทบทวนองคความรูเกี่ยวกับคําที่
แสดงผลการเรียนรู ครูตรวจสอบความถูกตองของคํา ยืมมาจากภาษาชวา - มลายู จากนั้น
ที่นักเรียนสืบคนมา นักเรียนยกตัวอยางคําที่ยืมมาจาก
คําที่ยืมมาจากภาษาชวา - มลายู
ภาษาชวา - มลายู จํานวน 10 คํา
จํานวน 10 คํา ลงสมุด
คูมือครู 155
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
156 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู
ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่ออธิบาย
ความรูเกี่ยวกับหลักการสังเกตคําที่
ในช่วงเวลาเดียวกันอังกฤษได้พยายามเข้ามาเจรจาทางการค้ากับไทยในรัชกาลที่ ๒ ยืมมาจากภาษาอังกฤษและการนํา
แต่ไม่ประสบผลส�าเร็จและเกิดสนธิสัญญาทางการค้าฉบับแรกขึ้นในรัชกาลที่ ๓ เวลานั้นกลุ่มชนชั้น เขามาใช
ผู้น�าของไทย ทั้งพระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางต่างเห็นความส�าคัญของภาษาอังกฤษ จึงเริ่มมีการ (แนวตอบ คําที่ยืมมาจากภาษา
เรียนภาษาอังกฤษและมีการน�าค�าภาษาอังกฤษมาใช้ทับศัพท์ในค�าที่ภาษาไทยไม่มีใช้ ท�าให้เกิดการ อังกฤษ มีหลักการสังเกตดังนี้
ยืมค�าภาษาอังกฤษเป็นครัง้ แรก แต่มกี ารเปลีย่ นแปลงเสียงให้เหมาะกับการออกเสียงในภาษาไทย เช่น 1. เปนคําหลายพยางค
กัดฟันมันสยาม มาจาก Government Siam ชื่อบุคคลในสมัยนั้นก็มีการเรียกตามส�าเนียงไทย เช่น 2. ไมมีการเปลี่ยนรูปไวยากรณ
หันตรา บารนี มาจาก Henry Burney 3. มีเสียงพยัญชนะที่ไมมีในระบบ
สมัยรัชกาลที่ ๔ - ๖ ประเทศไทยเปิดรับวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาเพื่อพัฒนาประเทศ เสียงภาษาไทย เชน <บล>
ให้มีความเท่าเทียมกับอารยประเทศ มีการส่งนักเรียนไปศึกษาต่อต่างประเทศ ค� าที่ยืมมาจากภาษา <บร> <ดร> <ฟล> <ฟร><ทร>
อังกฤษจึงหลั่งไหลเข้ามาในภาษาไทยเป็นจ�านวนมาก รวมทั้งในปัจจุบันมีการติดต่อสื่อสารระหว่าง โดยคําที่ยืมมาจากภาษาอังกฤษ
ประเทศได้สะดวกขึ้น จึงมีค�าที่ยืมมาจากภาษาอังกฤษเข้ามาใช้ในภาษาไทยมากขึ้นโดยเฉพาะในด้าน จะนําเขามาใชในดานตางๆ
เชน ใชเรียกชื่ออาหาร ใชเปน
ของเทคโนโลยีและการสื่อสาร
คําศัพททางวิชาการ เปนตน)
๕.๑) การสังเกตค�าทีย่ มื มาจากภาษาอังกฤษ หลักการในการพิจารณาว่าค�าใดเป็น
ค�ายืมภาษาอังกฤษในภาษาไทยสามารถพิจารณาได้ ดังนี้
๑. เป็นค�าหลายพยางค์ ค�าที่ยืมมาจากภาษาอังกฤษในภาษาไทยส่วนใหญ่ ขยายความเขาใจ
เป็นค�าหลายพยางค์ เมื่อน�ามาใช้ท�าให้ภาษาไทยมีค�าหลายพยางค์เพิ่มมากขึ้น เช่น คอมพิวเตอร์ 1. ครูทบทวนองคความรูเกี่ยวกับคําที่
ไวโอลิน เปียโน เทคโนโลยี เป็นต้น ยืมมาจากภาษาอังกฤษ จากนั้นครู
๒. ไม่มกี ารเปลีย่ นรูปไวยากรณ์ แม้ภาษาอังกฤษจะมีการเปลีย่ นแปลงรูปค�า ตั้งคําถามกับนักเรียนวา
ตามลักษณะทางไวยากรณ์ แต่เมื่อเป็นค�าที่ยืมมาจะไม่เปลี่ยนแปลงรูปค�าตามลักษณะของภาษาไทย • การยืมคําจากภาษาอังกฤษเขา
และค�าที่ยืมมาจากภาษาอังกฤษมักเกิดขึ้นโดยไม่ค�านึงถึงชนิดและหน้าที่ของค�าในภาษาอังกฤษ เช่น มาใชในภาษาไทยจะเกิดผลดี
ค�าเดิมเป็นค�านาม แต่เมื่อรับมาใช้ได้เปลี่ยนแปลงเป็นค�ากริยาหรือเดิมเป็นค�าคุณศัพท์แต่น�ามาใช้เป็น หรือผลเสียอยางไร
ค�ากริยา เช่น ซอรี่ คอร์รัปชั่น เป็นต้น (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ
๓. มีเสียงพยัญชนะทีไ่ ม่มใี นระบบเสียงภาษาไทย ค�าทีย่ มื มาจากภาษาอังกฤษ ไดอยางหลากหลายตามความรู
ในภาษาไทย อาจมีบางค�าทีม่ พี ยัญชนะควบกล�า้ ทีไ่ ม่มใี นระบบเสียงภาษาไทย เช่น <บล> <บร> <ดร> ความคิดเห็น คําตอบขึ้นอยูกับ
<ฟล> <ฟร> <ทร> ท�าให้ภาษาไทยมีหน่วยเสียงพยัญชนะควบกล�้ามากขึ้น เช่น เทรน บล็อก เบรก ดุลยพินิจของครูผูสอน มีผลดี
ฟรี ดรัมเมเยอร์ บางค�าอาจมีเสียงพยัญชนะท้ายที่ไม่มีในระบบเสียงภาษาไทย เช่น /ฟ/ ได้แก่ กอล์ฟ คือ ทําใหมีคําใชเพิ่มมากขึ้น ผล
อ๊อฟ ปรู๊ฟ /ล/ เช่น แอปเปิล บอล แคปซูล /ส/ เช่น โฟกัส แก๊ส เทนนิส เป็นต้น เสียคือ ถาไมมีการบัญญัติศัพท
๕.๒) การใช้คา� ทีย่ มื มาจากภาษาอังกฤษในภาษาไทย ค�าทีย่ มื มาจากภาษาอังกฤษ
ขึ้นใชแทน คําในภาษาไทยก็จะ
ลดนอยลง และถูกทดแทนดวย
ที่ปรากฏใช้ในภาษาไทยส่วนใหญ่เป็นค�าศัพท์วิชาการ ค�าเรียกชื่ออาหาร ผลไม้และเครื่องดื่ม กีฬา
คําในภาษาอังกฤษ)
เครื่องดนตรี เครื่องใช้ และกิริยาอาการต่างๆ ดังนี้
2. นักเรียนยกตัวอยางคําที่ยืมมา
157 จากภาษาอังกฤษจํานวน 10 คํา
และบอกวิธีการสังเกต
หลักฐาน ตรวจสอบผล
แสดงผลการเรียนรู ครูตรวจสอบความถูกตองของคําที่
คําที่ยืมมาจากภาษาอังกฤษ นักเรียนสืบคน
จํานวน 10 คํา ลงสมุด
คูมือครู 157
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
158 คูมือครู
สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ Explore Explain Expand Evaluate
Engage
สํารวจคนหา
ครูแบงกลุมนักเรียน กลุมละ 3 คน
เพื่อสืบคนความรูรวมกันในประเด็น
๒) การยืมความหมาย การยืมเฉพาะความคิดของค�าโดยไม่ยืมทั้งรูปและเสียง หรือ หลักการยืมคําจากภาษาตางประเทศ
อาจกล่าวได้ว่าผู้ยืมสร้างค�าลอกเลียนค�าในภาษาของผู้ให้ โดยน�าค�าที่มีความหมายเดียวกับภาษา จากหนังสือเรียนในหนา 158 - 159
ผู้ให้มาประกอบกันตามตัวอย่างของค�า ซึ่งการยืมในลักษณะเช่นนี้เรียกว่าการยืมแบบแปล เช่น
เส้นตาย ประกอบขึ้นเพื่อให้ตรงกับค�าในภาษาอังกฤษ dead line
น�้าผึ้งพระจันทร์ ประกอบขึ้นเพื่อให้ตรงกับค�าในภาษาอังกฤษ honey moon อธิบายความรู
ฝันกลางวัน ประกอบขึ้นเพื่อให้ตรงกับค�าในภาษาอังกฤษ day dream ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่อให
ตลาดมืด ประกอบขึ้นเพื่อให้ตรงกับค�าในภาษาอังกฤษ black market อธิบายความรูเกี่ยวกับหลักการยืมคํา
ระเบิดพลีชีพ ประกอบขึ้นเพื่อให้ตรงกับค�าในภาษาอังกฤษ suicide bomb จากภาษาตางประเทศ
๓) การยืมเสียง คือการรับเสียงบางเสียงซึ่งไม่มีในภาษาของผู้ยืมแต่มีในภาษาของ
ผู้ให้มาใช้ เช่น ภาษาไทยยืมเสียงพยัญชนะควบกล�้า /ทร-/ /บร-/ /ฟร-/ /ฟล-/ /ดร-/ มาจากภาษา
ขยายความเขาใจ
อังกฤษ เช่น ทรีตเมนท์ เบรก บล็อก ฟรี ดริ๊งก์ ฯลฯ
๔) การยืมส�านวน คือการที่ภาษาของผู้รับยืมส�านวนมาจากส�านวนซึ่งไม่มีในภาษา ครูทบทวนองคความรูเกี่ยวกับ
ของตนมาจากภาษาของผู้ให้ เช่น ภาษาไทยยืมส�านวน “หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน” มา หลักการยืมคําจากภาษาตางประเทศ
ใหแกนักเรียน จากนั้นใหนักเรียน
จากภาษาจีน หรือ “ฟางเส้นสุดท้าย” มาจากภาษาอังกฤษ เป็นต้น
สรุปความรู ความเขาใจ ในลักษณะ
๕) การยืมไวยากรณ์ คือการทีผ่ รู้ บั ภาษาน�ากลวิธใี นการสร้างค�าใหม่ วิธกี ารเรียงค�าใน ใบความรูสงครูผูสอน
ประโยคของภาษาผู้ให้มาใช้ เช่น ภาษาไทยยืมวิธีการประสมค�าของภาษาบาลีและสันสกฤตที่เรียกว่า
“สมาส” มาใช้ โดยสร้างค�าเลียนแบบค�าสมาสของภาษาบาลีและสันสกฤต ท�าให้ได้ค�าสมาสซึ่งไม่มีใช้
ในภาษาบาลีและสันสกฤต ตรวจสอบผล
๖) การยืมฉันทลักษณ์ คือการน�ารูปแบบและข้อก�าหนดในการแต่งบทร้อยกรองจาก ครูตรวจสอบความรู ความเขาใจ
ภาษาผูใ้ ห้มาใช้ในภาษาผูร้ บั เช่น ภาษาไทยยืมรูปแบบและข้อก�าหนดในการแต่งบทร้อยกรองประเภท ของนักเรียนจากใบความรูที่นําสง
ฉันท์มาจากภาษาบาลี
ค�าที่ยืมมาจากภาษาต่างประเทศเมื่อรับเข้ามาใช้ในภาษาไทย จะมีการปรับระบบเสียง
ให้สอดคล้องกับค�าอื่นๆ ในภาษา เช่น ค�าที่ยืมมาจากภาษาอังกฤษที่เป็น ๒ พยางค์ที่ลงน�้าเสียงเฉพาะ
ในพยางค์แรก เมื่อไทยรับเข้ามาใช้จึงปรับการออกเสียงโดยลงน�้าหนักเสียงทั้งสองพยางค์
technique เทคนิค
programme โปรแกรม
doughnut โดนัท
ค�าที่ยืมมาจากภาษาต่างประเทศเมื่อน�ามาใช้ในภาษาไทยจึงเป็นส่วนหนึ่งของคลังค�า
ในภาษาไทยควรออกเสียงตามแบบที่คนไทยออก ไม่อ่านเลียนเสียงค�าในภาษาเดิม เช่น ค�าในภาษา
อังกฤษควรออกเสียงให้กลมกลืนกับระบบเสียงของภาษาไทย
159
คูมือครู 159
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
160 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู
ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่ออธิบาย
ความรูเกี่ยวกับลักษณะเฉพาะของ
๘) ค�าผสมทีม่ เี ครือ่ งหมายยัตภิ งั ค์ ให้เขียนติดกัน เช่น Cross - stitch (ครอสสติตช์) คําทับศัพท
ยกเว้นค�าศัพท์ทางวิชาการ เช่น Cobalt - ๖๐ (โคบอลต์ - ๖๐) ในส่วนของค�าประสมที่เขียนแยกกัน (แนวตอบ คําทับศัพทเปนวิธีการยืม
เมื่อเขียนเป็นค�าไทยให้เขียนติดกัน New Guinea (นิวกินี) คํามาจากภาษาตางประเทศมาใช
๙) ค�าคุณศัพท์ที่มาจากค�านาม ถ้ามีความหมายเหมือนค�านาม หรือหมายความว่า ในภาษาไทย เนื่องจากไมมีคําที่มี
“เป็นของ” หรือ “เป็นเรื่องของ” หรือ “เกี่ยวข้องกับ” หรือ “เกี่ยวเนื่องจาก” ให้ทับศัพท์ใน ความหมายตรงกับคําที่ตองการ
รูปค�านาม เช่น focal length (ความยาวโฟกัส) atomic absorption (การดูดกลืนโดยอะตอม) ใน สื่อสารจึงตองมีการยืมคําศัพท
กรณีที่ทับศัพท์ในรูปค�านามแล้วเกิดความหมายก�ากวมหรือคลาดเคลื่อน ให้ทับศัพท์ในรูปค�าคุณศัพท์ มาจากภาษาตางประเทศคํานั้น
เช่น metric system (ระบบเมตริก) มาใช)
๑๐) ค�าย่อ ให้เขียนชื่อตัวอักษรนั้นๆ ลงเป็นภาษาไทยโดยไม่ต้องใส่จุดและเว้นช่องไฟ
เช่น BBC (บีบีซี) กรณีที่เป็นตัวย่อที่อ่านออกเสียงเหมือนค�า ค�าหนึ่งให้เขียนตามเสียงที่ออกและไม่ใส่
จุด เช่น UNESCO (ยูเนสโก) และถ้าเป็นชื่อของบุคคลให้ใส่จุดและเว้นช่องไฟระหว่างชื่อกับนามสกุล
เช่น G.H.D. Cold (จี.เอช.ดี. โคลด์)
ในปัจจุบันภาษาไทยมีค�าทับศัพท์ภาษาต่างประเทศใช้เป็นจ�านวนมาก ซึ่งตัวอย่างของ
ค�าทับศัพท์ภาษาอังกฤษที่ภาษาไทยน�ามาใช้ในด้านต่างๆ มีดังนี้
ประเภทของค�าทับศัพท์
อาหาร ชีส (cheese) เค้ก (cake) ทูน่า (tuna)
ช็อกโกแลต (chocolate) โดนัท (doughnut) สลัด (salad)
กีฬา-ดนตรี สกี (ski) สเกต (skate) กีตาร์ (guitar)
เปียโน (piano) กอล์ฟ (golf) เทนนิส (tennis)
เครื่องใช้ เชิ้ต (shirt) เนกไท (necktie) คัตเตอร์ (cutter)
ชอล์ก (chalk) โซฟา (safa) เลนส์ (lens)
กิริยา เคลียร์ (clear) แคนเซิล (cancel) ช็อป (shop)
อาการ ซีเรียส (serious) เทกแคร์ (take care) ปั๊ม (pump)
๒.๒ ค�ำศัพท์บญ
ั ญัติ
ค�าศัพท์บัญญัติ หมายถึง ค�าศัพท์ภาษาไทยที่คิดขึ้นใช้แทนศัพท์ภาษาอังกฤษ ด้วยการผูกหรือ
ประกอบขึ้นจากค�าศัพท์ในภาษาบาลีและสันสกฤต แล้วผ่านการพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญทางภาษา
จากนั้นจึงประกาศใช้ หากศัพท์ใดมีผู้ยอมรับก็มีการใช้ศัพท์เหล่านั้นต่อมา
161
NET ขอสอบป 52
ขอสอบถามวา การนําคําทับศัพทภาษาอังกฤษมาใชในขอใด ที่ทําใหภาษาไทยมีวงศัพทเพิ่มขึ้น
1. มาเรียนอยูในกรุงเทพฯ ยูนิเวอรซิตี้ที่ทันสมัย 2. ซัมเมอรแมเรียกตัวกลับมาชวยทําไรทํานาอยูที่บานหนองใหญ
3. ชาวบานก็ดอยการศึกษากินแตปลาราที่ไมพาสเจอรไรซ 4. ใหมาเปนฟารเมอร ดาววามันไมใชตัวตนที่แทจริงของดาว
(วิเคราะหคําตอบ วงศัพทเพิ่มมากขึ้น คือ มีคําใชมากขึ้น คําในขออื่นๆ มีใชในภาษาไทยอยูแลว คําวา “พาสเจอรไรซ”
เปนคําใหมที่ไทยยืมมาใชโดยวิธีทับศัพท ดังนั้นจึง ตอบ ขอ 3.) คูมือครู 161
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
162 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
กระตุนความสนใจ
ครูสนทนากับนักเรียนวา
สังคมไทย ณ ปจจุบันมีความเจริญ
๒) ประเภทของศัพทบัญญัติ ปจจุบันราชบัณฑิตยสภาไดมีการบัญญัติศัพทขึ้นใชใน กาวหนาในหลายๆ ดาน จากนั้น
วงวิชาการและสาขาวิชาชีพตางๆ เชน ศัพทคณิตศาสตร ศัพทเทคโนโลยีสารสนเทศ ศัพทนิติศาสตร ครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
ศัพทรัฐศาสตร ศัพทสัทศาสตร ศัพทวรรณคดี ฯลฯ การเรียนรูศัพทบัญญัติจะเอื้อประโยชนตอผูสนใจ • ศัพทบัญญัติที่ไดมีการบัญญัติ
นักเรียน นักศึกษา โดยเฉพาะเมือ่ ตองเขียนงานทางวิชาการควรใชศพั ทบญ
ั ญัตใิ หถกู ตองและเหมาะสม ขึ้นดวยวิธีการตางๆ นั้น จะมี
การนําไปใชในสาขาวิชาใดได
ตัวอยางของคําศัพทบัญญัติ บาง
ศัพทบญ
ั ญัติ การบวก (addition) ระนาบแกน (axial plane) คาเฉลี่ย (mean) (แนวตอบ นักเรียนสามารถ
คณิตศาสตร การแปลงผัน (conversion) ตัวคูณ (multiplier) อนุกรม (series) ตอบไดอยางหลากหลาย ตาม
ศัพทบญ ั ญัติ รหัสแทง (bar code) หุนยนต (robot) ทวิเสถียร (bistable) พื้นฐานความรูและความเขาใจ
เทคโนโลยี รูดบัตร (swipe) ไปรษณียอืดอาด (snail mail) ดึงภาพ (zoom) เดิมของนักเรียน)
และ ตัวจอภาพ (monitor) โทรศัพทเคลื่อนที่ (mobile phone)
สารสนเทศ
ศัพทบญ ั ญัติ นายหนา (broker) การประกอบอาชีพ (calling) งบประมาณ (budget) สํารวจคนหา
นิตศิ าสตร การออกหาเสียง (canvass) รัฐสมัยใหม (modern state) รัฐกันชน (buffer state)
ทฤษฎีอํานาจอธิปไตย (sovereignty) ทําใหพนจากความรับผิด (absolve) นักเรียนจับกลุม กลุม ละ 3 คน
โดยใหแตละกลุมรวมกันคนหา
ศัพทบญ
ั ญัติ ตลาดมืด (black market) สัมปทาน (concession) โลกเสรี (free world)
ความรูเกี่ยวกับประเภทของศัพท
รัฐศาสตร พรรคการเมือง (political party) คาผานทาง (toll) เขตเมือง (urban zone)
การผูกขาด (monopoly) เสรีนิยม (liberalism) องคประชุม (quorum) บัญญัติวาปรากฏใชในวงวิชาการ
ใดบาง
ศัพท เสียงเลื่อน (glide) ทํานองเสียง (intonation)
สัทศาสตร ความสูงคลื่นเสียง (amplitude) การกลมกลืนเสียง (assimilation)
เสียงเสียดแทรก (fricative sound) ลักษณะการออกเสียงขึ้นจมูก (nasalization) อธิบายความรู
ศัพท สารขัด (abrasive) ฟนปลอมติดแนน (fixed partial denture)
ทันตแพทย เคลือบฟน (enamel) โรคปริทันต (periodental disease) นักเรียนแตละกลุมออกมาอธิบาย
ความรูที่ไดจากการคนหารวมกัน
ศัพท จินตภาพ (image) ภาพพจน (figure of speech) โดยแตละกลุมตองบอกประเภทของ
วรรณคดี การเสียดสี (satire) อติพจน (hyperbole)
แกนเรื่อง (theme) อุปลักษณ (metaphor) ศัพทบัญญัติที่ใชในวงวิชาการตางๆ
การบรรยาย (narration) ฉากทองเรื่อง (setting) และยกตัวอยางประกอบใหชัดเจน
การแฝงนัย (irony) การกลาวซํ้า (repetition)
ความขัดแยง (conflict) การอางถึง (allusion)
โศกนาฏกรรม (tragedy) ปฏิทรรศน (paradox) ขยายความเขาใจ
เรื่องเหลือเชื่อ (yarn) อุปมานิทัศน (allegory)
การเลียนเสียงธรรมชาติ (onomatopoeia) ความหมายโดยตรง (denotation) นักเรียนคนหาศัพทบัญญัติที่ใชใน
ตัวละครหลายมิติ (round character) บุคคลวัต บุคลาธิษฐาน (personification) วงวิชาการ ไมตา่ํ กวา 10 คํา จากนั้น
ใหนําองคความรูเรื่องการบัญญัติ
๑๖๓ ศัพทมาใชอธิบายคําที่ยกตัวอยางวา
บัญญัติขึ้นดวยวิธีการใด
หลักฐาน ตรวจสอบผล
@
มุม IT แสดงผลการเรียนรู ครูประเมินความถูกตองของ
ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทของศัพทบัญญัติ คําตอบ
ตัวอยางคําศัพทบัญญัติในดานตางๆ
ไดจากเว็บไซตของสํานักงานราชบัณฑิตยสภา จํานวน 10 คํา ลงสมุด
http://coined-word.orst.go.th
คูมือครู 163
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
ค�านึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างความ
นักเรียนรวมกันคนหาความรู (พจนานุกรมศัพท์ศิลปะ อังกฤษ - ไทย ลวงตาและพื้นผิวของภาพ ใช้สีขาว
ดวยวิธีการอภิปรายจากคําถาม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน) กับด�าในการสร้างผลงาน
ประติมากรรมจลดุล ศิลปะทีส่ ร้างขึน้
ของครู
■
เพื่อแสดงความมีดุลยภาพ
• ศัพททางวิชาการมีปรากฏใชใน
ดานใดบาง ๒) ศัพท์วิชาการหมวดดุริยางคศิลป์
(แนวตอบ ศัพทหมวดศิลปะ
หมวดดุริยางค หมวดแพทย เพลงแขกบรเทศ อั ต รา ๒ ชั้ น และชั้ น เดี ย ว ประเภท ■ เพลงแขกบรเทศ เพลงไทยเดิมทีน่ ยิ ม
เปนตน) หน้าทับสองไม้ มี ๒ ท่อน ต่อมาพระประดิษฐ์ไพเราะ (มี บรรเลงประกอบการแสดงโขนหรือร�า
ดุรยิ างกูร) ได้แต่งขยายขึน้ เป็นอัตรา ๓ ชัน้ ครบเป็นเพลงเถา ใช้ อวยพร
บรรเลงต่อท้ายเพลงเชิดจีนซึ่งท่านเป็นผู้แต่ง ■ อัตราชั้นเดียว อัตราจังหวะที่ด�าเนิน
ลีลาด้วยประโยคสั้นๆ และรวดเร็ว
อธิบายความรู (สารานุกรมศัพท์ดนตรีไทย ภาคประวัติและ
อัตรา ๒ ชั้น อัตราจังหวะที่ด�าเนิน
บทเพลงเถา ฉบับราชบัณฑิตยสถาน) ■
164 คูมือครู
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ
1. ครูทบทวนองคความรูเกี่ยวกับ
คําศัพทวิชาการ จากนั้น
๓) ค�าศัพท์ในวงการอาชีพธุรกิจการขาย ครูตั้งคําถาม
“ก่อนมีมีทติ้งเพื่อท�าเยียร์ลี่รีวิวในวันศุกร์นี้ ผมอยากให้คุณ ■ เยียร์ลี่รีวิว การตรวจสอบรายปี • การใชคําทับศัพทและศัพท
ทุกคนเตรียมการพรีเซนต์เซลที่ได้ในแต่ละควอเตอร์ เซมิแอน- ■ พรีเซนต์เซล การน�าเสนอแผนการ บัญญัติตางๆ สงผลดีและ
นวล และเยียร์ลี่ โดยการเปรียบเทียบโปรเจ็กเซล และแอนนวล ขาย ผลเสียอยางไรตออนาคตของ
เซลเพื่อดูยอดบัดเจ็ตว่าเป็นไปตามทาร์เก็ตที่ตั้งไว้หรือไม่ จาก ■ ควอเตอร์ ไตรมาส ภาษาไทย
นั้นขอให้ทุกคนท�าเซลอะนาลิซิสและจัดท�าเซลแพลนของปีหน้า ■ เซมิแอนนวล ครึ่งปี (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ
โดยประมาณยอดออร์เดอร์มาด้วย ส�าหรับอะเจนด้าอื่นๆ ได้แก่ เยียร์ลี่ ประจ�าปี
■
ไดอยางหลากหลาย ขึ้นอยูกับ
คอสคอนโทรล การคัดเลือกซัพพลายเออร์ มาร์เก็ตติ้งสตราเตจี้ ■ โปรเจ็กเซล โครงการขาย
แวทรีฟันโพลิซี่ และเบรกอีเว่นของปีหน้า อ้อ! คุณสมใจ ช่วยจด ■ แอนนวลเซล ยอดขายรายปี พื้นฐานความรูและความคิด)
มินิตการประชุมในครั้งนี้ด้วยครับ” ■ บัดเจ็ต งบประมาณ 2. นักเรียนจัดทําโครงงานเกี่ยวกับ
(สุวัฒน์ จิรเบญจวนิช) ■ ทาร์เก็ต เป้าหมาย การใชคําทับศัพทและศัพทบัญญัติ
■ เซลอะนาลิซิส การวิเคราะห์การขาย ในชีวิตประจําวัน
■ เซลแพลน แผนการขาย
■ ออร์เดอร์ สั่งซื้อ
■ อะเจนด้า วาระการประชุม ตรวจสอบผล
■ คอสคอนโทรล การควบคุ ม ราคา
ต้นทุน 1. นักเรียนนําโครงงานของตนเองมา
■ ซั พ พลายเออร์ ผู ้ ผ ลิ ต สิ น ค้ า และ นําเสนอหนาชั้นเรียน
วัตถุดิบ 2. ครูตรวจสอบโครงงานของนักเรียน
■ ม าร์ เ ก็ ต ติ้ ง สตราเตจี้ กลยุ ท ธ์ ก าร 3. นักเรียนตอบคําถามประจําหนวย
ตลาด
■ แวทรีฟันโพลิซี่ นโยบายคืนภาษี การเรียนรู
■ เบรกอีเว่น จุดคุ้มทุน
■ มินิต รายงานการประชุม
เกร็ดแนะครู
คÓทีย่ มื มาจากภาษาต่างประเทศทีม่ ใี ช้ในภาษาไทยเป็นการยืมคÓมาใช้ เนือ่ งจาก
ผลดี ผลเสีย ของการใชคาํ ทับศัพท
มีการรับวัฒนธรรมและความสัมพันธ์ทมี่ ตี อ่ กันจึงปรากฏคÓทีย่ มื มาจากภาษาต่างประเทศ
และศัพทบัญญัติ
มาใช้ในภาษาไทยเป็นจÓนวนมาก ได้แก่ ภาษาบาลี - สันสกฤต ภาษาจีน ภาษาชวา - 1. ผลดี
มลายู ภาษาอังกฤษ ภาษาเขมร นอกจากนี้ยังมีคÓทับศัพท์และศัพท์บัญญัติต่างๆ ที่มี • การใชคําทับศัพทเปนวิธีที่
ใช้ในภาษาไทย เนือ่ งจากคÓในภาษาไทยมีไม่เพียงพอและไม่สามารถบัญญัตคิ Óขึน ้ มาใช้ งาย สะดวก รวดเร็ว เมื่อ
ได้ทน
ั ต่อความเจริญทางเทคโนโลยีและการสือ่ สาร ผูใ้ ช้จงึ ต้องใช้คÓเหล่านีใ้ นภาษาไทย ไมสามารถหาคําไทย หรือ
ให้ถูกต้อง เพื่อสามารถสื่อสารได้สัมฤทธิผลในชีวิตประจำาวัน คําบาลี - สันสกฤตมาใช
บัญญัติได
• ทําใหมีคําศัพทตางๆ ใชเพิ่ม
165 มากขึ้น
2. ผลเสีย
• อาจทําใหภาษาไทยสูญเสีย
เอกลักษณทางภาษาไดใน
อนาคต
NET ขอสอบป 52
ขอสอบถามวา ขอใดไมมีคําที่มาจากภาษาตางประเทศ
1. มีตายายสามีภรรยาคูหนึ่ง 2. ตายายลอยเรือไปตามริมแมนํ้าที่มีอาณาบริเวณ
3. ยายคัดทายเรือเขาหาฝง เห็นไขจระเข 4. ตั้งใจจะเอาไปฟกใหเปนตัว
(วิเคราะหคําตอบ คําไทยแทเปนคําโดดและมีตัวสะกดตรงตามมาตรา ดังนั้นจึง ตอบ ขอ 4.)
คูมือครู 165
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
เกร็ดแนะครู
(แนวตอบ คําถามประจําหนวยการ
เรียนรู
1.เนื่องจากมีการติดตอสื่อสารกัน คําถาม ประจําหนวยการเรียนรู
และรับวัฒนธรรมตางๆ เขามา
ใช ผนวกกับความเจริญกาวหนา ๑. ปจจัยใดที่สงผลตอการยืมคําภาษาตางประเทศมาใชในภาษาไทย จงอธิบาย
ทางเทคโนโลยี ทําใหคาํ ในภาษา- ๒. การใชคําที่ยืมมาจากภาษาตางประเทศในภาษาไทยมีวิธีการใชอยางไร จงอธิบาย
ไทยมีไมพอเพียงจึงตองยืมคํา ๓. คําที่ยืมมาจากภาษาบาลี - สันสกฤตมีหลักการสังเกตอยางไร จงอธิบาย
จากภาษาตางประเทศเขามาใช ๔. คําที่ยืมมาจากภาษาชวา - มลายู นํามาใชในสาขาใดบาง จงอธิบาย
2. การใชคําภาษาตางประเทศใน ๕. คําทับศัพทและศัพทบัญญัติแตกตางกันอยางไร จงอธิบาย
ภาษาไทย มีวิธีการใช ดังนี้
• วิธีการยืมคําโดยนํามา
ดัดแปลงทางดานเสียง
วรรณยุกต ตัวสะกด
• วิธีการยืมมาโดยไม
เปลี่ยนแปลงเสียงหรือรูป
3. คําที่ยืมมาจากภาษาบาลี
• ภาษาบาลีมีสระ 8 ตัว คือ
อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ
• ภาษาบาลีมีพยัญชนะ 32 ตัว
กิจกรรม สรางสรรคพัฒนาการเรียนรู
• ภาษาบาลีใชตัวสะกดและ
ตัวตาม กิจกรรมที่ ๑ นักเรียนแบงกลุมศึกษาคําที่ยืมมาจากภาษาตางประเทศในภาษาไทย ไดแก ภาษา
• คําที่ยืมมาจากภาษาบาลีมัก
บาลี - สันสกฤต ภาษาจีน ภาษาชวา - มลายู ภาษาอังกฤษ ภาษาเขมร แลวนําเสนอ
เปนรูปเลมรายงาน
จะมีพยัญชนะ /ฬ/
กิจกรรมที่ ๒ นักเรียนรวมกันอภิปรายขอดี ขอเสีย และขอควรระวังในการนําคําทีย่ มื มาจากภาษา
• คําที่ยืมมาจากภาษาบาลีจะมี
ตางประเทศมาใชในภาษาไทย
หนวยความเติมหนา ปฏิ- กิจกรรมที่ ๓ นักเรียนรวบรวมคําทับศัพทภาษาอังกฤษพรอมคําแปลมาจัดปายนิเทศ
• คําที่ยืมมาจากภาษา
สันสกฤตจะใชรูป ร หัน
• คําที่ยืมมาจากภาษา
สันสกฤตจะใชพยัญชนะ /ร/
ประสมกับพยัญชนะอื่น
• คําที่ยืมมาจากภาษา
สันสกฤตจะใชรูป ฤ
• คําที่ยืมมาจากภาษา
สันสกฤตจะใชพยัญชนะ /ศ/ 166
/ษ/
• คําทีย่ มื มาจากภาษาสันสกฤต
จะใชรูปพยัญชนะประสม
<ชญ> <กย> <ชย> <ณย> <ตย> <ทย> <ถย> <ธย> <นย> <มย>
4. มักพบในวรรณคดีเรื่องอิเหนา หรือใชเปนเนื้อรองในเพลงไทยเดิม ชื่อ เพลงสี่บท
5. คําทับศัพท คือ คําศัพทที่มาจากการถายทอดเสียงจากภาษาเดิมมาเขียนเปนภาษาไทย โดยใหมีเสียงใกลเคียงกับภาษาเดิมมากที่สุด เชน คําทับศัพท
ภาษาอังกฤษ สวนศัพทบัญญัติ เปนการคิดคําขึ้นมาใชแทนคําศัพทภาษาตางประเทศที่ยืมเขามา)
166 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. วิเคราะหโครงสรางของประโยค
ซับซอน
2. ใชภาษาสื่อสารในชีวิตประจําวัน
ตามระดับภาษาไดถูกตอง
เหมาะสมกับบุคคลและกาลเทศะ
กระตุนความสนใจ
นักเรียนดูภาพประกอบหนาหนวย
จากนั้นครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
• กลุมบุคคลดังกลาวกําลังอยูใน
สถานการณใด
(แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ
ไดอยางหลากหลายตามความ
คิดเห็นของนักเรียน คําตอบขึ้น
อยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน)
• นักเรียนคิดวาภาพประกอบมี
ò
ความเชื่อมโยงกับการวิเคราะห
ภาษาอยางไร
(แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ
หนวยที่ ไดอยางหลากหลายตามความ
การวิเคราะหภาษา คิดเห็นของนักเรียน คําตอบขึ้น
อยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน)
ตัวชี้วัด
■ วิเคราะหโครงสรางประโยคซับซอน (ท ๔.๑ ม.๓/๒) การวิเคราะหโครงสรางของประโยค
■ วิเคราะหระดับภาษา (ท ๔.๑ ม.๓/๓) มี ค วามสํ า คั ญ ตอการสื
่ ่ อ สารในชี วิ ต
ประจํ า วั น เพราะหากการใช คํ า พู ด เพี ย ง เกร็ดแนะครู
คําเดียวหรือเพียงกลุมคํายอมไมไดใจความ ครูควรสนทนากับนักเรียน โดยชี้
สมบูรณ จึงจําเปนตองสื่อสารดวยประโยค ใหเห็นวา ในชีวติ ประจําวันของมนุษย
สาระการเรียนรูแกนกลาง
นอกจากนี้ยังจําเปนตองทําความเขาใจขอความ
ประโยคซับซอน ลวนมีความเกีย่ วของและเชือ่ มโยงกับ
■
ทีผ่ กู เปนประโยค จึงจะเกิดประโยชนสงู สุดในการ
■ ระดับภาษา
ใชภาษาเพื่อการสื่อสาร การวิเคราะหภาษา เนื่องดวยมนุษย
ตองใชทักษะการอาน การฟง การดู
การพูด และในระหวางการใชทักษะ
จะตองมีกระบวนการคิด วิเคราะห
ในความซับซอนของเนื้อหาสาระ
คูมือครู 167
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
Engage Explore Explain Expand ตรวจสอบผล
Evaluate
ทางการศึกษาที่ใหความรูเรื่อง 168
ประโยค โดยใหนักเรียนคนหา
ความรูในประเด็น “ประโยคสามัญ”
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่ออธิบาย นักเรียนแตงประโยคสามัญ
ความรูที่ไดจากการคนหารวมกัน ประเภทละ 5 ประโยค
168 คูมือครู
สํารวจคนหา อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
สํารวจคนหา
นักเรียนคนหาความรูเกี่ยวกับ
ประโยคซอน และประโยครวม จาก
๓. เหตุการณ์หลังเป็นผลของเหตุการณ์แรก หนังสือเรียน ในหนา 169 - 170 หรือ
ลมพัด - บ้าน - พัง
■
จากเว็บไซตทางการศึกษา
เขาหัวเราะ - ท้อง - แข็ง
■
พี่ชายอ่านหนังสือหนักจนสายตาสั้น
■
๒.๑) ประโยคซ้อนที่มีนามานุประโยค คืออนุประโยคที่ท�าหน้าที่เหมือนนามวลี
คือเป็นประธาน กรรมและส่วนเติมเต็มหรือส่วนเสริมจะมีค�าเชื่อม ได้แก่ ที่ ที่ว่า ว่า ให้ น�าหน้า
อนงค์ไม่ชอบให้ใครมาว่าคุณพ่อของเธอ
■
ชาวนาได้ยินมาว่าปีนี้น�้าจะมาก
■
คุณแม่ไม่ชอบให้ใครมากล่าวหาลูกโดยไม่มีความผิด
■
169
NET ขอสอบป 51
ขอสอบถามวา คําวา “ที่” ในขอใดทําหนาที่เชื่อมประโยค
1. สมบัติขายที่ไดราคาดี 2. สมบูรณไมชอบขนมที่ใสเนย
3. สมชายไปดูหนังที่สยามสแควร 4. สมหมายปลูกตนไมที่สวนหลังบาน
(วิเคราะหคําตอบ สมบูรณไมชอบขนม/ขนมใสเนย “ที่” ทําหนาที่เชื่อมประโยคทั้ง 2 ดังนั้นจึง ตอบ ขอ 2.)
คูมือครู 169
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
170 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
Engage Explore Explain Expand ตรวจสอบผล
Evaluate
กระตุนความสนใจ
ครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
• ความซับซอนของประโยค
การสื่อสารกันในชีวิตประจ�าวันมีการใช้ภาษาที่ซับซ้อน ประโยคสามัญอาจมีกลุ่มค�ายาวๆ สามัญเกิดขึ้นไดในสวนใดของ
มาประกอบบทประธาน บทกริยาและบทกรรมเพียงบทใดบทหนึ่งหรืออาจมาประกอบทั้ง ๓ บท ประโยค
ถ้าเป็นประโยคซ้อน ส่วนประกอบของประโยคซ้อนอาจจะประกอบด้วยประโยคย่อยมากกว่า (แนวตอบ นักเรียนตอบตาม
สองประโยค ประโยครวมก็อาจมีประโยคสามัญมากกว่า ๒ ประโยคมาประกอบกัน ซึ่งเรียก พื้นฐานความรูความเขาใจ)
ความซับซ้อนเหล่านี้ว่าประโยคซับซ้อน
๑.๒ ประโยคซับซ้อน สํารวจคนหา
๑) ประโยคสามัญทีซ่ บั ซ้อน คือประโยคสามัญทีม่ สี ว่ นขยายทัง้ บทประธาน บทกริยา นักเรียนจับคูกับเพื่อนคนหา
หรือบทกรรม เพียงบทใดบทหนึ่งหรือหลายบทก็ได้ เพื่อให้ข้อความมีความหมายชัดเจนมากยิ่งขึ้น ความรูเกี่ยวกับประโยคสามัญที่
๑.๑) ประโยคสามัญที่ซับซ้อนในภาคประธาน ซับซอนจากหนังสือเรียน ในหนา 171
๑. ส่วนขยายเป็นกลุ่มค�าที่มีค�าบุพบทน�าหน้า
ตัวแทนเยาวชนไทยจากภาคต่างๆ ของประเทศไทยประมาณ ๖๐ คน
■
เข้าพบนายกรัฐมนตรีที่ท�าเนียบรัฐบาล อธิบายความรู
๒. ประธานเป็นกลุ่มค�าที่มีค�าว่า “การ” หรือ “ความ” น�าหน้า นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อ
ความสามัคคีปรองดองของคนในชาติเป็นบ่อเกิดแห่งความสงบสุข
■ อธิบายความรู ในลักษณะโตตอบ
๓. ประธานมีส่วนขยายเป็นค�าหรือกลุ่มค�าปะปนกัน รอบวง จากนั้นครูสุมเรียกชื่อนักเรียน
สินค้านานาชนิดหลากหลายรูปแบบจากร้านค้าในหมู่บ้านชนบท
■ โดยตั้งคําถาม
แสดงถึงภูมิปัญญาของชาวบ้าน • ประโยคสามัญที่ซับซอนเกิด
ความซับซอนขึ้นที่สวนใดของ
๑.๒) ประโยคสามัญที่ซับซ้อนในภาคแสดง ประโยค
๑. ตัวแสดงเป็นกลุ่มค�ากริยาหลายๆ ค�า (แนวตอบ ประโยคสามัญทีซ่ บั ซอน
คุณพ่อพยายามจ้องมองดูการกระท�าของลูกอยู่
■
คือ ประโยคสามัญที่มีสวนขยาย
ตัวแสดงในประโยคคือ พยายามจ้องมองดู ซึง่ เป็นตัวแสดงทีม่ คี า� กริยา ทั้งบทประธาน บทกริยา หรือ
หลายค�าเรียงกันเป็นกลุ่ม บทกรรม)
๒. ตัวแสดงมีส่วนขยายหลายแห่งในประโยค
ภายในสัปดาห์นี้เราจะต้องอ่านหนังสือให้ส�าเร็จตามที่ได้วางแผนไว้
■
เกร็ดแนะครู
ครูควรสอนโดยการยกตัวอยางประโยคที่มีความซับซอน
โดยคนหาจากสื่อตางๆ ยกตััวอยางใหนักเรียนเขาใจมากยิ่งขึ้น
คูมือครู 171
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
Engage Explore Explain Expand ตรวจสอบผล
Evaluate
172
ขยายความเขาใจ
ครูและนักเรียนรวมกันทบทวน
องคความรูเรื่องประโยครวมที่
ซับซอน จากนั้นใหนักเรียนสืบคนประโยคจากหนังสือพิมพ
นิตยสาร ขอความที่ปรากฏในนวนิยายหรือเรื่องสั้นมาวิเคราะห
ถึงความซับซอนของประโยควาประโยคดังกลาวเปนประโยครวม
ที่มีความซับซอนในสวนใด
172 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
Engage Explore Explain Expand ตรวจสอบผล
Evaluate
กระตุนความสนใจ
ครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
• นักเรียนคิดวาความซับซอนของ
๓. ประโยครวมที่ซับซ้อนมีส่วนประกอบเป็นประโยคซ้อน ประโยคซอนเกิดขึ้นไดในสวน
สมชายจะเลื อ กประชาธิ ป ไตยที่ นั ก การเมื อ งทุ จ ริ ต คอร์ รั ป ชั่ น หรื อ เลื อ ก
■
ใดของประโยค
เผด็จการที่ผู้น�ามีคุณธรรมประจ�าใจ (แนวตอบ นักเรียนตอบตาม
ประโยคความซ้อน ค�าเชื่อม ประโยคความซ้อน พื้นฐานความรูความเขาใจ)
สมชายจะเลือกประชาธิปไตยทีน่ กั การเมือง หรือ สมชายเลื อ กเผด็ จ การที่ ผู ้ น� า มี คุ ณ ธรรม
ทุจริตคอร์รัปชัน ประจ�าใจ สํารวจคนหา
ประโยคหลัก ค�าเชื่อม ประโยคย่อย ค�าเชื่อม ประโยคหลัก ค�าเชื่อม ประโยคย่อย นักเรียนจับคูกับเพื่อนคนหา
สมชายจะเลือก ที่ (ประชาธิปไตย) หรือ สมชายเลือก ที่ (เผด็จการ) ความรูเกี่ยวกับประโยคซอนที่
ประชาธิปไตย นักการเมือง เผด็จการ ผู้น�ามีคุณธรรม ซับซอนจากหนังสือเรียน ในหนา
ทุจริตคอร์รัปชัน ประจ�าใจ 173 - 174
173
ขยายความเขาใจ
ครูและนักเรียนรวมกันทบทวนองคความรูเรื่องประโยคซอนที่ซับซอน จากนั้นใหนักเรียนสืบคนประโยค
จากหนังสือพิมพ นิตยสาร ขอความที่ปรากฏในนวนิยายหรือเรื่องสั้นมาวิเคราะหถึงความซับซอนของ
ประโยควาประโยคดังกลาวเปนประโยคซอนที่มีความซับซอนในสวนใด
คูมือครู 173
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ประโยคซับซอนแตละประเภทที่ อย่างมาก
สืบคนมาไดจากสื่อตางๆ พรอม ประโยคย่อย (เป็นประโยครวม)
บทวิเคราะหโครงสรางใหฟง ประโยคหลัก ค�าเชื่อม
ประโยคสามัญ ค�าเชื่อม ประโยคสามัญ
ครูตรวจสอบความถูกตองจาก
การบรรยายของนักเรียน บทละครพู ด เรื่ อ งเห็ น แก่ ลู ก ที่ ครูแสดง และ นักเรียนแสดง
ได้รบั ความสนใจเป็นอย่างมาก
กับอุปสรรคนานัปการที่เข้ามารุมล้อมรอบตัวเราได้
วิเคราะหโครงสรางประโยคสามัญ
ที่ซับซอน ประโยครวมที่ซับซอนและ ประโยคหลัก ค�าเชื่อม ประโยคย่อย (เป็นประโยคซ้อน)
ประโยคซอนที่ซับซอน ครูบอกแก่นักเรียน ว่า เราควรมีจิตใจเข็มแข็งอดทนจึงจะต่อสู้ฝ่าฟันกับอุปสรรค
ทั้งหลาย นานัปการทีเ่ ข้ามารุมล้อมรอบตัวเราได้
ประโยคหลัก ค�าเชื่อม ประโยคย่อย
NET ขอสอบป 53 เราควรมีจิตใจเข็มแข็ง อดทน ที่ (อุปสรรค) เข้ามา
ขอสอบถามวา ประโยค “มนุษย จึงจะต่อสู้ฝ่าฟันกับอุปสรรค รุมล้อมรอบตัว
ทุกคนลวนมีศักยภาพแฝงเรนเกินที่ นานัปการ เราได้
จะบรรลุภารกิจของตนเองไดอยาง
ประโยคหลัก ค�า ประโยค
งดงามทั้งสิ้น” เปนประโยคชนิดใด เชื่อม ย่อย
1. ประโยคความเดียว
เราควรมี จึง จะต่อสู้
2. ประโยคความเดียว 2 ประโยค
จิตใจ ฝ่าฟันกับ
3. ประโยคความซอน
4. ประโยคความรวม เข้มแข็ง อุปสรรค
(วิเคราะหคําตอบ เปนประโยค อดทน นานัปการ
ความซอน โดยใชคําสันธาน
“ที”่ เชือ่ มระหวางประโยคหลัก การรู้จักวิเคราะห์ความซับซ้อนของประโยค จะท�าให้นักเรียนสามารถเข้าใจข้อความที่มีความ
คือ “มนุษยทุกคนลวนมี ซับซ้อนมากขึ้นและยังสามารถน�าไปพัฒนางานเขียนของตนเอง ส�าหรับการสร้างรูปประโยคที่ซับซ้อน
ศักยภาพแฝงเรน” กับประโยค และได้ใจความสมบูรณ์เพื่อใช้สื่อสารในชีวิตประจ�าวัน
ยอย คือ “เกินจะบรรลุภารกิจ
ของตนเองไดอยางงดงาม” 174
ดังนั้นจึง ตอบ ขอ 3.)
174 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุนความสนใจ
ครูชวนนักเรียนสนทนาเกี่ยวกับ
ระดับภาษา โดยครูอาจเปดคลิป
๒ ระดับภาษา เสียงการอานขาวในพระราชสํานักให
ภาษาเป็นเครื่องมือในการสื่อสารเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในครอบครัวและสังคม นักเรียนฟง จากนั้นชี้ใหเห็นวาระดับ
ซึ่งลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลจะท�าให้การใช้ภาษามีความแตกต่างกัน ดังนั้นผู้ส่งสารควร ภาษาเปนสิ่งที่มีความเกี่ยวของกับ
ค�านึงถึงสถานภาพทางสังคม ประสบการณ์ และความรู้ของผู้รับสาร ภาษาไทยแบ่งระดับการใช้ภาษา ชีวิตประจําวันของมนุษยในดานการ
ออกเป็นหลายระดับ ผู้ใช้ภาษาจึงควรเลือกใช้ให้เหมาะสมตามสัมพันธภาพของบุคคล เพราะหากใช้ สื่อสารและระดับภาษาเปนลักษณะ
ภาษาผิดระดับหรือไม่เหมาะสมจะท�าให้การสื่อสารไม่สัมฤทธิผล เฉพาะทางวัฒนธรรมของภาษาไทย
ที่แตกตางจากภาษาอังกฤษ จากนั้น
๒.๑ กำรแบ่งระดับภำษำ ครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
ระดับภาษา สามารถแบ่งตามสถานการณ์การใช้ภาษาได้ ดังนี้ • ภาษาไทยแบงภาษาออกเปน
๑) ภาษาระดับทางการ หรืออาจเรียกว่า ภาษาแบบแผน เป็นภาษาทีใ่ ช้ในสถานการณ์ หลายระดับแสดงใหเห็นถึง
ที่เป็นทางการหรือเป็นพิธีการ ผู้ส่งสารมักเป็นบุคคลส�าคัญ บุคคลระดับสูงในวงวิชาการหรือสังคม ลักษณะเฉพาะของคนไทย
ผู้รับสารอาจเป็นบุคคลในวงการเดียวกันหรือประชาชนโดยทั่วไปก็ได้ ซึ่งผู้รับสารจะเป็นเพียงผู้รับรู้ อยางไร
ไม่จา� เป็นต้องมีการโต้ตอบ ภาษาระดับนีจ้ ะใช้ในการติดต่อธุรกิจ การงาน การเสนอข่าว หนังสือราชการ (แนวตอบ นักเรียนสามารถ
เอกสารราชการ งานเขียนทางวิชาการ การแสดงปาฐกถา เช่น ตอบไดอยางหลากหลายตาม
พื้นฐานความรู ความเขาใจ
ถ้าท่านทั้งหลายเห็นว่าถึงเวลาแล้ว ท่านต้องเตรียมตัวที่จะเสียสละ คือ สละความมักใหญ่ ครูควรชี้แนะขอมูลที่ถูกตองวา
ใฝ่สูงส่วนตัว ความริษยาโกรธแค้นส่วนตัวเสียให้สิ้น แล้วรวมกันตัดแต่งดวงจิตซึ่งเป็นอันหนึ่ง การแบงภาษาออกเปนหลาย
อันเดียวกันขึ้นเป็นของพลีที่บูชาแห่งความรักชาติ ให้สมควรที่เราทั้งหลายได้ชื่อว่าเป็นคนไทย ระดับแสดงใหเห็นวา คนไทย
อันเป็นนามซึ่งให้ความภูมิใจแก่เราทั้งหลาย เปนคนออนนอมถอมตน ให
ลัทธิเอาอย่าง : อัศวพาหุ เกียรติผูที่มีชาติวุฒิ คุณวุฒิ
วัยวุฒิที่สูงกวา)
นอกจากนีภ้ าษาระดับทางการยังน�าไปใช้ในสถานการณ์ทเี่ ป็นพิธกี ารต่างๆ เช่น ค�ากล่าว
บวงสรวง ค�ากล่าวในงานพิธีส�าคัญ เช่น
สํารวจคนหา
ขอพระบรมเดชานุภาพมหึมาแห่งสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าจงคุ้มครอง ครูทําสลากเทาจํานวนนักเรียน
ประเทศชาติและประชาชนชาวไทยให้ผ่านพ้นอุปัทว์พิบัติภัยทั้งปวง อริราชศัตรูภายนอกอย่าล่วง เขียนหมาย 1 หมายเลข 2 และ
เข้าท�าอันตรายได้ ศัตรูหมู่พาลภายในให้วอดวายพ่ายแพ้ภัยตัว บันดาลความสุขมั่นคงให้บังเกิดทั่ว หมายเลข 3 ในจํานวนที่เทาๆ กัน
ภูมิมณฑล บันดาลความร่มเย็นแก่อเนกนิกรชนครบคามเขตขอบ จากนั้นใหนักเรียนออกมาจับสลาก
ราชาภิสดี : ภาวาส บุนนาค ใครที่จับไดหมายเลขเดียวกันใหอยู
กลุมเดียวกัน สมาชิกในแตละกลุม
จากตัวอย่าง ภาษาระดับทางการเป็นภาษาที่ใช้ถ้อยค�าตามแบบแผนของภาษาเขียน รวมกันคนหาความรูในหัวขอตอไปนี้
มีความเคร่งครัดเรื่องไวยากรณ์และความสมบูรณ์ของประโยค • กลุมหมายเลข 1 คนหาความรู
175 ในหัวขอภาษาระดับทางการ
• กลุมหมายเลข 2 คนหาความรู
ในหัวขอภาษาระดับกึ่งทางการ
• กลุมหมายเลข 3 คนหาความรู
ในหัวขอภาษาระดับไมเปน
ทางการ
คูมือครู 175
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
176
176 คูมือครู
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ
นักเรียนนําองคความรูเกี่ยวกับ
ระดับภาษามาใชแตงประโยคที่ใชคํา
“แกเอาวัวออกไป...เอาออกไปไอ้พวกฉิบหาย...ลูกกูก�าลังจะตายให้กูไปซื้อยาก่อน” เดียวกัน โดยจะตองแสดงประโยค
นางร้องเสียงหลงรีบเอามือยึดราวสะพานไว้อย่างหมิ่นเหม่ ทั้ง 3 ระดับ คือ ภาษาไมเปนทางการ
“นี่จะแกล้งกูไปท�าไม...อย่าแกว่งสะพาน...ว้ายๆ บอกว่าอย่าแกว่งๆ” นางโวยวายไม่ได้ ภาษากึ่งทางการและภาษาทางการ
ศัพท์
“นี.่ ..นาง นางอย่าดิน้ ให้มนั มากนักซี น�า้ ยางหกหมดแล้วเห็นมัย้ ...โอย กูจะบ้าตาย...มาเจอ
ดีๆ ทัง้ นัน้ ” คนขายน�า้ ยางตะโกนข้ามมาอีกฟากหนึง่ ดูเหมือนเขาจะทนไม่ได้อกี ต่อไปแล้ว ตรวจสอบผล
ไพฑูรย์ ธัญญา ครูตรวจสอบความถูกตองของ
จากตัวอย่าง ภาษาระดับไม่เป็นแบบแผน จะไม่เคร่งครัดไวยากรณ์หรือความสมบูรณ์ ประโยคที่นักเรียนแตงขึ้น
ของประโยค ใช้ส�าหรับสื่อสารในชีวิตประจ�าวันกับบุคคลใกล้ชิด มักปรากฏค�าในสมัยนิยม ค�าตัด
ค�าที่สะดวกในการออกเสียงพูด ค�าภาษาต่างประเทศ ค�าต�่า ค�าสแลง
@
๒.๒ ตัวอย่ำงกำรใช้ภำษำระดับต่ำงๆ มุม IT
ภาษาทั้ง ๓ ระดับ ได้แก่ ระดับทางการ กึ่งทางการ และไม่เป็นทางการ เป็นการแบ่งระดับ ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับระดับภาษา
ภาษาตามสถานการณ์ที่ใช้ในชีวิตประจ�าวัน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวมีผลต่อการก�าหนดรูปแบบของ ตางๆ ไดจากเว็บไซตของ Thai
ถ้อยค�า ส�านวนโวหาร การเรียงเรียบประโยค และความเคร่งครัดไวยากรณ์ของภาษาระดับต่างๆ ซึ่ง Educational Portal http://blog.
ตารางเปรียบเทียบนี้ จะแสดงให้เห็นความแตกต่างทางไวยากรณ์ โดยใช้ประโยคทีม่ คี วามหมายเดียวกัน eduzones.com/yimyim/3359
มาเรียบเรียงด้วยถ้อยค�าที่แตกต่างกันในแต่ละระดับ ดังนี้
ภาษาไม่เป็นทางการ ภาษากึ่งทางการ ภาษาทางการ หลักฐาน
ตุ๋นเมียพ่อค้าขายเสื้อผ้า แฟนพ่อค้าขายเสื้อผ้าถูกหลอก ภรรยาพ่อค้าขายเสื้อผ้า แสดงผลการเรียนรู
ถูกคนร้ายหลอก แตงประโยคโดยใชคําเดียวกัน ใน
อย่ายื่นแขนออกไปนอกรถ อย่ายื่นแขนออกไปนอกรถนะ กรุณาอย่ายื่นแขนออกไปจาก ระดับภาษาที่แตกตางกัน 3 ประโยค
รถครับ ลงสมุด
แม่ค้าขายผลไม้โดนยี่ปั๊วตุ๋น แม่ค้าขายผลไม้ถูกยี่ปั๊วหลอก แม่ค้าขายผลไม้ถูกพ่อค้า
คนกลางหลอก
ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่นี้ ขอให้ ในวารดิถีขึ้นปีใหม่ ผมขอให้ ในศุภวารดิถีขึ้นปีใหม่ ขอ
เธอและครอบครัว มีแต่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์จงดลบันดาลให้ อาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย
ความสุขเยอะๆ นะ เธอและครอบครัวมีความสุข ดลบันดาลให้คุณพรศิริ และ
ตลอดไปนะ ครอบครัวประสบแต่ความสุข
ความเจริญตลอดกาลนาน
เทอญ
177
คูมือครู 177
สํารวจคนหา อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
178 คูมือครู
สํารวจคนหา อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
สํารวจคนหา
1. นักเรียนสังเกตวิธีการสนทนาของ
ตนเอง โดยจับคูกับเพื่อนสมมติ
๓.๓ ถ้อยค�า บทบาทใหเพื่อนเปนครูหรือเปน
ภาษาทีใ่ ช้ในระดับทางการ สรรพนามบุรษุ ที ่ ๑ ได้แก่ กระผม ผม ดิฉนั และข้าพเจ้า สรรพนาม ผูใหญที่ตองสนทนาดวย และ
ฝ่ายผู้รับสารจะใช้ ท่าน ท่านทั้งหลาย ส่วนภาษาระดับกึ่งทางการ สรรพนามบุรุษที่ ๑ จะใช้ ฉัน ผม สมมติบทบาทใหเพื่อนเปนพี่นอง
ดิฉัน กัน เรา หนู สรรพนามแทนผู้รับสารจะใช้ เธอ คุณ ท่าน ตัว แก ฯลฯ หรือคนในครอบครัวเดียวกัน
ถ้อยค�าที่ใช้ไม่ตรงกันในภาษาทางการและภาษากึ่งทางการหรือภาษาสนทนา เช่น สังเกตและจดบันทึกความ
แตกตางลงในสมุด
ระดับภาษาทางการ ระดับภาษากึ่งทางการและภาษาสนทนา 2. นักเรียนคนหาความรูในประเด็น
โรงภาพยนตร์ โรงหนัง องคประกอบในการเลือกใชระดับ
ภาษาเพื่อการสื่อสาร จากหนังสือ
ใบอนุญาตขับรถ ใบขับขี่
เรียน หรือจากเว็บไซตทางการ
หนังสือรับรอง ใบรับรอง ศึกษา
อัคคีภัย เพลิงไหม้ ไฟไหม้
ดวงตราไปรษณียากร แสตมป์ อธิบายความรู
เครื่องบิน เรือบิน นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อ
อุทกภัย น�้าท่วม อธิบายความรูที่ไดจากการสังเกต
แจ้งให้ทราบ บอกให้รู้
บทสนทนาของตนเองจากนั้นครูตั้ง
คําถามกับนักเรียนวา
• นักเรียนคิดวาบทสนทนาที่
๔ องค์ประกอบในการเลือกใช้ระดับภาษาเพือ่ การสือ่ สาร นักเรียนสนทนากับเพื่อนทั้งใน
ในการเลือกใช้ระดับภาษาเพื่อการสื่อสารมีปัจจัยที่ก�าหนดการเลือกใช้ระดับภาษา ดังนี้ สถานการณที่เพื่อนเปนครู และ
๔.๑ สัมพันธภาพระหว่างบุคคล เพื่อนเปนคนในครอบครัวมี
สัมพันธภาพหรือความสัมพันธ์ระหว่างผูส้ ง่ สารกับผูร้ บั สาร หมายถึง บทบาททางสังคมระหว่าง ความแตกตางกันอยางไร
(แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ
ผู้ส่งสารกับผู้รับสารซึ่งจะมีส่วนก�าหนดให้ระดับภาษาที่ใช้มีความแตกต่างกันออกไปทุกครั้งที่มีการ
ไดอยางหลากหลาย ตามขอมูล
สื่อสาร ดังนั้นผู้ส่งสารจึงควรระลึกอยู่เสมอว่า เราเป็นใคร ผู้ที่เราจะสื่อสารด้วยเป็นใคร ซึ่งการค�านึง
ที่นักเรียนสังเกตและบันทึกไว
ถึงเหตุดงั กล่าวจะส่งผลให้การเลือกใช้ระดับภาษามีความแตกต่างกันแม้วา่ จะสือ่ สารเรือ่ งเดียวกันก็ตาม
ครูควรสงเสริมใหนักเรียนทุกคน
ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ส่งสารกับผู้รับสาร ถูกก�าหนดด้วยปัจจัยหลายประการ เช่น อายุ
ไดมีโอกาสอธิบายความรู หลัง
ชนชั้นทางสังคม ความเกี่ยวข้อง สถานภาพและบทบาททางสังคม เช่น เจ้านายกับลูกจ้าง อาจารย์
จากนั้นใหครูและนักเรียนสรุป
กับลูกศิษย์ ความสัมพันธของบทสนทนากับ
สัมพันธภาพระหวางบุคคล)
179
NET ขอสอบป 52
ขอสอบถามวา สํานวนใดกลาวถึงการใชภาษาใหเหมาะสมกับฐานะบุคคล
1. คนยากวาผี คนมีวาศพ 2. ผูดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนน
3. เขาเมืองตาหลิ่ว ตองหลิ่วตาตาม 4. พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตําลึงทอง
(วิเคราะหคําตอบ สังเกตจากคําวาผีและศพ มีความหมายเดียวกันแตใชตางกันตามสถานภาพของบุคคล
ดังนั้นจึง ตอบ ขอ 1.) คูมือครู 179
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
เกร็ดแนะครู
(แนวตอบ คําถามประจําหนวยการ
เรียนรู
คําถาม ประจําหนวยการเรียนรู 1. ประโยคแบงตามโครงสรางได
3 ชนิด คือ ประโยคความเดียว
๑. ประโยคแบงตามโครงสรางไดกี่ชนิด อะไรบาง จงอธิบาย หรือประโยคสามัญ ประโยครวม
๒. ประโยคซอนและประโยครวมเหมือนหรือแตกตางกันอยางไร จงอธิบายพรอมยกตัวอยาง และประโยคซอน
๓. ภาษาสแลงมีลักษณะอยางไรและถามีการใชภาษาสแลงอยางตอเนื่อง จะสงผลอยางไรตอการใช 2. ประโยครวม คือ ประโยคที่
ภาษาไทย จงอธิบาย มี 2 ประโยคมารวมกันโดยมี
๔. การเลือกใชระดับภาษาเพื่อการสื่อสารขึ้นอยูกับองคประกอบใดบาง คําสันธานเปนตัวเชื่อม สวน
๕. การเรียนรูเรื่องระดับภาษา ใหประโยชนตอการสื่อสารในชีวิตประจําวันของนักเรียนอยางไร ประโยคซอน คือ ประโยคที่มี
ประโยคหลักและประโยคยอย
ที่เปนสวนขยายเรียกวา
อนุประโยค
3. ภาษาสแลง หมายถึง คําศัพท
ที่วัยรุนใชสื่อสารกัน เขาใจ
ความหมายซึ่งกันและกัน เชน
เด็กแวน หมายถึง กลุมเด็กที่
ชอบซิ่งจักรยานยนต แอบแบว
กิจกรรม สรางสรรคพัฒนาการเรียนรู
ทําตัวเปนเด็กวัยรุนไรเดียงสา
4. การใชระดับภาษาเพื่อการ
กิจกรรมที่ ๑ นักเรียนรวบรวมประโยคสามัญ ประโยคซอน ประโยครวม แลวนํามาวิเคราะห สื่อสาร ผูใชจะตองคํานึงถึง
สวนประกอบของประโยคอยางนอยประเภทละ ๑๐ ประโยค สัมพันธภาพระหวางบุคคล
กิจกรรมที่ ๒ นักเรียนรวบรวมคําราชาศัพทจากแหลงคนควาในหนังสือพิมพ นิตยสาร บทความ
กาลเทศะ เนื้อหาและสื่อที่ใช
เรื่องสั้น นวนิยาย ลงสมุดสงครูผูสอน
5. การเรียนรูเรื่องระดับภาษา
กิจกรรมที่ ๓ นักเรียนรวมกลุมกันอภิปรายถึงประโยชนของการใชภาษาใหเหมาะสมกับบุคคล
จากนั้นสงตัวแทนของกลุมออกมาสรุปผลการอภิปรายที่หนาชั้นเรียน
ทําใหสามารถสื่อสารใน
ชีวิตประจําวันไดอยางถูกตอง
เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
บรรลุจุดประสงคที่ตั้งไว)
181
คูมือครู 181
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
เปาหมายการเรียนรู
1. อธิบายลักษณะของโคลงสี่สุภาพ
ไดทั้งลักษณะบังคับคณะ ลักษณะ
บังคับเอก-โท ลักษณะบังคับสัมผัส
2. แตงโคลงสี่สุภาพถูกตองตาม
ฉันทลักษณและมีความไพเราะ
กระตุนความสนใจ
นักเรียนดูภาพประกอบหนาหนวย
จากนั้นครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
• บุคคลในภาพกําลังอยูใน
สถานการณใดและใชทักษะ
ในการสื่อสารประเภทใด
(แนวตอบ นักเรียนสามารถ
ตอบไดอยางหลากหลาย ตาม
พื้นฐานความรูและความเขาใจ
คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ
ó
ครูผูสอน)
• การแตงบทรอยกรองประเภท
ใดที่สามารถแตงไดงายที่สุด
เพราะเหตุใด หนวยที่
(แนวตอบ นักเรียนสามารถ
ตอบไดอยางหลากหลาย ตาม
การแตงบทรอยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ
พื้นฐานความรูและความเขาใจ) ตัวชี้วัด
■ แตงบทรอยกรอง (ท ๔.๑ ม.๓/๖) การแตงบทรอยกรองประเภทโคลงสี่
สุภาพ จําเปนตองมีความรูเบื้องตนในการ
แตงทัง้ ดานฉันทลักษณทเี่ ปนขอบังคับทัว่ ไป
เกร็ดแนะครู และลักษณะนิยม รวมไปถึงความไพเราะและ
ครูสามารถคนควารายละเอียด แนวคิดของบทรอยกรองซึง่ ผูแ ตงตองคํานึงถึง
สาระการเรียนรูแกนกลาง คุณคาที่จะฝากไวใหผูอานไดรับประโยชนและ
เพิ่มเติมเกี่ยวกับฉันทลักษณของคํา ความประทับใจในการอานบทรอยกรอง
แตงบทรอยกรองประเภทโคลงสีส่ ภุ าพ
ประพันธไดจากหนังสือพจนานุกรม ■
วรรณกรรมไทย ภาคฉันทลักษณ
ฉบับราชบัณฑิตยสถาน
182 คูมือครู
สํารวจคนหา อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
สํารวจคนหา
นักเรียนรวมกันสํารวจคนหา
เกี่ยวกับความหมายของโคลงและ
๑ ÅѡɳÐâ¤Å§ ฉันทลักษณของโคลงสี่สุภาพ
โคลงเปนรูปแบบของบทรอยกรองประเภทหนึ่งที่บังคับคณะ สัมผัส คําเอก คําโท เปน
บทรอยกรองเกาแกของไทย ปรากฏครั้งแรกในรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ (พระเจาอูทอง) ใน
ลิลิตโองการแชงนํ้า วรรณคดีเลมแรกของไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยา อธิบายความรู
โคลง ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ หมายถึง คําประพันธประเภทหนึง่ 1. นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อ
ที่มีจํานวนคําในวรรค สัมผัสและบังคับเอก โท ตามตําราฉันทลักษณ อธิบายความรูที่ไดจากการศึกษา
คนควารวมกับเพื่อน โดยครูตั้ง
๒ »ÃÐàÀ·¢Í§â¤Å§ ประเด็นใหนักเรียนอธิบายความรู
โคลงจําแนกตามลักษณะทางรูปแบบมี ๒ ประเภท คือ โคลงสุภาพและโคลงดั้น เปนโคลงที่ เกี่ยวกับความหมายของโคลง
แตงกันมาแตเดิม ตอมาไดมีการแตงเพิ่มลักษณะบังคับพิเศษเปลี่ยนแปลงลักษณะบางอยาง ทําใหมี (แนวตอบ โคลง คือ บทรอยกรอง
โคลงตามลักษณะพิเศษ ๒ ประเภท คือ โคลงกระทูและโคลงกลบท ประเภทหนึ่งของไทยที่มีการบังคับ
โคลงสุภาพ แบงออกเปน คณะ สัมผัส เอก-โท โดยเปนบท
๑. โคลงสองสุภาพ รอยกรองที่เกิดขึ้นในสมัยอยุธยา
๒. โคลงสามสุภาพ โคลง ตามความหมายในพจนานุกรม
๓. โคลงสี่สุภาพ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554
๔. โคลงจัตวาทัณฑี หมายถึง คําประพันธประเภทหนึ่ง
๕. โคลงตรีพิธพรรณ ที่มีจํานวนคําในวรรค สัมผัสบังคับ
โคลงดั้น แบงออกเปน เอก โท ตามตําราฉันทลักษณ)
๑. โคลงสองดั้น 2. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่ออธิบาย
๒. โคลงสามดั้น ความรูเกี่ยวกับฉันทลักษณของ
๓. โคลงสี่ดั้น แบงออกเปน ๓ ชนิด โคลงสี่สุภาพ
■ โคลงดั้นบาทกุญชร
■ โคลงดั้นวิวิธมาลี
■ โคลงดั้นสินธุมาลี
๑๘๓
คูมือครู 183
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
วรรณคดีเรื่องลิลิตพระลอ เปนวรรณคดีที่เปนแบบอย่าง
ฉันทลักษณ์ของบทร้อยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ
184
184 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู
1. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่อตอบ
คําถาม
แผนผัง โคลงสี่สุภาพ • บทเพลงดังกลาวแตงดวยคํา
่
้ ( )
ประพันธประเภทใด เพราะเหตุใด
(แนวตอบ โคลงสี่สุภาพ โดย
่
่ ้
สังเกตจากฉันทลักษณของ
่
่ (
)
คําประพันธ ลักษณะบังคับ
เอก-โท และสัมผัส)
่
้
่ ้
2. นักเรียนรวมกันอธิบายความรู
ตัวอย่าง เกี่ยวกับความรูเบื้องตนในการแตง
เสียงฦๅเสียงเล่าอ้าง อันใด พี่เอย บทรอยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ
เสียงย่อมยอยศใคร ทั่วหล้า (แนวตอบ การแตงบทรอยกรอง
ประเภทโคลงสี่สุภาพ ผูแตงจะ
สองเขือพี่หลับใหล ลืมตื่น ฤๅพี่
ตองมีความรู
สองพี่คิดเองอ้า อย่าได้ถามเผือ 1. คณะ ไดแก จํานวน บท บาท
(ลิลิตพระลอ)
วรรค และคํา
2. สัมผัส
ซึ่งต�าแหน่งค�าเอกที่บังคับใช้ในโคลงอาจใช้ค�าชนิดอื่นแทนได้ ดังนี้ 3. คําเอก โท
■ ค�าตาย มี ๒ ชนิด ลักษณะแรก คือค�าที่ประสมด้วยสระเสียงสั้น ไม่มีตัวสะกด เช่น นะ คะ
4. คําเปน คําตาย
นิ รึ สุ เกาะ ฯลฯ และอีกลักษณะหนึ่ง คือค�าที่ประสมด้วยสระเสียงสั้นหรือยาว สะกดด้วยพยัญชนะ 5. คําเอกโทษ โทโทษ
ในมาตรา |ก| |ด| | บ| 6. คําสรอย)
3. นักเรียนรวมกันอธิบายความรู โดย
ตัวอย่าง โคลงสี่สุภาพที่ใช้ค�าตายแทนค�าเอก ครูเปนผูสุมเรียกชื่อ โดยใชคําถาม
เมืองเพชรเขาเพชรแพร้ว พรายฉาย ตอไปนี้
เฉกนุชนาฏกรกราย นพเก้า • คําเปนและคําตายหมายถึง
แสงเพริศพิศอับอาย แหวนนุช พี่เอย (แนวตอบ คําเปน หมายถึง คําที่
ยอดและยอดรุ่งเร้า รอบก้อยกลางสมร ประสมดวยสระเสียงยาว สวน
(โคลงนิราศนรินทร์) คําตาย หมายถึง คําที่ประสม
ดวยสระเสียงสั้น ไมมีตัวสะกด
■ ค�าทีป่ ระสมด้วยสระเสียงสัน้ และไม่มตี วั สะกด และค�าทีป่ ระสมด้วยสระอ�า อนุโลมให้ใช้แทน หรือคําที่ประสมดวยสระ
ต�าแหน่งค�าเอกได้ ในกรณีมีค�าที่ประสมด้วยสระอ�าเป็นได้ทั้งค�าเป็นและค�าตาย ส่วนจะเป็นค�าชนิดใด เสียงสั้นหรือยาว สะกดดวย
นั้นให้พิจารณาจากต�าแหน่งบังคับเอก - โท (ถ้าอยู่ในต�าแหน่งบังคับค�าเอกนับเป็นค�าตาย) พยัญชนะในมาตรา /ก/ /ด/ /บ/)
• คําเอกโทษ โทโทษ หมายถึง
(แนวตอบ คําเอกโทษ คือ คําที่
เปลี่ยนรูปวรรณยุกตโท เปน
185 วรรณยุกตเอก ใหตรงตําแหนง
คําเอกตามที่บังคับในคํา
ประพันธ เชน คําวา “ซู” เปน
เอกโทษ เดิมคือ “สู” สวนคํา
โทโทษ คือ คําที่เปลี่ยนรูป
วรรณยุกตเอกเปนวรรณยุกตโท
เพื่อใหตรงตําแหนงคําโทตามที่
บังคับในคําประพันธ เชน คําวา
“เหลา” เดิมคือ “เลา”)
คูมือครู 185
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
เกร็ดแนะครู
(แนวตอบ คําถามประจําหนวยการ
เรียนรู
คําถาม ประจําหนวยการเรียนรู 1. ๐๐๐๐๐ ่ ้ ๐๐ (๐๐)
๐๐๐๐๐่ ๐๐
่ ้
๑. จงเขียนแผนผังโคลงสี่สุภาพใหถูกตองตามฉันทลักษณ ๐๐๐๐๐ ่ ๐๐ ่ (๐๐)
๒. ยกตัวอยางคําประพันธประเภทโคลงสีส่ ภุ าพตามทีเ่ คยเห็นแลวอธิบายวามีลกั ษณะตรงตามฉันทลักษณ ๐๐๐๐๐
่ ้ ๐๐๐๐
่ ้
หรือไม อยางไร 2. จากมามาลิ่วลํ้า ลําบาง
๓. คําเอกโทษ คําโทโทษมีลักษณะอยางไร จงอธิบายและยกตัวอยาง บางยี่เรือราพลาง พี่พรอง
เรือแผงชวยพานาง เมียงมาน มานา
๔. จากคําประพันธใหนักเรียนระบุคําเอก คําโทและสัมผัสบังคับ
บางบรับคําคลอง คลาวนํ้าตาคลอ
จิบจับเจาเจาเจา รังมา
จอกจาบจั่นจรรจา จาจา
โคลงที่ยกมานี้อยูในวรรณคดี
เคาคอยคอยคอยหา เห็นโทษ เรื่องนิราศนรินทร เปนโคลง
ซอนซอนซอนสริ้วหนา นิ่งเราเอาขวัญ ที่ถือวาเปนตัวอยางของโคลง
(โคลงอักษรสามหมู่ : พระศรีมโหสถ) สี่สุภาพ มีจํานวนคําเอก คํา
๕. ปจจัยใดที่สนับสนุนใหนักเรียนอานโคลงสี่สุภาพเขาใจ เกิดความซาบซึ้งคลอยตามไปกับบทประพันธ โท ครบถวน สัมผัสตรงตาม
จงอธิบาย ฉันทลักษณ
3. คําเอกโทษ คือ คําที่เปลี่ยนรูป
วรรณยุกตโท เปนวรรณยุกตเอก
กิจกรรม สรางสรรคพัฒนาการเรียนรู ใหตรงตําแหนงคําเอกตามที่
บังคับในคําประพันธ เชน คําวา
กิจกรรมที่ ๑ นักเรียนสืบคนความหมายของคําเอกและคําโท พรอมยกตัวอยางนํามาจัดแสดงบน “ซู” เปนเอกโทษ เดิมคือ “สู”
ปายนิเทศในหองเรียน สวนคําโทโทษ คือ คําที่เปลี่ยน
กิจกรรมที่ ๒ นักเรียนแบงกลุมเลือกศึกษาบทประพันธประเภทโคลงสี่สุภาพ ถอดความและ รูปวรรณยุกตเอกเปนวรรณยุกต
วิเคราะหคณะ บังคับ สัมผัสและคําเอก คําโทของบทประพันธนาํ เสนอหนาชัน้ เรียน โท เพื่อใหตรงตําแหนงคําโท
กิจกรรมที่ ๓ นักเรียนแบงกลุม กลุมละ ๔ คน ชวยกันแตงโคลงสี่สุภาพอยางนอยกลุมละ ๑ บท ตามที่บังคับในคําประพันธ เชน
โดยเลือกประพันธจากหัวขอที่สนใจ คําวา “เหลา” เดิมคือ “เลา”
4. คําเอก ไดแก เจา จา คอย
คําตายที่ใชแทนคําเอก ไดแก
จาบ โทษ ซอน นิ่ง
คําโท ไดแก เจา จา หนา เรา
สัมผัส ไดแก มา จา หา จา หนา
5. สาเหตุที่ทําใหสามารถอานโคลง
สี่สุภาพไดเขาใจ เปนเพราะ
มีความเขาใจในฉันทลักษณ
187 ของบทประพันธ ศึกษาเรื่อง
ความหมายของคํา ฝกการอาน
ตีความ)
คูมือครู 187
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
บรรณานุกรม
กองเทพ เคลือบพณิชกุล. (๒๕๔๒). การใช้ภาษาไทย. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์.
กาญจนา นาคสกุล และคณะ. (๒๕๒๔). การใช้ภาษาไทย. กรุงเทพฯ : เคล็ดไทย.
กุสุมา รักษมณี. (๒๕๓๔). สีสันวรรณกรรม. กรุงเทพฯ : ศยาม.
กุสุมา รักษมณี และคณะ. (๒๕๓๑). สังกัปภาษา ๑. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์.
. (๒๕๓๑). ทักษะสื่อสาร ๑. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์.
. (๒๕๓๑). ทักษะสื่อสาร ๒. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์.
กุหลาบ มัลลิกะมาส และวิพุธ โสภวงศ์. (๒๕๔๒). การเขียน ๑. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์.
เจือ สตะเวทิน. (๒๕๒๒). ต�ารับวรรณคดี. กรุงเทพฯ : อนงค์ศิลป์การพิมพ์.
ฐะปะนีย์ นาครทรรพ. (๒๕๔๓). การเขียน ๒. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์.
. (๒๕๔๕). การสอนภาษาไทยขั้นพื้นฐาน ระดับมัธยมศึกษา. กรุงเทพฯ : ศูนย์ส่งเสริมวิชาการ.
. (๒๕๒๘). บันไดหลักภาษา ๑. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์.
. (๒๕๔๒). บันไดหลักภาษา ๒. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์.
. (๒๕๔๒). บันไดหลักภาษา ๓. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์.
ฐะปะนีย์ นาครทรรพ และคณะ. (๒๕๔๒). ภาษาสุนทร ๑. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์.
ณรงค์ มั่นเศรษฐวิทย์. (๒๕๔๐). ภาษากับการพัฒนาความคิด. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์.
ดวงใจ ไทยอุบุญ. (๒๕๕๒). ทักษะการเขียนภาษาไทย. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ทวีศักดิ์ ญาณประทีบ. (๒๕๒๕). การเขียนสารคดี. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยรามค�าแหง.
นววรรณ พันธุเมธา. (๒๕๒๗). ไวยากรณ์ไทย. กรุงเทพฯ : รุ่งเรืองสาส์นการพิมพ์.
บรรจบ พันธุเมธา. (๒๕๓๔). ลักษณะภาษาไทย. กรุงเทพฯ : คุรุสภาลาดพร้าว.
ผจงวาด พูลแก้ว. (๒๕๔๗). แบบฝึกทักษะฟัง พูด อ่าน เขียน. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.
ราชบัณฑิตยสถาน. (๒๕๕๒). พจนานุกรมศัพท์วรรณกรรมไทย. กรุงเทพฯ : ยูเนียน อุลตร้าไวโอเล็ต.
วนิดา จันทรุจิรากร. (๒๕๔๓). อินเทอร์เน็ต มิติใหม่ของการสื่อสาร. กรุงเทพฯ : เธิร์ดเวฟ เอ็ดดูเคชั่น.
วาสนา บุญสม. (๒๕๓๙). กลอนสัมผัสใจได้อย่างไร. กรุงเทพฯ : ลินคอร์น โปรโมชั่น.
วิจิตร อาวะกุล. (๒๕๔๐). เพื่อการพูดการฟังและการประชุมที่ดี. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์.
วิเชียร เกษประทุม. (๒๕๔๑). โวหารในวรรณคดีไทย. กรุงเทพฯ : พัฒนาศึกษา.
สถาบันภาษาไทย. (๒๕๔๕). บรรทัดฐานภาษาไทย เล่ม ๑. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
. (๒๕๕๒). บรรทัดฐานภาษาไทย เล่ม ๓. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
สนิท ตั้งทวี. (๒๕๓๖). อ่านไทย. กรุงเทพฯ : บารมีการพิมพ์.
สมพร มันตสูตร. (๒๕๓๕). การเขียนสร้างสรรค์. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์.
สุวิทย์ มูลค�า. (๒๕๔๕). ชวนครูฮาพานักเรียนเฮ. กรุงเทพฯ : ภาพพิมพ์.
ส�านักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ. (๒๕๕๓). ราชาศัพท์. กรุงเทพฯ : ด่านสุทธาการพิมพ์.
อวยพร พานิช และคณะ. (๒๕๕๓). ภาษาและหลักการเขียนเพื่อการสื่อสาร. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์แห่ง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อัจฉรา ชีวพันธ์. (๒๕๔๔). อ่านสนุก - ปลุกส�านึก. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อุปกิตศิลปสาร, พระยา. (๒๕๑๔). หลักภาษา. กรุงเทพฯ : วัฒนาพานิช.
188
188 คูมือครู
แบบทดสอบอิงมาตรฐาน
เนนการคิด
การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีจุดมุงหมายเพื่อใหผูเรียนอานออก เขียนได คิดคํานวณเปน มุงใหเกิดทักษะการเรียนรูตลอดชีวิต
เตรียมตัวเปนพลเมืองที่มีคุณภาพ และมีความสามารถในการแขงขันไดในอนาคต การจัดการเรียนรูที่สอดคลองกับจุดมุงหมายดังกลาว
จึงควรใหผูเรียนฝกฝนการนําความรูไปประยุกตใชในชีวิตจริง สามารถคิดวิเคราะหและแกปญหาได ดังนั้นเพื่อเปนการเตรียมความพรอม
ของผูเรียน ทางโครงการวัดและประเมินผล บริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด จึงไดจัดทําแบบทดสอบอิงมาตรฐาน เนนการคิด
โดยดําเนินการวิเคราะหสาระการเรียนรูที่สําคัญตามที่ระบุไวในมาตรฐานและตัวชี้วัดชั้นป แลวนํามากําหนดเปนระดับพฤติกรรมการคิด
เพื่อสรางแบบทดสอบที่มีคุณสมบัติ ดังน�้
1 วัดผลการเรียนรู 2 เนนใหผูเรียนเกิดการคิด ผูสอนสามารถนําแบบทดสอบน�้ไปใชเปนเครื่องมือวัด
และประเมินผล รวมทั้งเปนเครื่องบงชี้ความสําเร็จและรายงาน
คุณภาพของผูเรียนแตละคน เพื่อเปนการเตรียมความพรอม
ของนักเรียนใหมีความสามารถในดานการใชภาษา ดานการ
คิดคํานวณ และดานเหตุผล สําหรับรองรับการประเมินผลผูเ รียน
ที่สอดคลองกับมาตรฐาน ตามระดับพฤติกรรมการคิด ในระดับประเทศ (NT) และระดับนานาชาติ (PISA) ตอไป
ตัวชี้วัดชั้นปทุกขอ ที่ระบุไวในตัวชี้วัด
แบบทดสอบ
แบบทดสอบอิงมาตรฐาน เนนการคิด ที่จัดทําโดย โครงการวัดและประเมินผล บริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด ประกอบดวย
แบบทดสอบประจําภาคเรียนที่ 1 และแบบทดสอบประจําภาคเรียนที่ 2 ซึ�งแตละภาคเรียนจะมีแบบทดสอบ 2 ชุด แตละชุดมีทั้ง
แบบทดสอบปรนัย และแบบทดสอบอัตนัย โดยวิเคราะหมาตรฐานตัวชี้วัด และระดับพฤติกรรมการคิดที่สัมพันธกับแบบทดสอบไวอยาง
ชัดเจน เพื่อใหผูสอนนําไปใชเปนเครื่องมือวัดและประเมินผลผูเรียนไดอยางมีประสิทธิภาพ
โครงการบูรณาการ
ตารางวิเคราะหแบบทดสอบ ภาคเรียนที่ 1
ตารางวิเคราะหมาตรฐานตัวชี้วัด ตารางวิเคราะหระดับพฤติกรรมการคิด
ระดับ ขอของแบบทดสอบที่สัมพันธกับ
ชุดที่ มาตรฐาน ตัวชี้วัด ขอของแบบทดสอบที่สัมพันธกับตัวชี้วัด พฤติกรรม ระดับพฤติกรรมการคิด รวม
การคิด
1 1-3 A ความรู ความจํา 24 1
2 5-6 B ความเขาใจ 7 - 10, 12, 26, 28 - 29, 35 - 36 10
3 7 - 10 C การนําไปใช 1 - 3, 18, 23, 31 6
4 11 - 12 D การวิเคราะห 4 - 6, 11, 13 - 14, 16, 21, 25, 27, 32, 34 16
ท 1.1 5 13 37 - 40
6 15 E การสังเคราะห 15, 22 2
7 14 F การประเมินคา 17, 19, 20, 30, 33 5
1 8
10
1
17
4, 16
18
2 19
3 20
4 22
ท 2.1 5 23 - 24
6 25
7* -
10 21
1 16
2 15, 17
2 ท 2.1
3
4
18
20 - 21
5 19, 22
6*, 7* -
10 23
โครงการบูรณาการ
1 24 - 25
ท 3.1 4 26 - 27, 29
6 28
1 30 - 36
ท 4.1 3 37, 40
6 38 - 39
*หมายเหตุ ตัวชี้วัดบางตัวปรากฏอยูในขอสอบที่เปนอัตนัย
โครงการวัดและประเมินผล (2)
แบบทดสอบว�ชา ภาษาไทย หลักภาษาและการใชภาษา ภาคเร�ยนที่ 1 ¤Ðá¹¹·Õè ä´Œ
ชุดที่ 1
¤Ðá¹¹ÃÇÁ
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 3 50
แบบทดสอบ
1. เหมาะสม เพราะมีความไพเราะของสัมผัสใน
หนอย มีบุคลิกภาพดี 2. เหมาะสม เพราะมีจํานวนคําพอดีกับการทอดเสียง
นิด ออกเสียงไดถูกตองตามอักขรวิธี 3. ไมเหมาะสม เพราะแบงจังหวะไดไมเทากันทุกวรรค
ติ๋ว มีไหวพริบปฏิภาณ 4. ไมเหมาะสม เพราะควรฝกจากบทรอยกรอง
แตม มีแกวเสียงที่แจมใส ประเภทโคลง
โครงการบูรณาการ
อานบทรอยกรองที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 3.
1. ถาครูใหนักเรียนเสนอชื่อเพื่อนเพื่อเปนตัวแทนประกวด
C อานออกเสียง ควรเสนอเพื่อนคนใด เพราะเหตุใด กรุงเทพมหานคร นามรบิล
1. หนอย เพราะมีเสนห ดึงดูดความสนใจ เอาเลือดทาแผนดิน ทาบสราง
2. นิด เพราะชวยใหบทอานมีความนาสนใจ แผนดินตอแผนดิน ผานอดีต
3. แตม เพราะทําใหอานไดไพเราะ และนาฟง เลือดทวมนองทองชาง ชุมเมือง
4. ติ๋ว เพราะสามารถแกไขปญหาเฉพาะหนาได นาฏกรรมบนลานกวาง : คมทวน คันธนู
(3) โครงการวัดและประเมินผล
4. บุคคลใดมีพฤติกรรมการอานที่เกิดประโยชนมากที่สุด อานขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 6.
D 1. อัมพรอานหนังสือเฉพาะชวงใกลสอบ ครูกําหนดคําบนกระดานดํา จากนั้นใหมะลิจัดกลุมคํา
2. อัมพิกาเลือกอานหนังสือที่มีรูปเลมสวยงาม เปน 2 กลุม มะลิจัดกลุมคําได ดังนี้
3. อําพลจดบันทึกสาระที่ไดจากการอานลงในสมุดบันทึก
4. อําพันเลือกอานหนังสือเฉพาะประเภทที่ตนเองชอบ กลุมที่ 1 มือขวา มือสะอาด มือรอน
อยางสมํ่าเสมอ กลุมที่ 2 มือจับ มือตําลึง มือสกปรก
5. ขอใดจับกลุมถูกตองเมื่อใชเงื่อนไข “คําที่มีความหมาย
D นัยตรงเพียงอยางเดียว” 6. มะลิจัดกลุมคําแบบนี้ โดยใชหลักเกณฑใด
1. มือจับ มือตําลึง มือมืด D 1. กลุม ที่ 1 เปนคําซอน กลุมที่ 2 เปนคําซํ้า
2. มือตําลึง มือมืด มือขวา 2. กลุมที่ 1 เปนคําซอน กลุมที่ 2 เปนคําประสม
3. มือมืด มือรอน มือสกปรก 3. กลุมที่ 1 เปนคําที่มีความหมาย 2 นัย กลุมที่ 2
4. มือจับ มือตําลึง มือสกปรก เปนคําที่มีความหมายนัยประวัติ
4. กลุมที่ 1 เปนคําที่มีความหมาย 2 นัย กลุมที่ 2
เปนคําที่มีความหมายนัยตรง
แบบทดสอบ
7. ใจความสําคัญของนิทานเรื่องนี้ตรงกับขอใด
B 1. มารดาทําโทษเด็กชายแปะยู 2. เด็กชายแปะยูเปนคนแข็งแรงและอดทน
3. มารดาของเด็กชายแปะยูแกชรา 4. เด็กชายแปะยูเปนผูมีความกตัญู
8. เด็กชายแปะยูรองไหดวยสาเหตุใด
B 1. เพราะถูกมารดาทําโทษ 2. เพราะความชราของมารดา
3. เพราะมารดาจะอยูดวยอีกไมนาน 4. เพราะสํานึกในความผิดของตน
9. สาเหตุใดทําใหเด็กชายแปะยูเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
B 1. เพราะความเจ็บปวดที่ถูกมารดาลงโทษ 2. เพราะความรักที่มีตอมารดา
3. เพราะความสงสารที่มีตอมารดา 4. เพราะคําถามของมารดา
10. “แรงไมเรียว” บอกอะไรกับเด็กชายแปะยู
B 1. ความโมโหของมารดา 2. กําลังของมารดา
3. เวลาของมารดา 4. ความผิดของแปะยู
โครงการวัดและประเมินผล (4)
พิจารณาแผนผังความคิดทีก่ าํ หนด แลวตอบคําถามขอ 11. 14. เหตุผลใน
ลในขอใดเปนไปได ถามนุษยจําเปนตองกาว
D ใหทนั โลก
สายพันธุ ลักษณะของ
1. เพราะโลกถูกยอใหเล็กลง
ของกลวย ตนกลวย
กลวย 2. เพราะโลกเต็มไปดวยขอมูล
ประโยชน 3. เพราะโลกหมุนเร็วมากกวาในอดีต
……………….. ของกลวย 4. เพราะการไมกาวเทากับการกาวถอยหลัง
อานขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 15.
11. ประเด็นใดเหมาะสมจะเปนสวนหนึ่งของแผนผังความคิด
D เรื่อง “กลวย” มากที่สุด ลดนํ้าหนัก
1. ตนกําเนิดของกลวย ถาคุณตองการลดนํา้ หนักครึง่ กิโลกรัมตอสัปดาห
2. ความเชื่อเกี่ยวกับกลวย คุณจะตองลดอาหารใหได 500 แคลอรีตอวัน โดย
3. การจําแนกประเภทกลวย ลดปริ ม าณอาหารมื้ อ หนั ก ลง และเปลี่ ย นจาก
4. ความผูกพันระหวางกลวยกับคนไทย ของหวานมาเป น ผลไม หากต อ งการเผาผลาญ
12. การเขียนแผนผังความคิดมีความสําคัญตรงกับขอใด
B 1. จัดหมวดหมูเนื้อหาไดชัดเจน แคลอรีโดยการออกกําลัง คุณจะตองวิ่งใหไดวันละ
แบบทดสอบ
2. ขยายความงานเขียนไดชัดเจน หนึ่งชั่วโมง แตถาคุณกังวลเกี่ยวกับรูปรางมากกวา
3. เขียนสื่อสารดวยภาษาที่สละสลวย ตัวเลขบนเครื่องชั่งนํ้าหนัก การออกกําลังนาจะ
4. เขียนสื่อสารไดตรงกับความตองการของผูฟง เหมาะกวา เพราะนอกจากจะชวยเผาผลาญไขมันแลว
อานขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 13. - 14. ยังเสริมสรางกลามเนื้ออีกดวย ผูที่ควบคุมอาหาร
อยางเดียวจะสูญเสียทั้งไขมันและกลามเนื้อ
โครงการบูรณาการ
โลกหมุนเร็ว
โลกของเราหมุนเร็วขึ้นทุกวัน การกาวใหทันโลก 15. ถาใหแสดงความคิดเห็นสนับสนุนเรื่อง “ลดนํ้าหนัก”
ดวยการรับรูขอมูล ขาวสาร เรื่องราวจากสื่อตางๆ E ขอใดเหมาะสมจะใชเปนขอสนับสนุนหลักที่นาเชื่อถือ
กลายเปนสิง่ จําเปน การจะกาวใหทนั โลก จึงตองรับรู และเปนจริง
ขอมูลขาวสารใหไดมากที่สุด โลกถูกยอใหเล็กลง 1. พฤติกรรมการบริโภคเปนปจจัยที่สงผลตอสุขภาพ
ดวยโครงขายอินเทอรเน็ต มนุษยเขาถึงขอมูลไดงา ย 2. มนุษยเผาผลาญแคลอรีไดดวยการลดปริมาณอาหาร
และรวดเร็ว การจะหามไมใหกลุม วัยรุน เขาถึงขอมูล 3. การบริโภคอยางฉลาดคือการลดปริมาณอาหาร
จึงเปนเรื่องที่กระทําไดยาก และเทากับเปนการ ที่รับประทานในแตละมื้อ
หยุดโลกของพวกเขา หยุดกาวที่พวกเขาจะทันโลก 4. การลดปริมาณแคลอรีในแตละวันเปนวิธีการดูแล
ดวยศักยภาพของเด็กไทย พวกเขายอมมีวจิ ารณญาณ รูปรางที่ดีที่สุด
ในการรับสาร อีกประการหนึ่งนั้นเปนหนาที่ของ 16. ในหองสมุดขณะรวมโตะอานหนังสือ ปรานีเห็นพินจิ กมหนา
ผูป กครองทีจ่ ะตองใหเวลาแกพวกเขา ไตถามพูดคุย D อานหนังสืออยางตัง้ ใจ จึงเรียกวา “พินจิ เธออานหนังสืออะไร
แนะนํา กาวใหทันโลกของพวกเขา และกาวใหทัน สนุกหรือ ถึงตัง้ ใจอาน” พฤติกรรมของปรานีเปนพฤติกรรม
โลกยุคปจจุบัน ที่เหมาะสมหรือไม เพราะเหตุใด
13. เรื่อง “โลกหมุนเร็ว” มีลักษณะตรงกับขอใดมากที่สุด 1. เหมาะสม เพราะทําใหพินิจไมเครงเครียด
D 1. เสนอสถานการณที่เขาขั้นวิกฤต 2. ไมเหมาะสม เพราะอาจทําใหพินิจเกิดความไมพอใจ
2. เปนสถานการณที่ตองแกไขเรงดวน 3. ไมเหมาะสม เพราะเสียมารยาทขณะที่ผูอื่นใชสมาธิ
3. ใชภาษาสื่อสารเรื่องที่มีความซับซอน 4. เหมาะสม เพราะทําใหพินิจมีโอกาสไดคุยกับเพื่อน
4. ปรากฏขอมูลทั้งที่เปนขอเท็จจริงและทรรศนะ คนอื่นๆ
(5) โครงการวัดและประเมินผล
พิจารณาขอมูลที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 17.
สถิติภัยคุกคาม ประจําป พ.ศ. 2556
ประเภทภัยคุกคาม / เดือน ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. รวม
Abusive content 1 2 3 1 1 2 10
Availability 1 0 0 0 0 0 1
Fraud 36 48 49 56 78 56 323
Information gathering 3 0 0 0 0 2 5
Information security 0 0 0 0 0 0 0
Intrusion Attempts 56 23 17 23 16 11 146
Intrusion 6 3 50 61 115 94 329
Malicious code 1 4 6 4 3 11 29
แบบทดสอบ
Other 0 0 0 0 0 0 0
รวม 104 80 125 145 213 176 843
ขอมูลจาก : https://www.thaicert.or.th/statistics/statistics.html
17. จากเรื่อง “โลกหมุนเร็ว” ขอมูลขางตนเหมาะสมที่จะใชสนับสนุนประเด็นโตแยงใด
โครงการบูรณาการ
F 1. โลกหมุนเร็วจริงหรือ 2. วัยรุนไทยมีศักยภาพในการรับสารจริงหรือ
3. อินเทอรเน็ตชวยยอโลกจริงหรือ 4. ภัยจากอินเทอรเน็ตมีจริงหรือ
โครงการวัดและประเมินผล (6)
พิจารณาขอมูลที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 20. 21. สาเหตุใดที่ทําใหดนัยพบกับเหตุการณขางตน
D 1. เขามีความรูสึกรวมตอขาว
สมนึก ชายหนุมผูสูชีวิต ขับมอเตอร ไซครับจาง 2. เขาแสดงความคิดเห็นรุนแรง
เลี้ยงดูภรรยา และบุตรจํานวน 5 คน 3. เขาสื่อสารโดยใชภาษากํากวม
สมหมาย ชายหนุมผูมีฐานะปานกลาง 4. เขาสื่อสารโดยขาดวิจารณญาณ
เปนความหวังของครอบครัว และเขา อานขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 22.
ก็ไมเคยทําใหผิดหวัง
สมสุข ขาราชการบํานาญ เปดบานเปนพิพธิ ภัณฑ ในสังคมยุคปจจุบันที่เรงรีบ คนเมืองมักเลือก
ทองถิ่น สรางเครือขายชุมชนคุณภาพ รั บ ประทานอาหารโดยเน น ความสะดวกรวดเร็ ว
สมภพ นักธุรกิจหมื่นลาน ลมละลายในพริบตา เป น หลั ก ผลคื อ อาหารที่ บ ริ โ ภคมั ก มี คุ ณ ค า ตํ่ า
เพราะพิษเศรษฐกิจ แตยังยืนอยูได สารอาหารไมครบถวน นําไปสูส ภาพรางกายทีอ่ อ นแอ
ดวยความรักและกําลังใจจากครอบครัว เจ็บปวยงาย ทางออกของปญหานี้คือ การหันมา
ลงมือปลูกผักกินเองในครัวเรือน เพราะเสนทางนี้
20. ประวัติของบุคคลใด เหมาะสมที่จะนํามาเผยแพรใน จะชวยใหเราไดกินอาหารสดใหม ปลอดภัย ทั้งยัง
แบบทดสอบ
F หัวขอ “ตอยอดความดี” มากที่สุด เพราะเหตุใด ไดผลตอบแทนที่มากไปกวาอาหารอีกหลายเทา
1. สมนึก เพราะเปนแรงบันดาลใจใหคนสูชีวิต
2. สมหมาย เพราะเปนแรงบันดาลใจใหเห็นความสําคัญ 22. ขอใดคือสาระสําคัญเมื่อยอความขอความขางตน
E 1. โลกหมุนเร็วขึ้นทําใหคนไมมีเวลาที่จะปลูกผัก
ของครอบครัว
รับประทานเอง
3. สมสุข เพราะเปนแรงบันดาลใจใหคนเสียสละในบริบท
2. อาหารที่มีคุณคาตํ่าคืออาหารที่มีสารอาหาร
โครงการบูรณาการ
ที่ตนเองทําได
ไมครบถวน
4. สมภพ เพราะสะทอนใหเห็นวาชีวิตของมนุษย ไมมี
3. การปลูกผักกินเองเปนแนวทางหนึ่งที่ทําใหไดบริโภค
สิ่งใดยั่งยืน อาหารที่มคี ุณภาพ
อานขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 21. 4. การบริโภคผักทีม่ คี ณ
ุ คาทางสารอาหารจะทําใหรา งกาย
ไมเจ็บปวย
ดนัย ไดรับการยอมรับวาเปนแหลงขาวชั้นดี
23. ขอความวา “…ทางโรงเรียนพิจารณาแลวเห็นวา
ของเพือ่ น เพราะทุกขาว ทุกเรือ่ ง ทุกเหตุการณทดี่ นัย C ทานเปนผูมีความรู…” ควรอยูในจดหมายประเภทใด
เผยแพรผานโซเชียลมีเดียมักเปนเรื่องที่นาสนใจ 1. จดหมายธุรกิจ
เปนความจริงเสมอ ครั้งนี้ดนัยเผยแพรขาวสูเพื่อนๆ 2. จดหมายแตงตั้ง
ผานโซเชียลมีเดียตามปกติ ขาวนี้เปนเหตุการณที่ 3. จดหมายขอบคุณ
เกี่ยวของกับบุคคลหลายฝาย ดนัยมีความรูสึกรวม 4. จดหมายขอความอนุเคราะหเปนวิทยากร
กับขาวนี้เปนอยางยิ่ง เพราะเขาเปนหนึ่งในผูไดรับ 24. คําขึ้นตนและลงทายจดหมายในขอใดถูกตอง
ผลกระทบ เขาจึงแสดงความคิดเห็นและโนมนาว A เมื่อเขียนจดหมายเรียนเชิญวิทยากร
ใหผูอื่นคลอยตาม สุดทายมีการพิสูจนความจริง 1. เรียน-ขอแสดงความนับถือ
พบวาขาวนั้นเปนเพียง “เรื่องโคมลอย” หลังจากนั้น 2. กราบเรียน-ดวยความเคารพ
ขอมูลใดทีด่ นัยเผยแพร เขามักจะไดรบั คําถามกลับมา 3. เรียน-ดวยความเคารพอยางสูง
ทุกครั้งวา “จริงหรือ…ดนัย” 4. กราบเรียน-รักและเคารพอยางสูง
(7) โครงการวัดและประเมินผล
อานขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 25.
การเปลี่ยนแปลง
ฉันกําลังจะเดินทางไปทํางานตางจังหวัด
ฉันวางแผนตอวาจะพักผอนอยูที่นั่นตออีกสองวันในสุดสัปดาห
ฉันจองที่พักเพิ่ม และเชารถเตรียมไว
ฉันวางแผนและเตรียมการทุกอยางจนพรอม ฉันคิดถึงวันสุดสัปดาหที่จะมาถึง
กอนวันเดินทางไมนาน
มีงานดวนติดตอเขามา เปนงานที่ตองเดินทางไปตางประเทศ เปนงานที่ฉันอยากจะทํา
ฉันจึงตองเดินทางกลับเร็วขึ้น และเปลี่ยนแปลงแผนทุกอยางที่เตรียมการมา
ฉันจึงตองโทรแจงเปลี่ยนตั๋วเครื่องบินวันเดินทางใหเร็วขึ้น
ฉันตองโทรแจงเปลี่ยนวันเขาพัก ฉันตองโทรเปลี่ยนวันเชารถ
โชคดีที่ตั๋วเครื่องบินเปนแบบสามารถเปลี่ยนแปลงวันเวลาเดินทางได
แบบทดสอบ
โชคดีที่ที่พักนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงวันเขาพักได
โชคดีที่บริษัทเชารถนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงวันเชารถได
ฉันขอบคุณตัวเอง
ฉันจองตั๋วเครื่องบินแบบเปลี่ยนแปลงได
ฉันจองรถเชากับบริษัทที่เปลี่ยนแปลงได
โครงการบูรณาการ
จริงๆ แลวมันคงไมใชเรื่องโชค
มันเปนเรื่องของการเตรียมพรอมสําหรับการเปลี่ยนแปลงมากกวา
นักคิดจิปาถะ : ชิงชิง กฤชเทียมเมฆ
25. ผูเขียนแสดงทรรศ
นแสดงทรรศนะตรงกับขอใด 27. พฤติกรรมก
รรมการรับสารในขอใด ตองอาศัยหลักการฟง
D 1. ชีวิตของมนุษยไมไดเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา D อยางมีวิจารณญาณมากที่สุด
2. ความเปนจริงของชีวิตคือความเปลี่ยนแปลง 1. การฟงเพลงจากคลื่นวิทยุกระจายเสียง
3. ชีวิตที่ดีตองเปนชีวิตที่เปลี่ยนแปลงอยูเสมอ 2. การฟงแถลงขาวเศรษฐกิจจากกระทรวงพาณิชย
4. มนุษย ไมสามารถปรับตัวใหเขากับการเปลี่ยนแปลง 3. การฟงขาวแรงงานไทยในอียิปตจากสถานีโทรทัศน
26. การตัดสินประเมินคาภาพยนตรกับหนังสือสามารถใช 4. การฟงอภิปรายหาเสียงจากนักการเมืองที่มีชื่อเสียง
B เกณฑเดียวกันไดหรือไม เพราะเหตุใด 28. มนัสมักมีพฤติกรรมที่วา เมื่อไดยินใครพูดอะไร ที่มนัส
B พอจะทราบเรื่องมาบาง มนัสจะไมใสใจฟงเรื่องนั้นจนจบ
1. ได เพราะภาพยนตรและหนังสือเปนสารที่สงจาก
แตจะนําไปพูดตอตามความคิด ความเขาใจของตนเอง
ผูสงสารไปยังผูรับสาร มนัสมีพฤติกรรมการฟงสอดคลองกับขอใด
2. ไมได เพราะภาพยนตรและหนังสือมีองคประกอบ 1. จับดําถลําแดง
แตกตางกัน 2. ติเรือทั้งโกลน
3. ได เพราะภาพยนตรและหนังสือมีจดุ มุง หมายเดียวกัน 3. ปากวาตาขยิบ
4. ไมได เพราะทําใหผูประเมินเกิดความสับสน 4. ฟงไมไดศัพท จับไปกระเดียด
โครงการวัดและประเมินผล (8)
อานขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 29. 30. บุคคลใด
คลใดแสดงบทบาทไดเหมาะสมกับสถานภาพที่ไดรับ
F 1. สมภพ เพราะพูดยุติการโตแยงที่กําลังจะเกิดขึ้น
นายแพทยอรรณพพูดบรรยายเรือ่ งมะเร็งปอดวา 2. สมศักดิ์ เพราะไมสรางความวุนวายใหแกที่ประชุม
“สาเหตุสวนใหญของมะเร็งปอดเกิดจากการสูบบุหรี่ 3. สมพงษ เพราะกระตุนใหสมาชิกที่ประชุมรวมกัน
ดังนัน้ จึงควรเลิกสูบบุหรี่ เพราะมีผลในการลดอัตรา- แสดงความคิดเห็น
เสี่ยงตอการเกิดมะเร็งปอดไดอยางมาก นอกจากนี้ 4. สมชาย เพราะแสดงความคิดเห็นตอที่ประชุมอยาง
ยังไมเปนอันตรายตอคนใกลชิด เปนประโยชนตอ ตรงไปตรงมา
เศรษฐกิจครัวเรือนและเศรษฐกิจของประเทศชาติ” 31. นักเรียนสามารถปฏิบัติตนตามสํานวนในขอใดจึงจะได
29. จุดประสงคการพูดของนายแพทยอรรณพตรงกับขอใด
C ชื่อวาเปนผูมีมารยาทในการพูด
B 1. อธิบายสาเหตุของโรคมะเร็งปอด 1. ติเรือทั้งโกลน
2. โนมนาวใหลด ละ เลิก การสูบบุหรี่ 2. ปากวาตาขยิบ
3. ชี้แจงใหเขาใจเกี่ยวกับโรคมะเร็งปอด 3. กําแพงมีหู ประตูมีชอง
4. ชี้แจงใหเห็นประโยชนของการเลิกสูบบุหรี่ 4. ปากปราศรัย นํ้าใจเชือดคอ
แบบทดสอบ
พิจารณาสถานการณที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 30. อานขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 32.
โครงการบูรณาการ
ทุกคนควรมีสวนรวมในการแสดงความคิดเห็น เพื่อ
ใหไดมติที่เปนเอกฉันทของที่ประชุม ลดปริมาณอาหารที่ตนเองบริโภคในแตละวัน โดย
คุณสมชาย (หัวหนาโครงการเศรษฐกิจชุมชน) : ไมใหความสําคัญกับการออกกําลังกาย ซึง่ เปนวิธกี าร
ผมขอเรียนใหที่ประชุมทราบวา ในวาระนี้ ไมจําเปน ที่เหมาะสมสําหรับการดูแลรูปรางใหไดสัดสวน
ตองมีการแสดงความคิดเห็นเพื่อใหไดมติที่ประชุม
ขอมูลที่ผมนําเสนอไปนั้นเปนทางออกที่ดีที่สุดของ หญิงไทยทุกวันนี้ แปลความหมายของคําวา
ปญหาทั้งหมดครับ รูปรางดี ผิดไปมาก คือคิดวา รูปรางดีนั้น ตองผอม
คุณสมภพ (สมาชิกที่ประชุม) : ผมวาเราอยา จนวิตกกังวล กินนั่นไมได กินนี่ไมได ทําใหตัวเอง
มาเสียเวลาฟงความขางเดียวกันดีกวาครับ มารวมกัน ผอมทุกทาง ไมวาจะเปนดูดไขมัน ฝงเข็ม กินยาลด
ออกความคิดเห็นเพื่อใหไดมติที่ประชุมที่บริสุทธิ์ ความอวน โดยมองขามการออกกําลังกายซึ่งเปนวิธี
ดีกวาครับ ดูแลรูปรางที่ดีของจริง
คุณสมพงษ (ทานประธาน) : คุณสมศักดิ์ในฐานะ 32. ขอความทั้งสองแตกตางกันในดานใดชัดเจนมากที่สุด
ที่คุณเปนสวนหนึ่งของคณะทํางานนี้ตั้งแตเริ่มตน D 1. ระดับภาษา
โครงการ คุณมีความคิดเห็นอยางไรบางครับ 2. การลําดับความ
คุณสมศักดิ์ : ไมมคี รับทานประธาน ผมขอไมพดู 3. โวหารที่ใชเรียบเรียง
ดีกวา 4. วัตถุประสงคการเขียน
(9) โครงการวัดและประเมินผล
33. โอกาส สถานที่ และผูที่ตองสื่อสารดวย มีความเกี่ยวของ 37. คําในขอใดมีเงื่อนไขตรงกับคําวา “กระดังงา” ทั้งสองคํา
F กับระดับภาษาหรือไม อยางไร D 1. ผกากรอง ยี่สุน 2. กํายาน บุหงารําไป
1. เกี่ยวของ เพราะทําใหผูพูดสื่อสารไดตรงกับ 3. มะลิ กุแหละ 4. นอยหนา สาคู
ความมุงหมาย พิจารณาขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 38.
2. ไมเกี่ยวของ เพราะการพูดที่ประสบผลสําเร็จ กลุมที่ 1 ลางผลาญ กลาหาญ เขียวขจี
สําคัญที่วัตถุประสงคของผูจัดงาน
3. ไมเกี่ยวของ เพราะการพูดที่ประสบผลสําเร็จ กลุมที่ 2 แลกเปลี่ยน คุมกัน หอยโหน
สําคัญที่ความนาเชื่อของผูพูด 38. ขอใดสรุปความแตกตางของกลุมคําทั้งสองไดถูกตอง
4. เกี่ยวของ เพราะเปนปจจัยที่สงผลตอการเลือกใช D 1. พยัญชนะสะกด 2. หนาที่ของคํา
ระดับภาษาเพื่อการสื่อสาร 3. ที่มาของคํา 4. วิธีการสรางคํา
พิจารณาขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 34. - 35. อานขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 39.
กลุมที่ 1 นิพพาน เมตตา บุคคล ครูสุภาตรวจรายงานทางวิชาการเรื่อง “หัวใจของ
กลุมที่ 2 ครรภ หรรษา ภรรยา มนุษย” พบขอความ ดังนี้
แบบทดสอบ
3. เปนคําที่ใชเนื่องในพระพุทธศาสนาทุกคํา
4. ใชพยัญชนะแถวที่ 1 เปนตัวสะกด โดยมีพยัญชนะ 39. เพื่อนคนใดใชระดับภาษาเหมาะสมมากที่สุด เพราะเหตุใด
แถวที่ 1 หรือ 2 เปนตัวตามทุกคํา D 1. คนที่ 1 เพราะเปนภาษาระดับทางการ สื่อความลึกซึ้ง
35. คําในกลุมที่ 2 และ 3 มีความแตกตางกันอยางไร 2. คนที่ 2 เพราะเปนภาษาระดับทางการ สื่อความตรงไป
B 1. กลุมที่ 2 เปนคําที่ยืมมาจากภาษาสันสกฤต ตรงมา
กลุมที่ 3 เปนคําที่ใชในวรรณคดี 3. คนที่ 3 เพราะเปนภาษาระดับทางการ สือ่ ความชัดเจน
4. คนที่ 4 เพราะเปนภาษาระดับไมเปนทางการ
2. กลุมที่ 2 เปนคําที่ยืมมาจากภาษาบาลี
กลุมที่ 3 เปนคําไทยแท อานบทรอยกรองที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 40.
3. กลุมที่ 2 เปนคําที่ยืมมาจากภาษาบาลี ผิววงวายวัฎเวิ้ง วารี โอฆฤๅ
กลุมที่ 3 เปนคําที่ยืมมาจากภาษาเขมร บลุโลกกุตรโมลี เลิศลน
4. กลุมที่ 2 เปนคําที่ยืมมาจากภาษาสันสกฤต จงเจนจิตกวี วรวากย เฉลียวเอย
กลุมที่ 3 เปนคําที่ยืมมาจากภาษาเขมร ตราบลวงบวงภพพน เผด็จเสี้ยน เบียนสมร
36. คําที่กําหนดใหตอไปนี้ “เสด็จ เผด็จ ควร ทูล ผจญ” ลิลิตตะเลงพาย : กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
B มีลักษณะรวมกันตรงกับขอใด 40. ลักษณะเดนของโคลงสีส่ ภุ าพขางตนตรงกับขอใดมากทีส่ ดุ
1. คําที่ยืมมาจากภาษาบาลี สันสกฤต D 1. คําซอนเพื่อเสียง
2. คําที่ยืมมาจากภาษาเขมรมีความหมายคลายกัน 2. จินตนาการของกวี
3. คําทีย่ มื มาจากภาษาเขมรมีตวั สะกดไมตรงตามมาตรา 3. ใชคําตายแทนตําแหนงคําเอก
4. คําทีย่ มื มาจากภาษาเขมรโดยใชเปนคําราชาศัพททกุ คํา 4. การสลับคําในตําแหนงคําเอกและคําโท
โครงการวัดและประเมินผล (10)
ตอนที่ 2 ตอบคําถามใหถูกตอง จํานวน 3 ขอ 10 คะแนน ¤Ðá¹¹·Õè ä´Œ
¤Ðá¹¹àµçÁ
10
แบบทดสอบ
โชคดีที่ตั๋วเครื่องบินเปนแบบสามารถเปลี่ยนแปลงวันเวลาเดินทางได
โชคดีที่ที่พักนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงวันเขาพักได
โชคดีที่บริษัทเชารถนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงวันเชารถได
ฉันขอบคุณตัวเอง
ฉันจองตั๋วเครื่องบินแบบเปลี่ยนแปลงได
โครงการบูรณาการ
ฉันจองรถเชากับบริษัทที่เปลี่ยนแปลงได
จริงๆ แลวมันคงไมใชเรื่องโชค
มันเปนเรื่องของการเตรียมพรอมสําหรับการเปลี่ยนแปลงมากกวา
นักคิดจิปาถะ : ชิงชิง กฤชเทียมเมฆ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
2. ใหนักเรียนเขียนวิเคราะหวาโคลงสี่สุภาพวรรคที่กําหนด “คนตองดีจริงดวย ใจตน” ผิดฉันทลักษณของโคลงสี่สุภาพบาทที่ 1
อยางไร (2 คะแนน)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
3. ใหนกั เรียนสมมติบทบาทตนเอง เปนประธานคณะกรรมการนักเรียนเขียนจดหมายกิจธุระเรียนเชิญนายแพทยวนิ ติ ชืน่ ทองสุข
แพทยผูเชี่ยวชาญการปองกันโรคติดตอ เปนวิทยากรบรรยายในหัวขอ “สุขภาวะดี ชีวีปลอดภัย” ใหนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ปที่ 3 จํานวน 120 คน ฟงในวันที่ 21 สิงหาคม 2556 ระหวางเวลา 10.00-12.00 น. ในงานสัปดาหสุขภาพดี ซึ่งทางโรงเรียน
จะจัดขึ้นในระหวางวันที่ 20-25 สิงหาคม 2556 ณ หอประชุมของโรงเรียน โดยจดหมายฉบับนี้ออกในนามฝายกิจกรรม
นักเรียน มีอาจารยองอาจ หอมสุนทร เปนที่ปรึกษา ใชกระดาษขนาด A4 เขียนจดหมายฉบับนี้ดวยรูปแบบและสํานวนภาษา
ที่ถูกตอง เหมาะสม (5 คะแนน)
(11) โครงการวัดและประเมินผล
แบบทดสอบว�ชา ภาษาไทย หลักภาษาและการใชภาษา ภาคเร�ยนที่ 1 ¤Ðá¹¹·Õè ä´Œ
ชุดที่ 2
¤Ðá¹¹ÃÇÁ
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 3 50
โครงการวัดและประเมินผล (12)
5. ขอความใดผูอานนควรเนนคําเพื่อใหผูฟงเกิดจินตภาพ 8. จุดมุงหม
หมายสําคัญของผูเขียนตรงกับขอใด
C มากที่สุด D 1. ชี้แจง
1. การปฏิรูปการศึกษานับเปนเรื่องสําคัญ 2. โนมนาว
2. ในวันที่แสงอาทิตยสองลงมาบนผืนโลก 3. แจงใหทราบ
3. หนวยงานทั้งภาครัฐและเอกชนควรรวมมือกัน 4. อธิบายเพื่อสรางความเขาใจ
4. หมูมวลพฤกษชาติทั้งหลากสีและหลายพันธุ 9. ขอใดคือขอสนับสนุนจุดมุงหมายของผูเขียน
ตางสงกลิ่นหอมหวนยิ่งกวากลิ่นใดๆ D 1. การกาวเขาสูประชาคมอาเซียน
2. ถาสังคมเสื่อมมนุษยก็ดํารงชีวิตอยูไมได
พิจารณาขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 6. 3. แคไมเปนภาระของสังคมก็นับเปนสิ่งที่ดีแลว
กลุมที่ 1 ผูหลักผูใหญ ดื้อดึง เชื่อถือ 4. การพัฒนาดานเศรษฐกิจ การศึกษา และการคมนาคม
10. ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับขอความที่กําหนดใหอาน
กลุมที่ 2 มือขวา มือแข็ง มือสะอาด E 1. เจตนาของผูเขียนมีความชัดเจน
6. ขอแตกตางประการสําคัญของกลุมคําทั้งสอง นอกจาก 2. ใชภาษาระดับทางการสื่อสารกับผูอาน
D ความหมาย ยังมีลักษณะตรงกับขอใด 3. การลําดับความยากตอการทําความเขาใจของผูรบั สาร
4. สถานการณทยี่ กมาสนับสนุนทรรศนะขาดความชัดเจน
1. ที่มาของคํา
แบบทดสอบ
11. ถาใหแสดงความคิดเห็นสนับสนุนจุดมุงหมายของผูเขียน
2. หนาที่ของคํา F ควรเลือกใชชุดขอมูลใดจึงจะเหมาะสมมากที่สุด
3. จํานวนพยางค 1. ความสําเร็จของชุมชนตนแบบ
4. วิธีการสรางคํา 2. ผลิตภัณฑมวลรวมของประเทศ
อานขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 7. - 11. 3. ผลเสียอันเกิดจากการขยายตัวของเขตเมือง
4. ความเจริญทางวัตถุที่สงผลกระทบตอสังคมไทย
โครงการบูรณาการ
เริ่มที่…เรา 12. ขอความใดสอดคลองกับการเขียนแผนผังความคิด
ขณะที่ความเจริญทางวัตถุกําลังรุดไปขางหนา D 1. ทําใหเขียนสื่อสารไดอารมณลึกซึ้ง
แตความเจริญทางจิตใจถอยหลังลงคลอง เราเพิกเฉย 2. ใชพรรณนาโวหารเพื่อสื่อสารกับผูอาน
ตอการโกงกิน ตราบใดทีย่ งั ไมสง ผลกระทบตอตัวเรา 3. มีรูปแบบการเขียนเชนเดียวกับการเขียนยอความ
เราใหความสําคัญกับคําวา “เสียสละ” “ประโยชน 4. วิธีจดจําสาระสําคัญดวยภาพ สี เสน และขอความ
สวนรวม” นอยลง โดยมีเหตุผลสนับสนุนวา “แคไม พิจารณาแผนผังความคิดทีก่ าํ หนด แลวตอบคําถามขอ 13.
เปนภาระของสังคมก็ดีแลว” เมื่อเราไมสราง สังคม
จึงเสื่อม ถาเราคิดวาตนเองเปนสวนหนึ่งของสังคม …………………… ลักษณะของ
ถาสังคมเสื่อมเราเองนั้นก็อยูไมได ความคิดของเรา บานเรือนไทย
ที่มีตอ “สังคม” จะเปลี่ยนไป บานเรือนไทย
ความเจริ ญ ทางวั ต ถุ ต อ งพั ฒ นาไปพร อ มกั บ สวนประกอบ ประโยชนบริเวณ
ความเจริญทางจิตใจ เริ่มตนที่เรา ก็เทากับคนอื่น ใตถุน
ไดเริ่มตน ถาไมเริ่มที่เรา แลวจะเริ่มที่ใคร
13. ประเด็นใดเหมาะสมทีจ่ ะเปนสวนหนึง่ ของแผนผังความคิด
7. สาระสําคัญของขอความนี้ตรงกับขอใด D เรื่อง “บานเรือนไทย”
D 1. ความเจริญทางวัตถุพัฒนาเร็วเกินไป 1. ความเหมาะสมกับสภาพอากาศ
2. เราทุกคนตางมุงมั่นทําหนาที่ของตนเอง 2. บานเรือนไทยกับความเปนไปในปจจุบัน
3. ประเทศไทยพรอมเขาสูประชาคมอาเซียน 3. ภูมิภาคที่ปลูกสรางบานเรือนไทยมากที่สุด
4. ปจจุบันความตระหนักตอสวนรวมลดนอยลง 4. ความสวยงามของบานเรือนไทยกับบานทรงยุโรป
(13) โครงการวัดและประเมินผล
พิจารณาขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 14. พิจารณาขอมูลที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 18.
เพื่อนแตละคนมีพฤติกรรม ดังนี้ นารี หญิงสาวผูเปนกําลังสําคัญของครอบครัว
โอง พับหนาหนังสือที่ตองการแลวนําไปถายสําเนา เปดรานขายหมูปงนมสดที่หนาบาน
ออม อานหนังสือพิมพ โดยนําหนังสือพิมพทั้งหมด กนก นักธุรกิจ SME ซาลาเปา “ขาวละมุน”
มาวางไวบนโตะ คิดคนไสซาลาเปากวา 20 ไส ดวยตนเอง
อิ๋ว ฝกทําขอสอบในหนังสือเตรียมสอบเพื่อให สุพจน นักออกแบบผลิตภัณฑ นําเถาวัลยแดง
เพื่อนๆ ไดอานเปนแนวทาง มาออกแบบเปนโคมไฟ
ออด ตัง้ คาเสียงเรียกเขาโทรศัพทมอื ถือเปนระบบสัน่ ปรานี เปดรานขายเสื้อผามือสองที่ตลาดนัด
ทุกวันเสาร-อาทิตย
14. เมือ่ ทัง้ หมดเขาใชหอ งสมุดรวมกันเพือ่ นคนใดมีพฤติกรรม
D เหมาะสม เพราะเหตุใด 18. ประวัติของบุคคลใดเหมาะสมที่จะนํามาสรางสรรค
1. โอง เพราะทําใหเจาหนาที่ปฏิบัติงานไดสะดวกขึ้น D งานเขียนในหัวขอ “มองโลกใหตาง เห็นชองวางธุรกิจ”
2. ออม เพราะไมตองเสียเวลาเดินไปหยิบหลายครั้ง 1. นารี เพราะประหยัดรายจายเชาพื้นที่
3. อิ๋ว เพราะไดถายทอดแนวทางใหแกเพื่อนๆ 2. กนก เพราะความหลากหลายของไสซาลาเปา
แบบทดสอบ
3. สุขภาพดีไมมีขาย ถาอยากไดตองทําเอง
4. สถานที่ทองเที่ยวไทย ลือไกลไปตางแดน 19. คําขึ้นตนจดหมายและคําขึ้นตนเนือ้ ความขอใดถูกตอง
A เมื่อเขียนจดหมายกิจธุระขอความอนุเคราะหบุคคลเปน
พิจารณาลายมือที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 16.
วิทยากร
1. เรียน, เนื่องจาก
2. เรียนเชิญ, ตามที่
3. กราบเทา, เนื่องเพราะ
4. กราบนมัสการ, เนื่องจาก
16. ลายมือนี้มีลักษณะบกพรองตรงกับขอใดชัดเจนที่สุด ใด ควร ใชหลักการยอความ
20. การอานในขอใดไม
D 1. เขียนตัวอักษรนั่งเสน B 1. การอานเรื่องสั้นรางวัลซีไรต
2. หัวของตัวอักษรบอด 2. การอานบทความเชิงอนุรักษจากเว็บไซต
3. เสนหลังของตัวอักษรไมตั้งตรง 3. การอานสารคดีชีวิตสัตวโลกจากจุลสารวิชาการ
4. ชองไฟของตัวอักษรมีขนาดเทากัน 4. การอานขั้นตอนประดิษฐโคมไฟจากกระดาษเหลือใช
17. ขอใดใชระดับภาษาเหมาะสมกับรูปแบบงานเขียน 21. บุคคลใดมีหลักการอานที่สอดคลองกับการยอความ
D 1. รองเทากีฬายูเซน เสนชัยที่ปลายเทา D 1. ตอม อานไปจดไป
2. รองเทากีฬายูเซน สมรรถนะและความปลอดภัย 2. ตอม อานตั้งแตตนจนจบ
3. รองเทาสําหรับเลนกีฬายูเซน ชัยชนะที่สัมผัสได 3. ตอง อานเฉพาะหัวขอสําคัญ
4. รองเทายูเซน ความสําเร็จของวิทยาศาสตรการกีฬา 4. แตว อานเฉพาะยอหนาสุดทาย
โครงการวัดและประเมินผล (14)
22. ถาทางโรงเรียนสงจดหมายถึงผูปกครอง เรื่องขออนุญาต อานขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 25.
A พานักเรียนไปทัศนศึกษา ควรใชคําขึ้นตนและลงทาย
ในจดหมายอยางไร คําโฆษณาชิ้นหนึ่งแนะนําผลิตภัณฑวา “ครีม
1. เรียน-ขอแสดงความนับถือ ทาผิวยี่หอ lady beauty ทําใหผิวขาวกระจางใส
2. กราบเรียน-ดวยความเคารพ ยกกระชับความหยอนคลอยบนใบหนา ผิวหนานุม นวล
3. เรียน-ขอแสดงความนับถืออยางสูง เหมือนเด็กแรกเกิด เห็นผลในครั้งแรกที่ใช ผานการ
4. กราบเรียน-ดวยความเคารพอยางสูง วิจยั จากสถาบันทีม่ ชี อื่ เสียงในสหรัฐอเมริกา จากการ
อานขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 23. ทดสอบพบวาผูใ ช 100 เปอรเซ็นตพงึ พอใจ”
“โลกออนไลน”
สุธีเปนบุคคลที่เพื่อนๆ นอกโลกออนไลนมักจะ 25. นักเรียนสามารถระบุความนาเชื่อถือของโฆษณาชิ้นนี้
พูดถึงวิธกี ารแสดงความคิดเห็นของเขาเสมอ วิธกี าร D ไดหรือไม เพราะเหตุใด
แสดงความคิดเห็นของเขาคือ เมือ่ รูส กึ วาความคิดเห็น 1. ไมได เพราะไมมีขอมูลเกี่ยวกับผลขางเคียง
ของตนเองมี แ นวโน ม ที่ จ ะเพลี่ ย งพลํ้ า ใหกับฝาย 2. ได เพราะพบวาผูบริโภคพึงพอใจในผลิตภัณฑ
ตรงขาม เขาจะพยายามหาขอมูลมาเขียนสนับสนุน 3. ไมได เพราะขอมูลสนับสนุนไมสามารถยืนยันได
ความคิ ด เห็ น ของตน แรกที เ ดี ย วข อ มู ล นั้ น เป น
แบบทดสอบ
4. ได เพราะมีผลการทดสอบจากสถาบันที่มีชื่อเสียง
เรื่องจริง แตตอ มาเขาไดบดิ เบือนขอเท็จจริง สราง 26. การโตวาทีมีความแตกตางจากการอภิปรายตรงกับขอใด
ภาพลักษณ นําเรื่องสวนตัวของฝายตรงขามมา B 1. การโตวาทีผูพูดมุงแสดงขอเท็จจริง
เปดเผย เพื่อทําลายความเชื่อมั่น เปนเชนนี้ทุกครั้ง
2. การโตวาทีมุงแสวงหาทางออกที่เรียกวา “ญัตติ”
กระทัง่ เพือ่ นรวมกลุม กันตักเตือน จากนัน้ สุธกี ็ไมเคย
ร ว มแสดงความคิ ด เห็ น ต อ เหตุ ก ารณ ใ ดอี ก เลย 3. การโตวาทีผูพูดมุงแสดงขอมูลทั้งที่เปนขอเท็จจริง
โครงการบูรณาการ
กระทั่งเมื่อวานนี้มีเพื่อนคนหนึ่งเห็นสุธีแสดงความ และขอคิดเห็น
คิดเห็นอีกครั้งดวยวิธีการเชนเดิม 4. การโตวาทีผูพูดมุงแสดงขอมูล คารม เพื่อหักลาง
ประเด็น และมีชัยชนะเหนือฝายตรงขาม
23. จากเรื่อง “โลกออนไลน” สุธีเปนบุคคลที่ไมควรยึดถือ 27. เพื่อนคนใดเหมาะสมที่จะเปนตัวแทนแขงขันโตวาที
D เปนแบบอยางเพราะเหตุใด ชัดเจนที่สุด D มากที่สุด
1. เพราะใชภาษากํากวมสื่อสารกับผูอาน
2. เพราะแสดงความคิดเห็นมุงทําลายผูอื่น 1. ออม มีความรูกวางขวาง
3. เพราะแสดงความคิดเห็นที่ขัดแยงกับผูอื่น 2. ออม มีปฏิภาณไหวพริบ
4. เพราะมีวิธีการแสดงความคิดเห็นแตกตางจากผูอื่น 3. อั๋น มีอารมณขันเปนเสนห
24. เพื่อนคนใดพูดแสดงความคิดเห็นที่มีตอภาพยนตรที่ชม 4. ออง มีบุคลิกภาพนาเกรงขาม
C ไดเหมาะสมตามหลักเกณฑการประเมิน 28. บุคคลใดเปนผูมีมารยาทในการฟง ดู และพูดมากที่สุด
1. ชบากลาววาชอบภาพยนตรเรื่องตํานาน D 1. สมภพอดทนฟงสมชายชี้แจงในระหวางการประชุม
สมเด็จพระนเรศวรเพราะทํารายไดสูง ทั้งที่ไมเห็นดวยกับความคิดเห็นของสมชายตั้งแตแรก
2. บานชื่นกลาววาชอบภาพยนตรเรื่องตํานานสมเด็จ- 2. มาโนชยกมือขึ้นแลวตั้งคําถามกับคณะผูรวมอภิปราย
พระนเรศวรเพราะแสดงโดยนักแสดงที่หนาตาดี
ทันทีที่สงสัยเพื่อใหตนเองลําดับความเขาใจไดทัน
3. พิกุลกลาววาชอบภาพยนตรเรื่องตํานานสมเด็จ-
พระนเรศวรเพราะไดไปชมกับพอและแม 3. ชานนทกลาวกับสมาชิกในทีป่ ระชุมวา “ผมวาพวกคุณ
4. มะลิกลาววาชอบภาพยนตรเรื่องตํานานสมเด็จ- นาจะชวยกันพูดบาง ไมเชนนัน้ จะมาประชุมเพือ่ อะไร”
พระนเรศวรเพราะมีวิธีการดําเนินเรื่องสอดคลองกับ 4. อมรชัยแสดงทาทางและสีหนาไมพอใจเมื่อมีผูยกมือ
เนื้อหา ตั้งคําถามในระหวางที่เขากําลังทําหนาที่อภิปราย
(15) โครงการวัดและประเมินผล
พิจารณาขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 29. พิจารณาขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 33.
กิตพิ งศ (ผูด าํ เนินการอภิปราย) รวบรวมประวัติ กลุมที่ 1 ทรัพย มัทรี อินทรีย
ของคณะผูรวมอภิปรายจากผูจัดงาน กลุมที่ 2 ทราย ทราบ ทรุด
สมบัติ (ผูร ว มอภิปราย ลําดับที่ 5) เตรียมเนือ้ หา
ของประเด็นการอภิปรายทั้งหมด 33. ขอใดอธิบายความแตกตางของกลุมคําทั้งสองไดถูกตอง
สายสมร (ผูดําเนินรายการ) ประสานงานกับ D 1. กลุมที่ 1 เปนคํายืมภาษาบาลี กลุม ที่ 2 เปนคําไทยแท
ผูจ ดั งานเกีย่ วกับชวงเวลาของกิจกรรมยอย 2. กลุมที่ 1 เปนคํายืมภาษาบาลี กลุมที่ 2 เปนคํายืม
สมถวิล (ผูฟง) ศึกษาขอมูลเกี่ยวกับหัวขอการ ภาษาเขมร
อภิปราย เพื่อเตรียมคําถาม 3. กลุมที่ 1 เปนคํายืมภาษาสันสกฤต กลุมที่ 2
เปนคําไทยแท
29. บุคคลใดเตรียมการกอนอภิปราย รายไมสอดคลอง กับ
D สถานภาพของตน เพราะเหตุใด 4. กลุมที่ 1 เปนคํายืมภาษาสันสกฤต กลุมที่ 2
1. กิติพงศ เพราะผูดําเนินการอภิปรายควรเตรียมขอมูล เปนคํายืมภาษาเขมร
เฉพาะที่เกี่ยวของกับประเด็นการอภิปราย 34. ขอใดปรากฏคําที่มีลักษณะตรงกับคําเงื่อนไข “บรรทม”
2. สมบัติ เพราะควรเตรียมเนื้อหาเฉพาะในสวนที่ตนเอง D 1. ตรัส เสด็จ เสวย
แบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผล (16)
อานบทรอยกรองที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 38. - 39. 40. ขอความใดใชภาษาแตกตางจากขออื่น
D 1. เมื่อจบปริญญาตรีมานพตัดสินใจไปเสี่ยงโชค
แจวแจวจักจั่นจา จับใจ ที่ตางประเทศ
หริ่งหริ่งเรื่อยเรไร รํ่ารอง 2. สาธินีออกกําลังกายทุกวันจนอาการปวยคอยยังชั่ว
แซงแซวสงเสียงใส ทราบโสต ขึ้นมาก
แหนงนิ่งนึกนุชนอง นิ่มเนื้อนวลนาง 3. ประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ มีรูปแบบ
โคลงนิราศสุพรรณ : สุนทรภู
การเมืองการปกครองที่แตกตางกัน
38. โคลงสี่สุภาพบทนี้บาทใดใชคําตายแทนตําแหนงคําเอก 4. อนุชาเปนนักศึกษาเอกภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร
D 1. บาทที่ 1 2. บาทที่ 2 มหาวิทยาลัยขอนแกน
3. บาทที่ 3 4. บาทที่ 4
39. โคลงสี่สุภาพบทนี้ปรากฏคุณคาดานวรรณศิลปตรงกับ
D ขอใดเดนชัดที่สุด
1. เลนเสียงสัมผัส
2. เลนคําพองเสียง
3. เลนเสียงพยัญชนะ
แบบทดสอบ
4. เลนเสียงวรรณยุกต
โครงการบูรณาการ
(17) โครงการวัดและประเมินผล
ตอนที่ 2 ตอบคําถามใหถูกตอง จํานวน 3 ขอ 10 คะแนน ¤Ðá¹¹·Õè ä´Œ
¤Ðá¹¹àµçÁ
10
โครงการวัดและประเมินผล (18)
เฉลยแบบทดสอบ ภาคเร�ยนที่ 1
ชุดที่ 1
ตอนที่ 1
1. ตอบ ขอ 3. การอานออกเสียงใหมีความไพเราะ เริ่มตนที่ตองมีแกวเสียงดี หรือแกวเสียงแจมใส เสียงที่เปลงออกมา
จึงจะเปนเสียงเสนาะ ไพเราะ กังวาน แกวเสียงที่แจมใสจึงเปนตนทุนที่ดี หากไดรับการฝกฝนอยางถูกวิธี
2. ตอบ ขอ 2. การเริ่มตนฝกอานออกเสียงทํานองเสนาะบทรอยกรอง ควรเริ่มฝกจากบทรอยกรองประเภทกลอนสุภาพ
หรือกลอนแปด เพราะมีจํานวนคําพอดีกับการทอดเสียง
3. ตอบ ขอ 4. โคลงสี่สุภาพ จังหวะของโคลงในวรรคที่มี 5 คํา ใหแบงจังหวะภายในวรรคเปน 3/2 หรือ 2/3 ทั้งนี้ใหพิจารณา
ที่เนื้อความเปนหลัก วรรคที่มี 4 คํา ใหแบงจังหวะ 2/2 วรรคที่มี 2 คํา ไมตองแบงจังหวะ ดังนั้น บาทที่ 4
วรรคแรก จึงแบงวา “เลือดทวมนอง/ทองชาง ชุมเมือง” คําวา “นคร” มีจํานวนพยางคเกินจากฉันทลักษณ
ผูอานจึงตองอานรวบเสียงที่คําวา “นะ-คะ” และเนนเสียงลงจังหวะที่คําวา “ระ”
4. ตอบ ขอ 3. การอานจะเกิดประโยชน เมื่อผูอานรูจักจดบันทึกสาระสําคัญ หรือขอสังเกตที่ไดรับในแตละครั้ง
แบบทดสอบ
5. ตอบ ขอ 4. มือจับ มีความหมายนัยตรงเพียงประการเดียว หมายถึง ที่ใชจับ
มือตําลึง มีความหมายนัยตรงเพียงประการเดียว หมายถึง หนวดของตําลึง
มือสกปรก มีความนัยตรงเพียงประการเดียว หมายถึง มือที่สกปรก
มือมืด มีความนัยประวัติเพียงประการเดียว หมายถึง ผูที่ลอบทําความผิด
โครงการบูรณาการ
มือรอน มีความหมายนัยตรง หมายถึง มือที่รอน และความหมายนัยประวัติ หมายถึง คนที่มักปลูกตนไม
ไมขึ้นหรือไมงอก
มือขวา มีความหมายนัยตรง หมายถึง มือขางขวา และความหมายนัยประวัติ หมายถึง ใกลชิด, เกงกลา,
ไววางใจได
ดังนั้น มือจับ มือตําลึง และมือสกปรก จึงมีลักษณะตรงกับคําเงื่อนไข
6. ตอบ ขอ 4. จากคําอธิบายในขอ 5. มือขวา มือรอน เปนคําที่มีทั้งความหมายนัยตรง นัยประวัติ คําวา มือจับ มือตําลึง
มือสกปรก มีความหมายนัยตรงเพียงประการเดียว สวนคําวา มือสะอาด มีความหมายนัยตรง หมายถึง
มือที่มีความสะอาด และความหมายนัยประวัติ หมายถึง คนที่มีความประพฤติดี มีความซื่อสัตยสุจริต
ดังนั้น คําในกลุมที่ 1 จึงเปนคําที่มีความหมาย 2 นัย คือปรากฏทั้งความหมายนัยตรงและนัยประวัติ
สวนคําในกลุมที่ 2 เปนคําที่มีความหมายนัยตรงเพียงประการเดียว
7. ตอบ ขอ 4. การอานจับใจความ คือ การอานเพื่อมุงคนหาสาระของบทอาน ซึ่งนิทานเรื่องนี้มีใจความสําคัญอยูชวงตน
ของเรื่อง คือ เด็กชายแปะยูเปนผูมีความกตัญู
8. ตอบ ขอ 3. แรงของไมเรียวที่ลดลงจากเดิม ทําใหแปะยูรูวามารดาอาจมีชีวิตอยูดวยอีกไมนาน ดวยเหตุนี้เขาจึงรองไห
9. ตอบ ขอ 2. เมื่อเด็กชายแปะยูรูวามารดาอาจมีชีวิตอยูกับเขาอีกไมนาน ดวยความรัก ความกตัญูที่มีตอมารดา จึงเปน
สาเหตุสําคัญที่ทําใหเขาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตน
10. ตอบ ขอ 3. แมวาความโมโหของมารดาที่มีตอแปะยูอาจมีอยูมากก็ตาม แตดวยความแกชรา ทําใหแรงไมเรียวที่ลงโทษ
แปะยูนั้นเบาลง แรงไมเรียวจึงเปนขอความสื่อสารกับแปะยูวา เวลาที่มารดาจะอยูกับเขานั้นลดนอยลง
(19) โครงการวัดและประเมินผล
11. ตอบ ขอ 3. การเขียนกรอบความคิด แผนผังความคิด คือ การเรียบเรียงขอมูล ความคิด หรือองคความรูตางๆ
แลวถายทอดดวยภาพ สัญลักษณ เสนโยงนําความคิด ซึ่งประเด็นความคิดที่แตกรายละเอียดไดนั้น ควรมี
ความสอดคลอง เกี่ยวของ และเลาเรื่องในทิศทางเดียวกัน
12. ตอบ ขอ 1. ความสําคัญของการเขียนแผนผังความคิดมี 2 ประการ คือ ทําใหผูอานจดจําสาระจากการอานไดงายขึ้น
ประการตอมา คือ ทําใหเรียบเรียงความคิดไดเปนหมวดหมู ชัดเจน
13. ตอบ ขอ 4. การพิจารณาขอเขียนหนึ่งๆ ใหใชหลักการวิเคราะห เพื่อพิจารณาวาขอมูลใดเปนขอเท็จจริง สวนใดเปน
ทรรศนะหรือขอคิดเห็นของผูเขียน พิจารณาความสมเหตุสมผล ความเปนไปไดของขอมูล กอนที่จะ
ตัดสินใจเชื่อ หรือนําไปใชอางอิง เมื่อวิเคราะหขอเขียนนี้ พบวาขอมูลที่นําเสนอประกอบดวยขอมูลที่เปน
ขอเท็จจริงและทรรศนะของผูเขียน ใชภาษาสื่อความชัดเจน เรื่องราวที่นําเสนอไมมีความซับซอน
14. ตอบ ขอ 4. ผูเขียนแสดงทรรศนะวา มนุษยจําเปนตองกาวใหทันโลก ดวยการรับรูขอมูล ขาวสาร โนมนาวดวยวิธีการ
ยกตัวอยาง โดยผูเขียนเชื่อวา การหามไมใหกลุมวัยรุนเขาถึงขอมูล เทากับเปนการหยุดโลกของพวกเขา
เหตุผลที่มีความเปนไปได ถามนุษยจําเปนตองกาวใหทันโลก คือ การไมกาวเทากับการกาวถอยหลัง
15. ตอบ ขอ 1. ขอความอธิบายเกี่ยวกับวิธีการดูแลรูปรางใหไดสัดสวนดวยวิธีที่เหมาะสม คือ การออกกําลังกาย ไมได
อธิบายใหเห็นวามนุษยจะเผาผลาญแคลอรีไดโดยการลดปริมาณอาหารเพียงอยางเดียว และการลดปริมาณ
แบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผล (20)
23. ตอบ ขอ 4. ขอความวา “…ทางโรงเรียนพิจารณาแลวเห็นวาทานเปนผูมีความรู…” เหมาะสมที่จะเปนสวนหนึ่งของ
เนือ้ ความในจดหมายกิจธุระเพือ่ ขอความอนุเคราะหเปนวิทยากร เพราะเปนการยกยอง ชมเชยผูร บั จดหมาย
ดวยความจริงใจ เพื่อใหเกิดความยินดีที่จะสนองตอบวัตถุประสงคของผูเขียนจดหมาย
24. ตอบ ขอ 1. การเขียนจดหมายกิจธุระถึงบุคคลธรรมดาที่มิไดดํารงตําแหนงเปนประธานองคมนตรี นายกรัฐมนตรี
ประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา ประธานสภาผูแทนราษฎร ประธานศาลฎีกา และรัฐบุรุษ ใหใชคําขึ้นตน
จดหมายวา “เรียน…ตามดวยนามหรือตําแหนง…” และคําลงทายวา “ขอแสดงความนับถือ”
25. ตอบ ขอ 2. ชุดเหตุการณที่ผูเขียนนํามาถายทอดทําหนาที่สนับสนุนทรรศนะที่วา ความเปนจริงของชีวิต คือ ความ
เปลี่ยนแปลง เพราะชุดเหตุการณเหลานั้นแสดงใหเห็นวา ทุกๆ เรื่องในชีวิตของมนุษยเปลี่ยนแปลงได
ไมวาเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ
26. ตอบ ขอ 2. การตัดสินประเมินคา คือ การตัดสินเพื่อใหคุณคาแกผลงานการสรางสรรคนั้นๆ โดยมีหลักวิชารองรับ
การตัดสินประเมินคาภาพยนตรและหนังสือ ไมสามารถใชเกณฑเดียวกันได เพราะมีองคประกอบของงาน
แตกตางกัน
27. ตอบ ขอ 4. การรับสารสิ่งที่ตองพิจารณารองลงมาจากเนื้อหาสาระ คือ การพิจารณาแหลงขอมูลวามีความนาเชื่อถือ
มากนอยเพียงใด ซึ่งการฟงสารจากผูถายทอดที่เปนบุคคล และเนื้อหามีลักษณะโนมนาวใหเชื่อ หวังผล
แบบทดสอบ
ใหปฏิบัติตาม ตองใชวิจารณญาณในการฟงมากที่สุด
28. ตอบ ขอ 4. พฤติกรรมของมนัสสอดคลองกับสํานวน “ฟงไมไดศัพทจับไปกระเดียด” เพราะหมายถึง ฟงไมไดความ
รูเรื่องไมจริง แลวนําไปพูดตอหรือทําผิดๆ พลาดๆ สวน “จับดําถลําแดง” หมายถึง หวังอยางหนึ่ง แตไปได
อีกอยางหนึ่ง “ติเรือทั้งโกลน” หมายถึง พูดตําหนิสิ่งที่ยังทําไมเสร็จ หรือติพลอยๆ กอนจะรูวาอะไรเปน
อะไร “ปากวาตาขยิบ” หมายถึง พูดอยางหนึ่ง แตทําอีกอยางหนึ่ง
โครงการบูรณาการ
29. ตอบ ขอ 2. จุดประสงคการพูดของนายแพทยอรรณพ คือ การโนมนาวชักจูงใหผูฟงลด ละ เลิก การสูบบุหรี่ โดยอาง
ถึงประโยชนที่จะไดรับเปนขอมูลสนับสนุน
30. ตอบ ขอ 3. การประชุมครั้งหนึ่งๆ ผูเขารวมประชุมมีสถานภาพและบทบาทตางกัน ประธานมีหนาที่ดําเนินการประชุม
ใหเปนไปตามวาระ กระตุนใหสมาชิกมีสวนรวมแสดงความคิดเห็น สมาชิกในที่ประชุมมีหนาที่แสดงความ
คิดเห็น อธิบาย ชี้แจง โตแยง ดวยเหตุและผลตามวาระ เพื่อใหไดมติหรือขอสรุปของที่ประชุม ไมควร
ยึดมั่นในความคิดตนเอง รวมถึงไมกลาววาจาที่จะสรางความบาดหมางใจ จากสถานการณขางตนผูที่แสดง
บทบาทของตนไดสมบูรณที่สุด คือ คุณสมพงษ
31. ตอบ ขอ 3. “กําแพงมีหู ประตูมีชอง” หมายถึง จะพูดหรือทําอะไรใหระมัดระวัง สวน “ปากวาตาขยิบ” หมายถึง
พูดอยางหนึ่ง แตทําอีกอยางหนึ่ง “ติเรือทั้งโกลน” หมายถึง พูดตําหนิสิ่งที่ยังทําไมเสร็จ หรือติพลอยๆ
กอนจะรูวาอะไรเปนอะไร “ปากปราศรัยนํ้าใจเชือดคอ” หมายถึง พูดดีดวยเมื่ออยูตอหนาแตคิดรายอยู
ภายในจิตใจ ความหมายของสํานวนในขอ 1., 2. และ 4. มีความหมายในเชิงลบ ไมควรปฏิบัติ สํานวน
ในขอ 3. จึงถูกตอง เพราะการระวังคําพูด รูอ ะไรควร ไมควร นับเปนมารยาทการพูดทีค่ วรตระหนักและปฏิบตั ิ
32. ตอบ ขอ 1. ขอความทัง้ สองมีวตั ถุประสงคการเขียนเดียวกัน คือ ชีแ้ จง สรางความรู ความเขาใจทีถ่ กู ตองเกีย่ วกับวิธกี าร
ดูแลรูปราง ลักษณะการลําดับความ ขอมูลที่นําเสนอ มีสวนคลายคลึงกัน โดยเริ่มตนจากสาเหตุที่ทําให
ผูหญิงทําทุกวิธีเพื่อที่จะผอม ดังนั้น ความแตกตางที่ชัดเจนของขอความทั้งสอง คือ ระดับภาษาที่ใชเขียน
สื่อสาร
33. ตอบ ขอ 4. สิ่งที่จะทําใหผูพูดเลือกใชระดับภาษาไดเหมาะสม คือ โอกาส สถานที่ และผูฟง โดยพิจารณาวาโอกาส
และสถานทีท่ ตี่ อ งพูดสือ่ สารเปนทางการมากนอยเพียงใด สวนผูฟ ง ผูพ ดู จะตองพิจารณาจากความแตกตาง
ในแตละดาน เชน อายุ เพศ วัย เปนตน
(21) โครงการวัดและประเมินผล
34. ตอบ ขอ 1. คําในกลุมที่ 1 ทุกคําเปนคําที่ยืมมาจากภาษาบาลี โดยสังเกตจากหลักการใชตัวสะกดตัวตาม
นิพพาน บุคคล มีพยัญชนะแถวที่ 3 เปนตัวสะกด และพยัญชนะตัวเดิมตาม
เมตตา มีพยัญชนะแถวที่ 1 เปนตัวสะกด และพยัญชนะตัวเดิมตาม
35. ตอบ ขอ 4. คําในกลุมที่ 2 ทุกคําเปนคําที่ยืมมาจากภาษาสันสกฤต โดยสังเกตจากรูป รร (ร หัน) สวนคําในกลุมที่ 3
ปรากฏรูป รร (ร หัน) เชนกัน แตทุกคําเปนคําที่ยืมมาจากภาษาเขมร
36. ตอบ ขอ 3. ทุกคําเปนคําที่ยืมมาจากภาษาเขมร มีลักษณะรวมกัน คือ มีตัวสะกดไมตรงตามมาตรา ซึ่งแตกตางจาก
คําไทยแทที่มีตัวสะกดตรงตามมาตรา
37. ตอบ ขอ 4. คําวา กระดังงา เปนคําที่ยืมมาจากภาษาชวา นํามาใชเปนคําเรียกพืช
ผกากรอง เปนคําที่ยืมมาจากภาษาเขมร ยี่สุน เปนคําไทยแท
กํายาน เปนคําที่ยืมมาจากภาษาชวา นํามาใชเปนคําเรียกสิ่งของ บุหงารําไป เปนคําที่ยืมมาจากภาษาชวา
นํามาใชเปนคําเรียกสิ่งของ ลักษณะการนํามาใชไมตรงกับคําเงื่อนไข
มะลิ เปนคําไทยแท กุแหละ เปนคําที่ยืมมาจากภาษาชวา
นอยหนา เปนคําที่ยืมมาจากภาษาชวา นํามาใชเปนคําเรียกพืช สาคู เปนคําที่ยืมมาจากภาษาชวา นํามา
ใชเปนคําเรียกพืช ทั้งสองคําจึงมีลักษณะตรงกับคําเงื่อนไข
แบบทดสอบ
ทางการ) ไมเหมาะสมที่จะใชเขียนรายงานเชิงวิชาการ
40. ตอบ ขอ 3. การแตงโคลงสี่สุภาพตําแหนงที่ระบุใหใชคําเอก หากไมสามารถหาคําได ผูแตงสามารถใชคําตายแทน
ในตําแหนงเดียวกันได ซึ่งในโคลงบทนี้ ไดแก วัฎ โลก เลิศ จิต วากย และเผด็จ
โครงการวัดและประเมินผล (22)
ตอนที่ 2
1. ตอบ นักเรียนจะตองเขียน โดยใชความสามารถดานการวิเคราะห พิจารณาแยกแยะวา ขอเขียนดังกลาวมีองคประกอบ
ใดบาง และผูเขียนมีกลวิธีการสรางสรรคองคประกอบแตละสวนอยางไร จากนั้นจึงแสดงความคิดเห็นของตนเอง
ที่มีตอองคประกอบแตละสวนของงาน หรือเรียกวาการวิจารณ
คําตอบที่จะไดคะแนน เชน “ขอเขียนดังกลาวประกอบดวยขอเท็จจริง ขอคิดเห็น ใชภาษาระดับกึ่งทางการสื่อสาร
กับผูอาน แนวคิดที่ปรากฏเปนประโยชน สามารถนําไปปรับใชในชีวิตประจําวันได เพราะถาเขาใจวา ชีวิตคือความ
เปลี่ยนแปลง ก็จะสามารถตั้งรับใชชีวิตไดอยางมีความสุข ไมทุกขรอน กระวนกระวาย”
คําตอบที่ไมไดคะแนน คือ ไมปรากฏขอความที่แสดงวาไดใชหลักการวิเคราะห พิจารณาองคประกอบของงาน
รูปประโยคแสดงความคิดเห็นตอองคประกอบของงานคลุมเครือ ปราศจากเหตุผล เชน “แนวคิดดี นําไปใชไดจริง”
“เปนเรื่องที่ดี” “เราตองยอมรับการเปลี่ยนแปลง” “ฉันเห็นดวยเปนอยางยิ่ง”
2. ตอบ คําตอบของนักเรียนที่ไดคะแนนใหพิจารณา ดังนี้
1. อธิบายฉันทลักษณของโคลงสี่สุภาพบาทที่ 1 ไดถูกตอง
2. ระบุตําแหนงคําเอก คําโทของโคลงสี่สุภาพบาทที่ 1 ไดถูกตอง
3. อธิบาย ชี้แจงไดวาโคลงสี่สุภาพบาทที่กําหนดผิดฉันทลักษณอยางไร
แบบทดสอบ
ตัวอยาง : โคลงสี่สุภาพบาทที่ 1 มีฉันทลักษณ ดังนี้ o o o o่ o้ o o (o o) โดยคําเอกและคําโทในบาทที่ 1 สามารถ
สลับตําแหนงกันได และคําเอกนั้นสามารถใชคําตายแทนได ซึ่งคําวา “จริง” ไมใชคําตาย โคลงสี่สุภาพบาทนี้จึงผิด
ฉันทลักษณของโคลงสี่สุภาพบาทที่ 1
3. ตอบ คําตอบของนักเรียนที่ไดคะแนนเต็มใหพิจารณา ดังนี้
1. ใชรูปแบบและภาษาที่ถูกตองโดยคํานึงถึงสถานภาพของผูรับจดหมาย
โครงการบูรณาการ
2. ระบุวันที่ หัวเรื่อง คําขึ้นตนจดหมาย คําขึ้นตนเนื้อความ และคําลงทายจดหมายไดถูกตอง
3. เนื้อความในจดหมาย ปรากฏรูปประโยคที่สื่อสารเกี่ยวกับสิ่งตอไปนี้
• ระบุสาเหตุของการเขียนจดหมายไดสมเหตุสมผล
• ระบุขอความที่เปนการยกยอง ใหความสําคัญ ใหเกียรติผูรับจดหมายสื่อแสดงถึงมิตรภาพและความจริงใจ
• ระบุวัตถุประสงคของจดหมาย หรือสิ่งที่ตองการใหผูรับจดหมายสนองตอบ ดวยภาษาที่สุภาพ เหมาะสม
พรอมรายละเอียดที่จําเปนสําหรับการเตรียมความพรอมของผูรับจดหมาย
• สรุปวัตถุประสงคใหผูรับทราบอีกครั้ง พรอมรูปประโยคที่แสดงความขอบคุณลวงหนา
คําตอบของนักเรียนที่ไดคะแนนบางสวนใหพิจารณา ดังนี้
1. ใชรูปแบบและภาษาที่ถูกตองโดยคํานึงถึงสถานภาพของผูรับจดหมาย
2. ระบุวันที่ หัวเรื่อง คําขึ้นตนจดหมาย คําขึ้นตนเนื้อความ และคําลงทายจดหมายไดถูกตอง
3. เนื้อความในจดหมาย มีความสมเหตุสมผล เปนไปได ผูรับจดหมายทราบเกี่ยวกับวัตถุประสงคของจดหมาย ระบุ
ขอมูลที่เอื้อตอการเตรียมความพรอมของผูรับจดหมาย
คําตอบของนักเรียนที่ไมไดคะแนนใหพิจารณา ดังนี้
ใชรูปแบบและภาษาไมเหมาะสมกับสถานภาพของผูรับจดหมาย ระบุวันที่ หัวเรื่อง คําขึ้นตนจดหมาย คําขึ้นตน
เนื้อความ คําลงทายจดหมายไมถูกตอง และเนื้อความในจดหมายไมไดสื่อแสดงถึงวัตถุประสงค รวมถึงขอมูลที่ให
ไมเอื้อตอการเตรียมความพรอมของผูรับ
(23) โครงการวัดและประเมินผล
เฉลยแบบทดสอบ ภาคเร�ยนที่ 1
ชุดที่ 2
ตอนที่ 1
1. ตอบ ขอ 2. ปจจัยพื้นฐานของการอานออกเสียงประกอบดวยสายตา เสียง และอารมณ ปนจึงมีความเหมาะสมที่จะเปน
ตัวแทน เพราะการอานออกเสียงเริ่มตนที่เสียง ผูอานตองมีเสียงที่ชัดเจน แจมใส ไมแตกพรา เมื่อไดรับ
การฝกฝนอยางถูกวิธีในดานตางๆ ยอมสามารถอานไดไพเราะ
2. ตอบ ขอ 4. รอนอกรอนใจ เปนคําซอน 4 พยางค โดยมีพยางคที่ 1 และ 3 ซํ้ากัน มีความหมายนัยประวัติ
มือขวา มือออน เปนคําประสม วิธีการสรางคําไมตรงกับคําเงื่อนไข สวนคําวา เชื่อถือ ดื้อดึง เปนคําซอน
แตมี 2 พยางค ไมตรงกับคําเงื่อนไข
ลืมหูลืมตา เปนคําซอน 4 พยางค โดยมีพยางคที่ 1 และ 3 ซํ้ากัน มีความหมายนัยประวัติเพียงประการเดียว
หมายถึง เปดหูเปดตารับรูความเปนไปของสิ่งตางๆ หรืออาจใชแกฝนในเนื้อความปฏิเสธ หมายความวา
หนักมาก เชน ฝนตกอยางไมลืมหูลืมตา
ปากหอยปากปู เปนคําซอน 4 พยางค โดยมีพยางคที่ 1 และ 3 ซํ้ากัน มีความหมายนัยประวัติ
แบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผล (24)
6. ตอบ ขอ 4. คําในกลุมที่ 1 มีวิธีการสรางเดียวกันคือ การซอนคํา หรือการนําคําตั้งแต 2 คําขึ้นไป มาเรียงตอกัน
โดยแตละคํามีความสัมพันธกันในดานความหมาย อาจเปนคําที่มีความหมายเหมือนกัน คลายกัน ทํานอง
เดียวกัน หรือตรงขามกัน สวนคําในกลุม ที่ 2 มีวธิ กี ารสรางเดียวกัน คือ การประสมคํา หรือการนําหนวยคําอิสระ
ที่มีความหมายตางกันอยางนอย 2 หนวย มารวมกันเกิดเปนคําใหมที่มีความหมายใหม แตยังคงเคา
ความหมายเดิม ดังนั้น ขอแตกตางประการสําคัญของกลุมทั้งสองนอกจากความหมาย คือ วิธีการสรางคํา
7. ตอบ ขอ 4. สาระสําคัญปรากฏทีช่ ว งกลางของขอความ คือ “ปจจุบนั ความตระหนักตอสวนรวมลดนอยลง”
8. ตอบ ขอ 2. จุดมุงหมายของผูเขียนอาจสรุปไดภายหลังการอาน หรืออาจสังเกตจากคําสําคัญ (Key word) จากขอความ
ที่กําหนดคําสําคัญที่ปรากฏและสื่อแสดงใหเห็นจุดมุงหมาย คือ คําวา “เริ่มที่…เรา” นอกจากนี้ขอความ
สุดทายยังชวยเนนเจตนาของผูเขียนใหชัดเจน “เริ่มตนที่เรา ก็เทากับคนอื่นไดเริ่มตน ถาไมเริ่มที่เรา
แลวจะเริ่มที่ใคร” ขอความนี้ผูเขียนจึงมีเจตนาโนมนาวผูรับสารใหตระหนักตอสวนรวม
9. ตอบ ขอ 2. จุดมุงหมายสําคัญของขอความนี้ คือ การโนมนาวใหผูรับสารตระหนักตอ “สวนรวม” ขอความที่เปน
ขอสนับสนุน คือ “ถาสังคมเสื่อมมนุษยซึ่งเปนสวนหนึ่งของสังคมก็ดํารงชีวิตอยูไมได” สวนขอความอื่นๆ
ในตัวเลือกไมมีความสัมพันธกับคําวา “สวนรวม”
10. ตอบ ขอ 1. “เริ่มที่…เรา” ผูเขียนใชภาษากึ่งทางการสื่อสารกับผูอาน มีเจตนาการเขียนเพื่อโนมนาว ลําดับความงาย
แบบทดสอบ
ตอการทําความเขาใจ เพราะกลาวถึงสาเหตุ ตามดวยสถานการณที่กําลังเกิดขึ้น และแนวทางแกไข
11. ตอบ ขอ 1. จุดมุงหมายสําคัญของขอความ คือ โนมนาวใหผูรับสารตระหนักตอ “สวนรวม” จึงควรใชชุดขอมูลที่จะชวย
ใหผูรับสารเชื่อและเห็นจริงวา การทําเพื่อสวนรวมนั้นเกิดประโยชนอยางไร ความสําเร็จของชุมชนตนแบบ
สามารถอนุมานไดวา ทุกคนในชุมชนรวมมือกันลดอัตตาและตระหนักตอสวนรวม
12. ตอบ ขอ 4. การเขียนแผนผังความคิดมีรูปแบบการเขียนที่เปนเอกลักษณเฉพาะ โดยใชเสน สี ภาพ และขอความสั้นๆ
โครงการบูรณาการ
เพื่อชวยใหผูอานใชจดจําสาระที่ไดจากการอานงายขึ้น
13. ตอบ ขอ 1. การแตกประเด็นความคิดเพื่อเขียนแผนผังความคิด ผูเขียนตองมีประเด็นความคิดหลัก ซึ่งจะวางไว
ตรงกลางหนากระดาษในแนวนอน จากนั้นจึงใชเสนโยงนําความคิด ลากออกไปจากประเด็นความคิดหลัก
เพื่อแตกประเด็นความคิดรอง และทําเชนเดียวกันนี้กับการแตกประเด็นความคิดยอย ประเด็นความคิดรอง
แตละประเด็นจะตองมีเอกภาพ สัมพันธภาพ และสารัตถภาพเดียวกัน จากตัวเลือกประเด็นความคิดรอง
ทุกขอลวนมีความสัมพันธกบั ประเด็นหลัก แตมเี พียง “ความเหมาะสมกับสภาพอากาศ” ทีม่ คี วามสอดคลอง
กับประเด็นรองอื่นๆ ที่กําหนดเปนเงื่อนไข
14. ตอบ ขอ 4. มารยาทเปนกรอบกําหนดพฤติกรรมอันพึงประสงคของมนุษยเมือ่ ตองใชสาธารณสมบัตริ ว มกับผูอ นื่ มารยาท
การใชหอ งสมุดทีค่ วรปฏิบตั ิ เชน ไมสง เสียงดังรบกวนผูอ นื่ เปนตน ออด จึงมีพฤติกรรมทีเ่ หมาะสมเมือ่ ตอง
ใชหองสมุดรวมกับผูอื่น
15. ตอบ ขอ 4. คําขวัญ คือ ถอยคําสัน้ ๆ ทีร่ อ ยเรียงใหมสี มั ผัสคลองจอง จดจําไดงา ย จูงใจใหผรู บั สารปฏิบตั ติ ามจุดมุง หมาย
ของคําขวัญ ดังนั้น คําขวัญที่ดีจึงตองมีใจความสําคัญเพียงประการเดียว มีจุดมุงหมายชัดเจน ขอความ
ที่วา “สถานที่ทองเที่ยวไทย ลือไกลไปตางแดน” จึงไมเหมาะสมที่จะใชเปนคําขวัญ เพราะไมมีจุดมุงหมาย
ชัดเจนที่ตองการใหผูรับสารปฏิบัติ
16. ตอบ ขอ 1. แนวทางตัดสินการประกวดคัดลายมือมีหลายประการ เชน ใชตัวอักษรรูปแบบเดียวกัน ชองไฟเหมาะสม
หัวตัวอักษรไมบอด เสนตั้งตรง การวางตําแหนงสระ วรรณยุกต เครื่องหมายถูกตอง ฐานของตัวอักษร
ความสะอาด เปนตน ขอบกพรองที่ชัดเจนของลายมือนี้ คือ ฐานของตัวอักษรทับเสนบรรทัด หรือเรียกวา
การเขียนตัวอักษรแบบนั่งเสน ซึ่งที่ถูกตองฐานของตัวอักษรควรอยูบนเสนบรรทัดพอดี
(25) โครงการวัดและประเมินผล
17. ตอบ ขอ 1. รูปแบบงานเขียนที่ตองการใหวิเคราะห คือ “โฆษณา” แนวทางการเขียนโฆษณาใหประสบผลสําเร็จ
สามารถดึงดูดความสนใจ ความประทับใจ ความพึงพอใจ และทําใหผูรับสารเกิดความตองการในสินคา
ไดนั้นควรใหความสําคัญกับถอยคํา ภาษาที่ใช กลาวคือ ควรใชถอยคําที่กะทัดรัด ชัดเจน คลองจอง
คําแปลกใหม ระดับภาษาที่ใชเขียนโฆษณาจึงไมเครงครัดในไวยากรณ สามารถใชภาษาระดับกึ่งทางการ
หรือไมเปนทางการได “รองเทากีฬายูเซน เสนชัยที่ปลายเทา” จึงใชระดับภาษาเหมาะสมกับรูปแบบ
งานเขียนมากที่สุด เพราะทําใหผูรับสารจดจําชื่อและเราใหเกิดความตองการในสินคา สวนขอ 2. ถอยคํา
ที่ใชไมเราใหเกิดความตองการ ขอ 3. ใชถอยคํายืดเยื้อ (รองเทาสําหรับเลนกีฬา อาจใชคําวา รองเทากีฬา
แทนไดในงานโฆษณา) และขอ 4. ใชภาษาระดับทางการไมเราใหเกิดความรูสึกสนใจ
18. ตอบ ขอ 3. การเขียนชีวประวัติบุคคล ผูเขียนตองมีจุดมุงหมายที่ชัดเจน เพราะจะเปนกรอบสําคัญที่ชวยคัดเลือก
ประวัตขิ องบุคคลทีน่ า สนใจและจะเปนประโยชนภายใตหวั ขอ “มองโลกใหตา ง เห็นชองวางธุรกิจ” คือ สุพจน
เพราะความคิดสรางสรรคของเขา สามารถสรางประโยชนทางธุรกิจใหแกตนเอง เปนแรงบันดาลใจใหผูอื่น
มองโลกในมุมมองใหม มุมมองที่กวางขึ้น มุมมองที่เกิดประโยชน
19. ตอบ ขอ 1. การเขียนจดหมายกิจธุระเชิญบุคคลธรรมดาที่มิไดดํารงตําแหนงเปนประธานองคมนตรี นายกรัฐมนตรี
ประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา ประธานสภาผูแทนราษฎร ประธานศาลฎีกา และรัฐบุรุษ ใหใชคําขึ้นตน
จดหมายวา “เรียน…ตามดวยนามหรือตําแหนง…” สวนคําขึ้นตนจดหมาย หากเปนจดหมายที่เขียนถึงกัน
แบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผล (26)
26. ตอบ ขอ 4. การโตวาที คือ การพูดที่มีฝายเสนอความคิดเห็นกับอีกฝายหนึ่งกลาวคานความคิดเห็นในเรื่องเดียวกัน
หรือเรียกวา “ญัตติ” ทั้งสองฝายจะใชวาทศิลปกลาวคานความคิดเห็นของกันและกันอยางมีระเบียบ โดยใช
เหตุผล ขอเท็จจริง และหลักวิชา มีกําหนดเวลาชัดเจน และมีการตัดสินผล สวนการอภิปราย คือ การพูด
แลกเปลี่ยนความรู ความคิด เพื่อประโยชนในการปฏิบัติงาน ทําใหเกิดการยอมรับความคิดเห็น ปรับตัว
เขาหากัน จากคํานิยาม การโตวาทีจงึ มีความแตกตางจากการอภิปรายทีก่ ารหักลางความคิด เพือ่ ใหมชี ยั ชนะ
เหนือฝายตรงขาม
27. ตอบ ขอ 2. คุณสมบัติของผูโตวาทีมีหลายประการ เชน ทักษะการพูดสื่อสาร กลาแสดงออก ความรูที่กวางขวาง
สามารถนํามาใชไดเหมาะสมกับชวงเวลา หรือเรียกวามีปฏิภาณไหวพริบ นอกจากนี้ยังควรมีบุคลิกภาพดี
ยิ้มแยมแจมใส มีนํ้าใจนักกีฬา ลักษณะโดดเดนของ “ออม” จึงเหมาะสมที่จะเปนหนึ่งในตัวแทนการแขงขัน
โตวาที เพราะการโตวาที เปนการพูดโตแยงของบุคคลสองฝายในเรื่องเดียวกัน หรือเรียกวา ญัตติ โดยมี
กําหนดเวลาไวชัดเจน ตางฝายจะตองหาชุดขอมูล เหตุการณ มาลางประเด็นความคิดใหเหมาะสมพอดี
กับชวงเวลา ดังนั้น ปฏิภาณไหวพริบจึงสําคัญมากกวาการมีความรูที่กวางขวาง แตไมสามารถนํามาใชได
ทันเวลา หรือไมสามารถแกไขปญหาเฉพาะหนาได
28. ตอบ ขอ 1. บุคคลที่มีมารยาทในการฟง ดู และพูดมากที่สุด คือ “สมภพ” เพราะเขาสามารถฟงสมชายชี้แจงไดจนจบ
ทั้งๆ ที่เขาไมเห็นดวยตั้งแตตน ขณะที่มาโนชไมใหเกียรติผูพูดบนเวที ชานนท ใชคําพูดเสียดสีวากลาว
แบบทดสอบ
ผูรวมประชุม และอมรชัยไมใหเกียรติผูฟง ไมสามารถสงบสติอารมณของตนเองได
29. ตอบ ขอ 2. เพื่อใหการพูดอภิปรายประสบผลสําเร็จ จําเปนอยางยิ่งที่ผูมีสวนเกี่ยวของจะตองเตรียมความพรอมใหแก
ตนเองกอนวันงาน ดังนี้
ผูดําเนินการอภิปราย กอนการอภิปรายควรศึกษาหัวขอการอภิปรายใหเขาใจ เพื่อวางแนวทางการอภิปราย
ศึกษาหาขอมูลเกี่ยวกับคณะผูรวมอภิปรายในทุกๆ ดาน เชน อายุ หนาที่การงาน อุปนิสัยสวนตัว ความรู
โครงการบูรณาการ
ความสามารถ เปนตน เพื่อใหกลาวแนะนําตอสาธารณชนไดถูกตอง รวมถึงนัดหมายคณะผูรวมอภิปราย
พบกันลวงหนาเพื่อวางแผนการอภิปรายรวมกัน
ผูรวมอภิปราย หากเปนการอภิปรายในหัวขอหนึ่งๆ ซึ่งมีผูรวมอภิปรายหลายทาน โดยมากคณะผูจัดงาน
จะแบงหัวขอการบรรยายใหแกวิทยากรแตละทานตามความรู ความสามารถ ดังนั้น ผูอภิปรายจึงควร
เตรียมเนื้อหาสาระในสวนของตนเองเปนอยางดี โดยอาจมีการนัดหมายกันกอนลวงหนาเพื่อวางแผน
ผูอภิปรายคนที่ 1 อาจเริ่มตนดวยการเกริ่นนําเกี่ยวกับหัวขอทั้งหมดของการอภิปราย จากนั้นจึงเขาสู
เนื้อหาของตน เพราะการเตรียมเนื้อหาที่ซํ้าซอนกับผูอภิปรายคนกอนหนา อาจสรางความไมนาสนใจได
ผูดําเนินรายการ ควรประสานงานกับคณะผูจัดงานเกี่ยวกับกําหนดการของงาน ซึ่งอาจประกอบดวย
กิจกรรมยอยตางๆ นอกจากนี้ควรมีขอมูลเกี่ยวกับชื่อ-นามสกุล คําอานที่ถูกตอง ยศตําแหนงของผูที่มีสวน
เกี่ยวของบนเวที เพื่อใหกลาวเชิญไดถูกตอง
ผูฟง ควรศึกษาหัวขอของการอภิปรายมาลวงหนา เพื่อใหตนเองลําดับความเขาใจตามไดทัน หรืออาจ
เตรียมประเด็นคําถาม ขอสงสัย เพื่อสอบถามผูบรรยายเมื่อถึงชวงเวลาที่กําหนด
บุคคลที่ปฏิบัติตนไมสอดคลองกับสถานภาพของตน คือ “สมบัติ” เพราะเขาเปนผูอภิปรายลําดับที่ 5 ซึ่ง
เปนลําดับสุดทาย เขาควรเตรียมเนื้อหาการอภิปรายเฉพาะในสวนของตน การเตรียมเนื้อหาทั้งหมด
อาจซํ้าซอนกับสวนที่ผูบรรยายทานอื่นๆ ไดกลาวไปแลว
30. ตอบ ขอ 3. สิกขา เปนคําที่ยืมมาจากภาษาบาลี โดยสังเกตจากการใชตัวสะกดตัวตาม ดังนี้
ถาพยัญชนะแถวที่ 1 สะกด พยัญชนะแถวที่ 1 หรือ 2 จะเปนตัวตาม
ถาพยัญชนะแถวที่ 3 สะกด พยัญชนะแถวที่ 3 หรือ 4 จะเปนตัวตาม
ถาพยัญชนะแถวที่ 5 สะกด พยัญชนะแถวที่ 1, 2, 3, 4 หรือ 5 จะเปนตัวตาม
(27) โครงการวัดและประเมินผล
ถาเศษวรรคสะกด เศษวรรคตัวเดิมตาม
ภัตตาหาร สักกะ เมตตา มีพยัญชนะแถวที่ 1 เปนตัวสะกด และพยัญชนะแถวที่ 1 เปนตัวตาม
จักขุ อุเบกขา มิจฉาชีพ มีพยัญชนะแถวที่ 1 เปนตัวสะกด และพยัญชนะแถวที่ 2 เปนตัวตาม
สามัคคี มีพยัญชนะแถวที่ 3 เปนตัวสะกด และพยัญชนะแถวที่ 3 เปนตัวตาม
วิญู มีพยัญชนะแถวที่ 5 เปนตัวสะกด และพยัญชนะแถวที่ 5 เปนตัวตาม
ดังนั้น จักขุ อุเบกขา มิจฉาชีพ จึงมีลักษณะตรงกับคําเงื่อนไข
31. ตอบ ขอ 2. หนึ่งในวิธีสังเกตวาคําใดเปนคําที่ยืมมาจากภาษาบาลี คือ การสังเกตตัวสะกดตัวตาม พยัญชนะในภาษา
บาลีมี 33 ตัว แบงเปนพยัญชนะวรรค 25 ตัว เศษวรรค 8 ตัว ไดแก ย ร ล ว ส ห ฬ อํ คําที่
กําหนดทุกคําสะกดดวยพยัญชนะที่เปนเศษวรรค และมีพยัญชนะที่เปนเศษวรรคตัวเดิมตาม
32. ตอบ ขอ 1. หรรษา เปนคําที่ยืมมาจากภาษาสันสกฤต โดยมีหลักสังเกตที่การใชรูป รร (ร หัน) จากตัวเลือกที่กําหนด
ทุกคําแมจะปรากฏรูป รร เชนเดียวกัน แตพบขอแตกตาง คือ บรรทัด กรรไกร สรรเสริญ เปนคําที่ยืม
มาจากภาษาเขมร สวน บรรพต ครรภ ภรรยา พรรณนา เปนคําที่ยืมมาจากภาษาสันสกฤต
33. ตอบ ขอ 3. หนึ่งในวิธีสังเกตวาคําใดเปนคําที่ยืมมาจากภาษาสันสกฤต คือ การใช -ร ตามหลัง ท- แลวออกเสียง
เปน /ซ-/ คําในกลุมที่ 1 ทุกคําเปนคําที่ยืมมาจากภาษาสันสกฤต สวนคําในกลุมที่ 2 แมจะอานออกเสียง
แบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผล (28)
สิ่งบงชี้ความแตกตางของประโยคทั้งสอง คือ ไวยากรณ เพราะประโยคที่ 1 เครงครัดไวยากรณ เลือกใช
ศัพทบัญญัติแทนการใชคําทับศัพท (เครื่องปรับอากาศ เปนศัพทบัญญัติเพื่อใชแทนคําวา air conditioner)
ใชภาษาระดับทางการสื่อความ แตประโยคที่ 2 ไมเครงครัดในไวยากรณ เลือกใชคําทับศัพทและภาษาปาก
38. ตอบ ขอ 3. โคลงสี่สุภาพหนึ่งบท มี 4 บาท บาทหนึ่งมี 2 วรรค วรรคหนามี 5 คํา วรรคหลังมี 2 คํา ยกเวนบาทที่ 4
วรรคหลังมี 4 คํา โดยวรรคหลังของบาทที่ 1 และ 3 อาจเพิ่มคําสรอยไดบาทละ 2 คํา โคลงสี่สุภาพ
กําหนดสัมผัสสระ โดยคําที่ 7 ของบาทที่ 1 ตองสงสัมผัสไปยังคําที่ 5 ของบาทที่ 2 และ 3 คําที่ 7 ของ
บาทที่ 2 ตองสงสัมผัสไปยังคําที่ 5 ของบาทที่ 4 บังคับคําเอก 7 แหง และคําโท 4 แหง ซึ่งตําแหนง
คําเอกสามารถใชคําตายแทนได ดังฉันทลักษณ
( )
o o o o่ ้ o่้ o o (o o)
o o่ o o o o่ o้
o o o่ o o o o่ (o o)
o o่ o o o้ o่ o้ o o
จากโคลงสี่สุภาพที่กําหนดปรากฏการใชคําตายแทนตําแหนงคําเอกในบาทที่ 3 วรรคหลัง คือ คําวา “โสต”
แบบทดสอบ
(คําตาย คือ คําที่ประสมดวยสระเสียงสั้น ไมมีตัวสะกด หรือคําที่ประสมดวยสระเสียงสั้น เสียงยาว สะกด
ดวยพยัญชนะในมาตรา /ก/ /บ/ /ด/)
39. ตอบ ขอ 3. โคลงสีส่ ภุ าพไมไดกาํ หนดสัมผัสบังคับภายในวรรค แตโดยมากผูแ ตงมักทําใหเกิดสัมผัสคลองจองภายในวรรค
ซึ่งอาจเปนสัมผัสพยัญชนะหรือสระ ทั้งนี้เพื่อความไพเราะ โคลงสี่สุภาพบทนี้ปรากฏคุณคาดานวรรณศิลป
ที่โดดเดน คือ การเลนเสียงพยัญชนะในทุกบาท ดังนี้
โครงการบูรณาการ
บาทที่ 1 เลนเสียงพยัญชนะ /จ/
บาทที่ 2 เลนเสียงคําที่ออกเสียง /ร/
บาทที่ 3 เลนเสียงคําที่ออกเสียง /ซ/
บาทที่ 4 เลนเสียงคําที่ออกเสียง /น/
40. ตอบ ขอ 3. สิ่งที่ตองวิเคราะห คือ “ระดับภาษา” ขอ 1., 2. และ 4. ใชภาษาระดับไมเปนทางการสื่อความ ดังนั้น ขอ 3.
จึงใชระดับภาษาสื่อความแตกตางจากขออื่น
(29) โครงการวัดและประเมินผล
ตอนที่ 2
1. ตอบ คําตอบของนักเรียนที่ไดคะแนนเต็มใหพิจารณา ดังนี้
1. อธิบายลักษณะการลําดับความของขอเขียนได
2. ระบุขอความที่คิดวามีความสมเหตุสมผล ความเปนไปได ที่ชวยสนับสนุนจุดมุงหมายของขอเขียน
3. ใชคําที่แสดงความคิดเห็นของตน โดยใหเหตุผลประกอบตามแนวทางการประเมินที่ถูกตอง
คําตอบของนักเรียนที่ไดคะแนนบางสวนใหพิจารณา ดังนี้
1. อธิบายลักษณะการลําดับความของขอเขียนได
2. ระบุขอความที่คิดวามีความสมเหตุสมผล ความเปนไปได ที่ชวยสนับสนุนจุดมุงหมายของขอเขียน
3. ใชคําที่แสดงความคิดเห็นของตน โดยใหเหตุผลประกอบที่เหมาะสม
คําตอบของนักเรียนที่ไมไดคะแนนใหพิจารณา ดังนี้
ใหคําตอบที่ไมพอเพียง หรือคลุมเครือเกินไป เชน “การลําดับความนาสนใจ” “ทุกขอความที่ผูเขียนยกมาสื่อสาร
มีความเปนไปได” “รูสึกชื่นชอบเพราะมีประโยชน” เปนตน
2. ตอบ คําโฆษณาของนักเรียนที่ไดคะแนนเต็มใหพิจารณา ดังนี้
1. ใชระดับภาษาเหมาะสมกับรูปแบบงานเขียน
แบบทดสอบ
2. เรียบเรียงถอยคําเพื่อสื่อสารกับผูรับสารเกี่ยวกับชื่อของผลิตภัณฑ ได
คําโฆษณาของนักเรียนที่ไมไดคะแนนใหพิจารณา ดังนี้
คําโฆษณาไมสื่อสารกับผูรับสารเกี่ยวกับชื่อของผลิตภัณฑ หรือใชระดับภาษาที่เปนทางการสื่อความ
3. ตอบ คําตอบของนักเรียนที่ไดคะแนนเต็มใหพิจารณา ดังนี้
1. ใชรูปแบบและภาษาที่ถูกตองโดยคํานึงถึงสถานภาพของผูรับจดหมาย
2. ระบุวันที่ หัวเรื่อง คําขึ้นตนจดหมาย คําขึ้นตนเนื้อความ และคําลงทายจดหมายไดถูกตอง
3. เนื้อความในจดหมาย ปรากฏรูปประโยคที่สื่อสารเกี่ยวกับสิ่งตอไปนี้
• แสดงความสืบเนื่องของจดหมายฉบับกอนหนา หรือจดหมายที่เคยเขียนเพื่อขอความอนุเคราะห
• บอกผลสําเร็จที่เกิดขึ้นของกิจกรรม
• แสดงความขอบคุณ และรักษาสัมพันธภาพระหวางกัน
คําตอบของนักเรียนที่ไดคะแนนบางสวนใหพิจารณา ดังนี้
1. ใชรูปแบบและภาษาที่ถูกตองโดยคํานึงถึงสถานภาพของผูรับจดหมาย
2. ระบุวันที่ หัวเรื่อง คําขึ้นตนจดหมาย คําขึ้นตนเนื้อความ และคําลงทายจดหมายไดถูกตอง
3. เนื้อความในจดหมาย ปรากฏรูปประโยคที่สื่อสารเกี่ยวกับสิ่งตอไปนี้
• แสดงความสืบเนื่องของจดหมายฉบับกอนหนา หรือจดหมายที่เคยเขียนเพื่อขอความอนุเคราะห
• แสดงความขอบคุณในความอนุเคราะหของวิทยากร
คําตอบของนักเรียนที่ไมไดคะแนนใหพิจารณา ดังนี้
ใชรูปแบบและภาษาไมเหมาะสมกับสถานภาพของผูรับจดหมาย ระบุวันที่ หัวเรื่อง คําขึ้นตนจดหมาย คําขึ้นตน
เนื้อความ และคําลงทายจดหมายไมถูกตอง
โครงการวัดและประเมินผล (30)
ตารางวิเคราะหแบบทดสอบ ภาคเรียนที่ 2
ตารางวิเคราะหมาตรฐานตัวชี้วัด ตารางวิเคราะหระดับพฤติกรรมการคิด
ระดับ ขอของแบบทดสอบที่สัมพันธกับ
ชุดที่ มาตรฐาน ตัวชี้วัด ขอของแบบทดสอบที่สัมพันธกับตัวชี้วัด พฤติกรรม ระดับพฤติกรรมการคิด รวม
การคิด
1 1 A ความรู ความจํา 24, 38, 40 3
2 2, 5 B ความเขาใจ 29, 32, 39 3
3 3-4 C การนําไปใช 2, 5, 8, 11, 13, 15 - 17, 19, 23, 27 11
4 6 D การวิเคราะห 1, 3, 9, 12, 18, 20 - 22, 25, 28, 30 - 31, 17
ท 1.1 5 7 33 - 37
6 9 E การสังเคราะห 4, 6, 14 3
7*, 8* - F การประเมินคา 7, 10, 26 3
9 10
10 8
1 11
2 12
4 13
5 16
1 ท 2.1 6*, 7* -
แบบทดสอบ
8 17, 19
9 14 - 15
10 18
1 20
2 22
3 23, 27
ท 3.1 4 21, 24 - 26
โครงการบูรณาการ
5 28
6 29
2 30 - 31, 33 - 35
4 32, 36 - 38
ท 4.1 5 39
6 40
1 1, 4 A ความรู ความจํา 1, 16, 31, 35, 40 5
2 5 B ความเขาใจ 8, 11, 14 - 15, 22 - 24, 26 - 28, 30 11
3 2, 3 C การนําไปใช 4, 10, 13, 18 - 20 6
4 8 D การวิเคราะห 2 - 3, 5 - 6, 12, 17, 25, 32 - 34, 36 - 39 14
ท 1.1 5 7 E การสังเคราะห 21 1
6 6 F การประเมินคา 7, 9, 29 3
7*, 8* -
9 9
2 10
1
10
11
2 12
4 13
5 16
ท 2.1 6*, 7*, -
8 18 - 20
9 14 - 15
10 17
*หมายเหตุ ตัวชี้วัดบางตัวปรากฏอยูในขอสอบที่เปนอัตนัย
(31) โครงการวัดและประเมินผล
ตารางวิเคราะหแบบทดสอบ ภาคเรียนที่ 2
ตารางวิเคราะหมาตรฐานตัวชี้วัด ตารางวิเคราะหระดับพฤติกรรมการคิด
ระดับ ขอของแบบทดสอบที่สัมพันธกับ
ชุดที่ มาตรฐาน ตัวชี้วัด ขอของแบบทดสอบที่สัมพันธกับตัวชี้วัด พฤติกรรม ระดับพฤติกรรมการคิด รวม
การคิด
1 22
2 21
3 26 - 27
ท 3.1 4 23 - 25, 28
2 5 29
(ตอ) 6
2
30
32 - 34, 36 - 38
4 35, 40
ท 4.1 5 31
6 39
แบบทดสอบ
โครงการบูรณาการ
โครงการวัดและประเมินผล (32)
แบบทดสอบว�ชา ภาษาไทย หลักภาษาและการใชภาษา ภาคเร�ยนที่ 2 ¤Ðá¹¹·Õè ä´Œ
ชุดที่ 1
¤Ðá¹¹ÃÇÁ
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 3 50
แบบทดสอบ
สําหรับการอานออกเสียง ดังนี้ ของการศึกษาเลาเรียน ถาการสอนอานในชวงแรก
แกว ศึกษาและวิเคราะหบทอาน ของระบบการเรียนการสอนในโรงเรียนเปนไปอยาง
กลา ซักรีดชุดนักเรียนใหสะอาดเรียบรอย มีประสิทธิภาพ สามารถปลูกฝงใหผูเรียนอานได
กอง เลียนแบบการวางบุคลิกภาพทาทางจากพิธีกร อยางแตกฉาน เกิดความประทับใจในการอาน และ
ภาคสนามรายการบันเทิง ปลูกฝงจนเปนนิสยั ใหรกั การอาน ผลทีเ่ กิดขึน้ ตามมา
โครงการบูรณาการ
กุก ศึกษาวิธีการเอื้อนเสียงดวยการฟงเพลงลูกทุง คือ ความเจริญกาวหนาทางการศึกษาในศาสตรตา งๆ
1. เพื่อนคนใดมีแนวทางการเตรียมตัวที่จะทําใหประสบ- และหากเจาะลึกลงเฉพาะการอานออกเสียง ผูที่ฝก
D ผลสําเร็จในการอานออกเสียงมากที่สุด ทักษะในดานนี้ไดเปนอยางดีแลว ก็จะไดประโยชน
1. แกว เพราะการศึกษาบทอานลวงหนาชวยใหมีเวลา ยิ่งขึ้น เพราะจะเปนผูที่สามารถใชเสียงไดอยางมี
ในการแบงวรรคตอน ประสิทธิภาพ ไมวาจะในการพูด การอาน หรือการ
2. กลา เพราะการแตงกายทีส่ ะอาดเรียบรอยจะชวยดึงดูด ขับรองเพลง ทั้งยังจะเปนสิ่งที่เสริมสรางบุคลิกภาพ
ความสนใจของผูฟง ที่ดี ชวยใหเกิดความเชื่อมั่นในตนเองเปนอยางยิ่ง
3. กอง เพราะบุคลิกภาพจะชวยใหบทอานมีความนาสนใจ
4. กุก เพราะเพลงลูกทุงมีลักษณะการออกเสียง 3. สาระสําคัญของขอความนี้ตรงกับขอใด
ที่หลากหลาย D 1. การเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพคือการปลูกฝง
2. “ดัสกร พรุง นีป้ ด ปากเขาซะ !” คําทีข่ ดี เสนใตสอดคลองกับ ใหผูเรียนมีความแตกฉานในการอาน
C คําในขอใด 2. ผูเรียนควรมีความแตกฉานในการอาน จนเกิดความ
1. ดอกฟา หนาออน ตีนผี ประทับใจ
2. ซื้อเสียง ยกเมฆ ขายเสียง 3. การอานเปนประตูบานแรกที่เปดสูกระบวนการเรียนรู
3. หมาวัด ยกเมฆ หนาออน 4. การอานเปนสิ่งที่เสริมสรางบุคลิกภาพ
4. ดอกฟา ขายเสียง หมาวัด
ความรู ความจํา ความเขาใจ การนําไปใช การวิเคราะห การสังเคราะห การประเมินคา
A B C D E F
(33) โครงการวัดและประเมินผล
4. ขอใดเปนขอสนับสนุนหลักขของขอความ “ผูที่ฝกฝนทักษะ อานนิทานที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 7.
E การอานออกเสียงจะไดรับประโยชน”
1. ความเจริญกาวหนาทางการศึกษาในดานตางๆ นิทานอีสปเรื่อง มดกับตั๊กแตน
2. เสริมสรางบุคลิกภาพที่ดีชวยใหเกิดความมั่นใจ ตั๊ ก แตนเจ า สํ า ราญตั ว หนึ่ ง มี นิ สั ย เกี ย จคร า น
3. เกิดความประทับใจและนิสัยรักการอาน ชอบความสะดวกสบาย ตลอดชวงฤดูรอ นทีส่ ตั วอนื่ ๆ
4. ใชเสียงสื่อสารไดอยางมีประสิทธิภาพ พากันหาอาหารไปเก็บสะสมไวในรัง มันมัวแตรอ งรํา
พิจารณาขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 5. ทําเพลง สนุกสนานไปวันๆ ครั้นถึงฤดูหนาวหิมะ
ตกหนัก ตัก๊ แตนไมสามารถหาอาหารกินได อดอยาก
Black Mamba เปนงูพิษรายแรงพบกระจาย อยูหลายวัน จนในที่สุดตองซมซานมาเคาะประตูรัง
ในแอฟริกาตอนใตและตอนกลาง ของมดซึ่งเคยรูจักกัน
“ไดโปรดเถิดเพื่อน ขออาหารใหฉันประทังชีวิต
5. คําที่ขีดเสนใตในขอความใดสอดคลองกับคําที่ขีดเสนใต
สั ก หน อ ย เมื่ อ พ น ฤดู ห นาวอั น แสนทารุ ณ นี้ แ ล ว
C ในขอความที่กําหนด
ฉันสัญญาวาจะหามาใชคืนเปนเทาตัว” ตั๊กแตน
1. สมชายถูกหมาบากัดที่โคนขาซายขณะวิ่ง
ออกกําลังกายในหมูบาน พยายามวิงวอน
“อาว ! ก็เมื่อฤดูรอนที่ใครๆ เขาพากันทํามา
แบบทดสอบ
2. หลังจากนําเสนองานกับอาจารยที่ปรึกษา
จารุณีรูสึกเบาใจเปนอยางมาก หากินตัวเปนเกลียว เจามัวทําอะไรอยู” มดยอนถาม
3. ชาวบานมักเรียกเสี่ยสมชายลับหลังวา สมชายเขี้ยว “ฉันไมไดอยูเปลาๆ นะ แตไดรองรําทําเพลง
ลากดิน ตลอดเวลา เมื่อตอนที่เธอและเพื่อนๆ ขนอาหาร
4. เกือบทุกวันบนหนาหนังสือพิมพตองเสนอขาวเหยื่อ ผานมาก็ไดยินมิใชหรือ”
ตีนผี “ไดยนิ ซิ ในเมือ่ เจามัวแตรอ งเพลงตลอดฤดูรอ น
โครงการบูรณาการ
โครงการวัดและประเมินผล (34)
8. นักเรียนเห็นดวยกับขอสรุปของเพื่อนคนใด เพราะเหตุใด อานพระบรมราโชวาทที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 10.
C 1. ตอ เพราะมารยาทการใชหองสมุดมีลักษณะบังคับ
…ในการที่ ทุ ก คนจะออกปฏิ บั ติ ง านให ไ ด ผ ล
2. แตน เพราะความเงียบทําใหเกิดสมาธิขณะอานหนังสือ
สมบูรณ และใหเปนประโยชนแกชาติบานเมือง
3. ผึ้ง เพราะไมสามารถหยิบหนังสือพิมพมาอาน โดยส ว นรวมนั้ น มี สิ่ ง สํ า คั ญ ที่ ควรจะต อ งศึ ก ษา
ครั้งละหลายๆ ฉบับได ใหทราบแจงชัดตั้งแตตนวา บานเมืองของเรามี
4. มิ้ม เพราะทําใหทุกคนใชสาธารณสมบัติรวมกันได โครงสรางอันกอตั้งขึ้นดวย สวนประกอบที่สําคัญ
อยางไมมีขอขัดแยง มากมายหลายสวน เชน อุตสาหกรรม เกษตรกรรม
อานขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 9. วนกรรม ชลประทาน รวมตลอดถึ ง เศรษฐกิ จ
การศึกษา และสังคมดวย ดังนั้น การใชเทคโนโลยี
ขุมทรัพยของคนเก็บขยะ สรางสรรคความเจริญตางๆ ในบานเมืองจึงจําเปน
คนเก็บขยะตางคุย หาวัสดุรไี ซเคิลทีอ่ ยูในสิง่ ของ จะตองใชใหพอดีและสอดคลองกับโครงสรางของ
ตางๆ ที่กองขยะนามเซิน (Nam Son) ซึ่งอยูทาง ประเทศทุกๆ ดาน เพื่อใหผลหรือประโยชนอันจะ
ตอนเหนือของฮานอย เพื่อนําไปขายใหกับศูนย เกิดขึ้นนั้น บังเกิดขึ้นพรอมทุกดานโดยสมบูรณ
และได ส มดุ ล ทั่ ว ถึ ง กั น อั น จะเป น เหตุ สํ า คั ญ ที่ สุ ด
รีไซเคิล ในแตละวันคนเก็บขยะเกือบ 800 คน จะมา
แบบทดสอบ
ซึง่ จะบันดาลใหบา นเมืองของเราเจริญกาวหนาอยาง
ยังกองขยะแหงนี้ ตั้งแตชวงตีสามจนถึงเจ็ดโมงเชา รวดเร็วและมั่นคง
เพื่อมองหาวัสดุรีไซเคิล ชวงเวลาดังกลาวเปนชวง พระบรมราโชวาทในรัชกาลที่ 9
เวลาทีเ่ หมาะสม เพราะเปนชวงเวลาหลังจากทีร่ ถขยะ
นําขยะที่เก็บจากตัวเมืองมาทิ้ง ขยะที่คนเหลานี้นํา 10. ขอคิดสําคัญของพระบ
ของพระบรมราโชวาทตรงกับขอใด
F 1. เทคโนโลยีคือสิ่งจําเปนสําหรับการพัฒนาบานเมือง
โครงการบูรณาการ
ไปขายใหกบั ศูนยรไี ซเคิลมีจาํ นวนมากกวา 10 ตัน/วัน
2. บานเมืองของเรามีโครงสรางทางสังคมที่ซับซอน
และจะไดรายไดประมาณ 120-145 บาท/วัน/คน
และหลากหลาย
กองขยะแหงนีต้ งั้ ขึน้ มาตัง้ แตป 1999 มีพน้ื ทีท่ งั้ หมด 3. เทคโนโลยีจะชวยใหบานเมืองเจริญกาวหนา
ประมาณ 830,000 ตารางเมตร รองรับขยะเกือบ อยางรวดเร็วและมั่นคง
4,200 ตัน/วัน ปจจุบันกองขยะนี้มีปริมาณขยะมาก 4. ควรเลือกใชเทคโนโลยีอยางเหมาะสมและพอดี
ถึงรอยละ 90 ของความสามารถในการรองรับขยะ พิจารณาลายมือที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 11.
ทั้งหมด หากไมมีการขยายพื้นที่กองขยะแหงนี้จะ
ปดตัวลงในป 2014
9. ขอใดกลาวถูกตอง
D 1. ตีสามเปนเวลาที่เหมาะสมที่สุดสําหรับการคุยหา
วัสดุรีไซเคิล
2. กองขยะแหงนีส้ ามารถรองรับปริมาณขยะของประเทศ 11. ลายมือนี้มีขอบกพรองตรง
งตรงกับขอใดชัดเจนที่สุด
C 1. เสนหลังของพยัญชนะไมตั้งตรง
ไดทั้งหมด 2. การเวนวรรคระหวางคําที่เปนรายการไมเทากัน
3. อาชีพเก็บขยะเปนอาชีพที่กําลังไดรับความสนใจ 3. สระที่อยูหนาพยัญชนะมีขนาดไมเทากับความสูง
จากประชากรในฮานอย ของพยัญชนะ
4. การขยายพื้นที่เปนแนวทางหนึ่งที่จะทําใหกองขยะ 4. สระที่อยูบนพยัญชนะมีขนาดความกวางไมเทากับ
แหงนี้รองรับปริมาณขยะไดตอไป ขนาดความกวางของพยัญชนะขนาดกลาง
(35) โครงการวัดและประเมินผล
อานขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 12. พิจารณาขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 14.
NEW ! GATSBY นวัตกรรมของการแตงผม ก) ประเภทของยาเสพติด
สุดฮิป ! พลังจัดทรงสูง เปลี่ยนสไตลไดบอยครั้ง ข) สาเหตุของการติดยาเสพติด
12. ขอใดระบุแนวทางการใชภาษาของงานเขียนที่กําหนดให ค) ยาเสพติดใหโทษอยางไร
D ไดเหมาะสม ง) แนวทางปองกันการติดยาเสพติด
1. ใชถอยคําภาษาที่ทําใหผูรับสารเกิดความประทับใจ
2. ใชคําทับศัพทภาษาอังกฤษเพื่อเพิ่มความนาเชื่อถือ 14. ถาตองเขียนรายงานเชิงวิชาการเรื่อง “พิษภัยจาก
E ยาเสพติด” ควรวางโครงเรื่องตามขอใด
ใหแกผลิตภัณฑ
3. ใชถอยคําเพื่อใหผูฟงเกิดความรูสึกสนใจในผลิตภัณฑ 1. ค), ก), ข), ง)
4. ใชถอยคําที่ดึงดูดความสนใจเพื่อเสนอขอดี 2. ง), ข), ก), ค)
ของผลิตภัณฑ 3. ก), ข), ค), ง)
อานขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 13. 4. ก), ค), ข), ง)
15. ขอใดถูกตองเมื่อกําหนดใหเขียนบรรณานุกรมหนังสือเลม
เรื่องเดียวกัน
แบบทดสอบ
C ที่มีผูแตง 3 คนขึ้นไป
บอยครั้งเมื่อฉันคุยกับเพื่อน
เราแลกเปลี่ยนมุมมองชีวิตตอกัน 1. ฉัตรา บุนนาค และคณะ. (2525). ศิลปะการใชภาษาไทย
ประสบการณ ในเรื่องเดียวกัน ในชีวิตประจําวันและทางธุรกิจ (พิมพครั้งที่ 1).
แตในรายละเอียดนั้น กรุงเทพมหานคร : ประกายพรึก.
บางครั้งมีเรื่องราวที่เหมือนกัน 2. ฉัตรา บุนนาค, สุวรรณี อุดมผล, และวรรณี
โครงการบูรณาการ
โครงการวัดและประเมินผล (36)
อานประกาศที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 17.
รับสมัครดวน
บริษัทฯ ดําเนินกิจการเกี่ยวกับภัตตาคารอาหารญี่ปุน มาเปนระยะเวลากวา 10 ป ตองการรับบุคลากรเพื่อรองรับ
การเจริญเติบโตของบริษัทเปนจํานวนมาก ดังนี้
1. กุก และผูชวยกุก (ชาย)
2. แคชเชียร (หญิง) วุฒิการศึกษา ปวช. ขึ้นไป (มีบุคคลคํ้าประกัน)
3. พนักงานเสิรฟ (หญิง/Full time) วุฒิการศึกษา ม.3 ขึ้นไป
4. พนักงานเสิรฟ (หญิง/Part time) วุฒิการศึกษา ม.3 ขึ้นไป
5. พนักงานลางจาน (Full time)
* หมายเหตุ ถามีประสบการณจะพิจารณาเปนพิเศษ ทุกตําแหนงอายุ 18-30 ป (สัมภาษณแลวทราบผลทันที)
สวัสดิการ : ชุดยูนิฟอรม, ประกันสังคม, คาอาหาร, โบนัสประจําป และสวัสดิการอื่นๆ ตามที่กฎหมายแรงงานกําหนด
ทั้งนี้บริษัทสนับสนุนดานการศึกษาสําหรับพนักงานที่กําลังศึกษาอยู
ผูที่สนใจกรุณาติดตอ ฝายบุคคล โทร. 02-235-7498
แบบทดสอบ
บริษัท อูมาโอ จํากัด 132/101-102 สีลมซอย 6
ถนนสีลม แขวงสุริยวงศ เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
www.aumao-bkk.com
e-mail : gold_auma@hotmail.com
โครงการบูรณาการ
17. จากใบประกาศรับสมัครงาน บุคคลใดสามารถติดตอกับ 18. ถาตองการเขียนแ
นแสดงความคิดเห็น บุคคลใดมีแนวทาง
C ฝายบุคคลของบริษัทได D การใชภาษาเหมาะสมมากที่สุด เพราะเหตุใด
1. อนุพงษ เพศชาย อายุ 15 ป จบการศึกษาชั้น ป.6 1. อรอุมา เพราะทําใหผูรับสารลําดับความเขาใจได
ตองการสมัครงานในตําแหนงพนักงานเสิรฟ 2. ปราณี เพราะทําใหผูรับสารติดตามเนื้อหาโดยตลอด
2. เกียรติศักดิ์ เพศชาย อายุ 18 ป จบการศึกษาชั้น ม.3 3. นุศรา เพราะทําใหผูรับสารตีความไดไมคลาดเคลื่อน
ตองการสมัครงานในตําแหนงแคชเชียร 4. พิมพา เพราะทําใหผูรับสารผอนคลายในขณะรับสาร
3. นารี เพศหญิง อายุ 15 ป กําลังศึกษาอยูชั้น ม.3 19. ถาชอทิพยตองการสมัครงานในตําแหนงแคชเชียรของ
ตองการสมัครงานในตําแหนงลางจาน C บริษัทอูมาโอ นอกจากความสามารถดานการใช
4. วรางคณา เพศหญิง อายุ 18 ป จบการศึกษาชั้น ม.3 คอมพิวเตอรแลว ชอทิพยควรเติมขอความใดลงในชอง
ตองการสมัครงานในตําแหนงพนักงานเสิรฟแบบเต็ม “บันทึกเพิ่มเติมซึ่งทานคิดวาเปนประโยชนตอการ
เวลา สมัครงาน”
อานขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 18. 1. สนใจการถายรูปและวาดภาพสีนํ้ามัน
2. มีมนุษยสัมพันธดี ปฏิบัติหนาที่ดวยความรอบคอบ
อรอุมา ใชภาษาเหมาะสมกับยุคสมัย 3. ใชเวลาวางใหเกิดประโยชนดวยการอานวรรณกรรม
ปราณี ใชภาษากระตุนความสนใจของผูรับสาร 4. ผานการอบรมหัวขอภาวะผูนําจากสถาบันการศึกษา
นุศรา ใชภาษาชัดเจน ไมกํากวม
พิมพา ใชภาษาที่มีความไพเราะ สละสลวย
(37) โครงการวัดและประเมินผล
อานขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 20. 22. หากบุคคลตอไปนี้ไดฟงนนิทานอีสปเรื่อง “มดกับตั๊กแตน”
D ใครมีแนวทางการพูดแสดงความคิดเห็นตอเรื่องที่ฟงได
เพื่อนแตละคนมีพฤติกรรม ดังนี้ สอดคลองกับหลักเกณฑการประเมิน
ปฐมพร เลือกรับสารเฉพาะที่ตนเองสนใจ 1. ปลากลาววา บทสนทนาในนิทานเรื่องมดกับตั๊กแตน
วราภรณ หลังฟงการอภิปรายไดสืบคนประวัติ สงผลตอการดําเนินเรือ่ งและสะทอนบุคลิกของตัวละคร
ของวิทยากรพบวาเปนผูมีชื่อเสียง 2. ปอมกลาววา นิทานเรื่องมดกับตั๊กแตนสรางความ
ในวงสังคมจึงตัดสินใจเชื่อ สนุกสนานและความบันเทิงใหแกผูรับสาร
สมใจ หลังจากดูภาพยนตรแลวคิดทบทวน
เกี่ยวกับองคประกอบและความสมเหตุ 3. ปอมกลาววา ทุกคนควรไดรับฟงนิทานเรื่องนี้
สมผลของแนวคิดที่นําเสนอ เพราะเปนนิทานที่มีความสนุกสนาน
อมรชัย ดูสารคดีรายการหนึ่งแลวตัดสินใจเชื่อ 4. แปงกลาววา ทุกคนที่ไดฟงนิทานเรื่องนี้ควรนําไป
ในทันที เพราะนําเสนอไดสอดคลองกับ เลาตอจึงจะเกิดประโยชน
ความคิดของตน อานขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 23.
20. พฤติกรรมของบุคคลใดเปนลักษณะของ “ผูม วี จิ ารณญาณ” โสภา หลังจากแนะนําตนเอง จึงกลาวสรุป
D ในการรับสาร เพราะเหตุใด เกี่ยวกับเนื้อหาของรายงาน
ดวงกมล แนะนําตนเอง แลวใชอวัจนภาษา
แบบทดสอบ
1. ปฐมพร เพราะทําใหรับสารไดอยางมีประสิทธิภาพ
2. วราภรณ เพราะไดสืบคนเกี่ยวกับความนาเชื่อถือ ประกอบการรายงาน ดวยการโบกมือ
ของผูพูดกอนตัดสินใจเชื่อ ทักทายครูและเพื่อนๆ
3. สมใจ เพราะไดแยกแยะองคประกอบของสิ่งที่ไดฟง นารี แนะนําตนเอง เพื่อนสมาชิกในกลุม
และดูกอนตัดสินใจเชื่อ และพูดรายงานไปตามบทพูดที่รางไว
4. อมรชัย เพราะไดประมวลแนวคิดที่สื่อนําเสนอ วารี กลาวสรุปเกี่ยวกับประโยชนที่ไดรับจาก
โครงการบูรณาการ
เขากับความคิดของตน การทํารายงาน
พิจารณาโครงเรื่องที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 21.
23. เมื่อตองรายงานผลการศึกษาคนควาหนาชั้นเรียน
ก) กลาวทักทายผูฟงและแนะนําตนเอง C พฤติกรรมของบุคคลใดเหมาะสมมากที่สุด เพราะเหตุใด
ข) แสดงความรูสึกยินดีที่ไดมากลาวสุนทรพจน 1. โสภา เพราะหลังจากแนะนําตนเองแลวควรใชเวลา
ค) ระบุถึงสาเหตุการเลือกหัวขอสุนทรพจน สั้นๆ สรุปเนื้อหาของรายงาน
ง) เกริ่นนําดวยการยกประเด็น เหตุการณ เพื่อให 2. ดวงกมล เพราะการใชอวัจนภาษาประกอบการพูด
ผูฟงเห็นความสําคัญของความสามัคคี จะชวยดึงดูดความสนใจของผูฟง
จ) แยกประเด็นใหเห็นคุณคาดานตางๆ ของความ 3. นารี เพราะนอกจากแนะนําตนเองแลว ควรแนะนํา
สามัคคี ดวยวาสมาชิกในกลุมมีใครบาง
ฉ) เสนอแนวทางปฏิบัติที่จะทําใหเกิดความสามัคคี 4. วารี เพราะเปนลักษณะที่เรียกวา “พูดนอยแตได
ในทุกหมูเหลา ความมาก”
ช) เนนยํ้าแนวคิดหลักดวยการยกวาทะ คําคม 24. พฤติกรรมในขอใดที่ผูดําเนินการอภิปรายควรปฏิบัติ
และสรางความประทับใจแกผูฟง A 1. ชี้แจงตอที่ประชุมเกี่ยวกับวิธีการอภิปราย
21. ขอใดคือโครงเรื่องที่เหมาะสมของบทพูดสุนทรพจน 2. ประสานงานกับคณะผูจัดงานเกี่ยวกับกิจกรรมยอย
D เรือ่ ง “คุณคาของความสมัครสมานสามัคคี” อื่นๆ ภายในงาน
1. ก), ค), ง), ฉ), ช) 3. เตรียมเนื้อหาสาระเกี่ยวกับการอภิปรายในหัวขอ
2. ก), ข), ง), จ), ฉ), ช) ที่ตนไดรับมอบหมาย
3. ก), ข), ค), ง), จ), ฉ), ช) 4. กลาวสนับสนุนความคิดเห็นของผูรวมอภิปราย
4. ก), ข), ค), ง), ฉ), จ), ช) ที่สอดคลองกับความคิดเห็นของตน
โครงการวัดและประเมินผล (38)
พิจารณาขอมูลที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 25. 26. ขอความใดสะทอนใหเห็นวาผูพูดมีวาทศิลปมากที่สุด
F ในการโตวาทีภายใตญัตติ “โลกออนไลนดีกวา
เพื่อนแตละคนมีทักษะการพูดและลักษณะโดดเดน โลกแหงความเปนจริง”
ดังนี้
แตว พูดดี เปนนักฟงที่ดี และมีปฏิภาณไหวพริบ 1. “สวัสดีทานกรรมการ ผูฟงทุกทานคะ วันนี้เราจะ
ตั้ม พูดได และมีบุคลิกลักษณะที่สื่อสะทอนความ พูดคุยกันในเรื่องที่วา โลกออนไลนดีกวาโลกแหง
เปนมิตร ความเปนจริง ขอขยายความคําวา โลกออนไลน”
ติ๋ว พูดเกง และมีมุมมองในเรื่องตางๆ แตกตาง (หัวหนาฝายเสนอ)
จากผูอื่นเสมอ 2. “…โลกออนไลนจะเปนสิ่งที่ทําใหคุณกาวไปถึง
แตม พูดดี มีความรูในเรื่องตางๆ อยางกวางขวาง อีกจุดหนึ่งของชีวิต” (หัวหนาฝายเสนอ)
และทันสมัย 3. “…ผลการวิจัยของ Eastern Illinois University
25. เมื่อไดรับมอบหมายใหทําหนาที่เปนประธานฝายคาน ระบุวาสังคมออนไลนทําใหเกิดความแปลกแยก
D เพือ่ แขงขันโตวาทีภายในชัน้ เรียน ขณะนีฝ้ า ยของนักเรียน แยกตัวออกจากสังคม…” (หัวหนาฝายคาน)
ยังขาดสมาชิกอีก 1 คน นักเรียนจะเลือกบุคคลใด 4. “…โลกออนไลน ไมมีที่สิ้นสุด เปนที่จุดประกาย
มาเปนสมาชิก เพราะเหตุใด ความสรางสรรค…” (ผูสนับสนุนฝายเสนอคนที่ 2)
1. แตว เพราะมีทักษะการพูด และปฏิภาณไหวพริบ
แบบทดสอบ
27. ถาครูมอบหมายใหนักเรียนจับกลุม เพื่อทํารายงาน
จําเปนสําหรับการโตวาที C เชิงวิชาการเรื่อง “ภูมิปญญาทองถิ่น” พฤติกรรมในขอใด
2. ตัม้ เพราะมีทกั ษะการพูด และบุคลิกลักษณะทีเ่ ปนมิตร ควรทําเปนลําดับแรก
ยอมโนมนาวใหผูฟงเกิดความเชื่อถือ
3. ติ๋ว เพราะมีทักษะการพูด และยอมสามารถพูดโตแยง 1. ระดมความคิด เพื่อเลือกหัวขอที่ชัดเจน
ฝายตรงขามไดครบทุกประเด็น 2. เลือกตัวแทนที่จะออกไปรายงานหนาชั้นเรียน
โครงการบูรณาการ
4. แตม เพราะมีทักษะการพูด และความรูจําเปนสําหรับ 3. เลือกหัวหนากลุม เพื่อใหกลุมมีผูรับผิดชอบหลัก
การโตวาที 4. วางแผนสืบคนขอมูล เพือ่ ใหสมาชิกมีเปาหมายรวมกัน
(39) โครงการวัดและประเมินผล
28. ผูพูดมีเจตนาและใช
จตนาแ แนวทางใดในการพูด 33. ประโยคในขอใดมีลักษณะตรงกับประโยคเงื่อนไข
D 1. โนมนาวใหกระทํา โดยแสดงใหเห็นความนาเชื่อถือ D “ติ่งเอาหนังสือที่แมใหวางไวบนโตะ”
ของผูพูด 1. เราตองยกเกาอี้วางไวบนโตะ
2. โนมนาวใหเลิกกระทํา โดยแสดงใหเห็นความนาเชือ่ ถือ 2. ผมรูจักเขามาตั้งแตกอนเขาทํางาน
3. เขาสงสารและเห็นใจผูประสบภัยนํ้าทวมซึ่งเปน
ของผูพูด
คนที่ยังไมไดรับการชวยเหลือ
3. โนมนาวใหเลิกกระทํา โดยแสดงใหเห็นความจริง 4. หลังจากที่ถูกขโมยขึ้นบาน เราก็ซื้อสุนัขมาเลี้ยง
4. โนมนาวใหกระทํา โดยแสดงใหเห็นความจริง 34. ประโยคในขอใดมีลักษณะตรงกับประโยคเงื่อนไข
29. มารยาทที่สําคัญของการพูดโนมนาวใจตรงกับขอใด D “แมตีนองรองไห”
B 1. ผูพูดตองไมบิดเบือนขอมูลหรือใชถอยคําเพื่อให 1. เขารินนํ้าดื่ม
ผูรับสารตีความไดหลายนัย 2. หนูกัดเสื้อขาด
2. ผูพูดตองเปนนักฟงที่ดีเก็บขอมูลจากผูฟงมาใช 3. แมกอดนองรองไห
ประกอบการพูด 4. นองสะดุดกอนหินหกลม
3. ผูพูดตองสรางความประทับใจใหแกผูฟงดวยใบหนา 35. ประโยคซับซอนในขอใดมีประโยคขยายในหนวยนาม
D 1. พอมีเรื่องที่ไมไดเลาใหแมฟงเพราะกลัววาแม
ที่ยิ้มแยมแจมใส
แบบทดสอบ
จะไมสบายใจไปดวย
4. ผูพูดควรพูดใหผูฟงรูสึกวาตนเองเปนคนสําคัญ 2. เราตัดสินไดยากวาเรื่องใดดีหรือเลวเพราะเปนเรื่อง
30. ขอใดมีลักษณะตรงกับคําเงื่อนไข เกี่ยวกับความรูสึกและรสนิยม
D “คนทําสวน” ทุกคํา 3. แมผมโกรธมากหาวาผมไมตั้งใจเรียน
1. นกบิน ถังใสนํ้ามัน 4. เด็กสาวที่ยืนอยูเปนลูกศิษยของฉันเอง
โครงการบูรณาการ
โครงการวัดและประเมินผล (40)
39. คําศัพททางวิชาการขอใดอยูในกลุมเดียวกัน 40. การแตงโคลงสี่สุภาพอนุโลมใหใชคําสรอยในตําแหนงใด
B 1. อุปลักษณ บุคลาธิษฐาน สินทรัพย A 1. ทายบาทที่ 1 และ 4
2. ดุลอํานาจ ตลาดมืด ไปรษณียเสียง 2. ทายบาทที่ 1 และ 3
3. งบประมาณ ตลาดมืด สัญญาณภาพ 3. ทายบาทที่ 3 และ 4
4. อุปลักษณ บุคลาธิษฐาน การกลาวซํ้า 4. ทายบาทที่ 2 และ 3
แบบทดสอบ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
โครงการบูรณาการ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
2. บริษัท สินรุงเรือง เปดรับสมัครงานในตําแหนงพนักงานเดินเอกสาร ระบุคุณสมบัติไววา ไมจํากัดเพศ อายุ 18 ปขึ้นไป
วุฒิการศึกษาชั้น ม.3 หรือเทียบเทา หากสนใจใหเดินทางไปกรอกใบสมัครไดที่ฝายบุคคลของบริษัท นักเรียนจะมีแนวทาง
การกรอกแบบสมัครงานและบรรยายคุณสมบัติของตนเองใหเหมาะสมกับตําแหนงงานที่จะสมัครอยางไร (2 คะแนน)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
3. ใหนักเรียนสมมติบทบาทตนเอง เปนประธานคณะกรรมการนักเรียนรางจดหมายกิจธุระเรียนเชิญนายบัณฑิต โชคชัยสกุล
ศิษยเกาของโรงเรียนที่ประสบผลสําเร็จในวงการสื่อสารมวลชน (วิทยุ โทรทัศน) เปนวิทยากรบรรยายในหัวขอ “นอกกรอบ
อยางไร ใหประสบผลสําเร็จ” ใหนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปที่ 3 จํานวน 150 คน ฟงในวันที่ 27 สิงหาคม 2556 ระหวาง
เวลา 10.00-12.00 น. ณ หอประชุมของโรงเรียน โดยจดหมายฉบับนี้ออกในนามฝายกิจกรรมนักเรียน มีอาจารยอมรเทพ
รุงไกรฤกษ เปนที่ปรึกษา ใชกระดาษขนาด A4 เขียนจดหมายฉบับนี้ดวยรูปแบบและสํานวนภาษาที่ถูกตอง เหมาะสม
(5 คะแนน)
(41) โครงการวัดและประเมินผล
แบบทดสอบว�ชา ภาษาไทย หลักภาษาและการใชภาษา ภาคเร�ยนที่ 2 ¤Ðá¹¹·Õè ä´Œ
ชุดที่ 2
¤Ðá¹¹ÃÇÁ
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 3 50
2. ความสุขความเจริญจะใหประโยชนตอผูกระทํา
1. ขอใดระบุคําอานของขอความที่กําหนดไดถูกตอง 3. ความสุขความเจริญที่แทจริงตองไดมาดวย
A 1. โอ-เลี้ยง-มา-แลว-ครับ-ครับ ความเปนธรรม
2. โอ-เลี้ยง-มา-แลว-มา-แลว-ครับ 4. ความสุขความเจริญจะทําใหประเทศชาติมีความ
3. โอ-เลี้ยง-มา-แลว-ครับ-แลว-ครับ เจริญกาวหนา
โครงการบูรณาการ
4. โอ-เลี้ยง-มา-แลว-ครับ-โอ-เลี้ยง-มา-แลว-ครับ 3. ที่สุดแลวความเจริญที่เท็จเทียมจะกลับมาทําลายตน
อานพระบรมราโชวาททีก่ าํ หนด แลวตอบคําถามขอ 2. - 3. D ดวยเหตุใด
1. เพราะไดมาดวยความไมซื่อสัตยสุจริต
…ความสุขความเจริญอันแทจริงนั้น หมายถึง 2. เพราะความเจริญที่เท็จเทียมจะทําใหผูนั้นลมจม
ความสุข ความเจริญที่บุคคลแสวงหามาไดดวย 3. เพราะไดมาดวยการแกงแยงเบียดบังมาจากผูอื่น
ความเปนธรรม ทัง้ ในเจตนาและการกระทํา ไมใชได 4. เพราะความเจริญที่เท็จเทียมจะบอนเบียนทําลาย
มาดวยความบังเอิญ หรือดวยการแกงแยงเบียดบัง
สวนรวม
มาจากผูอื่น ความเจริญที่แทนี้มีลักษณะเปนการ
สรางสรรค เพราะอํานวยประโยชนถงึ ผูอ นื่ และสวนรวม 4. นักเรียนระดับชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 3 หองหนึง่ ลงคะแนนเสียง
ดวย ตรงกันขามกับความเจริญอยางเท็จเทียมที่
C ใหกิติยาเปนตัวแทนของหองไปประกวดอานออกเสียง
เกิดขึน้ มาดวยความประพฤติไมเปนธรรมของบุคคล ภายในระดับชั้น นักเรียนคิดวาเหตุผลในขอใดที่ทําให
ซึ่ ง มี ลั ก ษณะเป น การทํ า ลายล า ง เพราะให โ ทษ กิติยาไดรับคะแนนเสียงจากเพื่อนๆ
บอนเบียนทําลายผูอื่นและสวนรวม การบอนเบียน 1. เพราะมีแกวเสียงที่แจมใส
ทําลายนั้น ที่สุดก็จะตองกลับมาทําลายตน ดวยเหตุ 2. เพราะเปนบุคคลที่มีบุคลิกภาพดี
ที่เมื่อสวนรวมถูกทําลายเสียแลว ตนเองก็จะยืนตัว 3. เพราะเปนบุคคลที่เพื่อนๆ ใหความไววางใจ
อยูไมได จะตองลมจมลงไปเหมือนกัน… 4. เพราะเปนตัวแทนของหองทํากิจกรรมทุกครั้ง
พระบรมราโชวาทในรัชกาลที่ 9
โครงการวัดและประเมินผล (42)
พิจารณาขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 5. 6. จากขอความที่กําหนดใหอานขอใดถูกตอง
D 1. กระบวนการขุดคนเมืองโบราณแหงนี้ไดสิ้นสุดลงแลว
“ปลอยอมรฉัตรไป แลวเธอจะรูวาเขาคืองูพิษ” 2. แรเกลือเปนทรัพยากรสําคัญของเมืองโบราณนี้
5. คําที่ขีดเสนใตในขอใดสอดคลองกับคําที่ขีดเสนใต 3. เมืองโบราณแหงนี้ยังไมมีวิธีจัดการกับศพ
D ในขอความที่กําหนด 4. เมืองโบราณนี้ตั้งอยูบนคาบสมุทรจึงตองสราง
1. อนันตถูกงูพิษกัดที่ขอเทาขณะซอมรั้วที่สวนหลังบาน กําแพงหิน เพื่อปองกันนํ้าทวมแหลงแรเกลือ
2. อนุชติ ถูกหมาบากัดทีโ่ คนขาขณะเดินซือ้ ของทีต่ ลาดสด อานนิทานที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 7.
3. หมาวัดพวกนี้สรางความรําคาญใหแกชาวบาน
นิทานอีสปเรื่อง มดกับตั๊กแตน
เปนอยางมาก
ตั๊ ก แตนเจ า สํ า ราญตั ว หนึ่ ง มี นิ สั ย เกี ย จคร า น
4. สาเหตุที่ทําใหตีนผีพวกนี้เปนขาวไดทุกวัน
ชอบความสะดวกสบาย ตลอดชวงฤดูรอ นทีส่ ตั วอนื่ ๆ
คือความประมาท
พากันหาอาหารไปเก็บสะสมไวในรัง มันมัวแตรอ งรํา
อานขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 6.
ทําเพลง สนุกสนานไปวันๆ ครั้นถึงฤดูหนาวหิมะ
เมืองที่เกาแกที่สุดของยุโรปตั้งอยูขางๆ เหมืองเกลือ ตกหนัก ตัก๊ แตนไมสามารถหาอาหารกินได อดอยาก
แบบทดสอบ
คณะนักโบราณคดีชาวบัลแกเรียขุดพบซากเมือง อยูหลายวัน จนในที่สุดตองซมซานมาเคาะประตูรัง
ที่เกาแกที่สุดของยุโรปในเขตพื้นที่สํารวจใกลเมือง ของมดซึ่งเคยรูจักกัน
โปรวาเดี ย การวั ด อายุ วั ต ถุ ห ลายชิ้ น ที่ ค น พบใน “ไดโปรดเถิดเพื่อน ขออาหารใหฉันประทังชีวิต
ซากเมืองดวยวิธไี อโซโทปคารบอน-14 แสดงใหเห็นวา สั ก หน อ ย เมื่ อ พ น ฤดู ห นาวอั น แสนทารุ ณ นี้ แ ล ว
เมืองโบราณนีถ้ กู สรางขึน้ เมือ่ 6,200-6,700 ปทแี่ ลว ฉันสัญญาวาจะหามาใชคืนเปนเทาตัว” ตั๊กแตน
โครงการบูรณาการ
หรือประมาณ 4,000 ปกอ นยุคอารยธรรมกรีกโบราณ พยายามวิงวอน
การขุ ด สํ า รวจเผยให เ ห็ น ถึ ง โครงสร า งของถนน “อาว ! ก็เมื่อฤดูรอนที่ใครๆ เขาพากันทํามา
บานสองชั้น อาราม หลุมฝงศพ นอกจากนี้ยัง หากินตัวเปนเกลียว เจามัวทําอะไรอยู” มดยอนถาม
พบหลั ก ฐานร อ งรอยการผลิ ต เกลื อ อยู ม ากมาย “ฉันไมไดอยูเปลาๆ นะ แตไดรองรําทําเพลง
นักวิทยาศาสตรจงึ สันนิษฐานวาประชากรราว 350 คน ตลอดเวลา เมื่อตอนที่เธอและเพื่อนๆ ขนอาหาร
ของเมืองนี้นาจะกุมอํานาจทางเศรษฐกิจอยูไมนอย ผานมาก็ไดยินมิใชหรือ”
เพราะที่ ตั้ ง ของเมื อ งอยู ใ กล กั บ แหล ง แร เ กลื อ “ไดยนิ ซิ ในเมือ่ เจามัวแตรอ งเพลงตลอดฤดูรอ น
ธรรมชาติ ที่ ใ หญ ที่ สุ ด ในคาบสมุ ท รบอลข า น ใน เมื่อถึงฤดูหนาวก็จงเตนรําใหสนุกเถิด” กลาวจบ
สมัยกอนเกลือถือเปนสินคาหลักที่มีความสําคัญ มดก็ปดประตูทันที
ทางเศรษฐกิจอยางยิ่ง โครงการขุดสํารวจเริ่มขึ้น
7. เมือ่ นํานิทานอีสปเรือ่ ง “มดกับตัก๊ แตน” มาเปรียบเทียบกับ
ตั้งแตป 2005 โครงสรางแรกของเมืองที่ปรากฏ
F นิทานอีสปเรือ่ ง “กระตายกับเตา” ในดานเนือ้ หาขอใดถูกตอง
ตอหนานักสํารวจคือ กําแพงหินหนาหลายเมตรที่
1. จํานวนของตัวละครสงผลใหเรื่องนาสนใจ
คาดวาสรางขึ้นเพื่อปกปองเมืองจากศัตรูผูรุกราน
2. ฉากในนิทานอีสปเรื่องมดกับตั๊กแตนสงผลตอ
นั กวิ จั ย กล า วว า นี่ เ ป น หลั ก ฐานของการสร า ง
การดําเนินเรื่อง
ปอมปราการที่เกาแกที่สุดในทวีปยุโรป ภายนอก
3. การลําดับเหตุการณภายในนิทานอีสป
กําแพงเมือง นักวิจยั ยังคนพบสถานทีท่ าํ พิธสี กั การะ
เรื่องมดกับตั๊กแตนซับซอนมากกวา
บูชาอีก 2 แหง และอารามอีกแหงหนึ่ง ซึ่งขณะนี้
4. กลวิธีการเลาเรื่องของนิทานอีสปเรื่องมดกับตั๊กแตน
กําลังอยูในระหวางการสํารวจอีกเชนกัน
มีความนาสนใจมากกวา
(43) โครงการวัดและประเมินผล
พิจารณาขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 8. 9. ขอคิดที่ไดจากนิทานเรื่องนี้สอดคลองกับขอใด
F 1. ทุกปญหามีทางแก จงรูจักพลิกวิกฤตใหเปนโอกาส
หลักการทํา Mind Map ดวย 4 ย 2. เสร็จนาฆาควายถึก เสร็จศึกฆาขุนพล
ใหญ : เริ่มจากภาพรวม
3. บุญคุณตองทดแทน แคนตองชําระ
แยก : แตกประเด็น
4. ทําคุณบูชาโทษ โปรดสัตว ไดบาป
ยอย : …………………………..
โยง : เปรียบเทียบ เชื่อมโยง สรางสรรคสิ่งใหม 10. “มารยาทการใชหองสมุด คือกรอบกําหนดพฤติกรรม
C อันพึงประสงค” นักเรียนเห็นดวยกับขอความนี้หรือไม
8. ขอความใดใชขยายความคําสําคัญ “ยอย” ไดถูกตอง เพราะเหตุใด
B 1. ลงในรายละเอียด 1. เห็นดวย เพราะทําใหผูใชหองสมุดทุกคนอานได
2. สรางขอความใหกระชับ อยางมีประสิทธิภาพ
3. ยอยความคิดใหสมบูรณ 2. ไมเห็นดวย เพราะทําใหผูอานขาดสิทธิเสรีภาพ
4. ยอยขอมูลใหมีความนาสนใจ ในการอาน
อานนิทานที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 9. 3. เห็นดวย เพราะทําใหผูใชหองสมุดใชสาธารณสมบัติ
รวมกันไดอยางไมมีขอขัดแยง
แบบทดสอบ
นิทานเรื่อง ลาตกหลุม
4. ไมเห็นดวย เพราะผูใชหองสมุดบางคนอาจไมให
มี ลาตั ว หนึ่ ง ทํ า งานรั บ ใช เ จ า นายด ว ยความ
ซื่อสัตยจนแก หูตาฝาฟางหมดแรง ทํางานไมได ความรวมมือ
อีกตอไป เจาของจึงปลดเกษียณและปลอยใหมัน อานขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 11.
เดิ น เล น วั น หนึ่ ง มั น เผลอพลั ด ตกหลุ ม ที่ ทั้ ง ลึ ก
ณัฐพล อานปายประกาศของโรงเรียนซึ่งระบุ
และแคบ มันพยายามตะเกียกตะกายปนขึน้ จากหลุม
โครงการบูรณาการ
โครงการวัดและประเมินผล (44)
อานขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 12. 14. ขอใดถูกตองเงเมือ่ เขียนบรรณานุกรมหนังสือทีม่ ผี แู ตง 2 คน
B 1. ศรีสุรางค พูลทรัพย, สุมาลย บานกลวย. (2545).
มาเร็ว เคลมเร็ว ซอมเร็ว เสถียรประกันภัย ตัวละครในรามเกียรติ์ (พิมพครั้งที่ 3).
โทร. 1748
กรุงเทพมหานคร : สํานักพิมพธเนศวรการพิมพ.
12. ขอใดระบุแนวทางการใชภาษาของงานเขียนที่กําหนดให 2. ศรีสุรางค พูลทรัพย, และสุมาลย บานกลวย.
D ไดถูกตอง (2545). ตัวละครในรามเกียรติ์ (พิมพครั้งที่ 3).
1. ใชถอ ยคําเพือ่ สือ่ ภาพลักษณดงี ามของสินคาและบริการ กรุงเทพมหานคร : ธเนศวรการพิมพ.
2. ใชถอ ยคําเพือ่ สรางความประทับใจใหแกกลุม เปาหมาย 3. ศรีสุรางค พูลทรัพย, และสุมาลย บานกลวย.
3. ใชถอยคําที่โนมนาวใหเกิดความตองการในสินคา (2545). ตัวละครในรามเกียรติ์ (พิมพครั้งที่ 3).
และบริการ 208 หนา. กรุงเทพมหานคร : สํานักพิมพธเนศวร
4. ใชถอยคําเราการตัดสินใจของกลุมเปาหมาย การพิมพ.
อานขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 13. 4. ศรีสุรางค พูลทรัพย, และสุมาลย บานกลวย.
การละเลนในงานทําบุญตามประเพณี (2545). ตัวละครในรามเกียรติ์ (พิมพครั้งที่ 3).
ประเพณีเกี่ยวกับชีวิตของคนไทยผูกพันกับการ 208 หนา. (จํานวน 500 เลม). กรุงเทพมหานคร :
แบบทดสอบ
ทําบุญ เมื่อมีเหตุการณตางๆ เกิดขึ้นแกครอบครัว สํานักพิมพธเนศวรการพิมพ.
ทั้งการเกิด การตาย การบวช การขึ้นบานใหม 15. นักเรียนคิดวาเพื่อนกลุมใดมีแนวทางการเลือกหัวขอ
การแตงงาน หรืองานพิธีการตางๆ ตามประเพณี B เพื่อทํารายงานการศึกษาคนควาเชิงวิชาการ รายวิชา
เทศกาล พิธีทางศาสนา โดยมีผูคนมารวมงาน ภาษาไทยเหมาะสมมากที่สุด เพราะเหตุใด
จํานวนมาก จึงนิยมจัดใหมีการละเลนเปนการฉลอง 1. กลุมที่ 1 เลือกหัวขอตามที่หัวหนากลุมสนใจ
โครงการบูรณาการ
และสรางบรรยากาศของงานใหสนุกสนาน ครึกครื้น 2. กลุมที่ 2 เลือกหัวขอที่มีแหลงขอมูลหลากหลาย
ดึงดูดผูมารวมงานใหอยู ในงาน ไมรีบกลับบาน 3. กลุมที่ 3 เลือกหัวขอที่ยังไมเคยมีผูศึกษาคนควา
ในงานจึงมีการละเลนตางๆ ทั้งการประโคมดนตรี
4. กลุมที่ 4 เลือกหัวขอที่มีความเกี่ยวของกับเนื้อหา
ปพาทย การรองรํา การแสดงบันเทิง มหรสพ
สิ่งเหลานี้จะชวยสรางความสมัครสมานสามัคคีให รายวิชา
เกิดภายในหมูบ า นหรือบานใกลเรือนเคียง กอใหเกิด 16. คําขึ้นตนและลงทายขอใดถูกตองเมื่อตองเขียนจดหมาย
ความผู ก พั น ใกล ชิ ด เอื้ อ เฟ อ เกื้ อ กู ล ต อ กั น ฉั น A เรียนเชิญพระสงฆมาเปนวิทยากร
ญาติมิตร และสรางสันติสุขขึ้นในสังคมไทย 1. กราบเรียน - นมัสการดวยความเคารพ
2. นมัสการ - ขอนมัสการดวยความเคารพ
13. ขอใดคือสาระสําคัญของขอความเมื่อกําหนดใหเขียน 3. กราบนมัสการ - ขอนมัสการดวยนับถือ
C ยอความ 4. นมัสการ - ขอนมัสการ
1. ประเพณีงานบุญชวยสรางความครื้นเครง 17. ขอใดสอดคลองกับ “มารยาทการเขียนแสดงความคิดเห็น”
ใหแกสมาชิกในชุมชน D 1. ทําใหผูรับสารเกิดความชัดเจนในเนื้อหา
2. ประเพณีงานบุญมีไวเพื่อสรางความสนุกสนาน
ครื้นเครงใหแกสมาชิกชุมชน 2. ทําใหผูรับสารเกิดมุมมองความคิดที่แตกตาง
3. การสรางความสามัคคีใหเกิดขึ้นภายในชุมชน ไปจากเดิม
จะทําใหสังคมเกิดความสงบสุข 3. ทําใหผูรับสารเขาใจในประเด็นที่ผูเขียนตองการ
4. ในประเพณีงานบุญคนไทยนิยมจัดใหมีการละเลน นําเสนอ
รวมอยูดวย เพื่อความสนุกสนานและใกลชิดของคน 4. ทําใหผูรับสารเขาใจประเด็นไดไมคลาดเคลื่อน
ในชุมชน จากความเปนจริง
(45) โครงการวัดและประเมินผล
อานประกาศที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 18. - 19.
รับสมัครดวน
บริษัท โชควัฒนา เทรดดิ้ง ผูใหบริการเกี่ยวกับการขนถายสินคาทั้งทางบก ทางนํ้า และทางอากาศ ภายในประเทศ
และภายนอกประเทศ ยินดีรับสมัครบุคลากรจํานวนมาก เพื่อรวมเปนสวนหนึ่งของโครงสรางเศรษฐกิจไทย ในตําแหนง
ดังนี้
1. พนักงานธุรการฝายคลังสินคา เพศชาย/หญิง วุฒิการศึกษาขั้นตํ่า ปวช. หรือเทียบเทา อายุ 20 ปขึ้นไป
2. พนักงานเดินเอกสาร เพศชาย/หญิง วุฒิการศึกษาขั้นตํ่ามัธยมศึกษาปที่ 3 หรือเทียบเทา (Full time/Part time)
อายุ 18 ปขึ้นไป
3. พนักงานฝายคลังสินคา เพศชาย สามารถขับรถ Forklift ได วุฒกิ ารศึกษาขัน้ ตํา่ มัธยมศึกษาปที่ 3 หรือเทียบเทา
(Full time/Part time) อายุ 18 ปขึ้นไป
ผูที่สนใจกรุณาติดตอ ฝายบุคคล โทร 02-238-7963 ตอ 2131
บริษัท โชควัฒนา เทรดดิ้ง จํากัด 132/106-108 สุวินทวงศ 32
ถนนสุวินทวงศ แขวงสุริวงศ เขตบางรัก กรุงเทพฯ 11100
แบบทดสอบ
www.cwt-bkk.com
e-mail : tread_cwt@hotmail.com
โครงการวัดและประเมินผล (46)
22. หากนักเรียนตองกางการเปนผูที่มีวิจารณญาณในการรับสาร 26. ขอใดเรียงลําดับขัน้ ตอนวิธกี ารทํารายงานการศึกษาคนควา
B ควรปฏิบัติตนตามแนวทางในขอใด B ไดถูกตอง
1. ตั้งจุดมุงหมายที่ชัดเจนกอนตัดสินใจเลือกรับสาร 1. ข), ก), ง), ค), ฉ), จ)
2. เลือกรับสารที่เปนประโยชนสอดคลองกับเวลา อายุ 2. ข), ก), ค), ง), ฉ), จ)
และความจําเปนของตน 3. ก), ข), ค), ง), ฉ), จ)
3. คาดคะเนเกี่ยวกับความสมเหตุสมผล และความ 4. ก), ข), ง), ค), ฉ), จ)
เปนไปไดของสารที่เลือกรับ 27. พิชาญ ไดรับการลงมติจากเพื่อนๆ ใหเปนตัวแทน
4. พิจารณาจุดมุงหมายของสารวาสอดคลองกับตน B ของกลุมออกไปรายงานผลการศึกษาคนควาหนาชั้นเรียน
แลวจึงตัดสินใจเชื่อ ถาเขาไมตองการใหตนเองนําเสนอขอมูลสับสน
23. การโตวาทีถาผูพูดตองการเสนอแนวคิดและใหแนวคิดนั้น หรือทําใหผูฟงลําดับความเขาใจตามไดยาก เขาควรมี
B ไดรับการยอมรับควรมีแนวทางการพูดอยางไร แนวทางการเตรียมความพรอมใหแกตนเองอยางไร
จึงจะเหมาะสมที่สุด
1. เสนอหรือใหคํานิยามตอคณะกรรมการและผูฟง
1. รางบทพูดโดยแบงเนื้อหาเปน 3 สวน ไดแก สวนนํา
2. ยกเหตุผล หลักฐาน ขอมูลที่ถูกตองมาสนับสนุน สวนเนื้อหา และสวนสรุป
3. ยกเหตุผล หลักฐาน ขอมูลที่ถูกตองมาสนับสนุน 2. ออกแบบการวางบุคลิกภาพของตนเองที่หนากระจก
แบบทดสอบ
แลวกลาวคานประเด็นของฝายตรงขาม 3. ใหเพื่อนในกลุมที่มีความเขาใจในเนื้อหาของรายงาน
4. ใชวาทศิลปเรียบเรียงขอมูลสนับสนุนเพื่อโนมนาว เปนผูรางบทพูดให
ใหคณะกรรมการและผูฟงคลอยตาม 4. เตรียมเอกสาร หรือโสตทัศนูปกรณเพื่อชวยลําดับ
24. เพราะเหตุใดขณะโตวาทีผโู ตควรควบคุมอารมณของตนเอง ความเขาใจของผูฟง
B ที่อาจเกิดจากการถูกยั่วยุจากฝายตรงขาม 28. ผูดําเนินการอภิปรายควรปฏิบัติตามแนวทางใด
โครงการบูรณาการ
1. เพราะทําใหคณะกรรมการเล็งเห็นและจะถูกหักคะแนน B เพื่อแจกคําถามใหเหมาะสมกับคณะผูรวมอภิปราย
2. เพราะทําใหขาดความนาเชื่อถือในสายตาของผูฟง ในกรณีที่เปนการอภิปรายแบบแลกเปลี่ยนความรู
3. เพราะทําใหคิดหาเหตุผลมาโตแยงไดไมรอบคอบ 1. ใหผูรวมอภิปรายลําดับแรกเปนตัวแทนตอบคําถาม
4. เพราะเปนมารยาทที่สําคัญของการโตวาที 2. พิจารณาคําถามวามีความเกี่ยวของกับหัวขอของผูรวม
25. วาทศิลปมคี วามจําเปนสําหรับผูด าํ เนินการอภิปรายอยางไร อภิปรายคนใดแลวใหผูนั้นเปนผูตอบ
D 1. ผูฟ ง เกิดความรูส กึ ประทับใจและผอนคลายขณะรับสาร 3. พิจารณาเลือกคําถามที่เปนประโยชนแลวใหผูรวม
2. คลีค่ ลายบรรยากาศในกรณีทมี่ กี ารขัดแยงทางความคิด อภิปรายลําดับสุดทายเปนผูตอบ
3. สามารถวางตัวเปนกลางทั้งตอหัวขอการอภิปราย 4. ใหผูทรงคุณวุฒิของคณะผูรวมอภิปรายเปนตัวแทน
และผูรวมอภิปราย ตอบคําถาม
4. กระตุนความสนใจใครรูของผูฟง 29. หากผูพูดมีจุดมุงหมายเพื่อโนมนาวใหผูฟงเลิกกระทํา
F พฤติกรรมที่ผูพูดคิดวาไมถูกตอง หรือผิดตอศีลธรรม
พิจารณาขอความที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 26.
พฤติกรรมการพูดของบุคคลใดมีแนวโนมที่จะประสบผล
ก) กําหนดวัตถุประสงค สําเร็จมากที่สุด เพราะเหตุใด
ข) เลือกกําหนดหัวขอเรื่อง 1. สุพจน สรางบรรยากาศการฟงแบบ “พวกมากลากไป”
ค) สํารวจ รวบรวม และบันทึกขอมูล 2. วจนา แยกประเด็นปญหา แลวแสดงขอเท็จจริง
ง) วางโครงเรื่อง ตอผูรับสาร
จ) อางอิง 3. วจี ใชคําขวัญ คําพังเพยประกอบเพื่อใหการพูด
คมคาย
ฉ) เรียบเรียงรายงาน
4. พจนีย เลือกแสดงขอเท็จจริงบางสวน
(47) โครงการวัดและประเมินผล
30. บุคคลใดควรไดรบั การ
การชมเชยวาเปนผูม คี ณ
ุ ธรรมในการพูด พิจารณาประโยคที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 34.
B 1. อิ๋ว นําเสนอขอเท็จบางสวนเพื่อใหสอดคลองกับ
จุดมุงหมายของตน ประโยคที่ 1 ลูกสะใภคนนี้ คุณแมผมชอบมาก
เพราะตระกูลดี
2. ออง นําขอมูลสวนตัวของฝายตรงขามมาตั้ง ประโยคที่ 2 คุณแมไมคอยสบาย พรุงนี้จะพา
เปนประเด็นการพูด ไปพบแพทย
3. เอม โตแยงประเด็นความคิดของฝายตรงขามดวย ประโยคที่ 3 พี่จะไมใหเธอยืมดินสออีกแลว
ขอเท็จจริงที่สืบคนได เธอทําหายบอย
4. โอ เรียบเรียงบทพูดโดยใชถอยคําที่สื่อความได ประโยคที่ 4 เขาทําเรือดวยกาบกลวยและตกแตง
หลายนัย เพื่อใหผูฟงเขาใจเนื้อหาตามความสามารถ ใหสวยงาม เอาไปลอยในทะเล
31. ขอความใดปรากฏการใชคําศัพทเฉพาะวิชาชีพ
A 1. …แตประกอบสรางขึ้นดวยโวหารทางภาษา 34. ประโยคในหมายเลขใดแตกตางจากประโยคอื่น
D เพราะเหตุใด
และขนบงานวรรณกรรม
1. ประโยคที่ 1 เพราะละนามวลีในประโยค
2. …ผมอยากใหทุกคนเตรียมพรีเซนตเซลลที่ได 2. ประโยคที่ 2 เพราะละกริยาวลีในประโยค
ในแตละควอเตอร เซมิแอนนวล และเยียรลี 3. ประโยคที่ 3 เพราะละนามวลีในประโยค
แบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผล (48)
อานบทรอยกรองที่กําหนด แลวตอบคําถามขอ 39. 40. คํายืมภาษาอังกฤษในขอใดมีศัพทบัญญัติกําหนดใชทุกคํา
A 1. มอเตอรไซค กีตาร อีเมล
โกสุมชุมชอชอย อรชร 2. แอรคอนดิชัน เปยโน โซฟา
เผยผกาเกสร ยั่วแยม 3. อิมเมจ เปยโน คอมพิวเตอร
รวยรื่นรสคนธขจร จังหวัด ไพรนา 4. อีเมล มอเตอร ไซค คอมพิวเตอร
กลิ่นตระการกลแกม เกศแกวดูสงวน
ลิลิตตะเลงพาย : กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
2 ¤Ðá¹¹·Õè ä´Œ
แบบทดสอบ
ตอนที่ ตอบคําถามใหถูกตอง จํานวน 3 ขอ 10 คะแนน
¤Ðá¹¹àµçÁ
10
โครงการบูรณาการ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
2. บริษัท โชควัฒนา เทรดดิ้ง เปดรับสมัครงานในตําแหนงพนักงานฝายคลังสินคา ระบุคุณสมบัติไววา ไมจํากัดเพศ อายุ 20 ป
ขึ้นไป วุฒิการศึกษาชั้น ม.3 หรือเทียบเทา หากสนใจใหเดินทางไปกรอกใบสมัครไดที่ฝายบุคคลของบริษัท นักเรียนจะมี
แนวทางการกรอกแบบสมัครงานและบรรยายคุณสมบัตขิ องตนเองใหเหมาะสมกับตําแหนงงานทีจ่ ะสมัครอยางไร (2 คะแนน)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
3. ใหนักเรียนสมมติบทบาทตนเอง เปนประธานคณะกรรมการนักเรียนรางจดหมายกิจธุระขอบคุณนายบัณฑิต โชคชัยสกุล
ศิษยเกาของโรงเรียนที่สละเวลามาเปนวิทยากรบรรยายในหัวขอ “นอกกรอบอยางไร ใหประสบผลสําเร็จ” ใหนักเรียนระดับ
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 3 จํานวน 150 คน ฟงเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2556 โดยจดหมายฉบับนี้ออกในนามฝายกิจกรรมนักเรียน
มีอาจารยอมรเทพ รุง ไกรฤกษ เปนทีป่ รึกษา ใชกระดาษขนาด A4 เขียนจดหมายฉบับนีด้ ว ยรูปแบบและสํานวนภาษาทีถ่ กู ตอง
เหมาะสม (5 คะแนน)
(49) โครงการวัดและประเมินผล
เฉลยแบบทดสอบ ภาคเร�ยนที่ 2
ชุดที่ 1
ตอนที่ 1
1. ตอบ ขอ 1. การเตรียมตัวลวงหนา เปนสิง่ ทีส่ าํ คัญตอการอานออกเสียง ผูอ า นจะตองเตรียมตัวโดยศึกษาบทอานลวงหนา
ดวยการจัดแบงวรรคตอน ฝกออกเสียงใหถูกตองวาตอนใดควรใชนํ้าเสียงอยางไร รวมถึงการวางทาทาง
บุคลิกภาพใหสอดคลองกับอารมณของบทอาน
2. ตอบ ขอ 2. ปดปาก เปนคําประสม ประกอบขึ้นจากคํากริยาและนาม เมื่อประสมแลวทําใหไดคํากริยา มีความหมายวา
ไมพูด, ทําใหพูดไมได เมื่อนํามาประกอบในรูปประโยค “ดัสกร พรุงนี้ปดปากเขาซะ!” จึงมีความหมาย
นัยประวัติวา ทําใหบุคคลนั้นพูดความจริงไมได หรือไมมีโอกาสพูด
ดอกฟา เปนคําประสม ประกอบขึ้นจากคํานามทั้งสองคํา เมื่อประสมแลวทําใหไดคํานาม มีความหมาย
นัยประวัติ หมายถึง หญิงที่สูงศักดิ์
หนาออน เปนคําประสม ประกอบขึ้นจากคํานามและกริยา เมื่อประสมแลวทําใหไดคํากริยา มีความหมาย
นัยประวัติ หมายถึง ดูอายุนอยกวาอายุจริง
แบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผล (50)
6. ตอบ ขอ 4. ขอความที่เหมาะสมจะใชเปนประเด็นหลักหากตองเขียนแผนผังความคิดที่ไดจากการอานขอเขียนนี้ คือ
สื่อสิ่งพิมพในชีวิตประจําวัน เพราะมีขอมูลที่สามารถแตกประเด็นความคิดรองได
7. ตอบ ขอ 3. นิทานทั้งสองเรื่องนี้จํานวนของตัวละครไมสงผลตอการดําเนินเรื่อง การพิจารณาชื่อเรื่องไมใชการวิเคราะห
ในสวนเนื้อเรื่อง และตอนจบของเรื่องก็ไมไดเสนอแนวคิดที่ชวยคลายปมปญหา เพราะสุดทายตัวละครหลัก
ของเรื่องไดรับผลแหงความประมาทของตน
8. ตอบ ขอ 4. มารยาทการใชหองสมุด เปนเสมือนกรอบที่ทําใหแตละคนใชหองสมุดซึ่งเปนสาธารณสมบัติรวมกันได
โดยไมเกิดขอขัดแยง มารยาทการใชหองสมุดเปนเพียงปจจัยเอื้อใหเกิดสมาธิ แตไมสามารถทําให
การอานของบุคคลมีประสิทธิภาพได เพราะการอานที่มีประสิทธิภาพนอกจากสมาธิแลว ยังหมายรวมถึง
ผูอานตองมีวัตถุประสงคการอานชัดเจน มีความสามารถในการวิเคราะหแยกแยะขอมูล กอนตัดสินใจเชื่อ
หรือนําไปปรับใชในชีวิตประจําวัน
9. ตอบ ขอ 4. การขยายพื้นที่เปนแนวทางหนึ่งที่จะทําใหกองขยะแหงนี้รองรับปริมาณขยะไดตอไป เพราะมีขอความ
ยืนยันวา “หากไมมีการขยายพื้นที่กองขยะแหงนี้จะปดตัวลงในป 2014”
10. ตอบ ขอ 4. ขอคิดสําคัญของพระบรมราโชวาทนี้ คือ ควรเลือกใชเทคโนโลยีอยางเหมาะสมและพอดี แมวาเทคโนโลยี
จะมีความสําคัญตอการพัฒนาบานเมือง ชวยใหเจริญกาวหนา แตสิ่งเหลานี้จะเกิดขึ้นไดก็ตองเริ่มจาก
การใชเทคโนโลยีอยางเหมาะสมและพอดีตอโครงสรางทางสังคมที่ซับซอนและหลากหลาย
แบบทดสอบ
11. ตอบ ขอ 2. ลายมือที่นํามาพิจารณาเสนทั้งหนาและหลังของพยัญชนะมีลักษณะตั้งตรง การเขียนและวางตําแหนง
ของสระมีความถูกตอง กลาวคือ สระที่อยูบนพยัญชนะ เชน สระอี มีสวนทายตรงกับเสนหลังของ
พยัญชนะ และมีขนาดกวางเทากับขนาดความกวางของพยัญชนะขนาดกลาง เชน ก ส หรือแคบกวา
เล็กนอย สระที่อยูหนาพยัญชนะ เชน สระเอ มีขนาดความสูงเทากับพยัญชนะ ลายมือนี้จึงมีขอบกพรอง
ที่การเวนวรรคระหวางคําที่เปนรายการมีขนาดไมเทากัน
โครงการบูรณาการ
12. ตอบ ขอ 4. แนวทางการใชถอยคําภาษาในงานโฆษณา ควรเปนถอยคําที่ดึงดูดความสนใจของผูรับสาร ขณะเดียวกับที่
นําเสนอชื่อ ลักษณะโดดเดน ขอดีของสินคาเมื่อเทียบกับสินคายี่หออื่น จากขอความโฆษณาที่กําหนดให
แนวทางการใชภาษาที่โดดเดนที่สุด คือ ใชถอยคําที่ดึงดูดความสนใจเพื่อเสนอขอดีของผลิตภัณฑ
13. ตอบ ขอ 2. สาระสําคัญที่สรุปได คือ “มนุษยมีประสบการณแตกตางกัน” สวนขออื่นๆ เมื่อยอแลวทําใหสาระสําคัญ
เปลี่ยนไป ซึ่งไมใชแนวทางที่ถูกตองของการยอความ
14. ตอบ ขอ 4. การวางโครงเรือ่ งสําหรับการเขียนเรียบเรียงรายงานเชิงวิชาการควรมีความสัมพันธ ชวยใหเนือ้ หาสาระของ
รายงานมีความเปนเหตุเปนผลซึ่งกันและกัน ทําใหผูอานลําดับความเขาใจตามได ดังนั้น โครงเรื่องที่มี
ความเหมาะสมสําหรับการเรียบเรียงรายงานเชิงวิชาการในหัวขอ “พิษภัยจากยาเสพติด” ควรเริ่มตนดวย
ประเภทของยาเสพติด เพื่อใหผูอานมีความรูความเขาใจเกี่ยวกับประเภทของยาเสพติด เพราะยาเสพติด
แตละประเภทใหโทษตอรางกาย และมีบทลงโทษทางกฎหมายตางกัน จากนัน้ จึงเปนหัวขอยาเสพติดใหโทษ
อยางไร เพื่อใหรายละเอียด ขยายความเกี่ยวกับโทษของยาเสพติด หัวขอสาเหตุของการติดยาเสพติด ซึ่งมี
ความสัมพันธ เปนเหตุเปนผลกับหัวขอแนวทางปองกันการติดยาเสพติด
15. ตอบ ขอ 2. รูปแบบการเขียนบรรณานุกรม สําหรับหนังสือเลม กําหนดการเขียนไว ดังนี้
ชื่อผูแตง. (ปที่พิมพ). ชื่อหนังสือ (ครั้งที่พิมพ). เมืองที่พิมพ : สถานที่พิมพ.
* โดยหากเปนการพิมพครัง้ แรกไมตอ งระบุครัง้ ทีพ่ มิ พ ขอมูลที่ไมจาํ เปนสําหรับการเขียนบรรณานุกรม ไดแก
จํานวนหนา จํานวนเลมที่พิมพ
16. ตอบ ขอ 1. การเขียนจดหมายกิจธุระเพือ่ ขอบคุณในความอนุเคราะหของบุคคลทีส่ ละเวลามาเปนวิทยากร เปนจดหมาย
ที่มีความตอเนื่องจากจดหมายฉบับกอนหนาที่เขียนไปเพื่อขอความอนุเคราะห ดังนั้น คําขึ้นตนเนื้อความ
(51) โครงการวัดและประเมินผล
จึงตองมีลักษณะการอางถึง จากตัวเลือกคือคําวา “ตามที่” สวนคําลงทายจดหมายที่เหมาะสมควรใชวา
“จึงเรียนมาเพือ่ ทราบ” เพราะวัตถุประสงคของจดหมายขอบคุณตองการเพียงใหผรู บั จดหมายทราบเกีย่ วกับ
ความสําเร็จของกิจกรรมและความรูสึกขอบคุณที่ผูเขียนมีตอผูรับจดหมาย
17. ตอบ ขอ 4. จากใบประกาศรับสมัครงานบุคคลที่สามารถติดตอกับฝายบุคคลของบริษัทได คือ บุคคลที่มีคุณสมบัติ
ครบถวนในตําแหนงที่ตองการสมัคร คือ วรางคณา เพราะอนุพงษ อายุ 15 ป จบชั้น ป.6 ในขณะที่
ตองการสมัครงานในตําแหนงพนักงานเสิรฟ ซึ่งกําหนดวุฒิไวที่ ม.3 และมีอายุ 18 ปขึ้นไป เกียรติศักดิ์
คุณสมบัติดานอายุ และวุฒิการศึกษาครบถวน แตเปนเพศชาย ไมสามารถสมัครในตําแหนงแคชเชียร ได
นารี ไมผานคุณสมบัติเพราะมีอายุไมถึงเกณฑที่กําหนดรับสมัคร
18. ตอบ ขอ 3. การเขียนแสดงความคิดเห็น คือ การเขียนเพื่อแนะนําหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
หรือการเขียนเพื่อวิเคราะห วิจารณ โดยผูเขียนตองอยูบนหลักฐาน ขอเท็จจริง กฎเกณฑ และเหตุผล
การใชภาษาเพือ่ แสดงความคิดเห็น ควรเขียนดวยภาษาทีก่ ระจางชัดเจน ไมคลุมเครือ เพราะความคลุมเครือ
จะทําใหผูรับสารตีความตามความเขาใจของตนและอาจคลาดเคลื่อนไปจากเจตนาของผูเขียน
19. ตอบ ขอ 2. หากชอทิพยตอ งการสมัครงานในตําแหนงแคชเชียร คุณสมบัตพิ เิ ศษทีช่ อ ทิพยควรระบุ คือ “มีมนุษยสัมพันธดี
ปฏิบัติหนาที่ดวยความรอบคอบ” เพราะมีความสําคัญตอการปฏิบัติงานในตําแหนงแคชเชียร
20. ตอบ ขอ 3.
แบบทดสอบ
สวนนํา : กลาวทักทายผูฟงและแนะนําตนเอง
แสดงความรูสึกยินดีที่ไดมากลาวสุนทรพจน
เกริ่นนําดวยการยกประเด็น เหตุการณ เพื่อใหผูฟงเห็นความสําคัญของความสามัคคี
สวนเนื้อหา : แยกประเด็นใหผูฟงเห็นคุณคาดานตางๆ ของความสามัคคี
เสนอแนวทางปฏิบัติที่จะทําใหเกิดความสามัคคีในทุกหมูเหลา
สวนทาย : เนนยํ้าความคิดหลักของสุนทรพจนดวยการยกวาทะ คําคม สรางความประทับใจแกผูรับสาร
การระบุถึงสาเหตุการเลือกหัวขอสุนทรพจน มีความจําเปนนอยที่สุด และหากรวมอยูในโครงเรื่องก็อาจเกิด
ความซํ้าซอนของเนื้อหาในชวงเกริ่นนํา
22. ตอบ ขอ 1. การประเมินคาสารที่ไดรับจากวิธีการอาน การฟง หรือดู คือ การตัดสินวาสารที่ไดรับนั้นปรากฏคุณคาใน
ดานใดบาง และอยางไร โดยพิจารณาคุณคาของสาร 2 ดาน ไดแก ดานเนื้อหาหรือดานแนวคิด และ
ดานศิลปะการสรางสรรคงาน กระบวนการที่ทําใหตัดสินประเมินคุณคาของสาร เริ่มตนที่การรับสารจาก
วิธีการอาน การฟง หรือดู พิจารณา แยกแยะ เพื่อวิเคราะหองคประกอบ ผลของการวิเคราะห จะทําให
ผูรับสารแสดงความคิดเห็นตอสาร หรือเรียกวาวิจารณ ไดอยางมีเหตุผล โดยไมใชอคติ อารมณ หรือ
ความชอบสวนตัว ดังนั้น บุคคลที่มีแนวทางการแสดงความคิดเห็นที่สอดคลองกับหลักเกณฑการประเมิน
มากที่สุด คือ ปลา เพราะสามารถแยกแยะ ระบุสวนประกอบของสารที่รับฟงได
23. ตอบ ขอ 3. แนวทางการพูดรายงานผลการศึกษาคนควาหนาชั้นเรียน มีขั้นตอน ดังนี้
1. กลาวคําทักทายผูฟงใหเหมาะสมกับกาลเทศะ อวัจนภาษาที่เหมาะสมสําหรับใชประกอบการทักทาย คือ
ยกมือไหว
2. หากเปนรายงานกลุม ผูรายงานปฏิบัติหนาที่ในฐานะตัวแทนกลุม ควรเริ่มแนะนําตนเองกอน แลวระบุ
วาเปนตัวแทนของกลุม ใด จากนัน้ จึงไลเรียงรายชือ่ สมาชิกในกลุม ตามลําดับเลขที่ เพือ่ เปนการใหเกียรติ
โครงการวัดและประเมินผล (52)
3. พูดรายงานไปตามลําดับเหตุการณ เชน กลุมศึกษาหัวขออะไร ทําไมจึงศึกษา ศึกษาอยางไร ผลเปน
อยางไร ไดอะไรจากการศึกษา ขอเสนอแนะเพิ่มเติม โดยทั้งหมดนี้ผูพูดอาจเรียบเรียงไวลวงหนา
ดวยภาษาที่เหมาะสมกับผูฟง กระชับ ไดใจความ เหมาะสมกับเวลาที่กําหนด
4. กลาวคําอําลา โดยกลาวสวัสดี และใชอวัจนภาษา (ยกมือไหว) ที่เหมาะสมประกอบ
ดังนั้น นารี จึงเปนผูที่มีพฤติกรรมการรายงานผลการศึกษาคนควาหนาชั้นเรียนเหมาะสมมากที่สุด
24. ตอบ ขอ 1. ผูดําเนินการอภิปราย กอนการอภิปรายควรศึกษาหัวขอการอภิปรายใหเขาใจ เพื่อวางแนวทางการอภิปราย
ศึกษาหาขอมูลเกี่ยวกับคณะผูรวมอภิปรายในทุกๆ ดาน เพื่อใหกลาวแนะนําตอสาธารณชนไดถูกตอง
โดยอาจรวบรวมขอมูลเหลานี้ไดจากคณะผูจัดงาน รวมถึงการนัดหมายคณะผูรวมอภิปรายมาพบกัน
ลวงหนาเพื่อวางแผนการอภิปราย เมื่อเริ่มตนอภิปราย ควรทักทายผูฟง แนะนําตนเอง แนะนําผูรวม
อภิปรายแตละทาน กลาวถึงวิธีการอภิปราย เวลาที่กําหนด ชวงเวลาตอบคําถาม ผูดําเนินการอภิปราย
ควรเปนกลาง ไมกลาวสนับสนุนความคิดเห็นของใคร แตควรทําหนาที่พูดกระตุน หรือเกริ่นนําเกี่ยวกับ
หัวขอการอภิปราย ดังนั้น การเตรียมเนื้อหาตามที่ ไดรับมอบหมายเปนบทบาทของผูรวมอภิปราย
การประสานกับผูจัดงานเกี่ยวกับกิจกรรมยอยอื่นๆ เปนหนาที่ของผูดําเนินรายการ
25. ตอบ ขอ 1. คุณสมบัติที่จําเปนสําหรับผูโตวาทีไมวาจะอยูฝายใด ประการแรกควรมีทักษะการสื่อสาร หรือทักษะการพูด
ซึ่งสามารถแบงระดับการพูดของมนุษย ได 3 ระดับ ดังนี้ พูดได เปนการพูดในระดับพื้นฐานของมนุษย
แบบทดสอบ
ทุกคนที่มีอวัยวะในการออกเสียงครบถวนจะสามารถพูดไดเมื่ออายุครบ 3 ขวบ ลําดับตอไป คือ พูดเปน
เปนการพูดในขั้นที่วานอกจากสื่อความไดตรงตามวัตถุประสงคแลว ยังรูวาอะไรควรพูด อะไรไมควรพูด
ลําดับสุดทาย ซึ่งเปนขั้นสูงสุด คือ พูดดี เปนการพูดที่นอกจากสื่อสารไดตรงตามเจตนา รูกาลเทศะยัง
เปนการพูดที่ชวยสรางมิตรไมตรี ไมกอใหเกิดความขัดแยง ความเขาใจผิด นอกจากนี้ผูโตวาทีควรมี
ความกลาแสดงออก มีความรูที่กวางขวางและทันสมัย แตสิ่งสําคัญที่สุด ผูโตวาทีตองสามารถหยิบยก
ความรูนั้นมาใชตอบโต หักลางประเด็นความคิดของฝายตรงขามไดทันเวลา หรือเรียกวา มีปฏิภาณ
โครงการบูรณาการ
ไหวพริบ เพราะการโตวาทีมีกําหนดเวลา และสงผลตอการตัดสิน ผูที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุด คือ “แตว”
เพราะผูฟงที่ดียอมเปนผูรู เมื่อมีความรู และปฏิภาณไหวพริบยอมสามารถหยิบความรูที่มีอยูมาหักลาง
ประเด็นของฝายตรงขามได
26. ตอบ ขอ 4. การโตวาที ผูโ ตวาทีแตละฝายจะตองแสดงความคิดเห็นทีห่ กั ลางกัน โดยใชวาทศิลป หรือศิลปะการใชถอ ยคํา
สํานวนโวหารใหประทับใจ เรียบเรียงขอเท็จจริง เหตุผล ใหผูฟงเกิดความรูสึกคลอยตาม ขอความที่แสดง
ใหเห็นวาผูพูดสามารถใชวาทศิลปเพื่อแสดงความคิดเห็นของฝายตน ขณะเดียวกับที่หักลางประเด็นฝาย
ตรงขามไดดวยนั้น คือ “…โลกออนไลน ไมมีที่สิ้นสุด เปนที่จุดประกายความสรางสรรค”
27. ตอบ ขอ 1. สิ่งแรกที่กลุมควรปฏิบัติ คือ การระดมความคิดเพื่อลงมติเลือกหัวเรื่อง แมโจทยจะบอกวาครูไดมอบหมาย
ใหทํารายงานในหัวขอ “ภูมิปญญาทองถิ่น” แตอยางไรก็ตามสมาชิกในกลุมจะตองรวมกันระดมความคิด
เพื่อลงมติวาจะเลือกศึกษาภูมิปญญาทองถิ่นในดานใด จากนั้นจึงลงมติคัดเลือกหัวหนากลุม แตเหตุผลมิใช
เพื่อใหกลุมมีผูรับผิดชอบหลัก แตเปนไปเพื่อใหกลุมมีผูประสานงาน มีบุคคลที่เปนกลางในการแบงหนาที่
ความรับผิดชอบ เมื่อไดหัวเรื่องที่ชัดเจน มีหัวหนากลุม สมาชิกทุกคนควรรวมกันวางโครงเรื่องของรายงาน
วางแผนการทํารายงาน เชน ชวงเวลาคนขอมูล ชวงเวลาเรียบเรียง เปนตน สวนการเลือกตัวแทนเพื่อไป
รายงานหนาชั้นเรียน อาจทําเปนลําดับสุดทาย
28. ตอบ ขอ 3. การพูดโนมนาวใจ เปนการพูดที่ผูพูดตองการใหผูฟงเต็มใจที่จะกระทําตามที่ผูพูดตองการ โดยมีวิธีการ
ตางๆ ที่จะใชชักจูง โนมนาว เชน การแสดงใหเห็นความนาเชื่อถือของผูพูด การทําใหผูฟงประจักษ
ในความจริงดวยตนเอง บทพูดโนมนาวใจที่กําหนดใหผูพูดมีจุดมุงหมายโนมนาวใหผูอานเลิกกระทํา ในที่นี้
คือ เลิกซื้อยาชุดมารับประทานแกไขหวัด โดยผูพูดมีวิธีการที่จะทําใหผูฟงเชื่อ “ดวยการแสดงใหเห็น
ความจริง” ยกเหตุผลมาสนับสนุน
(53) โครงการวัดและประเมินผล
29. ตอบ ขอ 1. มารยาทที่สําคัญของการพูดโนมนาวใจ คือ ผูพูดจะตองไมใชคําพูดเพื่อบิดเบือนขอเท็จจริง สรางหลักฐาน
ขอความเท็จ หรือกลาวเกินจริงเพื่อใหผูรับสารหลงเชื่อ และตีความไดหลายนัย
30. ตอบ ขอ 4. คนทําสวนเปนไดทั้งกลุมคําและประโยค
กลุมคํา หมายถึง ขอความที่เกิดจากการนําคําตั้งแตสองคําขึ้นไปมาเรียงติดตอกัน ทําใหเกิดความหมาย
เพิ่มขึ้น แตเปนความหมายพอที่เขาใจได ยังไมสมบูรณเปนประโยค สวนประโยค หมายถึง ถอยคําที่
เรียบเรียงขึ้นเพื่อแสดงความคิดหรือเรื่องราวที่สมบูรณ ขอความที่เปนเพียงกลุมคํา ไดแก ถังใสนํ้ามัน และ
บอบําบัดนํ้าเสีย ขอความที่เปนประโยค ไดแก นกบิน สวนขอความที่เปนไดทั้งกลุมคําและประโยค ไดแก
เจาหนาที่รักษาความปลอดภัย พนักงานตรวจสอบบัญชี และพนักงานทําความสะอาดหอง
31. ตอบ ขอ 4. ประโยคเงือ่ นไขทีก่ าํ หนดให เปนประโยคความเดียว มีสว นขยายในภาคประธาน คือ คําวา มหากวี 4 แผนดิน
ขยายคําวา สุนทรภู ซึ่งเปนประธานของประโยค เมื่อวิเคราะหประโยคในแตละขอ
ขอ 1. เปนประโยคความเดียว ไมมีสวนขยายภาคประธาน และภาคแสดงของประโยค
ขอ 2. เปนประโยคความเดียว มีสวนขยายบทกรรม คือ “ภรรยาคนแรก” ขยาย “แมจัน”
ขอ 3. เปนประโยคความเดียว มีสวนขยายบทกริยา คือ “อาลักษณในสมัยรัชกาลที่ 2” ขยาย “เปน”
ขอ 4. เปนประโยคความเดียว มีสวนขยายในภาคประธานของประโยค คือ คําวา “ที่ไพเราะที่สุดของ
สุนทรภู” ขยาย “นิราศ” ดังนั้น ประโยคในขอ 4. จึงมีลักษณะตรงกับประโยคเงื่อนไข
32. ตอบ ขอ 3. เมื่อพิจารณาคําทับศัพทที่ปรากฏในตัวเลือกพบวา บางคํามีการบัญญัติศัพท ใชแทนคําภาษาอังกฤษแลว
แบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผล (54)
ขอ 3. แม กอด นอง รองไห
ประธาน กริยา กรรมตรง
ประธาน กริยา
ขอ 4. นอง สะดุด กอนหิน หกลม
ประธาน กริยา กรรมตรง
ประธาน กริยา
ดังนั้น ประโยคในขอ 2. จึงมีลักษณะตรงกับประโยคเงื่อนไข
35. ตอบ ขอ 4. เมื่อวิเคราะหประโยคใน ขอ 1. เปนประโยคซับซอนที่มีประโยคขยายในหนวยนาม คือ มีอนุประโยค
“ที่ไมไดเลาใหแมฟง” ขยายคํานาม “เรื่อง” ในมุขยประโยค “พอกลัววาแมจะไมสบายใจไปดวย”
36. ตอบ ขอ 3. คําเงื่อนไขที่กําหนด คือ ไนโตรเจน เปนคําทับศัพทในวงวิชาการ เมื่อพิจารณาคําในตัวเลือกพบวา แกรนิต
ออกซิเจน ไทเทเนียม เปนคําทับศัพทที่ใชในวงวิชาการ สวนคําวา ครีม ไอศกรีม ช็อกโกแลต แฮมเบอรเกอร
เปนคําทับศัพทที่เกี่ยวกับอาหาร
37. ตอบ ขอ 4. จิตรกรรม เปนศัพทบัญญัติที่ใชคําในภาษาสันสกฤตวา จิตฺรกรฺมนฺ มีความหมายวา การวาดภาพ ภาพวาด
แบบทดสอบ
ใชเปนศัพทบัญญัติแทนคําในภาษาอังกฤษ painting มีความหมายวา ภาพวาด การวาดภาพ ศิลปะการ
วาดภาพ
ไวยากรณ เปนศัพทบัญญัติที่ใชคําในภาษาสันสกฤตวา วฺยากรณ มีความหมายวา วิชาไวยากรณ ใชเปน
ศัพทบัญญัติแทนคําในภาษาอังกฤษ grammar
ปรัชญา เปนศัพทบัญญัติที่ใชคําในภาษาสันสกฤตวา ปฺรชฺญ มีความหมายวา ความรอบรู ภูมิปญญา
ความรู ความเขาใจ ซึ่งเปนความหมายที่ใกลเคียงใชเปนศัพทบัญญัติแทนคําในภาษาอังกฤษ philosophy
โครงการบูรณาการ
อุกกาบาต เปนศัพทบัญญัติที่ใชคําในภาษาบาลีวา อุกฺกาปาต การตกลงของลูกไฟ ดาวตก ซึ่งเปน
ความหมายที่ ใกลเคียงใชเปนศัพทบัญญัติแทนคําในภาษาอังกฤษ meteorite ดาวตกที่เผาไหมกับ
บรรยากาศของโลกไมหมด เหลือเปนชิ้นสวนตกถึงโลก
ธัญพืช เปนศัพทบัญญัติที่ใชคํายืมภาษาบาลีสันสกฤตมาสรางเปนศัพทบัญญัติ คือคําวา ธฺญ (บ.)
หมายถึง เมล็ดพืชที่ใชเปนอาหาร และคําวา พืช (บ., ส.) หมายถึง เมล็ดพืช ใชเปนศัพทบัญญัติแทนคํา
ในภาษาอังกฤษ cereal แตศัพทบัญญัติไทยเพิ่มคําวา พืช ที่ทายคําเปนธัญพืช
38. ตอบ ขอ 3. ศัพทบัญญัติของคําภาษาอังกฤษที่กําหนดให ไดแก รหัสแทง นายหนา และนิรโทษกรรม ตามลําดับ
39. ตอบ ขอ 4. เมือ่ วิเคราะหคาํ ในตัวเลือก มีศพั ทบญั ญัตใิ นสาขาวิชาตางๆ ไดแก ศัพทกฎหมาย คือ สินทรัพย ศัพทนติ ศิ าสตร
คือ งบประมาณ ศัพทรัฐศาสตร ไดแก ตลาดมืด และดุลอํานาจ ศัพทคอมพิวเตอร ไดแก สัญญาณภาพ
และไปรษณียเสียง ศัพทวรรณคดี ไดแก อุปลักษณ บุคลาธิษฐาน และการกลาวซํ้า
40. ตอบ ขอ 2. โคลงสี่สุภาพหนึ่งบท มี 4 บาท บาทหนึ่งมี 2 วรรค วรรคหนามี 5 คํา วรรคหลังมี 2 คํา ยกเวนบาทที่ 4
วรรคหลังมี 4 คํา โดยวรรคหลังของบาทที่ 1 และ 3 อาจเพิ่มคําสรอยไดบาทละ 2 คํา โคลงสี่สุภาพ
กําหนดสัมผัสสระ โดยคําที่ 7 ของบาทที่ 1 ตองสงสัมผัสไปยังคําที่ 5 ของบาทที่ 2 และ 3 คําที่ 7
ของบาทที่ 2 ตองสงสัมผัสไปยังคําที่ 5 ของบาทที่ 4 บังคับคําเอก 7 แหง และคําโท 4 แหง ตําแหนง
คําเอกสามารถใชคําตายแทนได
(55) โครงการวัดและประเมินผล
ตอนที่ 2
1. ตอบ คําตอบของนักเรียนที่ไดคะแนนเต็มใหพิจารณา ดังนี้
1. อธิบายลักษณะการลําดับความของขอเขียนได
2. ระบุขอความที่คิดวามีความสมเหตุสมผล ความเปนไปได ที่ชวยสนับสนุนจุดมุงหมายของขอเขียน
3. ใชคําที่สื่อแสดงใหเห็นความคิดของตนเองที่มีตอขอเขียน โดยอาจเปนไปในเชิงเห็นดวยหรือโตแยง โดยใหเหตุผล
ประกอบตามแนวทางการประเมินที่ถูกตอง
คําตอบของนักเรียนที่ไดคะแนนบางสวนใหพิจารณา ดังนี้
1. อธิบายลักษณะการลําดับความของขอเขียนได
2. ระบุขอความที่คิดวามีความสมเหตุสมผล ความเปนไปได ที่ชวยสนับสนุนจุดมุงหมายของขอเขียน
3. ใชคําที่สื่อแสดงใหเห็นความคิดของตนเองที่มีตอขอเขียน โดยอาจเปนไปในเชิงเห็นดวยหรือโตแยง โดยใหเหตุผล
ประกอบที่เหมาะสม
คําตอบของนักเรียนที่ไมไดคะแนนใหพิจารณา ดังนี้
ใหคําตอบไมเพียงพอ หรือคลุมเครือเกินไป
2. ตอบ 1. เขียนดวยลายมือที่สะอาด เรียบรอย
แบบทดสอบ
1. ใชรูปแบบและภาษาที่ถูกตองโดยคํานึงถึงสถานภาพของผูรับจดหมาย
2. ระบุวันที่ หัวเรื่อง คําขึ้นตนจดหมาย คําขึ้นตนเนื้อความ และคําลงทายจดหมายไดถูกตอง
3. เนื้อความในจดหมาย ปรากฏรูปประโยคที่สื่อสารเกี่ยวกับสิ่งตอไปนี้
• ระบุสาเหตุของการเขียนจดหมายไดสมเหตุสมผล
• ระบุขอความที่เปนการยกยอง ใหความสําคัญ ใหเกียรติผูรับจดหมายสื่อแสดงถึงมิตรภาพและความจริงใจ
• ระบุวัตถุประสงคของจดหมาย หรือสิ่งที่ตองการใหผูรับจดหมายสนองตอบ ดวยภาษาที่สุภาพ เหมาะสม
พรอมรายละเอียดที่จําเปนสําหรับการเตรียมความพรอมของผูรับจดหมาย
• สรุปวัตถุประสงคใหผูรับทราบอีกครั้ง พรอมรูปประโยคที่แสดงความขอบคุณลวงหนา
คําตอบของนักเรียนที่ไดคะแนนบางสวนใหพิจารณา ดังนี้
1. ใชรูปแบบและภาษาที่ถูกตองโดยคํานึงถึงสถานภาพของผูรับจดหมาย
2. ระบุวันที่ หัวเรื่อง คําขึ้นตนจดหมาย คําขึ้นตนเนื้อความ และคําลงทายจดหมายไดถูกตอง
3. เนื้อความในจดหมาย มีความสมเหตุสมผล เปนไปได ผูรับจดหมายทราบเกี่ยวกับวัตถุประสงคของจดหมาย ระบุ
ขอมูลที่เอื้อตอการเตรียมความพรอมของผูรับจดหมาย
คําตอบของนักเรียนที่ไมไดคะแนนใหพิจารณา ดังนี้
ใชรูปแบบและภาษาไมเหมาะสมกับสถานภาพของผูรับจดหมาย ระบุวันที่ หัวเรื่อง คําขึ้นตนจดหมาย คําขึ้นตน
เนื้อความ และคําลงทายจดหมายไมถูกตอง เนื้อความในจดหมายไมไดสื่อแสดงถึงวัตถุประสงค รวมถึงขอมูลที่ให
ไมเอื้อตอการเตรียมความพรอมของผูรับ
โครงการวัดและประเมินผล (56)
เฉลยแบบทดสอบ ภาคเร�ยนที่ 2
ชุดที่ 2
ตอนที่ 1
1. ตอบ ขอ 4. เครื่องหมายที่ปรากฏในประโยคนี้ คือ ๆ เรียกวา ไมยมก มีวิธีการอาน 3 แบบ ไดแก อานซํ้าคํา เชน
ของดีๆ อานวา ของ-ดี-ดี อานซํ้ากลุมคํา เชน วันละคนๆ อานวา วัน-ละ-คน-วัน-ละ-คน และอานซํ้า
ทั้งประโยค ดังนั้น ขอความที่กําหนดใหตองอานวา โอ-เลี้ยง-มา-แลว-ครับ-โอ-เลี้ยง-มา-แลว-ครับ
2. ตอบ ขอ 3. พระบรมราโชวาทที่กําหนดใหอานใจความสําคัญ คือ ความสุขความเจริญที่แทจริงตองไดมาดวยความ
เปนธรรม อยูในตําแหนงตอนตนของบทอาน
3. ตอบ ขอ 4. สาเหตุทที่ าํ ใหความเจริญทีเ่ ท็จเทียมกลับมาทําลายตน เปนเพราะความเจริญทีเ่ ท็จเทียมนัน้ จะทําลายสังคม
เมื่อสวนรวมถูกทําลาย ผูนั้นก็จะตั้งตนอยูไมได
4. ตอบ ขอ 1. ปจจัยพื้นฐานของการอานออกเสียงประกอบดวย สายตา เสียง และอารมณในการอาน ดังนั้น เหตุผลที่
ทําใหเพื่อนๆ ลงคะแนนเสียงใหกิติยา เพราะเธอมีแกวเสียงที่แจมใส จะทําใหเสียงที่เปลงออกมามีกระแส
แบบทดสอบ
เสียงเดียว ไมแตกพรา ทําใหออกเสียงบทอานไดไพเราะ
5. ตอบ ขอ 4. คําวา งูพิษ ในประโยคที่กําหนดให มีความนัยประวัติ หมายถึง บุคคลที่มีพิษสงสามารถทํารายผูอื่นได
เชนเดียวกับงูพิษ เมื่อพิจารณาคําที่ขีดเสนใตในแตละขอ พบวา งูพิษ ในประโยคแรก มีความหมายนัยตรง
หมาบา ในประโยคทีส่ อง มีความนัยตรง หมาวัด ในประโยคทีส่ าม มีความหมายนัยตรง และตีนผี ในประโยค
ที่สี่ มีความหมายนัยประวัติ
โครงการบูรณาการ
6. ตอบ ขอ 2. จากการสํารวจของนักโบราณคดี พบหลุมฝงศพ ซึง่ อาจเปนขอพิสจู นไดวา เมืองโบราณแหงนีม้ วี ธิ กี ารจัดการ
กับศพ โดยขณะนี้โครงการสํารวจเมืองโบราณยังคงดําเนินตอไป และการสรางกําแพงหินก็เพื่อปองกัน
การรุกรานจากศัตรู ดังนั้น ขอความที่ถูกตองคือ แรเกลือเปนทรัพยากรสําคัญของเมืองโบราณนี้
7. ตอบ ขอ 2. นิทานอีสปทัง้ สองเรือ่ ง จํานวนของตัวละครไมสง ผลตอการดําเนินเรือ่ ง กลวิธกี ารเลาเรือ่ งไมมคี วามแตกตาง
เพราะผูเขียนมีสถานะเปนผูเลา ลําดับเหตุการณภายในเรื่องเชนเดียวกัน คือ เรียงลําดับเหตุการณตาม
ปฏิทิน คือ อะไรเกิดขึ้นกอน-หลัง แตฉากในนิทานเรื่องมดกับตั๊กแตนมีผลตอการดําเนินเรื่อง ทําใหเรื่อง
ดําเนินไป ฤดูรอนตั๊กแตนขี้เกียจ ฤดูหนาวหาอาหารไมได ตั๊กแตนจึงตองรับผลแหงความประมาทของตน
8. ตอบ ขอ 1. การเขียนแผนผังความคิด ใหเริ่มจากภาพรวมโดยการเขียนประเด็นความคิดหลักไวกลางกระดาษที่วาง
ในแนวนอน แยกประเด็นความคิดรอง แตกประเด็นความคิดยอย หรือลงรายละเอียด และเปรียบเทียบ
เชื่อมโยง ดังนั้น ขอความที่ใชขยายคําสําคัญ “ยอย” ไดเหมาะสมคือ ลงในรายละเอียด
9. ตอบ ขอ 1. ดินทีเ่ จาของขุดลงไปในหลุม เปนสัญลักษณเปรียบไดกับความทุกข ปญหา หรืออุปสรรคตางๆ การที่ลาเฒา
สลัดดินที่อยูบนหลัง จึงเทากับสลัดทุกข การเหยียบดิน ก็คือการอยูเหนือปญหา รูเทาทันทุกข สลัดแลว
เหยียบ สลัดแลวเหยียบ ก็คือการใชความเพียรพยายามในการแกไขปญหา ซึ่งในที่สุดก็จะผานพนไปได
10. ตอบ ขอ 3. มารยาทการใชหองสมุดเปนเสมือนกรอบที่ชวยกําหนดใหบุคคลปฏิบัติพฤติกรรมอันพึงประสงค ระมัดระวัง
พฤติกรรมของตนเองไมใหสรางความเดือดรอนรําคาญแกผูอื่น ลดขอขัดแยงระหวางกัน
11. ตอบ ขอ 2. การประกวดคัดลายมือในกรณีที่ผูสงผลงานตองคัดลายมือดวยรูปแบบตัวอักษรที่กําหนด ผูคัดจะตองมี
ความรู ความเขาใจในรูปแบบของตัวอักษรนั้นเปนอยางดี ฝกฝนจนชํานาญ ดังนั้น ปจจัยสําคัญที่จะทําให
ณัฐพลไดรับรางวัลคือ ศึกษาวิธีการเขียนตัวอักษรรูปแบบอาลักษณและฝกฝนจนชํานาญ
(57) โครงการวัดและประเมินผล
12. ตอบ ขอ 1. งานเขียนประเภทโฆษณา มีจุดมุงหมายโนมนาวใหผูรับสารเกิดความตองการในสินคาและบริการ
จากขอความโฆษณานี้ปรากฏแนวทางการใชภาษาโดดเดนที่สุด คือ ใชถอยคําเพื่อสื่อภาพลักษณดีงาม
ของสินคาและบริการ
13. ตอบ ขอ 4. จากขอความทีก่ าํ หนดเมือ่ ยอความแลวจะไดวา “ในประเพณีงานบุญคนไทยนิยมจัดใหมกี ารละเลนรวมอยูด ว ย
เพื่อความสนุกสนานและใกลชิดของคนในชุมชน” สวนขอความในตัวเลือกอื่นๆ เมื่อยอแลวสาระสําคัญ
เปลี่ยนไป รวมถึงสื่อความไมครบถวน
14. ตอบ ขอ 2. รูปแบบการเขียนบรรณานุกรมสําหรับหนังสือเลม กําหนดการเขียนไว ดังนี้
ชื่อผูแตง. (ปที่พิมพ). ชื่อหนังสือ (ครั้งที่พิมพ). เมืองที่พิมพ : สถานที่พิมพ
ขอมูลที่ไมจําเปนในการเขียนบรรณานุกรม ไดแก จํานวนหนา จํานวนที่พิมพ และหากสถานที่พิมพ
เปนสํานักพิมพไมตองระบุคําวาสํานักพิมพหนาชื่อ แตถาเปนโรงพิมพตองระบุไว
15. ตอบ ขอ 4. กลุมที่มีแนวทางการเลือกหัวขอไดเหมาะสมมากที่สุด คือ กลุมที่ 4 เพราะสอดคลองกับขอบเขตการศึกษา
ทีค่ รูกาํ หนดไว หากเลือกหัวขอทีย่ งั ไมมผี ศู กึ ษา หรือเลือกหัวขอทีม่ ขี อ มูลหลากหลายแตไมมคี วามเกีย่ วของ
กับรายวิชาภาษาไทย นับเปนแนวทางที่ไมเหมาะสม
16. ตอบ ขอ 2. การเขียนจดหมายถึงผูรับที่เปนพระสงฆที่มิใช สมเด็จพระสังฆราชเจา, สมเด็จพระสังฆราช, สมเด็จ
แบบทดสอบ
โครงการวัดและประเมินผล (58)
24. ตอบ ขอ 3. การโตวาที เปนการพูดโตแยงกันดวยเหตุผล ขอมูล ขอเท็จจริง บางครั้งการถูกโตแยง ถูกทําประเด็น
ที่เสนอใหตกไป หรือถูกยั่วยุอาจทําใหเกิดอารมณโกรธ เมื่อโกรธก็จะขาดสติ เมื่อขาดสติก็จะทําใหคิดหา
เหตุผล ขอมูล ขอเท็จจริง มาโตแยงฝายตรงขามไดไมรอบคอบ
25. ตอบ ขอ 2. หากการอภิปรายมีการโตแยงทางความคิดที่รุนแรง และไมมีทีทาวาฝายใดฝายหนึ่งจะยอม ผูอภิปรายตอง
ทําใหการอภิปรายดําเนินตอไป โดยการใชวาทศิลปพูดคลี่คลายบรรยากาศใหผอนคลายลง
26. ตอบ ขอ 1. การทํารายงานการศึกษาคนควาเชิงวิชาการ มีลําดับขั้นตอนการปฏิบัติที่ชัดเจน เริ่มจากเลือกหรือกําหนด
หัวเรื่องของรายงานที่เหมาะสม สอดคลอง กําหนดวัตถุประสงคการศึกษา ซึ่งจะนําไปสูการวางโครงเรื่อง
โครงเรื่องที่ครอบคลุม จะเปนประโยชน และชวยกําหนดขอบเขตการสํารวจ รวบรวม และบันทึกขอมูล
จากนั้นจึงนําขอมูลมาศึกษา ทําความเขาใจ เรียบเรียงเปนรูปเลมรายงาน พรอมอางอิง
27. ตอบ ขอ 1. ผูพูดตองรางบทพูดโดยแบงเปน 3 สวน ไดแก สวนนํา สวนเนื้อหา และสวนสรุป เพื่อทบทวนวา
สวนใดขาด เกิน และถายทอดไดครบถวนหรือไม การออกแบบทาทางนั้นเกิดขึ้นภายหลังการรางบทพูด
การใหผูอื่นรางบทพูดใหเปนสิ่งที่ไมถูกตอง และการใชโสตทัศนูปกรณผูพูดตองพิจารณาวา จําเปนมากนอย
เพียงใด และทําหนาที่อธิบายไดดีกวาตนเองหรือไม
28. ตอบ ขอ 2. หากเปนการอภิปรายรูปแบบนี้ ผูดําเนินการอภิปรายจะตองพิจารณาคําถามของผูฟง วามีความเกี่ยวของ
แบบทดสอบ
หรือสอดคลองกับหัวขอของผูรวมอภิปรายทานใดควรใหทานนั้นเปนผูตอบ
29. ตอบ ขอ 2. หากมีจุดมุงหมายเพื่อโนมนาวใหผูรับสาร งด เวน หรือเลิกกระทําบางสิ่งบางอยาง บุคคลที่มีแนวโนมวา
จะประสบผลสําเร็จมากที่สุด คือ “วจนา” เพราะแสดงขอเท็จจริงใหผูฟงประจักษ หรือเห็นจริงดวยตนเอง
กระทั่งยอมเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตามความมุงหมายของผูพูด
โครงการบูรณาการ
30. ตอบ ขอ 3. การนําเสนอขอเท็จจริงบางสวน การนําเรื่องสวนตัวของฝายตรงขามมาเปดเผย การใชถอยคําที่คลุมเครือ
ลอลวงใหตีความคลาดเคลื่อนเพื่อผลประโยชนของตน ลวนเปนพฤติกรรมการพูดที่ไมเหมาะสม
31. ตอบ ขอ 2. ขอความในขอ 2. ปรากฏการใชคําศัพทเฉพาะวิชาชีพ คือ วงการธุรกิจการขาย
32. ตอบ ขอ 1. กลุมคํา หมายถึง ขอความที่เกิดจากการนําคําตั้งแตสองคําขึ้นไปมาเรียงตอกัน ทําใหเกิดความหมาย
เพิม่ ขึน้ เปนความหมายทีพ่ อเขาใจได ยังไมสมบูรณเปนประโยค สวนประโยค หมายถึง ถอยคําทีเ่ รียบเรียงขึน้
เพื่อแสดงความคิดหรือเรื่องราวที่สมบูรณ ดังนั้น ขอความในกลุมที่ 1 จึงเปนประโยค ขอความในกลุมที่ 2
เปนกลุมคํา หรือเรียกวา วลี ซึ่งเปนนามวลีทั้งสองขอความ
33. ตอบ ขอ 1. สุนทรภูแตงเพลงยาวจนมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว เปนประโยคความรวมที่มีเนื้อความเปนเหตุเปนผลกัน
โดยประกอบดวยประโยคความเดียว 2 ประโยค คือ “สุนทรภูแตงเพลงยาว” “สุนทรภูมีชื่อเสียงเลื่องลือ
ไปทั่ว” มีคําสันธาน หรือคําเชื่อมคือคําวา “จน”
34. ตอบ ขอ 1. ในประโยคหนึ่งๆ ที่ใชสําหรับการสื่อสาร อาจจะสั้นหรือยาวตางกันขึ้นอยูกับวาผูสื่อสารจะใชคําเรียงรอย
อยางไร ในบางครั้งผูสื่อสารอาจละคําในประโยค แตผูรับสารจะสามารถเขาใจไดจากบริบท ประโยคที่ 1 คํา
ที่ละไป คือ “ลูกสะใภคนนี้” ซึ่งเปนนามวลี ประโยคที่ไมมีการละ คือ ลูกสะใภคนนี้ คุณแมผมชอบมาก
เพราะ (ลูกสะใภคนนี้) ตระกูลดี ประโยคที่ 2 คําที่ละไป คือ “คุณแม” ซึ่งเปนคํานาม ประโยคที่ไมมีการละ
คือ คุณแมไมคอยสบาย พรุงนี้จะพา (คุณแม) ไปพบแพทย ประโยคที่ 3 คําที่ละไป คือ “ดินสอ” ซึ่งเปน
คํานาม ประโยคที่ไมมีการละ คือ พี่จะไมใหเธอยืมดินสออีกแลว เธอทํา (ดินสอ) หายบอย ประโยคที่ 4
คําที่ละไปคือ “เรือ” ซึ่งเปนคํานาม ประโยคที่ไมมีการละ คือ เขาทําเรือดวยกาบกลวยและตกแตงให
สวยงาม เอา (เรือ) ไปลอยในทะเล ดังนั้น ประโยคที่ 1 จึงมีการละคําในประโยคแตกตางจากขออื่น
(59) โครงการวัดและประเมินผล
35. ตอบ ขอ 1. เมื่อวิเคราะหคําที่กําหนดใหในตัวเลือก “โยงใย นักโทษ” ทั้งสองคํานี้เปนคําประสม “โนมนาว แกนสาร
กูยืม ทรวงอก” เปนคําซอน สวนคําวา “ภาพพจน” เปนศัพทบัญญัติของคําวา “figure of speech”
“หุนยนต” เปนศัพทบัญญัติของคําวา “robot” “ไรสาย” เปนศัพทบัญญัติของคําวา “wireless” “ทุนนิยม”
เปนศัพทบัญญัติของคําวา “capitalism” “ญัตติ” เปนศัพทบัญญัติของคําวา “motion” “คํารอง” เปน
ศัพทบัญญัติของคําวา “request”
36. ตอบ ขอ 4. นิดนั่งยิ้ม เปนประโยคความรวมที่ไมมีหนวยเชื่อม มีหนวยนาม 1 หนวย หนวยกริยา 2 หนวย โดยสามารถ
แยกประโยคไดเปน “นิดนั่ง” “นิดยิ้ม” สุนทรภูแตงกลอนไดไพเราะเปนประโยคความเดียว คุณแมไมสบาย
เปนประโยคความเดียว นิดนั่งเลนเปนประโยคความเดียว (ถาแยกประโยคนี้ “นิดนั่ง” กับ “นิดเลน” ขอความ
หลังไมใชประโยค เพราะไมมีใจความสมบูรณ)
37. ตอบ ขอ 4. ประโยคที่กําหนดให คือ พอใชปากกาเขียนจดหมาย เปนประโยคความรวม ที่หนวยนามแรกเปนประธาน
ของหนวยกริยาแรกและหนวยกริยาที่ 2 หนวยนามที่ 2 เปนกรรมตรงของหนวยกริยาแรก และเปน
กรรมรองของหนวยกริยาที่ 2 สวนหนวยนามที่ 3 เปนกรรมตรงของหนวยกริยาที่ 2
พอ ใช ปากกา เขียน จดหมาย
ประธาน กริยา กรรมตรง
ประธาน กรรมรอง กริยา กรรมตรง
แบบทดสอบ
เมื่อวิเคราะหประโยคในแตละขอ
ขอ 1. แม ปอก กระเทียม หั่น รากผักชี
ประธาน กริยา กรรมตรง
ประธาน กริยา กรรมตรง
ขอ 2. พิชิต คุม คนงาน ขุด เหมือง
โครงการบูรณาการ
แบบทดสอบ
2. ระบุขอมูลสวนตัว ประวัติการศึกษา ความสามารถพิเศษ และชองทางการติดตอซึ่งสะดวกที่สุดใหครบถวน ชัดเจน
3. ระบุคุณสมบัติที่จําเปนสําหรับตําแหนงพนักงานฝายคลังสินคา เชน ทํางานดวยความละเอียดรอบคอบ ติดตอ
ประสานกับบุคคลอื่นไดดี
3. ตอบ คําตอบของนักเรียนที่ไดคะแนนเต็มใหพิจารณา ดังนี้
1. ใชรูปแบบและภาษาที่ถูกตองโดยคํานึงถึงสถานภาพของผูรับจดหมาย
โครงการบูรณาการ
2. ระบุวันที่ หัวเรื่อง คําขึ้นตนจดหมาย คําขึ้นตนเนื้อความ และคําลงทายจดหมายไดถูกตอง
3. เนื้อความในจดหมาย ปรากฏรูปประโยคที่สื่อสารเกี่ยวกับสิ่งตอไปนี้
• แสดงความสืบเนื่องของจดหมายฉบับกอนหนา หรือจดหมายที่เคยเขียนเพื่อขอความอนุเคราะห
• บอกผลสําเร็จที่เกิดขึ้นของกิจกรรม
• แสดงความขอบคุณ และรักษาสัมพันธภาพระหวางกัน
คําตอบของนักเรียนที่ไดคะแนนบางสวนใหพิจารณา ดังนี้
1. ใชรูปแบบและภาษาที่ถูกตองโดยคํานึงถึงสถานภาพของผูรับจดหมาย
2. ระบุวันที่ หัวเรื่อง คําขึ้นตนจดหมาย คําขึ้นตนเนื้อความ และคําลงทายจดหมายไดถูกตอง
3. เนื้อความในจดหมาย ปรากฏรูปประโยคที่สื่อสารเกี่ยวกับสิ่งตอไปนี้
• แสดงความสืบเนื่องของจดหมายฉบับกอนหนา หรือจดหมายที่เคยเขียนเพื่อขอความอนุเคราะห
• แสดงความขอบคุณในความอนุเคราะหของวิทยากร
คําตอบของนักเรียนที่ไมไดคะแนนใหพิจารณา ดังนี้
ใชรูปแบบและภาษาไมเหมาะสมกับสถานภาพของผูรับจดหมาย ระบุวันที่ หัวเรื่อง คําขึ้นตนจดหมาย คําขึ้นตน
เนื้อความ และคําลงทายจดหมายไมถูกตอง เนื้อความในจดหมายไมไดสื่อแสดงถึงวัตถุประสงค รวมถึงขอมูลที่ให
ไมไดเอื้อตอการเตรียมความพรอมของผูรับ
(61) โครงการวัดและประเมินผล
โครงการบูรณาการ
การเร�ยนรูสูบันได 5 ขั้น
1. ชื่อโครงการ สรางนิทานสานแนวคิด
2. หลักการและเหตุผล
การเลานิทานเกิดขึ้นมานานและในทุกสังคมทุกชาติพันธุ ทั้งที่มีและไมมีตัวอักษรใชแทนเสียงพูด แตปจจุบันมนุษยสามารถหาความ
บันเทิงไดจากสื่ออื่น พฤติกรรมการเลานิทานสูกันฟงจึงเลือนหายไป ดังนั้น เพื่อไมใหการเลานิทาน เรื่องเลาเรื่องแรกๆ ในชีวิต เรื่องเลา
ที่ชวยกระชับความสัมพันธครอบครัว เรื่องเลาที่ชวยสรางจินตนาการ สานแนวคิด ทัศนคติที่ดีตอการใชชีวิตเลือนหายไป นักเรียนจึงควร
เรียนรูเกี่ยวกับนิทาน สามารถสรางสรรคนิทานได เพื่อสืบทอดพฤติกรรมการเลานิทาน สงตอแนวคิดที่ดีในนิทานใหผูอื่นตอไป
3. วัตถุประสงคของโครงการ
1. เพือ่ ศึกษาความหมายของนิทาน ประวัตคิ วามเปนมา ประเภท จุดประสงค คุณคาของนิทาน และรูปแบบการเลานิทานทีช่ ว ยกระชับ
ความสัมพันธ เสริมสรางจินตนาการ และสานแนวคิดในนิทานใหแกผูฟง
2. เพื่อใหมีความรู ความเขาใจเกี่ยวกับนิทาน และสามารถสรางสรรคนิทานเรื่องใหมที่ใหทั้งความสัมพันธ จินตนาการ และความคิด
แบบทดสอบ
4. เปาหมาย
ผูเ ขารวมโครงการตระหนักในคุณคา ความสําคัญของนิทาน และสามารถสรางสรรคนทิ านเรือ่ งใหมทสี่ รางความสัมพันธ ใหจนิ ตนาการ
โครงการบูรณาการ
และแนวคิดเลาสูผูอื่นได
5. ขั้นตอนการจัดกิจกรรม
คําชี้แจง ใหนักเรียนแบงกลุมเทาๆ กัน แตละกลุมปฏิบัติโครงการ “สรางนิทานสานแนวคิด” ตามขั้นตอน ดังนี้
ขั้นที่ 1 ตั้งประเด็นคําถาม
นักเรียนแตละกลุมรวมกันวิเคราะหวาจะมีแนวทางอยางไร ที่จะสรางสรรคนิทานเรื่องใหมโดยวิวัฒนจากนิทานเรื่อง
ที่สมาชิกของกลุมเคยไดฟง แตตองเปนนิทานที่ใหทั้งความสัมพันธ จินตนาการ และความคิด
ขั้นที่ 2 สืบคนความรู
นักเรียนแตละกลุม ศึกษาขอมูลเกีย่ วกับนิทานในดานตางๆ โดยมุง เนนไปทีว่ ธิ กี ารสรางสรรค อาจใหเพือ่ นสมาชิกเลานิทาน
เรื่องที่ตนเองประทับใจ เพื่อคนหาแนวทางที่หลากหลาย
ขั้นที่ 3 สรุปองคความรู
นักเรียนแตละกลุมนําขอมูลเกี่ยวกับวิธีการสรางสรรคนิทาน รวมถึงนิทานเรื่องที่สมาชิกแตละคนประทับใจ วิเคราะห
สังเคราะห สรุปเปนแนวทางการสรางสรรคนิทานของกลุม
ขั้นที่ 4 การสื่อสารและนําเสนอ
นักเรียนแตละกลุม รวมกันสรางสรรคนทิ านเรือ่ งใหมที่ใหทงั้ ความสัมพันธ จินตนาการ และความคิด ตรวจสอบความถูกตอง
นําเสนอเปนรูปเลม พรอมสรางสรรคภาพประกอบ
ขั้นที่ 5 บริการสังคมและสาธารณะ
นักเรียนทุกกลุมประชุมรวมกัน กําหนดวันที่จะเผยแพรนิทานที่สรางสรรคขึ้นใหมนี้ผานรายการเสียงตามสายของโรงเรียน
โดยเผยแพรดวยวิธีการเลาสัปดาหละหนึ่งเรื่อง เพื่อใหเพื่อนๆ พี่ๆ นองๆ ในโรงเรียนไดฟงนิทานที่ใหทั้งจินตนาการ
และแนวคิด
โครงการวัดและประเมินผล (62)
แบบประเมินคุณภาพการจัดทําโครงการ
ประเด็น ระดับคุณภาพ
การประเมิน ดีเยี่ยม (4) ดี (3) พอใช (2) ปรับปรุง (1)
ตั้งประเด็นคําถามในเรื่อง ตั้งประเด็นคําถามในเรื่อง ตั้งประเด็นคําถามในเรื่อง ใชคําถามที่ครูชี้แนะ
ที่สนใจไดดวยตนเอง ที่สนใจ โดยมีครูคอยชี้แนะ ที่สนใจ โดยมีีครูคอยชี้แนะ มากําหนดประเด็นคําถาม
ขอบขายประเด็นคําถาม ขอบขายประเด็นคําถาม ขอบขายประเด็นคําถาม
1. ชัดเจน ครอบคลุมขอมูล ชัดเจน ครอบคลุมขอมูล ชัดเจน แตยังไมครอบคลุม
การตั้งประเด็น ที่เกี่ยวของกับตนเอง ที่เกี่ยวของกับตนเอง ขอมูลที่เกี่ยวของกับตนเอง
คําถาม เชื่อมโยงกับชุมชน เชื่อมโยงกับชุมชน มีความ เชื่อมโยงกับชุมชน
มีความแปลกใหมและ เปนไปไดในการแสวงหา
สรางสรรค มีความเปน คําตอบ
ไปไดในการแสวงหาคําตอบ
วางแผนสืบคนขอมูล วางแผนสืบคนขอมูล วางแผนสืบคนขอมูล ไมมีการวางแผนหรือมีการ
ชัดเจน และปฏิบัติได ชัดเจน และปฏิบัติได ชัดเจน และปฏิบัติได วางแผน แตไมสามารถ
แบบทดสอบ
2. ศึกษาคนควาความรูจาก ศึกษาคนควาหาความรู ศึกษาคนควาหาความรู นําไปปฏิบัติจริงได
การสืบคนความรู แหลงเรียนรูหลากหลาย จากแหลงเรียนรู จากแหลงเรียนรู ศึกษาคนควาหาความรู
มีการบันทึกขอมูลที่ หลากหลาย ไมหลากหลาย จากแหลงเรียนรู
เหมาะสม ไมหลากหลาย
วิเคราะหขอมูลโดยใช วิเคราะหขอมูลโดยใช วิเคราะหขอมูลโดยใช ไมมีการวิเคราะหขอมูล
โครงการบูรณาการ
วิธีการที่เหมาะสม วิธีการที่เหมาะสม วิธีการที่เหมาะสม หรือวิเคราะหขอมูล
สังเคราะหและสรุป สังเคราะหและสรุป สังเคราะหและสรุป ไมถูกตอง สังเคราะหและ
3. องคความรูไดอยางชัดเจน องคความรูไดอยางชัดเจน องคความรูไดอยางชัดเจน สรุปองคความรูไดไมชัดเจน
การสรุป มีการอภิปรายผลเชื่อมโยง มีการอภิปรายผลเชื่อมโยง มีการอภิปรายผลเชื่อมโยง ไมมีการนําองคความรู
องคความรู ความรูอยางสมเหตุสมผล ความรู นําองคความรูที่ได ความรูยังไมชัดเจน ไปเสนอแนวคิด วิธีการ
และนําองคความรูที่ไดไป ไปเสนอแนวคิดวิธีการ นําองคความรูที่ไดไปเสนอ แกปญหา
เสนอแนวคิดวิธีการ แกปญหาได แตยังไมเปน วิธีการแกปญหาได
แกปญหาอยางเปนระบบ ระบบ แตยังไมเปนระบบ
เรียบเรียงและถายทอด เรียบเรียงและถายทอด เรียบเรียงและถายทอด เรียบเรียงและถายทอด
ความคิดจากการศึกษา ความคิดจากการศึกษา ความคิดจากการศึกษาได ความคิดจากการศึกษาได
4. คนควาไดอยางชัดเจน คนควาไดอยางชัดเจน ไมคอยเปนระบบ นําเสนอ ไมเปนระบบ นําเสนอ
การสื่อสาร เปนระบบ นําเสนอผลงาน เปนระบบ นําเสนอผลงาน ผลงานโดยใชสื่อประกอบ ผลงานโดยไมใชสื่อ
และการนําเสนอ โดยใชสื่อที่หลากหลาย โดยใชสื่อประกอบรูปแบบ รูปแบบ ประกอบ
อยางเหมาะสม
นําความรูจากการศึกษา นําความรูจากการศึกษา นําความรูจากการศึกษา ไมไดนําความรูจากการ
คนควาไปประยุกตใช คนควาไปประยุกตใชใน คนควาไปประยุกตใชใน ศึกษาคนควาไปประยุกต
5. ในกิจกรรมที่สรางสรรค กิจกรรมที่สรางสรรคเปน กิจกรรมที่สรางสรรค ใชในกิจกรรมที่สรางสรรค
การนําความรูไปใช เปนประโยชนตอโรงเรียน ประโยชนตอโรงเรียน ที่เปนประโยชนตอโรงเรียน ที่เปนประโยชน
และบริการ และชุมชน เผยแพรความรู และชุมชน เผยแพรความรู และเผยแพรความรู
สาธารณะ และประสบการณจากการ และประสบการณจากการ และประสบการณจากการ
ปฏิบัติผานสื่อหลากหลาย ปฏิบัติผานสื่อรูปแบบใด ปฏิบัติผานสื่อรูปแบบใด
รูปแบบ รูปแบบหนึ�ง รูปแบบหนึ�ง
(63) โครงการวัดและประเมินผล
แบบประเมินทักษะแหงศตวรรษที่ 21
คําชี้แจง : ใหผูสอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวางการปฏิบัติกิจกรรม แลวขีด ✓ลงในชองวางที่ตรงกับระดับคะแนน
ทักษะแหง รายการประเมิน ระดับคะแนน
ศตวรรษที่ 21 3 2 1
1.1 ความสามารถในการอาน
• สรุปจับใจความสําคัญของขอมูลที่อานไดครบถวน ตรงประเด็น
1. 1.2 ความสามารถในการคิดวิเคราะห
ทักษะการเรียนรู • คิดอยางมีระบบ โดยใชแหลงขอมูลและสรุปประเด็นสําคัญได
และพัฒนา • วิเคราะหขอมูล จําแนกขอมูล และแสดงการคิดเพื่อคนหาคําตอบ
ตนเอง 1.3 ความสามารถในการเขียน
• เขียนสื่อความหมายไดชัดเจน ถูกตอง
• เขียนถูกตองตามรูปแบบการเขียน และสรุปองคความรูอยางมีขั้นตอน
2.1 ความยืดหยุน และการปรับตัว
• ปรับตัวเขากับบทบาทที่แตกตาง งานที่ไดรับมอบหมาย กําหนดการที่เปลี่ยนไป
• นําผลลัพธที่เกิดขึ้น มาใชประโยชนไดอยางไดผล
2.2 การริเริ่ม และเปนตัวของตัวเอง
• กําหนดเปาหมายโดยมีเกณฑความสําเร็จที่จับตองได และที่จับตองไมได
แบบทดสอบ
• ใชเวลา และจัดการภาระงานอยางมีประสิทธิภาพ
2. • ทํางานสําเร็จไดดวยตนเอง โดยกําหนดงาน ติดตามผลงาน และลําดับความสําคัญของงาน
ทักษะชีวิต 2.3 ทักษะทางสังคม และความเขาใจความตางทางวัฒนธรรม
และการทํางาน • เคารพความแตกตางทางวัฒนธรรม และการทํางานรวมกับคนที่มีพื้นฐานแตกตางกันได
2.4 เปนผูผลิตและผูรับผิดชอบตอผลงาน
โครงการบูรณาการ
โครงการวัดและประเมินผล (64)